The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by yameen, 2022-05-14 03:31:08

แผนการสอนวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม 1

แผนการสอนวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม 1

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ท่ี 2 การเกดิ ฤดูกาลและการเคลอ่ื นทีป่ รากฏของดวงอาทติ ย์

ขั้นท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
12. ใหน้ ักเรียนแต่ละคนสืบค้นข้อมลู เร่อื ง การเกดิ ฤดูกาลและการเคล่ือนทีป่ รากฏของดวงอาทิตย์ เพื่อ
จดั ทาเป็นช้นิ งานสง่ ครใู นชว่ั โมงถัดไป โดยมีหัวข้อดังนี้
• วันครีษมายนั
• วนั ศารทวษิ วุ ตั
• วันวสันตวษิ ุวตั
• วนั เหมายัน
13. ให้นักเรียนทา Exercise 1.2 จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์
ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ ลงในสมุด
ประจาตัว
14. ใหน้ ักเรยี นทาใบงานที่ 8.2.1 เรื่อง การเกิดฤดกู าลและการเคล่ือนทีป่ รากฏของดวงอาทิตย์

ขนั้ สรุป

ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครตู ้ังคาถามเพื่อทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยมีแนวคาถามดังนี้
• จงยกตัวอย่างปรากฏการณท์ ีเ่ กิดจากการทโ่ี ลกโคจรรอบดวงอาทติ ย์ และอธบิ ายพอสังเขป
(แนวตอบ: การเกิดฤดูกาล โดยการทโ่ี ลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะที่แกนโลกเอยี งทาให้สว่ นตา่ ง
ๆ ของโลกไดร้ บั แสงอาทิตย์แตกต่างกนั เปน็ ผลทาใหเ้ กิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก)
• การเกิดเวลากลางวันและเวลากลางคืนเกิดได้อย่างไร
(แนวตอบ: เกิดจากการหมุนรอบตัวเองของโลกจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออกทาให้เกิดเวลา
กลางวนั และเวลากลางคืน)
2. ครปู ระเมินผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤตกิ รรม
การทางานกลุม่
4. ครปู ระเมินชน้ิ งาน เรือ่ ง การเกิดฤดูกาลและการเคลอื่ นทปี่ รากฏของดวงอาทิตย์
5. ครปู ระเมนิ ใบบนั ทึกผลการทดลอง เรื่อง แบบจาลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทติ ย์
6. ครูตรวจสอบผลการทาใบงานที่ 8.2.1 เรื่อง การเกิดฤดกู าลและการเคล่อื นที่ปรากฏของดวงอาทิตย์
7. ครูตรวจสอบผลการทา Exercise 1.2 จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน)
วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 ปฏสิ ัมพันธใ์ นระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ

200

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 4 ปฏสิ ัมพันธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ
แผนฯ ที่ 2 การเกิดฤดูกาลและการเคลอื่ นท่ีปรากฏของดวงอาทิตย์

10. การวดั และประเมินผล วิธีการ เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมนิ

รายการวัด - ตรวจใบงานที่ 8.2.1 - ใบงานที่ 8.2.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
10.1การประเมินระหวา่ ง - ตรวจ Exercise 1.2 - Exercise 1.2 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

การจดั กิจกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2
1) การเกิดฤดูกาลและการ การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
- สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
เคล่ือนที่ปรากฏของดวง การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
อาทติ ย์ - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2
2) พฤติกรรมการทางาน ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
รายบุคคล - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2
3) พฤติกรรมการทางาน ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
กลุ่ม ในการทางาน อนั พึงประสงค์
4) การนาเสนอผลงาน

5) คุณลักษณะอนั พึง
ประสงค์

11. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้

11.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชดุ สมั ฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 8
ปฏสิ ัมพนั ธ์ในระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ
2) ใบงานที่ 8.2.1 เรอ่ื ง การเกิดฤดูกาลและการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทติ ย์
3) ใบบันทึกผลการทดลอง เรอ่ื ง แบบจาลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทติ ย์
4) วสั ดุอุปกรณ์กจิ กรรมการสร้างแบบจาลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทติ ย์

11.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งเรียน
2) ห้องปฏบิ ัตกิ ารวทิ ยาศาสตร์
3) อนิ เทอรเ์ น็ต

201

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 ปฏสิ มั พนั ธใ์ นระบบสุริยะและเทคโนโลยอี วกาศ
แผนฯ ท่ี 2 การเกดิ ฤดูกาลและการเคลอ่ื นที่ปรากฏของดวงอาทติ ย์

ใบงานท่ี 8.2.1

เร่ือง การเกดิ ฤดกู าลและการเคล่ือนที่ปรากฏของดวงอาทติ ย์

คาชีแ้ จง : ให้นกั เรียนเขียนอธบิ ายให้ถูกต้อง

1. จงอธิบายการเคลือ่ นที่ปรากฏของดวงอาทิตย์
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. แกนโลกเอยี งส่งผลอย่างไรกับโลก
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………..…………

3. จงยกตัวอย่างปรากฏการณท์ เ่ี กดิ จากการท่ีโลกโคจรรอบดวงอาทติ ย์ และอธิบายพอสังเขป
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..

202

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ปฏิสัมพนั ธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ เฉลย
แผนฯ ที่ 2 การเกิดฤดูกาลและการเคลอื่ นทีป่ รากฏของดวงอาทิตย์

ใบงานท่ี 8.2.1

เรอ่ื ง การเกิดฤดูกาลและการเคล่ือนทปี่ รากฏของดวงอาทติ ย์

คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นเขียนอธบิ ายใหถ้ กู ต้อง
1. จงอธิบายการเคลอื่ นท่ปี รากฏของดวงอาทติ ย์

พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เช่น เกิดจากการที่ผู้สังเกตท่ีอยู่บนโลกเห็นดวง
อาทิตย์เคลื่อนท่ีจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก เนื่องจากโลกหมุนรอบตัวเอง พร้อมกับ
โคจรไปรอบดวงอาทติ ย์ โดยทดี่ วงอาทติ ยไ์ มไ่ ดเ้ คล่อื นที่

2. แกนโลกเอียงสง่ ผลอย่างไรกับโลก

พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เช่น ทาให้โลกได้รับปริมาณแสงจากดวงอาทิตย์
แตกตา่ งกัน จึงทาให้เกดิ ฤดูกาล

3. จงยกตวั อยา่ งปรากฏการณ์ท่ีเกิดจากการท่ีโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ และอธิบายพอสงั เขป

พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เช่น การเกิดฤดูกาล โดยการท่ีโลกโคจรรอบดวง
อาทิตย์ในลักษณะที่แกนโลกเอียง ทาให้ส่วนต่าง ๆ ของโลกได้รับแสงอาทิตย์แตกต่างกัน เป็นผล
ทาให้เกดิ ฤดกู าลตา่ ง ๆ บนโลก

203

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ปฏสิ มั พันธใ์ นระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ที่ 2 การเกดิ ฤดูกาลและการเคลอื่ นที่ปรากฏของดวงอาทติ ย์

12. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผู้ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย

ข้อเสนอแนะ

ลงชอื่ .................................
( ................................ )

ตาแหน่ง .......

13. บันทกึ ผลหลงั การสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น

 ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมที่มปี ัญหาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

204

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ที่ 3 การเกดิ ขา้ งขนึ้ ขา้ งแรม

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 3

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์
ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3

เร่ือง การเกิดขา้ งข้ึน ข้างแรม เวลา 3 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้

ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์
และระบบสุรยิ ะ รวมทั้งปฏสิ มั พนั ธ์ภายในระบบสรุ ิยะทส่ี ่งผลต่อสงิ่ มชี วี ติ และการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยอี วกาศ

2. ตัวชวี้ ดั

ว 3.1 ม.3/3 สร้างแบบจาลองทอ่ี ธิบายการเกดิ ข้างขึ้น ข้างแรม การเปลี่ยนแปลงเวลาการข้ึนและตกของ
ดวงจนั ทร์ และการเกิดน้าขึน้ นา้ ลง

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายปรากฏการณ์การเกิดข้างขีน้ ข้างแรมได้ (K)
2. สร้างแบบจาลองการเกิดขา้ งข้ีน ขา้ งแรมได้ (P)
3. นาความร้เู กี่ยวกบั การเกิดข้างขีน้ ขา้ งแรมไดไ้ ปใชใ้ นชีวิตประจาวันได้ (A)

4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิ่น
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

- ดวงจันทร์โคจรรอบโลก โลกและดวงจันทร์โคจร
รอบดวงอาทิตย์ ดวงจันทรร์ ับแสงจากดวงอาทิตย์
คร่ึงดวงตลอดเวลา เม่ือดวงจันทร์โคจรรอบโลก
ได้หันส่วนสว่างมายังโลกแตกต่างกัน จึงทาให้คน
บนโลก สังเกตส่วนสว่างของดวงจันทร์แตกต่าง
ไปในแตล่ ะวนั เกดิ เป็นขา้ งข้นึ ข้างแรม

205

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 ปฏสิ มั พันธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ
แผนฯ ท่ี 3 การเกิดขา้ งขนึ้ ขา้ งแรม

5. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

การท่ดี วงจนั ทร์โคจรรอบโลกในตาแหน่งที่แตกตา่ งกันทาให้มองเหน็ ดวงจันทรใ์ นลักษณะต่างกัน
เรียกว่า ข้างข้ึนข้างแรม และแรงดึงดูดจากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ จะส่งผลต่อระดับน้าบนผิวโลก
เรียกว่านา้ ข้นึ น้าลง

6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน

1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด

1) ทักษะการนาความรู้ไปใช้
2) ทักษะการสรา้ งแบบจาลอง
3) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมลู
4) ทกั ษะการตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรุป
5) ทกั ษะการทางานร่วมกบั ผู้อ่นื
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

7. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. มีวนิ ัย
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุ่งม่นั ในการทางาน

8. คาถามสาคญั

1. การเกดิ ขา้ งขนึ้ ขา้ งแรมเกิดข้นึ ไดอ้ ยา่ งไร
2. คนบนโลกจะสังเกตเห็นส่วนสวา่ งของดวงจันทร์ในแตล่ ะวนั เหมอื นกันหรือไม่ อยา่ งไร

9. กจิ กรรมการเรยี นรู้

 วธิ ีการสอนโดยเนน้ รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

206

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 ปฏสิ มั พนั ธใ์ นระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ
แผนฯ ที่ 3 การเกดิ ข้างขึน้ ขา้ งแรม

ชั่วโมงที่ 1
ขัน้ นา

ขนั้ ท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
4. ครทู บทวนความรู้ เรื่อง การเกิดฤดูกาลและการเคล่ือนทีป่ รากฏของดวงอาทิตย์ โดยมีแนวคาถามดังน้ี
• จงยกตัวอย่างปรากฏการณท์ เี่ กดิ จากการที่โลกโคจรรอบดวงอาทติ ย์ และอธบิ ายพอสงั เขป
(แนวตอบ: พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เชน่ โลกโคจรรอบดวงอาทติ ย์ในลกั ษณะที่แกน
โลกเอยี ง ทาใหส้ ว่ นต่าง ๆ ของโลกได้รบั แสงอาทติ ย์แตกต่างกนั เป็นผลทาให้เกิดฤดูกาลตา่ ง
ๆ บนโลก เป็นต้น)
5. ใหน้ กั เรยี นดูวีดิทัศน์ เร่อื ง NASA | Moon Phase and Liberation จากน้ันครตู ้ังคาถามเพอื่
กระตนุ้ ความสนใจของนักเรียน โดยมแี นวคาถาม ดงั นี้
• จากวีดทิ ัศน์ เรอ่ื ง NASA | Moon Phase and Liberation ท่ีนกั เรียนได้ดูไปนนั้ นกั เรียนคิด
วา่ เปน็ ปรากฏการณใ์ ด
(แนวตอบ: ปรากฏการณ์การเกดิ ขา้ งข้นึ ขา้ งแรม)
6. ครูเชื่อมโยงไปสู่การจดั การเรียนรู้ เรอ่ื ง การเกิดขา้ งข้ึนขา้ งแรม โดยใชค้ าถามกระตุ้นความคิด ดงั น้ี
• เพราะเหตุใด ลกั ษณะของดวงจันทรจ์ ึงแตกตา่ งกนั ในแต่ละคืน
(แนวตอบ : เพราะดวงจนั ทรโ์ คจรรอบตวั เองพร้อมกบั โคจรรอบโลกและโคจรรอบดวงอาทิตย์)
• เราเรยี กปรากฏการณ์ทดี่ วงจันทร์มรี ูปรา่ งแตกตา่ งกันในแต่ละคนื ว่าอะไร
(แนวตอบ : ข้างขนึ้ ขา้ งแรม)

ข้ันสอน

ขั้นท่ี 2 สารวจและค้นหา (Explore)
4. ให้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กล่มุ ละ 3-5 คน เพื่อศกึ ษาข้อมูล เรื่อง การเกิดข้างขนึ้ ข้างแรม จากหนงั สอื เรียน
รายวิชาพ้นื ฐาน (ชดุ สมั ฤทธ์มิ าตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 8 ปฏิสมั พันธ์
ในระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ หรอื จากแหลง่ การเรยี นรูต้ ่าง ๆ เช่น อนิ เทอร์เนต็
5. ให้นักเรียนสังเกตภาพการเปล่ียนแปลงของดวงจันทร์ จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธิ์
มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะและเทคโนโลยี
อวกาศ

207

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ปฏิสัมพนั ธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ
แผนฯ ท่ี 3 การเกิดขา้ งขึน้ ขา้ งแรม

6. ครตู ั้งคาถาม เพอ่ื ทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยมีแนวคาถาม ดงั นี้
• การเกิดข้างขึน้ ขา้ งแรมเกดิ ขึน้ ได้อย่างไร

(แนวตอบ: พจิ ารณาจากคาตอบของนกั เรียน)
• วันข้ึน 15 คา่ และวันแรม 15 ค่า แตกต่างกนั อยา่ งไร

(แนวตอบ: พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เชน่ วนั ขน้ึ 15 คา่ เป็นวันทด่ี วงจนั ทร์โคจรมาอยดู่ ้านตรง
ข้ามกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หันด้านท่ีได้รับแสงอาทิตย์เข้าหาโลก ทาให้เรามองเห็นดวงจันทร์เต็ม
ดวง สว่ นวนั แรม 15 ค่า เป็นวนั ทีด่ วงจนั ทร์อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทติ ย์ ดวงจันทรจ์ ะหันด้านเงามืด
เข้าหาโลก ตาแหนง่ ปรากฏของดวงจันทร์อยใู่ กล้กับดวงอาทติ ย์)

ขั้นท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
7. ครสู มุ่ นกั เรยี นจานวน 3-4 คน เพอื่ ออกมานาเสนอแผนผังมโนทศั น์ เร่ือง ปรากฏการณ์ที่เกิดจากดวง
จันทรโ์ คจรรอบโลก ท่ีหน้าช้นั เรยี น
8. ครูอธิบายเพ่ิมเติมให้นักเรียน โดยมีประเด็นดังน้ี “ในขณะที่โลกหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบดวง
อาทิตย์ โลกก็มีดวงจันทร์เป็นบริวารท่ีโคจรรอบโลกเช่นกัน ซึ่งดวงจันทร์มีรูปร่างเป็นทรงกลมทาให้
ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์คร่ึงดวงตลอดเวลา เมื่อดวงจันทร์โคจรรอบโลกได้หันส่วนสว่างมายังโลก
แตกต่างกัน จึงทาใหค้ นบนโลกสงั เกตส่วนสว่างของดวง จันทร์แตกตา่ งไปในแตล่ ะวัน”

ชัว่ โมงที่ 2

ข้นั ที่ 2 สารวจค้นหา (Explore)
9. ให้นกั เรยี นแบง่ กลุม่ กล่มุ ละ 4-5 คน เพือ่ ทากจิ กรรมการสรา้ งแบบจาลองการการเกิดข้างขึ้นข้างแรม
จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่
8 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างแบบจาลองเพ่ืออธบิ าย
การเกดิ ข้างข้ึนข้างแรม
10. ให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมารับวัสดุอุปกรณ์กิจกรรมการสร้างแบบจาลองการการเกิดข้างข้ึน
ข้างแรม ท่ีหน้าชั้นเรียนจากน้ันให้แต่ละกลุ่มลงมือทากิจกรรมตามข้ันตอนจากหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ปฏิสัมพันธ์ในระบบ
สุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ และบันทึกผลการทดลองที่ได้ลงในใบบันทึกผลการทดลอง เรื่อง การ
การเกิดข้างขน้ึ ข้างแรม

208

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ปฏิสมั พนั ธใ์ นระบบสุริยะและเทคโนโลยอี วกาศ
แผนฯ ที่ 3 การเกดิ ข้างขึ้น ขา้ งแรม

ชั่วโมงท่ี 3

ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
11. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมการสร้างแบบจาลองการการเกิดข้างข้ึน
ขา้ งแรม ท่หี นา้ ช้นั เรยี น
12. นกั เรียนและครรู ว่ มกันอภปิ รายผลทจ่ี ากการทดลอง ดงั น้ี “ดวงจนั ทรม์ รี ปู ร่างเป็นทรงกลมทาให้
ได้รับแสงจากดวง อาทิตยค์ รง่ึ ดวงตลอดเวลา เมอื่ ดวงจนั ทร์โคจรรอบโลกก็จะหันส่วนสว่างมายงั โลก
แตกตา่ งกนั ทาให้คนบนโลกสงั เกตส่วนสว่างของดวงจันทร์แตกต่างไปในแต่ละวนั โดยดวงจนั ทร์ท่ี
สังเกตเห็นจะมีเปล่ียนแปลงเป็นวงรอบ ซงึ่ มวี งรอบละประมาณ 30 วัน ดวงจันทรไ์ มไ่ ด้ข้ึนและตกใน
เวลาเดียวกันทกุ วนั โดยจะมีเวลาข้นึ และตกช้าลงในทุก ๆ วัน สว่ นจานวนวันทีเ่ กดิ ขา้ งข้ึนและจานวน
วันที่เกิดข้างแรมจะไมเ่ ท่ากนั แต่จะมีจานวนวนั เกดิ ข้างขึ้นและจานวนวนั ที่เกิดข้างแรมใกลเ้ คยี งกนั ”

ข้นั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
13. ครอู ธิบายเพม่ิ เตมิ วา่ “คนไทยแบ่งเดือนทางจันทรคติ ออกเปน็ 30 วัน คอื วันข้นึ 1 คา่ - วนั ข้ึน 15
ค่า และ วนั แรม 1 คา่ - วันแรม 15 คา่ โดยถือใหว้ ันข้นึ 15 ค่า (ดวงจันทร์สว่างเตม็ ดวง), วันแรม 15
คา่ (ดวงจันทรม์ ืดทง้ั ดวง), วันแรม 8 คา่ และวนั ขึน้ 8 ค่า (ดวงจันทร์สวา่ งครึ่งดวง) เปน็ วันพระ”
14. 14. ให้นักเรียนทาใบงานท่ี 8.3.1 เร่ือง การเกิดขา้ งขึ้น ขา้ งแรม

ข้นั สรปุ

ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูตั้งคาถามเพื่อทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยมีแนวคาถามดงั น้ี
• การเกดิ ข้างขึ้นข้างแรม เกิดข้ึนได้อยา่ งไร
(แนวตอบ: เกดิ จากการท่ดี วงจนั ทร์โคจรรอบโลก เม่ือดวงจันทรโ์ คจรรอบโลกไดห้ นั สว่ นสว่าง
มายงั โลกแตกตา่ งกนั ทาให้คนบนโลกสงั เกตสว่ นสวา่ งของดวงจันทรแ์ ตกตา่ งกนั )
2. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรม
การทางานกลุ่ม
3. ครปู ระเมนิ ชน้ิ งาน เรือ่ ง ปรากฏการณท์ ี่เกิดจากดวงจันทร์โคจรรอบโลก
4. ครปู ระเมินใบบนั ทึกผลการทดลอง เรือ่ ง การเกิดขา้ งขนึ้ ข้างแรม
5. ครตู รวจสอบผลการทาใบงานท่ี 8.3.1 เรื่อง การเกิดขา้ งข้ึน ข้างแรม

209

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 ปฏิสมั พันธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ
แผนฯ ที่ 3 การเกิดขา้ งข้นึ ขา้ งแรม

10. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ

รายการวัด - ตรวจใบงานท่ี 8.3.1 - ใบงานที่ 8.3.1 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
10.1การประเมนิ ระหวา่ ง - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
การจดั กิจกรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
1) การเกิดข้างข้ึนข้างแรม การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
- ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2
2) พฤติกรรมการทางาน ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
รายบุคคล - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมนิ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มนั่ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
3) พฤติกรรมการทางาน ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์
กล่มุ

4) การนาเสนอผลงาน

5) คุณลักษณะอนั พึง
ประสงค์

11. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้

11.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน (ชดุ สัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8
ปฏสิ มั พนั ธ์ในระบบสุริยะและเทคโนโลยอี วกาศ
2) ใบงานที่ 8.3.1 เรอื่ ง การเกิดขา้ งขนึ้ ขา้ งแรม
3) ใบบันทึกผลการทดลอง เรื่อง การการเกิดขา้ งขึ้นขา้ งแรม
4) วัสดุอปุ กรณ์กิจกรรมการสร้างแบบจาลองการการเกิดข้างขน้ึ ข้างแรม
5) วดี ิทัศน์ เร่ือง NASA | Moon Phase and Liberation
ท่ีมา https://www.youtube.com/watch?v=3f_21N3wcX8

11.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) หอ้ งปฏิบตั กิ ารวทิ ยาศาสตร์
3) อินเทอร์เนต็

210

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ท่ี 3 การเกิดขา้ งขึ้น ขา้ งแรม

ใบงานท่ี 8.3.1

เร่ือง การเกดิ ข้างขนึ้ ขา้ งแรม

คาชี้แจง : ใหน้ ักเรียนเขียนอธบิ ายคาตอบให้ถกู ต้อง
1. จงอธบิ ายความหมายของปรากกฎการณข์ ้างขน้ึ ข้างแรม

2. วันเพญ็ มีความหมายว่าอยา่ งไร

3. วันทด่ี วงจนั ทร์หันด้านเงามดื เขา้ หาโลก ตรงกบั วันอะไร

4. ดวงจนั ทรโ์ คจรรอบโลกครบ 1 รอบ ใชเ้ วลาประมาณกี่วนั

211

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ เฉลย
แผนฯ ท่ี 3 การเกดิ ขา้ งขึ้น ขา้ งแรม

ใบงานที่ 8.3.1

เรื่อง เรื่อง การเกดิ ขา้ งข้ึน ข้างแรม

คาช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นเขยี นอธิบายคาตอบให้ถกู ต้อง

1. จงอธิบายความหมายของปรากกฎการณข์ า้ งขนึ้ ขา้ งแรม

ปรากฏการณ์ท่ีเกิดจากการที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลก แล้วทาให้ผู้สังเกตท่ีอยู่บนโลกเห็น
แสงทเี่ กิดจากการสะทอ้ นจากดวงอาทิตย์แตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะวัน

2. วันเพญ็ มคี วามหมายว่าอยา่ งไร

วันเพ็ญ คือวันท่ีดวงจันทร์โคจรมาอยู่ด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ทาให้หันด้านที่ได้รับ
แสงอาทติ ยเ์ ขา้ หาโลก ผสู้ ังเกตทีอ่ ยู่บนโลกจึงเห็นดวงจันทรเ์ ต็มดวง วนั เพญ็ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่า

3. วนั ที่ดวงจันทรห์ นั ด้านเงามืดเข้าหาโลก ตรงกับวันอะไร
วนั แรม 15 คา่

4. ดวงจนั ทรโ์ คจรรอบโลกครบ 1 รอบ ใช้เวลาประมาณก่ีวนั
30 วัน

212

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ปฏสิ มั พนั ธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ท่ี 3 การเกดิ ขา้ งข้ึน ขา้ งแรม

12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรอื ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ

ลงชื่อ .................................
( ................................ )

ตาแหน่ง .......

13. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ดา้ นอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทมี่ ีปญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้าม)ี )

 ปญั หา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

213

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ท่ี 4 การเกิดนา้ ขึ้น นา้ ลง

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 4

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์
ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3

เรื่อง การเกิดนา้ ขึน้ นา้ ลง เวลา 2 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้

ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์
และระบบสรุ ยิ ะ รวมทัง้ ปฏิสมั พันธภ์ ายในระบบสรุ ยิ ะทส่ี ่งผลต่อส่งิ มีชวี ติ และการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยีอวกาศ

2. ตัวชีว้ ัด

ว 3.1 ม.3/3 สร้างแบบจาลองท่ีอธบิ ายการเกิดข้างข้นึ ข้างแรม การเปลี่ยนแปลงเวลาการขนึ้ และตกของ
ดวงจันทร์ และการเกดิ น้าข้ึนนา้ ลง

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายปรากฏการณ์การเกดิ น้าขนึ้ น้าลงได้ (K)
2. จัดทาแผนผงั ความคดิ เรอื่ งการเกดิ น้าขึน้ นา้ ลงได้ (P)
3. นาความรเู้ กยี่ วกับการเกดิ น้าขน้ึ นา้ ลงไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้ (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรทู้ ้องถิ่น
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง

- แรงโน้มถ่วงท่ีดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์กระทาต่อ
โลก ทาให้เกิดปรากฏการณ์น้าข้ึนน้าลง ซึ่งส่งผล
ต่อสิ่งแวดล้อมและส่ิงมีชีวิตบนโลก วันที่น้ามี
ระดับการข้ึนสูงสุดและลงต่าสุดเรียกวันน้าเกิด
ส่วนวันที่ระดับน้ามีการขึ้นและลงน้อยเรียก วัน
น้าตาย โดยวันน้าเกิดน้าตายมีความสัมพันธ์กับ
ข้างข้นึ ขา้ งแรม

214

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 ปฏิสมั พันธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ
แผนฯ ที่ 4 การเกดิ นา้ ขึ้น น้าลง

5. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การท่ดี วงจันทร์โคจรรอบโลกในตาแหน่งท่ีแตกตา่ งกันทาให้มองเหน็ ดวงจนั ทร์ในลักษณะต่างกัน
เรียกว่า ข้างขึน้ ขา้ งแรม และแรงดงึ ดูดจากดวงจนั ทร์ จะส่งผลต่อน้าบนโลก เรยี กวา่ นา้ ข้ึนน้าลง

6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น

1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด

1) ทักษะการนาความรู้ไปใช้
2) ทกั ษะการสร้างแบบจาลอง
3) ทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล
4) ทักษะการตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
5) ทกั ษะการทางานรว่ มกบั ผู้อน่ื
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

7. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. มีวนิ ัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุง่ มน่ั ในการทางาน

8. คาถามสาคญั

1. การเกดิ นา้ ขึ้นน้าลงเกิดขึ้นได้อยา่ งไร
2. จงอธบิ ายความหมายของนา้ เป็นและน้าตาย

9. กิจกรรมการเรยี นรู้

 วธิ ีการสอนโดยเนน้ รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ชว่ั โมงท่ี 1
ข้นั นา

ขนั้ ท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
7. ครทู บทวนความรู้ เรื่อง การเกิดข้างขึน้ ขา้ งแรม โดยมีแนวคาถามดังน้ี
• การเกิดข้างขน้ึ ข้างแรมเปน็ ปรากฏการณ์ท่ีเกดิ ข้นึ จากอะไร

215

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ท่ี 4 การเกดิ นา้ ขนึ้ น้าลง

(แนวตอบ: พจิ ารณาจากคาตอบของนักเรียน เชน่ เปน็ ปรากฏการณ์ทดี่ วงจนั ทร์โคจรรอบโลก ทาให้ผทู้ ่ี
สงั เกตท่ีอยบู่ นโลกมองเห็นแสงท่ีเกิดจากการสะท้อนจากดวงอาทติ ย์ท่แี ตกต่างกนั ไป เปน็ ตน้ )
8. ใหน้ ักเรียนดูวีดิทัศน์ เรอ่ื ง low tide | high tide จากน้นั ครูต้ังคาถามเพอื่ กระตุ้นความสนใจของ
นักเรยี น โดยมีแนวคาถาม ดงั นี้
• จากวดี ิทัศน์ เร่ือง low tide | high tide ทนี่ กั เรยี นไดด้ ูไปนนั้ นกั เรียนคดิ วา่ เปน็ ปรากฏการณใ์ ด
(แนวตอบ: ปรากฏการณก์ ารเกิดนา้ ขนึ้ นา้ ลง)
9. ครูเชอื่ มโยงไปสู่การจัดการเรียนรู้ เรอ่ื ง การเกิดน้าขึน้ นา้ ลง

ข้นั สอน

ขัน้ ท่ี 2 สารวจและค้นหา (Explore)
15.ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เพื่อศึกษาข้อมูล เรื่อง ปรากฏการณ์การเกิดน้าขึ้นน้าลง จาก
หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่
8 ปฏิสมั พันธใ์ นระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ หรอื จากแหลง่ การเรียนรู้ตา่ ง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต
16.ให้นักเรียนสังเกตภาพแรงโน้มถ่วงท่ีดวงจันทร์กระทาต่อโลก จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุด
สัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะและ
เทคโนโลยีอวกาศ
17. จากน้ันนักเรียนและครูร่วมกันสรุปโดยมีประเด็น ดังนี้ ผลจากแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์และการที่
โลกหมุนรอบตัวเอง ทาให้ตาแหน่งที่ผู้พิจารณาอยู่บนผิวโลกตาแหน่งใดตาแหน่งหนึ่งถูกพาผ่านจุดที่
ระดับน้าที่สูงขึ้นท้ัง 2 ด้าน โดยจะเกิด ปรากฏการณ์น้าขึ้นน้าลงพร้อม ๆ กันทาให้แต่ละวันเราจึง
มองเหน็ น้าขน้ึ นา้ ลง 2 ครัง้ ต่อวนั

ชัว่ โมงที่ 2

ข้นั ที่ 2 สารวจค้นหา (Explore)
18. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน เพ่ือศึกษาปรากฏการณ์น้าเป็นและน้าตาย จากหนังสือเรียน
รายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 ปฏิสัมพันธ์ใน
ระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างแบบจาลองเพ่ืออธิบายการเกิดข้างขึ้น
ข้างแรม
19. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มจัดทาแผนผังความคิด เร่ือง ปรากฏการณ์น้าเกิดและน้าตาย ลงในกระดาษ
ฟลิปชาร์ต พร้อมตกแต่งใหส้ วยงาม จากนั้นใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ สง่ ตัวแทนนออกมานาเสนอหนา้ ชัน้ เรียน

216

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ท่ี 4 การเกดิ นา้ ข้นึ น้าลง

ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
20. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย โดยมีประเด็นดังนี้ ดังน้ี “ถ้าโลก ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่ใน
แนวเสน้ ตรงเดยี วกันจะทาให้เกิดนา้ ขึ้นน้าลงแตกต่างกันมากทส่ี ุด โดยน้าขนึ้ จะสูงมากส่วนน้าลงก็จะ
ลงต่ามากเช่นกัน เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า น้าเกิด (spring tides) และถ้าโลก ดวงอาทิตย์และดวง
จันทร์อยู่ในแนวตั้งฉากกันจะทาให้เกิดน้าขึ้นน้าลงแตกต่างกันน้อยที่สุด โดยน้าข้ึนจะน้อยมาก ส่วน
นา้ ลงก็จะลงนอ้ ยมากเชน่ กนั เรียก ปรากฏการณ์นว้ี า่ นา้ ตาย (neap tides)”

ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
21. ครูสมุ่ นกั เรยี นจานวน 1-2 คน เพื่อออกมาวาดปรากฏการณ์การเกิดน้าขนึ้ และนา้ ลง ทีห่ นา้ ช้นั เรยี น

CBA Moon
Earth

8. ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่า “น้าขึ้นน้าลงเป็นผลมาจากความแตกต่างของแรงโน้มถ่วงที่ดวงจันทร์และดวง
อาทิตย์กระทาต่อผิวโลก ส่งผลให้น้าบนผิวโลกบริเวณที่ถูกแรงโน้มถ่วงจากดวงจันทร์กระทามาก
เกิดเปน็ น้าข้ึน ส่วนบริเวณทีถ่ กู แรงโนม้ ถว่ งจากดวงจนั ทรก์ ระทาน้อยเกิดเปน็ นา้ ลง”

9. ให้นักเรยี นแต่ละคนสืบค้นหาภาพถา่ ยของปรากฏการณน์ ้าขนึ้ น้าลงของสถานท่ีต่าง ๆ แลว้ จดั ทาลง
ในกระดาษ A4 และตกแตง่ ใหส้ วยงามเพ่อื นาสง่ ในช่ัวโมงถดั ไป

10. ใหน้ กั เรยี นทา Exercise 1.3 จากหนงั สือเรียนรายวิชาพน้ื ฐาน (ชุดสมั ฤทธ์มิ าตรฐาน) วทิ ยาศาสตร์ ม.3

เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 8 ปฏสิ มั พันธ์ในระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ

11. ใหน้ ักเรียนทาใบงานท่ี 8.4.1 เร่อื ง การเกดิ นา้ ขนึ้ นา้ ลง

ขัน้ สรุป

ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครตู ั้งคาถามเพื่อทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยมีแนวคาถามดงั น้ี
• การเกิดน้าขนึ้ นา้ ลง เกิดขน้ึ ได้อย่างไร

217

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 ปฏิสัมพนั ธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ท่ี 4 การเกิดนา้ ข้นึ นา้ ลง

(แนวตอบ : เกิดจากความแตกตา่ งของแรงโน้มถ่วงทีด่ วงจันทร์และดวงอาทติ ย์กระทาต่อผิวโลก
ส่งผลใหน้ า้ บนผิวโลกบริเวณทีถ่ กู แรงโนม้ ถว่ งจากดวงจันทร์กระทามากเกดิ เปน็ นา้ ขึ้นส่วน
บริเวณที่ถกู แรงโนม้ ถ่วงจากดวงจนั ทร์กระทาน้อยเกิดเปน็ น้าลง)
2. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรม
การทางานกลุ่ม
3. ครตู รวจสอบผลการทาใบงานท่ี 8.4.1 เรอื่ ง การเกดิ น้าขน้ึ นา้ ลง
4. ครูตรวจสอบผลการทา Exercise 1.3 จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน)

วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ

10. การวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมิน

รายการวัด - ตรวจใบงานท่ี 8.4.1 - ใบงานท่ี 8.4.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
10.1การประเมนิ ระหว่าง - ตรวจ Exercise 1.3 - Exercise 1.3 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
การจดั กิจกรรม การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
1) การเกิดน้าขึ้น น้าลง - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2
การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
2) พฤติกรรมการทางาน - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพ 2
รายบุคคล ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
- สงั เกตความมีวนิ ัย - แบบประเมนิ - ระดบั คณุ ภาพ 2
3) พฤติกรรมการทางาน ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มนั่ คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
กลุ่ม ในการทางาน อนั พึงประสงค์

4) การนาเสนอผลงาน

5) คุณลักษณะอนั พึง
ประสงค์

11. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้

11.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน (ชดุ สัมฤทธ์มิ าตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 8
ปฏสิ ัมพันธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ
2) ใบงานท่ี 8.4.1 เรื่อง การเกดิ น้าข้ึน น้าลง
3) วีดิทัศน์ เรื่อง low tide | high tide
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=qvzc9yF3g6c

218

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 ปฏสิ มั พนั ธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ท่ี 4 การเกิดนา้ ขน้ึ น้าลง

4) กระดาษโฟชาร์ท
11.2 แหลง่ การเรยี นรู้

1) หอ้ งเรียน
2) ห้องปฏบิ ตั ิการวิทยาศาสตร์
3) อนิ เทอรเ์ น็ต

219

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ 3
แผนฯ ท่ี 4 การเกดิ นา้ ข้ึน น้าลง

ใบงานท่ี 8.4.1

เร่อื ง การเกดิ นา้ ขน้ึ น้าลง

คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นเขยี นอธิบายคาตอบให้ถูกต้อง
1. จากภาพ น้าทะเลจะขึน้ สูงสุด เมื่อดวงจนั ทร์อยู่ ณ ตาแหน่งใด

4

1 โลก

2

2. น้าเกิด มีความหมายวา่ อยา่ งไร
3. น้าตาย มคี วามหมายวา่ อยา่ งไร

220

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ เฉลย
แผนฯ ที่ 4 การเกดิ นา้ ขนึ้ น้าลง

ใบงานที่ 8.4.1

เรอ่ื ง การเกิดนา้ ขน้ึ นา้ ลง

คาชี้แจง : ใหน้ ักเรียนเขียนอธิบายคาตอบให้ถูกต้อง

4. จากภาพ น้าทะเลจะขึน้ สงู สดุ เมอ่ื ดวงจันทร์อยู่ ณ ตาแหน่งใด

4

1 โลก 3

2

ตาแหนง่ ที่ 1 และ 3
5. น้าเกดิ มีความหมายวา่ อยา่ งไร

ปรากฏการณ์น้าข้ึนมากที่สุด และเกิดน้าลงมากที่สุด โดยผลมาจากแรงดึงดูดของดวง
อาทิตย์ ดวงจนั ทรท์ อ่ี ย่ใู นแนวเส้นตรงเดยี วกัน

6. น้าตาย มคี วามหมายว่าอย่างไร
ปรากฏการณ์น้าขึ้นน้อยท่ีสุด และเกิดน้าลงน้อยท่ีสุด โดยผลมาจากแรงดึงดูดของดวง

อาทิตย์ ดวงจนั ทรท์ ี่อยู่ในแนวต้ังฉากกัน

221

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 4 ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ท่ี 4 การเกดิ นา้ ขนึ้ น้าลง

12. ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศึกษาหรอื ผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย

ขอ้ เสนอแนะ

ลงชือ่ .................................
( ................................ )

ตาแหน่ง .......

13. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน

 ด้านความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น

 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทมี่ ีปญั หาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้าม)ี )

 ปญั หา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

222

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 ปฏิสมั พนั ธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ที่ 5 กลอ้ งโทรทัศน์

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์
ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3

เรอื่ ง กล้องโทรทรรศน์ เวลา 2 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้

ว 3.1 เข้าใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์
และระบบสรุ ยิ ะ รวมท้ังปฏสิ ัมพนั ธภ์ ายในระบบสุริยะท่สี ่งผลต่อส่ิงมชี วี ติ และการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยีอวกาศ

2. ตวั ชวี้ ัด

ว 3.1 ม.3/4 อธิบายการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยี อวกาศ และยกตัวอย่างความกา้ วหน้าของ โครงการ
สารวจอวกาศ จากขอ้ มลู ที่รวบรวมได้

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธบิ ายความหมายของกล้องโทรทรรศนไ์ ด้ (K)
2. ใชก้ ลอ้ งโทรทศั น์ไดอ้ ยา่ งถกู วิธี (P)
3. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของอปุ กรณว์ ิทยาศาสตรไ์ ด้อยา่ งรู้คุณคุณค่า (A)

4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรทู้ อ้ งถน่ิ
พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง

- เทคโนโลยีอวกาศได้มีบทบาทต่อการดารงชีวิต
ของมนุษย์ในปัจจุบันมากมาย มนุษย์ได้ใช้
ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยอี วกาศ เช่นระบบนาทาง
ด้ ว ย ด า ว เ ที ย ม ( GNSS) ก า ร ติ ด ต า ม พ า ยุ
สถานการณ์ไฟป่า ดาวเทียม ช่วยภัยแล้ง การ
ตรวจคราบบนา้ มนั ในทะเล

- โครงการสารวจอวกาศต่าง ๆ ได้พัฒนาเพิ่มพูน
ความรู้ความเข้าใจต่อโลก ระบบสุริยะและเอก
ภพ มากขึ้นเป็นลาดับ ตัวอย่างโครงการสารวจ
อวกาศ เช่น การสารวจสิ่งมีชีวิตนอกโลก การ

223

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 4 ปฏิสัมพนั ธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่ิน
แผนฯ ที่ 5 กล้องโทรทศั น์ พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา

สาระการเรียนร้แู กนกลาง
สารวจดาว เคราะห์นอกระบบสุริยะ การสารวจ
ดาวอังคาร และบริวารอืน่ ของดวงอาทติ ย์

5. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

กล้องโทรทรรศน์ เป็นอปุ กรณ์ทใี่ ช้ในการสารวจอวกาศ ช่วยให้เห็นวัตถบุ นท้องฟ้าชัดเจนมากกว่า
การมองด้วยตาเปล่า กล้องโทรทรรศน์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง ใช้
เลนส์ใกล้วัตถุและเลนส์ใกล้ตาเป็นเลนส์นูน กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง ใช้เลนส์ใกล้วัตถุเป็น
กระจกเว้าและใช้เลนส์ใกล้ตาเป็นเลนส์นนู โดยมีกระจกเงาระนาบเป็นกระจกทตุ ิยภูมิ กล้องโทรทรรศน์
แบบผสมใช้เลนส์ใกล้วัตถุเป็นกระจกเว้าและใช้เลนส์ใกล้ตาเป็นเลนส์นูน โดยมีกระจกนูนเป็นกระจก
ทุตยิ ภมู ิ

6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น

1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ

1) ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้
2) ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมลู
3) ทกั ษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
4) ทักษะการทางานรว่ มกับผู้อน่ื
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

7. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งม่ันในการทางาน

8. คาถามสาคัญ

1. กล้องโทรทรรศนม์ ีสว่ นประกอบอะไรบ้าง
2. กล้องโทรทรรศนแ์ บ่งออกเปน็ ก่ีประเภท

224

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ปฏิสัมพันธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ
แผนฯ ท่ี 5 กล้องโทรทัศน์

9. กจิ กรรมการเรยี นรู้

 วธิ ีการสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ชว่ั โมงท่ี 1
ข้นั นา

ขนั้ ที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
10. ครทู บทวนความรู้ของนักเรียน เรือ่ ง เลนส์ โดยมแี นวคาถามดงั น้ี
•เลนสม์ ีท้ังหมดก่ีประเภท
(แนวตอบ: 2 ประเภท คือเลนสน์ ูนและเลนส์เว้า)
11. ครูนาบัตรภาพวัสดุอุปกรณ์ท่ีมีส่วนประกอบของเลนส์มาให้นักเรียนดู โดยมีภาพอุปกรณ์ดังน้ี แว่น
ขยาย แว่นสายตาสั้น/ยาว กระจกโค้ง เป็นต้น จากนั้นให้นักเรียนแยกประเภทของอุปกรณ์ที่มี
สว่ นประกอบของเลนสเ์ วา้ และเลนส์นูนใหถ้ ูกต้อง
12. ครตู ั้งคาถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยมีแนวคาถาม ดงั น้ี
• เลนส์นูนมีลกั ษณะเป็นอย่างไร
(แนวตอบ: พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เช่น เลนส์นูนเป็นเลนส์ที่มีลักษณะหนา ทาหน้าที่รวม
แสง นิยมนามาทาเปน็ แวน่ สายตายาว เป็นตน้ )
• เลนส์เวา้ มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร
(แนวตอบ: พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เช่น เลนส์เว้าเป็นเลนส์ที่มีลักษณะตรงกลางบางกว่า
ตรงขอบ ทาหน้าท่กี ระจายแสง นยิ มนามาทาเปน็ แวน่ สายตาสนั้ )
13. ครเู ชื่อมโยงไปสกู่ ารจัดการเรียนรู้ เร่ือง กล้องโทรทรรศน์

ขนั้ สอน

ข้ันที่ 2 สารวจและค้นหา (Explore)
22. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เพ่ือศึกษาข้อมูล เรื่อง กล้องโทรทรรศน์ จากหนังสือเรียน
รายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 ปฏิสัมพันธ์
ในระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ หรือจากแหล่งการเรยี นรู้ต่าง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เนต็
23.ให้นักเรียนสังเกตภาพกล้องโทรทรรศน์แบบต่าง ๆ จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิ
มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะและเทคโนโลยี
อวกาศ จากนัน้ ครูตัง้ คาถาม โดยมีแนวคาถาม ดังนี้

225

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 ปฏสิ มั พนั ธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ท่ี 5 กลอ้ งโทรทัศน์

• กลอ้ งโทรทรรศน์มีส่วนประกอบสาคญั อะไรบ้าง
(แนวตอบ: เลนสใ์ กลว้ ตั ถุ เลนสใ์ กล้ตา ลากล้อง)

• กลอ้ งโทรทรรศนแ์ บง่ ออกเปน็ ทั้งหมดกีป่ ระเภท
(แนวตอบ: 3 ประเภท ได้แก่ กลอ้ งโทรทรรศน์แบบหักเหแสง กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อน
แสง และกล้องโทรทรรศน์แบบผสม)

• กลอ้ งโทรทรรศนช์ นดิ ใดทีป่ ระกอบด้วยเลนสเ์ วา้ และเลนสน์ นู
(แนวตอบ: กลอ้ งโทรทรรศนแ์ บบผสม)

ข้นั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
24. ครูอธิบายเพ่ิมเติมให้นักเรียนว่า “กล้องดูดาวหรือกล้องโทรทรรศน์ (telescope) เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้
ส่องดูวัตถุที่อยู่ไกล ๆ โดยขยายภาพของวัตถุให้มีขนาดใหญ่ข้ึนและเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ในการ
สารวจอวกาศ ซ่ึงกล้องโทรทรรศน์เป็นทัศนูปกรณ์ท่ีประกอบด้วยเลนส์นูน 2 ชุดทางานร่วมกัน (หรือ
กระจกเว้าทางานร่วมกบั เลนสน์ นู )”
25.ให้นักเรียนแต่ละคนออกมาจับสลากหัวข้อกล้องโทรทัศนช์ นิดตา่ ง ๆ โดยมหี วั ข้อดังนี้
- กล้องโทรทรรศน์ประเภทหกั เหแสง
- กล้องโทรทรรศนแ์ บบสะท้อนแสง
- กลอ้ งโทรทรรศนว์ ิทยุ
- กลอ้ งโทรทรรศน์ฮับเบลิ
จากนั้นให้อธิบายลักษณะและหลักการทางานของกล้องโทรทรรศน์แต่ละประเภท แล้วจัดทาลง
ในกระดาษ A4 และตกแต่งให้สวยงามเพ่ือนาส่งในชวั่ โมงถดั ไป

ชั่วโมงท่ี 2

ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
5. ครูสุ่มนักเรียนจานวน 3-4 คน เพื่อออกมานาเสนอผลการสืบค้น เรื่อง หลักการทางานของกล้อง
โทรทรรศนแ์ ตล่ ะประเภทหนา้ ชัน้ เรียน
6. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย โดยมีประเด็นดังนี้ ดังน้ี “กล้องโทรทรรศน์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้การ
สารวจอวกาศ ช่วยให้เห็นวัตถุบนท้องฟ้าชัดเจนมากกว่าการมองด้วยตาเปล่า กล้องโทรทรรศน์แบ่ง
ออกเป็น 3 ประเภท ดังน้ี กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง ใช้เลนส์นูนในการรวมแสงจึงมีขนาดเล็ก
เนอ่ื งจากเลนส์นนู สว่ น ใหญม่ โี ฟกัสยาว กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง ใช้กระจกเว้าทาหนา้ ท่ีเป็น
เลนส์ใกล้วัตถุแทนเลนส์นูน รวบรวมแสงส่งไปยังกระจกทุติยภูมิซ่ึงเป็นกระจกเงาระนาบขนาดเล็ก
กล้องโทรทรรศน์แบบผสมโดยใช้การสะท้อนแสงกลับไปมาเพื่อให้ลากล้องมีขนาดสั้นลง ซ่ึงใช้
กระจกนนู เปน็ กระจกทตุ ยิ ภูมชิ ่วยบีบลาแสงทาให้ลากล้องสนั้ กระทัดรัดแต่ยังคงกาลงั ขยายสูง”

226

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 ปฏิสัมพันธใ์ นระบบสุริยะและเทคโนโลยอี วกาศ
แผนฯ ที่ 5 กล้องโทรทัศน์

ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
7. ครูสุ่มนักเรียนจานวน 1-2 คน เพื่อออกมาอธิบายหลักการทางานของกล้องโทรทัศน์แบบหักเหแสง
กล้องโทรทัศนแ์ บบสะท้อนแสง และกลอ้ งโทรทัศนแ์ บบผสม ท่หี นา้ ชน้ั เรยี น
8. ใหน้ ักเรียนทา Exercise 2.1 จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธิม์ าตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3
เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 8 ปฏสิ ัมพันธ์ในระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
9. ใหน้ ักเรียนทาใบงานที่ 8.5.1 เรอ่ื ง กลอ้ งโทรทรรศน์

ข้ันสรปุ
ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครตู ั้งคาถามเพ่ือทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยมีแนวคาถามดังน้ี
• หากต้องการสังเกตดวงจันทร์ในวันท่ีเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคารา นักเรียนจะใชก้ ล้องโทรทรรศน์

ประเภทใด
(แนวตอบ: พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เช่น กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง เพราะเหมาะ
สาหรับใชศ้ กึ ษาวัตถุท่สี วา่ งมาก เช่น ดวงจันทรแ์ ละดาวเคราะห์)
2. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรม
การทางานกลุ่ม
3. ครตู รวจสอบผลการทาใบงานท่ี 8.5.1 เร่ือง กล้องโทรทรรศน์
4. ครูตรวจสอบผลการทา Exercise 2.1 จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน)

วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 8 ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสุริยะและเทคโนโลยอี วกาศ

227

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ปฏิสัมพันธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ที่ 5 กล้องโทรทศั น์

10. การวดั และประเมินผล วธิ กี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน

รายการวดั - ตรวจใบงานท่ี 8.5.1 - ใบงานท่ี 8.5.1 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
10.1การประเมินระหว่าง - ตรวจ Exercise 2.1 - Exercise 2.1 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
การจัดกิจกรรม การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
1) กล้องโทรทรรศน์ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2
การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
2) พฤติกรรมการทางาน - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2
รายบุคคล ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
- สังเกตความมวี ินัย - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพ 2
3) พฤติกรรมการทางาน ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มั่น คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
กลมุ่ ในการทางาน อันพึงประสงค์

4) การนาเสนอผลงาน

5) คุณลักษณะอันพงึ
ประสงค์

11. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้

11.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนังสือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน (ชดุ สัมฤทธ์มิ าตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8
ปฏิสมั พนั ธ์ในระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ
2) ใบงานที่ 8.5.1 เร่ือง กล้องโทรทรรศน์
3) บตั รภาพวสั ดอุ ุปกรณ์ที่มีสว่ นประกอบของเลนส์
4) กระดาษฟลิปชาร์ต
5) สลากหวั ข้อกลอ้ งโทรทัศน์ชนิดต่าง ๆ

11.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องเรียน
2) หอ้ งปฏิบตั กิ ารวิทยาศาสตร์
3) อนิ เทอร์เนต็

228

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ปฏิสมั พนั ธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ
แผนฯ ที่ 5 กลอ้ งโทรทศั น์

ใบงานที่ 8.5.1

เร่อื ง กลอ้ งโทรทรรศน์

ตอนท่ี 1
คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นจบั คใู่ ห้ถูกต้อง

• กลอ้ งโทรทรรศน์แบบหักเหแสง

• กล้องโทรทรรศนแ์ บบสะท้อนแสง

• กล้องโทรทรรศน์แบบผสม

ตอนที่ 2
คาชแ้ี จง : เขียนอธบิ ายความหมายของกล้องโทรทรรศนใ์ ห้ถูกต้อง

1. กล้องโทรทรรศน์แบบหกั เหแสง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

2. กล้องโทรทรรศนแ์ บบสะท้อนแสง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

3. กลอ้ งโทรทรรศน์แบบผสม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

229

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ เฉลย
แผนฯ ท่ี 5 กลอ้ งโทรทัศน์

ใบงานท่ี 8.5.1

เรอ่ื ง กล้องโทรทรรศน์

ตอนท่ี 1
คาชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนจับคู่ใหถ้ ูกต้อง

• กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง

• กลอ้ งโทรทรรศนแ์ บบสะทอ้ นแสง

• กล้องโทรทรรศนแ์ บบผสม

ตอนท่ี 2
คาชี้แจง : เขยี นอธิบายความหมายของกล้องโทรทรรศนใ์ หถ้ กู ต้อง

4. กล้องโทรทรรศนแ์ บบหักเหแสง
ใชเ้ ลนส์นนู ในการรวม แสงจึงมีขนาดเล็กเนอื่ งจากเลนสน์ ูนส่วนใหญม่ โี ฟกัสยาว

5. กล้องโทรทรรศน์แบบสะทอ้ นแสง
ใช้กระจกเว้าทาหน้าท่ีเป็นเลนส์ใกลว้ ัตถุแทนเลนส์นูนรวบรวมแสง ส่งไปยังกระจกทุติยภูมิซึ่งเป็น
กระจกเงาระนาบขนาดเล็กติดตั้งอยู่ในลากล้อง แล้วสะท้อนลาแสงให้ต้ังฉากออกมาที่เลนส์ตาที่
ตดิ ตัง้ อยู่ ท่ดี ้านขา้ งของลากลอ้ ง

6. กล้องโทรทรรศนแ์ บบผสม
เป็นกล้องโทรทรรศน์ที่ใช้ทั้งเลนส์และกระจกเว้ารวมแสง มีการผสมผสานจุดเด่นของกล้องท้ัง
แบบหักเหแสงและแบบสะท้อนแสงเข้าด้วยกันทาให้ภาพปราศจากความคลาดสีด้วยมุมมองท่ี
กว้างข้นึ โดยใช้การสะท้อนแสงกลับไปมาเพอ่ื ให้ลากลอ้ งมีขนาดสนั้ ลง ซ่ึงใชก้ ระจกนูนเป็นกระจก
ทุติยภมู ิชว่ ยบีบ ลาแสงทาใหล้ ากลอ้ งสนั้ กะทดั รัด แตย่ งั คงกาลงั ขยายสูง

230

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ปฏสิ ัมพันธใ์ นระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ท่ี 5 กล้องโทรทัศน์

สลากหัวข้อกลอ้ งโทรทัศน์ชนดิ ต่าง ๆ

กลอ้ งโทรทรรศนป์ ระเภทหักเหแสง
กลอ้ งโทรทรรศน์แบบสะทอ้ นแสง

กลอ้ งโทรทรรศน์วทิ ยุ
กลอ้ งโทรทรรศนฮ์ บั เบลิ

231

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 ปฏสิ มั พันธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ท่ี 5 กล้องโทรทัศน์

12. ความเห็นของผบู้ ริหารสถานศึกษาหรอื ผู้ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย

ข้อเสนอแนะ

ลงชอ่ื .................................
( ................................ )

ตาแหนง่ .......

13. บันทกึ ผลหลงั การสอน

 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมท่มี ีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

232

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 6

กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์
ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3

เร่อื ง ดาวเทียม เวลา 2 ชว่ั โมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้

ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์
และระบบสรุ ยิ ะ รวมทัง้ ปฏสิ มั พนั ธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อส่งิ มีชีวิต และการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยีอวกาศ

2. ตัวช้วี ัด

ว 3.1 ม.3/4 อธิบายการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยี อวกาศ และยกตัวอย่างความกา้ วหน้าของ โครงการ
สารวจอวกาศ จากข้อมูลท่ีรวบรวมได้

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธบิ ายประโยชน์ของดาวเทียมประเภทตา่ ง ๆ ได้ (K)
2. สืบค้นและอภิปรายความกา้ วหนา้ และประโยชน์ของดาวเทยี มได้ (P)
3. นาความรเู้ ก่ียวกับดาวเทียมไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั ได้ (A)

4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิน่
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

- เทคโนโลยีอวกาศได้มีบทบาทต่อการดารงชีวิต
ของมนุษย์ในปัจจุบันมากมาย มนุษย์ได้ใช้
ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยีอวกาศ เชน่ ระบบนาทาง
ด้ ว ย ด า ว เ ที ย ม ( GNSS) ก า ร ติ ด ต า ม พ า ยุ
สถานการณ์ไฟป่า ดาวเทียม ช่วยภัยแล้ง การ
ตรวจคราบนา้ มันในทะเล

- โครงการสารวจอวกาศต่าง ๆ ได้พัฒนาเพิ่มพูน
ความรู้ความเข้าใจต่อโลก ระบบสุริยะและเอก
ภพ มากข้ึนเป็นลาดับ ตัวอย่างโครงการสารวจ
อวกาศ เช่น การสารวจส่ิงมีชีวิตนอกโลก การ

233

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ
พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
สารวจดาว เคราะห์นอกระบบสุริยะ การสารวจ
ดาวองั คาร และบริวารอ่ืนของดวงอาทิตย์

5. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

ดาวเทียม คือ สิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์คิดค้นข้ึน ที่สามารถโคจรรอบโลก โดยอาศัยแรงดึงดูดของโลก
ส่งผลให้สามารถโคจรรอบโลกได้ในลักษณะเดียวกันกับท่ีดวงจันทร์โคจรรอบโลก และโลกโคจรรอบดวง
อาทิตย์ วัตถุประสงค์ของสิ่งประดิษฐ์นี้เพื่อใช้ ทางการทหาร การส่ือสาร การรายงานสภาพอากาศ การ
วิจัยทางวิทยาศาสตร์เช่นการสารวจทางธรณีวิทยาสังเกตการณ์สภาพของอวกาศ โลก ดวงอาทิตย์ ดวง
จนั ทร์ และดาวอนื่ ๆ รวมถงึ การสังเกตวตั ถุ และดวงดาว กาแลก็ ซีตา่ ง ๆ

6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น

1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ

1) ทักษะการนาความรู้ไปใช้
2) ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมลู
3) ทกั ษะการตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ
4) ทกั ษะการทางานร่วมกบั ผู้อืน่
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

7. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1. มีวินยั
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทางาน

8. คาถามสาคัญ

1. ดาวเทยี มกับยานอวกาศเหมือนกนั หรอื ไม่
2. ประโยชน์ของดาวเทยี มท่ีพบเหน็ ไดใ้ นชีวติ ประจาวนั มีอะไรบ้าง

234

9. กิจกรรมการเรยี นรู้

 วธิ ีการสอนโดยเนน้ รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ช่วั โมงที่ 1
ขั้นนา

ขนั้ ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
14. ให้นักเรียนดูวีดิทัศน์ เรอ่ื ง The View from Space และวีดิทศั น์ เรอื่ ง On a Rocket Launch
to Space จากน้นั ครตู ้งั คาถามเพื่อกระตนุ้ ความสนใจของนกั เรยี น โดยมแี นวคาถาม ดงั น้ี
•จากวีดิทัศนน์ ักเรยี นคดิ วา่ เป็นการใชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยีอวกาศในเรอื่ งใด
(แนวตอบ: พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เช่น การนาดาวเทียมท่ีปล่อยไว้ในอวกาศ มาใช้ติดตาม
ถ่ายภาพ การพยากรณ์อากาศ โทรคมนาคม และปฏบิ ัตกิ ารทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น)

ข้ันสอน

ขั้นท่ี 2 สารวจและคน้ หา (Explore)
26. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เพื่อศึกษาข้อมูล เรื่อง ดาวเทียม จากหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐาน (ชดุ สมั ฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 8 ปฏิสมั พนั ธ์ในระบบ
สรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ หรอื จากแหล่งการเรียนรตู้ า่ ง ๆ เช่น อินเทอรเ์ นต็
27.ให้นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ส่งตวั แทนออกมาจบั สลากหัวข้อ เรอ่ื ง ดาวเทียม โดยมหี วั ข้อดังนี้
- ดาวเทียมอตุ นุ ยิ มวทิ ยา
- ดาวเทียมสังเกตการณด์ าราศาสตร์
- ดาวเทียมชีวภาพ
- ดาวเทียมทางการทหาร
- ดาวเทียมสารวจทรัพยากรโลก
- ดาวเทยี มสือ่ สารโทรคมนาคม
- ดาวเทียมสังเกตการณด์ วงอาทิตย์
- ดาวเทียมหอ้ งทดลองทางวิทยาศาสตร์
จากน้ันให้แต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อท่ีแต่ละกลุ่มได้รับ โดยสามารถสืบค้นข้อมูลได้จาก
แหล่งการเรยี นรตู้ า่ ง ๆ เชน่ อนิ เทอรเ์ นต็ โดยจัดทาสรุปเนื้อหาใหน้ ่าสนใจลงในกระดาษฟลิปชาร์ต

235

ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
28. ให้แต่ละกลุ่มแปะกระดาษฟลิปชาร์ท รอบ ๆ ห้อง จากน้ันให้นักเรียนแลกเปลี่ยนการเรียนรู้โดยการ
เดินชมผลงานของเพ่อื นแตล่ ะกล่มุ

ช่วั โมงที่ 2

ข้ันที่ 2 สารวจค้นหา (Explore)
4. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เพ่ือสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของดาวเทียม จากแหล่ง
การเรยี นรู้ต่าง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ นต็
5. จากนนั้ ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มนาข้อมูลที่ได้มาทาเป็นแผนผังมโนทศั น์ พรอ้ มสง่ ตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอที่
หนา้ ช้นั เรยี น

ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
6. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนว่า “ดาวเทียม คือ ส่ิงประดิษฐ์ท่ีมนุษย์คิดค้นขึ้น ที่สามารถโคจรรอบ
โลก โดยอาศัยแรงดึงดูดของโลก ส่งผลให้สามารถโคจรรอบโลกได้ในลักษณะเดียวกันกับที่ดวงจันทร์
โคจรรอบโลก และโลกโคจรรอบดวงอาทติ ย์ วตั ถปุ ระสงค์ของส่งิ ประดิษฐน์ เี้ พ่อื ใช้ ทางการทหาร การ
ส่ือสาร การรายงานสภาพอากาศ การวจิ ัยทางวทิ ยาศาสตร์เชน่ การสารวจทางธรณวี ิทยาสงั เกตการณ์
สภาพของอวกาศ โลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวอ่ืน ๆ รวมถึงการสังเกตวัตถุ และดวงดาว
กาแลก็ ซีตา่ ง ๆ”
7. จากน้ันครูต้งั คาถามเพ่ือทดสอบความเข้าใจของนักเรยี น โดยมีแนวคาถาม ดงั น้ี
• จงยกตวั อย่างดาวเทียมอตุ ุนิยมวทิ ยา ท่ใี ชใ้ นการพยากรณอ์ ากาศของโลก
(แนวตอบ: ดาวเทยี ม NOAA ดาวเทียม GMS และดาวเทยี ม GOES)
• ดาวเทยี มสือ่ สารมหี น้าทีอ่ ยา่ งไรบา้ ง
(แนวตอบ: ดาวเทียมสื่อสาร เป็นดาวเทียมที่ทาหน้าที่เป็นสถานีรับส่งคล่ืน วิทยุเพื่อการสื่อสารและ
โทรคมนาคม ทั้งท่ีเป็นการสื่อสารภายในประเทศและระหว่างประเทศ ส่วนใหญ่ใช้สาหรับกิจการ
โทรศัพท์ โทรเลข โทรสาร รวมท้ังการถ่ายทอดสญั ญาณโทรทัศนแ์ ละสญั ญาณวิทยุ)

ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
8. ครสู มุ่ นักเรียนจานวน 1-2 คน เพอ่ื ออกมาอธิบายหลักการทางานดาวเทยี มทีโ่ คจรรอบโลก ท่ีหน้าชั้น
เรยี น
9. ใหน้ กั เรยี นทา Exercise 2.2 จากหนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน (ชดุ สมั ฤทธมิ์ าตรฐาน) วทิ ยาศาสตร์ ม.
3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 8 ปฏสิ มั พันธ์ในระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
10. ให้นกั เรยี นทาใบงานที่ 8.6.1 เรื่อง ดาวเทียม

236

ขน้ั สรปุ

ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครตู ั้งคาถามเพ่ือทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยมีแนวคาถามดงั น้ี

• ดาวเทียมสารวจทรัพยากรธรรมชาติ มีหน้าท่ีอยา่ งไร
(แนวตอบ: พจิ ารณาจากคาตอบของนักเรยี น เช่น ดาวเทียมสารวจทรัพยากรธรรมชาติ เป็นดาวเทยี ม
ที่ถูกใช้เป็นสถานี เคล่ือนที่สารวจดูพ้ืนที่ผิวโลกและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้น ทาให้ทราบ
ข้อมูลท้ังทางด้านธรณีวิทยา นิเวศวิทยา เป็น ประโยชน์ด้านการเกษตรและการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติ)

• นกั เรียนคิดว่าดาวเทยี มกบั ยานอวกาศเหมอื นกันหรอื ไม่
(แนวตอบ: ไมเ่ หมอื นกนั เพราะ ดาวเทียมคือ หอ้ งทดลองทีบ่ รรจอุ ุปกรณ์เอาไว้และส่งข้ึนไปโคจรรอบ
โลกถูกส่งจากโลกโดยจรวดหรือยานอวกาศ ซ่ึงยานอวกาศมหี นา้ ทเ่ี พ่ือสารวจอวกาศ)

2. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรม
การทางานกลมุ่

3. ครูตรวจสอบผลการทาใบงานที่ 8.6.1 เรอื่ ง ดาวเทียม
4. ครตู รวจสอบผลการทา Exercise 2.2 จากหนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน (ชดุ สมั ฤทธมิ์ าตรฐาน)

วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 8 ปฏิสมั พันธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ

10. การวัดและประเมนิ ผล วิธกี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมนิ

รายการวดั - ตรวจใบงานท่ี 8.6.1 - ใบงานที่ 8.6.1 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
10.1การประเมินระหวา่ ง - ตรวจ Exercise 2.2 - Exercise 2.2 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
การจัดกิจกรรม การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
1) ดาวเทียม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
2) พฤติกรรมการทางาน - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมนิ - ระดบั คณุ ภาพ 2
รายบุคคล ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
- สังเกตความมวี ินัย - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2
3) พฤติกรรมการทางาน ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มั่น คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์
กลุ่ม ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์

4) การนาเสนอผลงาน 237

5) คุณลักษณะอนั พึง
ประสงค์

11. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้

11.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 8
ปฏสิ ัมพนั ธ์ในระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ
2) ใบงานที่ 8.6.1 เรื่อง ดาวเทียม
3) วดี ทิ ศั น์ เร่ือง The View from Space
ทีม่ า https://www.youtube.com/watch?v=EPyl1LgNtoQ
4) วีดทิ ศั น์ เร่อื ง On a Rocket Launch to Space
ทม่ี า https://www.youtube.com/watch?v=bDoh8zQDT38
5) สลากหัวข้อ เรื่อง ดาวเทยี ม
6) กระดาษฟลิปชาร์ต

11.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) หอ้ งปฏบิ ตั ิการวิทยาศาสตร์
3) อนิ เทอรเ์ น็ต

238

ใบงานท่ี 8.6.1

เรอื่ ง ดาวเทียม

คาชี้แจง : จงเตมิ คาในช่องว่างใหถ้ ูกต้อง

1. ดาวเทียมดาราศาสตร์
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ดาวเทยี มสอ่ื สาร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ดาวเทียมสารวจทรัพยากรโลก
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

4. ดาวเทยี มอตุ นุ ิยมวิทยา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………...

5. ดาวเทยี มจารกรรม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………...

6. ดาวเทยี มนารอ่ ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………...

239

ใบงานท่ี 8.6.1 เฉลย

เร่อื ง ดาวเทียม

คาชแี้ จง : จงเติมคาในช่องว่างใหถ้ กู ตอ้ ง

1. ดาวเทยี มดาราศาสตร์
เป็นดาวเทียมที่ใชส้ ารวจดวงดาว ท่ีอยู่ห่างไกลจากโลก สารวจกาแลก็ ซี รวมท้ังสารวจวตั ถตุ า่ ง ๆ
ท่อี ยู่ ในอวกาศ เช่นดาวเทียมแมคเจนเลน ดาวเทียมกาลเิ ลโอ

2. ดาวเทียมสื่อสาร
เป็นดาวเทียมที่ประจาที่ในอวกาศใช้เพ่ือการส่ือสารโดยใช้คล่นื วิทยใุ นความถี่ไมโครเวฟ ส่วนใหญ่
เป็นดาวเทยี มที่อยใู่ นวงโคจรคา้ งฟ้า ดาวเทยี มอินเทลเซท ดาวเทียมอริ เิ ดียม

3. ดาวเทียมสารวจทรัพยากรโลก
เป็นดาวเทียมท่ีออกแบบ เฉพาะเพ่ือการสารวจ ติดตามทรพั ยากรและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ของโลก
รวมท้ังการทาแผนที่ตา่ ง ๆ ได้แกด่ าวเทยี มแลนเซท ดาวเทียมเรดาร์เซท

4. ดาวเทียมอตุ นุ ิยมวิทยา
เป็นดาวเทยี มสารวจที่ใชใ้ นการพยากรณอ์ ากาศของโลก ไดแ้ ก่ ดาวเทยี ม NOAA ดาวเทียม GMS

5. ดาวเทยี มจารกรรม
เปน็ ดาวเทยี มสารวจความละเอียดสูง หรอื ดาวเทียมสื่อสารทีใ่ ชเ้ พ่ือกิจการทางการทหาร การจาร
กรรม หรือการเตือนภัยจากการโจมตีทางอากาศ ดาวเทียม KEYHOLE ดาวเทยี ม LACROSSE

6. ดาวเทยี มนารอ่ ง
เปน็ ดาวเทียมท่ี สามารถหาตาแหนง่ บนพนื้ โลกทถี่ กู ต้องได้ทุกแห่งและตลอดเวลา ได้แก่ ดาวเทยี ม
NAVSTAR ดาวเทยี ม GLONASS

240

สลากหัวขอ้ ดาวเทียม

ดาวเทยี มอุตุนิยมวทิ ยา
ดาวเทียมสงั เกตการณ์ดาราศาสตร์

ดาวเทยี มชวี ภาพ
ดาวเทยี มทางการทหาร
ดาวเทียมสารวจทรพั ยากรโลก
ดาวเทยี มส่อื สารโทรคมนาคม
ดาวเทยี มสงั เกตการณ์ดวงอาทิตย์
ดาวเทยี มห้องทดลองทางวทิ ยาศาสตร์

241

12. ความเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผูท้ ไ่ี ด้รับมอบหมาย

ข้อเสนอแนะ

ลงชอ่ื .................................
( ................................ )

ตาแหนง่ .......

13. บันทกึ ผลหลงั การสอน

 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น

 ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอ่นื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่ีมีปัญหาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

242

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 ปฏสิ มั พนั ธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ
แผนฯ ที่ 7 ยานอวกาศและจรวด

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 7

กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์
ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3

เรือ่ ง ยานอวกาศและจรวด เวลา 2 ชัว่ โมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้

ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์
และระบบสุรยิ ะ รวมท้งั ปฏิสัมพันธภ์ ายในระบบสรุ ยิ ะท่สี ่งผลต่อสิง่ มีชีวติ และการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยอี วกาศ

2. ตัวชวี้ ัด

ว 3.1 ม.3/4 อธิบายการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศ และยกตัวอย่างความก้าวหน้าของโครงการ
สารวจอวกาศ จากข้อมูลท่ีรวบรวมได้

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. อธบิ ายประโยชน์ของจรวดและยานอวกาศได้ (K)
2. สบื ค้นและอภปิ รายความกา้ วหน้าและประโยชน์ของยานอวกาศและจรวดได้ (P)
3. นาความรูเ้ ก่ียวกับยานอวกาศไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวันได้ (A)

4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถนิ่
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

- เทคโนโลยีอวกาศได้มีบทบาทต่อการดารงชีวิต
ของมนุษย์ในปัจจุบันมากมาย มนุษย์ได้ใช้
ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ เช่นระบบนาทาง
ด้ ว ย ด า ว เ ที ย ม ( GNSS) ก า ร ติ ด ต า ม พ า ยุ
สถานการณ์ไฟป่า ดาวเทียม ช่วยภัยแล้ง การ
ตรวจคราบบนา้ มนั ในทะเล

- โครงการสารวจอวกาศต่าง ๆ ได้พัฒนาเพ่ิมพูน
ความรู้ความเข้าใจต่อโลก ระบบสุริยะและเอก
ภพ มากขึ้นเป็นลาดับ ตัวอย่างโครงการสารวจ
อวกาศ เช่น การสารวจสิ่งมีชีวิตนอกโลก การ

243

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ปฏสิ ัมพันธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่
แผนฯ ท่ี 7 ยานอวกาศและจรวด พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

สาระการเรียนร้แู กนกลาง
สารวจดาว เคราะห์นอกระบบสุริยะ การสารวจ
ดาวองั คาร และบริวารอนื่ ของดวงอาทิตย์

5. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

จรวด (rocket) เป็นพาหนะสาหรับขนส่งอุปกรณ์หรือมนุษย์ข้ึนสู่อวกาศ จรวดสามารถเดินทางไปใน
อวกาศไดเ้ พราะจรวดมีถงั บรรจอุ อกซเิ จนอยู่ในตวั เองจงึ ไม่จาเป็นต้องอาศยั ออกซเิ จนในบรรยากาศมาใช้ใน
การสันดาปเชื้อเพลิง การท่ีจรวดจะเดินทางจากพ้ืนโลกไปโคจรรอบโลกได้จะต้องมีแรงขับเคล่ือนสูงมาก
และต่อเนอ่ื งเพ่ือจะเอาชนะแรงโน้มถว่ งของโลก

ยานอวกาศ คือยานพาหนะ, ยานหรือเคร่ืองยนต์ท่ีออกแบบมาเพ่ือบินไปในอวกาศ ยานอวกาศถูก
นามาใช้สาหรับวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย, รวมถึงการส่ือสารโทรคมนาคม, การสังเกตโลก, การ
อุตนุ ิยมวิทยา, การนาทาง, การสารวจดาวเคราะหแ์ ละการขนส่งมนุษย์และสินค้า เปน็ ตน้

6. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน

1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด

1) ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้
2) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล
3) ทกั ษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ
4) ทักษะการทางานร่วมกบั ผู้อน่ื
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

7. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. มีวนิ ัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. ม่งุ มน่ั ในการทางาน

8. คาถามสาคัญ

1. ยานอวกาศคอื อะไร
2. ยานอวกาศแบ่งออกเป็นทัง้ หมดก่ีประเภท

244

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 ปฏิสมั พนั ธใ์ นระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ที่ 7 ยานอวกาศและจรวด

9. กิจกรรมการเรียนรู้

 วธิ ีการสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ชว่ั โมงท่ี 1
ขั้นนา

ขน้ั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครูต้ังประเด็นคาถามกระตนุ้ ความสนใจของนักเรยี นว่า
• หากครูพานกั เรียนไปในอวกาศ นักเรียนจะเตรยี มสง่ิ ของใดไปบ้าง และมวี ธิ ีการเตรียมตัวอยา่ งไร
2. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่ม 4-5 คน และช่วยกันคิดหาวิธีในการเตรียมตัวไปท่องอวกาศและออกแบบ
สิ่งของหรืออปุ กรณท์ ีก่ ลุม่ ตนเองอยากนาไปในครง้ั นด้ี ว้ ย
3. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอวิธีการเตรียมตัวไปท่องอวกาศ และส่ิงของหรืออุปกรณ์ท่ีจะ
นาไปดว้ ย
4. โดยครูแจกลูกโป่งให้แต่ละกลุ่ม และให้ตัวแทนกลุ่มเป่าลกู โป่ง และใช้มือปิดปากลูกโป่งไว้ แล้วปล่อย
ลกู โปง่ ใหเ้ คลื่อนทอ่ี ยา่ งอสิ ระ ให้เพอ่ื น ๆ ชว่ ยกนั สงั เกตว่าเกิดอะไรข้นึ จากนั้นครถู ามนักเรียนวา่
• การเคล่อื นที่ของลูกโปง่ คล้ายกบั การเคลื่อนท่ขี องจรวดหรอื ไม่ ในลักษณะใด
(แนวตอบ: พิจารณาจากคาตอบของนกั เรียน)
5. ครูเช่ือมโยงความรู้ใหม่จากบทเรียนกับความรู้เดิมที่เรียนรู้มาแล้ว โดยครูนาอภิปรายว่า “เม่ือปล่อย
ลูกโป่ง ผนังลูกโป่งจะบีบให้อากาศออกจากปากลูกโป่งเป็นแรงกริยา และอากาศท่ีพุ่งไปข้างหลังจะ
ผลักลูกโป่งใหเ้ คลื่อนท่ีไปข้างหน้าดว้ ยแรงปฏิกริ ิยา ซ่ึงก็คลา้ ยกับจรวดทเ่ี คลื่อนท่ีได้ดว้ ยแรงกิริยาและ
แรงปฏกิ ิริยานน่ั เอง”
6. ครูเชือ่ มโยงเขา้ สเู่ นอ้ื หา เรือ่ ง ยานอวกาศและจรวด

ข้นั สอน

ข้นั ที่ 2 สารวจค้นหา (Explore)
1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เพื่อสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับจรวด จากหนังสือเรียนรายวิชา
พ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ปฏิสัมพันธ์ในระบบ
สรุ ยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ หรอื จากแหล่งการเรียนรตู้ ่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต
2. จากน้ันใหแ้ ตล่ ะกลุ่มศึกษาองคป์ ระกอบของจรวด วา่ แต่ละสว่ นของจรวดนั้นมอี ะไรบา้ ง

245

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 ปฏิสมั พันธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ท่ี 7 ยานอวกาศและจรวด

ขนั้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
3. ครูใหน้ กั เรียนทากิจกรรมตอบคาถามลา่ คะแนน โดยมกี ติกาดังน้ี
- ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมารับกระดาษท่ีหน้าช้ัน
เรียน จากนน้ั ใหแ้ ต่ละกลุม่ เขยี นชื่อกลมุ่ ของตัวเองไว้บริเวณด้านมมุ ขวามอื ของกระดาษ
- จากนั้นครูอธิบายต่อว่า ครูจะมีคาถามมาท้ังหมด 5-6 ข้อ โดยครูจะถามคาถามทีละข้อ พอครูถาม
เสร็จใหน้ กั เรียนเขียนคาตอบทีไ่ ดล้ งในกระดาษ แล้วนามาสง่ ครูทห่ี น้าชนั้ เรยี น โดยครผู ูส้ อนจะเฉลย
ไปทลี ะขอ้ ทาซ้าแบบเดมิ จนครบทุกขอ้
- เม่ือเฉลยคาถามข้อสุดท้ายเสร็จแล้ว ครูรวบรวมคะแนนของแต่ละกลุ่มไว้ที่หน้ากระดาน โดยมี
เกณฑ์ ดังนี้
- ถกู ครบทกุ ข้อ 5 คะแนน
- ถูก 4 ขอ้ 4 คะแนน
- ก 3 ขอ้ 3 คะแนน
- ถกู 1-2 ขอ้ 2 คะแนน
แนวคาถาม
1. การสนั ดาปคืออะไร
(แนวตอบ: การสันดาป เป็นปฏิกิริยาการรวมตัวกันของเชื้อเพลิงกับออกซิเจนอย่างรวดเร็ว
พร้อมเกดิ การลุกไหม้และคายความร้อน)
2. จงยกตวั อย่างการสารวจอวกาศโดยใช้ยานอวกาศท่มี ีมนุษย์ควบคมุ มาอยา่ งน้อยสองโครงการ
(แนวตอบ: โครงการเจมินี โครงการสกายแล็บ โครงการยานขนสง่ อวกาศ และโครงการอะพอล
โล)
3. สถานอี วกาศนานาชาติเป็นโครงการรว่ มกนั ระหว่างหนว่ ยงานด้านอวกาศกี่หนว่ ยงาน
(แนวตอบ: 5 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) องค์การ
อวกาศสหพันธรัฐรัสเซีย (RKA) องค์การอวกาศแคนาดา (CSA) องค์การสารวจอวกาศญ่ีปุ่น
(JAXA) และองค์การอวกาศยุโรป (ESA)
4. จรวดจะทางานตามกฎการเคลือ่ นทีข่ องนิวตันท้งั หมดกี่ข้อ
(แนวตอบ: 3 ได้แก่ ขั้นปล่อยตัวจรวด จะเป็นไปตามกฎการเคล่ือนที่ของนิวตันข้อที่ 3 ขั้น
เอาชนะแรงโน้มถ่วง จะเป็นไปตามกฎการเคล่ือนท่ีของนิวตันข้อที่ 2 และข้ันรักษาระดับความ
สูงของวงโคจร จะเปน็ ไปตามกฎการเคลอื่ นท่ขี องนิวตันขอ้ ท่ี 1 "กฎของความเฉอ่ื ย")
5. กระสวยอวกาศ มสี ่วนประกอบอะไรบา้ ง
(แนวตอบ: ถงั เชือ้ เพลิงภายนอก จรวดเชอื้ เพลงิ แขง็ และยานขนส่งอวกาศ)

4. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย โดยมีประเด็นดังนี้ ดังน้ี “จรวด (rocket) เป็นพาหนะสาหรับขนส่ง
อุปกรณ์หรือมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศ จรวดสามารถเดินทางไปในอวกาศได้เพราะจรวดมีถังบรรจุออกซิเจน
อยใู่ นตัวเองจงึ ไมจ่ าเป็นต้องอาศัยออกซเิ จนในบรรยากาศมาใช้ในการสันดาปเชื้อเพลงิ การท่จี รวดจะ

246

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 ปฏสิ มั พนั ธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ท่ี 7 ยานอวกาศและจรวด

เดินทางจากพื้นโลกไปโคจรรอบโลกได้จะต้องมีแรงขับเคลื่อนสูงมากและต่อเนื่องเพ่ือจะเอาชนะแรง
โน้มถ่วงของโลก จรวดจะทางานตามกฎการเคล่ือนที่ของนิวตัน 3 ข้อดังน้ี ขั้นปล่อยตัวจรวด จะ
เป็นไปตามกฎการเคล่ือนท่ีของนิวตันข้อที่ 3 ข้ันเอาชนะแรงโน้มถ่วงจะเป็นไปตามกฎการเคล่ือนท่ี
ของนิวตันข้อที่ 2 และ ขั้นรักษาระดับความสูงของวงโคจร จะเป็นไปตามกฎการเคลื่อนท่ีของนิวตัน
ข้อที่ 1”

ช่ัวโมงท่ี 2

ขัน้ ท่ี 2 สารวจและคน้ หา (Explore)
5. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เพื่อศึกษาข้อมูล เร่ือง ยานอวกาศ จากหนังสือเรียนรายวิชา
พน้ื ฐาน (ชดุ สมั ฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 8 ปฏิสัมพนั ธ์ในระบบ
สรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ หรือจากแหลง่ การเรียนร้ตู า่ ง ๆ เช่น อินเทอร์เนต็
6. ให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ คน้ ควา้ ข้อมลู เพิ่มเตมิ เก่ียวกบั โครงการสารวจอวกาศโดยใช้ยานอวกาศที่มีมนุษย์
ควบคุมและยานอวกาศท่ีไม่มีมนุษย์ควบคมุ จากแหล่งการเรยี นรตู้ ่าง ๆ

ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
7. ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอผลการสบื คน้ เกี่ยวกับยานอวกาศ ทห่ี นา้ ชั้นเรยี น
8. ครูอธิบายเพ่ิมเติมให้นักเรียนวา่ “ยานอวกาศ คือยานพาหนะ, ยานหรือเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาเพ่อื
บินไปในอวกาศ ยานอวกาศถูกนามาใช้สาหรับวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย, รวมถึงการส่ือสาร
โทรคมนาคม, การสังเกตโลก, การอุตุนิยมวิทยา, การนาทาง, การสารวจดาวเคราะห์และการขนส่ง
มนุษยแ์ ละสินคา้ เปน็ ต้น”
9. จากนน้ั ครูตงั้ คาถามเพ่ือทดสอบความเข้าใจของนักเรยี น โดยมแี นวคาถาม ดงั น้ี
• ยานอวกาศสามารถแบ่งออกได้เปน็ ก่ปี ระเภท
(แนวตอบ: 2 ประเภท คือ ยานอวกาศท่มี ีมนษุ ยค์ วบคุมและยานอวกาศทีไ่ ม่มีมนุษย์ควบคุม)
• เพราะเหตใุ ดนกั วิทยาศาสตร์จึงนิยมใช้ยานอวกาศท่ีไม่มมี นุษย์ควบคุมในการสารวจโครงการตา่ ง ๆ
(แนวตอบ: เหตุผลที่นักวิทยาศาสตร์นิยมใช้ยานอวกาศท่ีไม่มีมนุษย์ควบคุมในงานสารวจในช่วงระยะ
บุกเบกิ และการเดนิ ทางระยะไกล เนอื่ งจากการออกแบบยานไม่ต้องคานึงถึงปัจจัยในการดารงชีวิตทา
ใหย้ านสามารถเดนิ ทางระยะไกลได้เปน็ ระยะเวลานานนอกเหนอื ขดี จากัดของมนุษย์)
10. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานีอวกาศ โดยมีประเด็นดังนี้ “สถานีอวกาศนานาชาติ
(International Space Station : ISS) เป็นห้องทดลองขนาดใหญ่ที่ อยู่ในอวกาศและโคจรอยู่ในวง
โคจรต่าง ๆ ของโลก ใช้ สาหรับเป็นสถานท่ีอานวยความสะดวกสาหรับการค้นคว้าวิจัยในระดับ
นานาชาติเราสามารถมองเห็นสถานีอวกาศนานาชาติได้ด้วยตาเปล่าจากพื้นโลก เนื่องจากสถานี

247

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ปฏสิ มั พันธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ
แผนฯ ท่ี 7 ยานอวกาศและจรวด

อวกาศแห่งนี้เป็นส่ิงก่อสร้างที่ใหญ่ท่ีสุดที่อยู่ในระดับวงโคจรของโลก โดยสถานีอวกาศนานาชาติทา
หน้าท่ีเป็นห้องทดลองวิจัยอย่างถาวรในอวกาศทาการทดลองด้านต่าง ๆ ได้แก่ ชีววิทยา ชีววิทยา
มนุษย์ ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ และอุตุนิยมวิทยา สถานีอวกาศนานาชาติเป็นโครงการร่วมกันระหว่าง
หน่วยงานด้านอวกาศ 5 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA)
องค์การอวกาศสหพันธรัฐรัสเซีย (RKA) องค์การอวกาศแคนาดา (CSA) องค์การสารวจอวกาศญี่ปุ่น
(JAXA) และองคก์ ารอวกาศยุโรป (ESA)”

ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
11. ครูยกตัวอย่างเพ่ิมเติมเก่ียวกับโครงการที่ส่งยานอวกาศ คือ โครงการเมอร์คิวรี (Project Mercury)

ว่า “เป็นแผนการส่งมนุษย์ไปสู่อวกาศ โครงการแรกของนาซา ซึ่งเร่ิมต้นข้ึนในปี 2501 และส้ินสุดลง
ในปี 2506 โดยมีวัตถุประสงค์ เพอื่ ส่งมนุษยอ์ วกาศข้นึ ไปโคจรรอบโลก ทดสอบความสามารถและการ
ดารงชีวิตของมนษุ ยเ์ มอ่ื อย่ใู นอวกาศ”
12. ให้นกั เรียนทา Exercise 2.3 จากหนงั สอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสมั ฤทธ์ิมาตรฐาน) วทิ ยาศาสตร์ ม.3
เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 8 ปฏสิ ัมพันธ์ในระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ
13. ให้นักเรียนทา Thinking skills Activity จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน)
วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 8 ปฏิสมั พนั ธ์ในระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
14. ให้นักเรียนทาแบบทดสอบพัฒนาผู้เรียน จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน)
วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 8 ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
15. ใหน้ ักเรยี นทาใบงานที่ 8.7.1 เรื่อง ยานอวกาศและจรวด
16. ให้นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 8 ปฏสิ ัมพนั ธ์ในระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ

ขน้ั สรปุ

ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครตู ั้งคาถามเพื่อทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยมีแนวคาถามดังน้ี
• กระสวยอวกาศ มีสว่ นประกอบอะไรบา้ งจงอธิบาย

(แนวตอบ: กระสวยอวกาศมีส่วนประกอบท้ังหมด 3 สว่ น คือ 1) ถงั เชือ้ เพลงิ ภายนอก มหี น้าที่บรรทุก
เช้ือเพลิงเหลว ซ่ึงมีท่อลาเลียงเชื้อเพลิงไปทาการสันดาปในเครื่องยนต์ซ่ึงติดต้ังอยู่ทางด้านท้ายของ
กระสวยอวกาศ 2) จรวดเช้อื เพลิงแข็ง มีหน้าทีข่ บั ดันให้ยานขนส่งอวกาศทั้งระบบทะยานขน้ึ สู่อวกาศ
และ 3) ยานขนส่งอวกาศเป็นส่วนที่สามารถนากลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้ง ซึ่งเป็นส่วนที่ทาหน้าทเ่ี ป็น
ยานอวกาศห้องทางานของนักบนิ และบรรทุกสมั ภาระท่ีจะไปปลอ่ ยในวงโคจรในอวกาศ)

248

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ปฏสิ ัมพันธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ
แผนฯ ที่ 7 ยานอวกาศและจรวด

• ยานอวกาศมที ัง้ หมดกปี่ ระเภท
(แนวตอบ: ยานอวกาศ เป็นยานพาหนะที่ออกแบบมาเพ่ือใช้เดินทางในอวกาศซ่ึงสามารถนามนุษย์
หรืออปุ กรณ์อัตโนมัตขิ น้ึ ไปสู่อวกาศ โดยสามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คอื ยานอวกาศท่ีมมี นุษย์
ควบคมุ และยานอวกาศท่ีไม่มีมนษุ ย์ควบคมุ )

2. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรม
การทางานกลุ่ม

3. ครูตรวจสอบผลการทาใบงานท่ี 8.7.1 เรื่อง ยานอวกาศและจรวด
4. ครูตรวจสอบผลการทา Exercise 2.3 จากหนังสอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน (ชุดสมั ฤทธิม์ าตรฐาน)

วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 ปฏิสัมพนั ธ์ในระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ
5. ครตู รวจสอบผลการทา Thinking skills Activity จากหนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชดุ สัมฤทธิม์ าตรฐาน)

วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 8 ปฏสิ มั พันธ์ในระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ

6. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบพฒั นาผู้เรยี น จากหนงั สือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน (ชุดสัมฤทธม์ิ าตรฐาน)

วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 8 ปฏิสมั พันธ์ในระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ

7. ครตู รวจสอบแบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 8 ปฏิสมั พันธใ์ นระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ

10. การวดั และประเมินผล วิธีการ เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน

รายการวดั - ตรวจใบงานที่ 8.7.1 - ใบงานท่ี 8.7.1 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
10.1การประเมินระหว่าง - ตรวจ Exercise 2.3 - Exercise 2.3 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจ Thinking - Thinking Skills - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การจดั กิจกรรม Skills Activity
1) การเกิดขา้ งข้ึนข้างแรม - ตรวจแบบทดสอบ Activity - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
พัฒนาผเู้ รยี น -แบบทดสอบพฒั นา
2) พฤติกรรมการทางาน - สังเกตพฤติกรรม ผ้เู รียน - ระดบั คุณภาพ 2
รายบุคคล การทางานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์
- สังเกตพฤติกรรม การทางานรายบุคคล - ระดบั คุณภาพ 2
3) พฤติกรรมการทางาน การทางานกลุ่ม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์
กลุม่ - ประเมนิ การนาเสนอ การทางานกลุ่ม - ระดบั คุณภาพ 2
ผลงาน - แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์
4) การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน

249


Click to View FlipBook Version