หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 คลืน่
แผนฯ ท่ี 3 ประโยชน์ของคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ
คาชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องที่
ตรงกบั ระดบั คะแนน
การมี
ลาดบั ที่ ชือ่ –สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม
ของนักเรียน ความ ฟงั คนอนื่ ตามทไี่ ดร้ ับ นา้ ใจ การ 15
คิดเหน็ มอบหมาย คะแนน
ปรับปรงุ
ผลงานกลมุ่
321321321321321
เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอ่ื ................................................... ผปู้ ระเมิน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............./.................../...............
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดมี าก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
100
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 คลื่น
แผนฯ ท่ี 3 ประโยชนข์ องคลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
คาชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกบั ระดบั คะแนน
คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อนั พึงประสงคด์ า้ น 321
1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้
กษตั รยิ ์ 1.2 เข้าร่วมกิจกรรมทส่ี รา้ งความสามัคคีปรองดอง และเป็นประโยชน์
ต่อโรงเรยี น
1.3 เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบตั ิตามหลกั ศาสนา
1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี กีย่ วกับสถาบันพระมหากษตั รยิ ์ตามท่ีโรงเรียนจัด
ข้นึ
2. ซ่อื สตั ย์ สุจริต 2.1 ใหข้ ้อมลู ท่ถี กู ต้องและเป็นจริง
2.2 ปฏบิ ัติในสงิ่ ท่ีถูกตอ้ ง
3. มีวนิ ัย รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คับของครอบครวั
มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมตา่ ง ๆ ในชีวิตประจาวัน
4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รจู้ ักใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏบิ ัติได้
4.2 รู้จักจดั สรรเวลาให้เหมาะสม
4.3 เชื่อฟงั คาสัง่ สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ต้แย้ง
4.4 ตง้ั ใจเรยี น
5. อยู่อยา่ งพอเพยี ง 5.1 ใชท้ รัพย์สินและสิง่ ของของโรงเรยี นอย่างประหยัด
5.2 ใชอ้ ปุ กรณ์การเรยี นอย่างประหยัดและร้คู ุณค่า
5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน
6. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 6.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทางานที่ไดร้ บั มอบหมาย
6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสาเรจ็
7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสานึกในการอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย
7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย
8. มจี ิตสาธารณะ 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครทู างาน
8.2 รูจ้ ักการดแู ลรักษาทรพั ย์สมบัตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มของหอ้ งเรียนและ
โรงเรียน
ลงชื่อ .................................................. ผู้ประเมนิ
............/.................../................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
พฤติกรรมที่ปฏิบัตชิ ดั เจนและสม่าเสมอ
พฤติกรรมที่ปฏบิ ัตชิ ดั เจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตบิ างคร้งั ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน 51-60 ดีมาก
41-50 ดี
101 30-40 พอใช้
ตา่ กวา่ 30 ปรบั ปรงุ
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 1 การสะทอ้ นของแสง
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1
กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์
ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 3
เร่ือง การสะท้อนของแสง เวลา 2 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสมั พันธ์ระหว่างสสาร
และพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องกับเสียง แสง
และคลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ รวมทงั้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
2. ตัวช้วี ัด
ว 3.1 ม.3/13 ออกแบบการทดลอง และดาเนินการทดลองด้วยวธิ ที ี่เหมาะสมในการอธบิ าย กฎการสะท้อน
ของแสง
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายความหมายของการสะท้อนของแสงและกฎการสะท้อนของแสง ได้ (K)
2. ทดลองการสะท้อนของแสงบนกระจกเงาราบด้วยวธิ ที เี่ หมาะสมในการอธิบาย กฎการสะทอ้ นของแสง
ได้ (P)
3. นาความรู้เก่ียวกบั การสะท้อนของแสงไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ (A)
4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถนิ่
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- เมื่อแสงตกกระทบวัตถุจะเกิดการสะท้อนซ่ึง
เป็นไปตามกฎการสะท้อนของแสง โดยรังสีตก
กระทบ เส้นแนวฉากรังสีสะท้อนอยู่ในระนาบ
เดียวกัน และมุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน
ภาพจากกระจกเงา เกิดจากรังสีสะท้อนตัดกัน
หรือต่อแนวรังสีสะท้อนให้ตัดกัน โดยถ้ารังสี
สะท้อนตดั กนั จริง จะเกดิ ภาพจรงิ แต่ถา้ ต่อแนว
รังสีสะทอ้ นใหไ้ ปตัดกนั จะเกดิ ภาพเสมอื น
102
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 1 การสะท้อนของแสง
5. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การสะท้อนของคล่ืน คือ การเปลี่ยนทิศทางของหน้าคล่ืนที่รอยต่อของ 2 ตัวกลางแตกต่างกัน ส่งผล
ให้หน้าคล่ืนเดินทางกลับสู่ตัวกลางเดิม เนื่องจากแสงประพฤติตัวเป็นคลื่น ดังนั้นแสงจึงมีสมบัติการสะท้อน
เชน่ กนั
6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
1) ทักษะการนาความรู้ไปใช้
2) ทกั ษะการทดลอง
3) ทักษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล
4) ทกั ษะการตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรุป
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน
8. คาถามสาคัญ
1. การสะท้อนของแสงบนผิววตั ถมุ กี ่แี บบ
2. กฎการสะท้อน คือ อะไร
9. กิจกรรมการเรยี นรู้
วธิ ีการสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชว่ั โมงท่ี 1
ขั้นนา
ขนั้ ที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
1. ให้นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 เร่อื ง แสงและการมองเห็น
2. ครตู ้ังคาถามกระตุ้นความสนใจของนกั เรียน โดยมีแนวคาถาม ดงั นี้
103
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ท่ี 1 การสะท้อนของแสง
• แสงคืออะไร
(แนวตอบ: พิจารณาจากคาตอบของนกั เรยี น)
3. จากนั้นครูอธิบายต่อว่า “พลังงานรูปหน่ึงท่ีไม่มีตัวตน แต่สามารถทางานได้ แสงช่วยให้เรามองเห็น
ส่ิงต่าง ๆ แสงเปลี่ยนมาจากพลังงานรูปหน่ึงแล้วยังเปลี่ยนไปเป็นพลังงานรูปอื่นได้ แสงสว่างมี
ประโยชน์ต่อการดารงชีวิตของมนุษยท์ ั้งทางตรง และทางอ้อม โดยแสงน้ันมีอยู่ 2 รูปแบบคือแสงท่ี
เกิดจากธรรมชาตแิ ละมนุษยส์ ร้างข้นึ น่ันเอง”
4. ใหน้ ักเรยี นดูบัตรภาพสิ่งของต่าง ๆ ท่ีครเู ตรียมมา จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันแยกประเภทของบัตร
ภาพว่าภาพใดเป็นแสงท่ีธรรมชาติสร้างขึ้นหรือภาพท่ีมนุษย์สร้างข้ึน (เช่น ภาพตะเกียง จ้ักจั่น
งวงช้าง หง่ิ ห้อย เทียนไข เป็นตน้ )
5. ครูทบทวนความรู้โดยเช่ือมโยงว่า แสงนั้นเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยคุณสมบัติของคล่ืนมี 4
ประเภท คอื การสะท้อน การหกั เห การแทรกสอด และการเลีย้ วเบน ซงึ่ วันน้ีเราจะมาศึกษาสมบัติ
ของการสะทอ้ น
ข้ันสอน
ขน้ั ท่ี 2 สารวจคน้ หา (Explore)
1. ให้นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 3-5 คน เพือ่ ศึกษาคน้ ควา้ ข้อมูล เร่ือง การสะทอ้ นของแสง จากหนังสอื
เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน (ชดุ สมั ฤทธ์ิมาตรฐาน) วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 7 การ
แสงและการมองเห็น หรือจากแหลง่ การเรยี นรตู้ ่าง ๆ เชน่ อินเทอร์เนต็
2. ครตู งั้ คาถามจากการคน้ คว้าข้อมลู ของนักเรยี นโดยมีแนวคาถาม ดงั น้ี
• ลกั ษณะการสะทอ้ นของแสงสามารถแบง่ ออกได้เป็นกป่ี ระเภท
(แนวตอบ: 2 ประเภท ได้แก่ การสะท้อนแสงแบบกระจกเงาและการสะท้อนแสงแบบกระจาย)
• ตัวกลางของแสงมกี ป่ี ระเภท และมีอะไรบา้ ง
(แนวตอบ: 3 ประเภท ไดแ้ ก่ ตัวกลางโปรง่ แสง ตวั กลางโปร่งใส และตัวกลางทบึ แสง)
3. ครูเตรียมวัสดุอุปกรณ์กิจกรรมตัวกลางของแสง โดยมีอุปกรณ์ดังน้ี แผ่นอะคริลิค กระจกใส ฟิว
เจอร์บอร์ด แก้วพลาสติกท่ีใส่น้าไว้ กระจกฝ้า แผ่นไม้ กระเบ้ือง และกระดาษ A4 จากนั้นให้
นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ออกมารบั วสั ดอุ ปุ กรณ์กิจกรรมตัวกลางของแสง ท่หี นา้ ชั้นเรียน
4. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทาการทดลองเก่ียวกับตัวกลางของแสง โดยให้แต่ละกลุ่มเตรียมไฟฉายท่ีเปิด
จากโทรศพั ทม์ อื ถือ จากน้นั ให้แต่กลุม่ นาวัสดุอปุ กรณ์ตัวกลางของแสงออกมาทดลองกบั ไฟฉาย โดย
ใช้ไฟฉายส่องไปท่ีวัสดุอุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ ว่าวัสดุอุปกรณ์ชนิดใดท่ีเป็นตัวกลางโปร่งแสง ตัวกลาง
โปรง่ ใส และตวั กลางทึบแสง
104
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 1 การสะทอ้ นของแสง
5. ครูถามคาถามเพ่อื ทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยมีแนวคาถาม ดังนี้
• วสั ดอุ ปุ กรณ์ใดบา้ งท่แี สงผ่านไดห้ มด
(แนวตอบ: แผ่นอะครลิ ิค กระจกใส และแก้วพลาสตกิ ทใ่ี ส่น้าไว้)
•วัสดุอปุ กรณใ์ ดบา้ งที่แสงผ่านไดอ้ ยา่ งไม่เปน็ ระเบียบ
(แนวตอบ: ฟวิ เจอร์บอรด์ กระจกฝ้า และกระดาษ A4)
•วัสดุอุปกรณ์ใดบา้ งท่ีแสงผา่ นไดอ้ ย่างไม่เปน็ ระเบียบ
(แนวตอบ: แผน่ ไม้ และกระเบ้อื ง)
ขนั้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
6. ครูอธิบายถึงแบ่งวัตถุตามปริมาณแสงที่ผ่านวัตถุโดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้ วัตถุ
โปร่งใส คอื วตั ถุท่ีแสงผ่านได้หมดหรือเกอื บหมดอย่างเป็นระเบียบ เช่น อากาศ กระจกใส และแผ่น
พลาสติกใส วตั ถุโปรง่ แสง คือ วัตถทุ ีแ่ สงผ่านไดอ้ ย่างไม่เป็นระเบียบ เช่น กระจกฝ้า กระดาษไขหรือ
กระดาษลอกลาย และหมอก และวัตถุทึบแสง คือ วัตถุท่ีแสงผ่านไปไม่ได้ เช่นผ้า แผ่นไม้ แผ่น
อะลมู ิเนียม กระดาษหนา เหลก็ และทองแดง
7. ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรเู้ ก่ียวกบั การสะท้อนของแสงแบบต่าง ๆ จากหนังสอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน (ชดุ
สัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 แสงและการมองเห็น ลงในสมุด
ประจาตัว
ชว่ั โมงท่ี 2
ขั้นที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore)
8. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เพ่ือทากิจกรรมการสะท้อนของแสงบนกระจกเงาราบ จาก
หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7
แสงและการมองเหน็ โดยมีจุดประสงค์เพ่ือศึกษาการสะท้อนของแสง
9. จากน้ันให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมารับวัสดุอุปกรณ์กิจกรรมการสะท้อนของแสงบน
กระจกเงาราบ โดยให้แต่ละกลุ่มศึกษาข้ันตอนและวิธีการทดลอง จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน
(ชดุ สมั ฤทธิม์ าตรฐาน) วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 7 แสงและการมองเห็น
10. ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ บันทึกผลการทดลองจากกจิ กรรมการสะท้อนของแสงบนกระจกเงาราบ ลงในใบบันทึก
ผลการทดลอง เร่ือง การสะทอ้ นของแสงบนกระจกเงาราบ
ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
11. ครูสุ่มนักเรียนจานวน 2-3 กลุ่ม เพ่ือออกมานาเสนอผลการทดลองกิจกรรมการสะท้อนของแสงบน
กระจกเงาราบ ทหี่ น้าชัน้ เรยี นที่หน้าชัน้ เรียน
105
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ท่ี 1 การสะท้อนของแสง
12. จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติม ดังนี้ ลักษณะการสะท้อนของแสง แบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ ดังนี้ 1. การ
สะท้อนแสงแบบกระจกเงา (specular reflection) เกิดข้ึนเม่ือรังสีของแสงท่ีขนานกันตกกระทบ
กับพื้นผิวท่ีเรียบ ทาให้ทุกรังสีที่สะท้อนมีมุมสะท้อนที่เท่ากัน 2. การสะท้อนแสงแบบกระจาย
(diffuse reflection) เม่ือรังสีของแสงที่ขนานกัน ตกกระทบพื้นผิวท่ีขรุขระหรือพ้ืนผิวไม่เรียบ ทา
ให้เกิดการสะท้อนแสงแบบกระจาย ถึงแม้ว่าการสะท้อนของรังสีของแสงแต่ละแนวจะเป็นไปตาม
กฎการสะท้อนก็ตาม แตเ่ น่อื งจากรงั สีของแต่ละแนวตกกระทบกบั พืน้ ผิวดว้ ยมุมตกกระทบท่ีต่างกัน
ทาให้แนวการสะท้อนของแสงเป็นไปได้ในทกุ ทศิ ทาง
ข้นั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
13. ครทู บทวนความรู้เดิมของนักเรียน โดยการวาดรูปลกั ษณะการสะท้อนแสงแบบต่าง ๆ โดยมตี ัวอยา่ ง
ดงั น้ี
จากนั้นครูสุ่มนักเรียนจานวน 1-2 คน ออกมาอธิบายลักษณะการสะท้อนแสงทั้ง 2 รูปแบบที่หน้า
ชั้นเรยี น
14. นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายถึงกฎการสะท้อนของแสงว่า “กฎการสะท้อน (Law of Reflection)
กล่าวว่า เม่ือเกิดการสะท้อนของแสงทุกคร้ังมุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อนเสมอ และรังสีตก
กระทบ รงั สสี ะท้อน และเสน้ แนวฉากตอ้ งอยใู่ นระนาบเดยี วกัน”
15. ให้นักเรียนทา Exercise 1.1 จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์
ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 แสงและการมองเหน็ ลงในสมุดประจาตัว
16. ให้นกั เรยี นทาใบงานที่ 7.1.1 เรอื่ ง การสะทอ้ นของแสง
ข้นั สรุป
ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครตู ้ังคาถามเพ่ือทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียน โดยมีแนวคาถาม ดังนี้
• หลักการสะท้อนแสง คืออะไร
(แนวตอบ: หลักการสะทอ้ นแสง คือการทรี่ ังสตี กกระทบ เสน้ แนวฉาก และรังสีสะทอ้ นอยู่ในระนาบ
เดยี วกัน มุมตกกระทบเทา่ กบั มมุ สะท้อน)
• ลกั ษณะการสะท้อนของแสงแบ่งออกเปน็ ก่ลี ักษณะ แล้วมอี ะไรบ้าง
(แนวตอบ: มี 2 ลกั ษณะ ได้แก่ การสะท้อนปกติ และการสะท้อนแบบกระจาย)
106
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ท่ี 1 การสะท้อนของแสง
2. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 7 แสงและการมองเหน็
3. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤตกิ รรม
การทางานกลมุ่
4. ครตู รวจสอบผลการทาใบงานที่ 7.1.1 เรอ่ื ง การสะทอ้ นของแสง
5. ครูตรวจสอบผลการทา Exercise 1.1 จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน)
วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเหน็
10. การวดั และประเมินผล
รายการวดั วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน
10.1 การประเมนิ ก่อนเรียน
- แบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น - ประเมินตามสภาพจริง
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 7 กอ่ นเรียน
แสงและการมองเห็น
10.2 การประเมนิ ระหวา่ ง
การจัดกิจกรรม
1) การสะท้อนของแสง - ตรวจใบงานท่ี 7.1.1 - ใบงานที่ 7.1.1 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจ Exercise 1.1 - Exercise 1.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
2) พฤติกรรมการทางาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
รายบุคคล การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
3) พฤติกรรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
กลมุ่ การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
4) การนาเสนอผลงาน - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมนิ - ระดับคณุ ภาพ 2
ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
5) คุณลักษณะอันพึง - สังเกตความมวี นิ ยั - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2
ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มัน่ คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
ในการทางาน อนั พึงประสงค์
11. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
11.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน (ชดุ สัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7
แสงและการมองเหน็
2) ใบงานท่ี 7.1.1 เรื่อง การสะท้อนของแสง
3) วัสดุอปุ กรณ์กิจกรรมตวั กลางของแสง
107
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ท่ี 1 การสะทอ้ นของแสง
4) วสั ดุอุปกรณ์กจิ กรรมการสะทอ้ นของแสงบนกระจกเงาราบ
5) บัตรภาพส่งิ ของตา่ ง ๆ
6) ใบบันทึกผลการทดลอง เร่ือง การสะท้อนของแสงบนกระจกเงาราบ
11.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องปฏบิ ตั กิ ารวทิ ยาศาสตร์
3) อินเทอรเ์ น็ต
108
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ที่ 1 การสะทอ้ นของแสง
ใบงานที่ 7.1.1
เรอ่ื ง การสะทอ้ นของแสง
ตอนท1ี่ ใหน้ ักเรียนจับคู่ โดยนาชนิดของตัวกลางด้านขวามาใส่ในช่องวา่ งใหต้ รงกับตัวกลางดา้ นซ้าย
ตัวกลาง ชนิดของตวั กลาง
1. แว่นสายตา ก ตวั กลางโปร่งใส
2. กระจกฝ้า ข ตัวกลางโปรง่ แสง
3. กระจกเงาระนาบ ค ตวั กลางทบึ แสง
4. แวน่ กันแดด ง สรุปไมไ่ ด้
5. เลนสน์ ูน
6. หมอกควัน
7. บลอ็ กแก้ว
8. ปรซิ มึ
9. ไมก้ ระดาน
10. แผน่ โพลคี าร์บอเนต
ตอนท่ี 2 จงเติมคาหรือข้อความในช่องวา่ งให้ถกู ต้อง
1. เสน้ แนวฉาก คือ
2. รังสีตกกระทบ คือ
3. รงั สีสะทอ้ น คือ
4. ก เส้นแนวฉาก จากรปู รังสขี องแสง กข ตกกระทบบนกระจกเงาระนาบ
จงตอบคาถามต่อไปน้ี
60o ข 4.1 มุมตกกระทบมีค่าเท่ากับ ..........................................
4.2 มุมสะท้อนมีคา่ เทา่ กบั ………………………………………..
109
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ที่ 1 การสะท้อนของแสง
ใบงานที่ 7.1.1 เฉลย
เร่อื ง การสะท้อนของแสง
ตอนที่ 1 : ให้นักเรียนจับคู่ โดยนาชนิดของตวั กลางด้านขวามาใส่ในช่องวา่ งใหต้ รงกับตัวกลางดา้ นซา้ ย
ตวั กลาง ชนิดของตัวกลาง
..ก.. 1. แวน่ สายตา ก ตวั กลางโปรง่ ใส
..ข.. 2. กระจกฝ้า ข ตัวกลางโปรง่ แสง
..ค.. 3. กระจกเงาระนาบ ค ตวั กลางทึบแสง
..ข.. 4. แวน่ กันแดด ง สรุปไมไ่ ด้
..ก.. 5. เลนสน์ นู
..ข.. 6. หมอกควัน
..ข.. 7. บลอ็ กแก้ว
..ก.. 8. ปริซึม
..ค.. 9. ไม้กระดาน
..ข.. 10. แผน่ โพลคี าร์บอเนต
ตอนท่ี 2 จงเติมคาหรือข้อความในช่องวา่ งให้ถกู ต้อง
1. เส้นแนวฉาก คือ เสน้ ทีต่ ง้ั ฉากกับพน้ื ผิวของวัตถตุ รงจดุ ทีแ่ สงตกกระทบ
2. รังสตี กกระทบ คือ รังสีของแสงทพ่ี ุ่งเขา้ หาพื้นผิวของวตั ถุ
3. รังสสี ะทอ้ น คือ รงั สีของแสงที่พุ่งออกจากพน้ื ผวิ ของวตั ถุ
4. ก เส้นแนวฉาก จากรปู รงั สีของแสง กข ตกกระทบบนกระจกเงาระนาบ
จงตอบคาถามต่อไปน้ี
4.1 มุมตกกระทบมีค่าเท่ากับ 30o
60o ข 4.2 มมุ สะท้อนมีคา่ เท่ากับ 30o
110
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 1 การสะท้อนของแสง
12. ความเหน็ ของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาหรือผ้ทู ่ไี ดร้ ับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงช่ือ .................................
( ................................ )
ตาแหนง่ .......
13. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
ดา้ นความรู้
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมทม่ี ีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
111
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ที่ 2 การเกิดภาพจากกระจกเงา
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์
ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3
เร่ือง การเกิดภาพจากกระจกเงา เวลา 2 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่าง
สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องกับเสียง
แสง และคล่ืนแม่เหล็กไฟฟา้ รวมทัง้ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
2. ตวั ชวี้ ดั
ว 3.1 ม.3/14 เขียนแผนภาพการเคล่อื นท่ีของแสง แสดงการเกดิ ภาพจากกระจกเงา
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายหลกั การการเกดิ ภาพจากกระจกเงาได้ (K)
2. เขยี นแผนภาพการเคลอ่ื นทข่ี องแสง แสดงการเกดิ ภาพจากกระจกเงาได้ (P)
5. นาความรูเ้ กยี่ วกบั การสะท้อนของแสงไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ (A)
4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรูท้ ้องถ่นิ
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
- เมื่อแสงตกกระทบวัตถุจะเกิดการสะท้อนซึ่ง
เป็นไปตามกฎการสะท้อนของแสง โดยรังสีตก
กระทบ เส้นแนวฉากรังสีสะท้อนอยู่ในระนาบ
เดียวกัน และมุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน
ภาพจากกระจกเงา เกิดจากรังสีสะท้อนตัดกัน
หรือต่อแนวรังสีสะท้อนให้ตัดกัน โดยถ้ารังสี
สะทอ้ นตัดกันจริง จะเกิดภาพจริงแตถ่ า้ ต่อแนว
รังสีสะท้อนให้ไปตดั กันจะเกดิ ภาพเสมือน
112
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ที่ 2 การเกดิ ภาพจากกระจกเงา
5. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การเกิดภาพจากกระจกเงาราบ สิ่งท่ีเกี่ยวข้องกับการเกิดภาพ โดยมีหลักการ คือลาแสงท่ีออกจาก
แหล่งกาเนดิ แสงหรอื วัตถทุ ่สี ะท้อนแสง เม่ือตกกระทบดา้ นหนา้ กระจกเงาราบแลว้ สะท้อนเข้าสู่ตาเรา จะทาให้
เรามองเหน็ ภาพของวัตถุปรากฏอยดู่ ้านหลังกระจก ซึง่ เปน็ ภาพเสมอื นหวั ตั้งทีม่ ีขนาดเทา่ กบั วตั ถุ แต่วตั ถุท่เี ห็น
ในกระจกเงาจะตา่ งจากวตั ถุจรงิ คอื ภาพจะกลบั จากซา้ ยเป็นขวา และขวาเป็นซา้ ย
6. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ
1) ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้
2) ทกั ษะการทดลอง
3) ทักษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล
4) ทกั ษะการตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรุป
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
8. คาถามสาคญั
1. ภาพทีเ่ กิดจากกระจกเงาราบและกระจกเงาโค้ง ลักษณะอย่างไร
2. ภาพจรงิ และภาพเสมอื นแตกตา่ งกันอย่างไร
9. กจิ กรรมการเรียนรู้
วิธีการสอนโดยเนน้ รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชว่ั โมงท่ี 1
ขัน้ นา
ขนั้ ท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
1. ครทู บทวนความรู้เดมิ ของนกั เรียนเกี่ยวกับเร่ือง การสะท้อนของแสง โดยมแี นวคาถามดงั น้ี
113
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ที่ 2 การเกิดภาพจากกระจกเงา
• มุมตกกระทบและมมุ สะท้อนของแสงเท่ากนั หรอื ไม่
(แนวตอบ: มมุ ตกกระทบและมมุ สะท้อนของแสงมีค่าเทา่ กนั )
2. ใหน้ ักเรียนหยิบโทรศัพทห์ รอื กระจกของแตล่ ะคนขึ้นมา จากนั้นให้นกั เรยี นทหี่ ยบิ โทรศพั ท์ขึ้นมาเปิด
กลอ้ งหน้าของโทรศพั ท์ จากนัน้ ให้แตล่ ะคนทาตามคาสงั่ ท่ีครใู ห้ทา ดงั นี้
- ใหน้ ักเรียนยกมือขวา
- ใหน้ กั เรยี นยกมือซ้าย
3. จากน้ันครูถามคาถามนกั เรียนวา่
- เม่ือนกั เรียนลองยกมือขวาแลว้ เป็นอย่างไร
- เมอ่ื นักเรยี นลองยกมือซา้ ยแลว้ เป็นอย่างไร
(แนวตอบ: พจิ ารณาจากคาตอบของนักเรียน)
4. ครูเช่อื มโยงไปสู่การจดั การเรยี นรู้ เรอ่ื ง การเกดิ ภาพจากกระจกเงา
ขัน้ สอน
ขนั้ ที่ 2 สารวจค้นหา (Explore)
2. ครูอธิบายต่อว่า “การเกิดภาพจากกระจกเงาราบ ส่ิงที่เกี่ยวข้องกับการเกิดภาพ คือ การสะท้อน
ของแสง โดยมีหลักการ คือ ลาแสงที่ออกจากแหล่งกาเนิดแสงหรือวัตถุท่ีสะท้อนแสง เมื่อตก
กระทบดา้ นหน้ากระจกเงาราบแลว้ สะท้อนเข้าสู่ตาเรา จะทาใหเ้ รามองเห็นภาพของวตั ถุปรากฏอยู่
ดา้ นหลังกระจก ซ่ึงเป็นภาพเสมอื นหัวตง้ั ทีม่ ีขนาดเท่ากับวัตถุ แต่วตั ถุท่เี ห็นในกระจกเงาจะต่างจาก
วัตถุจรงิ คอื ภาพจะกลับจากซา้ ยเปน็ ขวา และขวาเป็นซา้ ย”
3. ให้นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เพ่ือศึกษาคน้ ควา้ ข้อมูล เร่อื ง การเกิดภาพจากกระจกเงา จาก
หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้
ท่ี 7 แสงและการมองเห็น หรอื จากแหลง่ การเรยี นรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอรเ์ น็ต
4. นักเรยี นและครูร่วมกนั อธิบายวา่ “เม่ือมองเข้าไปในกระจกเงาระนาบจะเหน็ ภาพของตัวเองเกิดขึ้นท่ี
หลังกระจก ภาพที่เห็นน้ีเกิดจากการสะท้อนของแสงท่ีกระจก ระยะท่ีลากจากวัตถุไปต้ังฉากกับผิว
กระจก เรยี กวา่ ระยะวตั ถุ และระยะทีล่ ากจากภาพไปต้ังฉากกบั ผวิ กระจก เรียกวา่ ระยะภาพ”
ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
5. ให้นักเรียนสังเกตภาพที่เกิดขึ้นจากกระจกเงาราบจะเป็นภาพเสมือนอยู่หลังกระจก มีระยะภาพ
เทา่ กับระยะวัตถุ และขนาดภาพเท่ากับขนาดวัตถภุ าพทไ่ี ดจ้ ะกลับด้านกัน จากหนังสือเรียนรายวชิ า
พืน้ ฐาน (ชดุ สมั ฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 7 แสงและการมองเห็น
114
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ท่ี 2 การเกดิ ภาพจากกระจกเงา
6. ให้นักเรียนศึกษาหลักการเขียนภาพจากกระจกเงาราบ จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุด
สัมฤทธมิ์ าตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 7 แสงและการมองเหน็
6. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เพ่ือทากิจกรรมการหาระยะวัตถุและระยะภาพของกระจกเงา
เว้า จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการ
เรยี นรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเหน็ โดยมจี ุดประสงคเ์ พื่อศกึ ษาการเกดิ ภาพจากกระจกเงาเว้า
7. จากน้ันให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมารับวัสดุอุปกรณ์กิจกรรมการหาระยะวัตถุและระยะ
ภาพของกระจกเงาเว้า โดยใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ศึกษาขนั้ ตอนและวิธีการทดลอง จากหนงั สอื เรยี นรายวิชา
พ้ืนฐาน (ชดุ สมั ฤทธม์ิ าตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 7 แสงและการมองเหน็
8. ให้แตล่ ะกลมุ่ บนั ทึกผลการทดลองจากกจิ กรรมการสะท้อนของแสงบนกระจกเงาราบ ลงในใบบนั ทึก
ผลการทดลอง เร่อื ง การหาระยะวตั ถแุ ละระยะภาพของกระจกเงาเว้า
ช่ัวโมงที่ 2
ขนั้ ท่ี 2 สารวจค้นหา (Explore)
9. ครูสุ่มนักเรียนจานวน 2-3 กลุ่ม เพ่ือออกมานาเสนอผลการทดลองกิจกรรมการหาระยะวัตถุและ
ระยะภาพของกระจกเงาเว้า ท่ีหนา้ ช้นั เรยี นทห่ี นา้ ชั้นเรียน
10. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายถึงผลการทากิจกรรมการหาระยะวัตถุและระยะภาพของกระจกเงา
เว้า ว่า “ภาพท่ีเกิดขึ้นกับกระจกเว้า เป็นภาพวัตถุหัวต้ังขนาดใหญ่กว่าวัตถุ และภาพหัวกลับมีทั้ง
ขนาดใหญ่กว่าและเล็กกว่าวัตถุ”
ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
11. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เพ่ือศึกษาค้นคว้าข้อมูล เร่ือง การเกิดภาพในกระจกเงาโค้ง
จากหนังสอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสมั ฤทธ์มิ าตรฐาน) วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่
7 แสงและการมองเหน็ หรอื จากแหลง่ การเรียนรู้ต่าง ๆ เชน่ อินเทอร์เน็ต
12. นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายเก่ียวกับผลการสืบค้น ดังน้ี “กระจกเงาโค้งแบ่งเป็น 2 ชนิด ดังนี้ 1.
กระจกเงาเว้า (concave mirrors) เป็นกระจกเงาท่ีมีผิวหน้าโค้งเว้าเข้าไปข้างใน ทาหน้าที่รวมแสง
สามารถสะท้อนแสงให้เข้ามาตัดกันภายในรศั มีความโค้งของกระจกเงาภาพที่เกิดขึ้นจากกระจกเงา
เว้าจะมีหลายลักษณะขึ้นอยู่กับตาแหน่งของวัตถุ และ 2. กระจกเงานูน (convex mirrors) เป็น
กระจกเงาท่ีมีผิวหน้าที่ใช้สะทอ้ นแสงโค้งนนู ยนื่ ออกมา ทาหน้าที่กระจายแสง ภาพที่เกดิ จากกระจก
เงานูนจะเปน็ ภาพเสมอื นหัวตงั้ ทม่ี ีขนาดเล็กกว่าวตั ถุ”
13. ให้นักเรียนแต่ละคนศึกษาหลักการเขียนภาพจากกระจกเงาโค้ง จาก หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน
(ชุดสมั ฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 7 แสงและการมองเห็น หรอื จาก
แหล่งการเรยี นรู้ตา่ ง ๆ เชน่ อนิ เทอรเ์ น็ต
115
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 2 การเกดิ ภาพจากกระจกเงา
ข้นั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
14. ให้นักเรียนทา Exercise 1.1 จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์
ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเหน็ ลงในสมดุ ประจาตวั
15. ให้นักเรยี นทาใบงานที่ 7.2.1 เร่ือง การเกดิ ภาพจากกระจกเงา
ข้ันสรุป
ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูต้ังคาถามเพื่อทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียน โดยมีแนวคาถาม ดังน้ี
• สว่ นประกอบของกระจกเงาโคง้ ประกอบด้วยอะไรบ้าง
(แนวตอบ: สว่ นประกอบของกระจกเงาโค้ง ประกอบดว้ ย
1. เส้นแกนมุขสาคัญ (Principal axis) คือ เส้นตั้งฉากกับผิวกระจกเงาโค้งท่ีจุดกึ่งกลางของกระจก
โค้งหรือเสน้ ตรงที่ลากผา่ น
2. จุดยอด (Vertex; V) คอื จดุ กลางของผวิ ส่วนโค้งของกระจกเงา
3. จุดโฟกัส (Focus; F) คือ จุดตัดกันของรังสีสะท้อนจากรังสีตกกระทบ (ผิวกระจก) ท่ีขนานและ
ไม่ห่างกบั แกนมุขสาคัญมากนกั
4. จุดศูนย์กลางของความโค้ง (Center of curvature; C) หรือจุดศูนย์กลางของทรงกลมท่ีมีรัศมี
R ทพี่ จิ ารณาเปน็ ส่วนของกระจกโค้ง
5. รัศมีความโค้ง (Radius of curvature; R) คือ ระยะจากจุดศูนย์กลางของความโค้ง (C) ถึงจุด
ยอด (V) สาหรับกระจกเงาโค้ง รัศมีความโคง้ จะมีคา่ เป็น 2 เท่าของความยาวโฟกสั (R=2f)
6. ความยาวโฟกัส (Focal length; f) คือ จุดโฟกัสเป็นจุดก่ึงกลางระหว่างจุดยอด (V) กับจุด
ศูนยก์ ลางความโค้ง (C)
•ภาพจริงเกดิ จากอะไร
(แนวตอบ: ภาพจริง (real image) เกิดจากรังสีของแสงตัดกันจริง จะเกิดภาพหน้ากระจกหรือหลัง
เลนส์ ตอ้ งมฉี ากรบั ภาพ ภาพที่ได้จะมีลกั ษณะหวั กลับกับวัตถุ เชน่ ภาพท่ปี รากฏบนจอภาพยนตร์)
•ภาพเสมือนเกิดจากอะไร
(แนวตอบ: ภาพเสมือน (virtual image) เกิดจากรังสีของแสงเสมือนตัดกันโดยการต่อรังสีของแสง
จะเกิดภาพด้านหลังกระจกหรือหน้าเลนส์ ไม่ต้องมีฉากรับภาพ ภาพที่ได้จะมีลักษณะหัวต้ัง
เหมอื นกับวัตถุ เชน่ ภาพเกิดจากกระจก)
•ภาพที่เกิดจากกระจกโค้งและกระจกเงานนู มลี ักาณะแตกต่างกนั อย่างไร
(แนวตอบ: ภาพท่ีเกิดจากกระจกเงาเว้าเป็นได้ท้ังภาพจริงและภาพเสมือนแต่ภาพที่เกิดจากกระจก
เงาเวา้ ไดแ้ คภ่ าพเสมือน)
2. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล พฤตกิ รรม
การทางานกลุ่ม
116
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ที่ 2 การเกิดภาพจากกระจกเงา
3. ครตู รวจสอบผลการทาใบงานท่ี 7.2.1 เร่ือง การเกดิ ภาพจากกระจกเงา
4. ครูตรวจสอบผลการทา Exercise 1.1 จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน)
วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเห็น
10. การวัดและประเมินผล
รายการวัด วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน
10.1 การประเมินระหวา่ ง
การจดั กิจกรรม
1) การเกิดภาพจาก - ตรวจใบงานท่ี 7.2.1 - ใบงานที่ 7.2.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
กระจกเงา - ตรวจ Exercise 1.1 - Exercise 1.1 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
2) พฤติกรรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
รายบุคคล การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
3) พฤติกรรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
กล่มุ การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
4) การนาเสนอผลงาน - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2
ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
5) คุณลกั ษณะอันพึง - สงั เกตความมวี นิ ยั - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2
ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ ม่นั คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
ในการทางาน อันพึงประสงค์
11. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
11.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียนรายวิชาพ้นื ฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 7
แสงและการมองเห็น
2) ใบงานที่ 7.2.1 เรอ่ื ง การเกิดภาพจากกระจกเงา
3) วัสดอุ ปุ กรณ์กิจกรรมการหาระยะวตั ถุและระยะภาพของกระจกเงาเว้า
4) ใบบันทึกผลการทดลอง เรื่อง การหาระยะวัตถแุ ละระยะภาพของกระจกเงาเวา้
11.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์
3) อนิ เทอรเ์ นต็
117
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ที่ 2 การเกดิ ภาพจากกระจกเงา
ใบงานท่ี 7.2.1
เรือ่ ง การเกดิ ภาพจากกระจกเงา
ตอนท่ี 1
คาชีแ้ จง: จงเขียนเครื่องหมาย √ หน้าข้อท่ีถูกตอ้ ง และเคร่ืองหมาย × หนา้ ขอ้ ท่ีไม่ถูกต้อง
1. ภาพท่ีเกิดในกระจกเงาราบเป็นภาพจริง เพราะมแี สงสะท้อนจากภาพเข้ามาตา
2. สมชายสูง 180 เซนติเมตร ยืนมองภาพตนเองในกระจกเงาไดเ้ ต็มตัว จะมีระยะภาพและระยะวัตถุ
เทา่ กัน และขนาดภาพสงู 180 เซนติเมตร
3. ภาพทเี่ กิดในกระจกเงาราบต้องมลี ักษณะหวั ตัง้ เหมือนวัตถุเสมอ
4. ภาพต่าง ๆ ท่ปี รากฏในกระจกเงาระนาบจะกลบั ข้างกนั เสมอ เชน่ ตวั อักษรจะกลบั จากซา้ ยเปน็
ขวา
ตอนท่ี 2
คาชแี้ จง: จงเขียนเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั ความเข้าใจชองนกั เรียน
สงิ่ ของต่าง ๆ กระจกเวา้ กระจกนนู
1. กระจกขา้ งรถยนต์
2. กระจกรถหนา้ คนขับ
3. กระจกตรวจฟัน
4. กระจกเสรมิ สวย
5. กระจกแตง่ หนา้
6. กระจกในกล้องโทรทรรศนช์ นิดสะทอ้ นแสง
7. กระจกทางแยก
8. กระจกเตาสุรยิ ะ
9. จานดาวเทยี ม
10. จานเรดาร์
118
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ที่ 2 การเกดิ ภาพจากกระจกเงา
ใบงานท่ี 7.2.1 เฉลย
เรือ่ ง การเกดิ ภาพจากกระจกเงา
ตอนที่ 1
คาชี้แจง: จงเขยี นเครื่องหมาย √ หน้าข้อท่ีถูกต้อง และเครื่องหมาย × หน้าข้อท่ีไม่ถกู ต้อง
× 1. ภาพทเ่ี กิดในกระจกเงาราบเป็นภาพจรงิ เพราะมีแสงสะท้อนจากภาพเข้ามาตา
√ 2. สมชายสูง 180 เซนติเมตร ยืนมองภาพตนเองในกระจกเงาได้เต็มตัว จะมีระยะภาพและระยะวตั ถุ
เทา่ กัน และขนาดภาพสงู 180 เซนตเิ มตร
× 3. ภาพท่ีเกดิ ในกระจกเงาราบต้องมีลักษณะหวั ต้งั เหมือนวตั ถุเสมอ
√ 4. ภาพต่าง ๆ ท่ีปรากฏในกระจกเงาระนาบจะกลบั ข้างกนั เสมอ เชน่ ตัวอักษรจะกลับจากซา้ ยเปน็
ขวา
ตอนที่ 2
คาช้แี จง: จงเขียนเคร่ืองหมาย √ ลงในช่องที่ตรงกบั ความเข้าใจชองนักเรียน
ส่งิ ของต่าง ๆ กระจกเว้า กระจกนูน
1. กระจกข้างรถยนต์ √
2. กระจกรถหนา้ คนขบั √ √
3. กระจกตรวจฟนั √
4. กระจกแตง่ หน้า √ √
5. กระจกโกนหนวด √
6. กระจกในกลอ้ งโทรทรรศนช์ นิดสะทอ้ นแสง
7. กระจกทางแยก √
8. กระจกเตาสุริยะ √
9. จานดาวเทยี ม √
10. จานเรดาร์
119
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 2 การเกดิ ภาพจากกระจกเงา
12. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผ้ทู ่ไี ดร้ ับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงช่ือ .................................
( ................................ )
ตาแหนง่ .......
13. บันทกึ ผลหลงั การสอน
ดา้ นความรู้
ด้านสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมทม่ี ีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))
ปญั หา/อุปสรรค
แนวทางการแกไ้ ข
120
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 3 การหกั เหของแสง
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์
ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3
เรื่อง การหักเหของแสง เวลา 3 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่าง
สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องกบั เสียง
แสง และคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทง้ั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
2. ตวั ชีว้ ัด
ว 3.1 ม.3/15 อธบิ ายการหกั เหของแสงเม่ือผ่านตวั กลางโปร่งใสท่ีแตกต่างกนั และอธบิ ายการกระจายแสงของ
แสงขาวเมอ่ื ผ่านปรซิ มึ จากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายการหักเหของแสงเม่ือผ่านตวั กลางโปร่งใสทแี่ ตกต่างกัน (K)
2. อธบิ ายการกระจายแสงของแสงขาวเม่อื ผ่านปรซิ ึมจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ (K)
3. ทดลองการหักเหของแสง และเขยี นภาพแสดงการหักเหของแสงทผ่ี า่ นตวั กลางตา่ งกันได้ (P)
4. นาความรเู้ ก่ียวกับการหกั เหของแสงไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ (A)
4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูท้ ้องถ่นิ
พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- เมื่อแสงเดินทางผ่านตัวกลางโปร่งใสท่ีแตกต่างกัน
เช่น อากาศและน้า อากาศและแก้วจะเกิดการหัก
เห หรืออาจเกิดการสะท้อนกลับหมดในตัวกลางท่ี
แสงตกกระทบ การหักเหของแสงผ่านเลนส์ทาให้
เกิดภาพทม่ี ีชนิดและขนาดต่าง ๆ
- แสงขาวประกอบดว้ ยแสงสีต่าง ๆ เมื่อแสงขาวผ่าน
ปริซึมจะเกิดการกระจายแสงเป็นแสงสีต่าง ๆ
เรียกว่า สเปกตรัมของแสงขาว เม่ือเคล่ือนที่ใน
ตวั กลางใด ๆ ที่ไม่ใช่อากาศจะมีอตั ราเร็วต่างกันจึง
มีการหกั เหต่างกัน
121
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 3 การหกั เหของแสง
5. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
เม่ือแสงเดินทางผ่านวัตถุหรือตัวกลางโปร่งใส เช่น อากาศ แก้ว น้า พลาสติกใส แสงจะสามารถเดิน
ทางผา่ นไดเ้ กอื บทง้ั หมด เม่ือแสงเดนิ ทางผ่านตวั กลางชนิดเดียวกนั แสงจะเดินทางเป็นเส้นตรงเสมอ แตถ่ ้าแสง
เดนิ ทางผ่านตัวกลางหลายตัวกลาง แสงจะเกดิ การเปลีย่ นแปลงแนวเสน้ ทางดิน เรียกว่า การหักเหของแสง
6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด
1) ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้
2) ทกั ษะการทดลอง
3) ทกั ษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู
4) ทกั ษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน
8. คาถามสาคญั
1. การหักเหของแสงเกิดขน้ึ ได้อยา่ งไร
2. ดรรชหี ักเหหมายความว่าอย่างไร
9. กจิ กรรมการเรียนรู้
วิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชวั่ โมงที่ 1
ข้นั นา
ขนั้ ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครทู บทวนความรู้เดมิ ของนกั เรียนเกีย่ วกบั เรอ่ื ง การเกิดภาพจากกระจกเงา โดยมีแนวคาถามดังนี้
• กระจกเงาโค้ง แบ่งออกเป็นก่ชี นดิ อะไรบ้าง
122
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 3 การหกั เหของแสง
(แนวตอบ: 2 ชนิด ไดแ้ ก่ กระจกเงานูนและกระจกเงาเว้า)
• ในชีวิตประจาวนั เราได้รับประโยชน์จากการใชก้ ระจกเงาโคง้ ในด้านใดบ้าง จงยกตัวอยา่ ง
(แนวตอบ: พจิ ารณาจากคาตอบของนกั เรยี น เชน่ นากระจกเงานนู มาทากระจกติดรถยนต์ หรอื นา
กระจกเงาเวา้ มาผลติ เป็นกระจกสาหรับทนั ตแพทยใ์ นการตรวจฟนั คนไข้ เป็นต้น)
2. ครูนาดินสอและแก้วน้ามาต้ังแล้วนาดินสอใส่ลงในนา้ เพื่อให้นักเรียนเห็นการหักเหของแสง จากนั้น
ให้นกั เรยี นร่วมกันสงั เกตทางเดนิ แสงของดนิ สอท่ีอยู่บนอากาศและในนา้
3. ครตู ้ังคาถามเพ่ือกระตุน้ ความสนใจของนกั เรยี น โดยมแี นวคาถาม ดังนี้
• เพราะเหตใุ ดเม่ือเรานาดนิ สอใส่ลงในน้า เมอ่ื สังเกตจึงเหน็ เหมอื นดินสอหัก
(แนวตอบ: พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน)
ขั้นสอน
ขน้ั ที่ 2 สารวจค้นหา (Explore)
7. ครูอธิบายต่อว่า “เม่ือแสงเดินทางผ่านวัตถุหรือตัวกลางโปร่งใส เช่น อากาศ แก้ว น้า พลาสติกใส
แสงจะสามารถเดินทางผ่านได้เกือบท้ังหมด เม่ือแสงเดินทางผ่านตัวกลางชนิดเดียวกัน แสงจะ
เดินทางเป็นเส้นตรงเสมอ แต่ถ้าแสงเดินทางผ่านตัวกลางหลายตัวกลาง แสงจะเกิดการ
เปลย่ี นแปลง”
8. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เพ่ือศึกษาค้นคว้าข้อมูล เรื่อง การหักเหของแสง จากหนังสือ
เรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7
แสงและการมองเหน็ หรือจากแหลง่ การเรยี นรูต้ ่าง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ นต็
9. จากนั้นให้นักเรียนสังเกตภาพเม่ือฉายแสงสีขาวไปที่ปริซึม จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุด
สัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 แสงและการมองเหน็
ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
10. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทากิจกรรมการมองวัตถุในน้า จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธิ์
มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 การสะท้อนของแสง โดยมีจุดประสงค์
เพ่ือศึกษาการหกั เหของแสง
11. ให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมารับวัสดุอุปกรณ์กิจกรรมการมองวัตถุในน้า ที่หน้าชั้นเรียน
จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษษข้ันตอนและวิธีการทดลอง จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน
(ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 แสงและการมองเห็น และ
บันทึกผลการทดลองท่ไี ดล้ งในใบบนั ทึกผลการทดลอง เรือ่ ง การมองวตั ถใุ นน้า
12. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมการมองวัตถุในน้า ท่ีหน้าชั้น
เรยี น
123
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ที่ 3 การหักเหของแสง
ชัว่ โมงที่ 2
ข้นั ท่ี 2 สารวจค้นหา (Explore)
7. ครูสุ่มนักเรียนจานวน 2-3 กลุ่ม เพ่ือออกมานาเสนอผลการทดลองกิจกรรมการมองวัตถุในน้า ท่ี
หนา้ ชัน้ เรยี นท่ีหน้าชนั้ เรียน
8. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายถึงผลการทากิจกรรมการมองวัตถุในน้าว่า “เม่ือมองวัตถุท่ีจุ่มลงใน
น้า พบว่า จะมองเห็นภาพวัตถุด้านข้างของบีกเกอร์ในแนวเดียวกับวัตถุท่ีอยู่ใต้ผิวน้า เนื่องจากเกิด
การหักเหของแสง โดยแสงเดินทางจากปลายไมบ้ รรทัดจากนา้ ออกสู่อากาศ รงั สีของแสงจะเบนออก
จากเส้นปกติ เม่ือต่อแนวรงั สีหกั เหดว้ ยเส้นประจะไปตัดกนั ในนา้ ตาแหน่งทีต่ ัดกัน คือ ตาแหนง่ ภาพ
ของปลายไมบ้ รรทดั ท่ปี รากฏตอ่ สายตา ซึง่ ทาใหม้ องเหน็ เหรยี ญอยูต่ น้ื จากความเปน็ จรงิ ”
ข้นั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
9. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เพื่อศึกษาค้นคว้าข้อมูล เร่ือง ดรรชนีหักเห จากหนังสือเรียน
รายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 แสงและการ
มองเห็นหรอื จากแหล่งการเรียนร้ตู ่าง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ นต็
10. นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายเก่ียวกับผลการสืบค้น ดังน้ี “ดรรชนีหักเหของวัตถุแต่ละชนิดจะ
สัมพันธ์กับความเร็วของแสงที่เปล่ียนไปตามความหนาแน่นของตัวกลาง ตัวอย่างเช่น ตัวกลางท่ีมี
ความหนาแน่นมาก จะมีค่าดรรชนีหักเหมาก เมื่อแสงเดินทางจากอากาศผ่านไปยังตัวกลางชนิดนี้
จะทาให้ความเรว็ ของแสงลดลง”
11. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนศึกษาตารางแสดงคา่ ดรรชนหี ักเหในตวั กลางบางชนดิ จากหนังสือเรียนรายวิชา
พ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 แสงและการมองเห็น
หรอื จากแหลง่ การเรียนรู้ตา่ ง ๆ เช่น อนิ เทอรเ์ น็ต
12. ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ เกยี่ วกับตารางแสดงค่าดรรชนหี กั เหในตวั กลาง ดงั นี้
ตัวกลาง ดรรชนหี กั เห อตั ราเร็วของแสง
(เมตร/วนิ าที)
อากาศ (25) 1.00 3.00×108
นา้ 1.33 2.25×108
แอลกอฮอล์ 1.36 2.21×108
แก้ว 1.50 2.00×108
พลาสติกใส 1.50 2.00×108
เพชร 2.42 1.24×108
124
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ท่ี 3 การหกั เหของแสง
“การเคลื่อนท่ีของแสงในตัวกลางตา่ งชนดิ กันจะมีอัตราเร็วต่างกัน เช่น ถ้าแสงเคลื่อนท่ีในอากาศจะ
มีอัตราเร็วเท่ากับ 300,000,000 เมตรต่อวินาที แต่ถ้าแสงเคล่ือนที่ในแก้วหรือพลาสติกจะมี
อัตราเร็วประมาณ 200,000,000 เมตรต่อวินาที โดยการเปลี่ยนเปลี่ยนความเร็วของแสงเม่ือผ่าน
ตัวกลางต่างชนิดกัน ทาให้เกการหักเห อัตราเร็วของแสงในสุญญากาศต่ออัตราเร็วของแสงใน
ตัวกลางใด ๆ”
13. ให้นักเรียนทา Exercise 2.1 จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์
ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 แสงและการมองเห็น ลงในสมุดประจาตัว
ชั่วโมงท่ี 3
ข้นั ท่ี 2 สารวจค้นหา (Explore)
14. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เพ่ือศึกษาค้นคว้าข้อมูล เรื่อง การสะท้อนกลับหมด จาก
หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7
แสงและการมองเห็น หรือจากแหล่งการเรยี นรตู้ า่ ง ๆ เช่น อินเทอรเ์ นต็
15. นักเรยี นและครูรว่ มกันอธิบายถึงผลการสืบค้น โดยมปี ระเดน็ ดังน้ี “การสะทอ้ นกลับหมดเกิดจากการ
ที่แสงเดินทางจากตัวกลางที่มีดรรชนีหักเหมากไปยังตัวกลางที่มีดรรชนีหักเหน้อย โดยรังสีหักเหจะ
เบนออกจากเส้นต้ังฉาก และมมุ ตกกระทบจะมีค่าน้อยกว่ามุมหักเห ดงั น้ัน เม่อื เพิม่ ขนาดของมุมตก
กระทบไปเร่ือย ๆ มุมหักเหจะมีค่าเพิ่มข้ึนเรอ่ื ย ๆ จนกระทั่งถึงมุมตกกระทบค่าหน่ึง ซึ่งทาให้มุมหัก
เหมคี า่ เปน็ 90° เราเรียกมุมตกกระทบนัน้ วา่ มุมวิกฤต (critical angle; θc)”
ขัน้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
16. ให้นักเรียนแต่กลุ่มจัดทาแผนผังมโนทัศน์ โดยสรุปเนื้อหา เรื่อง การหักเหของแสง ลงในกระดาษโฟร์
ชารต์
17. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอแผนผังมโนทัศน์ เรื่อง การหักเหของแสงท่ีหน้าช้ัน
เรียน
ข้นั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
18. ให้นักเรียนทา Exercise 2.1 จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์
ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 7 แสงและการมองเห็น ลงในสมดุ ประจาตวั
19. ใหน้ กั เรียนทาใบงานที่ 7.3.1 เรือ่ ง การหักเหของแสง
125
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 3 การหกั เหของแสง
ข้ันสรปุ
ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูต้ังคาถามเพื่อทดสอบความเข้าใจของนักเรียน โดยมีแนวคาถาม ดังน้ี
• อัตราเร็วของแสงในสญุ ญากาศมคี า่ เทา่ กับเท่าไหร่
(แนวตอบ: 3 x 108 เมตร/วินาที)
• ถ้าแสงเคลอื่ นท่ีจากตวั กลางงท่ีมคี วามหนาแนน่ น้อยกวา่ ไปยงั ตัวกลางทีม่ ีความหนาแนน่ มากกว่า
แสงจะเป็นเชน่ ไร
(แนวตอบ: แสงจะเบนเขา้ หาเสน้ ปกติ)
2. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤตกิ รรม
การทางานกลุ่ม
3. ครตู รวจสอบผลการทาใบงานที่ 7.3.1 เรอ่ื ง การหักเหของแสง
4. ครูตรวจสอบผลการทา Exercise 2.1 จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน)
วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 7 แสงและการมองเห็น
5. ประเมินชิน้ งาน เรอื่ ง การหักเหของแสง
10. การวัดและประเมนิ ผล วิธกี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมนิ
รายการวัด - ตรวจใบงานที่ 7.3.1 - ใบงานที่ 7.3.1 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
10.1 การประเมนิ ระหว่าง - ตรวจ Exercise 1.1 - Exercise 1.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2
การจัดกิจกรรม การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
1) การหักเหของแสง - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2
การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
2) พฤติกรรมการทางาน - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2
รายบุคคล ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
- สงั เกตความมีวนิ ยั - แบบประเมนิ - ระดับคณุ ภาพ 2
3) พฤติกรรมการทางาน ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มน่ั คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
กล่มุ ในการทางาน อนั พึงประสงค์
4) การนาเสนอผลงาน
5) คุณลกั ษณะอันพึง
ประสงค์
126
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ท่ี 3 การหกั เหของแสง
11. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้
11.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนงั สือเรยี นรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7
แสงและการมองเห็น
2) ใบงานที่ 7.3.1 เรื่อง การหักเหของแสง
3) วัสดอุ ปุ กรณ์กิจกรรมการมองวัตถุในน้า
4) ใบบันทึกผลการทดลอง เร่ือง การมองวตั ถใุ นน้า
5) กระดาษโฟร์ชาร์ต
6) ขวดน้าเปลา่
11.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องปฏบิ ตั ิการวิทยาศาสตร์
3) อนิ เทอร์เน็ต
127
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 3 การหกั เหของแสง
ใบงานที่ 7.3.1
เร่ือง การหกั เหของแสง
คาชแี้ จง: จงเติมคาลงในช่องว่างใหถ้ ูกตอ้ ง
1. ให้พิจารณารงั สีตกกระทบในตัวกลางที่ 1 และทาให้เกดิ รงั สหี กั เหในตัวกลางที่ 2 แล้วตอบคาถาม
ต่อไปนี้
เสน้ ปกติ
55o ตัวกลาง 1
ตัวกลาง 2
1.1 แสงจะเคล่ือนท่ีในตัวกลางชนดิ ใดได้เร็วกวา่
1.2 ตัวกลาง 1 มคี า่ ดรรชนีหกั เหมากกวา่ หรือนอ้ ยกว่าตวั กลาง 2
1.3 การที่รงั สหี กั เหเบนออกจากเส้นปกติ เนือ่ งจากอะไร
2. จงยกตัวอยา่ งการใชป้ ระโยชนห์ รอื การเกิดปรากฏการณ์จากการหักเหของแสง
128
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 3 การหักเหของแสง
ใบงานท่ี 7.3.1 เฉลย
เร่ือง การหักเหของแสง
คาชีแ้ จง: จงเตมิ คาลงในช่องว่างให้ถกู ตอ้ ง
1. ให้พจิ ารณารงั สีตกกระทบในตัวกลางท่ี 1 และทาใหเ้ กดิ รงั สหี กั เหในตัวกลางท่ี 2 แล้วตอบคาถาม
ตอ่ ไปน้ี
เสน้ ปกติ
55o ตัวกลาง 1
ตวั กลาง 2
1.1 แสงจะเคล่ือนทีใ่ นตัวกลางชนดิ ใดได้เรว็ กวา่
ตัวกลางท่ี 1
1.2 ตวั กลาง 1 มคี ่าดรรชนหี ักเหมากกว่าหรือน้อยกวา่ ตัวกลาง 2
นอ้ ยกวา่
1.3 การทรี่ ังสีหักเหเบนออกจากเส้นปกติ เนอ่ื งจากอะไร
เน่ืองจากการเดนิ ทางของแสงจากตวั กลางท่ี 1 ซึง่ มีความหนาแน่นนอ้ ยกว่า ไป
ยงั ตวั กลางที่ 2 ซึง่ มีความหนาแน่นมากกว่า จึงทาใหร้ ังสหี ักเหเบนออกจากเส้นปกติ
2. จงยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์หรือการเกิดปรากฏการณ์จากการหักเหของแสง
พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เช่น หลักการสะท้อนกลับหมดสามารถนามา
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้ เช่น การผลิตใยแก้วนาแสง ซ่ึงเป็นสายนาสัญญาณท่ีผลิตด้วยใย
แก้วบริสุทธิ์ ทาหน้าท่ีเป็นตัวกลางในการส่งสัญญาณแสงได้ในระยะทางไกลการสูญเสียสัญญาณ
ต่า และสามารถส่งข้อมูลได้ในขนาดมาก ๆ (bandwidth) และไม่มีผลกระทบกับคล่ืนสัญญาณ
รบกวนทางไฟฟา้
129
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ที่ 3 การหักเหของแสง
12. ความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผ้ทู ่ไี ดร้ ับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงช่ือ .................................
( ................................ )
ตาแหนง่ .......
13. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
ดา้ นความรู้
ด้านสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ด้านอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมทม่ี ีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))
ปัญหา/อุปสรรค
แนวทางการแก้ไข
130
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ที่ 4 เลนส์
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์
ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3
เรอื่ ง เลนส์ เวลา 2 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์
ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ท่ี
เกี่ยวขอ้ งกับเสยี ง แสง และคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
2. ตวั ช้ีวดั
ว 3.1 ม.3/16 เขยี นแผนภาพการเคล่ือนท่ีของแสงแสดงการเกิดภาพจากเลนส์บาง
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายส่วนประกอบและการเขียนภาพแสดงการเกดิ ภาพจากเลนสแ์ ตล่ ะประเภทได้ (K)
2. เขียนภาพแสดงการเกดิ ภาพจากเลนสแ์ ต่ละประเภทได้ (P)
3. นาความรเู้ กยี่ วกบั เลนส์ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้ (A)
4. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถ่ิน
- เม่ือแสงเดินทางผ่านตัวกลางโปร่งใสที่แตกต่างกัน พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
เช่น อากาศและน้า อากาศและแก้วจะเกิดการหัก
เห หรืออาจเกิดการสะท้อนกลับหมดในตัวกลางท่ี
แสงตกกระทบ การหักเหของแสงผ่านเลนส์ทาให้
เกิดภาพท่ีมีชนิดและขนาดตา่ ง ๆ
- แสงขาวประกอบด้วยแสงสีต่าง ๆ เมื่อแสงขาว
ผ่านปริซึมจะเกิดการกระจายแสงเป็นแสงสีต่าง ๆ
เรียกว่า สเปกตรัมของแสงขาว เม่ือเคล่ือนที่ใน
ตัวกลางใด ๆ ที่ไม่ใช่อากาศจะมีอัตราเร็วต่างกัน
จงึ มกี ารหักเหต่างกัน
5. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
เลนส์ คือ วัตถุโปร่งใสที่มีผิวหน้าโค้ง ส่วนใหญ่ทามาจากแก้วหรือพลาสติก เลนส์มี 2 ชนิด คือ เลนส์
นนู (Convex Lens) และเลนส์เวา้ (Concave Lens)
131
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 4 เลนส์
6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด
1) ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้
2) ทักษะการวเิ คราะห์
3) ทักษะการลงความเห็นจากขอ้ มูล
4) ทักษะการตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ มั่นในการทางาน
8. คาถามสาคัญ
1. เลนส์เว้าและเลนส์นนู มคี วามแตกต่างกนั อย่างไร
2. ส่วนประกอบของเลนส์มอี ะไรบ้าง
9. กจิ กรรมการเรยี นรู้
วธิ ีการสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชั่วโมงท่ี 1
ขน้ั นา
ขน้ั ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครทู บทวนความรเู้ ดมิ ของนักเรียนเกยี่ วกบั เรอื่ ง การหักเหของแสง โดยมีแนวคาถามดังน้ี
• เพราะเหตใุ ดเมื่อแสงเคลอื่ นที่ผา่ นอากาศและแก้ว จงึ ไมเ่ ปน็ เสน้ ตรงเดยี วกัน
(แนวตอบ: พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เช่น เนื่องจากแสงเดินทางจากตัวกลางท่ีมีความ
หนาแน่นน้อยกว่า (อากาศ) ไปยังตัวกลางที่มีความหน้าแน่นมากกว่า (อากาศ) ทาให้แสงเกิดการ
หกั เห)
2. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยการนาแว่นตา 2 ชนิด ได้แก่ แว่นตาสาหรับคนสายตาสั้น
และแว่นตาสาหรบั คนตายาว มาให้นักเรียนได้สังเกต จากน้ันครูจึงต้ังคาถามกับนักเรียน โดยมีแนว
คาถาม ดงั น้ี
• นกั เรยี นคิดวา่ แว่นตาทง้ั 2 ชนิดนแี้ ตกต่างกนั อย่างไร
(แนวตอบ: พจิ ารณาจากคาตอบของนกั เรียน)
3. ครูเช่อื มโยงไปสู่การจัดการเรียนรู้ เรอ่ื ง เลนส์
132
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ท่ี 4 เลนส์
ข้ันสอน
ข้นั ที่ 2 สารวจค้นหา (Explore)
13. ครูอธิบายต่อว่า “แว่นที่ครูนามาให้นักเรียน ได้สังเกตน้ันเป็นแว่นตาสาหรับคนสายตาส้ันและ
แว่นตาสาหรับคนตายาว โดยจะมีหลักการทางานดังนี้ ตัวกลางโปร่งแสงท่ีสามารถรวมแสงหรือ
กระจายแสงโดยอาศยั การหักเหของแสงท่ีเดินทางผ่านเลนส์ แล้วเกดิ การหักเห โดยรังสหี ักเหไปตัด
กนั ท่จี ุดโฟกสั ซงึ่ จะเปน็ จดุ โฟกสั จริงสาหรับเลนส์นูน และเป็นจดุ โฟกสั เสมือนสาหรบั เลนส์เว้า”
14.ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 3-5 คน เพอื่ ศกึ ษาค้นคว้าข้อมลู เรื่อง เลนส์ จากหนังสอื เรียนรายวิชา
พ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 แสงและการ
มองเห็น หรอื จากแหล่งการเรยี นรู้ต่าง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เน็ต
15.จากนั้นให้นักเรียนศึกษาลักษณะของเลนส์นูนและเลนส์เว้า จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุด
สมั ฤทธิ์มาตรฐาน) วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 แสงและการมองเห็น
ขั้นท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
16. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทากิจกรรมประเภทของเลนส์ โดยมีจุดประสงค์เพ่ือศึกษาลักษณะของเลนส์
นนู และเลนส์เว้า
17. ให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมารับวัสดุอุปกรณ์กิจกรรมศึกษาลักษณะของเลนส์นูนและ
เลนสเ์ ว้า ทห่ี น้าชั้นเรียน จากนัน้ ครูอธบิ ายขนั้ ตอนและวธิ ีการทดลองของกิจกรรม จากใบกิจกรรม
ลกั ษณะของเลนสน์ นู และเลนสเ์ ว้า
18. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมลักษณะของเลนส์นูนและเลนส์
เวา้ ทหี่ น้าช้นั เรียน
ชวั่ โมงท่ี 2
ข้นั ที่ 2 สารวจค้นหา (Explore)
7. ครูสุ่มนักเรียนจานวน 2-3 กลุ่ม เพื่อออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมลักษณะของเลนส์นูนและ
เลนสเ์ ว้า ทห่ี น้าชัน้ เรียน
8. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายถึงผลการทากิจกรรมลักษณะของเลนส์นูนและเลนส์เว้า โดยมี
ประเด็นดังน้ี “เมือส่องไฟฉายโดยให้ลาแสงตกกระทบผิวโค้งของเลนส์ทามุมฉากกับเส้นตรง จะ
พบว่าเลนสน์ ูนน้นั ลาแสงจะรวมกนั เป็นจุดเดยี ว สว่ นเลนส์เว้านัน้ ลาแสงจะกระจายออก”
ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
9. ให้นกั เรียนแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 3-5 คน เพอื่ ศกึ ษาค้นควา้ ขอ้ มลู เร่ือง ประโยชนข์ องเลนส์เวา้ และเลนส์
นูน จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการ
เรียนรทู้ ่ี 7 แสงและการมองเห็น หรอื จากแหล่งการเรียนรู้ตา่ ง ๆ เชน่ อินเทอร์เนต็
133
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 4 เลนส์
10. นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายเกี่ยวกับผลการสืบค้น ดังนี้ “เลนส์เป็นวัตถุท่ีมีความสาคัญมากต่อ
ชีวิตประจาวัน เพราะเรานาเลนส์มาใช้ประโยชน์ในหลากหลายด้าน เช่น แว่นตา แว่นขยาย กล้อง
จุลทรรศน์ กลอ้ งถ่ายรูป เครือ่ งฉายภาพนิง่ เครื่องฉายภาพยนตร์ เป็นต้น”
11. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนศกึ ษาการเขียนทางเดินของแสงผ่านเลนส์ จากหนงั สอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน (ชดุ
สัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 แสงและการมองเห็น หรือจาก
แหลง่ การเรียนรตู้ า่ ง ๆ เช่น อนิ เทอร์เน็ต
12. ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับการเขียนทางเดินของแสงผ่านเลนส์ ดังน้ี “เราสามารถหาตาแหน่งและ
ลักษณะของภาพท่ีเกิดจากเลนสน์ นู หรือเลนส์เวา้ โดยวิธกี ารเขียนทางเดนิ ของแสงผา่ นเลนส์ได้ ซึ่งมี
ลาดับข้ันตอน ดงั น้ี 1. เขียนเลนส์ แกนมุขสาคัญ จุดโฟกสั และจุดกึ่งกลางของเลนส์
2. กาหนดตาแหน่งวตั ถุ ใช้รงั สี 2 เสน้ จากวัตถุ เส้นแรกคือ รังสีขนานแกนมุขสาคัญ แล้วหกั เหผ่าน
จดุ โฟกัสของเลนส์ และเสน้ ที่สองคอื รงั สจี ากวัตถุผ่านจุดก่ึงกลางของเลนสโ์ ดยไมห่ ักเห จดุ ท่ีรังสีทั้ง
สองตดั กนั คอื ตาแหนง่ ภาพ ”
ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
13. ครูทบทวนความรูเ้ ดิมของนกั เรยี น โดยการสมุ่ นกั เรียนาจานวน 7 คน ออกมาเขยี นสว่ นประกอบของ
เลนส์ท่ีหนา้ ชัน้ เรยี น โดยมแี นวคาถาม ดังน้ี
• สว่ นประกอบของเลนส์มอี ะไรบา้ ง
(แนวตอบ: 1. เสน้ แกนมุขสาคัญ (Principle axis) 2. จดุ ศูนยก์ ลางเลนส์ (Optical center) 3. จดุ
โฟกัส (Focus : F) 4. จดุ ศนู ย์กลางของความโค้ง (Center of curvature : C) 5. รศั มคี วามโคง้
(Radius of curvature; R) 6. ความยาวโฟกัส (Focal length ;f))
14. ใหน้ ักเรยี นทาใบงานที่ 7.4.1 เรื่อง เลนส์
ขน้ั สรุป
ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครตู ั้งคาถามเพ่ือทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียน โดยมีแนวคาถาม ดังนี้
• เลนสน์ ูนและเลนส์เวา้ มีลกั ษณะเป็นแบบใด
(แนวตอบ: เลนส์นูน (Convex Lens) มีลักษณะขอบบางกลางหนา และมีคุณสมบัติรวมแสง และ
เลนสเ์ ว้า (Concave Lens) มีลกั ษณะขอบบาง กลางบาง และมคี ุณสมบตั กิ ระจายแสง)
• จงยกตัวอยา่ งการนานาเลนส์ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจาวัน
(แนวตอบ: พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เช่น นาไปประดิษฐ์เป็น แว่นตา แว่นขยาย กล้อง
จุลทรรศน์ กล้องถ่ายรูป เครื่องฉายภาพน่ิง เครือ่ งฉายภาพยนตร์ เปน็ ตน้ )
2. ครปู ระเมินผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล พฤตกิ รรม
การทางานกลุ่ม
3. ครูตรวจสอบผลการทาใบงานที่ 7.4.1 เร่ือง เลนส์
134
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ที่ 4 เลนส์
10. การวดั และประเมินผล วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน
รายการวัด - ตรวจใบงานท่ี 7.4.1 - ใบงานท่ี 7.4.1 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
10.1 การประเมินระหว่าง - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
การจัดกิจกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2
1) เลนส์ การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
2) พฤติกรรมการทางาน - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2
ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
รายบุคคล - สังเกตความมวี นิ ยั - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2
3) พฤติกรรมการทางาน ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่ัน คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์
กลุ่ม
4) การนาเสนอผลงาน
5) คุณลักษณะอันพึง
ประสงค์
11. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้
11.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน (ชดุ สัมฤทธิ์มาตรฐาน) วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 7
แสงและการมองเหน็
2) ใบงานที่ 7.4.1 เรอื่ ง เลนส์
3) วัสดุอุปกรณ์กิจกรรมศกึ ษาลกั ษณะของเลนส์นูนและเลนสเ์ ว้า
4) ใบกจิ กรรม เรื่อง ลักษณะของเลนสน์ ูนและเลนส์เว้า
5) แวน่ ตา
11.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) หอ้ งปฏิบัติการวทิ ยาศาสตร์
3) อินเทอรเ์ น็ต
135
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ท่ี 4 เลนส์
ใบงานท่ี 7.4.1
เรอ่ื ง เลนส์
คาชี้แจง: จงเตมิ คา ข้อความ ลงในชอ่ งว่างท่ีกาหนดให้
3. ศกึ ษาภาพจากเลนสน์ นู แลว้ ตอบคาถามต่อไปนี้
o F ข
1 2ก 3 4
3.1 หมายเลข 3 คอื
3.2 อักษรใดแทนตาแหนง่ วตั ถุ และตาแหนง่ ของภาพตามลาดบั
3.3 ภาพท่เี กดิ ขึ้นเป็นภาพใด
3.4 ขนาดของภาพเป็นอย่างไร
3.5 ลกั ษณะของภาพเป็นอยา่ งไร
4. ศึกษาภาพจากเลนส์เว้าแล้วตอบคาถามต่อไปน้ี
o F
1 2 ก 3ข4
4.1 วตั ถคุ อื อักษรใด และภาพคอื อักษรใด
4.2 ภาพท่ีเกดิ ขน้ึ เปน็ ภาพใด
4.3 ขนาดของภาพเปน็ อยา่ งไร
4.4 ลกั ษณะของภาพเป็นอยา่ งไร
4.5 ภาพทีเ่ กดิ จากเลนสเ์ ว้ามกี ชี่ นดิ และมขี นาดภาพเปน็ แบบใด
136
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ที่ 4 เลนส์
ใบงานที่ 7.4.1 เฉลย
เรอื่ ง เลนส์
คาชี้แจง: จงเตมิ คา ข้อความ ลงในช่องว่างที่กาหนดให้
1. ศึกษาภาพจากเลนสน์ ูน แล้วตอบคาถามต่อไปนี้
o F ข
1 2ก 3 4
1.1 หมายเลข 3 คอื
จุดโฟกัสของเลนส์
1.2 อกั ษรใดแทนตาแหนง่ วัตถุ และตาแหนง่ ของภาพตามลาดับ
วัตถุคืออกั ษร ก และภาพคืออกั ษร ข
1.3 ภาพท่เี กิดข้ึนเปน็ ภาพใด
เป็นภาพจรงิ
1.4 ขนาดของภาพเปน็ อย่างไร
ใหญก่ วา่ วัตถุ
1.5 ลักษณะของภาพเป็นอย่างไร
เป็นภาพจรงิ หัวกลบั
2. ศึกษาภาพจากเลนส์เว้าแล้วตอบคาถามต่อไปน้ี
o F
1 2 ก 3ข4
2.1 วัตถคุ อื อักษรใด และภาพคอื อกั ษรใด
วตั ถคุ ืออกั ษร ก และภาพคืออกั ษร ข
2.2 ภาพท่เี กดิ ข้ึนเปน็ ภาพใด
เป็นภาพเสมือน
2.3 ขนาดของภาพเปน็ อยา่ งไร
เล็กกวา่ วัตถุ
2.4 ลกั ษณะของภาพเปน็ อย่างไร
เปน็ ภาพเสมอื นหวั ตงั้
2.5 ภาพทเ่ี กดิ จากเลนส์เว้ามกี ชี่ นดิ และมีขนาดภาพเปน็ แบบใด
เป็นภาพเสมอื นหวั ตัง้
137
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ที่ 4 เลนส์
ใบกิจกรรม
เรื่อง ลกั ษณะของเลนสน์ นู และเลนสเ์ ว้า
จุดประสงคข์ องกิจกรรม
1.
2.
วสั ดุอุปกรณ์
1. เลนส์นนู และเลนส์เว้า
2. อปุ กรณช์ ุดกั้นแสง
3. ไฟฉาย
4. กระดาษ A4
วธิ ีทากิจกรรม
1. วางเลนสน์ นู ทับเสน้ ตรงท่ลี ากไว้ในกระดาษ A4 โดยให้ขอบปลายทง้ั สองของเลนส์ตงั้ อยูบ่ นแนว
เดียวกับเส้นตรง
2. วางอปุ กรณ์ชุดกน้ั แสงหา่ งเลนส์ประมาณ 5-7 เซนตเิ มตร
3. สอ่ งไฟฉายโยงให้ลาแสงตกกระทบกับผิวโคง้ ของเลนส์ทามุมฉากกับเสน้ ตรง สังเกตและบันทึกแนว
ลาแสงทผี่ า่ นเลนส์
4. นาเลนสเ์ วา้ มาทากจิ กรรมซา้ ตั้งแต่ข้อ 1-3
ตารางบนั ทึกผลจากการทากิจกรรม ผลทีเ่ กิดขึน้ รูปแสดงแนวลาแสงทผ่ี ่านเลนส์
กจิ กรรม
1. เมอื่ แนวลาแสงผา่ น
เลนส์นนู
2. เม่อื แนวลาแสงผ่าน
เลนส์เว้า
138
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 4 เลนส์
ใบกิจกรรม เฉลย
เรื่อง ลกั ษณะของเลนส์นนู และเลนส์เวา้
จุดประสงคข์ องกจิ กรรม
1. เพือ่ ศกึ ษาลักษณะการหกั เหแสงของเลนส์นูน
2. เพอ่ื ศึกษาลักษณะการหกั เหแสงของเลนส์เว้า
วสั ดอุ ุปกรณ์
1. เลนสน์ นู และเลนส์เว้า
2. อปุ กรณ์ชดุ กน้ั แสง
3. ไฟฉาย
4. กระดาษ A4
วิธีทากจิ กรรม
1. วางเลนสน์ นู ทบั เส้นตรงท่ลี ากไว้ในกระดาษ A4 โดยใหข้ อบปลายทง้ั สองของเลนส์ต้งั อยู่บนแนว
เดียวกบั เสน้ ตรง
2. วางอปุ กรณ์ชดุ กนั้ แสงหา่ งเลนสป์ ระมาณ 5-7 เซนติเมตร
3. ส่องไฟฉายโยงให้ลาแสงตกกระทบกับผิวโค้งของเลนสท์ ามมุ ฉากกบั เสน้ ตรง สงั เกตและบันทกึ แนว
ลาแสงทผ่ี า่ นเลนส์
4. นาเลนสเ์ วา้ มาทากจิ กรรมซ้าตง้ั แตข่ ้อ 1-3
ตารางบันทกึ ผลจากการทากิจกรรม
กิจกรรม ผลท่ีเกิดข้ึน รปู แสดงแนวลาแสงทีผ่ า่ นเลนส์
1. เมือ่ แนวลาแสง เมอื่ รงั สขี องแสงขนานจากแหลง่ กาเนดิ
ผ่าน เลนส์นนู แสงมาตกกระทบเลนสน์ นู จะเกดิ การ
หักเหของแสงโดยแสงมลี ักษณะรวม
แสงใหม้ ารวมกนั ทจ่ี ดุ ๆ หน่งึ
2. เมื่อแนวลาแสงผา่ น เมือ่ รงั สขี องแสงขนานจากแหลง่ กาเนิด
เลนส์เว้า แสงมาตกกระทบเลนสเ์ ว้า จะเกิดการ
หักเหของแสงโดยแสงมลี ักษณะ
กระจายออก
139
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ท่ี 4 เลนส์
12. ความเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาหรือผ้ทู ่ไี ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ
ลงช่ือ .................................
( ................................ )
ตาแหนง่ .......
13. บันทกึ ผลหลงั การสอน
ดา้ นความรู้
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอ่นื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมทม่ี ีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))
ปัญหา/อุปสรรค
แนวทางการแก้ไข
140
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ท่ี 5 ปรากฏการณท์ างธรรมชาติของแสง
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์
ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3
เร่อื ง ปรากฏการณท์ างธรรมชาตขิ องแสง เวลา 2 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์
ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์ที่
เก่ียวข้องกับเสียง แสง และคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทงั้ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
2. ตัวชีว้ ัด
ว 3.1 ม.3/17 อธบิ ายปรากฏการณท์ ี่เกย่ี วกบั แสงและการทางานของทัศนอุปกรณ์จากข้อมลู ทร่ี วบรวมได้
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายการเกิดปรากฏการณท์ างธรรมชาตขิ องแสงได้ (K)
2. เขียนภาพแสดงการการเกิดปรากฏการณท์ างธรรมชาติของแสงได้ (P)
3. นาความร้เู กย่ี วกบั การเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของแสงไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้ (A)
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
- การสะท้อนและการหักเหของแสงนาไปใช้
อธบิ ายปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับแสง เช่น รุ้ง มิราจ
และอธบิ ายการทางานของทัศนอปุ กรณเ์ ช่น แวน่
ขยาย กระจกโคง้ จราจร กลองโทรทรรศน์
5. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
ผลจากการหักเหและการสะท้อนกลับหมดของแสง ทาให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่าง เช่น
การเกิดรงุ้ กินนา้ และการเกิดภาพลวงตาหรือมิราจ
141
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ที่ 5 ปรากฏการณท์ างธรรมชาตขิ องแสง
6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
1) ทักษะการนาความรู้ไปใช้
2) ทักษะการสังเกต
3) ทักษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล
4) ทกั ษะการตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. ม่งุ ม่นั ในการทางาน
8. คาถามสาคัญ
1. ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของแสงเกิดข้ึนไดอ้ ย่างไร
2. จงยกตัวอยา่ งปรากฏการณท์ างธรรมชาติของแสงท่ีพบเห็นได้ในชีวติ ประจาวนั
9. กจิ กรรมการเรียนรู้
วธิ ีการสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชั่วโมงที่ 1
ขนั้ นา
ขน้ั ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
1. ครทู บทวนความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่อง เลนส์ โดยมีแนวคาถามดงั นี้
• ถ้านักเรียนสายตาสั้น ควรใช้แวน่ ท่ที าจากเลนสป์ ระเภทใด
(แนวตอบ: แว่นท่ีทาจากเลนสจ์ ากเลนสเ์ วา้ )
• ถ้านักเรยี นสายตายาว ควรใชแ้ วน่ ท่ีทาจากเลนสป์ ระเภทใด
(แนวตอบ: แวน่ ที่ทาจากเลนสจ์ ากเลนส์นนู )
2. ครตู ้ังคาถามกระต้นุ ความสนใจของนักเรียน โดยมแี นวคาถาม ดังนี้
• เมื่อเช้ามนี ักเรยี นคนไหนไดล้ องสงั เกตท้องฟ้าหรือไม่ แลว้ ถ้าเห็นท้องฟา้ นน้ั มลี กั ษณะเป็นแบบใด
142
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 5 ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของแสง
(แนวตอบ: พิจารณาจากคาตอบของนกั เรียน)
•นกั เรยี นคิดวา่ ในธรรมชาติ มีปรากฏการณ์ใดบ้างท่ีเกดิ จากสมบัติของแสงและเปน็ สมบัติใด
3. ครูเชอื่ มโยงไปสู่การจัดการเรยี นรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตขิ องแสง
ข้ันสอน
ขน้ั ที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore)
19. ครูอธิบายต่อว่า “ผลจากการหักเหและการสะท้อนกลับหมดของแสง ทาให้เกิดปรากฏการณ์ทาง
ธรรมชาตขิ องแสงหลายอยา่ ง”
20. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน เพื่อศึกษาค้นคว้าข้อมูล เร่ือง ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของ
แสง จากหนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน (ชดุ สมั ฤทธิม์ าตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 หน่วยการ
เรียนรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเห็น หรือจากแหล่งการเรียนรตู้ า่ ง ๆ เช่น อนิ เทอรเ์ นต็
21. นักเรยี นและครูรว่ มอภปิ รายเกย่ี วกับผลการสบื ค้น ดังน้ี “เมื่อแสงขาวประกอบด้วยแสงหลายความถ่ี
เม่ือตกกระทบปริซึมแล้วหักเหทาให้เกิดสเปกตรัมของแสง ซึ่งแสงทาให้เกิดปรากฏการณ์ทาง
ธรรมชาตขิ องแสงตา่ ง ๆ เชน่ รงุ้ การทรงกลด และการเกิดมริ าจ เปน็ ตน้ ”
ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
22. ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับการเกิดรุ้งกินน้าในบรรยากาศ ดังนี้ “รุ้งกินน้าคือแถบสีสเปตรัมของแสงสี
ขาวของแสงอาทิตย์ เกิดจากแสงอาทิตย์ส่องผ่านเข้าไปในละอองอากาศ แล้วเกิดการหักเหและ
สะท้อนกลับหมดในละอองน้า โดยแสงที่หักเหออกจากละอองน้าจะกระจายออกเป็นสเปกตรัมของ
แสงขนึ้ รุ้งกนิ น้ามักเกิดขึ้นหลังฝนตก และผู้สังเกตตอ้ งยืนหนั หลงั ใหด้ วงอาทติ ยจ์ ึงจะมองเห็นได้”
23. ครูวาดภาพตวั อย่างการเกิดรุ้งกนิ น้าในบรรยากาศให้นกั เรยี นดู โดยมีตวั อย่าง ดงั นี้
ดวงอาทติ ย์ ม่วง ละอองน้า
ละอองน้า
24. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาเก่ียวกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ทรงกลด จากหนังสือเรียนรายวิชา
พ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 แสงและการมองเห็น
หรอื จากแหลง่ การเรียนรู้ตา่ ง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เนต็
143
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ท่ี 5 ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของแสง
ชว่ั โมงที่ 2
ข้นั ที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore)
25.ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนจากการศึกษาเกี่ยวกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ โดยมีแนว
คาถามดงั นี้
• การทรงกลดเกิดจากอะไร
(แนวตอบ: การทรงกลดกดิ จากที่เมฆบนท้องฟ้าเย็นจดั เกิดเป็นผลึกนา้ แข็งรูปแท่งหกเหลย่ี ม ดงั นั้น
แสงอาทิตย์หรือแสงจันทร์ เม่ือตกกระทบผลึกน้าแข็งจะเกิดการหักเหออกสู่บรรยากาศและถ้าเป็น
มุมท่ีเหมาะสม เราจงึ มองเหน็ แสงรอบดวงอาทิตยห์ รือดวงจันทร์)
8. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม (กลุ่มเดิม) ศึกษาข้อมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับปรากฏการรณ์ทางธรรมชาติของแสง
เกยี่ วกบั การเปล่ยี นสขี องท้องฟ้าและมริ าจ
ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
9. ครูอธิบายความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของแสง (การเกิดมิราจ) ดังนี้ “มิราจ
เกิดจากการท่ีแสงอาทิตย์ท่ีสะท้อนออกจากวัตถุผ่านอากาศที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน เช่น อากาศใกล้
พ้ืนถนนจะร้อนกว่าอากาศท่ีอยู่สูงข้ึนไป ทาให้ความหนาแน่นของอากาศไม่เท่ากัน แสงจากวัตถุเกิด
การสะทอ้ นกลับหมดมาเขา้ ตา ภาพวัตถุที่ปรากฏจึงเป็นภาพกลับหวั ทาให้บางครั้งเรามองเหน็ คล้าย
น้านองบนถนนข้างหน้า แต่เมื่อไปถึงท่ีน่ันก็ไม่ใช่น้าท่วมถนนจริง แต่เป็นภาพกลับหัวของอากาศท่ี
ลอยขน้ึ ไปขา้ งบนหรอื มองเห็นเรอื แล่นอยบู่ นท้องฟ้า ดงั ตวั อย่างภาพ ดงั น้ี”
แสงจากทอ้ งฟ้า
อากาศเยน็
อากาศอนุ่
อากาศรอ้ น
ผวิ ถนน
ข้ันที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
10. ให้นักเรียนทา Exercise 3.1 จากหนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.
3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 7 แสงและการมองเหน็
11. ให้นกั เรียนทาใบงานท่ี 7.5.1 เรอ่ื ง ปรากฏการณท์ างธรรมชาติของแสง
144
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ท่ี 5 ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของแสง
ขน้ั สรุป
ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูต้ังคาถามเพ่ือทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียน โดยมีแนวคาถาม ดังนี้
• ผลจากการหักเหและการสะทอ้ นกลบั หมดของแสง ทาใหเ้ กดิ อะไรบ้าง จงยกตวั อย่าง
(แนวตอบ: ทาให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของแสง เช่น รุ้งกินน้า หรือ พระอาทิตย์ทรงกลด
เปน็ ต้น)
2. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรม
การทางานกลุ่ม
3. ครูตรวจ Exercise 3.1 จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุดสัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3
เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 แสงและการมองเหน็
3. ครตู รวจสอบผลการทาใบงานที่ 7.5.1 เรอื่ ง ปรากฏการณท์ างธรรมชาติของแสง
10. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
รายการวัด - Exercise 3.1 - Exercise 3.1 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
10.1 การประเมินระหว่าง - ตรวจใบงานท่ี 7.5.1 - ใบงานที่ 7.5.1 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2
การจัดกิจกรรม การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
1) ปรากฏการณ์ทาง - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2
การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
ธรรมชาตขิ องแสง - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2
2) พฤติกรรมการทางาน ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
- สังเกตความมวี ินยั - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพ 2
รายบุคคล ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ ม่ัน คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
3) พฤติกรรมการทางาน ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์
กลุ่ม
4) การนาเสนอผลงาน
5) คุณลกั ษณะอันพึง
ประสงค์
145
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ท่ี 5 ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตขิ องแสง
11. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
11.1 ส่อื การเรียนรู้
1) หนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐาน (ชดุ สัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7
แสงและการมองเหน็
2) ใบงานท่ี 7.5.1 เรอื่ ง ปรากฏการณท์ างธรรมชาติของแสง
11.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องเรยี น
2) หอ้ งปฏิบตั กิ ารวทิ ยาศาสตร์
3) อนิ เทอรเ์ นต็
146
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 แสงและการมองเหน็
แผนฯ ท่ี 5 ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตขิ องแสง
ใบงานท่ี 7.5.1
เร่ือง ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของแสง
คาช้แี จง: ใหน้ กั เรยี นหาภาพท่ีเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาตขิ องแสง แล้วอธบิ ายปรากฏการณ์นน้ั
มาพอสังเขป
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
147
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 แสงและการมองเห็น เฉลย
แผนฯ ที่ 5 ปรากฏการณท์ างธรรมชาตขิ องแสง
ใบงานที่ 7.5.1
เรอ่ื ง เลนส์
คาชี้แจง: ใหน้ กั เรียนหาภาพที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาตขิ องแสง แลว้ อธบิ ายปรากฏการณน์ ั้น
มาพอสงั เขป
พจิ ารณาจากคาตอบของนักเรียน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
148
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 แสงและการมองเห็น
แผนฯ ที่ 5 ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของแสง
12. ความเห็นของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรอื ผูท้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชื่อ .................................
( ................................ )
ตาแหนง่ .......
13. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่มี ีปญั หาของนักเรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
149