The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

AW 15คดีทุจริตป.ป.ช.ต้องฟ้องเอง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prnacc.4815, 2022-09-26 03:36:33

AW 15คดีทุจริตป.ป.ช.ต้องฟ้องเอง

AW 15คดีทุจริตป.ป.ช.ต้องฟ้องเอง

15 คดที จุ รติ ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง

8คดที ่ี

กรณีกลา่ วหา นายพนม ศรศิลป์ เม่ือครงั้ ดำ� รงตำ� แหน่ง
ผู อ้ ำ� นวยการสำ� นักงานพระพุ ทธศาสนาแห่งชาติ
จงใจย่ืนบัญชี แสดงรายการทรัพย์สนิ และหนส้ี ิน
และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ดว้ ยขอ้ ความอันเป็นเทจ็ หรอื ปกปิ ดข้อเท็จจรงิ
ท่ีควรแจ้งใหท้ ราบ กรณีเขา้ รับต�ำแหนง่
ผู ้อำ� นวยการส�ำนกั งาน

อ่านค�ำพพิ ากษา (ฉบับเต็ม)

199

15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง

ศาลอาญาคดีทจุ ริตและประพฤติมิชอบกลาง
คดีหมายเลขดำ� ท่ี จส. 2/2562
คดีหมายเลขแดงท่ี จส. 3/2562
ศาลอุทธรณ์
คดีหมายเลขดำ� ท่ี อท. 262/2563
คดหี มายเลขแดงท่ี 9761/2563

TคIMวEาLมINเปE็นมา

โดยทต่ี ามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และ
ปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเตมิ มาตรา 4 กำ� หนดให้
“ผบู้ รหิ ารระดบั สงู ” หมายความวา่ “...ผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ตง้ั แตผ่ อู้ ำ� นวยการระดบั ตน้
หรอื เทยี บเทา่ ของสว่ นราชการ...” โดยตามมาตรา 39 (15) ใหผ้ ดู้ ำ� รงตำ� แหนง่
ระดับสูง เป็นต�ำแหน่งที่มีหน้าท่ียื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ของตน คสู่ มรส และบตุ รทย่ี งั ไมบ่ รรลนุ ติ ภิ าวะตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทกุ ครงั้
ทเี่ ขา้ รบั ตำ� แหนง่ ทกุ สามปที อ่ี ยใู่ นตำ� แหนง่ และเมอ่ื พน้ จากตำ� แหนง่ ตามแบบ
ท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. กำ� หนด

เมอื่ วนั ท่ี 1 ตุลาคม 2557 นายพนม ศรศลิ ป์ ได้รับแต่งต้งั ให้ด�ำรง
ตำ� แหนง่ ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ จงึ เปน็ ผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่
ระดับสูง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม มาตรา 39 (15)

200

15 คดีทุจรติ ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง

วรรคสองและวรรคสาม และมาตรา 41 ท่ีมีหน้าท่ียื่นบัญชีแสดงรายการ
ทรัพย์สินและหน้ีสินของตน คู่สมรส และบุตรท่ียังไม่บรรลุนิติภาวะต่อคณะ
กรรมการ ป.ป.ช. ทกุ ครง้ั ที่เขา้ รับต�ำแหนง่ ทุกสามปีทอี่ ยู่ในต�ำแหนง่ และเมื่อ
พน้ จากต�ำแหน่ง ตามแบบทคี่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. กำ� หนด

ซ่ึงตามมาตรา 32 กำ� หนดให้ทรพั ยส์ ินและหนส้ี ินท่ีต้องแสดง
รายการให้รวมทงั้ ทรัพยส์ ินและหนส้ี ินในตา่ งประเทศ

และใหร้ วมถึงทรัพย์สินท่ีมอบหมายใหอ้ ยู่ในความครอบครอง
หรอื ดแู ลของบุคคลอ่ืนไมว่ ่าโดยทางตรงหรอื ทางออ้ มดว้ ย



การย่ืนบญั ชี ทรัพยส์ นิ และหน้สี นิ ของนายพนม ศรศลิ ป์

เมอื่ วันท่ี 28 พฤศจิกายน 2557 นายพนม ศรศลิ ป์ ยน่ื บญั ชีแสดง
รายการทรัพยส์ นิ และหนี้สินกรณเี ข้ารบั ตำ� แหนง่ ตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.

จากการตรวจสอบพบว่า นายพนม ศรศิลป์ ไม่ได้แสดงรายการ
ทรัพย์สินในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ย่ืนต่อคณะกรรมการ
ป.ป.ช. โดยให้ผ้อู ่ืนเปน็ ผถู้ ือครองทรัพย์สินแทน มีรายละเอยี ดดังน้ี

(1) เงินฝากธนาคารกรุงไทย จ�ำกัด (มหาชน) สาขา
เทสโกโ้ ลตสั ศาลายา ชอื่ บญั ชี นางสมพศิ สทุ ธบิ ญุ เลขทบี่ ญั ชี 883-
0-07863-8 ณ วนั ที่ 1 ตลุ าคม 2557 จำ� นวน 1,670,261.24 บาท
โดยนางสมพิศฯ ซ่ึงเป็นภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสของ
นายพนม ศรศลิ ป์ เป็นผูถ้ อื ครองแทน

(2) เงินฝากธนาคารกสิกรไทย จ�ำกัด (มหาชน) สาขา
ศาลายา ชอื่ บญั ชี นางสมพศิ สทุ ธบิ ญุ เลขทบี่ ญั ชี 578-2-18244-9

201

15 คดที ุจริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

ณ วนั ท่ี 1 ตุลาคม 2557 จ�ำนวน 662.25 บาท ให้นางสมพิศฯ
เปน็ ผู้ถือครองแทน

(3) เงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุดรธานี จ�ำกัด
ช่ือบัญชี นางสมพิศ สุทธบิ ญุ เลขท่ีบญั ชี 01-0086194 ณ วนั ที่
1 ตุลาคม 2557 จ�ำนวน 6,031,550.22 บาท ใหน้ างสมพิศฯ
เป็นผู้ถอื ครองแทน

(4) หุ้นสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุบลราชธานี จ�ำกัด
สมาชกิ เลขท่ี 010094 ชื่อบญั ชี นางวาณีรัตน์ นามสงิ ห์ ณ วนั ท่ี
1 ตุลาคม 2557 จ�ำนวน 5,523,810 บาท โดยเป็นหุ้นของ
ผถู้ กู กลา่ วหา จำ� นวน 3,000,000 บาท โดยนางวาณรี ตั นฯ์ เปน็ พส่ี าว
ของนายพนม ศรศิลป์ เปน็ ผ้ถู ือครองแทน

(5) หุ้นในสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุดรธานี จ�ำกัด
ช่ือบญั ชี นางสมพิศ สทุ ธบิ ญุ เลขทะเบยี น 039430 ณ วนั ท่ี
1 ตุลาคม 2557 จ�ำนวน 5,052,000 บาท โดยให้นางสมพิศฯ
เปน็ ผ้ถู อื ครองแทน

(6) เงินที่ให้นายธีระ โกมลศรี พ่ีชายของนาย
พนม ศรศลิ ป์ กยู้ มื ณ วนั ที่ 1 ตลุ าคม 2557 จำ� นวน 1,000,000 บาท
โดยผถู้ กู กลา่ วหาถอนเงนิ สดออกจากบญั ชธี นาคารออมสนิ ของตน
แลว้ ฝากเข้าบญั ชีเงินฝากธนาคารกรงุ ไทย จำ� กดั (มหาชน) ของ
นางวลิ าวลั ย์ ศรศลิ ป์ พส่ี าวของนายพนม ศรศลิ ป์ และใหน้ างวลิ าวลั ยฯ์
เบกิ ถอนเงนิ จ�ำนวนดังกล่าวไปใหน้ ายธีระฯ เพ่อื ชำ� ระหน้ี

(7) เงินที่มอบให้นางวิลาวัลย์ ศรศิลป์ น�ำไปปรับปรุง
บา้ นเลขท่ี 1/2 และ 1/3 ถนนสขุ าอปุ ถมั ภ์ 9 ตำ� บลในเมอื ง อำ� เภอ
เมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินโฉนด
เลขที่ 30952 ต�ำบลในเมอื ง อ�ำเภอเมืองอบุ ลราชธานี จังหวัด
อุบลราชธานี จ�ำนวน 2,300,000 บาท

202

15 คดที จุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช.

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายพนม ศรศิลป์ เมื่อคร้ังด�ำรง
ต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จงใจยื่นบัญชี
แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบกรณีเข้ารับต�ำแหน่ง
ตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดว้ ยขอ้ ความอนั เปน็ เทจ็ หรอื ปกปดิ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทคี่ วร
แจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเช่ือได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่ง
ทรพั ยส์ นิ ใหเ้ สนอเรอื่ งใหศ้ าลอาญาคดที จุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบทม่ี เี ขตอำ� นาจ
วินิจฉัยให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและขอให้ลงโทษทางอาญา ตาม
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ
ทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (2) มาตรา 71 มาตรา 167
ประกอบมาตรา 177

สรุปค�ำร้องของ ป.ป.ช.

เม่อื วนั ที่ 1 ตลุ าคม 2557 นายพนม ศรศิลป์ ผู้ถกู กล่าวหา ได้รับ
แตง่ ตงั้ ใหด้ ำ� รงตำ� แหนง่ ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ ซง่ึ เปน็
ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งระดบั สูง ตามพระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการ
ปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และทแ่ี กไ้ ขเพ่มิ เติม

ผู้ถูกกล่าวหาจึงมีหน้าท่ียื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
และเอกสารประกอบของตน คสู่ มรส และบตุ รทย่ี ังไม่บรรลนุ ิติภาวะ ในกรณี
เขา้ รบั ตำ� แหนง่ ทกุ สามปที อ่ี ยใู่ นตำ� แหนง่ พน้ จากตำ� แหนง่ และพน้ จากตำ� แหนง่
ดังกล่าวมาแล้วเป็นเวลาหน่ึงปี โดยทรัพย์สินและหน้ีสินที่ต้องแสดงรายการ
ใหร้ วมทงั้ ทรพั ยส์ นิ ทม่ี อบหมายใหอ้ ยใู่ นความครอบครองหรอื ดแู ลของบคุ คลอน่ื
ไมว่ ่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมด้วย

203

15 คดที จุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

แตผ่ ู้ถูกกล่าวหาจงใจย่ืนบญั ชีแสดงรายการทรัพย์สนิ
และหนสี้ ินและเอกสาร ประกอบดว้ ยขอ้ ความอันเป็นเทจ็

หรอื ปกปิ ดขอ้ เท็จจรงิ ท่คี วรแจ้งใหท้ ราบ

โดยเม่ือวันท่ี 28 พฤศจกิ ายน 2557 ผู้ถกู กลา่ วหาย่นื บญั ชแี สดง
รายการทรัพย์สินและหนี้สิน และจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ถูกกล่าวหา
ไมไ่ ดแ้ สดงรายการทรพั ยส์ นิ ในบญั ชแี สดงรายการทรพั ยส์ นิ และหนส้ี นิ ทย่ี นื่
ตอ่ ผรู้ ้อง โดยใหผ้ อู้ นื่ เป็นผถู้ ือครองทรัพย์สนิ แทน

ผู้ถูกกล่าวหาซ่ึงเป็นผู้มีหน้าท่ียื่นบัญชีทรัพย์สินและหน้ีสินต่อผู้ร้อง
จงใจย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินและเอกสาร ประกอบด้วย
ขอ้ ความอนั เปน็ เทจ็ หรอื ปกปดิ ขอ้ เทจ็ จรงิ ซงึ่ ควรแจง้ ใหท้ ราบ และมพี ฤตกิ ารณ์
อนั ควรเชอื่ ไดว้ า่ มเี จตนาไมแ่ สดงทม่ี าแหง่ ทรพั ยส์ นิ หรอื หนสี้ นิ นนั้ ซงึ่ อาจสง่ ผล
ทำ� ให้ผถู้ ูกกล่าวหามพี ฤติการณร์ ่�ำรวยผดิ ปกติ

ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ
ปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (2),
167 ประกอบมาตรา 188 และมาตรา 194 และเพิกถอนสิทธิสมัคร
รบั เลือกตงั้ ของผู้ถูกกล่าวหา

ผู้ถกู กลา่ วหาให้การรบั สารภาพ

204

15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง

ค�ำพพิ ากษาศาลอาญาคดีทจุ ริต
และประพฤตมิ ชิ อบกลาง

ศาลชัน้ ตน้ พิจารณาแลว้ พิพากษาว่า
นายพนม ศรศิลป์ ผู้ถูกกล่าวหา จงใจย่ืนบัญชีแสดง
รายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง
ดว้ ยข้อความอนั เปน็ เท็จ หรอื ปกปิดขอ้ เท็จจรงิ ทีค่ วรแจง้ ให้ทราบ
กรณเี ขา้ รบั ตำ� แหนง่ ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน
และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม
มาตรา 39 (15) วรรคสอง และวรรคสาม และมาตรา 41
อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย
การป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 และทแี่ กไ้ ข
เพม่ิ เตมิ มาตรา 119
พพิ ากษาจำ� คกุ 6 เดอื น ผถู้ กู กลา่ วหาใหก้ ารรบั สารภาพ
เปน็ ประโยชนแ์ กก่ ารพจิ ารณามเี หตบุ รรเทาโทษลดโทษใหก้ งึ่ หนง่ึ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำ� คกุ 3 เดอื น
ขอ้ หาและคำ� ขออนื่ นอกจากนีใ้ หย้ ก
ผู้รอ้ งอุทธรณ์

205

15 คดที จุ รติ ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง

คำ� พิพากษาของศาลอุทธรณ์
แผนกคดที ุจริตและประพฤตมิ ชิ อบ

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องเพียงว่า ท่ีศาลชั้น
ต้นพิพากษายกค�ำขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม
ชอบดว้ ยกฎหมายหรอื ไม่

ผรู้ ้องอทุ ธรณว์ า่
ตามมาตรา 41 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไข
เพ่ิมเติม เป็นมาตรการบงั คับอน่ื ทบ่ี ังคบั ใชแ้ ก่เจ้าหน้าทข่ี องรฐั แมภ้ ายหลงั ได้
ยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว แต่พระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561
มไิ ดย้ กเลกิ มาตรการบงั คบั ทางการเมอื งแกบ่ คุ คลทจี่ งใจยน่ื บญั ชแี สดงรายการ
ทรัพย์สินและหน้ีสินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิด
ขอ้ เทจ็ จรงิ ซ่ึงควรแจ้งใหท้ ราบแต่อย่างใด

81 114

วปป่ารดพระา้วรกบยะอพปกรบ.าารศรชรา.ฐัปมบธ2้อกญั ร5งาญรก6รมทนั1ตั นจุแิ ูญรลิตะ ปว่ารปดารบ้วพะพยป.กศกรรอ.ะาาบรรม2ราปก5ฐัช้อ6าธบงร1รกัญทรนัุจญมรแนตัติลูญิ ะ

206

15 คดที จุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

จงึ ขอให้
เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกต้ังของผู้ถูกกล่าวหา ตาม
มาตรา 81 วรรคหนงึ่ ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม แหง่ พระราช
บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การทจุ รติ พ.ศ. 2561
หรอื
ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากต�ำแหน่งนับแต่วันที่มีค�ำวินิจฉัย
ว่ามีการกระท�ำดังกล่าว และห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาด�ำรงต�ำแหน่ง
เจ้าหน้าท่ีของรัฐเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่พ้นจากต�ำแหน่ง ตาม
มาตรา 41 วรรคหนึ่ง แหง่ พระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
วา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 และท่ี
แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ

ศาลอุทธรณ์แผนกคดที จุ รติ และประพฤตมิ ิชอบเหน็ ว่า

มาตรา 81 วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม แห่งพระ
ราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ.ศ. 2561 ซงึ่ มีผลใช้บังคับเมอื่ วนั ที่ 22 กรกฎาคม 2561 อนั เป็นกฎหมาย
ทใ่ี ชบ้ งั คบั ภายหลงั การกระทำ� ความผดิ ของผถู้ กู กลา่ วหา จงึ มใิ ชม่ าตรการบงั คบั
ทางการเมืองตามกฎหมายท่ีใชใ้ นขณะผ้ถู กู กลา่ วหากระทำ� ความผิด

ด้วยเหตุนี้ จึงต้องน�ำพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย
การปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ฉบบั ปี พ.ศ. 2542 และทแี่ กไ้ ขเพมิ่ เตมิ
มาตรา 41 วรรคหนงึ่ มาใช้บงั คับแก่คดีนี้

ดงั นนั้ กรณตี ามคำ� รอ้ งของผรู้ อ้ งจงึ มผี ลใหห้ า้ มมใิ หผ้ ถู้ กู กลา่ วหาดำ� รง
ตำ� แหนง่ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั เปน็ เวลาหา้ ปี นบั แตว่ นั ทพี่ น้ จากตำ� แหนง่ ตามพระราช
บญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ.
2542 และท่ีแก้ไขเพิม่ เตมิ มาตรา 41 วรรคหนึง่ ทีศ่ าลช้ันต้นมคี �ำพิพากษา
ยกค�ำขอสว่ นนีม้ านั้นไมช่ อบ

207

15 คดที ุจริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง

อุทธรณ์ของผรู้ อ้ งฟังขึน้
พิพากษาแก้เป็นว่า ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาด�ำรงต�ำแหน่งเจ้าหน้าที่
ของรัฐเปน็ เวลาหา้ ปีนบั แต่วนั ที่ 4 ธนั วาคม 2562 ซึง่ เป็นวนั ทผี่ ู้ถกู กล่าวหา
พ้นจากต�ำแหนง่ ตามพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการปอ้ งกัน
และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 41
วรรคหนง่ึ
และนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามค�ำพพิ ากษาศาลชัน้ ตน้

208

15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง

พระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ย
การปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2542

มาตรา 32 ให้ผู้ดำรงตำแหนง่ ทางการเมือง มีหน้าท่ยี ืน่ บญั ชี
แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตร
ทย่ี งั ไมบ่ รรลนุ ติ ภิ าวะตามทม่ี อี ยจู่ รงิ ในวนั ทย่ี น่ื บญั ชดี งั กลา่ ว
ตามแบบที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกาศกำหนด

นางวาณรี ตั น์ นามสงิ ห์ นางสมพศิ สทุ ธบิ ญุ
พีส่ าวของนายพนม ศรศลิ ป์ ภรรยาท่ไี มไ่ ด้
จดทะเบยี นสมรส
เปน็ ผถู้ อื ครองแทน

หนุ้ ในสหกรณ์ เงนิ ฝาก ธ.กรงุ ไทย
ออมทรพั ยค์ ร 1,670,261.24 บาท
อบุ ลราชธานี
3,000,000 บาท

เงนิ ฝากธนาคารทใ่ี ห้ 4 1 เงนิ ฝาก
2 ธ.กสกิ รไทย
นายธรี ะ โกมลศรี 6 662.25 บาท
ผเู้ ปน็ พช่ี ายกยู้ มื
1,000,000 บาท

7 3เงนิ สดทม่ี อบให้ เงนิ ฝากสหกรณ์
ออมทรพั ยค์ รู อดุ รธานี
นางวลิ าวลั ย์ ศรศลิ ป์

5ผเู้ ปน็ พ่สี าวนำไป
ปรบั ปรงุ บา้ น 6,031,550.22 บาท
ท่ี จ.อบุ ลราชธานี
หนุ้ ในสหกรณ์
2,300,000 บาท
ออมทรพั ยค์ รู

อดุ รธานี

5,052,000 บาท

นางวลิ าวณั ย์ ศรศลิ ป์
พส่ี าวของ

นายพนม ศรศลิ ป์

ทรพั ยส์ นิ ของนายพนม ศรศลิ ป์ ทไ่ี มไ่ ดย้ น่ื ตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.
ในขณะไดร้ บั แตง่ ตง้ั ใหด้ ำรงตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการ
สำนกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ

209

15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง
210

15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

9คดีท่ี

กรณีกลา่ วหา นายดุสติ ธุระหาญ เม่ือครัง้ ดำ� รง
ตำ� แหน่งนายกเทศมนตรีต�ำบลเหนือคลอง
อ�ำเภอเหนอื คลอง จังหวัดกระบ่ี

กระท�ำการจัดซ้ื อน้�ำมันเช้ื อเพลิงระหว่างเทศบาล
ตำ� บลเหนือคลอง กบั บรษิ ทั ดุสติ มอเตอรอ์ อยล์ จำ� กัด

ถือเป็นการมสี ว่ นไดเ้ สียไม่ว่าโดยทางตรงหรอื
ทางออ้ มในสญั ญาท่ีเทศบาลตำ� บลเหนอื คลอง

เป็นคสู่ ัญญาหรือในกจิ การท่ีกระทำ�
ให้แกเ่ ทศบาลจังหวัดกระบ่ี

อา่ นคำ� พิพากษา (ฉบบั เต็ม)

211

15 คดีทุจริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง

คดหี มายเลขดำ� ท่ี 1558/2556
คดีหมายเลขแดงท่ี 1921/2556

เดมิ นายดสุ ติ ธรุ ะหาญ เปน็ กรรมการมอี ำ� นาจลงชอื่ ผกู พนั บรษิ ทั ดสุ ติ
มอเตอรอ์ อยล์ จำ� กดั โดยบรษิ ทั ดสุ ติ มอเตอรอ์ อยล์ จำ� กดั ตกลงซอื้ ขายนำ�้ มนั
เชอื้ เพลิงและน้�ำมันหล่อล่ืนกบั เทศบาลตำ� บลเหนอื คลองตลอดมา

เม่ือวนั ท่ี 21 ธนั วาคม 2542 นายดสุ ิต ธุระหาญ ได้รบั เลือกใหด้ �ำรง
ต�ำแหนง่ นายกเทศมนตรตี ำ� บลเหนือคลอง และเปน็ เจา้ พนักงานตามประมวล
กฎหมายอาญามอี ำ� นาจหนา้ ท่ีตามพระราชบัญญัตเิ ทศบาล ซง่ึ มอี �ำนาจหนา้ ท่ี
จัดการหรือดูแลเก่ียวกับการส่ังและอนุญาตให้ซ้ือหรือจ้างและอนุมัติเก่ียวกับ
กจิ การการจดั ซอ้ื นำ้� มนั เชอื้ เพลงิ และนำ้� มนั หลอ่ ลน่ื เพอ่ื ใชใ้ นกจิ การของเทศบาล
ตำ� บลเหนือคลอง

ปรากฏวา่ นายดุสิต ธรุ ะหาญ ไดป้ ฏบิ ัติหน้าที่โดยไม่ไดล้ าออกจาก
การเปน็ กรรมการบรษิ ัท ดสุ ติ มอเตอรอ์ อยล์ จ�ำกัด

212

15 คดีทุจรติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง

วนั ท่ี 21 ธนั วาคม 2542 ถงึ วนั ท่ี 6 ธนั วาคม 2545 นายดสุ ติ ธรุ ะหาญ
ได้อนุมัติให้ส่ังซื้อน�้ำมันเช้ือเพลิงและน�้ำมันหล่อลื่นจากบริษัท ดุสิตมอเตอร์
ออยล์ จำ� กดั และสง่ั จา่ ยเงนิ เปน็ คา่ นำ้� มนั เชอ้ื เพลงิ และนำ�้ มนั หลอ่ ลน่ื ใหแ้ กบ่ รษิ ทั
ดสุ ติ มอเตอรอ์ อยล์ จำ� กดั ตงั้ แตว่ นั ท่ี 10 มกราคม 2543 ถงึ วนั ท่ี 18 เมษายน
2545 โดยใช้อ�ำนาจหน้าที่ในฐานะเป็นนายกเทศมนตรีต�ำบลเหนือคลอง
จ�ำนวนรวม 66 ครัง้ เป็นเงินรวมทั้งส้ิน 314,962.73 บาท

เมอื่ วันที่ 24 ตลุ าคม 2549 นายดสุ ติ ธุระหาญ ได้ลาออกจากการ
เปน็ กรรมการบริษทั ดุสติ มอเตอร์ออยล์ จำ� กดั

มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช.

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ติว่า นายดุสิต ธุระหาญ เมอ่ื ครง้ั ด�ำรง
ต�ำแหน่งนายกเทศมนตรีต�ำบลเหนือคลอง อ�ำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่
มมี ลู ความผดิ ทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157

คณะกรรมการ ป.ป.ช. สง่ เอกสาร รายงาน และความเหน็ ไปยงั อยั การ
สูงสุดเพ่ือด�ำเนินคดีอาญาแก่นายดุสิต ธุระหาญ แต่อัยการสูงสุดเห็นว่า
ยงั มีขอ้ ไม่สมบรู ณพ์ อทจ่ี ะดำ� เนนิ คดีได้ จงึ ต้งั คณะท�ำงานร่วมกบั อัยการสงู สุด
เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน แต่คณะกรรมการท้ังสองฝ่ายไม่อาจหาข้อยุติได้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงฟอ้ งคดไี ดเ้ อง และได้มอบหมายใหพ้ นักงานไตส่ วน
เป็นผูร้ บั มอบอ�ำนาจดำ� เนนิ คดแี ทน

213

15 คดีทุจรติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง

สรุปคำ� ฟ้ องของ ป.ป.ช.

ในขณะเกดิ เหตรุ ะหว่างวันที่ 21 ธันวาคม 2542 ถึงวนั ที่ 6 ธันวาคม
2545 ขณะดำ� รงดำ� แหนง่ นายกเทศมนตรตี ำ� บลเหนอื คลอง จำ� เลยซงึ่ มอี ำ� นาจ
หน้าท่ีจัดการหรือดูแลเกี่ยวกับการส่ังและอนุญาตให้ซ้ือหรือจ้างและอนุมัติ
เกี่ยวกับกิจการการจัดซ้ือน้�ำมันเชื้อเพลิงและน�้ำมันหล่อล่ืนเพ่ือใช้ในกิจการ
ของเทศบาลตำ� บลเหนอื คลอง จำ� เลยรอู้ ยแู่ ลว้ วา่ การซอื้ ขายนำ้� มนั เชอ้ื เพลงิ และ
น�้ำมันหล่อล่ืนระหว่างเทศบาลตำ� บลเหนือคลองกับบริษัท ดุสติ มอเตอร์ออยล์
จำ� กดั ไมอ่ าจกระทำ� ได้ เนอ่ื งจากเปน็ กจิ การทจี่ ำ� เลยมสี ว่ นไดเ้ สยี เพอื่ ประโยชน์
ของตนเองหรือผู้อื่น แต่จ�ำเลยในฐานะนายกเทศมนตรีต�ำบลเหนือคลอง
กลับปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ยกเลิกการซ้ือขายน�้ำมันเชื้อเพลิงและน้�ำมัน
หล่อลื่นจากบริษัท ดุสิตมอเตอร์ออยล์ จ�ำกัด แต่ได้อนุมัติให้ส่ังซ้ือน�้ำมัน
เชอ้ื เพลงิ และนำ้� มนั หลอ่ ลน่ื จากบรษิ ทั ดสุ ติ มอเตอรอ์ อยล์ จำ� กดั และสง่ั จา่ ยเงนิ
เปน็ คา่ นำ�้ มนั เชอ้ื เพลงิ และนำ้� มนั หลอ่ ลนื่ ใหแ้ กบ่ รษิ ทั ดสุ ติ มอเตอรอ์ อยล์ จำ� กดั
อันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติเทศบาลและกฎหมาย เป็นเหตุให้ระบบ

214

15 คดที จุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

การบริหารการเงิน การคลัง การพัสดุ และการตรวจสอบภายในไม่อาจ
ตรวจสอบความถกู ตอ้ งได้ ทำ� ใหเ้ ทศบาลตำ� บลเหนอื คลองและราชการเสยี หาย

ขอใหล้ งโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152, 157
จำ� เลยให้การรับสารภาพ

ค�ำพิพากษาของศาล

จำ� เลยกระทำ� ความผิดตามฟอ้ ง คดไี ม่จ�ำต้องเรียกพยานหลักฐานมา
ไต่สวนเพิม่ เติม

พพิ ากษาวา่ จำ� เลยมคี วามผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152,
157 เป็นความผดิ หลายกรรมต่างกนั ใหล้ งโทษทุกกรรมเปน็ กระทงความผิด
ไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จ�ำคุกกระทงละ 1 ปี และปรบั
กระทงละ 2,000 บาท รวม 66 กระทง จำ� คกุ 66 ปี ปรบั 132,000 บาท
จ�ำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษ
ใหก้ ระทงละกงึ่ หนงึ่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำ� คกุ กระทงละ
6 เดอื น ปรับกระทงละ 1,000 บาท รวม 66 กระทง จ�ำคกุ 396 เดอื น ปรับ
66,000 บาท เมื่อรวมโทษทุกกระทง คงจำ� คกุ 20 ปี

ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเป็นเรื่องไม่ร้ายแรง แม้เป็น
การกระทำ� เพอ่ื เออื้ ประโยชนใ์ หแ้ กบ่ รษิ ทั ดสุ ติ มอเตอรอ์ อยล์ จำ� กดั แตก่ เ็ ปน็ การ
กระท�ำตามที่เคยปฏิบัติกันมา และราคาท่ีซ้ือขายก็เป็นราคาท่ีไม่สูงกว่าราคา
ในท้องตลาด จึงไม่ก่อใหเ้ กิดความเสียหายแกท่ างราชการมากนักประกอบกบั
ไม่ปรากฏว่าจ�ำเลยเคยได้รับโทษจ�ำคุกมาก่อน เพื่อให้โอกาสจ�ำเลยกลับตัว
เปน็ คนดีสักครัง้ สว่ นโทษจำ� คุกใหร้ อการลงโทษไวม้ กี �ำหนด 2 ปี

215

15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง
216

15 คดีทุจรติ ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง

10คดีท่ี

กรณีกล่าวหา นายสมนึก สงคราม เม่อื ครงั้ ดำ� รง
ตำ� แหน่งนายกองค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบลนางว้ิ

ประกาศใช้แผนพัฒนาสามปี (พ.ศ. 2552 – 2554)
โดยไม่ผา่ นความเห็นชอบของสภาองคก์ าร
บริหารสว่ นต�ำบลนาง้ิว

อ่านคำ� พิพากษา (ฉบับเตม็ )

217

15 คดที จุ ริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

คดีหมายเลขดำ� ท่ี อท. 115/2561
คดหี มายเลขแดงท่ี อท. 112/2561

ในปี 2551 องค์การบริหารส่วนต�ำบลนาง้ิว อ�ำเภอเขาสวนกวาง
จงั หวดั ขอนแกน่ ไดจ้ ดั ทำ� แผนพฒั นาสามปี (พ.ศ. 2552 – 2554) ขน้ึ โดยใน
การจดั ทำ� แผนพฒั นาสามปดี งั กลา่ ว มกี ฎหมายและระเบยี บทเี่ กย่ี วขอ้ งกำ� หนด
กระบวนการ ขน้ั ตอน และกรอบระยะเวลาในการจดั ทำ� และการประกาศใชแ้ ผน
พฒั นาสามปไี ว้ แตน่ ายสมนกึ สงคราม นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลนางวิ้
ณ ขณะนน้ั ไม่ได้ด�ำเนินการตามกฎหมายและระเบียบทเ่ี กีย่ วขอ้ ง กล่าวคอื
ไม่ไดน้ �ำแผนพัฒนาสามปที ี่จดั ทำ� ขน้ึ ไปเสนอต่อสภาองค์การบริหารส่วนต�ำบล
นาง้ิว เพือ่ ให้ความเหน็ ชอบ และไดป้ ระกาศใช้แผนพฒั นาสามปดี ังกล่าว เมื่อ
แผนพัฒนาสามปียังไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาองค์การบริหารส่วนตําบล
นางิว้ จาํ เลยจึงไม่มอี าํ นาจประกาศใชแ้ ผนพัฒนาสามปีดังกล่าว และเป็นเหตุ
ให้แผนพัฒนาสามปดี งั กล่าวไมช่ อบด้วยกฎหมาย

218

15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

อ�ำนาจหน้าท่ีของนายกองคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบล
นายสมนกึ สงคราม ดำ� รงตำ� แหนง่ นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลนางว้ิ
มอี าํ นาจหนา้ ทเี่ สนอรา่ งแผนพฒั นาสามปที ผี่ า่ นการพจิ ารณาของคณะกรรมการ
พัฒนาองค์การบริหารส่วนตําบลนาง้ิวต่อสภาองค์การบริหารส่วนตําบล
นาง้ิวเพื่อให้ความเห็นชอบ แล้วจึงพิจารณาอนุมัติและประกาศใช้แผนพัฒนา
สามปี ตามมาตรา 59 แห่งพระราชบญั ญัติสภาตําบลและองคก์ ารบริหารสว่ น
ตาํ บล พ.ศ. 2537 และทแี่ กไ้ ขเพมิ่ เตมิ ประกอบมาตรา 16 แหง่ พระราชบญั ญตั ิ
กําหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอํานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. 2542 และข้อ 17 ของระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยการจดั ทาํ แผน
พฒั นาองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ พ.ศ. 2548 และในฐานะประธานกรรมการ
พฒั นาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บลนางวิ้ มอี าํ นาจหนา้ ทใ่ี นการรว่ มจดั ทาํ รา่ งแผน
พัฒนาสามปี และพิจารณาร่างแผนพัฒนาสามปีเพื่อเสนอผู้บริหารท้องถ่ิน
ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจัดทําแผนพัฒนาขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ิน พ.ศ. 2548 โดยการจัดทําและทบทวนแผนพัฒนา
สามปีจะต้องดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนก่อนงบประมาณ
ประจําปี เพื่อให้องค์การบริหารส่วนตําบลนาง้ิวน�ำไปเป็นกรอบในการจัดทํา
งบประมาณรายจ่ายประจําปีและงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม รวมท้ังวาง
แนวทางการปฏบิ ตั ใิ หบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคต์ ามโครงการทกี่ าํ หนดไวใ้ นแผนพฒั นา
สามปีด้วย

219

15 คดีทุจริต ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง

ลTำ� IดMบัELเIหNตEกุ ารณ์

16 มกราคม 2551
จาํ เลยแตง่ ตง้ั คณะกรรมการพฒั นาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล

นางว้ิ ข้นึ โดยมจี าํ เลยเปน็ ประธานกรรมการ

18 มกราคม 2551
จำ� เลยแตง่ ตง้ั คณะกรรมการสนบั สนนุ การจดั ทาํ แผนพฒั นา

องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบลนางวิ้

2 มถิ นุ ายน 2551
จ�ำเลยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทํางานเพื่อช่วย

ในการจดั ทาํ แผนพฒั นาตําบลนาง้ิว

17 มถิ ุนายน 2551
มกี ารประชมุ คณะกรรมการพฒั นาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล

นาง้ิวเป็นครั้งแรก เพื่อพิจารณารายละเอียดและแนวทางการ
ดําเนินการจัดทําแผนพัฒนาสามปี รวมทั้งกรอบเวลาดําเนินการ
โดยที่ประชุมมีมติให้แต่งต้ังคณะอนุกรรมการหรือคณะทํางานเพื่อ
ช่วยในการจัดทําแผนพัฒนาตําบลนางิ้ว การออกเวทีประชาคม
การรวบรวมข้อมูลความต้องการของประชาชน แล้วจึงเสนอให้
คณะกรรมการพฒั นาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบลนางวิ้ พจิ ารณา

220

15 คดีทุจรติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง

27 มถิ นุ ายน 2551
จ�ำเลยมีหนังสือถึงนายอําเภอเขาสวนกวางเพ่ือขออนุมัติ

ขยายเวลาในการจดั ทําแผนพฒั นาสามปี ออกไปอกี 15 วัน ตง้ั แต่
วนั ท่ี 1 - 15 กรกฎาคม 2551 ซงึ่ นายอาํ เภอเขาสวนกวางอนุมตั ิให้
ขยายเวลาการจัดทําแผนพัฒนาสามปีตามที่เสนอ

2 กรกฎาคม 2551
ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบลนางิ้วได้มีหนังสือถึง

นายอาํ เภอเขาสวนกวาง ขออนมุ ตั เิ ปดิ ประชมุ สภาสมยั วสิ ามญั สมยั ที่ 2
ประจําปี 2551 ตง้ั แตว่ นั ท่ี 7 - 16 กรกฎาคม 2551 เพือ่ หารือ
ขอ้ ราชการเร่งด่วนและพจิ ารณารา่ งแผนพัฒนาสามปี ซง่ึ นายอาํ เภอ
เขาสวนกวางอนมุ ัติใหเ้ ปิดประชุมตามที่เสนอ

221

15 คดที ุจรติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง

ประเดน็ ท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. ช้ี มูลความผิด

การกระท�ำของนายสมนึก สงคราม เมื่อครั้งด�ำรงต�ำแหน่งนายก
องค์การบริหารส่วนต�ำบลนางิ้ว ซ่ึงเป็นผู้ทราบรายละเอียดและขั้นตอนเป็น
อยา่ งดวี า่ การจดั ทำ� รา่ งแผนพฒั นาสามปี (พ.ศ. 2552 – 2554) จะตอ้ งดำ� เนนิ การ
ตามวิธีการและขั้นตอนตามกฎหมายและระเบียบท่ีเกี่ยวข้อง แต่นายสมนึก
กลับประกาศใช้แผนพัฒนาสามปี โดยอ้างว่า แผนพัฒนาสามปีดังกล่าวได้
ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนาองค์การบริหารส่วนต�ำบลนาง้ิว
ประกอบกับมติเห็นชอบในคราวประชุมสภาองค์การบริหารส่วนต�ำบลนาง้ิว
สมยั วิสามัญ สมยั ที่ 2/2551 เมือ่ วันที่ 7 กรกฎาคม 2551 แล้ว ทัง้ ทไ่ี มม่ ี
การประชุมสภาองค์การบริหารส่วนต�ำบลนาง้ิวในวันท่ีกล่าวอ้าง การกระท�ำ
ดังกล่าวจึงมีมูลความผิด ฐานกระท�ำการฝ่าฝืนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตาม
อ�ำนาจหน้าท่ี หรือปฏบิ ตั กิ ารไมช่ อบด้วยอำ� นาจหนา้ ที่ ตามมาตรา 92 แหง่
พระราชบญั ญตั ิสภาต�ำบลและองคก์ ารบริหารส่วนตำ� บล พ.ศ. 2537 และ
ฉบับท่ีแก้ไขเพิ่มเติม และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน
ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่
ผู้หนงึ่ ผใู้ ด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

มา1ต57รา ม9าต2รา

222

15 คดีทุจรติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง

การพิจารณาของศาล

จำ� เลยใหก้ ารรบั สารภาพ ปรากฏขอ้ เทจ็ จรงิ จากการไตส่ วนวา่ ในขณะนนั้
รา่ งแผนพัฒนาสามปี (พ.ศ. 2552 - 2554) ขององคก์ ารบรหิ ารส่วนตาํ บล
นาง้วิ ยงั จัดทำ� ไมแ่ ลว้ เสรจ็ แตเ่ มอ่ื วนั ที่ 7 กรกฎาคม 2551 ซงึ่ อย่ใู นระหว่าง
ช่วงเวลาท่ีกําหนดให้มีการเปิดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตําบลนาง้ิว
สมยั วสิ ามญั สมยั ที่ 2/2551 ได้มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาองคก์ าร
บรหิ ารสว่ นตาํ บลนางว้ิ ซงึ่ มจี าํ เลยเขา้ รว่ มประชมุ ดว้ ยในฐานะประธานกรรมการ
เพอ่ื พจิ ารณาและจดั เรยี งโครงการเพอื่ บรรจไุ วใ้ นแผนพฒั นาสามปี รวมทงั้ ใหค้ วาม
เหน็ ชอบรา่ งแผนพฒั นาสามปเี พอื่ นาํ เขา้ ทป่ี ระชมุ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล
นางิ้วพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป แสดงให้เห็นว่าจําเลยรู้ว่า การประชุม
ในวนั ดงั กลา่ วเปน็ การประชมุ ของคณะกรรมการพฒั นาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล
นางิ้วเท่าน้ัน ไม่ใช่การประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตําบลนาง้ิวแต่อย่างใด
และจาํ เลยมหี นา้ ทเ่ี สนอรา่ งแผนพฒั นาสามปใี หส้ ภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล
นางวิ้ พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ ชอบกอ่ นแลว้ จงึ พจิ ารณาอนมุ ตั แิ ละประกาศใชต้ อ่ ไป
ตามระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยการจดั ทาํ แผนพฒั นาขององคก์ รปกครอง
ส่วนท้องถ่นิ พ.ศ. 2548

แตก่ ลบั ปรากฏวา่ ในวนั ที่ 14 กรกฎาคม 2551 จาํ เลยไมไ่ ดน้ าํ รา่ งแผน
พฒั นาสามปไี ปเสนอตอ่ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บลนางวิ้ ทงั้ ยงั ไดป้ ระกาศใช้
แผนพฒั นาสามปี โดยระบใุ นประกาศวา่ แผนพฒั นาสามปฉี บบั นผ้ี า่ นความเหน็
ชอบจากคณะกรรมการพฒั นาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บลนางว้ิ และสภาองคก์ าร
บรหิ ารส่วนตําบลนางวิ้ ในการประชุมสมัยวสิ ามัญ สมยั ที่ 2/2551 เม่อื วันท่ี
7 กรกฎาคม 2551 แล้ว ทงั้ ที่จ�ำเลยรู้อยแู่ ลว้ วา่ แผนพัฒนาสามปียังไม่ไดร้ บั
ความเห็นชอบจากสภาองค์การบริหารสว่ นตําบลนาง้ิว

จาํ เลยจงึ ไมม่ อี าํ นาจประกาศใชแ้ ผนพฒั นาสามปดี งั กลา่ ว และเปน็
เหตใุ หแ้ ผนพฒั นาสามปดี งั กลา่ วไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย เนอื่ งจากไมเ่ ปน็ ไปตาม
ข้ันตอนและวิธีการที่กฎหมายกําหนดอันเป็นสาระสําคัญเพราะจะต้อง

223

15 คดที ุจรติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง

น�ำไปใช้เป็นกรอบในการจัดทํางบประมาณรายจ่ายประจําปีและ
งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม รวมทั้งวางแนวทางการปฏิบัติให้บรรลุ
วัตถุประสงค์ตามโครงการท่ีกําหนดไว้ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย
ว่าด้วยการจัดทําแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2558
และอาจส่งผลต่อความชอบด้วยกฎหมายในการจัดทํางบประมาณรายจ่าย
ประจําปี งบประมาณรายจ่ายเพ่ิมเติม และการดําเนินการตามโครงการของ
องค์การบรหิ ารส่วนตาํ บลนางิ้วได้

การกระท�ำของจ�ำเลยถอื ไดว้ า่ เป็นการกระทําความผดิ สําเร็จแลว้
แมว้ ่าภายหลังจากท่จี าํ เลยไดป้ ระกาศใช้แผนพัฒนาสามปี
จะยงั ไม่มีการจดั ทาํ งบประมาณรายจ่ายประจําปี
และสภาองค์การบริหารส่วนตาํ บลนาง้วิ ได้ใหค้ วามเห็นชอบ
แผนพัฒนาสามปี แลว้ ก็ตาม

การที่จําเลยดํารงตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลนาง้ิว
ต้ังแต่วันท่ี 31 กรกฎาคม 2548 จนถึงวันที่ประกาศใช้แผนพัฒนาสามปี

224

15 คดีทุจริต ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง

การประชุม
วนั ท่ี 7 กรกฎาคม 2551

รวมเปน็ เวลาประมาณ 3 ปี เปน็ ระยะเวลาพอสมควร จาํ เลยตอ้ งรกู้ ระบวนการ
ขนั้ ตอน และกรอบระยะเวลาในการจดั ทาํ และประกาศใชแ้ ผนพฒั นาสามปตี าม
กฎหมายเปน็ อย่างดี เนอื่ งจากระเบียบกระทรวงมหาดไทยฯ กาํ หนดให้มีการ
ปรบั ปรงุ แผนพฒั นาสามปเี ปน็ ประจาํ ทกุ ปี และจาํ เลยรดู้ วี า่ สภาองคก์ ารบรหิ าร
สว่ นตาํ บลนางวิ้ มกี ำ� หนดการประชมุ สมยั วสิ ามญั สมยั ที่ 2/2551 ระหวา่ งวนั ท่ี
7 - 16 กรกฎาคม 2551 อกี ท้งั ในวนั ท่ี 7 กรกฎาคม 2551 ไมม่ กี ารประชุม
สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บลนางว้ิ แตจ่ าํ เลยกลบั ไมเ่ สนอรา่ งแผนพฒั นาสามปี
ให้สภาองค์การบริหารส่วนตําบลนางิ้วพิจารณาทั้งท่ีสามารถท�ำได้ เพราะ
ยังอยู่ในระยะเวลาท่ีนายอําเภอเขาสวนกวางได้อนุมัติให้ขยายเวลาจัดทําแผน
พัฒนาสามปีและยังอยู่ในระยะเวลาเปิดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตําบล
นางวิ้ การทจี่ าํ เลยประกาศใชแ้ ผนพฒั นาสามปโี ดยอา้ งวา่ ไดผ้ า่ นความเหน็ ชอบ
จากสภาองค์การบริหารส่วนตําบลนาง้ิว เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551
แล้ว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
โดยมชิ อบดว้ ยพระราชบญั ญตั สิ ภาตาํ บลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล พ.ศ. 2537
และท่ีแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติกําหนดแผนและข้ันตอนการกระจาย
อาํ นาจใหแ้ กอ่ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ พ.ศ. 2548 เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเสยี หาย
ตอ่ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บลนางว้ิ ทจี่ ะตอ้ งนาํ แผนพฒั นาสามปไี ปใชเ้ ปน็ กรอบ
ในการจัดทํางบประมาณรายจ่ายประจําปีและงบประมาณรายจ่ายเพ่ิมเติม

225

15 คดีทุจริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง

รวมทั้งวางแนวทางการปฏิบัติให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามโครงการที่กําหนดไว้
เปน็ การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทโ่ี ดยมชิ อบ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หาย
แก่องค์การบริหารส่วนตําบลนาง้ิว ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 157

ค�ำพพิ ากษา

จาํ เลยมคี วามผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จาํ คกุ 1 ปี
และปรับ 5,000 บาท จําเลยให้การรับสารภาพมีประโยชน์แก่การพิจารณา
เปน็ เหตบุ รรเทาโทษ ลดโทษใหก้ งึ่ หนง่ึ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คงจําคุก 6 เดือน และปรับ 2,500 บาท พิเคราะห์แล้ว ไม่ปรากฏว่า
จําเลยเคยต้องโทษจําคุกมาก่อน ประกอบกับหลังจากที่จําเลยได้ประกาศใช้
แผนพฒั นาสามปี ยงั ไมไ่ ด้มกี ารจัดทาํ งบประมาณรายจา่ ยประจําปี และไดม้ ี
การแก้ไขให้แผนพัฒนาสามปีชอบด้วยกฎหมายแล้ว พฤติการณ์แห่งคดี
จึงไม่ร้ายแรงนัก สมควรให้โอกาสจําเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจําคุกให้
รอการลงโทษไวม้ กี าํ หนด 2 ปี ไมช่ าํ ระคา่ ปรบั ใหจ้ ดั การตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 29, 30

226

15 คดีทุจริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

11คดีท่ี

กรณีกลา่ วหา นายไพฑรู ย์ เทพศาสตรา
เม่ือครงั้ ดำ� รงต�ำแหนง่ ปลัดเทศบาลตำ� บล

หนองแปน กับพวก รวม 3 ราย
ปลัดเทศบาลเบิกค่าเช่ าบ้านเท็จ

อ่านคำ� พิพากษา (ฉบบั เตม็ )

227

15 คดีทุจรติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง

คดีหมายเลขด�ำท่ี อท. 394/2562
คดีหมายเลขแดงท่ี 19548/2562

ในคดีนี้ นายไพฑรู ย์ เทพศาสตรา จาํ เลยท่ี 1 เมอื่ คร้ังดาํ รงตาํ แหนง่
ปลดั เทศบาลตําบลหนองแปน นายสรุ สทิ ธ์ิ ภมู ผิ ักแว่น จําเลยที่ 2 เมือ่ ครง้ั
ดํารงตําแหน่งนายช่างโยธา ระดับ 5 นายวิทยา จอมทรักษ์ จําเลยที่ 3
เมอื่ ครงั้ ดาํ รงตาํ แหนง่ เจา้ หนา้ ทธ่ี รุ การ ระดบั 3 ไดร้ บั แตง่ ตง้ั ใหเ้ ปน็ คณะกรรมการ
ตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ การขอรบั คา่ เชา่ บา้ น โดยจาํ เลยที่ 1 เปน็ ประธานกรรมการ
จําเลยท่ี 2 เปน็ กรรมการ และจาํ เลยที่ 3 เป็นกรรมการและเลขานกุ าร และ
มหี นา้ ท่ตี รวจสอบเรอ่ื งการขอรับค่าเชา่ บา้ น โดยช่วงระหวา่ งวนั ที่ 1 มนี าคม
2547 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2548 จําเลยท่ี 1 ได้จัดทําบันทึกขออนุมัติ
เปลย่ี นแปลงบา้ นเชา่ จากจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ ไปอยจู่ งั หวดั ขอนแกน่ ซง่ึ เปน็ บา้ นของ
นางศภุ ลกั ษณ์ คุณแสน เพือ่ ดแู ลครอบครวั โดยขออนุมตั คิ ่าเชา่ บา้ นเดอื นละ
2,000 บาท และรับรองตนเองว่าไม่มเี คหสถานของตนเอง หรือภริยา ท้ังทีม่ ี
ทพี่ กั อาศยั อยแู่ ลว้ ซง่ึ จําเลยที่ 1 กับภริยารว่ มกนั ซอ้ื บ้านพร้อมทดี่ นิ ทจ่ี งั หวดั
ขอนแกน่ ดงั กลา่ ว และภรยิ าไดน้ ําหลกั ฐานการผอ่ นชาํ ระมาขอเบกิ คา่ เช่าบ้าน
ตามสทิ ธจิ ากเทศบาลนครขอนแกน่ แลว้ แตจ่ าํ เลยที่ 1 กลบั กรอกแบบคาํ ขอรบั
เงินค่าเชา่ บา้ น (แบบ 72 ก) และทําคําชีแ้ จงประกอบคําขอรบั เงนิ คา่ เชา่ บา้ น
ว่า ไม่มีเคหสถานของตนเอง หรือภริยา, กรอกแบบคําขอรับเงินค่าเช่าบ้าน

228

15 คดีทุจรติ ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง

(แบบ 73 ก) ในฐานะผขู้ อเบกิ และกรอกขอ้ ความในแบบรายงานการตรวจสอบ
การขอรับค่าเช่าบ้าน และทําคํารับรองของคณะกรรมการว่าได้เช่าบ้าน
ของนางศุภลกั ษณ์ คุณแสน เป็นที่อยู่อาศยั ตง้ั แต่วันท่ี 1 มีนาคม 2547 โดย
ลงลายมือช่ือในฐานะประธานกรรมการเพียงคนเดียว และปลอมลายมือช่ือ
ผใู้ หเ้ ชา่ ในสญั ญาเชา่ และใบเสรจ็ รบั เงนิ คา่ เชา่ ดงั กลา่ ว แตใ่ นความเปน็ จรงิ ไมไ่ ด้
เช่าบ้านของนางศุภลักษณ์ คุณแสน หากแต่บ้านหลังดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์
ของจําเลยที่ 1 กับภริยา และจําเลยที่ 1 ในฐานะปลดั เทศบาลตาํ บลหนองแปน
ยงั ใหค้ าํ รบั รองในแบบขอเบกิ เงนิ คา่ เชา่ บา้ น (แบบ 73 ก) อกี วา่ “ไดต้ รวจสอบแลว้
ถกู ตอ้ งตามระเบยี บ เหน็ ควรอนมุ ตั ”ิ รวมจาํ นวน 11 ฉบบั โดยในการกระทำ� ครง้ั น้ี
จาํ เลยท่ี 2 และที่ 3 ในฐานะกรรมการ ไดร้ ว่ มกนั ละเวน้ ไมด่ าํ เนนิ การตรวจ
สอบขอ้ เทจ็ จรงิ โดยไมไ่ ปตรวจสอบสภาพบา้ นและผมู้ กี รรมสทิ ธท์ิ จี่ าํ เลยที่ 1
ขอรบั คา่ เชา่ บา้ น แตก่ ลบั รว่ มกนั ลงนามรบั รองในแบบรายงานการตรวจสอบ
คาํ ขอรบั คา่ เชา่ บา้ นยอ้ นหลงั อนั เปน็ เทจ็ ภายหลงั จากทจ่ี าํ เลยท่ี 1 ไดล้ งนาม
ในฐานะประธานกรรมการ และได้อ้างแบบรายงานการตรวจสอบค�ำขอรับ
คา่ เชา่ บา้ น ประกอบคาํ ขอเบกิ คา่ เชา่ วา่ จาํ เลยท่ี 1 ไดเ้ ชา่ บา้ นจากนางศภุ ลกั ษณ์
คุณแสน จริง ท้ังน้ี โดยมีเจตนาเพ่ือให้แบบรายงานฉบับดังกล่าว สามารถ
นํามาใช้เป็นหลักฐานขอเบิกค่าเช่าบ้านได้ เป็นเหตุให้นายกเทศมนตรีตําบล
หนองแปนอนมุ ตั ใิ ห้จ่ายเงนิ คา่ เช่าบา้ นโดยมชิ อบ แก่จาํ เลยท่ี 1 ตามท่ีขอเบิก
เปน็ จาํ นวนเงินรวมทง้ั ส้ิน 22,000 บาท

229

15 คดีทุจริต ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง

อ�ำนาจหน้าท่ขี องคณะกรรมการ
ตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ การขอรับคา่ เช่ าบ้าน
นอกจากจ�ำเลยท่ี 1 ในฐานะปลัดเทศบาลตําบลหนองแปน ซึ่งมี
อ�ำนาจหน้าท่ีเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานเทศบาลและลูกจ้างเทศบาลรองจาก
นายกเทศมนตรีตําบลหนองแปน และรับผิดชอบควบคุมดูแลราชการประจํา
ของเทศบาลให้เป็นไปตามนโยบายและมีอํานาจหน้าท่ีอ่ืนตามที่มีกฎหมาย
กาํ หนด หรอื ตามทนี่ ายกเทศมนตรมี อบหมายแลว้ จาํ เลยที่ 1 รวมถงึ จ�ำเลยที่ 2
และท่ี 3 ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการขอรับค่าเช่าบ้าน
ยังมีอ�ำนาจหน้าท่ีตรวจสอบว่าผู้ยื่นเรื่องขอรับค่าเช่าบ้าน ได้เช่าบ้านผู้อื่นและ
พกั อาศยั อยจู่ รงิ หรอื ไม่ ตง้ั แตเ่ มอื่ ใด และใหต้ รวจสอบอตั ราคา่ เชา่ วา่ เหมาะสม
กับสภาพบ้านหรอื ไมด่ ้วย
ส�ำหรับคดีนี้เป็นกรณีของการเบิกค่าเช่าบ้านเท็จที่มีมูลเหตุเริ่มต้น
จากจ�ำเลยท่ี 1 ซึ่งในขณะด�ำรงต�ำแหน่งเป็นปลัดเทศบาลต�ำบลหนองแปน
มีสิทธิเบิกเงินค่าเช่าบ้านตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าเช่าบ้าน
ของข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2528 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม โดยต้อง
ยน่ื แบบขอรบั เงนิ คา่ เชา่ บา้ น พรอ้ มเอกสารประกอบ เชน่ ใบเสรจ็ รบั เงนิ คา่ เชา่ ฯลฯ
ต่อนายกเทศมนตรีต�ำบลหนองแปน ซึ่งตามข้ันตอนแล้วจะมีการแต่งต้ัง
คณะกรรมการตรวจสอบขอ้ เทจ็ จริงการขอเบิกค่าเชา่ บา้ นดังกล่าว
แตเ่ รอ่ื งนม้ี ีประเด็นปญั หาคือ ไดม้ กี ารแต่งตง้ั ผู้มสี ว่ นไดเ้ สยี เปน็ คณะ
กรรมการ ซงึ่ ปรากฏตามค�ำสงั่ เทศบาลต�ำบลหนองแปน ที่ 174/2546 ลงวนั ที่
1 ตลุ าคม 2546 แตง่ ตงั้ คณะกรรมการตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ การขอรบั คา่ เชา่ บา้ น
ประกอบดว้ ย (1) นายไพฑูรย์ เทพศาสตรา ปลัดเทศบาลต�ำบลหนองแปน
จ�ำเลยที่ 1 เป็นประธานกรรมการ (2) นายสุรสทิ ธ์ิ ภูมิผักแวน่ นายช่างโยธา
ระดับ 5 จ�ำเลยที่ 2 เป็นกรรมการ และ (3) นายวทิ ยา จอมทรักษ์ เจา้ หน้าที่
ธุรการ ระดับ 3 จ�ำเลยที่ 3 เป็นกรรมการและเลขานุการ

230

15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

ลTำ� IดMับELเIหNตEุการณ์

ระหว่างเดอื นมนี าคม 2547 ถงึ เดอื นมกราคม 2548
16 มถิ นุ ายน 2546

จ�ำเลยที่ 1 กับภรรยาร่วมกันกู้เงินจากธนาคารอาคาร
สงเคราะห์ จ�ำนวน 1,200,000 บาท เพ่อื น�ำมาซือ้ บา้ นพร้อมท่ีดิน
ในวันดงั กล่าว

1 มีนาคม 2547
เดิม จ�ำเลยที่ 1 ได้เช่าบ้านหลังหน่ึงในจังหวัดกาฬสินธุ์

เจ้าของบา้ นเช่าคือนายวัชระ ทาปลัด ต่อมา จ�ำเลยที่ 1 ได้ขออนมุ ัติ
เปล่ียนแปลงบ้านเช่าโดยให้เหตุผลว่าเพราะต้องไปดูแลครอบครัว
โดยย้ายไปเช่าบ้านหลังหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น และอ้างว่าเจ้าของ
บา้ นเช่าหลงั ใหม่ คอื นางศภุ ลักษณ์ คุณแสน โดยขออนมุ ตั คิ า่ เช่า
ในอัตราเดือนละ 2,000 บาท แตใ่ นความเป็นจรงิ แล้วบา้ นเชา่ หลัง
ใหมท่ จ่ี �ำเลยที่ 1 ไดอ้ า้ งน้ี เปน็ บ้านทจี่ �ำเลยท่ี 1 กบั ภรรยาร่วมกัน
กู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อน�ำมาซื้อบ้านพร้อมที่ดิน
ดังกล่าว และภรรยาของจ�ำเลยที่ 1 ยังได้น�ำหลกั ฐานการผ่อนช�ำระ
ไปใชเ้ บกิ คา่ เชา่ บา้ นตามสทิ ธกิ บั เทศบาลนครขอนแกน่ ซงึ่ ภรรยาของ
จ�ำเลยท่ี 1 ท�ำงานอยู่ดว้ ย

231

15 คดีทุจริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง

1 มนี าคม 2547 ถงึ 31 มกราคม 2548
จ�ำเลยท่ี 1 ไดด้ �ำเนนิ การเกย่ี วกบั การเบกิ คา่ เชา่ บา้ นหลงั ใหม่

ทงั้ การจดั ท�ำเอกสารและความเห็นประกอบต่าง ๆ ดงั น้ี
(1) กรอก “แบบค�ำขอรบั เงนิ คา่ เชา่ บา้ น (แบบ 72 ก)” และ

“ค�ำชแี้ จงประกอบค�ำขอรับเงนิ คา่ เชา่ บ้าน” โดยอ้างวา่ “จ�ำเลยที่ 1
ไม่มีเคหสถานของตนเอง หรือของภรรยา” ซ่ึงหากแจ้งว่าตนหรือ
ภรรยามีเคหสถานของตนเอง จะไมส่ ามารถขอเบกิ คา่ เช่าบ้านได้

(2) กรอก “แบบขอเบกิ เงนิ ค่าเชา่ บา้ น (แบบ 73 ก)” ใน
ฐานะผขู้ อเบกิ คา่ เชา่ บา้ น และจ�ำเลยท่ี 1 ในฐานะปลดั เทศบาลต�ำบล
หนองแปน ซงึ่ มหี นา้ ทต่ี รวจสอบแบบขอเบกิ เงนิ คา่ เชา่ บา้ นดงั กลา่ ววา่
มคี วามถกู ตอ้ งตามระเบยี บหรอื ไม่ กลบั ใหค้ �ำรบั รองวา่ “ไดต้ รวจสอบ
แล้วถูกต้องตามระเบียบ เห็นควรอนุมัติ” ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าตนซ่ึง
เป็นผู้ขอเบิกเงินค่าเช่าบ้าน ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามระเบียบ
หลกั เกณฑท์ ีเ่ กีย่ วข้อง

(3) กรอกขอ้ ความใน “แบบรายงานการตรวจสอบการขอรบั
คา่ เชา่ บ้าน” และ “ค�ำรบั รองของคณะกรรมการ” วา่ “จ�ำเลยที่ 1 ได้
เชา่ บา้ นซงึ่ เปน็ กรรมสทิ ธขิ์ องนางศภุ ลกั ษณ์ คณุ แสน จรงิ สภาพบา้ น
เหมาะสมกบั อตั ราคา่ เชา่ ในอตั ราเดอื นละ 2,000 บาท และพกั อาศยั
ในบ้านหลงั นีจ้ รงิ ตง้ั แตว่ ันที่ 1 มีนาคม 2547” ท้ังนี้ จ�ำเลยท่ี 1 ได้
ลงลายมอื ชอื่ ในฐานะประธานกรรมการเพยี งคนเดยี ว พรอ้ มแนบบตั ร
ประจ�ำตวั เจา้ หนา้ ทร่ี ฐั ของนางศภุ ลกั ษณ์ คณุ แสน ทจ่ี �ำเลยท่ี 1 อา้ งวา่
เป็นเจ้าของบ้านเช่า และยังได้ปลอมลายมือช่ือของนางศุภลักษณ์
คุณแสน ในเอกสารสญั ญาเช่าและในใบเสรจ็ รบั เงนิ คา่ เช่าอีกด้วย

เมื่อเอกสารเบิกค่าเช่าบ้านไปถึงเจ้าหน้าท่ีการเงินและผู้มี
อ�ำนาจอนุมัติเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านแล้ว ท�ำให้ผู้เกี่ยวข้องหลงเช่ือว่า

232

15 คดที จุ ริต ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง

เป็นเอกสารท่ีถูกต้องแท้จริง จึงได้อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้าน
และสั่งจา่ ยเช็คแกจ่ �ำเลยท่ี 1 ในอัตราเดือนละ 2,000 บาท ต้ังแต่
เดอื นมีนาคม 2547 จนถงึ เดอื นมกราคม 2548 รวมเปน็ จ�ำนวน
11 เดอื น คดิ เปน็ เงนิ คา่ เชา่ บา้ นทเ่ี บกิ จา่ ยเทจ็ และกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หาย
ตอ่ ทางราชการ ซงึ่ ทางเทศบาลต�ำบลหนองแปนตอ้ งจา่ ยใหแ้ กจ่ �ำเลยท่ี 1
เป็นจ�ำนวน 22,000 บาท

ในส่วนของจ�ำเลยที่ 2 และจ�ำเลยที่ 3 ซ่งึ ไดร้ ับแตง่ ตั้งเป็น
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการขอรับค่าเช่าบ้าน ได้ปฏิบัติ
หนา้ ทร่ี ว่ มกบั ประธานกรรมการ (จ�ำเลยที่ 1) โดยมหี นา้ ทต่ี รวจสอบวา่
ผู้ยื่นเร่ืองขอรับค่าเช่าบ้านได้เช่าบ้านผู้อื่นและพักอาศัยอยู่จริง
ในอตั ราคา่ เชา่ ทเ่ี หมาะสมกบั สภาพของบา้ น และไดพ้ กั อาศยั มาตงั้ แต่
เมอื่ ใด แตจ่ �ำเลยท่ี 2 และจ�ำเลยท่ี 3 กลับละเว้นไม่ด�ำเนนิ การตรวจ
สอบตามหนา้ ทที่ ไี่ ด้รบั มอบหมาย โดยไมไ่ ปตรวจสอบสภาพบา้ นเชา่
หลังใหม่ท่ีจ�ำเลยที่ 1 ขอเบิกค่าเช่าบ้าน ตลอดจนไม่ตรวจสอบว่า
เจ้าของกรรมสิทธ์ิบ้านหลังดังกล่าวที่แท้จริงไม่ใช่นางศุภลักษณ์
คณุ แสน และยงั รว่ มกนั ลงนามใน “แบบรายงานการตรวจสอบค�ำขอรบั
ค่าเช่าบ้าน” ซึ่งเป็นการรับรองเป็นหลักฐานเพ่ือยืนยันข้อกล่าวอ้าง
ในการเบกิ คา่ เชา่ บา้ นทไ่ี มเ่ ปน็ ความจรงิ โดยทงั้ สองคนรว่ มกนั ลงนาม
ย้อนหลังอนั เป็นเท็จ เพ่อื ให้จ�ำเลยท่ี 1 สามารถน�ำไปเบิกคา่ เช่าบา้ น
ซึง่ เป็นประโยชน์อนั มคิ วรได้โดยชอบ

233

15 คดที ุจรติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง

การพจิ ารณาของศาล

ในคดีนี้ โจทก์ฟอ้ ง และจ�ำเลยทัง้ สามให้การรับสารภาพ ข้อเทจ็ จรงิ
ตามฟอ้ งและพยานหลกั ฐานในส�ำนวนการไตส่ วนของโจทกร์ บั ฟงั ไดว้ า่ ขณะเกดิ เหตุ
ระหว่างวันท่ี 1 มีนาคม 2547 ถึงวันท่ี 31 มกราคม 2548 จําเลยท่ี 1
ถึงที่ 3 ไดร้ ่วมกันกระทํา กลา่ วคือ เม่อื วันท่ี 1 มีนาคม 2547 จาํ เลยที่ 1
ซ่ึงเป็นผู้มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าเช่า
บ้านของข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ได้จัดทํา
บันทึกขออนุมัติเปล่ียนแปลงบ้านเช่า ด้วยเหตุผลว่าจําเป็นต้องย้ายบ้านเช่า
ในจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ ของนายวชั ระ ทาปลัด ไปอยู่บา้ นในจงั หวัดขอนแก่น ของ
นางศภุ ลกั ษณ์ คุณแสน เพ่อื ดูแลครอบครัว โดยขออนุมัติค่าเช่าบา้ น ในอัตรา
เดือนละ 2,000 บาท และไดร้ ับรองตนเองว่า ไม่มีเคหสถานของตนเองหรือ
ภรรยา ทง้ั ทไี่ ดม้ ที พ่ี กั อาศยั อยแู่ ลว้ โดยเมอื่ วนั ท่ี 16 มถิ นุ ายน 2546 จาํ เลยท่ี 1
และภรรยาได้ร่วมกันซื้อบ้านพร้อมที่ดินในจังหวัดขอนแก่น โดยร่วมกันกู้เงิน
จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ จาํ นวน 1,200,000 บาท และภรรยาจาํ เลยที่ 1
ไดน้ าํ หลกั ฐานการผอ่ นชาํ ระดงั กลา่ ว มาขอเบกิ คา่ เชา่ บา้ นตามสทิ ธกิ บั เทศบาล
นครขอนแกน่ ซึง่ เปน็ หน่วยงานต้นสงั กัด โดยจาํ เลยที่ 1 และภรรยา ได้อยู่
อาศยั ทบี่ ้านดงั กลา่ วมาโดยตลอด

ทงั้ น้ี การขอเบกิ คา่ เชา่ บา้ นดงั กลา่ ว จาํ เลยที่ 1 ไดอ้ าศยั คาํ สงั่ เทศบาล
ตําบลหนองแปน ที่ 174/2546 ลงวันที่ 1 ตลุ าคม 2546 ซ่ึงแตง่ ต้ังจําเลยท่ี 1
เป็นประธานกรรมการ โดยมีจําเลยที่ 2 เป็นกรรมการ และจําเลยท่ี 3
เปน็ กรรมการและเลขานกุ าร เพอื่ ใหต้ รวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ การขอรบั คา่ เชา่ บา้ น
ตงั้ แตเ่ มอื่ ครง้ั จาํ เลยท่ี 1 ยนื่ คาํ ขอเบกิ คา่ เชา่ บา้ นในจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ เมอื่ วนั ท่ี 17
พฤศจิกายน 2546 ดังนน้ั จาํ เลยท่ี 1 ถึงท่ี 3 จงึ มหี น้าที่ตรวจสอบขอ้ เท็จจรงิ
และเอกสารหลกั ฐานใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บ หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารเกย่ี วกบั การ
เบิกเงนิ ค่าเชา่ บ้านของข้าราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ แตจ่ าํ เลยท่ี 1 กลบั ทาํ เอกสาร

234

15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง

อนั เป็นเท็จ โดยได้กรอกแบบคาํ ขอรบั เงินคา่ เชา่ บ้าน (แบบ 72 ก) เลขที่
1/2547 และทาํ คาํ ชแ้ี จงประกอบคาํ ขอรบั เงนิ คา่ เชา่ บา้ นวา่ ไมม่ เี คหสถานของ
ตนเอง หรอื ภรรยา กรอกแบบขอเบกิ เงนิ ค่าเช่าบ้าน (แบบ 73 ก) ในฐานะ
ผูข้ อเบกิ กรอกข้อความในแบบรายงานการตรวจสอบการขอรับค่าเช่าบา้ น
และทาํ คาํ รบั รองของคณะกรรมการวา่ ไดเ้ ชา่ บา้ นของนางศภุ ลกั ษณ์ คณุ แสน
เปน็ ทพี่ กั อาศยั และเปน็ กรรมสทิ ธขิ์ องนางศภุ ลกั ษณ์ คณุ แสน จรงิ สภาพบา้ น
เหมาะสมกบั คา่ เชา่ ในอตั ราเดอื นละ 2,000 บาท และไดเ้ ขา้ พกั อาศยั ในบา้ นนี้
ตั้งแตว่ ันท่ี 1 มนี าคม 2547

โดยจําเลยท่ี 1 ลงลายมือช่ือในฐานะประธานกรรมการ
เพยี งคนเดยี ว และได้ปลอมลายมอื ช่ือผูใ้ หเ้ ช่ าในเอกสารสญั ญา
เช่ าและใบเสรจ็ รบั เงนิ ค่าเช่ าดังกลา่ วด้วย โดยท่ีความจรงิ แล้ว

ไม่ได้เช่ าบ้านของนางศภุ ลักษณ์ คณุ แสน หากแต่บา้ นหลัง
ดงั กลา่ วนนั้ เป็นกรรมสิทธ์ิของจาํ เลยท่ี 1 และภรรยาเอง

235

15 คดที จุ รติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง

นอกจากจําเลยที่ 1 จะได้กระทําในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบ
ขอ้ เทจ็ จรงิ การรบั คา่ เชา่ บา้ นขา้ งตน้ แลว้ จาํ เลยที่ 1 ในฐานะปลดั เทศบาลตาํ บล
หนองแปน มีหน้าท่ีตรวจสอบตามแบบขอเบิกเงินค่าเช่าบ้าน (แบบ 73 ก)
ว่าการขอเบิกเงินค่าเช่าของพนักงานเทศบาลรายนั้น ๆ เป็นการถูกต้องตาม
ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยคา่ เชา่ บา้ นของขา้ ราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ พ.ศ.
2528 และท่แี ก้ไขเพิม่ เติม และตามนยั หนงั สอื สัง่ การของกระทรวงมหาดไทย
ดว่ นทส่ี ดุ ที่ มท 0407/ว1228 ลงวนั ที่ 6 พฤศจกิ ายน 2530 วา่ ดว้ ยหลกั เกณฑ์
และวธิ กี ารเบกิ จา่ ยเงนิ คา่ เชา่ บา้ นของขา้ ราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ และกฎหมายหรอื
ระเบียบอ่ืนที่เก่ียวข้องหรือไม่ และทําคํารับรองเสนอนายกเทศมนตรีตําบล
หนองแปนใหอ้ นุมัตเิ บิกจา่ ยเงนิ ค่าเช่าบ้านต่อไป

ทัง้ น้ี จาํ เลยท่ี 1 ได้รูอ้ ยู่แลว้ วา่ ตนซ่ึงเป็นผูข้ อเบกิ เงนิ ค่าเช่ าบ้าน
ไม่มสี ทิ ธิไดร้ บั คา่ เช่ าบา้ นตามระเบยี บและหลกั เกณฑ์และวิธีการ
ดงั กลา่ ว แตจ่ ําเลยท่ี 1 กลับใหค้ าํ รับรองในแบบขอเบกิ เงินค่าเช่ า
บา้ น (แบบ 73 ก) ว่า “ได้ตรวจสอบแล้วถูกต้องตามระเบยี บ
เหน็ ควรอนุมัต”ิ รวมจํานวน 11 ฉบบั ในแบบขอเบิกเงนิ คา่ เช่ า

บ้าน (แบบ 73 ก)

236

15 คดีทุจรติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

ซึ่งการจัดทําเอกสารดังกล่าวเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่การเงินและนายก
เทศมนตรตี ําบลหนองแปนหลงเชื่อวา่ เป็นเอกสารทีถ่ กู ต้องแท้จรงิ สามารถนํา
มาใช้เป็นหลกั ฐานประกอบการเบกิ จ่ายเงนิ คา่ เชา่ บ้าน ตามระเบียบกระทรวง
มหาดไทยว่าด้วยค่าเช่าบ้านของข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2528 และท่ี
แก้ไขเพิ่มเติม และหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการเบิกเงินค่าเช่าบ้านของ
ขา้ ราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ ตามนยั หนงั สอื สง่ั การของกระทรวงมหาดไทย ดว่ นทส่ี ดุ
ที่ มท 0407ว1268 ลงวนั ท่ี 6 พฤศจกิ ายน 2530 จงึ อนมุ ตั ใิ หเ้ บกิ จา่ ยเงนิ คา่ เชา่ บา้ น
ให้แก่จําเลยที่ 1 ทําให้เกิดความเสียหายแก่เทศบาลตําบลหนองแปน
เปน็ จาํ นวนเงินรวมทั้งส้นิ 22,000 บาท

สว่ นจาํ เลยที่ 2 และท่ี 3 ซงึ่ ไดร้ บั แตง่ ตง้ั เปน็ กรรมการตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ
การขอรับค่าเช่าบ้าน ได้ร่วมกันละเว้นไม่ดําเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ตามหนา้ ทซี่ งึ่ ระบไุ ว้ โดยไมไ่ ปตรวจสอบสภาพบา้ นและผมู้ กี รรมสทิ ธทิ์ จี่ าํ เลยท่ี 1
ขอรับค่าเช่าบ้าน กลับร่วมกันลงนามรับรองในแบบรายงานการตรวจสอบ
คาํ ขอรบั คา่ เชา่ บา้ น ภายหลงั จากจาํ เลยที่ 1 ไดล้ งนามในฐานะประธานกรรมการ
และไดอ้ า้ งแบบรายงานการตรวจสอบคาํ ขอรบั คา่ เชา่ บา้ นประกอบการขออนมุ ตั ิ
เบกิ ค่าเชา่ บา้ นต้งั แต่เดอื นมนี าคม 2547 ถึงเดอื นมกราคม 2548 ประกอบ
คําขอเบิกค่าเช่าว่าคณะกรรมการได้ทําการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า
จาํ เลยท่ี 1 ได้เชา่ บา้ นดงั กล่าวโดยเขา้ พกั อาศยั และเปน็ ของนางศภุ ลกั ษณ์ คุณ
แสน จริง สภาพบ้านเหมาะสมกับค่าเช่า ในอัตรา 2,000 บาท ทงั้ ทร่ี อู้ ยแู่ ลว้
วา่ ตนมไิ ดไ้ ปตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ เกยี่ วกบั บา้ นเชา่ และเจา้ ของกรรมสทิ ธดิ์ งั กลา่ ว
แตก่ ลบั รว่ มกนั ลงนามรบั รองขอ้ เทจ็ จรงิ ตามแบบรายงานการตรวจสอบคาํ ขอรบั
คา่ เชา่ บา้ นซง่ึ เปน็ หลกั ฐานสาํ คญั ยอ้ นหลงั อนั เปน็ เทจ็ ทงั้ นโ้ี ดยมเี จตนาเพอื่ ให้
แบบรายงานฉบบั ดงั กลา่ ว ซง่ึ จาํ เลยที่ 2 และที่ 3 ยงั มไิ ดล้ งนามรบั รองขอ้ เทจ็ จรงิ
มาแตข่ ณะทจี่ าํ เลยที่ 1 ไดข้ ออนมุ ตั เิ บกิ คา่ เชา่ บา้ นในเดอื นมนี าคม 2547 ใชเ้ ปน็
เอกสารหลกั ฐานทม่ี กี ารลงนามจากคณะกรรมการโดยครบถว้ นสมบรู ณ์ และ
สามารถนาํ มาใชเ้ ปน็ หลกั ฐานขอเบกิ คา่ เชา่ บา้ น อนั เปน็ การกระทาํ เพอ่ื ใหส้ อดรบั
กบั ความมงุ่ หมายในการกระทาํ ความผดิ และเปน็ การแสวงหาผลประโยชนอ์ นั
มิควรไดโ้ ดยชอบด้วยกฎหมายสาํ หรับจาํ เลยที่ 1

237

15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

ดังนั้น เม่ือพิจารณาพฤติการณ์การกระทําของจําเลยท้ังสามดังที่ได้
ความมาแลว้ จึงทําให้การกระทําของจาํ เลยทง้ั สามครบองคป์ ระกอบความผิด
ฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบเพ่ือ
ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกผ่ หู้ นง่ึ ผใู้ ด หรอื ปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี โดย
ทจุ ริต และร่วมกนั เปน็ เจา้ พนกั งานมีหนา้ ทีท่ าํ เอกสาร รบั เอกสาร หรอื กรอก
ขอ้ ความลงในเอกสารรบั รองเปน็ หลกั ฐานซงึ่ ขอ้ เทจ็ จรงิ อนั เอกสารนน้ั มงุ่ พสิ จู น์
ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ
มาตรา 162 (4) ตามฟ้อง แต่เนื่องจากความผดิ ตามมาตรา 162 (4) ขาด
อายุความแล้ว จึงไม่อาจดําเนินการทางอาญาในความผิดดังกล่าวกับจําเลย
ทั้งสามได้

คำ� พิพากษา

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จําเลยทั้งสามมีความผิดตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) ประกอบมาตรา 83

การกระทาํ ของจาํ เลยทงั้ สามมเี จตนาเพยี งเพอ่ื ใหจ้ าํ เลยท่ี 1 ไดร้ บั สทิ ธิ
เบกิ คา่ เชา่ บา้ นหลงั ตามทป่ี รากฏ แมต้ อ่ มาจะมกี ารอนมุ ตั ใิ หเ้ บกิ จา่ ยคา่ เชา่ บา้ น
หลงั ดังกลา่ วตอ่ เนอ่ื งกนั มาทุกเดือนกถ็ ือเปน็ การกระทาํ กรรมเดยี ว ใหล้ งโทษ
จาํ คุกจาํ เลยทัง้ สามมีกําหนดคนละ 1 ปี และปรบั คนละ 5,000 บาท จําเลย
ท้ังสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ

238

15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง

ลดโทษ

ลดโทษใหก้ ง่ึ หนง่ึ คงจาํ คกุ มกี าํ หนดคนละ 6 เดอื น และปรบั คนละ 2,500 บาท
พเิ คราะหร์ ายงานสบื เสาะและพนิ จิ แลว้ ไมป่ รากฏวา่ จาํ เลยทงั้ สามเคยตอ้ งโทษ
จาํ คกุ มากอ่ น ประกอบกบั จาํ เลยที่ 1 ไดช้ ดใชเ้ งนิ คนื ใหแ้ กท่ างราชการครบถว้ น
แลว้ ทง้ั ไดค้ วามวา่ จาํ เลยทง้ั สามไดถ้ กู ลงโทษทางวนิ ยั อนั ถอื เปน็ การลงโทษทาง
สงั คม จาํ เลยทง้ั สามมภี าระตอ้ งอปุ การะเลยี้ งดบู คุ คลในครอบครวั เหน็ สมควรให้
โอกาสจําเลยท้งั สามกลับตวั เป็นพลเมอื งดี โทษจาํ คุกจําเลยทง้ั สาม ให้รอการ
ลงโทษไวม้ ีกําหนด 2 ปี

ตอ่ มาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโจทก์ ไดย้ น่ื อทุ ธรณค์ �ำพพิ ากษา
ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้มีค�ำพิพากษาว่า ที่ศาลช้ันต้นพิพากษาว่าการกระท�ำของ
จ�ำเลยท่ี 1 เป็นกรรมเดยี วตอ่ เน่อื งกนั มาทุกเดือนน้นั ศาลอทุ ธรณไ์ มเ่ ห็นพ้อง
ดว้ ย อุทธรณข์ องโจทกฟ์ งั ขึน้

อย่างไรก็ตาม แม้จ�ำเลยท่ี 1 เป็นปลัดเทศบาลต�ำบลหนอง
แปน ถือได้ว่าเป็นเจ้าพนักงานระดับผู้บริหาร มีหน้าที่ควบคุมดูแลผู้ที่
อยู่ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทาง
ราชการ และท�ำตนให้เป็นตัวอย่างอันดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา แต่จ�ำเลยท่ี 1
จงใจกระท�ำความผิดเสียเองเช่นน้ีและเป็นการกระท�ำความผิดหลายกรรม
พฤตกิ ารณแ์ หง่ คดไี มส่ มควรรอการลงโทษแกจ่ �ำเลยที่ 1 แตเ่ นอ่ื งจากขณะโจทก์

239

15 คดที จุ รติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง

ฟอ้ งคดนี จี้ ำ� เลยท่ี 1 ถกู ลงโทษไลอ่ อกจากราชการแลว้ นอกจากคดนี ก้ี ไ็ มป่ รากฎ
ข้อเสียหายประการอื่นอีก ทั้งเงินท่ีเบิกเป็นค่าเช่าบ้านไปจากทางราชการ
เปน็ จำ� นวนไมม่ าก และไดใ้ ชเ้ งนิ คนื แกร่ าชการครบถว้ นแลว้ ประกอบกบั จำ� เลยท่ี 1
และครอบครวั พกั อาศยั ทบี่ า้ นดงั กลา่ วจรงิ เหน็ สมควรปรานใี หใ้ ชช้ วี ติ ในสงั คม
โดยรอการลงโทษจำ� คกุ ไว้

พพิ ากษาแก้เปน็ วา่ การกระท�ำของจ�ำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานเป็น
เจา้ พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา้ ทโี่ ดยมชิ อบและโดยทจุ รติ ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 157 (เดมิ ) รวม 11 กระทง จ�ำคกุ กระทงละ 1 ปี และปรบั กระทงละ
5,000 บาท จ�ำเลยที่ 1 ใหก้ ารรบั สารภาพเปน็ ประโยชนแ์ กก่ ารพจิ ารณา มเี หตุ
บรรเทาโทษ ลดโทษให้กงึ่ หน่งึ คงจ�ำคุกกระทงละ 6 เดอื น และปรับกระทงละ
2,500 บาท เม่อื รวมกบั โทษตามค�ำพิพากษาชนั้ ต้นแล้ว คงจ�ำคุก 72 เดือน
และปรบั 30,000 บาท โทษจ�ำคุกของจ�ำเลยท่ี 1 ให้รอการลงโทษไว้มีก�ำหนด
2 ปี นอกจากทแ่ี กใ้ หเ้ ปน็ ไปตามค�ำพิพากษาศาลชั้นต้น

240

15 คดที จุ ริต ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง

12คดีท่ี

กรณกี ล่าวหา นางมะลจิ ันทร์ ทิศาใต้
เม่ือครงั้ ดำ� รงตำ� แหน่งนายกองคก์ ารบรหิ าร

ส่วนต�ำบลหนองหาน กับพวกรวม 2 ราย
เรียกรับเงนิ โบนัสเพ่อื ตอบแทน
ในการท่ีได้อนมุ ัตเิ งนิ โบนัส

อา่ นค�ำพิพากษา (ฉบบั เต็ม)

241

15 คดที จุ ริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

คดหี มายเลขดำ� ท่ี อท. 436/2562
คดีหมายเลขแดงท่ี 404/2563

นางมะลจิ นั ทร์ ทศิ าใต้ จาํ เลยที่ 1 เมอ่ื ครงั้ ด�ำรงต�ำแหนง่ นายกองคก์ าร
บรหิ ารสว่ นต�ำบลหนองหาน ไดเ้ รยี กรบั เงนิ จาํ นวน 50,000 บาท จากพนกั งาน
และลกู จา้ งขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบลหนองหาน เพอ่ื เปน็ คา่ ตอบแทนในการ
อนมุ ตั เิ บกิ จา่ ยเงนิ โบนสั รวมทงั้ ไดเ้ ขา้ รว่ มปรกึ ษากบั วา่ ทร่ี อ้ ยตรี เสนยี ์ อนิ ทรห์ า
จําเลยที่ 2 เม่ือครั้งด�ำรงต�ำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนต�ำบลหนองหาน
และคณะกรรมการ และมีมติให้เพ่ิมเงินโบนัสให้กับพนักงานและลูกจ้าง
ท้ังนี้ เพือ่ นําเงินส่วนท่ีเพิม่ มาจ่ายใหก้ ับตนเอง สว่ นจาํ เลยท่ี 2 ไดท้ ําบนั ทกึ
ข้อความขออนุมัติเบิกจ่ายเงินโบนัสและลงนามในฐานะรักษาการแทนหัวหน้า
ส่วนการคลังเสนอต่อจําเลยท่ี 1 ซึ่งจําเลยท่ี 1 ได้ลงนามอนุมัติเบิกจ่ายเงิน
ทําใหจ้ าํ เลยที่ 1 ไดร้ ับเงนิ จํานวน 50,000 บาท เปน็ คา่ ตอบแทนในการอนมุ ัติ
เบิกจ่ายเงินโบนัส โดยได้มีการเก็บรวบรวมเงินจากพนักงานและลูกจ้างท่ี
ได้รับเงินโบนัสเป็นจ�ำนวน 50,000 บาท แล้วน�ำไปฝากเข้าบัญชีเงินฝาก
ของจ�ำเลยที่ 1

242

15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

อำ� นาจหนา้ ท่ีของนายกองค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบลหนองหาน
จําเลยท่ี 1 และปลัดองคก์ ารบริหารส่วนตำ� บลหนองหาน จําเลยท่ี 2

ขณะเกิดเหตุ จําเลยท่ี 1 ดํารงตําแหน่งนายกองค์การบริหาร
ส่วนตําบลหนองหาน มีหน้าท่ีควบคุมและรับผิดชอบการบริหารราชการ
ขององค์การบริหารส่วนตําบลให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบัญญัติ ระเบียบ
และขอ้ บงั คบั มอี �ำนาจสงั่ อนญุ าตและอนมุ ตั เิ กยี่ วกบั ราชการขององคก์ ารบรหิ าร
ส่วนตําบล เป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานและลูกจ้างขององค์การบริหาร
ส่วนตําบล มีอํานาจอนุมัติฎีกาเบิกจ่ายเงินขององค์การบริหารส่วนตําบล
สว่ นจาํ เลยที่ 2 ดาํ รงตาํ แหนง่ ปลดั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บลหนองหาน มหี นา้ ที่
รับผิดชอบควบคุมดูแลราชการประจําขององค์การบริหารส่วนตําบล จําเลย
ทั้งสองจงึ เปน็ เจ้าหน้าท่ีของรฐั และเจ้าพนกั งานตามกฎหมาย

นอกจากนี้ จาํ เลยที่ 1 ยงั มคี าํ สงั่ แตง่ ตงั้ จาํ เลยท่ี 2 เปน็ คณะกรรมการ
พจิ ารณาจา่ ยเงนิ ประโยชนต์ อบแทนอน่ื เปน็ กรณพี เิ ศษ (โบนสั ) ใหแ้ กพ่ นกั งาน
และลูกจ้างขององค์การบริหารส่วนตําบลหนองหาน โดยมีจําเลยท่ี 1 เป็น
ประธานกรรมการอกี ดว้ ย

243

15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง

ลT�ำIดMับELเIหNตE ุการณ์

ระหว่างวนั ท่ี 26 กันยายน 2549 ถงึ วันที่ 27 ตุลาคม 2549 จ�ำเลย
ไดก้ ระท�ำผิดต่อกฎหมาย ดงั นี้

26 กนั ยายน 2549
จ�ำเลยท่ี 1 มีค�ำสั่งแต่งต้ังจ�ำเลยท่ี 2 และพนักงานของ

องค์การบริหารส่วนต�ำบลหนองหานอีกส่ีคน เป็นคณะกรรมการ
พจิ ารณาจา่ ยเงนิ ประโยชนต์ อบแทนอน่ื เปน็ กรณพี เิ ศษ (โบนสั ) ใหแ้ ก่
พนักงานและลูกจ้างขององค์การบริหารส่วนต�ำบลหนองหาน
โดยมีจ�ำเลยที่ 1 เป็นประธานกรรมการ โดยมีการประชุมและ
พิจารณาการจ่ายเงินโบนัสซ่งึ ให้มีสทิ ธิไดร้ บั ไมเ่ กนิ 3 เทา่ ของเงิน
เดอื นหรอื คา่ จา้ งหรอื คา่ ตอบแทนตามมตขิ องคณะกรรมการพนกั งาน
ส่วนต�ำบล จังหวัดอุดรธานี และตกลงกันว่าจะจ่ายเงินโบนัสให้แก่
พนักงานขององคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบลหนองหาน ดงั นี้

1. พนักงานส่วนต�ำบล 3 เทา่ ของเงนิ เดอื น
2. พนกั งานจ้างตามภารกิจ 2 เท่า ของเงนิ เดือน
3. พนักงานจ้างทวั่ ไป 1.5 เท่า ของเงนิ เดือน และ
4. ลูกจา้ งประจ�ำ 1 เทา่ ของเงนิ เดอื น
เมือ่ จ�ำเลยท่ี 2 ไดแ้ จง้ ยอดเงินโบนสั ทีจ่ ะตอ้ งเบิกจา่ ยให้
แก่พนกั งานและลกู จา้ งใหจ้ �ำเลยที่ 1 ทราบ จำ� เลยที่ 1 ไดเ้ รยี กรับ
เงนิ สว่ นแบง่ จากเงนิ โบนสั ของพนกั งานและลกู จา้ งจำ� นวน 50,000
บาท เพื่อเปน็ คา่ ตอบแทนในการอนมุ ัติเบกิ จ่ายเงิน

244

15 คดที จุ รติ ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง

จ�ำเลยที่ 1 จ�ำเลยที่ 2 และคณะกรรมการได้ปรกึ ษากนั แล้ว
ตกลงเพ่มิ เงินโบนสั ใหแ้ ก่

1. พนักงานจา้ งตามภารกิจจาก 2 เท่า ของเงินเดือนเป็น
2.5 เทา่ ของเงนิ เดอื น

2. พนกั งานจา้ งทว่ั ไปจาก 1.5 เทา่ ของเงนิ เดอื นเปน็ 2.5 เทา่
ของเงินเดอื น และ

3. ลูกจ้างประจ�ำจาก 1 เท่า ของเงนิ เดอื นเปน็ 1.5 เท่า
ของเงินเดือน

ทงั้ นี้ เพอ่ื นำ� เงนิ โบนสั สว่ นทเี่ พมิ่ ขน้ึ มอบใหจ้ ำ� เลยที่ 1 ตามที่
จำ� เลยที่ 1 เรียกรับ

29 กันยายน 2549
จ�ำเลยที่ 1 ได้มีค�ำสั่งอนุมัติเบิกจ่ายเงินโบนัสแก่พนักงาน

และลูกจ้าง
2 ตุลาคม 2549
มีการเก็บรวบรวมเงินจากพนักงานและลูกจ้างท่ีได้รับ

เงินโบนัสเป็นจ�ำนวน 50,000 บาท แล้วน�ำฝากเข้าบัญชีเงินฝาก
ของจ�ำเลยที่ 1

245

15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

การพิจารณาของศาล

ศาลชั้นตน้

พิจารณาพยานหลักฐานจากการไตส่ วนแล้ว รบั ฟังได้ดังนี้
คดีนี้ มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า จําเลยทั้งสองกระทําความผิด
ตามฟอ้ งหรอื ไม่
ได้ความจากนางวนิดา ปะพะวะ ซ่ึงเป็นพยานว่า เมื่อวันท่ี 26
กันยายน 2549 จําเลยที่ 1 ได้มคี ําสั่งแต่งต้ังจําเลยท่ี 2 พยาน และพนกั งาน
ขององคก์ ารบรหิ ารส่วนตาํ บลหนองหานรวมเปน็ 4 คน เป็นคณะกรรมการ
พจิ ารณาจา่ ยเงนิ โบนสั ใหก้ บั พนกั งานและลกู จา้ งขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล
หนองหาน โดยมีจาํ เลยท่ี 1 เปน็ ประธานกรรมการ จากน้นั จาํ เลยที่ 2 พยาน
พรอ้ มคณะกรรมการ ไดเ้ ขา้ พบจาํ เลยท่ี 1 เพอื่ ประชมุ และพจิ ารณาการจา่ ยเงนิ
โบนสั ใหพ้ นกั งาน และลกู จา้ งขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บลหนองหานซง่ึ มสี ทิ ธิ
ไดเ้ งินโบนสั ไม่เกิน 3 เทา่ ของเงนิ เดือนหรอื ค่าจ้างหรอื ค่าตอบแทน ตามมติ
ของคณะกรรมการพนักงานสว่ นตาํ บล จังหวัดอดุ รธานี จําเลยท่ี 1 จ�ำเลยที่ 2
พยานและคณะกรรมการไดป้ รกึ ษากนั วา่ จะจา่ ยเงนิ โบนสั ใหพ้ นกั งานสว่ นตาํ บล

246

15 คดที จุ ริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง

3 เทา่ ของเงนิ เดอื น พนกั งานจา้ งตามภารกจิ 2 เทา่ ของเงนิ เดอื น พนกั งานจา้ ง
ทว่ั ไป 1.5 เท่าของเงนิ เดือน และลกู จ้างประจํา 1 เทา่ ของเงินเดือน

เม่ือได้แจ้งยอดเงินโบนัสที่จะต้องจ่ายให้พนักงานและลูกจ้างให้
จ�ำเลยท่ี 1 ทราบ จำ� เลยที่ 1 ได้เรียกรบั เงนิ สว่ นแบง่ จากเงนิ โบนัสจํานวน
50,000 บาท เพอ่ื เป็นค่าตอบแทนในการอนุมตั เิ บกิ จ่ายเงนิ

เม่ือจําเลยท่ี 1 เรยี กรับเงนิ จํานวน 50,000 บาท
จําเลยท่ี 1 ท่ี 2 พยานและคณะกรรมการจึงไดป้ รกึ ษากันแล้ว
มีมตใิ หเ้ พ่มิ เงินโบนัสใหก้ บั พนกั งานจา้ งตามภารกิจจาก 2 เทา่
ของเงินเดอื นเป็น 2.5 เท่าของเงินเดอื น พนกั งานจา้ งท่ัวไปจาก
1.5 เทา่ ของเงนิ เดอื นเป็น 2.5 เทา่ ของเงนิ เดอื น และลกู จา้ งประจํา

จาก 1 เท่าของเงินเดอื นเป็น 1.5 เทา่ ของเงินเดือน
ทงั้ นี้ เพ่อื นําเงนิ โบนัสสว่ นท่ีเพ่ิมข้ึนไปมอบใหจ้ ําเลยท่ี 1

หลังจากน้ันวันท่ี 29 กนั ยายน 2549 จําเลยที่ 1 ไดม้ ีคําส่ังอนุมตั ิ
เบิกจ่ายเงินโบนัสแก่พนักงานและลูกจ้าง ตามที่ได้ตกลงกับจําเลยที่ 2 และ
คณะกรรมการ ต่อมาวนั ท่ี 2 ตลุ าคม 2549 พยานได้เกบ็ รวบรวมเงินจาก
พนกั งานและลกู จา้ งทไี่ ดร้ บั เงนิ โบนสั จาํ นวน 50,000 บาท ฝากเขา้ บญั ชเี งนิ ฝาก
จาํ เลยท่ี 1

จากการไต่สวน มนี างวนิดา ปะพะวะ ซงึ่ ร้เู ห็นการกระทาํ ของจาํ เลย
ทั้งสอง มาเบิกความสอดคล้องกับพยานเอกสารรายการเบิกถอนบัญชี
เงนิ ฝากของจําเลยท่ี 1 ทพี่ บวา่ มีเงนิ ฝากเขา้ บญั ชเี งินฝากของจาํ เลยท่ี 1 เมือ่
วันที่ 2 ตุลาคม 2559 จํานวน 50,000 บาท ประกอบกับจําเลยท้ังสอง
ใหก้ ารรบั สารภาพ

247

15 คดีทุจริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง

ดงั นัน้ พยานหลักฐานจากการไตส่ วนจึงฟั งได้ว่า
จําเลยท่ี 1 ได้เรยี กรับเงนิ จํานวน 50,000 บาท จากพนักงาน

และลูกจ้างขององค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลหนองหาน
เพ่อื เป็นค่าตอบแทนในการอนมุ ตั ิเบิกจา่ ยเงินโบนสั รวมทงั้
ไดเ้ ข้ารว่ มปรกึ ษากับจําเลยท่ี 2 และคณะกรรมการแล้ว

มมี ตใิ หเ้ พ่ิมเงินโบนัสใหก้ บั พนกั งานจา้ งและลกู จา้ ง
เพ่อื นําเงนิ สว่ นท่เี พ่มิ มาจา่ ยใหก้ ับตนเอง

ส่วนจําเลยที่ 2 ได้ทําบันทึกข้อความขออนุมัติเบิกจ่ายเงินโบนัส
และลงนามในฐานะรักษาการแทนหัวหน้าส่วนการคลัง เสนอต่อจําเลยท่ี 1
ซึ่งจาํ เลยที่ 1 ได้ลงนามอนุมตั ิเบกิ จา่ ยเงนิ ทาํ ใหจ้ ําเลยที่ 1 ได้รบั เงินจาํ นวน
50,000 บาท เปน็ คา่ ตอบแทนในการอนุมตั ิเบกิ จ่ายเงนิ โบนัสการกระทําของ
จําเลยท่ี 1 จงึ เปน็ ความผดิ ตามฟอ้ ง

เม่ือการกระทําของจําเลยที่ 1 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 149 อันเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่ต้องปรับบทความผิดตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึง่ เปน็ บททว่ั ไปอีก

สว่ นจาํ เลยที่ 2 ทไ่ี ดร้ ว่ มปรกึ ษากบั จาํ เลยที่ 1 และคณะกรรมการแลว้
มมี ตใิ หป้ รบั เพมิ่ เงนิ โบนสั ใหก้ บั พนกั งานจา้ งตามภารกจิ พนกั งานจา้ งทวั่ ไปและ
ลกู จา้ งประจาํ เพอ่ื นาํ เงนิ สว่ นทเี่ พมิ่ ไปมอบใหจ้ าํ เลยที่ 1 และทาํ บนั ทกึ ขอ้ ความ
ขออนุมัตเิ บกิ จ่ายเงนิ โบนัส เสนอตอ่ จาํ เลยที่ 1 ซ่งึ จาํ เลยที่ 1 ไดล้ งนามอนมุ ัติ
เบกิ จา่ ยเงนิ ทาํ ใหจ้ าํ เลยท่ี 1 ไดร้ บั เงนิ ตอบแทนในการอนมุ ตั เิ บกิ จา่ ยเงนิ โบนสั
จํานวน 50,000 บาท ไปโดยมชิ อบ

การกระทาํ ของจาํ เลยท่ี 2 จงึ เป็นความผดิ ฐานปฏิบตั ิหรือละเวน้ การ
ปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด ปฏิบัติหรือ
ละเวน้ การปฏบิ ัติหน้าที่โดยทุจรติ

248


Click to View FlipBook Version