15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง
ศาลอุทธรณ์
คำ� วินจิ ฉัยของคณะกรรมการวินจิ ฉัยภาษีอากรท่ี 28/2538
รวมถึงหนุ้ ทกุ ประเภท หรือเป็นเร่ืองเฉพาะหุ้นเพ่มิ ทนุ
จากคำ� วินิจฉัยคณะกรรมการวนิ ิจฉยั ภาษอี ากร ใชค้ ำ� วา่ “บรษิ ทั หรือ
ห้างห้นุ ส่วนนิติบคุ คล” ซงึ่ หมายถึง หา้ งห้นุ ส่วนจ�ำกัด และหา้ งหนุ้ ส่วนสามัญ
นิติบุคคล
ลักษณะของห้างหุ้นส่วนจ�ำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะไม่มีหุ้นเพ่ิมทุน แต่หากจะให้หุ้นแก่พนักงาน
ผเู้ ปน็ หนุ้ ส่วน หรอื กรรมการ จะต้องเป็นหุน้ ของบริษทั อืน่ เทา่ น้นั
นอกจากนี้ จากค�ำเบิกความของพยานท่เี กยี่ วขอ้ งไดเ้ บิกความท�ำนอง
เดียวกันว่า คำ� ว่า “ห้นุ ” ตามคำ� วนิ ิจฉยั ไม่ได้หมายความเฉพาะหุ้นเพิ่มทุน
เทา่ นั้น แต่รวมถึงหนุ้ ท่วั ไปดว้ ย
อีกท้ังที่มาของค�ำวินิจฉัยซ่ึงฝ่ายนโยบายภาษี กองนโยบายและ
แผน กรมสรรพากร เคยมีความเห็นไว้ว่าผู้ได้รับหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดา
ควรถอื วา่ มเี งนิ ไดท้ ต่ี อ้ งนำ� ไปคำ� นวณภาษตี ง้ั แตไ่ ดร้ บั หลกั ทรพั ยม์ าในราคาตำ�่
การตีความว่าเป็นการซ้ือทรัพย์สินมา มิใช่ได้รับทรัพย์สินมา จึงไม่มีการ
ประเมนิ ทรัพย์สนิ เพม่ิ เติม ถึงแม้จะไดร้ บั มาในราคาถกู มากกต็ าม จะกอ่ ให้
เกดิ การหลกี เล่ยี งภาษีได้งา่ ย
ดงั น้ัน เมือ่ พจิ ารณาทมี่ าของคำ� วนิ จิ ฉยั แลว้ คณะกรรมการวินิจฉัย
ภาษีอากรมีเจตนาต้องการใช้คำ� ว่า “หนุ้ ” เท่านน้ั หมายถึง ห้นุ ตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ว่าจะเป็นหุ้นสามัญ หุ้นกู้ หุ้นบุริมสิทธิ
และมคี วามหมายรวมถึงหุ้นทกุ ชนดิ มิได้หมายถึงเฉพาะหนุ้ เพ่ิมทุน
99
15 คดที จุ ริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง
หนังสือตอบข้อหารือของจำ� เลยท่ี 1 ถึงท่ี 4 ขดั กับคำ� วนิ จิ ฉยั ของ
คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรท่ี 28/2538 หรือไม่
เมอ่ื ตามคำ� วินจิ ฉยั ของคณะกรรมการวินิจฉยั ภาษอี ากร หมายถึงหุน้
ทกุ ประเภท และการทจ่ี �ำเลยท่ี 1 ถงึ ท่ี 4 ตอบขอ้ หารือทีม่ ีลกั ษณะเกยี่ วกับ
การซื้อขายหุ้น แตก่ ลับใชด้ ลุ พินจิ ตอบขอ้ หารอื ของจ�ำเลยที่ 5 แตกต่างกนั วา่
การได้ซื้อหุ้นราคาต�่ำกว่าราคาตลาดเป็นการซื้อทรัพย์สินในราคาถูก ซึ่งเป็น
เรื่องของการตกลงกันระหว่างผู้ซ้ือและผู้ขาย อันเป็นเร่ืองปกติทั่วไปของการ
ซอื้ ขายตามมาตรา 453 แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ ส่วนตา่ งของ
ราคาซื้อกับราคาตลาดจึงไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 39
แห่งประมวลรัษฎากร จึงเป็นการขัดต่อกฎหมายและแนวทางปฏิบัติอย่าง
ชัดเจน ขดั แย้งกบั เจตนารมณ์ในคำ� วินิจฉัยที่ 28/2538 ที่มีวัตถุประสงคเ์ พอื่
ป้องกนั การหลกี เลี่ยงการเสยี ภาษี
การตอบข้อหารอื ของจำ� เลยท่ี 1 ถงึ ท่ี 4 และจ�ำเลยท่ี 5 ซ่ึงท�ำหนังสอื
สอบถามกรมสรรพากรท�ำให้เกิดความเสียหายแก่กรมสรรพากร
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรอื ไม่
การที่จำ� เลยที่ 1 ถึงท่ี 4 ร่วมกนั กระทำ� การตอบขอ้ หารือโดยอา้ งว่า
กรณแี อมเพลิ รชิ ขายหนุ้ บรษิ ทั ชนิ ฯ ในราคาหนุ้ ละ 1 บาท ใหก้ บั นายพานทองแทฯ้
และนางสาวพนิ ทองทาฯ เปน็ เรอื่ งปกตใิ นทางการคา้ การซอื้ ทรพั ยส์ นิ ในราคาถกู
ซึ่งเป็นเร่ืองของการตกลงกันระหว่างผู้ซ้ือและผู้ขายอันเป็นเร่ืองปกติทั่วไป
ของการซ้ือขายตามมาตรา 453 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
สว่ นตา่ งของราคาซอื้ กบั ราคาตลาดจงึ ไมเ่ ขา้ ลกั ษณะของเงนิ ไดพ้ งึ ประเมนิ ตาม
มาตรา 39 แหง่ ประมวลรษั ฎากร และการทำ� หนงั สอื สอบถามของจำ� เลยที่ 5
ที่รู้ข้อเท็จจริงอยู่แล้วว่าแอมเพิลริชยังไม่ได้ขายหุ้นของบริษัท ชินฯ แต่ใน
หนงั สอื สอบถามทำ� ใหเ้ ขา้ ใจวา่ มกี ารซอ้ื ขายหนุ้ กนั แลว้ เปน็ ขอ้ พริ ธุ ทส่ี จุ รติ ชน
ไม่ท�ำกัน และอาชีพของจ�ำเลยที่ 5 ย่อมทราบเงื่อนไขเกี่ยวกับการตอบ
ขอ้ ซักถามของเจา้ พนักงานในกรมสรรพากรเป็นอย่างดี
100
15 คดที ุจรติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง
กรณจี ำ� เลยท่ี 5 ไมไ่ ดต้ อบคำ� ถามทกี่ รมสรรพากรสอบถาม ถอื เปน็ การ
จงใจทำ� หนงั สอื หารอื กรมสรรพากรเพอื่ เปดิ โอกาสใหเ้ จา้ พนกั งานกรมสรรพากร
ร่วมกันตอบข้อหารือโดยไม่ขัดกับเงื่อนไขการตอบข้อหารืออันเป็นการกระท�ำ
โดยแบง่ หนา้ ท่กี ันท�ำ
การท�ำหนังสอื สอบถามของจ�ำเลยท่ี 5 และการตอบหนังสอื
หารอื ของจ�ำเลยท่ี 1 ถึงท่ี 4 จงึ เป็นการรว่ มกนั กระทำ�
โดยเจตนาเพ่ือให้นายพานทองแท้ฯ และนางสาวพนิ ทองทาฯ
ซ่ึงมีหนา้ ท่ีต้องเสียภาษีจากการซื้อหนุ้ ราคาต่�ำกว่าราคาตลาด
ไมต่ อ้ งเสียภาษีหรือเสยี ภาษีน้อยลงในปี ภาษดี งั กล่าว
กอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกก่ รมสรรพากร กระทรวงการคลัง
และแกท่ างราชการอยา่ งชัดแจ้ง อนั เป็นการกระทำ� ความผดิ
ตามประมวลกฎหมายอาญา
มเี หตสุ มควรลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจ�ำคกุ หรือไม่
สภาพความผิดของจ�ำเลยท้ังห้าเป็นการกระท�ำโดยมิได้ค�ำนึง
ถึงความเสียหายและความน่าเช่ือถือในการจัดเก็บภาษีอากรของประเทศชาติ
พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเร่ืองร้ายแรง จ�ำเลยท่ี 5 จะอ้างว่าเรื่องน้ีในท่ีสุดแล้ว
กม็ ไิ ดเ้ กดิ ความเสยี หายแกร่ ฐั โดยศาลฎกี าแผนกคดอี าญาของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่
ทางการเมืองได้มีค�ำพิพากษายึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องไปหมดแล้ว และศาลภาษี
อากรกลางไดม้ คี ำ� พพิ ากษาเพกิ ถอนการประเมนิ ภาษขี องกรมสรรพากรไปแลว้
มาเปน็ ขอ้ อา้ งเพอ่ื ใหศ้ าลรอการลงโทษหาไดไ้ ม่ ทศี่ าลชน้ั ตน้ ลงโทษจำ� คกุ จำ� เลย
ทง้ั หา้ โดยไมร่ อการลงโทษน้ัน ศาลอทุ ธรณแ์ ผนกคดที จุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบ
เห็นพ้องดว้ ย
101
15 คดีทุจริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง
พิพากษายืน
จำ� เลยท้งั 5 ฎกี า โดยผพู้ พิ ากษาพจิ ารณาและลงชอื่ ในค�ำพิพากษา
ศาลชัน้ ต้นอนญุ าตให้ฎีกาในปัญหาขอ้ เท็จจรงิ
ศาลฎกี า
จ�ำเลยท่ี 1 ถงึ ท่ี 4 รว่ มกันตอบขอ้ หารอื ของจ�ำเลยท่ี 5 เป็นการขดั ตอ่
คำ� วินจิ ฉยั ของคณะกรรมการวินิจฉยั ภาษีอากรท่ี 28/2538 หรือไม่
ค�ำวินิจฉัยที่ 28/2538 เป็นเร่ืองภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเก่ียวกับ
ภาระภาษีในกรณีได้รับแจกหุ้น หรือได้ซ้ือหุ้นในราคาที่ต�่ำกว่าราคาตลาด
ตามข้อตกลงพิเศษ มีสาระส�ำคัญว่า
“กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลน�ำหุ้นไปแจกให้
พนักงาน ลกู จา้ ง กรรมการ ทป่ี รกึ ษา หรือบคุ คลผรู้ บั ท�ำงานให้
ในลกั ษณะทำ� นองเดยี วกนั หรอื นำ� หนุ้ ไปขายใหก้ บั บคุ คลดงั กลา่ ว
ตามขอ้ ตกลงพิเศษในราคาท่ีต่ำ� กวา่ ราคาตลาด กรณยี อ่ มถือได้ว่า
บคุ คลดงั กลา่ วไดร้ บั เงนิ ไดพ้ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 39 แหง่ ประมวล
รัษฎากรแล้ว จึงต้องน�ำไปรวมค�ำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคล
ธรรมดาประจ�ำปีภาษีท่ีได้รับกรรมสิทธ์ิในหุ้น ไม่ว่าหุ้นดังกล่าว
จะมีเง่ือนไขหรือไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับการจ�ำหน่ายจ่ายโอน และ
ไม่ว่าหนุ้ ดงั กลา่ วจะเป็นหุ้นทม่ี กี ารซอ้ื ขายในตลาดหลักทรพั ย์แหง่
ประเทศไทย หรอื นอกตลาดหลักทรพั ยแ์ ห่งประเทศไทย...”
102
15 คดที ุจริต ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
แม้ค�ำวินิจฉัยดังกล่าวไม่ได้ระบุโดยชัดแจ้งว่า หุ้นตามค�ำวินิจฉัยของ
คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรดังกล่าวเป็นหุ้นเพ่ิมทุนหรือหุ้นประเภทใด
แตเ่ มอ่ื พจิ ารณาทม่ี าของคำ� วนิ จิ ฉยั ดงั กลา่ วประกอบกบั เจตนารมณข์ องการ
เสนอข้อหารือของกรมสรรพากร เห็นได้ว่าความเห็นของกองนโยบายและ
แผน ฝ่ายนโยบายภาษี ท่เี สนอตอ่ อธิบดีกรมสรรพากร รวมถงึ ประเด็นท่ี
อธบิ ดกี รมสรรพากรขอหารอื คณะกรรมการวนิ จิ ฉัยภาษอี ากรกด็ ี เป็นเร่อื ง
เกี่ยวกับภาระหน้าท่ีในการเสียภาษีของพนักงานลูกจ้างที่บริษัทนายจ้าง
ออกหนุ้ เพมิ่ ทนุ แลว้ นำ� มาแจกพนกั งานลกู จา้ งหรอื ขายใหแ้ กพ่ นกั งานลกู จา้ ง
ในราคาตำ่� กวา่ ราคาตลาดมากท้งั สนิ้
ประกอบกับเม่ือพิจารณาความเห็นของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษี
อากรที่กล่าวถึงการน�ำหุ้นไปขายให้พนักงานลูกจ้างฯ ตามข้อตกลงพิเศษ
ในราคาทต่ี �ำ่ กว่าราคาตลาด คำ� ว่า “ข้อตกลงพิเศษ” หมอ่ มราชวงศ์จตั ุมงคล
โสณกุล ให้การตอ่ คตส. วา่ นา่ จะหมายถงึ Employee Stock Option Plan
ซ่ึงใช้กันอยู่มากในเศรษฐกิจต่างประเทศ เน่ืองจากจะท�ำให้พนักงานมีส่วน
ในความเป็นเจา้ ของและทำ� งานดขี ้ึน
แสดงว่า “หุ้น” ในค�ำวินิจฉัย จะต้องเป็นกรณีที่บริษัทน�ำหุ้นท่ี
บริษัทออกเองซ่ึงเป็นส่วนทุนของบริษัทที่บริษัทน�ำไปแจกหรือขายในราคา
ตำ่� เพราะหากเปน็ การนำ� หนุ้ ของบรษิ ทั อน่ื ทบ่ี รษิ ทั ซอ้ื ไวเ้ พอื่ ลงทนุ และบนั ทกึ
103
15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง
เปน็ ทรัพย์สินไปแจกหรือขายใหแ้ กพ่ นักงานแล้ว พนักงานย่อมไม่ได้มีสว่ น
ในความเปน็ เจ้าของบรษิ ัท
ยิ่งแสดงให้เห็นว่า คำ� วนิ ิจฉยั เป็นเร่ืองเกย่ี วกับหนุ้ เพ่มิ ทุนและเปน็
หนุ้ เพม่ิ ทนุ ทมี่ กี ารแจกหรอื ขายตำ�่ กวา่ ราคาตลาดใหแ้ กผ่ มู้ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั
การจา้ งแรงงานเทา่ นน้ั
สว่ นทคี่ ำ� วนิ จิ ฉยั ทเี่ รม่ิ ตน้ ดว้ ยคำ� วา่ “บรษิ ทั หรอื หา้ งหนุ้ สว่ นนติ บิ คุ คล”
ซงึ่ ในความเปน็ จรงิ หา้ งหนุ้ สว่ นนติ บิ คุ คลไมม่ หี นุ้ เพม่ิ ทนุ นน้ั เมอื่ พจิ ารณาถงึ วธิ ี
การค�ำนวณมูลค่าหุ้นเพ่ือน�ำไปถือเป็นเงินได้พึงประเมินของผู้รับแจกหุ้นหรือ
ซื้อหุ้นในราคาต�่ำกว่าราคาตลาดตามท่ีปรากฏในค�ำวินิจฉัย ซึ่งแยกออกเป็น
กรณหี นุ้ ทม่ี กี ารซอ้ื ขายในตลาดหลกั ทรพั ยแ์ หง่ ประเทศไทยกบั หนุ้ ทไ่ี มไ่ ดม้ กี าร
ซอ้ื ขายในตลาดหลักทรพั ย์แห่งประเทศไทย และแตล่ ะกรณียงั ต้องแยกดว้ ยวา่
ห้นุ ดังกล่าวมรี าคาขายใหแ้ กป่ ระชาชนทว่ั ไป (Public Offering) หรือไม่
การคำ� นวณมลู คา่ หนุ้ โดยอา้ งองิ กบั ราคาขายใหป้ ระชาชนทว่ั ไป (Public
Offering) ย่อมเป็นการแสดงให้เห็นว่า หุ้นตามค�ำวินิจฉัย เป็นหุ้นทุนหรือ
หนุ้ เพมิ่ ทนุ ทบ่ี รษิ ทั ออกใหมเ่ ทา่ นนั้ ไมเ่ กยี่ วกบั หนุ้ ของหา้ งหนุ้ สว่ นนติ บิ คุ คลดว้ ย
แต่เหตุที่คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรได้กล่าวถึงห้างหุ้นส่วน
นติ บิ คุ คลในคำ� วนิ จิ ฉยั ดงั กลา่ วดว้ ย อาจเปน็ เพราะคำ� วา่ “บรษิ ทั หรอื หา้ งหนุ้ สว่ น
นิติบุคคล” เป็นถ้อยค�ำที่ใช้ควบคู่กันในประมวลรัษฎากร มาตรา 39 เม่ือ
กลา่ วถงึ ผู้มหี น้าทีเ่ สยี ภาษีเงนิ ไดน้ ติ ิบุคคลกเ็ ปน็ ได้
กรณีจึงฟั งไดต้ ามข้อต่อสขู้ องจ�ำเลยทงั้ ห้าวา่ ค�ำวา่ “หุ้น”
ตามค�ำวนิ จิ ฉัยท่ี 28/2538 ไม่ได้หมายถึงห้นุ ทกุ ประเภท
รวมทัง้ ห้นุ ของบรษิ ัทอ่ืนท่บี รษิ ัทนัน้ ถอื ไว้ในลักษณะท่ีเป็น
ทรพั ยส์ นิ ดว้ ย ความเหน็ ของจ�ำเลยท่ี 1 ถึงท่ี 4 ตามหนงั สือ
ตอบข้อหารือจงึ มไิ ด้ขดั ต่อค�ำวนิ ิจฉยั ท่ี 28/2538
104
15 คดที จุ รติ ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง
จ�ำเลยท่ี 1 ถึงท่ี 4 ตอบข้อหารอื เป็นการกระทำ� โดยมีเจตนาเพ่ือช่ วย
ใหน้ ายพานทองแท้ ชินวัตร และนางสาวพนิ ทองทา ชินวัตร ไมต่ ้อง
เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการซ้ือหุ้นบรษิ ทั ชินฯ จากแอมเพิลริช
สำ� หรบั ส่วนต่างของราคาซื้อขายกบั ราคาตลาดหรือไม่
แนวทางการตอบขอ้ หารอื เดมิ ท่ีจำ� เลยอา้ ง จำ� เลยท่ี 1 ถงึ ที่ 4 อ้างว่า
กรมสรรพากรมีแนวทางการตอบข้อหารือในปัญหาดังกล่าวตลอดมาก่อน
หน้านั้นว่า การซื้อหุ้นในราคาต�่ำกว่าราคาตลาดยังไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้
พึงประเมินที่จะต้องไปค�ำนวณเงินได้พึงประเมินเพ่ือเสียภาษีตามประมวล
รษั ฎากร มาตรา 39
เห็นได้วา่ การซ้อื ขายหุน้ ตามข้อหารอื ท่ีจ�ำเลยอ้างมีการซอื้ ขายหนุ้
กันจริงทุกกรณี เพียงแต่มีเหตุที่ท�ำให้ซ้ือขายกันในราคาต่�ำกว่าราคาตลาด
โดยบางกรณีเป็นการขายให้แก่บริษัท Holding Company ท่ีผู้ขายหุ้น
มีส่วนร่วมในการจัดตั้ง บางกรณีเป็นการขายให้แก่นิติบุคคลในเครือ
เดียวกัน หรือบางกรณีเป็นการขายในราคาต�่ำที่เป็นผลมาจากการต่อรอง
ราคา แสดงว่าเปน็ การขายท่ีผูข้ ายยอมขาดทนุ ก�ำไรเพราะมคี วามหวงั ว่าจะ
ไดร้ บั ประโยชนท์ อ่ี าจจะสงู กวา่ จากอกี นติ บิ คุ คลหนง่ึ ทตี่ นมสี ว่ นไดเ้ สยี อยดู่ ว้ ย
แต่ข้อหารือของจ�ำเลยท่ี 5 เป็นกรณีท่ีแอมเพิลริชขายหุ้นบริษัท
ชนิ ฯ ทงั้ หมดที่ตนถอื อยู่ ใหแ้ ก่นายพานทองแทฯ้ และนางสาวพินทองทาฯ
ซงึ่ เปน็ บคุ คลธรรมดาในราคาทนุ แอมเพลิ รชิ ไมม่ โี อกาสทจ่ี ะไดร้ บั ประโยชน์
จากการขายหนุ้ นอกเหนอื จากเงนิ คา่ ซอ้ื หนุ้ ซง่ึ กเ็ ปน็ เพยี งเงนิ จำ� นวนเทา่ กบั
ท่แี อมเพิลริชซื้อหุ้นมา
105
15 คดที จุ ริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง
แสดงใหเ้ ห็นวา่ การซ้ือขายหุน้ บรษิ ทั ชินฯ ระหว่างแอมเพิลริช
กบั นายพานทองแทฯ้ และนางสาวพนิ ทองทาฯ ไมใ่ ช่การตกลงกนั
ระหว่างผูซ้ ื้อและผู้ขายอันเป็นเร่ืองปกตทิ ่ัวไปของการซ้ือขาย
แตเ่ ป็นการซื้อขายหนุ้ ท่ีมีลกั ษณะของการใหร้ วมอยูด่ ้วย
มฉิ ะนนั้ แอมเพิลริชคงไมย่ อมขายห้นุ บรษิ ทั ชินฯ ทัง้ หมดท่ีตน
ถืออยู่ให้แกน่ ายพานทองแท้ฯ และนางสาวพนิ ทองทาฯ
ในราคาพารเ์ พียงหุ้นละ 1 บาท เช่ นนัน้
ส่วนที่อ้างถึงการตอบข้อหารือของกรมสรรพากรกรณีการซ้ือขายหุ้น
ในราคาต�่ำกว่าราคาตลาดระหว่างมารดากับบุตรชายและระหว่างพ่ีชายกับ
น้องสาว และกรณีบุตรซือ้ ห้นุ จากบดิ าในราคาต�่ำกว่าราคาตลาด กบั กรณีบิดา
โอนหุ้นให้บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายโดยไม่มีค่าตอบแทน ซึ่งกรมสรรพากร
ตอบข้อหารือท�ำนองเดียวกันว่า กรณีท่ีเป็นการซื้อขาย ในขณะท่ีรับโอน
ยังมิได้ก่อให้เกิดรายได้แก่ผู้รับโอน จนกว่าผู้รับโอนจะได้ขายหุ้นดังกล่าวไป
โดยได้รบั ประโยชนซ์ ึ่งตีราคาเปน็ เงินไดเ้ กนิ กวา่ ทล่ี งทนุ เจ้าพนกั งานประเมนิ
จึงจะมีอ�ำนาจประเมินมูลค่าหุ้นดังกล่าว ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40
(4) (ช) ส่วนกรณีบิดาโอนหุ้นให้บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายโดยไม่มี
ค่าตอบแทน การรับโอนหุ้นของบุตรถือว่าเป็นเงินได้ท่ีได้รับโดยหน้าที่
ธรรมจรรยา ไดร้ บั ยกเวน้ ไมต่ อ้ งรวมคำ� นวณเพอื่ เสยี ภาษเี งนิ ไดต้ ามมาตรา 42
(10) (เดมิ ) แหง่ ประมวลรษั ฎากร
เห็นได้ว่า ข้อหารือดังกล่าวเป็นเร่ืองการโอนขายหุ้นหรือยกให้
ในระหว่างบุคคลธรรมดาท่สี บื สายโลหติ เดียวกัน แตกตา่ งจากข้อหารอื ของ
จำ� เลยท่ี 5 ทเ่ี ปน็ เรอื่ งทนี่ ติ บิ คุ คลซง่ึ เปน็ บคุ คลแยกตา่ งหากจากผถู้ อื หนุ้ หรอื
กรรมการโอนขายหนุ้ ในราคาตำ�่ กวา่ ราคาตลาดใหแ้ กบ่ คุ คลธรรมดา และไมม่ ี
เร่อื งหน้าท่ธี รรมจรรยาเขา้ มาเก่ียวขอ้ ง
106
15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
ขอ้ เท็จจริงตามหนังสอื ตอบข้อหารอื ของกรมสรรพากรทจ่ี �ำเลยที่ 1
ถงึ ท่ี 4 อ้างถึง จงึ แตกตา่ งจากขอ้ หารือของจ�ำเลยท่ี 5
จ�ำเลยท่ี 1 ถึงที่ 4 มีส่วนเก่ียวข้องกับการตอบข้อหารือของกรม
สรรพากรมานาน ย่อมต้องทราบดีตงั้ แต่กอ่ นตอบข้อหารือแล้วว่า ขอ้ เทจ็ จรงิ
ตามข้อหารือของจ�ำเลยท่ี 5 ไมต่ รงกบั ข้อหารือทเี่ คยมมี าก่อน และทราบดวี า่
ไมว่ า่ จำ� เลยที่ 1 ถงึ ที่ 4 จะตอบขอ้ หารอื ในทางใด ยอ่ มเปน็ การสรา้ งบรรทดั ฐาน
ใหม่ท่ียังไม่มีแนวค�ำพิพากษาศาลฎีกาให้อ้างอิง อีกท้ังจ�ำเลยท่ี 1 ถึงท่ี 4
ยอ่ มตอ้ งทราบดวี า่ เเมข้ อ้ เทจ็ จรงิ ตามขอ้ หารอื ของจำ� เลยที่ 5 ไมต่ รงกบั คำ� วนิ จิ ฉยั
ที่ 28/2538 ท่ีถือว่าการรับโอนหุ้นมาในราคาต�่ำกว่าราคาตลาดท่ีต้องน�ำ
สว่ นตา่ งของราคาซอ้ื ขายกับราคาตลาดมาคดิ คำ� นวณเพอ่ื เสียภาษี
แต่ข้อเท็จจริงตามขอ้ หารอื ของจ�ำเลยท่ี 5 ใกลเ้ คียง
กบั ข้อเท็จจรงิ ตามค�ำวินจิ ฉัยของคณะกรรมการวนิ จิ ฉัยภาษี
อากรดังกลา่ วมากกว่าข้อเท็จจริงตามแนวทางการตอบ
ข้อหารอื ของกรมสรรพากรท่เี คยมมี าก่อนหน้านนั้
เพราะเป็นเร่อื งการขายหรอื โอนห้นุ ท่มี ีลกั ษณะเป็นการยกให้
รวมอยู่ดว้ ยเช่ นเดียวกนั
อีกท้ังในด้านของผู้รับโอน ผู้รับโอนหุ้นต่างได้รับประโยชน์เป็นส่วน
ต่างของราคาซ้ือกับราคาตลาดเช่นเดียวกัน ภาระภาษีของผู้รับโอนไม่น่าจะมี
ความแตกต่างกัน
107
15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง
การตอบขอ้ หารือในทิศทางเดียวกับค�ำวนิ จิ ฉยั ท่ี 28/2538
ยอ่ มเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและก่อใหเ้ กิด
ความเป็นธรรมแก่ผู้เสยี ภาษอี ากรโดยท่ัวไปมากกว่า
ประโยชนจ์ ากส่วนตา่ ง
ของราคาซื้ อขายกบั ราคาตลาด
แม้ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในส�ำนวนว่า ขณะท่ีจ�ำเลยท่ี 1 ถึงที่ 4
พิจารณาข้อหารือนั้น หุ้นบริษัท ชินฯ มีการซ้ือขายในตลาดหลักทรัพย์
แหง่ ประเทศไทยอยใู่ นราคาหนุ้ ละเทา่ ใด ปรากฏเพยี งวา่ หลงั จากตอบขอ้ หารอื
แลว้ ในวนั ที่ 23 มกราคม 2549 วนั ทแี่ อมเพลิ รชิ ขายหนุ้ นอกตลาดหลกั ทรพั ย์
แห่งประเทศไทยในราคาหุ้นละ 1 บาท ในวันดังกลา่ วหุ้นบริษัท ชินฯ มีราคา
ซ้ือขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หุ้นละ 49.25 บาท ท�ำให้มี
สว่ นต่างของราคาซื้อขายกับราคาตลาด หุ้นละ 48.25 บาท
หากถอื ตามความเหน็ ของจำ� เลยที่ 1 ถงึ ท่ี 4 นายพานทองแทฯ้ และ
นางสาวพนิ ทองทาฯ จะไดร้ บั ประโยชนจ์ ากสว่ นตา่ งของราคาซอ้ื ขายกบั ราคา
ตลาด ณ วันซือ้ ขายจริง ทไ่ี มต่ ้องนำ� มาคำ� นวณเปน็ เงนิ ได้พงึ ประเมนิ เพือ่
เสยี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เปน็ เงินจำ� นวนคนละ 7,941,950,000 บาท
และเมือ่ รวมของทัง้ สองคนเปน็ เงนิ จำ� นวนมากถึง 15,883,900,000 บาท
แม้ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ขณะท่ีจ�ำเลยพิจารณาตอบข้อหารือ
หนุ้ บรษิ ทั ชนิ ฯ มรี าคาซอื้ ขายในตลาดหลกั ทรพั ยแ์ หง่ ประเทศไทย หนุ้ ละเทา่ ใด
ก็ตาม เมื่อช่วงเวลาที่จ�ำเลยพิจารณาข้อหารือ ห่างจากวันท่ีซ้ือขายจริงเพียง
ประมาณ 4 เดอื น ราคาซอ้ื ขายหนุ้ บรษิ ทั ชนิ ฯ ณ วนั ดงั กลา่ ว จงึ ไมน่ า่ จะแตกตา่ ง
จากราคา ณ วนั ทซ่ี ้อื ขายจริงมากนกั และโดยวสิ ัยของจำ� เลยเคยปฏิบตั งิ าน
ด้านการตรวจสอบภาษีมากอ่ น โดยเฉพาะจำ� เลยท่ี 4 เป็นผู้มีความเชย่ี วชาญ
ด้านภาษีอากรที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ เป็นไปไม่ได้ท่ีจะไม่ตรวจสอบก่อนตอบ
108
15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
+
เงนิ ไดพ้ ึ งประเมนิ ของนายพานทองแทฯ้ และนางสาวพิ นทองทาฯ
15,883,900,000 บาท
ข้อหารือว่า หากตอบข้อหารือตามหนังสือ นายพานทองแท้ฯ และนางสาว
พนิ ทองทาฯจะไดร้ ับประโยชนไ์ ม่ตอ้ งน�ำส่วนตา่ งราคาซอ้ื ขายกบั ราคาตลาดไป
คิดค�ำนวณเพื่อเสยี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเงินเพยี งใด
แนวการตอบขอ้ หารือกรณผี ู ห้ ารอื ไมส่ จุ รติ
ส�ำนักกฎหมายหรือกองนิติการเดิมมีแนวปฏิบัติต้ังแต่ปี 2519 ว่า
เมอื่ มผี ขู้ อหารอื ปญั หาขอ้ กฎหมายเกยี่ วกบั ภาษอี ากร กรมสรรพากรไมจ่ ำ� เปน็
ต้องตอบทุกเร่ือง โดยเฉพาะเมื่อปรากฏพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความ
ไมส่ จุ ริตของผูข้ อหารือ
การขอหารือในคดีนี้ เม่ือพิจารณาพฤติการณ์ของจ�ำเลยท่ี 5
ท่ีไม่ให้ข้อเท็จจริงที่กรมสรรพากรขอทราบเพ่ิมเติมในข้อท่ีว่า แอมเพิลริช
มบี ุคคลใดถือหนุ้ อยู่ และถือหุ้นอยเู่ ป็นจ�ำนวนเท่าใด อันเปน็ การสอ่ แสดง
ให้เห็นวา่ ประสงคป์ กปดิ ข้อเทจ็ จรงิ วา่ ในขณะนน้ั มเี พยี งนายพานทองแทฯ้
เปน็ ผู้ถือหนุ้ แอมเพิลริชแต่เพยี งผเู้ ดียว และนายพานทองแท้ฯ กับนางสาว
พนิ ทองทาฯ เปน็ กรรมการของแอมเพลิ รชิ เพอ่ื มใิ หเ้ กดิ ประเดน็ ทต่ี อ้ งพจิ ารณา
ในเร่อื งความสัมพันธ์ระหวา่ งผูซ้ อื้ กบั ผขู้ าย เพราะหากปรากฏข้อเท็จจรงิ ว่า
ผู้ซื้อเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการของบริษัทผู้ขาย ผลทางกฎหมายอาจ
แตกตา่ งไปจากทีจ่ �ำเลยที่ 5 คาดหมายไว้
นอกจากน้ี ยังมิไดใ้ ห้ขอ้ เทจ็ จริงในข้อทวี่ ่า ปัจจุบนั แอมเพิลรชิ ถือหนุ้
บรษิ ทั ชนิ ฯ จำ� นวน 329,200 หนุ้ อยใู่ ชห่ รอื ไม่ และแอมเพลิ รชิ ไดข้ ายหนุ้ ใหก้ บั
109
15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง
นายพานทองแทฯ้ เมอื่ ใด แสดงใหเ้ หน็ วา่ จำ� เลยที่ 5 ประสงคท์ จ่ี ะใหเ้ กดิ ความ
คลมุ เครอื วา่ ขณะนน้ั แอมเพลิ รชิ ขายหนุ้ บรษิ ทั ชนิ ฯ ใหแ้ กน่ ายพานทองแทฯ้
และนางสาวพนิ ทองทาฯ แลว้ หรอื ยงั แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความไมส่ จุ รติ ของจำ� เลย
ท่ี 5 ในการขอหารืออย่างชัดแจ้ง
จำ� เลยที่ 1 ถึงที่ 4 เคยมปี ระสบการณใ์ นการตรวจสอบภาษีมาก่อน
ยอ่ มตอ้ งมองเหน็ ความไมส่ จุ รติ และควรนำ� มาเปน็ เหตใุ นการไมต่ อบขอ้ หารอื
ของจำ� เลยที่ 5 เพราะตอ้ งดว้ ยหลกั เกณฑท์ ก่ี รมสรรพากรจะไมต่ อบขอ้ หารอื
กไ็ ด้ ตามแนวปฏบิ ตั ขิ องกองนติ กิ าร แตจ่ ำ� เลยที่ 1 ถงึ ท่ี 4 กลบั ยงั คงพจิ ารณา
ทำ� ความเห็นและตอบข้อหารอื ของจ�ำเลยที่ 5 ทั้งทจ่ี ำ� เลยท่ี 5 ให้ข้อเทจ็ จริง
ไม่ครบถ้วนตามที่ขอทราบเพ่ิมเติม ย่ิงไปกว่านั้นค�ำตอบที่กล่าวถึงภาระภาษี
ของแอมเพิลรชิ ท่ีว่า
“กรณีบริษัท แอมเพิลริช ผู้ขาย ผลประโยชน์ท่ีได้จากการโอน
หุ้นเฉพาะซ่ึงตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินลงทุน ถือเป็นเงินได้พึงประเมิน
ตามมาตรา 40 (4) (ช) แห่งประมวลรัษฎากรหากการขายหุ้นดังกล่าว
ต�่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินมีอ�ำนาจ
ประเมินค่าตอบแทนตามราคาตลาดในวันโอนหุ้นได้ตามมาตรา 65 ทวิ
(4) แห่งประมวลรัษฎากร แต่เนื่องจากตามข้อเท็จจริงบริษัท แอมเพิลริช
เป็นบริษัทจดทะเบียนนิติบุคคลใน British Virgin Islands ไม่มี
สถานประกอบการในประเทศไทย และไมม่ อี นสุ ญั ญาภาษซี อ้ นกบั ประเทศไทย
หากบริษัท แอมเพิลริชมิได้เข้ามาในประเทศไทยเพื่อการขายหุ้นดังกล่าว
หรือได้ขายหุ้นดังกล่าวผ่านลูกจ้าง หรือผู้ท�ำการแทน หรือผู้ท�ำการติดต่อ
ในการประกอบกิจการในประเทศไทย กรณยี ังถือไมไ่ ดว้ า่ บรษิ ทั แอมเพลิ ริช
กระทำ� กจิ การในประเทศไทย ทอ่ี ยใู่ นบงั คบั ตอ้ งเสยี ภาษเี งนิ ไดต้ ามมาตรา 66
วรรคสองและมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และเมื่อมีการจ่ายเงิน
ค่าหุ้นดังกล่าวไปให้กับบริษัท แอมเพิลริช ซ่ึงมิได้ประกอบกิจการใน
ประเทศไทย เนอ่ื งจากเงนิ ไดท้ ไ่ี ดร้ บั ไมเ่ ขา้ ลกั ษณะเงนิ ไดพ้ งึ ประเมนิ ตามมาตรา
40 (2) (3) (4) (5) หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากรจงึ ไมม่ ีหนา้ ท่ตี ้องน�ำสง่
ภาษีเงินไดต้ ามมาตรา 70 แหง่ ประมวลรัษฎากร”
110
15 คดที ุจรติ ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง
ค�ำตอบดังกล่าวยังเป็นการตอบข้อหารือที่เกินกว่าที่หารือ และเป็น
ประโยชน์แก่แอมเพลิ ริช โดยเฉพาะขอ้ ความตอนทา้ ยที่เปน็ เหมอื นค�ำแนะน�ำ
วิธีดำ� เนินการเพื่อมิใหเ้ งินค่าห้นุ ทแี่ อมเพิลรชิ ไดร้ ับจากนายพานทองแทฯ้ และ
นางสาวพินทองทาฯ เข้าลักษณะเงินได้พึงประเมินที่ต้องน�ำมาเสียภาษีเงินได้
ตามประมวลรษั ฎากร นับวา่ เปน็ ข้อพริ ธุ ของจำ� เลยท่ี 1 ถึงที่ 4
การตอบขอ้ หารือ มผี ลผู กพัน
เจา้ พนักงานประเมนิ ภาษีอากรหรอื ไม่
จำ� เลยที่ 1 ถงึ ท่ี 4 เปน็ เจา้ หนา้ ทรี่ ะดบั สงู ของกรมสรรพากร และปฏบิ ตั ิ
หน้าที่อยู่ในสำ� นกั กฎหมายทถี่ อื วา่ เป็นคลังสมองของกรมสรรพากร ความเหน็
ของจ�ำเลย ยอ่ มตอ้ งมีผลต่อการตัดสินใจประเมนิ ไมม่ ากกน็ อ้ ย
การท่ีจ�ำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ตอบข้อหารือในนามของกรมสรรพากร
ย่อมมผี ลประการสำ� คัญ คือ หากนายพานทองแท้ฯ และนางสาวพินทองทาฯ
ไมแ่ สดงรายการมลู คา่ หนุ้ ทซ่ี อ้ื จากแอมเพลิ รชิ และเจา้ พนกั งานประเมนิ เหน็ ตา่ ง
โดยเหน็ วา่ สว่ นตา่ งของราคาซอื้ ขายหนุ้ กบั ราคาตลาดถอื เปน็ เงนิ ไดพ้ งึ ประเมนิ
ท่ีจะต้องน�ำมาคิดค�ำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ กรมสรรพากรย่อมไม่สามารถ
ดำ� เนนิ คดอี าญาแกน่ ายพานทองแทฯ้ และนางสาวพนิ ทองทาฯ ฐานหลกี เลยี่ งภาษี
ได้ เพราะท้งั สองย่อมยกเป็นข้ออา้ งว่าด�ำเนินการไปตามหนงั สือตอบขอ้ หารอื
ไม่ได้มีเจตนาหลีกเล่ียงภาษี ในส่วนแพ่งก็อาจใช้หนังสือตอบข้อหารือเป็น
ข้ออ้างว่าไม่มีเจตนาหลีกเล่ียงภาษีเพื่อขอลดหรืองดเบ้ียปรับและเงินเพ่ิมที่จะ
ตอ้ งชำ� ระตามกฎหมาย
การตอบขอ้ หารือในคดนี ี้ แม้จะไมต่ รงตามคำ� วนิ ิจฉัยที่ 28/2538
แต่กม็ ลี กั ษณะใกล้เคยี งกันมาก และการตอบข้อหารือไปในทิศทางเดยี วกัน
จะเปน็ การรกั ษาผลประโยชนข์ องประเทศชาตแิ ละกอ่ ใหเ้ กดิ ความเปน็ ธรรม
แก่ผูเ้ สยี ภาษีอากรโดยทั่วไปมากกวา่
111
15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง
และการตอบขอ้ หารอื มีผลทำ� ใหน้ ายพานทองแท้ฯ และนางสาว
พินทองทาจะฯ ไดร้ บั ประโยชน์จากสว่ นต่างของราคาซ้ือขาย
กบั ราคาตลาดท่ไี มต่ ้องน�ำมาคำ� นวณมูลค่าเพ่ือเสยี ภาษีเงนิ ได้
บุคคลธรรมดาเป็นเงินจำ� นวนกวา่ หน่ึงหม่นื ลา้ นบาท
ซงึ่ จำ� เลยที่ 1 ถงึ ท่ี 4 ยอ่ มตอ้ งทราบเปน็ อยา่ งดแี ละตระหนกั วา่ สมควร
ใหเ้ จา้ พนกั งานประเมนิ ซงึ่ เปน็ ผมู้ อี ำ� นาจหนา้ ทใี่ นการจดั เกบ็ ภาษตี ามกฎหมาย
เป็นผู้วนิ ิจฉยั ชี้ขาดปัญหาตามขอ้ หารอื ดงั กล่าว เม่ือมีปญั หาเกิดขน้ึ แลว้
จำ� เลยท่ี 1 ถงึ ท่ี 4 ไมค่ วรดว่ นวนิ จิ ฉยั ปญั หาดงั กลา่ วเสยี เองในหนงั สอื
ตอบขอ้ หารอื การทจี่ ำ� เลยที่ 1 ถงึ ท่ี 4 ยงั ขนื ตอบขอ้ หารอื เปน็ เรอื่ งผดิ ปกตวิ สิ ยั
ของเจา้ พนกั งานของรฐั ในหนว่ ยงานท่มี หี น้าทจ่ี ัดเกบ็ ภาษอี ยา่ งย่ิง หากจ�ำเลย
พิจารณาโดยสุจรติ คงไมก่ ระท�ำเช่นนั้น
พยานหลกั ฐานโจทกร์ ับฟงั ได้ว่า จำ� เลยที่ 1 ถึงที่ 4 ตอบข้อหารือ
ของจำ� เลยที่ 5 โดยมเี จตนาแอบแฝงเพ่อื ชว่ ยให้นายพานทองแท้ฯ และ
นางสาวพนิ ทองทาฯ ซงึ่ เปน็ บตุ รของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ นายกรฐั มนตรใี นขณะนน้ั
มีข้ออ้างในการไม่แสดงรายการส่วนต่างของราคาซื้อขายกับราคาตลาด
ในการซือ้ หุน้ บรษิ ัท ชนิ ฯ จากแอมเพิลรชิ ในแบบแสดงรายการภาษเี งินได้
บคุ คลธรรมดา โดยทส่ี ว่ นตา่ งดงั กลา่ วเปน็ เงนิ นบั หมน่ื ลา้ นบาท และอาจได้
รับประโยชน์ถงึ ขนาดไมต่ อ้ งชำ� ระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำ� หรบั ส่วนตา่ ง
ดงั กลา่ วดว้ ย
การกระท�ำของจ�ำเลยท่ี 1 ถึงที่ 4 จึงเป็นการร่วมกันปฏิบัติหรือ
ละเวน้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทโ่ี ดยมชิ อบ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกก่ รมสรรพากร
112
15 คดีทุจริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง
จำ� เลยท่ี 5 มคี วามผดิ ฐานเป็นผู้สนับสนุนหรอื ไม่
เมอื่ จำ� เลยที่ 5 มีพฤติการณ์ปกปิดข้อเท็จจรงิ บางประการเพอื่ ใหก้ าร
ตอบขอ้ หารอื เปน็ ไปตามทจี่ ำ� เลยท่ี 5 ประสงคใ์ หเ้ ปน็ เชน่ นน้ั ประกอบกบั ขอ้ เทจ็ จรงิ
ปรากฏตามคำ� พพิ ากษาศาลฎกี าแผนกคดอี าญาของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง
คดีที่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกกล่าวหาว่าร�่ำรวยผิดปกติ ว่า หลังจาก
แอมเพิลริชขายห้นุ บริษัท ชนิ ฯ ให้แกน่ ายพานทองแทแ้ ละนางสาวพนิ ทองทา
เพยี ง 3 วนั นายพานทองแทฯ้ และนางสาวพนิ ทองทาฯ ได้ขายห้นุ บรษิ ัท ชนิ ฯ
ทัง้ หมดทซ่ี ้ือจากแอมเพิลรชิ ใหแ้ ก่กล่มุ เทมาเสก็ ประเทศสิงคโปร์ โดยบริษัท
ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำ� กดั และบรษิ ทั แอสเพนี โฮลดงิ้ จ�ำกัด โดยซื้อขายกนั ตาม
ราคาซอื้ ขายในตลาดหลักทรพั ย์แหง่ ประเทศไทย หุ้นละ 49.25 บาท
ในวันเดียวกันน้ันนายพานทองแท้ยังได้ขายหุ้นบริษัท ชินฯ ท่ีนาย
พานทองแท้ฯ ซื้อจากนายทกั ษิณฯ และคุณหญิงพจมาน ชินวตั ร อีกจ�ำนวน
293,950,000 หนุ้ และนางสาวพนิ ทองทาฯ ยงั ไดข้ ายหนุ้ บรษิ ทั ชนิ ฯ ทซี่ อ้ื จาก
คณุ หญงิ พจมาน และนายพานทองแทฯ้ อกี 440,000,000 หนุ้ แกก่ ลมุ่ เทมาเสก็
ดว้ ย
นอกจากนี้ ยังมีการขายหุ้นบริษทั ชนิ ฯ ทน่ี างสาวย่ิงลกั ษณ์ ชินวัตร
และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พชี่ ายคณุ หญิงพจมานฯ ให้แกก่ ลุ่มเทมาเสก็
รวมเปน็ ห้นุ บริษทั ชินฯ ในชื่อของบุคคลในครอบครวั ชนิ วัตรทีข่ ายให้
แกก่ ลมุ่ เทมาเสก็ ในวนั เดยี วกนั ทงั้ สน้ิ 1,419,490,000 หนุ้ หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ
48.35 ของหนุ้ ทง้ั หมดของบริษัท ชนิ ฯ
แสดงใหเ้ ห็นว่า มีการเตรยี มการเพ่อื ขายหุน้ บริษัท ชินฯ
ท่ีถอื อยู่ในช่ือของบุคคลในครอบครัวชินวัตรใหแ้ ก่กลุ่มเทมาเสก็
โดยไมเ่ สยี ภาษตี ามประมวลรัษฎากร
113
15 คดีทุจรติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
มีเหตุให้เชื่อได้ว่า การท่ีจ�ำเลยท่ี 5 มีหนังสือขอหารือไปยังกรม
สรรพากรเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการดังกล่าว ฟังได้ว่า จ�ำเลยท่ี 5
มสี ว่ นรว่ มกระทำ� ความผดิ แตจ่ ำ� เลยท่ี 5 มใิ ชเ่ จา้ พนกั งาน จงึ ลงโทษจำ� เลยที่ 5
ไดเ้ พียงในฐานเปน็ ผสู้ นับสนนุ จ�ำเลยท่ี 1 ถงึ ที่ 4 ที่ศาลอุทธรณพ์ พิ ากษา
มานนั้ ศาลฎกี าเหน็ พ้องดว้ ยในผล
มเี หตุอนั ควรลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำ� เลยทงั้ หา้ หรือไม่
แม้จำ� เลยที่ 1 ถึงท่ี 4 รบั ราชการมานาน และไม่ปรากฏว่าจ�ำเลยที่ 1
ถึงที่ 4 เคยกระท�ำความผิดมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นทางวินัยหรือทางอาญา
แต่พฤติการณ์ในการกระท�ำความผิดของจ�ำเลยถือได้ว่าเป็นเร่ืองร้ายแรง
พฤติการณ์ในการกระท�ำความผิดของจ�ำเลยที่ 5 ถือได้ว่าเป็นเรื่องร้ายแรง
เชน่ กนั การทศ่ี าลอทุ ธรณไ์ มร่ อการลงโทษจำ� คกุ ใหแ้ กจ่ ำ� เลยทง้ั 5 นน้ั ศาลฎกี า
เห็นพ้องด้วย แต่เน่ืองจากทางน�ำสืบของจ�ำเลยท่ี 1 ถึงที่ 4 เป็นประโยชน์
แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง เห็นสมควรลดโทษให้จ�ำเลยท่ี 1 ถึง 4 คนละ
หนงึ่ ในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
พพิ ากษาแกเ้ ปน็ จำ� เลยท่ี 1 ถงึ ท่ี 4 มคี วามผดิ ตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 157, 83 จำ� เลยที่ 5 มคี วามผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 157, 86 ลดโทษใหจ้ �ำเลยที่ 1 ถงึ ท่ี 4 คนละหน่ึงในสาม คงจ�ำคุก
จำ� เลยที่ 1 ถงึ ท่ี 4 คนละ 2 ปี
114
ขายหนุ้ บริษัท ช1ิน5 ฯคดใหีท้แุจรกติ ่กรปร.ปม.ชก. าตรอ้ งฟ้องเอง
คนละ 164,600,000 ห้นุ ในราคาพาร์ 1 บาท
ถอื หุ้นบริษทั ชนิ ฯ จดทะเบยี นที่ กรรมการ
จำนวน 32,920,000 หนุ้ British Virgin Islands
พานทองแท้ฯ
ราคาพาร์ 10 บาท แอมเพลิ รชิ พนิ ทองทาฯ
ระหว่างถอื หนุ้
บริษัท ชนิ ฯ
ได้ลดราคาพาร์
ลงเหลือ 1 บาท
ทำให้ แอมเพิลริช
ถอื หนุ้ เพ่มิ ขึ้นเปน็
329,200,000 หนุ้
บริษทั ชนิ คอร์ปอเรช่ัน จำกดั
จดทะเบียนในประเทศไทย
มปี ัญหาวา่
นายพานทองแท้ฯ
และนางสาวพนิ ทองทาฯ
มภี าระต้องชำระภาษี
ตามประมวลรัษฎากร
หรือไม่
115
15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง
116
15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
4คดีท่ี
กรณกี ล่าวหา พนั ตำ� รวจโท ทกั ษิณ ชิ นวัตร หรอื
นายทักษณิ ชิ นวตั ร เม่ือครงั้ ด�ำรงต�ำแหนง่
นายกรัฐมนตรี กบั พวก
ความผิดตอ่ ต�ำแหนง่ หน้าท่รี าชการ ความผิดตอ่
พระราชบัญญัติว่าดว้ ยความผดิ ของพนักงาน
ในองคก์ ารหรือหนว่ ยงานของรฐั พ.ศ. 2502
อ่านค�ำพพิ ากษา (ฉบับเตม็ )
117
15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง
คดหี มายเลขด�ำท่ี อม. 1/2551
คดีหมายเลขแดงท่ี อม. 10/2552
ระหว่างวันที่ 18 มิถุนายน 2546 ถึงวันท่ี 14 กันยายน 2549
พันต�ำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร หรือนายทักษิณ ชินวัตร จ�ำเลยท่ี 1 ด�ำรง
ต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรี และจ�ำเลยที่ 1 ถึงท่ี 47 เป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐ
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การทุจริต พ.ศ. 2542
จ�ำเลยท่ี 1 มีนโยบายที่จะปราบปรามหวยใต้ดิน จึงมีการเร่งรัดให้
คณะกรรมการสลากกนิ แบ่งรฐั บาล ด�ำเนนิ การตามนโยบายดงั กลา่ ว
ลT�ำIMดEับLIเNหEตกุ ารณ์
30 เมษายน 2545
คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลได้มีการประชุมคร้ังที่
4/2545 เร่ือง การศึกษาแนวทางการด�ำเนินการออกสลากพิเศษ
แบบเลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตัว คร้ังแรก และคณะกรรมการสลาก
กนิ แบง่ รฐั บาลไดม้ กี ารประชมุ เรอื่ งดงั กลา่ วตลอดมา สำ� นกั งานสลาก
กนิ แบง่ รฐั บาลจงึ ไดจ้ ดั ใหม้ กี ารทำ� วจิ ยั สมั มนา เสยี งสว่ นใหญเ่ หน็ ดว้ ย
ทจ่ี ะนำ� หวยใต้ดินมาดำ� เนนิ การให้ถูกกฎหมาย
118
15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
18 มถิ นุ ายน 2546
ในการประชมุ ครั้งท่ี 9/2546 คณะกรรมการสลากกินแบ่ง
รฐั บาล ประกอบดว้ ยจำ� เลยที่ 31, 33, 35, 37, 41 และ 42 ไดร้ ว่ มกนั
มีมตดิ ังต่อไปนี้ คอื
1. อนุมัติให้ด�ำเนินโครงการจ�ำหน่ายสลากพิเศษแบบ
เลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตวั ชว่ั คราว โดยผา่ นการสอ่ื สารแหง่ ประเทศไทย
เพื่อน�ำรายได้ไปใช้เพ่ือการศึกษาและสาธารณประโยชน์ โดยเริ่ม
จ�ำหน่ายด้วยระบบพิมพ์สลากใบตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2546
ซึ่งเมื่อส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจัดหาระบบจ�ำหน่ายสลาก
ด้วยเคร่ืองจ�ำหน่ายสลากอิเล็กทรอนิกส์ได้แล้วก็ให้ยุติ และให้
ผู้แทนจ�ำหน่ายเขา้ ส่รู ะบบต่อไป
2. เห็นชอบกบั การจดั สรรรายได้การจ�ำหน่าย ดังนี้
• คา่ ใชจ้ ่ายในการบรหิ ารงานไม่เกนิ รอ้ ยละ 20 โดยแบ่ง
เปน็ รอ้ ยละ 0.5 เป็นภาษกี ารพนนั
• ร้อยละ 4.5 เป็นค่าใช้จ่ายในการด�ำเนินงานของ
ส�ำนักงาน
• ร้อยละ 15 เปน็ ส่วนลดของผู้แทนจ�ำหนา่ ย โดยแบ่งเป็น
รอ้ ยละ 12 ใหผ้ แู้ ทนจำ� หนา่ ย
ร้อยละ 1 ให้การสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นค่า
ตอบแทน
ร้อยละ 2 ให้ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติเป็นค่า
ตอบแทน
ส่วนที่เหลือจากค่าใช้จ่ายในการบริหารจะน�ำสมทบเข้า
กองทุนเงนิ รางวัลเพือ่ นำ� ไปใช้ส�ำหรับจ่ายเงนิ รางวลั และรางวัลพเิ ศษ
3. ใหส้ ำ� นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาลไปประสานกบั สำ� นกั งาน
ต�ำรวจแห่งชาติในการก�ำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และจ�ำนวน
ผู้แทนจ�ำหน่ายและผู้เดินจ�ำหน่ายในแต่ละพ้ืนท่ีเพื่อขึ้นทะเบียนและ
ควบคุมต่อไป
119
15 คดที จุ รติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
4. อนุมัติให้ส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไปด�ำเนินการ
จัดท�ำข้อตกลงขอเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารออมสิน ในวงเงิน
20,000,000,000 บาท เพื่อเป็นเงินส�ำรองรับการจ่ายเงินรางวัล
สลากพิเศษแบบเลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตัว กรณีถกู เงินรางวัลเกิน
กว่าท่ีส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจัดสรรไว้ และให้ส�ำนักงาน
สลากกินแบ่งรัฐบาลศึกษาและก�ำหนดแนวทางป้องกันความเสี่ยง
ในการจ่ายเงนิ รางวัลดว้ ย
4 กรกฎาคม 2546
ในการประชมุ ครงั้ ที่ 10/2546 คณะกรรมการสลากกนิ แบง่
รัฐบาลไดม้ ีมตใิ หจ้ า่ ยเงินรางวลั สลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ
2 ตวั โดยไม่จ�ำกดั จำ� นวนยอดจ�ำหน่ายของแตล่ ะหมายเลข และให้
ทำ� หนังสอื ขออนญุ าตการออกรางวัลสลากพเิ ศษแบบเลขทา้ ย 3 ตัว
และ 2 ตัวจากกระทรวงมหาดไทย ภายหลังจากได้รับอนุมัติจาก
คณะรฐั มนตรี ฯลฯ หลังจากน้ันสำ� นักงานสลากกินแบ่งรฐั บาลไดม้ ี
หนังสือถึงปลัดกระทรวงการคลังให้มีหนังสือในนามรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลงั ถงึ เลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรเี พอื่ นำ� เสนอคณะรฐั มนตรี
ต่อมาร้อยเอก สุชาติ เชาว์วิศิษฐ จ�ำเลยท่ี 9 ในฐานะ
รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการคลงั มหี นงั สอื ฉบบั ลงวนั ท่ี 8 กรกฎาคม
2546 เสนอโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตัว
เพ่ือน�ำรายได้คืนสู่สังคม โดยมีการก�ำหนดหลักการของโครงการ
ดงั กล่าวมรี ายละเอียดวธิ ีการดำ� เนนิ การ จำ� นวน 6 ขอ้ ได้แก่
120
15 คดที ุจริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง
1. ส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นผู้ด�ำเนินการ
ออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตวั และ 2 ตวั โดยจ�ำหนา่ ยตาม
ความต้องการของผู้ซื้อเพอื่ น�ำรายได้คนื สสู่ ังคม
2. ราคาสลาก
3. ผลการออกรางวลั จะใชผ้ ลการออกสลากกนิ แบง่ รฐั บาล
ในแต่ละงวดหรือผลการออกรางวัลที่ส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ก�ำหนด
4. รปู แบบรางวัลและเงนิ รางวลั
5. การจดั สรรรายได้จากการจำ� หน่าย
6. การลดหย่อนและการยกเว้นภาษีการออกสลากพิเศษ
แบบเลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตวั เพอ่ื หารายไดส้ นบั สนนุ ดา้ นการศกึ ษา
การแพทย์ ศาสนา สงั คม และสาธารณประโยชน์อนื่ ๆ
121
15 คดีทุจริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง
8 กรกฎาคม 2546
นายวราเทพ รตั นากร จำ� เลยท่ี 10 ไดน้ ำ� หนงั สอื ของจำ� เลยที่ 9
เสนอจ�ำเลยท่ี 1 โดยไม่ได้ผ่านส�ำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
และไม่ได้ผ่านรองนายกรัฐมนตรีท่ีมีหน้าที่กลั่นกรองเร่ืองเข้า
คณะรัฐมนตรี และจ�ำเลยที่ 1 น�ำเร่ืองเข้าท่ีประชุมคณะรัฐมนตรี
โดยน�ำเสนอเป็นวาระพิจารณาเพ่ิมเติม (วาระจร) คณะรัฐมนตรี
มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอในสาระส�ำคัญ โดยสรุป
มติเป็น 3 ประการ คอื
1. เห็นชอบในหลักการโครงการออกสลากพิเศษแบบ
เลขท้าย 3 ตวั และ 2 ตวั (หวยบนดิน)
2. เห็นชอบให้น�ำรายได้ส่วนเกินของกองทุนเงินรางวัล
หลังหักค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน และการจ่ายเงินรางวัลกลับคืน
สู่สงั คม
3. เห็นชอบกรณีรายได้จากการขายหรือส่วนลดจากการ
ซอ้ื สลากเพ่ือไปจำ� หน่ายของผูแ้ ทนจำ� หน่าย ในระยะที่ 2 ทจ่ี �ำหน่าย
ดว้ ยเครอื่ งจำ� หนา่ ยสลากอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ไมไ่ ดร้ บั สทิ ธกิ ารยกเวน้ ภาษี
ตามพระราชกฤษฎกี าออกตามความในประมวลรษั ฎากร วา่ ดว้ ยการ
ยกเวน้ รัษฎากร (ฉบบั ท่ี 310) พ.ศ. 2540 มาตรา 5 จตุทศ (2)
122
15 คดที จุ ริต ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
จากนน้ั
ส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ด�ำเนินการออกสลากพิเศษแบบ
เลขท้าย 3 ตวั และ 2 ตวั ต้งั แตง่ วดวนั ท่ี 1 สงิ หาคม 2546 จนถึงงวดวนั ที่
16 พฤศจิกายน 2549 จึงได้ยกเลิกไป ซึ่งส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ได้ด�ำเนินการจ�ำหน่ายสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว มาแล้ว
รวมทั้งสน้ิ 80 งวด
ตอ่ มาไดม้ มี ตคิ ณะรฐั มนตรเี มอื่ วนั ที่ 21 พฤศจกิ ายน 2549 ใหย้ กเลกิ
มตคิ ณะรฐั มนตรเี มอ่ื วนั ที่ 8 กรกฎาคม 2546 และงดการจำ� หนา่ ยสลากพเิ ศษ
แบบเลขท้าย 3 ตวั และ 2 ตัว ต้งั แต่งวดวนั ท่ี 1 ธนั วาคม 2549 เปน็ ตน้ ไป
โดยคณะรัฐมนตรีได้แต่งต้ังคณะกรรมการพัฒนายุทธศาสตร์ส�ำหรับ
แกไ้ ขปญั หาเดก็ ยากจนและเดก็ ดอ้ ยโอกาส โดยมนี ายจาตรุ นต์ ฉายแสง จำ� เลย
ที่ 4 ซง่ึ เปน็ รองนายกรฐั มนตรีเปน็ ประธานพิจารณาแนวทางการใชป้ ระโยชน์
จากเงินรายได้ที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนเงินรางวัลของส�ำนักงานสลาก
กนิ แบง่ รฐั บาล
• มีการน�ำเงินรายได้ส่วนที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่าย
ด�ำเนินการและจ่ายเงินรางวัลแล้วไปจ่ายคืนสู่สังคมตามมติของ
คณะกรรมการพฒั นายทุ ธศาสตร์ และจา่ ยใหส้ ำ� นกั งานตำ� รวจแหง่ ชาติ
รวมเปน็ เงนิ ทจี่ า่ ยไปจากรายไดข้ องการออกสลากพเิ ศษแบบเลขทา้ ย
3 ตวั และ 2 ตัว จำ� นวน 16,027,505,235.94 บาท
• ในเรอื่ งการยกเวน้ และลดหยอ่ นภาษอี ากรทเ่ี กยี่ วขอ้ งนน้ั
ได้ด�ำเนินการโดยยกเว้นและลดหย่อนภาษีตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรษั ฎากร วา่ ดว้ ยการยกเวน้ รษั ฎากร (ฉบบั ที่
310) พ.ศ. 2540 และตามกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 17 (พ.ศ. 2503)
และกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 43 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราช
บัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 โดยส�ำนักงานสลากกินแบ่ง
รัฐบาลได้ท�ำหนังสือด่วนท่ีสุด ฉบับลงวันท่ี 10 กรกฎาคม 2546
123
15 คดที ุจรติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
ถงึ กระทรวงมหาดไทยขออนมุ ตั ิออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว
และ 2 ตัว โดยจ�ำหน่ายตามความต้องการของผู้ซ้ือเพ่ือน�ำรายได้
คืนสู่สังคมเพ่ือบรรเทาความเดือดร้อนผู้มีรายได้น้อย ตั้งแต่งวด
วันที่ 1 สงิ หาคม 2546 เป็นตน้ ไป และลดหยอ่ นภาษีการพนันเหลอื
รอ้ ยละ 0.5 ตามกฎกระทรวง ฉบบั ที่ 43 (พ.ศ. 2543) ออกตาม
ความในพระราชบญั ญัตกิ ารพนนั พทุ ธศักราช 2438
• กระทรวงมหาดไทยมีหนังสอื ด่วนที่สดุ ฉบบั ลงวนั ที่ 16
กรกฎาคม 2546 อนมุ ตั ใิ หส้ ำ� นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาลออกสลาก
พเิ ศษแบบเลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตวั ไดต้ ั้งแต่งวดวันท่ี 1 สงิ หาคม
2546 เป็นต้นไป ส�ำหรบั การชำ� ระภาษีการพนนั เปน็ ไปตามข้อ 12
(3) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2503) ออกตามความใน
พระราชบญั ญตั กิ ารพนนั พทุ ธศกั ราช 2478 ซงึ่ แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ โดย
กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 43 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราช
บญั ญตั กิ ารพนนั พุทธศักราช 2478
ท�ำให้ภาษีอากรในส่วนของภาษมี ูลคา่ เพ่ิมขาดไป
8,809,155,737.38 บาท ภาษหี ัก ณ ท่ีจ่ายของส่วนลด
การจำ� หน่ายขาดไป 161,585,085.24 บาท ภาษตี าม
พระราชบัญญตั ิการพนนั พุ ทธศักราช 2478
ตามกฎกระทรวงฉบับท่ี 43 (พ.ศ. 2543) ออกตามความ
ในพระราชบญั ญตั ิการพนัน พุ ทธศกั ราช 2478 ขอ้ 1 (4)
ขาดไป 12,792,152,581.50 บาท และภาษีบำ� รุงท้องท่ีตาม
กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 17 ขอ้ 12 ขาดไป 336,635.594.25 บาท
124
15 คดที ุจริต ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
หลังจากท่ีได้มกี ารออกสลากพเิ ศษแบบเลขทา้ ย 3 ตัว และ 2 ตวั
(หวยบนดนิ ) ตงั้ แตง่ วดวนั ท่ี 1 สงิ หาคม 2546 ถงึ งวดวนั ที่ 16 กนั ยายน 2549
มรี ายไดจ้ ากการออกสลากดงั กลา่ วรวมเปน็ เงนิ ทงั้ สน้ิ 123,339,890,730 บาท
โดยมกี ารจา่ ยเงนิ ใหแ้ กห่ นว่ ยงานทข่ี อรบั เงนิ สนบั สนนุ จากโครงการสลากพเิ ศษ
แบบเลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตวั ในปงี บประมาณ 2547 จำ� นวน 2,449,831,619 บาท
ปงี บประมาณ 2548 จำ� นวน 5,826,727,045 บาท ปงี บประมาณ 2549
จ�ำนวน 5,105,422,319.79 บาท ซ่ึงคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล
เป็นผอู้ นุมตั ใิ ห้จา่ ยเงินคืนสสู่ งั คมและจา่ ยเงินให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ตามมติ
คณะกรรมการพฒั นายทุ ธศาสตรเ์ งนิ รางวลั ของสลากพเิ ศษแบบเลขทา้ ย 3 ตวั
และ 2 ตัว และเงินรางวัลแจ็กพ็อต ต้ังแต่งวดวันท่ี 1 สิงหาคม 2546
ถงึ งวดวนั ท่ี 16 กันยายน 2549 แยกเป็นเงินรางวัล 68,115,906,700 บาท
เงินรางวัลแจ็กพ็อต 1,126,922,828.28 บาท รวมเป็นเงินรางวัลทั้งสิ้น
69,242,829,528.28 บาท
ในการจัดสรรรายได้จากการจ�ำหน่ายตามมติคณะ
รฐั มนตรแี ละมตคิ ณะกรรมการสลากกนิ แบง่ รฐั บาลไดก้ ำ� หนดดงั น้ี
• ร้อยละ 4.5 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของ
ส�ำนกั งานสลากกนิ แบ่งรฐั บาล
• รอ้ ยละ 12 เปน็ สว่ นลดให้ผู้แทนจำ� หน่าย
• รอ้ ยละ 3 เป็นค่าตอบแทนใหห้ น่วยงานที่เก่ียวขอ้ ง
• ร้อยละ 0.5 เป็นค่าภาษีการพนันจ่ายให้กระทรวง
มหาดไทย
• ส่วนที่เหลือร้อยละ 80 สมทบเข้ากองทุนเงินรางวัล
เพอื่ นำ� ไปใชจ้ ่ายสำ� หรบั การจ่ายเงินรางวัลสลาก
• ภายหลังจากการหักค่าบริหารกองทุนและการประกัน
ความเส่ียงในการจ่ายเงินรางวัลแล้ว หากกองทุนมีเงินส่วนเกิน
เหลือเหมาะสมเพียงพอแต่ละช่วงเวลา จะต้องจัดสรรรายได้
ส่วนเกินดังกล่าวคนื สู่สงั คม
125
15 คดที ุจรติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
เงินรายได้จากการจ�ำหนา่ ยสลากพเิ ศษแบบเลขท้าย
3 ตัว และ 2 ตัว นอกจากท่แี บง่ ให้เป็นค่าใช้จา่ ย
ดำ� เนินการของส�ำนักงานสลากกินแบ่งรฐั บาลรอ้ ยละ
4.5 แลว้ ไม่มรี ายได้ในโครงการน้นี ำ� ส่งเป็นรายได้
แผน่ ดินแต่อย่างใด
ก่อนเดือนกุมภาพันธ์ 2544 ส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่เคย
ดำ� เนนิ การออกสลากพเิ ศษ (ทไี่ มใ่ ชส่ ลากการกศุ ลงวดพเิ ศษ) แตไ่ ดอ้ อกสลาก
พเิ ศษตามมตเิ หน็ ชอบจากคณะรฐั มนตรี เมอื่ วนั ที่ 22 ตลุ าคม 2544 ครงั้ แรก
งวดประจ�ำวนั ท่ี 16 ธันวาคม 2544 โดยขออนญุ าตกระทรวงมหาดไทยตาม
พระราชบญั ญตั กิ ารพนนั พทุ ธศกั ราช 2478 และนำ� รายไดห้ ลงั จากหกั คา่ ใชจ้ า่ ย
ไปใช้จ่ายตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดสรรเงินรายได้ของ
โครงการเพ่ือการสาธารณประโยชน์จากรายได้โดยการออกสลากพิเศษ
พ.ศ. 2545 ลงวันท่ี 7 กุมภาพนั ธ์ 2545
การออกสลากพิเศษแบบเลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตัว (หวยบนดนิ )
ของส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเคยจ่ายเงินรางวัลเกินกว่ารายได้รวม
7 งวด คอื งวดประจำ� วนั ท่ี 16 พฤศจกิ ายน 2546 จา่ ยเงนิ รางวลั เกนิ กวา่ รายได้
114,980,182.099 บาท งวดประจำ� วนั ท่ี 1 มถิ นุ ายน 2547 จา่ ยเงนิ รางวลั เกนิ
กวา่ รายได้ 92,956,120.48 บาท งวดประจำ� วนั ที่ 2 พฤษภาคม 2549 จา่ ยเงนิ
รางวลั เกนิ กวา่ รายได้ 288,722,869.74 บาท งวดประจำ� วนั ท่ี 16 พฤษภาคม
2549 จ่ายเงินรางวัลเกินกว่ารายได้ 127,362,365.98 บาท งวดประจ�ำ
วันที่ 1 มถิ นุ ายน 2549 จ่ายเงินรางวัลเกินกวา่ รายได้ 49,536,381.41 บาท
งวดประจำ� วนั ท่ี 1 สงิ หาคม 2549 จา่ ยเงนิ รางวลั เกนิ กวา่ รายได้ 943,153,773.25 บาท
งวดประจ�ำวันท่ี 16 พฤศจิกายน 2544 จ่ายเงินรางวัลเกินกว่ารายได้
51,480,367.07 บาท รวม 7 งวด จ่ายเงินรางวัลเกินกว่ารายได้เป็นเงิน
1,668,192,060.02 บาท
126
15 คดที ุจรติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง
กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือถึงประธาน
คณะกรรมการตรวจสอบการกระท�ำท่ีก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)
รอ้ งทกุ ขก์ ลา่ วโทษผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื งทเี่ ปน็ ผใู้ ช้ ตวั การ และสนบั สนนุ
ในการกระทำ� ความผิดอาญา คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำ� ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ
ความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้แต่งต้ังคณะอนุกรรมการไต่สวนจ�ำเลยท้ัง
สส่ี ิบเจ็ดตามขอ้ กล่าวหาในคดนี ้ี
หลังจากน้ัน กระทรวงการคลังและส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้
หารอื ปัญหาข้อกฎหมายเก่ียวกบั การออกสลากพเิ ศษแบบเลขทา้ ย 3 ตัว และ
2 ตัว ดังกลา่ วไปยงั คณะกรรมการกฤษฎกี าซึง่ ต่อมาไดม้ คี วามเห็นตามเรื่อง
เสร็จที่ 568-569/2549 สรปุ ได้วา่
การออกสลากพเิ ศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตวั
ของสำ� นกั งานสลากกินแบ่งรฐั บาลไม่ถือว่าเป็นการดำ� เนินการ
ภายในกรอบวัตถปุ ระสงค์ของมาตรา 5 แหง่ พระราชบญั ญตั ิ
สำ� นกั งานสลากกนิ แบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517
สำ� นักงานสลากกินแบ่งรฐั บาลไมส่ ามารถดำ� เนินการ
โดยอาศยั อำ� นาจตามมาตราดังกลา่ วได้
ต่อมา คณะกรรมการตรวจสอบการกระท�ำท่ีก่อให้เกิดความเสีย
หายแก่รฐั (คตส.) จงึ แต่งต้งั ทนายความยนื่ ฟอ้ งจ�ำเลยทงั้ 47 รายเป็นคดนี ้ี
ต่อศาลฎีกาแผนกคดอี าญาของผดู้ �ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง
ในระหว่างพิจารณา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ
ทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์และศาล
อนุญาต
127
15 คดที จุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง
ศาลมคี �ำวนิ จิ ฉัยเม่ือวันที่ 30 กันยายน 2552 ในส่วนของจ�ำเลยท่ี 2
ถงึ ท่ี 47
จ�ำเลยท่ี 2 ถึงท่ี 4 และที่ 11 ถึงที่ 30 นั้น แม้เข้าร่วมประชุม
คณะรฐั มนตรแี ละมมี ตใิ นการดำ� เนนิ การโครงการออกสลากพเิ ศษแบบเลขทา้ ย
3 ตวั และ 2 ตวั กต็ าม แตพ่ ยานหลกั ฐานทไ่ี ดค้ วามตามทางไตส่ วนรบั ฟงั ไมไ่ ดว้ า่
จำ� เลยที่ 2 ถงึ ที่ 9 และท่ี 11 ถงึ ที่ 30 กระทำ� ความผดิ รว่ มกบั จำ� เลยท่ี 10
ที่ 31 และที่ 42 เนื่องจากการประชุมคณะรัฐมนตรีในเรื่องการออกสลาก
พเิ ศษแบบเลขทา้ ย 3 ตัว และ 2 น้นั เปน็ การประชมุ ในวาระเพ่ิมเติม โดย
คณะรัฐมนตรีได้อ่านรายงานการประชุมซ่ึงแจกในระหว่างการประชุมนั้นเอง
เชอื่ วา่ คณะรฐั มนตรที ไ่ี มไ่ ดร้ บั ผดิ ชอบในเรอื่ งดงั กลา่ วโดยตรงไมส่ ามารถศกึ ษา
ไดท้ นั
โดยเฉพาะจำ� เลยที่ 9 ซ่งึ แม้จะเปน็ รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงการคลงั
แตก่ ไ็ ดม้ อบหมายใหจ้ �ำเลยที่ 10 ซ่ึงเป็นรัฐมนตรีชว่ ยว่าการกระทรวงการคลงั
กำ� กบั ดแู ลสำ� นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาล จำ� เลยท่ี 9 เพยี งแตล่ งลายมอื ชอ่ื เสนอ
โครงการต่อคณะรัฐมนตรีเท่าน้ัน โดยไม่ได้เข้าไปมีส่วนรับรู้หรือเก่ียวข้องกับ
โครงการดังกล่าวมาต้ังแต่แรกด้วย พยานหลักฐานท่ีได้ความตามทางไต่สวน
จงึ ฟังไม่ไดว้ ่ารัฐมนตรซี งึ่ ประกอบด้วยจ�ำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 และท่ี 11 ถงึ ที่ 30
กระทำ� ความผิดร่วมกับจ�ำเลยท่ี 10 ท่ี 31 และท่ี 42 ตามฟ้อง
128
15 คดที ุจรติ ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง
สำ� หรบั จำ� เลยท่ี 32 ท่ี 34 ท่ี 36 ที่ 38 ท่ี 39 ท่ี 40 และท่ี 43 ถงึ ท่ี 47
ไม่ได้เข้าไปมีส่วนเก่ียวข้องกับโครงการตั้งแต่ต้น แต่เข้าใจว่าโครงการออก
สลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตวั เป็นโครงการทช่ี อบด้วยกฎหมาย
เพราะผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานที่เก่ียวข้องและผ่านมติคณะรัฐมนตรี
มาแล้ว โดยไมป่ รากฏว่าจำ� เลยดังกลา่ วมีเจตนาทจุ รติ ในการอนุมัติให้จ่ายเงนิ
ดังกล่าวหรือยักยอกเงินดังกล่าวไปเป็นของตนหรือของผู้อ่ืนโดยไม่ชอบด้วย
กฎหมายแต่อย่างใด ดังนั้น การมีมติให้จ่ายเงินรายได้จากโครงการจ�ำหน่าย
สลากพเิ ศษแบบเลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตงั้ แตว่ นั ที่ 25 กนั ยายน 2546 ถงึ วนั ที่
14 กนั ยายน 2547 จึงไมเ่ ป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
147, 153, 154 และมาตรา 157 และพระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยความรับผดิ ของ
พนักงานในองคก์ ารหรอื หนว่ ยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 4, 8, 9,
10, 11 ตามฟอ้ ง
ส่วนจำ� เลยท่ี 33 ท่ี 35 ที่ 37 และที่ 41 แม้จะเป็นคณะกรรมการ
สลากกนิ แบง่ รฐั บาลและไดร้ ว่ มกนั มมี ตใิ หด้ ำ� เนนิ โครงการออกสลากพเิ ศษแบบ
เลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตวั แตจ่ ำ� เลยดงั กลา่ วไมไ่ ดม้ สี ว่ นรบั รกู้ บั การเขา้ ไปหารอื
และการสงั่ การของจำ� เลยที่ 1 หรอื เขา้ ไปเกย่ี วขอ้ งกบั การจดั การโครงการตง้ั แต่
เรมิ่ แรก ทงั้ จำ� เลยดงั กลา่ วไมไ่ ดร้ บั ผดิ ชอบภารกจิ หรอื งานภายในของสำ� นกั งาน
สลากกินแบ่งรัฐบาลโดยตรง เป็นไปได้ว่าอาจไม่ทราบถึงเจตนารมณ์ของการ
จดั ตง้ั สำ� นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาลและกรอบวตั ถปุ ระสงคข์ องสำ� นกั งานสลาก
กินแบ่งรัฐบาลดีพอ จึงลงมติไปโดยเช่ือว่าการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย
129
15 คดที ุจริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง
3 ตวั และ 2 ตัว สามารถดำ� เนนิ การไดต้ ามกรอบวัตถุประสงคข์ องสำ� นักงาน
สลากกินแบ่งรฐั บาล ขอ้ เทจ็ จริงยงั ฟงั ไม่ไดว้ า่ จำ� เลยท่ี 33 ที่ 35 ท่ี 37 และ
ที่ 41 มีเจตนาร่วมกระทำ� ความผิดกบั จ�ำเลยท่ี 31 และ 42 ด้วย
ศาลพิพากษาว่า จ�ำเลยท่ี 10 และท่ี 31 มีความผิดตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 157, 83 จ�ำคุกจำ� เลยที่ 10 มีกำ� หนด 2 ปี และปรับ
20,000 บาท จ�ำคุกจ�ำเลยที่ 31 มีกำ� หนด 2 ปี และปรบั 10,000 บาท
จำ� เลยท่ี 42 มคี วามผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 86
และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงาน
ของรฐั พ.ศ. 2502 มาตรา 11 การกระทำ� ของจำ� เลยท่ี 42 เปน็ กรรมเดยี วเปน็
ความผดิ ตอ่ กฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยความผดิ ของ
พนกั งานในองค์การหรือหนว่ ยงานของรฐั พ.ศ. 2502 มาตรา 11 อันเป็นบท
ทีม่ ีโทษหนักทสี่ ดุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จ�ำคุก 2 ปี และ
ปรับ 10,000 บาท จำ� เลยดงั กล่าวไมเ่ คยกระทำ� ความผดิ มากอ่ น ประกอบกบั
พเิ คราะหพ์ ฤตกิ ารณแ์ หง่ คดแี ลว้ เหน็ สมควรใหร้ อการลงโทษจำ� คกุ จำ� เลยท่ี 10
ท่ี 31 และท่ี 42 ไวม้ กี ำ� หนดคนละ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
ไม่ช�ำระค่าปรบั ใหจ้ ดั การตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30
ให้ยกฟ้องโจทก์ส�ำหรับจ�ำเลยท่ี 2 ถึงที่ 9 จ�ำเลยท่ี 11 ถึงที่ 30
จำ� เลยที่ 32 ถงึ ท่ี 41 และจำ� เลยที่ 43 ถงึ ท่ี 47 สำ� หรบั ความผดิ ฐานอน่ื และคำ� ขออนื่
นอกจากน้ใี ห้ยก
130
15 คดที จุ ริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง
ขอ้ เท็จจรงิ และขอ้ กฎหมายรับฟั งเป็นยุติวา่
• มติในการประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลเสนอ
โครงการต่อท่ีประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ด�ำเนินการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว (หวยบนดิน)
น�ำเงินรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วคืนสู่สังคมกับให้ยกเว้นและลดหย่อน
ภาษี เป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
พ.ศ. 2517 มาตรา 5 และมาตรา 9
• การท่ีคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการสลากพิเศษแบบเลขท้าย
3 ตัว และ 2 ตัว (หวยบนดิน) ฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติส�ำนักงานสลาก
กินแบง่ รฐั บาล พ.ศ. 2517 มาตรา 5 และมาตรา 9
• การที่คณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลมีมติ
ให้น�ำเงินรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการด�ำเนินการตามโครงการกลับคืนสู่
สงั คม เปน็ การฝา่ ฝนื ตอ่ พระราชบญั ญตั เิ งนิ คงคลงั พ.ศ. 2491 มาตรา 4, 13
และฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517
มาตรา 23, 27
• การท่ีคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลมีมติ
ใหย้ กเวน้ และลดหยอ่ นภาษจี งึ เปน็ การฝา่ ฝนื พระราชกฤษฎกี าทอี่ อกตามความ
ในประมวลรษั ฎากร วา่ ด้วยการยกเวน้ รัษฎากร (ฉบบั ที่ 310) พ.ศ. 2540
ทแี่ กไ้ ขพระราชกฤษฎกี าออกตามความในประมวลรษั ฎากร วา่ ดว้ ยการยกเวน้
รษั ฎากร (ฉบบั ที่ 10) พ.ศ. 2500 เพ่มิ เตมิ เปน็ มาตรา 5 จตทุ ศ (2) และ
ฝ่าฝืนต่อกฎกระทรวง ฉบับท่ี 17 (พ.ศ. 2503) และกฎกระทรวง ฉบับท่ี 43
(พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนนั พุทธศกั ราช 2478
ตามค�ำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดอี าญาของผ้ดู ำ� รงต�ำแหน่งทางการเมือง
131
15 คดที ุจรติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง
มปี ั ญหาตอ้ งวนิ ิจฉยั วา่ จ�ำเลยท่ี 1
กระทำ� ความผิดตามฟ้ องหรือไม่
เหน็ ว่า
ตามพระราชบญั ญตั สิ ำ� นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาล พ.ศ. 2517 มาตรา
5 (1) มวี ตั ถปุ ระสงคค์ อื การออกสลากกนิ แบง่ รฐั บาลทถ่ี อื เปน็ วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั
ของสำ� นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาลในการดำ� เนนิ การเพอ่ื หารายไดเ้ ขา้ รฐั ซงึ่ ตาม
ทางไต่สวนไดค้ วามวา่ “สลากกนิ แบ่งรฐั บาล” หมายถงึ สลากที่รฐั บาลมอบ
ใหส้ ำ� นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาลเปน็ ผจู้ ดั ใหเ้ ลน่ และจำ� หนา่ ยเอง โดยไดร้ บั
อนญุ าตถกู ตอ้ งตามกฎหมาย ผู้เลน่ จะซอ้ื สลากและสำ� นักงานสลากกินแบง่
รฐั บาลจะเปน็ ผอู้ อกเลขเองโดยตรงดว้ ยวธิ กี ารทกี่ ำ� หนด ผเู้ ลน่ ซอื้ สลากเพยี ง
1 ฉบบั สามารถถูกรางวัลได้หลาย ๆ เลข และรับรางวัลได้หลายรางวลั ในเวลา
เดยี วกัน สว่ นเงนิ รางวัลต่าง ๆ เป็นไปตามท่ีกำ� หนดหลังสลาก หากจ�ำหนา่ ย
สลากไดไ้ ม่หมด รางวลั อาจถกู ลดลงได้
นอกจากน้ี กฎหมายยังได้ก�ำหนดแนวทางปฏิบัติในการด�ำเนินการ
ออกสลากกินแบ่งรฐั บาล กลา่ วคือ
• ประการแรก สำ� นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาลเปน็ ผดู้ ำ� เนนิ การ
ออกสลากกินแบ่งรัฐบาลได้เอง
• ประการท่สี อง การจดั สรรเงนิ ทไี่ ดร้ บั จากการจำ� หนา่ ยสลาก
กินแบง่ รัฐบาล
◊ ร้อยละ 60 เปน็ เงินรางวัล
◊ ไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 28 เปน็ รายไดแ้ ผ่นดนิ และ
◊ ไม่เกนิ รอ้ ยละ 12 เป็นคา่ ใช้จา่ ยในการบรหิ ารงาน
132
15 คดที ุจริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง
• ประการท่ีสาม รายได้จากการจ�ำหน่ายไม่ต้องเสียค่า
ธรรมเนยี มและคา่ ภาษใี ด ๆ
• ประการท่สี ่ี ผถู้ กู รางวลั สลากกนิ แบง่ รฐั บาลตอ้ งจา่ ยคา่ อากร
ร้อยละ 0.5 ของเงินรางวลั
◊ มาตรา 26 ซง่ึ บญั ญตั ใิ หเ้ งนิ ทจี่ ดั สรรไวเ้ พอื่ จา่ ยเปน็ เงนิ รางวลั
ถ้ามีผู้มีสิทธิ์เรียกร้องเงินรางวัลไม่มาขอรับเงินรางวัลภายในก�ำหนด
อายคุ วาม ให้นำ� สง่ เปน็ รายได้แผ่นดิน
◊ มาตรา 27 ซึ่งบญั ญตั ิใหค้ ่าใช้จ่ายในการบรหิ ารงาน หากมี
เหลือให้ส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกันไว้เป็นเงินส�ำรองได้ไม่เกิน
ร้อยละ 50 ส่วนท่ีเหลือให้น�ำส่งเปน็ รายได้แผน่ ดนิ
◊ มาตรา 35 วรรคสอง ซ่ึงบัญญตั ใิ หส้ ำ� นักงานสลากกนิ แบ่ง
รัฐบาลน�ำส่งเงินช่วยราชการที่ได้รับจากตัวแทนจ�ำหน่ายเป็นรายได้
แผน่ ดิน
ดังนี้ จะเหน็ ไดว้ ่า บทบญั ญตั ิของกฎหมายไดก้ �ำหนด
รายรบั รายจ่ายไว้เป็นการเฉพาะเพ่ือให้เป็นไปโดยรดั กมุ
มุง่ หมายใหน้ ำ� เงนิ รายไดท้ ่ีได้รับส่งเป็นรายได้ของแผน่ ดิน
การกระทำ� ทจ่ี ะถอื วา่ เกย่ี วเนอ่ื งหรอื เปน็ ประโยชนแ์ กก่ ารดำ� เนนิ กจิ การ
ของสำ� นักงานสลากกนิ แบ่งรัฐบาลนัน้ จะต้องอยภู่ ายใตก้ รอบเจตนารมณ์ของ
กฎหมาย มิฉะน้ันจะท�ำให้ส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีอ�ำนาจกระท�ำการ
ใด ๆ ได้โดยไม่มีข้อจ�ำกัดและอาจมีผลกระทบต่อการด�ำเนินกิจการหลักของ
ส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ ซึ่งเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง
133
15 คดีทุจรติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
ส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ต้องการก�ำหนดรายได้และรายจ่ายให้เป็นไป
ตามกรอบที่กฎหมายวางไว้
คดีนี้จ�ำเลยที่ 1 มีนโยบายท่ีจะปราบปรามหวยใต้ดินจึงเร่งรัด
ให้ส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลด�ำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ซึ่งได้มี
การด�ำเนินการและจัดประชุมเรื่อยมา คณะกรรมาธิการฯ เชิญผู้แทนจาก
หน่วยงานที่เกยี่ วข้องคอื กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลงั และส�ำนกั งาน
สลากกนิ แบง่ รัฐบาล มาชแี้ จงข้อเท็จจริง ไดข้ อ้ สรุปว่า
ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอ�ำนาจหน้าท่ีของส�ำนักงานสลากกินแบ่ง
รฐั บาลยงั ไมไ่ ดบ้ ญั ญตั ใิ หอ้ ำ� นาจสำ� นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาลไว้ คณะกรรมาธกิ ารฯ
จึงเห็นสมควรเสนอแนะให้รัฐบาลแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายก่อนที่จะด�ำเนิน
โครงการดงั กลา่ ว นายค�ำนวณ ชโลปถัมภ์ จึงทำ� รายงานถงึ จำ� เลยที่ 1 และ
รฐั มนตรที เี่ กย่ี วขอ้ งรวมทงั้ สำ� นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาล ไดท้ ราบขอ้ เสนอแนะ
ดังกล่าวเพื่อประกอบการพิจารณาในการด�ำเนินการตามนโยบายดังกล่าว
โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือที่จะให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส�ำนักงาน
สลากกนิ แบง่ รฐั บาล พ.ศ. 2517 กอ่ น โดยเหน็ วา่ โครงการดงั กลา่ วเปน็ ประโยชน์
แกป่ ระชาชนในการปอ้ งกนั และปราบปรามผมู้ อี ทิ ธพิ ล อกี ทง้ั เปน็ ประโยชนต์ อ่
โครงการช่วยเหลือประชาชนด้านการศึกษา และเป็นที่สนใจของประชาชน
แต่ควรมีการแกไ้ ขกฎหมายกอ่ น
นอกจากนี้ ยังไดค้ วามจาก นายธรรมนญู ศรีวาลัย ซึง่ เป็นหัวหน้า
ส�ำนักกฎหมาย ส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ท่ีพิจารณาข้อกฎหมายตาม
หนังสือคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนวุฒิสภา แล้วให้
ความเห็นในหนังสือส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ 1542/2546 ลงวันที่
20 สงิ หาคม 2546 เรียน เลขาธกิ ารนายกรัฐมนตรี เพ่อื โปรดทราบ และนำ�
กราบเรียนจำ� เลยที่ 1 แจ้งว่า ส�ำนักงานสลากกนิ แบง่ รฐั บาลเหน็ ดว้ ยกบั การ
แกไ้ ขพระราชบญั ญตั ิส�ำนักงานสลากกินแบง่ รัฐบาล พ.ศ. 2517
นอกจากนี้ ยังได้ความจาก คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะ
กรรมการกฤษฎีกาว่า คณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นเกี่ยวกับโครงการ
ออกสลากพเิ ศษแบบเลขทา้ ย 3 ตัว และ 2 ตวั (หวยบนดนิ ) ตามเรอ่ื งเสร็จที่
134
15 คดที ุจริต ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง
568 - 569/2549 สรุปได้วา่ การออกสลากพเิ ศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ
2 ตัว ของส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ถือว่าเป็นการด�ำเนินการภายใน
กรอบวัตถปุ ระสงคข์ องมาตรา 5 แห่งพระราชบญั ญัตสิ ำ� นกั งานสลากกนิ แบง่
รฐั บาล พ.ศ. 2517 สำ� นักงานสลากกนิ แบ่งรัฐบาลไมอ่ าจดำ� เนินการโดยอาศยั
อ�ำนาจตามมาตราดังกล่าวได้ และได้ส่งหนังสือพร้อมบันทึกส�ำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกา เร่ือง การออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2
ตัวของส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ไปยังประธานอนุกรรมการตรวจสอบ
เพ่ือตรวจสอบและไตส่ วนข้อเท็จจรงิ
จากพยานบุคคลและพยานเอกสารดงั กล่าวเช่ือว่า
กอ่ นมีการจำ� หนา่ ยสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตวั
(หวยบนดิน) ได้มกี ารศกึ ษาในปัญหาข้อกฎหมายและศีกษา
ผลกระทบทางสงั คมแล้ว จงึ ปรากฏความเห็นของบุคคลต่าง ๆ
ดงั กล่าว ซ่ึงก็ได้มีการสง่ ความเห็นข้อทักท้วงทางดา้ นกฎหมาย
ไปยังจ�ำเลยท่ี 1 ให้ทราบขอ้ ทกั ท้วงถึงการจ�ำหนา่ ยสลากพเิ ศษ
แบบเลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตัว (หวยบนดิน) วา่ อาจฝ่ าฝื นต่อ
กฎหมายแล้ว แต่กม็ ไิ ดม้ กี ารระงับยับยงั้ เพ่ือแกไ้ ขบทบญั ญัติ
ของกฎหมายหรือการป้ องกนั ความเส่ียงใดท่อี าจเกดิ ขึ้นจาก
ผลการดำ� เนินการออกสลากดังกลา่ ว
ต่อมาช่วงต้นปี 2556 จ�ำเลยที่ 1 ได้ส่ังให้ส�ำนักงานสลากกินแบ่ง
รฐั บาลพิจารณาการจดั จ�ำหนา่ ยสลากพเิ ศษแบบเลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตวั
(หวยบนดิน) โดยจัดพิมพ์สลากใบออกจ�ำหน่ายก่อนโดยไม่ต้องรอเคร่ือง
จ�ำหน่าย พร้อมทั้งเชิญจ�ำเลยที่ 10 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
135
15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง
จ�ำเลยที่ 31 ปลัดกระทรวงการคลัง และจำ� เลยท่ี 42 ผอู้ ำ� นวยการส�ำนักงาน
สลากกินแบ่งรัฐบาลไปพบและส่ังการให้รีบด�ำเนินการออกสลากพิเศษแบบ
เลขท้าย 3 ตวั และ 2 ตวั (หวยบนดิน) โดยเร่งดว่ น โดยไมม่ ีข้อเท็จจรงิ ใด
ทนี่ า่ เชอื่ วา่ จำ� เลยที่ 1 มเี จตนาจะดำ� เนนิ การแกไ้ ขกฎหมายกอ่ นทจ่ี ะจดั จำ� หนา่ ย
สลากดงั กล่าว
แสดงวา่ จำ� เลยที่ 1 มเี จตนาทจี่ ะออกสลากพเิ ศษแบบเลขทา้ ย 3 ตวั
และ 2 ตวั (หวยบนดิน) โดยไม่คำ� นึงถึงวัตถปุ ระสงค์ของสำ� นกั งานสลาก
กินแบ่งรัฐบาล อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยใช้ให้ส�ำนักงานสลาก
กินแบ่งรัฐบาลกระท�ำการดังกลา่ ว
แมว้ า่ การออกสลากพเิ ศษแบบเลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตวั (หวยบนดนิ )
ไม่ใช่อ�ำนาจหน้าท่ตี ามปกตขิ องจำ� เลยท่ี 1 แต่จ�ำเลยที่ 1 กย็ ังสามารถสง่ั การ
ให้จำ� เลยที่ 10 ที่ 31 และท่ี 42 รบี ด�ำเนนิ การโครงการออกสลากพิเศษแบบ
เลขทา้ ย 3 ตัว และ 2 ตัว (หวยบนดิน) ได้ จ�ำเลยท่ี 1 ย่อมต้องทราบ
รายละเอียดท่ีเก่ียวกับโครงการดังกล่าวมาแล้วเป็นอย่างดี จึงสามารถส่ังการ
แก่ผู้มีหนา้ ทท่ี ่ีเกยี่ วขอ้ งกบั เรอื่ งดังกล่าวโดยตรงให้ด�ำเนนิ การตามท่จี ำ� เลยท่ี 1
ต้องการได้
แม้มีการทักท้วงเก่ียวกับโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย
3 ตัว และ 2 ตัว (หวยบนดนิ ) หลายครงั้ แต่ปรากฏต่อมาว่าจำ� เลยที่ 1
เรง่ รบี นำ� เรอ่ื งดงั กลา่ วเสนอเขา้ ทป่ี ระชมุ คณะรฐั มนตรี โดยไมผ่ า่ นรองนายก
รฐั มนตรที ม่ี หี นา้ ทก่ี ลน่ั กรองเรอ่ื งเขา้ คณะรฐั มนตรี ซงึ่ ไมเ่ ปน็ ไปตามขนั้ ตอน
ปกติของการเสนอเร่ืองเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ทั้งในการน�ำเร่ืองเสนอ
เขา้ ท่ีประชุมคณะรัฐมนตรี ก็น�ำเข้าเปน็ วาระพิจารณาเพิ่มเตมิ ซ่งึ ตามปกติ
คณะรัฐมนตรีจะได้รับเอกสารการประชุมท่ีแจกในวันระหว่างการประชุม
น้ันเอง เป็นเหตุให้คณะรัฐมนตรีลงมติอนุมัติโครงการออกสลากพิเศษ
แบบเลขท้าย 3 ตวั และ 2 ตัว (หวยบนดนิ ) ดังกลา่ ว เนือ่ งจากเขา้ ใจว่า
โครงการดังกล่าวสามารถท�ำไดโ้ ดยชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการกระทำ� ที่
ผดิ ปกตแิ ละแสดงใหเ้ หน็ ไดว้ า่ จำ� เลยท่ี 1 ทราบมาตง้ั แตต่ น้ แลว้ วา่ การดำ� เนนิ
การโครงการดังกล่าวไม่เป็นไปตามกรอบวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติ
136
15 คดีทุจรติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง
ส�ำนักงานสลากกนิ แบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517
เมอื่ เปรยี บเทยี บกบั การออกสลากการกศุ ลงวดพเิ ศษทส่ี ำ� นกั งานสลาก
กนิ แบง่ รฐั บาลเคยดำ� เนนิ การ ซง่ึ เปน็ เรอื่ งทห่ี นว่ ยงานหนงึ่ หนว่ ยงานใดตอ้ งการ
ใชเ้ งนิ เพอ่ื การกศุ ลโดยเฉพาะ จากทเ่ี คยดำ� เนนิ การมามเี งอ่ื นไขในการจา่ ยเงนิ
รางวลั ลกั ษณะเดยี วกบั เงอื่ นไขในการจา่ ยเงนิ รางวลั ของสลากกนิ แบง่ รฐั บาล
ซง่ึ จะไมม่ ีโอกาสขาดทุน
สว่ นการออกสลากพเิ ศษแบบเลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตวั
(หวยบนดนิ ) เป็นการจำ� หนา่ ยสลากตามความตอ้ งการของผู้ซื้อ
ไม่มจี ำ� กดั วงเงินในการเล่น และไม่มีจ�ำกัดวงเงนิ รางวลั ท่ีจะจ่าย
จงึ มีความแตกต่างจากสลากกินแบง่ รฐั บาลและสลากการกศุ ล
ท่ีเคยออกมา เน่ืองจากไมม่ ีวัตถปุ ระสงคก์ ารใช้จา่ ยเงินรายได้
เป็นการเฉพาะเช่ นเดียวกับสลากการกศุ ล รวมทงั้ ข้อแตกต่าง
ส�ำคัญท่มี ิได้มเี ง่อื นไขการจา่ ยเงินเช่ นเดียวกบั สลากกินแบง่
รฐั บาล ท่ใี นแตล่ ะงวดจะมีการจ�ำกดั วงเงนิ รางวัล
ดังนน้ั การออกสลากพิเศษแบบเลขทา้ ย 3 ตัว และ 2 ตัว (หวย
บนดนิ ) จึงมลี กั ษณะเป็นสลากกินรวบ (หวยใต้ดนิ ) ท่อี าจท�ำใหส้ �ำนักงาน
สลากกนิ แบง่ รฐั บาลมโี อกาสขาดทุน และส่งผลกระทบต่อกระทรวงการคลัง
ท�ำให้กระทรวงการคลังได้รับความเสียหายได้ มติของคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
จึงไม่เป็นไปตามกรอบวัตถุประสงค์ของส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ตาม
พระราชบญั ญัติส�ำนักงานสลากกินแบ่งรฐั บาล พ.ศ. 2517 มาตรา 5 และ
มาตรา 9 ถือเป็นมติท่ีไม่ชอบและฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติส�ำนักงานสลาก
กนิ แบง่ รฐั บาล พ.ศ. 2517 มาตรา 5 และมาตรา 9
137
15 คดที ุจริต ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
แมห้ ลังจากท่ีได้มกี ารออกสลากพเิ ศษแบบเลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตัว
(หวยบนดนิ ) ต้ังแต่งวดวนั ท่ี 1 สิงหาคม 2546 ถึงงวดวันที่ 16 กันยายน
2549 ส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะมีรายได้จากการออกสลากดังกล่าว
รวมเป็นเงินท้ังสิ้น 123,339,890,730 บาท แต่ปรากฏว่ามีผลขาดทุนรวม
7 งวด เปน็ เงนิ รวม 1,668,192,060.02 บาท
แมร้ ฐั อาจอดุ หนุนเงนิ ให้แกป่ ระชาชนได้ในหลายรปู แบบ ซง่ึ ในหลาย
กรณีไม่ถือว่าการจ่ายเงินชดเชยแก่ประชาชนจะถือเป็นผลขาดทุนของรัฐ
เพราะเป็นการช่วยเหลือเพ่ือการพัฒนาในแต่ละภาคส่วน แต่เงินจ�ำนวน
1,668,192,060.02 บาท เป็นการจ่ายเงินให้แก่ผู้ซื้อสลากพิเศษแบบ
เลขทา้ ย 3 ตวั และ 2 ตวั (หวยบนดนิ ) นนั้ มเี งอื่ นไขเชน่ เดยี วกบั สลากกนิ รวบ
(หวยใต้ดิน) อันเป็นเร่ืองการพนันขันต่อ และการด�ำเนินการดังกล่าว
ยังเปน็ การสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนลุม่ หลงมวั เมาในอบายมขุ ดว้ ย
การสั่งการของจ�ำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและจริยธรรม
ของผ้ดู �ำรงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดงั นนั้ เงนิ ทจ่ี า่ ยเกนิ ไปกวา่ รายได้ของ
การจำ� หนา่ ยสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตวั และ 2 ตัว (หวยบนดนิ ) รวม
7 งวด จำ� นวน 1,668,192,060.02 บาท จงึ ถอื ว่าก่อใหเ้ กดิ ผลขาดทนุ แก่
สำ� นักงานสลากกินแบง่ รัฐบาล
เม่ือข้อเท็จจริงปรากฏด้วยว่าส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขอเบิก
เงินเกนิ บัญชีจากธนาคารออมสนิ ในวงเงิน 20,000,000,000 บาท เพื่อเป็น
เงินสำ� รองส�ำหรับการจา่ ยเงนิ รางวลั สลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตวั
(หวยบนดนิ ) กรณถี กู เงนิ รางวลั เกนิ กวา่ ทส่ี ำ� นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาลจดั สรร
ไว้ จึงเช่อื ไดว้ ่าจ�ำเลยท่ี 1 กท็ ราบดถี ึงการอาจเกิดผลขาดทุนดังกลา่ ว มิฉะน้ัน
คงไม่มีการดำ� เนินการขอเบิกเงนิ เกินบัญชีดังกลา่ ว
เมื่อโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว
(หวยบนดิน) ไม่ได้มีการป้องกันความเส่ียงในการด�ำเนินการเพ่ือมิให้เกิด
การขาดทนุ จงึ ผดิ ไปจากรปู แบบการออกสลากกนิ แบง่ รฐั บาลและสลากการกศุ ล
เช่นอย่างทเี่ คยดำ� เนินการมา
138
15 คดีทจุ ริต ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง
ดงั นนั้ การจำ� หน่ายสลากดงั กลา่ วเป็นการจดั ใหม้ ี
การเล่นพนันซ่ึงสำ� นกั งานสลากกนิ แบ่งรฐั บาล
เป็นเจ้ามือรับกนิ รบั ใช้โดยไมม่ กี ฎหมายให้อำ� นาจ
เ ม่ื อ พิ จ า ร ณ า ร า ย ไ ด ้ จ า ก ก า ร จ� ำ ห น ่ า ย ส ล า ก ดั ง ก ล ่ า ว จ� ำ น ว น
123,339,890,730 บาท ประกอบการจัดสรรเงินจากการจ�ำหน่ายสลาก
ดังกลา่ วแลว้ ปรากฏวา่ เงนิ ร้อยละ 4.5 เป็นคา่ ใช้จา่ ยในการบรหิ ารงานของ
ส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ร้อยละ 12 เป็นส่วนลดให้ผู้แทนจ�ำหน่าย
รอ้ ยละ 3 เป็นคา่ ตอบแทนให้หน่วยงานที่เกย่ี วข้อง ร้อยละ 0.5 เป็นคา่ ภาษี
การพนนั จ่ายใหก้ ระทรวงมหาดไทย ส่วนที่เหลอื รอ้ ยละ 80 สมทบเขา้ กองทุน
เงนิ รางวัลเพื่อน�ำไปใช้จ่ายส�ำหรบั การจา่ ยเงนิ รางวลั สลาก
นอกจากนี้ ภายหลังจากการหักค่าบริหารกองทุนและการประกัน
ความเส่ียงในการจ่ายเงินรางวัลแล้ว ยังมีการจัดสรรรายได้ส่วนเกินดังกล่าว
คืนสู่สังคม เห็นได้ว่า ไม่มีการก�ำหนดวัตถุประสงค์ในการน�ำเงินรายได้
สว่ นทเ่ี หลอื ไปดำ� เนนิ การในเรอื่ งใดใหช้ ดั เจนเพยี งพอ การใชจ้ า่ ยเงนิ ไมป่ รากฏวา่
139
15 คดที ุจรติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
ได้รับการตรวจรับรองจากส�ำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินในทุกกรณี ทั้งมิได้
ด�ำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบราชการในทุกข้ันตอน แม้หักค่าใช้จ่าย
ค่าตอบแทน เงินสมทบ คา่ บริหาร และเงินคนื สู่สงั คมแลว้ ก็ยังคงมเี งินรวม
ประมาณนับแสนล้านบาทที่ไม่ได้น�ำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ซึ่งเงินท่ีไม่น�ำ
ส่งเป็นรายได้แผ่นดินน้ีก็ไม่ปรากฏค่าใช้จ่ายแต่ละรายการเช่นเดียวกับการ
เสนอขอใช้งบประมาณแผน่ ดินเชน่ เดียวกับโครงการอื่น ๆ
การเรง่ รบี ออกสลากดงั กลา่ วโดยไมไ่ ดผ้ ลกั ดนั ใหม้ กี ารแกไ้ ขกฎหมาย
กอ่ น แสดงวา่ จำ� เลยท่ี 1 ไมต่ อ้ งการใหเ้ งนิ จากการขายสลากดงั กลา่ วถกู จดั สรร
เขา้ เปน็ รายไดแ้ ผน่ ดนิ อนั จะสง่ ผลใหก้ ารใชจ้ า่ ยเงนิ ตอ้ งเปน็ ไปตามชอ่ งทางปกติ
ตามวธิ กี ารงบประมาณ เพอ่ื ใหม้ กี ารจดั การเงนิ รายไดโ้ ดยไมม่ ขี อ้ จำ� กดั และอาจ
มผี ลกระทบตอ่ การดำ� เนนิ กจิ การหลกั ของสำ� นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาลได้ ซงึ่
เปน็ การผดิ วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั ตงั้ สำ� นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาลทตี่ อ้ งการ
ก�ำหนดรายไดแ้ ละรายจา่ ยให้เปน็ ไปตามกรอบท่กี ฎหมายวางไว้
เม่ือรายไดจ้ �ำนวน 123,339,890,730 บาท เป็นเงินรายไดอ้ ่ืน ๆ
ท่ีสว่ นราชการรับไว้ จะตอ้ งสง่ เป็นรายได้แผน่ ดนิ การไมก่ �ำหนด
อัตราเงนิ ท่จี ดั สรรเป็นรายได้แผ่นดนิ และการไมน่ ำ� เงินสง่ เป็น
รายได้แผ่นดนิ จงึ กระทบถึงความม่ันคงของประเทศทางด้าน
การเงนิ การคลงั และท�ำให้กระทรวงการคลังเสียหาย
จากการด�ำเนินการของส�ำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ด�ำเนินการ
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติน้ัน กระทรวงการคลังได้รับความเสียหาย
ต้องสูญเสียรายได้ค่าภาษีอากรรวมเป็นเงิน 24,998,246,058.56 บาท
ตามท่ีคณะกรรมการตรวจสอบการกระท�ำท่ีก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
(คตส.) ได้มีหนังสือแจ้งมายังกระทรวงการคลัง ตามหนังสือฉบับลงวันที่
12 มนี าคม 2550
140
15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง
นอกจากนี้ เม่ือวินิจฉัยแล้วว่าการจ�ำหน่ายสลากพิเศษแบบเลข
ท้าย 3 ตวั และ 2 ตัว (หวยบนดนิ ) เป็นการกระทำ� โดยฝา่ ฝืนต่อกฎหมาย
จงึ ไมไ่ ดร้ บั ยกเวน้ ภาษเี งนิ ได้ ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ ทงั้ ไมไ่ ดร้ บั ลดหยอ่ นภาษกี ารพนนั
จากการขายหรอื สว่ นลดจากการรบั ซอ้ื สลากตามประมวลรษั ฎากรจงึ กอ่ ใหเ้ กดิ
ความเสียหายแกก่ ระทรวงการคลังอีกดว้ ย
การกระทำ� ของจำ� เลยท่ี 1 ดงั ทวี่ นิ จิ ฉยั มาขา้ งตน้ ไมว่ า่ จะเปน็ การสง่ั การ
ให้มกี ารจำ� หนา่ ยสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตวั (หวยบนดนิ )
การน�ำข้อเสนอการออกสลากดังกล่าวเข้าเป็นวาระพิจารณาเพ่ิมเติมเพ่ือให้
คณะรัฐมนตรีมีมตเิ หน็ ชอบนำ� เงนิ รายไดบ้ างส่วนคืนสสู่ งั คม รวมทัง้ การไม่
นำ� เงนิ รายไดจ้ ากการจำ� หนา่ ยสลากจดั สรรเขา้ เปน็ รายไดแ้ ผน่ ดนิ จงึ เปน็ การ
ปฏบิ ตั หิ นา้ ทโี่ ดยมชิ อบ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกผ่ อู้ น่ื โดยรว่ มกระทำ� การ
กบั จ�ำเลยท่ี 10 ที่ 31 และที่ 42 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ประกอบมาตรา 83
คดมี ปี ัญหาตอ้ งวนิ จิ ฉยั ตอ่ ไปวา่ การกระท�ำของจ�ำเลยท่ี 1 เป็นการ
กระท�ำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท หรือเป็นการกระท�ำ
ความผดิ หลายกรรมตา่ งกนั เหน็ วา่ มตทิ เี่ กดิ ขน้ึ ดงั กลา่ วเปน็ การลงมตใิ นคราว
เดยี วกนั มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ นการดำ� เนนิ การโครงการเดยี วกนั ถอื ไดว้ า่ การลงมติ
ดังกล่าวเป็นการลงมติโดยมีเจตนาเพียงอย่างเดียวการกระท�ำของจ�ำเลยที่ 1
จึงเปน็ การกระท�ำความผิดเพยี งกรรมเดียว
141
15 คดที ุจริต ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง
คดีมปี ัญหาต้องวินจิ ฉยั เปน็ ประการสุดท้ายวา่ จ�ำเลยที่ 1 ตอ้ งรบั ผดิ
คืนหรือชดใช้เงินตามฟ้องหรือไม่เพียงใด เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้แล้วว่า
การกระท�ำของจ�ำเลยที่ 1 ไม่เปน็ ความผิดฐานเป็นเจา้ พนักงานมหี นา้ ทจี่ ัดการ
หรอื รกั ษาทรพั ยเ์ บยี ดบงั เอาเงนิ ของสำ� นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาลไปโดยทจุ รติ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 โจทกจ์ งึ ไมม่ อี ำ� นาจเรยี กใหจ้ ำ� เลยที่ 1
คืนทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา มาตรา 43 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560
มาตรา 8 วรรคท้าย
อน่ึง ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรง
ต�ำแหน่งทางการเมืองมีพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบบั ที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4 ใหย้ กเลกิ อัตราโทษในมาตรา 157 และ
ใหใ้ ชอ้ ตั ราโทษใหมแ่ ทน ปรากฏวา่ โทษจำ� คกุ ตามกฎหมายเดมิ และกฎหมายท่ี
แก้ไขใหมม่ ีอตั ราโทษจ�ำคุกเทา่ กนั ส่วนโทษปรับตามกฎหมายที่แกไ้ ขใหม่จะมี
อัตราโทษปรับสูงกว่าอัตราโทษปรับตามกฎหมายเดิม ถือว่ากฎหมายท่ีแก้ไข
ใหม่ไม่เป็นคุณแก่จ�ำเลยที่ 1 จึงต้องใช้กฎหมายเดิมซ่ึงเป็นกฎหมายท่ีใช้ใน
ขณะกระทำ� ความผดิ บงั คับแกจ่ �ำเลยท่ี 1
พิพากษาว่า จ�ำเลยท่ี 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 157 (เดมิ ) ประกอบมาตรา 83 องคค์ ณะผพู้ พิ ากษามมี ตเิ สยี งขา้ งมาก
ให้ลงโทษจ�ำคุก 2 ปี
ข้อหาและคำ� ขออ่ืนนอกจากนใี้ ห้ยก
142
15 คดีทุจรติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง
การจัดสรรรายไดจ้ ากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล
ตาม พ.ร.บ. สำนกั งานสลากกินแบง่ รัฐบาล พ.ศ. 2517
12% 28%
ค่าใชจ้ ่ายในการ รายไดแ้ ผน่ ดิน
บรหิ ารงาน
60%
เงินรางวัล
การจดั สรรรายได้จากการจำหนา่ ยสลากกนิ แบ่งรฐั บาล
ตามท่คี ณะกรรมการสลากกนิ แบ่งรฐั บาล
มีมติในการประชุมครง้ั ท่ี 9/2546
20 คา่ ใช้จา่ ยในการ
% บริการงาน
0.5%
ภาษีการพนัน
สมทบเขา้ 80% 4.5%
กองทนุ เงินรางวัล
เพ่อื นำไปใชจ้ า่ ยสำหรับ คา่ ใช้จ่ายของ
การจา่ ยเงนิ รางวัลสลาก สำนกั งาน
(หากมสี ่วนเกนิ เหลอื สลากกินแบง่
จะตอ้ งจดั สรรรายได้ รัฐบาล
คนื สู่สังคม) 15%
ตัง้ แตง่ วดวนั ท่ี 1 สิงหาคม 2546 ส่วนลดของ
ถึงงวดวันท่ี 16 กันยายน 2549 ผู้แทนจำหน่าย
มรี ายได้รวม 123,339,890,730 บาท
ขาดทนุ 7 งวด = 1,668,192,060.02 บาท 1%
ให้ กสท.
2%
ใหส้ ำนักงาน
ตำร1ว4จ3แหง่ ชาติ
15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ตอ้ งฟอ้ งเอง
144
15 คดที จุ ริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง
5คดที ่ี
กรณกี ล่าวหา นายสรุ พงษ์ สืบวงศ์ลี
เม่อื ครงั้ ดำ� รงต�ำแหนง่ รัฐมนตรวี ่าการ
กระทรวงการคลงั
แต่งตงั้ คณะกรรมการคัดเลือก
กรรมการธนาคารแหง่ ประเทศไทยโดยมชิ อบ
อ่านคำ� พิพากษา (ฉบบั เตม็ )
145
15 คดที จุ ริต ป.ป.ช. ต้องฟอ้ งเอง
คดีหมายเลขดำ� ท่ี อม. 39/2558
คดหี มายเลขแดงท่ี อม. 91/2559
ช่วงระหว่างวันท่ี 6 กมุ ภาพันธ์ 2551 ถงึ วนั ที่ 9 กันยายน 2551
ซง่ึ เปน็ ชว่ งเวลาทนี่ ายสรุ พงษ์ สบื วงศล์ ี ดำ� รงตำ� แหนง่ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวง
การคลัง ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกกรรมการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย โดยไดใ้ ชอ้ ำ� นาจในตำ� แหนง่ หนา้ ที่ สงั่ การ แทรกแซง และครอบงำ�
ใหเ้ จา้ หนา้ ทผ่ี รู้ บั ผดิ ชอบแกไ้ ขรายชอื่ องคป์ ระกอบคณะกรรมการ โดยมบี คุ คล
ที่อยู่ในต�ำแหน่งกรรมการของธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นสถาบันทางการเงินใน
กำ� กบั ของธนาคารแหง่ ประเทศไทยถงึ 3 รายชอ่ื ซง่ึ อาจมผี ลประโยชนท์ บั ซอ้ น
อนั มลี กั ษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา 28/1 วรรคสาม ของพระราชบญั ญตั ธิ นาคาร
แหง่ ประเทศไทย (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2551 ทีก่ ำ� หนดวา่ “กรรมการคดั เลือกจะ
ตอ้ งไมเ่ ปน็ ผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง และไมม่ ผี ลประโยชนห์ รอื สว่ นไดเ้ สยี
ทีข่ ัดตอ่ การปฏิบัตหิ น้าที่ ตามพระราชบัญญตั ินใี้ นขณะที่ไดร้ ับการแต่งตั้ง”
อำ� นาจหน้าท่ขี องรัฐมนตรี
นายสรุ พงษ์ สบื วงศล์ ี ดำ� รงตำ� แหนง่ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการคลงั
มอี ำ� นาจหนา้ ทต่ี ามพระราชบญั ญตั ธิ นาคารแหง่ ประเทศไทย พทุ ธศกั ราช 2485
และที่แก้ไขเพิ่มเติม และเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินกับราชการอ่ืน
146
15 คดีทุจริต ป.ป.ช. ตอ้ งฟ้องเอง
ตามที่กฎหมายก�ำหนดให้เป็นอ�ำนาจหน้าท่ีของกระทรวงการคลัง หรือส่วน
ราชการทสี่ งั กดั กระทรวงการคลงั ตามมาตรา 11 แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ รบั ปรงุ
กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ซ่ึงรวมถึงสำ� นักงานเศรษฐกิจการคลงั ด้วย
คณะกรรมการคัดเลือกกรรมการ
ธนาคารแหง่ ประเทศไทย
พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2551
แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2485
(มีผลบงั คับใช้ในวนั ที่ 4 มีนาคม 2551) กำ� หนดวตั ถุประสงค์ อำ� นาจกระทำ�
กิจการ และเปลี่ยนองค์ประกอบคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยใหม่
ประกอบกบั ใหม้ คี ณะกรรมการทท่ี ำ� หนา้ ทใี่ นการกำ� หนดนโยบายและมาตรการ
ตา่ ง ๆ เฉพาะทจ่ี �ำเป็นในแต่ละดา้ น และใหผ้ ู้ว่าการธนาคารแหง่ ประเทศไทย
มีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการกิจการของธนาคารแห่งประเทศไทย
และการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของธนาคาร เพ่ือให้การ
บรหิ ารงานของธนาคารแหง่ ประเทศไทยมคี วามโปรง่ ใส โดยในการแตง่ ตง้ั คณะ
กรรมการของธนาคารแหง่ ประเทศไทยนน้ั
147
15 คดีทจุ รติ ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง
พระราชบญั ญตั ธิ นาคารแห่งประเทศไทย
(ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2551 มาตรา 28/1 บญั ญัตวิ ่า
“ในกรณีที่จะต้องมีการแต่งต้ังประธานกรรมการ
และกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ใิ นคณะกรรมการธนาคารแหง่ ประเทศไทย
ใหร้ ฐั มนตรแี ตง่ ตง้ั คณะกรรมการคดั เลอื กคณะหนงึ่ ประกอบดว้ ย
กรรมการจ�ำนวนเจ็ดคนเพ่ือท�ำหน้าท่ีคัดเลือกบุคคลท่ีสมควร
ได้รับการแต่งต้ังเป็นกรรมการดังกล่าวในคณะกรรมการธนาคาร
แห่งประเทศไทย และให้ผู้ว่าการแต่งต้ังพนักงานคนหน่ึงเป็น
เลขานกุ าร
คณะกรรมการคัดเลือกตามวรรคหน่ึงให้แต่งต้ังจาก
บคุ คลซึง่ เคยดำ� รงต�ำแหนง่ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวง
พาณิชย์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้อ�ำนวยการส�ำนัก
งบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการ
คณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ผอู้ ำ� นวยการ
ส�ำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือเลขาธิการส�ำนักงานคณะกรรมการก�ำกับหลักทรัพย์และ
ตลาดหลกั ทรพั ย์
กรรมการคัดเลือกจะต้องไม่เป็นผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง
ทางการเมอื ง และไมม่ ผี ลประโยชน์ หรอื สว่ นไดเ้ สยี ทขี่ ดั ตอ่ การ
ปฏิบัติหน้าท่ีตามพระราชบัญญัติน้ีในขณะที่ได้รับการแต่งต้ัง
และในระหวา่ งการปฏิบตั หิ น้าท”ี่
148