The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tuahuay, 2022-11-01 02:43:10

รายงานการพิจารณาศึกษา ปัจจัยสู่ความสำเร็จของเศรษฐกิจฐานราก โดยพิจารณาจากนโยบายการบูรณาการหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนตามยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี

สำนักกรรมาธิการ ๑

204

ประเดน็ ดา้ นเกษตรแปรรูป ด้านการท่องเท่ียวชุมชน ดา้ นอุตสาหกรรม

- ควรมีการบูรณาการความ
รว่ มมอื หรือ นโยบาย
ระหวา่ งหน่วยงานทม่ี ีความ
เกีย่ วขอ้ งกับการสง่ เสริม
การท่องเที่ยวชุมชน
- หน่วยงานต่าง ๆ ควร
เสริมสรา้ งการเรยี นรูใ้ หก้ บั
ชมุ ชน เพือ่ การปรบั ตวั และ
การพฒั นาการท่องเท่ยี วให้มี
คณุ ภาพใหย้ ั่งยนื
- สถาบนั การศกึ ษาควรมีบทบาท
ในการให้ความรู้ และพัฒนา
ยกระดบั ชมุ ชนท่องเทย่ี วใน
ท้องถนิ่ ของตนเอง
- รฐั ควรมีนโยบายให้ธุรกิจ
ท่องเทย่ี วขนาดใหญ่ได้
เช่ือมโยง บรรจุโปรแกรม
การท่องเที่ยวเข้าชมุ ชน
เขา้ ไว้ดว้ ย
- รฐั ควรจดั ให้มกี ารแบ่งปัน
รายไดจ้ ากการท่องเท่ียวมา
สนบั สนนุ และพฒั นาการ
ทอ่ งเท่ียวชุมชน
- ควรมีการปรบั ปรงุ กฎ ระเบยี บ
กฎหมายทเ่ี กี่ยวข้องให้เอ้ือ
ต่อการพฒั นาและสง่ เสริม
การทอ่ งเทย่ี วชุมชน
- ในการจัดทางบประมาณ
ของหน่วยงานราชการดา้ น
การท่องเท่ียวควรให้
ประชาชน มีสว่ นร่วมเพื่อให้
เกิดการพฒั นาอย่างยงั่ ยืน
และประชาชนไดร้ ับประโยชน์


บทท่ี 5
บทสรปุ และขอ้ เสนอแนะ

การศึกษา เร่ือง “ปัจจัยสู่ความสาเร็จของเศรษฐกิจฐานราก โดยพิจารณาจากนโยบาย
การบูรณาการหนว่ ยงานภาครัฐและเอกชนตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” มีวัตถุประสงค์ในการศึกษา 4 ประการ
ได้แก่ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากท่ีประสบผลสาเร็จ เพื่อศึกษารูปแบบการ
พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากท่ีประสบความสาเร็จในต่างประเทศ 3 ประเทศ (ญี่ปุ่น จีน และเวียดนาม)
เ พ่ือ ศึ ก ษา ปั ญ ห า และ อุป สรร ค ในก า รพัฒ นา เ ศร ษฐกิ จฐา นร า กข อ งป ระ เ ทศ ไ ทย แ ละเ พื่อ จัดทา
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้ประสบความสาเร็จ โดยกาหนดวิธี
การศึกษาท้ังที่เป็นการศึกษาเชิงปริมาณ ซึ่งเป็นการสอบถามความคิดเห็นของคณะกรรมการ สมาชิก
กลุ่ม ชุมชน และวิสาหกิจกรณีศึกษา ซึ่งดาเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ใน 24 กลุ่ม
ในพื้นท่ีกรณีศึกษา 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลาพูน พิษณุโลก เลย ชัยภูมิ สระบุรี สุพรรณบุรี พัทลุง และ
นครศรีธรรมราช จานวน 317 ชุด ส่วนการศกึ ษาเชิงคุณภาพ โดยใชว้ ิธีการการศึกษาจากเอกสารท่เี กี่ยวข้อง
การเชญิ ผู้แทนจากหนว่ ยงานที่เก่ยี วข้องร่วมชแี้ จง รว่ มแลกเปล่ียนความคดิ เห็น การสมั ภาษณผ์ ทู้ รงคุณวุฒิ
ที่มีความรู้ ความชานาญเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ การถอดบทเรียนชุมชน กรณีศึกษา 4 จังหวัด ได้แก่
จังหวัดลาพูน จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดเลย และจังหวัดสระบุรี การศึกษาดูงานและจัดเสวนา
(การประชุมเชิงปฏิบัติการ) ของคณะอนุกรรมาธิการ การลงทุนและเศรษฐกิจฐานราก ในพ้ืนท่ี 4 จังหวัด
ได้แก่ จงั หวัดภเู กต็ จงั หวดั บรุ ีรัมย์ จังหวดั นา่ น และจงั หวัดจนั ทบุรี

5.1 บทสรปุ

ผลจากการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวข้างต้น สามารถนามาวิเคราะห์ผลการศึกษา
และสามารถนาเสนอได้ 3 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นที่หน่ึง ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
ภาพรวม และจาแนกตามกลุ่มเกษตรแปรรปู ด้านการท่องเที่ยวชุมชน ด้านอุตสาหกรรม ประเดน็ ท่สี อง
ผลการวิเคราะห์เก่ียวกับปัจจัยท่ีมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ด้านเกษตรแปรรูป ด้านการ
ท่องเที่ยวชุมชน และด้านอุตสาหกรรม ซึ่งได้ข้อมูลจากการถอดบทเรียน การสนทนากลุ่มและสัมมนา
เชิงปฏิบัติการ และประเด็นท่ีสาม ผลการวิเคราะห์ปัจจัยความสาเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
ในต่างประเทศ (กรณศี ึกษา) ดังจะกลา่ วในรายละเอยี ดต่อไป

5.1.1 ปจั จัยท่มี ีผลตอ่ การพฒั นาเศรษฐกิจฐานราก

1) ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ การพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากภาพรวม จากการเก็บรวบรวม
ขอ้ มลู โดยใชแ้ บบสอบถามเปน็ เครือ่ งมอื สามารถสรปุ ผลไดด้ งั น้ี

(1) ปจั จยั สภาพแวดลอ้ มภายนอกทม่ี ีผลต่อความสาเร็จในภาพรวม ประกอบดว้ ย
ดา้ นวัฒนธรรม ไดแ้ ก่ การสง่ เสรมิ องคค์ วามรชู้ ุมชน ภูมิปญั ญาชมุ ชนและ

ปราชญ์ชุมชน และการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีอัตลักษณ์ ส่งผลต่อการดาเนินงานของ
กลมุ่ ให้ประสบความสาเรจ็


206

ด้านสถานการณ์ปัจจุบัน ได้แก่ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยกิจกรรม
รูปแบบใหม่ เช่น ตลาดอินทรีย์ ตลาดอนุรักษ์ ตลาดย้อนยุค การท่องเที่ยวชุมชน การส่งเสริมทักษะ
อาชีพ การส่งเสริมด้านการรักษาส่ิงแวดล้อม การส่งเสริมด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ /นวัตกรรม
การส่งเสริมด้านการตลาดออนไลน์ รวมท้ังการส่งเสริมความรู้ด้านธุรกิจ การบริหารจัดการ การผลิต
การตลาด และระบบการเงนิ บัญชี

(2) ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในที่มีผลต่อความสาเร็จของกลุ่มในภาพรวม
ประกอบด้วย

ผู้นากลุ่ม ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ มีความคิดสร้างสรรค์ มีวิสัยทัศน์
ที่ดี มีความสามารถในการพัฒนากลุ่ม

ทุนชุมชน ซึ่งในชุมชนมีทุนชุมชน ได้แก่ มีทรัพยากรธรรมชาติ/วัตถุดิบ
ในท้องถ่ิน วัฒนธรรมประเพณี และองค์ความรู้ชุมชน ภูมิปัญญา ปราชญ์ชุมชน เครือข่ายในชุมชน
และการรวมกลุ่มต่าง ๆ ภายในชุมชนมีบทบาทในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ตลอดจนความร่วมมือในการผลิต
และการตลาด ทาให้เกิดการต่อยอดและขยายกิจกรรมสภู่ ายนอกไดเ้ ป็นอยา่ งดี

(3) กระบวนการดาเนินงานของกลุ่มท่ีมีผลต่อความสาเรจ็ ของกลุ่มในภาพรวม
ประกอบดว้ ย

กระบวนการดาเนินงานด้านการสื่อสารสร้างการรับรู้เพื่อความยั่งยืน
ไดแ้ ก่ การสรา้ งแบรนด์ การสร้างความจดจาในสินค้าและผลติ ภัณฑ์

กระบวนการดาเนินงานด้านการสร้างองค์ความรู้จากชุมชนและ
การส่งเสริมความรู้เพ่ือประโยชน์ในการต่อยอด ได้แก่ การรวบรวมและสร้างองค์ความรู้ การนาองค์
ความรู้ไปต่อยอดและใช้ประโยชน์ การประชาสัมพันธ์ การเผยแพร่และการถ่ายทอดองค์ความรู้ และ
การถอดบทเรียนและสรุปบทเรยี น

ความสามารถด้านการตลาด ซึ่งกลุ่มมีความสามารถในการสร้างตลาด
วิเคราะห์ตลาด ขยายตลาด และแสวงหาช่องทางการตลาดได้ มีส่วนทาให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนประสบ
ผลสาเรจ็

การพัฒนาและต่อยอดกิจกรรม โดยกลุ่มมีการใช้เทคโนโลยี การสร้าง
มาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ การพัฒนาผลติ ภัณฑ์เป็นส่งิ ท่ีจาเปน็ ต่อการพฒั นากลุม่ และกระจายสินคา้ ของกลุม่

การบริหารจัดการของกลุ่ม มีการวางแผนการดาเนินงาน การประสานงาน
ภายในกลุ่ม รวมท้ังการแบ่งหน้าท่ีรับผิดชอบกันอย่างชัดเจนทาให้กลุ่มมีความเข้มแข็งและสามารถพัฒนา
กลมุ่ ไดอ้ ยา่ งยงั่ ยืน การวเิ คราะห์ความเสีย่ งในการดาเนินงาน การลดต้นทุน และการแสวงหากาไร

(4) ผลผลิตจากการดาเนินงานของกลุ่มที่ส่งผลต่อสมาชิกและชุมชน ได้แก่
ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวดีข้ึน คนในชุมชนมีความสุข ครอบครัวมีรายได้เพ่ิมขึ้น และเกิดการ
กระจายรายได้ในชุมชน

2) ปจั จัยทีม่ ผี ลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากจาแนกตามกลมุ่ เกษตรแปรรูป
กลุ่มการท่องเที่ยวชุมชน และกลุ่มอุตสาหกรรม จากการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม
เปน็ เคร่ืองมือ สามารถสรปุ ผลได้ดังนี้


207

กลุ่มเกษตรแปรรูป จากการสอบถามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างที่มาจาก
กลุ่มเกษตรแปรรูป จานวน 157 คน สามารถสรุปไดว้ ่า

(1) ปจั จยั สภาพแวดล้อมภายนอกท่ีมผี ลต่อความสาเร็จในการดาเนนิ การของ
กลุ่ม 3 อันดบั แรก ไดแ้ ก่ ปจั จัยสภาพแวดลอ้ มภายนอกดา้ นวัฒนธรรม อันดับทส่ี อง ได้แก่ ดา้ นกฎหมาย
และอนั ดบั ทีส่ าม ไดแ้ กป่ จั จยั สภาพแวดลอ้ มภายนอกด้านสถานการณป์ ัจจบุ นั

(2) ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการดาเนินการของ
กลุ่ม 3 อันดับแรก ได้แก่ ปัจจัยภายในด้านผู้นากลุ่มที่มีความรู้ ความเขา้ ใจ ความสามารถในการพฒั นา
กลุ่มมีความสาคัญมากที่สุด อันดับที่สอง ได้แก่ด้านความสามารถในการบริหารของกลุ่ม และอันดับที่
สาม ไดแ้ กด่ า้ นการพัฒนาและต่อยอดกิจกรรมของกลุ่ม

(3) กระบวนการดาเนินงานของกลุ่มที่มีผลต่อความสาเร็จในการดาเนินการ
ของกลุ่ม 3 อันดับแรก ได้แก่ ความสามารถด้านสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้เพื่อความยั่งยืน อันดับที่สอง
ได้แก่ ความสามารถในการดาเนินการด้านการตลาด และอันดับท่ีสาม ได้แก่ ความสามารถด้านการ
บรหิ ารจัดการของกลุม่

(4) ผลผลิตจากการดาเนินงานของกลุ่มท่ีส่งผลต่อสมาชิกและชุมชม อันดับ
แรก ได้แก่ ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวดีขึ้นและครอบครัวมีรายได้เพิ่ม อันดับสอง ได้แก่ การ
กระจายรายได้ในชมุ ชน และอันดับสาม ไดแ้ ก่ คนในชมุ ชนมคี วามสขุ

กลุ่มการท่องเที่ยวชุมชน จากการสอบถามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง
ที่มาจากกลมุ่ การทอ่ งเท่ยี วชมุ ชน จานวน 82 คน สามารถสรุปได้วา่

(1) ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกที่มีผลต่อความสาเร็จในการดาเนินการ
ของกลุ่ม 3 อันดับแรก ได้แก่ ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกด้านวัฒนธรรม อันดับที่สอง ได้แก่
ด้านสถานการณป์ จั จบุ นั และอันดับทีส่ าม ได้แก่ ปัจจัยสภาพแวดลอ้ มภายนอกดา้ นสังคม

(2) ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในที่มีผลต่อความสาเร็จในการดาเนินการของ
กลมุ่ 3 อนั ดับแรก ไดแ้ ก่ ปจั จยั ภายในด้านทุนชุมชนท่ีส่งเสริมการพัฒนากลุม่ อนั ดับท่สี อง ไดแ้ ก่ผู้นากลุ่ม
ท่มี ีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการพัฒนากลมุ่ และอันดบั ทสี่ าม ไดแ้ ก่ ด้านการมสี ่วนสนบั สนนุ
จากชุมชนในการดาเนินการของกลมุ่

(3) กระบวนการดาเนินงานของกลุ่มท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการดาเนินการ
ของกลุ่ม 3 อันดับแรก ได้แก่ ความสามารถด้านส่ือสารเพ่ือสร้างการรับรู้เพื่อความยั่งยืน อันดับท่ีสอง
ไดแ้ ก่ การดาเนนิ การด้านการสร้างองคค์ วามรูจ้ ากชุมชน และการสง่ เสริมความรเู้ พือ่ ประโยชน์ในการต่อยอด
กลุ่ม และอันดบั ที่สาม ได้แก่ การดาเนินการด้านการตลาด

(4) ผลผลติ จากการดาเนินงานของกลุม่ ท่ีส่งผลตอ่ สมาชกิ และชุมชม อนั ดับแรก
ได้แก่ ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวดขี ้ึน อันดับสอง ได้แก่ คนในชุมชนมีความสุข และอันดับสาม
ได้แก่ ความสมั พันธข์ องคนในชมุ ชนดขี ้ึน


208

กลุ่มอุตสาหกรรม จากการสอบถามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างท่ีมาจาก
กลุ่มอุตสาหกรรม จานวน 78 คน สามารถสรุปได้วา่

(1) ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการดาเนินการ
ของกลุ่ม 3 อนั ดับแรก ได้แก่ ปจั จยั สภาพแวดล้อมภายนอกดา้ นสถานการณ์ปัจจบุ นั อันดบั ท่สี อง ไดแ้ ก่
ด้านวัฒนธรรม และอันดับทีส่ าม ไดแ้ ก่ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกดา้ นกฎหมาย

(2) ปัจจัยสภาพแวดลอ้ มภายในทมี่ ีผลต่อความสาเรจ็ ในการดาเนนิ การของกลุ่ม
3 อันดับแรก ได้แก่ ปัจจัยภายในด้านผู้นากลุ่มที่มีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการพัฒนากล่มุ
อันดับท่ีสอง ได้แก่ ด้านความร่วมมือ/การเช่ือมโยงกับกลุ่มหรือองค์กรอื่น และอันดับท่ีสาม ได้แก่
ดา้ นความสามารถในการบรหิ ารของกล่มุ

(3) กระบวนการดาเนินงานของกลุ่มที่มีผลต่อความสาเร็จในการดาเนินการ
ของกลุ่ม 3 อันดับแรก ได้แก่ ความสามารถในสร้างองค์ความรู้จากชุมชน และการส่งเสริมความรู้เพื่อ
ประโยชน์ในการต่อยอดกลุ่ม อันดับที่สอง ได้แก่ ความสามารถด้านสื่อสารเพ่ือสร้างการรับรู้เพ่ือความ
ยง่ั ยนื และอันดับที่สาม ได้แก่ การบรหิ ารจัดการ

(4) ผลผลิตจากการดาเนนิ งานของกลุ่มทีส่ ่งผลตอ่ สมาชิกและชุมชม อนั ดบั แรก
ไดแ้ ก่ ครอบครวั มรี ายไดเ้ พ่มิ ขน้ึ อนั ดับทสี่ อง ไดแ้ ก่ ความสัมพันธข์ องคนในครอบครวั ดขี ้ึน และอนั ดับที่สาม
ได้แก่ คนในชมุ ชนมคี วามสขุ

5.1.2 ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับปัจจัยท่ีมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้าน
เกษตรแปรรูป ด้านการท่องเทยี่ วชมุ ชน และด้านอตุ สาหกรรมจากการถอดบทเรียน การสนทนากลมุ่
และสัมมนาเชงิ ปฏิบัติการ

ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกที่มีผลต่อความสาเร็จของการพัฒนาเศรษฐกิจ
ฐานราก ได้แก่

1) นโยบายและมาตรการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนเพื่อการขับเคล่ือนเศรษฐกิจ
ฐานรากมีส่วนสาคญั ต่อการพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานราก

2) กระแสความต้องการหรือความสนใจมีส่วนทาใหเ้ กิดการยอมรบั และมีสว่ นทาให้
กลมุ่ สามารถดาเนินงานต่อได้

3) หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งส่วนราชการ สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ
มูลนิธิ สถาบันการเงนิ และองคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ มบี ทบาทสาคัญในการส่งเสริมใหเ้ กิดการพัฒนา
“สินค้า” (ผลิตภัณฑ์ และ แหล่งท่องเท่ียว) ท้ังด้านการผลิต การพัฒนา การจัดจาหน่าย การบริหาร
จัดการ การสนับสนุนเครื่องมือ การให้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมท้ัง การเข้ามี
บทบาทในการประชาสัมพนั ธท์ างส่ือออนไลน์ การตลาดออนไลนใ์ ห้แก่กลุม่

ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในที่มีผลต่อความสาเร็จของการพัฒนาเศรษฐกิจ
ฐานราก ไดแ้ ก่

1) ทุนชุมชน อาทิ ทุนวัฒนธรรม/ภูมิปัญญา ทุนทรัพยากรธรรมชาติในชุมชน
มสี ่วนสาคญั ตอ่ ความยั่งยืน และความสามารถในการพฒั นาของกลุม่ วิสาหกิจ


209

2) ผู้นาชุมชนมีบทบาทในการขับเคล่ือนชุมชน ซ่ึงควรเป็นผู้มีความรู้ เสียสละ
มคี วามคิดสร้างสรรค์ และมีวสิ ัยทศั นท์ ดี่ ี

3) เครือข่ายในชุมชนและการรวมกลุ่มต่าง ๆ ภายในชุมชนมีบทบาทในการ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ตลอดจนความร่วมมือในการผลิตและการตลาด ทาให้เกิดการต่อยอดและขยาย
กิจกรรมสู่ภายนอกไดเ้ ปน็ อยา่ งดี

กระบวนการดาเนนิ งานท่มี ีผลต่อความสาเร็จของการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ไดแ้ ก่

1) การสอื่ สารเพอื่ สร้างการจดจามคี วามสาคญั ตอ่ การพัฒนาและการเติบโตของกลุ่ม
2) การสร้างสรรค์องค์ความรู้ชุมชน เป็นความพยายามของกลุ่มในการพัฒนา
ต่อยอดองค์ความรู้ของกลุ่มอย่างต่อเนื่อง และผสมผสานเชื่อมโยงกับ “ทุนชุมชน” โดยเฉพาะทุน
ด้านวฒั นธรรมและภูมิปัญญาทาใหเ้ กิดการขยายตวั ของกลมุ่ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และเป็นการพฒั นาทยี่ ง่ั ยืน
3) การตลาด กลมุ่ ท่ีมีความสามารถในการสร้างตลาด วิเคราะหต์ ลาด ขยายตลาด
และแสวงหาชอ่ งทางการตลาดได้ มสี ่วนทาให้กลมุ่ วิสาหกิจประสบความสาเรจ็
4) การพัฒนาและต่อยอดกิจกรรม การใช้เทคโนโลยี การสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์
การพฒั นาผลิตภัณฑ์
5) การบริหารจัดการ การประสานงานภายในกลุ่ม รวมท้ังการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ
กนั อยา่ งชัดเจนทาให้กลมุ่ มีความเข้มแขง็ และสามารถพฒั นากลมุ่ ไดอ้ ย่างย่งั ยนื

ผลผลติ จากการดาเนินงานด้านการพฒั นาเศรษฐกิจฐานราก ได้แก่

1) ครอบครัว และกลมุ่ มีรายไดเ้ พม่ิ มากขน้ึ
2) ความสมั พนั ธภ์ ายในครวั เรอื นและชมุ ชนดขี ้นึ
3) เกดิ ความรัก ความสามคั คีในชมุ ชน
4) เกดิ ระบบสวสั ดกิ ารชมุ ชน และ มีการเกอื้ กูลไปยังสมาชิกชุมชน
5) เกิดการอนุรักษ์ สืบสาน และฟน้ื ฟูวฒั นธรรม ประเพณขี องชุมชน

5.1.3 ผลการวิเคราะห์ปัจจัยความสาเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากใน
ตา่ งประเทศ (กรณีศึกษา)

จากการศึกษาเก่ียวกับการดาเนินนโยบายด้านการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
ใน 3 ประเทศ (กรณีศึกษา) ซึ่งได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น จีนและเวียดนาม สามารถสรุปปัจจัยความสาเร็จ
รว่ มในการพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานราก ที่สาคัญ 6 ปจั จยั ไดแ้ ก่

1. การกาหนดเป็นวาระแหง่ ชาติ

พบว่าทัง้ 3 ประเทศ ไดก้ าหนดนโยบาย เปา้ หมาย ยุทธศาสตร์ แนวทาง ระยะเวลา
ในการดาเนินงานและหนว่ ยงานทรี่ ับผดิ ชอบหลักอย่างชดั เจน ทาให้เกิดการขบั เคลอ่ื นนโยบายอย่างเปน็
รูปธรรม เชื่อมโยงกัน และการกาหนดเป็นวาระแห่งชาติ ยังเป็นการส่ือสารท่ีทาให้ทุกภาคส่วนได้เห็น
ทิศทางและการดาเนินการร่วมกันต้ังแต่ระดับนโยบาย และการนานโยบายไปสู่การปฏิบัติ ดังนั้นจุดร่วม


210

ที่เหมือนกันของ 3 ประเทศ คือ การกาหนดเป็นวาระแห่งชาติ ท่ีกาหนดนโยบายและแนวทางที่ชัดเจน
ทส่ี ามารถนานโยบายไปปฏบิ ตั ไิ ด้เปน็ รปู ธรรม นาไปสู่การปฏิบตั ไิ ด้จรงิ

2. การใชฐ้ านข้อมลู ในการขับเคลื่อนและดาเนนิ นโยบาย

พบว่า ความสาเรจ็ ท่เี ห็นได้ชัดเจนของกรณตี วั อย่างจากประเทศจนี เขา้ สยู่ ุคของ
“แก้จน ตรงเป้า” ปี ค.ศ.2013 กาหนดให้มีมาตรการลงทะเบียนประชาชนที่ยากจนทั้งประเทศจีน
เน้นการให้ความช่วยเหลือท่ตี รงกลุม่ เป้าหมาย ทาโครงการที่ตรงกับความต้องการ เจ้าหน้าที่ทล่ี งไปช่วย
ก็ต้องมคี ณุ สมบตั ิตรง รฐั บาลท้องถ่ินจะตอ้ งบูรณาการและปรบั ใชท้ รัพยากรใหเ้ หมาะสม และมกี ารรบั รองว่า
การดาเนินการ เพ่ือแก้ไขปัญหาความยากจนจะต้องเข้าถึงหมู่บ้านและครัวเรือนท่ีตรงเป้า สามารถ
วิเคราะห์สาเหตุของความยากจน และกาหนดมาตรการขจัดความยากจน 5 ชุด ที่ตรงกับสภาพปัญหา
และความยากจนและสามารถแกไ้ ขปัญหาความยากจนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประเทศ
จีนได้ให้ความสาคญั กับการสร้างฐานข้อมูล (Big Data) ท่ีถูกต้องและแมน่ ยาและให้ความสาคัญกับการ
ปรบั ปรงุ ฐานข้อมลู ในระบบใหเ้ ปน็ ปจั จุบนั เพอื่ ติดตามและประเมนิ ผล

3. การสรา้ งกจิ กรรมบนฐาน “ทุน” ในพ้ืนท่/ี ประเทศ

พบว่า ประเทศญ่ีปุ่นใช้การดาเนินนโยบาย One Village One Product
(OVOP) ของหมู่บ้านโอยามา จังหวัดโออิตะ ที่เกิดแนวคิดในการแก้ไขปัญหาของพื้นที่ด้วยการนา
แนวคิดในการพึ่งพาตนเองของชุมชนสู่ความริเร่ิมสร้างสรรค์โครงการ “บ๊วยและเกาลัดแบบใหม่”
ซึ่งบ๊วยและเกาลัดเปน็ พืชท่ีมีปลูกในพ้ืนท่จี านวนมาก มีคุณภาพ โดยนามาสรา้ งมลู ค่าเพ่ิมทางเศรษฐกิจ
และก่อใหเ้ กิดความยัง่ ยนื ในการดาเนนิ การ

ประเทศเวียดนามมีการส่งเสรมิ การทอ่ งเที่ยวเชิงชาติพันธุ์เช่นเดยี วกัน เป็นการ
ดาเนินนโยบายด้านการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก บนฐาน “ทุนชุมชน” โดยเวียดนามมีความหลากหลาย
ทางชาติพันธุ์ จานวนถึง 54 ชาติพันธุ์ แต่ละกลุ่มชาติพันธ์ุมภี าษา วัฒนธรรม เคร่ืองแตง่ กาย ขนบธรรมเนียม
ประเพณี พิธีกรรมและความเช่ือที่แตกต่างกัน จึงให้ความสาคัญกับการส่งเสริมและอนุรักษ์มรดกทาง
วฒั นธรรมของกลมุ่ ชาติพนั ธตุ์ ่าง ๆ ไม่ให้สญู หาย ซึ่งเป็นการทอ่ งเทย่ี วบนฐาน “ทนุ ”ของสงั คม ก่อให้เกิด
ความยัง่ ยนื และเกิดการสานตอ่ ในเชิงสบื สานวัฒนธรรม ประเพณี และความเปน็ เอกลกั ษณข์ องประเทศ

4. การพัฒนาโครงสรา้ งพืน้ ฐาน เพื่อรองรับกิจกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก

พบว่า ประเทศญี่ปุ่น นโยบาย OVOP ในพื้นท่ีท่ีปลูกบ๊วยและเกาลัดที่มีคุณภาพ
ได้ริเร่ิมให้มีผลิตภัณฑ์แปรรูปที่หลากหลาย และสร้างจุดดึงดูดให้มีนักท่องเท่ียวเข้าไปในพ้ืนท่ี รัฐบาล
ท้องถิ่นได้ให้ความสาคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ไฟฟ้า ประปา และอ่ืน ๆ เพื่อความ
สะดวกให้กับนักท่องเที่ยว และการตลาดสามารถเข้าถึงพ้ืนที่ได้สะดวก นอกจากน้ันยังได้สนับสนุน
รัฐบาลท้องถิ่นในการปรับปรุงและการสร้างภูมิทัศน์ที่เหมาะสม เช่น ปรับปรุงถนน ทาป้ายโฆษณา
แสงไฟ และป้ายบอกทางแก่นักท่องเท่ียว เพ่ือสร้างความจูงใจและกระตุ้นให้เกิดการท่องเท่ียวในพ้ืนที่
ชนบท


211

ประเทศจีน
ให้ความสาคัญในการพัฒนาพ้ืนท่ีชนบท หรือเขตเกษตรกรรมต่าง ๆ รัฐบาล
กลางให้ความสาคัญกบั การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะ ถนน ระบบนา้ ระบบไฟฟา้ เพอื่ เกิดการ
เดินทาง การขนส่งเข้าถึงพ้ืนที่ชนบทได้ง่ายขึ้น และเพื่อปรับเปลี่ยนสภาพพื้นทีให้เอ้ือต่อการดาเนิน
กิจกรรมทางการเกษตรและเศรษฐกจิ
ประเทศเวียดนาม
ให้ความสาคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพ่ือให้นักท่องเท่ียว
สามารถเขา้ ถงึ แหล่งทอ่ งเท่ยี วตา่ ง ๆ ไดส้ ะดวก รวมทั้งมีส่ิงอานวยความสะดวกสบายที่เป็นปัจจัยในการ
ดงึ ดูดนักทอ่ งเทยี่ วเข้าประเทศ

5. รัฐบาล/หน่วยงานของรัฐทาหน้าที่ในการสนับสนุนด้านการเงิน - งบประมาณ
เพ่ือใหเ้ กดิ การกระตนุ้ หรอื การเปล่ียนแปลง

พบวา่ ประเทศญี่ปนุ่ กาหนดนโยบายสง่ เสรมิ การย้ายไปตั้งถน่ิ ฐานของคนเมือง
ในเขตชนบทโดยรัฐบาลกลางของญี่ปุ่นแก้ปัญหาเมืองร้างด้วยการให้สินเชื่อภายใต้โครงการ Akira Bank
เพื่อช่วยสนับสนุนเงิน เพื่อการซ่อมแซมบ้านให้แก่ครอบครัวท่ีต้องการจะเข้าไปอยู่ในบ้านท่ีไม่มีคนพัก
อาศัย รวมทั้งบ้านของผู้สูงวยั และยังให้เงินสนับสนนุ เจ้าของบ้านที่ไมม่ ีผู้อยู่อาศัยให้ยอมยกบ้านใหผ้ ้อู ่นื
อยู่ต่อ รวมถึงนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวชนบท เพื่อให้รัฐบาลท้องถ่ิน ได้นาเงินงบประมาณมา
ปรับปรงุ แหล่งทอ่ งเทย่ี ว รวมทงั้ โครงสรา้ งพ้ืนฐานตา่ ง ๆ

ประเทศจนี
ให้ความสาคัญกับการสนับสนุนด้านงบประมาณในการแก้ไขปัญหา โดยเน้น
การให้เงินทุนตรงถึงระดับครัวเรือน เพ่ือการพัฒนาอุสาหกรรม ให้กองทุนช่วยเหลือเป็นหุ้นส่วนของ
เกษตรกร หรอื กรณขี องอาเภอหนานเจยี งทสี่ นบั สนุน/อดุ หนนุ คา่ เช่าทีอ่ ยู่อาศยั ใหแ้ กค่ รวั เรือนที่ยากจน
ประเทศเวียดนาม
มีความพยายามนารูปแบบกลไกทางการเงินแบบ 4-3-2-1 มาใช้ในการดาเนิน
นโยบายพัฒนาชนบทใหม่ (ร้อยละ 40 ทร่ี ัฐบาลเป็นผสู้ นับสนนุ รอ้ ยละ 30 ในรูปแบบของสนิ เช่ือร้อยละ 20
ให้เอกชนร่วมลงทุน และร้อยละ 10 ให้ชุมชนเป็นผู้ลงทุนสินทรัพย์ร่วม) รูปแบบของการสนับสนนุ ดา้ น
การเงินและงบประมาณอาจมีความแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของนโยบายและบริบทของแต่ละ
สถานการณ์ เพื่อใหเ้ กดิ การขับเคลือ่ นนโยบายอยา่ งแท้จรงิ

6. รัฐบาล/หน่วยงานของรฐั ทาหนา้ ทีเ่ ป็นผสู้ ง่ เสริมดา้ นการตลาด

พบว่า ประเทศญี่ปุ่นมีนโยบายด้านการส่งเสริมการท่องเท่ียวในชนบท
โดยรัฐบาลทาหน้าท่ีในการประชาสัมพันธ์ให้เกิดการท่องเท่ียวในพื้นที่ กรณีของ OVOP น้ัน รัฐบาล
กลางของญ่ีปุ่นจะทาหน้าที่ในการส่งเสริมการตลาด โดยมีมาตรการในการส่งเสริมการตลาดหลาย
ประการ อาทิ งานออกร้านแสดงสินค้าในกรุงโตเกียว การจัดต้ังบริษัท Oita ฯลฯ inc. เพ่ือทาหน้าท่ี
การตลาด ท้ังขายส่ง บริการส่ง และการสร้างช่องทางการจัดทาผ่านทางโทรทัศน์ (TV shopping) รวมถึง
ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ดา้ นการกระจายสินค้า การออกแบบ การบรรจภุ ัณฑ์ การวิจยั และพัฒนา ที่น่าสนใจ คอื
การส่งเสริมด้านการตลาด โดยรัฐบาลกลางทาหน้าท่ีช่วยในการจับกระแสความต้องการของตลาด และ


212

การสารวจความพึงพอใจของลูกค้าเพ่อื ใช้ขอ้ มูลเหล่านี้ในการพฒั นาสนิ คา้ และพัฒนารปู แบบสนิ ค้าใหเ้ ปน็
ที่ต้องการของตลาด

ประเทศเวียดนาม
มีรัฐบาลกลางทาหน้าที่รณรงค์ ส่งเสริมประชาสัมพันธ์เพ่ือให้เกิดการ
ท่องเทย่ี วในรูปแบบต่าง ๆ ในพน้ื ทแ่ี ละท้องถนิ่ ต่าง ๆ แลว้ พบว่าในพน้ื ที่/แหล่งท่องเทีย่ วต่าง ๆ รัฐบาล
ท้องถ่ินจะทาหนา้ ทห่ี ลกั ในการให้ข้อมลู เกี่ยวกบั การท่องเท่ียว เส้นทางการท่องเท่ียว รวมท้ังสามารถที่
จะวางแผนการทอ่ งเท่ยี วร่วมกับเจา้ หนา้ ท่ี หรือขอรับคาปรกึ ษา คาแนะนาจากเจ้าหน้าทที่ อ้ งถิน่ ได้

5.2 ขอ้ เสนอเชิงนโยบายเพอื่ การพฒั นาเศรษฐกิจฐานราก
จากการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น คณะอนุกรรมาธิการการลงทุน

และเศรษฐกิจฐานราก ในคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา จึงได้จัดทา
ข้อเสนอเชงิ นโยบายเพอ่ื การพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานราก โดยสามารถจาแนกเปน็ ขอ้ เสนอไดเ้ ป็น 2 ประเดน็
ได้แก่ ประเด็นที่หนึ่ง ข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการบริหารจัดการเศรษฐกิจฐานรากในภาพรวม
และประเดน็ ที่สอง ข้อเสนอเชิงนโยบายตอ่ การส่งเสริมความเขม้ แข็งของเศรษฐกิจฐานราก ดังจะกลา่ ว
ในรายละเอยี ดตอ่ ไป

5.2.1 ขอ้ เสนอเชิงนโยบายต่อการบริหารจดั การเศรษฐกิจฐานรากในภาพรวม
(1) กาหนดความหมายและขอบเขตของ “เศรษฐกิจฐานราก” ให้ชัดเจน และ

กาหนดเป็นวาระแห่งชาติ : จากการศึกษาพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจากการดาเนินการที่เก่ียวกับการ
พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก คือ ความไม่ชัดเจน และทับซ้อนของคานิยามที่ใช้ในการดาเนินกิจกรรมและ
โครงการตา่ งๆ ตามงบประมาณของภาครฐั ไม่ว่าจะเป็น “เศรษฐกิจชมุ ชน” (Community economy)
“เศรษฐกิจท้องถ่ิน” (Local economy) “เศรษฐกิจชนบท” (Rural Economy) “เศรษฐกิจรากหญ้า”
(Grassroots economy) หรือความเช่ือมโยงที่เก่ียวข้องกับแนวคิด “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”
(Sufficiency economy) และแนวคิดของ “เศรษฐกิจระดับครัวเรือน” (Household economy)
ซง่ึ ในทางเศรษฐศาสตร์ แตล่ ะแนวคดิ มจี ดุ เนน้ และรายละเอียดปลีกย่อยทตี่ า่ งกัน

ดังนนั้ เพอื่ ใหก้ ารพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากของประเทศไทยมเี ปา้ หมายและ
แนวทางท่ีชัดเจน เกิดประสิทธิภาพเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เห็นควรกาหนดนิยามและขอบเขตของ
“เศรษฐกิจฐานราก” ให้มีความชดั เจนในเชงิ ความหมาย ขอบเขต ทศิ ทางในการดาเนนิ การ และสอ่ื สาร
เพ่ือให้เกิดความเข้าใจในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าใจตรงกัน อันจะมีผลต่อประสิ ทธิภาพ
ประสิทธิผล และ ผลสัมฤทธใิ์ นการดาเนินการภายใต้นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยประเด็น
ท่ีควรจะพิจารณาร่วมด้วยในการกาหนดนยิ าม คือ การให้ความหมายของ “เศรษฐกิจฐานราก” ที่มีนัยยะ
แบบเน้นตัวกระทา (Actor-based) ของการขับเคลื่อนให้เกิดมูลค่าหรือเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
โดยบุคคล/กลุ่ม/องค์กรชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับบริบทสากลของขบวนการขับเคล่ือนโดยฐานราก
(Grassroots movement)

เพ่ือให้เกิดการขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม
เหน็ ควรยกระดับนโยบายดา้ นเศรษฐกิจฐานรากเป็น “วาระแหง่ ชาติ” เพ่ือใหร้ ฐั บาล องคก์ รทุกภาคสว่ น
รวมทั้งประชาสังคมและประชาชนได้ร่วมมือกันทาอย่างจริงจัง ระดมสรรพกาลังอย่างต่อเนื่อง ติดตาม
ประเมินผลเพื่อใหว้ ดั ความสาเร็จไดใ้ นเชิงประจักษ์ เพ่ือให้เกดิ การพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจอยา่ งยั่งยืน


213

(2) สร้างกลไกการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในระดับชาติ :
ปัจจุบันแม้จะมีคณะกรรมการระดับชาติท่ีมีอานาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
กระจายอยู่ในหลายหน่วยงาน แต่การดาเนินการพบว่าเป็นการดาเนินการภายใต้นิยามที่มีความ
หลากหลาย ประกอบกับการออกแบบคณะกรรมการดังกล่าว เป็นการใช้กลไกเชิงโครงสร้างที่สร้างข้ึน
จากราชการบริหารส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ซ่ึงแต่ละหน่วยงานยังคงดาเนินงานตามภารกิ จของ
ตนเอง ขาดการบูรณาการร่วมกัน

ดังน้ัน จึงเสนอว่าเพ่ือให้เกิดการบูรณาการร่วมกันและสามารถขับเคลื่อน
การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างมีเอกภาพ จึงเสนอการออกแบบกลไกระดับชาติในเชิงยุทธศาสตร์
ให้มีหน้าทก่ี ากบั ดูแลการดาเนินการเกีย่ วกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก กาหนดแนวทางปฏิบัติเพ่อื ให้
เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรมและเกิดประสิทธิผล เสนอความเห็นและเสนอแนะ
เก่ียวกับนโยบายของประเทศด้านการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพ่ือเช่ือมโยงไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ
มหภาค รวมทั้งให้คาแนะนาแก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเก่ียวกับกฎ ระเบียบ หรือคาส่ังท่ีเป็น
อุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและเช่ือมโยงกับระดับพ้ืนที่ โดยเน้นการบูรณาการเชิง
ยุทธศาสตร์ (Agenda based) การบรู ณาการภารกจิ ของหน่วยงาน (Function Based) และการบรู ณาการเชงิ
พืน้ ท่ี (Area based)

(3) กาหนดแนวทางการดาเนินงานภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาและ
ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก : ในการดาเนินงานของรัฐบาลที่ผ่านมาแม้ว่ามีแผนงานบูรณาการพัฒนา
และส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก แต่ในการดาเนินการจริงแต่ละหน่วยงานยังคงดาเนินการตามตัวชี้วัด
งบประมาณของหน่วยงาน ซ่ึงไม่ใช่ตัวช้ีวัดตามแผนงานบูรณาการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก
อย่างแทจ้ ริง

ดังน้ัน จึงเสนอว่าควรกาหนดเป้าหมายและตัวชี้วดั การพัฒนาเศรษฐกิจฐาน
รากในแผนบูรณาการให้เหมาะสม และท้าทาย เช่น อัตราการเติบโตของรายได้ต่อหัวของผู้ท่ีจัดอยู่ใน
เศรษฐกจิ ฐานราก หรอื อาจเป็นเป้าหมายของตัวช้วี ัดท่สี ะทอ้ นเศรษฐกจิ ฐานราก เชน่ อตั ราการขยายตัว
ของโอทอป เป็นต้น อกี ท้งั ควรเป็นการบูรณาการอย่างครบวงจร ตงั้ แตเ่ ริ่มต้นกาหนดหน่วยงานเจา้ ภาพหลัก
และหนว่ ยงานที่เก่ียวขอ้ งในแผนงานบรู ณาการใหช้ ัดเจน กาหนดเปา้ หมายร่วมกัน กาหนดแนวทางการ
จัดทางบประมาณ การบริหารงบประมาณและการตดิ ตามประเมินผลงบประมาณเชิงบูรณาการ เพื่อให้
การเสนอของบประมาณโครงการหรอื กิจกรรมตา่ ง ๆ สามารถมองเห็น (focus) ถึงการแก้ไขปัญหาของ
แต่ละกลุ่มเป้าหมาย และสามารถแก้ไขปัญหา เช่ือมโยงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามเป้าหมายท่ี
ชัดเจน และ สามารถเชื่อมโยงจากหน่วยงานระดับนโยบายไปยังหน่วยงานท่ีรับผิดชอบในระดับพ้ืนที่
และองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ได้ และสามารถวดั ผลไดอ้ ยา่ งเปน็ รปู ธรรม

(4) การใช้งานวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างความสามารถ
ในการแข่งขนั : จากการศึกษาพบว่าผลิตภัณฑ์ของชุมชนยังขาดการออกแบบท่ีทันสมัย มาตรฐานเรอ่ื ง
คุณภาพการผลิตไม่สม่าเสมอ บรรจุภัณฑ์ท่ีไม่ทันสมัย ไม่รองรับความต้องการของผู้บริโภคและตลาด
อีกทั้งสินค้าและบริการอยู่ในรูปแบบเดิม มีความคล้ายคลึงกัน ทาให้ไม่สามารถสร้างความแตกต่างจาก
ผ้ปู ระกอบการรายอนื่ ได้


214

ดังนั้น เพ่ือสร้างการเปล่ียนแปลง ความแตกต่าง และสร้างขีดความสามารถ
ในการแข่งขันสาหรับผลิตภัณฑ์ จึงเสนอว่าควรให้มีการใช้งานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมโดยสร้างความ
ร่วมมือในระดับพื้นท่ีระหว่างหน่วยงานภาครัฐ หน่วยวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชน และ
สถาบันการศึกษา ในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมมาเพ่ิมมูลค่าเชิงพาณิชย์ให้แก่งานพัฒนาเศรษฐกิจ
ฐานรากระดับพ้ืนที่ เพื่อยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนอันจะเป็นการสร้างความเช่ือม่ันให้แก่
ผู้บริโภคตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ท้ังน้ี ต้องส่งเสริมกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากให้เข้าถึงบริการ
ด้านการพัฒนาองค์ความรู้หรือทักษะท่ีเหมาะสม และมีฐานข้อมูลกลางสาหรับงานวิจัยและพัฒนา
ที่กลุ่มเศรษฐกิจฐานรากสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก รวมท้ัง มีเคร่ืองมือทางการคลังหรือการเงิน
เพ่ือสนับสนุนด้านการพัฒนาสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ ทั้งนี้ การใช้งานวิจัยและ
นวัตกรรมตอ้ งมีจุดเช่ือมโยงกับ “ทุนชุมชน” ท้ังทุนทางวฒั นธรรม ทุนทางภูมิปัญญา ทุนจากทรัพยากร
ธรรมชาติเพ่ือสร้างจุดขายท่เี ปน็ อัตลักษณ์ของผลติ ภัณฑช์ มุ ชน

(5) การจัดทาระบบการบริหารจดั การข้อมลู สารสนเทศดา้ นเศรษฐกิจ ฐานราก :
จากการศึกษาพบว่าปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐได้มีการนาระบบการบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศมาใช้
ในการดาเนินงาน อาทิ ระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบช้ีเป้า (Thai People Map and
Analytics Platform : TPMAP) ซ่ึงเป็นการผนวกรวมข้อมลู ของกรมการพัฒนาชมุ ชน (จปฐ. และ กชช. 2ค)
และของกระทรวงการคลัง (การลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) ซ่ึงเป็นระบบสารสนเทศเพ่ือแก้ไข
ปัญหาความยากจนรายบุคคล หากแต่ในเร่ืองการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากยังไม่ได้มีการนาระบบ
การบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศท่ีครอบคลุมในทุกมิติมาใช้ และเพื่อให้สอดคล้องกับการกาหนด
นิยามและขอบเขตของการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่กาหนดข้ึนใหม่และใช้ร่วมกันระหว่างภาคส่วน
ที่เกี่ยวข้องในการกาหนดนโยบายและจัดทาแผนการสง่ เสรมิ เศรษฐกิจฐานรากใหม้ ีความถูกต้อง ตรงจดุ
จาเป็นต้องมีขอ้ มูล เชิงกว้างและเชิงลกึ อยา่ งไรก็ตาม ข้อมูลของกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก ขณะนท้ี ่มี ีอยู่ยัง
กระจดั กระจายตามหลายหนว่ ยงาน ยงั ไม่มีการบูรณาการอย่างเป็นรูปธรรม

ดังน้ัน จึงเสนอว่าควรให้มีการจัดทาระบบการบริหารจัดการระบบข้อมูล
สารสนเทศ (Management Information System : MIS) ซึ่งครอบคลุมข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับ
เศรษฐกิจฐานรากทั้งในระดับจุลภาค (Micro) และระดับมหภาค (Macro) ให้ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน
ครอบคลุมทั้งข้อมูลในเชิงปริมาณ ข้อมูลเชิงคุณภาพ ท้ังระดับประเทศ ภูมิภาค จังหวัด อาเภอ ตาบล
และหมู่บ้าน เพ่ือประโยชน์ในการวางแผน กาหนดนโยบายส่งเสริมและจัดทาโครงการส่งเสริมตรงตาม
ความต้องการและเหมาะสมกับระดับศักยภาพของกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง ช่วยลดความ
ซ้าซ้อนในด้านภารกิจและเกิดความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ เป็นเคร่ืองมือในการพิจารณาจัดสรร
งบประมาณ และส่งเสริมให้เกิดการทางานระหวา่ งภาคส่วนต่าง ๆ ร่วมกันในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
อยา่ งเปน็ เอกภาพ

(6) สร้างกลไกการขับเคลื่อนการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากในระดบั จังหวดั :
(6.1) การกาหนดให้ “การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก” เป็นยุทธศาสตร์

ของจังหวัด : จากการศึกษาพบว่าในการจัดทายุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด จังหวัดสามารถกาหนด


215

ยุทธศาสตร์ท่ีแตกต่างกันได้ตามบริบทของจังหวัด ซึ่งปัจจุบันพบว่า การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
ไม่ปรากฏอยู่ในยุทธศาสตร์บางจงั หวัด

ดังนั้น จึงเสนอว่าจังหวัดควรเป็นผู้รับผิดชอบในการดาเนินการใน
ระดับพืน้ ท่ี และควรใหท้ กุ จังหวดั กาหนดให้ “การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก” เป็นหนึ่งในยทุ ธศาสตรก์ าร
พัฒนาจังหวัด มีการกาหนดตัวช้ีวัดท่ีสะท้อนถึงความเข้มแข็งและความสามารถในการพ่ึงตนเองในทาง
เศรษฐกิจ รวมท้ังการมีตัวชี้วัดที่สามารถวัดรายได้ท่ีเพิ่มข้ึนของประชาชน กลุ่ม ชุมชน และวิสาหกิจใน
เชิงประจกั ษ์

(6.2) การบริหารงานแบบบูรณาการในรูปแบบ “คลัสเตอร์” ภายใน
จังหวัดเพ่ือการบริหารยุทธศาสตร์ : ปัจจุบันยังไม่มีการกาหนดให้มีการบูรณาการด้านการพัฒนา
เศรษฐกิจฐานรากในระดบั จงั หวัด ทาใหก้ ารทางานระหว่างภาคสว่ นตา่ ง ๆ ขาดการบูรณาการร่วมกนั

ดังนั้น จึงเสนอว่าควรให้มีการกาหนดให้มีคลัสเตอร์ด้าน
การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากภายในจังหวัด เพ่ือให้มีหน้าที่ในการขับเคลื่อนประเด็นยุทธศาสตร์ว่าด้วย
การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในจังหวัด ซึ่งมีหัวหน้าคลัสเตอร์ทาหน้าท่ีบริหารทิศทาง เป้าหมาย
และกาหนดแนวทางท่ีชัดเจนในการปฏิบัติของคลัสเตอร์ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและผู้แทนจากภาค
ส่วนตา่ ง ๆ ในจังหวัดเป็นร่วมเปน็ กรรมการบรหิ ารคลสั เตอรก์ ารพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก

(7) การเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงโครงข่ายอินเตอร์เน็ตและเครือข่าย
ไรส้ ายความเร็วสูงทมี่ ีประสทิ ธภิ าพ : จากการศึกษาพบวา่ ปัจจบุ ันโครงขา่ ยอินเตอร์เน็ต และเครอื ข่าย
ไร้สายความเร็วสูงยังมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ และยังไม่ครอบคลุมในส่วนของกลุ่ม ชุมชน และ
วิสาหกิจทด่ี าเนินงานพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากในพ้ืนท่หี า่ งไกล

ดังนั้น แม้ว่าจะมีการดาเนนิ การภายใตแ้ ผนการจดั ให้มบี ริการโทรคมนาคม
พ้ืนฐานโดยทั่วถึงและบริการเพ่ือสังคม ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560 - 2564) ซ่ึงมุ่งเน้นขยายบริการใน
สถานศึกษา ศาสนสถาน และสถานพยาบาลในพ้ืนท่ีเป้าหมาย แต่อย่างไรก็ดีในแผนการจัดให้มีบริการ
โทรคมนาคมพ้ืนฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ฉบับท่ี 3 เห็นควรใหพ้ ิจารณาเร่งดาเนนิ การพฒั นา
โครงข่ายอินเตอรเ์ นต็ และเครอื ขา่ ยไรส้ ายท่มี ีความเร็วสูงให้มปี ระสิทธิภาพเพยี งพอ เหมาะสมกับการทา
การตลาดสมยั ใหม่ และใหค้ รอบคลมุ งานดา้ นการพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานราก

5.2.2 ขอ้ เสนอเชิงนโยบายต่อการสง่ เสรมิ ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
(1) การเปล่ียนกรอบความคิด (mindset) จากการผลิตนาการตลาดเป็น

การตลาดนาการผลิต: จากการศึกษาพบว่ากลุ่มชุมชน และวิสาหกิจยังคงมีปัญหาด้านการผลิต
ดา้ นการบรหิ ารจดั การ ด้านการตลาด และด้านเงินทนุ อาทิ การผลติ ผลติ ภณั ฑ์แลว้ ไมม่ ีลกู คา้ ผลิตภณั ฑ์
ล้นตลาด ไม่มแี หลง่ จาหน่าย และรูปแบบผลิตภัณฑแ์ ละบรรจุภัณฑ์ไมท่ ันสมัย

ดงั นั้น จงึ เสนอว่าหนว่ ยงานของรฐั ควรดาเนนิ การเรง่ ดว่ นในการพัฒนากรอบ
ความคิดของกลุ่ม ชุมชน และวิสาหกิจในเร่ืองการดาเนินธุรกิจและการบริการของชุมชน เพื่อเข้าถึง
ความต้องการของลูกค้า (customer centric) อย่างเข้มข้นและมีวิธีการใหม่ๆ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้
อาทิ การเปล่ียนวิถีการผลิตจาก “การผลิตนาการตลาด” มาเป็น “การตลาดนาการผลิต” และเร่ง


216

ยกระดับกรอบแนวคิดของกลุ่ม ชุมชน และวิสาหกิจให้มีกรอบความคิดตามคุณลักษณะของความเป็น
ผู้ประกอบการ (entrepreneur)

ตัวอย่าง กลุ่มผลิตสมุนไพรท่ีต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของ
ตลาดสมุนไพร และแนวโน้มของตลาดสุขภาพในปัจจุบันและอนาคต เพื่อให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์
สมนุ ไพรในรูปแบบตา่ ง ๆ ให้ตรงกับความต้องการของกลมุ่ ลูกค้าทสี่ นใจและดูแลสุขภาพ

ตัวอย่าง กลุ่มทอผ้าไหม ต้องปรับเปลี่ยนกรอบความคิดของตน ศึกษาและ
เรียนรู้ปรับรูปแบบการตัดเย็บ การออกแบบเสื้อผ้าให้ทันสมัย เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในแต่ละทวีป
แต่ละวัฒนธรรม และตอ้ งเปลี่ยนวถิ กี ารผลิตแบบทอผา้ ชน้ิ ขายเปน็ การเพิ่มความหลากหลายของสนิ คา้

ตัวอย่างกลุ่มท่องเท่ียวชุมชน ต้องศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มนักท่องเท่ียว
เพ่ือให้สามารถจดั บริการด้านการท่องเท่ียวใหเ้ หมาะสมกับรสนยิ มของลกู ค้าท่ีแตกต่างกัน และแตกตา่ ง
กันในแตล่ ะช่วงเวลา เป็นตน้

(2) การพัฒนาต่อยอดผลติ ภัณฑ์โดยเน้นการส่งเสรมิ องค์ความรชู้ ุมชน : จาก
การศกึ ษาพบวา่ ปญั หาหน่งึ ทีม่ ักจะเกดิ ข้ึนกับการดาเนนิ กจิ กรรมของกลุ่ม คือ กล่มุ มกั จะดาเนนิ การผลติ
ผลิตภัณฑ์ หรือ ดาเนินกิจกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในรูปแบบเดิมที่คุ้นเคย ไม่มีการนาองค์
ความร้สู มยั ใหม่เขา้ มาชว่ ยในการดาเนินกจิ กรรม รวมท้ัง กจิ กรรมของกล่มุ กข็ าดผสู้ บื ทอด

ดังนั้น จึงเสนอว่าหน่วยงานของรัฐควรสร้างกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีส่งเสริม
กระบวนการเรียนรภู้ ายในชมุ ชน โดยอาจจัดตั้งศนู ย์เรียนรู้ชุมชน หรือจัดเวทีเพ่ือใหเ้ กิดการแลกเปลยี่ น
ระหว่างกัน มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ ภูมิปัญญาจากจากรุ่นสู่รุ่น รวมทั้ง ควรให้ความสาคัญกับการ
ค้นหาและพัฒนาผู้นากลุ่มเพ่ือให้ผู้นากลุ่มเป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลง (change agent) และเสริมสร้าง
ความรใู้ หแ้ ก่ผูน้ ากลุม่ และคนรุน่ ใหม่ (young generation) อย่างตอ่ เนอื่ งและใหผ้ ู้นาไดถ้ ่ายทอดความรู้
ต่าง ๆ ที่สาคญั และจาเป็นส่กู ลุ่ม ชมุ ชน และวสิ าหกจิ ตอ่ ไป

ตัวอย่าง วิสาหกิจชุมชนบ้านวังส้มซ่า จังหวัดพิษณุโลก ท่ีมีคนรุ่นใหม่เข้า
ร่วมทางานกับกลุ่มผู้นา มีการถ่ายทอดองค์ความรู้และภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น และกลุ่มคนรุ่นใหม่ก็นา
องค์ความรสู้ มัยใหมเ่ ข้าไปชว่ ยพัฒนากิจกรรมและการดาเนินการของวิสาหกิจ

(3) การสร้างมูลค่าเพิ่มเชิงพาณิชย์ : จากการศึกษาพบว่า ผลิตภัณฑ์หรือ
การบริการท่ีไม่มีความแตกตา่ ง ไม่โดดเด่น ไม่มีคุณภาพ และขาดมาตรฐานรองรับ ทาให้ไม่เป็นท่ีสนใจ
ของผบู้ ริโภคและตลาด

ดังน้ัน จึงเสนอว่าหน่วยงานภาครัฐต้องสร้างมูลค่าในเชิงพาณิชย์ให้กับ
ผลิตภัณฑ์ชุมชนและการบริการโดยการนาอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ชุมชนมาเพ่ิมนาเสนอคุณสมบตั เิ ด่น
ท่ีชัดเจน ยกระดับผลิตภัณฑ์และการบริการให้ได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์และบริการระดับสากล
เช่น มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) “ตรานกยูงพระราชทาน” มาตรฐาน ASEAN GMP มาตรฐาน
ส่ิงบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) มาตรฐานสินค้า OTOP และ มาตรฐานโฮมสเตย์ไทย การสร้างคุณค่าและ
ความคุ้มค่าให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนและบริการ เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกพึงพอใจในคุณค่าและความคุ้มค่าที่
ได้รับ การใช้หลักความต้องการตลาดและความสามารถในการผลิตของชุมชนท่ีสมดุลกัน การ
เปล่ียนแปลงรูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย พกพาสะดวก สวยงาม และเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับ


217

การขนส่งทสี่ ะดวกและปลอดภยั การเพ่ิมเรื่องเล่าทีเ่ กย่ี วกบั ผลิตภัณฑแ์ ละบรกิ าร อาทิ ทม่ี าของวัตถุดบิ
ประวัตผิ ผู้ ลติ กระบวนการผลติ ความเชือ่ ของชุมชน และองิ ประวตั ิศาสตร์

ตัวอย่าง กลุ่มหัตถกรรมผักตบชวาบ้านอ้อย ตาบลสรรพยา อาเภอสรรพยา
จังหวัดชัยนาท เกิดจากการรวมกลุ่มของชาวบ้านวัดเหนือและวัดใต้ เพ่ือมาทากิจกรรมร่วมกัน
กลุ่มเริ่มดาเนินการเม่ือปี 2530 โดยมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกลุ่มจักสานผักตบชวาของจังหวัด
สุพรรณบุรีและจังหวัดพะเยา ท้ังน้ี ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมีความโดนเด่น คือสามารถป้องกันเช้ือราได้
โดยใช้วิธีนาผักตบชวาแช่โคลน จะทาให้ผักตบชวาไม่เป็นเช้ือรา และมีความคงทน นอกจากน้ั น
ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมีให้เลือกหลายรูปแบบท่ีเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่ม ส่งผลให้กลุ่มสามารถจาหน่าย
ผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น เช่น เฟอร์นิเจอร์ รองเท้า ตะกร้าของฝากช่วงเทศกาลต่าง ๆ เป็นต้น ปัจจุบัน
สมาชิกสามารถทานาเปน็ อาชพี หลกั และจกั สานผกั ตบชวาเป็นอาชพี เสรมิ ไปพรอ้ ม ๆ กนั

ตัวอย่าง วิสาหกิจชุมชนชีววิถีน้าเก๋ียน จังหวัดน่าน ท่ีนาสมุนไพรมาแปรรปู
เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่นท่ีส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นกับการพัฒนาคุณภาพ
การผลิตและมีการนาเคร่ืองจักรมาใช้ในการผลิต รวมท้ัง มีการพัฒนามาตรฐานบรรจุภัณฑ์ และ
จดทะเบียนการคา้ ภายใต้ชอื่ การคา้ “ชีวาร์” และ “ชีวานา่ ” เพือ่ จาหน่ายผลิตภณั ฑ์ทงั้ ในและตา่ งประเทศ

ตัวอย่าง วิสาหกิจชุมชนผลิตถ่านอัดแท่ง จังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีการนาเศษ
ผงถ่านอัดแท่งผ่านกระบวนการท่ีได้มาตรฐานทางวิทยาศาสตร์ทาให้เป็นถ่านอัดแท่งที่ไร้ควัน ไร้กล่ิน
และปลอดสารก่อมะเร็ง เพื่อจาหน่ายในประเทศและต่างประเทศ ซ่ึงการดาเนินการในลักษณะนี้
สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจแบบใหม่ (BCG Economy) ทีเ่ ปน็ การพัฒนาเศรษฐกจิ แบบองค์รวม

ตัวอย่าง กลุ่มวิสาหกิจบ้านสมุนไพรคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราช ท่ีได้นา
เกษตรแปรรูปมาผูกโยงกับการท่องเที่ยวชุมชนเพื่อเพ่ิมมูลค่าเชิงพาณิชย์ ทาให้ชุมชนคีรีวงเป็นแหล่ง
ทอ่ งเท่ยี วสาคญั ของจังหวัด และถือเป็นสญั ลักษณ์หนง่ึ ของการท่องเทีย่ วในจังหวัดนครศรีธรรมราช

(4) การพัฒนาทักษะการตลาดสมัยใหม่ : จากการศึกษาพบว่า ปัญหาด้าน
การตลาดเป็นปัญหาท่ีกลุ่ม ชุมชน และวิสาหกิจยังคงดาเนินการด้านตลาดแบบเดมิ คือ ให้ความสาคัญ
เฉพาะตัวผลิตภัณฑ์ ใช้ราคาเป็นตัวนาการขาย การมีหน้าร้านเพ่ือจาหน่ายสินค้า และการกาหนด
โปรโมช่ันการลด แลก แจก แถมสินค้า ซ่ึงไม่เพียงพอและไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและ
ตลาดในปัจจุบนั ท่ีเปลย่ี นไป

ดังนั้น จึงเสนอว่าหน่วยงานของรัฐจาเป็นท่ีต้องช่วยส่งเสริมให้กลุ่ม ชุมชน
และวิสาหกิจมีทักษะด้านการตลาดสมัยใหม่ ซึ่งเป็นตลาดที่ผู้บริโภคต้องได้รับประสบการณ์ที่ดกี วา่ จาก
ผลิตภัณฑ์นั้น ผู้บริโภคต้องมีความรู้สึกถึงคุณค่าและความคุ้มค่าและพึงพอใจที่มีต่อผลิตภัณฑ์ โดย
ไม่คานึงถึงราคา ผลิตภัณฑ์ต้องสามารถขายได้ในทุกท่ีบนตลาดออนไลน์ และต้องสร้างกลุ่มลูกค้าให้มี
ความจงรักภักดีในสินค้า (brand royalty) โดยหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องควรช่วยเหลือสร้างช่องทาง
การตลาดออนไลน์ วิเคราะห์ตลาด จับกระแสความต้องการของกลุ่มลูกค้าและตลาด สารวจความพึง
พอใจของลกู คา้ เพอื่ ใช้เปน็ สารสนเทศในการพฒั นาผลิตภัณฑ์และการบริการ การวเิ คราะหค์ ู่แขง่ เพราะ
ในการตลาดสมัยใหม่จาเป็นต้องใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคล่ือน (data driven) เพ่ือเพ่ิมยอดขายหรือยอด
การให้บรกิ าร


218

ตัวอย่าง จากการศึกษากรณีของประเทศญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นส่งเสริม
การตลาดโดยสร้างช่องทางการตลาดผ่านทางโทรทัศน์ (TV shopping) และช่วยวิเคราะห์และจับ
กระแสความต้องการของตลาดและสารวจความพึงพอใจของลูกค้า

ตัวอย่าง กลุ่มเกษตรแปรรปู ลาไยอบแห้ง จังหวัดลาพูน ท่ีได้นาลาไยซึง่ เป็น
ผลไม้เศรษฐกิจท่ีสาคัญของจังหวัดหวัดมาเพ่ิมมูลค่า โดยการแปรรูปให้หลากหลายรูปแบบ เช่น ผสม
เคร่ืองด่ืม ทาขนมหวาน ทาเป็นชา และของฝาก เป็นต้น อีกท้ังมีการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการถนอม
อาหารร่วมด้วย จุดเด่นของกลุ่มอีกประการหนึ่ง คือ การถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น คือ จากกลุ่ม
แม่บา้ นผู้บกุ เบกิ และกลมุ่ คนรนุ่ ใหมท่ ่มี คี วามร้ดู ้านการจัดการดา้ นการตลาดที่ทนั สมยั และนาเทคโนโลยี
มาช่วยในกระบวนการผลิต กระทั่งทาให้ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์กรต่าง ๆ เช่น อย. GMP
HACCP ฮาลาล OTOP GI และ มาตรฐานผลิตภัณฑจ์ ากอเมริกา ทาใหไ้ ดร้ ับการยอมรบั จากตา่ งประเทศ
มากขนึ้

(5) การยกระดับกลุ่มที่มีความเข้มแข็งสู่การเป็นวิสาหกิจชุมชนท่ีมีสถานะ
เปน็ นิตบิ คุ คล : จากการศึกษาพบว่า มกี ารรวมตวั กันเพ่อื การผลิตในลกั ษณะท่ีเฉพาะกจิ มีความตอ่ เนอื่ ง
น้อย มีข้อกาหนด ระเบียบ กฎเกณฑ์ที่ขาดความชัดเจน ขาดความรู้ดา้ นการบริหารจัดการ และความรู้
เรอื่ งการบริหารจดั การ ระบบการเงินการบญั ชี และการจัดการธุรกิจยงั ไม่เพยี งพอ ทั้งยงั พบวา่ มกี ลุ่มทีม่ ี
ความเข้มแข็ง มีความสามารถท่ีจะพัฒนากิจการและการดาเนินกิจกรรมของกลุ่มได้และได้รับการจด
ทะเบียนเปน็ วสิ าหกจิ แต่ยงั ไม่มสี ถานะเป็นนติ บิ คุ คล

ดังน้ัน จึงเสนอว่าหนว่ ยงานภาครัฐต้องเรง่ ส่งเสริมความรู้ ยกระดับกล่มุ ทม่ี ี
ความเข้มแข็งเปน็ “วิสาหกิจชุมชน” มีการจดทะเบียนรับรองให้มีสถานะเป็นนติ ิบุคคล เพื่อให้สามารถ
ดาเนินการทางธุรกิจได้ตามเง่ือนไขท่ีเก่ียวข้อง และสามารถเข้าถึงการสนับสนุนต่าง ๆ จากภาครัฐได้
เช่น การสร้างความรู้ด้านการเงิน การบัญชี การจัดการธุรกิจ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบ้ียต่า
เป็นต้น เพือ่ ให้กลุม่ ชมุ ชน และวิสาหกจิ มีรายไดเ้ พ่มิ ข้ึน และลดช่องวา่ งความเหลอ่ื มลา้ ของรายได้

ตัวอย่าง กลุ่มข้าวเม่า จังหวัดบุรีรัมย์ ท่ีมีรวมกลุ่มกันในหมู่บ้านกว่า 100
ครวั เรอื น ทาขา้ วเมา่ ไรซเ์ บอรร์ ่เี พื่อพลกิ ฟ้ืนเศรษฐกจิ ในระดบั ชุมชน ทงั้ น้ใี นการดาเนินกจิ กรรมของกลมุ่
มีการจัดทาแผนธุรกิจ และ วางแผนการดาเนินงานและแบ่งความรับผิดชอบกันอย่างชัดเจน ซ่ึงควร
ได้รับการส่งเสริม สนับสนุนให้มีการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจในระยะเริ่มแรก และเร่งจดทะเบียนเป็น
วิสาหกิจที่มีสถานะเป็นนติ ิบุคคลในลาดบั ถัดไป เนอ่ื งจากกลุ่มมีศักยภาพเพียงพอทจี่ ะดาเนินการได้

ตัวอย่าง วิสาหกิจชุมชนผลิตถ่านอัดแท่ง จังหวัดสุพรรณบุรี ที่จดทะเบียน
วิสาหกจิ ในลกั ษณะเปน็ นติ บิ ุคคลแลว้ ทาใหก้ ลุ่มสามารถท่ีทานติ กิ รรมทางการคา้ ทงั้ ภายในและภายนอก
ประเทศได้ และการขายผลติ ภณั ฑ์ในต่างประเทศก็กลายเป็นแหลง่ รายไดห้ ลักของกลุ่มวสิ าหกจิ

(6) การพัฒนาความรู้ทักษะด้านการบริหารจัดการธุรกิจ : จากการศึกษา
พบว่า การดาเนินงานของกลุ่ม ชุมชนและวิสาหกิจ ส่วนใหญ่มักมีความรู้ หรือทักษะด้านใดด้านหนึ่ง
เท่านั้น เช่น ด้านการผลิต การบริการ และประสบปัญหาเร่ืองความสามารถในการจัดทาแผนการผลิต
แผนการเงิน แผนการลงทุน แผนพัฒนาธรุ กจิ แผนการจัดการ แผนการตลาด และแผนการบริหารความ
เส่ยี ง ซ่งึ เป็นเร่ืองสาคญั และมผี ลโดยตรงต่อความอย่รู อดของธรุ กิจ


219

ดังนั้น จึงเสนอว่าหน่วยงานภาครฐั ท่ีเกี่ยวข้องควรเรง่ รดั ให้ความรู้ ส่งเสริม
สนับสนุน พัฒนาทักษะ ยกระดับและต่อยอดให้กลุ่ม ชุมชน และวิสาหกิจให้มีความสามารถด้านการ
บริหารจัดการ สามารถจัดทาแผนการเงิน แผนการลงทุน แผนพัฒนาธุรกิจ แผนการจัดการ แผนการ
ตลาด และแผนการบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ให้ความรู้และพัฒนาทักษะที่สอดคล้องกับ
สถานการณ์ปัจจุบัน มีการติดตามประเมินผลหลังเสร็จส้ินการอบรมให้ความรู้ และประเมิน
ความสามารถด้านการบริหารจัดการของกลุ่ม เร่งรัดและพัฒนาความรู้ ทักษะ เพื่อให้กลุ่ม ชุมชน และ
วิสาหกิจมคี วามสามารถจัดทาแผนการลงทุนและแผนพัฒนาธุรกิจ เพ่ือให้กลุ่มมคี วามเข้มแข็งได้รับการ
พัฒนาไปสคู่ วามเป็นผูป้ ระกอบการ และสามารถพฒั นาการดาเนินธุรกจิ ของกลุ่มให้เตบิ โตได้

ตัวอย่าง กลุม่ ท่องเท่ียวชมุ ชนวันยาว จังหวดั จนั ทบุรี ทขี่ าดความรเู้ รอ่ื งการ
บริหารจัดการกลุ่ม ไม่มีความชัดเจนในการกาหนดหน้าที่และความรับผิดชอบภายในกลุ่ม ขาดความ
เขา้ ใจในการสร้างมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ และมีความเสี่ยงในการดาเนนิ กจิ กรรมกลุ่มท่ผี กู ขาดโดยผู้นาเพยี ง
คนเดยี ว

(7) การสนับสนุนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) : จาก
การศึกษาพบว่าในการดาเนินกิจกรรมของกลุ่ม ชุมชน และวิสาหกิจหลายแห่งยังขาดระบบโครงสร้าง
พื้นฐานด้านสาธารณูปโภคและด้านการสื่อสารที่ดีรองรับ ซึ่งถือเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการสร้าง
แรงจงู ใจของผบู้ รโิ ภคหรอื ลกู คา้ ในการใชบ้ รกิ ารซา้ หรอื บอกต่อ

ดังน้ัน จึงเสนอว่าหน่วยงานของรัฐควรเข้าไปพัฒนาถนน โครงข่าย
อินเตอร์เน็ต เครือข่ายไร้สาย และสิ่งอานวยความสะดวกต่าง ๆ ในพ้ืนที่ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึง
พ้ืนท่ีได้โดยสะดวก กลุ่มสามารถสร้างและเข้าถึงตลาดสมัยใหม่ได้ เพ่ือให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ
รวมท้ังพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมขนส่ง เพ่ือให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก
รวดเร็วและไม่เกิดความเสียหายแก่ผลิตภัณฑ์ หน่วยงานของรัฐจึงต้องให้ความสาคัญกับการสนับสนุน
ด้านโครงสร้างพนื้ ฐานใหค้ รบวงจร

ตัวอย่าง จากการศกึ ษากรณีของประเทศจีน ซึ่งพัฒนาพ้ืนที่ชนบทโดยเน้น
การทอ่ งเทยี่ วและมกี ารพัฒนาระบบโครงขา่ ยการคมนาคมระหวา่ งพน้ื ที่เมอื งกบั ชนบทและระหวา่ งพนื้ ที่
ชนบทเข้าดว้ ยกนั


220
ตารางที่ 5 – 1 สรปุ ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบายเพอ่ื การพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากและการนาไปสกู่ ารปฏบิ ัติ

ข้อเสนอเชงิ นโยบาย กจิ กรรม หนว่ ยงานที่รับผิดชอบ

5.2.1 ขอ้ เสนอเชิงนโยบายตอ่ การบริหารจัดการเศรษฐกจิ ฐานรากในภาพรวม

(1) กาหนดความหมายและ 1.1 ควรกาหนดนิยาม และขอบเขตของ - กระทรวงมหาดไทย

ขอบเขตของ “เศรษฐกิจ “เศรษฐกิจฐานราก” ให้มีความชัดเจน - กระทรวงอุตสาหกรรม

ฐานราก” ให้ชัดเจน และ ในเชิงความหมาย ขอบเขต ทิศทางใน - กระทรวงพาณชิ ย์

กาหนดเปน็ วาระแห่งชาติ การดาเนินการ และสื่อสารเพื่อให้เกิด - กระทรวงการคลงั

ความเข้าใจในทุกหน่วยงานที่เก่ียวข้อง - กระทรวงแรงงาน

ได้เข้าใจตรงกัน โดยประเด็นที่ควรจะ - กระทรวงอุดมศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์

พจิ ารณาร่วมด้วย คือ การให้ความหมาย วิจยั และนวตั กรรม

ของ “เศรษฐกิจฐานราก” ที่มนี ัยยะแบบ - กระทรวงการทอ่ งเท่ียวและกฬี า

เน้นตัวกระทา (Actor-based) ของการ - กระทรวงการพฒั นาสังคม และ

ขบั เคลอ่ื นใหเ้ กดิ มลู คา่ เพม่ิ ทางเศรษฐกิจ ความมั่นของมนุษย์

โดยบคุ คล / กลมุ่ / องคก์ รชมุ ชน - สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ

1.2 ควรยกระดับนโยบายด้านเศรษฐกิจ สงั คมแหง่ ชาติ

ฐานรากเป็น “วาระแห่งชาติ” เพ่ือให้

รัฐบาล องค์กรทุกภาคส่วน รวมทั้ง

ประชาสงั คมและประชาชนได้รว่ มมอื กัน

ทาอย่างจริงจัง ระดมสรรพกาลังอย่าง

ต่อเนื่อง ติดตาม ประเมินผลเพ่ือให้วัด

ความสาเร็จได้ในเชิงประจักษ์ เพื่อให้

เกิดการพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจอย่าง

ย่งั ยืน

(2) สรา้ งกลไกการขบั เคลือ่ น ควรออกแบบกลไกระดับชาตใิ นเชงิ - กระทรวงมหาดไทย

การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ยุทธศาสตร์ ให้มหี น้าทกี่ ากบั ดแู ลการ - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ในระดับชาติ ดาเนินการเกี่ยวกบั การพฒั นาเศรษฐกจิ - กระทรวงอุตสาหกรรม

ฐานราก กาหนดแนวทางปฏบิ ัตเิ พอ่ื ให้ - กระทรวงพาณชิ ย์

เกิดการพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากอย่าง - กระทรวงการคลงั

เป็นรปู ธรรมและเกดิ ประสทิ ธผิ ล เสนอ - กระทรวงการพฒั นาสังคม และ

ความเหน็ และเสนอแนะเกยี่ วกบั ความมนั่ ของมนุษย์

นโยบายของประเทศดา้ นการพัฒนา - สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ

เศรษฐกจิ ฐานราก รวมทง้ั ใหค้ าแนะนา สงั คมแห่งชาติ

แกห่ น่วยงานต่างๆ ท่เี กีย่ วขอ้ งเก่ยี วกบั

กฎ ระเบยี บ หรอื คาสง่ั ทีเ่ ปน็ อุปสรรค


221

ข้อเสนอเชงิ นโยบาย กิจกรรม หน่วยงานทร่ี ับผิดชอบ

(3) กาหนดแนวทางการ ตอ่ การพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานราก โดยเนน้
ดาเนินงานภายใตแ้ ผนงาน
บูรณาการพฒั นาและ การบรู ณาการเชงิ ยทุ ธศาสตร์ (Agenda
สง่ เสริมเศรษฐกิจฐานราก
based) การบรู ณาการภารกิจของ

หนว่ ยงาน (Function Based) และการ

บรู ณาการเชงิ พน้ื ที่ (Area based)

3.1 ควรกาหนดเป้าหมายและตัวชี้วัด กระทรวงมหาดไทย

การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในแผนงาน - กรมการพฒั นาชุมชน

บรู ณาการให้เหมาะสม และท้าทาย - กรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถน่ิ

3.2 ควรเน้นการบูรณาการพัฒนาและ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากอย่างครบ - สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร
วงจร ต้ังแต่เริ่มต้นกาหนดเจ้าภาพหลัก - กรมส่งเสรมิ การเกษตร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแผนงาน - กรมพฒั นาท่ีดนิ
บูรณาการให้ชัดเจน เพ่ือการกาหนด - กรมประมง
เป้าหมายร่วมกัน กาหนดแนวทางการ - กรมวชิ าการเกษตร
จดั ทางบประมาณ การบริหารงบประมาณ - กรมปศสุ ตั ว์
และการติดตามประเมินผลงบประมาณ - กรมการขา้ ว
- กรมสง่ เสรมิ สหกรณ์
เชิงบูรณาการ
- กรมหม่อนไหม

- สานักงานปฏิรปู ทด่ี นิ เพือ่

เกษตรกรรม

- สานักปลัดกระทรวงเกษตร

และสหกรณ์

กระทรวงการคลงั

กระทรวงการพัฒนาสังคมและ

ความมน่ั คงของมนุษย์

- สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน

(องคก์ ารมหาชน)

กระทรวงพาณชิ ย์

- กรมพัฒนาธรุ กจิ การค้า

- กรมการค้าภายใน

กระทรวงอุตสาหกรรม

- กรมสง่ เสรมิ อุตสาหกรรม

- สานักงานส่งเสริมวิสาหกิจ

ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม


222

ข้อเสนอเชิงนโยบาย กจิ กรรม หนว่ ยงานที่รับผิดชอบ

กระทรวงอุดมศกึ ษา วิทยาศาสตร์

วจิ ยั และนวัตกรรม

- สานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์

และเทคโนโลยีแห่งชาติ

- สานกั ปลดั กระทรวงการ

อุดมศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วิจยั

และนวตั กรรม

- กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร

- สานกั งานวสิ าหกิจเพ่อื สงั คม

(4) การใช้งานวิจัยและการ 4.1 ควรมีการสร้างความร่วมมือด้าน กระทรวงอดุ มศกึ ษา

พัฒนานวัตกรรมเพ่ือสร้าง งานวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมใน วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตั กรรม

ความสามารถในการแข่งขนั ระดับพ้ืนท่ีระหว่างหน่วยงานภาครัฐ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

หน่วยวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชน - กรมส่งเสรมิ การเกษตร

และสถาบันการศึกษา เพื่อร่วมกันวิจัย - กรมวชิ าการเกษตร

และพัฒนานวัตกรรมมาเพ่ิมมูลค่าเชิง กระทรวงพาณชิ ย์

พาณิชย์ให้แก่งานพัฒนาเศรษฐกิจ - กรมพัฒนาธรุ กิจการคา้

ฐานรากระดบั พื้นท่ี - กรมทรัพย์สนิ ทางปญั ญา

4.2 ควรส่งเสริมให้กลุ่มเศรษฐกิจ - สานักงานปลัดกระทรวง
ฐานรากสามารถเข้าถึงบริการด้านการ กระทรวงอุตสาหกรรม
พัฒนาองค์ความรหู้ รอื ทักษะทีเ่ หมาะสม - สานกั งานปลดั กระทรวง
- สานกั งานสง่ เสรมิ วสิ าหกจิ
ได้โดยสะดวก
4.3 ควรจัดทาให้มีฐานข้อมูลกลาง ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม
สาหรับงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ - สานกั งานพัฒนารฐั บาล
กลุ่มเศรษฐกิจฐานรากสามารถเข้าถึงได้ ดิจิทัล (องค์การมหาชน)

โดยสะดวก

4.4 ควรมีเครื่องมือทางการคลัง หรือ

การเงินเพ่ือสนับสนุนด้านการพัฒนา

สินค้า และ บริการให้ได้มาตรฐานและมี

คณุ ภาพ

(5) การจัดทาระบบการ ควรจัดทาระบบการบรหิ ารจดั การระบบ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ

บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ข้ อ มู ล ข้ อ มู ล ส า ร ส น เ ท ศ ( Management และสงั คม

สารสนเทศด้านเศรษฐกิจ Information System : MIS) ด้านเศรษฐกจิ - สานกั งานคณะกรรมการ

ฐานราก ฐ าน ร าก โ ด ยให้ ครอบคลุมข้อมูล ดิจทิ ัลเพือ่ เศรษฐกิจและสงั คม

สารสนเทศเก่ียวกับเศรษฐกิจฐานรากให้ แห่งชาติ

ครบถ้วน ครอบคลุมท้ังข้อมลู เชงิ ปริมาณ - สานักงานสถิตแิ ห่งชาติ


223

ข้อเสนอเชงิ นโยบาย กิจกรรม หนว่ ยงานท่รี ับผิดชอบ

เชิงคุณภาพ และข้อมูลระดับประเทศ กระทรวงมหาดไทย

ภูมิภาค จังหวัด อาเภอ ตาบล และ - สานกั งานปลดั กระทรวง

หมบู่ า้ น และมีความเป็นปัจจุบนั กระทรวงมหาดไทย

- กรมการพฒั นาชุมชน

- กรมส่งเสริมการปกครอง

ท้องถนิ่

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

- กรมสง่ เสริมการเกษตร

- สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร

กระทรวงการพัฒนาสังคมและ

ความมั่นคงของมนุษย์

- กรมพฒั นาสงั คมและสวสั ดิการ

- สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน

(องคก์ ารมหาชน)

กระทรวงอุตสาหกรรม

- สานักงานส่งเสริมวิสาหกิจ

ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม

กระทรวงพาณิชย์

- สานกั งานปลดั กระทรวง

- กรมพัฒนาธุรกิจการคา้

- สภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และ

สังคมแห่งชาติ

- สานกั งานพัฒนารฐั บาล

ดิจทิ ัล (องคก์ ารมหาชน)

(6) สรา้ งกลไกการขบั เคลื่อน

การพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานราก

ในระดบั จังหวัด

(6.1)การกาหนดให้ “การ ควรให้ทกุ จังหวดั กาหนดให้ “การพัฒนา กระทรวงมหาดไทย

พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก” เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ฐ า น ร า ก ” เ ป็ น ห น่ึ ง ใ น - สานักงานปลดั กระทรวง

เปน็ ยทุ ธศาสตร์ของจงั หวัด ยุทธศาสตรก์ ารพัฒนาจังหวัด และมีการ มหาดไทย

กาหนดตัวชี้วัดการพัฒนาเศรษฐกิจฐาน - กรมการปกครอง

รากของจังหวัดท่ีสะท้อนถึงความ - กรมสง่ เสรมิ การปกครอง

เข้มแข็งและความสามารถในการ ทอ้ งถนิ่

พ่ึงตนเองในทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการมี - กรมการพัฒนาชุมชน

ตัวช้ีวัดที่สามารถวัดรายได้ที่เพิ่มขึ้นของ


224

ข้อเสนอเชิงนโยบาย กิจกรรม หน่วยงานทรี่ บั ผดิ ชอบ

ประชาชน กลุ่ม ชุมชน และวิสาหกิจใน - สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ

เชงิ ประจักษ์ สังคมแห่งชาติ

(6.2) การบริหารงานแบบ ควรกาหนดให้มี “คลัสเตอร์” ด้านการ กระทรวงมหาดไทย

บูรณาการ ในรูปแบบ “คลัส พัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากในระดับจังหวัด - สานักงานปลัดกระทรวง

เตอร์” ภายในจังหวัดเพ่ือ เพื่อให้มีหน้าท่ีในการขับเคลื่อนประเด็น มหาดไทย

การบริหารยทุ ธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจ - กรมการปกครอง

ฐานรากในจังหวัด - กรมสง่ เสรมิ การปกครอง

ทอ้ งถนิ่

- กรมการพฒั นาชุมชน

- สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ

สงั คมแห่งชาติ

(7) การเพิ่มความสามารถใน ควรพิจารณาเร่งดาเนินการพัฒนา กระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจ

ก า ร เ ข้ า ถึ ง โ ค ร ง ข่ า ย โครงข่ายอินเตอร์เน็ตและเครือข่ายไร้ และสังคม

อินเตอร์เน็ตและเครือข่ายไร้ สายท่ีมีความเร็วสูงให้มีประสิทธิภาพ - สานกั งานคณะกรรมการ

ส า ย ค ว า ม เ ร็ ว สู ง ท่ี มี เพียงพอ เหมาะสมกับการทาการตลาด กจิ การกระจายเสียง กจิ การ

ประสทิ ธภิ าพ สมัยใหม่ และให้ครอบคลุมงานด้านการ โทรทัศน์ และกิจการ

พัฒนาเศรษฐกจิ ฐานราก โทรคมนาคมแหง่ ชาติ

5.2.2 ข้อเสนอเชงิ นโยบายต่อการสง่ เสรมิ ความเขม้ แข็งของเศรษฐกจิ ฐานราก

( 1 ) ก า ร เ ป ล่ี ย น ก ร อ บ 1.1 ควรเร่งดาเนินการพัฒนากรอบ

ความคิด (mindset) จาก ความคิดของกลุ่ม ชุมชน และวิสาหกิจ

การผลิตนาการตลาดเป็น ในเรื่องการดาเนนิ ธุรกิจ/การบรกิ ารของ

การตลาดนาการผลิต ชุมชน

1.2 ควรเร่งยกระดับกรอบแนวคิดของ

กลุ่ม ชุมชน และวิสาหกิจให้มีกรอบ

ความคิดตามคุณลักษณะของความเป็น

ผู้ประกอบการ (entrepreneur)

( 2 ) ก า ร พั ฒ น า ต่ อ ย อ ด 2.1 ควรสร้างกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี - กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ โ ด ย เ น้ น ก า ร ส่งเสริมกระบวนการเรียนรูภ้ ายในชมุ ชน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ส่งเสริมองคค์ วามรชู้ มุ ชน โดยอาจจัดต้ังศูนย์เรียนรชู้ ุมชน หรือ จัด - กรมการพฒั นาชุมชน

เวทีเพื่อให้เกิดการแลกเปล่ียนระหว่าง กระทรวงมหาดไทย

กัน มีการถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ ภมู ิปัญญา - กระทรวงอดุ มศึกษา

จากจากรุ่นส่รู ุ่น วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม

2.2 ควรให้ความสาคัญกับการค้นหา - กรมส่งเสริมอตุ สาหกรรม
และพัฒนาผู้นากลุ่มเพื่อให้ผู้นากลุ่มเปน็ กระทรวงอุตสาหกรรม

ผู้นาการเปลี่ยนแปลง (change agent)


225

ขอ้ เสนอเชิงนโยบาย กจิ กรรม หน่วยงานทีร่ บั ผิดชอบ

2.3 ควรเสริมสรา้ งความรใู้ ห้แก่ผนู้ ากลุ่ม - สานกั งานสง่ เสริมวิสาหกิจ

และคนรุ่นใหม่ (young generation) ขนาดกลางและขนาดย่อม

อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้นาได้ถ่ายทอด กระทรวงอุตสาหกรรม

ความรู้ต่างๆ ที่สาคัญและจาเป็นสู่กลุ่ม - สถาบันพฒั นาองคก์ รชมุ ชน

ชุมชน และวสิ าหกิจ (องค์การมหาชน) กระทรวงการ

พัฒนาสังคมและความมัน่ คงของ

มนษุ ย์

- สานักงานปลดั กระทรวง

พาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์

(3) การสร้างมูลค่าเพ่ิมเชิง 3.1 ควรสร้างมูลค่าในเชิงพาณิชย์ให้กับ - กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

พาณิชย์ ผลติ ภณั ฑช์ ุมชนและการบรกิ าร โดยการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นาอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ชุมชนมาเพิม่ - กรมการพฒั นาชมุ ชน

นาเสนอคุณสมบตั ิเด่นทชี่ ดั เจน กระทรวงมหาดไทย

3.2 ควรส่งเสริม สนับสนุนการยกระดับ - กระทรวงอดุ มศึกษา
ผลิตภัณฑ์และการบริการให้ได้รับ วทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและนวตั กรรม
มาตรฐานผลิตภัณฑ์และบริการระดับ - กรมสง่ เสรมิ อตุ สาหกรรม
สากล เช่น มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน กระทรวงอุตสาหกรรม
(มผช.)“ตรานกยงู พระราชทาน” เปน็ ต้น - ศนู ยอ์ อกแบบและพฒั นา
3.3 ควรส่งเสรมิ ใหม้ ีการสร้างคณุ ค่าและ ผลิตภัณฑ์ กระทรวง
ความคุ้มค่าให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนและ อุตสาหกรรม
บรกิ าร อาทิ การส่งเสริมให้เปล่ียนแปลง - สานกั งานสง่ เสริมวสิ าหกจิ
รูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย พกพา ขนาดกลางและขนาดย่อม
สะดวก สวยงาม และเป็นบรรจุภัณฑ์ท่ี กระทรวงอตุ สาหกรรม
เ ห ม า ะ ส ม กั บ ก า ร ข น ส่ ง ท่ี ส ะ ด ว ก - กรมพฒั นาธรุ กิจการคา้
ปลอดภัย และมีการเพ่ิมเร่ืองเล่าที่ กระทรวงพาณชิ ย์
- สานกั งานปลดั กระทรวง
เกี่ยวกบั ผลติ ภณั ฑ์และบรกิ าร
พาณิชย์ กระทรวงพาณชิ ย์

- กรมการทอ่ งเทย่ี ว กระทรวง

การท่องเทย่ี วและกีฬา

- สานกั งานคณะกรรมการ

อาหารและยา กระทรวง

สาธารณสขุ

- สานักงานส่งเสรมิ เศรษฐกจิ

สร้างสรรค์ (องคก์ ารมหาชน)


226

ข้อเสนอเชิงนโยบาย กิจกรรม หน่วยงานทรี่ บั ผดิ ชอบ

(4) การพัฒนาความรู้ และ 4.1 ควรส่งเสริมให้กลุ่ม ชุมชน และ - กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

ทักษะการตลาดสมยั ใหม่ วิสาหกิจมีความรู้ และทักษะด้าน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

การตลาดสมัยใหม่ เพ่ือให้ผู้บริโภคมี - กรมการพฒั นาชุมชน

ความรู้สึกถึงคุณค่าและความคุ้มค่าและ กระทรวงมหาดไทย

พึงพอใจที่มีต่อผลิตภัณฑ์ รวมทั้งต้อง - กระทรวงอดุ มศกึ ษา

พัฒนาความสามารถด้านการขายบน วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม

ตลาดออนไลน์ และต้องมีทักษะในการ - กรมส่งเสริมอตุ สาหกรรม

สร้างกลุ่มลูกค้าให้มีความจงรักภักดีใน กระทรวงอุตสาหกรรม

สินค้า (brand royalty) - สานักงานส่งเสริมวิสาหกจิ

4.2 ควรให้ความช่วยเหลือสรา้ งช่องทาง ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม
การตลาดออนไลน์เพ่ือให้กลุ่มเศรษฐกิจ กระทรวงอตุ สาหกรรม
ฐานรากสามารถเข้าถึงการตลาด - กรมพฒั นาธรุ กิจการคา้
กระทรวงพาณชิ ย์
ออนไลน์ได้
4.3 ชว่ ยวิเคราะหต์ ลาด จบั กระแสความ - สานกั งานปลดั กระทรวง
ต้องการของกลุ่มลูกค้า สารวจความพึง พาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์
พอใจของลูกค้า การวิเคราะห์คู่แข่ง - สานักงานพฒั นาธรุ กรรม
อิเล็คทรอนกิ ส์
ให้แก่กลุ่มเศรษฐกจิ ฐานราก

(5) การยกระดับกลุ่มที่มี เร่งส่งเสริมความรู้ ยกระดับกลุ่มที่มี - กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

ความเข้มแข็งสู่การเป็น ความเขม้ แข็งเป็น “วิสาหกิจชมุ ชน” ทมี่ ี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

วิสาหกิจชุมชนที่มีสถานะ การจดทะเบียนรับรองให้มีสถานะเป็น - กรมการพัฒนาชมุ ชน

เป็นนิติบคุ คล “นติ ิบคุ คล” กระทรวงมหาดไทย

- สานักงานสง่ เสริมวิสาหกจิ

ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม

กระทรวงอุตสาหกรรม

- กรมสง่ เสริมอตุ สาหกรรม

กระทรวงอุตสาหกรรม

- สถาบนั พฒั นาองคก์ รชุมชน

(องคก์ ารมหาชน) กระทรวง

การพฒั นาสงั คมและความมน่ั คง

ของมนษุ ย์

- สานักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อ

สงั คม

(6) การพฒั นาความรู้ ทกั ษะ 6.1 ควรเร่งรัดให้ความรู้ ส่งเสริม - กรมการพฒั นาชุมชน

ด้านการบริหารจัดการ สนับสนุน พัฒนาทกั ษะ ยกระดบั และตอ่ กระทรวงมหาดไทย

ยอดให้กลุ่ม ชุมชน และวิสาหกิจ


227

ขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย กิจกรรม หนว่ ยงานทรี่ บั ผิดชอบ

มีความสามารถด้านการบริหารจัดการ - สถาบันพฒั นาองคก์ รชุมชน

ธุรกิจ สามารถจัดทา แผนการเงิน (องคก์ ารมหาชน) กระทรวงการ

แ ผน การ ลงทุน แ ผน พัฒ น าธุร กิจ พฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของ

แผนการจัดการ แผนการตลาด และ มนุษย์

แผนการบริหารความเส่ียงอยา่ งตอ่ เน่ือง - สานักงานสง่ เสริมวสิ าหกจิ

6.2 การให้ความรู้และพัฒนาทักษะท่ี ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม
เป็นสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน มี -กรมสง่ เสรมิ การเกษตร
การติดตามประเมินผลหลังเสร็จส้ินการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
อ บ ร ม ใ ห้ ค ว า ม รู้ แ ล ะ ป ร ะ เ มิ น - กรมส่งเสริมอตุ สาหกรรม

ความสามารถด้านการบริหารจัดการ กระทรวงอตุ สาหกรรม
ของกลุ่ม เร่งรดั และพัฒนาความรู้ ทกั ษะ - สานักงานปลดั กระทรวง
เพื่อให้กลุ่ม ชุมชน และวิสาหกิจมี พาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์
ความสามารถจัดทาแผนการลงทุนและ - กระทรวงอดุ มศกึ ษา
แผนพัฒนาธุรกิจ เพื่อให้กลุ่มมีความ วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม
เข้มแข็งและ สามารถพัฒนาการดาเนิน - กรมการท่องเทย่ี ว
กระทรวงการท่องเที่ยวและกฬี า
ธุรกิจของกลุม่ ได้

(7) การสนับสนุนการลงทุน 7 . 1 ค ว ร เ ข้ า ไ ป พั ฒ น า โ ค ร ง ข่ า ย - กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ

ด้ า น โ ค ร ง ส ร้ า ง พ้ื น ฐ า น อินเตอร์เน็ต เครือข่ายไร้สาย และสิ่ง และสังคม

(infrastructure) อานวยความสะดวกตา่ ง ๆ ในพ้นื ท่ี - สานักงานคณะกรรมการ

7.2 ควรพัฒนาโครงข่ายการคมนาคม กจิ การกระจายเสยี ง กิจการ
ขนส่ง เพ่ือให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ โทรทศั น์ และกจิ การ
ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็วและไม่ โทรคมนาคม
- กรมสง่ เสริมการปกครอง
เกดิ ความเสยี หาย
7.3 ควรให้ความสาคัญกับการสนบั สนนุ ท้องถน่ิ
ด้านโครงสร้างพ้นื ฐานใหค้ รบวงจร - กรมทางหลวง
กระทรวงคมนาคม

- กรมทางหลวงชนบท

กระทรวงคมนาคม


ภาคผนวก


คณะกรรมาธกิ ารการพาณชิ ย์และการอตุ สาหกรรม วุฒสิ ภา


233

คณะกรรมาธกิ ารการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา

นางอภริ ดี ตนั ตราภรณ์
ประธานคณะกรรมาธกิ าร

นายสมชาย หาญหริ ัญ นางสาววบิ ลู ย์ลกั ษณ์ ร่วมรักษ์
รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทห่ี น่งึ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทสี่ อง

นางสุวรรณี สริ ิเวชชะพนั ธ์ นายชลติ แกว้ จนิ ดา
รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนที่สาม รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทส่ี ี่

นายรณวรทิ ธิ์ ปริยฉัตรตระกลู นายเจน นาชยั ศิริ
เลขานุการคณะกรรมาธิการ โฆษกคณะกรรมาธกิ าร


234

นายสมพล เกยี รติไพบลู ย์
ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ

ศาสตราจารยส์ ม จาตศุ รพี ทิ ักษ์ พลเอก วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล
ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร ท่ปี รึกษาคณะกรรมาธิการ

พลเอก วิชติ ยาทพิ ย์ นายบรรชา พงศอ์ ายกุ ลู
ทีป่ รึกษาคณะกรรมาธกิ าร ท่ปี รกึ ษาคณะกรรมาธิการ

นางจินตนา ชัยยวรรณาการ นายเฉลยี ว เกาะแก้ว
กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ


235

นางดวงพร รอดพยาธิ์ นายสาธติ เหล่าสวุ รรณ
กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร

นายอุดม วรญั ญรู ฐั
กรรมาธิการ


คณะอนุกรรมาธกิ ารการลงทนุ และเศรษฐกจิ ฐานราก


239

คณะอนุกรรมาธกิ ารการลงทุนและเศรษฐกิจฐานราก

นางสวุ รรณี สริ เิ วชชะพันธ์
ประธานคณะอนกุ รรมาธกิ าร

พลเอก วีรณั ฉนั ทศาสตรโ์ กศล รป นายสาธติ เหลา่ สวุ รรณ นายเฉลยี ว เกาะแก้ว

รองประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ

คนที่หนึ่ง คนที่สอง คนทส่ี าม

นางดวงสดุ า เมอื งวงษ์ นางสาวสุภารตั น์ ฮนุ พงษ์สมิ านนท์ นางเกณิกา เฟือ่ งฟู
อนุกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ อนกุ รรมาธกิ าร


240

นางทิพวรรณ สงั เกตุ นางสายพริ ุณ นอ้ ยศิริ นางสาวศิรพิ ร ไชยสุต
อนุกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ อนกุ รรมาธิการ

นายสวุ ชิ ชตู ระกลู นายสืบสวัสดิ์ วุฒิวรดิษฐ์
อนุกรรมาธกิ าร อนุกรรมาธิการและเลขานุการ

รายนามท่ีปรึกษาคณะอนุกรรมาธกิ ารการลงทนุ และเศรษฐกจิ ฐานราก

นางกรี ะณา สมุ าวงศ์
ประธานทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ

นายยุทธการ สทุ ธิพงษ์ นายอภสิ ิทธ์ิ งามอัจฉรยิ ะกุล นายประวทิ ย์ จิตนราพงศ์


241
.

นางสาวไปยดา หาญชยั สุขสกลุ นางสาววิชดุ า นันทะพานชิ สกุล นางกรรณกิ าร์ จรสั อไุ รสนิ

นายธนชัย อาจหาญ นางพรนภา เหลืองวฒั นากิจ นายธรี พล ขนุ เมอื ง
.

นายเจรญิ ชยั ประเทอื งสุขศรี นางอมั พวนั พิชาลัย นายอภิชาติ โพธสิ าร

นางรัตนา สยั ยะนฐิ ี นายศริ พันธ์ ยงวฒั นานันท์ นายธัชไท กรี ติพงค์ไพบูลย์


คาส่ังคณะทางานศึกษาวิจยั
เร่อื ง “ปจั จัยสคู่ วามสาเรจ็ ของเศรษฐกจิ ฐานราก”


245

คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม
วุฒิสภา

ที่ ท. ๒/๒๕๖๓
เรือ่ ง แตง่ ต้งั คณะทางานศึกษาวจิ ยั เรอื่ ง “ปัจจัยสู่ความสาเร็จของเศรษฐกจิ ฐานราก”

----------------------------------

ด้วยคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ซ่ึงมีหน้าที่และอานาจ
พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ กระทากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาเร่ืองใด ๆ ที่เก่ียวกับ
การส่งเสริม สนับสนุน หรือพัฒนาการพาณิชย์และอุตสาหกรรม การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
การพัฒนาภูมิปัญญาท้องถ่ินและภูมิปัญญาไทย วิสาหกิจเพื่อสังคม วิสาหกิจชุมชน เขตเศรษฐกิจ
พิเศษ ความสามารถในการแข่งขัน และการเจริญเติบโตทางอุตสาหกรรมท่ีเป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม
พิจารณาศึกษา ติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ ที่
อยใู่ นหนา้ ที่ และอานาจ และอนื่ ๆ ท่เี กยี่ วข้อง ตามขอ้ บงั คับการประชุมวฒุ ิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒

คณะกรรมาธิการได้มีมติตั้งคณะอนุกรรมาธิการการลงทุนและเศรษฐกิจฐานรากขึ้น
โดยคณะอนุกรรมาธิการได้มีข้อเสนอให้มีการตั้งคณะทางานข้ึนเพ่ือพิจารณาศึกษาวิจัย เรื่อง “ปัจจัย
ส่คู วามสาเรจ็ ของเศรษฐกจิ ฐานราก”

คณะทางานชุดนี้เม่ือได้พิจารณาศึกษาและดาเนินการใด ๆ แล้ว ให้รายงานต่อ
คณะอนุกรรมาธิการการลงทุนและเศรษฐกิจฐานราก เพื่อนาเสนอต่อคณะกรรมาธิการการพาณิชย์
และการอตุ สาหกรรม วุฒสิ ภา ต่อไป

๑. คณะทางานศึกษาวิจัย เร่ือง “ปัจจัยสู่ความสาเร็จของเศรษฐกิจฐานราก”

ประกอบดว้ ยบุคคล ดงั ต่อไปนี้

(๑) พลเอก วีรณั ฉนั ทศาสตร์โกศล ประธานคณะทางาน

(๒) นายสบื สวสั ดิ์ วฒุ วิ รดิษฐ์ รองประธานคณะทางาน

(๓) นางรัตนา สยั ยะนิฐี คณะทางาน

(๔) นางเกณกิ า เฟื่องฟู คณะทางาน

(๕) นางทิพวรรณ สังเกตุ คณะทางาน

(๖) นางสายพริ ณุ น้อยศริ ิ คณะทางาน

(๗) นางสาวสุภารตั น์ ฮนุ พงษส์ มิ านนท์ คณะทางาน

(๘) นางกรรณกิ าร์ จรสั อุไรสิน คณะทางาน

(๙) นางสาวธีรพรรณ ใจม่นั คณะทางาน


246

(๑๐) นางสาวชมพนู ุท ต้งั ถาวร คณะทางาน
(๑๑) นายชนาธิป โรจนส์ ิรวรพัฒน์ คณะทางาน
(๑๒) นายขวัญชัย ปฏิมาหงสท์ อง คณะทางานและเลขานกุ าร
(๑๓) นางสาวสุหชา ชวลิตปรีชา คณะทางานและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร

๒. ให้คณะทางานฯ มหี น้าที่และอานาจ ดังตอ่ ไปน้ี

(๑) วิเคราะห์ปัจจัยที่ทาให้เศรษฐกิจฐานรากประสบความสาเร็จ และปัจจัยที่ทา
ให้เกดิ อปุ สรรคในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก หรือทาใหเ้ ศรษฐกิจฐานรากลม้ เหลว

(๒) พิจารณา วิเคราะหแ์ ละสังเคราะห์ ข้อมลู ที่เกย่ี วข้องกับเศรษฐกจิ ฐานราก
(๓) เสนอมาตรการกลไก - เคร่ืองมอื เพือ่ ขับเคลือ่ นเศรษฐกิจฐานราก
(๔) รวบรวมข้อมูล เสนอความเห็นต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการการลงทุน
และเศรษฐกจิ ฐานราก

ทัง้ น้ี ต้งั แตว่ ันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป

ส่งั ณ วันท่ี ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓

(นางอภริ ดี ตันตราภรณ)์
ประธานคณะกรรมาธกิ ารการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม

วุฒิสภา


แบบสอบถาม


249

แบบสอบถาม

แบบสอบถามน้ีเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาของคณะอนุกรรมการการลงทุนและเศรษฐกิจฐานราก
ในคณะกรรมาธิการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา เร่ือง “การศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบาย
การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาอย่างย่ังยืน” เพ่ือนาผลการศึกษาไปเป็นต้นแบบในการพัฒนา
เศรษฐกิจฐานรากท่ีเหมาะสมกับประชากรกลุ่มเป้าหมายเพื่อการรอดพ้นจากเส้นความยากจนต่อไป
โดยสอบถามจากกลุม่ ต่าง ๆ ในชมุ ชน รวมทงั้ สิ้น 24 กลุ่ม

แบบสอบถามประกอบด้วย 5 ส่วน ดังนี้ 1) ด้านประชากรศาสตร์ 2) ปัจจัยสภาพแวดลอมภายนอก
3) ปจั จัยสภาพแวดลอ้ มภายใน 4) กระบวนการดาเนนิ งาน 5) ผลผลติ จากการดาเนนิ งาน

ขอความร่วมมือจากทา่ นในการในการให้ข้อมูลและแสดงความคดิ เห็น โดยการทาเครื่องหมายใน / ในชอ่ ง
ที่ตรงกับความคดิ เห็นของทา่ น
ส่วนที่ 1 ด้านประชากรศาสตร์
ข้อมูลส่วนบุคคล
1. เพศ

( ) ชาย ( ) หญิง
2. อายุ

( ) ตา่ กวา่ 20 ปี
( ) 21 – 30 ปี
( ) 31 – 40 ปี
( ) 41 – 50 ปี
( ) 51 – 60 ปี
( ) 60 ปี ขน้ึ ไป
3. สถานภาพ
( ) โสด
( ) แตง่ งาน
( ) หยา่ รา้ ง
( ) แยกกันอยู่
( ) อืน่ ๆ ......................

1


250

4. การศกึ ษา
( ) มธั ยมศึกษาตอนต้น
( ) มัธยมศึกษาตอนปลาย
( ) ปวช.
( ) ปวส.
( ) ปรญิ ญาตรี
( ) ปริญญาโท
( ) อืน่ ๆ.............................

5. อาชีพหลัก
( ) รบั จา้ ง
( ) เกษตรกร
( ) ธรุ กจิ
( ) รบั ราชการ
( ) อ่นื ๆ.............................

6. จานวนคนในครอบครัว
( ) ตา่ กว่า 3 คน
( ) 4- 5 คน
( ) มากกว่า 5 คน

7. รายไดเ้ ฉลี่ยตอ่ เดือน
( ) ต่ากว่า 5,000 บาท
( ) 5,0001 – 10,000 บาท
( ) 10,001 – 15,000 บาท
( ) มากกวา่ 15,000 บาท

2


251
ข้อมูลดา้ นกลมุ่ (ข้อมูลดา้ นนจี้ าเปน็ ตอ้ งตอบทกุ ข้อ)
1. สถานภาพทางธุรกจิ ของกลุ่ม

( ) กล่มุ อาชพี ระยะเวลาดาเนนิ การของกลุ่ม ........... ปี
( ) กลมุ่ สหกรณ์ ระยะเวลาดาเนินการของกลุ่ม ........... ปี ระยะเวลาการจดทะเบยี นของกลุม่ .......... ปี
( ) กลมุ่ วสิ าหกจิ ระยะเวลาดาเนินการของกล่มุ ........... ปี ระยะเวลาการจดทะเบียนของกลมุ่ .......... ปี
( ) บริษัทจากดั ระยะเวลาดาเนนิ การของกลุม่ ........... ปี ระยะเวลาการจดทะเบียนของกลุ่ม .......... ปี
( ) อนื่ ๆ.....................................................................
ระยะเวลาดาเนินการของกลุ่ม ........... ปี ระยะเวลาการจดทะเบียนของกล่มุ .......... ปี
2. ประเภทของธุรกิจของกล่มุ
( ) เกษตรแปรรูปในชมุ ชน
( ) ท่องเท่ยี วชุมชน
( ) อุตสาหกรรมชุมชน

3. ผลติ ภัณฑ์ของกลมุ่ ...............................................................
4. ตาแหน่ง/บทบาทของทา่ นในกลุม่

( ) ประธาน
( ) กรรมการ
( ) สมาชกิ กลุม่
( ) อ่ืน ๆ .................................
5. ระยะเวลาในการมีส่วนรว่ ม/มบี ทบาทในกลุ่ม
( ) นอ้ ยกวา่ 1 ปี
( ) 1-3 ปี
( ) 3-5 ปี
( ) 5 ปีข้นึ ไป

3


ส่วนท่ี 2 ปจั จยั สภาพแวดล้อมภายนอก 252

ท่านคดิ วา่ ปัจจัยด้านต่าง ๆ ต่อไปน้ีส่งผลต่อความสาเร็จในการดาเนนิ งานของกลุ่มในระดบั ใด

ปจั จัย มากท่สี ดุ ระดับความคดิ เห็น ไม่มี
ด้านกฎหมาย นอ้ ยทีส่ ดุ ความเหน็
1. ความรู้ ความเขา้ ใจของทา่ นเกย่ี วกับวสิ าหกจิ ชุมชน มาก ปานกลาง นอ้ ย
อยใู่ นระดับใด
2.การให้ความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกบั วิสาหกิจชมุ ชนมี
ความสาคญั ในระดบั ใด
3. หน่วยงานภาครฐั ทใ่ี ห้การสง่ เสรมิ และสนับสนนุ
การดาเนนิ งานของกลุ่ม
3.1 กรมการพัฒนาชุมชน
3.2 กรมส่งเสริมการเกษตร
3.3 กรมพัฒนาธรุ กิจการคา้
3.4 กรมสง่ เสริมอุตสาหกรรม
3.5 กรมการค้าภายใน
3.6 สานกั งานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
/สถาบันการศึกษา/มหาวิทยาลัยในพนื้ ท่ี
3.7 อ่ืน ๆ ..................................................
4. การสง่ เสริมและสนบั สนนุ จากหน่วยงานภาครัฐ
ชว่ ยใหก้ ลุม่ ประสบความสาเร็จในระดับใด
ด้านการเมือง
1. นโยบายการพัฒนาและการสง่ เสรมิ จากหน่วยงาน
ภาครฐั ทาให้กลุ่มของทา่ นประสบความสาเรจ็ ในระดับใด
2. นโยบายการพฒั นาและการสง่ เสริมจากหน่วยงานภาครัฐ
มีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติในระดับใด
3. นโยบายการพฒั นาและการสง่ เสริมจากหน่วยงานภาครฐั
เอือ้ ใหเ้ กิดภาคเี ครือข่าย และความเข้มแข็งของกล่มุ ในระดับใด
ดา้ นสังคม
1. การสง่ เสริมและสนับสนุนการดาเนินงานของกลมุ่ ดว้ ยการวจิ ยั
และพฒั นานวตั กรรมส่งผลตอ่ ความสาเร็จของกล่มุ ในระดบั ใด
2. การสง่ เสริมและสนบั สนนุ การดาเนนิ งานของกลุ่มดว้ ย
การพฒั นาแอพพลิเคช่นั / การพฒั นาช่องทางการตลาด
ออนไลน์ สง่ ผลต่อความสาเร็จของกลุ่มในระดบั ใด

4


253

ปัจจัย ระดับความคิดเหน็ ไมม่ ี
น้อยท่ีสุด ความเห็น
ดา้ นวฒั นธรรม มากทสี่ ุด มาก ปานกลาง น้อย
1. การส่งเสรมิ การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ชุมชนทีม่ ี
อัตลักษณ์ส่งผลต่อการดาเนินงานของกลุ่มในระดับใด

2. การสง่ เสรมิ องคค์ วามรชู้ มุ ชน ภมู ิปญั ญาชมุ ชนและ
ปราชญ์ชุมชนมีผลต่อการดาเนินงานของกลุม่ ในระดบั ใด

ดา้ นสถานการณ์ปจั จุบนั
1. การส่งเสริมทกั ษะอาชีพมผี ลต่อการดาเนินงานของ
กลุม่ ในระดับใด

2. การสง่ เสรมิ ด้านการพัฒนาผลติ ภัณฑ์ /นวัตกรรมมผี ล
ต่อการดาเนนิ งานของกลมุ่ ในระดับใด

3. การส่งเสริมดา้ นการตลาดออนไลน์ มผี ลตอ่ การ
ดาเนนิ งานของกลุ่มในระดับใด

4. การสง่ เสริมด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมมผี ลต่อการ
ดาเนนิ งานของกลุ่มในระดับใด

5. การสง่ เสริมความรู้ด้านธรุ กจิ การบรหิ ารจัดการ การ
ผลิต การตลาด และระบบการเงินบัญชมี ผี ลตอ่ การ
ดาเนนิ งานของกลุ่มในระดับใด

6. การกระตนุ้ เศรษฐกิจด้วยกิจกรรมรปู แบบใหม่ เช่น
ตลาดอนิ ทรยี ์ ตลาดอนรุ ักษ์ ตลาดยอ้ นยคุ การทอ่ งเทีย่ ว

ชุมชน เป็นตน้ มผี ลต่อการดาเนินงานของกลุม่ ในระดบั ใด

ส่วนที่ 3 ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายใน

ทา่ นคดิ วา่ ปัจจยั ด้านตา่ ง ๆ ตอ่ ไปน้สี ่งผลต่อความสาเร็จในการดาเนนิ งานของกลุ่มในระดับใด

ปัจจยั ระดับความคิดเห็น ไม่มี
ความเห็น
มากทสี่ ดุ มาก ปานกลาง น้อย น้อยท่สี ดุ

1. ผนู้ ากลุม่ มีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการ

พัฒนากลุ่มในระดับใด

2. ในชุมชนมี “ทนุ ชุมชน” ที่สง่ เสรมิ การพฒั นากลุ่ม

ในระดับใด

2.1 สถาบนั การเงินชุมชน

2.2 องค์ความรู้ ภมู ปิ ัญญา

2.3 ปราชญช์ มุ ชน

5


Click to View FlipBook Version