The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tuahuay, 2022-11-01 02:43:10

รายงานการพิจารณาศึกษา ปัจจัยสู่ความสำเร็จของเศรษฐกิจฐานราก โดยพิจารณาจากนโยบายการบูรณาการหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนตามยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี

สำนักกรรมาธิการ ๑

155

กลุ่ม รายละเอียด

กลุม่ เกษตรแปรรูป กลุ่มวสิ าหกจิ 1. นโยบายและมาตรการส่งเสริมกลุ่มวสิ าหกิจ โดยเฉพาะเรื่อง

ชมุ ชนบา้ นสมนุ ไพรคีรวี ง การส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ตาบลกาโลน อาเภอลานสกา (Small and Medium Enterprises หรอื SMEs) เป็นสงิ่ ท่ีรัฐบาล

จงั หวดั นครศรีธรรมราช เน้นว่าจาเป็นต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนา

ประเทศ เนื่องจากวสิ าหกจิ ชุมชนเปน็ ตวั ขับเคล่ือนระบบเศรษฐกิจ

ฐานรากทส่ี าคัญ

2. นโยบายที่ส่งเสริมเก่ียวกับการท่องเที่ยวชุมชนเป็นส่วนหนุน

เสริมให้เกิดการเพิ่มรายได้ให้กับคนในชุมชน รวมท้ังเป็น

การกระตุ้นเศรษฐกิจระดบั ฐานรากทีผ่ ูกโยงกับวิสาหกิจชุมชนและ

การท่องเที่ยว เป็นฐานซ่ึงชุมชนคีรีวงได้เป็นแหล่งท่องเที่ยว

ท่ีสาคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คแหล่ง

ทอ่ งเทีย่ วหน่งึ ของจังหวดั

3. หน่วยงานภาครัฐให้การส่งเสริม : ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชน

บ้านสมุนไพรคีรีวง ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากหน่วยงาน

ภาครัฐ ได้แก่ เกษตรอาเภอ พาณิชย์จังหวัด ได้เข้ามาส่งเสริม

สนับสนุนเกี่ยวกับด้านการตลาด การจัดจาหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์

ชุมชนของกลมุ่

ตารางที่ 4-17 การถอดบทเรียนประเด็นปจั จัยภายในทีส่ ่งผลตอ่ การดาเนนิ งานของกลุ่มด้านเกษตรแปรรปู

กลมุ่ รายละเอยี ด

กลมุ่ เกษตรแปรรูปลาไยอบแห้ง 1) การเข้าถึงปัจจัยการผลิต บ้านริมร่อง ตาบลมะเขือแจ้

วสิ าหกิจชมุ ชนกลุม่ แมบ่ ้านรมิ ร่อง อาเภอเมือง เป็นหมู่บ้านหนึ่งท่ีมีการปลูกลาไยเป็นอาชีพหลักของ

ตาบลมะเขอื แจ้ อาเภอเมือง หม่บู า้ น และไดช้ ่ือว่าเปน็ ลาไยทีม่ ีคณุ ภาพ เนอ้ื อร่อย ในการดาเนิน

จงั หวดั ลาพูน ธุรกิจแปรรูปลาไยจึงสามารถเขา้ ถึงแหล่งวัตถุดิบได้ดี โดยวตั ถุดิบที่

นามาใช้ไดม้ าจากการรับซ้ือลาไยของสมาชิกในกลุ่มและเครอื ขา่ ย

2) ทุนทางวัฒนธรรม โดยมีการใช้ภูมิปัญญาท้องถ่ินในการ

ถนอมอาหาร ดว้ ยการอบแหง้ เปน็ ลาไยอบแหง้ เนอ้ื สที อง

3) บทบาทผู้นาชุมชน โดยในช่วงท่ีมีปัญหาราคาลาไยตกต่า

ผู้นากลุ่มแม่บ้านได้คิดหาทางออกให้กับคนในชุมชน ได้ใช้ภูมิ

ปัญญาท้องถ่ินในการถนอมอาหาร จนพัฒนากลุ่มเช่นในปัจจุบัน

และมีการสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น เน่ืองจากมีการสืบทอดกิจการและ

156

กลุ่ม รายละเอยี ด
ความรู้ไปยังรุ่นหลัง จึงสามารถพัฒนาธุรกิจของกลุ่มให้มี
ความก้าวหน้าและนาพาความรู้ใหม่ความคิดใหม่ ๆ ทาให้เกิดการ
พฒั นาธรุ กิจชุมชนใหท้ นั สมัยและก้าวหนา้ มากข้นึ
4) การบริหารจัดการกลุ่ม ที่มีจุดเด่นของการบริหารกลุ่ม
วิสาหกิจชุมชนแม่บ้านริมร่อง ซึ่งมีการบริหารจัดการ 2 ระดับ คือ
มีกลุ่มแม่บ้านในกลุ่มบุกเบิก และนักบริหารรุ่นใหม่ที่มีการศึกษา
และองค์ความรู้ในเรื่องการบริหารจัดการในรูปแบบใหม่ที่มีความ
ทันสมัยและนาเทคโนโลยีมาชว่ ยในการทางาน
5) การสร้างเครือขา่ ยและการมีส่วนร่วม : การดาเนินงานของ
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านริมร่องเน้นการสร้างเครือข่ายและมี
ส่วนร่วม โดยร่วมกันต้ังแต่ระดับหมู่บ้าน และมีการเช่ือมโยงกับ
เครือขา่ ยวิสาหกิจชมุ ชนอาเภอเมืองลาพนู ซึ่งมสี มาชกิ กว่า 28 กลุ่ม
และการประชุมของเครือข่ายผู้ประกอบการลาไยจังหวัดลาพูน
จึงสามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบ และสร้างการ
เรียนรู้ร่วมกันได้
6) การได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์กร หน่วยงานระดับ
ต่าง ๆ เชน่ อย., GMP, HACCP, ฮาลาล, OTOP, GI และการรบั รอง
มาตรฐานผลิตภัณฑ์จาก USA ทาให้ได้รับการยอมรับจากกลุ่ม
ลกู ค้าต่างประเทศมากยิง่ ขนึ้
7) การสร้างแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ กลุ่มมีการดาเนินงาน
ภายใต้แบรนด์สวัสดี( Sawasdee) และ “Rim di’ Rong” และมี
สินค้าวางขายที่คิงส์ พาวเวอร์ ในท็อป ซุปเปอร์มาร์เก็ต และห้าง
อีกหลายแห่งที่เชียงใหม่ ทาให้เป็นที่จดจา และสร้างการยอมรับ
จากลูกค้าได้ง่าย และเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ต้ังแต่การได้รับรางวัล
ดีเด่นด้านต่าง ๆ ท้ังในระดับจังหวัดและระดับเขต การออกงาน
แสดงสินค้าท้งั ในและต่างประเทศ การเข้าเยย่ี มชมศึกษาดงู านจาก
หนว่ ยงานต่าง ๆ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจากท่วั ประเทศ ตลอดจน
มเี พจออนไลน์ของแบรนดส์ วสั ดี
8) ช่องทางการตลาด โดยปจั จบุ ันมีชอ่ งทางการจาหน่าย 5
ช่องทาง คือ การขายหนา้ ร้านที่บา้ นสันปา่ เหยี ง จาหนา่ ยใน
หา้ งสรรพสนิ คา้ การจาหน่ายทางเพจออนไลน์ การเปดิ บตู๊ สนิ ค้า

กลมุ่ 157

กล่มุ เกษตรแปรรูปดวงใจ รายละเอียด
มะพรา้ วแกว้ บ้านน้อย ในงานตา่ ง ๆ ทท่ี างหนว่ ยงานเปน็ ผูจ้ ัดทง้ั ในและตา่ งประเทศ และมี
อาเภอเชยี งคาน จังหวดั เลย พ่อค้าคนกลางมารับไปวางขายในร้านของตนเอง

9) การพัฒนาและตอ่ ยอดกิจกรรมอยา่ งต่อเนือ่ ง ทงั้ ในดา้ น
บรรจภุ ัณฑ์ การพัฒนาคณุ ภาพ ระบบการตลาด โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่
การพัฒนากลมุ่ ให้มสี ถานะเป็นท้งั กลุม่ ผ้ผู ลติ และทาการตลาดเอง
สามารถกาหนดราคาขาย และมีตลาดอยา่ งกว้างขวางทง้ั ในและ
ต่างประเทศ

1) กิจการของกลุ่มตงั้ อยูใ่ นสถานท่ที อ่ งเท่ียวและมนี กั ท่องเทยี่ ว
มาเทยี่ วตลอดท้ังปี

2) ผลิตภัณฑ์ของกลมุ่ ผลิตจากผลไม้ธรรมชาติแท้ ไม่มีสารเคมี
เจือปนและไม่ใชว้ ตั ถุกันเสีย

3) มีการเพ่ิมสีสันให้กับมะพร้าวแก้วโดยใช้สีจากธรรมชาติ
ซง่ึ คู่แข่งทางการค้ายังไม่มกี ารเพิม่ สีสันให้กบั มะพรา้ วแก้ว

4) สมาชิกกลุ่มมีความรู้ และทักษะเก่ียวกับการแปรรูปผลไม้
เป็นอย่างดี

5) ความหลายหลายและคุณภาพของสินค้า โดยกลุ่มนา
วัตถุดิบจากการเกษตรมาแปรรูปได้แก่ มะพร้าว กล้วย และเผือก
มาแปรรปู และใช้ความรูค้ วามเชี่ยวชาญเก่ียวกับเทคโนโลยีอาหาร
สมัยใหม่ประกอบภูมิปัญญาชาวบ้าน ให้ความสาคัญกับคุณภาพ
ของวัตถดุ ิบทีค่ ัดสรรเฉพาะ การทาความสะอาด การปรงุ แตง่ รส ทา
ให้สินค้าที่ได้มีรสชาดอร่อย และคุณภาพ เพ่ิมสีสันของสินค้า แต่
ราคาไม่แพง

6) การส่งเสรมิ การขายและประชาสมั พนั ธส์ ินค้าและผลติ ภณั ฑ์
ผ่านทางแฟนเพจในเฟสบุ๊ค โดยจะมีรปู ภาพสินคา้ ตา่ ง ๆ

7) มีการกาหนดแนวทางและเปา้ หมายของกลุ่มไวอ้ ยา่ งชัดเจน
โดยกาหนดว่าภายในระยะเวลา 1 ปี จะนาส่งสินค้าไปขายใน
สถานที่ทอ่ งเท่ียงตา่ งๆ ของจงั หวัดได้อย่างทว่ั ถึง และอีกระยะเวลา
3 – 5 ปี มีแผนที่จะขยายตลาดไปถึง ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้าน
สะดวกซื้อ 7-11 ส่วนแผนระยะยาว 5 ปี ต้ังเป้าไว้ว่าจะส่งขายใน
กลุม่ ประเทศอาเซยี น

158

กล่มุ รายละเอยี ด

กลมุ่ เกษตรแปรรูปคกุ กธี้ ัญพืช 8) เน่ืองจากกลุ่มจัดต้ังในแหล่งท่องเที่ยว ดังน้ัน จึงเช่ือมโยง
กระเจ๊ยี บ กลมุ่ แม่บ้านเกษตรกร การท่องเที่ยวเข้ากับสินค้าของกลุ่ม โดยมีการเน้นการศึกษาดูงาน
บา้ นพแุ ค ตาบลพแุ ค กระบวนการผลิตใหแ้ ก่นักท่องเทย่ี ว
อาเภอเฉลมิ พระเกยี รติ
จังหวดั สระบรุ ี 1) บทบาทผูน้ า ในช่วงทกี่ ลมุ่ แมบ่ ้านเกษตรกรทาขนมและขาย
ไม่ได้ เน่ืองจากมีสินค้าท่ีซ้ากันในหลายพื้นท่ี และไม่มีเอกลักษณ์
เฉพาะถ่ิน ประธานกลุ่มมีแนวคิดท่ีจะนากระเจี๊ยบมาบดเป็นผง
แล้วผสมไปกับแป้งในการทาคุกกี้ ผลปรากฏว่า มีรสชาติที่หอม
อร่อย สามารถนาไปจาหนา่ ยได้ในราคาทส่ี งู กวา่ น้ากระเจย๊ี บ

2) ทุนทางทรัพยากร : ในพ้ืนท่ีชุมชนบ้านพุแค มีการทา
การเกษตรโดยการปลูกต้นกระเจ๊ยี บเป็นจานวนมาก

3) การสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วม โดยกลุ่ม มีเครือข่าย
ทั้งในและนอกชุมชน ไปจนถึงต่างประเทศ เน้นให้คนในชุมชนได้มี
ส่วนร่วมในการผลิตสินค้า โดยให้คนในชุมชนท่ีมีการปลูกต้น
กระเจ๊ียบ นาผลผลิตมาส่งแล้วทางกลุ่มมีการรับซ้ือในราคาที่
เหมาะสม

4) แรงงานท่ีทาหน้าท่ีผลิตและเป็นแรงงานของกลุ่ม ล้วนแต่
เป็นคนในชุมชนพุแคท้ังส้ิน จึงสามารถปรึกษาหารือและควบคุม
คุณภาพการผลิตได้ดี

5) องค์ความรู้ในการผลิตคุกกี้ธัญพืชกระเจี๊ยบ เกิดการการ
สนับสนุนองค์ความร้ใู นการผลิตคุ๊กกี้ และ การปลูกตน้ กระเจ๊ียบทม่ี ี
คุณภาพจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

6) การบริหารจัดการกลุ่ม พบว่ามีการแบ่งบทบาทรับผิดชอบ
และส่วนงานอย่างชัดเจน โดยแบ่งออกเป็น 5 ส่วนงาน ได้แก่ 1)
ประธานและรองประธาน ที่ทาหน้าที่เป็นคนบริหารจัดการกลุ่ม
ตลอดจนการคิดกลยุทธ์ และวางแผนการดาเนินงาน แต่จะไม่ยุ่ง
เกี่ยวกับการเงนิ 2) สว่ นงานรบั คาส่งั ซื้อ มหี นา้ ที่ติดต่อประสานงาน
กับผูค้ า้ ตลอดจนการรบั คาสงั่ ซ้อื จากภาคส่วนอื่น ๆ 3) ส่วนงานการ
ผลิต มีหน้าท่ีดาเนินงานการผลิตสินค้าตามคาสั่งผู้ซื้อ 4) ส่วนงาน
การจัดส่งสนิ ค้า ทาหน้าทีจ่ ัดส่งสินค้าให้ทนั ตามเวลาท่ีกาหนด และ
5 ) ส่วนงานบัญชีและการเงิน มีหน้าท่ีบันทึกรายรับ รายจ่าย
ตลอดจนการส่ังซ้ือปัจจัยการผลิตอ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวข้อง โดยส่วนงาน

159

กลุ่ม รายละเอยี ด

บัญชีและการเงินจะมีการช้ีแจงบัญชีและแจ้งให้แก่สมาชิกได้รับ

ทราบในทุกเดอื น

7) สนิ ค้าของกลุ่มได้รับการรับรองมาตรฐานให้เปน็ ผลติ ภัณฑ์

OTOP 5 ดาว ได้รับการรับรองว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน

และมศี กั ยภาพในการสง่ ออก

8) มกี ารคิดค้นและพัฒนารูปแบบของสินคา้ อย่างตอ่ เน่อื ง และ

ยังคงยึดใน “จุดขาย” เดิมของสินค้าเป็นองค์ประกอบหลัก โดย

กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านพุแค มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์คุกก้ีธัญพืช

กระเจี๊ยบให้มีรูปทรงที่หลากหลาย อาทิ รูปดอกไม้ รูปหัวใจ

นอกจากน้ันยังมีการเพิ่มวัตถุดิบตกแต่งหน้าขนมจากธัญพืชต่าง ๆ

ด้วย เช่น เมล็ดทานตะวัน มะม่วงหิมพานต์ เมล็ดฟักทอง งาขาว

งาดา เป็นต้น แต่กล่มุ ยังมีการยดึ แนวปฏิบัติเดิมในการผลิตอยู่กค็ ือ

การนาผงกระเจี๊ยบแดงมาเป็นสวนผสมหลักในการผลิต

9) ช่องทางการตลาดและการจาหน่ายท่ีหลากหลายโดย

ช่องทางการตลาดและการจัดจามีจาหน่าย 5 ช่องทาง ได้แก่ 1)

การจัดจาหน่ายผ่านศูนย์โอทอปสระบุรีท่ีมีที่ต้ังอยู่ในพื้นท่ีตาบลพุ

แค ซึ่งเป็นศูนย์โอทอปที่รวบรวมสินค้าและผลิตภัณฑ์ของชุมชนที่

ใหญ่ที่สุดในประเทศ 2) การค้าแบบ Modern Trade หรือการจัด

จาหน่ายในห้างสรรพสินคา้ และร้านสะดวกซ้อื 3) การขายออนไลน์

ผ่านสื่อ Social Media และ 7-Catalog 4) การจัดจาหน่ายใน

ตลาดหัวปลี ท่ีเปน็ ตลาดท่องเที่ยวชุมชนท่ีมีชื่อเสียงในจังหวดั และ

5) การจัดจาหนา่ ยผา่ นการออกรา้ นของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ

กลมุ่ เกษตรแปร รปู กลุม่ วิสาหกิจ 1) ทนุ ชุมชน ในชมุ ชนบา้ นคีรีวง ตาบลกาโลน อาเภอลานสกา

ชมุ ชนบา้ นสมนุ ไพรคีรวี ง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซ่ึงเป็นสถานที่ตั้งของกลุ่มได้มีฐาน

ตาบลกาโลน อาเภอลานสกา ทรัพยากรธรรมชาติท่ีสาคัญ คือ ผลไม้ในชุมชน ประกอบด้วย

จังหวดั นครศรีธรรมราช ทุเรียน มังคุด สะตอ และผลไม้พื้นบ้านอ่ืน ๆ ซ่ึงถือว่าเป็นทุนทาง

ทรัพยากรท่ีสาคัญ ได้นามาแปรรูปและผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ของ

ชุมชนเพ่ือจาหน่าย นอกจากนั้นหมู่บ้านคีรีวงยังเป็นพ้ืนที่อุดม

สมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ อากาศที่ดีท่ีสุดในประเทศไทย

และเป็นพืน้ ทใี่ นการทอ่ งเทีย่ วท่สี าคัญของจงั หวัดนครศรีธรรมราช

2) การสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วม โดยกลุ่มวิสาหกิจ

ชุมชนบ้านสมุนไพรคีรีวง ได้สร้างเครือข่ายในระดับชุมชนคีรีวงที่มี

160

กลุ่ม รายละเอียด
กลุ่มหลากหลายไม่ว่าเป็นกลุ่มแม่บ้าน กลุ่มผ้ามัดย้อม กลุ่มลาย
เทียน กล่มุ ใบไม้ กล่มุ เกษตรกร เปน็ ตน้ และยังมีการสร้างเครอื ข่าย
ระดับจังหวัดผ่านทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างอาเภอในเครือข่าย
เช่น การสร้างความร่วมมือในการช่วยเหลือเร่ืองการวางจาหน่าย
สินค้าท่ีกลุ่มบ้านสมุนไพร และการแลกเปล่ียนเรียนรู้ระหว่างกลุ่ม
วิสาหกจิ ชุมชนด้วยกัน
3) การพัฒนาและต่อยอดกิจกรรม โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
บ้านสมุนไพรคีรีวง ได้ดาเนินการพัฒนาท้ังทางด้านการดาเนินงาน
ของกลุ่มท่ีเกี่ยวกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชน การสร้างศูนย์
เรียนรู้และการใหค้ วามรแู้ ก่กลมุ่ นักท่องเที่ยวหรอื ประชาชนท่ัวไปที่
เข้ามาท่องเท่ียวในชุมชน และปัจจุบันจะดาเนินการต่อยอด
กจิ กรรมการทาผลิตภณั ฑช์ มุ ชนอนื่ ๆ ที่นอกเหนอื จากผลติ ภัณฑท์ ี่มี
อยู่แล้ว ทางกลมุ่ ได้คิดพัฒนาและจะดาเนินการเก่ียวกับการแปรรูป
ผลไม้ อื่นๆ เช่น ผลไม้พื้นถ่ิน ซ่ึงมีอยู่ในชุมชน ได้แก่ มะเดื่อ และ
จะซ้ือเครื่องฟรีซดราย – Freeze Dry ในการแปรรูปและถนอม
อาหารมาใชผ้ ลติ ในกล่มุ ต่อไป
4) การสร้างองค์ความรู้จากชุมชนและการส่งเสริมความรู้เพื่อ
ประโยชน์การต่อยอด ซึ่งกลุ่มมีการสะสมความรู้จากการลองผิด
ลองถูก จนได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีช่ือเสียงในปัจจุบัน
และได้พัฒนาองค์ความรู้ดังกล่าวสร้างเป็นศูนย์เรียนรู้ เพ่ือให้
ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปเก่ียวกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชน
โดยเฉพาะกรณกี ารแปรรูปจากมงั คุด
5) การตลาด กลุม่ มีการวางจาหนา่ ยสินค้าชุมชนทีห่ นา้ รา้ น คือ
กลุ่มบ้านสมุนไพรคีรีวง ซ่ึงเป็นจุดวางจาหน่ายหลัก เนื่องจาก
นักท่องเที่ยวที่มาจากภายนอกชุมชนในรูปแบบของกลุ่มทัวร์ กลุ่ม
ทศั นศึกษา กลุ่มนักเรียน นักศึกษา จะเข้ามาท่องเที่ยวในชุมชนคีรี
วงจานวนมากในแต่ละวนั ช่องทางตอ่ มาคอื การได้รับการสนับสนนุ
จากภาคส่วนหน่วยงานภาครัฐในการโปรโมทสินค้าผ่านทางการ
ออกบูทจาหน่ายสินค้าไม่ว่าเป็น เกษตรอาเภอลานสกา หรือ
พาณิชย์จังหวัด ในการออกงานเพ่ือจัดจาหน่ายสินค้าในงานสาคัญ
ของจังหวัดนครศรธี รรมราช

161

กลมุ่ รายละเอียด
6) การสอ่ื สารสร้างการรบั รู้เพ่อื ความยั่งยืน : การสรา้ งการรับรู้

เพื่อความย่ังยืนทางกลุ่มได้เสนอว่า การสร้างการรับรู้ท่ีสาคัญท่ีสุด
คือ ปากต่อปาก และการให้ความสนใจ จริงใจต่อลูกค้าใน
รายละเอียดเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ เพื่อสรา้ งความประทับใจแกล่ ูกค้าโดยไม่
หวังผลกาไรจนเกินจริง ซึ่งทาให้ลูกค้าหรือกลุ่มนักท่องเที่ยวได้ไป
ขยายผลต่อในกรณีที่ดีและประทับใจก็จะชักชวนมาซ้ือสินค้าหรือ
ผลิตภัณฑ์ชุมชนทางกลุ่มบ้านสมุนไพรต่อไป ส่วนอีกช่องทางหนึ่ง
คือการจัดจาหน่ายและประชาสัมพันธ์งานทางออนไลน์ ไม่ว่าจะ
เป็น Facebook เพจของกลุ่ม เพื่อประชาสัมพันธ์ทั้งสถานท่ี
ท่องเที่ยว เพ่อื การถา่ ยทอดความรู้ท่ศี ูนย์การเรียนรู้ของกลุม่ เพื่อให้
เกดิ การสร้างจิตสานึกและรูค้ ณุ ค่าของทรพั ยากรธรรมชาติ หรือการ
แปรรปู จากวสั ดุเหลือใช้ โดยเฉพาะเปลือกผลไมไ้ ด้แก่ เปลือกมังคุด
เป็นต้น

7) การบริหารจัดการ: กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านสมุนไพรคีรีวง
ได้ด าเนิ น การบริ ห าร จัด การ กลุ่ม ผ่าน การ ปร ะ ชุมของ
คณะกรรมการโดยมกี ารประชมุ ทุก ๆ 1 เดอื น โดยมโี ครงสร้างท่ีชัด
จน มีการกาหนดเปา้ หมายการดาเนินงานของกลมุ่ อยา่ งชดั เจน

ตารางที่ 4 – 18 การถอดบทเรียนประเดน็ ผลลพั ธ์ของการดาเนนิ การของกลุ่มด้านเกษตรแปรรปู
ท่เี กิดขึ้นตอ่ ครอบครวั และชมุ ชน

กลมุ่ รายละเอยี ด

กลมุ่ เกษตรแปรรูปลาไยอบแหง้ 1) ครอบครวั มรี ายไดเ้ พมิ่
วิสาหกิจชุมชนกลมุ่ แม่บา้ นริมร่อง 2) เศรษฐกจิ ชมุ ชนเขม้ แขง็ กอ่ ใหเ้ กดิ รายไดห้ มนุ เวียนภายในกลุ่ม
ตาบลมะเขอื แจ้ อาเภอเมอื ง ตลอดปี
จงั หวดั ลาพนู 3) มีการกระจายรายได้ในชุมชน ทั้งในฐานะผู้ปลูกลาไย สมาชิก
กลุ่มผลติ แรงงานรบั จา้ ง และผขู้ ายสนิ คา้ ผลติ ภัณฑ์
4) ความสัมพันธ์ของคนในชุมชน มีกิจกรรมในชุมชนรูปแบบ
ต่าง ๆ ทั้งงานประเพณีต่าง ๆ ของชุมชน หรือการสร้างงานให้
คนในชุมชนทัง้ ผสู้ ูงอายแุ ละวัยแรงงาน

162

กลุ่ม รายละเอียด
5) สวสั ดกิ ารชมุ ชน โดยมีการระดมเงินออมหมนุ เวียนทุกเดือน ๆ
กลมุ่ เกษตรแปรรปู ดวงใจ ละ 1,000 บาท ทุกวันท่ี 1 ของเดือน และมีการปันผลกาไรให้แก่
มะพร้าวแกว้ บ้านนอ้ ย สมาชิก และกลุ่ม
อาเภอเชียงคาน จงั หวดั เลย
กลมุ่ เกษตรแปรรูปคุกกธ้ี ญั พืช ไม่ปรากฎการให้ขอ้ มลู ในระหว่างการถอดบทเรยี น
กระเจ๊ยี บ กลมุ่ แมบ่ ้านเกษตรกร
บ้านพุแค ตาบลพแุ ค 1) ครอบครวั มรี ายไดเ้ พ่มิ เพราะมแี หลง่ รายได้เพ่มิ เปน็ 2 ทาง
อาเภอเฉลมิ พระเกยี รติ 2) ชุมชนมีแนวโน้มที่จะอพยพถ่ินฐานไปทางานอยู่เมืองใหญ่ให้
จังหวดั สระบรุ ี ยังคงอย่ใู นชมุ ชนต่อไป
3) การหมุนเวียนเศรษฐกิจในระดับหมู่บ้าน เนื่องจากมีการ
กลุ่มเกษตรแปรรปู กลุ่มวสิ าหกจิ จ้างงาน ทาให้คนในชุมชนไม่ต้องออกไปทางานต่างถิ่น ช่วยลด
ชมุ ชนบา้ นสมุนไพรครี วี ง ปัญหาการว่างงานของคนในชุมชน และการรับซื้อกระเจ๊ียบแดง
ตาบลกาโลน อาเภอลานสกา จากคนในชุมชน
จังหวดั นครศรธี รรมราช 4) การกระจายรายได้ในชุมชน โดยกิจกรรมของกลุ่มช่วยดึงคน
ในชุมชนเข้ามาเป็นสมาชิกและดาเนินงานร่วมกับกลุ่ม เกิดการรับ
ซอื้ วัตถุดิบในการผลิตจากคนในชุมชน เป็นการสร้างงานสร้างอาชพี
ในชมุ ชน
5) ความสัมพันธ์ของคนในชุมชน โดยกลุ่มได้มีการสนับสนุนการ
จัดกจิ กรรมประเพณีท่สี าคัญในชุมชน เช่น การตักบาตรพระอุปคุต
อกี ทง้ั การใหก้ ารสนับสนุนสิง่ ของต่าง ๆ ให้กบั โรงเรยี นในเขตตาบล
พุแคในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันเด็ก นอกจากนน้ั ทางกลุ่มแม่บ้าน
เกษตรกรบา้ นพุแคก็ได้มีการจัดสรรเงนิ ของกลุ่มให้เป็นทนุ การศกึ ษา
ของนักเรียนในเขตพ้ืนท่ีตาบลพุแคทั้ง 4 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียน
วัดพุแค โรงเรียนวัดใหม่สามัคคีธรรม โรงเรียนวัดวังเลน โรงเรียน
วดั หนองหว้า
1) ครอบครัวมีรายได้เพ่ิม โดยสมาชิกของกลุ่มมีรายได้เพ่ิมมาก
ขึน้ จากอาชีพการทาสวนผลไม้โดยมรี ายได้ตอ่ เดือน ประมาณเดือน
ละ 3,000 บาท
2) เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งมากขึ้น จากรายได้ท่ีเกิดจากการทา
ผลิตภัณฑ์ชุมชน และมีส่วนทาให้เกิดการกระจายรายได้ในระดับ
ครัวเรือนแก่คนในชุมชนเช่น การนาผลไม้ จากเกษตรกรในชุมชน
มาเปน็ วตั ถุดบิ ในการแปรรปู กท็ าให้เกดิ รายไดแ้ กค่ นในชุมชน

163

กล่มุ รายละเอยี ด

3) การกระจายรายได้ในชุมชน เพราะการรวมกลุ่มกันทา
ผลิตภัณฑ์ชุมชนในการแปรรูปอาหารนอกจากยังทาให้เกิดรายได้
ระดบั บุคคล ครัวเรือนแลว้ ยงั กอ่ ใหเ้ กดิ การกระจายรายได้ใหแ้ กค่ น
ในชมุ ชน
4) สวัสดิการชมุ ชนนั้น พบว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านสมนุ ไพรครี ีวง
ได้ดาเนินการรวมกลุ่มเปน็ กลุม่ ออมทรัพยข์ องสมาชกิ กลุ่ม ได้มีการ
ออมเงินของสมาชกิ เดือนละ 100 บาท เป็นขัน้ ต่า และถ้าสมาชกิ มี
กาลังในการออมเงินมากกว่านั้น ก็จะเป็นความสมัครใจของแต่ละ
บุคคล เพื่อนามาดาเนินการเกี่ยวกับการจัดสวัสดิการ ด้านการ
รักษาพยาบาล การใช้จ่ายกรณีฉุกเฉิน โดยผ่านการกู้ยืมของกลุ่ม
ออมทรัพย์

ตารางท่ี 4-19 การถอดบทเรยี นประเดน็ ปญั หาและอุปสรรคในการการดาเนินการของกลุม่ ด้านเกษตรแปรรปู

กล่มุ รายละเอยี ด

กลุม่ เกษตรแปรรูปลาไยอบแห้ง 1) การผลิตลาไยอบแห้งเนื้อสีทองมีการแข่งขันทางการตลาด

วสิ าหกจิ ชมุ ชนกลุ่มแมบ่ า้ นริมร่อง สงู ข้นึ มีผปู้ ระกอบการลาไยอบเนอื้ สีทองเป็นจานวนมาก

ตาบลมะเขอื แจ้ อาเภอเมอื ง 2) ความผนั ผวนของราคาวัตถดุ บิ ท้งั เฉพาะช่วงฤดูกาลและนอก

จงั หวดั ลาพูน ฤดูกาล อนั เกดิ จากการไม่สามารถกาหนดราคาขายของเกษตรกร

ผูผ้ ลิตลาไย

3) ต้นทุนวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ และในการแข่งขันทาง

การตลาดยังทาให้ต้นทุนในการถนอมผลิตภัณฑ์เพ่ิมข้ึนจากการเช่า

ห้องเยน็ เกบ็ รักษาในระยะเวลานานขึ้น

4) ความยากในการส่งเสริมการบริโภคลาไยอบแห้งเนื้อสีทอง

ภายในประเทศ

กลุ่มเกษตรแปรรปู ดวงใจ 1) ผลิตภัณฑ์อยู่ได้ไม่นานเพราะไม่ได้ใช้สารกันบูดอยู่ได้เพียงแค่

มะพรา้ วแกว้ บ้านนอ้ ย 20 วัน

อาเภอเชียงคาน จงั หวดั เลย 2) ถงุ ท่ีบรรจมุ ีขนาดเดียวทาให้ไม่มคี วามหลากหลายในการเลือก

ซ้ือตามความชอบ

3) กลุ่มขาดความรู้เรื่องการตลาด ทาให้ไม่สามารถจาหน่าย

ผลิตภณั ฑไ์ ดค้ รอบคลุม

4) ขาดเทคโนโลยใี นการผลติ สินค้าและลดต้นทุนการผลติ

164

กล่มุ รายละเอียด

5) ร้านค้าท่ีขายสินค้าแบบเดียวกันอยู่เป็นจานวนมาก ทาให้การ
มกี ารแขง่ ขันสูง ซึ่งทางกลุ่มจะตอ้ งพยายามสร้างความแตกต่างและ
โดดเด่นให้กับผลิตภณั ฑ์

6) ราคาวัตถุดบิ ที่ใช้ในการแปรรปู มีความผันผวน ส่งผลตอ่ ตน้ ทุน
ในการผลิตสนิ คา้ มรี าคาสูง บางครั้งตอ้ งใช้เงินสงู ซอ้ื วตั ถุดิบกกั ตุนไว้
ใหเ้ พียงพอ

กลุ่มเกษตรแปรรูปคุกก้ีธัญพืช ไมป่ รากฏการใหข้ ้อมลู ในระหว่างการถอดบทเรยี น
กระเจี๊ยบ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร
บา้ นพุแค ตาบลพแุ ค
อาเภอเฉลมิ พระเกียรติ
จังหวัดสระบุรี

กลุ่มเกษตรแปร รปู กลมุ่ วสิ าหกจิ ไม่ปรากฎการให้ขอ้ มลู ในระหว่างการถอดบทเรยี น
ชุมชนบ้านสมนุ ไพรครี วี ง
ตาบลกาโลน อาเภอลานสกา
จังหวดั นครศรธี รรมราช

ตารางท่ี 4-20 การถอดบทเรียนประเดน็ ขอ้ เสนอแนะเพือ่ การพฒั นากลุ่มและสง่ เสรมิ งานพัฒนา
เศรษฐกจิ ฐานรากด้านเกษตรแปรรปู

กลุ่ม รายละเอียด

กล่มุ เกษตรแปรรปู ลาไยอบแหง้ 1) การบริหารจัดการราคาวัตถุดิบทางการเกษตร ให้เกษตรกรท่ี

วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแมบ่ ้านรมิ รอ่ ง ได้รับความเดือดร้อนสามารถประกอบอาชีพต่อไปได้ และ

ตาบลมะเขือแจ้ อาเภอเมอื ง ผ้ปู ระกอบการ ธุรกจิ ชุมชนสามารถดาเนินกจิ การได้

จงั หวดั ลาพนู 2) การควบคุมหรือช่วยเหลือทางยุทธศาสตร์แก่ภาคธุรกิจชุมชน

ในสนามการแข่งขันทางการตลาด โดยเฉพาะการแข่งขันกับนัก

ธุรกิจชาวจีน

3) การช่วยเหลือด้านเงินลงทุนทั้งดอกเบ้ียและการผ่อนชาระ

ในช่วงเศรษฐกิจตกตา่

กลุ่มเกษตรแปรรูปดวงใจ 1) ต้องการให้หน่วยงานวิชาการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา

มะพร้าวแกว้ บา้ นนอ้ ย ผลติ ภัณฑ์ โดยยืดวนั หมดอายุผลติ ภณั ฑ์ การสง่ สนิ ค้าไปจาหน่ายใน

อาเภอเชียงคาน จังหวดั เลย ต่างประเทศจะใช้เวลานานกว่าสินค้าจะไปถึงมือลูกค้า สินค้าจะ

หมดอายุก่อน

165

กลุ่ม รายละเอยี ด

2) ต้องการให้มีการสนับสนุนเทคโนโลย่ีที่เหมาะสมกับการผลิต
และการบรรจหุ บี ห่อ

3) ต้องการให้หน่วยงานรัฐชว่ ยหาช่องทางการจาหนา่ ยผลิตภัณฑ์
ให้หลากหลายชอ่ งทางเพม่ิ มากข้นั

4) ต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนสร้างโรงงานกลางแปรรูปสินค้า
เกษตร ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและมีสถานที่บรรจุหีบห่อของ
ผลติ ภัณท์ โดยเปิดโอกาสใหก้ ลมุ่ แปรรูปสนิ ค้าเกษตร สามารถไปใช่
ร่วมกันโดยคิดค่าใช้จา่ ยในการดาเนนิ งานในราคาไม่แพงมาก

กลุ่มเกษตรแปรรูปคุกกี้ธัญพืช ไมป่ รากฎการใหข้ อ้ มูลในระหว่างการถอดบทเรียน

กระเจี๊ยบ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร

บา้ นพแุ ค ตาบลพุแค

อาเภอเฉลมิ พระเกยี รติ

จงั หวดั สระบุรี

กลุ่มเกษตรแปร รปู กลุ่มวสิ าหกจิ เนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจระดับฐานรากเป็นส่วนสาคญั อย่างย่ิง

ชมุ ชนบา้ นสมนุ ไพรครี วี ง ตอ่ ภาคประชาชน ดังนนั้ ต้องมกี ารใหค้ วามรู้ เสริมสรา้ งความเขา้ ใจ

ตาบลกาโลน อาเภอลานสกา และทาให้ประชาชนเห็นคุณค่าหรือการพ่ึงพาตนเองด้านเศรษฐกิจ

จังหวัดนครศรีธรรมราช ระดับชุมชน แลว้ ย่อมจะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจระดบั ประเทศ

จากข้อมลู ดงั กล่าวขา้ งต้น พบว่า

1. ปจั จยั สภาพแวดล้อมภายนอก ไดแ้ ก่
1.1 นโยบายและมาตรการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนเพื่อการขับเคล่ือนเศรษฐกิจ

ฐานราก การสนับสนนุ และการเข้าถึงแหล่งทนุ
1.2 หน่วยงานภาครัฐให้การส่งเสริม เช่น กรมการพัฒนาชุมชน อุตสาหกรรมจงั หวัด

พาณชิ ยจ์ งั หวัด องค์การอาหารและยา (อย.) ในด้านมาตรฐานสนิ คา้ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด
การจัดจาหน่ายสนิ คา้ ผลติ ภัณฑ์ชุมชน และการวิจยั เพื่อการพัฒนา

1.3 เทคโนโลยี มีบทบาทในการประชาสมั พันธ์ทางสอื่ ออนไลน์ การตลาดออนไลน์
2. ปัจจยั สภาพแวดล้อมภายใน ได้แก่

2.1 ทุนชมุ ชน ได้แก่ ทนุ วัฒนธรรม ทุนทรพั ยากรธรรมชาตใิ นชมุ ชน
2.2 ผนู้ าชุมชน มบี ทบาทในการบริหารจดั การกลุ่ม
2.3 เครือขา่ ยในชุมชน การรวมกลุ่มตา่ ง ๆ ภายในชุมชนมบี ทบาทในการแลกเปลี่ยน
เรยี นรู้ ตลอดจนความร่วมมือในการผลิตและการตลาด

166

2.4 การพัฒนาและต่อยอดกิจกรรม มีความรู้และทักษะในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
การเรยี นรแู้ ละการถ่ายทอดความรขู้ องชมุ ชน

3. กระบวนการดาเนินงาน
3.1 การเข้าถึงปัจจยั การผลติ มีทรพั ยากร วตั ถดุ ิบและแรงงานในชุมชน
3.2 องค์ความรู้ มีภมู ปิ ัญญาชุมชน กระบวนการเรียนร้ชู มุ ชน และการสง่ เสริมความรู้

จากหนว่ ยงานภายนอกเพ่ือการพัฒนาผลติ ภัณฑแ์ ละนวัตกรรม
3.3 การบริหารจดั การ การประสานงาน การประชาสัมพันธ์ การตลาด การสร้างแบรนด์

ศนู ยแ์ สดงสนิ ค้า ศูนยก์ ารเรียนรู้
4. ผลผลติ จากการดาเนนิ งาน
4.1 สรา้ งงาน สรา้ งอาชีพ สรา้ งรายได้แก่คนในชมุ ชน
4.2 เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง มีเงินทุนจากรายได้และการออม เงินทุนหมุนเวียนใน

ชมุ ชน สินค้าชมุ ชนท่ีเป็นอัตลกั ษณ์
4.3 ความสัมพันธ์ของคนในชุมชนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมชุมชน การช่วยเหลือ

เกอื้ กลู กนั
4.3.2 ดา้ นการท่องเทยี่ วชมุ ชน

ตารางท่ี 4-21 แสดงพืน้ ทีท่ ่ีดาเนินการการถอดบทเรยี นในกรณกี ารพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานราก
ด้านการท่องเที่ยวชมุ ชน

จังหวัด กลมุ่
ลาพนู
กลุ่มท่องเท่ียวหมู่บ้าน OTOP นวัตวิถี บ้านแพะต้นยางงาม ตาบลบ้านธิ
เลย อาเภอบา้ นธิ จังหวดั ลาพูน

สระบุรี กลุ่มท่องเที่ยวบ้านน้อยโฮมสเตย์ ตาบลเชียงคาน อาเภอเชียงคาน จังหวัด
เลย
นครศรธี รรมราช
กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านพุแค ตาบลพุแค อาเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัด
สระบุรี

กลุ่มท่องเที่ยวกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านแหลมโฮมสเตย์
(บา้ นหนา้ ทับ) ตาบลทา่ ศาลา อาเภอทา่ ศาลา จังหวัดนครศรธี รรมราช

167

ตารางที่ 4-22 การถอดบทเรยี นประเดน็ ปจั จยั สภาพแวดลอ้ มภายนอกทสี่ ่งผลต่อการดาเนนิ งาน
ของกล่มุ ดา้ นการท่องเทยี่ วชมุ ชน

กลุ่ม รายละเอียด

กลมุ่ ทอ่ งเทีย่ ว 1) นโยบายและการส่งเสริมการท่องเท่ียวเพ่ือให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจ

หมู่บา้ น OTOP ฐานราก ยกระดับสวัสดิการ ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ สร้างโอกาสใน

นวตั วถิ ี บา้ นแพะตน้ อาชพี และการจ้างงาน พัฒนาเชงิ พนื้ ที่ผา่ นกระบวนการประชาคม การเขา้ ถึง

ยางงาม ตาบลบา้ นธิ แหล่งเงินทนุ ในการพฒั นาอาชีพและสร้างรายได้ในชุมชน สนับสนุนวิสาหกิจ

อาเภอบา้ นธิ จังหวดั ชุมชน และสง่ เสรมิ การท่องเท่ยี วชุมชน เชื่อมโยงเส้นทางการท่องเท่ียวในแต่

ลาพนู ละท้องถ่ิน ตลอดจนการปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตรท้ังระบบ

ควบคกู่ ารสร้างมลู ค่าเพิ่มสนิ คา้ ทางการเกษตร และสง่ เสริมการตลาดสมัยใหม่

2) การสง่ เสริม สนับสนุนจากภาคส่วนราชการทงั้ หน่วยงานส่วนกลางและองคก์ ร

ปกครองส่วนท้องถิ่นด้านความร้คู วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั วิสาหกจิ ชุมชน หน่วยงานต่าง ๆ

ได้เข้ามามีส่วนร่วมประชุมและสนับสนุนส่งเสริมการบริหารจัดการหมู่บ้าน

อย่างต่อเนื่อง อาทิ กรมการพัฒนาชุมชน ที่สนับสนุนและส่งเสริมให้ชุมชน

พัฒนาด้านการท่องเที่ยว เช่น พัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ในชุมชนท่องเที่ยว

ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ OTOP ประชาสัมพันธ์และตลาดออนไลน์

พัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว พัฒนาแหล่งท่องเท่ียวและส่งิ อานวยความ

สะดวก พัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเท่ียว ส่งเสริมการตลาดชุมชน

ท่องเที่ยว ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ท่ีส่งเสริม

การพัฒนา และยกระดับการรวมกลุ่มให้เป็นชุมชนท่องเท่ียวท่ีต่อยอดจากการ

ทาเกษตรอินทรีย์ ส่วนราชการจังหวัดลาพูน สนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยว

ชุมชนโดยจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์และแถลงข่าวการจัดโครงการชุมชน

ท่องเท่ียว OTOP นวัตวิถี และมหาวิทยาลัย เชียงใหม่ โดยเฉพาะคณะ

เศรษฐศาสตร์ได้เข้ามาส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวชุมชน ท่องเท่ียวเชิง

นเิ วศ อนุรักษศ์ ิลปวัฒนธรรมไทลื้อ การพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานราก

กลมุ่ ท่องเทย่ี วบา้ นน้อย 1) กระแสนยิ มการท่องเทีย่ วในรูปแบบใกล้ชิดธรรมชาติและการใช้ชวี ิตตาม

โฮมสเตย์ วิถีชุมชนด้ังเดิมท่ีมีเพิ่มมากข้ึนอย่างต่อเนื่อง ทาให้นักท่องเที่ยวหันมาให้

ตาบลเชียงคาน ความสาคัญกับการพักอาศัยในรูปแบบโฮมสเตยเ์ พ่มิ มากข้นึ

อาเภอเชียงคาน 2) ภาครัฐมีนโยบายมุ่งพัฒนาและส่งเสริมการท่องเท่ียวโดยชุมชนอย่าง

จงั หวดั เลย ต่อเนื่อง โดยมงุ่ หวังที่จะใหก้ ารทอ่ งเที่ยวโดยชุมชนเปน็ แรงขับ ทจ่ี ะทาใหเ้ กิด

การกระจายรายได้ลงสชู่ ุมชนท้องถ่ินเพื่อใหเ้ ศรษฐกิจฐานรากเติบโตและเป็น

168

กล่มุ รายละเอียด

แรงผลักดัน ให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตตามไปได้อย่างยั่งยืน ถือว่า

เปน็ ปจั จยั ทส่ี าคัญอีกประการหน่งึ

3) การสนับสนุนจากภาคีต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ท่ีสนับสนุนท้ัง

ในเรื่องการฝกึ อบรมให้ความรู้ทจ่ี าเปน็ ตอ่ การดาเนินการธรุ กิจ การบริหารจัดการ

เงินทนุ กู้ยืมเพ่ือปรบั ปรงุ โฮมสเตย์ (GSB Homestay) และจัดซ้อื วัสดุอุปกรณ์

ทจี่ าเปน็ ต่อการประกอบกิจการ

กลุ่มท่องเทีย่ วชมุ ชน การสนับสนุนจากหน่วยงานท้ังภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา

บ้านพแุ ค ตาบลพแุ ค โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐได้มีนโยบายในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก พัฒนาให้

อาเภอเฉลมิ พระเกยี รติ เกิดเปน็ ชุมชนท่องเท่ียว ท่ีมีเป้าหมายสาคญั เพื่อสร้างชมุ ชนเข้มแข็ง สร้างรายได้

จงั หวดั สระบรุ ี ให้กับคนในชุมชน โดยมีการสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวชุมชน

การพัฒนาพื้นท่ีของชุมชน ยกระดบั การพัฒนาผลิตภัณฑช์ มุ ชน การประชาสัมพนั ธ์

และการเช่ือมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวของ 13 อาเภอ ในจังหวัดสระบุรี

จะเห็นได้ว่านโยบายดังกล่าวได้ส่งเสริมให้เกิดท่องเท่ียวชุมชนบ้านพุแคขึ้น

โดยหนว่ ยงานท่ีมามีส่วนร่วมและใหก้ ารสนับสนุน อาทิ กรมการพฒั นาชมุ ชน

สานกั งานเกษตรจงั หวัดสระบุรี สานักงานอุตสาหกรรมจังหวดั สระบุรี สานักงาน

สาธารณสุขจงั หวดั สานักงานพาณชิ ยจ์ ังหวัดสระบุรี และมหาวทิ ยาลัยราชภฏั

เทพสตรี จังหวดั ลพบรุ ี

กลุ่มท่องเทยี่ วกลมุ่ 1) นโยบายว่าด้วยเศรษฐกิจของประเทศไทย 4.0 โดยเฉพาะเรื่องการส่งเสริม

วสิ าหกิจชุมชน และสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium

อนุรกั ษป์ า่ ชายเลน Enterprises หรือ SMEs) เป็นส่ิงท่ีรัฐบาลเน้นว่าจาเป็นต่อการเจริญเติบโต

บา้ นแหลมโฮมสเตย์ ทางเศรษฐกิจและการพฒั นาประเทศ

(บา้ นหนา้ ทบั ) 2) การสนับสนุนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในการสนับสนุนกิจกรรม

ตาบลทา่ ศาลา ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอนุรักษป์ า่ ชายเลนบ้านแหลมโฮมสเตย์ (บ้านหน้าทบั )

อาเภอท่าศาลา ได้ดาเนินการส่งเสริมจากสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย การท่องเท่ียวแห่ง

จังหวดั ประเทศไทย สานักงานนครศรีธรรมราช สานักงานการท่องเที่ยวและกีฬา

นครศรธี รรมราช จงั หวัดนครศรีธรรมราช สานักงานประมงจังหวัด องค์การบริหารส่วนตาบล

ท่าศาลา พฒั นาชุมชนจังหวัดนครศรธี รรมราช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ

และส่งิ แวดล้อม อีกทั้งในสว่ นของหน่วยงานภาคเอกชน มาส่งเสรมิ เช่น SCG

แชฟร่อน ในส่วนของหน่วยงานท่ีสนับสนุนนั้น มหาวิทยาลัยราชภัฎ

นครศรีธรรมราช เปน็ ฐานในการให้ความรชู้ ุมชนเกยี่ วกบั วสิ าหกิจชมุ ชน และ

หนนุ เสริมเรือ่ งการรวมกลุม่ ของชุมชน รวมท้งั นโยบายทส่ี ่งเสริมเรอื่ งเกี่ยวกับ

169

กลุ่ม รายละเอยี ด
ท่องเท่ียวชุมชน ที่ทาให้เกิดการกระจายรายได้ให้กับชุมชนท่องเท่ียวต่างๆ
ทว่ั ประเทศ รวมทง้ั บ้านแหลมโฮมสเตยด์ ว้ ย

ตารางที่ 4-23 การถอดบทเรียนประเด็นปจั จัยสภาพแวดลอ้ มภายในท่ีส่งผลตอ่ การดาเนินงาน
ของกลุ่มด้านการท่องเทยี่ วชมุ ชน

กลมุ่ รายละเอยี ด

กล่มุ ท่องเท่ียวหมบู่ ้าน 1) ทุนทางวัฒนธรรม บ้านแพะต้นยางงาม เป็นแหล่งวัฒนธรรมชาวไท

OTOP นวตั วถิ ี ลอ้ื ท่ีสาคัญของอาเภอบา้ นธิ จังหวดั ลาพูน เปน็ ศูนยก์ ลางเครือข่ายวัฒนธรรม

บา้ นแพะตน้ ยางงาม ชาวไทล้ือของภาคเหนือ มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นท่ีวัฒนธรรมอันยาวนาน

ตาบลบา้ นธิ ซ่ึงสะท้อนผ่านภาษา การแต่งกาย อาหาร ภูมิปัญญาและศิลปวัฒนธรรม

อาเภอบ้านธิ ประเพณีที่ยึดถือกันมา ศิลปวัฒนธรรมประเพณีตามความเช่ือของชาวบ้าน

จังหวดั ลาพูน แพะต้นยางงาม

2) บทบาทผ้นู าชุมชน บา้ นแพะต้นยางงามมผี ้ใู หญบ่ ้านซง่ึ เปน็ ทงั้ ผู้นาทางการ

และผู้นาชุมชนตามธรรมชาติ ทาหน้าท่ีมายาวนานและมีคณะกรรมการ

หมบู่ ้านที่เขม้ แข็งในการขับเคลอ่ื นกลุ่มต่าง ๆ

3) การบริหารจัดการกลุ่ม การท่องเที่ยวในชุมชนบ้านแพะต้นยางงามมี

คณะกรรมการดาเนินการ แบ่งบทบาทหน้าท่ีในกิจกรรมต่าง ๆ ตามความ

ถนัด และไดร้ บั การอบรมพัฒนามาอย่างตอ่ เนือ่ ง

4) การมีส่วนร่วม จะมีการมีส่วนร่วมร่วมกันผ่านประชาคมหมู่บ้าน

ประชุมปรึกษาหารือกัน และนาประเด็นต่าง ๆ เข้าสู่การประชุมประชาคม

หมู่บ้าน โดยนดั หมายแต่ละครัวเรอื น ๆ ละ 1 คน มาร่วมประชุมเดือนละครั้ง

ซึง่ ทาใหเ้ กดิ การมีสว่ นรว่ มในหมู่บา้ น

5) การพัฒนาและต่อยอดกิจกรรม จากหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง

ต้นแบบชุมชน ที่เก้ือกูล เพิ่มพูนความสามัคคี พึ่งตนเองได้ตามแนวปรัชญา

เศรษฐกิจพอเพียง สามารถต่อยอดกิจกรรมพัฒนาเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน

ด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และมีผลิตภัณฑ์ชุมชนจากภูมิปัญญาและ

ศิลปวฒั นธรรมทสี่ รา้ งการหนนุ เสรมิ ใหเ้ ศรษฐกิจในชุมชน

6) การประชาสัมพันธ์ กลุ่มมีการส่ือสารประชาสัมพันธ์และตลาด

ออนไลน์ เช่น หน่วยงานภาครฐั จัดแถลงข่าวการจัดโครงการชุมชนทอ่ งเท่ียว

170

กลมุ่ รายละเอียด

OTOP นวตั วิถี ตามโครงการไทยนิยมย่ังยืน เพื่อสง่ เสรมิ การท่องเท่ียวจังหวัด

ลาพูน มเี พจการท่องเทีย่ วชมุ ชนบา้ นแพะต้นยางงาม

กลุ่มท่องเทีย่ วบา้ น 1) ทุนทางสังคมในพื้นที่ของกลุม่ มีความหลากหลายในสถานท่ีท่องเทย่ี ว

น้อยโฮมสเตย์ ทาใหส้ ามารถรองรบั นักท่องเทย่ี วไดต้ ลอดทง้ั ปี ไมว่ า่ จะเป็น วิถชี ีวติ แบบสโลว์

ตาบลเชยี งคาน ไลฟ์ วัฒนธรรมและประพณีท่ีเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเลย ถนนคนเดิน

อาเภอเชยี งคาน เชียงคาน แก่งคุ้ดคู้ ภูทอก รวมถึงสกายวอล์กท่ีสร้างกาลังจะเสร็จถือเป็นอีก

จงั หวดั เลย หนึ่งกิจกรรมท่ีดึงดูดให้กับนักท่องเท่ียวที่อยากจะเข้ามาสัมผัสในอาเภอ

เชียงคาน และสง่ ผลให้ทางกลมุ่ โฮมสเตย์กเ็ ปน็ หนึ่งทางเลอื กของนกั ทอ่ งเทย่ี ว

2) การบริหารจดั การ โดยสมาชกิ มีส่วนร่วมในการคิดการบริหารจัดการ

และการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ผ่านการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานและ

สมาชิกกลุ่ม ทาให้ไดข้ ้อตกลงเพ่ือเป็นหลกั ปฏิบัติร่วมกันของกลมุ่ นาไปสู่การ

แก้ไขปัญหาชุมชนอื่น ๆ ตามมา เช่นการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหา

เศรษฐกจิ และปัญหาสังคมอืน่ ๆ ตามมาอกี ด้วย

3) ความสมัครสมานสามัคคีกันของกลุ่มโฮมสเตย์ จึงทาให้สามารถ

พดู คยุ และหารือกนั ได้ทาใหเ้ รอ่ื งของผลประโยชน์ รวมถงึ ปัญหาตา่ ง ๆ เกดิ ขนึ้

นอ้ ยลง มกี ารทางานรว่ มกนั เปน็ ทีม

กลมุ่ ทอ่ งเท่ียวชุมชน 1) ผู้นามีความเสียสละ มีความรู้ ความคิด และมีวิสัยทัศน์ท่ีดี โดยผู้นา

บา้ นพแุ ค ตาบลพแุ ค กลุ่มทอ่ งเท่ยี วชุมชนบ้านพุแคมีความเสียสละโดยการเสียสละท่ดี ินของตนเอง

อาเภอเฉลมิ พระเกียรติ เพือ่ ใช้เป็นพ้ืนท่ีในการจัดทาตลาดหัวปลี แล้วจดั สรรให้เป็นพนื้ ที่เปน็ ศูนย์การ

จังหวดั สระบรุ ี เรียนรู้ และที่พักสาหรับนักท่องเท่ียว อีกทั้งยังเป็นผู้ท่ีหม่ันศึกษาหาความรู้

ด้านการพฒั นาการทอ่ งเที่ยว และการตลาดอย่เู สมอ

2) การมีส่วนร่วม และความสามัคคีของคนในชุมชน ชุมชน/กลุ่มร่วม

ออกแรงในการช่วยกันปรับภูมิทัศน์สวยงาม และร่วมป็นวิทยากรให้ความรู้

ข้อมูลชุมชนให้แก่นักท่องเที่ยว การร่วมดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และ

สิ่งแวดล้อมของชุมชนให้คงอยู่ในสภาพท่ีดีอยเู่ สมอ

3) การมีเครือข่ายการท่องเที่ยวชุมชน โดยชุมชนบ้านพุแค มีเครือข่าย

ด้านการดาเนนิ กจิ กรรมการท่องเท่ยี วชุมชนเชงิ พืน้ ท่ี ได้แก่ สวนพฤกษศาสตร์

ภาคกลาง พุแค ซึ่งเป็นพ้ืนที่ในการให้นักท่องเท่ียวได้เรียนรู้พันธุ์พืชต่าง ๆ

ของชุมชน ศูนย์โอท็อปคอมเพล็กซ์พุแค เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าของชุมชน

อีกทั้งยังเป็นศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจชุมชน และเผยแพร่องค์ความรู้ด้าน

การประกอบอาชีพให้นักท่องเท่ียวได้ และในส่วนของเครือข่ายเชิงประเด็น

การท่องเท่ียวชุมชน โอทอปนวัตวิถีบ้านชุ้ง กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนภาคกลาง

171

กล่มุ รายละเอียด

กลุ่มทอ่ งเทีย่ วกลมุ่ และในระดับประเทศ มีการศึกษาดูงานระหว่างกัน เพ่ือเป็นการแลกเปลี่ยน
วสิ าหกิจชุมชน เรยี นรู้ การจัดการและขอ้ มลู ขา่ วสารต่าง ๆ ได้
อนุรักษป์ า่ ชายเลน
บา้ นแหลมโฮมสเตย์ 4) มีการพัฒนาต่อยอดกิจกรรมอย่างต่อเน่ือง ซึ่งกิจกรรมการท่องเที่ยว
(บ้านหน้าทบั ) ชุมชนบ้านพุแค มีความหลากหลาย มีการต่อยอดจากการรวมกลุ่มแม่บ้าน
ตาบลทา่ ศาลา เกษตรกร มาจัดกิจกรรมท่องเที่ยวตามความเหมาะสมของฤดูกาลท่ีเน้นให้
อาเภอท่าศาลา นักท่องเท่ียวหรือผู้ท่ีมาเยี่ยมชมได้มีส่วนร่วมในการลงมือปฏิบัติ ซ่ึงกิจกรรม
จังหวดั ส่วนใหญ่ให้ความสาคัญกับการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม และมีเก่ียวข้องกับ
นครศรธี รรมราช กิจกรรมงานบุญประเพณี การไหว้พระอุปคต เป็นตน้

1) ทุนทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มในชุมชน คอื กลุ่มอนรุ กั ษป์ ่าชาย
เลนบ้านแหลมโฮมสเตย์ต้ังอยู่ที่ หมู่ 7 ตาบลทา่ ศาลา อาเภอท่าศาลา จงั หวัด
นครศรีธรรมราช ลักษณะของพ้ืนที่มีส่วนของผืนดินที่งอกย่ืนลงไปในทะเล
โดยมีขนาดของพ้ืนท่ีได้มีการขยายพื้นที่ปลูกอยู่ตลอดทุกปี และด้วยลักษณะ
ของพนื้ ที่ทาใหช้ าวบ้านได้รับประโยชน์เปน็ แหล่งอาหารเปน็ ที่อยอู่ าศยั ของพชื
และสัตว์ตามธรรมชาติเพื่อเป็นตัวช่วยป้องกันการกัดเซาะตามแนวชาย ฝั่ง
ทะเล จากป่าโกงกางท่ีมีส่วนเพ่ิมขึ้นทุกปีโดยพื้นท่ีดังกล่าวเป็นแหล่ง
ขยายพันธส์ุ ตั ว์นา้ ให้กับชาวบา้ นในพน้ื ที่สามารถทจ่ี ะมีพนั ธุ์ปลาเพ่ือเป็นแหล่ง
อาหารตลอดจนสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ได้เป็นอย่างดีท้ังนี้ด้วย
ประโยชน์ของป่าชายเลนที่มีต่อชุมชนต่อชาวบ้านที่สามารถใช้ประโยชน์จาก
ปา่ ชายเลนที่มอี ยูใ่ นพน้ื ที่
2) ทุนทางวัฒนธรรม ด้วยลักษณะเฉพาะถ่ินท่ีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่ม
ชุมชนในเร่ืองของงานประเพณี อาหารการกิน การแต่งกาย และภาษาถิ่น
ของเครอื ข่ายท่องเที่ยวเชงิ อนุรักษ์บา้ นแหลมโฮมสเตย์ เป็นชุมชนมุสลมิ นิกาย
ซนุ นี ทีถ่ ือปฏิบตั ิศาสนกิจอย่างเคร่งครัด และมีการปลูกจิตสานกึ ให้ใช้ศาสนา
เป็นเครื่องยึดเหน่ียวจิตใจ และการมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท่ีมีอัตลักษณ์โดด
เด่น ชุมชนมุสลิมบ้านแหลม เป็นชุมชนที่มีทุนทางธรรมชาติ และเป็นชุมชน
มสุ ลมิ ทีม่ คี วามรัก สามคั คี เป็นสังคมพง่ึ พา
3) ทุนมนุษย์ โดยในชุมชนมปี ราชญ์ชมุ ชนด้านส่ิงแวดล้อมป่าชายเลน ด้าน
ทรัพยากรทางทะเล ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น (Expert) ท่ีทาหน้าท่ีถ่ายทอด
ความรใู้ หน้ ักท่องเท่ยี วและใหก้ บั ลูกหลานในชุมชน
4) การบริหารจัดการ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านแหลม
โฮมสเตย์ (บา้ นหนา้ ทับ) ไดม้ กี ารบริหารจดั การกลมุ่ อย่างไม่เปน็ ทางการ เน้น

172

กลุ่ม รายละเอยี ด
การขอความร่วมมือมากกว่าการส่ังการ โดยเน้นเก่ียวกับการพบปะพูดคุยแต่
ละคน
5) การสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วม โดยชุมชนบ้านแหลมได้ก่อตั้ง
ขึ้นมาโดยใช้ชื่อ เครือข่ายอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านแหลมโฮมสเตย์ (บ้านหน้า
ทับ) โดยชุมชนได้ดาเนินการ ดังนี้ 1) ตั้งคณะทางาน (Facilitator) 2) มีการ
จดบันทึกเร่ืองราวของชุมชน (Community Historian) ที่สามารถถ่ายทอด
เรื่องราวจากรุ่นสู่รนุ่ 3) มีสมาชิก (Member) มีสมาชิกท่ีพร้อมสนับสนุนการ
ดาเนินงาน 4) มีหนว่ ยงานในท้องที่ให้การสนับสนุน (Sponsor) 5) มีปราชญ์
ชุมชนด้านส่ิงแวดล้อมป่าชายเลน ด้านทรัพยากรทางทะเล ด้านภูมิปัญญา
ท้องถิ่น (Expert) และ 6 ) มีการจดั ทาขอ้ ปฏบิ ัติและกตกิ าของชมุ ชนสาหรับ
นักท่องเทย่ี ว จากมตขิ องสมาชกิ และกลมุ่ อนุรกั ษ์ป่าชายเลนบา้ นแหลมโฮมส
เตย์ได้เข้าร่วมและรวมตัวเป็นเครือข่ายกับชุมชน ทั้งภายในจังหวัด และ
ตา่ งจังหวัด อกี ท้ังได้เข้าร่วมกบั สมาคมทอ่ งเทย่ี วชมุ ชนภาคใต้ เพอ่ื ขับเคล่ือน
การท่องเที่ยวชุมชนอย่างยง่ั ยนื
6) การพัฒนาและต่อยอดกิจกรรม กลุ่มวิสาหกิจชุมชนอนุรักษ์ป่าชายเลน
บา้ นแหลมโฮมสเตย์ (บา้ นหนา้ ทับ) ได้ดาเนินการพัฒนาและตอ่ ยอดกจิ กรรม
ซ่ึงเดิมกิจกรรมการท่องเท่ียวเก่ียวกับชุมชนในหลากหลายรูปแบบ อาทิ
กิจกรรมการปลูกป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ิ
บนพื้นที่ 5,000 ไร่ กิจกรรมศึกษาธรรมชาติ ป่าชายเลนแหล่งเรียนรู้ ระบบ
นิเวศน์ของปา่ ชายเลน กจิ กรรมชมนก นานาพันธ์ุ ตามฤดูกาล ที่มีนกประจา
ถน่ิ และนกพลดั ถิ่นมาอาศัยระบบนเิ วศน์ปา่ ชายเลน และรณรงค์หา้ มชาวบา้ น
ดักนกดว้ ยตาข่าย กิจกรรมสปาโคลนทะเลบาบดั การเล่นกีฬา บนโคลน การ
เล่นกระดานถีบเลนหาหอย กจิ กรรมการอนุรกั ษท์ รพั ยากรในทะเล สรา้ งบา้ น
ให้ปูสร้างท่ีอยู่ให้ปลา และกิจกรรมรณรงค์ไม่กินปูไข่ และรับบริจาคปูไข่จาก
เรือและชาวบ้านทั่วไปเพื่อนาไปละลายไข่ในบริเวณบ้านปูบ้านปลา เป็นต้น
กิจกรรมเหล่านี้ทาให้เป็นท่ีดึงดูดและสร้างความสนใจแก่นักท่องเท่ียว และ
ยังมสี ว่ นสาคญั ท่ที าให้นักทอ่ งเที่ยวอยากกลบั มาเที่ยวทช่ี ุมชนอีก
7) การตลาด ในส่วนของการตลาดการท่องเท่ียวชุมชนนั้น กลุ่มเน้น
การตลาดแบบส่งต่อนักท่องเที่ยวระหว่างชุมชนสมาชิก ซึ่งเป็นท้ังผู้จัด
จาหน่ายแหล่งท่องเที่ยวภายในชุมชนตนเอง และเป็นผู้จัดจาหน่ายแหล่ง
ท่องเท่ียวอื่นๆภายในเครอื ขา่ ย

173

กลมุ่ รายละเอียด

8) การสื่อสารสร้างการรับรู้เพื่อความยั่งยืน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนอนุรักษ์ป่า
ชายเลนบ้านแหลมโฮมสเตย์ (บ้านหน้าทับ) มีการใช้ส่ือออนไลน์ และ
เครือข่ายการท่องเที่ยวเป็นหลัก เพ่ือให้นักท่องเท่ียวสามารถเข้าถึงได้อย่าง
รวดเร็ว และสามารถสอบถามได้โดยตรง

ตารางท่ี 4-24 การถอดบทเรียนประเด็นผลลัพธจ์ ากการดาเนินงานของกล่มุ ดา้ นการทอ่ งเท่ยี ว
ชมุ ชนตอ่ ครอบครัวและชุมชน

กลุ่ม รายละเอียด

กลุ่มท่องเทย่ี วหมบู่ า้ น 1) ครอบครัวมีรายได้เพ่ิม เนื่องจากกิจกรรมของกลุ่มสร้างรายได้ให้กับ

OTOP นวัตวถิ ี ครัวเรอื นหลายทาง เช่น บา้ นพักแบบโฮมสเตย์ ทาอาหารพ้นื บ้าน รายได้จาก

บ้านแพะตน้ ยางงาม แหลง่ เรียนรตู้ า่ ง ๆ รายไดจ้ ากการให้เช่าจกั รยาน

ตาบลบา้ นธิ 2) เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง เพราะตั้งแต่ปี 2561 ซ่ึงมีการดาเนินกิจกรรม

อาเภอบ้านธิ กลุ่ม พบว่ามีการสร้างรายได้ให้กับชุมชนต่อปีเป็นจานวน 1 ล้านกว่าบาท

จังหวดั ลาพูน ส่งผลใหค้ นในชมุ ชนไดร้ ับประโยชนจ์ ากกจิ กรรมของกลุ่ม มรี ายได้เพิ่มข้นึ และ

สรา้ งความเข้มแข็งใหเ้ ศรษฐกจิ ฐานราก

3) การกระจายรายได้ในชุมชน โดยกิจกรรมท่องเท่ียวชุมชนของบ้านแพะ

ต้นยางงามกระจายรายได้อย่างทั่วถึงในกลุ่มสมาชิก โดยสมาชิกกลุ่มกว่าร้อย

ละ 80 ได้รับประโยชน์ ทั้งในส่วนของกลไกในการจัดการท่องเที่ยว ขาย

ผลติ ภณั ฑช์ ุมชน อาหาร ผลผลิตทางการเกษตร และเชา่ จกั รยาน

4) ความสัมพันธ์ของคนในชุมชน กิจกรรมของวิสาหกิจชุมชนส่งผลให้เกิด

ความร่วมมือของคนในชุมชนมากข้ึน ทั้งการส่งเสริมอาชีพ ก่อเกิดรายได้แก่

ครัวเรอื น สง่ เสริมบทบาทผ้สู ูงอายุในการเผยแพร่ความรู้ในชุมชนและการสืบ

ต่อศิลปวัฒนธรรมประเพณีอนั เป็นรากเหงา้ ภมู ปิ ัญญาของบรรพบุรุษ

5) สวัสดิการชุมชน รายได้ที่เกิดจากกิจกรรมของกลุ่มวิสาหกิจ

คณะกรรมการได้จัดสรรส่วนหนึ่งในกองทุนวิสาหกิจชุมชน ซ่ึงสมาชิกกลุ่ม

วิสาหกจิ ชุมชนจะไดร้ ับการปันผลในทกุ ปเี พื่อเปน็ เงินออมสาหรบั ครอบครัว

กล่มุ ทอ่ งเที่ยว ไม่ปรากฎการใหข้ อ้ มูลในระหวา่ งการถอดบทเรยี น

บ้านน้อยโฮมสเตย์

ตาบลเชียงคาน

อาเภอเชียงคาน

จังหวดั เลย

174

กลุ่ม รายละเอยี ด

กลุ่มท่องเท่ียวชุมชน 1) ครอบครัวมีรายได้เพ่ิม เพราะมีการจัดการในรูปแบบของตลาด คนใน

บ้านพุแค ตาบลพุแค ชุมชนมีรายได้จากการนาสินค้ามาขาย การทาอาหารเพ่ือจาหน่าย จึงเกิด

อาเภอเฉลิมพระเกยี รติ รายได้ขึ้น

จงั หวดั สระบุรี 2) เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง เพราะสร้างรายได้ให้กับชุมชนตอ่ ปีเป็นจานวน

มาก ส่วนใหญ่ได้จากการขายสินค้าในตลาด ส่งผลให้คนในชุมชนได้รับ

ประโยชน์จากการรวมตัวกันทากิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน มีรายได้เสริมจาก

อาชีพเดมิ และสามารถสร้างความเขม้ แขง็ ใหเ้ ศรษฐกิจฐานรากของชมุ ชนได้

3) การกระจายรายได้ในชุมชน : กิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนของบ้านพุแค

สามารถกระจายรายได้อย่างท่ัวถึงให้สมาชิกกลุ่ม โดยคนในชุมชนได้รับ

ประโยชน์ ทั้งในส่วนของสมาชิกในการดาเนินงานด้านท่องเท่ียว และ

ประชาชนทีเ่ ข้ามาจาหน่ายผลติ ภัณฑ์ อาหารพืน้ บา้ น ผลผลติ ทางการเกษตร

4) ความสัมพันธ์ของคนในชุมชน : กิจกรรมการท่องเที่ยวชุมชน ทาให้เกิด

การรวมกลุ่มของคนในชุมชน สามารถสร้างความรักความสามัคคี ให้สมาชิก

ไดม้ าทากิจกรรมร่วมกัน ดว้ ยความรว่ มแรงรว่ มใจ มีการช่วยเหลอื พึ่งพาอาศัย

กันในการจัดการเรื่องตา่ ง ๆ ให้ผ่านไปดว้ ยดี

5) สวัสดิการชุมชน รายได้ที่เกิดจากการจัดกิจกรรมท่องเท่ียวชุมชนมีการ

จัดสรรส่วนหนึ่งจะถูกจัดสรรในรูปของเงินปันผลให้กับสมาชิก และจัดสรร

สาหรับเป็นสวสั ดกิ ารสาหรับสมาชกิ หากมกี ารเจบ็ ปว่ ยจะมกี ารให้ 500 บาท

เพ่ือเป็นค่ารักษาพยาบาล และในกรณที ่ีมีการเสียชีวิต จะมีการรว่ มทาบุญให้

ศพละ 500 บาท

กลุ่มทอ่ งเที่ยวกลมุ่ 1) ครอบครัวมีรายได้เพิ่ม เพราะการดาเนินกิจกรรมของกลุ่มผลต่อ

วิสาหกิจชมุ ชน การพัฒนารายได้ให้แก่คนในชุมชนระดับครัวเรือน ได้แก่ ฝ่ายบริการเรือนา

อนรุ กั ษป์ ่าชายเลน เที่ยว ฝ่ายบริการอาหาร ฝ่ายบริการบ้านพัก ฝ่ายเหรัญญิก ฝ่ายรักษา

บา้ นแหลมโฮมสเตย์ ปลอดภัย ฝ่ายซ่อมบารุง ทาให้สมาชิกในครอบครัวของคนในชุมชนมีรายได้

(บ้านหนา้ ทบั ) เพ่ิมจากการทาอาชพี ประมง และแม่บา้ น

ตาบลทา่ ศาลา 2) เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง เพราะทาให้ประชาชนในชุมชนมีรายได้เกิด

อาเภอทา่ ศาลา การหมุนเวียนในชุมชนและยังทาให้เกิดความไว้วางใจจากนักท่องเท่ียว

จังหวดั เนอื่ งจากอาหารทนี่ ามาปรงุ ให้นกั ท่องเท่ียวเป็นสนิ คา้ และวัตถดุ บิ จากชมุ ชนที่

นครศรธี รรมราช เนน้ ความสะอาด สดใหม่ ปลอดภัย ส่วนดา้ นที่พกั ก็จะกระจายหมนุ เวยี นตาม

บ้านของคนในชุมชน

175

กลมุ่ รายละเอยี ด
3) การกระจายรายได้ในชุมชน พบว่ามกี ารกระจายรายไดใ้ ห้กบั ส่วนต่างๆที่

ประกอบกันเป็นการท่องเที่ยวระดับชุมชนได้แก่ คนขบั เรือ แม่คา้ ผู้จาหน่าย
ผลิตภัณฑช์ ุมชน บ้านพัก ท่พี กั และร้านคา้ ชมุ ชน

4) ความสัมพันธ์ของคนในชุมชน : เดิมความสัมพันธ์ของคนในชุมชนเป็น
แบบต่างคนต่างทาและไม่ได้รวมกลุ่มกัน แต่ภายหลังมีการรวมกลุ่มกันด้วย
ความสมัครใจเพื่อเข้าร่วมในการทากิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวใน
ชมุ ชน ทาให้เกิดความสามคั คี รว่ มกันมากขึ้น การให้การช่วยเหลือเก้อื กูลกัน
และรว่ มกนั พัฒนาบ้านเกดิ ของตนเองเพ่ือรองรับนกั ทอ่ งเท่ียว

5) สวัสดิการชุมชน โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านแหลม
โฮมสเตย์ (บ้านหน้าทับ) โดยได้ร่วมกันเก็บออมเงินในยามฉุกเฉิน จากรายได้
ที่เกิดจากการทาการท่องเที่ยวในระดับชุมชนข้ึน เมื่อฝากแล้วห้ามถอนใน
ระยะเวลา 1 ปี หรือจนถงึ ฤดูกาลมรสุมที่ไม่สามารถออกเรือทาประมงได้ และ
ทาเป็นกองทุนสวัสดิการใหก้ บั สมาชกิ

ตารางที่ 4-25 การถอดบทเรยี นประเด็นปัญหาและอปุ สรรคในการการดาเนินงานของกลมุ่ ดา้ น
การท่องเทีย่ วชุมชน

กล่มุ รายละเอยี ด

กลุ่มทอ่ งเทีย่ วหมบู่ ้าน ไม่ปรากฎการให้ข้อมูลในระหวา่ งการถอดบทเรียน

OTOP นวัตวถิ ี

บา้ นแพะตน้ ยางงาม

ตาบลบ้านธิ

อาเภอบ้านธิ

จังหวดั ลาพนู

กลมุ่ ทอ่ งเทยี่ ว ปรมิ าณของนักทอ่ งเทย่ี วทนี่ อ้ ยลง เน่ืองจากนโยบายของรัฐบาล คือ ใหค้ น้ หา

บ้านน้อยโฮมสเตย์ แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในชุมชน ส่งผลให้นักท่องเท่ียวมีทางเลือก

ตาบลเชยี งคาน มากขึ้น

อาเภอเชียงคาน

จงั หวดั เลย

176

กลุ่ม รายละเอยี ด
กลุ่มทอ่ งเท่ียวชุมชน ผู้นาในการรับนักท่องเที่ยว และเป็นมัคคุเทศก์ให้ความรู้แก่นักท่องเท่ียว
บ้านพุแค ตาบลพแุ ค มเี พียงประธานกลุ่มที่เป็นผ้บู รรยายให้ความรเู้ พียงคนเดียว ซ่ึงไม่เพียงพอต่อ
อาเภอเฉลมิ พระเกยี รติ การให้ข้อมลู แก่นกั ทอ่ งเทย่ี วได้อยา่ งท่ัวถงึ
จังหวดั สระบรุ ี
กลุม่ ทอ่ งเทย่ี วกลมุ่ ปัญหาการคัดกรองนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเท่ียวในชุมชนหลายระดับ เช่น
วสิ าหกิจชุมชน นักท่องเที่ยวต่างชาติ นักท่องเท่ียวเชิงอนุรั กษ์ นักท่องเท่ียวขาจร
อนุรักษป์ ่าชายเลน นักท่องเท่ียวประจา และจานวนการรองรับนักท่องเที่ยวที่มีจากัดเน่ืองจาก
บา้ นแหลมโฮมสเตย์ ชุมชนรองรับได้จานวนจากดั
(บา้ นหน้าทบั )
ตาบลทา่ ศาลา
อาเภอทา่ ศาลา
จังหวดั
นครศรีธรรมราช

ตารางท่ี 4-26 การถอดบทเรียนประเดน็ ข้อเสนอแนะเพือ่ การพัฒนากลุ่มและสง่ เสริมงานพฒั นา
เศรษฐกิจฐานรากดา้ นการทอ่ งเทย่ี วชมุ ชน

กลมุ่ รายละเอียด

กลมุ่ ท่องเท่ียว 1) ภาครัฐ หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องส่งเสริมการท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรม และ
หมูบ่ า้ น OTOP ท่องเทย่ี วชมุ ชนใหเ้ ปน็ จดุ เดน่ จุดขายของการท่องเท่ียวในประเทศ โดยเฉพาะ
นวตั วถิ ี บา้ นแพะตน้ ดึงกลุ่มเป้าหมายคนในประเทศให้สนใจมาท่องเที่ยวในหมู่บ้านชุมชนให้เพิ่ม
ยางงาม ตาบลบา้ นธิ มากขน้ึ
อาเภอบา้ นธิ จงั หวดั 2) สง่ เสริมการเรยี นรเู้ รื่องการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และท่องเท่ยี วชมุ ชน
ลาพูน ในฐานะองค์ความรู้ หรือหลักสูตรวิชาเรียนสาหรับนักเรียน นักศึกษา เพื่อให้
คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ องค์ความรู้ ภูมิปัญญาศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นจากแหล่ง
เรียนรู้จรงิ มากกว่าเรยี นรูจ้ ากตารา
3) แสวงหาแนวทางในการสร้างการต่อยอดให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจ
และเรียนรู้ภูมิปัญญาศิลปวัฒนธรรมท้องถ่ิน เพ่ือพัฒนาการท่องเที่ยว
เชิงวัฒนธรรมและท่องเทย่ี วชมุ ชนสืบต่อไป

177

กลุ่ม รายละเอียด

กลุ่มทอ่ งเท่ียว 1) ทุกภาคส่วนที่เก่ียวข้อง ควรพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวในจังหวัดให้มีความ

บ้านน้อยโฮมสเตย์ หลากหลายและโดดเด่น ทาให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้

ตาบลเชียงคาน ตลอดทั้งปแี ละทุกฤดูกาล

อาเภอเชียงคาน 2) เน้นประชาสัมพันธ์ใหเ้ ข้าถงึ ประชาชนให้เปน็ ท่รี ้จู ักแพร่หลายทัง้ ชาวไทย

จงั หวดั เลย และชาวต่างชาติ

3) พฒั นาหมู่บา้ นท่องเที่ยวให้เป็นแหล่งการท่องเท่ียวทีม่ ีเอกลักษณ์ในด้าน

ทรพั ยากร สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม มคี วามหลากหลายมากขน้ึ

4) สนับสนุนงบประมาณที่ใช้ในการปรับปรงุ และพฒั นาหมบู่ ้านท่องเทยี่ ว

กลุ่มท่องเท่ียวชุมชน 1) เร่งพัฒนาศักยภาพของสมาชิกเพื่อพัฒนาเป็นมัคคุเทศก์ในการนาเท่ียว

บ้านพุแค ตาบลพุแค โดยให้ชุมชนส่งเสริมการสร้างแกนนาเด็กและเยาวชนสู่การเป็นมัคคุเทศก์

อาเภอเฉลิมพระเกยี รติ น้อย ในการนานกั ท่องเทย่ี วไปยงั สถานที่ต่าง ๆ ภายในชุมชน พร้อมทั้งมีการ

จงั หวดั สระบุรี บรรยายให้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับชุมชน ซึ่งเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้มี

จติ สานกึ รักทรัพยากรธรรมชาติ และความเปน็ ชมุ ชนบา้ นพแุ ค

2) ให้รัฐหรือหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง มีการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนา

ศกั ยภาพของสมาชิกกลุ่มโดยการจัดอบรมให้ความรใู้ นด้านการเป็นมคั คเุ ทศก์

ทดี่ ี ตลอดจนทักษะของการบรรยายใหน้ ักทอ่ งเท่ยี วมีความสนใจและเข้าใจใน

การสื่อความหมาย

กลมุ่ ทอ่ งเท่ียวกลมุ่ 1) พัฒนาศักยภาพของกลุ่ม เพื่อให้สามารถรองรับจานวนนักท่องเที่ยวได้

วิสาหกิจชมุ ชน มากข้ึน

อนรุ ักษป์ ่าชายเลน 2) ภาคส่วนท่ีเกี่ยวขอ้ งต้องปรับเปลย่ี นทัศนคติและเรียนรูก้ ระบวนการทาง

บ้านแหลมโฮมสเตย์ สงั คม ควบคกู่ ับการพัฒนาคนและองคก์ รชุมชนมากขน้ึ

(บ้านหนา้ ทบั ) 3) หน่วยงานที่เก่ียวข้องต้องสนับสนุนในด้านการพัฒนาส่ิงอานวยความ

ตาบลทา่ ศาลา สะดวกตามความเหมาะสม เพื่อใหส้ ามารถเปิดรับนักท่องเท่ียวเพื่อมาเรยี นรู้

อาเภอท่าศาลา ในกิจกรรมทอ่ งเทย่ี ว

จงั หวดั

นครศรีธรรมราช

จากขอ้ มลู ดงั กลา่ วขา้ งตน้ พบวา่
1.ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก

1.1 นโยบายและมาตรการการส่งเสริม การส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนในการขับเคล่ือน
เศรษฐกิจฐานรากและนโยบายการสง่ เสริมการท่องเทีย่ วชมุ ชน

178

1.2 หน่วยงานสนับสนุน เช่น กรมการพัฒนาชุมชน กรมสง่ เสริมอุตสาหกรรม ธ.ก.ส.
องคก์ ารปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หน่วยงานเอกชน

1.3 สถาบันการศึกษา มีบทบาทในการให้ความรู้ การศึกษาวิจัย การศึกษาข้อมูล
ชมุ ชน การจัดทาฐานข้อมูลต่าง ๆ

1.4 กระแสการทอ่ งเทยี่ วชุมชน วถิ ชี มุ ชน
2.ปัจจยั สภาพแวดลอ้ มภายใน

2.1 ทุนชุมชน ทุนวฒั นธรรม วิถชี วี ติ ชุมชน ทุนทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม
2.2 ผู้นาชมุ ชน มีบทบาทในการขบั เคล่อื นชุมชน เป็นผู้มคี วามรู้ เสยี สละ มีความคิด
สร้างสรรค์ และมวี ิสยั ทัศนท์ ด่ี ี
2.3 เครือข่ายในชุมชน เครือข่ายความร่วมมือในกิจกรรมชุมชน การขยายกิจกรรม
การต่อยอดกิจกรรม
2.4 การพัฒนาและต่อยอดกิจกรรม การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญา วัฒนธรรม
ชุมชน และทรัพยากรในชุมชน
3.กระบวนการดาเนนิ งาน
3.1 การเข้าถึงปัจจัยการผลิต มีทุนทรัพยากรธรรมชาติ ทุนวัฒนธรรม ทุนวิถีชีวิต
และทุนทรัพยากรบคุ คล ปราชญ์ชมุ ชน
3.2 การสร้างสรรค์องค์ความรู้ชุมชน การสนับสนุนและส่งเสริมความรู้ด้านการ
ท่องเท่ยี วชุมชน การบรกิ าร โฮมสเตย์ กจิ กรรมการทอ่ งเท่ยี วและสินค้าชมุ ชนจากทนุ ชมุ ชน
3.3 ผลิตภัณฑ์ชุมชน การผลิตสินค้า กิจกรรมการท่องเที่ยว แหล่งเรียนรู้ชุมชน
การให้ข้อมูล การแลกเปลี่ยนเรยี นรู้
4.ผลผลติ จากการดาเนนิ งาน
4.1 ครอบครัวมรี ายได้เพ่มิ จากกจิ กรรมชมุ ชน และผลิตภณั ฑ์ชมุ ชน
4.2 เศรษฐกจิ ชมุ ชนเข้มแขง็ มีรายได้ มีการออม มเี งินทุน
4.3 ความสัมพันธ์ของคนในชุมชน ความร่วมมือในกิจกรรม การรวมกลุ่ม การแบ่ง
บทบาทหน้าท่ี การช่วยเหลอื เก้อื กลู และความรักในบ้านเกดิ
4.4 สวัสดกิ ารชมุ ชน มกี ารออมและกองทนุ สวสั ดกิ ารชมุ ชน

179

4.3.3 ดา้ นอุตสาหกรรม

ตารางท่ี 4-27 แสดงพ้ืนทท่ี ด่ี าเนินการการถอดบทเรยี น ในกรณีการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
ดา้ นอตุ สาหกรรม

จงั หวดั กล่มุ
ลาพูน
กลมุ่ อุตสาหกรรมกลุ่มแกะสลกั ไม้บ้านทองฝาย ตาบลทาทุ่งหลวง อาเภอแม่ทา
เลย จงั หวดั ลาพูน

สระบรุ ี กลุ่มอุตสาหกรรมกลุ่มทอผ้าไทเลย บ้านก้างปลา ตาบลชัยพฤกษ์ อาเภอเมือง
จงั หวัดเลย
นครศรีธรรมราช
กลุ่มอุตสาหกรรมหัตถกรรมชุมชนบ้านลานทอง บ้านท่าฤทธิ์ ตาบลวังม่วง
อาเภอวงั ม่วง จังหวดั สระบรุ ี

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนพ่ึงพิงอิงยาง ตาบลท่ายาง อาเภอทุ่งใหญ่ จังหวัด
นครศรธี รรมราช

ตารางที่ 4-28 การถอดบทเรยี นประเด็นปจั จัยสภาพแวดลอ้ มภายนอกทสี่ ่งผลต่อการดาเนนิ งานของ
กลมุ่ ดา้ นอตุ สาหกรรม

กลุ่ม รายละเอียด

กลุ่มอุต สาห กร ร ม 1) นโยบายและมาตรการส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจในจังหวัด โดยส่วนราชการ

กลุ่มแกะสลักไม้บ้าน จังหวัดลาพูน เน้นนโยบายการพัฒนาจังหวัด โดยเฉพาะการพัฒนาขีด

ทองฝาย ตาบลทาทุ่ง ความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปบนพ้ืนฐานความรู้

หลวง อาเภอแม่ทา ความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญาท้องถิ่น เสริมสร้างความเข้มแข็ง และขีด

จังหวดั ลาพูน ความสามารถของเศรษฐกิจชุมชน สร้างความพร้อมภาคเศรษฐกิจในการเข้าสู่

ประชาคมอาเซยี น

2) การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ องค์การบริหารส่วนจังหวัด

ลาพูน ซึ่งมีแนวนโยบายสนับสนุนเร่ืองไม้แกะสลัก ส่งเสริมให้มีกิจกรรมการ

แลกเปลี่ยนเรยี นรกู้ ับจังหวัดอื่น ๆ จับมือร่วมกันในนามของสมาคมไมแ้ กะสลัก

ภาคเหนือ และพัฒนาต่อยอดไปจนถึงระดับประเทศ สร้างให้เป็นทุนทาง

วัฒนธรรมชุมชนแลกเปล่ียนระหว่างจังหวัด ประเทศ รวมทั้งกรมการพัฒนา

ชุมชนท่ีได้เข้ามาส่งเสริมในการการพัฒนาเป็นสินค้า OTOP การสนับสนุน

ส่งเสริมด้านการตลาดโดยการจัดงานแสดงสินค้าในระดับต่าง ๆ ทั้งในจังหวัด

180

กลมุ่ รายละเอยี ด

ลาพูน และต่างจังหวัดทาให้สินค้าชุมชนได้วางตลาดและเป็นท่ีรู้จัก และ

เผยแพร่ประชาสัมพนั ธ์ ทาขา่ ว สื่อสารใหเ้ กดิ การรบั รแู้ กส่ าธารณะ

กลุ่มอุต สาห กร ร ม 1) นโยบายบายด้านการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ทาให้ชุมชนสามารถเข้าถึง

ก ลุ่ ม ท อ ผ้ า ไ ท เ ล ย เงินที่จะนามาลงทุนเพื่อขยายกิจการ รวมทั้งซื้อวัตถุดิบและวัสดุอุปกรณ์ได้

บ้านก้างปลา ตาบล เพิ่มขึ้น จากเม่ือตอนเร่ิมตั้งกลุ่มมีสมาชิกท่ีลงหุ้นเป็นทุนดาเนินงานคร้ังแรก

ชยั พฤกษ์ อาเภอเมือง จานวน 15 คน คนละ 100 รวมเป็นเงนิ 1,500 บาท มกี ี่ทอผ้าธรรมดาประมาณ

จงั หวัดเลย 15 ตวั เปน็ สว่ นสมทบของสมาชกิ แต่ละคน

2) การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครฐั จากการได้รบั การยกระดับหมบู่ ้านให้

เป็น“หมู่บ้านแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง” ทาให้มีหน่วยงานภาครัฐเข้าไป

สนบั สนุน และพฒั นาหมู่บา้ น มีการร่วมมือกันทากจิ กรรมพัฒนาชุมชน รวมทั้ง

รวมกลุม่ ประกอบอาชีพ โดยหนว่ ยงานท่มี บี ทบาทสาคัญได้แก่ สานักงานพฒั นา

ชุมชนจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมท้ังการ

ท่องเที่ยว ประชาสมั พันธ์จงั หวดั และภาคเอกชน เปน็ ต้น

กลุ่มอุต สาห กร ร ม 1) นโยบายและมาตรการส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจ โดยเฉพาะตั้งแต่มีนโยบาย

หัตถกรรมชุมชนบ้าน ส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and

ลานทอง บา้ นท่าฤทธิ์ Medium Enterprises หรือ SMEs)

ตาบลวังม่วง อาเภอ 2) หน่วยงานภาครัฐให้การส่งเสริม มีหน่วยงานให้การสนับสนุนและผลักดัน

วังมว่ ง จังหวดั สระบุรี อาทิ กรมการพัฒนาชมุ ชนช่วยในการค้นหาศกั ยภาพของคนในชุมชนตลอดจน

นาทุนทางทรัพยากรในชุมชนมาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ อีกท้ังยังสนับสนุน

ด้านองค์ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การประชาสัมพันธ์และช่องทาง

การจาหน่าย และอุตสาหกรรมจงั หวัดทีไ่ ด้เข้ามาสนับสนนุ องค์ความรใู้ นการทา

หตั ถกรรมจักสานจากใบลาน การทาหมวกสตรี เพื่อการพัฒนาให้ตรงกับความ

ต้องการของตลาด

กลมุ่ วิสาหกิจชมุ ชน 1) นโยบายและมาตรการส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจ โดยเฉพาะต้ังแต่มีนโยบาย

พึง่ พิงอิงยาง ส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium

ตาบลทา่ ยาง Enterprises หรือ SMEs)

อาเภอทุ่งใหญ่ 2) นโยบายภาครัฐที่ดาเนินการสนับสนุนด้านการส่งเสริมวิสาหกิจระดับ

จงั หวดั ชุมชน เพอื่ ให้กล่มุ และชุมชนพึ่งตนเองในระดบั เศรษฐกจิ ชุมชน

นครศรีธรรมราช 3) การสนับสนนุ จากหน่วยงานภาครัฐท่ีเข้ามาส่งเสริม ได้แก เกษตรอาเภอทุ่งใหญ่

การยาง และหน่วยงานที่เป็นสถาบันการศึกษาหลายสถาบัน ประกอบด้วย

คณะเทคโนโลยีอุตสหากรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช มหาวิทยาเทคโนโลยี

181

กลมุ่ รายละเอียด
ราชมงคล วทิ ยาเขตศรวี ิชัย และมหาวิทยาลยั ทีเ่ ขา้ มาศึกษาวิจัย ประกอบด้วย
จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยนเรศวร เปน็ ตน้

ตารางที่ 4-29 การถอดบทเรียนประเดน็ ปจั จัยสภาพแวดลอ้ มภายในท่สี ง่ ผลตอ่ การดาเนินงานของ
กลุ่มดา้ นอตุ สาหกรรม

กลมุ่ รายละเอียด

กลุ่มอุตสาหกรรม 1) ทนุ ทางวัฒนธรรม เพราะงานแกะสลกั ไม้เปน็ ภูมปิ ญั ญาท้องถนิ่ ของพนื้ ที่ทา
กลมุ่ แกะสลักไม้ ทงุ่ หลวง อาเภอแมท่ า จงั หวัดลาพนู ประวัตศิ าสตรข์ องผู้นาภูมิปญั ญาดา้ นงาน
บา้ นทองฝาย แกะสลกั และชาวบา้ นเกือบท้ังตาบลประกอบอาชีพแกะสลักไม้มาตง้ั แต่เดก็
ตาบลทาท่งุ หลวง บางคนมฝี ีมอื ขน้ึ ช้ันครูมลี กู ศษิ ย์มาเรยี นแกะสลกั ไมเ้ ปน็ จานวนมาก
อาเภอแมท่ า 2) ทนุ มนุษย์ โดยในชุมชนมี ผนู้ าภมู ิปญั ญาด้านงานแกะสลักไม้ ซ่งึ เปน็
จงั หวดั ลาพนู ผสู้ ูงอายใุ นชุมชน มีบทบาทในการใหค้ วามรแู้ ละวธิ กี ารพฒั นาผลงานแกะสลักไม้
แก่สมาชิกกลมุ่ ทสี่ นใจพัฒนาทักษะของตนเองเพ่มิ เติม
3) บทบาทผู้นาชุมชนในกลุ่ม พบว่าผู้นามีบทบาทสาคัญในการส่งเสริมกลุ่ม
วิสาหกิจชุมชน เพราะ ทาหน้าท่ีประสานเครือข่ายกลุ่มแกะสลักไม้ในอาเภอแม่
ทา ประสานหน่วยงานเพอื่ หาทุนสาหรบั สมาชิก
4) การบริหารจัดการ : กลุ่มแกะสลักมีรูปแบบการบริหารจัดการเน้นระดับ
ครัวเรือน กล่าวคือ ครัวเรือนเป็นหน่วยการผลิต หน่วยลงทุนและควบคุม
คุณภาพผลิตภัณฑ์ ในขณะที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทาหน้าที่ประสานงาน รับคา
สั่งซ้ือจากร้านค้าหรือคู่ค้ามากระจายการผลิตที่สมาชิกครัวเรือน ประสานกับ
เครือข่ายวิสาหกิจในระดับตาบลทาทุ่งหลวงและอาเภอแม่ทา ประสานงาน
การตลาด ประสานงานกับหน่วยงานราชการในการจดั แสดงสนิ ค้าตา่ ง ๆ
5) การประชาสัมพันธ์: งานแกะสลักของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านท้องฝาย
ตาบลทาทุ่งหลวง มีช่องทางการประชาสัมพันธ์ผ่านเครือข่ายแกะสลักไม้ระดับ
ตาบลและระดับอาเภอแมท่ า ผ่านหน่วยงานราชการ เชน่ กรมการพัฒนาชุมชน
และผ่านชุมชนค้าขายผลิตภัณฑ์ไม้ระดับภาคเหนือคือชุมชนบ้านถวาย จังหวัด
เชยี งใหม่
6) การพัฒนาและต่อยอดกจิ กรรม ปัจจบุ นั การแกะสลกั ไม้ของอาเภอแม่ทาได้
เปลยี่ นแปลงไปตามยคุ สมัย คือจะเปน็ ลักษณะของอุตสาหกรรมประเภทโรงงาน
ทาเปน็ ธรุ กิจหรือการคา้ กลา่ วคือ การแกะสลักไดใ้ ช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เขา้ มาช่วย

182

กล่มุ รายละเอยี ด

เสริมสร้างการแกะสลักจากเดิมให้การผลิตได้มาตรฐาน สวยงาม ประณีต และ

รวดเร็ว เหมาะกับยุคสมัยมากยิง่ ข้ึน ประกอบกับในปัจจุบันการสื่อสารและการ

คมนาคมรวดเร็วโดยเฉพาะทางอินเตอร์เน็ต จึงทาให้ธุรกิจไม้แกะสลักขยายตัว

ไปอย่างกวา้ งขวางและรวดเรว็

กล่มุ อตุ สาหกรรม 1) ทุนมนุษย์ โดยในหมู่บ้านมีปราชญ์ชาวบ้าน และชาวบ้านท่ีมีฝีมือในการ

กลุม่ ทอผา้ ไทเลย ทอผ้าเปน็ จานวนมาก

บา้ นกา้ งปลา 2) ทุนวัตถุดิบ ในหมู่บ้านมีหม่อนและไหมเป็นจานวนมาก ทาให้สามารถผลิต

ตาบลชัยพฤกษ์ ได้โดยต้นทนุ ต่า

อาเภอเมือง 3) การทางานแบบมีส่วนร่วม ภายใตก้ ารนาของประธานกลุ่ม ทาให้สมาชิกทุก

จังหวดั เลย คนเข้ามามีส่วนร่วมกิจกรรมและร่วมมือกันทางานอย่างเข้มแข็ง ทาให้กลุ่ม

สามารถดาเนินงานไดป้ ระสบผลสาเร็จ

4) องค์ความรู้ในการพัฒนาฝีมือ โดยมีการพัฒนาความรู้ความสามารถของ

สมาชิกอย่างต่อเน่ือง ด้วยการสนับสนุนให้เข้าร่วมฝึกอบรมในโครงการต่าง ๆ

มกี ารชว่ ยเหลอื สนบั สนุนจากหนว่ ยงานภายนอกควบคู่กนั ไปกับการมสี ว่ นรว่ มใน

การตัดสนิ ใจการทางานรว่ มกนั ของสมาชกิ กลุม่

5) การบรหิ ารจัดการกลุ่ม กลุ่มมีระบบการบริหารจดั การทเ่ี ป็นระบบแบบแผน

ท่ีดีและมีความโปร่งใสในด้านการจัดการผลประโยชน์ให้แก่สมาชิกอย่างเป็น

ธรรม ทาใหส้ มาชิกกลุ่มมีความไวว้ างใจต่อกนั

6) การสรา้ งแหลง่ เรียนรู้ โดยมีการสอนการทอผ้าและขยายภูมิปญั ญาของกล่มุ

ให้กบั กลุ่มแม่บ้านต่าง ๆ ท้ังในจังหวัดเลยและจงั หวัดใกลเ้ คียง เปน็ แหล่งเรยี นรู้

ของชุมชนโดยเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจได้มาศึกษาดูงาน

เกยี่ วกบั การทอผา้ และการย้อมสี

7) ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ โดยแต่เดิมกลุ่มเน้นด้านการทอผ้าช้ินขาย

เพียงอย่างเดียว ต่อมาได้เพ่ิมความหลากหลายของสินค้าให้มากขึ้น รวมท้ังการ

นามาแปรรูปตัดเย็บเป็น เส้ือสูท เส้ือสตรี และการพัฒนาลายทอผ้าใหม่ๆ เช่น

ลายก้างปลา ลายมุก ลายเกลด็ ปลา ลายดอกพิกุล ลายดอกแก้ว ลายป้องไผ่ ลาย

ค้มุ เงนิ คุ้มทอง เปน็ ต้น

8) การได้รับการรับรองมาตรฐาน คุณภาพของผ้าทอพื้นเมืองบ้านก้างปลา

ไดร้ ับการรบั รอง มผช.จากกระทรวงอตุ สาหกรรม

กลมุ่ อตุ สาหกรรม 1) ทนุ มนุษย์ จดุ เรม่ิ ต้นของการนาใบลานมาสานเป็นผลิตภัณฑท์ ีส่ ามารถสรา้ ง

หตั ถกรรมชุมชนบา้ น รายได้ให้กับชุมชนน้ันเกิดจากการที่ประธานกลุ่มหัตถกรรมชุมชนบ้านลานทอง

ลานทอง บา้ นท่าฤทธิ์

183

กลมุ่ รายละเอียด
ตาบลวังมว่ ง อาเภอ ไดเ้ ขา้ รับการอบรมเพ่อื ฝึกอาชีพในการจักสานใบลาน แล้วมีการนาความรู้มาต่อ
วงั มว่ ง จงั หวดั สระบรุ ี ยอดโดยการเรยี นรูด้ ้วยตนเองผา่ นการศึกษาลายหมวกจากประเทศนิวซีแลนด์

2) ทุนทางทรัพยากร ในการดาเนินงานของกลุ่มหัตถกรรมชุมชนบา้ นลานทอง
มีการนาทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถ่ิน คือ ต้นลาน มาเป็นวัสดุหลักในการผลิต
ผลิตภณั ฑจ์ กั สานของกล่มุ หัตถกรรมชมุ ชนบ้านลานทอง
3) การสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วม ในการดาเนินงานของกลุ่ม มีการ
ดาเนินงานร่วมกับศูนย์โอทอปจังหวัดสระบุรี โดยการมีส่วนร่วมในการจัด
จาหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ของชุมชน ซึ่งถือเป็นเป็นเครือข่ายการดาเนินงาน
ด้านการจัดหาช่องทางการตลาดให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมหัตถกรรมชุมชนบ้าน
ลานทอง
4) องคค์ วามรู้ กลุ่มหตั ถกรรมชุมชนบ้านลานทองได้มีการพัฒนาศักยภาพของ
สมาชิกเพื่อนามาพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างสม่าเสมอ โดยผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้คือ
ประธานกลมุ่
5) การบริหารจัดการ มีการแบ่งโครงสร้างการดาเนินงานที่แน่ชัด และกลุ่ม
หัตถกรรมชุมชนบ้านลานทองจะเป็นหลักในการประสานงาน การจัดจาหน่าย
ตลอดจนรับคาส่ังซ้ือจากผู้ค้ามากระจายสู่สมาชกิ ในกล่มุ โดยสมาชิกสามารถนา
วัสดุอุปกรณ์ไปผลิตได้เองที่บ้าน เม่ือมีการจัดจาหน่ายสมาชิกจะได้ค่าตอบแทน
ตามจานวนทผี่ ลิตได้
6) การพัฒนารูปแบบและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากกลุ่ม
หัตถกรรมชุมชนบ้านลานทองสามารถเข้าถึงปัจจัยการผลิตได้ง่ายทาให้
ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีความหลากหลายและเป็นท่ีตอ้ งการของตลาดเพราะการพัฒนา
รปู แบบผลิตภัณฑ์ใหร้ ่วมสมัยสามารถใชไ้ ดใ้ นทกุ ช่วงวยั และแต่ละผลิตภัณฑ์ก็มี
ลวดลายเฉพาะตัวทีจ่ ะพบได้ในผลติ ภณั ฑ์ของกลุ่มหตั ถกรรมชมุ ชนบา้ นลานทอง
เท่านน้ั
7) ช่องทางการตลาดและการจัดจาหน่าย ในการจัดจาหน่ายผลิตภัณฑ์ของ
กลุ่มหัตถกรรมชมุ ชนบ้านลานทองน้ัน มอี ยู่ 5 ช่องทาง คือ 1) การออกร้านขาย
ตามงานแสดงสินค้าที่ทางหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจัดข้ึน 2) การจาหน่าย
ให้กับพ่อค้าคนกลางจากจังหวัดเชียงใหม่ สระบุรีและจังหวัดภูเก็ต 3) การจัด
จาหน่ายผ่านสื่อออนไลน์ซ่ึงจะเป็นลักษณะของการขายผ่านสื่อ Social Media
4) การจาหน่ายให้ผู้ท่ีมาศึกษาดูงานและลูกค้าขาจรท่ีมาเท่ียวหรือมาตามกรุ๊ป
ทัวร์ และ 5) การนาไปจาหน่ายที่ศูนย์โอทอปสระบุรีท่ีเป็นเครือข่ายในการ
ดาเนินงานด้านกลุ่มวิสาหกจิ และผลติ ภัณฑ์ชมุ ชน

184

กลุ่ม รายละเอียด

กลมุ่ วิสาหกิจชมุ ชน 1) ทุนชุมชน เน่ืองจากเกษตรกรส่วนใหญ่ท่ีเป็นสมาชิกกลุ่มทาสวนยางพารา
พึง่ พิงองิ ยาง และพ้นื ทชี่ ุมชนมีทรพั ยากรที่ถอื วา่ เป็นทุนชุมชน คือ ยางพารา น้ายางพารา
ตาบลทา่ ยาง 2) การบรหิ ารจัดการกลมุ่ การบรหิ ารจดั การกลมุ่ ของกลมุ่ นัน้ ส่วนใหญไ่ ม่เป็น
อาเภอทุ่งใหญ่ ทางการ ซ่ึงถือวา่ เป็นกลุ่มทจ่ี ดั ตัง้ ขึน้ ในรปู แบบของอุตสาหกรรมในครัวเรือน
จงั หวดั 3) การสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วม ทางกลุ่มได้ดาเนินการเข้าร่วม
นครศรีธรรมราช เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนท่ีเป็นโรงหมอนยางพาราในอาเภอทุ่งใหญ่ และได้
ดาเนินการเก่ียวกับการสร้างเครือข่ายการท่องเท่ียวชุมชนเชิงเกษตร จังหวัด
นครศรีธรรมราช
4) การพัฒนาและต่อยอดกิจกรรม เดิมทางกลุ่มได้ดาเนินการผลิตหมอน
ยางพารา 100 เปอร์เซ็นต์ รวมท้ังรับซื้อน้ายางสดจากเกษตรกร และได้
ดาเนินการพัฒนาต่อไปคือ การสร้างเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการท่องเท่ียวเชิง
เกษตร โดยได้รับงบประมาณช่วยเหลือจากจังหวัดนครศรีธรรมราช จานวน
500,000 บาท มาเพ่อื ดาเนนิ การสรา้ งโรงเรอื นและปรบั ปรงุ พัฒนากลุ่มวิสาหกิจ
ชุมชน และจะดาเนินการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ เช่น ผ้าเคลือบน้ายางพารา
บลอ็ กปูพน้ื ยางพารา ถุงพันธ์กล้ายางพารา
5) การสร้างองค์ความรู้จากชุมชนและการสง่ เสรมิ ความรเู้ พ่ือประโยชนก์ ารต่อ
ยอด กระบวนการสรา้ งองคค์ วามร้จู ากชุมชน โดยเรม่ิ ตน้ จากกระบวนการเรียนรู้
การผลิตหมอนยางพาราจากศูนย์การเรียนรวู้ ิสาหกิจชุมชนหมอนยางพารา และ
สามารถนาความรูท้ ่ไี ดร้ บั มาพัฒนาและตอ่ ยอดผลติ ภัณฑ์ของกลมุ่ ได้
6) รปู แบบและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ โดยแต่เดิมมีผลิตภัณฑ์จากน้า
ยางพารา ไดแ้ ก่ หมอนยางพารา ภายหลังไดน้ าความรู้ท่ีไดจ้ ากการอบรมในศนู ย์
มาพัฒนาต่อยอด และสร้างผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้น อาทิ บล็อกปูพ้ืน
ยางพารา ถงุ พันธ์กลา้ ยางพารา ของทรี่ ะลกึ ท่ผี ลติ จากยางพารา เป็นตน้
7) การตลาด เดิมเม่ือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพึ่งพิงอิงยางได้รับการรับรองจาก
มอก. บริษัทเอกชนจะรับซื้อหมอนท่ีผลิตจากกลุ่มแต่ภายหลังทางกลุ่มไม่ได้รับ
การรับรอง จาก มอก. จึงไม่สามารถส่งขายยังตลาดเอกชนได้ ดังนั้น กลุ่มจึง
ปรับตัวโดยการหาช่องทางการจัดจาหน่าย และชอ่ งทางทางการตลาดเอง
8) การสื่อสารสร้างการรับรู้เพื่อความยั่งยืน โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพึ่งพิงอิง
ยาง ดาเนินการเก่ียวกับการส่ือสารสร้างการรับรู้ การประชาสัมพันธ์กลุ่มผ่าน
ทางช่องทางออนไลน์ ซ่ึงสามารถติดต่อกับผู้รับซื้อโดยตรง และยังสามารถผลิต
สินค้าไดต้ รงกบั ความต้องการของลูกคา้ ตามรายการทีไ่ ด้สง่ั ซ้อื มา โดยให้สมาชิก
เป็นผู้มีส่วนร่วมในการหาช่องทางการจัดจาหน่าย และการประชาสัมพันธ์กลุ่ม

185

กล่มุ รายละเอียด

ผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกบูทเพ่ือจาหน่ายสินค้า การ
ประชาสมั พันธท์ างสอ่ื ออนไลน์

ตารางที่ 4-30 การถอดบทเรียนประเด็นผลลัพธ์ของการดาเนนิ การดา้ นอตุ สาหกรรมตอ่ ครอบครวั และชมุ ชน

กลุ่ม รายละเอียด

กลุ่มอุต สาห กร ร ม 1) ครอบครัวมีรายได้เพิ่ม เพราะในยามพักจากการเกษตรและสวนลาไย

กลุ่มแกะสลักไม้บ้าน กลุ่มก็สามารถท่จี ะมีอาชีพเสรมิ ได้

ทองฝาย ตาบลทาทุ่ง 2) เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง กิจกรรมของกลุ่มสร้างรายได้ให้กับสมาชิก

หลวง อาเภอแม่ทา ต่อเน่ืองหลายปี ส่งผลให้คนในชุมชนได้รับประโยชน์จากกิจกรรมของกลุ่ม

จงั หวัดลาพนู มรี ายได้เพม่ิ ข้นึ และสรา้ งความเขม้ แขง็ ใหเ้ ศรษฐกิจฐานราก

3) การกระจายรายได้ในชุมชน ครอบครัวที่ทาไม้แกะสลักมีรายได้เพ่ิมข้ึน

บางครอบครัวเป็นรายไดเ้ สริม บางครอบครวั เปน็ รายได้หลกั

4) ความสัมพันธข์ องคนในชุมชน คนในชุมชนท่ีทาไม้แกะสลักตอ้ งช่วยเหลือ

กันตลอด ตั้งแต่การหาวัสดุอุปกรณ์ การแลกเปล่ียนเครื่องมือ ช่วยกันทางาน

ในช่วงที่ตอ้ งเร่งสง่ งานให้ลูกค้า นอกจากน้ี ในการทางานแกะสลักไม้จาเป็นต้อง

แลกเปล่ียนผลงานกันดู ช่วยกันดู ช่วยกันติว่าผลงานท่ีแต่ละบ้านผลิตนั้นดี

หรือไมเ่ พราะเป็นภาพลักษณข์ องชมุ ชน เปน็ ประโยชนร์ ่วมกันของชุมชน

5) สวสั ดกิ ารชุมชน สมาชิกกลุ่ม จะเป็นสมาชกิ สหกรณ์บริการแกะสลักไม้แม่

ทาจากัด และในแตล่ ะปีจะได้รับเงนิ ปันผลจากสหกรณ์ทกุ ปี

กลุ่มอุต สาห กร ร ม การจาหนา่ ยของกลุ่มทอผา้ บ้านก้างปลา มยี อดการจาหน่ายทีเ่ พิ่มข้นึ เรื่อย ๆ

ก ลุ่ ม ท อ ผ้ า ไ ท เ ล ย มกี ารสั่งทอจากห้องเส้อื ในกรุงเทพมหานคร และสถานทีต่ ่าง ๆ มีการรับจ้างตัด

บ้านก้างปลา ตาบล สทู ในทมี งานของหน่วยงานราชการ ตลอดจนมกี ารนาสินคา้ ของกลมุ่ ไปจาหนา่ ย

ชยั พฤกษ์ อาเภอเมือง ในสถานท่ีต่าง ๆ เช่น ชาโต้ เดอ เลย ศูนย์ OTOP ของจังหวัด และมีผู้ที่สนใจ

จงั หวัดเลย นาไปจาหน่ายอีกตอ่ หน่งึ ทาให้สมาชิกในกลุ่มมีรายไดเ้ พิ่มมากขึ้นเฉล่ียประมาณ

2,500 – 3,000 บาทต่อเดือนต่อคน รวมท้ังปีมีกาไรท้ังสิ้นประมาณ 140,000

บาทตอ่ ปี

กลุ่มอุต สาห กร ร ม 1) ครอบครัวมีรายได้เพ่ิม สมาชิกของกลุ่มหัตถกรรมชุมชนบ้านลานทองมี

หัตถกรรมชุมชนบ้าน รายได้เพ่ิมมากขึ้น เน่ืองจากเดิมประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักจึงทาให้มี

ลานทอง บ้านท่าฤทธ์ิ รายได้แค่ทางเดียว แต่ในปัจจุบันมีการประกอบอาชีพการจักสานใบลานเพ่ือ

ตาบลวังม่วง อาเภอ สร้างรายได้ ทาให้ครอบครัวมีรายรับเข้ามามากยิ่งขึ้นทั้งจากการผลิตผลิตภัณฑ์

วังม่วง จงั หวดั สระบรุ ี การจาหนา่ ยใบลาน การรบั จา้ งสอยใบลาน

186

กล่มุ รายละเอยี ด

2) เศรษฐกจิ ชุมชนเข้มแข็ง เมื่อสมาชิกในกลุ่มมรี ายไดเ้ พ่ิมขึ้น คนในชุมชนมี

อาชีพเสริม ทาให้เกิดเงินหมุนเวียนในชุมชนมากย่ิงขึ้นจากการที่นาทุนทาง

ทรัพยากรท่ีมีอยู่ในท้องถ่ินมาใช้ประโยชน์ การกระจายรายได้สู่ชุมชนผ่านการ

จ้างงานและการรับซ้ือใบลานทาให้คนในชุมชนมีรายได้เพิ่มข้ึน เศรษฐกิจฐาน

รากเร่ิมมีความเข้มแขง็ จนสามารถลดการพ่ึงพาจากภายนอกได้

3) การกระจายรายได้ในชุมชน เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างเป็น

รูปธรรมทั้งการดึงคนในชมุ ชนให้เขา้ มาเปน็ สมาชกิ กลุ่มฯ การจ้างงานเพอื่ เตรียม

วสั ดุในการจกั สาน การรับซ้ือใบลานจากคนในชุมชน ตลอดจนข้นั ตอนสดุ ท้ายใน

การผลิตคือการเคลือบสี จัดทรงหมวกและการเก็บรายละเอียดงานล้วนแล้วแต่

เปน็ การสร้างรายได้ให้คนในชมุ ชน

4) ความสัมพันธ์ของคนในชุมชน : ลักษณะความสัมพันธ์ของคนในชุมชน

บ้านท่าฤทธิ์นั้น มีลักษณะของการอยู่ร่วมกันแบบระบบเครือญาติ มีความ

เอื้อเฟื้อเห็นอกเห็นใจกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมท่ีมี

การดาเนินงานอยู่ภายในชุมชน การส่งเสริมการรวมกลุ่มเป็นอีกหนึ่งวิธีการท่ี

สามารถเช่ือมความสัมพันธ์ให้คนในชุมชนไดเ้ ข้ามามีส่วนร่วมในการทากิจกรรม

ร่วมกนั

กลุ่มวิสาหกิจชุมชน 1) ครอบครัวมีรายได้เพิ่ม จากการดาเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการผลิตหมอน

พึง่ พงิ อิงยาง ยางพาราในระยะแรกน้ันมีการสั่งซื้อเข้ามาจนไม่สามารถผลิตได้ทัน ส่งผลให้

ตาบลทา่ ยาง รายได้ครอบครวั ของสมาชิกเพิม่ ขึน้ โดยมรี ายได้เพม่ิ จากการทาหมอนยางพารา

อาเภอท่งุ ใหญ่ 2) เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง การดาเนินงานวิสาหกิจชุมชนเกี่ยวกับการผลิต

จังหวดั หมอนยางพารา เป็นทางเลือกหน่ึงของการนานา้ ยางพาราสดมาแปรรปู เพื่อเพ่ิม

นครศรธี รรมราช มูลค่า และทาให้เกิดรายได้ในระดับชุมชน การรับซื้อน้ายางพาราจากเกษตรกร

ทาใหเ้ กดิ การสรา้ งรายได้ในระดับชมุ ชน

3) การกระจายรายได้ในชุมชน การดาเนินการเก่ียวกับกลุ่มผู้ผลิตหมอน

ยางพารา พ่ึงพิงอิงยาง ทาให้เกิดการกระจายรายได้ในชุมชนผ่านเกษตรกร

ชาวสวนยางพารา ท่ีนาน้ายางพาราสดมาขายให้กับกลุ่ม และกระจายรายได้

ให้กับสมาชิกในกลุ่มที่ผลิตหมอนยางพารา ตลอดจนความสัมพันธ์ของคนในชุมชน

การส่งเสริมการรวมกลุ่มของกลุ่มเกษตรกร โดยเน้นความสัมพันธ์แบบดั้งเดิม

การให้ความช่วยเหลือกันและกนั ระหว่างสมาชิก การช่วยเหลอื เกอื้ กูลกนั

4) สวัสดิการชุมชน กลุ่มวิสาหกจิ ชุมชนพ่ึงพงิ อิงยาง ตาบลท่ายาง อาเภอท่งุ ใหญ่

จังหวัดนครศรีธรรมราช มีการพัฒนาจากวิสาหกิจชุมชนไปสู่ระบบการจัด

สวัสดิการชุมชน การสร้างความม่ันคง ความมั่นใจให้กับสมาชิกกลุ่ม และมีการ

187

กลมุ่ รายละเอียด
วางระบบเพอื่ เป็นฐานในการจัดสวัสดิการให้กบั สมาชกิ ในอนาคต โดยสวัสดิการ
ที่มอบให้แก่สมาชิก ประกอบด้วยการจัดทาประกันชีวิต และสวัสดิการใน
รปู แบบค่าตอบแทนแก่สมาชกิ กลุ่ม

ตารางที่ 4-31 การถอดบทเรยี นประเด็นปัญหาและอปุ สรรคในการดาเนนิ งานดา้ นอตุ สาหกรรม

กล่มุ รายละเอยี ด

กลมุ่ อุตสาหกรรม 1) ปญั หาปัจจัยการผลิตเรอื่ งไม้ที่นามาใช้แกะสลัก ปัญหานี้สบื เน่ืองมาจาก

กลมุ่ แกะสลกั ไม้บา้ น สมยั กอ่ นใช้ไมส้ กั ซ่งึ เปน็ ไม้ที่มีคณุ ภาพ งา่ ยแกก่ ารบารุงรักษา

ทองฝาย 2) ปัญหาทางการตลาด เพราะชนิ้ งานต่าง ๆ ส่วนใหญจ่ ะเป็นการสง่ั มาจาก

ตาบลทาทงุ่ หลวง ต่างประเทศ แต่ในปัจจุบันน้ี ต่างประเทศได้ลดการส่ังซ้ือสินค้าเข้ามาเพราะท่ัว

อาเภอแม่ทา โลกเกดิ ภาวะทางเศรษฐกจิ ตกต่า

จงั หวดั ลาพูน 3) ปัญหาการสืบทอดความรู้งานแกะสลักไม้ สมาชิกกลุ่มเกือบท้ังหมด

พบว่า ในตาบลทาทุ่งหลวง ลูกหลานในครัวเรือนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจและหันมา

เรียนรู้สบื ทอดงานแกะสลักไม้จากคนรุ่นพ่อแม่ ซึ่งจะส่งผลให้ภูมิปัญญาอาชีพน้ี

ค่อย ๆ ลดลงไปดว้ ย

กลมุ่ อตุ สาหกรรม 1) ลกู คา้ ของกลุ่มจะเป็นลักษณะเฉพาะกลุ่มทีส่ นใจใชผ้ า้ ทอเท่านน้ั

กลุ่มทอผ้าไทเลย 2) ราคาของผ้าทอค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับเส้ือผ้าสาเร็จรูป ไม่ค่อย

บ้านกา้ งปลา เปน็ ทนี่ ยิ มของคนทั่วไป

ตาบลชัยพฤกษ์

อาเภอเมอื ง

จงั หวดั เลย

กลมุ่ อตุ สาหกรรม ไมป่ รากฎการให้ข้อมลู ในระหว่างการถอดบทเรียน

หตั ถกรรมชมุ ชนบา้ น

ลานทอง บา้ นท่าฤทธิ์

ตาบลวังมว่ ง อาเภอ

วงั มว่ ง จังหวดั สระบรุ ี

กลุ่มวสิ าหกิจชมุ ชน ผลติ ภณั ฑไ์ ม่ไดร้ ับการรับรองมาตรฐาน ทาใหต้ ลาดลดลง

พ่ึงพิงอิงยาง ตาบล

ทา่ ยาง อาเภอทุง่ ใหญ่

188

กลมุ่ รายละเอยี ด

จังหวดั
นครศรธี รรมราช

ตารางที่ 4-32 การถอดบทเรยี นประเด็นข้อเสนอแนะเพอื่ การพัฒนากลมุ่ และส่งเสรมิ งานพฒั นา
เศรษฐกจิ ฐานรากดา้ นอตุ สาหกรรม

กลุ่ม รายละเอียด

กลมุ่ อตุ สาหกรรม 1) การพัฒนาองค์ความรู้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เนื่องจากกลุ่มยัง

กลุ่มแกะสลกั ไม้บา้ น ขาดการพัฒนาองค์ความรู้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อปรับตัวต่อ

ทองฝาย ความต้องการของตลาด

ตาบลทาท่งุ หลวง 2) การส่งเสรมิ ดา้ นการตลาดและการขยายตลาดในรปู แบบท่หี ลากหลาย และ

อาเภอแมท่ า ปรมิ าณตลาดท่ีเพ่ิมมากข้นึ

จังหวดั ลาพูน 3) ควรพัฒนาหลกั สูตรการแกะสลัก เป็นหลักสูตรท้องถ่ิน เพ่ือใหเ้ กิดการสาน

ตอ่ ภมู ิปัญญาและศลิ ปะหตั ถกรรมในพ้นื ท่ี

กลุ่มอตุ สาหกรรม 1) หน่วยงานของรัฐชว่ ยส่งเสริมการตลาด การจาหน่ายผลิตภณั ฑ์ของกลมุ่

กลุ่มทอผา้ ไทเลย 2) สนับสนุนใหม้ นี โยบายการแต่งกายตามวฒั นาธรรมไทยโดยใชผ้ า้ ทอของไทย

บา้ นกา้ งปลา 3) สง่ เสรมิ ใหค้ นไทยและต่างชาตมิ าท่องเท่ยี วในจงั หวดั

ตาบลชัยพฤกษ์

อาเภอเมอื ง

จังหวดั เลย

กลุ่มอุตสาหกรรม ไมป่ รากฎการให้ขอ้ มูลในระหวา่ งการถอดบทเรยี น

หตั ถกรรมชมุ ชนบา้ น

ลานทอง บ้านทา่ ฤทธ์ิ

ตาบลวังมว่ ง อาเภอ

วงั มว่ ง จังหวดั สระบรุ ี

กลมุ่ วสิ าหกจิ ชมุ ชน 1) สถาบนั การศกึ ษา ควรเข้ามาอบรม ใหค้ วามรู้ และพัฒนาเร่อื งการผลติ และ

พึ่งพิงองิ ยาง เทคโนโลยใี นการผลติ

ตาบลทา่ ยาง 2) เร่งส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑข์ องกลุ่มให้ไดร้ ับการรับรองมาตรฐาน เพื่อ

อาเภอทุ่งใหญ่ เปน็ หลกั ประกันดา้ นคณุ ภาพให้แกล่ กู ค้าและตลาด

จงั หวดั 3) หนว่ ยงานท่เี กี่ยวข้องควรสง่ เสริมเร่อื งการตลาดใหแ้ ก่กลุ่ม

นครศรีธรรมราช

189

จากขอ้ มูลดงั กล่าวข้างตน้ พบว่า
1. ปัจจัยสภาพแวดลอ้ มภายนอก

1.1 นโยบายและมาตรการการส่งเสรมิ การพฒั นาขดี ความสามารถในการแข่งขันดา้ น
อุตสาหกรรมบนพ้นื ฐานความรู้ ความคิดสร้างสรรค์และภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ ตลอดจนการสนับสนุนแหล่ง
เงินทุน

1.2 หน่วยงานสนับสนนุ ภาครัฐ เช่น กรมการพัฒนาชมุ ชน กรมส่งเสริมอตุ สาหกรรม
สถาบนั การศกึ ษา และภาคธรุ กจิ

2. ปจั จัยสภาพแวดลอ้ มภายใน
2.1 ทนุ ชมุ ชน ทุนวฒั นธรรม ทุนทรัพยากร ทนุ มนษุ ย์
2.2 การบริหารจัดการกลุ่ม การแลกเปลี่ยนความคดิ การมแี ผนงาน
2.3 เครือข่ายในชุมชน เครือข่ายกิจกรรมในชุมชน เช่น เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน

เครอื ขา่ ยท่องเทีย่ วชมุ ชน เปน็ เครอื ขา่ ยการดาเนินงาน และเครอื ขา่ ยการตลาด
2.4 การพัฒนาและต่อยอดกิจกรรม การใช้เทคโนโลยี การสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์

การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์
3. กระบวนการดาเนนิ งาน
3.1 การเข้าถงึ ปัจจยั การผลิต มีวสั ดุ วตั ถดุ ิบ และทรัพยากรในชุมชน
3.2 องค์ความรู้ การถ่ายทอดความรู้จากบรรพบุรุษ การเรียนรู้และการพัฒนา การ

สร้างสรรค์ความร้จู ากชุมชน
3.3 การสร้างการส่ือสาร สร้างการรับรู้และการประชาสัมพันธ์ การประชาสัมพันธ์

ช่องทางออนไลน์ การออกร้านงานแสดงสินค้า การจาหน่ายออนไลน์ การจาหน่ายแก่ผู้มาศึกษาดูงาน
และศนู ย์ OTOP

4. ผลผลิตจากการดาเนินงาน
4.1 ครอบครวั มีรายได้ รายได้จากผลิตภณั ฑ์ การจา้ งงาน การขายวตั ถุดิบในการผลิต

สนิ ค้า
4.2 เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง คนในชุมชนมีรายได้ มีเงินทุนหมุนเวียน ลดการพ่ึงพา

จากภายนอก
4.3 สวัสดิการชุมชน มกี ารปันผลจากรายได้ของกล่มุ ค่าตอบแทน การออม และการ

ทาประกนั ชีวติ สมาชิกกลุ่ม

190

4.4 รายงานการศึกษาดูงานและจัดเสวนา (การประชุมเชิงปฏิบัติการ) ของคณะอนุกรรมาธิการ
การลงทุนและเศรษฐกิจฐานราก ในคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา
เรือ่ ง “ปจั จัยสคู่ วามสาเรจ็ ของเศรษฐกิจฐานราก โดยพจิ ารณาจากนโยบายการบรู ณาการหนว่ ยงาน
ภาครัฐและเอกชน ตามยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี”

ตารางท่ี 4-33 สรปุ การศึกษาดูงานในระดบั พน้ื ที่

ครั้งที่ ภาค จงั หวัด วัน เดอื น ปี
1. กลาง สุพรรณบุรี 11 ธันวาคม 2562
22 มกราคม 2563
2. กลาง กรุงเทพมหานคร (มลู นิธสิ ัมมาชีพ) 12 กมุ ภาพนั ธ์ 2563
27-28 สงิ หาคม 2563
3. กลาง ชยั นาท 11-12 กนั ยายน 2563
28-29 ตุลาคม 2563
4. ใต้ ภเู กต็ 2-3 ธันวาคม 2563
21-22 กนั ยายน 2564
5. ตะวันออกเฉยี งเหนอื บรุ รี ัมย์ 20 ตุลาคม 2564

6. เหนอื น่าน

7. ตะวนั ออก จันทบรุ ี

8. ภาคเหนือ พิษณโุ ลก

9. ภาคกลาง สพุ รรณบรุ ี

ตารางท่ี 4-34 รายชื่อกลมุ่ และผลติ ภัณฑ์ของกลมุ่ วิสาหกิจชุมชน ทค่ี ณะอนุกรรมาธกิ ารลงพ้ืนทเ่ี พ่ือ
สนทนากลมุ่

จังหวดั ช่อื กลุม่ การดาเนนิ กิจกรรมของกลมุ่
- ผลติ สนิ คา้ จากของเหลือใชต้ ุ๊กตาถา่ น
สุพรรณบุรี - กลมุ่ วสิ าหกจิ ชมุ ชนตุ๊กตาควายนอ้ ย ควายนอ้ ยสร้างชาติ
11 ธนั วาคม 2562 สร้างชาติ
- ผลติ ผา้ ขาวม้า 5 สี
- กลมุ่ วสิ าหกิจชมุ ชนผา้ ขาวมา้ 5 สี - ผลิตภัณฑจ์ ากผกั ตบชวา

- กลุ่มวสิ าหกจิ ชมุ ชนกลุม่ จกั สาน
ผกั ตบชวาตาบลโคกช้าง

จังหวดั 191 การดาเนินกิจกรรมของกลมุ่
ชอ่ื กลุ่ม
ชัยนาท - กล่มุ เกษตรกรนาแปลงใหญ่ -ทานาปลอดภัยจากการลดตน้ ทนุ เพิ่ม
12 กุมภาพนั ธ์ รายได้มีขา้ วพนั ธด์ มี าปลกู กาไรเพมิ่ ขน้ึ
2563 - กล่มุ หตั ถกรรมผกั ตบชวาบา้ นออ้ ย จากเดมิ 2,000 – 3,000 บาท ตอ่ ไร่ ข้าว
ภเู ก็ต พนั ธุ์ กข 23
27-28 สิงหาคม
2563 - ผลติ ภณั ฑ์จากผักตบชวา

บรุ ีรมั ย์ - ศนู ยเ์ รยี นร้บู ้านลิพอนใต้ - การท่องเท่ียวที่ใหน้ ักทอ่ งเท่ยี วมสี ว่ น
11-12 กนั ยายน ชุมชนทอ่ งเทยี่ ว OTOP นวตั วถิ ี รว่ มทากิจกรรมกับคนในชมุ ชน เชน่
2563 ตาบลศรีสุนทร อาเภอถลาง ทาอาหารพ้ืนบา้ น ทาผ้ามดั ยอ้ ม แกะตวั
หนงั ตะลงุ และชมการแสดงหนงั ตะลงุ ฝัง่
- บรษิ ทั คณุ แมจ่ ู้ จากัด อาเภอถลาง ประตก
- สนิ ค้า OTOP ที่ชาวบ้านในชุมชนผลติ
- ชมุ ชนทอ่ งเท่ียว OTOP นวตั วถิ ี เองนามาจาหนา่ ย
(ข้าวเมา่ เงนิ ล้าน) บา้ นโคกวา่ น ตาบล
หนองโสน อาเภอนางรอง - นโยบายของบริษัทแมจ่ ู้ จากดั คือ
- ศนู ยส์ าธติ การย้อมผ้าภอู คั นี หมู่บ้าน บริษัทม่งุ มน่ั ผลติ สินค้าทม่ี คี ณุ ภาพและ
เจริญสขุ อาเภอเฉลมิ พระเกยี รติ ปลอดภยั รกั ษพ์ ลงั งานและสง่ิ แวดลอ้ ม
สอดคล้องกฎหมาย พร้อมสง่ มอบตรง
เวลา พฒั นาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง เน้นเรอ่ื งการ
บรกิ าร เพื่อสรา้ งความพึงพอใจสูงสดุ
ให้แก่ลูกค้า

- การคดิ นอกกรอบจนสามารถพลิกฟืน้
ขา้ วธรรมดามาแปรรปู เป็นขา้ วเมา่ ดบิ
สามารถขายได้ในราคาท่ีสงู ขึน้

- ศนู ยส์ าธติ การย้อมผา้ ภอู คั นี จดั ทาผา้
ยอ้ มดนิ ภเู ขา เปน็ ภูมิปญั ญาทช่ี าวบา้ นนา
วัตถดุ บิ จากธรรมชาติในทอ้ งถิ่นมา
ประยกุ ต์ใช้
- ได้รบั คดั เลือกใหเ้ ปน็ หมบู่ า้ น OTOP
Village Champoin ทไ่ี ดร้ บั การ
สนับสนนุ จากหนว่ ยงานของรัฐ

192

จังหวดั ชือ่ กลุม่ การดาเนนิ กจิ กรรมของกลมุ่
- ชุมชนยา้ นตาลอง ตาบลทงุ่ วงั
น่าน อาเภอสตกึ และ OTOP กลมุ่ ทอผ้า - เปน็ ชุมชนท่องเทย่ี ว OTOP นวตั วถิ ี ทีม่ ี
28-29 ตุลาคม ยอ้ มสีธรรมชาติ ความเปน็ เอกลกั ษณ์ วิถีชวี ติ วฒั นธรรม
2563 ขนบธรรมเนียมประเพณี พนื้ ถนิ่ เขมร
- วิสาหกจิ ชุมชนชวี วถิ ตึ าบลน้าเก๋ียน - มีการดาเนินชวี ติ ตามหลักปรัชญา
อาเภอภูเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี งสรา้ งชมุ ชนให้เขม้ แขง็
- หมู่บา้ นทอ่ งเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรมไทล้ือ พัฒนาอาชีพและรายได้ให้กบั ชมุ ชน
บ้านหนองบวั อาเภอทา่ วงั ผา - กลุ่ม OTOP ทอผา้ ไหมสธี รรมชาติ
ยึดถอื เศรษฐกิจพอเพียงเรยี บเรยี งภมู ิ
ปัญญาบรรพบุรุษ เลิกใชส้ ารเคมี การใช้
วัตถุดบิ จากธรรมชาติ เชน่ ต้นชงโค (สี
เขยี ว) ตน้ ขนนุ (สเี หลอื ง) ตน้ ฝาง (สีชมพู
อมแดง) เปน็ ตน้

วสิ าหกจิ ชมุ ชนชวี วิถตี าบลนา้ เกยี๋ น
อาเภอภูเพียง
-เนน้ การนาพชื สมนุ ไพรท่มี ีในทอ้ งถน่ิ
เชน่ ใบหม่ี ดอกอัญชญั ดอกมะเฟือง
มะกรดู มะขาม ขมน้ิ ชนั มาเปน็ วัตถุดยิ
ในการผลติ เครือ่ งสาอางสมนุ ไพร
ผสมผสานกบั องคค์ วามรภู้ มู ปิ ัญญา และ
เทคโนโลยกี ารผลิต ภายใต้ระบบ
มาตรฐาน GMP

หมบู่ า้ นท่องเท่ียวเชงิ วัฒนธรรมไทลือ้ บา้ น
หนองบัว อาเภอทา่ วงั ผา
-ไทลอ้ื เปน็ หมบู่ ้านหตั ถกรรมและ
ชนะเลศิ การประกวดหมู่บา้ น OTOP
ระดบั ภาคเหนอื
- การนาสาหรา่ ยท่ีขนึ้ ช่ือ ไก เปน็ วตั ถดุ ิบ
ทีเ่ กิดข้นึ เองตามธรรมชาติ เปน็ อาหารทม่ี ี
คุณคา่ ทางโภชนาการ ไก เปน็ ผลติ ภัณฑ์
อาหารแปรรปู ท่ีเปน็ สาหรา่ ยจากลาน้า
น่าน ทม่ี หี นึง่ เดยี วในประเทศไทย

193

จังหวดั ช่อื กลมุ่ การดาเนนิ กจิ กรรมของกลมุ่

จนั ทบุรี -ศนู ยส์ ง่ เสรมิ อญั มณแี ละเคร่ืองประดบั - ศนู ย์สง่ เสรมิ อัญมณแี ละเครอื่ งประดบั

2-3 ธนั วาคม 2563 จันทบรุ ี ตาบลวดั ใหม่ อาเภอเมอื ง จันทบรุ ี ควรมกี ารสง่ เสรมิ ดา้ น

ประชาสัมพนั ธเ์ รอ่ื งการทอ่ งเทย่ี ว เพือ่

บรู ณาการด้านการตลาดกบั สินค้าอญั มณี

ในจงั หวัด

-กล่มุ เกษตรอนิ ทรีย์ Inn Organic - พื้นที่สวนผลไมแ้ บบผสมผสาน ทาสวน

Farm ตาบลวันยาว อาเภอขลุง แบบเกษตรอินทรยี ส์ มัยใหม่ เปดิ สวนให้

นกั ท่องเทย่ี วเข้าทากิจกรรม

-กลมุ่ โฮมสเตย์และทีพ่ ัก,ธนาคารปูมา้ -ปจั จุบนั เจ้าของเห็นวา่ หอ้ งพักเกิน 4

ตาบลวันยาว อาเภอขลงุ ห้อง ต้องใช้กฎระเบยี บการดาเนินการ

โรงแรม

-ควรผลกั ดันใหโ้ ฮมสเตยม์ หี อ้ งพัก

ประมาณ 10 ห้อง

-กลุ่มประมงพบิ า้ นชายฝงั่ เลยี้ งหอย -เป็นวถิ ชึ ีวติ ชาวประมงพื้นบา้ น เลีย้ งหอย

นางรม ตาบลวันยาว อาเภอขลุง นางรม ซงึ่ หอยนางรมที่นจี่ ะมคี วามพเิ ศษ

เน่ืองจากเปน็ หอยท่เี ล้ยี งในบรเิ วณ

ปากอา่ ว ซ่งึ มีน้าจดี นา้ เค็ม และน้ากรอ่ ย

ไหลมารวมกนั หอย 3 น้า ทเี่ ปน็ แหลง่

ธรรมชาติอนั อดุ มสมบรู ณ์ และพร้อมรบั

พฒั นาการต่อยอดใหก้ ลายเป็นรากฐาน

ด้านการทอ่ งเท่ียวชุมชนเขม้ แขง็

พิษณุโลก -วสิ าหกจิ การพฒั นาผลติ ภัณฑ์ -ในอดตี บา้ นวังส้มซา่ ปลกู ตน้ สม้ ซา่ ทุก

21-22 กันยายน ทรพั ยากรชวี ภาพเพื่อเศรษฐกิจชมุ ชน ครัวเรือน

2564 บ้านวงั ส้มซ่า ตาบลทา่ โพธ์ิ อาเภอเมือง -ปจั จุบนั ได้นาสม้ ซา่ มาแปรรปู เปน็

ผลติ ภัณฑ์รปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ เจลอาบนา้

สบ่กู อ้ น โลชน่ั และเซร่ัม ลา่ สุดผลิตภัณฑ์

จากบ้านวงั สม้ ซา่ ท่พี ัฒนามาเป็นลปิ กลอส

ช่วยบารงุ รมิ ผวิ ปาก

สุพรรณบรุ ี -วิสาหกจิ ชมุ ชนโคกครามพฒั นา -กลุ่มวสิ าหกจิ ชุมชนถา่ นอดั แทง่ นีโอ

20 ตุลาคม 2564 ตาบลโคกคราม อาเภอบางปลามา้ ตาบลสาลี ซง่ึ ผลิตจากผงถา่ นและนามา

จังหวดั สพุ รรณบรุ ี อัดเปน็ แทง่ และบรรจขุ าย ได้รับใบรบั รอง

มาตรฐานโรงงานอตุ สาหกรรม

194

จงั หวัด ชอื่ กลมุ่ การดาเนินกจิ กรรมของกลมุ่
-กลมุ่ วสิ าหกิจชุมชนขนมหวาน บา้ นลา
บวั ปัจจุบนั ไดจ้ ดั ทาขนมหวานเพ่ือสง่
ตามการสง่ั ซอ้ื เชน่ งานบวช งานแต่ง
และสง่ ขายยังปมั้ นา้ มนั
-กลุ่มวสิ าหกจิ ชุมชนโคกครามพัฒนา
จัดทาผลติ ภัณฑใ์ นครวั เรอื น เชน่ สบู่
แชมพสู ระผม ครมี นวด นา้ ยาลา้ งจาน
น้ายาซกั ผา้ อาหารพน้ื บา้ น ขนมอบ
กรอบ งานหตั ถการ เชน่ การถักระเป๋า
ผ้าเช็ดเทา้ ดว้ ยโครเช ถกั ตระกรา้ เชือก
ฟาง ผูกเปล

สรุปการศึกษาดูงานเก่ียวกับการสร้างเศรษฐกิจฐานรากและการสร้างสัมมาชพี เตม็ พ้ืนท่ี วันพุธที่ 22
มกราคม 2564 ณ มูลนิธิสัมมาชีพ แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร สรุป
สาระสาคญั ดงั นี้

1. ความเป็นมา มูลนิธิสัมมาชีพกอ่ กาเนิดจากการรวมตัวของกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งซ่ึงมา
จากหลายสาขาอาชีพรวมตัวกันระดมความคิดเห็นเพ่ือแกไ้ ขสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่อาจอยู่ในภาวะ
เปราะบาง เพื่อก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจจึงได้รวมตัวกัน โดยส่วนหนึ่งกลุ่มบุคคลท่ีมาจากภาคประชาสังคม
นาโดยศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วสี ซ่ึงเป็นบุคคลที่เป็นศูนย์รวมของภาคประชาสังคมและเป็น
ผู้นาทางความคิด “สัมมาชีพเต็มพื้นท่ี” ส่วนภาคท่ีสอง นาโดยรองศาสตราจารย์ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รองนายกรฐั มนตรี และรัฐมนตรหี ลายสมัย ซ่ึงมีเครือข่ายนักธรุ กจิ อย่างกวา้ งขวาง อกี ทง้ั ยงั มสี ายสัมพนั ธ์
ทด่ี กี ับนักวิชาการ ข้าราชการ และส่อื มวลชน ดังนั้น ทั้งสองทา่ นต่างก็เห็นปัญหาดา้ นเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
จึงหาทางออกทางเศรษฐกจิ และเปน็ ทมี่ าของการกอ่ ต้ัง มูลนธิ ิสัมมาชีพ เม่อื วนั ท่ี 13 กรกฎาคม 2552

2. การดาเนินงานเก่ียวกับเศรษฐกิจฐานราก มุ่งเน้นการทามาหากินอย่างสุจริต
โดยไม่ได้มุง่ หวังกาไรสูงสดุ คานึงความเป็นธรรมทางสงั คมและคนทางาน รวมถึงประโยชน์ของผู้บรโิ ภค
ผรู้ บั บรกิ ารเป็นหลัก และไมก่ ระทบต่อสง่ิ แวดล้อม สามารถบรหิ ารใหเ้ กิดรายจ่ายน้อยกวา่ รายได้

3. กลุม่ วิสาหกจิ ชุมชนที่ดาเนนิ การมีกลุ่มท่ปี ระสบความสาเรจ็ และไมป่ ระสบผลสาเร็จ
สาเหตุท่ีวิสาหกิจชุมชนส่วนมากไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง เน่ืองจาก ปัญหาด้านงบประมาณของรัฐ
ทลี่ งไปพัฒนา โดยมีวงรอบระยะเวลาเพียง 1 ปี แล้วก็ส้ินสดุ ไม่สามารถพัฒนาต่อยอดให้ชุมชนประสบ
ผลสาเรจ็ ได้ หรือปัญหาของชุมชน ผู้นาชุมชน หรือชุมชนบางแห่งยงั ไมม่ ีความเขม้ แข็ง หรืออาจจะยังไม่
มีความพร้อมในการพฒั นา

195

4. การดาเนินงานของมูลนิธิสัมมาชีพได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชน
โดยมูลนิธิฯ ได้รับการสนบั สนนุ จากนักธุรกิจภาคเอกชนจากหลายสาขาอาชีพ

ตารางท่ี 4-35 สรปุ กิจกรรมการศกึ ษาดงู านในระดับพ้ืนท่ี

ท่ี กิจกรรม สาระสาคญั ของกิจกรรม ผูเ้ ขา้ รว่ มกิจกรรม

1 การประชมุ รว่ มกบั การหารือ และแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ในประเดน็ - ผบู้ รหิ ารจังหวดั

สว่ นราชการของ ดงั นี้ - หวั หน้าสว่ นราชการ

จงั หวดั 1) แผนการช่วยเหลือประชาชน ตาม ทเ่ี กยี่ วขอ้ งระดบั จังหวดั เชน่

พระราชกาหนด 4 แสนลา้ นบาท พัฒนาชมุ ชนจงั หวัด

2) การดาเนินการให้ความช่วยเหลือ พาณชิ ย์จังหวดั

ประชาชนจากภาครัฐ ท่ีจังหวัดดาเนินการ อุตสาหกรรมจังหวดั

ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ เกษตรจงั หวัด

ระบาดของโรคตดิ ต่อเช้อื ไวรัสโคโรน่า 2019 ท่องเท่ียวและกีฬาจังหวดั

3) การดูแลกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก กล่มุ สานกั งานจงั หวดั

ผู้ใช้แรงงาน(ถูกเลิกจ้าง) ผู้ผลิตสินค้า ใน สาธารณสขุ จังหวดั เป็นตน้

สว่ นของภาครัฐ มีมาตรการขบั เคลื่อนในการ

ช่วยเหลอื ดูแลอยา่ งไร

2 การเสวนา “ปัจจยั สู่ 1) การสนทนากลมุ่ (Focus Group) - ผู้เข้ารว่ มการสนทนากลุ่ม

ความสาเรจ็ ของเศรษฐกิจ กลุม่ ที่ 1 กลุ่มเกษตรแปรรปู ประกอบด้วย คณะกรรมการ

ฐานรากโดยพิจารณา กลุม่ ท่ี 2 กลุ่มการทอ่ งเทีย่ วชมุ ชน กลุ่ม สมาชกิ กลมุ่ ผนู้ าชมุ ชน

จากนโยบายการบรู ณา กลุม่ ที่ 3 กลมุ่ อตุ สาหกรรม - การรับฟงั ความคดิ เหน็ จาก

การหน่วยงานภาครฐั 2) สรุปผลการสนทนากลุ่ม (Focus ผแู้ ทนกลมุ่ วิสาหกจิ ชมุ ชน

และภาคเอกชน ตาม Group) จากท้งั 3 กลุ่ม

ยุทธศาสตรช์ าติ 20 ป”ี - ปัญหาและข้อเสนอแนะ

จากผู้แทนกลมุ่ ทั้ง 3 กลมุ่

3 การลงพ้ืนทศ่ี กึ ษาดูงาน การศึกษาดูงานในระดับพื้นที่ของกลุ่ม - ศึกษา รบั ฟัง เย่ียมชมผลผลิต

วสิ าหกจิ ชมุ ชน วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรแปรรูป กลุ่มการ ผลงาน การขบั เคล่ือนเศรษฐกจิ

ท่องเท่ยี วชุมชน กลมุ่ อตุ สาหกรรม ฐานราก เพ่ือรับทราบปัญหา

ข้อเสนอแนะ จากสมาชิกกลุม่

196

สรปุ ผลการสนทนากลุม่ ในพน้ื ทก่ี รณีศกึ ษา 4 จังหวดั

1. การไดร้ ับความรู้และการสนับสนนุ จากหน่วยงานภายนอก
- จากการสนทนากลุ่มกับสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจกลุ่มต่าง ๆ พบว่า โดยส่วนใหญ่

พบว่ากลุ่ม กลุ่มวิสาหกิจต่าง ๆ ได้รับความรู้ การสนุนจากหน่วยงานภายนอกเก่ียวกับการการผลิต พัฒนา
การจัดจาหน่าย การตลาด และการบริหารจัดการกลุ่ม รวมท้ัง บางกลุ่มได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์
เครื่องมือจากหน่วยงานภายนอก เพื่อการผลิต “สินค้า” (จุดท่องเท่ียว ผลิตภัณฑ์) อาทิ จากสถาบันการศึกษา
หน่วยงานภาครฐั และเอกชน และองค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่

2. ปัจจยั สภาพแวดล้อมภายใน
- ในการผลิตสินค้า อาทิ ผ้าซ่ินตีนแดง เกิดจากการนาภูมิปัญญาท้องถน่ิ จากบรรพ

บรุ ุษมาพฒั นาต่อยอด
- ในพืน้ ท่มี ีวัตถุดิบ ภมู ิปัญญาเปน็ “ทนุ ” อาทิ มีการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม และมี

สภาพดนิ ทสี่ มบรู ณใ์ นพ้ืนทชี่ มุ ชน จนกลายเปน็ กลมุ่ ปลกู หมอ่ นเลยี้ งไหมทม่ี ีคุณภาพ
- มีการรวมกลุ่มกันในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ กลุ่ม กลุ่มสหกรณ์ กลุ่มวิสาหกิจ โดย

ในกลุ่มจะมีผู้นา คณะกรรมการกลุ่ม สมาชิกกลุ่ม มีการแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบกันอย่างชัดเจน
เพอ่ื ใหก้ ารดาเนนิ งานประสบความสาเร็จ

3. ผลลพั ธ์
- กลมุ่ มรี ายไดเ้ พิ่มมากขน้ึ
- ความสมั พนั ธใ์ นครัวเรือน ชมุ ชนดี
- มคี วามสขุ
- ความรัก ความสามคั คีในหม่บู า้ น
- ทาใหป้ ระหยดั (สามารถทอผา้ ใชเ้ องในหมูบ่ า้ น)
- ทาใหม้ กี ารอนรุ ักษ์ สบื สาน และฟ้ืนฟวู ัฒนธรรม ประเพณขี องชมุ ชน

4. กระบวนการดาเนินงาน
วัตถดุ ิบ
- กลุ่มใช้วัตถดุ ิบหลกั ซึ่งไมไ่ ดเ้ ปน็ วตั ถุดิบในชุมชน หรอื มีวตั ถุดบิ ในชุมชน แตเ่ ปน็

วัตถุดิบทีไ่ มม่ ีคณุ ภาพ ใหต้ ้องจดั หาจากภายนอก ทาให้กระทบตอ่ ตน้ ทนุ ในการผลิต
อปุ กรณ์ เทคโนโลยใี นการผลติ
- ขาดวสั ดุอุปกรณท์ ี่เหมาะสม อาทิ โรงอบฯ สง่ ผลตอ่ มาตรฐานของสนิ คา้ ผลิตภณั ฑ์
การบรหิ ารจัดการ
- บางแห่งไมม่ กี ารจัดทาบญั ชอี ย่างเป็นระบบ
แหลง่ เงนิ ทนุ
- ไม่มแี หล่งเงนิ ทนุ ในการจดั หาวัตถุดิบและขยายกิจการ

197

การตลาด
- สินคา้ คงเหลอื ในกลุ่มเปน็ จานวนมาก ลกู ค้าลดลง ไมม่ ีตลาดกสาหรับกระจายสนิ ค้า
การสร้าง “Brand”
- ขาดจุดเด่นที่ชัดเจนของ Brand อาทิ กรณีเครื่องสาอางจากถา่ น จงั หวัดภูเกต็
- สินค้าของกลุ่มยังไม่มีตราสัญลักษณ์ของกลุ่ม หรือ สินค้า บางแห่งมีตรา
สัญลักษณ์แตไ่ มท่ ันสมัย ไม่ดงึ ดูด และ ไม่ส่อื ถึงผลติ ภณั ฑ์และเรื่องราวเก่ยี วกบั สินค้า
มาตรฐานสินค้า
- ขาดการพัฒนาด้านคุณภาพ/มาตรฐานทางการแพทย์ เพื่อสร้างจุดขายสาหรับ
การแข่งขันในตลาด เช่น กลุ่มวิสาหกิจเครื่องสาอางจากถ่าน , การขาดระบบการทดสอบมาตรฐานดิน
พร้อมปลูก เพื่อสร้างความสนใจและการยอมรับจากลูกค้า และสินค้าสาหรับการอุปโภคบริโภคไม่ผ่าน
การรับรองจากหนว่ ยงานทเ่ี ก่ยี วข้อง เชน่ อย. ในกรณีของกลมุ่ ปลากระตัก จงั หวดั ภูเก็ต

5. จากการลงพนื้ ท่ี คณะอนกุ รรมาธิการการลงทนุ และเศรษฐกิจฐานราก ไดม้ ีมีขอ้ เสนอ
ตามประเดน็ ดงั ต่อไปน้ี

การนาเทคโนโลยี นวัตกรรม และการวจิ ัยมาใช้
- นาอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใชใ้ นกระบวนการผลิต เพื่อให้สินค้า ผลิตภัณฑ์มี
คณุ ภาพ ไดม้ าตรฐาน เชน่ เครือ่ งซีลถุงกระยาสารท
- ควรมีการนาผลการทดลอง หรือ ทดสอบทางวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย หรือ
หนว่ ยงานท่ีเกย่ี วขอ้ งมาใช้ เพือ่ ยกระดับมาตรฐานสินค้า และสรา้ งความเชื่อมันใหแ้ ก่ลูกคา้ เช่น การวจิ ัย
คณุ สมบตั ิของสารประกอบในข้าวของกลมุ่ ข้าวเม่า
- นานวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในกระบวนการออกแบบลายของเสื่อกก
รวมทั้งเครื่องมือที่ช่วยทาให้ทอเสื่อกกได้รวดเร็วข้ึน รวมทั้งกรรมวิธีในการถนอมอาหาร หรือ ยืดอายุ
อาหารแปรรูป
การพัฒนาบรรจุภณั ฑ์ การหบี หอ่
- พัฒนาเร่ืองบรรจุภัณฑ์ การหีบห่อ เพื่อให้รักษาอายุการใช้งาน และสะดวกต่อการ
จัดสง่ สนิ ค้ากรณกี ารขายออนไลน์
- พัฒนาบรรจภุ ัณฑท์ ่ีทนั สมยั ดงึ ดดู ความสนใจของลกู ค้า
การตลาด
- การสร้างตลาดเพื่อเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้า และเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับ
สนิ คา้ ชมุ ชน ประชาสมั พันธ์สนิ ค้า
- กล่มุ ยังไม่สามารถใช้ช่องทางออนไลน์ในการกระจายสินคา้ ได้
- ควรขยายตลาดสาหรับกระจายสินค้าไปยังหา้ งค้าส่ง ค้าปลีก หรือ ห้างสรรพสินค้า
ในพ้นื ที่
- ควรขยายตลาดไปยงั ตา่ งประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศท่ีนิยมในสินค้าประเภทนนั้ ๆ

198

การจัดหาวสั ดอุ ุปกรณ์
- การจัดหา และ พัฒนาในทุกกระบวนการที่เก่ียวข้องให้ครบวงจร เพื่อให้สามารถ
กลุ่มสามารถดาเนนิ การได้ครบทกุ กระบวนการ และ สามารถที่จะผลิตสินคา้ ไดต้ ลอดปี เชน่ เครือ่ งจกั ร
ในการผลิตเห็ด
การสนบั สนุนด้านเงินลงทนุ
- การสนับสนุนด้านงบประมาณเพื่อการขยายกิจการ เช่น การทาโรงเล้ียงไก่เพ่ิม และ
การหาเครอื่ งมือที่ทันสมยั มาใช้ในการผลิต

4.5 การสัมนาเชิงปฎิบัติการโครงการ “เศรษฐกิจฐานรากพลังการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย”
โดย คณะกรรมาธิการการพาณชิ ย์และการอุตสาหกรรม ร่วมกบั กระทรวงการพัฒนาสังคมและความ
มน่ั คงของมนษุ ย์ ระหว่างวนั ท่ี 25 - 26 มนี าคม 2564 หอ้ งประชมุ สานักงานการเคหะแหง่ ชาติ
สรุปสาระสาคัญ ดังนี้

วนั ที่ 25 มนี าคม 2564
- การนาเสนอแลกเปลีย่ นงานขบั เคล่อื นเศรษฐกจิ ฐานรากแต่ละหน่วยงาน

“เช่ือมโยงเครือข่ายเศรษฐกิจฐานรากเมืองและชนบท” จากหน่วยงานของกระทรวงการพัฒนาสังคม
และความมั่นคงของมนุษย์ ประกอบด้วย กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมกิจการสตรีและสถาบัน
ครอบครวั กรมกจิ การเดก็ และเยาวชน กรมสง่ เสรมิ และพัฒนาคุณภาพชีวติ คนพกิ าร กรมกิจการผ้สู ูงอายุ
การเคหะแห่งชาติ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ดาเนินรายการ โดย นางเสาวลักษณ์
ปรปักษ์พา่ ย

- รองประธานวฒุ ิสภา คนทส่ี อง และรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการพัฒนาสังคมและ
ความม่ันคงของมนุษย์ หรอื ผแู้ ทน พร้อมคณะเดนิ ทางสถานทีจ่ ดั งานและเดินเย่ยี มบธู นิทรรศการ ร้านคา้
เศรษฐกิจฐานราก

- นายทวีพงษ์ วชิ ัยดิษฐ ผูว้ ่าการเคหะแหง่ ชาติ กล่าวต้อนรบั
- พิธกี รกล่าวเชญิ นางอภริ ดี ตันตราภรณ์ ประธานคณะกรรมาธิการการพาณชิ ยแ์ ละ
การอุตสาหกรรม วุฒิสภา กลา่ วรายงาน
- นายศภุ ชยั สมเจรญิ รองประธานวฒุ สิ ภา คนทส่ี อง กล่าวเปดิ การสมั มนา
- กล่าวปาฐกถาพเิ ศษ เร่อื ง “ทาอย่างไรเศรษฐกิจฐานรากไทยจะไปโลด”
โดย นางพชั รี อาระยะกลุ ปลดั กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมนั่ คงของมนุษย์
- การบรรยายพิเศษ เรอื่ ง “ภาวะทิศทางเศรษฐกิจฐานรากไทยเศรษฐกจิ ทันสมยั ”
โดย นายปริญญ์ พานชิ ภักด์ิ ทีมเศรษฐกจิ ทนั สมัย

199

วนั ท่ี 26 มีนาคม 2564
- การสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการ เร่ือง เศรษฐกิจฐานรากพลังการขับเคล่ือน

เศรษฐกจิ ไทย”
- กลา่ วรายงาน โดย พลเอก วีรณั ฉนั ทศาสตร์โกศล รองประธานคณะอนกุ รรมาธิการ

การลงทนุ และเศรษฐกจิ ฐานราก
- กล่าวเปิดการสมั มนา โดย นางสวุ รรณี สริ ิเวชชะพนั ธ์ ประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร

การลงทนุ และเศรษฐกจิ ฐานราก
- การสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการ เรื่อง เศรษฐกิจฐานรากพลังการขับเคลื่อน

เศรษฐกิจไทย” โดย ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน
ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางวชิรา ไฝเจริญมงคล ผู้อานวยการกองส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
กรมส่งเสริมการเกษตร ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ นายพูนพงษ์ นัยนาภาภรณ์ รองอธบิ ดกี รมพัฒนาธุรกิจ
การค้า ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม นายภาสกร ชัยรัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้แทน
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตกรรม ดาเนินการสัมมนา โดย นางอัญชิษฐา
บุญพรวงศ์

การแบ่งกลุ่มระดมสมอง เรื่อง “เศรษฐกจิ ฐานรากพลังขับเคลอ่ื นเศรษฐกิจไทย”
ประกอบดว้ ย 3 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1 กลุ่มเกษตรแปรรูป วิทยากรประจากลุ่ม 1) นางเกณิกา เฟ่ืองฟู
2) นางทิพวรรณ สังเกตุ ประกอบด้วย กลุ่มผักอินทรีย์ กลุ่มแมส กลุ่มผ้ากันเปือ้ น กลุ่มพลาสติกรีไซเคิล
กลุม่ ผลไม้อบแห้ง แชอ่ ่มิ เปน็ ตน้

กลมุ่ ท่ี 2 กล่มุ อตุ สาหกรรม วทิ ยากรประจากลมุ่ 1) นางรัตนา สยั ยะนฐิ ี
2) นางสาวสภุ ารตั น์ ฮุนพงษ์สมิ านนท์ ประกอบดว้ ย กลุม่ จกั สาน อดุ รธานี ทอเสื่อพ้ืนเมือง ชัยภมู ิ ทอ
ผา้ ผลิตภัณฑจ์ ากผา้ ขาวม้า กรุงเทพ ผา้ ย้อมคราม สกลนคร โรงสี โรงคดั เมลด็ พนั ธขุ์ า้ ว พิจิตร อาหาร
แปรรูป สตลู พทั ลงุ ปนั้ ไหบา้ นเชยี ง อดุ รธานี เชอ่ื มเหลก็ ชยั ภูมิ ทอผ้า นครศรธี รรมราช เป็นตน้

กลุ่มท่ี 3 กลุ่มการท่องเท่ียวชุมชน วิทยากรประจากลุ่ม 1) นางสายพิรุณ
น้อยศิริ 2) นายสืบสวัสดิ์ วุฒิวรดิษฐ์ ประกอบด้วย ชุมชนท่องเที่ยวบา้ นถ้าเสือ ชุมชนบูนาดารา ชุมชน
ศรีพัฒนา ชุมชนบ้านหินเทิน ชุมชนนครชุม ชุมชนบ้านช่องแคบ บ้านไทยนิยม ชุมชนร่วมกันสร้าง ช.
101 ชุมชนบ้านบางแดดเหนอื เป็นต้น

- นาเสนอผลการระดมสมอง เรื่อง “เศรษฐกิจฐานรากพลังขบั เคล่อื นเศรษฐกิจไทย”
- รบั ฟงั ความคดิ เหน็ จากผู้แทนกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก โดย นางสวุ รรณี สริ เิ วชชะพนั ธ์
ประธานคณะอนุกรรมาธิการการลงทุนและเศรษฐกิจฐานราก นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการ
พัฒนาสงั คมและความม่ันคงของมนุษย์
ดาเนินรายการ โดย นางกนกภรณ์ เศาจพันธ์
- ปิดการสัมมนา

จานวนกลมุ่ เศรษฐกิจฐานรากทเี่ ขา้
เร่ือง “ปจั จยั ความสาเ

ระหวา่ งวันที่ 25 - 26 มนี าคม 2564

ลาดบั หนว่ ยงาน กลมุ่ เศรษฐกจิ ฐานราก (เขา้ ร
กล่มุ เกษตรแปรรปู กล่มุ
1 กรมสง่ เสรมิ และพัฒนาคุณภาพคนพกิ าร(พก.) กลุม่ คน กลมุ่
2 กรมกจิ การสตรแี ละสถาบนั ครอบครวั (สค.)
3 กรมกจิ การผู้สูงอายุ (ผส.) 6 25 1
4 กรมพฒั นาสังคมและสวสั ดิการ (พส.) 2 10 1
5 กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) 1 51
6 การเคหะแห่งชาติ (กคช.) 1 72
7 สถาบนั พฒั นาองค์กรชมุ ชน (พอช.) 3 72
8 21 -
รวม 7 กรม 11 14 1
32 กลุ่ม 89 คน 8 กล

ารว่ มโครงการสัมมนาเชงิ ปฏิบัตกิ าร
เร็จเศรษฐกจิ ฐานราก”
4 ณ สานักงานใหญก่ ารเคหะแห่งชาติ

ร่วมสนทนากลมุ่ / Focus Group ) เจ้าหนา้ ท่ี รวม
มอตุ สาหกรรม กลุม่ ท่องเทยี่ ว (คน)
ม คน กลมุ่ คน 33
33
3 12 3 23
30
5 3 15 3 31
31
5 2 10 3 24 200
67กลุม่ /205 คน
13 1 7 3

7 5 14 3

- 27 3

1 13 6 3

ลุ่ม 34 คน 27 กลมุ่ 61คน 21 คน

201

สรปุ การแบ่งกลุ่มระดมสมอง เรื่อง “เศรษฐกจิ ฐานรากพลงั ขบั เคลอ่ื นเศรษฐกิจไทย” สรุปสาระสาคัญ ดงั น้ี
ตารางที่ 4-35 สรปุ ผลการจดั สัมมนาเชิงปฏบิ ตั ิการโครงการ “เศรษฐกิจฐานรากพลงั ขับเคลือ่ นเศรษฐกิจไทย”

ประเดน็ ด้านเกษตรแปรรูป ด้านการท่องเทีย่ วชุมชน ด้านอตุ สาหกรรม
รูปแบบการรวมกลุ่ม มกี ารรวมกลมุ่ ในลกั ษณะ ไม่ปรากฏการใหข้ ้อมลู ไมป่ รากฏการใหข้ ้อมลู
การบริหารจดั การ/ วิสาหกจิ ชุมชน ในระหวา่ งการสัมมนา ในระหว่างการสัมมนา
การสรา้ งเครือข่าย - จัดแบ่งหนา้ ท่ตี ามความ เชงิ ปฏิบัติการ เชิงปฏบิ ตั กิ าร
และการมสี ว่ นรว่ ม ชานาญ - มีการสรา้ งความรว่ มมอื กบั - มกี ารแบง่ งานในกลุม่ ตาม
- กลุม่ มกี ารจดั ทาบัญชี กลมุ่ หรือบุคคลภายนอก ความถนดั ของแต่ละคน
งบประมาณ รายรบั รายจา่ ย เชน่ กลุ่มประมง กลมุ่ ผลติ
ของกลมุ่ - กลุ่มมีการสะสมเงินออม ขา้ วอนิ ทรีย์ กลุ่มท่ีพัก เพ่ือ - เปน็ ทุนส่วนตัวของสมาชิก
และมีการปันผลในกลุ่ม ร่วมกันดาเนนิ การด้านการ - เงินกู้จากภาคสว่ นต่าง ๆ
หนว่ ยงานภายนอกที่ ท่องเท่ยี วชุมชน
ให้การสนับสนนุ - เปน็ ทนุ ส่วนตัวของสมาชิก - ดาเนนิ การในรปู ของ อาทิ กู้เงนิ กองทุนพฒั นา
คณะกรรมการ บทบาทสตรี ธนาคาร
- อพช. ไมป่ รากฏการใหข้ ้อมลู พัฒนาวสิ าหกจิ ขนาดกลาง
- การเคหะแหง่ ชาติ ในระหวา่ งการสัมมนา และขนาดย่อมแห่ง
- กรมพฒั นาธรุ กจิ การค้า เชงิ ปฏิบัติการ ประเทศไทย (SME BANK)
- กรมการพฒั นาชมุ ชน ธนาคารตาบล สถาบัน
- มหาวทิ ยาลัย - สานกั งานพัฒนาชมุ ชน พัฒนาองคก์ รชุมชน
- สานกั งานเกษตร (พอช.) และกองอานวย
- สานักงานทรยั พากรธรรมชาติ การรกั ษาความมัน่ คง
- สานกั งานอุตสาหกรรม ภายในราชอาณาจักร
- สานกั งานท่องเท่ยี ว (กอ.รมน.)
- กรมปา่ ไม้ - กรมสง่ เสรมิ และพฒั นา
- กรมอุทยานฯ คณุ ภาพคนพิการ
- กรมกจิ การผู้สงู อายุ
- กรมกิจการเด็กและเยาวชน
- กรมกจิ การสตรีและ
สถาบนั ครอบครวั

202

ประเดน็ ด้านเกษตรแปรรปู ดา้ นการท่องเท่ียวชุมชน ด้านอตุ สาหกรรม

ปจั จัยภายนอก ไมป่ รากฏการใหข้ ้อมูล - สถาบนั พฒั นาฝมี ือแรงงาน - กรมพฒั นาสงั คมและ
ทเ่ี อื้อต่อการเติบโต ในระหวา่ งการสัมมนา
ผลผลิต / ผลลัพธ์ เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร - สานกั งานวฒั นธรรม สวัสดิการ

ไม่ปรากฎการให้ข้อมูลใน - กระทรวงวิทยาศาสตร์ - การเคหะแหง่ ชาติ
ระหว่างการสัมมนาเชงิ
ปฏบิ ัติการ - กศน. - สถาบนั พัฒนาองค์กรชุมชน

- โรงเรียน - ศนู ยเ์ รยี นรู้การพัฒนาสตรี

- วดั และครอบครวั ชลบุรี

- สถาบนั การศึกษา - มูลนธิ ศิ ุภนมิ ิตแห่งประเทศไทย

- พอช. - ธนาคารออมสนิ
- อพท. - CP ALL
- องค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ - ตลาดหลักทรพั ย์
(กทม. อบต. และ เทศบาล) - มหาวทิ ยาลัย

- ความนิยมในการท่องเทีย่ ว ไม่ปรากฏการใหข้ ้อมลู

ชมุ ชน การทอ่ งเท่ยี วเชิง ในระหวา่ งการสัมมนา

วัฒนธรรม และอาหารพนื้ ถนิ่ เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร

- มีแนวโน้มที่นักท่องเที่ยวให้

ความสนใจเพิ่มข้นึ

- มลี ูกคา้ ทีห่ ลากหลายเพิ่มขน้ึ

เช่น กลุ่มนกั เรียน นกั ศึกษา

ผู้สงู อายุ ข้าราชการบานาญ

เป็นต้น

ประชาชน และ ชมุ ชนมี - มีรายไดส้ ่วนบคุ คล และ

รายได้เพ่ิมมากขนึ้ ชว่ ยเหลือคนในชมุ ชน

- มีทักษะในการประกอบ

อาชีพและการแลกเปลีย่ น

เรียนรเู้ พิ่มขน้ึ

- ไดร้ บั สวสั ดกิ ารด้านตา่ ง ๆ

เช่น ทนุ การศกึ ษาเยาวชน,

การซอ่ มแซมท่อี ยู่อาศยั

- เปน็ การสรา้ งงานให้คนพิการ,

ผู้สงู อาย,ุ กลมุ่ ออทสิ ติก

- สรา้ งสังคมเปน็ สุข

เกดิ ความสามัคคีในกลุ่ม

- ได้เครือข่ายภาคีแลกเปล่ยี น

สนิ ค้า

203

ประเด็น ด้านเกษตรแปรรปู ด้านการท่องเทย่ี วชุมชน ดา้ นอตุ สาหกรรม
ปัญหาในการ - ปัญหาดา้ นการตลาด
ดาเนินการ - ปญั หาดา้ นการแปรรปู - ชุมชนขาดความรู้และทักษะ - ขาดทนุ สารอง ทาให้

ขอ้ เสนอแนะ สินค้าใหม่ อาทิ การวิเคราะหน์ ักท่องเท่ียว กิจการหยุดชงักชว่ั คราว
- ขาดนักออกแบบ และ
การพฒั นาการทอ่ งเทีย่ วให้ - ขาดตลาด
นักวจิ ยั
- ขาดความเชยี่ วชาญในก ไดม้ าตรฐาน การวางแผนเชงิ - ปญั หาสินค้าคา้ งสต๊อค

การทาตลาดออนไลน์ ธรุ กิจ - ไมม่ ีความรใู้ นการตลาด
- ขาดความเชีย่ วชาญใน
- ชมุ ชนขาดความรแู้ ละความ ออนไลน์
การจัดการสนิ คา้ คงคา้ ง
(สต๊อก) เทา่ ทนั สถานการณใ์ นปจั จบุ นั
- ไมม่ ีความรคู้ วามเข้าใจ
เกีย่ วกบั กองทนุ บทบาท และอนาคต อาทิ ทิศทาง
สตรี
- ขาดเครื่องมือ อุปกรณ์ การทอ่ งเท่ียว แนวโนม้ การ
และเครื่องจักรที่ทันสมัย
ท่องเท่ียวในปัจจุบันและ
ไม่ปรากฏการใหข้ ้อมูล
ในระหวา่ งการสัมมนา อนาคต
เชงิ ปฏบิ ตั ิการ
- ชมุ ชนบางแห่งขาดความ

ตระหนักในการรกั ษา

อตั ลักษณ์วิถชี ุมชน และการ

กาหนดตาแหนง่ (Position)

ด้านการท่องเที่ยว

- ชุมชนขาด mind set เรือ่ ง

การเป็นผู้ประกอบการธรุ กิจ

ท่องเทยี่ ว

- การพัฒนาแหล่งทอ่ งเท่ยี ว

ตดิ ขดั ปัญหาด้านกฎหมาย

กฎ ระเบียบของหนว่ ยงาน

เช่น กรมอทุ ยาน กรมป่าไม้

และกรมทรพั ยากรทาง

ทะเลชายฝ่งั

- แนวทางการส่งเสริมของ

ภาครฐั ไม่สอดคล้องกบั

รูปแบบการพัฒนาด้าน

การทอ่ งเที่ยวชมุ ชน

- ภาครัฐควรมีนโยบาย ไมป่ รากฏการใหข้ ้อมลู

สนับสนุนการท่องเทีย่ ว ในระหว่างการสมั มนา

ชมุ ชนท่ชี ดั เจน มกี ารกาหนด เชิงปฏิบัตกิ าร

แผนงานทช่ี ดั เจน


Click to View FlipBook Version