65
ครงั้ ที่ หนว่ ยงาน ประเด็น สรปุ
ครง้ั ท่ี 11/2562 มหาวิทยาลัยแม่ฟา้ สมุนไพรให้แก่ผู้ประกอบการชุมชน
วันพุธที่ 4 ธันวาคม หลวง
2562 วิสาหกจิ ชมุ ชนและเกษตรกร
งบประมาณเพื่อดาเนินการ บูรณาการการผลิตวัตถุดิบสมุนไพร
พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ตาม ครบวงจรเพ่ือเสริมสร้างรายได้
โ ค ร ง ก า ร / กิ จ ก ร ร ม ท่ี ไ ด้ เศรษฐกิจชุมชนจังหวัดเชียงราย
ดาเนินงานในปีงบประมาณ ส่งเสริม พัฒนาอาชีพ สร้างรายได้
พ.ศ.2562 ด้านการเพาะปลูก แปรรูปและ
พัฒนาผลิตภัณฑ์ สมุนไพรให้แก่
เกษตรกร วิสาหกิจชุมช นและ
ผู้ประกอบการจากการผลิตวัตถุดิบ
และพัฒนา ผลิตภัณฑ์สมุนไพรท่ีมี
คุณภาพ เพ่ือให้เกิดความย่ังยืนของ
เศรษฐกิจชุมชนจากการพัฒนาและ
ส่งเสริมอาชีพการเพาะปลกู การแปร
รูปและการพัฒนาผลติ ภณั ฑ์สมุนไพร
คร้งั ที่ 11/2562 มหาวิทยาลัย งบประมาณเพื่อดาเนินการ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ได้
วันพธุ ที่ 4 ธันวาคม ราชภฏั ศรสี ะเกษ
2562 พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ตาม ดาเนนิ การเกยี่ วกับแผนงานการบูรณา
โ ค ร ง ก า ร / กิ จ ก ร ร ม ท่ี ไ ด้ การพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจ
ดาเนินงานในปีงบประมาณ ฐานราก ปี 2563 เป็นปีแรก ต่อยอด
พ.ศ.2562 การทาผลิตภัณฑ์จากต้นกก ท่ีได้ทุน
วิจัยจากสานักงานคณะกรรมการการ
อุดมศึกษา ปี 2561 ผลิตแปรรูป
การจกั สานกก
ครั้งท่ี 4/2563 กรมสรรพากร มาตรการการสง่ เสริมและการ กรมสรรพากร แบ่งการจัดเก็บภาษี
วันพุธท่ี 29 กระทรวงการคลัง
มกราคม 2563 จดั เก็บภาษกี ับกลุม่ วิสาหกิจ สาหรับผู้ประกอบการ วิสาหกิจ
ชุมชน หรือ SME ชุมชน SME ท่ีเป็นบุคคลธรรมดา
และนิติบุคคล ประเภทวิสาหกิจ
ขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจ
ขนาดกลาง และSME ทั้งขนาดเล็ก
ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ และแบ่ง
ตามรายได้
มาตรการภาพรวมเชิงภาษีที่ออกมา
ใช้กับวิสาหกิจชุมชน ในประเทศไทย
ให้สิทธิประโยชน์ เชิงภาษีมากกว่า
66
ครัง้ ท่ี หนว่ ยงาน ประเด็น สรปุ
คร้งั ที่ 5/2563 บางประเทศ ซ่ึงสามารถส่งผลให้
วันพุธที่ 5
กมุ ภาพันธ์ 2563 วิสาหกิจชุมชนมีคว ามเข้มแข็ง
คร้ังที่ 5/2563 สามารถเข้าระบบการจัดทาบัญชี
วันพุธท่ี 5
กุมภาพนั ธ์ 2563 ไดม้ ากขึ้น
ครงั้ ท่ี 7/2563 กรมการท่องเท่ียว ภารกิจของหน่วยงานในการ กรมฯ ไม่ได้รับงบประมาณ 2563 ใน
วันพุธที่ 19
กุมภาพันธ์ 2563 กระทรวงการท่องเทย่ี ว ส่งเสริมด้านการท่องเท่ียววิถี ส่วนของแผนบูรณาการพฒั นาสง่ เสริม
และกีฬา ชุมชน นวัตวิถี พัฒนาศักยภาพ เศรษฐกิจฐานราก แต่ได้มีการดาเนินการ
ของประชาชนในชมุ ชน ร่วมกับธนาคารเกษตรและสหกรณ์
ปี 2563 และธนาคารกรุงไทย จัดอบรม
เรื่องการท่องเท่ียวชุมชน เผยแพร่
มาตรฐ านการท่องเที่ยว ชุมช น
สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง
และขนาดย่อมในการอบรมที่ปรึกษา
ท่ีอยู่ตามจงั หวดั ต่าง ๆ
องค์การบริหารพ้ืนท่ี ภารกิจของหน่วยงานในการ อพท. ไม่ได้รับงบประมาณ 2563 ใน
พิเศษเพื่อการ ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยววิถี ส่วนของแผนบูรณาการพัฒนาส่งเสริม
ท่องเทีย่ วอยา่ งยั่งยืน ชุมชน นวัตวิถี พัฒนาศักยภาพ เศรษฐกิจฐานราก สานักงบประมาณ
ของประชาชนในชมุ ชน เห็นวา่ มีหน่วยงานท้องถิน่ และหนว่ ย
ราชการที่เกี่ยวข้องสามารถบริหาร
จดั การด้านการท่องเที่ยวชุมชนได้อยู่
แล้ว การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
อพท. จะเป็นพี่เลี้ยงในการพัฒนา
และตรวจสอบทุกด้าน เช่น การใช้
ทรัพยากร วัฒนธรรม การกระจาย
ประโยชน์แก่ชุมชน การจัดการด้าน
ความปลอดภัย
บริษทั ประชารฐั ผลการดาเนินงานพร้อมทิศทาง บริษัทฯ เป็นศนู ย์กลางทีเ่ ชอ่ื มโยงแตล่ ะ
รักสามัคคี วสิ าหกิจ การขับเคลือ่ นแผนงานการส่งเสริม จังหวัดและเชื่อมโยงบริษัท ประชารัฐ
เพ่ือสงั คม (ประเทศไทย) เศรษฐกิจฐานรากและกลุ่ม จังหวัดฯ กับภาครัฐในแต่ละจังหวัดใน
จากดั วิสาหกิจชุมชน รวมทั้งการ เรื่องของนโยบายต่าง ๆ การทางานโดย
ทางานในลักษณะการทางาน กลุ่มงานเกษตร ท่องเท่ียวโดยชุมชน
ร่วมกันระหว่างภาครัฐและ และแปรรูป เข้าไปช่วยพัฒนาทักษะ
ภาคเอกชน และประสิทธิภาพในด้านของห่วงโซ่
การผลติ ทง้ั หมด
67
คร้งั ท่ี หนว่ ยงาน ประเด็น สรุป
ครัง้ ท่ี 8/2563 ศนู ย์ขบั เคลื่อนการ บริษัทฯ จะเช่ือมโยงให้ภาครัฐ
วันพุธที่ 26 พฒั นาดจิ ทิ ัลเพอ่ื
กุมภาพันธ์ 2563 เศรษฐกจิ และสงั คม ภาคเอกชน ภาควชิ าการ ภาคประชา
สานกั ปลดั กระทรวง
คร้ังท่ี 9/2563 ดิจิทลั เพ่ือเศรษฐกจิ สังคมและภาคประชาชน มาร่วมกัน
วันพธุ ที่ 4 มนี าคม และสังคม
2563 กระทรวงดิจิทัล ทาประโยชน์โดยสามารถทางานได้
เพื่อเศรษฐกิจและสงั คม
ครง้ั ที่ 13/2563 คล่องตัวภายใต้กรอบกฎหมายและ
วนั จันทรท์ ่ี 18 สานกั งาน
พฤษภาคม 2563 คณะกรรมการกจิ การ หลกั ธรรมาภิบาล
กระจายเสยี ง กิจการ
โทรทัศน์ และกิจการ โครงการเน็ตชายขอบ (USO โครงขา่ ยเน็ตประชารัฐเปน็ โครงสร้าง
โทรคมนาคมแห่งชาติ
(กสทช.) NET) มีแนวทางการพัฒนา พ้ื น ฐ า น โ ท ร ค ม น า ค ม ห ลั ก ข อ ง
บริษัท ตลาด ดอท ส่งเสริมเศรษฐ กิจฐานราก ประเทศ เพ่ือลดความเหลื่อมล้า
คอม กรุ๊ป จากัด
การส่งเสริมการใช้ประโยชน์ สร้างโอกาสให้แก่ประชาชนได้อย่าง
โครงข่ายเน็ตชายขอบ การนา ทั่วถึงและเท่าเทียมกันท่ัวประเทศ
เทคโนโ ลยีดิจิทัล เข้ามามี มุ่งเน้นพ้ืนท่ีเป้าหมายหรือชุมชน
บทบาทสาคัญในการขับเคล่ือน เป้าหมายท่ีอยู่ในพ้ืนท่ีท่ีการให้บริการ
เศรษฐกิจและสังคม เพื่อส่งเสริม โทรคมนาคมพื้นฐานยังไม่ท่ัวถึง
เศรษฐกิจรากฐานของประเทศ บทบาทสาคัญ ในการขับเคลื่อน
ใหเ้ ข้มแขง็ เศรษฐกิจฐานราก ให้เข้มแข็งได้โดย
การใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตใน
การค้นคว้าข้อมูลต่าง ๆ ต่อยอดการ
ทามาหากนิ ในชุมชน
แนวทางการพฒั นาสง่ เสรมิ กสทช. ได้ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลฯ
เศรษฐกิจฐานราก ให้เข้มแข็ง พิจารณากาหนดและจัดแบ่งพื้นท่ี
ตามโครงการเนต็ ชายขอบ เป้าหมายรับผิดชอบดาเนินการขยาย
(USO NET) โครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้
เข้าถึงทุกหมู่บ้านตามนโยบายของ
รัฐบาล และตามกลไกของ USO จะ
ไม่เข้าไปลงทุนในพ้ืนท่ีที่มีศักยภาพ
ซึ่งมีเอกชนลงทุนอยู่ งบประมาณของ
สานักงาน กสทช.ประมาณ 40,000
ล้านบาท ในการดาเนินการโครงการ
USO หากพ้ืนที่เป้าหมายยังคงเป็น
พืน้ ทหี่ า่ งไกล พื้นทชี่ นบท
แนวทาง วิธีการ ต้นทุน และ ตลาด ดอท คอม เป็นเว็บไซต์ตลาด
ขน้ั ตอนในการจาหน่ายสินคา้ กลาง (e-Marketplace) ท่ีเป็นแหล่ง
และบริการผ่านช่องทางพาณิชย์ ซื้อขายสินค้าออนไลน์ของประเทศ
68
ครั้งที่ หน่วยงาน ประเด็น สรุป
ครัง้ ท่ี 13/2563 True GS Company อเิ ล็กทรอนิกสร์ ูปแบบตา่ ง ๆ ไทย โดยมีสินค้าหลายล้านรายการ
วันจันทรท์ ี่ 18 Limited
พฤษภาคม 2563 โดยเฉพาะ Application หรือ นอกจากนี้ ยังมีส่วนในการสนับสนุน
สานักงานสภาพฒั นา
ครงั้ ท่ี 14/2563 เศรษฐกิจและสงั คม Website ต่าง ๆ เพอื่ เปน็ การ ให้ธุรกิจทั้งขนาดเล็ก – กลาง - ใหญ่
วนั พธุ ท่ี 20 แห่งชาติ
พฤษภาคม 2563 เพ่ิมชอ่ งทางจาหนา่ ยสนิ คา้ สามารถเปิดโอกาสการขายผ่านทาง
ให้แกช่ ุมชนและวสิ าหกิจขนาด ออนไลน์ไปยังลูกค้านบั ล้าน ๆ คนทวั่ โลก
กลางและขนาดย่อม การให้ความรู้แก่เศรษฐกิจฐานราก
เกี่ยวกับด้านการค้าออนไลน์ เสริม
และให้ความรอู้ ย่างต่อเนือ่ ง โดยวิธจี ัด
อบรมและสัมมนาในด้านการเร่ิมต้นการ
ทาธุรกิจออนไลน์ และอีกหลายหลักสตู ร
ผ่านทางสถาบั นที่ ใ ห้ ค ว า ม รู้ แ ก่
ผู้ประกอบการ
แนวทาง วิธีการ ต้นทุน และ บ ริ ษั ท True GS Company
ข้ันตอนในการจาหน่ายสินค้า Limited เป็นบริษัทร่วมทุนกับทรู
และบริการผ่านช่องทางพาณชิ ย์ วิชั่นส์กรุ๊ป GS Home Shopping
อิเล็กทรอนิกส์รูปแบบต่าง ๆ ซีพีออลล์ และ เดอะมอลล์กรุ๊ป
โดยเฉพาะ Application หรือ ดาเนินธุรกิจภายใต้ชื่อ “ทรูชอปปิ้ง”
Website ต่าง ๆ เพื่อเป็นการ การสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่
เพิ่มช่องทางจาหน่ายสินค้า เศรษฐกิจฐานรากเก่ียวกับช่องทางการ
ให้แก่ชุมชนและวิสาหกิจขนาด จาหน่าย ซ่ึงปัญหาส่วนใหญ่เป็นเร่ือง
กลางและขนาดย่อม กระบวนการผลิตที่มีไม่เพียงพอต ่อ
ความต้องการ และคุณภาพของ
สินค้าที่ยังไม่ได้มาตรฐาน และ
ควรสนับสนุนส่งเสริมให้สถาบัน
ก า ร ศึก ษ า ทาการวิจัยสินค้าเพ่ือ
รับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ของชุมชน
แ ล ะ เ ร่ื อ ง ข อ ง ก า ร ส นั บ ส นุ น ด้ า น
กฎหมายการโฆษณา
มาตรการช่วยบรรเทาผลกระทบ กรอบนโยบายการฟ้ืนฟูเศรษฐกิจ
จากการแพร่ระบาดของเช้ือไวรัส และสังคม วงเงิน 4 แสนล้านบาท
โคโรนา 2019 ต่อประชาชน ตามขอบเขตแผนงานเพ่ือให้สามารถ
และภาคธุรกิจ รวมท้ังภาพรวม ตอบสนอง New Normal (ชีวิตวิถี
มาตรการเยียวยาและฟ้ืนฟู ใหม่หรือภาวะปกติแบบใหม่) ดังน้ี
เศรษฐกิจฐานรากและวิสาหกิจ แผนงานลงทุนและกิจกรรมการ
69
ครัง้ ที่ หน่วยงาน ประเด็น สรุป
ครัง้ ที่ 15/2563 ชุมชน ภายใต้พระราชกาหนดให้ พัฒนาท่ีสามารถพลิกฟื้นกิจกรรม
วนั พุธท่ี 27
พฤษภาคม 2563 อานาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ท า ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ แ ผ น ง า น ฟ้ื น ฟู
ครง้ั ที่ 16/2563 เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและ เศรษฐกิจท้องถ่ินชุมชน แผนงาน
วนั พฤหัสบดที ่ี 4
มถิ นุ ายน 2563 ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ท่ี ส่งเสริมและกระตุ้นการบริโภคภาค
ได้รับผลกระทบจากการระบาด ครัวเรือนและเอกชน และแผนงาน
ของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา สร้างความม่ันคงทางเศรษฐกิจ
2019 พ.ศ. 2563 ย ก ร ะ ดั บ โ ค ร ง ส ร้ า ง พื้ น ฐ า น แ ล ะ
สนับสนุนกระบวนการผลิต สาหรับ
วงเงินกู้ดังกล่าวจะนามาดาเนินการ
สร้างงาน สร้างรายได้เพื่อใช้กระตุ้น
เศรษฐกิจ และให้ความสาคัญกับ
เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ฐ า น ร า ก ห รื อ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ
ชุมชน
บริษัท บี เทค เทค คอม การพัฒนากลุ่มเศรษฐกิจฐานราก การขยายตัวเพม่ิ ข้ึนอย่างรวดเร็วของ
พาน่ี จากัด (Be Tech ให้สามารถเข้าสรู่ ะบบการ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce)
Tech Company) จาหน่ายสินคา้ ผ่านช่องทาง การซื้อขายสินค้าผ่านช่องทาง
พาณชิ ย์อเิ ล็กทรอนิกส์ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จึงมีความ
สะดวกมากยิ่งข้ึน ควรมีระบบการ
เป็น พ่ีเ ล้ีย งตั้ งแต่ ต้น ทา งจ นถึ ง
ปลายทางไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ
ขึ้นแพลตฟอร์ม เรียนรู้เรื่องการขาย
สินค้าออนไลน์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์
ให้ผลิตภณั ฑม์ ีความแตกต่าง มีคุณภาพ
และมาตรฐาน การทาบรรจุภัณฑ์
การสร้างการขาย การโฆษณา การ
ทาคลิปวิดีโอเพ่ือการโฆษณาผลิตภณั ฑ์
การจัดทาระบบ Payment การขนส่ง
เครื่องมือส่งเสริมการขาย และยัง
ตอ้ งมกี ารส่งเสริมการเรียนร้รู ว่ มดว้ ย
สานกั งานกองทุน บทบาทของกองทุนหมู่บ้านและ การกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก
หมบู่ า้ นและชุมชนเมือง ชุมชนเมืองแห่งชาติในการร่วม นั้น กองทุนหมู่บ้านในส่วนของเงินทุน
แห่งชาติ ขับเคลื่อนให้เกิดความเข้มแข็ง หมุนเวียนสามารถใช้เป็นช่องทางที่
ของเศรษฐกิจฐานราก การ ภาครัฐสามารถจัดสรรงบประมาณ
ดาเนินโครงการเพ่ือแกไ้ ขปัญหา เงินทุนหมุนเวียนให้โดยตรง ถา้ มีนโยบาย
70
คร้ังที่ หน่วยงาน ประเดน็ สรปุ
ครงั้ ที่ 17/2563 เกี่ยวกับการประกอบอาชีพ กาหนดมาโดยให้มีงบประมาณ
วันพุธที่ 10
มถิ ุนายน 2563 ขยายโอกาสทางการตลาด และ เฉพาะท่ีบ่งช้ีวัตถุประสงค์ท่ีชัดเจน
ครง้ั ที่ 33/2563 พั ฒ น า โ ค ร ง ส ร้ า ง พ้ื น ฐ า น และมกี ลุ่มเปา้ หมายที่ชดั เจน
วนั จนั ทรท์ ี่ 12
ตลุ าคม 2563 คณุ ภาพชวี ิต
ครัง้ ท่ี 37/2563 สานักงานสภานโยบาย แนวคิดการขจัดความยากจน การพัฒนาช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานราก
วันพธุ ที่ 25
พฤศจิกายน 2563 การอดุ มศึกษา แบบตรงจุด ซึ่งมีแบบอย่างจาก ได้นาแนวคิดการขจัดความยากจน
วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และ ประเทศจีนมาเป็นกรณีศึกษา แบบตรงจุด ซึ่งมีแบบอย่างจาก
นวัตกรรมแห่งชาติ สาหรบั ประเทศไทย ประเทศจีนมาเป็นกรณีศึกษาสาหรับ
(สอวช.) ประเทศไทย หลักการขจัดความ
กระทรวงอดุ มศกึ ษา ยากจนอย่างตรงจุด ควรมีนโยบายและ
วทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและ ทรัพยากรมาจากส่วนกลาง ดาเนินงาน
นวตั กรรม โดยท้องถ่ิน ทุกหน่วยงานต้องมี
เป้าหมายเดียวกัน เช่ือมโยงมาตรการ
ต่าง ๆ เพื่อสร้างพลังร่วมก่อให้เกิด
ประสิทธิภาพและความย่ังยืน ทุก
มาตรการต้องยึดหลักสนับสนุนให้
ประชาชนพ่ึงพาตนเองได้ในระยะยาว
อีกทั้งมาตรการต่าง ๆ ต้องออกแบบ
จากการระบอุ ุปสงค์ทช่ี ัดเจน
สานักงานศนู ย์วิจยั การศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับ ศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบาย
และให้คาปรึกษา นโยบายการพฒั นาเศรษฐกจิ การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการ
แหง่ มหาวิทยาลัย ฐานรากเพ่ือการพัฒนาอย่าง พัฒนาอย่างย่ังยืน และเพื่อเสนอ
ธรรมศาสตร์ ยัง่ ยนื แนวทางในการส่งเสริมการพัฒนา
เศรษฐกิจฐานรากเพ่ือการพัฒนา
อย่างย่ังยืนในด้านเกษตรแปรรูปใน
ชุมชน ด้านการอุตสาหกรรมชุมชน
แ ล ะ ด้ า น ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว ชุ ม ช น
ดาเนินการโดยการเก็บข้อมูลจาก
พน้ื ท่ี 8 จงั หวัดใน 4 ภมู ิภาค
มหาวทิ ยาลัย การส่งเสริมการลงทุนและ การเข้าไปลงทุนในโครงสร้างพ้ืนฐาน
หอการค้าไทย เศรษฐกิจฐานราก การแก้ไข ของชุมชนควรจะต้องมีกรอบที่
ปัญหาด้านการลงทุน ตลอดจน ชดั เจนวา่ ชมุ ชนเป้าหมายคอื อะไร ซ่ึง
ความเช่ือมโยงการลงทุนกับ ต้องสอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ
ชุมชน ปัญหาอุปสรรคและแนว และต้องพิจารณาเรื่องความพร้อม
71
ครั้งท่ี หนว่ ยงาน ประเด็น สรุป
ทางการแก้ไขปัญหาด้านการ ของชุมชนในระดับต่าง ๆ ไม่ว่าจะ
ลงทนุ และเชอื่ มโยงกับเศรษฐกิจ เป็นชุมชนเกษตร ชุมชนท่องเท่ียว
ฐานราก หรือมิติอื่น ๆ ซึ่งความจาเป็นของ
โครงสร้างพื้นฐานไม่เหมือนกัน ซึ่ง
ชุมชนจะมีอุปสรรคทางด้านการเงิน
และการตลาดท่ีใกล้เคียงกัน เป็นต้น
การลงทุนเศรษฐกิจฐานราก ส่วน
สาคัญคือเร่ืองของฐานข้อมูลเบื้องต้น
ว่าจะพิจารณาเชิงนโยบาย การ
ศึกษาวิจัยเศรษฐกิจฐานรากในมิติ
เปา้ หมายใด
2.8 รายงานการศึกษา เรอ่ื ง “การฟื้นฟเู ศรษฐกิจฐานรากดา้ นการผลิตและการคา้ ผลติ ภัณฑ์ทอ้ งถ่นิ และ
ชุมชน ภายหลังการแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019
ในการดาเนินการศึกษาเรื่อง “การฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากด้านการผลิตและการค้า
ผลิตภัณฑท์ ้องถิ่นและชุมชน ภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ได้มีการสัมภาษณ์
ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ จานวน 17 ท่าน เก่ียวกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานราก สรุปประเด็นสาคญั ดังนี้
ตารางที่ 2-6 แสดงรายช่อื ผ้ทู รงคุณวฒุ ิทด่ี าเนินการสมั ภาษณ์
ท่ี ชื่อ – สกลุ ตาแหนง่ วันสมั ภาษณ์
1 ศาสตราจารย์ ดร.สกนธ์ วรญั ญวู ฒั นา ประธานกรรมการแขง่ ขนั ทางการค้า 1 มิถนุ ายน 2563
2 นางประภาศรี สฉุ นั ทบุตร สมาชิกวุฒสิ ภา จงั หวัดยโสธร 2 มถิ นุ ายน 2563
3 นายรณวฤทธิ์ ปริยฉัตรตระกลู สมาชกิ วุฒิสภา จงั หวัดร้อยเอ็ด 2 มถิ ุนายน 2563
รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการ
4 นายดนุชา พชิ ยนันท์ เศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ 2 มิถุนายน 2563
สมาชกิ วฒุ ิสภา จงั หวัดชัยนาท
5 นายสาธติ เหลา่ สุวรรณ นกั วิชาการเกยี รติคณุ TDRI 4 มิถุนายน 2563
นักวิชาการอสิ ระ 5 มถิ ุนายน 2563
6 ดร.นพิ นธ์ พัวพงศกร สมาชกิ วุฒิสภา จงั หวัดราชบรุ ี 5 มิถนุ ายน 2563
คณบดีสถาบันเศรษฐศาสตร์ 8 มถิ ุนายน 2563
7 นายเดชรตั สขุ กาเนดิ มหาวทิ ยาลยั รังสติ
8 มิถนุ ายน 2563
8 นางเบญจรตั น์ จริยธาราสิทธ์
9 รองศาสตราจารย์ ดร.ณรงค์
เพช็ รประเสรฐิ
72
ท่ี ชือ่ – สกลุ ตาแหน่ง วันสมั ภาษณ์
10 นายกติ ติศกั ด์ิ รัตนวราหะ สมาชกิ วฒุ ิสภา จงั หวดั พิจิตร 9 มิถุนายน 2563
11 นายสรุ สิทธ์ิ ตรีทอง สมาชกิ วฒุ สิ ภา จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน 9 มิถุนายน 2563
12 นายบญุ มี สุระโคตร สมาชิกวฒุ ิสภา จงั หวัดศรีสะเกษ 9 มิถุนายน 2563
13 นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชกิ วุฒสิ ภา กรงุ เทพมหานคร 9 มิถนุ ายน 2563
14 นายสวัสด์ิ สมัครพงศ์ สมาชกิ วฒุ ิสภา จงั หวัดนครศรธี รรมราช 9 มถิ นุ ายน 2563
15 นายบรรยง พงษพ์ านชิ นกั วชิ าการอสิ ระ 10 มิถนุ ายน 2563
16 ศาสตราจารยว์ ุฒสิ าร ตนั ไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกลา้ 11 มถิ นุ ายน 2563
17 นายอนศุ าสน์ สวุ รรณมงคล สมาชกิ วฒุ ิสภา จงั หวัดปตั ตานี 13 มิถนุ ายน 2563
ทั้งนี้ สามารถสรปุ ประเด็นสาคัญท่เี กยี่ วกบั แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานราก ไดด้ งั น้ี
1. การเพมิ่ ศกั ยภาพให้คนในทอ้ งถิ่น
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้วยแนวคิดท่ีว่า “คน คือ ทรัพยากรที่มีค่า” ดังน้ัน ภาครัฐ
จึงต้องลงทุนในทรัพยากรน้ีให้มากที่สุด โดยในภาวะหลังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 น้ัน
ควรดาเนนิ การดงั น้ี
1) สนับสนุนเงินทุน เพื่อให้ SMEs ท่ีได้รับผลกระทบสามารถอยู่รอดได้ และไม่ย้ายฐาน
การผลติ ออกไปยงั พน้ื ท่ีอื่น หรอื เลกิ กิจการ
2) เร่งพัฒนาความรู้ ความสามารถให้กลุ่มเหล่านี้สามารถท่ีจะเรียนรู้ ปรับตัวให้เข้ากับ
ความเปล่ยี นแปลงต่าง ๆ ท่เี กิดขน้ึ ในปจั จุบนั ได้ โดยเน้นเรอ่ื งการตลาด การเงินในยุคดิจทิ ลั
3) สร้างแรงจงู ใจในการกลบั ไปยงั ภมู ลิ าเนา โดยสร้างแหลง่ เงนิ ทนุ ให้ชดั เจนเปน็ รูปธรรม
เพื่อจงู ใจ
4) สร้างมาตรการทางภาษีให้แก่ผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจเอกชนเพื่อให้เกิดแรงจูงใจ
ในการกลับไปสรา้ งงานภมู ิลาเนา
5) สนับสนุนคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นกาลังสาคัญในการสร้างเศรษฐกิจภูมิภาคในการฟ้ืนฟู
เศรษฐกจิ และสังคมใหย้ งั่ ยนื ตอ่ ไป โดยหมายความรวมถึง ปวส. บัณฑิตจบใหม่และเกษตรกรรนุ่ ใหม่
6) สนับสนุนโครงการท่ีจะช่วยเหลือผู้ประกอบการ หรือเกษตรกร ในยุคนวัตกรรม เช่น
โครงการบัณฑิตอาสา หรือ โครงการโค้ชดิจิตอลชุมชน ที่จะส่งอาสาสมัครเข้าไปชว่ ยเหลือเกษตรกร ชุมชน
ในการเสริมสร้างองค์ความรู้ต่างๆในการพัฒนา ต่อยอดผลผลิตให้เติบโตข้ึน เช่น การส่งเสริมด้านตลาด
ออนไลน์ เพื่อให้สินค้าทางการเกษตรกระจายถึงผู้รับมากท่ีสุด เกษตรกรขายได้ รายได้ก็มากขึ้น มีการ
ดารงชวี ิตท่ดี ี และเกดิ การหมุนเวยี นทางเศรษฐกิจในชุมชน และเม่ือมอี าสาสมัครเขา้ ไปเสริมสร้างองคค์ วามรู้
กจ็ ะเกิดการเรียนรู้ที่เท่าเทียมกนั ในชุมชน และกลไกตลาดก็จะเร่ิมดาเนินการในตวั เอง เกิดการแข่งขันทาง
การค้าเพ่อื ผลิตสนิ คา้ ทีม่ ปี ระสิทธภิ าพมาสผู่ ู้บรโิ ภคมากข้นึ
73
7) สร้างสถาบันการศึกษาในภูมิภาค เพื่อให้การศึกษาเป็นฐานของการสร้างคนและ
สรา้ งงานในภูมภิ าค
8) ปรับทศั นคตขิ า้ ราชการให้มีแนวทางทางานสอดคลอ้ งกับประชาชนในพ้ืนที่
9) สรา้ งกลุ่มยุวชน เช่น บุตรหลาน บัณฑิตจบใหม่ และผตู้ กงานทาหน้าที่ให้ความรู้และ
กระต้นุ กิจกรรมใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลงในระดับหมบู่ า้ น ชมุ ชน อาเภอ และจังหวัด
10) การสอน/พัฒนาทักษะ ให้ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชาชีพทาหน้าท่ี “ถ่ายทอด”
เพ่ือให้เกิดความรู้ท่ีสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ เช่น รูปแบบของ F to F (Farmer to Farmer) เพ่ือให้
เกษตรกรไดถ้ ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรเอง
11) การจัดสัมมนาในท้องถิ่นควรจัดหาอาสาสมัครมาฝึกอบรม โดยให้มีความสอดคล้อง
กับวิถีชุมชนในพื้นท่ีร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน โดยคนที่อบรมจะต้องมกี ารสมัครเข้ารับการ
อบรม เพ่ือหวงั ผลสัมฤทธิท์ ่มี ีประสทิ ธภิ าพ
2. การทางานแบบบรู ณาการ
การร่วมมือกนั จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคการศึกษา
และวสิ าหกจิ ชุมชน เพ่อื ให้เศรษฐกิจฐานรากมคี วามเข้มแขง็ และพฒั นาไดม้ ากย่ิงข้นึ เพือ่ การแลกเปล่ยี นการ
เรียนรแู้ ละใชท้ รัพยากรรว่ มกนั
1) ความร่วมมือระหวา่ งภาครฐั กับ ชมุ ชน
เน่ืองจากรัฐมีกลไกที่ดีท่ีพร้อมจะส่งเสริมชุมชนในทุกด้านโดยทาหน้าที่เป็นพี่เล้ียง
ของชมุ ชน ในการดแู ล ชี้แนะ แตไ่ ม่สัง่ การ ซ่ึงหากชุมชนใดเกิดความลม้ เหลวในโครงการกส็ ามารถนาสงิ่ นั้น
มาเป็นบทเรียนและสร้างบทเรียนใหม่ท่ีดีข้ึนด้วยวธิ กี ารที่แตกตา่ งออกไป จากการเปน็ พีเ่ ลีย้ งของภาครัฐ
ภาครัฐต้องเป็นเสมือน “คุณอานวย” (Facilitator) ในการอานวยความสะดวก
ให้แก่เกษตรกรในการจัดเวทีให้ความรู้และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางด้านต่าง ๆ ให้แก่เกษตรกร และ
จัดเวทีเพ่ือรับฟังความคิดเห็นของเกษตรกร รวมถึงต้องดูแลเก่ียวกับกระบวนการหลังการเก็บเกี่ยวรวมถึง
การตลาด เพ่ือให้ผลิตภัณฑ์ของเกษตรกร กระจายสู่ตลาด และก่อให้เกิดรายได้ในที่สุด เพราะท่ีผ่านมา
เกษตรกรทราบถึงวิธีการสร้างผลผลิต แต่ไม่ทราบวิธีการนาผลผลิตไปขายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ
ช่วงวกิ ฤตโรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 ที่จะมีตลาดออนไลนใ์ นการนาเสนอขายสนิ ค้า
ภาครัฐต้องสร้างตลาดกลาง ในการช่วยเหลือเกษตรกร และลดต้นทุนการขนส่ง
เพ่อื ให้ประชาชนนาผลผลิตทางการเกษตรมาขายใหไ้ ด้ราคาดีข้ึน จากการประหยดั ต้นทนุ ทางดา้ นการขนส่ง
การเกบ็ สนิ ค้า เปน็ ต้น
2) ความร่วมมือระหวา่ งภาครัฐกับภาคเอกชน
การส่งเสริมการทางานภาครัฐและชุมชนโดยเฉพาะทางด้านการตลาดที่เอกชน
จะมีมุมมองกว้าง และมีความชานาญในการนาผลิตภัณฑ์ชุมชนเข้าสู่ตลาดออนไลน์ เช่น การขายสินค้าบน
Shopee , Lazada มากกวา่ ภาครัฐ
74
การสนบั สนุนการคา้ ออนไลน์เพอื่ สร้างมิตใิ หม่ในการขยายตลาดผลติ ภัณฑช์ ุมชน
ภาครัฐเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงภาคเกษตรกรกับภาคเอกชน (SMEs) จะทาให้
ผลผลิตของเกษตรกรกระจายสู่ตลาดมากข้นึ โครงการของภาครฐั ส่งเสรมิ พัฒนาวสิ าหกจิ ควรสง่ เสรมิ พฒั นา
สนิ ค้าตอ้ งตรงความตอ้ งการของตลาดภาคเอกชน
3) การบรู ณาการความรว่ มมอื กับสถาบนั การศกึ ษาในพืน้ ที่
สถาบันการศึกษาต้องทาหน้าท่ีวิจัย และพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อ
ยกระดับการผลิต การตลาด การบริหารจัดการให้แก่วิสาหกิจชุมชน กลุ่มวิสาหกิจ กลุ่มเกษตร และ
ผู้ประกอบการในพ้นื ท่ี
3. เสริมสรา้ งประสิทธิภาพในการผลติ ของประเทศ
1) การให้ความสาคัญกับการยกระดบั มาตรฐานสนิ ค้า
กระบวนการผลิตที่มีมาตรฐานสากลรองรับ เพื่อสร้างการยอมรบั ในระดับประเทศ
และตา่ งประเทศ
สรา้ งสนิ คา้ ให้มีมูลคา่ เพ่มิ โดยใชก้ ารวจิ ยั นวัตกรรม / เทคโนโลยี และพลังงาน
2) สร้างระบบ Economy system เนน้ กระตุน้ การบรโิ ภคในพืน้ ที่ ลดการกระจุกตัวของ
รายได้ตอ้ งสร้างวงจรการใช้เงินในประเทศมากยิ่งข้ึน เชน่ การทอ่ งเที่ยว การก่อสร้างมองงบประมาณสว่ นน้ี
ในการกระตุ้นและฟื้นฟเู ศรษฐกจิ ในมมุ มองทางดา้ นเศรษฐศาสตร์
3) สร้าง OTOP ท่ีเข้มแข็งทาให้แต่ละท้องถ่ินมีการขายสินค้า รวมถึงพัฒนาองค์ความรู้
ในทอ้ งถน่ิ ไดแ้ ละสนบั สนุนภาคการเกษตรและโลจิสตกิ ส์
4) ให้ความสาคญั กับการบริโภคภาคครัวเรือน สมดุลกับเศรษฐกจิ ธุรกิจ เพราะจะทาให้
GDP ประเทศดขี นึ้ โดยใหเ้ น้นการบริโภคภายในมากข้นึ โดยการลงทนุ ในเศรษฐกิจครัวเรือนภาครฐั จะตอ้ งมี
เครอื่ งจักรขนาดเบาและราคาถกู ให้ทุกครวั เรอื น เพราะแรงงานทตี่ กงานนั้นจะกลับคืนถิ่นตามต่างจังหวัดไป
เป็นเกษตรกร จงึ ตอ้ งสนบั สนนุ คนทางด้านนีใ้ หไ้ ด้ จากน้นั ผลผลติ ก็จะมากขึน้ รายได้ก็จะมากขนึ้ ตามไปดว้ ย
5) อตุ สาหกรรมควรปรบั ใหส้ นับสนุนเกษตรแปรรูป สร้างมลู คา่ เพ่ิม รูปแบบ 1 ตาบล 1
อุตสาหกรรมเกษตร ถือเป็นการกระตุน้ การสร้างงาน
4. เสริมสรา้ งความเข้มแข็งและเปล่ียนวถิ ีการผลติ ภาคเกษตร
1) การฟืน้ ฟกู ารเกษตรในรปู แบบ Bottom up
2) พัฒนาดา้ นการเกษตรรูปแบบ Smart farmer โดยทาผ่านกระบวนการตาข่ายสังคม
เช่น สหกรณ์ชุมชน ที่จะเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรให้เข้มแข็งมากข้ึน สนับสนุนการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อ
สรา้ งเครือข่ายและอานาจการต่อรอง เชน่ สหกรณก์ ารเกษตร
75
5. การสรา้ งฐานขอ้ มูล (Big data) ของภาครฐั
1) ฐานข้อมูลประกอบด้วยข้อมูลประชาชนท่ีเสียภาษี และไม่ต้องเสียภาษี เพ่ือเป็น
ขอ้ มูลขนาดใหญข่ องรัฐในการดาเนินการตา่ ง ๆ ในอนาคต
2) การสร้างฐานข้อมูลที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจฐานรากให้ครอบคลุมในทุกมิติ เช่น ชุมชน
ผลติ ภัณฑ์ รายได้ สมรรถนะของกล่มุ และปญั หาของกล่มุ เป็นตน้
6. การสนบั สนนุ ให้ไทยเปน็ ครัวโลก
ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารท่ีอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของโลก รัฐบาลจึงควรนา
จุดเด่นตรงนีม้ าขยายตลาดการผลติ และทาให้เป็นทรี่ ู้จกั ของผูบ้ รโิ ภคมากขึ้น
1) ประทศไทยมีจุดเด่นในหลากหลายดา้ น โดยเฉพาะการเป็นอู่ข้าวอ่นู ้าท่ีจะพัฒนาเป็น
ครัวโลก หรือการท่องเท่ียวที่ยังโดดเด่นและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ แต่ท้ังนี้รัฐบาลจะต้องมีมาตรการการ
ปอ้ งกันโรคอย่างดี
2) ใช้วิกฤตโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้เป็นโอกาส โดยอาศัยว่าเป็นประเทศ
เกษตรกรรมสนบั สนนุ ให้ประชาชนทาการเกษตร ผลิตแหลง่ อาหารอย่างเตม็ ที่ ใหป้ ระเทศไทยกลายเป็นครัว
ของโลกให้ได้รวมถึงการสร้างความเช่ือม่ันว่าผลผลิตของประเทศไทยน้ัน มีความสะอาด ถูกหลักอนามัย
และสนบั สนนุ การเพ่ิมมลู ค่าของผลิตภัณฑ์ โดยภาครฐั จะเข้าไปสนบั สนุนดว้ ยการใช้อุปกรณข์ องภาครัฐ เช่น
รฟท. ในการขนสง่ สินค้ามาขายในแหล่งการตลาด
7. การสรา้ งตาขา่ ยทางสังคม
1) รฐั ต้องใหค้ วามสาคญั กับเรอ่ื งระบบสวัสดิการถ้วนหน้า เพอ่ื ให้เกิดการช่วยเหลือและ
วางระบบการประกันใหแ้ กท่ ุกกลุ่ม
2) ภายในชุมชน สังคม ต้องมีการสร้างกองทุน เพื่อให้ชุมชนมีสวัสดิการชุมชน และ
สามารถนากองทนุ ดงั กล่าวเป็นตน้ ทนุ ในการแก้ไขปญั หาวกิ ฤตทจี่ ะเกดิ ขน้ึ
3) รฐั ต้องสร้างระบบสวัสดิการให้แก่ชุมชน โดยทรัพยากรของรัฐ อาทิ การจัดสรรท่ีดิน
เพ่อื ให้ชุมชน หรอื ผู้ไรท้ ี่ดินไดม้ ีโอกาสในการเข้าถงึ การประกอบอาชพี ได้
2.9 พระราชบญั ญตั สิ ่งเสรมิ วิสาหกจิ เพ่ือสงั คม พ.ศ. 2562
เมื่อวันท่ี 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจ
เพื่อสังคม พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม) มีวัตถุประสงค์โดยที่การประกอบธุรกิจท่ีมี
วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั เพื่อสง่ เสริมการจา้ งงานแกบ่ ุคคลผสู้ มควรไดร้ บั การส่งเสรมิ เป็นพิเศษ การแกไ้ ขปัญหาหรอื
พัฒนาชุมชน สังคมหรือสิ่งแวดล้อม หรือเพื่อประโยชน์ส่วนรวมอื่นหรือคืนประโยชน์ให้แก่สังคมอันเป็น
กิจการเพื่อสังคมหรือวิสาหกิจเพื่อสังคม สมควรได้รับการส่งเสริมให้ขยายตัวมากข้ึนและเพิ่มขีด
ความสามารถในการแข่งขันทางการคา้ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยกาหนดมาตรการในการ
สนับสนุนวิสาหกิจเพ่ือสังคมท่ีได้รับการจดทะเบียน และจัดต้ังสานักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมเพ่ือให้
76
ความช่วยเหลอื และพัฒนาวิสาหกจิ เพอ่ื สังคมและกลมุ่ กจิ การเพื่อสังคม รวมทงั้ ประสานความรว่ มมือกบั ภาค
สว่ นต่าง ๆ ให้เปน็ ไปอย่างมีประสทิ ธภิ าพ
พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจเพ่ือสังคม ประกอบด้วยสาระสาคัญใน 8 หมวด ได้แก่ หมวดท่ี 1
วิสาหกิจเพ่ือสังคม หมวดท่ี 2 คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพ่ือสังคม หมวดท่ี 3 การบริหารและดาเนิน
กิจการ ของสานักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม และกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจเพ่ือสังคม หมวดที่ 4
การส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม หมวดที่ 5 การกากับดูแลและการเพิกถอนการจดทะเบียน
วิสาหกิจเพื่อสังคม หมวดท่ี 6 กลุ่มกิจการเพื่อสังคม หมวดที่ 7 สมัชชาวิสาหกิจเพื่อสังคม และหมวดท่ี 8
โทษทางปกครอง รวมทั้งส้ิน 89 มาตรา ใน พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจ ได้กาหนดนยิ ามของคาทเี่ กี่ยวข้องกับ
วสิ าหกิจเพ่ือสังคม ไว้ 2 คา ได้แก่ คาว่า “วิสาหกิจเพ่ือสังคม” และ “กลุ่มกิจการเพ่ือสังคม” โดยกาหนดว่า
“วิสาหกิจเพื่อสังคม” หมายความว่า บริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ที่ต้ังข้ึนตามกฎหมายไทย
ซึ่งดาเนินกิจการเกี่ยวกับการผลิต การจาหน่ายสินค้า หรือการบริการ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือสังคมเป็น
เป้าหมายหลักของกิจการ และได้รับการจดทะเบียน และ “กลุ่มกิจการเพ่ือสังคม” หมายความว่า บุคคล
ธรรมดา กลุ่มบุคคล ชุมชน หรือนิติบุคคลที่ต้ังข้ึนตามกฎหมายไทย ซ่ึงดาเนินกิจการเก่ียวกับการผลิต
การจาหน่ายสินค้า หรือการบริการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสังคมเป็นเป้าหมายหลักของกิจการ และได้รับ
การจดแจ้งเปน็ กลมุ่ กิจการเพ่ือสังคม
พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ได้มีการกาหนดโครงสร้างของคณะกรรมการส่งเสริม
วิสาหกิจเพื่อสังคมในระดับชาติไว้ซ่ึงเรียกว่า คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม โดยมีองค์ประกอบ
ของคณะกรรมการ รวม 22 คน มีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย
เป็นประธานกรรมการ และมีกรรมการโดยตาแหน่ง จานวน 12 คน มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 8 คน
และมีผู้อานวยการสานักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมเป็นกรรมการและเลขานุการ ท้ังน้ี คณะกรรมการชุดน้ี
หน้าที่ในการกาหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมแห่งชาติเสนอ
คณะรัฐมนตรเี พื่อพจิ ารณาอนุมตั ิ เพือ่ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งถือปฏิบัติ/พจิ ารณาให้ความ
เหน็ ชอบแผนปฏิบตั ิการสง่ เสรมิ วสิ าหกิจเพือ่ สังคมตามทส่ี านกั งานเสนอ/เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรเี พอื่ ใหม้ ี
การกาหนดนโยบายส่งเสริมการประกอบกิจการของวิสาหกิจเพื่อสังคมด้านต่าง ๆ/แต่งต้ังและถอดถอน
ผู้อานวยการ/กากับการบริหารกองทุน/ควบคุมดูแลสานักงาน กาหนดนโยบายการบริหารงาน ให้ความ
เห็นชอบแผนการดาเนินงานและงบประมาณของสานักงาน รวมท้ังออกระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ
เกี่ยวกับสานกั งานในเร่อื งต่าง ๆ
การส่งเสริมและสนบั สนนุ วสิ าหกจิ เพ่ือสงั คม (ตามหมวดที่ 4) น้นั มีการกาหนดให้วิสาหกิจ
เพ่ือสังคมอาจได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น ความช่วยเหลือทางการเงิน/สิทธิประโยชน์ด้านภาษี อากร/สิทธิ
ประโยชน์ตามมาตรการจัดซอื้ จัดจ้างภาครฐั /มาตรการสง่ เสริมการจดั ซื้อจัดจ้างของภาคเอกชน และบุคคล
ซึ่งให้การสนับสนุนกิจการของวิสาหกิจเพ่ือสังคมอาจได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรตามที่กา หนดไว้
ในประมวลรัษฎากรเฉพาะการบริจาคเงินให้แก่กองทุนหรือให้การสนับสนุนกิจการของวิสาหกิจเพ่ือสังคม
และตอ้ งเปน็ การลงทุนในกิจการของวิสาหกิจเพือ่ สังคม หรือการใหเ้ งินสนับสนนุ กิจการหรอื การดาเนินงาน
77
การถ่ายทอด เทคโนโลยนี วัตกรรม หรือองค์ความรู้ให้แกว่ ิสาหกิจเพื่อสังคมในดา้ นการผลิต การตลาด และ
การบริหารจัดการ และในส่วนของกลุ่มกิจการเพอ่ื สงั คมน้ัน พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจเพ่ือสังคมได้กาหนดให้
กลุ่มกิจการเพื่อสังคมท่ีประสงค์จะขอรับการส่งเสริมจากสานักงาน ให้จดแจ้งต่อนายทะเบียนตาม
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขทสี่ านักงานประกาศกาหนด โดยประกาศให้กาหนดการดาเนินการของกลุ่ม
กิจการเพ่ือสังคม และการกากับดูแลกลุ่มกิจการเพื่อสังคมตามความเหมาะสมแก่ประเภทของกลุ่มกิจ
การเพ่ือสังคม และใหจ้ ัดต้ังสานกั งานสง่ เสริมวิสาหกิจเพ่ือสังคม เพ่ือให้ความช่วยเหลือและพัฒนาวสิ าหกิจ
เพ่ือสังคมและกลุ่มกิจการเพ่ือสังคม รวมทั้งประสานความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างมี
ประสิทธิภาพ ให้สานกั งานมีมาตรการในการส่งเสริมกลมุ่ กิจการเพื่อสงั คม ในการประกอบกจิ การอยา่ งครบวงจร
รวมถึงการให้การสนับสนุนในการจัดตั้ง การให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิต การใช้เทคโนโลยี
การบริหารงานบคุ คล การเงนิ การบญั ชี การตลาด และการบรหิ ารจัดการธรุ กิจด้านอนื่ ท่ีเกยี่ วข้อง
2.10 พระราชบญั ญตั กิ ารจดั ประชารฐั สวัสดกิ ารเพ่ือเศรษฐกจิ ฐานรากและสงั คม พ.ศ. 2562
พระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. 2562
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันท่ี 1 มีนาคม 2562 โดยมีความมุ่งหมายเพื่อให้มีการจัดสวัสดิการให้แก่
ประชาชนผู้มีรายได้น้อย เพื่อลดความเหล่ือมล้าทางเศรษฐกิจและสังคม ดาเนินการร่วมกนั ระหว่างภาครัฐ
เอกชน และประชาชน เพ่ือให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีปัจจัยท่ีเพียงพอ และสามารถดารงชีวิตได้อย่างมี
คณุ ภาพ มคี วามเปน็ อยูท่ ดี่ ขี ึน้ พ.ร.บ. น้ปี ระกอบดว้ ย 29 มาตรา โดยในมาตรา 4 กาหนดให้มีคณะกรรมการ
ประชารัฐสวสั ดกิ ารเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ซึง่ ประกอบดว้ ยรฐั มนตรกี ระทรวงการคลงั เปน็ ประธาน
กรรมการ มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นรองประธานกรรมการ มีกรรมการโดยตาแหน่งอีกจานวน 5 คน
ซ่ึงได้แก่ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อานวยการสานักงบประมาณ อธิบดีกรมบัญชีกลาง และผู้อานวยการ
สานักงานเศรษฐกิจการคลัง อีกท้ังยังมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 3 คน ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ ความเช่ียวชาญ
และประสบการณ์ด้านเศรษฐศาสตร์ สังคม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และ ด้านอื่น ๆ โดยมีรองปลัด
กระทรวงการคลัง ซ่ึงปลัดกระทรงการคลังแต่งตั้งเป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการดังกล่าวน้ีมี
หน้าที่และอานาจในการเสนอนโยบาย แผนการดาเนินงาน มาตรการ หรือโครงการเกี่ยวกับประชารัฐ
สวัสดิการท่ีเป็นการให้ความช่วยเหลือเพื่อการดารงชีพและเพิ่มศักยภาพให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย
ตามโครงการลงทะเบียนเพ่ือสวัสดิการแห่งรัฐ มีอานาจในการพิจารณาการสนับสนุนโครงการท่ีให้บริการ
ทางสังคมท่ีจัดทาขึ้นโดยหน่วยงานของเอกชน มูลนิธิ หรือ องค์กรสาธารณประโยชน์ เพ่ือช่วยเหลือ
ประชาชนในภาวะลาบากทุกประเภท มีหน้าท่ีในการจัดทาฐานข้อมูลของประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งต้อง
ผ่านการตรวจสอบคณุ สมบัตใิ นโครงการลงทะเบียนเพือ่ สวสั ดิการแห่งรัฐท่ถี ูกตอ้ งและเป็นปัจจุบัน มีหน้าที่
กากับ ดูแลการบริหารจัดการ ตรวจสอบข้อมูล ติดตาม และประเมินผลการดาเนินงานและความคุ้มค่าใน
การจดั ประชารฐั สวัสดิการ
78
2.11 ดุษฎีนิพนธ์ เร่ือง การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบ
การบรกิ าร กรณีศึกษา : การท่องเทีย่ วโดยชมุ ชนบ้านปางห้า จังหวดั เชียงราย
ดุษฎีนิพนธ์ เร่ือง การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบ
การบริการ กรณีศึกษา : การทอ่ งเทีย่ วโดยชมุ ชนบ้านปางหา้ จงั หวัดเชียงราย10 เป็นการวจิ ัยเชงิ คณุ ภาพ
(Qualitative Research) การได้ข้อมูลมากระทาโดยการจัดทาการสัมภาษณ์/ Workshop กับกลุ่มเป้าหมายท้ัง
นักท่องเท่ียวชุมชน และกลุ่มผู้ประกอบการ กลุ่มผู้นาชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
(Stakeholders) กับการท่องเที่ยวในชุมชนบ้าน และนาผลที่ได้รับมาจัดกลุ่ม (Grouping) และหมวดหมู่
(Categorizing) จนกล่ันกรองออกเปน็ ดา้ นท่ีสาคญั ได้แก่ การบริหารจดั การเพอ่ื การพฒั นา “บุคลากร” ในพื้นที่,
การบริหารจัดการโดยภาพรวมเพ่ือความย่ังยนื , การพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวและการตลาด การสื่อสารไปยังชมุ ชน
และสรปุ ไดเ้ ปน็ PPMM Model (People Development, Product Development, Management และ
Marketing) โดยนามาใช้ในการทดสอบเพื่อประเมิน Model กับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นผู้นาชุมชนท่องเที่ยว
จากท่ัวประเทศ อีกจานวน 147 ท่าน และ ลงทดสอบท่ีบ้านปางห้า อาเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็น
กรณศี ึกษา สอบถามผเู้ ช่ยี วชาญ จนไดข้ ้อสรุปภายใต้ 4 ปจั จัยหลกั ดังน้ี
1. People Development คือ การพฒั นาบคุ ลากรดา้ นการทอ่ งเที่ยว
ท่ีมงุ่ เน้นการออกแบบรปู แบบในการพัฒนาบุคลากรดา้ นการทอ่ งเทยี่ วโดยชุมชน ซ่งึ เน้น
การพัฒนา “คน” ในฐานะเป็น “ทุนมนุษย์” (Human Capital) ที่มีประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาชุมชน
ถ่ายทอดองค์ความรู้ ถา่ ยทอดแรงบนั ดาลใจ เรอื่ งราว ไปยังกลุม่ คนรุ่นหลงั นักท่องเท่ยี ว ให้เกิดความภูมิใจ
เกิดความประทับใจในการท่องเท่ียวได้ อาทิ การสร้างเรื่องราวของบ้านเกิดตนเอง (Story Telling)
การสรา้ งโค้ชหรือผู้นารุ่นใหม่ การสรา้ งแนวคดิ เชงิ บวก ใหก้ ับคนในชุมชน สง่ ผลทาให้บุคลากรมีความภูมใิ จ
ต่อ “ทุนชุมชน” ที่มีอยู่ในชุมชน รับรู้ และตระหนัก เข้าใจในการการท่องเที่ยวโดยชุมชน เข้าใจลูกค้า
รวมถงึ การพฒั นาตนเอง และทีม เพอ่ื ตอ่ ยอดใหเ้ กดิ ความย่งั ยนื ในด้าน “ทนุ มนษุ ย”์
2. Product Development คือ การพฒั นาสินคา้ ด้านการทอ่ งเทย่ี ว
มุ่งเน้นในด้านการออกแบบสินค้าการท่องเที่ยวอย่างมีอัตลักษณ์ มีการพัฒนาสินค้า
ท่ีมุ่งเน้นความแตกต่างอันเกิดมาจาก “ตัวตน” ที่ชัดเจน ท่ีทาให้เกิด “คุณค่า” (Value) เฉพาะของสินค้า
การท่องเที่ยว ท่ีเกิดมาจากการวิเคราะห์ “ทุนชุมชน” ที่มีไม่เหมือนใคร อาทิ การออกแบบ การวิจัยและ
นวัตกรรม การแปรรูป และการสร้างมาตรฐาน รองรับความต้องการของลูกค้า ส่งผลทาให้ชุมชนมีสินค้า
ทอ่ งเท่ยี วที่มอี ตั ลักษณ์ รู้จกั ตัวตน อันจะนาไปเปน็ สกู่ ารสรา้ งคณุ ค่า และสรา้ งมลู ค่าต่อไป
10 นราธปิ อา่ เทยี่ งตรง (2564). การพัฒนาการทอ่ งเที่ยวเชงิ สรา้ งสรรคด์ ว้ ยกระบวนการออกแบบการบรกิ าร กรณีศึกษา : การ
ท่องเทยี่ วโดยชมุ ชนบา้ นปางห้า จงั หวัดเชยี งราย. ดษุ ฎีนพิ นธ์ปรญิ ญาดษุ ฎบี ณั ฑติ (นานาชาต)ิ คณะมณั ฑนาศลิ ป์ มหาวทิ ยาลยั
ศิลปากร.
79
3. Management Development คอื การพฒั นาด้านการบริหารจดั การใหม้ คี วามเปน็ มอื อาชพี
มุ่งเน้นการสร้างการบริหารจัดการชมุ ชนทม่ี ีประสิทธิภาพ มีความเหมาะสม พอดี จัดสรร
และการบริหารทรัพยากร (ทุนชุมชน) อย่างมืออาชีพ การจัดสรรองค์กร การจัดสรรกาลังคน การกระจาย
อานาจ การแบ่งงานกันทา การส่ือสารภายในชุมชน การประเมนิ ผลงานเพ่ือนามาแก้ไขต่อยอด รวมถึงการ
วางระบบการบริหาร กระบวนการบริการเพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับนักท่องเท่ียว รวมถึงรูปแบบการใช้
เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการบรหิ ารจัดการ การบรหิ ารดา้ นบญั ชี การเงิน และการบรหิ ารจดั การชมุ ชนให้มี
ความยั่งยืน ส่งผลทาใหช้ ุมชนมีความเป็นมอื อาชีพในด้านการบริหารจดั การในชุมชน จัดสรรทรพั ยากร เพ่ือ
ความยงั่ ยนื ในชุมชน
4. Marketing Development คือ การพฒั นาดา้ นการตลาด
มุ่งเน้นการสร้าง “คณุ ค่า” ของชมุ ชน การสร้างความแตกต่าง. การส่งมอบ “การบริการ
ท่ีดี”การสื่อสารอย่างมีเป้าหมายท่ีชัดเจน, การสื่อสารคุณค่าที่ชุมชนมีให้ตรงกับความต้องการของ
กลุ่มเป้าหมาย ความสามารถในการใช้สื่อท้ัง Online/Offline หรือ O2O ให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย
และมีความพอดี ส่งผลทาให้ชุมชนมีแนวทางในการทาการตลาดท่ียึดที่ “คุณค่า” เป็นสาคัญ มีทิศทางใน
การทาการตลาด การส่อื สารการตลาด สือ่ สาร “คณุ ค่า” อยา่ งมืออาชีพ
80
ตารางท่ี 2-7 สรปุ สาระสาคัญของ PPMM Model
People Product
1. การพัฒนาบคุ ลากรการท่องเทย่ี วใน 1. การสร้างความตระหนกั ความเขา้ ใจ
ชุมชน หรือในท้องถน่ิ (Human ในด้านทนุ ชุมชนเพ่อื การออกแบบ
Development) ในรปู แบบต่าง ๆ สนิ คา้ ท่องเท่ียว (Local Capital
เชน่ การฝกึ อบรม การ Workshop Awareness and Study) เพื่อการ
หรือกจิ กรรมต่าง ๆ ทง้ั นี้มี สรา้ งอัตลักษณ์ และตัวตน
วัตถุประสงคเ์ พอ่ื การพัฒนาให้ 2. การออกแบบสินคา้ ท่องเทย่ี วทีเ่ นน้
บุคลากรในชุมชนมคี วามเปน็ มือ “คณุ ค่า” และสรา้ งประสบการณ์
อาชพี (Tourism Product Value and
2. การเชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่น Experience Design)
หมบู่ ้านอ่ืน เพื่อการสร้างสรรค์หรอื 3. ความหลากหลายของสินค้า
พัฒนารว่ มกนั (Co-training within ทอ่ งเท่ยี วและการพฒั นาสินคา้ ใหม่
the Village / Workshop) (Product Design :Variety and
3. การจัดเก็บองค์ความรู้ และการ New Product Development
จดั การองคค์ วามรู้ และการสรา้ งแนว Approach)
ทางการเผยแพร่ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ 4. การออกแบบสนิ คา้ ท่องเทีย่ วทมี่ ี
(KM and Best Practice Sharing) ความโดดเดน่ (Product Design –
4. การฝึกอบรมวิทยากร หรือ Trainer Tangible Product)
/ Coach ชุมชน / นักเล่าเรอ่ื ง / นกั 5. ความสะอาด ความปลอดภยั และ
สือ่ ความหมาย (Train the Trainer สุขอนามยั ของสนิ คา้ ท่องเท่ยี ว
/ Storyteller) (Product Hygiene, Product
5. การพฒั นากระบวนความคิดใหก้ ับ Safety, Security and
บุคลากรในดา้ นแนวคิดปรชั ญาของ Cleanliness of the Tourism
เศรษฐกิจพอเพียง และความยง่ั ยนื Product)
(Sufficiency Economy and 6. มาตรฐานของสนิ ค้าการท่องเทย่ี ว
Sustainability) (Product Standard
Development) เชน่ มาตรฐาน
0
Management Marketing 80
1. การจัดการโดยภาพรวม ท่มี ีความ 1. ความน่าสนใจโดยภาพรวมของสนิ คา้
เป็นมืออาชีพ (Overall การทอ่ งเท่ียว (Overall Tourism
Professional Management) Product Attractiveness)
2. การมีวสิ ยั ทัศน์ พนั ธกจิ และ 2. การมเี ป้าหมาย / วตั ถุประสงค์ที่
เปา้ หมายทีช่ ดั เจน (Clear Vision, ชดั เจนในการทาการตลาด
Mission and Objective) (Purposeful Marketing)
Purposeful Management
3. การวิเคราะหน์ กั ท่องเทีย่ ว
3. การมีแนวทาง / กลยุทธ์ และ กลมุ่ เปา้ หมาย (Expected
แผนปฏิบัตทิ ีช่ ัดเจน (Clear Targeting) ทีเ่ หมาะสมกับชุมชน
Strategy and Implementation)
4. การวเิ คราะหเ์ ส้นทางการซอื้ และใช้
4. การวเิ คราะหส์ ง่ิ แวดลอ้ มในการ บริการโดยภาพรวม (Overall
บรหิ ารจดั การ และการวเิ คราะห์ Customer Journey Analysis)
ตนเอง (Frequent Self-
assessment : SWOT; PESTEL) 5. การสรา้ งคณุ คา่ ให้กับชมุ ชน (Value
of All) ทีเ่ หมาะสมและแตกต่าง
5. การควบคุม ตดิ ตาม และประเมนิ ผล
ในการบรหิ ารจัดการ (Control, 6. การสรา้ งแบรนด์ของชมุ ชน
Monitoring and Evaluation (Branding of the Tourism
Plan) Destination)
6. การจดั สรรพืน้ ท่ีและศูนยก์ ลางของ 7. นโยบายการตง้ั ราคา (Pricing
การบริหารจดั การ (Area Policies) (โดยการเข้าใจ “โครงสรา้ ง
Allocation / Center) ต้นทุน” และ “ตลาด”)
7. การจัดการด้านสุขอนามยั (Overall 8. ความค้มุ ค่าทางการเงินในมุมมองของ
Sanitary Management) นกั ท่องเทีย่ ว (Value for Money
(VFM))
8. การจัดการอยา่ งมคี ณุ ภาพและ
มาตรฐาน และระบบท่ีดี (Standard 9. ชอ่ งทางการจาหนา่ ย / ขาย สนิ คา้
(Distribution Channels)
81
People Product
6. การพัฒนากระบวนการแนวคิดดา้ น โฮมสเตย์ ทพ่ี กั มาตรฐานกจิ กรรม
การตลาดใหก้ ับบคุ ลากร การทอ่ งเทีย่ ว ฐานการเรยี นรู้
(Marketing Training) รูปแบบการนาเท่ียว อาหาร ฯลฯ
7. การออกแบบสนิ คา้ ทมี่ เี ฉพาะใน
7. การพัฒนากระบวนการแนวคิดด้าน ชมุ ชน (Signature Product
การบรกิ ารอย่างมอื อาชีพ (Service Design)
Skills Training) และการเป็นเจ้า 8. การออกแบบอาหารถิ่นท่ีมีอัตลักษณ์
บา้ นท่ดี ี (Local Hero / Good (Gastronomy Product Design)
host) 9. การออกแบบสินคา้ ทอ่ งเทยี่ วที่
สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของ
8. การพฒั นาด้านจติ สานึกในการ ลกู คา้ (Customer-based Tourism
บรกิ าร (Service Mind and Product Design)
Hospitality) 10. การออกแบบสนิ คา้ ทอ่ งเที่ยวท่ี
ทันสมยั สอดคล้องกบั การ
9. การพฒั นาบุคลากรดา้ นการบริหาร เปลีย่ นแปลงของโลก และพฤตกิ รรม
จดั การ (Management นักท่องเทยี่ ว
Professionally) และการใชส้ ื่อ 11. ความเพียงพอของท่ีพัก (Homestay
ดิจทิ ัลอย่างมอื อาชีพ และแนวทาง Sufficiency)
การทาการตลาด 12. ความเพยี งพอ-ความพอดี ความ
เหมาะสมของสนิ ค้าท่องเที่ยวในการ
10. การพฒั นาบุคลากรใหเ้ ลง็ เหน็ รองรับนกั ทอ่ งเทย่ี ว (Tourism
ความสาคญั และรว่ มสรา้ ง Product Sufficiency)สินค้าที่
“มาตรฐาน” การทอ่ งเที่ยว ทม่ี ี ออกแบบมาน้นั สอดคล้องกับกระแส
ระบบ มคี วามปลอดภยั และมี และการเปลยี่ นแปลงไปของโลก
คุณภาพ (High Quality Mindset พฤติกรรมนกั ท่องเท่ียว
and Standard) 13. ความดึงดดู ใจของกิจกรรม / สนิ คา้
ทอ่ งเทีย่ ว (Workshop and
11. รูปแบบของการพัฒนาบุคลากรที่ Learning Attractiveness)
เนน้ ด้านการศึกษาดูงาน และลง
พนื้ ทเี่ พ่อื ศกึ ษาเป็นกรณีศกึ ษา
(Educational and Experience Trip)
12. การพฒั นาทีม (Team Building)
1
Management Marketing 81
and Quality of Management : 10. การประชาสัมพนั ธ์ (Public
Good System) Relations)
9. การบรหิ ารจัดการกาลงั คน / ทมี งาน
(Workforce Allocation) 11. การมรี ายการสง่ เสริมการขายท่ี
10. การสอื่ สารภายใน เหมาะสมในสถานการณ์
(Communication) (Appropriated Sales Promotion)
11. การจัดสรรผลประโยชน์ท่มี คี วาม
ชดั เจน (Benefits Allocation and 12. การใชช้ ่องทางท่ีหลากหลายเชื่อมโยง
Distribution) กัน ทงั้ Online / Offline (Online
12. การมีมาตรฐานการบริการ (Service Channel / Digital Marketing
Standard and Service SOP) Channel) เพ่อื การสอ่ื สารคณุ คา่
13. การรว่ มมือ รว่ มสร้างสรรค์ในชมุ ชน (Value Communication)
(Cooperation and
Collaboration) 13. การออกแบบ / วางแผนด้านสอื่ ที่
14. การไดร้ ับความรว่ มมือจากผทู้ ่มี สี ว่ น ไม่ไดล้ งทนุ ดว้ ยจานวนเงนิ (เช่น การ
ไดส้ ว่ นเสีย และพนั ธมติ ร บอกต่อ การแชร์ Blogger ฯลฯ)
(Stakeholder and Key Partners (Shared and Earned Media
/ Partnership Management) Design)
15. การพฒั นาสายอาชีพในชุมชน
(Career Development) 14. การออกแบบแนวทางการเลา่ เรอ่ื ง
16. การมรี ะบบการสร้างทายาทในการ (Storytelling Design)
เปน็ ผู้นาชุมชน และผดู้ าเนินการดา้ น
การทอ่ งเท่ยี ว (Heir Development 15. การพัฒนา Content ที่มาจาก
Approach) “คณุ ค่า” ของชุมชนนัน้ ๆ (Content
17. การมรี ะบบการควบคมุ คณุ ภาพทมี่ ี Marketing through TOURISM
ประสิทธภิ าพ (Effective Quality VALUE)
Control)
16. การจัดกจิ กรรมทางการตลาด เพ่อื ให้
เปน็ ท่รี จู้ กั (Event Marketing
Design / Co-event) หรือการ
ร่วมมอื กันพฒั นากจิ กรรมทาง
การตลาดอื่น ๆ
17. การมีพันธมิตรทางการตลาด ท้งั
พนั ธมติ รท่ชี ว่ ยในการขาย ชว่ ย
82
People Product
13. การสรา้ งผู้สบื ทอดการเป็นผนู้ าชุม 14. กิจกรรมทม่ี คี วามยงั่ ยืน และ
ขนและผดู้ าเนนิ กิจกรรมท่องเท่ียว สอดคลอ้ งกับระบบเศรษฐกจิ
โดยชมุ ชน (Create New หมุนเวยี น เชน่ การใชว้ ัสดธุ รรมชาติ
Generation of Leaders and / or (Sustainable and Circular
Staff) Activities)
14. การพฒั นาปราชญช์ าวบ้านร่นุ ใหม่ 15. ความนา่ สนใจของเส้นทางท่องเทย่ี ว
(New Generation of (Interesting Routes)
Philosopher) 16. ความง่ายในการเขา้ ถึงสนิ คา้
15. การฝกึ ทักษะเฉพาะ โดยเฉพาะ ท่องเที่ยว (Easy Access to the
อาชีพทเ่ี ปน็ ภูมปิ ัญญาท่คี วรสืบทอด Tourism Product) เชน่ ชอ่ ง
16. การฝกึ ทกั ษะทเ่ี สรมิ (Essential ทางการสื่อสารสินคา้ การทอ่ งเที่ยว
Skills) ทีจ่ าเป็นต่อบคุ ลากรในแตล่ ะ ความเข้าใจง่ายของกิจกรรม / สนิ ค้า
กลุ่มอย่างเหมาะสม ทอ่ งเท่ียว ฯลฯ
17. การปลูกฝงั ด้านความโปรง่ ใส 17. ความสอดคลอ้ งของสินค้าทอ่ งเทย่ี ว
ธรรมาภิบาลให้กับบคุ ลากร กับพฤติกรรมผูบ้ รโิ ภค นกั ทอ่ งเทยี่ ว
18. มกี ารประเมนิ ความตอ้ งการในการ 18. เปน็ สินคา้ ทอ่ งเทีย่ วท่มี ีความคิด
พัฒนาตนเอง และนาผลการประเมิน สร้างสรรคแ์ ละสามารถต่อยอดสู่
น้ันมาพัฒนาบคุ ลากรต่อยอดได้ นวัตกรรมได้
19. มีการประเมนิ ดา้ นความพึงพอใจใน 19. เปน็ สินค้าทอ่ งเท่ียวทสี่ อดคลอ้ งกบั
การพัฒนาบุคลากรของชมุ ชน เพอ่ื แนวทางของ Sustainable
นาประเด็นนั้นมาแกไ้ ขปญั หาและ Development Goals (SDGs) ของ
พัฒนาตอ่ ไปได้ UN และ UNWTO
20. บคุ ลากร มกี ารพัฒนาองคค์ วามรูใ้ น 20. มกี ารวดั ผลความพงึ พอใจทมี่ ตี ่อ
ด้านกระแสการท่องเทีย่ วยคุ ใหม่ สนิ คา้ ทอ่ งเทยี่ ว และจะนาไปใชเ้ พอ่ื
คาดการณ์และมองเห็นอนาคตของ ปรบั ปรงุ พัฒนาตอ่ ไป
การท่องเท่ียวรว่ มกัน
2
Management Marketing 82
18. การมกี ารควบคุมตน้ ทุนและประเมิน ประชาสมั พนั ธ์ และด้านอ่นื ๆ
อยา่ งมีประสิทธภิ าพ (Effective (Marketing Partnership : Travel
Cost Control and Evaluation) Agent / Online Travel Agent
(OTA))
19. การมรี ะบบการบรหิ ารจดั การดา้ น 18. การรักษาความสมั พันธ์กบั
การเงินและบัญชีทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพ นักทอ่ งเทีย่ วหลงั จากการเท่ียว
(Effective Financial & (Customer Relationship
Accounting Management) Management Approach and
Tools)
20. ความโปรง่ ใส และความมธี รรมาภิบาล 19. การปรบั ตัวด้านการตลาดตาม
ของชุมชน ผู้นาชุมชน สถานการณ์ (Adaptive Marketing)
(Transparency and Good 20. การวเิ คราะหค์ วามคมุ้ คา่ ในการลงทุน
Governance) ด้านการตลาด (Marketing ROI)
21. การพฒั นาดา้ นการบรกิ ารอยา่ ง
21. การใช้ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ ต่อเนื่อง
เพ่ือการบรหิ ารจดั การภายใน (IT 22. การเข้าใจถงึ Pain Point / Gain
Usage for Internal Point เพ่อื นาไปใช้ในการบรกิ ารได้
Management) 23. ผลการประเมินของลกู คา้ และการ
นาไปใช้จริง
22. การบริหารจดั การ และการตดั สนิ ใจ
โดยใช้ขอ้ มลู อย่างมปี ระสิทธิภาพ
(Effective Data Management for
Decision Making)
23. การบริหารจัดการท่คี านงึ ถงึ
ผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม และความ
ยัง่ ยืน (Sustainable
Management; Environmentally
Friendly Management)
24. การบริหารจัดการความเสย่ี ว และมี
แผนฉกุ เฉนิ (Risk and Emergency
Planning)
83
People Product
3 Marketing
Management 83
25. การพัฒนาอย่างตอ่ เน่ือง
(Continuous Improvement
Approach)
26. การมีการบริหารจดั การสินคา้
ท่องเทยี่ วในคลังสนิ คา้ (Tangible
Product Inventory
Management)
27. การจัดการโครงสรา้ งพื้นฐาน ระบบ
นิเวศ ระบบสาธารณปู โภค
(Appropriated Infrastructure
and Ecosystem Management )
28. การคานึงถงึ ความคุม้ คา่ ในการลงทนุ
(Return on Investment Analysis)
29. การคานงึ และการวัดผลกระทบทาง
สงั คม (Social ROI)
30. การวัดคา่ ในการคานงึ ถงึ ส่งิ แวดลอ้ ม
หรือ Carbon Balance / Carbon
Neutral
31. การมโี ครงสรา้ ง หน้าที่ ความ
รบั ผิดชอบท่ีชดั เจน และใน
ขณะเดยี วกนั กย็ ืดหยนุ่ ไดต้ าม
สถานการณ์
32. มกี ารประเมนิ วดั ความพงึ พอใจของ
บคุ ลากรในชุมชน และสามารถนา
ประเดน็ ไปพฒั นาได้
บทท่ี 3
การศกึ ษารปู แบบการพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากท่ปี ระสบความสาเรจ็ ในต่างประเทศ
การศึกษารูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากท่ีประสบความสาเรจ็ ในต่างประเทศ จะเป็น
การทบทวนกรณีศึกษาต่างประเทศที่เก่ียวกับการรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เปรียบเทียบ 3
ประเทศ ด้วยกัน คือ ญี่ปุ่น จีน และเวียดนาม เพ่ือวิเคราะห์ปัจจัยท่ีมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
ท่ีประสบความสาเร็จและศึกษารูปแบบ (model) การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากท่ีประสบความสาเร็จใน
ต่างประเทศ โดยท่ีสมมติฐานนาของการศึกษาในส่วนน้ี คือ แต่ละประเทศมีแนวทาง (โมเดล) การส่งเสริม
เศรษฐกิจฐานรากท่ีมีจุดเน้น เป้าหมาย และรูปแบบการดาเนินงานท่ีแตกต่างกันไป ซึ่งอาจนาไปสู่
ความสาเร็จที่แตกต่างกัน ซ่ึงหลายปัจจัยความสาเร็จของกรณีศึกษา เป็นบทเรียนที่ประเทศไทยสามารถ
เรียนร้จู ากประสบการณข์ องต่างประเทศเพอ่ื ปรบั ใช้ในบรบิ ทของประเทศไทยได้
ภาพท่ี 3-1 กรอบการวิเคราะห์เศรษฐกิจฐานรากตามแบบจาลองตวั กาหนดรายไดป้ ระชาชาตขิ องเคนส์1
ทีม่ า : นักวิจยั
จากกรอบการวิเคราะห์ข้างต้น สามารถวิเคราะห์ปัจจัยท่ีกาหนดเศรษฐกิจท้องถิ่นในแต่ละ
ตัวแปรได้ โดยจะมีการจาแนกกล่มุ ตัวแปรโดยสังเขป ออกเปน็ ส่วนอัดฉีดและส่วนรัว่ ไหลของระบบเศรษฐกจิ
หลังจากนั้น ทาการวิเคราะห์ว่าตัวกาหนด มีความเก่ียวข้องกับเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real sector) ภาคส่วนใด
1 กรอบการวิเคราะห์ตามแบบจาลองตัวกาหนดรายได้ประชาชาติของเคนส์ (Keynesian Theory of National Income
Determination) เป็นการอธิบายว่ารายได้ประชาชาติของระบบเศรษฐกิจ อาจถูกกาหนดปัจจัยต่าง ๆ เช่น การใช้จ่ายของภาค
ครวั เรอื น การลงทุนของภาคเอกชน การใช้จา่ ยของรัฐบาล หรอื การนาเขา้ สุทธิจากนอกระบบเศรษฐกิจ
85
เป็นสาคัญ (ได้แก่ ภาคการเกษตร อุตสาหกรรม บริการ และการท่องเที่ยว) และวิเคราะห์สถานการณ์ใน
ปัจจุบันรวมท้ังคาดการณ์แนวโน้มการเปล่ียนแปลงที่น่าจะเกิดข้ึนในอนาคต โดยใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพที่ได้
จากการทบทวนวรรณกรรม
3.1 กรณศี ึกษาประเทศญ่ปี ุ่น
3.1.1 ลักษณะทางเศรษฐกิจสังคม และสภาพปัญหาการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของ
ญ่ีปุน่
นับตั้งแต่ ค.ศ.1945 ท่ีประเทศญ่ีปุ่นอยู่ในสถานะของประเทศผู้แพ้ในสงครามโลก
ครั้งท่ี 2 ญ่ีปุ่นได้พยายามฟื้นฟูปฏิรูปเศรษฐกจิ อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในช่วงกลางทศวรรษท่ี 1960 ญ่ีปุ่น
กลายเปน็ ประเทศทเี่ ข้มแขง็ ทางเศรษฐกิจทีม่ ศี กั ยภาพจะแข่งขันในตลาดเสรีของโลกไดเ้ ป็นอย่างดี
ภาพที่ 3-2 อนั ดับของประเทศญ่ีป่นุ ดา้ นเศรษฐกจิ และคณุ ภาพชวี ิต
ท่มี า: focus-economics.com
ทีม่ า : focus-economics.com.
อย่างไรก็ดี ระบบเศรษฐกิจของญี่ปุ่นมีลักษณะรวมศูนย์อยู่ที่มหานครโตเกียว ในขณะท่ี
ในระบบเศรษฐกิจในชนบทเร่ิมเติบโตในอัตราที่ลดลงต้ังแต่ทศวรรษ 1960s ปัญหาการลดลงของจานวน
ประชากร (Depopulation) และโรงงานอุตสาหกรรมเร่ิมเป็นปัญหาสาคัญต่อระดับท้องถ่ิน และชนบท
ในปัจจุบัน จานวนชุมชนมากกว่า 15,000 ชุมชนจากทั้งหมด 65,000 ชุมชนมีจานวนประชากรท่ีมีอายุ
มากกว่า 65 ปีมากกว่าร้อยละ 50 ของจานวนประชากรทั้งหมด ซึ่งชุมชนในลักษณะน้ีเรียกว่า “Marginal
village” หรือ “‘Marginal settlement” (Genkai shūraku) ในขณะที่ประชากรวัยหนุ่มสาว มักเลือก
เดินทางเข้ามาหาโอกาสในพื้นที่เมือง โดยเฉพาะนาโกยา โอซากา และโตเกียว มากกว่าหาโอกาสในพ้ืนท่ี
ชนบทท่ีตนอาศัย ซ่ึงปรากฏการณ์การย้ายเข้าเมืองของวัยหนุ่มสาวเรียกว่า “Pole society” ชุมชนใน
ลักษณะน้เี ปน็ ชุมชนกาลงั เผชญิ กบั ข้อจากัดในเรื่องความสามารถทางการจัดการอย่างรนุ แรงอนั เนือ่ งมาจาก
ประชากรชนบทลดลง (Thomas Feldhoff, 2013, p. 100) และมแี นวโนม้ ทจ่ี ะสญู หายในอนาคตอนั ใกล้
86
ภาพท่ี 3-3 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร2ของญ่ปี ุ่นในเขตเมือง
ที่มา: Toru Kumagai, 2019, P.4
ที่มา : toro kumazgai,2019.p.4.
ภาพที่ 3-4 การกระจายของผลผลิตมวลรวม3 ในระดบั จังหวดั และคา่ แรงข้ันต่าในประเทศญีป่ ุ่น
ปี ค.ศ. 2016
Prefectural Income 2016 Minimum Wage 2016
ทม่ี า: https://stats-japan.com/t/kiji/11521
โครงสร้างพื้นฐานในพ้ืนที่ชนบทจานวนมากถูกปล่อยร้าง และมีแนวโน้มท่ีจานวนจะเพ่ิม
มากข้ึน อาทิ บ้าน โรงเรียน บริการสาธารณะ ถนนในหมู่บ้านหรือถนนชนบท รวมไปถึงคลองชลประทาน
จานวนเกษตรกรลดลงมากกว่าร้อยละ 73 ในช่วง 40 ปี พ้ืนที่เกษตรกรรมจานวนมากถูกปล่อยร้าง
ใน ค.ศ. 2000 มีพ้ืนที่เกษตรกรรมรกรา้ งประมาณ 210,000 เฮกตารแ์ ละจะทาให้ความสามารถในการพึง่ พา
2 โครงสรา้ งประชากร (Population structure) หมายถึง ส่วนประกอบต่าง ๆ ทีก่ าหนดขึน้ จาก ลกั ษณะตา่ ง ๆ ของประชากร เช่น
อายุ เพศ การศกึ ษา เชือ้ ชาติ ศาสนา อาชพี และอน่ื ๆ
3 ผลผลติ มวลรวม หรอื ผลิตภัณฑม์ วลรวม คือ มลู คา่ ตลาดของสินคา้ และบริการขัน้ สดุ ท้ายทผ่ี ลติ ในประเทศในช่วงเวลาหน่งึ ๆ
โดยไมค่ านงึ ว่าผลผลิตนัน้ จะเป็นผลผลติ ท่ไี ดจ้ ากทรัพยากรภายในหรอื ภายนอกประเทศ
87
ตนเองทางด้านอาหารของญ่ีปนุ่ ลดลง และจาเป็นที่จะต้องพ่ึงพาสินคา้ นาเขา้ มากยิ่งขึน้ หน่วยงานให้บริการ
ขนส่งสาธารณะในพื้นที่ชนบทมีแนวโน้มที่จะแบกรับภาระทางการเงินมากย่ิงข้ึน เน่ืองจากผู้รับบริการ
(ผู้โดยสาร) ในพน้ื ท่ชี นบทมจี านวนน้อยลงตามการเปล่ยี นแปลงของโครงสรา้ งประชากร ถ้าหากสถานการณ์
ทางประชากรยังคงเป็นเช่นนี้ ใน ค.ศ. 2040 มากกวา่ 869 อาเภอ ซ่ึงคิดเป็นเกือบคร่ึงหนึ่งของอาเภอของ
ญี่ปุ่นท้ังหมดจะถูกยุบ เกิดความห่างระหว่างพ้ืนที่ชนบทกับพื้นที่เมือง ประชากรเมืองไม่เข้าใจถึง
กระบวนการเกษตรกรรมอย่างแท้จริง และเกษตรกรชนบทไม่เข้าใจว่าผู้บริโภค (ประชากรเมือง) มีความ
ตอ้ งการบรโิ ภคสินคา้ ประเภทไหน และแบบใด
3.1.2 นโยบายการพัฒนาชนบทของประเทศญ่ีปุน่
ประเทศญี่ปนุ่ มีจดุ มงุ่ หมายในการพฒั นาชนบททส่ี าคัญ คือ
1) การยกระดับความน่าดึงดูดของเขตชนบทสาหรับผู้ท่ีย้ายไปอยู่อาศัยในเขตเมือง
(Enhance the attractiveness of rural areas towards urban residents)
2) การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างชนบทและเมือง (Strengthen ties between
urban and rural areas)
3) การส่งเสริมการทอ่ งเท่ียวชนบท (Promotion of rural tourism)
4) การเพิม่ โอกาสให้คนเมอื งยา้ ยมาตงั้ ถนิ่ ฐานในชนบทในฐานะเกษตรกร (Increase
opportunities to allow urban residents to move into rural areas as farmers)
5) การให้ประชาชนในพื้นท่ีเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบนโยบาย (Get all the
stakeholders involved in the process of policy planning and its implementation)
มีแนวคดิ ในการออกนโยบายเพ่ือแก้ไขปญั หาผา่ นแนวคดิ นโยบายตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่
1. การแกป้ ัญหาการจา้ งงานและการพฒั นาชนบท
ปัญหาการย้ายถ่ินของประชากรของญี่ปุ่น ในทุกปีจะมีประชากรหนุ่มสาว
ชาวญ่ีปนุ่ ทั่วประเทศย้ายเข้ากรุงโตเกียวราว 100,000 คน เพ่ือหางานทาหรอื ศึกษาต่อ ท้ิงให้เมืองบ้านเกิด
ในเขตชนบทเงียบเหงาลงเร่ือย ๆ เพ่ือแก้ปัญหาดังกล่าว นายกรัฐมนตรีชนิ โซ อาเบะ ได้ประกาศนโยบาย
รับแรงงานเพ่ิม ท้ังแรงงานระดับล่าง เพ่ือสานต่องานด้านการก่อสร้างท่ีขาดแคลนคนงานหนัก ตลอดจน
แรงงานทักษะ เพื่อการเข้ามาทางานและลงทุนในพื้นท่ีชนบท โดยในเดือนมิถุนายน ค.ศ.2018 รัฐบาล
ญ่ีปุ่นประกาศว่า จนถึงปี ค.ศ. 2025 จะให้วีซ่าสาหรับแรงงานต่างชาติท่ีมีทักษะตามที่กาหนดไว้ อีก
500,000 คน เพ่ือให้มาทางานด้านการเกษตร ก่อสร้าง โรงแรม พยาบาล และการต่อเรือ ซ่ึงแสดงถึง
นโยบายของญ่ีปุ่น ที่จะรับแรงงานต่างชาติประเภทกึ่งฝีมืออย่างเปิดเผยเป็นคร้ังแรก รัฐบาลญี่ปุ่นมองว่า
นโยบายนี้จะช่วยป้อนแรงงานให้กับผู้ผลิต SME ของญี่ปุ่น ที่คนญี่ปุ่นไม่ค่อยสนใจท่ีจะเข้าไปทางาน
โดยเฉพาะบรษิ ัท SME ท่ีอย่ใู นชนบท ทาใหร้ ฐั บาลญ่ปี ุ่นเพิม่ จานวนแรงงานต่างชาตมิ ากขึ้น4
4 “ญ่ปี นุ่ จะกลายเปน็ “ประเทศของผูอ้ พยพ” หรอื ไม่ เม่อื ประกาศรบั แรงงานตา่ งชาตอิ กี 5 แสนคน ถึงปี 2025”
https://thaipublica.org/2018/08/pridi111/
88
หลายท้องถิ่นเร่ิมเห็นถึงความสาคัญของการเข้ามาของชาวต่างชาติ ท่ีสามารถ
เข้ามาทดแทนรายได้ท้องถ่ิน ตลอดจนแรงงานที่หายไป และได้พยายามจัดหลักสูตรการศึกษาเพ่ือ
ชาวต่างชาติ เพ่ือดึงให้ชาวต่างชาติส่งลูกมาเรียน หรือในเมืองกิฟุ ท่ีขนาดมีบริษัทนายหน้าขายบ้าน
แห่งหน่ึงในกิฟุ ที่หันมาทาธุรกิจกับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกบั ชาวละตินอเมริกาท่ีเข้ามาทางานในโรงงาน
โซนีใ่ นเมอื งมิโนคาโมะ บริษทั นายหนา้ แหง่ น้ชี ว่ ยเหลือ หาช่องทางใหผ้ ทู้ ่ีไม่ใช่คนญ่ีปุ่นใหซ้ ือ้ บา้ นไดภ้ ายใน 5 ป5ี
ปัจจุบันชาวต่างชาติในญี่ปุ่นคิดเป็นราวร้อยละ 2 จากประชากร 127 ล้านคน
แต่ในบางเมืองและบางจังหวัด สัดส่วนชาวต่างชาติ มากถึงร้อยละ 5 เช่น เมืองโออิซูมิ และ ร้อยละ 17
ในจงั หวัดกุนมะ ตัวอย่างกรณีของเมอื งมเิ อะในปี ค.ศ. 2017 มชี าวต่างชาตยิ ้ายเขา้ มาอย่ใู นมิเอะ 5,999 คน
เช่นเดียวกับจังหวัดกิฟุ และชิงะ ซ่ึงอยู่ติดกับมิเอะ ใน ค.ศ. 2017 มีผู้อยู่อาศัยชาวต่างชาติเข้ามาเพ่ิมข้ึนกว่า
รอ้ ยละ 80 จากปีก่อนหนา้
2. การแลกเปลย่ี นระหว่างเมอื งและชนบท นโยบายในกลุม่ นแ้ี บ่งได้เปน็ 2 กลุม่
ไดแ้ ก่
1) นโยบายส่งเสริมการยา้ ยไปตง้ั ถนิ่ ฐานของคนเมืองในเขตชนบท
ปญั หาการลดลงของประชากรในเขตชนบทอย่างต่อเน่ือง ทาให้เกิดปัญหา
ชุมชนที่ถูกท้ิงร้างจานวนมาก เน่ืองจากคนหนุ่มสาวยังไม่มีความสนใจท่ีจะอาศัยอยู่ในชนบท ข้อมูลจาก
Japan Policy Forum ระบุว่า ใน ค.ศ. 2013 ญี่ปุ่นมีจานวนครัวเรือนท้ังส้ิน 52 ล้านครัวเรือน แต่มีบ้าน
อยู่ถึง 61 ล้านหลัง เท่ากับว่ามีบ้านมากกว่า ครัวเรือน (ท่ีจะเข้าไปอยู่ในบ้าน) ถึง 9 ล้านหลัง ซ่ึงจาก
แนวโน้มการลดลงอย่างต่อเนื่องของประชากร (National Institute of Population คาดว่าประชากร
ญป่ี ุ่นจะลดลงจาก 127 ลา้ นคน เหลือ 88 ล้านคนภายใน ค.ศ. 2065) ซงึ่ นั่นหมายความว่าจะมีคนตอ้ งการ
บา้ นนอ้ ยลงไปอกี บ้านในพ้ืนทหี่ ่างไกลจึงมแี นวโน้มกลายเปน็ บ้านรกร้างมากทส่ี ดุ รายงานเร่ือง “ทอ้ งถ่ินท่ี
สูญพันธ์ุ” หรือ Local Extinctions โดย Hiroya Masuda (2557) ระบุว่า ภายใน ค.ศ. 2040 จะมีเมือง
และหมู่บ้านในญีป่ นุ่ เกือบ 900 แหง่ กลายเป็นเมอื งรา้ งและหายสาบสูญไปในทีส่ ุด6
ตวั อย่างนโยบายในระดับทอ้ งถน่ิ คือ กรณีของเมือง Okutama ซึ่งเคยเป็น
แหล่งค้าไมท้ ่สี าคัญ มีจานวนประชากรมากกว่า 13,000 คน แต่ในชว่ ง 20 ปใี หห้ ลัง ถกู ไม้นาเข้าตีตลาดทา
ให้บรรยากาศซบเซา การค้าขายไม่เจริญรุ่งเรืองเช่นเดิม คนในวยั หนุ่มสาวเกือบท้ังหมดจึงอพยพไปหาโอกาส
ในพ้ืนท่ีใหม่ ทาให้ปัจจุบัน Okutama มีประชากรหลงเหลืออยู่เพียง 5,200 คน มีบ้านอยู่ 3,000 หลัง
ในจานวนดังกล่าวเป็นบ้านไร้ผู้อยู่อาศัย 400 หลัง แต่มีเพียงครึ่งหน่ึงของจานวนดังกล่าวเท่านั้น ท่ีพอจะ
ปรบั ปรุงเพื่อการเข้าอยอู่ าศยั ได้ อกี ครึง่ หนงึ่ ทรุดโทรมเกนิ ไปหรอื ต้ังอยใู่ นพืน้ ทเ่ี สยี่ งดินถล่ม
ใน ค.ศ. 2014 รฐั บาลญีป่ ่นุ ไดผ้ ุดแผนแกป้ ัญหาเมืองร้าง ดว้ ยการให้สินเชื่อ
ภายใต้โครงการ Akiya Bank ช่วยสนับสนุนเงินเพื่อการซอ่ มแซมบา้ นใหแ้ ก่ครอบครัวทีม่ ีเป้าประสงคจ์ ะเขา้ ไป
5 “ต่างชาตแิ หต่ ัง้ รกราก “ชนบทญป่ี ุ่น” ตอ่ ลมหายใจชุมชนใกลต้ าย”. https://www.prachachat.net/foreign-soft-
news/news-135559
6 “บ้านแจกฟรที ญี่ ปี่ ุ่น“ https://www.thairath.co.th/news/business/1475363
89
อยู่ในบ้านที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย รวมทั้งบ้านของผู้สูงวัย นอกจากน้ัน ยังจะให้เงินสนับสนุนแก่เจ้าของบ้าน
ท่ีไม่มีผู้อยู่อาศัย ให้ยอมยกบ้านให้ผู้อ่ืนอยู่ต่อ เหมือนเป็นการซื้อบ้านแจก โดยสามารถสนับสนุนวงเงินให้
เจ้าของบ้านสูงสุดได้ถึง 280,000 บาทต่อ 100 ตารางเมตร โดยคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับบ้านไปอยู่ฟรี
แถมสินเชื่อซ่อมแซม จะต้องมีอายุไม่เกิน 40 ปี หรือเป็นครอบครัวต้องมีลูกอายุต่ากว่า 18 ปี อย่างน้อย
1 คน หรือต้องเป็นคู่ชีวิตท่ีคนใดคนหนึ่งอายุต่ากว่า 50 ปี เฉพาะในเมือง Okutama นโยบายนี้ทาให้
มีครอบครัวย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านท่ีเคยร้างแล้ว 9 หลัง มีทั้งครอบครัวคนญี่ปุ่น ที่เคยอยู่ในกรุงโตเกียว
แลว้ พบว่าพ้ืนที่เริ่มคับแคบไป จึงมารับบา้ นแจกฟรี ท่มี ีอาณาบริเวณกวา้ งขวางกว่า แม้จะต้องขยบั ออกมา
นอกเมืองก็ตาม โครงการสินเชอ่ื ของ Akiya Bank นี้ถูกนาไปใช้แพร่หลายทว่ั ญ่ีปุ่น และเนอื่ งจากโครงการ
น้ีไม่ได้จากัดเฉพาะแค่คนญี่ ปุ่นเท่านั้นทาให้มีครอบครัวชาวต่างชาติอพยพเข้าไปอาศัยใ นเขตชนบท
มากข้ึนดว้ ย
อีกนโยบายหน่ึงที่มีความน่าสนใจ คือ นโยบายที่เชื่อมโยงการพัฒนาชนบท
กับปัญหาสังคมผู้สูงอายุในเขตเมือง ท้ังนี้ เนื่องจากชุมชนดูแลผู้เกษียณอายุราชการอย่างต่อเนื่อง หรือ
CCRC ประจากรุงโตเกียว ประสบปัญหาท่ีมีประชากรสูงอายุเพ่ิมมากขึ้น และส่งผลให้การรักษาพยาบาล
กระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่ อันอาจส่งผลให้เกิดปัญหาแพทย์และพยาบาลไม่เพียงพอต่อความต้องการใน
อนาคตในปี ค.ศ. 2016 รัฐบาลญ่ีปุ่นจึงสั่งให้มีการย้ายชุมชนดูแลผู้เกษียณอายุราชการจากกรุงโตเกียว
ไปชนบท โดยใหเ้ หตผุ ลว่า เพื่อให้พวกเขาไดส้ ัมผัสกับวิถชี วี ิตชนบท และเป็นช่วงเวลาท่จี ะได้เรยี นรูใ้ นสง่ิ ท่ี
สนใจไดอ้ ย่างเตม็ ท่ี โดยโครงการยา้ ยชุมชนผู้เกษียณ CCRC ของรฐั บาลกลางไปยงั ทอ้ งถนิ่ 212 แห่งน้ไี มใ่ ช่
เฉพาะการสร้างท่ีอยู่อาศัยในชนบทเท่าน้ัน แต่ยังมีสวัสดิการการรักษาพยาบาลครบ ครันในชุมชน
นอกจากนี้ รอบชุมชนยังแวดล้อมไปด้วย หา้ งสรรพสินค้า มหาวิทยาลยั ทีส่ ามารถสง่ บุตรหลานเข้าเรียนได้
รวมท้ัง บ่อน้าพรุ ้อนเพ่ือผ่อนคลายความเครยี ดด้วย อย่างไรกด็ ี โครงการนี้ยังเกิดขอ้ วิพากษว์ ิจารณ์ขึน้ บาง
ประการ เช่น ถกู มองว่าเปน็ การนาคนสูงอายไุ ปทอดทิ้งไว้ในพื้นท่หี ่างไกล แล้วสดุ ทา้ ยก็เสียชีวิตเพยี งลาพัง
เทา่ นั้น7
2) นโยบายส่งเสริมการท่องเทีย่ วในชนบท
ด้วยนโยบายกระตุ้นให้เกิดการท่องเท่ียวในชนบท เพื่อให้สอดคล้องกับ
ความต้องการพัฒนาสังคมในชนบท ด้วยการท่องเที่ยวเชิงท้องถ่ิน เช่น ให้นักท่องเท่ียวมาลองใช้ชีวิต
ที่ฟาร์ม เป็นต้น โดยกระทรวงท่ีดิน กระทรวงโครงสร้างพื้นฐาน กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการ
ท่องเทีย่ วของญ่ปี ุ่นจะให้งบประมาณจานวน 9 พนั ล้านเยน ตง้ั แต่ปีงบประมาณ ค.ศ. 2017-2019 ต่อเนอื่ ง
3 ปี เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวใหม่ 20 แห่งในพ้ืนท่ีห่างไกล โดยรัฐบาลญี่ปุ่นยังแจ้งไปยังรัฐบาลท้องถ่ิน
ต่าง ๆ ให้เข้ารับการคัดเลือกในปลายปีเพื่อรับการสนับสนุนงบประมาณแห่งละ 100-200 ล้านเยน
เพ่ือปรับปรุงแหล่งท่องเท่ียวต้อนรับชาวต่างชาติ ท้ังการปรับปรุงถนนหนทาง ป้ายโฆษณา ไฟส่องสว่าง
รวมทั้งป้ายบอกทางสาหรับนักท่องเที่ยว โดยตั้งเป้าเพ่ิมจานวนนักท่องเท่ียวต่างชาติเป็น 40 ล้านคนใน
7 “ญี่ปุ่นย้าย 'ชุมชนคนเกษียณ' จากโตเกียวไปชนบทท้ังหมด”. https://www.voicetv.co.th/read/278949
90
ค.ศ. 20208 ทงั้ น้ีเพือ่ แกป้ ัญหาของโครงการท่องเท่ียวชนบททผ่ี ่านมา อาทิ การทีแ่ หล่งทอ่ งเท่ยี วท่ีแมจ้ ะมี
ความสวยงามและมีเอกลักษณ์ แต่ไม่เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ เพราะรัฐบาลท้องถ่ินไม่มีงบประมาณใน
การประชาสัมพันธ์ รวมท้ังมีปัญหาเรอื่ งการคมนาคมและการสื่อสารกับชาวต่างชาติท่ีพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้
ตัวอย่างโมเดลที่ประสบความสาเร็จ เช่น เมืองฮิโรซากิ จังหวัดอะโอโมริ เป็นหน่ึงในตัวอย่างท่ีประสบ
ความสาเรจ็ โดยมนี กั ทอ่ งเทยี่ วตา่ งชาติที่พกั คา้ งแรมอยา่ งนอ้ ย 1 คืนต้ังแต่ปี ค.ศ. 2010 - 2015 เพิม่ ข้ึนถึง
ร้อยละ 250 หรือมากกว่า 9,035 คน หรือกรณีของเกาะคิวชูก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทย
อย่างมาก หลังจากรัฐบาลท้องถ่ินเชิญกองถ่ายทาละครและภาพยนตร์จากไทยไปถ่ายทาในพื้นที่ จานวน
นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปยังคิวชูเพิ่มข้ึนมากกว่า 3 เท่าตัว จนร้านค้าต่าง ๆ ต้องติดป้าย “ยินดีต้อนรับ”
เป็นภาษาไทย และใบเซียมซขี องศาลเจ้าสาคญั ก็มีคาแปลภาษาไทย นอกจากนั้น ยังมีตัวอย่าง อื่น ๆ เช่น
Kanna-Machi model ซึ่งเน้นการส่งเสริมลงทุนปรับปรุงพ้ืนที่ให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากข้ึน Izumo City
Model ซึง่ เน้นการควบเมือง 2 แห่ง คือ Izumo และ Kamogawa เข้าด้วยกนั เพื่อแก้ไขปัญหาประชากร
โดยพยายามสรา้ งประวตั ศิ าสตรเ์ ชื่อมโยงสองเมืองน้ีเข้าดว้ ยกัน และพยายามดึงดูดชาวตา่ งชาติ โดยเฉพาะ
ชาวต่างชาติที่พดู ภาษาโปรตเุ กสมาอยู่ระยะยาว และ Yamashiro Model ซึง่ เปน็ แผนการรวมเมอื งตา่ ง ๆ
ท่มี ีความได้เปรียบเรอื่ งการเกษตรต่างกัน เพือ่ ชว่ ยพัฒนาเรอ่ื งผลผลติ เกิดการแลกเปล่ียน และการพัฒนา
เชิงสังคมและวฒั นธรรม เชน่ โรงเรยี นที่ดขี ึ้น การท่องเท่ยี วทีเ่ พ่มิ ข้ึน เปน็ ต้น
3. การค้นหาทรัพยากรในท้องถ่ิน พร้อมท้ังสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพ่ิม
การส่งเสริมธุรกิจสังคม สง่ เสรมิ งานใหผ้ ู้หญิง
โครงการที่โดดเด่นที่สุดของญี่ปุ่น คือ One Village One Product (OVOP)
ซ่งึ มีต้นกาเนิดมาจากหมบู่ ้านโอยามา จงั หวัดโออิตะ ซงึ่ เผชญิ กับปญั หาราคาขา้ วตา่ และเมืองเกิดความซบ
เซาเกิดข้ึน ในขณะท่ีภาครัฐก็ไม่ได้ให้ความสนใจปัญหาชนบทเท่าที่ควรและยังส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวต่อ
ทาให้ช่วงปี ค.ศ. 1961 เกษตรกรในหมู่บ้านเริ่มหันไปปลูกบ๊วยและเกาลัด ซึ่งเป็นพืชที่มีเอกลักษณ์ของ
ท้องถิ่นแทน หลังจากน้ันกลุ่มสตรีและคนชราในหมู่บ้านได้รวมกลุ่มกัน เพื่อแปรรูปสินค้าเกษตรในเชิ ง
อุตสาหกรรมมากข้ึน และเริ่มดึงให้ประชากรวัยหนุ่มสาวกลับมาทางานมากขึ้น และวิสาหกิจได้พยายาม
ขยายขอบเขตของกิจกรรมไปยงั การส่งเสริมคณุ ภาพชวี ิตเรื่องอ่ืน ๆ เช่น สิง่ แวดล้อม ศนู ยว์ ฒั นธรรม ฯลฯ
ในปี ค.ศ. 1979 ผวู้ ่าราชการจังหวัดโออิตะในตอนนน้ั คือ นายฮริ ะมตั สึ โมรฮิ โิ กะ
ได้เล็งเห็นถึงความซบเซาของท้องถิ่น และความลาบากของคนในท้องถิ่น จนได้เกิดแนวคิดจากการ
เคลื่อนไหวในการฟ้ืนฟูท้องถิ่นในโอยามะ จึงได้จัดตั้งนโยบายหน่ึงขึ้นมาเพ่ือนามาใช้ในระดับจังหวัดเพ่ือ
ฟื้นฟูทอ้ งถ่ินทีก่ าลังซบเซาในโออิตะ ในชื่อวา่ แนวทาง OVOP หรือ One Village One Product หรือ 一
村一品 (ISSON-IPPIN) ในปี ค.ศ. 1979 ซ่ึงได้ส่งผลให้ท้องถ่ินของโออิตะได้รับการฟื้นฟูจนเรียกได้ว่า
กลับมามีชีวิตชีวาอีกคร้ัง และสร้างกระแสการฟ้ืนฟูท้องถ่ินไปท่ัวประเทศญ่ีปุ่น ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่า
แนวทาง OVOP น้ันมีแนวคิดมาจากรากหญ้าโดยแท้ เพราะเริ่มตน้ จากบทบาทของภาคสังคม ในส่วนของ
8 “รฐั บาลญป่ี ่นุ ทมุ่ งบพัฒนาชนบท ชวนคน “เทีย่ วบ้านนอก”. https://mgronline.com/japan/detail/9590000108805
91
ประชาชนในท้องถ่นิ ก่อน และต่อมาเมอื่ ภาครัฐเห็นความสาคัญจึงเข้ามาช่วยใหค้ วามรว่ มมือในด้านต่าง ๆ
แต่ยงั คงใหค้ วามสาคญั แกป่ ระชาชนในท้องถนิ่ เป็นหลัก9
รัฐบาลโออิตะซ่ึงมีแนวคิดว่าจะใช้การพัฒนาท้องถิ่นในรูปแบบของการให้
ความสาคัญแก่ประชาชน ดังน้ันจึงต้องการที่จะให้คนรุ่นใหม่ในท้องถ่ินต่าง ๆ มีศักยภาพมากย่ิงขึ้น
ในการที่จะไปเป็นผู้นาทมี่ ีวสิ ยั ทศั น์ที่กวา้ งไกลให้แก่ท้องถนิ่ ของตน จงึ ได้ลงทุนในการสร้างโรงเรยี นฝกึ ผนู้ า
เพ่ือให้ตัวแทนรุ่นใหม่ของแต่ละท้องถ่ินได้มีโอกาสในการเพิ่มพูนความรู้ ความคิด ความสามารถเพ่ือท่ีจะ
กลับไปพัฒนาท้องถิ่นของตนท่ีกาลังซบเซาลง โดยในท้องถ่ินแต่ละที่เอง ก็มีการเรียนรู้ พัฒนา ปรับปรุง
แก้ไขสินค้าและบริการต่าง ๆ จนกลายเป็นสินค้าท่ีจับต้องได้และจับต้องไม่ได้ออกมา ผ่านการตลาด
ซ่งึ มีบทบาทของทุกภาคส่วนเข้ามาให้การช่วยเหลอื ในส่วนของการตลาดนี้ โดยที่รฐั บาลท้องถิ่นจะคอยให้
ความช่วยเหลอื ดา้ นเทคนิค คาแนะนา วจิ ยั แก้ปญั หาในดา้ นการผลิตสนิ คา้ ผ่านสถาบนั แหล่งเรยี นรูต้ า่ ง ๆ
ที่รัฐจัดต้งั ขึน้ และมใี นส่วนของสหกรณก์ ารเกษตร มบี ทบาทในรูปแบบของการให้กู้ยืมเงิน เพ่ือนาไปลงทุน
ในการผลติ สนิ คา้ และบรกิ าร
ความสาเร็จของแนวทาง OVOP ของโออติ ะน้ันนอกจากจะแสดงให้เหน็ ได้
จากรายไดข้ องประชากรภายในจังหวดั ในแต่ละท้องทท่ี ี่เพ่ิมมากขน้ึ จนเรียกได้ว่า ไมน่ อ้ ยหน้าจังหวดั อืน่ ๆ
โดยเฉพาะจังหวัดต่าง ๆ ในเกาะควิ ชู เพราะสามารถผลกั ดนั และพัฒนาตนเองจากยากจน จนมาเปน็ จังหวัดท่ี
ประชากรมีรายได้ท่ีถือว่ามากเป็นอนั ดับต้น ๆ ของคิวชู
4.การสนับสนนุ เงินให้โดยตรง (Direct Payment System of Japan)
ระบบการจ่ายเงนิ สนบั สนนุ โดยตรงเร่ิมในปี ค.ศ. 2000 โดยเริม่ ต้นจากการ
จ่ายเงินสนับสนุนให้แก่เกษตรกรที่ทาการเกษตรบนพ้ืนที่ราบสูง และภูเขา (Chu sankanchiiki to
chokusetsu shiharai seido)
1 ) Payments for activities to enhance multi-functionality :
ประกอบไปด้วยมาตรการย่อย ไดแ้ ก่ มาตรการเงินช่วยเหลอื สาหรบั การรักษาพื้นทเี่ กษตรกรรม (Farmland
maintenance payment) และมาตรการเงินช่วยเหลือสาหรับฟนื้ ฟูทรัพยากร (Resource improvement
payment) ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวมีเป้าหมายสาคัญ คือ การอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถ่ินและเสริมสร้าง
สถาบันเกษตรกรให้เข้มแข็ง และเพ่ิมคุณภาพของทรัพยากรท้องถิ่น และปรับปรุงหรือสร้างส่ิงอานวย
ความสะดวกทางการเกษตรใหม่เพ่อื ยืดอายกุ ารใช้
2) Direct payments to farmers in the hilly and mountainous
areas : เป้าหมายสาคัญ คือ การป้องกันพ้ืนท่ีเกษตรกรรมรกร้าง รักษาส่ิงอานวยความสะดวกทางการเกษตร
และปรับปรุงภมู ิทัศน์
9 สรุปความจาก ณรงค์ศักด์ิ พิชญพิศุทธิ์ “บทบาทภาครัฐและภาคสังคมใน “การฟื้นฟูท้องถ่ิน” ของญี่ปุ่น : กรณี OVOP (One
Village One Product) ของโออิตะ” วิทยานิพนธ์ คณะศิลปศาสตร์ สาขาญี่ปุ่นศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2551. โดย
กมลวรรณ สมดี 1 Morihiko Hiramatsu, One Village One Product: Spreading throughout the world. (Oita: Oita
Oita OVOP International Exchange Promotion Committee, 2006), p. 7.
92
3) Direct payments for environmentally friendly agriculture
: เป้าหมายสาคัญ คือ เกษตรกรลดการใชส้ ารเคมีทางการเกษตร (Agrichemical) และปุ๋ยเคมีลงอย่างน้อย
รอ้ ยละ 50 และอนรุ กั ษส์ ่ิงแวดล้อม
5. แก้ปัญหาเร่ืองการใช้พื้นท่ี การเพิ่มพื้นท่ีการเกษตร และสนับสนุน
Smart Farmer
Ministry of Education, Culture, Sports, Science and Technology ของ
ประเทศญ่ีปุ่นนาเสนอแผนงาน Society 5.0 คือ สังคมท่ีสามารถพัฒนาเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาสังคมได้
อย่างราบร่ืนด้วยระบบท่ีรวมพ้ืนที่ไซเบอร์ (พื้นท่ีเสมือนจริง) และพื้นท่ีทางกายภาพ (พื้นท่ีจริง) เข้าด้วยกัน
ดว้ ยเทคโนโลยีขนั้ สงู เปน็ ครง้ั แรกในแผนแม่บทดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบบั ที่ 5 ซึ่งเมอื่ โยงประเดน็
เข้ากับการคาดการณ์ว่าประเทศญ่ีปุ่นอาจต้องเผชิญภาวะขาดแคลนอาหารใน 30 ปีข้างหน้า เพราะขาด
แคลนแรงงานภาคเกษตร หากไม่เตรียมการใด ๆ ชาวญ่ีปุน่ จะไมส่ ามารถจดั สรรอาหารให้กับคนในประเทศ
ได้อย่างเพียงพอ แนวทาง Smart Farming จึงเป็นแนวทางท่ีจะตอบโจทย์ทั้งสองแบบได้ มีการคาดการณ์
แนวโน้มขนาดตลาดของระบบเกษตรอัจฉริยะจากการคาดการณ์ของรายงานวิจัยของบริษัทเอกชนที่มีการ
ทาเกษตรอัจฉริยะ มีการประมาณขนาดตลาดภายในประเทศว่ามีมูลค่า 9.72 พันล้านเยน ใน ค.ศ. 2015
และ 11.05 พันล้านเยนใน ค.ศ. 2016 และคาดการณ์ว่าจะเติบโตถึง 33.19 ล้านเยน ภายใน ค.ศ. 2022
และใน ค.ศ. 2017 มีการใชเ้ ทคโนโลยีการเกษตรอัจฉรยิ ะมาควบคุมกระบวนการเพาะปลกู โดยเฉพาะ ตอ่ มา
ใน ค.ศ. 2018 มีการคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีเหล่าน้ีจะมาช่วยในข้ันตอนการขายและการจัดการฟาร์มจะ
เพ่ิมขึน้ และจะมีการใช้เกษตรแมน่ ยาสงู เพ่มิ ข้นึ ด้วยเชน่ กนั
สาหรับการส่งเสริมจากภาครัฐ กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญ่ีปุ่น
ได้มีการก่อตั้ง “The Study Group for realization of smart agriculture” ขึ้นในเดือนพฤศจิกายน
ค.ศ. 2013 และได้ประกาศวิสัยทัศน์ในอนาคต ว่าจะเป็น “New agriculture for the realization of
ultra-labor saving and high quality production”โดยใชป้ ัญญาประดษิ ฐ์ (artificial intelligence: AI),
IoTs, big data, robot technology และเทคโนโลยีอื่น ๆ โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ให้การสนับสนุนเทคโนโลยี
เหล่าน้ี นอกจากน้ันยังมุ่งเป้าไปท่ีการใช้ระบบข้อมูล (data) เต็มรูปแบบพัฒนาโครงสร้างข้อมูล การตั้ง
ระบบความปลอดภัย และพัฒนาบุคลากรบุคคลท่ีจะสามารถใช้งาน AI ในฟาร์มหรือพื้นที่การเกษตรได้
นอกจากนี้ยังมีโครงการของเงินกู้จาก ADB หรือ Asian Development Bank ท่ีเน้นการเช่ือมระหว่าง
เกษตรกรและชาวประมงท่ีต้องการเงินทุนหมุนเวียนกับคนทั่วไป ที่มีเงินออมแต่ไม่ต้องการฝากไว้กับ
ธนาคารเน่อื งจากนโยบายดอกเบ้ียตดิ ลบ เพอ่ื ใหเ้ กษตรกรเขา้ ถึงเทคโนโลยี Smart Farm ดว้ ย
ตวั อย่างของโครงการ เช่น โครงการความร่วมมือระหว่างบริษัท คาจิสึโดะ
(Kajitsudo) จากัด มหาชน ผู้ผลิตต้นอ่อนของผักอินทรีย์ (organic mesclun) รายใหญ่ในจังหวัดคุมาโม
โตะ (Kumamoto) และได้รับการสนับสนุนจากกองทุน JKA ประเทศญ่ีปุ่น โดยมีเป้าหมายเพ่ือท่ีจะ
ประยุกต์เทคโนโลยีด้าน ‘Open Resource Interface for the Network’หรือ ORiN มาแก้ปัญหาการ
เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างพื้นท่ีการทางาน และประยุกต์ใช้กับระบบควบคุมการเพาะปลูก ซึ่งพิสูจน์ได้ว่า
93
เทคโนโลยีน้ีสามารถช่วยลดชั่วโมงการทางานของมนุษย์ลงได้ถึงร้อยละ 40 ในผู้ให้บริการรายใหม่
และสามารถลดลงได้อีกในผู้ให้บริการเดิม รวมทง้ั ทาให้เกิดสมดุลในการจัดการระหว่างอปุ สงคแ์ ละอุปทาน
ในภาคการเกษตรมากขึ้นด้วย
3.1.3 ตัวอยา่ งโมเดลที่ประสบความสาเรจ็ : OVOP ต้นแบบและกระบวนการพัฒนาหน่งึ
ชุมชน หนงึ่ ผลิตภณั ฑ์ (OVOP)
หมู่บ้านโอยามา (Oyama) นับเป็นต้นแบบกระบวนการ OVOP ของญี่ปุ่น ซึ่งมีการ
พัฒนาชุมชนด้วยคนในชุมชนเอง สืบเนื่องจากชุมชนมีพื้นที่การเกษตรจากัด ไม่มีอุตสาหกรรมหลัก อีกท้ัง
ตั้งอยู่ห่างไกลจากเขตเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางของจังหวัด ทาให้แนวคิดในการพ่ึงพาตนเองของชุมชนเกิดข้ึน
ใน ค.ศ. 1961 มีการคดิ ริเรมิ่ สร้างสรรคโ์ ครงการ “บ๊วยและเกาลดั แบบใหม”่ (New Plum and Chestnut
: NPC) โดยชาวบ้านในหมู่บ้านรวมพลังกันส่งเสริมการเพาะปลูกบ๊วยและเกาลัด โดยใช้รูปการเกษตรแบบ
ผสมผสาน จากการที่บ๊วยและเกาลัดเป็นพืชท่ีเหมาะกับสภาพพื้นท่ี และภมู อิ ากาศของหม่บู ้าน จงึ ทาให้เกิด
รายไดค้ ่อนข้างสงู แก่ชาวบ้าน นอกจากนี้การปลูกบ๊วยและเกาลัดยังให้อตั ราผลตอบแทนสูงกว่าข้าว ซึ่งเป็น
พชื หลักด้ังเดมิ ของทอ้ งถน่ิ และใช้แรงงานนอ้ ยกว่าการปลูกข้าว
การพฒั นาทเ่ี กิดขน้ึ มี 3 ระยะ ได้แก่ ระยะท่ีหนึง่ (ชว่ ง ค.ศ. 1961 - 1964) เปน็ การ
ส่งเสริมการปลูกบ๊วยและเกาลัดแทนการปลูกข้าว ซ่ึงขัดกับนโยบายการเกษตรของภาครัฐใน ขณะนั้น
ทีส่ ่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าว ระยะที่สอง (ช่วง ค.ศ. 1965-1968) เป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยมี
การจดั กิจกรรม ใหค้ นหนมุ่ สาวมีโอกาสเดนิ ทางไปดงู านต่างประเทศ เช่น ฮาวาย เพอื่ สร้างแรงจูงใจ และยัง
เป็นการเปิดโลกทัศน์ของชาวบ้านให้กว้างไกล และระยะที่สาม (เร่ิมจาก ค.ศ.1969 เป็นต้นมา) เป็นการ
พฒั นาในหมู่บา้ นโดยเน้นการปรับสภาพแวดล้อมใหน้ ่าอยู่อาศัย และสร้างสงิ่ อานวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น
ศูนย์วัฒนธรรม ศูนย์ข้อมูลชุมชน เป็นต้น เพ่ือให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นรูปแบบการพัฒนาของ
หมู่บ้านโอยามาได้ถูกนาไปปรับใช้เป็นนโยบายการพัฒนาของจังหวัดโออิตะ ใน ปี ค.ศ. 1979 โดยผู้ว่าราชการ
จังหวัดนายโมริฮิ โกะ ฮิรามัทซึ (Morihiko Hiramatsu) และรูปแบบการพัฒนานี้แพร่กระจายทั่วทุกหมู่บ้าน
และเมืองภายในจังหวัดใน ค.ศ. 1980 กระบวนการ OVOP เปน็ กระบวนการที่มลี ักษณะเฉพาะตัวและเป็น
การพัฒนาจากภายใน (endogenous development) เป็นกระบวนการท่ีมิได้เกิดจากนโยบายรัฐท้ังใน
ระดับชาติและภูมิภาค แต่เกิดจากการริเร่ิมและผลักดันของคนภายในชุมชน การพัฒนาที่เกิดจากคนใน
ชุมชนเองจะสามารถใชท้ รัพยากรในทอ้ งถิ่นน้ัน ๆ ใหเ้ กิดประโยชน์สงู สุดได้ สามารถปรบั ปรงุ มาตรฐานความ
เป็นอยขู่ องคนในชุมชน โดยยังคงรักษาส่ิงแวดลอ้ มทางธรรมชาติ
หลักปรัชญา OVOP เป็นแนวทางหน่ึงท่ีจะสร้างความเจริญแก่ชุมชนให้สามารถ
ยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้ดีขึ้น โดยการผลิตหรือจัดการทรัพยากรท่ีมีอยู่ในท้องถิ่นให้
กลายเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมในแต่ละท้องถ่ิน
สามารถจาหนา่ ยได้ ท้ังตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
ระดับการพัฒนาท้องถิ่น OVOP ประกอบด้วย ระดบั การพฒั นาพืน้ ฐาน 3 ระดบั คือ
1) การพัฒนาจากภูมิปญั ญาท้องถ่นิ สู่สากล คือ การคิดในระดบั โลก แต่ทาในระดับทอ้ งถน่ิ 2) การพ่ึงตนเอง
94
และคิดอย่างสร้างสรรค์ (กล่าวคือ กิจกรรมต่าง ๆ ต้องมาจากความต้องการของคนในชุมชน และคนใน
ชุมชนเป็นผู้ตัดสินใจ ส่วนหน่วยงานรัฐมีหน้าท่ีเพียงให้การสนับสนุนเทคโนโลยีและการตลาดเท่านั้น
ซ่ึงลักษณะดังกล่าวทาให้ OVOP เป็นมากกว่าการส่งเสริมการผลิตสินค้าท่ีมีลักษณะเฉพาะเท่าน้ัน แต่ยัง
ครอบคลุมถึงกระบวนการฟื้นฟูชุมชนด้วย 3) การสร้างทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาระดับนี้เป็นเป้าหมาย
สูงสดุ ของ OVOP แรงขับเคลือ่ นที่แทจ้ รงิ ของการพัฒนาภูมิภาค คือ “มนษุ ย์” ซึ่งจาเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องมี
ความกล้าท้าทายและมีวิสัยทัศน์กว้างไกลจึงจะสามารถเป็นผู้นากระบวนการพัฒนาในแต่ละชุมชนได้
อนั จะทาใหเ้ ศรษฐกิจของภมู ิภาคพัฒนาไปได้อยา่ งอัตโนมัติและเปน็ ธรรมชาติ
จากรายงาน พบว่าขณะท่ีเริ่มมีกระบวนการ OVOP ในจังหวัดโออิตะ ประชากรใน
โออิตะ มีรายได้ต่อหัวต่าสุดในเกาะคิวชูและจังหวัดประสบปัญหาการอพยพของประชากรเพ่ือหางานทา
นอกพ้ืนที่ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เม่ือ OVOP หรือ “Oita brand” เริ่มเป็นที่รู้จักไปท่ัวประเทศญ่ีปุ่น
ประชากรจึงกลับคืนท้องถิ่นและมีรายได้เพิ่มข้ึน จานวนผลิตภัณฑ์ซ่ึงขึ้นทะเบียนภายใต้โครงการ OVOP
ก็เพิ่มข้ึนจากเดิมเช่นเดียวกัน ไม่นานหลังจากน้ันเฉพาะหมู่บ้านโอยามามีผลิตภัณฑ์เพ่ิมข้ึนกว่า 100 ชนิด
จนได้ช่ือว่า “One Village Hundred Products” ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีตั้งแต่สินค้าเกษตรขั้นพื้นฐาน เช่น
เห็ด ผัก เป็นตน้ และผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ได้แก่ ขนมปัง ไส้กรอก สมุนไพรแปรรูป เป็นต้น นอกจากน้ี
ยังมีร้านค้าริมทาง Kanohana Garten ซึ่งเป็นสถานที่ขายสินค้าชุมชนให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะ
นกั ท่องเที่ยว และรับซ้ือสนิ ค้าชุมชนจากคนในชมุ ชนและชุมชนอื่น ๆ ร้านคา้ ริมทางน้ีเปน็ จุดท่ที าให้เกิดการ
แลกเปล่ยี นเรียนรู้ ระหว่างผู้ซือ้ และผู้ขายดว้ ย
จากการศกึ ษา เรอ่ื ง การศึกษาการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืนผ่านโครงการหนึ่งชุมชน
หน่ึงผลิตภัณฑ์ของญ่ีปุ่นและไทย ของยุพิน คล้ายมนต์ นักวิจัยชานาญการ สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์10 ได้มีการศึกษาปัจจัยแห่งความสาเร็จของ OVOP องค์ประกอบที่ทาให้
กระบวนการ OVOP ของประเทศญี่ปุ่นประสบผลสาเร็จอย่างดีย่ิงประกอบด้วยปัจจัยหลายด้าน ได้แก่
การนาลักษณะเด่นของท้องถ่ิน ซึ่งได้แก่ ท่ีดิน สภาพภูมิประเทศรวมทั้งลักษณะเด่นทางประวัติศาสตร์
วฒั นธรรมประเพณี ทรพั ยากรธรรมชาติ สภาพภมู ิประเทศ และภูมอิ ากาศของทอ้ งถน่ิ มาปรบั ใช้ในการผลิต
ผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของท้องถ่ินนั้น ๆ เช่น เทศกาลตุ๊กตาของเมืองฮิตะ การท่องเท่ียวเชิงเกษตร
และน้าพุร้อนของเมืองยูฟูอิน เป็นต้น นอกจากนี้ในส่วนของแรงงานมีการจัดต้ังโรงเรียนฝึกอบรมผู้นาท้องถ่ิน
ในอนาคต อาทิ Oita Agriculture Heisei Academy, Toyonokuni Business Academy, Toyonokuni
International Exchange College และToyonokuni Tourism College เป็นต้น ซึ่งสาขาวิชาที่สอนใน
โรงเรยี นเหล่าน้ีจะมีการเรยี นการสอนทแี่ ตกต่างกนั ไป เนน้ การปฏิบัติจรงิ รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนการเรยี นรู้
ระหวา่ งผู้นาท่ีเข้ารว่ มฝึกอบรม และมกี ารศึกษาดูงานเพ่ือเรียนร้จู ากภูมิภาคอน่ื ๆ ท้ังในประเทศและต่างประเทศ
มีการสร้างงานเพื่อจูงใจคนหนุ่มสาวไม่ให้ออกไปทางานนอกพื้นที่ รวมท้ังการจัดตั้งองค์กรและการ
แลกเปล่ียนเรียนรู้ อาทิ การจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรเพ่ือร่วมกันผลิตและขาย ซึ่งช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยและ
10 ยุพนิ คลา้ ยมนต์ , การศกึ ษาการพฒั นาทอ้ งถ่ินอย่างยงั่ ยืนผ่านโครงการหน่งึ ชุมชนหนง่ึ ผลติ ภณั ฑ์ของญ่ีปนุ่ และไทย, สถาบนั
เอเชยี ตะวนั ออกศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร : กรุงเทพมหานคร. 2557.
95
ก่อให้เกิดการประหยัดในขนาดการผลิต เงินทุน มีการสนับสนุนเงินลงทุนจาก ภาครัฐและสิ่งอานวยความ
สะดวกต่าง ๆ เทคโนโลยี หน่วยงานรัฐในระดับจังหวัดมีบทบาทสนับสนุนผู้ผลิตในพ้ืนที่ในด้านเทคโนโลยี
เพอื่ ช่วยปรับปรงุ คุณภาพผลิตภณั ฑ์ เช่น ศูนย์ให้คาแนะนาด้านการแปรรูปผลติ ภณั ฑก์ ารเกษตรประมงและ
ป่าไม้ และศูนย์ให้คาปรึกษาและวิจัยเห็ดในจังหวัดโออิตะ เป็นต้น ซึ่งศูนย์เหล่าน้ีมีกิจกรรมท้ังการวิจัย
การพัฒนา การเผยแพร่ ข่าวสาร และการฝึกอบรม/สัมมนาด้านการตลาด พบว่ารัฐบาลญี่ปุ่นมีมาตรการ
สง่ เสรมิ การตลาดหลายประการ อาทิ “รัฐบาลปฏิบัติตนเย่ียงผู้นา” “รัฐบาลคือตัวแทนจาหน่าย” งานออกร้าน
แสดงสินค้าในกรุงโตเกียว การจัดต้ังบริษัท Oita OVOP Inc. เพื่อทาหน้าที่การตลาดท้ังขายส่ง บริการส่งถึงท่ี
และจาหน่ายผ่านทางโทรทัศน์ (TV shopping) การผลิตในปริมาณมากและการขนส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้า
ตรงตามความต้องการ ท้ังนี้ มีการพัฒนาพันธุ์พืช (เช่น ลูกแพร์ของเมืองฮิตะ) และการเลือกทาเลท่ีเหมาะสม
ทางภูมิศาสตร์ (เช่น กุหลาบ) การจับกระแสความต้องการตลาด (ฟังเสียงของลูกค้า) เช่น การรับฟังเสียงติชม
ของลูกค้าจากงานออกร้าน การสารวจความพึงพอใจของลูกค้า เป็นต้น เครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ระหวา่ งผนู้ าทเี่ ขา้ รบั การฝึกอบรม การแลกเปลีย่ นสนิ คา้ ระหวา่ งเมอื งหรือจังหวดั เครือข่ายระหวา่ งชาวเมอื ง
ในโออติ ะและประเทศในเอเชีย เปน็ ตน้
ทั้งน้ี ส่วนการบริหารท้องถิ่นและส่ือสารมวลชน หน่วยงานของรัฐในระดับจังหวัด
มีแนวคิดการดาเนินงานท่ีชัดเจน ทั้งนี้เพ่ือเป็นแรงจูงใจให้เกิดการพึ่งตนเองของชุมชน โดยหน่วยงาน
มีบทบาทในการช่วยเหลือด้านการกระจายสินค้า การออกแบบ การบรรจุภัณฑ์ การวิจัยและ พัฒนา
หรือการให้คาแนะนา เป็นตน้ หากชุมชนมีความต้องการพัฒนาในแง่มมุ ที่ต่างออกไปจากนโยบายรัฐ ชุมชน
จะสะท้อนความต้องการของตน เช่น การกระตุ้นให้คนในหมู่บ้านโอยามาปลูกบ๊วยและเกาลัด โดยผู้นา
ประกาศว่า “ปลูกบ๊วยและเกาลัดแล้วจะได้ไปท่องเท่ียวฮาวาย” เป็นต้น ส่ิงแวดล้อม การอนุรักษ์
สิ่งแวดล้อม เช่น การท่องเที่ยวสีเขียวและการท่องเที่ยวแบบ farm stay เป็นต้น การแลกเปลี่ยนและ
กิจกรรมระหว่างประเทศ เพ่ือส่งเสริมการดาเนินงานการเดินทางไปต่างประเทศ เช่น จีน ไต้หวนั เกาหลใี ต้
และไทยของคณะกรรมการ Oita OVOP International Exchange Promotion Committee ซ่ึงนาโดย
อดีตผู้วา่ ราชการจงั หวดั โออติ ะ นายโมรฮิ โิ กะ ฮิรามัทซึ เพ่อื เผยแพร่กระบวนการ OVOP และการจดั ประชุม
เพ่อื แลกเปลีย่ นเรยี นรกู้ ระบวนการ OVOP ระหว่างประเทศญ่ีปนุ่ กบั ประเทศต่าง ๆ ในเอเชยี
3.2 กรณีศึกษาประเทศจีน
3.2.1 ลกั ษณะทางเศรษฐกิจสงั คม และสภาพปญั หาการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของจีน
เศรษฐกิจประเทศจีนโดยสังเขป มีอัตราการเจริญ เติบโต GDP : ร้อยละ 6.1 ( ค.ศ.
2019) ร้อยละ 6.6 (ค.ศ. 2018) รอ้ ยละ 6.9 (ค.ศ. 2017) รายได้ท่ีสามารถนาไปใชจ้ ่ายได้เฉลย่ี ต่อหัวตอ่ ปี :
4,455 ดอลลาร์สหรัฐ (ค.ศ. 2019) และมีสินค้าออกท่ีสาคัญ ได้แก่ คอมพิวเตอร์และช้ินส่วนคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์การสื่อสาร อุปกรณ์เครื่องจักรผลิตภัณฑ์เหล็กกล้า เคมีภัณฑ์ อาหาร รถยนต์ ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ
เสื้อผ้า เฟอร์นเิ จอร์
96
ประเทศจีนเน้นการพัฒนาเชงิ อุตสาหกรรมและเนน้ เรื่องการขยายความสามารถทาง
การค้า เช่น การเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ นโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เน้นการพัฒนาทางนวัตกรรม
อย่างไรก็ดีโจทย์การพัฒนาเก่ียวกับเศรษฐกิจฐานรากน้ัน อยู่บนพ้ืนฐานความกังวลเก่ียวกับการขจัดความ
ยากจน และการเพิ่มอุปทานผ่านการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร และฟ้ืนฟูพ้ืนที่ชนบท ซ่ึงเป็นหน่ึงใน
นโยบายเศรษฐกิจหลักของประเทศ
“การขจัดความยากจนต้องบรรลุตามเป้าหมายท่ีตั้งไว้ และเน้นย้าการต่อสู้กับความ
ท้าทาย 3 ประการ (การควบคุมความเสี่ยงด้านการเงิน ขจัดความยากจน และแก้ไขปัญหามลพิษ)
การปฏริ ูปรฐั วิสาหกจิ และการให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมคี ุณภาพและการพัฒนาอยา่ งมน่ั คง”
อย่างไรก็ดีตลอดเวลาท่ีผ่านมาปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควร เนื่องจากเกิด
ความเหล่ือมล้าในเร่ืองการลงทุนของรัฐ คือ รัฐให้ความสาคัญกับพ้ืนที่เมือง หรือพื้นท่ีเศรษฐกิจมากกว่า
รวมท้ังความเหลือ่ มล้าในแงส่ วสั ดิการตา่ ง ๆ เชน่ สวัสดิการสุขภาพ การศกึ ษา ด้วย
นอกจากน้ีเขตชนบทยังไดช้ ่ือวา่ ถกู ละเมิดสิทธิจากรัฐมากมาย บางคร้ังมีการยดึ ท่ีดิน
จากเขตชนบทโดยให้ราคาท่ีต่ากวา่ ราคาตลาดแลว้ นาไปพฒั นาเปน็ พื้นที่เมือง รัฐบาลเอาเปรียบพื้นท่ชี นบท
ผา่ นการจ่ายค่าจ้างไม่ตรงเวลา (กรณีได้รับการจ้างงานจากรัฐ) การเก็บภาษีผิดกฎหมาย ท้ังหมดน้ีมีปญั หา
ไม่ได้รับการแก้ไขเน่ืองจากรัฐไม่มีการกระจายอานาจ อีกทั้งเรื่องการยึดที่ดินก็เป็นเร่ืองท่ีไม่ได้รับการใส่ใจ
มากเท่าที่ควร แม้ว่าจะชัดเจนว่าเป็นการกระทาที่ผิดกฎหมาย ซึ่งสุดท้ายแล้วการกระจายอานาจก็อาจยัง
ไม่เรว็ พอท่จี ะแก้ไขปัญหาน้ี และตวั คนในชุมชนเองกย็ ังไมไ่ ดร้ บั การยอมรบั จากพน้ื ที่ใหส้ ่งเสยี งมากเท่าที่ควร
3.2.2 นโยบายเศรษฐกจิ ฐานรากของประเทศจนี
ในปี ค.ศ. 2013 ประธานาธบิ ดี สี จน้ิ ผิง ได้แสดงวิสัยทศั น์เป็นครง้ั แรกท่เี มอื งเซยี งซี
มณฑลหูหนานว่าการแก้ไขปัญหาความยากจนต้องปฏิบัติตามสภาพความเป็นจริงของท้องถ่ิน โดยแยก
ประเภทความยากจนและเจาะจงถึงระดับบุคคลกับครัวเรือน ดังนั้น นโยบายแก้จนตรงเป้า (Targeted
Poverty Alleviation) จึงไดถ้ ือกาหนดขน้ึ และมเี ป้าหมายจะชว่ ยใหป้ ระชาชนยากจนจานวนทงั้ หมด 70.17
ล้านคน กับอาเภอยากจนจานวน 592 อาเภอ หลุดพ้นจากความยากจนให้หมดสิ้นและแก้ไขปัญหาความ
ยากจนระดับภูมิภาคภายใน ค.ศ. 2020 โดยเน้นนโยบายในรูปแบบของ “นโยบายแก้ไขปัญหาความ
ยากจนแบบกาหนดเป้าหมาย” (Targeted Poverty Alleviation) ซ่ึงมีข้อกาหนดต่าง ๆ เช่น
กลุ่มเป้าหมายท่ีควรได้รับการช่วยเหลือต้องตรงแม่นยา การจัดทาโครงการต้องตรงตามความต้องการ
การใช้งบประมาณต้องตรงแม่นยา มาตรการท่ีใช้ต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตรงแม่นยา คนท่ีส่งไปช่วยเหลือ
ทหี่ ม่บู ้านมีคณุ สมบัตติ รงผลงานของการขจดั ความยากจน ต้องตรงเปา้ และกาหนดว่ารัฐบาลท้องถ่นิ จะต้อง
บูรณาการและปรับใช้ทรัพยากรในการลดความยากจนให้เหมาะสม ดาเนินการนโยบายแก้จนตรงเป้าและ
รับรองวา่ ผลประโยชน์ในการการดาเนนิ งานไดเ้ ข้าถงึ หมบู่ ้านและครัวเรือน
ในส่วนของข้ันตอนดาเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือ เป็นข้ันตอนสาคัญของ
การปฏิบัตินโยบาย เมื่อระบุกลุ่มเป้าหมายออกมาแล้ว ระบุผู้ท่ีรับผิดชอบและกาหนดมาตรการช่วยเหลือ
97
ตามสถานการณ์ของคนยากจนเพ่ือรับรองประสิทธิผลของการดาเนินการในการเจาะจงถึงระดับครัวเรือน
และระดับบุคคล ข้นั ตอนนีม้ ีประเด็นที่สาคญั ดงั น้ี
ประเด็นที่หนึ่ง การดาเนินมาตรการจะต้องยึดม่ันนโยบายในกระบวนการทางาน
ปฏิบัติตามสภาพความเป็นจริงของท้องถ่ิน ให้การช้ีนาโดยแยกประเภทความยากจนและเจาะจงถึงระดับ
บุคคลกับครัวเรือน มุ่งเน้นวิธีการทางานท่ีเริ่มจากด้านทรัพยากรบุคคลกับด้านกองทุนเพ่ือให้มาตรการ
กบั ผลลพั ธ์เข้าถงึ ครวั เรือนและบุคคลยากจน
ประเด็นที่สอง การรับรอง “6 ด้าน” ให้เข้าถึงหมู่บ้านและครัวเรอื น คือ ด้านโครงสร้าง
พน้ื ฐาน ดา้ นอุตสาหกรรม ดา้ นการอบรมการศกึ ษา ดา้ นการกอ่ สรา้ งทอี่ ยอู่ าศยั ท่อี นั ตรายในชนบท ด้านการ
ย้ายถ่ินของผู้ท่ีอยู่อาศัยในพื้นที่สภาพแวดล้อมทางนิเวศท่ีอันตรายเลวร้ายหรือเป็นพื้นท่ีที่สาคัญ และด้าน
การจับคู่ระหว่างเจ้าหน้าท่ีกับครัวเรือนยากจน เพ่ือใช้ประโยชน์ของทรัพยากรอย่างเต็มที่ และให้ข้อ
เปรยี บเทยี บของนโยบายไดเ้ กิดผลอย่างแท้จริง
ประเด็นท่ีสาม การนานโยบายไปปฏิบัติต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ของครัวเรือน
โดยวิเคราะห์สาเหตุความยากจนโดยการสารวจหมู่บ้านและครัวเรือน ดาเนินการให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบ
โครงการและกองทุนช่วยเหลือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตามข้ันตอน ใช้หลักการให้ความช่วยเหลือในด้านท่ี
ขาดแคลนหรอื เหมาะสม ให้การพัฒนาเกษตรกรรม อุตสาหกรรม ธุรกิจ หรือการทอ่ งเที่ยวตามท่ีเหมาะสม
และดาเนินการโครงการให้ครัวเรือนมีปจั จยั การดารงชีวติ ครบ 6 อย่างคือ นา้ ไฟฟ้า ถนน กา๊ ซหุงต้ม ทอ่ี ยู่อาศัย
และสภาพแวดลอ้ ม เพ่ือปรับปรุงสภาพชีวิตความอยใู่ ห้ดีข้ึนและเพ่ือเพ่ิมรายไดข้ องประชาชน
ประเด็นทสี่ ่ี การใหเ้ งินทนุ ตรงถงึ ระดับครัวเรอื น เช่น ในดา้ นการพัฒนาอุตสาหกรรม
สามารถใช้รูปแบบของเมืองสุยหนิง คือ ให้กองทุนช่วยเหลือเป็นหุ้นส่วนของเกษตรกร หรือให้กองทุนเข้าสู่
ครัวเรือนในรูปแบบส่ิงของ หุ้นส่วน หรือเงินสดโดยตรง ในด้านการก่อสร้างท่ีอยู่อาศัย สามารถใช้รูปแบบ
ของอาเภอหนานเจียง (Lin, 2013) คือ ระบบการจัดสรรที่อยู่อาศัยค่าเช่าต่าให้ครัวเรือนที่ยากจนและ
ผ่านเกณฑ์ โดยผ่านรูปแบบการให้เงินอุดหนุนค่าเช่าเป็นหลัก เสริมด้วยการลดค่าเช่าและการจัดสรรท่ีพัก
ของรฐั ผเู้ ชา่ จา่ ยคา่ เช่าให้รฐั โดยรฐั เป็นคนกาหนดราคา ในด้านการอบรมทักษะการทางานสามารถให้เงินถงึ
บุคคลโดยตรงสาหรับเงินอุดหนุนค่าเล่าเรียนกับค่าครองชีพของนักเรียนท่ีกาลังศึกษาอยู่ สามารถโอนเงิน
เข้าบัญชีของครอบครัวโดยผ่านบัตรประกันสังคมโดยตรง สาหรับกองทุนด้านการย้ายถ่ินกับโครงการ
พฒั นาการทอ่ งเที่ยวหมู่บา้ น สามารถจ่ายให้ผรู้ บั โดยตรง
ประเด็นท่ีห้า ข้าราชการต้องลงมือช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ด้วยการกาหนด
แนวทางการพัฒนาและวางแผนตามสภาพความเป็นจริง โดยอิงนโยบายหลักระดับชาติและสภาพหมู่บ้าน
และครวั เรอื น เพอ่ื ใหไ้ ดม้ าตรการการแก้ไขปัญหาความยากจนทช่ี ัดเจนและปฏบิ ตั ิได้จรงิ
ในการประชุมสมัชชาแห่งชาติคร้ังท่ี 19 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เสนอให้
ใช้ยทุ ธศาสตร์การฟื้นฟูชนบท ซ่ึงคณะกรรมการกลางพรรคที่มีเลขาธิการสี จนิ้ ผิง เป็นแกนกลาง ได้มุ่งเน้น
ไปท่ีสถานการณ์โดยรวมของพรรคและประเทศ การตัดสินใจและการปรับใช้ที่สาคัญในงาน "เกษตรกรรม
พ้ืนท่ีชนบทและเกษตรกร" จึงเป็นงานประวัติศาสตร์ท่ีสาคัญสาหรับชัยชนะอย่างเด็ดขาดในการสร้าง
98
สังคม ทีด่ ีในทุกด้านและสร้างประเทศสังคมนิยมที่ทันสมยั ในทุกด้าน ซ่ึงจะนาไปสู่เป้าหมาย "สองศตวรรษ"
ในการสร้างสังคมที่เจริญรุ่งเรืองปานกลางในทุกทางเพ่ือบรรลุเป้าหมายครบรอบหนึ่งศตวรรษ และการเดินทาง
คร้ังใหมส่ ู่ประเทศท่ีทันสมยั อันบรรลุสู่เป้าหมายครบร้อยปีที่สอง โดยนาจิตวญิ ญาณของการประชุมสมัชชา
แห่งชาติ ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนคร้ังท่ี 19 การประชุมงานเศรษฐกิจกลาง การประชุมงาน
กลางชนบทและข้อกาหนดของรายงานการทางานของรัฐบาลร่างแผนยุทธศาสตร์เสริ มสร้างการวางแผน
รวมทัง้ การช้ีนาทางวทิ ยาศาสตร์และสง่ เสริมการฟ้ืนฟอู ตุ สาหกรรมชนบท ตามความเหน็ ของคณะกรรมการ
กลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและคณะรัฐมนตรี นาไปสู่การใช้ยุทธศาสตร์เพ่ือการฟื้นฟูชนบท โดยมีแผน
ยทุ ธศาสตรเ์ พื่อการฟนื้ ฟูชนบท (ปี ค.ศ. 2018-2022)
แผนยุทธศาสตร์เพ่ือการฟ้ืนฟูชนบทดังกล่าวน้ี ถูกชี้นาโดยเลขาธิการสี จิ้นผิง
เรื่อง "เกษตรกรรมพื้นท่ีชนบทและเกษตรกร" หรือท่ีเรียกว่า “สามชนบท” (“三农”) ซึ่งสอดคล้องกับ
ข้อกาหนดทั่วไปของความเจริญรุ่งเรืองทางอุตสาหกรรมและความน่าอยู่ของระบบนิเวศ วัฒนธรรมชนบท
การปกครองท่ีมปี ระสทิ ธิภาพและชวี ติ ทรี่ ่ารวย รวมท้งั ชีถ้ งึ เปา้ หมายและภารกจิ ในการสรา้ งสังคมท่ีเจรญิ รงุ่ เรือง
ในระดับปานกลางในทุก ๆ ด้านใน ค.ศ. 2022 ท่ีจะนาไปสู่การประชุมสมัชชาแห่งชาติคร้ังท่ี 20 ของพรรค
ในค.ศ. 2022 โดยปรับแต่งลาดับความสาคัญของงานจริงและมาตรการเชิงนโยบาย ตลอดจนการปรับใช้
โครงการสาคัญ แผนสาคัญและการดาเนินการท่ีสาคัญ อันเป็นพ้ืนฐานสาคัญสาหรับการช้ีนาภูมิภาคและ
สว่ นตา่ ง ๆ เพอ่ื ส่งเสริมการฟื้นฟชู นบทอยา่ งเปน็ ระเบยี บ
ตัวอยา่ งความสาเร็จของระบบบรหิ ารหมู่บา้ นชนบท ในหลายพน้ื ท่ีไดใ้ ชศ้ ักยภาพของ
พนื้ ทแ่ี ละการดาเนินวิถชี ีวิตเป็นจุดขายการทอ่ งเทย่ี วในเขตชนบท ซ่งึ จากขอ้ มูลกระทรวงเกษตรและชนบท
ของจีน พบว่า จนถึงปลายปี ค.ศ.2018 ได้ยกพื้นที่อาเภอและเมือง 388 แห่งเป็นตัวอย่างการท่องเท่ียว
ชนบท โดยได้ประชาสัมพันธ์หมู่บ้านท่ีสวยงาม 710 แห่ง ด้วยการทาให้การท่องเที่ ยวชนบทและ
การท่องเที่ยวเชิงเกษตรเป็นวิธีการพักผ่อนหย่อนใจของชาวจีน เช่น เมืองอี๋เหลียง มณฑลหยุนหนาน
นาวิถีชีวิตเก่าแก่ของคนท้องถิ่นเป็นเสน่ห์ดึงดูดการท่องเที่ยวชนบท ฯลฯ อันก่อให้เกิดรายได้และ
การไหลเวียนทางเศรษฐกิจสชู่ นบทอย่างย่งั ยนื โดยเฉพาะในพ้นื ที่ชนบทยากจนเพื่อใหห้ ลุดพ้นความยากจน
ตามเป้าหมาย11
“นโยบายอุตสาหกรรมวัฒนธรรม” เป็นหน่ึงในแนวทางดังกล่าว โดยมีการมุ่งเน้น
อุตสาหกรรมท่ีเก่ียวข้องหรือแสดงออกถึงสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม รูปแบบหรือเน้ือหาทางวัฒนธ รรม
ภูมิปัญญาหรือวิถีชีวิตของแต่ละกลุ่มชนหรือแต่ละชนชาติ เป็นการนาเอามรดกทางวัฒนธรรมมาเป็น
องค์ประกอบในการประดิษฐ์ สร้างสรรค์ และผลิตสินค้าทางวัฒนธรรม โดยใช้แรงงานช่างฝีมือท่ีมีความรู้
เทคโนโลยี ศิลปะและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายสองประการ 1) การเพ่ิมการจ้างงาน
2) การกระตนุ้ เศรษฐกจิ ผ่านการเน้นการพฒั นาเรื่องการทอ่ งเที่ยวและวัฒนธรรมร่วมกัน และเนน้ สนบั สนุน
ให้เกิดการท่องเท่ยี วเชิงวัฒนธรรม เช่น การสนับสนุนการจัดเทศกาลท่องเที่ยว การบูรณะศิลปะ สนับสนุน
11 ไชยสิทธิ์ ตันตยกลุ (2563) “ประเทศจีนได้จัดต้งั ระบบนโยบายธรรมาภบิ าลเบ้ืองตน้ ในชนบทและปรับปรงุ กลไกการ
ประสานงานอย่างตอ่ เนอ่ื ง“ เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www.vijaichina.com/articles/1876
99
โครงสร้างพืน้ ฐานบางสว่ นสาหรับพนื้ ท่ีท่ีเข้าถงึ ยาก ซึ่งถอื วา่ เปน็ นโยบายทเ่ี ออ้ื ตอ่ พืน้ ทข่ี องชมุ ชน/บริบทของ
ชุมชนระดับหนึ่ง คือ ออกแบบสนับสนุนการท่องเที่ยวผ่านข้อได้เปรียบ ทรัพยากร หรือ เงื่อนไขทางสังคม
ของพ้ืนที่นั้น ๆ ผลคือมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากข้ึน เมืองบางเมืองที่เคยถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
ก็ได้รับการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานบางอย่าง เช่น เมืองโจวจงเคยถูกตัดขาด ก็มีการสร้างสะพานให้
เข้าถึงได้ และชว่ ยแกป้ ญั หาการวา่ งงาน ตกงานในพนื้ ทีไ่ ด้
หวัง และกฤชวรรธน์ (2563) ได้วิเคราะห์ว่าการชี้นาแนวทางโดยรัฐบาลกลาง
เปน็ แนวทางหลกั ของการพัฒนาประเทศจีน และยงั เป็นพืน้ ฐานในการแก้ไขปัญหาความยากจน ประเทศจีน
การปกครองตามกฎหมายรฐั ธรรมนญู ภายใต้การนาของพรรคคอมมิวนิสต์จีน บนพ้นื ฐานความถูกตอ้ งตาม
รัฐธรรมนูญ ในนโยบายแก้จนตรงเป้า รัฐบาลจีนใช้ระบบการนาแบบรวมศูนย์อานาจ โดยมีเลขาธิการชั้นท่ี 1
นาการทางาน ระบบนาการทางานโดยเลขาธิการระดับ 5 ช้ัน ได้แก่ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน
เลขาธิการระดับมณฑล เลขาธิการระดับเมือง เลขาธิการระดับอาเภอ และเลขาธิการประจาหมู่บ้าน
ทเ่ี รยี กวา่ เลขาธกิ ารช้นั ท่ี 1 ซึ่งระบบนไ้ี ดเ้ สรมิ สร้างใหก้ ารปกครองของรัฐบาลเขม้ แข็งมากข้ึน ขณะเดยี วกนั
กลไกการทางานนาโดยเลขาธิการระดบั 5 ช้ัน ได้พิชิตข้อจากัดของผลประโยชน์ในหน่วยงาน และประสาน
ทรัพยากรต่าง ๆ ในหน่วยงานรัฐบาลเกือบท้ังหมด เช่น การเกษตร ป่าไม้ น้า การศึกษา สุขภาพ ขนส่ง
คมนาคม และโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น สามารถให้ทรัพยากรดังกล่าวเข้าถึงที่เขตพ้ืนท่ีกับบุคคลยากจน
ท่ีมีความต้องการมากท่ีสุด ถือเป็นการรับรองการจัดหาทรัพยากรในการดาเนินการจนถึงสิ้นปี ค.ศ. 2018
จานวนเลขาธิการประจาหมูบ่ ้านท่วั ประเทศเปน็ 4.59 ล้านคน
สาเหตุสาคัญที่ต้องมีเลขาธิการประจาหมู่บา้ น คือ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
ในพื้นที่ชนบทโดยเฉพาะพื้นท่ียากจนขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์อย่างมาก แต่เม่ือดาเนินการนโยบายต้อง
เจาะจงถึงระดับครัวเรือน จึงต้องการทรัพยากรมนุษย์จานวนมาก ดังน้ัน ให้บุคลากรของรัฐบาล องค์ กร
ภาครัฐและภาคเอกชนไปประจาที่หมู่บ้านน้ันได้เพ่ิมทรัพยากรมนุษย์ในพื้นที่ยากจน ขณะเดียวกัน
เลขาธิการประจาหมู่บ้านล้วนเป็นบุคคลท่ีได้รับการศึกษาระดับสูง ซ่ึงมีความรู้และทักษะเฉพาะด้าน
ท่ีสาคัญ คือ หน่วยงานเดิมของบุคคลกลุ่มน้ีมีเครือข่ายทางสังคมท่ีกว้างขวาง จึงสามารถนาข้อมูลและ
เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้เป็นประโยชน์ในกระบวนการทางานหมู่บ้านหลิวจิ่งกู้ ของมณฑลเหอหนาน
เป็นหมู่บ้านยากจนระดับมณฑล มีครัวเรือนทั้งหมด 274 ครัวเรือนและชาวบ้าน 1,300 คน สมาชิกพรรคฯ
44 คน อาชีพหลักของชาวบ้าน คือ ทานาและทางานในเมืองใหญ่ ในปี ค.ศ. 2015 มีครัวเรือนยากจน
52 ครัวเรือน และคนยากจน 200 กว่าคน ปี ค.ศ. 2016 ลดลงเหลือ 28 ครัวเรือน 87 คน และถึงปี ค.ศ. 2017
เป็น 9 ครัวเรือน 15 คน ในปี ค.ศ. 2015 ที่เลขาธิการมาประจาในหมู่บ้าน สภาพแวดล้อมทางถนน
โรงเรียนและส่ิงแวดล้อมไม่ดีนัก ในหมู่บ้านเห็นแต่เด็กและผู้สูงอายุแทบไม่มีวัยแรงงาน แต่หลังจาก
เลขาธิการประจาหมู่บ้านและสารวจสภาพหมู่บ้านแล้ว ได้กาหนดแนวทางการช่วยเหลือความยากจนคือ
การอบรมสมาชิกพรรคฯ การปรับก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการสร้างอุตสาหกรรมของหมบู่ ้าน และได้ย่ืน
ขอเงินทุนในการสร้างถนนเป็นจานวน 1 ล้านหยวน เงินทุนการปรับสร้างระบบการใช้น้าและระบบการใช้
ไฟฟ้าเป็นจานวน 1.1 ลา้ นหยวน สว่ นเงนิ ทุนการปรบั สร้างโรงเรียนเปน็ จานวน 4 แสนหยวน สภาพหมู่บา้ น
100
จึงได้ปรับเปล่ียนดีข้ึน นอกจากนั้น เลขาธิการประจาหมู่บ้านยังประสานการกู้เงินทุน 1.1 ล้านหยวน
ให้โรงงานผลิตชิ้นส่วนประกอบเฟอร์นิเจอร์เพ่ือขยายการผลิตและเกิดการจ้างงานครัวเรือนยากจน 10
ครัวเรือน ขณะเดียวกนั หลังจากประสานกับฝ่ายต่าง ๆ แล้ว ได้นาโรงงานการผลิตเสื้อผา้ เข้ามาในหมู่บ้าน
ซึ่งโรงงานน้ีมียอดการผลิตต่อปีเป็นจานวน 60 ล้านหยวน เกิดการจ้างงานบุคคลทั่วไป 60 คน และคนยากจน
18 คน มาตรการดังกล่าวทั้งหมดน้ีเกิดผลประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาความยากจนในหมู่บ้าน จนถึงส้ินปี
ค.ศ. 2016 รายได้ของครัวเรือนยากจนถึง 3,100 หยวนและได้หลุดพ้นจากความยากจน บรรลุเป้าหมาย
การแก้ไขปญั หาความยากจนล่วงหนา้ ตามที่รัฐบาลกลางกาหนด
3.2.3 การนานโยบายแก้จนตรงเปา้ ไปปฏบิ ัติของจนี
ตั้งแต่ ค.ศ.1949 ท่ีเหมา เจ๋อตุง ผู้นากองทัพแดงก็ได้ประกาศก่อต้ัง “สาธารณรัฐ
ประชาชนจีน” ข้ึนมา ปัญหาความยากจนก็เป็นปัญหาแรกที่รัฐบาลเผชิญหน้า ปัญหาความหิวโหย
ของประชาชนส่วนใหญ่ เป็นปัญหาหลักทางการเมือง ทางเศรษฐกิจและทางสังคมของสาธารณรัฐประชาชนจีน
และเป็นปัญหาที่รัฐบาล ให้ความสาคัญในการแก้ไขโดยมีมาตรการการปฏิรูปท่ีดิน การปฏิรูป
เทคโนโลยีการเกษตรล้วนเป็นมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหานี้ในช่วงเวลานั้น ระหว่าง ค.ศ. 1949 – 1978
การพัฒนาเติบโตทางด้านการศึกษา ด้านสุขภาพอนามัยและด้านอายุ คาดหวังเฉลี่ยได้รับการปรับปรุงท่ีดีข้ึน
ถือว่าเป็นผลสาเร็จด้านการช่วยเหลือความยากจนในช่วงเวลานั้นของจีน ขณะเดียวกันผลสาเร็จดังกล่าว
กเ็ กิดผลดีต่อการแก้ไขปัญหาความยากจนจนี อีกต่อไป ใน ค.ศ. 1978 จีนมีการปฏิรูปและการเปิดประเทศ
เศรษฐกิจของจีนได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จานวนคนยากจนในชนบทลดลง ปัญหาความหิวโหยของ
ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับการแก้ไขดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันเกิดปัญหาความเหลื่อมล้าด้านรายได้ ซ่ึงทาให้
ประสิทธิผลในการช่วยเหลอื ความยากจนลดลง ดงั นัน้ ใน ค.ศ. 1986 รัฐบาลจีนไดแ้ ต่งต้งั องค์การชว่ ยเหลือ
ความยากจนระดับชาติ ซ่ึงเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างมีการวางแผนมีการจัดการ
อย่างเป็นระเบียบระบบของจีน (Boao Forum for Asia, 2019) นับต้ังแต่ปี ค.ศ. 1986 การแก้ไขปัญหา
ความยากจนของจีนได้ดาเนินการมาอย่างต่อเนื่อง การขจัดความยากจนและให้คนยากจนและเขตพ้ืนที่
ยากจนเข้าสู่สงั คมทม่ี ีความเป็นอยูท่ ่ีดี เป็นความมุ่งมั่นและเปา้ หมายท่ีกาหนดโดยรฐั บาลจีน จากอดีตจนถึง
ปจั จุบนั รัฐบาลจีนไดก้ าหนดนโยบาย มาตรการหลายฉบับ ใน ค.ศ. 1984 จีนเข้าสู่ยุคใหมข่ อง “แก้จนตรงเป้า”
(Targeted Poverty Alleviation) โดยมีมาตรการการลงทะเบียนประชาชนท่ียากจนทั่วประเทศจีน นับต้ังแต่
ค.ศ. 2013 ท่ีรัฐบาลจีนเริ่มดาเนินการนโยบายแก้จนตรงเป้ามา จานวนคนยากจนและอัตราความยากจน
ในชนบท ได้มีการลดลงอย่างรวดเร็ว จานวนคนยากจนในชนบทท่ัวประเทศลดลงจาก 165.67 ล้านคน
ใน ค.ศ. 2010 เหลือ 16.6 ล้านคน ใน ค.ศ. 2018 ลดลงประมาณ 150 ล้านคน อัตราความยากจน
ลดลงจากรอ้ ยละ 17.2 ใน ค.ศ. 2010 เหลือรอ้ ยละ 1.7
นโยบายแก้จนตรงเป้า (Targeted Poverty Alleviation) มีข้อกาหนด ดังนี้
กลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับการช่วยเหลือต้องตรง แม่นยา การจัดทาโครงการต้องตรงตามความต้องการ
การใช้งบประมาณต้องตรง แมน่ ยา มาตรการที่ใช้ต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตรง แม่นยา คนท่ีส่งไปชว่ ยเหลือ
ท่ีหมู่บ้านมีคุณสมบัติตรง ผลงานของการขจัดความยากจนต้องตรงเป้า (People’s Tribune, 2015) และ
101
กาหนดว่ารัฐบาลท้องถ่ินจะต้องบูรณาการและปรับใช้ทรัพยากรในการลดความยากจนให้เหมาะสม
ดาเนนิ การนโยบายแกจ้ นตรงเปา้ และรับรองว่าผลประโยชน์ในการดาเนนิ งานไดเ้ ขา้ ถึงหมบู่ ้านและครัวเรอื น
(The State Council of the People’s Republic of China, 2014)
กระบวนการนานโยบายไปปฏิบัติประกอบด้วย 3 ข้ันตอนสาคัญคือ การระบุ
กลุม่ เป้าหมาย การดาเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือและการบริหารจัดการให้เจาะจงและแม่นยา โดย
ในการระบุกลุ่มเป้าหมาย ข้ันตอนการระบุกลุ่มเป้าหมาย เป็นข้อกาหนดเบื้องต้นของการดาเนินนโยบาย
แก้จนตรงเป้า การระบุกลุม่ เป้าหมายคนยากจนด้วยวิธีขัน้ ตอนให้มปี ระสิทธิภาพและเป็นไปตามข้อกาหนด
โดยมีหลักการท่ัวไปคือ เขตอาเภอเป็นหน่วยงานการควบคุมขนาดรับผิดชอบตามระดับช้ัน ระบุ
กลุ่มเป้าหมายยากจนอย่างชัดเจนและมีการบริหารจัดการเปลี่ยนแปลงดาเนินการสารวจสถานการณ์
ความยากจนและจัดทาเอกสารเพ่ือลงทะเบียน รวมถึงการประเมินผลการสารวจครัวเรือนยากจน การ
ประกาศรายช่อื การสุ่มตวั อยา่ งและการบันทกึ ขอ้ มลู เปน็ ต้น เช่น เมอื งหยปี ินใช้วิธีการระบุกล่มุ เปา้ หมายคอื
การเลือกโดยการเปรียบเทียบ โดยมีข้ันตอนคือใช้มาตรฐานการช่วยเหลือคนยากจนแห่งชาติให้ชาวบ้าน
กรอกใบสมัครและกลุ่มชาวบ้าน จัดการประชุมตัวแทนครัวเรือนเพ่ือเปรียบเทียบและคัดเลือกครัวเรือนที่
ยากจน ขั้นตอนตอ่ มาคณะกรรมการพรรคฯ ระดับหมบู่ า้ นกบั คณะกรรมการการปกครองตนเองของหมู่บา้ น
จัดการประชุมเพ่ือเปรียบเทียบและคัดเลือกครัวเรือนที่ยากจน โดยผู้เข้าร่วมการประชุมมีหัวหน้าของ
หมู่บ้านกับกลุ่มและตัวแทนชาวบ้าน แล้วประกาศรายช่ือต่อมาตามการรวบรวมความคิดเห็นของการ
ประกาศรายชื่อจัดการประชุมเปรียบเทียบและคดั เลือกอกี คร้งั โดยมีผู้เข้าร่วมคือ หัวหน้าหมู่บ้าน สหกรณ์
การเกษตรและตวั แทนชาวบ้าน และประกาศผลอีกคร้งั หากไมม่ ีการคัดค้านคณะกรรมการจะระบุครวั เรือน
ที่มีรายได้ต่าแต่มีความสามารถในการทางานเป็นกลุ่มเป้าหมายยากจน ตามดัชนีจานวนครัวเรือนยากจน
(Xingliang & Xiangquan, 2015) อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะใช้วิธีใดในการระบุกลุ่มเป้าหมายยากจน จะต้อง
ส่งเสริมประชาธิปไตยอยา่ งเต็มทแี่ ละระดมการมีส่วนรว่ มของประชาชน โดยมีขั้นตอนที่โปร่งใสและใหส้ ิทธิ
การระบุกลมุ่ เป้าหมายแก่ประชาชนเพ่อื ใหป้ ระชาชน ในหม่บู ้านเดียวกนั ระบวุ า่ ใครเปน็ คนจนตามมาตรฐาน
“ของตนเอง” ทัง้ หมดน้ีเพื่อรบั รองความโปร่งใส การเปดิ เผยและความเป็นธรรมในการดาเนินการ
การดาเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือ ข้ันตอนดาเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือ
เปน็ ขนั้ ตอนสาคญั ของการปฏิบัตินโยบาย เมอ่ื ระบุกล่มุ เป้าหมายออกมาแลว้ ระบผุ ู้ท่ีรบั ผิดชอบและกาหนด
มาตรการชว่ ยเหลอื ตามสถานการณข์ องคนยากจน เพื่อรับรองประสทิ ธิผลของการดาเนนิ การ ในการเจาะจง
ถึงระดับครัวเรอื นและระดบั บุคคล ขนั้ ตอนน้ี มีประเด็นท่สี าคญั ดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง การดาเนินมาตรการจะต้องยึดมั่นนโยบายในกระบวนการทางาน
ปฏิบัติตามสภาพความเป็นจริงของท้องถ่ิน ให้การชี้นาโดยแยกประเภทความยากจนและเจาะจงถึงระดับ
บุคคลกับครัวเรือน มุ่งเน้นวิธีการทางานท่ีเร่ิมจากด้านทรัพยากรบุคคลกับด้านกองทุนเพื่อให้มาตรการกับ
ผลลัพธเ์ ข้าถงึ ครัวเรอื น และบคุ คลยากจน
ประเด็นที่สอง การรับรอง “6 ด้าน” ให้เข้าถึงหมู่บ้านและครัวเรอื น คือ ด้านโครงสร้าง
พื้นฐาน ด้านอุตสาหกรรม ด้านการอบรมการศึกษา ด้านการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่อันตรายในชนบท
102
ด้านการย้ายถ่ินของผู้ท่ีอยู่อาศัยในพื้นที่สภาพแวดล้อมทางนิเวศท่ีอันตรายเลวร้ายหรือเป็นพื้นที่ท่ีสา คัญ
และด้านการจับคู่ระหว่างเจ้าหน้าท่ีกับครัวเรือนยากจน เพื่อใช้ประโยชน์ของทรัพยากรอย่างเต็มท่ีและให้
ขอ้ เปรียบเทียบของนโยบายไดเ้ กิดผลอย่างแทจ้ รงิ
ประเด็นที่สาม การนานโยบายไปปฏิบัตติ อ้ งสอดคล้องกับสถานการณข์ องครัวเรือน
โดยวิเคราะห์สาเหตุความยากจนโดยการสารวจหมู่บ้านและครัวเรือน ดาเนินการให้เจ้าหน้าท่ีรับผิดชอบ
โครงการและกองทุนช่วยเหลือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตามข้ันตอน ใช้หลักการให้ความช่วยเหลือในด้านที่
ขาดแคลนหรือเหมาะสมให้การพัฒนาเกษตรกรรม อุตสาหกรรม ธุรกิจ หรือการท่องเที่ยวตามท่ีเหมาะสม
และดาเนินการโครงการให้ครัวเรือนมีปัจจัยการดารงชีวิตครบ 6 อย่างคือ น้า ไฟฟ้า ถนน ก๊าซหุงต้ม
ทอ่ี ยอู่ าศยั และสภาพแวดลอ้ ม เพือ่ ปรับปรงุ สภาพชีวติ ความอยู่ใหด้ ีขน้ึ และเพ่ือเพิ่มรายได้ของประชาชน
ประเด็นที่สี่ การให้เงินทุนตรงถึงระดับครัวเรือน เช่น ในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม
สามารถใช้รูปแบบของเมืองสุยหนิง คือ ให้กองทุนช่วยเหลือเป็นหุ้นส่วนของเกษตรกร หรือให้กองทุนเข้าสู่
ครัวเรือนในรูปแบบสิ่งของหุ้นส่วน หรือเงินสดโดยตรง ในด้านการก่อสร้างที่อยู่อาศัย สามารถใช้รูปแบบ
ของอาเภอหนานเจียง (Lin, 2013) คือ ระบบการจัดสรรที่อยู่อาศัยค่าเช่าต่าให้ครัวเรือนที่ยากจนและ
ผ่านเกณฑ์โดยผ่านรูปแบบการให้เงินอุดหนุนค่าเช่าเป็นหลัก เสริมด้วยการลดค่าเช่าและการจัดสรรที่พัก
ของรัฐ ผู้เช่าจ่ายค่าเชา่ ใหร้ ัฐโดยรฐั เป็นคนกาหนดราคา ในดา้ นการอบรมทกั ษะการทางานสามารถใหเ้ งินถึง
บุคคลโดยตรง สาหรับเงินอุดหนุนค่าเรียนกับค่าครองชีพของนักเรียนท่ีกาลังศึกษาอยู่สามารถโอนเงินเข้า
บัญชีของครอบครวั โดยผา่ นบตั รประกนั สังคมโดยตรง สาหรับกองทนุ ดา้ นการย้ายถ่ินกับโครงการพัฒนาการ
ท่องเท่ียว หม่บู า้ น สามารถจ่ายให้ผ้รู บั โดยตรง
ประเด็นท่ีห้า ข้าราชการต้องลงมือช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ด้วยการกาหนด
แนวทางการพฒั นา และวางแผนตามสภาพความเป็นจริง โดยอิงนโยบายหลักระดับชาติและสภาพหมู่บ้าน
และครวั เรือน เพื่อให้ไดม้ าตรการการแก้ไขปญั หาความยากจนท่ชี ัดเจนและปฏบิ ตั ไิ ดจ้ ริง
การบริหารจดั การ ขั้นตอนการบรหิ ารจัดการเป็นการรับรองว่าการดาเนินนโยบาย
แก้จนตรงเป้าจะประสบความสาเร็จ ประกอบด้วย สามประเด็นท่ีสาคัญ ดังนี้ ประเด็นแรก การบริหาร
จัดการข้อมูลของครัวเรือน หน่วยงานผู้รับผิดชอบจะต้องสร้างระบบเครือข่ายข้อมูลของกลุ่มเป้าหมาย
บันทึกข้อมูลและสถานการณ์ท่ีเปลี่ยนแปลงเข้าไปในระบบ โดยอิงข้อมูลท่ีได้จากสมุดบัญชีครัวเรือน
แผนการช่วยเหลือครัวเรือนยากจนและมาตรการช่วยเหลือคนยากจน เพื่อรับรองว่านโยบายได้เข้าถึง
คนยากจนมากท่ีสุด นอกจากนั้น หน่วยงานจะต้องปรับปรุงกลุ่มเป้าหมายตามสถานการณ์จริงของ
กลุ่มเป้าหมายทุกสิ้นปีเพื่อคัดหมู่บ้านกับครัวเรือนที่ขจัดความยากจนแล้วออกจากระบบ และเพ่ิมผู้ที่
ต้องการความช่วยเหลือเข้าสู่ระบบ ระบบข้อมูลการเข้า - ออกน้ีทาให้การช่วยเหลือคนยากจนมีความเป็น
จริง น่าเช่ือถือ และมีประโยชน์สูงสุด ประเด็นท่ีสอง การบริการจัดการต้องมีความโปร่งใส หน่วยงาน
ผรู้ บั ผิดชอบต้องปฏิบัติตาม “มาตรการกองทนุ การเงนิ เพอื่ ช่วยเหลือคนยากจนแหง่ ชาติ” สร้างระบบบริหาร
จัดการกองทุนทเี่ ขม้ งวด และสมบรู ณ์ สร้างระบบการเปิดเผยข้อมูลในการใชก้ องทุนและระบบการประกาศ
รายช่ือกลุ่มเป้าหมาย โครงการที่เปิดเผย อีกทั้งต้องนาระบบการตรวจสอบโดยบุคคลภายนอกเข้ามาเพื่อ
103
รับรองความโปร่งใส และความเป็นธรรมในกระบวนการดาเนินงาน ประเด็นทส่ี าม การบริหารจัดการสิทธิ
อานาจในการดาเนินการคณะกรรมการพรรคฯระดับมณฑล กาหนดว่ารัฐบาลระดับมณฑลกับระดับเมือง
ต้องรับผิดชอบการกากับดูแลกองทุนและโครงการช่วยเหลือคนยากจน ในขณะที่รัฐบาลระดับอาเภอมี
อานาจในการอนุมัติโครงการ การกาหนดเป้าหมาย การกาหนดภารกิจ การกาหนดการใช้กองทุน และการ
กาหนดอานาจหน้าทร่ี ฐั บาลทกุ ระดบั จะต้องดาเนนิ การตามอานาจหนา้ ท่ีของตนอย่างเคร่งครัด
อีกหนึ่งปัจจัยความสาเร็จของการแก้ไขปัญหาความยากจนของประเทศจีน ได้แก่
กลไกการปฏิบัติอย่างเจาะจงเพื่อรับรองประสิทธิผลการทางาน รัฐบาลจีนได้จาแนกสาเหตุความยากจน
บนพื้นฐานการลงทะเบยี นของคนยากจน และกาหนดมาตรการการขจดั ความยากจน 5 ชดุ คอื (1) ขจัดความยากจน
โดยพัฒนาการผลิต กล่าวคือ พัฒนาอุตสาหกรรมท่ีมีเอกลักษณ์ของท้องถิ่นในเขตพื้นที่ยากจน เช่น การพัฒนา
เกษตรกรรม อุตสาหกรรมเบา และการท่องเท่ียว เป็นต้น ตัวอย่างเช่น เมืองหลงหนาน มณฑลกานซู่
ซ่ึงได้รับรางวัลนวัตกรรมการขจัดความยากจนของสาธารณรัฐประชาชนจีน แห่งปี ค.ศ. 2015 ในการประชุม
ระดับสูงการลดความยากจนและการพัฒนาปี ค.ศ. 2015 ประสบการณ์ของเมืองหลงหนาน คือการช่วยเหลือ
ความยากจนโดยการพฒั นาธรุ กจิ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ปัจจุบนั สานักงานการชว่ ยเหลอื ความยากจนของเมอื งหลงหนาน
ได้สร้างศูนย์บริการครบวงจรเพ่ือช่วยเหลือความยากจนโดยธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ 3 ระดับ ท่ัว 9 อาเภอ
และเขต กล่าวคือ ระดับอาเภอ ระดับตาบล และระดับหมู่บ้าน และได้สร้างร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์ตัวอย่าง
เป็นจานวนมากในหมู่บ้านยากจน 450 หมู่บ้าน จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2015 ร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์
ที่เปิดบริการเป็นจานวน 6,837 ร้านท่ัวเมือง และมูลค่ายอดขายรวมแล้วเป็นจานวน 890 ล้านหยวน
ซ่ึงได้กระตุ้นการจ้างงาน 1.7 หมื่นคน รายได้ของคนยากจนได้เพิ่มขึ้น 306 หยวน (Lu, 2016) การพัฒนา
ธรุ กิจอเิ ล็กทรอนกิ ส์ในเขตพ้ืนท่ที ่ดี อ้ ยการพัฒนามแี นวโน้มที่ดีแนวทางของวธิ ีการดงั กล่าวคอื การช่วยเหลือ
ความยากจนโดยการกระตุ้นการบริโภคคือการสร้างเครือข่ายสื่อสารระหว่างผลิตภัณฑ์ที่เป็น เอกลักษณ์
ในพื้นที่ยากจนกับผู้ซ้ือภายนอก และขยายช่องทางตลาดการบริโภคเพ่ือผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจ
ในเขตพ้ืนท่ียากจน ภายใต้การนาของสานักงานคณะกรรมการกลุ่มผู้นาการแก้ไขปัญหาความยากจนและ
การพัฒนาแห่งรัฐ (The State Council Leading Group Office of Poverty Alleviation and Development)
มูลนิธิการช่วยเหลือความยากจนของจีนได้ร่วมมือกับ JD Group, Alibaba Group ศูนย์วิจัยข้อมูลสารสนเทศ
ทางสังคมศาสตร์ของจีนและหน่วยงานอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้อง ร่วมก่อต้ังค่านิยมร่วมแห่งชาติคือ “นวัตกรรม
การเชื่อมโยง และการแบ่งปัน” (Hongliu, 2016) ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อส่งเสริม การร่วมสร้าง (co-creation)
และการแบ่งปันผลประโยชน์รว่ มกัน (2) การช่วยเหลอื คนยากจนโดยการย้ายท่ีอยู่อาศยั ประเทศจีนมีพืน้ ที่
กวา้ งใหญ่ ในเขตยากจนบางพ้ืนท่ปี จั จัยการดารงชีวติ ไมค่ ่อยดนี ัก ไม่สามารถแกไ้ ขไดจ้ ึงจาเป็นต้องให้ผู้ที่อยู่
อาศัยน้ันย้ายไปอยู่ที่อ่ืน (3) การช่วยเหลือความยากจนทางนิเวศเป็นรูปแบบหนึ่งในการช่วยเหลือความ
ยากจน ผ่านการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับการพัฒ นาการช่วยเหลือความยากจนเ พ่ือยกระดับ
ความสามารถในการพัฒนาอย่างยั่งยืน วิธีการช่วยเหลือคนยากจน คือ ให้คนจนเข้าทางานในโครงการ
ก่อสร้างทางวศิ วกรรม นิเวศวทิ ยา รบั ตาแหน่งอาสาสมัครและเงนิ เดอื นม่นั คง พัฒนาอุตสาหกรรมทางนิเวศ
เพื่อเพ่มิ รายได้และรัฐบาลใหค้ ่าทดแทนเพอื่ การอนุรักษ์สิ่งแวดลอ้ ม เชน่ โครงการส่งคนื พ้นื ที่การเกษตรเป็น
104
ที่ดินหญ้า โครงการส่งคืนท่ีดินฝังเป็นท่ีดินหญ้า และโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ธรรมชาติ เป็นต้น
(4) การพัฒนาการศกึ ษา ใน ค.ศ. 2018 รฐั บาลจนี ได้จัดสรรเงนิ อุดหนุนการศึกษาเปน็ จานวน 204,295 ล้านหยวน
โดยมีนักเรียนและนักศึกษาท่ีได้รับเงินอุดหนุนเป็นจานวน 135 ล้านคน (Ministry of Education of the
People’s Republic of China, 2019) การพัฒนาการศกึ ษาเป็นวิธีการที่มบี ทบาทสาคญั ในการแก้ไขปัญหา
ความยากจน ในอาเภอจิ้งหนิง มณฑลกานซู่ การปลูกแอปเปิ้ลและการก่อสร้างท่ีเป็นอุตสาหกรรมเสาหลัก
ของทอ้ งถิน่ รัฐบาลระดบั อาเภอสร้างศูนยอ์ าชวี ศึกษาเขตใหม่และเปิดสาขาวิชาตามเอกลักษณ์อตุ สาหกรรม
ท้องถิ่น เช่น สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตผัก ผลไม้และดอกไม้ สาขาวิชาการก่อสร้าง สาขาวิชาการติดต้ัง
อุปกรณ์ และสาขาวิชาการติดต้ังอุปกรณ์อัจฉริยะ เป็นต้น มีนักศึกษาจบการศึกษามากกว่าปีละ 300 คน
และได้รับการอบรมทักษะการทางานใน 2 ด้านนี้เป็นจานวน 1.2 หม่ืนคน นอกจากน้ี ทางวิทยาลัยได้ทา
ความร่วมมือกับภาควิสาหกิจ จานวน 30 แห่ง และสร้างกลไกช่วยเหลือการทางานให้นักศึกษายากจน
จาก ค.ศ. 2014 – 2017 อัตราการจ้างงานนักศึกษาท่ีจบแล้วเป็นร้อยละ 99 ในขณะท่ีอัตราการจ้างงาน
นักศึกษายากจนเป็นร้อย 100 (Ministry of Education of the People’s Republic of China,2017)
(5) การช่วยเหลือความยากจนโดยใช้บัตรประกันสังคม คือ การให้เงินอุดหนุนแก่คนจนท่ีมีรายได้ต่ากว่า
มาตรฐานความยากจนที่ต่าสุดตามที่รัฐบาลท้องถิ่นประกาศ เพื่อใหค้ นเหลา่ น้ีสามารถดารงชีวิตอีกตอ่ ไปได้
นอกจากน้ัน รัฐบาลยังมีมาตรการอื่น เช่น การจ้างงาน และการดูแลสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งมาตรการการ
ขจัดความยากจน 5 ชุดนี้มีประโยชน์ต่อการกาหนดเป้าหมายของปัญหาความยากจนท่ีเกิดขึ้นแล้ว
จึงส าม ารถ ห ลี ก เล่ี ยงก าร ใช้ ท รัพ ยาก รท่ี ผิ ด วั ต ถุ ป ระ ส งค์ แ ล ะ สิ้ น เป ลื อ งแ ล ะ ใน ข ณ ะ เดี ยว กั น ก็ เพ่ิ ม
ประสิทธิภาพ ในการแกไ้ ขปญั หาความยากจน ตัง้ แต่ดาเนินการนโยบายแก้จนตรงเปา้ มา มวี ธิ กี ารนวตั กรรม
ท่ีเกิดขึ้นหลายแบบและเกิดประโยชน์จานวนมาก เช่น การพัฒนาการท่องเที่ยวช่วยกาหนดแนวทาง
การพัฒนาอุตสาหกรรมในชนบท ส่วนธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ได้แก้ไขปัญหาการตลาดในการขายสนิ ค้าเกษตร
เป็นต้น
3.3 กรณีศึกษาประเทศเวียดนาม
3.3.1 ลักษณะทางเศรษฐกิจสังคม และสภาพปัญหาการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของ
เวียดนาม
ประเทศเวียดนาม มีประชากร 95.5 ล้านคน โดยมีพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
(Communist Party of Vietnam) เป็นพรรคการเมืองเดียวและมีอานาจสูงสุด รายได้ประชาชาติต่อหัว
2,551 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณการ ปี ค.ศ. 2018) และมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 7.08
(ค.ศ. 2018) สินค้าส่งออกสาคัญ ได้แก่ ส่ิงทอและเคร่ืองนุ่งห่ม โทรศัพท์มือถือ น้ามันดิบ รองเท้า เคร่ืองหนัง
เครื่องประดับ อัญมณี คอมพิวเตอร์ สนิ ค้าเกษตร และสินค้าประมง
โจทย์เศรษฐกจิ ประเทศเวยี ดนาม คอื แมว้ ่าประเทศเวยี ดนามจะส่งออกสินคา้ เกษตร
เป็นจานวนมาก เช่น ข้าว กาแฟ แต่การผลิตทางการเกษตรยังนับเป็นสัดส่วนท่ีน้อยเม่ือเทียบกับพ้ืนท่ี
ทงั้ หมด อีกท้งั ยงั มีปัญหาเร่อื งการพฒั นาและการเขา้ ถึงเทคโนโลยที างการเกษตร
105
ระบบการเกษตรอยู่ในลักษณะของการเกษตรขนาดเล็ก ส่งผลต่อความสามารถ
ในการเพ่ิมรายได้และประสิทธิภาพในการจัดการ (specialization) รวมท้ังการจัดการท่ีดินนั้นก็มีความ
ยุ่งยาก เพม่ิ ภาระปญั หาเร่อื งประสทิ ธภิ าพทมี่ อี ย่แู ลว้ และเปน็ ผลทาให้เกดิ ข้อจากัดในเรอื่ งการพัฒนาผลิตผล
ทางการเกษตรตอ่ ไป
นอกจากนี้ พื้นท่ีชนบทในประเทศเวียดนามยังเจอปัญหาโครงสร้าง เช่น ความยากจน
ปัญหาการว่างงาน ปัญหาส่ิงแวดล้อม และการลดขนาดของพื้นท่ีทางการเกษตร เนื่องจากความต้องการ
ขยายพื้นท่ีเมือง ส่งผลต่อความเสื่อมลงของทรัพยากรไปจนถึงความเหลื่อมล้าในการพัฒนาระหว่างพื้นที่
เมืองและพ้ืนทชี่ นบท ส่งผลต่อแงม่ มุ การพัฒนาอน่ื ๆ เช่น การศกึ ษา สวัสดิการสขุ ภาพ ข้อจากดั ในเร่ืองการ
ลงทุนในเขตชนบท จานวนงบประมาณท่ีถูกนามาใช้พัฒนาในชนบทมีน้อย ซ่ึงปัญหาน้ีส่งผลให้เกิดการ
เคลื่อนย้ายแรงงานเขา้ สูเ่ ขตเมอื งมากขึน้ เร่ือย ๆ
3.3.2 นโยบายเศรษฐกิจฐานรากประเทศเวยี ดนาม
โจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก หรือพ้ืนที่ชนบทของประเทศเวียดนามอยู่
บนแนวคิดที่ว่า พ้ืนที่ชุมชนจะถูกพัฒนาได้ก็ต่อเม่ือประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีก่อน กล่าวคือมีทรัพยากร
ทางเศรษฐกิจและมีรายได้ที่พอจะอยู่ได้ หลังจากนั้นการพัฒนาเชิงพ้ืนท่ีจะเพ่ิมขึ้นตามมาเอง นอกจากน้ี
การที่คนในพ้ืนท่ีมีความสามารถในการหารายได้ระดับหนึ่งจะเป็นเหมือนการส่งสัญญาณถึงรัฐในความมี
ประสทิ ธภิ าพและความสามารถ ซึ่งหมายถึงความพร้อมท่จี ะไดร้ บั การพฒั นาต่อไปด้วย
รัฐบาลเวียดนามได้ริเริ่ม “โครงการชนบทใหม่” (New countryside) ซ่ึงเป็น
โครงการทร่ี ัฐจะเข้าไปชว่ ยเหลือเรอ่ื งโครงสรา้ งพืน้ ฐาน สนับสนุนประสทิ ธภิ าพผลผลิต และบริการทางสังคม
ในชุมชนเพ่ือให้ผ่านเง่ือนไขของรัฐกลายเป็น ‘New Rural Commune’ เป็นโครงการที่รัฐพยายาม
เข้าแทรกแซงและให้นิยามความเป็น ‘สมัยใหม่’ อย่างชัดเจน รัฐเป็นคนนิยามการพัฒนาและความเป็น
สมยั ใหม่ ผา่ นเง่ือนไขท้ังหมด 19 เรือ่ ง เช่น เร่อื งสขุ ภาพ การศกึ ษา โครงสร้างสังคมวัฒนธรรม ซ่งึ ก็สามารถ
วดั ไดม้ ากนอ้ ยตา่ ง ๆ กนั ในแตล่ ะประเด็น เป็นตน้
106
ภาพที่ 3-5 ชุดเกณฑก์ ารพฒั นา 19 ด้านในการพฒั นาของ Nong Thon Moi
ที่มา : เอกสารประกอบการบรรยายของ Nguyen Ngoc Luan , Rural Development Center (RUDEC)
Institute of Policy and Strategy for Agriculture and Rural Development (IPSARD) , (เอกสารอัดสาเนา)
นอกจากน้ัน ยังมกี ารออกกฎหมายที่เก่ียวข้องกับนโยบายการพัฒนาชนบท “New countryside”
ของเวยี ดนาม ได้แก่
• Decision 193/QD-TTg of Prime Minister on Planning new rural areas;
• Decree 02/ 2010/ ND-CP of the government on Agricultural
Extension policy in period 2010 – 2020;
• Decision 1956/ QD-TTg of Prime Minister on approving project of
vocational training for rural labours;
• Decision 28/QD-TTg of Prime Minister on Pilot of transferring young
intelligentsia to work in difficult areas;
• Decree 41/ND-CP of Government on policy of credits to invest in
agriculture and rural area
• Decree 61/ ND-CP of Government on policy for encouraging
enterprises investments in agriculture and rural areas;
• MoF released Circular 174/2009/TT-BTC on guideline of mechanism
for mobilising and managing funds and Circular 72/ 2010/ TT-BTC on guideline of special
107
mechanism for managing and utilising investment projects in 11 sample model’ s
communes of New Rural Development;
• MPI released the Circular 18/ TT-BKH&DT on guideline of special
mechanism for managing basic construction investment in 11 sample models of New Rural
Development.
รัฐบาลของเวียดนามมองว่า หากประสบความสาเร็จใน 19 เรื่องน้ีแล้วจะเกิด
การพัฒนาเชงิ คุณภาพขนึ้ เป็นอย่างมาก แตเ่ อาเขา้ จรงิ แล้วเน่อื งจากประเดน็ หลายอยา่ งไม่สามารถวดั ผลได้
อย่างมีประสิทธิภาพ ทาให้เป็นไปได้ยาก อีกท้ังเงื่อนไข (เป้าหมายการพัฒนา) จะต่างกันไปตามแต่ละพ้ืนท่ี
เชน่ จานวนคนยากจนของหมบู่ า้ นในตอนเหนอื กับตอนตะวนั ออกไม่เหมอื นกนั ซงึ่ ไมม่ วี ิธกี ารช้ีเฉพาะอยา่ งชดั เจน
นอกจากนัน้ ยังมีการกาหนดรปู แบบกลไกทางการเงินแบบ 4-3-2-1 กลา่ วคอื รัฐบาล
จะเป็นผู้จัดสรรงบประมาณร้อยละ 40, ให้ในรูปแบบสินเช่ือร้อยละ 30, ให้เอกชนร่วมลงทุนร้อยละ 20,
และชุมชนต้องเป็นผลู้ งทุนสนิ ทรัพยร์ ว่ มรอ้ ยละ 10
ภาพที่ 3-6 รปู แบบการสนบั สนุนงบประมาณเพอ่ื การลงทุนของ Nong Thon Moi
ที่มา : เอกสารประกอบการบรรยายของ Nguyen Ngoc Luan , Rural Development Center (RUDEC)
Institute of Policy and Strategy for Agriculture and Rural Development (IPSARD) , (เอกสารอัดสาเนา)
โครงการพัฒนาชนบทใหม่แห่งชาติ ช่วงปี ค.ศ. 2011 - 2020 ถือเป็นการปฏิบัติ
ตามมติของการประชุมครงั้ ที่ 7 คณะกรรมการกลางพรรคสมยั ท่ี 10 ว่าด้วยการเกษตร เกษตรกรและชนบท
เพื่อตอบสนองความปรารถนาของเกษตรกร โดยมีวัตถุประสงค์ เพอ่ื พัฒนาโครงสรา้ งพืน้ ฐานทางเศรษฐกิจ
และสังคมในชนบทให้ทันสมัย มีรูปแบบการผลิตที่เหมาะสมกับศักยภาพของท้องถิ่น พัฒนาการเกษตรให้
108
ควบคู่ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรม การบริการและตัวเมืองตามแผนท่ีวางไว้ ตลอดจนยกระดับชีวิตความ
เป็นอยู่ของประชาชนให้ดีข้ึน ซ่ึงภายหลังการปฏิบัติมาเป็นเวลา 3 ปี พบว่าใน 11 ตาบลนาร่องที่ปฏิบัติ
โครงการนกี้ ม็ กี ารเปล่ยี นแปลงอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั ซง่ึ นอกจากการเกษตร การบริการและงานหตั ถกรรมจะไดร้ บั
การพัฒนาแล้ว รายได้ของเกษตรกรก็ยังเพ่ิมข้ึนอีกด้วย อีกทั้งยังยกระดับความร่วมมือระหว่างรัฐ
กับประชาชนในการกอ่ สรา้ งระบบสาธารณปู โภคตา่ ง ๆ
ใน ค.ศ. 2012 กระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทได้ตั้งเป้าไว้ว่า ตาบลร้อยละ
กว่า 90 จะมีแผนการพัฒนาชนบทใหม่ ส่วนตาบลที่มีแผนการแล้วร้อยละ 90 ก็จะได้รับการอนุมัติ
เจ้าหน้าที่ในเขตชนบทประมาณร้อยละ 50 จะได้รับการฝึกอบรมเก่ียวกับการพัฒนาชนบทใหม่ พร้อมทั้ง
ผลักดันการผลิตตามแนวทางเพ่ิมผลผลิตและรายได้ พัฒนาการศึกษา สาธารณสุข การอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม
ก่อสร้างโครงสร้างพ้ืนฐานและพยายามแก้ปัญหาบ้านเรือนของประชาชนท่ีชารุดทรุดโทรมและให้
การช่วยเหลอื พเิ ศษตอ่ ตาบลรอ้ ยละ 20 ทีไ่ ด้จดทะเบียนบรรลมุ าตรฐานเขตชนบทใหมใ่ น ค.ศ. 2015 จนถึง
ค.ศ.2020 ตาบลทั่วประเทศเกือบ 1 หมื่นแห่งจะร่วมกันพัฒนาชนบทในยุคใหม่ จากผลสาเร็จในเบ้ืองต้น
ใน 11 ตาบลนาร่อง การรณรงค์และขบวนการแข่งขัน “ทั้งประเทศรว่ มมือพัฒนาชนบทใหม่” จะเป็นพลัง
ขบั เคล่ือนในการสร้างโฉมใหมใ่ ห้แกเ่ ขตชนบทของเวยี ดนาม
จากผลสาเร็จใน 11 ตาบลนาร่อง โครงการนี้ก็ได้รับการขยายการปฏิบัติไปทั่วประเทศ
โดยตั้งเป้าไว้ว่า จนถึง ค.ศ. 2015 มีตาบลร้อยละ 20 บรรลุ 19 มาตรฐานของชนบทใหม่ ซึ่งจาเป็นต้องมี
การแก้ไขข้อจากัดต่าง ๆ เช่น การดูแลเอาใจใส่และการแนะนาอย่างทันการณ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การระดมเงินทนุ ของทอ้ งถิน่ และการขานรบั ของประชาชน12
อย่างไรก็ดี แผนงานนี้ยงั มขี ้อวิจารณ์ว่าเกณฑ์ ทั้ง 19 ด้านที่ตั้งข้ึนนั้นมีความเข้มงวด
มากเกินไป บางอันยากท่ีจะเป็นไปในทางปฏิบัติ เช่น การวัดว่าทุกชุมชนต้องมีการต้ังองค์กรเกษตรกร
ซ่ึงเม่ือมีการจัดตั้งก็ไม่ได้มีการดาเนินการต่อ และทาให้ท้ายสุดระดับของท้องถ่ินท่ีทาได้สาเร็จมีน้อยกว่า
ที่ต้ังเป้าหมายไว้ นอกจากนั้น รูปแบบทางการเงินแบบ 4-3-2-1 ไม่ประสบความสาเร็จ เน่ืองจากชุมชน
จานวนมาก เอกชนไมส่ นใจเข้าลงทนุ และงบประมาณจากรฐั กไ็ มเ่ พยี งพอดาเนินการ
3.3.3 การท่องเท่ียวเชิงชาติพนั ธข์ุ องประเทศเวยี ดนาม
ภายหลงั ปี ค.ศ. 1990 ประเทศเวียดนามได้จดั ต้งั องค์การบรหิ ารการท่องเที่ยวแห่งชาติ
(Vietnam National Administration of Tourism : VNAT) ขึ้นอย่างเป็นทางการเพื่อวางแผนพัฒนา
ทอ่ งเที่ยวอย่างครบวงจร รวมทั้งกาหนดแผนการพฒั นาทอ่ งเท่ียวฉบับต่าง ๆ ทีเ่ อ้อื ตอ่ การยกระดับคุณภาพ
ด้านการท่องเท่ียวของประเทศและรณรงค์ด้านการท่องเที่ยว เพ่ือกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายในประเทศให้เกิด
ความคึกคักและเจริญเติบโตมากขึ้น เป็นต้นว่า ในปี ค.ศ. 2000 เกิดการรณรงค์การท่องเท่ียวภายใต้ชื่อ
“Vietnam–A Destination for the New Millennium” (เวียดนาม-ปลายทางแห่งสหัสวรรษ) ใน ค.ศ. 2003
“Visit Vietnam Year” (ปีแห่งการเยือนเวียดนาม) และใน ค.ศ. 2003 – 2007 ภายใต้ชื่อ“Vietnam– the hidden
12 https://vovworld.vn/th-TH/วเิ คราะหส์ ถานการณ/์ การเปลย่ี นโฉมใหมใ่ หแ้ ก่ชนบทเวยี ดนาม-62881.vov
109
charm” (เวียดนาม-มนต์เสน่ห์ท่ีมองไม่เห็น) การรณรงค์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงการตระหนักและให้
ความสาคัญด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาลเวียดนามเป็นอย่างมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวน้ัน
มีความสาคญั ต่อระบบเศรษฐกจิ และสังคมของประเทศ ดงั เหน็ ไดจ้ ากการเปน็ แหลง่ รายไดห้ ลกั ซึ่งก่อใหเ้ กดิ
เงินตราเข้าสู่ประเทศจานวนมหาศาล นอกเหนือจากนั้นยังมีความสาคัญต่อการพัฒนาระบบโครงสร้าง
พ้ืนฐานต่าง ๆ ตลอดจนการค้าและการลงทุนกับต่างชาติอีกด้วย กล่าวโดยรวม ภารกิจการพัฒนาและ
ยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยวของชาติภายหลังการปฏิรูปเศรษฐกิจโด๋ยเม้ย จึงเป็นบทบาทท่ีรัฐตระหนัก
และให้ความสาคัญเพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชาติใหด้ ีย่ิงข้ึน
โดยเฉพาะอย่างย่ิงการสนับสนุนรูปแบบการท่องเท่ียวเชิงชาติพันธ์ุ (ethnic tourism) เพราะเวียดนาม
เป็นประเทศท่ีมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ซึ่งประกอบไปด้วยท้ังสิ้น 54 กลุ่มชาติพันธ์ุ ขณะเดียวกัน
แต่ละกลมุ่ ชาตพิ ันธล์ุ ้วนมี ภาษา วัฒนธรรม เคร่อื งแตง่ กาย ขนบธรรมเนยี มประเพณี พิธกี รรมและความเชอื่
ตลอดจนวิถีชีวิตท่ีมีเอกลักษณ์เฉพาะตน ประกอบกับนโยบายของรัฐท่ีต้องการส่งเสริมและอนุรักษ์มรดก
อันทรงคุณค่าทางวฒั นธรรมของกลุ่มชาติพันธตุ์ ่าง ๆ เพ่ือไม่ให้สญู หาย ภารกิจการสร้างการอยู่ร่วมกันของ
กลุ่มชาติพันธุ์ให้สามารถอยู่ร่วมอย่างกลมกลืน อีกท้ัง เพื่อสร้างความสามัคคีและความเท่าเทียมกัน
ดา้ นการเมอื ง เศรษฐกิจ สังคม วฒั นธรรม และการศึกษาของบรรดากลมุ่ ชาตพิ นั ธตุ์ า่ ง ๆ (Ton Van Trang, 2012)
จากเหตุผลดังกล่าวมานี้ รัฐบาลเวียดนามจึงให้ความสาคัญกับการท่องเที่ยวเชิงชาติพันธุ์ เน่ืองจากเป็น
รูปแบบหน่ึงของการธารงมรดกทางวัฒนธรรมของชาติตามกรอบวิสัยทัศน์และพันธกิจท่ีสา คัญอันนาไปสู่
การรักษาคณุ ค่าความหลากหลายทางชาติพันธข์ุ องประเทศใหค้ งอยู่สืบไป
การท่องเท่ียวเชิงชาติพันธุ์ของประเทศเวียดนาม มีพัฒนาการเกิดขน้ึ ชัดเจนในช่วงหลัง
นโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจโด๋ยเม้ย ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศเวียดนามเปิดประเทศและเกิดการผลักดัน
ด้านการท่องเทีย่ วของชาตอิ ย่างเขม้ ขน้ ขณะเดียวกันในชว่ งระยะเวลาดงั กล่าวการทอ่ งเทยี่ วมีบทบาทสาคญั
ต่อประเทศเวยี ดนามเปน็ อย่างมาก ทงั้ ในฐานะกลไกการยกระดับเศรษฐกจิ ของชาติและกลไกการผลักดันให้
เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับคนในชาติ โดยเฉพาะชนเผ่าต่าง ๆ ที่อาศัยตามชนบท ฉะน้ัน
พัฒนาการการท่องเท่ียวเชิงชาติพันธุ์ในช่วงน้ีจึงเกิดข้ึนอย่างเป็นรูปธรรม และใน ค.ศ. 1975 ซ่ึงเวียดนาม
ต้องเผชิญกับปัญหาอันเป็นผลพวงจากการสู้รบระหว่างเวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้ โดยปัญหาการสู้รบ
ดังกล่าวนับเป็นปัญหาหนึ่งท่ีทาให้ประเทศเวียดนามถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ตลอดจนไม่มีกิจกรรม
การท่องเท่ียวใด ๆ เกิดขึ้นภายในประเทศ อีกทั้งยังเป็นเหตุผลการท่องเที่ยวตา่ ง ๆ ตลอดจนการท่องเที่ยว
เชิงชาตพิ นั ธ์ขุ องเวยี ดนามไม่เปน็ ทนี่ ิยมและไมไ่ ดเ้ กิดขึ้นอยา่ งเปน็ รปู ธรรมหากเทียบกบั ยุคหลงั (Bee, 2008, p. 83)
อย่างไรก็ดี ช่วงเวลาการถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ได้มีสมาชิกสภาเพ่ือความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจร่วมกัน
(Council for Mutual Economic Assistance) หรือที่เรียกว่า โคมิคอน (Comecon) ซึ่งประกอบไปด้วย
สหภาพโซเวยี ตและกลมุ่ ประเทศยุโรปตะวนั ออกได้เดนิ ทางเขา้ มาประเทศเวยี ดนามเปน็ กลุม่ แรก
เวียดนามได้มีโอกาสทาหน้าที่เป็นเจ้าภาพให้กับสมาชิกสภาเพ่ือความช่วยเหลือ
ทางเศรษฐกิจร่วมกัน และนับเป็นโอกาสที่น่าต่ืนเต้นอย่างยิ่งสาหรับเวียดนามที่จะต้อนรับและจัดเล้ียง
หากแต่ผลพวงจากเหตุการณ์ใน ค.ศ. 1975 ส่งผลให้สิ่งอานวยความสะดวกด้านการท่องเท่ียว รวมถึง
110
คุณภาพการให้บริการด้านการจัดเลี้ยงสาหรับผู้มาเยือนนั้นยังขาดมาตรฐาน นอกจากน้ี วัตถุดิบในการ
ประกอบอาหารต่าง ๆ ก็ยังไม่มีคุณภาพ หน้าท่ีการเป็นเจ้าภาพในการจัดงานครั้งนั้นจึงไม่ตอบสนองและ
ดึงดูดกลุ่มผู้มาเยือนมากนัก อย่างไรก็ตามจากสภาพปัญหาดังกล่าว คุณภาพและมาตรฐานของส่ิงอานวย
ความสะดวกทางการทอ่ งเทยี่ วจงึ ไดร้ ับความสนใจจากรฐั บาลเวยี ดนามมากขึน้ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ช่วงหลังปี
ค.ศ. 2016 ซึ่งรัฐมนตรีของกระทรวงต่าง ๆ ของเวียดนามได้ตระหนักและให้ความสาคัญในเรื่องศักยภาพ
ของอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวดังกล่าวเพ่ือนาไปสู่การสร้างมาตรฐานของการบริหารจัดการและดึงดูด
เงินตราจากต่างชาติเข้าสู่ประเทศให้มากขึ้น และเมื่อนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจโด๋ยเม้ยได้ถูกประกาศใช้
แผนการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศเวียดนามจึงถูกดาเนินการอย่างจริงจัง (Bee, 2008, p. 83)
กระทัง่ ขยายไปสู่การผลักดนั รปู แบบกจิ กรรมการท่องเที่ยวของประเทศเกดิ ขนึ้ ตามภูมภิ าคตา่ ง ๆ โดยเฉพาะ
รูปแบบการท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งประกอบไปด้วย การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ (historical tourism)
การท่องเท่ียวงานชมวัฒนธรรมและประเพณี (cultural and traditional tourism) การท่องเที่ยวชมวิถี
ชีวิตในชนบท (rural tourism/ village tourism) และการท่องเที่ยวเชิงชาติพันธ์ุ (ethnic tourism หรือ
tribal tourism)
ท้ังนี้เพราะช่วงหลังการปฏิรูปเศรษฐกิจโด๋ยเม้ย เป็นช่วงการพัฒนาคุณภาพและ
มาตรฐานของส่ิงอานวยความสะดวกทางการท่องเที่ยว ดังน้ัน การท่องเท่ียวของประเทศเวียดนาม
ในช่วงเวลาดังกล่าวจึงมุ่งเน้นไปท่ีรูปแบบการท่องเที่ยว ท่ีใช้ทุนทางสังคมและทุนทางวัฒนธรรมเป็น
ฐานหลักสาคัญของการสร้างสรรค์กิจกรรมการท่องเท่ียว แทนที่จะเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวแบบเมือง
(urban tourism) ท่ีต้องลงทุนไปกับการสร้างวัตถุหรือสิ่งปลูกสร้างเพ่ือสร้างสรรค์กิจกรรมการท่องเท่ียว
ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวไดว้ ่าหลังการปฏิรูปเศรษฐกิจโด๋ยเม้ย คอื ช่วงเวลาของการเกิดข้ึนของรปู แบบการท่องเท่ียว
เชงิ ชาติพันธ์ุในประเทศเวียดนาม
ประวตั ิศาสตรอ์ ันยาวนานและยังคงความเป็นตัวเมืองทโ่ี ดดเด่นสวยงาม อกี ทงั้ ยังเป็น
สถานท่ีดึงดดู ใจที่สาคญั ในบรเิ วณล่มุ แมน่ า้ แดง สว่ นอา่ วฮาลอง จงั หวัดหายฝ่อง (Hải Phòng) รวมทัง้ ทา่ เรอื
ตา่ ง ๆ ในเขตพ้ืนท่ีภาคเหนอื ของประเทศและทพ่ี ักตากอากาศริมชายหาดหลายแหง่ เชน่ โด่เซิน (Đồ Sơn)
เกาะกา๊ ตบา่ (Cát Bà) ห่งกาย (Hồng Gai) ลว้ นเป็นสถานทท่ี ี่มคี วามน่าดงึ ดดู เช่นกนั ทัง้ น้ี เส้นทางทอ่ งเท่ียว
เมอื งฮานอย อ่าวฮาลอง เมอื งเด่ียนเบียนฝนู นั้ จดั เปน็ เขตการทอ่ งเทย่ี วทมี่ ีลักษณะแบบแนวชายฝงั่ ทะเลและหมเู่ กาะ
หินปูน โดยมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเท่ียวสาหรับกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงทะเล และเมืองเดี่ยนเบียนฝูเองก็มี
ความสาคัญทางการท่องเท่ียวในฐานะหมู่บ้านที่ต้ังอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซ่ึงเคยเป็นท่ีพานักของ
ทหารฝรั่งเศสมาก่อน ปัจจุบันหมู่บ้านนี้กลายเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมสาคัญของประเทศเวียดนาม
เสาหลักการพัฒนาการท่องเท่ียวหลักท่ีสอง คือ แหล่งประวัติศาสตร์เว้ (Huế) - ดานัง (Đà Nẵng) ซ่ึงคร้งั หนึ่ง
เคยเป็นสถานทีป่ ระทับของจกั รพรรดเิ วยี ดนามพระองคต์ า่ ง ๆ โดยสถานทด่ี ังกลา่ วมปี อ้ มปราการขนาดใหญ่
รายล้อมและตั้งขนานกับแม่น้าน้าหอม (Perfume River) ปัจจุบันนี้สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปของสถานที่
แหง่ นไ้ี ดถ้ กู ปฏิสังขรณ์โดยองค์การยเู นสโก (UNESCO) และได้ต้งั ชือ่ วา่ “ดานงั ” เพอื่ ประกอบสร้างมโนภาพ
และความทรงจาของกองทหารอเมรกิ าทเ่ี ขา้ มาช่วง ค.ศ. 1965 อยา่ งไรก็ดี นอกเหนอื จาก เว้ - ดานงั จะถูกจัด