The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือชุด กฎหมายเพื่อการเรียนรู้ ผู้ศึกษาเเละเรียบเรียง นายภูมินทร์ เกณสาคู

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ภูมินทร์ เกณสาคู, 2021-04-10 02:43:44

หนังสือชุด กฎหมายเพื่อการเรียนรู้ ผู้ศึกษาเเละเรียบเรียง นายภูมินทร์ เกณสาคู

หนังสือชุด กฎหมายเพื่อการเรียนรู้ ผู้ศึกษาเเละเรียบเรียง นายภูมินทร์ เกณสาคู

ความผิดฐานแจ้งความเท็จ

มาตรา ๑๓๗ ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชน
เสยี หาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกนิ ๖ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๑ หมื่นบาท หรือทง้ั จำทั้งปรับ

-ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่นั้น ต้องมีหน้าที่ในเรื่องนั้นด้วย ถ้าไม่มีหน้าที่ ไม่ผิด เช่น
แจ้งความเทจ็ ต่ออเจ้าพนักงานท่ดี นิ ว่ามกี ารฆา่ คนตาย ไมผ่ ิด

เจ้าพนักงานตอ้ งรบั แจ้ง ถา้ ไม่รบั แจ้ง กย็ งั ไม่ผดิ
หรือตอ่ ใหเ้ จา้ พนักงานนัน้ มีหน้าที่แตไ่ ม่รบั ก็ไมผ่ ดิ
หากพนักงานมีหน้าท่ีรับแจง้ จะแจง้ ทไ่ี หนก็ได้ ไมจ่ ำตอ้ งเปน็ สำนกั งาน
-คำว่า ความเท็จ ต้องเป็น ข้อเท็จจริงตามความรู้เห็น แม้ว่า สิ่งที่แจ้งเท็จนั้นจะเกิดจริง ก็มี
ความผดิ เช่น นายเอไปแจ้งความเท็จหลอกตำรวจว่า พบศพในแม่น้ำ แต่มันมจี ริง ๆ แตค่ นแจ้งไม่รู้ จะอ้างว่า
มนั เป็นความจรงิ ไปได้ เพราะมีเจตนาเท็จ
-ต้องแจ้งความเท็จในข้อเท็จจริง ไม่ใช่ข้อกฎหมาย เช่น แจ้งว่ามีคนลักทรัพย์ แต่พอไปตรวจมัน
เป็นวิง่ ราวทรพั ย์ อย่างนี้ คนแจง้ ไมผ่ ิด
-ต้องแจ้งความเท็จในเรื่องอดีตและปัจจุบันข้อ หากเป็นการเดาเรือ่ งในอนาคต ความเห็นเห็น ไม่
ผิด เช่น แจ้งต่อศาลว่าจะเอาทรัพย์มาคืนเพื่อแบ่งมรดกให้เสร็จ พอถึงวันนัดไม่มา อย่างนี้ เป็นเรื่องผิดคำ
รบั รองที่ให้ไว้ตอ่ ศาล ไม่ใช่แจ้งความเทจ็
-ข้อความหรือพฤติการณ์นั้น ต้องอาจทำให้ประชาชนเสียหายด้วย ถ้าหากแจ้งแล้วประชาชนไม่
เสียหายกไ็ มค่ รบองคป์ ระกอบความผิด เชน่ เลน่ ตลกแจง้ ความเทจ็ วา่ ไฟไหม้ แต่พอถามว่าท่ีไหน บอกว่า ไหม้
กระทะ ไมผ่ ดิ ฐานแจ้งความเทจ็
วิธกี ารแจ้ง เชน่
แจง้ ตรง ๆ (เดนิ ไปแจง้ ในโรงพกั อำเภอ ส่งจดหมายแจง้ )
คำถาม (กรอกแบบสอบถาม โดนเรียกไปถามแลว้ ตอบม่วั ก็ผดิ ) หรือ แสดงให้เจา้ พนกั งานดู
ยน่ื ใบขบั ขี่ปลอมใหต้ ำรวจ ก็ผิดฐานแจ้งงความเท็จ
รบั รองเท็จ เช่น ผู้ใหญบ่ า้ นรบั รองคนต่างด้าวใหพ้ นกั งานออกบัตรประชาชน
ระวัง ความตอบคำถามแจ้งความเท็จ ไม่รวมถึงผู้ต้องหาในคดีอาญา เช่น โกหกให้ตนพ้นคดี
เพราะผู้ตอ้ งหามสี ิทธไิ ม่ใหก้ ารรา้ ยตอ่ ตนเอง
-ควรจำ ผูใ้ ดแจง้ ความเทจ็ เก่ียวกับความผิดอาญา ต่อ พนกั งานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน
พนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา(ฝ่ายปกครองและตำรวจ) และอาจทำให้ประชาชนเสียหาย โทษจะ
หนักขึน้ เปน็ จำคกุ ไมเ่ กนิ สองปี หรือปรับไมเ่ กนิ สี่หมน่ื บาท หรอื ทัง้ จำท้งั ปรับ เช่น แจ้งวา่ นายเอลกั ทรพั ย์ แต่
เขาไม่ไดล้ ักทรัพย์จริงกผ็ ดิ
-ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกดิ ขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มี
อำนาจสบื สวนคดีอาญาว่า ไดม้ ีการกระทำความผิด แม้ไม่มีใครเสียหายก็ผิด เชน่ แจง้ วา่ มอไซต์หาย แต่รู้ว่า
มันจอดอยู่บา้ นกผ็ ิด
-ถ้าการแจ้งข้อความเท็จ เพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องถูกบังคับตามวิธีการเพื่อความปลอดภยั ต้อง
รับผิด

หมวด ๒ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าท่รี าชการ

ความผดิ ฐานเจา้ พนักงานยักยอก
-คนทำผดิ ตอ้ งเป็นเจ้าพนักงาน คอื พนกั งานประจำหรอื ครัง้ คราว จะไดร้ ับคา่ ตอบแทนหรอื ไม่ก็ตาม
-ต้องมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ ต้องเป็นทรัพย์ราชการ แม้จะไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของทาง
ราชการก็ตามที
-เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้น
เสยี
-จำคกุ ตัง้ แต่ห้าปถี งึ ยีส่ ิบปี หรือจำคุกตลอดชวี ิต และปรับต้งั แต่หน่งึ แสนบาทถงึ สแี่ สนบาท
-เช่น จำเลยมีตำแหน่งเป็นอาจารย์ ได้รับหน้าท่ีหัวหน้าพัสดุโรงเรียน ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานและมี
หนา้ ท่ี เบียดบงั เอาเครอื่ งพิมพด์ ีดท่ีตนมีหนา้ ที่รักษาไปขาย จงึ มีความผดิ ฐานเจ้าพนักงานยกั ยอก
-เช่น จำเลยเป็นข้าราชการ ใต้บัญชาของนายกเทศมนตรี ต่อมานายกเทศมนตรีสั่งให้ไปรับพัสดุเงิน
จากศาลมามอบให้เทศบาล แม้จะไม่ใช่หน้าที่โดยตำแหน่ง เมื่อรับมอบหมายแล้วก็มีหน้าที่จัดการ รักษาตาม
กฎหมาย หากยักยอกเงินนั้นมาเป็นของตนิ ก็มีความผดิ ฐานเจา้ พนกั งานยักยอก
-เช่น จำเลยเป็นผู้คุมมีหน้าทีด่ แู ลนักโทษ การที่จำเลยซ่ึงเป็นเจ้าพนกั งานขับรถไป จึงมีหน้าที่ดูแลรถ
และน้ำมันในรถ หากปรากฏว่า จำเลยเบียดบังนำ้ มันในรถ จึงมีความผิดฐานเจ้าพนักงานยกั ยอก แต่ถ้าคนขับ
เป็นเพียงลูกจ้าง ไม่ใช่เจ้าพนักงาน ก็ไม่มีความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอก และไม่ผิดฐานยักยอกด้วย เพราะ
ผิดฐานลกั ทรพั ย์
-เช่น เจ้าพนักงานในคดีมีหน้าที่เก็บของกลาง แล้วเบียดบังเป็นของตน ก็มีความผิดฐานเจ้าพนักงาน
ยกั ยอก
-เช่น จำเลยเป็นพนักงานรถไฟ ตำแหน่งเจ้าพนักงานห้ามล้อ นำตั๋วค่าธรรมเนียมรถเร็ว ที่ตนขูดฆ่า
แสดงว่าใช้ไม่ได้ ให้กลับมาใช้ได้ใหม่ มาขายผู้โดยสาร ถือเป็นการเบียดบังค่าธรรมเนียม ความผิดฐานเจ้า
พนักงานยักยอกและมีโทษเพิ่มเพราะทำใหร้ ฐั เสยี หาย
-จำเลยมาช่วยราชการที่ตำบลท่าข้าม โดยยังไม่ขาดจากตำแหน่งเดิมที่อำเภอหนองเรือ จึงต้องรับ
เงนิ เดือนจากตน้ สังกัดเดิม แต่จำเลยใชต้ ั้งรับเงินเดือนท่ีตำบลทา่ ข้ามอีก เป็นการเบกิ ซำ้ ซ้อน ถือเป็นการเบียด
บัง มีความผิดฐานเจ้าพนักงานยกั ยอก
ควรจำ ทรัพย์นั้นไม่จำเป็นต้องกรรมสิทธิ์ของทางราชการ หากจ้าพนักงานมีอำนาจดูแล จัดทำ ซ้ือ
รักษา ก็มีความผิดหากเอาไป เช่น เจ้าพนักงานคุมประพฤติรับเงินค่าตอบแทนของผู้เยาว์ แล้วเบียดบังเอาไว้
ไม่นำเงนิ ไปฝากใหผ้ ้เู ยาว์
ควรจำ เอาทรัพย์ราชการไปจำนำก็ผิดฐานเจ้าพนกั งานยักยอก เช่น ตำรวจเอาปืนราชการไปจำนำ ก็
ผดิ แต่ ระวงั การเอาไปจำนำชั่วคราว จะไถ่ออกโดยเรว็ ไม่ผดิ เพราะไมต่ ัดกรรมสิทธิ์
ควรจำ หากผิดทั้งพนักงานยักยอกและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมาย
หลายบท ตอ้ งปรับตามบทหนกั คือ เจา้ พนักงานยักยอก

ระวงั กรณีนี้ไม่ใชค่ วามผิดฐานเจา้ พนกั งานยกั ยอก
-เชน่ เจา้ หนา้ ท่ีตำรวจสายตรวจไมไ่ ดม้ ีหนา้ ทโ่ี ดยตรงในการดแู ลของกลางในสถานตี ำรวจ หากหยิบไป
ไม่ผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอก แต่การที่จำเลยได้รับคำสั่งโดยชอบให้ดูแลโรงพัก รวมของกลาง ถือว่าจำเลย
ได้รับคำส่ังโดยชอบ หากหยิบไป จงึ เป็นการปฏบิ ัตหิ นา้ ทโี่ ดยทุจรติ ไม่ใชเ่ จา้ พนักงานยักยอก
-เช่น ขายทรัพย์ราชการที่ไม่ใช้แล้ว โดยเปิดเผย ได้ราคาสูง แม้ไม่ได้ขออนุมัติ ก็ไม่ผิด เพราะไม่มี
เจตนา
-เช่น เจ้าพนกั งานที่ดิน เรยี กเกบ็ ค่าธรรมเนยี มซื้อขายท่ีดิน เกนิ กฎหมาย และเอาส่วนเกินไว้เป็นของ
ตน เงินส่วนเกินนน้ั ไม่ใชท่ รัพย์ทางราชการจึงไมผ่ ดิ ฐานเจ้าพนกั งานยักยอก แต่ผดิ ฐานยักยอกเฉยๆ
--เจ้าพนกั งานต่อทะเบียนยานพาหยะ เกบ็ รกั ษาภาษยี านพาหนะ และคา่ แผ่นป้ายทะเบียน ได้รับเงิน
ท่ผี ู้มาต่อทะเบียนมอบให้เปน็ คา่ บริการโดยสมัครใจ ไม่ผดิ ฐานเจ้าพนักงานยักยอก เพราะไมใ่ ชท่ รัพย์ท่ีจำเลยมี
หน้าที่รกั ษา ไมใ่ ชเ่ งนิ ราชการด้วย
-เช่น จำเลยเป็นเสมียนตราอำเภอ ใช้คำสั่งแต่งตั้งข้าราชการการเงินซึ่งเป็นคำสั่งแต่งตั้งที่
ผบู้ งั คบั บญั ชาไม่ประสงคใ์ ห้จำเลยไปดำเนินการ เม่อื จำเลยนำไปแสดงตอ่ เสมยี นตราจังหวดั ขอรบั เงินโครงการ
ฝ่ายประชาอาสา ทำให้จำเลยไม่ได้มีอำนาจเกี่ยวข้องกับเงินดังกล่าวตามหน้าที่ หากจำเลยยักยอกไปจึงเป็น
ความผิดยกั ยอกธรรมดา และฉอ้ โกงดว้ ย
-จำเลยเป็นลูกจ้างไม่ใช่เจ้าพนักงาน ถูกจ้างมาขับรถนักโทษ การที่จำเลยซึ่งเป็นคนขับรถไป จึงมี
หน้าที่ดูแลรถและนำ้ มันในรถ หากเอาน้ำมันไป ก็ไม่มีความผิดฐานเจา้ พนักงานยักยอก และไม่ผิดฐานยักยอก
ดว้ ย เพราะผิดฐานลกั ทรัพย์

ความผิดฐานเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมชิ อบ
ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือ
หามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือ
จำคุกตลอดชีวติ และปรบั ตั้งแตห่ น่ึงแสนบาทถึงส่ีแสนบาท หรอื ประหารชีวติ
คำว่า เจ้าพนกั งาน ตอ้ งมีหนา้ ที่ด้วย
-เช่น จำเลยเป็นตำรวจ พูดกับโจทก์ว่า เป็นเจ้ามือหวยเถื่อนอย่างนี้ต้องมีผลประโยชน์ ให้เอาเงินให้
บ้าง ถ้าไม่ให้จะตามสารวตั รมาจับกุม เมื่อโจทก์ไม่ให้จำเลยจึงตามสารวตั รมาจับกุม แต่เมื่อมาจับไม่มกี ารเลน่
หวย กถ็ อื วา่ ผิดฐานใช้อำนาจโดยมชิ อบ
-เช่น จำเลยเป็นตำรวจ แจ้งจับผู้เสียหายหาว่า เล่นพนันสลากกินรวบ ขอค้นบ้านแล้วหยิบเอาเงินใน
ลนิ้ ชกั เพอ่ื ประโยชน์สว่ นตน ผิดฐานเจา้ พนักงานใช้อำนาจทางมิชอบ
-เชน่ กรณีทผี่ ูอ้ น่ื ไม่ได้ทำผดิ หรือไม่มีความผดิ เกิดขนึ้ แต่เจ้าพนกั งานนน้ั ไปแกล้งกล่าวหาว่าเขาทำผิด
เพื่อให้เขามอบทรัพย์หรือเงินให้ตน เพื่อจะไม่จับกุม หรือแกล้งจับกุมแล้วเรียกเอาค่าปรับเพื่อปล่อยตัว
นอกจากเปน็ ความผิดฐานใช้อำนาจโดยมชิ อบแลว้ ยังผิดฐานกรรโชกด้วย แตเ่ ป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลาย
บท ต้องลงโทษตามบทหนัก คือ เจ้าพนักงานใชอ้ ำนาจโดยมชิ อบ
กรณไี มผ่ ดิ ฐานเจา้ พนกั งานใช้อำนาจในตำแหนง่ โดยมชิ อบ
เชน่ จำเลยเป็นกำนัน พูดไกลเ่ กลยี่ เพ่อื ใหเ้ ลิกคดีต่อกนั ว่า ถ้าไม่เลกิ จะส่งตวั ไปดำเนนิ คดี ไมผ่ ดิ
เช่น เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน มีหน้าที่แนะนำประชาชนในเรื่องที่ดิน ไม่มีหน้าที่ในการตั้งผู้จัดการ
มรดก การไปจูงใจผูเ้ สียหายให้มอบเงินให้ตน เพื่อขอตั้งผู้จัดการมรดก ไม่ผิด เพราะไม่มีหน้าที่ แต่อาจผิดฐาน
อนื่
นา่ สนใจ ตำรวจไปขอเงินโดยไม่ได้แล้วกล่าวหาวา่ ทำผดิ ซงึ่ ผเู้ สียหายจะใหก้ ็ได้ ไม่มีความผิด
เช่น จำเลยเป็นตำรวจไปที่บ้านผู้เสียหาย แนะนำตัวว่าเป็นตำรวจ แล้วขอความช่วยเหลือค่าใช้จ่าย
ถามผู้เสียหายว่าจะให้เท่าใด ฝ่ายผู้เสีนหายเปิดบ่อน จึงเข้าใจว่ากลัวจะถูกจับ จึงบอกว่าจะให้ ๑ หมื่น แต่
จำเลยขอ ๒ หมืน่ จำเลยไม่มีความผิด

ความผดิ ฐานเจา้ พนักงานเรียกรบั สนิ บน
มาตรา ๑๔๙ ผู้ใดเป็นเจ้าพนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ัญญตั ิแหง่ รัฐ สมาชกิ สภาจังหวัด หรอื สมาชิกสภา
เทศบาล เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรบั ตนเองหรือผู้อื่นโดยมชิ อบ เพ่ือกระทำ
การหรอื ไมก่ ระทำการอยา่ งใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าท่ี ตอ้ งระวางโทษจำคุกต้ังแต่
ห้าปีถึงยี่สบิ ปี หรอื จำคุกตลอดชีวิต และปรบั ตั้งแต่หนึง่ แสนบาทถึงสแ่ี สนบาท หรอื ประหารชีวิต
คำวา่ เจ้าพนกั งาน ตอ้ งมหี น้าท่ีด้วย
-เช่น กำนันจับจำเลยเรื่องลักทรัพย์ แล้วปล่อยตัวไปไม่นำส่งพนักงานสอบสวนแล้วเรียกเงินคนละ
๕๐๐ บาท
-ควรจำ ฎีกาสุดงง คือ กรณีที่มีผู้ทำความผิดเกิดขึ้นแล้ว แต่เจ้าพนักงานเรียกรับจากผู้นั้นเพื่อไม่ให้
จับกมุ ผิดฐานเรยี กรับสินบน
ควรจำ หากผิดทั้งพนักงานรับสินบนและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เมื่อผิด
ตามพนกั งานรบั สินบนแลว้ ไมต่ อ้ งปรบั บทเป็นกรรมเดยี วผิดหลายบทอกี

เชน่ ตำรวจเหน็ จำเลยใหท้ ่พี กั พงิ คนต่างด้าว ซึ่งเป็นการทำผดิ จริงและมกี ารจับกุม แต่ปลอ่ ยตวั ไปและ
เรียกรับเงิน ซึ่งผิดทั้งเจ้าพนักงานรบั สินบนและละเว้นการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีหรือปฏบิ ัติหนา้ ที่โดยทุจริต ก็ให้คิดแค่
รับสินบน

เชน่ เจ้าหน้าทีต่ ำรวจมอี ำนาจสบื สวนคดีอาญา แม้จะมคี ำส่งั ใหท้ ำหนา้ ท่อี ย่างอนื่ โดยเฉพาะ เช่น เป็น
ช่าง ก็ยังมีหน้าที่จำค้นผู้ทำผิดอยู่ เมื่อจำเลยจับกุมเรียกจับผู้เสียหาย แต่เรียบรับเงิน ก็ผิดฐานเจ้าพนักงาน
เรยี กรับสินบน

ควรจำ เจา้ พนกั งานตำรวจเรียกเงินจากผู้ทำผิด โดยไม่มอี ำนาจหนา้ ที่น้ันดว้ ย ถือว่าปฏบิ ัติอำนาจ
นอกหน้าท่ี ไม่ผิด แต่ เป็นการสนบั สนุนการทำผิดตามโทษ

น่าสนใจ
เช่น จำเลยที่ ๒ เป็นตำรวจได้จับกุมผู้เสียหายในข้อหาเล่นการพนัน ส่วนจำเลยที่ ๑ เป็นตำรวจที่
สถานีเดียวกัน แต่ไม่ได้ร่วมจับกุม จำเลยที่ ๑ เรียกรับเงินจากผู้เสียหายแล้วมอบให้จำเลยที่ ๒ เพื่อปล่อยตัว
จำเลยที่ ๑ ไมผ่ ิดฐานเรยี กรบั สินบน เพราะไมม่ ีหนา้ ที่ แต่เปน็ ผ้สู นบั สนุนการทำผิดของผู้เสยี หาย
เช่น ราษฎรจ่ายเงินค่าจดทะเบียนเกินมา แต่เจ้าพนักงานรับเงินส่วนเกินไว้แล้วนิ่งเฉยย มี
ความผิดฐานเจา้ พนักงานเรยี กรับสนิ บน แต่ไม่ผดิ ฐานเจา้ พนักงานยกั ยอก เพราะไมใ่ ช่เงินราชการ
ความผดิ ฐานเจ้าพนักงานเรยี กรับสินบน แมแ้ ต่เรยี กกเ็ ป็นความผิดแล้ว แมจ้ ะยังไมไ่ ดท้ รัพยก์ ็ตาม

ข้อแตกตา่ งของเจา้ พนกั งานใชอ้ ำนาจในตำแหนง่ โดยมิชอบและเจ้าพนกั งานเรียกรับสินบนคอื

-เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ เป็น กรณีที่เจ้าพนักงานมเี จตนามาแต่แรกที่จะทุจรติ
เช่น กรณีที่ผอู้ ่ืนไม่ได้ทำผิดหรือไม่มีความผดิ เกดิ ข้นึ แต่เจา้ พนกั งานนนั้ ไปแกลง้ กล่าวหาว่าเขาทำผดิ เพ่ือให้เขา
มอบทรพั ย์หรือเงินใหต้ น เพอื่ จะไมจ่ บั กมุ หรอื แกลง้ จับกมุ แลว้ เรยี กเอาคา่ ปรับเพื่อปล่อยตัว

-เจ้าพนักงานเรียกรับสินบน เป็น กรณีที่เจ้าพนักงานเริ่มต้นใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของตนโดย
ชอบ แต่กลับทุจริตภายหลัง เชน่ ผถู้ ูกจับในความผดิ จรงิ เรยี กเอาทรพั ย์และปล่อยตัวไป ถอื เปน็ การรบั สินบน

ควรจำ บางกรณที ัง้ ๒ ความผดิ น้ีอาจผดิ กรรโชกดว้ ย เปน็ กรรมเดยี วผดิ กฎหมายหลายบท
จะเกิด ๒ ความผิดนี้ได้ เจ้าพนักงานต้องมีหน้าที่ตามการนั้นด้วย ถ้าไม่มีหน้าที่ก็ไม่ผิด เช่น พ้น
หนา้ ที่จากเจา้ พนกั งานไปแล้ว เกษยี ณ ลาออก ก็ไม่ผิด ๒ ฐานความผดิ น้ี
เมื่อมีความผิดครบองค์ประกอบตามความผิด ๒ ฐานนี้ ย่อมมีความผิดฐานเจ้าพนักงานละเว้นการ
ปฏิบตั หิ นา้ ทีโ่ ดยมิชอบดว้ ย แต่ไมต่ อ้ งปรบั บทตามความผิดฐานเจา้ พนกั งาน

ความผิดฐานเจ้าพนักงานรบั สินบนกอ่ นเขา้ รับตำแหน่ง
ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งโดยเห็นแก่ทรัพย์สินหรือ
ประโยชน์อื่นใด ซึ่งตนได้เรียก รับ หรือยอมจะรับไว้ก่อนที่ตนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งนั้น
ตอ้ งระวางโทษจำคุกตั้งแต่หา้ ปีถงึ ย่สี บิ ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรบั ตง้ั แตห่ น่งึ แสนบาทถึงส่ีแสนบาท

ความผดิ ฐานเจา้ พนักงานมีหน้าทซี่ ื้อทรพั ย์ ใช้อำนาจในตำแหนง่ โดยทจุ ริต
ผูใ้ ดเป็นเจา้ พนักงาน มีหนา้ ทีซ่ อื้ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพยใ์ ด ๆ ใช้อำนาจในตำแหนง่ โดยทุจริต อัน
เป็นการเสยี หายแกร่ ัฐ เทศบาล สขุ าภบิ าลหรอื เจ้าของทรพั ยน์ ัน้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแตห่ ้าปีถงึ ย่ีสิบปี หรือ
จำคกุ ตลอดชวี ิต และปรับตง้ั แตห่ นึง่ แสนบาทถึงสแ่ี สนบาท
ต่างจากเจ้าพนกั งานยักยอก คอื เจา้ พนกั งานยกั ยอกเอาประโยชน์กับตัวทรัพย์ แตก่ รณนี ใ้ี ช้อำนาจเอา
ประโยชนน์ อกตวั ทรัพย์
เช่น การจะผิดฐานนี้ก็ต่อเมื่อ เจ้าพนักงานมีหน้าท่ีซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ แล้วใช้อำนาจนี้
แสวงหาอำนาจทมี่ ิควรไดจ้ ากตวั ทรัพย์ โดยไม่ไดเ้ อาทรัพย์ไป
เชน่ เจ้าพนกั งานสง่ั อนญุ าตให้ใชร้ ถและเบิกนำ้ มันของทางราชการไปใชก้ จิ การสว่ นตวั

ความผดิ ฐานเจ้าพนกั งานเข้ามสี ่วนไดเ้ สยี
ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง
หรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสอง
แสนบาท
เช่น จำเลยที่ ๑ เป็นปลัดสุขาภิบาลได้รับคำสั่งแต่งตั้งจากสุขาภาล ดูแลผู้รับเหมาขุดท่อระบายน้ำ
จำเลยที่ ๑ มีหน้าดูแลกิจการของสุขาภิบาล จึงมีความผิดเพราะจ่ายค่าจ้างคนงานเพียงครึ่งเดียว และผิดฐาน
ละเวน้ ทำใหร้ ฐั เสยี หาย เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษบทหนัก คือ ความผดิ ฐานเจา้ พนักงานเข้า
มีสว่ นไดเ้ สยี

ความผิดฐานเจา้ พนักงานจา่ ยทรพั ยเ์ กินกวา่ ท่คี วรจา่ ย
ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จ่ายทรัพย์ จ่ายทรัพย์นั้นเกินกวา่ ทีค่ วรจ่ายเพื่อประโยชน์สำหรบั ตนเอง
หรอื ผอู้ ื่น ตอ้ งระวางโทษจำคุกตัง้ แต่หน่งึ ปีถึงสบิ ปี และปรบั ตั้งแต่สองหมืน่ บาทถงึ สองแสนบาท

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

มาตรา ๑๕๕๙ ผ้ใู ดเปน็ เจ้าพนักงาน มีหน้าทก่ี ำหนดราคาทรัพย์สนิ หรือสนิ ค้าใด ๆ เพอ่ื เรียกเกบ็ ภาษี
อากรหรือค่าธรรมเนยี มตามกฎหมาย โดยทุจริตกำหนดราคาทรพั ย์สนิ หรือสินค้านั้น เพื่อให้ผู้มีหน้าท่ีเสียภาษี
อากรหรอื คา่ ธรรมเนียมน้ันมิต้องเสียหรือเสียน้อยไปกว่าที่จะต้องเสยี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี
หรือจำคุกตลอดชีวติ และปรบั ตั้งแต่หน่งึ แสนบาทถึงส่ีแสนบาท

มาตรา ๑๕๖ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีตามกฎหมาย โดยทุจริต แนะนำ หรือ
กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด เพื่อให้มีการละเว้นการลงรายการในบัญชี ลงรายการเท็จในบัญชี แก้ไข
บัญชี หรือซ่อนเร้น หรือทำหลักฐานในการลงบัญชีอันจะเป็นผลให้การเสียภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมนั้นมิ
ต้องเสีย หรือเสียน้อยกว่าที่จะต้องเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และ
ปรับตั้งแตห่ น่งึ แสนบาทถงึ ส่ีแสนบาท

ความผดิ ฐานเจา้ พนักงานปฏิบัตหิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่โี ดยมชิ อบหรือโดยทจุ ริต
ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมชิ อบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่งึ
ผ้ใู ด หรือปฏบิ ัตหิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั หิ น้าทโี่ ดยทจุ ริต ตอ้ งระวางโทษจำคุกตง้ั แตห่ นึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับต้ังแต่
สองหมน่ื บาทถงึ สองแสนบาท หรอื ทง้ั จำทัง้ ปรับ
หากเจ้าพนักงาน ไม่มีหน้าท่ี ไม่มคี วามผิดความผดิ ฐานเจ้าพนกั งานปฏิบัตหิ รือละเวน้ การปฏิบัติหน้าที่
โดยมิชอบ เช่น เจา้ พนักงานตำรวจส่งั พกั ราชการ ยังไมม่ ีคำสงั่ ปลด ถอื วา่ ไมม่ ีหนา้ ท่ี แตอ่ าจผดิ ฐานอืน่
กรณีที่ ๑ ปฏบิ ตั ิหรอื ละเวน้ การปฏิบัติหนา้ ที่โดยมชิ อบ เพ่ือให้เกิดความเสยี หายแกผ่ หู้ นง่ึ ผใู้ ด
-เชน่ รฐั มนตรมี หี นา้ ที่ปฏบิ ัติตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีซึ่งเปน็ หวั หน้ารัฐบาล การทรี่ ฐั มนตรีพยายามหา
เหตุต่าง ๆ เพื่อไม่ปฏิบัติตาม เพื่อกลั่นแกล้งผู้อื่น จึงผิด เพราะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกิดความ
เสยี หายแก่ผู้อน่ื มีความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏบิ ัติหรือละเวน้ การปฏิบัติหน้าท่โี ดยมิชอบ
-เช่น ตำรวจจับผู้เสียหายในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ แล้วเกิดทำร้ายผู้ต้องหาเพื่อบั งคับตอบ
คำให้การสารภาพ เป็นการกระทำทีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติอย่างมิชอบ มีความผิดฐานเจ้า
พนกั งานปฏิบตั ิหรือละเวน้ การปฏบิ ัติหนา้ ทโ่ี ดยมิชอบ
-เช่น ตำรวจกรอกบันทึกการจบั กุมเท็จ มีความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
โดยมิชอบ
-เช่น ตำรวจค้นตัวผู้เสียหาย แต่ไม่พบอะไร ก็ยังจับกุม มีความผิดฐานเจา้ พนักงานปฏิบัติหรือละเวน้
การปฏิบตั หิ นา้ ท่โี ดยมชิ อบ
-การใช้ดุลพินจิ ไม่เหมาะสม ตามอำเภอใจ เกดิ ความเสยี หายแกผ่ ู้อ่ืน มีความผิด เชน่ อยั การส่งไม่ฟ้อง
ท้ังท่ีหลักฐานชัดเจน
-ตำรวจเจอคนทำผิด แต่ไมจ่ บั ก็ผิด หรอื พนักงานสอบสวนไม่ยอมรับคำร้องทุกข์กผ็ ิด
ควรระวัง กรณีเหลา่ น้ีผิดฐานอน่ื
-เช่น จำเลยมีหน้าที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาให้นักเรียน ไม่มีหน้าที่เก็บสมุดเงินฝากหรือ
ถอนเงนิ แทนนักเรยี น การทีน่ กั เรียนมอบใหค้ รูเพื่อไปถอน ไม่มคี วามผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัตหิ รือละเว้นการ
ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีโดยมชิ อบ เพราะไมม่ ีหน้าที่
-น่าสนใจ ตำรวจเข้าไปเล่นการพนัน กับผู้รว่ มเลน่ พนัน แต่ไม่จับ ไม่ถือว่ามีความผิดฐานเจ้าพนักงาน
ปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏิบตั หิ น้าท่ีโดยมิชอบ
-เช่น ผู้ใหญ่บ้านไม่มีหน้าที่ทำหนังสือขอลาออก ได้ทำปลอมหนังสือขอลาออกของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
จงึ ไม่ใช่หน้าท่ี ไมม่ คี วามผดิ ฐานเจ้าพนกั งานปฏิบัตหิ รอื ละเว้นการปฏิบตั หิ น้าทโี่ ดยมิชอบ
-เช่น ตำรวจจับผู้เสียหายในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ แล้วเกิดทำร้ายผู้ต้องหาในเรื่องส่วนตัว ไม่มี
ความผิดฐานปฏบิ ัตหิ น้าทมี่ ิชอบ เพราะไมไ่ ด้ทำร้ายเพอ่ื บงั คบั ในคดหี รือทำร้ายเพ่ือตอบคำให้การ
-เช่น แต่งเครอื่ งเครื่องแบบตำรวจ ไปขโมยรถ ไมเ่ กี่ยวกบั หนา้ ท่ตี ำรวจ ไมม่ ีความผดิ ฐานเจ้าพนักงาน
ปฏิบัติหรอื ละเวน้ การปฏิบตั หิ น้าทีโ่ ดยมิชอบ
-เช่น การเบิกความเป็นพยานเท็จต่อศาล ไม่ใช่หน้าที่ แม้จะเบิกความเท็จ ก็ไม่มีความผิดฐานเจ้า
พนักงานปฏิบตั หิ รือละเวน้ การปฏบิ ัติหน้าทโ่ี ดยมิชอบ
-เช่น ตำรวจพูดกบั ผ้ตู ้องหาวา่ หากไมม่ าเปน็ พยานจะดำเนนิ คดี ไม่ผดิ

ความผดิ ฐานเจ้าพนกั งานทำลายทรพั ย์หรอื เอกสาร
ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้
ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์หรือเอกสารใดอันเป็นหน้าที่ของตนที่จะปกครองหรือรักษาไว้ หรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำ
เชน่ น้นั ต้องระวางโทษจำคกุ ไม่เกนิ เจ็ดปี และปรับไมเ่ กนิ หนง่ึ แสนสี่หมืน่ บาท
ถ้าทรัพย์นั้นไม่ใช่หน้าที่ของตนที่จะปกครองหรือรักษา ก็ไม่มีความผิดฐานเจ้าพนักงานทำลาย
ทรัพย์หรอื เอกสาร แตม่ คี วามผดิ ฐานอ่นื วา่ ไป

ความผิดฐานเจา้ พนักงานทำลายตราประทบั
ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ดูแล รักษาทรัพย์หรือเอกสารที่มีตราหรือเครื่องหมายประทับ กระทำ
การอนั โดยถอน ทำให้เสียหาย ทำลายหรอื ทำให้ไร้ประโยชน์มิชอบด้วยหน้าที่ หรอื โดยยนิ ยอมให้ผู้อื่นกระทำ
เชน่ นน้ั ซงึ่ ตราหรือเครอื่ งหมายอันเจ้าพนกั งานไดป้ ระทับหรือหมายไว้ที่ทรัพยห์ รือเอกสารน้นั ในการปฏิบัติการ
ตามหนา้ ท่ี เพอื่ เป็นหลกั ฐานในการยึดหรือรกั ษาสงิ่ นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไมเ่ กินห้าปี หรือปรับไมเ่ กินหน่งึ
แสนบาท หรอื ท้งั จำทัง้ ปรบั

ความผิดฐานเจา้ พนกั งานใช้ดวงตราโดยมิชอบ
ผู้ใดเป็นเจ้าพนกั งาน มีหน้าที่รักษาหรือใชด้ วงตราหรือรอยตราของราชการหรือของผู้อื่น กระทำการ
อันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยใช้ดวงตราหรือรอยตรานั้น หรือโดยยินยอมให้ผู้อื่นกระทำเช่นนั้น ซึ่งอาจทำให้ผู้อ่ืน
หรือประชาชนเสยี หาย ต้องระวางโทษจำคกุ ไม่เกินหา้ ปี หรอื ปรบั ไม่เกนิ หนง่ึ แสนบาท หรือท้งั จำทั้งปรบั

ความผิดฐานเจ้าพนกั งานปลอมเอกสาร
ถ้ามีราษฎรมาไม่ใช่พนักงานทำผิดร่วมกับเจ้าพนักงาน จะไม่ผิดฐานเจ้าพนักงานปลอมเอกสาร
แต่ราษฎรผดิ ฐานสนบั สนนุ
-เจ้าพนักงาน ที่มีหน้าท่ีทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการ
ปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสทตี่ นมหี นา้ ทน่ี น้ั ต้องระวางโทษจำคุกไมเ่ กินสิบปี และปรับไม่เกนิ สองแสนบาท
ควรจำ การปลอมเอกสารโดยท่วั ไป ตอ้ งเปน็ เอกสารโดยแท้จรงิ ของอืน่ หรือเปน็ เอกสารที่ตนทำขึ้น
โดยไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะทำ ดังนั้น แม้เจ้าพนักงานได้ทำเอกสารในนามของตนเองตามอำนาจหน้าที่ แม้
ขอ้ ความจะเปน็ เทจ็ ก็ไม่เปน็ การปลอมเอกสาร
เช่น จำเลยเป็นเจ้าพนักงานที่ดินได้ออกโฉนดให้โจทก์เรียบร้อยสมบูรณ์ ลงลายมือชื่อครบ
ประทับตรา แค่ยังไม่ได้สง่ มอบให้โจทก์ ต่อมามีผูม้ าขออายัติการออกโฉนด จำเลยจงึ ไม่ส่งมอบให้โจทก์ แล้วมี
การลบวันเดือนปี ลายเซ็นของจำเลยในฐานะเจ้าพนักงานที่ดินออก กรณีนี้ ไม่ใช่การปลอมเอกสาร เพราะยัง
ไมไ่ ด้สง่ มอบ ถือวา่ โฉนดยงั อยใู่ นความครอบครองของเจ้าพนักงานและอย่รู ะหวา่ งการดำเนินการของเจ้าหน้าที่
จำเลยจงึ มอี ำนาจเปลย่ี นได้
เจ้าพนกั งานปลอมเอกสารนอกราชอาณาจกั ร ก็รบั ผิดในราชอาณาจกั ร
ถ้าเจ้าพนักงานนั้นไม่มีหน้าท่ีทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร ก็ไม่มี
ความผิดฐานเจ้าพนักงานปลอมเอกสาร เช่น จำเลยมีหน้าที่รักษาแบบพิมพ์ของทางราชการ อาศัยอำนาจใน
หน้าที่นี้ กรอกข้อความลงในแบบพิมพ์ ไม่มีความผิดฐานเจ้าพนักงานปลอมเอกสาร เพราะไม่ใช่หน้าที่ทำ
เอกสาร กรอกขอ้ ความลงเอกสาร หรอื ดแู ลเอกสาร เพียงแตร่ ักษาแบบพมิ พ์ แต่ผิดฐานปลอมเอกสารราชการ

เช่น ตำรวจจับกุมจำเลยได้และทำบันทึกจับกุมเรียบร้อย มีการลงลายมือชื่อทั้งจำเลยและเจ้าหน้าที่
ตำรวจครบถ้วนแล้ว ต่อมาเจ้าหน้าตำรวจคนหนึ่งไปเติมข้อความลงในเอกสารดังกล่าวว่า จำเลยรับสารภาพ
โดยไม่เปน็ ความจริง จึงเป็นการเติมข้อความลงในเอกสารที่แท้จริงจนน่าจะเกิดความเสียหายแก่จำเลย เพราะ
ปลอมข้ึนบางส่วน โดยใชห้ น้าที่ จงึ มคี วามผิดฐานเจ้าพนักงานปลอมเอกสารและผดิ ฐานปฏบิ ัติหนา้ ทโี่ ดยมิชอบ
ดว้ ย

เช่น จำเลยเป็นเจ้าพนักงานที่ดินได้ออกโฉนดให้โจทก์เรียบร้อยสมบูรณ์ ลงลายมือชื่อครบ
ประทับตรา แค่ยังไม่ได้ส่งมอบให้โจทก์ ต่อมามีผู้มาขออายัติการออกโฉนด จำเลยจึงไม่ส่งมอบให้โจทก์ แล้วมี
การลบวันเดือนปี ลายเซ็นของจำเลยในฐานะเจ้าพนักงานที่ดินออก กรณีนี้ ไม่ใช่การปลอมเอกสาร เพราะยัง
ไม่ไดส้ ง่ มอบ ถือว่าโฉนดยังอย่ใู นความครอบครองของเจ้าพนักงานและอยรู่ ะหว่างการดำเนนิ การของเจ้าหน้าที่
จำเลยจงึ มอี ำนาจเปลี่ยนได้

เช่น เจ้าพนักงานมอี ำนาจเพียงกรอกข้อความลงในเอกสาร แต่ไม่มีอำนาจลงลายมอื ช่ือในเอกสารน้นั
การที่เจ้าพนักงานดังกล่าวลงในเอกสาร เพื่อแสดงว่าตนเองเป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจลงนาม เป็นความผิด
ฐานเจา้ พนักงานปลอมเอกสาร

เช่น เจ้าพนักงานมีหน้าที่ตรวจข้อสอบ รวมคะแนน ได้ช่วยเหลือผู้เข้าสอบ โดยตั้งโปรแกรม ให้มี
คะเนนสูง มคี วามผดิ ฐานเจ้าพนักงานปลอมเอกสาร

เช่น เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่กรอกข้อความลงเอกสาร ปลอมลายเซ็นผู้อื่น เพื่อใช้อนุมัติเงิน นำเงินไป
เป็นของตนโดยทจุ ริต มีความผิดฐานเจ้าพนกั งานปลอมเอกสาร และเจ้าพนักงานยักยอกด้วย ต้องลงโทษตาม
เจา้ พนกั งานยกั ยอกเพราะโทษหนักกว่า

ระวัง ความที่จำเลยกรอกลงในเอกสาร ถูกต้องตามจริง ตราประทับก็เป็นของทางราชการ แม้จะยังไม่มี

ลายมือชื่อของเจ้าพนักงาน ไม่ลงวันเดือน ก็เป็นเพียงเอกสารที่ลงรายการไม่ครบถ้วนเท่านั้น ไม่ใช่เอกสารท่ี
จำเลยลอกเลียนแบบหรือปลอมเอกสาร จงึ ไมผ่ ิดฐานปลอมเอกสาร

ความผิดฐานเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ
ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการ
ดงั ต่อไปนใี้ นการปฏิบตั ิการตามหนา้ ที่

(๑) รับรองเป็นหลกั ฐานว่า ตนไดก้ ระทำการอย่างใดข้ึน หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้า
ตนอันเป็นความเท็จ

(๒) รับรองเป็นหลักฐานวา่ ได้มกี ารแจง้ ซ่ึงข้อความอันมิได้มีการแจง้
(๓) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้น
หรอื
(๔) รับรองเป็นหลกั ฐานซ่งึ ขอ้ เท็จจรงิ อนั เอกสารน้ัน ม่งุ พสิ จู นค์ วามจริงอันเปน็ ความเท็จ

ตอ้ งระวางโทษจำคุกไมเ่ กินเจด็ ปี และปรับไม่เกนิ หนงึ่ แสนสี่หมืน่ บาท
เช่น ราษฎรแจ้งขอแก้ไขเนื้อที่ดินและรูปแผนที่ใน นส๓ก อันเป็นเท็จว่ามีการทำประโยชน์เนื้อท่ีดนิ
เพมิ่ ข้ึน มคี วามผิดฐานแจ้งความเทจ็ นายอำเภอก็อนญุ าตแก้ไข นายอำภอผดิ ฐานเจ้าพนกั งานทำเอกสารเท็จ

เชน่ ผู้ขายยังไมส่ ง่ มอบรถยนตใ์ ห้เทศบาลผ้ซู อ้ื จำเลยซึ่งมีหน้าที่ตรวจรับรถยนตไ์ ด้ลงชอื่ ในใบตรวจรับ
พัสดุ มีข้อความว่าได้ตรวจรับรถยนต์แล้ว ซึ่งเป็นความเท็จ เป็นความผิด และจำเลยรับรองว่า รถที่รับรองมี
ปริมาณคณุ ภาพครบถ้วน ราคาดี และส่งมอบรถแลว้ มคี วามผิด

เช่น จำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับมอบหมายให้จดจำนวนสัตว์พาหนะ จึงจดจำนวนเท็จตามคำขอของ
ลูกบ้าน แม้ไม่ได้รับสินบน ผู้ใหญ่ก็มีความผิดฐานเอกสารเท็จ เพราะรับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการ
อย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ส่วน
ลูกบ้านมคี วามผดิ ฐานแจง้ ความเทจ็

จำว่า เม่ือมคี วามผดิ ฐานเจา้ พนักงานทำเอกสารเท็จ ยอ่ มมคี วามผดิ ฐานปฏบิ ัตหิ น้าท่ีมิชอบ เสมอ
ถอื วา่ กรรมเดียวผดิ กฎหมายหลายบท ลงโทษตามบทหนกั จึงบังคับคดีตามผิดฐานปฏิบัตหิ น้าที่มิชอบ

ระวัง ความผิดฐานเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ ไม่จำเป็นต้องกระทำโดยทุจริตและเกิดความ
เสยี หายแกผ่ ้อู น่ื หรือประชาชนกม็ ีความผิด เพราะไมใ่ ชอ่ งค์ประกอบความผดิ
ควรระวงั เหล่าน้ไี มผ่ ิด

เช่น การทำบันทึกย้อนหลังเพื่อยืนยันความเป็นจริงหรือให้ตรงกับความเป็นจริง ไม่ใช่การรับรอง
ข้อเท็จจริงอนั เปน็ เท็จ ไมม่ คี วามผิด

เช่น การระบสุ ถานท่ีบนั ทกึ ทำคำให้การผิดจากความเป็นจริง เปน็ เรอ่ื งไมส่ ำคัญจงึ ไม่ผิด
เชน่ ทำสัญญาบันทึกขอ้ ตกลงย้อนหลังตามความเปน็ จรงิ วา่ มกี ารโอนทีด่ นิ ให้แกก่ ัน ไมเ่ ปน็ ความผดิ

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

มาตรา ๑๖๓ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ในการไปรษณีย์ โทรเลขหรือโทรศัพท์ กระทำการอันมิ
ชอบดว้ ยหนา้ ทดี่ งั ต่อไปน้ี

(๑) เปิด หรือยอมให้ผอู้ ืน่ เปดิ จดหมายหรอื สงิ่ อนื่ ท่ีสง่ ทางไปรษณียห์ รือโทรเลข
(๒) ทำให้เสยี หาย ทำลาย ทำให้สญู หาย หรอื ยอมให้ผู้อน่ื ทำใหเ้ สียหาย ทำลายหรือทำใหส้ ูญ
หาย ซึ่งจดหมายหรือสง่ิ อ่นื ทสี่ ง่ ทางไปรษณีย์หรอื โทรเลข
(๓) กัก ส่งให้ผิดทาง หรือส่งให้แก่บุคคลซึ่งรู้ว่ามิใช่เป็นผู้ควรรับซ่ึงจดหมาย หรือสิ่งอื่นที่สง่
ทางไปรษณยี ์หรือโทรเลข หรือ
(๔) เปดิ เผยข้อความที่สง่ ทางไปรษณีย์ ทางโทรเลขหรือทางโทรศัพท์

ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไม่เกนิ หา้ ปี หรือปรบั ไมเ่ กินหนง่ึ แสนบาท หรือทั้งจำท้งั ปรบั
มาตรา ๑๖๔ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน รู้หรืออาจรู้ความลับในราชการ กระทำโดยประการใด ๆ อันมิ
ชอบด้วยหน้าที่ ให้ผู้อื่นล่วงรู้ความลับนัน้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกนิ หนึ่งแสนบาท หรือ
ท้งั จำทัง้ ปรบั

ความผิดฐานเจา้ พนักงานขดั ขวางการปฏิบัตติ ามกฎหมาย
มาตรา ๑๖๕ ผู้ใดเป็นเจา้ พนกั งาน มหี นา้ ทป่ี ฏิบตั ิการให้เปน็ ไปตามกฎหมาย หรือคำสัง่ ซ่ึงได้สั่งเพื่อ
บังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ป้องกันหรือขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมายหรือคำสั่งนั้น ต้องระวาง
โทษจำคกุ ไมเ่ กินหนึง่ ปี หรือปรบั ไม่เกนิ สองหมืน่ บาท หรอื ทั้งจำทง้ั ปรบั
เชน่ ศาลออกหมายจับผตู้ ้องหา แตเ่ จ้าหน้าท่ีตำรวจ ได้บอกให้ผ้ตู อ้ งหาหลบหนี มีความผดิ เพราะเจ้า
พนักงานน้นั มีหนา้ ที่จบั ตามหมาย แต่ขัดขวางไม่ใหจ้ บั ได้

ความผิดฐานเจ้าพนกั งานละทงิ้ งาน
ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ละทิ้งงานหรือกระทำการอย่างใด ๆ เพื่อให้งานหยุดชะงักหรือเสียหาย โดยร่วม
กระทำการเช่นนั้นด้วยกันตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไป ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
หรือทง้ั จำทง้ั ปรบั
จำว่า ๕ คนขนึ้ ไป
ถ้าความผิดนั้นได้กระทำลงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน เพื่อบังคับรัฐบาลหรอื เพื่อ
ข่มขปู่ ระชาชน ผกู้ ระทำต้องระวางโทษจำคกุ ไม่เกนิ สิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

ลกั ษณะ ๓ ความผดิ เกยี่ วกบั การยตุ ธิ รรม (มาตรา ๑๖๗ - ๒๐๕)

หมวด ๑ ความผดิ ตอ่ เจา้ พนกั งานในการยุติธรรม

การฟอ้ งความเทจ็
ผู้ใดเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญาหรือว่ากระทำความผิดอาญาแรง
กว่าทเี่ ปน็ ความจรงิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหา้ ปี และปรบั ไม่เกินหนงึ่ แสนบาท
หาก ลุแก่โทษต่อศาล และขอถอนฟ้องหรือแก้ฟ้องก่อนมีคำพิพากษา ให้ศาลลงโทษน้อยกว่าท่ี
กฎหมายกำหนดไวห้ รอื ศาลจะไม่ลงโทษเลยก็ได้
ระวัง ฟอ้ งเทจ็ ทางแพ่งไมผ่ ดิ เชน่ ฟ้องวา่ นายเอกเู้ งนิ ไม่ผดิ แต่จะผิดเบิกความเท็จ

เบิกความเทจ็
-ผู้ใดเบิกความอันเปน็ เท็จในการพิจารณาคดีตอ่ ศาล ถ้าความเทจ็ นัน้ เป็นข้อสำคัญในคดี เช่น บอก
อาชพี มวั่ อาจยังไม่ผิด ระวัง ตอ้ งเบิกตามความรู้เหน็ ด้วย
-ผู้ใดซึ่งเจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวน ให้แป ล
ข้อความหรือความหมายใด แปลข้อความหรือความหมายนั้นให้ผิดไปในข้อสำคัญ ต้องเป็นข้อสำคัญด้วย
เชน่ แปลตำแหนง่ ผิด ไมผ่ ดิ ถ้าแปลข้อมลู พฤตกิ รรมผิด ก็ผิด
-ผู้ใดทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ เพื่อให้พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวน
คดีอาญาเชื่อว่าได้มีความผิดอาญาอย่างใดเกิดขึ้น หรือเชื่อว่าความผิดอาญาที่เกิดขึ้นร้ายแรงกว่าที่เป็นความ
จริง ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไมเ่ กินส่หี มื่นบาท หรอื ทง้ั จำทง้ั ปรับ
เช่น ตีตัวเองใหเ้ จ็บช้ำแลว้ ไปแจง้ ว่าโดนปล้น ใหเ้ ขาชดใช้

ลักษณะ ๔ ความผิดเกยี่ วกับการก่อให้เกิดภยนั ตรายต่อประชาชน

มาตรา ๒๑๗ ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และ
ปรบั ตั้งแตห่ นึ่งหมื่นบาทถงึ หนึ่งแสนส่ีหม่นื บาท

วิธีการวางเพลิงไม่ว่าจะวิธีใด ๆ ก็ตามทำให้ไฟในตัวทรัพย์นั้นลุกขึ้น เช่น ใช้ไม้ขีดไม้ ใช้ไม้ถูกัน
ใช้กระจกโค้งรวมแสงแดดให้ติดไฟ

ความผดิ ฐานวางเพลิงเผาทรพั ย์สำเร็จเมื่อทรัพย์ติดไฟ ไมจ่ ำเป็นตอ้ งไหม้ท้งั หมด
วางเพลิงเผาทรัพย์ที่มีเหตุฉกรรจ์ ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่
๕ ปีถึง ๒๐ ปี ดงั น้ี

(๑) โรงเรอื น เรอื หรอื แพทค่ี นอยูอ่ าศัย
(๒) โรงเรอื น เรอื หรอื แพอนั เป็นทเ่ี ก็บหรือทีท่ ำสินค้า

(๓) โรงมหรสพหรอื สถานทป่ี ระชมุ
(๔) โรงเรือนอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็นสาธารณสถาน หรือเป็นที่สำหรับประกอบ
พิธกี รรมตามศาสนา
(๕) สถานรี ถไฟ ท่าอากาศยาน หรอื ที่จอดรถหรือเรือสาธารณะ
(๖) เรือกลไฟ หรือเรือยนต์ อันมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป อากาศยาน หรือรถไฟที่ใช้ในการขนส่ง
สาธารณะ
-ตระเตรยี มการวางเพลิงเผาทรัพยห์ รอื ทรัพย์ฉกรรจ์ มีความผิดเทียบเท่าพยายาม
-แม้เกิดเพลงิ ไหมจ้ ะเปน็ ทรพั ย์ตนเอง หากน่าจะเป็นอันตรายแกบ่ ุคคลอืน่ หรอื ทรพั ย์ของผู้อ่นื กผ็ ดิ
-ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท และเป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย หรือการกระทำ
โดยประมาทนั้นน่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกิน
หนึ่งแสนสี่หมนื่ บาท หรอื ทง้ั จำทง้ั ปรับ

หมวด ๒ ความผิดเกยี่ วกับเอกสาร

ความผิดฐานปลอมเอกสาร

-บทพ้นื ฐาน
คำว่า เอกสาร คือ กระดาษหรือวัตถุอื่นใดซึ่งได้ทำให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษร ตัวเลข ผัง

หรือแผนแบบอย่างอ่ืน จะเป็นโดยวิธพี ิมพ์ ถา่ ยภาพ หรือวธิ อี ่ืนอนั เป็นหลักฐานแหง่ ความหมายนั้นเช่น พิมพ์

ไว้ในคอมพิวเตอร์ มีจำเลยมาพิมพ์แก้ ก็ถือว่ามีความผิดฐานปลอมเอกสาร หรือ อบถ่ายข้อมูลจากคอม

เขา ภาพถา่ ยก็เป็นเอกสาร
สรุป เอกสารต้องมีรูปร่าง เช่น หนังสือ แผนผังวงจร ภาพถ่ายลายนิ้วมือ เลขทะเบียนรถ ตัวถังเป็น

เอกสาร อักษรและตัวเลขท้ายปืน ต้องมุ่งแสดงความหมาย สื่อความคิดผู้ทำ แม้ผู้อื่นไม่เข้าใจ ระวังข้อมูลใน
คอมหรอื สัญญาณควนั ไฟไมใ่ ชเ่ อกสาร แต่ภาพถา่ ยกเ็ ป็นเอกสารไดถ้ า้ สื่อความหมาย

ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วย
ประการใด ๆ ในเอกสารท่แี ทจ้ ริง หรอื ประทับตราปลอม หรือลงลายมือช่ือปลอมในเอกสาร โดยประการที่
น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่
แทจ้ รงิ ผู้นัน้ กระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกนิ สามปี หรอื ปรับไมเ่ กนิ หกหมื่นบาท
หรอื ทัง้ จำทัง้ ปรบั

ผู้ใดกรอกขอ้ ความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอนื่ ใด ซึง่ มลี ายมือชอ่ื ของผู้อ่นื โดยไม่ได้รับความ
ยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิด
เสียหายแกผ่ ู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถอื ว่าผนู้ นั้ ปลอมเอกสาร ตอ้ งระวางโทษเช่นเดียวกนั

สรปุ
ปลอมทั้งฉบับ คือ ทำใหม่ทั้งทั้งฉบับ เช่น นายแดงให้ดำกู้เงินไป ๒ หมื่น แต่ไม่ทำสัญญากัน ต่อมา
แดงอยากฟ้องคดีนายดำ จึงทำสัญญาเงินกู้ปลอมขึ้นมาโดยให้นายขาวลงชื่อ อ้างว่าเป็นลายมือดำ เพื่อฟ้อง
ศาล มีความผิดฐานปลอมเอกสาร
ปลอมบางส่วน คือ เอกสารที่แท้จริงทำขึ้นมาแล้วแต่ยังทำไม่เสร็จ เช่น สัญญาเงินกู้กรอกลายชื่อไว้
แล้ว แต่มกี ารเติมจำนวนเงินอนั เปน็ เท็จ ไม่ตรงตามจริง

เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารที่แท้จริง เช่น นายแดงกู้เงินนาย
ดำ ๒ หมนื่ บาท ทำสัญญาเขยี นจำนวนเงินว่า ๒ หมื่น แตม่ ีการเติมเลข ๑ หนา้ เลข ๒ จนกลายเป็น ๑ แสน ๒
หม่ืนบาท หรอื ตดั เลขศนู ยอ์ อกจำนวนเงินหน้จี ึงลดลง

ประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร แม้ข้อความในสัญญาเป็นข้อความจริง แต่ไป
ปลอมลายมือ ก็มีความผิดฐานปลอมเอกสารเช่น แดงกู้เงินนายดำไป ๒ แสนบาท แต่ไม่ได้ลงลายมือชื่อผู้กู้ไว้
ดำจงึ ลงลายมอื ชื่อแดง นำไปฟ้องศาล

กรอบข้อความลงในกระดาษหรือวัตถุ ซึ่งมีลายชื่อผู้อื่นอยู่ โดยข้าวของลายมือไม่ยินยอม หรือ
เจา้ ของลายมือบอกให้กรอกอย่างหน่ึง แตต่ นกรอกอย่างหนง่ึ อาจเกิดเสยี หายแก่ผู้หน่ึงผู้ใดหรือประชาชน
ให้ถือวา่ ผนู้ นั้ ปลอมเอกสาร

เช่น เจ้าของลายมือลงลายมือชื่อไว้ในสัญญามอบอำนาจ บอกว่าให้ไปเขียนเพิ่ม เพื่อจำนองที่ดิน แต่
นำท่ีดนิ ไปขาย เพราะเสยี หายแก่เจา้ ของที่ดนิ

ควรจำ ถ้าปลอมมาแล้วต้องมีพฤติการณ์ประกอบ คือ ต้องทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายด้วย
ถ้าปลอมมาแล้วไมม่ ใี ครเสียหายก็ไม่ผดิ

เช่น บอกเพื่อนว่า ถา้ กูถูกล็อตเตอร่ีครั้งแรก มึงต้องเลี้ยงกนู ะ พอวนั หวยออก ไม่ถูก จึงปลอมเปลี่ยน
เลขว่าถูก เพอ่ื ให้เพือ่ นเลี้ยงข้าว ก็ไมผ่ ดิ ฐานปลอมเอกสาร

แม้จะนำล็อตเตอรีปลอมนั้นไปทิ้งถังขยะ มีคนเก็บได้จึงเอาไปขึ้นเงิน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ว่าของ
ปลอม คนเอาไปขึ้นเงินก็ไม่ผิด เพราะไม่มีเจตนา และคนที่ปลอมก็ไม่ผิดด้วย เพราะไม่มีเจตนาก่อความ
เสียหาย

แตถ่ ้าปลอมเพือ่ นำไปขึ้นเงิน มีความผิดแนน่ อน
ระวัง หากปลอมมาแล้ว มันเสยี หายตอ่ ประชาชน จะอา้ งวา่ ไมร่ ู้วา่ จะทำใหป้ ระชาชนเสียหายไม่ได้
เพราะไม่ใช่องค์ประกอบความผดิ

ความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิหรอื เอกสารราชการ
มาตรา ๒๖๕ ผใู้ ดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ ตอ้ งระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึง
ห้าปี และปรับตัง้ แต่หน่ึงหมน่ื บาทถงึ หนึง่ แสนบาท
ปลอม“เอกสารสิทธ”ิ หมายความว่า ปลอมเอกสารท่เี ปน็ หลักฐานแห่งนติ ิกรรมการกอ่ เปลีย่ นแปลง
โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ เช่น ใบรับรองเงินฝาก โดยจำเลยไปปลอมเอกสารว่ามีใบรับรองเงินฝากใน
ต่างประเทศ ทำให้คนอื่นเชื่อตนมีเงิน จนยอมลงทุน หรือ สัญญาซื้อขายเช็ก สมุดคู่เงินฝาก บัญชีออมทรัพย์
สัญญากู้ ใบเสร็จรบั เงนิ
ปลอม“เอกสารราชการ” หมายความว่า ปลอมเอกสารที่เจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่
และใหห้ มายความรวมถงึ สำเนาเอกสารนน้ั ๆ ท่ีเจ้าพนักงานไดร้ ับรองในหนา้ ท่ีด้วย
เชน่ ใบอนุญาตขับขีร่ ถยนต์ ทะเบียนรถ บตั รประชาชน ใบสุทธิ เปน็ เอกสารราชการ
แต่ถา้ ทำสำเนาเอกสารต้องไปให้เจ้าพนักงานรับรองดว้ ย จึงจะกลายเป็นเอกสารราชการ ถา้ เรารับรอง
สำเนาถกู ตอ้ งเองจะไม่ใช่เอกสารราชการ

เช่น แม้สำเนาบัตรประชาชนจะเป็นเอกสารราชการ แต่มีเพียงการปลอมลายชื่อของโจทก์ร่วมลงบน
สำเนา ไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อความในบัตร จึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารธรรมดา ไม่ใช่ปลอมเอกสาร
ราชการ

เชน่ แผ่นป้ายทะเบียนรถ แผน่ ป้ายเครือ่ งหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี ใบคมู่ ือจดทะเบยี นรถยนต์
ที่มีผู้ปลอมขึ้น มีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และมีความเกี่ยวข้องกับการริบทรัพย์ เพราะทรัพย์ที่
ปลอมน้ี ตอ้ งรบิ เสียท้งั สน้ิ ไมว่ ่ากรณีใด

เช่น นายแดงไปขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านอำเภอและถ่ายสำเนามา ๑ ฉบับ และเอาสำเนานั้นมาแก้
เลขที่บ้าน เพื่อประกอบการกู้เงิน มีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ เพราะสำเนาที่คัดนั้นมีลายมือชื่อเจ้า
พนกั งาน เป็นเอกสารราชการ

ระวัง ถ้าถือทะเบียนบ้าน ไปถ่ายสำเนาที่ร้านถ่ายเอกสาร และปลอมสำเนานั้น ผิดปลอมเอกสาร
ธรรมดา เพราะไม่ใช่เอกสารราชการ เน่อื งจากสำเนาน้นั ไมม่ ีเจ้าพนกั งานรบั รอง

แต่ถ้าปลอมลงบนตัวทะเบียนบ้าน ผิดฐานปลอมเอกสารราชการ ระวังถ้าผิดฐานใดฐานหนึ่งแลว้
จะไม่ผิดฐานอน่ื เชน่ ผิดฐานปลอมเอกสารสทิ ธิแล้ว จะไมผ่ ิดฐานปลอมเอกสารธรรมดาอีก

ความผิดฐานปลอมเอกสารสำคัญ
ปลอมเอกสารสำคญั มีโทษสงู กวา่ ปลอมเอกสารสิทธแิ ละเอกสารราชการ
ปลอมเอกสารสำคญั ไดแ้ ก่

(๑) เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ คือ เอกสารสิทธิที่ทางราชการออกให้ เช่น โฉนดที่ดิน
เพราะกรมทีด่ นิ ออกให้ เป็นทั้งเอกสารสิทธแิ ละเปน็ เอกสารราชการด้วย

(๒) พินัยกรรมทกุ ประเภท
(๓) ใบหนุ้ ใบหนุ้ กู้ หรอื ใบสำคัญของใบหนุ้ หรือใบหุน้ กู้
(๔) ต๋ัวเงนิ เช่น เชก็ ตั๋วแลกเงิน ต๋ัวสญั ญาใช้เงิน
(๕) บัตรเงินฝาก เช่น มีคนฝากเราไปฝากเงิน เขาเขียนในใบฝากเงนิ ๑ แสน เราลบเลขศูนยอ์ อก
๑ ตัว มคี วามผดิ

ความผดิ ฐานแจ้งใหเ้ จา้ พนกั งานจดขอ้ ความอนั เปน็ เทจ็
-ผู้ใดแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าท่ีจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือ
เอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่
ผู้อ่นื หรอื ประชาชน ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไม่เกินสามปี หรอื ปรบั ไมเ่ กินหกหมน่ื บาท หรอื ทง้ั จำท้งั ปรับ
ระวัง แจ้งความเท็จสำเร็จทันทีเมื่อได้แจ้ง หากเสียหายต่อผู้อื่นและประชาชน โดยไม่สนใจว่าเจ้า
พนักงานจะเชอื่ หรอื ไมเ่ ชอ่ื จดหรือไมจ่ ด
แต่ ความผิดฐานแจง้ ให้เจา้ พนักงานจดขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ จะผิดก็ต่อเม่ือเจา้ พนกั งานไดจ้ ดข้อความ
เท็จที่มีคนแจ้งลงในเอกสารมหาชนหรือราชการ ที่ใช้เป็นหลักฐานสืบพยาน ข้อความนั้นต้องทำให้ผู้อื่นหรือ
ประชาชนดว้ ย
ซึ่ง ๒ ความผดิ น้ี คือ แจ้งความเท็จและแจ้งให้เจ้าพนกั งานจดข้อความอันเปน็ เทจ็ มกั จะเกิดข้ึนคูก่ นั

ระวัง การกรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารแล้วนำไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่เป็นแจ้งความเท็จ แต่ถ้า
ต่อมาได้ให้ถอ้ ยคำเท็จเพอ่ื ให้เจ้าพนกั งานจดลงในบันทกึ สอบสวนผดิ ฐานแจง้ ให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็น
เท็จด้วย ถือวา่ กรรมเดยี วผิดกฎหมายหลายบท

ความผดิ ฐานใช้เอกสารปลอม
คือ มีคนปลอมเอกสารข้นึ มาหรอื แจง้ ใหเ้ จ้าพนกั งานไปจดข้อความอันเป็นเทจ็ ลงในเอกสารราชการ
มหาชน แลว้ มคี นนำเอกสารปลอมนั้นมาใช้หรืออา้ ง เพ่ือทำผดิ อย่างใดอย่างหน่ึง ประการที่น่าจะเกดิ ความ
เสียหายแก่ผู้อืน่ หรือประชาชน ตอ้ งระวางโทษดังทบ่ี ัญญตั ิไวใ้ นมาตรานนั้ ๆ
ถ้าหากคนทป่ี ลอมหรือเป็นผแู้ จ้งให้เจา้ พนักงานจดข้อความน้ัน กบั คนทีใ่ ชเ้ ป็นคนละคนกัน คนปลอม
ก็ผดิ ฐานปลอมอย่แู ลว้ แต่คนใชห้ รอื อา้ งต้องรับผดิ ก็ผิดตามคนปลอม เช่น ถ้าเป็นเอกสารธรรมดาก็รับโทษ
ธรรมดา ถา้ เป็นเอกสารสทิ ธกิ ็รบั โทษเพิม่ ขนึ้
ถา้ หากคนทป่ี ลอมหรือเป็นผ้แู จ้งใหเ้ จา้ พนักงานจดข้อความนนั้ กบั คนทีใ่ ช้เป็นคนเดยี วกัน ใหล้ งโทษ
ตามความผดิ เชน่ ถ้าเป็นเอกสารธรรมดาก็รบั โทษธรรมดา ถ้าเปน็ เอกสารสิทธิก็รบั โทษเพ่มิ ข้ึนตามกรณี แตใ่ ห้
ผดิ กระทงเดียว ลงโทษฐานใชเ้ อกสารอย่างเดียว ไมล่ งฐานปลอมเอกสารด้วย
แตถ่ า้ ไม่รูว้ า่ เปน็ เอกสารปลอมแล้วนำไปใช้ก็ไมผ่ ิด เพราะถือตามเจตนา

มาตรา ๒๖๙ ผู้ใดในการประกอบการงานในวิชาแพทย์ กฎหมาย บัญชีหรือวิชาชีพอื่นใด ทำคำ
รับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษ
จำคุกไมเ่ กินสองปี หรือปรับไม่เกนิ ส่หี ม่นื บาท หรือทง้ั จำทัง้ ปรบั

ผู้ใดโดยทุจริตใช้หรืออ้างคำรับรองอันเกิดจากการกระทำความผิดตามวรรคแรก ต้องระวางโทษ
เชน่ เดียวกนั

ลกั ษณะความผิดเกีย่ วกบั เพศ(แก้ไขกฎหมายหมวดนี้บ่อยสดุ แลว้ )

พน้ื ฐานเกย่ี วกบั กฎหมายเพศ
-คุม้ ครองทัง้ ชายและหญิง
-เสรภี าพทางเพศ คอื ถา้ โตแลว้ จะมเี พศสมั พนั ธ์กบั ใครกไ็ ด้ถา้ ยนิ ยอม
-มีคู่สมรสอยู่แล้วแต่ไปมีเพศสมั พันธ์กับคนอื่น คู่สมรสอีกคนทำได้เพียงฟ้องหยา่ กับ เรียกค่าเสยี หาย

หรือเงินชด แต่จะไปฟ้องตำรวจวา่ สามไี ปมอี ะไรกบั คนอ่นื ไม่ได้ เพราะไมม่ กี ารฟอ้ งอาญาฐานเปน็ ชู้เลย ไม่ว่าจะ
เป็นชหู้ รือสามี

ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา

ข่มขืนกระทำชำเรา คือ ฝ่าฝืนความยินยอม บังคับขืนใจ ขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลัง
ประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอ่ืน
ต้องระวางโทษจำคกุ ตั้งแต่สีป่ ีถึงย่สี ิบปี และปรบั ตง้ั แต่แปดหมนื่ บาทถงึ ส่แี สนบาท

ข่มขืน คือ ไม่ยนิ ยอม
การกระทำชำเรา คือ กระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำ โดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำ
ล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น จะกระทำชำเราได้ ต้องใช้อวัยเพศเท่านั้น จะเป็น
สิง่ ของอน่ื ใด เชน่ นว้ิ อวยั วะเพศเทียม นอกจากอวัยวะเพศไมใ่ ชก่ ระทำชำเรา
แต่การใชอ้ วยั วะอ่ืน พวกนิว้ ลิน้ อวัยเพศเทยี ม เป็นการกระทำอนาจาร ไมใ่ ชก่ ระทำชำเรา

ขม่ ขนื กระทำชำเรา คือ ขืนใจบงั คบั ทำรา้ ยให้ผู้นัน้ ไม่ขัดขืน หรือทำใหเ้ ขา้ ใจว่าเป็นบุคคลอ่ืน แล้วใช้
อวัยวะเพศลว่ งล้ำ ไปในอวัยวะเพศหรอื ทวารหรอื ชอ่ งปากคนถูกกระทำ

การจะแยกการกระทำชำเรากับอนาจารแบบพิเศษโดยล่วงล้ำ ให้ดูที่วัตถุที่กระทำ ถ้าเป็นอวัยวะ
เพศ คือ กระทำชำเรา ถ้าเปน็ วตั ถอุ ่ืน ๆ เป็นอนาจาร

เชน่ การใช้ปากไปอมอวัยวะเพศ เปน็ ข่มขืนกระทำชำเรา หรือ ลิน้ ล่วงลำ้ ไปในอวยั วะเพศ หรือการใช้
นว้ิ หรอื อวัยเพศเทียมลว่ งล้ำ เป็นการทำอนาจารแบบพเิ ศษ

เช่น จำเลยใชอ้ วยั เพศใชอ้ วัยเพศลว่ งลำ้ เขา้ ไปในทวารหนักของผู้เสียหาย เป็นการกระทำชำเรา
ระวัง การใช้อวยั วะเพศเทียมหรอื วตั ถุอื่นล่วงล้ำไปในปากของผอู้ ื่น ไมผ่ ดิ ฐานกระทำชำเราเพราะไม่ใช่
อวัยวะเพศและไม่ผิดฐานอนาจารแบบพิเศษ เพราะกฎหมายระบุแค่ว่าใช้วัตถุอื่นล่วงล้ำไปในอวัยวะเพศหรือ
ทวารหนักจึงจะเป็นอนาจาร ไมไ่ ด้ระบุชอ่ งปากเหมอื นกระทำชำเรา แตผ่ ิดฐานกระทำอนาจารแบบธรรมดา
ควรจำ อนาจารโดยการล่วงลำ้ กับขม่ ขืน มีความผิดโทษเท่ากนั

ขอ้ สังเกตกุ ระทำชำเรา

-ถ้าการกระทำชำเรา ได้กระทำโดยทำให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่าผู้กระทำมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด
ตอ้ งรบั โทษหนกั ขึ้น

-ถ้าการกระทำชำเรา โดยมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้อาวุธ จริง ๆ หรือโดยร่วมกระทำ
ความผิดดว้ ยกนั อันมีลกั ษณะเปน็ การโทรมหญงิ หรือกระทำกับชายในลกั ษณะเดียวกนั จะมีโทษหนกั สดุ

-ถ้าการกระทำชำเรานนั้ เป็นการกระทำความผิดระหวา่ งคู่สมรส และค่สู มรสนนั้ ยงั ประสงคจ์ ะอยู่กิน
ด้วยกันฉันสามีภริยา ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุม
ความประพฤตแิ ทนการลงโทษก็ได้ ในกรณที ี่ศาลมีคำพพิ ากษาใหล้ งโทษจำคกุ และคสู่ มรสฝา่ ยใดฝา่ ยหน่ึงไม่
ประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรยิ าตอ่ ไป และประสงค์จะหย่า ให้คู่สมรสฝ่ายนั้นแจ้งให้ศาลทราบ และให้
ศาลแจ้งพนกั งานอัยการให้ดำเนินการฟอ้ งหยา่ ให้

ความผดิ ฐานกระทำชำเราอันมีลักษณะโทรมหญิง

โทรมหญงิ เป็นเหตุให้กระทำชำเราเพ่มิ โทษ
โทรมหญิง คือ รว่ มกันกระทำความผิดดว้ ยกนั อันมลี ักษณะเป็นโทรม น่ันหมายถึง มีการกระทำชำเรา
๒ คนขนึ้ ไป ผลัดเปล่ยี นกนั กระทำชำเรา
ขอ้ สงั เกตโทรมหญงิ
-มีคน ๒ คน คนหน่งึ กระทำชำเราสำเรจ็ อีกคนอยู่ในข้นั พยายาม กเ็ ปน็ การโทรมหญิง เช่น นายเอ
ข่มขนื เสร็จแล้ว นายบีไม่สามารถใช้อวยั เพศลว่ งลำ้ เข้าไปได้ เพราะมคี นมาเหน็ ถือเป็นการโทรมหญิง
-มีคน ๒ คน อีกคนหนึ่งกระทำชำเราสำเร็จ อีกคนไม่ถึงขั้นพยายาม ไม่เป็นการโทรมหญิง เช่น
นายเอขม่ ขืนเสรจ็ แล้ว นายบีเข้ามากอดจูบลูบคลำยังไม่ถอดกางเกง จงึ ยงั ไม่ใช่พยายามกระทำชำเรา เพราะมี
คนมาเหน็ ไม่ถอื เป็นการโทรมหญงิ แสดงวา่ นายเอผิดฐานกระทำชำเรา แต่นายบีผิดฐานอนาจาร
-หญิงยินยอมให้ชายคนแรกร่วมประเวณี แต่ไม่ยอมร่วมประเวณีกับชายคนที่สองจึงข่มขืน ไม่ผิด
ฐานโทรมหญิง เพราะคนแรกไม่ผิดฐานข่มขืน แสดงว่ามีการข่มขืนคนเดียว แต่คนแรกอาจผิดฐาน
สนบั สนนุ การกระทำชำเรา เช่น นางเอยอมมเี พศสมั พันธก์ บั นายบี แต่มนี ายซมี าร่วม แตน่ างเอไมย่ ินยอม นาย

ซีจึงข่มขืน ไม่ผิดฐานโทรมหญิง เพราะนายบีไม่ผิดข่มขืน นายซีจึงผิดฐานข่มขืนคนเดียว และนายบีผิดฐาน
สนบั สนนุ การกระทำชำเรา

-ต่างคนต่างข่มขืน ไม่ผิดฐานโทรมหญิง เพราะไม่ได้ผลัดกัน เช่น นายเอข่มขืนนางซีเสร็จก็เดินหนีไป
นายบีมาเจอก็เลยข่มขืนแล้วเดินจากไป ไม่ผิดฐานโทรมหญิง เพราะไม่ได้ผลัดเปลี่ยนการกระทำชำเรา นายเอ
และนายบีมคี วามผิดฐานกระทำชำเรา

-มีชายคนที่ ๓ เป็นตัวการร่วม แม้จะไม่ได้ผลัดเปลี่ยนกระทำชำเราด้วยก็ผิดฐานโทรมหญิง เช่น
นายเอ นายบี นายซี นายดี ไปดว้ ยกนั นายเอ นายบี นายซี ก็ข่มขืนผ้เู สยี หายเรียบร้อยแล้ว นายดีก็รออยู่หน้า
ห้องโดนตำรวจจับก่อน ผิดฐานโทรมหญิงแล้ว เพราะทั้ง ๓ คนกระทำชำเราไปแล้ว และ ทั้ง ๔ คนผิดฐาน
โทรมหญิงเหมือนกนั เพราะเปน็ ตัวการร่วมเหมอื นกนั

เช่น นายเอและนายบีเปน็ เพื่อนกนั ไปฉดุ ผู้หญงิ มา นายเอขม่ ขนื ก่อน ตามด้วยนายบีข่มขนื มีความผิดฐาน
โทรมหญงิ เพราะมกี ารรว่ มกันผลัดเปลี่ยนกระทำชำเรา ๒ คน

ขม่ ขืนกระทำชำเราเดก็

-เด็ก คือ อายุยังไม่เกิน ๑๕ ปีท่ีมิใช่ภริยาหรือสามีของตน ไม่สนว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
ลงโทษหนกั กว่าขม่ ขืนธรรมดา

-ถา้ กระทำชำเราเด็กอายยุ ังไมเ่ กนิ ๑๓ ปี เพิ่มโทษขึ้นอีก
-กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน ๑๓ ปี หรือ ๑๕ ปีได้กระทำโดยทำให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่าผู้กระทำมี
อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด เพ่ิมโทษ มีจำคกุ ตลอดชีวติ

-กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน ๑๓ ปี หรือ ๑๕ ปี ได้กระทำโดยมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือ
โดยใช้อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกนั อนั มีลักษณะเปน็ การโทรมเด็กหญิงหรือกระทำกับเดก็ ชายใน
ลักษณะเดียวกัน ตอ้ งระวางโทษจำคุกตลอดชวี ติ สถานเดียว

-ถ้าเป็นการกระทำชำเรา บุคคลอายุไม่เกิน ๑๘ ปีกระทำต่อเด็กซึ่งมีอายุกว่า ๑๓ ปีแต่ยังไม่เกิน
๑๕ ปี โดยเด็กนั้นยินยอม ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวจะพิจารณาให้มีการคุ้มครอง
สวัสดิภาพของเด็กผ้ถู ูกกระทำหรือผู้กระทำความผิดตามกฎหมายวา่ ด้วยการคุ้มครองเดก็ แทนการลงโทษก็
ได้ ในการพจิ ารณาของศาล ใหค้ ำนึงถงึ อายุ ประวตั ิ ความประพฤติ สตปิ ัญญา การศกึ ษาอบรม สขุ ภาพ ภาวะ
แห่งจิต นิสัย อาชีพ สิ่งแวดล้อมของผู้กระทำความผิดและเด็กผู้ถูกกระทำ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำ
ความผิดกับเด็กผถู้ กู กระทำ หรือเหตุอนื่ อนั ควรเพ่อื ประโยชน์ของเดก็ ผถู้ ูกกระทำดว้ ย

ในกรณีที่ได้มีการดำเนินการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กผู้ถูกกระทำหรือผู้กระทำความผิดตาม
กฎหมายว่าดว้ ยการคุ้มครองเด็กแลว้ ผกู้ ระทำความผิดไม่ต้องรับโทษ แตถ่ ้าการค้มุ ครองสวสั ดิภาพดังกล่าว
ไมส่ ำเร็จ ศาลจะลงโทษผกู้ ระทำความผดิ น้อยกวา่ ท่กี ฎหมายกำหนดไว้สำหรบั ความผิดนน้ั เพยี งใดกไ็ ด้

ความผิดฐานกระทำอนาจาร(อายุเกนิ ๑๕ ปี)
มาตรา ๒๗๘๕ ผู้ใดกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุเกินกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ
โดยใช้กำลงั ประทษุ ร้าย โดยบุคคลน้ันอยู่ในภาวะที่ไมส่ ามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำใหบ้ ุคคลนัน้ เข้าใจผดิ ว่าตน
เป็นบคุ คลอนื่ โดนเป็นการกระทำโดยใช้วัตถุหรืออวัยวะอน่ื ท่ีมิใช่อวัยวะเพศ เช่น นวิ้ ล้ิน อวัยวะเพศเทียม
ลว่ งลำ้ อวยั วะเพศหรอื ทวารหนักของบคุ คลนัน้ เป็นอนาจารแบบพิเศษโดยล่วงลำ้ ระวังไมม่ ชี ่องปากเหมือน
กระทำชำเรา

คนอายเุ กิน ๑๕ ปี ยอมใหก้ ระทำอนาจารไม่ผิด
-ถ้ายอมให้ทำอนาจาร คนทำอนาจารไม่ผิด เช่น ไปทำเสน่ห์หมอผีบอกว่า ถอดเสื้อนะ เดี๋ยวอาจารย์
จะลงคาถาให้ หญิงคนน้ันก็ยอมถอด อาจารย์กม็ าจับนา่ อก ไปแจ้งความจับฐานกระทำอนาจารไม่ได้ เพราะว่า
ยินยอม แต่ถ้ากระทำอนาจารเดก็ มคี วามผดิ เสมอแมจ้ ะยินยอมก็ตาม มองวา่ เด็กไม่รู้เร่อื ง คนทำผดิ

กระทำอนาจารเดก็ อายไุ ม่เกิน ๑๕ ปี
แม้เดก็ นน้ั จะยินยอมหรอื ไมก่ ็ตาม มีความผดิ ทง้ั สนิ้

ข้อควรจำ กฎหมายเกย่ี วกบั อนาจาร

อนาจารแบบพิเศษโดยล่วงล้ำ คือ ใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่นที่มิใช่อวัยวะเพศ เช่น นิ้ว ลิ้น อวัยวะเพศ
เทียม ล่วงล้ำอวยั วะเพศหรือทวารหนกั ของบุคคลน้นั ถา้ ช่องปากเป็นธรรมดา

อนาจารธรรมดา เช่น ใช้วัตถุอ่ืนสอดใสใ่ นช่องปาก กอดจบู ลูบคลำ
-ผู้ใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือ
หญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ก็มีความผิด ไม่สนอายุ ต้องระวางโทษจำคกุ ตั้งแตห่ นึ่งปีถึงสิบปี และปรับตัง้
แต่สองหมน่ื บาทถงึ สองแสนบาท

ลักษณะความผดิ เก่ยี วกบั ชีวติ และรา่ งกาย

หมวด ๑ ความผดิ ต่อชวี ติ

ความผิดฐานฆา่ คนตายโดยเจตนา คอื ผใู้ ดฆา่ ผู้อน่ื ตอ้ งระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชวี ิต หรือ
จำคุกตั้งแต่ ๑๕ ปีถึง ๒๐ ปี

ดูอย่างไรวา่ เจตนาฆา่ คอื
-ดอู าวธุ ทใ่ี ช้ มคี วามรา้ ยแรง จงึ เล็งเหน็ ไดว้ า่ ตายแน่ ถา้ ไม่ตายเปน็ พยายามฆ่า ไมใ่ ช่เจตนาทำร้าย
เชน่ ปนื
-ดูอวัยวะ ว่ากระทำต่ออวัยสำคัญหรือไม่ เช่น มีดกรีดแขนอาจเป็นทำร้ายร่างกายหรือสาหัส แต่
แทงปอด แทงหวั ใจ ช่องทอ้ ง เจตนาฆ่าแน่ ถา้ ไมต่ าย พยายามฆ่า ไม่ใชเ่ จตนาทำร้าย

ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยมเี หตุฉกรรจ์ คอื ผใู้ ด
(๑) ฆา่ บพุ การี(แม้บดิ าจะไม่จดทะเบยี นก็ตาม) ถ้าไมร่ วู้ ่าเป็นบุพการี ผดิ ฆ่าคนธรรมดา
(๒) ฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ หรือได้กระทำการตาม
หนา้ ที่ ถา้ ไมร่ ู้วา่ เป็นเจา้ พนกั งาน ผิดฆ่าคนธรรมดา
-ถ้าคำว่า กระทำตามหนา้ ที่ แมไ้ มม่ ีมูลเหตุเลย เชน่ จราจรโบกรถ เขาไมไ่ ด้มาโบกรถเรา แตเ่ รายิงเขา
ตาย กผ็ ิด
-คำวา่ จะกระทำหรอื ไดก้ ระทำ จะตอ้ งมมี ลู เหตมุ าจากการปฏบิ ตั ิหน้าท่ี เช่น จะมาจับท่าน แตท่ ่านชิง
ฆ่ากอ่ น หรือ ไปจับเพื่อนท่านมาแลว้ ท่านเลยตามมาฆ่า
(๓) ฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่บุคคล
นั้นจะช่วยหรือได้ช่วยเจ้าพนักงานดังกล่าวแล้ว ถ้าไม่รู้ว่าเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ผิดฆ่าคนธรรมดา จะ
เปน็ บคุ คลธรรมดากไ็ ด้ หากช่วยเจา้ หน้าท่ี
-จะผิดได้ต้องมีตัวเจ้าพนักงานอยู่แล้วในขณะนั้น แล้วราษฎรจึงเข้ามาช่วย จึงผิด แต่ถ้าไม่มีเจ้า
พนกั งานอยู่ ราษฎรเป็นพลเมืองดี ชว่ ยจบั แต่เจา้ พนักงานยังไมม่ า ไม่ผดิ เหตฉุ กรรจ์
(๔) ฆ่าผูอ้ ื่นโดยไตรต่ รองไว้กอ่ น วางแผนมาแล้ว เชน่ มผี ูใ้ ช้ ดักซุ่มยงิ รับจ้างฆ่า
(๕) ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย เช่น แทงผู้ตายหลายครั้ง ใช้น้ำกรดมาก ๆ
ปลอ่ ยงไู ปกัด จดุ ไฟเผา
ระวัง กรณี จำเลยเป็นคนป่วยโรคซึมเศร้ารุนแรง กำเริบทะเลาะกับผู้ตาย โทสะรัวแทงหลายครั้งจน
ตาย ไมผ่ ิดทารุน เพราะ โกรธจงึ รัวแทงเพ่ือให้ตายเฉยๆ ไม่ใช่เจตนาให้ตายชา้ ๆ
(๖) ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น เรียกว่า
ฆ่าก่อนชัว่ เช่น จะไปลกั ทรพั ยใ์ นบ้าน เจอเจ้าของบ้านอยูต่ ลาด จงึ ฆา่ ตายกอ่ น เพอ่ื จะไปขโมยได้สะดวก
(๗) ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อ
ปกปดิ ความผิดอื่นของตน หรอื เพื่อหลีกเล่ียงใหพ้ น้ อาญาในความผิดอน่ื ท่ีตนไดก้ ระทำไว้ เรียกว่าฆ่าหลังชั่ว
ต้องฆ่าเพื่อปิดความผดิ ของตนเทา่ นัน้ ไมร่ วมฆา่ เพอื่ ปกปิดความผดิ คนอน่ื
เช่น เพื่อนท่านไปทำความผิดมา จึงมาเล่าให้เพื่อนฟังว่ามีนายเอมาเห็นแล้วหนีไป พอบังเอิญไปเจอ
นายเอ นกึ ถงึ คำเพื่อนบอก ทา่ นรกั เพ่ือนมาก จงึ ฆา่ นายเอให้ แบบนที้ ่านผดิ ธรรมดา แต่หากก่อนจะไปฆ่าท่าน
วางแผนไว้กอ่ นแลว้ ทา่ นผิดเหตฉุ กรรจ์เพราะไตรต่ รอง
ความผดิ ฐานฆา่ คนตายโดยเจตนาและมีเหตุฉกรรจ์ ต้องระวางโทษประหารชีวติ สถานเดยี ว
-ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา คือ ไม่ได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึง
แก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๓ ปีถึง ๑๕ ปี ถ้าเหตุฉกรรจ์ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๓
ปถี งึ ๒๐ ปี
-ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยประมาท ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อืน่
ถึงแกค่ วามตาย ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไม่เกิน ๑๐ ปี และปรบั ไมเ่ กนิ ๒ แสนบาท
เชน่ ขับรถชน โดยประมาท
ระวัง นายเอขับรถเร็วมาในทางตรง แต่มีมอเตอไซต์พุ่งออกมาจากทางแยกเข้าซอย ตาย แบบนี้ไม่
ต้องรบั ผดิ ไม่ได้เปน็ ผลมาจากการกระทำของนายเอ แมน้ ายเอจะขบั ชา้ กช็ นอยู่ดี

-ความผิดฐานทำให้ผู้อืน่ ฆ่าตัวตาย ผูใ้ ดกระทำดว้ ยการปฏิบัติอันทารุณ หรือดว้ ยปัจจยั คล้ายคลึงกัน
แก่บุคคลซึ่งต้องพึ่งตน ในการดำรงชีพหรือในการอื่นใด เพื่อให้บุคคลนั้นฆ่าตนเอง ถ้าการฆ่าตนเองนั้นได้
เกิดขึน้ หรือได้มีการพยายามฆ่าตนเอง ตอ้ งระวางโทษจำคุกไมเ่ กินเจ็ดปี และปรับไมเ่ กินหนึง่ แสนสหี่ มื่นบาท

คำวา่ บคุ คลซง่ึ ตอ้ งพงึ่ ตน คอื บุคคลในอปุ การะ ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งเป็นลกู อาจจะเป็นลกู จ้าง หลาน กไ็ ด้
คำวา่ ทารณุ เชน่ ด่ารุนแรงวา่ จะไปตายสักทีทกุ วนั จนน้อยใจ เล้ยี งดอู ด ๆ อยาก ๆ
แมจ้ ะฆา่ หรอื พยายามฆ่าตัวตายมีค่าเท่ากนั
-ความผิดฐานยุยงช่วยเหลือผู้อื่นฆ่าตัวตาย ยุยงเด็กอายุยังไม่เกิน ๑๖ ปี หรือผู้ที่ไม่สามารถเข้าใจ
ว่าการกระทำของตนมีสภาพหรือสาระสำคัญอย่างไร หรือไม่สามารถบังคับการกระทำของตนได้ ให้ฆ่าตนเอง
ถ้าการฆ่าตนเองนั้นได้เกิดขึ้นหรือได้มีการพยายามฆ่าตนเอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน
หน่ึงแสนบาท หรอื ทัง้ จำท้งั ปรบั
คนที่ไม่รู้สาระ คือ คนวิกลจริต เด็กคนไหนก็ได้ คนบ้า เช่น เอาปืนไปให้เด็กเล่นแล้วยุยงให้ยิง แล้ว
กระสุนด้าน เท่ากับว่าผิดแล้ว เพราะพยายาม ระวัง ถ้าเป็นพ่อแม่ แล้วไม่ห้าม แบบนี้เจตนางดเว้น ผิดฐานฆา่
คนตายเตม็ ๆ แม้จะฆา่ หรือพยายามฆ่าตัวตายมีคา่ เทา่ กัน
ความผดิ ฐานเขา้ ร่วมชุลมนุ ต่อสู้มผี ลให้คนตาย ผใู้ ดเข้าร่วมในการชลุ มุนต่อสรู้ ะหว่างบุคคลตั้งแต่ ๓
คนขึ้นไป และบุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่ ถึงแก่ความตายโดยการกระทำใน
การชลุ มนุ ต่อสนู้ น้ั ต้องระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กนิ สองปี หรือปรับไมเ่ กินสี่หม่ืนบาท หรอื ท้ังจำท้ังปรับ
ถ้าผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้นั้นแสดงได้ว่า ได้กระทำไปเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้นั้น หรือเพื่อ
ปอ้ งกันโดยชอบดว้ ยกฎหมาย ผนู้ ั้นไมต่ อ้ งรบั โทษ
คำว่า ชุลมนุ คือ ไมส่ ามารถแบง่ ฝา่ ยได้ เชน่ ตา่ งฝา่ ยตีกันม่วั ถา้ เปน็ คอู่ รติ ีกันแยกฝา่ ยได้ ไม่ผดิ ฐานน้ี
คนทีต่ ายนนั้ ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งเป็นคนที่ร่วมชุลมนุ แต่ใครกไ็ ด้ทตี่ ายเพราะการชลุ มุลน้ัน ลูกหลงก็ได้

หมวด ๒ ความผดิ ตอ่ รา่ งกาย

ผใู้ ดทำร้ายผูอ้ นื่ จนเปน็ เหตุให้เกิดอันตรายแกก่ ายหรือจติ ใจของผู้อน่ื นน้ั ผู้น้ันกระทำความผิดฐานทำ
ร้ายรา่ งกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรอื ปรับไม่เกนิ สี่หมน่ื บาท หรอื ทง้ั จำทง้ั ปรบั

ถ้าอาวุธทใี่ ชไ้ มร่ า้ ยแรง และทำในอวยั วะท่ไี มส่ ำคัญ ถอื วา่ เจตนาทำร้าย แตถ่ า้ เอาปนื ยงิ หัว ไม่ตาย
อา้ งว่าเจตนาทำร้ายไมไ่ ด้ เป็นพยายามมฆา่

หากเป็นทำร้ายร่างกายอนั ตรายสาหัสก็ต้องรบั โทษสูงขึน้
อันตรายสาหัสนนั้ คือ

(๑) ตา หู จมกู ลิน้ เสยี หาย
(๒) เสียอวัยวะสบื พันธ์ุ หรอื ความสามารถสืบพนั ธุ์ เชน่ เปน็ หมัน
(๓) เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้วหรืออวัยวะอื่นใด คำว่า อื่นใด ต้องมีความสำคัญ จำเป็น เช่น ฟันหลุด
หลายซี่หมดปาก
(๔) หน้าเสยี โฉมอย่างตดิ ตวั แก้ให้หายไม่ได้ ทำศลั ยกรรมกไ็ ม่ได้ ถ้าช่วั คราวไม่ใช่
(๕) แท้งลูก ตายต้ังแต่ยงั ไมม่ สี ภาพบุคคล แตถ่ ้าคลอดมาแล้วทำใหต้ ายไม่ผดิ สาหัส
(๖) จติ พกิ ารอยา่ งติดตวั เปน็ บา้
(๗) ทพุ พลภาพ หรือปว่ ยเจบ็ เรอ้ื รังทอี่ าจถงึ ตลอดชีวติ

(๘) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า ๒๐ วัน หรือจนประกอบกรณียกิจ
ตามปกติไมไ่ ด้เกนิ กวา่ ย่สี บิ วัน ไมด่ ตู ามใบรบั รองแพทย์ ดตู ามความเป็นจรงิ

มาตรา ๒๙๙ ผูใ้ ดเข้ารว่ มในการชลุ มนุ ต่อสรู้ ะหว่างบุคคลแต่ ๓ คนขึน้ ไป และบุคคลหนงึ่ บุคคล
ใดไมว่ ่าจะเป็นผู้ท่ีเข้าร่วมในการนนั้ หรือไม่รับอันตรายสาหสั ถ้าคนบาดเจบ็ รว่ มด้วยกผ็ ิด โดยการกระทำใน
การชุลมนุ ตอ่ ส้นู น้ั ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึง่ ปี หรือปรับไม่เกนิ สองหมน่ื บาท หรอื ทัง้ จำทั้งปรบั

ถ้าผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้นั้นแสดงได้ว่า ได้กระทำไปเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้นั้น หรือเพื่อ
ปอ้ งกนั โดยชอบดว้ ยกฎหมาย ผนู้ น้ั ไม่ต้องรับโทษ

มาตรา ๓๐๐ ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส
ต้องระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กนิ สามปี หรือปรับไม่เกนิ หกหมน่ื บาท หรอื ทงั้ จำท้งั ปรบั

หมวด ๓ ความผิดฐานทำให้แทง้ ลกู

-หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูก หรือ ยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก หญิงนั้นมีความผิด ต้องระวางโทษ
จำคกุ ไม่เกนิ สามปี หรือปรบั ไมเ่ กนิ หกหมนื่ บาท หรอื ทง้ั จำท้ังปรับ

-ผู้ใดทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม คนที่ทำนั้นมีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี
หรอื ปรบั ไม่เกนิ หน่งึ แสนบาท หรอื ทั้งจำท้งั ปรบั

ถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้หญิงรับอันตรายสาหัสอย่างอื่นด้วย คนที่ทำนั้นมีความผิด ต้องรับ
โทษสูงขน้ึ ผกู้ ระทำต้องระวางโทษจำคุกไมเ่ กนิ เจด็ ปี หรอื ปรับไม่เกนิ หนึ่งแสนสห่ี มื่นบาท หรอื ทัง้ จำทั้งปรบั

คำว่า อนั ตรายสาหัส ตอ้ งเปน็ อย่างอื่นทีไ่ ม่ใชแ่ ท้งลูก เชน่ จติ พกิ ารอย่างติดตัว เป็นบ้า ทุพพลภาพ
หรือปว่ ยเจบ็ เร้ือรังท่ีอาจถงึ ตลอดชวี ติ หรอื ทุพพลภาพ หรอื ปว่ ยเจบ็ ด้วยอาการทุกขเวทนาเกนิ กวา่ ๒๐ วนั

ถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้หญงิ ถึงแกค่ วามตาย คนที่ทำนัน้ มีความผิด ต้องรับโทษสูงขึ้น แต่
ไมถ่ งึ ข้ันประหารหรอื จำคุกตลอดชวี ิต ผกู้ ระทำต้องระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กนิ สิบปี และปรบั ไม่เกินสองแสนบาท

มาตรา ๓๐๓ ผู้ใดทำให้หญิงแทง้ ลูกโดยหญิงนั้นไม่ยนิ ยอม หญิงไม่ผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่
เกินเจ็ดปี หรือปรบั ไม่เกินหนึ่งแสนสห่ี มน่ื บาท หรอื ทง้ั จำทงั้ ปรบั

ถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้หญิงรับอันตรายสาหัสอย่างอื่นด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุก
ตงั้ แต่หนึ่งปีถงึ สิบปี และปรับต้ังแตส่ องหมืน่ บาทถึงสองแสนบาท

คำว่า อันตรายสาหสั ตอ้ งเป็นอย่างอื่นทไ่ี มใ่ ชแ่ ท้งลูก เชน่ จติ พิการอย่างติดตัว เป็นบ้า ทุพพลภาพ
หรือป่วยเจ็บเรอ้ื รังท่ีอาจถึงตลอดชวี ิต หรือทุพพลภาพ หรอื ปว่ ยเจ็บด้วยอาการทกุ ขเวทนาเกินกวา่ ๒๐ วัน

ถา้ การกระทำนั้นเป็นเหตใุ หห้ ญิงถึงแกค่ วามตาย ผกู้ ระทำต้องระวางโทษจำคกุ ตงั้ แต่ห้าปีถึงย่ีสิบปี
และปรบั ตง้ั แต่หน่ึงแสนบาทถึงสแี่ สนบาท

-ถ้าหญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูก หรือ ยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก หรือผู้ใดทำให้หญิงแท้งลูกโดย
หญงิ น้ันยนิ ยอม ถา้ อยใู่ นขน้ั พยายาม ผ้นู น้ั ไม่ตอ้ งรับโทษ ถา้ หญงิ ไมย่ นิ ยอม แมพ้ ยายามคนทำผิดแน่

-ถ้าหญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูก หรือ ยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก หรือผู้ใดทำให้หญิงแท้งลูกโดย
หญิงนั้นยินยอม แต่เป็นการกระทำของนายแพทย์ผู้กระทำไม่มีความผิด แต่ถ้าหญิงไม่ยินยอมแพทย์ผิด
และต้องนายแพทยเ์ ท่านั้น และเหตดุ งั นีด้ ้วย

(๑) จำเป็นต้องกระทำเนื่องจากสุขภาพของหญิงนั้น เช่น มีครรภ์ต่อไปแม่ตายแน่ ระวังสุขภาพ
หญงิ ไม่ใช่สุขภาพลูก เช่น กลวั เดก็ คลอดมาพกิ าร ผิด หรอื

(๒) หญงิ มคี รรภเ์ นื่องจากการกระทำความผิดอาญา ถกู กระทำชำเรา หรือ กระทำชำเราเด็ก หรือ
ถูกคา้ อนาจารโดยหญงิ ยนิ ยอม หรอื ค้าอนาจารโดยหญงิ ไม่ยินยอม

หมวด ๔ ความผิดฐานทอดทิ้งเด็ก คนป่วยเจ็บหรือคนชรา

มาตรา ๓๐๖ ผู้ใดทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน ๙ ปีไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดย
ประการทท่ี ำให้เด็กน้นั ปราศจากผู้ดแู ล ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกนิ สามปี หรอื ปรบั ไมเ่ กินหกหม่นื บาท หรือท้ัง
จำทัง้ ปรบั

มาตรา ๓๐๗ ผู้ใดมีหน้าท่ีตามกฎหมายหรือตามสัญญาต้องดูแลผู้ซึ่งพึ่งตนเองมิได้ เพราะอายุ
ความป่วยเจ็บ กายพิการหรือจิตพิการ ทอดทิ้งผู้ซึ่งพึ่งตนเองมิได้นั้นเสียโดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิด
อนั ตรายแกช่ วี ิต ตอ้ งระวางโทษจำคุกไมเ่ กินสามปี หรอื ปรับไม่เกนิ หกหม่นื บาท หรอื ทั้งจำท้ังปรบั

มาตรา ๓๐๘ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๓๐๖ หรือมาตรา ๓๐๗ เป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้ง
ถึงแก่ความตาย หรือรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๙๐ มาตรา ๒๙๗
หรอื มาตรา ๒๙๘ นั้น

ลักษณะ ๑๑ ความผิดเกีย่ วกับเสรีภาพและชื่อเสียง
หมวด ๑ ความผิดต่อเสรภี าพ

ความผดิ ฐานข่มขืนใจ
ข่มขืนใจผ้อู ื่น คอื ให้ผอู้ ่ืนกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรอื จำยอมต่อสิ่งใด โดย

ทำใหก้ ลวั ว่าจะเกิดอันตรายตอ่ ชีวติ ร่างกาย เสรภี าพ ช่อื เสียงหรือทรพั ย์สนิ ของผูถ้ ูกข่มขนื ใจนั้นเอง
หรือของผู้อืน่

หรอื โดยใชก้ ำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขนื ใจต้องกระทำการน้นั ไม่กระทำการนัน้ หรือจำยอมต่อส่ิงน้ัน
ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กนิ ๓ ปี หรอื ปรับไมเ่ กิน ๖ หม่นื บาท หรอื ท้งั จำทั้งปรับ

-คำว่า ผอู้ ่ืน คือ บุคคลท่ี ๓ เช่น เชน่ ขูว่ า่ ถา้ ไมท่ ำ จะฆา่ ลกู
-ประทุษร้าย คอื ทำร้ายเลย
-ขม่ ขนื ใจ จะสำเรจ็ เม่ือกลวั และทำตาม ถา้ กลวั อยา่ งเดยี วไมท่ ำตามหรือทำตามไม่ได้ ไมผ่ ดิ ฐานข่มขืน
ใจ แตผ่ ิดเพยี งพยายามขม่ ขืนใจ ถา้ ไมก่ ลัวกพ็ ยายาม
เช่น โจรปล้นร้านทอจี้ ๓ ล้อให้ขับรถพาหนี สามล้อก็กลัว แต่รถมันดันติดไฟแดง แบบนี้พยายาม
ขม่ ขืนใจ

เหตตุ อ่ ไปนี้คนขม่ ขืนใจตอ้ งรับโทษหนักข้นึ
-ถ้าขม่ ขนื ใจโดยมีอาวธุ หรอื โดยร่วมกระทำตั้งแต่ ๕ คนขนึ้ ไป หรอื ได้กระทำเพ่ือให้ผู้ถูกข่มขืนใจทำ

ถอน ทำให้เสียหาย หรือทำลายเอกสารสิทธิอย่างใด เช่น ขู่ให้ไปฉีกพินัยกรรม ทำลายสัญญาเงนิ กู้ ผู้กระทำ
ต้องระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กนิ ๕ ปี หรือปรบั ไมเ่ กิน ๑ แสนบาท หรอื ท้งั จำท้ังปรับ

-อ้างอำนาจอั้งย่ีหรือซ่องโจร ไม่วา่ อ้งั ย่ีหรือซ่องโจรน้ันจะมีอยู่หรือไม่ เช่น หลอกเขาว่าเป็นสมาชิก
มาเฟยี ถา้ ไมท่ ำตามพวกมาแน่ ผ้กู ระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแตห่ นึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองหม่ืนบาท
ถึงหนึง่ แสนสหี่ มน่ื บาท

ความผิดฐานหน่วงเหน่ยี วกักขัง
-ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๓ ปี หรือปรบั ไมเ่ กนิ ๖ หม่ืนบาท หรอื ท้ังจำทงั้ ปรับ
คำว่า เสรภี าพในรา่ งกาย คอื เคลอื่ นไหวไปตามปกติของร่างกาย
เช่น โจรขึ้นบา้ นไป เจ้าของบ้านนอนหลบั นิ้วกระตุกไปตามร่างกาย โจรรำคาน เอายางมารัดไว้ไมใ่ ห้
ขยบั ถอื เปน็ การทำให้ขาดเสรภี าพในร่างกายแล้ว มีความผิดฐานหนว่ งเหนยี่ วกกั ขัง แมจ้ ะไมไ่ ดข้ ังก็ตาม
เชน่ เพื่อนไปอาบน้ำในสระ ถอดเสอ้ื ผ้าไว้บนฝง่ั มีคนมาเห็นเลยเอาเสือ้ ผ้าไปซอ่ น ตะโกนคนมาดู อาย
ขึ้นจากสระไม่ได้ เพราะเสื้อผ้าหาย ถือเป็นการทำให้ขาดเสรีภาพในร่างกายแล้ว มีความผิดฐานหน่วงเหนี่ยว
กกั ขัง แมจ้ ะไม่ไดข้ ังกต็ าม
เช่น คนปืนไปตัดต้นไม้ จึงเอาบันไดออก ลงไม่ได้ ถือเป็นการทำให้ขาดเสรีภาพในร่างกายแล้ว มี
ความผดิ ฐานหนว่ งเหนีย่ วกักขัง
ระวัง เช่น เอารถไปจอดขวางหน้าบ้านเขา เจ้าของบ้านจะไปทำงานตอนเช้า เดินออกมาเจอรถขวาง
ออกไม่ได้ เลยปีนรั้วบ้านตนเองออก แบบนี้ยังไม่ผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง เพราะร่างกายยังไม่ถูกจำกัด เป็น
แค่เสียความสะดวก ไม่เสยี เสรีภาพ

ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถูกหน่วงเหนี่ยว ถูกกักขัง หรือต้อง
ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำท้ัง
ปรบั เชน่ ยามจะปดิ ประตูอาคาร แตม่ เี ดก็ บนอาคาร

ผู้ใดโดยทจุ รติ รบั ไว้ จำหน่าย เปน็ ธรุ ะจัดหา ล่อไป หรือพาไปซงึ่ บคุ คลอายุเกินสิบห้าปแี ต่ยังไม่เกิน
สิบแปดปี แมผ้ ู้น้ันจะยนิ ยอมก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกนิ หา้ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กินหนงึ่ แสนบาท หรือทั้งจำ
ท้งั ปรับ

ความผดิ ฐานเรยี กคา่ ไถ่
มาตรา ๓๑๓๔ ผู้ใดเพ่ือให้ได้มาซึง่ ค่าไถ่

(๑) เอาตวั เดก็ อายุไม่เกิน ๑๕ ปีไป อาจไมต่ ้องหลอกลวง

(๒) เอาตัวบุคคลเกนิ อายุกว่า ๑๕ ปีไป โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้
อำนาจครอบงำผดิ คลองธรรม หรอื ใชว้ ิธขี ่มขนื ใจดว้ ยประการอ่นื ใด หรือ

(๓) หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด ถ้าความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง มีการเรียกค่าไถ่เอาเงิน
เอาทรัพย์ ประโยชน์ ผิดฐานเรียกค่าไถ่

ความผิดฐานเรียกค่าไถ่ ความผิดสำเร็จ ตั้งแต่เรยี กค่าไถ่ ไม่ต้องดูว่าจะไดค้ ่าไถ่หรือไม่ เช่น จับตัว
เด็กไป โทรมาหาญาติเรียกเงิน แต่ญาติเอาตำรวจมาจับ แบบนี้ความผิดเรียกค่าไถ่สำเร็จ ไม่ถือว่าพยายาม
เพราะผดิ สำเร็จตัง้ แต่เรยี ก คอื โทรมาแล้ว

คนสนับสนุนในความผิดฐานเรียกค่าไถ่ รับผิดเช่นเดียวกับตัวการ ไม่ต้องรับโทษ ๒ ใน ๓ เหมือน
ทั่วไป เช่น พูดยุยง คือ ขณะมีคนโทรมาเรียกค่าไถ่ ท่านก็บอกว่า เอาเงินให้เขาไปเถอะ จะได้หมดเวรหมด
กรรม ผิดฐานสนับสนุน แต่ถ้าพดู หลงั ผิดฐานคนกลาง

สนับสนุนต้องก่อนหรือขณะเรียก ถ้าสนับสนุนหลังไม่ผิดฐานสนับสนุน เช่น โทรมาเรียกเรียบร้อย
ความผดิ สำเร็จแล้ว ท่านก็บอกว่าเอาให้ไปเหอะ หรอื เด๋ยี วเอาไปให้เอง แบบนี้ไมผ่ ิดฐานสนบั สนนุ แต่ผิดฐาน
คนกลาง

ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สามแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุก
ตลอดชีวิต หรอื ประหารชวี ิต

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นเหตุให้ผู้ถกู เอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนยี่ ว หรอื ผู้ถกู กักขังนั้น
รับอันตรายสาหัส หรือเป็นการกระทำโดยทรมาน หรือโดยทารุณโหดร้าย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำนั้นรับ
อันตรายแก่กาย หรือจิตใจ ผกู้ ระทำตอ้ งระวางโทษประหารชีวติ หรอื จำคกุ ตลอดชีวติ

ถ้าการกระทำความผิดนั้นเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขังนั้นถึงแก่
ความตาย ผ้กู ระทำตอ้ งระวางโทษประหารชวี ิต
คนกลางในเรียกคา่ ไถ่ คอื

ผ้ใู ดกระทำการเปน็ คนกลาง โดยเรียก รบั หรือยอมจะรบั ทรพั ยส์ นิ หรือประโยชนอ์ ย่างใดทมี่ ิควรได้จาก
ผู้กระทำความผิดฐานเรียกค่าไถ่ หรือจากผู้ที่จะให้ค่าไถ่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และ
ปรบั ต้งั แต่สามแสนบาทถงึ สแี่ สนบาท หรอื จำคกุ ตลอดชวี ติ

ต่างจากรับสินบน คือ คนผิดรับจากตัวคนให้ แต่คนกลางเรียกค่าไถ่ คือ รับจากโจรหรือคนจะให้
คา่ ไถ่กไ็ ด้

เช่น นายเอเปน็ คนจับเด็กมาให้ แลว้ บอกว่า ถ้าเขาใหค้ ่าไถ่ ขอแบง่ ด้วย ผดิ ฐานเปน็ คนกลาง
เช่น นายเอบอกนายบีวา่ ถ้าเด็กเลกิ เรยี นเมื่อไหร่จะโทรบอก แบบนี้ผิดฐานผู้สนับสนุน แต่ตั้งเงื่อนไข
เพม่ิ เติมวา่ เรียกคา่ ไถ่ได้ขอสว่ นแบ่งดว้ ย แบบน้ีผดิ ฐานคนกลาง
เช่น ผัวเรยี กคา่ ไถม่ าได้ เมียขอแบ่ง แบบน้ีผิดฐานคนกลาง
เชน่ รับเงินมาจากแมเ่ ดก็ ขอส่วนแบง่ นะ จะไปขอเจรจากับโจรให้

เช่น เช่น โทรมาเรียกเรียบร้อย ความผิดสำเร็จแล้ว ท่านก็บอกว่าเอาให้ไปเหอะ หรือ เดี๋ยวเอาไปให้
เอง แบบนไ้ี มผ่ ิดฐานสนบั สนุน แตผ่ ดิ ฐานคนกลาง
ควรจำ

ถ้าผู้กระทำความผิดฐานเรียกค่าไถ่ สนับสนนุ เรยี กค่าไถ่ คนกลางเรียกค่าไถ่ จัดให้ผูถ้ ูกเอาตัวไป ผู้ถูก
หนว่ งเหน่ียวหรอื ผู้ถูกกักขังไดร้ ับเสรีภาพก่อนศาลช้นั ตน้ พิพากษา โดยผู้นั้นมิได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่
ในภาวะอนั ใกลจ้ ะเปน็ อันตรายตอ่ ชวี ติ ให้ลงโทษนอ้ ยกว่าทกี่ ฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่าก่ึงหนง่ึ

ความผดิ ฐานพรากเด็กอายุไมเ่ กิน ๑๕ ปี
-ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกิน ๑๕ ปีไปจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือ
ผู้ดแู ล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสบิ ห้าปี และปรบั ตัง้ แต่หกหมนื่ บาทถึงสามแสนบาท
-ไม่ว่าเด็กจะยอมหรอื ไม่ ก็ผดิ ฐานพรากแลว้ เพราะทำลายอำนาจปกครอง
-การพรากไม่ใช่แค่พูดชักชวน ไม่ใช่การพราก เช่น โทรศัพท์ไปหาเด็ก แล้วเด็กมาเอง หรือเด็กมา
หาเองยังไม่ชวน กไ็ มใ่ ช่พราก แต่ตอ้ งมีลักษณะพาไป เช่น ไปรบั เดก็ ทบี่ ้าน ผิดฐานพรากแนน่ อน
-แม้ว่าเด็กจะมาเรียนต่างจังหวัด อยู่กับเพื่อน ก็ผิดฐานพรากแล้ว แม้แต่เด็กหนีจากบ้านก็ผิดถ้า
หากร้วู ่ามคี นดูแล แต่ถ้าเป็นเด็กเรร่ อ่ น ไมร่ ู้ว่าใครคอื ผดู้ ูแลปกครองเลยไมผ่ ิด
-พรากกับอนาจารกบั กระทำชำเรา คนละอย่าง คนละกรรมกนั
-ใคร ซอ้ื จำหน่าย หรือรบั ตวั เด็กทถ่ี ูกพรากมา รบั โทษเชน่ เดียวกับผพู้ ราก
-ถ้าพรากเพือ่ หากำไร หรอื เพือ่ การอนาจาร รบั โทษหนักขนึ้
-พรากเด็กอายไุ มเ่ กิน ๑๓ ปี จะอา้ งความไมร่ ู้อายุของเดก็ เพอื่ ใหพ้ น้ จากความผิดไม่ได้

ความผดิ ฐานพรากเดก็ อายเุ กนิ ๑๕ ปีข้ึนไปแต่ไม่เกนิ ๑๘ ปี
-ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุเกินกว่า ๑๕ ปี แต่ยังไม่เกิน ๑๘ ปี ไปจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล
โดยผเู้ ยาว์นั้นไมเ่ ต็มใจไปด้วย ตอ้ งระวางโทษจำคุกตั้งแตส่ องปีถึงสิบปี และปรบั ตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสน
บาท
กรณีน้ีพรากไปทำอะไรก็ได้
ควรจำ ถา้ เป็นอายุไม่เกิน ๑๕ ปี ไมต่ ้องสนใจเลยวา่ เต็มใจหรือไมเ่ ตม็ ใจ ผิดหมด

ถ้าอายุเกนิ กว่า ๑๕ ปี แตย่ งั ไม่เกิน ๑๘ ปี ต้องว่าเต็มใจหรอื ไม่ ถ้าไม่เต็มใจผิด แตถ่ ้าเต็มใจไม่ผดิ
-ใคร ซือ้ จำหน่าย หรอื รบั ตวั ผูเ้ ยาวท์ ถ่ี ูกพรากมา รับโทษเชน่ เดยี วกบั ผู้พราก
-ถ้าพรากโดยไม่เต็มใจ เพอ่ื หากำไร หรอื เพือ่ การอนาจาร รับโทษหนกั ขึน้

ขอ้ สังเกต

พรากผู้เยาว์อายุเกนิ ๑๕ ปี แต่ยังไม่เกิน ๑๘ ปีไป เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร แม้ผู้เยาว์เตม็
ใจไปดว้ ยกม็ ีความผดิ

-ใคร ซ้อื จำหน่าย หรอื รบั ตัวผ้เู ยาวท์ ถ่ี กู พรากมา รับโทษเชน่ เดยี วกบั ผพู้ ราก
-การกระทำความผิดซื้อทาส คือ รับไว้ จำหน่าย เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปซึ่งเด็กอายุยังไม่
เกิน ๑๕ ปี และพรากเดก็ อายไุ ม่เกนิ ๑๓ ปี จะอา้ งความไม่รู้อายขุ องเด็กเพ่อื ให้พ้นจากความผดิ ไม่ได้

หมวดความผดิ ฐานหมนิ่ ประมาท

-ความผดิ ฐานหม่ินประมาท เปน็ ความผิดอันยอมความได้
-ถา้ ผู้เสยี หายในความผดิ ฐานหมิ่นประมาทตายกอ่ นรอ้ งทกุ ข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบตุ รของ
ผเู้ สียหายร้องทกุ ขไ์ ด้ และให้ถอื ว่าเปน็ ผู้เสยี หาย
-ความผิดฐานหม่นิ ประมาท คือ ใส่รา้ ย ใสค่ วามผู้อน่ื ตอ่ บุคคลท่ีสาม ทำให้ผู้อ่ืนน้ันเสียชอ่ื เสียง ถกู
ดหู มิน่ หรอื ถูกเกลยี ดชงั โทษจำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรอื ปรบั ไม่เกิน ๒ หมนื่ บาท หรือทง้ั จำท้ังปรบั
คำวา่ ใส่ความทำไดห้ ลายรปู แบบ เชน่ เขียนจดหมาย โพสต์เฟซบกุ๊ ยืนด่าตัวคนโดนทั้งทคี่ นเต็มก็ผิด
หมน่ิ ประมาท แมจ้ ะไมไ่ ดพ้ ดู กับคนที่ ๓ โดยตรงแตไ่ ดย้ นิ คนโดนก็เสียหายถกู เกลียดชงั กผ็ ดิ
คำว่า หมิ่นประมาท แมค้ วามทใี่ ส่นั้นไม่เป็นความจริงก็มคี วามผิด เพราะดูทีค่ วามเสียหายที่เกิดกับ
คนโดน มันกลายไปว่า ยิ่งจริงยิ่งหม่ิน แต่ได้รับการยกเว้นโทษถ้าหากว่าเป็นความจริงไม่ใช่เรือ่ งส่วนตัว พิสูจน์
แล้วเป็นประโยชนต่อประชาชน แต่ทางแพ่งถา้ เร่อื งจรงิ ไมผ่ ิด
-ต้องใสค่ วามกับบุคคลท่ี ๓ เทา่ นั้นจงึ จะเป็นหม่ินประมาท แต่ถ้าพูดกบั ตวั คนโดนโดยตรง เรียก ดู
หมน่ิ ซ่ึงหน้า
-หมิ่นคนตายเสียหายคนเป็น คือ ผู้ใดใส่ความผู้ตายต่อบุคคลที่สาม และการใส่ความนั้นน่าจะเป็น
เหตใุ ห้บิดา มารดา คสู่ มรส หรอื บตุ รของผตู้ ายเสียชื่อเสียง ถกู ดหู มิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้น้ันกระทำความผิด
ฐานหมนิ่ ประมาท รบั โทษเทา่ กับหม่ินคนเป็น คอื โทษจำคกุ ไม่เกิน ๑ ปี หรอื ปรบั ไม่เกนิ ๒ หม่นื บาท หรือทั้ง
จำท้งั ปรบั
-ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา คือ โฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี
ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือ
บันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอ่ืน
ผู้กระทำรับโทษกวา่ หม่นิ ธรรมดาหรือคนตาย ตอ้ งระวางโทษจำคุกไมเ่ กนิ ๒ ปี และปรับไมเ่ กนิ ๒ แสนบาท
คำว่า โฆษณาคือ คนส่วนมากรับรู้ข้อความหมิ่น โดยไม่จำกัดคนเห็น เช่น หมิ่นประมาทบนเฟซบุ๊ก
ปิดแผน่ ประกาศตามเสาไฟ
-ในคดีหมน่ิ ประมาทโดยการโฆษณา ท่หี ากมีความผิด ศาลอาจสง่ั (ไม่จำเปน็ ต้องยดึ เสมอ)

(๑) ใหย้ ึด และทำลายวัตถหุ รือส่วนของวตั ถทุ ม่ี ีข้อความหม่นิ ประมาท
(๒) ให้โฆษณาคำพิพากษาทั้งหมด หรือแต่บางส่วนในหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับหรือหลายฉบับ
ครั้งเดยี วหรอื หลายครง้ั โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระคา่ โฆษณา

เหตยุ กเว้นความผดิ ฐานหม่นิ ประมาทหรอื ไม่มคี วามผดิ ฐานหม่ินประมาท

-แสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสีย
เกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่ ติชมด้วยความเป็นธรรม ท่ีบุคคล
หรอื สงิ่ ใดอันเปน็ วสิ ยั ของประชาชนย่อมกระทำ หรือ ในการแจ้งข่าวด้วยความเปน็ ธรรมเรอื่ งการดำเนินการอัน
เปดิ เผยในศาลหรือในการประชมุ

-คู่ความ หรือทนายความของคู่ความ แสดงความคิดเห็น หรือข้อความในกระบวนพิจารณาคดใี นศาล
เพ่อื ประโยชน์แกค่ ดขี องตน ไมม่ คี วามผดิ ฐานหมน่ิ ประมาท

เหตยุ กเวน้ โทษหรือมีความผิดฐานหม่นิ ประมาทแต่ไม่มีโทษ

-ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิด พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทน้ัน
เป็นความจรงิ ผู้นนั้ ไม่ตอ้ งรบั โทษ

แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการ
พิสูจนจ์ ะไม่เปน็ ประโยชนแ์ กป่ ระชาชน เร่อื งสว่ นตัวรบั โทษเสมอหากไม่เกิดประโยชนก์ บั ประชาชน

ความผิดฐานดหู มนิ่ ซึ่งหนา้
-ดูหมนิ่ ซง่ึ หนา้ เป็นความผิดทยี่ อมความไม่ได้ ตา่ งกับความผดิ ฐานหมนิ่ ประมาทที่ยอมความได้
-ดูหม่ินซ่งึ หน้า เปน็ ความผิดลหโุ ทษ จำคกุ ไมเ่ กนิ ๑ เดอื น ปรับไมเ่ กนิ ๑ หมืน่ บาท ทง้ั จำท้งั ปรับ
-ความผิดฐานดูหมนิ่ ซง่ึ หนา้ คอื ดูหม่ินคนอนื่ ซ่งึ หนา้ หรอื ด้วยการโฆษณา
-ถ้อยคำนั้นต้อง ดูหมิ่นเหยียดหยาม สบประสาทผู้ถูกกล่าวถึงหรือทำให้ผู้ถูกกล่าวถึงอับอาย ถ้าเข้า
ประเด็นนี้เป็นการดูหมิ่น ไม่ถึงกับการใส่ความให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังเหมือน หม่ิน
ประมาท
-การกลา่ วถ้อยคำนนั้ ตอ้ งกลา่ วซ่ึงหนา้ ผู้เสียหาย
-ระวงั โทรไปดา่ ผู้เสยี หายไม่เป็นดหู ม่ินซึ่งหน้า

ความผดิ ฐานดูหมนิ่ เจ้าพนกั งาน

คำว่า เจ้าพนักงาน หมายความว่า บุคคลซึ่งกฎหมายบัญญัติว่าเป็นเจ้าพนกั งานหรือได้รับแตง่ ตัง้

ตามกฎหมายให้ปฏบิ ัตหิ น้าทีร่ าชการ ไม่ว่าเป็นประจำหรอื ครั้งคราว และไม่ว่าจะไดร้ ับค่าตอบแทนหรือไม่
รวมถึง ลูกจ้างประจำหรือชั่วคราวตามสญั ญาจ้างของรฐั ข้าราชการทางการเมืองด้วย เจ้าอาวาส ไม่รวม
ฝา่ ยนติ บิ ญั ญตั ิ(ผอู้ อกกฎหมายทกุ ระดับ) เช่น สมาชกิ สภานติ บิ ัญญัติ

ผู้ใดดหู มิ่นเจา้ พนักงานซง่ึ กระทำการตามหนา้ ที่ หรอื เพราะได้กระทำการตามหน้าที่ ต้องระวางโทษ
จำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรอื ปรับไม่เกิน ๒ หมื่นบาท หรือท้งั จำทัง้ ปรับ

องค์ประกอบความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน คือ ใครที่ดูหมิ่นเจ้าพนักงานที่ทำหน้าที่เป็นความผิด
ฐานดูหมนิ่ เจา้ พนักงาน

-คำว่า กระทำการตามหนา้ ท่ี คอื กำลังหรือขณะทำหน้าท่ี
-คำวา่ เพราะได้กระทำการตามหน้าท่ี คือ ทำการไปแลว้
-ไม่ต้องมีมูลเหตุจูงใจให้ดูหมิ่นด้วย ไม่ต้องมาแจกใบสั่งหรืออะไรทั้งนั้น เช่น เห็นตำรวจจราจรโบก
รถ เขากำลงั กระทำการตามหนา้ ที่ เห็นรถตดิ แต่ไปด่าเขาวา่ ไอเ้ หี้ย ไอ้เลว กผ็ ิดฐานดหู มิ่นเจา้ พนักงาน
-ดหู มิ่นด้วยวาจา ทาทางกไ็ ด้ เช่น เปลือยกายให้ของลับ
-คำวา่ ผใู้ ด กค็ อื ใครก็ไดท้ ท่ี ำผิด
-คำว่า ดูหมิ่น คือ สบประมาท เหยียดหยาม ดูถูกให้อับอาย เสียหาย เช่น ด่าตำรวจว่า เป็นหมา
ไม่ใช่คน หรือ อ้ายจ่า ถ้ามึงจับกู กูจะเอามึงออก หรือไอ้ตำรวจ ไอ้พวกฉิบหาย บอกว่า“แค่นี้ใคร ๆ ก็ผิด
ทำไมมาว่าผม อย่างคณุ มาเอาผมไป ถอดเสอ้ื มาตอ่ ยกนั ดีกว่า ท่าทางเชน่ นี้เป็นดหู มน่ิ เปน็ ตน้
-แต่ถา้ พูดเป็นคำหยาบคาย ไมส่ ุภาพ ไม่ถือวา่ ดหู มนิ่ เช่น ผมไม่กลัวคณุ หรอกใหญ่กว่านกี้ ็ไมก่ ลวั มึง
เปน็ นายอำเภอได้อยา่ งไร ไม่รบั ผดิ ชอบ ไมเ่ ป็นดหู ม่นิ รอ้ ยโทกระจอกไมผ่ ดิ แต่ถ้าบอกวา่ ตำรวจเลว ผิด
คำว่า ทำตามหน้าท่ี คือ ดูหมน่ิ ขณะทปี่ ฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี เช่น พอตำรวจจะจับก็ไปด่าเขา

หรือ เปน็ ผลมาจากทีต่ ำรวจทำหน้าที่หรือทำการไปแล้ว เช่น ตอนเชา้ ตำรวจจบั ตน พอ ๓ วันต่อมา
พบหนา้ ตำรวจเลยโกรธ จงึ ไปด่าวา่ ไอห้ ัวควย เป็นดูหมิน่ เจา้ พนักงาน แต่ถ้าตำรวจเกษยี ณแลว้ ไมผ่ ิด

ถ้าระวัง ถ้าไม่มีหน้าที่ก็ไม่ผิด เช่น นายเอไปยืมเงินบี แต่เอไม่จ่ายหนี้ตามกำหนด จึงไปขอให้
พนักงานสอบสวนไกล่เกลี่ย ลูกหนี้เห็นเหมือนตำรวจเข้าข้างเจ้าหนี้ ก็ด่าตำรวจว่า ตำรวจเลว ไม่ผิดหมิ่นเจ้า
พนกั งานเพราะ ตำรวจไมม่ ีหน้าท่ไี กลเ่ กล่ียหนีท้ างแพ่ง

ลกั ษณะความผดิ เกย่ี วกบั ทรัพย์
หมวด ๑ ความผดิ ฐานลักทรัพย์และวิ่งราวทรพั ย์

ลักทรัพย์
ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อ่ืนหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
จำคุกไม่เกนิ ๓ ปี และปรับไมเ่ กิน ๖ หมนื่ บาท(เพิ่ม ๑๐ เท่าจากเดิม คอื ๖ พนั )
องคป์ ระกอบความผิดฐานลกั ทรพั ย์
องคป์ ระกอบภายนอก
-ผู้ใด
-เอาไป คือ มันอยู่ในการครอบครองของผู้อื่นและแย่งการครอบครองจากผู้อื่นในลักษณะตัด
กรรมสิทธิ์ ไม่มเี จตนาเอามาคืน
แย่งการครอบครอง
เช่น เหน็ รถเขาจอดอยู่เสยี บกุญแจไว้ จึงขีไ่ ปโดยไม่ได้รับอนญุ าตและไม่เอามาคนื ถอื เป็นการแย่งการ
ครอบครองและตดั กรรมสทิ ธ์ิ เป็นลักทรัพย์
กรณตี อ่ ไปนี้มีการแย่งการครอบครองแต่ไม่มีการตัดกรรมสิทธ์ิ เช่น คนในบ้านป่วยต้องตามหมออย่าง
เร่งด่วน จึงเอารถเพือ่ นบ้านไปตามหมอโดยที่เขาไมอ่ นุญาต เมื่อตามหมอเสรจ็ ก็เอามาคืน ถือเป็นการแยง่ การ
ครอบครองแตไ่ มต่ ัดกรรมสทิ ธ์ิ จงึ ไมใ่ ช่การลกั ทรัพย์
กรณตี อ่ ไปน้ีไมไ่ ด้อยู่ในการครอบครองของผู้อื่น เช่น เช่าซ้ือรถจักรยานยนต์มา ผ่อนไม่จบ แล้วเอาไป
ขายต่อ ไมเ่ ป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เพราะทรัพย์ไม่ไดอ้ ยใู่ นการครอบครองของผอู้ ื่น ไม่ถือเปน็ การเอาไป แต่
ผิดฐานยักยอกทรัพย์
-ทรัพย์ผ้อู ่นื หรอื ทผ่ี ู้อน่ื เปน็ เจ้าของรวมด้วย
องคป์ ระกอบภายใน
-เจตนาธรรมดา ต้องรวู้ ่าผิด หากหยิบผดิ ไม่เป็นลักทรพั ย์
-มลู เหตุจงู ใจ(เจตนาพิเศษ) คือ โดยทจุ รติ เพอื่ แสวงหาประโยชนโ์ ดยไมช่ อบ
ลกั ทรัพย์ตา่ งกับยกั ยอกทรพั ยอ์ ย่างไร
-ลักทรัพย์ คอื การครอบครองอยู่กบั ผ้อู ่นื และไปแย่งการครอบครองตดั กรรมสทิ ธเ์ิ ขามา
-แต่ยักยอกทรัพย์ ไม่มีการแย่งการครอบครอง ไม่มีการเอาไป เพราะทรัพย์นั้นอยู่ในตัวผู้กระทำ
ความผดิ เอง และทรัพย์นัน้ เปน็ ของผ้อู ืน่ รวมตลอดจนผู้อนื่ เปน็ เจา้ ของรวมอยู่ ผู้ทำผิดเบียดบังอามาเปน็ ของตน
เช่น นายเอเช่าหอพัก ซึ่งมีเตียง ทีวีรวมอยู่ด้วย นายเอจึงแอบเอาทีวีที่เช่าไปจำนำ เป็นความผิดฐาน
ยักยอกทรพั ย์ ไมใ่ ช่ลักทรัพย์ เพราะทวี ีอยู่ในการครอบครองของนายเอ ไม่ได้เอาไป แตเ่ ป็นเบียดบังทรัพย์ของ
ผู้อน่ื ทตี่ นครอบครองอยู่ แต่ถา้ นายเอไปเอาทวี ีของหอ้ งขา้ งๆไปขาย ถือเป็นลักทรพั ย์

ลักทรัพย์ตา่ งกับฉ้อโกงทรพั ย์อยา่ งไร
-ลกั ทรัพย์ คอื การครอบครองอยู่กบั ผู้อื่นและไปแย่งการครอบครองตัดกรรมสทิ ธ์ิเขามา
-ฉ้อโกง ไมม่ ีการแยง่ การครอบครอง แตว่ ่า ผทู้ ำผิดไปหลอกเจ้าทรพั ย์ จนเขามอบทรพั ย์นน้ั มาให้
กรณีนายเอต้องการเอารถของนายบี จึงออกอุบายว่า เนี่ยนายบี เราขอลองขับรถนายดูหน่อยได้ม้ัย

ทา่ ทางจะขับดี นายบีก็ยอมใหล้ องขบั แต่ปรากฏว่านายเอขับไปแล้วไม่ยอมเอามาคืน ก็ถอื เปน็ ลักทรพั ย์ เพราะ
แย่งการครอบครองโดยออกอุบาย

กรณีนายเอรู้ว่านายบีต้องการขายรถ จึงไปทำทีขอซ้ือ แต่บอกว่าเดี๋ยวเอาเงินมาให้ แต่ผ่านไปนาน
นายบีไปทวงเงนิ กไ็ มย่ อมจ่าย ถอื เปน็ ฉ้อโกง
สรปุ ลกั ทรัพย์

การลักทรัพยต์ ้องเป็นการพาทรัพย์น้นั ไป และต้องเคลอ่ื นทใ่ี นลกั ษณะทสี่ ามารถเอาไปได้ด้วย
-พาทรพั ยน์ ัน้ เคลอื่ นที่ในลกั ษณะท่เี อาไปได้ เรียก ลักทรพั ยส์ ำเรจ็
-พาทรัพยน์ นั้ เคล่อื นที่ แตไ่ ม่อย่ใู นลกั ษณะทีเ่ อาไปได้ เรยี กวา่ พยายามลกั ทรัพย์

ดูตวั อย่างดังน้ี
กรณลี ักทรพั ย์สำเร็จ

ตัวอย่างที่ ๑ นายเอเห็นจักรยานจอดอยู่ อยากได้ จึงเข้าไปจูงออกมาได้ ๑ เมตร เจ้าของเห็นจึงร้อง
โวยวาย นายเอจึงทิ้งจักรยานแลว้ หนีไป ถือว่า ลักทรัพย์สำเรจ็ เพราะอยู่ในลักษณะทีเ่ อาไปได้ แม้จะเคลื่อนที่
นิดเดยี ว แตม่ นั เอาไปได้ กถ็ ือวา่ สำเรจ็ หากนำมาคืนกไ็ ม่อาจลบล้างความผิดได้
กรณพี ยายามลักทรัพย์

ตัวอย่างที่ ๒ นายเอเห็นจักรยานจอดอยู่ อยากได้ จึงเข้าไปจูงออกมาได้ ๗ เมตร ปรากฏว่าจูงต่อ
ไม่ไดเ้ พราะมีโซล่ ่ามไว้ ถอื วา่ พยายามลกั ทรพั ย์ เพราะแมว้ า่ จะเคลอ่ื นที่ไปได้ไกลเท่าไหน แต่ไม่อยใู่ นลักษณะที่
เอาไปได้ ก็ไมใ่ ชล่ ักทรัพย์สำเรจ็

ลกั ทรพั ยใ์ นเหตุอุจฉกรรจ์
ผใู้ ดลักทรพั ย์

-เวลากลางคืน

-บริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิด อุทกภัย หรือในที่หรือบริเวณที่มีอุบัติเหตุ หรืออาศัยโอกาสท่ี
ประชาชนกำลังต่นื กลวั ภยนั ตรายใด ๆ

-ทำอนั ตรายสง่ิ กดี ก้ันสำหรับคุม้ ครองบคุ คลหรอื ทรัพย์ หรอื โดยผา่ นส่งิ เชน่ ว่านนั้ เข้าไป
-เขา้ ทางช่องทางซึ่งไดท้ ำข้นึ โดยไมไ่ ดจ้ ำนงให้เป็นทางคนเข้า หรอื เข้าทางช่องทางซ่ึงผ้เู ปน็ ใจเปิดไวใ้ ห้
-แปลงตัวหรอื ปลอมตวั เปน็ ผู้อ่นื มอมหน้าหรอื ทำด้วยประการอืน่ เพอ่ื ไม่ใหเ้ หน็ หรือจำหนา้ ได้
-ลวงว่าเป็นเจา้ พนักงาน
-มอี าวธุ หรอื โดยรว่ มกระทำความผิดด้วยกนั ต้งั แต่ ๒ คนขึน้ ไป
-ในเคหสถาน สถานที่ราชการหรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้บริการสาธารณะที่ตนได้เข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
หรอื ซอ่ นตัวอยูใ่ นสถานท่นี ้ัน ๆ

-ในสถานที่บูชาสาธารณะ สถานีรถไฟ ท่าอากาศยาน ที่จอดรถหรือเรือสาธารณะ สาธารณสถาน
สำหรับขนถา่ ยสนิ ค้า หรือในยวดยานสาธารณะ

-ทีใ่ ช้หรือมไี วเ้ พ่ือสาธารณประโยชน์
-ทเ่ี ป็นของนายจ้างหรอื ที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง
-เป็นของผู้มีอาชีพกสิกรรม บรรดาที่เป็นผลิตภัณฑ์ พืชพันธุ์ สัตว์หรือเครื่องมืออันมีไว้สำหรับ
ประกอบกสิกรรมหรือไดม้ าจากการกสกิ รรมนั้น
หากลักทรัพย์ในลักษณะดงั กล่าว ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๑ ปี - ๕ ปี และปรับตั้งแต่ ๒ หมื่นบาท
ถงึ ๑ แสนบาท
และถ้าทำควบกัน ๒ อยา่ งขึน้ ไปต้องระวางโทษจำคุกต้ังแต่ ๑ ปี- ๗ ปี และปรบั ต้ังแต่ ๒ หมื่นบาทถึง
๑ แสน ๔ หม่ืนบาท
และเป็นการกระทำตอ่ ทรัพยท์ ่เี ปน็ โค กระบือ เคร่อื งกลหรือเคร่ืองจักรที่ผมู้ ีอาชีพกสิกรรมมีไว้สำหรับ
ประกอบกสิกรรม ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๓ ปีถึง ๑๐ ปี และปรับตั้งแต่ ๖ หมื่นบาทถึง ๒ แสน
บาท
หากเป็นการกระทำโดยความจำใจหรือความยากจนเหลือทนทาน และทรัพย์นั้นมรี าคาเลก็ น้อย ศาล
จะลงโทษผู้กระทำความผดิ ดังทีบ่ ัญญัติไวใ้ นมาตรา ๓๓๔ ก็ได้
ลักทรพั ย์ทางศาสนา
ผ้ใู ดลกั ทรพั ยท์ ่ีเปน็ พระพุทธรปู หรือวัตถใุ นทางศาสนา ถา้ ทรพั ย์นน้ั เป็นท่ีสักการะบูชาของประชาชน
หรือเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของพระพุทธรูป หรือวัตถุดังกล่าว ต้องระวางโทษ
จำคกุ ต้ังแต่ ๓ ปีถงึ ๑๐ ปี และปรบั ต้ังแต่ ๖ หม่นื บาทถึง ๒ แสนบาท
ถ้าได้กระทำในวัด สำนักสงฆ์ สถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนา โบราณสถานอันเปน็ ทรัพย์สินของ
แผ่นดิน สถานที่ราชการหรือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๕ ปีถึง ๑๕ ปี และ
ปรับตัง้ แต่ ๑ แสนบาทถงึ ๓ แสนบาท

วง่ิ ราวทรัพย์
ว่ิงราวทรพั ย์ คือ ลักทรพั ยโ์ ดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า จำคกุ ไม่เกิน ๕ ปี และปรบั ไมเ่ กิน ๑ แสนบาท
วง่ิ ราวทรัพย์ มีพื้นฐานมาจากลักทรัพย์ แต่เพิ่มเติม คอื ฉกฉวยเอาซึ่งหน้า พดู งา่ ยๆคือ เอาไปต่อหน้า
ต่อตาอยา่ งรวดเรว็ เจา้ ของทรพั ยก์ ็เห็นว่ามคี นเอาไป
เอาซงึ่ หนา้ เจา้ ของต้องเห็นการลักและเจา้ ของอยู่ใกล้ทรัพย์ หากเหน็ แตอ่ ยู่ไกลอาจไม่ใช่วิ่งราวทรัพย์
หากเจา้ ของเผลอหรอื หลบั แม้จะอยู่ใกลก้ ็ไมใ่ ช่ว่ิงราวทรัพย์
ตวั อยา่ ง โจรดักเหน็ ผู้หญิงถือกระเปา๋ จงึ ว่งิ กระชากกระเปา๋ ไป เปน็ วงิ่ ราวทรพั ย์
ตัวอย่าง อัยการคดีชิงทรัพย์ว่า กลางคืน นายเอเพียงถือมีดเข้าไปหยุดยืน ห่างจากนางบี ๒ เมตร
ขณะที่นางบีตกใจว่ิงหนี จำเลยวง่ิ ไล่ตามไปจนทันแล้วกระชากสร้อยข้อมือจนขาดติดมือนางบี โดยไม่ได้ใช้มีดจี้
ข่เู ข็น หรือแสดงใหเ้ หน็ ว่าจะใชข้ ่ทู ำร้าย
วเิ คราะห์ข้ันท่ี ๑ ไม่เป็นชงิ ทรพั ยเ์ พราะไมไ่ ดข้ ู่ เพราะถือมีดไว้เฉยๆ
ไม่เป็นวิ่งราวทรัพย์ เพราะอัยการฟ้องชิงทรัพย์ แต่ศาลเห็นว่าไม่เป็นชิงทรัพย์ จะให้เป็นวิ่งราว
ทรพั ยก์ ็ไมไ่ ดท้ ้งั ทมี่ ันควรจะเป็น เพราะไมม่ กี ารบรรยายฟ้องว่าวงิ่ ราวทรัพย์ ถ้าใหเ้ ป็นว่ิงราวทรพั ยจ์ ะเป็นการ
ให้โทษเกนิ ประเด็น เกดิ คำฟอ้ ง ดังนัน้ ศาลจงึ ใหเ้ ป็นลักทรัพย์ในเวลากลางคนื โดยมอี าวุธ และยานพาหนะเพ่ือ
ความสะดวก
ตัวอย่าง นายเอไปซื้อสุรา เจ้าของร้านบอกว่าไม่ขายเพราะค่ำแล้ว นายเอเลยบอกว่าไม่ขายก็จะเอา
จะทำอะไรได้ แล้วนายเอก็หยิบสุราออกจากร้านไป เป็นการลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า มีความผิดฐาน
วง่ิ ราวทรัพย์ แม้จะไม่ฉกฉวยอยา่ งเร็ว แต่มนั เป็นซ่ึงหน้าเจ้าทรัพย์

ระวัง การวิ่งราวทรัพย์ต้องฉกฉวยเอาซึ่งหน้า และไม่มีการทำร้าย เพราะถ้า ไม่ฉกฉวยเอาซึ่งหน้าจะเป็นลัก
ทรัพย์ และหากทำร้ายจะเป็นชงิ ทรัพย์

ตัวอย่าง โจรดักเห็นผู้หญิงถือกระเป๋า จึงวิ่งไปกระชากกระเป๋า แล้วชกหน้าผู้หญงิ จนเซล้มหัวแตก เป็นการชงิ
ทรพั ย์ ไม่ใชว่ ่งิ ราวทรพั ย์ เพราะมีการทำร้าย

ระวัง กระชากสร้อยคอที่สะพายแล่งอยู่กับตวั เปน็ ชงิ ทรพั ย์
ระวัง กระชากสร้อยเล็บถูกคอบาดเจบ็ เป็นการเล็งเห็นได้ว่าใช้กำลังทำรา้ ยเปน็ ชงิ ทรัพย์ แต่กระตุกสร้อยคอ ๒
สลงึ สรอ้ ยบาดคอบาดเจ็บนดิ เดยี ว เป็นวง่ิ ราว เพราะเส้นเล็กอาจเลง็ เหน็ ไมไ่ ดว้ ่าตอ้ งบาดเจบ็
หากเจา้ ของเผลอหรือหลับแมจ้ ะอยใู่ กลก้ ไ็ ม่ใชว่ ิง่ ราวทรพั ย์
ตวั อย่าง นายเอเผลอหลบั ไปท่ีปา้ ยรถเมล์ ถอื กระเป๋าเงนิ ไวใ้ นมือ จงึ มโี จรมาแอบเอาไป เปน็ การลกั ทรพั ย์ ไม่ใช่
วง่ิ ราวทรัพย์ เพราะเจา้ ทรพั ยไ์ มร่ ู้ตัว
ตัวอย่าง ทรัพย์อยู่ห่างจากเจ้าทรัพย์ ๕ วา เจ้าทรัพย์ทำงานเพลินได้ยินเสียง คนร้ายก็เอาทรัพย์ไปแล้ว ไม่ผิด
ฐานวิง่ ราวทรัพย์
ตัวอย่าง เข้าไปในร้านค้าเอาทรัพย์ใส่กระเป๋าเวลาเจา้ ของมองไปทางอื่น พอเขาเห็นจึงร้องขึ้น ก็หนีไป ไม่เป็น
วิ่งราวทรพั ย์ เพราะไม่มีกรยิ าฉกฉวยเอาซ่ึงหน้า
นายแดงไปทำนา เอาปิ่นโตวางไว้ใต้ต้นไม้ จึงไปดำนาห่างจากปิ่นโต ๑ กม นายดำเดินมาเหนื่อยจึงนั่งพักใต้
ตน้ ไมข้ า้ งป่นิ โตนายแดง นายขาวเดินผา่ นมาเหน็ ปน่ิ โตจงึ ฉกฉวยไปตอ่ หน้าตอ่ ตานายดำ ถามว่าเป็นวิ่งราวทรพั ยห์ รอื ไม่
ตอบวา่ ไมเ่ ปน็ เพราะไมไ่ ดเ้ อาไปซ่งึ หนา้ ของเจา้ ของทรพั ย์หรอื ผคู้ รอบครองทรพั ย์

เหตเุ พม่ิ โทษในการวิ่งราวทรัพย์

ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตใุ ห้ผูอ้ ื่นรับอันตรายแกก่ ายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตัง้ แต่
๒ ปถี งึ ๗ ปี และปรับต้งั แต่ ๔ หมน่ื บาทถึง ๑ แสน ๔ หม่ืนบาท

ตัวอย่าง โจรดักเห็นผู้หญิงถือกระเป๋า จึงวิ่งไปกระชากกระเป๋า สายของกระเป๋าเกี่ยวกับแขนผู้หญิง
จนล้มหัวแตก เป็นการวิ่งราวทรัพย์ เพราะไม่ได้ทำร้าย แต่มีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ให้ผู้อื่นได้รับอันตราย
แกก่ าย

ถา้ การวิง่ ราวทรัพยเ์ ป็นเหตุให้ผู้อืน่ รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำตอ้ งระวางโทษจำคุกตง้ั แต่ ๓ ปีถึง ๑๐
ปี และปรบั ตง้ั แต่ ๖ หม่นื บาทถงึ ๒ แสนบาท

ถ้าการวง่ิ ราวทรพั ย์เป็นเหตใุ ห้ผู้อ่ืนถึงแกค่ วามตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกต้ังแต่ ๕ ปถี ึง ๑๕ ปี
และปรับตงั้ แต่ ๑ แสนบาทถึง ๓ แสนบาท

คำวา่ ผอู้ ื่น ไมจ่ ำเปน็ ต้องเป็นเจา้ ทรพั ย์

พยายามว่ิงราวทรพั ย์

เช่น นายเอกระชากกระเป๋านางบี จนสายสะพายกระเป๋าหลดุ จากไหล่ แตน่ างบคี วา้ กลบั มาได้ในทันที
กระเป๋ายงั ไม่หลุดไปจากความครอบครองของนางบี แม้กระเป๋าจะหลุดไปอยู่ในมือของนายบีตอนกระชาก แต่
นายเอก็ยงั ไม่ไดค้ รอบครอง จงึ เปน็ เพียงการพยายามวง่ิ ราวทรพั ย์

วเิ คราะหข์ น้ั ที่ ๑ เป็นวงิ่ ราวทรพั ย์ เพราะ มกี ารฉกฉวยเอาซงึ่ หนา้ อยา่ งรวมเร็ว เจา้ ทรพั ยก์ ร็ ู้ตัว
วิเคราะห์ข้ันที่ ๒ ไม่เป็นการวิ่งราวทรัพย์สำเร็จ แต่เป็นเพียงพยายามวิ่งราวทรัพย์ เพราะ กระเป๋า
ไมไ่ ดอ้ ยู่ในสภาพทเี่ อาไปได้เพราะมีสายอยู่ แตห่ ากมนั ไมม่ ีสาย ย่อมวิง่ ราวทรัพย์สำเรจ็ เพราะอยูใ่ นสภาพท่ีเอา
ไปได้
เชน่ นายเอกระชากสร้อยคอนางบีขาด แตน่ างบีควา้ สรอ้ ยคอนั้นไว้ได้ทัน นางบจี งึ ร้องให้คนช่วย นาย
เอเห็นดงั นัน้ จงึ ว่ิงไปซอ้ นท้ายมอไซต์ของนายซที ่ีจอดรอหนีไป ตามแผนทว่ี างไว้
วเิ คราะหข์ ้นั ท่ี ๑ เป็นวิง่ ราวทรัพย์ เพราะ ฉกฉวยเอาซง่ึ หนา้ เจ้าทรพั ย์ก็รตู้ ัว ไม่มกี ารทำรา้ ยดว้ ย
วิเคราะห์ขั้นที่ ๒ เป็นเพียงพยายามวิ่งราวทรัพย์ เพราะ สร้อยยังไม่อยู่ในสภาพที่เอาไปได้ เจ้าทรัพย์
ควา้ ไวท้ ัน และเป็นการวง่ิ ราวทรัพย์โดยใชย้ านพาหนะ รบั โทษหนกั ข้นึ
ความผดิ ฐานอืน่ ทมี่ พี ื้นฐานมาจากความผดิ ฐานลักทรพั ย์ คือ
- ว่งิ ราวทรัพย์ คอื ลักทรัพยโ์ ดยฉกฉวยเอาซึ่งหนา้ รตู้ ัววา่ ถกู ลักทรัพย์ เช่น นางสาวเอกำลังดินข้าม
สะพานถือกระเป๋ามาใบหนึ่ง โจรตามมาด้านหลัง กระชากกระเป๋าวิ่งหนีไป เป็นการลักทรัพย์ซึ่งหน้า เรียก
วิ่งราวทรพั ย์ ระวงั วิ่งราวทรัพยจ์ ะไม่มีการทำรา้ ยเลย
-ชิงทรัพย์ คอื ลกั ทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่ทนั ทีว่าจะทำร้าย เช่น นางสาวเอกำลังดินข้าม
สะพานถือกระเปา๋ มาใบหนึ่ง โจรดกั รอข้างสะพาน ว่งิ เข้าไปชกหนา้ นางสาวเอล้มลง จึงเอากระเป๋าไป หรือ ยก
มดี มาทำท่าจะแทง พดู ว่า ส่งกระเป๋ามาไมง่ น้ั แทงแน่ เป็นชงิ ทรัพย์
ระวัง ถ้าไม่มีการทำร้ายจะเป็นวิ่งราวทรัพย์ เช่น นางสาวเอกำลังดินข้ามสะพานถือกระเป๋ามาใบ
หนึ่ง โจรตามมาด้านหลัง จะกระชากกระเป๋า นางสาวเอจึงดึงกระเป๋าไว้ แต่สู้แรงโจรไม่ไหว ถูกดึงล้มหัวแตก
เป็นวง่ิ ราวทรัพย์ เพราะโจรไมไ่ ด้ทำร้ายและขู่ สรุป โจรจะผดิ ฐานวง่ิ ราวทรพั ย์ ให้ผู้อ่นื ไดร้ บั อันตรายแกก่ าย
-ปล้นทรพั ย์ คือ การชงิ ทรพั ย์ร่วมกัน ๓ คนขน้ึ ไป

หมวด ๒ ความผดิ ฐานกรรโชก รดี เอาทรัพย์ ชิงทรัพยแ์ ละปล้นทรพั ย์

ความผดิ ฐานกรรโชก
มาตรา ๓๓๗ ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่น ให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่
เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญ ข่มขู่ ว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ
ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำ
ความผิดฐานกรรโชก ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไม่เกินห้าปี และปรบั ไมเ่ กนิ หน่งึ แสนบาท
ความผิดฐานกรรโชก ยอดนยิ ม คอื แอบอา้ งว่าเปน็ เจา้ หน้าท่ี เช่น ตำรวจ หรือ นกั เลง หรอื เรียก
เกบ็ คา่ คมุ้ ครอง
องคป์ ระกอบความผิด
-ข่มขืนใจผู้อื่น ให้ยอมให้หรือยอม โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญ ข่มขู่ ว่าจะทำอันตรายต่อ
ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่า
นั้น
ระวงั หากทำร้ายแลว้ คอ่ ยเอาทรพั ยไ์ ปเลยไม่ใชก่ รรโชกทรัพย์ เปน็ ชงิ ทรพั ย์
ควรจำ การขู่ในความผิดกรรโชก กว้างกว่าชิงทรัพย์ เพราะไม่จำกัดว่าจะต้องขู่เข็ญต่อชีวิตเท่านั้น แต่การ
กรรโชกจะขวู่ า่ ถา้ ไมใ่ หจ้ ะมาทำลายทรัพยก์ ไ็ ด้
ระวัง ถ้าหากขู่ว่าจะเปิดเผยความลบั จนเขาให้ประโยชน์ในทรัพย์ ไม่เป็นกรรโชกและชิงทรัพย์ แต่เป็น รีดเอา
ทรพั ย์
-ไดป้ ระโยชน์ในลกั ษณะท่เี ป็นทรัพย์สิน หมายถงึ ตัวทรพั ย์ ทรัพยส์ นิ หรอื ประโยชน์อ่ืนในทรัพย์ เช่น
ประมลู ทรพั ยส์ นิ ได้ พกั โรงแรมฟรี แตไ่ มร่ วมบงั คับให้เขาทำงานให้ฟรี(ไม่ผดิ กรรโชก แต่ผดิ ฐานขม่ ขนื ใจ)
ตัวอยา่ งความผดิ ฐานกรรโชก
เช่น นายขาวเอามีดจี้นายดำว่า รู้มั้ยว่าที่นี่จะต้องจ่าค่าคุ้มครอง ถ้าไม่จ่ายทุกเดือน เตรียมตัวตายได้
เลย เดย๋ี วส้นิ เดอื นมาเอา
เช่น ตำรวจขู่พระว่ามีผู้ร้องเรียนเรื่องยุ่งกับสีกา ให้จ่ายเงิน พระว่าไม่มี ๗ วันให้มาเอา แต่ตำรวจไม่
พอใจยกปืนขึ้นมา พระกลัวจึงให้ไป ๒ พัน และยังบอกพระอีกว่า ๗ วันจะมาเอา สรุป กรณีนี้เป็นกรรมเดียว
ผิดกฎหมายหลายบท คอื
ผดิ ฐานกรรโชกทรพั ยส์ ำเร็จ เพราะพระตกลงว่า ๗ วนั จะให้ คอื ตกลงจะใหแ้ ลว้
ผดิ ฐานชิงทรพั ยด์ ว้ ย เพราะยกปนื มา เปน็ การขเู่ ขญ็ ในทันทที นั ใดจนเขายอมให้
จึงลงโทษบททีห่ นักทสี่ ดุ คอื ฐานชิงทรัพย์ เพราะโทษหนกั กวา่
เช่น จำเลยตระเวนเก็บค่ารถยนต์ โดยที่จำเลยไม่มีสิทธิ แต่จำเลยไม่ได้ขู่ว่าจะใช้กำลงั ประทุษรา้ ยแต่
ต้น เงนิ ที่เก็บก็เท่ากันทุกรายและไมไ่ ด้ขู่เอาเงินมากกว่านี้ หากไมใ่ ห้เงินต้องไปจอดที่อ่นื เทา่ นนั้ มิได้เจตนาแย่ง
เงนิ โดยตรง ไมผ่ ิดลักทรพั ย์ ไม่ผดิ ชงิ ทรัพย์ แตเ่ ปน็ การข่มขนื ใจจงึ ผิดฐานกรรโชกทรพั ยส์ ำเร็จ
เช่น ผู้เสียหายอ่านจดหมายกรรโชกของจำเลย จึงตกลงให้ เพราะกลัว แล้วไปแจ้งความ การแจ้ง
ความเป็นเหตุทีป่ ระชนทำกนั ตามปกติ ไมใ่ ช่การท่ีผู้เสียหายไม่ยอมทำตามคำขู่เข็ญ จึงเป็นความผดิ ฐานกรรโชก
สำเร็จ ไม่ใช่พยายาม

เช่น จำเลยขูข่ อเงนิ ว่า ถา้ ไม่ใหจ้ ะเผาบ้าน ห้ามแจ้งตำรวจนะไม่งนั้ ตาย ไมเ่ ป็นการขูท่ ำรา้ ยทันทีทันใด
จึงไม่เป็นชิงทรัพย์

เช่น ขู่คู่แข่งประมูลรับเหมาว่า ถ้ามึงยื่นประมูลนะ ภายใน ๗ วันนี้มึงตายแน่ เพื่อไม่ให้เขายื่นซอง
ประมูล จนตัวเองชนะประมูลถูกจา้ ง

เช่น จำเลยมีปากกาเป็นอาวุธ ข่มขืนใจโดยการทำร้าย จนยอมให้เงินแก่ตน การกระทำดังกล่าวเป็น
การข่มขืนใจให้ผู้อื่นยอมให้ประโยชน์ในทรัพย์ ผิดฐานกรรโชก แม้โจทก์จะฟ้องชิงทรัพย์แม้จะใกล้เคียงกัน
มกั จะฟอ้ งความผิดชิงทรัพยเ์ พราะโทษหนักกวา่ ไมเ่ ป็นชงิ ทรัพย์ เพราะ มพี ฤติการณ์รีดไถ แยกยากมากกกกก
กกกกกกกกกกกก

กรรโชก คล้ายกับ ความผิดฐานข่มขืนใจผูอ้ นื่ ดังน้ี
ข่มขนื ใจเปน็ ความผิดตอ่ เสรีภาพ คอื ขม่ ขนื ใจใหก้ ระทำการใดหรือไม่กระทำการใด ซึ่งไม่จำเป็นต้อง
ให้ประโยชน์ในทางทรัพย์สิน ความผิดกรรโชกใจแม้จะเป็นความผิดต่อเสรีภาพเหมือนกัน แต่เป็นการทำให้
กลัววา่ จะเกิดอันตรายเพ่อื ประโยชน์ในทรัพย์
สรุป คือ ถ้าไปบังคับขู่เข็ญให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่ทรัพย์ เป็นข่มขืนใจ ถ้าหากต้องการทรัพย์
เปน็ กรรโชก
ควรจำ ความผิดฐานกรรโชก เป็นความผิดต่อเสรีภาพเสมอ แต่ในความผิดต่อเสรีภาพไม่จำเป็นต้อง
เปน็ ความผิดฐานกรรโชก เพราะความผิดฐานกรรโชกทรพั ย์มุ่งหมายประโยชน์ในทรพั ย์สิน
เช่น จำเลยกบั พวกมีอาวุธติดตวั เข้าไปพูดจาให้กับผูเ้ สยี หายคดิ บัญชีการเงิน ทจ่ี ำเลยกับผู้เสียหายเข้า
หุ้นกันทำการก่อสร้างโดยขู่ว่า ถ้าไม่คิดจะเกิดเรื่อง แต่ไม่บรรลุผล เพราะผู้เสียหายไม่ยอมคิด ไม่ว่าจะไม่กลัว
หรือตำรวจมาขัดก็ตาม จำเลยมคี วามผิดฐานพยายามกระทำผิดต่อเสรีภาพ แต่ไม่ผดิ ฐานกรรโชก
ไม่ผิดฐานกรรโชกทรัพย์ เพราะ ไม่ได้ขู่จะเอาเงิน แต่ขู่เข็ญให้เขาทำการออย่างใดอย่างหนึ่ง คือ คิด
บญั ชีเงิน
เปรยี บเทยี บความผิดฐานกรรโชกกับความผิดฐานชงิ ทรัพย์
ความแตกตา่ ง คือ ความผิดฐานชงิ ทรพั ยเ์ ป็นการลักทรัพย์โดยข่เู ขญ็ ว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตเพ่ือให้ได้ทรัพย์ใน
ทันทที ันใด แตค่ วามผดิ ฐานกรรโชก มพี ื้นฐานจากความผดิ เสรภี าพ ขู่จนกลวั ยอม ไม่จำเป็นตอ้ งทันทที นั ใด
-วัตถุแหง่ การกระทำตา่ งกัน คือ
ชิงทรัพย์ มพี น้ื ฐานจากการลักทรพั ย์ ตอ้ งเปน็ ทรพั ยเ์ ท่าน้ัน(มีรปู รา่ ง) ผู้อ่นื หรอื ของผอู้ ่นื รวมอยู่
กรรโชก ไม่จำเป็นต้องเป็นทรัพย์ หรือ ทรัพย์สิน แต่รวมถึงประโยชน์ในทรัพย์สินด้วย คือ กว้างกว่า
ทรพั ยท์ ีใ่ ชช้ งิ ทรัพย์ เช่น ขูว่ ่าห้ามเรียกเก็บค่าจอดรถ ไมง่ ้ันจะเผา ทั้งทีไ่ มไ่ ด้ทรัพย์สินกไ็ ด้
-ความผิดฐานกรรโชกมเี ฉพาะเจตนาธรรมดา คอื เจตนากรรโชกเอาทรัพย์ไป แมจ้ ะเอาไปทำบุญก็ผิด
แตค่ วามผดิ ชิงทรัพยม์ ีเจตนาพิเศษด้วย คือ เอาทรพั ยไ์ ปโดยทุจรติ ถงึ จะผิด
-ในความผดิ ชงิ ทรัพย์กันใช้กำลังหรือขู่เข็ญจะต้องไม่ขาดตอนจากการลักทรัพย์ หากขาดตอนอาจเป็น
กรรโชกได้
เช่น เอามดี ไปจ้ีเขา บอกว่า ส่งกระเป๋าตังมา ถ้าไม่สง่ จะยิงใหต้ าย แบบนี้ยงั ไมข่ าดตอนเปน็ ชงิ ทรพั ย์
แต่ถ้าเอามีดจบี้ อกวา่ ปลายเดือนจะมาเอาตงั ถ้ามาแลว้ ไมไ่ ด้ ตาย แบบนี้ขาดตอนแลว้ เปน็ กรรโชก

-การยอมใหห้ รอื ยอมจะใหป้ ระโยชนใ์ นลักษณะที่เปน็ ทรัพยส์ ินแม้จะยงั ไม่สง่ มอบกเ็ ป็นกรรโชกแล้ว
ไมเ่ ป็นพยายาม

เชน่ ขู่แล้วเจ้าทรัพยบ์ อกว่าสนิ้ เดือนจะให้นะ ค่อยมาเอา แบบนี้กรรโชกสำเร็จไม่เป็นพยายาม เพราะ
ยอมให้หรือยอมจะให้ คำว่ายอม ยอมนิดเดียวก็ได้ เช่น ขอ ๕ พัน ให้ ๑ พันก็สำเร็จ ถ้าไม่ให้บอกว่าไม่กลัว
เปน็ พยายามกรรโชก

แต่ถ้าขูว่ ่าเอาทรพั ยม์ าไมง่ ้ันตาย ตำรวจมาเหน็ เป็นพยายามชิงทรัพย์เพราะยังไม่ทรัพย์
ตัวอย่างชิงทรัพย์ เช่น นายแดงเอาปืนขู่นายดำว่า เอาเงินมา หากไม่ส่งมาจะยิงให้ตาย ในตอนน้ัน
ทันที
ตัวอย่างกรรโชก เช่น นายขาวเอามีดจี้นายดำว่า รู้มั้ยว่าที่นี่จะตอ้ งจ่าค่าคุ้มครอง ถ้าไม่จ่ายทุกเดือน
เตรียมตวั ตายได้เลย เดยี๋ วสิ้นเดอื นมาเอา
เปรยี บเทียบความผิดฐานกรรโชกกับความผิดฐานรีดเอาทรัพย์
ความผิดฐานรดี เอาทรัพย์ คอื ขวู่ ่าจะเปดิ เผยความลบั จนเขายอมใหป้ ระโยชน์ในทรพั ย์สิน เช่น รู้มา
วา่ เขามีคลิปหลุด จงึ ไปบอกเขาว่า ขอ ๕ พนั จะลบ ถ้าไมใ่ ห้จะนำไปอปั โหลดเฟซบุ๊ก
คำว่า ความลบั คอื ข้อเทจ็ จรงิ ทเ่ี จา้ ของข้อมูลไม่อยากปดิ เผย อะไรที่เขาไม่อยากให้คนรู้เป็นความลับ
ท้ังสน้ิ
แต่ความผิดฐานกรรโชก ขู่จะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่
เข็ญ

กรรโชกทรัพย์เหตฉุ กรรจ์คนทำต้องรับโทษหนักขนึ้

ถา้ ความผดิ ฐานกรรโชกไดก้ ระทำโดย
(๑) ขู่ว่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ผู้ถูกข่มขืนใจ หรือผู้อื่นให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือขู่

วา่ จะทำให้เกิดเพลิงไหมแ้ ก่ทรัพยข์ องผ้ถู กู ข่มขืนใจหรือผูอ้ ื่น หรอื
(๒) มอี าวธุ ตดิ ตวั มาขู่เข็ญ พกมาแตบ่ า้ น พกมาแต่ไมใ่ ชก่ ผ็ ดิ ไมใ่ ชก้ ผ็ ดิ

ระวัง แม้จะไมใ่ ช่อาวุธโดยสภาพก็ผิด หากจุดมุ่งหมายจะใช้ทำร้ายไดถ้ ึงสาหสั หรือตาย
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่

หมืน่ บาท
รีดเอาทรพั ย์

มาตรา ๓๓๘ ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่น ให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่
เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย
จนผถู้ ูกข่มขนื ใจยอมเช่นว่านนั้ ผู้นน้ั กระทำความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ ตอ้ งระวางโทษจำคุกต้ังแต่หนึ่งปีถึงสิบปี
และปรับต้งั สองหมนื่ บาทถึงสองแสนบาท

ชงิ ทรพั ย์
ชิงทรัพย์ คือ ลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย
เพื่อ
(๑) ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป เช่น ทำร้ายยามเพื่อเข้าบ้านไปลัก
ทรัพย์ เป็นการอำนวยความสะดวก
(๒) เพอื่ ให้ยื่นทรัพย์ให้ เช่น เอามดี ข้นึ มาขู่ว่า เอาเงนิ มา ถา้ ไม่เอามาแทงแน่
(๓) ยึดถือเอาทรพั ยน์ นั้ ไว้ เชน่ ได้กระเป๋าไปแล้ว เจ้าทรพั ย์วง่ิ ตาม จงึ หนั มาชกหนา้ ไป ๑ ทเี พอ่ื หนี
(๔) ปกปดิ การกระทำความผดิ น้นั เช่น ชกหนา้ เจ้าทรพั ยเ์ พ่ือใหเ้ ขาสลบ จำหน้าตนไมไ่ ด้
(๕) ใหพ้ ้นจากการจับกุม เช่น คนไล่จับจึงทำรา้ ยเพอื่ หลบหนี

ผนู้ นั้ กระทำความผดิ ฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคกุ ตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่
หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท

ระวัง ถา้ การขู่หรือทำร้ายนั้น ไมเ่ กย่ี วกับการลักทรัพย์ เพอื่ ๕ ข้อน้นั เลย ไมเ่ ป็นชิงทรพั ย์
เชน่ ลกั ทรัพย์ต่นื มาเห็นโดนดา่ จนรำคาน จงึ ชกหนา้
เช่น จำเลยกับพวก ๕ คนเป็นวัยรุ่น ขู่ให้ผู้เสียหายต่างสถาบันถอดเสื้อ ยึดเข็มรุ่นซึ่งราคาเล็กน้อย เป็นเพียง
การแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ด้วยความคึกคะนอง ไม่ผิดชิงทรพั ย์ แม้จะทำ ๓ คนขึ้นไปก็ไม่อาจเป็นปล้นทรัพย์
ได้ แต่ผิดฐานขม่ ขนื ใจผ้อู ืน่ เป็นความผิดตอ่ เสรีภาพ น่นั เองงง

ข้อสงั เกต

-คำว่า ใช้กำลังประทุษร้ายน้ันอาจจะทำกับเจ้าทรัพย์ หรือ บุคคลอื่นกไ็ ด้ เช่น ลักทรัพย์ไปกำลังวิง่
หนี เจา้ ทรัพย์ตะโกนใหช้ ่วย โจรกเ็ ลยทำร้ายคนมาชว่ ย เพื่อให้พ้นการจบั กมุ ผิดฐานชิงทรัพย์

-การทำร้ายต้องไม่ขาดตอนจากการลักทรัพย์ ถ้าขาดไปแลว้ อาจผดิ ฐานลักทรัพย์และทำร้ายร่างกาย
ผิดตา่ งกรรมต่างวาระ

เช่น จำเลยเข้ามาลักไก่ชนของนายแดง แล้วเอาไปไว้ใต้ถุนบ้านตนเอง เช้ามาไม่เห็นไก่ตัวเอง เห็นไก่
ในกล้องก็รู้ว่าจำเลยเอาไป ตามไปที่บ้านจำเลย เห็นไก่ใต้ถุนบ้าน พอจะเข้าไปเอาคืน จำเลยก็ออกมาทำร้ าย
เจ้าของไก่ แบบนีไ้ ม่เป็นชงิ ทรัพย์ เพราะขาดตอนไปแลว้ ผดิ ฐานลกั ทรพั ยส์ ำเร็จและผิดฐานทำร้ายร่างกาย ผิด
ต่างกรรมตา่ งวาระ ลงโทษเรยี งกระทง

เช่น คนร้ายลักกระบือไป ๒ ตัว ผู้เสียหายตามไปในคืนนั้น ได้ ๗ กิโลเมตร เห็นคนร้ายจูงกระบือ
คนรา้ ยยงิ ปนื ขู่ ๑ นดั กหนไี ป ไมผ่ ิดชิงทรพั ย์ เพราะลกั ทรัพย์ขาดตอนแล้ว

เช่น จำเลยไปลักไก่ อีก ๑ ชั่วโมงต่อมา ผู้เสียหายตามไปพบจำเลย ห่างจากที่เกิดเหตุ ๑๐๐ เส้น
จำเลยเห็นจงึ ถือไมจ้ ้องจะทำร้ายผเู้ สียหาย ไมผ่ ิดชงิ ทรัพย์ เพราะลักทรพั ยข์ าดตอนแลว้

-หากทง้ั รว่ มกนั ชงิ ทรพั ย์ ๒ คน หากคนหนงึ่ ทำให้โทษหนักข้ึน อีกคนต้องรบั ด้วย เช่น นายแดงกับ
นายดำไปชงิ ทรัพย์ ระหวา่ งนั้นนายดำกำลังหยิบทรัพย์นน้ั นายแดงแทงเจา้ ทรพั ย์ตายโดยนายดำไม่รรู้ แม้
จะไม่รู้ต้องรับโทษฐานร่วมกันชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือ
จำคุกตลอดชีวิต ท้ังคู่ จะอ้างว่าอกี คนทำ ตนไมไ่ ด้ทำ ไมไ่ ด้ ต่างจากรว่ มกันฆา่ คนไม่แทงไมผ่ ดิ

-ระวัง ตอนที่ทำร้ายหรือขู่ ไม่ได้มีเจตนาจะเอาทรัพย์ เมื่อทำร้ายแล้วจึงเอาไป เป็นลักทรัพย์ ไม่
เป็นชิงทรัพย์ เช่น จำเลยฆ่าเจ้าทรัพย์ตายแล้วคิดทุจริตหยิบแหวนเขาไป แบบนี้ผิดลักทรัพย์และฆ่าผู้อ่ืน

เป็นความผิดต่างกรรมหลายกระทง ลงโทษเรียงกระทง ไม่ผิดชิงทรัพย์ แต่ถ้ามีเจตนาจะเอาทรัพย์อยู่แล้ว
แมจ้ ะทำร้ายตอนหลงั เอาทรัพย์กผ็ ิด

-ชงิ ทรพั ยก์ ระทำต่อกายหรอื จิตใจก็ได้ แต่ต้องเปน็ บคุ คลเท่าน้ัน หากไม่ใชค่ นไมเ่ ปน็ ชงิ ทรพั ย์
เช่น ลกั ทรพั ยแ์ ล้วหมาเห่าจงึ ตหี มา ไมผ่ ดิ ชิงทรัพย์
เช่น ลักนกเขาพร้อมกรง แย่งกันไปแย่งกันมา ผู้เสียหายสู้กำลังโจรไม่ได้ จึงถูกแย่งไป ไม่ผิดชิงทรัพย์
เพราะ ไม่ได้ทำรา้ ยผูเ้ สียหายเลย เพราะกระทำกบั กรงนก แตเ่ ป็นว่ิงราวทรพั ย์

ระวัง กรณีจำเลยปัดไฟฉายที่ผู้เสียหายถืออยู่หลุดจากมือ ผู้เสียหายกำลังเก็บหลอดไฟ จึงกระชาก
สรอ้ ยหนีไป มนั คลา้ ยๆจะเป็นว่ิงราวแต่ไม่ใช่ เพราะ ศาลมองว่ากระทำต่อเน้ือตัวรา่ งกาย จงึ เป็นชิงทรัพย์ ต่าง
จากรณีกรงนก เพราะกรงนกแย่งทรัพย์ไปจากผู้เสียหายเลย แต่กรณีไฟฉายเป็นการปัดไฟฉายเพื่อกระชากส
รา้ ยอกี ที หากจะลกั ไฟฉาย คงผิดวง่ิ ราว

-การทำร้ายหรือขู่ ไม่จำเป็นต้องทำต่อเจ้าทรัพย์ผู้เป็นเจ้าทรัพย์หรือคนครอบครองทรัพย์ แต่ทำ
กับใครก็ได้ เช่น กำลังวิ่งราวทรัพย์ มีคนมาช่วย จึงชกหน้าคนที่ช่วยไป แล้วหนี ผิดฐานชิงทรัพย์ ไม่ใช่วิ่งราว
ทรพั ยเ์ พราะมกี ารทำรา้ ยเกดิ ข้นึ

แตต่ อ้ งไม่ใช่ทำรา้ ยตัวการด้วยกันเอง เช่น นายแดงกบั นายดำไปลกั ทรพั ย์ นายดำบอกให้นายแดง
เงียบ แต่ไม่เงียบ จึงชกหนา้ ไม่ผดิ ชิงทรัพย์ เป็นลักทรพั ยเ์ หมอื นเดิม

-ความผิดฐานชิงทรพั ยม์ ีพื้นฐานมาจากลกั ทรพั ย์ พฒั นาต่อไปเปน็ ปลน้ ทรพั ย์
คือ ถ้าการลักทรัพย์นั้น มีการใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะประทุษร้ายในทันทีทันใด ลัก
ทรพั ยม์ ันจะกลายเปน็ ชิงทรพั ย์ทนั ที เชน่ เดียวกันถ้าชงิ ทรัพย์ทำ ๓ คนขึน้ ไป มันจะกลายเปน็ ปล้นทรัพย์
ความแตกตา่ งระหวา่ งชิงทรัพยก์ ับปลน้ ทรพั ย์
ตา่ งกันแค่จำนวนคน คอื ถา้ ชงิ ทรัพย์แลว้ มตี วั การ ๓ คนขึ้นไป จากชิงทรัพยจ์ ะกลายเปน็ ปล้นทรัพย์
ปล้นทรัพย์ก็ต้องมีการขู่เข็ญหรือขู่จะทำร้ายเช่นกัน ถ้าหากว่า ปล้นทรัพย์ ๓ คนแล้วไม่มีการใช้กำลัง
ประทุษรา้ ยหรือขู่ จะเป็นแค่ร่วมกันลักทรัพย์ เพราะมันไมผ่ ่านการชงิ ทรพั ย์ นน่ั เอง
ความแตกต่างระหวา่ งชิงทรพั ย์กับวงิ่ ราวทรัพย์
ต่างกันคือ กำลังประทุษร้าย คือ วิ่งราวทรัพย์ เป็นการลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า โดยไม่มีการ
ประทุษร้ายเลย แม้การวิ่งราวทรัพย์นั้นจะทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย เช่น กระชากสร้อยคอจนคอเกิด
บาดแผล เพราะสร้อยขูดตัว ไม่ผิดฐานชิงทรัพย์ แต่ผิดฐานวิ่งราวทรพั ย์เป็นเหตุใหผ้ ู้อืน่ ได้รบั อนั ตรายแก่กาย ก็
รบั โทษเพิ่มขึน้ แคน่ ้นั
ถ้าการวิ่งราวทรัพย์นั้น มีการประทุษร้ายเข้ามาเกี่ยวข้อง มันจะกลายเป็นชิงทรัพย์ทันที เช่น ตอน
กระชากสร้อย กระชากไปแลว้ เจ้าทรัพย์วิ่งตาม ใกล้จะถึง โจรหันกลับมา พร้อมชักมีดขู่ว่า อย่าตามมานะ ถ้า
ตามมาจะแทงใหต้ าย มนั มกี ารขู่เข็ญวา่ จะประทษุ ร้ายมาเกี่ยว มีความผดิ ฐานชงิ ทรัพย์

ความแตกตา่ งระหว่างชงิ ทรพั ย์กับกรรโชกทรพั ย์
แยกยากมาก เพราะทั้งชิงทรัพย์และกรรโชกทรัพย์ มันมีการใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะทำ

ร้าย เหมอื นกัน แต่
-ชิงทรัพย์ คือ การลักทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผูอ้ ื่นรวมอยู่ด้วย แย่งการครอบครองเอาทรัพย์นั้นไป แย่ง

โดยใชก้ ำลงั ประทุษรา้ ยหรือขู่เขญ็ จะทำรา้ ยดว้ ย
แต่ กรรโชก คือ การข่มขู่ ขู่เข็ญ เพื่อให้เขายอมให้ หรือ ยอมจะให้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็น

ทรพั ยส์ นิ มันไม่มีการเอาไป แต่ทำจนเขายอมใหเ้ พราะกลวั
คือ ความหมายของวัตถุในชิงทรัพย์มันเป็นแค่ทรัพย์ แต่กรรโชกกว้างกว่าคือเป็นทั้งทรัพย์ ทรัพย์สิน

หรอื ประโยชนท์ ีเ่ กยี่ วเนือ่ งกับทรพั ย์สิน
-กรรโชกทรพั ยม์ ีเพียงเจตนาธรรมดาก็ครบองค์ แตช่ งิ ทรัพยต์ ้องมเี จตนาพิเศษ คอื ถ้าไมม่ เี จตนาขู่เพ่ือ

เอาทรัพยห์ รือพ้นจบั กมุ มันไม่อาจเป็นชงิ ทรัพย์ได้
-การทำร้ายหรือขู่ชิงทรัพย์ต้องเกี่ยวข้องกับลักทรัพย์ ในทันทีทันใด ถ้ามีการใช้ประทุษร้ายหรือขู่แต่

ไม่เกี่ยวกับลักทรัพย์ไม่เป็นชิงทรัพย์ เช่น ไปลักทรัพย์ในบ้านเจ้าทรัพย์ พอลักเสร็จเขาตื่นมาพอดี เห็นโจรซ่ึง
เป็นคนที่เคยช่วยเหลือ จึงยืนด่า ๆ ๆ ๆ เสียข้าวสุก เนรคุณ จนโจรโกรธ วิ่งมาชกหน้า อย่างนี้ไม่ผิดชิงทรัพย์
แม้จะร้าย แตไ่ มเ่ กี่ยวกับทรพั ย์เพยี งแค่โกรธ

-กรรโชกไม่ต้องขหู่ รอื ทำร้ายเพอ่ื เอาทรัพย์เด๋ียวนที้ ันทกี ็ได้ แต่ชงิ ทรัพยต์ ้องยนื่ ใหท้ นั ใด
-กรรโชกทรัพย์ ยังไมใ่ ห้ แต่แค่วา่ ยอมจะให้ บอกมาเอาวนั หลัง กเ็ ป็นความผดิ สำเร็จ แต่ชิงทรัพย์
ตอ้ งไดท้ รพั ยม์ าอยู่ในการครอบครองและในลักษณะท่ีเอาไปได้ ไมเ่ ช่นนัน้ เปน็ เพยี งพยายามชิงทรพั ย์
เช่น ชกเจ้าทรัพย์จนล้มลง พยายามกระชากกระเป๋า เจ้าทรัพย์ก็ดึงกระเป๋าสุดชีวิต ดึงไปดึงมา
ตำรวจมา โจรปลอ่ ยกระเป่าวิ่งหนี ผิดฐานพยายามชิงทรัพย์
กรณตี อ่ ไปนไี้ ม่เป็นชงิ ทรพั ย์
เช่น จำเลยกับพวกลอ้ มรถไอศกรีมไว้ จำเลยที่ ๓ ไปตอ่ รองราคา แมจ้ ะเป็นราคาทผี่ ้เู สียหายไม่อาจตก
ลงด้วย ก็ไม่ถือว่าเป็นการขู่เข็ญ การล้อมรถก็ไม่มีทีท่าทำร้าย เพียงแต่ยืนจับกลุ่มไว้เฉย ๆ ไม่ถือว่าเป็นการขู่
เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษรา้ ย เพื่อให้ผู้เสียหายยอมให้ทรัพย์ ไม่ผิดฐานกรรโชก และไม่ผิดชิงทรัพย์เพราะไม่มี
เจตนาแย่งการครอบครอง

เหตตุ อ่ ไปนเ้ี พ่ิมโทษฐานชงิ ทรัพย์

-ชิงทรัพย์เหตุฉกรรจ์( ๒ คนเท่านั้น ถ้า ๓ คนเท่ากับปล้น) หรือต่อทรัพย์ที่เป็นโค กระบือ เครื่องกล
หรอื เคร่ืองจักรที่ผมู้ ีอาชีพกสิกรรมมีไวส้ ำหรับประกอบกสิกรรม ผกู้ ระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงสิบ
หา้ ปี และปรบั ต้งั แตส่ องแสนบาทถึงสามแสนบาท๒

-ถา้ การชงิ ทรพั ยเ์ ป็นเหตุใหผ้ ู้อน่ื รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผกู้ ระทำตอ้ งระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปี
ถงึ ย่ีสิบปี และปรบั ตง้ั แต่สองแสนบาทถงึ สี่แสนบาท

-ถ้าการชงิ ทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อ่ืนรบั อันตรายสาหสั ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบ
ปี และปรบั ตัง้ แต่สามแสนบาทถึงส่แี สนบาท

-ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุก
ตลอดชวี ิต

ปลน้ ทรัพย์
ควรจำ ไมว่ า่ จะเปน็ วิ่งราวทรัพย์ ชงิ ทรัพย์ ปล้นทรัพย์ มีพื้นฐานมาจากลกั ทรัพย์ทัง้ หมด เพียงแต่เพ่ิม
องคป์ ระกอบเข้าไป
ปล้นทรัพย์ คือ ชิงทรัพย์โดยร่วมกันตั้งแต่ ๓ คนขึ้นไป (ปล้นทรัพย์กับชิงทรัพย์ต่างกันที่จำนวน
คนทำผิด คือ ถ้าชิงทรัพย์ ๓ คนขึ้นไป จะแปลสภาพเป็นปล้นทรัพย์ทันที) ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๑๐ ถึง
๑๕ ปี และปรบั ต้ังแต่ ๒ แสนบาทถงึ ๓ แสนบาท
ก่อนจะเป็นปล้น ต้องผ่านการชิงมาก่อน ความผิดฐานชิงทรัพย์ คือ ลักทรัพย์โดยใช้กำลัง
ประทุษรา้ ยหรือข่เู ข็ญวา่ จะใช้กำลงั ประทุษรา้ ย หากชงิ ๓ คนขึ้นไปเทา่ กับปลน้ ทรัพย์ทนั ที
ตัวอย่างปล้นทรัพย์ เช่น นายหนึ่ง นายสอง นายสาม ไปร่วมกันก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง ทั้ง ๓ คน
ร่วมกายรว่ มใจ เป็นตวั การร่วมในท่ีเกิดเหตุ สามารถชว่ ยเหลือกนั ไดท้ ันท่วงที จนความผดิ สำเรจ็ มันกลายเป็น
ปลน้ ทรพั ย์ เพราะมีตวั การรว่ ม ๓ คน

ต่อไปน้ีไม่ใชป่ ลน้ ทรพั ย์
หลักของการเป็นตัวการร่วม คือ เจตนาตรงกัน กระทำร่วมกัน อยู่ในที่เกิดเหตุร่วมกัน ขาดอย่างใด

อย่างหนงึ่ ไม่ได้
ถา้ มใี ดคนหน่งึ ถูกบังคบั ไปหรอื หลอกไปหรือร่วมใจแต่ไมอ่ ยู่ในจุดเกดิ เหตุจะไมเ่ ป็นตวั การร่วม
เช่น นายหนึ่ง นายสอง นายสาม ไปร่วมกันก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง ทั้ง ๓ คน ร่วมใจกันไป แต่นาย

สาม ไปดูต้นทางที่หน้าปากซอย ซึ่งไกล นายสามจะไม่เป็นตัวการร่วมแต่เป็นผู้สนับสนุนแทน จึงไม่ครบ
องค์ประกอบปล้นทรัพย์ เพราะ ๑ คนไมเ่ ป็นตวั การร่วม กลายเปน็ รว่ มกันชิงทรพั ย์ มีนายสามเปน็ ผสู้ นบั สนนุ

เช่น นายหนึ่ง นายสอง นายสาม นายส่ี มาลกั โค เม่อื ลักไปได้แล้วคร่ึงทาง ผเู้ สียหายตามมาทนั ท้ัง ๓
คนหนีไป เหลือนายสี่คนเดียว นายสี่ต่อสู้กับผู้เสียหาย แต่สู้ไม่ได้จึงถูกจับ การที่นายสี่ไปทำร้ายเขามันทำให้
กลายเป็นชิงทรัพย์คนเดียว จะว่าปล้นทรัพย์ไม่ได้ เพราะอีก ๓ คนไม่ได้ก่อเหตุประทุษร้ายเจ้าทรัพย์ ส่วนคน
อ่นื ผดิ ตัวการลกั ทรัพย์ และเป็นการลกั ทรพั ยโ์ ดยมีเหตฉุ กรรจ์ดว้ ย เพราะลกั ทรัพย์ ๒ คนขึ้นไป

เช่น จำเลยกับพวกอีก ๔ คนไล่จับไก่ผู้เสียหาย เมื่อจับได้แล้ว จำเลยกับพวกจึงยิงปืนด้วยความคึก
คะนอง ๒ นดั ไมไ่ ดย้ ิงปืนข่เู ข็ญผูเ้ สยี หายใหค้ วามสะดวก เพราะต่อมาพบวา่ จำเลยกับพวกเห็นผู้เสียหายแอบ
ดู ไม่ผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่ผดิ ฐานลกั ทรพั ยโ์ ดยมเี หตุฉกรรจ(์ ๒ คนข้นึ ไป )

ไมใ่ ช่การปล้นทรพั ย์ เพราะไม่มกี ารชิงทรัพยก์ ่อน แมจ้ ะมีการยิงปืน ก็ไมไ่ ด้เพอ่ื ความสะดวกในการลัก
ทรัพย์

ขอ้ แตกต่างระหว่างปล้นทรัพย์กับชิงทรัพย์

คอื หากชิงทรัพยม์ ีตวั การร่วม ๓ คนขนึ้ ไป เปน็ ปล้นทรพั ย์ แตถ่ า้ มตี วั การร่วมไม่ถึง ๓ คนเปน็ ชิงทรพั ย์
ธรรมดา

ข้อแตกตา่ งระหว่างปลน้ ทรพั ย์กับซ่องโจร

คอื ปล้นทรัพยต์ ้องเปน็ ตัวการ คอื ร่วมทั้งกายและใจ อย่ใู นทีเ่ กดิ เหตดุ ว้ ยกนั
ซ่องโจร คือ สมคบคดิ กนั เพ่ือทำความผิด ๕ คนข้ึนไป (ความผิดนั้นต้องมีโทษจำคุก ๑ ปีขนึ้ ไป) คน

ทีม่ ารว่ มกันวางแผนเรียกว่า ซ่องโจร

เช่น นายหนึ่ง นายสอง นายสาม นายสี่ นายห้า วางแผนกันว่าจะไปชิงทรัพย์ร้านทอง พอถึงวันเกิด
เหตุ นายหนึ่งหมอนัดไปไม่ได้ นายสองติดสอบไปไม่ได้ นายสามป่วยไม่ไป มีเพียงนายสี่และนายห้าสองคน
เทา่ นั้นทไ่ี ปชิงทรัพยร์ ้านทองตามวางแผน ถามวา่ ท้ัง ๕ คนน้ี ผิดฐานใด

ตอบ จะเห็นว่ามีการชิงทรัพย์แค่ ๒ คน ก็ไม่อาจเป็นปล้นทรัพย์ได้ เพราะไม่ครบ ๓ คน แม้จะร่วมใจ
แต่ไม่ได้รว่ มกาย นายส่ีนายห้ามคี วามผดิ ฐานร่วมกนั ชิงทรัพย์ ทง้ั ๕ คนก็ผิดฐานซ่องโจรอยู่แลว้ แต่ ถ้าหากว่า
ในที่ประชุมซ่องโจร คุณไม่ได้คัดการทำผิด แล้วมีคนใดคนหนึ่งในซ่องโจรไปทำผิด คนที่เข้าร่วมประชุมต้องรบั
โทษเชน่ เดยี วกันคนทท่ี ำ คอื ทั้ง ๓ คนตอ้ งรับผิดฐานเดยี วกบั นายสี่นายห้า คือ ท้ัง ๕ คนผิดฐานชงิ ทรัพย์

กรณตี ่อไปน้ีทำให้การปลน้ ทรพั ย์ รับโทษสูงขึ้น

-ถ้าในการปล้นทรัพย์ ผู้กระทำแม้แต่คนหนงึ่ คนใดมอี าวุธติดตวั ไปด้วย (ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งใช้ แคม่ ีติดตัว
ไปกผ็ ดิ เพม่ิ โทษ แตถ้ ้าใชผ้ ิดเพิม่ อกี แม้คนอน่ื ไม่ไดเ้ อาไปด้วยกม็ ีความผิดเชน่ กนั กบั คนเอาไป แตใ่ ครยิงตอ้ งเพ่ิม
โทษอีกกงึ่ หน่ึงคนเดยี ว) จำคกุ ๑๒ - ๒๐ ปี มปี รับ

-ถา้ การปล้นทรพั ยเ์ ป็นเหตุให้ผอู้ น่ื รับอันตรายสาหัส จำคุกตลอดชวี ติ หรือจำคกุ ๑๕ - ๒๐ ปี
-ถ้าการปลน้ ทรัพยไ์ ดก้ ระทำโดยแสดงความทารุณจนเปน็ เหตุให้ผู้อืน่ รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ใช้ปนื ยิง ใชว้ ัตถรุ ะเบดิ หรือกระทำทรมาน สาหัส จำคกุ ตลอดชีวติ หรอื จำคกุ ๑๕ - ๒๐ ปี
-ถ้าการปลน้ ทรัพยเ์ ป็นเหตใุ หผ้ อู้ นื่ ถงึ แก่ความตาย ทุกคนโทษประหารชีวติ

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

-ปล้นทรัพย์ศาสนาต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสี่แสน
บาท

-ผใู้ ดกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์หรือชิงทรัพยศ์ าสนาหรือปลน้ ทรัพย์หรือ ปลน้ ทรัพยศ์ าสนา โดย
แต่งเครื่องแบบทหารหรือตำรวจหรือแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหารหรือตำรวจ หรือโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือ
วัตถุระเบิด หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ต้องรับโทษ
หนักกวา่ โทษเดิมกึง่ หน่ึง เป็นเหตสุ ่วนตัว คนรว่ มหากคนอนื่ ไมแ่ ตง่ กาย ไมผ่ ิดตามน้ี

หมวด ๓ ความผิดฐานฉอ้ โกง

ความผิดฐานฉอ้ โกง คอื หลอกลวงผูอ้ ืน่ ด้วยการแสดงข้อความอนั เปน็ เทจ็ หรือปกปิดขอ้ ความจริง
ซึ่งควรบอกให้แจ้ง เพื่อให้ได้ทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือ
บุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่น
บาท หรอื ทง้ั จำทัง้ ปรบั

ฉ้อโกงยอมความได้ ยกเวน้ ฉ้อโกงประชาชน
เช่น หลอกเดก็ วา่ พอ่ ใหม้ าเอารถนะลกู เดก็ มนั กเ็ อากุญแจให้ ขหี่ นไี ป ผดิ ฉอ้ โกง เพราะแสดงข้อความ
เท็จ
เช่น หลอกว่า มกี ารชำระหนี้ตามสญั ญาเงินกู้หมดแล้วใหท้ ำลายสัญญาเงนิ กู้ท้ิง ผิดฐานฉ้อโกง เพราะ
หลอกใหท้ ำลายเอกสารสิทธิ
-ฉ้อโกงแรงงาน คือ หลอกลวงบุคคลตั้งแต่ ๑๐ คนขึ้นไปให้ประกอบการงานอย่างใด ๆ ให้แก่ตน
หรือให้แก่บุคคลที่สาม โดยจะไม่ใช้ค่าแรงงานหรือค่าจ้างแก่บุคคลเหล่านั้น หรือโดยจะใช้ค่าแรงงานหรือ
คา่ จา้ งแก่บคุ คลเหลา่ น้นั ตำ่ กว่าทต่ี กลงกัน เป็นความผดิ อันยอมความได้

-ฉ้อโกงสั่งซื้อและบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่ม หรือเข้าอยู่ในโรงแรม โดยรู้ว่าตนไม่สามารถชำระ
เงนิ ค่าอาหาร ค่าเครือ่ งดมื่ หรอื ค่าอยใู่ นโรงแรมนน้ั ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้า
พนั บาท หรือทั้งจำท้งั ปรบั เปน็ ความผิดอันยอมความได้ โทษเบาสุด ถา้ ตอนสั่งคดิ วา่ มี แตพ่ อดูจรงิ ไม่มไี ม่ผิด

-ผู้ใดเพื่อเอาทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นของตนหรือของบุคคลที่สาม ชักจูงผู้หนึ่งผู้ใดให้จำหน่ายโดย
เสียเปรียบซึ่งทรัพย์สิน โดยอาศัยเหตุที่ผู้ถูกชักจูงมีจิตอ่อนแอ หรือเป็นเด็กเบาปัญญา และไม่สามารถเข้าใจ
ตามควรซึ่งสาระสำคัญแห่งการกระทำของตน จนผู้ถูกชักจูงจำหน่ายซึ่งทรัพย์สินนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่
เกนิ สองปี หรอื ปรับไมเ่ กนิ ส่ีหมื่นบาท หรอื ท้งั จำทงั้ ปรับ เป็นความผิดอันยอมความได้

จดุ ตดั ความตา่ งของฉอ้ โกงกับลกั ทรพั ย์โดยใช้กลอบุ าย แม้จะหลอกเหมือนกนั

ถ้าเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ตอนที่คุณไปหลอกเขา แล้วตัวผู้ครอบครองทรัพย์ส่งมอบให้กับคุณ โดย
เขายินยอม โดยไมร่ ู้วา่ ถกู หลอก
เช่น เอาเงนิ ไปซื้อเหล็กไหลอย่างเต็มใจ ปรากฏว่าซอ้ื มาของปลอม ถา้ ลอ่ ซอื้ ไมผ่ ิด

ถา้ ลกั ทรัพย์ ขณะทค่ี ณุ สง่ มอบทรัพยใ์ ห้เขา คณุ ไมย่ ินยอม แตส่ ่งให้เพราะถูกหลอก
เช่น เอาขวดเหล้าใส่ไว้ในลังน้ำปลา เอาไปคิดเงิน เขาก็คิดตามลังน้ำปลา ผิดลักทรัพย์ เขาไม่ยินยอมที่จะส่ง
เหลา้ ให้ แตย่ นิ ยอมทจ่ี ะส่งลังนำ้ ปลา แต่ที่ให้เหลา้ มาเพราะถกู หลอก
เชน่ ซ้อื ขายพระเครอ่ื ง เด๋ียวเอาพระไปให้เซยี นพระดูก่อนว่า จรงิ หรือปลอม เดย๋ี วเอามาคนื กย็ อม คนเอาไปก็
หนี เป็นลกั ทรพั ย์ ไมไ่ ด้เต็มใจให้ แต่ให้เพราะถกู หลอกวา่ จะเอามาคืน

เหตุทำให้โทษฉ้อโกงเพ่ิมขนึ้

-ฉ้อโกงโดยผู้กระทำแสดงตนเป็นคนอน่ื หรือ อาศัยความเบาปญั ญาของผู้ถูกหลอกลวงซ่ึงเป็นเด็ก
หรอื อาศยั ความอ่อนแอแห่งจติ ของผถู้ กู หลอกลวง เป็นความผดิ อันยอมความได้

คำว่า แสดงตนเปน็ คนอ่ืน เชน่ นายเอไปหลอกนายซีวา่ เปน็ นายบี เพื่อโกงเอาทรัพย์
-ฉ้อโกงประชาชน คือ การแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่ง
ควรบอกใหแ้ จง้ แกป่ ระชาชน ฉอ้ โกงประชาชน เป็นความผิดอันยอมความไมไ่ ด้
คำว่า ประชาชน คอื คนหมมู่ าก ไม่เจาะจงว่าเป็นใคร
เช่น ประกาศความเท็จในเฟซบุก๊ เปน็ ตน้

-ฉอ้ โกงเพ่ือใหต้ นเองหรือผู้อน่ื ได้รับประโยชน์จากการประกนั วินาศภัย แกล้งทำให้เกิดเสียหาย
แกท่ รพั ยส์ นิ อันเป็นวตั ถุที่เอาประกันภยั เปน็ ความผิดอันยอมความได้

หมวด ๔ ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้

-ความผดิ ฐานโกงเจ้าหนเ้ี ปน็ ความผดิ อันยอมความได้
-โกงเจา้ หนีไ้ ปขาย คนซอื้ รู้ว่าโกงมา คนซอ้ื ไม่รับความผดิ ฐานรบั ของโจร เพราะไมเ่ ป็นความผดิ ๙ ฐาน

-โกงเจ้าหนี้จำนำ คือ เอาทรัพย์จำนำไว้ ไปเสีย ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้
ประโยชน์ ถ้าได้กระทำเพื่อให้เกิดความเสยี หายแกผ่ ู้รับจำนำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่
เกนิ สี่หมืน่ บาท หรอื ท้งั จำท้ังปรับ จำนำมีไดเ้ ฉพาะหน้อี ันสมบรู ณ์ ถา้ ไม่สมบรู ณไ์ ม่เปน็ จำนำ ไม่ผดิ เช่น หนี้
การพนัน ไมส่ มบรู ณ์ เพราะบงั คับไมไ่ ด้ตามกฎหมาย ถา้ สรอ้ ยไปจำนำ แล้วไปขโมยมา ไม่ผดิ ฐานโกงเจา้ หน้ี

-เจา้ หนฟี้ ้องศาลหรือจะฟ้องศาลบังคับคดี( เช่น หนงั สอื ทวงถาม ) แต่ตนเองย้ายทรัพย์ ซ่อนเร้น หรือ
โอนไปใหแ้ กผ่ ้อู ืน่ แกลง้ ให้ตนเองเปน็ หน้ีจำนวนไมเ่ ป็นความจริง ผิดฐานโกงเจ้าหนี้

หมวด ๕ ความผดิ ฐานยกั ยอก

ยักยอกทรัพย์ คือ การครอบครองทรัพย์ท่ีเป็นของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบัง
เอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่
เกิน ๓ ปี หรือปรับไม่เกิน ๖ หมนื่ บาท หรือทัง้ จำท้งั ปรับ

เชน่ เพ่ือนฝากเงนิ ไปใหแ้ ม่ แต่ไมย่ อมเอาไปให้ เอามาใช้เอง ผิดยกั ยอก
เช่น นายแดงเปน็ ผู้จัดการสาขา ทุกเดือนต้องเคลียรบ์ ัญชีให้กบั บริษัท แต่มีเดือนหน่ึงแอบเอาเงิน
ไปใช้เอง มีความผิดฐานยักยอก เพราะมีหน้าที่ดูแลบัญชี มีการครอบครอง แต่ถ้าเป็นพนักงานเก็บเงิน
พนกั งานขาย พนกั งานเสิร์ฟ เซเวน่ ผิดลักทรัพย์
ถ้าทรัพย์นั้นตกมาอยูใ่ นความครอบครองของผู้กระทำความผิด เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคญั ผิด
หรือเป็นทรพั ยส์ ินหายทผี่ กู้ ระทำความผิดเก็บได้ ผูก้ ระทำต้องระวางโทษแต่เพียงกึง่ หนึ่ง

ขอ้ สังเกต

-ความผดิ ฐานยกั ยอกทรัพยเ์ ปน็ ความผิดอันยอมความได้
-การครอบครองต้องได้ครองแทจ้ ริง ไมใ่ ช่ครอบครองชว่ั คราว มฉิ ะนั้นเป็นลกั ทรัพย์
เช่น นายแดงจะเข้าห้องน้ำ จึงฝากกระเป๋าไว้กับนายดำ นายดำก็เปิดกระเป๋า หยิบเงินมา ๑ พันบาท
มคี วามผดิ ฐานลักทรัพย์ เพราะการครอบครองยังอยกู่ ับนายแดงอยู่ เพียงแต่ฝากไว้
-ยักยอกทรัพย์มุ่งดูแลกรรมสิทธิ์ แม้จะอยู่ในการครอบครองของคนผิด แต่ตนไม่มีกรรมสิทธิ์ แล้ว
เบียดบังไปผิดฐานยักยอก ส่วน ลักทรัพย์มุ่งดูแลการครอบครอง แม้จะอยู่กับตนแต่ไม่มีสิทธิครอบครองก็
ผิดลกั ทรัพย์
-ยกั ยอกทรัพย์สินหาย รับโทษก่งึ หน่ึง ถา้ ไมใ่ ชท่ รพั ยส์ ินหาย แล้วเอาไปผดิ ลักทรัพย์
คำว่า ทรัพย์สินหาย คือ ทรัพย์ที่หลุดจากการครอบครองของเจ้าของ โดยไม่รู้ตัว พ้นวิสัยเอาคืนได้
แตห่ ากเจตนาทง้ิ ไม่ใชท่ รัพย์สนิ หาย
เช่น ทำโทรศัพท์ตกข้างทางระยะทาง ๒๐ กิโล พ้นวิสัยเอาคืน มีคนเก็บได้ มีความผิดฐานยักยอก
ทรัพย์รบั โทษก่งึ หนงึ่ คือ ๑ ปี ๖ เดอื น ปรับ ๓ หม่ืนบาท
กรณที รพั ย์ยงั ไม่หาย เป็นลักทรัพย์
เช่น ผู้เสียหายไปซื้อของที่เซเว่น เดินออกมา ปรากฏว่าเงินหาย ทำตกหน้าเซเว่น แต่นายดำเก็บไป
ผู้เสียหายมาเจอบอกว่า เงินฉันอยา่ เก็บไป นายดำไม่พอใจจงึ ผลักแล้วเอาเงนิ ไป

กรณีนี้ ยังไม่เป็นทรัพย์สินหาย เพราะ เจ้าของยังอยู่ในภาวะที่ตามเอาได้ เมื่อไม่เป็นทรัพย์สิน
หาย การครอบครองยังคงอยู่เจา้ ของ จึงเป็นยักยอกทรัพย์สินหายไม่ได้ ผิดลักทรัพย์ แต่นายดำกลับไปทำร้าย
เขาดว้ ย จงึ เปน็ ความผิดฐานชงิ ทรัพย์ เพราะทำรา้ ยและยงั ไม่ขาดตอน

เช่น นายเอชาร์จโทรศัพท์ไว้ในห้องเรียน ลืมเอากลับบ้าน พอกลับมาดูที่เดิม ปรากฏว่าหาไม่เจอ
ถามว่า คนที่เอาไปมีความผิดฐานลักทรัพย์หรือถามผดิ ฐานทรัพย์สินหาย ต้องดูว่า โทรศัพท์ที่ลืมเป็นทรพั ย์สิน
หายหรือไม่ ถ้าเป็นทรัพย์สินหาย คนที่เก็บได้มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ แต่ถ้าไม่ใช่มีความผิดฐานลักทรัพย์
สรุป กรณีนายเอถือว่า ไม่ใช่ทรัพย์สินหาย เพราะอยูในวิสัยที่ตามเอาคืนได้ มีความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ใช่
ยักยอกทรพั ย์ แต่ถา้ ทำตกข้างทางระยะไกลมาก มีคนเกบ็ ได้ถือเปน็ ยกั ยอกทรัพย์สนิ หาย

ระวัง เขาทำของตก เอาเทา้ เหยยี บไว้ เจา้ ของก็มองหาไมเ่ จอ แบบนี้เป็น ลกั ทรัพย์

ควรจำ ถ้าขณะนั้นไม่รู้ว่าเจ้าของกำลังตามหา เป็นยักยอกทรัพย์สินหาย ถ้าขณะนั้นรู้ว่าเขาตาม
หาแต่ไม่บอก ซ่อนไว้ เปน็ ลักทรัพยท์ นั ที

-ยักยอกทรัพย์ทผ่ี ้อู ่ืนสง่ มอบให้โดยสำคญั ผดิ รับโทษกึ่งหนง่ึ
เช่น นายเอซื้อของ ๕๐ บาท จ่ายเงินแม่ค้าไป ๑ ร้อย แม่ค้ามองผิดเป็นแบงก์พัน จึงทอนมา ๙๕๐
นายเอเห็นอย่างนั้นจึงรีบรับเงินมา เดินจากร้านไป ผิดฐานยักยอกทรัพย์ เพราะได้การครอบครองมาแล้ว แต่
มนั ไมใ่ ชข่ องตนแลว้ เอาไป
เชน่ คิดว่านายเอเปน็ นายบจี ึงเอาเงนิ ให้
เช่น โอนเงนิ ผิดบัญชี
-ยกั ยอกทรัพย์ทต่ี นเองมีหนา้ ทดี่ ูแล มีโทษหนักข้นึ เชน่ มคี นเอาทรพั ย์มาฝากให้ดูแล แต่เบียดบังไป
มคี วามผิดยกั ยอกทรัพย์
-ยักยอกทรัพย์สินท่ีมีคา่ ที่ซ่อนหรือฝงั ไว้ ซึ่งพฤติการณ์ไม่มีผูใ้ ดอ้างว่าเป็นเจ้าของได้ ต้องส่งให้รัฐ
จะได้รางวัล โทษเบากวา่ เบาสุดกว่าทุกฐานในยกั ยอก

เปรียบเทียบลักทรัพย์กบั ยักยอกทรัพย์

-ยกั ยอกทรพั ย์ม่งุ ดูแลกรรมสิทธ์ิ แมจ้ ะอยใู่ นการครอบครองของคนผิด แตต่ นไมม่ ีกรรมสทิ ธิ์ แลว้ เบยี ด
บังไปผิดฐานยังยอก ส่วน ลักทรัพย์มุ่งดูแลการครอบครอง แม้จะอยู่กับตนแต่ไม่มีสิทธิครอบครองก็ผิดลัก
ทรพั ย์

-การลักทรัพย์นั้น ต้องแย่งการครอบครอง ถ้าทรัพย์ที่ลักอยู่ในการครอบครองของผู้อื่น ไม่ว่าจะเปน็
เจ้าของกรรมสิทธหิ รือไม่ ก็มคี วามผิดฐานลักทรัพย์ จะลักทรัพยใ์ นการครอบครองของตนเองไม่ได้แม้จะไม่มี
กรรมสิทธ์ิก็ตาม

เชน่ เชา่ รถมาข่ี ตนเองข่อี ยู่ แมก้ รรมสิทธ์ิจะเปน็ ของผูใ้ ห้เชา่ กต็ าม แตเ่ อาไปขาย ไม่มีทางผดิ ลกั ทรัพย์
เพราะทรัพย์อยู่กับตัวเอง ผิดยักยอก แต่ถ้าทรัพย์นั้นจอดอยู่ไม่รู้ของใคร ใส่กุญแจไว้ แล้วตนไปขับหนี ผิดลัก
ทรพั ย์แน่ ๆ

เช่น จำเลยเป็นลูกจ้างในโรงแรม ทำหน้าที่เป็นพนักงานขายสุรา สุรานั้นเป็นความครอบครองของ
โรงแรม เมือ่ จำเลยรว่ มกนั เอาสรุ านั้นไปเปน็ ของตน โดยมเี จตนาทจุ รติ ผิดฐานลกั ทรพั ย์ ไมใ่ ช่ยักยอก เพราะไม่
มีการครอบครอง

เช่น พนักงานเสิร์ฟแอบเอาเงินลูกที่จ่ายเงิน มีความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้าง เพราะครอบครองแทน
นายจา้ ง ไม่ไดม้ กี ารครอบครอง

เช่น พนักงานเซเว่นแอบเอาเงินไป มีความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้าง เพราะครอบครองแทนนายจ้าง
ไม่ได้มีการครอบครอง ไม่มคี วามผิดฐานยักยอกทรพั ย์นายจ้าง

เช่น นายแดงจะเข้าห้องน้ำ จึงฝากกระเป๋าไว้กับนายดำ นายดำก็เปิดกระเป๋า หยิบเงินมา ๑ พันบาท
มีความผดิ ฐานลักทรัพย์ เพราะการครอบครองยังอยู่กบั นายแดงอยู่ เพียงแตฝ่ ากไว้

เชน่ พนักงานขับรถบรรทุก เป็นผถู้ กู ใชต้ ามคำส่ังเจา้ ทรพั ย์ เม่ือเอารถไปจงึ เปน็ ลกั ทรัพย์
แต่การยกั ยอกทรพั ยน์ ัน้ ไม่แย่งการครอบครอง ต้องแย่งกรรมสิทธิเปน็ หลกั คอื ทรพั ยต์ ้องอยู่ในการ
ครอบครองของตน แต่ตนไม่มีกรรมสิทธิ์หรือมีกรรมสิทธิ์รวม แล้วเบียดบังเป็นของตน ก็ผิดฐานยักยอก
ทรัพย์

และไม่วา่ ทรัพย์นัน้ จะมาอยใู่ นการครอบครองดว้ ยวธิ ใี ดกต็ าม เชน่ สญั ญาเชา่
เช่น นายเอเช่าหอพัก ซึ่งมีเตียง ทีวีรวมอยู่ด้วย นายเอจึงแอบเอาทีวีที่เช่าไปจำนำ เป็นความผิดฐาน
ยกั ยอกทรัพย์ เพราะการครอบครองทรัพย์อยู่กับคนผดิ แต่ไม่มีกรรมสิทธิ์ เป็นการเบยี ดบงั
เช่น ให้เพื่อนยืมรถไปใช้ เพื่อนเอาไปจำนำ ไปขาย เพื่อนผิดฐานยักยอก เพราะมีการครอบครอง แต่
ไม่มีกรรมสิทธิ์ จงึ เปน็ การแย่งกรรมสิทธิ ผดิ ยกั ยอกแน่ ๆ ถา้ หากว่า
แต่ หลอกว่า ยืมใช้ไปซือ้ ของ แตข่ ับไปขายเลย เป็นการลักทรพั ย์โดยใช้กลอุบาย
การครอบครองแทนแล้วเบยี ดบงั ไปผดิ ฐานยักยอก เชน่ ผ้จู ัดการมรดกขายมรดก
มาตรา ๓๕๓ ผู้ใดได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น หรือทรัพย์สินซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของ
รวมอยู่ด้วย กระทำผิดหน้าท่ีของตนด้วยประการใด ๆ โดยทจุ ริต จนเปน็ เหตุใหเ้ กิดความเสียหายแก่ประโยชน์
ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้น้ัน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำ
ทั้งปรบั

หมวด ๖ ความผิดฐานรบั ของโจร

ความผิดฐานรับของโจร คือ ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรอื รับไว้
ซงึ่ ทรพั ยท์ ี่ได้มาจากการทำผดิ

ความผิดที่โจรได้ทรัพย์มานั้น ต้องเป็น ๙ ฐานเท่านั้น คือ ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอา
ทรัพย์ ชิงทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอก หรือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี หรือปรับ
ไม่เกนิ ๑ แสนบาท หรือท้ังจำทั้งปรับ

เช่น จำเลยนำรถที่ถูกลัก ไปฝากให้คนอื่นช่วยขาย โดยจำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ลักมา จำเลยย่อมผิด
ฐานรับของโจร

เช่น จำเลยรับซื้อรถและขายรถของกลาง โดยรู้ว่าเป็นรถที่ลักมา แม้จะทำในนามบริษัทเอซึ่งตนเป็น
ลกู จา้ งก็ตาม จำเลยยอ่ มผดิ ฐานรับของโจร

องค์ประกอบความผดิ ฐานรับของโจร

-คำว่า ของโจร คือ ทรัพย์ที่ได้มาจากการทำผิดฐานลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์
ชิงทรพั ย์ ปลน้ ทรพั ย์ ฉ้อโกง ยกั ยอก หรอื เจา้ พนกั งานยักยอกทรพั ย์ เทา่ น้นั

-ถ้าหากวา่ คนทซี่ อ้ื ของโจร โดยทไี่ มร่ วู้ ่าเป็นของโจร ไมม่ คี วามผิด
-ถ้าหากควรจะรู้ แต่อ้างว่าไม่รู้ก็ผิด เช่น เด็กเอาไอโฟนมาขายให้ เด็กไม่ได้บอกว่าลักมา แต่บ้านเด็ก
ยากจนมาก ควรรู้ แต่ก็ซื้อ จึงปฏิเสธความผิดไม่ได้ หรอื ทรัพย์นน้ั มีราคาแพงมาก แตข่ ายถกู มากกก ก็สมควร
จะรู้

ข้อสังเกต

-คนที่ซื้อทรัพย์มาจากคนที่ซื้อของโจรอีกที แต่คนที่ซื้อมาคนแรกซื้อมาโดยสุจริต ไม่รู้ว่าเป็นของโจร
คนซือ้ ท้ัง ๒ คน ๒ ทอดน้ี ไม่มคี วามผิดฐานรับของโจร

-ถ้าของทรี่ ับมามนั เปลี่ยนสภาพไป ไม่ใช่สภาพเดิม เหมอื นตอนท่โี จรลักมากไ็ มผ่ ดิ
เช่น นายเอขโมยโทรศัพท์มาขายให้นายบี นายบีรับซื้อไว้ นายบีมีความผิดฐานรับของโจร แลว้ เอาเงินน้ัน
มาให้นางซี นางซกี ็รู้วา่ เงนิ มาจากขายทรัพยโ์ จร ก็ไม่ผิด เพราะทรพั ยเ์ ปล่ยี นสภาพ
เชน่ ทำต้มยำไกข่ าย แต่ไกไ่ ดม้ าจากการขโมย ไมผ่ ิด เพราะเปลย่ี นสภาพ
เชน่ ขโมยเงินมา แตเ่ อาเงนิ ไปซอื้ ทอง ทองน้นั ย่อมไมใ่ ช่ของโจร

ระวงั เปล่ยี นรูป ไมเ่ หมือนกับ เปลยี่ นสภาพ
ระวัง ขโมงทองมา เอาทองรูปพรรณมาหลอมเป็นทองแท่ง คนซ้ือมคี วามผิด เพราะทองยงั มสี ภาพเดิม แค่
เปลย่ี นรูป
ระวัง โจรขโมยวัวมา ชำแหละขายเป็นกิโล คนซื้อรู้ว่าเนื้อจากการขโมย มีความผิด เพราะแค่เปลี่ยนรูป
แตถ่ ้าทำก้อย แกงอ่อมขาย เนื้อเคม็ ไมผ่ ดิ
ระวงั ขโมยไปลกั มอเตอรไ์ ซตเ์ ขามา แต่เปล่ยี นสภาพแยกชิ้นสว่ นมาขาย คนซ้ือกผ็ ิด เพราะแคเ่ ปลยี่ นรูป

-ถา้ ทรพั ย์มาจากความผิดฐานอน่ื เช่น โกงเจ้าหนี้ จะไม่ผดิ ฐานรับของโจร แมจ้ ะรวู้ า่ โกงเจ้าหนีม้ า
-คนรบั ซื้อของโจร มโี ทษหนักกว่าคนลักทรัพย์มาอกี เช่น โจรลักสายไฟมาขายให้ คนซื้อก็รู้ว่าลักมา
แตก่ ร็ บั ซื้อไว้ คนขายจำคุก ๓ ปี คนซื้อจำคกุ ๕ ปี

-ของโจร จะสง่ ตอ่ ก่ีทอดกย็ ังเปน็ ของโจร
เช่น นายเอขโมยนาฬิกามา เอาไปขายให้นายซีโดยนายซีไม่รู้ว่าเป็นของโจรก็รับซื้อไว้ จากนั้นนายซีไปขายให้
นายดี แตน่ ายดีแอบรู้วา่ เปน็ ของโจรกย็ ังซ้ือไว้ กรณแี บบนี้

นายซีไมผ่ ดิ เพราะไม่รู้
นายดผี ิด เพราะรวู้ ่าเป็นของโจร แมจ้ ะผา่ นมาก่ีทอดกต็ าม
-คนท่ไี ดก้ ระทำผิดแลว้ ไมต่ ้องรบั โทษฐานรับของโจรจากทรพั ย์ท่ตี นได้ทำผดิ มา
เช่น นายแดงและนายขาวร่วมกัน ขโมยรถมา ๑ คน นายแดงแยกสภาพล้อหน้า นายขาวแยกสภาพล้อหลัง
แลว้ สลบั กัน ยอ่ มไมผ่ ดิ ฐานรับของโจร แต่ผดิ ฐานลกั ทรพั ย์

การดำเนินคดคี วามผดิ ฐานรบั ของโจร

เชน่ มีคนแจ้งความว่ารถหาย ตำรวจกไ็ ปสืบ ปรากฏว่านายแดงครอบครองรถท่หี ายอยู่ ตำรวจเลยขอ
หมายจับ จับนายแดง ซึ่งใช้รถอยู่ขณะรถหาย นายแดงก็แจ้งแก่ตำรวจว่า มีคนเอารถมาขายให้ ไม่รู้จักคนขาย
หรอก แต่มนั ขายถูกเลยรับซอื้ ไว้

ถ้าไม่ชัดเจนว่า รถคันนี้ นายแดงลักมาเอง หรือรับซื้อมา ต้องถูกตั้งข้อหาทั้ง ๒ คือ ลักทรัพย์และรับ
ของโจร กส็ ืบไป ๒ ฐาน อัยการกฟ็ อ้ ง ๒ ฐาน กล็ งโทษไดห้ มด แตถ่ า้ อัยการฟอ้ งฐานรบั ของโจรไป แต่พพิ ากษา
มาวา่ เป็นลักทรพั ย์ กล็ งโทษไดห้ มด

กรณีต่อไปนี้ทำใหค้ นรบั ซื้อของโจร รบั โทษสูงข้นึ

-ทำความผิดฐานรับของโจร เพือ่ คา้ กำไร เช่น ซื้อจากโจรมาถกู แลว้ เอาไปขายต่อแพง
-ทรพั ย์โจรเอามาขาย ไดม้ าจากการลักทรัพย์สาธารณประโยชน์ ชงิ ทรพั ย์ หรือปลน้ ทรัพย์
-มคี วามผดิ ๓ ฐานซง่ึ ต่างจากฐานอน่ื คอื ลักทรพั ย์สาธารณประโยชน์ ชงิ ทรพั ย์ ปล้นทรพั ย์ คนรับซ้ือ
ของโจรต้องรับโทษสูงขึ้น ถึงแม้คนซื้อรู้แค่ว่าเป็นของโจร แต่ไม่รู้ว่า ได้มาจากการปล้น การชิง ลักทรัพย์
สาธารณะสมบตั ิ ก็มีความผิดเพิม่ เหมอื นเดมิ ไมม่ ลี ดแม้จะไมร่ ู้
-และรับโทษสูงสุดเมื่อโจรลักทรัพย์ทางศาสนา การชิงทรัพย์ทางศาสนา หรือการปล้นทรัพย์ทาง
ศาสนา มาขายให้ตน

กรณีต่อไปนไ้ี ม่ผดิ ฐานรับของโจร

-จำเลยไปอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ มองดูรถยนต์คันหนึ่งซึง่ ขโมยมา เพียงแต่ดูแล้วตั้งใจจะซื้อ ยังไม่ตกลง
ซอื้ ก็ถูกจบั ไม่มีความผิดฐานรบั ของโจร เพราะยงั ไมถ่ ึงข้นั ลงมือ

หมวด ๗ ความผดิ ฐานทำใหเ้ สียทรัพย์

ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ คือ ทำให้ทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยรวมถึง
บคุ คลที่ได้รับมอบหมายโดยตรงจากเจา้ ของทรัพย์ ใหเ้ ป็นผูค้ รอบครองดูแลทรัพย์น้นั ดว้ ย เสียหาย ทำลาย
เส่อื มคา่ หรอื ทำใหไ้ ร้ประโยชน์ ไม่มที ำให้หาย ทรพั ยย์ งั อยแู่ ต่ใช้ไม่ได้ จำคกุ ไมเ่ กิน ๓ ปี ปรับไม่เกิน ๖ หม่ืน
บาท (ขน้ึ ศาลแขวงได)้ หรือทัง้ จำทง้ั ปรบั

เช่น เข้าไปล้มปา้ ยประกาศของผู้อืน่ แลว้ ทำลาย แตถ่ า้ ไปปลดปา้ ยประกาศลงมาเฉยๆ ไม่ทำลาย ไม่
เสียหาย กไ็ มผ่ ดิ

เช่น นายอำเภอขอความร่วมมือจากประชาชนให้ร่วมกันพัฒนาที่เกิดเหตุ จำเลยที่ ๒ ได้ไปตัดต้นไม้
ของโจทก์โดยรู้ดี เพราะจำเลยเคยตัดมาแลว้ ครั้งหนึง่ จนฟ้องกนั จบไป แสดงว่าจำเลยเจตนาจะทำให้ทรัพยน์ ้ัน
เสียหาย การที่นายอำเภอขอร้อง เป็นเพียงคำแนะนำ จะทำหรือไม่ทำก็ได้ ไม่ใช่คำสั่งทางปกครอง จำเลยท่ี
ตอ้ งรับผิดฐานทำใหเ้ สียทรัพย์

-ต้องมีเจตนาเท่านั้น คือ รู้ว่าเป็นทรัพย์เขา รู้ว่าเป็นของสาธารณะ ไม่มีความผิดฐานประมาททำ
ให้เสยี ทรัพยใ์ นทางอาญา แตอ่ าจชดใช้ทางแพ่ง

-ความผดิ ฐานทำใหเ้ สยี ทรัพย์เป็นความผิดอนั ยอมความได้
-ความผิดฐานพยายามทำให้เสียทรัพย์มีได้ เช่น จำเลยโยนโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้เสียหายลงไปใน
ชานพักบันได ยอ่ มเลง็ เหน็ ได้โทรศัพทย์ ่อมพงั แตม่ นั ไม่พัง เพยี งแต่เสยี หาย
-โทษจะหนักขน้ึ เม่อื เป็นทรพั ยเ์ กษตรกร แต่เป็นความผิดอันยอมความได้
ถ้าทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสือ่ มคา่ หรอื ทำให้ไร้ประโยชน์ ไดก้ ระทำตอ่
(๑) เครอื่ งกลหรอื เครื่องจกั รที่ใชใ้ นการประกอบกสกิ รรมหรืออุตสาหกรรม
(๒) ปศสุ ัตว์
(๓) ยวดยานหรือสัตว์พาหนะที่ใช้ในการขนส่งสาธารณะหรือในการประกอบกสิกรรมหรือ
อุตสาหกรรม หรือ
(๔) พชื หรือพชื ผลของกสกิ ร
-ควรจำถา้ ทรพั ยน์ น้ั เป็นทรพั ย์เพ่ือสาธารณประโยชน์ เช่น ทำลายถนน ทำลายศาลารมิ ทาง จะเป็น
ความผิดอนั ยอมความไม่ได้
เช่น จำเลยบุกรุกยึดถอื ที่สาธารณะโดยเจตนารู้ แผ้วถางทำไร่ ทำให้บุคคลอื่นไม่สามารถใช้ประโยชน์
ได้ เป็นการทำให้เสียทรัพย์ โดยทรัพย์ไร้ประโยชน์ แม้จะบางส่วนก็ตาม ยอมความไม่ได้เพราะเป็นทรัพย์
สาธารณะ
เช่น จำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองคลองสาธารณะ โดยใช้เสาคอนกรีตปักขวาง ทำให้ประชาชนไม่
สามารถเอาเรือสัญจรเพื่ออกสู่แม้น้ำได้ ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์โดยไร้ประโยชน์ ยอมความไม่ได้ เพราะเป็น
ทรัพยส์ าธารณะ
เชน่ พงั ต้โู ทรศัพทส์ าธารณะ ยอมความไม่ได้ แตท่ ำลายเอทเี อ็มหรือตูเ้ ติมเงินเปน็ เอกชน ยอมความได้
โทษทำให้เสียทรัพย์ที่หนักที่สุด ถ้าทำกับทรัพย์ที่เป็นพระพุทธรูป เครื่องบูชาคนส่วนมาก เช่น
ศาลปู่ตาประจำหมบู่ ้าน ท่ีประดิษฐานอยู่ในสถานที่วัดหรือท่คี วรเคารพ ความผิดอนั ยอมความไมไ่ ด้

ระวงั ตอ่ ไปนไ้ี ม่ผดิ ฐานทำใหเ้ สยี ทรพั ย์
เช่น รื้อรั้วไม้เขตแดนเพื่อทำเป็นปูนใหม่ให้ดีขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเสารั้วของเดิมก็ระวัง
อย่างดี แมจ้ ะไม่ยอม กไ็ มผ่ ิด
เช่น เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ใช้อำนาจรื้อถอนอาคารที่ไม่มั่นคงของเอกชนได้ ตามพรบ.ควบคุมอาคาร ถ้า
หากมีคำสั่งปกครองให้รือ้ แต่ไม่รื้อ เจ้าหน้าทีจ่ ึงกระทำทางปกครองรื้อออก ไม่ผิด แต่ใช้อำนาจเกินขอบเขต
ไม่ได้ มนั ผดิ
เช่น เจ้าหน้าทป่ี ่าไม้ บอกใหร้ ถขนไมผ้ ดิ กฎหมายหยดุ แตไ่ มห่ ยดุ จึงเอาปนื ยงิ ล้อ และจบั กมุ เหมาะสม
ไมผ่ ิดฐานทำใหเ้ สียทรพั ย์
เช่น ต้นพลูเป็นไม้ยืนต้นตามประมวลกฎหมายแพ่ง โจทก์ขายที่ดินไป ต้นพลูก็ถือเป็นส่วนควบของ
ท่ดี ิน เมอื่ คนซื้อทด่ี ินไปก็ถือว่าเปน็ เจา้ ของต้นพลดู ้วย เม่อื คนขายฟอ้ งอา้ งว่า เจา้ ของทด่ี ินทำลายต้นพลู จึงอ้าง
ไมไ่ ด้ คนทำลายตน้ พลูไมผ่ ิดฐานทำให้เสียทรพั ย์ แต่ถา้ เปน็ ตน้ ข้าว ธญั ชาติ อา้ งได้ เพราะไมเ่ ปน็ ส่วนควบ
เช่น นายเอขายที่ดินให้นายบี แต่ที่ดินของนายเอมีปลาในบ่อ มีกล้วย มีข้าว มีพืชผักธัญชาติ ต้นพลู
เมื่อนายบีเปน็ เจ้าขอองทดี่ ินแล้ว จงึ จบั ปลาไปขาย ตัดกลว้ ย ถอนข้าว พลู ผักตา่ ง ๆ รื้อลวดหนาม ทิ้งไป
นายบี มคี วามผดิ ฐานลกั ทรพั ย์ในกรณขี องปลา เพราะปลาไม่ใช่ส่วนควบ

มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ในกรณีของการทำลายตดั กล้วย ถอนข้าว ผักต่าง ๆ รือ้ ลวดหนาม
เพราะเหล่าน้ีไม่ใชส่ ่วนควบ

แต่กรณตี ้นพลไู ม่มีความผิดเพราะเปน็ ส่วนควบ เป็นของเจา้ ทรัพย์เสมอ

หมวด ๘ ความผิดฐานบุกรกุ

-ความผดิ ฐานบกุ รกุ เป็นความผิดอนั ยอมความได้
-แต่บกุ รกุ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เขญ็ วา่ จะใช้กำลังประทุษร้าย มอี าวุธ หรือร่วมกระทำความผิด ๒ คนขึ้น
ไป หรอื ในเวลากลางคนื จะยอมความไม่ได้

ความผดิ ฐานบุกรกุ คอื เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อืน่ เพ่อื ถอื การครอบครองอสังหาริมทรัพย์
นนั้ ทง้ั หมดหรือแตบ่ างส่วน หรือเขา้ ไปกระทำการรบกวนการครอบครองอสงั หาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข
ต้องระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กิน ๑ ปี หรือปรับไมเ่ กิน ๒ หมนื่ บาท หรอื ทง้ั จำท้งั ปรับ เป็นความผิดอนั ยอมความได้

คำว่า เพ่อื ถือการครอบครองอสังหารมิ ทรัพย์ เช่น ไปสร้างบา้ นบนท่ีดินเขาโดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาต
คำว่า กระทำการรบกวนการครอบครองอสงั หารมิ ทรพั ย์ เช่น ไปวุ่นวายเสียงดงั ในบา้ นเขา
-ผู้ใดเพื่อถือเอาอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเป็นของตนหรือของบุคคลที่สาม ยักย้ายหรือทำลาย
เครอื่ งหมายเขตแห่งอสงั หารมิ ทรัพย์(ไมร่ วมหมดุ ทดี่ ิน) น้นั ท้งั หมดหรือแตบ่ างสว่ น มโี ทษเพม่ิ ขึน้ ต้องระวาง
โทษจำคุกไมเ่ กิน ๓ ปี หรือปรบั ไมเ่ กนิ ๖ หมน่ื บาท หรอื ทั้งจำทง้ั ปรับ เป็นความผิดอันยอมความได้
-ผู้ใดโดยไม่มีเหตุอันสมควร เข้าไปหรือซ่อนตัวอยู่ในเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์หรือ
สำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้น เมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้
เข้าไปได้ไล่ให้ออก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือปรับไม่เกิน ๒ หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับเป็น
ความผดิ อันยอมความได้
-ถ้าบกุ รุกโดยใช้กำลงั ประทุษรา้ ย หรือขูเ่ ขญ็ ว่าจะใชก้ ำลงั ประทุษรา้ ย ความผดิ อันยอมความไม่ได้
-บกุ โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตง้ั แต่ ๒ คนขึ้นไป ความผิดอันยอมความไม่ได้
-บุกรกุ เวลากลางคืน ความผิดอนั ยอมความไม่ได้

ลักษณะ ๑๓ ความผิดเกย่ี วกบั ศพ(เพ่ิมปี ๕๘)

-สนองความใคร่ของตนใช้อวัยวะเพศของตนล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของศพ
จำคกุ ไมเ่ กนิ ๓ ปี หรือปรับไมเ่ กนิ ๖ หมื่นบาท หรือทัง้ จำทั้งปรับ ต้องร้วู า่ เปน็ ศพ ถา้ คดิ ว่าเป็นคนไม่ผิด

-ทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งศพ ส่วนของศพ อัฐิ
หรือเถ้าของศพ จำคกุ ไม่เกิน ๓ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ ๖ หมืน่ บาท หรือทงั้ จำทัง้ ปรับ ถา้ มเี จตนาพิเศษเพ่ือปิดบัง
การเกิดการตายผิดฐานอ่นื ถ้าแค่ไมส่ มควร ผิดฐานนี้

-ทำอนาจารแกศ่ พ จำคกุ ไม่เกนิ ๒ ปี หรือปรับไม่เกิน ๔ หม่ืนบาท หรือทงั้ จำท้งั ปรบั
-ดูหม่นิ เหยียดหยามศพ เชน่ ดา่ ทอหน้าศพ จำคุกไมเ่ กนิ ๓ เดอื น หรือปรับไม่เกนิ ๕ พันบาท หรอื ทงั้
จำท้งั ปรับ

ชุดที่ ๓ พระธรรมนูญศาลยุตธิ รรม

…………………………………………………………………………………………………………..

พระธรรมนูญศาลยุตธิ รรม

-พระธรรมนูญศาลยุตธิ รรม คอื กฎหมายท่จี ดั ระเบียบองค์กรศาลยตุ ิธรรม อำนาจ หนา้ ท่ี ขอบเขตของศาล
-ระบบศาลตามรัฐธรรมนญู แบ่งเป็น ๔ ระบบ คอื ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยตุ ิธรรม ศาลปกครอง ศาลทหาร
-พระธรรมนูญนี้เกี่ยวขอ้ งเฉพาะ ศาลยุติธรรม แบ่งได้ ๓ ชั้น คอื ศาลชัน้ ตน้ ศาลชัน้ อทุ ธรณ์ และศาลฎกี า
-มีคดีบางประเภท เริ่มที่อุทธรณ์ ฎีกาได้เลย เช่น ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเริ่มที่ศาลฎีกาเลย ถ้าไม่ได้
กำหนดไว้โดยเฉพาะตอ้ งเร่ิมทีศ่ าลช้ันตน้
-ตำแหน่งผพู้ พิ ากษาในศาลยุติธรรม มี ๕ ประเภท คอื

ผ้พู ิพากษา คัดเลอื กโดยคณะกรรมการตลุ าการศาลยุตธิ รรม มสี ญั ชาติไทยโดยการเกดิ อายุไมต่ ่ำกว่า
๒๕ ปีบรบิ รู ณ์ เป็นเนตบิ ณั ฑิตไทย ผพู้ ิพากษาทกุ คนต้องถวายสัตย์ปฏญิ าณตอ่ พระมหากษตั ริย์

ผ้พู พิ ากษาอาวโุ ส เมอื่ อายุครบ ๖๐ ปี ปฏบิ ัตหิ นา้ ทีไ่ ม่นอ้ ยกวา่ ๒๐ ปี ไดร้ ับแต่งตงั้ ให้ดำรงตำแหน่งผู้
พิพากษาอาวุโส จนกระทั่งมีอายุครบ ๗๐ ปีบริบูรณ์ จำว่า เดิมเกษียณ ๖๐ ปี ปัจจุบันเกษียณ ๗๐ ปีทำให้
ต่อไปจะไม่มีการเกิดผู้พิพากษาอาวุโสอีก มีแต่คนเดิม ไม่มีสิทธิได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในทาง
บริหารได้ เช่น ไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาล หรือปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้พิพากษา
หัวหน้าศาลแทน ไมม่ ีสิทธริ บั เลอื กเขา้ มาเป็นกรรมการตุลาการศาลยตุ ิธรรม หรือกรรมการบริหารศาลยุติธรรม
แต่มีสิทธิออกเสียงเลือกตงั้ กรรมการดังกล่าว

ผู้พิพากษาประจำศาล คือ ผู้ช่วยผู้พิพากษาท่ีผ่านอบรมจากสำนักงานศาลยุติธรรมไม่น้อยกว่า ๑ ปี
เป็นผู้พพิ ากษาตำแหน่งแรก ที่เลือ่ นจากผู้ชว่ ยผู้พิพากษา มีเฉพาะในศาลช้นั ตน้ เป็นผู้พิพากษาประจำศาล ๓
ปจี งึ เล่อื นเปน็ ผูพ้ พิ ากษา

ดาโต๊ะยุติธรรม พิจารณาคดีครอบครัวและมรดกเท่านั้นของอิสลาม ในศาลชั้นต้นในจังหวัดปัตตานี
นราธิวาส ยะลา และสตูล อายไุ ม่นอ้ ยกวา่ ๓๐ ปี มใี น ๕ ศาลจังหวัดเท่านั้น เพราะ ยะลามี ๒ ศาล

ผู้พิพากษาสมทบ เป็นตำแหน่งที่ไม่ใช่ตำแหน่งประจำ ไม่จำเป็นต้องจบนิติศาสตร์ มีเฉพาะศาล
เยาวชนและครอบครวั ศาลแรงงาน หรือศาลทรัพยส์ ินทางปัญญาและการคา้ ระหว่างประเทศกลาง เท่านั้น

ระวงั ผชู้ ว่ ยผ้พู พิ ากษาไมม่ ีอำนาจในพระธรรมนูญศาลยตุ ธิ รรมเลย

หมวด ๑ บททัว่ ไป
มาตรา ๑ ศาลยุติธรรม มี ๓ ชั้น คือ ศาลชั้นต้น ศาลชั้นอุทธรณ์ และศาลฎีกา ศาลฎีกาทั้ง

ประเทศมศี าลเดียว จำ ศาลจงั หวดั และศาลแขวง จดั อยใู่ นศาลช้ันต้น

มาตรา ๒ ศาลชั้นต้น ได้แก่ ศาลแพ่ง ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลแพ่งธนบุรี ศาล

แพ่งพระโขนง ศาลแพ่งมีนบุรี(แพ่งเพิ่มเติมมี ๕ ในกทมเท่านั้น) ศาลอาญา ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอาญา
ตลิ่งชัน ศาลอาญาธนบุรี ศาลอาญาพระโขนง ศาลอาญามีนบุรี(อาญาเพิ่มเติมในกทมเท่านั้น ๕ ศาล) ศาล
จังหวัด ศาลแขวง(กรุงเทพมี ๖ ศาลแขวง) และศาลยุตธิ รรมอนื่ ท่ีพระราชบญั ญัตจิ ดั ต้ังศาลนนั้ กำหนดให้เป็น
ศาลชนั้ ต้น รวม ๒๖๙ ศาล


Click to View FlipBook Version