0 0.6 0.4 0.7 0.5 0.5 0.7 0.2 0.5
0 5 5 5 0 0 5 0
0.8 0.1 0.3 0.7 0.2 0.4 0.3 0.6
00 0 0 0 0 0 0 0
0 0.4 0.5 0.2 0.4 0.5 0.3 0.7 0.5
0 5 5 5 0 0 5 0
1 0.2 0.2 0.1 0.2 0.2 0.2 0.1 0.2
4 5 9 5 5 1 9 5
169
170
การหาคณุ ภาพเคร่ืองมือของแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เสียงและการได๎ยิน
วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556
ตารางที่ 18 แสดงการหาคําความยากงําย (p) และคาํ อานาจจาแนก (r) ของแบบทดสอบวดั
ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน วชิ าฟสิ กิ ส์เพิ่มเตมิ 3 ของนักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5
โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎรบ์ ารุง จานวนนกั เรยี น 30 คน โดยใชเ๎ ทคนคิ 33%
จานวนผู๎ คําความยาก คาํ อานาจ ผลการ นาไปใช๎
ตอบถูก วเิ คราะห์ เปน็ แบบ
ขอ๎ ที่ RU RL p = R จาแนก ทดสอบ
N
r RU RL ข๎อท่ี
N ใช๎ไมํ
2 ใชไ๎ ด๎ ได๎
1* 9 1 0.50 0.80 / 1
27 4 0.55
34 9 0.65 0.30 /
4* 9 2 0.55
5* 9 3 0.60 -0.50 /
67 6 0.65
7* 10 1 0.55 0.70 / 2
8* 9 1 0.50
93 3 0.30 0.60 / 3
10* 10 4 0.70
11* 10 2 0.60 0.10 /
12* 8 2 0.50
13 3 2 0.25 0.90 / 4
14* 10 3 0.65
15 9 4 0.65 0.80 / 5
16* 10 5 0.75
17 3 6 0.45 0.00 /
0.60 / 6
0.80 / 7
0.60 / 8
0.10 /
0.70 / 9
0.50 /
0.50 / 10
-0.30 /
171
ตารางท่ี 18 (ตอํ )
จานวนผู๎ คาํ ความยาก คําอานาจ ผลการวเิ คราะห์ นาไปใช๎
เปน็ แบบ
ตอบถูก p = R จาแนก ใช๎ไมํ ทดสอบ
ข๎อท่ี RU RL N ใชไ๎ ด๎ ได๎
r RU RL ข๎อที่
N
2
18* 9 1 0.50 0.80 / 11
19* 5 0 0.25
20 4 2 0.30 0.50 / 12
21* 9 3 0.40
22 13 2 0.50 0.20 /
23. 9 2 0.55
24. 7 3 0.50 0.40 / 13
25. 12 7 0.65
26. 9 4 0.65 0.60 /
27. 9 4 0.65
28. 1 7 0.40 0.70 / 14
29. 7 5 0.60
30. 9 5 0.70 0.40 /
31. 7 1 0.40
32. 7 2 0.45 0.70 / 15
33. 8 2 0.50
34. 8 1 0.45 0.50 / 16
35. 8 5 0.65
36. 6 1 0.35 0.50 / 17
37. 5 3 0.40
38. 5 7 0.60 -0.60 /
39. 4 2 0.30
40. 8 1 0.45 0.20 /
0.40 / 18
0.60 / 19
0.50 / 20
0.60 / 21
0.70 / 22
0.30 /
0.50 / 23
0.20 /
-0.20 /
0.20 /
0.70 / 24
172
ตารางท่ี 18 (ตํอ)
จานวนผ๎ู คาํ ความยาก คําอานาจ ผลการ นาไปใช๎
ตอบถูก วิเคราะห์ เปน็ แบบ
ขอ๎ ที่ RU RL p = R จาแนก ทดสอบ
N ใชไ๎ มํ
r RU RL ใชไ๎ ด๎ ได๎ ข๎อท่ี
N
2
41. 8 3 0.55 0.50 / 25
42. 1 5 0.30
43. 10 2 0.60 -0.40 /
44. 5 4 0.45
45 9 6 0.75 0.80 / 26
46* 9 2 0.55
47 6 4 0.50 0.10 /
48* 9 5 0.70
49 4 1 0.25 0.30 / 27
50* 8 2 0.50
0.70 / 28
0.20 /
0.40 / 29
0.30 /
0.60 / 30
* ขอ๎ สอบท่คี ดั เลือกเพ่อื นาไปจัดทาเป็นแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน
173
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น เรือ่ งเสยี งและการไดย้ ิน วิชาฟิสกิ สเ์ พิ่มเติม 3
รหสั วชิ า ว 30203 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5
คาชีแ้ จง 1. แบบทดสอบชดุ นเ้ี ปน็ แบบทดสอบปรนัย 4 ตวั เลอื ก จานวน 30 ขอ๎ ข๎อละ 1
คะแนน
2. ให๎นกั เรยี นเลือกคาตอบทถี่ ูกต๎องทส่ี ุดแล๎วทาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ทับหนา๎ ข๎อ ก., ข.
, ค. และ ง. ลงในกระดาษคาตอบ
ผลการเรยี นรู้ท่ี 3 อธิบาย ยกตวั อย่าง ทากิจกรรม เก่ียวกบั การเกดิ เสยี ง ธรรมชาติของเสียง
สมบตั ิของเสียงอตั ราเร็วเสียง การเคล่ือนทขี่ องเสียงผา่ นตวั กลางและคานวณหาปริมาณต่างๆ ที่
เกี่ยวข้องได้อย่างถกู ต้อง
1. ข๎อใดกลําวถูกต๎องเกย่ี วกับคลนื่ เสียง
1. คล่ืนเสียงเป็นคล่นื กล เพราะต๎องอาศยั ตัวกลางในการเคลอ่ื นท่ี
2. คลื่นเสียงเปน็ คล่ืนตามยาว เพราะอนภุ าคของตัวกลางสั่นในแนวเดียวกับแนวทคี่ ล่ืนเสยี ง
เคล่อื นที่
3. คลน่ื เสียงเปน็ คลืน่ ตามขวาง เพราะอนุภาคของตวั กลางสน่ั ในแนวต้งั ฉากกับแนวทคี่ ล่ืน
เสียงเคล่ือนที่
ข๎อใดคอื คาตอบที่ถูกต๎อง
จ. ขอ๎ 1, 2 ถกู
ฉ. ข๎อ 1, 3 ถูก
ช. ขอ๎ 1 เทําน้ันถกู
ซ. ข๎อ 2 เทาํ น้นั ถกู
2. การที่เรามองเหน็ ฟา้ แลบแตไํ มํไดย๎ ินเสยี งฟา้ ร๎องเกดิ จากสมบตั ใิ ดของคล่นื เสยี ง
จ. การหกั เห
ฉ. การสะท๎อน
ช. การแทรกสอด
ซ. การเลี้ยวเบน
174
3. ขอ๎ ใดกลําวถูกต๎องเก่ยี วกับ “การเคล่ือนทขี่ องเสียงผาํ นตวั กลาง”
จ. อตั ราเรว็ ของเสียงในอากาศมากกวําในของเหลวและของแขง็
ฉ. อัตราเร็วของเสยี งในของเหลวมากกวาํ ในอากาศและในของแข็ง
ช. อัตราเร็วของเสยี งในของแขง็ มากกวําในของเหลวและในอากาศ
ซ. อตั ราเรว็ ของเสยี งในของเหลวนอ๎ ยกวาํ ในอากาศแตํมากกวาํ ในของแข็ง
4. เครือ่ งโซนารใ์ นเรือประมงไดร๎ ับสญั ญาณสะท๎อนจากท๎องทะเล หลงั จากสํงสญั ญาณลงไปเปน็
เวลา 0.4 วินาที ถ๎าอตั ราเร็วเสยี งน้าเป็น 1,500 เมตรตํอวนิ าที ทะเลมีความลึกเทาํ กับข๎อใด
จ. 150 เมตร
ฉ. 300 เมตร
ช. 600 เมตร
ซ. 900 เมตร
5. จากรูป S1 และ S2 เปน็ ลาโพงเสยี งสองอัน ถ๎า P เป็นผ๎ูฟังอยูหํ าํ งจากลาโพงทงั้ สองเป็น
ระยะทาง 9 เมตรและ 6 เมตร ตามลาดับ ผฟ๎ู ัง P จะไดย๎ นิ เสียงเบาอยบูํ นแนวบพั ความดันท่ี
เทําใด กาหนดความยาวคล่นื เสยี งเทาํ กับ 2 เมตร
จ. บพั ท่ี 1
ฉ. บัพท่ี 2
ช. บัพท่ี 3
ซ. บัพท่ี 4
6. ขอ๎ ใดเป็นเหตผุ ลทส่ี นับสนุนวําเสียงเลย้ี วเบนได๎
ก. เสยี งสามารถทาใหเ๎ กดิ บตี สไ์ ด๎
ข. เสยี งสามารถทาใหเ๎ กิดคล่ืนนง่ิ ได๎
ค. เสยี งสามารถอ๎อมไปดา๎ นหลงั ของสง่ิ กดี ขวางได๎
ง. เสียงสามารถทาให๎เกิดปรากฏการณด์ อปเพลอร์ได๎
175
7. ขอ๎ ใดหมายถงึ แหลํงกาเนิดอาพันธ์
ก. แหลงํ กาเนิดคลื่นสองแหลํงท่ใี ห๎ความถเ่ี ทํากัน และเฟสตรงกนั
ข. แหลงํ กาเนิดคล่ืนสองแหลงํ ทีใ่ หค๎ วามถี่ตํางกนั และเฟสตรงกนั
ค. แหลํงกาเนิดคลืน่ สองแหลงํ ที่ให๎ความถเ่ี ทาํ กัน และเฟสตรงขา๎ มกนั
ง. แหลํงกาเนิดคลืน่ สองแหลงํ ทีใ่ ห๎ความถต่ี ํางกัน และเฟสตรงข๎ามกัน
8. ถา๎ อากาศในจงั หวัดนครศรธี รรมกบั จังหวัดเชยี งใหมํมีอุณหภมู ติ าํ งกัน 8 องศาเซลเซยี ส อัตราเร็ว
เร็วเสียงในจงั หวัดทง้ั สองตาํ งกนั กเี่ มตรตํอวินาที ถ๎าอัตราเร็วเสยี งในอากาศที่ 0 องศาเซลเซยี สมีคาํ
331 เมตรตอํ วินาที
ก. 4.8 เมตรตํอวนิ าที
ข. 9.6 เมตรตํอวนิ าที
ค. 11.4 เมตรตํอวินาที
ง. 13.6 เมตรตํอวินาที
ผลการเรยี นรทู้ ่ี 4 สืบคน้ อธบิ าย บอกความสัมพนั ธ์เก่ียวกับความเขม้ เสียง ระดับเสียง ระดับสูง
ต่าของเสยี ง คณุ ภาพเสียง มลภาวะของเสยี ง หูกับการได้ยนิ เวลากอ้ งเสียงและคานวณหา
ปรมิ าณตา่ งๆ ทเ่ี ก่ียวข้องพร้อมท้งั นาความรู้ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันไดอ้ ย่างเหมาะสม
9. เมื่อเสยี งเดนิ ทางผํานชํองหน๎าตํางทีม่ ีความกว๎าง 1 เมตร และสูง 2 เมตร วดั ความเข๎มเสยี ง
ได๎ 10-8 วัตตต์ ํอตารางเมตร จงหากาลงั เสยี งที่ผาํ นชํองหนา๎ ตาํ งมคี ํากี่วตั ต์
จ. 1x10-8 วัตต์
ฉ. 2x10-8 วตั ต์
ช. 3x10-8 วัตต์
ซ. 4x10-8 วัตต์
10. ขอ๎ ใดไมํถูกต๎อง
จ. สุนัขสามารถได๎ยินเสียงทมี่ ีความถ่ใี นยาํ นอลั ตราโซนิก
ฉ. คลน่ื เสยี งในยาํ นอัลตราโซนิกสามารถใชท๎ าความสะอาดเคร่ืองมือแพทย์
ช. ค๎างคาวอาศยั คล่นื เสียงในยํานอินฟราโซนิกในการบอกทศิ ทางและจับเหยื่อ
ซ. เสียงทมี่ ีความถ่ีในยํานอัลตรโซนกิ จะมคี วามถี่ตา่ กวําความถ่ีท่ีมนษุ ย์สามารถไดย๎ ิน
176
11. อวยั วะภายในหูทที่ าหนา๎ ทร่ี ับรูก๎ ารสนั่ ของคล่ืนเสียงทผ่ี ํานมาจากหูสวํ นกลางพรอ๎ มกับสํง
สญั ญาณการรับรู๎ไปยงั สมอง
ก. คอเคลีย
ข. กระดูกท่ัง
ค. กระดกู คอ๎ น
ง. กระดูกโกลน
12. ขอบเขตความสามารถของการไดย๎ ินเสยี งของหูคนเราขึน้ อยกูํ ับปรมิ าณใดของเสียง
ก. แอมพลิจดู และความยาวคลื่น
ข. อตั ราเร็วของเสยี งและกาลงั เสียง
ค. คณุ ภาพเสยี งและความเข๎มเสยี ง
ง. ความเข๎มเสียงและความถี่เสียง
13. ถา๎ เราเปดิ เคร่ืองวทิ ยเุ ครื่องหน่งึ ไวท๎ โ่ี ลํงกลางสนาม แลว๎ เดนิ หํางออกไปจากวทิ ยเุ ครอื่ งนั้น จะทา
ใหเ๎ ราได๎ยินเสียงคํอย ๆ ลงจนในทสี่ ุดไมํไดย๎ นิ เสียง ท้ังน้เี กิดจากปรมิ าณใดของเสยี งลดลง
ก. ระดบั เสยี ง
ข. ความถี่เสียง
ค. คณุ ภาพเสียง
ง. ความเข๎มเสยี ง
14. แหลํงกาเนิดเสียงสํงเสยี งดว๎ ยความถ่แี ละกาลงั เสียงคงที่ ถ๎าเราวง่ิ ออกจากแหลงํ กาเนดิ เสียงน้ี
เราจะไดย๎ นิ เสยี งที่
ก. มีความเขม๎ ลดลง และความถ่ีคงท่ี
ข. มีความเขม๎ เพม่ิ ขน้ึ และความถคี่ งที่
ค. มคี วามเข๎มลดลง และความถี่ลดลง
ง. มีความเขม๎ ลดลง และความถเ่ี พม่ิ ขนึ้
177
ผลการเรียนรู้ที่ 5 อธิบาย ทดลอง ยกตัวอย่าง เกี่ยวกับ ความถี่ธรรมชาติ การส่นั พ้องของเสียง
ในอากาศ การบตี สแ์ ละคลนื่ นงิ่ ของเสียงพร้อมทั้งคานวณหาปริมาณตา่ งๆ ทเี่ กี่ยวข้องได้อย่าง
ถกู ต้อง
15. คณุ ภาพเสยี งบอกได๎ดว๎ ยปรมิ าณใด
จ. ระดับเสียง
ฉ. ความยาวคลื่น
ช. ความเขม๎ เสียง
ซ. องค์ประกอบของฮาร์มอนิกของเสียง
16. การบตี สเ์ กิดจากสมบัติตามข๎อใด
จ. การหักเห
ฉ. การสะท๎อน
ช. การแทรกสอด
ซ. การเลยี้ วเบน
17. ส๎อมเสียงสองอันบตี สก์ นั ได๎ความถีบ่ ีตส์ 3 ครั้งตํอวนิ าที ถา๎ สอ๎ มเสยี งอันหน่งึ มีความถี่ 325
เฮิรตซ์ สอ๎ มเสยี งอีกอนั มีความถ่ีเทาํ ใด
จ. 325 เฮิรตซ์
ฉ. 326 เฮิรตซ์
ช. 328 เฮิรตซ์
ซ. 331 เฮริ ตซ์
18. คณุ สมบัติทางเสียงข๎อใดตอํ ไปนี้ทท่ี าใหเ๎ ราสามารถแยกเสยี งใดๆได๎วาํ เสียงนั้นเป็น เสียงขลยุํ เสยี ง
ไวโอลนี หรอื เสียงกีตาร์
จ. ระดับเสยี ง
ฉ. ความถ่เี สยี ง
ช. คณุ ภาพเสยี ง
ซ. ความเขม๎ เสียง
178
19. คล่นื นงิ่ ของเสียงเป็นปรากฏการณ์ทีเ่ กดิ จากการแทรกสอดของคลืน่ สองคลน่ื ซ่ึงเคลื่อนท่สี วน
ทางกัน โดยทีค่ ล่นื ทั้งสองมลี ักษณะตามข๎อใด
ก. ความถ่ี ความยาวคลนื่ และแอมพลิจดู เทาํ กัน
ข. ความถ่ี ความยาวคลนื่ และแอมพลิจูดตํางกนั
ค. ความถ่ี และความยาวคลืน่ เทํากนั แตแํ อมพลิจูดตาํ งกัน
ง. ความถ่ี และความยาวคล่ืนตํางกนั แตแํ อมพลิจดู เทาํ กัน
20. ในการแบงํ เสียงดนตรีทางวทิ ยาศาสตร์ ถา๎ เสียง E// เปน็ 1,280 เฮริ ตซ์ เสยี ง E จะมี
ความถก่ี ่ีเฮริ ตซ์
ก. 160 เฮริ ตซ์
ข. 320 เฮริ ตซ์
ค. 640 เฮิรตซ์
ง. 960 เฮิรตซ์
21. เสยี งขลุยํ กับเสยี งกตี าร์ที่เลนํ โน๎ตตัวเดยี วกันตํางกันเนื่องจากอะไร
ก. เสียงเครอ่ื งดนตรีทั้งสองมีความถ่ีตํางกนั
ข. เสยี งเคร่อื งดนตรที ั้งสองมีความถ่มี ลู ฐานตํางกนั
ค. เสยี งเคร่อื งดนตรีทั้งสองมีแอมพลจิ ดู ของคลื่นความดันตํางกนั
ง. เสยี งเคร่ืองดนตรีท้งั สองมีมีจานวนคลืน่ ความถธี่ รรมชาติตํางกัน
22. การเกิดคลืน่ นิ่งของเสยี ง จะทาให๎ได๎ยินเสยี งดังคอํ ยสลับกันไป ปรากฏการณ์เชํนนเี้ กดิ จาก
สมบัติ
ก. การสะท๎อนของเสียง
ข. การแทรกสอดของเสยี ง
ค. การกระจายเสียงและการผสมเสียง
ง. การสะทอ๎ นและการแทรกสอดของเสียง
179
23. ทํอปลายปดิ ยาว 1 เมตร เมื่อนาลาโพงเสียงไปจํอใกล๎ด๎านปลายเปิด พบวําตาแหนํงเสียงดัง
มากสดุ สองตาแหนํงใกล๎กันอยหํู าํ งกนั 0.2 เมตร จงหาความถเ่ี สียงลาโพง กาหนดอัตราเร็วเสียงใน
อากาศเทาํ กบั 340 เมตรตอํ วินาที
จ. 600 เฮิรตซ์
ฉ. 650 เฮิรตซ์
ช. 800 เฮริ ตซ์
ซ. 850 เฮริ ตซ์
24. ทํอปลายเปิดสองข๎างยาว 1 เมตร จะต๎องนาสอ๎ มเสยี งทก่ี าลังสั่นด๎วยความถ่ีเทาํ ใดไวใ๎ กล๎
ปลายเปดิ ขา๎ งหนึง่ จึงจะเกิดการสน่ั พอ๎ งสองตาแหนํง กาหนดอัตราเรว็ เสยี งในอากาศ 340 เมตรตอํ
วนิ าที
ก. 340 เฮิรตซ์
ข. 440 เฮริ ตซ์
ค. 540 เฮริ ตซ์
ง. 640 เฮิรตซ์
ผลการเรียนรทู้ ่ี 6 สบื ค้น อธิบาย ยกตัวอยา่ ง เกย่ี วกบั ลักษณะและเง่ือนไขของปรากฏการณด์
อปเพลอร์ คลืน่ กระแทกและการประยกุ ต์ความรูเ้ รอื่ งเสยี งมาใช้ดา้ นต่างๆ พร้อมทัง้ คานวณหา
ปริมาณตา่ งๆ ทเี่ ก่ียวขอ้ งได้อยา่ งถูกต้อง
25. ผ๎ูโดยสารรถไฟสังเกตได๎วําขณะที่เขาหยดุ ยนื อยูํบนชานชาลา เสยี งหวูดรถไฟขณะที่จอดน่ิงมี
ความถ่ตี ํางจากเสียงหวูดขณะรถไฟวงิ่ ออกจากชานชาลา ปรากฏการณเ์ ชํนนี้เรยี กวําปรากฏการณใ์ ด
จ. การหกั เห
ฉ. การเลย้ี วเบน
ช. การแทรกสอด
ซ. ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์
180
26. เมอื่ วัตถุเคลื่อนท่ใี นตวั กลางของเสียง อยากทราบวําในสภาวะการเคล่อื นทใ่ี ดจึงจะทาใหเ๎ กดิ
คลื่นกระแทก
จ. เมื่อความเรว็ เสียงในตัวกลางเทาํ กบั ความเรว็ ของแสง
ฉ. เมือ่ ความเรว็ เสยี งในตวั กลางเทาํ กับความเร็วนอ๎ ยกวําความเร็วของวตั ถุ
ช. เม่ือความเร็วเสียงในตวั กลางเทาํ กบั ความเร็วมากกวําความเรว็ ของวัตถุ
ซ. เม่ือความเรว็ เสยี งในตัวกลางเทาํ กับความเร็วเทํากับความเร็วของแสงในตัวกลาง
27. รถดบั เพลิงคนั หน่ึงว่ิงด๎วยความเรว็ 40 เมตรตอํ วนิ าที เปิดหวอด๎วยความถี่ 500 เฮริ ตซ์ ผ๎ฟู ัง
กาลงั ขร่ี ถจักรยานยนต์ด๎วยความเร็ว 22 เมตรตอํ วินาที เขาจะไดย๎ นิ เสียงหวอดว๎ ยความถีก่ เี่ ฮิรตซ์
ถ๎าเขาขรี่ ถจกั รยานยนต์นาหน๎ารถดบั เพลิง กาหนดให๎อัตราเรว็ เสยี งในอากาศขณะนัน้ เทํากับ 340
เมตรตํอวนิ าที
ก. 330 เฮริ ตซ์
ข. 430 เฮริ ตซ์
ค. 530 เฮริ ตซ์
ง. 630 เฮริ ตซ์
28. เรอื วงิ่ ดว๎ ยอัตราเรว็ 6 เมตรตอํ วนิ าที ในขณะท่คี ลน่ื นา้ มอี ตั ราเรว็ 3 เมตรตํอวินาที จงหามมุ
ระหวาํ งหนา๎ คลืน่ กระแทกผวิ นา้ กับแนวทางเดินของเรอื
จ. 30 องศา
ฉ. 45 องศา
ช. 53 องศา
ซ. 60 องศา
29. ในเทคโนโลยปี จั จุบนั งานประเภทใดทีใ่ ช๎คล่นื เสยี งทาไมํได๎
จ. การเช่ือมโลหะ
ฉ. การตรวจสอบรอยร๎าวในโครงสร๎าง
ช. การตดิ ตํอระหวํางพน้ื โลกกับดาวเทยี มในวงโคจร
ซ. การสร๎างคล่ืนเสยี งความถีส่ งู ในยาํ นคล่นื แมเํ หลก็ ไฟฟา้
181
30. ในการสารวจน้ามนั แหลํงนา้ มนั ใต๎ผวิ โลก นกั ธรณีวิทยาทาไดโ๎ ดยการวางระเบิดไว๎ ณ
ความลกึ ทีต่ ํางกัน เมื่อทาให๎เกดิ การระเบิด นักธรณีจะสามารถทานายได๎วาํ ณ บรเิ วณใดบา๎ ง
นาํ จะมีแหลงํ นา้ มันและจะมนี ้ามนั ในปริมาณเทําใด นกั ธรณีทานายได๎โดยอาศัยคณุ สมบัตขิ อ๎ ใดของ
เสียง
ก. การหกั เห
ข. การสะท๎อน
ค. การแทรกสอด
ง. การเลีย้ วเบน
182
เฉลยแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่องเสียงและการไดย้ นิ
วชิ าฟสิ กิ ส์เพ่ิมเตมิ 3 รหสั วิชา ว 30203 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5
ข๎อ คาตอบ ข๎อ คาตอบ
1. ก. 16. ค.
2. ก. 17. ค.
3. ค. 18. ค.
4. ข. 19. ก.
5. ข. 20. ข.
6. ค. 21. ง.
7. ก. 22. ง.
8. ก. 23. ง.
9. ข. 24. ก.
10. ค. 25. ง.
11. ก. 26. ข.
12. ง. 27. ค.
13. ง. 28. ก.
14. ง. 29. ค.
15. ง. 30. ข.
183
การหาคณุ ภาพเครอื่ งมือของแบบทดสอบ
ของนกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรียนประ
ตารางที่ 19 การหาคาํ p, คาํ q, คาํ pq, คาํ pq , คาํ X, คํา X2 ของแบบ
ของนักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎร์บาร
กลมุํ คนที่ 1 2 3 4 5 6 7
สงู ข๎อที่
1 1111111
2 1110000
3 1111111
4 1001110
5 1110101
6 1001011
7 1110101
8 1111111
9 1011111
10 0 1 1 1 0 1 1
รวมผต๎ู อบถกู 9787778
กลุมํ สูง
93
บผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเตมิ 3
ะสาธน์ราษฎร์บารุง ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2556
บทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น วชิ าฟิสิกสเ์ พิม่ เติม 3
รุง จานวน 30 ข๎อ (ข๎อ 1-15) โดยใชเ๎ ทคนคิ 33 % ของกลุํมสงู
7 8 9 10 11 12 13 14 15
111111101
010011100
110111101
011101110
111111011
111111101
111101011
100010111
111111011
111111111
897889768
183
ตารางที่ 20 การหาคํา p, คาํ q, คํา pq, คํา pq , คาํ X, คาํ X2 ของแบ
ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎรบ์ า
กลมํุ คนที่ 16 17 18 19 20 21 2
สงู ขอ๎ ที่
1110111
1 0101000
2 1011111
3 1110101
4 0010111
5 1101111
6 1101110
7 1001011
8 1111111
9 1111111
10
รวมผตู๎ อบถกู 8767888
กลํมุ สูง
94
บบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสกิ ส์เพิ่มเติม 3
ารุง จานวน 30 ข๎อ (ข๎อ 16-30) โดยใช๎เทคนิค 33 % ของกลมํุ สูง
22 23 24 25 26 27 28 29 30 X X2
1 1 1 0 1 1 1 1 1 27 729
0 0 1 0 1 0 0 1 1 13 169
1 0 1 1 1 1 1 1 1 26 676
1 0 1 1 1 1 1 1 1 22 484
1 0 1 0 1 0 1 1 1 21 441
1 1 1 1 1 1 1 1 1 25 625
0 1 0 1 1 0 1 1 1 22 484
1 1 1 1 1 1 1 0 1 22 484
1 1 1 1 1 1 1 1 1 28 784
1 1 1 1 1 1 1 1 1 28 784
8 6 9 7 10 7 9 9 10 234 5660
184
ตารางท่ี 21 การหาคาํ p, คํา q, คาํ pq, คาํ pq , คาํ X, คาํ X2 ของแบ
ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎรบ์ ารุง
กลุมํ ต่า ข๎อท่ี 123456
คนที่
10 100101
9 010001
8 001010
7 111100
6 010010
5 100100
4 000000
3 100000
2 010000
1 100010
รวมผ๎ูตอบถูก 542332
กลุมํ ต่า
14 11 10 10 10 9 1
รวมกลมํุ สงู 0.70 0.55 0.50 0.50 0.50 0.45 0.
และกลมุํ ต่า 0.40 0.30 0.60 0.40 0.40 0.50 0.
0.30 0.45 0.50 0.50 0.50 0.55 0.
คํา p 0.21 0.25 0.25 0.25 0.25 0.25 0.
คํา r
คํา q
คาํ pq
94
บบทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน วิชาฟิสกิ สเ์ พิ่มเติม 3
จานวน 30 ข๎อ (ข๎อ 1-15) โดยใชเ๎ ทคนิค 33 % ของกลํุมต่า
7 8 9 10 11 12 13 14 15
100101000
011001100
001000000
000110101
101001000
000001000
001100000
000010000
100000000
000010111
314334312
11 10 11 11 11 13 10 7 10
.55 0.50 0.55 0.55 0.55 0.65 0.50 0.35 0.50
.50 0.80 0.30 0.50 0.50 0.50 0.40 0.50 0.60
.45 0.50 0.45 0.45 0.45 0.35 0.50 0.65 0.50
.25 0.25 0.25 0.25 0.25 0.23 0.25 0.23 0.25
185
ตารางที่ 22 การหาคาํ p, คํา q, คาํ pq, คาํ pq , คํา X, คํา X2 ของแบ
ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎรบ์ ารุง
กลุํมต่า คนท่ี 16 17 18 19 20 21 2
ขอ๎ ที่
10 010100
9 001000
8 000011
7 110000
6 001010
5 000001
4 010010
3 101011
2 100010
1 101100
รวมผตู๎ อบถูก 434253
กลุํมต่า
12 10 10 9 13 11 1
รวมกลํมุ สงู
และกลุมํ ต่า 0.60 0.50 0.50 0.45 0.65 0.55 0.
0.40 0.40 0.20 0.50 0.30 0.50 0.
คํา p 0.40 0.50 0.50 0.55 0.35 0.45 0.
คํา r 0.24 0.25 0.25 0.25 0.23 0.25 0.
คํา q
คํา pq
95
บบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3
ง จานวน 30 ข๎อ (ข๎อ 16-30) โดยใช๎เทคนิค 33 % ของกลุมํ ตา่
22 23 24 25 26 27 28 29 30 X X2
011010100 12 144
101010100 11 121
000010001 7 49
100001000 12 144
001010001 10 100
010011000 7 49
101000010 7 49
010011101 11 121
101011000 8 64
010111101 15 225
4 4 5 1 8 5 4 1 4 100 1066
12 10 14 8 18 12 13 10 14 X= X2
334 =6726
.60 0.50 0.70 0.40 0.90 0.60 0.65 0.50 0.70
.40 0.20 0.40 0.60 0.20 0.20 0.50 0.80 0.60
.40 0.50 0.30 0.60 0.10 0.40 0.35 0.50 0.30
.24 0.25 0.21 0.24 0.09 0.24 0.23 0.25 0.21
186
187
ตารางที่ 23 แสดงคํา p และคํา q ของแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น
เร่ืองเสยี งและการไดย๎ นิ วชิ าฟิสกิ ส์เพิ่มเติม 3 จากการทดสอบกับนักเรยี น
ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎรบ์ ารงุ ภาคเรยี นที่ 1
ปีการศกึ ษา 2555 จานวน 30 คน
ข๎อท่ี ตอบถูก (คน) p q pq
1. 14 0.70 0.30 0.21
2. 11 0.55 0.45 0.25
3. 10 0.50 0.50 0.25
4. 10 0.50 0.50 0.25
5. 10 0.50 0.50 0.25
6. 9 0.45 0.55 0.25
7. 11 0.55 0.45 0.25
8. 10 0.50 0.50 0.25
9. 11 0.55 0.45 0.25
10. 11 0.55 0.45 0.25
11. 11 0.55 0.45 0.25
12. 13 0.65 0.35 0.23
13. 10 0.50 0.50 0.25
14. 7 0.35 0.65 0.23
15. 10 0.50 0.50 0.25
16. 12 0.60 0.35 0.23
17. 10 0.50 0.50 0.25
18. 10 0.50 0.50 0.25
19. 9 0.45 0.55 0.25
20. 13 0.65 0.35 0.23
21. 11 0.55 0.45 0.25
22. 12 0.60 0.40 0.24
23. 10 0.50 0.50 0.25
24. 14 0.70 0.30 0.21
ตารางที่ 23 (ตํอ)
p q pq
ข๎อท่ี ตอบถูก (คน)
188
25. 8 0.40 0.55 0.25
26. 18 0.90 0.10 0.09
27. 12 0.60 0.35 0.23
28. 13 0.65 0.35 0.23
29. 10 0.50 0.50 0.25
30. 14 0.70 0.30 0.21
pq 7.01
จากตารางที่ 23 สามารถแสดงการวเิ คราะหข์ ๎อมูลหาคําความเชือ่ มน่ั ของแบบทดสอบวัด
ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น จานวน 30 ขอ๎ เร่อื งเสียงและการไดย๎ ิน วิชาฟิสิกสเ์ พิ่มเตมิ 3 จากการทดสอบ
กับนักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารงุ ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2555 จานวน
30 คน โดยใชส๎ ตู ร KR-20 ของ คเู ดอร์ รชิ าร์ดสนั (Kuder Richardson)
สูตร rtt = n n 1 pq
เมือ่ 1 S2t
rtt แทน ความเชื่อมัน่ ของแบบทดสอบ
n แทน จานวนข๎อสอบของแบบทดสอบ
p แทน สดั สวํ นของคนทาถกู ในแตลํ ะข๎อ = จานวนคนท่ีทาถูก
จานวนคนทง้ั หมด
q แทน สดั สํวนของคนทาผดิ ในขอ๎ หน่ึง ๆ = 1- p
S2t แทน คะแนนความแปรปรวนของแบบทดสอบทั้งฉบับ
pq = 7.01
X = 234+100 (กลํุมสงู + กลุํมตา่ ) = 334
X2 = 6726
N = 30
189
จากสตู ร S2t = NX2 X2
NN 1
แทนคําสตู ร = 306726 3342
3030 1
= 201780 111556
870
= 90224
870
= 103.71
จากสตู ร rtt = n n 1 S2ptq
1
แทนคาํ สูตร = 30 1 1703.0.171
30 1
= 32091 0.07
= 0.96
ความเชื่อม่ันของแบบทดสอบ = 0.96
การหาค่าดชั นคี วามสอดคล้องและค่าความเช่ือมั่นของแบบวดั ความพึงพอใจทมี่ ตี ่อ
190
การจดั การเรยี นรู้โดยใชช้ ุดการสอน เร่อื ง เสียงและการไดย้ นิ วชิ าฟสิ ิกส์เพ่มิ เติม 3 ของนักเรยี นชัน้
มธั ยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎร์บารุง โดยผเู้ ชยี่ วชาญ
ตารางที่ 24 แสดงคาํ ดัชนคี วามสอดคล๎องแบบวัดความพึงพอใจท่ีมีตํอการจัดการเรียนรโู๎ ดยใช๎
ชดุ การสอน เรอ่ื ง เสียงและการไดย๎ ิน วิชาฟิสกิ สเ์ พิ่มเตมิ 3 ของนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษา
ปที ่ี 5 โรงเรยี นประสาธน์ราษฎรบ์ ารุง โดยผู๎เชีย่ วชาญ
ผลการตรวจสอบของผ๎ูเช่ยี วชาญ (R) ผลรวมของ IOC= X หมายเหตุ
ขอ๎ ความท่ี คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 คะแนน N
(R) ใช๎ได๎
1 111 1.00 ใช๎ได๎
2 110 3 0.67 ใช๎ได๎
3 111 2 1.00 ใช๎ได๎
4 111 3 1.00 ใช๎ได๎
5 110 3 0.67 ใช๎ได๎
6 111 2 1.00 ปรับปรุง
7 001 3 0.33 ใชไ๎ ด๎
8 110 2 0.67 ใชไ๎ ด๎
9 110 2 0.67 ปรบั ปรงุ
10 0 1 0 2 0.33 ใช๎ได๎
11 1 1 1 1 1.00 ใชไ๎ ด๎
12 1 1 1 3 1.00 ใชไ๎ ด๎
13 1 1 1 3 1.00 ใช๎ได๎
14 1 1 1 3 1.00 ปรบั ปรุง
15 0 1 0 3 0.33
1
191
ตารางที่ 25 การหาคําความแปรปรวนและความเชอ่ื ม่ันของแบบวัดความพึงพอใจทม่ี ีตํอการจดั
การเรียนรูโ๎ ดยใช๎ชดุ การสอน เรือ่ งเสียงและการไดย๎ ิน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเตมิ 3
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ตามวิธขี องครอนบคั (1970) ภาคเรยี นท่ี 1
ปกี ารศกึ ษา 2555 จานวนนกั เรยี น 30 คน โรงเรียนประสาธนร์ าษฎร์บารุง
คนท่ี 1 2 3 แบบสอบถามข๎อท่ี 8 9 10 X X2
4567
1 4 4 4 4 5 4 4 5 4 4 42 1764
2 5 5 5 5 4 4 5 4 5 4 46 2116
3 5 4 5 5 4 4 5 4 4 4 44 1936
4 4 3 4 4 4 4 5 5 4 4 41 1681
5 5 4 5 5 5 4 4 4 4 5 45 2025
6 5 5 5 4 5 4 5 5 5 4 47 2209
7 5 5 4 5 5 5 5 5 5 4 48 2304
8 5 5 5 5 5 4 4 4 5 4 46 2116
9 5 4 5 5 5 5 5 4 5 4 47 2209
10 5 5 4 4 4 4 4 3 4 4 41 1681
11 5 4 5 5 4 3 5 4 4 4 43 1849
12 5 4 4 5 4 5 4 4 4 4 43 1849
13 5 5 5 4 4 5 5 5 5 4 47 2209
14 5 4 4 4 5 4 5 4 4 4 43 1849
15 4 4 4 5 4 5 4 4 4 4 42 1764
16 4 5 4 4 4 4 5 4 4 5 43 1849
17 5 5 4 5 5 5 4 3 5 4 45 2025
18 5 4 4 5 4 4 5 4 5 5 45 2025
19 4 5 5 5 5 4 5 5 4 5 47 2209
20 3 3 4 4 5 5 4 4 4 4 40 1600
21 5 5 4 5 5 4 5 5 5 5 48 2304
22 5 4 4 4 4 4 5 4 4 4 42 1764
192
ตารางท่ี 25 (ตํอ)
คนท่ี 1 2 3 แบบสอบถามข๎อท่ี 8 9 10 X X2
4567
23 5 4 5 4 4 5 4 4 5 4 44 1936
24 5 5 4 5 3 4 5 4 4 4 43 1849
25 5 4 5 4 4 4 5 5 5 3 44 1936
26 5 5 4 5 4 4 4 4 4 5 44 1936
27 5 5 5 5 3 4 5 3 4 5 44 1936
28 5 4 4 5 4 3 4 4 4 3 40 1600
29 4 5 4 4 5 5 4 5 4 4 44 1936
30 5 4 5 4 5 4 5 4 5 4 45 2525
Xi 142 132 133 137 131 127 138 126 132 125 X X2
Xi2 280 260 262 270 257 250 272 247 260 246 1323 58991
Si2 0.52 0.62 0.5 0.5 0.61 0.57 0.5 0.61 0.5 0.53 S i2=5.46
จากตารางท่ี 25 สามารถนามาแสดงการคานวณหาคําความแปรปรวนและความเช่ือม่ันแบบวัดความ
พึงพอใจทม่ี ตี ํอจัดการเรยี นรู๎โดชดุ การสอน เรือ่ งเสียงและการได๎ยิน วิชาฟิสกิ ส์เพมิ่ เติม 3
ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎรบ์ ารงุ ตามวธิ ขี องครอนบัค (1970)
หาความเช่อื ม่นั ของแบบสอบถามทง้ั ฉบับ
X = 1323
X2 = 58991
N = 30
k = 10
193
แทนคําในสูตร
S2 = NX2 X2
NN 1
S2 = 3058991 13232
3030 1
S2 = 22.3
แทนคาํ ในสูตร
= k k 1 1 S2tSi2
= 10 1 1 5.46
10 22.3
= 1.11 (1 - 0.24)
= 0.85
194
ภาคผนวก ง การหาคุณภาพเคร่อื งมอื ทใี่ ช้ทดลอง
- การหาคณุ ภาพแผนการจัดการเรยี นรโู๎ ดยใช๎ชุดการสอน เรือ่ ง เสียงและการไดย๎ นิ
วิชาฟิสกิ สเ์ พมิ่ เติม 3 รหสั วิชา ว 30203 ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรยี นประสาธน์ราษฎรบ์ ารงุ โดยผูเ๎ ช่ียวชาญ
- การหาคุณภาพชุดการสอน เรอ่ื งเสียงและการได๎ยนิ วชิ าฟิสิกส์เพิ่มเติม 3
195
การหาคุณภาพแผนการจัดการเรียนรโู้ ดยใช้ชุดการสอน เรอ่ื ง เสยี งและการได้ยนิ
วชิ าฟสิ กิ สเ์ พิ่มเติม 3 ของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎร์บารุง
โดยผูเ้ ชีย่ วชาญ
ตารางท่ี 27 แสดงคะแนนการประเมินของผูเ๎ ช่ยี วชาญเก่ียวกับคณุ ภาพของแผนการจดั การเรียนร๎ู
หนวํ ยการเรยี นร๎ูที่ 2 เรอื่ ง เสียงและการไดย๎ นิ วิชาฟิสิกสเ์ พิม่ เตมิ 3
ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎรบ์ ารงุ
ผลการพจิ ารณาของผเ๎ู ช่ยี วชาญ
(จานวน 5 ทาํ น)
รายการประเมิน 1 2 3 4 5 รวม X S.D. แปล
ผล
1. สาระสาคัญ
1.1 สอดคลอ๎ งกบั จดุ ประสงค์
การเรียนรใ๎ู นหลักสตู ร 5 4 4 4 5 23 4.60 0.55 ดีมาก
1.2 มีความชดั เจนเขา๎ ใจงาํ ย 5 4 5 4 5 24 4.80 0.44 ดมี าก
เฉล่ยี 47 4.70 0.49 ดีมาก
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.1 สอดคล๎องกบั เนื้อหา 4 4 5 5 4 22 4.40 0.55 ดี
2.2 ขอ๎ ความชดั เจนเขา๎ ใจงาํ ย 4 4 4 5 4 21 4.20 0.45 ดี
2.3 เหมาะสมกับวยั ของนกั เรยี น 4 4 5 4 4 21 4.20 0.45 ดี
เฉลี่ย 64 4.26 0.48 ดี
3. เน้อื หาสาระ
3.1 มีความชดั เจนเข๎าใจงาํ ยนาํ สนใจ 5 5 4 4 4 22 4.40 0.55 ดี
3.2 สอดคลอ๎ งกบั จดุ ประสงค์
การเรยี นรู๎ 4 5 4 4 4 21 4.20 0.45 ดี
3.3 เหมาะสมกับระดับช้ันของ
นักเรียน 4 4 4 4 5 21 4.20 0.45 ดี
3.4 กาหนดเนอื้ หาเหมาะสม
กบั เวลาเรียน 4 4 5 4 5 21 4.20 0.45 ดี
เฉลี่ย 85 4.25 0.47 ดี
196
ตารางที่ 27 (ตอํ )
รายการประเมิน ผลการพิจารณาของผ๎เู ช่ียวชาญ
(จานวน 5 ทาํ น)
4. ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
4.1 ข้ันสรา๎ งความสนใจ 1 2 3 4 5 รวม X S.D. แปล
4.2 ขัน้ สารวจและคน๎ หา ผล
4.3 ขน้ั อธบิ ายและลงขอ๎ สรปุ
4.4 ขน้ั ขยายความรู๎ 4 4 5 4 4 21 4.20 0.45 ดี
4.5 ข้ันประเมิน 4 5 5 4 4 22 4.20 0.45 ดี
เฉลี่ย 4 4 4 5 5 23 4.40 0.55 ดี
4 4 5 5 5 23 4.60 0.55 ดีมาก
5. ส่อื /แหลง่ เรียนรู้ 5 5 4 4 4 22 4.40 0.49 ดี
5.1 สอดคล๎องกับจุดประสงค์
การเรียนรู๎ 111 4.36 0.50 ดี
5.2 ประหยัดเวลาในการสอน
5.3 เหมาะสมกับวยั ของผ๎ูเรียน 5 5 4 4 5 23 4.60 0.55 ดมี าก
เฉล่ีย 5 4 4 5 5 23 4.60 0.55 ดมี าก
4 4 5 5 4 22 4.40 0.55 ดี
6. การวัดผลและประเมินผล
6.1 สอดคล๎องกบั เน้ือหา 68 4.53 0.55 ดีมาก
6.2 สอดคล๎องกบั จดุ ประสงค์
การเรียนร๎ู 5 5 4 4 5 23 4.60 0.55 ดมี าก
6.3 สามารถวดั ผลสง่ิ ทีร่ ะบไุ ว๎ได๎
6.4 เครือ่ งมือเหมาะสมกับวยั 5 4 4 4 5 22 4.40 0.55 ดี
ของผ๎ูเรียน 5 4 4 4 5 22 4.40 0.55 ดี
เฉล่ีย
เฉลยี่ รวม 4 4 4 4 5 21 4.20 0.45 ดี
88 4.40 0.53 ดี
4.39 0.50 ดี
197
จากผลการวเิ คราะห์เพ่ือหาคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู๎ หนํวยการเรยี นร๎ูที่ 2 เรอ่ื ง เสยี ง
และการได๎ยิน วิชาฟิสกิ สเ์ พม่ิ เตมิ 3 ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรยี นประสาธน์ราษฎรบ์ ารุง โดยนาผล
การประเมินคณุ ภาพของเอกสารจากผู๎เชย่ี วชาญ จานวน 5 ทาํ น มาหาคําเฉล่ียคุณภาพของแผนการจัด
การเรยี นร๎ู และแปรผลในด๎านสาระสาคญั ด๎านจุดประสงค์การเรยี นรู๎ ดา๎ นเนอ้ื หา/สาระ ด๎านกิจกรรม
การเรยี นรู๎ และด๎านสื่อและแหลํงเรยี นร๎ู และด๎านการวดั ผลประเมนิ ผล
ตารางที่ 28 แสดงคําเฉลีย่ ( X ) คาํ เบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) เก่ียวกบั การประเมนิ คุณภาพของ
แผนการจดั การเรยี นรู๎ หนวํ ยการเรยี นรู๎ที่ 2 เรอ่ื ง เสยี งและการได๎ยนิ
ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 รหัสวชิ า ว 30203 โรงเรยี นประสาธน์ราษฎร์บารุง
จาแนกเปน็ รายดา้ น
รายการ ระดับคุณภาพ แปลผล
X S.D.
1. ด๎านสาระสาคญั 4.70 0.45 ดมี าก
2. ด๎านจุดประสงค์การเรียนรู๎ 4.26 0.48 ดี
3. ดา๎ นเน้ือหาสาระ 4.25 0.47 ดี
4. ด๎านการจดั กจิ กรรมการเรียนรู๎ 4.36 0.50 ดี
5. ดา๎ นสอ่ื และแหลงํ เรยี นรู๎ 4.53 0.55
6. ด๎านการวดั และประเมินผล 4.40 0.53 ดมี าก
4.39 0.50 ดี
เฉลี่ย ดี
จากตารางที่ 28 พบวาํ คณุ ภาพของแผนการจัดการเรยี นรู๎ หนํวยการเรยี นรทู๎ ่ี 2 เรอ่ื ง เสยี งและ
การได๎ยิน วชิ าฟสิ กิ ส์เพิ่มเติม 3 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 5 จากการประเมนิ โดยผ๎ูเชีย่ วชาญ ภาพรวมเฉลยี่ อยูใํ น
ระดับดี ( X = 4.35, S.D. = 0.50)
เมือ่ พิจารณาเปน็ รายด๎าน พบวาํ คณุ ภาพสาระสาคญั มรี ะดับคณุ ภาพสูงสุด
( X = 4.70, S.D. = 0.45) และดา๎ นเน้ือหาสาระมรี ะดับคุณภาพตา่ สุด ( X = 4.25, S.D. = 0.47)
198
ตารางที่ 29 แสดงคาํ เฉลี่ย ( X ) คาํ เบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เก่ียวกบั การประเมนิ คุณภาพของ
แผนการจดั การเรยี นรู๎ หนํวยการเรยี นรูท๎ ี่ 2 เรอ่ื ง เสยี งและการได๎ยิน
วิชาฟสิ กิ ส์เพิม่ เติม 3 ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎรบ์ ารงุ
ด้านสาระสาคญั โดยผู๎เชีย่ วชาญ
รายการ ระดับคุณภาพ แปลผล
X S.D.
1. สอดคล๎องกับจดุ ประสงค์การเรียนร๎ู ดมี าก
ในหลักสูตร 4.60 0.55 ดมี าก
4.80 0.44 ดมี าก
2. มีความชัดเจนเขา๎ ใจงําย 4.70 0.45
เฉล่ยี
จากตารางที่ 29 พบวํา คุณภาพของแผนการจัดการเรียนร๎ู หนํวยการเรียนรู๎ท่ี 2 เรื่อง เสียงและ
การได๎ยิน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง จากการประเมินโดย
ผ๎เู ช่ยี วชาญ ดา๎ นสาระสาคญั ภาพรวมเฉล่ยี อยํูในระดบั ดีมาก ( X = 4.70, S.D. = 0.45)
เม่ือพิจารณาเป็นรายด๎าน พบวํา ด๎านสาระสาคัญมีความชัดเจนเข๎าใจงําย มีระดับคุณภาพสูงสุด
( X = 4.80, S.D. = 0.44) ด๎านสาระสาคัญมีความสอดคล๎องกับจุดประสงค์การเรียนรู๎ในหลักสูตรมีระดับ
คุณภาพต่าสุด ( X = 4.60, S.D. = 0.55)
ตารางที่ 30 แสดงคาํ เฉล่ีย ( X ) คาํ เบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) เก่ียวกบั การประเมินคุณภาพของ
แผนการจัดการเรยี นร๎ู หนํวยการเรียนรูท๎ ี่ 2 เร่อื ง เสยี งและการไดย๎ นิ
วชิ าฟิสกิ สเ์ พิ่มเติม 3 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรยี นประสาธน์ราษฎร์บารงุ
ด้านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ โดยผเ๎ู ชี่ยวชาญ
รายการ ระดับคุณภาพ แปลผล
X S.D.
1. สอดคลอ๎ งกับเนอ้ื หา 4.40 0.55 ดี
2. ขอ๎ ความชดั เจนเข๎าใจงําย 4.20 0.45 ดี
3. เหมาะสมกับวัยของนักเรียน 4.20 0.45 ดี
4.26 0.48 ดี
เฉลีย่
199
จากตารางท่ี 30 พบวํา คุณภาพของแผนการจัดการเรียนร๎ู หนํวยการเรียนรู๎ท่ี 2 เร่ือง เสียง
และการได๎ยนิ วชิ าฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง จากการประเมินโดย
ผู๎เชีย่ วชาญ ด๎านจุดประสงคก์ ารเรยี นร๎ู ภาพรวมเฉลี่ยอยูํในระดบั ดี ( X = 4.26, S.D. = 0.48)
เมื่อพิจารณาเป็นรายด๎าน พบวํา ด๎านจุดประสงค์การเรียนร๎ูมีความสอดคล๎องกับเนื้อหามีระดับ
คณุ ภาพสูงสดุ ( X = 4.40, S.D. = 0.55) และดา๎ นจุดประสงคม์ ขี ๎อความชัดเจนเข๎าใจงําย และด๎านจุดประสงค์
เหมาะกับวยั ของนกั เรยี น มรี ะดับคณุ ภาพเทาํ กนั คอื ( X = 4.20, S.D. = 0.45)
ตารางที่ 31 แสดงคาํ เฉล่ยี ( X ) คําเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เก่ยี วกบั การประเมินคุณภาพของ
แผนการจัดการเรยี นร๎ู หนํวยการเรียนร๎ทู ี่ 2 เร่ือง เสียงและการไดย๎ นิ
วชิ าฟิสิกสเ์ พม่ิ เติม 3 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5 โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎร์บารงุ
ด้านเน้อื หาสาระ โดยผู๎เชย่ี วชาญ
รายการ ระดับคุณภาพ แปลผล
X S.D.
1. มคี วามชัดเจนเขา๎ ใจงํายนําสนใจ 4.40 0.55 ดี
2. สอดคล๎องกับจดุ ประสงค์การเรียนรู๎ 4.20 0.45 ดี
3. เหมาะสมกบั ระดับชน้ั ของนกั เรียน 4.20 0.45 ดี
4. กาหนดเนื้อหาเหมาะสมกับ
4.20 0.45 ดี
เวลาเรียน 4.25 0.47 ดี
เฉลยี่
จากตารางท่ี 31 พบวํา คุณภาพของแผนการจัดการเรียนร๎ู หนํวยการเรียนรู๎ที่ 2 เรื่องเสียงและ
การได๎ยินวิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง จากการประเมินโดย
ผูเ๎ ชี่ยวชาญ ดา๎ นเน้ือหาสาระ ภาพรวมเฉลยี่ อยูํในระดับดี ( X = 4.25, S.D. = 0.47)
เม่ือพิจารณาเป็นรายด๎าน พบวํา ด๎านเน้ือหาสาระมีความชัดเจนเข๎าใจงํายนําสนใจมีระดับ
คุณภาพสูงสุด ( X = 4.40, S.D. = 0.55) และด๎านสอดคล๎องกับจุดประสงค์การเรียนร๎ู ด๎านเหมาะสมกับ
ระดบั ชัน้ ของนกั เรยี น และด๎านกาหนดเนื้อหาเหมาะสมกบั เวลาเรียน มีระดบั คณุ ภาพเทาํ กัน ( X = 4.20, S.D. =
0.45)
200
ตารางท่ี 32 แสดงคําเฉล่ยี ( X ) คาํ เบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) เกย่ี วกับการประเมินคุณภาพของ
แผนการจัดการเรยี นร๎ู หนํวยการเรยี นรู๎ที่ 2 เร่ือง เสยี งและการไดย๎ นิ
วิชาฟิสิกส์เพ่มิ เติม 3 ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรยี นประสาธน์ราษฎร์บารงุ
ด้านการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ โดยผ๎ูเชี่ยวชาญ
รายการ ระดับคุณภาพ แปลผล
X S.D.
1. ข้นั สร๎างความสนใจ 4.20 0.45 ดี
2. ข้ันสารวจและค๎นหา 4.20 0.45 ดี
3. ข้ันอธบิ ายและลงข๎อสรปุ 4.40 0.55 ดี
4. ขั้นขยายความร๎ู 4.60 0.55 ดมี าก
5. ขัน้ ประเมนิ 4.40 0.49 ดี
เฉลี่ย 4.36 0.50 ดี
จากตารางท่ี 32 พบวํา คุณภาพของแผนการจัดการเรียนร๎ู หนํวยการเรียนร๎ูท่ี 2 เร่ือง เสียงและ
การได๎ยินวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง จากการประเมินโดย
ผเ๎ู ช่ยี วชาญ ด๎านการจัดกจิ กรรมการเรยี นร๎ู ภาพรวมเฉล่ียอยํใู นระดับดี ( X = 4.36, S.D. = 0.50)
เม่อื พจิ ารณาเป็นรายด๎าน พบวํา ด๎านด๎านขยายความรู๎ มีระดับคุณภาพสูงสุด ( X = 4.60, S.D. =
0.55) และดา๎ นประเมนิ มรี ะดับคุณภาพต่าสุด ( X = 4.40, S.D. = 0.49)
ตารางที่ 33 แสดงคําเฉลย่ี ( X ) คําเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เกยี่ วกับการประเมินคุณภาพของ
แผนการจัดการเรียนรู๎ หนวํ ยการเรียนร๎ูท่ี 2 เรอื่ ง เสยี งและการไดย๎ นิ
วิชาฟิสิกสเ์ พิ่มเติม 3 ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรยี นประสาธน์ราษฎรบ์ ารงุ
ดา้ นสื่อและแหลง่ เรียนรู๎ โดยผเู๎ ช่ยี วชาญ
รายการ ระดับคุณภาพ แปลผล
X S.D.
1. สอดคลอ๎ งกับจุดประสงคก์ ารเรียนร๎ู 4.60 0.55 ดีมาก
2. ประหยัดเวลาในการสอน 4.60 0.55 ดมี าก
3. เหมาะสมกบั วัยของผู๎เรยี น 4.40 0.55
ดี
201
เฉลย่ี 4.53 0.55 ดมี าก
จากตารางท่ี 33 พบวํา คุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู๎ หนํวยการเรียนร๎ูที่ 2 เร่ือง เสียงและ
การได๎ยินวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง จากการประเมินโดย
ผู๎เชีย่ วชาญ ด๎านสือ่ และแหลงํ เรยี นรู๎ ภาพรวมเฉลยี่ อยูใํ นระดบั ดีมาก ( X = 4.53, S.D. = 0.55)
เมือ่ พิจารณาเปน็ รายดา๎ น พบวํา ดา๎ นส่ือและแหลงํ เรยี นรู๎ท่ีสอดคล๎องกับจุดประสงค์การเรียนร๎ูและ
ด๎านประหยัดเวลาในการสอน มีระดับคุณภาพสูงสุดเทํากัน ( X = 4.60, S.D. = 0.55) และด๎านสื่อและแหลํง
เรยี นรู๎ทม่ี คี วามเหมาะสมกับวยั ของผ๎ูเรียน มีระดับคณุ ภาพต่าสุด ( X = 4.40, S.D. = 0.55)
ตารางที่ 34 แสดงคาํ เฉล่ยี ( X ) คําเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เก่ียวกับการประเมนิ คุณภาพของ
แผนการจดั การเรียนรู๎ หนํวยการเรียนรู๎ท่ี 2 เรอ่ื ง เสียงและการไดย๎ นิ
วชิ าฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎร์บารงุ
ด้านการวดั ผลและประเมนิ ผล โดยผ๎ูเชี่ยวชาญ
รายการ ระดบั คุณภาพ แปลผล
X S.D.
1. สอดคล๎องกบั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู๎ 4.60 0.55 ดีมาก
2. สอดคล๎องกับเน้ือหา 4.40 0.55 ดี
3. สามารถวัดผลส่งิ ท่รี ะบไุ ด๎ 4.40 0.55 ดี
4. เครอื่ งมือเหมาะสมกบั วัยของผ๎เู รียน 4.20 0.45 ดี
4.40 0.53 ดี
เฉลย่ี
จากตารางที่ 34 พบวํา คุณภาพของแผนการจัดการเรียนร๎ู หนํวยการเรียนร๎ูที่ 2 เรื่อง เสียงและ
การได๎ยินวิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง จากการประเมินโดย
ผู๎เชี่ยวชาญ ด๎านการวดั และประเมินผล ภาพรวมเฉลี่ยอยใํู นระดบั ดี ( X = 4.40, S.D. = 0.53)
เม่ือพิจารณาเป็นรายด๎าน พบวํา ด๎านการวัดผลและประเมินผลที่มีความสอดคล๎องกับจุดประสงค์
การเรียนร๎ู มีระดับคุณภาพสูงสุด ( X = 4.60, S.D. = 0.55) และด๎านการวัดผลและประเมินผลที่มีเคร่ืองมือ
เหมาะสมกบั วัยของผเู๎ รยี น มรี ะดบั คณุ ภาพตา่ สุด ( X = 4.20, S.D. = 0.45)
การหาคณุ ภาพของชุดการสอนเรอื่ ง เสียงและการไดย้ ิน วชิ าฟสิ กิ ส์เพิ่มเติม 3
202
ของนักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรยี นประสาธน์ราษฎร์บารุง
ตารางท่ี 35 แสดงคะแนนการทาแบบทดสอบหลังเรยี นของชดุ การสอนรายชดุ และ
แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น เรื่อง เสียงและการไดย๎ ิน ของนักเรยี นรายบคุ คล
คะแนนการทาแบบทดสอบหลงั เรียนของชุดการสอน คะแนน
คะแนน สอบ
คน ชดุ ที่ 1 ชดุ ท่ี 2 ชดุ ที่ 3 ชดุ ท่ี 4 ชดุ ท่ี 5 ชดุ ที่ 6 ชดุ ที่ 7 ชดุ ท่ี 8 ชุดท่ี 9 รวม หลงั เรียน
10 10 10 10 10 10 10 10 10 90 30
ท่ี คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน
1. 8 61 21 8 7 7 7 8 8 68 23
2. 6 56 17 7 5 5 6 7 7 56 16
3. 8 76 25 8 9 7 8 9 9 73 25
รวม 197 64
X
N
สถิตทิ ่ใี ช๎ E1 A 100
197
3
E1 90 100
E1 65.67 100
90
E1 72.96
Y
N
สถิติทีใ่ ช๎ E2 B 100
64
3
E2 30 100
E2 21.33 100
30
203
E2 71.11
ตารางที่ 36 แสดงคะแนนการทาแบบทดสอบหลังเรียนของชดุ การสอนรายชดุ และ
แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เร่ือง เสียงและการไดย๎ นิ ของนักเรียนกลมํุ เล็ก
คะแนนการทาแบบทดสอบหลังเรียนของชดุ การสอน คะแนน
คะแนน สอบ
คน ชดุ ท่ี 1 ชดุ ที่ 2 ชุดที่ 3 ชุดท่ี 4 ชดุ ที่ 5 ชุดท่ี 6 ชุดท่ี 7 ชดุ ท่ี 8 ชุดท่ี 9 รวม หลังเรียน
ที่ 10 10 10 90 30
10 10 10 10 10 10 คะแนน
คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน
1. 7 8 5 6 6 7 6 7 7 59 20
2. 8 7 8 7 7 7 7 9 8 68 18
3. 8 8 8 9 8 9 9 9 10 78 25
4. 7 5 6 6 5 7 8 7 7 58 22
5. 10 8 7 10 8 8 10 8 8 77 27
6. 9 9 8 7 10 6 9 9 9 76 19
7. 7 8 6 7 8 7 8 7 7 65 25
8. 8 6 6 7 7 6 7 5 6 58 26
9. 9 9 9 8 10 9 9 8 10 81 24
รวม 620 206
204
X
N
สถิติทใ่ี ช๎ E1 A 100
สถติ ทิ ใ่ี ช๎
620
9
E1 90 100
E1 68.9 100
90
E1 76.56
Y
N
E2 B 100
206
9
E2 30 100
E2 22.9 100
30
E2 76.33
205
ตารางที่ 37 แสดงคะแนนการทาแบบทดสอบหลังเรียนของชดุ การสอนรายชดุ และ
แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น เร่ือง เสยี งและการได๎ยนิ ของนักเรยี นภาคสนาม
คะแนนการทาแบบทดสอบหลังเรียนของชดุ การสอน คะแนน คะแนน
รวม สอบ
คน ชุดที่ 1 ชุดที่ 2 ชุดที่ 3 ชดุ ที่ 4 ชุดท่ี 5 ชุดท่ี 6 ชุดท่ี 7 ชดุ ท่ี 8 ชุดที่ 9 90 หลังเรียน
ที่ คะแนน 30
10 10 10 10 10 10 10 10 10
คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน
1. 7 8 7 8 8 7 8 9 8 70 21
2. 7 7 8 8 7 8 8 7 8 68 20
3. 9 9 8 8 8 8 8 9 8 75 22
4. 8 7 8 7 8 8 7 8 8 69 24
5. 8 8 7 8 7 8 7 7 8 68 21
6. 9 9 8 9 9 8 8 9 9 78 24
7. 9 9 8 8 8 7 8 9 8 74 26
8. 8 9 9 8 8 9 8 8 9 76 25
9. 9 8 9 9 8 9 9 8 8 77 25
10. 7 7 7 8 7 8 7 7 7 65 24
11. 8 8 7 7 7 8 7 9 8 69 24
12. 7 7 7 7 8 7 8 7 7 65 23
13. 7 7 7 8 9 7 7 8 8 68 26
14. 8 8 7 8 7 8 8 7 8 69 24
15. 8 7 8 8 7 7 7 8 10 70 23
16. 9 8 9 9 9 8 8 9 9 78 26
17. 9 9 9 8 8 8 9 9 9 78 27
18. 7 8 7 7 7 8 7 8 8 67 22
19. 8 9 8 9 9 8 9 9 9 78 25
20. 10 7 10 9 8 9 9 8 9 79 24
21. 8 8 9 9 8 8 9 10 10 79 28
22. 7 8 8 9 8 7 8 8 7 70 25
206
23. 8 9 9 9 9 9 9 9 9 80 26
24. 10 9 7 8 8 8 8 9 7 74 23
25. 10 9 8 10 9 6 9 9 10 80 24
207
ตารางที่ 37 (ตํอ)
คะแนนการทาแบบฝกึ หัด คะแนน
คะแนน สอบ
คน ชุดที่ 1 ชุดท่ี 2 ชุดท่ี 3 ชุดที่ 4 ชดุ ท่ี 5 ชุดท่ี 6 ชุดที่ 7 ชุดที่ 8 ชดุ ท่ี 9 รวม หลังเรียน
90 30
ท่ี 10 10 10 10 10 10 10 10 10 คะแนน คะแนน
คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน
26. 10 10 9 9 9 9 10 9 9 84 27
27. 7 7 9 9 8 8 9 8 9 74 25
28. 9 8 9 10 8 9 8 9 9 79 26
29. 8 9 8 7 9 8 9 9 10 77 23
30. 8 8 10 9 8 9 9 10 9 80 27
รวม 2218 730
X
N
สถติ ทิ ่ใี ช๎ E1 A 100
2218
30
E1 90 100
E1 73.93 100
90
E1 82.14
Y
N
สถิติทใี่ ช๎ E2 B 100
730
30
E2 30 100
E2 24.33 100
30
E2 81.11
208
ภาคผนวก จ ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล
- คะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กํอนและหลงั เรยี นชดุ การสอน เร่อื งเสียงและการไดย๎ ิน
วชิ าฟสิ กิ สเ์ พิ่มเติม 3
- ผลการประเมนิ ชุดการสอน เร่ืองเสยี งและการได๎ยนิ วชิ าฟิสิกสเ์ พิ่มเตมิ 3 โดยผู๎เชี่ยวชาญ
- ผลการทดสอบหาประสิทธภิ าพของชุดการสอน เรื่องเสยี งและการได๎ยนิ
วชิ าฟสิ ิกสเ์ พิ่มเติม 3
209
ตารางที่ 38 คาํ คะแนนเฉลยี่ ผลสัมฤทธิท์ างการเรียนกอํ นเรยี นและหลงั เรียนโดยใชช๎ ุดการสอน
เร่ืองเสียงและการไดย๎ ิน วิชาฟิสิกสเ์ พ่มิ เติม 3 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5
คนที่ คะแนนกอํ นเรยี น(30) คะแนนหลงั เรียน(30) D D2
19 24 15 225
25 24 19 324
3 11 25 14 196
4 13 27 14 196
59 26 17 289
66 21 15 225
77 24 17 289
86 23 17 289
98 25 17 289
10 13 25 12 144
11 10 26 16 256
12 6 23 17 289
13 14 28 14 196
14 9 24 15 225
15 10 24 14 196
16 11 25 14 196
17 12 26 14 196
18 12 25 13 169
19 10 27 17 289
20 9 23 14 196
21 11 25 14 196
22 7 25 18 324
23 6 24 18 324
24 9 25 16 256
25 11 210
24 13 169
ตารางที่ 38 (ตํอ)
คนท่ี คะแนนกํอนเรียน(30) คะแนนหลังเรียน(30) D D2
26 12 26 14 196
27 9 25 16 256
28 3 21 18 324
29 5 26 21 441
30 7 25 18 324
741 471 7484
X 270 24.70 - -
X 9.00 1.56 - -
S.D. 2.75
211
จากตารางท่ี 38 สามารถนามาทดสอบสมมติฐาน โดยใช๎ t-test (Dependent Samples) ดังน้ี
(สมนึก ภัททิยธนี และคณะ, 2546 : 68)
สมมติฐาน H0 : µd ≤ 0
H1 : µd > 0
สถติ ทิ ี่ใช๎ t D
ND2 (D)2
N1
471
t 30(7,484) (471)2
30 1
471
t 224,520 221,841
29
t 471
2,679
29
t 471
92.38
t 471
9.61
t 49.0114
เมื่อ D แทน ความแตกตํางระหวํางคะแนนแตลํ ะคูํ
N แทน จานวนคูํ
df แทน ความเปน็ อิสระมีคําเทํากบั N-1
กฎการตดั สินใจ : จะปฏเิ สธ H0 ถ๎า t ที่ไดจ๎ ากการคานวณมากกวาํ t29 (0.95) = 2.0452
212
ดังนน้ั ปฏเิ สธ H0 นัน่ คอื คะแนนผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรอื่ งเสียงและการไดย๎ ิน วิชาฟิสิกส์
เพมิ่ เติม 3 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2556 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง โดยใช๎
ชดุ การสอน หลังเรียนสงู กวํากอํ นเรยี น อยาํ งมีนัยสาคัญทางสถติ ทิ รี่ ะดับ .05
จากตารางท่ี 38 สามารถนามาหาคําดัชนีประสิทธผิ ลจากสตู ร
E.I = คะแนนรวมจากแบบทดสอบหลังเรียน-คะแนนรวมจากแบบทดสอบกํอนเรยี น
ผลคณู ของคะแนนเตม็ กับจานวนคน-คะแนนรวมจากแบบทดสอบกํอนเรยี น
E.I = 741 270
30x30 270
= 471
900 270
= 471
630
= 0.7476
หรอื คดิ เปน็ ร๎อยละ 74.76
213
ตารางที่ 39 แสดงคะแนนการทาแบบทดสอบหลังเรียนของชุดการสอนรายเลมํ และ
แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น เร่ือง เสยี งและการไดย๎ ิน ของนกั เรยี นกลมุํ เป้าหมาย
คน คะแนนการทาแบบทดสอบหลงั เรียนของชุดการสอน คะแนน คะแนน
ที่ รวม สอบ
ชดุ ที่ 1 ชุดที่ 2 ชดุ ท่ี 3 ชดุ ที่ 4 ชุดที่ 5 ชุดท่ี 6 ชุดที่ 7 ชุดท่ี 8 ชดุ ท่ี 9 90 หลงั เรียน
10 10 10 10 10 10 10 10 10 คะแนน 30
คะแนน
คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน
1. 7 7 9 7 8 9 7 8 8 70 21
2. 7 8 7 8 7 8 8 9 8 70 24
3. 7 8 8 7 8 8 7 9 7 69 22
4. 7 7 8 9 8 9 8 8 8 72 26
5. 8 9 9 10 8 9 9 10 9 81 27
6. 7 8 7 8 8 7 8 7 9 69 23
7. 9 7 9 9 9 10 8 9 9 79 27
8. 9 7 9 8 8 9 9 9 9 77 25
9. 9 10 7 9 9 8 8 7 8 75 25
10. 9 10 9 9 9 10 9 10 9 84 26
11. 10 9 10 9 9 9 9 9 10 84 24
12. 8 7 8 7 7 8 8 7 7 67 22
13. 7 8 7 8 8 9 7 8 7 69 23
14. 8 9 9 9 10 9 9 8 8 79 25
15. 10 7 10 10 9 9 10 9 10 84 27
16. 7 9 7 8 8 8 7 8 7 69 24
17. 9 8 9 8 8 9 8 9 9 77 25
18. 7 9 7 8 8 8 7 8 8 70 23
19. 9 10 9 9 9 9 9 9 9 82 24
20. 8 7 7 6 7 7 7 8 8 65 21
21. 8 9 9 8 10 10 8 8 8 78 26
22. 9 9 10 10 9 9 9 9 10 84 27
23. 9 10 9 9 10 9 9 9 9 83 25
24. 9 8 8 9 8 7 8 7 8 72 25