The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สุนีรัตน์ ชูช่วย, 2021-11-09 00:47:40

วิจัยเล่ม

วิจัยเล่ม

6. แบบทดสอบทีด่ ีต๎องมคี วามเปน็ ปรนยั
7. แบบทดสอบทด่ี ตี ๎องมปี ระสิทธิภาพ
8. แบบทดสอบที่ดตี ๎องยากพอเหมาะ
9. แบบทดสอบที่ดตี ๎องมีอานาจจาแนก
10. แบบทดสอบท่ีดตี ๎องเช่ือม่ันได๎
สมนกึ ภทั ธยิ ธนี (2553 : 67) กลําววาํ แบบทดสอบจะมีคุณภาพเพียงใดต๎องมีลักษณะท่ี
ดี 10 ประการ ดังน้ี
1. ความเทยี่ งตรง
2. ความเชือ่ มัน่
3. ความยุตธิ รรม
4. ความลึกของคาถาม
5. ความยั่วยุ
6. ความจาเพาะเจาะจง
7. ความเป็นปรนยั
8. ประสิทธภิ าพ
9. อานาจจาแนก
10. ความยาก

สรุปได๎วํา แบทดสอบที่ดีต๎องมีคุณลักษณะ 10 ประการ คือ ความเที่ยงตรง ความ
เชื่อม่นั
ความยุติธรรม ความลึกของคาถาม ความยั่วยุ ความจาเพาะเจาะจง ความเป็นปรนัย
ประสทิ ธภิ าพ
อานาจจาแนกและความยาก

งานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง
ปวีณา แสงกลา๎ (2552 : บทคดั ยอํ ) ไดร๎ ายงานผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกํอน

และหลังใช๎ชดุ การสอนเสียงและการประยุกต์ใช๎ วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 4 (ว40204) ชั้นมัธยมศึกษาปี
ท่ี 5 มีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนาชุดการสอนเสียงและการประยุกต์ใช๎ วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 4 (ว
40204) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ให๎มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เพื่อเปรียบเทียบ
ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น และเพ่ือศึกษาความพึงพอใจของนกั เรยี นตํอชุดการสอน กลํุมเป้าหมายท่ีใช๎ใน
การศึกษาครั้งน้ี เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนยางชุมน๎อยพิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปี

การศึกษา 2552 จานวน 2 ห๎องเรียน นักเรียน จานวน 87 คน เครื่องมือที่ใช๎ในการศึกษา
ประกอบด๎วยชุดการสอนเสียงและการประยุกต์ใช๎ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นแบบ
ปรนยั 4 ตวั เลือก จานวน 40 ขอ๎ โดยใช๎ทดสอบกํอนและหลงั เรยี น แบบสอบถามความพึงพอใจ
ของนักเรียนตํอชุดการสอนจานวน 20 ข๎อ และแผนการจัดการเรียนร๎ูประกอบชุดการสอน จานวน
8 แผน สถิติท่ีใช๎ในการวิเคราะห์ข๎อมูล ได๎แกํ คําเฉลี่ย ร๎อยละ สํวนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และการ
ทดสอบคํา t ( t – test ) ผลการศกึ ษาพบวาํ 1) ชดุ การสอนเสยี งและการประยุกต์ใช๎ วิชาฟิสิกส์
เพิ่มเติม 4 (ว40204) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ผู๎ศึกษาสร๎างขึ้นมีประสิทธิภาพเทํากับ
81.95/80.06 แสดงวํา ชุดการสอนท่ีผ๎ูศึกษาสร๎างขึ้น มีประสิทธิภาพสูงกวําเกณฑ์มาตรฐาน
80/80 ท่ีตั้งไว๎ 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด๎วยชุดการสอนเสียงและการ
ประยกุ ตใ์ ช๎ วชิ าฟิสิกส์เพ่ิมเตมิ 4 (ว40204) ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 มีคะแนนหลังเรียนสูงกวํากํอน
เรียน อยํางมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .01 3) นักเรียนท่ีเรียนด๎วยชุดการสอนเสียงและการ
ประยกุ ต์ใช๎ วิชาฟสิ กิ ส์เพม่ิ เตมิ 4 (ว40204) ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 มีความพึงพอใจตํอชุดการสอนในระดับ
ความพึงพอใจมากที่สุด สรุปผลการศึกษาได๎วํา การจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอนเสียงและการ
ประยุกต์ใช๎ วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 4 (ว40204) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สามารถชํวยให๎นักเรียน
เรยี นรู๎ไดอ๎ ยาํ งมีประสิทธภิ าพ มีความรู๎ ความสามารถ มพี ฒั นาการทางด๎านการเรียนสูงขึ้นเป็นที่นํา
พอใจ

คมสัน อุทัยวัฒน์ (2554 ) ได๎รายงานการพัฒนาชุดการเรียนคลื่นเสียง วิชาฟิสิกส์ 3
(ว32203) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดกิจกรรม
การเรยี นรู๎ วิชาฟิสิกส์ เรื่อง ไฟฟ้าสถิต ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โดยใช๎การเรียนร๎ูแบบสืบเสาะ 7 ขั้น
ตามเกณฑ์ 75/75 2) เพ่ือหาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู๎วิชาฟิสิกส์ เร่ือง
ไฟฟา้ สถิต ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 โดยใช๎
การเรียนรู๎แบบสืบเสาะ 7 ขั้น 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์
เรื่อง ไฟฟ้าสถิต ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ระหวํางกํอนเรียนและหลังเรียน โดยใช๎การเรียนรู๎แบบ
สืบเสาะ 7 ขัน้ และ 4) เพือ่ ศกึ ษาความพงึ พอใจตอํ การจัดกจิ กรรมการเรียนรูว๎ ิชาฟสิ ิกส์ เร่ือง ไฟฟ้า
สถิต ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช๎การเรียนรู๎แบบสืบเสาะ 7 ข้ัน กลุํมตัวอยํางได๎แกํ นักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีท่ี 6/2 โรงเรียนสมเด็จพิทยาคม อาเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ จานวน 42 คน ผล
การศกึ ษาพบวาํ 1) แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู๎วิชาฟิสิกส์ เรื่อง ไฟฟ้าสถิต ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6
โดยใช๎การเรียนร๎ูแบบสืบเสาะ 7 ข้ัน มีประสิทธิภาพเทํากับ 79.56 /76.25 2) ดัชนีประสิทธิผล
ของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู๎วิชาฟิสิกส์ เร่ือง ไฟฟ้าสถิต ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช๎การ
เรียนรู๎แบบสืบเสาะ 7 ขั้น มีคําเทํากับ 0.5882 3) ผลการจัดกิจกรรมการเรียนร๎ูวิชาฟิสิกส เร่ือง
ไฟฟ้าสถิต ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช๎การเรียนรู๎แบบสืบเสาะ 7 ข้ัน ทาให๎นักเรียนมีคะแนน

เฉลี่ยหลังเรียนสูงกวํากํอนเรียนอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 4) นักเรียนท่ีเรียนร๎ูวิชาฟิสิกส์
เร่ือง ไฟฟ้าสถิต ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช๎การเรียนร๎ูแบบสืบเสาะ 7 ข้ัน มีความพึงพอใจโดยรวมอยูํใน
ระดบั มากทีส่ ดุ โดยสรุปแผนการจดั กิจกรรมการเรียนร๎ูแบบสบื เสาะ 7 ขนั้ มปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์

รสสุคนธ์ ศรีสันดา (2555 : บทคัดยํอ) ได๎ทาการวิจัย เรื่อง ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
วิชาฟิสิกส์ เรื่องแรงมวลและกฎการเคล่ือนที่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได๎รับการสอน
โดยใช๎ชุดการสอนการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) ศึกษาประสิทธิภาพของชุดการสอน วิชา
ฟิสิกส์ เร่ือง แรง มวล และกฎการเคลื่อนที่ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์
80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนกํอนเรียนและหลังเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง แรง มวล
และกฎการเคล่ือนท่ี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ท่ีได๎รับการสอนโดยใช๎ชุดการสอน 3)
ศึกษาความพึงพอใจในการเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง แรง มวล และกฎการเคล่ือนที่ ของนักเรียนชั้น
มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ในภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2554 โรงเรียนบ๎านกรวดวิทยาคาร อาเภอบ๎าน
กรวด จงั หวดั บุรรี มั ย์ สานกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษาเขต 32 จานวน 1 ห๎อง มีจานวน
นักเรียน 42 คน ได๎มาโดยการสุํมตัวอยํางงําย เครื่องมือท่ีใช๎ในการวิจัยได๎แกํ ชุดการสอนวิชา
ฟิสิกส์ เร่ือง แรง มวล และกฎหารเคล่ือนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียนจานวน 30 ข๎อ เปน็ ขอ๎ สอบแบบปรนัย 4 ตัวเลือก โดยมีคําความยากต้ังแตํ 0.42 -
0.78 แบบทดสอบยํอยประจาชุดการสอน จานวน 9 หนํวย เป็นข๎อสอบแบบปรนัย 4 ตัวเลือก
จานวน 90 ข๎อ แบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตํอการเรียนโดยใช๎ชุดการสอน
จานวน 15 ข๎อ และแบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลํุม สถิติท่ีใช๎ในการวิเคราะห์ข๎อมูล ได๎แกํ
คําร๎อยละ คําเฉลี่ย สํวนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานการวิจัย โดยใช๎คํา t ( One
Samples t-test) และคํา t (Dependent Samples t-test) ผลการวิจัยพบวํา 1) ชุดการสอน
วิชาฟิสิกส์ เรื่อง แรง มวล และกฎการเคล่ือนท่ี ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 มีประสิทธิภาพ 81.87/81.26
ซึ่งสูงกวําเกณฑ์ที่กาหนดอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) นักเรียนท่ีเรียนด๎วยชุดการสอน
วิชาฟิสิกส์ เร่ือง แรง มวล และกฎการเคลื่อนที่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
หลังเรียนสูงกวํากํอนเรียนอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) จานวนนักเรียนมากกวําร๎อยละ
80 มีความพึงพอใจตํอการเรียนด๎วยชุดการสอนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง แรง มวล และกฎการเคลื่อนที่
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ในระดับพึงพอใจมาก และมากท่ีสุด ซึ่งสูงกวําเกณฑ์ที่กาหนดอยํางมี
นัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และจากการสังเกตพฤติกรรมการทางานกลํุมของนักเรียนพบวํามี
พฤตกิ รรมการทางานกลมุํ อยใูํ นระดับดี

มณรี ตั น์ จันทร์หม่ืน (2555 ) ได๎ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู๎ เรื่องแสง วิชาฟิสิกส์กลุํม
สาระ

การเรียนรูว๎ ิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยการจัดกิจกรรมการเรียนร๎ูแบบวัฎจักรการเรียนรู๎
7 ข้ันมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนร๎ู โดยใช๎วัฎจักรการ
เรียนรู๎ 7 ขั้น เรื่องแสง วิชาฟิสิกส์ กลํุมสาระการเรียนร๎ูวิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ที่มี
ประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 75/75 2) เพ่ือศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู๎
โดยใช๎วัฎจักรการเรียนร๎ู 7 ขั้น เร่ือง แสง วิชาฟิสิกส์ กลํุมสาระการเรียนร๎ูวิทยาศาสตร์ ช้ัน
มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 และ 3) เพื่อศึกษาความสัมพนั ธร์ ะหวํางผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดอยํางมี
วิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 หลังเรียน ที่เรียนโดยใช๎วัฎจักรการเรียนร๎ู 7 ขั้น กลุํม
ตวั อยําง ไดแ๎ กํ นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 โรงเรยี นไกรภักดีวทิ ยาคม อาเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 จานวน 30 คน ผลการศึกษาค๎นคว๎าปรากฏ ดังน้ี 1) แผนการจัด
กิจกรรมการเรียนรู๎ โดยใช๎วัฎจักรการเรียนรู๎ 7 ขั้น เร่ืองแสง วิชาฟิสิกส์กลุํมสาระการเรียนรู๎
วิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 มีประสิทธิภาพเทํากับ 77.50/76.08 ซ่ึงเป็นไปตามเกณฑ์
75/75 ท่ีตง้ั ไว๎ 2) ดัชนปี ระสิทธผิ ลของแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นร๎ู โดยใช๎วัฎจักรการเรียนร๎ู 7 ข้ัน
เร่อื ง แสง วิชาฟิสิกส์ กลุํมสาระการเรยี นรวู๎ ิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 มีคําเทํากับ 0.6571 คิด
เป็น ร๎อยละ 65.71 3) ความสัมพันธ์ระหวํางผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
ของนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 หลังเรียน ท่ีเรียนโดยใช๎วัฎจักรการเรียนรู๎ 7 ข้ัน สัมพันธ์กันอยํางมี
นัยสาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .05

อานวย ไกรสีทมุ (2555 : บทคัดยํอ) ได๎รายงานการพัฒนาชุดการเรียนคล่ืนเสียง วิชา
ฟิสิกส์ 3 (ว32203) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนาชุดการเรียนคลื่นเสียง วิชา
ฟิสิกส์ 3 (ว32203) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให๎มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพ่ือเปรียบเทียบ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และเพ่ือศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนตํอชุดการเรียนคล่ืนเสียง วิชา
ฟิสิกส์ 3 (ว32203) ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 กลํุมเป้าหมายที่ใช๎ในการศึกษาครั้งน้ี เป็นนักเรียนช้ัน
มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ทีก่ าลังเรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2555 โรงเรียนบัวเจริญวิทยา อ.น้า
เกลี้ยง จ.ศรีษะเกษ จานวน 25 คน เครื่องมือท่ีใช๎ในการศึกษาประกอบด๎วยชุดการเรียนคล่ืนเสียง
วชิ าฟสิ ิกส์ 3 (ว32203) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 จานวน 8 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 40 ข๎อ โดยใช๎ทดสอบกํอนเรียนและหลังเรียน แบบประเมิน
ความพงึ พอใจของนกั เรียนตํอชุดการสอนจานวน 18 ข๎อ และแผนการจัดการเรียนร๎ูประกอบชุดการเรียน
จานวน 8 แผน สถิติทใ่ี ชใ๎ นการวิเคราะห์ขอ๎ มูล ไดแ๎ กํ คาํ เฉลี่ย ร๎อยละ สํวนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และ
การทดสอบคํา t ( t – test ) ผลการศึกษาพบวํา 1) ชุดการเรียนคลื่นเสียง วิชาฟิสิกส์ 3 (ว32203) ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ผ๎ูศึกษาสร๎างข้ึนมีประสิทธิภาพเทํากับ 82.49/81.50 แสดงวําชุดการเรียนท่ีผู๎
ศึกษาสรา๎ งขึน้ มีประสิทธิภาพสูงกวาํ เกณฑ์ 80/80 ท่ีต้ังไว๎ 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
ที่เรยี นดว๎ ยชดุ การเรียนคลนื่ เสยี งวิชาฟิสิกส์ 3 (ว32203) ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 มคี ะแนนหลังเรียน

สงู กวาํ กอํ นเรียนอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 3) นักเรียนที่เรียนด๎วยชุดการเรียนคล่ืนเสียง
วชิ าฟสิ ิกส์ 3
(ว32203) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 มีความพงึ พอใจตํอชุดการเรียนในระดบั มากท่ีสุด

รํุงอรุณ ถาวาปี (2555 : บทคัดยํอ) ได๎ทาการวิจัยเก่ียวกับการพัฒนาชุดการเรียนรู๎
เรื่องการเคล่ือนที่ วิชาฟิสิกส์พื้นฐาน ว31101 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีวัตถุประสงค์เพ่ือสร๎างและ
พัฒนาชุดการสอนแบบศูนย์การเรียนที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 เพื่อศึกษาดัชนี
ประสิทธิผลการเรียนร๎ูของนักเรียน เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระหวําง
กํอนเรียนและหลังเรียนโดยใช๎ชุดการเรียนรู๎และเพ่ือศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ท่ีเรียนด๎วยชุด
การเรียนรู๎ ประชากรเป็นนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโพธิแสนวิทยา อาเภอกุสุมาลย์
จังหวัดสกลนคร สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 23 จานวน 95 กลุํมตัวอยํางเป็น
นักเรียนระดับชั้น ม.4/1 จานวน 36 คน ที่เรียนวิชาฟิสิกส์พ้ืนฐาน ว31101 ภาคเรียนที่ 1 ปี
การศกึ ษา 2555 ได๎มาโดยการเทคนคิ การสุํมแบบกลํุม (Cluster Random Sampling) เวลาท่ีใช๎ใน
การทดลอง รวม 5 สัปดาห์ จานวน 20 ชั่วโมง เคร่ืองมือท่ีใช๎ในการทดลอง คือ ชุดการเรียนร๎ู
เร่ือง การเคล่ือนที่ จานวน 7 เลํม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรวม 30 ข๎อ และ
แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตํอการเรียนโดยใช๎ชุดการเรียนรู๎ จานวน 20 ข๎อ สถิติ
ทีใ่ ช๎ในการวเิ คราะห์ข๎อมูล ได๎แกํ ร๎อยละ คําเฉลี่ย การทดสอบคําที (t-test) ผลการศึกษาค๎นคว๎า
ปรากฏดังนี้ 1) ชดุ การเรียนรู๎ เร่ือง การเคล่ือนท่ี วิชาฟิสิกส์พื้นฐาน ว31101 ช้ันมัธยมศึกษา ปี
ที่ 4 มีประสิทธิภาพ 80.34/83.23 สูงกวําเกณฑ์ท่ีต้ังไว๎ 75/75 2) ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนร๎ู เมื่อ
เรียนโดยใช๎ชุดการเรียนรู๎ เทํากับ 0.7399 แสดงวํา นักเรียนมีความก๎าวหน๎าในการเรียนรู๎เพ่ิมข้ึน
คิดเป็นร๎อยละ 73.99 สูงกวําเกณฑ์ 50 หรืออยูํในระดับดี 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน
ของนักเรียนสูงกวํากํอนเรียนอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4) นักเรียนมีความพึงพอใจตํอ
การเรยี นโดยใชช๎ ดุ การเรยี นร๎ภู าพรวม อยูใํ นระดบั มาก

สมใจ โพธิ์ศรี (2556 : บทคัดยํอ) ได๎รายงานการใช๎ชุดการเรียน หนํวยการเรียนร๎ู
เสียง วิชาฟิสิกส์ ว32202 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 รํวมกับการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหา
ความร๎ู (5E) นักเรียนระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5/1 จานวน 44 คน ปีการศึกษา 2555 โรงเรียน
ศรสี งครามวทิ ยา อาเภอวังสะพุง จังหวัดเลย สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19
ผลการศึกษาพบวํา ประสิทธิภาพของชุดการเรียน หนํวยการเรียนร๎ู เสียง วิชาฟิสิกส์ ว32202
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 รํวมกบั การจดั การเรยี นการสอนแบบสืบเสาะหาความร๎ู (5E) มีประสิทธิภาพ
สูงกวําเกณฑ์ที่กาหนดไว๎ 75 / 75 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกวํากํอนเรียน
อยํางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนมีความพึงพอใจตํอการเรียนโดยใช๎ชุดการเรียน

หนํวยการเรียนรู๎ เสียง วิชาฟิสิกส์ ว32202 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 รํวมกับการจัดการเรียนการ
สอนแบบสืบเสาะหาความร๎ู (5E) อยํใู นระดบั มากทส่ี ุด และสอดคลอ๎ งกนั

จากงานวจิ ยั ในประเทศที่กลาํ วขา๎ งต๎นสรุปได๎วาํ การพัฒนาชุดการสอนมีประสิทธิภาพสูง
กวําเกณฑ์ท่ีกาหนด ผ๎ูเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกวํากํอนเรียนอยํางมีนัยสาคัญทาง
สถิติ แสดงให๎เห็นวําชุดการสอนมีประสิทธิภาพสามารถทาให๎ผู๎เรียนเกิดการเรียนร๎ู ทักษะในด๎าน
ตาํ งๆ ดีขึ้น เกดิ ความร๎ูสกึ ที่ดตี ํอการเรียนร๎ูดว๎ ยชดุ การสอนสํงผลใหผ๎ ลการเรียนของนกั เรียนดีข้นึ

งานวิจัยต่างประเทศ

แมคโคลแมน (McColman.1975:109 อ๎างถึงใน อาไพ ช่ังคิด, 2552 : 94) ได๎ศึกษา
เก่ียวกับความสัมพันธ์ระหวําง การใช๎ชุดการสอนและกิจกรรมกลํุมที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา
สังคมศึกษา ผลการวิจัยพบวํา นักเรียนที่เรียนโดยใช๎ชุดการสอนรํวมกับกิจกรรมกลุํมมีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษามากกวํานักเรียนท่ีใช๎ชุดการสอนเพียงอยํางเดียวอยํางมีนัยสาคัญทาง
สถิติ และนักเรียนท่ีเรียน โดยใช๎ชุดการสอนเพียงอยํางเดียวมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมากกวํา
นักเรยี นท่เี รียนโดยใช๎ กิจกรรมกลมํุ อยํางมนี ยั สาคัญทางสถิติ .01

มีคส์ (Meeks. 1972: 4296-4296-Aอ๎างถึงใน อาไพ ชั่งคิด, 2552 : 94) ได๎ทาการวิจัย
เรอ่ื งการเปรียบเทียบวิธีสอนแบบใช๎ชุดการเรียนกับวิธีสอนแบบธรรมดา พบวํา วิธีสอนโดยใช๎ชุดการเรียนมี
ประสิทธิภาพมากกวําการสอนด๎วยวิธีสอนแบบธรรมดาอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ
จากการสารวจความคิดเห็นของกลํุมทดลอง พบวํา ทุกคนมีพัฒนาการทางเจตคติท่ีดีตํอการสอน
โดยใช๎ชดุ การเรียนเพม่ิ ขนึ้ หลงั การทดลองอยํางมีนัยสาคัญ จึงสรุปได๎วํา การสอนโดยใช๎ชุดการเรียน
ดีกวําการสอนแบบธรรมดา

จากงานวิจัยตํางประเทศที่กลําวมาข๎างต๎น สรุปได๎วํา การใช๎ชุดการสอนในการจัดการเรียนรู๎
สามารถทาให๎ผู๎เรียนมีผลการเรียนหลังเรียนสูงกวํากํอนเรียนและสามารถนาไปใช๎จัดกิจกรรมกับผ๎ูเรียน
ทุกกลมํุ ทุกรายวิชา ตลอดจนการใช๎ในการบูรณาการในวิชาตําง ๆ ได๎อกี ด๎วย

ในงานวิจัยท่ีเกี่ยวข๎องทั้งในประเทศและตํางประเทศ สรุปได๎วํา การจัดกิจกรรมด๎วยชุดการสอน
สามารถทาให๎ผู๎เรียนเกิดการเรียนรู๎สามารถพัฒนาศักยภาพของผู๎เรียนให๎บรรลุวัตถุประสงค์ในการ
เรียนร๎ูได๎อยํางมีประสิทธิภาพ นักเรียนพึงพอใจในการเรียนด๎วยชุดการสอนที่ทันสมัยและกิจกรรมที่
หลากหลาย นําสนใจ นักเรียนมีความสุขในการเรียนร๎ู สํงผลให๎ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงขึ้น

จากเอกสาร และงานวิจัยที่เก่ียวข๎องตําง ๆ สรุปได๎วํา ชุดการสอนที่ผํานการวาง
แผนการพัฒนา และทดลองหาประสิทธิภาพและประสิทธิผลอยํางเป็นขั้นเป็นตอนท่ีถูกต๎องตาม
กระบวนการกํอนนาไปใชจ๎ รงิ นน้ั มปี ระสิทธภิ าพสงู กวาํ เกณฑท์ กี่ าหนดไวก๎ อํ ให๎ผ๎เู รียนเกิดการพัฒนาการเรียนรู๎

ทักษะในด๎านตําง ๆ อยํางมีประสิทธิภาพ ผ๎ูเรียนมีความสุขในการเรียนสามารถปฏิบัติงานเรียนรู๎ได๎
ด๎วยตนเองทั้งในเวลาและนอกเวลาเรียน สํงผลให๎ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียนสูงกวํากํอนเรียนด๎วยชุด
การสอน ตลอดจนนักเรียนมีความพึงพอใจที่ดีตํอการเรียนด๎วยชุดการสอน แสดงให๎เห็นวําชุดการสอน
สามารถนาไปจัดกิจกรรมกับทุกรายวิชา และกลํุมสาระการเรียนร๎ูใด ๆ ก็ได๎ เพียงแตํผู๎สอนเลือกให๎
เหมาะสมกับเน้ือหาสาระการเรียนร๎ูและตามวุฒิภาวะของผู๎เรียน สามารถทาให๎ผู๎สอนบรรลุ
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว๎ สามารถพัฒนาการเรียนการสอนของตนเองได๎อยํางมีประสิทธิภาพ และ
ครูผูส๎ อนจะไดช๎ ดุ การสอนทีม่ ีประสิทธิภาพสามารถเปน็ แบบอยํางแกํผู๎อื่น ๆ เป็นอยํางดี

กรอบแนวคิดในการวจิ ัย
จากการศึกษาผลการวิจัยพบวําชุดการสอนสามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนได๎ ดัง

งานวิจัยของรุํงอรุณ ถาวาปี (2555 : บทคัดยํอ) อานวย ไกรสีทุม (2555 : บทคัดยํอ) และสมใจ
โพธิศ์ รี (2556 : บทคดั ยอํ ) ผว๎ู ิจยั จึงนามากาหนดเป็นกรอบแนวคดิ การวิจัย ดังภาพที่ 2

ผเู๎ ชย่ี วชา

ตรวจสอบความ ญ
ตรวจสอเบหคมวาาะมสม
ศกึ ษาเอกสาร เหมาะสมป ัรบปรุง ตวั แปรตาม
- วจิ ัยทเ่ี ก่ยี วขอ๎ งกับการใชช๎ ดุ การ ตัวแปรตน้ - การจัดการเรียนร๎โู ดยใช๎ชุด
สอน นกั เรยี น การสอน เรื่องเสียงและการไดย๎ นิ
- เอกสารเกยี่ วกับรูปแบบและ การจัดการเรียนร๎ู กลุํม วิชาฟิสิกสเ์ พ่ิมเติม 3ชัน้
วธิ ีการสร๎างชดุ การสอน โดยใชช๎ ดุ การสอน ตวั อยําง มัธยมศึกษาปีที่ 5 มปี ระสิทธภิ าพ
- แนวทางการปฏริ ปู การเรียนการ และแบบทดสอบ ตามเกณฑ์ 80/80
สอน ตรวจสอบความ วดั ผลสัมฤทธิ์
- หลกั ชสน้ั ตู มรัธกยามรศกึ ษาขปั้นีทพ่ี น้ื5ฐาน เหมาะสม ทางการเรยี น เรอ่ื ง - ดัชนีประสิทธผิ ลตามเกณฑ์
พุทธศกั ราช 2551 กลมุํ สาระ ทดลองเสียงและการไดย๎ นิ
การเรียนรว๎ู ทิ ยาศาสตร์ คมูํ ือครู - ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นของ
หนังสือเรยี นเอกสารประกอบการ นักเรียน ม.5 นกั เรยี นกํอนเรียนและหลงั
สอนและการวัดผลประเมนิ ผล - รายบุคคล เรยี น
- ปัญหาของครูผลการเรียนรู๎ - กลุํมเล็ก การจดั การเรียนรูโ๎ ดยใชช๎ ดุ การ
วชิ าฟสิ ิกสเ์ พิม่ เติม 3 ของ - กลุํมใหญํ สอน เร่ืองเสยี งและการไดย๎ ิน
โรงเรยี นประสาธน์ราษฎรบ์ ารงุ วิชาฟิสิกสเ์ พ่มิ เติม 3

ภาพท่ี 2 กรอบแนวคิดการวิจัย - ความพงึ พอใจที่มตี ํอการจดั การ
เรียนรูโ๎ ดยใช๎ชุดการสอน เร่ืองเสยี ง
และ
การไดย๎ ินวิชาฟสิ ิกส์เพิ่มเติม 3

บทที่ 3

วธิ ดี าเนินการ

รายงานการพัฒนาการจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน เรื่อง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือ
พัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนช้ัน
มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรยี นประสาธน์ราษฎร์บารงุ ผวู๎ ิจัยไดด๎ าเนินการตามลาดบั ดังน้ี

1. หลกั การและแนวปฏิบตั ิ
2. ประชากรและกลมุํ ตัวอยาํ ง
3. เครื่องมือทใ่ี ชใ๎ นการพัฒนา
4. การสร๎างและหาคุณภาพเครื่องมือ
5. การเก็บรวบรวมขอ๎ มูล
6. การวิเคราะห์ข๎อมูล

1. หลักการและแนวปฏบิ ตั ิ

1.1 ศึกษาและวิเคราะหป์ ัญหาและจุดพฒั นาการเรยี นการสอน
1.2 ศึกษาหลักสตู ร เน้ือหาสาระ และเอกสารตาํ ง ๆ เพื่อตัดสนิ ใจในการนานวตั กรรมมา

ใช๎
1.3 แสวงหานวตั กรรมเพ่ือแก๎ปัญหาและพัฒนาการเรียนการสอน
1.4 ใชก๎ ารจัดการเรยี นร๎โู ดยใชช๎ ดุ การสอน รายวชิ าฟิสิกสเ์ พ่มิ เติม 3 เร่อื งเสยี งและการได๎
ยินในการแกป๎ ัญหาและพัฒนาคณุ ภาพการเรียนการสอนวิชาฟสิ ิกส์เพ่มิ เตมิ 3 ให๎ดกี วําเดิม

2. ประชากรและกล่มุ ตวั อย่าง

2.1 ประชากร

ประชากรทใี่ ชใ๎ นการวิจยั ครัง้ นี้ เป็นนักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปี
การศึกษา 2556 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎรบ์ ารงุ สงั กดั สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษา
เขต 12 จานวน 1 ห๎อง จานวน 30 คน

2.2 กลมุ่ ตัวอยา่ ง
กลํมุ ตวั อยํางทีใ่ ชใ๎ นการวจิ ยั ครั้งน้ี เปน็ นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรียนที่ 1 ปี
การศึกษา 2556 โรงเรยี นประสาธน์ราษฎร์บารุง สงั กดั สานกั งานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศึกษา
เขต 12 จานวน 1 ห๎อง จานวน 30 คน ไดม๎ าโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive
Sampling)

3. เครื่องมอื ท่ีใชใ้ นการศึกษา

3.1 เคร่ืองมือท่ีใช้ในการทดลอง ไดแ้ ก่
3.1.1 แผนการจดั การเรียนร๎ู หนํวยการเรียนรท๎ู ่ี 2 เรอื่ ง เสียงและการไดย๎ นิ

วิชาฟิสิกสเ์ พิ่มเติม 3 รหสั วชิ า ว 30203 จานวน 11 แผน เวลาเรยี น 22 ชั่วโมง
3.1.2 ชดุ การสอน เรื่องเสียงและการได๎ยนิ เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น

วชิ าฟิสิกส์เพ่ิมเติม รหสั วิชา ว 30203 ของนกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5 ทีผ่ ว๎ู ิจัยสรา๎ งขึน้ จานวน
9 ชดุ

3.2 เคร่อื งมอื ท่ใี ช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่
3.2.1 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกํอนเรียนและหลังเรียน แบบ

เลอื กตอบ ชนดิ 4 ตวั เลือก จานวน 30 ข๎อ จานวน 1 ฉบับ
3.2.2 แบบวัดความพึงพอใจที่มีตํอการจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎ชุดการสอน วิชา

ฟิสกิ สเ์ พิ่มเติม 3 เรอ่ื งเสียงและการได๎ยิน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่สร๎างขึ้น ซ่ึงเป็นแบบมาตร
ประมาณคาํ (rating scale) ชนดิ 5 ระดบั จานวน 10 ข๎อ

4. การสร้างและหาคณุ ภาพเคร่อื งมอื

ไดก๎ าหนดข้นั ตอนในการดาเนินการสร๎างและหาคุณภาพเคร่ืองมือ ในการพฒั นา
ตามลาดับ ดงั นี้

4.1 การสร้างและหาคุณภาพแผนการการจัดการเรยี นรู้

การสรา๎ งและหาคุณภาพแผนการจัดการเรยี นร๎ู เร่อื งเสยี งและการไดย๎ ิน ได๎ดาเนนิ การ
ตามขัน้ ตอน ดังนี้

4.1.1 ผูว๎ จิ ยั และนกั เรยี นรวํ มกันวเิ คราะห์สภาพปญั หาการจดั การเรียนการสอน
วิชาฟสิ กิ ส์เพิ่มเตมิ 3 เรอ่ื ง เสียงและการไดย๎ ิน

4.1.2 ศึกษาหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตร
สถานศึกษา คูํมือครู แบบเรียนฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 และเอกสารที่เก่ียวข๎อง
เพ่ือทาความเข๎าใจเก่ียวกับสาระการเรียนร๎ู มาตรฐานการเรียนรู๎และผลการเรียนรู๎ เทคนิคการสอน
รูปแบบการจัดการเรยี นรกู๎ ระบวนการจัดการเรยี นรู๎และการวดั ผลประเมินผล

4.1.3 จัดทาเป็นตารางหนํวยการเรียนรู๎ และตารางวิเคราะห์หนํวยการเรียนร๎ู
เพ่ือกาหนดสาระการเรียนรู๎ องค์ความรู๎ที่จาเป็น ทักษะและกิจกรรมท่ีสาคัญ ซึ่งผู๎วิจัยได๎นาข๎อมูล
จาก
การวิเคราะหห์ ลักสตู รมาจดั ทาหนํวยการเรียนรู๎ จานวน 4 หนวํ ย คอื หนํวยการเรียนรู๎ท่ี 1 เรื่อง
คลนื่ กล หนวํ ยการเรียนร๎ูท่ี 2 เร่อื ง เสียงและการไดย๎ ิน หนํวยการเรียนรู๎ท่ี 3 เร่ือง แสงและทัศน
อปุ กรณ์ หนวํ ยการเรยี นร๎ทู ี่ 4 เร่ือง แสงเชิงฟิสกิ ส์

4.1.4 ออกแบบการจัดการเรียนรู๎ หนํวยการเรียนร๎ูท่ี 2 เรื่องเสียงและการได๎
ยินเพื่อกาหนดเวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู๎ กาหนดกระบวนการ ส่ือ ผลงานของนักเรียน
และเคร่ืองมอื ประเมนิ ผล

4.1.5 จดั ทาแผนการจดั การเรยี นรู๎ หนํวยการเรียนร๎ทู ่ี 2 เรื่องเสียงและการได๎
ยินโดยแบํงเน้ือหายํอยตามลาดับ โดยให๎สอดคล๎องกับชุดการสอน ซึ่งมีทั้งหมด 11 แผน ใช๎เวลา
เรียนทงั้ หมด 22 ชัว่ โมง ดงั น้ี

แผนการจัดการเรยี นรู๎ท่ี 1 ธรรมชาติสมบตั ิของเสยี ง
แผนการจดั การเรียนรทู๎ ่ี 2 สมบัตกิ ารแทรกสอด การเลย้ี วเบนของเสียง
แผนการจัดการเรียนรู๎ที่ 3 อัตราเร็วของเสียงและการเคล่ือนที่ของเสียงผําน
ตัวกลาง
แผนการจัดการเรยี นรท๎ู ่ี 4 ความเข๎มเสยี งและระดับเสยี ง
แผนการจัดการเรียนร๎ทู ี่ 5 มลภาวะของเสยี งและหูกบั การไดย๎ ิน
แผนการจัดการเรียนรท๎ู ่ี 6 ระดับสงู ตา่ ของเสียงและคุณภาพเสยี ง
แผนการจดั การเรยี นรู๎ที่ 7 ความถี่ธรรมชาติและการสั่นพ๎องของเสียง
แผนการจัดการเรียนร๎ทู ี่ 8 การส่ันพ๎องของเสียงในอากาศ
แผนการจัดการเรียนรูท๎ ่ี 9 การบีตและคลืน่ นิง่ ของเสียง
แผนการจดั การเรียนรูท๎ ่ี 10 ปรากฏการณด์ อปเพลอรแ์ ละคล่นื กระแทก

แผนการจัดการเรยี นร๎ทู ่ี 11 การประยุกตค์ วามร๎ูเร่ืองเสียงและการไดย๎ นิ
4.1.6 สร๎างแบบประเมินแผนการจดั การเรียนรู๎ เพ่อื ให๎ผเ๎ู ชยี่ วชาญประเมนิ
คณุ ภาพแผนการจดั การเรียนร๎ู
4.1.7 สงํ แผนการจัดการเรียนรู๎ พรอ๎ มทั้งแบบประเมินให๎ผเู๎ ช่ียวชาญ จานวน
3 ทาํ นประเมนิ คณุ ภาพของแผน ซึ่งมรี ายการประเมนิ ในด๎านตําง ๆ ดงั น้ี
ด๎านสาระสาคัญ ประเมินความสอดคล๎อง กับจุดประสงค์การเรียนร๎ู เนื้อหา
สาระและสอดคล๎องกบั สื่อการเรียนร๎ู
ด๎านจุดประสงค์การเรียนรู๎ ประเมินวํา เป็นจุดประสงค์การเรียนร๎ูที่ประเมินความ
สอดคล๎องกับเน้ือหาสาระและสื่อการเรียนร๎ู ความสอดคล๎องกับกิจกรรมการเรียนรู๎และความ
สอดคล๎องกับการวัดและประเมนิ ผล
ดา๎ นเนือ้ หาสาระ ประเมนิ ความชัดเจน ความสอดคล๎องกับจุดประสงค์การเรียนรู๎
และความสอดคลอ๎ งกับกิจกรรมการเรียนร๎ู
ด๎านกิจกรรมการเรียนร๎ู ประเมินความครอบคลุมเนื้อหาสาระ การสนองตํอ
จุดประสงค์การเรยี นร๎ู และเป็นกจิ กรรมทเี่ นน๎ ผู๎เรียนเปน็ สาคญั
ด๎านส่ือและแหลํงเรียนร๎ู ประเมินความสอดคล๎องกับกิจกรรมการเรียนร๎ู ความ
สอดคลอ๎ งกับจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร๎ูและเน้อื หาสาระ
ดา๎ นการวัดและประเมินผล ประเมินความสอดคล๎องกับจุดประสงค์การเรียนรู๎ มี
วธิ กี ารวัดผล เครอื่ งมอื และเกณฑท์ ีช่ ดั เจน ท้ังนไี้ ด๎กาหนดเกณฑ์การประเมินแบบมาตราสํวนประเมิน
คํา (Rating scale) 5 ระดับ และมีคาถามปลายเปิดเพ่ือให๎ผ๎ูเช่ียวชาญให๎คาแนะนาและให๎
ข๎อเสนอแนะ
ผลการประเมินของผเู๎ ชี่ยวชาญ พบวํา คุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู๎ หนํวย
การเรยี นร๎ทู ี่ 2 เรือ่ ง เสียงและการได๎ยนิ วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 จากการประเมิน
โดยผ๎ูเชี่ยวชาญ ภาพรวมเฉล่ียอยูํในระดับดี ( X = 4.39, S.D. = 0.50) เมื่อพิจารณาเป็นรายด๎าน
พบวาํ คณุ ภาพดา๎ นสาระสาคญั มีระดบั คณุ ภาพสงู สุด ( X = 4.70, S.D. = 0.49) และด๎านกิจกรรมการ
เรยี นร๎ูมีระดับคุณภาพตา่ สุด ( X = 4.25, S.D. = 0.47)
4.1.7 ปรับปรุงแผนการจัดการเรียนร๎ู ตามคาแนะนาของผ๎ูเชี่ยวชาญ เชํน
จุดประสงค์การเรียนร๎ูควรให๎ครอบคลุมทุกด๎าน กิจกรรมการเรียนร๎ูควรมีความหลากหลาย การวัด
และประเมนิ ผลควรสอดคลอ๎ งกับจดุ ประสงค์การเรียนรู๎
4.1.8 นาแผนการจดั การเรยี นรไ๎ู ปใช๎ในการทดลองสอน เพ่อื หาประสทิ ธิภาพ
ของ
แผนการจัดการเรยี นรู๎ โดยใช๎วธิ ีสอนแบบการสืบเสาะหาความร๎ู ขน้ั กลุมํ ยํอย และขนั้ ภาคสนาม

4.1.9 นาข๎อมลู และปญั หาจากการทดลองใช๎มาปรบั ปรงุ แผนการจัดการเรยี นร๎ู
กอํ นที่จะนาไปใช๎กับกลุํมตัวอยําง

4.1.10 จัดพมิ พแ์ ผนการจัดการเรียนรู๎ ฉบับสมบูรณ์ จานวน 11 แผน
4.1.1 เมอ่ื การดาเนินการครบทกุ กระบวนการ จงึ นาแผนการจดั การเรยี นร๎ูไปใช๎
เป็นคํมู ือประกอบการจัดการเรียนการสอนกบั นักเรียนกลุํมตัวอยาํ ง คือ นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5
ภาคเรยี นที่ 1
ปีการศึกษา 2556 ของโรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง จานวน 30 คน

4.2. การสร้างและหาคุณภาพชุดการสอน

การสร๎างและหาคณุ ภาพชุดการสอน เร่ือง เสียงและการไดย๎ นิ เพอ่ื พฒั นาผลสมั ฤทธิ์
ทาง
การเรียน วชิ าฟสิ ิกสเ์ พ่ิมเตมิ 3 รหัสวชิ าว 30203 ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์
บารุง ผูว๎ จิ ัยดาเนนิ การ ดงั น้ี

4.2.1 ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี เทคนิค วิธีการสร๎างและพัฒนาชุดการสอนด๎วย
เอกสารท่เี ก่ยี วข๎อง เพือ่ นามาเปน็ แนวทางในการสร๎าง

4.2.2 ดาเนินการสร๎างและพัฒนาชุดการสอน วิชาฟิสกิ ส์เพม่ิ เติม 3 ของ
นกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ผวู๎ จิ ัยดาเนินการตามข้นั ตอนโดยการวิเคราะห์หลักสูตรกลํมุ สาระการ
เรยี นรว๎ู ิทยาศาสตร์ โดยวเิ คราะห์

4.2.2.1 วิเคราะหค์ วามสมั พันธ์ของมาตรฐานการเรยี นร๎ูเพ่ือกาหนดผลการ
เรียนร๎ู ของวิชาฟสิ ิกส์เพม่ิ เติม 3

4.2.2.2 กาหนดสาระการเรียนร๎ขู องวชิ าฟสิ กิ สเ์ พมิ่ เตมิ 3 รหสั วิชา ว 30203
ทส่ี อดคล๎องกบั มาตรฐานการเรียนรูแ๎ ละผลการเรียนรู๎

4.2.2.3 วิเคราะห์สาระการเรยี นรู๎ทเี่ กย่ี วข๎องเพือ่ จัดทาชดุ การสอน
4.1.2.4 กาหนดเค๎าโครงเรอ่ื งโดยการกาหนดเนอื้ เรื่องเป็นสวํ น ๆ ดงั นี้
ชดุ การสอนที่ 1 ธรรมชาติสมบัตขิ องเสียง
ชดุ การสอนที่ 2 อตั ราเรว็ ของเสยี งและการเคลอ่ื นทข่ี องเสียงผํานตวั กลาง
ชุดการสอนที่ 3 ความเข๎มเสยี งและระดบั เสียง
ชุดการสอนท่ี 4 มลภาวะของเสียงและหกู ับการได๎ยนิ
ชุดการสอนท่ี 5 ระดบั สงู ตา่ ของเสียงและคุณภาพเสยี ง
ชดุ การสอนท่ี 6 ความถธ่ี รรมชาตแิ ละการสนั่ พอ๎ งของเสียง

ชุดการสอนท่ี 7 การบตี และคลน่ื นิง่ ของเสยี ง
ชดุ การสอนท่ี 8 ปรากฏการณด์ อปเพลอร์และคลื่นกระแทก
ชุดการสอนท่ี 9 การประยุกต์ความรเู๎ รอื่ งเสยี งและการไดย๎ ิน
4.2.2.5 ศึกษาขอ๎ มูลของเรื่องที่เก่ียวข๎องกับเร่ืองที่กาหนดไว๎ในเค๎าโครงเรื่อง
โดยการศกึ ษาจากตารา เอกสารตาํ ง ๆ สื่ออิเล็กทรอนกิ ส์ สอบถามจากผ๎ูรห๎ู รือผ๎ูท่ีเกี่ยวขอ๎ ง
4.2.2.6 นาข๎อมูลท่ีได๎ท้ังหมดมาสังเคราะห์ โดยการรวบรวม เรียบเรียง
เน้ือหากาหนดภาพประกอบให๎สอดคล๎องกับเน้ือหา และจุดประสงค์การเรียนรู๎ท่ีได๎กาหนดไว๎โดย
พจิ ารณาถงึ ความเหมาะสมกับประสบการณ์และวัยของนักเรียน
4.2.2.7 จดั ทาหนงั สอื จาลอง (Dummy) โดยนารายละเอยี ดท่ีจะจดั ทาเปน็
หนงั สอื ท้ังหมดมากาหนดโดยการเขียนและสร๎างภาพรํางครําว ๆ ลงไปตัง้ แตหํ น๎าปกถึงหน๎าสดุ ทา๎ ย
4.2.2.8 จดั ทารูปเลํม (Format) เปน็ การทาหนังสือฉบับจริง ไดแ๎ กํ การ
จดั ทารายละเอียดของข๎อมลู ท้ังหมด การจัดวางภาพประกอบ สาหรับรูปเลํมของเอกสารเปน็ ขนาด
กระดาษ A4 แนวตง้ั

4.3 การสร้างแบบประเมินคุณภาพชดุ การสอนสาหรับผู้เชีย่ วชาญ

การสร๎างแบบประเมินคุณภาพชุดการสอนสาหรับผู๎เชี่ยวชาญ ผู๎วิจัยได๎ดาเนินการสร๎าง
ตามขน้ั ตอน ดังนี้

4.3.1 ศึกษาเอกสารท่ีเก่ียวข๎องกับการสร๎างแบบประเมินชุดการสอน โดย
พิจารณาเกี่ยวกับด๎านลักษณะรูปเลํม การจัดภาพประกอบ เนื้อหาสาระ ภาษา ด๎านประโยชน์ท่ี
ได๎รับ ข๎อบกพรอํ งของเอกสารและข๎อเสนอแนะเพ่ิมเติม จานวน 24 ข๎อ ตามแบบมาตราลิคเคอร์ท
(Likert’s Scaling) ซึ่งเป็นการวัดความคิดเห็นหรือวัดความพึงพอใจของบุคคลท่ีมีตํอส่ิงใดส่ิงหนึ่ง
โดยใชม๎ าตราสวํ นประมาณคําสาหรับระดับความคิดเห็นตํอชุดการสอน 5 อันดับ โดยผู๎ตอบจะต๎อง
เลือกตอบแบบมาตราสวํ นอยาํ งใดอยํางหน่งึ และกาหนดนา้ หนกั ไว๎ดังนี้

กรณีท่แี บบประเมนิ ความหมายทางนิมาน (Positive) ให๎คะแนนดงั น้ี
ดมี าก ให๎ 5 คะแนน
ดี ให๎ 4 คะแนน
ปานกลาง ให๎ 3 คะแนน
พอใช๎ ให๎ 2 คะแนน
ปรบั ปรงุ ให๎ 1 คะแนน

กรณที ่แี บบประเมินมคี วามหมายทางนเิ สธ (Negative) ใหค๎ ะแนนดังนี้

ดมี าก ให๎ 5 คะแนน
ดี ให๎ 4 คะแนน
ปานกลาง ให๎ 3 คะแนน
พอใช๎ ให๎ 2 คะแนน
ปรบั ปรุง ให๎ 1 คะแนน(นิคม ทาแดง และคณะ,
2540 : 232)
4.3.2 นาแบบประเมนิ ไปปรึกษาผู๎เชีย่ วชาญด๎านการศึกษา จานวน 3 ทาํ น
เพือ่ ตรวจพจิ ารณาแบบประเมินคณุ ภาพชุดการสอน ให๎ครอบคลุมประเดน็ ท่ีตอ๎ งการ แลว๎ นา
ข๎อบกพรํองมาแก๎ไข

4.4 การทดสอบคณุ ภาพชดุ การสอน

การทดสอบคุณภาพชุดการสอน เร่ืองเสียงและการได๎ยิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรยี น วชิ าฟิสิกสเ์ พิม่ เตมิ 3 ของนักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง เพ่ือให๎
มีคุณภาพกอํ นนาไปใชจ๎ ริง โดยผู๎วิจยั ดาเนนิ การดงั นี้

4.4.1 นาชุดการสอนฉบบั ราํ ง (Draft) ทีส่ รา๎ งข้ึนเสนอผู๎เชยี่ วชาญ 3 ทาํ น ดงั น้ี

1) ดร.อนุมัติ เดชนะ อาจารย์ประจาภาควิชาฟสิ ิกส์

มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สงขลา

2) นายสชุ าติ ศิริคา ครู ชานาญการพเิ ศษ วชิ าฟิสิกส์

กลํุมสาระวทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนทงุํ สง

3) ดร.ไกรเดช ไกรสกลุ อาจารยป์ ระจาภาควิชาการบริหาร

นวตั กรรม เพ่ือการพฒั นา

มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏนครศรีธรรมราช

ผู๎เช่ียวชาญไดต๎ รวจสอบและประเมินคุณภาพของชุดการสอน โดยใช๎เกณฑ์การ

ประเมนิ แบบมาตราสํวนประมาณคํา (Rating scale) 5 ระดับ โดยคุณภาพของชุดการสอนทสี่ รา๎ งขึน้

ตอ๎ งมีคาํ เฉลี่ยตั้งแตํ 3.50 ข้นึ ไป สิง่ ทปี่ ระเมิน ไดแ๎ กํ

ด๎านลักษณะรูปเลํม รายการประเมิน ได๎แกํ รูปเลํมภายนอกนําอําน รูปเลํม

เอกสารมีลักษณะเหมาะสมและดึงดูดนําสนใจ การจัดหน๎าสวยงามอํานได๎สะดวก การเข๎าเลํมและ

เยบ็ เลมํ มีความคงทน เอกสารสามารถอาํ นได๎สะดวก

ด๎านการจัดภาพประกอบ รายการประเมิน ได๎แกํ ภาพปกมีความสวยงาม
ชัดเจน นําสนใจ ภาพปกสามารถส่ือความหมายมีความสัมพันธ์กับเร่ือง ภาพประกอบแตํละตอนมี
ความชัดเจน สวยงาม สีสันดึงดูดความสนใจ ภาพประกอบมีความสัมพันธ์กับเน้ือเรื่องแตํละตอน
ลกั ษณะภาพมีความเหมาะสมกับวยั ผูอ๎ ําน

ด๎านลักษณะรูปเลํม รายการประเมิน ได๎แกํ เน้ือเร่ืองมีความเหมาะสมกับวัย
และประสบการณ์ของนักเรียน เน้ือหามีความสัมพันธ์กับเนื้อเรื่อง เนื้อหามีความสมบูรณ์ถูกต๎อง
เน้ือหามีลาดับขั้นตอนตํอเนื่อง ไมํขาดตอนหรือสับสน ความยาวของเนื้อหาในแตํละตอนมีความ
เหมาะสม วิธกี ารเรยี บเรยี งทาให๎ผูอ๎ ํานเกดิ ความนาํ สนใจ

ด๎านภาษา รายการประเมิน ได๎แกํ ใช๎ภาษาและคาศัพท์เหมาะสมกับระดับ
ความรู๎ของนักเรียน การใช๎ภาษามีความถูกต๎อง ชัดเจน เข๎าใจงําย ตัวอักษรมีความเป็นระเบียบ
ขนาดของตัวอักษรมีความเหมาะสมและมีความชดั เจน

ด๎านประโยชน์ท่ีได๎รับ รายการประเมิน ได๎แกํ สามารถให๎ความร๎ูเกี่ยวกับการ
ดารงชีวิตประจาวัน มีสํวนชํวยให๎นักเรียนจัดการกับชีวิตของตนเองได๎ดีข้ึน มีสํวนชํวยให๎นักเรียน
เขา๎ ใจและดแู ลราํ งกายได๎ดีขึน้ มีสวํ นชํวยใหน๎ กั เรยี นใช๎ชีวิตอยใูํ นสังคมไดอ๎ ยํางมีความสุข

4.4.2 ผลจากการประเมินของผ๎เู ชี่ยวชาญ พบวํา คุณภาพของชุดการสอน เรอ่ื ง
เสียงและการไดย๎ นิ เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น วชิ าฟิสกิ ส์เพิ่มเตมิ 3 ของนักเรยี น ช้นั
มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎรบ์ ารุง ภาพรวมเฉล่ียอยูํในระดับดี ( X = 4.42, S.D. =
0.60) เม่ือพิจารณาเป็นรายด๎าน พบวาํ คุณภาพด๎านประโยชนท์ ไี่ ดร๎ บั มรี ะดบั คุณภาพสูงสดุ ( X =
4.59, S.D. = 0.50) และดา๎ นเนือ้ หาสาระมีระดบั คุณภาพตา่ สุด ( X = 4.29, S.D. = 0.66)

4.4.3 ผู๎เช่ียวชาญแนะนามาวําควรจะมีภาพประกอบ และกิจกรรมฝึกปฏิบัติ
ด๎วย เพราะวิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 เป็นวิชาที่มีเนื้อหายาก ควรจะมีภาพประกอบในแตํละเรื่องเพ่ือ
กระต๎นุ ให๎นกั เรียนเกดิ ความสนใจ และมํุงเน๎นการฝึกปฏิบัติเพ่ือนักเรียนจะได๎เกิดทักษะกระบวนการ
ตาํ ง ๆ และนาไปปรบั ปรุงตามคาแนะนา

4.4.4 หาประสทิ ธิภาพของชุดการสอน เร่อื งเสียงและการได๎ยนิ เพ่ือพฒั นา
ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟสิ กิ สเ์ พ่ิมเติม 3 ของนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรียนประสาธน์
ราษฎรบ์ ารุง โดยมขี น้ั ตอนดังน้ี

1) นาชุดการสอนท่ีปรับปรุงแก๎ไขเรยี บรอ๎ ยแลว๎ ไปทดลองกับนักเรยี นรายบุคคล
เป็น
การทดลองแบบหน่งึ ตํอหน่งึ โดยการเลือกนักเรยี นเกงํ ปานกลาง และอํอน รวมจานวน 3 คน
เป็นการทดลองกบั นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎร์บารุง ภาคเรียนท่ี 1 ปี
การศึกษา 2555 ระยะเวลาท่ีใช๎ทดลองคร้งั ละ 1 ช่ัวโมง ในการทดลอง ผ๎วู จิ ยั ช้ีแจงวัตถปุ ระสงค์

ใหน๎ กั เรยี นเข๎าใจ โดยนาชุดการสอนไปใช๎กับนกั เรยี น เพ่ือหาข๎อบกพรํองดา๎ นความเหมาะสมดา๎ น
ภาษา เวลา เนอ้ื หา และขอ๎ บกพรํองตําง ๆ แล๎วนามาปรับปรุงแก๎ไขอีกคร้ังหน่งึ ซึ่งปรากฏวําชุด
การสอน มีประสิทธภิ าพ เทํากบั 72.96/71.11ผ๎ูวจิ ยั นามาปรบั ปรุงแก๎ไขตามข๎อสังเกตแลว๎ นาไปใช๎
ทดสอบกบั กลุมํ เลก็ ตอํ ไป

2) นาชุดการสอนท่ีปรับปรุงแก๎ไขแล๎ว ไปหาประสิทธิภาพกับนักเรียนกลุํมเล็ก
เป็นการทดลองกบั นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง ภาคเรียนท่ี 1 ปี
การศึกษา 2555 จานวน 10 คน ซ่ึงไมํใชํกลุํมตัวอยํางและกลุํมเดิมที่ถูกเลือก ซ่ึงเป็นนักเรียนที่
เรียนอยํูในระดับอํอน ปานกลาง และเกํง อัตราสํวน 3 : 4 : 3 โดยกํอนการทดลองได๎สร๎าง
ความค๎ุนเคยกับนักเรียน ให๎นักเรียนเข๎าใจวําตนเองเป็นผู๎ชํวยเหลือในการปรับปรุงแก๎ไขชุดการสอน
ในคร้ังน้ี โดยใช๎เวลาในการทดลองวันละ 1 ช่ัวโมง เพื่อหาข๎อบกพรํองด๎านความเหมาะสมของ
ภาษา เวลา เนือ้ หา และข๎อบกพรํองตําง ๆ แล๎วนามาปรับปรุงแก๎ไขอีกคร้ังหนึ่ง ปรากฏวําชุดการ
สอน มีประสิทธิภาพ เทํากับ 76.88/76.00 ผู๎วิจัยนามาปรับปรุงแก๎ไขตามข๎อสังเกตแล๎วนาไปใช๎
ทดสอบภาคสนามตํอไป

3) นาชดุ การสอนทป่ี รบั ปรงุ แก๎ไขแล๎ว ไปหาประสิทธิภาพกับนักเรียนภาคสนาม
เป็นการทดลองกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง ภาคเรียนที่ 1 ปี
การศึกษา 2555 จานวน 30 คน ซึ่งไมํใชํกลุํมตัวอยํางและกลุํมเดิมท่ีถูกเลือก เพื่อหาข๎อบกพรํอง
ด๎านความเหมาะสมของภาษา เวลา เนื้อหา และข๎อบกพรํองตําง ๆ แล๎วนามาปรับปรุงแก๎ไข
ปรากฏวําชดุ การสอน มีประสิทธิภาพ เทํากับ 82.14/81.11 ผู๎วิจัยนามาปรับปรุงแก๎ไขตามข๎อสังเกต
แล๎วนาชุดการสอน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 ไปใช๎จริงกับกลํุมตัวอยํางท่ีศึกษาคือนักเรียนชั้น
มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎรบ์ ารุง

4) นาชุดการสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ไปใช๎กับกลํุมตัวอยํางนักเรียนโรงเรียน
ประสาธน์ราษฎร์บารุง ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2556 จานวน 30 คน เพื่อหาประสิทธิภาพ
ของชดุ การสอน (E1/E2) ตามเกณฑม์ าตรฐานตํอไป

4.5 การสรา้ งและหาคุณภาพแบบทดสอบผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน
การสร๎างและหาคุณภาพแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพื่อใช๎ประเมิน
ประสทิ ธภิ าพของชดุ การสอน จึงไดท๎ าการสรา๎ งแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน แบบทดสอบ
มที ัง้ หมด 30 ข๎อ เป็นแบบปรนยั ชนิดเลือกตอบแบบ 4 ตัวเลือก โดยให๎เลือกคาตอบท่ีถูกท่ีสุด ใช๎
เวลาในการสอบ 30 นาที เกณฑ์การให๎คะแนนแตํละข๎อคือ ถ๎าตอบถูกให๎ 1 คะแนน ถ๎าตอบผิด
หรอื ไมํตอบหรือตอบเกนิ ให๎ 0 คะแนน โดยมีขน้ั ตอนการสร๎างและหาคุณภาพแบบทดสอบดงั นี้

4.5.1 ศกึ ษาแนวคิด ทฤษฎี วิธีการสร๎างแบบทดสอบ ศึกษาเอกสารหลักสูตร
คํูมือครู คํูมือการวัดผลและประเมินผลกลํุมสาระการเรียนรู๎วิทยาศาสตร์ ศึกษาเทคนิคการสร๎าง
แบบทดสอบปรนยั ชนดิ เลอื กตอบ ไดแ๎ กํ วิธีการตัง้ คาถามและการเขยี นตัวเลอื ก

4.5.2 วิเคราะห์เน้ือหาสาระ จุดประสงค์การเรียนรู๎ และผลการเรียนรู๎ เพ่ือ
วางแผนการสร๎างแบบทดสอบให๎สอดคล๎องกับเนื้อหาท่ีต๎องการวัดตามวัตถุประสงค์ และผลการ
เรียนรู๎

4.5.3 สรา๎ งตารางการวิเคราะหข์ ๎อสอบ (ภาคผนวก ข หน๎า )
4.5.4 สร๎างแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน จานวน 50 ข๎อ และนา
แบบทดสอบทส่ี ร๎างข้นึ เสนอตํอผเ๎ู ช่ียวชาญ จานวน 3 ทาํ น ผ๎ูเชยี่ วชาญตรวจสอบความเที่ยงตรง
เชงิ เนื้อหาและหาคําดัชนคี วามสอดคล๎องระหวาํ งขอ๎ ทดสอบกับจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู๎ (Item-
Objective Congruence Index) หรือ IOC โดยจดั ทาตารางวิเคราะหใ์ หผ๎ เ๎ู ชี่ยวชาญตรวจสอบ
(ภาคผนวก ข หนา๎ ) กาหนดการใหค๎ ะแนน ดงั นี้
ใหค๎ ะแนน +1 เมื่อแนใํ จวาํ ข๎อสอบข๎อน้ันวดั ไดต๎ รงตามจุดประสงค์
ใหค๎ ะแนน 0 เมื่อไมแํ นํใจวําข๎อสอบขอ๎ น้นั วัดได๎ตรงตามจุดประสงค์
ให๎คะแนน -1 เม่ือแนใํ จวําขอ๎ สอบขอ๎ น้ันวดั ไดไ๎ มํตรงตามจุดประสงค์
(เกษม สาหรํายทพิ ย์, 2540 : 194)
4.5.4 นาผลการประเมินคําดัชนีความสอดคล๎อง (IOC) ของผู๎เช่ียวชาญจานวน
3 ทําน มาหาคําเฉลยี่ เป็นรายขอ๎ คําดชั นีความสอดคล๎องท่ียอมรับได๎ ต๎องมีคําต้ังแตํ 0.50 ข้ึนไป
(บญุ เชิด ภญิ โญอนันตพงษ์, 2527 : 68-69)
4.5.5 นาแบบทดสอบท่ีปรับปรุงแก๎ไขแล๎ว จานวน 50 ข๎อ ไปทดลองใช๎กับ
นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555
จานวน 30 คน
4.5.6 นากระดาษคาตอบของนักเรียนมาตรวจให๎คะแนน แล๎วนาผลการ
ตรวจสอบมาหาคาํ ความยากงําย (p) และคําอานาจจาแนก (r) ของแบบทดสอบเป็นรายข๎อ ผ๎ูวิจัย
ไดใ๎ ชเ๎ ทคนิค 33 % (ล๎วน สายยศ และองั คณา สายยศ, 2538 : 210-211) ตามข้นั ตอน ดังน้ี
จะไดน๎ กั เรยี นกลํมุ สูงและกลํมุ ต่า หลังการวิเคราะหข์ ๎อมูลแล๎ว ได๎แบบทดสอบท่ี
มีคําความยากงําย (p) ระหวําง 0.20-0.80 และมีคําอานาจจาแนก (r) ตั้งแตํ 0.20 ข้ึนไป
จานวน 30 ขอ๎
1) เรยี งคะแนนผลการสอบของนักเรียนแตํละคนจากสูงไปหาต่า

2) แยกนักเรียนท่ีได๎คะแนนสูงออกมาเป็นจานวน 33 % นักเรียนกลุํมน้ี
เรียกวํา กลํุมสูง และแยกนักเรียนท่ีได๎คะแนนน๎อยออกมาเชํนเดียวกัน เรียกวํา กลุํมต่า กลุํมละ
10 คน

3) นาผลท่ไี ด๎มาวิเคราะหเ์ พอ่ื หาความยากงาํ ยของข๎อสอบ
4) แบบทดสอบท่คี ดั เลือกไว๎มีคาํ ความยากงาํ ย (p) อยํรู ะหวาํ ง 0.20-0.8
และมีคําอานาจจาแนก (r) ตง้ั แตํ 0.20 ขนึ้ ไป คัดเลอื กไดจ๎ านวน 30 ขอ๎
4.5.7 หาคําความเช่ือมนั่ ของแบบทดสอบทงั้ ฉบบั จานวน 30 ขอ๎ โดยใช๎สูตร
KR-20 (Kuder-Richardson Formula 20) ของคูเดอรร์ ิชารด์ สัน (Kuder-Richardson) ไดค๎ าํ
ความเช่ือมั่นของแบบทดสอบทง้ั ฉบบั คิดเป็น 0.96 ซึ่งสามารถสรุปไดว๎ าํ มีคําความเช่ือมัน่ อยํูใน
เกณฑ์มาตรฐาน สามารถนาไปใชไ๎ ด๎
4.5.8 นาแบบทดสอบผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น จานวน 30 ขอ๎ ไปใช๎จรงิ กบั
กลํมุ ตวั อยําง จานวน 30 คน ของโรงเรยี นประสาธน์ราษฎร์บารุง เพอื่ การวิเคราะห์และทดสอบ
สมมตฐิ านตอํ ไป

4.6 การสรา้ งแบบวัดความพงึ พอใจ

การสร๎างและทดสอบประสิทธิภาพของแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตํอการ
จดั การเรยี นร๎ูโดยใช๎ชุดการสอนเร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3
ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง ท่ีผู๎วิจัยได๎สร๎างขึ้นมี
ข้นั ตอน ดังน้ี

4.6.1 ผว๎ู จิ ัยได๎สรา๎ งแบบสอบถามแบบวัดความพึงพอใจทม่ี ตี อํ การจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎ชุด
การสอนวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 จานวน 15 ข๎อ แบบมาตราลิคเคิร์ท (Likert’s Scaling) ซึ่งเป็น
การวัดความคดิ เหน็ หรือวดั ความพงึ พอใจของบุคคลทมี่ ีตอํ ส่งิ ใดสงิ่ หนึง่ โดยใชม๎ าตราสํวนประมาณคํา
สาหรับระดับความคิดเห็นตํอการจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพื่อพัฒนา
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียน
ประสาธน์ราษฎร์บารุง 5 อันดับ คือ ดีมาก ดี ปานกลาง พอใช๎ และปรับปรุง โดยผู๎ตอบ
จะต๎องเลอื กตอบแบบมาตราสํวนอยาํ งใดอยํางหนง่ึ และกาหนดน้าหนกั ไวด๎ ังน้ี

กรณีทแ่ี บบวัดมคี วามหมายทางนมิ าน (Positive) ใหค๎ ะแนนดังนี้
ดีมาก ให๎ 5 คะแนน
ดี ให๎ 4 คะแนน
ปานกลาง ให๎ 3 คะแนน

พอใช๎ ให๎ 2 คะแนน
ปรับปรงุ ให๎ 1 คะแนน
กรณที ี่แบบวดั มีความหมายทางนเิ สธ (Negative) ใหค๎ ะแนนดงั น้ี
ดีมาก ให๎ 5 คะแนน
ดี ให๎ 4 คะแนน
ปานกลาง ให๎ 3 คะแนน
พอใช๎ ให๎ 2 คะแนน
ปรบั ปรุง ให๎ 1 คะแนน
ซึ่งผู๎วิจัยได๎สร๎างข้ึนจานวน 15 ข๎อ แล๎วนาไปหาคุณภาพ (นิคม ทาแดง และคณะ,
2540 : 232)
4.6.2 หาคําความเที่ยงตรงตามเน้ือหา โดยนาแบบวัดความพึงพอใจเสนอ
ผู๎เชี่ยวชาญด๎านการวัดผลประเมินผลรวม 3 ทําน เพื่อแสดงความคิดเห็นและให๎คะแนนเพื่อไปหา
ดชั นคี วามสอดคลอ๎ ง
4.6.3 เลือกแบบสอบถามที่มีดัชนีความสอดคล๎องระหวํางแบบวัดกับกรอบ
เน้อื หาท่ีถาม ต้ังแตํ 0.5 ข้ึนไป ได๎แบบสอบถามท่ีมีคําความสอดคล๎องระหวําง 0.67-1.00 จานวน
10 ข๎อ เพอื่ ใช๎เป็นแบบสอบถามสาหรับกลมุํ ตัวอยําง
4.6.4 นาแบบวัดความพงึ พอใจทีม่ คี ํา IOC ผํานเกณฑ์ไปทดลองใชก๎ ับนักเรียน
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎร์บารงุ อาเภอถา้ พรรณรา จงั หวดั นครศรีธรรมราช
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2555 ทไ่ี ดศ๎ ึกษาชดุ การสอนแลว๎ จานวน 30 คน
4.6.5 นาคะแนนท่ีได๎จากการวัดความพึงพอใจท่ีมีตํอชุดการสอน มาหาความ
เช่ือม่ันโดยวิธีหาสัมประสทิ ธ์ิแอลฟาสูตร ครอนบัค (Cronbach) (ล๎วน สายยศ และอังคณา สาย
ยศ, 2538 : 200)
4.6.6 ได๎แบบวัดความพึงพอใจท่ีมีตํอการจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน เรื่อง
เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 ของนักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง ท่ีมีคําความเช่ือมั่นเทํากับ 0.86 (ภาคผนวก
หน๎า )

5. การเก็บรวบรวมข้อมูล

การทดลองใช๎และศกึ ษาผลการทดลอง ผ๎รู ายงานได๎ทดลองด๎วยตนเองท้งั หมดโดยมี
ขัน้ ตอนวธิ ีการตามลาดับดังนี้

5.1 แบบแผนในการทดลอง
ในการวิจัยครง้ั นเี้ ปน็ การวิจัยเชงิ ทดลอง แบบกลํมุ ทดลองเดยี ววัด วัดผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรยี นกอํ นและหลงั (One-Group Pretest-Posttest Design) (พิสณุ ฟองศรี, 2551 : 69)

O1 X O2

O1 หมายถงึ การวัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนกํอนการทดลองใชก๎ ารจัดการเรยี นร๎ูโดย
ใช๎

ชดุ การสอน รายวิชาฟสิ ิกสเ์ พ่ิมเติม 3 เร่ืองเสียงและการได๎ยนิ
X หมายถงึ การทดลองใช๎การจดั การเรียนรู๎โดยใชช๎ ดุ การสอน รายวิชาฟิสิกส์
เพิ่มเติม 3

เรอ่ื งเสยี งและการไดย๎ นิ
O2 หมายถึง การวัดผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นหลังการทดลองใช๎การจดั การเรยี นรู๎โดย
ใช๎

ชดุ การสอน รายวิชาฟสิ กิ ส์เพ่ิมเตมิ 3 เรื่องเสยี งและการได๎ยนิ
O1 และ O2 วดั ด๎วยแบบทดสอบชุดเดยี วกัน
5.2 วิธีดาเนนิ การทดลอง

5.2.1 ใหน๎ ักเรยี นกลํมุ ตัวอยํางทาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนเร่ือง
เสยี งและการได๎ยนิ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5 กํอนใช๎ชุดการสอน (Pre - test) ตรวจผลการสอบและเก็บ
คะแนนของแตลํ ะคนไว๎

5.2.2 ให๎นักเรยี นทาชดุ การสอนจนครบตามเวลาทีก่ าหนดไว๎และทดสอบทุกครง้ั
ท่ี
นักเรียนได๎ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมของชดุ การสอนแตลํ ะชุดเก็บคะแนนไว๎

5.2.3 ใหน๎ กั เรยี นทาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนหลังใช๎ชดุ การสอน
อีกครั้ง
หนง่ึ (Post - test) ตรวจผลการสอบและเก็บคะแนนของนักเรยี นแตํละคนไว๎

5.2.4 นาคะแนน (Pre - test) คะแนนสอบในกระบวนการทดลอง และคะแนน
(Post - test) มาวเิ คราะหท์ างสถติ ิ

6. สถิตใิ นการวิเคราะหข์ อ้ มูล

6.1 สถติ ิพืน้ ฐาน

6.1.1. ใช๎ X หาคําเฉล่ียของคะแนนผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นและคะแนน
ความพึงพอใจของนกั เรยี นที่มีตํอชดุ การสอน ซ่ึงมสี ตู ร ดังน้ี (กระทรวงศึกษาธิการ, 2550 : 345)

X = X
เมื่อ X n
= คะแนนเฉลี่ย

X = ผลรวมของคะแนนทั้งหมด

N = จานวนข้อมูลท้ังหมด

6.1.2 ใช๎ S.D. หาคําเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
และคะแนนความพึงพอใจของนกั เรียนท่มี ีตํอการจดั การเรยี นรูโ๎ ดยใช๎ชุดการสอน ซง่ึ ใชส๎ ูตรดงั น้ี
( กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2550 : 346)

S.D. = nX2  X2
nn -1

เมอื่ S.D. = คาํ ความเบยี่ งเบนมาตรฐานของคะแนน
X2 = ผลรวมของคะแนนแตํละตัวยกกาลังสอง
 X2 = ผลรวมของคะแนนทั้งหมดยกกาลังสอง
N = จานวนนักเรียน

6.1.3 คะแนนเฉล่ีย แทนดว๎ ยอักษร  โดยคานวณจากสูตร ดังน้ี (ลว๎ น

สายยศ และองั คณา สายยศ, 2543 : 306)

คะแนนเฉล่ีย = X
เมอื่ N
 = คะแนนเฉลีย่

X = ผลรวมของคะแนนทั้งหมด

N = จานวนข๎อมูล (นักเรียน

ท้ังหมด)

6.1.4 สํวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แทนด๎วยอักษร  โดยคานวณจากสตู ร ดังนี้

(ลว๎ น สายยศ และองั คณา สายยศ, 2543 : 306)

สวํ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน  = (X  )2
N
เม่อื  = สํวนเบ่ียงเบนมาตรฐาน
 = คะแนนเฉล่ีย

N = จานวนข๎อมูล (นักเรียนท้งั หมด)
X = คะแนนของนักเรยี นแตลํ ะคนท่ไี ด๎

6.2 สถติ หิ าคณุ ภาพเครอื่ งมือ
6.2.1 ใช๎ IOC หาคําความเหมาะสมชุดการสอน และเคร่ืองมือจากการพิจารณา

ของผู๎เชี่ยวชาญ โดยใชส๎ ตู ร ดงั น้ี (กระทรวงศึกษาธิการ, 2550 : 323)

สูตร IOC  R
N

เมอ่ื IOC = ดัชนีความสอดคล๎องระหวํางข๎อสอบกับผลการ
เรียนรู๎

R = ผลรวมของคะแนนของผูเ๎ ชยี่ วชาญ

N = จานวนผู้เชี่ยวชาญ

R = คะแนนของผู้เช่ียวชาญ

6.2.2 หาคําความเช่ือม่ันของแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช๎

สูตร KR-20 จากสตู รของคูเดอร์ รีชารด์ สัน สูตรท่ี 20 (Kuder-Richardson20 หรอื KR-20)

คานวณจากสตู ร ดังน้ี

(ณฎั ฐพงษ์ เจริญพิทย์, 2542 : 228)

rtt = n n 1 1  S2ptq 
 
 

เมื่อ rtt = ความเชอื่ มั่นของแบบทดสอบ

n = จานวนข๎อสอบของแบบทดสอบ

p = สัดสวํ นของคนทาถูกในแตลํ ะข๎อ = จานวนคนที่ทาถกู

จานวนคน

ทงั้ หมด

q = สดั สํวนของคนทาผิดในข๎อหนึง่ ๆ = 1- p
S2t = คะแนนความแปรปรวนของแบบทดสอบทง้ั ฉบับ

6.2.3 ใช๎คํา p , r หาคาํ ความยากงํายและคําอานาจจาแนกของแบบทดสอบ

3.2 ใช๎ (r) หาคําอานาจจาแนกของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ซึ่งมีสูตรดังน้ี (กรม

วชิ าการ, 2545 : 86)

r Ru RL
N

เมอ่ื r = อานาจจาแนก
Ru = จานวนผทู๎ ่ีตอบถกู แตํละข๎อในกลุมํ สูง
RL = จานวนผู๎ท่ีตอบถูกแตํละขอ๎ ในกลุํมตา่
N= จานวนคนในกลุํมตัวอยํางท้งั หมด

6.2.4 ใช๎ (p) หาคําความยากของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ซ่ึง

มสี ตู รดงั น้ี (กรมวิชาการ, 2545 : 85)

p R
N
เม่ือ p = ความยาก

R = จานวนนักเรยี นท่ตี อบขอ๎ สอบถูกตอ๎ ง

N = จานวนผู้สอบท้ังหมด

6.3 สถิติหาคุณภาพนวตั กรรม
6.3.1 หาประสทิ ธิภาพของชุดการสอน สถิตทิ ่ีใชว๎ ิเคราะห์ประสิทธภิ าพของชุด

การสอนตามเกณฑ์มาตรฐาน E1/E2 โดยคานวณจากสูตร ดังนี้ (ชัยยงค์ พรหมวงศ์, 2537 : 491)

X
N
สตู ร E1  A 100

เม่อื E1 = คําประสิทธิภาพของกระบวนการคิดเป็นร๎อยละ

แบบทดสอบ ของคะแนนท่นี ักเรยี นไดร๎ ับโดยเฉลยี่ จากการทา

X = ผลรวมของคะแนนทีไ่ ด๎จากการวดั ระหวาํ งเรียน
N = จานวนผเู๎ รยี น
A = คะแนนเตม็ จากการวดั ระหวาํ งเรียน

Y
N
สตู ร E2  B 100

เมอ่ื E2 = คาํ ประสิทธภิ าพของผลลพั ธค์ ิดเป็นร๎อยละของ

คะแนนที่นกั เรียนได๎รับจากการสดสอบหลังเรยี น

 Y = ผลรวมของคะแนนท่ไี ด๎จากการทดสอบหลังเรียน

N = จานวนผ๎ูเรยี น

B = คะแนนเต็มของการสอบหลังเรยี น

6.3.2 ใช๎ E.I หาคําดัชนีประสิทธิผลของชุดการสอน (The Effectiveness
Index : E.I.) ใช๎วิธีของ กูดแมน, เฟรสเชอร์ และชไนเดอร์ (Goodman, Fletchers and
Schneider) (บุญชม ศรีสะอาด และคณะ, 2549 : 102) ดงั น้ี

กํอนเรียน E.I = คะแนนรวมจากแบบทดสอบหลังเรียน-คะแนนรวมจากแบบทดสอบ
กํอนเรยี น ผลคูณของคะแนนเต็มกับจานวนคน-คะแนนรวมจากแบบทดสอบ

เม่อื E.I = ดัชนปี ระสิทธผิ ล

6.4 สถติ อิ ้างอิง (ทดสอบสมมตฐิ าน)
6.4.1 ใช๎ (t-Test) แบบไมํอิสระเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนกํอนและ

หลงั เรียนโดยใช๎ชดุ การสอน ซึง่ มสี ูตร ดงั นี้ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2550 : 346)

t D

nD2  D2
n-1

เม่ือ D = ผลต่างระหว่างคะแนนแต่ละคู่
D2 = ผลรวมทั้งหมดของผลต่างระหว่างคะแนนแต่ละ

คู่

D2 = ผลรวมทั้งหมดของผลต่างระหว่างคะแนนแต่ละ

คู่ยกกาลังสอง

N = จานวนกลุ่มตัวอย่างหรือจานวนคู่

บทท่ี 4

ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล

การวิเคราะห์ข๎อมลู จากการวจิ ัย เรื่อง การพฒั นาการจดั การเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน
เรื่อง เสยี งและการไดย๎ นิ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น วิชาฟิสิกสเ์ พ่ิมเติม 3 รหัสวชิ าว 30203 ของ
นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎรบ์ ารุง ผู๎วจิ ยั ได๎นาเสนอผลการวเิ คราะห์
ข๎อมูลตามลาดับ ดังนี้

1. สัญลักษณ์ท่ีใชใ๎ นการวิเคราะห์
2. ลาดับขัน้ ในการเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ๎ มูล
3. ผลการวิเคราะห์ขอ๎ มูล

1. สัญลักษณ์ท่ีใชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมลู

การนาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ๎ มูล ผู๎วจิ ยั กาหนดความหมายของสัญลักษณ์การวิเคราะห์
ขอ๎ มูล ดงั น้ี

N คอื จานวนนกั เรียนกลุมํ ตัวอยาํ ง
 คอื คําคะแนนเฉลีย่ ของประชากร
 คือ คาํ เบีย่ งเบนมาตรฐานคะแนนของประชากร
X คอื คําเฉล่ีย
S.D. คือ คาํ เบยี่ งเบนมาตรฐาน
E1 คอื ประสิทธภิ าพของกระบวนการ
E2 คอื ประสิทธภิ าพของผลลัพธ์
t คือ คําทใ่ี ช๎พจิ ารณา (t-test Distribution)

2. ลาดบั ขน้ั ตอนการวเิ คราะหข์ ้อมูล

การวิเคราะห์ข๎อมูลและการแปลผลการวิเคราะห์ข๎อมูลในการทดลองคร้ังน้ีผ๎ูวิจัยเสนอ
ตามลาดบั ดังนี้

ตอนที่ 1 การหาประสิทธิภาพของชุดการสอน เรื่อง เสียงและการได๎ยิน เพื่อพัฒนา
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี
5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎรบ์ ารงุ

ตอนท่ี 2 การวิเคราะห์หาดัชนีประสทิ ธผิ ลของนกั เรียนชุดการสอน เรอ่ื ง เสียงและ
การได๎ยิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของ
นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 โรงเรยี นประสาธน์ราษฎร์บารุง

ตอนท่ี 3 การวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกตํางของคะแนนจากการทดสอบวัด
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกํอนและหลังการจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎ชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน
เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้น
มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง

ตอนที่ 4 การวิเคราะห์หาคําเฉล่ียระดับความคิดเห็นจากการวัดความพึงพอใจของ
นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุงท่ีมีตํอการจัดการเรียนรู๎โดยชุดการสอน เรื่อง

เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203
ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎร์บารุง

3. ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู

ตอนท่ี 1 การหาประสิทธิภาพของชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนา
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่
5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎร์บารุง ตามเกณฑ์ 80/80

ผู๎วิจัยได๎วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนา
ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน วชิ าฟสิ ิกส์เพ่มิ เติม 3 รหัสวชิ า ว 30203 ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง ได๎มาจากคะแนนเฉล่ียของการทาแบบทดสอบหลังเรียนรายหนํวย
กับคะแนนเฉล่ียของการทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน โดยมีรายละเอียดแสดงดังตาราง
ท่ี 6

ตารางท่ี 6 แสดงผลการวเิ คราะหห์ าประสทิ ธภิ าพของชดุ การสอน เร่ือง เสยี งและการไดย๎ นิ
เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น วชิ าฟสิ ิกส์เพม่ิ เติม 3 รหัสวิชา ว 30203 กบั
นักเรยี นกลมุํ ตัวอยําง โรงเรียนประสาธนร์ าษฎร์บารงุ จานวน 30 คน

ชดุ การสอนที่/เร่ือง คะแนนเต็ม เฉลยี่ ร๎อยละ

ชุดการสอนท่ี 1 ธรรมชาติสมบัติของเสยี ง 10 8.20 82.00

ชุดการสอนท่ี 2 อัตราเร็วของเสียงและการเคล่ือนท่ีของ 10 8.30 83.00

เสียงผาํ นตวั กลาง

ชุดการสอนท่ี 3 ความเข๎มเสยี งและระดับเสยี ง 10 8.40 84.00
ชุดการสอนที่ 4 มลภาวะของเสียงและหกู บั การได๎ยิน 10 8.43 84.30
ชดุ การสอนท่ี 5 ระดับสงู ตา่ ของเสยี งและคุณภาพเสียง 10 8.33 83.30
ชุดการสอนท่ี 6 ความถธี่ รรมชาตแิ ละการสนั่ พ๎องของ 10 8.57 85.70

เสยี ง 10 8.10 81.00
ชดุ การสอนที่ 7 การบีตและคลื่นนิง่ ของเสียง 10 8.40 84.00
ชดุ การสอนที่ 8 ปรากฏการณด์ อปเพลอรแ์ ละคล่ืน
10 8.30 83.00
กระแทก
ชดุ การสอนท่ี 9 การประยกุ ตค์ วามรูเ๎ ร่ืองเสียงและ 90 75.03 83.36
30 24.70 82.67
การไดย๎ นิ
ประสทิ ธภิ าพกระบวนการ (E1)
ประสิทธภิ าพกระบวนการ (E2)

จากตารางที่ 6 พบวําคําประสิทธิภาพของชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพื่อ
พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียน ช้ัน
มัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง ตามเกณฑ์ 80/80 มีคําเป็น 83.36/82.67
แสดงวําชุดการสอนที่สรา๎ งข้นึ มปี ระสิทธิภาพสูงกวําท่กี าหนดไว๎

ตอนท่ี 2 การวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิผลของคะแนนจากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนกํอนและหลังการจัดการเรียนร๎ู โดยใช๎ชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือ
พัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้น
มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎร์บารุง ดงั ตารางท่ี 7

ตารางท่ี 7 แสดงคําดัชนีประสิทธิผลทางการเรยี น ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรียนท่ี 1
ปกี ารศึกษา 2556 โรงเรยี นประสาธน์ราษฎรบ์ ารุง โดยใชช๎ ุดการสอน
เรอื่ งเสยี งและการไดย๎ ิน (คะแนนเต็ม 30 คะแนน)

รายการ N X คําดชั นี
ผลการทดสอบกํอนเรยี น 30 9.00 270 ประสทิ ธิผล
ผลการทดสอบหลังเรียน
30 24.70 741 0.7476

จากตารางที่ 7 พบวํา ดชั นปี ระสทิ ธผิ ลทางการเรยี นของชดุ การสอน เร่ืองเสยี งและ
การได๎ยนิ วชิ าฟสิ กิ ส์เพิม่ เตมิ 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียน
ประสาธน์ราษฎรบ์ ารงุ มคี ําเทํากับ 0.7476 แสดงวําหลังการใช๎นกั เรียนมคี ะแนนเพิม่ ขนึ้ คดิ เป็น
รอ๎ ยละ 74.76

ตอนท่ี 3 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกตํางของคะแนนจากการทดสอบวัด
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกํอนและหลังการจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎ชุดการสอน เรื่อง เสียงและการได๎ยิน
เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้น
มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎร์บารงุ ดังตารางที่ 8

ตารางท่ี 8 แสดงการเปรยี บเทยี บผลสัมฤทธิท์ างการเรียนกอํ นและหลงั การใช๎ชุดการสอน
เรื่อง เสียงและการได๎ยิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3
รหัสวชิ า ว 30203 ของนักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5
โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎรบ์ ารุง

คะแนน คาํ เฉล่ยี N D (D)2 D2 t



กอํ นการเรียน 9.00 2.75

หลังการเรียน 30 471 221,841 7,484 49.0114
24.70 1.56

* คํา t มนี ัยสาคญั ทางสถิติที่ระดับ .05 (df 29 = 2.0423)

จากตารางที่ 8 พบวํา คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกํอนและหลังการเรียนด๎วย
ชุดการสอน เรื่อง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3
รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง โดยคําเฉล่ีย
หลงั เรยี นด๎วยชดุ การสอนสงู กวํากํอนเรียน และมคี าํ แตกตาํ งกันอยํางมนี ยั สาคญั ทางสถิติท่รี ะดับ .05

ตอนที่ 4 ผลการวเิ คราะห์หาคําเฉลยี่ ระดบั ความคิดเห็นจากการวัดความพึงพอใจที่มีตํอ
การจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎ชุดการสอน เรื่อง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
วชิ าฟิสกิ สเ์ พม่ิ เติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง ดัง
ตารางท่ี 9

ตารางที่ 9 แสดงคาํ เฉลย่ี (  ) คําเบ่ียงเบนมาตรฐาน ( ) เกย่ี วกบั ความพงึ พอใจของนกั เรียน
ที่มีตํอการจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน เรื่อง เสียงและการได๎ยิน เพื่อพัฒนา
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้น
มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎรบ์ ารงุ

รายการที่ประเมิน   ระดับความ

1. การเรียนดว๎ ยชดุ การสอนเป็นสอื่ การสอนท่นี ําสนใจ พึงพอใจ
2. การปฏบิ ัติกิจกรรมชวํ ยให๎เขา๎ ใจบทเรียนได๎ยิง่ ดีขนึ้ 4.67 0.48 พอใจมากที่สดุ
3. นักเรยี นมคี วามกระตือรอื รน๎ ในการเรียนร๎ู 4.40 0.56 พอใจมาก
4. ชุดการสอนทาให๎นกั เรียนเข๎าใจในเนื้อหาสาระได๎เร็วกวํา 4.57 0.50 พอใจมากที่สุด

หนังสอื เรยี น 4.60 0.50 พอใจมากทสี่ ุด
5. นกั เรยี นทราบผลการเรยี นรู๎ของตนเองและของกลุมํ ทันที 4.43 0.63 พอใจมาก
6. นกั เรียนไดฝ๎ กึ การตัดสินใจด๎วยตนเองและฝึกความซื่อสัตย์
4.33 0.51 พอใจมาก
การทางาน
7. ภาษา รปู ภาพประกอบในชดุ การสอนเหมาะสมกับเนื้อหาอาํ น 4.37 0.56 พอใจมาก

เข๎าใจงาํ ยเหมาะสมกับเวลาเรียน 4.47 0.63 พอใจมาก
8. ครูช้แี จงกจิ กรรมการเรยี นรูใ๎ หน๎ ักเรียนเข๎าใจอยํางชัดเจนมกี าร
4.70 0.47 พอใจมาก
คละความสามารถอยาํ งเหมาะสมและดแู ลนักเรียนอยํางท่วั ถึง 4.53 0.51 พอใจมากที่สดุ
9. นักเรียนมคี วามสุขกบั การเรียน กิจกรรมนําสนใจมีความ 4.51 0.21 พอใจมากทส่ี ุด

หลากหลาย และนกั เรยี นมสี ํวนรวํ มในการทากจิ กรรมรํวมกัน
10. ชุดการสอนนี้สามารถชวํ ยเพ่ิมผลสมั ฤทธ์ิได๎

รวม

จากตารางท่ี 9 พบวํา นักเรียนมีความพึงพอใจท่ีมีตํอการจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎ชุดการสอน เร่ือง
เสียงและการได๎ยิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203
ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง ภาพรวมเฉล่ียอยํูในระดับพอใจ
มากท่ีสุด (  = 4.51 ,  = 0.21)

เมอื่ พิจารณาเปน็ รายดา๎ น พบวํา นักเรียนมีความสุขกับการเรียน กิจกรรมนําสนใจมีความ
หลากหลายและนักเรียนมีสํวนรํวมในการทากิจกรรมรํวมกัน (  = 4.70 ,  = 0.47 ) และนักเรียน
มีความพึงพอใจดา๎ นนักเรียนไดฝ๎ กึ การตัดสินใจได๎ด๎วยตนเองและฝึกความซ่ือสัตย์การทางานน๎อยที่สุด
(  = 4.33 ,  = 0.55)

บทท่ี 5
สรุป อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยปฏิบัติการในช้ันเรียน เพ่ือสร๎างและพัฒนาชุดการสอน เรื่อง
เสียงและการได๎ยิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203
ของนักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎรบ์ ารงุ ผว๎ู จิ ยั ไดส๎ รปุ ผลการวิจยั ดังนี้

วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจัย

1. เพือ่ สรา๎ งและหาประสิทธิภาพของชุดการสอน เรื่อง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนา
ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น วชิ าฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียน
ประสาธน์ราษฎร์บารงุ ให๎มีประสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80

2. เพ่ือศึกษาดชั นีประสทิ ธิผลของชุดการสอน เรอ่ื งเสียงและการไดย๎ ิน วชิ าฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3
รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง ตามเกณฑ์
ดชั นีประสทิ ธิผล

3. เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกํอนและหลังการจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน
เรื่อง เสียงและการได๎ยนิ เพอื่ พัฒนาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน วิชาฟิสิกสเ์ พมิ่ เติม 3 รหัสวชิ า
ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง

4. เพอ่ื วัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตํอชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือ
พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎรบ์ ารงุ

สมมตฐิ านของการวิจยั

1. ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นของการจดั การเรยี นรู๎โดยใชช๎ ุดการสอน เรอื่ ง เสียงและการได๎
ยิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนช้ัน
มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎร์บารุง หลังเรียนสูงกวํากํอนเรยี น

ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง

ประชากรและกลํุมตัวอยํางที่ใช๎ในการวิจัยในครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนประสาธนร์ าษฎรบ์ ารุง จังหวัดนครศรีธรรมราช ประจาภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2556
ใช๎เป็นประชากรและกลํมุ ตวั อยาํ ง จานวน 30 คน

ระยะเวลาทใ่ี ช้ในการวิจัย

ระยะเวลาทใ่ี ช๎ในการวิจัย ดาเนินการในภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2556 ระหวํางวันที่
13 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 ถึงวันท่ี 18 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2556 โดยใช๎เวลาในการวิจัย
ทง้ั หมด จานวน 22 ช่วั โมง รวมเวลาทดสอบกอํ นเรียนและหลังเรียน

เคร่อื งมือท่ใี ช้ในการวิจยั

เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้ในการวจิ ัยครัง้ นป้ี ระกอบดว้ ย
1. ชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์
เพ่ิมเติม 3 ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง ที่ผู๎วิจัยสร๎างข้ึน
จานวน 9 เลมํ ใชเ๎ วลาในการสอน 22 ชัว่ โมง
2. แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น จานวน 30 ขอ๎
3. แบบประเมินนวตั กรรม ชุดการสอน จานวน 24 ขอ๎
4. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรยี น จานวน 10 ขอ๎
5. แผนการจัดการเรียนรู๎ วิชาฟิสิกส์เพม่ิ เติม 3 หนํวยการเรียนร๎ทู ่ี 2 เร่ือง เสยี งและ
การได๎ยนิ จานวน 11 แผน เวลาเรียน 22 ช่วั โมง
6. แบบประเมินแผนการจัดการเรยี นร๎ู จานวน 21 ข๎อ

วิธีดาเนินการวิจยั

การจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5
โรงเรียนประสาธน์ราษฎรบ์ ารุง ผู๎วิจัยไดด๎ าเนินการตามข้นั ตอน ดังตํอไปน้ี

1. นาแบบประเมินคุณภาพของแผนการจัดการเรียนร๎ู พร๎อมแผนการจัดการเรียนร๎ู
และแบบประเมินคุณภาพของชุดการสอน พร๎อมชุดการสอน เรื่อง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนา
ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียน
ประสาธน์ราษฎร์บารุง ให๎ผู๎เช่ียวชาญจานวน 3 ทําน ประเมินคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู๎
และคุณภาพของของชุดการสอน

2. นาผลทไ่ี ดม๎ าวเิ คราะห์หาคาํ เฉลยี่ และคําเบ่ียงเบนมาตรฐาน เพื่อทราบระดับคุณภาพ
ของแผนการจัดการเรียนรู๎ และคุณภาพของชุดการสอน การจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎ชุดการสอน เรื่อง
เสียงและการได๎ยิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203
ของนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎรบ์ ารงุ จากการประเมนิ ของผู๎เชย่ี วชาญ

3. ทดสอบกํอนเรียน (Pre - test) โดยใช๎แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
นักเรียนทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3
รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง แบบ
เลือกตอบ 4 ตวั เลอื ก จานวน 30 ข๎อ ใชเ๎ วลา 30 นาที เกบ็ ขอ๎ มลู ผลการทดสอบกํอนเรียนไว๎เพ่ือ
การวเิ คราะห์

4. ดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนร๎ู เรื่อง เสียงและ
การได๎ยิน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียน
ประสาธน์ราษฎร์บารุง เป็นรายช่ัวโมง เม่ือจบการเรียนในชุดการสอนแตํละเลํม มีการทดสอบหลังเรียน และ
บันทึกขอ๎ มลู ไว๎เพ่ือ การวเิ คราะห์หาคาํ ประสทิ ธิภาพของกระบวนการ E1

5. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น (Post - test) โดยใช๎แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรยี นชดุ เดิม คอื จานวน 30 ขอ๎ ใช๎เวลา 30 นาที

6. ตรวจกระดาษคาตอบจากการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน และนามา
วิเคราะห์ข๎อมูลเปรียบเทียบกับผลการทดสอบกํอนเรียน โดยหาคําเฉลี่ย ( X ) ดัชนีประสิทธิผลและ
ทดสอบคํา t – test

7. รวบรวมข๎อมูลจากการทดสอบหลังเรียน เม่ือจบการสอนแตํละเลํมไว๎ เพ่ือวิเคราะห์
หาประสิทธิภาพของกระบวนการของการจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎ชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน
เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้น
มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎร์บารุง

8. วเิ คราะห์หาประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) จากผลการทดสอบหลังเรยี น
9. นักเรียนตอบแบบประเมินความพึงพอใจที่มีตํอการจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน
เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของ

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง แล๎วนาผลมาวิเคราะห์หาคําเฉล่ีย
เพ่อื ทราบความพงึ พอใจของนักเรยี น

การวเิ คราะห์ขอ้ มลู

การวิเคราะห์ข๎อมลู จากการทดลองและผลการประเมนิ ดงั น้ี
1. หาคําเฉล่ีย และคําเบ่ียงเบนมาตรฐานของคุณภาพชุดการสอน และคุณภาพของ
แผนการจัดการเรียนรู๎ การจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน เรื่อง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนา
ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียน
ประสาธน์ราษฎรบ์ ารงุ จากการประเมนิ ของผู๎เชี่ยวชาญ
2. หาคําประสิทธิภาพของการจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎ชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน
เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎรบ์ ารุง ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 โดยใช๎สถติ ริ อ๎ ยละ
3. หาคําดชั นีประสิทธิผลของการจดั การเรยี นรู๎โดยใช๎ชุดการสอน เรอื่ ง เสียงและการได๎ยิน
เพือ่ พฒั นาผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น วชิ าฟสิ กิ สเ์ พ่มิ เตมิ 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรยี นชน้ั
มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎร์บารุง โดยใชเ๎ กณฑด์ ชั นีประสทิ ธผิ ล
4. วิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกตํางของคะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
ระหวําง กํอนและหลังการจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนา
ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียน
ประสาธน์ราษฎรบ์ ารุง โดยการทดสอบคาํ t – test
5. วิเคราะห์ระดับความพึงพอใจท่ีมีตํอการจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน เร่ือง เสียง
และการได๎ยิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของ
นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง โดยใช๎คําเฉลี่ยและคําเบี่ยงเบน
มาตรฐาน

สถติ ิทใี่ ชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มลู

ผว๎ู ิจยั ได๎ใช๎สถิติในการวเิ คราะห์ขอ๎ มูล ดังน้ี
1. สถติ พิ ้ืนฐาน ได๎แกํ คาํ เฉลี่ย คําเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ร๎อยละของคําเฉลยี่

2. สถิติที่ใช๎หาคุณภาพของเคร่ืองมือ ได๎แกํ การหาคําดัชนีความสอดคล๎อง หาคําอานาจ
จาแนก หาคาํ ความยากงําย และหาคาํ ความเชอ่ื มน่ั ของแบบทดสอบ

3. สถิติสาหรับทดสอบสมมติฐาน ใช๎คําสถิติ t-test แบบ Dependent sample และ
สถิติทีใ่ ชห๎ าคาํ ประสทิ ธภิ าพ (E1/E2)

สรุปผลการวจิ ยั

1. ชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชา
ฟสิ ิกสเ์ พมิ่ เตมิ 3 ของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง มีประสิทธิภาพ
ตามเกณฑ์ 80/80 โดยมีประสิทธิภาพ 83.36/82.67 มีประสิทธิภาพสูงกวําเกณฑ์ ทั้งน้ีเป็นไปตาม
วัตถุประสงคข์ องการวิจยั ขอ๎ 1

2. ผลการหาคําดัชนีประสิทธิผลการเรียนรู๎ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียน
โดยใช๎ชุดการสอนท่ีสร๎างขึ้น พบวํา ดัชนีประสิทธิผลทางการเรียนของการจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎ชุด
การสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัส
วิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง มีคําเทํากับ
0.7476 แสดงวําหลังการใช๎นักเรียนมีคะแนนเพิ่มขึ้นคิดเป็นร๎อยละ 74.76 ทั้งน้ีเป็นไปตาม
วตั ถุประสงคข์ องการวิจยั ข๎อ 2

3. ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของการจัดการเรียนรโู๎ ดยใชช๎ ุดการสอน เรอ่ื ง เสียงและการได๎
ยนิ เพือ่ พัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง ท่ีเรียนโดยใช๎ชุดการสอนหลังเรียนสูงกวํากํอน
เรยี น และแตกตาํ งกันอยํางมีนยั สาคญั ทางสถติ ทิ รี่ ะดบั .01 ซง่ึ แสดงวําชดุ การสอน เร่ือง เสียงและ
การไดย๎ นิ เพือ่ พัฒนาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน ที่สร๎างข้ึนทาให๎นักเรียนมีความร๎ูความเข๎าใจในเนื้อหา
ท้งั น้ีเป็นไปตามวตั ถุประสงคข์ องการวิจัยข๎อ 3

4. ความพึงพอใจของการจัดการเรยี นรโ๎ู ดยใช๎ชุดการสอน เรื่อง เสียงและการได๎ยิน เพื่อ
พัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง มีระดับความพึงพอใจโดยสรุปอยํูในระดับพอใจมากที่สุด มีคําเฉล่ีย
เทํากบั 4.51 ท้งั น้เี ป็นไปตามวัตถุประสงคข์ องการวจิ ยั ข๎อ 4

อภปิ รายผล

จากผลการวิจัยในครั้งนี้ปรากฏวํา การจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎ชุดการสอน เร่ือง เสียงและ
การได๎ยิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของ
นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง มีประเดน็ ทนี่ ําสนใจ ควรนาไปสํู
การอภิปราย ดังน้ี

1. จากการวิจัยพบวํา ชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง มีคุณภาพอยํูในระดับดี ซึ่งเป็นผลจากการประเมินโดยผู๎เช่ียวชาญ
และมคี าํ ประสิทธภิ าพของชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน ท่ีสร๎างข้ึนเทํากับ 83.36/82.67 ซ่ึง
เม่ือเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 แล๎วพบวําสูงกวําเกณฑ์มาตรฐานท่ีตั้งไว๎ ซึ่งสอดคล๎องกับผล
การศึกษาของอาไพ แกํนค๎างพลู (2552 : บทคัดยํอ) ได๎รายงานผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนกํอนและหลังใช๎ชุดการสอนเสียงและการประยุกต์ใช๎ รายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 4 (ว
40204) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนยางชุมน๎อยพิทยาคม ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2552
จานวน 2 ห๎องเรียนนักเรียน จานวน 87 คน ผลการศึกษาพบวํา ชุดการสอนเสียงและการ
ประยุกต์ใช๎ที่สร๎างขึ้นมีประสิทธิภาพเทํากับ 81.95/80.06 นอกจากน้ียังสอดคล๎องกับ งานวิจัย
ของ สมใจ โพธ์ิศรี (2556 : บทคัดยํอ) ได๎รายงานการใช๎ชุดการเรียน หนํวยการเรียนร๎ู เสียง รายวิชา
ฟิสิกส์ ว32202 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 รํวมกับการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความร๎ู (5E)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5/1 จานวน 44 คน ปีการศึกษา 2555 โรงเรียนศรีสงคราม
วิทยา อาเภอวังสะพุง จังหวัดเลย สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 ผล
การศึกษาพบวํา ประสิทธิภาพของชุดการเรียน หนํวยการเรียนรู๎ เสียง รายวิชาฟิสิกส์ ว32202
ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 รวํ มกบั การจัดการเรยี นการสอนแบบสืบเสาะหาความรู๎ (5E) มีประสิทธิภาพ
สงู กวาํ เกณฑ์ท่กี าหนดไว๎ 75 / 75 การทีช่ ุดการสอน เร่อื ง เสยี งและการได๎ยิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียน
ประสาธนร์ าษฎร์บารงุ ที่สร๎างข้ึนท่ีประสิทธิภาพสูงกวําเกณฑ์ที่ต้ังไว๎อาจเป็นเพราะสาเหตุ ดังตํอไปน้ี

1.1 มกี ารศกึ ษากลมํุ เป้าหมายในดา๎ นจิตวิทยา วุฒภิ าวะและวยั ของผ๎ูเรียนเป็นสาคัญ
เพราะผ๎ูเรียนในแตํละระดับยํอมมีความต๎องการแตกตํางกัน ท้ังในด๎านเนื้อหา การใช๎ภาษา
ภาพประกอบ และขนาดตวั อกั ษรที่ใชใ๎ นชดุ การสอน

1.2 มีการกาหนดเน้ือหาท่ีถูกต๎องและเหมาะสม คือ มีเน้ือหาสาระตามที่หลักสูตร
กาหนด มคี วามเท่ียงตรงของขอ๎ มูลทนี่ าเสนอ มีความชัดเจนทันสมัยเป็นปัจจุบัน ไมํกากวมสับสนหรือ
เบ่ียงเบนข๎อเท็จจริง สํวนความเหมาะสม ได๎แกํ ความยากงํายของเน้ือหาสาระ โดยพิจารณาถึงด๎าน
วยั วฒุ ิ ประสบการณแ์ ละพื้นฐานของผู๎เรียนเปน็ สาคัญ

1.3 การใช๎ภาษา มีการเรียบเรียงถ๎อยคา ท่ีอํานงํายและเข๎าใจได๎รวดเร็ว ซึ่งเป็น
เทคนคิ สาคญั ในการเสนอเนอ้ื หาในชุดการสอน โดยได๎คานึงถึงรูปแบบที่สั้นกะทัดรัดแตํได๎ใจความ ไมํ
มีคาขยายท่ที าใหเ๎ ย่ินเย๎อโดยไมํจาเปน็ มีการเวน๎ วรรคตอน การยํอหนา๎ ทถ่ี กู ต๎องตามหลกั การเขียน

1.4 มเี ทคนคิ การนาเสนอ ต๎องมีความนาํ สนใจ เร๎าใจ ชวนให๎ติดตามใครํร๎ูใครํศึกษา
ตอํ ไป มีขอ๎ มลู ที่อัดแนํนจนเกินไป มีการสรา๎ งบรรยากาศของความเปน็ กนั เองระหวํางผ๎ูเขียนกับผ๎ูเรียน
เป็นการส่ือสารระหวํางผ๎ูสํงสารกับผ๎ูรับสารในเชิงการพูดคุยเสมือนตัวหนังสือมีวิญญาณ มีการใช๎
ภาพประกอบการนาเสนอ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ชํวยเร๎าความสนใจและเพ่ิมความเข๎าใจในเน้ือหาท่ีเป็น
นามธรรมได๎อยํางชัดเจน

1.5 มีเทคนิคการใช๎คาถามนาที่กระต๎ุนความคิดของผ๎ูเรียน เพ่ือนาไปสูํการค๎นหา
คาตอบในเนื้อหาจะทาให๎ผู๎เรียนเข๎าใจส่ิงท่ีตนกาลังศึกษามากข้ึน การมีกิจกรรม แบบฝึกหัด แบบ
ประเมินผลและเฉลยล๎วนเป็นส่ิงจาเป็นท่ีจะชํวยให๎การใช๎ชุดการสอนบรรลุจุ ดประสงค์ได๎เป็นอยํางดี
ซง่ึ สอดคล๎องกับสวุ ิทย์ มูลคา และสนุ ันทา สนุ ทรประเสรฐิ (2550 : 42)

1.6 มีการผลิตชุดการสอนตามหลักเกณฑ์ และมีการพัฒนาอยํางเป็นข้ันตอน คือ
ผาํ นการตรวจสอบและประเมินโดยผู๎เชี่ยวชาญ ในสาขาตําง ๆ นอกจากน้ียังได๎ผํานการทดลองใช๎ 3
ครง้ั คือ ทดลองใชก๎ ับนกั เรยี นหน่ึงตอํ หน่งึ กลมํุ เล็ก 10 คน และกลํุมใหญํ 30 คน และนาข๎อบกพรํอง
มาปรบั ปรงุ แกไ๎ ขกํอนนาไปทดลองใช๎กับกลุํมตวั อยาํ ง

2. ดัชนีประสิทธิผลทางการเรียนของการจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎ชุดการสอน เร่ือง เสียงและ
การได๎ยิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง มีคําเทํากับ 0.7476 แสดงวําหลัง
การใช๎ชุดการสอนวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 เรื่องเสียงและการได๎ยิน นักเรียนมีคะแนนเพิ่มขึ้นคิดเป็น
ร๎อยละ 74.76 เป็นผลเน่ืองมาจาก ชุดการสอนท่ีผู๎วิจัยสร๎างขึ้นได๎ผํานกระบวนการขั้นตอนการ
จัดทาอยํางมีระบบและวิธีการท่ีเหมาะสม โดยเริ่มตั้งแตํศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข๎องตําง ๆ เน้ือหา
เทคนิควธิ ีการสรา๎ งจากตาราท่ีเกยี่ วขอ๎ ง เพ่อื เป็นแนวทางและผํานกระบวนการตรวจแก๎ไขข๎อบกพรํองจาก
ผู๎มีเช่ยี วชาญ ผาํ นการทดลองการใช๎ แล๎วนาผลการทดลองแตํละคร้ังไปปรับปรุงแก๎ไขให๎สมบูรณ์กํอน
นาไปทดลองจริง รวมทั้งภายในชุดการสอนท่ีสร๎างข้ึนประกอบด๎วยแผนการจัดการเรียนร๎ูท่ีกาหนดกิจกรรม
การเรียนการสอนให๎สัมพันธ์สอดคล๎องสํงเสริมซึ่งกันและกันโดยคานึงถึงความเหมาะสมของเน้ือหาและสื่อ
การสอน ผู๎เรียนได๎เรียนรู๎จากส่ิงท่ีเป็นรูปธรรมไปสูํนามธรรมทาให๎เกิดการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม
ทางการเรียนเป็นไปอยํางมีประสิทธิภาพ และในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเน๎นการยึดผ๎ูเรียนเป็น
สาคัญให๎เด็กได๎ปฏิบัติจริงเพ่ือให๎เกิดการเรียนร๎ูด๎วยตนเอง นอกจากน้ียังสอดคล๎องกับ รุํงอรุณ ถา
วาปี (2555 : บทคัดยํอ) ได๎ทาการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาชุดการเรียนรู๎ เร่ืองการเคลื่อนท่ี วิชา
ฟิสิกส์พื้นฐาน ว31101 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนโพธิแสนวิทยา อาเภอกุสุมาลย์ จังหวัด

สกลนคร จานวน 2 ห๎องเรียน ๆ ละ 30 คน แบํงเป็น 2 กลํุม กลุํมทดลองได๎รับการสอนโดยใช๎ชุดการ
สอน และกลุํมควบคุมได๎รับการสอนแบบปกติ ภายหลังการสอนได๎นาผลการใช๎ชุดการสอน ผลการวิจัย
พบวํา ดชั นีประสทิ ธผิ ลของการเรยี นรู๎ เม่อื เรียนโดยใชช๎ ดุ การเรยี นรู๎ เทํากับ 0.7399 แสดงวํา นักเรียน
มคี วามก๎าวหน๎าในการเรยี นรูเ๎ พม่ิ ข้ึน คิดเป็นรอ๎ ยละ 73.99 สงู กวําเกณฑ์ 50 หรอื อยํใู นระดับดี

3. จากการวิจัยพบวํา ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังการจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน
เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของ
นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง สูงกวํากํอนการใช๎ อยํางมีนัยสาคัญ
ทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว๎ ซึ่งสอดคล๎องกับงานวิจัย รุํงอรุณ
ถาวาปี (2555 : บทคัดยํอ) ได๎ทาการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาชุดการเรียนรู๎ เร่ืองการเคลื่อนที่ วิชาฟิสิกส์
พื้นฐาน ว31101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบวํา ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนสูง
กวํากํอนเรียนอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 อานวย ไกรสีทุม (2555 : บทคัดยํอ) ได๎
รายงานการพัฒนาชุดการเรียนคลื่นเสียง วิชาฟิสิกส์ 3 (ว32203) ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 พบวํา
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด๎วยชุดการเรียนคล่ืนเสียงวิชาฟิสิกส์ 3 (ว32203) ชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี 5 มีคะแนนหลังเรียนสูงกวํากํอนเรียนอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สาหรับใน
ตํางประเทศ แมคโคลแมน (McColman.1975:109 อ๎างถึงใน อาไพ ช่ังคิด, 2552 : 94) ได๎ศึกษา
เก่ียวกับความสัมพันธ์ระหวําง การใช๎ชุดการสอนและกิจกรรมกลุํมท่ีมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชา
สังคมศึกษา ผลการวิจัยพบวํา นักเรียนท่ีเรียนโดยใช๎ชุดการสอนรํวมกับกิจกรรมกลุํมมีผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษามากกวํานักเรียนที่ใช๎ชุดการสอนเพียงอยํางเดียวอยํางมีนัยสาคัญทาง
สถิติ และนักเรียนท่ีเรียน โดยใช๎ชุดการสอนเพียงอยํางเดียวมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมากกวํา
นกั เรยี นท่ีเรยี นโดยใช๎กิจกรรมกลมํุ อยํางมนี ยั สาคัญทางสถติ ิ .01

จากผลการวิจัยในคร้ังนี้ ท่ีพบวําคะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกวํากํอนเรียนแตกตํางกัน
อยาํ งมนี ยั สาคัญทางสถิติท่ีระดับ .01 ทั้งนี้อาจเน่ืองมาจากชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพื่อ
พัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง ที่สร๎างข้ึนมีความเหมาะสมกับผ๎ูเรียน มีภาษาที่
อํานแล๎วเข๎าใจงําย พร๎อมท้ังมีภาพประกอบคาบรรยาย ใช๎แบบฝึกหัดส้ัน ๆ ที่ไมํยากและไมํงําย
จนเกินไป เพ่ือไมํให๎นักเรียนเกิดความเบ่ือหนําย มีการจูงใจผู๎เรียนจัดลาดับจากงํายไปหายาก มี
รูปภาพประกอบเพื่อดึงดูดความสนใจและทราบความก๎าวหน๎าตนเองได๎ทุกระยะ เป็นการเสริมแรง
บวก ทาให๎ผเ๎ู รียนเกดิ ความภาคภมู ใิ จในความสาเรจ็ ของตนเอง อันจะสงํ ผลตํอการเรียนรู๎ในขั้นตํอไป
ซงึ่ สอดคล๎องกับงานวิจัยของคมสัน อุทัยวัฒน์ (2554 : บทคัดยํอ)ได๎รายงานการพัฒนาชุดการเรียน
วชิ าฟิสกิ ส์ เร่ือง ไฟฟา้ สถิต ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา
ฟิสิกส์ เรื่อง ไฟฟ้าสถิต ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ระหวํางกํอนเรียนและหลังเรียน พบวํานักเรียน

มีคะแนนเฉล่ียหลังเรียนสูงกวํากํอนเรียนอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และที่สาคัญชุดการสอน เร่ือง
เสียงและการได๎ยิน มีการสร๎างตามหลักการสร๎างชุดการสอน ผํานการตรวจสอบโดยผ๎ูเชี่ยวชาญ
และกอํ นทดลองกับกลมํุ ตวั อยาํ งมกี ารใช๎ และปรบั ปรุงแก๎ไขหลายครง้ั

4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตํอการจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎ชุดการสอน เร่ือง เสียงและ
การได๎ยิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของ
นักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎรบ์ ารุง มีความพงึ พอใจอยใูํ นระดบั ดีมาก ซึ่ง
สอดคล๎องกับผลการศึกษาของอานวย ไกรสีทุม (2555 : บทคัดยํอ) ได๎รายงานการพัฒนาชุดการ
เรียนคล่ืนเสียง วิชาฟิสิกส์ 3 (ว32203) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 ผลการวิจัยพบวํา ความพึงพอใจ
ของนักเรียนท่ีมีตํอการเรียนด๎วยชุดการสอน วิชาฟิสิกส์ 3 มีความพึงพอใจตํอชุดการเรียนในระดับ
มากท่ีสุดและงานวิจัยของ รสสุคนธ์ ศรีสันดา (2555 : บทคัดยํอ) ได๎ทาการวิจัย เร่ืองผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ เร่ือง แรงมวลและกฎการเคล่ือนท่ีของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ท่ี
ได๎รบั การสอนโดยใช๎ชุดการสอนผลการวจิ ยั นักเรยี นมากกวาํ ร๎อยละ 80 มคี วามพึงพอใจตํอการเรียน
ด๎วยชุดการสอนวิชาฟิสิกส์ เรื่องแรงมวลและกฎการเคลื่อนท่ี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในระดับพึง
พอใจมาก

จากเหตุผลดังกลําวข๎างต๎น ไมํวําด๎านประสิทธิภาพของชุดการสอน ด๎านคุณภาพ ด๎าน
ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนกอํ นและหลังใชช๎ ุดการสอน และความพงึ พอใจของนักเรียนที่มีตํอการจัดการ
เรียนร๎ูโดยใช๎ชุดการสอน เรื่อง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์
เพม่ิ เติม 3 รหัสวิชา ว 30203 ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารุง
ที่สร๎างขึ้นมีคุณภาพที่สามารถใช๎ศึกษาอํานเพ่ิมเติมหรือประกอบการสอนในวิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3
และสาหรับผ๎ูสนใจโดยทั่วไปได๎

ข้อเสนอแนะ

ข้อเสนอแนะในการนาชดุ การสอนไปใช้ ดังน้ี
1. ครผู สู๎ อนสามารถนาชดุ การสอน วชิ าฟสิ ิกสเ์ พิม่ เติม 3 สาหรับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5
ไปประยกุ ต์ใช๎ในกลํมุ สาระการเรียนรูอ๎ น่ื ๆได๎ โดยปรับกิจกรรมการเรียนรู๎จัดบรรยากาศที่เอ้ือตํอการเรียนรู๎และใช๎

เลือกสื่อการสอนที่เหมาะสมสอดคล๎องกับสาระการเรียนรู๎และเวลาเรียนอาจมีการปรับขยายให๎มาก
นอ๎ ยได๎ โดยดุลยพินจิ ของผ๎ูนาชุดการสอนไปใช๎

2. ครผู ๎สู อนสามารถนาชุดการสอน วิชา ฟสิ ิกสเ์ พิม่ เติม 3 สาหรับชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5
ไปบูรณาการกับกลมุํ สาระการเรยี นรอู๎ นื่ ๆ ได๎ โดยโรงเรียนเปน็ ผ๎กู าหนดเนอ้ื หาสาระใหส๎ อดคล๎องกับ
กจิ กรรมทจ่ี ะบรู ณาการทั้ง 8 กลมํุ สาระ

3. ผ๎ูบรหิ ารควรสนับสนนุ ให๎มีชดุ การสอนในการใช๎ประกอบการเรียนการสอน โดยการ
สนับสนุนให๎มกี ารเผยแพรํผลงาน และฝกึ อบรมเชงิ ปฏิบตั ิการเก่ียวกบั การจัดทาชดุ การสอนใหแ๎ กํ
ครูผส๎ู อนในโรงเรียนเพื่อประสิทธิภาพทางการเรียนทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ของนักเรยี น

4. ครูควรแจกสื่อและชดุ การสอนลํวงหนา๎ ใหก๎ บั นกั เรียน เพือ่ ให๎นักเรียนที่สนใจได๎นาไป
ศึกษากอํ นเรียน และสาหรบั นักเรียนท่เี รียนอํอนครูควรแนะนาใหน๎ ักเรยี นไปศึกษาลวํ งหน๎า

ข้อเสนอแนะสาหรบั การวจิ ัยครัง้ ตอ่ ไป
1. ควรพัฒนาชุดการสอนในกลํุมสาระการเรียนรอ๎ู ืน่ ๆ เพือ่ นาไปวิจัยกับเด็กกลํุม
ดงั กลาํ ววาํ สามารถพฒั นาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นให๎ดีขึ้นเพยี งใด เนอ่ื งจากการเรียนรดู๎ ๎วยชุดส่อื ที่
หลากหลาย ทนั สมัย ทาใหผ๎ เ๎ู รยี นเกิดความสนใจ มีความตง้ั ใจในการเรียนมากยิง่ ข้ึน สํงผลใหก๎ ารเรยี นของ
นักเรยี นดียง่ิ ข้ึน
2. ควรมีการพฒั นาชดุ การสอนในลกั ษณะการบูรณาการกบั กลํุมสาระการเรียนรู๎อื่น เพ่ือ
จะได๎ทราบวําชุดการสอนประเภทใด ลักษณะอยํางไร เหมาะสมกับชํวงชั้นใด อยํางไร อันจะ
ดาเนินการพฒั นาชุดการสอนให๎เหมาะสมกับกลุํมตําง ๆ ได๎และพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู๎ให๎มี
ประสทิ ธิภาพตํอไป
3. ควรมีการนาชุดการสอนไปสอนเปรียบเทียบกับวิธีการสอนแบบอ่ืน ๆ หรือแบบปกติ
เพื่อจะได๎ทราบวําชุดการสอน มีคุณภาพ และสามารถพัฒนาการเรียนร๎ูของนักเรียนวําวิธีการอ่ืนๆ
หรอื ไมอํ ยํางไร ซงึ่ จะได๎นาไปปรบั ปรงุ พัฒนาแกไ๎ ขตอํ ไป

บรรณนานุกรม

เกษม สาหรํายทิพย.์ (2540). ระเบียบวธิ ีวิจยั . พิมพค์ รง้ั ที่ 2. พิษณุโลก : โรงพมิ พร์ ตั นสบุ รรณ.

คมสันต์ อุทัยวฒั น์. (2554).ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นร้วู ิชาฟสิ กิ ส์ เร่ือง ไฟฟ้าสถิต ช้นั
มัธยมศึกษาปที ี่ 6 โดยใชก้ ารเรยี นรแู้ บบสืบเสาะ 7 ขั้น.มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม.
วทิ ยานพิ นธป์ ริญญามหาบัณฑิต มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม.

ชนาธิป พรกุล. (2552).การออกแบบการสอน การบูรณาการ การอ่าน การคิดวิเคราะห์และการ
เขียน.พมิ พ์

จานงค์ ทองพูน. (2555). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ 2 เร่ือง คล่ืนกล ของ
นักเรยี น

ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ท่ีไดร้ ับการสอนโดยใช้ชุดการสอน โรงเรียนจตรุ ภมู พิ ิทยาคาร. (อัด
สาเนา).
จไุ รรตั น์ วงศ์ชํวย. (2550). ความพึงพอใจและพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศบน
อนิ เตอร์เนต็

ของนักศึกษามหาวิทยาลยั หาดใหญ่. สารนพิ นธป์ รชั ญาการศึกษามหาบัณฑิตมหาวิทยาลยั
ทักษิณ.
ชวาล แพรตั กลุ . (2552).เทคนคิ การวัดผล. พิมพค์ รงั้ ที่ 7. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวิ
โรฒ.
ชวลติ ชูกาแพง. (2553).การวิจยั หลกั สตู รและการสอน. พมิ พค์ รง้ั ที่ 2. มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลยั

มหาสารคาม.
ชนาธปิ พรกลุ . (2552).การออกแบบการสอน การบูรณาการ การอ่าน การคิดวิเคราะห์และการ

เขียน.พมิ พ์ ครั้งท่ี 2. กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พแ์ หงํ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .
ชยั ยงค์ พรหมวงศ์. (2523). กระบวนสนั นเิ วทนาการและระบบสอื่ สารการสอน. ใน เอกสารการ

สอน ชุดวิชาเทคโนโลยีและส่อื สารการศกึ ษา. กรุงเทพมหานคร: สหมติ ร.
ชยั ยงค์ พรหมวงศ์. (2537). ระบบการผลิตชดุ การสอนแผนจุฬา ฯ. กรงุ เทพ ฯ : จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
ชยั วัฒน์ สทุ ธริ ัตน.์ (2553).เทคนคิ การใช้คาถามพฒั นาการคิด. พมิ พ์ครงั้ ท่ี 2. กรุงเทพฯ : ไทย
วัฒนาพานชิ .
ญาตา เรอื งศรตี ระกลู . (2553). รายงานการพัฒนาชดุ การสอนท่เี นน้ ทักษะการแก้โจทยป์ ัญหา

ฟิสิกส์ รายวชิ าฟิสิกส์ 3 รหัสวชิ า ว40203 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง งานและพลังงาน
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 โรงเรยี นกันทรลักษ์วิทยา. (อดั สาเนา).
ณัฎฐพงษ์ เจริญพิทย์. (2542). การพัฒนาความคดิ สร้างสรรคท์ างวทิ ยาศาสตร์ : ทัศนแบบองค์
รวม.
กรุงเทพฯ : เลฟิ แอนดล์ ิพเพรส.

นคิ ม ทาแดง และคณะ.(2540). “ หน่วยท่ี 3 การวางแผนการวิจัยและเกบ็ รวบรวมข้อมูล ” ใน
เอกสาร

การสอนชุดการวิจยั เทคโนโลยีและการสอ่ื สารศกึ ษา. นนทบุรี : สาขาศึกษาศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
นคิ ม ทาแดง และสจุ ินต์ วิศวธีรานนท์. (2545). “ ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์ ” ในเอกสารการ
สอน
ชดุ วิทยาศาสตร์ 3 หนว่ ยที่ 1-5. นนทบุรี : สาขาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย
สุโขทยั ธรรมมาธิราช.

นิพรรณ์ ปิยนันทคุณ (2550). รายงานการใช้ชุดการสอนแบบศูนย์การเรยี น เรื่อง การเคล่อื นที่
แบบโพรเจกไทล์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 6. (อัดสาเนา).

บุญเกื้อ ควรหาเวช. (2542).นวตั กรรมการศึกษา. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 4. กรงุ เทพฯ : เอส อาร์ พรินท์ต้ิง.
บญุ ชม ศรสี ะอาด. (2541).การพัฒนาการสอน. กรงุ เทพฯ : ชมรมเดก็ .
บญุ ชม ศรสี ะอาด. (2546). การวจิ ัยสาหรับครู. กรงุ เทพฯ : สุวีรยิ าสาส์น.
บุญชม ศรีสะอาด และคนอ่ืน ๆ. (2549). พ้ืนฐานการวิจัยการศึกษา. กาฬสินธ์ุ: ประสานการ

พิมพ.์
บุญชม ศรีสะอาดและคณะ . (2552).พ้ืนฐานการวิจยั การศกึ ษา. พมิ พ์ครั้งที่ 5. มหาสารคาม :

มหาวิทยาลยั มหาสารคาม.
บุญชม ศรสี ะอาด และคณะ.(2553). วิธกี ารทางสถติ ิสาหรบั การวิจยั . พิมพค์ ร้ังที่ 5. มหาสารคาม :

มหาวิทยาลยั มหาสารคาม.
บุญเชิด ภญิ โญอนันตพงษ.์ (2527). การทดสอบแบบองิ เกณฑ์ : แนวคิดและวธิ ีการ. กรุงเทพ ฯ :

โอ เอสพริน้ ตง้ิ เฮาส์.
ประนอม หมอกกระโทก. (2552). รายงานการพฒั นาชดุ การสอนวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม (ว31201)

เร่อื งงานและพลังงาน ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4. (อัดสาเนา).
ประภาพรรณ เส็งวงศ์. (2552). การพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการวิจัยในช้ัน

เรียน. กรงุ เทพมหานคร: ภาพการพมิ พ.์
ประสาธน์ราษฎร์บารุง. (2553). ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปีการศึกษา 2553. นครศรีธรรมราช:

สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษา นครศรีธรรมราช.
________. (2553). หลักสูตรสถานศึกษาพุทธศักราช 2553. นครศรีธรรมราช: สานักงานเขต

พื้นท่กี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา นครศรีธรรมราช.

________. (2554). สารสนเทศโรงเรยี นประสาธน์ราษฎร์บารุง. นครศรีธรรมราช: สานักงานเขต
พน้ื ท่กี ารศึกษามัธยมศกึ ษา นครศรีธรรมราช.

ปรียาพร วงศอ์ นตุ รโรจน.์ (2545). การบริหารงานวิชาการ. กรุงเทพมหานคร: วัฒนาพานิช.
________. (2545). จติ วทิ ยาการศกึ ษา. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์ส่อื เสรมิ กรุงเทพฯ.
ปวณี า แสงกลา๎ . (2552). การพฒั นาชดุ การสอนเสียงและการประยกุ ต์ใช้ รายวิชาฟสิ ิกสเ์ พ่ิมเติม

4 (ว40204) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนยางชุมนอ้ ยพิทยาคม อาเภอยางชุมนอ้ ย
จงั หวัดศรสี ะเกษ. (อัดสาเนา).
ปานใจ ไชยวรศิลป์. (2549). การศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์
โดยใช้กลวิธี SQRQCQ สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านป่ายาง
อาเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฎ
เชยี งราย.
ไพฑูรย์ สุขศรีงาม. (2531). “ความรู้เกีย่ วกบั การสอนแบบสบื เสาะ (Inquiry),” วารสาร
มหาวทิ ยาลยั ศรี
นครนิ ทรวโิ รฒ มหาสารคาม. 7 : 58-78 ; มกราคม-มิถนุ ายน.

พสิ ณุ ฟองศรี.(2551). การเขยี นรายงานการวจิ ยั ในชน้ั เรียน. พิมพ์คร้งั ที่ 5. กรงุ เทพ ฯ :
เพชรรํุงการพิมพ์.

พรรณพิศ พลรัฐธนาสทิ ธ.์ิ (2552). รายงานการวิจยั เรื่องผลการเรียนแบบวัฎจกั รการเรยี นรู้ 7 ขั้น
ที่มีต่อผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นวชิ าฟิสกิ ส์ เรื่อง งานและพลังงานและความสามารถใน
การแกป้ ญั หาของนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเมืองนครศรีธรรมราช
จงั หวัดนครศรธี รรมราช. นครศรธี รรมราช: คณะศึกษาศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช.

มณีรัตน์ จันทร์หม่ืน. (2555). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องแสง วิชาฟิสิกส์กลุ่มสาระการ
เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฎจักร
การเรียนรู้ 7 ขั้น. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต
มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม.

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. (2551).พื้นฐานการวิจัยการศึกษา. พมิ พ์ครัง้ ที่ 4. กาฬสนิ ธุ์ : ประสาน
การพิมพ์.

รพพี รรณ เพยี รเสมอ. (2550). รายงานการวจิ ยั เร่ืองการเปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นวิชา
ฟสิ กิ ส์ เรอ่ื ง แรง มวลและกฎการเคล่ือนที่ ของนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4 ท่ีเรียน
โดย

วฏั จกั รการเรยี นรู้ (4 MAT) และตามคูม่ อื คร.ู มหาสารคาม : คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลยั มหาสารคาม.
รสสุคนธ์ ศรีสันดา. (2555). ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง แรง มวล และกฎการ
เคลื่อนท่ีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการสอนโดยใช้ชุดการสอน.
วทิ ยานพิ นธ์ปริญญามหาบัณฑิต สถาบนั ราชภัฏบุรรี ัมย์.
รงุํ อรุณ ถาวาป.ี (2555). การพัฒนาชุดการเรียนรู้ เรอ่ื ง การเคล่อื นที่ วิชา ฟิสกิ ส์พน้ื ฐาน
ว31101 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4. (อัดสาเนา).
ล๎วน สายยศ และอังคณา สายยศ.(2543). การวัดด้านจติ พิสัย. กรงุ เทพฯ : สุวีรยิ าสาสน์ .
_________. (2538). เทคนคิ การวิจยั ทางการศกึ ษา. พิมพ์ครง้ั ท่ี 5. กรุงเทพฯ : สุวีรยิ าสาสน์ .
วาโร เพง็ สวสั ด.์ิ (2546). การวจิ ยั ในชั้นเรียน. กรุงเทพ ฯ : สวุ รี ยิ าสาสน์ .
วมิ ลรัตน์ สุนทโรจน์. (2553).นวัตกรรมเพือ่ การเรียนรู้. พิมพ์ครงั้ ที่ 5. กาฬสนิ ธุ์ : ประสานการพิมพ์.
วีณา ประชากลู และประสาท เนอื งเฉลมิ . (2554).รูปแบบการเรียนการสอน. พิมพ์คร้ังที่ 2.
มหาสารคาม : สานักพิมพ์มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม.
วีระชาติ สวนไพรินทร์. (2531). การบรหิ าร. กรุงเทพฯ : โอเดยี นสโตร์.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. (2553). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551.
กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พค์ รุ สุ ภาลาดพร๎าว.
สถาบันสงํ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2546).ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
และคาถาม
ที่นาไปส่ทู กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพค์ ุรสุ ภาลาดพรา๎ ว.

สมใจ โพธ์ศิ รี (2556). รายงานการใช้ชดุ การเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ เสียง รายวิชาฟิสกิ ส์
ว32202 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 รว่ มกบั การจดั การเรยี นการสอนแบบสืบเสาะหา
ความรู้ (5E) โรงเรียนศรีสงครามวิทยา. (อดั สาเนา).

สมนกึ ภัททยิ ธนี. (2553).การวัดผลการศกึ ษา. พิมพค์ รง้ั ที่ 5. กาฬสนิ ธ์ุ : ประสานการพมิ พ์.
สมบตั ิ ท๎ายเรอื คา.(2551). ระเบียบวิธีวจิ ยั สาหรบั มนษุ ยศ์ าสตร์และสังคมศาสตร์. พิมพ์ครง้ั ที่ 2.

กาฬสินธุ์ : ประสานการพิมพ์.
สานกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2553).ตวั ชวี้ ดั และสาระการเรียนรู้

วทิ ยาศาสตร์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551.กรงุ เทพฯ :
ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแหํงประเทศไทย จากัด.
สมศักด์ิ คงเทีย่ ง และ อัญชลี โพธิ์ทอง. (2542). การบริหารบคุ ลากรและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์.
กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง.

สายฝน พูลผล. (2555). การพัฒนาชุดการสอนวิชาฟิสกิ ส์ เรือ่ ง แรงและกฎการเคลือ่ นท่ี สาหรบั
นักเรียน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 โดยการเรยี นแบบร่วมมือ โรงเรยี นบา้ นกรวดวทิ ยาคาร.
(อัดสาเนา).

สุคนธ์ สนิ ธพานนท์ และคณะ. (2552).พัฒนาทักษะการคิด พชิ ติ การสอน. พมิ พค์ รั้งท่ี 4. กรุงเทพฯ
:

โรงพิมพเ์ ล่ยี งเชียง.
สุวิทย์ คงภกั ด.ี (2553).ผลของการสอนดาราศาสตรแ์ บบสืบเสาะโดยใช๎นวัตกรรมแบบจาลองระบบ
โลก

ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ (EMS-Model). ปริญญานิพนธ์ กศ.ด. กรงุ เทพฯ :
มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ.
สวุ ทิ ย์ มลู คา. (2549).ครบเคร่อื งเร่ืองการคิด. พิมพค์ รงั้ ที่ 6. กรุงเทพฯ : ภาพพมิ พ์.
สวุ ิทย์ มูลคา และสุนนั ทา สนุ ทรประเสรฐิ . (2550). การพฒั นาผลงานทางวิชาการสู่การเลอื่ น
วิทยฐานะ.

กรงุ เทพ ฯ : อี เค บ๏คุ ส์, 2550.
สุวทิ ย์ มูลคา และอรทยั มลู คา. (2551).20 วธิ ีจดั การเรยี นร๎ู. พมิ พค์ ร้งั ที่ 7. กรุงเทพฯ : หา๎ งหุ๎นสํวน

จากดั ภาพ พิมพ์.
แสงศรี ศลิ าอํอน. (2553).รายงานการวิจยั เร่ืองผลการพัฒนาทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ขนั้ บรู ณาการดว้ ยการจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะหาความรูป้ ระกอบชดุ
กจิ กรรมการทดลองวทิ ยาศาสตรเ์ ร่อื ง สารละลายกรด-เบสช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1.
มหาสารคาม : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม.
อมรรัตน์
อรทัย บุญชวํ ย. (2544). รายงานการวิจยั เรอื่ งความพึงพอใจทีม่ ีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ของ
นกั เรียน
ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ โรงเรียนสาธติ รามคาแหง. กรุงเทพฯ :
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง.

อานวย ไกรสีทมุ . (2555). การพัฒนาชดุ การเรยี นคลนื่ เสียง รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 3 (ว32203)
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 โรงเรียนบัวเจรญิ วทิ ยา. (อดั สาเนา).

อาไพ แกนํ คา๎ งพลู. (2555). การพัฒนาชดุ กิจกรรมด้วยการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรขู้ องชน้ั
มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5. มหาวิทยาลยั มหาสารคาม. วิทยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑติ
มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม.

อไุ ร สีตะวนั (ม.ป.ป.). รายงานผลการพฒั นาการจดั การเรยี นรโู้ ดยใชช้ ุดการสอนวิชาฟสิ กิ ส์
เรื่อง การเคลอ่ื นทใ่ี นแนวตรง สาหรับนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4. (อัดสาเนา).

รายนามผูเ้ ช่ียวชาญ

ท่ี ชื่อ – สกลุ วฒุ ิ – สาขา ตาแหนง่ – สถานท่ที างาน
1. รศ.ดร. ปญั ญา เลิศไกร ด.ม. การบริหารการศึกษา ผ๎อู านวยการ
มหาวทิ ยาราชภัฏ
2. ดร.อนุมัติ เดชนะ ด.ม. ฟิสิกส์ นครศรธี รรมราช
3. นายสุชาติ ศริ ิคา ค.บ. ฟิสกิ ส์ ผู๎อานวยการ
มหาวทิ ยาราชภัฏสงขลา
4. ดร.ไกรเดช ไกรสกลุ ด.ม. เทคโนโลยี ครู ชานาญการพเิ ศษ
กลุํมสาระวิทยาศาสตร์
5. นางตรยั รัตน์ สงํ ทวี ค.บ. วทิ ยาศาสตรท์ ว่ั ไป โรงเรียนทุํงสง
ผู๎อานวยการ
มหาวิทยาราชภัฏ
นครศรธี รรมราช
ครู ชานาญการพิเศษ
กลมํุ สาระวิทยาศาสตร์
โรงเรียนคีรรี าษฎรพ์ ฒั นา


Click to View FlipBook Version