ภาคผนวก ข เครือ่ งมอื เก็บรวบรวมขอ้ มูล
- แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น เร่ืองเสียงและการได๎ยิน วชิ าฟิสิกสเ์ พิม่ เติม 3
รหัสวชิ า ว 30203 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5
- แบบวัดความพงึ พอใจของนักเรียนทมี่ ีตํอการจัดการเรยี นร๎โู ดยใชช๎ ุดการสอน เร่ือง
เสียงและ
การได๎ยิน เพื่อพฒั นาผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน วชิ าฟสิ กิ ส์เพ่มิ เตมิ 3 รหสั วชิ า ว 30203
โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารงุ
- แบบประเมินคุณภาพของแผนการจดั การเรียนร๎ู หนํวยการเรยี นรท๎ู ่ี 2 เรื่องเสียงและ
การไดย๎ นิ วิชาฟิสิกส์เพมิ่ เติม 3 รหสั วิชา ว 30203 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรยี น
ประสาธนร์ าษฎรบ์ ารงุ (โดยผู๎เชย่ี วชาญ)
- แบบประเมนิ คุณภาพของชุดการสอน หนวํ ยการเรยี นรู๎ที่ 2 เร่ือง เสยี งและการได๎ยิน
วิชาฟิสิกส์เพิม่ เติม 3 รหสั วชิ า ว 30203 ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธน์
ราษฎรบ์ ารงุ (โดยผ๎เู ช่ยี วชาญ)
แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น วชิ าฟิสิกสเ์ พ่มิ เติม 3 รหัสวิชา ว 30203
เรอื่ งเสียงและการไดย้ ิน ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 5
คาชีแ้ จง 1. แบบทดสอบชุดน้ีเปน็ แบบทดสอบปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 30 ขอ๎ ข๎อละ 1
คะแนน
2. ให๎นกั เรยี นเลือกคาตอบทถ่ี กู ต๎องทีส่ ุดแล๎วทาเครื่องหมายกากบาท (X) ทบั หน๎าข๎อ ก., ข.
, ค. และ ง. ลงในกระดาษคาตอบ
ผลการเรียนร้ทู ่ี 3 อธบิ าย ยกตัวอย่าง ทากิจกรรม เกี่ยวกบั การเกิดเสียง ธรรมชาติของเสียง
สมบตั ิของเสียงอัตราเรว็ เสียง การเคลือ่ นท่ขี องเสียงผ่านตวั กลางและคานวณหาปริมาณตา่ งๆ ท่ี
เกี่ยวข้องได้อย่างถกู ต้อง
1. ขอ๎ ใดกลาํ วถูกต๎องเก่ียวกับคลืน่ เสียง
1. คล่นื เสยี งเป็นคลนื่ กล เพราะต๎องอาศยั ตัวกลางในการเคลอ่ื นท่ี
2. คลนื่ เสียงเป็นคลน่ื ตามยาว เพราะอนภุ าคของตวั กลางส่ันในแนวเดยี วกบั แนวทคี่ ลน่ื เสยี ง
เคลื่อนท่ี
3. คลื่นเสียงเป็นคลืน่ ตามขวาง เพราะอนภุ าคของตวั กลางสัน่ ในแนวต้ังฉากกบั แนวที่คล่ืน
เสียงเคลือ่ นท่ี
ข๎อใดคือคาตอบที่ถูกต๎อง
ก. ข๎อ 1, 2 ถกู
ข. ข๎อ 1, 3 ถูก
ค. ขอ๎ 1 เทําน้ันถกู
ง. ข๎อ 2 เทาํ นัน้ ถูก
2. การที่เรามองเหน็ ฟา้ แลบแตไํ มํไดย๎ นิ เสียงฟ้ารอ๎ งเกิดจากสมบตั ิใดของคลื่นเสียง
ก. การหกั เห
ข. การสะท๎อน
ค. การแทรกสอด
ง. การเลยี้ วเบน
3. ข๎อใดกลําวถูกต๎องเก่ยี วกับ “การเคล่ือนที่ของเสียงผํานตัวกลาง”
ก. อัตราเร็วของเสยี งในอากาศมากกวาํ ในของเหลวและของแขง็
ข. อตั ราเรว็ ของเสยี งในของเหลวมากกวําในอากาศและในของแข็ง
ค. อตั ราเร็วของเสียงในของแข็งมากกวําในของเหลวและในอากาศ
ง. อัตราเรว็ ของเสยี งในของเหลวนอ๎ ยกวาํ ในอากาศแตํมากกวําในของแข็ง
4. เครอื่ งโซนาร์ในเรอื ประมงได๎รับสญั ญาณสะท๎อนจากทอ๎ งทะเล หลังจากสงํ สัญญาณลงไป
เปน็ เวลา 0.4 วินาที ถ๎าอตั ราเร็วเสยี งนา้ เปน็ 1,500 เมตรตํอวนิ าที ทะเลมคี วามลึกเทาํ กบั
ข๎อใด
ก. 150 เมตร
ข. 300 เมตร
ค. 600 เมตร
ง. 900 เมตร
5. จากรปู S1 และ S2 เปน็ ลาโพงเสียงสองอนั ถา๎ P เป็นผฟ๎ู งั อยหูํ ํางจากลาโพงทั้งสองเป็น
ระยะทาง 9 เมตรและ 6 เมตร ตามลาดบั ผูฟ๎ ัง P จะไดย๎ ินเสียงเบาอยํบู นแนวบัพความ
ดันที่เทําใด กาหนดความยาวคล่ืนเสียงเทาํ กับ 2 เมตร
ก. บพั ที่ 1
ข. บัพที่ 2
ค. บพั ที่ 3
ง. บพั ที่ 4
6. ขอ๎ ใดเปน็ เหตุผลทสี่ นับสนุนวาํ เสยี งเลี้ยวเบนได๎
ก. เสยี งสามารถทาให๎เกิดบีตสไ์ ด๎
ข. เสียงสามารถทาใหเ๎ กิดคล่ืนนง่ิ ได๎
ค. เสยี งสามารถอ๎อมไปดา๎ นหลังของสิง่ กดี ขวางได๎
ง. เสียงสามารถทาให๎เกิดปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ได๎
7. ข๎อใดหมายถงึ แหลงํ กาเนิดอาพนั ธ์
ก. แหลงํ กาเนดิ คลน่ื สองแหลํงท่ีให๎ความถี่เทํากัน และเฟสตรงกนั
ข. แหลํงกาเนิดคลื่นสองแหลงํ ทใี่ หค๎ วามถีต่ าํ งกัน และเฟสตรงกัน
ค. แหลํงกาเนดิ คลืน่ สองแหลํงทใ่ี หค๎ วามถ่ีเทํากัน และเฟสตรงขา๎ มกัน
ง. แหลํงกาเนิดคลื่นสองแหลํงท่ีใหค๎ วามถ่ีตาํ งกัน และเฟสตรงข๎ามกัน
8. ถา๎ อากาศในจงั หวัดนครศรีธรรมกบั จงั หวัดเชยี งใหมมํ ีอุณหภมู ติ าํ งกนั 8 องศาเซลเซียส
อัตราเรว็ เรว็ เสียงในจังหวดั ทง้ั สองตํางกนั กีเ่ มตรตอํ วนิ าที ถ๎าอัตราเร็วเสียงในอากาศที่ 0 องศา
เซลเซียสมีคํา 331 เมตรตํอวินาที
ก. 4.8 เมตรตํอวินาที
ข. 9.6 เมตรตํอวินาที
ค. 11.4 เมตรตํอวนิ าที
ง. 13.6 เมตรตอํ วินาที
ผลการเรยี นร้ทู ่ี 4 สบื ค้น อธบิ าย บอกความสัมพันธเ์ ก่ยี วกับความเขม้ เสียง ระดบั เสียง
ระดบั สูงต่าของเสียง คณุ ภาพเสยี ง มลภาวะของเสยี ง หูกบั การได้ยิน เวลาก้องเสยี งและ
คานวณหาปรมิ าณต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องพร้อมท้ังนาความรูไ้ ปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้อย่าง
เหมาะสม
9. เม่อื เสียงเดินทางผํานชํองหนา๎ ตํางที่มีความกว๎าง 1 เมตร และสงู 2 เมตร วดั ความเข๎ม
เสยี งได๎ 10-8 วัตต์ตอํ ตารางเมตร จงหากาลังเสยี งทีผ่ าํ นชํองหน๎าตํางมคี าํ กีว่ ตั ต์
ก. 1x10-8 วตั ต์
ข. 2x10-8 วตั ต์
ค. 3x10-8 วตั ต์
ง. 4x10-8 วัตต์
10. ข๎อใดไมถํ ูกต๎อง
ก. สุนัขสามารถไดย๎ นิ เสยี งทีม่ ีความถ่ีในยาํ นอลั ตราโซนกิ
ข. คลื่นเสียงในยาํ นอลั ตราโซนิกสามารถใช๎ทาความสะอาดเคร่ืองมือแพทย์
ค. ค๎างคาวอาศยั คลื่นเสยี งในยาํ นอินฟราโซนิกในการบอกทศิ ทางและจบั เหยื่อ
ง. เสยี งท่มี คี วามถ่ใี นยาํ นอลั ตรโซนิกจะมคี วามถ่ีตา่ กวาํ ความถีท่ ี่มนุษย์สามารถได๎ยิน
11. อวัยวะภายในหูทท่ี าหน๎าทรี่ บั รู๎การส่นั ของคล่ืนเสียงท่ผี ํานมาจากหสู ํวนกลางพร๎อมกับสํง
สัญญาณการรบั รู๎ไปยังสมอง
ก. คอเคลีย
ข. กระดูกท่งั
ค. กระดกู ค๎อน
ง. กระดกู โกลน
12. ขอบเขตความสามารถของการได๎ยนิ เสียงของหูคนเราขน้ึ อยูํกับปรมิ าณใดของเสยี ง
ก. แอมพลิจดู และความยาวคลน่ื
ข. อตั ราเรว็ ของเสียงและกาลงั เสียง
ค. คณุ ภาพเสียงและความเข๎มเสยี ง
ง. ความเขม๎ เสยี งและความถ่ีเสียง
13. ถา๎ เราเปดิ เคร่ืองวิทยุเครื่องหนึง่ ไวท๎ ี่โลํงกลางสนาม แล๎วเดนิ หาํ งออกไปจากวทิ ยุเครอื่ งนั้น
จะทาให๎เราไดย๎ ินเสียงคอํ ย ๆ ลงจนในท่สี ดุ ไมํได๎ยินเสยี ง ทั้งนเ้ี กดิ จากปริมาณใดของเสียงลดลง
ก. ระดับเสยี ง
ข. ความถเี่ สยี ง
ค. คุณภาพเสียง
ง. ความเข๎มเสยี ง
14. แหลงํ กาเนดิ เสียงสํงเสยี งด๎วยความถ่แี ละกาลงั เสยี งคงท่ี ถา๎ เราว่ิงออกจากแหลํงกาเนิด
เสยี งนี้ เราจะไดย๎ ินเสยี งที่
ก. มคี วามเข๎มลดลง และความถ่คี งท่ี
ข. มีความเข๎มเพ่มิ ขนึ้ และความถค่ี งที่
ค. มีความเขม๎ ลดลง และความถ่ลี ดลง
ง. มคี วามเขม๎ ลดลง และความถี่เพ่ิมข้นึ
ผลการเรยี นรู้ท่ี 5 อธิบาย ทดลอง ยกตัวอย่าง เก่ียวกับ ความถี่ธรรมชาติ การสนั่ พ้องของ
เสียงในอากาศ การบีตส์และคลน่ื นิ่งของเสยี งพร้อมทัง้ คานวณหาปริมาณตา่ งๆ ที่เก่ยี วข้องได้
อยา่ งถูกต้อง
15. คุณภาพเสียงบอกได๎ด๎วยปริมาณใด
ก. ระดบั เสยี ง
ข. ความยาวคลนื่
ค. ความเขม๎ เสยี ง
ง. องค์ประกอบของฮาร์มอนิกของเสยี ง
16. การบตี สเ์ กดิ จากสมบตั ติ ามข๎อใด
ก. การหกั เห
ข. การสะท๎อน
ค. การแทรกสอด
ง. การเล้ยี วเบน
17. ส๎อมเสียงสองอันบตี ส์กนั ได๎ความถี่บตี ส์ 3 ครงั้ ตอํ วนิ าที ถ๎าสอ๎ มเสียงอนั หนงึ่ มคี วามถ่ี 325
เฮิรตซ์ ส๎อมเสยี งอกี อนั มีความถี่เทาํ ใด
ก. 325 เฮิรตซ์
ข. 326 เฮิรตซ์
ค. 328 เฮิรตซ์
ง. 331 เฮริ ตซ์
18. คณุ สมบัติทางเสียงข๎อใดตํอไปน้ีทท่ี าให๎เราสามารถแยกเสียงใดๆไดว๎ ําเสยี งนนั้ เป็น เสยี งขลุยํ
เสียงไวโอลนี หรอื เสยี งกตี าร์
ก. ระดับเสยี ง
ข. ความถี่เสยี ง
ค. คุณภาพเสียง
ง. ความเข๎มเสียง
19. คลื่นนง่ิ ของเสียงเป็นปรากฏการณ์ทเี่ กิดจากการแทรกสอดของคล่ืนสองคล่ืน ซง่ึ เคล่ือนที่
สวนทางกัน โดยทีค่ ลืน่ ทัง้ สองมลี ักษณะตามข๎อใด
ก. ความถี่ ความยาวคล่นื และแอมพลิจูดเทํากัน
ข. ความถี่ ความยาวคลน่ื และแอมพลจิ ูดตํางกัน
ค. ความถี่ และความยาวคลนื่ เทาํ กนั แตแํ อมพลิจูดตํางกัน
ง. ความถี่ และความยาวคล่ืนตาํ งกัน แตํแอมพลิจดู เทาํ กัน
20. ในการแบํงเสียงดนตรีทางวิทยาศาสตร์ ถ๎าเสียง E// เปน็ 1,280 เฮริ ตซ์ เสยี ง E จะมี
ความถ่ีก่ีเฮิรตซ์
ก. 160 เฮริ ตซ์
ข. 320 เฮิรตซ์
ค. 640 เฮิรตซ์
ง. 960 เฮิรตซ์
21. เสยี งขลํยุ กบั เสยี งกตี าร์ท่ีเลนํ โนต๎ ตวั เดยี วกนั ตํางกนั เนื่องจากอะไร
ก. เสยี งเคร่อื งดนตรีทง้ั สองมีความถี่ตํางกนั
ข. เสยี งเคร่ืองดนตรีท้ังสองมีความถม่ี ลู ฐานตํางกัน
ค. เสียงเครือ่ งดนตรีทั้งสองมีแอมพลจิ ดู ของคล่ืนความดนั ตํางกนั
ง. เสียงเครือ่ งดนตรีทัง้ สองมีมีจานวนคลนื่ ความถี่ธรรมชาติตาํ งกนั
22. การเกดิ คล่นื น่ิงของเสียง จะทาให๎ได๎ยนิ เสยี งดงั คอํ ยสลับกันไป ปรากฏการณ์เชํนนีเ้ กิดจาก
สมบตั ิ
ก. การสะท๎อนของเสียง
ข. การแทรกสอดของเสียง
ค. การกระจายเสยี งและการผสมเสยี ง
ง. การสะทอ๎ นและการแทรกสอดของเสียง
23. ทํอปลายปิดยาว 1 เมตร เมือ่ นาลาโพงเสยี งไปจอํ ใกล๎ด๎านปลายเปิด พบวําตาแหนํงเสยี ง
ดังมากสุดสองตาแหนํงใกล๎กนั อยํหู าํ งกนั 0.2 เมตร จงหาความถเี่ สยี งลาโพง กาหนดอัตราเร็ว
เสยี งในอากาศเทํากบั 340 เมตรตอํ วินาที
ก. 600 เฮิรตซ์
ข. 650 เฮริ ตซ์
ค. 800 เฮริ ตซ์
ง. 850 เฮิรตซ์
24. ทอํ ปลายเปิดสองข๎างยาว 1 เมตร จะต๎องนาสอ๎ มเสยี งที่กาลงั สนั่ ด๎วยความถีเ่ ทาํ ใดไวใ๎ กล๎
ปลายเปดิ ขา๎ งหนง่ึ จึงจะเกิดการสั่นพอ๎ งสองตาแหนํง กาหนดอตั ราเร็วเสียงในอากาศ 340
เมตรตํอวนิ าที
ก. 340 เฮิรตซ์
ข. 440 เฮิรตซ์
ค. 540 เฮริ ตซ์
ง. 640 เฮริ ตซ์
ผลการเรียนรทู้ ี่ 6 สืบค้น อธบิ าย ยกตัวอยา่ ง เก่ียวกบั ลักษณะและเงื่อนไขของ
ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ คลื่นกระแทกและการประยุกตค์ วามรเู้ รือ่ งเสียงมาใชด้ ้านตา่ งๆ
พรอ้ มทงั้ คานวณหาปริมาณต่างๆ ทเ่ี กย่ี วข้องได้อย่างถูกตอ้ ง
25. ผู๎โดยสารรถไฟสงั เกตได๎วําขณะที่เขาหยุดยนื อยํบู นชานชาลา เสยี งหวูดรถไฟขณะท่จี อดน่งิ
มคี วามถี่ตํางจากเสียงหวดู ขณะรถไฟว่งิ ออกจากชานชาลา ปรากฏการณเ์ ชนํ นี้เรยี กวาํ
ปรากฏการณใ์ ด
ก. การหกั เห
ข. การเลย้ี วเบน
ค. การแทรกสอด
ง. ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์
26. เมอ่ื วตั ถุเคลื่อนท่ใี นตัวกลางของเสียง อยากทราบวําในสภาวะการเคลื่อนทใี่ ดจึงจะทาให๎
เกดิ คล่ืนกระแทก
ก. เมื่อความเรว็ เสียงในตวั กลางเทาํ กบั ความเรว็ ของแสง
ข. เมื่อความเรว็ เสียงในตวั กลางเทาํ กบั ความเร็วน๎อยกวําความเรว็ ของวตั ถุ
ค. เมือ่ ความเร็วเสยี งในตัวกลางเทํากบั ความเร็วมากกวําความเร็วของวัตถุ
ง. เมอ่ื ความเรว็ เสียงในตัวกลางเทํากบั ความเร็วเทาํ กบั ความเร็วของแสงในตัวกลาง
27. รถดบั เพลงิ คันหนึ่งวง่ิ ด๎วยความเรว็ 40 เมตรตํอวินาที เปดิ หวอดว๎ ยความถี่ 500 เฮริ ตซ์
ผ๎ฟู งั กาลังขี่รถจักรยานยนต์ด๎วยความเรว็ 22 เมตรตอํ วินาที เขาจะได๎ยินเสียงหวอดว๎ ยความถ่ี
กเ่ี ฮิรตซ์ ถ๎าเขาข่ีรถจักรยานยนตน์ าหนา๎ รถดบั เพลิง กาหนดให๎อัตราเรว็ เสยี งในอากาศขณะน้ัน
เทาํ กบั 340 เมตรตอํ วนิ าที
ก. 330 เฮิรตซ์
ข. 430 เฮิรตซ์
ค. 530 เฮิรตซ์
ง. 630 เฮิรตซ์
28. เรือวงิ่ ด๎วยอัตราเรว็ 6 เมตรตอํ วนิ าที ในขณะทีค่ ลน่ื นา้ มอี ัตราเรว็ 3 เมตรตอํ วนิ าที จง
หามมุ ระหวาํ งหนา๎ คลื่นกระแทกผิวนา้ กบั แนวทางเดินของเรือ
ก. 30 องศา
ข. 45 องศา
ค. 53 องศา
ง. 60 องศา
29. ในเทคโนโลยปี จั จุบนั งานประเภทใดทใ่ี ชค๎ ลน่ื เสียงทาไมํได๎
ก. การเชื่อมโลหะ
ข. การตรวจสอบรอยรา๎ วในโครงสร๎าง
ค. การติดตํอระหวํางพืน้ โลกกบั ดาวเทยี มในวงโคจร
ง. การสรา๎ งคล่นื เสยี งความถ่สี งู ในยํานคลืน่ แมํเหลก็ ไฟฟ้า
30. ในการสารวจนา้ มันแหลํงน้ามันใตผ๎ ิวโลก นกั ธรณีวทิ ยาทาได๎โดยการวางระเบดิ ไว๎ ณ
ความลกึ ทต่ี ํางกนั เมื่อทาให๎เกดิ การระเบดิ นกั ธรณีจะสามารถทานายได๎วาํ ณ บริเวณใดบ๎าง
นาํ จะมแี หลงํ นา้ มันและจะมีน้ามันในปริมาณเทําใด นกั ธรณที านายได๎โดยอาศัยคณุ สมบัติข๎อใด
ของเสยี ง
ก. การหักเห
ข. การสะทอ๎ น
ค. การแทรกสอด
ง. การเลี้ยวเบน
แบบวัดความพึงพอใจของนักเรยี นทม่ี ตี อ่ การจัดการเรยี นรโู้ ดยใชช้ ุดการสอน เร่ือง เสียงและการ
ไดย้ นิ เพอ่ื พฒั นาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน วชิ าฟิสิกส์เพ่ิมเตมิ 3 รหสั วิชา ว 30203
โรงเรยี นประสาธน์ราษฎรบ์ ารุง
คาชี้แจง
1. แบบสอบถามวดั ความพึงพอใจแบํงเป็น 2 ตอน
ตอนที่ 1 เป็นแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตํอการจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการ
สอน เรื่อง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 รหัสวิชา ว
30203 โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎรบ์ ารงุ
ตอนที่ 2 เปน็ แบบบันทกึ ขอ๎ เสนอแนะของนกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ท่ีมีตํอการจัดการ
เรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎ยิน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาฟิสิกส์
เพมิ่ เติม 3 รหัสวิชา ว 30203 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎรบ์ ารุง
2. ใหน๎ ักเรียนทาเคร่อื งหมาย ลงในชํองระดบั ความคิดเห็น ท่ตี รงกับความคิดเห็นของ
นักเรียนในแบบประเมินตอนที่ 1 ท่ีมีตํอการจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน เร่ือง เสียงและการได๎
ยิน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วชิ าฟสิ ิกส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว 30203 โรงเรียนประสาธน์
ราษฎร์บารงุ ตามระดับความคิดเหน็ ดงั นี้
ระดบั 5 หมายถึง มีความคิดเห็น อยใูํ นระดับ ดีมาก
ระดับ 4 หมายถึง มีความคิดเหน็ อยใูํ นระดับ ดี
ระดบั 3 หมายถงึ มีความคิดเหน็ อยํูในระดับ ปานกลาง
ระดบั 2 หมายถงึ มีความคิดเหน็ อยูใํ นระดบั น๎อย
ระดับ 1 หมายถงึ มีความคิดเหน็ อยใํู นระดบั นอ๎ ยที่สดุ
ตอนท่ี 1 แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีตํอการจัดการเรียนรู๎โดยใช๎ชุดการสอน เรื่องเสียง
และ
การได๎ยนิ เพื่อพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน วชิ าฟิสกิ ส์เพิ่มเตมิ 3 รหสั วิชา ว 30203
โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎร์บารุง
รายการท่ีประเมิน ระดบั ความพงึ พอใจ
54321
1. การเรียนดว๎ ยชุดการสอนเปน็ สือ่ การสอนทน่ี ําสนใจ ..... ..... ..... ..... .....
2. การปฏิบตั กิ ิจกรรมชวํ ยให๎เขา๎ ใจบทเรยี นไดย๎ ิ่งดีข้นึ ..... ..... ..... ..... .....
3. นักเรียนมีความกระตือรอื ร๎นในการเรียนร๎ู ..... ..... ..... ..... .....
4. ชุดการสอนทาให๎นักเรยี นเข๎าใจในเน้ือหาสาระไดเ๎ ร็วกวํา
หนงั สือเรยี น ..... ..... ..... ..... .....
5. นกั เรียนทราบผลการเรยี นรขู๎ องตนเองและของกลํุมทันที ..... ..... ..... ..... .....
6. นกั เรียนได๎ฝึกการตดั สินใจด๎วยตนเองและฝึกความซ่ือสัตย์การ ..... ..... ..... ..... .....
ทางาน
7. ภาษา รปู ภาพประกอบในชดุ การสอนเหมาะสมกับเนื้อหาอํานเขา๎ ใจ
งาํ ยเหมาะสมกบั เวลาเรยี น ..... ..... ..... ..... .....
8. ครชู แ้ี จงกจิ กรรมการเรยี นรใ๎ู หน๎ กั เรียนเขา๎ ใจอยาํ งชัดเจนมีการคละ
ความสามารถอยาํ งเหมาะสมและดูแลนกั เรยี นอยาํ งท่วั ถึง ..... ..... ..... ..... .....
9. นกั เรียนมคี วามสขุ กบั การเรยี น กจิ กรรมนาํ สนใจมีความหลากหลาย
และนกั เรยี นมสี ํวนรํวมในการทากิจกรรมรวํ มกนั ..... ..... ..... ..... .....
10. ชุดการสอนน้ีสามารถชวํ ยเพิ่มผลสัมฤทธิ์ได๎ ..... ..... ..... ..... .....
ตอนท่ี 2 ข๎อเสนอแนะอื่นๆ
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
...........
แบบประเมนิ คณุ ภาพของแผนการจดั การเรียนรู้
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 เร่อื งเสียงและการได้ยิน วชิ าฟิสกิ ส์เพ่มิ เติม 3 รหสั วิชา ว 30203
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 โรงเรยี นประสาธน์ราษฎรบ์ ารุง
(โดยผู้เชี่ยวชาญ)
............................................................................................................................... ......................
คาช้ีแจง
โปรดศึกษาแผนการจัดการเรียนร๎ู หนํวยการเรียนร๎ูท่ี 2 เร่ือง เสียงและการได๎ยิน วิชา
ฟิสิกส์เพ่ิมเติม 3 และประเมินเก่ียวกับสาระสาคัญ จุดประสงค์การเรียนรู๎ เน้ือหา-สาระ การจัด
กิจกรรมการเรยี นรู๎ ส่ือ/แหลงํ เรยี นร๎ู และการวัดผลและประเมินผล แล๎วทาเครื่องหมาย ลงใน
ชอํ งระดบั คณุ ภาพ
ตอนที่ 1 ข้อมลู ส่วนตวั
ช่อื – สกลุ ...............................................................วฒุ ิการศึกษา..........................................
ตาแหนงํ ....................................................................สถานที่ทางาน........................................
ตอนที่ 2 การประเมินแผนการจดั การเรยี นรู้
ระดับความคิดเห็น
รายการประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ ดี ดี ปาน พอ ปรับ
มาก กลาง ใช้ ปรุง
1. สาระสาคัญ
1.1 สอดคล๎องกับจุดประสงค์การเรียนร๎ใู นหลกั สตู ร
1.2 มคี วามชัดเจนเขา๎ ใจงาํ ย
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.1 สอดคล๎องกบั เน้ือหา
2.2 ขอ๎ ความชดั เจนเข๎าใจงําย
2.3 เหมาะสมกับวัยของนักเรยี น
3. เน้อื หาสาระ
3.1 มคี วามชัดเจนเข๎าใจงาํ ยนาํ สนใจ
3.2 สอดคล๎องกบั จดุ ประสงค์การเรยี นร๎ู
3.3 เหมาะสมกับระดบั ช้ันของนักเรียน
3.4 กาหนดเน้ือหาเหมาะสมกบั เวลาเรียน
ตอนท่ี 2 (ตํอ)
รายการประเมนิ ระดับความคดิ เหน็
แผนการจดั การเรยี นรู้ ดี ดี ปาน พอ ปรับ
มาก กลาง ใช้ ปรุง
4. ดา้ นการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
4.1 ขั้นสรา๎ งความสนใจ
4.2 ขนั้ สารวจและค๎นหา
4.3 ข้นั อธิบายและลงขอ๎ สรปุ
4.4 ขั้นขยายความร๎ู
4.5 ขน้ั ประเมนิ
5. สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้
5.1 สอดคลอ๎ งกบั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู๎
5.2 ประหยดั เวลาในการสอน
5.3 เหมาะสมกับวยั ของผู๎เรยี น
6. การวดั ผลและประเมนิ ผล
6.1 สอดคลอ๎ งกับจุดประสงค์การเรยี นรู๎
6.2 สอดคลอ๎ งกับเนื้อหา
6.3 สามารถวัดผลสงิ่ ท่ีระบุไว๎ได๎
6.4 เครื่องมือเหมาะสมกับวยั ของผเ๎ู รยี น
ตอนที่ 3 ข๎อบกพรํองของแผนการจัดการเรยี นร๎ู ข๎อเสนอแนะและความคิดเหน็ อน่ื ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………
แบบประเมนิ คณุ ภาพของชุดการสอน
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรอื่ ง เสียงและการไดย้ นิ วชิ าฟสิ กิ ส์เพ่ิมเติม 3 รหสั วิชา ว 30203
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎร์บารุง
(โดยผู้เชยี่ วชาญ)
............................................................................................................................. ........................
คาชแี้ จง
โปรดศกึ ษาชุดการสอน หนํวยการเรียนรู๎ท่ี 2 เร่อื ง เสียงและการได๎ยิน วิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม
3 และประเมินเกี่ยวกับด๎านเน้ือหา ด๎านกิจกรรม ด๎านทดสอบยํอย และด๎านภาษา แล๎วทา
เคร่อื งหมาย ลงในชํองระดบั คุณภาพ
ตอนท่ี 1 ข้อมูลส่วนตัว
ชือ่ – สกลุ ...............................................................วฒุ กิ ารศึกษา..........................................
ตาแหนํง....................................................................สถานท่ีทางาน...................................... ..
ตอนท่ี 2 การประเมินแผนการจัดการเรียนรู้
ข๎อที่ รายการท่ปี ระเมิน 5 ระดับความคิดเห็น 1
432
1 ด้านเนือ้ หา
1.1 เนอื้ หามีความสอดคลอ๎ งกบั ผลการเรยี นร๎.ู ...……….
1.2 เนอ้ื หามคี วามละเอียดครบถว๎ น……………….………..
1.3 เหมาะสมกบั วัยของ
นกั เรยี น……………………………..
1.4 เนือ้ หาเปน็ ไปตามลาดับขั้นตอน……………………..…
1.5 เนอ้ื หามีความยากงํายพอเหมาะ……………………….
1.6 เนอื้ หามคี วามชัดเจน……………………………………...
2 ดา้ นกจิ กรรม
2.1 สอดคลอ๎ งกับเนื้อหาและผลการเรยี นร๎ู……………...
2.2 กจิ กรรมมีความยากงําย
พอเหมาะ………………..…...
2.3 กจิ กรรมเร๎าความสนใจ……………………………..……..
ตอนที่ 2 (ตํอ)
ขอ๎ ที่ รายการทป่ี ระเมิน ระดบั ความคดิ เหน็
5 4 3 21
3 ด้านทดสอบย่อย
3.1 แบบทดสอบมีจานวนพอเหมาะ………………….…….
3.2 สอดคลอ๎ งกับเนื้อหาและผลการเรียนร๎ู……………....
3.3 ภาษาเขา๎ ใจงํายเหมาะสมกบั วัย………………….…….
4 ดา้ นภาษา
4.1 ความถูกต๎องของภาษาทใี่ ช๎………………………….……
4.2 ภาษาเข๎าใจงํายเหมาะสมกบั วัย…………………………
4.3 ความเหมาะสมของขนาดอกั ษร…………………………
ตอนท่ี 3 ข๎อบกพรํองของแผนการจดั การเรียนรู๎ ข๎อเสนอแนะและความคิดเหน็ อ่นื ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………
ภาคผนวก ค การหาคุณภาพเครอื่ งมือเก็บรวบรวมข้อมูล
- การหาคณุ ภาพแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น เร่ือง เสยี งและการได๎ยิน วชิ า
ฟิสิกสเ์ พ่ิมเติม 3 รหัสวชิ า ว 30203 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5
โรงเรียนประสาธน์ราษฎรบ์ ารุง
- การหาคณุ ภาพแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น เรื่อง เสียงและการไดย๎ ิน วชิ า
ฟสิ กิ สเ์ พ่ิมเตมิ 3 รหสั วชิ า ว 30203 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5
โรงเรียนประสาธนร์ าษฎร์บารุง
- การหาคณุ ภาพแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น เรอ่ื ง เสยี งและการไดย๎ นิ วชิ า
ฟิสกิ ส์เพ่ิมเตมิ 3 รหสั วิชา ว 30203 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5
โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎร์บารุง
การหาคณุ ภาพแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรอ่ื ง เสียงและการไดย้ ิน
วชิ าฟสิ กิ ส์เพ่ิมเติม 3 รหสั วิชา ว 30203 ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 5
โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บารงุ สาหรับผเู้ ช่ียวชาญ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
คาชแี้ จง โปรดพจิ ารณาข๎อสอบในแตํละข๎อตํอไปนี้ มีความสอดคล๎องกับผลการเรียนรู๎หรือไมํ แล๎ว
เขียนผลการพิจารณาของทํานโดยทาเคร่ืองหมาย ลงในชํองคะแนนการพิจารณาตามความเห็น
ของทาํ น
ทาเครื่องหมาย ลงในชอํ ง +1 ถา๎ ทาํ นมัน่ ใจวําข๎อสอบสอดคลอ๎ งกบั ผลการเรียนรู๎
ทาเครอื่ งหมาย ลงในชอํ ง 0 ถา๎ ทํานไมมํ นั่ ใจวําข๎อสอบสอดคล๎องกับผลการเรียนร๎ู
ทาเครอื่ งหมาย ลงในชํอง -1 ถา๎ ทํานมั่นใจวาํ ข๎อสอบไมํสอดคลอ๎ งกบั ผลการเรยี นรู๎
ตารางที่ 10 แสดงการพจิ ารณาความสอดคล๎องของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
กบั ผลการเรียนรู๎ โดยผ๎ูเชยี่ วชาญ
มาตรฐานการเรยี นรู/้ ขอ้ สอบข้อที่ ผลการพจิ ารณา ข้อเสนอแนะ
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ +1 0 -1 ขอ้ เสนอแนะ
มาตรฐาน ว 5.1 เข๎าในความสมั พันธ์ 1.
ระหวํางพลังงานการดารงชีวิต การเปลย่ี น 2. ผลการพิจารณา
รปู พลังงาน ปฏสิ ัมพันธ์ระหวํางสารและ 3. +1 0 -1
พลังงาน ผลของการใชพ๎ ลงั งานตอํ ชวี ิต 4.
และสง่ิ แวดลอ๎ ม มกี ระบวนการสืบเสาะหา 5.
ความร๎สู อื่ สารส่งิ ทเ่ี รียนรู๎และนาไปใช๎ 6.
ประโยชน์ 7.
8.
ผลการเรยี นรทู้ ่ี 3 อธิบาย ยกตัวอยําง ทา 9.
กิจกรรม เกยี่ วกับการเกดิ เสยี ง ธรรมชาติ 10.
ของเสยี ง สมบัติของเสยี งอัตราเร็วเสยี ง 11.
การเคลอ่ื นทขี่ องเสียงผํานตวั กลางและ 12.
คานวณหาปริมาณตํางๆ ท่ีเกี่ยวขอ๎ งได๎
อยาํ งถูกต๎อง ข้อสอบข้อท่ี
ตารางที่ 10 (ตอํ )
13.
มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ผลการเรยี นรู้ 14.
15.
ผลการเรยี นรู้ที่ 4 สบื ค๎น อธบิ าย บอก 16.
ความสัมพันธเ์ ก่ียวกบั ความเข๎มเสียง ระดับ
เสียง ระดบั สูงตา่ ของเสยี ง คุณภาพเสยี ง
มลภาวะของเสียง หูกับการได๎ยิน เวลาก๎อง
เสยี งและคานวณหาปริมาณตํางๆ ท่ี 17.
เกี่ยวข๎องพร๎อมทัง้ นาความร๎ูไปใชใ๎ น 18.
ชีวิตประจาวันได๎อยาํ งเหมาะสม 19.
20.
ผลการเรียนรู้ท่ี 5 อธิบาย ทดลอง 21.
ยกตัวอยําง เกย่ี วกับ ความถธ่ี รรมชาติ การ 22.
สน่ั พ๎องของเสยี งในอากาศ การบตี ส์และ 23.
คล่ืนนิ่งของเสียงพร๎อมทัง้ คานวณหา 24.
ปริมาณตํางๆ ทีเ่ กย่ี วข๎องไดอ๎ ยํางถกู ต๎อง 25.
26.
ตารางท่ี 10 (ตํอ) 27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.
มาตรฐานการเรยี นรู้/ผลการเรียนรู้ ขอ้ สอบข้อท่ี ผลการพิจารณา ขอ้ เสนอแนะ
+1 0 -1
ผลการเรียนรทู้ ี่ 5 อธบิ าย ทดลอง 40.
ยกตวั อยําง เก่ียวกบั ความถธี่ รรมชาติ การ
สั่นพอ๎ งของเสยี งในอากาศ การบตี ส์และ
คลื่นนงิ่ ของเสียงพร๎อมทั้งคานวณหา 41.
ปรมิ าณตาํ งๆ ที่เกย่ี วข๎องไดอ๎ ยํางถูกต๎อง 42.
ผลการเรียนรู้ที่ 6 สืบคน๎ อธบิ าย 43.
ยกตัวอยาํ ง เกย่ี วกบั ลกั ษณะและเงื่อนไข 44.
ของปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ คลน่ื กระแทก 45.
และการประยกุ ต์ความรเู๎ ร่ืองเสียงมาใชด๎ า๎ น 46.
ตาํ งๆ พร๎อมท้ังคานวณหาปริมาณตํางๆ ที่ 47.
เกี่ยวข๎องได๎อยาํ งถูกต๎อง 48.
49.
50.
ขอ้ เสนอแนะ ......................................................................................................................................
…………………………..…………………………………………………………………………….……………………………………
……………………………………………………………………………………………………….……………………………………
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง เสียงและการได้ยิน
วิชาฟสิ ิกสเ์ พิ่มเตมิ 3 รหสั วชิ า ว 30203 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผลการเรียนรทู้ ่ี 3 อธบิ าย ยกตวั อยา่ ง ทากจิ กรรม เกี่ยวกบั การเกิดเสียง ธรรมชาติของเสียง
สมบัติของเสียงอัตราเร็วเสียง การเคลอ่ื นท่ขี องเสียงผา่ นตวั กลางและคานวณหาปริมาณตา่ งๆ ท่ี
เก่ยี วข้องได้อย่างถูกต้อง
1. ข๎อใดกลําวถูกต๎องเก่ียวกับคลื่นเสียง
1. คลน่ื เสยี งเปน็ คลน่ื กล เพราะตอ๎ งอาศยั ตัวกลางในการเคล่อื นท่ี
2. คลนื่ เสยี งเป็นคลืน่ ตามยาว เพราะอนภุ าคของตัวกลางสน่ั ในแนวเดียวกบั แนวทคี่ ลืน่ เสียง
เคลอื่ นที่
3. คลน่ื เสยี งเป็นคลืน่ ตามขวาง เพราะอนภุ าคของตัวกลางสน่ั ในแนวตงั้ ฉากกับแนวที่คล่ืน
เสยี งเคลือ่ นท่ี
ข๎อใดคือคาตอบที่ถูกต๎อง
ก. ข๎อ 1, 2 ถกู
ข. ขอ๎ 1, 3 ถกู
ค. ข๎อ 1 เทําน้ันถกู
ง. ข๎อ 2 เทาํ นัน้ ถกู
2. เมื่อเสียงเคลอ่ื นท่จี ากอากาศเข๎าไปในนา้ ปรมิ าณใดของเสียงที่ไมํเปลยี่ นแปลง
ก. ความถี่
ข. อัตราเรว็
ค. แอมพลจิ ดู
ง. ความยาวคลื่น
3. ข๎อใดถูกตอ๎ งเกย่ี วกบั คล่นื เสยี ง
ก. เมอื่ อุณหภูมิสงู ความถ่เี สยี งสูง
ข. เมอ่ื อุณหภมู ิสูงอตั ราเร็วของเสยี งสูง
ค. เมอื่ อุณหภมู ิสูงอัตราเร็วของเสียงตา่
ง. เม่ืออณุ หภูมิสงู ความยาวคลนื่ เสียงมาก
4. การทีเ่ รามองเหน็ ฟา้ แลบแตไํ มํไดย๎ ินเสยี งฟา้ รอ๎ ง เกิดจากสมบัตใิ ดของคล่นื เสียง
ก. การหกั เห
ข. การสะท๎อน
ค. การแทรกสอด
ง. การเล้ียวเบน
5. ขอ๎ ใดกลาํ วถูกต๎องเกย่ี วกับ “การเคลื่อนท่ขี องเสียงผาํ นตัวกลาง”
ก. อตั ราเร็วของเสยี งในอากาศมากกวําในของเหลวและของแข็ง
ข. อัตราเรว็ ของเสียงในของเหลวมากกวําในอากาศและในของแข็ง
ค. อตั ราเรว็ ของเสยี งในของแข็งมากกวาํ ในของเหลวและในอากาศ
ง. อตั ราเร็วของเสยี งในของเหลวนอ๎ ยกวําในอากาศแตํมากกวําในของแข็ง
6. ขอ๎ ใดตํอไปนี้มผี ลตํออัตราเร็วของเสยี งในอากาศ
1. ความถ่ี
2. อณุ หภูมิ
3. ความยาวคลื่น
คาตอบท่ีถูกต๎องคือข๎อใด
ก. ขอ๎ 2 เทาํ นั้น
ข. ขอ๎ 1 และข๎อ 2
ค. ขอ๎ 1 และข๎อ 3
ง. ขอ๎ 2 และข๎อ 3
7. เครอื่ งโซนารใ์ นเรอื ประมงไดร๎ บั สัญญาณสะท๎อนจากทอ๎ งทะเล หลังจากสํงสัญญาณลงไปเป็น
เวลา 0.4 วินาที ถ๎าอัตราเร็วเสียงน้าเป็น 1,500 เมตรตํอวนิ าที ทะเลมีความลกึ เทาํ กับข๎อใด
ก. 150 เมตร
ข. 300 เมตร
ค. 600 เมตร
ง. 900 เมตร
8. จากรปู S1 และ S2 เปน็ ลาโพงเสียงสองอัน ถา๎ P เปน็ ผฟู๎ งั อยหํู าํ งจากลาโพงท้ังสองเปน็
ระยะทาง 9 เมตรและ 6 เมตร ตามลาดับ ผ๎ูฟัง P จะไดย๎ ินเสียงเบาอยูบํ นแนวบพั ความดนั ท่ี
เทําใด กาหนดความยาวคล่ืนเสียงเทํากับ 2 เมตร
ก. บพั ที่ 1
ข. บัพท่ี 2
ค. บัพที่ 3
ง. บพั ที่ 4
9. อตั ราเรว็ ของเสยี งในตัวกลางใด ๆ จะไมํข้นึ อยูํกบั สิ่งใด
ก. ชนดิ ของตัวกลาง
ข. ความถีข่ องแหลงํ กาเนดิ
ค. ความยาวคลื่นในตวั กลาง
ง. ความหนาแนํนของตัวกลาง
10. ข๎อใดเปน็ เหตุผลทีส่ นับสนนุ วําเสียงเลี้ยวเบนได๎
ก. เสียงสามารถทาให๎เกดิ บตี ได๎
ข. เสียงสามารถทาใหเ๎ กิดคลื่นน่งิ ได๎
ค. เสยี งสามารถอ๎อมไปด๎านหลังของสง่ิ กีดขวางได๎
ง. เสียงสามารถทาใหเ๎ กิดปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ได๎
11. ขอ๎ ใดหมายถงึ แหลงํ กาเนิดอาพันธ์
ก. แหลํงกาเนดิ คล่นื สองแหลํงที่ใหค๎ วามถเ่ี ทาํ กนั และเฟสตรงกนั
ข. แหลงํ กาเนดิ คล่ืนสองแหลงํ ท่ีใหค๎ วามถต่ี าํ งกนั และเฟสตรงกนั
ค. แหลงํ กาเนดิ คลนื่ สองแหลํงท่ีให๎ความถเี่ ทํากัน และเฟสตรงขา๎ มกนั
ง. แหลงํ กาเนดิ คล่นื สองแหลํงทีใ่ หค๎ วามถต่ี ํางกนั และเฟสตรงขา๎ มกัน
12. ถา๎ อากาศในจังหวัดนครศรธี รรมกับจังหวดั เชยี งใหมํมีอุณหภมู ติ าํ งกัน 8 องศาเซลเซยี ส
อตั ราเร็วเร็วเสยี งในจังหวัดท้งั สองตาํ งกนั ก่เี มตรตอํ วนิ าที ถ๎าอัตราเรว็ เสยี งในอากาศที่ 0 องศา
เซลเซียสมีคาํ 331 เมตรตํอวนิ าที
ก. 4.8 เมตรตํอวนิ าที
ข. 9.6 เมตรตํอวินาที
ค. 11.4 เมตรตํอวินาที
ง. 13.6 เมตรตํอวนิ าที
ผลการเรยี นรทู้ ี่ 4 สบื คน้ อธบิ าย บอกความสัมพนั ธ์เกีย่ วกับความเขม้ เสียง ระดบั เสียง ระดับสูง
ตา่ ของเสียง คณุ ภาพเสียง มลภาวะของเสยี ง หูกับการได้ยิน เวลากอ้ งเสียงและคานวณหา
ปริมาณตา่ งๆ ท่ีเกี่ยวข้องพร้อมทง้ั นาความร้ไู ปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม
13. ถ๎าแหลํงกาเนดิ สํงเสยี งออกมา 25,000 เฮริ ตซ์ มนุษยจ์ ะรสู๎ ึกอยํางไร
ก. ไมไํ ดย๎ ิน
ข. เสยี วฟนั
ค. ปวดแก๎วหู
ง. ราคาญ หงดุ หงดิ
14. เมื่อเสียงเดินทางผํานชอํ งหน๎าตาํ งท่มี ีความกวา๎ ง 1 เมตร และสงู 2 เมตร วัดความเขม๎ เสียง
ได๎ 10-8 วตั ต์ตํอตารางเมตร จงหากาลงั เสียงท่ผี าํ นชํองหน๎าตาํ งมคี ําก่ีวัตต์
ก. 1x10-8 วตั ต์
ข. 2x10-8 วตั ต์
ค. 3x10-8 วตั ต์
ง. 4x10-8 วตั ต์
15. เปดิ ลาโพงเสียง 1 ตวั ผูฟ๎ ังจะไดย๎ นิ เสยี งระดบั เสียง 20 เดซิเบล ถา๎ เปดิ ลาโพงเสียง 100
ตัว พรอ๎ มกนั ผ๎ูฟังคนเดิมจะได๎ยินระดบั เสยี งเทาํ ใด
ก. 20 เดซิเบล
ข. 30 เดซิเบล
ค. 40 เดซิเบล
ง. 50 เดซิเบล
16. ขอ๎ ใดไมํถูกต๎อง
ก. สุนัขสามารถไดย๎ ินเสียงท่มี ีความถใี่ นยํานอลั ตราโซนกิ
ข. คลืน่ เสยี งในยาํ นอลั ตราโซนิกสามารถใชท๎ าความสะอาดเคร่ืองมือแพทย์
ค. ค๎างคาวอาศัยคล่ืนเสยี งในยาํ นอินฟราโซนิกในการบอกทศิ ทางและจบั เหย่ือ
ง. เสยี งทีม่ คี วามถ่ใี นยํานอัลตรโซนกิ จะมคี วามถ่ีต่ากวําความถ่ีท่ีมนษุ ย์สามารถได๎ยิน
17. ในการทางานบริเวณทีม่ ีเสยี งนั้น ระดับความดังของเสยี งควรมีคําไมํเกนิ กเี่ ดซิเบล ถ๎าหากจะ
ทางานติดตํอกันเป็นเวลานานๆ
ก. ไมคํ วรเกนิ 10 เดซิเบล
ข. ไมคํ วรเกิน 20 เดซิเบล
ค. ไมคํ วรเกนิ 40 เดซิเบล
ง. ไมคํ วรเกนิ 80 เดซิเบล
18. อวัยวะภายในหูท่ที าหน๎าท่ีรับรกู๎ ารส่ันของคล่ืนเสียงท่ผี ํานมาจากหสู ํวนกลาง พร๎อมกับสงํ
สัญญาณการรับรู๎ไปยังสมอง
ก. คอเคลีย
ข. กระดูกทั่ง
ค. กระดูกค๎อน
ง. กระดูกโกลน
19. ขอบเขตความสามารถของการได๎ยินเสียงของหูคนเราข้ึนอยูกํ บั ปรมิ าณใดของเสียง
ก. แอมพลจิ ูด และความยาวคล่นื
ข. อตั ราเร็วของเสียง และกาลังเสียง
ค. คุณภาพเสียงและความเข๎มเสียง
ง. ความเขม๎ เสยี ง และความถ่เี สยี ง
20. ปรมิ าณใดตํอไปนี้ขน้ึ กับความเข๎มของคลน่ื เสยี ง
ก. ระดับเสยี ง
ข. คุณภาพเสียง
ค. ความดงั ของเสยี ง
ง. ความสูง-ต่าของเสยี ง
21. ถา๎ เราเปดิ เคร่ืองวทิ ยุเคร่ืองหน่งึ ไว๎ทโี่ ลํงกลางสนาม แล๎วเดินหาํ งออกไปจากวิทยเุ คร่ืองนนั้ จะทา
ใหเ๎ ราได๎ยนิ เสียงคํอยๆ ลงจนในท่ีสดุ ไมํไดย๎ ินเสียง ท้งั น้เี กิดจากปริมาณใดของเสยี งลดลง
ก. ระดบั เสยี ง
ข. ความถ่เี สยี ง
ค. คณุ ภาพเสยี ง
ง. ความเขม๎ เสียง
22. ความถ่เี สียงท่ีมนษุ ย์ไดย๎ ินแตกตาํ งกันทล่ี กั ษณะตํอไปน้ี ยกเวน๎
ก. ความถ่ีของเสยี ง
ข. ความดังของเสียง
ค. ฮารม์ อนิกของเสียง
ง. โอเวอร์โทนของเสียง
23. แหลงํ กาเนิดเสียงสํงเสียงดว๎ ยความถ่แี ละกาลงั เสยี งคงท่ี ถ๎าเราวิ่งออกจากแหลํงกาเนดิ เสียงนี้
เราจะไดย๎ ินเสยี งท่ี
ก. มคี วามเข๎มลดลง และความถี่คงที่
ข. มคี วามเข๎มเพิม่ ขน้ึ และความถี่คงท่ี
ค. มีความเข๎มลดลง และความถีล่ ดลง
ง. มีความเข๎มลดลง และความถ่เี พิ่มขึน้
24. จงพจิ ารณาขอ๎ ความใดตํอไปนี้ ข๎อใดถกู
ก. ปกติมนษุ ย์ไดย๎ ินเสียงที่มีความถีส่ ูง เม่อื เสียงมีความเขม๎ เสยี งนอ๎ ย ๆ
ข. เมอื่ ระดับความเข๎มเสียงเทํากัน หมู นษุ ย์ไวตํอการรับเสยี งทม่ี ีความถี่สงู นอ๎ ยกวําเสยี งท่ีมี
ความถีต่ า่
ค. ถา๎ เพม่ิ ความเข๎มเสียงเป็น 2 เทําของครัง้ แรก พบวําความเข๎มเสียงเพิ่มเป็น2เทาํ ของ
ความเข๎มเสียงครงั้ แรก
ง. คาตอบเปน็ อยํางอ่ืน
ผลการเรยี นรทู้ ี่ 5 อธบิ าย ทดลอง ยกตวั อยา่ ง เกีย่ วกบั ความถธี่ รรมชาติ การสัน่ พ้องของเสียงใน
อากาศ การบีตส์และคลน่ื นง่ิ ของเสียงพร้อมทงั้ คานวณหาปริมาณตา่ งๆ ท่ีเกี่ยวข้องได้อย่าง
ถกู ต้อง
25. คณุ ภาพเสยี งบอกไดด๎ ๎วยปริมาณใด
ก. ระดบั เสยี ง
ข. ความยาวคล่ืน
ค. ความเขม๎ เสียง
ง. องคป์ ระกอบของฮาร์มอนกิ ของเสยี ง
26. การบีตสเ์ กิดจากสมบตั ติ ามขอ๎ ใด
ก. การหักเห
ข. การสะท๎อน
ค. การแทรกสอด
ง. การเล้ียวเบน
27. ส๎อมเสียงสองอนั บตี สก์ ันได๎ความถบ่ี ีตส์ 3คร้ังตอํ วนิ าที ถ๎าส๎อมเสียงอันหน่ึงมีความถี่ 325 เฮริ ตซ์
ส๎อมเสียงอีกอนั มีความถี่เทาํ ใด
ก. 325 เฮริ ตซ์
ข. 326 เฮิรตซ์
ค. 328 เฮิรตซ์
ง. 331 เฮริ ตซ์
28. ทํอปลายเปิดสองข๎างยาว 1 เมตร จะต๎องนาส๎อมเสียงที่กาลงั ส่ันดว๎ ยความถเี่ ทําใดไปวางใกล๎
ปลายเปิดข๎างหนึ่งจึงจะเกิดการสั่นพ๎องหนึ่งตาแหนํง กาหนดอัตราเร็วเสยี งในอากาศเทํากบั 340
เมตรตอํ วนิ าที
ก. 150 เฮิรตซ์
ข. 160 เฮิรตซ์
ค. 170 เฮิรตซ์
ง. 180 เฮริ ตซ์
29. นกั ดนตรเี ทยี บเสียงเครื่องดนตรีกับเสียงมาตรฐาน ปรากฏวําใช๎เสยี งมาตรฐานมคี วามถี่ 340
เฮริ ตซ์ เสยี งจากเครอ่ื งดนตรีมีเสียงท๎ุมกวํา และเกิดบีต 5 คร้งั ตอํ วินาที เสยี งจากเคร่ืองดนตรมี ี
ความถกี่ ีเ่ ฮิรตซ์
ก. 445 เฮิรตซ์
ข. 455 เฮริ ตซ์
ค. 900 เฮิรตซ์
ง. 2,250 เฮริ ตซ์
30. คณุ สมบตั ิทางเสียงข๎อใดตํอไปน้ีที่ทาใหเ๎ ราสามารถแยกเสียงใด ๆ ได๎วําเสียงนนั้ เป็น เสยี งขลยุํ
เสียงไวโอลนี หรอื เสียงกตี าร์
ก. ระดบั เสยี ง
ข. ความถเี่ สยี ง
ค. คณุ ภาพเสียง
ง. ความเขม๎ เสียง
31. คลืน่ นิง่ ของเสียงเปน็ ปรากฏการณ์ท่เี กดิ จากการแทรกสอดของคลื่นสองคลืน่ ซึง่ เคลื่อนที่สวน
ทางกนั โดยทีค่ ล่ืนทง้ั สองมีลกั ษณะตามข๎อใด
ก. ความถ่ี ความยาวคลนื่ และแอมพลจิ ดู เทํากัน
ข. ความถ่ี ความยาวคลื่น และแอมพลิจูดตาํ งกนั
ค. ความถี่ และความยาวคลื่นเทาํ กนั แตแํ อมพลจิ ูดตํางกัน
ง. ความถี่ และความยาวคลืน่ ตาํ งกัน แตแํ อมพลิจดู เทาํ กัน
32. ในการแบํงเสียงดนตรที างวิทยาศาสตร์ ถ๎าเสยี ง E// เปน็ 1,280 เฮิรตซ์ เสียง E จะมีความถ่ี
กเี่ ฮริ ตซ์
ก. 160 เฮริ ตซ์
ข. 320 เฮริ ตซ์
ค. 640 เฮริ ตซ์
ง. 960 เฮริ ตซ์
33. เสียงขลยุํ กับเสยี งกตี าร์ท่ีเลนํ โนต๎ ตัวเดยี วกันตาํ งกันเน่อื งจากอะไร
ก. เสียงเครื่องดนตรีทงั้ สองมีความถต่ี ํางกัน
ข. เสยี งเครื่องดนตรีทงั้ สองมีความถมี่ ลู ฐานตํางกัน
ค. เสยี งเครื่องดนตรีทั้งสองมีแอมพลจิ ดู ของคลืน่ ความดันตํางกนั
ง. เสยี งเครือ่ งดนตรีทั้งสองมีมีจานวนคลื่นความถีธ่ รรมชาติตาํ งกนั
34. การเกิดคลื่นนง่ิ ของเสยี ง จะทาให๎ไดย๎ นิ เสยี งดังคอํ ยสลับกนั ไป ปรากฏการณเ์ ชนํ นเ้ี กิดจาก
สมบัติ
ก. การสะท๎อนของเสยี ง
ข. การแทรกสอดของเสียง
ค. การกระจายเสียงและการผสมเสยี ง
ง. การสะทอ๎ นและการแทรกสอดของเสียง
35. ในการทดลองเรือ่ งการส่ันพ๎องของเสียง โดยใช๎หลอดเรโซแนนซ์ ปรากฏวาํ การส่ันพ๎องคร้งั แรก
เกดิ เมื่อลกู สูบอยํูหํางจากปลายปากหลอด 8 เซนติเมตร จงหาวาํ ในการสั่นพ๎องครั้งท่ีสองลูกสูบต๎อง
อยหูํ ํางจากปากหลอดเทาํ ใด
ก. 8 เซนติเมตร
ข. 16 เซนติเมตร
ค. 24 เซนติเมตร
ง. 32 เซนติเมตร
36. ทอํ ปลายปิดยาว 1 เมตร เมื่อนาลาโพงเสยี งไปจํอใกล๎ด๎านปลายเปิด พบวาํ ตาแหนงํ เสียงดังมาก
สดุ สองตาแหนํงใกล๎กันอยูํหํางกัน 0.2 เมตร จงหาความถเี่ สียงลาโพง กาหนดอตั ราเร็วเสียงในอากาศ
เทาํ กับ 340 เมตรตอํ วนิ าที
ก. 600 เฮริ ตซ์
ข. 650 เฮริ ตซ์
ค. 800 เฮริ ตซ์
ง. 850 เฮริ ตซ์
37. ทอํ ปลายปดิ อนั หนงึ่ สามารถสั่นพ๎องเสยี งความถตี่ ่าสุด 500 เฮิรตซ์ จงประมาณความถ่เี สยี งที่
สามารถสั่นพ๎องกับทํออนั นี้ได๎
ก. 1,000 เฮริ ตซ์
ข. 2,500 เฮิรตซ์
ค. 3,250 เฮิรตซ์
ง. 3,750 เฮริ ตซ์
38. สอ๎ มเสียง 20 อันเรยี งตามลาดบั จากความถ่นี ๎อยไปมาก ปรากฏวาํ ความถตี่ ่าสดุ เปน็ 2 ชํวงคํแู ปด
ของความถ่ีสูงสุด อยากทราบวาํ สอ๎ มเสียงอันที่ 12 มคี วามถเ่ี ทาํ ใด โดยส๎อมเสยี ง 2 อนั ที่อยตูํ ดิ กนั เกิด
บตี ส์ 3 ครงั้ ตํอวนิ าที
ก. 19 เฮิรตซ์
ข. 52 เฮริ ตซ์
ค. 55 เฮริ ตซ์
ง. 76 เฮริ ตซ์
39. ถา๎ หลอดเรโซแนนซ์ท่ีใช๎ในการทดลองเรอ่ื งเสยี งขดุ หน่ึง จะใหค๎ วามดังสงู สุดสามครง้ั เมอื่ เลือ่ น
ตาแหนํงลูกสูบไปตามความยาวของหลอดเรโซแนนซ์ ถ๎าตาแหนงํ สุดทา๎ ยดังเม่ือลูกสูบหาํ งจารกลาโพง
มากท่ีสุดและหาํ งจากปลายกระบอกสูบ 100 เซนตเิ มตร อยากทราบวําลาโพงสน่ั ดว๎ ยความถ่ีกเี่ ฮริ ตซ์
กาหนดอัตราเรว็ เสียงในอากาศ 340 เมตรตอํ วนิ าที
ก. 435 เฮิรตซ์
ข. 543 เฮิรตซ์
ค. 600 เฮริ ตซ์
ง. 700 เฮริ ตซ์
40. ทอํ ปลายเปิดสองข๎างยาว 1 เมตร จะต๎องนาส๎อมเสียงทีก่ าลงั สั่นดว๎ ยความถี่เทําใดไว๎ใกล๎
ปลายเปดิ ข๎างหน่ึงจงึ จะเกิดการส่นั พอ๎ งสองตาแหนํง กาหนดอตั ราเร็วเสียงในอากาศ 340 เมตรตอํ
วินาที
ก. 340 เฮิรตซ์
ข. 440 เฮริ ตซ์
ค. 540 เฮิรตซ์
ง. 640 เฮิรตซ์
ผลการเรียนรทู้ ่ี 6 สืบค้น อธิบาย ยกตัวอย่าง เกี่ยวกับลกั ษณะและเงื่อนไขของปรากฏการณ์ดอป
เพลอร์ คลน่ื กระแทกและการประยุกต์ความร้เู รื่องเสียงมาใชด้ า้ นตา่ งๆ พร้อมท้งั คานวณหา
ปริมาณต่างๆ ท่เี ก่ียวข้องไดอ้ ย่างถูกต้อง
41. ผโ๎ู ดยสารรถไฟสังเกตได๎วําขณะทีเ่ ขาหยุดยนื อยูบํ นชานชาลา เสียงหวูดรถไฟขณะท่ีจอดนิง่ มี
ความถี่ตํางจากเสยี งหวดู ขณะรถไฟวิ่งออกจากชานชาลา ปรากฏการณเ์ ชํนนเ้ี รยี กวาํ ปรากฏการณ์ใด
ก. การหักเห
ข. การเล้ียวเบน
ค. การแทรกสอด
ง. ปรากฏการณด์ อปเพลอร์
42. ปรากฏการณด์ อปเพลอร์ เป็นปรากฏการณ์ที่แสดงให๎เห็นถงึ การเปลี่ยนแปลงส่ิงใดของเสียง
ก. ระดบั เสยี ง
ข. คณุ ภาพเสียง
ค. ความเข๎มเสยี ง
ง. การสั่นพอ๎ งของเสยี ง
43. เมอ่ื วตั ถุเคล่ือนท่ีในตัวกลางของเสยี ง อยากทราบวาํ ในสภาวะการเคลอื่ นที่ใดจึงจะทาให๎เกิดคล่นื
กระแทก
ก. เมื่อความเรว็ เสยี งในตัวกลางเทาํ กับความเร็วของแสง
ข. เม่อื ความเร็วเสียงในตวั กลางเทํากับความเรว็ นอ๎ ยกวําความเร็วของวตั ถุ
ค. เมื่อความเร็วเสยี งในตัวกลางเทาํ กบั ความเร็วมากกวาํ ความเรว็ ของวตั ถุ
ง. เม่ือความเรว็ เสียงในตวั กลางเทาํ กบั ความเร็วเทํากบั ความเร็วของแสงในตวั กลาง
44. รถพยาบาลคันหนึ่งขณะจอดอยํูนิ่งรมิ ถนน ไดเ๎ ปดิ ไซเรนด๎วยความถี่ 350 เฮริ ตซ์ ผู๎ฟงั จะรู๎สึก
อยํางไรจึงจะถูกต๎องตามความเป็นจริงขณะเราว่งิ เข๎าหารถพยาบาล
ก. ความยาวคล่ืนส้ันลง แตคํ วามถี่สูงขึน้
ข. ความยาวคลน่ื ยาวขึ้น แตํความถ่ตี า่ ลง
ค. ความยาวคล่นื และความถ่ีไมเํ ปลีย่ นแปลง
ง. ความยาวคลน่ื ไมํเปล่ยี นแปลง แตํความถี่สงู ข้นึ
45. รถดบั เพลงิ คันหนึง่ วิ่งดว๎ ยความเรว็ 40 เมตรตํอวนิ าที เปดิ หวอดว๎ ยความถี่ 500 เฮิรตซ์ ผฟ๎ู ังกาลัง
ขรี่ ถจักรยานยนต์ด๎วยความเร็ว 22 เมตรตอํ วนิ าที เขาจะได๎ยินเสียงหวอด๎วยความถี่กเี่ ฮิรตซ์ ถ๎าเขาขี่
รถจักรยานยนต์นาหน๎ารถดบั เพลงิ กาหนดให๎อัตราเรว็ เสยี งในอากาศขณะนน้ั เทาํ กบั 340 เมตรตอํ
วนิ าที
ก. 330 เฮิรตซ์
ข. 430 เฮริ ตซ์
ค. 530 เฮิรตซ์
ง. 630 เฮิรตซ์
46. เรือว่ิงด๎วยอัตราเรว็ 6 เมตรตํอวนิ าที ในขณะทคี่ ล่นื นา้ มีอัตราเร็ว 3 เมตรตํอวนิ าที จงหามุม
ระหวํางหนา๎ คลืน่ กระแทกผิวน้ากับแนวทางเดินของเรอื
ก. 30 องศา
ข. 45 องศา
ค. 53 องศา
ง. 60 องศา
47. เครือ่ งบนิ บินด๎วยความเร็ว 1.5 มคั คากลาํ วในข๎อใดถูกต๎อง
ก. ความเรว็ เสียงในอากาศตํอความเรว็ ของเครอ่ื งบินเทํากับ 1.5 ตํอ 2
ข. ความเรว็ เสยี งในอากาศตํอความเร็วของเคร่ืองบินเทํากับ 2 ตํอ 3
ค. ความเรว็ เสยี งในอากาศตํอความเร็วของเคร่ืองบนิ เทาํ กบั 3 ตํอ 2
ง. ไมมํ ีข๎อถูก
48. ในเทคโนโลยีปัจจบุ นั งานประเภทใดที่ใชค๎ ล่ืนเสียงทาไมํได๎
ก. การเช่อื มโลหะ
ข. การตรวจสอบรอยรา๎ วในโครงสร๎าง
ค. การตดิ ตํอระหวํางพื้นโลกกบั ดาวเทยี มในวงโคจร
ง. การสรา๎ งคลน่ื เสียงความถส่ี ูงในยํานคล่ืนแมเํ หลก็ ไฟฟ้า
49. ข๎อใดตํอไปนี้เป็นวัตถุประสงคข์ องการบุผนงั ของโรงภาพยนตร์ดว๎ ยวัสดุดดู กลนื เสยี ง
ก. ลดความถี่ของเสยี ง
ข. ลดความดังของเสยี ง
ค. ลดการหกั เหของเสยี ง
ง. ลดการสะท๎อนของเสยี ง
50. ในการสารวจน้ามนั แหลงํ นา้ มันใตผ๎ ิวโลก นักธรณีวทิ ยาทาได๎โดยการวางระเบิดไว๎ ณ ความลกึ ท่ี
ตาํ งกนั เมื่อทาให๎เกดิ การระเบิด นักธรณจี ะสามารถทานายได๎วํา ณ บรเิ วณใดบา๎ งนาํ จะมีแหลํง
นา้ มนั และจะมีน้ามันในปรมิ าณเทําใด นักธรณีทานายได๎โดยอาศัยคณุ สมบตั ิข๎อใดของเสียง
ก. การหักเห
ข. การสะท๎อน
ค. การแทรกสอด
ง. การเลย้ี วเบน
ขอ้ คาตอบ ขอ้ คาตอบ
1. ก. 26. ค.
2. ก. 27. ค.
3. ข. 28. ค.
4. ก. 29. ก.
5. ค. 30. ค.
6. ก. 31. ก.
7. ข. 32. ข.
8. ข. 33. ง.
9. ข. 34. ง.
10. ค. 35. ข.
เฉลยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน เร่อื งเสียงและการไดย้ นิ
วิชาฟิสกิ ส์เพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว30203 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5
11. ก. 36. ง.
12. ก. 37. ข.
13. ก. 38. ข.
14. ข. 39. ก.
15. ค. 40. ก.
16. ค. 41. ง.
17. ง. 42. ก.
18. ก. 43. ข.
19. ง. 44. ง.
20. ก. 45. ค.
21. ง. 46. ก.
22. ข. 47. ข.
23. ง. 48. ค.
24. ก. 49. ง.
25. ง. 50. ข.
ตารางที่ 11 ผลการประเมินความสอดคล๎องระหวาํ งของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและ
ผลการเรียนร๎ู เร่อื งเสียงและการได๎ยนิ วิชาฟสิ กิ ส์เพ่ิมเติม 3 โดยผู๎เชี่ยวชาญ
ขอ๎ ที่ คะแนนความคดิ เห็นของผูเ๎ ช่ยี วชาญ IOC ความหมาย
คนที่ 1 คนท่ี 2 คนที่ 3
1.00 เหมาะสม
1 +1 +1 +1 0.66 เหมาะสม
0.66 เหมาะสม
2 +1 0 +1 1.00 เหมาะสม
1.00 เหมาะสม
3 +1 +1 0 0.66 เหมาะสม
1.00 เหมาะสม
4 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
0.66 เหมาะสม
5 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
1.00 เหมาะสม
6 +1 +1 0 1.00 เหมาะสม
0.66 เหมาะสม
7 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
0.66 เหมาะสม
8 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
1.00 เหมาะสม
9 0 +1 +1 1.00 เหมาะสม
1.00 เหมาะสม
10 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
1.00 เหมาะสม
11 +1 +1 +1 0.66 เหมาะสม
1.00 เหมาะสม
12 +1 +1 +1 0.66 เหมาะสม
13 +1 0 +1 IOC ความเหมาย
14 +1 +1 +1
15 +1 0 +1
16 +1 +1 +1
17 +1 +1 +1
18 +1 +1 +1
19 +1 +1 +1
20 +1 +1 +1
21 +1 +1 +1
22 +1 0 +1
23 +1 +1 +1
24 0 +1 +1
ตารางท่ี 11 (ตอํ )
ขอ๎ ท่ี คะแนนความคดิ เหน็ ของผ๎ูเชี่ยวชาญ
คนที่ 1 คนท่ี 2 คนท่ี 3
25 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
26 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
27 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
28 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
29 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
30 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
31 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
32 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
33 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
34 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
35 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
36 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
37 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
38 +1 0 +1 0.66 เหมาะสม
39 0 +1 +1 0.66 เหมาะสม
40 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
41 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
42 +1 0 +1 0.66 เหมาะสม
43 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
44 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
45 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
46 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
47 +1 0 +1 0.66 เหมาะสม
48 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
49 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
50 +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
การหาคณุ ภาพเคร่ืองมือของแบบทดสอบผลสมั ฤท
ของนักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรยี นประ
ตารางที่ 12 การหาคํา p, คาํ q, คาํ pq, คํา pq , คํา X, คาํ X2 ของแบบ
ของนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บาร
กลุมํ คนท่ี 1 2 3 4 5 6 7
สูง ขอ๎ ท่ี
1 1101111
2 1101101
3 1101101
4 1111011
5 1101111
6 1001111
7 0110111
8 1001111
9 1011101
10 1 1 1 1 1 1 1
รวมผู๎ตอบถกู 9 7 4 9 9 71
กลุมํ สงู
ทธิ์ทางการสอน วิชาฟสิ กิ ส์เพม่ิ เติม 3 รหัสวชิ า ว 30203 17
ะสาธน์ราษฎรบ์ ารุง ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2556
บทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น วชิ าฟสิ ิกส์เพม่ิ เติม 3
รุง จานวน 50 ขอ๎ (ข๎อ 1-17) โดยใชเ๎ ทคนิค 33 % ของกลํมุ สูง
7 8 9 10 11 12 13 14 15 16
11011101110
11111101010
11011101110
11111101110
10011101110
11011101111
11111001111
11011111110
11011011111
11011111110
10 9 3 10 10 8 3 10 9 10 3
164
ตารางท่ี 13 การหาคํา p, คํา q, คํา pq, คาํ pq , คาํ X, คาํ X2 ของแบบ
ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรียนประสาธนร์ าษฎรบ์ าร
กลุมํ คนท่ี 18 19 20 21 22 23 2
สูง ข๎อที่
1 1110010
2 1001011
3 1010011
4 1101011
5 1111110
6 1011011
7 0101011
8 1101111
9 1001011
10 1 0 0 0 1 0 0
รวมผู๎ตอบถูก 9 5 4 7 3 9 7
กลมํุ สูง
บทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน วชิ าฟสิ ิกส์เพมิ่ เติม 3
รุง จานวน 50 ข๎อ (ข๎อ 18-34) โดยใช๎เทคนิค 33 % ของกลุํมสูง
24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34
01110110101
11110011111
11110111010
11000101111
01110010111
11110111011
11110111111
11110011111
11110111011
01111110100
7 10 9 9 1 7 9 7 7 8 8
165
ตารางที่ 14 การหาคํา p, คํา q, คํา pq, คํา pq , คํา X, คาํ X2 ของแบบ
ของนักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎรบ์ าร
กลุํม คนที่ 35 36 37 38 39 40 41 42
สงู ขอ๎ ท่ี
1 0 1 0011 1 0
2 1 1 0101 1 0
3 1 1 0111 1 0
4 1 1 0101 1 0
5 1 0 1000 0 0
6 1 0 1001 1 0
7 1 1 1011 1 0
8 1 1 0111 1 0
9 0 0 1001 1 1
10 1 0 1 1 0 0 0 0
รวมผตู๎ อบถูก 8 6 5548 8 1
กลมํุ สงู
บทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น วชิ าฟิสกิ สเ์ พ่มิ เติม 3
รุง จานวน 50 ข๎อ (ข๎อ 35-50) โดยใช๎เทคนิค 33 % ของกลุํมสงู
43 44 45 46 47 48 49 50 X X2
1 0 1 1 1 1 1 1 35 1225
1 1 1 1 0 1 0 0 34 1156
1 1 1 1 1 1 1 1 37 1369
1 1 0 1 0 0 1 1 35 1225
1 0 1 1 1 1 0 0 32 1024
1 0 1 1 1 1 0 1 36 1296
1 0 1 1 0 1 0 1 37 1369
1 1 1 1 1 1 0 1 40 1600
1 1 1 1 0 1 1 1 36 1296
1 0 1 0 1 1 0 1 32 1024
10 5 9 9 6 9 4 8 354 12584
166
ตารางที่ 15 การหาคํา p, คํา q, คาํ pq, คาํ pq , คาํ X, คํา X2 ของแบบ
ของนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 โรงเรยี นประสาธนร์ าษฎร์บาร
กลุํมต่า ข๎อที่ 1234567
คนท่ี
0010010
10 0111010
9 0110000
8 0010000
7 0010010
6 1011011
5 0010000
4 0010100
3 0100110
2 0110110
1 1492361
รวมผ๎ูตอบถกู 10 11 13 11 12 13 11
กลํมุ ต่า 0.50 0.55 0.65 0.55 0.60 0.65 0.55
0.80 0.30 -0.50 0.70 0.60 0.10 0.90
รวมกลมุํ สงู
และกลมุํ ตา่
คํา p
คาํ r
บทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น วิชาฟิสิกส์เพม่ิ เติม 3
รุง จานวน 50 ข๎อ (ข๎อ 1-17) โดยใชเ๎ ทคนคิ 33 % ของกลุํมตา่
8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
0010000110
0000101101
0001000001
0100000110
0100000001
1001111001
0000010001
0110001011
0010000010
0010000110
1342223456
10 6 14 12 10 5 13 13 15 9
0.50 0.30 0.70 0.60 0.50 0.25 0.65 0.65 0.75 0.45
0.80 0.00 0.60 0.80 0.60 0.10 0.70 0.50 0.50 -0.30
คาํ q 0.50 0.45 0.35 0.45 0.40 0.35 0.45
คํา pq 0.25 0.25 0.23 0.25 0.24 0.23 0.25
ตารางท่ี 16 การหาคาํ p, คํา q, คํา pq, คาํ pq , คาํ X, คาํ X2 ของแบบ
ของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บาร
กลุํมตา่ คนท่ี 18 19 20 21 22 23 24
ขอ๎ ที่
10 0001010
9 0000100
8 0000010
7 0000101
6 0000101
5 1000100
4 0010001
3 0000100
2 0000100
1 0010000
1021623
รวมผ๎ตู อบถกู
กลมํุ ต่า
0.50 0.70 0.30 0.40 0.50 0.75 0.35 0.35 0.25 0.55 167
0.25 0.21 0.21 0.24 0.25 0.19 0.23 0.23 0.19 0.25
บทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น วชิ าฟิสกิ ส์เพิม่ เติม 3
รุง จานวน 50 ข๎อ (ข๎อ 18-34) โดยใช๎เทคนิค 33 % ของกลุํมต่า
25 26 27 28 29 30 31 32 33 34
1001000000
0101010110
1001000010
0000000001
0000100000
0000000100
0011111000
0111110000
0111110000
1111110100
3447551321
รวมกลํุมสงู 10 5 6 8 9 11 10
และกลํมุ ตา่
0.50 0.25 0.30 0.40 0.45 0.55 0.50 0
คาํ p 0.80 0.50 0.20 0.60 -0.30 0.70 0.40 0
0.50 0.75 0.70 0.60 0.55 0.45 0.50 0
คาํ r 0.25 0.19 0.21 0.24 0.25 0.25 0.25 0
คํา q
คํา pq
13 13 13 8 12 14 8 9 10 9
0.65 0.65 0.65 0.40 0.60 0.70 0.40 0.45 0.50 0.45
0.70 0.50 0.50 -0.60 0.20 0.40 0.60 0.50 0.60 0.70
0.35 0.35 0.35 0.60 0.40 0.30 0.60 0.55 0.50 0.55
0.23 0.23 0.23 0.24 0.24 0.21 0.24 0.25 0.25 0.25
168
ตารางที่ 17 การหาคํา p, คํา q, คาํ pq, คํา pq , คาํ X, คาํ X2 ของแบบ
ของนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บาร
กลํมุ ต่า คนท่ี 35 36 37 38 39 40 41 42
ข๎อท่ี
10 100 1 101 1
010 1 001 0
9 001 0 001 0
000 1 000 1
8 100 1 000 0
101 1 000 0
7 000 0 110 1
000 1 000 1
6 100 1 000 0
101 1 000 0
5
513 8 213 4
4
13 7 8 12 6 9 11 6
3
2
1
รวมผต๎ู อบถูก
กลุมํ ต่า
รวมกลมุํ สงู
และกลมุํ ต่า
บทดสอบวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น วชิ าฟิสิกส์เพิ่มเติม 3
รุง จานวน 50 ข๎อ (ข๎อ 35-50) โดยใช๎เทคนิค 33 % ของกลํมุ ต่า
43 44 45 46 47 48 49 50 X X2
00100010 8 64
01100100 11 121
00001000 5 25
01010000 5 25
00001000 4 16
10001001 7 49
00110101 12 144
01100100 10 100
10101100 11 121
10101101 14 196
33625513 87 861
X X2
12 9 15 11 10 14 5 10 = = 2760
254
คํา p 0.6 0.3 0.4 0.60 0.3 0.4 0.5 0.30
5 5 0 0 5 5
คํา r 0.3 0.5 0.2 -0.20 0.2 0.7 0.5 -
0 0 0 0 0 0 0.40
คาํ q 0.3 0.6 0.6 0.60 0.7 0.5 0.4 0.70
5 5 0 0 5 5
คํา pq 0.2 0.2 0.2 0.36 0.2 0.2 0.2 0.21
3 3 4 1 5 5