ªØ´¡ÒÃÊѧ¤Ò¹ÒÀÙÁ»Ô ˜ÞÞÒ¡ÒùǴä·Â: ò
สำนกั งานขอมูลและคลงั ความรู
กรมการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
กระทรวงสาธารณสุข
ชดุ การสงั คายนาภูมิปญ ญาการนวดไทย: ๒
คาํ อธบิ ายสมุดภาพโคลงฤๅษดี ดั ตน
ส�านกั งานข้อมลู และคลังความรู้
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก
กระทรวงสาธารณสขุ
ชุดการสงั คายนาภูมปิ ญั ญาการนวดไทย: ๒
คำ� อธิบายสมดุ ภาพโคลงฤๅษีดดั ตน
ทปี่ รึกษา อธบิ ดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก
นายแพทยส์ เุ ทพ วชั รปยิ านันทน์ รองอธบิ ดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก
นายแพทยป์ ราโมทย์ เสถียรรตั น์
บรรณาธิการ ดร.รัชนี จนั ทรเ์ กษ อ.สดุ ารตั น์ สุวรรณพงศ์ ดร.ภก.ยงศกั ด์ิ ตนั ตปิ ฎิ ก
กองบรรณาธิการ วนิดา คำ� หงษา ศรัณยา จันษร สมชาย ชา้ งแก้วมณี
ซูไมยะ เด็งสาแม ชลทวิ า ทองรัตน์ พสิ ษิ ฎ์พล นางาม
ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิและ
ครูหมอนวดไทย นพ.ประพจน์ เภตรากาศ อ.สนั ติสุข โสภณสิริ อ.ถวิล อภัยนคิ ม
อ.วโิ รจน์ มณฑา อ.กรกมล เอ่ียมธนะมาศ อ.สนทิ วงษก์ ะวนั
อ.ศุภณี เมธารินทร ์ อ.สาวิตรี ศริ ิวฒุ ิ อ.ระวี รกั ษแ์ ก้ว
จัดทำ� โดย สำ� นกั งานข้อมูลและคลงั ความรู้
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
http://www.dtam.moph.go.th/
ขอ้ มูลทางบรรณานุกรมของสำ� นักหอสมุดแห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก. ส�ำนักงานขอ้ มูลและคลังความร้.ู
ชุดการสังคายนาภมู ิปญั ญาการนวดไทย: ๒ คำ� อธิบายสมุดภาพโคลงฤๅษดี ดั ตน.--นนทบุรี:
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, ๒๕๖๐.
๑๙๗ หน้า. -- (ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๒).
๑. การนวด. ๒. ฤๅษีดดั ตน. I. ช่ือเรอ่ื ง.
615.822
ISBN 978-616-11-3214-9
ประสานงาน ลภดา ศรโี คตร จฑุ าพร ภเู วียง จนิ ตนา ศรีสวุ รรณ์
ออกแบบเนอ้ื หา
จดั พมิ พ์โดย ชนิสรา นาถนอม ออกแบบปก ชัยณรงค์ พาพลงาม
พมิ พค์ รั้งท่ี ๑
พิมพท์ ่ ี กองทนุ ภมู ปิ ญั ญาการแพทย์แผนไทย
มกราคม ๒๕๖๐ จำ� นวน ๑,๐๐๐ เล่ม
ศูนยส์ อ่ื และสิง่ พิมพแ์ ก้วเจา้ จอม มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สวนสนุ นั ทา
คํานํา
ในปัจจุบันองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยซ่ึงเป็นภูมิปัญญาของบรรพชนน้ัน
แม้มีอยู่มากมายหลากหลาย มีการปฏิบัติใช้รักษาผู้คนแล้วได้ผลมาแต่โบราณกาล
แต่ด้วยเวลาทีผ่ ันผา่ นท�าให้องคค์ วามรเู้ หลา่ น้ันบางส่วนกม็ คี วามคลาดเคลื่อน ไม่เปน็ ระบบ
และบางแห่งก็ไมส่ ามารถน�ามาต่อยอดความรู้เพ่อื ประโยชนท์ างวชิ าการได้
ด้วยเล็งเห็นว่าความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยน้ันมีความส�าคัญต่อชาติและมีคุณค่า
ทางด้านประวัติศาสตร์ วิทยาการ ความรู้เหล่านี้จึงควรได้รับการช�าระให้ทันสมัยและ
ท�าให้เป็นระบบ ผ่านกระบวนการ “สังคายนา” ที่ต้องอาศัยการระดมสมอง รวบรวม
ความรแู้ ละประสบการณ์ในการศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหลายภาคส่วน และนา� ความร้ทู ่ีได้รบั
การช�าระแล้วมาก่อประโยชน์และสร้างคณุ ค่าใหว้ งวิชาการแพทยแ์ ผนไทยและประเทศชาติ
ตอ่ ไป
โครงการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทยในต�าราการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ
จึงด�าเนินการบนพ้ืนฐานของหลักการข้างต้น โดยเป็นส่วนหน่ึงของโครงการพัฒนาระบบ
สารสนเทศองค์ความรู้ดิจิทัลภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยของประเทศไทย (TTDKL)
ภายใตก้ ารกา� กบั ดแู ลของสา� นกั งานขอ้ มลู และคลงั ความรู้ กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์
ทางเลือก เพื่อการสังคายนาองค์ความรู้ด้านการนวดไทยและฤๅษีดัดตน เบ้ืองต้นที่อยู่ใน
ตา� ราแพทยแ์ ผนไทยโบราณ และมเี ปา้ หมายในการสรา้ งตน้ แบบการจดั การระบบภมู ปิ ญั ญา
การนวดไทยท่ผี า่ นการถา่ ยถอด ปรวิ รรต สังคายนา และพฒั นารหสั มาตรฐานภูมปิ ัญญา
การแพทยแ์ ผนไทยของประเทศ (TTDKC) ท่ีมคี วามนา่ เช่อื ถือทางวชิ าการ รวมถึงมกี าร
บันทึกลงในระบบดิจิทัล และการสร้างเครือข่ายการสังคายนาการนวดไทยและฤๅษีดัดตน
ของประเทศ ผ่านการด�าเนินงานร่วมกันของผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้าน
การนวดไทย ทง้ั หมอนวดและหมอเวชกรรม ในการคัดเลือกและศกึ ษาวิเคราะห์ จดั จ�าแนก
(4)
องค์ความรู้ในคัมภีร์ ต�ำรา แผนนวด ศิลาจารึก และประติมากรรมฤๅษีดัดตน โดยได้
คัดเลอื กแหล่งความรทู้ ่ีใชศ้ กึ ษาวิเคราะห์ ๕ รายการ คือ
๑. กลา่ วเส้นสบิ ในต�ำราโรคนิทานคำ� ฉันท์ ๑๑
๒. คมั ภรี ์แผนนวด ศิลาจารกึ วดั พระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
๓. คมั ภรี แ์ ผนนวด เลม่ ๑-๒ ในตำ� ราเวชศาสตรฉ์ บบั หลวง รชั กาลที่ ๕ เลม่ ๒
๔. จารึกตำ� รายาวดั ราชโอรสารามราชวรวหิ าร
๕. สมดุ ภาพโคลงฤๅษีดดั ตน (โคลงภาพฤๅษีดดั ตนต่าง ๆ ๘๐ รปู )
โดยจดั ทำ� เปน็ หนงั สอื ชดุ การสงั คายนาภมู ปิ ญั ญาการนวดไทย ๔ เลม่ ประกอบดว้ ย
๑ คำ� อธบิ ายกลา่ วเสน้ สบิ ในตำ� ราโรคนทิ านคำ� ฉนั ท์ ๑๑ และแผนนวดควำ�่ ในจารกึ
ตำ� รายาวัดราชโอรสารามราชวรวหิ าร
๒ ค�ำอธบิ ายสมดุ ภาพโคลงฤๅษดี ัดตน
๓ ค�ำอธบิ ายศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม (วัดโพธิ)์
๔ คำ� อธบิ ายคมั ภรี แ์ ผนนวด เลม่ ๑-๒ ในตำ� ราเวชศาสตรฉ์ บบั หลวง รชั กาลที่ ๕
เลม่ ๒
การสงั คายนาภูมิปัญญาการนวดไทยในต�ำราการแพทยแ์ ผนไทยแห่งชาติ เป็นงาน
การศกึ ษารว่ มกนั ของคณะอนกุ รรมการและคณะทำ� งานฯ ครหู มอนวดไทย หมอเวชกรรมไทย
ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ นกั วชิ าการ ตลอดระยะเวลา ๑ ปี ซึ่งประกอบด้วยส่วนของการจ�ำแนก
ศกึ ษาวเิ คราะหอ์ งคค์ วามรู้ และสว่ นของการสงั คายนาภมู ปิ ญั ญาที่ไดจ้ ากตำ� รา กรมการเเพทย์
แผนไทยและการเเพทยท์ างเลือก ขอขอบคุณคณะอนุกรรมการ คณะทำ� งาน และวทิ ยากร
ผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านท่ีร่วมกันศึกษา วิพากษ์ และพัฒนาองค์ความรู้และกระบวนการ
สังคายนาใหม้ ีความสมบูรณ์ และเป็นประโยชนต์ อ่ วงการแพทยแ์ ผนไทยตอ่ ไป
นายแพทยส์ ุเทพ วชั รปยิ านนั ทน์
อธบิ ดกี รมการเเพทย์แผนไทยและการเเพทย์ทางเลือก
คําชี้แจงและหลักเกณฑ
ในการสงั คายนาสมดุ ภาพโคลงภาพฤๅษดี ดั ตน
ความหมาย
การสังคายนาภมู ิปญั ญาการนวดไทย หมายความว่า การสังเคราะหต์ �ารา คมั ภีร์
จารกึ ทเี่ ก่ียวกบั การนวดไทย ซงึ่ ปรากฏในแผนไทยมากกวา่ ๑๐๐ ปี และได้มกี ารถ่ายทอด
ความรู้สืบตอ่ กนั มายาวนาน เพ่อื ให้ได้องค์ความรู้ท�าใหเ้ กดิ ความรู้ ความเขา้ ใจท่ีตรงกันกบั
ต้นฉบบั เดมิ เกิดกระบวนการตีความ วเิ คราะห์ และสงั เคราะห์สามารถน�าไปใชป้ ระโยชน์
ในการถ่ายทอด การรกั ษาต่อไปได้ในอนาคต
การคดั เลือกตา� รา
๑. ต�าราโบราณตน้ ฉบับสมดุ ไทยด�า “สมุดรปู ฤๅษีดดั ตนแก้โรคต่าง ๆ ๘๐ รปู ”
๒. สมดุ ภาพโคลงฤๅษดี ดั ตน. กรงุ เทพฯ: กรมศลิ ปากร; ๒๕๕๐
คณะทา� งาน
ด�าเนินการโดย “คณะทา� งานเพอื่ ดา� เนินการสงั คายนาภูมปิ ญั ญาดา้ นฤๅษีดัดตนใน
ต�าราการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ” ตามค�าส่ังกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์
ทางเลือก ท่ี ๗๗/๒๕๕๘
กระบวนการสังคายนา
๑. การศึกษาบรบิ ทของความรู้
๑.๑ การศึกษาองค์ความรู้ท่ีปรากฏอยู่ในต�ารา เพ่ือช่วยให้เข้าใจถึงสภาพ
ทางสังคม ตลอดจนการให้ความหมายตอ่ สขุ ภาพ และความเจ็บป่วยในยคุ สมัยนัน้ ทอ่ี าจ
แตกต่างจากปจั จุบัน
(6)
๑.๒ การศึกษาประวัติศาสตร์ของต�ำรา ได้แก่ ประวัติศาสตร์ในยุคสมัยท่ี
เกี่ยวข้อง ประวัติความเป็นมาของต�ำรา ความส�ำคัญของต�ำรา และประวัติผลงานของ
ผู้แตง่ ผเู้ รยี บเรยี ง ผูค้ ดั ลอก ผูเ้ ขยี นภาพ
๑.๓ การทบทวนวรรณกรรม ศึกษาการตีความเน้ือหาความรู้ของการศึกษา
ที่เกี่ยวขอ้ ง
๑.๔ ศึกษาเนื้อหาความรู้ โดยคณะท�ำงานร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ต�ำรา
ซง่ึ แบง่ วิธีการศกึ ษาหลกั ดงั น้ี
๑) วิเคราะห์ภาพรวมเนื้อหา
๒) จ�ำแนกความรู้เป็นหมวดหมู่ชัดเจน จัดเป็นกลุ่ม ชื่อโรค ลักษณะ
อาการ สมมตฐิ านโรค ตำ� แหน่งจดุ และแนวเส้นนวด ตำ� รายาที่เกยี่ วข้อง
๓) วิเคราะห์ความหมายของศพั ท์เฉพาะ
แหลง่ ที่มาของคำ� ศพั ท์และต�ำราท่ีใช้ประกอบการคน้ คว้าอา้ งองิ
๑. พจนานุกรม ศัพท์แพทย์และเภสัชกรรมแผนไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน.
พิมพ์ครง้ั ท่ี ๓. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์องค์การสงเคราะหท์ หารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถมั ภ์;
๒๕๕๖. (๕๖๖ หนา้ ).
๒. ศพั ทแ์ พทย์ไทย. พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๒. กรงุ เทพฯ: ประชาชน จำ� กดั ; ๒๕๔๖. (๒๖๒ หนา้ ).
๓. แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ภูมิปัญญาทางการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรม
ของชาติ. พิมพ์ครงั้ ที่ ๔. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว; ๒๕๕๔. (๑,๐๑๒ หนา้ ).
๔. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔. พมิ พ์คร้ังที่ ๒. กรงุ เทพฯ:
ศริ วิ ฒั นาอนิ เตอรพ์ รน้ิ ท;์ ๒๕๕๖. (๑,๕๔๔ หนา้ ).
๕. ความหมาย องคค์ วามรทู้ เ่ี กดิ จากกระบวนการตคี วาม วเิ คราะห์ และสงั เคราะห์
ท�ำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจที่ตรงกันกับต้นฉบับเดิม โดยผู้เช่ียวชาญด้านการนวดไทย
และคณะทำ� งานเพอื่ ดำ� เนนิ การสงั คายนาภมู ปิ ญั ญาดา้ นฤๅษดี ดั ตนในตำ� ราการแพทยแ์ ผนไทย
แหง่ ชาติ (คทง.)
๖. ตำ� ราแพทยศ์ าสตรส์ งเคราะห์ ฉบบั หลวง. กรงุ เทพฯ: กระทรวงสาธารณสขุ ;
๒๔๙๗.
(7)
๗. ตำ� ราเวชศาสตรฉ์ บบั หลวง รชั กาลที่ ๕ เลม่ ๒. กรงุ เทพฯ: กรมศลิ ปากร;
๒๕๔๒.
๘. New Model English-Thai Thai-English Dictionary. สอ เสถบตุ ร. กรงุ เทพฯ:
พรมี า พบั บลชิ ชงิ ; ๒๐๐๘. ทม่ี า: http//dictionary.sanook.com/search/dict-en-th-sedthabut
การเขยี นอา้ งอิงหนังสอื คำ� ศัพท ์
การเขียนความหมายของค�ำศัพท์ (.../...) หมายถึง (ล�ำดบั หนังสือที่ใชอ้ า้ งองิ /ระบุ
เลขหนา้ ของหนังสอื ) โดยใช้หนังสอื อา้ งอิงตามที่ระบุไว้ในขอ้ ๑-๘ และระบเุ ลขหนา้ ไว้เพ่อื
ประโยชนต์ อ่ การคน้ ควา้ ตอ่ ไป
(คทง.) หมายถึง ความหมายตามที่หนังสอื อา้ งองิ ระบไุ ว้ในขอ้ ๕
ตัวอย่างเชน่
สะบกั หนา้ จม อาการปวดตงึ บริเวณสะบัก บา่ และไหลข่ ้างขวามกั จะเกิดเรอ้ื รัง
อาจเนื่องจากการใช้งานทแ่ี ขนมาก และเป็นเวลานาน ทำ� ใหเ้ ลอื ด
ลมตามแนวเส้นปิงคลาเดินไม่สะดวก (๑/น. ๔๓๖)
(๑/น. ๔๓๖) หมายความว่า ค้นหาความหมายของค�ำศัพท์ได้จากหนังสือล�ำดับ
ท่ี ๑ คือ พจนานุกรม ศัพท์แพทย์และเภสัชกรรมแผนไทย
ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน หนา้ ๔๓๖
สารบัญ
หน้า
บทนา� ๑..............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
สว่ นท่ี ๑ การจ�าแนก วเิ คราะห์ รปู ปัน้ /ภาพฤๅษีดัดตน ๓.........................................................................................................................
๑. ประวัตคิ วามเปน็ มาของภมู ิปญั ญา “ฤๅษดี ดั ตน” ๔....................................................................................................
๑.๑ ประวัตกิ ารสรา้ งรูปป้นั ฤๅษีดัดตน
ในวดั พระเชตพุ นวมิ ลมังคลาราม ๔...............................................................................................................................................
๑.๒ ประวตั ทิ ม่ี าของโคลงภาพฤๅษีดดั ตน ๙...............................................................................................................................
๑.๓ ประวัติการบนั ทกึ เรือ่ งฤๅษีดัดตนลงในหนังสอื สมุดไทย
“สมดุ รปู ฤๅษดี ัดตนแก้โรคต่าง ๆ ๘๐ รูป” ๑๕................................................................................................
๒. ความสา� คญั ของวิชาฤๅษดี ัดตน ๑๘....................................................................................................................................................................
๒.๑ วิชาฤๅษีดัดตนในประเทศไทย ๑๘......................................................................................................................................................
๒.๒ มลู เหตแุ หง่ ประตมิ ากรรมฤๅษดี ดั ตน ๒๐........................................................................................................................
๓. ลกั ษณะของฤๅษีดดั ตน ๒๒...................................................................................................................................................................................................
๓.๑ ลกั ษณะของรูปปนั้ ฤๅษดี ัดตนวดั พระเชตพุ นฯ ๒๒.....................................................................................
๓.๒ ลักษณะฤๅษีในโคลงภาพฤๅษดี ัดตน ๒๔.............................................................................................................................
๓.๓ ลกั ษณะของโคลงภาพฤๅษีดัดตน ๓๒.......................................................................................................................................
(9)
หนา้
ส่วนที่ ๒ การสงั คายนาภูมิปญั ญาฤๅษดี ดั ตน ๘๐ ท่า ๓๓...........................................................................................................................
๑. การสังคายนาภูมปิ ัญญาฤๅษีดัดตน ๓๔.....................................................................................................................................................
๑.๑ รูปฤๅษดี ัดตน ๓๔.......................................................................................................................................................................................................................
๑.๒ สรปุ การศกึ ษาวเิ คราะห์โรคและอาการ
จากโคลงภาพฤๅษดี ัดตน ๑๕๐...................................................................................................................................................................
๑.๓ การสงั คายนาเบอื้ งตน้ สมดุ ภาพโคลงฤๅษีดัดตน....................................................................๑๕๒
เอกสารอา้ งอิง ๑๘๒..........................................................................................................................................................................................................................................................................................
ภาคผนวก ๑๘๓...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................
๑. ค�ำสงั่ กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก
ท่ี ๕๙๕/๒๕๕๗ ๑๘๕............................................................................................................................................................................................................................
๒. คำ� สั่งกรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก
ท่ี ๗๗/๒๕๕๘ ๑๘๗...............................................................................................................................................................................................................................
๓. ประวัตยิ ่อคณะทำ� งานสงั คายนาภูมิปญั ญาดา้ นฤๅษดี ดั ตน...................................................๑๘๙
๔. ดัชนีคำ� ศัพท์ตามต�ำราที่ใช้ประกอบการคน้ ควา้ อ้างองิ ....................................................................๑๙๔
๕. คำ� อธิบายศพั ทเ์ พ่มิ เตมิ จากคณะท�ำงาน (คทง.) ๑๙๖...........................................................................................
สารบัญตาราง
หนา้
ตารางท่ี ๑ รายพระนาม รายนาม ผลงานโคลงฤๅษีดัดตน ๑๐.................................................................................................................
ตารางท่ี ๒ ผู้แต่งโคลง และฤๅษี ๒๖.......................................................................................................................................................................................................................
ตารางที่ ๓ การวเิ คราะห์กลุ่มโรคและอาการจากสมดุ ภาพโคลงฤๅษดี ดั ตน...........................................๑๑๕
ตารางที่ ๔ กลมุ่ โรค อาการ และความหมายของโรคจากสมุดภาพโคลงฤๅษดี ดั ตน..............๑๓๕
คําอธบิ ายสมุดภาพโคลงฤๅษีดดั ตน 1
บทนํา
“ภูมิปัญญาฤๅษีดัดตน” เป็นภูมิปัญญาการดูแลรักษาสุขภาพท่ีอยู่คู่กับสังคมไทย
มาช้านาน นับเป็นมรดกองค์ความรู้ท่ีทรงคุณค่าย่ิงของชาติไทย ท้ังทางด้านเวชศาสตร์
ศลิ ปะ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ดว้ ยเหตุน้ี “การดา� เนินงานสงั คายนาภูมปิ ญั ญา
ด้านฤๅษีดดั ตนในตา� ราแพทย์แผนไทยแหง่ ชาติ” จึงไดท้ �าการศกึ ษาวิเคราะห์ “ภมู ิปัญญา
ฤๅษีดัดตน” โดยใช้เอกสารอ้างอิงหลักคือ “สมุดรูปฤๅษีดัดตนแก้โรคต่าง ๆ ๘๐ รูป”
ใน “สมดุ ภาพโคลงฤๅษดี ัดตน” ของกรมศลิ ปากร กรงุ เทพฯ๑ จดั ท�าโดย คณะกรรมการ
ฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ กรมศิลปากร ที่ได้คัดเอาโคลงภาพจากต้นฉบับ
สมุดไทยด�าที่จัดท�าข้ึนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓ มา
จัดพิมพ์และถ่ายทอดใหม่เพ่ือเป็นส่วนหน่ึงของโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐
พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการสังคายนาเบื้องต้น มีวัตถุประสงค์
ดังตอ่ ไปน้ี
๑. จา� แนกองคค์ วามร้ภู ูมิปัญญาท่าฤๅษีดดั ตน
๒. วเิ คราะหอ์ งค์ความรู้จากภูมิปัญญาทา่ ฤๅษดี ดั ตน
๓. สังคายนาองคค์ วามรู้ภูมิปญั ญาทา่ ฤๅษีดดั ตน จ�านวน ๘๐ ทา่
๔. จัดทา� ตน้ แบบการสงั คายนาระบบองคค์ วามรภู้ ูมปิ ญั ญาท่าฤๅษีดัดตน
๕. ออกรหัสมาตรฐานภมู ิปัญญาท่าฤๅษีดัดตน
๑ “สมดุ ภาพโคลงฤๅษดี ดั ตน” ของกรมศลิ ปากร กรงุ เทพฯ จดั ทา� โดย คณะกรรมการฝา่ ยประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ
ในคณะกรรมการอ�านวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕
ธันวาคม ๒๕๕๐
2 ชดุ การสงั คายนาภมู ปิ ัญญาการนวดไทย: ๒
เนอ้ื หาในการสงั คายนาเบอื้ งตน้ หนงั สอื ชดุ การสงั คายนาภมู ปิ ญั ญาการนวดไทย ๒
คำ� อธบิ ายสมดุ ภาพโคลงฤๅษดี ดั ตน ประกอบด้วย
ส่วนที่ ๑ การจำ� แนก วิเคราะห์ รูปปัน้ /ภาพฤๅษดี ดั ตน ดังนี้
๑) ประวัติความเปน็ มาของภูมิปัญญา “ฤๅษดี ัดตน”
๒) ความส�ำคัญของวิชา “ฤๅษีดัดตน”
๓) ลกั ษณะของ “ฤๅษีดดั ตน”
ส่วนท่ี ๒ การสังคายนาภมู ิปญั ญาฤๅษีดัดตน ๘๐ ท่า
๑) การศึกษาวิเคราะห์ภูมิปัญญาฤๅษีดัดตน การศึกษาองค์ความรู้ สมุดรูปฤๅษี
ดดั ตนแก้โรคตา่ ง ๆ ๘๐ รปู นี้ เป็นการศกึ ษาเบอ้ื งตน้ โดยจดั ประมวลความรู้ โรค อาการ
ลม แผนดดั ตนตลอดจนทา่ ดดั ตนทง้ั ๘๐ ทา่ โดยไดจ้ ดั ประชมุ ผรู้ ผู้ เู้ ชยี่ วชาญทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
ร่วมกันวิพากษ์ให้ความเห็นข้อเสนอแนะหลายครั้ง เพื่อการปรับปรุงให้ความรู้ท่ีวิเคราะห์
จัดหมวดหมู่มีความสมบูรณ์และเป็นประโยชน์ทางวิชาการต่อวงการแพทย์แผนไทย
และประเทศชาติสืบต่อไป
๑สว นที่
การจําแนก วิเคราะห รูปปน/ภาพฤๅษดี ดั ตน
๑. ประวัติความเป็นมาของภูมิปัญญา “ฤๅษดี ดั ตน”
๒. ความสา� คัญของวิชา “ฤๅษดี ดั ตน”
๓. ลกั ษณะของ “ฤๅษดี ัดตน”
4 ชดุ การสังคายนาภูมปิ ัญญาการนวดไทย: ๒
การศึกษาองคค์ วามรูภ้ มู ิปัญญาฤๅษดี ัดตน “คณะท�ำงานเพอ่ื ด�ำเนินงานสงั คายนา
ภูมิปัญญาด้านฤๅษีดัดตนในต�ำราแพทย์แผนไทยแห่งชาติ” ได้วางกรอบการสังคายนา
ภมู ปิ ญั ญาฤๅษดี ัดตนไวด้ งั น้ี
๑. ประวตั ิความเป็นมาของภมู ปิ ัญญา “ฤๅษีดัดตน”
๒. ความส�ำคญั ของวชิ า “ฤๅษดี ัดตน”
๓. ลกั ษณะของ “ฤๅษดี ดั ตน”
๑. ประวตั ิความเปน็ มาของภมู ปิ ญั ญา “ฤๅษดี ัดตน”
๑.๑ ประวัตกิ ารสรา้ งรปู ปน้ั ฤๅษีดดั ตน ในวดั พระเชตพุ นวิมลมงั คลาราม
๑.๑.๑ สมยั รชั กาลท่ี ๑ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช รชั กาล
ท่ี ๑ (พ.ศ. ๒๓๒๕-๒๓๕๒) ทรงสร้างวัดพระเชตพุ นฯ มกี ารตั้งตำ� รายา และฤๅษดี ดั ตน
ปัจจบุ ันไม่ปรากฏหลกั ฐานรปู ปั้นแลว้
การปรากฏหลกั ฐาน “ฤๅษดี ัดตน” ในสมัยรชั กาลพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้า
จฬุ าโลกมหาราช รชั กาลท่ี ๑ (พ.ศ. ๒๓๒๕-๒๓๕๒) เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้
บูรณปฏิสังขรณ์ วัดโบราณปากแม่น้�ำเจ้าพระยา ช่ือ วัดโพธาราม ชาวบ้านเรียกกันโดย
สามัญว่า “วัดโพธ์ิ” ซ่ึงเป็นวัดท่ีราษฎรสร้างข้ึนต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี๒
นบั แต่เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๓๑ ใชเ้ วลาทั้งสิ้น ๗ ปี ๕ เดอื น ๒๘ วัน จึงแลว้ เสรจ็ พระราชทาน
นามว่า “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาศ” (ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รชั กาลที่ ๔ ทรงแปลงนามสร้อยวัดเปน็ วดั พระเชตุพนวิมลมังคลาราม) และโปรดเกลา้
๒ ต�ำรายาศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรง
พระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ารึกไว้เม่อื พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบบั สมบูรณ์, (พระนคร: โรงพมิ พม์ หามกฏุ ราชวิทยาลยั , ๒๕๐๕),
หน้า ก.
ค�ำ อธิบายสมุดภาพโคลงฤๅษดี ดั ตน 5
ให้เป็นพระอารามหลวงประจ�ำรัชกาล ในการนี้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก-
มหาราช ยังได้มีพระราชด�ำริโปรดเกล้าฯ ให้จารึกเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นหลักฐานไว้
(ปรากฏตอ่ มาในหนงั สอื ประชมุ จารกึ วดั พระเชตพุ นฯ ในชอื่ เรอ่ื ง “ทรงสรา้ งวดั พระเชตพุ น”)
พร้อมท้ังโปรดให้รวบรวมต�ำรายา และปั้นรูปฤๅษีแสดงท่าดัดตน (ปัจจุบันไม่ปรากฏ
หลกั ฐานแลว้ ) เพื่อให้ราษฎรศกึ ษาเลา่ เรยี น และใช้รกั ษาโรค๓
ในหนังสือประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ เล่ม ๑ เร่ือง “จารึกเรื่องทรงสร้างวัด
พระเชตพุ นฯ ครงั้ รัชกาลที่ ๑” (อยู่ในวหิ ารทิศพระโลกนาถมุขหลงั ) ไดถ้ อดความจารึกไว้
ดังน้ี
“ศุภมัศดุพระพุทธศักราชล่วงแล้วสองพันสามร้อยสามสิบเบ็ดพระวษา
ณ วันจันทรเ์ ดือนสบิ เบด็ แรมแปดคำ่� ปรี ะกานกั ษัตรเอกศก สมเดจ็ พระบรมธรรม-
มฤกมหาราชาธิราช พระเจ้ารามาธิบดีบรมนาถบรมบพิตรพระพุทธิเจ้าอยู่หัว
ผู้ผ่านพิภพไอศวรรยาธิปัติถวัลยราชกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพ-
นพรัตนราชธานี บุรีรมย์อุดมพระราชมหาสถาน เสด็จทอดพระเนตร์เห็นวัด
โพธารามเก่าช�ำรุดปรักหักพังเป็นอันมาก ทรงพระราชศรัทธาจะปฏิสังขรณ์สร้าง
ให้บริบูรณ์งามข้ึนกว่าเก่า ซ่ึงท่ีเป็นลุ่มดอนห้วยคลองสระบ่อร่องคูอยู่นั้น ทรง
พระกรุณาให้เอาคนสองหมื่นเศษขนดินมาถมเต็มแล้ว รุ่งขึ้นปีหนึ่งสองปีกลับ
ยุบลุ่มไป จึงให้ซื้อมูลดินถมสิ้นพระราชทรัพย์สองร้อยห้าชั่งสิบห้าต�ำลึง จึงให้
ปราบที่พูนดินเสมอดีแล้ว คร้ันณวันพฤหัศบดีเดือนสิบสองแรมสิบเบ็ดค่�ำปีฉลู
นกั ษตั รเบญจศก ใหจ้ บั การปฏิสังขรณส์ รา้ งพระอโุ บสถ มีก�ำแพงแกว้ กระเบ้อื งปรุ
ล้อมรอบพื้นในก�ำแพงแก้วแลหว่างพระระเบียงช้ันในช้ันนอกก่ออิฐห้าชั้นแล้วดาด
ปนู กระทำ� พระระเบยี งลอ้ มสองชน้ั ผนงั พระระเบยี งขา้ งในประดบั กระเบอื้ งปรผุ นงั
หลงั พระระเบยี งเขยี นเปน็ ลายแยง่ มมุ พระระเบยี งนนั้ เปน็ จตั รมขุ ทกุ ชนั้ มพี ระวหิ าร
๓ ก่องแก้ว วีระประจักษ์, “ฤๅษีดัดตน: สุขอนามัยไทย สุขอนามัยโลก” ใน จารึกวัดโพธ์ิมรดกความทรงจ�ำของโลก,
๒๕๕๔, หน้า ๖๐-๖๑.
6 ชดุ การสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๒
สี่ทิศ บรรดาหลังคาพระอุโบสถพระวิหารพระระเบียงน้ันมุงกระเบื้องเคลือบสี
เขียวเหลืองส้ิน ตรงพระวิหารทิศตวันตกออกไป ให้ขุดรากพระเจดีย์ใหญ่กว้าง
สิบวาลึกห้าศอก ตอกเขม็ เอาอฐิ หักใส่กระทุ้งให้แน่น แลว้ เอาไม้ตะเคยี นยาวเก้าวา
นา่ ศอกจตรุ ศั เรยี งระดบั ประกบั กนั เปน็ ตะรางสองชนั้ แลว้ จงึ เอาเหลก็ ดอกเหด็ ใหญ่
ยาวสองศอกตรงึ ตลอดไมแ้ กงแนงทง้ั สองชน้ั หวา่ งชอ่ งแกงแนงนนั้ เอาอฐิ หกั ทราย
ถมกระทุ้งให้แนน่ ดีแลว้ รุ่งขึ้น ณ วนั ศุกรเ์ ดือนสามขึ้นสิบคำ่� ปีขาลฉศกเพลาเช้า
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด�ำเนิรพร้อมด้วยพระราชวงษานุวงษ์เสนา-
พฤฒามาตย์ ราชปโรหิต โหราจารย์มายังที่ลานพระมหาเจดีย์ จึงให้ชักชะลอ
พระพทุ ธปฏมิ ากรศรสี รรเพชญอ์ นั ชำ� รดุ รบั มาแตก่ รงุ เกา่ เขา้ วางบนราก ไดศ้ ภุ ฤกษ
ประโคมฆอ้ งกลองแตรสงั ข์ดรุ ิยางคดนตรปี พ่ี าทย์ เสด็จทรงวางอฐิ ทองอฐิ นากอิฐ
เงินก่อราก ข้าทูลละอองทุลีพระบาทท้ังปวงระดมกันก่อฐาน กว้างแปดวาถึงท่ี
บรรจุจึงเชญิ พระบรมธาตุแลฉลองพระเข้ยี วแกว้ องค์หนงึ่ พระเขย้ี วทององคห์ นง่ึ
พระเขีย้ วนากองค์หนึง่ บรรจุในหอ้ งมหาเจดีย์ แล้วกอ่ สบื ต่อไปจนส�ำเรจ็ ยกยอด
สงู แปดสบิ สองศอก กระทำ� พระระเบยี งลอ้ มสามดา้ น ผนงั นนั้ เขยี นนยิ ายรามเกยี รติ
จึงถวายนามพระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชญดาญาณ แลในวงพระระเบียงชั้นในมี
พระมหาธาตสุ ่ที ิศ นอกพระระเบียงชน้ั นอกหวา่ งพระวหิ ารคดนั้น มพี ระเจดยี ์ฐาน
เดยี วหา้ พระองค์ สีท่ ิศย่สี บิ พระองค์ เขา้ กนั ทงั้ พระมหาเจดีย์ใหญ่ พระมหาธาตุ
เป็นย่สี บิ หา้ พระองคบ์ รรจุพระบรมธาตสุ นิ้ แลมพี ระวหิ ารคดสท่ี ิศ ก�ำแพงแก้วคนั่
ประตูซุ้มประดับกระเบ้ืองเคลือบสองประตู มีรูปสัตว์ประตูละคู่ ท�ำหอไตรย์
มุงกระเบ้ืองหุ้มดีบุก ฝาแลเสาปิดทองลายรดน�้ำ แลตู้รูปปราสาทใส่คัมภีร์
พระปริยตั ไิ ตรปฎิ ก ท�ำการบุเรยี นหอระฆงั พระวิหารนอ้ ยซ้ายขวาสำ� หรับทายกไว้
พระพทุ ธรปู ขุดสระน้�ำปลกู พรรณไม้ ท�ำศาลารายหา้ หอ้ งเจ็ดหอ้ งเกา้ ห้องเปน็ สิบ
เจด็ ศาลา เขยี นเรือ่ งพระชาดกหา้ รอ้ ยหา้ สบิ พระชาติ ตง้ั ต�ำรายาแลฤๅษีดดั ตนไว้
เปน็ ทาน...”
ค�ำ อธิบายสมดุ ภาพโคลงฤๅษีดดั ตน 7
๑.๑.๒ สมยั รชั กาลท่ี ๓ พระบาทสมเด็จพระนง่ั เกลา้ เจา้ อยู่หวั (พ.ศ. ๒๓๖๗-
๒๓๙๔) ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ใหบ้ รู ณปฏิสงั ขรณว์ ัดพระเชตพุ นฯ ใหม่ท้งั พระอาราม
รวมทั้งตำ� รายา และฤๅษีดดั ตน๔
ประวัตกิ ารบรู ณปฏสิ ังขรณ์วดั ใหมท่ ้งั พระอาราม เรม่ิ ต้ังแตป่ มี ะโรง พทุ ธศกั ราช
๒๓๗๕ สว่ นงานฤๅษีดัดตน เรมิ่ เม่ือจุลศกั ราช ๑๑๙๘ ปวี อก ตรงกบั พุทธศักราช ๒๓๗๙
โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมหม่ืนณรงค์หริรักษ์ ระดมช่างหล่อรูปฤๅษีดัดตน
จำ� นวน ๘๐ ท่า
ตามบทความในหนังสือประชุมจารึกวดั พระเชตพุ นฯ เลม่ ๑ เรื่อง “จดหมายเหตุ
เร่ืองการปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯ ถอดความจากโคลงดั้นพระนิพนธ์กรมสเด็จ
พระปรมานุชิตชิโนรส” กล่าวไวด้ งั น้ี
“ลุพทุ ธศักราช ๒๓๗๔ ปเี ถาะ วนั เสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๘ คำ่� (ตรง
กับวันท่ี ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๗๔ ทางสุริยคติ) พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า
เจ้าอยู่หัว เสด็จไปพระราชทานพระกฐนิ วดั พระเชตุพนฯ โดยกระบวนพยหุ ยาตรา
เสรจ็ แลว้ เสดจ็ ทอดพระเนตรทว่ั พระอารามเหน็ ถาวรวตั ถซุ งึ่ สมเดจ็ พระไอยกาธริ าช
เจา้ ทรงสถาปนาไว้ ลว่ งมาแลว้ ๓๑ ปี ชำ� รดุ ทรุดโทรมปรกั หักพงั เป็นอนั มาก ก็
ทรงพระราชศรทั ธาโสมนสั ทรงพระราชดำ� รเิ หน็ ผลแหง่ การปฏสิ งั ขรณ์ วา่ เปน็ การ
กตัญญูต่อสมเด็จพระบุพการี สมควรจะท�ำนุบ�ำรุงให้ คืนดีเป็นสง่าผ่าเผยแก่ชน
ผู้ที่ได้ทัศนาการ เป็นการสนองพระเดชพระคุณเชิดชูพระเกียรติยศสมเด็จ
พระไอยกาธริ าช ให้ยืนยงคงอยสู่ ้นิ กาลนาน..”
ในการนพี้ ระองคท์ รงโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระบรมวงศานวุ งศ์ ขา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาท
ทง้ั ฝา่ ยหนา้ ฝา่ ยใน แบง่ ปนั กนั เปน็ นายงานคมุ งานดา้ นตา่ ง ๆ เรมิ่ ตง้ั แตป่ มี ะโรง พทุ ธศกั ราช
๒๓๗๕ การปฏิสงั ขรณ์ครั้งนี้ ทรงขยายของเดมิ ทมี่ ีอยู่ให้กวา้ งใหญ่และเปลยี่ นแปลงแก้ไข
๔ “จดหมายเหตุเรื่องการปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯ ถอดความจากโคลงดั้นพระนิพนธ์กรมสเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส”
ใน ประชมุ จารึกวดั พระเชตุพนฯ เล่ม ๑, หน้า ๑๓.
8 ชุดการสังคายนาภูมิปญั ญาการนวดไทย: ๒
ใหง้ ดงามดีกวา่ เดิม เป็นการประชมุ ช่างฝมี อื เยี่ยมของคนไทย ตลอดจนโปรดใหจ้ ารกึ สรรพ
ศิลปวิทยาการท้ังปวง พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยให้สามารถเข้าไปศึกษาเรียนรู้ได้ทุก
ชนช้นั ดงั ปรากฏหลกั ฐานสืบเนื่องตอ่ มาจวบจนปจั จุบันเป็นจำ� นวนมาก
โดยเฉพาะเรอ่ื ง “ฤๅษีดัดตน” ปรากฏขอ้ ความจารกึ ในโคลงน�ำเรอ่ื ง ๕ บทแรก
กลา่ วถึงประวัตกิ ารสรา้ งไว้วา่ เริม่ สรา้ งเม่อื จุลศักราช ๑๑๙๘ ปีวอก ตรงกับพทุ ธศกั ราช
๒๓๗๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระประยูรญาติ คือ กรมหมื่นณรงค์หริรักษ์
พระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช พระนามเดมิ พระองคเ์ จา้
ดวงจักร ระดมช่างหล่อรูปฤๅษีดัดตนจ�ำนวน ๘๐ ท่า (รวมเป็นฤๅษีท้ังหมด ๘๒ ตน
เพราะมี ๒ ท่าที่เป็นรูปฤๅษี ๒ ตน ช่วยกันดัดกาย) ท�ำด้วยสังกะสีดีบุกหรือท่ีเรียก
โดยท่ัวไปว่า ชิน ตั้งไว้ทุกศาลารายรอบวัดพระเชตุพนฯ หลังละ ๔-๕ รูป ตามความ
เหมาะสมของสถานท่ีโดยกอ่ แทน่ ขน้ึ ทเ่ี ฉลยี งดา้ นในสำ� หรบั ตงั้ รปู ฤๅษพี รอ้ มจารกึ โคลงอธบิ าย
ความแก้โรคแต่ละทา่ ประกอบรูปปัน้ ฤๅษไี วท้ ุกตน
โคลงภาพฤๅษดี ดั ตน โคลงน�ำเร่ือง บทที่ ๑-๕ ดงั น้ี
โคลง ๑ ๏ ถวายหัดถ์ทศั นัขนอ้ ม อภิวันท์
ไตรยรัตนขจัดส่ำ� สรรพ โทษแท้
จักเรอ่ มจกั รำ� พรรณ แผนดดั ตนนา
นกั สทิ ธ์ิประดิษฐถ้าแก้ โรคร้างห่างหาย ๚
๒ ๏ ลุจลุ ศกั ราชพน้ พันมี เศศเฮย
รอ้ ยกับเกา้ สบิ แปดป ี วอกตัง้
นักษัตรอษั ฐศกรว ี วารกตกิ มาศแฮ
ศุกปักษยห์ า้ คำ�่ ครัง้ เมอ่ื ไทบ้ รรหาร ๚
๓ ๏ ให้พระประยุรราชผ้ ู เปนกรม หมน่ื แฮ
ณรงคห์ ริรักษรดม ช่างใช้
สังกสิดีบกุ ผสม หล่อรูป
นักสิทธแิ ปดสบิ ให้ เทอดถ้า ดดั ตน ๚
ค�ำ อธิบายสมดุ ภาพโคลงฤๅษดี ดั ตน 9
๔ ๏ เสรจ็ เขียนเคลือบภาคย์ พื้น ผิวกาย
ตง้ั ทกุ ศาลาราย รอบล้อม
อาวาศเชตวนั ถวาย นามทวั่ องคเ์ อย
จาฤกแผน่ ผาพร้อม โรคแกห้ ลายกล ๚
๕ ๏ เปนประโยชนน์ รชาติสน้ิ สบสถาน
เฉกเชน่ โอสถทาน ทา่ นให้
ภูลเพ่อมพทุ ธสมภาร สมโพธ์ิ พระนา
ประกาศพระเกรยิ ดิย์ ศไว ้ ตราบฟ้าดินสญู ๚
พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานต�ำรา
ฤๅษีดัดตนให้เป็นประโยชน์แก่ปวงชนท่ัวไป เหมือนท่ีได้พระราชทานตำ� รายาไว้ก่อนหน้าน้ี
แล้วทั้งท่ีวัดราชโอรสารามฯ และวัดพระเชตุพนฯ เพ่ือสร้างทานบารมีประกาศเกียรติคุณ
ของพระองค์ไวช้ ่วั ฟา้ ดินสลาย ดงั ความทีก่ ล่าวไว้ในโคลงน�ำเรือ่ งฤๅษดี ดั ตน บทที่ ๕
๑.๒ ประวัติทีม่ าของโคลงภาพฤๅษดี ัดตน๕
ขณะเม่ือพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้
กรมหมื่นณรงค์หริรักษ์ พระประยูรญาติซ่ึงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ระดมนายช่างผู้ช�ำนาญการหล่อรูปฤๅษีดัดตน ๘๐
ท่าขึ้น ในปี พ.ศ. ๒๓๗๙ นั้น พระองค์ได้ทรงประชุมนักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งท่ีเป็น
พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และพระภิกษุสงฆ์ ให้ชว่ ยกนั แตง่ โคลง ๔ สภุ าพ อธิบาย
ทา่ ดัดตนของฤๅษีแตล่ ะท่า พร้อมบอกสรรพคณุ ของท่าดัดตนนั้น ๆ จนครบ ๘๐ ท่า ตาม
ความในร่ายและโคลงท้ายเรื่องของสมุดภาพฤๅษีดัดตน และโคลงดั้นปฏิสังขรณ์วัด
พระเชตุพนฯ พระนิพนธ์ในสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
๕ กรมศลิ ปากร, สมดุ ภาพโคลงฤๅษีดดั ตน, ๒๕๕๐, หน้า ๕-๖
10 ชุดการสังคายนาภมู ิปัญญาการนวดไทย: ๒
หากนับตามรายพระนามและรายนามท่ีก�ำกับไว้ในโคลงแต่ละบทแล้ว มีจ�ำนวน
ผู้นพิ นธร์ วมท้ังสนิ้ ๓๖ ราย คือนอกจากรายพระนามและรายนามตามท่ีปรากฏในรา่ ยทา้ ย
เรื่องดังกลา่ วแล้ว ยงั มีโคลงทเ่ี ขียนกำ� กบั ไวว้ ่า “พระราชนพิ นธ์” อีกถงึ ๖ บท คือ ทา่ ท่ี
๑ ถงึ ทา่ ที่ ๕ และทา่ ท่ี ๕๘ ซึง่ พระราชนพิ นธ์ ในทีน่ ้พี ิจารณาตามศักราชทีป่ รากฏยอ่ ม
หมายถึง บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนั่นเอง กล่าวได้ว่า
พระองคท์ รงพระราชนพิ นธ์โคลงเรอื่ งนม้ี ากเปน็ อนั ดบั ทสี่ องรองจากสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้
กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ที่ทรงนิพนธ์ไว้ทั้งส้ิน ๗ บท เท่ากับพระญาณปริยัติและ
พระศรีสุทธิวงศ์ ท่ีแต่งไว้รูปละ ๖ บท เช่นกัน ดังจะแสดงรายพระนาม รายนามและ
ผลงานตามท่ีปรากฏในต้นฉบบั สมุดไทย “สมุดรปู ฤๅษีดดั ตนแก้โรคต่าง ๆ ๘๐ รปู ”
ตารางที่ ๑ รายพระนาม รายนาม ผลงานโคลงฤๅษีดดั ตน
ล�ำดบั รายพระนาม/รายนาม ผลงานโคลงทา่ ที่ รวม
ท่ี (บท)
๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๕๘ ๖
๑ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ๖, ๗, ๘, ๙, ๑๕, ๗
๒ กรมหม่ืนนุชิตชโิ นรส (สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า ๗๓, ๗๗ ๒
กรมพระปรมานชุ ิตชิโนรส) ๑๐, ๕๙ ๒
๑๑, ๖๓ ๒
๓ นายปรดี าราช ๑๒, ๔๒ ๒
๑๓, ๓๖ ๑
๔ พระมนุ ีนายก ๖
๑๔
๕ หลวงชาญภเู บศ (หลวงชาญภเู บศร์) ๑๖, ๑๙, ๕๑, ๕๒, ๑
๒
๖ พระพุทธโฆษาจาริย์ (ฉิม วัดโมลโี ลก) ๕๓, ๕๕
๑๗
๗ พระสมุห์จน่ั
๑๘, ๖๐
๘ พระญาณปริญัต์ิ (พระญาณปริยัติ)
๙ พระเพชฎา (พระเพช็ ฎา)
๑๐ จา่ จิตรนุกลู
คำ�อธบิ ายสมดุ ภาพโคลงฤๅษดี ัดตน 11
ตารางท่ี ๑ รายพระนาม รายนาม ผลงานโคลงฤๅษีดัดตน (ต่อ)
ล�ำดับ รายพระนาม/รายนาม ผลงานโคลงท่าท่ี รวม
ที่ ๒๐, ๔๕ (บท)
๒
๑๑ พระองค์จา้ วศริวงษ (พระองค์เจา้ ศริ วิ งษ์ ๒๑, ๓๑, ๓๒, ๓๓,
สมเด็จพระบรมราชมหยั กาเธอ ๓๔ ๖
กรมหมนื่ มาตยาพิทักษ์) ๒๒
๒๓ ๑
๑๒ พระศรวี สิ ทุ ธวิ งษ (พระศรวี สิ ทุ ธิวงศ)์ ๑
๒๔, ๓๕, ๖๙ ๑
๑๓ สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน วัดมหาธาตุยุวราช)
๒๕ ๑
๑๔ พญาอัศฎาเรืองเดช (พระยาอัษฎาเรอื งเดช) ๒๖, ๒๘, ๒๙ ๓
๒
๑๕ กรมหม่ืนไกรสรวชิ ติ ร ๒๗, ๔๐ ๒
(พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมหมื่นไกรสรวชิ ิต) ๓๐, ๗๔ ๓
๓๗, ๓๘, ๓๙ ๒
๑๖ เจ้าพญาพระคลัง (เจ้าพระยาพระคลัง-ดศิ ) ๔๑, ๗๒
๔
๑๗ พระอมรโมลี ๔๓, ๗๕, ๗๘, ๗๙
๑
๑๘ หลวงลขิ ติ ปรชี า ๔๔ ๔
๔๖, ๔๗, ๔๘, ๔๙ ๑
๑๙ พญาธิเบศบดี (พระยาธิเบศรบดี)
๕๐
๒๐ พระรัตนมุนี
๒๑ พระองค์จา้ วนวม
(พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหม่ืนวงศาธิราชสนทิ )
๒๒ พระองคจ์ ้าวทินกร
(พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ
กรมหลวงภวู เนตรนรินทรฤทธ์)ิ
๒๓ จะหม่นื ราชนาคา
๒๔ พระอริยวงษมุนี
๒๕ พญาศรสี หเทพ
12 ชุดการสงั คายนาภูมปิ ัญญาการนวดไทย: ๒
ตารางที่ ๑ รายพระนาม รายนาม ผลงานโคลงฤๅษีดัดตน (ต่อ)
ล�ำดบั รายพระนาม/รายนาม ผลงานโคลงทา่ ที่ รวม
ที่ (บท)
๕๔, ๕๖ ๒
๒๖ ขุนธนสทิ ธ์ิ ๕๗ ๑
๒
๒๗ พระมหามนตรี (ทรพั ย)์ ๖๑, ๘๐
๒๘ ออกญาโชดึกราชเศรษฐี
(พระยาโชฎึกราชเศรษฐี)
๒๙ พญาราชมนตรบี รริ ักษ ๖๒ ๑
(พระยาราชมนตรบี ริรกั ษ์-ภ)ู่
๓๐ พระสมบตั ิธบิ าล ๖๔, ๗๐ ๒
๖๕ ๑
๓๑ กรมหมนื่ ศรสี เุ ทพ
(พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหม่ืนศรสี ุเทพ
พระนามเดมิ พระองค์เจ้าชายดารากร)
๓๒ พญาไชยวชิ ติ (พระยาไชยวิชิต-เผอื ก) ๖๖ ๑
๖๗ ๑
๓๓ พญาบ�ำเรอหบ์ รริ กั ษ (พระยาบ�ำเรอบริรักษ์) ๖๘ ๑
๗๑ ๑
๓๔ พระพรรณสมบตั ิ
๗๖ ๑
๓๕ พระองค์จา้ วคเนจร (พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ ๘๐
กรมหมน่ื อมเรนทรบดินทร์)
๓๖ มหาชา้ งบเรียน (พระมหาชา้ งเปรียญ)
รวม
คำ�อธบิ ายสมดุ ภาพโคลงฤๅษดี ดั ตน 13
ร่ายท้ายบทโคลงภาพฤๅษีดัดตน กล่าวถึง นักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งที่เป็น
พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และพระภิกษุสงฆ์ ที่ได้แต่งโคลงภาพฤๅษีดัดตน
ความว่า
ร่าย ๏ จ่ึงธบันทูลพระโคลง รศราโชยงการสาร บรรหารเหตุ
กายดัด แห่งพนัศนักธรรม์ เส่ือมสร่างสรรพอาพาธ ด้วยขัติยราชสุริวงษ
ธรงนามกรกรมหม่ืนศรี สุเทพปรีชาไวย กรมหม่ืนไกรสรวิชิต ช�ำนิกิจกลกลอน
พระองค์ทินกรเจนจัด พระองค์นวมชัดชาญกระวี สองกระษัตรีเอารส ปรากฎิ
นามศิริวงษ พเนจรองค์หน่ึงอาจ์ สามารถเช่ียวช�ำนาญ วุทธิโวหารยวดยงค์
หกขัติยพงษเผ่าราช อีกหมู่มาตย์ทั้งผอง ข้าทูละอองบัวบาท ร่วมริะราชนิพนท์
มีมากตนแหล่หลาย รายนามตามยศถา คือเจ้าพญาพระคลัง ยังพญาอีกเจด
นาย บรรยายยศสมเยศ หนง่ึ ธเิ บศบดี ราชมนตรบี รริ กั ษ รอบรมู้ ลกั ปรชี า อกี อษั ฎา
เรอื งเดช เจา้ บุเรศบุราณ ขนานชื่อไชยวชิ ติ ทงั บัณฑติ ยามาตย์ โชดึกราชเศรษฐี
ศรีสหเทพยน์ ามเสนอ หนง่ึ บำ� เรอห์บรริ ักษ ล้วนธรงศักด์ิออกญา คณนาพระอีกส่ี
ท่ีร่วมรจนาสาร สมบัดธิบาลเพชฎา หนึ่งนามมหามนตรี จินตกระวีสามรรถ์
สุพรรณสมบัติเชี่ยวเชลง ฉันทพากย์เพลงโคลงคล่อง สองหลวงว่องโวหาร
ชาญภเู บศสมยา ลิขิตปรีชาเฉลยี วอรรถ์ เจนแจ้งจัดทกุ อัน รว่ มรงั สรรค์เสาวพจน์
อีกก�ำหนดส่ีนาย หมายนามกรประกาศ จหม่ืนราชนาคา ปัญายศเล่ืองฦๅ
หนึง่ คือขุนธนสิทธ์ิ หนึ่งจา่ จิตนกุ ลู ประยูรเมธามาตย์ ปรีดาราชหนึ่งนาย สบิ แปด
รายชือ่ ถว้ น ล้วนได้รจเรขบท โคลงนักพรตดัดองค์ อกี ฝา่ ยสงฆราชา คณะถานา
บาเรียน เพียรเพ่อมราชนิพนท์ โดยธนิมนต์สรรค์สาร ขานนามนับสิบเอ็ด คือ
สมเด็จพระสังฆราช ปิ่นปวงปราชทุกทิศ กรมหม่ืนนุชิตชิโนรสปรากฎิศักดิ์สมยา
พระพุทธโฆษาคณิศร หน่งึ พระอมรโมลี หนงึ่ พระศรีวสิ ุทธวิ งษ ธรงคุณธรรโมฬาร
อีกพระญาณปริญัต์ิ อีกพระรัตนมุนี ปริชาญาณย่ิงยงค์ พระอริยวงษกระวี
พระมุนีนายก ล้วนปิฎกธ�ำรงค์ องค์หน่ึงพระถานา สมยาสมุห์จ่ันอ้าง บาเรียน
ช้างหน่ึงนาม นับสริสามสิบห้า กล้าแกล้วกลตรองตริ ร่วมต�ำหริะพระโคลง
14 ชุดการสงั คายนาภูมปิ ัญญาการนวดไทย: ๒
โองการราชบพิตร ส�ำฤทธิในศศิวาร กาลศุกปักษยดฤษฐี สัตมีมาฆมาศหมาย
ปลายวอกศกนนั้ เสรจ็ จง่ึ สมเดจ็ นฤบาล ธก็บรรหารเสาวพจน์ ใหล้ ิขติ บทโคลงธรง
ลงจาฤกเศลา ตราตดิ ผนงั ก�ำกบั ส�ำหรบั รปู หลอ่ หลาย...
และโคลงดั้นปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯพระนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส บททวี่ า่ ดว้ ยผ้แู ตง่ โคลงฤๅษีดดั ตน กลา่ ววา่
...หลากหลายเลบงกลบท ผูเ้ รขรสวาที โคลงฤๅษดี ัดอาตม์ พระราชนิพนธ์
ทรงบ้าง ข้างคณาสมณะ สมเด็จพระสังฆราช ปิ่นปราชญ์ทั่วทุกทิศ กรมนุชิต
บรรพชา พระพุทธโฆษาพรหมมุนี เทพโมฬีอริยวงศ์ล้วนสงฆราชาคณะ
อีกพระวงศากระษัตรี คือกรมศรีกรมไกร สองดนยั นฤเบนทร์ กรมอมเรนทรมาต
ยากรมวงศาอีกองค์ ทินกรพงศ์เผ่าราช หกขัตติยชาติช่วยด�ำริ ตริพระโคลง
นกั พรต ขา้ ทลู บทมลุ กิ าคอื เจา้ พระยาพระคลงั ทงั้ พระยาราชมนตรี ธเิ บศรบ์ ดอี ษั ฎา
พระยาโชฎึกพระยาศรี เจ้าบุรีบุราณไชยวิชิตขนานนามศักด์ิ บ�ำเรอบริรักษ์ราชี
เพ็ชรปราณอี อกญา อินทรโกษาสมบตั บิ าล ชาญภูเบศรห์ ลวงลขิ ิต อกี จา่ จติ รนกุ ลู
วบิ ลู ยญาณกระวี มหามนตรีหลวงสุวรรณ พระสุพรรณสมบัติ สมรรถปรีชาชาติ
จมนื่ ราชนาคา อัษฎาทศทงั้ มวญ คำ� นวณสริ ิสามสิบห้า กลา้ สำ� นวนถ้วนตน เพมิ่
พระนิพนธส์ ภุ าพโคลง...
กล่าวโดยสรุป โคลงภาพฤๅษีดัดตนที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม แต่งด้วย
โคลงส่ีสุภาพ รวมท้ังส้ิน ๘๕ บท เร่ิมเร่ืองด้วยโคลงน�ำ ๕ บท กล่าวถึงวันเดือนปีท่ี
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระ
ประยูรญาติเริ่มด�ำเนินการจนแล้วเสร็จ รวมถึงพระราชปณิธานในพระองค์ที่ทรงสร้าง
ต�ำราเรอื่ งนี้ ตอ่ จากนนั้ จงึ เปน็ โคลงบรรยายลักษณะและสรรพคุณของรปู ฤๅษดี ัดตนแตล่ ะ
ท่าทีจ่ บเพียงใน ๑ บทเทา่ น้ัน ไม่ใช่เร่อื งตอ่ เนื่องจนครบ ๘๐ ท่า
คำ�อธิบายสมุดภาพโคลงฤๅษดี ดั ตน 15
๑.๓ ประวตั ิการบนั ทกึ เรอื่ งฤๅษีดดั ตนลงในหนงั สือสมุดไทย๖
“สมดุ รปู ฤๅษีดดั ตนแก้โรคตา่ ง ๆ ๘๐ รปู ”
หลังจากท่ีพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์
และทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระราชนพิ นธ์โคลงอธบิ ายลกั ษณะและสรรพคณุ ของทา่ ทาง
ฤๅษีดัดตนด้วยพระองค์เองแล้ว ตลอดจนทรงประชุมนักปราชญ์ราชบัณฑิต อันประกอบ
ด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ๖ พระองค์ ข้าราชบริพาร ๑๘ คน และพระภิกษุสงฆ์อีก
๑๑ รูป ใหช้ ่วยกันนพิ นธ์ และแตง่ โคลงฤๅษีดดั ตน ๘๐ ท่า ดงั ปรากฏรายพระนามและ
รายนามประจ�ำโคลงท่ีแต่ละท่านนิพนธ์และแต่งทุกบทแล้วเสร็จเม่ือปีวอก พุทธศักราช
๒๓๗๙ อีก ๒ ปี ต่อมาพระองค์ได้ทรงแสดงพระอัจฉริยภาพและสายพระเนตรอัน
ยาวไกล กล่าวคือ ทรงพิจารณาเหน็ แลว้ วา่ รปู ฤๅษดี ดั ตนทพ่ี ระอยั กาธริ าชเจา้ ทรงสถาปนา
ไว้เพียงไม่ก่ีสิบปีก็ปรักหักพังเสียหายเป็นอันมาก หากทรงบูรณะซ่อมสร้างไว้แล้วไม่บันทึก
หลักฐานลงสมุดไว้ด้วย สืบไปภายภาคหน้าวิชาน้ีอาจสูญหายไปก็ได้ จึงทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้พนายจิตรกรรม ประกอบด้วย พระช่างวาดซ้ายช่ือ ขุนรจนามาศ และ
หม่ืนช�ำนาญรจนา ช่างวาดขวา เขียนภาพฤๅษีดัดตน ๘๐ ท่า และโปรดฯ ให้ขุนวิสุทธิ
อักษร ผู้เป็นอาลักษณ์ เขียนเส้นตัวอักษร พร้อมตรวจทานความถูกต้องลงในหนังสือ
สมุดไทย จนเสร็จเมื่อเดือน ๕ แรม ๑๑ ค�่ำ ปีจอ สัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๒๐๐
ตรงกบั วันศุกร์ท่ี ๒๐ เมษายน พทุ ธศกั ราช ๒๓๘๑
สมดุ รปู ฤๅษีดัดตนแก้โรคตา่ ง ๆ ๘๐ รปู นอกจากจะใช้เป็นเอกสารตน้ ฉบบั ส�ำหรับ
อ้างอิงทางวิชาการของประเทศชาติสืบไปในอนาคตแล้ว ยังบันทึกประวัติศาสตร์และ
การด�ำเนินงานอันเก่ียวเน่ืองกับเรื่องฤๅษีดัดตนไว้มากกว่าโคลงฤๅษีดัดตนที่จารึกไว้ ณ
วัดพระเชตุพนฯ กล่าวคือ ท้ายเล่มหลังจากจบโคลงฤๅษีดัดตนท่าที่ ๘๐ แล้วได้น�ำร่าย
และโคลงอกี ๓ บท ซ่งึ สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชติ ชิโนรส ทรงนิพนธม์ า
ลงประกอบไว้ ทำ� ให้ไดร้ ายละเอยี ดเก่ียวกับวนั เดือนปีทีน่ พิ นธ์โคลงฤๅษดี ัดตนทง้ั ๘๐ ทา่
แลว้ เสรจ็ คอื วนั จันทร์เดือนสาม (มาฆมาส) ปลายปีวอกตรงกบั วันจันทร์ท่ี ๒๐ กุมภาพนั ธ์
๖ กรมศิลปากร, สมุดภาพโคลงฤๅษีดัดตน, ๒๕๕๐, หน้า ๑๐-๑๑
16 ชุดการสังคายนาภมู ปิ ญั ญาการนวดไทย: ๒
พ.ศ. ๒๓๗๙ ซ่ึงเป็นปีเดียวกับปีท่ีเริ่มด�ำเนินการ เร่ิมแต่การน�ำโคลงไปจารึกบนแผ่นหิน
(ศิลา) น�ำไปติดที่รูปฤๅษีดัดตน และการบันทึกหลักฐานการลอกโคลงและภาพฤๅษีดัดตน
ลงในหนังสือสมุดไทยด้วยเส้นรงให้เป็นต้นฉบับส�ำหรับอ้างอิง และยังได้ประกาศรายช่ือ
ผู้วาดภาพ ตลอดจนอาลกั ษณผ์ ู้เขียนอกั ษรไว้เปน็ หลักฐาน พร้อมบอกวนั เดือน ปี ท่ีบนั ทกึ
ลงสมุดแลว้ เสร็จด้วย
ดงั ปรากฏในรา่ ยทา้ ยเลม่ ของ “สมดุ รปู ฤๅษดี ดั ตนแก้โรคตา่ ง ๆ ๘๐ รปู ” ความวา่
“... แล้วให้ภณายจิตรกรรม์ สฤษดิรังสรรค์เสาวเลขรจเรขรูปชฎิล
ดัดกายินถว้ นองค์ ลงในสมดุ ดุจหลอ่ ส่อถ้าตราแผนไว้ ธก็ให้เลขกามาตย์ จ�ำลอง
สาตรเส้นรง แสดงโคลงธรงสืบสร้าง เป็นต�ำหรับฉบับอ้าง คู่หล้าแหล่งเฉลอม
๚ ๚ะ ๛
และโคลงสี่สุภาพว่าด้วยผู้วาดรูปฤๅษีดัดตน และผู้เขียนคัดอักษร ท้ายเล่ม
“สมดุ รูปฤๅษดี ัดตนแก้โรคต่าง ๆ ๘๐ รปู ” ความว่า
๏ ขา้ พระชา่ งวาดซ้าย สมยา ยศฤๅ
เสนอชอ่ื ขุนรจนา มาศรู้
ชำ� นาญรจนาขวา ตำ� แหนง่ หมนื่ เอย
ฉลุละลกั ษณน์ กั สิทธผ์ิ ู้ ดดั ถ้าทังมวญ ๚
๏ ขนุ ข้าอาลกั ษณน้ ี นามกร
คือวิสุทธิอกั ษร ที่ตงั้
ทานเทยี บรเบียบกลกลอน โคลงราช นี้พ่อ
จาฤกอักขะระทง้ั เล่มสิ้นเสร็จแสดง ๚
๏ สรุ เิ ยศเชษฐมาศอ้าง สิบเอ็ดแรมฤๅ
ปางเมอื่ จอส�ำเหร็ท ธิศกไซ้
ประมวญจุลศักราชเสรจ็ ละุ ล่วงแลพ่อ
พันเศศสองร้อยได ้ ลอกแล้วสารธรง ๚ะ
คาํ อธบิ ายสมดุ ภาพโคลงฤๅษีดัดตน 17
ปัจจบุ นั หอสมดุ แห่งชาตมิ ตี ้นฉบับต�าราฤๅษดี ัดตนท่เี ป็นภาพลายเสน้ และภาพเขียน
สี ท้ังที่มีโคลงอธิบายความเหมือนจารึกที่วัดพระเชตุพนฯ จนจบสมบูรณ์ครบถ้วนและ
มีความไม่จบสมบูรณ์อยู่หลายฉบับ ฉบับท่ีมีเน้ือความเช่นเดียวกับจารึกโคลงฤๅษีดัดตน
วดั พระเชตพุ นฯเป็นต้นฉบับสมดุ ไทยด�า เขียนภาพฤๅษีดดั ตนด้วยเสน้ ขาวไว้ด้านบน เขยี น
ตัวอักษรด้วยเส้นสีเหลือง เรียกว่า เส้นหรดาล บอกสรรพคุณแก้โรคไว้ด้านบนซ้ายมือ
บอกรายพระนามหรอื รายนามผแู้ ตง่ โคลงบทนนั้ ๆ กา� กบั ไวร้ มิ ซา้ ยมอื แนวขวางขา้ งบทโคลง
และเขยี นโคลงอธิบายรายละเอียดไว้ด้านล่าง รวม ๒ บรรทดั ทา� ใหภ้ าพฤๅษีดัดตนแต่ละ
ท่าจบลงใน ๑ หน้าคู่ เท่าน้ัน ยกเว้นส่วนท่ีเป็นร่ายและโคลงน�าเรื่องที่ไม่มีภาพจะเขียน
ข้อความหนา้ ละ ๔ บรรทัด จนจบเร่อื ง
ต้นฉบับสมุดไทย สมดุ รูปฤๅษีดัดตนแก้โรคต่าง ๆ ๘๐ รปู
(ภาพ – กรมศิลปากร)
18 ชุดการสังคายนาภมู ปิ ัญญาการนวดไทย: ๒
ต่อมาภายหลังเม่ือมีต้นฉบับสมุดภาพโคลงฤๅษีดัดตนแล้ว จึงมีการคัดลอกจาก
สมุดภาพที่เป็นต้นฉบับหลวงให้แพร่หลายกว้างขวางยิ่งขึ้นหลายฉบับ เช่น ฉบับของ
พระสมุห์เวก ช่างเขียนอยู่วัดสุทัศน์เทพวราราม และฉบับของพระยาอุไทยธรรม (หรุ่น
วัชโรทัย) เป็นต้น รวมถงึ ไดม้ ีการนำ� ภาพเขยี นฤๅษดี ดั ตนจ�ำนวน ๔๐ ทา่ ไปเขยี นทผ่ี นงั
คอสองของศาลาโถง ณ วัดมัชฌิมาวาส อ�ำเภอเมอื ง จงั หวดั สงขลา เย้ืองกบั พระอุโบสถ
ซ่ึงสรา้ งขึน้ ในสมัยรชั กาลที่ ๔ แหง่ กรงุ รัตนโกสินทร์ ภาพเหลา่ นเี้ ขยี นขึ้นในสมัยรัชกาลท่ี
๕ ดังปรากฏศักราชบนหน้าจ่ัว ด้านทิศตะวันออกความว่า เขียนขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๕
เป็นตน้
๒. ความสำ�คัญของวิชาฤๅษดี ัดตน
๒.๑ วิชาฤๅษีดัดตนในประเทศไทย
“ฤๅษดี ดั ตน” แรกเรม่ิ เปน็ การดดั รา่ งกายเพอ่ื การบำ� เพญ็ ตบะของนกั บวชในศาสนา
พราหมณ์หรือฮินดูให้บรรลุโมกษธรรม๗ ซึ่งต่อมาไทยได้รับเอาเป็นท่าการบริหารร่างกาย
เพื่อการรักษาโรคต่าง ๆ ดังน้ัน วิชาฤๅษีดัดตนในประเทศไทย จึงจัดเป็นวิชาการอยู่ใน
หมวดอนามัย เป็นต�ำราที่พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้จารึกไว้เป็น
ประโยชน์แก่ผู้คนทั่วไป ณ ศาลารายวดั พระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๗๙
เนื่องจากเข้าใจดีมาแต่โบราณกาลแล้วว่า การดัดตน เป็นการออกก�ำลังกายแบบ
กายภาพบ�ำบัด ซึ่งสามารถช่วยรักษาโรคได้หากปฏิบัติได้อย่างถูกวิธีก็จะท�ำให้ร่างกาย
แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ทรงมีพระราชประสงค์ให้ประชาชนได้เรียนเพื่อการรักษา
สุขภาพอนามัยด้วยการแสดงท่าเคลื่อนไหวร่างกาย ในอิริยาบถท่ีส่งผลให้ร่างกายบรรเทา
จากอาการตา่ ง ๆ”
๗ กรมศลิ ปากร, สมดุ ภาพโคลงฤๅษีดดั ตน, ๒๕๕๐, หน้า ๑
คำ�อธิบายสมุดภาพโคลงฤๅษีดดั ตน 19
สมเด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพได้ทรงเล่าอธิบายไว้ใน
หนังสอื นิทานโบราณคดี นทิ านที่ ๕ เรือ่ งของแปลกที่เมอื งชัยบุระในอนิ เดีย ตอน ฤๅษี
ดดั ตน๘ ความวา่
“วันหนงึ่ เขาพาฉันไปดูพพิ ธิ ภณั ฑ์สถานของเมืองชยั บรุ ะ ไปเหน็ รูปปนั้ เป็น
ฤๅษีอย่างในอินเดีย ท�ำท่าต่าง ๆ เหมือนอย่างรูปฤๅษีดัดตนในวัดพระเชตุพนฯ
แตข่ นาดยอ่ ม ๆ ตัง้ เรียงไว้ในตู้ใบหน่ึงท่จี รงิ ฉนั ควรจะถามเขาวา่ รปู อะไร แตฉ่ ันไป
อวดรู้ถามเขาว่ารูปเหล่านั้นเป็นแบบท่าดัดตัวให้หายเมื่อยหรือ เขาตอบว่าไม่ใช่
แล้วบอกอธิบายต่อไปว่ารูปเหล่านั้นเป็นแบบท่าต่าง ๆ ท่ีพวกดาบสบ�ำเพ็ญตบะ
เพอื่ บรรลโุ มกขธรรม ฉนั ไดฟ้ งั กน็ กึ ละอายใจไมพ่ อทจี่ ะไปอวดรู้ ตอ่ เขาผเู้ ปน็ เจา้ ของ
ต�ำราเรอ่ื งฤๅษชี พี ราหมณ์ แตก่ ็อยากรแู้ ต่นั้นมาวา่ เหตไุ ฉน รปู ฤๅษีดัดตน ทเ่ี ราท�ำ
ในเมืองไทย จึงไปพอ้ งกับท่าดาบสบำ� เพน็ ตบะของชาวอินเดีย
เม่ือกลับมาจึงค้นหาต�ำราฤๅษีดัดตน พบอธิบายในศิลาจารึกเรื่องวัด
พระเชตุพนฯ ว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดให้ “ต้ังต�ำรายา”
และฤๅษดี ดั ตนไวเ้ ป็นทาน ตามศาลารายริมก�ำแพงวดั พระเชตพุ นฯ รปู ฤๅษีดดั ตน
สร้างในรัชกาลท่ี ๑ เปน็ รูปป้ันและคงมอี ักษรจารกึ ศิลาตดิ ไว้ใกลก้ บั รปู ฤๅษบี อก
ว่าดัดตนท่าน้ันแก้โรคอย่างน้ัน ครั้นถึงรัชกาลท่ี ๓ เม่ือปฏิสังขรณ์วัดเชตุพนฯ
พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดใหเ้ ปลย่ี นรปู ฤๅษเี ปน็ หลอ่ ดว้ ยดบี กุ และ
โปรดให้พวกกวีแต่งโคลง ๔ ขนานชื่อฤๅษีและบอกท่าดัดตนแก้โรคอย่างใด ๆ
จารึกศลิ าติดประจ�ำไว้กับรูปภาพตวั ละบทหนง่ึ เรยี กรวมกันว่า “โคลงฤๅษดี ัดตน”
พบต�ำราว่าด้วยฤๅษีหรือดาบสท�ำท่าต่าง ๆ มีอยู่ในเมืองไทยเพียงเท่านั้น จึงเป็น
ปัญหาว่าท่าฤๅษีดัดตนต่าง ๆ จะเป็นท่าบ�ำเพ็ญตบะของดาบสอย่างเขาว่าที่เมือง
ชัยบุระ หรือเปน็ ทา่ ดัดตัวแก้โรคเมอื่ ยขบอยา่ งเช่นไทยถอื เปน็ ต�ำรา ฉันไม่รูว้ า่ เปน็
อย่างไหนแนม่ าชา้ นาน
๘ สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำ� รงราชานุภาพ, นิทานโบราณคดี, ๒๔๘๗.
20 ชดุ การสังคายนาภมู ิปัญญาการนวดไทย: ๒
จนเมื่อออกมาอยู่เมืองปีนัง มีดาบสชาวอินเดียคนหนึ่งซ่ึงข้ึนชื่อลือเลื่อง
ว่าเคร่งครัดนักมาบ�ำเพ็ญตบะ ณ เมืองปีนัง พวกชาวอินเดียท่ีเล่ือมใสเรี่ยไรกัน
ซื้อที่สร้างอาศรมให้ดาบสนั้นอยู่แห่งหน่ึง ฉันไปดูเห็นท่ีตรงกลางบริเวณก่อเป็น
มณฑป ๘ เหลีย่ ม หลงั คาเปน็ ซุม้ มียอดอยา่ งแบบอนิ เดีย มีมขุ เดจ็ ขา้ งหนา้ และ
เฉลียงโถงรอบมณฑป เห็นตัวดาบสน่ังขัดสมาธิเหมือนอย่างพระประธานอยู่บน
เตียงหน้ามุขเด็จ เผอิญผู้อุปฐากพูดภาษาอังกฤษได้ บอกอธิบายให้รู้ว่าดาบสนั้น
สมาทานตบะสองอยา่ ง คอื เวน้ วจกี รรมไมพ่ ดู กบั ใคร ๆ หมดอยา่ งหนงึ่ กบั นงั่ สมาธิ
อยู่ ณ อาสนะอนั เดยี วตงั้ แตเ่ ชา้ จนคำ�่ ทกุ วนั เปน็ นติ ยอ์ ยา่ งหนง่ึ ฉนั ถามวา่ ในมณฑป
เป็นทส่ี �ำหรับดาบสนอนหรอื เขาตอบว่ายังไมม่ ีใครเคยเห็นดาบสนั้นนอนเลย โดย
ปรกติพลบค�่ำดาบสก็ลุกออกจากอาสนะท่ีมุขเด็จเข้าไปในมณฑป แต่ไปท�ำพิธีอีก
ชนิดหนงึ่ เพอื่ แก้เม่ือยขบ เหน็ ทำ� ทา่ ตา่ ง ๆ บางที (ปลุก) ตวั ลอยขน้ึ ไปก็มี ฉันได้
ฟังก็เข้าใจแจ่มแจ้งส้ินสงสัยได้ความรู้ว่า การดัดตนน้ัน เป็นส่วนอันหน่ึงของ
การบ�ำเพ็ญตบะน่ันเอง เพราะนั่งหรอื ยืนอยู่ที่เดยี วตลอดวันยงั ค่�ำ ทรมานรา่ งกาย
เกินวสิ ัยกย็ อ่ มเกดิ อาการเมอ่ื ยขบ จึงคิดวิธดี ัดตนสำ� หรบั ระงบั ทุกขเวทนาอนั เกิด
แต่บ�ำเพ็ญตบะ แล้วต้ังเป็นต�ำราไว้แต่ดึกด�ำบรรพ์ ที่พวกชาวเมืองชัยบุระเขา
บอกวา่ เปน็ วธิ ขี องพวกดาบสนน้ั กถ็ กู ท่ีไทยวา่ เปน็ วธิ แี กเ้ มอ่ื ยขบกถ็ กู เพราะไทย
เราไม่เล่ือมใสวิธีตบะของพวกถือศาสนาฮินดู เอาแต่วิธีดัดตัวแก้เม่ือยขบมาใช้
จึงเกิดตำ� ราฤๅษดี ัดตนข้ึนด้วยประการฉะน”้ี
๒.๒ มลู เหตุแห่งประติมากรรมฤๅษดี ดั ตน๙
ตามธรรมชาตขิ องรา่ งกาย หากดำ� รงอย่ใู นอริ ยิ าบถใดอริ ยิ าบถหนง่ึ เปน็ เวลานาน ๆ
ย่อมเกดิ อาการปวดเม่ือย และอาจทำ� ให้เกิดความทุพพลภาพแหง่ อวัยวะตา่ ง ๆ ได้ ดังนั้น
ผบู้ ำ� เพญ็ ตบะจงึ ตอ้ งลกุ ขนึ้ ดดั ตวั เพอื่ แก้ไขความเมอื่ ยขบเหลา่ นนั้ ตามความเขา้ ใจโดยทวั่ ไป
๙ กรมศลิ ปากร, สมดุ ภาพโคลงฤๅษีดัดตน, ๒๕๕๐, หนา้ ๑๒
คำ�อธบิ ายสมุดภาพโคลงฤๅษดี ดั ตน 21
ถือเป็นวิธีปฏิบัติของนักบวชฮินดูท่ีเรียกว่า โยคะ แต่ในทางพระพุทธศาสนา การปฏิบัติ
สมาธิกัมมัฏฐาน หากน่ังสมาธิเป็นเวลานาน ๆ ร่างกายจะเมื่อยขบอาจเป็นอันตรายได้
เช่นเดียวกัน จึงต้องลุกข้ึนเดินกลับไปมาท่าจงกรมสมาธิ บางคร้ังอาจยืนน่ิง บางครั้ง
เอนกายนอนในทา่ สหี ไสยาสน์ เพ่ือเปลี่ยนอริ ิยาบถไปตามสภาพรา่ งกาย เพื่อใหม้ อี ิรยิ าบถ
๔ ประการ คอื ยนื เดิน นง่ั นอน ทีส่ มดลุ กนั นับเปน็ แนวทางมชั ฌมิ าปฏิบัตใิ นหลักการ
ของพุทธศาสนาที่ส่งผลให้การปฏิบัติสมาธิประสบผลดีย่ิงข้ึน แม้ในหลักทางการสุขวิทยา
การดดั ตวั หรอื การปฏบิ ตั โิ ยคะกเ็ ปน็ การออกกำ� ลงั กายท่ีไมร่ นุ แรงเพอ่ื สรา้ งความยดื หยนุ่ ให้
แก่กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในร่างกาย ท�ำให้โลหิตและเลือดลมไหลวนเวียนในร่างกายโดย
สะดวก ยกระดับจิตใจให้แจ่มใส เป็นสมาธิ ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ บำ� รุงรักษาสุขภาพให้
แข็งแรง และสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างเห็นผล บูรพมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี
จงึ ไดส้ ร้างรูปฤๅษดี ัดตนไว้เปน็ วทิ ยาทานแกพ่ สกนิกรของพระองคส์ ืบตอ่ มา
การสร้างรูปฤๅษีดัดตนไว้เป็นทานน้ัน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา
ดำ� รงราชานภุ าพ ทรงสนั นษิ ฐานวา่ นา่ จะเกดิ แตส่ มมตุ วิ า่ ฤๅษเี ปน็ ครเู ดมิ ในวชิ าการตา่ ง ๆ
เป็นผู้ ให้สรรพวิทยาการมาแต่โบราณเป็นบุคคลท่ีประสิทธิ์ประสาทวิชาการแต่ละแขนง
ให้สืบทอดต่อมาอย่างไม่ขาดสาย จึงมักท�ำรูปฤๅษีให้เป็นครูเดิมที่ไม่รู้จักตัว อาจเป็น
เทวดาหรือมนุษย์ก็ได้ ในพิธีไหว้ครูของอาชีพต่าง ๆ ตลอดจนยังเป็นบุคลาธิษฐานเพ่ือให้
ลกู ศษิ ยท์ ง้ั หลายขอพรเพอ่ื เสรมิ สรา้ งกำ� ลงั ใจและเพอ่ื แสดงความกตญั ญสู บื มา นอกจากนนั้
การสร้างรูปฤๅษีเป็นผู้แสดงแบบท่าทางฤๅษีดัดตนนั้น ยังแสดงให้เห็นถึงความศักด์ิสิทธิ์
เขม้ ขลังของตำ� ราวชิ าฤๅษีดดั ตนเป็นอยา่ งดีดว้ ย
รูปฤๅษีดัดตนท่ีวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นประติมากรรมประเภทรูปลอย
มองดูไดท้ กุ มติ ิ จลุ ทัศย์ พยาฆรานนท์ อธบิ ายวา่ รปู หลอ่ ฤๅษีดัดตนเปน็ แบบสมมตุ บิ คุ คล
คอื ไม่เป็นแบบคนจรงิ ๆ ไม่เนน้ ใหเ้ ห็นกลา้ มเน้ือ ผิวของรูปทรงเรยี บและเกลี้ยง ดงั ภาษา
ของชา่ งหล่อว่า “ผิวตงึ ” ใบหน้าแต่ละรปู มีเค้ารอยเป็นรูปแบบเดียวกันอย่างท่ชี า่ งป้นั เรยี ก
วา่ “เขา้ แบบ” ยกเว้นรปู ฤๅษีทม่ี ีใบหนา้ เปน็ เนื้อ (มฤค) หรอื สัตวอ์ น่ื จึงป้นั ให้ต่างออกไป
ทา่ ทางของฤๅษปี ระดษิ ฐ์ใหม้ ศี ลิ ปะผสมกลมกลนื กนั ระหวา่ งความถกู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการ
ดดั ตนกับคุณลกั ษณะท่เี ป็นประติมากรรมแบบไทยประเพณอี ย่างดยี งิ่
22 ชดุ การสงั คายนาภมู ิปัญญาการนวดไทย: ๒
๓. ลกั ษณะของฤๅษีดดั ตน
๓.๑ ลกั ษณะของรูปปนั้ ฤๅษีดัดตนวดั พระเชตุพนฯ
สมัยรัชกาลที่ ๑ ทรงฟื้นฟูศิลปะวิทยาการของชาติเป็นการใหญ่ โดยทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ต้ังต�ำราหลวงและปั้นรูปฤๅษีดัดตนไว้เป็นทานตามศาลารายริม
ก�ำแพงวดั พระเชตุพนฯ แตไ่ ม่ได้บอกรายละเอียดวา่ รปู ปั้นนน้ั ปั้นด้วยดินหรอื ปูน ตามความ
เข้าใจของ วนิดา พึ่งสุนทร อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
สันนิษฐานว่า “ปั้นด้วยดินน้�ำมัน คือ ปูนขาว ต�ำผสมด้วยน้�ำมันตังอ๊ิว” ไม่ทราบจ�ำนวน
แน่ชัด มีอักษรจารึกบนแผ่นหินติดไว้ใกล้รูปฤๅษีแต่ละท่าบอกว่าท่าดัดตนลักษณะน้ัน
แก้โรคอยา่ งไร เพอื่ สบื ทอดความรทู้ ม่ี มี าแลว้ ตงั้ แตส่ มยั กรงุ ศรอี ยธุ ยาไว้ในกรงุ รตั นโกสนิ ทร์
สบื ตอ่ ไป
สมัยรชั กาลที่ ๓ พ.ศ. ๒๓๗๙ ทรงโปรดให้กรมหม่ืนณรงคห์ ริรักษ์ พระราชโอรส
รัชกาลที่ ๑ พระนามเดิม พระองค์เจ้าดวงจักร ซึ่งก�ำกับกรมชา่ งหลอ่ เปน็ แม่กองเกณฑ์
ช่างหลอ่ รูปฤๅษี ด้วยสังกะสผี สมดีบุกแลว้ เคลือบ เรียกว่า ชิน เปน็ ฤๅษแี สดงท่าดดั ตน
จ�ำนวน ๘๐ ทา่ แต่เป็นฤๅษี ๘๒ ตน เพราะมี ๒ ทา่ ท่หี ลอ่ เป็นฤๅษี ๒ ตน ชว่ ยกัน
ดัดกาย เมื่อเสร็จแล้วน�ำไปประดิษฐานตามศาลารายรอบพระอาราม ซ่ึงศาลารายแต่ละ
หลังก่อแท่นขน้ึ ทเ่ี ฉลียงด้านใน เพอื่ ตัง้ รูปฤๅษีหลังละ ๔-๕ ตน พร้อมจารึกโคลงฤๅษีดดั ตน
ท่าดัดตนและคุณประโยชน์ต่าง ๆ ของท่าดัดตนทุกท่า เพ่ือเพ่ิมพูนความรู้ความเข้าใจแก่
ราษฎรผู้ใฝร่ ู้ในดา้ นสุขภาพอนามัย..๑๐
๑๐ ก่องแก้ว วีระประจักษ์, “ฤๅษีดัดตน: สุขอนามัยไทย สุขอนามัยโลก” ใน จารึกวัดโพธิ์มรดกความทรงจ�ำของโลก,
๒๕๕๔, หนา้ ๖๐-๖๑
คำ�อธบิ ายสมดุ ภาพโคลงฤๅษดี ัดตน 23
“...เฉลยี งหลงั ศาลารายทุกหลัง กอ่ เป็นแท่นหินแปลก ๆ กัน (มภี าพเป็น
กุฎีและเขาไม้อยู่หลังแท่น) ตั้งรูปฤๅษีดัดตนท่าต่าง ๆ อันหล่อด้วยสังกะสีดีบุก
ประสมหลงั ละสล่ี ะหา้ ตามสว่ นหอ้ งมากและนอ้ ย จารกึ โคลงสภุ าพบอกทา่ ทด่ี ดั และ
บอกชะนดิ ลมตดิ ไวต้ ามขา้ งผนงั และโคลงบอกดา้ นนามผสู้ รา้ งศาลา พรอ้ มทงั้ ชา่ ง
วาดเขยี นท้ังฝ่ายวัดและฝ่ายบา้ นตดิ ไว้ดว้ ย (รปู ฤๅษีดดั ตนเหล่าน้ี เด๋ยี วนี้ไมไ่ ด้อยู่
ตามศาลาราย ย้ายไปตัง้ ไว้ตามเขาหน้าศาลารายทางทิศใต้พระอุโบสถ ศิลาจารึก
บอกท่าดัดและบอกด้านการสร้างก็หมดไป ยงั มอี ยทู่ างศาลารายด้านตะวันออกไม่
ก่แี ผ่น)...
ทีส่ ุดเฉลยี ง ๒ ข้างหลอ่ รปู คนตา่ งชาติต้งั ไวศ้ าลาละ ๒ รูป มศี ิลาจารกึ
โคลงด้ันบาทกุญชรบอกลักษณเพสชาติติดไว้ข้างผนังอย่างฤๅษีดัดตนฉะน้ัน
(รูปคนตา่ งชาติและศลิ าจารกึ เดยี๋ วน้ีก็ศูนย์เกือบหมด)
รวมทกุ ศาลาเปน็ รปู ฤๅษี ๘๒ รูป คนตา่ งชาติ ๓๒ (เดี๋ยวนีฤ้ ๅษีเหลือสกั
๒๐ คน ตา่ งชาติ ๒)”๑๑
“โคลงดน้ั เรอ่ื งการปฏสิ งั ขรณว์ ดั พระเชตพุ น” ของกรมสเดจ็ พระปรมานชุ ติ ชโิ นรส๑๒
กล่าวไว้ว่า
๏ ก่อฐานแทน่ หลากสลา้ ง ไศลเฉลยี ง หลังนา
ตงั้ รูปดาบสเฉลา หลอ่ ล้วน
สงั กสดี ิบุกผสมเรยี ง รายทก หอ้ งเฮย
ตนดดั ตา่ งถ้าถ้วน ท่วั พนม ฯ
๑๑ “จดหมายเหตเุ รอ่ื งการปฏสิ งั ขรณว์ ดั พระเชตพุ นฯ ถอดความจากโคลงดนั้ พระนพิ นธก์ รมสมเดจ็ พระปรมานชุ ติ ชโิ นรส”
ใน ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ เลม่ ๑, ๒๔๗๒, หนา้ ๒๖.
๑๒ “จดหมายเหตเุ รอื่ งการปฏสิ งั ขรณว์ ดั พระเชตพุ นฯ ถอดความจากโคลงดน้ั พระนพิ นธก์ รมสมเดจ็ พระปรมานชุ ติ ชโิ นรส”
ใน ประชุมจารกึ วดั พระเชตพุ นฯ เลม่ ๒, ๒๔๗๒ หนา้ ๔๖.
24 ชดุ การสงั คายนาภูมิปญั ญาการนวดไทย: ๒
๏ หลงั ละสลี่ ะหา้ ตก แตง่ สถติ แท่นนา
ตามทมี่ ากน้อยสม สว่ นหอ้ ง
ผาแผน่ ฉลกั ลขิ ติ ค�ำสภุ าพ โคลงฤๅ
เสนอชือ่ ลมพรอ้ งถา้ ทัว่ สกนธ์ ฯ
๏ ติดผนังประจ�ำข้างตราบ ตรงดา บสเอย
อีกสริเร่ืองโคลงยุบล บอกด้าน
ผ้สู ฤษฎิแหง่ ศาลา แลชา่ ง วาดแฮ
ทัง้ วัดทั้งบา้ นถว้ น ทุกหลงั ฯ”
รูปปั้นฤๅษีดัดตนเดิมมีจ�ำนวน ๘๐ ท่า ต่อมาได้มีการเคลื่อนย้ายภาพฤๅษีดัดตน
เหลา่ นนั้ ออกมาตง้ั ประกอบเขามอ ทำ� ใหค้ ำ� จารกึ โคลงแยกออกจากรปู ปน้ั จนเกดิ ความสบั สน
และภาพฤๅษที ยี่ กออกมาอยกู่ ลางแจง้ กเ็ กดิ ชำ� รดุ เสยี หาย นอกจากนย้ี งั มหี ลกั ฐานวา่ คนไทย
บางคนได้ขโมยรูปฤๅษีดัดตนไปขายหลายคร้ังหลายคราว เช่น ครั้งท่ีทางการสามารถจับ
ตัวได้ เกิดขึ้นในสมัยรชั กาลที่ ๕ เมอ่ื วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๘ เพราะนายสุก
ทหารรักษาวงั ขโมยฤๅษไี ป เปน็ จ�ำนวนมากถงึ ๑๖ ตน เป็นต้น ท�ำใหเ้ ม่อื ครงั้ กรมศลิ ปากร
เข้าไปด�ำเนินการบูรณะประติมากรรม แล้วส�ำรวจพบว่า คงเหลือภาพฤๅษีดัดตนอยู่เพียง
๑๙ ทา่ เทา่ นน้ั แตข่ อ้ มลู จากคมู่ อื นำ� เทย่ี ววดั โพธ์ิ พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๕ จดั พมิ พ์โดยวดั พระเชตพุ นฯ
บันทึกไวว้ ่า ปจั จบุ นั คงเหลอื อยู่ ๒๔ ท่า ๒๕ ตน๑๓
๓.๒ ลกั ษณะฤๅษีในโคลงภาพฤๅษดี ัดตน
ฤๅษีในโคลงภาพฤๅษีดัดตน ๘๐ ภาพ มีฤๅษี ๘๒ ตน เพราะมี ๒ ท่า ทม่ี ีฤๅษี
แสดงท่าภาพละ ๒ ตน ชื่อของฤๅษีท้ังหมดมีทีม่ าจาก วรรณคดคี ัมภีรท์ างพระพุทธศาสนา
และตำ� นานต่าง ๆ รวมถงึ ช่ือนักพรตและเซยี นชาวตา่ งประเทศ ผู้เป็นท่ีรู้จกั นบั ถอื มาใช้ด้วย
ดังสามารถจำ� แนกกล่มุ ดงั น้ี
๑๓ กรมศิลปากร, สมุดภาพโคลงฤๅษีดดั ตน, ๒๕๕๐, หนา้ ๑๓
คำ�อธิบายสมุดภาพโคลงฤๅษดี ัดตน 25
๓.๒.๑ ฤๅษที ่ีมนี ามปรากฏในวรรณคดี มหี ลายเร่ืองดงั นี้
๑) วรรณคดเี รอ่ื งรามเกยี รต์ิ ๓๓ ช่อื คือ อษิ ีศุขวฒั น์ อัจนะคาวี ยุทธ
อกั ขระ ยาคะ วตันตะ วสิ ุทธิ วชิระ โรมสิงค์ โคดม ธะหะ วสิทธิ นารท ชฎลิ ดาบส
ทิศไภย กาลชฎิล สรภังคะ พระกาลสิทธ มหาสุธรรม์ อัคตะ พระสุทัศน์ คาวินทร์
โควินทร์ พระวัชมฤค กระไลยโกฏ พระสุธามันต์ พระภาระทวาชะ พระวัชอัคนิศ พระ
ชนก อมรเมศร์ สเุ มธ บรเมศร์ โคบุตร โยคีองั คต
๒) วรรณคดีเรื่องอเิ หนา ๒ ช่ือ คือ สงั ปตเิ หงะ และ อายัน
๓) วรรณคดีเร่ืองอุณรุท ๓ ช่ือ คือ อิษอี ศุ ัพเนตร์ นารอท สทุ ธาวาศ
๔) วรรณคดีเรือ่ งพระรถเมรี ๑ ชอ่ื วรเชษฐ์
๕) วรรณคดเี รอ่ื งอุเทนคำ� ฉนั ท์ ๒ ช่ือ อลั ทปิ กะ และ พระอลั กัปกะ
๓.๒.๒ ฤๅษีท่ีมีนามปรากฏในวรรณกรรมพุทธศาสนา ส่วนใหญ่น�ำมาจาก
พระไตรปฎิ กและอรรถกถา หลาย ๆ เรอ่ื ง มจี �ำนวนมากถึง ๑๗ ช่ือ คือ วจั นัข มโนช
อษิ สี งิ ห์ นารอท อัศวมขุ ี อิสงิ คด์ าบส อศั ทศิ พระกาญจน์ อนิตถิคนั ธ์ มคิ าชินทร์ ยาม
หณุ โสมะยาคะ พระสมุทร์ พระมาฆะ ภรัตดาบส กาละกรุ ักข์ พระโสณะ
๓.๒.๓ ฤๅษีท่มี ีนามปรากฏในต�ำนาน สว่ นใหญ่เปน็ ตำ� นานทวี่ า่ ดว้ ยการประดิษฐาน
พระพุทธศาสนา และสร้างเมืองต่าง ๆ ทั้งอาณาจักรล้านนา และเมืองเนื่องเกี่ยวกับ
พุทธประวตั ิ ดงั น้ี
๑) ตำ� นานมูลศาสนา ๔ ชื่อ คือ สุกทนั ต์ สชั นาไลย วาสุเทพ พุทธชฎิล
๒) ตำ� นานพระพทุ ธบาท ๑ ชื่อ คือ สจั ทัณฑ์
๓) ตำ� นานการสรา้ งเมอื งกบลิ พัสดุ์ ๑ ชอ่ื คอื กระบลิ ดาบส
๓.๒.๔ ฤๅษีทมี่ ีนามปรากฏในต�ำราวิชาการตา่ ง ๆ ๔ ชอ่ื คอื เทวบดิ สทิ ธิกรรม์
อคั นีเนตร นาไลย
๓.๒.๕ ฤๅษที ี่ยืมชือ่ มาจากชาวตา่ งชาติ ๒ ชือ่ คือ โยฮนั และหลเี จง๋
๓.๒.๖ ฤๅษีท่ียังไม่สามารถค้นหาที่มาได้ ๑๐ ชื่อ คือ โยคีอะแหม่ จุลพรหม
ขุทธาลกะ กามินทร์ พระยาไชยาทิศ พยาธิประไลย์ เพ็ชรองการ อุดมนารท ส�ำมิทธ์ิ
ธารนพี ฒั น์
26 ชุดการสงั คายนาภมู ปิ ัญญาการนวดไทย: ๒
ตารางที่ ๒ ผู้แตง่ โคลงและฤๅษี
ภาพ ช่ือภาพต้นฉบับ ผ้แู ต่ง ชอ่ื ฤๅษี
๑ แกเ้ กยี จ กามันตะกี
๒ แก้เอว ขา พระราชนิพนธ์ สังปติเหงะ
๓ แกล้ มในอกในเอว พระบาทสมเด็จพระนง่ั เกลา้ เจา้ อยู่หัว
๔ แก้ขัดเอว อายนั
๕ แกล้ มปวดศศี ะ พระราชนิพนธ์ วจั นัข
๖ แก้ซ่นเท้า พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว มโนช
อิษีศขุ วัฒน์
๗ แกป้ วดท้อง ค่อเท้า พระราชนิพนธ์
พระบาทสมเดจ็ พระนัง่ เกล้าเจา้ อยหู่ ัว อัจนะคาวี
๘ แก้เสมหะในล�ำฅอ
พระราชนพิ นธ์ ยทุ ธอักขระ
๙ แกล้ มในแขน พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกล้าเจ้าอยหู่ ัว
ยาคะ
๑๐ แก้สบกั หนา้ จม พระราชนิพนธ์
๑๑ แก้ลมทั่วสารพางค์ พระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกลา้ เจ้าอยู่หวั วะตนั ตะ
วสิ ุทธิ
กรมหมืน่ นุชติ ชโิ นรส
(สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระปรมานชุ ติ ชิโนรส)
กรมหม่ืนนชุ ิตชิโนรส
(สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า
กรมพระปรมานชุ ติ ชิโนรส)
กรมหมนื่ นุชติ ชิโนรส
(สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้
กรมพระปรมานุชติ ชโิ นรส)
กรมหมืน่ นุชติ ชโิ นรส
(สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระปรมานชุ ิตชิโนรส)
นายปรดี าราช
พระมุนีนายก
ค�ำ อธบิ ายสมุดภาพโคลงฤๅษีดดั ตน 27
ตารางที่ ๒ ผูแ้ ตง่ โคลงและฤๅษี (ต่อ)
ภาพ ชื่อภาพต้นฉบบั ผแู้ ต่ง ช่ือฤๅษี
๑๒ แกเ้ ขา่ ขาตาย วะชิระ
๑๓ แกข้ ัดขาขดั คอ หลวงชาญภูเบศ โรมสิงค์
๑๔ แกแ้ น่นหนา้ อก โคดม
๑๕ แก้ลมเวยี นศีศะ พระพุทธโฆษจารยิ ์ ธะหะ
๑๖ แก้เขา่ ขา พระสมหุ จ์ ั่น อษิ สี ิงห์
๑๗ แก้โรคในอก วรเชษฐ
๑๘ แก้ตะคริวมือ เท้า กรมหมน่ื นชุ ิตชโิ นรส อัคนีเนตร
๑๙ แก้ลมตะคริว (สมเด็จพระมหาสมณเจ้า สวามติ
กรมพระปรมานชุ ิตชิโนรส) วสิทธติ
(มฤี ๅษี ๒ ตน)
พระญาณปรยิ ตั ิ อิษอี ุศพั เนตร์
พระเพชฎา นารท
นารอท
จา่ จิตรนกุ ลู
ชฎิลดาบส
พระญาณปริยตั ิ ทิศไภย
๒๐ แก้ลมท่วั สาระพางค์ พระองคจ์ า้ วศิริวงษ์ กาลชฎิล
(สมเดจ็ พระบรมราชมหยั กาเธอ
๒๑ แก้เสยี ดอก กรมหม่ืนมาตยาพทิ ักษ์)
๒๒ จนั ทฆาต พระศรีวิสุทธิวงษ
สมเด็จพระสังฆราช
แก้ลม เขา่ ขา
หนา้ อก พญาอศั ฎาเรืองเดช
๒๓ แกเ้ ขา่ ขัด กรมหม่นื ไกรสรวชิ ติ ร
๒๔ ด�ำรงกายอายศุ มย์ นื (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมนื่
ไกรสรวชิ ติ )
๒๕ แก้ลมปะกัง เจ้าพญาพระคลัง
28 ชดุ การสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๒
ตารางท่ี ๒ ผ้แู ตง่ โคลงและฤๅษี (ต่อ)
ภาพ ช่ือภาพตน้ ฉบับ ผู้แต่ง ช่อื ฤๅษี
สระภังคด์ าบส
๒๖ แกต้ ะโภกสลกั เพช พระอมรโมลี
(สรภังคะ)
๒๗ ชกั ปากเบี้ยว หลวงลขิ ิตปรีชา พระกาฬสิทธิ์
แก้ลม ลมล้ินตาย มหาสุธรรม์
อัคะตะ
เท้า เหนบ็ พระสทุ ศั น์
มือ คาวินทร์
โควินทร์
๒๘ แก้เข่าขัด พระอมรโมลี นาไลย
๒๙ แกล้ มในล�ำลึงค์ พระอมรโมลี พระวัชมฤค
กระไลยโกฎ
๓๐ แกม้ ือเทา้ พญาธิเบศบดี
พระสธุ ามนั ต์
๓๑ แกก้ ลอ่ นปศั ฆาฏ พระศรวี ิสุทธวิ งษ พระภาระทวาชะ
พระวชั อคั นิศ
๓๒ แก้ลมอ�ำพฤก พระศรีวิสุทธิวงษ
พระชนก
๓๓ แก้ลมซ่นเทา้ พระศรวี ิสุทธิวงษ กระบลิ ดาบส
๓๔ แกเ้ อว พระศรีวิสทุ ธวิ งษ สุกทันต์
๓๕ แก้ลมในขา กรมหมืน่ ไกรสรวิชติ
(พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหมน่ื ไกรสรวชิ ติ )
๓๖ แก้เวียนศศี ะ พระพทุ ธโฆษจารยิ ์
๓๗ แกล้ ้ินกระดา้ ง พระรัตนมุนี
๓๘ แกก้ ล่อนในทรวง พระรัตนมุนี
๓๙ แก้ไหล่ ตะโภก พระรัตนมุนี
๔๐ แก้เทา้ เยน็ ใจสวิงสวาย หลวงลิขติ ปรชี า
๔๑ แก้ไหล่ ขา พระองคจ์ า้ วนวม (พระบรมวงศเ์ ธอ
กรมหลวงวงศาธิราชสนิท)
คำ�อธิบายสมดุ ภาพโคลงฤๅษดี ัดตน 29
ตารางที่ ๒ ผู้แตง่ โคลงและฤๅษี (ตอ่ )
ภาพ ชื่อภาพตน้ ฉบบั ผแู้ ตง่ ชือ่ ฤๅษี
๔๒ แกก้ ลอ่ นปัศฆาฏ หลวงชาญภเู บศ สัชนาไลย
๔๓ แก้ฅอเคลด็ ไหลข่ ัด พระองคจ์ า้ วทนิ กร (พระบรมวงศเ์ ธอ อัศวมขุ ี
กรมหลวงภวู เนตร นรทิ รฤทธิ)์
๔๔ แกฅ้ อ ไหล่ จะหมื่นราชนาคา อสิ ิงคด์ าบศ
๔๕ แก้ลมอัณฑวาต พระองค์จา้ วศริ ิวงษ์ โยคอี ะแหม่
(สมเดจ็ พระบรมราชมาตามหัยกาเธอ
๔๖ แกเ้ สียดขา้ ง กรมหมื่นมาตยาพทิ ักษ์) อมรเมศร์
๔๗ แกว้ ิงเวียน พระอรยิ วงษมุนี สเุ มธ
๔๘ แก้ลมมหาบาทยกั ษ พระอริยวงษมุนี
๔๙ แกแ้ ขนขัด พระอริยวงษมนุ ี ดาบสบรเมศร์
๕๐ แก้ลมปตั ฆาฏในเอว พระอรยิ วงษมนุ ี โคบตุ ร
๕๑ แกล้ มในเท้า พญาศรีสหเทพ จุลพรหม
๕๒ แก้ลมในฅอ พระญาณปรญิ ัติ อัศทศิ
๕๓ แก้ลมขา พระญาณปริญัติ
๕๔ แกล้ มล�ำลงึ ค์ อณั ฑะ พระญาณปรญิ ัติ พระกาญจน์
๕๕ *แก้ลมขอ้ มือ ขุนธนสิทธ์ ขุทธาลกะ
พระญาณปริยตั ิ โยคอี งั คต
(ไมม่ ีในภาพ) อนดิ ถคิ ันธ์
๕๖ แก้ลมอก ขนุ ธนสทิ ธ์
๕๗ แก้เสน้ มหาสนุกนร์ิ ะงับ พระมหามนตรี สัจพัณท์
๕๘ แกเ้ ทา้ ขัด พระราชนิพนธ์ กามินทร์
พระบาทสมเด็จพระนง่ั เกล้าเจา้ อยู่หัว มิคาชนิ ทร์
๕๙ แก้เส้นท่วั สาระพางค์ นายปรีดาราช
อลั ทปิ ะกะ
30 ชุดการสงั คายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๒
ตารางที่ ๒ ผแู้ ตง่ โคลงและฤๅษี (ต่อ)
ภาพ ชอ่ื ภาพตน้ ฉบับ ผ้แู ตง่ ชอื่ ฤๅษี
๖๐ แก้ไหล่ ตะโภกขดั จา่ จิตรนกุ ูล พระอลั กัปะกะ
๖๑ แกล้ มเอว ออกญาโชดกึ ราชเศรษฐี พระไชยาทศิ
๖๒ แก้ลมกล่อน พญาราชมนตรบี ริรกั ษ
๖๓ แกล้ มมอื เท้า พระมนุ ีนายก สทิ ธกิ รรม์
๖๔ แก้สลักไหล่ พระสมบัติธบิ าล พยาธิประไลย์
๖๕ แกล้ มริศดวง กรมหม่นื ศรีสเุ ทพ เพชองการ
(พระเจา้ บรมวงศ์เธอ
๖๖ แกแ้ น่นหนา้ อก กรมหมน่ื ศรีสุเทพ) นารอท
๖๗ แก้กลอ่ น พญาไชยวชิ ติ
พญาบ�ำเรอห์บริรกั ษ์ ส�ำมิทธ์
๖๘ แกล้ มจุกเสยี ด วาสเุ ทพ
๖๙ แกข้ า พระพรรณสมบัติ สุพรหม
กรมหมนื่ ไกรสรวชิ ติ (ฤๅษี ๒ ตน)
๗๐ แกก้ ลอ่ น (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พทุ ธชฎิล
๗๑ แก้ปวดทอ้ ง สบกั จม กรมหมน่ื ไกรสรวชิ ิต) สทุ ธาวาศ
พระสมบตั ธิ ิบาล
๗๒ แกล้ มในอก พระองคจ์ า้ วคเนจร (พระบรมววศเ์ ธอ ธาระนพี ฒั
กรมหมน่ื อมเรนทรบดนิ ทร)์ ยามหณุ
๗๓ แก้โตภกต้นขา ขัดหาย พระองคจ์ ้าวนวม (พระบรมวงศเ์ ธอ
กรมหลวงวงศาธริ าชสนทิ ) โสมะยาคะ
กรมหม่นื นชุ ติ ชโิ นรส
(สมเด็จพระมหาสมณเจ้า พระสมุทร์
กรมพระปรมานุชิตชโิ นรส)
ค�ำ อธิบายสมุดภาพโคลงฤๅษีดดั ตน 31
ตารางที่ ๒ ผู้แต่งโคลงและฤๅษี (ตอ่ )
ภาพ ช่ือภาพตน้ ฉบบั ผู้แต่ง ชือ่ ฤๅษี
๗๔ แก้เท้าเหนบ็ พระมาฆะ
๗๕ แก้ปศั ฆาฏ ตคริว พญาธเิ บศรบดี เทวบิด
๗๖ แกจ้ ุก พระองค์จ้าวทินกร พระภะรตั ะดาบศ
๗๗ แก้ไหล่ ทอ้ ง อก (พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กาละกุรกั ข์
๗๘ แกข้ ัดแขน กรมหลวงภวู เนตรนรินทรฤทธ)์ิ พระโสณะ
๗๙ แกข้ ดั แขน ขา มหาช้างบเรยี น โยฮัน
๘๐ แกเ้ ส้นสลักทรวง สมเด็จพระมหาสมณเจา้ หลีเจ๋ง
กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
พระองคจ์ ้าวทนิ กร
(พระเจา้ บรมวงศ์เธอ
กรมหลวงภูวเนตรนรนิ ทรฤทธิ์)
พระองคท์ นิ กร
(พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ
กรมหลวงภวู เนตรนรนิ ทรฤทธิ์)
ออกญาโชดึกราชเศรษฐี
32 ชดุ การสังคายนาภมู ปิ ัญญาการนวดไทย: ๒
๓.๓ ลกั ษณะของโคลงภาพฤๅษีดัดตน
โคลงภาพฤๅษีดัดตนที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม แต่งด้วยโคลงส่ีสุภาพ
รวมท้ังส้ิน ๘๕ บท เริ่มเรื่องด้วยโคลงน�ำ ๕ บท กล่าวถึงวันเดือนปีที่พระบาทสมเด็จ
พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระประยรู ญาตเิ รม่ิ ดำ� เนนิ การ
จนแลว้ เสร็จ รวมถงึ พระราชปณธิ านในพระองค์ทีท่ รงสร้างตำ� ราเรือ่ งนี้ ต่อจากนัน้ จงึ เปน็
โคลงบรรยายลักษณะและสรรพคุณของรูปฤๅษีดัดตนแต่วิชาฤๅษีดัดตน แต่ละท่าจะจบ
เพยี งใน ๑ บทเท่าน้ัน ไม่ใชเ่ รื่องต่อเน่ืองจนครบ ๘๐ ทา่
เนื้อหาในโคลงภาพฤๅษีดัดตน ๘๐ บท มคี วามเหมือนกนั ดังน้ี
๑. บอกชื่อผ้แู ตง่ โคลงฤๅษดี ัดตน
๒. บอกชื่อฤๅษี บางบทพรรณนาถงึ เรื่องราวของฤๅษี ว่ามีความสำ� คญั อยา่ งไร
๓. บอกแผนดัด ท่าดัด ซงึ่ สอดคล้องกบั รูปภาพท่าดดั ตนของฤๅษี
๔. บอกโรค อาการผิดปกตขิ องร่างกาย บางบทพรรณนาว่าเพราะเหตุใดจึงเกดิ
อาการ
๒สวนท่ี
การสังคายนาภมู ิปญ ญาฤๅษดี ัดตน ๘๐ ทา
34 ชุดการสงั คายนาภูมิปญั ญาการนวดไทย: ๒
๑. การสังคายนาภูมปิ ัญญาฤๅษีดัดตน
คณะท�ำงานเพ่ือด�ำเนินงานสังคายนาภูมิปัญญาด้านฤๅษีดัดตนในต�ำราการแพทย์
แผนไทยแห่งชาติ ร่วมกันท�ำการศึกษาวิเคราะห์ รูปฤๅษีดัดตน ช่ือภาพ โคลงภาพโรค
อาการที่บำ� บัดได้ ดงั นี้
๑.๑ รูปฤๅษีดดั ตน
ตามความที่กล่าวมาแล้วเรื่องประวัติและลักษณะของฤๅษีดัดตน พระบาทสมเด็จ
พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงโปรดเกลา้ ใหส้ รา้ งหลอ่ รปู ฤๅษี ดว้ ยสงั กะสผี สมดบี กุ แลว้ เคลอื บ
เรียกว่า ชิน เป็นฤๅษีแสดงท่าดัดตน จ�ำนวน ๘๐ ท่า แต่เป็นฤๅษี ๘๒ ตน จากน้ัน
พระองคจ์ งึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหพ้ นายจิตรกรรม ประกอบดว้ ย พระชา่ งวาดซ้าย
ชอื่ ขุนรจนามาศ และหม่ืนช�ำนาญรจนา ช่างวาดขวา เขียนภาพฤๅษีดดั ตน ๘๐ ทา่ และ
โปรดฯ ให้ขุนวิสุทธิอักษร ผู้เป็นอาลักษณ์ เขียนเส้นตัวอักษร พร้อมตรวจทานความ
ถูกต้องลงในหนังสอื สมุดไทย จนแล้วเสรจ็ เมือ่ เดือน ๕ แรม ๑๑ ค�่ำ ปีจอ สมั ฤทธศิ ก
จุลศักราช ๑๒๐๐ ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๐ เมษายน พทุ ธศกั ราช ๒๓๘๑ จงึ ทำ� ให้ประชาชน
สามารถเรยี นรหู้ ลกั ฐานภาพฤๅษดี ดั ตนไดค้ รบถว้ น และตามพระราชประสงคข์ องรชั กาลท่ี ๓
ทา่ นทรงหว่ งใยวา่ รปู ฤๅษที ห่ี ลอ่ ขน้ึ จะสญู หายเหมอื นดงั เชน่ ฤๅษที เ่ี คยสรา้ งในสมยั รชั กาลท่ี ๑
ต่อมาได้มีการเคลื่อนย้ายภาพฤๅษีดัดตนเหล่านั้นออกมาต้ังประกอบเขามอ ท�ำให้ค�ำจารึก
โคลงแยกออกจากรูปปั้นจนเกิดความสับสน และภาพฤๅษีที่ยกออกมาอยู่กลางแจ้งก็เกิด
ช�ำรุดเสียหาย นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่าคนไทยบางคนได้ขโมยรูปฤๅษีดัดตนไปขายหลาย
ครั้งหลายคราว ปัจจุบันมีฤๅษีดัดตนที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมด ๒๔ ท่า ๒๕ ตน ดังตาราง
แสดงเปรยี บเทยี บภาพจากต้นฉบบั “สมุดรูปฤๅษดี ดั ตนแก้โรคตา่ ง ๆ ๘๐ รปู ” กับรปู ปั้น
ฤๅษีทย่ี ังคงเหลืออย่ภู ายในวัดโพธ์ิในปัจจบุ ัน
คาํ อธิบายสมุดภาพโคลงฤๅษีดัดตน 35
ภาพที่ ๑ แก้เกียจ
ภาพต้นฉบับ สมดุ ไทยดา�
ค�าโคลงภาพฤๅษดี ดั ตน รปู ปั้น ฤๅษีดัดตนในวัดโพธ์ิ
-ชา� รดุ /สญู หาย-
สงั กะสีดีบกุ เข้า รคนเจือ
หล่อคณะนงุ่ หนงั เสอื สถิตไว้
กามันตะกเี ขือ ขอ้ ยหนุม่ นกั นอ
เหยียดยดื หัตถ์ดดั ได้ แต่แกเ้ กียจกาย
พระราชนพิ นธ/์ ผแู้ ตง่ พระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกล้าเจ้าอยหู่ วั
ชื่อฤๅษี กามันตะกี
แผนดัด/ทา่ ดดั ตน ท่านั่ง ขัดสมาธิ แยกต้นขา ล�าตัวยืดตรง
เหยยี ด ยดื แขน ประสานนิว้ มอื ดัดนิ้วมือ
แล้วบดิ ตัวไปทัง้ ทางซา้ ยและขวา
แก้โรคและอาการ เกยี จกาย
36 ชุดการสังคายนาภูมิปญญาการนวดไทย: ๒
ภาพที่ ๒ แก้เอวขัด ขาขัด
ภาพต้นฉบับ สมุดไทยด�า
คา� โคลงภาพฤๅษีดัดตน รูปป้นั ฤๅษดี ดั ตนในวดั โพธ์ิ
-ชา� รุด/สูญหาย-
ชฎลิ ดดั ตนน้ีน่า นึกเอะ ใจเอย
ช้ีชือ่ สังปตเิ หงะ หงอ่ มงอ้ ม
ถวัดเท้าท่ามวยเตะ ตงึ เมือ่ ย หายฮา
แกก้ ะเอวขดคอ้ ม เขา่ คู้โขยกโขยง
พระราชนพิ นธ/์ ผแู้ ตง่ พระบาทสมเด็จพระน่งั เกลา้ เจา้ อยหู่ ัว
ชือ่ ฤๅษี สงั ปติเหงะ
แผนดัด/ท่าดัดตน ท่ายืน ถวัดเท้าเตะเท้าข้ึน เหยียดตรง ๑
ข้าง ใช้มือหน่ึงจับปลายเท้า มืออีกข้างหนึ่ง
กดหวั เขา่ ไว้ ขาอกี ข้างงอเลก็ น้อย
แก้โรคและอาการ ตึงเม่ือย ขา เข่า เอวขด เข่าคู้ เดินโขยก
เขยก
คําอธิบายสมดุ ภาพโคลงฤๅษีดัดตน 37
ภาพที่ ๓ แก้ลมในอก ในเอว
ภาพตน้ ฉบับ สมดุ ไทยด�า
ค�าโคลงภาพฤๅษีดัดตน รปู ปน้ั ฤๅษีดัดตนในวัดโพธ์ิ
-ชา� รดุ /สญู หาย-
อายนั ญาณยง่ิ ผู้ ผนวดแขก
เนาพนัสฝ่าแฝก หาบหวิ้
โรคลมแลน่ ดแุ ดก วางหาบ ดดั แฮ
แอ่นอกเอย้ี วเอวสยิว แสยะหน้าเงยหงาย
พระราชนพิ นธ/์ ผแู้ ตง่ พระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกลา้ เจ้าอยู่หัว
ชอ่ื ฤๅษี อายัน
แผนดัด/ท่าดัดตน ท่ายืน ก้าวขาข้างหนึ่งไปด้านหน้า งอเข่า
แขนขา้ งเดียวกนั ต้งั ศอกยกขนึ้ แบมือ มอื อีก
ข้างเท้าเอว หันหน้าไปด้านหลังข้างท่ีเท้า
สะเอว แลว้ เงยหนา้ ข้นึ
แก้โรคและอาการ ลมในอกในเอว (ลมแลน่ แดกข้นึ ไปจุกอก)
38 ชดุ การสังคายนาภมู ปิ ญ ญาการนวดไทย: ๒
ภาพที่ ๔ แก้ขัดเอว
ภาพตน้ ฉบับ สมดุ ไทยดา�
ค�าโคลงภาพฤๅษดี ัดตน รปู ป้นั ฤๅษีดดั ตนในวัดโพธิ์
-ช�ารดุ /สญู หาย-
วจั นขั เนาพนัสหว้ ย หุบเหว
นอบนบเพลิงเปล่งเปลว ค�่าเช้า
อาพาธขบขดั เอว โอเ้ ทวษ ฉังเอย
เกง็ ขอ้ กดตะคากเข้า ศอกคูข้ มึงทึง
พระราชนพิ นธ/์ ผแู้ ตง่ พระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกลา้ เจ้าอย่หู วั
ชื่อฤๅษี วัจนัข
แผนดัด/ทา่ ดดั ตน ทา่ นงั่ แยกตน้ ขา ไขวข้ ้อเทา้ ยดื เอวและอก
เกรง็ ขอ้ สะโพก และหวั ตะคาก พรอ้ มกบั กาง
ข้อศอกขึน้ ระดับอกพรอ้ มออกแรงเกรง็
แก้โรคและอาการ ขดั เอว
คาํ อธบิ ายสมุดภาพโคลงฤๅษีดดั ตน 39
ภาพที่ ๕ แก้ลมปวดศรี ษะ
ภาพตน้ ฉบับ สมดุ ไทยด�า
คา� โคลงภาพฤๅษดี ดั ตน รปู ปน้ั ฤๅษีดดั ตนในวดั โพธ์ิ
-ช�ารดุ /สูญหาย-
พระมโนชสา� นกั นด์ิ ้าว ดงยูง ยางแฮ
จติ รพร่นั หวัน่ หวาดฝูง มฤครา้ ย
ก�าเริบโรคขบสูง สงั เวช องค์เอย
นงั่ ดดั หัตถ์ขวาซ้าย นบเกล้าบรกิ า�
พระราชนพิ นธ/์ ผแู้ ตง่ พระบาทสมเด็จพระนงั่ เกล้าเจ้าอยู่หัว
ชื่อฤๅษี มโนช
แผนดดั /ทา่ ดัดตน ท่าน่ัง แยกต้นขา แล้วชันเข่าซ้ายขึ้น ล�าตัว
ยืดตรง มือต้านกันแล้วค่อย ๆ ยกเกร็งขึ้น
เหนือศรี ษะ
แก้โรคและอาการ ลมปวดศรี ษะ ลมขนึ้ เบอ้ื งสงู ทา� ใหป้ วดศรี ษะ
เนื่องจากความกลวั ความเครียด วติ กกงั วล