The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ เล่ม ๓

View in Fullscreen

แผนการจัดการเรียนรู้เล่ม 3

Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!

Related Publications

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.

Published by sasisuri64, 2024-01-17 03:49:45

แผนการจัดการเรียนรู้ เล่ม ๓

Pages:

แผนการจัดการเรียนรู้เล่ม 3

กลุ่มที่ ๔ จริงหรือไม่ที่จิ้งจกตอบแทนคุณด้วยการจับแมลงกิน หรือร้องทัก ไม่ให้ประมาท พร้อมบอกเหตุผลประกอบ กลุ่มที่ ๕ สรุปใจความสำคัญของเรื่อง 7.2.4 ตัวแทนกลุ่มนำเสนอตามหัวข้อที่ได้รับหน้าชั้นเรียน 7.2.5 นักเรียนและครูเฉลยคำตอบร่วมกันพร้อมทั้งช่วยกันบอกข้อคิดที่ได้จากเรื่อง 7.3 ขั้นสรุป 7.3.1 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเนื้อหาในบทเรียน จากนั้นนั้นครูมอบหมายให้นักเรียนเขียน แผนภาพความคิดเพื่อสรุปบทเรียน เรื่อง “รักที่คุ้มภัย” เป็นการบ้านตามหัวข้อดังนี้ - ตัวละครให้เรื่องมีใครบ้าง - เกิดเหตุการณ์ใดขึ้นในเรื่อง - เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน - เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อไหร่ - ผลสุดท้ายเกิดอะไรขึ้น - ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง ๘. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 8.1 หนังสือเรียนภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๙. ชิ้นงาน/ภาระงาน 9.1 ใบงาน การเขียนแผนภาพความคิด เรื่อง รักที่คุ้มภัย ๑๐. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. นักเรียนตอบคำถามจากเรื่องที่ อ่านได้ถูกต้อง (K) การถามตอบ คำถามในชั้นเรียน นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป ๒. นักเรียนเขียนสรุปเรื่องเป็น แผนภาพความคิดได้ถูกต้อง (P) การเขียน แผนภาพ ความคิด แบบประเมิน การเขียน แผนภาพความคิด นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป 3. นักเรียนมีมารยาทในการอ่าน และมุ่งมั่นในการทำงาน (A) สังเกต พฤติกรรม แบบสังเกต พฤติกรรม นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป

๑๑. บันทึกผลหลังจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑๑.๑ ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๑.๒ ปัญหาและอุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๑.๓ ข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………………. (นางสาวศศิประภา สุริยันต์) วัน……….เดือน……………..……พ.ศ…………. -

๑๑.๔ ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………………. (นางสาวสุภาวดี งอสอน) วัน……….เดือน……………………พ.ศ…………. ๑๑.๕ ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………………. (นางบุษยพรรณ พันอะนันท์) วัน……….เดือน…………………………พ.ศ…………

ภาคผนวก

1. หนังสือเรียน ภาษาพาที ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ฉบับกระทรวงศึกษาธิการ

2. ใบงาน การเขียนแผนภาพความคิด เรื่อง รักที่คุ้มภัย ใบงาน แผนภาพความคิด เรื่อง รักที่คุ้มภัย คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนแผนภาพความคิด เรื่อง รักที่คุ้มภัย พร้อมตกแต่งให้สวยงาม

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 61 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ หน่วยการเรียนรู้ที่ 22 เรื่อง รักที่คุ้มภัย เวลา 9 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ย่อย เรื่อง การวิเคราะห์บทเรียน เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิประภา สุริยันต์ วันที่สอน 14 กุมภาพันธ์๒๕๖7 ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาใน การดำเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน 1.2 ตัวชี้วัด ท 1.1 ป.4/๓ อ่านเรื่องสั้นๆ ตามเวลาที่กำหนดและตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน ท 1.1 ป.4/๕ คาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องที่อ่าน โดยระบุเหตุผลประกอบ ๒. สาระสำคัญ การวิเคราะห์บทเรียนเป็นการสอดแทรกความรู้สึกส่วนตัวเพื่อคิดวิเคราะห์สาระที่กำลังศึกษา ผู้แสดง ความคิดเห็นควรใช้ภาษาที่สุภาพไม่กระทบกระเทือนถึงบุคคลอื่นและแสดงความคิดเห็นในด้านพยุง จรรโลงและ สร้างสรรค์สังคมให้ดีงาม ต้องมีความรู้ลึกซึ้งในเรื่องคำและสำนวนภาษาเพื่อให้ใช้ได้ถูกต้องตามบริบท ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนตอบคำถามจากเรื่องได้ถูกต้อง (K) 3.๒ นักเรียนสามารถใช้เหตุผลในการตอบคำได้ (P) 3.๓ นักเรียนมีความมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย (A) ๔. สาระการเรียนรู้ 4.1 วิเคราะห์และตอบคำถามจากเรื่องราวในบทเรียน ๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5.1 มีวินัย ๕.2 ใฝ่เรียนรู้ 5.3 มุ่งมั่นในการทำงาน

๖. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๗. กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ทักษะกระบวนกาารสร้างเจตคติ 7.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 1 สังเกต 7.1.1 นักเรียนและครูกล่าวทักทายกัน จากนั้นนักเรียนทบทวนบทเรียนเรื่อง “รักที่คุ้มภัย” โดยให้ ตัวแทนนักเรียนเล่าให้เพื่อนและครูฟัง 7.2 ขั้นจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นที่ 2 วิเคราะห์ 7.2.1 นักเรียนเปิดแบบฝึกหัดทักษาภาษา หน้า 151 จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถามจาก แบบฝึกหัดดังต่อไปนี้ - ให้นักเรียนเปรียบเทียบบรรยากาศในครอบครัวของจ๊อกกับแจ๊กอาศัยอยู่ว่ามีความ แตกต่างกันอย่างไร - ทำไมแจ๊กจึงอยากมาอยู่ที่บ้านจ๊อก - ถ้านักเรียนจะต้องเลือกอยู่บ้าน 2 หลังนี้ นักเรียนจะเลือกอยู่บ้านหลังไหน เพราะเหตุใด 7.2.2 นักเรียนตอบคำถามข้างต้น และเขียนลงในแบบฝึกหัด จากนั้นโดยครูให้ตัวแทนนักเรียน ยกตัวอย่างคำตอบของตนเองให้เพื่อนฟัง 7.2.3 นักเรียนเปิดแบบฝึกหัดทักษาภาษา หน้า 152 จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถามดังต่อไปนี้ - การที่แจ๊กจะมาย้ายมาอยู่บ้านจ๊อก นักเรียนคิดว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด - ในฐานะที่นักเรียนเป็นสมาชิกคนหนึ่งของบ้าน นักเรียนคิดว่าจะทำให้บ้านมีความสุขได้ อย่างไร ให้เขียนบรรยาย - จากเรื่อง “รักที่คุ้มภัย” ในความคิดของนักเรียน “รัก” หมายถึงรักของผู้ใด 7.2.4 นักเรียนตอบคำถามข้างต้น และเขียนลงในแบบฝึกหัด จากนั้นโดยครูให้ตัวแทนนักเรียน ที่ไม่ซ้ำกับคนเดิมที่เคยออกมาตอบคำถามก่อนหน้านี้ มายกตัวอย่างคำตอบของตนเองให้เพื่อนฟัง 7.3 ขั้นสรุป ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 7.3.1 นักเรียนฟังครูสรุปประเด็นต่างๆ จากสิ่งที่นักเรียนวิเคราะห์และตอบคำถามว่ามีความ เหตุผลประกอบเหมาะสมหรือไม่ 7.3.2 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ในบทเรียนและชมเชยนักเรียนในความตั้งใจตอบ คำถามและร่วมกิจกรรม

๘. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 8.1 หนังสือเรียนภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๙. ชิ้นงาน/ภาระงาน 9.1 แบบฝึกหัดทักษะภาษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ หน้า 151 – 152 ๑๐. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. นักเรียนตอบคำถามจากเรื่องได้ ถูกต้อง (K) การตรวจ แบบฝึกหัดและ การตอบคำถาม ในชั้นเรียน แบบฝึกหัด ทักษะภาษา หน้า 151 – 152 นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป ๒. นักเรียนสามารถใช้เหตุผลในการ ตอบคำได้ (P) การตรวจ แบบฝึกหัดและ การตอบคำถาม ในชั้นเรียน แบบฝึกหัด ทักษะภาษา หน้า 151 – 152 นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป 3. นักเรียนมีความมุ่งมั่นและตั้งใจ ทำงานที่ได้รับมอบหมาย (A) สังเกต พฤติกรรม แบบสังเกต พฤติกรรม นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป

ภาคผนวก

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 62 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ หน่วยการเรียนรู้ที่ 22 เรื่อง รักที่คุ้มภัย เวลา 9 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ย่อย เรื่อง การอ่านเสริมบทเรียน เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิประภา สุริยันต์ วันที่สอน 16 กุมภาพันธ์๒๕๖7 ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาใน การดำเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน 1.2 ตัวชี้วัด ท 1.1 ป.4/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ท 1.1 ป.4/๖ สรุปความรู้และข้อคิดจากเรื่องที่อ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ท 1.1 ป.4/8 มีมารยาทในการอ่าน ๒. สาระสำคัญ การอ่านออกเสียง เป็นการอ่านให้ผู้อื่นฟัง เพื่อให้เข้าใจอรรถรส เกิดอารมณ์และจินตนาการไปตาม เนื้อเรื่อง ผู้อ่านออกเสียงจึงต้องอ่านเว้นวรรคตอนและสะกดการันต์ได้ถูกต้อง การฝึกฝนการอ่านออกเสียงให้ ชำนาญไปตามระดับความสามารถของตนบนหลักการอ่านที่ถูกต้อง จึงเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ทั้งยัง เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมทางภาษาของชาติอีกทางหนึ่ง ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนสรุปเรื่องราวจากการอ่านได้ถูกต้อง (K) 3.๒ นักเรียนอ่านออกเสียงได้ถูกต้องตามหลักการ (P) 3.๓ นักเรียนให้ความร่วมมือในการอ่านและการตอบคำถาม (A) ๔. สาระการเรียนรู้ 4.1 การอ่านออกเสียงบทอ่านเสริม “ความรักในบ้าน”

๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5.1 มีวินัย ๕.2 ใฝ่เรียนรู้ 5.3 มุ่งมั่นในการทำงาน ๖. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๗. กระบวนการจัดการเรียนรู้ 7.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 7.1.1 ครูและนักเรียนกล่าวทักทายกัน จากนั้นร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำว่า “ความรัก ในบ้าน” ว่าในความคิดของนักเรียน ความรักในบ้านหมายถึงอะไร มีผลต่อชีวิตคนเราอย่างไร จากนั้นครูโยง เข้าสู่เนื้อหาของบทเรียน 7.2 ขั้นจัดกระบวนการเรียนรู้ 7.2.1 นักเรียนออกเสียงบทอ่านเสริม เรื่อง “ความรักในบ้าน” พร้อมกัน 1 รอบ 7.2.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเนื้อหาเกี่ยวกับบทอ่านเรื่อง “ความรักในบ้าน” 7.2.3 นักเรียนเขียนสรุปเรื่องราวและสิ่งที่ได้จากการอ่านเรื่อง “ความรักในบ้าน” ลงในสมุดวิชา ภาษาไทย 7.2.4 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับต่อข้อความต่อไปนี้ โดยครูเขียนไว้บนกระดาน - “ความรักในบ้าน เปรียบดังปราการ คุ้มภัยทั้งผอง” จากข้อความข้างต้น นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่ 7.2.5 นักเรียนทบทวนความรู้เกี่ยวกับหลักการอ่านออกเสียง จากนั้นฟังครูอธิบายเพื่อมเติม 7.2.6 นักเรียนทดสอบการอ่านออกเสียงบทอ่านเสริมเรื่อง “ความรักในบ้าน” รายบุคคลคน โดยในระหว่างที่นักเรียนอ่าน ครูทำการประเมินการอ่านไปด้วย เมื่ออ่านจบครูกล่าวชมเชย และให้ คำแนะนำนักเรียนหากยังอ่านได้ไม่คล่องและไม่ถูกต้องตามหลักการ 7.3 ขั้นสรุป 7.3.1 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้จากบทอ่านเสริมเรื่อง “ความรักในบ้าน” โดยให้ ตัวแทนนักเรียนอ่านสรุปเนื้อหาและสิ่งที่ได้จากการอ่าน จากสมุดที่ครูให้เขียนในช่วงต้นชั่วโมงให้เพื่อนฟัง จากนั้นให้นักเรียนทุกคนช่วยกันบอกข้อคิดที่ได้จากเรื่อง

๘. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 8.1 หนังสือเรียนภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๙. ชิ้นงาน/ภาระงาน 9.1 การเขียนสรุปเรื่อง ความรักในบ้าน ลงในสมุดภาษาไทย ๑๐. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1.นักเรียนสรุปเรื่องราวจาก การอ่านได้ถูกต้อง (K) การเขียนสรุป เรื่องราวจาก บทอ่าน สมุดวิชา ภาษาไทย นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป 2. นักเรียนอ่านออกเสียงได้ถูกต้อง ตามหลักการ (P) การอ่านออก เสียง แบบประเมิน การอ่านออกเสียง นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป 3. นักเรียนมีมารยาทในการอ่าน (A) สังเกต พฤติกรรม แบบสังเกต พฤติกรรม นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป

เกณฑ์การประเมินการอ่านออกเสียง (Rubrics) เกณฑ์การ ประเมิน คะแนน ๔ คะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน ความถูกต้องใน การอ่าน สามารถอ่านได้ ถูกต้องทั้งหมด สามารถอ่านได้ เกือบถูกต้อง ทั้งหมด ผิดไม่เกิน 3 คำ สามารถอ่านได้ ผิดไม่เกิน 10 คำ พยายามอ่านได้ บ้า งผิดมากว่า 10 คำ น้ำเสียง การเว้น วรรคตอน สามารถอ่านได้ ชัดเจน สื่อความรู้สึกของ เรื่องที่อ่านได้ดี สามารถอ่านได้ ชัดเจน สื่อความรู้สึกของ เรื่องที่อ่านได้ พอใช้ สามารถอ่านได้ ค่อนข้างชัดเจน แต่ค่อนข้างช้า ยัง สื่อความรู้สึกของ เรื่องได้ไม่ชัดเจน พยายามอ่านได้ บ้าง น้ำเสียงเบา ไม่ชัดเจน ไม่สามารถสื่อ ความรู้สึกของ เรื่องได้ชัดเจน ความมั่นใจในการ ใช้ภาษา มีความมั่นใจใน การอ่านดี มีการเตรียมตัว มาอย่างดี มั่นใจตนเอง มีความมั่นใจใน การอ่านพอใช้ เตรียมตัวมาอย่าง ดี ยังประหม่า ยังไม่ค่อยมีความ มั่นใจเท่าที่ควร มีการเตรียมตัวมา พอใช้ ขาดความมั่นใจ ในตนเอง เตรียมตัวมาบ้าง แต่ไม่มากนัก เกณฑ์การประเมินคุณภาพ 11 – 12 คะแนน ดีมาก ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ ๙๐ – ๑๐๐ % 8 – 10 คะแนน ดี ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ ๗๐ – ๘๙ % 6 – 7 คะแนน พอใช้ ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ ๕๐ – ๖๙ % ต่ำกว่า 6 คะแนน ปรับปรุง ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่า ๕๐ % เกณฑ์ประเมินการผ่าน นักเรียนได้ระดับคุณภาพร้อยละ 70 ขึ้นไปถือว่าผ่าน

ภาคผนวก

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 63 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ หน่วยการเรียนรู้ที่ 22 เรื่อง รักที่คุ้มภัย เวลา 9 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ย่อย เรื่อง ภาษาพูด ภาษาเขียน เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิประภา สุริยันต์ วันที่สอน 19 กุมภาพันธ์๒๕๖7 ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราว ในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ 1.2 ตัวชี้วัด ท ๒.๑ ป.๔/๒ เขียนสื่อสารโดยใช้คำได้ถูกต้อง ชัดเจน และเหมาะสม ๒. สาระสำคัญ ภาษาพูด คือ ภาษาเฉพาะกลุ่ม หรือเรียกว่า ภาษาปาก เช่น ภาษากลุ่มวัยรุ่น มักใช้พูดระหว่างคน ที่มีความสนิทสนมกัน ภาษาเขียน คือ ภาษาที่มีลักษณะเคร่งครัดในหลักภาษา หรือเรียกว่าภาษาแบบแผน ระดับที่ไม่เคร่งครัด มากนัก เรียกว่า ภาษากึ่งแบบแผน หรือภาษาไม่เป็นทางการการอ่านออกเสียง เป็นการอ่านให้ผู้อื่นฟัง เพื่อให้ เข้าใจอรรถรส เกิดอารมณ์และจินตนาการไปตาม เนื้อเรื่อง ผู้อ่านออกเสียงจึงต้องอ่านเว้นวรรคตอนและสะกด การันต์ได้ถูกต้อง การฝึกฝนการอ่านออกเสียงให้ชำนาญไปตามระดับความสามารถของตนบนหลักการอ่านที่ ถูกต้อง จึงเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ทั้งยังเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมทางภาษาของชาติ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนสามารถบอกความแตกต่างระหว่างภาษาพูดและภาษาเขียนได้ (K) 3.๒ นักเรียนสามารถวิเคราะห์ประโยคภาษาพูดและภาษาเขียนได้ (P) 3.๓ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียน (A) ๔. สาระการเรียนรู้ 4.1 ภาษาพูด ภาษาเขียน

๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5.1 มีวินัย ๕.2 ใฝ่เรียนรู้ 5.3 มุ่งมั่นในการทำงาน ๖. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๗. กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้โมเดล CIPPA 7.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ ๑ การทบทวนความรู้เดิม ๗.๑.1 นักเรียนสังเกตบัตรคำที่ครูนำมาให้ดูบนกระดาน พร้อมตอบคำถามว่าคำใด หรือประโยคใด ที่นักเรียนใช้พูดหรือเคยได้ยินในชีวิตประจำวัน 7.2 ขั้นจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นที่ ๒ การแสวงหาความรู้ใหม่ ๗.๒.1 นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น ๑๐ กลุ่ม ๗.2.2 นักเรียนอ่านใบความรู้ เรื่อง ภาษาพูดและภาษาเขียนที่คุณครูแจกให้ พร้อมสรุปเป็น ความเข้าใจของตนเอง 7.2.3 นักเรียนรับชมคลิปวิดีโอ เรื่อง ความแตกต่างระหว่างภาษาพูดและภาษาเขียน ขั้นที่ ๓ การศึกษาทำความเข้าใจข้อมูล/ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม ๗.2.4 นักเรียนตอบคำถามจากคุณครูเกี่ยวกับความรู้ที่ได้รับจากใบความรู้ เชื่อมโยงกับข้อสังเกต ในขั้นนำ ขั้นที่ ๔ การแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม ๗.2.5 นักเรียนแต่ละกลุ่มหยิบบัตรคำขึ้นมากลุ่มละ ๕ คำ พร้อมให้ตัวแทนในกลุ่มอธิบายว่าคำที่ได้ เป็นภาษาพูดหรือภาษาเขียน พร้อมบอกเหตุผลประกอบ 7.3 ขั้นสรุป ขั้นที่ ๕ การสรุปและจัดระเบียบความรู้ ๗.3.1 นักเรียนสรุปความรู้จากกิจกรรมที่ผ่านมา และสรุปความเข้าใจเรื่อง ภาษาพูดและภาษาเขียน

ขั้นที่ ๖ การปฏิบัติและการแสดงผลงาน ๗.3.2 นักเรียนร่วมกิจกรรมกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มจะได้รับใบงานกลุ่มละ 1 ใบ ให้แต่ละกลุ่ม ช่วยกันค้นหาคำที่เป็นภาษาพูดและภาษาเขียน แล้วเลือกเขียนลงไปในใบงานให้สอดคล้องกัน ๗.3.3 ให้ตัวแทนนักเรียนกลุ่มละ ๑ คน ออกมาอธิบายคำในใบงานให้เพื่อน ๆ ฟังหน้าชั้นเรียน ขั้นที่ ๗ การประยุกต์ใช้ความรู้ ๗.3.4 นักเรียนแต่งประโยค จากภาษาเขียนลงในสมุดได้ถูกต้อง และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ๘. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 8.1 หนังสือเรียนภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ 8.2 ใบความรู้เรื่อง ภาษาพูด ภาษาเขียน 8.๓ คลิปวิดีโอ เรื่อง ความแตกต่างระหว่างภาษาพูดและภาษาเขียน 8.4 บัตรคำภาษาพูด ภาษาเขียน ๙. ชิ้นงาน/ภาระงาน 9.1 ใบงาน เรื่อง ภาษาพูด ภาษาเขียน ๑๐. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1.นักเรียนสามารถบอกความ แตกต่างระหว่างภาษาพูดและภาษา เขียนได้ (K) การถาม-ตอบ คำถาม ภาษาพูดและภาษา เขียนมีความแตกต่าง กันอย่างไรบ้าง นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป 2. นักเรียนสามารถเขียนคำจาก ภาษาพูดให้เป็นภาษาเขียนได้(P) ตรวจใบงาน เรื่อง ภาษาพูด ภาษาเขียน ใบงาน เรื่อง ภาษาพูด ภาษาเขียน นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป 3. นักเรียนมีความกระตือรือร้นใน การเรียน (A) สังเกต พฤติกรรม แบบสังเกต พฤติกรรม นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป

ภาคผนวก

1. หนังสือเรียน ภาษาพาที ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ฉบับกระทรวงศึกษาธิการ 2. คลิปวิดีโอ เรื่อง ความแตกต่างระหว่างภาษาพูดและภาษาเขียน

3. ใบความรู้เรื่อง ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาพูด/ภาษาเขียน การพูดและการเขียนมีความสำคัญต่อการสื่อสารในชีวิตประจำวันมากเพราะเราใช้ แสดงความคิดเห็น ความรู้สึก และถ่ายทอดความรู้แก่ผู้อื่น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้พูดและ ผู้เขียนต้องพิจารณาและเลือกสรรถ้อยคำ สำนวนภาษาที่เหมาะสมกับบุคคล โอกาส และ สถานที่ ภาษาพูดเป็นภาษาที่ใช้พูดจากัน ไม่พิถีพิถันในการใช้หลักภาษามากนักสร้างความรู้สึก ที่เป็นกันเองใช้ในหมู่เพื่อนฝูง ในครอบครัว ในการเขียน นวนิยายและการติดต่อสื่อสารกัน อย่างไม่เป็นทางการ การใช้ภาษาพูดจะใช้ภาษาที่เป็นกันเอง สุภาพ คำนึงถึงบุคคล และกาลเทศะ ใช้ในโอกาสที่มีการสนทนาสัมภาษณ์ อภิปราย พูดรายงาน โต้วาที การซื้อขาย ฯลฯ ซึ่งเป็นโอกาสที่ผู้พูดและผู้ฟังได้สื่อสารกันโดยตรง ภาษาเขียนเป็นภาษาที่เคร่งครัดต่อการใช้ถ้อยคำและคำนึงถึงหลักภาษา เพื่อใช้สื่อสาร ให้ถูกต้องและใช้ในการเขียนมากกว่าการพูด ต้องใช้ถ้อยคำสุภาพ เขียนให้เป็นประโยค เลือกใช้ถ้อยคำเหมาะกับบุคคลและกาลเทศะ เป็นภาษาที่ใช้ในพิธีการและเป็นทางการ ไม่ใช้คำฟุ่มเฟือย หรือการเล่นคำจนกลายเป็นการพูดหรือการเขียนเล่น ๆ การเขียนใช้ใน โอกาสที่มีการบันทึกข้อความจากการฟัง การแสดงความคิดเห็น แสดงความต้องการ เสนอความรู้ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่การบันทึกรายงานการประชุม การเขียนบรรยายเหตุการณ์ จากประสบการณ์การเขียนบทความ สารคดีจดหมาย ย่อความ เรียงความ เอกสาร ประกอบการพูด การกล่าวรายงาน กล่าวคำปราศรัย ใบความร ู้เร ื่อง ภาษาพูด ภาษาเขียน

ตัวอย่างภาษาพูดและภาษาเขียน ภาษาพูด ภาษาเขียน ๑. เป็นไง ๒. เอาไงดี ๓. จริง ๆ แล้ว ๔. งานยุ่งชะมัด ๕. ขนุนลูกนี้อร่อยจัง ๖. ที่ริมคลองมีต้นไม้เยอะแยะเลย ๗. ข้อสอบนี้กล้วยมาก ๑. เป็นอย่างไร ๒. ทำอย่างไรดี ๓. อันที่จริง ๔. มีงานมาก ๕. ขนุนลูก (ผล) นี้อร่อยมาก ๖. ที่ริมคลองมีต้นไม้มากมาย หลายชนิด ๗. ข้อสอบนี้ง่ายมาก

4. บัตรคำภาษาพูด ภาษาเขียน ภาพยนตร์ งานศพ รถเมล์ อาทิตย์หน้า

ทีวี บุตร กิน ตั้งครรภ์

5. ใบงาน เรื่อง ภาษาพูด ภาษาเขียน

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 64 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ หน่วยการเรียนรู้ที่ 22 เรื่อง รักที่คุ้มภัย เวลา 9 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ย่อย เรื่อง ภาษาถิ่น เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิประภา สุริยันต์ วันที่สอน 20 กุมภาพันธ์๒๕๖7 ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ พลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ 1.2 ตัวชี้วัด ท 4.1 ป.4/7 เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถิ่นได้ ๒. สาระสำคัญ ภาษาถิ่น หมายถึง ภาษาย่อยที่ใช้พูดจากันในท้องถิ่นต่าง ๆ ซึ่งเกิดจากการใช้ภาษาเพื่อการสื่อ ความหมาย ความเข้าใจกันระหว่างผู้คนที่อาศัยอยู่ตามท้องถิ่นนั้น ๆ ซึ่งอาจจะแตกต่างไปจากมาตรฐาน หรือ ภาษาที่คนส่วนใหญ่ของแต่ละประเทศใช้กัน และอาจจะแตกต่างจากภาษาในท้องถิ่นอื่นทั้งทางด้านเสียง คำและ การใช้คำ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกความหมายของคำศัพท์จากภาษาถิ่นได้ถูกต้อง (K) 3.๒ นักเรียนจำแนกคำในภาษาถิ่นได้ถูกต้อง (P) 3.๓ นักเรียนรู้คุณค่าและตระหนักถึงความสำคัญของภาษาถิ่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่น (A) ๔. สาระการเรียนรู้ 4.1 ภาษาถิ่นเหนือ อีสาน กลาง และใต้ ๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5.1 มีวินัย ๕.2 ใฝ่เรียนรู้ 5.3 มุ่งมั่นในการทำงาน

๖. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๗. กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ทักษะกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ หรือ 5E 7.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ 7.1.1 นักเรียนฟังเพลง “สาวเชียงใหม่” จากนั้นครูถามนักเรียนว่าภาษาที่ใช้ร้องในเพลงเป็นภาษา ของภาคใด 7.1.2 ครูถามนักเรียนว่าในประเทศไทยมีทั้งหมดกี่ภาคและแต่ละภาคใช้ภาษาในการสนทนา เหมือนกันหรือไม่ 7.1.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมว่าในประเทศไทยมีภาษาที่ใช้ในการสื่อสารทั่วไปหรือใช้ใน ราชการ เรียกว่า ภาษาไทยมาตรฐานหรือภาษากลาง ส่วนภาษาที่ใช้สื่อสารกันเฉพาะภาคแต่ละภาคหรือถิ่น เรียกว่า ภาษาถิ่น 7.2 ขั้นจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา 7.2.1 นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน จากนั้นแต่ละกลุ่มรับเนื้อเพลง แฟนจ๋า ของ เบิร์ด ธงไชยและให้แต่ละกลุ่มช่วยกันหาคำศัพท์จากเพลงที่เป็นภาษาถิ่น ดังนี้ กลุ่มที่ 1 ภาษาถิ่นเหนือ กลุ่มที่ 3 ภาษากลาง กลุ่มที่ 2 ภาษาอีสาน กลุ่มที่ 4 ภาษาใต้ 7.2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอคำศัพท์ ที่ได้จากเพลง จากนั้นครูเฉลยคำตอบและอธิบาย ความหมายของคำศัพท์ ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ 7.2.3 นักเรียนศึกษาเรื่องภาษาถิ่นจากการอ่านอธิบายเพิ่มเติมความรู้ เรื่องภาษา ไทยถิ่น ใน หนังสือ หน้า 243 7.2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายลักษณะความหมายและความสำคัญของภาษาไทยมาตรฐานและ ภาษาถิ่น เพิ่มเติม จากนั้นครูแจกใบความรู้เรื่อง “คำศัพท์ในภาษาถิ่นต่าง ๆ” เพื่อให้นักเรียนศึกษา ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ 7.2.5 นักเรียนทำกิจกรรม กิจกรรม “ไก่ทอดกรอบ ภาษาไทยถิ่น 4 ภาค” โดยให้ตัวแทนกลุ่ม ถือภาพถาดอาหาร คนละ 1 ถาดของแต่ละภาษาถิ่น รวม 4 คน จากนั้นครูแจกบัตรคำอาหารให้กับ นักเรียนทุกคนในห้อง จากนั้น ครูให้เวลา 5 นาที ในการพิจารณาคำที่ได้ จากนั้นให้นำบัตรภาพไปใส่ใน ถาดให้ถูกต้อง

ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล 7.2.6 ครูตรวจสอบความถูกต้องและสรุปกิจกรรม 7.3 ขั้นสรุป ขั้นที่ ๕ การสรุปและจัดระเบียบความรู้ ๗.3.1 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เรื่องภาษาถิ่น จากนั้นให้นักเรียนรับแบบฝึกหัดเรื่อง ภาษาถิ่น และลงมือทำ หากไม่เสร็จให้ทำเป็นการบ้าน ๘. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 8.1 หนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ 8.2 ใบความรู้เรื่อง “คำศัพท์ในภาษาถิ่นต่าง ๆ” 8.3 กิจกรรม “ไก่ทอดกรอบ ภาษาไทยถิ่น 4 ภาค” ๙. ชิ้นงาน/ภาระงาน 9.1 แบบฝึกหัดเรื่อง ภาษาถิ่น ๑๐. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. นักเรียนบอกความหมายของ คำศัพท์จากภาษาถิ่นได้ถูกต้อง (K) การตรวจ แบบฝึกหัด แบบฝึกหัดเรื่อง “ภาษาถิ่น” นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป ๒. นักเรียนจำแนกคำในภาษาถิ่นได้ ถูกต้อง (P) การทำกิจกรรม การตรวจ แบบฝึกหัด กิจกรรม “ไก่ทอดกรอบ ภาษาไทยถิ่น 4 ภาค” แบบฝึกหัด เรื่อง “ภาษาถิ่น” นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป 3. นักเรียนรู้คุณค่าและตระหนักถึง ความสำคัญของภาษาถิ่นซึ่งเป็น เอกลักษณ์ประจำถิ่น (A) สังเกต พฤติกรรม แบบสังเกต พฤติกรรม นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป

ภาคผนวก

1. หนังสือเรียน ภาษาพาที ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ฉบับกระทรวงศึกษาธิการ 2. วิดีโอ เพลง สาวเชียงใหม่ ศิลปิน จรัล มโนเพ็ชร

3. ใบความรู้เรื่อง “คำศัพท์ในภาษาถิ่นต่าง ๆ” ใบความรู้ เรื่อง “คำศัพท์ในภาษาถิ่นต่าง ๆ”

4. แบบฝึกหัด เรื่อง ภาษาถิ่น แบบฝึกหัดเรื่อง “ภาษาถิ่น” คำชี้แจง ให้นักเรียนบอกความหมายของภาษาถิ่นต่อไปนี้ ให้ถูกต้อง พร้างทั้งบอกด้วยว่าเป็นภาษาถิ่นใด คำ ภาษาถิ่น ความหมาย ตัวอย่าง อู้ เหนือ พูด เบิ่ง ละอ่อน ขี้ตั๋ว ลอกอ เสี่ยว จ๊าง แหลง หรอย บักหุ่ง ลำ หลาด บะขะนัด

5. เนื้อเพลง แฟนจ๋า ศิลปิน เบิณด ธงไชย

4. กิจกรรม “ไก่ทอดกรอบ ภาษาไทยถิ่น 4 ภาค”

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 65 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ หน่วยการเรียนรู้ที่ 22 เรื่อง รักที่คุ้มภัย เวลา 9 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ย่อย เรื่อง คำภาษาอังกฤษในภาษาไทย เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิประภา สุริยันต์ วันที่สอน 21 กุมภาพันธ์๒๕๖7 ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ พลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ 1.2 ตัวชี้วัด ท 4.1 ป.4/๑ สะกดคำและบอกความหมายของคำในบริบทต่าง ๆ ๒. สาระสำคัญ คำที่มาจากภาษาต่างประเทศ เป็นการยืมคำภาษาต่างประเทศมาใช้ในภาษาไทยหลายภาษา เช่น ภาษาบาลี สันสกฤต เขมร จีน และภาษาอังกฤษ ทำให้ภาษามีความเจริญงอกงามและมีคำใช้มากขึ้น ภาษาไทยที่ ใช้สื่อสารกันในปัจจุบันมีคำที่ยืมมาจากภาษาอื่นๆ เป็นจำนวนมาก จึงควรศึกษาที่มาและความหมายของคำ เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการสื่อสารได้ตรงตามความหมาย ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกลักษณะของคำที่มาจากภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง (K) 3.๒ นักเรียนเขียนคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษและแต่งประโยคได้ถูกต้อง (P) 3.๓ เห็นความสำคัญของการยืมคำภาษาต่างประเทศที่ใช้ในภาษาไทย (A) ๔. สาระการเรียนรู้ 4.1 คำภาษาอังกฤษในภาษาไทย ๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5.1 มีวินัย ๕.2 ใฝ่เรียนรู้ 5.3 มุ่งมั่นในการทำงาน

๖. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๗. กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ทักษะกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ 7.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 1 ขั้นนำสู่บทเรียน 7.1.1 นักเรียนและครูกล่าวทักทายกัน จากนั้นครูถามนักเรียนว่า “เครื่องใช้ในบ้านของนักเรียนที่มี ชื่อเป็นภาษาอังกฤษ มีอะไรบ้าง” หลังจากที่นักเรียนตอบคำถามครูโยงเข้าสู่เนื้อหาในบทเรียน 7.2 ขั้นจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นที่ 2 จัดการเรียนรู้ 7.2.1 นักเรียนฟังครูอธิบายที่มาของคำที่มาจากภาษาอังกฤษในภาษาไทย 7.2.2 นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน เรียกว่า กลุ่มบ้าน แล้วกำหนดหมายเลข ประจำตัวให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม เป็นหมายเลข 1-4 จากนั้นให้นักเรียนที่มีหมายเลขเดียวกันมานั่ง รวมกัน เรียกว่า กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ เพื่อร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง คำภาษาอังกฤษในภาษาไทย จากใบความรู้เรื่อง “คำภาษาอังกฤษในภาษาไทย” ตามประเด็นที่ครูกำหนด ดังนี้ - กลุ่มหมายเลข 1 ศึกษาความรู้เรื่อง การใช้คำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ - กลุ่มหมายเลข 2 ศึกษาความรู้เรื่อง การใช้คำไทยที่บัญญัติขึ้นมาแทนภาษาอังกฤษ - กลุ่มหมายเลข 3 ศึกษาความรู้เรื่อง การใช้คำภาษาอังกฤษทั้ง ๆ ที่มีคำไทยบัญญัติไว้ -กลุ่มหมายเลข 4 ศึกษาความรู้เรื่อง การใช้เพียงตัวย่อในภาษาอังกฤษหรือตัดคำต้นมาใช้ 7.2.3 สมาชิกในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญร่วมกันศึกษาความรู้และผลัดกันอธิบายและยกตัวอย่างคำ ในภาษาอังกฤษตามที่ได้ศึกษา 7.2.4 สมาชิกกลุ่มผู้เชี่ยวชาญตั้งคำถามเพื่อผลัดกันถาม-ตอบ จนเกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง แล้วสรุปผล ขั้นที่ 3 สรุปและนำหลักการไปประยุกต์ใช้ 7.2.4 สมาชิกกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลับไปยังกลุ่มเดิมของตนที่เรียกว่า กลุ่มบ้าน แล้วผลัดเปลี่ยนกัน นำเสนอความรู้ที่ได้ศึกษา 7.2.5 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง คำภาษาอังกฤษในภาษาไทย

7.2.6 ครูตั้งประเด็นคำถาม แล้วให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นและหาคำตอบร่วมกันตาม ประเด็น ต่อไปนี้ - เพราะเหตุใด เราจึงต้องนำคำภาษาอังกฤษมาใช้ในภาษาไทย - นักเรียนคิดว่า การใช้คำภาษาอังกฤษในการสื่อสารมีความหมายชัดเจนมากกว่าใช้ ศัพท์บัญญัติหรือไม่ จงยกตัวอย่างประกอบ ขั้นที่ 4 วัดและประเมินผล 7.2.7 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง “คำภาษาอังกฤษในภาษาไทย”เป็นรายบุคคล เมื่อทำเสร็จ แล้วให้นำส่งครู 7.3 ขั้นสรุป ๗.3.1 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง “คำภาษาอังกฤษในภาษาไทย” จากนั้นครูให้ นักเรียน ยกตัวอย่างในภาษาอังกฤษมากลุ่มละ 10 คำ ซึ่งห้ามซ้ำกับคำในแบบฝึกหัด ๘. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 8.1 ใบความรู้เรื่อง “คำภาษาอังกฤษในภาษาไทย” ๙. ชิ้นงาน/ภาระงาน 9.1 แบบฝึกหัดเรื่อง “คำภาษาอังกฤษในภาษาไทย” ๑๐. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. นักเรียนบอกลักษณะของคำที่มา จากภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง (K) การยกตัวอย่าง คำใน ภาษาอังกฤษ กิจกรรมในชั้นเรียน นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป ๒. นักเรียนเขียนคำทับศัพท์ ภาษาอังกฤษและแต่งประโยคได้ ถูกต้อง (P) การทำ แบบฝึกหัด แบบฝึกหัดเรื่อง “คำภาษาอังกฤษใน ภาษาไทย” นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป 3. เห็นความสำคัญของการยืมคำ ภาษาต่างประเทศที่ใช้ในภาษาไทย (A) (A) สังเกต พฤติกรรม แบบสังเกต พฤติกรรม นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป

ภาคผนวก

Pages:

Click to View FlipBook Version