The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บริการสุขภาพข้ามแดนในจังหวัดอุบลราชธานีและใกล้เคียงในเขตอีสานใต้: การศึกษา สถานการณ์และบริบทที่เกี่ยวข้องของพื้นที่ชายแดนประเทศต้นทาง (กัมพูชา และ สปป.ลาว)

จัดพิมพ์โดย : โครงการวิจัยเรื่องการศึกษาสถานการณ์และบริบทที่เกี่ยวข้องกับการบริการด้านสุขภาพของพื้นที่ชายแดนประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว

สนับสนุนโดย : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wanidapress, 2022-02-09 01:27:39

บริการสุขภาพข้ามแดนในจังหวัดอุบลราชธานีและใกล้เคียงในเขตอีสานใต้

บริการสุขภาพข้ามแดนในจังหวัดอุบลราชธานีและใกล้เคียงในเขตอีสานใต้: การศึกษา สถานการณ์และบริบทที่เกี่ยวข้องของพื้นที่ชายแดนประเทศต้นทาง (กัมพูชา และ สปป.ลาว)

จัดพิมพ์โดย : โครงการวิจัยเรื่องการศึกษาสถานการณ์และบริบทที่เกี่ยวข้องกับการบริการด้านสุขภาพของพื้นที่ชายแดนประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว

สนับสนุนโดย : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)

Keywords: อุบลราชธานี,อีสานใต้,สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม

การศกึ ษาสถานการณแ์ ละบรบิ ททีเ่ ก่ยี วข้องของพนื้ ทีช่ ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พชู า และ สปป.ลาว) • 149

ในส่วนของจุดผ่านแดนถาวรที่อยู่ในเขตจังหวัดอุดรมีชัยน้ัน มี 2 แห่งด้วยกัน
คือ จุดผ่านแดนจวม (Chaom) หรืออัลลองเวง (Anlong Veng) ที่ต้ังอยู่ในเขตอ�ำเภอ
อัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ตรงข้ามกับจุดผ่านแดนช่องสะง�ำ (Chong Sa Ngam)
ที่ต้ังอยู่ในเขตต�ำบลไพรพัฒนา อ�ำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ เส้นทางจุดผ่านแดนนี้
สามารถเดนิ ทางผา่ นไปยงั นครวดั –นครธม ดว้ ยระยะทาง 135 กโิ ลเมตร นบั เปน็ เสน้ ทาง
ที่สามารถเดินทางได้สะดวกและเดินทางไปกลับได้ในวันเดียวได้ เมืองหลักของจังหวัด
อุดรมีชัยคือกรุงสำ� รอง ที่คนไทยมักออกเสียงเป็นสำ� โรง (Samraong) นั้น อยู่ห่างจาก
ด่านชายแดนช่องจอม อ�ำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ กับด่านโอร์เสม็ด (O’Smachr)
ประมาณ 40 กโิ ลเมตร สง่ ผลใหจ้ งั หวดั อดุ รมชี ยั นน้ั คอ่ นขา้ งจะเปน็ จงั หวดั ทมี่ คี วามใกลช้ ดิ
กบั จงั หวดั สรุ นิ ทรค์ อ่ นขา้ งมาก ผคู้ นทง้ั สองจงั หวดั มคี วามสมั พนั ธก์ นั อยา่ งใกลช้ ดิ นบั แต่
อดตี จนถึงปจั จุบัน ดงั คำ� ใหส้ ัมภาษณ์ของท่าน ซาน วัณณา อดตี รองผู้ว่าราชการจังหวัด
อดุ รมชี ยั ทวี่ า่ “จงั หวดั อดุ รมชี ยั กบั จงั หวดั สรุ นิ ทร์ บรุ รี มั ย์ ตงั้ แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จบุ นั ชาวบา้ น
ไปมาหาสูก่ ัน พูดภาษาเขมรเหมอื นกัน” (โอเคเนชั่น, 2552)

ภาพที่ 4.3 แสดงสภาพถนนและโรงแรมใกลก้ ับคาสโิ นบริเวณหนา้ ดา่ นโอร์เสมด็
อ�ำเภอส�ำโรง จังหวัดอดุ รมีชัย

ท่มี า: สมหมาย ชินนาค (22 มถิ นุ ายน 2562)

150 • บรกิ ารสขุ ภาพขา้ มแดนในจังหวัดอุบลราชธานแี ละใกล้เคียงในเขตอสี านใต้:

จงั หวัดบันเตียเมยี นเจย (บอ็ นเตยี ยเ์ มียนเจ็ย – Banteay Meanchey) เปน็ ทตี่ ง้ั
ของปราสาทบันทายฉมาร์ (บันเตียย์ฉมาร์) ท่ีเป็นท่ีรู้จักของผู้ช่ืนชอบการท่องเที่ยว
ปราสาทโบราณ อกี ทงั้ ในอดตี ในปี พ.ศ. 2368 กเ็ คยถูกปกครองโดยสยาม (ในชอื่ จงั หวดั
ศรีโสภณและจังหวดั พบิ ลู สงคราม ตามล�ำดบั ) ต่อมาในปี พ.ศ. 2450 สยามยกจงั หวัดนี้
ให้ฝร่ังเศส ซ่ึงต่อมาได้รวมเข้ากับจังหวัดพระตะบอง ก่อนท่ีจะแยกออกจากจังหวัด
พระตะบองในปี พ.ศ. 2531 ในชว่ งสงครามกลางเมอื ง (ระหวา่ งปี พ.ศ. 2513–2523)
จังหวัดนี้จัดเป็นพ้ืนท่ีของการต่อสู้ระหว่างทัพรัฐบาลกับเขมรแดง จึงท�ำให้เป็น
หน่ึงในสามจังหวดั ที่มรี ะเบดิ มากที่สดุ ในประเทศ

แผนที่ 4.5 แสดงทต่ี ัง้ และอาณาเขตของจงั หวดั บนั เตยี เมยี นเจย

ทมี่ า: vietnamroyaltourism.com

จังหวัดบนั เตยี เมยี นเจย ต้ังอยูท่ างตะวนั ตกเฉยี งเหนือของประเทศ มีพรมแดน
ทางทิศเหนือติดกับจังหวัดอุดรมีชัย (Oddar Meanchey) ทิศตะวันออกติดกับจังหวัด
เสยี มเรยี บ (Siem Reap) ทศิ ตะวนั ตกตดิ กบั อำ� เภออรญั ประเทศ จงั หวดั สระแกว้ ของไทย
ทางทิศใต้ติดกับจังหวัดพระตะบอง (Battambang) เป็นจังหวัดท่ีใหญ่เป็นอันดับท่ี 13
ของประเทศ มีสองเขตเทศบาลหลัก คือ ศรโี สภณ (ซงึ่ เป็นทตี่ ั้งของตวั จงั หวดั ในปจั จุบนั )
และปอยเปต ซึ่งตั้งอยทู่ างทิศตะวันตกของจังหวัด และเป็นจดุ ผา่ นแดนระหวา่ งประเทศ
เขา้ สู่ประเทศไทย

การศึกษาสถานการณ์และบริบทท่เี ก่ยี วขอ้ งของพน้ื ทีช่ ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 151

ภาพท่ี 4.4 สถานรี ถไฟศรีโสภณและอาคารบา้ นเรอื นในตัวจงั หวัดบนั เตยี เมียนเจย

ทีม่ า: Banteay Meanchey Province – Wikipedia

เวบ็ ไซตข์ องจงั หวดั ระบวุ า่ ปจั จบุ นั (ปี พ.ศ. 2562) ประชากรทงั้ หมดของจงั หวดั นี้
มีจ�ำนวน 861,883 คน ส่วนใหญ่ 93% เป็นเกษตรกร 1.17% เป็นชาวประมง 5%
เปน็ ผคู้ ้า และ 0.83% เป็นขา้ ราชการ แบ่งเขตการปกครองออกเปน็ 7 อำ� เภอ 2 เทศบาล
65 ต�ำบล และ 654 หมบู่ ้าน

ลักษณะทางเศรฐกิจของจังหวัดที่ส�ำคัญประการหน่ึงก็คือ การค้าชายแดน
ระหว่างกัมพูชากับไทย อีกทั้งทางรัฐบาลกัมพูชาก็ได้มีการอนุมัติให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจ
พิเศษบริเวณชายแดน ที่มีการลงทุนสร้างโรงงานอุตสาหกรรมจากต่างชาติจ�ำนวนมาก
ท�ำให้เศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดขับเคล่ือนด้วยการค้าชายแดนและการลงทุนของ
นกั ลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ

แม้ว่าจังหวัดบันเตียเมียนเจยต้ังอยู่ค่อนข้างไกลจากจังหวัดอุบลราชธานี
ศรีสะเกษ และสุรินทร์ แต่เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ติดกับจังหวัดอุดรมีชัย อีกท้ังพบว่า
มีประชาชนในพื้นท่ีนี้เดินทางข้ามแดนมารักษาพยาบาลท่ีเขตอีสานใต้ของไทยด้วย
การวจิ ยั ในคร้ังนี้จึงขยายพ้นื ที่การศึกษาครอบคลุมจงั หวดั นี้ดว้ ย

จังหวัดพระตะบอง (Battambang Province) หรือที่ชาวกัมพูชาเรียกว่า
“แขตบดั ดอ็ มบอง” ซง่ึ แปลวา่ จงั หวดั บดั ดอ็ มบอง (แขต – จงั หวดั บดั – หาย ดอ็ มบอง –
กระบอง) เปน็ จงั หวดั หนงึ่ ของประเทศกมั พชู า อยทู่ างทศิ ตะวนั ตกเฉยี งเหนอื ของประเทศ
ต้ังอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญซ่ึงเป็นเมืองหลวงประมาณ 291 กิโลเมตร มีขนาดพ้ืนท่ี
11,702 ตารางกิโลเมตร มีขนาดใหญ่เป็นลำ� ดับที่ 5 ของประเทศ ภมู ปิ ระเทศสว่ นใหญ่
เปน็ ทร่ี าบลุ่มและภเู ขา เปน็ จังหวดั ท่เี ปน็ อขู่ ้าวอู่น้ำ� ทสี่ �ำคัญของกมั พชู า เพราะอยใู่ นเขต
ทร่ี าบลมุ่ ทะเลสาบอนั กว้างใหญ่

152 • บรกิ ารสขุ ภาพข้ามแดนในจังหวัดอบุ ลราชธานีและใกลเ้ คยี งในเขตอีสานใต้:

อาณาเขตทางทิศเหนือ ติดกับจังหวัดบันเตียเมียนเจยและจังหวัดเสียมเรียบ
ทิศใต้ ติดกับจังหวัดโพธิสัตว์ ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดไพลินและจังหวัดสระแก้ว
จงั หวดั จนั ทบรุ ี และจงั หวัดตราด (ประเทศไทย) ทิศตะวนั ออก ตดิ กบั จังหวดั เสียมเรียบ
และจังหวดั โพธิสัตว์

เว็บไซต์ของจังหวัดระบุว่า ปัจจุบัน (ปี พ.ศ. 2564) ประชากรทั้งหมดของ
จังหวัดน้ีมีจ�ำนวน 1,146,174 คน โดยแยกเป็นเพศหญิง 580,117 คน และเพศชาย
566,057 คน และมีครัวเรือน 238,655 ครัวเรอื น ทำ� ใหจ้ ังหวัดนี้เปน็ จังหวัดทีม่ ปี ระชากร
มากเป็นอันดบั ที่ 4 ของประเทศ แบง่ เขตการปกครองออกเป็น 14 อำ� เภอ 102 ตำ� บล
และ 809 หมูบ่ า้ น

จงั หวดั พระตะบองนนั้ มปี ระวตั ศิ าสตรท์ ใี่ กลช้ ดิ กบั ไทยคอ่ นขา้ งมาก เพราะตง้ั แต่
ปลายศตวรรษที่ 18 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 พระตะบองตกอยู่ภายใต้การปกครองของ
สยามมานานกว่าศตวรรษ โดยตระกูล “อภยั วงศ”์ เปน็ เวลาหกชว่ั อายคุ น กอ่ นทส่ี ยาม
จะตอ้ งคืนดินแดนน้ใี หแ้ กฝ่ ร่ังเศสตามสนธสิ ญั ญาฝรัง่ เศส–สยาม เมื่อวนั ที่ 23 มีนาคม
พ.ศ. 2450

แผนที่ 4.6 แสดงทต่ี ้งั และอาณาเขตของจงั หวัดพระตะบอง

ทม่ี า: Institute for Global Environmental Strategies (IGES) (2017: 2)

ภายในตวั เมอื งพระตะบองทก่ี ำ� ลงั ขยายตวั ขน้ึ เรอ่ื ยๆ นี้ จะมอี นสุ าวรยี ต์ าตะบองขยงุ
ถอื เปน็ สญั ลกั ษณอ์ นั โดดเดน่ ของเมอื งพระตะบอง อนสุ าวรยี ต์ าตะบองขยงุ หนั หนา้ ไปทาง
ทิศตะวันออกสู่ถนนหมายเลข 5 ทางไปกรุงพนมเปญ ซ่ึงสาเหตุท่ีต้องหันหน้าไปทาง
ทิศตะวันออกน้ันก็เพราะว่าเพ่ือให้ตาตะบองขยุงช่วยปกป้องรักษาเมืองพระตะบอง

การศกึ ษาสถานการณแ์ ละบริบททเ่ี ก่ยี วขอ้ งของพนื้ ทีช่ ายแดนประเทศตน้ ทาง (กมั พชู า และ สปป.ลาว) • 153

ให้รอดพ้นจากการรุกรานของศัตรู โดยรูปปั้นของตาตะบองขยุงจะถูกทาตัวด้วยสีด�ำ
มหี นวด ตาลกุ วาวมองดนู า่ กลวั อยใู่ นทา่ นง่ั คกุ เขา่ มอื ทง้ั สองขา้ งถอื พานทอง มกี ระบองยกั ษ์
เป็นอาวุธประจ�ำกาย เพอ่ื ปกปักรักษาเมืองพระตะบองนนั่ เอง

ส�ำหรับประชาชนชาวกัมพูชาจากจังหวัดพระตะบองที่ข้ามแดนเข้ามาใช้บริการ
สุขภาพในสถานพยาบาลในเขตจังหวัดอุบลราชธานีและใกล้เคียงน้ัน ส่วนมากแล้ว
จะใช้ช่องทางผ่านแดนท่ีด่านชายแดนโอร์เสม็ด–ช่องจอม ซึ่งอยู่ในเขตอ�ำเภอกาบเชิง
จังหวัดสรุ ินทร์

ภาพที่ 4.5 อนุสาวรยี ์ “ตาด็อมบองกระยูง”
สัญลกั ษณ์ของจังหวัดท่ตี ้ังอยู่ใจกลางเมืองพระตะบอง

ที่มา: สมหมาย ชนิ นาค (กมุ ภาพนั ธ์ 2562)

จังหวัดเสียมเรียบ (Siem Reap) ซ่ึงจัดเป็นจังหวัดศูนย์กลางการท่องเท่ียว
เชิงวัฒนธรรมท่ีส�ำคัญในประเทศกัมพูชา เน่ืองจากเป็นเมืองท่ีเป็นท่ีต้ังของปราสาท
โบราณที่มีช่ือเสียงในระดับโลกน่ันก็คือ นครวัด–นครธม อีกท้ังตอนใต้ของจังหวัดก็มี
“โตนเลสาบ” ซ่ึงเป็นทะเลสาบน้�ำจืดท่ีใหญ่ท่ีสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และเป็นแหล่งประมงท่ีส�ำคัญที่สุดของประเทศ รวมท้ังเป็นแหล่งน�้ำท่ีใช้หล่อเลี้ยง
ในการอปุ โภคและบริโภคของประชากรคนกัมพูชาเกอื บคร่ึงประเทศ

154 • บริการสขุ ภาพข้ามแดนในจังหวัดอบุ ลราชธานีและใกล้เคยี งในเขตอีสานใต้:

จังหวัดเสียมเรียบต้ังอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา ตามทางหลวง
หมายเลข 6 ห่างจากพนมเปญ 314 กโิ ลเมตร ทางทิศตะวันออก ติดกับจังหวัดกำ� ปงธม
และจังหวัดพระวิหาร ทางทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดบันเตียเมียนเจย ทางทิศเหนือ
ติดกับจังหวัดอุดรมีชัยและจังหวัดพระวิหาร และทางใต้ ติดกับจังหวัดพระตะบองและ
โตนเลสาบ

ลกั ษณะทางภมู ปิ ระเทศของจงั หวดั เสยี มเรยี บนนั้ มคี วามแตกตา่ งกนั ไปถงึ 3 แบบ
คือ พ้ืนที่ตอนบนของจังหวัดซ่ึงมี 13 ต�ำบลนั้น จะอุดมไปด้วยภูมิประเทศเป็นภูเขา
สว่ นลกั ษณะทางภมู ปิ ระเทศของพื้นที่ภาคกลางซ่งึ มี 69 ต�ำบล จะเป็นทุง่ โล่ง เป็นแหลง่
ปลูกข้าว และเป็นท่ีต้ังถิ่นฐานบ้านเรือน ปราสาท วัด ส่วนทางตอนล่างของจังหวัด
ซ่งึ มี 18 ต�ำบล เปน็ พื้นท่ีลมุ่ ติดกับโตนเลสาบนน้ั จะเปน็ พื้นที่ท่ีถูกนำ�้ ทว่ มทุกปี

แผนท่ี 4.7 แสดงทตี่ ัง้ และอาณาเขตของจังหวดั เสียมเรยี บ

ทม่ี า: komsanent.blogspot.com

ข้อมูลประชากรในจังหวัดเสียมเรียบมีทั้งหมด 1,006,512 คน โดยส่วนใหญ ่
จะอาศัยอยู่ในบริเวณตอนกลางของจังหวัด และแม้ว่าจังหวัดเสียมเรียบจะเป็นเมือง
ทอ่ งเทย่ี วทสี่ ำ� คญั ทสี่ ดุ และนำ� รายไดเ้ ขา้ ประเทศกมั พชู ามากทส่ี ดุ แตก่ ย็ งั ถอื วา่ เปน็ จงั หวดั
ทย่ี ากจนจงั หวดั หนงึ่ ของประเทศ ดงั จากการวจิ ยั ของธนาคารโลก (World Bank) ทรี่ ะบวุ า่
45% ของประชากรของจังหวัดอยู่ภายใต้เส้นแบ่งความยากจน โดยประชาชนในพ้ืนที่

การศกึ ษาสถานการณ์และบริบททีเ่ กย่ี วข้องของพ้ืนท่ีชายแดนประเทศตน้ ทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 155

ชนบทมีรายไดอ้ ยูท่ ีป่ ระมาณ 3,200 เรยี ลต่อวัน ซ่ึงเทียบเทา่ กบั 0.75 ดอลลารส์ หรัฐ
(หรือประมาณ 30 บาท) (Siemreap.net, n.d.) ฉะน้ัน จงึ มักพบวา่ คนรุน่ หนุม่ สาวของ
จังหวัดส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ท�ำงานในภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดก็จะเดินทางข้ามแดน
เข้ามาหางานท�ำที่ประเทศไทย เพราะระยะทางจากเสียมเรียบมายังชายแดนไทย
ไมว่ า่ จะเปน็ ดา่ นปอยเปต–อรญั ประเทศ ดา่ นโอรเ์ สมด็ –ชอ่ งจอม หรอื ดา่ นอลั ลองเวง–สะงำ�
ใกล้กว่าระยะทางจากเสียมเรียบไปกรุงพนมเปญซึ่งเป็นเมืองหลวง อีกท้ังถนนหนทาง
กค็ ่อนข้างสะดวกสบาย

4.3 สถานการณ์และบรบิ ทด้านสาธารณสุขของกัมพชู า

สถานการณ์และบริบทด้านสาธารณสุขของกัมพูชาในที่นี้ จะครอบคลุมถึงมิติ
ท่ีเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ นโยบายด้านสาธารณสุข จ�ำนวนของสถานพยาบาลของรัฐ
และเอกชน และบุคลากรด้านสาธารณสุข สถานการณ์และบริบทด้านโรคภัยไข้เจ็บ
ของชาวกัมพูชา ตลอดจนปัจจัยที่ก่อให้เกิดการข้ามแดนและรูปแบบการข้ามแดนมาใช้
บริการด้านสุขภาพในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียงของชาวกัมพูชา ท่ีเป็น
ผลจากการเกบ็ ข้อมลู ทัง้ เชิงเอกสารและขอ้ มูลภาคสนาม ซึ่งมีรายละเอยี ดดงั ต่อไปนี้

4.3.1 ยทุ ธศาสตรแ์ ละนโยบายดา้ นสาธารณสขุ จ�ำนวนของสถานพยาบาล
และบุคลากรดา้ นสาธารณสขุ

4.3.1.1 ยุทธศาสตรด์ า้ นสาธารณสขุ
การพิจารณาถึงยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุขของกัมพูชาปัจจุบันนั้น
คงหลกี เลย่ี งไมไ่ ดท้ จี่ ะตอ้ งมองยอ้ นไปถงึ บรบิ ทในเชงิ ประวตั ศิ าสตรข์ องระบบสาธารณสขุ
กมั พชู าด้วย
หลังจากได้รับอสิ รภาพจากฝรงั่ เศสในปี ค.ศ. 1953 (พ.ศ. 2496) ระบบ
สขุ ภาพในประเทศกมั พชู ามพี ฒั นาการทตี่ อ่ เนอื่ งมาหลายชว่ งเวลา ทงั้ นร้ี ะบบสาธารณสขุ
ของประเทศน้ีถูกท�ำลายไปอย่างส้ินเชิงในสมัยกัมพูชาประชาธิปไตย หรือที่รู้จักกัน
ในนามวา่ เขมรแดง ทง้ั บคุ ลากรทางดา้ นสาธารณสขุ อาคาร โรงพยาบาล และศนู ยส์ ขุ ภาพ
จงึ ท�ำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศตอ้ งประสบปัญหาขาดแคลนทงั้ ทางดา้ นบคุ ลากร
เวชภณั ฑ์ อาคารสถานท่ี และรวมทง้ั ความปลอดภยั ด้วย ซง่ึ เป็นการยากล�ำบากในการ
ใหบ้ รกิ ารดา้ นสขุ ภาพแกป่ ระชาชนในรฐั บาลตอ่ มา จากการศกึ ษาพบวา่ หลงั ยคุ เขมรแดง
มีแพทย์เพียง 25 คนเท่าน้ันท่ีรอดชีวิต และแพทย์อีก 1,000 คน ได้รับการฝึกฝน
ในปี พ.ศ. 2518 (Heng, M. B., & Key, P. J., 1995)
ด้วยเหตุน้ี งานด้านสาธารณสุขจึงเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งที่รัฐบาลกัมพูชา
ในสมัยตอ่ ๆ มาใหค้ วามสำ� คัญ แตอ่ าจกลา่ วได้ว่าประเทศกมั พชู าไดเ้ ริ่มตน้ ปฏริ ูประบบ

156 • บริการสขุ ภาพข้ามแดนในจงั หวดั อบุ ลราชธานแี ละใกล้เคียงในเขตอสี านใต้:

สาธารณสขุ อยา่ งเปน็ รปู ธรรมในปี ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534) หรอื ปที มี่ กี ารลงนามในขอ้ ตกลง
ปารีส ใหส้ หประชาชาติเป็นท่ปี รกึ ษาในการสงบศึก ปลดอาวธุ และจำ� กัดการเคล่อื นไหว
ของกองก�ำลังติดอาวุธทุกกลุ่มในกัมพูชาขณะนั้น ภายใต้โครงการสร้างความเข้มแข็ง
ใหร้ ะบบสาธารณสขุ (Strengthening Health Systems Project) โดยมอี งคก์ ารอนามยั โลก
(WHO) เป็นแม่งานหลกั เรม่ิ ต้นโครงการระยะแรกในปี ค.ศ. 1991–1994 (พ.ศ. 2534–
2537) ระยะท่ีสองในช่วงปี ค.ศ. 1994–1996 (พ.ศ. 2538–2540) และระยะท่ีสาม
ในช่วงปี ค.ศ. 1996–1998 (พ.ศ. 2541–2543) ภายใต้โครงการดังกล่าวได้วางแผน
การใหม้ ีสถานบรกิ ารทางการแพทย์ (Clinic) ประจำ� ทกุ ต�ำบล และมโี รงพยาบาลประจำ�
ตัวอ�ำเภอ แต่ปัญหาของการด�ำเนินโครงการในช่วงแรกๆ คือ บุคลากรทางการแพทย์
ขาดทักษะดา้ นวิชาชีพ ขณะทอ่ี ปุ กรณ์ทางการแพทย์ ยารกั ษาโรค และเคร่อื งมือในการ
ผา่ ตัดฉกุ เฉินก็มคี วามขาดแคลน

เมื่อมีการรณรงค์ปฏิรูประบบสาธารณสุข รัฐบาลกัมพูชาก็ได้จัดตั้ง
กระทรวงสาธารณสุข (MOH) ขึ้นในปี พ.ศ. 2536 และเรมิ่ จัดทำ� ระบบโครงสร้างพนื้ ฐาน
ด้านสาธารณสขุ ของประเทศภายใตแ้ ผนสุขภาพปี พ.ศ. 2536 โดยกระทรวงสาธารณสขุ
กัมพูชาได้รับการสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลกในการจัดต้ังเครือข่ายศูนย์บริการ
สาธารณสขุ และโรงพยาบาลตามหวั เมอื ง มพี น้ื ทร่ี บั ผดิ ชอบครอบคลมุ ประชากร 100,000
ถึง 200,000 คน อย่างไรก็ตาม ประชาชนกัมพูชาส่วนใหญ่ยังคงนิยมการรักษาตาม
คติความเช่ือแบบด้ังเดิม และใช้ยาแผนโบราณโดยมีครูเขมร พ่อหมอหรือแม่หมอ
เปน็ ผทู้ ำ� หนา้ ทรี่ กั ษาโรค (สำ� นกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น (ก.พ.), ม.ป.ป.)

โดยปัจจุบันงานด้านสาธารณสุขถือว่าเป็นหน่ึงในยุทธศาสตร์ของชาติ
ท่ีรัฐบาลจะต้องด�ำเนินการให้บรรลุตามท่ีปรากฏในวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศในป ี
พ.ศ. 2573 อนั สืบเนอ่ื งจากการทรี่ ฐั บาลกมั พูชาในการประชุมสภานิตบิ ัญญัติ ครงั้ ท่ี 6
ของรัฐสภาได้ก�ำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ 4 ประการ ใน “ยุทธศาสตร์สี่เหล่ียม
ระยะท่ี 4” (ยุทธศาสตร์จตุโกล) เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาที่ย่ังยืนของกัมพูชา
ในระยะกลางและระยะยาว ผา่ นการเสรมิ สรา้ งประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ลของสถาบนั
สาธารณะและการจดั การทรพั ยากร

เพอื่ ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายเชงิ กลยทุ ธข์ องรฐั บาลดงั กลา่ ว กระทรวงสาธารณสขุ
กมั พชู าจงึ ไดด้ ำ� เนนิ ยทุ ธศาสตรด์ า้ นสขุ ภาพทสี่ อดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตรส์ เี่ หลย่ี ม โดยเสรมิ
สรา้ งความเข้มแข็งในการจดั การระบบสขุ ภาพ โดยเฉพาะการสง่ เสรมิ คณุ ภาพ ปลอดภยั
มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม บริการดูแลสุขภาพชาวกัมพูชาในทุกภูมิภาคท่ัวประเทศ
โดยไมค่ ำ� นงึ ถงึ สภาพเศรษฐกจิ และสงั คม (กรมวางแผนสขุ ภาพและสารสนเทศ กระทรวง
สาธารณสุข, 2020: 1)

การศึกษาสถานการณ์และบรบิ ททีเ่ กีย่ วขอ้ งของพื้นทีช่ ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พชู า และ สปป.ลาว) • 157

ทั้งนี้ในส่วนของแผนยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพกัมพูชาปี พ.ศ. 2559–
2563 ได้ก�ำหนดเปา้ หมายการใหบ้ รกิ ารสขุ ภาพไว้ 15 ประการ ซึ่งกำ� หนดไว้ในแผนงาน
สุขภาพหลักทม่ี ่งุ เน้น 3 โปรแกรมสขุ ภาพหลัก ได้แก่ ภาวะเจรญิ พันธุ์ มารดาและทารก
แรกเกดิ รวมถงึ สขุ ภาพเดก็ และโรคตดิ ตอ่ ทง้ั นโี้ ดยเนน้ ใหค้ วามสำ� คญั ทก่ี ารจดั การปญั หา
สขุ ภาพประชาชนเปน็ ลำ� ดบั แรก และลดความเสี่ยงของประชาชนด้วยปัจจัยเสี่ยงตอ่ โรค
และปัญหาสาธารณสุข ดังน้ี

(1) โครงการอนามัยการเจริญพันธุ์ แม่ของทารก เด็ก และโภชนาการ
กำ� หนดเปา้ หมายไวค้ อื (1) เพมิ่ ความคมุ้ ครองและการเขา้ ถงึ บรกิ ารอนามยั การเจรญิ พนั ธ์ุ
ที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะส�ำหรับผู้หญิง ผู้ชาย คนหนุ่มสาว และวัยรุ่น (2) สร้างความ
ครอบคลุมและการเข้าถึงการดูแลการต้ังครรภ์ การคลอดบุตรอย่างปลอดภัย การดูแล
หลงั คลอด (3) การดแู ลสตู กิ รรมและทารกแรกเกดิ ทม่ี คี ณุ ภาพ และบรกิ ารการปอ้ งกนั การ
แพรเ่ ชอ้ื เอชไอวจี ากแมส่ ลู่ กู (4) สรา้ งความคมุ้ ครองและการเขา้ ถงึ วคั ซนี การตรวจสขุ ภาพ
แบบบูรณาการ การปอ้ งกนั การดแู ลและบริการเดก็ และ (5) เพิ่มความครอบคลมุ และ
การเขา้ ถงึ การบรกิ ารดา้ นโภชนาการเพอ่ื ลดภาวะทพุ โภชนาการ และจดั หาสารอาหารรอง
แกส่ ตรแี ละเดก็ เล็ก

(2) โครงการป้องกันและจัดการโรค ก�ำหนดเป้าหมายไว้คือ (1) ก�ำจัด
เช้ือเอชไอวีรายใหม่และลดการเสียชีวิตผู้ที่เกี่ยวข้องกับเอชไอวี/เอดส์ (2) เพิ่มการวิจัย
กรณวี ณั โรครายใหมแ่ ละรกั ษาระดบั สงู ของการรกั ษาวณั โรคทป่ี ระสบความสำ� เรจ็ ในทกุ ดา้ น
(3) ไม่มีการเสียชีวิตจากโรคมาลาเรียท่ีเกิดจากไวรัส falciparum และลดการเสียชีวิต
จากไข้เลือดออกให้น้อยท่ีสุด และ (4) เพ่ิมความคุ้มครองและการเข้าถึงบริการจัดการ
โรคติดเชื้ออื่นๆ เช่น พยาธิตัวตืด โรคเขตร้อน โรคติดเชื้ออุบัติใหม่/โรคเกิดซ�้ำ และ
การแพร่เช้อื จากสัตว์สู่คน

(3) โครงการป้องกันและจัดการโรคไม่ติดต่อและปัญหาสาธารณสุข
ก�ำหนดเป้าหมายไว้ 7 ประการ คือ (1) ลดความเสี่ยงของประชากรและปัจจัยเส่ียง
สำ� หรับโรคไมต่ ดิ ตอ่ รวมท้งั โรคมะเรง็ โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดหัวใจ ปรบั ปรุง
การตรวจหาโรคไมต่ ดิ ตอ่ ใหท้ นั เวลา และการใหบ้ รกิ ารปอ้ งกนั ในระยะปฐมภมู แิ ละทตุ ยิ ภมู ิ
(2) จัดการการรกั ษาโรคไมต่ ิดต่อในระยะเฉยี บพลนั เช่น การดูแลระยะยาว การบรรเทา
อาการปวด และการฟื้นฟูสมรรถภาพ (3) เพ่ิมความคุ้มครองและการเข้าถึงบริการ
สขุ ภาพจติ เบอ้ื งตน้ และครบวงจร บรกิ ารบำ� บดั ผตู้ ดิ ยาเสพตดิ และสง่ เสรมิ ความรเู้ กยี่ วกบั
ความเสยี่ งของผปู้ ว่ ยโรคจติ (4) ลดอาการตาบอดในบรเิ วณทมี่ คี วามเสย่ี งสงู และใหบ้ รกิ าร
ส�ำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยินเน่ืองจากโรคภัยไข้เจ็บ (5) ส่งเสริมสภาพแวดล้อม
ท่ีถูกสุขลักษณะในศูนย์สุขภาพ บริการสุขภาพช่องปาก ความปลอดภัยของอาหาร

158 • บรกิ ารสุขภาพขา้ มแดนในจังหวัดอบุ ลราชธานีและใกลเ้ คียงในเขตอสี านใต:้

และสุขภาพของนักเรียน (6) ลดการใช้ยาเสพติด แอลกอฮอล์ และยาสูบในทางท่ีผิด
ในหมู่ประชาชนทั่วไป และ (7) ลดกรณีการบาดเจ็บและความทุพพลภาพที่เกิดจาก
ความรุนแรง อุบัติเหตุ หรือสาเหตุอ่ืนๆ และลดความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือผลกระทบ
ตอ่ สขุ ภาพทเี่ กิดจากภยั พิบตั ิ มลพษิ และการเปล่ียนแปลงสภาพภูมอิ ากาศ

การปฏิรูประบบสาธารณสุขของกัมพูชานับตั้งแต่ปี 2536 นั้น ท�ำให้
เกิดการเปล่ียนแปลงที่ส�ำคัญ คือ การยึดแนวคิดการออกแบบระบบสุขภาพขึ้นอยู่กับ
โครงสร้างการบริหารระบบสุขภาพตามเกณฑ์ประชากรและการเข้าถึงบริการสุขภาพ
ส่งผลให้ระบบบริหารสาธารณสุขปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับกลางหรือ
ระดับชาติ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลแห่งชาติ ศูนย์แห่งชาติ ระดับ
สถาบันฝึกอบรมเมือง จังหวัด ไปจนถึงฝ่ายสาธารณสุขเมืองหลวง จังหวัด และ
ระดับศูนย์ฝึกอบรมภูมิภาค ส�ำนักงานสาธารณสุขอ�ำเภอ โรงพยาบาลประจ�ำอ�ำเภอ
ศูนย์สุขภาพ และสถานอี นามยั

ท้ังน้ีระดับการบริหารด้านสาธารณสุขท้ัง 3 ระดับข้างต้นน้ัน มีบทบาท
และหน้าทต่ี า่ งกันดังนี้ คอื (เรื่องเดียวกัน, 30–31)

(1) ระดบั กลางหรอื ระดับชาติ
มีบทบาทและหน้าท่ีใน 10 ด้าน คือ (1) ก�ำหนดนโยบายด้านสุขภาพ
(2) พัฒนาแผนและยุทธศาสตร์ส�ำหรับสาธารณสุข (3) พัฒนากฎระเบียบ ข้อบังคับ
แนวทางเพื่อเพ่ิมคุณภาพการบริการสุขภาพท้ังในภาครัฐและเอกชน (4) ติดตาม
ตรวจสอบ และประเมินงานการบริหารและเทคนิคของหน่วยงานภายใต้การก�ำกับดูแล
ของตน (5) การค้นคว้าวิจัยเพ่ือพัฒนางานด้านสาธารณสุข (6) จัดการทรัพยากร
(มนษุ ย์ วัสดุ การเงนิ และขอ้ มูล) ใหก้ บั ระดบั กลางของเมอื งหลวง อำ� เภอ และชมุ ชน
(7) พฒั นาโครงการปอ้ งกนั และดแู ลเบอื้ งตน้ เพอ่ื ลดสาเหตขุ องโรค (8) อำ� นวยความสะดวก
ด้านทรัพยากรต่างๆ (9) ควบคุมดูแลด้านการผลิต การค้า และการจ�ำหน่ายยา
เคร่ืองมือแพทย์ และเวชภัณฑ์ในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐและเอกชนทั้งหมด
และ (10) การตรวจสอบความปลอดภัยของอาหาร
(2) ระดับเมืองหลวงและจังหวัด
ปัจจุบันในระดับเมืองหลวงและจังหวัดมีหน่วยงานด้านสาธารณสุข
จำ� นวน 25 แห่ง และโรงพยาบาล 25 แหง่ ภายใต้การบรหิ ารงานโดยตรงของหนว่ ยงาน
ดา้ นสาธารณสขุ ระดบั เมอื งหลวงและระดบั จงั หวดั เปน็ ระดบั ของตวั กลางหรอื ผปู้ ระสาน
งานปฏบิ ตั กิ ารระหวา่ งระดบั กลางและระดบั อำ� เภอในระบบสาธารณสขุ มบี ทบาทหลกั คอื
(1) การก�ำกับดูแล การเผยแพร่ และการด�ำเนินการตามนโยบายสาธารณสุขแห่งชาต ิ
และแผนยทุ ธศาสตรด์ า้ นสาธารณสขุ ผา่ นการวางแผนและการจดั ทำ� งบประมาณประจำ� ปี

การศกึ ษาสถานการณแ์ ละบรบิ ททเ่ี กยี่ วข้องของพนื้ ที่ชายแดนประเทศตน้ ทาง (กัมพูชา และ สปป.ลาว) • 159

(2) สนบั สนุนการพฒั นาการด�ำเนนิ งานระดบั อำ� เภอ ผ่านการสนบั สนนุ และการติดตาม
ตรวจสอบและประเมินผลอย่างสม่�ำเสมอ (3) ตรวจสอบการกระจายทรัพยากรทาง
การเงินและทรัพยากรมนุษย์อย่างเท่าเทียมกันไปยังหน่วยงานระดับอ�ำเภอ และ
ใช้ทรัพยากรเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพ (4) จัดให้มีการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง
แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเมืองหลวงและต่างจังหวัด (5) ด�ำเนินการคณะผู้แทน
หน่วยงานก�ำกับดูแล การบริการสุขภาพของเอกชนและยา และ (6) ส่งเสริมการ
ประสานงานและความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่นและ
ฝ่ายบรหิ าร

(3) ระดับอ�ำเภอ
เป็นหน่วยระดับต่�ำสุดท่ีอยู่ใกล้กับประชากรในพ้ืนท่ีมากที่สุด ระบบ
สาธารณสุขระดับอ�ำเภอน้ีครอบคลุมเครือข่ายโรงพยาบาลส่งต่อและเครือข่ายศูนย์
สุขภาพและสถานีอนามัย บทบาทหลักของเขตบริหารระดับอ�ำเภอคือการด�ำเนินการ
ตามเป้าหมายการพัฒนาของเขตบริหาร ได้แก่ (1) การก�ำกับดูแล การเผยแพร่ และ
การด�ำเนินการตามนโยบายสาธารณสุขแห่งชาติและแผนยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพ
(2) ให้บริการด้านสุขภาพท่ีมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและครบวงจร (บริการส่งเสริม
สขุ ศกึ ษา การปอ้ งกนั โรค การรกั ษาขน้ั พน้ื ฐาน และการฟน้ื ฟสู มรรถภาพ) ตามระเบยี บการ
และแนวทางปฏิบัติของคลินิกแห่งชาติ (3) ตรวจสอบการกระจายทรัพยากรทาง
การเงนิ และทรพั ยากรมนษุ ยอ์ ยา่ งเทา่ เทยี มกนั ไปยงั โรงพยาบาลทส่ี ง่ ตอ่ และศนู ยส์ ขุ ภาพ
และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (4) ระดมทรัพยากรเพ่ิมเติมส�ำหรับบริการด้าน
สขุ ภาพในทอ้ งถนิ่ (5) ให้การฝกึ อบรมอย่างตอ่ เนื่องแก่เจา้ หน้าทขี่ องโรงพยาบาลสง่ ตอ่
ศูนย์สุขภาพ และสถานีอนามัย (6) ให้การสนับสนุนแกโ่ รงพยาบาลส่งต่อ ศูนย์สขุ ภาพ
และสถานอี นามยั ผา่ นการบรหิ าร การสนบั สนนุ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล และ (7) สง่ เสรมิ
การประสานงานและความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและหน่วยงานท้องถ่ินและ
ฝ่ายบริหาร
4.3.1.2 นโยบายดา้ นสาธารณสขุ
เอกสาร แผนงานยุทธศาสตร์สาธารณสุขปี 2016–2020 ซึ่งจัดท�ำโดย
กรมวางแผนสุขภาพและสารสนเทศ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อปี 2016 ได้น�ำเสนอ
รายละเอยี ดเก่ยี วกับนโยบายดา้ นสาธารณสขุ ของกมั พูชา ไว้ดงั นี้ (กรมวางแผนสุขภาพ
และสารสนเทศ กระทรวงสาธารณสุข, 2016)
นโยบายด้านสาธารณสุขของกัมพูชาเร่ิมต้นอย่างเป็นทางการในปี
พ.ศ. 2536 โดยกระทรวงสาธารณสุขกมั พชู าไดพ้ ัฒนาและด�ำเนนิ การตาม “แผนแมบ่ ท
เพื่อการพัฒนาสาธารณสุข ปี พ.ศ. 2537–2539” จากนั้นจึงออก “คู่มือนโยบาย

160 • บริการสขุ ภาพข้ามแดนในจังหวัดอุบลราชธานแี ละใกลเ้ คียงในเขตอสี านใต้:

เสริมสร้างระบบสาธารณสุขระดับอ�ำเภอ” เพื่อฟื้นฟูและพัฒนาระบบสาธารณสุข
ภายหลังความขัดแย้งหรือสงครามกลางเมือง และรัฐบาลโดยผู้น�ำของประเทศได้เร่ิม
ก�ำหนดกรอบยทุ ธศาสตร์สำ� หรบั การปฏิรปู สาธารณสขุ ขึน้ ในปี พ.ศ. 2538

วัตถุประสงค์ของนโยบายด้านสาธารณสุขกัมพูชาคือ เพื่อส่งเสริม
ความเทา่ เทยี มและการเขา้ ถงึ บริการสขุ ภาพขน้ั พ้ืนฐาน เพื่อใหเ้ กิดประสิทธิภาพ คุ้มคา่
และบริการคุณภาพสูง เพ่ือประกันความยั่งยืนของกระทรวงสาธารณสุข เพ่ือปกป้อง
และชว่ ยเหลอื คนยากจน นอกจากนยี้ งั มีแผนประกันสขุ ภาพ ปี พ.ศ. 2538 บทบญั ญัติ
ทางการเงินด้านสุขภาพ ปี พ.ศ. 2539 แผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านสุขภาพ
ปี พ.ศ. 2539–2563

Rathny Suy and others (2017) กลา่ ววา่ ปจั จบุ นั นโยบายดา้ นสาธารณสขุ
ข้ันพ้ืนฐานของกัมพูชามี 9 ประเด็น คือ (1) การให้บริการด้านสุขภาพขั้นพื้นฐาน
รวมทั้งการวางแผนครอบครัว และบริการอนามัยการเจริญพันธุ์แก่ทุกคนในชุมชน
อย่างมีส่วนร่วม (2) การกระจายอ�ำนาจด้านการเงินและการบริหาร (3) การพัฒนา
ทรัพยากรมนุษย์ (4) การสง่ เสรมิ การแขง่ ขนั ระหว่างภาครัฐและเอกชนในด้านเทคโนโลยี
และจรรยาบรรณวิชาชีพ (5) การส่งเสริมความรู้ให้ประชาชนเกี่ยวกับชีวิตที่มีสุขภาพดี
และคุณสมบัติของผู้ให้บริการด้านสุขภาพ (6) การส่งเสริมกฎหมายว่าด้วยสุขภาพ
(7) การให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อสุขภาพของผู้หญิงและเด็กและโภชนาการ และ
การจัดการและการป้องกันโรคติดเช้ือ (8) การให้ความสนใจเฉพาะกลุ่มท่ีมีล�ำดับ
ความส�ำคัญสูง เช่น ผู้สูงอายุและผู้พิการ และปัญหาสุขภาพเฉพาะ เช่น สุขภาพจิต
และ (9) การเสริมสร้างระบบข้อมลู สขุ ภาพ

สำ� หรับเป้าหมายของนโยบายด้านสุขภาพของกมั พชู าคอื “เพอื่ ปรับปรงุ
ผลลพั ธด์ า้ นสขุ ภาพของชาวกมั พชู าใหด้ ขี น้ึ และเพอื่ ปอ้ งกนั ความเสย่ี งทางการเงนิ ในการ
ใชบ้ รกิ ารดา้ นสุขภาพ” ซ่ึงจำ� แนกได้เป็น 4 ประการ ดงั น้ี

(1) สง่ เสรมิ อนามยั การเจรญิ พนั ธ์ุ ลดอตั ราการเสยี ชวี ติ ของมารดา ทารก
และเดก็ และปรบั ปรงุ ภาวะขาดสารอาหารในสตรแี ละเดก็ เลก็

(2) ลดความเจ็บปว่ ยและเสยี ชวี ิตจากโรคติดเชอ้ื เรือ้ รัง
(3) ลดความเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อ และปัญหาด้าน
สาธารณสุขอืน่ ๆ
(4) ระบบสุขภาพมีความยืดหยุ่น ตอบสนอง และรับผิดชอบต่อความ
ตอ้ งการดา้ นสขุ ภาพของประชาชนมากข้ึน
ส�ำหรับภาพรวมสถานการณ์และบริบทด้านการรับบริการสุขภาพของ
ชาวกัมพูชาน้ัน มาตรา 72 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ปี พ.ศ. 2536

การศกึ ษาสถานการณ์และบริบททเ่ี กีย่ วขอ้ งของพ้ืนท่ีชายแดนประเทศตน้ ทาง (กมั พชู า และ สปป.ลาว) • 161

เก่ียวกับการให้บริการด้านสุขภาพระบุว่า “สุขภาพของประชาชนได้รับการประกัน
รัฐให้ความส�ำคัญกับการป้องกันและรักษาโรค คนยากจนได้รับการตรวจสุขภาพฟรี
ทโ่ี รงพยาบาล คลินกิ และแผนกสตู กิ รรมสาธารณะ รัฐจัดให้มีโรงพยาบาลในชนบทและ
แผนกสตู กิ รรม”

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของรัฐบาลคือ “การเสริมสร้างการด�ำเนินการตาม
แนวทางการบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและย่ังยืน และ
เพิ่มความรับผิดชอบ ความโปร่งใสต่อผลลัพธ์” เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของรัฐบาลในการ
ให้บริการสาธารณะคือ “บริการประชาชนให้ดีขน้ึ ” ดว้ ยกลไกต่างๆ (กรมวางแผนสขุ ภาพ
และสารสนเทศ กระทรวงสาธารณสุข, 2020, อ้างแลว้ )

โรงพยาบาลแห่งชาติและโรงพยาบาลส่งต่อได้รับการเสริมสร้างความ
สามารถในรักษาพยาบาล ส�ำนักงานรับรองรายจ่ายด้านสุขภาพ ถูกจัดต้ังขึ้นในป ี
พ.ศ. 2560 โดยมีพันธกิจในการติดตาม ตรวจสอบการด�ำเนินงานและรายจ่ายของ
กองทุน Health Services Equity Fund และกองทุนพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพ
ใหเ้ ปน็ ไปตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสขุ โดยการใหบ้ รกิ ารสขุ ภาพทเี่ ทา่ เทยี มกนั
ดูแลโครงการสุขภาพอนามัยการเจริญพันธุ์ของแม่ เด็ก และโภชนาการ โดยมุ่งเน้น
ไปที่การขยายความครอบคลุมและปรับปรุงคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิผล
ของการคุมก�ำเนิดหรือการวางแผนครอบครัว บริการท�ำแท้งอย่างปลอดภัย อนามัย
การเจรญิ พนั ธว์ุ ยั รนุ่ บรกิ ารการดแู ลกอ่ นและหลงั คลอด การดแู ลเดก็ แรกเกดิ การปอ้ งกนั
โรคติดต่อจากแม่สู่ลูกท่ีสำ� คัญคือโรคเอดส์ การฉีดวัคซีน การรักษาโรคเด็ก โดยเฉพาะ
โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันและท้องร่วง การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สุขภาพแม่และเด็ก
และโภชนาการ

จากการกล่าวข้างตน้ จะพบว่าระบบบรกิ ารสขุ ภาพของกมั พูชาเริม่ มีการ
พฒั นาและปรบั ปรงุ ขนึ้ ตามล�ำดบั ซงึ่ มสี ว่ นชว่ ยในการด�ำเนนิ การตามนโยบายประชากร
แห่งชาติ ปี พ.ศ. 2559–2573 ของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างย่ิงในการปรับปรุงสุขภาพ
และความเป็นอยู่ท่ีดีของสตรี ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของมารดาและทารก
และปรบั ปรงุ ภาวะขาดสารอาหารในสตรแี ละเดก็ เลก็ ตามนโยบายระดบั ชาติ

อยา่ งไรกต็ าม แมว้ า่ การดำ� รงชวี ติ ของชาวกมั พชู าจะคอ่ ยๆ ดขี น้ึ เนอื่ งจาก
การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่บริการด้านสุขภาพของกัมพูชายังคงเข้าไม่ถึง
ประชากรกลุ่มเปราะบางบางกลุ่ม เช่น คนจน คนทุพพลภาพ และชนพื้นเมืองหรือ
กลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ลุ่มนอ้ ย ทงั้ น้ีปจั จยั สำ� คัญก็คือ ค่าใชจ้ ่ายท่ีเก่ียวข้องกับการเขา้ ถึงบรกิ าร
ด้านสุขภาพเป็นความท้าทายท่ีส�ำคัญส�ำหรับคนยากจนในกัมพูชา เพราะส่วนใหญ่
ต้องอาศัยการสนับสนุนจากผู้บริจาคระหว่างประเทศและการสนับสนุนจากองค์กร

162 • บรกิ ารสุขภาพข้ามแดนในจงั หวัดอบุ ลราชธานีและใกลเ้ คียงในเขตอสี านใต้:

ระดับนานาชาติและระดับท้องถิ่น ดังน้ันกระทรวงการวางแผนจึงได้จัดต้ังระบบข้อมูล
“อตั ลกั ษณค์ นจน” เพอื่ ชว่ ยในการกำ� หนดนโยบายและการตดั สนิ ใจ โครงการดแู ลสขุ ภาพ
ทางสังคมจ�ำนวนมากจึงได้รับการออกแบบมาเพื่อก�ำหนดเป้าหมายครอบครัวท่ียากจน
โครงการท่ีโดดเด่นท่ีสุดคือ “กองทุนความเท่าเทียมด้านสุขภาพ” ซ่ึงช่วยให้คนยากจน
สามารถเขา้ ถงึ บรกิ ารดา้ นสาธารณสขุ ไดใ้ นราคาทตี่ ำ�่ ทส่ี ดุ ดงั จากการสำ� รวจในปี พ.ศ. 2556
พบวา่ 4% ของชาวกมั พชู าทอี่ าศยั อยอู่ ยา่ งทพุ พลภาพตอ้ งเผชญิ กบั อปุ สรรคบางประการ
ทข่ี ดั ขวางไมใ่ หพ้ วกเขาเขา้ ถงึ บรกิ ารดา้ นสาธารณสขุ การศกึ ษาของหนว่ ยงานองคก์ ร GIZ
ปี พ.ศ. 2559 ระบุว่า อุปสรรคของคนพิการในการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขท่ีพบ
เช่น ค่าใช้จ่ายในการดูแลยังสูง สถานพยาบาลยังขาดความสามารถในการดูแลด้าน
กายภาพ อุปสรรคในการสื่อสารและท่าทีเชิงลบจากเจ้าหน้าท่ีดูแลสุขภาพ (Deutsche
Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit GmbH, 2015)

สว่ นในบรรดาชนพน้ื เมอื งหรอื กลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ลมุ่ นอ้ ยในจงั หวดั มณฑลครี ี
และจังหวัดรัตนคีรี ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ในจังหวัดท้ังสองนั้น ปัญหาสุขภาพแม่
และเดก็ และภาวะทพุ โภชนาการยงั คงเป็นที่น่าวิตก อตั ราการตายของทารกอายตุ ่ำ� กวา่
หา้ ขวบในสองจงั หวดั นน้ั เพม่ิ ขน้ึ เปน็ สองเทา่ ของอตั ราการเสยี ชวี ติ กลา่ วคอื เฉลยี่ ท่ี 83 คน
ต่อทารกเกิดใหม่ 1,000 คน และอัตราการเสียชีวิตของมารดาน้ันก็ยังมีสูงเนื่องจาก
ผู้หญิงชนพ้ืนเมืองส่วนใหญ่คลอดลูกเองท่ีบ้าน และเด็กชนพื้นเมืองส่วนใหญ่ที่อายุ
ตำ่� กว่าห้าขวบในกมั พชู ายงั จดั อย่ใู นประเภท “น�้ำหนักนอ้ ย” และ “แคระแกรน็ ”

4.3.1.3 บรบิ ทด้านบคุ ลากรสาธารณสขุ ของกมั พูชา
จากการศึกษาพบว่า กัมพูชาได้พยายามปรับปรุงระบบสาธารณสุข
นับแต่ปี พ.ศ. 2523 เป็นต้นมา จนน�ำสู่การพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขข้ึนในปี
พ.ศ. 2539 (Leang Supheap and Chheng Konnarath, 2014) บคุ ลากรทางการแพทย์
จ�ำนวน 11,231 คน ได้รับการฝึกอบรมและส่งไปท�ำงานในฐานสาธารณสุข จ�ำนวน
1,225 แห่ง และในปี พ.ศ. 2532 มีศูนย์สุขภาพทั้งหมดจ�ำนวน 1,616 แห่ง (David
I Levine, & Gardner, R., 2008) ในปี พ.ศ. 2533 นโยบายด้านสาธารณสุขและ
ด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้รับการจัดล�ำดับความส�ำคัญ ระบบสาธารณสุขระดับอ�ำเภอ
ไดร้ บั การจดั ระบบใหมเ่ พอ่ื ใหก้ ารดแู ลสขุ ภาพเบอื้ งตน้ และสนบั สนนุ นโยบายสาธารณสขุ
ของชาติในการป้องกันโรคติดเชื้อและโรคไม่ติดต่อ เพ่ือลดการเสียชีวิตของมารดา
และทารก พระราชบญั ญตั ิ ฉบบั ท่ี 6 ปี พ.ศ. 2539 วา่ ดว้ ยการจดั ตงั้ กระทรวงสาธารณสขุ
กัมพูชา ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาในสมัยประชุมครั้งที่ 5 ของสภานิติบัญญัต ิ
ครัง้ ที่ 1

การศึกษาสถานการณ์และบรบิ ททีเ่ กีย่ วข้องของพ้นื ท่ีชายแดนประเทศตน้ ทาง (กัมพชู า และ สปป.ลาว) • 163

ส่วนสถิติเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกัมพูชามีการเปล่ียนแปลงอย่างม ี
นัยส�ำคัญจากปี พ.ศ. 2559 ไปจนถึงปี พ.ศ. 2562 จ�ำนวนพนักงานเพ่ิมข้ึนเล็กน้อย
ในปี พ.ศ. 2559 คือจ�ำนวน 25,382 คน ในปี พ.ศ. 2560 เป็นจ�ำนวน 25,459 คน
ในปี พ.ศ. 2561 เปน็ จ�ำนวน 25,438 คน และในปี 2562 มจี ำ� นวน 26,037 คน โดยเป็น
เพศหญงิ จำ� นวน 13,786 คน

จ�ำนวนเจ้าหน้าท่ีสามารถแบ่งออกเป็น ผู้เช่ียวชาญ 702 คน แพทย์
2,786 คน แพทย์ระดับกลาง 597 คน เภสัชกรเช่ียวชาญระดับปริญญาเอก 13 คน
เภสชั กร 666 คน เภสัชกรระดับกลาง 81 คน เภสชั กรระดับประถม 24 คน ทันตแพทย์
เชย่ี วชาญ 306 คน ทนั ตแพทย์ 43 คน พยาบาลทันตแพทย์ 158 คน ปรญิ ญาพยาบาล
259 คน พยาบาลระดับกลาง 8,111 คน พยาบาลระดบั ประถม 2,706 คน ปริญญา
ผดุงครรภ์ 321 คน ผดุงครรภ์ระดับกลาง 4,621 ผดุงครรภ์ระดับประถม 2,186 คน
ชา่ งเทคนิคหอ้ งปฏิบัติการระดบั กลาง 821 คน ช่างเทคนิคหอ้ งปฏิบัติการระดบั ประถม
62 คน แพทยก์ ายภาพ 217 คน นักรังสีวทิ ยา 119 คน เทคโนโลยสี ารสนเทศ 132 คน
ฝา่ ยการเงนิ และบัญชี 300 คน และผู้เชยี่ วชาญดา้ นอ่ืนๆ อกี จำ� นวน 716 คน

ภาพที่ 4.6 การปฏบิ ตั งิ านของบุคลากรด้านสาธารณสุขของจงั หวัดอุดรมชี ัย
ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควดิ -19

ทีม่ า: Sat Veasna (7 กรกฎาคม 2564)

164 • บรกิ ารสุขภาพขา้ มแดนในจังหวดั อบุ ลราชธานีและใกลเ้ คียงในเขตอสี านใต:้

เจา้ หนา้ ทส่ี าธารณสขุ เหลา่ นแ้ี ยกเปน็ ราชการระดบั กลางจำ� นวน 5,630 คน
แบ่งเป็นระดับกระทรวง 543 คน โรงพยาบาลแห่งชาติ 3,866 คน สถาบันฝึกอบรม
205 คน หน่วยกลาง 1,016 คน ข้าราชการประจ�ำเมืองหลวงและจังหวัดจ�ำนวน
20,407 คน เจ้าหน้าที่ระดับกรมมีจ�ำนวน 1,417 คน เจ้าหน้าท่ีโรงพยาบาลจ�ำนวน
3,649 คน เจา้ หน้าท่ีสาธารณสขุ ระดับอ�ำเภอจำ� นวน 1,567 คน เจ้าหน้าทโี่ รงพยาบาล
ส่งต่อประจ�ำอ�ำเภอ 3,778 คน เจ้าหน้าท่ีศูนย์สุขภาพ 9,811 คน โรงเรียนสุขภาพ
ระดับภูมิภาค 185 คน (กรมวางแผนสุขภาพและสารสนเทศ กระทรวงสาธารณสุข,
2020, อา้ งแล้ว)

4.3.1.4 สถานการณแ์ ละบริบทด้านสถานบริการสขุ ภาพ
สถานบริการสุขภาพของกัมพูชาสามารถจ�ำแนกออกเป็น 3 ประเภท
คอื สถานบรกิ ารสขุ ภาพของรฐั สถานบรกิ ารสขุ ภาพของเอกชน และสถานบรกิ ารสขุ ภาพ
แบบไมห่ วงั ผลก�ำไร ซ่งึ จะได้ขอกลา่ วถงึ ดงั ตอ่ ไปน้ี
(1) สถานบรกิ ารสุขภาพของรัฐ
เฉพาะในส่วนของสถานบริการสุขภาพของรัฐประเภทโรงพยาบาลน้ัน
จะประกอบไปด้วย 4 ประเภท คือ (1) โรงพยาบาลระดับชาติ (National Hospitals)
เปน็ โรงพยาบาลขน้ั ทตุ ยิ ภมู ิ สว่ นใหญต่ งั้ อยใู่ นกรงุ พนมเปญ (2) โรงพยาบาลระดบั CPA-1
เปน็ โรงพยาบาลทมี่ ศี กั ยภาพระดบั ต่�ำสดุ มจี ำ� นวน 40–60 เตยี ง สามารถใหบ้ รกิ ารคลอด
ขน้ั พ้นื ฐาน (basic obstetric care) แต่ไมส่ ามารถใหบ้ รกิ ารผ่าตดั ใหญ่ได้ (ไม่มวี ิสญั ญ,ี
ไมม่ ธี นาคารเลอื ด) (3) โรงพยาบาลระดบั CPA-2 เป็นโรงพยาบาลขนาด 60–100 เตยี ง
มขี ดี ความสามารถใหบ้ รกิ ารฉกุ เฉนิ ผา่ ตดั ใหญไ่ ด้ มแี พทยเ์ ฉพาะทาง และ (4) โรงพยาบาล
ระดบั CPA-3 เป็นโรงพยาบาลขนาด 100–250 เตียง มีขีดความสามารถสูงสุดกวา่ ระดับ
1–2 มีจำ� นวน 21 แห่งทัว่ ประเทศ (สรุ สกั ย์ ธไนศวรรยางค์กรู , 2561)

ภาพท่ี 4.7 โรงพยาบาล
ประจำ� จังหวัดอุดรมชี ัย

ท่มี า: Sat Veasna
(7 กรกฎาคม 2564)

การศกึ ษาสถานการณแ์ ละบรบิ ทที่เก่ยี วข้องของพ้นื ท่ชี ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 165

ภาพท่ี 4.8 ลกั ษณะทางกายภาพและการใหบ้ ริการของโรงพยาบาลของรฐั บางแหง่ ในกมั พชู า

ทมี่ า: สุรสักย์ ธไนศวรรยางกูร (2561)

ภาพที่ 4.9 ศนู ยบ์ ริการสุขภาพ (สถานีอนามัย) ปอยเปต 1
บริเวณใกลด้ า่ นปอยเปต จังหวัดบนั เตียเมยี นเจย

ที่มา: อรทยั ศรที องธรรม (2562)

166 • บรกิ ารสุขภาพขา้ มแดนในจงั หวดั อุบลราชธานีและใกลเ้ คยี งในเขตอีสานใต้:

ท้ังนี้ สถานบริการสุขภาพหรือสถานบริการทางการแพทย์ระดับพื้นฐาน
ในสงั กดั ของรฐั ในกมั พชู า ปจั จบุ นั แบง่ ออกเปน็ 4 ประเภท ดงั นี้ (สำ� นกั งานคณะกรรมการ
ขา้ ราชการพลเรอื น (ก.พ.), ม.ป.ป., อ้างแลว้ )

(1.1) หน่วยปฏิบัติการประจ�ำต�ำบล (Operational District – OD) เป็น
สถานบรกิ ารทางการแพทย์ที่ให้บริการประชาชนในระดับตำ� บล มจี �ำนวนทั้งส้ิน 77 แหง่
ทั่วประเทศ

(1.2) โรงพยาบาลชมุ ชน (Referral Hospital) มีขอบเขตความรบั ผิดชอบ
ครอบคลมุ ประชากรประมาณ 100,000–200,000 คน มจี ำ� นวนทง้ั สนิ้ 74 แหง่ ทวั่ ประเทศ

(1.3) ศูนย์อนามัย (Health Center) มีขอบเขตความรับผดิ ชอบครอบคลมุ
ประมาณ 8,000–12,000 คน มีจำ� นวนท้ังสิ้น 957 แห่ง ทัว่ ประเทศ

(1.4) สถานอี นามัย (Health Post) มจี �ำนวน 95 แหง่ ทว่ั ประเทศ ซ่งึ มี
บทบาทสำ� คัญใน 5 ดา้ น คือ

1) สร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับชาวบ้านในพื้นท ่ี
รบั ผิดชอบของศนู ยส์ ุขภาพ

2) ดำ� เนนิ งานและปฏบิ ตั งิ านดา้ นการบรกิ ารสขุ ภาพ และการจดั การ
การเงนิ ทม่ี ีประสิทธิภาพและยงั่ ยนื

3) ให้บริการส่งเสริมสุขภาพ และการศึกษาแบบบูรณาการ
การป้องกันโรค และการรกั ษาข้ันพื้นฐานอยา่ งบรู ณาการ

4) ด�ำเนินการให้ประชาชนเข้าถึงบริการด้านสุขภาพตามเงื่อนไข
ทางการเงนิ ภูมิศาสตร์ วฒั นธรรม และประเพณี

5) สง่ เสริมให้ผ้คู นและชมุ ชนมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมด้านสุขภาพ
เฉพาะสถานบริการสุขภาพในพื้นที่ชายแดนติดกับจังหวัดอุบลราชธานี
และใกล้เคียงน้ัน ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขกัมพูชาในปี พ.ศ. 2562 ระบุว่า
มีสถานบริการสาธารณสุขแบ่งเป็นโรงพยาบาลระดับจังหวัดและระดับชาติ 34 แห่ง
เขตปฏิบตั กิ าร 103 แห่ง โรงพยาบาลเทศบาล/อ�ำเภอ 126 แห่ง ศนู ย์สขุ ภาพ 1,221 แห่ง
และสถานอี นามยั 127 แหง่ ทง้ั นสี้ ถานบรกิ ารสาธารณสขุ ในจงั หวดั ทงั้ 5 แหง่ ทม่ี พี รมแดน
ติดกับจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียงในเขตอีสานใต้ของประเทศไทย จ�ำแนก
ได้ตามตารางที่ 4.1 ต่อไปน้ี

การศึกษาสถานการณแ์ ละบริบทที่เกีย่ วข้องของพืน้ ที่ชายแดนประเทศตน้ ทาง (กมั พชู า และ สปป.ลาว) • 167

ตารางท่ี 4.1 จำ� นวนสถานบรกิ ารสาธารณสขุ ของรฐั ในพนื้ ท่ี 5 จงั หวดั ทศ่ี กึ ษาในประเทศ
กัมพูชา

ลำ� ดับท่ี จังหวดั โรงพยาบาล โรงพยาบาล ศูนย์บรกิ าร สถานีอนามยั
ประจ�ำจงั หวัด ประจำ� อ�ำเภอ สุขภาพ (แห่ง)
1 บนั เตยี เมยี นเจย (แห่ง) 12
2 พระตะบอง (แห่ง) (แหง่ ) 66 6
3 พระวิหาร 1 8 77 17
4 เสียมเรียบ 1 6 11 3
5 อดุ รมชี ยั 1 1 92 1
1 4 37 39
รวม 1 1 283
5 20

ทม่ี า: กรมวางแผนสุขภาพและสารสนเทศ กระทรวงสาธารณสุข (2020)

จากตารางท่ี 4.1 ขา้ งตน้ จะพบวา่ ทง้ั 5 จงั หวดั มโี รงพยาบาลประจำ� จงั หวดั
จ�ำนวน 5 แห่ง โรงพยาบาลประจำ� อ�ำเภอ 20 แหง่ ศูนยบ์ ริการสุขภาพ 283 แหง่ และ
สถานอี นามยั 39 แห่ง

(2) สถานบรกิ ารสุขภาพของเอกชน
สำ� หรบั สถานบรกิ ารสุขภาพของเอกชนนน้ั นับวา่ มีบทบาทสำ� คญั ในการ
ให้บริการด้านสุขภาพแก่ชาวกัมพูชาท่ัวประเทศเช่นเดียวกันกับโรงพยาบาลในสังกัด
กระทรวงสาธารณสขุ นอกจากนี้ ยงั พบวา่ ปจั จบุ นั สถานประกอบการประเภทสถานบรกิ าร
สุขภาพของเอกชนในกัมพูชาก�ำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดสุขภาพอีกด้วย
ดงั ขอ้ มูลทีน่ ำ� เสนอโดยธนาคารไทยพาณชิ ย์ จำ� กัด ที่ว่า
ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจท่ีเติบโตอย่างต่อเนื่อง ท�ำให้กัมพูชาเป็นหน่ึงใน
ประเทศอาเซยี นทน่ี า่ จบั ตามองดา้ นการคา้ การลงทนุ ทส่ี ำ� คญั รฐั บาลไดส้ ง่ เสรมิ โครงสรา้ ง
สาธารณูปโภคพ้ืนฐาน ท้ังสนามบิน รถไฟฟ้า ถนน รองรับการเติบโตด้านเศรษฐกิจ
อีกหนึ่งตัวช้ีวัดความก้าวหน้าคือเร่ืองสุขภาพ ซ่ึงปัจจุบันกัมพูชาก็มีโรงพยาบาลท่ีได้รับ
มาตรฐานระดับโลกอย่างโรงพยาบาล Royal Phnom Penh และโรงพยาบาล Royal
Angkor International (ธนาคารไทยพาณิชย์ จำ� กัด, 2564)
ประชาชนชาวกมั พชู าจำ� นวนไมน่ อ้ ยนยิ มทจี่ ะไปใชบ้ รกิ ารจากสถานบรกิ าร
สุขภาพของเอกชน เน่ืองจากมองว่าคุณภาพดี การบริการรวดเร็ว และการต้อนรับดี
เพราะจากข้อมลู ขององคก์ ารอนามยั โลกระบุวา่ ประชากรในเขตพ้ืนท่เี มืองของกัมพชู า
67% ถึง 78% เท่านั้นที่ได้รับบริการด้านสาธารณสุข ขณะที่ประชาชนในชนบท
ได้รับบริการด้านสาธารณสุขเพียง 65% (Health Policy Plus, 2019) ท�ำให้ประชาชน
จ�ำนวนหนึ่งหนั มาใชบ้ รกิ ารของสถานบรกิ ารสขุ ภาพภาคเอกชนแทน

168 • บริการสขุ ภาพข้ามแดนในจังหวัดอบุ ลราชธานแี ละใกลเ้ คียงในเขตอสี านใต:้

ภาพที่ 4.10 โรงพยาบาล Royal Phnom Penh ในกรุงพนมเปญ

ท่มี า: สมหมาย ชนิ นาค (2561)

เจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งซึ่งเป็นเพ่ือนกับหัวหน้าโครงการวิจัย ได้กล่าวถึง
ความเช่ือมั่นและพฤติกรรมการใช้บริการสุขภาพในสถานบริการสุขภาพของเอกชน
ของชาวกัมพูชาบางกลุ่มในกรุงพนมเปญไว้ว่า “ถ้าคุณมีเงินจ่าย คุณสามารถเลือกรับ
บริการโรงพยาบาลไหนก็ได้ หรือแม้แต่คุณอยากจะให้โรงพยาบาลส่งตัวคุณไปรักษา
ท่เี มืองไทยหรือสงิ คโปรโ์ ดยใชเ้ คร่ืองบินก็ไดเ้ ช่นกัน คนรวยๆ ท่ีนเ่ี ขามกั จะใช้บรกิ ารกนั ”
(Vibol (นามสมมต)ิ , ขา้ ราชการ, สมั ภาษณ์ 18 ธนั วาคม 2561) แลว้ เขาก็ชี้ใหห้ ัวหนา้
โครงการวิจยั ดูป้ายโฆษณา “เคร่อื งบนิ แพทย”์ (Air Ambulance) ที่ติดไวข้ า้ งถนน

ภาพที่ 4.11 ปา้ ยโฆษณาบรกิ าร “เครื่องบินแพทย”์ ข้างถนนแหง่ หนึ่งในกรุงพนมเปญ

ทีม่ า: สมหมาย ชินนาค (2561)

การศกึ ษาสถานการณ์และบริบทที่เก่ยี วขอ้ งของพืน้ ทช่ี ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 169

การเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ประกอบกับอัตราการเสียชีวิตของชาว
กัมพูชาจากโรคหัวใจและหลอดเลือด และมะเร็งมีจ�ำนวนมาก ได้เปิดโอกาสให้กับ
ธุรกิจการแพทย์เฟื่องฟูขึ้นมาก ท้ังจากกลุ่มทุนในประเทศและการร่วมทุนกับต่างชาต ิ
ดังท่ี Dr. Kan Phallyna ประธานกรรมการและประธานบริหารโรงพยาบาลรัชดาภิเษก
พนมเปญ (Ratchadapisek Hospital Phnom Penh) เปดิ เผยวา่ “จากการทโ่ี รงพยาบาล
ทไ่ี ดม้ าตรฐานของกมั พชู ายงั มนี อ้ ย จงึ เลง็ เหน็ วา่ การเปดิ โรงพยาบาลเอกชนทไี่ ดม้ าตรฐาน
และแพทย์ผู้มีประสบการณ์ยังโตได้อีกมากในกัมพูชา จึงมีการจัดระดมเงินจาก
นกั ธรุ กิจตา่ งชาตใิ นเครือเปดิ โรงพยาบาลเฉพาะทางขนาด 300 เตยี ง เปน็ โรงพยาบาล
เอกชนที่ใหญ่ทส่ี ดุ ของกัมพูชา รวมท้งั เปดิ ศูนย์ดูแลผปู้ ว่ ยโรคหวั ใจครบวงจร 24 ช่ัวโมง
แหง่ แรกในกมั พชู า โดยศนู ยห์ วั ใจไดร้ ว่ มกบั กลมุ่ โรงพยาบาลจฬุ ารตั น์ ซง่ึ เปน็ โรงพยาบาล
ทมี่ คี วามแขง็ แกรง่ ทางดา้ นทมี แพทยเ์ ฉพาะทางหวั ใจและเครอื่ งมอื ทท่ี นั สมยั ” (หนงั สอื พมิ พ์
แนวหน้า, 2562)

ภาพที่ 4.12 โรงพยาบาลรัชดาภเิ ษก พนมเปญ
(Ratchadapisek Hospital Phnom Penh)

ทม่ี า: หนังสือพิมพแ์ นวหนา้ (6 พฤษภาคม 2562)

170 • บริการสขุ ภาพข้ามแดนในจังหวดั อุบลราชธานแี ละใกล้เคียงในเขตอสี านใต้:

สำ� หรบั หนว่ ยงานบรกิ ารสขุ ภาพของภาคเอกชนนนั้ สามารถดำ� เนนิ การได้
โดยไดร้ บั ใบอนญุ าตจากกระทรวงสาธารณสขุ ตามประกาศพระราชบญั ญตั ิ ปี พ.ศ. 2554
เลขท่ี 034 ซึ่งก�ำหนดใหม้ ีการย่นื แบบคำ� รอ้ งการขอเปดิ กิจการ การขอปรับปรงุ รูปแบบ
และการขอปิดกจิ การ และผลู้ งทะเบียนทำ� กจิ การนนั้ จะตอ้ งเปน็ ชาวกัมพูชา มีใบรบั รอง
และวุฒิบัตรการศึกษาที่ออกให้โดยกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ
เยาวชนและกีฬา และได้จดทะเบียนเป็นสมาชิกสภาการแพทย์ เภสัชกร ทันตแพทย์
การผดุงครรภ์ และพยาบาล ในพระราชบัญญัตินี้ได้อนุญาตให้ผู้ให้บริการที่ท�ำงาน
ในหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐสามารถด�ำเนินการเปิดหน่วยงานเอกชนขนาดเล็ก
เป็นธุรกิจส่วนตัวได้ รวมถึงพนักงานสาธารณสุขด้วย (เรียกว่า “ห้องดูแล” หรือ “ห้อง
ให้ค�ำปรึกษา”) แต่พนักงานเหล่านี้ต้องท�ำงาน 8 ช่ัวโมงต่อวัน หรือ 5 วันต่อสัปดาห์
ตามค�ำสงั่ เพม่ิ เติมปี พ.ศ. 2539 ฉบบั ท่ี 21 และปี พ.ศ. 2558 ฉบบั ท่ี 56

พระราชบัญญัติ ฉบับท่ี 10 พ.ศ. 2543 ว่าด้วยเร่ืองการบริหารจัดการ
การประกอบวิชาชีพแพทย์และผู้ช่วยเหลือทางการแพทย์ภาคเอกชน (Management
of Private Professions in Field of Associate Medicine and Medical Assistance)
ไดก้ �ำหนดวา่ ผ้ปู ระกอบวิชาชพี ทางการแพทย์ ไดแ้ ก่ แพทย์ เภสชั กร ทนั ตแพทย์ และ
พยาบาลผดุงครรภ์ ขณะท่ีผู้ช่วยทางการแพทย์ ได้แก่ พยาบาล ผู้เชี่ยวชาญด้าน
หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ผดู้ แู ลสขุ ภาพดา้ นกายภาพ ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นทนั ตกรรม และผเู้ ชย่ี วชาญอนื่ ๆ

มีข้อมูลว่า 54% ของเจ้าของธุรกิจและผู้จัดการภาคเอกชน จะเป็น
เจา้ หนา้ ที่สาธารณสุขท่ที ำ� งานในจงั หวดั หรือภาคสาธารณสขุ โดยจ�ำนวนสรุปหน่วยงาน
สขุ ภาพภาคเอกชนทใ่ี หบ้ รกิ ารในปจั จบุ นั มจี �ำนวนเกอื บ 15 เทา่ ของจ�ำนวนสถานบรกิ าร
สาธารณสุขท่ีให้บริการดูแลสุขภาพของรัฐ (สถานีอนามัย/ศูนย์สุขภาพและโรงพยาบาล
ส่งต่อ/โรงพยาบาลแห่งชาติท่ัวประเทศ) ไม่รวมร้านขายยา/ร้านขายยาย่อย ตัวเลข
ในปี พ.ศ. 2561 หน่วยงานบริการสุขภาพของภาคเอกชนมีทงั้ สนิ้ 12,785 แหง่ (ในปี
พ.ศ. 2560 มีจ�ำนวน 10,191 แหง่ ) และสน้ิ เดอื นธนั วาคมปี พ.ศ. 2562 มกี ารให้บรกิ าร
ดังกล่าว 14,432 แห่ง โดยแบง่ เป็นหอ้ งให้คำ� ปรึกษาและพยาบาล 13,763 แห่ง และ
คลนิ ิก 669 แห่ง

การศึกษาสถานการณแ์ ละบรบิ ทที่เกีย่ วขอ้ งของพ้นื ที่ชายแดนประเทศต้นทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 171

ตารางท่ี 4.2 แสดงสถานบริการสุขภาพภาคเอกชนของกมั พูชา ปี พ.ศ. 2562

ก ประเภท จ�ำนวน

1 สถานบรกิ ารด้านใหค้ ำ� ปรึกษาสตรีตงั้ ครรภ์ 1,856
2 หอ้ งดูแลผปู้ ่วย 5,908
3 ห้องดแู ลด้านกายภาพ 28
4 ห้องให้ค�ำปรกึ ษารักษาพยาบาลผู้ปว่ ยทว่ั ไป 4,673
5 หอ้ งใหค้ ำ� ปรึกษาช่องปากและฟัน 1,169
6 ห้องใหค้ ำ� ปรึกษารักษาพยาบาลผปู้ ่วยทางสายตา 37
7 หอ้ งใหค้ ำ� ปรึกษารักษาพยาบาลหู จมูก และคอ 30
8 ห้องใหค้ �ำปรึกษารักษาพยาบาลผปู้ ว่ ยโรคผิวหนงั 38
9 ห้องให้ค�ำปรกึ ษารักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคจิต 18
10 หอ้ งปฏิบัตกิ ารทางการแพทย์
6
สรุป 13,763

ข ประเภท จ�ำนวน

1 โรงพยาบาลเอกชน 22
2 โพลีคลนิ กิ 71
3 คลนิ ิก 428
4 โรงพยาบาลเด็ก –
5 สตู นิ รเี วช 14
6 คลินิกชอ่ งปาก ฟนั 52
7 คลนิ ิกโรคสายตา 1
8 คลนิ กิ โรคหู จมกู และล�ำคอ –
9 คลินิกโรคผิวหนงั –
10 คลนิ ิกผู้ป่วยโรคจติ –
11 คลินิกหอ้ งปฏิบัตกิ ารทางการแพทย์ 68
12 คลินิกเสริมความงาม 12
13 ส�ำนกั งานตวั แทนโรงพยาบาล 4
669
รวม 14,432
รวมทั้งหมด

ทีม่ า: กรมวางแผนสุขภาพและสารสนเทศ กระทรวงสาธารณสขุ (2020)

172 • บริการสขุ ภาพข้ามแดนในจงั หวัดอบุ ลราชธานแี ละใกลเ้ คยี งในเขตอีสานใต:้

นอกจากน้ี สถานบริการสุขภาพของเอกชนยังหมายรวมถึงร้านขายยา
และเครื่องส�ำอางด้วย ตามรายงานของกรมยา อาหาร อุปกรณ์การแพทย์และ
เครื่องส�ำอาง ปี พ.ศ. 2562 ระบุว่า มีร้านขายยาและร้านขายยาย่อยรวมทั้งส้ิน
2,957 แห่ง เพ่ิมขึ้น 308 แห่ง เม่ือเทียบกับปี พ.ศ. 2561 ซึ่งแยกเป็นร้านขายยา
2,649 แหง่ สถานประกอบการผลติ ยาและอปุ กรณก์ ารแพทย์ 18 แหง่ สถานประกอบการ
ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ 1 แห่ง สถานประกอบการน�ำเข้าและน�ำออกยา 450 แห่ง
สถานประกอบการน�ำเขา้ และนำ� ออกยาย่อย (สาขา) 31 ราย แห่ง สถานประกอบการ
นำ� เข้าและน�ำออกเครอ่ื งส�ำอาง 505 แห่ง ศนู ยเ์ สริมความงาม 63 แห่ง และศนู ยเ์ สริม
ความงามยอ่ ย (สาขา) 2 แห่ง

(3) หนว่ ยงานสขุ ภาพที่ไมแ่ สวงหาผลกำ� ไร
นอกจากสถานบริการสุขภาพของรัฐและเอกชนแล้ว กัมพูชายังม ี
สถานบริการสุขภาพหรือองค์กรด้านสุขภาพประเภทที่ไม่แสวงหาก�ำไร ที่มีบทบาท
สำ� คัญในการใหบ้ รกิ ารสุขภาพกับชาวกัมพชู า โดยเฉพาะกลมุ่ คนรากหญา้ สถานบริการ
สุขภาพเหล่าน้ีได้รับทุนหรือจัดสร้างโดยองค์กรพัฒนาเอกชนหรือที่เรียกว่า NGOs
ทงั้ ในประเทศและตา่ งประเทศ สว่ นใหญท่ ำ� งานในชมุ ชนเพอื่ อำ� นวยความสะดวกในการ
บรกิ ารสขุ ภาพและสรา้ งเครอื ขา่ ยสขุ ภาพในชมุ ชน (community-based health networks)
เช่น การให้ความรู้ด้านสุขภาพ กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ และการส่งเสริมให้ประชาชน
มีส่วนร่วมการดูแลสุขภาพ จัดต้ังกองทุนความเท่าเทียมกันเพื่อสุขภาพ และโครงการ
ประกันสุขภาพชุมชน (Health Equity Funds and Community-Based-Health Insurance
Schemes)
ในปี พ.ศ. 2558 กัมพูชามีองคก์ รดา้ นสขุ ภาพมากกว่า 180 หน่วยงาน
เชน่ MEDICAM เปน็ องค์กรดา้ นสขุ ภาพซ่งึ กำ� ลังทำ� งานเพอื่ เชื่อมโยงชุมชนกบั กระทรวง
สาธารณสุข มูลนิธิกันธบุพา (Kantha Bopha Foundation) ซ่ึงก่อต้ังโดยกุมารแพทย ์
ชาวสวิสช่ือ นายแพทย์เบียท ริชเนอร์ (Beat Richner) ในปี พ.ศ. 2534 ได้ก่อตั้ง
โรงพยาบาลเด็ก 5 แห่ง มีท้ังในกรุงพนมเปญและจังหวัดเสียมเรียบ โดยร่วมมือกับ
กระทรวงสาธารณสขุ ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากผใู้ จบญุ และการกศุ ลตา่ งๆ ขณะทอ่ี งคก์ รชอื่
HOPE มีส�ำนักงานใหญ่อยู่ท่ีจังหวัดสีหนุวิลล์ บริหารงานโดย HOPE Worldwide
กใ็ หบ้ รกิ ารดา้ นการศกึ ษาและฝกึ อบรมวชิ าชพี ดา้ นคลนิ กิ และการแพทย์ พรอ้ มดว้ ยบรกิ าร
ไม่หวังก�ำไรจากผู้ยากไร้และมีคุณภาพสูง ศูนย์ HOPE Center ให้บริการผ่าตัด
บรกิ ารฉกุ เฉนิ โรคเอชไอว/ี เอดส์ วณั โรค (ทป่ี จั จบุ นั กำ� ลงั ใหบ้ รกิ าร 3 แหง่ ในกรงุ พนมเปญ)
คลนิ กิ เคลอื่ นท่ี และกจิ กรรมอบรมวชิ าชพี สขุ ภาพเกอื บทกุ จงั หวดั โรงพยาบาลเดก็ องั กอร์
(Angkor Children Hospital) ในจังหวัดเสียมเรยี บ โดยรว่ มมอื กบั กระทรวงสาธารณสุข

การศึกษาสถานการณ์และบรบิ ททเี่ ก่ยี วข้องของพื้นท่ีชายแดนประเทศตน้ ทาง (กัมพชู า และ สปป.ลาว) • 173

และศูนย์สุขภาพอีกแห่ง คือศูนย์ดูแลกระดูกและข้อ (orthopaedic care) ในจังหวัด
พระตะบอง (Peter Leslie Annea and other, 2015)

โรงพยาบาลเด็กคันธบุพาและโรงพยาบาลเด็กอังกอร์จังหวัดเสียมเรียบ
น้ันให้บริการเดก็ และสตรมี คี รรภ์ สว่ นใหญผ่ ู้ปว่ ยทม่ี ารับการดูแลรักษาจะมาจากจงั หวัด
ตดิ ชายแดนไทย เช่น จังหวดั พระวหิ าร จงั หวัดอุดรมีชยั จังหวดั บันเตยี เมยี นเจย จงั หวัด
พระตะบอง จังหวัดไพลิน ขณะที่โรงพยาบาลเด็กคันธบุพาพนมเปญ ให้การดูแลเด็ก
และสตรีมีครรภ์จากจังหวัดท่ีอยู่รอบๆ กรุงพนมเปญ ส่วนหน่วยงานสุขภาพ HOPE
ที่ต้ังอยู่จังหวัดพระสีหนุ ก็ให้การดูแลผู้ป่วยท่ีอยู่ในจังหวัดใกล้เคียงและจังหวัดที่ติดอยู่
ชายแดนประเทศเวียดนาม อยา่ งไรก็ตาม ผู้ป่วยสว่ นใหญม่ ักเดินทางมารบั การดูแลจาก
โรงพยาบาลเด็กคันธบุพาที่อยู่จังหวัดเสียมเรียบและพนมเปญมากกว่า นอกจากน้ี
ยังมีหน่วยงานบริการสุขภาพการกุศลช่ือ รัก (RHAC) ซึ่งย่อมาจาก Reproductive
Health Association of Cambodia กอ่ ต้ังในปี พ.ศ. 2539 ท่มี คี ลินิกในเครือข่ายของตน
จำ� นวน 15 แหง่ คอื ในพนมเปญ 8 แหง่ และตา่ งจงั หวดั 7 แหง่ ซง่ึ 2 แหง่ ทอ่ี ยใู่ กลจ้ งั หวดั
ติดกบั ชายแดนเขมร–ไทยคอื จังหวดั เสียมเรยี บและพระตะบอง ใหบ้ รกิ ารในด้านตา่ งๆ
แกค่ นยากไร้และผ้ถู กู กระท�ำช�ำเราหรือตกเปน็ เหย่อื อาชญากรรมทางเพศ เช่น สุขภาพ
ทางเพศ การเจริญพนั ธุ์ของวัยรุ่น สขุ ภาพของผูห้ ญิง โรคติดต่อทางเพศสมั พันธ์ บ�ำบัด
ยาเสพติด ผ้ถู ูกระทำ� จากการใช้ความรุนแรง และโรคเอดส์ เปน็ ต้น

4.3.1.5 สถานการณ์และบริบทด้านโรคภัยไข้เจ็บของชาวกมั พชู า
การขา้ มแดนมารบั การบรกิ ารสขุ ภาพทจ่ี งั หวดั อบุ ลราชธานแี ละใกลเ้ คยี ง
ของชาวกมั พชู านน้ั จำ� นวนไมน่ อ้ ยมารกั ษาโรคมะเรง็ และตบั อกั เสบ ฉะนนั้ การทำ� ความ
เข้าใจสถานการณ์และบริบทด้านโรคภัยไข้เจ็บของชาวกัมพูชาย่อมจะท�ำให้เข้าใจ
ปรากฏการณ์นดี้ ยี ง่ิ ข้นึ
จากการศกึ ษาพบวา่ ชาวกมั พชู าเผชญิ กบั โรคทส่ี ำ� คญั 5 อยา่ ง คอื วณั โรค
มาลาเรีย ไขเ้ ลอื ดออก มะเรง็ และตบั อกั เสบ ดงั รายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี
(1) วัณโรค
กัมพูชาเป็นหนึ่งใน 30 ประเทศที่มีอัตราการเกิดวัณโรคสูงท่ีสุดในโลก
ในปี พ.ศ. 2561 มีการตรวจพบผปู้ ว่ ย 30,140 ราย อย่างไรก็ตาม กัมพูชากภ็ าคภูมใิ จ
ในความส�ำเร็จในการต่อสู้กับวัณโรค ดังในรายงานของ Global Tuberculosis Report
ปี พ.ศ. 2561 ท่ีเผยแพร่โดยองค์การอนามัยโลกในกรุงเจนีวาระบุว่า “กัมพูชาประสบ
ความส�ำเร็จอย่างมากในการต่อสู้กับวัณโรค” จากปี พ.ศ. 2543 ถึงปี พ.ศ. 2560
อตั ราการเสยี ชวี ติ ลดลงรอ้ ยละ 55 เปน็ 19 รายตอ่ ประชากร 100,000 ราย ในขณะทอ่ี ตั รา
ที่เรยี กวา่ “อุบัติการณ”์ ลดลง 43% ลดลงจาก 326 รายตอ่ ประชากร 100,000 ราย

174 • บริการสขุ ภาพขา้ มแดนในจังหวดั อุบลราชธานีและใกลเ้ คยี งในเขตอสี านใต้:

(2) มาลาเรยี
โรคมาลาเรยี ในกมั พชู ายงั คงสงู เมอ่ื เทยี บกบั ประเทศอนื่ ๆ ในภมู ภิ าค และ
ในปี พ.ศ. 2561 มีรายงานวา่ ชาวกัมพชู าสว่ นใหญ่เป็นโรคมาลาเรียประเภท P. vivax
เพม่ิ ขนึ้ 136.6% ในขณะทป่ี ระเภท P. falciparum ลดลง 27.6% เมอื่ เทยี บกบั ปี พ.ศ. 2560
(3) ไข้เลือดออก
ในปี พ.ศ. 2561 กมั พชู ามผี ปู้ ว่ ยไขเ้ ลอื ดออก 24,684 ราย เพม่ิ ขนึ้ มากกวา่
3 เทา่ ในปี พ.ศ. 2560 และเสยี ชวี ติ 23 ราย จงั หวดั ทมี่ ผี ปู้ ว่ ยมากทสี่ ดุ ไดแ้ ก่ กรงุ พนมเปญ
จังหวัดกันดาล จังหวัดก�ำปงชนัง จังหวัดพระวิหาร จังหวัดเสียมเรียบ จังหวัดกระแจะ
จงั หวดั กมั ปงธม จงั หวัดกัมปงจาม จงั หวดั อุดรมชี ยั และจังหวดั บันเตยี เมยี นเจย ดังนั้น
เพอื่ เปน็ การปอ้ งกนั โรคไขเ้ ลอื ดออก กระทรวงสาธารณสขุ กมั พชู าไดเ้ สรมิ สรา้ งศกั ยภาพ
และขีดความสามารถในการรักษาโรคไข้เลือดออกท้ังของโรงพยาบาลรัฐ คลินิกเอกชน
โดยการมอบยารักษาและเซรุ่มให้ รวมทั้งจัดหามุ้งและให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับ
ผลกระทบของโรคไขเ้ ลอื ดออกเพ่ือขอความร่วมมือและดำ� เนินการปอ้ งกนั
(4) มะเร็ง
ในปี พ.ศ. 2561 มีข้อมูลว่า กัมพูชามกี ารตรวจคดั กรองมะเร็งในผูป้ ่วย
ทุกประเภทจ�ำนวน 4,352 ราย ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา 15,036 ราย และเสียชีวิต
156 ราย สาเหตุหลักของการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งท่ีพบ ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็ง
ท่อปัสสาวะ มะเร็งตับ และมะเร็งปากมดลูก นอกจากนี้ยังมีการตรวจคัดกรองมะเร็ง
ปากมดลูกในสตรี 3,989 ราย ท่มี ีอายรุ ะหว่าง 30 ถงึ 49 ปี พบสตรที ี่ตดิ โรคสัญญาณ
VIA (+) จ�ำนวน 158 ราย สตรีท่ตี ้องสงสัยว่าเป็นมะเรง็ 275 ราย และเข้ารบั การรักษา
ในโรงพยาบาล 50 ราย ดงั นน้ั กระทรวงสาธารณสขุ จงึ ไดอ้ บรมแกส่ ตรจี ำ� นวน 359,816 ราย
เพ่ือตรวจสอบหามะเร็งเต้านมด้วยตนเอง โดยในจ�ำนวนนี้พบว่ามีสตรี 1,829 ราย
มีปัญหามะเรง็ เตา้ นม และมีสัญญาณว่าอาจเป็นมะเร็งเต้านมจำ� นวน 1,120 ราย และ
มผี ทู้ ่ไี ด้รับการรักษาในโรงพยาบาลจำ� นวน 152 ราย
(5) โรคตบั อักเสบ
โรคตับอักเสบ กระทรวงสาธารณสุขยังคงเสริมสร้างขีดความสามารถ
ของสถานบริการสาธารณสุขในการวินิจฉัยโรคตับอักเสบในระยะเร่ิมต้น และปรับปรุง
ความสามารถในการวนิ จิ ฉยั ไดท้ นั เวลา และใหก้ ารรกั ษาทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ในปี พ.ศ. 2561
มีการตรวจผปู้ ว่ ยนอกส�ำหรับโรคตบั อกั เสบทงั้ หมด 9,747 ราย ผทู้ ไ่ี ด้รับรกั ษาพยาบาล
1,473 ราย ซึ่งผู้ป่วยจ�ำนวน 93 ราย เป็นไวรัสตับอักเสบประเภท A 792 ราย
เปน็ ไวรัสตบั อักเสบประเภท B และเปน็ ไวรัสตบั อกั เสบประเภท C 588 ราย มผี ู้เสียชีวิต
จำ� นวน 8 ราย

การศกึ ษาสถานการณแ์ ละบรบิ ทที่เก่ยี วข้องของพน้ื ท่ีชายแดนประเทศตน้ ทาง (กัมพชู า และ สปป.ลาว) • 175

4.3.2 ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการข้ามแดนมาใช้บริการด้านสุขภาพในจังหวัด
อบุ ลราชธานแี ละจงั หวัดใกล้เคียงของชาวกมั พูชา

วัตถุประสงค์ประการหน่ึงของการศึกษาคร้ังน้ีก็คือ การท�ำความเข้าใจเกี่ยวกับ
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการข้ามแดนมาใช้บริการด้านสุขภาพในจังหวัดอุบลราชธานีและ
จงั หวดั ใกลเ้ คยี งของชาวกมั พชู า โดยการศกึ ษาเชงิ เอกสารและการสมั ภาษณก์ ลมุ่ ตวั อยา่ ง
ผู้ให้ข้อมูล ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่รัฐของไทยท้ังระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ
ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับการบริการสุขภาพขา้ มแดน เจ้าหน้าท่ีของรฐั ของกัมพูชา ผูป้ ่วย ญาติของ
ผู้ป่วย หรือผู้ท่ีเก่ียวข้องชาวกัมพูชาท่ีเข้ามาใช้บริการหรือเคยมาใช้บริการสุขภาพ
ในจังหวัดอุบลราชธานีและใกล้เคียง รวมท้ังไกด์หรือ “โบรกเกอร์” ที่เป็นคนน�ำพา
ชาวกัมพชู าทเ่ี ขา้ มาใชบ้ รกิ ารสุขภาพในประเทศไทย

จากการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการข้ามแดนมาใช้บริการด้านสุขภาพ
ในจังหวดั อุบลราชธานแี ละจังหวัดใกลเ้ คยี งของชาวกัมพชู าน้ัน มที งั้ ทเี่ ปน็ ปจั จัยผลกั ดนั
(push factors) และปัจจัยดึงดูด (pull factors) ได้แก่ ปัจจัยด้านภูมิศาสตร์ ปัจจัย
ด้านเศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม และการเมือง หรืออาจจะเรียกรวมๆ ว่า “ปัจจัย
ด้านภมู ิศาสตรส์ ังคม” (Social Geography Factors) ดงั รายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี

4.3.2.1 ปจั จยั ด้านภมู ิศาสตร์
ปัจจัยด้านภูมิศาสตร์ในท่ีน้ีจะเกี่ยวข้องกับระยะทาง ระยะเวลาในการ
เดินทาง และความสะดวกในการเดินทางท่ีไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้บริการสุขภาพ
ผลการศึกษาพบว่า นอกเหนือไปจากสภาพภูมิศาสตร์จะเป็นปัจจัยผลักดัน (push
factors) ท่ีท�ำใหช้ าวกมั พชู าในพ้นื ที่บางแห่งเข้าถึงบรกิ ารดา้ นสุขภาพในประเทศของตน
ได้ยากล�ำบาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะเป็นพื้นท่ีห่างไกลทุรกันดาร ลักษณะภูมิประเทศ
เป็นป่าเขา เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางแล้ว ในทางกลับกัน การที่มีสถานบริการด้าน
สุขภาพในประเทศไทยท่ีตั้งอยู่ใกล้ในพื้นที่ชายแดน ซ่ึงสามารถเดินทางได้สะดวก
และรวดเรว็ กว่า ก็จะกลายเป็นปจั จัยดึงดูด (pull factors) ทีท่ ำ� ใหก้ อ่ ให้เกิดการขา้ มแดน
มาใชบ้ ริการดา้ นสุขภาพในจงั หวดั อบุ ลราชธานแี ละจังหวัดใกลเ้ คยี งดว้ ยเชน่ กนั
นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในปัจจุบัน
โดยเฉพาะถนนหนทางในพื้นที่ชายแดน ท้ังเส้นทางสายเก่าและเส้นทางสายใหม ่
ท่ีเกิดข้ึนและถูกเชื่อมโยงกัน ซ่ึงไม่ได้เกิดข้ึนเฉพาะเส้นทางภายในประเทศกัมพูชา
เท่านั้น หากแต่เกิดข้ึนในอาณาบริเวณชายแดนของประเทศไทยด้วยดังที่ได้กล่าวถึง
ในบทที่ 3 ไปแล้ว ในส่วนของกัมพูชาน้ัน รัฐบาลภายใต้การน�ำของสมเด็จฮุน เซน
กไ็ ดท้ มุ่ งบประมาณรวมทงั้ เปดิ ใหต้ า่ งชาตเิ ขา้ มาลงทนุ พฒั นาถนนและโครงสรา้ งพนื้ ฐาน
อื่นๆ เพื่อยกระดับการคมนาคมในประเทศให้ดีข้ึน เพราะมองว่าโครงสร้างพ้ืนฐาน

176 • บริการสขุ ภาพขา้ มแดนในจังหวดั อุบลราชธานีและใกลเ้ คยี งในเขตอสี านใต:้

เป็นสิ่งส�ำคัญในการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน
คมนาคมขนส่งท้ังในฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชา จึงก่อให้เกิดการเชื่อมโยงเส้นทางระหว่าง
ประเทศ ส่งผลให้การเดินทางในพ้ืนที่ชายแดนของท้ังสองประเทศที่เดิมถูกจำ� กัดด้วย
อุปสรรคจากลักษณะของภูมิประเทศหมดสิ้นไป ทั้งนี้การพัฒนาโครงข่ายการคมนาคม
ขนส่งที่เกิดข้ึนนี้ เป็นแรงผลักจากยุทธศาสตร์การเช่ือมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งหรือ
ระเบียงเศรษฐกิจ (economic corridor) ของอาเซียน (ASEAN Connectivity) เพ่ือรองรับ
การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC) และ
ความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ในอนภุ ูมภิ าคลมุ่ น�้ำโขง (GMS) นน่ั เอง

เส้นทางคมนาคมขนส่งหลักในพ้ืนที่ชายแดนของกัมพูชาซ่ึงเชื่อมโยง
กับเขตอสี านใตข้ องไทยนน้ั มี 2 เส้นทางหลกั คือ เส้นทางหมายเลข 68 (NR 68) จาก
บรเิ วณดา่ นพรมแดนโอรเ์ สมด็ อำ� เภอสำ� โรง จงั หวดั อดุ รมชี ยั ตรงขา้ มกบั ดา่ นพรมแดน
ช่องจอม อ�ำเภอกาบเชงิ จงั หวัดสรุ นิ ทร์ ไปเชอื่ มกับเส้นทางหมายเลข 6 อำ� เภอกระลัน
จังหวดั เสยี มเรยี บ ระยะทางประมาณ 125 กโิ ลเมตร และเสน้ ทางหมายเลข 67 (NR 67)
จากจังหวัดเสียมเรียบถึงอ�ำเภออัลลองเวง และด่านพรมแดนจวม ที่อยู่ตรงข้ามกับ
ดา่ นพรมแดนชอ่ งสะง�ำ อำ� เภอภสู งิ ห์ จงั หวดั ศรสี ะเกษ ระยะทางประมาณ 131 กโิ ลเมตร

4.3.2.2 ปัจจยั ด้านเศรษฐกจิ
ก่อนปี 2534 ประเทศกัมพูชาประสบกับภาวะสงครามภายในประเทศ
อย่างยาวนานกว่า 20 ปี ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศตกต�่ำลงอย่างมาก และท�ำให้
ประเทศกัมพูชาถูกจัดเป็นประเทศท่ีมีระดับการพัฒนาน้อยที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาค
อาเซยี น อยา่ งไรกต็ าม ภายหลงั จากทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงระบอบการปกครองจากระบอบ
สังคมนิยมเป็นระบอบประชาธิปไตย และหลังจากสงครามภายในประเทศเร่ิมสงบลง
ประเทศเรมิ่ ไดร้ บั การฟน้ื ฟบู รู ณะ มกี ารเปดิ ประเทศทำ� การคา้ ขายกบั ตา่ งประเทศมากยงิ่ ขนึ้
ท�ำให้มีความต้องการบริโภคอุปโภคสินค้าและบริการเพ่ิมสูงข้ึน โดยรัฐบาลกัมพูชา
ได้มีการก�ำหนดนโยบายท่ีมุ่งพัฒนาศักยภาพทางการเกษตรและการท่องเท่ียวของ
ประเทศ ตลอดจนส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศด้วยการออกมาตรการต่างๆ
มาอย่างต่อเน่ือง เช่น การปรับปรุงกฎหมายด้านเศรษฐกิจ การเพ่ิมสิทธิประโยชน์แก่
นกั ลงทนุ ตา่ งชาติ การปฏริ ปู ระบบการจดั เกบ็ ภาษเี งนิ ได้ และการเรง่ รดั พฒั นาโครงสรา้ ง
พื้นฐานทางเศรษฐกิจ เช่น ถนน ไฟฟ้า น้�ำประปา สนามบิน ระบบสาธารณูปโภค
ต่างๆ เป็นตน้
ความเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ ของประเทศกมั พชู าในปจั จบุ นั เปน็ ผลพวง
ของความส�ำเร็จจากการเปล่ียนผ่านจากระบบเศรษฐกิจรวมศูนย์ไปสู่ระบบเศรษฐกิจ
แบบตลาด ประกอบกับการปฏิรูปนโยบายด้านการค้าและการลงทุน การเจริญเติบโต

การศกึ ษาสถานการณแ์ ละบรบิ ทท่เี ก่ียวขอ้ งของพนื้ ท่ีชายแดนประเทศตน้ ทาง (กมั พชู า และ สปป.ลาว) • 177

อย่างรวดเร็วของภาคอุตสาหกรรมและการบริการ ตลอดจนเสถียรภาพทางการเมือง
ส่งผลให้เศรษฐกิจกัมพูชามีอัตราการเจริญเติบโตสูงถึงร้อยละ 7.0 โดยเฉล่ียตั้งแต่
ปี 2537 ถึงปี 2559 ท�ำให้รายได้เฉล่ียของประชากรต่อคนเพ่ิมจากประมาณ 650
เหรียญสหรัฐ ในปี 2550 เป็น 1,435 เหรียญสหรัฐ ในปี 2560 ซึ่งท�ำให้กัมพูชา
เปลี่ยนสถานะเป็นประเทศท่ีมีรายได้ปานกลางระดับล่าง ส่ิงเหล่านี้สะท้อนให้เห็น
ถึงการเปล่ียนแปลงของโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมไปสู่เศรษฐกิจแบบ
ผสมผสานมากข้นึ เปน็ การเกษตร การอุตสาหกรรม และการบรกิ าร (กรมสง่ เสริมการคา้
ระหวา่ งประเทศ กระทรวงพาณชิ ย์, 2561)

ปัจจุบันประเทศกัมพูชาจึงมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าว
กระโดดมาก นอกเหนือไปจากมีการลงทุนด้านโครงสร้างสาธารณูปโภคพ้ืนฐานรวมท้ัง
ระบบคมนาคมขนส่งรองรับการเติบโตด้านเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอย
ในประเทศแลว้ ยงั รวมไปถงึ การจบั จ่ายใช้สอยในเร่อื งของการดูแลสขุ ภาพ (healthcare)
อกี ดว้ ย ดงั นน้ั จงึ พบวา่ ผทู้ เ่ี ดนิ ทางขา้ มแดนมาใชบ้ รกิ ารดา้ นสขุ ภาพในจงั หวดั อบุ ลราชธานี
และจังหวัดใกล้เคียงจากประเทศกัมพูชาจ�ำนวนหนึ่ง เป็นผู้ที่มีก�ำลังทางเศรษฐกิจ
ท่ีสามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ การเดินทางไปรับการรักษาและตรวจสุขภาพ
ในต่างประเทศ จึงเป็นการสะท้อนสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย ในแง่นี้ปัจจัย
ด้านเศรษฐกิจจึงจัดเป็นปัจจัยผลักดัน (push factors) ที่ท�ำให้ชาวกัมพูชาบางกลุ่ม
เดนิ ทางขา้ มแดนมาใช้บรกิ ารด้านสขุ ภาพในจังหวัดอบุ ลราชธานแี ละจงั หวัดใกล้เคยี ง

นกแก้ว (นามสมมติ) หญิงสาวที่มีภูมิล�ำเนาอยู่ติดกับด่านพรมแดน
ช่องสะง�ำ อ�ำเภอภูสงิ ห์ จังหวดั ศรีสะเกษ ซ่งึ สามารถพูดภาษาเขมรไดอ้ ยา่ งคล่องแคล่ว
หลงั จากจบการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี วชิ าเอกภาษาองั กฤษ กผ็ นั ตวั เองมาเปน็ ไกดบ์ รกิ าร
รับส่งผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ต้องการเดินทางมารับบริการสุขภาพในฝั่งไทย ได้เล่าให้ผู้วิจัย
ฟงั วา่ ตนเองทำ� งานเปน็ ไกดพ์ านกั ทอ่ งเทยี่ วชาวกมั พชู ามาเทย่ี วประเทศไทยกวา่ 10 ปแี ลว้
และในช่วงประมาณ 6–7 ปีมาน้ี เรมิ่ มชี าวกมั พูชาทต่ี ้องการเข้ามารับการรักษาพยาบาล
ท่ีเมืองไทย ช่วงแรกๆ ส่วนใหญ่จะมาที่โรงพยาบาลรวมแพทย์ (หมออนันต์) จังหวัด
สุรินทร์ ต่อมาก็กระจายไปโรงพยาบาลต่างๆ ท้ังในจังหวัดสุรินทร์ อุบลราชธานี และ
โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร เช่น โรงพยาบาลวภิ าวดี โรงพยาบาลพญาไท 1 และ 2
เป็นต้น ตนเองก็ได้รับติดต่อให้เป็นล่ามภาษาเขมรให้กับโรงพยาบาลวิภาวดีโดยรับ
ค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ด้วย ตนเองจึงได้ท�ำงานทั้งเป็นไกด์น�ำเท่ียวและเป็นล่าม
ให้กับโรงพยาบาลไปด้วย บางทีคนก็จะเรียกว่าเป็น “Broker” คนท่ีมารับการรักษา
พยาบาลนน้ั สว่ นใหญเ่ ปน็ คนทมี่ ฐี านะดี บางคนกม็ ตี ำ� แหนง่ การงานใหญโ่ ตระดบั คณุ หญงิ
คุณนายจากกรุงพนมเปญก็มี ตนเองก็จะเดินทางไปรับตั้งแต่ท่ีบ้านของคนเหล่าน้ันเลย

178 • บรกิ ารสุขภาพข้ามแดนในจังหวดั อุบลราชธานีและใกล้เคียงในเขตอสี านใต้:

(นกแก้ว (นามสมมติ), Broker พาผู้ป่วยชาวกัมพูชามารักษา, สัมภาษณ์ 29 มีนาคม
และ 26 มิถุนายน 2564)

ภาพที่ 4.13–4.14 นกแก้ว ขณะกำ� ลังพา “คณุ นาย” และครอบครัวไปทอ่ งเท่ยี ว
และชอปปงิ หลงั จากพาไปใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพทโ่ี รงพยาบาลแลว้

ท่ีมา: นกแกว้ (นามสมมติ) (ไดร้ ับอนุญาตใหใ้ ช้ภาพแล้ว)

นกแก้วยังเล่าถึง “ความร�่ำรวย” ท่ีสะท้อนถึงสภาพทางเศรษฐกิจของ
บรรดาชาวกัมพูชาบางส่วนที่เดินทางข้ามแดนมารับบริการด้านสุขภาพที่ประเทศไทย
โดยใช้บริการให้ตนเองเป็นผู้น�ำพาว่า นอกจากบ้านท่ีนกแก้วเรียกว่า “คฤหาสน์” แล้ว
คนเหล่าน้ันยังพาครอบครัวและผู้ติดตามเดินทางมาด้วย เพ่ือมาท่องเท่ียวและชอปปิง
ไปในตวั ดว้ ย เหตนุ ี้ พวกเขาจงึ มกั เลอื กใชบ้ รกิ ารโรงพยาบาลทอี่ ยใู่ กลก้ บั “แหลง่ ชอปปงิ ”
โดยเฉพาะโรงพยาบาลพญาไท 1 และ 2 น้ัน ถือวา่ เป็นสถานที่ทชี่ าวกัมพชู าซ่งึ มีฐานะ
ที่ต้องการมารับบริการด้านสุขภาพนิยมชมชอบมากท่ีสุด เพราะไม่เพียงแต่มีโรงแรม
ทพี่ กั อยู่ใกลๆ้ หากแต่มีแหลง่ ชอปปงิ มากมายในละแวกนนั้ ด้วย

กล่มุ ชาวกัมพชู าทข่ี ้ามมารบั บริการด้านสขุ ภาพทป่ี ระเทศไทยน้ัน ถ้าเปน็
กลุ่มคนท่ีมีฐานะระดับร�่ำรวยมาก ก็จะเดินทางมาใช้บริการที่กรุงเทพมหานครเป็น
สว่ นใหญ่ โดยมกั จะถอื โอกาสไปทอ่ งเทยี่ วและชอปปงิ ดว้ ย โดยจะเดนิ ทางโดยเครอื่ งบนิ
และจะใช้เวลาอยู่ในประเทศไทยประมาณ 2–3 วัน ขณะท่ีกลุ่มคนท่ีมีฐานะรองลงไป
กม็ กั จะไปใช้บรกิ ารสขุ ภาพแบบไปเช้า–เย็นกลบั หรอื อาจจะคา้ งหน่ึงคืน กลุม่ คนเหล่านี้
จะใชบ้ รกิ ารโรงพยาบาลในจงั หวดั ชายแดนคอื จงั หวดั สรุ นิ ทรเ์ ปน็ หลกั หลงั จากพบแพทย์
แล้วก็จะถือโอกาสชอปปิงในห้างสรรพสินค้าในจังหวัด เช่น บ๊ิกซี แม็คโคร โรบินสัน
เปน็ ต้น ก่อนที่จะเดินทางกลับ

การศึกษาสถานการณแ์ ละบรบิ ทท่ีเกี่ยวข้องของพนื้ ทช่ี ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 179

4.3.2.3 ปจั จัยดา้ นสังคมวัฒนธรรม
จากการศึกษาพบว่า ทัศนคติและค่านิยมเก่ียวกับความเชื่อมั่นในระบบ
บรกิ ารสขุ ภาพของประเทศปลายทาง การมเี ครอื ขา่ ยทางสงั คม และภาษาทใี่ กลเ้ คยี งกนั นนั้
เป็นปัจจัยหน่ึงที่ท�ำให้เกิดปรากฏการณ์บริการสุขภาพข้ามแดน ดังผลสรุปจากการ
สัมภาษณ์ชาวกัมพูชาท่ีเคยเข้ามาใช้บริการสุขภาพในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัด
ใกล้เคียง ที่พบว่าปัจจัยหรือเงื่อนไขส�ำคัญคือทัศนคติและค่านิยมเก่ียวกับความเชื่อมั่น
ในระบบบรกิ ารสขุ ภาพของไทย ทง้ั ระบบการแพทยท์ มี่ กี ารรกั ษาทด่ี ี ผลการรกั ษา คณุ ภาพ
ของยาทใี่ ชร้ กั ษา การใหบ้ รกิ าร และถนนหนทางทท่ี �ำใหก้ ารเดนิ ทางไปมาสะดวก รวมทง้ั
การมีเครือข่ายญาตหิ รือเพอื่ นทฝ่ี ั่งไทย
พันเอก โปว เพ็ง หัวหน้าหน่วยประสานงานชายแดนกัมพูชา–ไทย
ประจ�ำพ้ืนที่โอร์เสม็ด อ�ำเภอส�ำโรง จังหวัดอุดรมีชัย ได้กล่าวถึงการข้ามแดนของ
ชาวกมั พชู าทเ่ี ขา้ มาใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพในจงั หวดั สรุ นิ ทรแ์ ละใกลเ้ คยี งวา่ คนเหลา่ นน้ั บางคน
ก็มีญาติพี่น้องอยู่ฝั่งโน้น (หมายถึงจังหวัดสุรินทร์) บางคนญาติพ่ีน้องก็เอารถมารอรับ
ทห่ี นา้ ดา่ นเลยกม็ ี หรอื ถา้ จะเดนิ ทางไปเองกพ็ ดู คยุ กบั รถรบั จา้ งรเู้ รอ่ื ง เนอื่ งจากพดู เขมร
เหมอื นกัน จรงิ ๆ แลว้ คนสองฝั่งกม็ คี วามสมั พนั ธ์ญาติพนี่ อ้ งกันมาแต่อดตี แล้ว อาหาร
การกนิ วัฒนธรรมประเพณกี ็คล้ายคลงึ กัน ฉะน้นั คนกมั พูชาจงึ มักถอื ว่าคนสุรินทรเ์ ป็น
ญาติพี่น้องกัน การไปมาหาสู่กันจึงไม่ต้องมีพิธีรีตองหรือตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด
(พนั เอก โปว เพง็ , หวั หนา้ หนว่ ยประสานงานชายแดนกมั พชู า–ไทย ประจำ� พนื้ ทโี่ อรเ์ สมด็
อำ� เภอส�ำโรง จงั หวดั อุดรมชี ยั , สัมภาษณ์ 25 มีนาคม 2564)

ภาพที่ 4.15 พนั เอก โปว เพ็ง (คนที่ 4 จากขวามือ)
หวั หนา้ หน่วยประสานงานชายแดนกมั พูชา–ไทย ประจำ� พื้นท่โี อร์เสมด็

กบั คณะนกั วจิ ัย บรเิ วณด่านพรมแดนโอร์เสม็ด–ชอ่ งจอม

ทมี่ า: ปิยะนันท์ สุขจนั ทร์ (25 มีนาคม 2564)

180 • บรกิ ารสขุ ภาพขา้ มแดนในจังหวดั อบุ ลราชธานีและใกลเ้ คยี งในเขตอีสานใต้:

คณะผวู้ จิ ยั ไดท้ ำ� การเกบ็ ขอ้ มลู โดยใชแ้ บบสมั ภาษณเ์ กยี่ วกบั ปจั จยั ทท่ี �ำให้
ผู้ป่วยต้องข้ามแดนมาใช้บริการด้านสุขภาพในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียง
(สุรินทร์ ศรีสะเกษ) ของชาวกัมพูชาน้ัน โดยการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูล จ�ำนวน 25 คน
ส่วนมากเป็นหญงิ จำ� นวน 16 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 64 ส่วนมากมีอายรุ ะหวา่ ง 30–40 ปี
จำ� นวน 10 คน คดิ เป็นร้อยละ 40 รองลงมามีอายรุ ะหวา่ ง 16–29 ปี และ 31–62 ปี
คดิ เปน็ รอ้ ยละ 32 และ 28 ตามลำ� ดบั โดยร้อยละ 72 มอี าชพี คา้ ขาย (พ่อค้า/แมค่ า้ )
และแม่บ้าน (คิดเปน็ รอ้ ยละ 36 เทา่ กนั ) นอกนนั้ มีอาชีพธรุ กิจสว่ นตวั พนกั งานออฟฟิศ
และนกั ศกึ ษา ส่วนมากมีท่อี ยทู่ พี่ นมเปญ จำ� นวน 10 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 40 รองลงมา
อยู่ที่เสียมเรียบและพระวิหาร คิดเป็นร้อยละ 20 และ 12 ตามล�ำดับ นอกนั้นอยู่ท่ี
อุดรมีชัย ก�ำปงสปือ ก�ำปงชะนัง พระตะบอง และไพรเวง แห่งละไม่เกินร้อยละ 8
ส่วนมากมีสถานะเป็นผู้ป่วย คิดเป็นร้อยละ 36 รองลงมาเป็นญาติผู้ป่วย คิดเป็น
ร้อยละ 16 เป็นผพู้ าผปู้ ว่ ยไปสถานพยาบาล ร้อยละ 8 และไม่ระบุสถานภาพ คดิ เปน็
ร้อยละ 40 พบว่าปัจจัยท่ีก่อให้เกิดการข้ามแดนมาใช้บริการด้านสุขภาพในจังหวัด
อุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียง พอสรุปเป็นประเด็นที่เก่ียวข้องกับปัจจัยด้านสังคม
และวัฒนธรรมไดด้ ังน้ี

(1) กระบวนการทางการแพทย์และการรักษาทด่ี ี
จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยมีความต้องการในการได้รับการตรวจและ
รกั ษาทดี่ จี ากกระบวนการทางการแพทยแ์ ละการรกั ษาทดี่ จี ากการมอี ปุ กรณท์ างการแพทย์
ที่เพียงพอกับการตรวจรักษา โดยผู้ให้ข้อมูลหลายรายบอกว่า “การแพทย์พยาบาลดี...
ต้องการรักษาท่ีดี...ไทยมีการรักษาพยาบาลดี...ต้องการตรวจสุขภาพที่ดี” (ญาติผู้ป่วย
(ชาย) อายุ 32 ปี ผูป้ ่วย (หญิง) อายุ 33 ปี ผูใ้ หข้ อ้ มลู (ชาย) อายุ 44 ปี และผู้ให้ขอ้ มลู
(หญิง) อายุ 32 ปี)
นอกจากน้ี ผู้ป่วยบางรายยังเห็นว่าการแพทย์ของไทยมีเครื่องมือ
อปุ กรณพ์ รอ้ มในการรกั ษากบั ทงั้ การรกั ษาโดยการใหย้ าของแพทยก์ เ็ หมาะสม “มอี ปุ กรณ์
เพียบพร้อมสำ� หรบั ตรวจรักษาและแพทย์คุณหมอไม่ใช้ยาเยอะเกินขนาดผปู้ ว่ ย” (ผู้ปว่ ย
(หญงิ ) อายุ 35 ปี)
อยา่ งไรก็ตาม ผู้มาใชบ้ รกิ ารสุขภาพในประเทศไทยบางส่วนให้ความเหน็
ว่าไม่ค่อยมั่นใจในการรับการรักษาท่ีกัมพูชา โดยมีค�ำบอกว่า “เพราะเช่ือถือการรักษา
ท่ีประเทศไทยมากกว่า ไม่เคยเชื่อถือการรักษาที่กัมพูชา การรักษาท่ีกัมพูชาจนครบ
และไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ อยากมารักษาท่ีมีคุณภาพ...การรักษาดีกว่ากัมพูชา”

การศึกษาสถานการณแ์ ละบรบิ ททเ่ี ก่ียวขอ้ งของพนื้ ที่ชายแดนประเทศตน้ ทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 181

(ผู้ให้ข้อมูล (หญิง) อายุ 28 ปี และผู้น�ำพาผู้ป่วยไปยังสถานบริการสุขภาพ (หญิง)
อายุ 33 ป)ี

ดังน้ัน ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยจ�ำนวนมากมีความคาดหวังเกี่ยวกับแพทย์
ผใู้ หก้ ารรกั ษาและกระบวนการตรวจรกั ษาของแพทยท์ ดี่ มี มี าตรฐาน สามารถวนิ จิ ฉยั โรค
ได้อย่างถูกต้องชัดเจน เป็นหมอเฉพาะทางที่ตรงกับโรค กระบวนการรักษามีความ
ปลอดภยั และเชอื่ ถอื ได้

“หมอตรวจโรคที่ถกู ต้อง หมอด.ี ..หมอตรงโรค วินิจฉัยทีถ่ กู ต้องชดั เจน...
การตรวจอาการของโรคแม่นย�ำ...หมอรักษาตรงกับโรค...การรักษาท่ีดีจากคุณหมอ
และพยาบาล...ไดร้ บั การรกั ษาทด่ี ี ปลอดภยั และเชอื่ ถอื ได”้ (ญาตผิ ปู้ ว่ ย/ดแู ลผปู้ ว่ ย (ชาย)
อายุ 24 ปี ผู้น�ำผู้ป่วยไปยังสถานบริการสุขภาพ (หญิง) อายุ 33 ปี ผู้ป่วย (หญิง)
อายุ 16 ปี และผใู้ หข้ ้อมลู (หญงิ ) อายุ 62 ป)ี

ภาพที่ 4.16 ผลการตรวจด้วยคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ (MRI)
ของคนไขจ้ ากกัมพูชารายหนึง่

ทีม่ า: สมหมาย ชนิ นาค (ถา่ ยโดยได้รบั อนุญาตจากเจา้ ของแลว้ )

182 • บริการสุขภาพข้ามแดนในจงั หวดั อุบลราชธานีและใกล้เคียงในเขตอีสานใต:้

(2) ผลการตรวจโรคถกู ต้องชดั เจน
ผใู้ หส้ มั ภาษณส์ ว่ นใหญใ่ หค้ วามเหน็ วา่ ทเี่ ขา้ มารกั ษาพยาบาลทเี่ มอื งไทย
เพราะผลการตรวจรักษาโรคถูกต้องโดยได้จากการท่ีมีแพทย์ที่ดีและตรวจรักษาโรค
ได้ถูกต้อง ท�ำให้ผลการตรวจชัดเจนและแม่นย�ำ ประกอบกับผู้ป่วยได้รับการบอกเล่า
จากผทู้ เี่ คยเขา้ รบั การตรวจรกั ษามากอ่ นแลว้ วา่ มผี ลการตรวจทชี่ ดั เจน ผปู้ ว่ ยจงึ มาเขา้ รบั
การรักษาด้วยความเชื่อม่ันในผลการตรวจรักษาของแพทย์ในโรงพยาบาลของไทย
“ต้องการผลตรวจแม่นย�ำ...ต้องการหมอดี ตรวจโรคถูกต้อง...ผลการตรวจชัดเจน”
(ผู้ใหข้ อ้ มูล (หญิง) อายุ 32 ปี และผู้ให้ข้อมลู (ชาย) อายุ 44 ป)ี
ผู้ป่วยบางรายได้รับทราบผลการตรวจจากผู้ท่ีเคยเข้ารับการตรวจรักษา
มาก่อนว่ามีความชัดเจนจึงมาเข้ารับการรักษาตามค�ำบอกกล่าวน้ัน ผู้ป่วยบอกว่า
“คนท่ีรู้จักมาตรวจสุขภาพและมีผลการตรวจชัดเจนเลยมาตามๆ กัน” (ผู้ป่วย (หญิง)
อายุ 37 ปี)
ผลการตรวจรักษาท่ีชัดเจนและแม่นย�ำ นับเป็นความคาดหวังที่ผู้ป่วย
ชาวกัมพูชาทม่ี องว่าเป็นสง่ิ จำ� เป็นในการตรวจรักษาโรคแตล่ ะคร้งั “ผลชดั เจน การตรวจ
ที่แม่นยำ� ไดร้ บั ผลการตรวจที่ชดั เจน...ไม่มคี วามผิดพลาด” (ผปู้ ว่ ย (หญิง) อายุ 37 ปี)
แม้ความลังเลสงสัยในอาการของโรคท่ีผู้ป่วยเป็นอยู่ในกรณีต้องผ่าตัด
เพอื่ คลคี่ ลายขอ้ สงสยั นนั้ ตอ้ งเขา้ รบั การตรวจรกั ษาในสถานบรกิ ารสขุ ภาพทใี่ หค้ วามมน่ั ใจ
ในความแม่นย�ำชดั เจนของผลการตรวจ “อยากร้วู า่ โรคเรามนั ร้ายแรงถงึ ขนาดตอ้ งผ่าตดั
จรงิ ๆ ถึงขัน้ ตอ้ งผา่ ตดั จรงิ ๆ หรือเปลา่ ” (ผ้ใู ห้ข้อมลู (หญิง) อายุ 31 ปี)
ในความชัดเจนของผลการวินิจฉัยในการตรวจรักษาน้ี ยังมีประเด็น
ที่ผู้ให้ข้อมูลมองว่าผลการตรวจรักษาที่ผ่านมาในกัมพูชาไม่ท�ำให้ดีข้ึนตามต้องการ
จึงหาสถานบริการสุขภาพท่ีมีการรักษาวินิจฉัยที่ให้ผลกระจ่างว่า “เพราะสุขภาพของ
ผู้ป่วยท่ีรักษาที่กัมพูชาไม่มีอะไรดีขึ้นจึงมา และต้องการการรักษาวินิจฉัยท่ีชัดเจน”
(ผู้นำ� ผ้ปู ว่ ยไปยังสถานบริการสุขภาพ (หญิง) อายุ 33 ป)ี
(3) คุณภาพของยา (ยาดี)
จากการศกึ ษาพบวา่ ความเชอ่ื มนั่ ในเรอ่ื งยาดมี คี ณุ ภาพ นบั เปน็ อกี ปจั จยั หนง่ึ
ท�ำให้ผู้ป่วยตัดสินใจเข้ารับการรักษาหรือรับบริการสุขภาพ โดยท่ีผู้ให้ข้อมูลส่วนมาก
บอกวา่ ต้องการยาดี กับทง้ั ด้วยเหน็ ว่าเมือ่ รบั การรักษาแลว้ ได้รับยาทีม่ ีคุณสมบัติในการ
รกั ษาตรงกบั โรคเปน็ และทำ� ใหอ้ าการปว่ ยดขี นึ้ หลงั จากการใชย้ านนั้ รวมถงึ เปน็ การใหย้ า
ตรงกบั โรค “ตอ้ งการยาด.ี ..ไดร้ บั ยาดตี รงกบั โรคทเ่ี ปน็ และทำ� ใหอ้ าการดขี น้ึ ”(ผปู้ ว่ ย (หญงิ )
อายุ 41 ปี และผใู้ หข้ อ้ มลู (หญิง) อายุ 59 ปี)

การศกึ ษาสถานการณ์และบรบิ ทที่เกีย่ วข้องของพน้ื ทชี่ ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 183

ภาพที่ 4.17–4.18 ยาและปฏทิ นิ จากโรงพยาบาลเอกชน
ในจงั หวัดสุรนิ ทร์ของคนไข้จากกมั พูชารายหนึง่

ท่มี า: สมหมาย ชินนาค (ถ่ายโดยได้รบั อนุญาตจากเจ้าของแลว้ )

อยา่ งไรกต็ าม ความมนั่ ใจในคณุ ภาพของยาอาจมองถงึ ความเปน็ มาตรฐาน
ของยาจากเหตปุ จั จยั อน่ื ประกอบ เชน่ การนำ� เขา้ ยาอยา่ งถกู ตอ้ ง (รวมถงึ มาตรฐานกำ� กบั ยา)
ทงั้ น้มี ีผ้ปู ่วยบางรายมองวา่ “...ยาท่ีไทยเปน็ ยาท่ถี ูกกฎหมาย ยานา่ จะดีกว่าทีก่ มั พชู า...
เพราะทีก่ มั พูชายาไมค่ ่อยด”ี (ผู้ป่วย (ชาย) อายุ 21 ปี และผูป้ ว่ ย (หญิง) อายุ 33 ป)ี

ยาดที ่ีมคี ุณภาพในการรกั ษาโรค หรือยาดีที่ใชก้ ารรักษาได้ตรงกบั อาการ
ของโรค จึงเป็นความคาดหวังและจ�ำเป็นของผู้ป่วยชาวกัมพูชา ดังผู้ป่วยชายหญิง
2 คน ท่ีบอกความคาดหวังเรื่องนี้วา่ “ไดร้ บั ยาทด่ี ี ยารักษาโรคทีด่ ี...ยาดีตรงกบั อาการ
ของโรค ยาดีมคี ุณภาพ” (ผปู้ ่วย (ชาย) อายุ 21 ปี และผใู้ ห้ขอ้ มูล (หญงิ ) อายุ 16 ปี)

(4) การรกั ษารวดเร็วและการเอาใจใส่
การรักษารวดเร็วและการบริการที่ดีในการเอาใจใส่ต่อผู้ป่วย เป็นปัจจัย
ด้านสังคมอีกประการหนึ่งท่ีท�ำให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาหรือเข้ารับการบริการสุขภาพ
ในไทย “มกี ารรกั ษาท่ีรวดเร็ว...เอาใจใส่” (ผู้ป่วย (หญงิ ) อายุ 33 ปี และผูป้ ว่ ย (หญงิ )
อายุ 41 ปี)
ขณะเดียวกันยังมีความเห็นจากผู้ป่วยบางรายเก่ียวกับการเอาใจใส่
ในกมั พชู าว่า “...เพราะท่ีกัมพชู า...ไม่ค่อยสนใจผ้ปู ว่ ย” (ผู้ป่วย (หญงิ ) อายุ 33 ปี)
การตัดสินใจเข้ารับการตรวจรักษาในไทยด้วยเห็นว่ามีความรวดเร็ว
ในการตรวจรักษานี้ มีกรณีผู้ป่วยท่ีต้องการรับการตรวจโรคอย่างเร่งด่วนอันเป็นส่วน
สืบเน่ืองจากการรักษา ดังกรณีท่ีผู้ให้ข้อมูลบอกว่า “เพราะหมอที่กัมพูชาบอกให้ผ่าตัด

184 • บรกิ ารสุขภาพข้ามแดนในจงั หวดั อบุ ลราชธานแี ละใกล้เคียงในเขตอสี านใต้:

ไทรอยด์ด่วน แต่คนไข้อยากเช็คโรคตนเองให้ถ่ีถ้วนก่อนจะท�ำการตัดสินใจผ่าตัดจึงมา
รกั ษาทไี่ ทย” (ผใู้ หข้ อ้ มลู (หญงิ ) อายุ 31 ป)ี

การบรกิ ารทีด่ แี ละการมขี อ้ แนะน�ำทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ผู้ปว่ ย กเ็ ปน็ ความ
คาดหวังและความจ�ำเป็นอย่างหน่ึงท่ีผู้ป่วยและญาติชาวกัมพูชาใช้เป็นปัจจัยในการ
เข้าใช้บริการสุขภาพ ซ่ึงหมายถึงการต้อนรับ การดูแลเอาใจใส่ต่อผู้ป่วย ความรวดเร็ว
ในการบริการ การใช้วาจาไพเราะ รวมถึงบรรยากาศของโรงพยาบาลในเร่ืองของ
ความสะอาด ดังค�ำให้สัมภาษณ์ที่ว่า “บริการดี รวดเร็ว เอาใจใส่คนป่วย โรงพยาบาล
สะอาด ให้ค�ำแนะน�ำในการปฏิบัติตัว...ให้การต้อนรับดี พูดจาไพเราะในการบริการ”
(ผ้ปู ่วย (หญงิ ) อายุ 35 ปี และผ้ใู ห้ขอ้ มูล (ชาย) อายุ 26 ปี)

จากท่ีได้น�ำเสนอไปข้างต้นน้ัน จะพบว่า “ความเช่ือม่ัน” ท่ีมีต่อระบบ
สาธารณสุขของไทยซึ่งจัดเป็นปัจจัยด้านสังคมวัฒนธรรม นับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งท่ีท�ำให้
ชาวกมั พชู าทงั้ ทอ่ี ยใู่ นบรเิ วณใกลช้ ายแดนไทย–กมั พชู า หรอื ทอี่ ยไู่ กลออกไป ตา่ งตดั สนิ ใจ
เดนิ ทางขา้ มพรมแดนรฐั ชาตเิ พอื่ เขา้ มาใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพทจี่ งั หวดั อบุ ลราชธานแี ละจงั หวดั
ใกล้เคยี งในเขตอีสานใต้

4.3.2.4 ปจั จยั ดา้ นการเมือง
หมายถึงการทร่ี ฐั บาลมียทุ ธศาสตรแ์ ละนโยบายการพฒั นาระบบสขุ ภาพ
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเพ่ิมงบประมาณ การลงทุน
ในโครงสร้างพ้ืนฐานด้านการบริการสุขภาพทุกระดับ ตลอดจนการฝึกอบรมบุคลากร
ด้านสาธารณสุขทุกสาขาวิชาชีพ และการกระจายบุคลากรเหล่าน้ันไปยังพ้ืนท่ีชนบท
และพื้นท่ีขาดแคลน เพ่ือขยายความครอบคลุมไปยังประชากรเป้าหมายกลุ่มต่างๆ
ในประเทศนนั้ นบั วา่ มสี ว่ นเกยี่ วขอ้ งกบั การขา้ มแดนมาใชบ้ รกิ ารดา้ นสขุ ภาพดว้ ยเชน่ กนั
กลา่ วคอื แมว้ า่ ทงั้ กมั พชู าจะมยี ทุ ธศาสตรแ์ ละนโยบายการพฒั นาระบบสขุ ภาพทช่ี ดั เจน
แตน่ โยบายดังกลา่ วจะต้องใช้เมด็ เงนิ มหาศาลและใช้ระยะเวลาในการด�ำเนินการ อกี ทั้ง
สถานบรกิ ารสขุ ภาพและบคุ ลากรทางการแพทยก์ ย็ งั กระจกุ ตวั อยใู่ นเมอื งใหญโ่ ดยเฉพาะ
กรงุ พนมเปญ ฉะนน้ั ยทุ ธศาสตรแ์ ละนโยบายการพฒั นาระบบสขุ ภาพยอ่ มจะยงั ไมส่ ามารถ
ตอบสนองตอ่ ประชากรทกุ กลมุ่ ได้ ดงั คำ� กลา่ วของบอง เมา (Mao) คนขบั รถแทก็ ซปี่ า้ ยด�ำ
วัย 30 ปีเศษ ชาวจังหวัดเสียมเรียบ ท่ีเคยบอกเล่ากับผู้วิจัยระหว่างท่ีรอรับผู้โดยสาร
ท่ีข้ามแดนกลับมารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลรวมแพทย์ (หมออนันต์) จังหวัดสุรินทร์
อยู่บรเิ วณหน้าคาสิโน O-Smach Resort ใกลๆ้ กับทที่ ำ� การดา่ นพรมแดนโอรเ์ สม็ดวา่
“คนกมั พชู าทข่ี า้ มไปรกั ษาทโี่ รงพยาบาลในจงั หวดั สรุ นิ ทรน์ นั้ เพราะทบี่ า้ น
ของเขาโรงพยาบาลมันยังไม่ทันสมัย เคร่ืองไม้เคร่ืองมือแพทย์ก็ไม่ค่อยมี ฉะน้ัน
คนทพี่ อจะมเี งนิ กจ็ ะขา้ มมารกั ษาทเี่ มอื งไทยมากกวา่ จะไปพนมเปญมนั กไ็ กล คา่ ใชจ้ า่ ย

การศกึ ษาสถานการณแ์ ละบรบิ ททเ่ี กย่ี วขอ้ งของพนื้ ทีช่ ายแดนประเทศตน้ ทาง (กัมพูชา และ สปป.ลาว) • 185

พอๆ กบั ไปรกั ษาทไี่ ทย บางทอี าจจะถกู กวา่ ดว้ ย และเครอื่ งไมเ้ ครอ่ื งมอื ของหมอกด็ กี วา่
กมั พชู า พอๆ กบั โรงพยาบาลใหญๆ่ ในกรงุ พนมเปญ แตส่ ะดวกรวดเรว็ กวา่ ” (เมา (Mao),
เจา้ ของรถแทก็ ซบ่ี รเิ วณดา่ นพรมแดนโอรเ์ สมด็ อำ� เภอสำ� โรง จงั หวดั อดุ รมชี ยั , สมั ภาษณ์
19 ธนั วาคม 2561)

ภาพที่ 4.19 โรงพยาบาลกาลเม็ต ซึ่งเปน็ โรงพยาบาลรฐั ท่ที นั สมัยท่สี ุดในกรุงพนมเปญ

ทม่ี า: https://cambodiatravel.com (เข้าถึงเมื่อ 27 สงิ หาคม 2564)

ภาพท่ี 4.20–4.21 บอง เมา (ซ้ายมือ) เจ้าของรถแทก็ ซ่ี (โอร์เสมด็ –เสยี มเรยี บ)
ขณะรับผโู้ ดยสารที่กลับมาจากการไปรกั ษาพยาบาลท่โี รงพยาบาลในจงั หวดั สุรนิ ทร์

บริเวณหน้าคาสโิ นทด่ี ่านพรมแดนโอร์เสมด็ (ขวามือ) โดยอัตราคา่ โดยสาร
ถา้ เปน็ เบาะหน้าคูค่ นขับราคา 500 บาทต่อคน เบาะหลัง 250 บาทตอ่ คน

ท่ีมา: สมหมาย ชนิ นาค (19 ธันวาคม 2561)

186 • บรกิ ารสุขภาพขา้ มแดนในจงั หวดั อุบลราชธานแี ละใกลเ้ คียงในเขตอีสานใต:้

ด้วยเหตุผลดังท่ีได้กล่าวไปข้างต้น เราจึงพบว่ายังมีประชากรบางกลุ่ม
พยายามหาช่องทางในการข้ามแดนไปใช้บริการสุขภาพในประเทศไทย ดังน้ันในแง่นี้
ปัจจัยด้านการเมืองจึงเป็นปัจจัยผลักดัน (push factors) ในปรากฏการณ์การข้ามแดน
เพ่อื รับการบรกิ ารดา้ นสุขภาพเช่นเดียวกัน

4.3.2.5 การเดนิ ทางสะดวก
การเดินทางท่ีสะดวกในการไปเข้ารับการรักษาหรือรับบริการสุขภาพ
ในไทย และความอยใู่ กลก้ บั สถานพยาบาลทส่ี ามารถเขา้ รบั การรกั ษาไดท้ นั ทว่ งทใี นกรณี
ประสบอุบตั ิเหตุ เปน็ ปัจจยั หน่ึงทีท่ �ำใหช้ าวกัมพูชามาใช้บริการในไทย โดยทญ่ี าตผิ ปู้ ว่ ย
ผู้ให้ข้อมูลบอกว่า “เดินทางสะดวก...เน่ืองจากประสบอุบัติเหตุจึงต้องรีบรักษากับ
สถานพยาบาลท่ีอยู่ใกล้ คือข้ามมาประเทศไทย” (ญาติผู้ป่วย (ชาย) อายุ 45 ปี และ
ผใู้ ห้ข้อมูล (ชาย) อายุ 26 ปี)
4.3.3 รปู แบบการขา้ มแดนมาใชบ้ รกิ ารดา้ นสขุ ภาพในจงั หวดั อบุ ลราชธานี
และจังหวดั ใกล้เคียงของชาวกมั พูชา
ในส่วนของรปู แบบการข้ามแดนมาใช้บรกิ ารด้านสุขภาพในจงั หวัดอุบลราชธานี
และจงั หวดั ใกลเ้ คยี งของชาวกมั พชู า พบวา่ สว่ นมากเปน็ การเดนิ ทางมาเอง โดยมที งั้ ญาติ
และเพื่อนเป็นผู้แนะน�ำเพ่ือเข้ารับการรักษา ตลอดจนการเดินทางโดยผ่านไกด์หรือ
ท่เี รยี กกันวา่ “โบรกเกอร์” (Broker) ซึ่งมลี ักษณะการเดินทาง ดังนี้
4.3.3.1 การเดินทางมากบั ครอบครวั และเดินทางมากับญาติ
จากการสัมภาษณ์พบว่า ผู้ป่วยสว่ นใหญ่จะเปน็ การเดินทางมาพร้อมกับ
ครอบครัวซ่ึงรวมถึงการเดินทางมากับมารดาด้วย ขณะท่ีการเดินทางมาพร้อมกับญาติ
พนี่ อ้ ง เปน็ ลกั ษณะการเดนิ ทางทผ่ี ปู้ ว่ ยใชม้ ากรองลงมาจากการเดนิ ทางมากบั ครอบครวั
บางรายมีญาติเป็นผู้แนะน�ำและพามาสถานพยาบาล หรือญาติอยู่ใกล้ชายแดนน�ำพา
มาเขา้ รบั การรกั ษาทจ่ี งั หวดั อบุ ลราชธานแี ละทจ่ี งั หวดั สรุ นิ ทร์ “ญาตกิ นั แนะนำ� และพามา
รกั ษาทโ่ี รงพยาบาลรวมแพทยส์ รุ นิ ทร.์ ..มาเองกบั ญาตทิ อ่ี ยใู่ กลช้ ายแดน มาโรงพยาบาล
อุบลรักษ”์ (ผู้ใหข้ ้อมลู (หญิง) อายุ 31 ปี และผู้นำ� พาผปู้ ่วยไปยังสถานบริการสขุ ภาพ
(หญิง) อายุ 33 ป)ี

การศึกษาสถานการณแ์ ละบรบิ ทที่เกี่ยวข้องของพืน้ ท่ีชายแดนประเทศต้นทาง (กัมพูชา และ สปป.ลาว) • 187

ภาพท่ี 4.22 ครอบครวั จากจงั หวดั เสียมเรยี บจำ� นวน 5 คน
เดินทางขา้ มแดนมาเองเพื่อไปใช้บริการสุขภาพท่ีจังหวัดอบุ ลราชธานี

ท่ีมา: สมหมาย ชินนาค (19 ธันวาคม 2561)

อนึ่ง ในการเดินทางมาเองนั้น บางรายด้วยความเป็นนักศึกษาท่ีต้อง
เดนิ ทางดว้ ยตนเองอยแู่ ลว้ จงึ เขา้ รบั การรกั ษาหรอื ใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพดว้ ยตนเอง “เนอ่ื งจาก
เปน็ นักศึกษาจึงเดินทางไปเอง” (ผใู้ ห้ขอ้ มูล (ชาย) อายุ 26 ปี)

4.3.3.2 การเดนิ ทางโดยผ่านนายหน้าหรือโบรกเกอร์ (Broker)
จากการศกึ ษาพบวา่ ชาวกมั พชู าจำ� นวนหนงึ่ มกี ารตดิ ตอ่ กบั ไกดท์ เ่ี รยี กวา่
broker เพื่อด�ำเนินการน�ำพาข้ามแดนเพ่ือไปเข้าใช้บริการในสถานบริการสุขภาพ
ในประเทศไทย กลุ่มคนเหล่าน้ีมักจะมากันเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะ และเข้ามา
ในลักษณะของนักท่องเท่ียว โดยไกด์หรือ broker จะมีเครือข่ายทั้งในกัมพูชาและ
ในประเทศไทย โดย broker จะไปรอรับที่ด่านพรมแดนเพื่ออ�ำนวยความสะดวก
ในการด�ำเนินการเรื่องเอกสารผ่านแดน ก่อนท่ีจะพาไปยังจุดหมายปลายทางต่อไป
ทงั้ นบี้ างครงั้ กจ็ ะเปน็ การซอื้ แพก็ เกจเพอื่ ขอรบั บรกิ ารตรวจสขุ ภาพ ซงึ่ ราคาของแพก็ เกจ
ก็มีตง้ั แต่หลกั พนั บาทไปจนถึงหลักหมน่ื บาท ท้ังนี้ นกแกว้ ให้ข้อมูลเพ่มิ เตมิ วา่ แพก็ เกจ
ทต่ี นเคยเสนอให้กับลกู ค้าน้ันอยู่ระหวา่ ง 6,800–16,000 บาทตอ่ คน

188 • บรกิ ารสุขภาพขา้ มแดนในจงั หวดั อุบลราชธานีและใกล้เคียงในเขตอีสานใต:้

ภาพท่ี 4.23 นกแกว้ กบั ลกู คา้ ชาวกมั พูชาท่เี ดินทางข้ามแดนมาเอง
เพอื่ ไปใช้บริการสขุ ภาพทจี่ ังหวัดสรุ นิ ทร์

ท่ีมา: นกแกว้ (ได้รับอนญุ าตให้ใชภ้ าพแลว้ )

ส�ำหรับพาหนะในการเดินทางข้ามแดนน้ัน พบว่าการเดินทางข้ามแดน
เพื่อเข้ารับบริการสุขภาพในจังหวัดอุบลราชธานีและใกล้เคียงของชาวกัมพูชานั้น
มีการใช้พาหนะทั้งเป็นรถยนต์ส่วนตัว รถแท็กซ่ี แล้วแต่กรณี ดังกรณีการใช้รถแท็กซ่ี
เดนิ ทางไปจงั หวดั สรุ นิ ทรร์ ะหวา่ งอลั ลองเวง–สรุ นิ ทร์ อตั ราคา่ รถ 3,000 บาท แตถ่ า้ จำ� นวน
10 คนขึ้นไป อตั ราคนละ 500 บาท เทา่ กับอตั ราค่ารถจากอัลลองเวงถงึ อบุ ลราชธานี

ส่วนการใช้เคร่ืองบินน้ันจะเป็นการเดินทางจากพนมเปญถึงสุวรรณภูมิ
หรือดอนเมือง ส่วนมากจะเป็นการไปใช้บริการสุขภาพที่กรุงเทพมหานครมากกว่า
แต่ก็มีบางรายท่อี ยู่พนมเปญก็จะใช้การเดนิ ทางโดยเคร่อื งบนิ “รูจ้ ักกับคนไทย เดินทาง
โดยเครือ่ งบินจากพนมเปญ–สุวรรณภูมิ” (ผใู้ หข้ ้อมูล (หญงิ ) อายุ 59 ปี และผ้ปู ว่ ย (หญิง)
อายุ 16 ป)ี

ภาพที่ 4.24–4.25 ลูกค้าชาวกมั พชู าของนกแกว้ ท่เี ดินทางข้ามแดน
เพ่ือมาใชบ้ รกิ ารสุขภาพในประเทศไทย

ท่มี า: นกแกว้ (ไดร้ ับอนญุ าตใหใ้ ช้ภาพแล้ว)

5

สถานการณ์และบริบท
ท่เี กยี่ วขอ้ งกับการใชบ้ ริการสขุ ภาพ

ขา้ มแดนของ สปป.ลาว

5.1 เกริ่นน�ำ

นอกจากชาวกัมพูชาที่กล่าวถึงไปในบทที่ 4 ไปแล้ว ชาวลาวก็ถือว่าเป็นชาว
ต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่สุดกลุ่มหน่ึงท่ีเข้ารับบริการสุขภาพข้ามแดนในจังหวัดอุบลราชธานี
ฉะนั้นในบทน้ีจะได้น�ำเสนอสถานการณ์และบริบทท่ีเกี่ยวข้องกับบริการด้านสุขภาพ
ข้ามแดนของ สปป.ลาว ซึ่งจัดเป็นปัจจัยผลักดัน (push factors) ของประเทศต้นทาง
ทท่ี ำ� ใหเ้ กดิ ปรากฏการณก์ ารเดนิ ทางเพอื่ รบั บรกิ ารสขุ ภาพขา้ มแดนในจงั หวดั อบุ ลราชธานี
และใกล้เคยี งในเขตอสี านใต้ของประเทศไทยซึ่งเปน็ ประเทศปลายทาง

ท้ังนี้ผลการศึกษาที่จะน�ำเสนอนี้ได้จากการศึกษาเชิงเอกสาร (documentary
research) การท�ำงานภาคสนาม (field work) โดยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก (in-depth
interview) แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ และการสังเกตในภาคสนาม (field
observation) ในสว่ นของการสมั ภาษณน์ น้ั กลมุ่ ตวั อยา่ งผใู้ หข้ อ้ มลู ประกอบดว้ ยเจา้ หนา้ ท่ี
รัฐของไทยท้ังระดับนโยบายและระดับปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการบริการสุขภาพข้ามแดน
ในจงั หวดั อบุ ลราชธานี จำ� นวน 6 ราย คอื รองผวู้ า่ ราชการจงั หวดั นายแพทยส์ าธารณสขุ
จังหวัด นายอ�ำเภอ หัวหน้าด่านป้องกันและควบคุมโรคด่านชายแดน ผู้บริหาร
โรงพยาบาลของรัฐ 1 แห่ง และผู้บริหารโรงพยาบาลของเอกชน 1 แห่ง บุคลากร
ทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคลากรท่ีปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขในพ้ืนท ่ี
ที่ศึกษาของ สปป.ลาว 3 ราย ผู้ป่วยชาวลาว หรือญาติของผู้ป่วย หรือผู้ท่ีเก่ียวข้อง
ท่ีเข้ามาใช้บริการหรือเคยมาใช้บริการสุขภาพในจังหวัดอุบลราชธานีและใกล้เคียง
จำ� นวน 31 ราย

190 • บรกิ ารสขุ ภาพขา้ มแดนในจังหวัดอบุ ลราชธานีและใกลเ้ คียงในเขตอีสานใต้:

เนื้อหาท่ีจะน�ำเสนอในบทนี้จะประกอบไปด้วย (1) สถานการณ์และบริบท
ทางภูมิศาสตร์สังคมของอาณาบริเวณพ้ืนท่ีชายแดนของ สปป.ลาว ท่ีติดกับจังหวัด
อุบลราชธานีและใกล้เคียง (2) สถานการณ์และบริบทด้านสาธารณสุขของ สปป.ลาว
(3) ปัจจัยหรือเง่ือนไขท่ีท�ำให้เกิดการใช้บริการสุขภาพข้ามแดน และ (4) รูปแบบ
การขา้ มแดนเพือ่ มาใช้บรกิ ารสุขภาพ

ดังรายละเอยี ดตอ่ ไปนี้

5.2 สถานการณ์และบรบิ ททางภมู ศิ าสตรข์ องพน้ื ทีช่ ายแดนของ สปป.ลาว

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เป็นประเทศท่ีมีพรมแดน
ตดิ กับประเทศไทยท้งั ทางบกและทางน้ำ� (แมน่ ำ�้ โขง) 11 จังหวัด ตง้ั แต่ทางเหนอื จนถงึ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ พษิ ณโุ ลก
เลย หนองคาย นครพนม มกุ ดาหาร อ�ำนาจเจริญ และอบุ ลราชธานี ท�ำให้การติดต่อ
ระหว่างไทย–ลาวท�ำได้ง่ายและมีหลายช่องทาง ท�ำให้ประชาชนเดินทางไปมาหาสู่กัน
ได้ง่ายมากยิ่งข้ึน ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดอุบลราชธานีน้ันก็มีชายแดนติดกับแขวง
ในเขตลาวใต้ ได้แก่ แขวงสาละวันและแขวงจ�ำปาสัก อีกทั้งอยู่ไม่ไกลจากแขวงเซกอง
กบั แขวงอตั ตะปอื เทา่ ใดนกั จงึ พบวา่ มผี ปู้ ว่ ยชาวลาวจากพนื้ ทด่ี งั กลา่ วขา้ มแดนมาใชบ้ รกิ าร
สขุ ภาพในจงั หวดั อบุ ลราชธานแี ละจังหวัดใกลเ้ คยี งจำ� นวนไม่น้อย

แผนที่ 5.1 แสดงทต่ี งั้ ของ 5 แขวงทางตอนใตข้ องลาว ทเ่ี ป็นพื้นทศ่ี กึ ษา

ทมี่ า: http://www.travelfish.org/map_detail_region/laos/southern_laos/16

การศกึ ษาสถานการณแ์ ละบรบิ ททีเ่ ก่ียวขอ้ งของพ้ืนท่ีชายแดนประเทศต้นทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 191

จากการศึกษาพบวา่ พื้นท่ีชายแดนของ สปป.ลาว ทตี่ ิดกบั จังหวดั อบุ ลราชธานี
คือทางภาคใต้ ซ่ึงงานวิจัยนี้จะเรียกว่า “ดินแดนลาวภาคใต้” ประกอบด้วย 5 แขวง
คือ สะหวันนะเขต สาละวัน จ�ำปาสัก เซกอง และอัตตะปือ อันเป็นพื้นท่ีที่ส่วนใหญ ่
เป็นป่าเขาและท่ีราบสูง และที่ติดกับแม่น�้ำโขง เป็นท่ีอยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ
จ�ำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ท่ีพูดภาษาตระกูลมอญ–เขมร ด้วยสภาพพื้นท ี่
ท่ีเป็นป่าเขา ขณะที่ สปป.ลาว ก็เป็นประเทศท่ีก�ำลังพัฒนา จึงท�ำให้การพัฒนา
ด้านโครงสร้างพ้ืนฐานซึ่งต้องอาศัยเม็ดเงินจ�ำนวนมหาศาลยังไม่สามารถด�ำเนินการ
ได้อย่างเต็มที่ จึงต้องอาศัยการลงทุนและความช่วยเหลือจากต่างประเทศเป็นหลัก
เหตุนี้ องค์การสหประชาชาติและประเทศผู้บริจาคจึงจัดให้ สปป.ลาว เป็นประเทศ
ที่ต้องพ่ึงพาความช่วยเหลอื (aid dependent countries) (Viliam Phraxayavong, 2009)

สถานการณแ์ ละบรบิ ททางภมู ศิ าสตรข์ องพน้ื ทชี่ ายแดนของ สปป.ลาว ทง้ั 5 แขวง
ดงั กล่าว มีรายละเอียดพอสงั เขปดังน้ี

อาณาเขตของทั้ง 5 แขวง มดี ังน้ี
ทิศเหนอื คอื แขวงสะหวนั นะเขต มชี ายแดนจรดกบั แขวงคำ� มว่ น มลี ำ� นำ�้
เซบัง้ ไฟกบั เซน้�ำน้อยเปน็ เสน้ แบง่ เขตแดน
ทิศใต้ คอื แขวงจ�ำปาสกั กบั แขวงอัตตะปือ จรดประเทศกัมพชู า
ทศิ ตะวันออก คือ แขวงสะหวันนะเขต สาละวัน เซกอง และอัตตะปอ
มีชายแดนจรดประเทศเวยี ดนาม
ทิศตะวันตก คือ แขวงสะหวนั นะเขต สาละวนั และจ�ำปาสัก มชี ายแดนจรด
ประเทศไทย มีแม่น�้ำโขงกั้นเขตแดนประเทศท้ังสองช่วง
ระหว่างแขวงสะหวันนะเขต สาละวัน และบางส่วนของ
แขวงจำ� ปาสกั
มพี นื้ ท่ี 65,865 ตารางกโิ ลเมตร คดิ เปน็ ร้อยละ 27.81 ของเนอ้ื ทรี่ วมทั้งประเทศ
ภูมิประเทศของ 5 แขวงลาวใต้ โดยภาพรวมมลี ักษณะดงั ท่ศี ภุ ชัย สิงห์ยะบุศย์
และคณะ (2543 – เรยี กวา่ ลาวตอนลา่ ง) อธบิ ายไว้ คอื มลี กั ษณะภมู ปิ ระเทศทปี่ ระสานกนั
ระหว่างเขตภูเขาที่มีแนวยาวทอดไปตามเส้นแบ่งคั่นระหว่างชายแดนลาว–เวียดนาม
ด้านทิศตะวันออกของพื้นที่ แล้วเทลาดลงมาสู่ท่ีราบลุ่มแม่น�้ำโขงด้านทิศตะวันตก
ซึ่งจรดกับชายแดนประเทศไทย เกิดลักษณะส�ำคญั ของพ้นื ท่ี 3 ลกั ษณะ คอื
• เขตท่ีราบลุม ซึ่งชาวลาวเรียกว่า “ทุ่งเพียง” ท่ีส�ำคัญมี 3 แห่งด้วยกัน คือ
ทร่ี าบลมุ่ สะหวนั นะเขต ทร่ี าบลมุ่ จำ� ปาสกั และทร่ี าบลมุ อตั ตะปอ ซงึ่ มคี วามอดุ มสมบรู ณ์
จดั เปน็ อขู่ า้ วอนู ำ�้ ทส่ี ำ� คญั ของลาวตอนใต้ ดว้ ยมแี มน่ ำ้� โขงและลำ� นำ�้ สาขาหลอ่ เลย้ี งใหเ้ กดิ
ความช่มุ ชืน้ ตลอดปี มภี มู ิอากาศคล้ายภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ของประเทศไทย

192 • บริการสขุ ภาพขา้ มแดนในจงั หวดั อบุ ลราชธานแี ละใกล้เคียงในเขตอสี านใต:้

• เขตทรี่ าบสงู ซงึ่ ลาวเรยี กวา่ “ภเู พยี ง” คอื ทรี่ าบสงู บอลาเวนอยบู รเิ วณใจกลาง
ของลาวตอนล่าง ทีร่ าบสงู แหง่ นมี้ เี นื้อทีก่ ว่า 10,000 ตารางกโิ ลเมตร มศี นู ย์กลางอยใู่ น
เขตเมืองเลางาม แขวงสาละวนั เมอื งปากซองกบั เมืองบาเจยี งจะเลนิ สกุ แขวงจำ� ปาสัก
และเมอื งทา่ แตง แขวงเซกอง ลกั ษณะพเิ ศษของทร่ี าบสงู บอลาเวนคอื มสี ภาพภมู อิ ากาศ
ที่เย็นสบาย และโครงสร้างของดินลาวาภูเขาไฟท�ำให้พ้ืนที่แห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ
ดา้ นสารอาหารพชื และมอี ากาศทเี่ หมาะสม จงึ เปน็ พนื้ ทป่ี ลกู พชื เศรษฐกจิ น�ำรายไดห้ ลกั
เข้าสปู่ ระเทศได้อยา่ งมาก โดยเฉพาะกาแฟ ชา พชื ตระกลู ถวั่ กลว้ ย ฯลฯ

• เขตภูเขา ซึ่งชาวลาวเรียกว่า “ภูดอย” เป็นเขตท่ีอยู่ซีกกลางของพื้นที่ไปยัง
ขอบด้านทิศตะวันออกด้านชายแดนเวียดนามดังกล่าวข้างต้น รวมท้ังบริเวณรอยต่อ
ระหว่างแขวงจ�ำปาสักและอัตตะปอ เขตภูเขาเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผาลาวเทิง และ
มที รพั ยากรสำ� คญั ประเภทปา่ ไม ซึง่ ในอดตี เปน็ รายไดหลักของประเทศ แตป่ จั จุบนั ลาว
มนี โยบายจำ� กดั การใหส้ มั ปทานตดั ไม การควบคมุ การปลกู ขา้ วไร่ และการทำ� ไรเ ลอ่ื นลอย
ไมใ่ ห้รกุ รานและทำ� ลายผนื ปา่ ดว้ ยวธิ ีต่างๆ มุ่งไปส่กู ารพฒั นาพลังงานไฟฟา้ จากสายน้ำ�
และสามารถปลกู พชื เมอื งหนาวในเขตภเู ขาสงู ชายแดนเวยี ดนามทมี่ สี ภาพอากาศหนาวเยน็
รวมท้ังการปศุสัตว์ในเขตดังกลา่ วแทน นอกจากนี้เขตภูเขายงั เป็นแหลง่ ทำ� มาหากนิ ของ
ประชาชน โดยเฉพาะชนเผา่ ลาวเทงิ ทด่ี �ำเนนิ ชวี ติ ผกู พนั กบั สภาพธรรมชาติ และมรี ายได
จากการเก็บเครื่องปา่ ของดงมาจำ� หน่าย อาทิ ชัน ชันโรง น้ำ� มันยาง เปลือกบง ฯลฯ

ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สถานการณแ์ ละบรบิ ททางภมู ศิ าสตรส์ งั คมของพนื้ ท่ี อนั ประกอบ
ด้วยข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์และบริบททางภูมิศาสตร์สังคมของพื้นที่ชายแดนของ
4 แขวงลาวทางตอนใต้ ท่ีติดกับจังหวัดอุบลราชธานีในเขตอีสานใต้ของประเทศไทย
อันประกอบด้วย ลักษณะทางภูมิศาสตร์ สภาพสังคม ประชากร เศรษฐกิจ การเมือง
การปกครอง และการคมนาคม มีรายละเอยี ดพอสงั เขปดงั นี้

แขวงจำ� ปาสกั
ในบรรดาแขวงต่างๆ ของลาวทางตอนใต้ แขวงจ�ำปาสัก นับเป็นแขวงท่ีได้รับ
ความนิยมจากนักท่องเท่ียวมากที่สุดท้ังชาวไทยและชาวต่างชาติ เพราะภูมิศาสตร์
ของแขวงน้ีมีสภาพท่ีหลากหลาย ทั้งป่าใหญ่บนท่ีสูงและที่ราบลุ่มริมน้�ำโขง เป็นแขวง
ที่มแี มน่ ำ�้ โขงไหลผ่านกลางแขวง อยูต่ ิดกับพรมแดนไทยที่ชอ่ งเมก็ จงั หวัดอบุ ลราชธานี
สามารถนำ� รถเขา้ ไปเทย่ี วไดส้ ะดวกหรอื จะใชบ้ รกิ ารแพก็ เกจทวั รกไ็ ด้ เมอื งหลกั ของแขวง
จ�ำปาสักคอื “ปากเซ” อยหู่ า่ งจากช่องเมก็ เพยี ง 42 กิโลเมตร
จำ� ปาสกั ตงั้ อยตู่ อนใตข้ อง สปป.ลาว หา่ งจากนครหลวงเวยี งจนั ทน์ 610 กโิ ลเมตร
มีพ้ืนที่ 15,410 ตารางกิโลเมตร ทิศเหนือ ติดกับแขวงสาละวัน ทิศใต้ ติดกับจังหวัด
สตึงแตรงของกัมพูชา ทิศตะวันออก ติดกับแขวงเซกอง แขวงอัตตะปือ ทิศตะวันตก

การศกึ ษาสถานการณ์และบรบิ ททเี่ ก่ยี วข้องของพนื้ ที่ชายแดนประเทศต้นทาง (กัมพูชา และ สปป.ลาว) • 193

ตดิ กบั จงั หวดั อบุ ลราชธานี เปน็ แขวงเดยี วทางตอนใตข้ อง สปป. ลาว ทมี่ พี น้ื ทบ่ี น 2 ฝง่ั
แม่น�้ำโขง ในอดีตแขวงจ�ำปาสักมีช่ือเรียกว่า เขตแคว้นของนครกาละจ�ำบากนาคะบูริสี
เปน็ ศนู ยร์ วมของศลิ ปวฒั นธรรม การเมอื ง เศรษฐกจิ ของประเทศลาวตอนใต้ แตภ่ ายหลงั
ทฝ่ี ร่ังเศสเจา้ อาณานิคมต้งั เมอื งปากเซข้นึ เป็นเมอื งหลวงในปี พ.ศ. 2448 เมืองจ�ำปาสัก
ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของแขวงจ�ำปาสักจึงถูกลดระดับความส�ำคัญลงไป (สยามรัฐ
ออนไลน์, 2559)

ภมู ปิ ระเทศของแขวงแบง่ ออกเป็น 2 สว่ น ไดแ้ ก่ พน้ื ท่ีราบและพนื้ ท่สี ูง
พื้นที่ราบ (มีความสูงเหนือระดับน้�ำทะเล 80-120 เมตร) มีพ้ืนท่ีประมาณ
1,135,000 เฮกตาร์ คดิ เป็น 74 % ของพน้ื ที่แขวง กินอาณาบรเิ วณเขตเมอื งชะนะสมบนู
เมืองโพนทอง เมอื งปากเซ เมอื งจำ� ปาสกั เมอื งปะทมุ พอน เมืองสุขมุ า เมอื งมนู ละปะ
โมกและเขตเมอื งโขง เหมาะสำ� หรับการปลูกขา้ วและพชื ตระกูลถ่วั
พื้นท่ีสูง (มีความสูงเหนือระดับน้�ำทะเล 400-1,284 เมตร) มีพื้นท่ีประมาณ
406,500 เฮกตาร์ คิดเป็น 26 % ของพื้นที่แขวง ครอบคลุมพ้ืนท่ีที่ราบสูงที่ส�ำคัญ
ของภาคใตข้ องลาวคอื ทร่ี าบสงู บอลาเวน (Bolaven Plateau) ซง่ึ ชาวลาวเรยี กวา “ภเู พยี ง
บอลาเวน” ในเขตเมืองปากซองและบางสวนของเมืองปากเซ เมืองบาเจียงจะเลินสกุ
และเมอื งปะทมุ พอน เหมาะปลกู พชื เพอ่ื การเกษตร เชน่ ผกั กาแฟ ชา เรว่ (หมากแหนง่ )
ไม้เศรษฐกิจ
ตวั เลขขอ้ มลู ดา้ นประชากรแขวงจ�ำปาสกั เมอ่ื ปี 2021 ระบวุ า่ มปี ระชากรจำ� นวน
752,667 คน (เป็นเพศหญิง 380,500 คน) หรือเฉล่ียแล้วเท่ากับ 48.8 คน/1 ตาราง
กิโลเมตร โดยเมืองปากเซเป็นเมืองท่ีมีประชากรมากที่สุดคือ 88,332 คน และ
นับเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นท่ีสุดเป็นอันดับสองรองจากนครหลวงเวียงจันทน์
ที่มี 196,731 คน (Worldometer, n.d.) แบง่ เขตการปกครองออกเปน็ 9 เมือง 1 นคร
ได้แก่ นครปากเซ เมืองบาเจยี งจะเลินสกุ เมืองปะทุมพอน เมืองจ�ำปาสัก เมืองสุขมุ า
เมอื งมูนละปาโมก เมอื งซะนะสมบูน เมอื งปากซอง เมอื งโพนทอง และเมืองโขง มีบา้ น
(หมบู่ า้ น) จำ� นวน 643 บา้ น และมบี า้ นทจ่ี ดั เปน็ บา้ นยากจนจำ� นวน 24 บา้ น คดิ เปน็ 3.73%

194 • บริการสขุ ภาพขา้ มแดนในจงั หวดั อบุ ลราชธานีและใกล้เคยี งในเขตอสี านใต้:

ภาพที่ 5.1 โรงหมอแขวงจำ� ปาสกั

ท่ีมา: https://mapio.net/pic/p-86629850/

สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมของแขวงจ�ำปาสัก แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ ่
ตามลกั ษณะของชนเผา่ และสภาพภมู ปิ ระเทศ กลา่ วคอื ชนเผา่ ลาวลมุ่ มจี ำ� นวนประมาณ
ร้อยละ 80 อาศัยอยู่ในพื้นท่ีราบลุ่มริมฝั่งน้�ำโขง ลุ่มน้�ำเซโดน และบนเกาะดอนกลาง
แมน่ ำ้� โขง มอี าชพี พน้ื ฐานดา้ นการท�ำนา จบั ปลา เลย้ี งสตั ว์ หรอื อยใู นวฒั นธรรมขา้ วปลา
นน่ั เอง ชาวลาวลมุ่ โดยทวั่ ไปอาศยั อยใู่ นพน้ื ทเ่ี มอื งซะนะสมบนู เมอื งโพนทอง เมอื งจำ� ปาสกั
เมอื งสุขมุ า เมอื งมูนละปะโมก เมอื งโขง เมืองปะทุมพอน เมืองปากเซ ส่วนชาวลาวเทงิ
มีอาชีพพื้นฐานคือการท�ำไร ท�ำสวน และอาศัยอยู่บนพื้นท่ีสูง ชนกลุ่มนี้อาศัยอยู่ใน
เขตเมืองบาเจียงจะเลินสุกกับเขตเมืองปากซอง และส่วนใหญ่มีอาชีพท�ำไรกาแฟ เร่ว
พรกิ ไท ละหงุ่ เทศ ทเุ รยี น กล้วย มะละกอ สบั ปะรด และพืชเศรษฐกจิ อื่นๆ

จ�ำปาสกั นบั เปน็ แขวงทมี่ ีความสำ� คญั ทางเศรษฐกจิ ระดับประเทศ อีกทั้งมกี าร
ขยายตวั คอ่ นขา้ งสงู ดงั รายงานของทา่ นวไิ ลวง บดุ ดาคำ� เจา้ แขวงจำ� ปาสกั ตอ่ ทปี่ ระชมุ ใหญ่
คณะผแู้ ทนองคค์ ณะพรรคประชาชนปฏวิ ตั ลิ าวแขวงจ�ำปาสกั ครงั้ ที่ 8 เมอ่ื วนั ที่ 29 ตลุ าคม
2563 ว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (คือปี พ.ศ. 2559–2563) เศรษฐกิจแขวงจ�ำปาสักมีอัตรา
การขยายตัวเฉล่ียร้อยละ 7.36 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน (GDP) มีมูลค่า 86,769.7
พันลา้ นกบี (ประมาณ 2.7 แสนล้านบาท) ประชากรมรี ายไดเ้ ฉลยี่ 27.01 ล้านกีบตอ่ คน
ต่อปี (ประมาณ 84,000 บาท) โดยวิถีการผลิตเปลย่ี นจากแบบธรรมชาติ ก่งึ ธรรมชาติ
และขนาดยอ่ ม ไปสูก่ ารผลิตท่มี ีความหลากหลายเพม่ิ มากขึน้ โดยการรวมกลุ่มการผลติ
ในรปู แบบสหกรณแ์ ละวสิ าหกจิ มกี ารใชว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละวทิ ยาการสมยั ใหมเ่ พอ่ื ยกระดบั

การศึกษาสถานการณ์และบริบทท่ีเกย่ี วข้องของพืน้ ท่ชี ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พชู า และ สปป.ลาว) • 195

การผลติ สนิ ค้าให้ประสทิ ธิภาพและมีคุณภาพเพิ่มมากยงิ่ ขึน้ (สถานกงสุลใหญ่ ณ แขวง
สะหวันนะเขต, 2564) ทั้งน้ยี งั เปน็ 1 ใน 4 แขวงของ สปป.ลาว ท่ีเจา้ แขวงมอี ำ� นาจอนมุ ตั ิ
โครงการลงทนุ ไดเ้ อง หากมลู คา่ โครงการไมเ่ กนิ 5 ลา้ นดอลลารส์ หรฐั และใชพ้ น้ื ทไี่ มเ่ กนิ
100 เฮกตาร์

จำ� ปาสกั ยงั เปน็ แขวงทมี่ ศี กั ยภาพทจ่ี ะพฒั นาทางดา้ นเศรษฐกจิ เนอ่ื งจากมคี วาม
อุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและภูมิอากาศ ซ่ึงเป็นปัจจัยส�ำคัญท่ีท�ำให้แขวง
สามารถผลิตพืชผลทางเกษตรเพียงพอส�ำหรับการบริโภคและการส่งออก เช่น ข้าว
เมลด็ กาแฟ ผกั ผลไม้ และพชื ไรต่ า่ งๆ โดยเฉพาะเมอื งปากซอง ซง่ึ เปน็ เมอื งทต่ี ง้ั อยบู่ รเิ วณ
ที่ราบสูง มีสภาพอากาศเย็นตลอดท้ังปีและมีฝนตกชุก เป็นพื้นท่ีที่เหมาะสมส�ำหรับ
การเพาะปลกู นอกจากน้นั แขวงมแี หลง่ ทอ่ งเทยี่ วทางธรรมชาติที่นา่ สนใจ เช่น น�้ำตก
หล่ผี ี คอนพะเพ็ง และปราสาทหนิ วดั พู เปน็ ต้น

ทางด้านการคมนาคมน้ัน ด้วยลักษณะที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของแขวงท่ีเป็น
จุดเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมทางบกระหว่างไทย–ลาว–กัมพูชา ตามเส้นทาง
อุบลราชธานี–จ�ำปาสัก–อัตตะปือ–สตึงแตรง (กัมพูชา) และจุดเช่ือมต่อไทย–ลาว–
เวยี ดนาม โดยเชอ่ื มตอ่ ไทยกบั ทะเลจนี ใต้ ตามเสน้ ทางอบุ ลราชธาน–ี จำ� ปาสกั –ดานงั –เว้
หรือเช่ือมต่อไทยไปยังปากแม่น้�ำโขง ตามเส้นทางอุบลราชธานี–จ�ำปาสัก–โฮจิมินห์–
คุชิ–วุงเตา (เวียดนาม) ดังน้ัน ผู้ที่จะเดินทางเข้า–ออกจากจังหวัดอุบลราชธานีไปยัง
ตอนใต้ของ สปป.ลาว จะต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรท่ีด่านช่องเม็ก–
วงั เตา่ รวมทง้ั สนิ ค้าน�ำเข้า–สง่ ออกระหว่างไทย–ลาว

นอกจากนี้ จ�ำปาสักยังเป็นจุดเช่ือมเครือข่ายคมนาคมทางบกระหว่างประเทศ
ใหก้ บั แขวงอน่ื ๆ ภายในประเทศ โดยเฉพาะแขวงทไี่ มม่ ดี า่ นพรมแดน ไดแ้ ก่ แขวงสาละวนั
(เส้นทางหมายเลข 20) แขวงเซกอง (เสน้ ทางหมายเลข 23) และแขวงอัตตะปือ (เสน้ ทาง
หมายเลข 23)

ส�ำหรับเส้นทางหมายเลข 10 จากปากเซ–ช่องเม็ก ระยะทาง 45 กิโลเมตร
เปน็ เสน้ ทางทสี่ ำ� คญั ทชี่ าวลาวในแขวงภาคใตใ้ ชเ้ ดนิ ทางขา้ มแดนจาก สปป.ลาว เขา้ มายงั
จงั หวดั อบุ ลราชธานี ทง้ั เพอ่ื มาทอ่ งเทยี่ ว มาใชแ้ รงงาน และการรบั บรกิ ารสขุ ภาพ รวมทง้ั
เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าจากประเทศไทยไปยงั ลาวใต้

แขวงสาละวนั
สาละวัน เป็นหนึ่งในส่ีแขวงทางภาคใต้ของ สปป.ลาว มีอาณาเขต ทิศเหนือ
ติดกบั แขวงสะหวันนะเขต ทิศใต้ ติดกบั แขวงจำ� ปาสกั ทิศตะวนั ออก ตดิ กบั แขวงเซกอง
และจังหวัดเถื่อเทียนเว้ของประเทศเวียดนาม ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดอุบลราชธานี
ของไทย แบง่ เขตการปกครองออกเป็น 8 เมือง ไดแ้ ก่ สาละวัน ละคอนเพ็ง คงเซโดน

196 • บรกิ ารสขุ ภาพข้ามแดนในจงั หวัดอุบลราชธานแี ละใกลเ้ คียงในเขตอสี านใต:้

เหลา่ งาม ตมุ้ ลาน ตะโอย้ สะมว่ ย วาปี มพี นื้ ทที่ ง้ั หมด 10,691 ตารางกโิ ลเมตร ภมู ปิ ระเทศ
แบง่ ออกเปน็ 3 สว่ น ไดแ้ ก่ (เรื่องเดียวกัน)

ภาพท่ี 5.2 รถโดยสารที่วงิ่ รับสง่ ผโู้ ดยสารจากเมืองคงถึงด่านปากตะพาน
เมืองละคอนเพง็ แขวงสาละวนั

ทมี่ า: สมหมาย ชินนาค (2560)

เขตภูเขา (เมืองตะโอ้ยและสะม่วย) คิดเป็นร้อยละ 40 ของเน้ือท่ีแขวง พื้นท่ี
คอ่ ยๆ ลาดชนั จึงเหมาะสมแกก่ ารปลกู ไมอ้ ตุ สาหกรรม ไม้ผล กาแฟ และเลีย้ งสัตวใ์ หญ่

เขตท่ีสูง (เมืองเหล่างาม) คิดเป็นร้อยละ 20 ของพ้ืนท่ีแขวง เหมาะส�ำหรับ
การปลูกกาแฟ เร่ว (หมากแหนง่ ) กลว้ ย ถ่ัวดนิ ถวั่ เหลอื ง มะเด่อื ผกั เมืองหนาว ฝ้าย
และไมผ้ ล

เขตที่ราบ (เมืองสาละวัน เมืองวาปี เมืองตุ้มลาน เมืองคงเซโดน และเมือง
ละคอนเพง็ ) คดิ เป็นรอ้ ยละ 40 ของพน้ื ทแ่ี ขวง เป็นทุง่ กว้างอดุ มสมบรู ณ์ เหมาะแกก่ าร
ปลกู ข้าว พืชตระกูลถ่วั

ตัวเลขข้อมูลด้านประชากร เมื่อปี 2020 ระบุว่า แขวงสาละวัน มีประชากร
จำ� นวน 442,228 คน หรือเฉล่ยี แลว้ เท่ากบั 41.36 คน/1 ตารางกิโลเมตร เปน็ เพศชาย
222,895 คน เพศหญิง 219,333 คน ทั้งนี้ประชากรท่ีอาศัยอยู่ในเขตเมืองมีเพียง
44,786 คนเท่านั้น ทั้งนปี้ ระชากรในแขวงนี้ เปน็ กลมุ่ ชาติพนั ธ์ุท่ีหลากหลายถึง 12 กล่มุ
ด้วยกนั คอื เผ่าลาวลมุ่ เผา่ กะตาง เผา่ สว่ ย เผา่ ละเวน เผา่ โอ้ย เผ่าผูไ้ ท เผ่าอนิ เผ่าแงะ
เผา่ ตง้ เผา่ กะตู้ เผา่ กะโน และเผา่ อาลกั โดยชนเผา่ ลาวลมุ่ เปน็ ประชากรสว่ นใหญ่ คดิ เปน็
รอ้ ยละ 55.78

การศึกษาสถานการณแ์ ละบรบิ ทที่เกย่ี วขอ้ งของพน้ื ที่ชายแดนประเทศตน้ ทาง (กมั พชู า และ สปป.ลาว) • 197

ภาพที่ 5.3 โรงหมอแขวงสาละวัน

ทม่ี า: Phatsany Phouvanh (มถิ ุนายน 2564)

เศรษฐกิจหลักท่ีส�ำคัญของแขวงสาละวันนั้นคือการท�ำไฟฟ้าในแขวง และ
นอกจากนี้ยังส่งกระแสไฟฟ้าเพื่อจำ� หน่ายไปยังประเทศไทยอีกด้วยซ่ึงเป็นรายได้ท่ีเข้าสู่
แขวงสาละวนั และเศรษฐกจิ ทร่ี องลงมาจากการทำ� ไฟฟา้ คอื การทำ� เกษตรกรรม สามารถ
ปลกู ขา้ วไดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพ มเี ขตทร่ี าบสงู ทมี่ พี น้ื ดนิ ภเู ขาไฟอดุ มสมบรู ณ์ สามารถปลกู พชื
เศรษฐกจิ ไดห้ ลากหลายชนดิ เช่น กาแฟ หมากแหน่ง ถ่วั ชนิดต่างๆ ป่าน ปอ พริก ยาสบู
และไม้กินผล เช่น ทุเรียน กล้วย น้อยหน่า เป็นต้น และสามารถจ�ำหน่ายน�ำรายได ้
จ�ำนวนมากเข้าสู่ สปป.ลาว นอกจากนี้แขวงสาละวันยังมีพ้ืนที่เป็นป่าและทุ่งหญ้า
ส�ำหรับเล้ียงสัตว์ใหญ่ เช่น ควาย วัว หลายแห่ง เช่น ทุ่งหนองบัว เมืองสาละวัน
สำ� หรบั แมน่ ำ�้ ลำ� ธารทหี่ ลอ่ เลยี้ งวถิ ชี วี ติ และระบบเกษตรกรรมของแขวงสาละวนั นอกจาก
แมน่ ำ้� โขงทไี่ หลกนั้ เขตแดนระหวา่ งอาณาจกั รไทยกบั สาละวนั ระยะทาง 90 กโิ ลเมตรแลว้
ยงั มลี ำ� น้ำ� สายส�ำคัญ คอื ล�ำน้�ำเซโดน เซละนอง เซโปน เซมะนา เซเสด็ ฯลฯ ประชาชน
โดยรวมของแขวงสาละวันต่างก็มีทักษะการประกอบอาชีพจากสภาพภูมิประเทศและ
ทรัพยากรธรรมชาตใิ นเขตพื้นทีข่ องตนเอง เชน่ ชนเผ่าลาวเทงิ ทีเ่ มอื งเหล่างาม มีทักษะ
พน้ื ฐานและความชำ� นาญในการปลูกกาแฟ พริกไทย กล้วย และพืชอุตสาหกรรมอืน่ ๆ
ในขณะทป่ี ระชาชนในเขตพนื้ ทร่ี าบเมอื งสาละวนั คงเซโดน วาปี ละคอนเพง็ และตมุ้ ลาน
มที กั ษะพนื้ ฐานในการปลกู ขา้ วนาปี ขา้ วนาแซง สำ� หรบั ประชาชนในเขตภเู ขาซงึ่ เปน็ ชนเผา่

198 • บรกิ ารสขุ ภาพข้ามแดนในจงั หวัดอุบลราชธานแี ละใกล้เคียงในเขตอีสานใต้:

ลาวเทิงกลุ่มต่างๆ ที่มีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ก�ำลังได้รับการพัฒนาให้สามารถเล้ียงสัตว์
และปลูกพืชเศรษฐกิจในขอบเขตทรัพยากรธรรมชาติด้านพื้นที่ท�ำกินเพื่อเอ้ืออ�ำนวย
ความสะดวก (ศภุ ชยั สงิ หย์ ะบุศย์ และคณะ, 2545)

สำ� หรบั ขอ้ มูลพื้นฐานทางด้านสาธารณสุขนนั้ แขวงสาละวันมีโรงพยาบาลแขวง
1 แหง่ (70 เตยี ง) โรงพยาบาลเมอื ง 7 แหง่ (105 เตยี ง) สถานอี นามยั 43 แหง่ (122 เตยี ง)
คลนิ ิกเอกชน 8 แหง่ ร้านขายยา 68 แห่ง

ในอดีต การคมนาคมติดต่อกับโลกภายนอกค่อนข้างล�ำบาก แต่ในปัจจุบัน
ถนนหนทางไดร้ บั การพฒั นามากขนึ้ ทำ� ใหก้ ารเดนิ ทางคอ่ นขา้ งสะดวกสบาย เชน่ เสน้ ทาง
หมายเลข 20 ไปแขวงจ�ำปาสัก เส้นทางหมายเลข 15 ไปประเทศเวียดนาม (จังหวัด
เถ่ือเทียนเว้) โดยมีความยาวในแขวงสาละวัน 147 กิโลเมตร (จากแขวงสาละวันถึงเว้
เวยี ดนาม 265 กิโลเมตร) ทำ� ให้แขวงสาละวนั สามารถเดนิ ทางไปยงั เวียดนามได้ 2 ทาง
คือ ทางจังหวัดกวางจิและทางจังหวัดเถ่ือเทียนเว้ และเส้นทางระหว่างอุบลราชธานี–
สาละวัน–เว้ ประมาณ 500 กิโลเมตร

นอกจากนี้ยังมีด่านปากตะพาน เมืองละคอนเพ็ง ตรงกันข้ามกับฝั่งไทยคือ
บา้ นปากแซง อำ� เภอนาตาล จังหวดั อบุ ลราชธานี ซึง่ เป็นจุดทช่ี าวลาวในอาณาบรเิ วณ
พื้นที่ดังกล่าวนิยมใช้เป็นจุดข้ามแดนเข้าไปใช้บริการสุขภาพในเขตจังหวัดอุบลราชธานี

แขวงเซกอง
ต้ังอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ สปป.ลาว อยู่ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์
ไปทางใต้ 815 กิโลเมตร ไม่มีพรมแดนติดกับไทย เป็นแขวงท่ีแยกออกมาจากแขวง
สาละวัน เม่ือปี พ.ศ. 2526 ทิศเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับแขวงสาละวัน
ทศิ ตะวันตกเฉยี งใต้ ติดแขวงจำ� ปาสกั ทศิ ใต้ ตดิ แขวงอัตตะปือ ทศิ ตะวนั ออก ติดจงั หวดั
เถอ่ื เทยี นเว้ จงั หวดั กวางนมั จงั หวัดกอนตมู ประเทศเวียดนาม
ตัวเลขขอ้ มูลด้านประชากร เม่ือปี 2020 ระบวุ ่า แขวงเซกองมีประชากรจำ� นวน
129,398 คน หรือเฉล่ียแลว้ เทา่ กบั 16.88 คนตอ่ 1 ตารางกิโลเมตร ซึง่ สว่ นใหญเ่ ป็น
บรรดาชนเผา่ ตา่ งๆ 13 ชนเผา่ มชี าวเผา่ กะตมู้ ากทสี่ ดุ โดยอาศยั อยอู่ ยา่ งกระจดั กระจาย
ไปท่ัวแขวง แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 เมือง ได้แก่ เมืองละมาม เมืองท่าแตง
เมืองดากจงึ และเมอื งกะลืม
พื้นที่ทั้งหมดของแขวงเซกองมีจ�ำนวน 7,665 ตารางกิโลเมตร โดย 95%
เป็นภูเขาและที่ราบสูง เขตภูเขาอยู่ทางทิศตะวันออกแล้วค่อยๆ ราบไปหาที่ราบต�่ำ
จำ� ปาสักทางทศิ ตะวันตก แบง่ พ้นื ทีแ่ ขวงดังน้ี


Click to View FlipBook Version