การศกึ ษาสถานการณ์และบริบทท่ีเกย่ี วข้องของพน้ื ทีช่ ายแดนประเทศตน้ ทาง (กัมพูชา และ สปป.ลาว) • 99
องค์ประกอบของด่านสากล มีการท�ำงานในรูปแบบการบูรณาการภาคี
เครอื ขา่ ยรว่ มกบั ทมี สหวชิ าชพี ประกอบดว้ ย ตรวจคนเขา้ เมอื ง ศลุ กากร ดา่ นตรวจพชื
ด่านตรวจสตั ว์ ด่านควบคุมโรค และดา่ นอาหารและยา และจากข้อมูลการผ่านเข้าออก
ช่องทางที่ด่านพรมแดนช่องเม็กในช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 พบว่ามีผู้เดินทางขาเข้า
ประมาณ 49,544 คนต่อเดือน เฉลี่ยวันละ 1,628 คน ยานพาหนะขาเข้าประมาณ
2,939 คันต่อเดือน เฉล่ียวันละ 96 คัน รถยนต์ส่วนบุคคลขาเข้า 1,014 คันต่อเดือน
เฉล่ียวันละ 34 คัน รถยนต์โดยสาร (ท่องเที่ยว) ในพ้ืนที่ประจ�ำประมาณ 15 บริษัท
และโดยสารระหวา่ งประเทศ 2 เท่ียวตอ่ วนั วันละ 4 คัน (ไป–กลบั )
ในสว่ นของจดุ ผา่ นแดนถาวรบา้ นปากแซง หรอื ดา่ นถาวรบา้ นปากแซงนนั้
ต้ังอยู่ที่บ้านปากแซง อ�ำเภอนาตาล อยู่ห่างจากตัวจังหวัดตามเส้นทางหลวงหมายเลข
2050 ประมาณ 100 กโิ ลเมตร จดุ ผา่ นแดนแหง่ นีเ้ ป็นพรมแดนระหว่างไทย–สปป.ลาว
มีแม่น�้ำโขงก้ันระหว่างเขตแดน ตรงกันข้ามกับบ้านตาดสะพาน เมืองละคอนเพ็ง
แขวงสาละวัน สปป.ลาว การคมนาคมและขนส่งสินค้าใช้ทางเรือและแพขนานยนต ์
สินค้าส่งออกส�ำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรการเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค วัสดุก่อสร้าง
เหล็กเส้น ปุ๋ยเคมี สินค้าน�ำเข้าส�ำคัญ ได้แก่ ไม้แปรรูป และสินค้ากสิกรรม เป็นต้น
นอกจากนี้ ชาวลาวมกั จะขา้ มมาทำ� บญุ ทว่ี ดั พระโต บา้ นปากแซง เพราะเปน็ ทปี่ ระดษิ ฐาน
พระพุทธรูปเก่าแก่ท่ีท้ังชาวไทยและชาวลาวสองฝั่งโขงให้ความเคารพนับถือ คือ
พระเจา้ ใหญ่องคต์ อื้
ภาพท่ี 3.3 ปา้ ยสดุ เขตแดนสยาม
วดั พระโต บ้านปากแซง อำ� เภอนาตาล
จงั หวดั อุบลราชธานี
ทมี่ า: สมหมาย ชินนาค (18 มนี าคม 2564)
100 • บริการสขุ ภาพขา้ มแดนในจังหวัดอบุ ลราชธานแี ละใกล้เคียงในเขตอสี านใต้:
ภาพท่ี 3.4 แมค่ า้ ขายปลาและเตา่ ท่ีวดั พระโต บา้ นปากแซง
นั่งรอลกู คา้ ทีม่ าไหว้พระทจ่ี ะซื้อปลาและเต่าปล่อยลงในแมน่ ้ำ� โขงเพอื่ สะเดาะเคราะห์
สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19
ทำ� ให้เธอขาดรายได้ไปมาก เพราะชาวลาวไมส่ ามารถขา้ มแดนมาได้
ทีม่ า: สมหมาย ชินนาค (18 มีนาคม 2564)
บุคลากรทีป่ ฏิบตั งิ านในด่านถาวรบ้านปากแซง ประกอบด้วย หน่วยงาน
ของตำ� รวจตรวจคนเขา้ เมอื ง ดา่ นศลุ กากร ฝา่ ยปกครอง (อส.) ไมม่ ดี า่ นควบคมุ โรคตดิ ตอ่
จะมีการจัดตง้ั ด่านตรวจคดั กรองโรคเม่ือมงี านหรือเทศกาลทมี่ กี ารเคลอ่ื นยา้ ยประชากร
จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังประเทศไทย โดยมีคนผ่านเข้าออกจากลาวมาไทย
เฉลยี่ 60–80 คนตอ่ วนั และจากฝง่ั ประเทศไทยขา้ มไป สปป.ลาว เฉลีย่ 50 คนตอ่ วัน
มีการขนส่งสินค้ามูลค่าปีละมากกว่า 200 ล้านบาท ท�ำให้มีความเจริญมากข้ึน และ
เกิดการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วทำ� ให้เกิดความเสี่ยงในด้านต่างๆ อาทิเช่น เทศกาล
บญุ วดั บา้ นปากแซง ซงึ่ จะมกี ารขา้ มแดนทางเรอื โดยสารขา้ มฟากมาทดี่ า่ นถาวรเพอ่ื ผา่ น
กระบวนการตรวจคนเขา้ เมอื ง และมอี กี จำ� นวนไมน่ อ้ ยทลี่ กั ลอบเขา้ เมอื งแบบผดิ กฎหมาย
ตามพ้ืนที่แนวชายแดนของฝั่งล�ำน้�ำโขง เมื่อมีการแจ้งน�ำเข้าสินค้า เจ้าหน้าท่ีจาก
ด่านศุลกากร ด่านตรวจพืช ด่านตรวจสัตว์ และด่านอาหารและยา จากด่านช่องเม็ก
จะมาตรวจเป็นรอบๆ ไป รวมท้ังการเข้ามารับบริการทางการแพทย์ยังสถานบริการ
ท้ังของหน่วยงานภาครัฐ และคลินิกเอกชนในพื้นท่ีอ�ำเภอนาตาลและอ�ำเภอใกล้เคียง
นอกจากน้ยี งั มีจดุ ผ่อนปรนทางการคา้ อกี 5 แห่ง ได้แก่
(1) จุดผ่อนปรนทางการค้าที่หลังที่ว่าการอำ� เภอหลังเก่าอ�ำเภอเขมราฐ
คกู่ ับจดุ ผอ่ นปรนบา้ นท่าประชมุ เมืองสองคอน แขวงสะหวนั นะเขต เป็นด่านผอ่ นปรน
โดยมแี มน่ ำ�้ โขงกัน้ จะมกี ารเปดิ ด่านเพือ่ แลกเปล่ยี นสินค้าทุกวัน เวลา 08.00–16.00 น.
ในพ้ืนท่ีดังกล่าวยังไม่มีระบบการคัดกรองโรคให้กับประชาชนท่ีข้ามแดนมาจากประเทศ
การศกึ ษาสถานการณ์และบริบทท่เี ก่ียวขอ้ งของพน้ื ที่ชายแดนประเทศต้นทาง (กัมพชู า และ สปป.ลาว) • 101
เพ่ือนบ้านเพ่ือจับจ่ายและซ้ือสินค้าอุปโภคบริโภคในวันที่มีตลาดนัดนำ� ลงเรือกลับไปยัง
บ้านตนเอง รวมทั้งการข้ามมารักษาตัวในสถานบริการสาธารณสุขทั้งของรัฐและคลินิก
เอกชน อีกทงั้ มชี อ่ งทางธรรมชาตทิ เ่ี ป็นด่านประเพณีอกี 16 แห่ง จงึ ไมเ่ ป็นการงา่ ยใน
การคัดกรองและเฝ้าระวงั โรคข้ามแดน เพราะสามารถข้ามลำ� นำ้� โขงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รวมท้ังมีตลาดนัดขายสินค้าตามหมู่บ้าน โดยส่วนใหญ่คนลาวที่ข้ามมาจะเอาสินค้า
ทางการเกษตรมาขาย ปัญหาที่พบคือไม่มีระบบคัดกรอง ระบบการจัดเก็บข้อมูล และ
ไม่มีฐานข้อมูลโรคติดต่อที่ข้ามมารักษาจากประเทศเพ่ือนบ้าน เป็นมิตรภาพบนความ
ทา้ ทายในการเฝา้ ระวงั โรคตามแนวชายแดนอยา่ งแทจ้ รงิ ชมุ ชนคดิ วา่ นค่ี อื ปญั หาหรอื ไม่
ถ้าคดิ ว่าเปน็ แล้วจะจดั การอย่างไร
แผนที่ 3.5 แสดงจุดผ่อนปรนทางการคา้ ทัง้ 5 แหง่ ในจงั หวดั อุบลราชธานี
ท่ีมา: เวบ็ ไซตต์ รวจคนเขา้ เมอื งอบุ ลราชธานี
เขา้ ถงึ ใน http://www.immigration.go.th (17 พฤษภาคม 2564)
(2) จุดผ่อนปรนบ้านสองคอน ต�ำบลสองคอน อ�ำเภอโพธ์ิไทร เปน็ จดุ
ผ่อนปรนด้านการค้า ชุมชนชายแดนเมืองคู่ขนานกับบ้านหนองแสง ดอนหมากเด่ือ
เมืองละคอนเพ็ง เป็นจุดผ่อนปรนโดยมีแม่น�้ำโขงก้ัน การข้ามไปมาหาสู่กันในกรณ ี
เจ็บป่วยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมาเอง หรือมีญาติที่เป็นคนไทยพามารับบริการรักษาโรค
ท่ีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบลสองคอน ซึ่งมีท้ังผู้ป่วยโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ
เชน่ โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหติ สงู การขา้ มมาฝากครรภ์ และรบั วคั ซนี เมอื่ รบั บรกิ าร
เสร็จญาติจะพาไปส่งกลับท่ีท่าเรือจุดผ่อนปรน ปัญหาที่พบคือท�ำอย่างไรจะสามารถ
ส่งข้อมูลผู้มารับบริการกลับไปให้กับทางโรงหมอน้อยเมืองคู่ขนานได้ ไม่รู้ว่าจะส่งไป
วธิ ีไหน และสง่ ให้ใคร เพ่อื ผูป้ ว่ ยจะได้รบั การดูแลท่ีตอ่ เนอื่ ง ปญั หาด้านสาธารณสขุ ท่ีพบ
102 • บริการสขุ ภาพข้ามแดนในจังหวดั อบุ ลราชธานแี ละใกล้เคียงในเขตอีสานใต:้
ไม่แตกต่างจากจุดผ่อนปรนที่เขมราฐ ที่นี่มีจุดเด่นคือผู้ป่วยจะเอาส�ำมะโนประชากร
มายื่นแสดงในการท�ำบัตรเข้าตรวจทุกครั้ง และ รพ.สต. และโรงพยาบาลโพธ์ิไทร
มแี ผนการดำ� เนนิ งานในการพสิ จู นแ์ ละยนื ยนั ตวั ตนผมู้ ารบั บรกิ ารทข่ี า้ มมาจากฝง่ั ประเทศ
เพอ่ื นบา้ นทกุ ราย โดยจะใชโ้ ปรแกรมการสแกนนว้ิ มอื (finger print) ในการยนื ยนั ตวั บคุ คล
(3) จุดผ่อนปรนทางการคา้ บ้านคนั ทา่ เกวียน ตำ� บลนาโพธิ์กลาง อำ� เภอ
โขงเจยี ม อยตู่ รงขา้ มกบั เมอื งคงเซโดน แขวงสาละวนั จะเปน็ จดุ ผอ่ นปรนเพอ่ื แลกเปลย่ี น
สินค้าทางการเกษตรในวันที่มีตลาดนัดริมโขง ในขณะเดียวกันก็มีการซ้ือสินค้าอุปโภค
บริโภคกลบั ไป บ้านคนั ท่าเกวยี นเปรียบเสมอื นระเบยี งเศรษฐกิจของตำ� บลนาโพธ์ิกลาง
ของอำ� เภอโขงเจียม กับบา้ นคง เมืองคงเซโดน แขวงสาละวนั เดมิ ทีกอ่ นมีค�ำสั่งการปดิ
จุดผ่อนปรนท่ัวจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันท่ี 20 มีนาคม 2563 มูลค่าการค้าขาย
ระหว่างประเทศมีมูลค่า 50–100 ล้านบาทต่อเดือน ตลาดนัดท่ีจุดผ่อนปรนจะเปิด
ทุกวันพฤหัสบดีและวันเสาร์ โดยสินค้าส่วนใหญ่จากประเทศเพื่อนบ้านจะเป็นสินค้า
ทางการเกษตรประเภทพชื ไร่ เชน่ ขา้ ว มนั สำ� ปะหลงั อาหารปา่ อาหารปลาจากแมน่ ำ้� โขง
สนิ คา้ ทที่ าง สปป.ลาว นำ� กลบั ประเทศ เปน็ พวกสนิ คา้ ประเภทอปุ โภคบรโิ ภค สนิ คา้ กอ่ สรา้ ง
ซึ่งน�ำเงินเข้าประเทศไม่น้อย ในส่วนข้อมูลการเข้ารับบริการด้านสุขภาพท่ีโรงพยาบาล
ส่งเสริมสุขภาพต�ำบลบ้านคันท่าเกวียน ส่วนใหญ่ประชาชนที่ข้ามมารับบริการในส่วน
การฝากครรภ์ วางแผนครอบครวั และพาเดก็ มาในวนั ทเี่ ปดิ ใหบ้ รกิ าร ขอ้ มลู ดา้ นโรคระบาด
ท่ีพบบ่อย ส่วนใหญ่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ จะพบในกลุ่มเด็กเล็ก กรณีในผู้ใหญ ่
จะโรคท่ีพบส่วนใหญ่เป็นโรคเร้ือรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง บางคร้ัง
มีโรคอุจจาระระบาดในบางช่วง ผู้น�ำชุมชนและภาคีเครือข่ายมีความสนใจในกลุ่มซ่ึงจะ
พาข้ามฟากโดยเรือรับจ้างข้ามฟากระหว่างประเทศ ซึ่งในความเป็นไปได้เจ้าของเรือ
สามารถเปน็ อาสาสมัครจิตอาสาในการช่วยเฝ้าระวงั และคัดกรองโรคเบือ้ งต้นได้
(4) จดุ ผอ่ นปรนชอ่ งตาอู เปน็ ชอ่ งทางทไี่ มเ่ ลก็ ไมใ่ หญ่ ถนนลาดยางมะตอย
ทตี่ ดั ผา่ นเนนิ เขาในพนื้ ทบ่ี า้ นหนองแสง ตำ� บลโพนงาม อำ� เภอบณุ ฑรกิ มงุ่ สจู่ ดุ ผอ่ นปรน
ช่องตาอู ท่ีติดกับบ้านเหียง เมืองสุขุมา แขวงจ�ำปาสัก เป็นพ้ืนที่ท่ีไม่มีจุดคัดกรอง
โรคติดตอ่ ขา้ มแดน หากเกดิ โรคระบาดในพน้ื ท่ี หนว่ ย SRRT ระดับตำ� บล อำ� เภอ และ
จังหวัด จะลงไปด�ำเนินการสอบสวนโรคเพื่อควบคุมโรคในพ้นื ที่ อยา่ งไรกต็ าม ชอ่ งตาอู
เป็นอีกจุดท่ีมีการข้ามแดนของประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากจะข้ามมา
เพอ่ื ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ยังถอื โอกาสพาบตุ รหลานมารับวคั ซนี ที่ รพ.สต.หนองแสง
บางรายข้ามไปรับถึงโรงพยาบาลบุณฑริก นอกจากวัคซีนแล้วยังข้ามมารับบริการ
ตรวจรักษาโรคทั่วไป รวมทั้งท่ีป่วยมีอาการหนัก จะมีการส่งต่อจาก รพ.สต.หนองแสง
การศกึ ษาสถานการณแ์ ละบริบทที่เกี่ยวข้องของพื้นทีช่ ายแดนประเทศตน้ ทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 103
ไปยังโรงพยาบาลบุณฑริก ตามระบบส่งต่อผู้ป่วยระหว่างประเทศซึ่งได้มีการก�ำหนด
รว่ มกนั กบั โรงหมอเมอื งสุขมุ า
(5) จดุ ผอ่ นปรนชอ่ งอานมา้ ในพน้ื ทตี่ ำ� บลโซง อำ� เภอนำ้� ยนื อยบู่ นสนั เขา
พนมดงรกั ตดิ กบั บา้ นสะเดยี งกวาง อำ� เภอจอมกระสาน จงั หวดั พระวหิ าร ราชอาณาจกั ร
กมั พชู า เปน็ จดุ ผอ่ นปรนทางการคา้ ทม่ี คี วามละเอยี ดออ่ น นอกจากประเดน็ การแลกเปลย่ี น
สินค้าทางการเกษตรกับการข้ามมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านค้า Big C และ
เทสโกโ้ ลตสั ในตัวอ�ำเภอนำ�้ ยืนกลับไป ในด้านความมน่ั คงรว่ ม ในอดตี ปี 2527–2531
ชอ่ งอานมา้ เคยเปน็ ยทุ ธภมู ใิ นการสรู้ บระหวา่ งทหารไทยและทหารกมั พชู า หลายปตี อ่ มา
สงครามสงบ เปลี่ยนจากสนามรบเป็นสนามรักที่กอบกู้เศรษฐกิจของเมืองคู่ขนาน
ทั้งสองฝงั่ อยา่ งไรก็ตาม ยทุ ธศาสตรค์ วามม่ันคงในพน้ื ทชี่ ่องอานมา้ ยงั ดำ� เนนิ การต่อไป
นอกจากนยี้ งั มดี า่ นประเพณแี ละชอ่ งทางธรรมชาตทิ มี่ กี ารลอ่ งเรอื ขา้ มฝง่ั
มีขึ้นที่ท่าเรือตามช่องทางธรรมชาติในหมู่บ้านท่ีมีบ้านญาติอยู่ฝั่งไทยอีกหลายพื้นท่ี
โดยมหี มบู่ า้ นตามแนวชายแดน ดงั น้ี อำ� เภอเขมราฐ 14 หมบู่ า้ น อำ� เภอนาตาล 4 หมบู่ า้ น
อำ� เภอโพธ์ิไทร 4 หมูบ่ า้ น อ�ำเภอศรีเมอื งใหม่ 2 หมู่บา้ น อ�ำเภอโขงเจียม 6 หมู่บา้ น
อ�ำเภอสิรินธร 5 หมบู่ า้ น อ�ำเภอบณุ ฑริก 19 หมูบ่ ้าน อำ� เภอน้ำ� ขนุ่ 1 หมูบ่ า้ น อำ� เภอ
น�้ำยืน 8 หมู่บ้าน ระยะทางพ้ืนท่ีชายแดนของจังหวัดอุบลราชธานีติดกับประเทศ
เพื่อนบ้านเป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร ซึ่งแต่ละพ้ืนท่ีมีความแตกต่างกันทางด้าน
ภูมศิ าสตร์ สังคม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และภาษา
3.2.1.2 สถานการณ์และบริบทด้านการบริการสุขภาพในจังหวัด
อุบลราชธานี
จังหวัดอุบลราชธานี เป็นจังหวัดใหญ่ในเขตอีสานใต้ ซ่ึงมีสถานบริการ
สุขภาพทั้งของรัฐและเอกชนจ�ำนวนหลายแห่ง ประกอบกับการเป็นจังหวัดชายแดน
ทอ่ี าณาเขตตดิ ตอ่ กบั สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และราชอาณาจกั ร
กมั พูชา
ส�ำหรับสถานบริการสุขภาพในจังหวัดอุบลราชธานีท้ังสถานพยาบาล
ของรัฐ สถานพยาบาลเอกชน และคลินิกเอกชนน้ัน มีจ�ำนวนนับร้อยแห่ง กล่าวคือ
เฉพาะโรงพยาบาลของรัฐน้ัน นอกเหนือจากโรงพยาบาลระดับอ�ำเภอท่ีเรียกว่า
โรงพยาบาลชุมชนแล้ว ยังมีโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้งของรัฐและเอกชนท่ีตั้งอยู่ใน
ตวั เมอื งอบุ ลราชธานแี ละอำ� เภอวารนิ ชำ� ราบทอ่ี ยตู่ ดิ กนั ทม่ี ผี ปู้ ว่ ยขา้ มแดนจาก สปป.ลาว
และกัมพูชา มาเข้ารับบริการถึง 11 แห่งด้วยกัน โดยแยกเป็นโรงพยาบาลรัฐ 6 แห่ง
และเอกชน 5 แห่ง ดงั ตารางที่ 3.1
104 • บริการสขุ ภาพขา้ มแดนในจงั หวัดอุบลราชธานแี ละใกล้เคยี งในเขตอีสานใต:้
ตารางท่ี 3.1 โรงพยาบาลของรฐั และเอกชนทต่ี ง้ั อยใู่ นตวั เมอื งอบุ ลราชธานแี ละอ�ำเภอ
วารนิ ชำ� ราบ
ลำ� ดบั ที่ ชื่อสถานพยาบาล ประเภทของสถานพยาบาล หมายเหตุ
รฐั เอกชน
1 โรงพยาบาลสรรพสทิ ธปิ ระสงค์ โรงพยาบาลศูนย์
2 โรงพยาบาลคา่ ยสรรพสทิ ธปิ ระสงค์ โรงพยาบาลทหาร
3 โรงพยาบาลมะเรง็ อุบลราชธานี โรงพยาบาลเฉพาะทาง
4 โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธ์ิ โรงพยาบาลเฉพาะทาง
5 โรงพยาบาล 50 พรรษา
มหาวชิราลงกรณ
6 โรงพยาบาลวารินช�ำราบ
7 โรงพยาบาลอุบลรักษธ์ นบุรี
8 โรงพยาบาลราชเวช โรงพยาบาลเฉพาะทาง
9 โรงพยาบาลร่มเกลา้
10 โรงพยาบาลพริน้ ซ์
11 โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา
ท่มี า: จากการส�ำรวจของคณะผ้วู ิจยั (พฤษภาคม 2564)
ดงั นนั้ จงั หวดั อบุ ลราชธานจี งึ เปน็ จดุ หมายทเี่ ปน็ ดา่ นหนา้ ในการเขา้ เมอื ง
ทั้งที่เข้าเมืองถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมายของประชาชนจากประเทศเพ่ือนบ้าน
นอกจากจะตอ้ งการมาหางานท�ำ มาท่องเท่ียว เย่ียมญาติ หรอื มาจับจ่ายเลอื กซอ้ื สนิ ค้า
ตามห้างสรรพสินค้าเพื่อน�ำกลับไปยังประเทศของตน ยังมีอีกส่วนที่เข้ามาด้วยอาการ
ป่วยไข้ ที่เข้ามาโดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะคือเพื่อเข้ารับการตรวจรักษาจากโรงพยาบาล
ของรัฐ ของเอกชน รวมทงั้ คลินิกเอกชนในจังหวดั อุบลราชธานี ท้งั ตามอำ� เภอชายแดน
และในตัวเมืองอุบลราชธานีและเมืองวารินชำ� ราบ ดังตัวเลขรายละเอียดข้อมูลการรับ
บริการของผู้ป่วยต่างชาติในสถานบริการของรัฐในจังหวัดอุบลราชธานี ในช่วงระหว่าง
พ.ศ. 2558–2562 ในตารางที่ 3.2
การศึกษาสถานการณแ์ ละบริบททเ่ี กย่ี วขอ้ งของพ้นื ท่ีชายแดนประเทศตน้ ทาง (กมั พชู า และ สปป.ลาว) • 105
ตารางท่ี 3.2 ขอ้ มลู การรบั บรกิ ารของผปู้ ว่ ยตา่ งชาติ ในจงั หวดั อบุ ลราชธานี พ.ศ. 2558–
2562
พ.ศ. สญั ชาติ (คน) OPD IPD
เมียนมา กมั พชู า ลาว เวียดนาม อน่ื ๆ คน ครั้ง คน คร้งั
2558 443 444 16,156 83 2,104 19,129 37,421 4,252 4,861
2559 305 1,099 13,383 71 1,559 16,375 32,863 3,503 4,038
2560 487 2,333 15,116 75 2,003 19,993 40,351 2,152 2,479
2561 672 4,734 15,173 61 1,939 22,556 43,251 1,982 2,295
2562 679 10,474 15,112 74 2,653 28,971 51,740 2,280 2,650
ทมี่ า: จากฐานข้อมลู HDC
จากขอ้ มลู ในตารางท่ี 3.2 จะเหน็ ไดว้ า่ จำ� นวนผปู้ ว่ ยทจ่ี ำ� แนกตามสญั ชาติ
ทเี่ ขา้ รบั การรกั ษาทีส่ ถานบริการของรฐั ในพื้นทจี่ งั หวดั อุบลราชธานี ทงั้ แผนกผู้ปว่ ยนอก
และแผนกผปู้ ว่ ยใน มีจ�ำนวนเพ่ิมขึน้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งโดยเฉพาะอยา่ งย่ิงผ้ปู ว่ ยชาวกมั พูชา
ในปี 2562 เพ่ิมขึ้นเกือบ 3 เท่าของปี 2561 ในส่วนผู้ป่วยชาวลาว ข้อมูลสามป ี
ย้อนหลังไม่ค่อยแตกต่างกัน ชาวเมียนมาและเวียดนามข้อมูลเพ่ิมขึ้นไม่มากเหมือน
ชาวกัมพชู า1
ส�ำหรับในส่วนของพ้ืนท่ีชายแดน คืออ�ำเภอที่มีชายแดนติดต่อกับ
สปป.ลาว และกัมพูชาน้ัน พบว่ามผี ูป้ ่วยทเ่ี ป็นชาวตา่ งชาตจิ ากทัง้ สองประเทศข้ามแดน
เข้ามารับบริการด้านสุขภาพในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐท่ีตั้งอยู่ในพ้ืนที่ชายแดน
จังหวัดอุบลราชธานี ทั้งในระดับโรงพยาบาลชุมชน (โรงพยาบาลประจ�ำอ�ำเภอ)
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับต�ำบล (รพ.สต.) และสถานบริการสาธารณสุขชุมชน
(สสช.) ดังรายช่ือสถานบริการสาธารณสุขที่ต้ังอยู่ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี
ในตารางท่ี 3.3 ดงั นี้
1 ข้อมลู ส่วนหน่ึงจากนกั วจิ ยั ในทีมวิจัยของโครงการ คอื คณุ พนมวรรณ์ สว่างแก้ว พยาบาลวชิ าชีพ
ช�ำนาญการ ส�ำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี เผยแพร่ใน พนมวรรณ์ สว่างแก้ว และ
ณัฐกฤตย์ เสงี่ยมศักดิ์, “มิตรภาพกับความท้าทายในการบริหารจัดการจุดผ่านแดนท่ีมีบริบท
หลากหลายระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับประเทศเพื่อนบ้าน (จุดผ่านแดนสากล/จุดผ่านแดน
ถาวร/จุดผ่อนปรน/ด่านประเพณี/ช่องทางธรรมชาติ)”, บรรณาธิการโดย พิษณุรักษ์ กันทวี,
จากประสบการณ์สู่งานเขียน ร้อยเรียงเร่ืองเล่าชายแดนไทย–ลาว–เมียนมา (เชียงใหม่: วนิดา
การพมิ พ,์ 2563), 247–258.
106 • บริการสุขภาพข้ามแดนในจงั หวดั อบุ ลราชธานีและใกลเ้ คยี งในเขตอสี านใต:้
ตารางท่ี 3.3 รายช่ือสถานบริการสาธารณสุขของรัฐที่ต้ังอยู่ในพ้ืนที่ชายแดน จังหวัด
อบุ ลราชธานี
ลำ� ดับที่ อ�ำเภอ จ�ำนวน/ประเภทสถานบรกิ าร รายช่ือสถานบรกิ ารฯ
สาธารณสขุ
โรงพยาบาล รพ.สต. สสช.
1 เขมราฐ รพ.เขมราฐ 10 1 รพ.สต.นาแวง
2 โพธ์ิไทร (60 เตียง) 10
รพ.โพธ์ิไทร 3 รพ.สต.สำ� โรง
(30 เตยี ง) รพ.สต.สองคอน ต�ำบลสองคอน
รพ.สต.ปากห้วยมว่ ง ต�ำบลเหล่างาม
3 ศรเี มืองใหม่ รพ.ศรีเมืองใหม่ 16
(60 เตยี ง) 2 สสช.โหงน่ ขาม
สสช.ดงนา
4 โขงเจยี ม รพ.โขงเจยี ม 10
(30 เตียง) 5 รพ.สต.คนั ทา่ เกวยี น
สสช.ปากลา
5 สิรนิ ธร รพ.สิรนิ ธร 7 รพ.สต.หว้ ยไผ่
6 บุณฑริก (30เตียง) รพ.สต.บ้านหนองผือนอ้ ย
รพ.สต.บา้ นเวินบึก
รพ.บณุ ฑริก 16
(30เตยี ง) 4 รพ.สต.นิคม
รพ.สต.บ้านช่องเมก็
7 นาจะหลวย รพ.นาจะหลวย 9 รพ.สต.บ้านแก่งศรีโคตร
(30เตยี ง) รพ.สต.บ้านหัวสะพาน
8 น�ำ้ ยนื รพ.นำ�้ ยนื 12 5 รพ.สต.บา้ นหนองแสง
(30 เตยี ง) รพ.สต.บา้ นหนองเมก็
รพ.สต.บา้ นบก
9 นาตาล รพ.นาตาล 6 รพ.สต.บา้ นหนองเรอื
10 นำ้� ข่นุ (10 เตยี ง) 6 รพ.สต.บ้านขอนแปน้
รพ.น�ำ้ ขุ่น
(10 เตยี ง) 1 รพ.สต.บ้านแก้งเรอื ง
8 รพ.สต.บ้านค้อ
รพ.สต.บา้ นตาโม
รพ.สต.บา้ นแขด้ ่อน
รพ.สต.บา้ นโนนสูง
รพ.สต.บา้ นกดุ เชยี งมุน
รพ.สต.บา้ นหนองคก–ตายอย
สสช.แปดอุ้ม
สสช.จันลา
2 รพ.สต.นาตาล
รพ.สต.บ้านปากแซง
1 รพ.สต.บ้านโนนยาง
ที่มา: ข้อมลู จากสำ� นักงานสาธารณสุขจงั หวัดอบุ ลราชธานี (พฤษภาคม 2564)
การศึกษาสถานการณ์และบริบทท่เี กยี่ วข้องของพืน้ ท่ชี ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 107
ทั้งนี้เฉพาะในส่วนของสถานบริการสาธารณสุขของเอกชนในจังหวัด
อุบลราชธานี โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนน้ัน ก็พบว่าก่อนที่จะมีการระบาดของ
เชอ้ื ไวรสั โคโรนา หรอื โควดิ -19 นนั้ มจี ำ� นวนผปู้ ว่ ยทเี่ ปน็ ชาวตา่ งชาตจิ ากประเทศเพอื่ นบา้ น
อย่าง สปป.ลาว และกัมพูชา ที่ข้ามแดนมาใช้บริการมากกว่าสถานบริการสาธารณสุข
ของรัฐค่อนข้างมาก ดังค�ำกล่าวของคุณจ๊ิบ (นามสมมติ) หัวหน้าแผนกการตลาดของ
โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่แห่งหน่ึงของจังหวัดอุบลราชธานี ที่ว่า ก่อนสถานการณ์
โควิด-19 ในปี พ.ศ. 2562 นั้น มีผู้ป่วยชาวต่างชาติมาใช้บริการที่โรงพยาบาลของตน
เป็นจ�ำนวนถึง 30,000 คน แต่หลังสถานการณ์โควิด-19 (ก่อนการประกาศห้ามมีการ
ขา้ มแดน) นน้ั มยี อดผปู้ ว่ ยลดลงเหลือประมาณ 6,000 คนเทา่ นัน้ 2
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า หากประมาณการตัวเลขของผู้ป่วยที่เป็น
ชาวตา่ งชาตจิ ากประเทศเพ่อื นบา้ นอยา่ ง สปป.ลาว และกมั พูชา ที่ขา้ มแดนมาใชบ้ ริการ
ในสถานบริการสาธารณสุขของเอกชนในจังหวัดอุบลราชธานี โดยอาศัยจากตัวเลข
ของผู้ป่วยที่มาใช้บริการสุขภาพในโรงพยาบาลที่คุณจิ๊บ (นามสมมติ) หัวหน้าแผนก
การตลาดของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานีแล้ว
คาดวา่ ก่อนสถานการณโ์ ควดิ -19 ในปี พ.ศ. 2562 นน้ั น่าจะมผี ปู้ ว่ ยชาวตา่ งชาตมิ าใช้
บรกิ ารทโี่ รงพยาบาลของเอกชนในจงั หวดั อบุ ลราชธานี ประมาณ 30,000–40,000 คน
เลยทเี ดียว
3.2.2 ศรีสะเกษ: ประตูสปู่ ลายทางการบรกิ ารสขุ ภาพในเขตอีสานใต้
3.2.2.1 บริบทดา้ นภมู ิศาสตร์
จงั หวดั ศรสี ะเกษ ตง้ั อยใู่ นเขตภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนลา่ งทเี่ รยี กวา่
“อสี านใต”้ ห่างจากกรุงเทพมหานครโดยทางรถยนต์ประมาณ 571 กโิ ลเมตร ทางรถไฟ
ประมาณ 551 กโิ ลเมตร มอี าณาเขตตดิ ตอ่ กบั จงั หวดั ใกลเ้ คยี ง ดงั นี้ ทศิ เหนอื เขตอ�ำเภอ
ราษีไศล อ�ำเภอศิลาลาด และอ�ำเภอยางชุมน้อย ติดต่อกับจังหวัดร้อยเอ็ด ทิศใต ้
เขตอ�ำเภอขขุ นั ธ์ อ�ำเภอขนุ หาญ และอ�ำเภอกันทรลกั ษ์ ติดต่อกับราชอาณาจักรกัมพูชา
ทศิ ตะวนั ออก เขตอ�ำเภอกันทรลักษ์ อ�ำเภอกันทรารมย์ และอำ� เภอโนนคณู ตดิ ตอ่ กบั
จังหวัดอุบลราชธานี ทิศตะวันตก เขตอ�ำเภออุทุมพรพิสัย อ�ำเภอปรางค์กู่ อ�ำเภอ
หว้ ยทบั ทนั และอ�ำเภอบึงบูรพ์ ตดิ ตอ่ กบั จงั หวดั สุรินทร์
2 คณุ จบิ๊ (นามสมมต)ิ , หวั หนา้ แผนกการตลาดของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญแ่ หง่ หนง่ึ ของจงั หวดั
อบุ ลราชธาน,ี เวทปี ระชมุ รายงานความกา้ วหนา้ ชดุ โครงการวจิ ยั การเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพของจงั หวดั
อุบลราชธานี เป็นเมืองต้นแบบด้านบริการสุขภาพข้ามแดนในเขตอีสานใต้ วันที่ 25 กุมภาพันธ์
2564 ณ โรงแรมยูเพลส มหาวทิ ยาลัยอุบลราชธานี
108 • บรกิ ารสุขภาพขา้ มแดนในจงั หวัดอบุ ลราชธานแี ละใกลเ้ คียงในเขตอีสานใต้:
จังหวัดศรีสะเกษมีพื้นที่ประมาณ 8,839.90 ตารางกิโลเมตร หรือ
5,524,987.5 ไร่ ลักษณะภูมิประเทศน้ันพ้ืนที่ส่วนใหญ่เป็นท่ีราบสูงสลับทุ่งนา มีภูเขา
และป่าไม้อยู่ทางตอนใต้ และพื้นที่จะค่อยๆ ลาดลงสู่ทิศเหนือและทิศตะวันตก
ซง่ึ เตม็ ไปดว้ ยหว้ ย คลอง หนอง บงึ ตา่ งๆ ตลอดระยะทางทล่ี ำ� นำ้� มลู และลำ� นำ�้ ชไี หลผา่ น
สภาพดินร้อยละ 60 เป็นลักษณะดินร่วนปนทรายท่ีมีการระบายน�้ำดี แต่มีความ
อุดมสมบรู ณ์ต�่ำ
“ศรสี ะเกษ” นบั เปน็ จงั หวดั ชายแดนจงั หวดั หนง่ึ ในเขตอสี านใต้ ทมี่ เี รอ่ื งราว
ทางประวัติศาสตร์ อารยธรรม และศิลปวัฒนธรรมท่ีน่าสนใจ โดยเฉพาะอารยธรรม
ขอมโบราณ จนได้ช่ือว่าเป็นดินแดนแห่งปราสาทขอมโบราณ เพราะมีปราสาทอยู ่
จ�ำนวนมาก เชน่ ปราสาทสระก�ำแพงใหญ่ ปราสาทสระกำ� แพงน้อย ปรางคก์ ู่ ปราสาท
โดนตวล ปราสาทเยอ ปราสาททามจาน (ปราสาทบ้านสมอ) เป็นต้น เท่าท่ีส�ำรวจ
พบขณะนี้ ยังคงมีร่องรอยและขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว 16 แห่ง จนได้ช่ือว่า
เป็นนครแห่งปราสาท
จังหวัดศรีสะเกษมีอาณาเขตติดกับราชอาณาจักรกัมพูชา ระยะทาง
ประมาณ 127 กิโลเมตร (อ�ำเภอกนั ทรลกั ษ์ 76 กโิ ลเมตร อ�ำเภอขุนหาญ 18 กโิ ลเมตร
และอ�ำเภอภูสิงห์ 33 กิโลเมตร) มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดต่างๆ ของประเทศ
กัมพูชา โดยมีแนวเทือกเขาพนมดงรักเป็นเส้นเขตแดนทางธรรมชาติ ดังนี้ อ�ำเภอ
กันทรลักษ์ ที่ตั้งผามออีแดง เขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร มีอาณาเขตติดกับ
อ�ำเภอจอมกระสาน จังหวัดพระวิหาร อ�ำเภอขุนหาญ มีอาณาเขตติดกับอ�ำเภอ
ตรอเปียงประสาท จังหวัดอุดรมีชัย อ�ำเภอภูสิงห์ท่ีตั้งจุดผ่านแดนถาวรช่องสะง�ำ
มอี าณาเขตตดิ กบั อำ� เภออลั ลองเวง จังหวดั อุดรมีชยั
การศึกษาสถานการณ์และบรบิ ทท่เี กี่ยวขอ้ งของพ้นื ทช่ี ายแดนประเทศตน้ ทาง (กัมพูชา และ สปป.ลาว) • 109
แผนที่ 3.6 แสดงที่ตงั้ และอาณาเขตของจงั หวัดศรีสะเกษ
ทมี่ า: ส�ำนกั งานจังหวดั ศรีสะเกษ
เขา้ ถงึ ใน https://sisaket.todsorb.pro/about/map/ (17 พฤษภาคม 2564)
110 • บรกิ ารสุขภาพขา้ มแดนในจังหวดั อบุ ลราชธานีและใกลเ้ คยี งในเขตอสี านใต:้
ก่อนที่จะมีความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชากรณีพิพาทเกี่ยวกับ
ปราสาทเขาพระวหิ ารนนั้ มชี อ่ งทางทส่ี ามารถสญั จรไปมาระหวา่ งประเทศไทยกบั ประเทศ
กัมพูชา 16 ช่องทาง คอื ช่องโพย ชอ่ งตาเกียรติ ช่องกยุ มะดึก ช่องคำ� ผกา ช่องกระบอื
ช่องตาเซ็ม ช่องก�ำเปรี๊ยบ ช่องจักแจร็ง ช่องกกเนย์ ช่องเชิงพระพุทธ ช่องโดนตวล
ช่องแปดหลัก ช่องตาเฒ่า ช่องพระพะลัย ช่องบันไดหัก (ผามออีแดง) และช่องสะง�ำ
ซ่งึ มีชอ่ งทางทีป่ ระกาศเปน็ จุดผา่ นแดนและจุดผอ่ นปรน 2 ช่องทาง คอื (1) จุดผอ่ นปรน
เขาพระวิหาร ชายแดนอ�ำเภอกนั ทรลกั ษ์ และ (2) จุดผ่านแดนถาวรชอ่ งสะงำ� ชายแดน
อ�ำเภอภูสิงห์ อย่างไรก็ตาม ช่องทางส�ำคัญที่ใช้ในการติดต่อก็คือจุดผ่านแดนถาวร
ช่องสะง�ำ ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนถาวรของประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณช่องสะง�ำ ต�ำบล
ไพรพัฒนา อ�ำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ เช่ือมต่อกับช่องจวม อ�ำเภออัลลองเวง
จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา จัดตั้งข้ึนตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 29 กรกฎาคม
พ.ศ. 2546
ภาพที่ 3.5 จุดผ่านแดนถาวรชอ่ งสะง�ำ ในชว่ งการระบาดของโควดิ -19
อนุญาตให้เฉพาะรถรับ–ส่งสินค้าผ่านเขา้ ออก
ท่ีมา: สมหมาย ชินนาค (22 มีนาคม 2564)
การศกึ ษาสถานการณ์และบริบทท่ีเกย่ี วขอ้ งของพ้ืนท่ชี ายแดนประเทศตน้ ทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 111
ภาพท่ี 3.6 เจา้ ของรถบรรทกุ สินค้าชาวกมั พูชา
ทขี่ า้ มมารับสินคา้ ทีต่ ลาดเมืองใหมช่ ่องสะง�ำ ขณะรอขา้ มแดนกลบั ไปฝัง่ กัมพูชา
ทมี่ า: สมหมาย ชนิ นาค (22 มนี าคม 2564)
ทง้ั นี้ เส้นทางช่องสะง�ำเปน็ เส้นทางท่ีสามารถเดนิ ทางผ่านไปยังนครวดั –
นครธม ด้วยระยะทางเพียง 135 กโิ ลเมตร นับเปน็ เส้นทางท่สี ามารถเดินทางได้สะดวก
และเดนิ ทางไปกลบั ไดใ้ นวนั เดยี ว อกี ทง้ั จงั หวดั ศรสี ะเกษเปน็ จงั หวดั ชายแดนไทย–กมั พชู า
ที่มีการเดินทางท่ีใกล้กับ 3 จังหวัดของกัมพูชา คือ จังหวัดเสียมราฐ จังหวัดอุดรมีชัย
และจังหวัดพระวหิ าร อกี ด้วย
3.2.2.2 สถานการณแ์ ละบรบิ ทดา้ นบรกิ ารสขุ ภาพในจงั หวดั ศรสี ะเกษ
จังหวัดศรีสะเกษ เป็นจังหวัดหนึ่งท่ีมีสถานบริการสุขภาพท้ังของรัฐ
และเอกชนจ�ำนวนหลายแห่ง ประกอบกับการเป็นจังหวัดชายแดนท่ีอาณาเขตติดต่อ
กับราชอาณาจักรกัมพูชา จึงมีชาวกัมพูชาเข้ามาใช้บริการด้วย แม้ว่าจะไม่มากนัก
เมอื่ เปรยี บเทยี บกับจงั หวัดใกลเ้ คยี งอย่างอบุ ลราชธานหี รอื สรุ ินทรก์ ็ตาม
ดังน้ัน ศรีสะเกษจึงเปรียบเป็น “เมืองหน้าด่าน” ของผู้ท่ีเดินทาง
ข้ามแดนเพื่อมารับบริการสุขภาพในจังหวัดในเขตอีสานใต้ จึงไม่เป็นที่แปลกใจที่เรา
จะพบเห็นป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลรัฐและเอกชน (ส่วนใหญ่เป็น
เอกชน) ทั้งภาษาไทยและภาษาเขมร เชิญชวนให้ชาวกัมพูชาเข้าไปใช้บริการสุขภาพ
ในสถานพยาบาลเหล่าน้ันติดอยู่บริเวณหน้าด่าน โดยแทบทั้งหมดเป็นโรงพยาบาล
ที่ตั้งอยทู่ ่จี ังหวดั อบุ ลราชธานี
112 • บรกิ ารสุขภาพขา้ มแดนในจงั หวดั อุบลราชธานีและใกล้เคียงในเขตอีสานใต:้
ภาพท่ี 3.7 ปา้ ยโฆษณาประชาสัมพันธข์ องโรงพยาบาลรฐั และเอกชน
ในจังหวดั อุบลราชธานี บริเวณดา่ นช่องสะง�ำ
ที่มา: สมหมาย ชินนาค (23 มีนาคม 2564)
สถานบริการสุขภาพในจังหวัดศรีสะเกษท้ังสถานพยาบาลของรัฐ
สถานพยาบาลเอกชน และคลินิกเอกชนนั้น มีจ�ำนวนนับสิบแห่ง กล่าวคือ เฉพาะ
โรงพยาบาลของรัฐน้ัน นอกเหนือจากโรงพยาบาลระดับอ�ำเภอท่ีเรียกว่าโรงพยาบาล
ชุมชนแล้ว ยังมีโรงพยาบาลขนาดใหญ่ท้ังของรัฐ 1 แห่ง และเอกชนอีก 2 แห่ง คือ
โรงพยาบาลศรีสะเกษ ซ่ึงเป็นโรงพยาบาลของรัฐขนาดใหญ่ (โรงพยาบาลศูนย์) ขนาด
500 เตียง ให้บริการเก่ียวกับการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกัน ฟื้นฟู และรักษาโรคให้กับ
ประชาชนในจังหวัดศรสี ะเกษและใกลเ้ คยี ง กอ่ ตงั้ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491
การศึกษาสถานการณแ์ ละบริบทที่เก่ียวข้องของพนื้ ท่ชี ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 113
ส�ำหรับโรงพยาบาลเอกชนที่ต้ังอยู่ในตัวเมืองศรีสะเกษอีก 2 แห่ง คือ
โรงพยาบาลประชารักษ์เวชการ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกของจังหวัด ขนาด
44 เตยี ง บรหิ ารงานโดย บรษิ ทั ศรสี ะเกษเวชการ จำ� กดั และแหง่ สดุ ทา้ ยกค็ อื โรงพยาบาล
พริ้นซ์ ศรีสะเกษ ซ่ึงเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งท่ี 2 ของจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็น
โรงพยาบาลในเครือพร้ินซิเพิล เฮลท์แคร์ ที่ปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือท้ังหมด
11 สาขาทวั่ ประเทศ กอ่ ตง้ั เมอ่ื เดอื นเมษายน 2564 ทผี่ า่ นมา ถอื เปน็ โรงพยาบาลในเครอื
พร้นิ ซเิ พลิ เฮลท์แคร์ แหง่ ที่ 2 ในเขตอีสานใต้ (ถดั จากจังหวดั อบุ ลราชธาน)ี โดยเป็นการ
ร่วมทุนระหว่างพริ้นซ์ กับ บริษัท ศรีสะเกษเมดิเทค จ�ำกัด เป็นโรงพยาบาลขนาด
59 เตียง ทั้งนี้กลุ่มลกู คา้ กลมุ่ หนึง่ ท่ีโรงพยาบาลแหง่ นีว้ างเป้าหมายไวก้ ็คือชาวกมั พูชา
ภาพท่ี 3.8 โรงพยาบาลประชารกั ษเ์ วชการ
ซ่ึงเปน็ โรงพยาบาลเอกชนแหง่ แรก
ของจังหวัดศรีสะเกษ
ที่มา: ภาพจากเฟซบุ๊กของโรงพยาบาล
(27 สิงหาคม 2564)
ภาพที่ 3.9 โรงพยาบาลพรน้ิ ซ์ ศรสี ะเกษ
ซึง่ เปน็ โรงพยาบาลเอกชนแห่งที่ 2 ของจังหวัดศรีสะเกษ
ทีม่ า: ภาพจากเฟซบุก๊ ของโรงพยาบาล (27 สิงหาคม 2564)
114 • บรกิ ารสขุ ภาพข้ามแดนในจังหวัดอบุ ลราชธานแี ละใกล้เคยี งในเขตอสี านใต้:
ส�ำหรับตัวเลขของผู้ป่วยชาวต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ป่วยชาวกัมพูชา
ท่ีข้ามแดนมาใช้บริการในสถานบริการรักษาพยาบาลของรัฐในจังหวัดศรีสะเกษในช่วง
ระหวา่ งปี 2561–2564 นน้ั ข้อมูลจากสมั ภาษณน์ ายแพทยส์ าธารณสขุ จังหวัดศรสี ะเกษ
มีดังน3้ี
ปี พ.ศ. 2561 มผี ปู้ ว่ ยชาวกมั พชู าทขี่ า้ มแดนมาใชบ้ รกิ ารจำ� นวน 1,327 คน
ค่าใช้จ่ายรวมท้ังผู้ป่วยนอกผู้ป่วยในเป็นเงินจ�ำนวน 9,200,000 บาท เรียกเก็บได้
3,600,000 บาท ท่เี หลือเปน็ งบประมาณทอี่ นเุ คราะห์ช่วยจา่ ยจ�ำนวน 5,600,000 บาท
ปี พ.ศ. 2562 มผี ปู้ ว่ ยชาวกมั พชู าทข่ี า้ มแดนมาใชบ้ รกิ ารจำ� นวน 1,034 คน
เปน็ งบประมาณทอี่ นุเคราะหช์ ว่ ยจา่ ยจ�ำนวน 3,000,000 บาท
ปี พ.ศ. 2563 มีผูป้ ่วยชาวกัมพชู าท่ขี ้ามแดนมาใช้บริการจ�ำนวน 857 คน
เปน็ งบประมาณท่อี นเุ คราะหช์ ว่ ยจ่ายจำ� นวน 2,500,000 บาท
ปี พ.ศ. 2564 มีผู้ป่วยชาวกัมพชู าท่ขี ้ามแดนมาใช้บริการจ�ำนวน 215 คน
เปน็ งบประมาณทอ่ี นุเคราะหช์ ่วยจา่ ยจำ� นวน 1,000,000 บาท
จากตัวเลขสถิติของผู้ป่วยข้ามแดนชาวกัมพูชาท่ีเข้ามาใช้บริการใน
สถานบริการรกั ษาพยาบาลของรัฐในจังหวัดศรสี ะเกษในชว่ งระหว่างปี 2561–2564 น้นั
จะเห็นได้ว่ามีสถิติลดลงค่อนข้างมาก ทั้งนี้ก็สืบเนื่องมาจากปัจจัยท่ีส�ำคัญอย่างน้อย
2 ปัจจยั คอื ประการแรก เปน็ เพราะการเดนิ ทางจากชายแดน (ช่องสะง�ำ) ไปยงั จังหวัด
ในเขตอีสานใต้ท่ีเป็นที่ต้ังของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้งของรัฐและเอกชน เช่น จังหวัด
อุบลราชธานีและจงั หวัดสุรนิ ทร์ ค่อนข้างมคี วามสะดวกสบาย และโรงพยาบาลเอกชน
บางแห่งก็มีบริการรับ–ส่งตั้งแต่ด่านชายแดนถึงสถานพยาบาลอีกด้วย ประการท่ีสอง
สืบเน่ืองจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลให้มีการประกาศปิดชายแดน
ห้ามการเข้า–ออกของผู้คน ท�ำให้ผู้ป่วยชาวกัมพูชาไม่สามารถข้ามแดนเข้ามาใช้บริการ
ในสถานบริการรักษาพยาบาลในจังหวดั ศรีสะเกษและใกล้เคยี งได้
แม้ว่าผู้ป่วยข้ามแดนชาวกัมพูชาท่ีใช้ช่องทางผ่านแดนทางช่องสะง�ำ
ท่ีเข้ามาใช้บริการในสถานบริการรักษาพยาบาลในจังหวัดศรีสะเกษจะมีไม่มากเม่ือ
เปรียบเทียบกับจังหวัดใกล้เคียงอย่างจังหวัดอุบลราชธานีหรือจังหวัดสุรินทร์ แต่การมี
จุดผ่านแดนถาวรคือ จุดผ่านแดนถาวรช่องสะง�ำ ท่ีอ�ำเภอภูสิงห์น้ัน ท�ำให้จังหวัด
ศรีสะเกษมีความส�ำคัญในแง่ที่เป็นช่องทางเข้า–ออกของผู้ป่วยข้ามแดนชาวกัมพูชา
ที่เข้ามาใช้บริการในสถานบริการรักษาพยาบาลในเขตอีสานใต้อยู่ไม่น้อย ดังตัวเลข
3 นายแพทย์ธนง วีระแสงพงศ์, นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ, สัมภาษณ์ 10 มิถุนายน
2564.
การศึกษาสถานการณ์และบริบททเ่ี ก่ียวขอ้ งของพ้นื ทีช่ ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พชู า และ สปป.ลาว) • 115
ผู้ป่วยชาวกัมพูชาข้ามแดนไปรับบริการทางการแพทย์ที่จุดผ่านแดนถาวรช่องสะง�ำ
ระหว่างเดือนตุลาคมปี 2561–มีนาคม 2563 ของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่าง
ประเทศชอ่ งสะง�ำ ในตารางท่ี 3.4
ตารางที่ 3.4 จ�ำนวนผู้ป่วยข้ามแดนชาวกัมพูชาท่ีผ่านจุดผ่านแดนถาวรช่องสะง�ำ
ระหวา่ งปี พ.ศ. 2561–2563
ลำ� ดับที่ สาเหตกุ ารปว่ ย (กล่มุ โรค) ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563
(ต.ค.–ก.ย.) (ต.ค.–ก.ย.) (ต.ค.–มี.ค.)
1 เน้อื งอก (รวมมะเร็ง) 280 308 210
2 โรคเลอื ดและอวัยวะสรา้ งเลือด และความผดิ ปกต ิ 244 252 124
เก่ยี วกบั ภูมิคุ้มกัน
3 โรคเกีย่ วกบั ตอ่ มไรท้ ่อ โภชนาการ และเมตาบอลซิ ึม 300 343 203
4 โรคตา รวมสว่ นประกอบของตา 110 130 58
5 โรคหแู ละปุ่มกกหู 88 110 36
6 โรคระบบไหลเวียนเลือด 200 225 118
7 โรคระบบหายใจ 320 341 217
8 โรคระบบย่อยอาหาร รวมโรคในชอ่ งปาก 1,557 1,491 754
9 โรคผวิ หนังและเน้ือเย่ือใต้ผวิ หนงั 115 122 60
10 โรคระบบกลา้ มเน้ือ รวมโครงร่างและเน้ือยดึ เสริม 1,670 1,713 953
11 โรคระบบสืบพนั ธ์ุร่วมปสั สาวะ 328 360 252
12 อุบตั ิเหตุจากการขนสง่ และผลท่ีตามมา 31 35 49
13 สาเหตจุ ากภายนอกอ่นื ๆ ทท่ี ำ� ใหป้ ว่ ยหรอื ตาย 3,838 3,964 1,966
(ตรวจสุขภาพ, ฝากครรภ์)
รวม 9,081 9,394 5,000
รพ.รัฐ 4,200 4,336 2,379
รพ.เอกชน 4,895 5,066 2,621
ที่มา: ข้อมูลจากด่านควบคุมโรคติดตอ่ ระหว่างประเทศช่องสะงำ� (23 มนี าคม 2564)
จากตัวเลขผู้ป่วยชาวกัมพูชาข้ามแดนไปรับบริการทางการแพทย์ท่ีผ่าน
จุดผ่านแดนถาวรช่องสะง�ำ ระหว่างเดือนตุลาคมปี 2561–มีนาคม 2563 ของด่าน
ควบคมุ โรคติดต่อระหวา่ งประเทศชอ่ งสะง�ำ ในตารางท่ี 3.4 ข้างต้นนัน้ มขี ้อที่น่าสังเกต
ก็คือ แม้ว่าตัวเลขผู้ป่วยข้ามแดนชาวกัมพูชาท่ีผ่านจุดผ่านแดนถาวรช่องสะง�ำในช่วง
กอ่ นสถานการณโ์ ควดิ -19 จะมถี งึ เกอื บหนง่ึ หมนื่ คนตอ่ ปี จำ� นวนผปู้ ว่ ยทเี่ ขา้ ไปใชบ้ รกิ าร
สุขภาพในสถานบริการสุขภาพภายในจังหวัดศรีสะเกษก็มีเพียงประมาณ 10% เท่าน้ัน
เพราะส่วนใหญ่เดินทางไปใช้บริการยังสถานบริการสุขภาพภายในจังหวัดอุบลราชธานี
116 • บรกิ ารสขุ ภาพข้ามแดนในจังหวัดอบุ ลราชธานแี ละใกล้เคยี งในเขตอสี านใต้:
และสุรินทร์มากกว่า ซ่ึงสอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของคุณอัฑฒ์สุภัค ฉกรรจ์ศิลป์
หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศช่องสะงำ� และแพทย์ตรวจคนเข้าเมือง
จงั หวดั ศรสี ะเกษ ทใ่ี หข้ อ้ มลู วา่ โรงพยาบาลทชี่ าวกมั พชู าทผ่ี า่ นจดุ ผา่ นแดนถาวรชอ่ งสะงำ�
ไปรับการรักษาพยาบาลมากเป็นอันดับหน่ึงคือ โรงพยาบาลอุบลรักษ์ ธนบุรี จังหวัด
อุบลราชธานี รองลงไปคือ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และ
อันดับสามคือ โรงพยาบาลรวมแพทย์ (หมออนันต์) จังหวัดสุรินทร์ ส่วนที่เหลือ
กก็ ระจายไปยงั โรงพยาบาลในจังหวัดอบุ ลราชธานี สรุ ินทร์ ยโสธร และศรีสะเกษ ไดแ้ ก่
โรงพยาบาลมะเร็ง จังหวัดอุบลราชธานี โรงพยาบาลสุรินทร์รวมแพทย์ โรงพยาบาล
รวมแพทยย์ โสธร โรงพยาบาลพรนิ้ ซ์ อบุ ลราชธานี โรงพยาบาล 50 พรรษา มหาวชริ าลงกรณ
โรงพยาบาลประชารักษ์เวชการ จังหวัดศรีสะเกษ และโรงพยาบาลศรีสะเกษ เป็นต้น
(อัฑฒ์สุภัค ฉกรรจ์ศิลป์, หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศช่องสะงำ� และ
แพทยต์ รวจคนเข้าเมืองจงั หวดั ศรสี ะเกษ, สัมภาษณ์ 23 มีนาคม 2564)
3.2.3 สุรินทร์: จุดหมายปลายทางหลักระยะแรกของผู้ป่วยข้ามแดนชาว
กัมพชู า
3.2.3.1 บรบิ ทดา้ นภมู ิศาสตร์
จังหวัดสุรินทร์ เป็นจังหวัดที่ต้ังอยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตอนล่าง ทางทิศเหนือของเทือกเขาพนมดงรัก หรือที่รู้จักกันว่า “อีสานใต้” มีพื้นที่
ประมาณ 8,124 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 5,077,535 ไร่ หรือเท่ากับร้อยละ
4.8 ของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือท้ังหมด ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ
450 กิโลเมตร ทิศเหนือติดกับจังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัดมหาสารคาม ทิศตะวันออก
ติดกับจังหวัดศรีสะเกษ ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดบุรีรัมย์ ทิศใต้ติดกับจังหวัดอุดรมีชัย
ราชอาณาจกั รกมั พชู า ในเขตอำ� เภอบวั เชด สงั ขะ กาบเชงิ และพนมดงรกั โดยมคี วามยาว
ตลอดแนวชายแดนประมาณ 90 กิโลเมตร
สำ� หรบั ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทางตอนใตข้ องจงั หวดั นน้ั เปน็ ทร่ี าบสงู มภี เู ขา
สลับซับซ้อนหลายลูกตลอดแนวเทือกเขาพนมดงรัก กั้นเขตแดนระหว่างประเทศไทย
และประเทศกัมพูชา มีความสูงจากระดับน้�ำทะเลปานกลางเฉลี่ยประมาณ 400 เมตร
มีป่าทึบสลับป่าเบญจพรรณบริเวณแนวเขตชายแดน (อ�ำเภอบัวเชด อ�ำเภอสังขะ
อำ� เภอกาบเชงิ และอำ� เภอพนมดงรกั ) ทตี่ ดิ ตอ่ ประเทศกมั พชู า ถดั จากบรเิ วณภเู ขาลงมา
จะเป็นบริเวณที่ราบสูง ลุ่มๆ ดอนๆ ลาดเท มีลักษณะเป็นลูกคลื่นลอนลาดมาก
(ดา้ นทศิ เหนอื ของอำ� เภอปราสาทและอำ� เภอสงั ขะ) โดยจะคอ่ ยๆ ลาดเทไปทางตอนกลาง
และตอนเหนือของจงั หวดั
การศึกษาสถานการณ์และบริบทท่ีเกีย่ วขอ้ งของพื้นท่ีชายแดนประเทศตน้ ทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 117
ท้ังน้ีเทือกเขาพนมดงรักนั้นมีลักษณะสัณฐานคล้ายไม้คาน (ดองแร็ก
ในภาษาเขมร) ทอดยาวจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก ผู้คนในท้องถิ่นจึงเรียก
เทือกเขาน้วี ่า พนมดงรัก (ดองแร็ก – ผูว้ ิจยั ) เทอื กเขาพนมดงรกั มลี ักษณะเปน็ เนนิ เขา
ทไ่ี มต่ อ่ เนอ่ื งกนั เพราะมชี อ่ งทางนำ้� เซาะเปน็ ชอ่ งเขาขาดหลายชอ่ ง เนนิ เหลา่ นม้ี คี วามสงู
เฉลี่ยประมาณ 200–300 เมตร เทือกเขาที่มีสัณฐานคล้ายไม้คานนี้ทอดผ่านยอดเขา
พนมบะ ช่องจอม เขาตาอง เขาพนมอัลลองสวาย แนวยาวของสันเขาสลับไปด้วย
ยอดเขาเตี้ยๆ มชี ่องเขาเปน็ ทางสญั จรผา่ นไปมาหลายชอ่ งตลอดแนวเทอื กเขา
พนื้ ทขี่ องจงั หวดั สรุ นิ ทรท์ ตี่ ดิ กบั ราชอาณาจกั รกมั พชู า คอื อำ� เภอกาบเชงิ
อ�ำเภอสังขะ อ�ำเภอบัวเชด และอ�ำเภอพนมดงรัก มีแนวเขตชายแดนยาวประมาณ
90 กิโลเมตร มีพื้นที่ติดกับจังหวัดอุดรมีชัย ท้ังน้ีจังหวัดสุรินทร์หรือท่ีชาวเขมรท้องถิ่น
และเขมรกัมพูชาเรียกกันว่า “สเร็น” หรือ “โซเรน” นั้น จัดได้ว่าเป็น “เมืองหลวง”
ของกลมุ่ คนทพี่ ดู ภาษาเขมรในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย เพราะประชากร
ทพี่ ดู ภาษาเขมรของจงั หวดั นม้ี มี ากกวา่ ครง่ึ ดว้ ยเหตนุ จี้ งึ ทำ� ใหจ้ งั หวดั สรุ นิ ทรเ์ ปน็ เขตสะสม
ของวฒั นธรรมเขมรมาแต่คร้งั อดตี นับตง้ั แตส่ มยั เจนละเปน็ ตน้ มา
แผนที่ 3.7 แสดงท่ีต้ังและอาณาเขตของจงั หวดั สรุ นิ ทร์
ทม่ี า: http://www.oceansmile.com/ (17 พฤษภาคม 2564)
118 • บรกิ ารสขุ ภาพขา้ มแดนในจังหวดั อบุ ลราชธานแี ละใกลเ้ คียงในเขตอีสานใต้:
ช่องทางส�ำคัญในการติดต่อกันระหว่างประชาชนท้ังสองประเทศน้ัน
ก็คือ “ช่องจอม” ทั้งน้ี “ชอ่ งจอม” นน้ั ต้งั อยู่บ้านดา่ นพัฒนา ตำ� บลดา่ น อ�ำเภอกาบเชงิ
จังหวัดสุรินทร์ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 69 กิโลเมตร และห่างจากตัวอ�ำเภอ
กาบเชงิ ประมาณ 13 กิโลเมตร และมีระยะห่างจากชายแดนเขมรเพยี ง 1.2 กโิ ลเมตร
ท้งั น้ี “ชอ่ งจอม” เดมิ อยู่ในเขตปา่ สงวนแห่งชาติ ฝงั่ ซ้ายหว้ ยทับทนั –ห้วยสำ� ราญ ต่อมา
ได้ประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตั้งแต่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2538 โดยฝั่งตรงข้าม
ด้านกัมพชู าเป็นชมุ ชนโอร์เสมด็ อ�ำเภอสำ� โรง จงั หวัดอุดอเมียนเจย (อดุ รมชี ัย) ซง่ึ เป็น
จังหวัดหนึ่งในภาคเหนือของประเทศกัมพูชา จังหวัดสุรินทร์กับจังหวัดอุดรมีชัยน้ัน
มีชายแดนติดต่อกันยาวประมาณ 90 กิโลเมตร โดยมีเทือกเขาพนมดงรักเป็นเส้นแบ่ง
พรมแดน ประกอบด้วยช่องทางผ่านข้ึนลงระหว่างไทยกับกัมพูชา จ�ำนวน 36 แห่ง
ทว่าปัจจุบันรัฐบาลท้ังสองประเทศมีข้อตกลงให้เปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรเพียงจุดเดียว
คอื “ชอ่ งจอม”
บญั ญตั ิ สาลี (2552) ไดน้ ำ� เสนอรายละเอยี ดของชอ่ งจอมไวว้ า่ “ชอ่ งจอม”
เปน็ ชอ่ งทางจากชายแดนจงั หวดั สรุ นิ ทรท์ จี่ ะไปยงั กมั พชู า ทำ� ใหม้ กี ารตดิ ตอ่ สญั จรไปมา
และซอื้ ขายแลกเปลย่ี นสนิ คา้ ระหวา่ งชาวไทยและชาวกมั พชู ามาแตอ่ ดตี ทง้ั น้ี “ชอ่ งจอม”
แต่เดิมน้ันไม่ได้เรียกกันด้วยชื่อนี้ หากแต่ชาวบ้านในพ้ืนท่ีจะเรียกกันว่า “จรอกจม็อก”
หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “ช่องจบก” เพราะห่างจากช่องจอมไปทางประเทศกัมพูชา
ประมาณ 1 กิโลเมตร มีหินและต้นจบก และล�ำห้วยชื่อเดียวกันคือ โอร์จม็อก หรือ
โอร์จบก ไหลผ่านบริเวณ “จรอกจม็อก” น้ัน ก่อนที่จะมีการปักปันเขตแดนใหม ่
สมัยท่ีจังหวัดเสียมเรียบยังอยู่ภายใต้การปกครองของไทย ก็คือจังหวัดพิบูลสงคราม
ขณะท่ีจังหวัดอุดอเมียนเจย (อุดรมีชัย) มีฐานะเป็นอ�ำเภอเกรียงศักด์ิพิชิต การข้าม
พรมแดนจากหมู่บ้านด่านไปยังหมู่บ้านโอร์จม็อกและหมู่บ้านอื่นๆ ในพื้นที่น้ันจะต้อง
ผา่ นชอ่ งจมอ็ กนไี้ ป ตอ่ มาเมอื่ มกี ารปกั ปนั หลกั เขตแดนใหม่ และจงั หวดั พบิ ลู สงครามเปน็
จงั หวัดเสยี มเรียบ อยู่ในเขตปกครองของประเทศกมั พูชาดังเดมิ อ�ำเภอเกรยี งศักดพิ์ ิชิต
ก็ถกู ยกฐานะเปน็ จงั หวดั อุดอเมยี นเจย (อุดรมชี ัย) ชอ่ งทางที่เคยใช้ผ่านกถ็ ูกขยับเข้าไป
อยู่ด้านในติดกับโอร์เสม็ด และใช้สันปันน้�ำเป็นตัวแบ่งเขตแดนตามสนธิสัญญา และ
เรยี กชือ่ วา่ “ชอ่ งจอม” ตามชอื่ ของหนองน้ำ� ทีอ่ ยู่ติดกบั หม่บู า้ นด่านเกา่ ซึ่งเป็นหนองน�ำ้
ธรรมชาตทิ างทศิ ตะวนั ออกของหมบู่ า้ น และชาวบา้ นดา่ นและผสู้ ญั จรไปมาใชน้ ำ้� นบี้ รโิ ภค
อปุ โภคเสมอมา (บญั ญัติ สาล,ี 2552)
การศกึ ษาสถานการณแ์ ละบรบิ ทที่เกี่ยวข้องของพื้นทีช่ ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 119
หลงั จากเปลย่ี นชอ่ื ของจดุ ขา้ มแดนเปน็ ชอ่ งจอมแลว้ พนื้ ทบี่ รเิ วณชอ่ งจอม
ในฝง่ั ประเทศไทยอยใู่ นเขตอำ� เภอสงั ขะ จงั หวดั สรุ นิ ทร์ มกี ารแบง่ เขตพน้ื ทเ่ี ปน็ กงิ่ อำ� เภอ
กาบเชงิ เมอ่ื พ.ศ. 2518 และยกฐานะขน้ึ เป็นอำ� เภอกาบเชิง เมือ่ ปี 2522 เป็นจดุ ส้นิ สดุ
ทางหลวงแผ่นดนิ หมายเลข 214 ตอนสุรนิ ทร–์ ชอ่ งจอม เช่ือมกับทางหลวงของประเทศ
กัมพูชา แต่ยังไม่มีการจัดเก็บภาษีข้ามแดนและไม่มีด่านศุลกากร ประชาชนตามแนว
ชายแดนจงึ อาศัยทางขนึ้ ลงดังกล่าวติดตอ่ ค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้าซ่ึงกนั และกัน เม่อื มี
สนิ คา้ มากขนึ้ การลกั ลอบนำ� เขา้ และสง่ ออกสนิ คา้ กม็ จี �ำนวนมากขน้ึ โดยลำ� ดบั จนกระทง่ั
ปี พ.ศ. 2504 รัฐไทยและกัมพูชาจึงท�ำข้อตกลงเปิดช่องจอมเป็นจุดผ่านแดนถาวร
ในปีนั้นยังอยู่ในเขตพ้ืนท่ีอ�ำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ มีการออกกฎกระทรวงการคลัง
ฉบับท่ี 37 และ 38 ลงวันที่ 27 กันยายน 2504 ได้มีการประกาศตั้งด่านพรมแดน
และด่านศุลกากรช่องจอม เพ่ือให้ราษฎรใช้เป็นเส้นทางนำ� สินค้าเข้าและออกได้โดยถูก
กฎหมาย และอ�ำนวยความสะดวกในการชำ� ระอากรต้งั แตน่ ัน้ มา
จนกระทั่งทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาพร้อมก็มีการเสนอพิจารณาเปิดจุด
ผอ่ นปรนชอ่ งจอม–โอร์เสม็ด เป็นจดุ ผา่ นแดนถาวร ตามมติคณะรฐั มนตรี เมอ่ื วันจนั ทร์
ท่ี 25 เดือนกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2545 ทีม่ มี ติเหน็ ชอบในหลกั การการยกระดับจดุ ผอ่ นปรน
การคา้ ช่องจอม อำ� เภอกาบเชงิ จังหวดั สรุ ินทร์ เป็นจุดผา่ นแดนถาวร ตามทีส่ ำ� นกั งาน
สภาความม่ันคงแห่งชาติเสนอ และโดยที่การเปิดจุดผ่านแดนในแต่ละแห่งมักมีปัญหา
ต่างๆ เช่น การเปิดบ่อนคาสิโน ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ดังนั้นในช่วงระยะเวลา
ทย่ี กระดบั จดุ ผอ่ นปรนการคา้ ชอ่ งจอม ใหก้ ระทรวงการตา่ งประเทศถอื โอกาสนน้ี ำ� ปญั หา
ทั้งหมดไปเจรจากับผู้แทนประเทศกัมพูชาในภาพกว้างๆ โดยถือหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ
และค�ำนงึ ถงึ ความมนี �้ำใจซง่ึ กนั และกนั ในการรว่ มมอื แกไ้ ขปญั หา โดยใหผ้ แู้ ทนกระทรวง
กลาโหมและกระทรวงมหาดไทยร่วมเจรจาด้วย และให้รายงานรองนายกรัฐมนตร ี
(พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเมื่อสิ้นสุดภารกิจทั้งหมด
ทั้งน้ีให้ด�ำเนินการใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายใน 60 วนั
หลงั จากนนั้ ทางฝา่ ยไทยและกมั พชู ากไ็ ดต้ งั้ คณะกรรมการรว่ มเพอ่ื พฒั นา
พื้นท่ีชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณช่องจอม–โอร์เสม็ด และประกาศความพร้อมที่จะ
เปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรโดยนายเกษมศักด์ิ แสนโภชน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์
ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์อาทิตย์วิเคราะห์ วันที่ 17 กรกฎาคม 2545 ว่า “บริเวณ
ชอ่ งจอม มดี า่ นศลุ กากรดา่ นตรวจคนเขา้ เมอื ง (ตม.) มดี า่ นกกั กนั สตั ว์ มปี า่ ไมอ้ ยใู่ นพน้ื ที่
ครบแล้ว ถือว่าจังหวัดสุรินทร์มีความพร้อมตลอดเวลา” ช่องจอมจึงได้ถูกยกระดับ
เปน็ จดุ ผา่ นแดนถาวรตง้ั แตป่ ี 2545 โดยมพี ธิ เี ปดิ เปน็ จดุ ผา่ นแดนถาวรอยา่ งเปน็ ทางการ
ในวันท่ี 18 เดือนสิงหาคม 2545 (เรื่องเดยี วกัน)
120 • บรกิ ารสุขภาพขา้ มแดนในจงั หวัดอุบลราชธานีและใกลเ้ คียงในเขตอีสานใต้:
ภาพที่ 3.10–3.11 ดา่ นชายแดนชอ่ งจอม อ�ำเภอกาบเชิง จังหวดั สุรินทร์
ช่วงก่อนการแพรร่ ะบาดของโควดิ -19
ท่มี า: สมหมาย ชนิ นาค (22 มิถนุ ายน 2562)
ปัจจุบันการค้าชายแดนในเขตจังหวัดสุรินทร์กับกัมพูชาได้พัฒนา
ไปไกลมาก มีการผลักดันให้ช่องจอมกลายเป็นด่านสากล มีการเปิดตลาดการค้าถาวร
ที่ด่านช่องจอม ให้พ่อค้าแม่ค้าของทั้งสองประเทศน�ำสินค้ามาซื้อขายแลกเปล่ียนกัน
อย่างเป็นกิจจะลักษณะ ซ่ึงการซื้อขายมีเงินหมุนเวียนในแต่ละวันหลายล้านบาท
ขณะเดียวกนั ทางฝง่ั กมั พชู าคือตลาดโอรเ์ สม็ด (โอว์ สมัจ – O Smach) กม็ กี ารเปิดเป็น
บ่อนการพนัน (คาสโิ น) เพอ่ื ให้นักพนนั ชาวไทยเดินทางข้ามไปเล่นการพนันทฝี่ ่ังกมั พชู า
โดยการรว่ มลงทนุ โดยนกั ธรุ กจิ ของทง้ั สองประเทศ
ภาพที่ 3.12 ดา่ นชายแดนชอ่ งจอม ในชว่ งการแพร่ระบาดของโควดิ -19
ท่ีมา: ปิยะนันท์ สุขจันทร์ (25 มีนาคม 2564)
การศกึ ษาสถานการณ์และบรบิ ททีเ่ ก่ยี วข้องของพนื้ ท่ชี ายแดนประเทศตน้ ทาง (กัมพชู า และ สปป.ลาว) • 121
ภาพที่ 3.13 รถสินค้าทจ่ี ะผ่านแดน ณ ดา่ นชายแดนช่องจอม
ในชว่ งการแพรร่ ะบาดของโควดิ -19
ท่ีมา: สมหมาย ชนิ นาค (25 มีนาคม 2564)
3.2.3.2 สถานการณ์และบริบทด้านบริการสุขภาพในจังหวัดสุรินทร์
จังหวัดสุรินทร์ เป็นจังหวัดหนึ่งในเขตอีสานใต้ที่มีสถานบริการสุขภาพ
ประเภทโรงพยาบาลรัฐและเอกชนท่ีได้มาตรฐาน และก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของเชอ้ื ไวรสั โคโรนาหรอื โควดิ -19 นนั้ มชี าวตา่ งชาตโิ ดยเฉพาะชาวกมั พชู าเขา้ มาใชบ้ รกิ าร
ค่อนข้างมาก เน่ืองจากมีจุดผ่านแดนถาวรที่สามารถเดินทางข้ามแดนท่ีสะดวกสบาย
ทงั้ โดยรถยนตส์ ว่ นตวั หรอื รถรบั จา้ ง อกี ทง้ั ประชากรสว่ นใหญใ่ นตวั เมอื งสรุ นิ ทรส์ ามารถ
สื่อสารภาษาเขมรได้ ท�ำให้ช่วยลดอุปสรรคในการส่ือสารไปได้ค่อนข้างมาก ถึงขนาด
ที่หนังสือพิมพ์ฉบับหน่ึงพาดหัวข้อข่าวว่า “เศรษฐีกัมพูชาแห่รักษาตัวเต็มโรงพยาบาล
เมืองสรุ นิ ทร์” โดยมีเนื้อหาขา่ วดังน้ี (หนังสอื พิมพ์โพสต์ทเู ดย์, 2559)
“จากการรวบรวมข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ พบว่าปัจจุบันชาวกัมพูชา
จากทัว่ ประเทศนยิ มเดนิ ทางดว้ ยรถยนต์ส่วนตวั และเชา่ รถยนตข์ า้ มดา่ นชายแดนถาวร
ช่องจอม–โอร์เสม็ด บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ต�ำบลด่าน อ�ำเภอกาบเชิง จังหวัด
สุรินทร์ เพ่ือเข้ามาท�ำการรักษาโรคต่างๆ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐบาลและเอกชนเป็น
จ�ำนวนมาก โดยเฉพาะในโรงพยาบาลเอกชน 2 แห่งในจังหวัดสุรินทร์ จะมีแต่ผู้ป่วย
และญาติชาวกมั พชู ามาใชบ้ ริการจนแนน่ โรงพยาบาล”
122 • บรกิ ารสขุ ภาพข้ามแดนในจังหวดั อุบลราชธานแี ละใกล้เคียงในเขตอีสานใต้:
นายแพทยอ์ นนั ต์ อรยิ ะชยั พาณชิ ย์ ผปู้ ระกอบการโรงพยาบาลรวมแพทย์
(หมออนันต์) กล่าวว่า “ปัจจุบันมีชาวกัมพูชาจากทั่วประเทศเดินทางเข้ามารักษาตัว
ในโรงพยาบาลในจงั หวดั สรุ นิ ทร์เปน็ จำ� นวนมาก ทัง้ โรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาล
ของรัฐ เนื่องจากชาวกัมพูชามีความชื่นชอบการรักษาคนไข้ของแพทย์และพยาบาล
ชาวไทย ที่มคี วามรคู้ วามสามารถรักษาโรคได้ตรงตามอาการ อีกท้งั แพทย์และพยาบาล
ในจงั หวดั สรุ นิ ทรย์ งั สามารถพดู ภาษาเขมรหรอื ภาษาชาวกมั พชู าได้ ทำ� ใหค้ นไขช้ าวกมั พชู า
มีความม่นั ใจในการรักษาโรค
หากมีรถยนต์บริการ มีความสะดวกสบายมากขึ้น จะท�ำให้ชาวกัมพูชา
ขา้ มแดนเขา้ มาในตวั จงั หวดั สรุ นิ ทรม์ ากกวา่ 2 เทา่ ตวั อยา่ งแนน่ อน ซงึ่ จะทำ� ใหก้ ารจบั จา่ ย
ซ้ือขายสินค้าเพ่ิมมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะชาวกัมพูชาช่ืนชอบสินค้าไทยอยู่แล้ว
ส่วนบรรดาญาติๆ ของผู้ป่วยที่ติดตามมาเฝ้าไข้ ก็ถือโอกาสน้ีเดินทางไปท่องเที่ยว
ในสถานท่ีตา่ งๆ ทั้งในจังหวดั สุรินทร์และอสี านใต”้
ด้าน พลตรี สนธยา ศรีเจริญ ผู้บัญชาการกองก�ำลัง (กกล.) สุรนารี
กลา่ ววา่ “ขณะนไ้ี ดร้ ว่ มมอื กบั เจา้ หนา้ ทกี่ มั พชู ากำ� หนดกรอบการทำ� งานดา้ นชายแดนขน้ึ มา
5 เรอ่ื งด้วยกนั คอื (1) เรื่องการรกั ษาพยาบาล ทง้ั ชาวไทยและกมั พูชา (2) เรื่องการศึกษา
ทง้ั ชาวไทยและคนกมั พชู า (3) เรอ่ื งการคา้ ขาย (4) เรอื่ งการทอ่ งเทย่ี ว (5) เรอื่ งความมนั่ คง
ตามแนวชายแดน ซ่ึง กกล.สุรนารี ได้สนับสนุนการเปิดช่องสายตะกู ที่จังหวัดบุรีรัมย์
ที่ช่องจอมก็มีการพัฒนาพ้ืนที่ด่านช่องจอมให้มีความสวยงาม มีความเป็นระเบียบ
เรยี บร้อย
นอกจากนี้ ยังพัฒนาพื้นท่ีต่างๆ ในเมืองให้มีความสะอาดสวยงาม
ปลอดภัย ซง่ึ กกล.สุรนารี ประสานงานกับหนว่ ยงานตา่ งๆ ทั้งนักการเมือง ขา้ ราชการ
สื่อมวลชน เพ่ือพฒั นาพนื้ ที่ด้วยกัน เช่น พฒั นาสวนเฉลิมพระเกยี รติ ตลาดนำ้� เพ่ือเป็น
ทพี่ กั ผอ่ นและออกกำ� ลงั กาย ซง่ึ ทกุ วนั นช้ี าวกมั พชู าเขา้ มารกั ษาพยาบาลในจงั หวดั สรุ นิ ทร์
เป็นจำ� นวนมาก ทำ� ใหโ้ รงแรม รา้ นอาหาร มีรายไดด้ ีเป็นพิเศษ
ส่วนโรงพยาบาลของรัฐเองก็ไม่มีผลกระทบต่อการรักษา ยังมีรายได ้
จากการรักษาชาวกัมพูชาไม่ต�่ำกว่าเดือนละ 45 ล้านบาท ซ่ึงรายได้จากการท่องเท่ียว
การค้าขาย จะช่วยสรา้ งความเจรญิ ให้กบั จังหวัดสรุ ินทร์ อกี ท้งั ยังสร้างความสมั พนั ธ์ท่ีดี
ต่อกันมากย่ิงข้ึน ตลอดทั้งยังส่งผลที่ดีต่อความม่ันคง ความสัมพันธ์ชาวไทยกับ
ชาวกัมพูชา
การศกึ ษาสถานการณแ์ ละบรบิ ทท่ีเกีย่ วขอ้ งของพ้นื ทช่ี ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 123
อนาคตจะพัฒนาแบบแนวทางนี้ท่ีด่านถาวรช่องสะงำ� จังหวัดศรีสะเกษ
ด่านถาวรชอ่ งเม็ก จงั หวดั อุบลราชธานี และดา่ นช่องสายตะกู จงั หวัดบรุ รี มั ย์ เพื่อดงึ ดูด
ชาวกมั พชู าใหเ้ ดนิ ทางมารกั ษาตวั มาทอ่ งเทยี่ ว ซง่ึ จะกอ่ ใหเ้ กดิ กระแสเงนิ สะพดั ชายแดน
ทั้งไทยและกัมพูชา”
ภาพที่ 3.14 รูปภาพของโรงพยาบาลรวมแพทย์ (หมออนนั ต)์
ทมี่ ีภาษาเขมรก�ำกับด้วย
ที่มา: ภาพจากเฟซบุ๊กของโรงพยาบาลรวมแพทย์ (หมออนันต)์
นอกจากนี้ยังปรากฏในรายงานข่าวของกรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันท่ี 6
พฤษภาคม 2561 ดังนี้
“...นายสินชัย ตันติรัตนานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์
กล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์มีพรมแดนด้านทิศใต้ติดต่อกับราชอาณาจักรกัมพูชา โดย
อย่ตู รงกบั จังหวดั อดุ รมีชยั มีความยาวตลอดแนวชายแดน 90 กิโลเมตร โดยมีอำ� เภอ
ทเ่ี ปน็ เขตชายแดน 4 อำ� เภอ ประชาชนทัง้ สองประเทศ มกี ารตดิ ตอ่ และขา้ มฝ่ังตามปกติ
เกิดการเคลื่อนย้ายประชากรระหว่างสองประเทศตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามา
ทอ่ งเทยี่ ว การตดิ ต่อธรุ กจิ การรกั ษาพยาบาล และในปจั จบุ นั พบว่าประชาชนกมั พชู า
ไดเ้ ดนิ ทางเขา้ มาเพ่ือรับบริการทางด้านสขุ ภาพเปน็ จำ� นวนมาก ทั้งในเรอื่ งตรวจสขุ ภาพ
การรักษาพยาบาลเก่ียวกับโรคต่างๆ มีแนวโน้มสูงข้ึนเรื่อยๆ หน่วยงานทางด้าน
สาธารณสุขในพื้นท่ีจังหวัดสุรินทร์จึงต้องมีความพร้อมในการให้บริการและต้องพัฒนา
ใหไ้ ดม้ าตรฐาน จงึ ไดเ้ ตรยี มเสนอโครงการพฒั นาโรงพยาบาลในจงั หวดั สรุ นิ ทร์ เพอื่ เขา้ สู่
การพิจารณาของการประชุม ครม.สัญจร ในคร้ังน้ี เพื่อผลักดันให้จังหวัดสุรินทร์
สามารถเปน็ เมอื งศนู ยบ์ รกิ ารทางการแพทย์ เพอ่ื ใหบ้ รกิ ารมคี ณุ ภาพมาตรฐาน ประชาชน
124 • บรกิ ารสุขภาพขา้ มแดนในจงั หวดั อุบลราชธานีและใกลเ้ คยี งในเขตอสี านใต้:
มีโอกาสเขา้ ถึงบรกิ ารอยา่ งเทา่ เทียมกนั โดยใช้งบประมาณกว่า 561 ลา้ นบาท ในการ
ก่อสรา้ งอาคารใหห้ น่วยบรกิ าร อาทิ สรา้ งอาคารพกั คนไข้ 10 ชนั้ และอาคารจอดรถ
8 ชั้น ของโรงพยาบาลสุรินทร์ สร้างอาคารอุบัติเหตุ 4 ชั้น ของโรงพยาบาลปราสาท
อาคารผปู้ ว่ ย 60 เตยี ง โรงพยาบาลเขวาสนิ รนิ ทร์ อาคารผปู้ ว่ ย 60 เตยี ง ของโรงพยาบาล
โนนนารายณ์ และอาคารผู้ป่วย 60 เตียง ของโรงพยาบาลส�ำโรงทาบ...” (ส�ำนักข่าว
กรมประชาสัมพันธ์, 2561)
ข้อมูลข้างต้นสอดคล้องกับค�ำให้สัมภาษณ์ของนายแพทย์อภิสรรค์
บุญประดับ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ และผู้อ�ำนวยการโรงพยาบาล
กาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ที่ว่าก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาหรือ
โควิด-19 นั้น คนไข้หลักประมาณ 80% ของโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดสุรินทร์คือ
โรงพยาบาลสรุ นิ ทรร์ วมแพทยแ์ ละโรงพยาบาลแพทยอ์ นนั ตน์ นั้ คอื ชาวกมั พชู า (อภสิ รรค์
บญุ ประดบั , รองนายแพทยส์ าธารณสขุ จงั หวดั สรุ นิ ทรแ์ ละผอู้ ำ� นวยการโรงพยาบาลกาบเชงิ
จงั หวดั สุรินทร์, สัมภาษณ์ 9 มถิ นุ ายน 2564)
ทั้งน้ีในส่วนของโรงพยาบาลในจังหวัดสุรินทร์น้ัน จากการส�ำรวจของ
คณะผวู้ จิ ยั พบวา่ จงั หวดั สรุ นิ ทรม์ สี ถานบรกิ ารสขุ ภาพประเภทโรงพยาบาลศนู ย์ โรงพยาบาล
เอกชน และโรงพยาบาลชุมชน (อ�ำเภอ) จ�ำนวน 21 แห่ง แยกเป็นโรงพยาบาลศูนย์
1 แหง่ คือโรงพยาบาลสุรนิ ทร์ ซ่งึ เปน็ โรงพยาบาลใหญ่ขนาด 914 เตยี ง โรงพยาบาล
เอกชน 2 แห่ง โรงพยาบาลเฉพาะทาง 1 แห่ง โรงพยาบาลทหาร 1 แหง่ และโรงพยาบาล
ชุมชนอีก 16 แหง่ ดังแสดงในตารางที่ 3.5
ตารางท่ี 3.5 โรงพยาบาลของรัฐและเอกชนทต่ี ง้ั อย่ใู นจงั หวดั สรุ นิ ทร์
ล�ำดบั ท่ี ชอ่ื สถานพยาบาล ประเภทของสถานพยาบาล หมายเหตุ
รัฐ เอกชน
1 โรงพยาบาลสรุ นิ ทร์ โรงพยาบาลศนู ย์
2 โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและ โรงพยาบาลเฉพาะทาง
การแพทย์ผสมผสาน เขตสขุ ภาพที่ 9 โรงพยาบาลทหาร
3 โรงพยาบาลรวมแพทย์ (หมออนนั ต)์ โรงพยาบาลชุมชน
4 โรงพยาบาลสุรินทร์รวมแพทย์ โรงพยาบาลชมุ ชน
5 โรงพยาบาลคา่ ยวรี วฒั น์โยธิน โรงพยาบาลชมุ ชน
6 โรงพยาบาลปราสาท โรงพยาบาลชมุ ชน
7 โรงพยาบาลรตั นบุรี
8 โรงพยาบาลกาบเชิง
9 โรงพยาบาลพนมดงรกั
การศึกษาสถานการณแ์ ละบริบททีเ่ กีย่ วข้องของพนื้ ที่ชายแดนประเทศตน้ ทาง (กัมพชู า และ สปป.ลาว) • 125
ล�ำดบั ที่ ชื่อสถานพยาบาล ประเภทของสถานพยาบาล หมายเหตุ
รัฐ เอกชน
10 โรงพยาบาลกาบเชิง โรงพยาบาลชุมชน
11 โรงพยาบาลชมุ พลบุรี โรงพยาบาลชมุ ชน
12 โรงพยาบาลเขวาสินรนิ ทร์ โรงพยาบาลชุมชน
13 โรงพยาบาลท่าตมู โรงพยาบาลชุมชน
14 โรงพยาบาลชุมพลบรุ ี โรงพยาบาลชุมชน
15 โรงพยาบาลสังขะ โรงพยาบาลชุมชน
16 โรงพยาบาลล�ำดวน โรงพยาบาลชมุ ชน
17 โรงพยาบาลบวั เชด โรงพยาบาลชุมชน
18 โรงพยาบาลศรขี รภูมิ โรงพยาบาลชมุ ชน
19 โรงพยาบาลโนนนารายณ์ โรงพยาบาลชมุ ชน
20 โรงพยาบาลศรีณรงค์ โรงพยาบาลชมุ ชน
21 โรงพยาบาลจอมพระ โรงพยาบาลชมุ ชน
ท่ีมา: จากการส�ำรวจของคณะผูว้ จิ ัย (พฤษภาคม 2564)
ความคึกคักของการเดินทางข้ามแดนของชาวกัมพูชาเพ่ือมาใช้บริการ
สขุ ภาพในสถานพยาบาลในจงั หวดั สรุ นิ ทรใ์ นชว่ งกอ่ นทจี่ ะมกี ารแพรร่ ะบาดของเชอื้ ไวรสั
โคโรนาหรือโควิด-19 นั้น นับว่ามีผลอย่างส�ำคัญยิ่งต่อการขับเคล่ือนเศรษฐกิจของ
จังหวัดสุรินทร์ ดังค�ำให้สัมภาษณ์ของนายเสริมศักด์ิ สีสันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด
สรุ นิ ทร์ กบั คณะผวู้ จิ ยั ทว่ี า่ “...โรงพยาบาลเอกชนของจงั หวดั สรุ นิ ทรท์ ง้ั สองแหง่ (หมายถงึ
โรงพยาบาลรวมแพทย์ (หมออนันต์) และโรงพยาบาลสุรินทร์รวมแพทย์ – ผู้วิจัย)
คนไข้หลักคือชาวกัมพูชา ซึ่งนับว่ามีความส�ำคัญย่ิงต่อเศรษฐกิจของจังหวัดสุรินทร ์
กลา่ วไดว้ า่ เศรษฐกจิ สรุ นิ ทรส์ ว่ นหนง่ึ ขบั เคลอ่ื นดว้ ยระบบสาธารณสขุ เพราะเมอ่ื ชาวกมั พชู า
เข้ามากม็ กี ารขยบั ตัวรองรับทงั้ เร่อื งของหา้ งสรรพสินคา้ ทพี่ ัก ร้านอาหาร และอ่นื ๆ...”
(เสรมิ ศักดิ์ สสี นั ต,์ รองผูว้ ่าราชการจงั หวดั สุรนิ ทร,์ สมั ภาษณ์ 9 มถิ นุ ายน 2564)
ความคึกคักของการเข้ามาใช้บริการสุขภาพของชาวกัมพูชา โดยเฉพาะ
ในโรงพยาบาลเอกชนของจงั หวดั สรุ ินทร์ โดยเฉพาะโรงพยาบาลแพทย์อนันต์นนั้ มีมาก
จนกระทั่งมีการน�ำไปแอบอ้างว่าสถานบริการสุขภาพแห่งน้ีมีสาขาอีกแห่งอยู่ที่จังหวัด
เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา จนท�ำให้ทางโรงพยาบาลต้องออกประกาศแจ้งในเฟซบุ๊ก
ของโรงพยาบาลทั้งภาษาไทยและภาษาเขมรว่า โรงพยาบาลไม่มีสาขาย่อยที่จังหวัด
เสยี มเรียบตามทม่ี ีการกล่าวอา้ งแต่อยา่ งใด ดังขอ้ ความตอ่ ไปน้ี (โรงพยาบาลรวมแพทย์
(หมออนนั ต์), ม.ป.ป.)
126 • บริการสขุ ภาพขา้ มแดนในจงั หวดั อบุ ลราชธานีและใกล้เคียงในเขตอสี านใต้:
“เนอื่ งจากมคี นแอบอา้ งชอื่ รพ.รวมแพทย์ วา่ มสี าขาทเี่ สยี มเรยี บ ทาง รพ.
ขอแจ้งให้ทราบว่า โรงพยาบาลรวมแพทย์ (หมออนันต์) จังหวัดสุรินทร์ มีแห่งเดียว
ไมม่ ีสาขาทีจ่ ังหวัดเสยี มเรียบ”
“មន្រទី ពេទ្យរមួ ផែត (មអ៉ ាណាន)់ ខេតត្សុរនិ ្ទម ានតែមួយគត់ អតម់ ានសាខា
នៅស�ៀមរាប ពីព្រោះមានអ្នកអ:អាងឈ្ម ោះមន្រីទ ពេទ្យរមួ ផែត(មអ៉ ាណាន)់ ថា មានសាខា
នៅខេត្តស�ៀមរាប។ មន្ ទីរពេទ្យសូ មជំរាបថា៖ មន្ ីទរពេទ្យរមួ ផែត(ម៉អាណាន់) មានតែមួ
យគតន់ ៅខេត្តសុរនិ ្ទ អត់មានសាខា សូ មអង្េកតម�ើលរបូ ”
ฉะนน้ั ปจั จบุ นั จะพบวา่ สถานบริการสุขภาพทัง้ ของรฐั และเอกชนในเขต
จงั หวดั อบุ ลราชธานี ศรสี ะเกษ และสรุ นิ ทร์ จงึ มกี ารปรบั ตวั เพอื่ รองรบั ผใู้ ชบ้ รกิ ารทง้ั จาก
ประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว ในหลากหลายรูปแบบ เชน่ การอบรมภาษาเขมรใหก้ บั
บุคลากรของตนเพื่อรองรับผู้ใช้บริการชาวกัมพูชาในกรณีของสถานบริการสุขภาพ
ในจงั หวดั สรุ นิ ทร์ หรอื ในกรณขี องโรงพยาบาลเอกชนของจงั หวดั สรุ นิ ทรบ์ างแหง่ ใชเ้ กณฑ์
เรอื่ งทกั ษะภาษาเขมรในการรบั พนกั งานและเจา้ หนา้ ทเี่ ลยกม็ ี นอกจากนกี้ ม็ กี ารเพม่ิ เตมิ
ป้ายต่างๆ ให้มีภาษาเขมรหรือภาษาลาวก�ำกับนอกเหนือไปจากภาษาไทยและภาษา
องั กฤษ รวมทง้ั มกี ารจดั หาและจดั จา้ งลา่ มแปลภาษาเขมรมาประจำ� ทส่ี ถานบรกิ ารสขุ ภาพ
บางแห่งดว้ ย
ภาพท่ี 3.15–3.16 ป้ายขอ้ ความภาษาเขมรพร้อมภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ที่ตดิ หน้าหอ้ งการเงินและหอผ้ปู ว่ ยของโรงพยาบาลสรุ นิ ทร์
ท่มี า: สมหมาย ชินนาค (29 เมษายน 2564)
การศึกษาสถานการณ์และบรบิ ททีเ่ ก่ียวข้องของพ้นื ทช่ี ายแดนประเทศตน้ ทาง (กัมพูชา และ สปป.ลาว) • 127
3.3 สถานการณแ์ ละบรบิ ทความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งจงั หวดั อุบลราชธานแี ละจงั หวดั
ใกล้เคยี งในเขตอสี านใต้กับประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว
3.3.1 ความสมั พนั ธ์ในเชงิ ภาพรวม
การมีพื้นที่ชายแดนติดต่อกันระหว่างไทยกับประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว
ในฐานะประเทศเพ่ือนบ้าน ก็ได้ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ท้ังในแบบท่ีไม่เป็นทางการ
และในแบบที่เป็นทางการในหลากหลายรูปแบบนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และบริบท
ความสัมพันธ์ดังกล่าวก็มีความเกี่ยวโยงกับปรากฏการณ์บริการสุขภาพข้ามแดนใน
จงั หวดั อบุ ลราชธานแี ละจงั หวดั ใกลเ้ คยี งในเขตอสี านใตด้ ว้ ยเชน่ กนั ซงึ่ ในทนี่ จ้ี ะหมายถงึ
ความสัมพันธ์ในแบบท่ีเป็นทางการ ท่ีเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ในลักษณะ “เมืองพ ่ี
เมืองน้อง” (Sister Cities) หรือ “เมืองคู่มิตร” “เมืองคู่แฝด” “เมืองคู่ค้า” ซึ่งหมายถึง
การสถาปนาความสัมพันธ์กับต่างประเทศในระดับจังหวัดโดยรวมถึงความสัมพันธ ์
ในระดบั ทเ่ี ทา่ เทยี มกนั ระหวา่ งจงั หวดั ของไทยกบั จงั หวดั ของตา่ งประเทศ หรอื ชอื่ เรยี กอน่ื
ท่ีมีฐานะเทียบเท่าจังหวัดของไทย เช่น มลรัฐ มณฑล นคร เป็นต้น โดยไม่รวมถึง
ความสัมพันธ์ในระดับท่ีต�่ำกว่าจังหวัด การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพ่ีเมืองน้อง
ที่ด�ำเนินการในระดับจังหวัดนั้น เพ่ือให้เกิดความเป็นเอกภาพและง่ายต่อการควบคุม
กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมเป็นกรณีๆ ไป จังหวัด
ของไทยจะมีการเตรียมพร้อมในด้านต่างๆ โดยค�ำนึงถึงพันธะต่างๆ ที่จะมีผลต่อ
การจัดสรรงบประมาณและจัดเตรียมบุคลากรท่ีจะรองรับการติดต่อและการแลกเปล่ียน
ความรว่ มมอื ในสาขาตา่ งๆ กบั จงั หวดั ของตา่ งประเทศทเ่ี ปน็ เมอื งพเี่ มอื งนอ้ ง การสถาปนา
ความสัมพันธ์เมืองพ่ีเมืองน้องเป็นเรื่องท่ีจะส่งผลผูกพันต่อจังหวัดในระยะยาว จังหวัด
ของไทยจึงมุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดท่ีจะได้รับจากการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่
เมอื งนอ้ งกบั จงั หวดั ของตา่ งประเทศ การสถาปนาเมอื งคมู่ ติ ร (Sister Cities) ไดก้ ลายเปน็
กลไกอ�ำนวยโอกาสให้รัฐระดับจังหวัดท�ำหน้าที่เป็นผู้อ�ำนวยการทางการค้า (Trade
Facilitator) โดยอาศยั สงิ่ อำ� นวยความสะดวกทางการคา้ (Trade Facilities) เชน่ ตลาดคา้ สง่
ถนน ด่านศุลกากร และการขนส่งท่ีสะดวก เป็นต้น เพ่ือรองรับการค้าชายแดนและ
การค้าขา้ มพรมแดนมาโดยตลอด
ความสัมพันธ์ในลักษณะดังกล่าวได้เป็นเคร่ืองมือหรือกลไกในระดับท้องถิ่น
โดยเฉพาะจังหวัดท่ีมีชายแดนติดต่อกับประเทศเพ่ือนบ้านใช้ในการติดต่อสัมพันธ์
กบั จงั หวดั หรอื แขวงของประเทศเพอ่ื นบา้ นทม่ี ชี ายแดนตดิ กนั อนั หมายถงึ ความสมั พนั ธ์
ด้านการสาธารณสุขดังที่จะไดก้ ล่าวถงึ ต่อไปด้วย
128 • บรกิ ารสุขภาพข้ามแดนในจงั หวัดอบุ ลราชธานีและใกล้เคยี งในเขตอสี านใต้:
3.3.2 ความสัมพันธใ์ นดา้ นการสาธารณสขุ ระหวา่ งประเทศ
กระทรวงสาธารณสุขของไทย ได้ประกาศนโยบายด้านการต่างประเทศและ
อาเซยี นไว้ต้งั แต่ปี พ.ศ. 2558 ไว้ เพื่อรองรบั การเปน็ ศูนยก์ ลางดา้ นการบรกิ ารสุขภาพ
ในภมู ิภาคไว้ 5 ขอ้ ด้วยกนั คอื (กระทรวงสาธารณสุข, ม.ป.ป.)
(1) เสริมสร้างให้ประเทศไทยมบี ทบาทน�ำและมีสว่ นร่วมในการกำ� หนดนโยบาย
สาธารณสุขที่ส�ำคัญในองคก์ รระดับภูมิภาคและระดับโลก
(2) ใหค้ วามรว่ มมอื ทางวชิ าการ/บรกิ ารบนพน้ื ฐานของความเปน็ มติ ร มปี ระโยชน์
รว่ มกันเพ่ือความผาสุกของภูมิภาค
(3) ดูแลสุขภาพประชาชนจากผลการรวมประชาคมอาเซียน โดยเสริมสร้าง
ศกั ยภาพดา่ นชายแดน จังหวดั แนวชายแดน และเมอื งหลกั ในภูมภิ าค
(4) สนับสนุนการมีสิทธิข้ันพื้นฐานในการเข้าถึงและได้รับบริการทางการแพทย์
และสาธารณสขุ ของแรงงานตา่ งดา้ วและคนตา่ งดา้ ว โดยควรมรี ะบบหลกั ประกนั สขุ ภาพ
ที่ท�ำให้เกิดความเปน็ ธรรมท้ังผใู้ หแ้ ละผรู้ ับบริการ
(5) มกี ารพฒั นาระบบบรหิ ารจดั การและบคุ ลากรทง้ั ดา้ นบรหิ ารและวชิ าการอยา่ ง
ตอ่ เนอ่ื งและเหมาะสม รวมทง้ั สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การทำ� งานอยา่ งบรู ณาการรว่ มกบั หนว่ ยงาน
ภายในและภายนอก ทัง้ ภาครัฐและเอกชนเพ่ือใหเ้ กิดประสิทธภิ าพ
จากการศึกษาพบวา่ ความสัมพนั ธด์ า้ นการสาธารณสขุ ระหวา่ งไทยกับประเทศ
เพอ่ื นบา้ น โดยเฉพาะระหวา่ งจงั หวดั ชายแดนทม่ี อี าณาเขตตดิ ตอ่ กบั ประเทศเพอ่ื นบา้ นนน้ั
นับเป็นปัจจัยดึงดูด (pull factor) ประการหน่ึงท่ีก่อให้เกิดปรากฏการณ์บริการสุขภาพ
ขา้ มแดนในเขตจงั หวดั อบุ ลราชธานีและใกล้เคียง
ทั้งนี้ในส่วนของประเทศไทยนั้น มียุทธศาสตร์และนโยบายในประเด็นนี้
ค่อนข้างชัดเจนและด�ำเนินการมานานพอสมควร โดยการสนับสนุนงบประมาณจาก
กรมความร่วมมอื ระหวา่ งประเทศ (Thailand International Cooperation Agency) หรอื
TICA หน่วยงานในสังกัดของกระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้โครงการความร่วมมือ
เพ่ือการพัฒนาระหว่างประเทศของไทยด้านสาธารณสุขกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่เรียก
สั้นๆ ว่า “โครงการสาธารณสุขชายแดน” ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ด�ำเนินการมาตั้งแต ่
ปี 2557 หรอื หนงึ่ ปีกอ่ นการจดั ตั้งประชาคมอาเซียน ดงั ปรากฏรายละเอียดในเว็บไซต์
ของ TICA ดังน้ี (กรมความรว่ มมอื ระหวา่ งประเทศ, ม.ป.ป.)
ในโลกยคุ สังคมดิจิทัล การสือ่ สารทีไ่ ร้พรมแดน ยคุ ที่การพัฒนาและเทคโนโลย ี
มีความเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ท�ำให้โลกไร้พรมแดน (Globalization) ส่งผลกระทบ
โดยตรงตอ่ วถิ ชี วี ติ ของผคู้ น นอกจากจะทำ� ใหเ้ ศรษฐกจิ มกี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ แลว้
ยังท�ำให้เกิดอาชญากรรมข้ามชาติและการแพร่กระจายโรคต่างๆ อีกด้วย โดยในอดีต
การศึกษาสถานการณแ์ ละบริบททเ่ี กยี่ วขอ้ งของพ้นื ทีช่ ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 129
การระบาดของโรคจากทหี่ นง่ึ ไปยงั อกี ทห่ี นงึ่ ตอ้ งใชเ้ วลาเปน็ เดอื นดว้ ยการเดนิ ทางทจี่ ำ� กดั
แต่ปัจจุบันด้วยการเดินทางท่ีสะดวกสบายท�ำให้เชื้อโรคต่างๆ สามารถแพร่กระจาย
ไดช้ ว่ั ขา้ มคนื จากประเทศหนง่ึ ไปยงั อกี ประเทศหนงึ่ ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งขอ VISA เพอื่ ขออนญุ าต
เพือ่ เขา้ ไปแพร่เชื้อในประเทศก็ได้
การด�ำเนินงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ซึ่ง TICA เป็นหน่วยงานหลัก
ในการบูรณาการการด�ำเนินงานน้ัน TICA ตระหนักและเห็นถึงความส�ำคัญของการ
เตรยี มรับมือและเฝา้ ระวังโรคติดต่อต่างๆ จงึ ไดด้ �ำเนินการความร่วมมือเพ่อื การพัฒนา
ระหวา่ งประเทศของไทย ดา้ นสาขาสาธารณสขุ กบั ประเทศเพอื่ นบา้ น ในการดำ� เนนิ งานนน้ั
ได้ด�ำเนินการโดยพิจารณายุทธศาสตร์สาธารณสุขชายแดนของไทย พ.ศ. 2560–2564
และนโยบาย/ยทุ ธศาสตรข์ องประเทศเพอื่ นบา้ นสาขาสาธารณสขุ ทงั้ นี้ ไดจ้ ดั ทำ� แผนงาน
เพ่ือเตรียมรับมือกับโรคติดต่อและโรคอุบัติใหม่ท่ีจะเกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทยและ
ประเทศเพื่อนบ้านมาต้ังแต่ปี 2557 เป็นต้นมา รวมทั้งการท�ำแผนงานความร่วมมือ
ด้านสาธารณสุขระยะ 3 ปี กับประเทศกัมพูชา เมียนมา และ สปป.ลาว ซึ่ง TICA
ได้เริม่ ทีก่ มั พชู าเป็นประเทศแรก
ส�ำหรับ “โครงการสร้างความตระหนักและเตรียมความพร้อมส�ำหรับโรคติดต่อ
และโรคอุบัติใหม่ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา–เมียนมา–สปป.ลาว” ก่อน ซึ่ง TICA
ได้สนับสนุนการด�ำเนินงานโครงการน้ีมาแล้ว 6 ปี โดยรัฐบาลขณะนั้นได้ให้แต่ละ
หนว่ ยงานจดั ทำ� โครงการ Flagship เปน็ โครงการเชงิ รกุ เพอื่ เสนอใหร้ ฐั บาลใหก้ ารสนบั สนนุ
ซ่ึงในขณะนั้นได้มีการประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดตามแนวชายแดน มีการ
สง่ เสรมิ ความร่วมมือระดบั ภูมิภาค มีการพัฒนาสรา้ งเสน้ ทางคมนาคมเช่อื มโยงระหวา่ ง
ประเทศ ท�ำใหเ้ กดิ การเคล่ือนย้ายแรงงานขา้ มแดนจากประเทศเพ่อื นบา้ นเขา้ มาท�ำงาน
ในประเทศไทย เนื่องจากโอกาสในการจ้างงานและรายได้ที่สูงกวา่
TICA และกระทรวงสาธารณสุขได้ตระหนักและเห็นความส�ำคัญถึงการ
เตรียมพร้อมในการรับมือกับความต้องการในการดูแลสุขภาพและเตรียมความพร้อม
ในการรับมือกับโรคติดต่อและโรคอุบัติใหม่ที่จะเกิดข้ึนตามแนวชายแดนไทยและ
ประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือสร้างความตระหนักและเตรียมความพร้อม
ส�ำหรบั การรับมอื กับโรคติดตอ่ และโรคอุบัติใหมต่ ามแนวชายแดน และเพอ่ื เปน็ Model
ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศเพ่ือนบ้านที่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย
ท้ังชาวไทยและแรงงานข้ามชาติ ท้ังน้ี TICA เข้าไปท�ำงานในเชิงรุกเพ่ือเพิ่มศักยภาพ
ของบคุ ลากรดา้ นสาธารณสขุ ของประเทศเพอ่ื นบา้ น รวมทงั้ ระบบเฝา้ ระวงั และแจง้ เตอื น
การเกดิ โรคตา่ งๆ การแจง้ เตอื นทดี่ ำ� เนนิ การเปน็ การทำ� งานเชงิ รกุ รว่ มกนั ระหวา่ งกระทรวง
สาธารณสุขและส�ำนกั งานสาธารณสขุ จังหวัดชายแดนต่างๆ
130 • บริการสุขภาพข้ามแดนในจงั หวัดอบุ ลราชธานีและใกลเ้ คียงในเขตอีสานใต:้
ความท้าทายของการป้องกันและเฝ้าระวังด้านสาธารณสุข คือ “ความร่วมมือ
กับประเทศเพื่อนบ้านในการป้องกันโรคที่ต้นทาง” ดังน้ัน จึงเกิดการบูรณาการในการ
ทำ� งานรว่ มกนั ระหวา่ งสำ� นกั งานสาธารณสขุ จงั หวดั ชายแดนไทยกบั สำ� นกั งานสาธารณสขุ
ของประเทศเพื่อนบ้าน รวมทัง้ หมด 13 คู่ ดังนี้
ชายแดนไทย–ลาว จำ� นวน 5 คู่ คอื (1) เชยี งราย–บอ่ แกว้ (2) หนองคาย–นครหลวง
เวยี งจนั ทน์ (3) นครพนม–ค�ำมว่ น (4) มกุ ดาหาร–สะหวันนะเขต และ (5) อบุ ลราชธาน–ี
จำ� ปาสัก
ชายแดนไทย–กัมพชู า จำ� นวน 4 คู่ คอื (1) อบุ ลราชธาน–ี พระวหิ าร (2) สรุ ินทร์–
อุดรมีชัย (3) สระแกว้ –บันเตียเมียนเจย และ (4) ตราด–เกาะกง
ชายแดนไทย–เมยี นมา จ�ำนวน 4 คู่ คอื (1) ตาก–เมียวดี (2) เชยี งราย–ทา่ ข้เี หล็ก
(3) ระนอง–เกาะสอง และ (4) กาญจนบุรี–ทวาย
การดำ� เนนิ การทผ่ี า่ นมาหนว่ ยงานดา้ นสาธารณสขุ ของประเทศไทยและประเทศ
เพอ่ื นบา้ นกม็ คี วามรว่ มมอื ระหวา่ งกนั ตอ่ เนอ่ื งมาอยา่ งยาวนาน แตเ่ นอื่ งจากงบประมาณ
ส�ำหรับการด�ำเนนิ งานกับประเทศเพอ่ื นบ้านไดต้ ้งั ไวท้ ่ี TICA ดังนน้ั บทบาทหน้าทขี่ อง
TICA คือเข้าไปเสริมเพ่ิมกิจกรรมที่จะด�ำเนินการในต่างประเทศมากขึ้น โดยระยะแรก
การด�ำเนินโครงการเป็นในลักษณะปีต่อปี (2557, 2558 และ 2559) หลังจากนี้ไป
TICA จะท�ำเป็นแผนงานระยะเวลา 3 ปี (2561–2563) เป็นการท�ำแผนระยะกลาง
3 ปี ท�ำให้มีการออกแบบโครงการที่มองถึงเป้าหมายท่ีต้องการจะแก้ไขปัญหาด้าน
สาธารณสขุ
ภาพที่ 3.17 การประชุมด้านสาธารณสุขรว่ มไทย–กมั พูชา
ระหว่างจังหวัดสรุ ินทร์กบั จงั หวดั อุดรมชี ยั และเสยี มเรยี บ
ทม่ี า: เว็บไซต์โรงพยาบาลท่าตมู จังหวัดสุรินทร์ (26 กันยายน 2564)
การศึกษาสถานการณ์และบริบททีเ่ กย่ี วข้องของพืน้ ทีช่ ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 131
กิจกรรมความร่วมมือที่ด�ำเนินการร่วมกันนั้นเป็นกิจกรรมเชิงป้องกัน ได้แก่
การจัดตั้งศูนย์ประสานงานในพื้นที่เป้าหมาย การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในด้าน
ทักษะการสื่อสารและกระบวนการเข้าถึง การจัดบริการสุขภาพและการส่งต่อ รวมทั้ง
การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านสาธารณสุขของประเทศเพื่อนบ้าน เป้าหมาย
ของการท�ำงานสาธารณสุขแบบไร้พรมแดนน้ี คือ ต้องการ Model หรือแนวปฏิบัติที่ดี
(Best Practice) ของการท�ำงานความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศไทย
และประเทศเพื่อนบ้าน รวมท้ังต้องการให้ประเทศเพ่ือนบ้านมีสุขภาพที่ดี และท�ำให้
ประชาคมอาเซียนสามารถบรรลุเป้าหมายการพฒั นาอยา่ งยง่ั ยืน
ในระดับพ้ืนที่จังหวัดชายแดนนั้น หน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นท่ีก็ได้มีการ
ด�ำเนินกิจกรรมตามยุทธศาสตร์และนโยบายด้านสาธารณสุขของประเทศ เชน่ โครงการ
สนับสนุนการเป็นเมืองศูนย์กลางบริการสุขภาพอาเซียน ปี 2559 ของส�ำนักงาน
สาธารณสขุ จงั หวดั อบุ ลราชธานี ทที่ างกระทรวงสาธารณสขุ ตง้ั เปา้ หมายทจี่ ะใหส้ �ำนกั งาน
สาธารณสขุ จงั หวดั ทกุ แหง่ มศี นู ยป์ ระสานงานเครอื ขา่ ยประชาคมอาเซยี นดา้ นสาธารณสขุ
(Center of ASEAN Health Network Collaboration – AHNC หรอื ศคอส.) ครบทกุ จงั หวดั
ในปี พ.ศ. 2561 อันน�ำมาซึ่งการขยายตัวของกิจกรรมด้านสาธารณสุขระหว่างจังหวัด
ชายแดนกบั จงั หวดั หรอื แขวงของประเทศเพอ่ื นบา้ นทม่ี พี รมแดนตดิ กนั ทงั้ นกี้ ารขบั เคลอื่ น
“โครงการสาธารณสุขชายแดน” ในระดับพื้นท่ีนั้น จะด�ำเนินการโดยหน่วยงานในพื้นที่
เป็นหลกั โดยมีส�ำนักงานสาธารณสุขจงั หวดั ชายแดนแต่ละแหง่ เป็นเจา้ ภาพ
ในกรณีของจังหวดั สรุ นิ ทร์ซ่ึงมีพรมแดนติดกับประเทศกัมพชู าน้ัน ไดม้ ีขอ้ ตกลง
ความร่วมมือด้านสาธารณสุขชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะจังหวัดอุดรมีชัยและ
จังหวัดเสียมราฐของกัมพูชาที่มีพรมแดนติดกัน ในการร่วมมือสนับสนุนการพัฒนา
ศักยภาพการให้บริการด้านสุขภาพ ด้วยการฝึกอบรมด้านการแพทย์ พยาบาล และ
เจา้ หนา้ ทขี่ องกมั พชู า เพ่ือแกไ้ ขปญั หาด้านสขุ ภาพ การป้องกนั โรคตดิ ตอ่ ที่สำ� คญั เช่น
โรคมาลาเรยี โรคเอดส์ โรควณั โรค และโรคติดตอ่ อื่นๆ รว่ มกัน
132 • บริการสขุ ภาพข้ามแดนในจังหวดั อบุ ลราชธานแี ละใกล้เคยี งในเขตอีสานใต้:
ภาพที่ 3.18 การประชมุ ร่วมระหว่างสาธารณสขุ จังหวดั อุบลราชธานี
กบั สาธารณสุขแขวงจ�ำปาสัก และสาธารณสขุ แขวงสาละวัน สปป.ลาว
ท่ีมา: สมหมาย ชนิ นาค (26 มนี าคม 2564)
ส่วนพรมแดนที่ติดกับ สปป.ลาว นั้น ก็พบว่าส�ำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
อบุ ลราชธานี กบั แขวงจำ� ปาสกั สปป.ลาว กม็ กี จิ กรรมความรว่ มมอื เพอ่ื สรา้ งความสมั พนั ธ์
อนั ดกี นั อยา่ งเปน็ ทางการนบั แตป่ ี พ.ศ. 2546 หลายประการ เชน่ การพฒั นาระบบสง่ ตอ่
ผปู้ ว่ ยระหวา่ งจงั หวดั อบุ ลราชธานกี บั แขวงจำ� ปาสกั สปป.ลาว การประชมุ วชิ าการโรคตดิ ตอ่
ชายแดนร่วมกัน การฝกึ ซ้อมแผนร่วมกันรับมือโรคติดต่อ การสอบสวนโรคร่วมกันตาม
พนื้ ทแี่ นวชายแดน กรณมี ีโรคระบาด การสนบั สนนุ ชดุ คอมพวิ เตอร์ เพื่อใชใ้ นการจดั เกบ็
ขอ้ มลู การแลกเปลย่ี นขอ้ มลู โรคตดิ ตอ่ ทสี่ ำ� คญั ตามแนวชายแดน (Mekong Basin Disease
Surveillance – MBDS) การปอ้ งกนั ควบคมุ โรคเอดส์ STI และวณั โรครว่ มกนั เปน็ ตน้
นอกจากนี้ ยังมี “เครือข่าย” ความร่วมมือของรัฐในระดับจังหวัดของไทยและ
เพ่ือนบ้านทั้งสองประเทศ ท่ีเรียกว่า “โครงการเมืองพ่ีเมืองน้อง” หรือ “เมืองคู่มิตร”
(Sister Cities) อกี ดว้ ย ซงึ่ เปน็ หนงึ่ ในโครงการทวภิ าคภี ายใตก้ รอบยทุ ธศาสตร์ ACMECS
โดยกิจกรรมความร่วมมือก็จะครอบคลุมทั้งทางด้านความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน
และการแลกเปล่ียนด้านสังคมและวัฒนธรรม ทั้งนี้ความตกลงเมืองพี่เมืองน้องภายใต้
กรอบ ACMECS ในกรณีของพนื้ ท่ที ศ่ี กึ ษาน้มี ีจ�ำนวน 3 คู่ ได้แก่ ศรสี ะเกษ–เสยี มราฐ
สรุ นิ ทร–์ อุดรมีชยั และอุบลราชธาน–ี จ�ำปาสัก
ฉะนนั้ การเกดิ “เครอื ขา่ ย” ทง้ั ในแงข่ องการคา้ การลงทนุ การแลกเปลยี่ นดา้ นสงั คม
และวัฒนธรรม รวมท้ังด้านสาธารณสุขชายแดนดังกล่าว จึงท�ำหน้าท่ีในการอ�ำนวย
ความสะดวกให้กับการข้ามแดนเพ่ือใช้บริการสุขภาพ รวมทั้งช่วยกระชับความสัมพันธ์
ของทั้งสองประเทศและพัฒนาระบบบริการสุขภาพบริเวณชายแดนไปพร้อมๆ กันด้วย
การศกึ ษาสถานการณ์และบรบิ ทที่เก่ยี วข้องของพื้นที่ชายแดนประเทศตน้ ทาง (กัมพชู า และ สปป.ลาว) • 133
3.4 บริบทด้านโครงสร้างพ้ืนฐานด้านคมนาคมขนส่งของอาณาบริเวณพ้นื ท่ี
ชายแดน
ในอดีตอาณาบริเวณพ้ืนท่ีชายแดนมักจะถูกละเลยในเรื่องการพัฒนาด้าน
โครงสรา้ งพนื้ ฐาน โดยเฉพาะเสน้ ทางคมนาคม อนั เนอื่ งมาจากมมุ มองของรฐั มกั มองวา่
อาณาบริเวณชายแดนเกยี่ วขอ้ งกบั เร่อื งความม่ันคงระหว่างประเทศ (national security)
เหตุนี้ การพฒั นาเสน้ ทางคมนาคมขนส่งในอดตี มักจะองิ เร่อื งความมั่นคงหรือการทหาร
เปน็ สำ� คญั ดงั ทมี่ คี ำ� เรยี กขานเสน้ ทางคมนาคมในพน้ื ทชี่ ายแดนวา่ “เสน้ ทางยทุ ธศาสตร”์
จนกระท่ังหลังทศวรรษ 2530 อันเป็นช่วงท่ีสงครามเย็นในภูมิภาคน้ีส้ินสุดลง และ
การขยายตวั ของเศรษฐกจิ เสรนี ิยมใหมใ่ นภูมภิ าคซ่ึงอยใู่ นช่วงนับแต่ประเทศไทยภายใต้
การน�ำของ พลเอก ชาตชิ าย ชุณหะวณั นายกรฐั มนตรีในขณะน้ัน ได้ประกาศนโยบาย
“เปลยี่ นสนามรบเปน็ สนามการคา้ ” รฐั บาลไทยจงึ ไดเ้ รม่ิ ปรบั ปรงุ เสน้ ทางคมนาคมในพนื้ ที่
ชายแดนเพื่อรองรับการขยายตวั ทางดา้ นเศรษฐกิจ ดังท่ีเรามักจะได้ยินวลีทว่ี า่ “เส้นทาง
สู่อนิ โดจนี ” หรือ “ประตูสู่อนิ โดจีน” เปน็ ตน้ นับแต่นนั้ เปน็ ตน้ มา เสน้ ทางคมนาคมขนสง่
ในอาณาบริเวณพ้ืนที่ชายแดนจึงได้รับงบประมาณจ�ำนวนมากเพ่ือท�ำการพัฒนาอย่าง
ตอ่ เน่ือง และยิ่งมีความเขม้ ขน้ ขนึ้ เมอ่ื แนวคดิ การพฒั นาระเบียงเศรษฐกจิ ระดบั ภมู ภิ าค
(Economic Corridor) ซ่ึงเสนอโดยธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development
Bank – ADB) ไดร้ บั การขานรบั จากรฐั บาลตา่ งๆ ในกลมุ่ ภมู ภิ าคลมุ่ นำ�้ โขง ทม่ี ไี ทย กมั พชู า
และ สปป.ลาว รวมอยดู่ ้วย
ปัจจุบัน เส้นทางคมนาคมอาณาบริเวณชายแดนในแถบจังหวัดอุบลราชธานี
ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ท่ีเชื่อมต่อกับประเทศเพ่ือนบ้านทั้งกัมพูชาและ สปป.ลาว น้ัน
นับว่ามีความสะดวกสบายและมีมาตรฐาน สามารถเช่ือมต่อไปยังจังหวัดหรือแขวง
ในประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างรวดเร็ว เพราะรัฐบาลไทยโดยกระทรวงคมนาคมด�ำเนิน
โครงการบูรณาการพฒั นาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ เชือ่ มโยงเส้นทางสายย่อย
เขา้ สทู่ างสายหลกั อำ� นวยความสะดวกแกผ่ ใู้ ชท้ างใหส้ ามารถเดนิ ทางจากอ�ำเภอสจู่ งั หวดั
ไดใ้ นระยะเวลาอนั รวดเรว็ ทำ� ใหเ้ สน้ ทางคมนาคมเหลา่ นนั้ เปน็ ระบบทางหลวงทท่ี นั สมยั
เช่ือมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรองรับการพัฒนา
เศรษฐกิจและการคมนาคมขนส่งของพื้นท่ีอาณาบริเวณชายแดนไทยกับเพ่ือนบ้าน
และภมู ิภาคไดเ้ ป็นอย่างดี ทงั้ นเี้ ส้นทางคมนาคมที่สำ� คญั ในพืน้ ท่ีศกึ ษาในครง้ั น้มี ี 3 สาย
คอื ทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข 217 (วารนิ ชำ� ราบ–ชอ่ งเมก็ ) ทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข
214 (สุรินทร–์ ช่องจอม) และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 (ขขุ นั ธ–์ ช่องสะง�ำ) ซึ่งมี
ข้อมลู พอสังเขปดงั นี้
134 • บรกิ ารสขุ ภาพข้ามแดนในจังหวดั อบุ ลราชธานแี ละใกล้เคียงในเขตอีสานใต้:
ทางหลวงหมายเลข 217 (วารินช�ำราบ–ช่องเม็ก) หรือถนนสถิตนิมานการ
เรม่ิ จากเขตเทศบาลเมืองวารนิ ชำ� ราบ อ�ำเภอวารินชำ� ราบ จังหวดั อุบลราชธานี จากนน้ั
ผ่านอ�ำเภอสว่างวีระวงศ์ อำ� เภอพิบูลมังสาหาร สุดทา้ ยผา่ นอำ� เภอสิรินธร แลว้ ไปสน้ิ สดุ
ท่ีด่านช่องเม็ก ต�ำบลช่องเม็ก อ�ำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี รวมระยะทางได้
86.067 กโิ ลเมตร เปน็ ถนนขนาด 4 ชอ่ งจราจรตลอดสาย ถนนสถิตนิมานการเดิมมชี ื่อ
เรียกว่า “ทางหลวงแผ่นดินสายวาริน–พิบูล–ช่องเม็ก” ต่อมาได้รับการต้ังชื่อดังกล่าว
เม่อื วนั ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2493 ในสมัยที่จอมพล ป. พบิ ูลสงคราม เป็นนายกรฐั มนตรี
เพ่ือเป็นเกียรติแก่หลวงสถิตนิมานการ (ชวน สุปิยพันธ์ สถิตนิมานการ) อดีตนายช่าง
ก�ำกบั การก่อสรา้ งถนนสายนี้ (วิกพิ เี ดยี , ม.ป.ป.)
ภาพท่ี 3.19 ดา่ นชอ่ งเมก็ ต�ำบลช่องเมก็ อ�ำเภอสริ นิ ธร จังหวดั อบุ ลราชธานี
จุดสนิ้ สุดของทางหลวงหมายเลข 217
ท่มี า: สมหมาย ชินนาค (26 มีนาคม 2564)
เสน้ ทางสายนนี้ บั เปน็ เสน้ ทางคมนาคมทส่ี ำ� คญั ทเี่ ชอ่ื มระหวา่ งจงั หวดั อบุ ลราชธานี
กับลาวใต้ จึงเป็นเส้นทางหลักของการส่งสินค้าข้ามแดนและผ่านแดนไปยัง สปป.ลาว
และเวียดนาม เพราะเชื่อมต่อกับถนนเส้นทางหมายเลข 16W จากบ้านวังเต่า–ปากเซ
ซ่ึงเป็นถนน 4 เลน ทปี่ รบั ปรงุ ใหมจ่ ากเดิมท่ีมีเพียง 2 เลน ระยะทางยาว 42 กิโลเมตร
โดยบริษัทดวงดีก่อสร้างขัว–ทาง จ�ำกัด เป็นผู้ได้รับสัมปทานก่อสร้างด้วยงบประมาณ
52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เริ่มต้นก่อสร้างเมื่อปี 2012 (พ.ศ. 2555) และเปิดใช้งาน
เมือ่ ตน้ เดอื นกรกฎาคม 2560
การศึกษาสถานการณ์และบรบิ ทท่เี กย่ี วข้องของพนื้ ท่ชี ายแดนประเทศต้นทาง (กัมพูชา และ สปป.ลาว) • 135
ภาพท่ี 3.20 เขตเศรษฐกจิ วงั เต่า–โพนทอง เมืองโพนทอง แขวงจำ� ปาสัก
ท่ีมา: https://www.facebook.com/ເຂດເສດຖະກິ ດພິ ເສດແຂວງ�ຈຳປາສັ ກ
(26 มีนาคม 2564)
บ้านวังเต่า (ตรงข้ามกับด่านช่องเม็ก) อยู่ในเมืองโพนทอง แขวงจ�ำปาสัก
เปน็ เมอื งหนา้ ดา่ นส�ำคญั ทางภาคใตข้ อง สปป.ลาว และเปน็ แขวงทมี่ จี �ำนวนประชากรสงู
เปน็ อันดบั ที่ 3 ของประเทศ ท่ีมีการพฒั นาดา้ นโครงสรา้ งพ้ืนฐานอย่างตอ่ เน่ือง แขวงน้ี
ยงั เปน็ ทีต่ ั้งของนคิ มอตุ สาหกรรมปากเซ–ญ่ีปุ่น SME เนือ้ ท่ี 195 เฮกตาร์ (1,218.75 ไร่)
ที่บริษัทเอกชนจากญ่ีปุ่นเป็นผู้ลงทุนในวงเงิน 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอายุสัมปทาน
50 ปี อีกทั้งคณะกรรมการแห่งชาติเพ่ือคุ้มครองเขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตเศรษฐกิจ
เฉพาะของลาว ไดใ้ หส้ มั ปทานแกบ่ รษิ ทั ดวงดกี อ่ สรา้ งขวั –ทาง ในการพฒั นาเขตเศรษฐกจิ
วังเตา่ –โพนทอง บนเนอ้ื ท่ี 253 เฮกตาร์ (ประมาณ 1,581 ไร)่ บริเวณด่านสากลวงั เต่า
ใชเ้ งนิ ลงทุน 250 ล้านดอลลาร์สหรฐั อายุสมั ปทาน 99 ปี มรี ัฐบาลลาวร่วมถอื หุ้นดว้ ย
30% เขตเศรษฐกิจวังเต่า–โพนทอง ประกอบไปด้วย ศูนย์การค้า ร้านค้าปลอดภาษ ี
ตลาดชายแดน โรงแรม บ้านจัดสรร ธนาคาร สถาบันการเงิน ลานพักและขนถา่ ยสินคา้
รวมถงึ โรงงานอตุ สาหกรรมเพอ่ื การสง่ ออก โดยบรษิ ทั ดวงดกี อ่ สรา้ งขวั –ทาง มที า่ นอดุ อน
แก้วดวงดี อดตี รองเจ้าเมอื งสองคอน แขวงสะหวนั นะเขต เป็นผู้อ�ำนวยการ
ดังน้นั ทางหลวงหมายเลข 217 (วารินชำ� ราบ–ชอ่ งเม็ก) หรอื ถนนสถิตนมิ านการ
จึงเป็นเส้นทางสัญจรหลักของชาวลาวในเขตพ้ืนท่ีภาคใต้ท่ีข้ามเข้ามาใช้บริการสุขภาพ
ขา้ มแดนในสถานบรกิ ารสขุ ภาพ ทง้ั ในแถบแนวชายแดนและในเขตตวั จงั หวดั อบุ ลราชธานี
และใกล้เคยี งด้วยเช่นกัน
136 • บริการสุขภาพข้ามแดนในจงั หวดั อุบลราชธานีและใกล้เคยี งในเขตอีสานใต:้
ทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข 214 (สรุ นิ ทร–์ ชอ่ งจอม) เสน้ ทางสายนเี้ ปน็ สว่ นหนงึ่
ของทางหลวงแผน่ ดนิ ท่มี ีจุดเร่มิ ต้นทจี่ งั หวัดกาฬสินธุ์ นับเป็นทางหลวงแผน่ ดนิ สายหน่งึ
ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนกลาง–ตอนลา่ ง โดยเรมิ่ จากเขตเทศบาลเมอื งกาฬสนิ ธ์ุ
ตำ� บลกาฬสนิ ธ์ุ อำ� เภอเมอื งกาฬสนิ ธ์ุ จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ โดยผา่ นอ�ำเภอกมลาไสย จงั หวดั
กาฬสินธุ์ อ�ำเภอจังหาร อ�ำเภอเมืองร้อยเอ็ด อ�ำเภอจตุรพักตรพิมาน และอ�ำเภอ
เกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด และอ�ำเภอท่าตูม อ�ำเภอจอมพระ อ�ำเภอเขวาสินรินทร์
อำ� เภอเมอื งสรุ นิ ทร์ อำ� เภอปราสาท จงั หวดั สรุ นิ ทร์ แลว้ ไปสนิ้ สดุ ทด่ี า่ นพรมแดนชอ่ งจอม
อ�ำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ชายแดนประเทศกัมพูชา ซ่ึงจะไปเช่ือมต่อกับเส้นทาง
หมายเลข 68 ในเขตอำ� เภอส�ำโรง จังหวดั อดุ รมีชัย ประเทศกัมพูชา รวมระยะทางจาก
จุดเริ่มต้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ถึงด่านชายแดนช่องจอมมีความยาวประมาณ 264.66
กโิ ลเมตร
ส�ำหรับเส้นทางในช่วงเทศบาลเมืองสุรินทร์ถึงด่านพรมแดนช่องจอมระยะทาง
ประมาณ 70 กิโลเมตรนน้ั ปจั จบุ นั เปน็ ถนนขนาด 4 ชอ่ งจราจรตลอดแนว ท�ำใหม้ ีความ
สะดวกสบายแกผ่ เู้ ดนิ ทางคอ่ นขา้ งมาก ไมว่ า่ จะสญั จรโดยรถยนตส์ ว่ นตวั หรอื รถโดยสาร
ประจ�ำทางหรือรถแท็กซ่ีก็ตาม และถือเป็นเส้นทางคมนาคมหลักรองรับขนส่งชายแดน
ไทย–กมั พูชา ทีเ่ ชอื่ มโยงโครงขา่ ยคมนาคมภาคอีสานตอนกลาง–ตอนลา่ งอีกดว้ ย
นอกจากนี้ ชอ่ งจอมยงั เปน็ จดุ ทสี่ ามารถเชอ่ื มตอ่ ไปยงั เมอื งหรอื จงั หวดั ทสี่ �ำคญั ๆ
ในเขตอีสานใต้ได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยเหตุนี้ ผู้โดยสารจึงสามารถใช้บริการขนส่ง
สาธารณะทง้ั รถโดยสารและรถรบั จา้ งไปยงั เมอื งหรอื จงั หวดั ทส่ี �ำคญั ๆ ในเขตอสี านใตไ้ ด้
โดยเฉพาะอย่างยง่ิ รถโดยสารขนาด 24 ท่ีนั่ง ที่ให้บรกิ ารระหว่างช่องจอม–อุบลราชธานี
ทว่ี ง่ิ วนั ละ 5 เทย่ี วนนั้ นบั วา่ เปน็ ทน่ี ยิ มอยา่ งมากในหมชู่ าวกมั พชู าทข่ี า้ มแดน ณ จดุ ผา่ น
แดนช่องจอมเพ่ือเดินทางไปรับบริการสุขภาพที่จังหวัดอุบลราชธานี เพราะค่าโดยสาร
เพียง 170 บาทต่อคนเท่านั้น ขณะที่รถรับจ้างหรือรถแท็กซ่ีนั้นจะตกเที่ยวละ 1,500–
1,800 บาท (สอน (Sorn), ญาตผิ ูป้ ่วยชาวพระตะบอง กมั พูชา, สัมภาษณ์ 22 ธันวาคม
2562)
การศึกษาสถานการณแ์ ละบริบททีเ่ กี่ยวข้องของพ้ืนทช่ี ายแดนประเทศตน้ ทาง (กัมพชู า และ สปป.ลาว) • 137
ภาพท่ี 3.21–3.22 รถประจ�ำทางสาย 842 วงิ่ ระหวา่ งอุบลราชธาน–ี ชอ่ งจอม
เป็นรถโดยสารขนาด 24 ทนี่ ่ัง
ที่มา: สมหมาย ชินนาค (18 ธันวาคม 2561)
ภาพที่ 3.23 คิวรถตโู้ ดยสารสรุ นิ ทร์–ชอ่ งจอม
ที่สถานขี นส่งรถโดยสารจังหวัดสรุ ินทร์
ที่มา: www.surinonline.com (26 กนั ยายน 2564)
138 • บริการสขุ ภาพข้ามแดนในจังหวดั อุบลราชธานแี ละใกลเ้ คยี งในเขตอสี านใต้:
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 (ขุขันธ์–ช่องสะง�ำ) หรือถนนไกรภักดี
เป็นทางหลวงแผ่นดินที่ใช้สัญจรติดต่อกันในเขตอำ� เภอขุขันธ์และอำ� เภอภูสิงห์ โดยเริ่ม
แยกจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220 ที่แยกขุขันธ์ ต�ำบลห้วยเหนือ (เขตเทศบาล
ต�ำบลเมืองขุขันธ์) ผ่านพื้นท่ีต�ำบลห้วยส�ำราญ ต�ำบลโสน อ�ำเภอขุขันธ์ และไปส้ินสุด
ทดี่ า่ นศลุ กากรชอ่ งสะงำ� ตำ� บลไพรพฒั นา อำ� เภอภสู งิ ห์ ระยะทางประมาณ 50 กโิ ลเมตร
ซ่ึงไปเชื่อมต่อกับเส้นทางหมายเลข 67 (NR 67) จากด่านชายแดนอัลลองเวง (จวม)
จงั หวดั อดุ รมชี ัย ทอ่ี ยู่ตรงข้ามกบั ด่านชายแดนช่องสะง�ำ อำ� เภอภูสงิ ห์ จงั หวัดศรีสะเกษ
ซง่ึ ไปสิ้นสดุ ท่จี ังหวดั เสียมเรยี บ (เสยี มราฐ) ระยะทางประมาณ 135 กโิ ลเมตร
เสน้ ทางนน้ี บั เปน็ อกี เสน้ ทางหนงึ่ ทช่ี าวกมั พชู านยิ มใชข้ า้ มแดนมาใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพ
ท่ีจังหวัดอุบลราชธานีและใกล้เคียง แต่เนื่องจากสภาพพื้นท่ีของด่านผ่านแดนต้ังอยู ่
บนเนนิ เขา และยงั ไมม่ บี รกิ ารรถโดยสารประจ�ำทางเขา้ ถงึ ดงั เชน่ ทดี่ า่ นชายแดนชอ่ งจอม
จงั หวดั สรุ นิ ทร์ ทำ� ใหผ้ ทู้ ขี่ า้ มดา่ นบรเิ วณนม้ี กั จะเปน็ ผทู้ น่ี ำ� รถยนตส์ ว่ นตวั ขา้ มแดนมาดว้ ย
หรือไม่ก็จะเป็นผู้ที่ข้ามแดนมากันเป็นกลุ่มๆ แล้วมาจ้างรถรับจ้างของไทยท่ีชายแดน
ในการเดินทาง
ภาพท่ี 3.24 ด่านตรวจของทหารบนทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข 2201
(ขขุ ันธ–์ ชอ่ งสะง�ำ)
ที่มา: สมหมาย ชนิ นาค (18 มีนาคม 2564)
การศึกษาสถานการณ์และบรบิ ทท่เี กย่ี วขอ้ งของพื้นที่ชายแดนประเทศต้นทาง (กัมพูชา และ สปป.ลาว) • 139
ภาพท่ี 3.25 ทางหลวงแผน่ ดินหมายเลข 2201 (ขุขนั ธ–์ ชอ่ งสะงำ� )
ท่มี า: สมหมาย ชนิ นาค (18 มีนาคม 2564)
จากทไี่ ดน้ ำ� เสนอไปขา้ งตน้ จะเหน็ ไดว้ า่ สถานการณแ์ ละบรบิ ทของพนื้ ทช่ี ายแดน
ไทย–ลาว–กัมพชู า ในเขตจังหวดั อบุ ลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรนิ ทร์ ไม่ว่าจะเป็นบรบิ ท
ทางภมู ศิ าสตรแ์ ละบรกิ ารสขุ ภาพของจงั หวดั อบุ ลราชธานแี ละใกลเ้ คยี ง บรบิ ทความสมั พนั ธ์
ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียงในเขตอีสานใต้กับประเทศเพ่ือนบ้าน
และบริบทด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของอาณาบริเวณพื้นที่ชายแดน
ที่เรียกว่า “บริบทดา้ นภมู ิศาสตรส์ ังคม” (Social Geography Contexts) นั้น นับเป็นปจั จยั
ดึงดูด (pull factors) ที่ท�ำให้ชาวกัมพูชาและชาวลาวเคลื่อนย้ายข้ามแดนมารับบริการ
สขุ ภาพ
4
สถานการณ์และบริบท
ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับการใช้บรกิ ารสุขภาพ
ข้ามแดนของกมั พูชา
4.1 เกร่นิ น�ำ
ชาวตา่ งชาตทิ เ่ี ขา้ รบั บรกิ ารสขุ ภาพขา้ มแดนในจงั หวดั อบุ ลราชธานกี ลมุ่ หนง่ึ กค็ อื
ชาวกมั พชู า ฉะนน้ั ในบทนจี้ ะไดน้ ำ� เสนอสถานการณแ์ ละบรบิ ททเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั บรกิ ารดา้ น
สขุ ภาพขา้ มแดนของกมั พชู า ซงึ่ จดั เปน็ ปจั จยั ผลกั ดนั (push factors) ของประเทศตน้ ทาง
ทท่ี ำ� ใหเ้ กดิ ปรากฏการณก์ ารเดนิ ทางเพอ่ื รบั บรกิ ารสขุ ภาพขา้ มแดนในจงั หวดั อบุ ลราชธานี
และจงั หวัดใกลเ้ คยี งในเขตอีสานใตข้ องประเทศไทย ซง่ึ เป็นประเทศปลายทาง
ทั้งน้ีผลการศึกษาที่จะน�ำเสนอนี้ได้จากการศึกษาเชิงเอกสาร (documentary
research) ขอ้ มลู ภาคสนาม (field work) โดยวิธกี ารสมั ภาษณ์เชิงลกึ (in-depth interview)
แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ และการสังเกตในภาคสนาม (field observation)
ในส่วนของการสมั ภาษณน์ ้ัน กล่มุ ตัวอย่างผู้ใหข้ ้อมูลประกอบด้วย เจา้ หน้าที่รฐั ของไทย
ท้ังระดับนโยบายและระดับปฏิบัติท่ีเก่ียวข้องกับการบริการสุขภาพข้ามแดนในจังหวัด
อุบลราชธานี ศรสี ะเกษ และสรุ ินทร์ จำ� นวน 9 ราย บุคลากรทางการแพทย์ เจา้ หน้าที่
ของรัฐหรือบุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขในพื้นท่ีท่ีศึกษาของกัมพูชา 1 ราย
ผปู้ ว่ ยชาวกัมพูชา หรือญาตขิ องผ้ปู ว่ ย หรอื ผ้ทู ีเ่ กยี่ วข้องทเ่ี ขา้ มาใช้บริการหรือเคยมาใช้
บริการสุขภาพในจังหวัดอุบลราชธานแี ละใกลเ้ คยี ง จำ� นวน 25 ราย
เนื้อหาท่ีจะน�ำเสนอในบทน้ีจะประกอบไปด้วย (1) สถานการณ์และบริบททาง
ภูมิศาสตร์ของอาณาบริเวณพ้ืนที่ชายแดนประเทศกัมพูชาท่ีติดกับจังหวัดอุบลราชธานี
และใกลเ้ คยี ง (2) สถานการณแ์ ละบรบิ ทดา้ นสาธารณสขุ ของกมั พชู า (3) ปจั จยั หรอื เงอื่ นไข
ที่ท�ำใหเ้ กิดการใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพขา้ มแดน และ (4) รปู แบบการข้ามแดนเพ่อื มาใช้บริการ
สขุ ภาพ ดังรายละเอยี ดต่อไปน้ี
142 • บริการสขุ ภาพขา้ มแดนในจังหวัดอบุ ลราชธานีและใกล้เคียงในเขตอสี านใต:้
4.2 สถานการณแ์ ละบรบิ ททางภมู ศิ าสตรข์ องพื้นทชี่ ายแดนของประเทศกมั พูชา
จากการศึกษาพบว่า พื้นท่ีชายแดนของกัมพูชาที่ติดกับจังหวัดอุบลราชธาน ี
และจังหวัดในเขตอีสานใต้ของประเทศไทย คือ ดินแดนทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ
ของประเทศ ซ่ึงครอบคลุมจังหวัดพระวิหาร (Phreah Vihear) อุดรมีชัย (Oddor
Meanchey) บันเตียเมียนเจย (Banteay Meanchey) เสียมเรียบ (Siem Reap) และ
พระตะบอง (Battambang) นนั้ เปน็ ภมู ภิ าคทค่ี อ่ นขา้ งหา่ งไกลจากเมอื งหลวงคอื พนมเปญ
และหลายพนื้ ทก่ี เ็ ปน็ ปา่ เขา อกี ทง้ั ในอดตี เปน็ พนื้ ทข่ี องการสรู้ บระหวา่ งกองก�ำลงั เขมรแดง
กับกองก�ำลังของรัฐบาล จึงท�ำให้โครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะถนนหนทางได้รับ
การพฒั นาลา่ ชา้ กวา่ พน้ื ทสี่ ว่ นอน่ื ๆ นบั เปน็ อปุ สรรคในการคมนาคม รวมทง้ั การเดนิ ทาง
ของประชาชนไปยงั สถานบรกิ ารด้านสุขภาพซึ่งมักจะตัง้ อยู่ในตัวจังหวัด ที่ตอ้ งเสยี เวลา
และค่าใช้จ่ายมาก ยังผลให้ประชาชนตามแนวตะเข็บชายแดนจ�ำนวนไม่น้อยข้ามแดน
มาใชบ้ รกิ ารดา้ นสขุ ภาพในประเทศไทย เนอื่ งจากตง้ั อยใู่ กลก้ วา่ และเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยนอ้ ยกวา่
ส�ำหรับชาวกัมพูชาท่ีข้ามแดนมารับบริการด้านสุขภาพในจังหวัดอุบลราชธานี
และจงั หวดั ในเขตอสี านใตข้ องประเทศไทยนน้ั สว่ นใหญจ่ ะใชก้ ารเดนิ ทางผา่ นจดุ ผา่ นแดน
2 แห่ง คือ จุดผ่านแดนช่องสะง�ำ อ�ำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ
อำ� เภออลั ลองเวง จงั หวดั อดุ รมชี ยั ของกมั พชู า และจดุ ผา่ นแดนชอ่ งจอม อำ� เภอกาบเชงิ
จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอ�ำเภอส�ำโรง จังหวัดอุดรมีชัยของกัมพูชา ดังปรากฏ
ในแผนท่ี 4.1
แผนที่ 4.1 แสดงที่ต้งั ของจดุ ผ่านแดนบริเวณชายแดนไทย–กมั พูชา
ทมี่ า: https://www.canbypublications.com/cambodia/overland.htm
การศึกษาสถานการณแ์ ละบรบิ ทท่เี ก่ยี วข้องของพ้นื ท่ชี ายแดนประเทศตน้ ทาง (กัมพชู า และ สปป.ลาว) • 143
วรรณรา ชน่ื วฒั นา (2560: 167) กลา่ วว่า สภาพภมู ิศาสตร์ชายแดนประเทศไทย
กบั ประเทศกมั พชู าทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การใหบ้ รกิ ารและรบั บรกิ ารทางการสาธารณสขุ ชายแดน
สามารถแบ่งออกเปน็ 2 ลักษณะ คอื
ลักษณะที่หน่ึงเป็นพ้ืนท่ีราบ ไม่มีแนวธรรมชาติขวางกั้น เช่น บริเวณจังหวัด
สระแก้วเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งบางพ้ืนที่เป็นเพียงคลองเล็กๆ แคบๆ ที่อาจจะแห้งขอด
ในฤดแู ลง้ การเดนิ ทางขา้ มมาตดิ ตอ่ ระบบสาธารณสขุ ชายแดนในเขตประเทศไทยเปน็ ไป
ได้ง่าย ท้ังการเดินทางผ่านด่านอย่างถูกต้องตามระบบและการเดินทางผ่านเส้นทาง
ธรรมชาตทิ ไ่ี มม่ ดี า่ นอยา่ งผดิ ระบบ ดงั นนั้ การตรวจสอบคดั กรองจงึ เปน็ ไปไดไ้ มค่ รอบคลมุ
ก่อนที่จะผ่านเข้ามาถึงอาณาเขตประเทศไทย ท�ำให้มีปัญหาในการควบคุมโรคท้ังโรค
ทม่ี ีคนเป็นพาหะและโรคทีแ่ พร่กระจายตามธรรมชาติ เชน่ นำ�้ ลม สัตว์ ฯลฯ
ลักษณะที่สองเป็นช่องเขา ผู้ที่ผ่านเข้า–ออกจะต้องได้รับการตรวจสอบ
อย่างเป็นระบบ พ้ืนที่ชายแดนตั้งแต่ตอนเหนือของจังหวัดสระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์
ศรสี ะเกษ จนถงึ อบุ ลราชธานี การเขา้ รบั บรกิ ารทางการสาธารณสขุ ผมู้ ารบั บรกิ ารสามารถ
ตรวจสอบสขุ ภาพทด่ี า่ นกอ่ นเขา้ มาได้ นอกจากนเ้ี ทอื กเขาและผนื ปา่ กช็ ว่ ยในการปอ้ งกนั
การแพร่กระจายของโรคที่อาจจะติดต่อจากระบบธรรมชาติได้ ท้ังนี้เทือกเขาดังกล่าวนี้
ก็คอื เทอื กเขาพนมดงรกั (ดองแร็ก, ดงเร็ก) นั่นเอง
สมหมาย ชนิ นาค (2562) ไดก้ ลา่ วถงึ ลกั ษณะทางกายภาพของอาณาบรเิ วณพน้ื ที่
ชายแดนไทย–กัมพูชา แถบเทือกเขาพนมดงรัก ไว้ว่า พนมดองแร็ก เป็นเขตแดนทาง
ธรรมชาติทางด้านตะวันออกของภาคอีสานตอนล่าง หรืออีสานใต้กับประเทศกัมพูชา
และลาว โดยหากค�ำนวณระยะทางนับแต่ด้านทิศตะวันออกที่ปากแม่น้�ำมูล อ�ำเภอ
โขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี และบริเวณท่ีเรียกว่าสามเหลี่ยมมรกตอันเป็นพ้ืนท่ี
ครอบคลมุ สามประเทศ คอื ไทย ลาว และกมั พชู า ไปทางทศิ ตะวนั ตกคอื จงั หวดั ศรสี ะเกษ
จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดนครราชสีมาแล้ว จะพบว่ามีความยาว
รวมประมาณ 544 กิโลเมตร ทิวเขามคี วามกวา้ งระหวา่ ง 4–25 กิโลเมตร ทางดา้ นเหนอื
มีลักษณะเป็นแนวลาดยาวไปทางพื้นราบสูง ซ่ึงสูงประมาณ 200 เมตร ส่วนด้านใต้
เป็นผาชันลงไปสู่ท่ีราบต�่ำท่ีเรียกว่า เขมรต่�ำ ยอดเขาสูงโดยเฉล่ียประมาณ 500 เมตร
ยอดสงู สดุ คือ ภูดงรัก (ดองแร็ก) สูง 740 เมตร อย่ทู างใตอ้ �ำเภอเดชอดุ ม เปน็ ตน้ ก�ำเนิด
ของลำ� นำ้� โดมใหญ่ ยอดสงู ๆ จะอยใู่ นเขตจงั หวดั ศรสี ะเกษ ซงึ่ จะมคี วามสงู เฉลย่ี ประมาณ
600 เมตร ไดแ้ ก่ พนมตาเหมอื น สงู 672 เมตร อยทู่ างใตอ้ ำ� เภอขขุ ันธ์ จงั หวัดศรสี ะเกษ
และเขาพระวิหาร สูง 657 เมตร อยใู่ นเขตอำ� เภอกันทรลักษ์ จังหวดั ศรสี ะเกษ
144 • บรกิ ารสขุ ภาพข้ามแดนในจงั หวัดอุบลราชธานีและใกล้เคยี งในเขตอสี านใต้:
นอกจากทวิ เขาดงั กลา่ วมาแลว้ ยงั มเี นนิ เขาโดดๆ ไมส่ งู นกั อยใู่ นแถบตะวนั ออก
เฉียงเหนือของภาคในบริเวณพื้นที่ระหว่างล�ำน�้ำสงครามกับล�ำน�้ำโขง ได้แก่ ภูสิงห ์
สงู 418 เมตร ยาวประมาณ 18 กโิ ลเมตร ภูววั สูง 420 เมตร ยาวประมาณ 20 กิโลเมตร
ภูเขาเหล่าน้ีเป็นปลายของทิวเขาท่ีต่อเนื่องมาจากดินแดนฝั่งตะวันออกของล�ำน�้ำโขง
(สถานีโทรทัศน์กองทพั บกช่อง 5, ม.ป.ป.)
เทือกเขาดองแร็ก มีช่องเขาท่ีเป็นช่องทางผ่านส�ำคัญหลายแห่ง ที่ส�ำคัญคือ
ช่องจอม ช่องเม็ก และช่องบก ส�ำหรับช่องบกตั้งอยู่ท่ีเขตอ�ำเภอน�้ำยืน จังหวัด
อบุ ลราชธานี ซงึ่ เป็นจดุ รวมพรมแดนของ 3 ประเทศ คอื ไทย กัมพชู า และลาว และ
เป็นต้นก�ำเนิดแม่น�้ำหลายสาย ได้แก่ ล�ำชี ห้วยขะยูง ล�ำโดมใหญ่ และล�ำโดมน้อย
เปน็ ตน้ (“เทือกเขาส�ำคัญของประเทศไทย (ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ)”, ม.ป.ป.)
ในส่วนของฝั่งกัมพูชาหรือด้านใต้ของเทือกเขาดองแร็กน้ัน ปัจจุบันครอบคลุม
พนื้ ที่ของจังหวดั บนั เตียเมยี นเจย อุดรมชี ัย (อุดอเมียนเจย) และพระวิหาร (เปรยี ะวิเหยี )
รวมทงั้ กนิ อาณาบรเิ วณครอบคลมุ ถงึ ทร่ี าบลมุ่ โตนเลสาบ (Tonle Sap) หรอื ทะเลสาบเขมร
ทะเลสาบนำ�้ จดื ทใี่ หญท่ สี่ ดุ ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ อนั เปน็ อขู่ า้ วอนู่ ำ้� ทส่ี ำ� คญั
ของประเทศกมั พูชา
ภาพที่ 4.1 พนมดองแรก็ เมื่อมองจากด้านหนา้ ของวัดแหง่ หนงึ่
ในเขตอำ� เภอตรอเปยี งออ็ มปลึ จังหวดั อุดรมีชยั
ท่ีมา: สมหมาย ชนิ นาค (22 มถิ นุ ายน 2562)
การศกึ ษาสถานการณ์และบริบททีเ่ กยี่ วขอ้ งของพน้ื ทชี่ ายแดนประเทศตน้ ทาง (กัมพูชา และ สปป.ลาว) • 145
พ้ืนท่ีชายแดนของประเทศกัมพูชาที่ติดกับจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัด
ศรสี ะเกษ สรุ นิ ทร์ ซง่ึ อยใู่ นเขตอสี านใตข้ องประเทศไทยนนั้ คอื ภาคเหนอื และภาคตะวนั ตก
เฉียงเหนือของประเทศ ซ่ึงประกอบด้วย 5 จังหวัด คือ พระวิหาร (Phreah Vihear)
อุดรมีชัย (Oddar Meanchey) บันเตียเมียนเจย (Banteay Meanchey) พระตะบอง
(Battambang) และเสยี มเรยี บ (Siem Reap) ซงึ่ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สถานการณแ์ ละบรบิ ททาง
ภูมิศาสตร์สังคมของพื้นที่ อันประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์และบริบททาง
ภมู ศิ าสตรส์ งั คมของพน้ื ที่ อนั ประกอบดว้ ยลกั ษณะทางภมู ศิ าสตร์ สภาพสงั คม ประชากร
เศรษฐกจิ การเมืองการปกครอง และการคมนาคม มีรายละเอียดพอสังเขปดงั นี้
แผนท่ี 4.2 แผนที่เก่าสมัยอาณานคิ มฝรงั่ เศส
แสดงให้เห็นถงึ แนวเทือกเขาพนมดงรกั ทกี่ ้นั ระหว่างสยามกับกมั พูชา
ทมี่ า: Général Jean Marchand, L’Indochine en guerre, “Les presses modernes”
(Paris, 1954 อ้างใน เว็บไซตส์ มาคมนกั ประวัติศาสตร์กัมพชู า
(http://cha-khmer.org/Activities%20to%20Singapore.html))
จงั หวดั พระวหิ าร (เปรยี๊ ะวเิ หยี – Preah Vihear) ตง้ั อยใู่ นภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
หา่ งจากกรงุ พนมเปญ 294 กโิ ลเมตร เปน็ จงั หวดั ทต่ี ง้ั อยใู่ นทร่ี าบสงู พนื้ ทภ่ี เู ขา ภมู ปิ ระเทศ
ที่กว้างใหญ่ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ใหญ่ เป็นท่ีอยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด
อุดมไปดว้ ยแร่ธาตุ ทรัพยากรธรรมชาติ และโบราณสถาน ซงึ่ มปี ราสาทเปน็ จ�ำนวนมาก
อาณาเขตทศิ เหนอื ตดิ กบั จงั หวดั อบุ ลราชธานี ประเทศไทย และแขวงจำ� ปาสกั สปป.ลาว
146 • บริการสุขภาพขา้ มแดนในจังหวดั อบุ ลราชธานแี ละใกลเ้ คียงในเขตอสี านใต:้
ทศิ ใต้ ตดิ กบั จงั หวดั กำ� ปงธม ทางทศิ ตะวนั ตก ตดิ กบั จงั หวดั เสยี มเรยี บและจงั หวดั อดุ รมชี ยั
ทางทิศตะวนั ออก ติดกบั จังหวัดสตึงแตรง มีพื้นทที่ ัง้ หมด 13,821.76 ตารางกิโลเมตร
โดย 85% เป็นปา่ ไม้
เว็บไซต์ของจังหวัดระบุว่า ประชากรท้ังหมดของจังหวัดนี้มีประชากรท้ังหมด
254,827 คน และมีความหนาแน่นของประชากร 11 คนตอ่ ตารางกิโลเมตร สว่ นใหญ่
เปน็ กลมุ่ ชาติพันธุเ์ ขมร และประมาณ 20% เปน็ กลุม่ ชาตพิ ันธกุ์ ยู (ส่วย) อาชพี หลักคือ
ท�ำการเกษตร ท�ำสวนยางพารา แบ่งการปกครองออกเป็น 7 อ�ำเภอ 47 ต�ำบล 232
หมบู่ ้าน และ 2 เทศบาล
จังหวัดพระวิหาร เป็นหน่ึงท่ีมีสถานท่ีท่องเท่ียวทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์
และธรรมชาติที่ส�ำคัญและมีช่ือเสียงของราชอาณาจักรกัมพูชา โดยเฉพาะสถานท ี่
ท่องเท่ียว 7 แห่ง ท่ีนักท่องเท่ียวทั้งในและต่างประเทศนิยมเข้าเยี่ยมชมเป็นประจ�ำ
คือ ปราสาทพระวหิ าร ปราสาทเกาะแกร์ ปราสาทพระขันธ์กมั ปงสวาย น�้ำตกพระนิมติ
น�้ำตกเตโชบอสสฺบอฟ น�้ำตกพนมทะเบง และชุมชนธมัตเป่ย เป็นต้น (Preahvihear
Administration, n.d.)
แผนท่ี 4.3 แสดงท่ตี ั้งและอาณาเขตของจังหวดั พระวิหาร
ทม่ี า: https://sngsokann.wordpress.com/2008
การศึกษาสถานการณ์และบรบิ ทที่เกยี่ วข้องของพน้ื ท่ชี ายแดนประเทศต้นทาง (กมั พูชา และ สปป.ลาว) • 147
ภาพท่ี 4.2 แสดงลกั ษณะภมู ปิ ระเทศของจงั หวดั พระวิหาร
บรเิ วณชายแดนติดกับผามออแี ดง จงั หวัดศรีสะเกษ
ที่มา: สมหมาย ชนิ นาค (20 มนี าคม 2562)
จงั หวดั พระวหิ ารกบั จงั หวดั อบุ ลราชธานี ไดต้ กลงกนั ใหม้ จี ดุ ผอ่ นปรนเพอ่ื การคา้
ชายแดนระหว่างประเทศไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา บริเวณช่องอานม้า ซ่ึงห่างจาก
ตวั อำ� เภอนำ�้ ยนื ประมาณ 12 กโิ ลเมตร อยใู่ นเขตเทศบาลตำ� บลโซง ตำ� บลโซง อำ� เภอนำ้� ยนื
จังหวัดอบุ ลราชธานี ตรงข้ามกบั อำ� เภอจอมกระสาน จงั หวดั พระวิหาร ซง่ึ จุดผอ่ นปรนนี้
เปน็ จุดหนึ่งท่ีชาวกัมพชู าข้ามแดนมาใชบ้ ริการสขุ ภาพในเขตอำ� เภอน้�ำยืน
จงั หวดั อดุ รมชี ยั (อดุ อเมยี นเจย – Oddar Meanchey) หรอื ทช่ี าวกมั พชู าสว่ นใหญ่
ยังคงรู้จกั และเรยี กช่ือเดิมคอื “ส�ำรอง” (สำ� โรง) น้ัน ตัง้ อยหู่ า่ งจากกรุงพนมเปญซงึ่ เป็น
เมอื งหลวงประมาณ 440 กโิ ลเมตร มีเนื้อที่ 6,158 ตารางกโิ ลเมตร แบง่ เขตการปกครอง
ออกเปน็ 1 เทศบาลนคร 4 อำ� เภอ 2 เทศบาล 28 ตำ� บล และ 306 หมบู่ า้ น คอื กรงุ สำ� รอง
(สำ� โรง – Samraong) ซงึ่ เปน็ ศนู ยก์ ลางการปกครองของจงั หวดั เทยี บเทา่ กบั เทศบาลนคร
ของจงั หวดั ในประเทศไทย อำ� เภออลั ลองเวง (Anlong Veng) อำ� เภอบนั เตยี อำ� ปลึ (Banteay
Ampil) อ�ำเภอจองกลั (Chong Kal) และอ�ำเภอตรอเปยี งปรอสาท (Trapeang Prasat)
อุดรมีชัย หรือท่ีชาวกัมพูชาออกเสียงว่า “อุด–ดอ–เมียน–เจย” ท่ีแปลว่า มี –
เมยี น ชยั ชนะ – เจย (ทางทศิ เหนอื ) อุดร – อุดดอ รวมแล้วหมายถึง “ชยั ชนะทางเหนือ”
มีท่ีมาจากภาษาสันสกฤต “อุตฺตร” (उत्तर) และ “ชย” (जय) เป็นจังหวัดชายแดนทาง
ภาคเหนือของกัมพูชา โดยมีลักษณะภูมิประเทศยาวเรียวขนานไปกับพนมดองแร็ก
148 • บริการสขุ ภาพข้ามแดนในจงั หวัดอุบลราชธานีและใกล้เคียงในเขตอีสานใต:้
อันเป็นเทือกเขากั้นพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา หากวัดความยาวของจังหวัดจาก
ทศิ ตะวันตกไปสดุ ทศิ ตะวันออก จะไดร้ ะยะทางไกลถึง 224 กโิ ลเมตร ครอบคลุมพืน้ ท่ี
ชายแดนไทย 3 จงั หวดั คอื ศรีสะเกษ สรุ นิ ทร์ และบุรรี ัมย์
จังหวัดอุดรมีชัย นับเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดของกัมพูชา และเป็นจังหวัดหนึ่ง
ในภาคตะวนั ตกเฉยี งเหนอื ทม่ี พี รมแดนตดิ กบั เขตอสี านใตข้ องประเทศไทย มดี า่ นผา่ นแดน
ทตี่ ดิ กบั ประเทศไทย 5 ดา่ น เชน่ ดา่ นจบุ โคคี ดา่ นทมอดาว ดา่ นโอรเ์ สมด็ ดา่ นชอ่ งสะงำ�
และด่านพระประลัย ทิศใต้ติดจังหวัดเสียมเรียบ ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดพระวิหาร
ทิศตะวนั ตกติดกบั จงั หวัดบันเตยี เมียนเจย
เวบ็ ไซตข์ องจงั หวดั ระบวุ า่ ประชากรทงั้ หมดของจงั หวดั นมี้ จี �ำนวน 276,038 คน
ความหนาแน่นของประชากร 26.17 คนต่อตารางกิโลเมตร ต่�ำกวา่ ความหนาแนน่ ของ
ประชากรทวั่ ประเทศ อำ� เภอสำ� โรงมปี ระชากรประมาณ 28% อำ� เภออลั ลองเวงประมาณ
18% อ�ำเภอบันเตียอำ� ปึลประมาณ 26% อ�ำเภอจองกัล ประมาณ 16% และอ�ำเภอ
ตรอเปยี งปรอสาทประมาณ 12% (https://www.oddarmeanchey.gov.kh/)
จังหวัดอุดรมีชัย เป็นจังหวัดที่ทอดตัวยาวไปตามเทือกเขาพนมดองแร็ก
แสดงใหเ้ หน็ วา่ มแี นวเทอื กเขาพนมดองแรก็ อยทู่ างทศิ เหนอื เปน็ พรมแดนทางธรรมชาติ
ท่ีก้ันระหว่างเขตอีสานใต้กับเขมรเหนือ เศรษฐกิจของจังหวัดขึ้นอยู่กับการเกษตรถึง
93% ที่เหลือเป็นการท�ำประมงและการค้า 7% เน่ืองจากจังหวัดมีพรมแดนติดกับ
ประเทศไทย การค้าชายแดนจึงกลายเป็นกิจกรรมส�ำคัญที่กลายเป็นภาคส่วนส�ำคัญ
ในการสนับสนนุ เศรษฐกิจของจงั หวดั เพราะโครงสร้างพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจของจังหวดั
ได้รับความเสียหายอย่างหนักในสมัยเขมรแดงในอดีต ดังน้ันการค้าชายแดนจึงมี
ความส�ำคญั ต่อเศรษฐกิจของจงั หวัดเป็นอย่างมาก
แผนท่ี 4.4 แสดงท่ตี ้ังและอาณาเขตของจงั หวัดอดุ รมชี ัย
ที่มา: http://photos1.blogger.com/blogger/5860/3872/1600/
oddar_meanchey_map.0.jpg