The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by songprasertchadaporn, 2021-04-01 23:53:45

การทำงาน

การทำงาน

๑๕๑

วเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
หลกั ความพอประมาณ

- พอประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการเรียน
- พอประมาณกบั เวลาท่ีใชใ้ นการเรียน
หลกั ความมีเหตผุ ล
- เพ่อื ใหม้ ีทกั ษะในการใชภ้ าษาไทย
- เพื่อเป็นการสร้างนิสัยในการใชภ้ าษาไทยในชีวติ ประจาวนั
หลกั ภูมคิ ้มุ กนั
- เพื่อป้ องกนั อนั ตรายในการปฏิบตั ิงาน
- เพอื่ มีจิตใจที่เขม้ แขง็ ไมม่ วั เมาในอบายมุข
เง่อื นไขความรู้
- ความสาคญั ในการใชภ้ าษาไทยในการติดต่อส่ือสาร
- จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ มาตรฐานรายวชิ า คาอธิบายรายวิชา
- การวดั และการประเมินผล
- ลกั ษณะเฉพาะของภาษาไทยและความรู้เรื่องคา

เงือ่ นไขคุณธรรม
- ผเู้ รียนมีความรอบรู้ ระมดั ระวงั และมีความซื่อสัตยส์ ุจริต
- ความประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน

๑๕๒

การเช่ือมโยง 4 มิติ
สังคม

3. ผเู้ รียนสามารถทางานเป็นกลุ่ม มีการแลกเปล่ียนความคิดเห็น และยอมรับความคิดเห็น ของ
ผอู้ ื่น

4. การใชท้ รัพยากรร่วมกนั ใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งคุม้ คา่
เศรษฐกจิ

2. สามารถใชภ้ าษาไทยในการติดต่อส่ือสารใชใ้ นการประกอบอาชีพ
วฒั นธรรม

1. ผเู้ รียนมีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ
2. มีการแลกเปลี่ยนความคดิ เห็น ความรู้ดา้ นภาษา เพือ่ การดารงชีพตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียง
สิ่งแวดล้อม
1. เกิดภูมิปัญญาที่เอ้ืออาทรตอ่ ธรรมชาติ การดารงชีวติ การประกอบอาชีพอยา่ งเหมาะสม

๑๕๓

เนอื้ หา (หวั ข้อเรื่องทส่ี อนพร้อมคาอธบิ าย)
ความหมายของพธิ ีกร

สรุปไดว้ า่ พธิ ีกร คอื ผปู้ ฏิบตั ิหนา้ ท่ีในงานที่เป็นพิธีกร โดยทาหนา้ ที่ดาเนินรายการ และ
ควบคมุ รายการต้งั แต่เร่ิมตน้ จนสิ้นสุดการจดั งาน เพื่อใหง้ านพธิ ีน้นั ดาเนินไปดว้ ยความราบร่ืน และ
เรียบร้อยตามกาหนดการ
ความหมายของโฆษก

สรุปไดว้ า่ โฆษก คือ ผปู้ ระกาศ หรือท่ีประชาสัมพนั ธ์ใหผ้ มู้ าร่วมงานไดท้ ราบเรื่องราวต่าง ๆ ท่ี
เก่ียวขอ้ งกบั งาน เช่นมีกิจกรรมหรือการแสดงอะไรอยทู่ ่ีไหน เชิญชวนให้เขา้ ร่วมกิจกรรม ถา้ เป็นการ
แสดงตอ้ งแนะนาผแู้ สดงบอกความสาคญั การแสดง ดงั น้นั โฆษก จึงทาหนา้ ท่ีประกาศในงานอยา่ งไมเ่ ป็น
ทางการ

สรุปไดว้ า่ โฆษกและพธิ ีมีหนา้ ที่แตกตา่ งกนั ในทางปฏิบตั ิโฆษก คอื ผปู้ ระกาศ หรือผแู้ จ้ง
เรื่องราวใหผ้ มู้ าร่วมงานทราบ แต่พิธีกรคอื ผทู้ าหนา้ ที่ดาเนินรายการ ควบคุมรายการ เพ่ือใหง้ านน้นั
ดาเนินไปดว้ ยความเรียบร้อย
คณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ของพธิ กี ร พธิ ีกรท่ีพงึ ประสงคป์ ระกอบดว้ ยดา้ นต่าง ๆ ดงั น้ี
1.ดา้ นบุคลิกภาพ
2.บทบาทบนเวที บทบาทที่แทจ้ ริงของพธิ ีกร คอื บทบาทในขณะท่ีทาหนา้ ท่ีบนเวที ตอ่ หนา้ ผคู้ น พธิ ีกร
จะมีฝีมือหรือลม้ เหลวอยา่ งไร ดูกนั ตรงน้ีสาคญั ดงั น้นั พิธีกรจึงตอ้ งปรับปรุงบทบาทใหด้ ีข้ึนอยเู่ สมอ
ดงั น้ี
2.1 ในดา้ นจิตใจ
2.2 ในดา้ นการแสดงออก
3.ในดา้ นการพดู การพดู ของพิธีการควรมีลกั ษณะดงั น้ี
ทักษะการใช้ภาษของพธิ ีกร

ผทู้ ี่ทาหนา้ ท่ีพธิ ีกรตอ้ งมีความระมดั ระวงั ในเรื่องการใชภ้ าษา เพราะถา้ ไม่ระมดั ระวงั หรือ ขาด
ความรู้เรื่องการใชภ้ าษาแลว้ จะทาใหพ้ ดู ผิด เขียนผิด เช่น การทากาหนดการ เขียนคากล่าวรายงานเป็น
สาเหตุใหเ้ กิดความเสี่ยงศรัทธาแก่ผฟู้ ัง หรือผพู้ บเห็น ดงั น้นั พิธีกรตอ้ งใฝ่รู้ใฝ่ เรียน ใฝ่ศึกษาในเร่ือง
ต่อไปน้ี
1.ระดบั ของภาษา
2.การใชป้ ระโยคในภาษาไทย
บทบาทและหน้าทขี่ องพธิ กี ร

๑๕๔

พิธีกรทาหนา้ ที่ในงานท่ีเป็นพธิ ีการตอ้ งมีบทบาทหนา้ ที่ประสานงาน โดยเฉพาะถา้ งานน้นั มีผพู้ ดู
มากกวา่ หน่ึงคนข้ึนไป พิธีกรจึงทราบก่อนการปฏิบตั ิงานวา่ ผพู้ ดู ท้งั หมดมีกี่คน ศึกษาความรู้เกี่ยวกบั ผู้
พดู เพอื่ จะแนะนาไดถ้ กู ตอ้ ง เชื่อมโยงความคิด และเรื่องราวของผพู้ ดู ทุกคนใหต้ ่อเนื่องกนั
โอกาสในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของพธิ ีกร
พิธีกรจะปฏิบตั ิหนา้ ที่ของตนในโอกาสตา่ ง ๆ ดงั น้ี
1.การกลา่ วแนะนาผพู้ ดู ในโอกาสที่มีการเชิญผอู้ ื่นมาพูด เช่น ปาฐกถา อภิปราย โตว้ าที ฯลฯ พธิ ีกร
ตอ้ งทาหนา้ ที่แนะนาผพู้ ดู ให้ผฟู้ ังรู้จกั โดยถือหลกั ในการพดู ดงั น้ี

1.1 พดู ใหส้ ้นั ท่ีสุด ไม่ควรใชเ้ วลาเกิน 5 นาที
1.2 กลา่ วถึงหวั ขอ้ เรื่องและโอกาสท่ีจะพดู ในวนั น้นั
1.3 แนะนาผพู้ ดู โดยกล่าวถึงช่ือ สกลุ คุณวุฒิการศึกษา ความสามารถพเิ ศษ ตาแหน่งหนา้ ท่ี
การงานท้งั ในอดีตและปัจจุบนั
1.4 อยา่ พดู ยาวเกินความเป็นจริง จนผพู้ ดู เกินความกระดากใจ
1.5 ไม่ควรใชท้ า่ ทางประกอบการพดู ใหม้ ากนกั
2.การกลา่ วขอบคณุ ผพู้ ดู เมื่อมีโอกาสเชิญผอู้ ่ืนมาพดู อาจจะเป็นปาฐกถา การอภิปราย เม่ือผพู้ ดู แสดง
ปาฐกถา หรืออภิปรายจบแลว้ พิธีกรจะเป็นผกู้ ลา่ วสรุป ใหเ้ ห็นถึงประโยชน์ที่จะไดร้ ับและกลา่ วขอบคณุ
ในตอนทา้ ย
3.การกลา่ วเชิญแขกอวยพรในงานมงคลตา่ ง ๆ งานมงคล ไดแ้ ก่ งานมงคลสมรส งานวนั เกิด งานวนั ข้ึน
ปี ใหม่ งานฉลองยศ ฯลฯ พิธีกรของงาน จะทาหนา้ ท่ีกลา่ วเชิญผมู้ ีเกียรติ หรือ ผมู้ ีอาวโุ สในงานข้นึ
กลา่ วคาอวยพรในโอกาสน้นั ๆ และกลา่ วเชิญเจา้ ภาพของงานกล่าวตอบคาอวยพร
4.การกลา่ วเชิญประธานของงานในโอกาสต่าง ๆ ในงานพิธีต่าง ๆ เช่น พธิ ีเปิ ดหรือปิ ดการสมั มนา พิธี
เปิ ดหรือปิ ดการอบรม พิธีมอบของขวญั หรือรางวลั ใหแ้ ก่ผมู้ ีผลง่านดีเด่น พธิ ีกรจะทาหนา้ ที่กล่าวเชิญ
ประธานใหโ้ อวาท และทาพธิ ีเปิ ดหรือปิ ดการอบรม หรือสัมมนา กลา่ วเชิญประธานเพื่อมอบของขวญั
หรือรางวลั ใหแ้ ก่ผูร้ ับ
5.การทาหนา้ ท่ีดาเนินรายการ พิธีกรทาหนา้ ที่ประสานงาน ลาดบั ข้นั ตอนการจดั งาน เป็นผปู้ ระสานงาน
ระหวา่ งผชู้ มกบั ผแู้ สดง เช่น ในโอกาสงานปัจฉิมนิเทศในวนั ปิ ดภาคการศึกษา และมีการแสดงบนเวที
พธิ ีกรจะทาหนา้ ที่เป็นผปู้ ระกาศ ใหผ้ ชู้ มทราบถึงรายการแสดงบนเวที ใหผ้ ชู้ มหรือผฟู้ ังรู้ข้นั ตอนของงาน

๑๕๕

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนการสอนหรือกจิ กรรมของนกั เรียน

ข้นั นา ข้นั นา

1. ครูใหน้ กั ศึกษาดูวดิ ิทศั นก์ ารพดู 1. นกั ศึกษาดวู ิดิทศั น์การพดู ของนกั พดู ท่ีมี

ของนกั พดู ท่ีมีชื่อเสียง ช่ือเสียง

2. ครูใหน้ กั ศึกษา พจิ ารณา 2. นกั ศึกษา พิจารณา วเิ คราะห์ลกั ษณะการ

วิเคราะห์ลกั ษณะการพดู ของผพู้ ดู ในส่วนที่ พดู ของผพู้ ดู ในส่วนที่นกั ศึกษาเห็นวา่ ดี ทาให้

นกั ศึกษาเห็นวา่ ดี ทาใหน้ กั ศึกษาประทบั ใจ นกั ศึกษาประทบั ใจ

3. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบ 3. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน

ก่อนเรียน ข้นั สอน

ข้นั สอน 1. นกั ศึกษาแบง่ กลุม่ 3-4 คนแต่ละกลุม่ ศึกษา

1. ครูใหน้ กั ศึกษาแบ่งกลมุ่ 3-4 คน เรื่องความหมายและประเภทของการพดู ในโอกาส

แตล่ ะกลุม่ ศึกษาเร่ืองความหมายและ ต่าง ๆ ของสงั คมจากหนงั สือเรียนทกั ษะภาษาไทย

ประเภทของการพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ ของ เพ่อื อาชีพ และใบความรู้

สงั คมจากหนงั สือเรียนทกั ษะภาษาไทยเพื่อ

อาชีพ และใบความรู้ 2. นกั เรียนฟังครูอธิบายเร่ืองหลกั เกณฑก์ าร

2. ครูอธิบายเร่ืองหลกั เกณฑก์ ารพดู พดู ในโอกาสตา่ ง ๆเพื่อใชใ้ นการส่ือสารอยา่ งมี

ในโอกาสตา่ ง ๆ เพ่ือใชใ้ นการสื่อสารอยา่ ง ประสิทธิภาพ

มีประสิทธิภาพ 3. นกั ศึกษาจบั สลากหวั ขอ้ การพดู ในโอกาส

3. ครูใหน้ กั ศึกษาจบั สลากหวั ขอ้ การพดู ใน ต่าง ๆและเขียนบทพดู ในโอกาสต่าง ๆ ที่จบั สลากได้

โอกาสตา่ ง ๆและเขยี นบทพดู ในโอกาสตา่ ง และสุ่มนกั ศึกษาออกมาพดู ตามบทพดู ที่เขียนไว้

ๆ ท่ีจบั สลากได้ และสุ่มนกั ศกึ ษาออกมาพดู

ตามบทพดู ท่ีเขียนไว้

4. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมที่ 1 – 2 4. นกั ศึกษาทากิจกรรมท่ี 1 – 2

ข้นั สรุป ข้นั สรุป

1. ครูและนกั ศึกษาร่วมกนั แสดง 1. นกั ศึกษาร่วมกนั แสดงความคิดเห็น

ความคดิ เห็น เสนอแนะ ซกั ถาม เพ่อื สรุป เสนอแนะ ซกั ถาม เพื่อสรุปหน่วยการเรียน

หน่วยการเรียน

๑๕๖

งานท่ีมอบหมายหรือกจิ กรรม
ก่อนเรียน
1. ทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน
1. ศึกษาเร่ืองความหมายและประเภทของการพดู ในโอกาสต่าง ๆ

หลงั เรียน
1. ทากิจกรรมที่ 1 และ 2

สื่อการเรียนการสอน

ส่ือส่ิงพมิ พ์

1. ใบมอบหมายงาน
2. หนงั สือแบบเรียน

สื่อโสตทัศน์

1. คอมพิวเตอร์

2. อินเทอร์เน็ต

๑๕๗

การประเมินผล

ก่อนเรียน
1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

1. สงั เกตการทากิจกรรม
2. ตรวจผลงาน

หลงั เรียน

1. ประเมินผลงาน
2. กิจกรรมท่ี 1 และ 2

๑๕๘

แผนการสอน หน่วยที่ 9
ชื่อวชิ า 3000-1101
ช่ือหน่วย การพูดในโอการต่างๆ สอนคร้ังท่ี 13
ชื่อเร่ืองหรือช่ืองาน การกล่าวสุนทรพจน์ ชั่วโมงรวม 6
จานวนช่ัวโมง 3
หวั ข้อเร่ืองและงาน
1. การกลา่ วสุนทรพจน์

สาระสาคญั

ในการดาเนินชีวิตของคนเรา นอกจากจะมีการพดู คยุ กนั ตามปกติแลว้ เรายงั มีโอกาสพูดในโอกาสตา่ ง ๆ
เช่น การกลา่ วแนะนา การกลา่ วขอบคุณ การกล่าวตอ้ นรับ การกลา่ วแสดงความยนิ ดี ฯลฯ ซ่ึงในระดบั
ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช.) เราไดศ้ ึกษาเรียนรู้และปฏิบตั ิมาแลว้ ดงั น้นั ในระดบั ประกาศนียบตั ร
วชิ าชีพช้นั สูง (ปวส.) จึงจะเนน้ หนา้ หนกั และฝึกฝนปฏิบตั ิการพดู ในโอกาลต่าง ๆ ในฐานะที่เป็นพธิ ีกร
และโฆษก การกล่าวสุนทรพจน์ เพอ่ื จะไดน้ าไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

สมรรถนะประจาหน่วย
ทาหนา้ ที่เป็นพธิ ีกรและโฆษก พร้อมท้งั กล่าวสุนทรพจน์ดว้ ยความมีเหตุผล

จุดประสงค์การเรียนการสอน
จุดประสงค์ท่ัวไป
1.กลา่ วสุนทรพจนไ์ ด้

2.ทาหนา้ ที่เป็นผกู้ ล่าวสุนทรพจน์ดว้ ยความมีเหตุผล

2. จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม

1. มีการพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ่ีผสู้ อนสามารถ
สังเกตเห็นไดใ้ นดา้ นความมีมนุษยสมั พนั ธ์ ความมีวินยั ความรับผิดชอบ ความเช่ือมนั่ ในตนเอง ความ
สนใจใฝ่รู้ ความรู้รักสามคั คี ความกตญั ญูกตเวที

๑๕๙

วเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
หลกั ความพอประมาณ

- พอประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน
- พอประมาณกบั เวลาท่ีใชใ้ นการเรียน
หลกั ความมีเหตุผล
- เพ่ือใหม้ ีทกั ษะในการใชภ้ าษาไทย
- เพื่อเป็นการสร้างนิสยั ในการใชภ้ าษาไทยในชีวติ ประจาวนั
หลกั ภูมิค้มุ กนั
- เพอ่ื ป้ องกนั อนั ตรายในการปฏิบตั ิงาน
- เพือ่ มีจิตใจที่เขม้ แขง็ ไม่มวั เมาในอบายมขุ
เงื่อนไขความรู้
- ความสาคญั ในการใชภ้ าษาไทยในการติดต่อส่ือสาร
- จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ มาตรฐานรายวชิ า คาอธิบายรายวิชา
- การวดั และการประเมินผล
- ลกั ษณะเฉพาะของภาษาไทยและความรู้เร่ืองคา
เงือ่ นไขคุณธรรม
- ผเู้ รียนมีความรอบรู้ ระมดั ระวงั และมีความซื่อสตั ยส์ ุจริต
- ความประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน
การเชื่อมโยง 4 มิติ
สังคม

๑๖๐

3. ผเู้ รียนสามารถทางานเป็นกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และยอมรับความคิดเห็น ของ
ผอู้ ่ืน

4. การใชท้ รัพยากรร่วมกนั ใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งคุม้ คา่
เศรษฐกจิ

2. สามารถใชภ้ าษาไทยในการติดตอ่ ส่ือสารใชใ้ นการประกอบอาชีพ
วัฒนธรรม

1. ผเู้ รียนมีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ
2. มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้ดา้ นภาษา เพือ่ การดารงชีพตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียง
ส่ิงแวดล้อม
1. เกิดภมู ิปัญญาท่ีเอ้ืออาทรตอ่ ธรรมชาติ การดารงชีวติ การประกอบอาชีพอยา่ งเหมาะสม

๑๖๑

เนอื้ หา (หัวข้อเร่ืองทสี่ อนพร้อมคาอธบิ าย)
ความหมายของสุนทรพจน์
สรุปไดว้ า่ สุนทรพจน์ หมายถึง ถอ้ ยคาที่เรียบเรียงดว้ ยความพถิ ีพถิ นั ของบคุ คลสาคญั ท่ีกล่าวอยา่ งเป็น
พิธีการในโอกาสต่าง ๆ เพื่อใหผ้ ฟู้ ังเกิดความรู้สึกประทบั ใจ
ลกั ษณะของสุนทรพจน์
สุนทรพจนม์ ีลกั ษณะสาคญั ดงั ตอ่ ไปน้ี
1.เป็นการพดู ตอ่ ชุมนุมชน
2.เป็นการพดู ส้นั ๆ ประมาณ 5 – 10 นาที
3.เป็นการพดู ปากเปลา่ (ถา้ นาสุนทรพจนม์ าอ่าน ไม่เรียกวา่ การพดู สุนทรพจนค์ วรเป็นการอ่านสุนทร
พจน์ เพราะคุณค่าทางความรู้สึกและทางจิตวทิ ยาต่างกนั มาก)
4.เป็นการพดู ที่เป็นพธิ ีรีตองหรือพดู ในโอกาสสาคญั
5.เป็นการพดู ท่ีมีการเตรียมตวั หรือเตรียมการ และมีการซกั ซอ้ มเป็นอยา่ งดีแลว้ ไมใ่ ชว้ ธิ ีพดู ไปคิดไป
เพราะจะทาใหก้ ารพดู เกิดภาวะฉุกละหุก ขลกุ ขลกั ขาดคณุ ค่า ไมน่ ่าฟัง
รูปแบบของสุนทรพจน์ สุนทรพจนแ์ บ่งไดห้ ลายแบบ แลว้ แต่ความมุ่งหมายในการพูดหรือการแบง่
สาหรับในกรณีน้ี แบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือ
1.สุนทรพจนแ์ บบธรรมดา หรือตรงกบั ภาษาองั กฤษวา่ Speech สุนทรพจน์แบบน้ีเน้ือหาสาระจะมี
ลกั ษณะปลอบประโลมใจ ใหก้ าลงั ใจ สดุดียกยอ่ ง ใหเ้ กียรติอวยพร ตอ้ นรับแสดงความยนิ ดี แสดง
ความอาลยั ในการจากกนั การกล่าวขอบคุณ รวมท้งั การพดู ในโอกาสต่าง ๆ ดว้ ย เช่น การพดู ในงาน
มงคลสมรส โอกาสข้ึนบา้ นใหม่ เปิ ดป้ าย เปิ ดสัมมนา เปิ ดการอบรม เปิ ดนิทรรศการตา่ ง ๆ สุนทรพจน์
แบบน้ี บางทีกน็ ิยมเรียกกนั ว่า “การพดู ในโอกาสต่าง ๆ
2.สุนทรพจนแ์ บบพิเศษ ตรงกบั ภาษาองั กฤษวา่ Oration สุนทรพจน์แบบพิเศษ เป็นการพดู ท่ีแตกต่างไป
จากสุนทรพจน์แบบธรรมดา ท้งั เน้ือหาสาระความมุง่ หมายรวมท้งั ประโยชนท์ ่ีจะบงั เกิดท้งั ในทางกวา้ ง
และทางลึกมากกวา่ ซ่ึงลว้ นเป็นการพดู ที่มงุ่ ผลต่อส่วนรวมหรือส่วนใหญใ่ นแนวกวา้ งและแนวลึก มี
ลกั ษณะโนม้ นา้ วต่อความรู้สึกนึกคดิ และจิตใจของผฟู้ ังเป็นพิเศษในแนวลึก บางคนเรียกการพดู แบบน้ีวา่
“การพดู ทางการเมือง” เพราะผลของการพดู มกั จะเกิดความหวนั่ ไหวสน่ั สะเทือนต่อความรู้สึกของ
มหาชนอยา่ งมีประสิทธิภาพ จากการศึกษาประวตั ิการพดู จะพบวา่ การพดู ที่ทาใหผ้ พู้ ดู มีชื่อเสียงไดร้ ับ
การยอ่ งระดบั ชาติหรือระดบั โลก กค็ อื การพดู สุนทรพจนแ์ บบพิเศษ

๑๖๒

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้ันตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนการสอนหรือกจิ กรรมของนกั เรียน

ข้นั นา ข้นั นา
1. ครูทบทวนโดยใชค้ าถามเกี่ยวกบั 1. นกั ศึกษาตอบคาถามเก่ียวกบั การพดู ใน

การพดู ในโอกาสต่างๆ ถามนกั ศึกษาเป็น โอกาสตา่ งๆ
รายบคุ คล
ข้นั สอน
ข้นั สอน 1. นกั ศึกษาฟังครูอธิบายเรื่องการพดู สุนทร
1. ครูอธิบายเรื่องการพดู สุนทรพจน์
พจน์
ใหน้ กั เรียนฟัง 2. นกั ศึกษาแตง่ บทพดู สุนทรพจน์คนละ 1
2. ครูใหน้ กั ศึกษาแตง่ บทพดู สุนทร
บท
พจน์คนละ 1 บท 3. นกั ศึกษาออกมาพดู สุนทรพจน์หนา้ ช้นั
3. ครูใหน้ กั ศึกษาออกมาพดู สุนทร
เรียนทีละคน
พจนห์ นา้ ช้นั เรียนทีละคน 4. นกั ศึกษาทากิจกรรมที่ 3
4. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมที่ 3
ข้ันสรุป
ข้นั สรุป 1. นกั ศึกษาร่วมกนั แสดงความคิดเห็น
1. ครูและนกั ศึกษาร่วมกนั แสดง
เสนอแนะ ซกั ถาม เพ่อื สรุปหน่วยการเรียนและทา
ความคิดเห็น เสนอแนะ ซกั ถาม เพอ่ื สรุป แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยการเรียนและทาแบบทดสอบหลงั
เรียน

๑๖๓

งานท่ีมอบหมายหรือกจิ กรรม

ก่อนเรียน

1. ตอบคาถามเกี่ยวกบั การพดู ในโอกาสตา่ งๆ

ขณะเรียน

1. ศึกษาการพดู สุนทรพจน์
2. พดู สุนทรพจน์หนา้ ช้นั เรียน

หลงั เรียน

1. ทากิจกรรมท่ี 3
2. ทดสอบหลงั เรียน
สื่อการเรียนการสอน
สื่อส่ิงพมิ พ์

1. ใบมอบหมายงาน
2. หนงั สือแบบเรียน

สื่อโสตทัศน์

1. คอมพวิ เตอร์
2. อินเทอร์เน็ต
การประเมินผล

ก่อนเรียน
1. ตอบคาถาม

ขณะเรียน
1. สงั เกตการทากิจกรรม

๑๖๔

2. ตรวจผลงาน

หลงั เรียน

1. ประเมินผลงาน
2. กิจกรรมท่ี 3
3. ทดสอบหลงั เรียน

๑๖๕

แผนการสอน หน่วยที่ 10
ช่ือวชิ า 3000-1101
ช่ือหน่วย การเขียนเพอ่ื ตดิ ต่อกจิ ธุระ สอนคร้ังที่ 14
ชื่อเรื่องหรือช่ืองาน การเขียนเพอื่ ตดิ ต่อกจิ ธุระ ชั่วโมงรวม 3
จานวนช่ัวโมง 3

หัวข้อเรื่องและงาน
1.การเขยี นจดหมายกิจธุระ
2.รูปแบบการเขยี นจดหมายกิจธุระ
3.ประเภทของจดหมายกิจธุระ
สาระสาคญั

การเขยี นเพ่ือติดต่อกิจธุระ เป็นการเขยี นติดตอ่ กนั ระหวา่ งบคุ คลหรือระหวา่ งองคก์ ารต่าง ๆ โดย
ใชจ้ ดหมายกิจธุระ ซ่ึงจดหมายกิจธุระน้นั เป็นการติดตอ่ ธุรการงานท่ีค่อนขา้ งเป็นทางการ ดงั น้นั ในการ
เขียนจดหมายประเภทน้ี จึงตอ้ งมีความประณีตบรรจง สะอาดเรียบร้อย ต้งั แตก่ ระดาษท่ีใชเ้ ขยี น ซอง
ขอ้ ความไมม่ ีการขดู ลบขดี ฆา่ และถกู ตอ้ งตามรูปแบบมาตรฐานเป็นที่ยอมรับกนั ทวั่ ไป

สมรรถนะประจาหน่วย

เขยี นจดหมายกิจธุระดว้ ยความมีเหตุผล สะอาดเรียบร้อยและประณีต

จุดประสงค์การเรียนการสอน

จดุ ประสงค์ท่ัวไป
1.อธิบายการเขียนจดหมายกิจธุระได้
2.บอกรูปแบบการเขียนจดหมายกิจธุระได้
3.แยกประเภทของจดหมายกิจธุระได้
4.เขยี นจดหมายกิจธุระ ดว้ ยความมีเหตุผล สะอาดเรียบร้อยและประณีต

๑๖๖

2. จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. มีการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ่ีผสู้ อนสามารถ

สังเกตเห็นไดใ้ นดา้ นความมีมนุษยสัมพนั ธ์ ความมีวินยั ความรับผิดชอบ ความเชื่อมนั่ ในตนเอง ความ
สนใจใฝ่รู้ ความรู้รักสามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที
วเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
หลกั ความพอประมาณ

- พอประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน
- พอประมาณกบั เวลาท่ีใชใ้ นการเรียน
หลกั ความมีเหตุผล
- เพ่อื ใหม้ ีทกั ษะในการใชภ้ าษาไทย
- เพื่อเป็นการสร้างนิสยั ในการใชภ้ าษาไทยในชีวิตประจาวนั
หลกั ภูมิค้มุ กนั
- เพ่อื ป้ องกนั อนั ตรายในการปฏิบตั ิงาน
- เพื่อมีจิตใจที่เขม้ แขง็ ไมม่ วั เมาในอบายมขุ
เงื่อนไขความรู้
- ความสาคญั ในการใชภ้ าษาไทยในการติดต่อส่ือสาร
- จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ มาตรฐานรายวิชา คาอธิบายรายวิชา
- การวดั และการประเมินผล
- ลกั ษณะเฉพาะของภาษาไทยและความรู้เรื่องคา
เงอื่ นไขคุณธรรม
- ผเู้ รียนมีความรอบรู้ ระมดั ระวงั และมีความซ่ือสัตยส์ ุจริต

๑๖๗

- ความประมาณกบั วสั ดุอปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน
การเชื่อมโยง 4 มิติ
สังคม

1. ผเู้ รียนสามารถทางานเป็นกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และยอมรับความคิดเห็น ของ
ผอู้ ื่น

2. การใชท้ รัพยากรร่วมกนั ใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งคุม้ คา่
เศรษฐกจิ

1. สามารถใชภ้ าษาไทยในการติดตอ่ ส่ือสารใชใ้ นการประกอบอาชีพ
วฒั นธรรม

1. ผเู้ รียนมีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ
2. มีการแลกเปลี่ยนความคดิ เห็น ความรู้ดา้ นภาษา เพ่อื การดารงชีพตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
สิ่งแวดล้อม
1. เกิดภูมิปัญญาที่เอ้ืออาทรตอ่ ธรรมชาติ การดารงชีวติ การประกอบอาชีพอยา่ งเหมาะสม

๑๖๘

เนอื้ หา (หวั ข้อเรื่องทีส่ อนพร้อมคาอธิบาย)
การเขียนจดหมายกจิ ธุระ
จดหมายกิจธุระ เป็นจดหมายท่ีเขียนติดตอ่ กนั ระหวา่ งบุคคล หรือระหวา่ งหน่วยงานองคก์ รตา่ ง ๆ หรือระ
วา่ งบุคคลกบั หน่วยงาน เพื่อแจง้ กิจธุรการงาน เป็นการแสดงถึงมารยาทอนั ดีงาม หลงั จากติดต่อกิจธุระ
กนั ดว้ ยวาจาแลว้ ควรมีจดหมายกิจธุระไวใ้ หด้ ว้ ยเพื่อใชเ้ ป็นหลกั ฐาน และทาใหก้ ารสื่อสารถูกตอ้ งชดั เจน
มากยงิ่ ข้นึ
รูปแบบการเขียนจดหมายกจิ ธุระ
เน่ืองจากการติดต่อกนั ดว้ ยเรื่องกิจธุรการงาน มกั เป็นเป็นเร่ืองที่คอ่ นขา้ งเป็นทางการ ดงั น้นั รูปแบบของ
จดหมายกิจธุระ จึงมีลกั ษณะตามแบบสากลนิยม รูปแบบท่ีนิยมใชก้ นั มากที่สุดคอื ตามแบบหนงั สือ
ราชการภายนอก
ประเภทของจดหมายกจิ ธุระ
จดหมายกิจธุระมีหลายประเภท เช่น จดหมายลาครู จดหมายสมคั รงาน จดหมายเชิญ จดหมายแสดง
ความยนิ ดี หรือ เสียใจ ฯลฯ ซ่ึงจดหมายเหลา่ น้ีไดศ้ ึกษาในระดบั ปวช. แลว้ ในระดบั ปวส. จึงจะ
กลา่ วถึงจดหมายกิจธุระ 2 ประเภท คือ จดหมายขอความช่วยเหลือ และจดหมายขอความร่วมมือ

สรุป
การเขยี นเพ่ือติดต่อกิจธุระ เป็นการสื่อสารที่เป็นลายลกั ษณะอกั ษร เป็นหลกั ฐานในการอา้ งอิง ดงั น้นั ใน
การเขียนเพื่อติดต่อกิจธุระ ก็คือ การเขยี นจดหมายกิจธุระน้นั เอง
จดหมายกิจธุระมีใชก้ นั มากท้งั ในชีวติ ประจาวนั และงานอาชีพ เช่น จดหมายขอความช่วยเหลือ
จดหมายขอความร่วมมือ ซ่ึงกนั และกนั ส่วนใชจ้ ดหมายกิจธุระท้งั ส่ง การเขยี นจดหมายกิจธุระ จึงตอ้ งมี
รูปแบบในการเขียนท่ีถูกตอ้ ง โดยใชร้ ูปแบบหนงั สือราชการภายนอก ในการเขียนจดหมายกิจธุระตอ้ ง
เขยี นตรงไปตรงมา กระชบั รัดกุม ม่งุ ใหผ้ รู้ ับจดหมาย ทราบจุดประสงคอ์ ยา่ งรวดเร็ว และถกู ตอ้ งมาก
ที่สุด ตามที่ผสู้ ่งตอ้ งการ

๑๖๙

กจิ กรรมการเรียนการสอน
ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนการสอนหรือกจิ กรรมของนกั เรียน

ข้นั นา ข้นั นา

1. ครูใหน้ กั ศึกษาทาแบบทดสอบ 1. นกั ศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน (pre-test)

ก่อนเรียน (pre-test) เพื่อทดสอบความรู้ เพอื่ ทดสอบความรู้พ้นื ฐานเก่ียวกบั เร่ืองการเขยี นเพอ่ื
พ้นื ฐานเก่ียวกบั เรื่องการเขยี นเพื่อติดต่อกิจ ติดต่อกิจธุระ โดยใชแ้ บบทดสอบแบบปรนยั ชนิด 4
ธุระ โดยใชแ้ บบทดสอบแบบปรนยั ชนิด 4
ตวั เลือก จานวน 10 ขอ้ ตวั เลือก จานวน 10 ขอ้

ข้นั สอน ข้นั สอน
1. ครูใหน้ กั ศึกษาเลือกตวั อยา่ ง 1. นกั ศึกษาเลือกตวั อยา่ งจดหมายกิจธุระที่ครู

จดหมายกิจธุระที่ครูเตรียมมาให้ เตรียมมาให้
2. ครูใหน้ กั ศึกษา ศึกษาจดหมายท่ี 2. นกั ศึกษา ศึกษาจดหมายที่เลือก โดย

เลือก โดยพจิ ารณาถึงรูปแบบ พิจารณาถึงรูปแบบ ส่วนประกอบ เน้ือหา

ส่วนประกอบ เน้ือหา 3. นกั ศึกษาและครูร่วมกนั อภิปรายวา่
3. นกั ศึกษาและครูร่วมกนั อภิปราย
วา่ จดหมายเหลา่ น้นั เป็นจดหมายกิจธุระ จดหมายเหล่าน้นั เป็นจดหมายกิจธุระประเภทใดบา้ ง

ประเภทใดบา้ ง 4. นกั ศึกษาแบง่ กล่มุ กล่มุ ละ 4-5 คน
4. นกั ศึกษาแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 4-5 นกั ศึกษาแต่ละกลุ่มศึกษาเร่ืองการเขียนจดหมายกิจ
ธุระจากหนงั สือเรียนและใบความรู้ โดยใชต้ วั อยา่ ง
คนนกั ศึกษาแต่ละกลมุ่ ศึกษาเร่ืองการเขยี น จดหมายกิจธุระที่เลือกไวม้ าประกอบการศึกษาดว้ ย
จดหมายกิจธุระจากหนงั สือเรียนและใบ และนกั ศึกษาแตล่ ะกลุ่มส่งผแู้ ทนรายงานหนา้ ช้นั
ความรู้ โดยใชต้ วั อยา่ งจดหมายกิจธุระท่ี เรียนตามใบมอบหมายงาน
เลือกไวม้ าประกอบการศึกษาดว้ ยและ
นกั ศึกษาแต่ละกลมุ่ ส่งผแู้ ทนรายงานหนา้

ช้นั เรียนตามใบมอบหมายงาน 5. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมท่ี 1 - 3

5. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมที่ 1 – 3 ข้ันสรุป

ข้ันสรุป 1. นกั ศึกษาร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น

1. ครูและนกั ศึกษาร่วมกนั แสดง
ความคิดเห็น เสนอแนะ ซกั ถาม เพือ่ สรุป เสนอแนะ ซกั ถาม เพอ่ื สรุปหน่วยการเรียนและทา
แบบทดสอบหลงั เรียน

๑๗๐

หน่วยการเรียนและทาแบบทดสอบหลงั
เรียน

งานที่มอบหมายหรือกจิ กรรม

ก่อนเรียน

1. ทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

1. แบ่งกล่มุ
2. อภิปราย กาหนดหลกั การเขยี นจดหมายกิจธุระ
3. นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน
4. แลกเปล่ียนเรียนรู้กบั กลมุ่ อื่น

หลงั เรียน

1. ทากิจกรรมท่ี 1 และ 3

2. ทดสอบหลงั เรียน

ส่ือการเรียนการสอน

ส่ือส่ิงพมิ พ์

1. ใบมอบหมายงาน
2. หนงั สือแบบเรียน

สื่อโสตทัศน์

1. คอมพิวเตอร์

2. อินเทอร์เน็ต

๑๗๑

การประเมินผล

ก่อนเรียน
1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

1. สังเกตการทากิจกรรมกล่มุ
2. ตรวจผลงาน

หลงั เรียน

1. ประเมินผลงาน
2. กิจกรรมท่ี 1 และ 3
3. ทดสอบหลงั เรียน

๑๗๒

แผนการสอน หน่วยท่ี 11
ชื่อวชิ า 3000-1101
ช่ือหน่วย การเขียนหนงั สือติดต่อธุรกจิ สอนคร้ังที่ 15
ช่ือเร่ืองหรือช่ืองาน การเขียนหนังสือติดต่อธุรกจิ ชั่วโมงรวม 6
จานวนช่ัวโมง 3

หัวข้อเรื่องและงาน
1. ความหมายของหนงั สือติดต่อธุรกิจ
2. หลกั ในการเขียนหนงั สือติดต่อธุรกิจ
สาระสาคญั

การเขียนหนงั สือติดต่อธุรกิจ มีหลกั ทวั่ ไปเช่นเดียวกบั การเขียนหนงั สือติดต่อราชการ คือเขยี นให้
ถูกตอ้ ง เขียนใหข้ ดั เจน เขยี นใหร้ ัดกุม เขยี นใหก้ ะทดั รัด เขียนใหบ้ รรลจุ ุดประสงคแ์ ละเป็นผลดี แต่
หนงั สือติดต่อธุรกิจ จะมีลกั ษณะพเิ ศษที่แตกต่างจากหนงั สือติดต่อราชการ คือ เรื่องรูปแบบ ลีลาและ
ถอ้ ยคาสานวน พร้อมท้งั ประเภทของหนงั สือท่ีไมเ่ หมือนกนั จาตอ้ งเรียนรู้ การเขียนหนงั สือติดตอ่ ธุรกิจ
เพือ่ จะไดน้ าไปใชอ้ ยา่ งถูกตอ้ งต่อไป

สมรรถนะประจาหน่วย
เขยี นหนงั สือติดตอ่ ธุรกิจดว้ ยความมีเหตุผล ละเอียดรอบคอบ โดยคานึงถึงสังคมและวฒั นธรรม

จดุ ประสงค์การเรียนการสอน
จดุ ประสงค์ทว่ั ไป

1. บอกความหมายของหนงั สือติดต่อธุรกิจได้
2. อธิบายหลกั ในการเขยี นหนงั สือติดตอ่ ธุรกิจได้
2. จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
1. มีการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ่ีผสู้ อนสามารถ
สงั เกตเห็นไดใ้ นดา้ นความมีมนุษยสมั พนั ธ์ ความมีวินยั ความรับผิดชอบ ความเช่ือมนั่ ในตนเอง ความ
สนใจใฝ่รู้ ความรู้รักสามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที

๑๗๓

วเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
หลกั ความพอประมาณ

- พอประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน
- พอประมาณกบั เวลาท่ีใชใ้ นการเรียน
หลกั ความมีเหตผุ ล
- เพ่อื ใหม้ ีทกั ษะในการใชภ้ าษาไทย
- เพื่อเป็นการสร้างนิสัยในการใชภ้ าษาไทยในชีวติ ประจาวนั
หลกั ภูมคิ ้มุ กนั
- เพื่อป้ องกนั อนั ตรายในการปฏิบตั ิงาน
- เพอื่ มีจิตใจที่เขม้ แขง็ ไมม่ วั เมาในอบายมุข
เง่อื นไขความรู้
- ความสาคญั ในการใชภ้ าษาไทยในการติดต่อส่ือสาร
- จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ มาตรฐานรายวชิ า คาอธิบายรายวิชา
- การวดั และการประเมินผล
- ลกั ษณะเฉพาะของภาษาไทยและความรู้เรื่องคา
เงือ่ นไขคุณธรรม
- ผเู้ รียนมีความรอบรู้ ระมดั ระวงั และมีความซื่อสัตยส์ ุจริต
- ความประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน

๑๗๔

การเช่ือมโยง 4 มิติ
สังคม

1. ผเู้ รียนสามารถทางานเป็นกลุ่ม มีการแลกเปล่ียนความคิดเห็น และยอมรับความคิดเห็น ของ
ผอู้ ื่น

2. การใชท้ รัพยากรร่วมกนั ใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งคุม้ คา่
เศรษฐกจิ

1. สามารถใชภ้ าษาไทยในการติดต่อส่ือสารใชใ้ นการประกอบอาชีพ
วฒั นธรรม

1. ผเู้ รียนมีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ
2. มีการแลกเปลี่ยนความคดิ เห็น ความรู้ดา้ นภาษา เพือ่ การดารงชีพตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียง
สิ่งแวดล้อม
1. เกิดภูมิปัญญาที่เอ้ืออาทรตอ่ ธรรมชาติ การดารงชีวติ การประกอบอาชีพอยา่ งเหมาะสม

๑๗๕

เนอื้ หา (หัวข้อเร่ืองทส่ี อนพร้อมคาอธบิ าย)
ความหมายของหนงั สือติดต่อธุรกจิ

หนงั สือติดต่อธุรกิจ หมายถึง จดหมายท่ีบุคคลในวงการธุรกิจ หรือหา้ งหุน้ ส่วนบริษทั หรือ
องคก์ รธุรกิจใด ๆ มีถึงหา้ งหุน้ ส่วนบริษทั หรือองคก์ รธุรกิจ หรือบุคคลอื่น หรือถึงทางราชการ เพื่อการ
ส่ือสารธุรกิจ
หลกั ในการเขียนหนังสือตดิ ต่อธุรกจิ

การเขียนหนงั สือติดต่อธุรกิจ มีหลกั ทว่ั ไปที่ควรยดึ ถือ ลกั ษณะเดียวกนั กบั การเขียนหนงั สือ
ราชการ คือ เขียนใหถ้ ูกตอ้ ง เขยี นใหช้ ดั เจน เขียนให้รัดกมุ เขยี นใหก้ ะทดั รัด เขียนใหบ้ รรลุจุดประสงค์
และเป็นผลดี แต่หนงั สือติดต่อธุรกิจ มีลกั ษณะพิเศษท่ีแตกตา่ งจากหนงั สือราชการ ในเรื่องรูปแบบ และ
ลีลาถอ้ ยคาสานวน ดงั น้ี
1. รูปแบบ รูปแบบหนงั สือติดต่อธุรกิจ ไม่มีกาหนดตายตวั มีรูปแบบหลากหลาย ใชก้ นั ตามความนิยม แต่
ท่ีนิยมใชก้ นั ทว่ั ไปมี 4 แบบ ดงั น้ี

1.1 แบบบลอ็ ก เป็นแบบใหท้ ุกบรรทดั ชิดเส้นก้นั หนา้ ยกเวน้ เฉพาะส่วนท่ีอยขู่ องผมู้ ีหนงั สือไป
ในกรณีท่ีใชห้ วั หนงั สือพมิ พส์ าเร็จรูปไวท้ ี่ส่วนบนของกระดาษ ซ่ึงอาจพิมพไ์ วช้ ิดเสน้ ก้นั หนา้ หรือกลาง
หนา้ หรือชิดริมขวาของกระดาษก็ได้

1.2 แบบก่ึงบลอ็ ก เป็นแบบที่เขียนใหค้ าข้ึนตน้ และ สิ่งที่ส่งมาดว้ ย อยชู่ ิดเส้นก้นั หนา้ ส่วน วนั
เดือน ปี ลายมือชื่อ ชื่อเตม็ และตาแหน่งของผมู้ ีหนงั สือไป อยคู่ อ่ นไปทางขวา สาหรับท่ีอยขู่ องผมู้ ีหนงั สือ
ไป อาจพมิ พไ์ วช้ ิดริมซา้ ยของกระดาษ หรือกลางหนา้ กระดาษ หรือชิดเสน้ ก้นั หนา้ ก็ได้ ขอ้ ความ
นอกจากน้ี ซ่ึงเป็นเน้ือความของหนงั สือ เขยี นใหท้ กุ บรรทดั ชิดเสน้ ก้นั หนา้

1.3 แบบยอ่ หนา้ เป็นแบบคลา้ ยแบบก่ึงบลอ็ ก ตา่ งกนั เพยี งขอ้ ความที่เป็น เน้ือความของหนงั สือ
ตอ้ งเขยี นยอ่ หนา้ ใหบ้ รรทดั แรกของแตล่ ะตอนร่นเขา้ ไปประมาณ 5-10 ระยะตวั อกั ษร

1.4 แบบหนงั สือราชการ เป็นแบบที่ลอกเลียนมาจากหนงั สือราชการภายนอก ตามระเบียบสานกั
นายกรัฐมนตรีวา่ ดว้ ยงานสารบรรณ

๑๗๖

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้ันตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนการสอนหรือกจิ กรรมของนักเรียน

ข้นั นา ข้นั นา

1. ครูใหน้ กั ศึกษาทาแบบทดสอบ 1. นกั ศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน

ก่อนเรียน

ข้นั สอน ข้นั สอน

1. ครูใหน้ กั ศึกษาเลือกตวั อยา่ ง 1. นกั ศึกษาเลือกตวั อยา่ งหนงั สือติดต่อธุรกิจ

หนงั สือติดต่อธุรกิจที่ครูเตรียมมาให้ ท่ีครูเตรียมมาให้ นกั ศึกษา ศึกษาหนงั สือท่ีเลือก โดย

นกั ศึกษา ศึกษาหนงั สือที่เลือก โดยพิจารณา พิจารณาถึงรูปแบบ ส่วนประกอบ เน้ือหา

ถึงรูปแบบ ส่วนประกอบ เน้ือหา

2. ครูอธิบายเร่ืองหลกั เกณฑก์ าร 2. นกั เรียนฟังครูอธิบายเร่ืองหลกั เกณฑก์ าร

เขยี นหนงั สือติดต่อธุรกิจ เพื่อใชใ้ นการ เขียนหนงั สือติดต่อธุรกิจเพ่อื ใชใ้ นการเขยี นอยา่ งมี

เขียนอยา่ งมีประสิทธิภาพ ประสิทธิภาพ

3. นกั ศึกษาและครูร่วมกนั อภิปราย 3. นกั ศึกษาและครูร่วมกนั อภิปรายวา่ หนงั สือ

วา่ หนงั สือติดต่อเหล่าน้นั เป็นหนงั สือติดต่อ ติดต่อเหลา่ น้นั เป็นหนงั สือติดตอ่ ธุรกิจประเภท

ธุรกิจประเภทใดบา้ ง ใดบา้ ง

4. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมที่ 1 – 2 4. นกั ศึกษาทากิจกรรมที่ 1 – 2

ข้นั สรุป ข้ันสรุป

1. ครูและนกั ศึกษาร่วมกนั แสดง 1. นกั ศึกษาร่วมกนั แสดงความคิดเห็น

ความคดิ เห็น เสนอแนะ ซกั ถาม เพอ่ื สรุป เสนอแนะ ซกั ถาม เพ่ือสรุปหน่วยการเรียน

หน่วยการเรียน

๑๗๗

งานท่ีมอบหมายหรือกจิ กรรม
ก่อนเรียน
1. ทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน
1. ศึกษาหนงั สือติดตอ่ ธุรกิจ

หลงั เรียน
1. ทากิจกรรมท่ี 1 และ 2

ส่ือการเรียนการสอน

สื่อส่ิงพมิ พ์

1. ใบมอบหมายงาน
2. หนงั สือแบบเรียน

สื่อโสตทัศน์

1. คอมพิวเตอร์
2. อินเทอร์เน็ต

การประเมินผล
ก่อนเรียน

๑๗๘

1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

1. สงั เกตการทากิจกรรม
2. ตรวจผลงาน

หลงั เรียน

1. ประเมินผลงาน
2. กิจกรรมท่ี 1 และ 2

๑๗๙

แผนการสอน หน่วยที่ 11
ช่ือวชิ า 3000-1101
ช่ือหน่วย การเขียนหนังสือติดต่อธุรกจิ สอนคร้ังที่ 16
ชื่อเร่ืองหรือช่ืองาน การเขียนหนงั สือติดต่อธุรกจิ ชั่วโมงรวม 6
จานวนช่ัวโมง 3
หัวข้อเรื่องและงาน
1. ประเภทของหนงั สือติดตอ่ ธุรกิจ

สาระสาคัญ
การเขยี นหนงั สือติดต่อธุรกิจ มีหลกั ทวั่ ไปเช่นเดียวกบั การเขียนหนงั สือติดตอ่ ราชการ คือเขยี นให้

ถูกตอ้ ง เขียนใหข้ ดั เจน เขียนใหร้ ัดกมุ เขียนใหก้ ะทดั รัด เขยี นใหบ้ รรลุจุดประสงคแ์ ละเป็นผลดี แต่
หนงั สือติดต่อธุรกิจ จะมีลกั ษณะพิเศษที่แตกต่างจากหนงั สือติดต่อราชการ คือ เร่ืองรูปแบบ ลีลาและ
ถอ้ ยคาสานวน พร้อมท้งั ประเภทของหนงั สือที่ไม่เหมือนกนั จาตอ้ งเรียนรู้ การเขียนหนงั สือติดตอ่ ธุรกิจ
เพอื่ จะไดน้ าไปใชอ้ ยา่ งถูกตอ้ งต่อไป

สมรรถนะประจาหน่วย
เขียนหนงั สือติดต่อธุรกิจดว้ ยความมีเหตุผล ละเอียดรอบคอบ โดยคานึงถึงสังคมและวฒั นธรรม

จดุ ประสงค์การเรียนการสอน

จดุ ประสงค์ท่ัวไป

1. แยกประเภทของหนงั สือติดต่อธุรกิจได้
2. เขียนหนงั สือติดตอ่ ธุรกิจ ดว้ ยความมีเหตผุ ลละเอียดรอบคอบโดยคานึงถึงสงั คมและวฒั นธรรม
2. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม

1. มีการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคท์ ี่ผสู้ อนสามารถ
สังเกตเห็นไดใ้ นดา้ นความมีมนุษยสมั พนั ธ์ ความมีวนิ ยั ความรับผดิ ชอบ ความเช่ือมนั่ ในตนเอง ความ
สนใจใฝ่รู้ ความรู้รักสามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที

๑๘๐

วเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
หลกั ความพอประมาณ

- พอประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน
- พอประมาณกบั เวลาท่ีใชใ้ นการเรียน
หลกั ความมีเหตุผล
- เพ่ือใหม้ ีทกั ษะในการใชภ้ าษาไทย
- เพื่อเป็นการสร้างนิสยั ในการใชภ้ าษาไทยในชีวติ ประจาวนั
หลกั ภูมิค้มุ กนั
- เพอ่ื ป้ องกนั อนั ตรายในการปฏิบตั ิงาน
- เพือ่ มีจิตใจที่เขม้ แขง็ ไม่มวั เมาในอบายมขุ
เงื่อนไขความรู้
- ความสาคญั ในการใชภ้ าษาไทยในการติดต่อส่ือสาร
- จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ มาตรฐานรายวชิ า คาอธิบายรายวิชา
- การวดั และการประเมินผล
- ลกั ษณะเฉพาะของภาษาไทยและความรู้เร่ืองคา
เงือ่ นไขคุณธรรม
- ผเู้ รียนมีความรอบรู้ ระมดั ระวงั และมีความซื่อสตั ยส์ ุจริต
- ความประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน
การเชื่อมโยง 4 มิติ
สังคม

๑๘๑

1. ผเู้ รียนสามารถทางานเป็นกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และยอมรับความคิดเห็น ของ
ผอู้ ่ืน

2. การใชท้ รัพยากรร่วมกนั ใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งคุม้ คา่
เศรษฐกจิ

1. สามารถใชภ้ าษาไทยในการติดตอ่ ส่ือสารใชใ้ นการประกอบอาชีพ
วัฒนธรรม

1. ผเู้ รียนมีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ
2. มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้ดา้ นภาษา เพือ่ การดารงชีพตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียง
ส่ิงแวดล้อม
1. เกิดภมู ิปัญญาท่ีเอ้ืออาทรตอ่ ธรรมชาติ การดารงชีวติ การประกอบอาชีพอยา่ งเหมาะสม

๑๘๒

เนอื้ หา (หวั ข้อเร่ืองท่ีสอนพร้อมคาอธิบาย)
ประเภทของหนงั สือติดต่อธุรกิจ
ในการแบง่ ประเภทของหนงั สือติดต่อธุรกิจ มีวธิ ีการแบ่งตามวธิ ีเขยี นได้ 4 ประเภท คือ ประเภทปกติ
ธรรมดา ประเภททาความไม่พงึ พอใจ ประเภททาความพึงพอใจ และประเภทโนม้ นา้ วใจ ตามรายละเอียด
ในตารางตอ่ ไปน้ี
1. หนงั สือติดต่อธุรกิจประเภทปกติธรรมดา
2. หนงั สือติดต่อธุรกิจประเภททาความไม่พงึ พอใจ
3. หนงั สือติดต่อธุรกิจประเภททาความพึงพอใจ
4. หนงั สือติดต่อธุรกิจประเภทโนม้ นา้ วใจ
สรุป
หนงั สือติดต่อธุรกิจ เป็นหนงั สือ เพื่อการสื่อสารทางธุรกิจ มีหลกั ในการเขียนประกอบดว้ ยรูปแบบและ
ลีลา ถอ้ ยคาสานวน นอกจากน้ีหนงั สือติดต่อธุรกิจ ยงั แบ่งไดอ้ อกเป็น 4 ประเภท คือ ประเภทปกติธรรมดา
ประเภททาความไม่พงึ พอใจ ประเภททาความพึงพอใจ และประเภทโนม้ นา้ วใจ หนงั สือแต่ละประเภท จะ
มีความชดั เจนครบถว้ น กะทดั รัด สุภาพ ซ่ึงประกอบดว้ ยโครงสร้าง ไดแ้ ก่ ส่วนเกร่ินนา ส่วนเน้ือหา และ
ส่วนปิ ดทา้ ย แตห่ นงั สือติดตามหน้ี จะมีข้นั ตอนการติดตาม 4 ข้นั ตอน คอื ข้นั แจง้ เตือน ข้นั จูงใจ ข้นั กดดนั
และข้นั แจง้ คาขาด

๑๘๓

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนการสอนหรือกจิ กรรมของนักเรียน

ข้นั นา ข้นั นา
1. ครูทบทวนโดยใชค้ าถามเกี่ยวกบั 1. นกั ศึกษาตอบคาถามเก่ียวกบั ประเภทของ

ประเภทของหนงั สือติดตอ่ ธุรกิจถาม หนงั สือติดต่อธุรกิจ

นกั ศึกษาเป็นรายบุคคล ข้นั สอน
1. นกั ศึกษาฟังครูอธิบายประเภทของหนงั สือ
ข้นั สอน
1. ครูอธิบายเรื่องประเภทของ ติดต่อธุรกิจ
2. นกั ศึกษาแบง่ กลุ่ม 4-5 คน
หนงั สือติดต่อธุรกิจ 3. นกั ศึกษาแต่ละกลมุ่ ศึกษาเรื่องการเขยี น
2. ครูใหน้ กั ศึกษาแบ่งกล่มุ 4-5 คน
3. ครูใหน้ กั ศึกษาแต่ละกลุ่มศึกษา หนงั สือธุรกิจจากหนงั สือเรียนและใบความรู้ โดยใช้
ตวั อยา่ งจดหมายธุรกิจที่เลือกไวม้ าประกอบ
เรื่องการเขยี นหนงั สือธุรกิจจากหนงั สือ การศึกษาดว้ ยและนกั ศึกษาแตล่ ะกลมุ่ ส่งผแู้ ทน
เรียนและใบความรู้ โดยใชต้ วั อยา่ งจดหมาย รายงานหนา้ ช้นั เรียน
ธุรกิจท่ีเลือกไวม้ าประกอบการศึกษาดว้ ย
และนกั ศึกษาแตล่ ะกลมุ่ ส่งผแู้ ทนรายงาน 4. นกั ศึกษาทากิจกรรมท่ี 3
หนา้ ช้นั เรียน ข้ันสรุป

4. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมท่ี 3 1. นกั ศึกษาร่วมกนั แสดงความคิดเห็น
ข้นั สรุป เสนอแนะ ซกั ถาม เพอ่ื สรุปหน่วยการเรียนและทา
แบบทดสอบหลงั เรียน
1. ครูและนกั ศึกษาร่วมกนั แสดง
ความคิดเห็น เสนอแนะ ซกั ถาม เพ่ือสรุป
หน่วยการเรียนและทาแบบทดสอบหลงั
เรียน

๑๘๔

งานทมี่ อบหมายหรือกจิ กรรม

ก่อนเรียน

1. ตอบคาถามเก่ียวกบั ประเภทของหนงั สือติดตอ่ ธุรกิจ

ขณะเรียน

1. ศึกษาประเภทของหนงั สือติดต่อธุรกิจ
2. เขยี นหนงั สือติดตอ่ ธุรกิจนาเสนอหนา้ ช้นั เรียน

หลงั เรียน

1. ทากิจกรรมท่ี 3
2. ทดสอบหลงั เรียน
ส่ือการเรียนการสอน
ส่ือสิ่งพมิ พ์

1. ใบมอบหมายงาน
2. หนงั สือแบบเรียน

ส่ือโสตทัศน์

1. คอมพวิ เตอร์
2. อินเทอร์เน็ต

๑๘๕

การประเมินผล

ก่อนเรียน
1. ตอบคาถาม

ขณะเรียน
1. สังเกตการทากิจกรรม
2. ตรวจผลงาน

หลงั เรียน
1. ประเมินผลงาน

2. กิจกรรมท่ี 3
3. ทดสอบหลงั เรียน

๑๘๖

แผนการสอน หน่วยที่ 12
ช่ือวิชา 3000-1101
ช่ือหน่วย การเขียนรายงานการวิจยั สอนคร้ังท่ี 17
ช่ือเรื่องหรือช่ืองาน การเขียนรายงานการวิจัย ชั่วโมงรวม 6
จานวนช่ัวโมง 3

หัวข้อเรื่องและงาน
1. ความหมายการวจิ ยั
2. ประเภทของการวิจยั
3. ข้นั ตอนในการวิจยั
4. ส่วนประกอบของรายงานการวจิ ยั
สาระสาคญั

การเขยี นรายงานการวิจยั เป็นกระบวนการนาเสนอความรู้หรือขอ้ เทจ็ จริงท่ีไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ อยา่ ง
เป็นระบบ นามาเรียบเรียงอยา่ งเป็นระเบียบแบบแผน เสนอผลการวจิ ยั ในรูปการเขียน และตีพมิ พเ์ ผยแพร่
เพอื่ ใหผ้ อู้ ่านมีความรู้ และเขา้ ใจในสิ่งที่ผวู้ ิจยั ไดท้ าการวิจยั น้นั ดงั น้นั เพื่อใหก้ ารเขียนรายงานการวจิ ยั มี
รูปแบบที่ถูกตอ้ ง ตามหลกั มาตรฐานสากลและสามารถเป็นแบบอยา่ งท่ีดีได้ จึงตอ้ งศึกษาเรียนรู้การเขยี น
รายงานการวิจยั เพอ่ื จะไดน้ าไปประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพต่อไป

สมรรถนะประจาหน่วย
เขยี นรายงานการวิจยั ตามรูปแบบที่ถกู ตอ้ ง ดว้ ยความละเอียดรอบคอบ

จดุ ประสงค์การเรียนการสอน
จุดประสงค์ท่ัวไป

1. อธิบายความหมายการวิจยั ได้

2. แยกประเภทของการวจิ ยั ได้

3. อธิบายข้นั ตอนการวิจยั ได้

๑๘๗

4. บอกส่วนประกอบของรายงานการวิจยั ได้

2. จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
1. มีการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคท์ ่ีผสู้ อนสามารถ

สงั เกตเห็นไดใ้ นดา้ นความมีมนุษยสัมพนั ธ์ ความมีวินยั ความรับผิดชอบ ความเชื่อมนั่ ในตนเอง ความ
สนใจใฝ่รู้ ความรู้รักสามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที

วเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
หลกั ความพอประมาณ

- พอประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน
- พอประมาณกบั เวลาท่ีใชใ้ นการเรียน
หลกั ความมเี หตผุ ล
- เพอ่ื ใหม้ ีทกั ษะในการใชภ้ าษาไทย
- เพอื่ เป็นการสร้างนิสัยในการใชภ้ าษาไทยในชีวิตประจาวนั
หลกั ภูมคิ ุ้มกนั
- เพื่อป้ องกนั อนั ตรายในการปฏิบตั ิงาน
- เพอ่ื มีจิตใจท่ีเขม้ แขง็ ไมม่ วั เมาในอบายมขุ
เงื่อนไขความรู้
- ความสาคญั ในการใชภ้ าษาไทยในการติดต่อส่ือสาร
- จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ มาตรฐานรายวชิ า คาอธิบายรายวิชา
- การวดั และการประเมินผล
- ลกั ษณะเฉพาะของภาษาไทยและความรู้เร่ืองคา
เงื่อนไขคณุ ธรรม

๑๘๘

- ผเู้ รียนมีความรอบรู้ ระมดั ระวงั และมีความซื่อสัตยส์ ุจริต
- ความประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน
การเชื่อมโยง 4 มิติ
สังคม
1. ผเู้ รียนสามารถทางานเป็นกลุ่ม มีการแลกเปล่ียนความคดิ เห็น และยอมรับความคิดเห็น ของ

ผอู้ ื่น
2. การใชท้ รัพยากรร่วมกนั ใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งคุม้ ค่า
เศรษฐกจิ
1. สามารถใชภ้ าษาไทยในการติดตอ่ ส่ือสารใชใ้ นการประกอบอาชีพ
วฒั นธรรม
1. ผเู้ รียนมีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ
2. มีการแลกเปลี่ยนความคดิ เห็น ความรู้ดา้ นภาษา เพื่อการดารงชีพตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
สิ่งแวดล้อม
1. เกิดภูมิปัญญาที่เอ้ืออาทรต่อธรรมชาติ การดารงชีวติ การประกอบอาชีพอยา่ งเหมาะสม

๑๘๙

เนอื้ หา (หัวข้อเร่ืองท่สี อนพร้อมคาอธิบาย)
ความหมายการวิจัย

สรุปไดว้ า่ การวิจยั หมายถึง การศึกษาคน้ ควา้ ที่ตอ้ งอาศยั ความรู้ ความชานาญ ความมีเหตผุ ล อยา่ งเป็น

ระบบ และมีเป้ าหมายที่ชดั เจน

ประเภทของการวิจยั

การแบ่งประเภทของการวิจยั สามารถแบ่งไดห้ ลายวิธีต่าง ๆ กนั ข้นึ อยกู่ บั เกณฑท์ ่ีจะใชใ้ นการแบง่ ดงั

ตารางต่อไปน้ี แสดงประเภทของการวิจยั แบง่ ตามเกณฑต์ ่าง ๆ

ประเภทของการวิจยั

ระเบียบวธิ ี สาขาวิจยั ประโยชน์ วธิ ี ชนิดของ เวลา การ

วจิ ยั ท่ีไดร้ ับ การศึกษา ขอ้ มลู ควบคมุ ตวั

แปร

- การวจิ ยั เชิง - การวจิ ยั ทาง - การวิจยั - การวิจยั - การวิจยั - การวิจยั เชิง - การวจิ ยั

ประวตั ิศาสตร์ สังคมศาสตร์ บริสุทธ์ิ เชิงปริมาณ เชิง ประวตั ิศาสตร์ เชิงทดลอง

- การวจิ ยั เชิง - การวิจยั ทาง - การวิจยั - การวจิ ยั ประจกั ษ์ - การวิจยั เชิง - การวิจยั

พรรณนา มนุษยศาสตร์ ประยกุ ต์ เชิง - การวจิ ยั ปัจจุบนั เชิงก่ึง

- การวจิ ยั เชิง - การวิจยั ทาง - การวิจยั คุณลกั ษณะ เชิงไม่ - การวิจยั เชิง ทดลอง

ทดลอง วิทยาศาสตร์ เชิงปฏิบตั ิ ประจกั ษ์ อนาคต - การวิจยั

ฯลฯ เชิง

ธรรมชาติ

ข้นั ตอนในการวจิ ยั

ในการวจิ ยั แตล่ ะประเภท อาจมีข้นั ตอนท่ีแตกตา่ งกนั แตใ่ นการวจิ ยั จะมีข้นั ตอนท่ีสาคญั ๆ ดงั น้ี

1. เลือกหวั ขอ้ ปัญหา ผวู้ ิจยั ตอ้ งตกลงใหแ้ น่ชดั เสียก่อนวา่ จะวิจยั เร่ืองอะไร ซ่ึงจะตอ้ งพิจารณาให้รอบคอบ

ดว้ ยความมนั่ ใจ และเขียนชื่อเร่ืองท่ีจะวจิ ยั ออกมา

2. ศึกษาเอกสารท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เรื่องที่จะวจิ ยั หลงั จากกาหนดเร่ืองที่จะวิจยั แลว้ จะตอ้ งศึกษาเอกสารที่

เกี่ยวกบั การวจิ ยั โดยศึกษาสาระความรู้ ความคิด ทฤษฎี และผลงานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เรื่องน้นั ซ่ึงจะทา

๑๙๐

ใหท้ ราบวา่ ใครวิจยั ในแงม่ มุ ใด มีผลการคน้ พบอะไร มีวิธีดาเนินการ ใชเ้ คร่ืองมือ และเทคนิคการ
วเิ คราะห์
3. เขียนเคา้ โครงการวิจยั ประกอบดว้ ย ภูมิหลงั หรือที่มาของปัญหา ความมงุ่ หมายของการวิจยั ขอบเขต
ของการวิจยั ตวั แปรต่าง ๆ ที่วิจยั คานิยามศพั ทเ์ ฉพาะ (กรณีท่ีจาเป็น) สมมตุ ิฐานในการวิจยั (ถา้ มี)
วธิ ีดาเนินการวจิ ยั เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการวิจยั ประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง (ถา้ มี) รูปแบบการวิจยั วธิ ีการ
วิเคราะหข์ อ้ มูล
4. สร้างเคร่ืองมือในการรวบรวมขอ้ มลู ศึกษาวธิ ีการสร้างเคร่ืองมือ มีการทดลองและตรวจสอบคุณภาพ
ของเครื่องมือ การปรับปรุงเป็นเครื่องมือฉบบั จริง เครื่องมืออาจจะเป็นแบบสอบถาม สังเกตการณ์
สมั ภาษณ์
5. เลือกกลุ่มตวั อยา่ ง ผวู้ ิจยั ตอ้ งพจิ ารณาวา่ จะเลือกกลุม่ ตวั อยา่ งจานวนเทา่ ใด ใชว้ ิธีเลือกแบบใด จึงจะเป็น
ตวั แทนที่ดีของประชากร
6. เก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยใชเ้ คร่ืองมือหรือเทคนิคตา่ ง ๆ ที่กาหนดไวใ้ นข้นั ท่ี 4 ซ่ึงอาจเป็นแบบสอบถาม
ถา้ กรณีวิจยั เชิงทดลอง จะตอ้ งดาเนินการทดลอง สังเกตและวดั ผลดว้ ย
7. การจดั กระทาขอ้ มูล อาจนามาจดั เขา้ ตาราง วิเคราะห์ดว้ ยสถิติ ทดสอบสมมุติฐาน หรือนามาวเิ คราะห์
8. ตีความผลการวิเคราะห์ นาผลการวิเคราะหใ์ นข้นั ที่ 7 มาตีความผลการวิเคราะห์
9. เขยี นรายงานการวิจยั และจดั พิมพ์ ผวู้ ิจยั จะตอ้ งเขยี นรายงานตามรูปแบบของการเขยี นรายงานการวิจยั
ประเภทน้นั ๆ เพ่ือใหค้ นอื่นไดศ้ ึกษา
ส่วนประกอบของรายงานการวจิ ัย รายงานการวจิ ยั มีส่วนประกอบท่ีสาคญั 3 ส่วน ดงั น้ี
1. ส่วนประกอบตอนตน้ ประกอบดว้ ย
1.1 ปกนอก
1.2 ปกใน
1.3 บดคดั ยอ่
1.4 กิตติกรรมประกาศ
1.5 สารบญั
2. ส่วนเน้ือหา ประกอบดว้ ย
2.1 บทที่ 1 บทนา

๑๙๑

2.2 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง
2.3 บทที่ 3 วธิ ีดาเนินการวิจยั
2.4 บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล เป็นการนาเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลโดยใชร้ ูปแบบตาราง กราฟ หรือ
แผนภูมิ เป็นผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลดว้ ยสถิติ
2.5 บทท่ี 5 สรุปอภิปรายและขอ้ เสนอแนะ
3. ส่วนประกอบตอนทา้ ย ประกอบดว้ ย
1) รายการอา้ งอิง (บรรณานุกรม)
2) ภาคผนวก
3) ประวตั ิผวู้ จิ ยั

๑๙๒

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้ันตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนการสอนหรือกจิ กรรมของนักเรียน

ข้นั นา ข้นั นา

1. ครูใหน้ กั ศึกษาทาแบบทดสอบ 1. นกั ศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน

ก่อนเรียน

ข้นั สอน ข้นั สอน

1. ครูใหน้ กั ศึกษาเลือกตวั อยา่ ง 1. นกั ศึกษาเลือกตวั อยา่ งรายงานการวจิ ยั ที่ครู

รายงานการวิจยั ท่ีครูเตรียมมาให้ นกั ศึกษา เตรียมมาให้ นกั ศึกษา ศึกษาหนงั สือที่เลือก โดย

ศึกษาหนงั สือท่ีเลือก โดยพิจารณาถึง พจิ ารณาถึงรูปแบบ ส่วนประกอบ เน้ือหา

รูปแบบ ส่วนประกอบ เน้ือหา

2. ครูอธิบายเร่ืองหลกั เกณฑก์ าร 2. นกั เรียนฟังครูอธิบายเร่ืองหลกั เกณฑก์ าร

เขยี นรายงานการวจิ ยั เพื่อใชใ้ นการเขียน เขยี นรายงานการวิจยั เพ่ือใชใ้ นการเขียนอยา่ งมี

อยา่ งมีประสิทธิภาพ ประสิทธิภาพ

3. นกั ศึกษาและครูร่วมกนั อภิปราย 3. นกั ศึกษาและครูร่วมกนั อภิปรายวา่ รายงาน

วา่ รายงานการวิจยั เหล่าน้นั เป็นรายงานการ การวจิ ยั เหลา่ น้นั เป็นรายงานการวิจยั ประเภทใดบา้ ง

วิจยั ประเภทใดบา้ ง

4. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมที่ 1 – 2 4. นกั ศึกษาทากิจกรรมที่ 1 – 2

ข้ันสรุป ข้นั สรุป

1. ครูและนกั ศึกษาร่วมกนั แสดง 1. นกั ศึกษาร่วมกนั แสดงความคิดเห็น

ความคดิ เห็น เสนอแนะ ซกั ถาม เพ่ือสรุป เสนอแนะ ซกั ถาม เพ่ือสรุปหน่วยการเรียน

หน่วยการเรียน

๑๙๓

งานท่ีมอบหมายหรือกจิ กรรม
ก่อนเรียน
1. ทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน
1. ศึกษารายงานการวจิ ยั

หลงั เรียน
1. ทากิจกรรมที่ 1 และ 2

สื่อการเรียนการสอน

สื่อส่ิงพมิ พ์

1. ใบมอบหมายงาน
2. หนงั สือแบบเรียน

สื่อโสตทัศน์

1. คอมพวิ เตอร์
2. อินเทอร์เน็ต

๑๙๔

การประเมินผล

ก่อนเรียน
1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

1. สงั เกตการทากิจกรรม
2. ตรวจผลงาน

หลงั เรียน

1. ประเมินผลงาน
2. กิจกรรมท่ี 1 และ 2

๑๙๕

แผนการสอน หน่วยที่ 12
ชื่อวิชา 3000-1101
ชื่อหน่วย การเขียนรายงานการวจิ ยั สอนคร้ังท่ี 18
ช่ือเรื่องหรือชื่องาน การเขียนรายงานการวิจยั ชั่วโมงรวม 6
จานวนชั่วโมง 3

หวั ข้อเร่ืองและงาน
1. การเขยี นรายงานการวิจยั
2. การจดั รูปแบบการพมิ พง์ านวิจยั
3. การประเมินผลการวจิ ยั
สาระสาคัญ

การเขียนรายงานการวิจยั เป็นกระบวนการนาเสนอความรู้หรือขอ้ เทจ็ จริงท่ีไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ อยา่ ง
เป็นระบบ นามาเรียบเรียงอย่างเป็นระเบียบแบบแผน เสนอผลการวจิ ยั ในรูปการเขียน และตีพิมพเ์ ผยแพร่
เพ่อื ใหผ้ อู้ ่านมีความรู้ และเขา้ ใจในส่ิงที่ผวู้ ิจยั ไดท้ าการวิจยั น้นั ดงั น้นั เพ่ือใหก้ ารเขยี นรายงานการวจิ ยั มี
รูปแบบท่ีถกู ตอ้ ง ตามหลกั มาตรฐานสากลและสามารถเป็นแบบอยา่ งท่ีดีได้ จึงตอ้ งศึกษาเรียนรู้การเขียน
รายงานการวิจยั เพื่อจะไดน้ าไปประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพตอ่ ไป

สมรรถนะประจาหน่วย
เขยี นรายงานการวจิ ยั ตามรูปแบบที่ถกู ตอ้ ง ดว้ ยความละเอียดรอบคอบ

จุดประสงค์การเรียนการสอน

จุดประสงค์ทัว่ ไป

1. เขียนรายงานการวจิ ยั ได้
2. จดั รูปแบบการพมิ พง์ านวิจยั ได้
3. สามารถประเมินผลการวิจยั ได้
4. เขยี นรายงานการวจิ ยั ตามรูปแบบท่ีถกู ตอ้ ง ดว้ ยความละเอียดรอบคอบ

๑๙๖

2. จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. มีการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ี่ผสู้ อนสามารถ

สังเกตเห็นไดใ้ นดา้ นความมีมนุษยสัมพนั ธ์ ความมีวินยั ความรับผิดชอบ ความเช่ือมน่ั ในตนเอง ความ
สนใจใฝ่รู้ ความรู้รักสามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที
วเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
หลกั ความพอประมาณ

- พอประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการเรียน
- พอประมาณกบั เวลาท่ีใชใ้ นการเรียน
หลกั ความมีเหตุผล
- เพ่อื ใหม้ ีทกั ษะในการใชภ้ าษาไทย
- เพื่อเป็นการสร้างนิสัยในการใชภ้ าษาไทยในชีวิตประจาวนั
หลกั ภูมิค้มุ กนั
- เพ่อื ป้ องกนั อนั ตรายในการปฏิบตั ิงาน
- เพื่อมีจิตใจที่เขม้ แขง็ ไม่มวั เมาในอบายมขุ
เงื่อนไขความรู้
- ความสาคญั ในการใชภ้ าษาไทยในการติดต่อส่ือสาร
- จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ มาตรฐานรายวิชา คาอธิบายรายวิชา
- การวดั และการประเมินผล
- ลกั ษณะเฉพาะของภาษาไทยและความรู้เรื่องคา
เงอื่ นไขคุณธรรม
- ผเู้ รียนมีความรอบรู้ ระมดั ระวงั และมีความซ่ือสัตยส์ ุจริต

๑๙๗

- ความประมาณกบั วสั ดุอปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน
การเชื่อมโยง 4 มิติ
สังคม

1. ผเู้ รียนสามารถทางานเป็นกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และยอมรับความคิดเห็น ของ
ผอู้ ื่น

2. การใชท้ รัพยากรร่วมกนั ใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งคุม้ คา่
เศรษฐกจิ

1. สามารถใชภ้ าษาไทยในการติดตอ่ ส่ือสารใชใ้ นการประกอบอาชีพ
วฒั นธรรม

1. ผเู้ รียนมีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ
2. มีการแลกเปลี่ยนความคดิ เห็น ความรู้ดา้ นภาษา เพ่อื การดารงชีพตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
สิ่งแวดล้อม
1. เกิดภูมิปัญญาที่เอ้ืออาทรตอ่ ธรรมชาติ การดารงชีวติ การประกอบอาชีพอยา่ งเหมาะสม

๑๙๘

เนอื้ หา (หวั ข้อเรื่องทีส่ อนพร้อมคาอธิบาย)
การเขียนรายงานการวิจัย
1. การเขียนส่วนประกอบตอนตน้
1.1 ปกนอก คือส่วนหนา้ ปกของการวิจยั ประกอบดว้ ย ชื่อเรื่อง ช่ือผวู้ จิ ยั ช่ือแผนกวิชา ชื่อสถานศึกษา
ตวั อยา่ ง
1.2 ปกใน ส่วนน้ีจะเป็นหนา้ แรกที่ต่อจากปกนอก และจะเขียนทุกอยา่ งเหมือนปกนอก
1.3 บทคดั ยอ่ ตวั อยา่ งบทคดั ยอ่
1.4 กิตติกรรมประกาศ ตวั อยา่ งกิตติกรรมประกาศ
1.5 สารบญั ตวั อยา่ งสารบญั
2. การเขียนส่วนเน้ือหา
2.1 บทที่ 1 บทนา
1) ความเป็นมาและความสาคญั ของปัญหา กลา่ วถึงความเป็นมาของปัญหา ความจาเป็นท่ีจะตอ้ งศึกษาวิจยั
ปัญหาน้นั กล่าวถึงประเด็นสาคญั ที่ผวู้ ิจยั ตอ้ งการจะคน้ หาคาตอบ
2) วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั คอื ขอ้ ความท่ีผวู้ จิ ยั กาหนดเป็นขอ้ ๆ วา่ ตอ้ งการคน้ หาขอ้ เทจ็ จริงใดบา้ ง
3) สมมตุ ิฐานการวิจยั คือ คาตอบสรุปของผลการวิจยั ท่ีผวู้ ิจยั คาดการณ์หรือพยากรณ์ไวล้ ว่ งหนา้ คาตอบ
ดงั กล่าวไดม้ าจากการไตร่ตรอง โดยใชห้ ลกั เหตผุ ลท่ีน่าจะเป็นใหม้ ากท่ีสุด
4) ขอบเขตของการวิจยั เป็นการกาหนดขอบเขตของการศึกษาคน้ ควา้ เพราะการระบุขอบเขตของการวิจยั
จะทาใหง้ านวจิ ยั น้นั ชดั เจนย่ิงข้ึน การระบุขอบเขตมกั จะพิจารณาการระบดุ า้ นเน้ือหาในการวิจยั ประชากร
หรือกลุม่ ตวั อยา่ ง เก่ียวกบั เฉพาะประเดน็ ท่ีจะศึกษา
5) นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ คอื การกาหนดความหมายของคาสาคญั บางคา ที่ใชใ้ นการวิจยั วา่ คาเหล่าน้ี มี
ความหมายเฉพาะในการวิจยั น้ีเทา่ น้นั
6) ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ คือ ส่ิงที่ผทู้ าวิจยั จะไดร้ ับจากการศึกษา และหรือส่ิงท่ีผวู้ ิจยั คาดวา่ จะเป็น
ประโยชน์ต่อสังคม ดา้ นวชิ าการ หรือสาขาวิชาของตนเอง
2.2 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง
1) แนวคิด หลกั การ ทฤษฎี กฎท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เรื่องที่ศึกษา เป็นการนาเสนอผลการศึกษาคน้ ควา้ เก่ียวกบั
แนวคดิ ทฤษฎี กฎท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เร่ืองที่ศึกษา โดยผวู้ จิ ยั ตอ้ งคน้ ควา้ ขอ้ มูล จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น

๑๙๙

หนงั สือ วารสาร บทความทางวิชาการ เพื่อนาขอ้ มลู ท่ีได้ มาประมวลใหไ้ ดส้ รุป ใชเ้ ป็นแนวทางใน
การศึกษา
2) งานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ ง เป็นการนาเสนอผลการคน้ ควา้ และรวบรวมงานวจิ ยั ท่ีมีผไู้ ดศ้ ึกษามาไวก้ ่อนแลว้
เพือ่ ใชเ้ ป็นขอ้ มลู อา้ งอิง หรือสนบั สนุนผลการศึกษาของผวู้ จิ ยั
2.3 บทท่ี 3 วธิ ีดาเนินการวิจยั
1) ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง
ประชากร คอื จานวนผใู้ หข้ อ้ มูลท้งั หมด ซ่ึงผทู้ าวิจยั เป็นผกู้ าหนด หรือใชว้ ิธีกาหนดขนาดของประชากร
ดว้ ยวิธีการทางสถิติ ที่สอดคลอ้ งกบั ช่ืองานวิจยั และหรือความน่าเชื่อถือของผลการวจิ ยั
กลุ่มตวั อยา่ ง คือ กลุ่มท่ีเป็นส่วนหน่ึงของประชากร ที่ผวู้ ิจยั จะเก็บรวบรวมขอ้ มลู จริง ส่วนน้ีผวู้ ิจยั จะตอ้ ง
ระบจุ านวนตวั อยา่ ง และวิธีการเลือกกลุ่มตวั อยา่ ง พร้อมท้งั เหตุผลของการใชว้ ิธีการน้นั ๆ ในการเลือก
ตวั อยา่ งดว้ ย
2.4 บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล
เป็นการนาผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลดว้ ยสถิติที่กาหนดไวใ้ นบทที่ 3 มานาเสนอผลการวเิ คราะห์ ในรูปแบบ
ของตาราง กราฟ หรือแผนภูมิ
2.5 บทท่ี 5 สรุป อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ
1) สรุปผลการวจิ ยั เป็นการเขียนผลการวิจยั แยกเป็นขอ้ ๆ ตามวตั ถุประสงคข์ องการวิจยั วา่ ไดผ้ ลอยา่ งไร
2) อภิปรายผล เป็นการนาแนวคดิ หลกั การ ทฤษฎี และงานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ งในบทที่ 2 มาใชอ้ ธิบาย
ปรากฏการณ์ที่เป็นผลจากการวจิ ยั
3) ขอ้ เสนอแนะ

๒๐๐

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนการสอนหรือกจิ กรรมของนักเรียน

ข้นั นา ข้นั นา
1. ครูและนกั ศึกษาอภิปราย ซกั ถาม 1. นกั ศึกษาอภิปราย ซกั ถาม สนทนาเกี่ยวกบั

สนทนาเก่ียวกบั เรื่องการเขียนรายงานการ เร่ืองการเขียนรายงานการวิจยั ตามความเขา้ ใจของ
วจิ ยั ตามความเขา้ ใจของนกั ศึกษา
นกั ศึกษา
ข้นั สอน
1. นกั ศึกษา ศึกษาเร่ืองการเขียน ข้นั สอน
1. นกั ศึกษา ศึกษาเรื่องการเขียนรายงานจาก
รายงานจากหนงั สือเรียนทกั ษะภาษาไทย
เพื่ออาชีพและใบความรู้ และครูอธิบาย หนงั สือเรียนทกั ษะภาษาไทยเพอื่ อาชีพและใบ
เพ่มิ เติมเก่ียวกบั การเขยี นรายงานการวิจยั ความรู้ และครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกบั การเขยี น
รายงานการวิจยั
2. ครูใหน้ กั ศึกษาแบง่ กลุ่ม 3-4 คน
3. ครูใหน้ กั ศึกษาแต่ละกล่มุ เขียน 2. นกั ศึกษาแบ่งกลุ่ม 3-4 คน
รายงานการวิจยั และนกั ศึกษาแต่ละกลุ่มส่ง 3. นกั ศึกษาแต่ละกลมุ่ เขียนรายงานการวิจยั
ผแู้ ทนรายงานหนา้ ช้นั เรียน และนกั ศึกษาแตล่ ะกลุ่มส่งผแู้ ทนรายงานหนา้ ช้นั
4. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมที่ 3 เรียน
4. นกั ศึกษาทากิจกรรมที่ 3
ข้นั สรุป ข้นั สรุป
1. ครูและนกั ศึกษาร่วมกนั แสดง 1. นกั ศึกษาร่วมกนั แสดงความคิดเห็น
เสนอแนะ ซกั ถาม เพ่อื สรุปหน่วยการเรียนและทา
ความคดิ เห็น เสนอแนะ ซกั ถาม เพือ่ สรุป แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยการเรียนและทาแบบทดสอบหลงั
เรียน


Click to View FlipBook Version