The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by songprasertchadaporn, 2021-04-01 23:53:45

การทำงาน

การทำงาน

๑๐๑

วตั ถุประสงค์การสังเคราะห์
1.เพอื่ สร้างส่ิงใหม่ การสังเคราะหส์ ามารถนามาใชใ้ นการสร้างสรรคส์ ่ิงใหม่ ท่ีมีความแปลกใหม่

ไดเ้ ป็นอยา่ งดี โดยสงั เคราะหอ์ งคป์ ระกอบยอ่ ยมาผสมผสานกนั ดว้ ยวิธีการที่เหมาะสม ทาใหเ้ กิดส่ิงใหม่
มีคณุ สมบตั ิใหม่ เช่น การนาดอกไม้ ใบไม้ จานวน 5 ชนิด มาผสมกนั เพอ่ื ใหเ้ กิดสมุนไพรตวั ใหม่
โดยต้งั ช่ือสมุนไพรท่ีสังเคราะหข์ ้ึนใหม่ และบอกคณุ ประโยชน์ของสมนุ ไพรตวั ใหม่

2.เพื่อนาบทสรุปไปประยกุ ตใ์ ช้ หรือตอ่ ยอดความรู้ การนาขอ้ มูลจากบทสรุป ท่ีผา่ นการ
สังเคราะห์ดว้ ยวธิ ีการที่เหมาะสมไปประยกุ ตใ์ ช้ เพอื่ การสร้างส่ิงใหมข่ ้ึนมา หรือเพ่ือการสร้างทางเลือก
ใหม่ ยอ่ มเกิดผลดี ที่ไม่ตอ้ งเสียเวลาเร่ิมตน้ ใหม่ สามารถต่อยอดความรู้ไดต้ ่อไป นาไปสู่การพฒั นาองค์
ความรู้ใหม่ไดอ้ ยา่ งหลากหลายไม่จบสิน เช่น จากการทาจุลินทรียE์ M สามารถต่อยอดความรู้ไป
ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการทาจุลินทรียน์ ้า สูตรไล่แมลง สูตรไล่หอย , เพลียไฟ จุลินทรียแ์ หง้ สูตรน้าซาวขา้ ว

3.เพือ่ ความเขา้ ใจที่ชดั เจน แจ่มแจง้ ครบถว้ น ถา้ ตอ้ งการหาบทสรุปเกี่ยวกบั สิ่งใดส่ิงหน่ึง หรือ
เป็นการแกป้ ัญหา หรือการพิสูจน์ เรื่องใดเรื่องหน่ึงปรับเปล่ียนหรือเปลี่ยนแปลงบางส่ิงบางอยา่ ง ตอ้ ง
สารวจความเขา้ ใจท่ีชดั เจนแจ่มแจง้ ครบถว้ น การสังเคราะห์สามารถช่วยใหเ้ กิดผลท่ีตอ้ งการได้ เพื่อให้
ทกุ ฝ่ายท่ีเกี่ยวขอ้ งไดร้ ับขอ้ มูลที่ถูกตอ้ งตรงกนั นาไปสู่การสรุป แกป้ ัญหา หรืออื่น ๆ ท่ีตอ้ งการ เช่น
การดาเนินชีวิตตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ตอ้ งหาบทสรุปเก่ียวกบั นิยามของความพอเพยี ง
เง่ือนไขเพ่อื ใหเ้ กิดความพอเพยี ง

ท่ีมา ชีววิถีเพื่อการพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื ฯ:กลมุ่ งานชีววถิ ีเพ่ือการพฒั นาอยา่ งย้งั ยนื
4.เพอื่ นาไปสู่การแกป้ ัญหา การแกป้ ัญหาเป็นภาวะท่ีติดมีการตดั สินใจจากขอ้ มลู ตา่ ง ๆ จาก

สถานการณ์ที่เกิดข้นึ โดยม่งุ ใหท้ กุ ฝ่ายไดร้ ับประโยชน์อยา่ งเท่าเทียมกนั การสังเคราะห์เป็นแนวทางหน่ึง
ท่ีจะไดข้ อ้ มูลมาอยา่ งเป็นระบบถูกตอ้ ง น่าเชื่อถือ เหมาะสมกบั สถานการณ์ สามารถใชใ้ นการแกป้ ัญหา
ไดอ้ ยา่ งดี ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั สภาพแวดลอ้ ม ความหลกั เบา หรือเหตุอ่ืน ๆ ที่เก่ียวขอ้ งกบั ปัญหาน้นั

5.เพ่ือนาไปสู่การคดิ สร้างสรรค์ การสังเคราะหแ์ ละการสร้างสรรคเ์ ป็นการคดิ ท่ีเชื่อมโยงและ
พ่ึงพาอาศยั กนั ผลงานท่ีเกิดจากการคดิ สร้างสรรคย์ อ่ มเป็นผลงานที่สืบเนื่องมาจากการสงั เคราะห์เป็น
ส่วนใหญ่ เช่น การสังเคราะหส์ มุนไพรชนิดตา่ ง ๆ แลว้ นาไปสร้างสรรคเ์ ป็นน้าหอม ครีมลา้ งหนา้ น้ายา
สระผม ฯลฯ

๑๐๒

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้ันตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนการสอนหรือกจิ กรรมของนกั เรียน

ข้นั นา ข้นั นา

1. ครูแจง้ สาระการเรียนรู้ 1. นกั ศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน (pre-test)

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การวดั ผลและ เพ่ือทดสอบความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั เร่ืองการ
ประเมินผล ใหน้ กั ศึกษาทราบ แลว้ ให้ สงั เคราะห์ โดยใชแ้ บบทดสอบแบบปรนยั ชนิด 4
นกั ศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน (pre- ตวั เลือก จานวน 10 ขอ้
test) เพ่ือทดสอบความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั

เร่ืองสังเคราะห์ โดยใชแ้ บบทดสอบแบบ

ปรนยั ชนิด 4 ตวั เลือก จานวน 10 ขอ้

ข้นั สอน ข้นั สอน

1. ครูใหน้ กั ศึกษาแต่ละกล่มุ ศึกษา 1. นกั ศึกษาแต่ละกลมุ่ ศึกษาความหมาย ,

ความหมาย , วตั ถปุ ระสงค์ และคณุ สมบตั ิผู้ วตั ถปุ ระสงค์ และคุณสมบตั ิผูส้ งั เคราะห์จากหนงั สือ

สงั เคราะห์จากหนงั สือเรียน เรียน

2. ครูอธิบายเร่ืองหลกั เกณฑก์ าร 2. นกั เรียนฟังครูอธิบายเร่ืองหลกั เกณฑก์ าร

วิเคราะห์ เพอื่ ใชใ้ นการส่ือสารอยา่ งมี วเิ คราะห์ เพอ่ื ใชใ้ นการส่ือสารอยา่ งมีประสิทธิภาพ

ประสิทธิภาพ

3. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมท่ี 1 – 2 3. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมที่ 1 – 2

ข้นั สรุป ข้นั สรุป

1. ครูและนกั ศึกษาร่วมกนั แสดง 1. นกั ศึกษาร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น

ความคดิ เห็น เสนอแนะ ซกั ถาม เพ่อื สรุป เสนอแนะ ซกั ถาม เพื่อสรุปหน่วยการเรียน

หน่วยการเรียน

๑๐๓

งานที่มอบหมายหรือกจิ กรรม

ก่อนเรียน

1. ทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

1. ศึกษาความหมาย , วตั ถุประสงค์ และคุณสมบตั ิผูส้ งั เคราะห์

หลงั เรียน

1. ทากิจกรรมท่ี 1 และ 2

ส่ือการเรียนการสอน

สื่อสิ่งพมิ พ์

1. ใบมอบหมายงาน
2. หนงั สือแบบเรียน

ส่ือโสตทัศน์

1. คอมพิวเตอร์

2. อินเทอร์เน็ต

๑๐๔

การประเมินผล

ก่อนเรียน
1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

1. สงั เกตการทากิจกรรม
2. ตรวจผลงาน

หลงั เรียน

1. ประเมินผลงาน
2. กิจกรรมท่ี 1 และ 2

๑๐๕

แผนการสอน หน่วยที่ 5
ชื่อวชิ า 3000-1101
ชื่อหน่วย การสังเคราะห์ สอนคร้ังท่ี 7
ชื่อเร่ืองหรือช่ืองาน การสังเคราะห์ ช่ัวโมงรวม 6
จานวนช่ัวโมง 3
หัวข้อเร่ืองและงาน
1. ลกั ษณะการสังเคราะห์
2. ประโยชนก์ ารสังเคราะห์

สาระสาคัญ

การสงั เคราะห์เป็นการจดั ระเบียบขอ้ มลู ที่กระจดั กระจายมารวมกนั ใหไ้ ดส้ ิ่งใหม่ มีความชดั เจน
มากยงิ่ ข้ึน การสังเคราะหจ์ ึงมีความสาคญั ต่อการสร้างและพฒั นาความรู้ใหม่ ใหม้ ีความสมบรู ณ์
ครบถว้ นในเน้ือหา สามารถนาความรู้ที่ไดจ้ ากการสงั เคราะห์ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ ตาม
วตั ถปุ ระสงคต์ อ่ ไป

สมรรถนะประจาหน่วย

รวบรวมขอ้ มลู วตั ถสุ ิ่งของ เร่ืองราว หรือ สถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ดว้ ยความมีเหตผุ ล และ
ละเอียดรอบคอบ

จุดประสงค์การเรียนการสอน

จดุ ประสงค์ทั่วไป

1. อธิบายลกั ษณะการสังเคราะหไ์ ด้
2. บอกประโยชน์การสงั เคราะห์ได้
3. รวบรวมขอ้ มูล วตั ถุสิ่งของ เรื่องราว หรือสถานการณ์ตา่ ง ๆ ได้ ดว้ ยความมีเหตผุ ล และละเอียด
รอบคอบ

2. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม

๑๐๖

1. มีการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคท์ ี่ผสู้ อนสามารถ
สังเกตเห็นไดใ้ นดา้ นความมีมนุษยสัมพนั ธ์ ความมีวินยั ความรับผิดชอบ ความเช่ือมน่ั ในตนเอง ความ
สนใจใฝ่รู้ ความรู้รักสามคั คี ความกตญั ญูกตเวที

วเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
หลกั ความพอประมาณ

- พอประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการเรียน
- พอประมาณกบั เวลาที่ใชใ้ นการเรียน
หลกั ความมีเหตผุ ล
- เพื่อใหม้ ีทกั ษะในการใชภ้ าษาไทย
- เพื่อเป็นการสร้างนิสยั ในการใชภ้ าษาไทยในชีวติ ประจาวนั
หลกั ภูมคิ ุ้มกนั
- เพอื่ ป้ องกนั อนั ตรายในการปฏิบตั ิงาน
- เพอ่ื มีจิตใจท่ีเขม้ แขง็ ไมม่ วั เมาในอบายมุข
เงื่อนไขความรู้
- ความสาคญั ในการใชภ้ าษาไทยในการติดต่อสื่อสาร
- จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ มาตรฐานรายวิชา คาอธิบายรายวิชา
- การวดั และการประเมินผล
- ลกั ษณะเฉพาะของภาษาไทยและความรู้เร่ืองคา
เงื่อนไขคุณธรรม
- ผเู้ รียนมีความรอบรู้ ระมดั ระวงั และมีความซื่อสัตยส์ ุจริต
- ความประมาณกบั วสั ดุอปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน

๑๐๗

การเช่ือมโยง 4 มิติ
สังคม

1. ผเู้ รียนสามารถทางานเป็นกลุ่ม มีการแลกเปล่ียนความคิดเห็น และยอมรับความคิดเห็น ของ
ผอู้ ื่น

2. การใชท้ รัพยากรร่วมกนั ใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งคุม้ คา่
เศรษฐกจิ

1. สามารถใชภ้ าษาไทยในการติดต่อส่ือสารใชใ้ นการประกอบอาชีพ
วฒั นธรรม

1. ผเู้ รียนมีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ
2. มีการแลกเปลี่ยนความคดิ เห็น ความรู้ดา้ นภาษา เพือ่ การดารงชีพตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียง
สิ่งแวดล้อม
1. เกิดภูมิปัญญาที่เอ้ืออาทรตอ่ ธรรมชาติ การดารงชีวติ การประกอบอาชีพอยา่ งเหมาะสม

๑๐๘

เนอื้ หา (หัวข้อเรื่องท่สี อนพร้อมคาอธบิ าย)
ลกั ษณะการสังเคราะห์

เกรียงศกั ด์ิ เจริญวงศศ์ กั ด์ิ (2545:85) ไดแ้ บ่งการสงั เคราะห์ออกเป็น 2 ลกั ษณะ คอื การ
สงั เคราะหเ์ พ่ือสร้างส่ิงใหม่ และการสงั เคราะห์เพ่ือสร้างแนวคิดใหม่ มีรายละเอียดแตล่ ะลกั ษณะ
ดงั ต่อไปน้ี
1.การสังเคราะห์เพ่อื สร้างสิ่งใหม่
1.1. ความหมายของการสงั เคราะห์เพอื่ สร้างสิ่งใหม่ เป็นการสังเคราะห์เพือ่ ประดิษฐส์ ิ่งของ วสั ดุอุปกรณ์
เครื่องใชต้ า่ ง ๆ ใหเ้ ป็นส่ิงใหม่ เพอ่ื ใหเ้ กิดประโยชน์ตามความตอ้ งการ ส่ิงใหมท่ ่ีไดจ้ ากการสงั เคราะห์
ดว้ ยวธิ ีน้ี มี 2 ลกั ษณะคือ
1.1.1. การสร้างสิ่งใหมต่ ามลกั ษณะการถกั ทอ เป็นการสร้างสิ่งใหม่ที่ยงั สามารถเห็นส่วนประกอบยอ่ ย
เดิม เช่น แกงเขียวหวานลกู ชิ้นปลากราย ขนมครองแครง ผดั เปรียงหวานไก่
1.1.2. การสร้างส่ิงใหม่ตามลกั ษณะการหลอมรวม เป็นการสร้างสิ่งใหม่ ที่ไมส่ ามารถเห็นส่วนประกอบ
ยอ่ ยเดิม เช่น การผลิตยาเม็ด ยาน้าตา่ ง ๆ การทาขนมกาละแม การทาสเปรยฉ์ ีดผม
1.2 กระบวนการสังเคราะหเ์ พอื่ สร้างส่ิงใหม่ ประกอบดว้ ย 5 ข้นั ตอน ดงั น้ี
ข้นั ที่ 1 กาหนดวตั ถุประสงค์ เป็นการกาหนดความประสงคว์ า่ ตอ้ งการสงั เคราะห์ หรือสร้างส่ิงใหม่ใน
เรื่องใด เช่น การทาผลิตภณั ฑส์ มุนไพร
ข้นั ที่ 2 ศึกษาขอ้ มลู เป็นการศึกษาส่วนประกอบขอ้ มลู ของสิ่งของเครื่องใช้ หรืออปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ท่ี
เกี่ยวขอ้ ง เช่น ในการทาผลิตภณั ฑส์ มุนไพรตอ้ งศึกษาเก่ียวกบั
1.รายช่ือพืชสมนุ ไพร
2.สรรพคณุ หรือประโยชน์ของสมุนไพร
3.แหล่งท่ีหาไดข้ องสมนุ ไพร
4.ตวั อยา่ งผลิตภณั ฑ์ ท่ีผลิตดว้ ยพชื สมุนไพร
5.วิธีการผลิต ผลิตภณั ฑส์ มุนไพร
6.ตกั มาจากเอกสาร ตารา อินเทอร์เน็ต
ข้นั ท่ี 3 เลือกขอ้ มูล เป็นการเลือกขอ้ มูล หรือส่วนประกอบของสิ่งของเคร่ืองใช้ หรือวสั ดุ ที่สอดคลอ้ ง
กบั วตั ถุประสงค์
ข้นั ท่ี 4 นาขอ้ มลู มาจดั ทากรอบแนวคิด เป็นการกาหนดสอบแนวคดิ ในการสร้างส่ิงใหม่

๑๐๙

ข้นั ท่ี 5 สร้างสิ่งใหม่ เป็นการสร้างส่ิงใหม่ ตามวตั ถุประสงค์ ตามกรอบแนวคิดท่ีกาหนด และตดั สินใจ
เลือก โดยการผสมผสาน ส่วนประกอบตา่ ง ๆ ตามกระบวนการ

2.การสงั เคราะห์เพือ่ สร้างแนวคดิ ใหม่ เป็นการปรับเปล่ียนพฒั นา หรือคิดคน้ แนวความคดิ ในประเด็น
ต่าง ๆ ใหแ้ ปลกใหม่ ตามวตั ถปุ ระสงคท์ ี่ต้งั ไว้ การสงั เคราะห์เพือ่ สร้างแนวคดิ ใหม่ ควรศึกษาตามหวั ขอ้
ต่อไปน้ี

2.1 ประเภทการสงั เคราะห์เพือ่ สร้างแนวคิดใหม่ แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท คือ

2.1.11 การสงั เคราะห์ขอ้ มลู เป็นการผา่ นเรียบเรียงถว้ ยคา หรือเร่ืองราว เร่ืองใดเร่ืองหน่ึง และสรุปให้
ไดใ้ จความ เช่น อา่ นบทกลอนต่อไปน้ี และสรุปความเป็นร้อยแกว้

“อนั ที่จริงหญิงชายยอ่ มหมายรัก มิใช่จกั ตดั ทางท่ีสร้างสม”

แม่นจกั รักรักไวใ้ นอารมณ์ อยา่ รักชมนอกหนา้ เมินราศี

สรุป สอนชายหญิงใหม้ ีความยบั ย้งั ชงั่ ใจในความรัก

2.1.2. การสังเคราะห์จากภาพ เป็นการฝึกความสามารถในการสงั เคราะห์ โยการใชภ้ าพ ในลกั ษณะตา่ ง
ๆ เพอ่ื ใหเ้ กิดความหมายและมีความสมบูรณ์ ไดแ้ ก่การเขียนเรื่องราวลาดบั เหตกุ ารณ์จากภาพท่ีกาหนดให้
การตอ่ เติมภาพใหส้ มบูรณ์ การแตง่ บทเพลง หรือ คาประพนั ธจ์ ากภาพ เช่น การสงั เคราะหภ์ าพในงาน
รัฐพิธีเน่ืองในวนั ฉตั รมงคล 5 พฤษภาคม

2.1.3. การสงั เคราะห์แผนงานและความสัมพนั ธ์ เป็นการฝึกความสามารถในการวางแผนจดั กิจกรรมต่าง
ๆ การนาขอ้ มลู ท่ีรวบรวมไว้ หรือเหตุการณ์ท่ีถกู กาหนดข้ึน มาหาวธิ ีวา่ จะทาอยา่ งไร มีวธิ ีการอยา่ งไร
จึงจะดาเนินการใหบ้ รรลุเป้ าหมายได้ กิจกรรมท่ีควรทาในการสงั เคราะห์แผนงานและความสมั พนั ธ์

2.2 กระบวนการสังเคราะห์เพอื่ สร้างแนวคดิ ใหม่ ประกอบดว้ ยกระบวนการ 9 ข้นั ตอน

ประโยชน์การสังเคราะห์

1.ทาใหส้ ามารถหลอมรวมความรู้ ขอ้ มูล ประสบการณ์ และทกั ษะตา่ ง ๆ มาผสมผสานเขา้ ดว้ ยกนั อยา่ ง
เป็ นระบบ

2.ทาใหเ้ ป็นผทู้ ี่คดิ อยา่ งมีแบบแผน มีกระบวนการ ผา่ นการไตร่ตรอง อยา่ งรอบคอบ สามารถสรุปและ
ตดั สินใจไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม

3.ทาใหส้ ามารถเผชิญกบั ปัญหา หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ไดด้ ว้ ยความมน่ั ใจ และสามารถแกป้ ัญหาได้
สาเร็จตามเป้ าหมาย

๑๑๐

4.ทาใหก้ ารวางแผนหรือดาเนินงานตามแผน ท้งั โครงการใหญ่และโครงการยอ่ ย ต่อเนื่องกนั ตาม
ข้นั ตอนอยา่ งมีระบบ
5.ทาใหก้ ารบริหารจดั การในการกิจกรรมต่าง ๆ ท้งั ในระดบั ยอ่ ยและระดบั ใหญ่ มีความตอ่ เน่ืองและ
สมั พนั ธก์ นั
6.ทาใหเ้ ป็นผมู้ ีทกั ษะ ในการลาดบั เหตกุ ารณ์ เร่ืองราวต่าง ๆ หลอมรวมไดใ้ จความ แลว้ นาเสนอไปยงั
บคุ คล หรือองคก์ รตา่ ง ๆ ได้
7.ทาใหส้ ามารถสรุปขอ้ คิดจากบุคคลที่หลากหลาย มาสัมพนั ธ์กนั แลว้ นามาเป็นแนวคดิ ใหม่ นาไปใช้
การพฒั นาคณุ ภาพของงาน
8.ทาใหไ้ ดข้ อ้ มูลท่ีมีความสมั พนั ธแ์ ละเช่ือมโยงกนั มาเป็นแนวทางในการแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นระบบ
สามารถตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ตามหลกั เกณฑไ์ ดต้ รงประเดน็
สรุป
การสังเคราะห์ เป็นความสามารถที่รวมสิ่งต่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั อยา่ งกลมกลืน เพอ่ื ใหไ้ ดส้ ่ิงใหม่ที่แตกตา่ ง
ไปจากเดิม การเป็นผสู้ งั เคราะหท์ ี่ดี ตอ้ งมีลกั ษณะหลาย ๆ อยา่ ง เช่น เป็นผมู้ ีจินตนาการสูง มีลกั ษณะ
เป็นผนู้ า ไม่ยดื มน่ั กบั ส่ิงใดสิ่งหน่ึงเกินไปสุขมุ เยอื กเยน็ และรอบคอบ ฯลฯ และในการสงั เคราะห์น้นั
ตอ้ งมีจุดประสงคท์ ่ีแน่นอนวา่ ตอ้ งการสร้างสิ่งใหม่ ต่อยอดความรู้ เพ่ือความเขา้ ใจที่ชดั เจน เพื่อการ
แกป้ ัญหา หรือ เพ่ือนาไปสู่การคิดสร้างสรรค์
ลกั ษณะการสังเคราะห์ มี 2 ลกั ษณะคือ สงั เคราะห์เพอ่ื สร้างสิ่งใหม่ หรือ สังเคราะห์เพื่อสร้างแนวคดิ
ใหม่ ซ่ึงแตล่ ะลกั ษณะน้นั มี กระบวนการสงั เคราะห์ท่ีแตกต่างกนั การสังเคราะหม์ ีประโยชน์ท้งั ต่อ
ตนเองและผอู้ ่ืน ทาใหเ้ มินผมู้ ีความคดิ อยา่ งมีระเบียบแบบแผนสามารถกลา้ เผชิญกบั ปัญหา และ
สถานการณ์ตา่ ง ๆ ดว้ ยความมนั่ ใจ

๑๑๑

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนการสอนหรือกจิ กรรมของนกั เรียน

ข้นั นา ข้นั นา
1. ครูทบทวนโดยใชค้ าถามเก่ียวกบั 1. นกั ศึกษาตอบคาถามเกี่ยวกบั การสังเคราะห์

การสงั เคราะห์ถามนกั ศึกษาเป็นรายบคุ คล ข้นั สอน
1. นกั ศึกษาแบง่ กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 4-5
ข้นั สอน
1. ครูใหน้ กั ศึกษาแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ คน
2. นกั ศึกษาแตล่ ะกลมุ่ ศึกษาการสงั เคราะห์
ประมาณ 4-5 คน
2. ครูใหน้ กั ศึกษาแต่ละกลุ่มศึกษา คน้ หาเร่ืองท่ีตอ้ งการสงั เคราะหจ์ ากอินเทอร์เน็ตแลว้
นามาสงั เคราะห์กลมุ่ ละ 1 เร่ือง โดยใชก้ ระบวนการ
การสังเคราะหค์ น้ หาเร่ืองท่ีตอ้ งการ สังเคราะหเ์ พื่อสร้างแนวคิดใหม่ ประกอบดว้ ย
สงั เคราะหจ์ ากอินเทอร์เนต็ แลว้ นามา กระบวนการ 9 ข้นั ตอน
สงั เคราะหก์ ล่มุ ละ 1 เร่ือง โดยใช้
กระบวนการสังเคราะห์เพ่ือสร้างแนวคิด 3. ตวั แทนกลุ่มแต่ละกลุม่ นาเสนอผลงาน
ใหม่ ประกอบดว้ ยกระบวนการ 9 หนา้ ช้นั เรียน
ข้นั ตอน
4. ครูอธิบายเรื่องประโยชนก์ ารสังเคราะห์
3. ครูใหต้ วั แทนกลุ่มแตล่ ะกลุ่ม เพอื่ สามารถนาความรู้ท่ีไดจ้ ากการสังเคราะห์ไป
นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน ประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดประโยชน์

4. ครูอธิบายเรื่องประโยชนก์ าร 5. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมที่ 3
สงั เคราะห์ เพ่ือสามารถนาความรู้ที่ไดจ้ าก ข้นั สรุป
การสงั เคราะห์ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิด
ประโยชน์ 1. นกั ศึกษาร่วมกนั แสดงความคิดเห็น
เสนอแนะ ซกั ถาม เพื่อสรุปหน่วยการเรียนและทา
5. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมท่ี 3 แบบทดสอบหลงั เรียน

ข้ันสรุป
1. ครูและนกั ศึกษาร่วมกนั แสดง

ความคดิ เห็น เสนอแนะ ซกั ถาม เพอ่ื สรุป
หน่วยการเรียนและทาแบบทดสอบหลงั
เรียน

๑๑๒

งานท่มี อบหมายหรือกจิ กรรม

ก่อนเรียน

1. ตอบคาถามเกี่ยวกบั การสังเคราะห์

ขณะเรียน

1. แบ่งกลมุ่
2. ศึกษาและสังเคราะหค์ น้ หาเร่ืองท่ีตอ้ งการสงั เคราะห์จากอินเทอร์เนต็
3. นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน
4. แลกเปล่ียนเรียนรู้กบั กลุ่มอ่ืน

หลงั เรียน

1. ทากิจกรรมที่ 3

2. ทดสอบหลงั เรียน

สื่อการเรียนการสอน

สื่อส่ิงพมิ พ์

1. ใบมอบหมายงาน
2. หนงั สือแบบเรียน

ส่ือโสตทัศน์

1. คอมพวิ เตอร์

2. อินเทอร์เน็ต

๑๑๓

การประเมินผล

ก่อนเรียน
1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน
1. สงั เกตการทากิจกรรมกลุ่ม
2. ตรวจผลงาน

หลงั เรียน

1. ประเมินผลงาน
2. กิจกรรมที่ 3
3. ทดสอบหลงั เรียน

๑๑๔

แผนการสอน หน่วยท่ี 6
ช่ือวชิ า 3000-1101
ชื่อหน่วย การประเมินค่าสาร สอนคร้ังท่ี 8
ช่ือเรื่องหรือชื่องาน การประเมนิ ค่าสาร ช่ัวโมงรวม 6
จานวนชั่วโมง 3

หัวข้อเร่ืองและงาน

1.ความหมายการประเมินค่า
2.คุณสมบตั ิผปู้ ระเมินคา่
3.ประเภทการประเมินคา่
สาระสาคญั

การะประเมินค่า เป็นการตดั สิน ตีราคา และวินิจฉยั ของส่ิงใดส่ิงหน่ึงโดยไมเ่ ล่ือนลอย ซ้าตอ้ ง
อาศยั เกณฑ์ และมาตรฐาน ประกอบการวินิจฉยั วา่ ส่ิงน้นั ดีหรือไมด่ ีอยา่ งไร โดยผปู้ ระเมินตอ้ งมี
คณุ สมบตั ิ ในการวิเคราะห์ สงั เคราะห์เป็นพ้ืนฐานกาหนดเกณฑก์ ารประเมินใหเ้ หมาะสมกบั ประเภทของ
สาร ท่ีจะประเมิน เช่น เกณฑก์ ารประเมินงานเขียนเพื่อกิจธุระยอ่ มแตกต่างกนั กบั การประเมินสาร
ประเภทบนั เทิงคดี

สมรรถนะประจาหน่วย
ตดั สิน วนิ ิจฉยั ตีราคา สารไดด้ ว้ ย ความมีเหตผุ ลและละเอียดรอบคอบ

จดุ ประสงค์การเรียนการสอน

จุดประสงค์ท่วั ไป

1.อธิบายความหมายการประเมินคา่ ได้
2.บอกคณุ สมบตั ิผปู้ ระเมินคา่ ได้
3.แยกประเภทการประเมินค่าได้
2. จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม

1. มีการพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคท์ ี่ผสู้ อนสามารถ
สังเกตเห็นไดใ้ นดา้ นความมีมนุษยสัมพนั ธ์ ความมีวินยั ความรับผิดชอบ ความเช่ือมนั่ ในตนเอง ความ
สนใจใฝ่รู้ ความรู้รักสามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที

๑๑๕

วเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
หลกั ความพอประมาณ

- พอประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการเรียน
- พอประมาณกบั เวลาท่ีใชใ้ นการเรียน
หลกั ความมีเหตผุ ล
- เพ่อื ใหม้ ีทกั ษะในการใชภ้ าษาไทย
- เพื่อเป็นการสร้างนิสัยในการใชภ้ าษาไทยในชีวติ ประจาวนั
หลกั ภูมคิ ้มุ กนั
- เพื่อป้ องกนั อนั ตรายในการปฏิบตั ิงาน
- เพอื่ มีจิตใจที่เขม้ แขง็ ไมม่ วั เมาในอบายมุข
เง่อื นไขความรู้
- ความสาคญั ในการใชภ้ าษาไทยในการติดต่อส่ือสาร
- จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ มาตรฐานรายวชิ า คาอธิบายรายวิชา
- การวดั และการประเมินผล
- ลกั ษณะเฉพาะของภาษาไทยและความรู้เรื่องคา

เงือ่ นไขคุณธรรม
- ผเู้ รียนมีความรอบรู้ ระมดั ระวงั และมีความซื่อสัตยส์ ุจริต
- ความประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน

๑๑๖

การเช่ือมโยง 4 มิติ
สังคม

1. ผเู้ รียนสามารถทางานเป็นกลุ่ม มีการแลกเปล่ียนความคิดเห็น และยอมรับความคิดเห็น ของ
ผอู้ ื่น

2. การใชท้ รัพยากรร่วมกนั ใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งคุม้ คา่
เศรษฐกจิ

1. สามารถใชภ้ าษาไทยในการติดต่อส่ือสารใชใ้ นการประกอบอาชีพ
วฒั นธรรม

1. ผเู้ รียนมีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ
2. มีการแลกเปลี่ยนความคดิ เห็น ความรู้ดา้ นภาษา เพือ่ การดารงชีพตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียง
สิ่งแวดล้อม
1. เกิดภูมิปัญญาที่เอ้ืออาทรตอ่ ธรรมชาติ การดารงชีวติ การประกอบอาชีพอยา่ งเหมาะสม

๑๑๗

เนอื้ หา (หวั ข้อเรื่องทส่ี อนพร้อมคาอธบิ าย)
ความหมายการประเมินค่า

บญุ ชม ศรีสะอาด (2541:22) ใหค้ วามหมายการประเมินคา่ ไวว้ า่ เป็นความสามารถในการตดั สิน
ตีราคา โดยอาศยั เกณฑแ์ ละมาตรฐานที่วางไว้

ฟองจนั ทร์ สุขยงิ่ (2550:90) ใหค้ วามหมายกระประเมินคา่ วา่ คอื การตดั สินคณุ ค่าของสิ่งใดสิ่ง
หน่ึง อยา่ งไม่เล่ือนลอย ตอ้ งมีเกณฑป์ ระกอบการตดั สินใจ เช่น ตอ้ งการประเมินคา่ วา่ ละครโทรทศั น์
เรื่องหน่ึงดีหรือไม่ดีตอ้ งอาศยั เกณฑก์ ารประเมิน เช่น ประเมินเน้ือเร่ือง ประเมินการแสดงของผแู้ สดง
ประเมินองคป์ ระกอบของละคร จาจะสรุปไดว้ า่ เป็นละครดีหรือไม่

ลว้ น สายยศ และองั คณา สายยศ (2538:176) กลา่ ววา่ การประเมินค่าเป็นการวินิจฉยั ตีราคา
โดยสรุปอยา่ งมีหลกั เกณฑ์ ส่ิงท่ีตีราคา อาจเป็นวตั ถสุ ่ิงของ ผลงานตา่ ง ๆ หรือความคดิ เห็นก็ได้ ซ่ึงใน
การประเมินค่าน้นั ตอ้ งอาศยั เกณฑ์ และมาตรฐาน ประกอบการวนิ ิจฉยั ช้ีขาดเสมอวา่ สิ่งน้นั เร่ืองดี-เลว
อยา่ งไร เพราะเหตุใดจึงดีหรือเลว

สรุปไดว้ า่ การประเมินค่า หมายถึง การตดั สิน วนิ ิจฉยั หรือตีราคาของสิ่งใดสิ่งหน่ึง เรื่องใด
เรื่องหน่ึง เหตกุ ารณ์ใดเหตุการณ์หน่ึง โดยอาศยั เกณฑแ์ ละมาตรฐานประกอบการตดั สินส่ิงน้นั ๆ
คณุ สมบัติผู้ประเมินค่า ผปู้ ระเมินค่าควรมีคุณสมบตั ิต่อไปน้ี
1.มีความรู้ความสามารถในการวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และมีวสิ ยั ทศั น์กวา้ งไกล
2.มีความเป็นผนู้ า เขม้ แขง็ มีพลงั มีความกระตือรือร้น และรอบรู้ในวิทยาการต่าง ๆ
3.มีความเชื่อมน่ั ในตนเอง ยอมรับตวั เองและผอู้ ่ืน โดยไมม่ ีอคติ
4.มีอุปนิสัยใจคอหนกั แน่น อารมณ์สุขมุ เยือกเยน็ กริยาวาจาสุภาพเรียบร้อย
5.มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ใฝ่ศึกษาหาความรู้อยเู่ สมอ
6.มีความรับผดิ ชอบต่อหนา้ ที่ และงานที่ไดร้ ับมอบหมาย
7.มีความกลา้ คิด กลา้ ทา และกลา้ ตดั สินใจดว้ ยเหตุผล ในทางสร้างสรรค์
8.มีมนุษยสมั พนั ธใ์ นการทางาน เอ้ือเฟ้ื อเผื่อแผ่ และ เสียสละ เพอ่ื ส่วนรวม
9.มีวนิ ยั ซื่อสตั ย์ รู้จกั ให้โอกาส และใหอ้ ภยั ผอู้ ื่นอยเู่ สมอ
10.มีความอดทน อดกล้นั มีความวิริยะ อุตสาหะ และมีสติย้งั คดิ
ประเภทการประเมินค่า การระเมินคา่ จาแนกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ
1.1 ประเมินค่าโดยอาศยั ขอ้ เทจ็ จริงภายใน เป็นการวนิ ิจฉยั ตีราคา ตามลกั ษณะของขอ้ เทจ็ จริง ที่เป็น

เน้ือหาของส่ิงน้นั ๆ เช่น
ทา่ นเห็นดว้ ยหรือไม่วา่ ทองคาควรมีราคาสูง
แดง : เห็นดว้ ยเพราะหายาก

๑๑๘

เขยี ว : เห็นดว้ ยเพราะสวยงามมาก
น้าเงิน : เห็นดว้ ย เพราะมีความแวววาว
เหลือง : ไม่เห็นดว้ ย เพราะเปราะงา่ ย
ขาว : ไม่เห็นดว้ ย เพราะเป็นรูปหน่ึงของหิน
1.2 ประเมินค่าโดยอาศยั ขอ้ เทจ็ จริงภายนอก เป็นการวนิ ิจฉยั หรือตีราคา โดยเปรียบเทียบกบั เรื่องราว

หรือส่ิงอื่น ๆ มิใช่เฉพาะขอ้ เทจ็ จริงในเรื่องราวน้นั ๆ เช่น
ถา้ ยดึ หลกั ประชาธิปไตย การที่รจนาเลือกเจา้ เงาะถือวา่ เป็นความผิดหรือไม่
A : ผดิ เพราะไม่ทาตามความคดิ เห็นส่วน
B : ผิด เพราะ ทาตามความคิดเห็นของตน
C : ผิด เพราะ เลือกบคุ คลไมเ่ หมาะสม
D : ไม่ผดิ เพราะ ทาตามสิทธิของตน
E : ไม่ผดิ เพราะ ทาดว้ ยความเสมอภาค

๑๑๙

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนการสอนหรือกจิ กรรมของนกั เรียน

ข้นั นา ข้นั นา

1. ครูแจง้ สาระการเรียนรู้ 1. นกั ศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน (pre-test)

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การวดั ผลและ เพื่อทดสอบความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกบั เร่ืองการประเมิน
ประเมินผล ใหน้ กั ศึกษาทราบ แลว้ ให้ คา่ สาร โดยใชแ้ บบทดสอบแบบปรนยั ชนิด 4
นกั ศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน (pre- ตวั เลือก จานวน 10 ขอ้
test) เพอื่ ทดสอบความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั

เรื่องการประเมินคา่ สาร โดยใช้

แบบทดสอบแบบปรนยั ชนิด 4 ตวั เลือก

จานวน 10 ขอ้

ข้นั สอน ข้นั สอน

1. ครูใหน้ กั ศึกษาแต่ละกลมุ่ ศึกษา 1. นกั ศึกษาแตล่ ะกลมุ่ ศึกษาความหมาย ,

ความหมาย , ประเภท และคุณสมบตั ิของ ประเภท และคุณสมบตั ิของการประเมินค่าสารจาก

การประเมินค่าสารจากหนงั สือเรียน หนงั สือเรียน

2. ครูอธิบายเรื่องหลกั เกณฑก์ าร 2. นกั เรียนฟังครูอธิบายเร่ืองหลกั เกณฑก์ าร

ประเมินคา่ สาร เพ่ือใชใ้ นการส่ือสารอยา่ งมี ประเมินค่าสาร เพ่อื ใชใ้ นการส่ือสารอยา่ งมี

ประสิทธิภาพ ประสิทธิภาพ

3. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมที่ 1 – 2 3. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมที่ 1 – 2

ข้นั สรุป ข้ันสรุป

1. ครูและนกั ศึกษาร่วมกนั แสดง 1. นกั ศึกษาร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น

ความคดิ เห็น เสนอแนะ ซกั ถาม เพื่อสรุป เสนอแนะ ซกั ถาม เพ่อื สรุปหน่วยการเรียน

หน่วยการเรียน

๑๒๐

งานที่มอบหมายหรือกจิ กรรม
ก่อนเรียน
1. ทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน
1. ศึกษาความหมาย , ประเภท และคณุ สมบตั ิของการประเมินค่าสาร

หลงั เรียน
1. ทากิจกรรมที่ 1 และ 2

ส่ือการเรียนการสอน

สื่อสิ่งพมิ พ์

1. ใบมอบหมายงาน
2. หนงั สือแบบเรียน

ส่ือโสตทัศน์

1. คอมพิวเตอร์

2. อินเทอร์เน็ต

๑๒๑

การประเมินผล

ก่อนเรียน
1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

3. สงั เกตการทากิจกรรม
4. ตรวจผลงาน

หลงั เรียน

2. ประเมินผลงาน
2. กิจกรรมท่ี 1 และ 2

๑๒๒

แผนการสอน หน่วยท่ี 6
ช่ือวิชา 3000-1101
ชื่อหน่วย การประเมินค่าสาร สอนคร้ังท่ี 9
ช่ือเรื่องหรือช่ืองาน การประเมินค่าสาร ชั่วโมงรวม 6
จานวนช่ัวโมง 3

หวั ข้อเร่ืองและงาน

1. สารท่ีใชใ้ นการประเมินค่า
2. การสร้างแบบประเมินค่า
สาระสาคัญ

การะประเมินค่า เป็นการตดั สิน ตีราคา และวนิ ิจฉยั ของสิ่งใดสิ่งหน่ึงโดยไม่เลื่อนลอย ซ้าตอ้ ง
อาศยั เกณฑ์ และมาตรฐาน ประกอบการวินิจฉยั วา่ ส่ิงน้นั ดีหรือไม่ดีอยา่ งไร โดยผปู้ ระเมินตอ้ งมี
คณุ สมบตั ิ ในการวิเคราะห์ สังเคราะห์เป็นพ้ืนฐานกาหนดเกณฑก์ ารประเมินใหเ้ หมาะสมกบั ประเภทของ
สาร ท่ีจะประเมิน เช่น เกณฑก์ ารประเมินงานเขยี นเพื่อกิจธุระยอ่ มแตกต่างกนั กบั การประเมินสาร
ประเภทบนั เทิงคดี
สมรรถนะประจาหน่วย

ตดั สิน วินิจฉยั ตีราคา สารไดด้ ว้ ย ความมีเหตผุ ลและละเอียดรอบคอบ

จุดประสงค์การเรียนการสอน
จุดประสงค์ทัว่ ไป
1. บอกสารที่ใชใ้ นการประเมินคา่ ได้

2. สร้างแบบประเมินคา่ ได้

3. ตดั สิน วนิ ิจฉยั ตีราคาสาร ไดด้ ว้ ยความมีเหตุผลและละเอียดรอบคอบ
2. จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม

๑๒๓

1. มีการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ี่ผสู้ อนสามารถ
สงั เกตเห็นไดใ้ นดา้ นความมีมนุษยสมั พนั ธ์ ความมีวินยั ความรับผิดชอบ ความเช่ือมน่ั ในตนเอง ความ
สนใจใฝ่รู้ ความรู้รักสามคั คี ความกตญั ญูกตเวที

วเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
หลกั ความพอประมาณ

- พอประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการเรียน
- พอประมาณกบั เวลาท่ีใชใ้ นการเรียน
หลกั ความมีเหตผุ ล
- เพ่ือใหม้ ีทกั ษะในการใชภ้ าษาไทย
- เพือ่ เป็นการสร้างนิสัยในการใชภ้ าษาไทยในชีวติ ประจาวนั
หลกั ภูมิค้มุ กนั
- เพื่อป้ องกนั อนั ตรายในการปฏิบตั ิงาน
- เพอ่ื มีจิตใจท่ีเขม้ แขง็ ไม่มวั เมาในอบายมขุ
เงื่อนไขความรู้
- ความสาคญั ในการใชภ้ าษาไทยในการติดต่อสื่อสาร
- จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ มาตรฐานรายวิชา คาอธิบายรายวิชา
- การวดั และการประเมินผล
- ลกั ษณะเฉพาะของภาษาไทยและความรู้เรื่องคา
เง่ือนไขคุณธรรม
- ผเู้ รียนมีความรอบรู้ ระมดั ระวงั และมีความซื่อสตั ยส์ ุจริต

๑๒๔

- ความประมาณกบั วสั ดุอปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน
การเชื่อมโยง 4 มิติ
สังคม

1. ผเู้ รียนสามารถทางานเป็นกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และยอมรับความคิดเห็น ของ
ผอู้ ื่น

2. การใชท้ รัพยากรร่วมกนั ใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งคุม้ คา่
เศรษฐกจิ

1. สามารถใชภ้ าษาไทยในการติดตอ่ ส่ือสารใชใ้ นการประกอบอาชีพ
วฒั นธรรม

1. ผเู้ รียนมีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ
2. มีการแลกเปลี่ยนความคดิ เห็น ความรู้ดา้ นภาษา เพ่อื การดารงชีพตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
สิ่งแวดล้อม
1. เกิดภูมิปัญญาที่เอ้ืออาทรตอ่ ธรรมชาติ การดารงชีวติ การประกอบอาชีพอยา่ งเหมาะสม

๑๒๕

เนอื้ หา (หัวข้อเรื่องทสี่ อนพร้อมคาอธิบาย)

สารท่ีใชใ้ นการประเมินค่า สารที่ใชใ้ นการประเมินคา่ สามารถแยกไดอ้ อกเป็น 6 ประเภทใหญ่ ๆ ตาม

ตารางต่อไปน้ี

ประเภทสาร ประเมินค่าดา้ น

รูปแบบ เน้ือหา กลวิธีการนาเสนอ สานวนภาษา

1.ตารา เป็นงานเขยี นที่มุง่ เน้ือหาของตารา ใชอ้ ธิบายหรือการ ใชภ้ าษาท่ีเป็น

ใหค้ วามรู้ทาง หรือหลกั วิชา บอกเลา่ เร่ืองราว ทางการหรือ

วชิ าการ เนน้ ขอ้ เทจ็ จริง จากการสังเกต คอ่ นขา้ งเป็น

เฉพาะดา้ นใดดา้ น แนวคิดปละ การศึกษาคน้ ควา้ ทางการหรือภาษา

หน่ึงหรือเสนอ ทฤษฎีต่าง ๆ ท่ีมี และความคิดใน สุภาพการเรียบ

แนวคดิ ทฤษฎีตา่ ง ขอ้ พสิ ูจนเ์ ป็นเหตุ ลกั ษณะการขยาย เรียงเนน้ ความ

ๆ เป็นผล และมี ความ วิเคราะห์ ถูกตอ้ งและเขา้ ใจ

ขอ้ อา้ งอิง ขอ้ เทจ็ จริงหรือให้ งา่ ย การเขียน

2.บนั เทิงคดี เหตผุ ล สะกดยดึ

กลวธิ ีการเขยี น พจนานุกรมเป็น

เป็นงานเขยี นท่ีมงุ่ เน้ือหาของบนั เทิง บนั เทิงคดีอการ หลกั

ใหค้ วามบนั เทิงแก่ คดี คือ เน้ือเร่ือง พิจารณาการเปิ ด ภาษาที่ใชใ้ น

ผอู้ ่านโดยใช้ แนวคิด และ เร่ือง การเสนอ บนั เทิงคดีแตกต่าง

จินตนาการสมมุติ สาระสาคญั ของ เรื่องการดาเนิน กนั ตามประเภท

เรื่องราวตา่ ง ๆ ข้นึ เรื่อง ซ่ึงพิจารณา เรื่อง การผกู เรื่อง ของบนั เทิงคดี

มี 6 ประเภท ไดจ้ ากโครงเร่ือง การสร้างฉาก การ นกั เขียนสามารถ

ไดแ้ ก่ นิทานหรือ เน้ือเร่ือง ฉาก ตวั สร้างตวั ละครและ เลือกใช้

นิยาย นวนิยาย ละคร บทสนทนา บทสนทนา ภาษาระดบั ต่าง ๆ

เร่ืองส้นั บทละคร การวเิ คราะห์ ตามความ

บทกวี และ เน้ือหาบนั เทิงคดี เหมาะสม

การ์ตูน น้นั ผอู้ ่านจะได้ - ภาษาถูกแบบ

ทราบถึงความ แผนมกั ใชเ้ ล่าเร่ือง

คดิ เห็นของผแู้ ตง่ หรือเหตกุ ารณ์ที่

ดว้ ย สาคญั เป็น

พธิ ีรีตอง

๑๒๖

- ภาษากวีเป็น

ภาษาที่ไพเราะ

นกั เขยี นจะใชเ้ มื่อ

ตอ้ งการสร้าง

บรรยากาศท่ี

3.สารคดีและ อ่อนหวาน
บทความ
- ภาษาเก่าใชเ้ ลา่
4.หนงั สือ
ประเภทขา่ ว นิทาน นิยาย

พิจารณา - ภาษาใบบท

เป็นงานเขยี นที่มุ่ง องคป์ ระกอบของ ละครการ์ตนู ใช้

เสนอขอ้ เทจ็ จริง เสนอขอ้ เทจ็ จริง งานเขียน 3 ส่วน ท้งั วจั นภาษา

จากขอ้ มูลที่เป็น และประเดน็ คือ และอวจั นภาษา

จริงและยงั มงุ่ ให้ ความคิดแยกได้ - ความนา ใชว้ ิธี พจิ ารณาจาก

ผอู้ า่ นไดร้ ับความ เป็นแนวคดิ สาคญั นาเรื่องแบบใด สานวนโวหารท่ี

เพลิดเพลินอีกดว้ ย เก่ียวกบั ความจริง เช่น การอธิบาย ใชเ้ ขยี น 3

ความรู้และความ ขอบเขตของเรื่อง ประเภท คือ

คดิ เห็นของผเู้ ขียน การใหค้ วามรู้ - แนวเขียนเรียบ

โครงเร่ืองท่ีสร้าง เบ้ืองตน้ เก่ียวกบั ง่ายแนวเขียนน้ี

จากแนวคดิ และ สิ่งท่ีเขยี น การ เนน้ ดา้ นความ

เน้ือความท่ีเป็น บอกเจตนา ฯลฯ ชดั เจนตรง

ส่วนขอ้ มูลเหตผุ ล - เน้ือเรื่อง เสนอ ประเดน็ ประโยค

เร่ืองโดยวิธีเล่า ส้ันไม่ซบั ซอ้ น ใช้

เรื่องบรรยายหรือ คาที่คนทกุ ระดบั

พรรณนาการสร้าง เขา้ ใจ

ภาพพจน์หรือใน - แนวเขียนเป็น

รูปของบนั ทึก กนั เองผเู้ ขยี นมุ่ง

- ความลงทา้ ย แสดงอารมณ์

อาจจบโดยการต้งั ความรู้สึกควบคู่

คาถามทิง้ ทา้ ยให้ กบั การเสนอขอ้

คดิ การตอกย้า เทจ็ ใชถ้ อ้ ยคาสื่อ

๑๒๗

เป็นงานเขยี น เน้ือหาของข่าว ความประทบั ใจ ความหมายชดั เจน
รายงานเหตกุ ารณ์ ประกอบดว้ ย การแสดง มีการเปรียบเทียบ
ที่ผอู้ า่ นใหค้ วาม ส่วนประกอบ 3 ขอ้ คิดเห็นของ เล่นคา เสียดสี
สนใจขณะใด ส่วน คือ พาดหัว ผเู้ ขียน คมคาย
ขณะหน่ึง มี ข่าว ความนา ความหมายลึกซ้ึง
ความสาคญั ต่อ และเน้ือเร่ือง กลวธิ ีการเสนอ - แนวเขียนเป็น
ผอู้ ่าน และ ขา่ วพจิ ารณาได้ ทางการใชถ้ อ้ ยคา
ผสู้ นใจอา่ น ดงั น้ี สานวนภาษาเป็ น
จานวนจานวน - รูปแบบการ ที่รู้จกั กนั ทว่ั ไป
มาก ข่าวจาแนก เสนอขา่ ว อาจ ใชภ้ าษาส้นั
ตามเน้ือหา ไดแ้ ก่ จดั ลาดบั กะทดั รัดชดั เจน
ขา่ ว การเมือง ความสาคญั จาก ไม่เขยี นออ้ มคอ้ ม
ธุรกิจ มากไปหานอ้ ย วกวน ใชภ้ าษาที่
อุตสาหกรรม หรือเสนอ เขา้ ใจงา่ ย
เกษตรกรรม รายละเอียดก่อน
แรงงาน แลว้ จึงเสนอ
การศึกษา สงั คม ประเดน็ สาคญั ใน
กีฬา ตอนทา้ ย
- โครงสร้างของ
5.โฆษณา ขา่ วการเขยี นพาด
หวั ข่าวสามารถ
กระตนุ้ ความ
สนใจของผอู้ ่าน
เพยี งใด เช่น
แบบต้งั คาถาม
เปรียบเทียบใหภ้ มู ิ
หลงั หรือนาดว้ ย
ส่วนที่เป็ นใคร
อะไร เม่ือไร ท่ี
ไหน อยา่ งไร

๑๒๘

การเขยี นเน้ือเรื่อง

บอกขอ้ เท็จจริง

- เป็นถอ้ ยคาหรือ บอกลกั ษณะ

เร่ืองราวที่ผสู้ ่งสาร เหตุการณ์ หรือ

ถ่ายทอดไปยงั เนน้ ความสาคญั

เป็ นงานเขียน ผรู้ ับสารเพื่อ ของคาพดู บคุ คล
เกี่ยวกบั สินคา้
หรือบริการอื่น ๆ กระตนุ้ ใหเ้ กิด ในขา่ ว
ที่มงุ่ กระตนุ้ ให้
ผอู้ ่านหรือ ความสนใจใคร่รู้ - ลีลาการเขียนขา่ ว
ผบู้ ริโภคสนใจ
และตดั สินใจซ้ือ เร่ืองราวของสินคา้ มีความชดั เจนท่ีจะ

6.งานเขยี นเพ่ือกิจ เน้ือหาของ ใหค้ วามรู้ ความ ใชท้ ้งั วจั นภาษา
ธุระ
โฆษณา เขา้ ใจเกี่ยวกบั และอวจั นภาษา
งานเขยี นเพื่อกิจ
ธุระ ไดแ้ ก่ ประกอบดว้ ย เหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ ที่ - วจั นภาษา ไดแ้ ก่

- พาดหวั โฆษณา เกิดข้นึ ช่ือสินคา้ พาดหวั

เป็นส่วนสาคญั การเสนอโฆษณา คาขวญั คา

ที่สุด มีท้งั ส่วนท่ีเป็นวจั บรรยายใตภ้ าพ

- ขอ้ ความอธิบาย นภาษาและอวจั น และขอ้ ความ

สรรพคณุ ภาษาไดแ้ ก่ โฆษณา

- ส่วนลงทา้ ย บทโฆษณา ภาพ ส่วนประกอบ

เป็นประโยคสรุป เคร่ืองหมายการคา้ เหลา่ น้ีตอ้ งใช้

ใหผ้ รู้ ับสารจดจา การออกแบบ ถอ้ ยคาเด่น สะดุด

ขอ้ มูลเก่ียวกบั โฆษณา การใหส้ ี ตา อ่านง่าย จา

สินคา้ รวมท้งั การ ง่าย คลอ้ งจอง

เคล่ือนไหวและ ส้นั กะทดั รัด ส่ือ

เสียงประกอบ ความหมายของ

สาหรับสื่อ ภาพ

อิเลก็ ทรอนิกส์ วจั -อวจั นภาษา

นภาษา ไดแ้ ก่ ภาพ สี

ประกอบดว้ ยหวั ลกั ษณะ ตวั อกั ษร

- จดหมายในส่วน เรื่องเป็นการเนน้ และเครื่องหมาย

เน้ือหาส่วนแรก ประโยชน์ท่ี วรรคตอนขนาด

๑๒๙

จดหมาย โทรเลข ระบถุ ึงสาเหตุหรือ ผบู้ ริโภคจะไดร้ ับ และตาแหน่งของ
เทเลก็ ซ์ บนั ทึก โฆษณา
ขอ้ ความ ป้ าย ความจาเป็นท่ี ส่วนขอ้ ความ เครื่องหมายการคา้
ประกาศ แผน่ และตรารับรองวธิ ี
ปลิว แผน่ พบั เขยี น และตาม โฆษณาเป็น การ จดั ภาพ
การเรียบเรียง
ดว้ ยรายละเอียด กระตนุ้ ใหเ้ กิด ตอ้ งชดั เจน ตรง
ประเดน็ กระชบั
ของเรื่องราว พฤติกรรมการซ้ือ กะทดั รัดเพื่อให้
ผอู้ ่านทราบ
ส่วนทา้ ยเป็น และช่ือหรือตรา จุดประสงคท์ นั ที
นอกจากน้ีอา่ นยงั
ขอ้ ความสรุป สินคา้ เป็นส่วนที่ ตอ้ งมีความรู้เรื่อง
การใชอ้ กั ษรยอ่
ใจความของ ทาใหผ้ บู้ ริโภคจา ตวั เลข และ
สัญลกั ษณ์ในการ
จดหมาย ชื่อสินคา้ ได้ เขียนตามระเบียบ
งานสารบรรณ
(ราชการ) หรือเร่ง แม่นยา ตอ้ ง ตลอดจนคาที่ใชจ้ ่า
หนา้ ซองคาข้นึ ตน้
เร้าใหป้ ฏิบตั ิ เลือกใชค้ าที่ และคาลงทา้ ยที่
ถกู ตอ้ งและ
โดยเร็ว(ธุรกิจ) เหมาะสม เหมาะสม

- เทเลก็ ซ์ ใช้ เป็นงานเพ่ือกิจ

ขอ้ ความส้นั ๆ ซ่ึง ธุระซ่ึงเป็นการ

เป็นประเด็น ติดต่อส่ือสารเพ่อื

สาคญั ในการ กิจธุระของ

ดาเนินการน้นั ๆ หน่วยงานน้นั การ

- บนั ทึกขอ้ ความ วิเคราะหก์ ลวธิ ีใน

เน้ือเร่ืองเกี่ยวกบั การนาเสนอ

ปัญหา ขอ้ เทจ็ จริง ผอู้ ่านตอ้ งระบไุ ด้

ขอ้ พิจารณา วา่ เป็นเอกสารจาก

- ประกาศ เป็น ใคร ถึงใคร เร่ือง

เรื่องท่ีหน่วยงาน อะไร มี

แจง้ ใหบ้ คุ คลใน จุดประสงคแ์ ละ

หน่วยงานน้นั หรือ สาระสาคญั

ประชาชนทวั่ ไป อยา่ งไร

ไดร้ ับทราบ

๑๓๐

การสร้างแบบประเมินค่า การสร้างแบบการประเมินคา่ นิยมสร้างเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า

(Rating Seale) และ อาจสร้างแบบปลายเปิ ด (Open End) หรือมีท้งั สองแบบ ในการสร้างแบบมาตรา

ส่วนประมาณค่า ควรพิจารณาดงั น้ี

1.การสร้างขอ้ ความในมาตราส่วนประมาณค่า ตอ้ งพิจารณาองคป์ ระกอบ 3 ประการคอื

1.1 ขอบเขตของการประเมินคา่ อาจจาแนกการประเมินโดยภาพรวม เป็นการประเมินโดยสรุปจากการ

พจิ ารณาเกณฑ์ หรือในทุกดา้ นประกอบ หรือประเมินค่าในรายละเอียดของดา้ นตา่ ง ๆ

1.2 ลกั ษณะของการประเมินค่า เป็นการประเมินคา่ เน้ือหาโดยตรง หรืออาจประเมินค่าร่วมกบั ดา้ นอ่ืน ๆ

ประเมินค่าเน้ือหาร่วมกบั ดา้ นอื่น ๆ : เน้ือหาเร่ืองจากงา่ ยไปหายาก

: เน้ือหาใชว้ ธิ ีการเลา่ เร่ือง

: เน้ือหากระตนุ้ ความสนใจ

: เน้ือหามีท้งั ภาพและเสียง

1.3 ลกั ษณะของประโยค ในการประเมินค่า การใชป้ ระโยคจาแนกได้ 2 ชนิดคือ ประโยคนิมาน

(Positive) กบั ประโยค (Negative) ซ่ึงประโยคนิเสธจะใชข้ อ้ ความท่ีมีความหมายในทาง

2.รูปแบบของมาตราส่วนประมาณค่า การสร้างแบบประเมินค่าชนิดมาตราส่วนประมาณคา่ อาจทาได้

หลายรูปแบบ แตส่ ่วนมากจะใช้ 2 รูปแบบ

3.การสรุปผลการประเมินเมื่อใชเ้ ครื่องชนิดมาตราส่วนประมาณค่า ทาไดด้ งั น้ี

3.1 ตรวจเชค็ ใหค้ ะแนนแต่ละขอ้ โดยใหค้ ะแนน 5-4-3-2 และ 1 ตามลาดบั

3.2 รวมคะแนนทา 10 ขอ้ เขา้ ดว้ ยกนั แลว้ หารดว้ ย 10 จะไดค้ ่าเฉลี่ยของคะแนนการประเมิน ของ

คะแนนการประเมิน ของส่ิงน้นั หรือเรื่องราวน้นั ๆ

3.3 นาค่าเฉลี่ย จากขอ้ 3.2 ไปเทียบกบั เกณฑ์ ในการสรุปความหมายของการประเมินผลดงั น้ี

คา่ เฉล่ีย สรุปการประเมินผล

4.51-5.00 ดีมาก

3.51-4.50 ดี

2.51-3.50 ปานกลาง

1.51-2.50 นอ้ ย

1.00-1.50 นอ้ ยท่ีสุด

3.4 เมื่อนาผลการประเมิน (คา่ เฉลี่ยจากขอ้ 3.2) ของผปู้ ระเมินแตล่ ะคนมารวมกนั และหารดว้ ยจานวนผู้

ประเมินท้งั หมด ไดเ้ ท่าใดนาไปเทียบกบั เกณฑใ์ นขอ้ 3.3 กจ็ ะไดภ้ าพรวมท้งั หมดในการประเมินค่า

สรุป

๑๓๑

การประเมินค่า เป็นการพิจารณาตดั สินคุณค่าของส่ิงใดสิ่งหน่ึง โดยอาศยั เกณฑแ์ ละมาตรฐาน
ประกอบการตดั สินใจ ในการประเมินค่าตอ้ งอาศยั การวเิ คราะห์ และกระบวนการสงั เคราะห์ร่วมพิจารณา
ดว้ ย

ผปู้ ระเมินค่าตอ้ งมีความเขา้ ใจสิ่งที่จะประเมินอยา่ งละเอียด เพอ่ื จะไดป้ ระเมินไมผ่ ิดพลาด
กาหนดเกณฑก์ ารประเมิน ใหเ้ หมาะสมกบั ประเภทและจุดประสงคข์ องส่ิงที่จะประเมิน เช่น ประเมินค่า
หนงั สือเลม่ ใดเลม่ หน่ึงตอ้ งอ่านหนงั สือน้นั ใหล้ ะเอียด รู้ประเภทของหนงั สือ รู้ขอบเขตของเน้ือหา รู้
วธิ ีการนาเสนอ รู้จุดมงุ่ หมายของผแู้ ต่ง รู้เก่ียวกบั ผแู้ ต่งและในการประเมิน ตอ้ งประเมินโดยไมล่ าเอียง
ตดั สินตามเกณฑ์ แมว้ า่ ผลการตดั สินจะไมเ่ ป็นไปตามที่ผปู้ ระเมินตอ้ งการ
สารท่ีใชใ้ นการประเมินประกอบดว้ ย ตารา บนั เทิงคดี สารคดีและบทความหนงั สือประเภทขา่ ว โฆษณา
และงานเขียนเพือ่ กิจธุระ โดยเคร่ืองมือที่ใชใ้ นการประเมินคอื การใชม้ าตราส่วนประมาณค่า (Rating
Seale) และ อาจสร้างแบบปลายเปิ ด (Open End) รวมเขา้ ดว้ ยกนั

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนการสอนหรือกจิ กรรมของนกั เรียน

ข้นั นา ข้นั นา
1. ครูทบทวนโดยใชค้ าถามเกี่ยวกบั 1. นกั ศึกษาตอบคาถามเก่ียวกบั การประเมินคา่

การประเมินค่าสารถามนกั ศึกษาเป็น สาร
รายบุคคล
ข้นั สอน
ข้นั สอน 1. นกั ศึกษาแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละประมาณ 4-5
1. ครูใหน้ กั ศึกษาแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ
คน
ประมาณ 4-5 คน

๑๓๒

2. ครูใหน้ กั ศึกษาแต่ละกลุ่มศึกษา 2. นกั ศึกษาแตล่ ะกลมุ่ ศึกษาการประเมินคา่
การประเมินคา่ สารและสร้างแบบประเมิน สารและสร้างแบบประเมินค่าสาร
คา่ สาร
3. ตวั แทนกลมุ่ แตล่ ะกลุม่ นาเสนอผลงาน
3. ครูใหต้ วั แทนกลุ่มแต่ละกล่มุ หนา้ ช้นั เรียน
นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน
4. นกั ศึกษาฟังครูอธิบายเร่ืองสารท่ีใชใ้ นการ
4. ครูอธิบายเร่ืองสารที่ใชใ้ นการ ประเมินคา่ เพ่อื สามารถนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชใ้ นการ
ประเมินคา่ เพอื่ สามารถนาความรู้ที่ไดไ้ ป สร้างแบบประเมินคา่ สาร
ใชใ้ นการสร้างแบบประเมินคา่ สาร
5. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมที่ 3
5. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมท่ี 3 ข้ันสรุป
ข้ันสรุป
1. นกั ศึกษาร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น
1. ครูและนกั ศึกษาร่วมกนั แสดง เสนอแนะ ซกั ถาม เพอ่ื สรุปหน่วยการเรียนและทา
ความคดิ เห็น เสนอแนะ ซกั ถาม เพื่อสรุป แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยการเรียนและทาแบบทดสอบหลงั
เรียน

งานทมี่ อบหมายหรือกจิ กรรม

ก่อนเรียน

1. ตอบคาถามเกี่ยวกบั การประเมินค่าสาร

ขณะเรียน

1. แบง่ กลุ่ม
2. ศึกษาการประเมินคา่ สาร
3. นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน
4. แลกเปล่ียนเรียนรู้กบั กลุ่มอื่น

หลงั เรียน

1. ทากิจกรรมที่ 3

๑๓๓

2. ทดสอบหลงั เรียน

สื่อการเรียนการสอน

สื่อสิ่งพมิ พ์

1. ใบมอบหมายงาน
2. หนงั สือแบบเรียน

ส่ือโสตทัศน์

1. คอมพิวเตอร์

2. อินเทอร์เน็ต

การประเมินผล

ก่อนเรียน

1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

3. สงั เกตการทากิจกรรมกลุ่ม
4. ตรวจผลงาน

หลงั เรียน

1. ประเมินผลงาน
2. กิจกรรมที่ 3
3. ทดสอบหลงั เรีย

๑๓๔

แผนการสอน หน่วยท่ี 7
ช่ือวชิ า 3000-1101 สอนคร้ังท่ี 10
ช่ือหน่วย การนาเสนอข้อมูลและการ ช่ัวโมงรวม 3
บรรยายสรุป
ชื่อเรื่องหรือชื่องาน การนาเสนอข้อมูลและการบรรยายสรุป จานวนช่ัวโมง 3

หัวข้อเรื่องและงาน
1. ความหมายการนาเสนอขอ้ มลู
2. จุดมุง่ หมายในการนาเสนอขอ้ มลู
3. ประเภทของขอ้ มลู ที่นาเสนอ
4. การเตรียมการนาเสนอขอ้ มูล
5. การนาเสนอขอ้ มูล
6. ความหมายการบรรยายสรุป
7. แนวทางการบรรยายสรุป
8. ประเภทการบรรยายสรุป
สาระสาคัญ

การนาเสนอขอ้ มูล เป็นการสื่อสารเร่ืองราวหรือเหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ ใหผ้ อู้ ่ืนทราบและเขา้ ใจหรือ
พจิ ารณา โดยผสู้ าเสนอตอ้ งมีจุดมงุ่ หมายในการนาเสนอ ดว้ ยการเตรียมตวั อยา่ งรอบคอบท้งั เน้ือหาวธิ ีการ
เพ่อื จะไดบ้ รรลตุ ามจุดมุง่ หมาย
การบรรยายสรุป เป็นการยอ่ เร่ืองราวหรือกิจกรรมตา่ ง ๆ ดว้ ยความกระชบั กะทดั รัด ให้ผฟู้ ังเขา้ ใจไดอ้ ยา่ ง
งา่ ย ๆ โดยใชเ้ วลาส้นั ๆ การนาเสนอขอ้ มูลและการบรรยายสรุป มีความจาเป็นและสาคญั ในการดาเนิน
ชีวิตและประกอบธุรกิจอยา่ งมาก ดงั น้นั จึงตอ้ งศึกษาเรียนรู้ใหเ้ ขา้ ใจ สามารถไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธิภาพ

สมรรถนะประจาหน่วย

นาเสนอขอ้ มูลและบรรยายสรุป ดว้ ยความมีเหตผุ ลและรอบรู้

๑๓๕

จดุ ประสงค์การเรียนการสอน
จดุ ประสงค์ทวั่ ไป
1. อธิบายความหมายการนาเสนอขอ้ มลู ได้
2. บอกจุดมุ่งหมายในการนาเสนอขอ้ มลู ได้
3. แยกประเภทของขอ้ มูลท่ีนาเสนอได้
4. เตรียมการนาเสนอขอ้ มูลได้
5. นาเสนอขอ้ มลู ได้
6. อธิบายความหมายการบรรยายสรุปได้
7. บอกแนวทางการบรรยายสรุปได้
8. แยกประเภทการบรรยายสรุปได้
9. นาเสนอขอ้ มูลและบรรยายสรุปดว้ ยความมีเหตุผลและรอบรู้
2. จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม

1. มีการพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ี่ผสู้ อนสามารถ
สังเกตเห็นไดใ้ นดา้ นความมีมนุษยสมั พนั ธ์ ความมีวินยั ความรับผิดชอบ ความเชื่อมนั่ ในตนเอง ความ
สนใจใฝ่รู้ ความรู้รักสามคั คี ความกตญั ญูกตเวที

วเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง

หลกั ความพอประมาณ

- พอประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการเรียน

- พอประมาณกบั เวลาท่ีใชใ้ นการเรียน

หลกั ความมเี หตผุ ล

- เพื่อใหม้ ีทกั ษะในการใชภ้ าษาไทย

- เพ่อื เป็นการสร้างนิสยั ในการใชภ้ าษาไทยในชีวติ ประจาวนั

หลกั ภูมคิ ุ้มกนั

- เพื่อป้ องกนั อนั ตรายในการปฏิบตั ิงาน

๑๓๖

- เพือ่ มีจิตใจท่ีเขม้ แขง็ ไม่มวั เมาในอบายมุข
เงอ่ื นไขความรู้
- ความสาคญั ในการใชภ้ าษาไทยในการติดต่อส่ือสาร
- จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ มาตรฐานรายวชิ า คาอธิบายรายวิชา
- การวดั และการประเมินผล
- ลกั ษณะเฉพาะของภาษาไทยและความรู้เรื่องคา
เง่ือนไขคุณธรรม
- ผเู้ รียนมีความรอบรู้ ระมดั ระวงั และมีความซ่ือสตั ยส์ ุจริต
- ความประมาณกบั วสั ดุอปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการเรียน
การเช่ือมโยง 4 มติ ิ
สังคม
1. ผเู้ รียนสามารถทางานเป็นกลุ่ม มีการแลกเปล่ียนความคิดเห็น และยอมรับความคิดเห็น ของ

ผอู้ ื่น
2. การใชท้ รัพยากรร่วมกนั ใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งคุม้ ค่า
เศรษฐกจิ
1. สามารถใชภ้ าษาไทยในการติดต่อสื่อสารใชใ้ นการประกอบอาชีพ
วฒั นธรรม
1. ผเู้ รียนมีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ
2. มีการแลกเปลี่ยนความคดิ เห็น ความรู้ดา้ นภาษา เพอื่ การดารงชีพตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
สิ่งแวดล้อม
1. เกิดภมู ิปัญญาที่เอ้ืออาทรต่อธรรมชาติ การดารงชีวติ การประกอบอาชีพอยา่ งเหมาะส

๑๓๗

เนอื้ หา (หวั ข้อเร่ืองท่สี อนพร้อมคาอธบิ าย)
ความหมายการนาเสนอข้อมูล

สรุปไดว้ า่ การนาเสนอขอ้ มลู หมายถึง การเสนอเร่ืองราว ความคิดเห็นหรือขอ้ เทจ็ จริง เพอ่ื ให้
ทราบ หรือใหพ้ ิจารณา โดยใชโ้ สตทศั นูปกรณ์ประกอบการนาเสนอ
จุดม่งุ หมายในการนาเสนอข้อมูล

1. เพื่อบอกเลา่ เป็นการนาเสนอความจริงและความคดิ ที่ควรจะเป็น เพ่อื บอกเล่าเร่ืองที่เป็น
ประโยชน์ต่อผฟู้ ังอยา่ งถูกตอ้ งและชดั เจน

2. เพอ่ื จงู ใจ เป็นการนาเสนอขอ้ มูลดว้ ยการกระตนุ้ ความรู้สึกและอารมณ์ของผฟู้ ัง ตามความ
ตอ้ งการข้นั พ้ืนฐานของมนุษย์ กระตุน้ ใหผ้ ฟู้ ังเกิดความรู้สึกวา่ สิ่งที่นาเสนอน้นั กาลงั เป็นที่ตอ้ งการของ
ผฟู้ ัง ทาใหผ้ ฟู้ ังอยากรู้อยากเห็น

3. เพ่ือใหข้ อ้ เทจ็ จริง เป็นการนาเสนอขอ้ มูลท่ีคานึงถึงเน้ือหาเป็นหลกั เสนอดว้ ยหลกั การและ
เหตุผลอยา่ งตรงไปตรงมา

4. เพือ่ ใหข้ อ้ คดิ เห็น เป็นการนาเสนอขอ้ มลู ท่ีคานึงถึงเน้ือหาเป็นหลกั เสนอดว้ ยหลกั การและ
เหตุผลอยา่ งตรงไปตรงมา

5. เพื่อใหค้ วามรู้ เป็นการนาเสนอขอ้ มลู ที่เป็นความรู้ใหม่ทางวชิ าการหรือความรู้เกี่ยวกบั
ความกา้ วหนา้ ทางวิทยาการและเทคโนโลยี ที่เป็นประโยชนต์ ่อผฟู้ ัง

6. เพ่อื ใหค้ วามเขา้ ใจ เป็นการนาเสนอขอ้ มลู เกี่ยวกบั กฎระเบียบ หรือแนวปฏิบตั ิที่จาเป็ น เพอ่ื ให้
ทกุ คนมีความเขา้ ใจตรงกนั และปฏิบตั ิอยา่ งถูกตอ้ ง

7. เพอ่ื ใหพ้ ิจารณา เป็นการนาเสนอขอ้ มูล เก่ียวกบั งานในหนา้ ท่ีที่ปฏิบตั ิเพื่อใหผ้ เู้ กี่ยวขอ้ งได้
พจิ ารณาร่วมกนั
ประเภทของข้อมูลที่นาเสนอ ข้อมูลทนี่ าเสนอแยกได้เป็ น 3 ประเภท ดงั นี้

1. ขอ้ มลู ขอ้ เทจ็ จริง
2. ขอ้ มลู ขอ้ คดิ เห็น
3. ขอ้ มูล ขอ้ เสนอแนะ
การเตรียมการนาเสนอข้อมูล
1. เตรียมเรื่องท่ีจะนาเสนอ เมื่อจะนาเสนอขอ้ มูลเร่ืองใด ผนู้ าเสนอตอ้ งมีความรู้ในเรื่องน้นั ๆ เป็น
อยา่ งดี ขอ้ มลู ท่ีนาเสนอตอ้ งมีหลกั ฐานอา้ งอิง มีน้าหนกั น่าเชื่อถือ
2. กาหนดจุดมุง่ หมายในการนาเสนอ การนาเสนอขอ้ มูลทกุ คร้ัง ตอ้ งกาหนดจุดมุ่งหมายใหช้ ดั เจน
วา่ นาเสนอขอ้ มูลเพื่ออะไร เช่น นาเสนอเพ่ือบอกเล่า ให้ความรู้หรือใหข้ อ้ เทจ็ จริง

๑๓๘

3. วิเคราะห์ผฟู้ ังและโอกาสที่พดู ผนู้ าเสนอตอ้ งทราบวา่ ผฟู้ ังเป็นใคร มีความรู้และความสนใจใน
อาชีพใด นาเสนอในโอกาสใด สถานท่ีเป็นอยา่ งไร นาเสนอช่วงใด ใชเ้ วลานานเท่าใด เพอ่ื จะไดน้ าเสนอ
ใหถ้ ูกตอ้ ง เหมาะสมกบั เวลา

4. จดั โครงเรื่องใหค้ รบถว้ น ในการนาเสนอขอ้ มลู ทุกคร้ัง ผนู้ าเสนอตอ้ งเสนอขอ้ มลู ใหค้ รบถว้ น
สมบรู ณ์ ตามลกั ษณะโครงสร้างของการนาเสนอ

5. เตรียมตวั ใหพ้ ร้อม ผนู้ าเสนอขอ้ มูลควรมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องต่อไปน้ี
6. การสร้างบรรยากาศในการนาเสนอ ผนู้ าเสนอขอ้ มลู ควรสร้างบรรยากาศในการนาเสนอ ให้
น่าสนใจ ส่ิงที่จะช่วยใหบ้ รรยากาศในการนาเสนอให้น่าสนใจ
การบรรยายสรุป
ความหมายการบรรยายสรุป
สรุปไดว้ า่ การบรรยายสรุป หมายถึง การยอ่ เอาเฉพาะใจความสาคญั ของเร่ือง ที่ใหส้ าระ เขา้ ใจ
งา่ ย กระจ่างชดั ในเวลาอนั ส้นั
แนวทางการบรรยายสรุป
1. กล่าวถึงเรื่องเดิม หรือความเป็นมาของเร่ืองท่ีจะบรรยายสรุป อยา่ งส้นั ๆ วา่ มีที่มาอยา่ งไร ได้
ดาเนินการไปอยา่ งไรบา้ งแลว้ เคยมีขอ้ ตกลงเก่ียวกบั เรื่องน้นั อยา่ งไร เช่น การบรรยายสรุป ปัญหาการ
เขยี นรายงาน โครงงานของนกั ศึกษา
2. ใหข้ อ้ เสนอแนะหรือขอ้ อภิปราย แลว้ เสนอแนะทางปฏิบตั ิหรือทางเลือกที่ดีที่สุด เช่น
“ขอ้ เสนอแนะในการแกไ้ ขปัญหาในการเขยี นรายงานโครงงาน”
ประเภทการบรรยายสรุป
1. บรรยายสรุปเกี่ยวกบั องคก์ รหรือหน่วยงาน เป็นการสรุปประวตั ิ ความเป็นมาการดาเนินงาน
และผลงานดีเด่นขององคก์ ร
2. บรรยายสรุปเก่ียวกบั งานในหนา้ ท่ี เป็นกาบรรยายสรุป ใหแ้ ก่ผบู้ งั คบั บญั ชาหรือคณะบุคคล
หรือหน่วยงานอ่ืน ๆ ท่ีมาศึกษาดงู านในหนา้ ที่โดยเฉพาะ เช่น “การบรรยายสรุปเก่ียวกบั งานวทิ ยบริการ
และหอ้ งสมดุ ”
3. บรรยายสรุปผลการทางาน ใชใ้ นกรณีที่ การดาเนินงานตา่ ง ๆ เสร็จแลว้ จึงสรุปผลการทางาน
ใหผ้ เู้ ก่ียวขอ้ งทราบ เช่น บรรยายสรุปผลการอบรมการวจิ ยั ใหแ้ ก่นกั ศึกษา จานวน 10 คน โดยการใช้
แบบทดสอบก่อนอบรมและหลงั อบรม

๑๓๙

กจิ กรรมการเรียนการสอน
ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนการสอนหรือกจิ กรรมของนักเรียน

ข้นั นา ข้นั นา

1. ครูแจง้ สาระการเรียนรู้ 1. นกั ศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน (pre-test)

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การวดั ผลและ เพือ่ ทดสอบความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั เร่ืองการนาเสนอ
ประเมินผล ใหน้ กั ศึกษาทราบ แลว้ ให้ ขอ้ มูลและการบรรยายการสรุป โดยใชแ้ บบทดสอบ
นกั ศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน (pre- แบบปรนยั ชนิด 4 ตวั เลือก จานวน 10 ขอ้
test) เพือ่ ทดสอบความรู้พ้นื ฐานเก่ียวกบั

เรื่องการนาเสนอขอ้ มลู และการบรรยายการ

สรุป โดยใชแ้ บบทดสอบแบบปรนยั ชนิด

4 ตวั เลือก จานวน 10 ขอ้

ข้นั สอน ข้นั สอน

1. ครูใหน้ กั ศึกษาแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 1. นกั ศึกษาแบง่ กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 4-5

ประมาณ 3-4 คน คน

2. ครูใหน้ กั ศึกษาอา่ นบทความท่ีครู 2. นกั ศึกษาอ่านบทความที่ครูแจกให้

แจกให้

3. ครูสุ่มนกั ศึกษาจากกล่มุ ต่าง ๆ 3. ตวั แทนกลมุ่ แต่ละกลุ่ม นาเสนอผลงาน
ออกมานาเสนอเรื่องที่อ่านตามรูปแบบท่ี หนา้ ช้นั เรียน
นกั ศึกษาคดิ เอง

4. ครูอธิบายรูปแบบการนาเสนอ 4. นกั ศึกษาฟังครูอธิบายรูปแบบการนาเสนอ

ขอ้ มลู และการบรรยายสรุป ขอ้ มูล และการบรรยายสรุป

5. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมท่ี 1 – 3 5. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมท่ี 1 - 3

ข้ันสรุป ข้ันสรุป

1. ครูและนกั ศึกษาร่วมกนั แสดง 1. นกั ศึกษาร่วมกนั แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น เสนอแนะ ซกั ถาม เพ่อื สรุป เสนอแนะ ซกั ถาม เพือ่ สรุปหน่วยการเรียนและทา

หน่วยการเรียนและทาแบบทดสอบหลงั แบบทดสอบหลงั เรียน

เรียน

๑๔๐

งานทีม่ อบหมายหรือกจิ กรรม

ก่อนเรียน

1. ทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

1. แบง่ กลุม่
2. ศึกษาบทความ
3. นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน
4. แลกเปลี่ยนเรียนรู้กบั กล่มุ อ่ืน

หลงั เรียน

1. ทากิจกรรมท่ี 1 และ 3

2. ทดสอบหลงั เรียน

ส่ือการเรียนการสอน

ส่ือสิ่งพมิ พ์

3. ใบมอบหมายงาน
4. หนงั สือแบบเรียน

ส่ือโสตทัศน์

1. คอมพวิ เตอร์

2. อินเทอร์เน็ต

๑๔๑

การประเมินผล

ก่อนเรียน
1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

1. สังเกตการทากิจกรรมกล่มุ
2. ตรวจผลงาน

หลงั เรียน

1. ประเมินผลงาน
2. กิจกรรมท่ี 1 และ 3
3. ทดสอบหลงั เรียน

๑๔๒

แผนการสอน หน่วยท่ี 8
ชื่อวชิ า 3000-1101
ช่ือหน่วย การพดู ในงานอาชีพ สอนคร้ังที่ 11
ชื่อเรื่องหรือช่ืองาน การพูดในงานอาชีพ ช่ัวโมงรวม 3
จานวนช่ัวโมง 3

หัวข้อเรื่องและงาน
1.การพดู เพอื่ ขาย
2.การพดู สาธิต
3.การพดู โทรศพั ท์
4.การสมั ภาษณ์
5.การพดู ในที่ประชุม
6.การแถลงขา่ ว
สาระสาคญั

การพดู มีความสาคญั ต่องานอาชีพมาก ผทู้ ่ีมีความสามารถในหารพดู ยอ่ มประสบผลสาเร็จในการ
ส่งงานท้งั ปวง เนื่องจากสามารถพดู ติดตอ่ สื่อสารไดอ้ ยา่ งรวดเร็วเขา้ ใจงา่ ย และ สร้างความสัมพนั ธท์ ่ีดี
ตอ่ กนั ทาใหก้ ิจการเจริญกา้ วหนา้ ดงั น้นั ก่อนท่ีจะกา้ วเขา้ สู่โลกกวา้ งทางอาชีพ จึงควรศึกษาแนวทางการ
พดู ในงานอาชีพ ไดแ้ ก่การพดู เพ่ือขายการพูดสาธิต การพูดโทรศพั ท์ การสัมภาษณ์ การพดู ในท่ีประชุม
และการแถลงข่าว

สมรรถนะประจาหน่วย

พดู ในงานอาชีพประเภทตา่ ง ๆ ดว้ ยความมีเหตุผล รวบรู้และรอบคอบ โดยคานึงถึงสังคมและ
วฒั นธรรม

จุดประสงค์การเรียนการสอน

จุดประสงค์ทัว่ ไป
1.พดู เพอ่ื ขายได้

๑๔๓

2.พดู สาธิตได้
3.พดู โทรศพั ทไ์ ด้
4.พดู สมั ภาษณ์ได้
5.พดู ในท่ีประชุมได้
6.พดู แถลงข่าวได้
7.พดู ในงานอาชีพประเภทต่าง ๆ ดว้ ยความเหตมุ ีเหตุผล รอบรู้และรอบคอบ โดยคานึงถึงสงั คมและ
วฒั นธรรม
2. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม

1. มีการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ่ีผสู้ อนสามารถ
สงั เกตเห็นไดใ้ นดา้ นความมีมนุษยสมั พนั ธ์ ความมีวนิ ยั ความรับผดิ ชอบ ความเชื่อมน่ั ในตนเอง ความ
สนใจใฝ่รู้ ความรู้รักสามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที

วเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
หลกั ความพอประมาณ

- พอประมาณกบั วสั ดุอปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการเรียน
- พอประมาณกบั เวลาที่ใชใ้ นการเรียน
หลกั ความมีเหตผุ ล
- เพื่อใหม้ ีทกั ษะในการใชภ้ าษาไทย
- เพื่อเป็นการสร้างนิสยั ในการใชภ้ าษาไทยในชีวิตประจาวนั
หลกั ภูมิค้มุ กนั
- เพอ่ื ป้ องกนั อนั ตรายในการปฏิบตั ิงาน
- เพอ่ื มีจิตใจท่ีเขม้ แขง็ ไม่มวั เมาในอบายมขุ
เง่ือนไขความรู้
- ความสาคญั ในการใชภ้ าษาไทยในการติดต่อส่ือสาร

๑๔๔

- จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ มาตรฐานรายวชิ า คาอธิบายรายวิชา
- การวดั และการประเมินผล
- ลกั ษณะเฉพาะของภาษาไทยและความรู้เรื่องคา
เงื่อนไขคณุ ธรรม
- ผเู้ รียนมีความรอบรู้ ระมดั ระวงั และมีความซ่ือสตั ยส์ ุจริต
- ความประมาณกบั วสั ดุอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการเรียน
การเช่ือมโยง 4 มิติ
สังคม
1. ผเู้ รียนสามารถทางานเป็นกลุ่ม มีการแลกเปล่ียนความคิดเห็น และยอมรับความคิดเห็น ของ

ผอู้ ่ืน
2. การใชท้ รัพยากรร่วมกนั ใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งคุม้ ค่า
เศรษฐกจิ
1. สามารถใชภ้ าษาไทยในการติดตอ่ ส่ือสารใชใ้ นการประกอบอาชีพ
วัฒนธรรม
1. ผเู้ รียนมีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ
2. มีการแลกเปล่ียนความคิดเห็น ความรู้ดา้ นภาษา เพ่ือการดารงชีพตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
ส่ิงแวดล้อม
1. เกิดภมู ิปัญญาท่ีเอ้ืออาทรตอ่ ธรรมชาติ การดารงชีวติ การประกอบอาชีพอยา่ งเหมาะสม

๑๔๕

เนอื้ หา (หวั ข้อเร่ืองท่ีสอนพร้อมคาอธบิ าย)
การพูดเพอ่ื ขาย

การพดู เพ่อื ขายเป็นหวั ใจสาคญั ในการดาเนินธุรกิจ เพราะเป็นการพดู โนม้ นา้ วใจผซู้ ้ือ หรือ
ผใู้ ชบ้ ริการ ใหต้ ดั สินใจใชส้ ินคา้ หรือบริการ ดงั น้นั ผพู้ ดู ตอ้ งมีความรู้ในเรื่องท่ีจะมาประกอบพดู เพื่อขาย
การพูดสาธติ

การพดู สาธิต เป็นการพดู บรรยาย หรือ อธิมหประกอบการใชอ้ ุปกรณ์หรือเครื่องมือ เพ่ือแสดง
ใหเ้ ห็นลาดบั ข้นั ตอนการปฏิบตั ิงานของเคร่ืองมือน้นั ๆ อยา่ งชดั เจน การพดู สาธิต จะใชใ้ นโอกาสที่มีการ
ทดลอง หรือพดู ขายสินคา้ ท้งั น้ีเพื่อใหล้ กู คา้ มีความรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถนาไปปฏิบตั ิไดถ้ ูกตอ้ ง
เช่น สาธิตการใชเ้ ครื่องสาอาง สาธิตการใชเ้ คร่ืองดูดฝ่ ุน สาธิตการใชเ้ ครื่องปิ้ งขนมปัง
การพูดโทรศัพท์
โ ทรศพั ทเ์ ป็นเครื่องมือสื่อสาร ที่มีความจาเป็นอยา่ งยงิ่ ในการดาเนินชีวิตประจาวนั และการ
ประกอบธุรกิจการงานทกุ ประเภท โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในดา้ นธุรกิจและการใหบ้ ริการ ถือวา่ การ
ติดต่อสื่อสารทางโทรศพั ท์ เป็นหวั ใจของการดาเนินธุรกิจ ดงั น้นั ในการพดู โทรศพั ทค์ งคานึงถึงหวั ขอ้
ตา่ ง ๆ
การสัมภาษณ์

การสมั ภาษณ์ เป็นการสนทนาท่ีมีจุดมงุ่ หมาย เพ่ือใหท้ ราบขอ้ มูล ความรู้ ทศั นะของอีกฝ่ายเห
น่ึง การสัมภาษณ์ประกอบดว้ ยบุคคล 2 ฝ่าย ฝ่ายหน่ึงเป็นผถู้ าม อีกฝ่ายหน่ึงเป็นผตู้ อบ ซ่ึงท้งั สองฝ่าย
ตอ้ งมีการนดั หมาย หรือเตรียมการล่วงหนา้
การพูดในทีป่ ระชุม

การประชุม หมายถึง การที่บุคคลกลมุ่ หน่ึง มาพบปะเพือ่ แลกเปล่ียนความรู้ ความคิดเห็น รัย
ทราบนโยบาย ขอ้ เสนอแนะ ตลอดจนร่วมกนั คดิ ตดั สินใจ แกป้ ัญหา บางคร้ังอาจใชก้ ารประชุม เป็นท่ี
พบปะสังสรรค์ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเก้ือกลู ซ่ึงกนั และกนั
การแถลงข่าว

การแถลงขา่ ว เป็นการประชาสมั พนั ธ์เรื่องราว ข่าวสารของหน่วยงานหรือบริษทั โดยอาศยั
ส่ือมวลชน เป็นส่ือกลางในการเผยแพร่ ท้งั น้ีเพื่อบอกกล่าวเร่ืองราว เผยแพร่กิจการ หรืองานท่ีจะ
ดาเนินการต่อไป เพ่ือใหไ้ ดท้ ราบทว่ั กนั
การแถลงขา่ วมกั แถลงในโอกาสสาคญั ๆ เช่น การจดั งานประจาปี การเปิ ดกิจการใหม่ การแนะนาสินคา้
ใหม่
สรุป

๑๔๖

ทกุ คนไม่วา่ จะประกอบอาชีพการงานใด ๆ ยอ่ มตระหนกั ดีวา่ “ผมู้ ีความสามารถในการพูดยอ่ ม
ทาใหก้ ิจการงานอาชีพประสบผลสาเร็จ” ท้งั น้ีเพราะผทู้ ่ีมีความสามารถในการพดู ยอ่ มทาใหก้ าร
ติดต่อส่ือสารเป็นไปอยา่ งรวดเร็ว เขา้ ใจง่าย และสร้างความสมั พนั ธ์อนั ดีต่อกนั ทาให้กิจการงานอาชีพ
เจริญกา้ วหนา้ การศึกษาเรียนรู้ในเร่ืองการพดู ในงานอาชีพ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การพดู เพอื่ ขาย การพดู
สาธิต การพดู โทรศพั ท์ การสมั ภาษณ์ การพดู ในที่ประชุม และการแถลงข่าว ซ่ึงจะตอ้ งนาไปใชใ้ นงาน
อาชีพอยา่ งกวา้ งขวาง การพดู เพอ่ื ขายเป็นหวั ใจสาคญั ในการดาเนินธุรกิจ การพดู สาธิตมีความสาคญั ต่อ
พนกั งานขาย การพดู โทรศพั ทเ์ ป็นเคร่ืองมือส่ือสารท่ีจาเป็นมาก การสัมภาษณ์เป็นกระบวนการข้นั
สุดทา้ ยในการพจิ ารณาบุคคล การพดู ในที่ประชุมช่วยในประชุมดาเนินไปดว้ ยความราบร่ืน การแถลง
ข่าวเป็นการประชาสัมพนั ธ์ความเคลื่อนไหวของหน่วยงานทางส่ือสารมวลชน และสร้างความเขา้ ใจอนั ดี
ระหวา่ งผเู้ กี่ยวขอ้ งต่อไป

๑๔๗

กจิ กรรมการเรียนการสอน
ข้ันตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนการสอนหรือกจิ กรรมของนกั เรียน

ข้นั นา ข้นั นา
1. ครูแจง้ สาระการเรียนรู้ 1. นกั ศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน (pre-test)

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การวดั ผลและ เพอื่ ทดสอบความรู้พ้นื ฐานเก่ียวกบั เรื่องการนาเสนอ
ประเมินผล ใหน้ กั ศึกษาทราบ แลว้ ให้ ขอ้ มลู และการบรรยายการสรุป โดยใชแ้ บบทดสอบ
นกั ศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน (pre- แบบปรนยั ชนิด 4 ตวั เลือก จานวน 10 ขอ้
test) เพ่ือทดสอบความรู้พ้นื ฐานเกี่ยวกบั
เร่ืองการนาเสนอขอ้ มูลและการบรรยายการ ข้นั สอน
สรุป โดยใชแ้ บบทดสอบแบบปรนยั ชนิด 1. นกั ศึกษาจบั คสู่ นทนากบั เพื่อน โดย 1 คน
4 ตวั เลือก จานวน 10 ขอ้
สนทนากบั เพอื่ นเกี่ยวกบั หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
ข้นั สอน พอเพยี งใหไ้ ดอ้ ยา่ งนอ้ ย 5 คน
1. ครูใหน้ กั ศึกษาจบั คู่สนทนากบั
2. นกั ศึกษาสังเกต ความสนใจ ความเขา้ ใจ
เพ่อื น โดย 1 คน สนทนากบั เพอื่ นเก่ียวกบั ของผฟู้ ัง จดบนั ทึกสิ่งท่ีสงั เกตเห็น
หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงใหไ้ ดอ้ ยา่ ง
นอ้ ย 5 คน 3. นกั ศึกษาแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน
นกั ศึกษาแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภิปราย กาหนดหลกั การ
2. ครูสงั เกต ความสนใจ ความ พดู ท่ีดีโดยการนอ้ มนาเอาหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
เขา้ ใจของนกั ศึกษา พอเพยี ง มายดึ เป็นหลกั ในการพดู จากขอ้ มูลท่ี
สมาชิกแต่ละคนสงั เกตและจดบนั ทึกไวแ้ ละ
3. ครูใหน้ กั ศึกษาแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 4- นกั ศึกษานาเสนอผลการเรียนรู้หนา้ ช้นั เรียน
5 คนนกั ศึกษาแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภิปราย
กาหนดหลกั การพดู ท่ีดีโดยการนอ้ มนาเอา 4. นกั ศึกษาฟังครูอธิบายความหมายและ
หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มายดึ เป็น ความสาคญั ของการพดู ในงานอาชีพและหลกั การพดู
หลกั ในการพดู จากขอ้ มูลท่ีสมาชิกแตล่ ะคน ในงานอาชีพ โดยเชื่อมโยงกบั หลกั การพดู ที่
สงั เกตและจดบนั ทึกไวแ้ ละนกั ศึกษา นกั ศึกษาแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอ
นาเสนอผลการเรียนรู้หนา้ ช้นั เรียน

4. ครูอธิบายความหมายและ
ความสาคญั ของการพดู ในงานอาชีพและ
หลกั การพดู ในงานอาชีพ โดยเช่ือมโยงกบั
หลกั การพดู ท่ีนกั ศึกษาแต่ละกลมุ่ นาเสนอ

๑๔๘

5. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมที่ 1 – 3 5. ครูใหน้ กั ศึกษาทากิจกรรมท่ี 1 - 3

ข้นั สรุป ข้ันสรุป
1. ครูและนกั ศึกษาร่วมกนั แสดง 1. นกั ศึกษาร่วมกนั แสดงความคิดเห็น

ความคดิ เห็น เสนอแนะ ซกั ถาม เพื่อสรุป เสนอแนะ ซกั ถาม เพอื่ สรุปหน่วยการเรียนและทา
หน่วยการเรียนและทาแบบทดสอบหลงั แบบทดสอบหลงั เรียน
เรียน

งานท่มี อบหมายหรือกจิ กรรม

ก่อนเรียน

1. ทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

1. แบง่ กลมุ่
2. อภิปราย กาหนดหลกั การพดู ท่ีดี
3. นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน
4. แลกเปล่ียนเรียนรู้กบั กลุ่มอื่น

หลงั เรียน

1. ทากิจกรรมท่ี 1 และ 3

2. ทดสอบหลงั เรียน

ส่ือการเรียนการสอน

สื่อสิ่งพมิ พ์

1. ใบมอบหมายงาน
2. หนงั สือแบบเรียน

สื่อโสตทัศน์

๑๔๙

1. คอมพิวเตอร์
2. อินเทอร์เน็ต
การประเมินผล

ก่อนเรียน
1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

1. สงั เกตการทากิจกรรมกล่มุ
2. ตรวจผลงาน

หลงั เรียน

1. ประเมินผลงาน
2. กิจกรรมที่ 1 และ 3
3. ทดสอบหลงั เรียน

๑๕๐

แผนการสอน หน่วยที่ 9
ชื่อวิชา 3000-1101
ชื่อหน่วย การพูดในโอกาสต่างๆ สอนคร้ังท่ี 12
ชื่อเร่ืองหรือช่ืองาน การพูดในโอกาสต่างๆ ช่ัวโมงรวม 6
จานวนชั่วโมง 3

หัวข้อเรื่องและงาน
1.การเป็ นพิธีกรและโฆษก

สาระสาคญั
ในการดาเนินชีวิตของคนเรา นอกจากจะมีการพดู คยุ กนั ตามปกติแลว้ เรายงั มีโอกาสพูดใน

โอกาสตา่ ง ๆ เช่น การกล่าวแนะนา การกล่าวขอบคุณ การกล่าวตอ้ นรับ การกลา่ วแสดงความยนิ ดี ฯลฯ
ซ่ึงในระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช.) เราไดศ้ ึกษาเรียนรู้และปฏิบตั ิมาแลว้ ดงั น้นั ในระดบั
ประกาศนียบตั รวิชาชีพช้นั สูง (ปวส.) จึงจะเนน้ หนา้ หนกั และฝึกฝนปฏิบตั ิการพดู ในโอกาลตา่ ง ๆ ใน
ฐานะที่เป็นพธิ ีกรและโฆษก การกล่าวสุนทรพจน์ เพ่ือจะไดน้ าไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

สมรรถนะประจาหน่วย
ทาหนา้ ท่ีเป็นพิธีกรและโฆษก พร้อมท้งั กลา่ วสุนทรพจน์ดว้ ยความมีเหตุผล

จดุ ประสงค์การเรียนการสอน
จุดประสงค์ท่วั ไป

1. ทาหนา้ ท่ีเป็นพิธีกรและโฆษกได้
2. ทาหนา้ ที่เป็นพิธีกรและโฆษก ดว้ ยความมีเหตุผล
2. จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
1. มีการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคท์ ี่ผสู้ อนสามารถ
สงั เกตเห็นไดใ้ นดา้ นความมีมนุษยสัมพนั ธ์ ความมีวินยั ความรับผดิ ชอบ ความเช่ือมนั่ ในตนเอง ความ
สนใจใฝ่รู้ ความรู้รักสามคั คี ความกตญั ญูกตเวที


Click to View FlipBook Version