247 แผนการจัดการเรียนรู้ที่22 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 รหัสวิชา ว 23101 หน่วยการเรียนที่5 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เวลาเรียนรวม 15 ชั่วโมง เรื่อง อิทธิพลของดวงจันทร์ที่มีต่อโลก เวลา 2 ชั่วโมง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1/2566 ผู้สอน นางสาวสุภาพร พื้นขุนทด วันที่.......เดือน..................พ.ศ……. 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 3.1 ม.3/3 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิดข้างขึ้นข้างแรม การเปลี่ยนแปลงเวลาการขึ้นและตกของ ดวงจันทร์ และการเกิดน้ำขึ้นน้ำลง 2. สาระสำคัญ ดวงจันทร์มีการหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบโลก ซึ่งดวงจันทร์รับแสงจากดวงอาทิตย์ครึ่งดวงตลอดเวลา ด้านสว่างได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ แต่ด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ถูกบังด้วยเงาของตัวเองดวงจันทร์มีการหมุนรอบ ตัวเองเท่ากับคาบการโคจรรอบโลก ทำให้ดวงจันทร์หันด้านเดียวเข้าหาโลก เมื่อดวงจันทร์โคจรรอบโลกจะหันส่วน สว่างมายังโลกแตกต่างกัน ทำให้เราสังเกตเห็นส่วนสว่างของดวงจันทร์แตกต่างไปในแต่ละวัน เกิดเป็นข้างขึ้น ข้างแรม ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง (tides) เป็นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก ซึ่งเป็น ผลมาจากความต่างของแรงโน้มถ่วงที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์กระทำต่อโลก แต่เนื่องจากระยะห่างระหว่างดวง อาทิตย์กับโลกมากกว่าระยะห่างระหว่างโลกกับดวงจันทร์มาก จึงทำให้ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อการเกิดน้ำขึ้นน้ำลง มากกว่าดวงอาทิตย์ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้(K) 1.อธิบายการเกิดข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์และน้ำขึ้นน้ำลงได้ 2. อธิบายการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงจันทร์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ (P) 1. เขียนแผนภาพแสดงการหมุนรอบตัวเองและการโคจรรอบโลกของดวงจันทร์ได้ 2. ทักษะในการวางแผนทำงานกลุ่ม 3. มีความมั่นใจในการกล้าแสดงออก 3.3 ด้านคุณลักษณะ (A) 1. มีวินัย
248 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. สาระการเรียนรู้ 1. ข้างขึ้น ข้างแรม 2. น้ำขึ้น น้ำลง 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (ใช้การสืบเสาะหาความรู้ (5E)) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ (Engement) (20นาที) 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนและทบทวนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เกิดจากการ หมุนรอบตัวเองของโลกโดยให้อ่านเนื้อหาในหนังสือหน้า 210 เพื่อให้นักเรียนเข้าใจการเกิดปรากฏการณ์การขึ้น และตกของดวงอาทิตย์กลางวัน กลางคืน และการกำหนดทิศ และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์ ที่สัมพันธ์กับโลกและดวงอาทิตย์ รวมถึงเวลาที่ดวงจันทร์ใช้ในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างกลับมาเป็นรูปร่างเดิม เพื่อให้ นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า เหตุใดในบางวันเราจึงมองเห็นดวงจันทร์ในเวลากลางวัน (นักเรียนตอบตามความ คิดเห็นของตนเอง) 2. จากนั้นครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรม ข้างขึ้น ข้างแรม ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา (Exploration) (40 นาที) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 5-6 คน ทำกิจกรรมที่ 6.3 เรื่อง ข้างขึ้น ข้างแรม 2. โดยครูอธิบายวิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนดังนี้ - วาดภาพตำแหน่งที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลก 8 ตำแหน่ง และตำแหน่งของดวงอาทิตย์บน กระดาษปรู๊ฟ โดยใช้ลูกปิงปองแทนดวงจันทร์ จากนั้นคาดคะเนและบันทึกว่า เมื่อดวงจันทร์โคจรรอบโลก ผู้สังเกต บนโลกและนอกโลกจะมองเห็นดวงจันทร์มีส่วนสว่างและส่วนมืดอย่างไร ทำกิจกรรมเพื่อตรวจสอบการคาดคะเน โดยจัดห้องให้มืดและมีแสงเข้าเพียง 1 ด้าน นักเรียนยืนต่อแถวกัน คนหัวแถวถือไม้บรรทัดที่ติดลูกปิงปองยืน บริเวณจุดตัดหรือโลกหมุนตัวไปทีละตำแหน่งทั้ง 8 ตำแหน่ง ขณะเดียวกันผู้สังเกตคนอื่น ๆ ที่ต่อแถวอยู่ก็สังเกต ดวงจันทร์ทั้ง 8 ตำแหน่ง เมื่อสังเกตครบให้ผู้สังเกตที่ต่อแถวอยู่เดินออกมานอกแถวแล้วสังเกตพื้นที่ที่ได้รับแสงของ ลูกปิงปองเปรียบเทียบกับพื้นที่ทั้งหมด และสังเกตทิศทางของแสง
249 - สังเกตรูปร่างของดวงจันทร์ที่มองเห็นเมื่อสังเกตจากมุมมองเดียวกับผู้สังเกตที่อยู่บนโลก (ผู้ สังเกตขณะต่อแถว) และสังเกตพื้นที่ที่ได้รับแสงของลูกปิงปองในทุกตำแหน่งที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลก (ผู้สังเกต ขณะออกจากแถว) 3. ครูแนะนำนักเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่ควรระวังในการทำกิจกรรม เช่น คนหัวแถวที่ถือไม้บรรทัดที่ติดลูก ปิงปองให้ชูขึ้นเหนือศีรษะ เพื่อไม่ให้ศีรษะและเงาของคนถือลูกปิงปองบังผู้สังเกตคนอื่น และวางกระดาษปรู๊ฟให้ วงกลมหมายเลข 1 ตรงกับแหล่งกำเนิดแสง เพื่อให้ทุกกลุ่มสังเกตดวงจันทร์ด้วยตำแหน่งอ้างอิงเหมือนกัน นอกจากนั้น ยังอาจแนะนำให้นักเรียนช่วยกันถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอการสังเกตดวงจันทร์ทั้งขณะต่อแถวและออก จากแถว ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (30 นาที) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันสรุปผลของ กิจกรรมโดยใช้คำถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า เมื่อดวงจันทร์โคจรรอบโลก ถ้า สังเกตดวงจันทร์จากบนโลกจะเห็นดวงจันทร์มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างไป โดยช่วงที่ดวงจันทร์มีส่วนสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนสว่างเต็มดวง เรียกว่า ข้างขึ้น และช่วงเวลาที่ส่วนสว่างค่อย ๆ ลดลงจนมืดทั้งดวงอีกครั้ง เรียกว่า ข้างแรม ถ้า สังเกตดวงจันทร์นอกโลก ทุกตำแหน่งที่ดวงจันทร์โคจรไป ดวงจันทร์จะได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ครึ่งดวงเสมอ เพราะ ดวงจันทร์มีลักษณะคล้ายทรงกลม แต่การที่ดวงจันทร์โคจรเปลี่ยนตำแหน่งไปทำให้คนบนโลกมองเห็นรูปร่างของดวง จันทร์เปลี่ยนแปลงไปทุกวันใน 1 เดือน เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ข้างขึ้น ข้างแรม ซึ่งจะเกิดซ้ำเป็นวัฏจักรเช่นนี้ทุกเดือน ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที) 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับน้ำขึ้นน้ำลง - แต่ละวันระดับน้ำมีการเปลี่ยนแปลง โดยระดับน้ำจะสูงขึ้นวันละ 2 ครั้ง เรียกว่า ช่วงน้ำขึ้น และ ระดับน้ำลดลงวันละ 2 ครั้ง เรียกว่า ช่วงน้ำลง โดยน้ำขึ้น น้ำลง เกิดจากผลของแรงไทดัลของดวงจันทร์และดวง อาทิตย์ ซึ่งเป็นแรงที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงหรือแรงดึงดูดระหว่างโลก กับดวงจันทร์ เป็นผลทำให้ระดับน้ำบนผิวโลกเกิด การเปลี่ยนแปลง 2. นักเรียนเรียนรู้เพิ่มเติมจากหนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 3. นักเรียนใบกิจกรรมที่ 6.4 เรื่อง น้ำขึ้น น้ำลง ขั้นที่ 5 ประเมิน (Evaluation) (10 นาที) ครูประเมินผลของนักเรียนตามแบบประเมินดังนี้ 1. สังเกตพฤติกรรมการร่วมกิจกรรมของนักเรียน มีความกระตือรือร้นในการหาความรู้มีความมั่นใจ และกล้าแสดงออก และสังเกตพฤติกรรมคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของแต่ละบุคคล มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นใน การทำงาน
250 2. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง ระบบสุริยะ 7. สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. Powerpoint เรื่อง อิทธิพลของดวงจันทร์ที่มีต่อโลก 3. ใบกิจกรรมที่ 6.3 เรื่อง ข้างขึ้น ข้างแรม 4. ใบกิจกรรมที่ 6.4 เรื่อง น้ำขึ้น น้ำลง 5. DLTV เรื่อง อิทธิพลของดวงจันทร์ที่มีต่อโลก 6. แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง ระบบสุริยะ 8. ภาระงานและชิ้นงาน - ใบกิจกรรมที่ 6.3 เรื่อง ข้างขึ้น ข้างแรม - ใบกิจกรรมที่ 6.4 เรื่อง น้ำขึ้น น้ำลง
251 9. การวัดและประเมินผล ประเด็นการประเมิน วิธีการ เครื่องมือ การวัดประเมินผล ด้านความรู้ (K) 1. อธิบายการเกิดข้างขึ้น ข้างแรมของดวงจันทร์และ น้ำขึ้นน้ำลงได้ 2. อธิบายการเคลื่อนที่ ปรากฏของดวงจันทร์ที่ เปลี่ยนแปลงไปได้ ตรวจคะแนนจาก - ใบกิจกรรมที่ 6.3 เรื่อง ข้างขึ้น ข้างแรม - ใบกิจกรรมที่ 6.4 เรื่อง น้ำขึ้น น้ำลง - ใบกิจกรรมที่ 6.3 เรื่อง ข้างขึ้น ข้างแรม - ใบกิจกรรมที่ 6.4 เรื่อง น้ำขึ้น น้ำลง ทำได้ร้อยละ 70 ขึ้นไป ด้านทักษะ (P) 1. เขียนแผนภาพแสดงการ หมุนรอบตัวเองและการ โคจรรอบโลกของดวงจันทร์ ได้ 2. ทักษะในการวางแผน ทำงานกลุ่ม 3. มีความมั่นใจในการกล้า แสดงออก - สังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน - แบบสังเกต พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ (A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการ สื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. มีความสามารถในการใช้ เทคโนโลยี ประเมินจากสังเกต พฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมิน สมรรถนะสำคัญ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป
252
253
254
255 ภาคผนวก
256 จุดประสงค์…………………………………………………………………………………………………………………………………..…………… …………………………………………………………………………………………………………………………… สมมติฐาน………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… วัสดุอุปกรณ์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการทำกิจกรรม (นักเรียนวาดรูปจากการสังเกตรูปร่างของดวงจันทร์) ใบกิจกรรมที่ 6.3 เรื่อง ข้างขึ้น ข้างแรม ผลการสังเกตรูปร่างของดวงจันทร์ทั้ง 8 ตำแหน่ง (สังเกตขณะที่ต่อแถวเพื่อนที่ถือลูกปิงปอง) ผลการสังเกตพื้นที่ที่ได้รับแสงบนผิวของลูกปิงปอง (สังเกตรอบ ๆ ลูกปิงปองหรือขณะยืนนอกกระดาษปรู๊ฟ จากหลาย ๆ มุมมอง) คือ เมื่อดวงจันทร์โคจรรอบดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ครึ่งดวงตลอดเวลา
257 1. แบบจำลองนี้ใช้สิ่งใดแทนอะไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… 2. ตำแหน่งที่ 1 2 3 4 5 ส่วนสว่างและส่วนมืดของดวงจันทร์ที่คนบนโลกมองเห็นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และเรียกช่วงเวลานี้ว่าอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… 3. ตำแหน่งที่ 5 6 7 8 1 ส่วนสว่างและส่วนมืดของดวงจันทร์ที่คนบนโลกมองเห็นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และเรียกช่วงเวลานี้ว่าอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. เมื่อดวงจันทร์โคจรไปแต่ละตำแหน่ง พื้นที่บนดวงจันทร์ที่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์เป็นอย่างไร และสัมพันธ์ ตำแหน่งของดวงอาทิตย์หรือไม่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. เพราะเหตุใด คนบนโลกจึงมองเห็นดวงจันทร์ในแต่ละตำแหน่งมีส่วนสว่างและส่วนมืด แตกต่างกัน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. จากกิจกรรม สรุปได้ว่าอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… คำถามท้ายกิจกรรม
258 จุดประสงค์ สร้างแบบจำลองอธิบายการเกิดข้างขึ้น ข้างแรม สมมติฐาน นักเรียนเขียนตามความเข้าใจของตนเอง วัสดุอุปกรณ์ 1. ลูกปิงปองหรือวัตถุทรงกลมทึบแสง 1 ลูก 2. ไม้บรรทัด 1 อัน 3. เทปใส 1 ม้วน 4. กระดาษปรู๊ฟ 1 แผ่น 5. หลอดไฟฟ้า 1 หลอด ผลการทำกิจกรรม (นักเรียนวาดรูปจากการสังเกตรูปร่างของดวงจันทร์) ผลการสังเกตรูปร่างของดวงจันทร์ทั้ง 8 ตำแหน่ง (สังเกตขณะที่ต่อแถวเพื่อนที่ถือลูกปิงปอง) ภาพผลการสังเกตรูปร่างของดวงจันทร์ทั้ง 8 ตำแหน่งเมื่อต่อแถวผู้ที่ถือลูกปิงปอง เฉลยใบกิจกรรมที่ 6.3 เรื่อง ข้างขึ้น ข้างแรม
259 1. แบบจำลองนี้ใช้สิ่งใดแทนอะไรบ้าง แนวคำตอบ ลูกปิงปองแทนดวงจันทร์ แหล่งกำเนิดแสงแทนดวงอาทิตย์ 2. ตำแหน่งที่ 1 2 3 4 5 ส่วนสว่างและส่วนมืดของดวงจันทร์ที่คนบนโลกมองเห็นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และเรียกช่วงเวลานี้ว่าอะไร แนวคำตอบ คนบนโลกมองเห็นดวงจันทร์มีส่วนสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เรียกช่วงเวลานี้ว่า ข้างขึ้น 3. ตำแหน่งที่ 5 6 7 8 1 ส่วนสว่างและส่วนมืดของดวงจันทร์ที่คนบนโลกมองเห็นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และเรียกช่วงเวลานี้ว่าอะไร แนวคำตอบ คนบนโลกมองเห็นดวงจันทร์มีส่วนสว่างน้อยลงเรื่อย ๆ เรียกช่วงเวลานี้ว่า ข้างแรม คำถามท้ายกิจกรรม ผลการสังเกตพื้นที่ที่ได้รับแสงบนผิวของลูกปิงปอง (สังเกตรอบ ๆ ลูกปิงปองหรือขณะยืนนอกกระดาษ ปรู๊ฟจากหลาย ๆ มุมมอง) คือ เมื่อดวงจันทร์โคจรรอบดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ครึ่งดวงตลอดเวลา ภาพผลการสังเกตรูปร่างของดวงจันทร์ทั้ง 8 ตำแหน่งเมื่อเดินออกจากกระดาษปรู๊ฟ
260 4. เมื่อดวงจันทร์โคจรไปแต่ละตำแหน่ง พื้นที่บนดวงจันทร์ที่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์เป็นอย่างไร และสัมพันธ์ ตำแหน่งของดวงอาทิตย์หรือไม่ อย่างไร แนวคำตอบ ในแต่ละตำแหน่งที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลก ดวงจันทร์จะได้รับแสงจากดวงอาทิตย์เพียงครึ่ง ดวงเสมอ โดยพื้นที่ที่ได้รับแสงจะเป็นด้านที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์เสมอ 5. เพราะเหตุใด คนบนโลกจึงมองเห็นดวงจันทร์ในแต่ละตำแหน่งมีส่วนสว่างและส่วนมืดแตกต่างกัน แนวคำตอบ เพราะดวงจันทร์โคจรรอบโลก โดยดวงจันทร์จะได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ครึ่งดวงเสมอ แต่ คนบนโลกจะมองเห็นส่วนที่ได้รับแสงหรือส่วนสว่างของดวงจันทร์เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละตำแหน่ง 6. จากกิจกรรม สรุปได้ว่าอย่างไร แนวคำตอบ ข้างขึ้น ข้างแรม เกิดจากการที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลก โดยที่ดวงจันทร์ได้รับแสงจากดวง อาทิตย์ครึ่งดวงตลอดเวลา ซึ่งคนบนโลกสังเกตส่วนสว่างของดวงจันทร์แตกต่างกันในแต่ละวัน ทำให้เห็นรูปร่าง ของดวงจันทร์เป็นเสี้ยว ครึ่งดวง ค่อนดวง และเต็มดวง
261 จุดประสงค์…………………………………………………………………………………………………………………………………..…………… ………………………………………………………………………………………………………………………… สมมติฐาน………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… วัสดุอุปกรณ์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… ผลการทำกิจกรรม ใบกิจกรรมที่ 6.4 เรื่อง น้ำขึ้น น้ำลง เมื่อระบุตำแหน่งความสูงของน้ำในแต่ละช่วงเวลาในวันแรม 15 ค่ำ แล้วลากเส้นเชื่อมต่อกันจะได้ดังภาพ
262 จุดประสงค์ สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิดน้ำขึ้น น้ำลง สมมติฐาน นักเรียนเขียนตามความคิดเห็นของตนเอง วัสดุอุปกรณ์ 1. ลูกโลกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 cm 1 ลูก 2. กระดาษปรู๊ฟ 1 แผ่น ผลการทำกิจกรรม เฉลยใบกิจกรรมที่ 6.4 เรื่อง น้ำขึ้น น้ำลง เมื่อระบุตำแหน่งความสูงของน้ำในแต่ละช่วงเวลาในวันแรม 15 ค่ำ แล้วลากเส้นเชื่อมต่อกันจะได้ดังภาพ เมื่อหมุนลูกโลกแล้วสังเกตจากบริเวณเหนือขั้วโลกเหนือ พบว่าคนบนโลกจะพบกับการ เปลี่ยนแปลงระดับน้ำในแต่ละวัน โดยระดับน้ำจะสูงขึ้นวันละ 2 ครั้ง เรียกว่า ช่วงน้ำขึ้น และระดับน้ำ ลดลงวันละ 2 ครั้ง เรียกว่า ช่วงน้ำลง ตัวอย่างการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดน้ำขึ้น น้ำลง หรือการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำ ใน 1 วันเกิดจากแรงดึงดูดระหว่างมวลของดวงจันทร์และโลก น้ำขึ้นจะเกิดบนผิวโลกบริเวณที่มีตำแหน่ง ใกล้ดวงจันทร์และตรงกันข้ามกับตำแหน่งของดวงจันทร์ ส่วนน้ำลงเกิดบริเวณพื้นที่บนโลกที่ตั้งฉากกับ ตำแหน่งของดวงจันทร์ เมื่อโลกหมุนรอบตัวเอง พื้นที่บนโลกที่มีตำแหน่งใกล้ ตรงกันข้าม หรือตั้งฉากกับ ดวงจันทร์จะมีการเปลี่ยนตำแหน่งไปจึงทำให้พื้นที่หนึ่ง ๆ เกิดน้ำขึ้น น้ำลง วันละ 2 ครั้ง เมื่อดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกับดวงอาทิตย์ จะทำให้ระดับน้ำที่ขึ้นสูงสุดและลงต่ำสุด แตกต่างกันมาก เรียกวันนั้นว่า วันน้ำเกิด และเมื่อดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวเกือบตั้งฉากกับดวงอาทิตย์ จะทำให้ระดับน้ำที่ขึ้นสูงสุดและลงต่ำสุดแตกต่างกันน้อย เรียกวันนั้นว่า วันน้ำตาย
263 แผนการจัดการเรียนรู้ที่23 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 รหัสวิชา ว 23101 หน่วยการเรียนที่5 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เวลาเรียนรวม 15 ชั่วโมง เรื่อง มองท้องฟ้าด้วยกล้องโทรทรรศน์ เวลา 1 ชั่วโมง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่1/2566 ผู้สอน นางสาวสุภาพร พื้นขุนทด วันที่...... เดือน .................. พ.ศ……… 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 3.1 ม.3/4 อธิบายการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศและยกตัวอย่างความก้าวหน้าของโครงการ สำรวจอวกาศจากข้อมูลที่รวบรวมได้ 2. สาระสำคัญ มนุษย์ใช้กล้องโทรทรรศน์ จรวด ดาวเทียม ยานอวกาศ สำรวจอวกาศ วัตถุท้องฟ้า สภาวะอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ การเกษตรและใช้ในสื่อสาร 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายหลักการใช้งานของกล้องโทรทรรศน์ได้ 2. สามารถบอกประเภท ของกล้องโทรทรรศน์ประเภทต่าง ๆ ได้ 2.2 ทักษะ/กระบวนการ (P) 1. นักเรียนสามารถคำนวณหากำลังขยายและความยาวของกล้องโทรทรรศน์ได้ 2. มีความกระตือรือร้นในการหาความรู้ 2.3 ด้านคุณลักษณะ (A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
264 5. สาระการเรียนรู้ 1. หลักการทำงานของกล้องโทรทรรศน์ 2. กำลังขยายและความยาวของกล้องโทรทรรศน์ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (ใช้การสืบเสาะหาความรู้ (5E)) ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ (Engement) (5 นาที) 1.ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยนำภาพวัตถุบนท้องฟ้ามาให้นักเรียนดู และถามนักเรียน เช่น 1.1 นักเรียนสามารถมองเห็นดวงดาว หรือวัตถุบนท้องฟ้าด้วยตาเปล่าได้ชัดเจนหรือไม่ (แนวคำตอบ ไม่ เพราะ ดาว หรือวัตถุบนท้องฟ้าล้วนอยู่ห่างจากโลกเราหลายปีแสง และมักมีความสว่างน้อยนิด ทำให้เรามองเห็นได้ไม่ชัดเจน) 1.2 นักเรียนคิดว่าวิธีไหนที่ทำให้มองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้ชัดเจน (แนวคำตอบ มองผ่านกล้องโทรทรรศน์ ) 2. ครูนำภาพกล้องโทรทรรศน์แต่ละประเภทมาให้นักเรียนดู ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา (Exploration) (15 นาที) 1. ศึกษาจากหนังสือวิทยาศาสตร์เรื่อง มองท้องฟ้าด้วยกล้องโทรทรรศน์ 2. ศึกษาจากแหล่งเรียนรู้วิดีโอ เรื่องกล้องโทรทรรศน์ชนิดแสง ชนิดอวกาศ และชนิดวิทยุ ขั้นที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (10 นาที) 1. ครูอธิบายเรื่องการใช้กล้องโทรทรรศน์ในการศึกษาวัตถุต่าง ๆ ในท้องฟ้าของกาลิเลโอ และของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 2. ครูอธิบายเรื่องหลักการทำงานของกล้องโทรทรรศน์ประเภทหักเหแสง และวิธีหากำลังขยายของ เลนส์ 3. ครูอธิบายเรื่อง ลักษณะของกล้องโทรทรรศน์ประเภทสะท้อนแสง เกี่ยวกับส่วนประกอบของกล้อง และลักษณะการทำงาน อธิบายเรื่องใช้กล้องโทรทรรศน์วิทยุ พร้อมทั้งเปรียบเทียบลักษณะทั่วไปของกล้อง โทรทรรศน์วิทยุ และกล้องโทรทรรศน์ชนิดแสง ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาที) 1.ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้องโทรทรรศน์ชนิดต่าง ๆ โดยใช้โปรแกรม PowerPoint เรื่อง มอง ท้องฟ้าด้วยกล้องโทรทรรศน์ 2. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย ตามประเด็นดังต่อไปนี้ 2.1 กล้องโทรทรรศน์ชนิดแสง และกล้องโทรทรรศน์วิทยุ มีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร 2.2 ประโยชน์ของกล้องโทรทรรศน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์บนโลก
265 ขั้นที่ 5 ประเมิน (Evaluation) (15 นาที) 1. นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 7.1 ทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกล้องโทรทรรศน์ 7. สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. PowerPoint เรื่อง มองท้องฟ้าด้วยกล้องโทรทรรศน์ 3. วิดีโอ เรื่อง กล้องโทรทรรศน์ชนิดต่าง ๆ 4. DLTV เรื่อง กล้องโทรทรรศน์ชนิดต่าง ๆ 5. ใบงานที่7.1 เรื่อง ทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกล้องโทรทรรศน์ 8. ภาระงาน/ชิ้นงาน - ใบงานที่7.1 เรื่อง ทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกล้องโทรทรรศน์ 9. การวัดและประเมินผล ประเด็นการประเมิน วิธีการ เครื่องมือ การวัดประเมินผล ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถ อธิบายหลักการใช้งาน ของกล้องโทรทรรศน์ได้ 2. สามารถบอกประเภท ของกล้องโทรทรรศน์ ประเภท ต่าง ๆ ได้ ตรวจคะแนนจาก ใบงานที่ 7.1 เรื่อง ทดสอบความรู้ความ เข้าใจเกี่ยวกับกล้อง โทรทรรศน์ ใบงานที่ 7.1 เรื่อง ทดสอบความรู้ความ เข้าใจเกี่ยวกับกล้อง โทรทรรศน์ ทำได้ร้อยละ 70 ขึ้นไป ด้านทักษะ(P) 1. นักเรียนสามารถ คำนวณหากำลังขยาย และความยาวของกล้อง โทรทรรศน์ได้ 2. มีความกระตือรือร้น ในการหาความรู้ สังเกตพฤติกรรม การทำงาน แบบประเมิน พฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป
266 ด้านคุณลักษณะ(A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน สังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการ สื่อสาร 2. ความสามารถในการ คิด 3. ความสามารถในการ ใช้เทคโนโลยี ประเมินจากสังเกต แบบประเมิน สมรรถนะสำคัญ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป
267
268
269
270 ภาคผนวก
271 จงเติมคำหรือข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้อง 1. จงเติมข้อมูลเกี่ยวกับกล้องโทรทรรศน์ประเภทหักเหแสงตามหัวข้อต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1) ทำจากเลนส์นูน...................อัน ได้แก่............................................................................ ...... 2) เลนส์ใกล้ตาหรือเลนส์ใกล้วัตถุที่มีความยาวโฟกัสยาวกว่า................................................... 3) เลนส์ที่ทำหน้าที่รับแสงจากวัตถุ และทำให้เกิดภาพอยู่หน้าเลนส์ คือ ................................. ส่วนเลนส์ที่ทำหน้าที่ขยายภาพ คือ .................................................................................... 4) ภาพที่เห็นจากกล้องโทรทรรศน์เป็นภาพ.............................................................................. 5) ถ้าต้องการเห็นภาพจากกล้องโทรทรรศน์เป็นภาพเสมือนหัวตั้ง จะต้องใส่ ......................... 2. กล้องโทรทรรศน์อันหนึ่งมีกำลังขยาย 10 เท่า ความยาวโฟกัสของเลนส์ใกล้ตาเท่ากับ 9 cm ความยาวโฟกัส ของเลนส์ใกล้วัตถุจะเท่ากับ...............cm. และความยาวโฟกัสของกล้องโทรทรรศน์อันนี้เท่ากับ.................. cm. 3. เมื่อนักเรียนไปดูการแสดงดนตรีหรือการแข่งขันกีฬาควรดูกล้องโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสงหรือไม่ ..........................เพราะ…………………………………………………………………………………………………………….. 4. ให้ใช้แผนภาพแสดงทางเดินของแสงของกล้องโทรทรรศน์ชนิดหนึ่งประกอบการตอบคำถามต่อไปนี้ 1) กล้องโทรทรรศน์ในแผนภาพเป็นประเภท........................ 2) A คือ ............................................................................ B คือ.............................................................................. C คือ.............................................................................. 3) ส่วนประกอบของกล้องที่ทำหน้าที่ต่อไปนี้ตรงกับอักษรใด ก. รับแสงจากวัตถุทำให้เกิดภาพหน้า C คือ ................... ข. ช่วยรับภาพและส่งภาพไปยัง B คือ ............................ ค. ทำหน้าที่ขยายภาพ คือ .............................................. 4) B เป็นเล่นประเภท …………………………………………. มีความยาวโฟกัส............................... ใบงานที่ ทดสอบความร ู้ความเข ้ าใจเกย ี่วกบักล ้ องโทรทรรศน ์
272 5) ถ้าต้องการศึกษาวัตถุที่อยู่ไกลจากโลกมาก ๆ จะต้องเพิ่มขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางของ A หรือ B หรืC ……………………………………………………………………………………………………………………… 5. กล้องโทรทัศน์ประเภทสะท้อนแสงมีประสิทธิภาพสูงกว่ากล้องโทรทัศน์ประเภทหักเหแสง คือ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ให้ใช้แผนภาพแสดงส่วนประกอบของกล้องโทรทัศน์วิทยุต่อไปนี้ประกอบการตอบคำถาม 1) A คือ ............................................................................ B คือ.............................................................................. C คือ.............................................................................. 2) คลื่นวิทยุมีความยาวประมาณ................................................... เมตร 3) หลักการของกล้องโทรทรรศน์ประเภทนี้ คือ………………………………………………………………. ............................................................................................................................. ............... 7. เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์สเปกตรัมของแสงสีจากดาวฤกษ์ต่าง ๆ และมักใช้ควบคู่กับกล้องโทรทรรศน์คือ .......................................................................................................................................................... 8. จงเรียงลำดับประสิทธิภาพของกล้องโทรทัศน์ประเภท สะท้อนแสง หักเหแสง และวิทยุจากประสิทธิภาพสูงไป ยังประสิทธิภาพต่ำ………………………………………………………………………………………… 9. กล้องโทรทรรศน์อวกาศจัดเป็นดาวเทียมประเภทหนึ่ง เพราะ …………………………………………………… 10. กล้องโทรทรรศน์อวกาศเป็นกลางที่รับคืนแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงคลื่นสั้นหรือช่วงคลื่น ยาว ................................................................................................................................................................ คลื่นวิทยุ A B C ข้อมูล
273 จงเติมคำหรือข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้อง 1. จงเติมข้อมูลเกี่ยวกับกล้องโทรทรรศน์ประเภทหักเหแสงตามหัวข้อต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1) ทำจากเลนส์นูน...................อัน ได้แก่.................................................................................. 2) เลนส์ใกล้ตาหรือเลนส์ใกล้วัตถุที่มีความยาวโฟกัสยาวกว่า.................. ................................ 3) เลนส์ที่ทำหน้าที่รับแสงจากวัตถุ และทำให้เกิดภาพอยู่หน้าเลนส์ คือ ................................. ส่วนเลนส์ที่ทำหน้าที่ขยายภาพ คือ .................................................................................... 4) ภาพที่เห็นจากกล้องโทรทรรศน์เป็นภาพ.............................................................................. 5) ถ้าต้องการเห็นภาพจากกล้องโทรทรรศน์เป็นภาพเสมือนหัวตั้ง จะต้องใส่ ......................... 2. กล้องโทรทรรศน์อันหนึ่งมีกำลังขยาย 10 เท่า ความยาวโฟกัสของเลนส์ใกล้ตาเท่ากับ 9 cm ความยาวโฟกัส ของเลนส์ใกล้วัตถุจะเท่ากับ...............cm. และความยาวโฟกัสของกล้องโทรทรรศน์อันนี้เท่ากับ.................. cm. 3. เมื่อนักเรียนไปดูการแสดงดนตรีหรือการแข่งขันกีฬาควรดูกล้องโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสงหรือไม่ ..........................เพราะ…………………………………………………………………………………………………………….. 4. ให้ใช้แผนภาพแสดงทางเดินของแสงของกล้องโทรทรรศน์ชนิดหนึ่งประกอบการตอบคำถามต่อไปนี้ 1) กล้องโทรทรรศน์ในแผนภาพเป็นประเภท........................ 2) A คือ ............................................................................ B คือ.............................................................................. C คือ.............................................................................. 3) ส่วนประกอบของกล้องที่ทำหน้าที่ต่อไปนี้ตรงกับอักษรใด ก. รับแสงจากวัตถุทำให้เกิดภาพหน้า C คือ ................... ข. ช่วยรับภาพและส่งภาพไปยัง B คือ ............................ ค. ทำหน้าที่ขยายภาพ คือ .............................................. 4) B เป็นเล่นประเภท …………………………………………. มีความยาวโฟกัส............................... ใบงานที่ เฉลยทดสอบความร ู้ความเข ้ าใจเกย ี่วกบักล ้ องโทรทรรศน ์ 2 เลนส์ใกล้ตา และเลนส์ใกล้วัตถุ เลนส์ใกล้วัตถุ เลนส์ใกล้วัตถุ เลนส์ใกล้ตา เสมือนหัวกลับ ขนาดใหญ่กว่าวัตถุ เลนส์นูน 90 99 ไม่ควร จะเห็นภาพหัวกลับกับวัตถุ สะท้อนแสง กระจกราบ เลนส์ใกล้ตา กระจกเว้า C A B เลนส์นูน สั้น
274 5) ถ้าต้องการศึกษาวัตถุที่อยู่ไกลจากโลกมาก ๆ จะต้องเพิ่มขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางของ A หรือ B หรื C ……………………………………………………………………………………………………………………… 5. กล้องโทรทัศน์ประเภทสะท้อนแสงมีประสิทธิภาพสูงกว่ากล้องโทรทัศน์ประเภทหักเหแสง คือ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ให้ใช้แผนภาพแสดงส่วนประกอบของกล้องโทรทัศน์วิทยุต่อไปนี้ประกอบการตอบคำถาม 1) A คือ ............................................................................ B คือ.............................................................................. C คือ.............................................................................. 2) คลื่นวิทยุมีความยาวประมาณ................................................... เมตร 3) หลักการของกล้องโทรทรรศน์ประเภทนี้ คือ………………………………………………………………. 7. เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์สเปกตรัมของแสงสีจากดาวฤกษ์ต่าง ๆ และมักใช้ควบคู่กับกล้องโทรทรรศน์คือ .......................................................................................................................................................... 8. จงเรียงลำดับประสิทธิภาพของกล้องโทรทัศน์ประเภท สะท้อนแสง หักเหแสง และวิทยุจากประสิทธิภาพสูงไป ยังประสิทธิภาพต่ำ………………………………………………………………………………………… 9. กล้องโทรทรรศน์อวกาศจัดเป็นดาวเทียมประเภทหนึ่ง เพราะ …………………………………………………… 10. กล้องโทรทรรศน์อวกาศเป็นกลางที่รับคืนแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงคลื่นสั้นหรือช่วงคลื่น ยาว ................................................................................................................................................................ คลื่นวิทยุ A B C ข้อมูล สามารถศึกษาวัตถุในท้องฟ้าที่อยู่ไกลมาก ๆ ได้ดีกว่า C ส่วนรับสัญญาณ ส่วนขยายสัญญาณ ส่วนบันทึกสัญญาณ 10-4 - 108 จากวัตถุที่อยู่ในท้องฟ้าได้ สเปกโทรมิเตอร์ กล้องโทรทรรศน์วิทยุ สะท้อนแสง หักเหแสง เป็นกล้องที่ถูกส่งขึ้นไปรอบโลก คลื่นสั้น
275 แผนการจัดการเรียนรู้ที่24 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 รหัสวิชา ว 23101 หน่วยการเรียนที่5 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เวลาเรียนรวม 15 ชั่วโมง เรื่อง ความก้าวหน้าของการสำรวจอวกาศ เวลา 2 ชั่วโมง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่1/2566 ผู้สอน นางสาวสุภาพร พื้นขุนทด วันที่....... เดือน .................. พ.ศ……….. 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 3.1 ม.3/4 อธิบายการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศและยกตัวอย่างความก้าวหน้าของโครงการ สำรวจอวกาศจากข้อมูลที่รวบรวมได้ 2. สาระสำคัญ การส่งดาวเทียม จรวด ยานอวกาศ ไปสำรวจนอกโลกมีผลต่อการดำรงชีวิตในด้านการสื่อสาร การขนส่ง การประกอบอาชีพ การดำเนินชีวิต และการสำรวจอวกาศ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนอธิบายความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศ ที่ใช้ในการสำรวจอวกาศ วัตถุท้องฟ้า สภาวะ อวกาศ ทรัพยากรธรรมชาติ และที่ใช้ในการสื่อสารได้ 2. นักเรียนอธิบายลักษณะหรือการนำไปใช้ของเทคโนโลยีสำรวจอวกาศแต่ละชนิดได้ 2.2 ทักษะ/กระบวนการ (P) 1.นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการหาความรู้ 2.นักเรียนมีความมั่นใจและกล้าแสดงออก 2.3 ด้านคุณลักษณะ (A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
276 5. สาระการเรียนรู้ 1. ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศ 2. ประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ขั้นที่ 1 การเรียนรู้ตั้งคำถาม หรือขั้นตั้งคำถาม (20 นาที) 1. เปิดภาพและวีดีโอเกี่ยวกับเทคโนโลยีอวกาศให้นักเรียนดู แล้วตั้งคำถามถามนักเรียนว่า นักเรียนรู้ หรือไม่ว่ามนุษย์นำเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ประโยชน์อย่างไร (แนวคำตอบ จรวดมีไว้เพื่อขนส่งยานอวกาศ ยาน อวกาศมีไว้เพื่อสำรวจสิ่งต่าง ๆ ภายนอกโลก ดาวเทียมสำรวจสิ่งต่าง ๆ หรือไว้ในการสื่อสาร การพยากรณ์อากาศ สถานีอวกาศนอกโลกมีไว้สำหรับเป็นที่อยู่และสถานที่ทำวิจัย ของมนุษย์) ขั้นที่ 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (30 นาที) 1. นักเรียนศึกษาความรู้ จากหนังสือรายวิชาวิทยาศาสตร์เรื่อง เทคโนโลยีอวกาศ และครูสอนโดยการ บรรยายเพิ่มเติม โดยใช้โปรแกรม Power point 2. ครูแจกลูกโป่ง ให้นักเรียนเป่า แล้วทำการปล่อยลูกโป่ง และครูถามนักเรียนว่าการเป่าลูกโป่งแล้ว ปล่อย มีลักษณะการทำงานเหมือนกับอะไรในเทคโนโลยีอวกาศ (แนวคำตอบ เหมือนกับจรวด อากาศในลูกโป่ง เปรียบเสมือนเชื้อเพลิงของจรวดรวด เวลาปล่อยลูกโป่งอากาศจะทำให้ลูกโป่งเคลื่อนที่ไปข้างหน้า เหมือนกับการ จุดเชื้อเพลิงของจรวดที่ทำให้จรวดเคลื่อนที่) ขั้นที่ 3 การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้(40 นาที) 1. เปิดวีดิโอการเคลื่อนที่ของบั้งไฟ และให้นักเรียนอธิบายหลักการการทำงานของบั้งไฟ ว่ามีกลไกการ ทำงานอย่างไร 2. ครูใช้คำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียน เกี่ยวกับกลไกการทำงานของบั้งไฟที่เหมือนกับจรวจ 3. นักเรียนทำใบงานที่ 7.2 เรื่อง ความก้าวหน้าของการสำรวจอวกาศ ขั้นที่ 4 การเรียนรู้เพื่อสื่อสาร (20 นาที) 1. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย และร่วมกันสรุปบทเรียนหน้าชั้นเรียนกับนักเรียนเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียน ในวันนี้เพื่อเป็นการสรุปองค์ความรู้ที่เรียนในวันนี้ให้มีความเข้าใจตรงกัน ขั้นที่ 5 การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม (10 นาที) 1. นักเรียนสามารถนำความรู้จากเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันอย่างไร (แนวคำตอบ สามารถนำความความรู้ไปเผยแพร่ให้กับครอบครัว ให้กับชุมชนได้ว่าส่วนใหญ่ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ จะใช้ดาวเทียมเป็นส่วนมาก และใช้ในทางอ้อม เช่น การใช้ดาวเทียมสื่อสาร ในการสื่อสารโดยใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือ ที่
277 จะส่งข้อมูลไปยังเสาสถานีเครือข่ายใกล้เคียงแล้วเสาสถานีจะส่งข้อมูลไปยังดาวเทียม การใช้ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา ใช้ ในการพยากรณ์อากาศ ดาวเทียมคมนาคม ใช้ในการเดินทางของเครื่องบิน ใช้ในการนำทาง (GPS) เป็นต้น) 7. สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. PowerPoint เรื่อง ความก้าวหน้าของการสำรวจอวกาศ 3. วีดิโอ เรื่อง ความก้าวหน้าของการสำรวจอวกาศ 4. DLTV เรื่อง ความก้าวหน้าของการสำรวจอวกาศ 5. ใบงานที่ 7.2 เรื่อง ความก้าวหน้าของการสำรวจอวกาศ 8. ภาระงาน/ชิ้นงาน - ใบงานที่ 7.2 เรื่อง ความก้าวหน้าของการสำรวจอวกาศ 9. การวัดและประเมินผล ประเด็นการประเมิน วิธีการ เครื่องมือ การวัดประเมินผล ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนอธิบาย ความก้าวหน้าของ เทคโนโลยีอวกาศ ที่ใช้ใน การสำรวจอวกาศ วัตถุท้องฟ้าสภาวะ อวกาศ ทรัพยากรธรรมชาติ และที่ ใช้ในกรสื่อสารได้ 2. นักเรียนอธิบายลักษณะ หรือการนำไปใช้ของ เทคโนโลยีสำรวจอวกาศ แต่ละชนิดได้ ตรวจคะแนนจาก ใบงานที่ 7.2 เรื่อง ความก้าวหน้าของการ สำรวจอวกาศ ใบงานที่ 7.2 เรื่อง ความก้าวหน้าของการ สำรวจอวกาศ ทำได้ร้อยละ 70 ขึ้นไป
278 ด้านทักษะ(P) 1 . น ั ก เ ร ี ย น ม ี ค ว า ม กระตือรือร้นในการหา ความรู้ 2.นักเรียนมีความมั่นและ กล้าแสดงออก สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล แบบประเมิน พฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ(A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน สังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการ สื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ เทคโนโลยี ประเมินจากสังเกต แบบประเมิน สมรรถนะสำคัญ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป
279
280
281
282 ภาคผนวก
283 จงเติมคำหรือข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้อง 1. ดาวเทียมจะถูกส่งขึ้นไปโคจรอยู่ในบรรยากาศชั้น.......................... ปัจจุบันนี้ดาวเทียมมีประโยชน์ในด้านไหน บ้าง......................................................................................................................... ............... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ดาวเทียมส่วนใหญ่จะมีแผงเซลล์สุริยะ ไว้เพื่ออะไร .......................................................................... 3. ดาวเทียมประเภทใดที่ใช้ประโยชน์ในการหาตำแหน่งและทิศทางของการเดินเรือ และการคมนาคมทางอากาศ ในกรณีที่ภาวะทัศวิสัยไม่ดี ................................................................................................... 4. ในการพยากรณ์อากาศ นักพยากรณ์อากาศจะวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจากดาวเทียมประเภทใด ............................................................................................................................. ................................... 5. ประเทศไทยมีดาวเทียมสื่อสารดวงแรกชื่อ ..................ให้บริการทางด้าน ........................................มีสถานี ควบคุมภาคพื้นดินอยู่ที่ ............................................................................................................. . 6. การส่งจราจรขึ้นจากฐานต้องส่งในแนวดิ่งเพื่อ ............. และการเคลื่อนที่ของจรวดอาศัยกฎการเคลื่อนที่ของ ......................... ที่ว่า ........................................................................................................ 7. ห้องทดลองค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์และอวกาศที่อยู่ในอวกาศเรียกว่า....................................... 8. ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาและดาวเทียมสำหรับสำรวจทรัพยากรธรรมชาตินอกจากจะมีการติดตั้งเครื่องส่งวิทยุแล้ว ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์ใดไว้ ........................................................................................ 9. ประโยชน์ของสถานีอวกาศ ได้แก่ .................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................................ 10. อุปกรณ์ที่ได้รับการพัฒนาโดยคำนึงถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อทำหน้าที่แทนจรวด คือ ............. ซึ่งจะทำ หน้าที่ 2 ประการคือ…………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ใบงานที่ ทดสอบความร ู้ความเข ้ าใจเกย ี่วกบั ความก้าวหน้าของการส ารวจอวกาศ
284 10. อุปกรณ์ที่ได้รับการพัฒนาโดยคำนึงถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อทำหน้าที่แทนจรวด คือ ยานขนส่ง อวกาศ ซึ่งจะทำหน้าที่ 2 ประการคือ จงเติมคำหรือข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้อง 1. ดาวเทียมจะถูกส่งขึ้นไปโคจรอยู่ในบรรยากาศชั้น มีโซสเฟียร์ ปัจจุบันนี้ดาวเทียมมีประโยชน์ในด้านไหนบ้าง มีประโยชน์ในด้านการสำรวจอวกาศการหาตำแหน่งและทิศทางการเดินเรือ และการคมนาคมทางอากาศ การจาร กรรมหรือสงคราม การติดต่อสื่อสารและโทรคมนาคมทั้งภายในและระหว่างประเทศ การสำรวจ ทรัพยากรธรรมชาติและด้านอุตุนิยมวิทยา 2. ดาวเทียมส่วนใหญ่จะมีแผงเซลล์สุริยะ ไว้เพื่ออะไร เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้า 3. ดาวเทียมประเภทใดที่ใช้ประโยชน์ในการหาตำแหน่งและทิศทางของการเดินเรือ และการคมนาคมทางอากาศ ในกรณีที่ภาวะทัศวิสัยไม่ดี ดาวเทียมนำร่อง 4. ในการพยากรณ์อากาศ นักพยากรณ์อากาศจะวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจากดาวเทียมประเภทใดดาวเทียม อุตุนิยมวิทยา 5. ประเทศไทยมีดาวเทียมสื่อสารดวงแรกชื่อ ไทยคม ให้บริการทางด้าน การสื่อสารโทรคมนาคม มีสถานี ควบคุมภาคพื้นดินอยู่ที่ จังหวัดนนทบุรี 6. การส่งจราจรขึ้นจากฐานต้องส่งในแนวดิ่งเพื่อ ต้องส่งแน่แนวดิงเพื่อให้เวลาที่ยานอวกาศเดินทางในบรรยากาศ โลกสั้นที่สุด และการเคลื่อนที่ของจรวดอาศัยกฎการเคลื่อนที่ของ นิวตัน ที่ว่า แรงกิริยาทุกแรงจะมีแรงปฏิกิริยาซึ่ง มีขนาดเท่ากันกระทำในทิศทางตรงกันข้ามเสมอ 7. ห้องทดลองค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์และอวกาศที่อยู่ในอวกาศเรียกว่า สถานีอวกาศ 8. ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาและดาวเทียมสำหรับสำรวจทรัพยากรธรรมชาตินอกจากจะมีการติดตั้งเครื่องส่งวิทยุแล้ว ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์ใดไว้ กล้องถ่ายภาพ 9. ประโยชน์ของสถานีอวกาศ ได้แก่ 1) สำรวจสภาวะแวดล้อมของโลก 2) วิจัยและปฏิบัติการทดลองบางอย่างที่ ไม่สามารถทำได้บนโลก หรือทำได้ยาก และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย 3) ศึกษาทดลองค้นคว้าเกี่ยวกับพืชและสัตว์ศึกษา โลกและอวกาศ 10. อุปกรณ์ที่ได้รับการพัฒนาโดยคำนึงถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อทำหน้าที่แทนจรวด คือ ยานขนส่งอวกาศ ซึ่งจะทำหน้าที่ 2 ประการคือ 1) นำยานอวกาศ ดาวเทียม สถานีอวกาศ และอุปกรณ์อื่นขึ้นไปปฏิบัติงานในอวกาศ 2) เก็บดาวเทียมที่หมดอายุนำมาแก้ไขซ่อมแซม หรือนำกับไปสู่โลกเพื่อปรับปรุงแล้วนำไปใช้ ใบงานที่ เฉลยทดสอบความร ู้ความเข ้ าใจเกย ี่วกบั ความก้าวหน้าของการส ารวจอวกาศ
285 แผนการจัดการเรียนรู้ที่25 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 รหัสวิชา ว 23101 หน่วยการเรียนที่5 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เวลาเรียนรวม 15 ชั่วโมง เรื่อง การเดินทางสู่อวกาศ เวลา 2 ชั่วโมง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่1/2566 ผู้สอน นางสาวสุภาพร พื้นขุนทด วันที่.......เดือน ....................พ.ศ………. 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 3.1 ม.3/4 อธิบายการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศและยกตัวอย่างความก้าวหน้าของโครงการ สำรวจอวกาศจากข้อมูลที่รวบรวมได้ 2. สาระสำคัญ แรงโน้มถ่วงของโลก แรงกิริยาและแรงปฏิกิริยา วงโคจรของดาวเทียมเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการ เดินทางสู่อวกาศ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนอธิบายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางสู่อวกาศได้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ (P) 1. นักเรียนสามารถคำนวณหาเวลาของดาวเทียมหรือยานอวกาศที่ใช้โคจรรอบโลกได้ 2. มีความกระตือรือร้นในการหาความรู้ 3.3 ด้านคุณลักษณะ (A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. สาระการเรียนรู้ 1. วงโคจรของดาวเทียม 2. แรงโน้มถ่วงของโลก
286 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (ใช้การสืบเสาะหาความรู้ (5E)) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ (Engement) (20 นาที) 1 ครูอภิปรายเกี่ยวกับการเดินทางสู่อวกาศ โดยให้นักเรียนดูภาพดาวเทียม จรวดหรือยานขนส่ง อวกาศที่โคจรรอบโลกหรือวีดิทัศน์เกี่ยวกับดาวเทียม จรวดหรือยานขนส่งอวกาศที่โคจรรอบโลก โดยตั้งประเด็น เพื่ออภิปราย ดังนี้ 1.1 ความเร็วที่จะทำให้วัตถุหลุดพ้นจากแรงดึงดูดของโลกมีค่าเท่าใด (แนวคำตอบ ความเร็วหลุด พ้นมีค่าประมาณ 11.2 กิโลเมตรต่อวินาที) 1.2 เพราะเหตุใดดาวเทียม จรวด หรือยานขนส่งอวกาศสามารถโคจรรอบโลกอยู่ ได้โดยไม่ตกลงสู่พื้นผิวโลก (แนวคำตอบ ณ ระดับความสูงจากผิวโลกระดับหนึ่ง ดาวเทียมจะต้องมีความเร็วในวง โคจรค่าหนึ่ง มิฉะนั้นดาวเทียมอาจตกสู่โลกหรือหลุดจากวงโคจรรอบโลก ดาวเทียม วงโคจรต่ำเคลื่อนที่เร็ว ดาวเทียมวงโคจรสูงเคลื่อนที่ช้า) 1.3 นักเรียนคิดว่านักบินอวกาศจะดำรงชีวิตอยู่ในอวกาศได้เช่นเดียวกับที่อยู่บนพื้นผิวโลกหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ ไม่ เพราะอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก ดังนั้นนักบินอวกาศ จึงต้องปรับร่างกายและการใช้ชีวิต ให้เข้ากับสภาพไร้น้ำหนัก) 2 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายคำตอบของนักเรียน ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา (Exploration) (30 นาที) 1 นักเรียนศึกษาเรื่อง การเดินทางสู่อวกาศ ความเร็วหลุดพ้น ความเร็วโคจรรอบโลก สภาพทั่วไปและ สภาพชีวิตในอวกาศ ในหนังสือเรียน โดยครูช่วยเชื่อมโยงความรู้ใหม่จากบทเรียนกับความรู้เดิมที่เรียนรู้มาแล้ว ด้วย การใช้คำถามนำกระตุ้นให้นักเรียนตอบจากความรู้และประสบการณ์ของนักเรียน ขั้นที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (20 นาที) 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ว่า แรงโน้มถ่วงของโลก แรงกิริยาและแรงปฏิกิริยา หรือวงโคจร ของดาวเทียมเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางสู่อวกาศอย่างไร ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาที) 1.ครูให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเร็วโคจรรอบโลกที่ระยะความสูงต่าง ๆ จากพื้นโลก ให้นักเรียนฝึก คำนวณหาความเร็ว และเวลาในการโคจรรอบโลก โดยครูเน้นว่า การที่จรวดโคจรรอบโลกได้โดยไม่ตกลงสู่พื้นโลกหรือ หลุดออกจากวงโคจรนั้น จรวดต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วขนาดหนึ่ง เรียกว่า ความเร็วโคจรรอบโลก และยิ่งระยะสูงจาก พื้นโลกเพิ่มมากขึ้นเท่าไร ความเร็วโคจรรอบโลกจะยิ่งน้อยลง
287 2.ครูให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพชีวิตในอวกาศ โดยเน้นว่าสิ่งที่อิทธิพลต่อสภาพชีวิตในอวกาศ ได้แก่ สภาพไร้น้ำหนัก สภาพความดัน และอุณหภูมิ โดยอาจนำแผนภาพการดำรงชีวิตในอวกาศของนักบินอวกาศ หรือให้ นักเรียนดูวีดิโอเกี่ยวกับ เรื่อง นักบินอวกาศ ขั้นที่ 5 ประเมิน (Evaluation) (20 นาที) 1. นักเรียนทำใบงานที่ 7.3 ทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเดินทางสู่อวกาศ 2. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง เทคโนโลยีอวกาศ 7. สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. PowerPoint เรื่อง การเดินทางสู่อวกาศ 3. วีดิโอ เรื่อง นักบินอวกาศ 4. วีดิโอ เรื่อง การเดินทางสู่อวกาศ 5. ใบงานที่ 7.3 ทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเดินทางสู่อวกาศ 6. DLTV เรื่อง การเดินทางสู่อวกาศ 7. แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง เทคโนโลยีอวกาศ 8. ภาระงาน/ชิ้นงาน - ใบงานที่ 7.3 ทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเดินทางสู่อวกาศ
288 9. การวัดและประเมินผล ประเด็นการประเมิน วิธีการ เครื่องมือ การวัดประเมินผล ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนอธิบาย ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ การเดินทางสู่อวกาศได้ ตรวจคะแนนจาก - ใบงานที่ 7.3 ทดสอบ ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการเดินทางสู่ อวกาศ - ใบงานที่ 7.3 ทดสอบ ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการเดินทางสู่ อวกาศ ทำได้ร้อยละ 70 ขึ้นไป ด้านทักษะ(P) 1. นักเรียนสามารถ คำนวณหาเวลาของ ดาว เทียมหรือยาน อวกาศที่ใช้โคจรรอบ โลกได้ 2. มีความกระตือรือร้น ในการหาความรู้ สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล แบบประเมิน พฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ(A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน สังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการ สื่อสาร 2. ความสามารถในการ คิด 3. ความสามารถใน การใช้เทคโนโลยี ประเมินจากสังเกต แบบประเมินสมรรถนะ สำคัญ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป
289
290
291
292 ภาคผนวก
293 C จงเติมคำหรือข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้อง 1. แรงดึงดูดของโลกกระทำต่อมวลของวัตถุเรียกว่า…………………………………………………………………….. 2. การเดินทางไปกับยานอวกาศต้องอยู่ที่ระยะความสูงจากพื้นโลกประมาณเท่าใดเป็นอย่างน้อย จึงถือว่าอยู่ในอวกาศ………………………………………………………………………………………………………………… 2. การส่งดาวเทียมหรือยานอวกาศจากพื้นโลกไปสู่อวกาศได้นั้น จะต้องทำให้ดาวเทียมหรือ ยานอวกาศเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่า.........................................ซึ่งต้องมีค่ามากกว่า..................... กิโลเมตรต่อวินาทีจึงจะทำให้มีผลจาก……………………………………………………………………………………… 3. สิ่งที่ช่วยให้ดาวเทียม หรือยานอวกาศเคลื่อนที่หลุดพ้นจากแรงหลวงของโลก คือ........................... โดยใช้หลักการของนักวิทยาศาตชื่อ....................................................................................................... ซึ่งหลักการนี้กล่าวว่า…………………………………………………………………………………………………………....... 5. จากรูป 1) วงตามแนว AC เรียกว่า................................................... และยานอวกาศสามารถโคจรไปตามแนว AC นี้ได้เพราะ ......................................................................................... 2) ถ้าเพิ่มความเร็วของยานอวกาศนี้จะมีผลต่อยานอวกาศ คือ.................................................................................. 6. ยานอวกาศ X ได้Y โคจรรอบโลกโดยยานอวกาศทั้งสองอยู่ห่างจากพื้นโลก 1,200 กิโลเมตรและ1,600 กิโลเมตร ตามลำดับยานอวกาศ X และ Y มีความเร็วในการโคจรรอบโลกเท่ากันหรือต่างกัน .......................อย่างไร………………………………………………………………………………………………………….. ใบงานที่ ทดสอบความร ู้ความเข ้ าใจเกย ี่วกบัการเด ิ นทางส ู่อวกาศ A B ยานอวกาศ
294 7. ถ้าจรวจ A อยู่ที่ระดับความสูงจากพื้น 160 กิโลเมตร จรวด A โคจรรอบโลก 2 รอบจะใช้เวลาเท่าไร (รัศมีของโลก = 6,370 Km) ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... 8. สภาพที่เสมือนกับว่าไม่มีแรงดึงดูดของโลกกระทำต่อวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตเรียกว่า.................................และ สภาพเช่นนี้จะเกิดเมื่อยานอวกาศโคจรรอบโลกโดยไม่ตกลงมาส่งพื้นโลกเนื่องจาก………............... …………………………………………………………… สมดุลกับ............................................................................ 9. นักบินอวกาศต้องฝึกอย่างไรในการเดินทางไปสำรวจอวกาศ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. มนุษย์อวกาศในยานอวกาศขณะโคจรรอบโลก ต้องพบอุปสรรค 3 ประการ คือ……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 11. ชุดอวกาศมีประโยชน์ต่อนักบินอวกาศ คือ ……………………………………………………………………........ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 12. เมื่อออกนอกยานอวกาศ อากาศที่มนุษย์อวกาศช่วยหายใจได้มาจาก……………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
295 C จงเติมคำหรือข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้อง 1. แรงดึงดูดของโลกกระทำต่อมวลของวัตถุเรียกว่า…………………………………………………………………….. 2. การเดินทางไปกับยานอวกาศต้องอยู่ที่ระยะความสูงจากพื้นโลกประมาณเท่าใดเป็นอย่างน้อย จึง ถือว่าอยู่ในอวกาศ………………………………………………………………………………………………………………… 3. การส่งดาวเทียมหรือยานอวกาศจากพื้นโลกไปสู่อวกาศได้นั้น จะต้องทำให้ดาวเทียมหรือ ยาน อวกาศเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่า.........................................ซึ่งต้องมีค่ามากกว่า.....................กิโลเมตร ต่อวินาทีจึงจะทำให้หลุดพ้นจาก………………………………………………………………………………. 4. สิ่งที่ช่วยให้ดาวเทียม หรือยานอวกาศเคลื่อนที่หลุดพ้นจากแรงหลวงของโลก คือ............................ โดยใช้หลักการของนักวิทยาศาตชื่อ....................................................................................................... ซึ่ง หลักการนี้กล่าวว่า…………………………………………………………………………………………………………....... 5. จากรูป 1) วงตามแนว AC เรียกว่า................................................... และยานอวกาศสามารถโคจรไปตามแนว AC นี้ได้เพราะ ......................................................................................... 2) ถ้าเพิ่มความเร็วของยานอวกาศนี้จะมีผลต่อยานอวกาศ คือ.................................................................................. 6. ยานอวกาศ X ได้Y โคจรรอบโลกโดยยานอวกาศทั้งสองอยู่ห่างจากพื้นโลก 1,200 กิโลเมตรและ1,600 กิโลเมตร ตามลำดับยานอวกาศ X และ Y มีความเร็วในการโคจรรอบโลกเท่ากันหรือต่างกัน ..........................อย่างไร………………………………………………………………………………………………………….. ใบงานที่ ทดสอบความร ู้ความเข ้ าใจเกย ี่วกบัการเด ิ นทางส ู่อวกาศ A B ยานอวกาศ เฉลย แรงโน้มถ่วงของโลก 500 กิโลเมตร ความเร็วหลุดพ้น 11.2 แรงโน้มถ่วง จรวจ เซอร์ ไอแซก นิวตัน แรงกิริยาทุกแรงจะมีแรงปฏิกิริยาซึ่งมีขนาดเท่ากัน กระทำในทิศทางตรงข้ามเสมอ วงโคจรรอบโลก ความเร็วโคจรรอบ โลก ยานอวกาศจะหลุดออกจากวงโคจรรอบโลก ต่างกัน ยานอวกาศ X มีความเร็วโคจรรอบโลกมากกว่ายานอวกาศ Y
296 จรวจ A โคจรรอบโลก 2 รอบ ใช้เวลา = 1.46 x 2 = 2.92 ชม. 7. ถ้าจรวจ A อยู่ที่ระดับความสูงจากพื้น 160 กิโลเมตร จรวด A โคจรรอบโลก 2 รอบจะใช้เวลาเท่าไร (รัศมีของโลก = 6,370 Km) ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................. ......................................... .................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................. 8. สภาพที่เสมือนกับว่าไม่มีแรงดึงดูดของโลกกระทำต่อวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตเรียกว่า.................................และ สภาพเช่นนี้จะเกิดเมื่อยานอวกาศโคจรรอบโลกโดยไม่ตกลงมาส่งพื้นโลกเนื่องจาก………............... …………………………………………………………… สมดุลกับ............................................................................ 9. นักบินอวกาศต้องฝึกอย่างไรในการเดินทางไปสำรวจอวกาศ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. มนุษย์อวกาศในยานอวกาศขณะโคจรรอบโลก ต้องพบอุปสรรค 3 ประการ คือ……………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 11. ชุดอวกาศมีประโยชน์ต่อนักบินอวกาศ คือ ……………………………………………………………………........ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 12. เมื่อออกนอกยานอวกาศ อากาศที่มนุษย์อวกาศช่วยหายใจได้มาจาก……………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… เวลา = ระยะทาง ความเร็ว = 2 28102 = 2× 22 7 ×(6370+160) 28102 = 1.46 ชม. สภาพไร้น้ำหนัก แรงโน้มถ่วงที่ดึงดูดอวกาศ แรงหนีศูนย์กลางที่ยานอวกาศจะหนีออกจากโลก ฝึกให้อยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก ฝึกการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม การขับถ่าย การปฏิบัติงานในสภาพไร้น้ำหนัก 1)สภาพไร้น้ำหนัก 2) สภาพความดันและอุณหภูมิ 3) ภาวะแวดล้อมทั่วไป 1) ช่วยปรับความดัน อุณหภูมิ และความชื้นให้พอเหมาะกับ การดำรงชีวิต 2) ช่วยป้องกันพลังงานความร้อนและรังสีต่าง ๆ จากดวงอาทิตย์ ออกซิเจนเหลวบรรจุถังเล็ก ๆ ที่ติดตัวไป