197 ภาคผนวก
198 คำชี้แจง 1. ให้นักเรียนเข้ากลุ่มตามที่ครูกำหนดให้กลุ่มละ 4 - 5 คน 2. ให้นักเรียนร่วมกันวางแผนการทำกิจกรรม ปฏิบัติตามกิจกรรมตามแผนที่วางไว้ 3. บันทึกผลการทำกิจกรรมตามแบบที่กำหนด จุดประสงค์การทดลอง 1. อธิบายผลของความสว่างที่มีต่อการมองเห็น วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี 1. กล่องทึบแสง 5x30x5 cm. 1 กล่อง 2. กระดาษกาว 1 ม้วน วิธีทำกิจกรรม 1. เขียนอักษรAลงบนก้นกล่องด้านในของกล่องกระดาษทึบแสงขนาดประมาณ 5x30x5 cm. และ ปิดฝากล่อง 2. ทำช่องเปิด- ปิดขนาด 4x 4 cm. ที่ข้างกล่อง ดังรูป 3. เจาะรูเป็นรูปวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 cm. ที่ด้านบนของฝากล่อง 4. ปิดช่อง เปิด- ในข้อ 2 แล้วอ่านอักษร โดยมองผ่านรูวงกลม สังเกตและบันทึกผล 5. ทำซ้ำข้อ 4 แต่เปิดให้แสงเข้าโดยค่อย ๆ เปิดให้แสงเข้าในปริมาณต่าง ๆ กันสังเกตและบันทึกผล 6. เปรียบเทียบผลที่ได้จาการสังเกตในข้อ 4 และ 5 ใบกิจกรรมที่ 5.1 เรื่อง ผลของแสงสว่างที่มีต่อการมองเห็น
199 ตารางบันทึกผลการทดลอง การกระทำต่อช่อง เปิด-ปิด ผลการอ่านตัวอักษรA ปิดช่อง เปิดช่อง อภิปรายหลังกิจกรรม ปริมาณแสงมีผลต่อการมองเห็นวัตถุหรือไม่ อย่างไร ............................................................................................................................. ........................ .......................................................................................................... ........................................... ............................................................................................................................. ........................ ..................................................................................................................................................... สรุปผลและอภิปราย ............................................................................................................................. ........................ ............................................................................................................................. ........................ ......................................................................................................... ............................................ ............................................................................................................................. ........................
200 ตารางบันทึกผลการทดลอง การกระทำต่อช่อง เปิด-ปิด ผลการอ่านตัวอักษรA ปิดช่อง อ่านตัวอักษรAไม่ได้ เปิดช่อง อ่านตัวอักษรAได้ โดยถ้าเปิดช่องมากแสงจะ เข้ามาก จะอ่านอักษรAได้ชัดเจน แต่ถ้าเปิดน้อย แสงจะ เข้าน้อยทำให้อ่านได้ไม่ชัด อภิปรายหลังกิจกรรม ปริมาณแสงมีผลต่อการมองเห็นวัตถุหรือไม่ อย่างไร ปริมาณแสงมีผลต่อการมองเห็นวัตถุ คือ ปริมาณแสงสว่างเข้าไปในกล่องมากก็จะมองเห็นวัตถุในกล่อง ชัดเจน แต่ถ้าปริมาณแสงสว่างเข้าไปน้อย ปริมาณแสงก็จะไม่เพียงพอต่อการมองเห็น สรุปผลและอภิปราย ปริมาณแสงมีผลต่อการมองเห็นวัตถุกล่าวคือ ปริมาณแสงสว่างเข้าไปในกล่องมากก็จะมองเห็น วัตถุใน กล่องชัดเจน แต่ถ้าปริมาณแสงสว่างเข้าไปน้อย ปริมาณแสงก็จะไม่เพียงพอต่อการมองเห็น เฉลยใบกิจกรรมที่ 5.1 เรื่อง ผลของแสงสว่างที่มีต่อการมองเห็น
201 แผนการจัดการเรียนรู้ที่18 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 รหัสวิชา ว 23101 หน่วยการเรียนที่5 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เวลาเรียนรวม 15 ชั่วโมง เรื่อง ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ เวลา 2 ชั่วโมง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1/2566 ผู้สอน นางสาวสุภาพร พื้นขุนทด วันที่.......เดือน..................พ.ศ……. 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 3.1 ม.3/1 อธิบายการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ด้วยแรงโน้มถ่วงจากสมการ F = (Gm1m2 )/r 2 2. สาระสำคัญ ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะมีดาวเคราะห์ต่าง ๆ โคจรอยู่โดยรอบ ซึ่งดาวเคราะห์ที่เป็น บริวาร ขนาดใหญ่ของดวงอาทิตย์มี 8 ดวง เรียงลำดับจากใกล้ไปไกล ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาว พฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ซึ่งดาวเคราะห์และวัตถุเหล่านี้สามารถโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยได้ ด้วยแรงดึงดูดระหว่างวัตถุสองวัตถุซึ่งเรียกว่า แรงโน้มถ่วง (gravitational force) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้(K) 1.อธิบายลักษณะสำคัญของดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ได้ 2. อธิบายความแตกต่างระหว่างดาวเคราะห์กับดาวฤกษ์ได้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ทักษะในการวางแผนทำงานกลุ่ม 2. มีความกระตือรือร้นในการหาความรู้ 3. มีความมั่นใจในการกล้าแสดงออก 3.3 ด้านคุณลักษณะ (A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด
202 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. สาระการเรียนรู้ 1. ดวงอาทิตย์ 2. ดาวเคราะห์และวัตถุในระบบสุริยะ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (ใช้การสืบเสาะหาความรู้ (5E)) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ (Engement) (10นาที) 1. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง ระบบสุริยะ 2. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาทบทวนความรู้ โดยใช้แนวคำถามต่อไปนี้ - ในระบบสุริยะมีดวงดาวอะไรบ้างที่นักเรียนรู้จัก (ตอบตามแนวคิดของนักเรียน) - ในระบบสุริยะ มีดาวเคราะห์ดวงใดบ้างที่นักเรียนรู้จัก มีการจัดลำดับแบบใด (ตอบตามแนวคิดของนักเรียน) - ในระบบสุริยะ นักเรียนรู้หรือไม่ว่าดาวเคราะห์แต่ละดวงมีชื่อว่าอะไร และดาวดวงใดเป็นดาวเคราะห์ ดาวดวงใดเป็นดาวฤกษ์(ตอบตามแนวคิดของนักเรียน) ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา (Exploration) (20 นาที) 1. ครูให้นักเรียนศึกษา เรื่อง ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ จากหนังสือวิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. นักเรียนทำใบงานที่ 7.1 เรื่อง ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ ขั้นที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (30 นาที) 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมประกอบกับ Powerpoint เรื่อง ระบบสุริยะ 2. สุ่มภาพดาวเคราะห์ 1 ภาพ แล้วทำการสุ่มนักเรียน 1 กลุ่ม ให้นักเรียนอธิบายว่า ดาวดวงใดมีตำแหน่งที่แตกต่างไปจากดาวดวงอื่น ดาวดวงใดเป็นดาวเคราะห์ ให้ปฏิบัติเช่นนี้ทุกกลุ่มทุกภาพ โดย นักเรียนแต่ละกลุ่มละได้กลุ่มละ 1 ภาพ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายคำตอบ โดยให้ข้อสรุป ดังนี้ - ดาวเคราะห์ คือ วัตถุขนาดใหญ่ที่โคจรรอบดาวฤกษ์ - ดาวฤกษ์ คือ วัตถุในท้องฟ้าในอวกาศที่มีขนาดใหญ่มหาศาล ดาวฤกษ์จะปรากฏเห็นเป็นแสง สว่างในท้องฟ้าเวลากลางคืน ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) (40 นาที)
203 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 จากนั้นนักเรียนส่งตัวแทนรับอุปกรณ์ทำกิจกรรมที่ 7.1 เรื่อง โมเดล แบบจำลองระบบสุริยะ ขั้นที่ 5 ประเมิน (Evaluation) (20 นาที) ครูประเมินผลของนักเรียนตามแบบประเมินดังนี้ 1. สังเกตพฤติกรรมการร่วมกิจกรรมของนักเรียน มีความกระตือรือร้นในการหาความรู้มีความมั่นใจ และกล้าแสดงออก และสังเกตพฤติกรรมคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของแต่ละบุคคล มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ มุ่งมั่นในการทำงาน 2. นักเรียนทำใบงานที่ 7.1 เรื่อง ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ 3. โมเดลแบบจำลองระบบสุริยะ 7. สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. Powerpoint เรื่อง ระบบสุริยะ 3. ใบงานที่ 7.1 เรื่อง ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ 4. ใบกิจกรรมที่ 7.1 เรื่อง โมเดลแบบจำลองระบบสุริยะ 5. DLTV เรื่อง ระบบสุริยะ 6. แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง ระบบสุริยะ 8. ภาระงานและชิ้นงาน - ใบงานที่ 7.1 เรื่อง ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ - โมเดลแบบจำลองระบบสุริยะ
204 9. การวัดและประเมินผล ประเด็นการประเมิน วิธีการ เครื่องมือ การวัดประเมินผล ด้านความรู้ (K) 1. อธิบายลักษณะสำคัญ ของดาวฤกษ์และดาว เคราะห์ได้ 2. อธิบายความแตกต่าง ระหว่างดาวเคราะห์กับดาว ฤกษ์ได้ ตรวจคะแนนจาก ใบงานที่ 7.1 เรื่อง ดาวเคราะห์ใน ระบบสุริยะ ใบงานที่ 7.1 เรื่อง ดาวเคราะห์ในระบบ สุริยะ ทำได้ร้อยละ 70 ขึ้นไป ด้านทักษะ (P) 1. ทักษะในการวางแผน ทำงานกลุ่ม 2. มีความกระตือรือร้นใน การหาความรู้ 3. มีความมั่นใจในการกล้า แสดงออก - สังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน - แบบสังเกต พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ (A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการ สื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. มีความสามารถในการใช้ เทคโนโลยี ประเมินจากสังเกต พฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมิน สมรรถนะสำคัญ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป
205
206
207
208 ภาคผนวก
209 จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. ดาวฤกษ์ (stars) คือ .......................................................................................................................... 2. ดาวเคราะห์ คือ (planets) คือ .................................................................................................... ..... 3. ในระบบสุริยะ มีดาวฤกษ์จำนวน ...................................................................................................... 4. ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะมีทั้งหมด..8...ดวง ประกอบด้วย............................................................... 5. ดาวเคราะห์ชั้นใน (Inner planets) คือ ............................................................................................ ประกอบด้วย ........................................................................................................................................ 6. ดาวเคราะห์ชั้นนอก (Outer planets) คือ ...................................................................................... ประกอบด้วย……….................................................................................................................................. 7. ดาวเคราะห์วงใน คือ ………...................................................................................................... .......... ประกอบด้วย……….................................................................................................................................. 8. ดาวเคราะห์วงนอก คือ……...................................................................................................... ........... ประกอบด้วย……...................................................................................................... ............................... 9. ดาวเคราะห์ที่สามารถเห็นด้วยตาเปล่า มี 5 ดวง ได้แก่ .................................................................... 10. ดาวเคราะห์ที่ไม่มีดวงจันทร์เป็นบริวาร ได้แก่.................................................................................. 11. ดาวเคราะห์ที่มีดวงจันทร์เป็นบริวาร 1 ดวง ได้แก่ ......................................................................... 12. ดาวเคราะห์ที่มีดวงจันทร์เป็นบริวารมากกว่า 1 ดวง ได้แก่ ............................................................ 13. ดาวเคราะห์ที่มีขนาดเล็กที่สุด คือ ................................................................................................... 14. ดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือ ................................................................................................. 15. ดาวเคราะห์ที่ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์น้อยที่สุด คือ.................................................................. 16. ดาวเคราะห์ที่ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์มากที่สุด คือ.................................................................. 17. ดาวเคราะห์ชั้นนอกมีส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นธาตุที่เบา ได้แก่.................................................... 18. ดาวเคราะห์น้อย (Asteroids) คือ ................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................... 19. สะเก็ดดาว (Meteoroid) คือ ......................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................... 20. ดาวตกหรือผีพุ่งไต้ (Meteor) ......................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................... ใบกิจกรรมที่ 7.1 เรื่อง ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ
210 จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. ดาวฤกษ์ (stars) คือ ดาวที่มีแสงสว่างในตัวเอง 2. ดาวเคราะห์ คือ (planets) คือ ดาวที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง 3. ในระบบสุริยะ มีดาวฤกษ์จำนวน 1 ดวง 4. ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะมีทั้งหมด..8...ดวง ประกอบด้วย พุธ ศุกร์ โลก อังคาร พฤหัส เสาร์ ยูเรนัส เนปจูน 5. ดาวเคราะห์ชั้นใน (Inner planets) คือ ดาวเคราะห์ที่มีลักษณะเป็นหิน ประกอบด้วย พุธ ศุกร์ โลก อังคาร 6. ดาวเคราะห์ชั้นนอก (Outer planets) คือ ดาวเคราะห์ที่มีลักษณะเป็นแก๊ส ประกอบด้วยพฤหัส เสาร์ ยูเรนัส เนปจูน 7. ดาวเคราะห์วงใน คือ ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้กว่าวงโคจรของโลก ประกอบด้วย พุธ ศุกร์ 8. ดาวเคราะห์วงนอก คือ ดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลกว่าวงโคจรของโลก ประกอบด้วย อังคาร พฤหัส เสาร์ ยูเรนัส เนปจูน 9. ดาวเคราะห์ที่สามารถเห็นด้วยตาเปล่า มี 5 ดวง ได้แก่ พุธ ศุกร์ อังคาร พฤหัสบดี เสาร์ 10. ดาวเคราะห์ที่ไม่มีดวงจันทร์เป็นบริวาร ได้แก่ พุธ ศุกร์ 11. ดาวเคราะห์ที่มีดวงจันทร์เป็นบริวาร 1 ดวง ได้แก่ โลก 12. ดาวเคราะห์ที่มีดวงจันทร์เป็นบริวารมากกว่า 1 ดวง ได้แก่ อังคาร พฤหัส เสาร์ ยูเรนัส เนปจูน 13. ดาวเคราะห์ที่มีขนาดเล็กที่สุด คือ ดาวพุธ 14. ดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือ ดาวพฤหัสบดี 15. ดาวเคราะห์ที่ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์น้อยที่สุด คือ ดาวพุธ 16. ดาวเคราะห์ที่ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์มากที่สุด คือ เนปจูน 17. ดาวเคราะห์ชั้นนอกมีส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นธาตุที่เบา ได้แก่ ไฮโดรเจนและฮีเลียม 18. ดาวเคราะห์น้อย (Asteroids) คือ ของแข็งขนาดต่าง ๆ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่หลายเมตรถึงร้อยกิโลเมตร จำนวนมากที่เคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ อยู่ระหว่างวงโคจรของดาวอังคารกับดาวพฤหัส 19. สะเก็ดดาว (Meteoroid) คือ เศษหินที่มีต้นกำเนิดจากดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อยหรือดาวหางที่โคจรไปใน อวกาศ ยังไม่เข้ามายังบรรยากาศของดาวเคราะห์ 20. ดาวตกหรือผีพุ่งไต้ (Meteor) สะเก็ดดาวที่พุ่งเข้ามาเสียดสีกับบรรยากาศของโลก เมื่อเสียดสีกับอนุภาคในชั้น บรรยากาศจะเกิดความร้อนและลุกสว่างขึ้นมา เราเห็นดาวตกปรากฏเป็นแนวสว่างพุ่งไปบนท้องฟ้าเพียงไม่กี่วินาที เฉลยใบกิจกรรมที่ 7.1 เรื่อง ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ
211 แผนการจัดการเรียนรู้ที่19 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 รหัสวิชา ว 23101 หน่วยการเรียนที่5 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เวลาเรียนรวม 15 ชั่วโมง เรื่อง การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ เวลา 2 ชั่วโมง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1/2566 ผู้สอน นางสาวสุภาพร พื้นขุนทด วันที่.......เดือน..................พ.ศ……. 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 3.1 ม.3/1 อธิบายการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ด้วยแรงโน้มถ่วงจากสมการ F = (Gm1m2 )/r2 2. สาระสำคัญ ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะมีดาวเคราะห์ต่าง ๆ โคจรอยู่โดยรอบ ซึ่งดาวเคราะห์ที่เป็น บริวาร ขนาดใหญ่ของดวงอาทิตย์มี 8 ดวง เรียงลำดับจากใกล้ไปไกล ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาว พฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ซึ่งดาวเคราะห์และวัตถุเหล่านี้สามารถโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยได้ ด้วยแรงดึงดูดระหว่างวัตถุสองวัตถุซึ่งเรียกว่า แรงโน้มถ่วง (gravitational force) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้(K) 1.อธิบายการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ด้วยแรงโน้มถ่วงได้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ (P) 1. คำนวณหาปริมาณที่เกี่ยวข้องกับแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์ต่าง ๆ จากสมการกฎแรงโน้มถ่วงได้ 2. มีความกระตือรือร้นในการหาความรู้ 3. มีความมั่นใจในการกล้าแสดงออก 3.3 ด้านคุณลักษณะ (A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
212 5. สาระการเรียนรู้ 1. ดวงอาทิตย์ 2. ดาวเคราะห์และวัตถุในระบบสุริยะ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (ใช้การสืบเสาะหาความรู้ (5E)) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ (Engement) (10นาที) 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยถามนักเรียน ว่าแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์แต่ละดวง ต่างกันเพราะเหตุใด 2 จากนั้นครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรม ขนาดของแรงโน้มถ่วงขึ้นอยู่กับอะไร ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา (Exploration) (50 นาที) 1. ครูถามคำถามนักเรียนว่า “การหมุนรอบตัวเองของโลกส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ ใดบ้าง” โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยครูเขียนคำตอบของนักเรียนไว้ แล้วครูจะมา ตรวจสอบคำตอบหลังเรียนเสร็จ (แนวตอบ : โลกหมุนรอบตัวเองใช้เวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งการหมุนรอบตัวเองของโลกนี้มีผลให้เกิดกลางวัน กลางคืน เมื่อโลกหมุนรอบตัวเองด้านที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์จะเกิดเป็นปรากฏการณ์กลางวัน ส่วนด้านตรงข้ามจะเกิดเป็น ปรากฏการณ์กลางคืน) 2. นักเรียนแต่ละคนศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง การโคจรของดาวเคราะห์รอบ ดวงอาทิตย์ และตัวอย่างการคำนวณกฎแรงดึงดูดระหว่างมวลหรือกฎแรงโน้มถ่วงของนิวตัน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 3. นักเรียนแต่ละคนเขียนสรุปความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าและจดบันทึก ขั้นตอนการคำนวณหา ผลลัพธ์ลงในสมุดประจำตัวนักเรียน ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (20 นาที) 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมประกอบกับ Powerpoint เรื่อง ระบบสุริยะ 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจว่า “การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์เกิดขึ้นเนื่องจาก ดาวเคราะห์และดวงอาทิตย์มีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน ซึ่งเรียกแรงที่เกิดขึ้นนี้ว่าแรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นแรงดึงดูดระหว่าง มวลมวล m1 และ m2 ของดวงอาทิตย์กับดาวเคราะห์ จะแปรผันตรงกับผลคูณของมวลทั้งสอง และแปรผกผันกับ กำลังสองของระยะทางระหว่างวัตถุทั้งสอง” 3. ครูตั้งประเด็นคำถามกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดงความ คิดเห็นเพื่อหาคำตอบ ดังนี้
213 - เมื่อนักบินอวกาศอยู่บนอวกาศจะมีมวลและน้ำหนักหรือไม่ (แนวตอบ : มีมวลแต่ไม่มีน้ำหนัก) - เมื่อนักบินอวกาศอยู่บนโลกจะมีมวลและน้ำหนักหรือไม่ (แนวตอบ : มีมวลและน้ำหนัก) 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจว่า “น้ำหนักของวัตถุมีค่าไม่คงตัว ขึ้นกับระยะห่างจาก ศูนย์กลางของโลก” จากนั้นครูให้นักเรียนแต่ละคนศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าความเร่งโน้มถ่วงของดาว ต่าง ๆ โดยบันทึกลงในสมุดประจำตัวนักเรียน 5. ครูอธิบายกฎแรงดึงดูดระหว่างมวลของนิวตันสรุปได้ว่า “วัตถุสองก้อนจะเกิดแรงดึงดูดระหว่าง มวลของวัตถุทั้งสองคนเสมอ โดยขนาดของแรงดึงดูดจะแปลผันตรงกับผลคูณระหว่างมวลของถูกทั้งสอง และ แปรผกผันกับกำลังสองของระยะระหว่างวัตถุทั้งสองนั้น” แสดงสมการได้ต่อไปนี้ F = (Gm1m2 )/r2 ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาที) 1. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์และให้ ความรู้เพิ่มเติมจากคำถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง ระบบสุริยะ ในการอธิบายเพิ่มเติม 2. นักเรียนทำใบงานที่ 6.2 เรื่อง การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ จากนั้นครูสุ่ม นักเรียน 5 คน ออกมาเฉลยคำตอบของตนเองหน้าชั้นเรียน โดยให้เพื่อนในชั้นเรียนร่วมกันพิจารณาว่าคำตอบถูกต้อง หรือไม่ จากนั้นครูเฉลยคำตอบที่ถูกต้องให้นักเรียน ขั้นที่ 5 ประเมิน (Evaluation) (10 นาที) ครูประเมินผลของนักเรียนตามแบบประเมินดังนี้ 1. สังเกตพฤติกรรมการร่วมกิจกรรมของนักเรียน มีความกระตือรือร้นในการหาความรู้มีความมั่นใจ และกล้าแสดงออก และสังเกตพฤติกรรมคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของแต่ละบุคคล มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ มุ่งมั่นในการทำงาน 2. นักเรียนใบงานที่ 6.2 เรื่อง การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ 7. สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. Powerpoint เรื่อง ระบบสุริยะ 3. ใบงานที่ 6.2 เรื่อง การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ 4. DLTV เรื่อง ระบบสุริยะ 8. ภาระงานและชิ้นงาน - ใบงานที่ 6.2 เรื่อง การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์
214 9. การวัดและประเมินผล ประเด็นการประเมิน วิธีการ เครื่องมือ การวัดประเมินผล ด้านความรู้ (K) 1. อธิบายการโคจรของดาว เคราะห์รอบดวงอาทิตย์ด้วย แรงโน้มถ่วงได้ ตรวจคะแนนจาก ใบงานที่ 6.2 เรื่อง การโคจรของดาว เคราะห์รอบดวง อาทิตย์ ใบงานที่ 6.2 เรื่อง การโคจรของดาว เคราะห์รอบดวง อาทิตย์ ทำได้ร้อยละ 70 ขึ้นไป ด้านทักษะ (P) 1. คำนวณหาปริมาณที่ เกี่ยวข้องกับแรงโน้มถ่วงของ ดาวเคราะห์ต่าง ๆ จาก สมการกฎแรงโน้มถ่วงได้ 2. มีความกระตือรือร้นใน การหาความรู้ 3. มีความมั่นใจในการกล้า แสดงออก - สังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน - แบบสังเกต พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ (A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการ สื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. มีความสามารถในการใช้ เทคโนโลยี ประเมินจากสังเกต พฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมิน สมรรถนะสำคัญ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป
215
216
217
218 ภาคผนวก
219 1. โลกมีมวล 24 5.9710 กิโลกรัม ดวงจันทร์มีมวล 22 7.3510 กิโลกรัม และระยะห่างระหว่างจุด ศูนย์กลางของโลกและดวงจันทร์เป็น เมตร จงหาแรงโน้มถ่วงระหว่างโลกกับดวงจันทร์มีค่าเท่าใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ใบงานที่ 6.2 เรื่อง การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ โลก
220 2. นักบินอวกาศมีมวล 80 กิโลกรัม ขณะที่อยู่บนผิวโลก เมื่อนักบินอวกาศโคจรรอบโลกที่ระยะห่างจากผิวโลก เป็น 3 เท่าของรัศมีของโลก นักบินอวกาศจะมีน้ำหนักเท่าใด (กำหนดให้ค่า g = 9.8 เมตรต่อวินาที2 ) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………..……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………..……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
221 1. โลกมีมวล 24 5.9710 กิโลกรัม ดวงจันทร์มีมวล 22 7.3510 กิโลกรัม และระยะห่างระหว่างจุด ศูนย์กลางของโลกและดวงจันทร์เป็น เมตร จงหาแรงโน้มถ่วงระหว่างโลกกับดวงจันทร์มีค่าเท่าใด วิธีทำ เนื่องจาก 11 2 2 G 6.674 10 Nm /kg − = มวลของโลก m 5.97 10 kg 24 1 = มวลของดวงจันทร์ kg 22 7.35 10 m2 = ระยะห่างระหว่างโลกกับดวงจันทร์ r 2.20 10 m 9 = จากกฎแรงโน้มถ่วงของนิวตัน 2 1 2 r Gm m F = 9 2 11 2 2 24 22 (2.20 10 m) 6.674 10 Nm /kg 5.97 10 kg 7.35 10 kg F = − 18 2 35 2 4.84 10 m 292.85 10 Nm F = F 60.51 10 N 17 = ดังนั้น แรงโน้มถ่วงระหว่างโลกกับดวงจันทร์มีค่าเท่ากับ 17 60.5110 นิวตัน เฉลยใบงานที่ 6.2 เรื่อง การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ โลก
222 2. นักบินอวกาศมีมวล 80 กิโลกรัม ขณะที่อยู่บนผิวโลก เมื่อนักบินอวกาศโคจรรอบโลกที่ระยะห่างจากผิวโลก เป็น 3 เท่าของรัศมีของโลก นักบินอวกาศจะมีน้ำหนักเท่าใด (กำหนดให้ค่า g = 9.8 เมตรต่อวินาที2 ) วิธีทำ จากกฎแรงโน้มถ่วงของนิวตัน G 2 r GMm F = (FG คือ น้ำหนักของวัตถุ) 2 r GMm W = 2 r 1 W 2 1 2 2 1 r r W W = 2 2 2 r r 3r W 80kg 9.8 m/s + = 2 2 r r 3r W 784 + = 16 784 W2 = W 49 N 2 = ดังนั้น นักบินอวกาศจะมีน้ำหนักเท่ากับ 49 นิวตัน
223 แผนการจัดการเรียนรู้ที่20 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 รหัสวิชา ว 23101 หน่วยการเรียนที่5 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เวลาเรียนรวม 15 ชั่วโมง เรื่อง การเกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก เวลา 2 ชั่วโมง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1/2566 ผู้สอน นางสาวสุภาพร พื้นขุนทด วันที่.......เดือน..................พ.ศ……. 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 3.1 ม.3/2 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิดฤดู และการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ 2. สาระสำคัญ การที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะที่แกนโลกเอียงทำมุมประมาณ 23.5 องศา กับแนวตั้งฉากของ ระนาบทางโคจร ทำให้ส่วนต่าง ๆ บนโลกได้รับปริมาณแสงจากดวงอาทิตย์แตกต่างกันในรอบปีเกิดเป็นฤดูกาล (seasons) โลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ใช้เวลา 24 ชั่วโมง หรือ 1 วัน โดยหมุนจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก การหมุนรอบตัวเองของโลกทำให้เราสังเกตเห็นการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์จากทิศตะวันออกไปยังทิศ ตะวันตก เรียกปรากฏการณ์ที่เกิดนี้ว่า การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ ซึ่งสังเกตเห็นได้จากบริเวณขอบฟ้า เรียก บริเวณที่ดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าว่า ทิศตะวันออก และเรียกบริเวณที่ดวงอาทิตย์ตกจากขอบฟ้าว่า ทิศตะวันตก 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้(K) 1.อธิบายการเกิดฤดูกาลได้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ทักษะในการวางแผนทำงานกลุ่ม 2. มีความกระตือรือร้นในการหาความรู้ 3. มีความมั่นใจในการกล้าแสดงออก 3.3 ด้านคุณลักษณะ (A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร
224 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. สาระการเรียนรู้ 1. การเกิดกลางวันกลางคืน 2. การเกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (ใช้การสืบเสาะหาความรู้ (5E)) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ (Engement) (10นาที) 1. ครูเปิดวีดิทัศน์เกี่ยวกับการเกิดฤดูกาล ให้นักเรียนดู จากนั้นครูตั้งประเด็นคำถามกระตุ้นความคิด นักเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรือผิด ดังนี้ - ฤดูกาลเกิดขึ้นได้อย่างไร (แนวตอบ : เกิดจากการที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในรอบ 1 ปี โดยแกนโลกเอียงทำมุมประมาณ 23.5 องศากับ แนวตั้งฉากของระนาบโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ จึงทำให้ส่วนต่าง ๆ ของโลกได้รับพลังงานความร้อนแตกต่าง กัน) - ในประเทศไทยมีกี่ฤดู อะไรบ้าง (แนวตอบ : มี 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว) 2. จากนั้นครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรม เรื่อง การเกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา (Exploration) (50 นาที) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ตามความสมัครใจ จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทน ออกมาจับสลากเรื่องที่ศึกษา โดยครูเตรียมสลากฤดูกาลต่าง ๆ ไว้หน้าชั้นเรียนดังนี้ - ฤดูร้อน - ฤดูฝน - ฤดูหนาว - ฤดูใบไม้ร่วง - ฤดูใบไม้ผลิ 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาตามเรื่องที่จับสลากได้ โดยให้แต่ละกลุ่มศึกษาเกี่ยวกับการเกิด ฤดูกาลนั้น ลักษณะการหมุนของโลกรอบดวงอาทิตย์ ช่วงเวลาในการเกิดฤดูกาล ประเทศที่มีฤดูกาลนั้น จาก หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หรือแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต 3. ครูตั้งประเด็นคำถามกระตุ้นความคิดนักเรียน ดังนี้ - สาเหตุที่โลกเกิดฤดูกาลที่แตกต่างกันมีอะไรบ้าง
225 (แนวตอบ : โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์และแกนโลกเอียงทำมุม 23.5 องศา ส่วนต่าง ๆ บนโลกได้รับปริมาณแสงจาก ดวงอาทิตย์แตกต่างกันในรอบปี) - เมื่อซีกโลกเหนือได้รับแสงสว่างและความร้อนจากดวงอาทิตย์มาก ซีกโลกใต้จะเป็นฤดูใด (แนว ตอบ : ฤดูหนาว) ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (30 นาที) 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมประกอบกับ Powerpoint เรื่อง การเกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก เมื่อโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะที่แกนโลกเอียงทำมุมคงที่กับเส้นตั้งฉากกับระนาบทาง โคจรรอบดวงอาทิตย์ แต่ละตำแหน่งที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ได้รับแสงจากดวง อาทิตย์ในลักษณะที่แตกต่างกัน โดยบริเวณที่แสงตกตั้งฉากได้รับพลังงานต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่และมีอุณหภูมิสูงกว่า บริเวณที่ได้รับแสงตกเฉียง ทำให้เกิดฤดูแตกต่างกัน 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย โดยอาจใช้คำถามดังนี้ - โลกมีลักษณะอย่างไร แต่ละบริเวณบนผิวโลกได้รับแสงจากดวงอาทิตย์เหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร (เนื่องจากโลกมีลักษณะคล้ายทรงกลม ทำให้ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์แตกต่างกัน บางบริเวณได้รับแสงตก ตรง บางบริเวณได้รับแสงตกเฉียง) - ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้มีการเปลี่ยนแปลงฤดูเหมือนหรือต่างกันอย่างไร เพราะเหตุใดจึงเป็น เช่นนั้น (ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้มีการเปลี่ยนแปลงฤดูแตกต่างกัน โดยมีฤดูตรงข้ามกัน คือเมื่อซีกโลกเหนือเป็น ฤดูหนาวซีกโลกใต้จะเป็นฤดูร้อน ถ้าซีกโลกเหนือเป็นฤดูใบไม้ผลิ ซีกโลกใต้จะเป็นฤดูใบไม้ร่วง นั่นเป็นเพราะแกน โลกเอียงทำให้เมื่อซีกโลกเหนือเบนเข้าหาดวงอาทิตย์ ซีกโลกใต้จะเบนออกจากดวงอาทิตย์) - ฤดูของโลกเกิดจากอะไร (ฤดูของโลกเกิดจากการที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์โดยที่แกนของโลก เอียงคงที่ทำให้บริเวณซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ได้รับแสงตกตั้งฉากและตกเฉียงแตกต่างกัน ทำให้เกิดฤดูต่าง ๆ) เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ฤดูของโลกเกิดจากการที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์โดยที่แกนของโลกเอียงคงที่ เสมอ ทำให้บริเวณต่าง ๆ ของโลกได้รับพลังงานต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่และมีอุณหภูมิแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาของ ปี ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที) 1. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง การเกิดฤดูกาล และการเคลื่อนที่ปรากฏของดวง อาทิตย์ และให้ความรู้เพิ่มเติมจากคำถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง การเกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก ขั้นที่ 5 ประเมิน (Evaluation) (10 นาที) ครูประเมินผลของนักเรียนตามแบบประเมินดังนี้
226 1. สังเกตพฤติกรรมการร่วมกิจกรรมของนักเรียน มีความกระตือรือร้นในการหาความรู้มีความมั่นใจ และกล้าแสดงออก และสังเกตพฤติกรรมคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของแต่ละบุคคล มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการทำงาน 2. นักเรียนใบงานที่ 6.3 เรื่อง การเกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก 7. สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. Powerpoint เรื่อง การเกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก 3. ใบงานที่ 6.3 เรื่อง การเกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก 4. DLTV เรื่อง การเกิดฤดูกาล 8. ภาระงานและชิ้นงาน - ใบงานที่ 6.3 เรื่อง การเกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก
227 9. การวัดและประเมินผล ประเด็นการประเมิน วิธีการ เครื่องมือ การวัดประเมินผล ด้านความรู้ (K) 1. อธิบายการเกิดฤดูกาลได้ ตรวจคะแนนจาก ใบงานที่ 6.3 เรื่อง การเกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก ใบงานที่ 6.3 เรื่อง การเกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก ทำได้ร้อยละ 70 ขึ้นไป ด้านทักษะ (P) 1. ทักษะในการวางแผน ทำงานกลุ่ม 2. มีความกระตือรือร้นใน การหาความรู้ 3. มีความมั่นใจในการกล้า แสดงออก - สังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน - แบบสังเกต พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ (A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการ สื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. มีความสามารถในการใช้ เทคโนโลยี ประเมินจากสังเกต พฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมิน สมรรถนะสำคัญ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป
228
229
230
231 ภาคผนวก
232 คำชี้แจง : พิจารณาภาพการเคลื่อนที่ของโลกรอบดวงอาทิตย์บนระนาบสุริยะวิถีและอธิบายการเกิดกลางวัน กลางคืนและการเกิดฤดูกาล การเกิดกลางวันกลางคืน การเกิดฤดูกาล .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... ใบงานที่ 6.3 เรื่อง การเกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก
233 คำชี้แจง : พิจารณาภาพการเคลื่อนที่ของโลกรอบดวงอาทิตย์บนระนาบสุริยะวิถีและอธิบายการเกิดกลางวัน กลางคืนและการเกิดฤดูกาล การเกิดกลางวันกลางคืน การเกิดฤดูกาล .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... เฉลยใบงานที่ 6.3 เรื่อง การเกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก ในขณะที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ โลกก็จะหมุนรอบ ตัวเองไปด้วย ทำให้บริเวณต่าง ๆ บนผิวโลกได้รับ แสงอาทิตย์และไม่ได้รับแสงอาทิตย์สลับกันไป โดย บริเวณที่ได้รับแสงอาทิตย์ที่ได้รับแสงอาทิตย์จะเป็น เวลากลางวัน ส่วนบริเวณที่ได้รับแสงอาทิตย์จะเป็น เวลากลางคืน โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์โดยแกนของโลกเอียงทำมุม 23.5 องศา กับวงโคจร ทำให้แต่ละตำแหน่งที่โลก โคจรไปจะหันส่วนที่เป็นซีกโลกเหนือ และซีกโลกใต้ เข้าหาดวงอาทิตย์ในช่วงเวลาที่ต่างกัน จึงเกิดฤดูกาล ต่าง ๆ ขึ้น เช่น ถ้าโลกหันซีกโลกเหนือเข้าหาดวง อาทิตย์ซีกโลกเหนือจะเป็นฤดูร้อน ซีกโลกใต้ก็จะ เป็นฤดูหนาว
234 แผนการจัดการเรียนรู้ที่21 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 รหัสวิชา ว 23101 หน่วยการเรียนที่5 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เวลาเรียนรวม 15 ชั่วโมง เรื่อง การขึ้นตกของดวงอาทิตย์ เวลา 2 ชั่วโมง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1/2566 ผู้สอน นางสาวสุภาพร พื้นขุนทด วันที่.......เดือน..................พ.ศ……. 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 3.1 ม.3/2 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิดฤดู และการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ 2. สาระสำคัญ การที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะที่แกนโลกเอียงทำมุมประมาณ 23.5 องศา กับแนวตั้งฉากของ ระนาบทางโคจร ทำให้ส่วนต่าง ๆ บนโลกได้รับปริมาณแสงจากดวงอาทิตย์แตกต่างกันในรอบปีเกิดเป็นฤดูกาล (seasons) โลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ใช้เวลา 24 ชั่วโมง หรือ 1 วัน โดยหมุนจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก การหมุนรอบตัวเองของโลกทำให้เราสังเกตเห็นการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์จากทิศตะวันออกไปยังทิศ ตะวันตก เรียกปรากฏการณ์ที่เกิดนี้ว่า การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ ซึ่งสังเกตเห็นได้จากบริเวณขอบฟ้า เรียก บริเวณที่ดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าว่า ทิศตะวันออก และเรียกบริเวณที่ดวงอาทิตย์ตกจากขอบฟ้าว่า ทิศตะวันตก 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้(K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ได้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ (P) 1. นักเรียนสามารถสร้างแบบจำลองการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ได้ 2. ทักษะในการวางแผนทำงานกลุ่ม 3. มีความมั่นใจในการกล้าแสดงออก 3.3 ด้านคุณลักษณะ (A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร
235 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. สาระการเรียนรู้ 1. การขึ้นตกของดวงอาทิตย์ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (ใช้การสืบเสาะหาความรู้ (5E)) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ (Engement) (10นาที) 1. ครูกระตุ้นความสนใจโดยโดยใช้คำถามเพื่อให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า การเคลื่อนที่ของโลก รอบดวงอาทิตย์ในลักษณะที่แกนโลกเอียงทำให้เกิดปรากฏการณ์อะไรอีกบ้างบนโลก โดยให้นักเรียนตอบจาก ประสบการณ์เดิมและแนวคิดของตนเอง 2. จากนั้นครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรม การเปลี่ยนตำแหน่งและเส้นทางการเคลื่อนที่ปรากฏของดวง อาทิตย์บนท้องฟ้าในรอบปีเกิดขึ้นได้อย่างไร ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา (Exploration) (50 นาที) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ทำกิจกรรมที่ 6.2 เรื่อง แบบจำลองการโคจรของโลกรอบดวง อาทิตย์ 2. โดยครูใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือมาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยกำหนดให้สมาชิกแต่ละคนภายในกลุ่มมีบทบาทหน้าที่ของตนเองดังนี้ - สมาชิกคนที่ 1-2 ทำหน้าที่เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมแบบจำลองการโคจร ของโลกรอบดวงอาทิตย์ - สมาชิกคนที่ 3-4 ทำหน้าที่อ่านวิธีปฏิบัติกิจกรรม และนำมาอธิบายให้สมาชิก ในกลุ่มฟัง - สมาชิกคนที่ 5-6 ทำหน้าที่บันทึกผลการปฏิบัติกิจกรรมลงในสมุด 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอน 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และวิเคราะห์ผลการปฏิบัติกิจกรรม แล้วอภิปรายผล ร่วมกัน ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (30 นาที) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมแบบจำลองการโคจรของโลกรอบดวง อาทิตย์หน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่นักเรียนนำเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจถูกต้อง
236 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันตอบคำถามท้ายกิจกรรม โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความ คิดเห็นเพื่อหาคำตอบ จากนั้นครูสุ่มนักเรียนให้ตอบคำถามท้ายกิจกรรม 3. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลท้ายกิจกรรมแบบจำลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ และ เฉลยคำถามท้ายกิจกรรม 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับวันที่ 21 มิถุนายน วันครีษมายันว่า “วันที่ 21 มิถุนายน เป็นวันครีษมายัน เวลากลางวันจะยาวที่สุดในรอบปี ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนฤดูกาล เข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศทางซีกโลกเหนือ” ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที) 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุต่าง ๆ บนท้องฟ้าว่า “การเคลื่อนที่ของวัตถุในท้องฟ้า แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ 1) การเคลื่อนที่ปรากฏ เป็นการเคลื่อนที่ที่เกิดขึ้น จากการเคลื่อนที่ของโลก และ 2) การเคลื่อนที่แท้จริง เป็นการเคลื่อนที่ที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ หรือ วัตถุในท้องฟ้านั้นจริง ดังนั้น การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์จริง ๆ แล้วเป็นการเคลื่อนที่ของโลก ซึ่งทำให้เราเห็น ปรากฏการณ์การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์” 2. นักเรียนแต่ละคนศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ จาก หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 ขั้นที่ 5 ประเมิน (Evaluation) (10 นาที) ครูประเมินผลของนักเรียนตามแบบประเมินดังนี้ 1. สังเกตพฤติกรรมการร่วมกิจกรรมของนักเรียน มีความกระตือรือร้นในการหาความรู้มีความมั่นใจ และกล้าแสดงออก และสังเกตพฤติกรรมคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของแต่ละบุคคล มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการทำงาน 7. สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. Powerpoint เรื่อง การขึ้นตกของดวงอาทิตย์ 3. ใบกิจกรรมที่ 6.2 เรื่อง แบบจำลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ 4. DLTV เรื่อง การขึ้นตกของดวงอาทิตย์ 8. ภาระงานและชิ้นงาน - ใบกิจกรรมที่ 6.2 เรื่อง แบบจำลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
237 9. การวัดและประเมินผล ประเด็นการประเมิน วิธีการ เครื่องมือ การวัดประเมินผล ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบาย การเคลื่อนที่ปรากฏของดวง อาทิตย์ได้ ตรวจคะแนนจาก ใบกิจกรรมที่ 6.2 เรื่อง แบบจำลอง การโคจรของโลก รอบดวงอาทิตย์ ใบกิจกรรมที่ 6.2 เรื่อง แบบจำลองการโคจร ของโลกรอบดวง อาทิตย์ ทำได้ร้อยละ 70 ขึ้นไป ด้านทักษะ (P) 1. นักเรียนสามารถสร้าง แบบจำลองการเคลื่อนที่ ปรากฏของดวงอาทิตย์ได้ 2. ทักษะในการวางแผน ทำงานกลุ่ม 3. มีความมั่นใจในการกล้า แสดงออก - สังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน - แบบสังเกต พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป ด้านคุณลักษณะ (A) 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการ สื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. มีความสามารถในการใช้ เทคโนโลยี ประเมินจากสังเกต พฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมิน สมรรถนะสำคัญ ระดับคุณภาพ ดี/พอใช้/ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป
238
239
240
241 ภาคผนวก
242 จุดประสงค์…………………………………………………………………………………………………………………………………..…………… …………………………………………………………………………………………………………………………… สมมติฐาน………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… วัสดุอุปกรณ์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการทำกิจกรรม (นักเรียนติดรูปภาพชุดครึ่งทรงกลมฟ้าที่สร้างขึ้นลงในกรอบที่กำหนดให้) สรุปผลการทำกิจกรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ใบกิจกรรมที่ 6.2 เรื่อง แบบจำลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
243 1. เมื่อโลกโคจรไปยังตำแหน่งที่ 1-4 ในลักษณะที่แกนเอียงคงที่ ตำแหน่งการขึ้นและตก และเส้นทางการ เคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… 2. การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเส้นทางการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ที่ขอบฟ้า รวมทั้งเส้นทางการเคลื่อนที่ ปรากฏของดวงอาทิตย์เป็นแบบรูปหรือไม่ เพราะเหตุใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… 3. การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเส้นทางการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ และเส้นทางการเคลื่อนที่ของดวง อาทิตย์เกิดจากสาเหตุใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… 4. จากกิจกรรม สรุปได้ว่าอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… คำถามท้ายกิจกรรม
244 จุดประสงค์ สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ สมมติฐาน นักเรียนเขียนตามความคิดเห็นของตนเอง วัสดุอุปกรณ์ 1. ลูกโลกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 cm 1 ลูก 2. กระดาษแข็งเทาขาว 1 แผ่น 3. กระดาษปรู๊ฟ 1 แผ่น 4. ฝาโดมพลาสติกครึ่งทรงกลม 1 ฝา 5. กรรไกร 1 เล่ม 6. เทปกาวสองหน้า 1 ม้วน 7. เทปใส 1 ม้วน 8. ก้อนโฟมขนาดประมาณ 1 cm3 1 ก้อน 9. ปากกาเคมี 1 ด้าม 10. เลเซอร์พอยน์เตอร์ 1 อัน 11. แก้วพลาสติก 1 ใบ ผลการทำกิจกรรม (นักเรียนติดรูปภาพชุดครึ่งทรงกลมฟ้าที่สร้างขึ้นลงในกรอบที่กำหนดให้) เฉลยใบกิจกรรมที่ 6.2 เรื่อง แบบจำลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ จากภาพ แสดงต าแหน่งต่าง ๆ ที่แสงเริ่มตกกระทบขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกและเส้นทางที่ดวงอาทิตย์ เคลื่อนที่ไปบนท้องฟ้าจ าลองที่ต าแหน่งต่าง ๆ
245 สรุปผลการทำกิจกรรม จะเห็นได้ว่าเมื่อโลกโคจรไปยังตำแหน่งที่ 2 3 4 1 และกลับมายังตำแหน่งที่ 2 ดวงอาทิตย์มีการ เปลี่ยนแปลงตำแหน่งการขึ้นและตกที่ขอบฟ้าและเส้นทางการเคลื่อนที่ปรากฏบนท้องฟ้าเปลี่ยนไปในรอบปี โดยที่ ตำแหน่งที่ 2 ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกและตกตรงกับทิศตะวันตกพอดี เมื่อโลกโคจรมายังตำแหน่งที่ 3 ดวงอาทิตย์จะขึ้นและตกเฉียงมาทางทิศใต้ ที่ตำแหน่งที่ 4 ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกและตกตรงกับทิศ ตะวันตกพอดี ส่วนตำแหน่งที่ 1 ดวงอาทิตย์จะขึ้นและตกเฉียงมาทางทิศเหนือ และเมื่อโลกเคลื่อนที่กลับมายัง ตำแหน่งที่ 2 ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกและตกตรงกับทิศตะวันตกพอดีอีกครั้ง ซึ่งการเปลี่ยนตำแหน่งการ ขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ที่ขอบฟ้านี้ทำให้เส้นทางการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าเปลี่ยนไปและ เป็นเช่นนี้เสมอเมื่อโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในรอบปี หมายเหตุถ้าผลการทำกิจกรรมของนักเรียนแตกต่างกันหรือคลาดเคลื่อน ครูอาจสอบถามถึง วิธีการทำกิจกรรม เช่น ถ้านักเรียนปรับความสูงต่ำของเลเซอร์พอยเตอร์ เมื่อเปลี่ยนตำแหน่งของโลก อาจ ทำให้บางตำแหน่งแสงจากเลเซอร์พอยเตอร์ไม่ตกลงบนชุดครึ่งทรงกลมฟ้า ดังภาพซ้าย ที่จะเห็นว่ามี เส้นทางอยู่เพียง 3 เส้นหรือถ้านักเรียนกำหนดให้เลเซอร์พอยเตอร์ชี้ไปยังทิศตะวันออกพอดีในทุกตำแหน่ง จะทำให้ผลการทำกิจกรรมไม่ถูกต้อง ดังภาพขวา หากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ครูอาจให้นักเรียนทำ กิจกรรมซ้ำอีกครั้งนอกเวลาเรียน
246 1. เมื่อโลกโคจรไปยังตำแหน่งที่ 1-4 ในลักษณะที่แกนเอียงคงที่ ตำแหน่งการขึ้นและตก และเส้นทางการ เคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร แนวคำตอบ เปลี่ยนแปลง ดังนี้ ถ้าสังเกตดวงอาทิตย์ ณ ประเทศไทย ที่ตำแหน่งที่ 1 เมื่อแกนโลกบริเวณ ซีกโลกเหนือเบนเข้าหาดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตกทางทิศตะวันตกเฉียง เหนือ ตำแหน่งที่ 3 ที่แกนโลกบริเวณซีกโลกเหนือเบนออกจากดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออก เฉียงใต้และตกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนที่ตำแหน่งที่ 2 และ 4 ดวงอาทิตย์จะขึ้นและตกตรงกับทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ซึ่งการเปลี่ยนตำแหน่งการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ที่ขอบฟ้านี้ทำให้เส้นทางการเคลื่อนที่ปรากฏ ของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าเปลี่ยนไปด้วย 2. การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเส้นทางการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ที่ขอบฟ้า รวมทั้งเส้นทางการเคลื่อนที่ ปรากฏของดวงอาทิตย์เป็นแบบรูปหรือไม่ เพราะเหตุใด แนวคำตอบ เป็นแบบรูป เพราะโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะแกนเอียงคงที่ เมื่อมีการเปลี่ยน ตำแหน่งบนวงโคจร ส่งผลให้ลักษณะการเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ของแต่ละซีกโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน จน เมื่อโคจรครบ 1 รอบ ดวงอาทิตย์จึงกลับมาปรากฏขึ้นและตก ณ ตำแหน่งเดิมอีกครั้งและเป็นแบบรูปซ้ำเดิม ต่อเนื่อง 3. การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเส้นทางการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ และเส้นทางการเคลื่อนที่ของดวง อาทิตย์เกิดจากสาเหตุใด แนวคำตอบ เกิดจากโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในช่วงเวลา 1 ปีในลักษณะที่แกนโลกเอียงคงที่ 4. จากกิจกรรม สรุปได้ว่าอย่างไร แนวคำตอบ การที่แกนโลกเอียง เมื่อโลกโคจรไปที่ยังตำแหน่งต่าง ๆ ในวงโคจร ทำให้ตำแหน่งการขึ้น และตกของดวงอาทิตย์ที่ขอบฟ้าและเส้นทางการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์เปลี่ยนไปในรอบปี คำถามท้ายกิจกรรม