แดระบบนิเวศที่เปนมิตร สำหรับการอาน การเขียน และการวิจารณ เมื่อฉันร้อยเศษทราย ให้กลายเป็นแก้ว รวมข้อเขียนบันทึกนานาสภาวะ ณ ขณะเขียน ของนักเรียนเขียนเรื่อง จากรายวิชา “ศิลปะการเขียนรอยแก้ว” ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
2 | นักเรียนเขียนเรื่อง รวมข้อเขียนบันทึกนานาสภาวะ ณ ขณะเขียน จากรายวิชา “ศิลปะการเขียนรอยแก้ว”
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 3 หนังสือชุด “วิชญมาลา” รวมผลงานสรางสรรค์ลำดับที่ เมื่อฉันร้อยเศษทราย ให้กลายเป็นแก้ว นักเรียนเขียนเรื่อง จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย สุณิชา จุลอักษร ชุติมน ชาวดง เทวบุตร เทพนรินทร กองบรรณาธิการ ธมลวรรณ จิ้มลิ้มเลิศ ณิชาภัทร จันทสิงห ผูช่วยบรรณาธิการ หัตถกาญจนอารีศิลป บรรณาธิการ
4 | นักเรียนเขียนเรื่อง เมื่อฉันร้อยเศษทรายให้กลายเป็นแก้ว: รวมข้อเขียนบันทึกนานาสภาวะ ณ ขณะเขียน ของนักเรียนเขียนเรื่อง จากรายวิชา “ศิลปะการเขียนรอยแก้ว” ลิขสิทธิ์ผลงานเปนของผูสรางผลงาน จัดทำโดย หัตถกาญจนอารีศิลป เกวลิน ถนอมทอง จณิศา ชาญวุฒิ ชนินทบุญเหลือง ชมัยภร บางคมบาง ชุติมน ชาวดง ณภัทร ชาติทอง ณิชาภัทร จันทสิงห เทวบุตร เทพนรินทร ธนกร เกตุแก้ว ธนพงษเมืองศิลปศาสตร ธมลวรรณ จิ้มลิ้มเลิศ ธัญลักษณทองสุข ธีสุวรรณ ปติภากร นิชานันทนันทศิริศรณ พัชริญา เลิศปญญาโรจน ฟาใส หลามณี เมษา ภมรทรัพย ศราวุธ วังหลวง สมรทอง พูลภักดี สุณิชา จุลอักษร สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร อัลวานีนาดามัน อัศวุธ อุปติ © สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558 ISBN: 978-616-407-861-1 พิมพครั้งแรก: กรกฎาคม 2566 ผูรับผิดชอบจัดพิมพ: ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย เอกภาษาไทย อักษรฯ จุฬาฯ [email protected] 02-218-4687 พิมพที่: จำนวนจัดพิมพแบบรูปเลม: โรงพิมพจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ถนนพญาไท แขวงวังใหม เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ [email protected] 02-218-3549 300 เลม การจัดทำหนังสือเลมนี้ไดรับทุนสนับสนุนจาก โครงการพัฒนาศักยภาพนิสิตจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยสูความเปนเลิศ ประจำปงบประมาณ 2566 สำนักบริหารวิชาการ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย เผยแพรในรูปแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส(e-book) ใหอานไดฟรี เปนการถาวรผานแพลตฟอรมออนไลนและเผยแพรเปนหนังสือ แบบรูปเลมโดยการแจกจ่าย (ไมมีการจัดจำหนาย)
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 5 ที่ปรึกษา: ผูทรงคุณวุฒิประจำหนังสือ: บรรณาธิการ: หัวหนาภาควิชาภาษาไทย (รองศาสตราจารยดร.ปรมินทจารุวร) อาจารยชมัยภร บางคมบาง คุณนิชานันทนันทศิริศรณ คุณศศิวิมล นทธีสุระเดชชะมงคล หัตถกาญจนอารีศิลป ผูช่วยบรรณาธิการ: ธมลวรรณ จิ้มลิ้มเลิศ ณิชาภัทร จันทสิงห ผูช่วยจัดสารบัญเลม: ผูพิสูจนอักษร: ชุติมน ชาวดง เทวบุตร เทพนรินทร หัตถกาญจนอารีศิลป ผูจัดหนาหนังสือ: ผูออกแบบปก: ธมลวรรณ จิ้มลิ้มเลิศ หัตถกาญจนอารีศิลป เทวบุตร เทพนรินทร สุณิชา จุลอักษร ผูวาดภาพประกอบ: สุณิชา จุลอักษร ผูตั้งชื่อหนังสือ: ผูแตงบทกวี: ผูเผยแพร: สุณิชา จุลอักษร ชมัยภร บางคมบาง อัศวุธ อุปติ ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย https://www.arts.chula.ac.th/thai/thaiarchives/ ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแหงชาติ เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว: รวมข้อเขียนบันทึกนานา สภาวะ ณ ขณะเขียน ของนักเรียนเขียนเรื่อง จากรายวิชา “ศิลปะการเขียนรอยแก้ว.” — กรุงเทพฯ: ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตรจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย, 2566. 246 หนา.—(วิชญมาลา). 1. การเขียน I. หัตถกาญจนอารีศิลป. II. สุณิชา จุลอักษร, ผูวาด ภาพประกอบ. III. ชื่อเรื่อง. 808.02 ISBN 978-616-407-861-1
6 | นักเรียนเขียนเรื่อง สารบัญ เรื่อง หนา คำนำ หัวหนาภาควิชาภาษาไทย จากบรรณาธิการ 13 หัตถกาญจนอารีศิลป กวาจะเปนชื่อเลม 17 สุณิชา จุลอักษร กวาจะเปนสารบัญเลม 18 ณิชาภัทร จันทสิงห ชุติมน ชาวดง กวาจะเปนปกและภาพประกอบ 24 สุณิชา จุลอักษร บทกวี: สูวรรณกรรม 27 ชมัยภร แสงกระจ่าง I. นานาทัศนะ มองหลากมุม...นักเขียน & นักวิจารณ นักปรุงอักษรกับบานแหงการรังสรรค์ 31 Whalien54 ทรายสี ถึงพระเจ้า 43 ดอกดิน คู่มือแดฉันที่พยายามจะเปนตัวฉันตอไปเช่นนี้ 51 น้ำทวมเมฆ
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 7 สารบัญ เรื่อง หนา เรื่อง I. นานาทัศนะ มองหลากมุม...นักเขียน & นักวิจารณ(ตอ) ระหวางนักเขียนกับนักวิจารณ: การประสานไมตรีที่ยังไมสําเร็จ 61 สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร ระยะทางอันหางใกลของนักเขียน ตัวบท และนักวิจารณ ในจักรวาลอาน-คิด-เขียน 69 น้ำทวมเมฆ emma II. ความเรียงสะทอนสภาวะ ณ ขณะกอเรื่อง เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว 93 ทรายสี ทามกลางมหาสมุทรคำและความคิด 99 ปาสน บีเดิลยอด(ไม)กวี 105 ฉวนหลิน อยากไปสวนรถไฟ 115 ฌอง ปแอร พื้นที่ของตัวอักษร เรื่องราว และนัก(เรียน)เขียนเรื่อง 123 ปรดา
8 | นักเรียนเขียนเรื่อง สารบัญ III. เรื่องสั้นที่กลั่นจากประสบการณจนเปนเรื่อง A Little Bit 135 esther บันทึกประสบการณทะลุมิติของนักอยากเขียนคนหนึ่ง 149 จับฉ่ายขายฝน ฉันกับฉันและฉัน 173 ตะวันชิงพลบ อาชญากรในดินแดนมหัศจรรย 191 Alice M. ชานชาลาที่ n 205 DWIN เรื่องรับเชิญ: วานยา จอหนนีและออสซีแมนเดียส 223 ธีสุวรรณ ปติภากร บทกวี: ผงทราย ไฟหลอม และแก้วเจียระไน 236 อัศวุธ อุปติ คำตาม...เมื่อเศษทรายกลายเปนตึกสูง 239 นิชานันทนันทศิริศรณ คนทำงานหนังสือ 245 ผลงานหนังสือฉบับอานฟรีe-book 246
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 9 คํานํา “วิชญมาลา” หรือ “มาลัยดอกไมแหงนักปราชญ” เปนโครงการพัฒนา วิชาการของภาควิชาภาษาไทยซึ่งรวบรวมผลงานของนิสิตภาควิชาภาษาไทย ทั้งในระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษาในรูปแบบ “วรรณมาลัย” (Anthology) โดยจัดพิมพเปนหนังสือเพื่อเผยแพรออกสูสาธารณชนในชื่อ ชุด “วิชญมาลา” ประกอบดวยหนังสือจำนวน 5 เลม ไดแก่ ลำดับที่ วิชญมาลา: รวมบทความวิชาการดาน ภาษาและวรรณคดีไทย (2557) ลำดับที่ วิชญมาลา: ประชุมอรรถบทเขมรภาษาอนุวาท (2562) ลำดับที่ 3 เขียนเลนเปนเรื่อง: รวมผลงาน สรางสรรค์ของนิสิตภาควิชาภาษาไทย (2563) ลำดับที่ 4 รวมเรื่องสั้นชุด วิกลวิกาล (2566) ลำดับที่ 5 เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว รวมข้อเขียนบันทึกนานาสภาวะ ณ ขณะเขียน ของนักเรียนเขียนเรื่อง จากรายวิชา “ศิลปะการเขียนรอยแก้ว” (2566) หนังสือลำดับที่ 1 และ 2 เปนผลงานวิชาการและผลงานแปลของ นิสิต โดยมีอาจารย ดร.ใกลรุง อามระดิษเปนบรรณาธิการ สวนหนังสือ ลำดับที่ 3 4 และ 5 เปนผลงานสรางสรรค์ของนิสิตระดับปริญญาตรีโดยมี ผูช่วยศาสตราจารยหัตถกาญจนอารีศิลป เปนบรรณาธิการ ในโลกยุค disruption AI กำลังเรียนรูวิธีการสรางงานเขียนใน รูปแบบตางๆ และเรียนรูภาษาไทยอยางไมหยุดนิ่ง จนมีการคาดการณกันวา
10 | นักเรียนเขียนเรื่อง ในอนาคตอันใกลนี้AI จะเปนผูช่วยที่สำคัญจำเปนสำหรับการทำงานสรางสรรค์ และจะมีความสามารถในการเรียนรูและสรางงานเขียนที่มีความสมบูรณได มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ประสบการณที่เหลานักเรียนเขียนเรื่องไดสัมผัสผ านการอบรมเชิง ปฏิบัติการและกิจกรรมตางๆ ที่อาจารยผูสอนประจำรายวิชาไดออกแบบไว ในรายวิชา “2201432 ศิลปะการเขียนรอยแก้ว” นี้นับวามีคุณค่า โดยเฉพาะ อยางยิ่งเมื่อประสบการณเหลานั้นผานกระบวนการสะทอนคิดอยางตกผลึก เพื่อกลั่นออกมาเปน “(รอย)แก้ว” ที่เรียงรอยขึ้นจากทรายละเอียดทั้งในมิติ ความคิดและความรูสึกดวยแลว ก็ทำใหรวมข้อเขียนในหลากหลายลักษณะ ในหนังสือเลมนี้กลายเปน “บันทึกประสบการณภาคสนาม ณ ขณะเขียน” ของเหลานักเรียนเขียนเรื่องซึ่งนาจะเปนผลงานที่ประทับอยูในจิตใจของผูอาน ที่อยูใน “สนามวรรณกรรม” ทั้งในมิติที่เกี่ยวข้องกับการสราง การเสพ การ วิจารณและการทำงานหนังสือ หนังสือเลมนี้แสดงใหเห็นความสำคัญของการทำงานภาคสนาม ผานการลงมือปฏิบัติอยางเอาจริงเอาจังของทั้งผูเรียน ผูสอน และทีมงานทำ หนังสือ เนื้องานที่สะทอนความเปนมนุษยในมิติที่ซับซ้อนและซึมลึกนั้น ช่วยฉายใหเห็นศักยภาพแหงการรูสึกและการครุนคิดพินิจนึก อันเปนความ แตกตางระหวางมนุษยกับปญญาประดิษฐและถือเปนผลผลิตในก้าวแรกๆ ที่สำคัญใน “การสรางคน” เพื่อลงสูสนามวรรณกรรม ทั้งที่เปนสนามนักเขียน สนามคอนเทนต สนามการสื่อสารองค์กร และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ สื่อสารและการออกแบบ—ทั้งในพื้นที่จริงและเสมือนจริง--ซึ่งยังตองอาศัย ความสามารถในการคิดวิเคราะหการคิดอยางมีวิจารณญาณ ตลอดจนการคิด อยางสรางสรรค์ในการพัฒนาศักยภาพของตนเองอยางตอเนื่อง และเพื่อ ใหมีความสามารถในการทำงานรวมกับเทคโนโลยีสมัยใหมในฐานะ “เพื่อน” ที่รวม “สนามชีวิตและการงาน” ตอไปได
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 11 ภาควิชาภาษาไทยขอขอบคุณ “โครงการพัฒนาศักยภาพนิสิต จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยสูความเปนเลิศ” สำนักบริหารวิชาการ จุฬาลงกรณ มหาวิทยาลัย ที่ใหทุนสนับสนุนการดำเนินงานและการจัดพิมพหนังสือ การ เผยแพรหนังสือเลมนี้เปนไปเพื่อประโยชนทางการศึกษา โดยจะเผยแพรเปน หนังสืออิเล็กทรอนิกส(e-book) ใหอานไดฟรีเปนการถาวรผานแพลตฟอรม ออนไลนและเผยแพรเปนหนังสือแบบรูปเลมโดยการแจกจ่าย (ไมมีการจัด จำหนาย) เราทุกคนลวนมีบาดแผล ความทุกข์ทน ความสุข ความสนุก ความ สมหวัง ความผิดหวัง ความมั่นใจ หรือความไรความเชื่อมั่น สิ่งเหลานี้เปน ประสบการณอันสามัญที่คนทำงานสรางสรรค์ตองเผชิญเมื่อตัดสินใจลงเลน ในสนามวรรณกรรม ภาควิชาภาษาไทยหวังเปนอยางยิ่งวา เมื่อฉันรอย เศษทรายใหกลายเปนแก้ว : รวมข้อเขียนบันทึกนานาสภาวะ ณ ขณะเขียน ของนักเรียนเขียนเรื่อง จากรายวิชา “ศิลปะการเขียนรอยแก้ว” เลมนี้จะ มีส วนสรางแรงบันดาลใจและแรงบันดาลความคิดใหแก่ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ตลอดจนนักอาน และผูสนใจดานการเขียนเชิงสรางสรรค์ดาน วรรณกรรมศึกษาและวรรณกรรมวิจารณตอไป เพื่อที่ เรา จะสามารถยืนระยะอยูในสนามแหงการเขียน การอาน และการวิจารณ—ทั้งในพื้นที ่การงานและการใช้ชีวิต ทั้งในพื้นที่จริงและ เสมือนจริง--อยางมีสุขภาวะที่ดีได รองศาสตราจารยดร.ปรมินทจารุวร หัวหนาภาควิชาภาษาไทย 11 กรกฎาคม 2566
12 | นักเรียนเขียนเรื่อง “‘ความสมบูรณแบบในความไมสมบูรณแบบ’ คือสิ่งที่ผมตกตะกอน จากการอานบันทึกสภาวะ ณ ขณะเขียน ทั้ง 15 เรื่อง ของนักเขียนผูแทน ตนเปนเศษทราย เมื่อการเติบโตไดพรากเอาจินตนาการ ความสนุก และ ความมั่นใจในการเขียนไป การอยูรอดในฐานะผูสรางสรรค์แหงบรรณพิภพ จำตองรังสรรค์งานเขียนที่สมบูรณแบบจนละเลยความสุขและสุขภาพจิตของ ตน บันทึกเหลานี้ไดสะทอนคิดถึงการเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจภายหลังการ เรียนวิชาศิลปะการเขียนรอยแก้ว บางคนยอมยอนมอง เยียวยา และเปด เปลือยบาดแผลในอดีตที่เคยปกปด บางคนพรอมนอมรับเอาความ ไมสมบูรณแบบของตนเองไปเปนข้อดีและทุกคนไดเรียนรูที่จะเจียระไน เศษทรายในเหลี่ยมมุมที่สมบูรณแบบที่สุด งดงามที่สุด และเปนตัวของ ตัวเองที่สุดออกมา นับวาเปนหนังสือที่สามารถนำพาใหผมไดเข้า(ไปนั่งใน) ใจนักเขียนไดเปนอยางดี” เทวบุตร เทพนรินทร นิสิตภาควิชาภาษาไทยและผูพิสูจนอักษร, “บันทึกความรูสึกหลังการอาน”
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 13 จากบรรณาธิการ ความทะเยอทะยานอยางแรกและอยางเดียวที่ทำใหเราเลือกที่จะ ทำงานดานการศึกษา คือความปรารถนาที่จะสราง “พื้นที่แหงการเรียนรู” (learning space) สำหรับนักเรียนวรรณกรรมและนักเรียนเขียนเรื่อง เรา อยากสรางหองเรียนที่มีระบบนิเวศที่ดีมีอากาศถายเทสะดวก เปนพื้นที่ ปลอดภัย ในขณะเดียวกันก็บรรจุความเครียดไวในระดับที่พอเหมาะพอเจาะ สำหรับเปนเชื้อไฟในการสรางงาน เปนหองปฏิบัติการที่ทาทายใหไดทดลอง สรางอะไรใหมๆ ที่พรอมจะลมเหลวและสำเร็จไปดวยกัน โดยมีกัลยาณมิตร ที่คอยแลกเปลี่ยนเรียนรูและเติบโตไปดวยกัน กัลยาณมิตรอันเปนเพื่อนแทที่ กลาพูดความจริงจากใจโดยไมมุงราย ดวยวิธีการที่ไมทำรายหัวจิตหัวใจของ กันและกัน กัลยาณมิตรที่รวมรูสึกและรวมเรียนรูอยูเคียงข้างกัน กลาวไดวา บัดนี้เรามี “หองเรียนเชิงปฏิบัติ” ที่เนนการ “ก ่อเรื่อง” อยูหลักๆ 3 หอง คือ หองเรียน “ศิลปะการเขียนรอยแก้ว” หองเรียน “ศิลปะ การเลาเรื่อง” และหองเรียน “วรรณกรรมวิจารณ” ซึ่งคุณนักอานอาจเคย ติดตามผลงานบรรณาธิการของเรา ที่เปนงานตีพิมพผลงานของนิสิตจากชั้น เรียนทั้งในรูปแบบ “หนังสือวิจารณซ้อนวิจารณ” และ “หนังสือรวมเรื่องสั้น” มาบางแลว หนังสือเลมนี้นับเปนผลงานบรรณาธิการในลำดับที่ 10 ในชีวิต การทำงานยางเข้าปที่ 9 ของเรา—ครูที่บังเอิญอยางตั้งใจมาทำงานบรรณาธิการ --เราเริ่มตนงานบรรณาธิการในนามเพจอิสระชื่อ “อาน-คิด-เขียน” จากนั้นก็ สลับไปทำงานหนังสือโดยไดรับทุนสนับสนุนจากตนสังกัดในวาระโอกาสที่ แตกตางกันออกไป สำหรับเรา งานบรรณาธิการเปนงานที่ทั้งอบอุนและหนาวเหน็บ เปนความกลาในความกลัว และเปนความโดดเดี่ยวแตไมเปลี่ยวเหงาเสีย ทีเดียว เราคิดวาสภาวะเช่นนี้แทรกซึมอยูในกระบวนการสรางงานศิลปะทุก
14 | นักเรียนเขียนเรื่อง แขนง เช่นเดียวกับเหลานักเรียนเขียนเรื่องที่พยายามสรางงานตามโจทย อยางตอเนื่องเพื่อเรียนรูวิธีการสรางงาน เราคิดวาเขาเหลานั้นยอมตอง เผชิญความหนาวเหน็บ ความกลัว และความโดดเดี่ยว ณ ขณะทำงานเช่นกัน หนาที่ของเราก็คือ พยายามสรางหองเรียนที่มีฮีตเตอรมีแสงสวางพอเหมาะ และทำหนาที่เปดเพลงบรรเลงเพราะๆ สำหรับทุกคนเทาที่เราจะทำได หนังสือเลมนี้เกิดขึ้นจากความไมตั้งใจ (อีกแลว)—ก็ความไมตั้งใจนี่ แหละที่ทำใหเราไมคาดหวังจนเกร็ง ไมตีกรอบจนขาดอิสระ ไมเครียดและ กดดัน จนรางกายเต็มไปดวยอาการอักเสบ—และแลว...ผลงานจากรายวิชา “ศิลปะการเขียนรอยแก้ว” จากชั้นเรียนออนไลนรอยเปอรเซ็นตปการศึกษา 2564 (มกราคม-พฤษภาคม 2565) ในสถานการณการแพรระบาดของเชื้อ ไวรัสโควิด-19 ในชื่อเลม เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว ก็ค่อยๆ ก่อรางสรางตัวตนขึ้น หนังสือเลมนี้รวบรวม painpoint ของนัก(อยาก)เขียนที่กำลังฝก วิชาการเขียนอยางขะมักเขมน และเคี่ยวกรำตัวเองใหสรางชิ้นงานตามโจทย อันทาทายและตามเดดไลนที่กำหนด เพราะการเขียนเปนงานหนัก (เช่น เดียวกับการทำงานทุกอยางใหดี) และเราตระหนักรูสิ่งนี้หนังสือเลมนี้จึง ก่อรางสรางขึ้นดวยวัตถุประสงค์เดียว คือเพื่อบอกคุณนักอานทุกคน—ทั้งที่ ควบสถานะนักเขียน นักวิจารณบรรณาธิการ หรือคนทำงานในแวดวง หนังสือ—วา คุณไมไดอยูเพียงลำพัง มิใช่คุณที่เผชิญ “นานาสภาวะ” เช่นนั้น เทานั้น แตยังมี‘เรา’ ทั้งหลายที่เปนเพื่อนทุกข์ (และสุข) แอบซ่อนตัวอยูใน แหงหนตำบลตางๆ ทั้งโดยปรากฏตัวและไมปรากฏกาย หนังสือเลมนี้ทำหนาที่ในการบันทึก “เสียง” ของนักเขียนรุนเยาว ซึ่งยังขาดพื้นที่อยางเปนรูปธรรมในการบันทึกประสบการณความรูสึกนึกคิด และการสะทอนยอนคิด (reflection) ในอาณาบริเวณของการสรางงานที่ ไมอาจแยกขาดจากการเสพ การวิจารณและงานบรรณาธิการไดสำหรับเรา
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 15 เราอาจสนใจนอยกวานอย วาทั้งเขาและเธอจะเติบโตไปเปนอะไร ยังคง ทำงานเขียนอยูหรือไม เพราะสิ่งที่เราใหคุณค่าคือการไดบันทึกประสบการณ ภาคสนามของนักเรียนเขียนเรื่องไวเปนลายลักษณซึ่งเราเชื่อวาสิ่งเหลานี้มี คุณค่าในตัวของตัวเอง ไมวาเขาหรือเธอจะเติบโตไปในเสนทางสายใดก็ตาม เราคิดวาเรากำลังเก็บรวบรวมช ่วงเวลานั้นไวก็เทานั้น—แมเปนเพียงเสี้ยว แหงความทรงจำ (เทาที่ตัวอักษรจะสามารถบันทึกไวไดก็ตาม) ในฐานะบรรณาธิการ เราตั้งใจทำหนังสือเลมนี้เพื่อทุกคน ไมวาคุณ จะเปนนักอ านในวัยเดียวกับเหลานักเรียนเขียนเรื่อง อ อนเยาวหรือมีอายุ มากกวา ไมวาคุณจะมีความฝนอยากเปนนักเขียน ไดเดินทางตามความฝน หรือไมก็ตาม ไมวาคุณจะเปนนักวิจารณบรรณาธิการ คนทำงานหนังสือ หรือใครก็ตามในแวดวงศิลปะและวรรณกรรม เราเชื่อวาทั้ง 15 ข้อเขียนและ 1 เรื่องรับเชิญในหนังสือเลมนี้จะทำงานกับคุณในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และเราอยากชวนคุณใหมองกวางออกไป ถึงมิติของคำวา “เขียน” “อาน” และ “วิจารณ” โดยไมจำเปนวาคุณตองเปน “นัก-” ใดๆ เพราะ คำกริยาเหลานี้มีความหมายอันกวางขวางและครอบคลุมอาณาบริเวณใน ชีวิตสวนตางๆ ของเรา ทั้งในพื้นที่สวนบุคคลและพื้นที่สาธารณะ เราหวังวาหนังสือเลมนี้จะช ่วยปลุกปลอบและปลดปลอยเหลานัก สรางเรื่องใหเปนอิสระ คุณอาจจะไดรูจักวิธีในการ “เก็บกู้” ตัวเอง ไดเรียนรู วิธีที่จะ “บริหารจัดการความเสี่ยง” เมื่อนำความรูสึกและประสบการณของตน มาใช้ในการสรางงาน เพื่อที่จะทำใหการเขียนเปนการเยียวยา มิใช่การบอน เซาะรางและใจใหพังภินทรวมไปถึงมีสวนในการทำใหคุณไดลองแสวงหาวิธี ที่จะ “สรางภูมิคุ้มกัน” ใหแก่ตนเองได... เหนือสิ ่งอื่นใด เราปรารถนาใหหนังสือเลมนี้มีสวนในการสราง ระบบนิเวศที่เปนมิตรสำหรับการอาน การเขียน และการวิจารณ
16 | นักเรียนเขียนเรื่อง ขอขอบคุณทุกคนที่มีสวนเกี่ยวข้องในหนังสือเลมนี้นักเรียนเขียน เรื่อง--ทั้งที่เปนนิสิตเอกภาษาไทยและนิสิตเอกตางๆ ซึ่งไดรวมชั้นเรียนมา ดวยกัน, ธมลวรรณ จิ้มลิ้มเลิศ ณิชาภัทร จันทสิงห ผูช่วยบรรณาธิการ, สุณิชา จุลอักษร ผูออกแบบปกและภาพประกอบ, เทวบุตร เทพนรินทรผู- พิสูจนอักษร, ชุติมน ชาวดง ผูช ่วยจัดเรียงสารบัญเลม, ธีสุวรรณ ปติภากร ผูเขียนเรื่องรับเชิญ, อัศวุธ อุปติผูเขียนบทกวีปดเลม, ผูช ่วยศาสตราจารย สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชรซึ่งใหความอนุเคราะหข้อเขียนเพื่อตีพิมพไวใน หนังสือ, รองศาสตราจารยดร.ปรมินทจารุวร ที่ปรึกษาโครงการ, สำนัก บริหารวิชาการ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ผูใหทุนสนับสนุนการดำเนินงาน และการจัดพิมพหนังสือ ตลอดจนผูทรงคุณวุฒิประจำหนังสือที่กรุณาให ความเห็นที ่เปนประโยชนในการจัดทำหนังสือ ขอขอบพระคุณอาจารย ชมัยภร บางคมบาง ที่กรุณาเขียนบทกวีเปดเลมในชื่อ “สูวรรณกรรม” คุณ ศศิวิมล นทธีสุระเดชชะมงคล ที่กรุณาอานประเมินผลงานของนิสิต และ คุณนิชานันทนันทศิริศรณที่เขียน “คำตาม” หนังสือไวในชื่อเรื่อง “เมื่อเศษทรายกลายเปนตึกสูง” ซึ่งเปนบทปดเรื่องที่ชวนใหไดยอนทวนถึงการทำงาน หนังสือของเราตลอดระยะเวลาที่ผานมา ทายที่สุด ขอขอบคุณนักอานที่ให การตอนรับหนังสือเลมนี้ไวในออมอานค่ะ เรารูจักกันเพราะหนังสือ และคุณจะไดพบเรา ---บ.ก.— คนนี้ใน “รางอวตาร” ตางๆ ซึ่งโลดแลนอยางเริงรา(?)อยูในหนังสือเลมนี้ในชื่อเสียง เรียงนามและตำแหนงแหงที่อันหลากหลาย สวนจะเปนใครบางนั้น ขอมอบ ใหเปนการตีความโดยอิสระของคุณนักอานนะคะ แด...การเดินทางครั้งตอไปในนามอาน-คิด-เขียน ดวยความจริงจังและจริงใจ หัตถกาญจนอารีศิลป 11 กรกฎาคม 2566
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 17 กว่าจะเป็นชื่อเล่ม เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว มีที่มาจากชื่อความเรียงที่ สะทอนเรื่องราวจากรายวิชา “ศิลปะการเขียนรอยแก้ว” ที่เราตั้งขึ้น เรานิยาม เสนทางการเขียนของเราดวยวลีนี้เพราะรูสึกวาชีวิตช่วงนั้นช่างเหมือน “ทราย” อดีตผลึกแรที่ถูกกัดกรอนจนกลายเปนเศษผง แตในรายวิชานี้เราไดกวาดเก็บ เศษตัวตนอันแตกสลายขึ้นมาเรียงรอยเปนรอยแก้วชิ้นตางๆ ดวยความหวังวา อาจมีสักเหลี่ยมสักมุมหนึ่งของคนธรรมดาเช่นเราที่จะแปรเปลี่ยนเปนบางสิ่งที่ มีคุณค่าบางอยาง ดวยความหวังวา “เศษทราย” อาจกลายรางไปเปน “แก้ว” ในเวลาตอมา เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว ไดรับโอกาส จากกองบรรณาธิการใหเติบโตมาเปนชื่อหนังสือเลมนี้เรายินดีมากที่ไดเฝามอง ความหมายของชื่อนี้เติบโต แมจะมีเสียงบอกวาชื่อนี้ “เชย” แตทุกคนก็ยัง ยืนยันการตัดสินใจเดิม และเราเองก็มองวาในมุมหนึ่ง ชื่อนี้ก็สะทอนความเปน หนังสือเลมนี้ไดลงตัวดีเหมือนกัน เพราะเหลานักเรียนเขียนเรื่อง ผูซึ่งเรียงรอย ตะกอนความคิดจากสนามวิชาศิลปะการเขียนรอยแก้วแหงนี้และสะทอนไปถึง สนามชีวิตนั้น ตางก็เปนเหมือน “ทราย” ทรายที่ถูกกัดเซาะโดยลมสภาวะ อารมณพัดพาโดยกระแสประสบการณขึ้นรูปทีละนอยโดยมุมมองความคิดอาน จนในที่สุดก็กลายเปน “แก้ว” แก้วเปลาที่เฝารองรับสลับกับกลั่นกรองสรรพสิ่ง ที่รินลงมา แก้วกระจกที่เฝาซึมซับสลับกับสะทอนแสงสีนานากลับออกไป แมจะอ านหองเรียนเขียนเรื่องแหงนี้ผ านมุมมองและความเปนมาที่ ตางกัน แตสิ่งหนึ่งที ่เรามีรวมกันเสมอคือความไม สมบูรณแบบ และเราได เรียนรูเมื่อไม นานมานี้เองวา แทที่จริงอาจเปนข้อดีเพราะตราบใดที่เรายัง ไมสมบูรณก็หมายความวาจะยังมีที่วางใหการเรียนรูอยูเสมอไป สุณิชา จุลอักษร นักเรียนเขียนเรื่อง อักษรศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ จุฬาฯ
18 | นักเรียนเขียนเรื่อง กว่าจะเป็นสารบัญเล่ม ช ่องวางระหวาง “นักอาน” และ “นักเขียน” ถือกำเนิดขึ้นจากเสน แบงแหงบทบาทที่แตกตางระหวางการเปนผูเสพและการเปนผูสรรค์สราง ผลงาน แมจะดูเหมือนวาตางฝายตางอยูกันคนละฟากฝง แตในความจริง แลวนักเขียนก็คือนักอานคนหนึ่งที่ก้าวข้ามเสนแบงแหงบทบาท จากนักอาน สูการเปนนักเขียน และยังคงข้ามไปมาระหวางเขตแดนทั้งสองฝง พวกเขา ออกเดินทางบนเสนทางแหงจินตนาการ ตัวอักษร และการสรางสรรค์ เสนทางที่แมแตเจ้าตัวเองก็ไมรูวาหนทางข้างหนาจะเปนเช่นไร บางครั้งก็ หลงทางและผิดพลาด บางครั้งหัวใจก็เปยมไปดวยความปลื้มปติและความ ภาคภูมิใจ บางครั้งก็รูสึกอึดอัด ขัดแยง และสับสน ประสบการณบนเสนทาง แหงการเปนนักเขียนของแตละคนลวนแตกตางกันออกไป ทวาพวกเขาก็ เชื่อมตอกันดวยสายใยแหงความรูสึกในฐานะคนหัวอกเดียวกัน หนังสือ เลมนี้จะพาทุกทานไปเปดประสบการณทำความรูจักกับโลกของเหลานักอาน ผูเติบโตมาเปนนัก(เรียน)เขียนเรื ่อง สัมผัสถึงความรูสึกนึกคิด ไปจนถึง ตัวตนบางแง่มุมที่พวกเขาเก็บซ่อนไว เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว ประกอบดวย “งานเขียน รอยแก้ว” ของนักเรียนเขียนเรื่องจำนวน 15 เรื่อง (และเรื่องรับเชิญอีก เรื่อง) แบงออกเปนสามหมวดหลักๆ คือ หนึ่ง นานาทัศนะ มองหลากมุม... นักเขียน & นักวิจารณ สอง ความเรียงสะทอนสภาวะ ณ ขณะก่อเรื่อง และ สาม เรื่องสั้นที่กลั่นจากประสบการณจนเปนเรื่อง (fiction) ที่เรียงลำดับ เช่นนี้ก็เพื่อใหผูอานค่อยๆ ออกเดินทางไปกับเราโดยทำความเข้าใจมุมมอง และความคิดความอานของเหลานักเรียนเขียนเรื่องอย างค่อยเปนค่อยไป จวบจนทำความรูจักกันมากขึ้นเรื่อยๆ เปนลำดับ เพื่อที่เรา—ทั้งนักอานและ นักเขียน—จะสามารถตอกันไดติด สนทนากันไดสนุกไปตลอดระยะเวลาที่ อานหนังสือเลมนี้
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 19 หมวด I. นานาทัศนะ มองหลากมุม...นักเขียน & นักวิจารณ ประกอบดวยผลงาน 5 เรื่อง งานเขียนแตละเรื่องในหมวดนี้ตางก็ทำหนาที่ เปนสะพานเชื่อมความสัมพันธเพื่อใหนักอาน นักเขียน รวมถึงนักวิจารณ สามารถเข้าใจกันและกันไดมากยิ่งขึ้น เราจัดใหเรื่อง “นักปรุงอักษรกับบาน แหงการรังสรรค์” เปนเรื่องลำดับที่หนึ่ง เพื่อชี้ชวนใหผูอานไดทำความเข้าใจ แนวคิดสำคัญของหนังสือเลมนี้ ผานการฉายใหเห็นกระบวนการทำงาน เขียนในโลกยุคดิจิทัล สถานการณที่นักเขียนตองเผชิญ ไปจนถึงความคิด และสภาวะจิตใจของนักเขียน เช่น ความไมมั่นใจ ความสงสัยในความสามารถ ของตนเอง การตอสูภายในจิตใจ ระหวางกระบวนการสรางงานจวบจนการ เผยแพรผลงานสูสาธารณะ จากนั้นจึงสงไมตอใหเรื่อง “ถึงพระเจ้า” ซึ่งจะพาใหผูอานลงลึกไป ถึงภายในจิตใจของนักเขียนที่คับคั่งไปดวยความไมมั่นใจและคำถามที่ยาก จะตอบ นับเปนการรับช่วงอารมณตอจากเรื่องที่แลว ก่อนจะคลี่คลายความ รูสึกอันคับข้องใจที่ภายในเปยมไปดวยคำถามไวในเรื่องตอมาคือเรื่อง “คู่มือ แดฉันที่พยายามจะเปนตัวฉันตอไปเช่นนี้” ซึ่งแสดงใหเห็นภาพของนักเขียน ที่สามารถข้ามผานอะไรตอมิอะไรมาไดดวยการเรียนรูการขบคิดจนตกผลึก และตอบคำถามในใจของตัวเองไดในที่สุด เมื่อผูอานไดทำความเข้าใจจิตใจของนักเขียนและสถานการณที่ พวกเขาตองเผชิญเปนที่เรียบรอยแลว ขั้นตอไปก็คือการพาผูอานไปสอง สำรวจรอยราวที่ยากจะประสานของนักเขียนและนักวิจารณ ผานความเรียง เรื่อง “ระหวางนักเขียนกับนักวิจารณ: การประสานไมตรีที่ยังไมสำเร็จ” ซึ่ง แมวาผลงานชิ้นนี้จะเขียนมานานตั้งแตป2516 แลว แตก็มีประเด็นชวนคิด ที่ยังคงรวมสมัยอยูเสมอ ก่อนจะตอยอดไปสูผลงานสงทายในหมวดนี้ที่ชวน ผูอ านไปสองสำรวจสารพันรูปแบบความสัมพันธระหวางนักเขียนและนัก วิจารณในเชิงอุปมาอุปไมยกับคู่ความสัมพันธตางๆ ที่เราพบเห็นไดในเรื่องเลา
20 | นักเรียนเขียนเรื่อง หรือสถานการณจริง (ที่เหนือจริง) ในชีวิตประจำวัน ซึ่งผูเขียนบทความทั้งสอง คนนำเสนอออกมาไดอยางแหวกแนวทั้งเนื้อหาและภาพประกอบในผลงาน เรื่อง “ระยะทางอันหางใกลของนักเขียน ตัวบท และนักวิจารณใน จักรวาลอาน-คิด-เขียน” ดวยแนวคิดตั้งตนที่วา นักเขียนกับนักวิจารณอาจดู เหมือนอยูหางไกลคนละฟากฝง แตอันที่จริง สถานะทั้งสองกลับอยูใกลกัน มากกวาที่คิด ไมตางจากการอยูในจักรวาลหรือในวงโคจรเดียวกัน จึงเกิด เปนไอเดียการสรางสรรค์ “ไอเทมลับ” ที่จะช ่วยประสานรอยราวระหวางคู่ ความสัมพันธตางๆ เพื่อทำใหการวิจารณยังคงประสานไมตรีไวได ในหมวด II. ความเรียงสะทอนสภาวะ ณ ขณะก่อเรื่อง ก็ประกอบ ดวยผลงาน 5 เรื่องเช่นเดียวกัน เราเริ่มตนหมวดนี้ดวยเรื่อง “เมื่อฉันรอย เศษทรายใหกลายเปนแก้ว” ซึ่งเหมาะที่จะเปนพื้นที่แรกใหผูอานไดทำความ รูจักกับชั้นเรียน “ศิลปะการเขียนรอยแก้ว” คลาสเรียนที่จะไดรับการหยิบ ยกขึ้นมาพูดถึงตอในเรื่องตอๆ ไป ผานเรื่องเลาที่เรียบง่ายทวาสละสลวย ซึ่งมีที่มาจากการสะทอนยอนคิดถึงประสบการณการทำกิจกรรมและการ สรางงานจากหองเรียนเขียนเรื่อง จากนั้นจึงจะพาผูอานไปแหวกวายใน “ทามกลางมหาสมุทรคำและความคิด” ซึ่งมีลักษณะรวมดานเนื้อหากับ เรื่องแรกตรงที่ผูเขียนเรื ่องทั้งสองคนตางก็เรียนรูที ่จะไม ยึดติดในความ สมบูรณแบบที่บั่นทอนกำลังของตัวเอง จากนั้น เราจะพาคุณไปทำความรูจักกับ “บีเดิลยอด(ไม)กวี” เมื่อ โจทยในการเขียนงานกลายเปนปจจัยสำคัญที่ทำใหผูเขียนตองยอนกลับไป ทบทวนชีวิตของตัวเอง เพื ่อพยายามเข้าไปอยู ในกระบวนการบางอยาง เพื่อใหแผลเก ่าไดตกสะเก็ด เพียงเพื่อที่จะสามารถกลับมาสรางงานไดอีก ครั้ง ในขณะที่เรื่องตอมาอยาง “อยากไปสวนรถไฟ” ก็เลาถึงการเผชิญหนา กับอดีตอันเปนบาดแผลฉกรรจ์ที่ทำใหผูเขียนไมมั่นใจในการเขียนงานของ ตัวเองเสมอมา จวบจนไดพิสูจนความไมมั่นใจดวยการกลับมาลงมือทำอีกครั้ง
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 21 จะเห็นวา ความเรียงทั้ง 4 เรื่องนี้ตางก็มีชั้นเรียนรายวิชาศิลปะการ เขียนรอยแก้ว ซึ่งเปนทั้งพื้นที่และผูคน ช่วยสนับสนุนและผลักดันเหลา นักเรียนเขียนเรื่องใหออกจากคอมฟอรตโซน และก้าวข้ามอุปสรรคในใจได ในที่สุด “พื้นที่ของตัวอักษร เรื่องราว และนัก(เรียน)เขียนเรื่อง” เปน ความเรียงที่เราเลือกใหเปนเรื่องสงทายในหมวดความเรียงสะทอนความรูสึก นึกคิดจากชั้นเรียนศิลปะการเขียนรอยแก้ว ก็เพราะเปนเรื่องที่ใหภาพของการ ก้าวพนออกมานอกหองเรียนมากที่สุด เปนการก้าวสูโลกกวาง สูโลกความเปน จริง ที่ทำใหรูสึกวา การเขียนไมไดหยุดอยูแค่เพียงภายในหองเรียนเทานั้น สวนสุดทายซึ่งเปนหมวดฟกชั่นหรือเรื่องแตง มีชื่อวา III. เรื่องสั้นที่ กลั่นจากประสบการณจนเปนเรื่อง ซึ่งเปนผลผลิตจากประสบการณและ การตกตะกอนความคิดของนัก(เรียน)เขียนเรื่อง ประกอบดวยเรื ่องสั้น จำนวน เรื่อง ในบรรดาทั้งสามหมวดหมู เราจัดวางหมวดนี้ไวเปนลำดับ สุดทาย เพราะตองการชี้ชวนใหผูอ านค่อยๆ ออกเดินทางผ านภูมิทัศน (landscape) อันกวางขวางในกระบวนการสรางและเผยแพรงานในหมวด ที่หนึ่ง ก ่อนลงลึกถึงนานาสภาวะของนักเขียนในหวงเวลาและสถานการณ ตางๆ ผ านงานสารคดี (non-fiction) ในหมวดที่สอง ก ่อนจะชวนผูอานมา ตีความเรื่องแตง (fiction) เพื่อขยายขอบฟาของการสรางงาน การเสพงาน และการวิจารณในแวดวงศิลปะ (ที่ไมจำกัดแค่วงวรรณกรรม) เราตั้งใจเปดเรื่องในหมวดนี้ดวยเรื่องสั้นขนาดสั้นอยาง “A Little Bit” ซึ่งเนนนำเสนอสภาวะของศิลปน (ซึ่งเปนเช่นเดียวกับนักเขียนและ คนทำงานศิลปะอื่นๆ) ทั้งในช่วงก่อนการสรางงาน ณ ขณะสรางงาน และ หลังจากที่งานเผยแพรแลว โดยใช้กลวิธีการเลาเรื่องแบบบทสัมภาษณตัด สลับกับการบรรยายถึงเหตุการณในหวงอดีต จากนั้น เราจึงพาไปสัมผัส เรื่องสั้นที่ใช้ประสบการณจริงเปนวัตถุดิบในการสรางเรื่องอยาง “บันทึก
22 | นักเรียนเขียนเรื่อง ประสบการณทะลุมิติของนักอยากเขียนคนหนึ่ง” ซึ่งชวนใหผูอานยอนกลับ ไประลึกถึงวัยเยาวและวันวาน ซึ่งเปนช่วงเวลาที่เต็มไปดวยแรงใจและไฟฝน ในการสรางงาน ในขณะที่ตัวละครในเรื่องและผูอาน (บางคน) กำลังยางเข้า สูวัยทำงานที่กำลังจะหมดไฟ แตแลว...คุณก็อาจไดรับไฟบางอยางหลังจากที่ อานเรื่องนี้จบลงก็เปนได เรื่องลำดับที่สามคือเรื่อง“ ฉันกับฉันและฉัน” ซึ่งใช้ลูกเลนอยาง การสนทนากับตัวเองในการดำเนินเรื่อง ซึ่งเราเห็นความคลายคลึงกับเรื่อง ก่อนหนา เพียงแตเปลี่ยนจากวัยที่แตกตาง เปนหัวโขน (หรืออวตารตาม หนาที่) ที่แตกตาง นับเปนบทสนทนาเชิงถกเถียงที่ชวนคิด หลังจากที่ผูอาน ไดอุนเครื่องไปกับเรื่องสั้นเรื่องก่อนแลว เรื่องสั้นรองสุดทายในหมวดนี้มีชื่อเรื่องวา “อาชญากรในดินแดน มหัศจรรย” ซึ่งเดนที่การใช้น้ำเสียงและเลนลอกับกระบวนการสรางเรื่องแตง โดยไดรับแรงบันดาลใจจาก “มารุตมองทะเล” ของปราบดา หยุน เราอยาก บอกผูอานวา ทำใจใหรมๆ แลวผจญภัยไปในโลกมหัศจรรยที่อะไรตอมิอะไร ถูกบิด ถูกปรุง แตสนุก (เปนบา) เลย และแลว เราก็พาผูอานเดินทางมาถึง “ชานชาลาที่n” ซึ่งเปรียบ การเขียนเข้ากับการออกเดินทางไปในพื้นที่ใหมๆ นอกอาณาเขตเดิม โดย ไมรูวาจุดหมายปลายทางหรือจุดสิ้นสุดของการเดินทางจะเปนเช ่นไร หรือบางทีจุดจบก็กลับกลายเปนเพียงจุดเริ่มตนของการเดินทางครั้งใหม ซึ่งเปนสิ่งที่เราตั้งใจจะสงสารไปถึงผูอ านทุกคนทั้งที่ยังคงรักหรือเคยรัก “การเขียน” จึงเหมาะจะเปนเรื่องสงทายของชุดงานเขียนที่เปนผลงาน ของนักเรียนเขียนเรื่อง ก่อนที่จะสงไมตอใหเรื่องรับเชิญอยาง “วานยา จอหนนีและออสซีแมนเดียส” เขียนโดยนักเขียนที่เปนนักอานและนักแสดง ละครเวทีซึ่งไดมารวมเปดโลกทัศนและมุมมองเพื่อขยายขอบฟาของ “การเขียน” “การอ าน” และ “การวิจารณ” ไปในอาณาบริเวณทางศิลปะที่
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 23 กวางขวางออกไป ดวยการครุนคิดและทดลองที่จะเปนใครบางคน ทั้งที่เปนเรา และไมใช่เรา แตยังคงเปนสวนหนึ่งของเรา นอกจาก “งานเขียนรอยแก้ว” แลว บรรณาธิการยังไดเรียนเชิญ ผูทรงคุณวุฒิเขียนบทกวีเปดเลม และเชื้อเชิญกวีรุนเยาวซึ่งเปนนองๆ ใน ภาควิชาภาษาไทยมารวมเขียนบทกวีปดเลมดวย เรายินดีอยางยิ่งที่ไดมีสวนรวมในงานบรรณาธิการหนังสือ เมื่อฉัน รอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว รวมข้อเขียนบันทึกนานาสภาวะ ณ ขณะ เขียน ของนักเรียนเขียนเรื่อง จากรายวิชา “ศิลปะการเขียนรอยแก้ว” ขอขอบคุณบรรณาธิการที่มอบโอกาสอันทาทายและประสบการณใหมใหแก่ เราผานหนังสือเลมนี้ ชุติมน ชาวดง นักเรียนเขียนเรื่อง อักษรศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย จุฬาฯ ณิชาภัทร จันทสิงห นักเรียนวรรณกรรมวิจารณ อักษรศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย จุฬาฯ
24 | นักเรียนเขียนเรื่อง กว่าจะเป็นปกและภาพประกอบ ปกหนังสือเลมนี้ผานการเติบโตมาอยางยาวไกล เริ่มแรกเดิมทีปกหนังสือเลมนี้คือภาพที่เราตอยอดมาจากภาพ ประกอบความเรียง “เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว” โดยมีแร ทราย และแก้วน้ำ เปนองค์ประกอบหลักอยูบนพื้นหลังสีน้ำตาล แตทั้งบรรณาธิการ และเราก็เห็นพองตองกันวายังเปนปกที่แพภาพประกอบข้างใน ต อมาบรรณาธิการไดชวนใหเราเพิ ่มความแปลกใหม ดวยการนำ ภาพประกอบบางสวนจากในเลมมาจัดวางไวในรูปรางเรขาคณิต โจทยนี้คลาย จะไม ซับซ้อน แตกลับเปนเรื ่องทาทายสำหรับเรา ว าจะจัดวางอย างไรดี จนกระทั่งเราลองสรางสามเหลี่ยม และนำมาเรียงตอกันเลนๆ จึงเกิดเปนลาย สามเหลี่ยมแซมภาพอยางที่ปรากฏในปกไดอยางบังเอิญแตลงตัว และหลังจาก ผานการปรับเสริมเติมแตงทีละนอยๆ ปกก็ค่อยๆ เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นเรื่อยๆ และกลายมาเปนหนาตาในแบบที่ผูอานไดเห็นอยูนี้ แมจะออกแบบเสร็จแลว แตปกก็ยังไมหยุดเดินทาง เมื่อกลับมา มองอีกครั้ง เราก็เห็นวา มองๆ ดูแลว ลายสามเหลี่ยมนี้ก็คลายกับกลอง สลับลาย จะวาไปก็ยิ่งเข้ากับหนังสือเลมนี้พอดิบพอดีเพราะแมแผนแก้ว กระจกของของเลนชิ้นนี้จะสะทอนวัตถุอยางเดียวกัน แตเมื่อสะทอนจากมุม ที่แตกตางกัน ก็กลับก่อกำเนิดเปนภาพลวดลายที่แตกตางหลากหลายไมรู จบ ซึ่งก็คงเหมือนกับนักเรียนเขียนเรื่องที่ลอง “อาน” วิชา “ศิลปะการเขียน รอยแก้ว” ผานสายตาอันหลากหลาย จนสะทอนออกมาเปนผลงานสรางสรรค์ อันหลากสีเหลานี้ และเมื่อใดที่ผูอานเริ่มออกเดินทางไปในหนังสือเลมนี้ผานแก้วแหง มุมมองของทาน เราก็เชื ่อวาลวดลายแหงความคิดจะเติบโตยิ่งขึ้นไปอีก อยางไมมีที่สิ้นสุดแนนอน
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 25 ในหนังสือเลมนี้เรายังมีโอกาสไดออกแบบภาพประกอบงานเขียน รอยแก้วทั้ง เรื่องดวย (เวนเสียแตภาพประกอบในบทความชื่อ “ระยะทาง อันหางใกลของนักเขียน ตัวบท และนักวิจารณในจักรวาล อาน-คิด-เขียน” ซึ่งออกแบบโดย “น้ำทวมเมฆ” หนึ่งในผูเขียนเรื่อง) สำหรับเรา การออกแบบภาพประกอบ ในครั้งนี้เหมือนการแปล เราแปลสิ่งนามธรรมอยางสาร มุมมอง และมวลความรูสึกที่เราสัมผัสไดใน งานแตละชิ้นใหออกมาเปนสีเปนเสน เปนพื้นผิว จนเปนภาพ ดังนั้น นอกจากเปน “นักเรียนเขียนเรื่อง” แลว เรายังไดทดลองเปน “นักเรียนแปล ภาพ” อีกดวย เราเริ่มตนออกแบบภาพประกอบชุดนี้ดวยการหาจังหวะที่เงียบจน ไดยินเสียงความคิดเพื่ออ านงานแตละชิ้น เราจดคำ องค์ประกอบ และ ใจความสำคัญตางๆ เอาไวก่อนจะนำมาสิ่งเหลานี้มาเปนวัตถุดิบก ่อราง ภาพขึ้นในหัว และหยิบจับองค์ประกอบตางๆ ที่รูสึกวา ‘ใช่’ มาผสมผสาน กันเพื่อทำใหภาพนั้นเปนจริง เราตั้งใจใหภาพชุดนี้มีลักษณะคลายศิลปะ ปะติด เพื่อใหเข้ากับงานเขียนในหนังสือเลมนี้ที่ประกอบขึ้นมาจากความรูสึก นึกคิดหลากหลาย เราผสมความเหนือจริงที่ตองอาศัยการตีความเข้าไป เพื่อสะทอนภาพในเวลาที่โลกภายในกับโลกภายนอกมีปฏิสัมพันธกันใน พื้นที่ความคิด ในการออกแบบครั้งนี้บางภาพใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงก็ลงตัว แต บางภาพกลับกินเวลานานเปนสัปดาหๆ และเรื่องตลกที่สุดก็คือ ไมมีครั้งไหน ที่ภาพสุดทายจะออกมาเหมือนภาพแรกที่ตั้งใจ แตทุกภาพก็เติบโตในแบบ ของมัน เราจึงไดเรียนรูวา เราเปนผูประกอบภาพก็จริงอยูแตบางครั้งเราก็ ตองปลอยใหภาพประกอบตัวเองขึ้นมาบาง สุณิชา จุลอักษร นักเรียนเขียนเรื่อง และ นัก(ลอง)ออกแบบภาพประกอบ อักษรศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ จุฬาฯ
26 | นักเรียนเขียนเรื่อง Special Content แปลเรื่องเป็นรูป: บันทึกการออกแบบภาพประกอบหนังสือ เมื่อฉันร้อยเศษทรายให้กลายเป็นแก้ว อานเนื้อหา(ฉบับเต็ม) “กวาจะเปน (แตละ) ภาพประกอบ” ไดโดยสแกน QR Code *มีการเปดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง*
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 27 บทกวี สู่วรรณกรรม เหมือนดอกไมใกลใกลจะผลิบาน มวลเกสรชุ่มน้ำหวานฉ่ำเต็มที่ กลีบขยายก้านขยับรับวารี ใบแบงใบไหวคลี่สะทานสะเทือน เตรียมตน อิ่มก้านใบใตฟากวาง เตรียมกลั่นแสงแตงสรางกลางลมเลื่อน เตรียมความหอมพรอมรินกินแสงเดือน เตรียมไหวเคลื่อนก้าวใหมไมเชือนแช เปนภาวะขณะดอกไมใกลจะบาน ใจเรงอานใจในใหแนวแน ตาขยับจับภาพซาบดวงแด อักษรแผอักษรผายขยายตัว ทีละถอยทีละคำลงหลนรวง รินจากดวงหฤทัยซ่านไปทั่ว เปนประโยคพรางพรายไหลระรัว ที่หมนมัวสวางเพริดเปดฟาพลัน
28 | นักเรียนเขียนเรื่อง เปนภาวะขณะเขียนขณะสราง เปนภาวะที่ทุกอยางกระจ่างฝน เปนภาวะประมวลสวมรวมใจกัน จึงบัดนั้น งานเขียนเกิดกำเนิดตน เปนตัวตนเปนดวงใจเปนนัยถอย ที่เรียงรอยสรรพสรางจากกลางหน เปนงานเขียนฉายฉานบรรสานกมล ที่ก้าวจากปจเจกชนสูสาธารณะ สูความเปนสมบัติอัศจรรย สูการยืนยันความเปนอิสระ สูการวิพากษวิวาทะ เจิดจรัสทุกขณะ เปนวรรณกรรม ชมัยภร แสงกระจ่าง ศิลปนแหงชาติสาขาวรรณศิลป 26 มิถุนายน 2566
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 29 I. นานาทัศนะ มองหลากมุม...นักเขียน & นักวิจารณ
30 | นักเรียนเขียนเรื่อง
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 31 นักปรุงอักษรกับบ้านแห่งการรังสรรค์ เรื่องและภาพประกอบ: Whalien54 และ ทรายสี หากใหเปรียบเปรย นักเขียนทุกคนก็คงเหมือนกับเจ้าของพื้นที่แหง การสรางสรรค์ของตนเอง ผูใช้ปากกาวิเศษคู่ใจอยางทักษะปรุงตัวอักษรให กลายเปนนานาอาหารแห งความคิด ก ่อนเสิรฟใหผูอื ่นไดลิ้มรสและรับ สารอาหารอันหลากหลายผานการอาน เราไดเห็นมุมมองตางๆ ผานผลผลิตที่สำเร็จแลวของนักเขียนอยาง งานเขียน แตในความจริงแลว เบื้องหลังกระบวนการทำงานของนักเขียน และตัวนักเขียนเองก็มีอะไรใหเรา “อาน” เช่นกัน วันนี้เราขอชวนทุกคนมาสองเรื่องราวหลังประตูบานแหงการ รังสรรค์เดินทางทองไปในหองหับแหงประสบการณและสภาวะตางๆ ทั้ง ดานบวกและดานลบที่นักเขียนพบเจอไปดวยกัน ผ านเรื่องเลาที่รอยเรียง จากปากของนักปรุงอักษรเดินดิน ผูเปนผูเสพ ผูสราง และผูเสิรฟ หากพรอมแลว เราขอเชิญทุกคนพบกับนิทานของนักปรุงอักษรที่จะ พาคุณไปสัมผัสเรื่องราวของผูสรางสรรค์ที่ไมใช่ผูวิเศษ และบางทีเราก็อาจ ไมจำเปนตองเปนผูวิเศษเพื่อเปนผูสรางสรรค์ ... ฉันลืมตาตื่นจากฝนอันเลือนราง แมจำรายละเอียดไมไดทุกอย าง แตความรูสึกที่ติดค้างนั้นชัดเจน
32 | นักเรียนเขียนเรื่อง ความปรารถนาไดก่อกำเนิดขึ้นอีกครั้ง เช้าที่สดใสสองสวางไมเทา กับไฟที่ลุกโชนในตัวฉัน พื้นที่สี่เหลี่ยมแหงตัวตนบรรจุเรื่องราวของเด็กนอย ที่พกความมุงมั่นและความหลงใหลมาเต็มเปยม ในหมูบานเล็กๆ แหงนี้ที่หล อเลี้ยงผูคนดวยตัวอักษรวิเศษแหง เรื่องราว ฉันคือหนึ่งในผูอยูอาศัย และมีบานแหงการรังสรรค์เปนของตนเอง ฉันกวาดสายตามองดูชั้นหนังสือภายในหอง มันเปนหนังสือที่ฉันได “เสพ” ไปแลว หลายเรื่องเปนเลมโปรดเพราะรสชาติที่อรอยจัดจ้าน หลาย เรื ่องเปนการเรียนรูใหเพลิดเพลินใจเช่นรสที ่กลมกล อมของมัน และอีก หลายเรื่องอาจนับเปนการทาทายความคิดและความเชื่อแบบที่บรรยาย รสชาติออกมาไมได แตถึงกระนั้น พวกเขาลวนเปนสวนประกอบของความหิวโหยและ แรงผลักดันใหฉันในวันนี้ไดเปน “นักปรุงอักษร” ชั้นเลิศ มื้อตอไปจะเปนเวลาแหงการนำเสนอผลงาน ตัวอักษรพรอมถูก รอยเรียงเพื่อหลอเลี้ยงเหลาแขกผูมีเกียรติทุกทาน ฉันพรอมแลวสำหรับการผลิตอักษรในวันนี้! ... เข้ามาในหองที่เต็มไปดวยวัตถุดิบมากมายใหเลือกสรร มันเปน พื้นที่แหงการผลิตของฉัน จึงมักจะเปนพื้นที ่แห งการใช้เวลาจมจ ่อมที่ ยาวนานที่สุดเมื่อมีภารกิจของนักปรุงอักษร ฉันใครครวญมองดูชั้นวางตางๆ ทั้งเปดตูเย็นและตูเก็บของ หยิบ นั่นจับนี่ออกมาวางเรียงกันเพื่อไตรตรองทบทวนอีกครั้ง วาจะใช้อะไรปรุง แตงผลงานของฉันในวันนี้บาง
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 33 เครื่องมือสำคัญที่สุดคือปากกาวิเศษอันเปนสิ่งที่จะสรางเหลาอักษร แหงจินตนาการใหออกมามีตัวตน ฉันตรงไปหยิบมันขึ้นมา—เจ้าเพื่อนยาก ของฉัน หยิบหมึกที่เตรียมไวใสบรรจุลงไป ผลึกจากงานจานเก่าก็เปนตัวเลือก ที่ดีหยิบนั่นจับโนน จานกระดาษสีซีดพรอมถูกเติมเต็มโดยเหล าอักขระ วิเศษแลว ขีดเขียนดั่งรายรำ น้ำหมึกก ่อรางสรางเปนเรื่องราวใหโลดแลนใน จินตนาการ ภาพความฝนเริ่มเดนชัดสูสายตา ประกายสีสันเจิดจ้าลองลอย เต็มไปทั่วหองสี่เหลี่ยมแหงการสราง หัวใจเทากำปนเริงรายินดีฉันตวัดขีด เขียนมันดวยความตื่นเตนและคาดหวัง รอคอยใหเรื่องเลาของฉันประจักษสู สายตาเหลาแขกเหรื่อ มีช ่วงเวลาที่ฉันไมแนใจบาง บางครั้งก็หยิบจับวัตถุดิบใสลงไปผิด สูตรโดยไมรูตัว บางครั้งฉันเองก็อยากจะสรางสูตรปรุงอักษรเปนของตนเอง อำนาจแหงการตัดสินรสชาติเหลานั้นไมไดขึ้นอยูกับฉัน กระนั้น ฉันเองก็เรียนรูการลองผิดลองถูกจากมันไดแมอาจจะ ออกมาไมอรอย ฉันก็คิดเพียงวาจะไดยอนกลับมาแก้ตัวใหมอีกครั้งเมื่อถึง เวลาครั้งตอไป จานกระดาษกำลังตอเติมดวยเหลาอักษร ซ้อนเรียงกันหลายหนา จนฉันคิดวาพอแลวสำหรับแขกที่จะมาเยี่ยมเยียนในวันนี้ฉันลองชิมมันไป บาง เสนสีและตัวอักษรทั้งหลายออกมาเริงระบำบนอากาศ ฉันเฝามองพวก เขาผ านสายตาของผูสราง ซ่อมแซมแก้ไขความผิดพลาดเมื่อพบเข้า หมาย มาดเอาไวว านี ่จะเปนผลงานยอดเยี ่ยมที่สรางความสุขใหใครต อใครได อิ่มเอม ...
34 | นักเรียนเขียนเรื่อง ณ พื้นที่จัดแสดงผลงาน ฉันกำหนดเวลาเอาไวแลว ทำการจัดเรียง เรื่องราวที่ไดตระเตรียมเอาไวเสร็จสรรพ จานกระดาษที่รอยเรียงไปดวย ตัวหนังสือของฉันกำลังสองแสงเปลงประกาย รอคอยที่จะไดบรรเลงสราง สีสันใหพื้นที่จัดแสดงแหงนี้ ติ๊ง! เสียงสัญญาณบอกความพรอมของการรับชมผลงานจานพิเศษของ ฉันไดเริ่มขึ้นแลว เหลาผูคนที่สัญจรไปมาคงจะเห็นและไดยินสัญญาณจาก หนาบานซึ่งไดเปดประตูพรอมตอนรับแลว ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาก็จะถูก นับเปนแขกผูมีเกียรติของฉันทันทีฉันรอคอยดวยใบหนาเปอนยิ้มยินดีกอด ปากกาวิเศษเพื่อนยากของฉันไวกับตัวดวยความหวงแหน ผูคนเริ่มทยอยเข้ามา ในช่วงแรกยังมีเพียงหยิบมือ กระนั้นเอง งาน เฉลิมฉลองแห งตัวอักษรและพื้นที ่สรรค์สรางเรื่องเลาก็ดำเนินขึ้นอยาง ครื้นเครงตามความปรารถนาของผูเสพ ฉันมองเห็นความปติของแขกที่มา เยี่ยมเยือน พวกเขาสวนใหญตางอิ่มหนำสำราญไปกับอักษรปรุงแตงของฉัน บางคนเดินตรงเข้ามาหาฉันพรอมใหคำแนะนำสำหรับการผลิตครั้ง ตอไป บางคนเดินเข้าหาฉันเพื่อกลาวชื่นชมผลงานครั้งนี้ “นี่มันยอดเยี่ยมไปเลย รอจานตอไปของคุณนะ!” ฉันยิ้มรับดวยความเต็มใจ เก็บทุกความคิดเห็นของพวกเขาเอาไว บางอยางสามารถแปลงเปนวัตถุดิบใหม ไดเสียดวยซ้ำ หมายมาดว าครั้ง ตอไปเหลาอักษรของฉันจะเลิศรสขึ้นไปอีกตามที่พวกเขาคาดหวัง ไมนาน หองรับแขกแหงนี้ก็เนืองแนนไปดวยเหลาผูคนหนาใหมที่คง ไดรับการบอกตอกันถึงผลงานของฉัน
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 35 รอยยิ้มของฉันกวางขึ้น อกและหลังยืดตรงดวยความภาคภูมิใจ กำลังใจจากพวกเขาสงตอมาถึงฉัน เหลานักเสพไดรับการหลอเลี้ยงดวย ผลงานแหงตัวอักษร ในขณะเดียวกัน นักปรุงอักษรก็ไดรับการหลอเลี้ยงดวย เสียงตอบรับจากแขกนักอานอักษร ระหวางที่กำลังยืนกระหยิ่มยิ้มระรื่น ใครบางคนก็พุงตรงเข้ามาหา ฉัน เขาเปนหนึ่งในแขกที่กรูกันเข้ามา กระนั้นบนดวงหนากลับไมมีความปติ ยินดีหรืออิ่มเอมใจเช ่นคนอื่น กลับกัน เขามีใบหนาถมึงทึง มุงราย ราวกับ หมายมาดวาพรอมจะทำลายสิ่งใดก็ตามที่อยูตรงหนา และตอนนี้ที่อยูตรงหนาเขาก็คือตัวฉัน “งานของคุณนี่มันขยะดีๆ นี่เอง!” เขาตะโกนก้อง ใบหนาฉันซีดเผือด เหลือบมองเลยผานหลังของเขา ไป ที่ซึ่งเงาสีดำจากตัวเขากำลังขยายขึ้นจนใหญคับหอง ... ทันใดนั้น ฉันไดยินเสียงตะกุกตะกักดังขึ้นจากหลังบาน ที่จริงแลว ที่นี่ยังมีอีกหองหนึ่ง หองที่ซ่อนตัวอยูในซอกหลืบที่มืดดำที่สุดของบาน ไมมี ใครรูจักที่นี่ แตฉันรูจักดี ที่นี่คือหองปดซะหนา—หองลับที่ฉันไมอยากรับ ฉันอำพรางและผนึกหองนี้ไวอยางแนนหนาดวยมนตรที่ชื่อวา มิอยากรับ มิอยากรูและซ่อนสิ่งหนึ่งไวในหองนี้…สิ่งที่ตื่นขึ้นทุกครั้งพรอม เสียงของบรรดาแขก สิ่งที่ไลลาฉันซ้ำแลวซ้ำเลา สิ่งที่ฉันไมไดเพียงตองการ ซ่อนเรนใหพนสายตาของแขกเหรื่อ แตเพื่อใหพนจากสายตาของฉันเอง
36 | นักเรียนเขียนเรื่อง ฉันไดยินเสียงคำรามดังก้อง ฉันไดยินเสียงผนังบานสั่นสะเทือน ประตูเริ่มพัง มนตรของฉันในที่สุดก็ไมสามารถตานทานได แลวมันก็ออกมา—สัตวประหลาดที่หิวกระหายทุกความรูสึกภาคภูมิใจ ของฉัน—สายตาของมันช่างเหมือนกับสายตาของฉัน เสียงของมันก็เหมือน เสียงของฉัน เพียงแตมันอาฆาตมาดรายเสียจนฉันไมอาจทานทน เมื่อนานมาแลว มันช ่างง่ายดายที่จะกำราบสัตวประหลาดตนนี้ให หลับใหลไมออกมาก่อกวน เพียงแค่ฉันหยิบปากกาวิเศษที่สวรรค์ประทาน ใหออกมา แลวรอยเรียงอักขระนานาไปบนอากาศ ตัวอักษรเหลานั้นก็ราย ระบำรอบตัวฉัน เรืองแสงสวางทรงพลัง ฉันเองก็รูสึกทรงพลัง ถอยความที่ ฉันสรรค์สรางช ่างแข็งแกรง เมื่อนานมาแลว ใครๆ ก็มักพูดเช่นนั้น มันทำ หนาที่เปนเกราะ—เกราะที่สะทอนพลังรายกลับไปสูสัตวประหลาด จนมัน กลายเปนอากาศธาตุในสายตาฉัน จนมันไมอาจทำอะไรฉันได—แตนับวัน รางของมันยิ่งใหญขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ฉันกลับตัวเล็กลีบลงทุกทีๆ และอนิจจา ฉันรูสึกวาอักษรของฉันยิ่งเปราะบางลงทุกทีๆ ราวกับ ของขวัญจากสวรรค์มันเปนเรื่องลวง “อักษรเจ้าไมไดวิเศษ เจ้าไมรูรึ” สัตวประหลาดแสยะยิ้มราวกับรูทัน ทุกความคิดของฉัน มันสาดน้ำลายนาขยะแขยงของมันใสฉัน เสียงของมัน ทำใหฉันถอยรน เทาที่เริ่มจะไมมั่นคงของฉันสะดุดลม เจ้าสัตวประหลาดยิ่ง ไดใจ “ลมอีกแลวรึรูใช่ไหมวาเจ้าลมเมื่อไร มีฝาเทานับรอยรอเหยียบเจ้า อยูนะ” มันยางกรายเข้ามาใกลฉันเรื่อยๆ น้ำลายข้นเหนียวหนืดเปอนไปทั่ว หอง มือยาวของมันพุงมาฉกปากกาไปจากมือฉัน ก่อนจะทำลายมันจนสิ้น มันมองซากปากกา ก่อนจะมองฉันอยางเยาะเยย “เจ้ามันไมใช่คน เก่ง ก็เปนแค่ของเส็งเคร็งไมตางกัน” ...
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 37 ทันใดนั้น มือของมันก็เปลี่ยนเปาหมายมาเปนตัวฉัน พยายามจะ บดขยี้ตัวตนฉันใหสิ้นซาก ฉันวิ่งหนีเพราะนั่นเปนสิ่งเดียวที่ฉันนึกออก และ ใจของฉันรูดีวาจะตองมุงไปที่ใด หองน้ำ นั่นละที่หมายของฉัน—ที่ที่เหม็นอับดวยกลิ่นความสับสน เปยก ปอนไปดวยหยาดเหงื่อความอ อนลาที่มองไมเห็น แตก็พนจากสายตาของ ทุกคนที่จับจ้อง—ฉันมาซ่อนตัวซ่อนตนที ่นี่ทุกครั้งที่เหลาแขกยกโขยงมา เยี่ยมเยือน หรือทุกครั้งที่สัตวประหลาดนั้นออกอาละวาด แมจะเปนที่ที่ทำ ใหฉันเริ่มจะขาดอากาศแหงความมั่นใจ แตก็เปนที่ที่ทำใหฉันไดถายไดเท ฉันปลอยใหตัวเองเปลาเปลือยและปวกเปยก นั่งกอดเข่าคุดคู้อยูใน อาง ฉันปดความคิดแลวเปดฝกบัว ปลอยใหไฟในตัวฉันค่อยๆ ดับมอดไป กับสายน้ำที่ไหลไปไมตางจากเวลา—ไฟที่ฉันเคยคิดไปเองวาจะไมมีวันดับ เหมือนปากกาวิเศษที่จะไมมีวันสูญ—ตุกตาเปดยางตัวจิ๋วเมื่อสมัยยังเด็ก บัดนี้มีสีเหลืองคล้ำ ลอยไปลอยมาบนผิวน้ำอยางสิ้นไรซึ่งจิตวิญญาณ ฉัน เอื้อมมือไปจิ้มมัน แลวก็นึกถึงตัวเองขึ้นมา เปนเปดไมพอ ยังปลอมแถมตัวกะเปยกอีก ฉันยิ้มแหง นั่งเขี่ยเปดไปมา เขี่ยไปเขี่ยมา เขี่ยไปเขี่ยมา พลางฟง เสียงน้ำจากก๊อกหยดติ๋งๆ ไปอยางไมมีจุดหมาย เห็นทีฉันคงจะเปนแค่ นักเขี่ย ไมใช่นักเขียนอะไรอยางที่คิดจริงๆ สินะ ฉันนั่งใหเวลาฆ่าฉัน นั่งวนอยูในอางครั้งแลวครั้งเลา ไมตางจากเจ้า เปดจิ๋วตัวนั้นที่ลอยวนอยูในน้ำอยางทุลักทุเล ฉันวนอยูในอางเช่นนั้น จนไม รูจะวนไปที่ใดอีก ฉันฆ่าเวลาและเวลาก็ฆ่าฉัน ฆ่าช้าๆ จนฉันเกิดใหมอีกครั้ง
38 | นักเรียนเขียนเรื่อง ฉันลุกไปที่อางลางหนา ยืนขึ้นสบตากับเงาตัวเองในกระจกนิ่งนาน คำถามบางคำผุดพรายขึ้นมา นักเขียนที่เขียนไมไดยังเปนนักเขียนอยูไหม แลวนักเขียนที่เขียนไมดียังเปนนักเขียนอยูเหรอ ฉันยืนนิ่ง ก่อนจะเปดก๊อก อางลางหนา ฉันวักน้ำลางหนา น้ำเย็นๆ ค่อยๆ ลางคำพูดของแขก (ไมไดรับ เชิญ) ที่ฝงลึกในใจฉันเสียยิ่งกวาคราบที่ฝงลึกในโถชักโครก ฉันค่อยๆ ชำระ ลางน้ำลายยืดยาวของสัตวประหลาดที่เปรอะเปอนไปทั่วจิตใจ จากนั้นลืม ตาขึ้นอีกครั้ง มองจ้องภาพตัวเองในกระจก กระจกนั่นทั้งบานเล็ก แตกราว เลอะฝุนเขรอะ แต กระจกก็ยัง สะทอนไดเสมอ ถาเช่นนั้น ฉันก็คงไมตางกัน ที่สำคัญ เจ้าเปดเหลืองคล้ำ ตัวนั้นก็ไมเห็นจะจมน้ำสักที มือที่เพิ่งฟนจากความเหนื่อยออนของฉันหยิบเสื้อผาขึ้นมาสวมใส อีกครั้ง ก่อนจะเปดประตูออกไปอีกครา ... ฉันทิ้งหองนอน หองรับแขก หองครัว หองลับ และหองน้ำไว เบื้องหลัง ปลายเทาของฉันก้าวไปบนกระเบื้องเย็นวาบของลานโลงที่ไรผนัง กำแพง อยางเชื่องช้าแตหนักแนน นานแลวที่ไมไดมาที่นี่ ตอนนี้ฉันอยูบนระเบียง หลายครั้งฉันหลงลืมไปแลวว าที ่นี ่เปนส วนหนึ ่งของบานหลังนี้ เพราะฉันมัวแตวิ ่งวุ นจากหองนั้นไปหองนี้ไมเคยไดหยุดนิ ่ง ไม เคยได วางเวน แตที่นี่ช่างตางออกไป ที่นี่ไมมีอะไรเลย นอกเสียจากสายลมแหง ความสงบที่พัดมาปะทะสมอง นอกเสียจากความวางเปลาที่ทำหนาที่เสมือน
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 39 ประตูเปดรับสรรพสิ่ง ฉันเห็นทองฟาที่เปลี่ยนสีสันไปเรื่อยๆ เห็นเพื่อนบาน ที่สนทนากันเรื่องนั้นเรื่องนี้และไดยินเสียงหายใจของฉันเอง ฉันมองลงไป ยังดานลาง เห็นดอกไมแหงความคิดหลากสีสันที่ฉันทดลองปลูกไวอยูใน สวน บางก็ออกดอกสะพรั่ง บางแคระแกร็น บางถูกคนข้างบานสาปแช่งให เหี่ยวตายไวๆ ทุกวี่ทุกวัน แตอยางไรเสีย มันก็ลวนยังมีชีวิต ฉันไมมีปากกาวิเศษแลว หรือฉันอาจไมมีตั้งแตแรก แตนั่นสำคัญ เพียงใดกัน ฉันก็คงเหมือนระเบียงนี่ ไมมีอะไรเลย แตนั่นละที่ทำใหฉันเห็น ทุกสิ่ง ทำใหฉันไดยินทุกอยาง—นั่นละพลัง ข้ารับแลว ข้ารูแลว ฉันตัดสินใจทองมนตรกับตนเองอยางแผวเบา เพื่อเปดผนึกหองลับในบานหองนั้นที่ฉันเคยซุกซ่อน ฉันอาจเปนแค่ของ เส็งเคร็งดังวา แตนาประหลาดที่ฉันกลับรูสึกแข็งแกรงดังเช่นเมื่อครั้งเก่า และนาประหลาดที่เสียงรองก้องของสัตวประหลาดนั่นก็พลันหายสิ้นไปดวย ในความเงียบงันนั้น บางอยางถักทอก่อตัวขึ้นในมือฉันอีกครั้ง— ปากกา ปากกาที่ไมไดวิเศษ ฉันยิ้มใหกับตัวเองเล็กๆ ก่อนจะเริงระบำอีกครั้งและขีดเขียนไปบน กำแพงบาน บนใบไมและบนอากาศ วิเศษไมวิเศษ ก็เขียนบนกระดาษแผ นเดียวกัน และกระดาษแผน นั้นคือโลกใบนี้.
40 | นักเรียนเขียนเรื่อง “ฉันไมมีปากกาวิเศษแลว หรือฉันอาจไมมีตั้งแตแรก แตนั่นสำคัญเพียงใดกัน ฉันก็คงเหมือนระเบียงนี่ ไมมีอะไรเลย แตนั่นละที่ทำใหฉันเห็นทุกสิ่ง ทำใหฉันไดยินทุกอยาง —นั่นละพลัง” “นักปรุงอักษรกับบานแหงการรังสรรค์” ของ Whalien54 และ ทรายสี
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 41 กวาจะเปน นักปรุงอักษรกับบ้านแห่งการรังสรรค์ ตอนสรางงาน เรามีไอเดียเรื่อง “พื้นที่” และตองการขยายไอเดียนี้ ใหเปนรูปธรรมและนำมาใช้บอกเลาสิ่งนามธรรม ซึ่งก็คือความรูสึกนึกคิดซึ่ง เปนประสบการณรวมของเหลานักเขียน เราหยิบเบื้องหลังกระบวนการเขียน มาเลา เพื่อใหเห็นนักเขียนในมุมที่ไมไดสำเร็จหรือสมบูรณแบบเสมอ โดยใช้ ภาพของบานและหอง เพราะบานมีทั้งพื้นที่และกรอบ มีทั้งความเปน สวนตัวและการอยูรวมกับคนอื่น เช่นเดียวกับการเขียน เราเลือกใช้เสียงเลา แบบนิทาน เพื่อชวนใหคนอานไดเพลิดเพลินไปกับการตีความ ดวยหวังวา นิทานเรื่องนี้จะทำใหคนอ านมองเห็น “กิจวัตรทางความรูสึกของนักเขียน” อยางเราๆ และเห็นวาความขรุขระบนเสนทางการเขียนเปนเรื่องธรรมดา ขอใหงานชิ้นนี้เปนเพื่อนของทุกคนที่กำลังเรียนรูวิธีการทำงาน สรางสรรค์ผานการลงมือทำ ขอใหเราสามารถรับมือกับเสียงสะทอนกลับ หลังการสรางงานไปดวยกันค่ะ Whalien54 สนใจภาษา วรรณกรรม การเขียน ศิลปะ ดนตรีประวัติศาสตร การเตนรำ และทวิตเตอร ทรายสี สนใจงานเขียน งานศิลป ความสัมพันธระหวางโลกภายนอก และโลกภายใน
42 | นักเรียนเขียนเรื่อง
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 43 ถึง พระเจ้า, ดอกดิน ถึง พระเจ้า, นี่ผมคิดมากเกินไปหรือเปลา โลกนี้เริ่มอยูยากเกินไปแลวหรือเปลานะ ใครบางคนเคยบอกกับผมวา “ชีวิตเปนเรื่องของทิศทางไมใช่ความเร็ว” หากชีวิตเปนเช่นนี้แลวผมจะรูไดอยางไรวาผมมาถูกทาง ขนาดบางครั้งผม คิดมาอยางดีแลว แตกลับผิดทางเสียไดพระองค์เล นตลกกับผมหรือ บางครั้งกวาสัญญาณข้างทางจะบอกเปนนัยใหผมนึกสงสัยวาคงจะมาผิด ทาง มันก็เกือบจะถึงจุดหมายอยูแลวในอีกไมกี่เอื้อมมือ จนผมไมอาจฝนใจ กลับหลังหัน แลวทิ้งระยะทางหลายรอยกิโลใหสูญเปลาเพื่อกลับไปเริ่มตน ใหม แตจะใหไปตอเพื่อเจอกับผลลัพธที่ไมพึงพอใจแนๆ นั้น ก็ดูไมใช่ทางที่ดี สักเทาไหร ในช่วงสองถึงสามเดือนที่ผานมา ผมเจอเหตุการณแนวนี้มานับ ครั้งไมถวน เช่นในช ่วงที่ผมตองเขียนเรื่องสั้นเพื่อสงเปนงานเก็บคะแนน ก่อนจะเขียน ผมตั้งธง คียเวิรด ใจความสำคัญที่อยากสื่อสารผานเรื่องเลา เรื่องนี้เอาไวจากนั้นจึงเริ่มรางโครงเรื่อง วางแผนนูน นี่ นั่น สารพัดสิ่ง เพื่อ ใหรัดกุม ครอบคลุม และสบายตอตัวเองตอนลงมือเขียนจริงมากที่สุด พอ ถึงช ่วงกิจกรรมแลกเปลี่ยนไอเดียในคาบ ผมก็นำสิ่งเหลานี้ไปเสนอ แตพอ พูดไป ใจก็กลับรูสึกขัดแยงในตัวเอง…ผมไมชอบไอเดียนี้เลย ผมเขียนไมได
44 | นักเรียนเขียนเรื่อง แนๆ…ถึงจะไมชอบก็เถอะ สุดทายผมก็ยังไมไดโยนไอเดียนี้ทิ้ง ยังคงเก็บ เอาไวจนกระทั่งไมกี่ชั่วโมงก่อนการนำเสนอโครงเรื่องใหวิทยากรพี่เลี้ยง ประจำกลุม (mentor) ฟง ผมก็ตัดสินใจโละทุกอย างทิ้ง ผมเลือกจะกลับ หลังหันแลวทิ้งระยะทางทั้งหมดที ่ไดเดินมา แตมันก็ไม ใช ่การยอนมาสู จุดเริ่มตนเสียทีเดียว ผมคิดวามันเปนเพียงการเปลี่ยนองศาในเข็มทิศที่จะมุง ไปเพียงเล็กนอยเทานั้น อยางไรก็ดีผมตัดสินใจไปตอโดยไมไดนึกหวั่นเกรง เลยวา ทางใหมที่เลือกเดินจะเปนทางที่ผิดอีกเช่นกัน เพราะผมมีความรูสึก ของตัวเองเปนเครื่องวัด ผมจึงเชื่อสนิทใจ วาผมเลือกถูกทางและผลลัพธที่ เกิดขึ้นก็ยืนยันเช่นนั้น ใช่วาผมจะยอมหันหลังใหกับทางที่ผิดเสมอไป ทุกวันนี้มีหลายเรื่อง ที่ผมไมยอมหันหลังกลับสักทีใช่วาผมไมรูตัวเองวาตองการอะไร อยากไดสิ่ง ไหน หรืออยากใหชีวิตเปนเช่นไร แตเหมือนแรงดึงดูดจากปลายทางนั้นมี กำลังแรงกวากำลังของอารมณความรูสึกภายใน ยิ่งฝนอยูเทาไหร ผมก็ยิ่ง ทรมานมากขึ้นเทานั้น ผมวอนขอพระองค์ใหช่วยดลบันดาล ช ่วยทำใหการ หันหลังกลับใหกับเรื่องเหลานี้ง่ายเหมือนกับตอนเขียนเรื่องสั้นไดหรือไม ผมไมไหวแลว ไดโปรด ชายผูหนึ่งที่กำลังหมดเรี่ยวแรง ----------------------------------------- หมายเหตุบรรณาธิการ 1. เรื ่องสั้นที่ผูเขียนกลาวถึงหมายถึง เรื ่องสั้น “กระซิบ” ของ ดอกดิน ต อมาไดตีพิมพในรวม เรื่องสั้นชุด วิกลวิกาล (2566) จัดพิมพและเผยแพรโดยภาควิชาภาษาไทย อักษรฯ จุฬาฯ ผูสนใจสามารถอานฟรีe-book ไดทางแอปพลิเคชัน Meb, CU-eBook Store และ TK Read 2. วิทยากรพี่เลี้ยงประจำกลุมที่กลาวถึงคือคุณศศิวิมล นทธีสุระเดชชะมงคล ซึ่งผูรับผิดชอบ รายวิชาศิลปะการเขียนรอยแก้ว ไดเรียนเชิญเปนวิทยากรอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “การ เขียนเรื่องสั้น” ซึ่งจัดขึ้นระหวางเดือนกุมภาพันธถึงมีนาคม 2565 โดยมีคุณจิดานันท เหลืองเพียรสมุท และ คุณอดิศร ไพรวัฒนานุพันธรวมเปนทีมวิทยากรพี่เลี้ยงดวย
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 45 ถึง พระเจ้า, ผมทวนถามตัวเองอยูทุกวี่วันวา คนเรามีคุณค่าดวยสิ่งใดกัน ไฉน เลย พระองค์จึงไมสรางใหเรามีคุณค่าในตัวเองโดยไมตองเปรียบกับสิ่งอื่นใด ยิ่งผมไดทองเที่ยวไปในโลกของคอนเทนตออนไลนและความเรียง ของนักเขียนชื่อดังทั้งหลายแลว ผมยิ่งพบวา แก ่นหลักของเรื่องราวเหลานี้ มักเกิดจากการผสมของสองสิ่งหรือหลายสิ่งเข้าดวยกัน ทั้งการยกตัวอยาง การเปรียบเทียบ และการเชื่อมโยง เพื่อใหคอนเทนตนาสนใจและแปลกใหม เพราะความแตกตางจะทำใหโดดเดนและดึงดูดสายตานักอ านไดดียิ่งกวา แตกลวิธีการเลาเรื่องแบบนี้กลับทำใหผมอยากยอนถามใครสักคน—อาจจะ เปนพระองค์ก็ได—วาหากไมมีการเปรียบเทียบแลว สิ่งนั้นจะไรค่าเลยหรือ ของสองสิ่งที่นำมาเปรียบเทียบกันนั้น เมื่ออยูโดดๆ แบบไมสัมพันธกับสิ่งใด และหากในบรรดาคอนเทนตเหลานั้นไมมีมาตรวัดคุณค่าตางๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งของทั้งหลายจะยังมีคุณค่าอยูหรือไม ไมใช่แค่เพราะกลวิธีของนักคิดคอนเทนตเหลานี้เทานั้นที่ชวนใหผม ตั้งคำถามกับคุณค่าของสรรพสิ ่ง แตดวยมาตราวัด คำเปรียบเปรย หรือ แมแตการวัดคุณค่าแบบทั่วไปของคนเรา เช่น เขาดีกวาเธอ เธอเก่งกวาเขา ก็ทำใหผมอดคิดไมไดวา หากผมจะลงมือเขียนอธิบายตัวเองในทุกแง่ทุกมุม โดยไมเปรียบเทียบและไมเชื ่อมโยงกับสิ่งอื ่นใด ผมจะยังสามารถทำได หรือไม แลวผูอ านจะเข้าใจภาพของผมไดตรงกับความเปนจริงหรือไม ในเมื ่อผมกำลังอธิบายโดยที ่ไมไดเชื ่อมโยงหรือเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขา คุ้นเคยเพื่อใหเกิดความเข้าใจที่ตรงกันเลย สุดทายนี้ผมมีคำถามหนึ่งที่อยากไดคำตอบจากพระองค์อยางยิ่ง… หากเราจะเปนสิ่งหนึ ่งสิ่งใดไดก็ตอเมื่อเราคลายคลึงหรือเหมือนกับสิ่ง เหลานั้น เช่น เลือดเปนสีแดงไดก็ตอเมื่อสีของมันคลายกับสีแดง ใบไมจะ
46 | นักเรียนเขียนเรื่อง เปนใบไมไดก็ตอเมื่อมีรูปรางและลักษณะตางๆ ทั้งทางกายภาพและ ชีวภาพคลายใบไม…แลวถาผมไมเหมือนกับใคร สิ่งใด หรืออะไรเลย ผมจะ ยังมีคุณค่าหรือไมครับ ชายผูหนึ่งที่กำลังรูสึกหมดคุณค่า
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 47 ถึง พระเจ้า, ผมเขียนจดหมายฉบับนี้มาเพียงเพื่อบอกกลาวพระองค์วา ผมมี ความหวังที่จะมีความสุขแลวตั้งแตที่ผมเริ่มรูจักการเขียน ผมรูสึกตัวเบาหวิว เหมือนเศษเสี้ยวของความทุกข์กายและใจหลุดลอยไปกับตัวหนังสือ หลังจากนั้น ผมก็ไดเรียนรูวิธีปลดปลอยความคิดฟุงซ่านที่กำลังหนักหัวอยู ใหจางหายไป ก่อนจะเอนตัวลงหนุนหมอนในแตละวัน ตลอดเวลาที่ผานมา ผมเพียรแต “อาน” และ “คิด” อยูเสมอมา จนมาวันนี้ผมไดเจอกระบวนการสุดทายของการเรียนรูนั่นคือ “การเขียน” เพราะชีวิตของเราเรียนรูไมรูจบ หากจะวาไปจริงๆ แลว การเขียนก็ไมไดมี หนาที่แค่ช่วยจดและจำความรูของเราไวเหมือนที่ใครตอใครพร่ำสอน แตการ เขียนยังเปนการทิ้งความรูออกไปเสียบาง เพราะบางครั้ง การไดรูหรือเรียนรู บางสิ่งมักจะมาพรอมกับความหนักใจ ความคิดมาก และความกังวลได เช่นกัน แตพระองค์ครับ แมผมจะเขียนไปมากเทาไหร ทำไมถึงดูเหมือนยัง มีอะไรกดทับผมอยูตลอดเลย ถึงจะเบาลงแตก็ไมไดทำใหมันหายหนักสัก เทาไหร หรือแทจริงแลวปญหาไมไดอยูที่การรูจักเขียนหรือครับ หรือแทจริง แลวการแก้ปญหาที่ถูกตองไมใช่การเขียน แตเปนการไมอานและไมคิด หรือ แทจริงแลวปญหาไมไดอยูที่อื่นไกล แตอยูใกลเพียงช่องอก—หัวใจ—ของผมนี้ เอง ชายผูหนึ่งที่กำลังมีความหวัง.
48 | นักเรียนเขียนเรื่อง “ผมมีคำถามหนึ่งที่อยากไดคำตอบจากพระองค์อยางยิ่ง… หากเราจะเปนสิ่งหนึ่งสิ่งใดได ก็ตอเมื่อเราคลายคลึงหรือเหมือนกับสิ่งเหลานั้น... แลวถาผมไมเหมือนกับใคร สิ่งใด หรืออะไรเลย ผมจะยังมีคุณค่าหรือไมครับ” “ถึง พระเจ้า,” ของ ดอกดิน