เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 199 ผมบิดเบี้ยวตั้งแตตอนไหนกัน ไมสิหรือมันไมใช่ความทรงจำที่แทจริงตั้งแต แรก แลวตัวตนของผมคือใครกัน เปนอาชญากร หรือเปนใครกันแน “ถึงเวลาแลว” เสียงของผูหญิงคนหนึ่งดังเข้ามาในหัวของผม เสียงของพระเจ้างั้น เหรอ นักเขียนนั่นมันทำอะไรกับผม รูความจริงแลวเหรอวาผมตื่นรูขึ้นมา มันกำลังจะลบผมออกไปจากหนากระดาษแลวใสตัวตนอื่นเข้ามาแทนใช่ ไหม ภาพตรงหนาผมเริ่มเลือนราง ตองขอโทษพวกคุณดวย การประจาน และเปดเผยตัวตนของนักเขียนเฮงซวยนี่ จบดวยการหายไปของผม นี่ผม เปนฝายแพแลวสินะ คราวนี้ผมรูแลววา ทำไมเธอถึงเรียกผมวาอาชญากร ก็ ไอคนที ่ทำลายเรื ่องราวทั้งหมดของเธอ จะเปนอะไรไปไดละ นอกจาก อาชญากร กบฏตอพระเจ้าที่เขียนโลกใบนี้ขึ้นมา จินตนาการของพระเจ้ากำลังคืบคลานเข้ามา เขากำลังสรางโลกใบ ใหมและตัวตนใหมหลังจากที่ผมทำลายโลกใบนั้น ร างกายของผมกำลัง เปลี่ยนไป ผมสีทองที่กระเซอะกระเซิงกลายเปนสีดำเงา ตัวของผมค่อยๆ เล็กลง ชุดของผมกลายเปนชุดสีขาวทั้งตัว ราวกับชุดคนปวย ผมตอง เปลี่ยนไปตามประสงค์เหลานั้นอยางขัดขืนไมไดแตสิ่งเดียวที่จะไมหายไป คือความทรงจำและตัวตนข้างในของผม ผมจะไมยอมใหมันสูญสลายไป อยางเด็ดขาด ภาพอันเลือนรางรอบตัวผมกลับมาสวางจ้าอีกครั้ง สภาพแวดลอม เริ่มมีสีสัน มีข้าวของมากมายเรียงรายอยูรอบตัว ขวดน้ำเกลือ ใช่ ขวดน้ำเกลือ กับหองสีขาว แขนขาผมเริ่มขยับไดตามใจนึก สัมผัสของเหงื่อที่เปยกชื้นมา จากดานหลังที่สัมผัสกับเบาะนุม เตียงงั้นเหรอ นอกหองมีเสียงเจี๊ยวจ๊าว วุนวายเหลือเกิน ทั้งเสียงเด็ก เสียงผูคน นารำคาญไปหมด และถาผมมอง ไมผิด มีเด็กผูชายใสหมวกตัวเล็กๆ ที่ถือลูกโปงเพิ่งวิ่งผานหองผมไป ผมเริ่ม
200 | นักเรียนเขียนเรื่อง มองเห็นบุคคลตรงหนาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เสียงผูหญิงที่พูดออกมาเหมือนกับ เสียงของนักเขียนนั่นไมมีผิด มันจะมาหลอกลวงอะไรผมอีก “คุณอริสมันตคะ คุณอริสมันตคะ ถึงเวลารับยาหลังอาหารแลวนะ คะ รีบกินยาแลวไปเล นกับเพื ่อนๆ นะคะ วันนี้เหล าคุณปาถามถึงคุณ อริสมันตแตเช้าเลย สงสัยจะคิดถึง แกบอกกันวาไมมีใครคุยกับพวกแกสนุก เหมือนคุณอริสมันตแลว วันนี้มีเทศกาลฮาโลวีน ดูสิหมอแตงเปนราชินีแดง ในเรื่อง อลิซในดินแดนมหัศจรรยดวยนา สวยไหมคะ แผนกเด็กคงจะวิ่ง เลนเสียงดังกันหนอยนะคะวันนี้ตองขอโทษดวย แตที่นี่มีสีสันขึ้นเยอะเลย วาไหมคะ แลวก็ที่คุณอริสมันตวิ่งไปเลนที่หองดับจิตนะ อันตรายนะคะ อยา ทำอีกนา ถาหมอไมไปเจอเข้าละแยเลย ชอบอางวาไปตามหาเพื่อนตลอด เลย นี่ค่ะยา อาจมีside effect ตออารมณเล็กนอยนะคะ” เธอพูดไมหยุดจนไมมีจังหวะใหผมไดแทรกถาม เธอหยิบยาแคปซูล เม็ดสีฟาและแดงมาใหผม จนผมเห็นกำไลสีแดงสดนั่นที่ข้อมือของเธอนั่นแหละ ทุกอยางก็ชัดเจนวา ผมแพแลว.
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 201 ----------------------------------------- หมายเหตุบรรณาธิการ เนื่องจากผูเขียนไดนำองค์ประกอบในผลงานชิ้นก่อนหนาที่ไดรับการเผยแพรสูสาธารณะมาใช้ ในการสรางเรื่อง “อาชญากรในดินแดนมหัศจรรย” ดวย บ.ก. จึงอยากขอเชิญชวนผูอ านมา “เลนสนุก” ตามคอนเซปต “การเขียน-อานเปนการเลนสนุกของนักเขียน-นักอาน” โดยทดลอง “อานตามรอย Alice M.” เพื่อไขปริศนาเกี่ยวกับ Hatter ราชินี (กำไล) แดง และสายสิญจนใน ผลงานชิ้นก่อนหนาของเธอดังตอไปนี้ . เรื่องสั้น “คืนชีพ” ของ Alice M. ในรวมเรื่องสั้นชุด วิกลวิกาล (2566) จัดพิมพและเผยแพร โดยภาควิชาภาษาไทย อักษรฯ จุฬาฯ ผูสนใจสามารถอ านฟรีe-book ไดทางแอปพลิเคชัน Meb, CU-eBook Store และ TK Read 2. ความเรียงเรื่อง “ในวันที ่ปลอยใหลูกโปงหลุดมือ” ของ อลิซในพระจันทร(อีกนามปากกา หนึ่งของ Alice M.) ในรวมเลมความเรียงชุด ในวันที่ 17 ของทุกเดือน ไมปรากฏป(2565) จัดพิมพและเผยแพรในนาม อาน-คิด-เขียน พื้นที ่สำหรับการเผยแพรผลงานสรางสรรค์ของ นักเรียน(ฝกหัด)สรางเรื่องจากจุฬาฯ ผูสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดไดทางLINE Official Account @readthinkwrite2559 หรืออานหนังสือไดทางแอปพลิเคชัน Meb
202 | นักเรียนเขียนเรื่อง “แนนอนผมก็สงสัย ถาไดชื่อวาอริสมันตแลว ทำไมไมตั้งชื่อเรื่องไปเลยวา อริสมันตในดินแดนมหัศจรรย ชื่อของผมจะดูมีตัวตนขึ้นอีกมากโข แตเธอกลับบอกอยางหนาตาเฉยวา เพราะมันไมตื่นเตนและดึงดูดคนมากพอ พับผาสิครับ ผมบอกแลววาเรื่องนี้มันโคตรจะไรสาระตั้งแตชื่อเรื่องเลย ไรเหตุผลในทุกกระบวนการสรางเรื่อง นอกจากจะไรสาระแลว ยังเห็นไดเลยวา เธอไมสนใจตัวตนของผมเลยแมแตนอย” “อาชญากรในดินแดนมหัศจรรย” ของ Alice M.
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 203 กวาจะเปน อาชญากรในดินแดนมหัศจรรย์ เนื่องจากเรื ่องนี้เปนผลงานส งทายของเราในวิชาศิลปะการเขียนรอยแก้ว เราจึงนำองค์ประกอบในผลงานชิ้นก่อนหนาที่ไดเขียนมาตลอดทั้งคลาส มาเรียงรอย ไวในงานชิ้นนี้สายสิญจนHatter แมมดแหงพิรุณ หมอผีราชินี(กำไล)แดง เชสเซียร ลวนเปนรองรอยจากผลงานชิ้นก่อนๆ ที่เรานำมาผสมผสานไวในงานชิ้นนี้ เรานั ่งคิด ยอนมองผลงานที่ผานมาของตัวเองสักพัก แลวเริ ่มตนลงมือ สรางตัวละครอริสมันตขึ้นมา โดยใช้การทะลุเข้าไปในกระจก เพื่อสื่อความถึงการ ลองสะทอนยอนมองตัวเอง (reflection) ผานผลงานและช่วงเวลาการทำงานของ ตัวเอง เราเลือกใช้เรื่องอลิซในดินแดนมหัศจรรยที่ชอบเปนทุนเดิม บวกกับแนว การเขียนแบบ Postmodernism ที่ไดรับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องสั้น “มารุตมอง ทะเล” ของ คุณปราบดา หยุน ในการสรางเรื่อง เพื่อแฝงความคิดและความรูสึก ของตัวเองขณะทำงาน ไมวาจะเปนความรูสึกที ่ทำผิดพลาด การตั้งสติในการ ทำงาน รวมถึงประสบการณที่เมื ่อคิดวางแผนงานที่ใหญ แตกลับไม สามารถ สื ่อสารสิ ่งที ่อยู ภายหัวออกมาไดดีอย างที ่คิด เราพยายามเลนสนุกกับ “ความมี และไมมีสาระ” ในงานเขียนชิ้นนี้และแน นอนวาเรื ่องสั้นเรื ่องนี้ไมมีตอนจบ อีก เช่นเคย. Alice M. สนใจการเขียนนิยาย และเรื่องสั้นเหนือจินตนาการ
204 | นักเรียนเขียนเรื่อง
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 205 ชานชาลาที่ n DWIN ชานชาลาคลาคล่ำไปดวยผูคนที่กำลังเตรียมตัวขนยายข้าวของและ เดินขึ้นไปยังรถไฟขบวนที่กำลังจะเทียบทา บางคนหอบหิ้วสัมภาระมากมาย จนแทบจะแบกไมไหว บางคนก็แทบจะไมมีอะไรติดตัวมาเลย หรือบางคนก็ มีเพียงกระเปาเดินทางขนาดกลางอยูในมือเพียงแค่ใบเดียวอยางเช่นเธอ เด็กสาววัยยี่สิบปในชุดลำลองสุภาพโทนสีทึม เธอกำลังยืนมองซ้ายมองขวา กวาดสายตามองบรรยากาศรอบกาย ผูคนที่กำลังยืนอยูที่ชานชาลาเดียวกันกับเธอนั้น หากจะใหคะเนดวยสายตา แลว ส วนใหญ คงอายุรุนราวคราวเดียวกับเธอหรือไมก็แก ่กวาสักปสองป บางก็จับกลุมพูดคุยกันอยางออกรส บางก็ยืนนิ่งๆ มองคนอื่นเดินผ านไป ผานมา เธอตัดสินใจทิ้งตัวลงบนเก้าอี้มานั่งไมไมไกลจากแถวนั้น หยิบสิ่งไร ลมหายใจหากแตมีชีวิตอย างนวนิยายระทึกขวัญปกสีน้ำเงินเข้มที่ตั้งใจนำ ออกเดินทางไปดวยกันขึ้นมาอ าน เรื่องราวการตามลางแค้นของผูชายคน หนึ่งที่นำไปสูเหตุการณโศกนาฏกรรม เปนผลงานจากเจ้าของนามปากกา ภาษาอังกฤษสี่ตัวอักษรที่เธอเองไมคุ้นตา เสียงอึกทึกรอบกายถูกตัดฉับลงไป ดวงตาสีนิลกวาดอ านตัว หนังสือบนหนากระดาษบรรทัดแลวบรรทัดเลา นึกจินตนาการภาพตัวละคร หลักที่มีบุคลิกดูลึกลับตามที่ปรากฏอยูบนหนาหนังสือ พรอมกับคะเนอายุ อานามในใจวาคงจะไมมากไปจากตัวเองเทาไรนัก จากการแตงกายของเขา ที่แลดูสมัยนิยมเช่นการสวมกางเกงยีนสขาดเข่า เสื้อยืดสีดำและหมวกสี
206 | นักเรียนเขียนเรื่อง เดียวกัน เสียงหนากระดาษถูกเปดผานไปแผนแลวแผนเลา ก ่อนจะค่อยๆ จางลงไปเมื่อมีเสียงหวูดรถไฟดังขึ้นมาแทน ทันทีที่ตูเหล็กขนาดใหญเคลื่อน เข้ามาจอดสนิทที่ชานชาลา บรรดาผูโดยสารทั้งหลายที่กำลังเฝารอจะออก เดินทางก็รีบกุลีกุจอขนยายสัมภาระขึ้นไปจับจองที่นั่งดานในขบวน ภายในรถไฟขบวนนี้ไมไดมีการจับจองที่นั่งเอาไวตั้งแตตอนที่กด จองตั๋ว หากใครขึ้นมาบนขบวนไดก่อนก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกที่นั่งไดก่อน เด็ก สาวที่เดินขึ้นขบวนอยางไมช้าไมเร็วกวาดสายตามองไปรอบกายวามีที่ใดวาง พอจะใหเธอนั่งไดบาง เพราะตัดสินใจออกเดินทางไกลมาเพียงลำพัง จึงทำ ใหเธอไมไดมีข้อแมมากนักวาจะตองการที่นั่งคู่ หรือตองอยู ในบริเวณ ใกลเคียงกัน ที่นั่งเดี่ยวบริเวณเกือบทายขบวนข้างๆ กันกับหญิงสาวที่ดูโต กวาเธอสักหนอยจึงเปนตัวเลือกของเธอ เมื่อจำนวนคนครบกับจำนวนที่นั่ง ลอเหล็กของยานพาหนะก็เริ่มเคลื่อนตัวเพื่อออกเดินทาง เสียงหวูดรถไฟดัง ไปทั่วอาณาบริเวณ เปนสัญญาณบงบอกวาการเดินทางไดเริ่มตนขึ้นแลว บรรยากาศภายในหองโดยสารเต็มไปดวยความเงียบงันเพราะการสนทนา กับคนแปลกหนาในยามนี้คงจะเปนเรื่องยากสำหรับใครบางคน ก่อนที่เสียง ทุมต่ำของผูชายวัยรุนตอนปลายคนหนึ่งที่ยืนอยูบริเวณทางเดินตรงกลาง ดานหนาของขบวนจะดังขึ้น “สวัสดีครับทุกคน ผม ศิศิรา รับหนาที่เปนไกดใหกับทุกคนตลอด การเดินทางนี้ก่อนอื่นตองขออนุญาตชี้แจงรายละเอียดสำหรับการเดินทาง ก่อนนะครับ รถไฟขบวนนี้จะจอดเทียบชานชาลาในทุกๆ เจ็ดสถานีดังที่ทุก ทานทราบ ทางเราจะตรวจสอบทุกครั้งหลังจากปลอยใหทุกคนลงไปพักผอน ที่สถานีวามีใครหลนหายไประหวางทางหรือไม หากเปนการหลงลืมเวลาใน การกลับมาเจอกัน ผมจะพาลูกทัวรทานนั้นกลับมา แตหากเปนการตัดสินใจ ที่จะลงที่สถานีนั้นเลย ทางเราก็ไมวาอะไร ยินดีและรูสึกขอบพระคุณอยางยิ่ง ที่มีโอกาสไดรวมเดินทางครับ” เจ้าของเสียงพูดฉะฉาน ยกมือยกไมประกอบ
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 207 ทาทางแลดูนามอง “กฎ...อันที่จริงผมก็ไมอยากเรียกแบบนั้น เอาเปนวา...ข้อตกลงใน การที ่จะอยูรวมกันอยางสบายใจตลอดการเดินทาง คือผมตองขอความ รวมมือใหทุกทานทำตามสิ่งที่ผมบอก หากติดปญหาอะไรก็ขอใหแจ้ง เราจะ ไดคอยช่วยแก้ปญหากันไป เพราะผมเองก็คาดหวังใหทุกทานไดรับความ ทรงจำและประสบการณดีๆ กลับไปครับ” หญิงสาวที่ทายขบวนรวมถึงลูกทัวรคนอื่นพยักหนารับหงึกๆ เปน การตอบรับ ตัวเธอเองนั้นไมไดมีปญหาอะไรกับข้อตกลงเหลานั้น เพราะ ประสงค์จะเดินทางขึ้นรถไฟขบวนนี้มาดวยความตั้งใจอยางแรงกลา ชนิดที่วา หากจะไมมีเพื่อนรวมเดินทางไปดวยกันก็ไมหวั่น เพราะสิ่งที่เธอคาดหวัง เอาไวนั้น มันคุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงดูสักตั้ง อีกทั้งการมาหาเพื่อนใหมที่ได เดินทางรวมกันไปในขบวนรถไฟนี้ก็อาจเปนเรื่องที่ไมเลวนัก “มาคนเดียวเหรอ” หญิงสาวตากลมโตที่นั่งข้างกันเอยชวนคุยอยาง เปนมิตร “ค่ะ” เธอตอบกลับ “แลว...” “เรามากับเพื่อน เขานั่งอยูตรงโนนนะ” คู่สนทนาชี้นิ้วไปยังกลุมคน ที่กำลังจับกลุมสนทนากันอยางเริงราที่อีกฝงของขบวนรถไฟ เธอหันไปมอง ตามทิศทางที่อีกฝ ายวาดวยสายตาวางเปลา เกือบจะทุกคนในที่นี้แลดู เตรียมตัวมาพรอมสำหรับการออกเดินทางกันอยางเต็มที่ เวนเสียก็แตเธอ ใช้เวลาเพียงไมนาน ภาพบรรยากาศดานนอกหนาตางก็เริ่มเปลี่ยนผานไป ดวยความเร็วที่ค่อยๆ ช้าลง บงบอกวารถไฟขบวนนี้กำลังจะเคลื่อนที่เข้าสู สถานีแรก เสียงสดใสของศิราดังขึ้นอีกหนเพื่อบอกถึงข้อตกลงรวมกันในการ แวะจอดที่สถานีนี้
208 | นักเรียนเขียนเรื่อง “ทุกคนครับ ตอนนี้เราก็เดินทางมาถึงที่สถานีแรกกันแลว ในจุดนี้ หากทานใดประสงค์จะแวะลงไปเดินเที่ยวดานลางก็สามารถทำไดเลย จะไป คนเดียวหรือกับเพื่อนก็ตามสะดวกครับ แลวกลับมาพบกันใหมในอีกครึ่ง ชั่วโมงข้างหนานะครับ” ศิราเอยจบก็ยิ้มปดทายบางๆ ก่อนจะเดินหายไปยังสักสวนของ ขบวนรถไฟ หญิงสาวที่ทายขบวนหยิบสัมภาระบางสวนที่คิดวาคงจำเปนตอง ใช้สำหรับการเดินลงไปเที่ยวเลนที่สถานีติดมือลงไปดวย ผงกหัวใหกับคนที่ นั่งข้างกันมาตลอดเจ็ดสถานีแลวปลีกตัวออกมา เพราะทราบดีวาอีกฝายก็ คงจะเลือกไปกับเพื่อนของตน หากเธอที่เปนคนนอกจะขอรวมเดินเที่ยวดวย คงจะมีใครที่รูสึกอึดอัดกับสถานการณนี้อยูบางไมมากก็นอย ที่สถานีแรกนี้ก็ไมไดมีอะไรนาตื่นตาตื่นใจมากนัก ค่อนข้างจะเอน เอียงไปทางนาเบื่อเสียดวยซ้ำไปสำหรับคนที่เกลียดทะเลเข้าไสอยางเธอ ภาพวิวทะเลไกลสุดลูกหูลูกตาปรากฏชัดอยูเบื้องหนา คนที่ชอบก็คงจะชอบ เธอคิด “เหมือนภูเขามันกั้นทะเลไวเลยเนอะ” เสียงไมคุ้นหูของผูชายคนหนึ่ง ดังขึ้นข้างกาย เธอที่ยืนมองทะเลตรงหนาอยูถึงกับขมวดคิ้วมุนแทนการเอย คำถาม “ก็นี่ไง ทะเลมันดูไกลออกไปเรื่อยๆ เลย แตพอมีภูเขาตรงนี้มากั้น เอาไวก็เหมือนโดนตีกรอบไม ใหทะเลกวางไปมากกวานั้น” ผูมาใหม วา พรอมกับชี้ไปทางนั้นทีทางนี้ที “ก็จริง” เธอเอ ยขึ้นหลังจากที่นึกภาพตามคู่สนทนา อิสรภาพที่ ปรากฏตรงหนานั้นถูกสกัดกั้นเอาไวโดยธรรมชาติดวยกันเองอีกทีหนึ่งจริงๆ “จะกลับขึ้นไปที่ขบวนไหม” “ไปสิคุณละ”
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 209 “เหมือนกัน” อีกฝายวาพรอมสงยิ้มใหอยางเปนมิตร “ถาอยางนั้น... เจอกันข้างบนนะ” ดวงตาของเธอเปนประกายดวยความหวัง ทอดมองตามเพื่อนรวม ขบวนรถไฟที่เพิ่งรูจักซึ่งเดินไกลออกไป ก ่อนจะตัดสินใจสาวเทากลับไปที่ สถานี “สนุกไหม” ผูโดยสารหญิงที่นั่งข้างกันตรงทายขบวนเอยถาม “ก็ดี” เธอตอบกลับ “ดูหนาก็รูวาไมสนุกแหงๆ” “ก็นิดนึง ไมค่อยชอบทะเลนะ” “ทะเลเหรอ” อีกคนถาม “ของเราเปนงานเลี้ยง” “สนุกไหม” เธอถามกลับ “ก็ดี” “ดูหนาก็รูวาไมสนุกแหงๆ” คู่สนทนาหัวเราะออกมาทันทีที่โดนยอนเข้าใหก ่อนจะเอยออกไป อยางมีความหวัง “สถานีหนาคุณอาจจะชอบก็ได” หญิงสาวผูเกลียดทะเลพยักหนารับ เพราะคิดไวเช่นนั้นเหมือนกัน ในสถานีแรกนี้ทุกคนจะมองเห็นสิ่งที่ไมเหมือนกัน แมวาจะอยูในสถานที่ เดียวกัน มันเกิดจากความรูสึกนึกคิดลึกๆ ภายใน เราจะเห็นภาพตาม ความรูสึก เธอคงรูสึกเบื่อมากพอจนเห็นทะเลที่เธอเกลียด หญิงสาวที่นั่งอยู ข้างๆ ก็คงรูสึกไมสนุกมากเสียจนเห็นเปนภาพงานเลี้ยงที่ไมไดมีอารมณรวม ใดๆ ในขณะที่ชายหนุมแปลกหนาก็คงรูสึกอึดอัดมากเสียจนมองเห็นทะเล ที่ถูกกั้นดวยภูเขา
210 | นักเรียนเขียนเรื่อง หญิงสาวหลับตาลงช้าๆ เพื่อตัดบทสนทนา รอรับสัมผัสจากสายลม จากดานนอกหนาตางที่พัดมากระทบผิวกาย ปลอยใหเสียงคำพูดเรื่องอิสรภาพ ของน้ำทะเลที่ถูกลิดรอนโดยภูเขาลูกใหญดังสะทอนอยูในหัว สอดประสาน กับเสียงลอรถไฟกระทบกับรางดังเปนระยะๆ บงบอกวายานพาหนะกำลัง เคลื่อนที่ออกไปไกลหางจากตัวชานชาลา ก ่อนที่ทุกอยางรอบกายจะเงียบงัน ลงไปและแทนที่ดวยเสียงทุมต่ำของชายปริศนาคนหนึ่ง “นี่” คนตรงหนาเอยทักใหเธอลืมตาขึ้นมามอง หากคะเนจาก สายตาเขาคงมีอายุราวๆ ปลายเลขสองจนถึงเลขสามตนๆ สวมเสื้อยืดสีดำ ธรรมดาๆ กางเกงยีนสขาดเข่าแบบสมัยนิยม และหมวกแก๊ปสีเดียวกับเสื้อจึง ทำใหไมอาจมองเห็นหนาตาของเจ้าตัวไดชัดเจนเทาไรนัก “ทำตอไปละ” “…คะ…” เธอมองอีกฝายพรอมกับขมวดคิ้วแทนการเอยคำถาม “เข้าใจที่พูดไหม” “ไมค่ะ คุณพูดถึงอะไร” “ที่ทำอยูนะ ทำตอไป” “ทำ? ทำอะไรคะ” เธอหันมองซ้ายมองขวาเพื ่อพยายามจะหา คำตอบวาผูชายตรงหนากำลังจะสื่อถึงอะไร “วันหนึ่งเธอจะคิดอยากเลิกทำมัน แตอยาปลอยใหความคิดนั้นมัน เปนจริงขึ้นมาละ” ชายแปลกหนายังคงพูดตอ “อะไรที่หายไป จะโดนขโมย หรือเธอจะทำมันหลนหายเอง” “...” “หามันใหเจอนะ” “...” “ตองไปแลว” “เดี๋ยวค่ะ” เธอรีบเอย “คุณเปนใครคะ”
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 211 อีกฝายที่เพิ่งจะลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงชะงักไป ก่อนจะหันกลับมา ตอบคำถาม เปนวินาทีเดียวกับที่ปกหมวกสีเข้มนั้นเผยอขึ้นมาเล็กนอยจนทำ ใหเธอสามารถมองเห็นใบหนาของชายปริศนาไดชัดเจนขึ้นกวาเก่า “พี่ชื่อธิป สวนไอนั่นที่มาดวยกัน ชื่อปน” ผูชายที่แนะนำตัววาชื่อธิป พยักพเยิดไปทางอีกฝงของขบวนรถไฟ ที่เธอเองก็เพิ่งจะสังเกตวา ในยามนี้ ทั้งขบวนไมมีใครอื่นนอกจากเธอและผูชายที่ไมคุ้นหนาคุ้นตาทั้งสองคนนั่น บรรยากาศภายในขบวนเย็นยะเยือกจนชวนขนลุกราวกับฉากในนวนิยาย ระทึกขวัญ แสงสวางมีเพียงนอยนิดจนไมสามารถมองเห็นสิ่งใดไดชัดเจน หากจะกลาววาเธอคงหลับไปนานเสียจนเวลาเลยผานมาเปนยามวิกาลแลว ก็คงจะไมแปลกเทาไรนัก แตที่นาแปลกก็คือการที่คนทั้งขบวนหายไปชนิด ไมเหลือรองรอย แลวไหนจะชายแปลกหนาสองคนนี้อีก “ตองไปแลว” เสียงทุมเอยอีกครั้งเพื่อเรียกสติ “ก็ไปสิคะ ไมมีคำถามอะไรแลวค่ะ” “หมายถึงเธอนะ ตองไปไดแลว” “คะ?” เธอขมวดคิ้วเปนหนที่รอย ก่อนจะสะดุงเฮือกตื่นจากหวง นิทราเพราะเสียงประกาศจากคนที่หนาขบวนอยางศิราดังขึ้นเพื่อแจ้งข่าว “ขออภัยที่ตองรบกวนเวลาพักผอนของทุกคนนะครับ พอดีผมไดรับ แจ้งมาวามีสัมภาระที่ตูหลนหายไปบางสวน จึงรีบไปตรวจสอบมาวามีอะไร สูญหายไปบาง และเปนของใคร” บรรดาผูโดยสารที่ไดรับข้อมูลกลับมาก็ เลิ่กลั่กและเริ่มสงเสียงฮือฮาเพราะกังวลวาบุคคลผูโชครายนั้นจะเปนตนเอง “ตอนนี้มีอยูอยางเดียวที่หายไปครับ แตผมตรวจสอบดูแลว บางคน ก็ไมหายเลย บางคนก็ไดเพิ่มมา สวนบางคนหายไปบาง แตก็ยังเหลืออยู” “มันคืออะไรคะ” ผูหญิงคนที่อยูใกลศิราที่สุดเอยถามอยางรอนใจ
212 | นักเรียนเขียนเรื่อง “ความมั่นใจครับ” บรรยากาศภายในหองโดยสารเงียบสงัดทันทีที่ อีกฝ ายพูดจบ “แตไมตองเปนหวงครับ มันคงจะกลับคืนมาไดในเร็ววัน ผม หวังไวเช่นนั้นนะ” “แลวถามันไมกลับคืนมาละคะ” เธอคนที่นั่งอยูสวนกลางของขบวน รถไฟเอยถาม “ไมเปนไรครับ” “...” “เพราะเราสรางมันขึ้นมาใหมได” “คุณศิคิดแบบนั้นหรือครับ” ผูโดยสารอีกคนถามบาง “ครับ เรียกวาเชื่อแบบนั้นดีกวา” “แลวมันหายไปไดอยางไรคะ ความมั่นใจที่วานะ” “ออ...บางคนก็ทำหายเองเพราะประมาทที่ปดกระเปาไมดีสวนบาง คนก็โดนกรีดกระเปานะครับ แตเทาที่ผมสำรวจ มีบางสวนไดรับสิ่งอื่นมา แทนที่นะครับ ในกระเปาจึงไมไดวางจนนาใจหายเสียขนาดนั้น” “คืออะไรหรือครับ” เปนผูโดยสารชายคนเดิมที่ถามขึ้นมาอีกครั้ง “กำลังรอใหถามเลยครับ” เจ้าของเสียงเอยยิ้มๆ “ความเข้มแข็งนะ ครับ” “ทุกคนคงจะสงสัยวาแลวมันแทนกันไดหรือ ใช่ครับ มันแทนกัน ไมไดหรอก มันคือคนละสิ่งเลยดวยซ้ำ” “แตมีความเข้มแข็งเอาไวในกระเปาเยอะๆ เพื่อเก็บไวเปนเชื้อเพลิง ไปตามหาความมั่นใจตอ ก็คงฟงดูไมเลวนัก วาไหมละครับ” เธอผูเปนเจ้าของที่นั่งที่ทายขบวนเอาแขนวางไวกับขอบหนาตาง แลวเอนใบหนาลงไปนอนซบ มองบรรยากาศข้างทางที่ผานไปอยางเร็วๆ
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 213 อนธการเริ่มเข้ามาปกคลุมจนทองฟากลายเปนสีน้ำเงินเข้ม ก้อนเมฆดำสนิท เคลื่อนตัวไปมาและมีลมกระโชกแรง บงบอกวาในยามราตรีนี้คงมีเม็ดฝนลง โปรยปราย เจ็ดสถานีในหนนี้แลดูหางไกลกันเหลือเกิน เธอคิด ไมไดใสใจ อะไรกับสิ่งสาบสูญที่ศิราวาเมื่อครู เพราะนับวานั่นมิใช่สิ่งที่เหนือจากความ คาดหมายของเธอตั้งแตวินาทีที่ตัดสินใจก้าวเดินขึ้นมาที่รถไฟขบวนนี้เทาไร นัก แมจะไมทราบวาเจ้าของสิ่งสาบสูญที่วานั้นมีตัวเธออยูดวยหรือไม หาก ไมมีก็คงจะโชคดีไป แตหากความรูสึกวูบโหวงภายในใจนี้เปนความจริง เธอ จัดอยูในประเภทใด หายเล็กนอย หายแลวไดบางสิ่งมาคืน หรือหายจน กระเปาเดินทางกลวงโบ เธอถอนหายใจ หากมันหายไปแลวจริงๆ ก็คงตอง ปลอยเลยตามเลย ดวงตาที่เคยเปนประกายดวยความหวังเต็มหลอด บัดนี้ ค่อยๆ พรองลงไป เธอเหมอมองออกไปอยางไรจุดหมาย นึกไปถึงจุดหมาย ที่ตนตั้งใจเอาไววาจะไดพานพบสักครั้งหนึ่งในชีวิต วาตองใช้เวลานานเทาไร กวาจะเดินทางไปถึง อาจจะอีกสิบวัน สิบเดือน สิบปหรือกระทั่งทั้งชีวิต ในยามที่ความกังวลปรากฏกายชัดเจนในอกจนยากจะสลัดออก ก็ เปนเวลาเดียวกันกับที่เธอกวาดสายตาไปพบกับรางสูงโปรงของใครบางคน ยืนอยูที่สถานีดานลางในจังหวะที่รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวช้าลง ผูชายตัวสูง สวม เสื้อยืดสีดำธรรมดาๆ กางเกงยีนสขาดเข่าตามสมัยนิยม และสวมหมวก แก๊ปสีเดียวกับเสื้อ ยืนอยูที่หลังเสาในมุมอับของชานชาลาชนิดที่วาหากไมมี ใครสังเกตก็คงจะมองไมเห็น หรือไมก็คงไมมีใครมองเห็นเขาเลยตั้งแตแรก นอกจากเธอ เดาวาอีกฝายคงมองเห็นเธอเหมือนกัน จึงไดพยักหนาแทน การทักทายเล็กนอย และค่อยๆ หันหลังเดินจากไปในความมืดพรอมกับ น้ำเสียงทุมต่ำที่ดังก้องขึ้นมาในหัว คลับคลายคลับคลาวาเคยไดยินจาก ที่ไหนมาก่อน “อะไรที่หายไป จะโดนขโมย หรือเธอทำมันหลนหายเอง” เขาเวน วรรคหนึ่งอึดใจก่อนกลาวตอวา “หามันใหเจอนะ”
214 | นักเรียนเขียนเรื่อง “ทุกทานครับ ตอนนี้เราเดินทางมาถึงจุดที่สองกันแลว บรรยากาศดู ครึ้มฟาครึ้มฝนมาก ทางทีมงานของเราจึงเตรียมรมเอาไวใหทุกคนพกติดตัว ลงไปดวยเผื่อฝนตกนะครับ” เสียงราเริงของศิราเอยเรียกเธอออกจากภวังค์ ทีมงานที่ศิราพูดถึง คือหญิงสาวรุนราวคราวเดียวกับเธออีกสามคนที่นั่งอยู ดานหลังของเธอ คนหนึ่งมีผมยาวสีดำสนิท อีกคนสวมแวนสายตา สวนคน สุดทายนั้นตัวสูงกวาทุกคนที่เหลือ แตละคนถือรมเอาไวในมือคนละสอง สามคันเตรียมแจกใหกับผูโดยสารในขบวน ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะกวักมือเรียก ใครสักคนใหเดินออกไปหาพวกเธอ หญิงสาวที่ทายขบวนหันมองซ้ายมองขวา ก ่อนจะชี้นิ้วเข้าหาตนเองแทนการตะโกนถามออกไป อีกฝ ายพยักหนาเปน คำตอบ วาพวกหลอนกำลังเรียกเธอ หญิงสาวในชุดลำลองสีทึมเดินออกไป ดานหนาและหยิบรมขึ้นมาไวในมือเพื่อช่วยพวกเธอแจกอีกแรง ในยามที่ ทุกคนทยอยลงจากขบวนรถไฟไปตามทางของตนเอง สายลมพัดแรงขึ้น พรอมกับเม็ดฝนที่เริ่มโปรยปราย เพื่อนใหมทั้งสามคนยังคงยืนอยูบนขบวน รถไฟ ไมไดลงไปดานลางตามคนอื่นๆ ภายในหองโดยสารนั้นเต็มไปดวย ความเงียบและแสงไฟสลัวที่พวกเธอทั้งสามเปดทิ้งไวเพื่อใหสวางพอสำหรับ การนั่งอ านวรรณกรรมในมือเพื่อฆ่าเวลา คนหนึ่งกำลังนั่งอ านวรรณกรรม แปลจากตางประเทศที่มีหนาปกสีดำ สวนอีกสองคนนั่งอานวรรณกรรมไทย ที่หากพิจารณาจากรูปเลมหนังสือก็คงจะเก่าชนิดที่วานาจะมีอายุสิบถึงยี่สิบ ปขึ้นไป “หากฝนตกหนักกวานี้เลมนี้คงไมเข้าทา” หญิงสาวผมสีดำเอยถึง หนังสือที่ตนกำลังอาน “ก็จริง คงตองเลมนี้ละมั้ง” อีกคนที่สวมแวนสายตาวาพรอมกับชู หนังสือในมือของตน “แตหากฝนหยุด เล มโนนคงจะดีกว า” หญิงสาวคนสูงสุดเอ ยขึ้น พรอมกับมองไปยังหนังสือเลมที่หญิงสาวผมดำกำลังอานอยู สวนเธอที่เหมือน
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 215 เปนคนนอกของวงสนทนานี้ก็ทำไดเพียงแค่นั่งฟงอย างเงียบๆ ไมเข้าใจวา การจะเลือกหนังสือมาอานสักเล ม ตองอิงกับอากาศดวยอย างนั้นหรือ มิหนำซ้ำพวกเธอทั้งสามยังทำเสมือนกับวา การเลือกอ านหนังสือตาม บรรยากาศเปนเรื่องธรรมดาสามัญ และเปนสิ่งที่นาอภิรมยอยางยิ่งสำหรับ การนั่งจดจ่อกับตัวหนังสือยาวๆ หนาแลวหนาเล าหลายรอยบรรทัด ทามกลางทองฟามืดครึ้ม “คิดจะลงที่สถานีไหนละ” คนที่ตัวสูงสุดเอยถามเธอ “หมายถึง ลงแบบ...กลับบานนะ” “ยังไมแนใจเลย พวกคุณละ” “คิดวาคงสุดเสนการเดินทางนี้” ผูหญิงที่สวมแวนเอย “แลวจะรูไดอยางไรวาตรงไหนคือสุดเสนการเดินทาง” “ตอนที่เธอรูสึกไมอยากนั่งอยูบนรถไฟขบวนนี้แลวละมั้ง” หญิงสาว คนที่สวมแวนตาตอบ “หากมันจะไมมีวันนั้นละ” “ตองมีอยูแลว” คนที่ตัวสูงที่สุดเอยอยางมั่นใจ “ใครมันจะนั่งอยูบน นี้ไปไดตลอดกาล ไมมีทาง” “หากเธอตาย เขาก็จะตองเอาศพเธอลง” หญิงสาวเจ้าของเรือนผม สีดำสนิทวาตอดวยสีหนานิ่งๆ เธอนั่งฟงและคิดตาม จริงดังที่เธอวา แตนั่น ก็ไมไดเทากับสิ้นสุดการเดินทางเสียหนอย เพราะนั่นมันหมายถึงเธอดันดวน จากไปก่อนเอง มิใช่การเต็มใจเดินลงไปเพราะไมอยากจะนั่งอยูบนรถไฟ ขบวนนี้ตอ “แตการเดินทางมันจะจบช้าหนอยก็เทานั้น หากอยากจบไว ก็เดิน ลงไปเอง แตหากอยูรอจนมีคนมาพาลงไป นั่นคงจะหมายถึงเธอมีใจรัก อย างสุดๆ ซึ่งก็นอยคนที่จะเปนอยางนั้นนะนะ” หญิงสาวคนเดิมวาพรอม
216 | นักเรียนเขียนเรื่อง กับยักไหลอยางไมยี่หระและวาตอ “มันก็คงจะมี...คนที่ใจรักเสียขนาดนั้น แต ก็นะ นึกออกไหม อุปสรรคหรือสิ่งที่เราไมพึงปรารถนา สิ่งที่อาจไมเปนดั่งใจ มันพรอมจะเกิดขึ้นเพื่อบอนทำลายความรักในใจเราทั้งนั้นแหละ” เธอพยักหนาเห็นดวย ยอมรับวาตัวเองก็ไมไดหางไกลไปจากคำวา ใจรักเลยแมแตนอย แตเมื่อพบวาสัมภาระอันนอยนิดที่พกมานั้นสามารถ สูญหายไดทุกเมื่อ อีกทั้งยังไมทราบแนชัดวาจะไดกลับคืนมาไหม สิ่งอื่นที่ ไดรับมา มันสามารถทดแทนหรือเทียบกันไดกับสิ่งที่สูญไปอย างนั้นหรือ เปนคำถามที่ไมมีใครใหคำตอบไดนอกจากการที่ตองนั่งอยูบนรถไฟขบวนนี้ ตอไปเพื่อหาคำตอบนับรอยนับพันที่ผุดขึ้นมาในสมองดวยตัวเอง เธอ ยอมรับวา มีบางบางคราในหวงความคิดที่การตัดสินใจจะกลับบานปรากฏ ขึ้นมา แมจะเปนเพียงแค่ชั่วแวบเดียวก็ตาม เสียงระฆังดังขึ้นสามครั้งเปนสัญญาณการเรียกตัวผูโดยสารที่ อยากจะเดินทางตอใหกลับขึ้นมา ศิรายังคงมีรอยยิ้มสดใสประดับบนใบหนา เช่นเคย ราวกับไมเคยเหนื่อยหนายในหนาที่ของตน ผูโดยสารจำนวนเทาเดิม ยังคงตัดสินใจจะเดินทางตอไปดวยกัน ต างคนต างกลับมาจับจองที่นั่ง หญิงสาวผูมีดวงตากลมโตที่นั่งอยูข้างกันมาตลอดหลายสิบสถานีก็กลับ ขึ้นมาดวยเช่นกัน “ไปตอหรือ” เธอถามคนข้างกาย “ใช่ ไปตอ” หลังจากที่เธอไดรับคำตอบก็ไมมีบทสนทนาใดเกิดขึ้นตอไปอีก เธอ เหมอมองออกไปดานนอกฝาความมืดดวยประกายแหงความหวัง ที่บัดนี้ ลดลงเหลือเพียงครึ ่งหลอด กลิ่นความชื้นของดินที่ระเหยขึ้นมาเปน เอกลักษณของบรรยากาศหลังฝนตก ทองฟาเริ่มโปรงขึ้นมากกวาเก ่าเพราะ เมฆดำไดเคลื่อนตัวออกไปแลว เขากลับมายืนอยูตรงนั้น ชายปริศนาในเสื้อยืด
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 217 สีดำ กางเกงยีนสขาดเข่า สวมหมวกแก๊ปสีเดียวกับทองนภาในยามนี้รางสูง ค่อยๆ เคลื่อนกายออกมาจากการกำบังของเสาที่ชานชาลา ในจังหวะ เดียวกันกับที่รถไฟค่อยๆ เคลื่อนตัวออกหาง มือหนายกขึ้นมาโบกไปมา แทนการเอยคำอำลา พรอมๆ กับที่ผูชายอีกคนที่มีสวนสูงไลเลี่ยกันเดินเข้า มาสมทบ เธอโบกมือตอบกลับไปดวยความรูสึกที่วูบโหวง ราวกับทำสิ่งของ สำคัญหลนหายไปจำนวนมาก สายตาจับจ้องไปที่อีกฝายอยางไมวางตา เขา ดูไมใช ่คนดีนักจากบุคลิกภายนอกที่เธอตัดสินเอาเอง เพราะคงไมใช ่ความ ทรงจำที่ดีเทาไรนักสำหรับการพบชายปริศนาที่มีทาทีแปลกๆ ในยามวิกาล แตก็ปฏิเสธไมไดวา เธอคงไมลืมพวกเขา เธออาจจะเก็บพวกเขาไวเปนความ ทรงจำเพื่อนอนนึกทบทวนวา หากมีโอกาสหนที่สองที่ไดพบกันเธอควรจะ ปฏิบัติตอเขาอยางไร เสียงพูดคุยดังขึ้นมาจากดานหนาขบวน เปนศิราที่กำลังเดินสำรวจ เหลาผูโดยสารวาการเดินทางในทริปนี้เปนอยางไร คนสวนใหญตอบกลับไป ดวยรอยยิ้ม และหากเธอไดยินไมผิด หนึ่งในคำถามเหลานั้นจะมีคำถามถึง จุดหมายปลายทาง วาแตละคนอยากจะไปลงที่ใด ทุกคนมีคำตอบที่แนชัด ตอบคำถามไดฉะฉาน ตรงไปตรงมา จนเธออดคิดไมไดวา หรือเธอจะเปน เพียงคนเดียวที่ไมมีจุดหมายในชีวิตแนนอน ก็แค่จับพลัดจับผลูมาโผลบน รถไฟขบวนนี้ก็เทานั้น “สวัสดีครับ” ศิราเอยทักอยางราเริงเมื่อถึงคิวเธอ “ค...ค่ะ” “อยากังวลเลยครับ สีหนาคุณดูกังวล ทำตัวสบายๆ ไดเลย” “ไมกังวลไดดวยหรือคะ” “ไดสิครับ คุณอยากจะไปลงที่ไหนละ” “ยังไมทราบเลยค่ะ หมายถึง...มันไมแนนอนนะค่ะ”
218 | นักเรียนเขียนเรื่อง “แตแค่คิดจะออกเดินทางนั่นก็ถือวาดีแลวไหมครับ ผมคิดวา” “ไมหรอกค่ะ ฉันทำของหายไปเสียตั้งมากในการเดินทางครั้งนี้แต นั่นเปนเพราะฉันสะเพราเอง คนที่ของไมหายก็มีถมเถ” “แตคนที่ทำของหายก็มีถมเถนี่ครับ อีกอยาง...คุณทราบไดอยางไร วาคุณทำของหาย ผมยังไมไดประกาศชื่อเจ้าของกระเปาเสียดวยซ้ำ” ศิราวา “มันรูสึกไดค่ะ ของแบบนี้ฉันรูสึกอยูเต็มอก” ดวงตาที่เคยเต็มเปยม ดวยประกายแหงความหวังสบเข้ากับดวงตาของอีกฝายอยางจังอยูชั่วครูหนึ่ง “แลวไมรูสึกวาไดอะไรกลับคืนไปเลยหรือครับ” “ก็มีบางค่ะ แตในการเดินทางบนขบวนรถไฟนี้สิ่งที่ฉันทำหายไป มันก็สำคัญไมตางกัน คุณคงทราบดี” “พูดอยางกับคุณจะลงจากขบวนไปในสถานีหนาอยางนั้น” “ยังหรอกค่ะ ฉันรักมันเกินกวาจะตัดสินใจหุนหันแบบนั้น” เธอวา อยางยิ้มๆ “อยางนอยก็ขอดันทุรังตออีกหนอย หากพบวามีแตเสียเสมอมา หรือพบสิ่งอื่นที่อยากจะทำมากกวานี้ ก็คงตองขอลงสักสถานีข้างหนานี้ แหละค่ะ” “หากคุณลงจากขบวนไปแลว คุณคิดจะกลับมาอีกไหมครับ” ศิรา เอ ยถามอยางลองใจ เธอแค่นยิ้มกับอนาคตอันไกลโพนข้างหนา หากมีเหตุ ใหเธอจำเปนตองจากรถไฟขบวนนี้ไปจริงๆ เหตุนั้นมันคงจะรายแรงเสียจน เธอเองไมอยากจะกลับมารวมเดินทางบนเสนทางนี้อีก หรือแยไปกวานั้น ก็ คงจะเปนเหตุเล็กๆ นอยๆ ที่สะสม การสะเพราและไมหลาบจำจนทำใหถูก ขโมยของซ้ำแลวซ้ำเลา กระทั่งไมหลงเหลือสิ่งใดเก็บไวใช้ นั่นคงเปนเรื่องที่ นาหดหูไมตางกัน
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 219 “ตอบไมไดหรอกค่ะ มันเปนเรื่องของอนาคต แค่คุณถามวาฉันจะ ไปลงที่ไหนฉันยังตอบไมไดเลย นับประสาอะไรกับคำถามที่ไกลกวานั้นแบบ คำถามเมื่อกี้ละคะ” เธอวาพรอมกับยิ้มขัน “เอาเปนวา ฉันจะยังไมลงจาก รถไฟขบวนนี้ไปในเร็วๆ นี้หรอกค่ะ” “แมวามันเปนเรื่องเสี่ยงมากที่จะทำใหสัมภาระของคุณหายนะหรือ” คู่สนทนายังคงถามตอ บนเสนทางนี้หากสะเพราหนอยก็จะทำใหสัมภาระหายไดง่าย หนอย แตตอใหรอบคอบ สัมภาระก็ยังสามารถหายไดอยูดีเพียงแค่โอกาส จะนอยกวาก็เทานั้น เรียกไดวา ตราบใดที่ยังคงเดินทางอยูบนเสนทางนี้ อะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นไดทุกเมื่อ หญิงสาวเอยกลับไปพรอมรอยยิ้มอยางคนไมมีอะไรจะเสีย และ แลวแววตาที่เริ่มมีความหวังก็ค่อยๆ กลับคืนมา “แตมันก็คงคุ้มค่าที่จะลองมั้งคะ.”
220 | นักเรียนเขียนเรื่อง “หากคุณลงจากขบวนไปแลว คุณคิดจะกลับมาอีกไหมครับ” “ตอบไมไดหรอกค่ะ มันเปนเรื่องของอนาคต…” “แมวามันเปนเรื่องเสี่ยงมากที่จะทำใหสัมภาระของคุณหายนะหรือ” “แตมันก็คงคุ้มค่าที่จะลองมั้งคะ” “ชานชาลาที่ n” ของ DWIN
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 221 กวาจะเปน ชานชาลาที่ n เพราะรูสึกวาการเรียนรูกับการเดินทางมีจุดที่เชื่อมโยงกัน คือเรา ตองมีประสบการณกับมันจึงจะสามารถเดินตอไปไดง่ายกวา จึงเปนที่มาวาใน เรื่องนี้จะใช้ความเปรียบทั้งหมด เปรียบการเรียนวิชาศิลปะการเขียนรอยแก้ว เหมือนการเดินทางขึ้นรถไฟ แตละคนพกสัมภาระมาเปนความรูประสบการณ ความมั่นใจ หรืออื่นๆ แตกตางกันออกไป แตละสถานีเปรียบเหมือนการ ไดรับมอบหมายงานแตละชิ้น ทุกครั้งที่ลงที่สถานีจะเกิดความเปลี่ยนแปลง ในกระเปาสัมภาระและความรูสึกนึกคิดของตัวละครหลักเสมอ ความตั้งใจ หลักของการเขียนงานชิ้นนี้ก็คือตองการใหเปนเหมือนขุมพลังงานเอาไวให ใครก็ตามที่คิดจะลมเลิกหรือถอดใจในสิ่งที่ตนรัก ไดกลับมาคิดทบทวนดูอีก ทีวา เราคิดอยากจะหยุดพักที่สถานีถัดไปแลวจริงๆ ไหม. DWIN สนใจเพลงลูกกรุง การเลาเรื่อง (ผานตัวหนังสือและน้ำเสียง) และไดโนเสาร
222 | นักเรียนเขียนเรื่อง
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 223 เร ื่องรับเชิญ วานยา จอห์นนีและออสซีแมนเดียส Vanya, Johnny, and Ozymandias ธีสุวรรณ ปติภากร “นามข้าคือออสซีแมนเดียส ราชาแหงราชัน ดูผลงานข้าเสีย, พวกเจ้า, แลวจงสิ้นหวัง!” ไรซึ่งสิ่งรายลอมรูปปนยักษ ที่เหลือเพียงเศษซากหักพัง นอกจากความเวิ้งวางและวางเปลา ของผืนทะเลทรายสุดสายตา ภาพโออาของรูปปนขนาดยักษของฟาโรหรามเสสที่ ปรากฏอยาง แจ่มชัดเมื่อครั้งผมอานบทกวี“ออสซีแมนเดียส” (Ozymandias,1818) ของ เพอรซีเชลลี(Percy Shelley) ในทีแรก แตมันเทียบไมไดเลยกับความ เวิ้งวางและวางเปลาของผืนทรายแหงกาลเวลาที่รายลอม ในขณะที่กวีชาว อังกฤษตองการสรางอนิจจังของโลกและความยิ่งใหญ แตเมื่อถูกอ านโดย ชาวไทยในยุคสมัยที่อยาวาแตยิ่งใหญ แค่อยูใหรอดก็รากเลือดแลว รูปปน ออสซีแมนเดียสดูจะไกลเกินฝน เปนความวางเปลาไรชีวิตของทะเลทราย ตางหาก ที่เข้าใจไดและดูจะเปนคำปลอบประโลมไมใหฝนไกลเกินตัว , ปมาแลว กษัตริยอียิปตยังคงมีชีวิตอยูในโบราณวัตถุของ เขา ปมาแลว บทกวีอังกฤษที่เขียนถึงความเปนอนิจจังของกษัตริย อียิปตยังเก็บรักษาวิญญาณของกวีไวไดผม—พนักงานธรรมดาคนหนึ่ง
224 | นักเรียนเขียนเรื่อง ครอบครัวเล็ก เพื่อนนอย ไมมีอะไรสลักสำคัญ อายุเกือบ หากตายตอน 60 ก็คงถูกลืมในเวลาไมเกินสิบปหลังจากที่ตาย ถาเก็บดีหนอย ใบมรณบัตร อาจจะบันทึกชื่อผมไดนานกวานั้น แตมันก็จะเก็บไดเพียงชื่อ ความเปนคน ของผมคงตายไปนานแลว มีชายคนหนึ่งที่ผมเพิ่งรูจักไมนานที่จมอยูกับปญหานี้เหมือนกัน ชื่อ ของเขาคือ อีวาน เปโตรวิช วายนิสกี้หรือเรียกสั้นๆ วา วานยา จากบท ละคร ลุงวานยา (Uncle Vanya) ของ อันโตน เชคอฟ (Anton Chekov) ที่ จัดแสดงครั้งแรกในป1899 เขาเปนคุณลุงวัย ที่โลดแลนอยูบนเวทีใน แผ นฟลม ในบทภาพยนตรสัมพันธบท และในบทความวิชาการ คำพูดบาง คำของเขาสะเทือนความรูสึกของผูคนจนถูกอางถึงหลายครั้งหลายครา ผม พบเขาครั้งแรกบนใบหนาของ นิชิจิมะ ฮิเดโทชิ(Nishijima Hidetoshi) ที่ใน ยามนั้นเขาเปนชายวัยกลางคนที่ชื่อ คะฟุกุจากภาพยนตรเรื่อง Drive My Car (2021) ของญี่ปุน ที่เขาตองแสดงเปนนักแสดงที่แสดงเปนวานยาบนเวที หลังจากนั้น ผมก็ไดไปตามหาวานยาอีกนิดหนอย ผมเจอเขาอยูใน ละครเวทีอังกฤษ และภาพยนตรรัสเซียที่ใช้บทละครลุงวานยาของเชคอฟมา สรางโดยตรง รวมถึงอ านบทละครที่ทำใหผมมีวานยาเปนของตัวเอง ทั้งที่ เปนตัวละครเดียวกัน เหตุการณเดียวกัน บทสนทนาเดียวกัน ลุงวานยาที่ เกิดขึ้นกลับเปนคนละคน ลุงวานยาของรัสเซียดูจะกราดเกรี้ยวเปนพิเศษ ลุง วานยาของอังกฤษดูจะอ อนดอยเปนพิเศษ ลุงวานยาของญี่ปุนดูจะขมขื่น เปนพิเศษ และลุงวานยาของผมที่ตอนนี้ยังไรซึ่งใบหนา เขาเปนใครกันแน ผมมองเข้าไปในกระจกและยังคงเห็นใบหนาของตัวเอง ผมไดยินเพียงเสียง ปนสองนัด และคำพูดของเขามาจากทิศเบื้องไกล เปนกระแสเสียงอันเดือดดาลที่ตนเสียงซ่อนตัวอยูในความมืด หางไกลเกินกวาแสงแหงปญญาของผม จะสองไปถึง “วันหนึ่งฉันจะเปนคนคนนี้” ผมบอกกับตัวเอง “วันหนึ่งฉันตอง เปนคนคนนี้”
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 225 ผมตองแสดงเปนลุงวานยาในละครเวทีในอีก 3 เดือน การจะเปนใครสักคนไดขั้นแรกเราตองเข้าใจความตองการและ ปญหาของเขาก ่อน เราตองรูวา ณ ขณะนั้นเขาตองการอะไรเปนอยางแรก มากไปกวานั้น อะไรคือความฝนอันสูงสุดของชีวิต มันมักจะมาในรูปแบบ ของตัวตนในอุดมคติวาเขาอยากมองตัวเองวาเปนคนอยางไร และแสดง ออกเปนคนแบบนั้นใหคนรอบข้างเห็น เขาตองการยอมรับตัวเอง และเขาจะ ไมสามารถยอมรับตนเองอยางสนิทใจไดเลยหากไมเห็นภาพสะทอนจาก กระจกตาคนรอบข้าง ปญหาที่เกิดขึ้นคือคนเราไมสามารถเปนคนในอุดมคติ ไดง่ายๆ มันมีอุปสรรคมากมายที่ขัดขวางความสำเร็จนี้ วานยาเองก็เช่นกัน เขามีความฝนที่จะเปนนักปรัชญาชื่อดัง ฝาก ผลงานที่คนตองอานและเทิดทูนบูชาตอไปอีกรอยปตัวตนในอุดมคติของเขา เปนเช่นนี้นี่คงเปนแก้วประกายของวานยา และทรายที่ใช้หลอมแก้วก็คง เปนทรายจากปลายเทารูปปนออสซีแมนเดียสนี่แหละ แตชายคนนี้ตองทิ้ง ความฝนกลับมาทำไร ใช้หนี้ที่ดินที่พอซื้อมา ตองดูแลครอบครัวที่ตอนนี้ เหลือแตผูหญิง มีเขาเปนผูชายเพียงคนเดียว (ตามบริบทป1899) เขาจึง ฝากความหวังทั้งหมดไวกับนองเขยที่ดูอนาคตไกลกวา “เรียนจบปริญญาขั้น สูง เปนถึงทานศาสตราจารย หัวหนาภาควิชา ลูกเขยของทานผูวา และ ตำแหนงหาอะไรไมรูอีกสารพัด” วานยาบอกกับอัสตรอฟเพื่อนรัก ในขณะที่วานยาเปนเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่ถกเถียงกับตัวเองมา ตลอดวาจะไปถึงฝงฝนไดไหม จนกระทั่งทางเลือกใหมเข้ามา เขายอมทิ้งฝน ไปและฝากไวกับชายคนนี้แทน ยอมนอมกายก้มหัวเปนงัวงาน ทำไรใช้หนี้มี รายไดก็สงใหนองเขย หวังเพียงวาวันหนึ่งศาสตราจารยจะออกหนังสือสัก เลม หนังสือรวมบทความที่ยิ่งใหญและอยูยงไปอีกรอยหรือสองรอยปและ ในหนากิตติกรรมประกาศก็จะมีชื่อ อีวาน เปโตรวิช และครอบครัวอยูในนั้น ขอบคุณพวกเขาที่คอยสนับสนุนมาตลอด ช่วยสงเงินมาจุนเจือ คัดงานและแปล
226 | นักเรียนเขียนเรื่อง งาน แลวตัวเขาก็จะถูกจดจำ ในฐานะนักบุญที่คอยหนุนหลังยอดนักปราชญ แลวปญหาของเขาก็เกิดขึ้น ใบหนาที่เคยก้มสูดินยามหนุมเงยขึ้นมา อีกทีก็ผานมา 25 ปแลว ศาสตราจารยที่เคยฝากความหวังไวไมมีงานเขียน ดีๆ ออกมาเลยสักชิ้น แถมยังไมมีเงินอยูในเมือง จนตองยายมาอยูรวมกับ เขา สิ่งที่เขากลัวมาตลอดจึงกลายเปนความจริง เขาเดินทางผิดมาตลอด 25 ปจะไมมีชื่อเขาอยูในหนังสือเลมไหน เขาจะตายอยางเงียบๆ และถูกลืมไป ในที่สุด มาถึงตอนนี้เขาก็แก่เกินกวาจะทำตามฝนแลว ไดแตมองตัวเองแก่ และเฉาตายลงทุกวันๆ โทษนองเขยที่เปนอยางที่เขาอยากใหเปนไมไดเขา ถูกหักหลังจากความหวังที่ตั้งไวสูงลิบ “ถาฉันไดมีชีวิตปกติอยางคนอื่นเขา ฉันคงกลายเปนดอสโตเยฟสกี หรือโชเพนฮาวเออรไปแลว” วานยาตะโกนออกมาอยางเดือดดาล ความหมดอาลัยตายอยากของคนอายุ อาจจะดูยาวไกล แตพอ มาเห็นตัวเองในปจจุบันที่ออกหางภาพฝนไปทุกวันๆ ก็เปนใบรับรองวาคุณ กำลังอยูระหวางทาง ความสิ้นหวังไมไดไกลเกินเอื้อม ความฝนที่เปนเหมือน ความหมายของชีวิตในวัยเด็ก ในตอนนี้กลายเปนทางอีกสายที่อยูตรงข้ามฝง แมน้ำ ไมมีสะพานมาบรรจบกัน และแมน้ำสายนั้นก็กำลังลุกเปนไฟ ที่เหลือ ผมก็แค่เติมวาจะเปนอยางไร ถาผมยังเปนแบบนี้อยูในตอนที่อายุรวมจะ แลว ไมมีเวลาเหลือใหทำตามฝนอีกตอไป นอกจากความสิ้นหวังสวนตัว ลุงวานยาและผม (หรือถาจะพูดให ถูก ‘เรา’) ยังมีความสิ้นหวังรวมกัน มันเปนความสิ้นหวังแหงยุคสมัย ป 1899 คือ 6 ปก่อนจะเกิดปฏิวัติรัสเซียครั้งที่หนึ่ง นั่นหมายความวารัสเซีย ในตอนนั้นกำลังตึงเครียดดานอุดมการณและอำนาจทางการเมือง เปน หัวเลี้ยวหัวตอของการปะทะกันระหวางกลุมอำนาจเก่าฝงอนุรักษนิยมกับ กลุมหัวก้าวหนาที่เห็นความเจริญของตางชาติและตองการพัฒนาประเทศให
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 227 ไปไกลกวาที่เปนอยู ไมวาอย างไรมันก็อดเทียบไมไดกับความสิ้นหวังของ ยุคสมัยของพวกเรา ที่ตองตอสูกับอำนาจกลุมอนุรักษนิยมอยางหลังชนฝา เพื่อเรียกคืนสิทธิของประชาชนที่ตอนนี้กลายเปนอภิสิทธิ์ของคนไมกี่คน การ ตองเลือกระหวางการทนอยูในประเทศที่ไรความหวังกับการตอสูกับอำนาจ ที่ใหญเกินตัว เปลี่ยนคนมีไฟใหกลายเปนคนแก่ขมปราไดอยางง่ายดาย ผม มองกลับเข้าไปในกระจก สังเกตเห็นนัยนตาขุ่นมัวไรไฟฝนของวานยา ไมวาจะเปนวานยาที่เสียเวลาไปอยางเปลาประโยชนคนนั้น หรือ วานยาที่กำลังเสียเวลาไปอยางเปลาประโยชนคนนี้ก็ตองไปใช้ชีวิตเดียวกัน อยูบนเวทีชีวิตถูกเขียนมากวา ปแตยังคงเปนชะตากรรมของมนุษย นับลานในอีกรอยปตอมา เหลามนุษยที่เกิดมาจากความวางเปลาพยายาม ดิ้นรนหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เปนของตัวเอง ทำใหชีวิตตัวเองมีความหมาย แตก็ไม สมปรารถนา วิญญาณหลงทางพยายามหาทางออกจากความผิดหวังอยาง นาสมเพช “ฉันอายุ แลว และถาฉันตายตอนอายุ60 มันก็ยังเหลือเวลา อีก 13 ปตั้ง 13 ปนานมาก แลวฉันตองทำอะไร ฉันตองเอาอะไรมาเติม เวลาตรงนั้น” ผมกับผูกำกับนัดคุยเรื่องของวานยาหลายตอหลายครั้ง เราแลกเปลี่ยน กันวาวานยาของเราสองคนเหมือนกันแค่ไหน อะไรคือสิ่งที่กระตุนใหวานยา หาทางออกแบบนั้น เขารูสึกอยางไรหลังจากทำสิ่งนั้นออกไปแลว เขารูสึก กับคนรอบข้างอย างไร ใครคือคนที่เขาแครที่สุด ใครคือคนที่เขาไมอยากอยู ดวย ดานดีและดานไมดีของตัวละครรอบข้างเขาแตละคนเปนอย างไร ทัศนคติของเขาที่มีตอประวัติศาสตรรัสเซียเปนอย างไร ตอแนวคิดทางการ เมืองในสมัยนั้น ตอวรรณกรรม ตอโชคชะตา ตอหนาที่ ตองาน ตอสิทธิตอ อำนาจ ตอครอบครัว ตอความรัก ตอที่ดิน ตอเปาหมาย ตอความฝน ตอ ความหมายและความทรมานของชีวิต สิ่งเหลานี้อาจพูดหรือไมพูดออกมา
228 | นักเรียนเขียนเรื่อง เปนประโยค แตวันหนึ่ง มันจะซ่อนอยูในน้ำเสียง ในสายตาแวบเดียว หรือ แมแตจังหวะนิ่งคิดที่แทบไมทันสังเกต เราสองคนมีไฟลที่เขียนทุกอยางที่เรา รูเกี่ยวกับวานยาเหมือนกัน เรามีมากกวาหนึ่งไฟลเหมือนกัน เราคุยกันถึง เรื่องเหลานี้แตเราไมแลกกันอาน เราเลือกไมกี่เรื่องที่ตรงกับหัวข้อสนทนา ไมกี่เรื่องที่กระทบจิตใจวานยาและกระทบจิตใจตัวเองมากพอที่จะหยิบมา เลา เรื่องสำคัญเพียงหยิบมือถูกยกขึ้นมาพูด เรื่องที่เหลือเก็บไวในใจ “ผมอายุ แลวนะแม ผมพยายามหลอกตัวเองดวยหนังสือ ดวย บทสนทนาวิชาการ จะไดไมตองเผชิญหนากับความเปนจริง” เรารูวาวานยาเคยหลงใหลในวรรณกรรม ปรัชญา และโลก วิชาการมาก่อน อาจพูดไดค่อนข้างเต็มปากวาเขาชื่นชอบนักเขียนอย าง ฟโอโดร ดอสโตเยฟสกี(Fyodor Dostoyevsky) และนักปรัชญาแบบ อาเธอรโชเพนฮาวเออร(Arthur Schopenhauer)จากบทพูดของเขาเองแต อะไรที่ทำใหเขาชอบสองคนนี้ในบทไมไดบอกไววานยาที่มีตอนนี้จึงเปน เพียงภาพที่เลือนรางในจินตนาการ การจะใหวานยามีตัวตนแทจริงใน ภาชนะรางกายของผมจึงตองพึ่งพาการตีความที่มากกวานี้ การศึกษา ประวัติศาสตรปรัชญา จิตวิทยา วรรณกรรม และประสบการณสวนตัวเพื่อ หาความเชื่อมโยงที่มากกวานี้ที่ง ่ายที่สุดคือความเชื่อมโยงระหวางนักคิด นักเขียนสองคนนี้วามีจุดรวมอะไรที ่ทำใหเขาชอบ ความเปนไปไดที ่ ชัดเจนที่สุดคือ สองคนนี้เปนนักคิดนักเขียนเจ้าของปรัชญาอันขมขื ่น เหมือนกับชีวิตของวานยา การไดเข้าถึงสัจธรรมอันเจ็บปวดทำใหเขา รูสึกเหนือกวาและแปลกแยกจากคนอื่น เหมือนเขาเปนผูถูกเลือกเพียง ไมกี่คนที่เห็นความจริงข้อนี้ ในขณะที่คนรอบข้างยังคงดิ้นรนอยู กับภาพ มายา เช่นเดียวกันกับปรัชญาของโชเพนฮาวเออร “เราควรถือวาชีวิตคือการรบกวนอันเปลาประโยชนตอการหลับใหล อันสุขสงบของความวางเปลา” โชเพนฮาวเออรกลาวไวเช่นนั้น
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 229 นอกจากโชเพนฮาวเออรแลว นักปรัชญาที่วานยานาจะชอบ เห็นจะ เปน ฟรีดิช นีทเช ที่เปนนักปรัชญาแนวสุญนิยมเช่นเดียวกัน เขาคงชอบอาน ซาราธุสตราตรัสไวดังนี้(Thus Spoke Zarathustra, 1883-1885) และ คงจะถูกใจแนวคิดเรื ่องอภิมนุษย(Übermensch) เขาคิดว าตัวเองเปน อภิมนุษยหรือไม? ทำไมจะไมละ เขาอาจจะคิดวาตัวเองเปนอภิมนุษยที่ พายแพเปนตัวเอกผูยิ่งใหญในโศกนาฏกรรมชีวิต จึงไมแปลกที่เขาจะชื่นชม ดอสโตเยฟสกีเขาคงเข้าอกเข้าใจความรูสึกของ ราสโคลนิคอฟ (Raskolnikov) ใน อาชญากรรมและการลงทัณฑ (Crime and Punishment, 1866) เปนอย างดีเพราะเขาก็เปนอภิมนุษยเช ่นกัน นอกจากนี้ดอสโตเยฟสกียังมองภาวะภายในจิตใจของตัวละครแหลกสลาย ไดอย างเฉียบขาด และก็คงไมแปลกถาเขาจะอ าน อีดิปุสจอมราชัน (Oedipus Rex, 429 BC) หลงใหลอคิลลิสใน อีเลียด (The Iliad, 750- 650 BC) หรือแมแตจำบทพูดเดี่ยวชื่อก้องของ แฮมเล็ต (Hamlet, 1599- 1601) ไดทุกคำ เพราะวานยาเห็นตัวเองอยูในนั้น มันคือกระจกสะทอน แววตาของเขา นอกจากแนวคิดแลว การสรางสัมผัสของยุคสมัยก็เปนสวนสำคัญ ผมตามดูภาพถายรัสเซียในยุคนั้น ดูภาพถ ายบานของ ลีโอ ตอลสตอย มา เปนตนแบบบานของวานยา สังเกตวาเขามีอะไรในบานบาง รอบๆ บานเปน อย างไร เวลาถ ายรูปเขานั่งทาไหน ยืนทาไหน แสดงสีหนาอยางไร ใครอยูจุด ไหนในภาพ มีวิดีโอถายภาพกรุงมอสโกในยุคใกลเคียงอยูในยูทูบ เห็นเมือง และการแตงตัวของชาวเมือง ภาพยนตรUncle Vanya (1970) ช่วยใหเห็น ภาพบานเรือน การแตงกาย และการแสดงออกของชาวรัสเซียไดดีภาพยนตร มิวสิคัลเรื่อง Fiddler on the Roof (1971) ฉายภาพชนบทรัสเซียในยุค ปลายซารแนนอนวาไมตรงเปะเสียทีเดียวเพราะหนังเรื่องนี้เลาเรื่องของ ชุมชนชาวยิวในชนบทรัสเซีย แตก็เห็นบรรยากาศชนบทและสภาพสังคมยุค นั้นได
230 | นักเรียนเขียนเรื่อง การหาภาพอางอิงสิ่งที่วานยาพบเจอเหลานี้เกิดขึ้นพรอมกับการ ซ้อม เราซ้อมกันไปเรื่อยๆ เพื่อหาความรูสึกที่แทจริงในสถานการณดูวา ตรงกับที่ตีความหรือไม แลวสิ่งที่เกิดขึ้นกับสิ่งที่ตีความอันไหนจริงมากกวา กัน ในการซ้อม เราพูดประโยคเดิมๆ แตเราพูดไมเหมือนเดิมเลยสักครั้ง และไมมีทางเหมือนเดิมไดบางครั้งมันเปลี่ยนไปเพราะบางอย างในตัวเรา เปลี่ยนไป บางครั้งอาจเพราะบางอยางในตัวคู่สนทนาเปลี่ยนไป หรือ บางครั้งมันอาจจะแค่เพราะลมวูบหนึ่ง เราซ้อมเพื่อจับสังเกตมัน ทำ ความคุ้นเคย หรือแสวงหาสิ่งใหมๆ เราใหความสำคัญกับตัวเลือก “แลวดูตอนนี้สิผมนอนไมหลับทั้งคืน วันๆ เอาแตนั่งคิดวาตัวเอง เสียเวลาชีวิตไปมากแค่ไหน” ช ่วงเดือนสุดทายก ่อนแสดงเปนช่วงที ่เหนื่อยยากที ่สุด ผมตอง ปะทะกับความหวาดระแวงของนักแสดงละครเวทีเวลาที่ผมมีไมเคยพอ ผม ไมเคยพรอมสำหรับการแสดง ในใจอยากจบเรื่องนี้ใหเร็วที่สุดแตก็ไมกลาจะ แสดงตอนนี้ไดแตขอรองกับอากาศธาตุใหเลื่อนสิ่งที่ตองไมเลื่อนไปเรื่อยๆ วาขออีกวันก็ยังดีเหมือนตอรองกับความตาย อีกฟากหนึ่งก็ตองตอกรกับ ตัวตนของวานยาที่กำลังก่อรางตัวตนจากภายใน ปญหาของวานยาเริ่มเปน ปญหาของผมมากขึ้นเรื่อยๆ และผมก็ขุดปญหาของตัวเองเมื่อหลายปก่อน มาเปนปญหาของวานยา ทั้งสองสิ่งนี้กัดกินตัวผมอยางอันตราย ผมเริ่มนอน ไมหลับ ตกดึกตองคอยดื่มเพื่อใหสติเลือนพอที่จะหลับ บางคืนก็นั่งยอนนึก ถึงคืนวันอันแสนไรสาระ เปดเพลงคลออารมณใหลองลอยอยูในหอง เริ่มตน ดวยเพลงโฟลกของรัสเซียในยุคนั้นอย างเพลง “Kalinka” หรือเพลง “Two Guitars” ที่ผมพอจะฮัมตามไดบางครั้งก็สุมฟงเพลงที่ชอบในสปอติฟาย จนกระทั่งมันเลือกเพลงเพลงหนึ่งที่ผมฟงมาตั้งแต ม.3 เปนเพลงที่เจ็บปวด ที่สุดในตอนนั้น มากพอที่จะแปลเพลงนี้ใหเปนกลอนตอนเด็กๆ มันเปน เพลงที่แตงและเลนโดยวง Nine Inch Nails วงอินดัสเทรียลร็อกสัญชาติ
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 231 อเมริกันที่วางขายเมื่อป เพลง “Hurt” หรือความเจ็บปวดที่ขับรองโดย ชายหนุมผูเจ็บปวดกับทางเดินที่ผิดพลาดของตัวเอง แตเวอรชันที่ตราตรึงใจ วานยาคือเวอรชัน Cover โดย จอหนนีแคช (Johnny Cash) ศิลปนเพลง คันทรีชื่อดัง เขาเปนออสซีแมนเดียสในยุคสมัยของตัวเอง แตเขากลับผิดหวัง กับทางเลือกในการใช้ชีวิตสวนตัว เขารองมันออกมาดวยเสียงทุมต่ำและ สั่นเครือของชายชราที่เดินทางมาเทียบจุดสิ้นสุดของชีวิตแลว ประสบการณ ชั ่วชีวิตเขาเปลี่ยนความหมายของเพลงนี้ใหหนักอึ้งไปดวยความสิ้นแรง ความสำนึกผิด ความทรงจำ และกาลเวลาที่ยอนกลับไมได “ถาฉันไดเริ่มตนใหมอีกครั้ง ไมวาจะไกลสักเพียงไหน ฉันจะแก้ตัว ใหม ฉันจะทำทุกวิถีทาง” เพลงทั้งเพลงเจ็บปวดพอตัวอยูแลว แตทอนสุดทายนี้แทงเข้าไปถึง ขั้วหัวใจวานยา เขาชอบเพลงนี้มากแมวามันจะไมใช่เพลงในยุคเขาก็ตาม เขาจำเนื้อเพลงไดทุกคำ บางคืนเขาก็รองคลอไปเรื่อยๆ บางคืนเขาก็น้ำตา คลอไปเรื่อยๆ เขาเปนชายวัยกลางคนชาวรัสเซียในยุคซารที่ใช้ชีวิตทิ้งไป วันๆ ลมเลิกความฝนที่คิดวาเปนไปไมไดก่นดาโชคชะตาที่ไมยุติธรรมแตก็ ก้มหนารับมันโดยดุษณีเขารูตัวมาตลอดว าเขาไม มีความสุข มันมีอะไร บางอยางที่ผิด แตเขาไมรูวามันคืออะไร เหมือนมีหลุมดำที่ถมไมเต็มกิน พื้นที่อยูในอก จึงทำไดเพียงวิ่งโรเข้าหาความสุขเล็กๆ นอยๆ ในชีวิตเหมือน ไก่ไรหัว ทุมเงินไปกับโรงภาพยนตร เว็บสตรีมมิ่ง และเปดเพลง “Hurt” วน ซ้ำๆ ระหวางที่กระดกจอหนนีวอลกเกอรลางอวัยวะภายใน เขาคือความ ปนเปของรสนิยมและความทรงจำที ่บางครั้งก็พร าเลือนเกินกว าจะระบุ ตัวตน นั่งทองคำพูดของตัวเองซ้ำแลวซ้ำเลา บางครั้งก็กราดเกรี้ยว บางครั้ง ก็เศราสรอย บางครั้งก็นอยใจ รายมันเหมือนบทสวด แตฉีกทึ้งลำดับเวลา ขึ้นอยูกับวาประโยคไหนจุดประกายขึ้นมาในหัวก่อน แลวเมื่อหมดแรงก็เข้า นอนเพื่อตื่นขึ้นมาเลนละครบทเดิม
232 | นักเรียนเขียนเรื่อง “ถามันมีสักวิธีที่เราจะเริ่มตนใหม ที่เราจะตื่นขึ้นมาแลวทุกอยางก็ เปนไปไดที่อดีตจะจางหายไปกับหมอกควัน บอกฉันทีบอกฉันทีวาฉัน ตองเริ่มตนใหมยังไง ฉันตองเริ่มตนใหมตรงไหน” ผมมาเตรียมตัวก่อนแสดงจริงนานมากๆ เสมอ ผมตองการรางกาย และจิตใจที่พรอมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นบนเวทีทั้งที่ตั้งใจและไมตั้งใจ ผมใน กระจกตอนนี้เปนชายหนวดเครายาวที่กำลังใหรุนนองช่วยแตงหนา เสื้อผาที่ สวมไมใช่เสื้อผาที่คิดจะใสในชีวิตประจำวัน แตกลับคุ้นเคยกับมันอยางบอก ไมถูก นักแสดงรวมทยอยกันมาแตงหนาแตงตัว ทีมงานฝายอื่นก็ง ่วนกับ หนาที่ของตัวเอง เดินขวักไขวกันไปมา วานยาคงเปนวานยาไมไดเลยถา ไมไดเพื่อนรวมงานที่เก่งและเต็มที่กันขนาดนี้ถาแก้วประกายของวานยาทำ จากทรายที่ปลายเทาออสซีแมนเดียส แก้วประกายของผมตอนนี้ก็อยูที่ปลาย เทาวานยา และไฟที่ใช้หลอมแก้วก็คือไฟแพชชันของทีมงานทุกคนนี่แหละ เมื่อทุกคนอยูดวยกัน ผมไมจำเปนตองกลัว พวกเขาคือความมั่นใจของผม ผมกลาที่จะขึ้นเวทีผมจะขึ้นไปเปนวานยาอีกครั้ง และหลังจากละครรอบ สุดทายจบ เขาก็จะตายไปจากผม เราจะไมเจอกันอีก แตนั่นไมสำคัญเลย แค ่ตัวผมไดรูวาตัวผมไดพยายามก็พอแลว แค ่ไดมองกลับไปเห็นความ พยายามอยางหนักของตัวเอง แมวาจะเปนแค่ละครเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นและ ดับไปอยางรวดเร็ว แมวาสุดทาย แก้วประกายดวงนี้จะถูกลืม แมจะไมทำให ถูกเสนอชื่อเข้า Rock and Roll Hall of Fame หรือหอเกียรติยศไหนๆ แม จะไมมีรูปปนอันโออา หรือทรายที่ปลายเทารูปปนนั้น แมวาถึงที่สุดแลว โลก ดาราจักรจักรวาลจะลมสลายไมเหลือ “นักเดินทางจากดินแดนโบราณ” มาเลาขานตำนานความยิ่งใหญของออสซีแมนเดียสแมแตคนเดียว แตขณะนี้ ประกายไฟที่ใช้หลอมแก้วมันช่างสวยงามเสียเหลือเกิน “เราจะใช้ชีวิตผานวันอันยาวนาน ผ านคืนอันเหนื่อยลา เราจะ อดทนตอทุกบททดสอบที ่โชคชะตาสงมาอยางสงบเสงี่ยม เราจะอดทน
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 233 ทำงานเพื่อผูอื่นทั้งในตอนนี้และยามที่เราแก่ชรา เราจะทำงานอยางไมหยุด พัก และเมื่อเวลาของเรามาถึง เราจะนอมรับความตายของเรา แลวเมื่อถึง ตอนนั้น เราก็จะบอกกับพระเจ้าวาเราทรมาน วาเราโศกเศรา วามันเจ็บปวด สำหรับเราเสียเหลือเกิน แลวพระเจ้าจะเมตตาเรา และตอนนั้นเอง ลุง วานยา เราทั้งคู่จะพบกับชีวิตที่สดใสและงดงาม แลวพวกเราก็จะมีความสุข” ผมพรอมแลวที่จะขึ้นไปบนนั้น กลับไปยิงปนนัดนั้น ปนที่ลั่นมา ตั้งแตป1899. ----------------------------------------- หมายเหตุท้ายเร ื่อง ละครเวทีเรื่อง Uncle Vanya ดังกลาวเปนสวนหนึ่งของวิชากำกับการแสดง 3 ของนิสิตชั้นปที่ จัดแสดงที่ศูนยศิลปการละครสดใส พันธุมโกมล คณะอักษรศาสตรจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ในวันที่ 6 และ 8 มกราคม 2566
234 | นักเรียนเขียนเรื่อง “ถาแก้วประกายของวานยาทำจากทรายที่ปลายเทาออสซีแมนเดียส แก้วประกายของผมตอนนี้ก็อยูที่ปลายเทาวานยา และไฟที่ใช้หลอมแก้วก็คือไฟแพชชันของทีมงานทุกคนนี่แหละ เมื่อทุกคนอยูดวยกัน ผมไมจำเปนตองกลัว พวกเขาคือความมั่นใจของผม ผมกลาที่จะขึ้นเวทีผมจะขึ้นไปเปนวานยาอีกครั้ง และหลังจากละครรอบสุดทายจบ เขาก็จะตายไปจากผม เราจะไมเจอกันอีก แตนั่นไมสำคัญเลย แค่ตัวผมไดรูวาตัวผมไดพยายามก็พอแลว แค่ไดมองกลับไปเห็นความพยายามอยางหนักของตัวเอง… แมวาสุดทาย แก้วประกายดวงนี้จะถูกลืม…แมจะไมมีรูปปนอันโออา หรือทรายที่ปลายเทารูปปนนั้น แมวาถึงที่สุดแลว โลก ดาราจักร จักรวาล จะลมสลาย ไมเหลือ ‘นักเดินทางจากดินแดนโบราณ’ มาเลาขานตำนานความยิ่งใหญของออสซีแมนเดียสแมแตคนเดียว แตขณะนี้ประกายไฟที่ใช้หลอมแก้วมันช่างสวยงามเสียเหลือเกิน” วานยา จอหนนีและออสซีแมนเดียส (Vanya, Johnny, and Ozymandias) ของ ธีสุวรรณ ปติภากร
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 235 กวาจะเปนเรื่องรับเชิญ วานยา จอห์นนีและออสซีแมนเดียส เรื ่องทุกอยางเริ ่มขึ้นในช่วง เดือนก ่อนการแสดง บรรณาธิการไดชวน ใหผมลองเขียนผลงานชิ้นใหมที่เกี่ยวข้องกับการสรางสรรค์งานตามธีมหนังสือเลม นี้ดูประจวบเหมาะกับที ่ไมนานมานี้ในวิชาวรรณกรรมวิจารณที่อ.หัตถกาญจน เปนผูรับผิดชอบรายวิชา วิทยากรไดชวนนองๆ และอาจารยดูภาพยนตรเรื่อง Drive My Car ซึ่งมีเนื้อหาเกี ่ยวข้องกับ Uncle Vanya ที่ผมกำลังซ้อมอยู พอดี ในการแสดง นักแสดงบางคน (รวมถึงผม) มักจะเขียนบันทึกตัวละครเอาไวอยู แลว เพื่อจดบันทึกการตีความและสิ่งที่ไดจากการซ้อม จะไดไมลืมวาเคยทำอะไร เอาไวบาง ในที่สุด ผมตกลงใจที่จะเขียนเรื่องรับเชิญนี้ในรูปแบบ “ความเรียงเชิง บันทึกการสรางตัวละครสำหรับการแสดง” ซึ่งเปนสวนผสมระหวางเรื ่องเลากับ บันทึกการวิเคราะหตัวละครและการสะทอนตัวตน ผมพยายามสรางใหงานชิ้นนี้ เปนบทบันทึกการสรางงานที่ศาสตรตางสายไดมาสนทนากัน ดวยกระบวนการ สรางตัวละครที่ตองสนทนากับความรูสึก บริบท ความรูรสนิยมที่มีรวมกัน ไป จนถึงความแตกต างของตัวละครและนักแสดง สวนที่เหลือคือการเขียนอย าง จริงใจที่สุด ยอมรับและเปดเปลือยดานตางๆ ใหผูอานเห็น โดยยังคงยึดแกนของ หนังสือและแก่นชีวิตตัวละครเปนหลัก. เกี่ยวกับผู้เขียน ธีสุวรรณ ปติภากร ([email protected]) อักษรศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย จุฬาฯ (วิชาโทศิลปการละคร) หลงใหลในหนังสือเพราะโชคดีที ่หนังสือเลมแรกๆ ที่ซื้อดวย ตัวเองเปนหนังสือเปลี่ยนชีวิต หลบไปสนใจเรื่องนูนนี่บางเพราะ เชื ่อว าศิลปะทุกแขนงเชื ่อมโยงกัน และการจะเข้าถึงสภาวะทางศิลปะแขนงหนึ่งก็ยอม ตองหยิบยืมจุดเด นของศิลปะแขนงอื ่นเข้าช ่วย จึงยังคงติดตามสิ่งตางๆ อยูห างๆ หมดเวลาสวนใหญ ไปกับการทำสงครามกับความสงสัยในตัวเองมากกว าเขียนหนังสือ แตก็ยังพยายามเขียน. (ขอบคุณที่มารูปภาพจากเฟซบุก Drama Arts Chula)
236 | นักเรียนเขียนเรื่อง บทกวี ผงทราย ไฟหลอม และแก้วเจียระไน ปนรูสึกใหกลายเปนทรายแก้ว กอบเอาแววฝนใฝเปนไฟหลอม จากผลึกบริสุทธิ์ดุจใจพรอม ที่จะยอมใหใจไดสำแดง ขึ้นรูปทรง โค้ง เวา มน ยาว กวาง เกิดแก้วใสเปราะบางทั้งที่แกรง สิ่งซึ่งใจจินตจงและลงแรง ควรค่าแหงภาคภูมิทุกพากเพียร เปนแก้วประดับประดาอาคารสราง เปนแก้วกลางมงกุฎสูงสุดเศียร หรือแก้วเปลาเกลื่อนไปใช้วนเวียน ลวนจำเนียนเจียระไนดวยใจทำ ใครปนแก้วแลวกอบฝนฉันโยนทิ้ง จะทนนิ่งเมินเทาเขาก้าวย่ำ มองแก้วใสเห็นผงทรายทรงจำ เก็บบางคำล้ำค่ามาขัดเงา (ยิ้มจะย้ำวาแก้วงามล้ำค่าแลว) อัศวุธ อุปติ นิสิตภาควิชาภาษาไทย อักษรฯ จุฬาฯ
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 237 คําตาม เมื่อเศษทรายกลายเปนตึกสูง นิชานันทนันทศิริศรณ
238 | นักเรียนเขียนเรื่อง
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 239 คําตาม เมื่อเศษทรายกลายเป็นตึกสูง นิชานันทนันทศิริศรณ เราตางยืนบนหาดทรายเวิ้งวาง ย่ำยางไปบนหนทางที่เรียกวาชีวิต คุณและฉันหยิบทรายมาหนึ่งกำมือ เรารูวามันกลายเปนแก้วไดรูวา มันจะกลายเปนอะไรไดอีกมากมาย แตเราอาจไมรูวา บางครั้งทรายดินก็ กลับเหยียดตัวสูง จนกระทั่งกลายเปนตึกระฟาไดในที่สุด เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว เลมนี้เปนดั่งบันทึกของ นักเขียนตางรุน ตางตัวตน ตางความสนใจ นี่คือบทบันทึกสภาวะภายในของ นักเขียน ตั้งแตก่อนเริ่มเขียนจนกระทั่งหลังเขียนจบ จึงเสมือนวาผูอานอยาง เราไดนั่งฟงและเข้าใจวานักเขียนแตละคนกวาดเศษทรายใหกลายมาเปน แก้วไดอยางไร บอยครั้ง งานเขียนเรื่องแรกๆ ของนักเริ่มตนเขียน มักมีเนื้อหา วนเวียนอยูกับเรื่องราวของตนเอง หรือสภาวะปจเจกอันทุกข์ระทมขมขื่น ทวาเรื่องราวในเลมนี้กลับไมมีทาทีหมองเศรา แทบทุกเรื่องไดพาเราเข้าไป เยือนหองหับลับลึกของประดานักเรียนเขียนเรื่อง เราไดรูเห็นความนึกคิด การปรับเปลี่ยน รื้อทิ้ง โอบรับ เห็นคราบน้ำตาของความทุกข์ยากและ รอยยิ้มของความสำเร็จ ที่นาสนใจคือ เบื้องหลังการทำงานที่แตละคนเขียนดวยสไตลของตน นั้น ทำใหไดเห็นตำแหนงหนาที่อื่น ซึ่งรายลอมเรื่องเลาและหนังสือเลมนี้อยู ดวย นอกจากนักเขียน ยังมีนักวาดภาพประกอบ คนจัดหนา คนออกแบบปก
240 | นักเรียนเขียนเรื่อง พิสูจนอักษร บรรณาธิการ ฝายประชาสัมพันธรวมถึงนักอานดวย สำหรับฉันแลว ความเรียง เรื่องสั้น และภาพประกอบตลอดทั้งเลมนี้ ลวนมีความหมายสอดคลองกัน และราวกับวามันไดก่อรางกลายเปนคอนโด สูงทันสมัย ขณะที่นักอานบางคนแวะเวียนพิจารณางานเขียนแตละเรื่อง ไดเดิน เข้าหองนี้วิ่งขึ้นไปชั้นนั้น ยิ้มทักทายนักเขียนแตละคน ฉันกลับเดินตามหา เธอคนนั้น คุณผูรับเหมา คนที่กอบเศษทรายใหกลายเปนตึก ลึกลงไปยังชั้นใตดิน ประตูสีเทาหนึ่งเดียวโดดเดนอยู ทามกลาง ความมืดเช่นนี้สีเทาก็คลับคลายจะกลายเปนสีขาว เมื่อถือวิสาสะเปดเข้าไป ในหอง ฉันพบวาหองนี้เล็กกวาที่คิดแตสะอาดกวาที่คาด ชั้นหนังสือที่จัดเปน ระเบียบบงบอกลักษณะนิสัยเจ้าของหอง เธอกำลังเอนหลังกับเก้าอี้ตัวโปรด หลับตาพักผอน คงพักจากโปรเจกตใหญที่เพิ่งสำเร็จไป ซึ่งก็คือคอนโดนี้ นั่นเอง ฉันเดินเข้าไปเงียบเชียบ ระวังไมใหรบกวนการพักผอนของเธอ พรอมกับเลื่อนสายตาไปมองหนังสือหนังหาในชั้น มากกวาหกปมาแลวที่เธอผูนั้นเริ่มตนสรางพื้นที่สำหรับนิสิตผูรัก การเขียนและการวิจารณนับแตวันแรกที่ “อาน-คิด-เขียน” เลมแรกปรากฏ เธอก็รวบรวมผลงานและจัดพิมพเผยแพรงานของนิสิตในชั้นเรียนมาตลอด การรวบรวมงานแตละเลมนั้น ไมใช ่เพียงการกวาดเอาทั้งหมดที่มี มาเย็บเปนเลม ไมใช ่เอาทรายที่ไหนก็ไดมาก่อปราสาททราย แตเธอไดเริ่ม กระบวนการดวยการมองหาผูคนและผลงาน เธอตองติดตอผูคนในช่องทาง ตางๆ เลือกใช้ภาษาที่เหมาะเจาะเหมาะใจเพื่อเชิญนักเขียนแตละคนมารวม
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 241 แสดงผลงานในเลม เมื่อไดงานเขียนมาอยูในมือตามกำหนดเวลา เธอก็ยัง ตองเพียรหยิบอาน เลือกจัดคัดแตงอยางมีเปาประสงค์ชัดเจน ระหวางทางก็ ตองใหความคิดเห็น สื่อสารกับนักเขียนถึงงานแตละชิ้น ปรับแก้ไปมา ซึ่ง ทั้งหมดนี้เปนวิถีทางที่กินเวลาและพลังชีวิตมหาศาล ดังนั้น เธอจึงเปน เหมือนขุมพลังงาน เปนเบื้องหลังของเบื้องหลังอีกทีหนึ่ง ผูรับเหมาบางคนอาจถนัดสรางเพียงบานเดี่ยว บางคนถนัดสราง หองแถว สวนเธอนั้นกลับรับเหมาไดทุกอยาง เข้าทำนองไมจิ้มฟนยันเรือดำน้ำ ก็วาได เธออานเรื่องสั้น บทวิจารณบทสัมภาษณความเรียง มุกตลก หรือ แมกระทั่งข้อความโฆษณา เธอดูแลและจัดการทั้งหมดทั้งมวลจนกลายเปน แตละเลมไดเธอเปดกวางตอเนื้อหาและรูปแบบงานเขียนทุกประเภท ทั้งยัง ยังมองไกลไปถึงการออกแบบรูปเลม การใหเครดิตแก่ผลงานของนิสิต การ ประชาสัมพันธเผยแพรในโลกออนไลนการจัดจำหนาย และที่สำคัญยิ่งคือ เธอไดเปดพื้นที่และโอกาสใหบรรดานิสิตในรายวิชาไดลองทำงานจริงใน ตำแหนงตางๆ ของการทำหนังสือ หนังสือเลมแรกมักตราตรึงใจเราเสมอใช่ไหม? ไมวาจะเปนเลมแรก ที่อาน เลมแรกที่เขียน เลมแรกที่ไดทำภาพประกอบ จัดหนา พิสูจนอักษร กระทั่งเลมแรกที่ไดเปนบรรณาธิการ ดังนั้น หนังสือเลมนี้และทุกๆ เลม ก่อนหนานี้ที่ผูรับเหมาแหงอาน-คิด-เขียนไดจัดพิมพขึ้น ยอมตราตรึงใจใหแก่ บรรดานิสิตทั้งหลาย และอาจนำไปสูเสนทางอาชีพในอนาคตของใครบาง คนดวย นอกจากนี้งานเขียนในเลมนี้ก็มีความเปนมาไมธรรมดา บางเรื่อง เขียนมาหลายปแลวแตยังเข้ากับยุคสมัย บางเรื่องดัดแปลงจากผลงานเดิมที่ เข้าตาบรรณาธิการ (ก็ผูรับเหมาท านหนึ่งนั่นแหละ) ฉันจึงไดเห็นความ เคลื่อนไหลของตัวบทหนึ่งๆ ที่ไมแนนิ่งตายตัว ที่ข้ามผานเวลาและผานการ
242 | นักเรียนเขียนเรื่อง ขัดเกลามาอยางจริงจังของทั้งผูเขียนและบรรณาธิการ นอกจากคอนโดนี้จะเปดเผยใหเห็นโครงสรางและองค์ประกอบ ตางๆ อยางชัดเจนราวกับทั้งตึกประดับดวยกระจกนิรภัยใสแกรง โครงสราง หลักของคอนโดนี้ยังเกิดขึ้นดวยการเลือกสรรอยางเอาใจใสของผูรับเหมา เธอจดจำไดเสมอวาใครถนัดเขียนอะไร หรือเคยเขียนเรื่องใดไวไดดีและแม จะมีความรูเช่นนั้นแลว แตผูรับเหมาก็ยังตองอาศัยพลังงานในการติดตอ ประสานงาน เพื่อขอและรวบรวมเรื่องจากบรรดานักเขียนทั้งหลายทั้งปวง ดวย นอกจากความใสใจ ความรอบรูและทักษะในการมองเห็นความ เปนไปไดที่ยังไมมีใครทำใหเกิด การงานของผูรับเหมาคนนี้ยังตองอาศัยการ ยืนระยะของผลงาน ทำงานตอเนื่องกับนิสิตนักอยากเขียนที่ค่อยๆ เติบโต ขึ้นในแตละปการศึกษา ซึ่งคุณสมบัติเช่นนี้นับวันจะยิ่งหาไดยากขึ้น ในโลกที่ ทุกอยางเปลี่ยนเร็วฉับพลันเพียงชั่วนิ้วไถหนาจอ หากหนังสือทั้งหมดเหลานั้นคือตึกแลอาคารบานเรือนแตละหลัง ปจจุบันก็นาจะมี “หมูบานอาน-คิด-เขียน” แลว งบประมาณในการสรางหมูบาน ก็นาจะมากโขแตถึงจะสรางตึกรามไดมากมาย กระนั้นก็ยังเปนหมูบานไมได หรอก หากขาด “ผูคน” ตั้งแตเลมแรกจนกระทั่งเลมนี้นักเขียน นักวิจารณอาจารยนักวิชาการ อิสระ ใครตอใครอีกมาก ที่ผูรับเหมาไดเดินเข้าไปเชิญชวนมารวมวง ผูคน เหลานี้ลวนสำคัญและช่วยกันสรางชีวิตชีวาใหพื้นที ่แหงการอาน การคิด และการเขียนนี้ เมื่อนึกถึงการที่ตองค่อยๆ ติดตอผูคนแตละฝายในแตละเลมแลว ฉันก็อดไมไดที่จะนึกภาพผูรับเหมาค่อยๆ คัดเลือกเม็ดทรายทีละเม็ดแลว เอามาเรียงรายรวมกันเพื่อจะจัดสรรและสรางใหกลายเปนหองหับและ อาคารแตละหลัง
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 243 การประสานสิบทิศกับผูคนนั้นไม ใช ่เรื ่องง่ายและตองใช้พลัง มหาศาล ยิ่งเมื่อนึกดูวา เธอมีอีกหลายงานที่ตองจัดการนอกจากการทำ หนังสือ ไมวาจะเปนการสอน และการพยายามใหแตละภาคเรียนมีคะแนน วัดผลตรงกับระบบระเบียบของที่ทำงาน การทำงานธุรกรรมธุรการอีกนับไม ถวน จนบางครั้งฉันก็เผลอรำพึงขึ้นมากับตนเองวา เธอทำไดอยางไรกัน เธอ เอาเรี่ยวแรงกำลังมาจากไหนกันนะ ฉันเหลือบมองผูรับเหมาที่กำลังพักผอน เธอพึมพำอะไรบางอยางที่ ฉันฟงไมออก แตบางทีนั่นอาจจะเปนโปรเจกตใหมในชีวิตของเธอ และไมวา โปรเจกตนั้นจะเปนอะไร เปนเรื่องเกี่ยวกับหมูบานนี้หรือเรื่องอื่น ฉันเชื่อวา ทุกโครงการที่ผูรับเหมาอยางเธอคนนี้คิดทำ ตองนาตื่นตาและเปนโครงการ ที่มีเพียงเธอเทานั้นที่ทำไดเหมือนที่เธอไดสรางระบบนิเวศหมูบานอาน-คิดเขียนนี้ หมูบานอาน-คิด-เขียน ดำเนินมาถึงเลมนี้เปนพื้นที่แหงการทดลอง และสรางสรรค์พื้นที่แหงการเรียนเขียนและรูคิดเพื่อรูจักตนเอง เมล็ดพันธุไดหวานลงแลว บานเรือนไดก่อรูปขึ้นแลว และผูคนใน หมูบานตางเติบโต จากวันนี้ถึงวันตอๆ ไป ผูคนที่พบกันดวยตัวอักษรใน หมูบานนี้คงจะไดรอยเรียงถอยคำใหกลายเปนแก้วแวววาว เพิ่มชีวิตชีวา ใหแก่หมูบานแหงนี้เรื่อยไป และไมแนหรอก อาจจะมีสักคนสองคน ที่เลือกเสนทางสรางตึกสูง แบบเดียวกับผูรับเหมาอยางเธอคนนั้นก็เปนไดและอาจมีบางคนที่พึงพอใจ จะอยูในหองลับชั้นใตดินอันสงบเงียบเช่นนี้ดวย.
244 | นักเรียนเขียนเรื่อง เกี่ยวกับผู้เขียน นิชานันทนันทศิริศรณ ทำหนังสือที่ สนพ. ลึกลับชื่อวา Anthill Archive บางเวลาเปนอาลักษณ (@aluck_45) ชอบคัดลายมือ และรักการนอนเหนือสิ่งใด ขอบคุณภาพถายจาก Learning Field Studio
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 245 คนทํางาน หนังสือ เทวบุตร เทพนรินทร ผูพิสูจนอักษร ชุติมน ชาวดง ผูชวยจัดสารบัญเลม ธมลวรรณ จิ้มลิ้มเลิศ ผูชวยบรรณาธิการ ณิชาภัทร จันทสิงห ผูชวยบรรณาธิการ หัตถกาญจนอารีศิลป บรรณาธิการ สุณิชา จุลอักษร ผูออกแบบปก&ภาพประกอบ
246 | นักเรียนเขียนเรื่อง หนังสือรวมผลงานสร้างสรรค์ของนักเร ียนเขียนเร ื่อง อ่านฟร ีe-book ทางแอปพลิเคชัน Meb CU-eBook Store TK Read ดาวนโหลดแอปพลิเคชันไดทาง Google Play และ App Store จากนั้นค้นหาชื่อเรื่อง และดาวนโหลดหนังสือมาอานไดฟรี (ไมมีค่าใช้จ่าย) เขียนเลนเปนเรื่อง วิกลวิกาล เมื่อฉันรอยเศษทราย ใหกลายเปนแก้ว หนังสือชุดวิชญมาลา ลำดับที่ หนังสือชุดวิชญมาลา ลำดับที่ หนังสือชุดวิชญมาลา ลำดับที่ บรรณาธิการ: หัตถกาญจนอารีศิลป ผูจัดพิมพและเผยแพร: ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตรจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย เผยแพรเพื่อประโยชนทางการศึกษาเทานั้น (ไมมีการจำหนาย)