The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมข้อเขียนบันทึกนานาสภาวะ ณ ขณะเขียน <br>ของนักเรียนเขียนเรื่อง จากรายวิชา “ศิลปะการเขียนร้อยแก้ว” <br>ผู้จัดพิมพ์และผู้เผยแพร่: ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by arts.readthinkwrite, 2023-07-15 01:58:55

เมื่อฉันร้อยเศษทรายให้กลายเป็นแก้ว

รวมข้อเขียนบันทึกนานาสภาวะ ณ ขณะเขียน <br>ของนักเรียนเขียนเรื่อง จากรายวิชา “ศิลปะการเขียนร้อยแก้ว” <br>ผู้จัดพิมพ์และผู้เผยแพร่: ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Keywords: writing,graphic art,experience,essay,creativewriting,youngwriter,การเขียน,ประสบการณ์,นักเรียนเขียนเรื่อง,นักเขียน,criticism,การวิจารณ์

เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 149 บันทึกประสบการณ์ทะลุมิติ ของนักอยากเขียนคนหนึ่ง จับฉ่ายขายฝน “โอย!” ฉันรองออกมาเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจขณะทุบโตะ อีกครั้งจนเริ่มจะเจ็บมือ “ตนฉบับอะไรเนี่ย!” นี่คือข้อดีอย างหนึ่งของการทำงานที่บานในยุคโรคระบาด...อยาง นอยเวลารูสึกประสาทเสียกับงานก็ระบายออกมาไดเลย อันที่จริงแลว ฉันไมสมควรตองไดเห็นข้อดีข้อนี้เลย ในเมื่อก่อน หนานี้ฉันคิดวานี่ตองเปนงานที่มีความสุขมากแน แตสิ่งแรกๆ ที่โลกแหง การทำงานเหวี่ยงมาใหฉันไดเรียนรูก็คือ ตอใหเปนงานในฝนก็ใช่วาจะไดทำ แตสิ่งที่ชอบเสมอไป ระหวางที่ฉันกำลังสูดลมหายใจตั้งสติและภาวนาใหยอหนาถัดไป ไมเลวรายมากนัก เสียงเครื่องยนตของรถมอเตอรไซค์ก็ดังขึ้นหนาบาน หาก ไมใช ่บุรุษไปรษณียก็คงเปนพนักงานขนสงเอกชนของสักบริษัทหนึ่ง แตฉัน นึกไมออกวาตัวเองสั่งของอะไรไวบางทีอาจเปนของพอ แม หรือนองสาวก็ ไดจึงตัดสินใจลุกไปเปดประตูหนาบานดู ปรากฏวาฉันคาดการณผิด อีกฝายเปนบุรุษไปรษณียวันนี้ไม มี พัสดุ เพียงแค่มาหยอนจดหมายลงกลองจดหมายแลวก็จากไป ที่จริงแลวจะปลอยจดหมายไวในกลองอยางนั้นก่อนก็ไดแตตอนนี้ ฉันอยากอูงานตออยางนอยอีกหนึ่งนาทีจึงตกลงใจเดินออกไปเปดกลอง


150 | นักเรียนเขียนเรื่อง จดหมายแลวหยิบของดานในออกมา สวนใหญเปนจดหมายเกี่ยวกับบัตร เครดิตของพ อกับแมตามปกติแตในบรรดาจดหมายเหลานั้นก็มีโปสการด ฉบับหนึ่งสอดไสมาดวย จ่าหนาถึงฉันเอง ฉันจำไดทันทีวาโปสการดฉบับนี้มาจากไหน นี่เปนโปสการดที่ฉัน ไดเขียนในหองเรียนวิชาภาษาไทยเพื่อวิชาชีพตอนอยูปสาม คาบเรียนนั้นมี วิทยากรจากภายนอกมาสอน กิจกรรมทายคาบคือการเขียนโปสการดถึง ตัวเองในอนาคตโดยที่โปสการดนั้นจะถูกสงใหหลังจากรับปริญญาแลว เมื่อ คำนึงถึงวาฉันเพิ่งรับปริญญาไปเมื่อไมกี่สัปดาหก่อน ก็ถือวาโปสการดสงมา ไดพอดิบพอดีทีเดียว สองปดูเหมือนจะเปนเวลาไมนาน ทีแรกฉันยังคิดวาตัวเองคงจำ ข้อความในโปสการดไดแมนยำจนไมตื่นเตนแลว แตความจริงกลับไมเปน อยางนั้น ฉันนึกไมออกเลยสักนิดวาตัวฉันในวันนั้นจะอยากบอกอะไรตัวฉัน ในวันนี้จึงอดใจเตนหนอยๆ ไมไดขณะพลิกโปสการดไปดานหลัง ยังไมทันไดอานตัวอักษรบนนั้นสักตัว แสงสีขาวก็สวางวาบขึ้นมา จากแผนกระดาษ เจิดจ้าจนกลืนกินทัศนียภาพรอบข้างไปจนหมด ลืมตาขึ้นมาอีกทีฉันก็ไมไดอยูที่บานแลว ไมสิที่ที่ฉันยืนอยูนี่ก็ยังเปนลานหนาบาน เพียงแตไมใช่บานหลัง ปจจุบัน เปนบานเก่าที่ฉันอาศัยอยูจนจบประถม ฉันจำไดดีทั้งอิฐตัวหนอน สีน้ำตาลแดงบนพื้น ตนคูนใหญหนาบาน ชิงช้าเขียวที่ไมวาจะหยอด น้ำมันหลอลื่นไปเทาไร ผานไปแปบๆ ก็จะสงเสียงเอี๊ยดอาดเวลานั่งอยูดี... ฉันมองไปรอบๆ ดวยความรูสึกคิดถึงมากกวางุนงง ฉันเห็นเรื่อง แบบนี้จากในนิยายกับภาพยนตรมาจนไมรูสึกแปลกใจแลว ตอนนี้ฉันคงอยู ในโลกความทรงจำของตัวเอง และสิ่งตอไปที่จะไดเห็นก็คงเปนเหตุการณสัก


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 151 ช ่วงหนึ่งที่สงผลสำคัญถึงเนื้อความในโปสการดที่ฉันยังไม ทันไดอ านนั่น จากนั้นพอฉันไดคำตอบของสิ่งที่อยากรูหรือไมก็สะทอนคิดจนแก้ปมในใจได ก็จะ ‘ปง’ ไดกลับไปสูปจจุบันในที่สุด นี่เปนพล็อตเรื่องธรรมดาในธรรมดา อีกทีไมรูวาโดนหยิบไปใช้กี่รอยกี่พันครั้ง เกรอจนไมรูจะเกรออยางไรแลว ถึงจะไมรูก็เถอะวา เรื่องนี้เกิดขึ้นไดอยางไร เพราะเทาที่ฉันรูตัวฉัน เองเปนมนุษยปกติธรรมดาที่สุดคนหนึ่ง ไมมีสัมผัสที่หกดวยซ้ำ (แลวก็ไมได อยากมีดวย) แลวทำไมถึงทำใหโปสการดดึงตัวเองมาอยูในหวงอดีตได เอาเถอะ เกิดขึ้นไดอยางไรไมสำคัญ แค ่รอดูสิ่งที่ตัวฉันในอดีต อยากใหดูเทานั้นก็จบแลว ยืนรออยูพักหนึ่งก็ยังไมมีอะไรเกิดขึ้น...หรือวาความทรงจำที่ฉันตอง เห็นจะไมไดเกิดขึ้นหนาบาน? คิดไดดังนั้นฉันจึงหันหลังกลับ แลวเดินไปยังประตูมุงลวดเพื่อเข้าสู ตัวบาน โทรทัศนจอนูนในบานปดไวถือเปนเรื่องผิดปกติเพราะหากในบาน มีคนอยูก็มักจะตองเปดโทรทัศนไวทั้งวัน และเทาที่ฉันจำไดในช่วงเวลานั้น ฉันไมเคยตองอยูบานคนเดียว หากไมมีญาติผูใหญอยูเปนเพื ่อนก็หมาย ความวาฉันตองออกไปข้างนอกกับพอแมแตถาไมมีใครอยูบาน แลวความ ทรงจำที่ฉันจำเปนตองเห็นคืออะไรกัน เมื่อลองฟงดูดีๆ ก็ไดยินวา บานที่เหมือนจะเงียบสงัดนั้น ความจริง แลวมีเสียงอันคุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นเปนครั้งคราว นั่นเปนเสียงแตกๆ เวลา นิ้วกดลงบนคียบอรดคอมพิวเตอรเสียงนั้นไมไดดังขึ้นทีละครั้ง แตดังติดกัน อยูพักหนึ่งแลวถึงค่อยหยุดไป จากนั้นจึงดังขึ้นมาใหม เข้าใจไดวาเมื่อพิมพ จบประโยคก็จะหยุดคิดครูหนึ่ง


152 | นักเรียนเขียนเรื่อง ฉันก้าวไปตามเสียงนั้น ตรงไปยังโตะคอมพิวเตอรที่หันหลังชนกับ ชั้นวางโทรทัศนเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งจดจ่ออยูหนาจอ เขียนไดสักประโยค หนึ่งก็จะหันมองนากาแขวนบนผนัง ฉันจำไดนี่คงเปนช ่วงที่ฉันไดรับอนุญาตใหใช้คอมพิวเตอรวันละ หนึ่งชั่วโมง แตฉันก็ยังไมเข้าใจวา ถานี่เปนภาพความทรงจำ ทำไมถึงไมมีคนอื่น ในบานเลย ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปใกลอีกหนอยเพื่อจะดูวาเด็กหญิงคนนั้น ซึ่งก็ คือตัวฉันในวัยประถมกำลังเขียนเรื่องอะไรอยูแตตอนนั้นเอง จู่ๆ คนที่กำลัง จดจ่ออยูกับหนากระดาษของโปรแกรมไมโครซอฟทเวิรด (ในเครื่องนี้เปนรุน 2001 ซึ่งเปนเวิรดรุนที่นาหงุดหงิดที่สุดในชีวิตฉัน เพราะวิธีการแบงบรรทัด ของมันไมเหมือนกับเวิรด 2003 ที่ฉันเคยชินจากคอมพิวเตอรของโรงเรียน) ก็หันหนามายิ้มใหแลวทักทายวา “ดีจ้า” ฉันชะงัก ตอนนี้เริ่มจะแปลกใจขึ้นมานิดๆ แลว ไมใช่เพราะจู่ๆ ความทรงจำก็หันหนามาพูดคุยดวย พล็อตเรื่อง ประเภทคุยกับตัวเองในอดีตก็ไมไดแปลกใหมอะไรเหมือนกัน เรียกวาไมอยู เหนือความคาดหมาย ที่ฉันแปลกใจก็เพราะ...แมวาเด็กหญิงคนนั้นจะเปนตัว ฉันแนนอน แตก็ตางจากตัวฉันจริงๆ อยูมากเหมือนกัน ถาเปนตัวฉันจริงๆ จะไมมีทางกลาทักทายคนแปลกหนาอยางนี้แน และตัวฉันที่เปนคนเงียบๆ เก็บตัวมาตลอด ก็ไมมีทางมีน้ำเสียงราเริงอยาง นั้น “เธอ…รูวาฉันคือใครเหรอ” ฉันถาม “รูสิ” ตัวฉันในวัยประถมพยักหนา “เค้ารูวาตัวเองจะมา”


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 153 ฉันลองผูกเรื ่องในหัวจากนั้นก็เลือกเหตุผลที่นาจะเปนไปไดมา อยางหนึ่ง “เธอมีอะไรจะบอกฉันใช่ไหม” ตัวฉันในอดีตสายหนา “ตัวเองแหละมีอะไรจะพูดกับเค้ารึเปลา” ฉันนิ่วหนา “ไมมีนะ” เอาละ ถาสิ่งที่ฉันตองควานหาจากภาพอดีตภาพนี้ไมไดอยูที่ตัวฉัน เอง บางทีฉันอาจควรมองหาจากสิ่งที่อยูรอบๆ มันตองมีสักอยางแหละที่จะ เปนคำตอบของเรื่องนี้ ฉันเริ่มจากมองจอคอมพิวเตอรก่อน เรื่องหาคำตอบก็สวนหนึ่ง แต ส วนใหญเปนเพราะอยากอ านงานเขียนของตัวเองในสมัยนั้น เนื ่องจาก ฮารดดิสก์ซึ่งเก็บผลงานวัยเด็กไวพังไปเมื่อนมนานมาแลว ไมเหลือหลักฐาน อะไรไวเลย บางทีจุดประสงค์การมาที่นี่ของฉันอาจเปนสิ่งนี้ก็ไดงานเขียน ในอดีตอาจเปนกุญแจสำคัญของเนื้อหาในโปสการดฉบับนั้น แตนาเสียดายที่สิ่งที่ปรากฏบนจอเปนเพียงภาพเลือนๆ อานไมออก แมแตตัวอักษรเดียว ทั้งที่ก่อนหนานี้ไดยินเสียงพิมพไปตั้งเยอะแทๆ สุดทายฉันก็หันไปถามตัวฉันในอดีต “เขียนเรื่องไหนอยูเหรอ นาย จอมกวนปวนหัวใจยัยจอมเปน?” คาดการณจากช่วงวัย เรื่องที่ตัวฉันเขียนอยูก็นาจะเปนเรื ่องนั้น เพราะนิยายที่ฉันอานเยอะมากในวัยประถมก็คือนิยายรักวัยรุน พอนึก อยากจะเขียนบางจึงหัดเขียนดวยแนวนั้นไปโดยปริยาย ตัวฉันฟงคำถามแลวสายหนาทันที “เรื่องนั้นไมเขียนแลว” เธอตอบ “ตอนนี้เขียน เสี่ยงรักแมมดราย อยู” “ฉันจำได” ฉันพูดออกไป “ที่นางเอกเก่งมากๆ เทมากๆ แลวก็สูง รอยแปดสิบ”


154 | นักเรียนเขียนเรื่อง “เปลี่ยนเปนรอยเจ็ดสิบแลว” ตัวฉันในอดีตเอยแก้“พี่บัวบอกวาถา นางเอกสูงขนาดนั้น พระเอกก็ตองเปนเสาไฟฟาเทานั้นแหละ” “อยาไปเชื่อ พี่เขาไมไดรูทุกอยางหรอก” ฉันรีบบอกทันที“อีกหนอย เธอจะรูวา โลกนี้มีผูหญิงสูงกวานั้นอีกมากมายดวยซ้ำไป” “จริงเหรอ” “ใช่” ฉันตอบเสียงหนัก และคิดอยูลึกๆ วาจังหวะนี้อาจจะถือวาฉัน ไดปลดเปลื้องปมในใจใหตัวเองและ ‘ปง’ กลับบาน เพราะถาจะมีอะไรสัก อย างที่ตัวฉันในอดีตตองการ ก็คงเปนการยอมรับในจินตนาการและไมรีบ ปฏิเสธวาสิ่งที่ฉันเขียนเลอะเทอะเกินไป…ถึงในแง่หนึ่ง ฉันจะชอบเขียนนิยาย แฟนตาซีที่สุดก็เถอะ แตภาพตรงหนาไมไดเลือนหายไปอยางที่คิด ตัวฉันในอดีตยังคงสง ยิ้มให “ดีจัง” เธอกลาว “แลวตอนจบเปนยังไงเหรอ” ฉันผงะไปเล็กนอยและแมจะรูอยูแลววาอีกฝายหมายความถึงอะไร ก็ยังทำไขสือแลวถามกลับ “ตอนจบอะไร” “เสี่ยงรักแมมดราย ไง” “...ไมรูสิ” ฉันตอบไดเทานี้“ฉันไมไดเขียนตอ” เสี่ยงรักแมมดราย เปนนิยายรักแฟนตาซีที่มีนางเอกเปนแมมด แต ไมใช่แมมดธรรมดา เธอเปนแมมดอันดับหนึ่งทั้งดานบุนบูทำหนาที่เปน องครักษใหองค์หญิงรัชทายาทโลกเวทมนตรถาจำไมผิด ฉันเขียนไวแค่ตอน แรกๆ ที่โลกเวทมนตรถูกกบฏโจมตีจนนางเอกตองพาองค์หญิงลี้ภัยมายัง โลกมนุษยเทานั้นเอง ตอนจบเปนอยางไรไมไดคิดไวดวยซ้ำ


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 155 ถึงอยางนั้นตัวฉันในอดีตกลับดูไมไดแปลกใจ “งั้นคงเขียนเรื่องอื่น ใช่รึเปลา” “จะวาอยางนั้นก็ได” “ตำนานเจ้าหญิงเพลิง เหรอ” อีกฝายถามอีก “เค้าก็อยากรูตอนจบ ของเรื่องนั้นเหมือนกัน” “เปลา” ฉันตอบ “เรื่องนั้นก็ไมไดเขียนตอ” ตำนานเจ้าหญิงเพลิง มีชะตากรรมคลายกันกับ เสี่ยงรักแมมดราย เขียนไดตอนสองตอนก็ยัดลงสูไหดองตลอดกาล “งั้นตองเรื่อง ไขปริศนานครเฮเมรา แนเลย” ตัวฉันในอดีตยังไมละ ความพยายาม “นั่นก็...ไมไดเขียนเหมือนกัน” เรื่องนั้นยิ่งแลวใหญเลย ฉันจำไดคราวๆ วาเกี่ยวกับเด็กสาวนัก ประดิษฐอุปกรณเวทคนหนึ่งซึ่งเปนทายาทคนสุดทายของตระกูลนักประดิษฐ ที ่ถูกกวาดลาง และไปๆ มาๆ ก็จะไดใช้ความสามารถในการกู้โลก แต ก็ เพราะวามีโลกใหตองกู้นี่แหละ ฉันเลยตองใช้เวลาไปกับการสรางโลกของ นิยายใหยิ่งใหญ อลังการ เจ็ดดินแดนแปดคาบสมุทร สุดทายสรางยังไมทัน เสร็จก็เหนื่อยจนพับโครงการเก็บไปเสียก่อน บทนำก็เขียนไมจบดวยซ้ำ เมื่อไดรับคำปฏิเสธมากเข้า เด็กหญิงก็นิ่งไปครูหนึ่ง สุดทายก็ถาม ดวยน้ำเสียงไมแนใจ “แตยังเขียนอยูใช่ไหม” คำถามนี้ตอบง่าย “ใช่” ฉันตอบทันที“ยังเขียนอยู”


156 | นักเรียนเขียนเรื่อง “งั้นก็ดีแลว” ตัวฉันในอดีตแยมยิ้ม “ใจหายหมดเลยเมื่อกี้พี่บัวบอก วาพอโตแลวก็จะยุงจนไมมีเวลาเขียน แตเค้าไมอยากเลิกเลย แตงนิยายสนุก ออก ตัวเองไมเลิกก็ดีแลว” แตงนิยายสนุกออก...ดูเหมือนจะเปนเหตุผลนี้จริงๆ ที่ทำใหตอนนั้น ฉันไมอยากเลิกเขียน และยังถึงกับหมายมั่นปนมือวาจะตองพิสูจนใหพี่สาว เห็นวา ไมวาจะตองเรียนหนักสักแค่ไหนก็จะไมเลิกแตงนิยาย เข้าทำนองยิ่ง หามยิ่งยุยิ่งถูกมองวาทำไมไดก็ยิ่งอยากทำใหได ฉันเริ่มตนมาอยางเรียบง่ายและดื้อรั้นขนาดนั้นจริงๆ เมื่อฉันไมไดพูดอะไร ตัวฉันในอดีตก็เปนฝายเอยขึ้นมา “เรื่องที่ ตัวเองเขียนอยูตองสนุกกวาทุกเรื่องที่เค้าเขียนแน” ในใจฉันปฏิเสธทันทีแตเพื่อไมใหเปนการตัดรอนเกินไปจึงตอบวา “ฉันไมแนใจนักหรอก” “ทำไมถึงไมแนใจ” ตัวฉันถามกลับมา “ตัวเองโตกวาก็ตองเก่งกวา อยูแลวสิ” ตอหนาเด็กหญิงที่มีจินตนาการบรรเจิดเลิศล้ำคนนี้จะเอาความ มั่นใจจากไหนมาบอกวาตัวเองเก่งกวา ขณะที่ฉันครุนคิดวาจะตอบอยางไรดีเด็กหญิงก็เงยหนามองนากา แลวลุกขึ้นจากเก้าอี้ก ่อนจะสงมือมาให“เดินไปคุยไปดีกวา เดี๋ยวไมทันได เจอคนอื่นนะ” “คนอื่น?” “อื้ม” “ฉันนึกวามีแค่เธอคนเดียว”


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 157 “ยังมีอีกหลายคนเลยแหละ” ตัวฉันในอดีตตอบ จริงสินะ เพราะคนตรงหนาคือตัวฉันในวัยประถม แตสิ่งที่ดึงฉันมา ที่นี่คือโปสการดฉบับนั้น และฉันก็เพิ่งเขียนโปสการดนั่นไปเมื่อสองปก่อน เทานั้นเอง ถาอย างนั้นก็แปลวา ที่จริง ฉันไมจำเปนตองตามหาหรือแก้ปมใน ใจอะไรทั้งนั้น แค่ไปพบคนสงโปสการดใหไดก็เทานั้นเอง พล็อตเรียบง่ายใน เรียบง่ายอีกทีคิดใหซับซ้อนอยูตั้งนานทำไมกันนะ เมื่อไดคำตอบแลววาสุดทายเรื่องนี้จะไปจบลงที่ไหน ฉันจึงยื่นมือ ไปจับมือตัวเองในอดีตแตโดยดีสวนที่วาทำไมตองจับมือกันนั้นก็ไมจำเปน ตองถามเลย นี่ก็เปนองค์ประกอบอันดาษดื่นของพล็อตประเภทนี้อีกเหมือน กัน สมมุติวาปลอยมือระหวางทางแลวฉันหลงอยูในหวงอดีตของตัวเองก็แย นะสิ ตัวฉันในอดีตพาฉันเดินออกจากบาน หลังก้าวออกจากอาณาเขต รั้วบาน บริเวณรอบดานก็กลายเปนภาพพรามัว ฉันไมรูดวยซ้ำวากำลังเดิน ตรง เลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา อาศัยการนำทางจากเจ้าของมือที่จับกันอยูนี้ ลวนๆ ระหวางทาง เด็กหญิงก็เลาถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่อยากเขียนไปดวย บางสวนฉันยังพอจำไดแตบางสวนก็ลืมไปแลววาตัวเองเคยคิดอยางนั้นดวย และทุกเรื่องที่เลามาก็มีจุดรวมเดียวกัน คือเธอบอกวามัน ‘ตองสนุกแน’ ฉันฟงบาง ตอบรับบาง แตสวนใหญแลวสงสัยอยูในใจวา ตั้งแต เมื่อไรกันที่ฉันกังวลวาเรื่องที่เขียนจะไมสนุกมากกวาคิดวามันตองสนุกแนๆ “ขอโทษนะ” ฉันพูดขึ้น “เรื่องอะไรเหรอ” ตัวฉันในอดีตถาม


158 | นักเรียนเขียนเรื่อง “ไมวาเรื่องไหนๆ ที่เธอพูดมา ฉันก็เขียนไมจบเลยสักเรื่อง” ฉัน ตอบ “ไมไดเปนนักเขียน ไมไดตีพิมพไมไดแจกลายเซ็น” ตัวฉันในอดีตเงียบไปเหมือนกำลังคิดอยูวาจะตอบอยางไรดี “ฉันทำฝนของเธอใหเปนจริงไมได” ฉันพูดตอ “เธอคงผิดหวังนาดู” “งั้นตอนนี้ตัวเองทำอะไรอยูเหรอ” เด็กหญิงถามกลับมา เมื่อนึกถึงสิ่งที่ทำอยูตอนนี้ฉันก็คิดไดวาตัวเองตองกลับไปเผชิญ สารพัดประโยคที่ดูเผินๆ เหมือนภาษาไทยแตอานไปอานมาเหมือนภาษา ตางดาวพวกนั้นอยู และยังเนื้อเรื่องเจ้ากรรมที่ไมรูวาจะเริ่มสนุกตอนไหนอีก สุดทายก็ไดแตสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนตอบวา “ตอนนี้เปนบรรณาธิการ” ตัวฉันในอดีตตาลุกวาวขึ้นมาทันที“บรรณารักษเหรอ” “บรรณาธิการ” ฉันย้ำ แมจะเข้าใจดีวาตัวฉันในเวลานั้นยังไมรูจักวา บรรณาธิการคืออะไร ก็ขนาดเพื่อนวัยเดียวกันบางคนยังสับสนสองอาชีพนี้ อยู นับประสาอะไรกับเด็กประถมคนหนึ่ง “บรรณาธิการคือคนที่คอยตรวจ เนื้อหาของหนังสือก่อนตีพิมพเพื่อใหหนังสือทุกเลมที่พิมพออกไปสมบูรณ ที่สุดเทาที่จะเปนไปได” “ก็ตองไดอานหนังสือก่อนตีพิมพนะสิ” ตัวฉันในอดีตกลาว “เทมาก ตองสนุกมากแน” “โดยรวมก็สนุกอยู” ฉันตอบรับ แตไมไดเอยเสริมไปวาบางครั้งก็ได เจองานที่นาปวดหัวมากๆ จนอยากกรีดรอง (และอันที่จริงก็กรีดรองไปแลว หลายครั้ง) หรือไมก็อยากวิ่งเอาหัวโขกกำแพงซ้ำๆ สวนใหญ เปนงานที่ฉัน ไมไดเลือกทำ แตจำเปนตองทำ จากนั้นเด็กหญิงก็อมยิ้ม เธอถามขึ้นวา “แลวตัวเองจำไดรึเปลาวา นอกจากนักเขียน เค้ายังอยากเปนอะไรอีก”


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 159 ตอใหจำไมไดแตเห็นทาทางของอีกฝายเมื่อสักครูแลวจะนึกไมออก ไดอยางไร ฉันจึงพยักหนาแลวตอบไป “บรรณารักษไง” “แลวเพราะอะไรเค้าถึงอยากเปนบรรณารักษ” ฉันเงียบแลวคิดอยูพักหนึ่ง “เพราะเธอคิดวา…บรรณารักษจะไดอยู กับหนังสือตลอดไป” “ถูกตองนะค้าบ” ฝายตรงข้ามตอบดวยรอยยิ้ม “เค้าอยากทำอะไรก็ ไดที่จะไดอยูกับหนังสือ แลวก็จะเขียนหนังสือของตัวเองดวย” ฉันถอนหายใจ การไดยินตัวเองในอดีตเลาความฝนดวยท าทาง กระตือรือรนแบบนั้นก็ชวนใหสะทอนใจอยูไมนอยจริงๆ “ตอนนี้ตัวเองเปนคนทำหนังสือ แลวก็ยังไมเลิกเขียนดวย” ตัวฉัน ในอดีตกลาว “นั่นก็เหมือนฝนเปะเลยไมใช่เหรอ” หลังจากนั้นไมนานตัวฉันในอดีตก็จูงมือฉันมาถึงที่หมาย…ซึ่งก็ยังคง เปนภาพพรามัวอยูดีแตเธอยืนกรานวามาถึงแลว ก่อนจะปลอยมือกัน เธอ ก็บอกใหฉันเดินตรงไปเรื่อยๆ แลวเดี๋ยวจะเจอตัวฉันอีกคนเอง “งั้นก็บายบายนะ” ตัวฉันในอดีตบอกพรอมกับปลอยมือ ทันทีที่เธอปลอยมือ ภาพที่พรามัวรอบข้างก็กลายเปนสถานที่อีก แหง และฉันก็เข้าใจไดทันทีวา ทำไมตัวฉันในวัยประถมถึงไมอยูตรงนั้นแลว เพราะนี่คือโรงเรียนมัธยมของฉันเอง เช ่นเดียวกับบานเก่าที่ตางจากความทรงจำเล็กนอย โรงเรียนเองก็ ตางไปเล็กนอยตรงที่ไรผูคนเช่นกัน คราวนี้ฉันไมไดยืนรอใหเกิดเหตุการณอะไรขึ้นและเดินตรงเข้าไป เพื่อตามหาตัวเองอีกคนทันทีแตวากันตามตรงก็คือ ฉันคิดวาตัวฉันในวัย ประถมคงสงฉันไวไกลเกินไปหนอย เพราะตัวฉันอีกคนตองอยูที่หองสมุด


160 | นักเรียนเขียนเรื่อง แนๆ และอาคารนั้นก็อยูแทบจะหลังสุดของโรงเรียน และที่นี่ก็เปนโรงเรียน มัธยมขนาดใหญ พิเศษ หมายความวาฉันตองเดินผ านสระน้ำใหญ โรง อาหารหนึ่ง โรงอาหารสอง และอาคารเรียนอีกสองสามหลังกวาจะไปถึง อาคารหองสมุด แตฉันก็คิดผิดอีกครั้ง เพราะขณะเดินผานโรงอาหารสองก็ไดยิน เสียงเรียกเสียงหนึ่ง “แกๆ ทางนี้!” ในหวงอดีตหรือสถานที่อะไรก็ตามที่ฉันไดมาเยือนเพราะโปสการด ฉบับนั้นลวนไรผูคน ดังนั้น เจ้าของเสียงนั่นก็คงไมใช ่ใครอื่นนอกจากคนที่ ฉันตองมาพบ และเมื่อหันไปตามเสียง ฉันก็ไดเห็นเด็กหญิงผมสั้นในชุด นักเรียนคอซองคนหนึ่งซึ่งนั่งอยูที่โตะมาหิน นั่นคือตัวฉันในวัยมัธยมตนแนนอน และก็เปนเช่นเดียวกับตัวฉันใน วัยประถมซึ่งราเริง ตางไปจากตัวเองที่ฉันจำไดเล็กนอย ตัวฉันในวัยมัธยม ตนคนนี้…ดูผาเผยกวาตัวฉันจริงๆ ในตอนนั้น เมื่อไดรองเรียกฉันและเห็นวาฉันกำลังเดินเข้าไปหา เธอก็กลับไป ก้มหนาพิมพอะไรสักอยางลงในสมารตโฟนเครื่องแรกในชีวิต แลวออกปาก บอกตอนที่ฉันนั่งลงวา “เดี๋ยวขอตอบเมลโรงพิมพแปบนึงนะ นองหนึ่งพาแก มาเร็วมาก” “นองหนึ่ง?” ฉันหลุดปากถามไป แต ฝ ายตรงข้ามก็พึมพำวา “แปบนึงๆ” เธอกดพิมพอะไรอยูสักพัก อานทวน กดสง ครบถวนกระบวน ความแลวจึงเงยหนาขึ้นมาคุยกัน “นองหนึ่งก็คือคนที่แกเจอเมื่อกี้” “ถางั้นเธอก็คือสองเหรอ” “จะเรียกอยางนั้นก็ได” สองพยักหนาตอบ


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 161 ฉันนึกสงสัยขึ้นมาจึงถามอีกวา “งั้นฉันคือคนที่เทาไร เจ็ด? แปด?” สองมีสีหนาเหมือนเพิ่งไดยินคำถามประหลาดที่สุดในโลก “แกไมใช่ พวกเราสักหนอย พวกเราทั้งหมดรวมกันก็ยังสรางแกขึ้นมาไม ได” เธอ อธิบาย “พวกเราคืออวตารของความทรงจำ” อา ตั้งแตแรกมาจนถึงตอนนี้ฉันคิดมาตลอดวา ถานี่เปนเรื่องแตงก็ คงเปนเรื่องที่พล็อตเดาง ่ายเกินบรรยาย แตมันชักจะไมเปนอยางนั้นแลว… อยางนอยฉันก็ไมคาดคิดวาเหตุการณจะออกมาในรูปนี้ แตนี่ก็ตอบคำถามไดวา ทำไมตัวฉันในอดีตที่เพิ่งไดเจอ ถึงไมเหมือน กับตัวฉันสักเทาไร “เออ…” ฉันยังไมรูวาจะโตตอบอยางไรดีไดแตตั้งคำถามสงๆ ไป ก่อน “เธอกับนองหนึ่งสนิทกันเหรอ” “ไมเชิง พวกเราไมเคยคุยกันตรงๆ” สองตอบตามตรง “แตพวกเรา ทั้งหมดไมมีใครลืมนองหนึ่งลงหรอก นองหนึ่งคือจุดเริ่มตน คือความ สนุกสนาน” ยอนนึกไปถึงอวตารของความทรงจำที่ไดเจอก ่อนหนานี้ฉันก็ไม แปลกใจวาทำไมสองถึงเรียกนองหนึ่งอยางนั้น เธอคือช่วงชีวิตที่ใช้ความคิด สรางสรรค์ไดอยางสนุกสนานจริงๆ “ถานองหนึ่งคือความสนุกสนาน” ฉันถาม “แลวเธอคือ…” สองยิ้ม “ลองเดาไหม” อยูมัธยมตน ใช้สมารตโฟนเครื่องแรกในชีวิต กำลังติดตอกับโรง พิมพดวยเรื่องบางอยาง ตลอดชีวิตนี้ฉันเคยมีเหตุใหตองติดตอโรงพิมพเพียงครั้งเดียว


162 | นักเรียนเขียนเรื่อง “งั้นเธอก็เกิดมาจากช ่วงที่ฉันทำหนังสือทำมือครั้งแรก” ฉันกลาว “โปรเจกตนิยายเวียนตอนม.ตน” “ถูกตอง” สองตอบรับดวยสีหนาพึงพอใจ “บวกกับความทรงจำ ก่อนหนากับหลังจากนั้นนิดหนอย เธอพูดไมผิด สวนสำคัญคือตอนทำนิยาย เวียนของหอง ตอนนั้นสนุกมากนี่เนอะ แลวยังทำไดสำเร็จดวย” จู่ๆ ฉันก็รูสึกไมกลาสูหนาอีกฝายขึ้นมา นองหนึ่งคืออวตารของจุดเริ่มตนอันสนุกสนาน สวนสองคืออวตาร ของความมั่นใจ…ความเชื่อมั่นวาขอเพียงใช้ความคิดและพยายามสักหนอย ก็จะทำทุกอยางไดสำเร็จสมดังใจ โปรเจกตนิยายเวียนครั้งนั้นเกิดจากความคิดที่วาในเมื่อเขียนนิยาย จบดวยตัวเองไมไดอยางนั้นหาคนมาช่วยเขียนซะก็สิ้นเรื ่อง ตัวฉันตอน ม.ตนจึงรวมกลุมกันกับเพื่อนรวมหอง ช ่วยกันเขียนนิยายที่มีตัวละครเปน นักเรียนหองเดียวกันนั่นแหละ วนกันไปคนละตอน ถึงช่วงทายจะมีขลุกขลัก นิดหน อยเพราะไมมีใครคิดเนื้อหาตอนตอไปออก จนสุดทาย ฉันที ่เปน แมงานตองเปนคนขมวดปมและปดเรื่องเอง แตก็ถือวาเปนโปรเจกตที่สำเร็จ อยางงดงาม รวมเลมและตีพิมพเปนหนังสือที่ระลึกจบมัธยมตนไดพอดี นั่นเปนครั้งแรกและครั้งเดียวที่ฉันไดสัมผัสหนังสือจากน้ำพักน้ำแรง ของตัวเอง สองคืออวตารที่เกิดจากความสำเร็จในตอนนั้น ดังนั้นตอใหนอง หนึ่งจะไมผิดหวังในตัวฉัน แตสองนะคนละเรื่องเลย เธอตองแค้นใจมาก แนนอนที่ตัวฉันในตอนนี้ยังไมมีงานเขียนของตัวเองเปนชิ้นเปนอัน “เปนอะไรไป” สองถาม “ฉัน…รูสึกสะทอนใจ” ฉันตอบ “จนถึงตอนนี้…หนังสือที่มีชื่อฉันเปน คนเขียนก็ยังมีแค่เลมนั้น”


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 163 “หมายถึงเลมที่เพิ่งสงโรงพิมพไปเนี่ยเหรอ” “ใช่” “โอ” สองอุทาน แลวก็ไมไดพูดอะไรอีก บางทีอาจกำลังคิดอยูวาจะ ตอวาตอขานตัวตนที่เปนผูใหญไมไดเรื่องคนนี้อยางไรดี “ขอโทษนะ” ฉันชิงขอโทษก่อน “ฉันทำใหเธอผิดหวัง” อวตารของความทรงจำตรงหนาฉันยังเงียบอยูอีกพักหนึ่ง “เราหวังใหแกไดมีผลงานเปนนักเขียนเต็มตัวจริงๆ นั่นแหละ” สอง พูดขึ้นมาในที่สุด “แตนั่นก็เพราะแกสนุกที่ไดเขียน” ฉันขมวดคิ้ว รูสึกวานี่ไมสมกับเปนอวตารที่เกิดจากความสำเร็จ เทาไร “นี่เธอกำลังพยายามทำตัวเปนเหมือนนองหนึ่งอยูรึเปลา” “ก็อาจจะ แตยังไงพวกเราทุกคนก็เริ่มตนมาจากนองหนึ่งอยูแลวนี่” สองตอบ “ที่หนังสือทำมือเลมนี้สำเร็จไดก็เพราะทำแลวสนุกไง ทุกวันนี้แก ยังชอบเขียนอยูไหมละ” “ชอบสิ” ฉันตอบทันที“ชอบมากๆ” “นั่นแหละที่สำคัญ” สองบอกฉัน “ถายังชอบอยู…ก็ไปตอไดเสมอ แหละ” เมื่อพวกเราคุยกันจบ สองก็บอกวาถึงเวลาที่ฉันจะไดไปพบ “พี่ สาม” แลว ฉันเดาวาอวตารของความทรงจำคนตอไปที่ฉันจะไดพบ นาจะ อยูในรูปลักษณของตัวฉันวัยมัธยมปลายและคงอยูไมไกลจากตรงนี้เทาไร บางทีอาจอยูที่หองสมุดซึ่งฉันคิดจะเดินไปในทีแรกก็ได แตดูเหมือนพวกอวตารดวยกันเองจะไมรูวาคนตอไปอยูที่ไหน เมื่อ สองยื่นมือมาใหจับเพื่อนำทางฉันไป ภาพฉากรอบๆ ก็กลายเปนพรามัวอีก


164 | นักเรียนเขียนเรื่อง ครั้ง ฉันเดินตามอวตารของความทรงจำอยางไมรูเหนือรูใตอีกรอบ และรูสึก วามันไกลกวาที่ควรเปนนิดหนอย แตในที่สุด สองก็หยุดฝเทาแลวบอกลา พอปลอยมือจากสอง ฉันก็พบวาตัวเองอยูที่ศาลาดานหนาอาคาร หองสมุดพอดี ที่โตะกลางศาลามีเด็กสาวมัธยมปลายคนหนึ่งนั่งอยู เธอกำลังเขียน อะไรบางอยางในสมุดอยางจริงจัง เพราะเปนช่วงที่ใกลเคียงกับชีวิตปจจุบันค่อนข้างมาก รายละเอียด สวนใหญจึงยังชัดเจน ในตอนนี้ฉันก็ยังเก็บสมุดเขียนนิยายเลมนั้นไวใน ลิ้นชัก ปากกาดามนั้นหมึกหมดไปแลว แตเพราะเปนปากกาแบบเปลี่ยนไส ไดถาไปซื้อมาเติม ตอนนี้ก็จะยังใช้ไดอยู ฉันก้าวขึ้นไปบนศาลาแลวตรงไปนั่งลงข้างๆ สาม อีกฝ ายเงยหนา ขึ้นมา ผงกศีรษะทักทายทีหนึ่ง จากนั้นก็ก้มลงเขียนตอ ฉันไมถือสาหรอก ไมรูสึกหงุดหงิดเลยสักนิดดวยซ้ำ เพราะที่จริง ฉันคิดวาตัวเองเข้าใจอวตารคนนี้ดีกวาอวตารสองคนก่อนเสียอีก หลังมองใบหนาดานข้างของคนที่ดูเหมือนเขียนอยางเอาเปนเอาตาย อยูครูหนึ่ง ฉันก็ถามเบาๆ “มันเหนื่อย…ใช่ไหม” สามชะงักทันทีก่อนจะสายหนา “ถาเหนื่อยก็แปลวายังชอบไมพอ” “ไมเลย” ฉันบอก “ถึงชอบก็เหนื่อยไดนะ” สามคืออวตารของช่วงชีวิตที่ทอแทที่สุด…ช ่วงเวลาแห งการตั้ง คำถามกับตัวเอง จะเรียกวาเปนดานตรงข้ามของสองเลยก็ได


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 165 “ถายังเก่งไมพอก็เหนื่อยซะแลว แลวจะไปทำอะไรได” สามกลาว ตอไปวา “เรามีแค่นี้ที่ทำไดดีแตก็ยังดีไมพออยูดี” ฉันอยากบอกวาไมจริงหรอก แตฉันรูจักตัวเองดีวา เมื่อไรที่ฉันจม อยูกับความคิดดานลบก็จะหาทางออกมาไดยาก และแทบไมมีทางทำให ตัวเองเชื่อสิ่งที่ดีกวาไดเลย “เราไมเข้าใจวาทำไมเราทำไมไดสักทีทั้งที่ฝมือก็มีสงงานคัดเลือก เข้าอบรมก็ผาน ไดไปเข้าค่ายนักเขียนมาแลว ไมใช ่แค่ครั้งเดียวดวย” สาม เอย “แตแค่เขียนใหจบ มันยากตรงไหน มันไปพลาดที่ตรงไหน…แบบนี้เมื่อไร จะไดเปนนักเขียนเต็มตัว” “ฉันเข้าใจ” ฉันตอบ ก่อนจะพูดสิ่งที่ไมไดบอกนองหนึ ่งกับสอง “ฉันคิดวาตัวเองอาจจะเปนนักเขียนไมไดแลวดวยซ้ำ” ปากกาในมือสามรวงตกลงบนสมุด เจ้าตัวหันขวับมาหาฉัน “แก เลิกฝนเหรอ!” “ไมไดเลิก” ฉันตอบ “ฉันแค่…พยายามยอมรับวามันอาจเปลี่ยน รูปแบบไป” “ก็ยังฟงดูเหมือนแกเลิกฝนอะ!” สามโตทันที“ไมไดนะเวย! ถาแก เลิกฝน แลวนองหนึ่ง สอง เรา…เราจะเหลืออะไร อยาเลิกเลยนะ” เธอกลาวประโยคทายดวยน้ำเสียงเวาวอน ภายในของเธอคงเต็มไป ดวยความโกรธระคนสับสน ฉันเข้าใจตนสายปลายเหตุทั้งหมดดีเกินกวาจะ ตัดสินวา คำขอนั้นเปนเพียงความดื้อรั้นดันทุรังหรือเอาแตใจ “เธอฟงก่อน” ฉันตอบอยางใจเย็น “ฉันไมไดเลิกเขียน แลวก็จะ ไมเลิกดวย” สามนิ่งไป แตยังขมวดคิ้วจ้องหนาฉันอยู


166 | นักเรียนเขียนเรื่อง “การเขียนยังคงเปนสิ่งที่ทำใหฉันสงบใจไดเหมือนที่เปนตลอดมา” ฉันอธิบาย “เดิมทีฉัน…รวมถึงพวกเธอทั้งหมด เคยคิดวาจะเปนนักเขียนได ตองเซ็นสัญญาตีพิมพกับสำนักพิมพอยางเปนทางการเทานั้น ตองมีรายได จากการเขียนใหไดถึงจะถือเปนนักเขียนเต็มตัว ความเปนไปไดอื่นๆ ไมนับ เปนนักเขียนจริงๆ สำหรับพวกเรา พอคิดอยางนั้นแลวทำไมไดสักทีมันก็ ทรมานใช่ไหมละ เธอก็รูดี” สามหลุบตาลงเล็กนอย ฉันรูวาเธอเข้าใจ เพราะเธอคืออวตารของ ความทรงจำจากความรูสึกแบบนั้น “แตรูไหม ตอนที่คิดวาคงเปนนักเขียนตามนิยามนั้นไมไดแลว ฉันก็ ยังพบวาตัวเองเขียนไดเหมือนเดิม ยังรูสึกวาการเขียนสนุกเหมือนเดิม ยัง ชอบสิ่งที่ตัวเองเขียนเหมือนเดิม” ฉันพูดตอ “ฉันเลยคิดวาจะถอยออกมา มองหาวิธีนิยามใหมดู” “เรามองไมเห็นทางเลยวา ถาทำอยางนั้นแลวจะเชื่อวาตัวเองเปน นักเขียนไดยังไง” สามรำพึง “ฉันก็ยังไมรูเหมือนกัน ตองลองดูก่อน” ฉันตอบตามตรง “ขอโทษ นะที่ไมมีวิธีการแก้ปญหาใหเธอ” สามสายศีรษะเบาๆ ดูสีหนาก็รูวายังพูดอะไรไมออก “แตฉันมีอะไรจะเลาใหฟงแหละ” ฉันบอกสาม “ฉันรูวาสำหรับเรา แฟนฟกชั่นไมนับเปนนิยายจริงๆ เหมือนที่นักเขียนแบบอื่นไมไดนับเปน นักเขียนจริงๆ แตก่อนหนานี้ไมนาน ฉันเพิ่งเขียนแฟนฟกเรื่องยาวจบ” สามเบิกตากวาง “แก…เขียนจบ?” ฉันพยักหนารับ “แลวก็มีนักอานที่ชอบงานของฉัน มีนักอานที่เรียก ฉันวานักเขียนดวย”


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 167 อวตารของความทรงจำแหงความเหนื่อยยากทอแทฟงแลวก็นิ่งไป จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ไอที่มีฝนอยูตรงหนาไมเคยทำไดพอเขียนเอาสนุกเฉยๆ ดันทำได ขึ้นมาซะงั้น ตลกรายจริงๆ” สามบอก “แตถึงอยางนั้นก็ยอดไปเลยนะ” สุดทายสามก็ยอมจับมือฉันแลวนำทางไปสงยังจุดหมายตอไป คราวนี้ฉันเดาวา คงไดพบกับคนเขียนโปสการดสักที เมื่อปลอยมือจากสาม สถานที่ที่ฉันอยูตอนนี้ก็คือตรงหนาบันไดชั้น สองของอาคารเรียนคณะอักษรศาสตรปญหาก็คืออวตารของความทรงจำ สงฉันไวไกลเกินไปอีกแลว เพราะฉันรูวาคนที่ฉันตองไปพบคราวนี้อยูที่ หองเรียนรวมชั้นหา ฉันลองหันไปกดลิฟตดูก ่อน แตไมรูทำไม ดูเหมือนลิฟตจะไม ทำงานในโลกของความทรงจำ เอาเถอะ บันไดก็บันได ตอนเรียนอยูก็ใช่วา ฉันจะใช้ลิฟตบอยขนาดนั้น เมื่อลากสังขารขึ้นไปถึงชั้นหาไดฉันก็ตรงไปยังหองเรียนรวม…แต เข้าไปแลวกลับไมเห็นใคร ทั้งหองวางเปลาจริงๆ มีแตจอโปรเจกเตอรที่ฉาย สไลดเดียวกับคำสั่งเขียนโปสการดในวันนั้น บางทีคนสงโปสการดอาจจะตามมาทีหลัง ฉันคิดอยางนั้น จึงเดินขึ้นบันไดไปยังที่นั่งแถวบนสุดซึ่งเปนที่นั่ง ประจำของตัวเอง แลวก็ไดพบวา ที่จริงแลวไมใช่ไมมีใคร ตรงที่นั่งประจำของฉันมีมวลอากาศจับจองอยู เปนเค้าโครงราง โปรงใส แตมองแลวใหความรูสึกเหมือนมองผานขวดน้ำ ฉันจึงรูไดวาที่นั่ง ตรงนี้ไมวาง


168 | นักเรียนเขียนเรื่อง “ไดยินที่คุยกับสามแลวนะ” ถึงจะไมมีราง แตฉันก็ไดยินเสียงมา จากตรงนั้น “เธอคือ…สี่เหรอ” ฉันถาม “จะเปนในอนาคตนะ ตอนนี้กระบวนการสรางอวตารยังไม เสร็จ สิ้น” อีกฝายตอบ “บางทีอาจไดรางในวันที่เธอหานิยามใหมเจอ” ฉันนั่งลงข้างๆ ที่ประจำของตัวเอง “เพราะไมมีราง ก็เลยไปดูได ทุกที่สินะ” รางโปรงใสนั้นผงกศีรษะ “ทำนองนั้น” หลังจากตอบรับ เธอก็พูด ตอ “ที่จริงฉันเสียใจนิดหนอยที่จะไมมีโอกาสไดเปนอวตารของวันที่เธอทำ ฝนเดิมสำเร็จ” “ขอโทษนะ…” “ไมเปนไร เธอไมผิด” จากนั้นเธอก็ใช้มือโปรงใสหยิบแผนกระดาษ บนโตะขึ้นมา นั ่นคือโปสการดฉบับนั้น “เธออาจจะยังเชื่อว าตัวเองเปน นักเขียนไมไดแตไดโปรดเชื่อเถอะนะ วาสิ่งที่เขียนในนี้เปนความจริง” ไดยินอยางนั้นฉันก็กังวลขึ้นมานิดๆ “เธอไมไดเขียนดาฉันใช่ไหม” รางโปรงใสของอนาคตอวตารของความทรงจำหัวเราะเบาๆ “อานดู เดี๋ยวก็รูเองนั่นแหละ” ฉันยื่นมือไปรับโปสการด และเหมือนกับตอนที่หยิบมันออกมาจาก กลองจดหมายหนาบาน แสงสีขาวอันเจิดจ้าก็สองออกมา แลวสภาพแวดลอม รอบข้างก็เปลี่ยนไป ฉันกลับมายืนหนาบานตัวเองอีกครั้ง ในมือถือโปสการดรวมถึง จดหมายทั้งหมดที่หยิบออกมาไวดังเดิม ตัวอักษรบนโปสการดปรากฏขึ้น


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 169 ฉันยิ้มออกมา รูสึกเหมือนไดรับการสนับสนุนอยางยิ่งใหญครั้งหนึ่ง ในชีวิต ฉันยังไมรูวา สุดทายแลว ฉันจะหานิยามของการเปนนักเขียนแบบ ที่ตัวเองเชื่อไดสุดหัวใจไดเจอจริงหรือเปลา และบางทีกวาจะถึงวันนั้น ตัวฉัน ในตอนนี้ก็อาจกลายเปนอวตารของความทรงจำอีกคนหนึ่ง และรอคอยวันที่ จะไดพูดคุยกับตัวเองในอนาคตอีกครั้ง ฉันแนใจวา ถาหากวันนั้นมาถึง ตัวฉันที่กลายเปนอวตารของความ ทรงจำไปแลว ก็คงจะพูดสิ่งเดียวกันนี้กับฉันในเวลานั้นวา ไมวาเธอจะเลือกอะไร เราจะไปดวยกันเหมือนทุกๆ ครั้ง เราจะไปดวยกัน…เหมือนที่ผานๆ มา. ตัวฉัน, กอนอื่นตองขอแสดงความยินดีดวยนะ อยางนอยก็ทําอะไรสําเร็จตาม เปาหมายไดอยางหนึ่งแลว คิดวาเธอคงยังไมลืมวาจะไดรับคํายินดีจากใครบางคน ดังนั้น ก็คงจะรอโปสการดฉบับนี้อยู อยากบอกวายินดีดวยจริงๆ คิดวานอกจากคํายินดี ตองบอกขอบคุณเธอดวย ขอบคุณมากๆ ที่คอย แกปญหา ขอบคุณที่ไมหยุดเดินถึงจะรูสึกวากําลังหลงทาง หรือถามีชวงที่หยุดไป บาง ก็ขอบคุณที่ใหเวลาพัก ขอบคุณที่ใชเวลาคนหาคําตอบของคําถามที่เรามีรวมกัน อยูเสมอนะ ถาหากเธอในวันนี้รูสึกวากําลังเดินทางออม หรือรูสึกวาทําอยางไรก็ไปไมถึงฝน สักทีก็ไมเปนไรนะ ไมใชความผิดของเธอ เราจะไปดวยกัน เหมือนทุกๆ ครั้ง รักษาตัว และขอใหมีความสุขนะ. 11 มี.ค. 63


170 | นักเรียนเขียนเรื่อง 9.6.2565 CHULA ----------------------------------------- หมายเหตุบรรณาธิการ . ในขณะที่กำลังจัดเลมหนังสือเลมนี้โดยรวบรวมตนฉบับงานเขียนจากรายวิชาศิลปะการเขียนรอยแก้ว นั้น บ.ก. ก็นึกถึงงานเขียนไฟนอลโปรเจ็กตของ “จับฉ่ายขายฝน” ซึ ่งในขณะนั้นใช้ชื ่อเรื ่องวา “อยากจะเปนนักเขียนกับเขาสักทีทำไมมันยากอยางนี้คะ” (non-fiction) ดวยเหตุที่บันทึกประสบการณการเขียนจากจุดตอจุดในชีวิตของผูเขียนมีความนาสนใจมาก และเข้ากับธีมของหนังสือเลมนี้ บ.ก. จึงสงเทียบเชิญข้ามรายวิชา (แตผูสอนคนเดียวกัน :D) ไปยังจับฉ่ายขายฝน ตอมาบันทึก เหลานั้นไดแปรรูปเปนงานเขียนเรื่องสั้น “บันทึกประสบการณทะลุมิติของนักอยากเขียนคนหนึ่ง” (fiction) เรื่องนี้หวังวาคุณนักอานจะสนุกกับการอานงานเรื่องนี้นะคะ . ข้อมูลเรื่องการส งโปสการดหลังสำเร็จการศึกษา เปนเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในรายวิชาการเขียน ภาษาไทยเพื่อวิชาชีพ ซึ่งเปนรายวิชาบังคับของนิสิตคณะอักษรศาสตรในขณะนั้น (รับผิดชอบ จัดการเรียนการสอนโดยภาควิชาภาษาไทย) วิทยากรที่ผูเขียนกลาวถึงในเรื่องคือคุณทรงกลด บางยี่ขัน ประสบการณนี้ไดกลายมาเปนตนเค้าแหงเรื่องราวในเรื่องสั้นนี้ในที่สุด 3. ขอขอบคุณ คุณปาณิสรา เลาหลาย ซึ่งใหความอนุเคราะหโปสการดที่ออกแบบ เพื่อนำมาปรับใช้ ในการทำพร็อปประกอบเรื่องสั้นนี้ “การเขียนยังคงเปนสิ่งที่ทำใหฉันสงบใจไดเหมือนที่เปนตลอดมา... เดิมทีฉัน…รวมถึงพวกเธอทั้งหมด เคยคิดวาจะเปนนักเขียนได ตองเซ็นสัญญาตีพิมพกับสำนักพิมพอยางเปนทางการเทานั้น ตองมีรายไดจากการเขียนใหไดถึงจะถือเปนนักเขียนเต็มตัว... แตรูไหม ตอนที่คิดวาคงเปนนักเขียนตามนิยามนั้นไมไดแลว ฉันก็ยังพบวาตัวเองเขียนไดเหมือนเดิม ยังรูสึกวาการเขียนสนุกเหมือนเดิม ยังชอบสิ่งที่ตัวเองเขียนเหมือนเดิม” ถึง คุณนัก(อยาก)เขียน จาก จับฉ่ายขายฝน


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 171 กวาจะเปน บันทึกประสบการณ์ทะลุมิติของนักอยากเขียนคนหนึ่ง เดิมทีในวิชาศิลปะการเล าเรื่อง ผูเขียนไดเขียนบันทึกประสบการณใน เสนทางการเขียนไวในฐานะชิ้นงานสุดทายของปการศึกษา ดังนั้นแผนแรกของ การส งเรื ่องมารวมเล มในปกิณกะว าดวยการเขียนงานเล มนี้จึงควรใช้บันทึก ประสบการณเรื่องเดิมนั้น แตระหวางที่ทำการปรับแก้ผูเขียนก็ไดพบวายังไมพรอม จะเปดเผยเรื่องราวเสนทางการเขียนของตนอยางตรงไปตรงมา จึงตัดสินใจดึง เรื่องราวบางสวนมาดัดแปลงเปนเรื ่องแตง “บันทึกประสบการณทะลุมิติของ นักอยากเขียนคนหนึ่ง” เรื่องนี้แทน แตแมจะเขียนในรูปแบบเรื่องแตงซึ่งเปนงาน เขียนที่ผูเขียนมั่นใจวาเข้ามือมากที่สุดแลว ระหวางการเขียนเรื่องนี้ก็ใช่วาจะไมพบ อุปสรรคทาทายเสียเลย เพราะสุดทาย ผูเขียนก็ไดพบวา ตัวเองยังตองค้นลึกลงไป ถึงประเด็นที่ไมอยากแตะตอง และตองเขียนคำบางคำที่แสลงตาแสลงหูอยูดีแตนั่น ก็กลับกลายเปนสิ่งที่ทำใหเรื่องสั้นเรื่องนี้สมบูรณในตัวเอง และยังถือวาเปนตอนจบ ที่สมบูรณกวาบันทึกประสบการณเรื่องเดิมที่เคยเขียนดวย ชั่งน้ำหนักไปๆ มาๆ ก็ ไดข้อสรุปวาคุ้มค ่า เรื่องของตัวละคร “ฉัน” และเหล าอวตารของความทรงจำจึง มาอยูในมือทุกทานขณะนี้. จับฉายขายฝน นักดองหนังสือ ระยะหลังนี้ใช้เงินซื้อหนังสือ มากกวาใช้เวลาอาน กองดองจึงตั้งสูงขึ้นทุกที สวนเวลาวางที่มีก็เอาไปเลนเกมเสียอยางนั้น


172 | นักเรียนเขียนเรื่อง


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 173 ฉันกับฉันและฉัน ตะวันชิงพลบ “เอาละ โจทยคือใหเขียนเรื่องสั้นในประเด็นที่อยากเขียน” เมื ่อสมองรับข้อมูลผานเสนประสาทที่เชื่อมตอกับหูแลว ฉันจึง บันทึกมันไวในสมองสวนใดสวนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำ จากนั้นออก เดินไปที่สวนคิดวิเคราะหเพื่อสงโจทยไปคิดตอวาอยากเขียนอะไร ที่ประตูของสวนคิดวิเคราะหจะมีเซ็นเซอรตรวจจับ “โจทย” ของ งานตางๆ ก่อนที่ฉันจะทำการวูบไป ลืมตาอีกครั้ง ก็จะเห็นคนหนาตา เหมือนกันกับฉันอีกสองคนนั่งประจันหนากันอยูที่เก้าอี้ “เอา วันนี้มีโจทยอะไรมาอีกละ” รางหนึ่งทางขวามือเหวี่ยงใส ฉัน ชอบเรียกฉันคนนั้นวา “บ.ก.” เพราะเธอเฟยรซแบบไมสนใคร เธอเหมือน บรรณาธิการที่คอยตรวจทุกประเด็นแบบดุดัน ทวงใหแก้โดยไมเกรงใจ และ ถาใครเถียงเธอ เธอจะไมยอมหยุดจนกวาจะรูดำรูแดงไปข้างหนึ่ง “เรื่องสั้นตามที่อยากเขียน” ฉันพูดเสียงเนือยๆ ประสาคนที่เรียน จนถึงเกือบสี่โมงครึ่ง พลางลมตัวลงบนโซฟาในมุมประจำของตัวเอง แมจะรู วาเธอถามไปอย างนั้นเพราะสวนวิเคราะหสงข้อมูลใหเธอไปแลว แตจะมี ประโยชนอะไร เพราะถาไมตอบก็จะโดนเหวี่ยงอีกเปนชุด “แลวเธอมีประเด็นในใจรึยัง เอาจริงปะ ตื่นเตนแทนเลย” รางของ ฉันที่นั่งอยูทางซ้ายมือเอ ยถาม แววตาเปนประกาย เธอคือรางจำลองของ ฉันเมื่ออายุ 14 ป—คนที่อยากเขียนเรื่องสั้นแตไมมีเวลา คนที่เวลาโพสต


174 | นักเรียนเขียนเรื่อง เฟซบุกแลวมีคนยุใหแตงเรื่องสักเรื่อง แถมยังชื่นชอบเรื่องสั้นดีๆ พอๆ กับ การทำงานจนตัวเปนเกลียว “เออ แปบนึง ของีบก่อน ง่วง” “ปลอยมันไปสักวันเหอะ วันนี้มันเหนื่อยจริง นั่งปนงานเขียนใหอีก องค์กรดวยนี่” บ.ก. ตอบแทนฉัน และนี่คงเปนดานดีดานเดียวของ บ.ก. ที่ ยอมปลอยใหฉันพัก เวลาสัญญาณความ “ไมไหวแลว” ปรากฏ “จริงเหรอ” เด็กหญิงถามกลับ เสียงตื่นเตนเหมือนค้นพบอะไรใหม “เค้าจะพาเที่ยววัดอีกแลวนี่” “นั่นแหละ แตเธอช่วยหยุดตื่นเตนสักทีไดไหม มันนารำคาญ” บ.ก. หันไปสงสายตาดุๆ ใสเด็กหญิง “แลวเธอเองก็ช่วยหยุดดุพวกเราสักทีไดไหมละ ไองานที่แลวที่เอา ตัวตนตัวเองไปเลา เธอก็ตีประเด็นตกจนเขาไปนั่งโละงานใหมตามใจเธอ เนี่ย” เธอเถียงคอเปนเอ็น แตโดน บ.ก. ตอกกลับไปวา “เธอคิดดูใหดีสิมันจะเลาเรื่องความรักอีกแลว คนบาอะไรเจ็บไมจำ เอามีดมาแทงตัวเองซ้ำๆ เผลอๆ ไมรูตัวดวยวา ตัวเองจับมีดอยู นึกวาถือ คทานางฟา” เธอจดจำข้อมูลที่เราเลือกเรื่อง “ความรัก” ไดอยางดีและเชื่อมโยง สิ่งที่เลือกกับเหตุการณในอดีตไดอยางรวดเร็วจนนาตกใจ “แตมันเปนเรื่องที่เขาติดค้างนะ” เด็กหญิงพูด “อยูดีๆ กำลังจะ สารภาพรัก โดนคนที่ตัวเองชอบบอกวาใหเก็บไวตลอดไป ลาสุดเค้าเพิ่งไล ใหไปมีแฟนไดแลว เฮอ! มันจะไปมีไดไงเนี่ย คนนั้นโง่หรือโง้โง่ มองจากดาว พลูโตก็รูแลววาเขาชอบ”


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 175 “แตก็สมควร การมูฟออนที่ดีที่สุดคือการมีคนใหม ไมเคยไดยิน เหรอ” รางโตกวาพูด “แลวมันก็ไมเคยพยายามอะไรเลย กี่คนแลวที่เข้ามา แลวโดนบล็อก กี่คนแลวที่ไมยอมคุยตอ ไมยอมสานสัมพันธ” “แตเราก็ไมควรเอาคนใหมมาเปนเครื่องมือลบคนเก ่านี่นา ถาคน ใหมเขารูเขาไม...” “ทะเลาะกันอีกแลว คนจะนอนโวย” ฉันลืมตาขึ้น “มาฟนฝอยหา อะไรกัน แตขอบคุณนะ ไดไอเดียไปเขียนเรื่องสั้นพอดี” “เดี๋ยวๆ ๆ แบบนี้ไดเหรอ แลวใครพูดวาจะมูฟออน” บ.ก. จิก “ก็นั่นสินะ แตถาใครบางคนทำตัวเปนไก่อยูอยางงี้มันนาทำตาม ไหมละ” ฉันจิกกลับเพราะทนไมไหว “นี่หลอน ฉันจิกหลอนหลายทีใหไปทำสวย ใหไปทำอะไรใหมๆ เปดโอกาสใหตัวเอง แลวยังจะ...” “หยุดเลยทั้งสองคน ขอฟงก่อนไดไหมวาสิ่งที่คิดออกคืออะไร ช่วย โฟกัสที่งานก่อนชีวิตสวนตัวดวย จะขอบคุณมาก” เด็กหญิงขัดขึ้นมา แมเธอ จะเปนหนวยสนับสนุนในดานการงานและชีวิตจริง แตวาเมื่อไหรที่ทุกอยาง เริ่มออกนอกประเด็น เธอจะตบใหทุกคนกลับเข้าเรื่องทันทีโดยไมเกรงใจ “อะ โอเค บ.ก. หยุด” ฉันปราม บ.ก. ที่กำลังหัวเสีย “คืออยางงี้นะ เรารูสึกวาความรักมันเกี่ยวข้องกับความภูมิใจในตัวเอง ตอนมีความรักเรา รูสึกวาเราภูมิใจในตัวเองมากๆ เลย แตพอเสียเขาไปปุบ เรารูสึกวาโลกทั้ง โลกมันพังลงไป” “แลว...” ทั้งสองฉันเอยขึ้นพรอมกัน


176 | นักเรียนเขียนเรื่อง “ตอนนั้นรูสึกวาตัวเองเหมือนสสารอะไรสักอยางที่ลอยอยู ไมมีที่ ยึดเกาะ ไรค่าไรความหมาย เพื่อนบางคนตอนนั้นยังไมรูเลยวาเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นจิตใจคือไมไหวเลย ตองอยูกับคนอื่นตลอดไมใหตัวเองกังวล เหมือน มันอยูคนเดียวไมไหวอะ” “ทำไมอะ” เด็กหญิงสงสัย “เหมือนกับวาเรายังจะคิดถึงเขาอยูเรื่อยๆ แมกระทั่งตอนนี้ก็ยังมี คิดถึงบาง แบบวา ยังไมมีใครแทนที่เขาไดเลยคิดจะมูฟออน ก็ไมยอมมูฟ สักที” “ก็เลยจะเขียนเพราะวาคิดถึงเขา” ผูอาวุโสกว าลองทายใจฉัน พรอมสงสายตาเปนเชิงจ้องจับผิด “ไมใช่สิเราอยากเขียนเพื่อเตือนใหรูวาเรายังมีคุณค่าและความหมาย ในตัวเองเสมอ ไมวาจะมีความรักรึเปลา” “ขอเตือนเธอก่อนเลยนะ เธอจะไมไหวเอา เพราะเรื่องมันเปนเรื่อง ของ ‘เธอ’ ” บ.ก. เตือนเนนเสียง “แลวเธอจะจัดการกับความรูสึกของตัวเอง ไมไดแลวทุกอยางอาจจะพัง เธอโอเคไหมละ” ฉันนิ่งเงียบ “อีกอย างที่อยากเสนอก็คือ เขียนเบี่ยงจากความเปนจริงใหเยอะ มากหนอย” เด็กหญิงออกความเห็น “เหมือนเวลาเราคิดวาเราอยากไดอะไร จากความสัมพันธแตอยูบนฐานที่เคยเจอมาวาตอนนั้นเขาทำอะไรแลวเรา รูสึกวามันโอเคบาง” ฉันยังคงเงียบ


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 177 “อยาลืมปญหาในความสัมพันธ” ราง บ.ก. เสริม “ตรงนี้นี่แหละจะ ทำใหตาสวางวา จริงๆ แลวความรักที่เคยฝนมันไมไดเปนอยางที่คิด แตก็ นั่นแหละ คุมตัวเองใหไหวก็แลวกัน” เธอย้ำเปนครั้งที่สอง “เราวาจริงๆ แลว การไดเขียนออกมา มันก็อาจจะทำใหเธอปลอย เรื่องที่ยังไมมูฟออนมานานไดเหมือนกันนะ” เด็กหญิงพูดเปนงานเปนการ ทำเอาฉันกับ บ.ก. ตองหันไปมองหนาเธอ การเขียนเหมือนเปนการเยียวยาบางสิ่งบางอยางที่ค้างคาอยูในใจ ของเราจนไมอาจตัดทิ้งไปไดราวกับวาถามันเปนตัวอักษรแลวจะทำให สายตาของเรามองเห็นภาพเหตุการณนั้นๆ ไดชัดเจนยิ่งกวาเดิม พอเห็น แลวก็อาจตองเพงลงไปอีกหนอย แลวเราอาจจะเห็นอะไรบางอยางที ่ ซุกซ่อนอยูในสิ่งที่เราถายทอดก็ได “ตกลงรับความเสี ่ยงไดใช่ไหมกับการเอาใจตัวเองลงไปเลนนะ” บ.ก. เริ่มกลับเข้าประเด็นอีกครั้ง “ฉันวาฉันทำได” วาพลางสูดลมหายใจ พยายามกลอมตัวเองให เชื่อวาทำไดจริงๆ “ทำไดใหจริงนะ ไมไดเดี๋ยวจะขำให” คนโตกวาสงทาย ก่อนจะเดิน เชิดเข้ามุมตัวเองไปนั่งพิมพงานอื่นตอ เปนอันวาฉันกับฉันในหัว เขายอมใหเขียนเรื่องความรักแลว สิ่งที่ ฉันคนนี้ตองทำตอหลังจากออกไปจากสวนความคิดตรงนี้ก็คือการใช้เวลา กับตัวเองเพื่อใครครวญเรื่องราวตางๆ ที่เคยเกิดขึ้น วางโครงเรื่อง จับคอนเซปต ของเรื่องใหอยูหมัด หลังจากนั้นก็ลงมือเขียนไปเรื่อยๆ จนจบเรื่อง


178 | นักเรียนเขียนเรื่อง หากเลาถึงเพียงเทานี้ทุกอยางก็ดูจะเปนไปไดอยางราบรื่น แตทวา สิ่งที่ราง บ.ก. คาดการณเอาไวก็เกิดขึ้นจริงๆ วันนั้น ฉันกำลังเขียนงานจนถึงจุดไคลแม็กซ์ที่ตองระเบิดความรูสึก ออกมา ฉันรูสึกตื้อตัน เขียนไมไหว พาลไปโมโหใสคนรอบตัวที่ไมรูเรื่อง อะไรดวยอีก ลงเอยที่การแยกตัวเองออกมาจากคนอื่นเพื่อสงบสติอารมณ ฉันเดินเข้าไปในสวนคิดวิเคราะหอีกครั้ง เมื่อผานการวูบไปแลว ฉัน กับฉันยืนมองฉันเขม็ง “บอกแลวใช่ไหมวาเดี๋ยวจะคุมตัวเองไมอยู” บ.ก. เริ่มสวด “นี่แหละ ทำไมถึงเตือนวาอยาเอาตัวเองไปลงเลนในสนามงานเขียนขนาดนั้น แลว อารมณหนักๆ ดวย มันยิ่งเสี่ยง เชื่อหรือยัง” “เชื่อแลวค่ะแม แตตอนนี้ขอไปรองไหสักพักก ่อนไดไหม บิลด อารมณ” “อยาตีโพยตีพายก็พอ ฉันสองคนไมใช่สนามอารมณ” “หลอกชิดหลอกเชยหลอกชื่นหลอกชม” รางเด็กหญิงรองเพลงตอ แตเมื่อเห็นสายตาดุจากอีกรางหนึ่ง ก็จำตองเงียบเสียงลง ฉันปลอยน้ำตาใหไหลไปเรื่อยๆ พลางนึกถึงเหตุการณที่ถูกปฏิเสธ จากคนที่ชอบ ค่อยๆ เชื่อมตัวเองเข้าสูคำถามที่ค้างคาใจมานานแสนนานวา กี่ทีแลว ที่ความรักเดินเข้ามาแลวก็หลุดลอยไป กี่ครั้งแลวที่ความรักที่ดูเหมือน จะลงตัวกลับลงเอยดวยความผิดหวัง คิดพลางน้ำตาไหลพลาง โกรธโชคชะตา สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือแมกระทั่งหัวจิตหัวใจตัวเองที่ไมเคยรักษาความรักได สักครั้ง ฉันค่อยๆ ซึมซับอารมณของตัวเองในช่วงนี้เพื่อเวลาที่นำไปเขียน คนอานจะไดเห็นภาพคนที่กำลังใจสลายไดอยางชัดเจนที่สุด ตามมาดวย


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 179 ภาพแหงความเสียใจที่คอยเตือนใจวา หากเสียใจก็เสียใจไปใหสุด เพื่อที่ชีวิต ตอจากนี้จะตองก้าวตอไปใหสุดเช่นกัน ฉันกับฉันยืนมองฉัน แลวซุบซิบอะไรบางอยาง สักพัก ทั้งคู่ก็หาย ตัวไป ไรเสียงพูดคุยใดๆ ราวกับอนุญาตใหฉันดำดิ่งไปในความรูสึกนั้นให เต็มที่ ก่อนที่ฉันจะปาดน้ำตาแลวเดินออกจากหองวิเคราะหไปเขียนเรื่องให เสร็จพรอมสงอาจารย กระบวนการทำงานของสามความคิดเริ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากประกาศ เตรียมตัวรับฟดแบ็กในรายวิชาปรากฏขึ้นในระบบ ฉันเดินเข้าหองวิเคราะห อีกครั้ง วางงานเขียนที่เพิ่งสงไวตรงกลางใหอีกสองคนไดอาน ใช้เวลาสักครู หนึ่งจึงเริ่มระดมสมองกัน “รูสึกไหมวางานมันดูไปไมสุด” บ.ก. ถามฉันที่เปนคนเขียน “อืม ก็จริง” ฉันพูดเอื่อยๆ “ก็คิดวามันสุดแลวนะในอารมณตอนนั้น แตพอมาอานอีกทีอะ รูสึกวามันยังวนๆ งงๆ ยังไงไมรูเหมือนกัน” “ดูเหมือนยังวนเปนวงกลมอยูนิดนึงนะ เหมือนคนยังไมมูฟออนจริง” เด็กหญิงกลาวเสริม เพราะยังคงจำเรื่องราวทุกอยางไดชัดเจนเหมือนตัวฉันสามารถ เรียกคืนความทรงจำทั้งหวานและเศราไดแบบฉากตอฉากในตอนที่เขียน “อีกอย างนึงที่อยากชมคือรูสึกวา ความกระโดดของเนื้อหามัน นอยลง ไมรูรูสึกไปเองไหมนะ คุณ บ.ก. วาไง” “นอยจริง ขอชม นี่คือข้อดีหนึ่งของการเอาตัวเองลงไปเลนกับเรื่อง จริงๆ แตข้อเสียคือเธอดีลกับความรูสึกนั้นไมไดแลวไปปลอยพลังลบกับ คนอื่น ทีหลังจำไววาถาใจไมถึงอยาทำ ถาทำก็ตองรับผิดชอบความรูสึก


180 | นักเรียนเขียนเรื่อง ตัวเองใหอยู อยาใหใครตองเดือดรอนจากงานของเรา” “นี่แอบรูสึกวาเรื ่องสั้นเรื ่องนี้มันดูจริงนะ แบบว ามันบอกเลา เรื่องราวความสัมพันธแบบเรียลๆ ดีมันนาจะไปเชื่อมตอกับคนอานไดเผื่อ วาคนอานมีประสบการณคลายๆ กัน ทำดีมากแลว แตอะไรที่เปนบทเรียน จากคุณ บ.ก. สาวก็เก็บไวใช้รอบตอไปเนอะ ไปกินช็อกโกแลตกันเถอะ” ฉัน คนเด็กสุดกลาวย้ำอีกครั้งดวยความเปนหวง “ขอดักไวก่อน ที่เตือนๆ นี่ไมไดจะใหรูสึกผิดตอตัวเองแลวไปตีโพย ตีพายตอนะ” บ.ก. เตือนอย างรูทัน “ไอที่เตือนเนี่ย เปนหวง เอาไปใช้ดวย อยามัวแตโทษตัวเองจนไมทำอะไรเลย นี่คือติเพื่อก่อ อยาโบยตีตัวเองมาก วันนี้ทำดีแลว นอนพักซะ ไดข่าววาเขียนงานชิ้นตอไปไมออกดวยหนิยังไงก็ เตรียมตัวรับฟดแบ็กงานนี้จากอาจารยดวย” “โอเค ขอบคุณมากๆ เลย” ฉันไมลืมที่จะขอบคุณรางทั้งสองที่คอย ช่วยตบงานจนเข้าที่ ก ่อนที่จะขอไปพักเพื่อเตรียมทำงานชิ้นตอไป อยาง นอย ก็ใหพวกเขาไดพักผอนสักนิดก่อนจะเริ่มทำงานใหม สองสามอาทิตยตอมา แผนกวิเคราะหก็มีโอกาสเปดประตูตอนรับ ฉันอีกครั้ง “งานสัมภาษณคิดไวนิดหนอยอยูแลววาจะมี‘แหลงข่าว’ เปนใคร” ฉันพูดทันทีที่รูสึกตัว โดยไมตองรอใหใครถาม “อะ ลองไลชื่อมาซิวามีใครบาง” ราง บ.ก. ถามกลับแทบจะทันที ฉันจึงเริ่มไลชื่อคนที่อยูในใจ ตั้งแตครูโรงเรียนที่สอนคณิตศาสตรสนุก เพื่อน สมัยมัธยมตนที่ปจจุบันเปนดาราซีรีสรุนนองนักกิจกรรมผูเรียกรองใหผอน คลายกฎทรงผม จนมาถึงไพใบสุดทายคือเพื่อนสนิทนักขับเสภา


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 181 “เพื่อนที่เปนนักแสดงคนนั้นนาสนใจนะ” เด็กหญิงเริ่ม “แตเขาจะติดสัญญาไหมนะ สองสตอรี่ไอจีเห็นวากำลังถายซีรีสกับ ทำโปรเจกตอยู” บ.ก. วา ฉันพยักหนาเห็นดวย “งั้นตัดไปเลย ไวค่อยวากัน” ฉันตัดสินใจ “มีใครเข้าตาอีกไหม” “นองแอกทิวิสตคนนั้น เคยจองตัวกันไวละนี่วาจะสัมภาษณ” เด็กหญิงเสนออีก “เออ ก็นาสนใจ มีสื่อเคยสัมภาษณเขาไปแลว ท็อปปกตางดวย” ฉันพูด “เจ้านึงเสนอเรื่องความเคลื่อนไหวของนักเรียนหญิงลวน สวนอีกเจ้า ใช้นามสมมติเพราะประเด็นตรงนี้ออนไหวอยู เลยใช้วิธีสัมภาษณหลายคน” “ตอนนี้นองอยู ม. อะไรนะ” บ.ก. ถาม “ม.6 กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย” ฉันวา “ลาสุดเห็นไปสอบวิชา เฉพาะนิติฯ มา” “รอใหนองสอบเสร็จก่อนไหม แบบวา ไปติดตอไวก่อน” เด็กหญิงวา “เกรงใจนองเขา เธอดูระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัยก่อน นาเครียดแค่ ไหน ลาสุดเห็นมีปรับข้อสอบใหยากขึ้นอีกนี่” บ.ก. ค้าน ฉันเห็นทาไมค่อยดีจึงเบรกพวกเขาสองคนไวก่อน แลวนำเสนอ เพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เปนนักขับเสภาและนักดนตรีไทย เขาคนนี้เติบโตมาใน บานและชุมชนที่มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมและมีหัวใจใฝประชาธิปไตย “นาสนใจ บุคคลใกลตัว นัดง่ายคุยง่าย” เด็กหญิงวา


182 | นักเรียนเขียนเรื่อง “ดีนะ ประเด็นนาสนใจ นาจะคุยเรื่องศิลปวัฒนธรรมไดหลายประเด็น ตามที่เธอวา” “แลวทำไมเราไมยำทุกประเด็นเลยละ” เด็กหญิงตาเปนประกาย “นาสนใจ” ฉันตอบพรอมขอไปคิดใหดีก่อน ถานัด subject ไดแนชัด แลวจะมาปรึกษาใหม ฉันบอกขอบใจแลวไปนอนคิด หลังจากพูดคุยกับ เพื่อนคนอื่นๆ เพื่อขอคำปรึกษา ก็ไดคำตอบวา สัมภาษณเพื่อนสนิทก็นาจะ สะดวกกับชีวิตช่วงนั้นที่ดูจะยุงเหยิงพอสมควร เมื่อตกลงใจและติดตอกันเสร็จสรรพ ฉันกลับเข้าสวนวิเคราะห พรอมเรียกประชุมเพื่อหา “คำถามสัมภาษณ” ทันที “โอเค สโคปตามที่เราเคยคุยกันไวคิดวาจะมีคำถามที่นาสนใจอะไร บาง” ฉันกระตุนทั้งสองคนดวยคำถามแบบนี้ “ก่อนคิดคำถาม ขอถามก่อน อยากเลาเรื่องมุมไหน” ราง บ.ก. ถาม ฉันกลับ “อืม ไมอยากเลาในมุมที่เปนเพื่อนกันอะ แตยังไมรูจะทำไง” ฉัน ตอบไปตามความรูสึกจริงๆ “งั้นตอนไปสัมภาษณก็คุยกันแบบเพื่อนไปก่อน แลวมาปรับคำพูด ตอนถอดเทป ทีนี้พอจะมีไมเด็ดอะไรที่อยากเลาในหัวไหม” “เรื่องม็อบ” ฉันตอบโดยไมลังเล “มันเชื่อมโยงกับจุดยืนทั้งทาง ศิลปะและการเมืองของเพื่อน จำไดวาตอนนั้นเพื่อนโทรมาหา ชวนไปรวม การแสดงศิลปะในม็อบ นี่ก็แอบเสียใจที่ไปช ่วยไมไดเพราะวันนั้นไมไดเข้า ไปมหาลัย ไดแตนั่งสงกำลังใจจากทางบาน”


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 183 “ก็ถามอันนี้ไปเลย ถามเชื่อมกับจุดยืนทางศิลปะดวย” บ.ก. ใหผาน “อยากเสนอคำถาม” เด็กหญิงยกมือ “ถามเรื่องที่ยืนของศิลปะขนบ ในยุคดิจิทัลดูรูสึกวาตอนนี้มีความพยายามที่จะทำอะไรแบบนี้ในหลายๆ สื่ออยู อยากฟง” “โอเค จดไวในลิสต” ฉันจดคำถามลงไปในไฟลดิจิทัล หลังจากนั้น การระดมสมองก็เกิดขึ้นยาวนานหลายวัน เพราะคิดคำถามกันไมออก ตอง เลิกประชุมไปหาตัวช ่วยคิดกันอยู หลายครั้ง พอดีกับที ่ฉันตองไปโฟกัส ทำงานของวิชาอื่นดวย เมื่อเพื่อนที่ตอบรับการสัมภาษณถามถึงลิสตคำถาม การประชุมในคืนก่อนสงคำถามสัมภาษณจึงดุเดือดมาก “ถาจะถามเรื่องชาติพันธุของเพื่อนตองเลือกใช้น้ำเสียงตอนถามให ดีนะ แลวก็ตอนเรียบเรียงดวย” บ.ก. อาวุโสจี้ “ถาตัดเรื่องนี้ไปเลยไมไดเหรอ สวนนี้สำคัญไหม” เด็กหญิงถามขึ้น “ไมควรตัด” ฉันกับราง บ.ก. พูดพรอมกัน ก่อน บ.ก.จะเสริมวา “มันปูพื้นคำถามไดถาอยากนำเสนอเรื่องการผสมผสานทางวัฒนธรรมผาน งานศิลปะ” “ลองถามเรื่อง Culture Shock ในกรุงเทพฯ ดูไหม วาในใจลึกๆ เขาขัดแยงไหม แบบ...ความเปนชนบทกับเมืองอา” เด็กหญิงเสนออีกครั้ง “อันนี้นาสนใจ” ฉันจด “ถางั้นลองถามตอไปเลยวาสังคมเมืองมัน เอฟเฟกตอะไรบาง” “อันนี้คิดวาไมจำเปนไมนาตองถาม อีกอยาง ตองคิดดวยวา ระหวางที่ ช็อตตอนคำถามหมด เราอยากถามอะไรตอไป คิดเผื่อไปเลยดีไหม วามีอะไรที่ ถามเพิ่มไดถามไวก่อน เทปจะยาวหนอยไมเปนไร ถามเกินดีกวาถามขาด คง ไมมีอะไรตองเตือนมากกวานี้เพราะสัมภาษณเพื่อน คุมเสียงในรานกาแฟ


184 | นักเรียนเขียนเรื่อง หนอยละกัน” บ.ก. พูดราวกับเปนประกาศิตที่ฉันตองนอมรับมาปฏิบัติเมื่อ สัมภาษณจริง ในที่สุด คำถามสัมภาษณก็ไปอยูในมือของ subject เปนที่เรียบรอย การสัมภาษณเปนไปโดยราบรื่นและสนุกสนานดีไมมีอะไรขัดข้อง หลังจากสัมภาษณแลว เราจัดการถอดเทปและเรียบเรียงบท สัมภาษณจนแลวเสร็จโดยที่ไมไดกลับเข้าไปยังสวนวิเคราะหอีกครั้ง เมื่อ ไดรับฟดแบ็กจากอาจารยผูสอนเรียบรอยแลว ฉันกับฉันและฉันจึงได กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง สารภาพตามตรงวา ตอใหฟดแบ็กจะดีหรือถึงแมวาจะรูสึกดีกับ เนื้องานแค่ไหน แตฉันก็รูสึกผิดหวังเล็กๆ ในใจอยูดี “เห็นหนาแลวเหนื่อยแทนเลย ใหรางวัลตัวเองดวยการไปหาเค้กดีๆ กินหนอยนะ หลังสงงานชิ้นสุดทาย” เด็กหญิงบอกฉันที่เดินคอตก ฉันไมตอบ อะไรนอกจากลวงกระเปาเปลาๆ ออกมาเพื่อบอกเปนนัยวา “ช็อตแลว” ราง บ.ก. ยังคงนั่งจิบกาแฟอยูที่มุมหนึ่งของหอง ราวกับวาทั้งหองยังดูสบายๆ สำหรับการรับฟดแบ็กงาน ตางจากฉันที่มีอะไรในใจอยากระบายเต็มไป หมด “เอาละ ขอถอดบทเรียนหนอย” ฉันเริ่มพูด “อยางแรกคือนาจะทำ อะไรดวยความคิดเยอะๆ ในทุกกระบวนการไดอีก หลายครั้งแลวที่ฟดแบ็ก ออกมาแลวรูสึก เออ มันไปสุดไดกวานี้แตข้อควรคิดอีกอยางก็คือตอง อนุญาตใหตัวเองไดลองอะไรใหมๆ ดวย หลายเรื่องฉันหลงลืมไปมากๆ ก็ ไมทันจะไดคิดสักครั้ง เรียกวาสะเพราไดไหมก็ไมรูแตวาเกิดขึ้นบอยๆ งาน จะพัง บางทีเราก็ตีโจทยไมแตก ทำใหสุดทายแลว แมแตเราเองก็ยังไมรูเลย วา เราจะสื่ออะไร แลวก็...ขอบคุณที่คอยเตือนฉันนะ ไมมีพวกเธอฉันแย


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 185 แนนอน” ฉันยกน้ำเปลาขึ้นจิบ ก่อนจะเงยหนาสบตาฉันกับฉันเปนเชิงบอก วา พูดจบแลว ไมนานนัก รางวัยกลางคนก็กระแอมขึ้น เธอเริ่มตนถอดบทเรียน จากการทำงานในครั้งนี้และครั้งก่อนๆ มันเปนไปอยางกระชับ ตรงประเด็น อยางคนที่มีประสบการณมากกวา ราวกับจะบอกเปนนัยวา ฉันกับเธอ “มัน คนละชั้นกัน” “ขอพูดนิดนึง ฉันวาเธอนาจะเติบโตขึ้นจากกระบวนการคิดแลว เขียน-เขียนแลวคิดพวกนี้มันทำใหเธอเติบโตจากความผิดพลาดที ่เธอ ประสบมา เธอจะไดบทเรียนวาเธอควรคิดอยางไร วางจุดยืนของตัวเองยังไง ในงานแบบไหน แลวก็ความเปนมืออาชีพตอเนื้องานของเราดวย วาตัวเอง รับมือกับความรูสึกไดแค่ไหน รับมือกับอคติในหัวใจเราระหวางทำงานไดแค่ ไหน รับมือกับความเปนสวนตัวและความสนิทสนมกับผูใหสัมภาษณไดแค่ ไหน ไหนจะตองหาสมดุลในการเรียบเรียงใหผูอานสาธารณะเข้าใจและรูจัก subject ในแบบที่เรารูจักและเปนเขาจริงๆ สวนอื่นๆ เธอไดพูดไปหมดแลว พูดแลวก็เอาไปประมวลแลวปรับใช้ตอดวย ไมใช ่พูดแลวก็จบกันแค่นี้เธอ อาจจะตองอยูในวงการนี้อีกนาน ฝากไวหนอยละกันนะ” บรรยากาศเงียบลงหลังจากที่ราง บ.ก. ซ ึ่งมีวุฒิภาวะสูงสุดในพวกเรา ทั้งหมดพูดจบ ฉันนิ่ง กำลังตกตะกอนอะไรบางอยาง ทวา ยังไมทันมีใครได เอยปากอะไร เธอก็พูดตอไปวา “งานเขียนพวกนี้ทำใหฉันพบความจริงอีกอย างเหมือนกัน วา ไมจำเปนตองคร่ำเครงหรือจ้ำจี้จ้ำไชอะไรขนาดนั้นหรอก ปลอยใหงานไหลไป ตามความคิดบาง ตามความรูสึกบาง ไมตองบังคับอะไรมากมายขนาดนั้น เดี๋ยวเธอจะแพนิกแลวลก สิ่งที่สำคัญมากที่สุดในการทำงานคือเราตองมีสติ


186 | นักเรียนเขียนเรื่อง มากพอที่จะอาน คิด ปรับทุกอยางใหพอดีแลวก็ใจดีกับตัวเองดวย” พูดจบ เธอยิ้มนอยๆ ออกมา—เปนรอยยิ้มที่ไมค่อยจะไดเห็นจากเธอสักเทาใดนัก “เธอยิ้มสวยมากนะ” รางเด็กหญิงเอยชมคนอายุสูงสุด “ฉันไมรูจะ พูดอะไรดีทุกคนคุยกันแบบคนโตมากๆ เลย สิ่งที่ฉันไดจากการฟงพวกเธอ คุยกัน คือไดซึมซับเอาวิธีคิดอย างเปนระบบไปใช้แลวก็จะพยายามรักษา จินตนาการไวเยอะๆ เพราะมันคือวัตถุดิบสำคัญในการทำงาน ชีวิตก็ดวย แลวก็อยากบอกเธอวา อย าลืมความคิดสรางสรรค์นะ บางทีถาวันนึงเธอ ตองทำงานที่พูดคุยกับคนอายุนอยกวา ก็มาหยิบยืมความเปนเด็กจากฉันได” เธอคลี่ยิ้มกวางใหฉัน ความสวยงามของรอยยิ้มของฉันกับฉันช ่วยเติมเต็ม หัวใจในการทำงานของฉันตลอดสามสี่เดือนที่ผานมา “แตนี่ไมใช ่สัญญาณวาเราจะเลิกตีกันเวลาทำงานนะ” บ.ก. กลาว ฉันกับฉันที่เหลือหัวเราะรวน เพราะนี่คือความจริงนิรันดร การถกเถียงกันในความคิดเพื่อมุงหวังสรางงานที่ดีที่สุดเปนเรื่อง ปกติในการทำงาน แมคนเรามักจะหลีกหนีความขัดแยงตางๆ ที่เกิดขึ้น แต เมื่อไดเริ่มลงมือทำอะไรสักอยางแลว เราก็มักจะไมมั่นใจในความคิดของ ตัวเองเสมอ สิ่งที่เราพอจะจัดการไดคือการลงไปทำงานกับความไมมั่นใจ นั้นๆ ทุกครั้งที ่ทำงาน ฉันกับฉันและฉันจะรวมทีมตีกันเองเพื ่อใหงาน ออกมาดีที่สุด เพียงแตตอจากนี้ไป เราจะพูดคุยกันดวยมุมมองที่ปรับเข้าหา งานและทุกองค์ประกอบของมันไดมากขึ้น “สุดทายเราก็จะไดพักกันแลวนะ แมจะแปบเดียวก็เถอะ แลวก็มี เรื่องจะมาขออนุญาตดวย” ฉันพูด ฉันกับฉันหูผึ่ง ก ่อนจะหวีดรองกัน สุดเสียงหลังจากฉันพูดออกไปวา “ขอเอาเรื่องเธอไปเขียนในงาน reflection ปดคลาสเรียนไดไหม.”


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 187 ----------------------------------------- หมายเหตุบรรณาธิการ ตนฉบับเรื่องสั้น “ฉันกับฉันและฉัน” ของตะวันชิงพลบ เขียนขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565 ในฐานะผลงาน “สะทอนคิด” ปดชั้นเรียนรายวิชาศิลปะการเขียนรอยแก้ว ก่อนการเข้า ฉายของภาพยนตรเรื่อง เธอกับฉันกับฉัน ของค่าย GDH เมื ่อเดือนกุมภาพันธพ.ศ.2566 บ.ก. (จริงๆ-ไมใช่อีกฉัน) ยอมรับวา ภาพยนตรเรื่องดังกลาวซึ่งเปนกระแสไวรัลในโลกออนไลน (เปดแพล็ตฟอรมไหนก็เจอ) ทำใหบ.ก. รูสึกผิดและถูกหลอกหลอนเพราะไดทำการดอง ตนฉบับที่ยังไมไดอีดิตไวยาวนาน อยางไรก็ตาม ฉัน (บ.ก.ตัวจริง) ไดพยายามกลืนความผิดนั้น ไวก่อนเรงอีดิตตนฉบับเพื่อเปนการชำระบาปจนแลวเสร็จในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 หลังจากที่ เธอกับฉันกับฉัน เข้าฉายทาง Netflix ในช่วงตนเดือนเดียวกันนั้นเอง


188 | นักเรียนเขียนเรื่อง “งานเขียนพวกนี้ทำใหฉันพบความจริงอีกอยางเหมือนกัน วาไมจำเปนตองคร่ำเครงหรือจ้ำจี้จ้ำไชอะไรขนาดนั้นหรอก ปลอยใหงานไหลไปตามความคิดบาง ตามความรูสึกบาง ไมตองบังคับอะไร มากมายขนาดนั้น...สิ่งที่สำคัญมากที่สุดในการทำงานคือ เราตองมีสติมากพอที่จะอาน คิด ปรับทุกอยางใหพอดี แลวก็ใจดีกับตัวเองดวย” “ฉันกับฉันและฉัน” ของ ตะวันชิงพลบ


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 189 กวาจะเปน ฉันกับฉันและฉัน เรื่องราวที่เขียนจบไปนี้กลั่นกรองมาจากประสบการณในการแลกเปลี่ยน เรียนรูในหองเรียนเขียนเรื่อง เมื่อฉันตรองดูแลววาควรจะเลือกอะไรมา “สั่งลา” หองเรียนนี้ (ซึ่งมากมายเหลือเกิน) ฉันก็พบวาสิ่งที่เกิดขึ้นบอยที่สุดในการทำงาน คือการทะเลาะกับตัวเอง ในเรื่อง ฉันจึงแยกตัวฉันออกมาอีกสองคน รวมเปนสาม บุคลิก แลวปลอยใหพวกเขาทะเลาะกันไปจนกวาจะไดข้อสรุป บางครั้ง การ ทะเลาะกันของพวกเขาก็ข้ามวันข้ามคืนอยางกับดูประชุมสภาผูแทนฯ จนทำให ตัวเองนอนไมหลับ บางครั้ง พวกเขาก็ฉะกันแค ่สิบหานาทีแลวแยกยายกันกลับ เข้ารังของตัวเอง ฉันเชื่อวาทุกครั้งที่เรากำลังจะตัดสินใจอะไร ไมวามันจะสำคัญ แค่ไหน เราจะมีตัวเราอีกคน (หรืออีกหลายๆ คน) มาสนทนากับเราเสมอ ฉันคิดวา สิ่งสำคัญข้อหนึ่งที่งานเขียนจะขาดไปไมไดคือ “ความรูสึก” หลายครั้งเราปลอยใหความรูสึกครอบงำและทำงานเกินหนาที่ หลายทีเรากดเก็บ ความรูสึกเอาไวมิใหมีบทบาท แมกระทั่ง “ความขัดแยง” ซึ่งเปนเรื่องธรรมดาของ การทำงานบนความคิดและความรูสึกก็ยังเปนสิ่งที่เรารูสึกกลัว เรื่องสั้นเรื่องนี้จึง เปนบันทึกเบื้องหลังการเขียนงานแตละชิ้น ที ่ไมเพียงเปนการปะทะกันของ ความคิดเทานั้น แตฉันยังตองปะทะกับปจจัยมากมายที่รายลอม และหากคุณ สับสนวาฉันจะใหบทบาทกับความรูสึกในงานเขียน (หรือชีวิต) มากแค่ไหน เรา คือเพื่อนกัน :) ขอใหเพลิดเพลินกับบทสนทนาของฉันกับฉันและฉันกันนะ. ตะวันชิงพลบ สนใจศิลปะการปลอยวาง และวิธีการเปนเปด คุณภาพในสังคมที่เรียกรองความเชี่ยวชาญเฉพาะ ทาง--จริงๆ ก็สนใจทุกเรื่อง ขึ้นอยูกับวาในช่วงนั้น จะมีอะไรมากระตุน


190 | นักเรียนเขียนเรื่อง


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 191 อาชญากรในดินแดนมหัศจรรย์ Alice M. ผมจะเริ่มเลาเรื่องราวของผมยังไงดีอันดับแรกผมไมใช่อาชญากร หรือตอใหใช ่ ผมก็ไมรูหรอกวาไดกระทำผิดอันใดมา ถึงไดมีคำตราหนาวา เปนอาชญากร ผมไมรูจักชีวิตของตัวเองแนชัดนักหรอก ไดแตใช้ชีวิตตามที่ เธอกำหนด ถาถามวาเธอคือใคร ผมก็ไมรูเหมือนกันวาเธอคือใคร แตถาสิ่ง ที่สรางสรรค์โลกขึ้นมาถูกเรียกกันวาพระเจ้า เธอก็คงจะเปนอย างนั้น เปน พระเจ้าที่เขียนโลกใบนี้ขึ้นมา และถาคุณกำลังจะอานเรื่องนี้ตอ ก็ขอใหคุณ แนใจวามีเวลาวางมากพอที่จะอานเรื่องราวอันไรสาระและนาเบื่อ แมชื่อ เรื่องจะดูนาตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน แตเชื่อผมเถอะ เธอทำเพื่อซื้อใจคุณ แลก กับสิ่งที่เธอตองการเทานั้นแหละ มันอาจจะเปนเงิน ความนิยม หรืออะไร บางอยางที่สำคัญสำหรับเธอก็ไดใครจะรูถึงไดยัดเยียดใหผมเปนอาชญากร เพื่อแลกกับสิ่งๆ นั้น โดยที่ผมไมไดมีความผิดอันใดและไมถามความคิดเห็น ผมเลยสักนิด เรื่องแบบนี้เพื่อความเทาเทียมมันตองมีการทำสัญญาอันไดผล ประโยชนกันทั้งสองฝายก่อนสินี่มันป แลวนะ โคตรจะเห็นแก่ตัวเลย วาไหม นอกจากเธอจะใหผมเปนอาชญากรแลว เธอยังใหผมชื ่อวา อริสมันตเพื่อจะไดเหมือนกับเรื่อง อลิซในดินแดนมหัศจรรยแตใส ความ เปนไทยเพิ่มเข้าไป เพราะไอคนที่นิยามวาตัวเองเปนพระเจ้าของเรื่องนี้คือ เธอที่เปนคนไทย และที่สำคัญมันเปนชื่อแบบไทยไทยชื่อเดียว ที่เธอหาไดใน อินเทอรเน็ตและใกลเคียงกับชื่อ อลิซ ที่สุด โดยที่ไมรูวามีความหมายอะไร เธอเห็นวามันเปนชื่อของนักรองสักคนหนึ่ง แตมันคงจะไมเกี่ยวกับตัวตน


192 | นักเรียนเขียนเรื่อง ของผมเทาไหรนักละมั้ง ถาคุณสงสัยถึงเรื่องนั้น แนนอนผมก็สงสัย ถาไดชื่อ วาอริสมันตแลว ทำไมไมตั้งชื่อเรื่องไปเลยวา อริสมันตในดินแดนมหัศจรรย ชื่อของผมจะดูมีตัวตนขึ้นอีกมากโข แตเธอกลับบอกอย างหนาตาเฉยวา เพราะมันไมตื่นเตนและดึงดูดคนมากพอ พับผาสิครับ ผมบอกแลววาเรื่องนี้ มันโคตรจะไรสาระตั้งแตชื่อเรื่องเลย ไรเหตุผลในทุกกระบวนการสรางเรื่อง นอกจากจะไรสาระแลว ยังเห็นไดเลยวา เธอไมสนใจตัวตนของผมเลยแมแต นอย อริสมันตยังคงเปนชื่อของผมในโลกที่เธอสรางขึ้น แตในชื่อเรื่อง เธอ กลับเอาคำวาอาชญากรมาแปะปายทับชื่อของผมซะงั้น หากพูดถึงดินแดนมหัศจรรยแนนอนใครหลายคนคงจะนึกถึงสถานที่ ที่เต็มไปดวยความฝนและจินตนาการเหนือความคาดหมาย แตสำหรับผม อาชญากรที่ตองอาศัยอยูในดินแดนแหงนี้ขอบอกเลยวามันโคตรนาเบื่อ ไร สีสัน และเอื่อยเฉื่อยสิ้นดีอยางที่บอก ผมไมใช่ผูกลาและไมใช่คนดีในเรื่องนี้ คุณจะหวังใหอาชญากรคนนี้มันไปช่วยกู้โลก ช ่วยเหลือปญหามากมายใน ดินแดนมหัศจรรยนี้เรอะ ในเมื ่อใหผมเปนอาชญากร ผมก็ตองเล นตาม บทบาทที่ใหมาสักหนอยละมั้ง ลักษณะทางกายภาพของผมที่เธอเขียนขึ้นมามันไมค่อยจะสมเหตุ สมผลเทาไหรนัก เริ่มดวยผมสีทองที่ดูไมเปนทรงและกระเซอะกระเซิง ถาจะใหผมมีชื่อแบบไทยแลว ผมที่เปนคนไทยจะมีผมสีทองไดไงกันครับ ไมมี ชาติกำเนิดของผมที่จะสามารถอธิบายเรื่องนี้ไดเพราะคนไรความรับผิดชอบ แบบเธอไมไดคิดไวงั้นผมจะขออนุมานเอาเองวาผมเปนลูกครึ่ง มีเชื้อจาก ฝงตะวันตกเล็กนอย เลยไดผมสีทองมาดวยความชอบธรรม ผมเปนชาย รูปรางสมสวน ไมผอมและไมอวน สวนสูงไดมาตรฐานชายไทยที่ 170 กวา เซนติเมตร หนาตาไมทราบที่มา คุณอาจจะมองวาผมเปนชายที่มีหนาตา ออกไปทางตะวันตกเล็กนอย ผมมองวาผมมีหนาตาไปทางไทยแทแตถา เปนเธอ เธอจะบอกวาผมหนาตาคลายแทยง NCT เพราะเปนใบหนาที่


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 193 พระเจ้าอยางเธอสรรค์สรางขึ้นมา อันที่จริงผมไมรูวาแทยง NCT คือใคร แต จากที่ฟงเธอเยินยอ ผมวาผมก็คงเปนอาชญากรที่หลอเหลาเอาการ รูปรางหนาตาของผมถูกกำหนดไวแค่นี้จนไมรูวาตัวผมเปนตัวเอก ของเรื ่องนี้จริงหรือเปลา ไมคิดจะใสใจรายละเอียดใหมากกว านี้หรือไง เสื้อผาของผมก็เปนชุดนักโทษลายขาว-ดำตลอดทั้งตัว ไมไดมีสิ่งใดพิเศษไป มากกว านี้ออใช่ เธอกล าวว าผมเปนตัวเอกทั้งทีก็ตองพกอะไรไวต อสู ปองกันตัวบาง เธอเลยใหสายสิญจนผมมามวนหนึ่ง โอย! แลวผมจะเอา สายสิญจนไปฆ่าใครที่ไหนไดถาผมโดนปองรายขึ้นมา ผมคงเอาสายสิญจน ผูกคอตัวเองตายก่อนเปนอันดับแรก นั่นคงจะเปนวิธีเดียวที่ผมจะเอาตัวรอด ไดโดยใช้สายสิญจนนี่ เอาละ มาถึงจุดสำคัญของเรื่องแลว เราจะข้ามเรื่องราวตอนตน เรื่องที่ไรสาระไป และเข้าไปเผชิญกับชีวิตในดินแดนมหัศจรรยเลย ผมลืม บอกไป นี่ไมใช ่ครั้งแรกที่ผมไดมีตัวตนในโลกใบนี้ผมเกิดมาแลวไมรูกี่ครั้ง ตายมาแลวไมรูกี่รอบ มีชีวิตตามจำนวนผูคนที่เปดอานเรื่องเรื่องนี้ดังนั้น นี่ ไมใช่ครั้งแรกแนนอนที่ผมไดเข้าไปในดินแดนมหัศจรรยแตนี่เปนครั้งแรกที่ ผมมีโอกาสไดคุยกับคุณ ไดประจานเธอและโลกอันเฮงซวยที่เธอสรางขึ้น จุดนั้นจะตองมีกระจกโง่ๆ บานหนึ่ง ที ่ใหญ ขนาดเทากับตัวผม กระจกที่เหมือนกับเรื่อง ทวิภพ นั่นแหละ ไมมีหลุมหรือโพรงใหผมตกลงไป ในดินแดนมหัศจรรยไมมีกระตายสีขาวในชุดสูทที่ไหนดวย เอาจริงๆ ผมไม เห็นกระตายสักตัวแถวนี้สิ่งที่พาผมมาที่กระจกนี่คือตัวผมเอง อยางที่บอก วาผมใช้ชีวิตอยางนี้มานับไมถวน ในครั้งนี้ที่คุณเปนผูอาน ผมขอใช้ชีวิตใน เรื่องนี้ในแบบของผมมากขึ้นมาอีกหนอยละกัน หลังจากที่เห็นกระจกเงา ตรงหนาสั่นไหวเหมือนกับคลื่นน้ำแลว ก็ถึงเวลาที่ผมจะตองก้าวเข้าไปในนั้น ก่อนที่สติของผมจะดับลงไปในที่สุด


194 | นักเรียนเขียนเรื่อง ผมฟนแลว ผมฟนมาอยูในหองหองหนึ่งเหมือนเคย มีโตะขนาด ใหญ ที่มีกุญแจของประตูทางออกอยูบนนั้น สวนประตูทางออกที่แสนเล็กก็ อยูอีกดานหนึ่งของหองหองนี้ถาคุณเคยอาน อลิซในดินแดนมหัศจรรย พล็อตมันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ (ก็คนเขียนมันลอกมานี่นะ) ไอพล็อตที่ตอง กินเค้กใหตัวใหญเพื่อหยิบกุญแจ แลวค่อยกินน้ำอะไรสักอยางจนกลับมาตัว เล็กเหมือนเดิม เพื่อใหออกจากหองนี้ไปไดแตในเรื่องนี้เราไมมีอะไรแบบนั้น วิทยาศาสตรและพื้นฐานความจริงเปนสิ่งสำคัญสำหรับเธอ แมเราจะอยูใน เรื่องสั้นเหนือจินตนาการก็ตาม ไมเห็นจะเข้าทาเลยวาไหม ผมไมเห็นวา สวนอื่นของเรื่องมันจะสมเหตุสมผลตรงไหน ผมจะไดกินแตยาเทานั้น เม็ด ยาแคปซูลสีฟาสำหรับการทำใหตัวใหญ เมื่อผมกินเข้าไปผมจะรูสึกตัวใหญ ที่สุดเทาที่ผมจะแข็งแกรงไดมีอำนาจและมั่นใจเหมือนกับขนาดตัวของผม แตถาผมกินเม็ดยาแคปซูลสีแดง ผมจะรูสึกตัวเล็กที่สุด รูสึกทำอะไรก็ ผิดพลาดไปหมด แนนอนวายังไงผมก็ตองกินมันเพื่อใหสามารถออกจาก หองหองนี้ไปไดช่างเปนนักเขียนที่เอาแตใจเสียจริง อยางนอยนาจะทำใหยา มันหนาตาดูดีกวานี้เสียหนอย จะไดสรางอรรถรสในการกินไดบาง ผมออกมาแลว แนนอนละ ออกมาเผชิญกับการผจญภัยในดินแดน มหัศจรรยที่แทจริง อันที่จริงมันไมไดมีอะไรนาตื่นเตนขนาดนั้น ทั้งหมดลวน เปนเรื่องราวที่ผมผานมาหมดแลว ผมจะตองไปตามนัดปารตี้น้ำชา นั่นไงละ เดินไปตามเสนทางที่คุ้นชิน ผมก็จะเจอกับแฝดพี่นอง ไมใช ่แฝดอวนกลม Tweedle Dee และ Tweedle Dum แตเปนแฝดพี่นองแมมดทั้งสี่ แมมด แหงพิรุณ ตางหาก ถาคุณถามวาตัวละครเหลานี้มาจากไหน แนนอนวาดวย ความขี้เกียจของเธอ ก็ตองเอาแนวคิดจากผลงานเก่ามาสรางเปนตัวละคร ใหมนะสิถาคุณจะหวังใหเธอคิดตัวละครขึ้นมาใหมเองละก็ดวยสมองอัน ชาญฉลาดของเธอแลว คงจะสงตนฉบับไมทันกันพอดีพวกแมมดจะมีน้ำตา ไหลออกจากตาตลอดเวลาสมกับเปนแมมดแห งพิรุณ แตสาเหตุของการ รองไหของพวกเธอตางกัน คนที่หนึ่งรองเพราะคิดถึงคะนึงหา คนที่สองรอง


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 195 เพราะเศราโศกเสียใจ คนที่สามรองเพราะโกรธแค้นชิงชัง และคนสุดทาย รองเพราะเกษมเปรมปรีดิ์ กวาจะไดคุยกับพวกเธอไมใช่เรื่องง่าย ถาเปนไป ตามเนื้อเรื่องปกติอารมณของพวกเธอจะแปรปรวนและเข้าใจยากราวกับ สภาพอากาศในช ่วงฤดูฝนเลยทีเดียว ถานี่ไมใช ่ช่วงเวลาอันแสนพิเศษที่ผม จะไดประจานเรื่องสั้นเรื่องนี้แลวละก็ผมคงไมมีโอกาสไดมานั่งดื่มชาคุยกับ พวกเธออยางพรอมหนา ถึงแมจะไมมีใครคุยเรื่องเดียวกันเลยก็ตาม ผมพูดคุยกับพวกเธอทั้งสี่จนพอใจ เมื่อพวกเธออยูดวยกัน ผมก็ รูสึกถึงพลังบางอยางที่แข็งแกรงเปนพิเศษยิ่งขึ้น ตามปกติผมจะตองแยกไป คุยกับแตละคนตางหาก เพื่อเก็บชิ้นสวนตามภารกิจของเนื้อเรื่อง และสราง สิ่งที่รายกาจสมอยางที่อาชญากรควรทำ แตคราวนี้ผมไดชิ้นสวนทั้งสี่ชิ้นมา ทีเดียว เหนื่อยนอยลงมาก ผมอยากจะมีชีวิตและจิตสำนึกเช ่นนี้ตลอดไป แตถานักเขียนมาเจอเข้า เธอก็คงจะรีบลบผมในหนาหนังสือออกไปอยาง เลือดเย็น และสรางตัวละครใหมที่เธอสามารถควบคุมไดขึ้นมาแทน อาจจะ เปนใครสักคนในดินแดนมหัศจรรยก็ไดไมรูสิ เมื่อเก็บเกี่ยวชิ้นสวนแสนวิเศษไดทั้งหมด ก็ถึงเวลาที่ผมจะสรางตัว อันตรายของเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อใหตอสูกับ ราชินีแดง ตัวรายที่แทจริงของเรื่อง นี้ (อันที่จริงผมเปนอาชญากร ผมควรจะรายที่สุดนะ) เขาปรากฏตัวในชุด สูทสีแดงและหมวกทรงสูงคู่ใจ ชื่อของเขาคือ Hatter หรือช่างทำหมวกที่รูจัก กันนั่นแหละ เพียงแตวา ช ่างทำหมวกคนนี้ค่อนข้างจะตัวจิ๋ว เออ หมายถึง เขาเปนเด็กวัยประถม มันมักจะเปนเช ่นนี้เสมอเวลาผมสรางอะไรดวยตัว ของผมเอง แมในใจภาพของมันจะยิ่งใหญแค่ไหน แตสิ่งที่ออกมากลับเล็ก กระจ้อยรอย ใช่แลวครับ ผมกับสายสิญจนหนึ่งมวนและเด็กหนึ่งคนตองช่วยกัน ทำลายราชินีแดง โคตรจะบาเลย แตถึงอยางนั้นก็ตองยอมรับวา ถึงแมจะยัง เปนเด็ก แตเด็กคนนี้มีพลังที่เหลือรายจริงๆ เพราะเขาจะทำใหคุณสามารถ


196 | นักเรียนเขียนเรื่อง จมอยูกับอดีตที่เจ็บปวดอยางแสนสาหัสจากความสดใสของเขา และถึงเรา จะพูดวาเขาเปนช่างทำหมวก แตเด็กนอยคนนี้ก็มักจะมาพรอมกับลูกโปง จำนวนมากเสมอ และนั่นแหละครับอาวุธที่รายแรงที่สุด เพราะลูกโปงแหง ความหวังทั้งหมดไดอยูในมือเล็กๆ คู่นั้นแลว จนกระทั่งลูกโปงใบสุดทายได สูญสลายไป เทากับวาคุณไดพายแพแก่เขาโดยสมบูรณ สำหรับราชินีแดงที่ โหยหาความรักและความฝนแลวละก็มันแทบจะกรีดกลางใจเธอเลยทีเดียว รวมไปถึงหัวใจของผมดวยเหมือนกัน แตก่อนจะไปถึงจุดนั้น ผมตองไปทักทายกับ เชสเซียรซะก่อน เจ้า แมวที่ชอบหายวับไปมาตลอด แตเธอก็เปนเพื่อนคนสำคัญที่คอยใหคำ ปรึกษาที่ดีแก ่ผมอยูเสมอ เวลาผมคุยกับเธอ ผมจะรูสึกสงบใจไดอย างนา ประหลาด ติดอยูอยางเดียวคือผมมักจะหาเธอไมค่อยเจอ แตพอถึงเวลาที่ ผมเดือดรอนหรือตองการคำตอบ เธอก็มักจะโผลมาไดอยางทันทวงทีเรียก ไดวาผมตองเตรียมคำถามไวตลอดเวลา เพราะทันทีที่คำถามหมด เธอจะ หายไป แตก็เปนแมวที ่ดีละน ะ อันที่จริงถึงแมผมจะเกลียดพระเจ้าหรือ นักเขียนของเรื่องนี้มาก ที่ทำใหผมตองมีชีวิตไมเหมือนกับคนปกติทั ่วไป เพื่อดึงดูดใครตอใครก็ไมรูใหเข้ามาอ านเรื่องสั้นเรื่องนี้แตอย างนอยเธอก็ ยังใหเพื่อนที่แสนล้ำค่ากับผม ทั้งแมมด Hatter และเชสเซียรไมรูสิผมคง ไมมีเพื่อนแปลกๆ แบบนี้ถาผมไมไดเปนตัวละครอยางที่เธออยากใหเปน ละมั้ง นี่มันอะไรกัน! ผมวาผมกำลังโดนลางสมอง ผมเกือบจะหลงกลใน พลังแหงมิตรภาพแลว คุณก็ระวังตัวไวดวย อยาไปหลงเชื่อไอพวกนักเขียน มากนัก คนพวกนี้มักจะมีกลยุทธมาหลอกลอใหเราหลงเชื่อและหลวมตัวไป ตลอด นากลัวเปนบา ผมเกือบซาบซึ้งแลวเชียว เมื่อชั่วครู จิตสำนึกของผม เกือบจะหายไป และการประจานครั้งนี้ก็คงจบลงอยางรวดเร็วเกินไป ถาการ ตื่นรูของผมหายไปแบบนั้น


เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 197 ก ่อนไปถึงปราสาทที่ราชินีแดงอาศัยอยู ระหวางทางผมไดเจอกับ เชสเซียรเธอค่อนข้างแปลกใจเลยทีเดียวที่ผมไมไดมีคำถามมากมายเหมือน ทุกครั้ง อย างวา ผมแค่กะจะไปทักทายเฉยๆ ยังไงผมก็ตองกลับไปเจอเธอ ในรูปแบบเดิมอยูดีในการเลนตามบทบาทตามเนื้อเรื่องครั้งตอไปนะนะ ในที่สุด ก็มาถึงฉากสุดทายที่ตองตอกรกับกองทัพของราชินีแดง บรรยากาศนาหดหูเปนที่สุด หนาวเย็นจนผมขนลุกขนพองไปหมด ถึงเวลาที่ อาวุธลับอันสุดยอดของผมจะไดออกโรงสักทีสายสิญจนอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะ นำมาใช้ตอกรกับกองทัพซากศพของหมอผีมือขวาของราชินีแดง ถาถามวา ผมเอาออกมาทำอะไร แนนอนวาตองเอามาใช้ปองกันศพที่ไอหมอผีนั่นปลุก ขึ้นมาไง ผมคงไมนำมาผูกคอหนีเรื่องราวอันบัดซบนี่อยางที่พูดไวในตอนแรก หรอก ถึงผมจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม ผมตองนำสายสิญจนมาพันที่นิ้วของ ผม แลวก็พันที่นิ้วของ Hatter จิ๋วดวย เพราะผมตองปกปองเขาจนกวาจะถึง เวลาสูกับลาสตบอส ราชินีแดงนั่นเอง ความจริงแลวถึงหมอผีจะสามารถปลุกศพขึ้นมาไดแตมันก็ไมได แกรงกลาอะไรหรอก เพราะกองทัพศพพวกนี้นะตายไปแลว ออนปวกเปยก สิ้นดีไดเปรียบแค่จำนวนก็เทานั้นแหละ มาถึงตรงนี้ถาคุณถามวาทำไม เรื่องนี้ถึงมีหมอผีขึ้นมาไดกัน (หรือเรื่องนี้มันพิลึกพิลั่นจนหยุดตั้งคำถามไป แลว) นั่นคงเปนเพราะความบาคลั่งในสิ่งเหนือธรรมชาติของเธอ ไมรูสิผมก็ เข้าไมถึง ผมวาตัวตนของผมในเรื่องนี้มันก็เหนือธรรมชาติพอแลวละนะ สิ่ง ที่ผมตองทำก็แค่กำสายสิญจนไวใหแนนแลวก็ภาวนาเทานั้นแหละ ใช ่แลว ในเวลาหนาสิ่วหนาขวานแบบนี้อริสฯ จะทำอะไรไดละครับนอกจากภาวนา ใหรอด ในเมื่อไอคนเขียนมันไมไดใหอาวุธมานอกจากนี้การแก้ปญหาจาก สิ่งที่มีในตอนนี้คงจะเปนทางออกที่ดีที่สุด ตั้งจิตใหมั่น มีสติแลวก็ค่อยๆ เดินฝาดงผีดิบพวกนี้ไป ทีละก้าว ทีละก้าว จนกวาจะเข้าไปถึงตัวปราสาทได แสงสีทองจากสายสิญจนจะค่อยๆ ชำระมนตสะกดของซากศพพวกนี้เอง


198 | นักเรียนเขียนเรื่อง ผมลากเจ้า Hatter ที่ดูจะสนใจลูกโปงในมือของตัวเองมากกวา เหตุการณตรงหนาใหตามเข้ามาติดๆ จนเข้ามาถึงดานหนาของปราสาทที่มี หมอผียืนอยู ก ่อนที ่ผมจะใช้สายสิญจนที่เหลืออยู ในมือพันรอบมือของ ตัวเองแลวภาวนาอีกครั้ง รอบนี้ผมไมไดคิดจะจัดการหมอผีดวยตัวเองหรอก ผมแค่รอใหลูกโปงในมือของ Hatter โผลขึ้นมาตางหากละ พอมันโผลขึ้นมา ผมก็แค่เจาะมัน และความฝนของเจ้าหมอผีก็จะหายไป นั่นแหละคือพลัง ของ Hatter ผมเจาะมันเรียบรอย ลูกโปงที่อัดแนนไปดวยความฝนและความหวัง ของเจ้าหมอผีความฝนของมันคือการเปนหมอผีที่เก่งกาจ เมื่อผมเจาะมัน ไปแลว ความสามารถนั้นก็จะหายไป แตมันก็เปนการแตกสลายแค่ชั่วคราว เทานั้น หากเวลาผานไปเจ้าหมอผียังมีปณิธานในการเปนหมอผีที่แกรงกลา แนนอนวาลูกโปงของเขาก็จะกลับมาอีกครั้ง แตความสามารถที่หายไปของ มันก็พอที่จะทำใหผมฝาเข้าไปในปราสาทไดละนะ ในที ่สุดก็ถึงฉากสุดทายของการตอสูที ่แทจริง ผมยืนมองแทน บัลลังก์ของราชินีแดงที่อยูตรงหนา แลวผมก็รูตัววา ผมเรียกผิดมาตลอด ตองเปนราชินีกำไลแดงตางหาก ทั้งร างกายของเธอไม มีตรงไหนเลยที่ ปรากฏสีแดง นอกจากกำไลที่ข้อมือ อันที่จริงผมวามันค่อนข้างแปลก ราชินี แดงในความทรงจำของผมไมไดเปนแบบนี้ราชินีแดงตรงหนายืนอยูกับมือ ซ้ายของเธอที่ดูเหมือนจะไมใช ่คน เดี๋ยวนะ ที่นี่เขาแตงชุดแฟนซีกันหรือไง ทำไมภูตผีปศาจเต็มหองโถงนี้ไปหมด ถึงนี่จะเปนเรื่องแนวแฟนตาซีเหนือ จินตนาการก็เถอะ แตในความทรงจำของผม สิ่งเหลานี้มันไมเคยเกิดขึ้น! Hatter ที่ยืนอยูข้างผมเมื่อสักครูหายไปแลว เขาหายไปไหนกัน เรา ตองสูกับพวกราชินีแดงตอนะ ไมงั้นผมจะจบเรื่องนี้ยังไงกันเลา นี่มันเรื่องบา อะไรกัน คนเขียนมันทำอะไรเฮงซวยกับเนื้อเรื่องอีกแลว ความทรงจำของ


Click to View FlipBook Version