เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 49 กวาจะเปน ถึง พระเจ้า, ผมนำไอเดียการเขียนจดหมายถึงพระเจ้ามาจากนวนิยายเรื่อง The Color Purple ของ Alice Walker เพราะทั้งผมและตัวเอกของเรื่องอยูใน สภาวะที่ไมสามารถบอกเลาเรื่องราวเหลานี้ใหใครฟงไดจึงเลือกจะพูดกับ พระเจ้าผ านทางการเขียนแทน จดหมายทั้งสามฉบับนี้เปนการระบายและ บอกเลาอารมณความรูสึก ตลอดจนความคิดที่สกัดขึ้นจากการลงมือทำงาน ชิ้นตางๆ ที่ไดรับมอบหมายในรายวิชาศิลปะการเขียนรอยแก้ว นับเปนการ สะทอนยอนคิดระหวางตัวเรา งานเขียน และคลาสเรียน. ดอกดิน สนใจภาษาและวรรณกรรม ชอบทำหลายอยางพรอมกัน มีชาเย็น เปนเลือดหลอเลี้ยงรางกายและจิตใจ
50 | นักเรียนเขียนเรื่อง
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 51 คู่มือแด่ฉัน ที่พยายามจะเป็นตัวฉันต่อไปเช่นนี้ น้ำทวมเมฆ ฉันนั่งนิ่งอยูกับที่ในขณะที่เริ่มตนก่อรางงานเขียนชิ้นนี้ รูสึกเหมือน กับวาตัวเองกำลังนั่งอยูในหองมืดอันทึมทึบที่เกิดขึ้นในหวงจิตใจ มีความคิด อันวาวุนตางๆ นานา และความเอื่อยเฉื่อยจากอาการหมดไฟผุดขึ้นในความ มืดมิดรอบข้าง พวกมันคอยตามหลอกหลอน บางสงเสียงหัวเราะราวกับจะ เยยหยัน บางก็สั่งการใหฉันหยุดมือเขียนไปเสีย ฉันเดินวนไปวนมารอบหอง แตไมอาจออกไปไดการพิมพในทุกๆ ตัวอักษรจึงมีค่าเทากับการประกอบ กุญแจขึ้นสักดอกเพื่อช่วยใหสามารถหลุดออกไปจากภาวะที่ไมรูจะเรียกวา อะไรดี—ปดขัง ก่อราง ไขกุญแจ วนกลับไปเริ่มใหม—สิ่งนี้เกิดขึ้นเรื่อยมา นับตั้งแตเริ่มเขียนงานในทุกๆ ชิ้นที่ผานมา ฟงดูแลวคงเหมือนกับฉันทรมานอึดอัดเต็มทนใช่ไหม ความรูสึก เหลานี้เกิดขึ้นเพียงแค่ตอนใช้เวลาอันยาวนานรางโครงรางงานเขียน แตเมื่อ ลงมือเขียนก็ค่อยๆ สลายหายไปเรื่อยๆ ซึ่งเปนเรื่องนายินดีฉันเองก็มีอาการ หมดไฟเข้ามาบางประปราย แตบางครั้งก็เกิดไฟลุกโหมขึ้นมา มันเหมือนกับ วา ฉันที่กำลังพายเรืออยูทามกลางทะเลถูกจับใหหมุนเหวี่ยงไปตามคลื่นลม ความรูสึกระหวางการออมแขนไปดันหลังตัวเองใหมุงไปข้างหนาจนกวาจะ ถึงฝงนั้นช่างนาตื่นเตนลุนระทึกยิ่ง เสียแตอยางเดียวคือเงื่อนไขช่วงเวลาที่ ไฟลุกโหมมักจะเกิดขึ้นในตอนใกลถึงกำหนดสงแลว หรือบางทีก็เลยเวลา ออกไปเสียอย างนั้น จะวาฉันหลงใหลอะไรก็ตามที่จะไดทาทายตัวเองให
52 | นักเรียนเขียนเรื่อง หัวใจเตนระรัวก็ไมผิด เพราะความทาทายและการไมหยุดมือเขียนทำใหฉัน ยังตองการจะมีชีวิตอยูตอไป และความทาทายก็ทั้งผลักและดันใหฉันสรางสรรค์งานชิ้นนี้ออกมา จากความคิดแรกเริ่มที่รูสึกเบื่อหนังสือทำนอง “คู่มือ” หรือ “คัมภีร” แต กลไกบางอยางในหนังสือแนวนี้ที่สามารถเข้าไปลวงลึกและชี้นำชีวิตผูคนใน ดานตางๆ ไดก็กลับกลายเปนเรื ่องนาสนใจ และกลายเปนแรงสงใหฉัน อยากลองเขียนดูฉันจึงตัดสินใจที่จะเขียนคู่มือนี้ขึ้น ดวยหวังวาอยางนอย มันจะเปนแรงกระตุนใหฉันเขียนตอไป หวังวางานชิ้นนี้จะเปนเครื่องเตือนใจ สำหรับการผอนผันและตอรองกับตัวเองเมื่อเปาหมายข้างหนายื้อยุดกับ อาการหมดไฟจนทำใหทำอะไรออกมาไดไมเต็มที่ เพื่อใหฉันรูวาตัวเองยังคง มีตัวตน ยังคงมีชีวิตอยู ยังคงมีลมหายใจอยูในทุกๆ ตัวหนังสือที่ไดเขียน และเพื่อตอลมหายใจใหตัวฉันเองดวยเช่นกัน คู่มืออันไมเปนระเบียบเรียบรอยนี้บันทึกในช่วงเวลาที่ลูทางการ เขียนของฉันเริ่มเปนรูปเปนราง ตัวฉันในอนาคตอาจเปลี่ยนไป หรือยังคง ผลักดันตัวเองอยูแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะเปนแบบไหนก็ไมอาจตอบได แด...ตัวฉันที่ยังคง(หวังวาจะ)เขียนตอไป… (1) การก ่อรางสรางงานอาจเริ่มตนขึ้นจากการเปดประสาทสัมผัส และรูจักใช้จินตนาการเพื่อสรางภาพในหัว การอยูในพื้นที่หองสวนตัวแทบจะตลอดเวลาดวยเหตุโรคระบาดทำ ใหฉันตองพยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมดที่ถูกทำลายลงดวยความเบื่อหนาย ใหมาจดจ่ออยูกับหนาจอสี่เหลี่ยมมากขึ้น และนั่นก็ทำใหฉันตองกระตุน ตัวเองใหตื่นเต็มตาดวยการเปดอะไรฟงกรอกหูตลอดการทำงาน ใหจังหวะ มือประสานหรือนำหนาจังหวะของเพลง เช ่นเดียวกับการเรียนในหองเรียน หรือที่ไหนก็ตามที่ตองคอยเปดประสาทสัมผัสอยูเนืองๆ เพราะนั่นคือวิธี
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 53 ฉวยรับเอาแรงบันดาลใจที่มักจะหลุดลอยไปไดทุกเมื่อ ธรรมชาติของแรง บันดาลใจนั้นแปลกพิลึก เมื่อยอนกลับมาหาเราอีกเปนครั้งที่สองก็อาจจะ เปลี ่ยนไปจนไมเหลือเค้าเดิมอีกตอไป โดยเฉพาะอย างยิ ่งสำหรับฉันที่ ไมค่อยไดอานหรือดูสื่ออะไรเยอะนัก ก็ตองจัดการเพิ่มเชื้อไฟแหงความคิด ดวยวิธีดังตอไปนี้ เมื่อใครก็ตามกำลังพูด เมื่ออะไรก็ตามกำลังเกิดขึ้น ขอใหเปดตาให กวาง ใช้หูฟงใหไดยิน ใช้มือจดบันทึกไวเมื่อกำลังอานหรือดูผลงาน สรางสรรค์ของใครก็ตาม ขอใหปดตาลง จินตนาการถึงภาพ รส กลิ่น เสียง สภาพแวดลอม กวางออกไป ไกลออกไป ลองจินตนาการถึงลักษณะรูปราง หนาตาของโลกใบนั้นที่หมุนโคจรอยูในจักรวาลนั้น ปลอยตัวใหลองลอย ออกไปพรอมกับจังหวะหัวใจที่ทั้งราบเรียบจนเหมือนจะหยุดเตนเมื่อหยุด คิด หรือจังหวะที่เตนระรัวเมื่อวัตถุดิบชั้นดีไดพุงเข้ามาปะทะอย างจัง จน ความคิดไหลหลากไมหยุด จงเก็บทุกสิ่งไวใหคุ้มค่ากับการเดินทาง แลวสง แรงดีดตัวกลับมายังที่เดิม แมระหวางการรวงหลนลงมานั้น รูปราง ตัวตน ความคิดในแต ละผลึกของเราจะเปลี ่ยนแปลงไปจากการเสียดสีกับชั้น บรรยากาศรอบๆ หรือมีสิ่งใดระเหิดหายไปบาง แตนั่นก็นับวาคุ้มค่ากับการ รวบรวมพลังทั้งหมดมาใช้คราวเดียว ลักษณะการทำงานของฉันเปนเช่นนี้แมผลที่ตามมาหลังจากทุมเท แรงความคิดทั้งหมดในระยะเวลาอันกระชั้นจะทำใหเหนื่อยลาไมนอยแตฉัน ก็คุ้นชินกับวิธีนี้มากกวา ซึ่งยังเปนเรื่องที่ตองหาทางตอรองกับตัวเองเพื่อ ไมใหรางกายทำงานหนักจนเกินไปดวย (2) ในขณะทำงานและหลังการทำงาน ตองรูจักที่จะลืมตาและรูตัว อยูเสมอ แตก็ไมลืมที่จะลองหลับตาและไมตองรูสึกตัวดูบาง
54 | นักเรียนเขียนเรื่อง ฉันเขียน ฉันรูตัววากำลังเขียน…การรูสึกตัววาขณะนี้กำลังทำอะไร ทำไปเพื่ออะไร และผลสำเร็จมีโอกาสเปนไปในทิศทางใดไดบางนั้น เปน สิ่งจำเปน ฉันพยายามประเมินเสียงตอบรับหลังการทำงานเปนกรณีที่ดีที่สุด ไวก่อน เพื่อใหสามารถยืนทรงตัวอยางมั่นคงดวยความมั่นใจได—กรณีนี้คือ การ “ลืมตาและรูตัว” แตในทางกลับกันก็มีบางครั้งที่ฉันสูญเสียความมั่นใจ ไป ฉันเสียเวลาไปมากพอควรกับการจ่อมจมอยูกับความผิดพลาดเสมือน กับนั่งอยูในหลุมลึกที่ไมอาจปนขึ้นมาไดจนกระทั่งพยายามหาลูทางสราง ชุดความคิดที่แปลกใหมขึ้นมาจนไดจึงขอตั้งชื่ออยางคราววา “พลังและ จังหวะ” คำวา “พลัง” คือ ความสามารถที่จะผลักดันงานใหมีคุณภาพจน เรียกไดเต็มปากวา ตัวเราไดทำเต็มที่แลวจริงๆ โดยไดใสความตั้งใจลงไป ทั้งหมดแลว และผลก็นาจะออกมาตามเปาหมายที่เราคาดไวสวนคำวา “จังหวะ” นั้นคือปจจัยภายนอกที ่ควบคุมไม ได อาจเรียกว าเปนสิ ่งที่ คลายคลึงกับโชคชะตาหรือความโชคดีเข้าตาผูประเมินงานเหมือนกุญแจกับ แมกุญแจที่ไขกันไดลงตัว ถึงแมวาตัวเราเองจะรูสึกวาทำออกมาไดไมดีตาม เปาที่วางไวแตถาจังหวะดีผลที่ออกมาก็กลายเปนผลดีไดสองปจจัยนี้ได สวนแบงกันคนละครึ่งในงานของเรา ความไมมั่นใจจะเกิดขึ้นเมื่อบางครั้งฉันคิดไปวางานที่ไดผลตอบรับ ดีไมไดมาจากการใช้พลังอยางเต็มที่ เพียงแค่มีจังหวะดีเทานั้น เรียกง่ายๆ วาฟลุกก็ไดฉันปลีกตัวออกมาสงบจิตใจอันวาวุนพักหนึ่ง พยายามมองวา ถาจังหวะไดรับสวนแบงไปครึ่งตอครึ่ง ทั้งๆ ที่ใช้พลังไปไดไมเทาไหร นั ่นก็ เปนเรื่องที่ดีแลวไมใช่หรือ? ถาไดใช้พลังไปครบทั้งหมดแลว งานคงออกมา โดยมีคุณภาพสูงกวานี้ไดแนนอน สวนในกรณีที่ผลออกมาไมดีเทาที่หวัง ฉัน จะมองวาทั้งพลังและจังหวะนั้นมีโอกาสแปรผันแตกตางกันไป หากใช้พลัง เต็มที่แลวแตจังหวะไมดีผลก็ออกมาไมนาพอใจ หรือหากใช้พลังไมเต็มที่ ซ้ำรายดวยจังหวะที่ไมดีอีก ผลก็จะออกมาไมนาพอใจเช่นกัน—ฉันลอง “หลับตาและไมตองรูสึกตัว” ดูบาง—ทั้งนี้ทั้งนั้นจะบอกวาฉันเอาแตโทษ
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 55 ปจจัยภายนอกก็วาได แตการทำเช่นนี้ก็ช่วยใหฉันค่อยๆ ปรับตัวในจังหวะ ที่สม่ำเสมอยิ่งขึ้น และไมทำใหฉันยอนกลับมากลาวโทษตัวเอง ไมปลอยให ความคิดและจิตใจทุกๆ สวนพากันตีรวนไปทั้งระบบจนอาจจะพังทลายเข้า ในสักวัน ขอใหคิดเพียงวา ไมมีความพยายามใดที่ไรความหมาย ทุกความ พยายาม แมจะรูวาแทบไมมีทางสำเร็จ หรืออาจโดนตลบหลังในทายที่สุดวา ไมมีโอกาสทำสำเร็จตั้งแตแรก แตความพยายามนั้นก็ยังคงมีประโยชนทั้งสิ้น ประสบการณเหลานี้ทำใหฉันเรียนรูที่จะออนโยนกับตัวเองมากขึ้น ตกตะกอน เพื่อมองเห็นในมุมที่กวางขวางและยืดหยุนยิ่งขึ้น โดยเริ่มตระหนักรูวา ตัวเองควรจะตัดขาดสิ่งใดและเก็บสิ่งใดไวกับตัว (3) ในกระบวนการทำงานสรางสรรค์ความทะเยอทะยานในการ ไขวควาตัวตนอยางประนีประนอมเปนเรื่องสำคัญ ความคิดสรางสรรค์หรือคำที่มักจะมาคู่กันคือ ความคิดริเริ่มนั้น เปนสิ่งจำเปนสำหรับการสรางอัตลักษณหรือตัวตนเฉพาะในผลงานที่ไม เหมือนใครโดยที่ยังสามารถดำรงอยูในระบบคุณค่าแบบสังคมสมัยใหมได ถาหากทำไมสำเร็จเสียทีก็มีสิทธิ์ไดรับการแปะปายวา คุณคือมนุษยสามัญ เดินดินทั่วไป หรือถาหากมีความคิดริเริ่มสรางสรรค์ไมมากพอจะหยิบสิ่งใด มาบอกเลาไดเต็มปากวานี่คืออัตลักษณของฉัน ก็จะตองมีไหวพริบในการหา ลูทางไปจับยึดกับความชอบของผูคนที่เข้ามามีปฏิสัมพันธกับตัวตนของเรา ผานงานของเราใหไดอยูหมัด ลองกลับมาทบทวนใหดีถาเราถอดองค์ประกอบ ของตัวตนและผลงานมาพิจารณาดูแลว ทั้งเราและผลงานก็ลวนประกอบ ขึ้นมาจากการหยิบยืมสิ่งที่มีอยูแลวรอบตัวมาปะติดปะตอกันใหเปนรูปราง ทั้งสิ้น หรือเปรียบไดกับการยืนลอมรอบสิ่งที่ตาเห็นกันคนละมุมแลวหยิบยก บางสวนหรือพยายามลอกลายเลียนแบบเอามาเปนของตนเอง อาจจะ
56 | นักเรียนเขียนเรื่อง ตางกันดวยมุมมองแสงที่ตกกระทบทำใหวัตถุพราเลือนไป มุมของดินสอ แรเงาที่ทูไปในทุกๆ การขีดฝนเสน หรือมีบางสิ่งขวางไวทำใหหยิบจับเอามา ไมไดทั้งหมด สิ่งที่ทำใหผูคนและผลงานแตกตางกันจึงยิบยอยและพราเลือน ดวยปจจัยอันนับไมถวน แตก็ไมอาจทาบทับกันไดลงตัวสนิทเด็ดขาด เพราะ หากเปนเช่นนั้นก็อาจเข้าข่ายการลอกเลียนได เมื่อของชิ้นหนึ่งตั้งอยูกับที่ของชิ้นนั้นก็ยังเปนของชิ้นนั้นอยูวันยัง ค่ำ แตเมื่ออยูทามกลางกระแสความคิดและลมหายใจของผูคน ของสิ่งนั้นก็ เกิดมีชีวิตจิตใจขึ้นมา งานเขียนก็เช่นกัน หนากระดาษ น้ำหมึก ตัวอักษร บรรจุดวยลมหายใจของผูคน ฉันสามารถเปนเสมือนพระเจ้าในจักรวาลของ ตัวเองไดจะเนรมิตใหเกิดอะไรขึ้นก็ไดนี่เปนเหตุผลที่ฉันรักการเขียน ไมวา จะตัวอักษรหรือรูปวาด คนอีกมากมายก็คงคิดเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนั้นก็ เกิดมาจากการนำสิ่งที่อยูรอบตัวที่รับรูไดดวยผัสสะมาประกอบและผสมผสาน กัน ตัวฉันประกอบขึ้นมาจากธรรมชาติผสมรวมกับความคิดและความ ตองการที่ซับซ้อนเข้าไปในระดับจิตใจ คือตองการจะเปนที่ยอมรับ ถึงแมจะ เปนจุดเล็กๆ อยูในจักรวาล หากดับสูญไปก็ไม ไดส งผลใหทุกอย างลม ระเนระนาดเหมือนลูกโซ่ บางทีสิ่งสำคัญสำหรับคนที่ยังมีชีวิตอาจอยูที่ความ สามารถในการตั้งคำถามและความทะเยอทะยานอยางรูจักประนีประนอม รวมไปถึงความตองการที่จะผลักดันสิ่งที่มีอยูใหดีขึ้น แตก็ตองรูจักถอยหลัง มามองผลกระทบในโลกที่ทุกอยางเชื่อมโยงถึงกัน และถึงฉันโดยไม มี ข้อยกเวน นี่อาจทำใหเราสามารถประนีประนอมกับตัวเองไดโดยยอมรับวา เปาหมายที่วางไวสามารถเปลี่ยนแปลง ขยับขยาย รวมไปถึงลดความเข้มข้น ลงไดตามสถานการณชีวิต เพราะรางกายคนเรามีอายุขัยสั้นนัก ดังนั้น การถนอมรักษาตัวเอง จึงไมใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร ฉันตั้งใจไววาจะถ ายทอดสวนหนึ่งของ ชีวิตและลมหายใจของตัวเองลงในงานเขียนใหไดมากที่สุด และรูจักผอนผัน
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 57 กับตัวเอง พยายามละวางและปลอยผานชื่อของ เด็กอักษรฯ ที่มาพรอมกับ การแบกรับความคาดหวังหรือความคิดที่ติดตามหลอกหลอนฉันอยูเสมอ เพราะผลที่ไดออกมาก็มีแค่เสมอตัว หรือไมก็ต่ำกวาความคาดหวังเทานั้น ฉันจะพยายามละวางความกังวลตอสายตาที่จับจ้องของคนรอบข้าง และหัน มาใหความสำคัญกับการมองไปข้างหนาใหมากเทาๆ กับที่ยอนมองอดีต แด....ฉันที่ไดสำเร็จการศึกษาจากชั้นเรียนรายวิชาศิลปะการเขียน รอยแก้ว และผานชั้นเรียนอื่นๆ ที่มีการเขียนเปนหัวใจมาอีกมาก แตการเรียนรูกลับไมมีวันสิ้นสุด…
58 | นักเรียนเขียนเรื่อง “บางทีสิ่งสำคัญสำหรับคนที่ยังมีชีวิต อาจอยูที่ความสามารถใน การตั้งคำถามและความทะเยอทะยานอยางรูจักประนีประนอม รวมไปถึงความตองการที่จะผลักดันสิ่งที่มีอยูใหดีขึ้น แตก็ตองรูจักถอยหลังมามองผลกระทบในโลกที่ทุกอยางเชื่อมโยงถึงกัน และถึงฉันโดยไมมีข้อยกเวน นี่อาจทำใหเราสามารถประนีประนอมกับ ตัวเองไดโดยยอมรับวา เปาหมายที่วางไวสามารถเปลี่ยนแปลง ขยับขยาย รวมไปถึงลดความเข้มข้นลงไดตามสถานการณชีวิต” “คู่มือแดฉันที่พยายามจะเปนตัวฉันตอไปเช่นนี้” ของ น้ำทวมเมฆ
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 59 กวาจะเปน คู่มือแด่ฉันที่พยายามจะเป็นตัวฉันต่อไปเช่นนี้ เรานั่งอยูทามกลางความคิดมากมาย พยายามจะตกตะกอนสิ่งที่ไดรับ มาในระหวางทางที่เรียนอยู ที่แนๆ รูแค่วาอยากเขียนอะไรทาทายและอยากได เครื่องช่วยเตือนสติใหตัวเองดวย ในหวงเวลาระหวางการตกตะกอน มีเพื่อน ในชั้นเรียนมาขอคำปรึกษาเรื่องการสรางงาน เราก็แนะนำเขาไปเทาที่จะทำได โดยไมพยายามไปบงการความคิดและนับถือในจุดยืนของเขา สิ่งนี้ทำใหเรา ยอนกลับมาคิดถึงตัวบทที่อาจารยนำมาใหอานในชั้นเรียน จึงไดนำลักษณะงาน เขียนแบบ “คู่มือ” ที่ช่วยไกดแก่นักเขียนวาอะไรควรทำหรือไมควรทำ รวมไปถึง ควรทำอยางไรถึงจะดี (ซึ่งแน นอนวาไมค่อยจะเข้ากับรสนิยมการอานของเรา เทาใดนัก) มาลองพลิกแพลงใหเขียนได “เข้ามือ” มากขึ้น ในงานชิ้นนี้เรา ประมวลความคิดความรูสึกจากกระบวนการทำงานในชิ้นก่อนๆ เอาไวดวย ตั้งใจใหเปนการแนะนำอยางตรงไปตรงมาแตออนโยนใหกับตัวเอง (รวมถึงคุณ นักอานที่ผานมาดวย) งานเขียนในแบบของเราคือการเลือกใช้น้ำเสียงที่เปน การพูดกับตัวเองโดยเลาเรื่องราวของเราไปเรื ่อยๆ จนถึงจุดที่เราสามารถ คลี่คลายปมตางๆ ทั้งในความคิดและจิตใจเพื ่อทำความเข้าใจกระบวนการ ทำงานสรางสรรค์ในแบบของเราไดมากขึ้น หวังวาผูอานจะไดลองสะทอน เรื่องราวของตัวเองในขณะที่ฟงเรื่องของเราไปดวย. น้ำทวมเมฆ นัก(พยายาม)เขียน เขียนเรื่องราวหรือเขียน ภาพวาดก็(เชื่อวา)ทำไดชื่นชอบงานประดิษฐ ของกระจุกกระจิก และกลิ่นหอม
60 | นักเรียนเขียนเรื่อง
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 61 ระหว่างนักเขียนกับนักว ิจารณ์ การประสานไมตร ีที่ยังไม่สําเร็จผล สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร ตีพิมพครั้งแรกในอักษรศาสตรพิจารณ ปที่ ฉบับที่ (ตุลาคม 2516) “นวนิยายเปนงานเขียนในรูปแบบที่ไดรับความนิยมอยางเกรียวกราว และมั่นคงที่สุดในปจจุบัน” ถาใครสักคนจะเอยขึ้นมาดังนี้ก็เห็นที ่จะมีแต เสียงสนับสนุน ข้าพเจ้าเองก็จะสนับสนุนเหมือนกัน เพราะยังไมเห็นมีงานเขียนประเภท ไหนที่จะดึงดูดความสนใจคนอ านไดมากถึงขนาดนวนิยาย ไมเพียงแตอ าน ตัวนวนิยายเทานั้น หากจะมีการอภิปราย การบรรยายเรื่องเกี่ยวกับนวนิยาย ที่ไหน ก็จะมีคนฟงกันหนาแนนเปนพิเศษ รายการขายหนังสือชนิดที่จัดใหมี การเซ็นชื่อผูเขียนเปนที่ระลึก ก็ดูเหมือนมีแตคนขอใหนักเขียนนวนิยายเซ็น กันออกแนนไป จะวาที่จริง งานประเภทนั้นดูเหมือนจะมีแตหนังสือนวนิยาย ขายเกือบจะลวนๆ เสียแหละมาก เมื่อเปนดังนี้ข้าพเจ้าจึงค่อนข้างแปลกใจ เมื่อไปฟงการอภิปรายที่ จัดโดยหอสมุดแหงชาติเมื่อวันที่ 24 กันยายน ศกนี้ในหัวข้อเรื่อง “วิวัฒนาการ ของนวนิยายไทย” ที่วาแปลกใจก็คือ ทานผูอํานวยการกองหอสมุด ไดกลาวนํา รายการวา ทานไดอาน (หรือฟงข้าพเจ้าก็ชักจะจําไมได) วามีคําถามในวง วรรณกรรมตะวันตกวา นวนิยายนั้นกําลังจะถึงจุดจบจริงหรือไม ทั้งๆ ที่นวนิยายเพิ่งมีอายุได150 ปแตนักเขียนนวนิยายก็ชักจะไมมีอะไรเขียนเสียแลว กําลังจะเปนนิยายที่ไม “นว” คือไมใหม แลวนวนิยายไทยซึ่งเพิ่งมีอายุได50
62 | นักเรียนเขียนเรื่อง ปเลา จะถึงจุดจบดวยหรือไม น้ําเสียงของทานผูอํานวยการก็ดูจะเชื่อมั่นวา นวนิยายไทยเห็นจะยังไม “จบ” แน ข้าพเจ้าก็เชื่อวาอยางนั้นเหมือนกัน และ แมตลอดเวลาที่ฟงการอภิปรายก็ยังเชื่ออยู เพราะทานผูอภิปราย อาทิเช่น ดร.วิภา เสนานาญ และ อาจารยชลธิรา กลัดอยู ก็ไดแสดงใหเห็นพัฒนาการ ของนวนิยายเปนลําดับชั้น และยืนยันว า นวนิยายมีพัฒนาการและกําลัง พัฒนาอยูในขณะนี้ตัวอยางเช่น ตะวันตกดิน ของกฤษณา อโศกสิน ก็พัฒนา มาไกลทีเดียวจาก เรือมนุษยของผูเขียนคนเดียวกัน และ สุรัตนารีของ “บุญเหลือ” ก็เปนนวนิยายที ่มีคุณค่าตอแนวคิดของสังคมเปนอยางมาก ข้าพเจ้ากําลังจะเชื่ออยางนั้น ก็พอดีเสถียร จันทิมาธร มาทําใหความเชื่อ คลอนแคลนเสียก่อน โดยกลาววา นักเขียนปจจุบันนี้ยังตกอยูในอิทธิพล สังคมเจ้าขุนมูลนาย มีลักษณะวรรณคดีเก่า เช่น พระเอกยังเปนผูมีความ สามารถพิเศษในเรื่องรัก แตงานการไมค่อยจะไดทํา แมจะเริ่มมีอาชีพตางๆ กันมากมาย แตก็ไมปรากฏวาพระเอกเหลานั้นเคยลงมือทำงานอาชีพที่วา นั้นสักทียิ่งไปกวานั้น เนื้อหาก็ยังติดอยูในกิจกรรมสวนตัวประเภทแยง มรดกเมียนอยเมียหลวงแมผัวลูกสะใภไมรูจักจบจักสิ้น เสถียรเห็นวาผูเขียน ที่พอจะเรียกไดวา ไดแสดงถึงกลุมชนตางๆ ในสังคมใหเห็นชัดอยางนาสนใจ ก็คือ สีฟา ซึ ่งมักจะเขียนถึงบุคคลกลุ มหนึ ่งเสมอๆ คือกลุ มผูดีตกยาก นอกจากนั้นก็เปนกลุมผูดีใหม หรือสามัญชนในปจจุบัน ฟงมาถึงตอนนี้ข้าพเจ้าก็เริ่มไมแนใจในพัฒนาการที่วานั้น เพราะ พิจารณาแลว ก็ออกจะเห็นจริงดวยไมนอย นวนิยายประดาที่ลงพิมพใน นิตยสารตางๆ ในปจจุบันที่ข้าพเจ้าพยายามตามอานอยูนี้พระเอกมีอาชีพ และวัย ตลอดจนคุณวุฒิตางๆ กัน (บางทีอาจจะใหเหมาะกับบุคลิกพระเอก หนังไทยในปจจุบันกระมัง) แตก็ไมค่อยไดเห็นวาพระเอกนั้นทํางานทําการ นอกจากพระเอกตลอดกาลของนักเขียนบางทาน เช่น พระเอกตํารวจของ ปกรณปนเฉลียว พระเอกชาวเหมืองแรของอาจินตปญจพรรค์แตนั่นก็เปน พระเอกเรื่องสั้น ไมใช่นวนิยาย แมแตในนวนิยายของกฤษณา อโศกสิน
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 63 นักเขียนระดับ สปอ. เราก็รูจักพระเอกเฉพาะในบาน ในหองรับแขก ใน หองนอนเสียเปนสวนมาก และกิจกรรมสวนตัวอยางที่เสถียรวา ก็ดูจะขึ้นหนา ขึ้นตาอยูในนวนิยายไทยจริงๆ ดวย แมจะเปนเรื่องผีบางทีก็อุตสาหพันพัว อยูแตกับเมียนอยเมียหลวง หรือมรดกเงินลานประเภทตัวตายแลว วิญญาณ ก็ยังตามหวงวา ลูกหลานหรือทายาทจะใช้มรดกถูกใจผีหรือเปลา(ผีประเภทนี้ คงจะสละสิทธิเรื่องไปผุดไปเกิด) ชูวงศฉายะจินดา ไดแก้แทนนักเขียนทั้งหลายวา กิจกรรมสวนตัว เช ่นเรื่องของความรักนั้นเปนของคู่กับมนุษยถานักเขียนไมเขียนเรื่องของ มนุษยจะไปเขียนเรื่องอะไร ตอนนี้ข้าพเจ้าก็ยังพอจะฟงไดแตชูวงศก็กลับ ทําใหข้าพเจ้ากลายเปนพรรคพวกเสถียรไป เมื่อกลาวแก้วา พระเอกที่เปน ทูต เปนอาจารยเปนข้าราชการนั้น ถามัวจะมาเขียนแสดงบทบาทการ ทํางาน ใครจะอาน ถาอยากอานก็ไปอานหนังสือเรื่องการทูต เรื่องการ ศึกษา หรือคู่มือข้าราชการดีกวา ข้าพเจ้าฟงแลว ก็มองเห็นอนาคตของนวนิยายไทยค่อนข้างจะชัดเจนอยู ประเด็นตอมา ชูวงศบอกวา ไดสํารวจตลาด นวนิยายไทยแลว พบวาในระยะสิบปที่แลว นักเขียนเขียนเรื่องแมผัวลูกสะใภ เรื่องเมียนอยเมียหลวงเกรอจริง แตเดี๋ยวนี้หมดสมัยแลว นักเขียนเลิกเขียน แม ผัวตบตีลูกสะใภแตเขียนวา แม ผัวชวนลูกสะใภไปช็อปปงที่ฮ องกง ตางหาก ฟงมาถึงตรงนี้ข้าพเจ้าก็คอตก รูสึกหมดหวังเกือบจะสิ้นเชิง แตที่ ยังไมสิ้นก็เพราะนึกไดวา ข้าพเจ้ากําลังฟง “นักเขียนคนหนึ่ง” พูด ไมใช่ นักเขียนทั้งหมด และไมใช ่ตัวแทนของนักเขียนทั้งหลาย แมจะเชื ่อว ามี นักเขียนอีกหลายคนนักที่จะตอบอยางนี้ก็ตาม เทาที่เลามานี้ข้อใหญใจความที่อยากจะแสดงความเห็นก็คือ ไมวา จะพยายามอยางไร นักเขียนกับนักวิจารณก็ยังคงยืนกันอยูคนละมุม และ มองออกไปคนละดาน นักเขียนมองงานเขียนของตน (และเพื่อนฝูง) เหมือน แมมองลูก ชั่วดีอยางไรก็รัก ใครจะมาวาอะไรก็อดเข้าข้างไมไดนักวิจารณก็
64 | นักเรียนเขียนเรื่อง มองเหมือนมองลูกของคนอื่น ถาดีมากก็ชมหนอย ธรรมดาๆ ก็ไมตองชม ถามีข้อตําหนิละเปนค่อนขอดกันเลย นักเขียนมักจะสรุปผลงานของตนวา ไดพยายามอยางดีที่สุดแลว ก็นาจะเปนงานที่ดีจะเอายังไงกันอีก นักเขียน ไมใช ่เทวดาจะไดรูไปหมดวา โลกนี้เขามีอะไรกันบาง ฝ ายนักวิจารณก็มอง ในแง ่วา นาจะทําไดดีกวานั้น นาจะเปนอยางนี้ทัศนคติของคนสองฝายจึง ไมตรงกันสักทีเมื่อก่อนนี้ดูเหมือนนักวิจารณจะเปนฝายโจมตีเอาข้างเดียว แตเดี๋ยวนี้นักเขียนบางคนก็ถือโอกาส “ชําแหละ” นักวิจารณเอาไวในงาน เขียนที่ตัวเองเรียกวานวนิยายไดเหมือนกัน (ใครสนใจก็ควรจะลองอานเรื่อง มงกุฎหนาม ดู) เสียแตมีโทสะมากไปนิด เลยไมคมคายและน าเห็นใจ เทาที่ควร การที่นักเขียนและนักวิจารณมองงานเขียนชิ้นเดียวกันไปคนละแง่นี้ ที่จริงก็เปนเรื่องธรรมดาที่สุด และนาจะเปนสิ่งที่ก่อใหเกิดความก้าวหนาใน งานเขียน มากกวาการที่นักวิจารณจะเปนปเปนขลุยกับนักเขียน แตปญหา อยูที่วา ตางฝายไดพยายามเข้าใจสิ่งที่อีกฝายกลาวหรือไมเพียงไร ตัวอยางที่ ข้าพเจ้าเลามายืดยาวคงจะพอเห็นไดวา นักเขียนเกือบไมเข้าใจที่นักวิจารณ พูดเลย จึงไดตอบโตอยางนั้น และหากนักเขียนยังยึดถือแนวความคิดเห็นวา การเปลี่ยนบทบาทเพียงแค่นั้นเปนการพัฒนา นวนิยายไทยก็เห็นจะพลอย “จบ” ตามนวนิยายฝรั่งไปดวยและความประสงค์ของผูจัดการอภิปรายที่หวัง จะประสานไมตรีระหวางนักเขียนกับนักวิจารณก็จะลมเหลวไปพรอมๆ กัน ถาข้าพเจ้าจะจบข้อเขียนลงเพียงเทานี้ก็นาจะถูกกลาวหาวาเปน “พวก” นักวิจารณข้าพเจ้าจึงจำเปนตองบอกไวในที่นี้วา ที่จริงแลวข้าพเจ้า เห็นดวยที ่นักเขียนหนีเรื่องกิจกรรมสวนตัวของมนุษยธรรมดาสามัญไป ไมพน เรื่องรัก เรื่องเกลียด เรื่องแก้แค้นกัน แยงชิงกัน แตประเด็นสำคัญ อยูที่วา ทำอย างไรนักเขียนจึงจะสามารถแสดงกิจกรรมเหลานั้นในแง่มุมที่ ตางกันออกไปเสียบาง ถาจะเขียนเรื่องเมียนอยเมียหลวง ก็ใหเปนเมียนอย
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 65 เมียหลวงที่นาสนใจเหมือนพุดกรองกับวรรณนรีใน น้ำเซาะทราย ใหมีปญหา ในแง่มุมที่แปลกออกไปเสียบาง ไมใช่ชนิดฝายใดฝายหนึ่งเจ้าเลหเจ้ากล นารังเกียจเสียจนกลายเปนนาเบื่อ ข้าพเจ้าเคยอานข้อความจากหนังสือเลม หนึ่ง (ที่เผอิญค้นในตอนนี้ไมพบวาชื่ออะไร) กลาววา เรื่องที่เขียนๆ กันนั้น ความจริงก็ไมมีเรื่องไหนใหมเลย ทุกเรื่องเคยมีคนเขียนกันมาแลวทั้งนั้น แต อยูที่วาใครจะเขียนอยางไร แง่ไหน แสดงออกมาอยางไรตางหาก ถาใครเคย อานเรื่อง ทางโค้ง ของสีฟา และ ทะเลอิ่ม ของสุวรรณีก็จะเห็นไดวาใช้ แนวเรื่องหรือแก่นเรื่องอยางเดียวกัน แตก็ไมซ้ำกันเลย แตละเรื่องก็ยังเปน ตัวของตัวเองอยางสมบูรณและภาคภูมิ นักเขียนนั้น นอกจากจะแข่งขันกับผูเขียนอื่นๆ แลว ยังตองแข่งขัน กับตัวเองอยางขะมักเขมนดวย นักเขียนที่อาจเรียกไดวา “ตายสนิท” เห็นจะ เปนนักเขียนที่หลงเชื่อไปกับคำโฆษณาของนิตยสารหรือสำนักพิมพที่วา “นวนิยายเรื่องยิ่งใหญ ใหมเอี่ยม แนวแปลก เรื่องที่ผูเขียนรักที่สุด” สํานักพิมพ มีสิทธิที่จะแสวงหาผลประโยชนทางการค้า แตนักเขียนไมนาจะชื่นชม ผลประโยชนนั้น มากไปกวาชื่นชมกับความสําเร็จ “อันแทจริง” ของตน. ----------------------------------------- หมายเหตุท้ายเร ื่อง . บทความนี้ตีพิมพครั้งแรกใน อักษรศาสตรพิจารณปที่ 1 ฉบับที่ 5 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2516, หนา 16-19 . รางวัล สปอ. ยอมาจาก องค์การสนธิสัญญาปองกันรวมกันแหงเอเชียตะวันออกเฉียงใต
66 | นักเรียนเขียนเรื่อง “นักเขียนกับนักวิจารณก็ยังคงยืนกันอยูคนละมุม และมองออกไปคนละดาน นักเขียนมองงานเขียนของตน (และเพื่อนฝูง) เหมือนแมมองลูก ชั่วดีอยางไร ก็รัก ใครจะมาวาอะไรก็อดเข้าข้างไมไดนักวิจารณก็มองเหมือนมองลูกของ คนอื่น ถาดีมากก็ชมหนอย ธรรมดาๆ ก็ไมตองชม ถามีข้อตําหนิละเปน ค่อนขอดกันเลย นักเขียนมักจะสรุปผลงานของตนวา ไดพยายามอยางดี ที่สุดแลว ก็นาจะเปนงานที่ดีจะเอายังไงกันอีก นักเขียนไมใช่เทวดาจะได รูไปหมดวา โลกนี้เขามีอะไรกันบาง ฝายนักวิจารณก็มองในแง่วา นาจะทํา ไดดีกวานั้น นาจะเปนอยางนี้ทัศนคติของคนสองฝายจึงไมตรงกันสักที” “ระหวางนักเขียนกับนักวิจารณการประสานไมตรีที่ยังไมสําเร็จผล” ของ สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 67 “การที่นักเขียนและนักวิจารณมองงานเขียนชิ้นเดียวกันไปคนละแง่นี้ ที่จริงก็เปนเรื่องธรรมดาที่สุด และนาจะเปนสิ่งที่ก่อใหเกิดความก้าวหนา ในงานเขียน มากกวาการที่นักวิจารณจะเปนปเปนขลุยกับนักเขียน แตปญหาอยูที่วา ตางฝายไดพยายามเข้าใจสิ่งที่อีกฝายกลาวหรือไมเพียงไร” “ระหวางนักเขียนกับนักวิจารณการประสานไมตรีที่ยังไมสําเร็จผล” ของ สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร ผศ.สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร อดีตอาจารยประจำภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตรจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย เชี่ยวชาญดานวรรณคดีศึกษาและวรรณกรรม วิจารณตลอดจนมานุษยวิทยาวัฒนธรรม
68 | นักเรียนเขียนเรื่อง
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 69 ระยะทางอันห่างใกล้ของ นักเขียน ตัวบท และนักว ิจารณ์ ในจักรวาลอ่าน-คิด-เขียน เรื่อง: น้ำทวมเมฆ และ emma ภาพประกอบ: น้ำทวมเมฆ ในยุคสมัยที่พหุจักรวาลมากมายก่อกำเนิดขึ้นดวยปลายนิ้วของ เหลาผูสรรค์สราง… สถานีโทรทัศนของเราขอยินดีตอนรับผูโดยสารนักอาน นักเขียน นักวิจารณทุกคน เข้าสูการเดินทางดวยระบบจำลองเรือบินอวกาศ ที่ในขณะนี้ กำลังมุงหนาลอดอุโมงค์เชื่อมตอเพื่อเข้าไปเยี่ยมชมละครสั้นจำลองวิถีชีวิต ของผูคนในจักรวาลอาน-คิด-เขียนซึ่งอยูไมใกลไมไกลจากจักรวาลของเรา อาน-คิด-เขียน เปนจักรวาลคู่ขนานอีกหนึ่งแหงในความเปนไปได อันหลากหลายเปนจักรวาลที่ทั้ง “นักเขียน” และ “นักวิจารณ” ที่ดูเหมือน จะอยูกันหางไกลกันคนละฟากฝงของแรงดึงดูดสามารถมาพบกันไดพวก เขาทั้งคู่ถูกดึงดูดเข้าหากันดวยสนามแมเหล็กบางอยางที่เรียกวา “เสียงตอบ รับ” ซึ่งมีแรงดึงดูดมหาศาล และในฐานะที่เปนนักอาน-คิด-เขียนเช่นเดียวกัน พวกเขาก็หมุนโคจรรอบกันและกันโดยมีตัวบทเปนสื่อกลางที่ชักนำใหเข้ามา สำรวจอยางถวนถี่ไปพรอมๆ กับทุกคนที่นั่งอยูในเรือบินอวกาศลำนี้ เอาละ! ทีนี้ขอใหทำตัวตามสบาย ปลอยกายและใจใหไหลไปตาม กระแสลม ดำดิ่งลงสูจักรวาลที่ไรขอบเขต และเพื่อความปลอดภัยในระหวาง การเดินทาง ขอความรวมมือปฏิบัติตามข้อ(ไม)บังคับตางๆ อยาง(ไมตอง)
70 | นักเรียนเขียนเรื่อง เครงครัด(ใหมากนัก) เพื่อปองกันอาการวิงเวียนอันเปนผลข้างเคียงของ แรงหมุนเหวี่ยงและแรงปะทะจากทั้งนักวิจารณและนักเขียนที่เสมือนจริง ทั้ง หนักทั้งเบา หรือเพียงแค่เฉี่ยวแฉลบไมไดชนกันเสียทีเดียว สวมเครื่องจำลองภาพเสมือนใหดีแลวเริ่มการเดินทางกันไดเลย ... ละครสั้นเร ื่องที่ 1 จากคุณ คนละฟากฟา ณ ฟากฝงหนึ่งของแรงดึงดูดแหงรูหนอน นาย A(lien) ตองการซื้อไฟสำหรับถายไลฟสดผานยูทูบ ซึ่งรุนที่ติด ไฟกะพริบสีรุงและมีระบบโฮโลแกรมสงข้อความไปถึงอนาคตนั้นมีขายแค่ที่ กาแล็กซีaproxfa-190 เทานั้น สิ่งที่เปนปญหาใหญที่สุดคือการจ่ายเงิน เพราะรานค้ารับชำระเงินผานระบบสแกนจ่ายเทานั้น ซ้ำรายการสแกนจ่าย ข้ามกาแล็กซีจะทำไดแค่ในเวลา 11:00-16:00 น. และหยุดเสารอาทิตย เหมือนระบบราชการในดินแดนแถวๆ นี้วันที่นาย A ซื้อของตรงกับวันศุกร เวลา 15:45 น. เขาตองใช้ถายไลฟภายในวันพรุงนี้ นาย A: ฮาโหลว สแกนจ่ายไงอะ พนักงานขาย: เห็นไหมครับคุณลูกค้า นาย A: เห็นอะไร พนักงานขาย: คิวอารโค้ดของทางรานครับ นาย A: ไมเห็นอะ พนักงานขาย: นี่ครับ (ชูผานรูหนอน) นาย A: ไมเห็นน!! (⇀‸↼‶) พนักงานขาย: นี่ครับบบ ( ` ω ´ )
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 71 พนักงานขายเอามือแหวกรูหนอนออกเล็กนอย แลวเอามือถือที่มี คิวอารโค้ดจ่อเข้าไปที่กลางรูแตรูก็ยังเบี้ยว จึงสแกนไมติดเสียที นาย A: โอย! มันเบี้ยวไปหมดแลวเนี่ย (ಠ╭╮ಠ) พนักงานขาย: ก็มันเบี้ยวเปนปกติอยูแลวครับ นาย A: แลวใหทำไง รีบอยูนะเนี่ย พนักงานขาย: เดี๊ยวสิครับ ลูกค้าเอามาจ่อใกลๆ สิครับ ทำอยาง นั้นเมื่อไหรมันจะไดอะ จ่อใหใกลเข้ามาอีกครับ ใกลอีก ( ಠ_ಠ ) (ตะโกนคุยกับหลังราน) เออ นี่ก็เข้าใจยากจังเลยพอยอดขมองอิ่ม เรงเอาๆ นาย A: เฮย! นี่เลนนินทากันขนาดนี้เลยเหรอโวย หนอย รานก็ใช่วาจะติดตอง ่าย กวาจะเปดก็ปาไปเกือบ เที่ยง เสียเวลาทำมาหากินกันไปไมรูเทาไหร หยุด ก็บอยซะเหลือเกิ๊นน!!! แลวก็สแกนจ่ายไดอยาง เดียว แถมมีช ่วงเวลาเปนเสนตายอีก อายกลวย กลายไมมีหวีอายคนไมมีใครคบ!!!!!!! แลวก็อีก อยาง ตรูเปนลูกค้านะเฮย ลูกค้าก็เหมือนพระเจ้า เคยไดยินไหม จำสิจำใหขึ้นใจ ฟหากวเำาวกื่หกิ้ adfbnlkl,p# (ノಠ益ಠ)ノ彡┻━┻ พนักงานขาย: อายกลวยกลาย...อะไรนะ นี่ดากันหยาบคายเลย เหรอ ลูกเพ ลวกเพอยูไหน มาดูอายนี่หนอยยย มันดารานเราขนาดนี้ไมเปดขายเองเลาเวย อาย ซากชานออยไฮโดรโปนิกสเอย
72 | นักเรียนเขียนเรื่อง ヽ(#゚Д゚)ノ┌ นี่เปนเพียงบทสนทนาผานรูหนอนที่อยูหางไกลกันสามลานปแสง ทั้งสองคนไมไดลงไมลงมือใสกันแตอยางใด ตางคนตางมุงหนาพุงเข้าชนกันตูมตาม ไมมีใครยอมออนข้อ ทาง เราจึงขอเสนอไอเทมเพื่อลดแรงปะทะใหเบาบางลง นั่นก็คื้ออออออ “ซิมส่งสายใย ตู๊ด... ตู๊ด ...เชื่อมกาแล็กซี” ให้นาย A คุณลูกค้า คุณเคยประสบปญหาการโอนข้ามกาแล็กซีหรือไม ถาตองนั่งยาน ไปถึงธนาคารกลางจักรวาลก็ไกลเกินไปสินะ ลองใช้ซิมนี้เพื่อสงสัญญาณ ข้ามกาแล็กซีดูสิโอนเงินได24 ชั่วโมง ไมตองเสียค่าธรรมเนียม ไมตอง ดอมๆ มองๆ เล็งเปาหมายเวลาสแกนข้ามจักรวาล จ่อปุบ ไดปบ ฉับไว! คุณลูกค้าคนไหนที่เปนสายช็อป ใจมันเร็ว ใจมันดวน มันอยากไดของไวๆ อยาลืมใช้ซิมสงสายใย ตูด...ตูด...เชื่อมกาแล็กซีซีซี “ลูกอมนํ้าผึ้งพระจันทร์เสียงหวาน ยี่ห้อ ฮู้!” ให้พนักงานขายแห่งกาแล็กซีaproxfa-190 ลูกอมสกัดออกมาจากน้ำผึ้งพระจันทรเดือนหา คั้นมาสดๆ จากผล เอย! จากดาวเลยนะจ๊ะ ช ่วยใหคนกินพูดเสียงหวานฉ่ำ ทั้งนารักทั้งนาหลง ประหนึ่งยอดฮัก สลากจรุย ใครกำลังเถียงกันไฟลุกไฟแลบอยูก็แค่ปาเข้า ปากไปเลยย จักรวาลจะไดผอนความรอนแรงลง พอค้าแมขายคนไหนไป ขายของก็พกติดตัวไวรับรองลูกค้าเคลิบเคลิ้ม แสงพุงออกหูติดใจยกเค้า เฮย! เหมายกรานแนนอน!
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 73 เห็นสถานการณแบบนี้แลวคุ้นๆ กันใช่ไหม จากเรื่องเลาของคุณ คนละฟากฟา เราอาจสามารถเทียบเคียงไดวา ตัวละครลูกค้าคือนักวิจารณ สวนคนขายก็คือนักเขียน การที่นักเขียนเสนอผลงานแลวนักวิจารณไมถูกใจ ก็สามารถวิจารณติชมกันไดเปนเรื่องปกติธรรมดา แตอย างไรก็ตาม หาก เกิดการปะทะรุนแรงจนเกินไปเพราะฝงหนึ่งใจเร็ว ดุดัน อีกฝงก็รอนแรง ไฟลุกจนเหมือนไฟกับน้ำมัน อย างนี้คงหนีไมพนการประสานงากันเหมือน รถพิกอัปสองคันพุงมาอยางเร็วแน แลวจะรูเรื่องไหมละเนี่ย!!! ในชีวิตจริง การจะติดตอสื่อสารกับใคร ถาตางคนตางทำใหสถานการณ ตึงเครียดขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ไมนาจะพาไปสูจุดที่พูดคุยกันไดรูเรื่อง การลอง โอนออนคนละครึ่งทาง ทองเอาไวใจเขาใจเรา ใจเขาใจเรา ก็เปนเหมือน ยันตกันหัวรอน และมีสวนช ่วยใหทั้งสองไดจบเรื่องราวลงโดยขัดข้องใจกัน นอยที่สุด ... ละครสั้นเร ื่องที่ 2 จากคุณ เอเลี่ยนยักษใตก้นทะเลอันอบอุน ณ ดาว #lol99za วิทยาลัยฝกพยัคฆ์รายสายลับระดับมือพระกาฬที ่ตั้งอยูบนดาว #lol99za กำลังดำเนินโครงการเลียนแบบสิ่งมีชีวิตเพื่อแฝงตัวเข้าไปเก็บ ข้อมูลพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะหสีน้ำเงิน สายลับทุกคนจะตอง ผ านบททดสอบการดำรงชีวิตในเมืองที่รอนระอุที่สุดบนดาวเคราะหที่ชื่อ ขึ้นตนดวยสระโอ ลงทายดวยก.ไก่ยณ เมืองบางเกียก ไมวาจะเปนการนั่ง ยานลำเล็กจิ๋วบนฟุตพาทขรุขระ การฝกอยูกับน้ำทวมดาวเปนปๆ โดยเฉพาะ การออกแบบทรงผม ติดวิกผม ตัดเสื้อผา พูดจาใหกลมกลืนนั้นเปนสิ่งจำเปน มากที่สุด สถานการณดังตอไปนี้คือปญหาที่พบไดในวิชาการเลียนแบบ 101
74 | นักเรียนเขียนเรื่อง ซึ่งเปนที่ร่ำลือวาอาจารยมักจะใหฟดแบ็กนิสิตอยางเผ็ดรอน อาจารย: นี่มันซากอะไร นิสิต: วิกผมค่ะ อาจารย: แลวทำไมมันหลุดออกจากหัว ผมก็พูดย้ำๆ แลว ใช่ไหมวาใหใช้กาวอะไร!!! สปชีสเรามันหัวลาน!!!!!! ヽ(`Д´)ノ นิสิต: หนูหาซื้อกาวตรามาน้ำไมทันค่ะ ก็เลย…เลยใช้ กาวตราวัวไปก่อน อาจารย: ไอกาวตราวัวมันใช้ไดที่ไหน!! ใครสั่งใครสอนให ค ุณใช้!!!!! ผมจำไดว าไม เคยพูดถึงกาวนั่น สักครั้ง!!!!!!!!! นิสิต: ก็ที่อาจารยเคยพูดถึงตอนคาบแรกไงคะ ตอนที่ ทำสอนทำแบบจำลองหองอาบน้ำรวมแบบ โรมาเนเชี่ย อาจารย: โรมาเนเชี่ยน!!!!!!!! เอาละ ผมวาคุณไมไดฟง จริงๆ ดวย ไม ใช ่ว าผมอยากมาจ้ำจี้จำไชคุณ หรอกนะ แตคุณควรจะถามเวลาไมเข้าใจ ตอน อยูในหอง คุณไมเคยถาม ทำไมครับนิสิต ทำไม!!!!!!! นิสิต: หนูหนูฟงมาตลอดค่ะ แตหนูไมกลาถาม แลว หนูก็ตก น.หนูแค่ตัวเดียว ทำไมกันคะอาจารย…
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 75 อาจารย: แมแตตัวเดียวก็ไมได!!!!! เราตองมีความรูความ เข้าใจอยางแทจริง เวลาเราจะอางถึงชื่อเฉพาะ อะไรสักอยาง ไมอยางนั้นเกรดของคุณคงไมพนซี บวกหรอกนิสิต ไปคิดมาใหมใหหมด ก่อนที่ผม จะใหคุณไปรื้อโปรเจกตใหมทั้งหมดเพราะมันใช้ ไมได!!!!!! นิสิต: ทำไมอาจารยตองพูดขนาดนั้นดวย ไม ไม ไมคิด วามันทำรายจิตใจไปหนอยเหรอคะ…รูรูไหมวา หนูตองใช้เวลาทำนานแค่ไหน หนูจะไมยอมให ใครมาดางานหนูอีกแลว ฮึกๆ ฮือๆ ୧(´Д` )୨ อาจารย: ก็งานคุณมันใช้ไมไดทาสีผิวยังไมสม่ำเสมอกัน เหมือนถนนยางมะตูมแถวบานใครก็ไมรูคุณตอง รับใหไดนะเวลาผมวิจารณเพราะมันเปนความ จริง อยาพยายามทำใหผมตอง sugarcoat คำ วิจารณจากใจของตัวเอง มันเฟค!!!! เอาแตหลบ อยูใน safe zone มันใช้ไมได!!!! นิสิต: อาจารย!!!! (รองไหออกเสียง) ฝายหนึ่งก็เดือดปุดๆ สวนอีกฝายก็ไดแตก้มหนางุดๆ เดินหนา สามสิบก้าว ถอยหลังอีกสามสิบก้าว เมื่อไหรจะไดมาเจอกัน ทางเราจึงขอ เสนอไอเทมที่จะเข้ามาเปนตัวช่วยสำหรับสถานการณนี้นั่นก็คื้ออออ
76 | นักเรียนเขียนเรื่อง “นํ้าเก๊กฮวยเย็น-ใจ” ให้อาจารย์ที่เคารพ เก๊กฮวยไหมคะ เก๊กฮวยเย็นๆ ชื่นนนนใจ~ กินแลวสมองแจ่มใส ดวงหทัยออนโยนลงทุกขณะจิต จากหัวรอนไฟลุกก็จะคูลดาวนลง สบายๆ ไมรีบรอนกับชีวิตจนเหนื่อยลา เปดอกเปดใจรับฟงคนรอบข้างมากขึ้น ใครมี บุพการีหรือมีครูอาจารยที ่เข้มงวดมากๆ ลองเอาไปฝากเปนของกำนัล สำหรับดับรอนไดนะจ๊ะ แช ่เย็นแลวยิ่งเย็นชื่นใจสมชื่อ เก๊กฮวย เย็น!!! ใจ!! เพราะกินแลวสมองใส ออนโยนนน~ “เสื้อชูชีพหลบภัยจานด่วน” ให้นิสิตผู้น่ารัก เคยเปนไหม เวลานำเสนองานที่ออฟฟศ หรือพรีเซนตธีสิสให อาจารยแตกลับเจอคอมเมนตสับเละสับแหลก ตัวเราก็ใจบางเสียดวยสิ ทำยังไงดีละทีนี้ถาหากอยากไดเครื่องลดแรงกระแทกแบบทันใจ รับไป! เสื้อ ชูชีพหลบภัยแบบจานดวน รุนมีหวงยางในตัว จานดวนที่วานี้คือสามารถพับ เก็บใสกระเปาเสื้อไดจะหยิบออกมากางตอนไหนก็ไดถาเกิดตึกไหนมีสระ วายน้ำอยูข้างลาง ก็กระโดดลงสระไปลอยหวงยาง ดื่มน้ำสมคั้นเย็นๆ สัก แก้ว หรือถาใครไมอยากกระโดดหนีพยายามจะไฝวตอ เราก็มีโหมดลองหน ใหผูใช้งานใสเพิ่มความมั่นใจไดทันทีแถมมีระบบทำความเย็นในตัวและ กลิ่นหอมไวสูดดมแก้วิงเวียนดวยนะ! สถานการณเช ่นนี้คงเปนที่คุ้นเคยมากสำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะ วัยรุนวัยเรียนทั้งหลายแก้งานไปแลวครั้งที่เทาไหรก็จำไมไดอาจารยก็บอก ไมผานเสียทีเช่นเดียวกับเหลานักเขียนที่ก็คงเจอปญหาแบบเดียวกันมาไมนอย ตองเผชิญความกดดันจากทั้งสำนักพิมพผูอาน โดยเฉพาะนักวิจารณที่พากัน บอกวาไมผาน ไมใช่ ไมโดน คนเราพอโดนพูดเพียงสวนติมากๆ เข้า ก็ตองมี
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 77 ใจฝอบางเปนธรรมดา ตัวนักวิจารณก็พูดตรงเกิ๊นจนแทงหัวใจเปนรูจะ ดีกวาไหม ถาเราปรับเปลี่ยนอะไรกันคนละอย าง คนหนึ่งลดความตรงพุง แรงลงบาง พยายามหาจุดที่เปนข้อที่นาชื่นชมของอีกฝายใหเจอ สวนอีกคน ก็เพิ่มความหนักแนนในจุดยืน ใหจิตใจมั่นคงยิ่งขึ้น จะเปนการช ่วยเสริม กำลังใจ ลดความตึงเครียดของทั้งสองลงไดดีทีเดียว ... ละครสั้นเร ื่องที่ 3 จากคุณ สุเทพไดแรงชม ณ ดาวเคราะหสีน้ำเงิน สุเทพทำงานเปนเลขานุการในบริษัทไมเล็กไมใหญแหงหนึ่ง เจ้านาย ของเขาเปนคนเอาแตใจมากถึงมากที ่สุด ดวยความที่สุเทพเองก็เปนคน ขี้เกรงใจเลยมักจะใหฟดแบ็กที่เปนเชิงบวกอยูเสมอ จนเริ่มสังเกตไดวาผล ประกอบการของบริษัทลดลง สุเทพ: เออ เจ้านายครับ เจ้านาย: วาไงสุเทพ! สุเทพ: เออ ป เปลาครับ เจ้านาย: อยาอ้ำๆ อึ้งๆ ชักฉุนแลวนะ ψ(▼へ▼メ)~→ สุเทพ: ออ ม ไมมีอะไรครับ คือลูกค้าคอมเพลนวาเดือ– เจ้านาย: เอาพูดมาเร็วๆ สุเทพ: ลูกค้าบอกวาเดือนนี้ไมค่อยพอใจกั--- เจ้านาย: ไมพอใจกับอะไร!!! สุเทพ: ก ก กับ ก ก การใช้โซเชียลมีเดีย ท ท ที่
78 | นักเรียนเขียนเรื่อง เจ้านาย: ที่อะไร!!! สุเทพ: ท ที่ ถี่เกิ— เออ ผมหมายถึง เจ้านาย: หมายถึงอะไร!!!!!! สุเทพ: ถี่เกินไป จนขึ้นทุกแพลตฟอรม จ จน ลูกค้า เออ เจ้านาย: หืมมม สุเทพ: จ จนลูกค้าซื้อไมหวาดไมไหวเลยครับ แหะๆ อ เออ วันนี้เนคไทสวยมากครับ อ เออ สนใจวุน กรุบกรอบสักชิ้นไหมครับ (〃>_<;〃) อยากสื่อสารความในใจที่มีมากมายเปนหมื่นลานคำออกไปใหเธอ คนนั้น (ที่หวังวาจะใจเย็นลงเสียหนอย) ไดรับรูแตจะพูดทีไรใจก็สั่นทุกที ไมรูวาเปนเพราะกาแฟหรือแกยังไมกลาพอ ตองใช้ไอเทมเหลานี้เลย นั ่นก็ คื้อออออ “วุ้นหัวยืดเด้งดึ๋งดั๋ง” ให้เจ้านายสุดเฮี้ยน เอ้ย เฮี้ยบ! วุนหัวยืด ช่วยยืดดดด (ขยาย) ทัศนคติใหยืดหยุ นยิ ่งขึ้น เหมาะ สำหรับใครก็ตามที่พรอมจะปดตกสิ่งที่คุณนำเสนอ ทำยังไง้ยังไงก็ยังไมมีอะไร ที่เข้าตาตองใจเสียทีนอกจากจะทำใหเปดใจพรอมรับข้อเสนอตั่งตางยิ่งขึ้น แลว ยังช ่วยจัดระบบลมปราณของชาวจักรวาลใหสมดุลอีกดวยนะวุนหัวยืด เดงดึ๋งดั๋งมีทั้งรสปอกกาแลต สะตอและเบอรรี่ วนาลีวนิลา ชาดาดาดำ และรส ขายดีสุดๆ ประจำเดือนนี้ก็คือเจลประคบเย็นสีฟาสดใสนั่นเอง เอง เอง
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 79 “ว ิตามินซีสร้างกําลังใจรสเผ็ดจี๊ด” ให้สุเทพพนักงานปากหวานที่หนึ่ง วิตามินซีตัวนี้จะช่วยคุณๆ ทั้งหลายที่ตองมาปวดเฮดเพราะคนคน นั้นไมเข้าใจ!! และตัวคุณเองก็ดันขี้เกรงใจซะจนไมกลาทักทวง หรือแมแต หายใจฟดฟดขัดเขาสักเฮือกสองเฮือกก็ยังไมกลา เฮอ! อยางนี้ตองลอง วิตามินซีสรางกำลังใจรสเผ็ดจี๊ดซะแลว หัวจะไวขึ้น ปากจะวองขึ้น แถมซื้อ ภายในเดือนนี้มีรสลิมิติดอิดิชัน คือ รสภูเขาไฟลาวาดวยนะจ๊ะ กินแลวเผ็ด รอน ไฟออกปาก (ออกปากจริงๆ) หัวไฟลุกเหมือนหลอดไฟ (แตไมหัวรอน) มีเอเนอรจีพุงเต็มหลอด! สถานการณเช ่นนี้อาจเทียบเคียงตัวละครสมมุติคุณสุเทพไดกับ ผูวิจารณที่เปนสายประนีประนอม ไมเนนปะฉะดะ สับแหลก แถมเกรงวา คำพูดของตนแมเพียงนอยนิดจะเข้าไปกระทบจิตใจอีกฝายไดขยับตัวไปทาง ไหนก็ช่างนาอึดอัด การที่เราอยากวิจารณแตนักเขียน (บางคน) ไมไดพรอม จะรับฟงความเห็นของนักวิจารณในหลายๆ มิติก็สงผลใหการวิจารณงาน เปนไปไดไมเต็มที่ตามสิ่งที่ตองการจะสื่อสารเทาใดนัก วิธีประสานความ สัมพันธใหลงตัวนั้นจะเปนสิ่งใดไปไมไดนอกจากเพิ่มความเปดกวาง ละวาง ความปดกั้น และอีกฝงหนึ่งก็ควรจะตองลองลดดีกรีความเกรงใจลง พูด ตรงไปตรงมาดวยความคำนึงถึงจิตใจอีกฝายควบคู่กันไปดวยละ ... ละครสั้นเร ื่องที่ 4 จาก คุณ ดวงตาคือหนาของหัวจัย <3 ณ สุดปลายทางของทางช้างเผือก ในวันหนึ่ง นาย C(osmic) นักบินอวกาศแหงจักรวาลไดพบผูหญิง คนหนึ่งซึ่งเปนเพื่อนรวมหมูบานแคปซูลอวกาศของเขา เธอกำลังใช้เครื่อง-
80 | นักเรียนเขียนเรื่อง ช่วยพับเพื่อพับกระดาษยาวถึงสิบแปดปแสง ขณะที่เธอกำลังทากาวติด กระดาษใหทอดยาวเปนสะพานพาดระหวางดาวสองดวง นาย C เห็นดังนั้น จึงรีบเข้าไปซักถามรายละเอียดที่มาที่ไปของการกระทำนี้เพราะเห็นวาใช้ กระดาษสิ้นเปลืองมาก นี่คือการทำรายระบบนิเวศจักรวาลชัดๆ ! นาย C: นี่คุณกำลังทำอะไร นาง D: จิตอาสาค่ะ ทำความดีช่วยเหลือสังคม (^▽^) นาย C: อยางไรครับ? นี่ใช้กระดาษเปลืองมากนะ จะกลายเปน ขยะอวกาศเสียเปลา นาง D: เดี๋ยวสิคะ คุณยังไมรูเลยนะคะวาเดี๊ยนกำลังจะทำอะไร (✧ω✧) นาย C: ไมทราบครับ ไดโปรดช่วยขยายความที นาง D: เดี๊ยนอยากทำทางเดินเทาใหกับชาวจักรวาลที่รักค่ะ (◕‿◕) ทีนี้ทุกคนก็จะมีทางเทาใช้โดยไมตองขับยาน ใหเปลืองเชื้อเพลิงนะคะ นาย C: เดี๋ยวก่อนนะครับ คุณอาจจะยังไมทราบวายานรุนใหม เปลี่ยนมาใช้ระบบไฟฟาแลวนะครับ เพราะฉะนั้น เรื่อง น้ำมันนี่ไมใช่เรื่องที่นากังวลเลย แตการที่คุณเอากระดาษ มาตัดไปเรื่อยซ้อนๆ รวมกันหลายชั้นมันยิ่งกวาสิ้นเปลือง อีกครับ นาง D: แลวคุณทราบไดอยางไรคะวายานทุกลำใช้พลังงาน ไฟฟาจริง ( ̄ω ̄) นาย C: (゜д゜)
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 81 แมจะพุงเข้าประเด็นดวยความนุมนวลแตเหมือนอีกฝายจะเบี่ยง หลบไปไดอยางไหลลื่น แลวอีกกี่ปแสงกัน ที่ทั้งสองจะคุยกันรูเรื่องนะโปรด รับไอเทมเหลานี้ไปเพื่อไมใหเปนการปวดเศียรเวียนเกลา เลี้ยวเฉี่ยวแฉลบ กันไปมา นั่นก็คื้ออออ “Glasses of Eloominaty แว่นตาสว่างไสว” ให้คุณนักบินอวกาศแห่งจักรวาลผู้สู้ชีว ิต แวนตาสวางไสวนี้จะช่วยใหคุณและคู่สนทนาปรองดองกันมากขึ้น เพราะแวนอีลูมมิเนตี้มีคุณสมบัติช่วยคุณใหมองมุมกลับ ปรับมุมมองใหคุณ คุณ และคุณเข้าใจกันมากขึ้น พอจูนติดแลวก็เหมือนไดเข้าไปนั่งในใจของกัน และกันเลยละ แถมรุนนี้ยังมีฟงก์ชันพิเศษ โฮโลแกรมเลเซอรบีม-บีม ฟลเตอรที่แตงหนาใหคุณตามใจชอบ จะเปนหมีหมานอย หรือจะฝงเพชร ระยิบระยับทั่วหนาก็ไดเหมือนกับแอปอินสตาปลากริม(ไข่เตา)เลยละ “พรมเช็ดเท้าแผ่นดินไหวจําลอง” ให้ผู้บําเพ็ญจิตอาสาที่สู้กลับ เมื่อคนรูจักเริ่มพูดจาฟุงๆ เหมือนอยูในทุงหญาสีทอง เชื่อมั่นในสิ่ง ที่คิดโดยปราศจากข้อมูลและการคิดวิเคราะหมากพอ พอเตือนก็ไมรับรูไม รับฟง ถาคุณอับจนหนทางจะปราม เราขอเสนอใหนำพรมเช็ดเทา แผนดินไหวจำลองไปตั้งไวตรงทางออกบานของเขา/เธอ พอก้าวออกมาปุบ ฟงก์ชันแผนดินไหวร็อกแอนดโรลเขยาสติประสานขวัญใหเข้าที่เข้าทางเพื่อ จัดระเบียบรางกายและสติจะเปดใช้งานทันทีขอรับรองวาคนรูจักของคุณจะ พรอมเปดใจรับข้อมูลใหมๆ มากขึ้นโดยไมหลบซิกแซ็กซ้ายขวาแนนอน
82 | นักเรียนเขียนเรื่อง ลองเทียบเคียงกับการเขียนงานดูงานเขียนบางชิ้นตอใหเขียนขึ้นมา ดวยเจตนาหวังดีที่จะทำใหโลกนี้เปนมิตรกับทุกคนมากขึ้น แตหากจะนำงาน เขียนชิ้นนั้นมาเปนสื่อชี้นำสังคมก็ยังคงตองการการวิจารณทั้งมาช่วยติชม เพื่อปรับแก้หรือมาช่วยใหคิดลึกๆ มองใหรอบดานมากพอ แตเรื่องของ เรื่องก็คือนักเขียน (บางคน) ที่ตั้งใจเขียนงานออกมามากๆ เกิดนั่งยันนอนยัน ไมรับฟง ไมอยากแก้ไขอะไรที่เชื่อทั้งสิ้น พรอมทั้งหาทางบายเบี่ยงหลบเลี่ยง คำวิจารณเสียดวย พอมาปะกับนักวิจารณอยางนาย C ที่เปนคนเถรตรงชนิด ที่ถาโดนวาทีคงมีหนาซีด (แตทำเพราะหวังดีลวนๆ) แลว ก็คงไมมีวันพูดคุย กันรูเรื่องแนๆ เราอยากขอใหทั้งคู่สูดหายใจเข้าเต็มปอด นั่งมองหนากันสัก พัก ตั้งตนบนฐานแหงความเข้าใจวา ไม ใช ่ทุกคนจะเข้าใจเจตนาหรือ ประเด็นหลักของเรา แลวค่อยๆ รวมกันคลายปมหรือถกเถียงเรื่องที่ตองการ จะสื่อสารไปทีละสวนๆ … ละครสั้นเร ื่องที่ 5 จาก คุณ ไพรัณชอบกินผลไมค่ะ ชอบกินกลวย กินแตงโมค่ะ ณ ตลาดนัดเทศบาลดาวหางดง พอค้าผลไมคนหนึ่งกำลังประสบปญหาทางการสื่อสารกับลูกค้าคน หนึ่งอยางหนัก เพราะลูกค้าใช้คำที่ไมมีใครบนดาว omegaxxx ใช้กันเลย แมเปนที่นาหนักอกหนักใจประมาณหนึ่ง แตพอค้าก็จะตองพยายามทำใจ ใหบริการ พอค้า: รับอะไรดีครับ ลูกค้า: ผลอุลิดเนอ พอค้า: วาไงนะครับ
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 83 ลูกค้า: ผลอุลิดเนอ พอค้า: ผลอุลิดเนอ? ลูกค้า: ผลอุลิดเฉยๆ เนอ พอค้า: ผลอุล... ออ เข้าใจละเนอ เอย ครับ ลูกค้า: ఠ_ఠ พอค้า: ตองขอโทษดวยครับ ทางเรามีแค่กลวย สม มะละกอ แตงโม ครับ เพราะไพรัณชอบกินผลไมครับ ลูกค้า: ไพรัณนี่ใครเนอ พอค้า: ไมบอกครับ สรุปวาสนใจรับเปนผลไมอะไรดีครับ ลูกค้า: ผลอุลิดเนอ พอค้า: ฮะ???? ఠ_ఠ ลูกค้า: ผ ล อุ ลิด เ น อ ఠ_ఠ พอค้า: ไมมีครับ ลูกค้า: ขายผลไมแตไมมีอุลิด ขายไดไงเนี่ย หลอกกันปาวเนอ (ㆆ_ㆆ) รานตกแตงซะสวยอยางงี้ไมนาหลอกหรอกมั้ง เนอ อือๆ แตทำไมไมมีอุลิด ผมคิดวาคุณปรับปรุงหนอยก็ ดีเนอ เข้าใจกันใช่มั้ย ไมไดเรื่องมากเนอ หรือวาผมควรซื้อ อุลิดมาลงใหคุณดีแตคุณคงนึกไมออกใช่มั้ย วาซื้อไดจาก ที่ไหน ใช่มั้ยเนอ ( ❛͡⏥ ❛͡)
84 | นักเรียนเขียนเรื่อง พอค้า : เนออะไรกันเลาครับ (ㆆ_ㆆ) (โวยยยยยยยย) ถึงจะพูดคุยภาษาเดียวกัน แตก็ใช่วาจะเข้าใจกันเสียทั้งหมด เราขอ สงทายเพื่อแก้อาการมึนงงโยกเยก น้ำทวมบางเกียก จ๋อเจี๊ยกลอยคอ ดวยไอเทมเหลานี้นั่นก็คื้อออออ “แอร์พอดคลื่นไมโครเวฟพ่วงฟังก์ชัน ASMR” ให้พ่อค้าผู้หนักอก คุณเคยประสบปญหาเวลาพูดกับใครสักคนแลวพบวาเขาพูดไมรู เรื่อง (หรือคุณฟงยังไง้ก็ไมเข้าใจ) สักทีไหม บางทีอาจจะเปนเพราะวาเรา พูดกันคนละภาษายอยอยูหรือเปลานะ ยิ่งถาเปนจักรวาลอาน-คิด-เขียนของ เรานะ ก็ยิ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง คุณอาจจะไมรูตัววากำลังพูด กับแมมดบาบะยากู๋อยูก็เปนไดเราจึงขอนำเสนอแอรพอดคลื่นไมโครเวฟ พวงระบบเสียง ASMR ที่จะช่วยปรับจูนภาษาใหทั้งสองฝายเข้าใจตรงกัน ดวยกระบวนการแปลที่มีประสิทธิภาพสูง แมนยำถึง 99.999% ทั้งยังมี โหมดระบบเสียง ASMR เพื่อใหการสื่อสารเปนไปอยางสมูท ไมกระโชกโฮกฮาก นุมละมุนเหมือนเอาน้ำผึ้งพระจันทรหยอดรูหู “ยาแก้เมาพายุสุร ิยะ” ให้ลูกค้าผู้หนักใจ ยาชนิดนี้ช่วยแก้อาการคลื่นเหียน วิงเวียนศีรษะจากพายุสุริยะที่พัด โหมกระหน่ำอยูในหวงความคิด อาการหูตามัว เบลอๆ มึนๆ พูดไมรูเรื่อง พูดกับเพื่อน เพื่อนก็ขมวดคิ้ว พูดกับแม แมก็เวียนหัวตาม อาการเหลานี้จะ หายไป แสงสวางวาบพรอมเสียงปลุกใหตื่นเต็มตาจะเข้ามาแทนที่ แค่ใช้ยา แก้เมาขวดนี้เทานั้น นั้น นั้น
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 85 ในทุกวงสังคมที่มีการติดตอสื่อสาร ถึงจะพูดคุยภาษาเดียวกัน แตก็ ใช่วาจะสื่อความหมายออกมาไดครบถวน หรือเข้าใจความหมายเดียวกันได อยางแทจริง ยิ่งคำวิจารณที่ผูคนมักจะไมไดนับวาเปนพลังเชิงบวกใหกับ นักเขียนเทาใดนัก หนำซ้ำยังอาจทำใหนักเขียนไมเข้าใจเจตนาของคุณดวย วา คุณจะชม จะติหรือจะเอาอยางไรกับเขากันแนนะ เหมือนที่พอค้าผลไม สับสนในตัวลูกค้าช่างวิจารณของเขา อยางไรก็ตาม คุณนักเขียนก็ตองใจเย็นๆ นะ ค่อยๆ ฟง ค่อยๆ พูด จะไดรูเรื่อง สวนคุณนักวิจารณก็ลองปรับเปลี่ยนวิธีการสื่อสารใหเปนแบบที่ สามารถเข้าใจ--เข้าถึงไดโดยยอยสารใหง่ายและสื่อสารใหตรงประเด็นมาก ขึ้น เปดช่องใหคุณนักเขียนไดเข้าใจตรงกันเพื่อที่จะสามารถแสดงความเห็น ไปพรอมกัน ใหเปนไปแบบถอยทีถอยอาศัย ก็คงดีไมนอยเลยนะ … ทายที่สุดแลวบทละครสั้นในจักรวาลอาน-คิด-เขียนที่เกิดเหตุการณ ตางๆ ขึ้นมากมายก็อาจไมไดแตกตางไปจากจักรวาลที่เราอยูเลยใช่ไหมละ ทั้งสองจักรวาลสองสะทอนซ้อนทับกันไดอยางลงตัว มีผูคนหลากหลาย ประเภทที่มาใช้ชีวิต พบกัน แยกจาก และอาจกลับมาพบกันใหมอีกครั้ง ตัวเราทุกคนที ่ดำรงอยู ณ ขณะนี้ก็เปนเพียงส วนหนึ ่งในอีกหลายลาน พหุจักรวาลแหงความคิดที่เปนไปไดอยางไรที่สิ้นสุด หมดเวลาออกอากาศละครทางสถานีโทรทัศนของพวกเราแลว จึง ขอสงทายการเดินทางไวเพียงเทานี้…พวกเราหวังเปนอยางยิ่งวาจะสามารถ จุดประกายใหแก่นักอาน-คิด-เขียน โดยเฉพาะนักเขียนและนักวิจารณมา ลองขบคิด ชั ่งน้ำหนักความคิดความอ านก่อนจะสื ่อสารสิ ่งใดออกมาดู เพราะทั้งตัวบทและคำวิจารณนั้นไมใช่ที่สิ้นสุด และจะไมมีทางสิ้นสุดลง
86 | นักเรียนเขียนเรื่อง ตราบเทาที่ผูคนยังคงดำรงอยูในจักรวาลแหงนี้ที่ซึ่งการปะทะกันอยางไมยอม ยับยั้งหรือปรับระดับความคิดใหสอดคลองเหมาะสมกันของทั้งสองฝาย ยอมก่อใหเกิดความเสียหายฝงลึกอยูในจิตใจดวยกันทั้งสิ้น เราหวังวาทุกคน จะไดพบหนทางที่จะตั้งรับและรับมือไดไมมากก็นอย เมื่อนักเขียนและ นักวิจารณไดโคจรมาพบกันอีกครั้ง จักรวาลอาน-คิด-เขียนยังคงตอนรับการกลับมาเยี ่ยมเยียนของ ทุกคนเพื่อพูดคุย-ถก-เขียนกันอยูเสมอ :).
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 87 ระยะทางอันห่างใกล้ของ นักเขียน ตัวบท และนักว ิจารณ์ ในจักรวาลอ่าน-คิด-เขียน อานผลงานและเข้าชมภาพประกอบ ในรูปแบบ “บทความอัลบั้มภาพ” ไดโดยสแกน QR Code ----------------------------------------- หมายเหตุบรรณาธิการ . ผลงานชิ้นนี้เปนงานมอบหมายในหัวข้อ Branded Content ที่ทดลองใหนักเรียนเขียนเรื่อง สรางคอนเทนตลงเฟซบุกเพจ “อาน-คิด-เขียน” โดยจำลองตนเองเปนทีมงานสรางคอนเทนต เพื่อสื่อสารแบรนดอาน-คิด-เขียน โดยมีบรรณาธิการผูก่อตั้งเพจเปนลูกค้าจำลอง ในกิจกรรม บทบาทสมมุตินี้ไดกำหนดโจทยในการสื่อสารแบรนดอาน-คิด-เขียน ใหเปนไปตามวัตถุประสงค์ การก่อตั้ง คือเพื่อ “สรางพื้นที่ใหแก่นักสรางเรื่องรุนใหมที่มีความคิดสรางสรรค์” ตลอดจนเพื่อ “สงเสริมและสนับสนุนวัฒนธรรมการวิจารณในสังคมไทย” . ในกระบวนการทำงาน ผูสรางสรรค์คือ น้ำทวมเมฆ และ emma ไดศึกษาข้อเขียนของ ผูช่วยศาสตราจารยสุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชรเรื่อง “ระหวางนักเขียนกับนักวิจารณการประสาน ไมตรีที่ยังไมสําเร็จ” บรรณาธิการขอขอบพระคุณผูช่วยศาสตราจารยสุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร เปนอยางสูงที่ใหความอนุเคราะหในการตีพิมพข้อเขียนเรื่องดังกลาวไวก่อนหนาผลงานชิ้นนี้ ข้อเขียนดังกลาวช่วยจุดประกายความคิดในการทำงานสรางสรรค์ของนักเรียนเขียนเรื่อง การ เลือกใช้สถานการณสมมุติเปนกรณีตางๆ ที่ปรากฏในเนื้อหา นอกเหนือไปจากการเทียบเคียง กับสถานการณตางๆ ในชีวิตของนักเขียนและและนักวิจารณแลว ในอีกทางหนึ่งยังช่วยแสดงให เห็น “มิติของการเปนผูสรางและผูวิจารณ” ที ่ขยายขอบเขตอย างกวางขวางและครอบคลุม สถานการณตางๆ ในชีวิตประจำวันของคนเรา ทั้งในชีวิตการเรียน การทำงาน และในชีวิตสวน บุคคลอีกดวย
88 | นักเรียนเขียนเรื่อง “ทั้งตัวบทและคำวิจารณนั้นไมใช่ที่สิ้นสุด และจะไมมีทางสิ้นสุดลง ตราบเทาที่ผูคนยังคงดำรงอยูในจักรวาลแหงนี้ที่ซึ่งการปะทะกันอยาง ไมยอมยับยั้งหรือปรับระดับความคิดใหสอดคลองเหมาะสมกัน ของทั้งสองฝาย ยอมก่อใหเกิดความเสียหายฝงลึกอยูในจิตใจดวยกันทั้งสิ้น เราหวังวาทุกคนจะไดพบหนทางที่จะตั้งรับและรับมือไดไมมากก็นอย เมื่อนักเขียนและนักวิจารณไดโคจรมาพบกันอีกครั้ง” “ระยะทางอันหางใกลของนักเขียน ตัวบท และนักวิจารณในจักรวาลอาน-คิด-เขียน” ของ น้ำทวมเมฆ, emma
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 89 กวาจะเปน ระยะทางอันห่างใกล้ของนักเขียน ตัวบท และ นักว ิจารณ์ในจักรวาลอ่าน-คิด-เขียน เราเริ ่มตั้งตนจากโลโก้ของเพจ อาน-คิด-เขียน เรือกระดาษที่ประกอบ กันจนกลายเปนดวงดาวทำใหเรานึกถึงจักรวาลและยานอวกาศ เมื่อนำมาจับกับ เอกลักษณสำคัญอยางหนึ่งของเพจคือ “การวิจารณ” ที่ไมไดจำกัดอยูแค่เพียงการ ค้นหาข้อบกพรองเพื่อนำมาติติงเทานั้น เลยทำใหเห็นวาการวิจารณและจักรวาล นั้นมีลักษณะรวมกัน คือเต็มไปดวยปรากฏการณอันหลากหลายและสิ ่งที ่ยังรอ คอยใหผูคนมาค้นพบอีกมาก นอกจากนี้ประเด็นเกี่ยวกับนักวิจารณและนักเขียน ที่มักจะไมลงรอยกันหรือประสานความเข้าใจกันไดยาก ก็มักจะถูกหยิบยกมา พูดคุยถกเถียงกันบอยครั้ง โดยเราไดศึกษาประเด็นเพิ่มเติมจากข้อเขียนเรื่อง “ระหวางนักเขียนกับนักวิจารณ การประสานไมตรีที่ยังไมสำเร็จผล” ของอาจารย สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชรดวย เราสรางงานชิ้นนี้ขึ้นดวยหวังวา อยางนอยงานของ เราก็อาจเปนตัวกลางที่มีสวนช่วยเชื่อมประสานใหทั้งสองฝายทำงานบนพื้นฐาน ความเคารพซึ่งกันและกัน เราพยายามนำเสนอออกมาในรูปแบบที ่เปนมิตรกับ ผูอานใหมากที่สุด โดยหวังวานาจะมีวิธีการ หรือความคิดอะไรเบื้องหลังที่ทำให ทั้งสองฝายสามารถจับมือพูดคุยกันดวยความเข้าใจไดในที่สุด. น้ำทวมเมฆ นัก(พยายาม)เขียน เขียนเรื่องราวหรือเขียน ภาพวาดก็(เชื่อวา)ทำได ชื่นชอบงานประดิษฐ ของกระจุกกระจิก และกลิ่นหอม emma สนใจการเขียน เฉดของสีเขียว การเดินปา และการวาดรูป (แตยังวาดไมเปน!)
90 | นักเรียนเขียนเรื่อง
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 91 II. ความเรียง สะทอนสภาวะ ณ ขณะกอเรื่อง
92 | นักเรียนเขียนเรื่อง
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 93 เมื่อฉันร้อยเศษทราย ให้กลายเป็นแก้ว ทรายสี ฉันรักการเขียนมาก และการเขียนก็รักฉันมากเช่นกัน ครั้งหนึ่งฉัน มั่นใจเช่นนั้น ในวันวาน เรียงความ บทกลอน กาพยยานีหรือนิทานใดๆ ของฉันลวนแตมีปายรางวัลแปะ จนฉันอดรูสึกไมไดวาบนตัวฉันก็มีปาย รางวัลแปะเช่นกัน ฉันรูสึกวาตัวเองเปนผลึกแรล้ำค่า—งดงามและสมบูรณแบบ บริสุทธิ์แทและแข็งแกรง ฉันรักการเขียนมาก ฉันพูดเช่นนั้นเรื่อยมา ช่วงมหาวิทยาลัย ฉันลง ลงทะเบียนเรียนวิชาเกี่ยวกับการเขียนหลายวิชา ฉันเขียนบทความ งานวิจัย เรื่องสั้น ฉันกลั่นความคิด ตัวตน จุดยืน เปนสายสรอยตัวอักษร สายสรอยที่ ฉันรูวากำลังจะถูกประเมิน ฉันจึงอยากใหออกมาดีเลิศที่สุดในสายตาของ ผูพบเห็น หากไมไดเต็มรอย ก็เทากับไมไดเลย สุดทายฉันก็เริ่มคิดเช่นนั้นโดย ไมรูตัว และไมใช่ทุกครั้งที่ผลจะไดดั่งใจ ฉันไมไดไดรางวัลทุกครั้งเหมือนใน วัยเด็กแลว ผลึกแรของฉันเริ่มกรอนลงทุกที...ทุกทีจนฉันรูสึกว าฉัน กลายเปนเพียงกองเศษทรายดอยค่าที่นอนใหน้ำทะเลซัดไปซัดมา และฉัน รับไมไดที่ตัวเองเปนเช ่นนั้น ตั้งแตนั้นความสัมพันธของฉันกับการเขียนก็ เปลี่ยนไป หากการเขียนเปนคนรัก ก็คงเปนคนรักที่ทั้งทำใหฉันรองไหทุกวี่ ทุกวัน แตถึงอยางนั้นฉันก็ยังอยากสวมกอดเขาอยูร่ำไป
94 | นักเรียนเขียนเรื่อง ฉันจึงลงทะเบียนเรียนวิชาเกี่ยวกับการเขียนอีกครั้ง—วิชาศิลปะการ เขียนรอยแก้ว สิ่งหนึ่งที่ทำใหหองเรียนเขียนเรื่องในรายวิชานี้แปลกใหมสำหรับฉัน คือ ฉันไมไดเพียงคุยกับเพื่อนรวมชั้นเรียนถึงชิ้นงานเขียนที่สำเร็จแลวอยางที่ ฉันเคยทำมาตลอดเทานั้น แตยังคุยถึงสิ่งที่ไดจากความคิดและประสบการณ ทั้งก่อน ระหวาง และหลังกิจกรรมหรือการทำงานแตละชิ้น หองเรียนนี้เต็ม ไปดวย “การสะทอน” ซึ่งหมายรวมถึงเงาและเสียงสะทอนของตัวฉัน—สิ่งที่ บางครั้งฉันไมกลาดูและไมกลาฟง—แตเมื่อไดเปนสวนหนึ่งของหองเรียนนี้ ฉันก็ค่อยๆ เห็นและไดยินอะไรชัดขึ้น ฉันยังจำไดวาเมื่อครั้งทำคอนเทนตออนไลนฉันกับเพื่อนในทีมจำ วันสงงานผิดและมีเวลาไมถึงอาทิตยในการทำงาน แผนสัมภาษณที่เราวาง ไวดิบดีจึงจำตองกลายรางเปนความเรียงเรงดวน ฉันยังจำคืนที่ฉันยิ้มใหงาน ที่เสร็จเปนรูปเปนรางออกมาไดคืนที่ฉันไดเห็นสิ่งที่ฉันอาจไมเคยยอมเปด ตามอง นั่นคือ การสมบูรณใหไดในสถานการณที่ไมสมบูรณแบบ อาจสำคัญ กวาความสมบูรณแบบที่ฉันใฝหามาตลอดก็ได นอกจากไดเห็น ฉันยังไดยิน ที่ผานมา แมฉันจะเปดรับความคิดเห็น ของคนอื่นที่มีตอฉันเสมอ แตในใจลึกๆ ก็ยังเจ็บปวดทุกครั้งหากจะตองรับรู วาตัวเองยังมีตำหนิอยู นานแลวที่ความคลั่งไคลความสมบูรณแบบทำใหฉัน มักไดยินคำชมเปนคำปลอบใจแทนที่จะเปนการชี้ใหเห็นจุดแข็ง และไดยิน คำติเปนคำตัดสินแทนที่จะเปนแนวทางการพัฒนา แตในหองเรียนศิลปะการเขียนรอยแก้วนี้ฉันไดลองถอดมาตรวัดอันบิดเบี้ยวของฉันออกครูหนึ่ง ทุกครั้งที่ฉันนำเสนอไอเดียและรับฟงฟดแบ็กงานชิ้นตางๆ ซึ่งรวมถึงเรื่องสั้น ภาษาไทยเรื่องแรกที่ฉันเขียนจบ และคอนเทนตแบบอัลบั้มภาพชิ้นแรกที่ฉัน ไดลองทำ ฉันฟงเสียงของครูของพี่ๆ วิทยากร และของเพื่อนๆ ในหอง— เสียงสะทอนจากคนอาน ไมวาจะเปนอานแนวคิด รูปภาพ หรือเรื่องราวของ
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 95 ฉัน—ฟงจนไดยินเสียงเหลานั้นอยางแทจริง จนฉันไดเห็นฉันอยางที่ฉันเปน ฉันเปนทราย ไมใช ่ผลึกแรที่ไรการผุกรอนอย างที่ฉันอยากเปน แตทรายก็ยังแปรสภาพและเติบโตไปเปนอะไรไดอีกมากมาย หนึ ่งเทอมที่ผานมา ทรายอย างฉันไดทดลองกลายรางเปนแก้ว หลายรูปทรง—เปนนักเขียนฟกชั่น นักสัมภาษณนักเขียนคอนเทนต เปนหลายสิ่งที่ฉันเลิกเชื่อไปแลววาตัวเองจะเปนได—ฉันไดเห็นตัวเองเปน แก้วที่ไดทรงบาง เบี้ยวบาง สวยบาง บิ่นบาง โดยที่เห็นวา นั่นก็ไมใช่เรื่อง คอขาดบาดตายเสมอไป ที่จริงแลว การเขียนอาจยังรักฉันอยูก็เปนไดแตเปนฉันเองที่ปฏิเสธ ความรักนั้นมาตลอด เปนฉันเองที่ทำใหตัวเองรองไหดวยการทำใหการเขียน เปนสายวัดคุณค่าของฉัน แทนที่จะไดเปนการสรางสรรค์และสื่อสารอยางที่ มันเปน วิชาศิลปะการเขียนรอยแก้วจบแลว สวนวิชาศิลปะการโอบกอด ความไมสมบูรณแบบของฉันคงเพิ่งเริ่ม แตอย างนอยที่สุด ฉันก็ยอมรับได เสียทีวา ถึงจะไมไดเต็มรอย ก็ใช่วาจะรอยอะไรใหโลกนี้ไมไดเลย.
96 | นักเรียนเขียนเรื่อง “ฉันเปนทราย ไมใช่ผลึกแรที่ไรการผุกรอนอยางที่ฉันอยากเปน แตทรายก็ยังแปรสภาพและเติบโตไปเปนอะไรไดอีกมากมาย หนึ่งเทอมที่ผานมา ทรายอยางฉันไดทดลองกลายรางเปนแก้วหลายรูปทรง —เปนนักเขียนฟกชั่น นักสัมภาษณนักเขียนคอนเทนต เปนหลายสิ่งที่ฉันเลิกเชื่อไปแลววาตัวเองจะเปนได— ฉันไดเห็นตัวเองเปนแก้วที่ไดทรงบาง เบี้ยวบาง สวยบาง บิ่นบาง โดยที่เห็นวา นั่นก็ไมใช่เรื่องคอขาดบาดตายเสมอไป “เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว” ของ ทรายสี
เมื่อฉันรอยเศษทรายใหกลายเปนแก้ว | 97 กวาจะเปน เมื่อฉันร้อยเศษทรายให้กลายเป็นแก้ว ตอนที่ทบทวนวาเราไดอะไรจากการลงมือเขียนและแลกเปลี่ยน เรียนรูในหองเรียนเขียนเรื่องบาง เรานึกถึงเกร็ดในการทำงานเขียนหลาย อยาง แตเมื่อมานั่งคิดดูอีกครั้งก็เห็นวา สำหรับเราแลว สิ่งสำคัญที่สุดที่ไดมา แทจริงไมใช่เรื่องการเขียน แตเปนวิธีคิดเบื้องหลังกระบวนการทำงานของเรา เอง เราเลือกเลาประสบการณนี้ผานการเปรียบเทียบกับแร ทราย และแก้ว สิ่งเดียวกันในสภาพตางกันที่สื่อสารเรื่องความสมบูรณแบบกับการพัฒนาได เปนอยางดีและยังเลนกับคำวา “รอยแก้ว” ซึ่งเปนประเภทงานที่เขียนอีก ดวย ตะกอนความคิดที่เราถายทอดในงานนี้เปนจุดเปลี่ยนเล็กๆ ที่สำคัญตอ มุมมองและประสบการณการเขียนของนัก(ยังคง)เขียนตัวเล็กๆ อยางเรา หวังวางานชิ้นนี้จะทำใหผูอานไดตกตะกอนความคิดอะไรบางอยางในแบบ ของตนเองเช่นกัน. ทรายสี สนใจงานเขียน งานศิลปและความสัมพันธ ระหวางโลกภายนอกและโลกภายใน
98 | นักเรียนเขียนเรื่อง