ǢǛ ˝ ưǡ ́ NJǘǡNjǨǎǟ ˴ ưǠǨ ǬǘƶǪǘ ˲ Ǘǎǥǎ ˿ ǏǨǛǘ ˢ ǥǗǪǥ ˭ lj Ǔ ˿ njǍǟ ˝ ưǘǨƹțȞȟȜ ǬǘƶǪǘ ˲ ǗǎǖǨNJǘDŽǨǎǡǨưǛ NJǨǖǢǛ ˝ ưǡ ́ NJǘǫưǎưǛǨƶưǨǘǟ ˴ ưǠǨƱ ˝ ˢ ǎǓ ˶ ˢ ǎDŽǨǎ ǬǘƶǪǘ ˲ Ǘǎǥǎ ˿ ǏǨǛǘ ˢ ǥǗǪǥ ˭ lj ǡǩǎ ˝ ưƶǨǎǪƱNJǓ ˶ ˢ ǎnj ˲ ˟ ưǨǘǟ ˴ ưǠǨǐǘǧNjǖǟ ˴ ưǠǨǘ ˢ ǥǗǪǥ ˭ ljǪƱNJȚ ǡǩǎ ˝ ưƶǨǎƳLjǧưǘǘǖưǨǘưǨǘǟ ˴ ưǠǨƱ ˝ ˢ ǎǓ ˶ ˢ ǎDŽǨǎ ưǘǧnjǘǞƶǟ ˴ ưǠǨǍ ˰ ưǨǘ
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต ๑ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
สารบัญ ประกาศโรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด คำนำ สารบัญ ความนำ ๑ วิสัยทัศน์โรงเรียน ๔ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๔ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๕ มาตรฐานการเรียนรู้และกลุ่มสาระการเรียนรู้แกนกลาง ๖ สาระเพิ่มเติม ๑ ๒ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑ ๕ โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา ๒๒ โครงสร้างหลักสูตรชั้นปี ๒ ๓ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ๒ ๙ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๒ ๙ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ๓๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๖ ๐ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ๗๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ๘ ๐ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ๘๙ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ๙๑ รายวิชาเพิ่มเติมและผลการเรียนรู้ ๙๘ คำอธิบายรายวิชาพื้นฐาน ๑๑๑ คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม ๑๗๖ คำอธิบายกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๙๗ การจัดการเรียนรู้ ๒๑๑ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๒๑๓ เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียน เกณฑ์การจบการศึกษา ๒๑๔ ๒๑๕ เอกสารอ้างอิง ภาคผนวก
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๑ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ความน า กระทรวงศึกษาธิการได๎ประกาศใช๎หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ให๎เป็นหลักสูตรแกนกลางของประเทศ เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎคม ๒๕๕๑ เริ่มใช๎ในโรงเรียนต๎นแบบการใช๎หลักสูตร และโรงเรียนที่มีความพร๎อม ในปีการศึกษา ๒๕๕๒ และเริ่มใช๎ในโรงเรียนทั่วไปในปีการศึกษา ๒๕๕๓ ส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยส านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ได๎ด าเนินการติดตามผลการน า หลักสูตรไปสูํการปฏิบัติอยํางตํอเนื่องในหลายรูปแบบ ทั้งการประชุมรับฟังความคิดเห็น การนิเทศ ติดตามผล การใช๎หลักสูตรของโรงเรียน การรับฟังความคิดเห็นผํานเว็บไซต์ของส านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา รายงานผลการวิจัยของหนํวยงานและองค์กรที่เกี่ยวข๎องกับหลักสูตรและการใช๎หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ผลจากการศึกษา พบวํา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มีข๎อดีในหลายประการ เชํน ก าหนดเปูาหมายการพัฒนาไว๎ชัดเจน มีความยืดหยุํนเพียงพอให๎สถานศึกษา บริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาได๎ ส าหรับปัญหาที่พบสํวนใหญํเกิดจากการน าหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สูํการปฏิบัติในสถานศึกษาและในห๎องเรียน นอกจากนี้การศึกษาข๎อมูล เกี่ยวกับ ทิศทางกรอบยุทธศาสตร์ แผนแมํบท และกฎหมายที่เกี่ยวข๎องกับการพัฒนาประเทศ พบวํา ประเด็นส าคัญ เพื่อแปลงแผนไปสูํการปฏิบัติให๎เกิดผลสัมฤทธิ์ได๎อยํางแท๎จริง คือ การเตรียมพร๎อมด๎านก าลังคนและการเสริมสร๎าง ศักยภาพของประชากรในทุกชํวงวัย มุํงเน๎นการยกระดับคุณภาพทุนมนุษย์ของประเทศ โดยพัฒนาคนให๎เหมาะสม ตามชํวงวัย เพื่อให๎เติบโตอยํางมีคุณภาพ การพัฒนาทักษะที่สอดคล๎องกับความต๎องการในตลาดแรงงานและทักษะ ที่จ าเป็น ตํอการด ารงชีวิตในศตวรรษที่ ๒๑ ของคนในแตํละชํวงวัยตามความเหมาะสม การเตรียมความพร๎อม ของกาลงคนด๎านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงในอนาคต ตลอดจนการยกระดับคุณภาพการศึกษา สูํความเป็นเลิศ ดังนั้น การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติเพื่อเตรียมความพร๎อมคนให๎สามารถปรับตัวรองรับ ผลกระทบ จากการเปลี่ยนแปลงได๎อยํางเหมาะสม กระทรวงศึกษาธิการได๎ประกาศให๎ใช๎มาตรฐานการเรียนรู๎และตัวชี้วัดกลุํม สาระการเรียนรู๎คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุํมสาระการเรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามค าสั่งกระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ และค าสั่งส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ ๓๐/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เรื่อง ให๎เปลี่ยนแปลง มาตรฐานการเรียนรู๎และตัวชี้วัด กลุํมสาระการเรียนรู๎คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ทั้งนี้ให๎โรงเรียนใช๎มาตรฐานการเรียนรู๎ และตัวชี้วัดที่ปรับปรุงตั้งแตํปีการศึกษา ๒๕๖๑ เพื่อให๎สถานศึกษาสามารถน ามาตรฐานการเรียนรู๎และตัวชี้วัด ไปสูํการปฏิบัติได๎อยํางมีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการหลักสูตรให๎เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู๎เรียน โดยมอบหมาย ให๎สถาบันสํงเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ด าเนินการปรับปรุง กลุํมสาระการเรียนรู๎ คณิตศาสตร์ กลุํมสาระการเรียนรู๎วิทยาศาสตร์และสาระเทคโนโลยี และมอบหมายให๎ส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ด าเนินการปรับปรุงสาระภูมิศาสตร์ในกลุํมสาระการเรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมและค าสั่งส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ ๙๒๑/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานและตัวชี้วัด สาระที่ ๒ การออกแบบและเทคโนโลยี และสาระที่ ๓ เทคโนโลยี
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๒ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สารสนเทศและการสื่อสาร ในกลุํมการงานอาชีพและเทคโนโลยีตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และเปลี่ยนชื่อกลุํมสาระการเรียนรู๎ โดยกลุํมสาระการเรียนรู๎วิทยาศาสตร์ เป็น กลุํมสาระ การเรียนรู๎วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุํมการงานอาชีพและเทคโนโลยี เป็น กลุํมการงานอาชีพ และคงเหลือ ๒ สาระ คือ สาระที่ ๑ การด ารงชีวิตและครอบครัว และสาระที่ ๒ การอาชีพ โดยมีเงื่อนไขให๎ใช๎ในทุกชั้นเรียน ตั้งแตํปีการศึกษา ๒๕๖๓ เป็นต๎นไป หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล โรงเรียนอนุบาลร๎อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได๎ปรับปรุงมาตรฐานการเรียนรู๎ และตัวชี้วัด ให๎มีความสอดคล๎องเหมาะสม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นกรอบ และทิศทางในการจัดท าหลักสูตรสถานศึกษา เพื่อพัฒนาผู๎เรียนให๎มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู๎ มุํงพัฒนา ผู๎เรียนให๎เป็นคนดี คนเกํง และอยูํรํวมในสังคมอยํางมีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาตํอ โดยมุํงหวังให๎มี ความสมบูรณ์ทั้งด๎านรํางกาย จิตใจ และสติปัญญา อีกทั้งมีความรู๎และทักษะที่จ าเป็นส าหรับการด ารงชีวิต ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง มีทักษะในการติดตํอสื่อสาร การถํายทอดความคิด ความรู๎ ความเข๎าใจ การแลกเปลี่ยนข๎อมูลขําวสารและประสบการณ์ในการพัฒนาตนเองและสังคม มีคุณภาพได๎มาตรฐานสากล ในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก ลักษณะของหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล โรงเรียนอนุบาลร๎อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นหลักสูตรที่สถานศึกษาได๎ปรับปรุง และพัฒนาหลักสูตร มีลักษณะดังนี้ ๑. เป็นหลักสูตรเฉพาะของโรงเรียนอนุบาลร๎อยเอ็ด ส าหรับจัดการศึกษาในหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐานจัดในระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖) ๒. เป็นหลักสูตรที่มีความเป็นเอกภาพสอดคล๎องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ส าหรับให๎ครูผู๎สอนน าไปจัดการเรียนรู๎ได๎อยํางหลากหลาย โดยก าหนดให๎มีรายละเอียด ดังนี้ ๒.๑ กลุํมสาระการเรียนรู๎ที่สถานศึกษใช๎เป็นหลักเพื่อสร๎างพื้นฐานการคิด การเรียนรู๎ และการ แก๎ปัญหาประกอบด๎วย ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๒.๒ กลุํมสาระการเรียนรู๎ที่เสริมสร๎างความเป็นมนุษย์ ศักยภาพการคิดและการท างาน ประกอบด๎วย สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพ และภาษาอังกฤษ ๒.๓ สาระการเรียนรู๎เพิ่มเติม โดยจัดท าเป็นรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติมตามความเหมาะสม และสอดคล๎องกับโครงสร๎างเวลาเรียน สาระการเรียนรู๎ท๎องถิ่น ความต๎องการของผู๎เรียน และบริบทของสถานศึกษา และเพิ่มวิชาหน๎าที่พลเมืองให๎สอดคล๎องกับนโยบายหนํวยเหนือด๎วย ๒.๔ กิจกรรมพัฒนาผู๎เรียน เพื่อพัฒนาผู๎เรียนทั้งด๎านรํางกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร๎างการเรียนรู๎นอกจากกลุํมสาระการเรียนรู๎ ๘ กลุํม และการพัฒนาตนตามศักยภาพ
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๓ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ๒.๕ การจัดกระบวนการเรียนรู๎มีความสอดคล๎องกับสภาพในชุมชน สังคม และภูมิปัญญาท๎องถิ่น ๓. มาตรฐานการเรียนรู๎ เป็นเปูาหมายส าคัญของการพัฒนาคุณภาพผู๎เรียน เป็นตัวก าหนดเกี่ยวกับ ความรู๎ ทักษะ กระบวนการ สมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู๎เรียน เพื่อเป็นแนวทางในการประกัน คุณภาพการศึกษา โดยมีการก าหนดมาตรฐานไว๎ ดังนี้ ๓.๑ มาตรฐานหลักสูตร เป็นการตรวจสอบคุณภาพโดยรวมของการจัดการศึกษาของหลักสูตร ในทุกระดับชั้น เพื่อน ามาเป็นข๎อมูลในการก าหนดแนวปฏิบัติในการสํงเสริม ก ากับ ติดตาม ดูแล และปรับปรุง พัฒนาคุณภาพ เพื่อให๎ได๎ตามมาตรฐานที่ก าหนด ๓.๒ ตัวชี้วัดชั้นปี เป็นเปูาหมายระบุสิ่งที่ผู๎เร ียนพึงรู๎และปฏิบัติได๎ รวมทั้งคุณลักษณะของผู๎เรียน ในแตํละระดับชั้นซึ่งสะท๎อนถึงมาตรฐานการเรียนรู๎ มีความเฉพาะเจาะจง และมีความเป็นรูปธรรม น าไปใช๎ในการ ก าหนดเนื้อหา จัดท าหนํวยการเรียนรู๎ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์ส าคัญส าหรับการวัดประเมินผล เพื่อตรวจสอบคุณภาพผู๎เรียน ตรวจสอบพัฒนาการผู๎เรียน ความรู๎ ทักษะ กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๓ มีความเป็นสากล หลักสูตรสถานศึกษามีความเป็นสากล คือมุํงให๎ผู๎เรียนมีความรู๎ ความสามารถในเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาษาอังกฤษ การจัดการสิ่งแวดล๎อม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น มีคุณลักษณะ ที่จ าเป็นในการอยูํในสังคม ได๎แกํ ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ การตรงตํอเวลา การเสียสละ การเอื้อเฟื้อ โดยอยูํบนพื้นฐานของความพอดีระหวํางการเป็นผู๎น า และผู๎ตาม การท างานเป็นทีม และการรํวมมือกัน เพื่อสังคม วิทยาการสมัยใหมํ และการรับวัฒนธรรมตํางประเทศ การฝึกฝนทักษะเฉพาะทาง และการบูรณาการในลักษณะ ที่เป็นองค์รวม และการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ภูมิปัญญาท๎องถิ่น ๔. มีความยืดหยุํน หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนมาตรฐานสากล โรงเรียนอนุบาลร๎อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มีความเหมาะสมกับผู๎เรียน และมี ความสอดคล๎องกับความต๎องการของท๎องถิ่น ๕. การวัดและประเมินผล เน๎นหลักการพื้นฐานสองประการคือการประเมินเพื่อพัฒนาผู๎เรียน และเพื่อ ตัดสินผลการเรียน โดยผู๎เรียนต๎องได๎รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให๎บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู๎ สะท๎อนสมรรถนะส าคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู๎เรียน เป็นเปูาหมายหลักในการวัดและประเมินผล การเรียนรู๎ในทุกระดับไมํวําจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู๎ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู๎เรียน และใช๎ผลการประเมินเป็นข๎อมูล และสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก๎าวหน๎า และความส าเร็จทางการเรียนของผู๎เรียน ตลอดจนข๎อมูลที่เป็น ประโยชน์ตํอการสํงเสริมให๎ผู๎เรียนเกิดการพัฒนาและเรียนรู๎อยํางเต็มตามศักยภาพ
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๔ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ วิสัยทัศน์ หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล โรงเรียนอนุบาลร๎อยเอ็ด มุํงพัฒนาผู๎เรียนทุกคน ซึ่งเป็น ก าลังของชาติให๎เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด๎านรํางกาย ความรู๎ คุณธรรม มีจิตส านึกในความเป็นพลเมืองไทย และเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู๎ และทักษะพื้นฐาน รวมทั้ง เจตคติที่จ าเป็นตํอการศึกษาตํอ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุํงเน๎น ผู๎เรียนเป็นส าคัญบนพื้นฐานความเชื่อวํา ทุกคนสามารถเรียนรู๎และพัฒนาตนเองได๎เต็มตามศักยภาพ จุดหมาย การจัดท าหลักสูตรสถานศึกษา มุํงพัฒนาผู๎เรียนให๎เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการ ศึกษาตํอ และประกอบอาชีพ จึงก าหนดเป็นจุดหมายเพื่อให๎เกิดกับผู๎เรียนเมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนี้ ๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และคํานิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณคําของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตน ตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๒. มีความรู๎ความสามารถในการสื่อสารการคิด การแก๎ปัญหาการใช๎เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต ๓. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักการออกก าลังกาย ๔. มีความรักชาติ มีจิตส านึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและ การปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ๕. มีจิตส านึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล๎อม มีจิตสาธารณะที่มุํงท าประโยชน์และสร๎างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยูํรํวมกันในสังคมอยํางมีความสุข สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน ในการพัฒนาผู๎เรียนตามหลักสูตรโรงเรียนอนุบาลร๎อยเอ็ด มุํงเน๎นพัฒนาผู๎เรียนให๎มีคุณภาพ ตามมาตรฐานที่ก าหนด ซึ่งจะชํวยให๎ผู๎เรียนเกิดสมรรถนะส าคัญ ๕ ประการ ดังนี้ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและสํงสาร มีวัฒนธรรมในการใช๎ภาษา ถํายทอดความคิด ความรู๎ความเข๎าใจ ความรู๎สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข๎อมูลขําวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ตํอการพัฒนาตนเองและสังคมรวมทั้งการเจรจาตํอรองเพื่อขจัดและลดปัญหา ความขัดแย๎งตําง ๆ การเลือกรับหรือไมํรับข๎อมูลขําวสารด๎วยหลักเหตุผลและความถูกต๎อง ตลอดจนการเลือกใช๎ วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยค านึงถึงผลกระทบที่มีตํอตนเองและสังคม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อยํางสร๎างสรรค์ การคิดอยํางมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อน าไปสูํการสร๎างองค์ความรู๎หรือสารสนเทศ เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได๎อยํางเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก๎ปัญหาและอุปสรรคตําง ๆ ที่เผชิญ ได๎อยํางถูกต๎องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข๎อมูลสารสนเทศ เข๎าใจความสัมพันธ์ และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ตําง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู๎ ประยุกต์ความรู๎มาใช๎ในการปูองกัน และแก๎ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยค านึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นตํอตนเอง สังคม และสิ่งแวดล๎อม
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๕ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการน ากระบวนการตําง ๆ ไปใช๎ในการด าเนิน ชีวิตประจ าวัน การเรียนรู๎ด๎วยตนเอง การเรียนรู๎อยํางตํอเนื่อง การท างาน และการอยูํรํวมกันในสังคมด๎วยการสร๎าง เสริมความสัมพันธ์อันดีระหวํางบุคคลการจัดการปัญหาและความขัดแย๎งตําง ๆ อยํางเหมาะสม การปรับตัวให๎ทัน กับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล๎อม และการรู๎จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไมํพึงประสงค์ที่สํงผลกระทบ ตํอตนเองและผู๎อื่น ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเป็นความสามารถในการเลือก และใช๎ เทคโนโลยีด๎าน ตําง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด๎านการเรียนรู๎การสื่อสารการท างาน การแก๎ปัญหาอยํางสร๎างสรรค์ ถูกต๎อง เหมาะสม และมีคุณธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คุณลักษณะอันพึงประสงค์มุํงพัฒนาให๎ผู๎เรียนสามารถอยูํรํวมกับผู๎อื่นในสังคมได๎อยํางมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๒. ซื่อสัตย์สุจริต ๓. มีวินัย ๔. ใฝุเรียนรู๎ ๕. อยูํอยํางพอเพียง ๖. มุํงมั่นในการท างาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ ค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ คํานิยมหลักของคนไทย เป็นสิ่งที่ผู๎เรีนควรยึดถือเป็นแนวทางในการด าเนินชีวิต ดังนี้ ๑. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ๒. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อสํวนรวม ๓. กตัญญูตํอพํอแมํ ผู๎ปกครอง ครูบาอาจารย์ ๔. ใฝุหาความรู๎ หมั่นศึกษาเลําเรียนทั้งทางตรง และทางอ๎อม ๕. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม ๖. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีตํอผู๎อื่น เผื่อแผํและแบํงปัน ๗. เข๎าใจเรียนรู๎การเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต๎อง ๘. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู๎น๎อยรู๎จักการเคารพผู๎ใหญํ ๙. มีสติรู๎ตัว รู๎คิด รู๎ท า รู๎ปฏิบัติตามพระราชด ารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว ๑๐. รู๎จักด ารงตนอยูํโดยใช๎หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชด ารัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว ๑๑. มีความเข๎มแข็งทั้งรํางกาย และจิตใจ ไมํยอมแพ๎ตํออ านาจฝุายต่ า หรือกิเลส มีความละอาย เกรงกลัวตํอบาปตามหลักของศาสนา ๑๒. ค านึงถึงผลประโยชน์ของสํวนรวม และของชาติมากกวําผลประโยชน์ของตนเอง
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๖ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ มาตรฐานการเรียนรู้และกลุ่มสาระการเรียนรู้แกนกลาง การพัฒนาผู๎เรียนให๎เกิดความสมดุล ต๎องค านึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและพหุปัญญา หลักสูตร สถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล โรงเรียนอนุบาลร๎อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ จึงก าหนดให๎ผู๎เรียนเรียนรู๎ ๘ กลุํมสาระการเรียนรู๎ ดังนี้ ๑. กลุํมสาระการเรียนรู๎ภาษาไทย ๒. กลุํมสาระการเรียนรู๎คณิตศาสตร์ ๓. กลุํมสาระการเรียนรู๎วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔. กลุํมสาระการเรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๕. กลุํมสาระการเรียนรู๎สุขศึกษาและพลศึกษา ๖. กลุํมสาระการเรียนรู๎ศิลปะ ๗. กลุํมสาระการเรียนรู๎การงานอาชีพ ๘. กลุํมสาระการเรียนรู๎ภาษาตํางประเทศ ในแตํละกลุํมสาระการเรียนรู๎ได๎ก าหนดมาตรฐานการเรียนรู๎เป็นเปูาหมายส าคัญของการพัฒนาคุณภาพ ผู๎เรียน มาตรฐานการเรียนรู๎ระบุสิ่งที่ผู๎เรียนพึงรู๎ ปฏิบัติได๎ มีคุณธรรมจริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เมื่อจบการศึกษาขั้นสูงสุดของสถานศึกษา นอกจากนั้นมาตรฐานการเรียนรู๎ยังเป็นกลไกส าคัญในการขับเคลื่อน พัฒนาการศึกษาทั้งระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนรู๎จะสะท๎อน ให๎ทราบวําต๎องการอะไร จะสอนอยํางไร และ ประเมินอยํางไร รวมทั้งเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบเพื่อการประกันคุณภาพการศึกษาโดยใช๎ระบบการประเมิน คุณภาพภายในและการประเมินคุณภาพภายนอก ซึ่งรวมถึงการทดสอบระดับเขตพื้นที่การศึกษา และการทดสอบ ระดับชาติ ระบบการตรวจสอบเพื่อประกันคุณภาพดังกลําวเป็นสิ่งส าคัญที่ชํวยสะท๎อนภาพการจัดการศึกษา วําสามารถพัฒนาผู๎เรียนให๎มีคุณภาพตามที่มาตรฐานการเรียนรู๎ก าหนดเพียงใด หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ก าหนดมาตรฐานการเรียนรู๎ใน ๘ กลุํม สาระการเรียนรู๎ จ านวน ๓๐ สาระ ๕๕ มาตรฐาน ดังนี้ รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย (๕ สาระ ๕ มาตรฐาน) สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช๎กระบวนการอํานสร๎างความรู๎และความคิดเพื่อน าไปใช๎ตัดสินใจ แก๎ปัญหา ในการด าเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอําน สาระที่ ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช๎กระบวนการเขียน เขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ยํอความ และเขียนเรื่องราว ในรูปแบบตํางๆ เขียนรายงานข๎อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค๎นคว๎า อยํางมีประสิทธิภาพ สาระที่ ๓ การฟัง การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยํางมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู๎ ความคิด ความรู๎สึกในโอกาสตํางๆ อยํางมีวิจารณญาณ และสร๎างสรรค์
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๗ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๔ หลักการใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข๎าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษา ภาษาไทยไว๎เป็นสมบัติของชาติ สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข๎าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทยอยํางเห็นคุณคํา และน ามาประยุกต์ใช๎ในชีวิตจริง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์(๓ สาระ ๗ มาตรฐาน) สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ จ านวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค ๑.๑ เข๎าใจความหลากหลายของการแสดงจ านวน ระบบจ านวน การด าเนินการของจ านวน ผลที่เกิดขึ้นจากการด าเนินการ สมบัติของการด าเนินการ และน าไปใช๎ มาตรฐาน ค ๑.๒ เข๎าใจและวิเคราะห์แบบรูป ความสัมพันธ์ ฟังก์ชัน ล าดับและอนุกรม และน าไปใช๎ มาตรฐาน ค ๑.๓ ใช๎นิพจน์ สมการ และอสมการ อธิบายความสัมพันธ์ หรือชํวยแก๎ปัญหาที่ก าหนดให๎ สาระที่ ๒ การวัดและเรขาคณิต มาตรฐาน ค ๒.๑ เข๎าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสิ่งที่ต๎องการวัดและน าไปใช๎ มาตรฐาน ค ๒.๒ เข๎าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหวําง รูปเรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และน าไปใช๎ สาระที่ ๓ สถิติและความน่าจะเป็น มาตรฐาน ค ๓.๑ เข๎าใจกระบวนการทางสถิติ และใช๎ความรู๎ทางสถิติในการแก๎ปัญหา มาตรฐาน ค ๓.๒ เข๎าใจหลักการนับเบื้องต๎น ความนําจะเป็น และน าไปใช๎ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์(๓ สาระ ๑๐ มาตรฐาน) สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข๎าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหวํางสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหวํางสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตตํางๆ ในระบบนิเวศ การถํายทอด พลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหา และผลกระทบที่มีตํอทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อม แนวทางในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและการแก๎ปัญหาสิ่งแวดล๎อม รวมทั้งน าความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข๎าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หนํวยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การล าเลียงสารเข๎าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร๎างและหน๎าที่ของระบบตําง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ ที่ท างานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร๎างและหน๎าที่ของอวัยวะตําง ๆ ของพืช ที่ท างานสัมพันธ์กัน รวมทั้งน าความรู๎ไปใช๎ประโยชน์
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๘ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข๎าใจกระบวนการและความส าคัญของการถํายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลตํอสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งน าความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข๎าใจสมบัติของสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหวํางสมบัติของสสาร กับโครงสร๎างและแรงยึดเหนี่ยวระหวํางอนุภาค หลักและธรรมชาติของการ เปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี มาตรฐาน ว ๒.๒ เข๎าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจ าวัน ผลของแรงที่กระท าตํอวัตถุ ลักษณะการ เคลื่อนที่แบบตําง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข๎าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถํายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหวํางสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจ าวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข๎องกับเสียง แสง และคลื่นแมํเหล็กไฟฟูา รวมทั้งน าความรู๎ ไปใช๎ประโยชน์ สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข๎าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพกาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ที่สํงผลตํอสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช๎เทคโนโลยีอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เข๎าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟูาอากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลตํอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล๎อม สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข๎าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการด ารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อยํางรวดเร็ว ใช๎ความรู๎และทักษะทางด๎านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก๎ปัญหาหรือพัฒนางานอยํางมีความคิดสร๎างสรรค์ด๎วยกระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม เลือกใช๎เทคโนโลยีอยํางเหมาะสม โดยค านึงถึงผลกระทบตํอชีวิต สังคม และสิ่งแวดล๎อม มาตรฐาน ว ๔.๒ เข๎าใจและใช๎แนวคิดเชิงค านวณในการแก๎ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอยํางเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ ใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู๎การท างาน และการแก๎ปัญหาได๎อยํางมีประสิทธิภาพ รู๎เทําทัน และมีจริยธรรม
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๙ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม (๕ สาระ ๑๑ มาตรฐาน) สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ รู๎ และเข๎าใจประวัติ ความส าคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนา ที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต๎อง ยึดมั่น และปฏิบัติตามหลักธรรม เพื่ออยูํรํวมกันอยํางสันติสุข มาตรฐาน ส ๑.๒ เข๎าใจ ตระหนักและปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดีและธ ารงรักษาพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ สาระที่ ๒ หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการด าเนินชีวิตในสังคม มาตรฐาน ส ๒.๑ เข๎าใจและปฏิบัติตนตามหน๎าที่ของการเป็นพลเมืองดี มีคํานิยมที่ดีงาม และธ ารงรักษา ประเพณีและวัฒนธรรมไทย ด ารงชีวิตอยูํรํวมกันในสังคมไทย และ สังคมโลกอยํางสันติสุข มาตรฐาน ส ๒.๒ เข๎าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบัน ยึดมั่น ศรัทธา และธ ารงรักษา ไว๎ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๑ เข๎าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใช๎ทรัพยากร ที่มีอยูํจ ากัดได๎อยํางมีประสิทธิภาพและคุ๎มคํา รวมทั้งเข๎าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการด ารงชีวิตอยํางมีดุลยภาพ มาตรฐาน ส ๓.๒ เข๎าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจตําง ๆ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และความจ าเป็น ของการรํวมมือกันทางเศรษฐกิจในสังคมโลก สาระที่ ๔ ประวัติศาสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ เข๎าใจความหมาย ความส าคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช๎ วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ตํางๆ อยํางเป็นระบบ มาตรฐาน ส ๔.๒ เข๎าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ในด๎านความสัมพันธ์และ การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์อยํางตํอเนื่อง ตระหนักถึงความส าคัญและสามารถ วิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้น มาตรฐาน ส ๔.๓ เข๎าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธ ารงความเป็นไทย สาระที่ ๕ ภูมิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๑ เข๎าใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งซึ่งมีผลตํอกันและกัน ในระบบของธรรมชาติ ใช๎แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ในการค๎นหา วิเคราะห์ และสรุปข๎อมูล ตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนใช๎ภูมิสารสนเทศ อยํางมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ส ๕.๒ เข๎าใจปฏิสัมพันธ์ระหวํางมนุษย์กับสภาพแวดล๎อมทางกายภาพที่กํอให๎เกิดการสร๎างสรรค์ วิถีการด าเนินชีวิต มีจิตส านึก และมีสํวนรํวมในการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล๎อม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๑๐ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (๕ สาระ ๖ มาตรฐาน) สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ มาตรฐาน พ ๑.๑ เข๎าใจธรรมชาติของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ สาระที่ ๒ ชีวิตและครอบครัว มาตรฐาน พ ๒.๑ เข๎าใจและเห็นคุณคําตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะในการด าเนินชีวิต สาระที่ ๓ การเคลื่อนไหว การออกก าลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล มาตรฐาน พ ๓.๑ เข๎าใจ มีทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเลํนเกม และกีฬา มาตรฐาน พ ๓.๒ รักการออกก าลังกาย การเลํนเกม และการเลํนกีฬา ปฏิบัติเป็นประจ าอยูํสม่ าเสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ าใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแขํงขัน และชื่นชม ในสุนทรียภาพของการกีฬา สาระที่ ๔ การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค มาตรฐาน พ ๔.๑ เห็นคุณคําและมีทักษะในการสร๎างเสริมสุขภาพ การด ารงสุขภาพ การปูองกันโรค และการสร๎างเสริมสมรรถภาพเพื่อสุขภาพ สาระที่ ๕ ความปลอดภัยในชีวิต มาตรฐาน พ ๕.๑ ปูองกันและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยงตํอสุขภาพ อุบัติเหตุ การใช๎ยาสารเสพติด และความรุนแรง กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (๓ สาระ ๖ มาตรฐาน) สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ ทัศนศิลป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ สร๎างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร๎างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคํางานทัศนศิลป์ถํายทอดความรู๎สึก ความคิดตํองานศิลปะอยํางอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช๎ในชีวิตประจ าวัน มาตรฐาน ศ ๑.๒ เข๎าใจความสัมพันธ์ระหวํางทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณคํางาน ทัศนศิลป์ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล สาระที่ ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข๎าใจและแสดงออกทางดนตรีอยํางสร๎างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณคําดนตรี ถํายทอดความรู๎สึก ความคิดตํอดนตรีอยํางอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช๎ในชีวิตประจ าวัน มาตรฐาน ศ ๒.๒ เข๎าใจความสัมพันธ์ระหวํางดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณคําของดนตรี ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๑๑ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๓ นาฏศิลป์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข๎าใจ และแสดงออกทางนาฏศิลป์อยํางสร๎างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคํา นาฏศิลป์ ถํายทอดความรู๎สึก ความคิดอยํางอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช๎ ในชีวิต ประจ าวัน มาตรฐาน ศ ๓.๒ เข๎าใจความสัมพันธ์ระหวํางนาฏศิลป์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เห็นคุณคํา ของนาฏศิลป์ ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ (๒ สาระ ๒ มาตรฐาน) สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ การด ารงชีวิตและครอบครัว มาตรฐาน ง ๑.๑ เข๎าใจการท างาน มีความคิดสร๎างสรรค์ มีทักษะกระบวนการท างาน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก๎ปัญหา ทักษะการท างานรํวมกัน และทักษะการแสวงหาความรู๎ มีคุณธรรม และลักษณะนิสัยในการท างาน มีจิตส านึกในการใช๎พลังงาน ทรัพยากร และสิ่งแวดล๎อม เพื่อการด ารงชีวิตและครอบครัว สาระที่ ๒ การอาชีพ มาตรฐาน ง ๒.๑ เข๎าใจ มีทักษะที่จ าเป็น มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชีพ ใช๎เทคโนโลยี เพื่อพัฒนาอาชีพ มีคุณธรรม และมีเจตคติที่ดีตํออาชีพ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (๔ สาระ ๘ มาตรฐาน) สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ ภาษาเพื่อการสื่อสาร มาตรฐาน ต ๑.๑ เข๎าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอํานจากสื่อประเภทตํางๆ และแสดงความคิดเห็นอยํางมีเหตุผล มาตรฐาน ต ๑.๒ มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข๎อมูลขําวสาร แสดงความรู๎สึก และความคิดเห็นอยํางมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต ๑.๓ น าเสนอข๎อมูลขําวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องตําง ๆ โดยการพูด และการเขียน สาระที่ ๒ ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ เข๎าใจความสัมพันธ์ระหวํางภาษากับวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา และน าไปใช๎ได๎ อยํางเหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต ๒.๒ เข๎าใจความเหมือนและความแตกตํางระหวํางภาษาและวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และน ามาใช๎อยํางถูกต๎องและเหมาะสม สาระที่ ๓ ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น มาตรฐาน ต ๓.๑ ใช๎ภาษาตํางประเทศในการเชื่อมโยงความรู๎กับกลุํมสาระการเรียนรู๎อื่น และเป็นพื้นฐาน ในการพัฒนา แสวงหาความรู๎ และเปิดโลกทัศน์ของตน
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๑๒ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๔ ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๑ ใช๎ภาษาตํางประเทศในสถานการณ์ตํางๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชนและสังคม มาตรฐาน ต ๔.๒ ใช๎ภาษาตํางประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาตํอ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู๎กับสังคมโลก รายวิชาเพิ่มเติม รายวิชาหน้าที่พลเมือง ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ (บูรณาการในกลุ่มสาระ) จุดเน้นที่ ๑ ความเป็นไทย ๑.๑ ลักษณะที่ดีของคนไทย (มารยาทไทย กตัญญูกตเวทีเอื้อเฟื้อเผื่อแผํ เสียสละ) ๑.๒ ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และประเพณีไทย (การแตํงกาย ภาษา ภูมิปัญญา ประเพณี) จุดเน้นที่ ๒ รักชาติ ยึดมั่นในศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การเห็นคุณคําและการแสดงออกถึงความรักชาติ ยึดมั่นในศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จุดเน้นที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ๓.๑ การด าเนินชีวิตตามวิถีประชาธิปไตย ๓.๒ การมีสํวนรํวมทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข จุดเน้นที่ ๔ ความปรองดอง สมานฉันท์ ๔.๑ การอยูํรํวมกันในสังคมแหํงความหลากหลาย ๔.๒ การจัดการความขัดแย๎งและสันติวิธี จุดเน้นที่ ๕ ความมีวินัยในตนเอง ซื่อสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียร อดทน ใฝุหาความรู๎ ตั้งใจปฏิบัติหน๎าที่ ยอมรับผลที่เกิดจากการกระท า ของตนเอง รายวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ผลการเรียนรู้ ๑. สามารถใช๎ค าทักทาย ค าอ าลา และใช๎ทําทางประกอบได๎อยํางถูกต๎อง ๒. สามารถเขียนและอํานออกเสียงค าศัพท์ที่ก าหนดให๎ได๎ ๓. เข๎าใจและปฏิบัติตามค าสั่งงําย ๆ ได๎ ๔. สามารถให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง และข๎อมูลของผู๎อื่นได๎ ๕. สามารถสะกดค าศัพท์ได๎ถูกต๎อง ๖. สามารถถาม-ตอบประโยคงําย ๆ ได๎
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๑๓ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ผลการเรียนรู้ ๑. สามารถใช๎ค า ทักทาย ค าอ าลา และใช๎ทําทางประกอบได๎อยํางถูกต๎อง ๒. สามารถเขียนและอํานออกเสียงค าศัพท์ที่ก าหนดให๎ได๎ ๓. นักเรียนเข๎าใจและปฏิบัติตามค าสั่งงําย ๆ ได๎ ๔. สามารถให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง และข๎อมูลของผู๎อื่นได๎ ๕. สามารถสะกดค า ศัพท์ได๎ถูกต๎อง ๖. นักเรียนสามารถถาม-ตอบประโยคงําย ๆ ได๎ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ผลการเรียนรู้ ๑. สามารถใช๎ค า ทักทาย ค าอ าลา และใช๎ทําทางประกอบได๎อยํางถูกต๎อง ๒. สามารถเขียนและอํานออกเสียงค าศัพท์ที่ก าหนดให๎ได๎ ๓. เข๎าใจและปฏิบัติตามค าสั่งงําย ๆ ได๎ ๔. สามารถให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง และข๎อมูลของผู๎อื่นได๎ ๕. สามารถสะกดค าศัพท์ได๎ถูกต๎อง ๖. สามารถถาม-ตอบประโยคงําย ๆ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ผลการเรียนรู้ ๑. สามารถเขียนและอํานออกเสียงค าศัพท์ที่ก าหนดให๎ได๎ ๒. สามารถให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง และข๎อมูลของผู๎อื่นได๎ ๓. เข๎าใจและปฏิบัติตามค าสั่งงําย ๆ ได๎ ๔. สามารถสะกดค าศัพท์ได๎ถูกต๎อง ๕. สามารถถาม-ตอบประโยคงําย ๆ ได๎ ๖. เข๎าใจ ค าสั่ง ค าขอร๎อง ภาษาทําทาง และค าแนะน าในสถานศึกษา ๗. เข๎าใจบทสนทนาและบทความสั้น ๆ ได๎ ๘. สามารถใช๎และเข๎าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษพื้นฐานได๎ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ผลการเรียนรู้ ๑. สามารถเขียนและอํานออกเสียงค าศัพท์ที่ก าหนดให๎ได๎ ๒. สามารถให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง และข๎อมูลของผู๎อื่นได๎ ๓. เข๎าใจและปฏิบัติตามค าสั่งงําย ๆ ได๎ ๔. สามารถสะกดค าศัพท์ได๎ถูกต๎อง ๕. สามารถถาม-ตอบประโยคงําย ๆ ได๎ ๖. เข๎าใจ ค าสั่ง ค าขอร๎อง ภาษาทําทาง และค าแนะน าในสถานศึกษา ๗. เข๎าใจบทสนทนาและบทความสั้น ๆ ได๎ ๘. สามารถใช๎และเข๎าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษพื้นฐานได๎
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๑๔ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ รายวิชาการศึกษาเพื่อเรียนรู้ (Knowledge Inquiry) ระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๓ ๑. ตั้งค าถาม ข๎อสงสัยเกี่ยวกับสิ่งใกล๎ตัว ๒. ศึกษา ค๎นคว๎า แสวงหาข๎อมูล ค าตอบ จากบุคคล ใกล๎ตัว /แหลํงข๎อมูลพื้นฐานงําย ๆ ๓. จัดล าดับขั้นตอน ในการรวบรวมข๎อมูล ๔. ท างานบรรลุผลส าเร็จภายใต๎การดูแล ก ากับ และชํวยเหลือของครูอยํางใกล๎ชิด ๕. บอกสาระส าคัญของสิ่ง ที่สนทนา หรือได๎รับฟัง ๖. เขียน หรือวาดภาพ และพูดน าเสนอเพื่อสื่อสารเรื่องราวงํายๆ ได๎อยํางชัดเจน ไมํสับสนโดยใช๎สื่อ ที่เหมาะสม ๗. น าความรู๎และข๎อคิดที่ได๎ไปใช๎ในกับเพื่อนๆ และคนในครอบครัว ๘. เห็นประโยชน์และคุณคําของการศึกษาค๎นคว๎าด๎วยตนเอง ระดับประถมศึกษาปีที่ ๔ – ๖ วิชา การศึกษาเพื่อเรียนรู้ ๑. ตั้งประเด็น /ค าถาม/ข๎อสงสัย(Knowledge issue)ในสิ่งที่สนใจ เกี่ยวกับสิ่งแวดล๎อมหรือบุคคลใกล๎ตัว ๒. วางแผน ก าหนดขอบเขต ในการรวบรวมและล าดับขั้นตอนการเก็บข๎อมูล ค๎นคว๎า แสวงหา ข๎อมูล ค าตอบ จากแหลํงค๎นคว๎าใกล๎ตัว ๓. แสวงหาข๎อมูลและอ๎างอิงแหลํงเรียนรู๎ที่เชื่อถือได๎ ๔. อภิปรายและวิเคราะห์ข๎อมูลการสืบค๎น ๕. พูด เขียน เพื่อสรุปประเด็นความรู๎จากข๎อคิดส าคัญที่ได๎ศึกษาค๎นคว๎า ๖. สื่อสารและน าเสนอเป็นล าดับ ขั้นตอน เข๎าใจงําย ในรูปแบบกลุํม หรือรายบุคคล ๗. ใช๎สื่อในการน าเสนอที่เหมาะสมกับวัย ๘. เชื่อมโยงความรู๎สูํการปฏิบัติในสถานการณ์งําย เพื่อประโยชน์ตํอคนใกล๎ชิด และโรงเรียน ๙. เห็นประโยชน์และคุณคําของการศึกษาค๎นคว๎าด๎วยตนเอง กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมพัฒนาผู๎เรียน มุํงให๎ผู๎เรียนได๎พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอยํางรอบด๎านเพื่อความเป็นมนุษย์ ที่สมบูรณ์ ทั้งรํางกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร๎างให๎เป็นผู๎มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝัง และสร๎างจิตส านึกของการท าประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการตนเองได๎ และอยูํรํวมกับผู๎อื่นอยํางมีความสุข กิจกรรมพัฒนาผู๎เรียน แบํงเป็น ๓ ลักษณะ ดังนี้ ๑. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่สํงเสริมและพัฒนาผู๎เรียนให๎รู๎จักตนเอง รู๎รักษ์สิ่งแวดล๎อม สามารถคิดตัดสินใจ คิด แก๎ปัญหา ก าหนดเปูาหมาย วางแผนชีวิตทั้งด๎านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได๎อยํางเหมาะสม นอกจากนี้ ยังชํวยให๎ครูรู๎จักและเข๎าใจผู๎เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ชํวยเหลือและให๎ค าปรึกษาแกํผู๎ปกครอง ในการมีสํวนรํวมพัฒนาผู๎เรียน
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๑๕ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ๒. กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมที่มุํงพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู๎น าผู๎ตามที่ดี ความรับผิดชอบ การท างานรํวมกัน การรู๎จักแก๎ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การชํวยเหลือแบํงปันกัน เอื้ออาทร และ สมานฉันท์ โดยจัดให๎สอดคล๎องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู๎เรียน ให๎ได๎ปฏิบัติ ด๎วยตนเองในทุกขั้นตอน ได๎แกํ การศึกษาวิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการท างาน เน๎น การท างานรํวมกันเป็นกลุํม ตามความเหมาะสมและสอดคล๎องกับวุฒิภาวะของผู๎เรียน บริบทของสถานศึกษาและ ท๎องถิ่น กิจกรรมนักเรียนประกอบด๎วย ๒.๑ กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ๒.๒ กิจกรรมชุมนุม ๓. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่สํงเสริมให๎ผู๎เรียนบ าเพ็ญตนให๎เป็น ประโยชน์ตํอสังคม ชุมชน และท๎องถิ่นตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดี งาม ความเสียสละตํอสังคม มีจิตสาธารณะ เชํน กิจกรรมอาสาพัฒนาตําง ๆ กิจกรรมสร๎างสรรค์สังคม นักเรียนทุก คนต๎องเข๎ารํวมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ชั่วโมงตํอปีการศึกษา ดังนั้นนักเรียนแตํละคนต๎อง ได๎ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อสังคมตั้งแตํเข๎าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ จนกระทั่งจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ จ านวน ๖๐ ชั่วโมง แนวการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล โรงเรียนอนุบาลร๎อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ มุํงเน๎นการจัดกิจกรรมพัฒนาผู๎เรียนให๎มีความหลากหลายรูปแบบ วิธีการ โดยมีขอบขํายดังนี้ ๑. เป็นกิจกรรมที่สํงเสริมการเรียนรู๎ ๘ กลุํมสาระการเรียนรู๎ให๎กว๎างขวางลึกซึ้งยิ่งขึ้นในลักษณะ เป็นกระบวนการเชิงบูรณาการ โดยยึดหลักคุณธรรมจริยธรรม ตลอดจนสามารถบูรณาการระหวํางกิจกรรม แนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ ๒. เป็นกิจกรรมที่ตอบสนองความสนใจ ความถนัด และความต๎องการของผู๎เรียนตามความแตกตําง ระหวํางบุคคล เน๎นการให๎ผู๎เรียนได๎เห็นคุณคําของวิชาชีพ ความรู๎อาชีพ และ การด าเนินชีวิตที่ดีงาม ตลอดจน เห็นแนวทางในการศึกษาตํอและการประกอบอาชีพ ๓. เป็นกิจกรรมที่ปลูกฝังและสํงเสริมจิตส านึกการท าประโยชน์ตํอสังคมในลักษณะตําง ๆสนับสนุน คํานิยมที่ดีงามและสร๎างเสริมคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ๔. เป็นกิจกรรมที่ฝึกการท างานและการให๎บริการด๎านตําง ๆ ทั้งที่เป็นประโยชน์ตํอตนเอง และตํอสํวนรวม เพื่อเสริมสร๎างความมีน้ าใจ ความเอื้ออาทร ความเป็นพลเมืองดี และความรับผิดชอบ ตํอตนเอง ครอบครัว และสังคม ทั้งนี้ โรงเรียนอนุบาลร๎อยเอ็ด ได๎จัดให๎ผู๎เรียนทุกคนเข๎ารํวมกิจกรรมโดยมีแนวการจัดกิจกรรมพัฒนา ผู๎เรียน ดังนี้ ให๎ผู๎เรียนปฏิบัติกรรมอยํางมีความสุขในการรํวมกิจกรรม ให๎ผู๎ได๎ปฏิบัติกิจกรรมผํานประสบการณ์ ที่หลากหลาย ฝึกการท างานที่สอดคล๎องกับชีวิตจริง ตลอดจนสะท๎อนความรู๎ ทักษะ และประสบการณ์ ของผู๎เรียนจัดกิจกรรมอยํางสมดุลทั้ง ๓ กิจกรรม คือ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียนและกิจกรรมเพื่อสังคม และสาธารณประโยชน์ มีความสมดุลในการจัดกิจกรรมรายบุคคลและกิจกรรมกลุํม รวมทั้งมีการจัดกิจกรรม
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๑๖ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ในและนอกสถานศึกษาจัดกิจกรรมโดยให๎ผู๎เรียนเป็นผู๎ด าเนินการ โดยมีการส ารวจและใช๎ข๎อมูลประกอบการ วางแผนอยํางเป็นระบบ เน๎นการคิดวิเคราะห์และใช๎ความคิดสร๎างสรรค์ ในการด าเนินกิจกรรมใช๎กระบวนการ มีสํวนรํวม และการเรียนรู๎แบบรํวมมือมากกวําเน๎นการแขํงขันบนพื้นฐานการปฏิบัติตามวิถีประชาธิปไตย การจัดกิจกรรมพัฒนาผู๎เรียน มุํงพัฒนาผู๎เรียนให๎เกิดสมรรถนะส าคัญ ๕ ประการ ได๎แกํ ความสามารถ ในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก๎ปัญหา ความสามารถในการใช๎ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช๎เทคโนโลยีและมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์๘ ประการ ได๎แกํ รักชาติ ศาสน์กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝุเรียนรู๎อยูํอยํางพอเพียง มุํงมั่นในการท างาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขึ้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๑๗ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ รหัสตัวชี้วัด ตัวชี้วัดระบุสิ่งที่ผู๎เรียนพึงรู๎และปฏิบัติได๎ รวมทั้งคุณลักษณะของผู๎เรียนในแตํละระดับชั้นซึ่งสะท๎อนถึง มาตรฐานการเรียนรู๎ มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเป็นรูปธรรม น าไปใช๎ในการก าหนดเนื้อหา จัดท าหนํวย การเรียนรู๎ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์ส าคัญส าหรับการวัดประเมินผลเพื่อตรวจสอบคุณภาพผู๎เรียน ตัวชี้วัดชั้นปีเป็นเปูาหมายในการพัฒนาผู๎เรียนแตํละชั้นปี หลักสูตรได๎มีการก าหนดรหัสก ากับมาตรฐานการเรียนรู๎และตัวชี้วัด เพื่อความเข๎าใจและให๎สื่อสารตรงกัน ตัวอยําง ดังนี้ ว ๑.๑ ป. ๑/๒ ป. ๑/๒ ตัวชี้วัดชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ข๎อที่ ๒ ๑.๑ สาระที่ ๑ มาตรฐานข๎อที่ ๑ ว กลุํมสาระการเรียนรู๎วิทยาศาสตร์ ระบบรหัสวิชา การก าหนดรหัสวิชาใช๎ตัวเลขอารบิก เพื่อสื่อสารและการจัดท าเอกสารหลักฐานการศึกษา ส าหรับ รายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ประกอบด๎วยตัวอักษรและตัวเลข ๖ หลัก ดังนี้ หลักที่ ๑ หลักที่ ๒ หลักที่ ๓ หลักที่ ๔ กลุํมสาระ การเรียนรู๎ ระดับ การศึกษา ปีในระดับ การศึกษา ประเภทของ รายวิชา หลักที่ ๕ หลักที่ ๖ ล าดับของรายวิชา ท ค ว ส พ ศ ง ๑ ๒ ๓ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๑ ๒ ๐๑ – ๙๙
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๑๘ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ หลักที่ ๑ เป็นรหัสตัวอักษรแสดงกลุํมสาระการเรียนรู๎คือ ท หมายถึง กลุํมสาระการเรียนรู๎ภาษาไทย ค หมายถึง กลุํมสาระการเรียนรู๎คณิตศาสตร์ ว หมายถึง กลุํมสาระการเรียนรู๎วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส หมายถึง กลุํมสาระการเรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พ หมายถึง กลุํมสาระการเรียนรู๎สุขศึกษาและพลศึกษา ศ หมายถึง กลุํมสาระการเรียนรู๎ศิลปะ ง หมายถึง กลุํมสาระการเรียนรู๎การงานอาชีพ หมายถึง กลุํมสาระการเรียนรู๎ภาษาตํางประเทศให๎ใช๎รหัสของแตํละภาษาตามรายการ หมายเหตุ ๑. รหัสตัวอักษรกลุํมสาระการเรียนรู๎ภาษาตํางประเทศ ๑.๑ รายการรหัสตัวอักษรกลุํมสาระการเรียนรู๎ภาษาตํางประเทศที่จะน าไปใสํแทน มีดังนี้ ก หมายถึง ภาษาเกาหลี ข หมายถึง ภาษาเขมร จ หมายถึง ภาษาจีน ซ หมายถึง ภาษารัสเซีย ญ หมายถึง ภาษาญี่ปุุน ต หมายถึง ภาษาเวียดนาม น หมายถึง ภาษาลาติน บ หมายถึง ภาษาบาลี ป หมายถึง ภาษาสเปน ฝ หมายถึง ภาษาฝรั่งเศส ม หมายถึง ภาษามลายู ย หมายถึง ภาษาเยอรมัน ร หมายถึง ภาษาอาหรับ ล หมายถึง ภาษาลาว อ หมายถึง ภาษาอังกฤษ ฮ หมายถึง ภาษาฮินดู ๒. กรณีก าหนดรายวิชากลุํมเทคโนโลยีในกลุํมสาระการเรียนรู๎วิทยาศาสตร์ ให๎ใช๎รหัสวิชา ว และถ๎าก าหนดในกลุํมสาระการเรียนรู๎การงานอาชีพ ให๎ใช๎รหัสวิชา ง
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๑๙ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ หลักที่ ๒ เป็นรหัสตัวเลขแสดงระดับการศึกษาในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต๎น และมัธยมศึกษา ตอนปลาย สะท๎อนระดับความรู๎และทักษะในรายวิชาที่ก าหนดไว๎ คือ ๑ หมายถึง รายวิชาระดับประถมศึกษา ๒ หมายถึง รายวิชาระดับมัธยมศึกษาตอนต๎น ๓ หมายถึง รายวิชาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หลักที่ ๓ เป็นรหัสตัวเลขแสดงปีที่เรียนของรายวิชา ซึ่งสะท๎อนระดับความรู๎และทักษะในรายวิชาที่ก าหนดไว๎ ในแตํละปีคือ ๐ หมายถึง รายวิชาที่ไมํก าหนดปีที่เรียน จะเรียนปีใดก็ได๎ในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต๎น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ๑ หมายถึง รายวิชาที่เรียนในปีที่ ๑ ของระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต๎น และมัธยมศึกษา ตอนปลาย (ป.๑ ม.๑ และม.๔) ๒ หมายถึง รายวิชาที่เรียนในปีที่ ๒ ของระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต๎น และมัธยมศึกษา ตอนปลาย (ป.๒ ม.๒ และม.๕) ๓ หมายถึง รายวิชาที่เรียนในปีที่ ๓ ของระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต๎น และมัธยมศึกษา ตอนปลาย (ป.๓ ม.๓ และ ม.๖) ๔ หมายถึง รายวิชาที่เรียนในปีที่ ๔ ของระดับประถมศึกษา (ป.๔) ๕ หมายถึง รายวิชาที่เรียนในปีที่ ๕ ของระดับประถมศึกษา (ป.๕) ๖ หมายถึง รายวิชาที่เรียนในปีที่ ๖ ของระดับประถมศึกษา (ป.๖) หลักที่ ๔ เป็นรหัสตัวเลขแสดงประเภทของรายวิชา คือ ๑ หมายถึง รายวิชาพื้นฐาน ๒ หมายถึง รายวิชาเพิ่มเติม หลักที่ ๕ และหลักที่ ๖ เป็นรหัสตัวเลขแสดงล าดับของรายวิชาแตํละกลุํมสาระการเรียนรู๎ในระดับปีการศึกษา เดียวกัน ในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต๎น หรือมัธยมศึกษาตอนปลาย มีจ านวนตั้งแตํ ๐๑ – ๙๙ ดังนี้ - รายวิชาที่ก าหนดปีที่เรียน ให๎นับรหัสหลักที่ ๕-๖ ตํอเนื่องในปีเดียวกัน หากจัดรายวิชาเป็นรายภาค ให๎ก าหนดเรียงล าดับรายวิชาในกลุํมสาระการเรียนรู๎เดียวกันให๎เสร็จสิ้นในภาคเรียนแรกกํอน แล๎วจึงก าหนด ตํอในภาคเรียนที่สอง - รายวิชาเพิ่มเติมหน๎าที่พลเมือง ก าหนดรหัสตัวเลขแสดงรหัสวิชา ดังนี้ ล าดับที่ ๓๑ – ๓๖ แสดงรหัสรายวิชาเพิ่มเติมหน๎าที่พลเมืองในระดับชั้นประถมศึกษา
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๒๐ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๒. ซื่อสัตย์สุจริต ๓. มีวินัย ๔. ใฝุเรียนรู๎ ๕. อยูํอยํางพอเพียง ๖. มุํงมั่นในการท างาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแก๎ปัญหา ๔. ความสามารถในการใช๎ทักษะชีวิต ๕. ความสามารถในการใช๎เทคโนโลยี จุดหมาย ๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และคํานิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณคําของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรม ของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๒. มีความรู๎อันเป็นสากลและมีความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก๎ปัญหา การใช๎เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต ๓. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักการออกก าลังกาย ๔. มีความรักชาติ มีจิตส านึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ๕. มีจิตส านึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล๎อม มีจิตสาธารณะที่มุํง ท าประโยชน์และสร๎างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยูํรํวมกันในสังคมอยํางมีความสุข กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑.กิจกรรมแนะแนว ๒.กิจกรรมนักเรียน ๓. กิจกรรมเพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์ วิสัยทัศน์ หลักสูตรโรงเรียนอนุบาลร๎อยเอ็ด มุํงพัฒนาผู๎เรียนทุกคน ซึ่งเป็นก าลังของชาติให๎เป็นมนุษย์ ที่มีความสมดุลทั้งด๎าน รํางกาย ความรู๎ คุณธรรม มีจิตส านึกในความเป็นพลเมืองไทย และเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู๎และทักษะพื้นฐาน รวมทั้ง เจตคติ ที่จ าเป็นตํอการศึกษาตํอการประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุํงเน๎นผู๎เรียนเป็นส าคัญบนพื้นฐานความเชื่อวํา ทุกคนสามารถเรียนรู๎และพัฒนาตนเองได๎เต็ม ตามศักยภาพ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ๑. ภาษาไทย ๒. คณิตศาสตร์ ๓. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔.สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๕. สุขศึกษาและพลศึกษา ๖. ศิลปะ ๗. การงานอาชีพ ๘. ภาษาตํางประเทศ คุณภาพของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ความสัมพนัธ์ของการพฒันาคุณภาพผู้เรียนตามหลักสูตรโรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๒๑ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ระดับการศึกษา หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล โรงเรียนอนุบาลร๎อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ จัดระดับการศึกษาในระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๖) การศึกษาระดับนี้เป็นชํวงแรก ของการศึกษาภาคบังคับ มุํงเน๎นทักษะพื้นฐานด๎านการอําน การเขียน การคิดค านวณ ทักษะการคิดพื้นฐาน การติดตํอสื่อสาร กระบวนการเรียนรู๎ทางสังคม และพื้นฐานความเป็นมนุษย์ การพัฒนาคุณภาพชีวิตอยํางสมบูรณ์ และสมดุลทั้งในด๎านรํางกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม และวัฒนธรรม โดยเน๎นจัดการเรียนรู๎แบบบูรณาการ การจัดเวลาเรียน หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล โรงเรียนอนุบาลร๎อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ได๎ก าหนดกรอบโครงสร๎างเวลาเรียน ส าหรับกลุํมสาระการเรียนรู๎ ๘ กลุํมสาระ และกิจกรรมพัฒนาผู๎เรียน ในระดับชั้นประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑–๖) โดยจัดเวลาเรียนเป็นรายปี รวมตลอดปีการศึกษา ระดับชั้นละไมํน๎อยกวํา ๑,๐๐๐ ชั่วโมง โดยจัดเวลาเรียนระดับชั้นละ ๕ ชั่วโมง/วัน รายละเอียดแตํละ ระดับชั้น ตามโครงสร๎างหลักสูตรสถานศึกษา ดังนี้
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๒๒ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา โครงสร๎างหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนมาตรฐานสากล โรงเรียนอนุบาลร๎อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ มีโครงสร๎างเวลาเรียน ดังนี้ กลุ่มสาระการเรียนรู้/ กิจกรรม เวลาเรียน ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ รายวิชาเพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๒๐ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑๐๐ ๑๐๐ ๑๐๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ประวัติศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ สุขศึกษาและพลศึกษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ศิลปะ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ การงานอาชีพ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ภาษาตํางประเทศ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ รวมเวลาเรียน รายวิชาเพื้นฐาน ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ กิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารีกิจกรรมชุมนุม ๗๐ ๗๐ ๗๐ ๗๐ ๗๐ ๗๐ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ รายวิชาเพิ่มเติม รายวิชา / กิจกรรมที่สถานศึกษาจัด เพิ่มเติม ตามความพร้อมและจุดเน้น ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ภาษาตํางประเทศ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ - การศึกษาเพื่อเรียนรู๎ บูรณาการในกลุํมสาระ ๔๐ หน๎าที่พลเมือง บูรณาการในกลุํมสาระ การปูองกันการทุจริต บูรณาการในกลุํมสาระ รวมเวลาเรียนทั้งหมด ๑,๐๐๐ ชั่วโมง/ปี
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๒๓ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ การก าหนดโครงสร๎างเวลาเรียนพื้นฐาน และเพิ่มเติม สถานศึกษาด าเนินการ ปรับเวลาเรียนพื้นฐาน ของแตํละกลุํมสาระการเรียนรู๎ ได๎ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ได๎ก าหนดเวลาเรียนรวมตามที่ก าหนดไว๎ในโครงสร๎าง เวลาเรียนพื้นฐาน และก าหนดให๎ผู๎เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู๎และตัวชี้วัดที่ก าหนดกิจกรรมพัฒนา ผู๎เรียนที่ก าหนดไว๎ในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ปีละ ๑๒๐ ชั่วโมงนั้น เป็นเวลาส าหรับ ปฏิบัติกิจกรรมแนะแนวกิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ในสํวนกิจกรรมเพื่อสังคม และสาธารณประโยชน์สถานศึกษาจัดสรรเวลาให๎ผู๎เรียนได๎ปฏิบัติกิจกรรมระดับประถมศึกษา (ป.๑-๖) รวม ๖ ปี จ านวน ๖๐ ชั่วโมง โครงสร้างหลักสูตรชั้นปี หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล โรงเรียนอนุบาลร๎อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ได๎ก าหนดโครงสร๎างหลักสูตรชั้นปี เพื่อแสดงรายละเอียดเวลาเรียนของรายวิชาพื้นฐาน รายวิชา/กิจรรมเพิ่มเติม และกิจกรรมพัฒนาผู๎เรียนในแตํละชั้นปี ดังนี้ โครงสร้างหลักสูตรชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรียน(ชม./ปี) รายวิชาพื้นฐาน ๘๔๐ ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ค๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ว๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑๐๐ ส๑๑๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๔๐ ส๑๑๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๔๐ พ๑๑๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๔๐ ศ๑๑๑๐๑ ศิลปะ ๔๐ ง๑๑๑๐๑ การงานอาชีพ ๒๐ อ๑๑๑๐๑ ภาษาตํางประเทศ ๑๖๐ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ กิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี, กิจกรรมชุมนุม ๗๐ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ รายวิชา / กิจกรรมเพิ่มเติม ๔๐ อ๑๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษ (อําน-เขียน๑) ๔๐ ส๑๑๒๓๑ หน๎าที่พลเมือง๑ บูรณาการในกลุํมสาระ การศึกษาเพื่อการเรียนรู๎ บูรณาการในกลุํมสาระ การปูองกันการทุจริต๑ บูรณาการในกลุํมสาระ รวมเวลาเรียนทั้งหมด ๑,๐๐๐
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๒๔ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ โครงสร้างหลักสูตรชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรียน(ชม./ปี) รายวิชาพื้นฐาน ๘๔๐ ท๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ค๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ว๑๒๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑๐๐ ส๑๒๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๔๐ ส๑๒๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๔๐ พ๑๒๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๔๐ ศ๑๒๑๐๑ ศิลปะ ๔๐ ง๑๒๑๐๑ การงานอาชีพ ๒๐ อ๑๒๑๐๑ ภาษาตํางประเทศ ๑๖๐ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ กิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี, กิจกรรมชุมนุม ๗๐ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ รายวิชา / กิจกรรมเพิ่มเติม ๔๐ อ๑๒๒๐๑ ภาษาอังกฤษ (อําน-เขียน๒) ๔๐ ส๑๒๒๓๒ หน๎าที่พลเมือง๒ บูรณาการในกลุํมสาระ การศึกษาเพื่อการเรียนรู๎ บูรณาการในกลุํมสาระ การปูองกันการทุจริต๒ บูรณาการในกลุํมสาระ รวมเวลาเรียนทั้งหมด ๑,๐๐๐
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๒๕ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ โครงสร้างหลักสูตรชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรียน(ชม./ปี) รายวิชาพื้นฐาน ๘๔๐ ท๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ค๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ว๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑๐๐ ส๑๓๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๔๐ ส๑๓๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๔๐ พ๑๑๓๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๔๐ ศ๑๓๑๐๑ ศิลปะ ๔๐ ง๑๑๓๐๑ การงานอาชีพ ๒๐ อ๑๓๑๐๑ ภาษาตํางประเทศ ๑๖๐ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ กิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี, กิจกรรมชุมนุม ๗๐ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ รายวิชา / กิจกรรมเพิ่มเติม ๔๐ อ๑๓๒๐๑ ภาษาอังกฤษ (อําน-เขียน๓) ๔๐ ส๑๓๒๓๓ หน๎าที่พลเมือง๓ บูรณาการในกลุํมสาระ การศึกษาเพื่อการเรียนรู๎ บูรณาการในกลุํมสาระ การปูองกันการทุจริต๓ บูรณาการในกลุํมสาระ รวมเวลาเรียนทั้งหมด ๑,๐๐๐
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๒๖ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ โครงสร้างหลักสูตรชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรียน(ชม./ปี) รายวิชาพื้นฐาน ๘๔๐ ท๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๑๖๐ ค๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑๖๐ ว๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑๒๐ ส๑๔๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๘๐ ส๑๔๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๔๐ พ๑๔๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๘๐ ศ๑๔๑๐๑ ศิลปะ ๘๐ ง๑๔๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ อ๑๔๑๐๑ ภาษาตํางประเทศ ๘๐ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ กิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี, กิจกรรมชุมนุม ๗๐ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ รายวิชา / กิจกรรมเพิ่มเติม ๔๐ อ๑๔๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ๔๐ ส๑๔๒๓๔ หน๎าที่พลเมือง๔ บูรณาการในกลุํมสาระ การศึกษาเพื่อการเรียนรู๎ บูรณาการในกลุํมสาระ การปูองกันการทุจริต๔ บูรณาการในกลุํมสาระ รวมเวลาเรียนทั้งหมด ๑,๐๐๐
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๒๗ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ โครงสร้างหลักสูตรชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรียน(ชม./ปี) รายวิชาพื้นฐาน ๘๔๐ ท๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๑๖๐ ค๑๕๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑๖๐ ว๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑๒๐ ส๑๕๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๘๐ ส๑๕๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๔๐ พ๑๕๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๘๐ ศ๑๕๑๐๑ ศิลปะ ๘๐ ง๑๕๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ อ๑๕๑๐๑ ภาษาตํางประเทศ ๘๐ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ กิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี, กิจกรรมชุมนุม ๗๐ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ รายวิชา / กิจกรรมเพิ่มเติม ๔๐ อ๑๕๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ๔๐ ส๑๕๒๓๕ หน๎าที่พลเมือง๕ บูรณาการในกลุํมสาระ การศึกษาเพื่อการเรียนรู๎ บูรณาการในกลุํมสาระ การปูองกันการทุจริต๕ บูรณาการในกลุํมสาระ รวมเวลาเรียนทั้งหมด ๑,๐๐๐
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๒๘ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ โครงสร้างหลักสูตรชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรียน(ชม./ปี) รายวิชาพื้นฐาน ๘๔๐ ท๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๑๒๐ ค๑๖๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑๖๐ ว๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑๒๐ ส๑๖๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๘๐ ส๑๖๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๔๐ พ๑๖๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๘๐ ศ๑๖๑๐๑ ศิลปะ ๘๐ ง๑๖๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ อ๑๖๑๐๑ ภาษาตํางประเทศ ๑๒๐ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ กิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี, กิจกรรมชุมนุม ๗๐ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ รายวิชา / กิจกรรมเพิ่มเติม ๔๐ I๑๖๒๐๑ การศึกษาเพื่อเรียนรู๎(IS) ๔๐ ส๑๖๒๓๖ หน๎าที่พลเมือง๖ บูรณาการในกลุํมสาระ การปูองกันการทุจริต๖ บูรณาการในกลุํมสาระ รวมเวลาเรียนทั้งหมด ๑,๐๐๐
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๒๙ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ท าไมต้องเรียนภาษาไทย ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ของชาติเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันกํอให๎เกิดความเป็นเอกภาพและเสริมสร๎าง บุคลิกภาพของคนในชาติให๎มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดตํอสื่อสารเพื่อสร๎างความเข๎าใจ และความ สัมพันธ์ที่ดีตํอกัน ท าให๎สามารถประกอบกิจธุระ การงาน และด ารงชีวิตรํวมกัน ในสังคมประชาธิปไตย ได๎อยํางสันติสุข และเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู๎ ประสบการณ์จากแหลํงข๎อมูลสารสนเทศตําง ๆ เพื่อพัฒนาความรู๎ พัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ และสร๎างสรรค์ให๎ทันตํอการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และความก๎าวหน๎าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนน าไปใช๎ในการพัฒนาอาชีพให๎มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นสื่อแสดงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษด๎านวัฒนธรรม ประเพณี และสุนทรียภาพ เป็นสมบัติล้ าคํา ควรแกํการเรียนรู๎ อนุรักษ์ และสืบสาน ให๎คงอยูํคูํชาติไทยตลอดไป เรียนรู้อะไรในภาษาไทย ภาษาไทยเป็นทักษะที่ต๎องฝึกฝนจนเกิดความช านาญในการใช๎ภาษาเพื่อการสื่อสาร การเรียนรู๎อยํางมี ประสิทธิภาพ และเพื่อน าไปใช๎ในชีวิตจริง การอ่าน การอํานออกเสียงค า ประโยค การอํานบทร๎อยแก๎ว ค าประพันธ์ชนิดตําง ๆ การอํานในใจเพื่อสร๎างความเข๎าใจ และการคิดวิเคราะห์สังเคราะห์ความรู๎จากสิ่งที่อําน เพื่อน าไปปรับใช๎ ในชีวิตประจ าวัน การเขียน การเขียนสะกดตามอักขรวิธี การเขียนสื่อสาร โดยใช๎ถ๎อยค าและรูปแบบตํางๆ ของการเขียน ซึ่งรวมถึงการเขียนเรียงความ ยํอความ รายงานชนิดตํางๆ การเขียนตามจินตนาการ วิเคราะห์วิจารณ์ และเขียน เชิงสร๎างสรรค์ การฟัง การดู และการพูด การฟังและดูอยํางมีวิจารณญาณ การพูดแสดงความคิดเห็น ความรู๎สึก พูดล าดับเรื่องราวตํางๆ อยํางเป็นเหตุเป็นผล การพูดในโอกาสตํางๆ ทั้งเป็นทางการและ ไมํเป็นทางการ และการพูดเพื่อโน๎มน๎าวใจ หลักการใช้ภาษาไทย ธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย การใช๎ภาษาให๎ถูกต๎องเหมาะสม กับโอกาสและบุคคล การแตํงบทประพันธ์ประเภทตํางๆ และอิทธิพลของภาษาตํางประเทศในภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อศึกษาข๎อมูล แนวความคิด คุณคํา ของงานประพันธ์ และความเพลิดเพลิน การเรียนรู๎และท าความเข๎าใจบทเหํ บทร๎องเลํนของเด็ก เพลงพื้นบ๎าน ที่เป็นภูมิปัญญาที่มีคุณคําของไทย ซึ่งได๎ถํายทอดความรู๎สึกนึกคิด คํานิยม ขนบธรรมเนียมประเพณีเรื่องราว ของสังคมในอดีต และความงดงามของภาษา เพื่อให๎เกิดความซาบซึ้งและภูมิใจในบรรพบุรุษที่ได๎สั่งสมสืบทอดมา จนถึงปัจจุบัน
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๓๐ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ คุณภาพผู้เรียน จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ อํานออกเสียงค า ค าคล๎องจอง ข๎อความ เรื่องสั้นๆ และบทร๎อยกรองงํายๆ ได๎ถูกต๎องคลํองแคลํว เข๎าใจความหมายของค าและข๎อความที่อําน ตั้งค าถามเชิงเหตุผล ล าดับเหตุการณ์ คาดคะเนเหตุการณ์ สรุปความรู๎ข๎อคิดจากเรื่องที่อําน ปฏิบัติตามค าสั่ง ค าอธิบายจากเรื่องที่อํานได๎ เข๎าใจความหมายของข๎อมูล จากแผนภาพ แผนที่ และแผนภูมิ อํานหนังสืออยํางสม่ าเสมอ และมีมารยาทในการอําน มีทักษะในการคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนบรรยาย บันทึกประจ าวัน เขียนจดหมายลาครู เขียนเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ เขียนเรื่องตามจินตนาการและมีมารยาทในการเขียน เลํารายละเอียดและบอกสาระส าคัญ ตั้งค าถาม ตอบค าถาม รวมทั้งพูดแสดงความคิดความรู๎สึก เกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู พูดสื่อสารเลําประสบการณ์และพูดแนะน า หรือพูดเชิญชวนให๎ผู๎อื่นปฏิบัติตาม และมี มารยาทในการฟัง ดู และพูด สะกดค าและเข๎าใจความหมายของค า ความแตกตํางของค าและพยางค์ หน๎าที่ของค าในประโยค มีทักษะการใช๎พจนานุกรมในการค๎นหาความหมายของค า แตํงประโยคงํายๆ แตํงค าคล๎องจอง แตํงค าขวัญ และเลือกใช๎ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่นได๎เหมาะสมกับกาลเทศะ เข๎าใจและสามารถสรุปข๎อคิดที่ได๎จากการอํานวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อน าไปใช๎ในชีวิตประจ าวัน แสดงความคิดเห็นจากวรรณคดีที่อําน รู๎จักเพลงพื้นบ๎าน เพลงกลํอมเด็ก ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของท๎องถิ่น ร๎องบท ร๎องเลํน ส าหรับเด็กในท๎องถิ่น ทํองจ าบทอาขยานและบทร๎อยกรองที่มีคุณคําตามความสนใจได๎ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ อํานออกเสียงบทร๎อยแก๎วและบทร๎อยกรองเป็นท านองเสนาะได๎ถูกต๎อง อธิบายความหมายโดยตรง และความหมายโดยนัยของค า ประโยค ข๎อความ ส านวนโวหาร จากเรื่องที่อําน เข๎าใจค าแนะน า ค าอธิบาย ในคูํมือตํางๆ แยกแยะข๎อคิดเห็นและข๎อเท็จจริง รวมทั้งจับใจความส าคัญของเรื่องที่อํานและน าความรู๎ความคิด จากเรื่องที่อํานไปตัดสินใจแก๎ปัญหาในการด าเนินชีวิตได๎ มีมารยาทและมีนิสัยรักการอําน และเห็นคุณคําสิ่งที่อําน มีทักษะในการคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครึ่งบรรทัด เขียนสะกดค า แตํงประโยคและเขียน ข๎อความ ตลอดจนเขียนสื่อสารโดยใช๎ถ๎อยค าชัดเจนเหมาะสม ใช๎แผนภาพ โครงเรื่องและแผนภาพความคิด เพื่อพัฒนางานเขียน เขียนเรียงความ ยํอความ จดหมายสํวนตัว กรอกแบบรายการตําง ๆ เขียนแสดงความรู๎สึก และความคิดเห็น เขียนเรื่องตามจินตนาการอยํางสร๎างสรรค์ และมีมารยาทในการเขียน พูดแสดงความรู๎ ความคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู เลําเรื่องยํอหรือสรุปจากเรื่องที่ฟังและดู ตั้งค าถาม ตอบค าถาม จากเรื่องที่ฟังและดู รวมทั้งประเมินความนําเชื่อถือจากการฟังและดูโฆษณาอยํางมีเหตุผล พูด ตามล าดับขั้นตอนเรื่องตําง ๆ อยํางชัดเจน พูดรายงานหรือประเด็นค๎นคว๎าจากการฟัง การดู การสนทนา และพูดโน๎มน๎าวได๎อยํางมีเหตุผล รวมทั้งมีมารยาทในการดูและพูด สะกดค าและเข๎าใจความหมายของค า ส านวน ค าพังเพยและสุภาษิต รู๎และเข๎าใจ ชนิดและหน๎าที่ ของค าในประโยค ชนิดของประโยค และค าภาษาตํางประเทศในภาษาไทย ใช๎ค าราชาศัพท์และค าสุภาพได๎อยําง เหมาะสม แตํงประโยค แตํงบทร๎อยกรองประเภทกลอนสี่ กลอนสุภาพ และกาพย์ยานี ๑๑ เข๎าใจและเห็นคุณคําวรรณคดีและวรรณกรรมที่อําน เลํานิทานพื้นบ๎าน ร๎องเพลงพื้นบ๎านของท๎องถิ่น น าข๎อคิดเห็นจากเรื่องที่อํานไปประยุกต์ใช๎ในชีวิตจริง และทํองจ าบทอาขยานตามที่ก าหนดได๎
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๓๑ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช๎กระบวนการอํานสร๎างความรู๎และความคิด เพื่อน าไปใช๎ตัดสินใจ แก๎ปัญหา ในการด าเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอําน ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. อํานออกเสียง ค า ค าคล๎องจอง และข๎อความสั้นๆ ๒. บอกความหมาย ของค า และ ข๎อความที่อําน ๓. ตอบค าถาม เกี่ยวกับเรื่องที่อําน ๔. เลําเรื่องยํอจาก เรื่องที่อําน ๕. คาดคะเน เหตุการณ์ จาก เรื่องที่อําน ๖. อํานหนังสือตาม ความสนใจ อยําง สม่ าเสมอและ น าเสนอเรื่องที่อําน ๗. บอกความหมาย ของเครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ ส าคัญที่มักพบ เห็นใชีวิตประจ าวัน ๘. มีมารยาท ในการอําน ๑. อํานออกเสียงค า ค าคล๎องจอง ข๎อความ และบทร๎อย กรองงํายๆ ได๎ถูกต๎อง ๒. อธิบาย ความหมายของค า และข๎อความที่อําน ๓. ตั้งค าถามและ ตอบค าถามเกี่ยวกับ เรื่องที่อําน ๔. ระบุใจความส าคัญ และรายละเอียดจาก เรื่องที่อําน ๕. แสดงความ คิดเห็นและคาดคะเน เหตุการณ์จากเรื่อง ที่อําน ๖. อํานหนังสือ ตามความสนใจ อยํางสม่ าเสมอและ น าเสนอเรื่องที่อําน ๗. อํานข๎อเขียน เชิงอธิบาย และ ปฏิบัติตามค าสั่ง หรือข๎อแนะน า ๘. มีมารยาท ในการอําน ๑. อํานออกเสียงค า ข๎อความ เรื่องสั้นๆ และบทร๎อยกรอง งํายๆ ได๎ถูกต๎อง คลํองแคลํว ๒. อธิบาย ความหมายของค า และข๎อความที่อําน ๓. ตั้งค าถามและ ตอบค าถามเชิง เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องที่ อําน ๔. ล าดับเหตุการณ์ และคาดคะเน เหตุการณ์จาก เรื่องที่อํานโดย ระบุเหตุผล ประกอบ ๕. สรุปความรู๎ และข๎อคิด จากเรื่องที่อําน เพื่อน าไปใช๎ใน ชีวิตประจ าวัน ๖. อํานหนังสือตาม ความสนใจ อยํางสม่ าเสมอและ น าเสนอเรื่องที่อําน ๗. อํานข๎อเขียน เชิงอธิบาย และปฏิบัติตามค าสั่ง หรือข๎อแนะน า ๘. อธิบาย ความหมาย ของข๎อมูล จาก แผนภาพ แผนที่ และแผนภูมิ ๙. มีมารยาท ในการอําน ๑. อํานออกเสียง บทร๎อยแก๎วและ บทร๎อยกรองได๎ ถูกต๎อง ๒. อธิบาย ความหมายของค า ประโยคและ ส านวน จากเรื่อง ที่อําน ๓. อํานเรื่อง สั้น ๆ ตามเวลา ที่ก าหนด และตอบค าถาม จากเรื่องที่อําน ๔. แยกข๎อเท็จจริง และข๎อคิดเห็น จากเรื่องที่อําน ๕. คาดคะเน เหตุการณ์จาก เรื่องที่อําน โดยระบุ เหตุผล ประกอบ ๖. สรุปความรู๎และ ข๎อคิดจากเรื่องที่ อํานเพื่อน าไปใช๎ใน ชีวิตประจ าวัน ๗. อํานหนังสือ ที่มีคุณคําตาม ความสนใจ อยํางสม่ าเสมอ และแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับ เรื่องที่อําน ๘. มีมารยาท ในการอําน ๑. อํานออกเสียง บทร๎อยแก๎วและ บทร๎อยกรอง ได๎ถูกต๎อง ๒. อธิบาย ความหมายของค า ประโยคและ ข๎อความที่เป็นการ บรรยาย และการพรรณนา ๓. อธิบาย ความหมายโดยนัย จากเรื่องที่ อํานอยําง หลากหลาย ๔. แยก ข๎อเท็จจริง และข๎อคิดเห็น จากเรื่องที่อําน ๕. วิเคราะห์ และแสดงความ คิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง ที่อํานเพื่อ น าไปใช๎ในการ ด าเนินชีวิต ๖. อํานงาน เขียนเชิงอธิบาย ค าสั่ง ข๎อแนะน า และปฏิบัติตาม ๗. อํานหนังสือ ที่มีคุณคําตาม ความสนใจ อยํางสม่ าเสมอ และแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับ เรื่องที่อําน ๘. มีมารยาท ในการอําน ๑. อํานออกเสียง บทร๎อยแก๎วและบท ร๎อยกรองได๎ถูกต๎อง ๒. อธิบาย ความหมายของค า ประโยคและ ข๎อความที่เป็นโวหาร ๓. อํานเรื่องสั้นๆ อยําง หลากหลาย โดยจับเวลา แล๎วถามเกี่ยวกับ เรื่องที่อําน ๔. แยกข๎อเท็จจริง และข๎อคิดเห็น จากเรื่องที่อําน ๕. อธิบายการ น าความรู๎และ ความคิดจาก เรื่องที่อํานไป ตัดสินใจแก๎ ปัญหาในการ ด าเนินชีวิต ๖. อํานงาน เขียนเชิงอธิบาย ค าสั่ง ข๎อแนะน า และปฏิบัติตาม ๗. อธิบาย ความหมาย ของข๎อมูล จากการอําน แผนผัง แผนที่ แผนภูมิ และกราฟ ๘. อํานหนังสือ ตามความสนใจ และอธิบาย คุณคําที่ได๎รับ ๙. มีมารยาท ในการอําน
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๓๒ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช๎กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ยํอความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบ ตําง ๆ เขียนรายงานข๎อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค๎นคว๎าอยํางมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. คัดลายมือตัว บรรจงเต็มบรรทัด ๒. เขียนสื่อสาร ด๎วยค าและ ประโยคงํายๆ ๓. มีมารยาท ในการเขียน ๑. คัดลายมือตัว บรรจงเต็มบรรทัด ๒. เขียนเรื่อง สั้นๆ เกี่ยวกับ ประสบการณ์ ๓. เขียนเรื่อง สั้นๆ ตาม จินตนาการ ๔. มีมารยาท ในการเขียน ๑. คัดลายมือตัว บรรจงเต็มบรรทัด ๒ เขียนบรรยาย เกี่ยวกับสิ่งใด สิ่งหนึ่งได๎อยํางชัดเจน ๓. เขียนบันทึก ประจ าวัน ๔. เขียนจดหมาย ลาครู ๕. เขียนเรื่อง ตามจินตนาการ ๖. มีมารยาท ในการเขียน ๑. คัดลายมือ ตัวบรรจงเต็มบรรทัด และครึ่งบรรทัด ๒. เขียนสื่อสาร โดยใช๎ค าได๎ถูกต๎อง ชัดเจน และเหมาะสม ๓. เขียนแผนภาพ โครงเรื่อง และ แผนภาพความคิด เพื่อใช๎พัฒนา งานเขียน ๔. เขียนยํอความ จากเรื่องสั้นๆ ๕. เขียนจดหมาย ถึงเพื่อน และบิดา มารดา ๖. เขียนบันทึก และเขียนรายงาน จากการศึกษาค๎นคว๎า ๗. เขียนเรื่องตาม จินตนาการ ๘. มีมารยาท ในการเขียน ๑. คัดลายมือ ตัวบรรจง เต็มบรรทัด และครึ่งบรรทัด ๒. เขียนสื่อสาร โดยใช๎ค าได๎ ถูกต๎อง ชัดเจน และเหมาะสม ๓. เขียนแผนภาพ โครงเรื่อง และแผนภาพ ความคิดเพื่อใช๎ พัฒนางานเขียน ๔. เขียนยํอความ จากเรื่องที่อําน ๕. เขียนจดหมาย ถึงผู๎ปกครอง และญาติ ๖. เขียนแสดง ความรู๎สึกและ ความคิดเห็นได๎ ตรงตามเจตนา ๗. กรอกแบบ รายการตํางๆ ๘. เขียนเรื่อง ตามจินตนาการ ๙. มีมารยาท ในการเขียน ๑. คัดลายมือ ตัวบรรจงเต็มบรรทัด และครึ่งบรรทัด ๒. เขียนสื่อสาร โดยใช๎ค าได๎ถูกต๎อง ชัดเจน และเหมาะสม ๓. เขียนแผนภาพ โครงเรื่อง และ แผนภาพความคิด เพื่อใช๎พัฒนา งานเขียน ๔. เขียนเรียงความ ๕. เขียน ยํอความ จากเรื่องที่อําน ๖. เขียนจดหมาย สํวนตัว ๗. กรอกแบบรายการ ตํางๆ ๘. เขียนเรื่อง ตามจินตนาการ และสร๎างสรรค์ ๙. มีมารยาท ในการเขียน
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๓๓ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๓ การฟัง การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยํางมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู๎ ความคิด และความรู๎สึก ในโอกาสตํางๆอยํางมีวิจารณญาณและสร๎างสรรค์ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. ฟังค าแนะน า ค าสั่งงํายๆ และ ปฏิบัติตาม ๒. ตอบค าถาม และเลําเรื่อง ที่ฟังและดู ทั้งที่เป็นความรู๎ และความบันเทิง ๓. พูดแสดง ความคิดเห็น และความรู๎สึก จากเรื่องที่ฟัง และดู ๔. พูดสื่อสาร ได๎ตาม วัตถุประสงค์ ๕. มีมารยาท ในการฟัง การดู และการพูด ๑. ฟังค าแนะน า ค าสั่งที่ซับซ๎อน และปฏิบัติตาม ๒. เลําเรื่องที่ฟัง และดูทั้งที่เป็นความรู๎ และความบันเทิง ๓. บอกสาระส าคัญ ของเรื่องที่ฟังและดู ๔. ตั้งค าถาม และตอบค าถาม เกี่ยวกับเรื่องที่ฟัง และดู ๕. พูดแสดง ความคิดเห็น และความรู๎สึก จากเรื่องที่ฟังและดู ๖. พูดสื่อสาร ได๎ชัดเจน ตรงตามวัตถุประสงค์ ๗. มีมารยาท ในการฟัง การดู และการพูด ๑. เลํารายละเอียด เกี่ยวกับเรื่อง ที่ฟังและดู ทั้งที่เป็นความรู๎ และความบันเทิง ๒. บอกสาระส าคัญ จากการฟัง และการดู ๓. ตั้งค าถาม และตอบค าถาม เกี่ยวกับเรื่องที่ฟัง และดู ๔. พูดแสดง ความคิดเห็น และความรู๎สึก จากเรื่องที่ฟัง และดู ๕. พูดสื่อสาร ได๎ชัดเจน ตรงตาม วัตถุประสงค์ ๖. มีมารยาท ในการฟัง การดู และการพูด ๑. จ าแนก ข๎อเท็จจริง และข๎อคิดเห็น จากเรื่องที่ฟังและดู ๒. พูดสรุปความ จากการฟังและดู ๓. พูดแสดงความรู๎ ความคิดเห็น และความรู๎สึก เกี่ยวกับเรื่อง ที่ฟังและดู ๔. ตั้งค าถาม และตอบค าถาม เชิงเหตุผล จากเรื่องที่ฟัง และดู ๕. รายงาน เรื่องหรือ ประเด็นที่ ศึกษาค๎นคว๎า จากการฟัง การดู และ การสนทนา ๖. มีมารยาท ในการฟัง การดู และการพูด ๑. พูดแสดงความรู๎ ความคิดเห็น และความรู๎สึก จากเรื่องที่ฟังและดู ๒. ตั้งค าถาม และตอบค าถาม เชิงเหตุผล จากเรื่องที่ฟังและดู ๓. วิเคราะห์ความ นําเชื่อถือจากเรื่อง ที่ฟังและดูอยํางมี เหตุผล ๔. พูดรายงาน เรื่องหรือประเด็น ที่ศึกษาค๎นคว๎า จากการฟัง การดู และการสนทนา ๕. มีมารยาท ในการฟัง การดู และการพูด ๑. พูดแสดง ความรู๎ ความเข๎าใจ จุดประสงค์ ของเรื่องที่ฟังและดู ๒. ตั้งค าถาม และตอบค าถาม เชิงเหตุผล จากเรื่องที่ฟัง และดู ๓. วิเคราะห์ ความนําเชื่อถือ จากการฟังและดูสื่อ โฆษณาอยํางมีเหตุผล ๔. พูดรายงาน เรื่องหรือประเด็น ที่ศึกษาค๎นคว๎า จากการฟัง การดู และการสนทนา ๕. พูดโน๎มน๎าว อยํางมีเหตุผล และนําเชื่อถือ ๖. มีมารยาท ในการฟัง การดู และการพูด
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๓๔ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๔ หลักการใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข๎าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว๎เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. บอกและ เขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย ๒. เขียนสะกด ค าและบอก ความหมายของค า ๓. เรียบเรียงค า เป็นประโยคงําย ๆ ๔. ตํอค าคล๎องจอง งําย ๆ ๑. บอกและ เขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย ๒. เขียนสะกด ค าและบอก ความหมายของค า ๓. เรียบเรียงค า เป็นประโยค ได๎ตรงตามเจตนา ของการสื่อสาร ๔. บอกลักษณะ ค าคล๎องจอง ๕. เลือกใช๎ ภาษาไทย มาตรฐาน และภาษาถิ่น ได๎เหมาะสม กับกาลเทศะ ๑. เขียนสะกด ค าและบอก ความหมายของค า ๒. ระบุชนิด และหน๎าที่ของ ค าในประโยค ๓. ใช๎พจนานุกรม ค๎นหาความหมาย ของค า ๔. แตํงประโยคงํายๆ ๕. แตํงค าคล๎องจอง และค าขวัญ ๖. เลือกใช๎ภาษาไทย มาตรฐาน และภาษาถิ่นได๎ เหมาะสมกับ กาลเทศะ ๑. สะกดค า และบอความหมาย ของค าในบริบท ตําง ๆ ๒. ระบุชนิด และหน๎าที่ของ ค าในประโยค ๓. ใช๎พจนานุกรม ค๎นหาความหมาย ของค า ๔. แตํงประโยค ได๎ถูกต๎องตาม หลักภาษา ๕. แตํงบท ร๎อยกรอง และค าขวัญ ๖. บอก ความหมาย ของส านวน ๗. เปรียบเทียบ ภาษาไทย มาตรฐาน กับภาษาถิ่นได๎ ๑. ระบุชนิด และหน๎าที่ของค า ในประโยค ๒. จ าแนก สํวนประกอบ ของประโยค ๓. เปรียบเทียบ ภาษาไทย มาตรฐาน กับภาษาถิ่น ๔. ใช๎ค าราชาศัพท์ ๕. บอกค า ภาษาตํางประเทศ ในภาษาไทย ๖. แตํงบท ร๎อยกรอง ๗. ใช๎ส านวน ได๎ถูกต๎อง ๑. วิเคราะห์ชนิดและ หน๎าที่ของค า ในประโยค ๒. ใช๎ค าได๎เหมาะสม กับกาลเทศะ และบุคคล ๓. รวบรวมและบอก ความหมาย ของค า ภาษาตํางประเทศ ที่ใช๎ในภาษาไทย ๔. ระบุลักษณะ ของประโยค ๕. แตํงบทร๎อยกรอง ๖. วิเคราะห์ และเปรียบเทียบ ส านวนที่เป็น ค าพังเพยและสุภาษิต
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๓๕ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข๎าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยํางเห็นคุณคําและน ามา ประยุกต์ใช๎ในชีวิตจริง ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. บอกข๎อคิด ที่ได๎จากการอําน หรือการฟัง วรรณกรรม ร๎อยแก๎ว และร๎อยกรอง ส าหรับเด็ก ๒. ทํองจ า บทอาขยาน ตามที่ก าหนด และบทร๎อยกรอง ตามความสนใจ ๑. ระบุข๎อคิด ที่ได๎จากการอําน หรือการฟัง วรรณกรรม ส าหรับเด็ก เพื่อน าไปใช๎ ในชีวิตประจ าวัน ๒. ร๎องบทร๎องเลํน ส าหรับเด็กในท๎องถิ่น ๓. ทํองจ า บทอาขยาน ตามที่ก าหนด และบทร๎อยกรอง ที่มีคุณคําตามความ สนใจ ๑. ระบุข๎อคิด ที่ได๎จากการอําน วรรณกรรม เพื่อน าไปใช๎ ในชีวิตประจ าวัน ๒. รู๎จักเพลง พื้นบ๎านและ เพลงกลํอมเด็ก เพื่อปลูกฝัง ความชื่นชม วัฒนธรรม ท๎องถิ่น ๓. แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับวรรณคดี ที่อําน ๔. ทํองจ า บทอาขยาน ตามที่ก าหนด และบทร๎อยกรอง ที่มีคุณคําตามความ สนใจ ๑. ระบุข๎อคิดจาก นิทานพื้นบ๎าน หรือนิทาน คติธรรม ๒. อธิบายข๎อคิด จากการอําน เพื่อน าไปใช๎ ในชีวิตจริง ๓. ร๎องเพลง พื้นบ๎าน ๔. ทํองจ า บทอาขยานตามที่ ก าหนด และบทร๎อยกรอง ที่มีคุณคําตาม ความสนใจ ๑. สรุปเรื่อง จากวรรณคดี หรือวรรณกรรม ที่อําน ๒. ระบุความรู๎ และข๎อคิด จากการอําน วรรณคดี และวรรณกรรม ที่สามารถ น าไปใช๎ ในชีวิตจริง ๓. อธิบายคุณคํา ของวรรณคดี และวรรณกรรม ๔. ทํองจ า บทอาขยาน ตามที่ก าหนด และบทร๎อยกรอง ที่มีคุณคําตาม ความสนใจ ๑. แสดงความ คิดเห็นจาก วรรณคดี หรือวรรณกรรม ที่อําน ๒. เลํานิทานพื้นบ๎าน ท๎องถิ่นตนเอง และนิทานพื้นบ๎าน ของท๎องถิ่นอื่น ๓. อธิบายคุณคํา ของวรรณคดี และวรรณกรรมที่ อํานและน าไป ประยุกต์ใช๎ ในชีวิตจริง ๔. ทํองจ า บทอาขยาน ตามที่ก าหนด และบทร๎อยกรอง ที่มีคุณคําตามความ สนใจ
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๓๖ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ท าไมต้องเรียนคณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์มีบทบาทส าคัญยิ่งตํอความส าเร็จในการเรียนรู๎ในศตวรรษที่ ๒๑ เนื่องจากคณิตศาสตร์ ชํวยให๎มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร๎างสรรค์คิดอยํางมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือ สถานการณ์ได๎อยํางรอบคอบและถี่ถ๎วน ชํวยให๎คาดการณ์วางแผน ตัดสินใจ แก๎ปัญหา ได๎อยํางถูกต๎องเหมาะสม และสามารถน าไปใช๎ในชีวิตจริงได๎อยํางมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษา ด๎านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและศาสตร์อื่น ๆ อันเป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให๎มีคุณภาพ และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให๎ทัดเทียมกับนานาชาติการศึกษาคณิตศาสตร์จึงจ าเป็นต๎องมีการพัฒนา อยํางตํอเนื่อง เพื่อให๎ทันสมัยและสอดคล๎องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความรู๎ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่เจริญก๎าวหน๎าอยํางรวดเร็วในยุคโลกาภิวัตน์ มาตรฐานการเรียนรู๎และตัวชี้วัด กลุํมสาระการเรียนรู๎คณิตศาสตร์(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับนี้จัดท าขึ้นโดยค านึงถึงการสํงเสริม ให๎ผู๎เรียนมีทักษะที่จ าเป็นส าหรับการเรียนรู๎ในศตวรรษที่ ๒๑ เป็นส าคัญ นั่นคือ การเตรียมผู๎เรียนให๎มีทักษะ ด๎านการคิด วิเคร าะห์การคิดอยํางมีวิจ ารณญาณ การแก๎ปัญหา การคิดสร๎างสรรค์การใช๎เทคโนโลยีการสื่อสาร และการรํวมมือ ซึ่งจะสํงผลให๎ผู๎เรียนรู๎เทําทันการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสภาพ แวดล๎อม สามารถแขํงขันและอยูํรํวมกับประชาคมโลกได๎ทั้งนี้การจัดการเรียนรู๎คณิตศาสตร์ที่ประสบความส าเร็จ นั้นจะต๎องเตรียมผู๎เรียนให๎มีความพร๎อมที่จะเรียนรู๎สิ่งตําง ๆ พร๎อมที่จะประกอบอาชีพเมื่อจบการศึกษา หรือ สามารถศึกษาตํอในระดับที่สูงขึ้น ดังนั้นสถานศึกษาควรจัดการเรียนรู๎ให๎เหมาะสมตามศักยภาพของผู๎เรียน เรียนรู้อะไรในคณิตศาสตร์ กลุํมส าระก ารเรียนรู๎คณิตศ าสตร์จัดเป็น ๓ ส าระ ได๎แกํจ านวนและพีชคณิต การวัดและเรขาคณิต และสถิติและความนําจะเป็น ✧ จ านวนและพีชคณิต เรียนรู๎เกี่ยวกับ ระบบจ านวนจริง สมบัติเกี่ยวกับจ านวนจริง อัตราสํวน ร๎อยละ การประมาณคํา การแก๎ปัญหาเกี่ยวกับจ านวน การใช๎จ านวนในชีวิตจริง แบบรูป ความสัมพันธ์ ฟังก์ชัน เซต ตรรกศาสตร์นิพจน์เอกนาม พหุนาม สมการ ระบบสมการ อสมการ กราฟ ดอกเบี้ยและมูลคํา ของเงิน ล าดับและอนุกรม และการน าความรู๎เกี่ยวกับจ านวนและพีชคณิตไปใช๎ในสถานการณ์ตําง ๆ ✧ การวัดและเรขาคณิต เรียนรู๎เกี่ยวกับ ความยาว ระยะทาง น้ าหนัก พื้นที่ ปริมาตรและความจุ เงินและเวลา หนํวยวัดระบบตําง ๆ การคาดคะเนเกี่ยวกับการวัด อัตราสํวนตรีโกณมิติรูปเรขาคณิต และสมบัติของรูปเรขาคณิต การนึกภาพ แบบจ าลองทางเรขาคณิต ทฤษฎีบททางเรขาคณิต การแปลง ทางเรขาคณิตในเรื่องการเลื่อนขนาน การสะท๎อน การหมุน และการน าความรู๎เกี่ยวกับการวัดและเรขาคณิตไปใช๎ ในสถานการณ์ตําง ๆ
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๓๗ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ✧ สถิติและความน่าจะเป็น เรียนรู๎เกี่ยวกับการตั้งค าถามทางสถิติการเก็บรวบรวมข๎อมูล ก ารค านวณคําสถิติการน าเสนอและแปลผลส าหรับข๎อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ หลักการนับเบื้องต๎น ความนําจะเป็น การใช๎ความรู๎เกี่ยวกับสถิติและความนําจะเป็นในการอธิบายเหตุการณ์ตําง ๆ และชํวยในการ ตัดสินใจ คุณภาพผู้เรียน จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ✧ อําน เขียนตัวเลข ตัวหนังสือแสดงจ านวนนับไมํเกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ มีความรู๎สึก เชิงจ านวน มีทักษะการบวก การลบ การคูณ กราหาร และน าไปใช๎ในสถานการณ์ตําง ๆ ✧ มีคว ามรู๎สึกเชิงจ านวนเกี่ยวกับเศษสํวนที่ไมํเกิน ๑ มีทักษะการบวก การลบ เศษสํวน ที่ตัวสํวนเทํากัน และน าไปใช๎ในสถานการณ์ตําง ๆ ✧ คาดคะเนและวัดความยาว น้ าหนัก ปริมาตร ความจุ เลือกใช๎เครื่องมือและหนํวยที่เหมาะสม บอกเวลา บอกจ านวนเงิน และน าไปใช๎ในสถานการณ์ตําง ๆ ✧ จ าแนกและบอกลักษณะของรูปหลายเหลี่ยม วงกลม วงรี ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย เขียนรูปหลายเหลี่ยม วงกลม และวงรีโดยใช๎แบบของรูป ระบุรูปเรขาคณิต ที่มีแกนสมมาตรและจ านวนแกนสมมาตร และน าไปใช๎ในสถานการณ์ตําง ๆ ✧ อํานและเขียนแผนภูมิรูปภาพ ตารางทางเดียว และน าไปใช๎ในสถานการณ์ตําง ๆ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ✧ อําน เขียนตัวเลข ตัวหนังสือแสดงจ านวนนับ เศษสํวน ทศนิยมไมํเกิน ๓ ต าแหนํง อัตราสํวน และร๎อยละ มีความรู๎สึกเชิงจ านวน มีทักษะการบวก การลบ การคูณ การหาร ประมาณผลลัพธ์และน าไปใช๎ ในสถานการณ์ตําง ๆ ✧ อธิบายลักษณะและสมบัติของรูปเรขาคณิต หาความยาวรอบรูปและพื้นที่ของรูปเรขาคณิต สร๎างรูปส ามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม และวงกลม หาปริมาตรและความจุของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก และน าไปใช๎ ในสถานการณ์ตําง ๆ ✧ น าเสนอข๎อมูลในรูปแผนภูมิแทํง ใช๎ข๎อมูลจากแผนภูมิแทํง แผนภูมิรูปวงกลม ตารางสองทาง และกราฟเส๎น ในการอธิบายเหตุการณ์ตําง ๆ และตัดสินใจ
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๓๘ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สาระที่ ๑ จ านวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค ๑.๑ เข๎าใจความหลากหลายของการแสดงจ านวน ระบบจ านวน การด าเนินการของจ านวน ผลที่เกิดขึ้นจากการด านินการสมบัติของการด าเนินการ และน าไปใช๎ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. บอกจ านวนของ สิ่งตํางๆ แสดงสิ่ง ตําง ๆ ตามจ านวน ที่ก าหนด อํานและ เขียนตัวเลขฮินดู อารบิก ตัวเลขไทย แสดงจ านวนนับไมํ เกิน ๑๐๐ และ ๐ ๒. เปรียบเทียบ จ านวนนับ ไมํเกิน ๑๐๐ และ๐ โดยใช๎ เครื่องหมาย = ≠ > < ๓. เรียงล าดับ จ านวนนับไมํเกิน ๑๐๐ และ ๐ ตั้งแตํ ๓ จ านวน ถึง ๕ จ านวน ๔. หาคําของตัวไมํ ทราบคําในประโยค สัญลักษณ์แสดง การบวกและ ประโยคสัญลักษณ์ แสดงการลบ ของ จ านวนนับไมํเกิน ๑๐๐ และ ๐ ๕. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาการบวก และโจทย์ปัญหา การลบของจ านวน นับไมํเกิน ๑๐๐ และ ๐ ๑. บอกจ านวนของสิ่งตําง ๆ แสดงสิ่งตําง ๆ ตาม จ านวนที่ก าหนด อํานและ เขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย ตัวหนังสือ แสดง จ านวนนับไมํเกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ ๒. เปรียบเทียบจ านวนนับ ไมํเกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ โดยใช๎เครื่องหมาย = > < ๓. เรียงล าดับจ านวนนับ ไมํเกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ ตั้งแตํ ๓ ถึง ๕ จ านวน จากสถานการณ์ตําง ๆ ๔. หาคําของตัวไมํทราบ คําในประโยคสัญลักษณ์ แสดง การบวกและประโยค สัญลักษณ์แสดงการลบ ของจ านวนนับไมํเกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ ๕. หาคําของตัวไมํทราบ คําในประโยคสัญลักษณ์ แสดงการคูณของจ านวน ๑ หลักกับจ านวนไมํเกิน ๒ หลัก ๖. หาคําของตัว ไมํทราบคําในประโยค สัญลักษณ์ แสดงการหาร ที่ตัวตั้งไมํเกิน ๒ หลัก ตัวหาร ๑ หลัก โดยที่ผลหารมี ๑ หลักทั้ง หารลงตัวและหารไมํลงตัว ๑. อํานและเขียน ตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และ ตัวหนังสือแสดง จ านวนนับไมํเกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ ๒. เปรียบเทียบและ เรียงล าดับจ านวนนับ ไมํเกิน ๑๐๐,๐๐๐ จากสถานการณ์ ตําง ๆ ๓. บอก อํานและ เขียนเศษสํวนแสดง ปริมาณสิ่งตําง ๆ และแสดงสิ่งตําง ๆ ตามเศษสํวน ที่ก าหนด ๔. เปรียบเทียบ เศษสํวนที่ตัวเศษ เทํากัน โดยที่ตัวเศษ น๎อยกวําหรือเทํากับ ตัวสํวน ๕. หาคําของตัวไมํ ทราบคําในประโยค สัญลักษณ์แสดง การบวกและประโยค สัญลักษณ์แสดง การลบของจ านวน นับไมํเกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ ๖. หาคําของตัวไมํ ทราบคําในประโยค สัญลักษณ์ แสดง การคูณของจ านวน ๑ หลักกับจ านวน ไมํเกิน ๔ หลักและ จ านวน ๒ หลัก กับจ านวน ๒ หลัก ๑. อํานและเขียน ตัวเลขฮินดู อารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดง จ านวนนับที่มากกวํา ๑๐๐,๐๐๐ ๒. เปรียบเทียบและ เรียงล าดับ จ านวนที่ มากกวํา ๑๐๐,๐๐๐ จากสถานการณ์ตํางๆ ๓. บอก อําน และ เขียนเศษสํวน จ านวนคละ แสดง ปริมาณสิ่ง ตําง ๆ และแสดงสิ่ง ตําง ๆ ตามเศษสํวน จ านวนคละที่ก าหนด ๔. เปรียบเทียบ เรียงล าดับเศษสํวน และจ านวนคละที่ตัว สํวนตัวหนึ่งเป็น พหุคูณ ของอีกตัวหนึ่ง ๕. อํานแลเชียนทศนิ ยมไมํเกิน ๓ ต าแหนํง แสดง ปริมาณของสิ่งตําง ๆ ตามทศนิยมก าหนด ๖. เปรียบและ เรียงล าดับทศนิยมไมํ เกิน ๓ ต าแหนํง จาก สถานการณ์ตําง ๆ ๗. ประมาณผลลัพธ์ ของการบวก การลบ การคูณ กาหาร จาก สถานการณ์ตําง ๆ อยํางสมเหตุสมผล ๑. เขียนเศษสํวนที่มีตัว สํวนเป็นตัวประกอบ ของ ๑๐ หรือ ๑๐๐ หรือ ๑,๐๐๐ ในรูป ทศนิยม ๒. แสดงวิธีหาค าตอบ ของโจทย์ปัญหาโดยใช๎ บัญญัติไตรยางศ์ ๓. หาผลบวก ผลลบ ของเศษสํวนและ จ านวนคละ ๔. หาผลคูณ ผลหาร ของเศษสํวนและ จ านวนคละ ๕. แสดงวิธีหาค าตอบ ของโจทย์ปัญหาการ บวก การลบ การคูณ การหารเศษสํวน ๒ ขั้นตอน ๖. หาผลคูณของ ทศนิยมที่ผลคูณเป็น ทศนิยมไมํเกิน ต าแหนํง ๗. หาผลหารที่ตัวตั้ง เป็นจ านวนนับหรือ ทศนิยมไมํเกิน ๓ ต าแหนํง และตัวหาร เป็นจ านวนนับ ผลหาร เป็นทศนิยม ไมํเกิน ๓ ต าแหนํง ๘. แสดงวิธีหาค าตอบ ของโจทย์ปัญหาการ บวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ๒ ขั้นตอน ๙. แสดงวิธีหาค าตอบ ของโจทย์ปัญหาร๎อยละ ไมํเกิน ๒ ขั้นตอน ๑. เปรียบเทียบ เรียงล าดับเศษสํวน และจ านวนคละ จากสถานการณ์ ตําง ๆ ๒. เขียนอัตราสํวน แสดงการ เปรียบเทียบปริมาณ ๒ ปริมาณ จาก ข๎อความหรือ สถานการณ์ โดยที่ปริมาณแตํละ ปริมาณเป็นจ านวน นับ ๓. หาอัตราสํวน ที่เทํากับอัตราสํวน ที่ก าหนดให๎ ๔. หา ห.ร.ม. ของ จ านวนนับไมํเกิน ๓ จ านวน ๕. หา ค.ร.น. ของ จ านวนนับไมํเกิน ๓ จ านวน ๖. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาโดยใช๎ความรู๎ เกี่ยวกับ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ๗. หาผลลัพธ์ของการ บวก ลบ คูณ หาร ระคนของเศษสํวน และจ านวนคละ ๘. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเศษสํวนและ จ านวนคละ ๒ - ๓ ขั้นตอน
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๓๙ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ จ านวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค ๑.๑ เข๎าใจความหลากหลายของการแสดงจ านวน ระบบจ านวน การด าเนินการของจ านวน ผลที่เกิดขึ้นจากการด านินการสมบัติของการด าเนินการ และน าไปใช๎(ตํอ) ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๗. หาผลลัพธ์การ บวก ลบ คูณ หาร ระคน ของจ านวนนับ ไมํเกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ ๘. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหา ๒ ขั้นตอน ของจ านวนนับไมํเกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ ๗. หาคําของตัวไมํ ทราบคําในประโยค สัญลักษณ์ แสดง การหารที่ตัวตั้ง ไมํเกิน ๔ หลัก ตัวหาร ๑ หลัก ๘. หาผลลัพธ์การ บวก ลบ คูณ หาร ระคน ของจ านวน นับไมํเกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ ๙. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหา ๒ ขั้นตอน ของจ านวนนับไมํ เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ ๑๐. หาผลบวกของ เศษสํวนที่มีตัวสํวน เทํากันและผลบวก ไมํเกิน ๑ และหา ผลลบของเศษสํวน ที่มีตัวสํวนเทํากัน ๑๑. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาการบวก เศษสํวนที่มีตัวสํวน เทํากันและผลบวก ไมํเกิน ๑ และ โจทย์ปัญหาการลบ เศษสํวนที่มีตัวสํวน เทํากัน ๘. หาคําของตัว ไมํทราบคําในประโยค สัญลักษณ์แสดง การบวก และประโยค สัญลักษณ์แสดง การลบ ของจ านวนนับ ที่มากกวํา ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ ๙. หาคําของตัวไมํ ทราบคําในประโยค สัญลักษณ์แสดงการคูณ ของจ านวนหลายหลัก ๒ หลัก ที่มีผลคูณไมํ เกิน ๖ หลัก และ ประโยคสัญลักษณ์ แสดงการหารที่ตัวตั้งไมํ เกิน ๖ หลัก ตัวหารไมํ เกิน ๒ หลัก ๑๐. หาผลลัพธ์การบวก ลบ คูณ หาร ของ จ านวนนับ และ ๐ ๑๑. แสดงวิธีหาค าตอบ ของโจทย์ปัญหา ๒ ขั้นตอนของจ าวนที่ มากกวํา ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ ๑๒. สร๎างโจทย์ปัญหา ๒ ขั้นตอน ของจ านวน นับและ ๐ พร๎อมทั้งหา ค าตอบ ๑๓. หาผลบวก ผลลบ ของเศษสํวนและ จ านวนคละที่ตัวสํวนตัว หนึ่งเป็นพหุคูณของอีก ตัวหนึ่ง ๙. หาผลหารของ ทศนิยมที่ตัวหารและ ผลหารเป็นทศนิยมไมํ เกิน ๓ ต าแหนํง ๑๐. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาการบวก การลบ การคูณ การ หารทศนิยม ๓ ขั้นตอน ๑๑. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาอัตราสํวน ๑๒. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาร๎อยละ ๒ - ๓ ขั้นตอน
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๔๐ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ จ านวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค ๑.๑ เข๎าใจความหลากหลายของการแสดงจ านวน ระบบจ านวน การด าเนินการของจ านวน ผลที่เกิดขึ้นจากการด านินการสมบัติของการด าเนินการ และน าไปใช๎(ตํอ) ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑๔. แสดงวิธีหาค าตอบ ของโจทย์ปัญหาการ บวกและโจทย์ปัญหา การลบเศษสํวนและ จ านวนคละที่ตัวสํวนตัว หนึ่งเป็นพหุคูณของอีก ตัวหนึ่ง ๑๕. หาผลบวก ผลลบ ของทศนิยมไมํเกิน ๓ ต าแหนํง ๑๖. แสดงวิธีหาค าตอบ ของโจทย์ปัญหาการ บวก การลบ ๒ ขั้นตอน ของทศนิยมไมํเกิน ๓ ต าแหนํง สาระที่ ๑ จ านวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค ๑.๒ เข้าใจและวิเคราะห์แบบรูป ความสัมพันธ์ ฟังก์ชัน ล าดับและอนุกรม และน าไปใช้ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. ระบุจ านวนที่ หายไปในแบบรูปของ จ านวนที่เพิ่มขึ้นหรือ ลดลงทีละ ๑ และที ละ ๑๐ และระบุรูปที่ หายไปในแบบรูปซ้ า ของรูปเรขาคณิตและ รูปอื่น ๆ ที่สมาชิกใน แตํละชุดที่ซ้ ามี ๒ รูป (มีการจัดการเรียนการ สอนเพื่อเป็นพื้นฐาน แตํไมํวัดผล) ๑. ระบุจ านวนที่ หายไปในแบบรูป ของจ านวนที่เพิ่มขึ้น หรือลดลงทีละ เทํา ๆ กัน (มีการจัดการเรียนการ สอนเพื่อเป็นพื้นฐาน แตํไมํวัดผล) - ๑. แสดงวิธีคิดและหา ค าตอบของปัญหา เกี่ยวกับแบบรูป สาระที่ ๑ จ านวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค ๑.๓ ใช๎นิพจน์ สมการ และอสมการ อธิบายความสัมพันธ์ หรือชํวยแก๎ปัญหาที่ก าหนดให๎ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ - - - - - -
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๔๑ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๒ การวัดและเรขาคณิต มาตรฐาน ค ๒.๑ เข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสิ่งที่ต้องการวัด และน าไปใช้ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. วัดและ เปรียบเทียบความ ยาวเป็นเซนติเมตร เป็นเมตร ๒. วัดและ เปรียบเทียบน้ าหนัก เป็นกิโลกรัม เป็นขีด ๑. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับเวลา ที่มีหนํวยเดี่ยวและ เป็นหนํวยเดียวกัน ๒. วัดและ เปรียบเทียบความ ยาวเป็นเมตรและ เซนติเมตร ๓. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาการบวก การลบ เกี่ยวกับ ความยาวที่มีหนํวย เป็นเมตรและ เซนติเมตร ๔. วัดและ เปรียบเทียบน้ าหนัก เป็นกิโลกรัมและกรัม กิโลกรัมและขีด ๕. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาการบวก การ ลบเกี่ยวกับน้ าหนักที่ มีหนํวยเป็นกิโลกรัม และกรัม กิโลกรัม และขีด ๕. วัดและ เปรียบเทียบปริมาตร และความจุเป็นลิตร ๓. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับเงิน ๒. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ เวลาและระยะเวลา ๓. เลือกใช๎ เครื่องวัดความยาว ที่เหมาะสม วัดและ บอกความยาวของ สิ่งตําง ๆ เป็น เซนติเมตรและ มิลลิเมตร เมตร และเซนติเมตร ๔. คาดคะเนความ ยาวเป็นเมตรและ เป็นเซนติเมตร ๕. เปรียบเทียบ ความยาวระหวําง เซนติเมตรกับ มิลลิเมตร เมตร กับเซนติเมตร กิโลเมตรกับเมตร จากสถานการณ์ ตําง ๆ ๖. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ ความยาว ที่มี หนํวยเป็น เซนติเมตรและ มิลลิเมตร เมตร และเซนติเมตร กิโลเมตรและเมตร ๗. เลือกใช๎เครื่อง ชั่งที่เหมาะสม วัด และบอกน้ าหนัก เป็นกิโลกรัมและ ขีด กิโลกรัมและ กรัม ๑. แสดงวิธีหาค าตอบ ของโจทย์ปัญหา เกี่ยวกับเวลา ๒. วัดและสร๎างมุม โดยใช๎โพรแทรกเตอร์ ๓. แสดงวิธีหาค าตอบ ของโจทย์ปัญหา เกี่ยวกับความยาวรอบ รูปและพื้นที่ของรูป สี่เหลี่ยมมุมฉาก ๑. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ เวลา ๒. วัดและสร๎างมุม โดยใช๎โพร แทรกเตอร์ ๓. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ ความยาวรอบรูป และพื้นที่ของรูป สี่เหลี่ยมมุมฉาก ๔. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ ความยาวที่มีการ เปลี่ยนหนํวยและ เขียนในรูปทศนิย ๕. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ น้ าหนักที่มีการ เปลี่ยนหนํวยและ เขียนในรูปทศนิยม ๖. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ ปริมาตรของทรง สี่เหลี่ยมมุมฉาก และความจุของ ภาชนะทรง สี่เหลี่ยมมุมฉาก ๘. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ ความยาวรอบรูป ของรูปสี่เหลี่ยม และพื้นที่ของรูป สี่เหลี่ยมด๎านขนาน และรูปสี่เหลี่ยม ขนมเปียกปูน ๑. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ ปริมาตรของรูป เรขาคณิตสามมิติที่ ประกอบด๎วย ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ๒. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ ความยาวรอบรูปและ พื้นที่ของรูปหลาย เหลี่ยม ๓. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ ความยาวรอบรูปและ พื้นที่ของวงกลม
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๔๒ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๒ การวัดและเรขาคณิต มาตรฐาน ค ๒.๑ เข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสิ่งที่ต้องการวัด และน าไปใช้(ต่อ) ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๘. คาดคะเนน้ าหนัก เป็นกิโลกรัมและ เป็นขีด ๙. เปรียบเทียบ น้ าหนักระหวําง กิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันกับกิโลกรัม จากสถานการณ์ ตําง ๆ ๑๐. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ น้ าหนัก ที่มีหนํวยเป็นกิโลกรัม กับกรัม เมตริกตันกับ กิโลกรัม ๑๑. เลือกใช๎เครื่อง ตวงที่เหมาะสม วัด และเปรียบเทียบ ปริมาตร ความจุเป็น ลิตรและมิลลิลิตร ๑๒. คาดคะเน ปริมาตรและความจุ เป็นลิตร ๑๓. แสดงวิธีหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ ปริมาตรและความจุที่ มีหนํวยเป็นลิตรและ มิลลิลิตร
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๔๓ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๒ การวัดและเรขาคณิต มาตรฐาน ค ๒.๒ เข๎าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหวํางรูปเรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และน าไปใช๎ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. จ าแนกรูป สามเหลี่ยม รูป สี่เหลี่ยม วงกลม วงรี ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย ๑. จ าแนกและบอก ลักษณะของรูปหลาย เหลี่ยมและวงกลม ๑. ระบุรูป เรขาคณิตสองมิติ ที่มีแกนสมมาตร และจ านวนแกน สมมาตร ๑. จ าแนกชนิดของมุม บอกชื่อมุม สํวนประกอบ ของมุมและเขียน สัญลักษณ์แสดงมุม ๒. สร๎างรูปสี่เหลี่ยมมุม ฉากเมื่อก าหนดความ ยาวของด๎าน ๑. สร๎างเส๎นตรง หรือสํวนของ เส๎นตรงให๎ขนาน กับเส๎นตรงหรือ สํวนของเส๎นตรงที่ ก าหนดให๎ ๒. จ าแนกรูป สี่เหลี่ยมโดย พิจารณาจากสมบัติ ของรูป ๓. สร๎างรูป สี่เหลี่ยมชนิดตําง ๆ เมื่อก าหนดความ ยาวของด๎านและ ขนาดของมุมหรือ เมื่อก าหนดความ ยาวของเส๎นทแยง มุม ๔. บอกลักษณะ ของปริซึม ๑. จ าแนกรูป สามเหลี่ยมโดย พิจารณาจากสมบัติ ของรูป ๒. สร๎างรูป สามเหลี่ยมเมื่อ ก าหนดความยาว ของด๎านและขนาด ของมุม ๓. บอกลักษณะของ รูปเรขาคณิตสามมิติ ชนิดตําง ๆ ๔. ระบุรูปเรขาคณิต สามมิติที่ประกอบ จากรูปคลี่ และระบุรูปคลี่ของรูป เรขาคณิตสามมิติ
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๔๔ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๓ สถิติและความน่าจะเป็น มาตรฐาน ค ๓.๑ เข๎าใจกระบวนการทางสถิติ และใช๎ความรู๎ทางสถิติในการแก๎ปัญหา ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. ใช๎ข๎อมูลจาก แผนภูมิรูปภาพใน การหาค าตอบของ โจทย์ปัญหา เมื่อ ก าหนดรูป ๑ รูป ๑. ใช๎ข๎อมูลจาก แผนภูมิรูปภาพใน การหาค าตอบ ของโจทย์ปัญหาเมื่อ ก าหนดรูป ๑ รูปแทน ๒ หนํวย ๕ หนํวย หรือ ๑๐ หนํวย ๑. เขียนแผนภูมิ รูปภาพ และใช๎ ข๎อมูลจากแผนภูมิ รูปภาพในการหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหา ๒. เขียนตารางทาง เดียวจากข๎อมูลที่ เป็นจ านวนนับ และใช๎ข๎อมูลจาก ตารางทางเดียวใน การหาค าตอบของ โจทย์ปัญหา ๑. ใช๎ข๎อมูลจากแผนภูมิ รูปแทํงตารางสองทาง ในการหาค าตอบของ โจทย์ปัญหา ๑. ใช๎ข๎อมูลจาก กราฟเส๎นในการหา ค าตอบของโจทย์ ปัญหา ๒. เขียนแผนภูมิ แทํงจากข๎อมูลที่ เป็นจ านวนนับ ๑. ใช๎ข๎อมูลจาก แผนภูมิรูปวงกลมใน การหาค าตอบ ของโจทย์ปัญหา สาระที่ ๓ สถิติและความน่าจะเป็น มาตรฐาน ค ๓.๒ เข๎าใจหลักการนับเบื้องต๎น ความนําจะเป็น และน าไปใช๎ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ - - - -
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๔๕ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ท าไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์มีบทบาทส าคัญยิ่งในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เกี่ยวข๎องกับทุกคน ทั้งในชีวิตประจ าวันและการงานอาชีพตําง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เครื่องมือเครื่องใช๎และผลผลิตตําง ๆ ที่มนุษย์ ได๎ใช๎เพื่ออ านวยความสะดวกในชีวิตและการท างาน เหลํานี้ล๎วนเป็นผลของความรู๎วิทยาศาสตร์ ผสมผสานกับ ความคิดสร๎างสรรค์และศาสตร์อื่น ๆ วิทยาศาสตร์ชํวยให๎มนุษย์ได๎พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร๎างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะส าคัญในการค๎นคว๎าหาความรู๎ มีความสามารถในการแก๎ปัญหา อยํางเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช๎ข๎อมูลที่หลากหลายและมีประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได๎ วิทยาศาสตร์ เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหมํซึ่งเป็นสังคมแหํงการเรียนรู๎ (knowledge-based society) ดังนั้นทุกคน จึงจ าเป็นต๎องได๎รับการพัฒนาให๎รู๎วิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะมีความรู๎ความเข๎าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์ สร๎างสรรค์ขึ้น สามารถน าความรู๎ไปใช๎อยํางมีเหตุผล สร๎างสรรค์ และมีคุณธรรม เรียนรู้อะไรในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุํมสาระการเรียนรู๎วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมุํงหวังให๎ผู๎เรียนได๎เรียนรู๎วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่เน๎นการเชื่อมโยงความรู๎กับกระบวนการ มีทักษะส าคัญในการค๎นคว๎าและสร๎างองค์ความรู๎ โดยใช๎กระบวนการ ในการสืบเสาะหาความรู๎ และการแก๎ปัญหาที่หลากหลาย ให๎ผู๎เรียนมีสํวนรํวมในการเรียนรู๎ทุกขั้นตอน มีการท า กิจกรรมด๎วยการลงมือปฏิบัติจริงอยํางหลากหลาย เหมาะสมกับระดับชั้น โดยได๎ก าหนดสาระส าคัญไว๎ ๔ สาระ ดังนี้ ✧ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรู๎เกี่ยวกับชีวิตในสิ่งแวดล๎อม องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต การด ารงชีวิต ของมนุษย์และสัตว์การด ารงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ✧ วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู๎เกี่ยวกับธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร การเคลื่อนที่ พลังงาน และคลื่น ✧ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ เรียนรู๎เกี่ยวกับ องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบ สุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนก ารเปลี่ยนแปลงลมฟูาอากาศ และผลตํอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล๎อม ✧ เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยีเรียนรู๎เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการด ารงชีวิตในสังคมที่มีการ เปลี่ยนแปลงอยํางรวดเร็ว ใช๎ความรู๎และทักษะทางด๎านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก๎ปัญหา หรือพัฒนางานอยํางมีความคิดสร๎างสรรค์ด๎วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช๎เทคโนโลยีอยําง เหมาะสม โดยค านึงถึงผลกระทบตํอชีวิต สังคม และสิ่งแวดล๎อม วิทยาการค านวณ เรียนรู๎เกี่ยวกับก ารคิดเชิงค านวณ การคิดวิเคราะห์แก๎ปัญหาเป็นขั้นตอนและ เป็นระบบ ประยุกต์ใช๎ความรู๎ด๎านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการแก๎ปัญหา ที่พบในชีวิตจริงได๎อยํางมีประสิทธิภาพ