The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรของโรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด สำหรับการฝึกสอนเทอม 1 ปี 3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Waranya Phasuk, 2023-03-21 04:02:37

หลักสูตรโรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด

หลักสูตรของโรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด สำหรับการฝึกสอนเทอม 1 ปี 3

Keywords: หลักสูตรโรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด

หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๔๖ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ คุณภาพผู้เรียน จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ✧ เข๎าใจลักษณะทั่วไปของสิ่งมีชีวิตและการด ารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตรอบตัว ✧ เข๎าใจลักษณะที่ปรากฏ ชนิดและสมบัติบางประการของวัสดุที่ใช๎ท าวัตถุและการเปลี่ยนแปลง ของวัสดุรอบตัว ✧ เข๎าใจการดึง การผลัก แรงแมํเหล็ก และผลของแรงที่มีตํอการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ พลังงานไฟฟูาและการผลิตไฟฟูา การเกิดเสียง แสง และการมองเห็น ✧ เข๎าใจการปรากฏของดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดาว ปรากฏการณ์ขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวันกลางคืน การก าหนดทิศ ลักษณะของหิน การจ าแนกชนิดดินและการใช๎ประโยชน์ลักษณะ และความส าคัญของอากาศ การเกิดลม ประโยชน์และโทษของลม ✧ ตั้งค าถามหรือก าหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู๎ตามที่ก าหนดให๎หรือตามความสนใจสังเกต ส ารวจตรวจสอบโดยใช๎เครื่องมืออยํางงําย รวบรวมข๎อมูล บันทึก และอธิบายผลการส ารวจตรวจสอบด๎วยการเขียน หรือวาดภาพ และสื่อสารสิ่งที่เรียนรู๎ด๎วยการเลําเรื่อง หรือด๎วยการแสดงทําทางเพื่อให๎ผู๎อื่นเข๎าใจ ✧ แก๎ปัญหาอยํางงํายโดยใช๎ขั้นตอนการแก๎ปัญหา มีทักษะในการใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารเบื้องต๎น รักษาข๎อมูลสํวนตัว ✧ แสดงความกระตือรือร๎น สนใจที่จะเรียนรู๎มีความคิดสร๎างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามที่ ก าหนดให๎หรือตามความสนใจ มีสํวนรํวมในการแสดงความคิดเห็น และยอมรับฟังความคิดเห็นผู๎อื่น ✧ แสดงความรับผิดชอบด๎วยการท างานที่ได๎รับมอบหมายอยํางมุํงมั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์จน งานลุลํวงเป็นผลส าเร็จ และท างานรํวมกับผู๎อื่นอยํางมีความสุข ✧ ตระหนักถึงประโยชน์ของการใช๎ความรู๎และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการด ารงชีวิต ศึกษาหา ความรู๎เพิ่มเติม ท าโครงงานหรือชิ้นงานตามที่ก าหนดให๎หรือตามความสนใจ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ✧ เข๎าใจโครงสร๎าง ลักษณะเฉพาะและการปรับตัวของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต ในแหลํงที่อยูํการท าหน๎าที่ของสํวนตําง ๆ ของพืช และการท างานของระบบยํอยอาหารของมนุษย์ ✧ เข๎าใจสมบัติและการจ าแนกกลุํมของวัสดุสถานะและการเปลี่ยนสถานะของสสารการละลาย การเปลี่ยนแปลงทางเคมีการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได๎และผันกลับไมํได๎และการแยกสารอยํางงําย ✧ เข๎าใจลักษณะของแรงโน๎มถํวงของโลก แรงลัพธ์แรงเสียดทาน แรงไฟฟูาและผลของแรงตําง ๆ ผลที่เกิดจากแรงกระท าตํอวัตถุความดัน หลักการที่มีตํอวัตถุวงจรไฟฟูาอยํางงําย ปรากฏการณ์เบื้องต๎นของเสียง และแสง ✧ เข๎าใจปรากฏการณ์การขึ้นและตก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปรํางปรากฏของดวงจันทร์องค์ประกอบ ของระบบสุริยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ความแตกตํางของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์การขึ้นและตกของกลุํม ดาวฤกษ์การใช๎แผนที่ดาว การเกิดอุปราคา พัฒนาการและประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศ


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๔๗ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ✧ เข๎าใจลักษณะของแหลํงน้ า วัฏจักรน้ า กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้ าค๎าง น้ าค๎างแข็ง หยาดน้ าฟูา กระบวนการเกิดหิน วัฏจักรหิน การใช๎ประโยชน์หินและแรํการเกิดซากดึกด าบรรพ์การเกิดลมบก ลมทะเล มรสุม ลักษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติธรณีพิบัติภัย การเกิดและผลกระทบของปรากฏการณ์เรือนกระจก ✧ ค๎นหาข๎อมูลอยํางมีประสิทธิภาพและประเมินความนําเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข๎อมูลใช๎เหตุผลเชิงตรรกะ ในการแก๎ปัญหา ใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการท างานรํวมกัน เข๎าใจสิทธิและหน๎าที่ของตน เคารพ สิทธิของผู๎อื่น ✧ ตั้งค าถามหรือก าหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู๎ตามที่ก าหนดให๎หรือตามความสนใจ คาดคะเน ค าตอบหลายแนวทาง สร๎างสมมติฐานที่สอดคล๎องกับค าถามหรือปัญหาที่จะส ารวจตรวจสอบ วางแผนและส ารวจ ตรวจสอบโดยใช๎เครื่องมือ อุปกรณ์และเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสม ในการเก็บรวบรวมข๎อมูลทั้งเชิงปริมาณ และคุณภาพ ✧ วิเคราะห์ข๎อมูล ลงความเห็น และสรุปความสัมพันธ์ของข๎อมูลที่มาจากการส ารวจตรวจสอบ ในรูปแบบที่เหมาะสม เพื่อสื่อสารความรู๎จากผลการส ารวจตรวจสอบได๎อยํางมีเหตุผลและหลักฐานอ๎างอิง ✧ แสดงถึงความสนใจ มุํงมั่น ในสิ่งที่จะเรียนรู๎มีความคิดสร๎างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา ตามความสนใจของตนเอง แสดงความคิดเห็นของตนเอง ยอมรับในข๎อมูลที่มีหลักฐานอ๎างอิง และรับฟัง ความคิดเห็นผู๎อื่น ✧ แสดงความรับผิดชอบด๎วยการท างานที่ได๎รับมอบหมายอยํางมุํงมั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงานลุลํวงเป็นผลส าเร็จ และท างานรํวมกับผู๎อื่นอยํางสร๎างสรรค์ ✧ ตระหนักในคุณคําของความรู๎วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใช๎ความรู๎และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการด ารงชีวิต แสดงความชื่นชม ยกยํอง และเคารพสิทธิในผลงานของผู๎คิดค๎นและศึกษาหาความรู๎เพิ่มเติม ท าโครงงานหรือชิ้นงานตามที่ก าหนดให๎หรือตามความสนใจ ✧ แสดงถึงความซาบซึ้ง หํวงใย แสดงพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช๎การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล๎อมอยํางรู๎คุณคํา


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๔๘ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข๎าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหวํางสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหวํางสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตตํางๆ ในระบบนิเวศ การถํายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีตํอทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อม แนวทาง ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก๎ปัญหาสิ่งแวดล๎อม รวมทั้งน าความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. ระบุชื่อพืชและ สัตว์ที่อาศัยอยูํ บริเวณตําง ๆ จาก ข๎อมูลที่รวบรวมได๎ ๒. บอก สภาพแวดล๎อมที่ เหมาะสมกับการ ด ารงชีวิตของสัตว์ใน บริเวณที่อาศัยอยูํ - - - ๑. บรรยายโครงสร๎าง และลักษณะของ สิ่งมีชีวิตที่เหมาะสม กับการด ารงชีวิต ซึ่ง เป็นผลมาจากการ ปรับตัวของสิ่งมีชีวิต ในแตํละแหลํงที่อยูํ ๒. อธิบาย ความสัมพันธ์ระหวําง สิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ ระหวํางสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งไมํมีชีวิต เพื่อ ประโยชน์ตํอการ ด ารงชีวิต ๓. เขียนโซํอาหาร และระบุบทบาท หน๎าที่ของสิ่งมีชีวิต ที่เป็นผู๎ผลิตและ ผู๎บริโภคในโซํอาหาร ๔. ตระหนักในคุณคํา ของสิ่งแวดล๎อมที่มี ตํอการด ารงชีวิตของ สิ่งมีชีวิต โดยมีสํวน รํวมในการดูแลรักษา สิ่งแวดล๎อม -


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๔๙ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข๎าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หนํวยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การล าเลียงสารเข๎าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร๎างและหน๎าที่ของระบบตําง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ท างานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ ของโครงสร๎างและหน๎าที่ของอวัยวะตําง ๆ ของพืชที่ท างานสัมพันธ์กัน รวมทั้งน าความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. ระบุชื่อ บรรยาย ลักษณะและบอก หน๎าที่ของสํวนตําง ๆ ของรํางกายมนุษย์ สัตว์ และพืช รวมทั้ง บรรยายการท าหน๎าที่ รํวมกันของสํวน ตําง ๆ ของรํางกาย มนุษย์ในการท า กิจกรรมตําง ๆจาก ข๎อมูลที่รวบรวมได๎ ๒. ตระหนักถึง ความส าคัญของสํวน ตํางๆ ของรํางกาย ตนเอง โดยการดูแล สํวนตําง ๆ อยําง ถูกต๎องให๎ปลอดภัย และรักษาความ สะอาดอยูํเสมอ ๑. ระบุวําพืชต๎องการ แสงและน้ าเพื่อการ เจริญเติบโตโดยใช๎ ข๎อมูลจากหลักฐาน เชิงประจักษ์ ๒. ตระหนักถึงความ จ าเป็นที่พืชต๎องได๎รับ น้ าและแสงเพื่อการ เจริญเติบโตโดยดูแล พืชให๎ได๎รับสิ่ง ดังกลําวอยําง เหมาะสม ๓. สร๎างแบบจ าลองที่ บรรยายวัฏจักรชีวิต ของพืชดอก ๑.บรรยายสิ่งที่ จ าเป็นตํอการ ด ารงชีวิตและการ เจริญเติบโตของ มนุษย์และสัตว์โดย ใช๎ข๎อมูลที่รวบรวม ได๎ ๒. ตระหนักถึง ประโยชน์ของ อาหารน้ าและ อากาศโดยการดูแล ตนเองและสัตว์ให๎ ได๎รับสิ่งเหลํานี้ อยํางเหมาะสม ๓. สร๎าแบบจ าลอง ที่บรรยายวัฏจักร ชีวิตของสัตว์และ เปรียบเทียบวัฏ จักรชีวิตของสัตว์ บางชนิด ๔. ตระหนักถึง คุณคําของชีวิตสัตว์ โดยไมํท าให๎วัฏจักร ชีวิตของสัตว์ เปลี่ยนแปลง ๑. บรรยายหน๎าที่ ของราก ล าต๎น ใบ และดอก ของพืชดอก โดยใช๎ข๎อมูลที่ รวบรวมได๎ - ๑. ระบุสารอาหาร และบอกประโยชน์ ของสารอาหารแตํละ ประเภทจากอาหารที่ ตนเองรับประทาน ๒. บอกแนวทางใน การเลือกรับประทาน อาหารให๎ได๎ สารอาหารครบถ๎วน ในสัดสํวนที่เหมาะสม กับเพศและวัย รวมทั้งความ ปลอดภัยตํอสุขภาพ ๓. ตระหนักถึง ความส าคัญของ สารอาหาร โดยการ เลือกรับประทาน อาหารที่มีสารอาหาร ครบถ๎วนในสัดสํวนที่ เหมาะสมกับเพศ และวัย รวมทั้ง ปลอดภัยตํอสุขภาพ ๔. สร๎างแบบจ าลอง ระบบยํอยอาหารและ บรรยายหน๎าที่ของ อวัยวะในระบบยํอย อาหารรวมทั้งอธิบาย การยํอยอาหารและ การดูดซึมสารอาหาร ๕. ตระหนักถึง ความส าคัญของ ระบบยํอยอาหารโดย การบอกแนวทางใน การดูแลรักษาอวัยวะ ในระบบยํอยอาหาร ให๎ท างานเป็นปกติ


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๕๐ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข๎าใจกระบวนการและความส าคัญของการถํายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลตํอสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งน าความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ - ๑. เปรียบเทียบ ลักษณะของสิ่งมีชีวิต และสิ่งไมํมีชีวิตจาก ข๎อมูลที่รวบรวมได๎ ๑. จ าแนกสิ่งมีชีวิต โดยใช๎ความเหมือน และความแตกตําง ของลักษณะของ สิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุํม พืช กลุํมสัตว์ และ กลุํมที่ไมํใชํพืชและ สัตว์ ๒. จ าแนกพืช ออกเป็นพืชดอกและ พืชไมํมีดอก โดยใช๎ การมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช๎ข๎อมูลที่ รวบรวมได๎ ๓. จ าแนกสัตว์ ออกเป็นสัตว์มีกระดูก สันหลังและสัตว์ไมํมี กระดูกสันหลัง โดยใช๎ การมีกระดูกสันหลัง เป็นเกณฑ์ โดยใช๎ ข๎อมูลที่รวบรวมได๎ ๔. บรรยาย ลักษณะเฉพาะที่ สังเกตได๎ของสัตว์มี กระดูกสันหลังในกลุํม ปลา กลุํมสัตว์สะเทิน น้ าสะเทินบก กลุํม สัตว์เลื้อยคลาน กลุํม นก และกลุํมสัตว์ เลี้ยงลูกด๎วยน้ านม และยกตัวอยําง สิ่งมีชีวิตในแตํละกลุํม ๑. อธิบายลักษณะ ทางพันธุกรรมที่มีการ ถํายทอดจากพํอแมํสูํ ลูกของพืชสัตว์และ มนุษย์ ๒. แสดงความอยากรู๎ อยากเห็นโดยการ ถามค าถามเกี่ยวกับ ลักษณะที่คล๎ายคลึง กันของตนเองกับ พํอแมํ -


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๕๑ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข๎าใจสมบัติของสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหวํางสมบัติของสสารกับโครงสร๎าง และแรงยึดเหนี่ยวระหวํางอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. อธิบายสมบัติที่ สังเกตได๎ของวัสดุที่ ใช๎ท าวัตถุซึ่งท าจาก วัสดุชนิดเดียวหรือ หลายชนิดประกอบ กัน โดยใช๎หลักฐาน เชิงประจักษ์ ๒. ระบุชนิดของ วัสดุและจัดกลุํม วัสดุตามสมบัติที่ สังเกตได๎ ๑. เปรียบเทียบ สมบัติการดูดซับน้ า ของวัสดุโดยใช๎ หลักฐานเชิงประจักษ์ และระบุการน าสมบัติ การดูดซับน้ าของวัสดุ ไปประยุกต์ใช๎ในการ ท าวัตถุในใชีวิต ประจ าวัน ๒. อธิบายสมบัติ ที่สังเกตได๎ของวัสดุ ที่เกิดจากการน าวัสดุ มาผสมกันโดยใช๎ หลักฐานเชิงประจักษ์ ๓. เปรียบเทียบ สมบัติที่สังเกตได๎ของ วัสดุเพื่อน ามาท าเป็น วัตถุในการใช๎งานตาม วัตถุประสงค์และ อธิบายการน าวัสดุ ที่ใช๎แล๎วกลับมาใช๎ ใหมํโดยใช๎หลักฐาน เชิงประจักษ์ ๔. ตระหนักถึง ประโยชน์ของการน า วัสดุที่ใช๎แล๎วกลับมา ใช๎ใหมํโดยการน าวัสดุ ที่ใช๎แล๎วกลับมาใช๎ ใหมํ ๑. อธิบายวําวัตถุ ประกอบขึ้นจากชิ้น สํวนยํอยๆซึ่งสามารถ แยกออกจากกันได๎ และประกอบกันเป็น วัตถุชิ้นใหมํได๎โดยใช๎ หลักฐานเชิงประจักษ์ ๒. อธิบายการ เปลี่ยนแปลงของวัสดุ เมื่อท าให๎ร๎อนขึ้นหรือ ท าให๎เย็นลงโดยใช๎ หลักฐานเชิงประจักษ์ ๑. เปรียบเทียบ สมบัติทางกายภาพ ด๎านความแข็ง สภาพยืดหยุํน การ น าความร๎อน และ การน าไฟฟูาของ วัสดุ โดยใช๎ลักฐาน เชิงประจักษ์จาก การทดลองและ ระบุการน าสมบัติ เรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุํน การ น าความร๎อน และ การน าไฟฟูาของ วัสดุไปใช๎ใน ชีวิตประจ าวันผําน กระบวนการ ออกแบบชิ้นงาน ๒. แลกเปลี่ยน ความคิดกับผู๎อื่น โดยการอภิปราย เกี่ยวกับสมบัติทาง กายภาพของวัสดุ อยํางมีเหตุผลจาก การทดลอง ๓. เปรียบเทียบ สมบัติของสสารทั้ง ๓ สถานะ จาก ข๎อมูลที่ได๎จากการ สังเกตมวล การ ต๎องการที่อยูํรูปรําง และปริมาตรของ สสาร ๔. ใช๎เครื่องมือเพื่อ วัดมวล และ ปริมาตรของสสาร ทั้ง ๓ สถานะ ๑. อธิบายการเปลี่ยน สถานะของสสาร เมื่อ ท าให๎สสารร๎อนขึ้น หรือเย็นลง โดยใช๎ หลักฐานเชิงประจักษ์ ๒. อธิบายการละลาย ของสารในน้ า โดยใช๎ หลักฐานเชิงประจักษ์ ๓. วิเคราะห์การ เปลี่ยนแปลงของสาร เมื่อเกิดการ เปลี่ยนแปลงทางเคมี โดยใช๎หลักฐานเชิง ประจักษ์ ๔. วิเคราะห์และระบุ การเปลี่ยนแปลงที่ผัน กลับได๎และการ เปลี่ยนแปลงที่ผัน กลับไมํได๎ ๑. อธิบายและ เปรียบเทียบการแยก สารผสมโดยการหยิบ ออก การรํอน การใช๎ แมํเหล็กดึงดูด การริน ออก การกรอง และการ ตกตะกอน โดยใช๎ หลักฐานเชิงประจักษ์ รวมทั้งระบุวิธีแก๎ปัญหา ในชีวิตประจ าวัน เกี่ยวกับการแยกสาร


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๕๒ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๒ เข๎าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจ าวัน ผลของแรงที่กระท าตํอวัตถุ ลักษณะ การเคลื่อนที่แบบตําง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ - - ๑. ระบุผลของแรง ที่มีตํอการ เปลี่ยนแปลง การเคลื่อนที่ของ วัตถุจากหลักฐาน เชิงประจักษ์ ๒. เปรียบเทียบ และยกตัวอยํางแรง สัมผัสและแรงไมํ สัมผัสที่มีผลตํอการ เคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใช๎หลักฐานเชิง ประจักษ์ ๓.จ าแนกวัตถุโดย ใช๎การ ดึงดูดกับ แมํเหล็กเป็นเกณฑ์ จากหลักฐานเชิง ประจักษ์ ๔.ระบุขั้วแมํเหล็ก และ พยากรณ์ผล ที่เกิดขึ้น ระหวําง ขั้วแมํเหล็กเมื่อ น ามาเข๎าใกล๎กัน จากหลักฐานเชิง ประจักษ์ ๑. ระบุผลของแรง โน๎มถํวงที่มีตํอวัตถุ จากหลักฐานเชิง ประจักษ์ ๒. ใช๎เครื่องมือสปริง ในการวัดน้ าหนักของ วัตถุ ๓. บรรยายมลของ วัตถุที่มีผลตํอการ เปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่ของวัตถุจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ ๑. อธิบายวิธีการหา แรงลัพธ์ของแรง หลายแรงในแนว เดียวกันที่กระท าตํอ วัตถุในกรณีที่วัตถุอยูํ นิ่งจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ ๒. เขียนแผนภาพ แสดงแรงที่กระท าตํอ วัตถุที่อยูํในแนว เดียวกันและแรงลัพธ์ ที่กระท าตํอวัตถุ ๓. ใช๎เครื่องชั่งสปริง ในการวัดแรงที่ กระท าตํอวัตถุ ๔. ระบุผลของแรง เสียดทานที่มีตํอการ เปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่ของวัตถุจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ ๕. เขียนแผนภาพ แสดงแรงเสียดทาน และแรงที่อยูํในแนว เดียวกันที่กระท า ตํอวัตถุ ๑. อธิบายการเกิด และผลของแรงไฟฟูา ซึ่งเกิดจากวัตถุที่ผําน การขัดถู โดยใช๎ หลักฐานเชิงประจักษ์


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๕๓ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข๎าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถํายโอนพลังงานปฏิสัมพันธ์ระหวําง สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจ าวัน ธรรมชาติของคลื่นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข๎องกับเสียง แสง และคลื่น แมํเหล็กไฟฟูา รวมทั้งน าความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. บรรยายการเกิด เสียงและทิศทางการ เคลื่อนที่ของเสียงจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ ๑. บรรยายแนวการ เคลื่อนที่ของแสงจาก แหลํงก าเนิดแสง และ อธิบายการมองเห็น วัตถุจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ ๒. ตระหนักในคุณคํา ของความรู๎ของการ มองเห็นโดย เสนอแนะแนว ทางการ ปูองกันอันตรายจาก การมองวัตถุที่อยูํใน บริเวณที่มีแสงสวําง ไมํเหมาะสม ๑. ยกตัวอยํางการ เปลี่ยนพลังงาน หนึ่งไปเป็นอีก พลังงานหนึ่งจาก หลักฐาน เชิงประจักษ์ ๒. บรรยายการ ท างานของเครื่อง ก าเนิดไฟฟูาและ ระบุแหลํงพลังงาน ในการผลิตไฟฟูา จากข๎อมูลที่ รวบรวมได๎ ๓. ตระหนักใน ประโยชน์และโทษ ของไฟฟูา โดย น าเสนอวิธีการใช๎ ไฟฟูาอยําง ประหยัด และปลอดภัย ๑. จ าแนกวัตถุเป็น ตัวกลางโปรํงใส ตัวกลางโปรํงแสง และวัตถุทึบแสง จาก ลักษณะการมองเห็น สิ่งตําง ๆ ผํานวัตถุนั้น เป็นเกณฑ์ โดยใช๎ หลักฐานเชิงประจักษ์ ๑. อธิบายการได๎ยิน เสียงผํานตัวกลางจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ ๒. ระบุตัวแปร ทดลอง และอธิบาย ลักษณะและการเกิด เสียงสูงเสียงต่ า ๓. ออกแบบการ ทดลองและอธิบาย ลักษณะและการเกิด เสียงดัง เสียงคํอย ๔. วัดระดับเสียงโดย ใช๎เครื่องมือ วัดระดับ เสียง ๕. ตระหนักในคุณคํา ของความรู๎เรื่องระดับ เสียงโดยเสนอแนะ แนวทางในการ หลีกเลี่ยงและลด มลพิษทางเสียง ๑. ระบุสํวนประกอบ และบรรยายหน๎าที่ ของแตํละ สํวนประกอบของ วงจรไฟฟูาอยํางงําย จาก หลักฐานเชิงประจักษ์ ๒. เขียนแผนภาพ และตํอวงจรไฟฟูา อยํางงําย ๓. ออกแบบการ ทดลองและทดลอง ด๎วยวิธีที่เหมาะสม ในการอธิบายวิธีการ และผลของการตํอ เซลล์ไฟฟูาแบบ อนุกรม ๔. ตระหนักถึง ประโยชน์ของความรู๎ ของการตํอ เซลล์ไฟฟูาแบบ อนุกรมโดยบอก ประโยชน์และการ ประยุกต์ใช๎ใน ชีวิตประจ าวัน ๕. ออกแบบการ ทดลองและทดลอง ด๎วยวิธีที่เหมาะสมใน การอธิบายการตํอ หลอดไฟฟูา แบบอนุกรมและแบบ ขนาน


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๕๔ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข๎าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถํายโอนพลังงานปฏิสัมพันธ์ระหวําง สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจ าวัน ธรรมชาติของคลื่นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข๎องกับเสียง แสง และคลื่น แมํเหล็กไฟฟูา รวมทั้งน าความรู๎ไปใช๎ประโยชน์(ตํอ) ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๖. ตระหนักถึง ประโยชน์ของความรู๎ ของการตํอหลอด ไฟฟูาแบบอนุกรม และแบบขนาน โดยบอกประโยชน์ ข๎อจ ากัด และการ ประยุกต์ใช๎ ในชีวิตประจ าวัน ๗. อธิบายการเกิดเงา มืดเงามัวจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ ๘. เขียนแผนภาพรังสี ของแสงแสดงการเกิด เงามืดเงามัว


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๕๕ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข๎าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพกาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ที่สํงผลตํอสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช๎เทคโนโลยีอวกาศ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. ระบุดาวที่ปรากฏ บนท๎องฟูาในเวลา กลางวันและกลางคืน จากข๎อมูลที่รวบรวม ได๎ ๒. อธิบายสาเหตุที่ มองไมํเห็นดาวสํวน ใหญํในเวลากลางวัน จากหลักฐานเชิง ประจักษ์ - ๑. อธิบายแบบรูป เส๎นทางการขึ้นและ ตก ของดวงอาทิตย์ โดยใช๎หลักฐานเชิง ประจักษ์ ๒. อธิบายสาเหตุ การเกิปรากฏ การณ์การขึ้น และตกของดวง อาทิตย์ การเกิดกลางวัน กลางคืน และการก าหนดทิศ โดยใช๎แบบจ าลอง ๓. ตระหนักถึง ความส าคัญของ ดวงอาทิตย์ โดย บรรยายประโยชน์ ของดวงอาทิตย์ ตํอสิ่งมีชีวิต ๑. อธิบายแบบรูป เส๎นทางการขึ้นและ ตกของดวงจันทร์ โดยใช๎หลักฐาน เชิงประจักษ์ ๒. สร๎างแบบจ าลองที่ อธิบายแบบรูปการ เปลี่ยนแปลงรูปรําง ปรากฏของดวงจันทร์ และพยากรณ์รูปรําง ปรากฏของดวงจันทร์ ๓. สร๎างแบบจ าลอง แสดงองค์ประกอบ ของระบบสุริยะ และ อธิบายเปรียบเทียบ คาบการโคจรของดาว เคราะห์ตําง ๆ จาก แบบจ าลอง ๑. เปรียบเทียบความ แตกตํางของดาว เคราะห์และดาวฤกษ์ จากแบบจ าลอง ๒. ใช๎แผนที่ดาวระบุ ต าแหนํงและเส๎นทาง การขึ้นและตกของ กลุํมดาวฤกษ์บน ท๎องฟูา และอธิบาย แบบรูปเส๎นทางการ ขึ้นและตกของกลุํม ดาวฤกษ์บนท๎องฟูา ในรอบปี ๑. สร๎างแบบจ าลอง ที่อธิบายการเกิด และเปรียบเทียบ ปรากฏการณ์ สุริยุปราคาและ จันทรุปราคา ๒. อธิบายพัฒนาการ ของเทคโนโลยีอวกาศ และยกตัวอยํางการ น าเทคโนโลยีอวกาศ มาใช๎ประโยชน์ ในชีวิตประจ าวัน จากข๎อมูลที่รวบรวม ได๎


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๕๖ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เข๎าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟูาอากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลตํอสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล๎อม ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. อธิบายลักษณะ ภายนอกของหิน จากลักษณะเฉพาะตัว ที่สังเกตได๎ ๑. ระบุสํวนประกอบ ของดิน และจ าแนก ชนิดของดินโดยใช๎ ลักษณะเนื้อดินและ การจับตัวเป็นเกณฑ์ ๒. อธิบายการใช๎ ประโยชน์จากดิน จากข๎อมูลที่รวบรวม ได๎ ๑. ระบุ สํวนประกอบของ อากาศ บรรยาย ความส าคัญของ อากาศ และ ผลกระทบของ มลพิษทางอากาศ ตํอสิ่งมีชีวิต จาก ข๎อมูลที่รวบรวมได๎ ๒. ตระหนักถึง ความส าคัญของ อากาศ โดย น าเสนอแนว ทางการปฏิบัติตน ในการลดการเกิด มลพิษทางอากาศ ๓. อธิบายการเกิด ลมจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ ๔. บรรยาย ประโยชน์และโทษ ของลม จากข๎อมูล ที่รวบรวมได๎ - ๑. เปรียบเทียบ ปริมาณน้ าในแตํละ แหลํง และระบุ ปริมาณน้ าที่มนุษย์ สามารถน ามาใช๎ ประโยชน์ได๎ จาก ข๎อมูลที่รวบรวมได๎ ๒. ตระหนักถึงคุณคํา ของน้ าโดยน าเสนอ แนวทางการใช๎น้ า อยํางประหยัดและ การอนุรักษ์น้ า ๓. สร๎างแบบจ าลองที่ อธิบายการหมุนเวียน ของน้ าในวัฏจักรน้ า ๔. เปรียบเทียบ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้ าค๎าง และน้ าค๎างแข็ง จากแบบจ าลอง ๕. เปรียบเทียบ กระบวนการเกิดฝน หิมะ และลูกเห็บ จากข๎อมูลที่รวบรวม ได๎ ๑. เปรียบเทียบ กระบวนการเกิดหิน อัคนี หินตะกอน และหินแปร และอธิบายวัฏจักร หินจากแบบจ าลอง ๒. บรรยายและ ยกตัวอยํางการใช๎ ประโยชน์ของหินและ แรํในชีวิตประจ าวัน จากข๎อมูลที่รวบรวม ได๎ ๓. สร๎างแบบจ าลอง ที่อธิบายการเกิดซาก ดึกด าบรรพ์ และคาดคะเน สภาพแวดล๎อมใน อดีตของซากดึกด า บรรพ์ ๔. เปรียบเทียบการ เกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม รวมทั้ง อธิบายผลที่มีตํอ สิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล๎อม จากแบบจ าลอง ๕. อธิบายผลของ มรสุมตํอการเกิดฤดู ของประเทศไทย จาก ข๎อมูลที่รวบรวมได๎ ๖. บรรยายลักษณะ และผลกระทบของน้ า ทํวมการกัดเซาะ ชายฝั่ง ดินถลํม แผํนดินไหว สึนามิ


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๕๗ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เข๎าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟูาอากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลตํอสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล๎อม (ตํอ) ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๗. ตระหนักถึง ผลกระทบของภัย ธรรมชาติและธรณี พิบัติภัย โดยน าเสนอ แนวทางในการเฝูา ระวังและปฏิบัติตน ให๎ปลอดภัยจาก ภัยธรรมชาติและธรณี พิบัติภัยที่อาจเกิดใน ท๎องถิ่น ๘. สร๎างแบบจ าลอง ที่อธิบายการเกิด ปรากฏการณ์ เรือนกระจกและผล ของปรากฏการณ์ เรือนกระจก ตํอสิ่งมีชีวิต ๙. ตระหนักถึง ผลกระทบของ ปรากฏการณ์เรือน กระจก โดยน าเสนอ แนวทางการปฏิบัติ ตนเพื่อลดกิจกรรม ที่กํอให๎เกิดแก๏สเรือน กระจก


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๕๘ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข๎าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการด ารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยํางรวดเร็ว ใช๎ความรู๎และทักษะทางด๎านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก๎ปัญหาหรือพัฒนางาน อยํางมีความคิดสร๎างสรรค์ด๎วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช๎เทคโนโลยีอยํางเหมาะสม โดยค านึงถึง ผลกระทบตํอชีวิต สังคม และสิ่งแวดล๎อม ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ - - - - - - สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๒ เข๎าใจและใช๎แนวคิดเชิงค านวณในการแก๎ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอยํางเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ ใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู๎การท างาน และการแก๎ปัญหาได๎ อยํางมีประสิทธิภาพ รู๎เทําทัน และมีจริยธรรม ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. แก๎ปัญหาอยําง งํายโดยใช๎การลองผิด ลองถูก การ เปรียบเทียบ ๒. แสดงล าดับ ขั้นตอนการท างาน หรือการแก๎ปัญหา อยํางงํายโดยใช๎ภาพ สัญลักษณ์ หรือ ข๎อความ ๓. เขียนโปรแกรม อยํางงําย โดยใช๎ ซอฟแวร์หรือสื่อ ๔. ใช๎เทคโนโลยีใน การสร๎าง จัดเก็บ เรียกใช๎ข๎อมูล ตามวัตถุประสงค์ ๑. แสดงล าดับ ขั้นตอนการท างาน หรือการแก๎ปัญหา อยํางงํายโดยใช๎ภาพ สัญลักษณ์ หรือ ข๎อความ ๒. เขียนโปรแกรม อยํางงําย โดยใช๎ ซอฟต์แวร์หรือสื่อ และตรวจหา ข๎อผิดพลาด ของโปรแกรม ๓. ใช๎เทคโนโลยี ในการสร๎าง จัด หมวดหมูํ ค๎นหา จัดเก็บ เรียกใช๎ข๎อมูล ตามวัตถุประสงค์ ๔. ใช๎เทคโนโลยี สารสนเทศอยําง ปลอดภัย ปฏิบัติตาม ข๎อตกลงในการใช๎ คอมพิวเตอร์รํวมกัน ดูแลรักษาอุปกรณ์ เบื้องต๎น ใช๎งานอยําง เหมาะสม ๑. แสดงอัลกอริทึม ในการท างานหรือ การแก๎ปัญหาอยําง งํายโดยใช๎ภาพ สัญลักษณ์ หรือ ข๎อความ ๒. เขียนโปรแกรม อยํางงําย โดยใช๎ ซอฟต์แวร์หรือสื่อ และตรวจหา ข๎อผิดพลาดของ โปรแกรม ๓. ใช๎อินเทอร์เน็ต ค๎นหาความรู๎ ๔. รวบรวม ประมวลผล และ น าเสนอข๎อมูล โดย ใช๎ซอฟต์แวร์ตาม วัตถุประสงค์ ๕. ใช๎เทคโนโลยี สารสนเทศอยําง ปลอดภัย ปฏิบัติ ตามข๎อตกลง ในการใช๎ อินเทอร์เน็ต ๑. ใช๎เหตุผลเชิง ตรรกะในการ แก๎ปัญหา การอธิบาย การท างน การ คาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหาอยํางงําย ๒. ออกแบบ และ เขียนโปรแกรมอยําง งําย โดยใช๎ซอฟแวร์ หรือสื่อ และตรวจหา ข๎อผิดพลาดและแก๎ไข ๓. ใช๎อินเทอร์เน็ต ค๎นหาความรู๎ และ ประเมินความ นําเชื่อถือของข๎อมูล ๔. รวบรวม ประเมิน น าเสนอข๎อมูลและ สารสนเทศ โดยใช๎ ซอฟแวร์ที่ หลากหลาย เพื่อ แก๎ปัญหา ในชีวิตประจ าวัน ๑. ใช๎เหตุผลเชิง ตรรกะในการ แก๎ปัญหา การอธิบาย การท างาน การ คาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหาอยํางงําย ๒. ออกแบบ และ เขียนโปรแกรมที่มี การใช๎เหตุผล เชิงตรรกะอยํางงําย ตรวจหาข๎อผิดพลาด และแก๎ไข ๓. ใช๎อินเทอร์เน็ต ค๎นหาข๎อมูล ติดตํอสื่อสารและ ท างานรํวมกัน ประเมินความ นําเชื่อถือของข๎อมูล ๔. รวบรวม ประเมิน น าเสนอข๎อมูลและ สารสนเทศ ตาม วัตถุประสงค์โดยใช๎ ซอฟต์แวร์หรือบริการ บนอินเทอร์เน็ต ที่หลากหลาย เพื่อแก๎ปัญหา ในชีวิตประจ าวัน ๑. ใช๎เหตุผลเชิง ตรรกะในการอธิบาย และออกแบบวิธีการ แก๎ปัญหาที่พบใน ชีวิตประจ าวัน ๒. ออกแบบและ เขียนโปรแกรม อยํางงําย เพื่อแก๎ปัญหา ในชีวิตประจ าวัน ตรวจหาข๎อผิดพลาด ของโปรแกรม และแก๎ไข ๓. ใช๎อินเทอร์เน็ต ในการค๎นหาข๎อมูล อยํางมีประสิทธิภาพ ๔. ใช๎เทคโนโลยี สารสนเทศท างาน รํวมกันอยําง ปลอดภัย เข๎าใจสิทธิ และหน๎าที่ของตน เคารพในสิทธิของ ผู๎อื่น แจ๎งผู๎เกี่ยวข๎อง เมื่อพบข๎อมูลหรือ บุคคลที่ไมํเหมาะสม


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๕๙ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๒ เข๎าใจและใช๎แนวคิดเชิงค านวณในการแก๎ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอยํางเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ ใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู๎การท างาน และการแก๎ปัญหาได๎ อยํางมีประสิทธิภาพ รู๎เทําทัน และมีจริยธรรม (ตํอ) ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๕. ใช๎เทคโนโลยี สารสนเทศอยําง ปลอดภัยปฏิบัติตาม ข๎อตกลงในการใช๎ คอมพิวเตอร์รํวมกัน ดูแลรักษาอุปกรณ์ เบื้องต๎น ใช๎งานอยําง เหมาะสม ๕. ใช๎เทคโนโลยี สารสนเทศอยําง ปลอดภัย เข๎าใจสิทธิ และหน๎าที่ ของตน เคารพในสิทธิ ของผู๎อื่น แจ๎ง ผู๎เกี่ยวข๎องเมื่อพบ ข๎อมูลหรือบุคคลที่ไมํ เหมาะสม ๕. ใช๎เทคโนโลยี สารสนเทศอยําง ปลอดภัย มีมารยาท เข๎าใจสิทธิและหน๎าที่ ของตน เคารพในสิทธิ ของผู๎อื่น แจ๎ง ผู๎เกี่ยวข๎องเมื่อพบ ข๎อมูลหรือบุคคลที่ไมํ เหมาะสม


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๖๐ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ท าไมต้องเรียนสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กลุํมสาระการเรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชํวยให๎ผู๎เรียนมีความรู๎ ความเข๎าใจ การด ารงชีวิต ของมนุษย์ทั้งในฐานะปัจเจกบุคคลและการอยูํรํวมกันในสังคม การปรับตัวตามสภาพแวดล๎อม การจัดการทรัพยากรที่มี อยูํอยํางจ ากัด เข๎าใจถึงการพัฒนา เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย กาลเวลา ตามเหตุปัจจัยตํางๆ เกิดความเข๎าใจ ในตนเอง และผู๎อื่น มีความอดทน อดกลั้น ยอมรับในความแตกตําง และมีคุณธรรม สามารถน าความรู๎ไปปรับใช๎ ในการด าเนินชีวิต เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ และสังคมโลกเรียนรู๎อะไรในสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กลุํมสาระการเรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมวําด๎วยการอยูํรํวมกันในสังคม ที่มีความเชื่อม สัมพันธ์กัน และมีความแตกตํางกันอยํางหลากหลาย เพื่อชํวยให๎สามารถปรับตนเองกับบริบทสภาพแวดล๎อม เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ มีความรู๎ ทักษะ คุณธรรม และคํานิยมที่เหมาะสม โดยได๎ก าหนดสาระตําง ๆ ไว๎ ดังนี้ ศาสนา ศีลธรรมและจริยธรรม แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หลักธรรม ของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ การน าหลักธรรมค าสอนไปปฏิบัติในการพัฒนาตนเอง และการอยูํ รํวมกันอยํางสันติสุข เป็นผู๎กระท าความดี มีคํานิยมที่ดีงาม พัฒนาตนเองอยูํเสมอ รวมทั้งบ าเพ็ญประโยชน์ตํอสังคม และสํวนรวม หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการด าเนินชีวิต ระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบัน การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลักษณะและความส าคัญ การเป็นพลเมืองดี ความแตกตํางและความหลากหลายทางวัฒนธรรม คํานิยม ความเชื่อ ปลูกฝังคํานิยมด๎านประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิทธิ หน๎าที่ เสรีภาพการด าเนินชีวิตอยํางสันติสุขในสังคมไทยและสังคมโลก เศรษฐศาสตร์ การผลิต การแจกจําย และการบริโภคสินค๎าและบริการ การบริหารจัดการทรัพยากร ที่มีอยูํอยํางจ ากัดอยํางมีประสิทธิภาพ การด ารงชีวิตอยํางมีดุลยภาพ และการน าหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช๎ ในชีวิตประจ าวัน ประวัติศาสตร์ เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ วิธีการทางประวัติศาสตร์พัฒนาการของมนุษยชาติ จากอดีตถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์และเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ตํางๆ ผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์ส าคัญใน อดีต บุคคลส าคัญที่มีอิทธิพลตํอการเปลี่ยนแปลงตํางๆในอดีต ความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรมและภูมิปัญญา ไทย แหลํงอารยธรรมที่ส าคัญของโลก ภูมิศาสตร์ ลักษณะของโลกทางกายภาพ ลักษณะทางกายภาพ แหลํงทรัพยากร และภูมิอากาศ ของประเทศไทย และภูมิภาคตําง ๆ ของโลก การใช๎แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ความสัมพันธ์กันของสิ่ง ตําง ๆ ในระบบธรรมชาติ ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับสภาพแวดล๎อมทางธรรมชาติ และสิ่งที่มนุษย์สร๎างขึ้น การน าเสนอข๎อมูลภูมิสารสนเทศ การอนุรักษ์สิ่งแวดล๎อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๖๑ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ คุณภาพผู้เรียน จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ มีความรู๎เรื่องเกี่ยวกับตนเองและผู๎ที่อยูํรอบข๎าง ตลอดจนสภาพแวดล๎อมในท๎องถิ่นที่อยูํอาศัย และเชื่อมโยงประสบการณ์ไปสูํโลกกว๎าง มีทักษะกระบวนการ และมีข๎อมูลที่จ าเป็นตํอการพัฒนาให๎เป็นผู๎มีคุณธรรม จริยธรรม ประพฤติปฏิบัติ ตามหลักค าสอนของศาสนาที่ตนนับถือ มีความเป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ การอยูํรํวมกัน และการท างาน กับผู๎อื่น มีสํวนรํวมในกิจกรรมของห๎องเรียน และได๎ฝึกหัดในการตัดสินใจ มีความรู๎เรื่องราวเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน และชุมชนในลักษณะการบูรณาการ ผู๎เรียน ได๎เข๎าใจแนวคิดเกี่ยวกับปัจจุบันและอดีต มีความรู๎พื้นฐานทางเศรษฐกิจ ได๎ข๎อคิดเกี่ยวกับรายรับ-รายจําย ของครอบครัว เข๎าใจถึงการเป็นผู๎ผลิต ผู๎บริโภค รู๎จักการออมขั้นต๎นและวิธีการเศรษฐกิจพอเพียง รู๎และเข๎าใจในแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หน๎าที่พลเมือง เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์ เพื่อเป็นพื้นฐานในการท าความเข๎าใจในขั้นที่สูงตํอไป จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ มีความรู๎เรื่องของจังหวัด ภาค และประทศของตนเอง ทั้งเชิงประวัติศาสตร์ ลักษณะทางกายภาพ สังคม ประเพณี และวัฒนธรรม รวมทั้งการเมือง การปกครอง และสภาพเศรษฐกิจโดยเน๎นความเป็นประเทศไทย มีความรู๎และความเข๎าใจในเรื่องศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ปฏิบัติตนตามหลักธรรมค าสอนของศาสนา ที่ตนนับถือ รวมทั้งมีสํวนรํวมศาสนพิธี และพิธีกรรมทางศาสนามากยิ่งขึ้น ปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิหน๎าที่ในฐานะพลเมืองดีของท๎องถิ่น จังหวัด ภาค และประเทศ รวมทั้งได๎มีสํวนรํวมในกิจกรรมตามขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของท๎องถิ่นตนเอง มากยิ่งขึ้น สามารถเปรียบเทียบเรื่องราวของจังหวัดและภาคตํางๆของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ๎าน ได๎รับการ พัฒนาแนวคิดทางสังคมศาสตร์ เกี่ยวกับศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หน๎าที่พลเมือง เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์ เพื่อขยายประสบการณ์ไปสูํการท าความเข๎าใจในภูมิภาค ซีกโลกตะวันออกและตะวันตกเกี่ยวกับ ศาสนา คุณธรรม จริยธรรม คํานิยม ความเชื่อ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม การด าเนินชีวิต การจัด ระเบียบทางสังคม และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมจากอดีตสูํปัจจุบัน


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๖๒ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ ท าไมต้องเรียนภูมิศาสตร์ สาระภูมิศาสตร์ชํวยให๎ผู๎เรียนเข๎าใจลักษณะทางกายภาพของโลก ปฏิสัมพันธ์ระหวํางมนุษย์ กับสิ่งแวดล๎อมที่กํอให๎เกิดการสร๎างสรรค์วิถีการด าเนินชีวิต เพื่อให๎รู๎เทําทัน ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง ของสิ่งแวดล๎อม ตลอดจนสามารถใช๎ทักษะ กระบวนการ ความสามารถทางภูมิศ าสตร์ และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ จัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล๎อมตามสาเหตุและปัจจัย อันจะน าไปสูํการปรับใช๎ในการด าเนินชีวิต จนเกิดจิตส านึก และมีสํวนรํวมในการพัฒนาที่ยั่งยืน เรียนรู้อะไรในภูมิศาสตร์ ลักษณะทางกายภาพของโลก การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ปัญหาทางกายภาพและภัยพิบัติ ความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งซึ่งมีผลตํอกัน แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์การใช๎ภูมิสารสนเทศ ปฏิสัมพันธ์ ระหวํางมนุษย์กับสิ่งแวดล๎อมทางกายภาพกับการสร๎างสรรค์วิถีการด าเนินชีวิต กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม ความรํวมมือด๎านทรัพยากรและสิ่งแวดล๎อมในประเทศและระหวํางประเทศ และการจัดการทรัพยากร และสิ่งแวดล๎อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน คุณภาพผู้เรียน จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ มีความรู๎เกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพของสิ่งตําง ๆ ที่อยูํรอบตัวและชุมชน และสามารถปรับตัวเทําทัน การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ และมีสํวนรํวมในการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล๎อมใกล๎ตัว จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ มีความรู๎เกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพ ภัยพิบัติ ลักษณะกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัด ภาค และประเทศไทย สามารถเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพกับภัยพิบัติตําง ๆ ในประเทศไทย และหาแนวทางในการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล๎อม


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๖๓ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ รู๎ และเข๎าใจประวัติ ความส าคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ และศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต๎อง ยึดมั่น และปฏิบัติตามหลักธรรม เพื่ออยูํรํวมกันอยํางสันติสุข ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. บอกพุทธประวัติ หรือประวัติของ ศาสดาที่ตนนับถือ โดยสังเขป ๒. ชื่นชมและบอก แบบอยํางการด าเนิน ชีวิตและข๎อคิดจาก ประวัติสาวก ชาดก/ เรื่องเลําและศาสนิก ชน ตัวอยํางตามที่ ก าหนด ๓. บอกความหมาย ความส าคัญ และ เคารพ พระ รัตนตรัย ปฏิบัติตาม หลักธรรมโอวาท ๓ ในพระพุทธศาสนา หรือหลักธรรมของ ศาสนาที่ตนนับถือ ตามที่ก าหนด ๔. เห็นคุณคําและ สวดมนต์แผํเมตตา มีสติที่เป็นพื้นฐาน ของสมาธิ ในพระพุทธศาสนา หรือการพัฒนาจิต ตามแนวทางของ ศาสนาที่ตนนับถือ ตามที่ก าหนด ๑. บอกความ ส าคัญ ของ พระพุทธ ศาสนาหรือศาสนาที่ ตน นับถือ ๒. สรุป พุทธประวัติตั้งแตํ ประสูติจนถึงการออก ผนวช หรือประวัติ ศาสดาที่ตนนับถือ ตามที่ก าหนด ๓. ชื่นชมและบอก แบบอยํางการด าเนิน ชีวิตและข๎อคิดจาก ประวัติสาวก ชาดก เรื่องเลําและศาสนิก ชนตัวอยํางตามที่ ก าหนด ๔. บอกความหมาย ความส าคัญ และ เคารพพระรัตนตรัย ปฏิบัติตามหลักธรรม โอวาท ๓ ในพระพุทธ ศาสนาหรือหลักธรรม ของศาสนาที่ตน นับถือตามที่ก าหนด ๕. ชื่นชมการท า ความดีของตนเอง บุคคล ในครอบครัว และในโรงเรียนตาม หลักศาสนา คัมภีร์ของศาสนาที่ ตนนับถือและศาสนา อื่น ๆ ๑. อธิบาย ความส าคัญของ พระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตน นับถือในฐานะที่ เป็นรากฐานส าคัญ ของวัฒนธรรมไทย ๒. สรุปพุทธประวัติ ตั้งแตํการบ าเพ็ญ เพียรจนถึง ปรินิพพาน หรือ ประวัติของศาสดา ที่ตนนับถือตามที่ ก าหนด ๓. ชื่นชมและบอก แบบอยํางการ ด าเนินชีวิตและ ข๎อคิดจากประวัติ สาวก ชาดก เรื่อง เลําและศาสนิกชน ตัวอยํางตามที่ ก าหนด ๔. บอกความ หมายความส าคัญ ของพระไตรปิฏก หรือคัมภีร์ของ ศาสนาที่ตนนับถือ ๕. แสดง ความเคารพ พระรัตนตรัย และปฏิบัติตาม หลักธรรม โอวาท ๓ ใน พระพุทธศาสนา หรือหลักธรรมของ ศาสนาที่ตนนับถือ ตามที่ก าหนด ๑. อธิบาย ความส าคัญ ของพระพุทธศาสนา หรือศาสนา ที่ตนนับถือในฐานะ เป็นศูนย์รวมจิตใจ ของศาสนิกชน ๒. สรุปพุทธประวัติ ตั้งแตํบรรลุธรรม จนถึงประกาศธรรม หรือประวัติศาสดา ที่ตนนับถือตามที่ ก าหนด ๓. เห็นคุณคําและ ประพฤติตนตาม แบบอยํางการด าเนิน ชีวิตและข๎อคิดจาก ประวัติสาวก ชาดก เรื่องเลํา และศาสนิก ชนตัวอยํางตาม ที่ก าหนด ๔. แสดงความเคารพ พระรัตนตรัย ปฏิบัติ ตามไตรสิกขาและ หลักธรรม โอวาท ๓ ในพระพุทธศาสนา หรือหลักธรรมของ ศาสนาที่ตนนับถือ ตามที่ก าหนด ๕. ชื่นชมการท า ความดีของตนเอง บุคคลในครอบครัว โรงเรียนและชุมชน ตามหลักศาสนา พร๎อมทั้งบอกแนว ปฏิบัติในการด าเนิน ชีวิต ๑. วิเคราะห์ ความส าคัญของ พระพุทธศาสนา หรือ ศาสนาที่ตนนับถือใน ฐานะที่เป็นมรดกทาง วัฒนธรรมและหลัก ในการพัฒนาชาติไทย ๒. สรุปพุทธประวัติ ตั้งแตํเสด็จกรุง กบิลพัสดุ์ จนถึงพุทธ กิจส าคัญหรือประวัติ ศาสดาที่ตนนับถือ ตามที่ก าหนด ๓. เห็นคุณคําและ ประพฤติตนตาม แบบอยํางการด าเนิน ชีวิตและข๎อคิดจาก ประวัติสาวก ชาดก เรื่องเลําและศาสนิก ชนตัวอยํางตามที่ ก าหนด ๔. อธิบาย องค์ประกอบและ ความส าคัญของพระ ไตรปิฏก หรือคัมภีร์ ของศาสนาที่ตน นับถือตามที่ก าหนด ๕. แสดงความเคารพ พระรัตนตรัยและ ปฏิบัติตาม ไตรสิกขาและ หลักธรรม โอวาท ๓ ใน พระพุทธศาสนา หรือหลักธรรมของ ศาสนาที่ตนนับถือ ตามที่ก าหนด ๑. วิเคราะห์ ความส าคัญของ พระพุทธศาสนาใน ฐานะเป็นศาสนา ประจ าชาติ หรือ ความ ส าคัญของ ศาสนาที่ตนนับถือ ๒. สรุป พุทธประวัติตั้งแตํ ปลงอายุสังขารจนถึง สังเวชนียสถานหรือ ประวัติศาสดาที่ตน นับถือตามที่ก าหนด ๓. เห็นคุณคําและ ประพฤติตนตาม แบบอยํางการด าเนิน ชีวิต และข๎อคิดจาก ประวัติสาวก ชาดก เรื่องเลําและ ศาสนิกชน ตัวอยําง ตามที่ก าหนด ๔. วิเคราะห์ ความส าคัญ และ เคารพพระรัตนตรัย ปฏิบัติตามไตรสิกขา และหลักธรรมโอวาท ๓ ในพระพุทธศาสนา หรือหลักธรรมของ ศาสนาที่ตนนับถือ ตามที่ก าหนด ๕. ชื่นชมการท า ความดีของบุคคลใน ประเทศตามหลัก ศาสนาพร๎อมทั้งบอก แนวปฏิบัติในการ ด าเนินชีวิต


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๖๔ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ รู๎ และเข๎าใจประวัติ ความส าคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ และศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต๎อง ยึดมั่น และปฏิบัติตามหลักธรรม เพื่ออยูํรํวมกันอยํางสันติสุข (ตํอ) ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๖. เห็นคุณคําและ สวดมนต์ แผํเมตตา มีสติที่เป็นพื้นฐาน ของสมาธิใน พระพุทธ ศาสนาหรือการ พัฒนาจิตตาม แนวทางของศาสนาที่ ตนนับถือตาม ที่ก าหนด ๗. บอกชื่อศาสนา ศาสดาและ ความส าคัญของ คัมภีร์ของศาสนาที่ ตนนับถือและศาสนา อื่น ๆ ๖. เห็นคุณคําและ สวดมนต์ แผํเมตตา มีสติที่เป็นพื้นฐาน ของสมาธิใน พระพุทธศาสนา หรือการพัฒนาจิต ตามแนวทางของ ศาสนาที่ตนนับถือ ๗. บอกชื่อ ความส าคัญ และ ปฏิบัติตนได๎อยําง เหมาะสมตํอศาสน วัตถุ ศาสนสถาน และศาสนบุคคล ของศาสนาอื่นๆ ๖. เห็นคุณคํา และสวดมนต์ แผํเมตตา มีสติ ที่เป็นพื้นฐาน ของสมาธิใน พระพุทธศาสนาหรือ การพัฒนาจิตตาม แนวทางของศาสนา ที่ตนนับถือตามที่ ก าหนด ๗. ปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของศาสนา ที่ตน นับถือ เพื่อการ อยูํรํวมกัน เป็นชาติได๎อยําง สมานฉันท์ ๘. อธิบายประวัติ ศาสดาของศาสนาอื่น ๆ โดยสังเขป ๖. เห็นคุณคําและ สวดมนต์ แผํเมตตา มีสติที่เป็นพื้นฐาน ของสมาธิในพระพุทธ ศาสนาหรือการ พัฒนาจิตตาม แนวทางของศาสนา ที่ตนนับถือตาม ที่ก าหนด ๗. ปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของศาสนา ที่ตนนับถือเพื่อการ พัฒนาตนเองและ สิ่งแวดล๎อม ๖. เห็นคุณคํา และ สวดมนต์ แผํเมตตา และบริหารจิต เจริญ ปัญญา มีสติที่เป็น พื้นฐานของสมาธิใน พระพุทธศาสนาหรือ การพัฒนาจิตตาม แนวทางของศาสนา ที่ตนนับถือตามที่ ก าหนด ๗. ปฏิบัติตน ตาม หลักธรรมของศาสนา ที่ตนนับถือเพื่อ แก๎ปัญหาอบายมุข และสิ่งเสพติด ๘. อธิบายหลักธรรม ส าคัญของศาสนา อื่นๆโดยสังเขป ๙.อธิบายลักษณะ ส าคัญของศาสนพิธี พิธีกรรมของศาสนา อื่น ๆ และปฏิบัติตน ได๎อยํางเหมาะสมเมื่อ ต๎องเข๎ารํวมพิธี


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๖๕ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส ๑.๒ เข๎าใจ ตระหนักและปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดีและธ ารงรักษาพระพุทธศาสนาหรือศาสนา ที่ตนนับถือ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. บ าเพ็ญประโยชน์ ตํอวัดหรือศาสน สถาน ของศาสนา ที่ตนนับถือ ๒. แสดงตนเป็นพุทธ มามกะ หรือแสดงตน เป็นศาสนิกชนของ ศาสนา ที่ตนนับถือ ๓.ปฏิบัติตนใน ศาสนพิธี พิธีกรรม และวันส าคัญทาง ศาสนาตามที่ก าหนด ได๎อยํางถูกต๎อง ๑. ปฏิบัติตน อยําง เหมาะสมตํอสาวก ของศาสนาที่ตน นับถือตามที่ก าหนด ได๎ถูกต๎อง ๒. ปฏิบัติตนในศาสน พิธีพิธีกรรมและ วัน ส าคัญทางศาสนา ตามที่ก าหนดได๎ ถูกต๎อง ๑. ปฏิบัติตน อยําง เหมาะสมตํอสาวก ศาสนสถาน ศาสน วัตถุของศาสนาที่ ตนนับถือตามที่ ก าหนดได๎ถูกต๎อง ๒. เห็นคุณคําและ ปฏิบัติตนในศาสน พิธี พิธีกรรม และ วันส าคัญทาง ศาสนาตามที่ ก าหนดได๎ถูกต๎อง ๓. แสดงตนเป็น พุทธมามกะ หรือ แสดงตนเป็นศา สนิกชนของศาสนา ที่ตนนับถือ ๑. อภิปราย ความส าคัญและ มีสํวนรํวมในการ บ ารุงรักษาศาสนสถาน ของศาสนาที่ตนนับถือ ๒. มีมรรยาทของ ความเป็นศาสนิกชน ที่ดีตามที่ก าหนด ๓. ปฏิบัติตนใน ศาสนพิธี พิธีกรรม และวันส าคัญ ทาง ศาสนาตามที่ก าหนด ได๎ถูกต๎อง ๑. จัดพิธีกรรมตาม ศาสนาที่ตนนับถือ อยํางเรียบงําย มีประโยชน์ และ ปฏิบัติตนถูกต๎อง ๒. ปฏิบัติตนในศาสน พิธี พิธีกรรมและวัน ส าคัญทางศาสนา ตามที่ก าหนดและ อภิปรายประโยชน์ที่ ได๎รับจากการเข๎ารํวม กิจกรรม ๓. มีมรรยาทของ ความเป็นศาสนิกชน ที่ดี ตามที่ก าหนด ๑. อธิบายความรู๎ เกี่ยวกับสถานที่ ตําง ๆในศาสนสถาน และปฏิบัติตนได๎ อยํางเหมาะสม ๒. มีมรรยาทของ ความเป็น ศาสนิก ชนที่ดีตามที่ก าหนด ๓. อธิบาย ประโยชน์ ของการเข๎ารํวมใน ศาสนพิธี พิธีกรรม และกิจกรรมในวัน ส าคัญทางศาสนา ตามที่ก าหนดและ ปฏิบัติตนได๎ถูกต๎อง ๔. แสดงตนเป็นพุทธ มามกะ หรือแสดงตน เป็นศาสนิกชนของ ศาสนาที่ตนนับถือ


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๖๖ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๒ หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการด าเนินชีวิตในสังคม มาตรฐาน ส ๒.๑ เข๎าใจและปฏิบัติตนตามหน๎าที่ของการเป็นพลเมืองดี มีคํานิยมที่ดีงาม และธ ารงรักษา ประเพณี และวัฒนธรรมไทย ด ารงชีวิตอยูํรํวมกันในสังคมไทย และสังคมโลกอยํางสันติสุข ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. บอกประโยชน์ และปฏิบัติตนเป็น สมาชิกที่ดีของ ครอบครัวและ โรงเรียน ๒. ยกตัวอยําง ความสามารถ และความดีของ ตนเอง ผู๎อื่นและ บอกผลจากการ กระท านั้น ๑. ปฏิบัติตนตาม ข๎อตกลง กติกา กฎ ระเบียบ และ หน๎าที่ ที่ต๎องปฏิบัติในชีวิต ประจ าวัน ๒. ปฏิบัติตนตาม มารยาทไทย ๓. แสดงพฤติกรรม ในการยอมรับ ความคิด ความเชื่อ และการปฏิบัติของ บุคคลอื่น ที่แตกตําง กัน โดยปราศจาก อคติ ๔. เคารพในสิทธิ ของตนเองและผู๎อื่น ๑. สรุปประโยชน์ และปฏิบัติตนตาม ประเพณีและ วัฒนธรรมใน ครอบครัวและ ท๎องถิ่น ๒. บอกพฤติกรรม การด าเนินชีวิตของ ตนเองและผู๎อื่นที่ อยูํในกระแส วัฒนธรรม ที่หลากหลาย ๓. อธิบายความ ส าคัญของวันหยุด ราชการที่ส าคัญ ๔. ยกตัวอยําง บุคคลซึ่งมีผลงานที่ เป็นประโยชน์แกํ ชุมชนและ ท๎องถิ่นของตน ๑. ปฏิบัติตนเป็น พลเมืองดีตามวิถี ประชาธิปไตย ในฐานะสมาชิก ที่ดีของชุมชน ๒. ปฏิบัติตนในการ เป็นผู๎น าและผู๎ตามที่ดี ๓. วิเคราะห์สิทธิ พื้นฐานที่เด็กทุกคน พึงได๎รับตามกฎหมาย ๔. อธิบาย ความแตกตํางทาง วัฒนธรรมของกลุํม คนในท๎องถิ่น ๕. เสนอวิธีการที่จะ อยูํรํวมกันอยํางสันติ สุขในชีวิตประจ าวัน ๑. ยกตัวอยํางและ ปฏิบัติตนตาม สถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพและ หน๎าที่ในฐานะ พลเมืองดี ๒. เสนอวิธีการ ปกปูองคุ๎มครอง ตนเองหรือผู๎อื่น จาก การละเมิดสิทธิเด็ก ๓. เห็นคุณคํา วัฒนธรรมไทย ที่มีผลตํอการด าเนิน ชีวิตในสังคมไทย ๔. มีสํวนรํวมในการ อนุรักษ์และเผยแพรํ ภูมิปัญญาท๎องถิ่นของ ชุมชน ๑. ปฏิบัติตาม กฎหมาย ที่เกี่ยวข๎อง กับชีวิตประจ าวัน ของครอบครัว และ ชุมชน ๒. วิเคราะห์การ เปลี่ยนแปลง วัฒนธรรมตาม กาลเวลาและธ ารง รักษาวัฒนธรรม อันดีงาม ๓. แสดงออกถึง มารยาทไทยได๎ เหมาะสมกับ กาลเทศะ ๔. อธิบายคุณคําทาง วัฒนธรรมที่แตกตําง กันระหวํางกลุํมคน ในสังคมไทย ๕. ติดตามข๎อมูล ขําวสาร เหตุการณ์ ตําง ๆ ในชีวิต ประจ าวัน เลือกรับ และใช๎ข๎อมูลขําวสาร ในการเรียนรู๎ ได๎เหมาะสม


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๖๗ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๒ หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการด าเนินชีวิตในสังคม มาตรฐาน ส ๒.๒ เข๎าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบัน ยึดมั่น ศรัทธา และธ ารงรักษาไว๎ ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. บอกโครงสร๎าง บทบาทและหน๎าที่ ของสมาชิกใน ครอบครัวและ โรงเรียน ๒. ระบุบทบาท สิทธิ หน๎าที่ของตนเองใน ครอบครัวและ โรงเรียน ๓. มีสํวนรํวม ในการตัดสินใจและ ท ากิจกรรมใน ครอบครัวและ โรงเรียนตาม กระบวนการ ประชาธิปไตย ๑. อธิบายความ สัมพันธ์ของตนเอง และสมาชิกใน ครอบครัว ในฐานะเป็นสํวนหนึ่ง ของชุมชน ๒. ระบุผู๎มีบทบาท อ านาจในการ ตัดสินใจในโรงเรียน และชุมชน ๑. ระบุบทบาท และหน๎าที่ ของสมาชิก ชุมชน ในการมีสํวนรํวม กิจกรรมตําง ๆ ตามกระบวนการ ประชาธิปไตย ๒.วิเคราะห์ความ แตกตํางของ กระบวนการ การตัดสินใจ ในชั้นเรียน/ โรงเรียน และ ชุมชน โดยวิธีการ ออกเสียงโดยตรง และการเลือก ตัวแทนออกเสียง ๓. ยกตัวอยําง การเปลี่ยนแปลง ในชั้นเรียน โรงเรียนและชุมชน ที่เป็นผลจากการ ตัดสินใจของบุคคล และกลุํม ๑. อธิบายอ านาจ อธิปไตยและ ความส าคัญของ ระบอบประชาธิปไตย ๒. อธิบายบทบาท หน๎าที่ของพลเมืองใน กระ บวนการเลือกตั้ง ๓.อธิบายความส าคัญ ของสถาบัน พระมหากษัตริย์ตาม ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ๑. อธิบาย โครงสร๎างอ านาจ หน๎าที่แลความส าคัญ ของการปกครอง สํวนท๎องถิ่น ๒. ระบุบทบาทหน๎าที่ และวิธีการเข๎าด ารง ต าแหนํงของผู๎บริหาร ท๎องถิ่น ๓. วิเคราะห์ ประโยชน์ที่ชุมชนจะ ได๎รับจากองค์กร ปกครองสํวนท๎องถิ่น ๑. เปรียบเทียบ บทบาท หน๎าที่ ของ องค์กรปกครองสํวน ท๎องถิ่นและรัฐบาล ๒. มีสํวนรํวมใน กิจกรรมตําง ๆ ที่ สํงเสริมประชาธิปไตย ในท๎องถิ่นและ ประเทศ ๓. อภิปรายบทบาท ความส าคัญ ในการใช๎ สิทธิออกเสียง เลือกตั้ง ตามระบอบ ประชาธิปไตย


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๖๘ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๑ เข๎าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใช๎ทรัพยากร ที่มีอยูํจ ากัด ได๎อยํางมีประสิทธิภาพและคุ๎มคํา รวมทั้งเข๎าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการด ารงชีวิต อยํางมีดุลยภาพ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. ระบุสินค๎าและ บริการที่ใช๎ประโยชน์ ในชีวิตประจ าวัน ๒. ยกตัวอยํางการใช๎ จํายเงิน ในชีวิต ประจ าวัน ที่ไมํเกินตัว และเห็นประโยชน์ ของการออม ๓. ยกตัวอยํางการใช๎ ทรัพยากรในชีวิต ประจ าวันอยําง ประหยัด ๑. ระบุทรัพยากร ที่น ามาผลิตสินค๎า และบริการที่ใช๎ใน ชีวิตประจ าวัน ๒. บอกที่มาของ รายได๎และรายจําย ของตนเองและ ครอบครัว ๓. บันทึกรายรับ รายจํายของตนเอง ๔. สรุปผลดีของการ ใช๎จํายที่เหมาะสมกับ รายได๎และการออม ๑. จ าแนกความ ต๎องการและความ จ าเป็นในการใช๎ สินค๎าและบริการ ในการด ารงชีวิต ๒. วิเคราะห์การใช๎ จํายของตนเอง ๓. อธิบายได๎วํา ทรัพยากรที่มีอยูํ จ ากัดมีผลตํอการ ผลิตและบริโภค สินค๎าและบริการ ๑. ระบุปัจจัยที่มีผล ตํอการเลือกซื้อสินค๎า และบริการ ๒. บอกสิทธิพื้นฐาน และรักษา ผลประโยชน์ของ ตนเองในฐานะ ผู๎บริโภค ๓. อธิบายหลักการ ของเศรษฐกิจ พอเพียงและน าไปใช๎ ในชีวิตประจ าวันของ ตนเอง ๑. อธิบายปัจจัยการ ผลิตสินค๎าและบริการ ๒. ประยุกต์ใช๎ แนวคิดของปรัชญา ของเศรษฐกิจ พอเพียงในการท า กิจกรรมตําง ๆ ในครอบครัว โรงเรียนและชุมชน ๓. อธิบายหลักการ ส าคัญและประโยชน์ ของสหกรณ์ ๑. อธิบายบทบาท ของผู๎ผลิตที่มีความ รับผิดชอบ ๒. อธิบายบทบาท ของผู๎บริโภคที่รู๎ เทําทัน ๓. บอกวิธีและ ประโยชน์ของการใช๎ ทรัพยากรอยํางยั่งยืน สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๒ เข๎าใจระบบและสถาบันทางเศรษฐกิจตําง ๆ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และความจ าเป็น ของการรํวมมือกันทางเศรษฐกิจในสังคมโลก ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. อธิบายเหตุผล ความจ าเป็นที่คนต๎อง ท างานอยํางสุจริต ๑. อธิบายการ แลกเปลี่ยนสินค๎าและ บริการโดยวิธีตําง ๆ ๒. บอกความสัมพันธ์ ระหวํางผู๎ซื้อกับผู๎ขาย ๑. บอกสินค๎าและ บริการที่รัฐจัดหา และให๎บริการแกํ ประชาชน ๒. บอกความ ส าคัญของภาษีและ บทบาทของ ประชาชนในการ เสียภาษี ๓. อธิบายเหตุผล การแขํงขันทาง การค๎าที่มีผลท าให๎ ราคาสินค๎าลดลง ๑. อธิบาย ความสัมพันธ์ทาง เศรษฐกิจของคน ในชุมชน ๒. อธิบายหน๎าที่ เบื้องต๎นของเงิน ๑. อธิบายบทบาท หน๎าที่เบื้องต๎น ของธนาคาร ๒. จ าแนกผลดี ผลเสียของการกู๎ยืม ๑. อธิบาย ความสัมพันธ์ระหวําง ผู๎ผลิต ผู๎บริโภค ธนาคารและรัฐบาล ๒. ยกตัวอยํางการ รวมกลุํมทาง เศรษฐกิจภายใน ท๎องถิ่น


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๖๙ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๔ ประวัติศาสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ เข๎าใจความหมาย ความส าคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช๎วิธีการ ทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ตํางๆ อยํางเป็นระบบ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. บอก วัน เดือน ปี และการนับชํวงเวลา ตามปฏิทินที่ใช๎ใน ชีวิตประจ าวัน ๒. เรียงล าดับ เหตุการณ์ใน ชีวิตประจ าวัน ตามวันเวลาที่เกิดขึ้น ๓. บอกประวัติความ เป็นมาของตนเอง และครอบครัว โดยสอบถาม ผู๎เกี่ยวข๎อง ๑. ใช๎ค าระบุเวลาที่ แสดงเหตุการณ์ ในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต ๒. ล าดับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในครอบครัว หรือในชีวิตของ ตนเอง โดยใช๎ หลักฐาน ที่เกี่ยวข๎อง ๑. เทียบศักราชที่ ส าคัญตามปฏิทินที่ ใช๎ในชีวิตประจ าวัน ๒. แสดงล าดับ เหตุการณ์ส าคัญ ของโรงเรียนและ ชุมชน โดยระบุ หลักฐานและ แหลํงข๎อมูล ที่เกี่ยวข๎อง ๑. นับชํวง เวลาเป็นทศวรรษ ศตวรรษ และ สหัสวรรษ ๒. อธิบาย ยุคสมัยในการศึกษา ประวัติของ มนุษยชาติโดยสังเขป ๓.แยกแยะประเภท หลักฐานที่ใช๎ ในการศึกษาความ เป็นมาของท๎องถิ่น ๑. สืบค๎นความ เป็นมาของท๎องถิ่น โดยใช๎หลักฐานที่ หลากหลาย ๒. รวบรวมข๎อมูลจาก แหลํงตํางๆ เพื่อตอบ ค าถามทาง ประวัติศาสตร์อยํางมี เหตุผล ๓. อธิบายความ แตกตํางระหวําง ความจริงกับ ข๎อเท็จจริงเกี่ยวกับ เรื่องราวในท๎องถิ่น ๑. อธิบาย ความส าคัญของ วิธีการทาง ประวัติศาสตร์ ในการศึกษาเรื่องราว ทางประวัติศาสตร์ อยํางงําย ๆ ๒. น าเสนอข๎อมูลจาก หลักฐานที่ หลากหลาย ในการท าความ เข๎าใจเรื่องราวในอดีต สาระที่ ๔ ประวัติศาสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๒ เข๎าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ในด๎านความสัมพันธ์และการ เปลี่ยนแปลง ของเหตุการณ์อยํางตํอเนื่อง ตระหนักถึงความส าคัญ และสามารถวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้น ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. บอกความ เปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล๎อม สิ่งของเครื่องใช๎ หรือ การด าเนินชีวิตของ ตนเองกับสมัยของพํอ แมํ ปูุยํา ตายาย ๒. บอกเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นในอดีต ที่มีผลกระทบตํอ ตนเองในปัจจุบัน ๑. สืบค๎นถึงการ เปลี่ยนแปลง ในวิถีชีวิตประจ าวัน ของคนในชุมชนของ ตนจากอดีตถึง ปัจจุบัน ๒. อธิบายผลกระทบ ของการเปลี่ยนแปลง ที่มีตํอวิถีชีวิตของคน ในชุมชน ๑. ระบุปัจจัยที่มี อิทธิพลตํอการตั้ง ถิ่นฐานและ พัฒนาการของ ชุมชน ๒. สรุปลักษณะที่ ส าคัญของ ขนม ธรรมเนียม ประเพณี และ วัฒนธรรมของ ชุมชน ๓. เปรียบเทียบ ความเหมือนและ ความตํางทาง วัฒนธรรมของ ชุมชนตนเองกับ ชุมชนอื่น ๆ ๑. อธิบายการตั้งหลัก แหลํงและพัฒนาการ ของมนุษย์ยุคกํอน ประวัติศาสตร์และยุค ประวัติศาสตร์ โดยสังเขป ๒. ยกตัวอยําง หลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ ที่พบในท๎องถิ่นที่ แสดงพัฒนาการของ มนุษยชาติ ๑. อธิบายอิทธิพล ของอารยธรรม อินเดียและจีนที่มีตํอ ไทย และเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต๎ โดยสังเขป ๒. อภิปรายอิทธิพล ของวัฒนธรรม ตํางชาติตํอสังคม ไทยปัจจุบัน โดยสังเขป ๑. อธิบายสภาพ สังคม เศรษฐกิจและ การเมืองของประเทศ เพื่อนบ๎านในปัจจุบัน ๒. บอกความสัมพันธ์ ของกลุํมอาเซียน โดยสังเขป


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๗๐ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๔ ประวัติศาสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๓ เข๎าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธ ารงความเป็นไทย ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. อธิบาย ความหมายและ ความส าคัญของ สัญลักษณ์ส าคัญของ ชาติไทยและปฏิบัติ ตนได๎ถูกต๎อง ๒. บอก สถานที่ ส าคัญซึ่งเป็นแหลํง วัฒนธรรมในชุมชน ๓. ระบุสิ่งที่ตนรัก และภาคภูมิใจ ในท๎องถิ่น ๑. ระบุบุคคล ที่ท า ประโยชน์ตํอท๎องถิ่น หรือประเทศชาติ ๒. ยกตัวอยําง วัฒนธรรมประเพณี และภูมิปัญญาไทย ที่ภาคภูมิใจและ ควรอนุรักษ์ไว๎ ๑. ระบุ พระนามและ พระราชกรณียกิจ โดยสังเขปของ พระมหากษัตริย์ ไทย ที่เป็นผู๎ สถาปนา อาณาจักรไทย ๒. อธิบาย พระราชประวัติ และพระราชกรณีย กิจของ พระมหากษัตริย์ ในรัชกาลปัจจุบัน โดยสังเขป ๓. เลําวีรกรรม ของบรรพบุรุษไทย ที่มีสํวนปกปูอง ประเทศชาติ ๑. อธิบาย พัฒนาการของ อาณาจักรสุโขทัย โดยสังเขป ๒. บอกประวัติและ ผลงานของบุคคล ส าคัญสมัยสุโขทัย ๓. อธิบาย ภูมิปัญญาไทย ที่ส าคัญสมัยสุโขทัย ที่นําภาคภูมิใจและ ควรคําแกํการอนุรักษ์ ๑. อธิบาย พัฒนา การของ อาณาจักรอยุธยาและ ธนบุรีโดยสังเขป ๒. อธิบายปัจจัยที่ สํงเสริมความเจริญ รุํงเรืองทางเศรษฐกิจ และการปกครองของ อาณาจักรอยุธยา ๓. บอกประวัติและ ผลงานของบุคคล ส าคัญสมัยอยุธยา และธนบุรีที่นํา ภาคภูมิใจ ๔. อธิบายภูมิปัญญา ไทยที่ส าคัญสมัย อยุธยาและธนบุรีที่นํา ภาคภูมิใจและควรคํา แกํการอนุรักษ์ไว๎ ๑. อธิบาย พัฒนา การของไทย สมัยรัตนโกสินทร์ โดยสังเขป ๒. อธิบายปัจจัยที่ สํงเสริมความ เจริญรุํงเรือง ทางเศรษฐกิจ และการปกครองของ ไทยสมัยรัตนโกสินทร์ ๓. ยกตัวอยํางผลงาน ของบุคคลส าคัญด๎าน ตําง ๆ สมัย รัตนโกสินทร์ ๔. อธิบายภูมิปัญญา ไทยที่ส าคัญสมัย รัตนโกสินทร์ ที่นําภาคภูมิใจและ ควรคําแกํการอนุรักษ์ ไว๎


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๗๑ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๕ ภูมิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๑ เข๎าใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งซึ่งมีผลตํอกันและกัน ในระบบของธรรมชาติ ใช๎แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ในการค๎นหา วิเคราะห์ และสรุปข๎อมูล ตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนใช๎ภูมิสารสนเทศอยํางมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. จ าแนก สิ่งแวดล๎อมรอบตัวที่ เกิดขึ้นเองตาม ธรรมชาติและที่ มนุษย์สร๎างขึ้น ๒. ระบุความสัมพันธ์ ของต าแหนํง ระยะ ทิศ ของสิ่งตําง ๆ ๓. ใช๎แผนผังแสดง ต าแหนํงของสิ่งตําง ๆ ในห๎องเรียน ๔. สังเกตและบอก การเปลี่ยนแปลงของ สภาพอากาศ ในรอบวัน ๑. ระบุสิ่งแวดล๎อม ทางธรรมชาติ และที่ มนุษย์สร๎างขึ้น ซึ่ง ปรากฏระหวํางบ๎าน กับโรงเรียน ๒. ระบุต าแหนํงและ ลักษณะทางกายภาพ ของสิ่งตําง ๆ ที่ ปรากฏในแผนผัง แผนที่ รูปถําย และ ลูกโลก ๓. สังเกตและแสดง ความสัมพันธ์ระหวําง โลก ดวงอาทิตย์และ ดวงจันทร์ ที่ท าให๎ เกิดปรากฏการณ์ ๑. ส ารวจข๎อมูล ทางภูมิศาสตร์ใน โรงเรียนและชุมชน โดยใช๎แผนผัง แผนที่ และรูปถําย เพื่อแสดง ความสัมพันธ์ ของต าแหนํง ระยะ ทิศทาง ๒. วาดแผนผังเพื่อ แสดงต าแหนํงที่ตั้ง ของสถานที่ส าคัญ ในบริเวณโรงเรียน และชุมชน ๑. สืบค๎นและอธิบาย ข๎อมูลลักษณะทาง กายภาพในจังหวัด ของตนด๎วยแผนที่ และรูปถําย ๒. ระบุแหลํง ทรัพยากรและ สถานที่ส าคัญใน จังหวัดของตนด๎วย แผนที่และรูปถําย ๓. อธิบายลักษณะ ทางกายภาพที่สํงผล ตํอแหลํงทรัพยากร และสถานที่ส าคัญ ในจังหวัด ๑. สืบค๎นและอธิบาย ข๎อมูลลักษณะทาง กายภาพในภูมิภาค ของตนด๎วยแผนที่ และรูปถําย ๒. อธิบายลักษณะ ทางกายภาพที่สํงผล ตํอแหลํงทรัพยากร และสถานที่ส าคัญใน ภูมิภาคของตน ๑. สืบค๎นและอธิบาย ข๎อมูลลักษณะทาง กายภาพของประเทศ ไทย ด๎วยแผนที่ รูปถํายทางอากาศ และภาพจาก ดาวเทียม ๒. อธิบาย ความสัมพันธ์ระหวําง ลักษณะทางกายภาพ กับภัยพิบัติใน ประเทศไทย เพื่อเตรียมพร๎อม รับมือภัยพิบัติ


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๗๒ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๕ ภูมิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๒ เข๎าใจปฏิสัมพันธ์ระหวํางมนุษย์กับสภาพแวดล๎อมทางกายภาพที่กํอให๎เกิดการสร๎างสรรค์ วิถีการด าเนินชีวิต มีจิตส านึก และมีสํวนรํวมในการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล๎อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. บอกสิ่งแวดล๎อมที่ เกิดตามธรรมชาติที่ สํงผลตํอความเป็นอยูํ ของมนุษย์ ๒. สังเกตและ เปรียบเทียบการ เปลี่ยนแปลงของ สิ่งแวดล๎อมเพื่อการ ปฏิบัติตนอยําง เหมาะสม ๓. มีสํวนรํวมในการ ดูแลสิ่งแวดล๎อมที่ บ๎านและ ห๎องเรียน ๑. อธิบาย ความส าคัญของ สิ่งแวดล๎อมทาง ธรรมชาติและที่ มนุษย์สร๎างขึ้น ๒. จ าแนกและใช๎ ทรัพยากรธรรมชาติ ที่ใช๎แล๎วไมํหมดไป ที่ใช๎แล๎วหมดไป และ สร๎างทดแทนขึ้นใหมํ ได๎อยํางคุ๎มคํา ๓. อธิบาย ความสัมพันธ์ระหวําง ฤดูกาลกับการด าเนิน ชีวิตของมนุษย์ ๔. มีสํวนรํวมในการ จัดการสิ่งแวดล๎อมใน โรงเรียน ๑. เปรียบเทียบการ เปลี่ยนแปลง สิ่งแวดล๎อมชุมชน ในอดีตกับปัจจุบัน ๒. อธิบายการใช๎ ประโยชน์จาก สิ่งแวดล๎อม และ ทรัพยากรธรรมชาติ ในการสนองความ ต๎องการพื้นฐาน ของมนุษย์ และการ ประกอบอาชีพ ๓. อธิบายสาเหตุที่ ท าให๎เกิดมลพิษโดย มนุษย์ ๔. อธิบายความ แตกตํางของ ลักษณะเมือง และชนบท ๕. อธิบาย ความสัมพันธ์ ระหวํางลักษณะ ทางกายภาพกับ การด าเนินชีวิตของ คนในชุมชน ๖. มีสํวนรํวม ในการจัดการ สิ่งแวดล๎อม ในชุมชน ๑. วิเคราะห์ สิ่งแวดล๎อมทาง กายภาพที่สํงผลตํอ การด าเนินชีวิตของ คนในจังหวัด ๒. อธิบายการ เปลี่ยนแปลง สิ่งแวดล๎อมในจังหวัด และผลที่เกิดจากการ เปลี่ยนแปลง ๓. น าเสนอแนวทาง การจัดการ สิ่งแวดล๎อมในจังหวัด ๑. วิเคราะห์ สิ่งแวดล๎อมทาง กายภาพที่มีอิทธิพล ตํอลักษณะการตั้งถิ่น ฐานและการย๎ายถิ่น ของประชากรใน ภูมิภาคของตน ๒. วิเคราะห์อิทธิพล ของสิ่งแวดล๎อมทาง ธรรมชาติที่กํอให๎เกิด วิถีการด าเนินชีวิตใน ภูมิภาคของตน ๓. น าเสนอตัวอยํางที่ สะท๎อนให๎เห็นผลจาก การรักษาและการ ท าลายสิ่งแวดล๎อม และเสนอแนว ทางในการจัดการ สิ่งแวดล๎อมในภูมิภาค ของตน ๑. วิเคราะห์ ปฏิสัมพันธ์ระหวําง สิ่งแวดล๎อมทาง กายภาพกับลักษณะ กิจกรรมทาง เศรษฐกิจและสังคม ในประเทศไทย ๒. วิเคราะห์การ เปลี่ยนแปลงทาง กายภาพของประเทศ ไทยในอดีตถึงปัจจุบัน และผลที่เกิดขึ้นจาก การเปลี่ยนแปลง ๓. น าเสนอตัวอยํางที่ สะท๎อนให๎เห็นผลจาก การรักษาและท าลาย ทรัพยากรและ สิ่งแวดล๎อม และ เสนอแนวทางในการ จัดการที่ยั่งยืน ในประเทศไทย


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๗๓ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ท าไมต้องเรียนสุขศึกษาและพลศึกษา สุขภาพหรือสุขภาวะ หมายถึง ภาวะของมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย ทางจิต ทางสังคม และทางปัญญา หรือจิตวิญญาณ สุขภาพหรือสุขภาวะจึงเป็นเรื่องส าคัญ เพราะเกี่ยวโยงกับทุกมิติของชีวิต ซึ่งทุกคนควรจะได๎ เรียนรู๎เรื่องสุขภาพ เพื่อจะได๎มีความรู๎ ความเข๎าใจที่ถูกต๎อง มีเจตคติ คุณธรรมและคํานิยมที่เหมาะสม รวมทั้งมี ทักษะปฏิบัติด๎านสุขภาพจนเป็นกิจนิสัย อันจะสํงผลให๎สังคมโดยรวมมีคุณภาพ เรียนรู้อะไรในสุขศึกษาและพลศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษาเป็นการศึกษาด๎านสุขภาพที่มีเปูาหมาย เพื่อการด ารงสุขภาพ การสร๎างเสริมสุขภาพ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคล ครอบครัว และชุมชนให๎ยั่งยืน สุขศึกษา มุํงเน๎นให๎ผู๎เรียนพัฒนาพฤติกรรมด๎านความรู๎ เจตคติ คุณธรรม คํานิยม และการปฏิบัติ เกี่ยวกับสุขภาพควบคูํไปด๎วยกัน พลศึกษา มุํงเน๎นให๎ผู๎เรียนใช๎กิจกรรมการเคลื่อนไหว การออกก าลังกาย การเลํนเกมและกีฬา เป็นเครื่องมือในการพัฒนาโดยรวมทั้งด๎านรํางกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา รวมทั้งสมรรถภาพ เพื่อสุขภาพและกีฬา สาระที่เป็นกรอบเนื้อหาหรือขอบขํายองค์ความรู๎ของกลุํมสาระการเรียนรู๎สุขศึกษาและพลศึกษาประกอบด๎วย การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ผู๎เรียนจะได๎เรียนรู๎เรื่องธรรมชาติของการเจริญเติบโต และพัฒนาการของมนุษย์ ปัจจัยที่มีผลตํอการเจริญเติบโต ความสัมพันธ์เชื่อมโยงในการท างานของระบบตําง ๆ ของรํางกาย รวมถึงวิธีปฏิบัติตนเพื่อให๎เจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่สมวัย ชีวิตและครอบครัว ผู๎เรียนจะได๎เรียนรู๎เรื่องคุณคําของตนเองและครอบครัว การปรับตัวตํอการ เปลี่ยนแปลงทางรํางกาย จิตใจ อารมณ์ความรู๎สึกทางเพศ การสร๎างและรักษาสัมพันธภาพกับผู๎อื่น สุขปฏิบัติ ทางเพศ และทักษะในการด าเนินชีวิต การเคลื่อนไหว การออกก าลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล ผู๎เรียนได๎เรียนรู๎เรื่อง การเคลื่อนไหวในรูปแบบตําง ๆ การเข๎ารํวมกิจกรรมทางกายและกีฬา ทั้งประเภทบุคคล และประเภททีมอยําง หลากหลายทั้งไทยและสากล การปฏิบัติตามกฎ กติกา ระเบียบ ข๎อตกลงในการ เข๎ารํวมกิจกรรมทางกาย และกีฬา และความมีน้ าใจนักกีฬา การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค ผู๎เรียนจะได๎เรียนรู๎เกี่ยวกับหลักและวิธีการ เลือกบริโภคอาหาร ผลิตภัณฑ์และบริการสุขภาพ การสร๎างเสริมสมรรถภาพเพื่อสุขภาพ และการปูองกันโรค ทั้งโรคติดตํอและโรคไมํติดตํอ ความปลอดภัยในชีวิต ผู๎เรียนจะได๎เรียนรู๎เรื่องการปูองกันตนเองจากพฤติกรรมเสี่ยงตํางๆ ทั้งความเสี่ยง ตํอสุขภาพ อุบัติเหตุ ความรุนแรง อันตรายจากการใช๎ยาและสารเสพติด รวมถึงแนวทางในการสร๎างเสริม ความปลอดภัยในชีวิต


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๗๔ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ คุณภาพผู้เรียน จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ มีความรู๎ และเข๎าใจในเรื่องการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ปัจจัยที่มีผลตํอการเจริญ เติบโตและพัฒนาการ วิธีการสร๎างสัมพันธภาพในครอบครัวและกลุํมเพื่อน มีสุขนิสัยที่ดีในเรื่องการกิน การพักผํอนนอนหลับ การรักษาความสะอาดอวัยวะทุกสํวนของรํางกาย การเลํนและการออกก าลังกาย ปูองกันตนเองจากพฤติกรรมที่อาจน าไปสูํการใช๎สารเสพติด การลํวงละเมิดทางเพศและรู๎จักปฏิเสธ ในเรื่องที่ไมํเหมาะสม ควบคุมการเคลื่อนไหวของตนเองได๎ตามพัฒนาการในแตํละชํวงอายุ มีทักษะการเคลื่อนไหว ขั้นพื้นฐานและมีสํวนรํวมในกิจกรรมทางกาย กิจกรรมสร๎างเสริมสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ และเกม ได๎อยํางสนุกสนาน และปลอดภัย มีทักษะในการเลือกบริโภคอาหาร ของเลํน ของใช๎ ที่มีผลดีตํอสุขภาพ หลีกเลี่ยงและปูองกันตนเอง จากอุบัติเหตุได๎ ปฏิบัติตนได๎อยํางถูกต๎องเหมาะสมเมื่อมีปัญหาทางอารมณ์ และปัญหาสุขภาพ ปฏิบัติตนตามกฎ ระเบียบข๎อตกลง ค าแนะน า และขั้นตอนตํางๆ และให๎ความรํวมมือกับผู๎อื่นด๎วย ความเต็มใจจนงานประสบความส าเร็จ ปฏิบัติตามสิทธิของตนเองและเคารพสิทธิของผู๎อื่นในการเลํนเป็นกลุํม จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เข๎าใจความสัมพันธ์เชื่อมโยงในการท างานของระบบตําง ๆ ของรํางกาย และรู๎จักดูแลอวัยวะที่ส าคัญ ของระบบนั้น ๆ เข๎าใจธรรมชาติการเปลี่ยนแปลงทางรํางกาย จิตใจ อารมณ์และสังคม แรงขับทางเพศของชายหญิง เมื่อยํางเข๎าสูํวัยแรกรุํนและวัยรุํน สามารถปรับตัวและจัดการได๎อยํางเหมาะสม เข๎าใจและเห็นคุณคําของการมีชีวิตและครอบครัวที่อบอุํน และเป็นสุข ภูมิใจและเห็นคุณคําในเพศของตน ปฏิบัติสุขอนามัยทางเพศได๎ถูกต๎องเหมาะสม ปูองกันและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยงตํอสุขภาพและการเกิดโรค อุบัติเหตุ ความรุนแรง สารเสพติดและการลํวงละเมิดทางเพศ มีทักษะการเคลื่อนไหวพื้นฐานและการควบคุมตนเองในการเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน รู๎หลักการเคลื่อนไหวและสามารถเลือกเข๎ารํวมกิจกรรมทางกาย เกม การละเลํนพื้นเมือง กีฬาไทย กีฬาสากลได๎อยํางปลอดภัยและสนุกสนาน มีน้ าใจนักกีฬา โดยปฏิบัติตามกฎ กติกา สิทธิ และหน๎าที่ของตนเอง จนงานส าเร็จลุลํวง วางแผนและปฏิบัติกิจกรรมทางกาย กิจกรรมสร๎างเสริมสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพได๎ ตามความเหมาะสมและความต๎องการเป็นประจ า จัดการกับอารมณ์ ความเครียด และปัญหาสุขภาพได๎อยํางเหมาะสม มีทักษะในการแสวงหาความรู๎ ข๎อมูลขําวสารเพื่อใช๎สร๎างเสริมสุขภาพ


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๗๕ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ มาตรฐาน พ ๑.๑ เข๎าใจธรรมชาติของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. อธิบายลักษณะ และหน๎าที่ของอวัยวะ ภายนอก ๒. อธิบายวิธี ดูแล รักษาอวัยวะภายนอก ๑. อธิบายลักษณะ และหน๎าที่ของอวัยวะ ภายใน ๒. อธิบายวิธีดูแล รักษาอวัยวะภายใน ๓. อธิบายธรรมชาติ ของชีวิตมนุษย์ ๑. อธิบายลักษณะ และการเจริญ เติบโตของ รํางกาย มนุษย์ ๒. เปรียบเทียบ การเจริญเติบโต ของตนเองกับ เกณฑ์มาตรฐาน ๓. ระบุปัจจัยที่มี ผลตํอการ เจริญเติบโต ๑. อธิบายการ เจริญเติบโต และพัฒนาการ ของรํางกาย และจิตใจตามวัย ๒. อธิบาย ความส าคัญ ของกล๎ามเนื้อ กระดูกและข๎อ ที่มีผลตํอสุขภาพ การเจริญเติบโตและ พัฒนาการ ๓. อธิบายวิธีดูแล กล๎ามเนื้อ กระดูก และข๎อ ให๎ท างาน อยํางมีประสิทธิภาพ ๑. อธิบาย ความส าคัญของ ระบบยํอยอาหาร และระบบขับถําย ที่มีผลตํอสุขภาพ การเจริญเติบโต และพัฒนาการ ๒. อธิบายวิธีดูแล ระบบยํอยอาหาร และระบบขับถําย ให๎ท างานตามปกติ ๑. อธิบาย ความส าคัญของ ระบบสืบพันธุ์ ระบบ ไหลเวียนโลหิตและ ระบบหายใจที่มีผล ตํอสุขภาพ การเจริญเติบโต และพัฒนาการ ๒. อธิบายวิธีการ ดูแลระบบสืบพันธุ์ ระบบไหลเวียนโลหิต และระบบหายใจ ให๎ท างานตามปกติ สาระที่ ๒ ชีวิตและครอบครัว มาตรฐาน พ ๒.๑ เข๎าใจและเห็นคุณคําตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะในการด าเนินชีวิต ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. ระบุสมาชิกใน ครอบครัวและความ รักความผูกพันของ สมาชิกที่มีตํอกัน ๒. บอกสิ่งที่ชื่นชอบ และภาคภูมิใจ ในตนเอง ๓. บอกลักษณะความ แตกตํางระหวํางเพศ ชาย และเพศหญิง ๑. ระบุบทบาท หน๎าที่ของตนเอง และสมาชิกใน ครอบครัว ๒. บอกความส าคัญ ของเพื่อน ๓. ระบุพฤติกรรม ที่เหมาะสมกับเพศ ๔. อธิบาย ความภาคภูมิใจ ในความเป็นเพศหญิง หรือเพศชาย ๑. อธิบาย ความส าคัญ และความแตกตําง ของครอบครัวที่มี ตํอตนเอง ๒. อธิบายวิธีสร๎าง สัมพันธภาพ ในครอบครัว และกลุํมเพื่อน ๓. บอกวิธี หลีกเลี่ยง พฤติกรรม ที่น าไปสูํการลํวง ละเมิดทางเพศ ๑. อธิบาย คุณลักษณะของความ เป็นเพื่อนและสมาชิก ที่ดีของครอบครัว ๒. แสดงพฤติกรรม ที่เหมาะสม กับเพศของตน ตามวัฒนธรรมไทย ๓. ยกตัวอยํางวิธีการ ปฏิเสธ การกระท าที่ เป็นอันตรายและ ไมํเหมาะสมในเรื่อง เพศ ๑. อธิบายการ เปลี่ยนแปลงทางเพศ และปฏิบัติตนได๎ เหมาะสม ๒.อธิบายความส าคัญ ของการมีครอบครัว ที่อบอุํนตาม วัฒนธรรมไทย ๓. ระบุพฤติกรรม ที่พึงประสงค์และ ไมํพึงประสงค์ ในการแก๎ไขปัญหา ความขัดแย๎งใน ครอบครัวและกลุํม เพื่อน ๑. อธิบาย ความส าคัญของการ สร๎างและรักษา สัมพันธภาพกับผู๎อื่น ๒. วิเคราะห์ พฤติกรรมเสี่ยงที่อาจ น าไปสูํการมี เพศสัมพันธ์ การติด เชื้อเอดส์ และการ ตั้งครรภ์กํอนวัย อันควร


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๗๖ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๓ การเคลื่อนไหว การออกก าลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล มาตรฐาน พ ๓.๑ เข๎าใจ มีทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเลํนเกม และกีฬา ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. เคลื่อนไหว รํางกายขณะอยูํกับที่ เคลื่อนที่และใช๎ อุปกรณ์ประกอบ ๒. เลํนเกมเบ็ดเตล็ด และ เข๎ารํวมกิจกรรม ทางกายที่ใช๎การ เคลื่อนไหวตาม ธรรมชาติ ๑. ควบคุมการ เคลื่อนไหวรํางกาย ขณะอยูํกับที่ เคลื่อนที่ และใช๎ อุปกรณ์ประกอบ ๒. เลํนเกมเบ็ดเตล็ด และเข๎ารํวมกิจกรรม ทางกายที่วิธีเลํน อาศัยการเคลื่อนไหว เบื้องต๎น ทั้งแบบอยูํกับที่ เคลื่อนที่และใช๎ อุปกรณ์ประกอบ ๑. ควบคุม การเคลื่อนไหว รํางกาย ขณะอยูํ กับที่ เคลื่อนที่ และใช๎อุปกรณ์ ประกอบ อยํางมี ทิศทาง ๒. เคลื่อนไหว รํางกายที่ใช๎ทักษะ การเคลื่อนไหว แบบบังคับทิศทาง ในการเลํนเกม เบ็ดเตล็ด ๑. ควบคุมตนเอง เมื่อใช๎ทักษะการ เคลื่อนไหวในลักษณะ ผสมผสานได๎ ทั้งแบบ อยูํกับที่ เคลื่อนที่ และใช๎อุปกรณ์ ประกอบ๒. ฝึกกาย บริหารทํามือเปลํา ประกอบจังหวะ ๓. เลํนเกมเลียนแบบ และกิจกรรมแบบ ผลัด ๔. เลํนกีฬาพื้นฐานได๎ อยํางน๎อย ๑ ชนิด ๑. จัด รูปแบบการ เคลื่อนไหวแบบ ผสมผสาน และ ควบคุมตนเองเมื่อใช๎ ทักษะการเคลื่อนไหว ตามแบบที่ก าหนด ๒. เลํนเกมน าไปสูํ กีฬาที่เลือกและ กิจกรรมการ เคลื่อนไหวแบบผลัด ๓. ควบคุมการ เคลื่อนไหว ในเรื่อง การรับแรง การใช๎ แรงและความสมดุล ๔. แสดงทักษะกลไก ในการปฏิบัติกิจกรรม ทางกายและเลํนกีฬา ๕. เลํนกีฬาไทย และกีฬาสากล ประเภทบุคคลและ ประเภททีม ได๎อยํางละ ๑ ชนิด ๖. อธิบายหลักการ และเข๎ารํวมกิจกรรม นันทนาการอยํางน๎อย ๑ กิจกรรม ๑. แสดงทักษะการ เคลื่อนไหวรํวมกับ ผู๎อื่นในลักษณะ แบบผลัดและแบบ ผสมผสานได๎ ตามล าดับทั้งแบบอยูํ กับที่ เคลื่อนที่ และ ใช๎อุปกรณ์ประกอบ และการเคลื่อนไหว ประกอบเพลง ๒. จ าแนกหลักการ เคลื่อนไหวในเรื่อง การรับแรง การใช๎ แรง และความสมดุล ในการเคลื่อนไหว รํางกายในการเลํน เกม เลํนกีฬา และ น าผลมาปรับปรุง เพิ่มพูนวิธีปฏิบัติ ของตนและผู๎อื่น ๓. เลํนกีฬาไทย กีฬาสากลประเภท บุคคลและประเภท ทีมได๎อยํางละ ๑ ชนิด ๔. ใช๎ทักษะกลไกเพื่อ ปรับปรุง เพิ่มพูน ความสามารถของตน และผู๎อื่นในการเลํน กีฬา ๕. รํวมกิจกรรม นันทนาการอยํางน๎อย ๑ กิจกรรม แล๎วน า ความรู๎และหลักการ ที่ได๎ไปใช๎เป็นฐาน การศึกษาหาความรู๎ เรื่องอื่น ๆ


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๗๗ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๓ การเคลื่อนไหว การออกก าลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล มาตรฐาน พ ๓.๒ รักการออกก าลังกาย การเลํนเกม และการเลํนกีฬา ปฏิบัติเป็นประจ าอยํางสม่ าเสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ าใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแขํงขันและชื่นชมในสุนทรียภาพของการกีฬา ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. ออกก าลังกาย และเลํนเกม ตามค าแนะน า อยํางสนุกสนาน ๒. ปฏิบัติตนตามกฎ กติกา ข๎อตกลง ในการเลํนเกม ตามค าแนะน า ๑. ออกก าลังกาย และเลํนเกม ได๎ด๎วย ตนเองอยําง สนุกสนาน ๒.ปฏิบัติตามกฎ กติกาและข๎อตกลงใน การเลํนเกมเป็นกลุํม ๑. เลือก ออกก าลัง กาย การละเลํน พื้นเมือง และเลํน เกม ที่เหมาะสมกับ จุดเดํนจุดด๎อยและ ข๎อจ ากัดของตนเอง ๒. ปฏิบัติตามกฎ กติกาและข๎อตกลง ของการออกก าลัง กาย การเลํนเกม การละเลํนพื้นเมือง ได๎ด๎วยตนเอง ๑. ออกก าลังกาย เลํนเกม และกีฬา ที่ตนเองชอบและ มีความสามารถใน การวิเคราะห์ผล พัฒนาการ ของตนเองตาม ตัวอยํางและแบบ ปฏิบัติของผู๎อื่น ๒. ปฏิบัติตามกฎ กติกาการเลํนกีฬา พื้นฐาน ตามชนิด กีฬาที่เลํน ๑. ออกก าลังกาย อยํางมีรูปแบบ เลํน เกมที่ใช๎ทักษะการคิด และตัดสินใจ ๒. เลํนกีฬาที่ตนเอง ชอบอยํางสม่ าเสมอ โดยสร๎างทางเลือก ในวิธีปฏิบัติของ ตนเองอยําง หลากหลาย และมี น้ าใจนักกีฬา ๓. ปฏิบัติตามกฎ กติกา การเลํนเกม กีฬาไทย และกีฬา สากล ตามชนิดกีฬา ที่เลํน ๔. ปฏิบัติตนตามสิทธิ ของตนเอง ไมํละเมิดสิทธิผู๎อื่น และยอมรับในความ แตกตํางระหวําง บุคคลในการเลํนเกม กีฬาไทยและกีฬา สากล ๑. อธิบายประโยชน์ และหลักการออก ก าลังกายเพื่อสุขภาพ สมรรถภาพ ทางกาย และ การสร๎างเสริม บุคลิกภาพ ๒. เลํนเกม ที่ใช๎ ทักษะการวางแผน และสามารถเพิ่มพูน ทักษะการออกก าลัง กายและเคลื่อนไหว อยํางเป็นระบบ ๓. เลํนกีฬาที่ตนเอง ชื่นชอบและสามารถ ประเมินทักษะ การเลํนของตน เป็นประจ า ๔. ปฏิบัติตามกฎ กติกา ตามชนิดกีฬา ที่เลํน โดยค านึงถึง ความปลอดภัยของ ตนเองและผู๎อื่น ๕. จ าแนกกลวิธีการ รุก การปูองกัน และน าไปใช๎ในการ เลํนกีฬา ๖. เลํนเกมและกีฬา ด๎วยความสามัคคี และมีน้ าใจนักกีฬา


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๗๘ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๔ การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค มาตรฐาน พ ๔.๑ เห็นคุณคําและมีทักษะในการสร๎างเสริมสุขภาพ การด ารงสุขภาพ การปูองกันโรค และการสร๎างเสริมสมรรถภาพเพื่อสุขภาพ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑.ปฏิบัติตนตามหลัก สุขบัญญัติแหํงชาติ ตามค าแนะน า ๒. บอกอาการ เจ็บปุวยที่เกิดขึ้นกับ ตนเอง ๓. ปฏิบัติตนตาม ค าแนะน าเมื่อมี อาการเจ็บปุวย ๑. บอกลักษณะของ การมีสุขภาพดี ๒. เลือกกินอาหารที่ มีประโยชน์ ๓. ระบุของใช๎และ ของเลํนที่มีผลเสีย ตํอสุขภาพ ๔. อธิบายอาการ และวิธีปูองกันการ เจ็บปุวย การบาดเจ็บ ที่อาจเกิดขึ้น ๕. ปฏิบัติตาม ค าแนะน าเมื่อมี อาการเจ็บปุวย และบาดเจ็บ ๑. อธิบายการ ติดตํอและวิธีการ ปูองกันการแพรํ กระจายของโรค ๒.จ าแนกอาหาร หลัก ๕ หมูํ ๓. เลือกกินอาหาร ที่หลากหลายครบ ๕ หมูํ ในสัดสํวน ที่เหมาะสม ๔. แสดงวิธีแปรง ฟันให๎สะอาดอยําง ถูกวิธี ๕. สร๎างเสริม สมรรถภาพทาง กายได๎ตาม ค าแนะน า ๑. อธิบาย ความสัมพันธ์ระหวําง สิ่งแวดล๎อมกับ สุขภาพ ๒. อธิบายสภาวะ อารมณ์ ความรู๎สึกที่ มีผลตํอสุขภาพ ๓. วิเคราะห์ข๎อมูล บนฉลากอาหารและ ผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อการเลือกบริโภค ๔. ทดสอบและ ปรับปรุงสมรรถภาพ ทางกายตามผลการ ตรวจสอบ สมรรถภาพ ทางกาย ๑. แสดงพฤติกรรม ที่เห็นความส าคัญของ การปฏิบัติตนตามสุข บัญญัติแหํงชาติ ๒. ค๎นหาข๎อมูล ขําวสารเพื่อใช๎สร๎าง เสริมสุขภาพ ๓. วิเคราะห์สื่อ โฆษณาในการ ตัดสินใจเลือกซื้อ อาหาร และ ผลิตภัณฑ์สุขภาพ อยํางมีเหตุผล ๔. ปฏิบัติตนในการ ปูองกันโรคที่พบบํอย ในชีวิตประจ าวัน ๕. ทดสอบและ ปรับปรุงสมรรถภาพ ทางกายตามผลการ ทดสอบสมรรถภาพ ทางกาย ๑. แสดงพฤติกรรม ในการปูองกันและ แก๎ไขปัญหา สิ่งแวดล๎อมที่มีผลตํอ สุขภาพ ๒. วิเคราะห์ ผลกระทบที่เกิดจาก การระบาดของโรค และเสนอแนว ทางการปูองกัน โรคติดตํอส าคัญที่พบ ในประเทศไทย ๓. แสดงพฤติกรรม ที่บํงบอกถึงความ รับผิดชอบตํอสุขภาพ ของสํวนรวม ๔. สร๎างเสริมและ ปรับปรุงสมรรถภาพ ทางกายเพื่อสุขภาพ อยํางตํอเนื่อง


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๗๙ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๕ ความปลอดภัยในชีวิต มาตรฐาน พ ๕.๑ ปูองกันและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยงตํอสุขภาพ อุบัติเหตุ การใช๎ยาสารเสพติด และความรุนแรง ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. ระบุสิ่งที่ท าให๎เกิด อันตรายที่บ๎าน โรงเรียน และการ ปูองกัน ๒. บอกสาเหตุและ การปูองกันอันตรายที่ เกิดจากการเลํน ๓. แสดงค าพูดหรือ ทําทางขอความ ชํวยเหลือจากผู๎อื่น เมื่อเกิดเหตุร๎าย ที่ บ๎านและโรงเรียน ๑. ปฏิบัติตนในการ ปูองกันอุบัติเหตุที่ อาจเกิดขึ้นทางน้ า และทางบก ๒. บอกชื่อยาสามัญ ประจ าบ๎าน และใช๎ ยาตามค าแนะน า๓. ระบุโทษของสารเสพ ติด สารอันตรายใกล๎ ตัวและวิธีการปูองกัน ๔. ปฏิบัติตนตาม สัญลักษณ์และปูาย เตือนของสิ่งของหรือ สถานที่ที่เป็น อันตราย ๕. อธิบายสาเหตุ อันตราย วิธีปูองกัน อัคคีภัยและแสดงการ หนีไฟ ๑. ปฏิบัติตนเพื่อ ความปลอดภัยจาก อุบัติเหตุในบ๎าน โรงเรียน และการ เดินทาง ๒. แสดงวิธี ขอความชํวยเหลือ จากบุคคลและ แหลํงตําง ๆ เมื่อ เกิดเหตุร๎าย หรือ อุบัติเหตุ ๓. แสดงวิธีปฐม พยาบาล เมื่อ บาดเจ็บ จากการ เลํน ๑. อธิบาย ความส าคัญของการ ใช๎ยาและใช๎ยาอยําง ถูกวิธี ๒. แสดงวิธีปฐม พยาบาลเมื่อได๎รับ อันตรายจากการ ใช๎ยาผิด สารเคมี แมลงสัตว์กัดตํอย และการบาดเจ็บจาก การเลํนกีฬา ๓. วิเคราะห์ผลเสีย ของการสูบบุหรี่ และการดื่มสุรา ที่มีตํอสุขภาพ และการปูองกัน ๑. วิเคราะห์ปัจจัยที่มี อิทธิพลตํอการใช๎สาร เสพติด ๒. วิเคราะห์ ผลกระทบของการ ใช๎ยา และสารเสพติด ที่มีผลตํอรํางกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ๓. ปฏิบัติตนเพื่อ ความปลอดภัย จากการใช๎ยา และ หลีกเลี่ยง สารเสพติด ๔. วิเคราะห์อิทธิพล ของสื่อที่มีตํอ พฤติกรรมสุขภาพ ๕. ปฏิบัติตนเพื่อ ปูองกันอันตรายจาก การเลํนกีฬา ๑. วิเคราะห์ ผลกระทบจากความ รุนแรงของภัย ธรรมชาติที่มีตํอ รํางกาย จิตใจ และสังคม ๒. ระบุวิธีปฏิบัติตน เพื่อความปลอดภัย จากภัยธรรมชาติ ๓. วิเคราะห์สาเหตุ ของการ ติดสารเสพ ติด และชักชวน ให๎ผู๎อื่นหลีกเลี่ยง สารเสพติด


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๘๐ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ท าไมต้องเรียนศิลปะ กลุํมสาระการเรียนรู๎ศิลปะเป็นกลุํมสาระที่ชํวยพัฒนาให๎ผู๎เรียนมีความคิดริเริ่มสร๎างสรรค์ มีจินตนาการ ทางศิลปะ ชื่นชมความงาม มีสุนทรียภาพ ความมีคุณคํา ซึ่งมีผลตํอคุณภาพชีวิตมนุษย์ กิจกรรมทางศิลปะ ชํวยพัฒนาผู๎เรียนทั้งด๎านรํางกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม ตลอดจนการน าไปสูํการพัฒนาสิ่งแวดล๎อม สํงเสริมให๎ผู๎เรียนมีความเชื่อมั่นในตนเอง อันเป็นพื้นฐานในการศึกษาตํอหรือประกอบอาชีพได๎ เรียนรู้อะไรในศิลปะ กลุํมสาระการเรียนรู๎ศิลปะ มุํงพัฒนาให๎ผู๎เรียนเกิดความรู๎ความเข๎าใจ มีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิดความ ซาบซึ้งในคุณคําของศิลปะเปิดโอกาสให๎ผู๎เรียนแสดงออกอยํางอิสระในศิลปะแขนงตํางๆ ประกอบด๎วยสาระส าคัญ คือ ทัศนศิลป์ มีความรู๎ความเข๎าใจองค์ประกอบศิลป์ ทัศนธาตุ สร๎างและน าเสนอผลงานทางทัศนศิลป์ จากจินตนาการ โดยสามารถใช๎อุปกรณ์ที่เหมาะสม รวมทั้งสามารถใช๎เทคนิค วิธีการของศิลปินในการสร๎างงาน ได๎อยํางมีประสิทธิภาพ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณคํางานทัศนศิลป์ เข๎าใจความสัมพันธ์ระหวํางทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมเห็นคุณคํางานศิลปะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถิ่นภูมิปัญญาไทย และสากล ชื่นชม ประยุกต์ใช๎ในชีวิตประจ าวัน ดนตรี มีความรู๎ความเข๎าใจองค์ประกอบดนตรีแสดงออกทางดนตรีอยํางสร๎างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณคําดนตรี ถํายทอดความรู๎สึก ทางดนตรีอยํางอิสระ ชื่นชมและประยุกต์ใช๎ในชีวิตประจ าวัน เข๎าใจความสัมพันธ์ระหวํางดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณคําดนตรีที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น ภูมิปัญญาไทย และสากล ร๎องเพลง และเลํนดนตรีในรูปแบบตํางๆ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ เสียงดนตรี แสดงความรู๎สึกที่มีตํอดนตรีในเชิงสุนทรียะ เข๎าใจความสัมพันธ์ระหวํางดนตรีกับประเพณีวัฒนธรรม และเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ นาฏศิลป์ มีความรู๎ความเข๎าใจองค์ประกอบนาฏศิลป์ แสดงออกทางนาฏศิลป์อยํางสร๎างสรรค์ ใช๎ศัพท์เบื้องต๎นทางนาฏศิลป์วิเคราะห์วิพากษ์ วิจารณ์คุณคํานาฏศิลป์ ถํายทอดความรู๎สึก ความคิดอยํางอิสระ สร๎างสรรค์การเคลื่อนไหวในรูปแบบตํางๆ ประยุกต์ใช๎นาฏศิลป์ในชีวิตประจ าวัน เข๎าใจความสัมพันธ์ระหวําง นาฏศิลป์กับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เห็นคุณคําของนาฏศิลป์ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น ภูมิปัญญาไทย และสากล คุณภาพผู้เรียน จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ รู๎และเข๎าใจเกี่ยวกับรูปรําง รูปทรง และจ าแนกทัศนธาตุของสิ่งตําง ๆ ในธรรมชาติสิ่งแวดล๎อม และงานทัศนศิลป์ มีทักษะพื้นฐานการใช๎วัสดุอุปกรณ์ในการสร๎างงานวาดภาพระบายสี โดยใช๎เส๎น รูปรําง รูปทรง สี และพื้นผิว ภาพปะติด และงานปั้น งานโครงสร๎างเคลื่อนไหวอยํางงําย ๆ ถํายทอดความคิด ความรู๎สึกจากเรื่องราว เหตุการณ์ ชีวิตจริง สร๎างงานทัศนศิลป์ตามที่ตนชื่นชอบ สามารถแสดงเหตุผลและวิธีการในการปรับปรุงงาน ของตนเอง รู๎และเข๎าใจความส าคัญของงานทัศนศิลป์ในชีวิตประจ าวัน ที่มาของงานทัศนศิลป์ ในท๎องถิ่น ตลอดจนการใช๎วัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการสร๎างงานทัศนศิลป์ในท๎องถิ่น


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๘๑ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ รู๎และเข๎าใจแหลํงก าเนิดเสียง คุณสมบัติของเสียง บทบาทหน๎าที่ ความหมาย ความส าคัญ ของบทเพลงใกล๎ตัวที่ได๎ยิน สามารถทํองบทกลอน ร๎องเพลง เคาะจังหวะ เคลื่อนไหวรํางกายให๎สอดคล๎องกับ บทเพลง อําน เขียน และใช๎สัญลักษณ์แทนเสียงและเคาะจังหวะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับดนตรี เสียงขับร๎อง ของตนเอง มีสํวนรํวมกับกิจกรรมดนตรีในชีวิตประจ าวัน รู๎และเข๎าใจเอกลักษณ์ของดนตรีในท๎องถิ่น มีความชื่นชอบ เห็นความส าคัญ และประโยชน์ ของดนตรีตํอการด าเนินชีวิตของคนในท๎องถิ่น สร๎างสรรค์การเคลื่อนไหวในรูปแบบตําง ๆ สามารถแสดงทําทางประกอบจังหวะเพลงตามรูปแบบ นาฏศิลป์ มีมารยาทในการชมการแสดง รู๎หน๎าที่ของผู๎แสดงและผู๎ชมรู๎ประโยชน์ของการแสดงนาฏศิลป์ ในชีวิต ประจ าวัน เข๎ารํวมกิจกรรมการแสดงที่เหมาะสมกับวัย รู๎และเข๎าใจการละเลํนของเด็กไทยและนาฏศิลป์ท๎องถิ่น ชื่นชอบและภาคภูมิใจ ในการละเลํน พื้นบ๎าน สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่พบเห็นในการละเลํนพื้นบ๎านกับการด ารงชีวิตของคนไทย บอกลักษณะเดํน และเอกลักษณ์ของนาฏศิลป์ไทยตลอดจนความส าคัญของการแสดงนาฏศิลป์ไทยได๎ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ รู๎และเข๎าใจการใช๎ทัศนธาตุ รูปรําง รูปทรง พื้นผิว สี แสงเงา มีทักษะพื้นฐานในการใช๎วัสดุ อุปกรณ์ ถํายทอดความคิด อารมณ์ ความรู๎สึก สามารถใช๎หลักการจัดขนาด สัดสํวนความสมดุล น้ าหนัก แสงเงา ตลอดจนการใช๎สีคูํตรงข๎ามที่เหมาะสมในการสร๎างงานทัศนศิลป์ ๒ มิติ ๓ มิติ เชํน งานสื่อผสม งานวาดภาพ ระบายสี งานปั้น งานพิมพ์ภาพ รวมทั้งสามารถสร๎างแผนภาพ แผนผัง และภาพประกอบเพื่อถํายทอดความคิด จินตนาการเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ตําง ๆ และสามารถเปรียบเทียบความแตกตํางระหวํางงานทัศนศิลป์ ที่สร๎างสรรค์ด๎วยวัสดุอุปกรณ์และวิธีการที่แตกตํางกัน เข๎าใจปัญหาในการจัดองค์ประกอบศิลป์ หลักการลด และเพิ่มในงานปั้น การสื่อความหมายในงานทัศนศิลป์ของตน รู๎วิธีการปรับปรุงงานให๎ดีขึ้น ตลอดจนรู๎และเข๎าใจ คุณคําของงานทัศนศิลป์ที่มีผลตํอชีวิตของคนในสังคม รู๎และเข๎าใจบทบาทของงานทัศนศิลป์ที่สะท๎อนชีวิตและสังคม อิทธิพลของความเชื่อ ความศรัทธา ในศาสนา และวัฒนธรรมที่มีผลตํอการสร๎างงานทัศนศิลป์ในท๎องถิ่น รู๎และเข๎าใจเกี่ยวกับเสียงดนตรี เสียงร๎อง เครื่องดนตรี และบทบาทหน๎าที่ รู๎ถึงการเคลื่อนที่ขึ้น-ลง ของท านองเพลง องค์ประกอบของดนตรี ศัพท์สังคีตในบทเพลง ประโยค และอารมณ์ของบทเพลงที่ฟัง ร๎อง และบรรเลงเครื่องดนตรี ด๎นสดอยํางงําย ใช๎และเก็บรักษาเครื่องดนตรีอยํางถูกวิธี อําน เขียนโน๎ตไทยและสากล ในรูปแบบตําง ๆ รู๎ลักษณะของผู๎ที่จะเลํนดนตรีได๎ดี แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับองค์ประกอบดนตรี ถํายทอด ความรู๎สึกของบทเพลงที่ฟัง สามารถใช๎ดนตรีประกอบกิจกรรมทางนาฏศิลป์และการเลําเรื่อง รู๎และเข๎าใจความสัมพันธ์ระหวํางดนตรีกับวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมไทย และวัฒนธรรมตําง ๆ เรื่องราวดนตรีในประวัติศาสตร์ อิทธิพลของวัฒนธรรมตํอดนตรี รู๎คุณคําดนตรีที่มาจากวัฒนธรรมตํางกัน เห็นความส าคัญในการอนุรักษ์ รู๎และเข๎าใจองค์ประกอบนาฏศิลป์ สามารถแสดงภาษาทํา นาฏยศัพท์พื้นฐาน สร๎างสรรค์ การเคลื่อนไหวและการแสดงนาฏศิลป์ และการละครงําย ๆ ถํายทอดลีลาหรืออารมณ์ และสามารถออกแบบ เครื่องแตํงกายหรืออุปกรณ์ประกอบการแสดงงําย ๆ เข๎าใจความสัมพันธ์ระหวํางนาฏศิลป์และการละคร กับสิ่ง ที่ประสบในชีวิตประจ าวัน แสดงความคิดเห็นในการชมการแสดง และบรรยายความรู๎สึกของตนเองที่มีตํองาน นาฏศิลป์ รู๎และเข๎าใจความสัมพันธ์และประโยชน์ของนาฏศิลป์และการละคร สามารถเปรียบเทียบ การแสดงประเภทตําง ๆ ของไทยในแตํละท๎องถิ่น และสิ่งที่การแสดงสะท๎อนวัฒนธรรมประเพณี เห็นคุณคํา การรักษาและสืบทอดการแสดงนาฏศิลป์ไทย


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๘๒ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ ทัศนศิลป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ สร๎างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร๎างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ คุณคํา งานทัศนศิลป์ ถํายทอดความรู๎สึก ความคิดตํองานศิลปะอยํางอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช๎ใน ชีวิตประจ าวัน ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. อภิปรายเกี่ยวกับ รูปรําง ลักษณะ และ ขนาดของสิ่งตําง ๆ รอบตัวในธรรมชาติ และสิ่งที่มนุษย์สร๎าง ขึ้น ๒ บอกความรู๎สึก ที่มี ตํอธรรมชาติ และ สิ่งแวดล๎อมรอบตัว ๓. มีทักษะพื้นฐานใน การใช๎วัสดุ อุปกรณ์ สร๎างงานทัศนศิลป์ ๔. สร๎างงาน ทัศนศิลป์โดยการ ทดลองใช๎สี ด๎วย เทคนิคงําย ๆ ๕. วาดภาพระบายสี ภาพธรรมชาติตาม ความรู๎สึกของตนเอง ๑. บรรยายรูปรําง รูปทรงที่พบใน ธรรมชาติ และสิ่งแวดล๎อม ๒. ระบุทัศนธาตุที่อยูํ ในสิ่งแวดล๎อมและ งานทัศนศิลป์ โดย เน๎นเรื่องเส๎น สี รูปรําง และรูปทรง ๓. สร๎างงาน ทัศนศิลป์ตําง ๆ โดย ใช๎ทัศนธาตุที่เน๎นเส๎น รูปรําง ๔. มีทักษะพื้นฐานใน การใช๎วัสดุ อุปกรณ์ สร๎างงานทัศนศิลป์ ๓ มิติ ๕. สร๎างภาพปะติด โดยการตัดหรือฉีก กระดาษ ๖. วาดภาพเพื่อ ถํายทอดเรื่องราว เกี่ยวกับครอบครัว ของตนเอง และ เพื่อนบ๎าน ๗. เลือกงาน ทัศนศิลป์ และ บรรยายถึงสิ่งที่ มองเห็น รวมถึง เนื้อหาเรื่องราว ๘. สร๎างสรรค์งาน ทัศนศิลป์เป็นรูปแบบ งานโครงสร๎าง เคลื่อนไหว ๑.บรรยาย รูปรําง รูปทรงในธรรมชาติ สิ่งแวดล๎อม และ งานทัศนศิลป์ ๒. ระบุวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช๎สร๎าง ผลงานเมื่อชมงาน ทัศนศิลป์ ๓. จ าแนก ทัศนธาตุของ สิ่งตําง ๆ ในธรรมชาติ สิ่งแวดล๎อม และ งานทัศนศิลป์ โดยเน๎นเรื่องเส๎น สี รูปรําง รูปทรง และพื้นผิว ๔. วาดภาพ ระบายสีสิ่งของ รอบตัว ๕. มีทักษะพื้นฐาน ในการใช๎วัสดุ อุปกรณ์สร๎างสรรค์ งานปั้น ๖. วาดภาพถําย ทอดความคิด ความรู๎สึกจาก เหตุการณ์ชีวิตจริง โดยใช๎เส๎น รูปรําง รูปทรง สีและ พื้นผิว ๗. บรรยายเหตุผล และวิธีการในการ สร๎างงานทัศนศิลป์ โดยเน๎นถึงเทคนิค และวัสดุอุปกรณ์ ๑. เปรียบเทียบ รูปลักษณะของ รูปร่าง รูปทรงใน ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และงาน ทัศนศิลป์ ๒. อภิปรายเกี่ยวกับ อิทธิพลของสีวรรณะ อุ่น และสีวรรณะเย็น ที่มีต่ออารมณ์ ของมนุษย์ ๓. จ าแนกทัศนธาตุ ของสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และงานทัศนศิลป์ โดยเน้นเรื่อง เส้น สี รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว และพื้นที่ว่าง ๔. มีทักษะพื้นฐาน ในการใช้วัสดุ อุปกรณ์สร้างสรรค์ งานพิมพ์ภาพ ๕. มีทักษะ พื้นฐานในการ ใช้วัสดุ อุปกรณ์ สร้างสรรค์ งานวาดภาพ ระบายสี ๖. บรรยายลักษณะ ของภาพโดยเน้น เรื่องการจัดระยะ ความลึก น้ าหนัก และแสงเงาในภาพ ๑. บรรยายเกี่ยวกับ จังหวะ ต าแหนํงของ สิ่งตําง ๆ ที่ปรากฏ ในสิ่งแวดล๎อม และ งานทัศนศิลป์ ๒. เปรียบเทียบความ แตกตํางระหวํางงาน ทัศนศิลป์ ที่สร๎างสรรค์ด๎วยวัสดุ อุปกรณ์และวิธีการ ที่ตํางกัน ๓. วาดภาพ โดยใช๎ เทคนิคของแสงเงา น้ าหนัก และวรรณะสี ๔. สร๎างสรรค์งานปั้น จาก ดินน้ ามัน หรือ ดินเหนียว โดยเน๎น การถํายทอด จินตนาการ ๕. สร๎างสรรค์งาน พิมพ์ภาพ โดยเน๎น การจัดวางต าแหนํง ของสิ่งตําง ๆ ในภาพ ๖. ระบุปัญหาในการ จัดองค์ประกอบศิลป์ และการสื่อ ความหมายในงาน ทัศนศิลป์ของตนเอง และบอกวิธีการ ปรับปรุงงานให๎ดีขึ้น ๗. บรรยายประโยชน์ และคุณคําของงาน ทัศนศิลป์ที่มีผลตํอ ชีวิตของคนในสังคม ๑. ระบุสีคูํตรงข๎าม และอภิปรายเกี่ยวกับ การใช๎ สีคูํตรงข๎าม ในการถํายทอด ความคิดและอารมณ์ ๒. อธิบายหลักการ จัดขนาดสัดสํวน ความสมดุลในการ สร๎างงานทัศนศิลป์ ๓. สร๎างสรรค์งาน ทัศนศิลป์จากรูปแบบ ๒ มิติ เป็น ๓ มิติ โดยใช๎หลักการของ แสงเงาและน้ าหนัก ๔. สร๎างสรรค์งานปั้น โดยใช๎หลักการ เพิ่มและลด ๕. สร๎างสรรค์งาน ทัศนศิลป์ โดยใช๎ หลักการของรูปและ พื้นที่วําง ๖. สร๎างสรรค์งาน ทัศนศิลป์ โดยใช๎ สีคูํตรงข๎าม หลักการจัดขนาด สัดสํวน และความ สมดุล ๗. สร๎างงาน ทัศนศิลป์เป็น แผนภาพ แผนผัง และภาพประกอบ เพื่อถํายทอดความคิด หรือเรื่องราวเกี่ยวกับ เหตุการณ์ตําง ๆ


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๘๓ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ ทัศนศิลป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ สร๎างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร๎างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ คุณคํา งานทัศนศิลป์ ถํายทอดความรู๎สึก ความคิดตํองานศิลปะอยํางอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช๎ใน ชีวิตประจ าวัน (ต่อ) ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๘. ระบุสิ่งที่ชื่นชม และสิ่งที่ควร ปรับปรุงในงาน ทัศนศิลป์ของ ตนเอง ๙. ระบุและ จัดกลุํมของภาพ ตามทัศนธาตุที่เน๎น ในงานทัศนศิลป์ นั้น ๆ ๑๐. บรรยาย ลักษณะรูปรํางใน งานการออกแบบ สิ่งตําง ๆ ที่มีใน บ๎านและโรงเรียน ๗. วาดภาพระบายสี โดยใช้สีวรรณะอุ่น และสีวรรณะเย็น ถ่ายทอดความรู้สึก และจินตนาการ ๘. เปรียบเทียบ ความคิดความรู้สึก ที่ถ่ายทอดผ่านงาน ทัศนศิลป์ของตนเอง และบุคคลอื่น ๙. เลือกใช้วรรณะสี เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกในการ สร้างงานทัศนศิลป์


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๘๔ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ ทัศนศิลป์ มาตรฐาน ศ ๑.๒ เข๎าใจความสัมพันธ์ระหวํางทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณคํางานทัศนศิลป์ ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. ระบุงานทัศนศิลป์ ในชีวิตประจ าวัน ๑. บอกความส าคัญ ของงานทัศนศิลป์ ที่พบเห็นใน ชีวิตประจ าวัน ๒. อภิปรายเกี่ยวกับ งานทัศนศิลป์ ประเภทตําง ๆ ในท๎องถิ่น โดยเน๎นถึงวิธีการ สร๎างงานและวัสดุ อุปกรณ์ ที่ใช๎ ๑. เลําถึงที่มาของ งานทัศนศิลป์ ในท๎องถิ่น ๒. อธิบายเกี่ยวกับ วัสดุอุปกรณ์และ วิธีการสร๎างงาน ทัศนศิลป์ ในท๎องถิ่น ๑. ระบุ และอภิปราย เกี่ยวกับงานทัศนศิลป์ ในเหตุการณ์ และ งานเฉลิมฉลองของ วัฒนธรรม ในท๎องถิ่น ๒. บรรยายเกี่ยวกับ งานทัศนศิลป์ที่มา จากวัฒนธรรมตําง ๆ ๑. ระบุและบรรยาย เกี่ยวกับลักษณะ รูปแบบของงาน ทัศนศิลป์ในแหลํง เรียนรู๎หรือ นิทรรศการศิลปะ ๒. อภิปรายเกี่ยวกับ งานทัศนศิลป์ที่ สะท๎อนวัฒนธรรม และภูมิปัญญาใน ท๎องถิ่น ๑. บรรยายบทบาท ของงานทัศนศิลป์ที่ สะท๎อนชีวิต และสังคม ๒. อภิปรายเกี่ยวกับ อิทธิพลของความเชื่อ ความศรัทธา ในศาสนาที่มีผลตํอ งานทัศนศิลป์ใน ท๎องถิ่น ๓. ระบุ และบรรยาย อิทธิพลทาง วัฒนธรรมในท๎องถิ่น ที่มีผลตํอการสร๎าง งานทัศนศิลป์ ของบุคคล


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๘๕ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข๎าใจและแสดงออกทางดนตรีอยํางสร๎างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณคําดนตรีถํายทอด ความรู๎สึก ความคิดตํอดนตรีอยํางอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช๎ในชีวิตประจ าวัน ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. รู๎วําสิ่งตําง ๆ สามารถกํอก าเนิด เสียงที่แตกตํางกัน ๒. บอกลักษณะของ เสียงดัง-เบา และ ความช๎า- เร็ว ของจังหวะ ๓. ทํองบทกลอน ร๎องเพลงงําย ๆ ๔. มีสํวนรํวมใน กิจกรรมดนตรี อยํางสนุกสนาน ๕. บอกความ เกี่ยวข๎องของเพลง ที่ใช๎ในชีวิต ประจ าวัน ๑. จ าแนก แหลํงก าเนิด ของเสียงที่ได๎ยิน ๒. จ าแนกคุณสมบัติ ของเสียง สูง- ต่ า , ดัง-เบา, ยาว-สั้น ของดนตรี ๓. เคาะจังหวะหรือ เคลื่อนไหวรํางกายให๎ สอดคล๎องกับเนื้อหา ของเพลง ๔. ร๎องเพลงงําย ๆ ที่เหมาะสมกับวัย ๕. บอกความหมาย และความส าคัญ ของเพลงที่ได๎ยิน ๑. ระบุรูปรําง ลักษณะของเครื่อง ดนตรี ที่เห็นและ ได๎ยินใชีวิต ประจ าวัน ๒. ใช๎รูปภาพหรือ สัญลักษณ์แทน เสียงและจังหวะ เคาะ ๓. บอกบทบาท หน๎าที่ของเพลง ที่ได๎ยิน ๔. ขับร๎องและ บรรเลงดนตรี งําย ๆ ๕. เคลื่อนไหว ทําทางสอดคล๎อง กับอารมณ์ ของเพลงที่ฟัง ๖. แสดงความ คิดเห็น เกี่ยวกับ เสียงดนตรี เสียง ขับร๎องของตนเอง และผู๎อื่น ๗. น าดนตรีไปใช๎ ในชีวิตประจ าวัน หรือโอกาสตําง ๆ ได๎อยํางเหมาะสม ๑. บอกประโยค เพลงอยํางงําย ๒. จ าแนกประเภท ของเครื่องดนตรีที่ใช๎ ในเพลงที่ฟัง ๓. ระบุทิศทางการ เคลื่อนที่ ขึ้น – ลง งําย ๆ ของท านอง รูปแบบ จังหวะและ ความเร็วของจังหวะ ในเพลง ที่ฟัง ๔. อําน เขียนโน๎ต ดนตรีไทยและสากล ๕. ร๎องเพลงโดยใช๎ ชํวงเสียงที่เหมาะสม กับตนเอง ๖. ใช๎และเก็บเครื่อง ดนตรีอยํางถูกต๎อง และปลอดภัย ๗. ระบุวําดนตรี สามารถใช๎ในการสื่อ เรื่องราว ๑. ระบุองค์ประกอบ ดนตรีในเพลงที่ใช๎ใน การสื่ออารมณ์ ๒. จ าแนก ลักษณะของ เสียงขับร๎องและ เครื่องดนตรี ที่อยูํในวงดนตรี ประเภทตําง ๆ ๓. อําน เขียน โน๎ตดนตรีไทยและ สากล ๕ ระดับเสียง ๔. ใช๎เครื่องดนตรี ท า จังหวะและท านอง ๕. ร๎องเพลงไทยหรือ เพลงสากล หรือ เพลงไทยสากลที่ เหมาะสมกับวัย ๖. ด๎นสดงําย ๆ โดย ใช๎ประโยคเพลงแบบ ถามตอบ ๗. ใช๎ดนตรีรํวมกับ กิจกรรมในการ แสดงออกตาม จินตนาการ ๑. บรรยายเพลง ที่ฟัง โดยอาศัย องค์ประกอบดนตรี และศัพท์สังคีต ๒. จ าแนกประเภท และบทบาท หน๎าที่เครื่อง ดนตรีไทย และเครื่องดนตรี ที่มาจากวัฒนธรรม ตําง ๆ ๓. อําน เขียน โน๎ต ไทย และโน๎ตสากล ท านองงําย ๆ ๔. ใช๎เครื่องดนตรี บรรเลงประกอบ การร๎องเพลงด๎นสด ที่มีจังหวะและท านอง งํายๆ ๕. บรรยายความรู๎สึก ที่มีตํอดนตรี ๖. แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับท านอง จังหวะ การประสานเสียง และคุณภาพเสียง ของเพลงที่ฟัง


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๘๖ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๒ เข๎าใจความสัมพันธ์ระหวํางดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณคําของดนตรี ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. เลําถึงเพลง ในท๎องถิ่น ๒. ระบุสิ่งที่ชื่นชอบ ในดนตรีท๎องถิ่น ๑. บอกความสัมพันธ์ ของเสียงร๎อง เสียง เครื่องดนตรีในเพลง ท๎องถิ่น โดยใช๎ค า งําย ๆ ๒. แสดงและเข๎ารํวม กิจกรรมทางดนตรี ในท๎องถิ่น ๑. ระบุลักษณะ เดํนและเอกลักษณ์ ของดนตรี ในท๎องถิ่น ๒. ระบุความส าคัญ และประโยชน์ของ ดนตรีตํอการ ด าเนินชีวิตของคน ในท๎องถิ่น ๑. บอกแหลํงที่มา และความ สัมพันธ์ของวิถีชีวิต ไทยที่สะท๎อน ในดนตรีและเพลง ท๎องถิ่น ๒. ระบุความส าคัญ ในการอนุรักษ์ สํงเสริมวัฒนธรรม ทางดนตรี ๑. อธิบาย ความสัมพันธ์ระหวําง ดนตรีกับประเพณีใน วัฒนธรรมตําง ๆ ๒. อธิบายคุณคําของ ดนตรีที่มาจาก วัฒนธรรมที่ตํางกัน ๑. อธิบายเรื่องราว ของดนตรีไทย ในประวัติศาสตร์ ๒. จ าแนกดนตรี ที่มาจากยุคสมัย ที่ตํางกัน ๓. อภิปราย อิทธิพลของ วัฒนธรรมตํอดนตรี ในท๎องถิ่น


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๘๗ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๓ นาฏศิลป์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข๎าใจ และแสดงออกทางนาฏศิลป์อยํางสร๎างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณคํานาฏศิลป์ ถํายทอดความรู๎สึก ความคิดอยํางอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช๎ในชีวิตประจ าวัน ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. เลียนแบบ การเคลื่อนไหว ๒. แสดงทําทาง งําย ๆ เพื่อสื่อ ความหมาย แทนค าพูด ๓. บอกสิ่งที่ตนเอง ชอบ จากการดูหรือ รํวมการแสดง ๑. เคลื่อนไหว ขณะอยูํกับที่ และเคลื่อนที่ ๒. แสดงการ เคลื่อนไหว ที่สะท๎อนอารมณ์ ของตนเองอยํางอิสระ ๓. แสดงทําทาง เพื่อสื่อความหมาย แทนค าพูด ๔. แสดงทําทาง ประกอบจังหวะอยําง สร๎างสรรค์ ๕. ระบุมารยาท ในการชม การแสดง ๑. สร๎างสรรค์ การเคลื่อนไหว ในรูปแบบตําง ๆ ในสถานการณ์ สั้น ๆ ๒. แสดงทําทาง ประกอบเพลง ตามรูปแบบ นาฏศิลป์ ๓. เปรียบเทียบ บทบาทหน๎าที่ ของผู๎แสดง และผู๎ชม ๔. มีสํวนรํวม ในกิจกรรมการ แสดงที่เหมาะสม กับวัย ๕. บอกประโยชน์ ของการแสดง นาฏศิลป์ใน ชีวิตประจ าวัน ๑.ระบุทักษะพื้นฐาน ทางนาฏศิลป์และ การละครที่ใช๎สื่อ ความหมาย และอารมณ์ ๒. ใช๎ภาษาทําและ นาฏยศัพท์หรือศัพท์ ทางการละครงําย ๆ ในการถํายทอด เรื่องราว ๓. แสดงการ เคลื่อนไหวในจังหวะ ตําง ๆ ตามความคิด ของตน ๔. แสดงนาฏศิลป์ เป็นคูํ และหมูํ ๕. เลําสิ่งที่ชื่นชอบ ในการแสดง โดยเน๎น จุดส าคัญของเรื่อง และลักษณะ เดํนของตัวละคร ๑. บรรยาย องค์ประกอบ นาฏศิลป์ ๒. แสดงทําทาง ประกอบเพลงหรือ เรื่องราวตามความคิด ของตน ๓. แสดงนาฏศิลป์ โดยเน๎นการใช๎ภาษา ทําและนาฏยศัพท์ ในการสื่อความหมาย และการแสดงออก ๔. มีสํวนรํวมในกลุํม กับการเขียนเค๎าโครง เรื่องหรือ บทละครสั้น ๆ ๕. เปรียบเทียบการ แสดงนาฏศิลป์ ชุดตําง ๆ ๖. บอกประโยชน์ ที่ได๎รับจากการชม การแสดง ๑. สร๎างสรรค์ การเคลื่อนไหว และการแสดง โดยเน๎นการถํายทอด ลีลาหรืออารมณ์ ๒. ออกแบบ เครื่อง แตํงกาย หรืออุปกรณ์ ประกอบการแสดง อยํางงําย ๆ ๓. แสดงนาฏศิลป์ และการละครงําย ๆ ๔. บรรยาย ความรู๎สึกของตนเอง ที่มีตํองานนาฏศิลป์ และการละคร อยํางสร๎างสรรค์ ๕. แสดงความคิดเห็น ในการชมการแสดง ๖. อธิบาย ความสัมพันธ์ระหวําง นาฏศิลป์ และการละครกับสิ่งที่ ประสบในชีวิต ประจ าวัน


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๘๘ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๓ นาฏศิลป์ มาตรฐาน ศ ๓.๒ เข๎าใจความสัมพันธ์ระหวํางนาฏศิลป์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เห็นคุณคําของนาฏศิลป์ ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. ระบุ และเลํน การละเลํน ของเด็กไทย ๒. บอกสิ่งที่ตนเอง ชอบในการแสดง นาฏศิลป์ไทย ๑. ระบุและเลํน การละเลํนพื้นบ๎าน ๒. เชื่อมโยงสิ่งที่ พบเห็นในการละเลํน พื้นบ๎านกับสิ่งที่พบ เห็น ในการด ารงชีวิต ของคนไทย ๓. ระบุสิ่งที่ชื่นชอบ และภาคภูมิใจ ในการละเลํนพื้นบ๎าน ๑. เลําการแสดง นาฏศิลป์ที่เคยเห็น ในท๎องถิ่น ๒. ระบุสิ่งที่เป็น ลักษณะเดํนและ เอกลักษณ์ของ การแสดงนาฏศิลป์ ๓. อธิบาย ความส าคัญของ การแสดงนาฏศิลป์ ๑. อธิบายประวัติ ความเป็นมาของ นาฏศิลป์ หรือชุดการ แสดงอยําง งําย ๆ ๒. เปรียบเทียบ การแสดงนาฏศิลป์ กับการแสดงที่มาจาก วัฒนธรรมอื่น ๓. อธิบาความส าคัญ ของการแสดงความ เคารพในการเรียน และการแสดง นาฏศิลป์ ๔. ระบุเหตุผล ที่ควรรักษา และสืบทอด การแสดงนาฏศิลป์ ๑. เปรียบเทียบการ แสดงประเภทตําง ๆ ของไทยในแตํละ ท๎องถิ่น ๒. ระบุหรือ แสดงนาฏศิลป์ นาฏศิลป์พื้นบ๎าน ที่สะท๎อนถึง วัฒนธรรม และประเพณี ๑. อธิบายสิ่งที่มี ความส าคัญตํอการ แสดงนาฏศิลป์ และละคร ๒. ระบุประโยชน์ ที่ได๎รับจากการ แสดงหรือการชม การแสดงนาฏศิลป์ และละคร


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๘๙ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ท าไมต้องเรียนการงานอาชีพ กลุํมสาระการเรียนรู๎การงานอาชีพ เป็นกลุํมสาระที่ชํวยพัฒนาให๎ผู๎เรียน มีความรู๎ ความเข๎าใจ มีทักษะพื้นฐานที่จ าเป็นตํอการด ารงชีวิตและรู๎เทําทันการเปลี่ยนแปลง สามารถน าความรู๎เกี่ยวกับการด ารงชีวิต และการอาชีพ เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ รักการท างาน และมีเจตคติที่ดีตํอการท างาน สามารถ ด ารงชีวิตอยูํในสังคมได๎อยํางพอเพียงและมีความสุข เรียนรู้อะไรในการงานอาชีพ กลุํมสาระการเรียนรู๎การงานอาชีพ มุํงพัฒนาผู๎เรียนแบบองค์รวม เพื่อให๎มีความรู๎ความสามารถ มีทักษะ ในการท างาน เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพและการศึกษาตํอได๎อยํางมีประสิทธิภาพโดยมีสาระส าคัญ ดังนี้ การด ารงชีวิตและครอบครัว เป็นสาระเกี่ยวกับการท างานในชีวิตประจ าวัน การชํวยเหลือ ตนเอง ครอบครัว และสังคมได๎ในสภาพเศรษฐกิจที่พอเพียง ไมํท าลายสิ่งแวดล๎อม เน๎นการปฏิบัติจริงจนเกิด ความมั่นใจและภูมิใจในผลส าเร็จของงาน เพื่อให๎ค๎นพบความสามารถ ความถนัด และความสนใจของตนเอง การอาชีพ เป็นสาระเกี่ยวกับทักษะที่จ าเป็นตํออาชีพ เห็นความส าคัญของคุณธรรม จริยธรรม และเจตคติที่ดีตํออาชีพ ใช๎เทคโนโลยีได๎เหมาะสม เห็นคุณคําของอาชีพสุจริต และเห็นแนวทางใน การประกอบอาชีพ คุณภาพผู้เรียน จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ เข๎าใจวิธีการท างานเพื่อชํวยเหลือตนเอง ครอบครัว และสํวนรวม ใช๎วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือ ถูกต๎องตรงกับลักษณะงาน มีทักษะกระบวนการท างาน มีลักษณะนิสัยการท างาน กระตือรือร๎น ตรงเวลา ประหยัด ปลอดภัย สะอาด รอบคอบ และมีจิตส านึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล๎อม จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เข๎าใจการท างานและปรับปรุงการท างานแตํละขั้นตอน มีทักษะการจัดการ ทักษะ การท างานรํวมกัน ท างานอยํางเป็นระบบและมีความคิดสร๎างสรรค์ มีลักษณะนิสัยการท างานที่ขยัน อดทน รับผิดชอบ ซื่อสัตย์ มีมารยาท และมีจิตส านึกในการใช๎น้ า ไฟฟูาอยํางประหยัดและคุ๎มคํา รู๎และเข๎าใจเกี่ยวกับอาชีพ รวมทั้งมีความรู๎ ความสามารถและคุณธรรมที่สัมพันธ์กับอาชีพ


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๙๐ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ การด ารงชีวิตและครอบครัว มาตรฐาน ง ๑.๑ เข๎าใจการท างาน มีความคิดสร๎างสรรค์ มีทักษะกระบวนการท างาน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก๎ปัญหา ทักษะการท างานรํวมกัน และทักษะการแสวงหาความรู๎ มีคุณธรรม และลักษณะนิสัยในการท างาน มีจิตส านึกในการใช๎พลังงาน ทรัพยากร และสิ่งแวดล๎อม เพื่อการด ารงชีวิต และครอบครัว ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. บอกวิธีการท างาน เพื่อชํวยเหลือตนเอง ๒. ใช๎วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมืองําย ๆ ในการท างานอยําง ปลอดภัย ๓. ท างานเพื่อ ชํวยเหลือตนเองอยําง กระตือรือร๎น และตรงเวลา ๑. บอกวิธีการและ ประโยชน์การท างาน เพื่อชํวยเหลือตนเอง และครอบครัว ๒. ใช๎วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือใน การท างานอยําง เหมาะสมกับงานและ ประหยัด ๓. ท างานเพื่อ ชํวยเหลือตนเองและ ครอบครัว อยํางปลอดภัย ๑.อธิบายวิธีการ และประโยชน์ การท างาน เพื่อชํวยเหลือ ตนเอง ครอบครัว และสํวนรวม ๒ ใช๎วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือตรง กับลักษณะงาน ๓. ท างานอยําง เป็นขั้นตอน ตามกระบวนการ ท างานด๎วย ความสะอาดความ รอบคอบ และ อนุรักษ์สิ่งแวดล๎อม ๑. อธิบายเหตุผลใน การท างานให๎บรรลุ เปูาหมาย ๒. ท างานบรรลุ เปูาหมายที่วางไว๎ อยํางเป็นขั้นตอน ด๎วยความขยัน อดทน รับผิดชอบ และ ซื่อสัตย์ ๓. ปฏิบัติตนอยํางมี มารยาทในการ ท างาน ๔. ใช๎พลังงานและ ทรัพยากร ในการท างาน อยํางประหยัด และคุ๎มคํา ๑.อธิบายเหตุผลใน การท างาน แตํละขั้นตอนถูกต๎อง ตามกระบวนการ ท างาน ๒. ใช๎ทักษะ การจัดการในการ ท างาน อยํางเป็น ระบบ ประณีตและ มีความคิดสร๎างสรรค์ ๓. ปฏิบัติตนอยํางมี มารยาทในการ ท างานกับสมาชิก ในครอบครัว ๔.มีจิตส านึกในการใช๎ พลังงานและ ทรัพยากรอยําง ประหยัดและคุ๎มคํา ๑. อภิปรายแนวทาง ในการท างานและ ปรับปรุงการท างาน แตํละขั้นตอน ๒. ใช๎ทักษะ การจัดการในการ ท างานและทักษะการ ท างานรํวมกัน ๓. ปฏิบัติตนอยํางมี มารยาทในการ ท างานกับครอบครัว และผู๎อื่น สาระที่ ๒ การอาชีพ มาตรฐาน ง ๒.๑ เข๎าใจ มีทักษะที่จ าเป็น มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชีพ ใช๎เทคโนโลยี เพื่อพัฒนาอาชีพ มีคุณธรรม และมีเจตคติที่ดีตํออาชีพ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ - - - ๑.อธิบายความหมาย และความส าคัญของ อาชีพ ๑. ส ารวจข๎อมูล ที่เกี่ยวกับอาชีพตํางๆ ในชุมชน ๒. ระบุความแตกตําง ของอาชีพ ๑. ส ารวจตนเองเพื่อ วางแผนในการเลือก อาชีพ ๒. ระบุความรู๎ ความสามารถและ คุณธรรมที่สัมพันธ์กับ อาชีพที่สนใจ


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๙๑ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ท าไมต้องเรียนภาษาต่างประเทศ ในสังคมโลกปัจจุบัน การเรียนรู๎ภาษาตํางประเทศมีความส าคัญและจ าเป็นอยํางยิ่งในชีวิตประจ าวัน เนื่องจากเป็นเครื่องมือส าคัญในการติดตํอสื่อสาร การศึกษา การแสวงหาความรู๎ การประกอบอาชีพ การสร๎าง ความเข๎าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมและวิสัยทัศน์ของชุมชนโลก และตระหนักถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและ มุมมองของสังคมโลก น ามาซึ่งมิตรไมตรีและความรํวมมือกับประเทศตํางๆ ชํวยพัฒนาผู๎เรียน ให๎มีความเข๎าใจ ตนเองและผู๎อื่นดีขึ้น เรียนรู๎และเข๎าใจความแตกตํางของภาษาและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี การคิด สังคม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง มีเจตคติที่ดีตํอการใช๎ภาษาตํางประเทศ และใช๎ภาษาตํางประเทศเพื่อการ สื่อสารได๎ รวมทั้งเข๎าถึงองค์ความรู๎ตํางๆ ได๎งํายและกว๎างขึ้น และมีวิสัยทัศน์ในการด าเนินชีวิต ภาษาตํางประเทศที่เป็นสาระการเรียนรู๎พื้นฐาน ซึ่งก าหนดให๎เรียนตลอดหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน คือ ภาษาอังกฤษ สํวนภาษาตํางประเทศอื่น เชํน ภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน จีน ญี่ปุุน อาหรับ บาลี และภาษากลุํมประเทศเพื่อนบ๎าน หรือภาษาอื่น ๆ ให๎อยูํในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะจัดท ารายวิชาและจัดการ เรียนรู๎ตามความเหมาะสม เรียนรู้อะไรในภาษาต่างประเทศ กลุํมสาระการเรียนรู๎ภาษาตํางประเทศ มุํงหวังให๎ผู๎เรียนมีเจตคติที่ดีตํอภาษาตํางประเทศ สามารถใช๎ ภาษาตํางประเทศ สื่อสารในสถานการณ์ตําง ๆ แสวงหาความรู๎ ประกอบอาชีพ และศึกษาตํอในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งมีความรู๎ความเข๎าใจในเรื่องราวและวัฒนธรรมอันหลากหลายของประชาคมโลก และสามารถถํายทอดความคิด และวัฒนธรรมไทยไปยังสังคมโลกได๎อยํางสร๎างสรรค์ ประกอบด๎วยสาระส าคัญ ดังนี้ ภาษาเพื่อการสื่อสาร การใช๎ภาษาตํางประเทศในการฟัง-พูด-อําน-เขียน แลกเปลี่ยนข๎อมูล ขําวสาร แสดงความรู๎สึกและความคิดเห็น ตีความ น าเสนอข๎อมูล ความคิด รวบยอดและความคิดเห็นในเรื่อง ตําง ๆ และสร๎างความสัมพันธ์ระหวํางบุคคลอยํางเหมาะสม ภาษาและวัฒนธรรม การใช๎ภาษาตํางประเทศตามวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษาความสัมพันธ์ ความเหมือนและความแตกตํางระหวํางภาษากับวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา ภาษาและวัฒนธรรมของเจ๎าของ ภาษากับวัฒนธรรมไทย และน าไปใช๎อยํางเหมาะสม ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น การใช๎ภาษาตํางประเทศในการเชื่อมโยง ความรู๎กับกลุํมสาระการเรียนรู๎อื่น เป็นพื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู๎ และเปิดโลกทัศน์ของตน ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก การใช๎ภาษาตํางประเทศในสถานการณ์ตํางๆ ทั้งในห๎องเรียนและนอกห๎องเรียน ชุมชน และสังคมโลก เป็นเครื่องมือพื้นฐาน ในการศึกษาตํอ ประกอบอาชีพ และแลกเปลี่ยนเรียนรู๎กับสังคมโลก


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๙๒ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ คุณภาพผู้เรียน จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ปฏิบัติตามค าสั่ง ค าขอร๎องที่ฟัง อํานออกเสียงตัวอักษร ค า กลุํมค า ประโยคงําย ๆ และบทพูด เข ๎าจังหวะงํายๆ ถูกต๎องตามหลักการอําน บอกความหมายของค าและกลุํมค าที่ฟังตรงตามความหมาย ตอบค าถามจากการฟังหรืออํานประโยค บทสนทนาหรือนิทานงําย ๆ พูดโต๎ตอบด๎วยค าสั้นๆ งํายๆ ในการสื่อสารระหวํางบุคคลตามแบบที่ฟัง ใช๎ค าสั่งและค าขอร๎องงําย ๆ บอกความต๎องการงํายๆ ของตนเอง พูดขอและให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเองและเพื่อน บอกความรู๎สึกของตนเอง เกี่ยวกับสิ่งตํางๆ ใกล๎ตัวหรือกิจกรรมตํางๆ ตามแบบที่ฟัง พูดให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องใกล๎ตัว จัดหมวดหมูํค าตามประเภทของบุคคล สัตว์ และสิ่งของ ตามที่ฟังหรืออําน พูดและท าทําประกอบ ตามมารยาทสังคม/วัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา บอกชื่อและค าศัพท์งําย ๆ เกี่ยวกับเทศกาล/วันส าคัญ/งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยูํของเจ๎าของภาษา เข๎ารํวมกิจกรรมทางภาษา และวัฒนธรรมที่เหมาะกับวัย บอกความแตกตํางของเสียงตัวอักษร ค า กลุํมค า และประโยคงํายๆ ของภาษาตํางประเทศ และภาษาไทย บอกค าศัพท์ที่เกี่ยวข๎องกับกลุํมสาระการเรียนรู๎อื่น ฟัง/พูดในสถานการณ์งํายๆ ที่เกิดขึ้นในห๎องเรียน ใช๎ภาษาตํางประเทศ เพื่อรวบรวมค าศัพท์ที่เกี่ยวข๎องใกล๎ตัว มีทักษะการใช๎ภาษาตํางประเทศ (เน๎นการฟัง-พูด) สื่อสารตามหัวเรื่องเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน สิ่งแวดล๎อมใกล๎ตัว อาหาร เครื่องดื่ม และเวลาวํางและนันทนาการ ภายในวงค าศัพท์ประมาณ ๓๐๐ - ๔๕๐ ค า (ค าศัพท์ที่เป็นรูปธรรม) ใช๎ประโยคค าเดียว (One Word Sentence) ประโยคเดี่ยว (Simple Sentence) ในการสนทนา โต๎ตอบตามสถานการณ์ในชีวิตประจ าวัน จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ปฏิบัติตามค าสั่ง ค าขอร๎อง และค าแนะน าที่ฟังและอําน อํานออกเสียงประโยค ข๎อความ นิทาน และ บทกลอนสั้นๆ ถูกต๎องตามหลักการอําน เลือก/ระบุประโยคและข๎อความตรงตามความหมายของสัญลักษณ์หรือ เครื่องหมายที่อําน บอกใจความส าคัญ และตอบค าถามจากการฟังและอําน บทสนทนา นิทานงํายๆ และเรื่องเลํา พูด/เขียนโต๎ตอบในการสื่อสารระหวํางบุคคล ใช๎ค าสั่ง ค าขอร๎อง และให๎ค าแนะน า พูด/เขียนแสดง ความต๎องการ ขอความชํวยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให๎ความชํวยเหลือในสถานการณ์งํายๆ พูดและเขียน เพื่อขอและให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล๎ตัว พูด/เขียนแสดงความรู๎สึกเกี่ยวกับเรื่องตํางๆ ใกล๎ตัว กิจกรรมตํางๆ พร๎อมทั้งให๎เหตุผลสั้นๆ ประกอบ พูด/เขียนให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน และสิ่งแวดล๎อมใกล๎ตัว เขียนภาพ แผนผัง แผนภูมิ และตาราง แสดงข๎อมูลตํางๆ ที่ฟังและอําน พูด/เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องตําง ๆ ใกล๎ตัว ใช๎ถ๎อยค า น้ าเสียง และกิริยาทําทางอยํางสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรม ของเจ๎าของภาษา ให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับเทศกาล/วันส าคัญ/งานฉลอง/ชีวิตความเป็นอยูํของเจ๎าของภาษา เข๎ารํวม กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๙๓ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ บอกความเหมือน/ความแตกตํางระหวํางการออกเสียงประโยคชนิดตํางๆ การใช๎เครื่องหมายวรรคตอน และการล าดับค า ตามโครงสร๎างประโยคของภาษาตํางประเทศและภาษาไทย เปรียบเทียบความเหมือน/ ความแตกตํางระหวํางเทศกาล งานฉลองและประเพณีของเจ๎าของภาษากับของไทย ค๎นคว๎า รวบรวมค าศัพท์ที่เกี่ยวข๎องกับกลุํมสาระการเรียนรู๎อื่นจากแหลํงการเรียนรู๎ และน าเสนอ ด๎วยการพูด/การเขียน ใช๎ภาษาสื่อสารในสถานการณ์ตํางๆ ที่เกิดขึ้นในห๎องเรียนและสถานศึกษา ใช๎ภาษาตํางประเทศในการสืบค๎นและรวบรวมข๎อมูลตํางๆ มีทักษะการใช๎ภาษาตํางประเทศ (เน๎นการฟัง-พูด-อําน-เขียน) สื่อสารตามหัวเรื่องเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน สิ่งแวดล๎อม อาหาร เครื่องดื่ม เวลาวํางและนันทนาการ สุขภาพและสวัสดิการ การซื้อ-ขาย และ ลมฟูาอากาศ ภายในวงค าศัพท์ประมาณ ๑,๐๕๐-๑,๒๐๐ ค า ใช๎ประโยคเดี่ยวและประโยคผสม (Compound Sentences)สื่อความหมายตามบริบทตําง ๆ สาระที่ ๑ ภาษาเพื่อการสื่อสาร มาตรฐาน ต ๑.๑ เข๎าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอํานจากสื่อประเภทตํางๆ และแสดงความคิดเห็นอยํางมีเหตุผล ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. ปฏิบัติตาม ค าสั่งงํายๆ ที่ฟัง ๒. ระบุตัวอักษรและ เสียง อํานออกเสียง และสะกดค างํายๆ ถูกต๎องตาม หลักการ อําน ๓. เลือกภาพ ตรงตามความหมาย ของค า และกลุํมค า ที่ฟัง ๔. ตอบค าถาม จากการฟังเรื่องใกล๎ ตัว ๑. ปฏิบัติตามค าสั่ง และค าขอร๎องงําย ๆ ที่ฟัง ๒.ระบุตัวอักษรและ เสียง อํานออกเสียง ค า สะกดค า และ อํานประโยคงํายๆ ถูกต๎องตาม หลักการ อําน ๓. เลือกภาพ ตรงตามความหมาย ของค า กลุํมค า และ ประโยคที่ฟัง ๔. ตอบค าถาม จากการฟังประโยค บทสนทนา หรือ นิทานงําย ๆ ที่มี ภาพประกอบ ๑. ปฏิบัติตามค าสั่ง และค าขอร๎องที่ฟัง หรืออําน ๒. อํานออกเสียง ค า สะกดค า อําน กลุํมค า ประโยค และบทพูดเข๎า จังหวะ (chant) งํายๆ ถูกต๎องตาม หลักการอําน ๓. เลือก/ระบุภาพ หรือสัญลักษณ์ ตรงตาความหมาย ของ กลุํมค าและ ประโยคที่ฟัง ๔. ตอบค าถามจาก การฟังหรืออําน ประโยคบทสนทนา หรือนิทานงํายๆ ๑. ปฏิบัติตามค าสั่ง ค าขอร๎อง และ ค าแนะน า (instructions) งํายๆ ที่ฟังหรืออําน ๒. อํานออกเสียงค า สะกดค า อําน กลุํมค าประโยค ข๎อความงํายๆ และ บทพูดเข๎าจังหวะ ถูกต๎องตาม หลักการ อําน ๓. เลือก/ระบุภาพ หรือ สัญลักษณ์ หรือ เครื่องหมาย ตรงตาม ความหมายของ ประโยคและ ข๎อความสั้นๆ ที่ฟังหรืออําน ๔. ตอบค าถาม จากการฟังและอําน ประโยค บทสนทนา และนิทานงํายๆ ๑. ปฏิบัติตามค าสั่ง ค าขอร๎อง และ ค าแนะน างําย ๆ ที่ฟัง และอําน ๒. อํานออกเสียง ประโยค ข๎อความ และบทกลอน สั้น ๆ ถูกต๎องตาม หลักการอําน ๓.ระบุ/วาดภาพ สัญลักษณ์หรือ เครื่องหมาย ตรงตามความหมาย ของประโยคและ ข๎อความสั้นๆ ที่ฟังหรืออําน ๔. บอกใจความ ส าคัญ และตอบ ค าถาม จากการฟัง และอํานบทสนทนา และนิทานงํายๆ หรือ เรื่องสั้นๆ ๑. ปฏิบัติตามค าสั่ง ค าขอร๎อง และ ค าแนะน าที่ฟัง และอําน ๒. อํานออกเสียง ข๎อความ นิทานและ บทกลอนสั้นๆ ถูกต๎องตาม หลักการ อําน ๓. เลือก/ระบุ ประโยคหรือข๎อความ สั้นๆ ตรงตามภาพ สัญลักษณ์หรือ เครื่องหมายที่อําน ๔. บอกใจความ ส าคัญ และตอบ ค าถามจากการฟัง และอําน บทสนทนา นิทานงําย ๆ และ เรื่องเลํา


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๙๔ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ ภาษาเพื่อการสื่อสาร มาตรฐาน ต ๑.๒ มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข๎อมูลขําวสาร แสดงความรู๎สึก และความคิดเห็นอยํางมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. พูดโต๎ตอบด๎วยค า สั้น ๆ งําย ๆ ในการ สื่อสารระหวํางบุคคล ตามแบบที่ฟัง ๒. ใช๎ค าสั่งงํายๆ ตาม แบบที่ฟัง ๓. บอกความต๎องการ งํายๆของตนเอง ตามแบบที่ฟัง ๔. พูดขอและให๎ ข๎อมูลงํายๆ เกี่ยวกับ ตนเองตามแบบที่ฟัง ๑. พูดโต๎ตอบด๎วยค า สั้น ๆ งําย ๆ ในการ สื่อสารระหวํางบุคคล ตามแบบที่ฟัง ๒.ใช๎ค าสั่งและค า ขอร๎องงํายๆตามแบบ ที่ฟัง ๓. บอกความต๎องการ งําย ๆ ของตนเอง ตามแบบที่ฟัง ๔. พูดขอและให๎ ข๎อมูลงํายๆเกี่ยวกับ ตนเองตามแบบที่ฟัง ๑. พูดโต๎ตอบด๎วย ค าสั้น ๆ งําย ๆ ในการสื่อสาร ระหวํางบุคคลตาม แบบที่ฟัง ๒. ใช๎ค าสั่งและค า ขอร๎องงํายๆตาม แบบที่ฟัง ๓. บอกความ ต๎องการงําย ๆ ของตนเอง ตามแบบที่ฟัง ๔. พูดขอและให๎ ข๎อมูลงําย ๆ เกี่ยวกับตนเอง และเพื่อน ตามแบบที่ฟัง ๕. บอกความ รู๎สึกของตนเอง เกี่ยวกับสิ่งตําง ๆ ใกล๎ตัว หรือ กิจกรรมตําง ๆ ตามแบบที่ฟัง ๑. พูด/เขียนโต๎ตอบ ในการสื่อสารระหวําง บุคคล ๒. ใช๎ค าสั่ง ค าขอร๎อง และ ค าขออนุญาตงําย ๆ ๓. พูด/เขียนแสดง ความต๎องการของ ตนเอง และขอความ ชํวยเหลือใน สถานการณ์งําย ๆ ๔. พูด/เขียนเพื่อขอ และให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับ ตนเองเพื่อนและ ครอบครัว ๕. พูดแสดง ความรู๎สึกของตนเอง เกี่ยวกับ เรื่องตําง ๆ ใกล๎ตัว และกิจกรรม ตําง ๆ ตามแบบที่ฟัง ๑. พูด/เขียนโต๎ตอบ ในการสื่อสารระหวําง บุคคล ๒. ใช๎ค าสั่ง ค าขอร๎อง ค าขออนุญาต และให๎ ค าแนะน างําย ๆ ๓. พูด/เขียนแสดง ความต๎องการ ขอความชํวยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธ การให๎ความ ชํวยเหลือใน สถานการณ์งําย ๆ ๔. พูด/เขียนเพื่อ ขอ และให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับ ตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่อง ใกล๎ตัว ๕. พูด/เขียนแสดง ความรู๎สึก ของตนเองเกี่ยวกับ เรื่องตําง ๆ ใกล๎ตัว และกิจกรรมตําง ๆ พร๎อมทั้งให๎เหตุผล สั้น ๆ ประกอบ ๑. พูด/เขียนโต๎ตอบ ในการสื่อสารระหวําง บุคคล ๒. ใช๎ค าสั่ง ค าขอร๎อง และให๎ค าแนะน า ๓. พูด/เขียนแสดง ความต๎องการ ขอความชํวยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธ การให๎ความ ชํวยเหลือ ในสถานการณ์งํายๆ ๔. พูดและเขียนเพื่อ ขอและให๎ข๎อมูล เกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่อง ใกล๎ตัว ๕. พูด/เขียนแสดง ความรู๎สึกของตนเอง เกี่ยวกับเรื่องตําง ๆ ใกล๎ตัว กิจกรรมตํางๆ พร๎อมทั้งให๎เหตุผล สั้นๆประกอบ


หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล ๙๕ | โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาระที่ ๑ ภาษาเพื่อการสื่อสาร มาตรฐาน ต ๑.๓ น าเสนอข๎อมูลขําวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องตํางๆ โดยการพูด และการเขียน ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. พูดให๎ข๎อมูล เกี่ยวกับตนเองและ เรื่องใกล๎ตัว ๑. พูดให๎ข๎อมูล เกี่ยวกับตนเองและ เรื่องใกล๎ตัว ๑. พูดให๎ข๎อมูล เกี่ยวกับตนเอง และเรื่องใกล๎ตัว ๒. จัดหมวดหมูํค า ตามประเภทของ บุคคล สัตว์ และ สิ่งของ ตามที่ฟัง หรืออําน ๑. พูด/เขียน ให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับ ตนเองและเรื่องใกล๎ ตัว ๒. พูด/วาดภาพ แสดงความ สัมพันธ์ของ สิ่งตํางๆ ใกล๎ตัวตามที่ ฟังหรืออําน ๓. พูดแสดงความ คิดเห็นงํายๆ เกี่ยวกับเรื่องตําง ๆ ใกล๎ตัว ๑. พูด/เขียน ให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับ ตนเองและเรื่องใกล๎ ตัว ๒. เขียนภาพ แผนผัง และแผนภูมิแสดง ข๎อมูลตําง ๆ ตามที่ ฟังหรืออําน ๓. พูดแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับ เรื่องตําง ๆ ใกล๎ตัว ๑. พูด/เขียน ให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับ ตนเอง เพื่อน และ สิ่งแวดล๎อมใกล๎ตัว ๒. เขียนภาพ แผนผัง แผนภูมิ และตาราง แสดงข๎อมูลตํางๆ ตามที่ฟังหรืออําน ๓. พูด/เขียนแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับ เรื่องตําง ๆ ใกล๎ตัว สาระที่ ๒ ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ เข๎าใจความสัมพันธ์ระหวํางภาษากับวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา และน าไปใช๎ได๎อยํางเหมาะสม กับกาลเทศะ ตัวชี้วัดชั้นปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๑. พูดและท าทํา ประกอบ ตาม วัฒนธรรมของ เจ๎าของภาษา ๒. บอกชื่อและ ค าศัพท์เกี่ยวกับ เทศกาลส าคัญของ เจ๎าของภาษา ๓. เข๎ารํวม กิจกรรม ทางภาษาและ วัฒนธรรมที่เหมาะ กับวัย ๑. พูดและท าทํา ประกอบ ตาม วัฒนธรรมของ เจ๎าของภาษา ๒. บอกชื่อและ ค าศัพท์เกี่ยวกับ เทศกาลส าคัญ ของ เจ๎าของภาษา ๓. เข๎ารํวม กิจกรรมทางภาษา และวัฒนธรรมที่ เหมาะกับวัย ๑. พูดและท าทํา ประกอบ ตาม มารยาทสังคม/ วัฒนธรรมของ เจ๎าของภาษา ๒. บอกชื่อและ ค าศัพท์งํายๆ เกี่ยวกับเทศกาล/ วันส าคัญ/งาน ฉลองและชีวิต ความเป็นอยูํของ เจ๎าของภาษา ๓. เข๎ารํวม กิจกรรมทางภาษา และวัฒนธรรมที่ เหมาะกับวัย ๑. พูดและท าทํา ประกอบ อยํางสุภาพ ตามมารยาทสังคม และวัฒนธรรมของ เจ๎าของภาษา ๒. ตอบค าถาม เกี่ยวกับเทศกาล/ วันส าคัญ/งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยูํ งํายๆ ของเจ๎าของ ภาษา ๓. เข๎ารํวม กิจกรรมทางภาษา และวัฒนธรรมที่ เหมาะกับวัย ๑. ใช๎ถ๎อยค าน้ าเสียง และกิริยาทําทาง อยํางสุภาพ ตาม มารยาทสังคมและ วัฒนธรรมของ เจ๎าของภาษา ๒. ตอบค าถาม/บอก ความส าคัญ ของ เทศกาล/วันส าคัญ/ งานฉลองและชีวิต ความเป็นอยูํงํายๆ ของเจ๎าของภาษา ๓. เข๎ารํวม กิจกรรมทางภาษา และวัฒนธรรม ตามความสนใจ ๑. ใช๎ถ๎อยค า น้ าเสียง และกิริยา ทําทางอยํางสุภาพ เหมาะสม ตาม มารยาทสังคม และ วัฒนธรรมของ เจ๎าของภาษา ๒. ให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับ เทศกาล/วันส าคัญ/ งานฉลอง/ชีวิตความ เป็นอยูํของเจ๎าของ ภาษา ๓. เข๎ารํวมกิจกรรม ทางภาษาและ วัฒนธรรม ตามความสนใจ


Click to View FlipBook Version