The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ ม.2 (ว22101)<br><br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ระบบหายใจ<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ระบบขับถ่าย<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 ระบบหมุนเวียนเลือด<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 ระบบประสาท<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 ระบบสืบพันธุ์<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 การระเหยแห้ง<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 การตกผลึก<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 การกลั่น<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 โครมาโทกราฟี<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 การสกัดด้วยตัวทำละลาย<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 สารละลาย<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 สภาพละลายได้ของสาร<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 ความเข้มข้นของสารละลาย<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 การใช้สารละลายในชีวิตประจำวัน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thanongying1994, 2023-03-26 14:40:51

วิทยาศาสตร์ ม.2 ภาคเรียนที่ 1 (ว22101)

แผนการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ ม.2 (ว22101)<br><br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ระบบหายใจ<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ระบบขับถ่าย<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 ระบบหมุนเวียนเลือด<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 ระบบประสาท<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 ระบบสืบพันธุ์<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 การระเหยแห้ง<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 การตกผลึก<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 การกลั่น<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 โครมาโทกราฟี<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 การสกัดด้วยตัวทำละลาย<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 สารละลาย<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 สภาพละลายได้ของสาร<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 ความเข้มข้นของสารละลาย<br>แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 การใช้สารละลายในชีวิตประจำวัน

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้,วิทยาศาสตร์,ม.2,ว22101

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา วิทยาศาสตร์ (ว22101) ชั้น ชั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง ตำ แหน่ง ครูผู้ช่วย กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำ นักงานเขตพื้นพื้ที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรปราการ สำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นขั้พื้นพื้ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนบางพลีราษฎร์บำ รุง


แบบบันทึกขออนุญาตใช้แผนการจัดการเรียนรู้ โรงเรียนบางพลีราษฎร์บำรุง แผนการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว22101 ระดับชั้น ม.2 ปีการศึกษา 2565 รายปี รายภาค ลงชื่อ.................................................ผู้เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ ( นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง ) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย วันที่.............เดือน............................พ.ศ........................ ลงชื่อ..................................................หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ (นายสาธิต ปั้นชู) ความเห็นรองผู้อำนวยการกลุ่มการบริหารวิชาการ ............................................................................................................................. .................................. ................................................................................................ ............................................................................. ลงชื่อ..................................................... (นางสาวจิตรกานต์ กิ่งใบสมบูรณ์) รองผู้อำนวยการกลุ่มการบริหารวิชาการ วันที่..............เดือน.................................พ.ศ........................ เสนอผู้อำนวยการเพื่อพิจารณาอนุญาต อนุญาตให้ใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ไม่อนุญาต เพราะ............................................................................................... อื่น ๆ ............................................................................................................... ลงชื่อ.............................................. (นายวิชาญ กิ่งก้าน) ผู้อำนวยการโรงเรียนบางพลีราษฎร์บำรุง วันที่..............เดือน.................................พ.ศ........................


คำอธิบายรายวิชา รหัสวิชา ว22101 รายวิชา วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต ศึกษาเกี่ยวกับระบบร่างกายมนุษย์ ระบบหายใจ โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบหายใจ การหายใจ การดูแลรักษาอวัยวะในระบบหายใจ ระบบขับถ่าย โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบขับถ่าย กลไกการกำจัดของ เสีย การดูแลรักษาในระบบขับถ่าย ระบบหมุนเวียนเลือด โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือด การ ทำงานของระบบหมุนเวียนเลือด การดูแลรักษาอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือด ระบบประสาท โครงสร้างและหน้าที่ของ อวัยวะในระบบประสาท การทำงานของระบบประสาท การดูแลรักษาอวัยวะในระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ โครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ ฮอร์โมนเพศ การปฏิสนธิและการตั้งครรภ์ การคุมกำเนิด ศึกษาเกี่ยวกับการแยก สารผสม การระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่น โครมโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดด้วยตัวทำละลาย การนำวิธีการแยก สารไปใช้แก้ปัญหาในชีวิต ประจำวัน ศึกษาเกี่ยวกับสารละลาย สภาพละลายได้ของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย การใช้สารละลายในชีวิตประจำวัน โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และการสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยม ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ ว 1.2 ม.2/1 ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวข้องในระบบหายใจ ว 1.2 ม.2/2 อธิบายกลไกการหายใจเข้าและออก โดยใช้แบบจำลอง รวมทั้งอธิบายกระบวนการแลกเปลี่ยนแก๊ส ว 1.2 ม.2/3 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบหายใจโดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบหายใจ ให้ทำงานเป็นปกติ ว 1.2 ม.2/4 ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบขับถ่ายในการกำจัดของเสียทางไต ว 1.2 ม.2/5 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบขับถ่ายในการกำจัดของเสียทางไต โดยการบอกแนวทางในการ ปฏิบัติตนที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำหน้าที่ได้อย่างปกติ ว 1.2 ม.2/6 บรรยายโครงสร้างและหน้าที่ของหัวใจหลอดเลือด และเลือด ว 1.2 ม.2/7 อธิบายการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดโดยใช้แบบจำลอง ว 1.2 ม.2/8 ออกแบบการทดลองและทดลอง ในการเปรียบเทียบอัตราการเต้นของหัวใจขณะปกติและหลังทำ กิจกรรม ว 1.2 ม.2/9 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบหมุนเวียนเลือดโดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะใน ระบบหมุนเวียนเลือดให้ทำงานเป็นปกติ


ว 1.2 ม.2/10 ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบประสาทส่วนกลางในการควบคุมการทำงานต่างๆ ของร่างกาย ว 1.2 ม.2/11 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบประสาทโดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษารวมถึงการป้องกัน การกระทบกระเทือนและอันตรายต่อสมองและไขสันหลัง ว 1.2 ม.2/12 ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ของเพศชายและเพศหญิงโดยใช้แบบจำลอง ว 1.2 ม.2/13 อธิบายผลของฮอร์โมนเพศชายและเพศหญิงที่ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เมื่อเข้าสู่ วัยหนุ่มสาว ว 1.2 ม.2/14 ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาว โดยการดูแลรักษาร่างกายและจิตใจ ของตนเองในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง ว 1.2 ม.2/15 อธิบายการตกไข่ การมีประจำเดือนการปฏิสนธิและการพัฒนาของไซโกตจนคลอดเป็นทารก ว 1.2 ม.2/16 เลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่กำหนด ว 1.2 ม.2/17 ตระหนักถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร โดยการประพฤติตนให้เหมาะสม ว 2.1 ม.2/1 อธิบายการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้งการตกผลึก การกลั่นอย่างง่ายโครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดด้วยตัวทำละลาย โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ว 2.1 ม.2/2 แยกสารโดยการระเหยแห้ง การตกผลึกการกลั่นอย่างง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดด้วย ตัวทำละลาย ว 2.1 ม.2/3 นำวิธีการแยกสารไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันโดยบูรณาการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ ว 2.1 ม.2/4 ออกแบบการทดลองและทดลองในการอธิบายผลของชนิดตัวละลาย ชนิดตัวทำละลาย อุณหภูมิที่มี ต่อสภาพละลายได้ของสาร รวมทั้งอธิบายผลของความดันที่มีต่อสภาพละลายได้ของสาร โดยใช้ สารสนเทศ ว 2.1 ม.2/5 ระบุปริมาณตัวละลายในสารละลาย ในหน่วยความเข้มข้นเป็นร้อยละ ปริมาตรต่อปริมาตร มวลต่อมวล และมวลต่อปริมาตร ว 2.1 ม.2/6 ตระหนักถึงความสำคัญของการนำความรู้เรื่องความเข้มข้นของสารไปใช้ โดยยกตัวอย่างการใช้ สารละลายในชีวิตประจำวันอย่างถูกต้องและปลอดภัย รวมทั้งหมด 23 ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้


โครงสร้างรายวิชา รหัสวิชา ว22101 รายวิชา วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ (ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้) สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน 1 ระบบร่างกาย มนุษย์ ว 1.2 ม.2/1-17 ระบบหายใจ - โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะใน ระบบหายใจ - การหายใจ - การดูแลรักษาอวัยวะในระบบหายใจ ระบบขับถ่าย - โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะใน ระบบขับถ่าย - กลไกการกำจัดของเสีย - การดูแลรักษาอวัยวะในระบบขับถ่าย ระบบหมุนเวียนเลือด - โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะใน ระบบหมุนเวียนเลือด - การทำงานของระบบหมุนเวียนเลือด - การดูแลรักษาอวัยวะในระบบ หมุนเวียนเลือด ระบบประสาท - โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะใน ระบบประสาท - การทำงานของระบบประสาท - การดูแลรักษาอวัยวะในระบบ ประสาท ระบบสืบพันธุ์ - โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะใน ระบบสืบพันธุ์ - ฮอร์โมนเพศ - การปฏิสนธิและการตั้งครรภ์ 28 20


หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ (ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้) สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน สอบกลางภาค - 25 2 การแยกสาร ผสม ว 2.1 ม.2/1-3 การระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่น - การกลั่นแบบธรรมดา - การกลั่นแบบไอน้ำ - การกลั่นลำดับส่วน โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดด้วยตัวทำละลาย 17 10 3 สารละลาย ว 2.1 ม.2/4-6 สารละลาย สภาพละลายได้ของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย - ร้อยละโดยมวล - ร้อยละโดยปริมาตร - ร้อยละโดยมวลต่อปริมาตร การใช้สารละลายในชีวิตประจำวัน 15 10 จิตพิสัย - 5 สอบปลายภาค - 30 รวม 60 100


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ระบบหายใจ เวลา 6 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐานการเรียนรู้ ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสำพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.2/1 ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวข้องในระบบหายใจ ว 1.2 ม.2/2 อธิบายกลไกการหายใจเข้าและออก โดยใช้แบบจำลอง รวมทั้งอธิบายกระบวนการ แลกเปลี่ยนแก๊ส ว 1.2 ม.2/3 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบหายใจ โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะใน ระบบหายใจให้ทำงานเป็นปกติ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวข้องในระบบหายใจได้ (K) 2. อธิบายการเคลื่อนที่ของอากาศเข้าและออกจากปอดได้ (K) 3. อธิบายกลไกการหายใจเข้าและออกได้ (K) 4. อธิบายการแลกเปลี่ยนแก๊สบริเวณปอดและบริเวณเซลล์ของร่างกายได้ (K) 5. เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของกระดูกซี่โครงและกะบังลมขณะหายใจเข้าและออกได้ (K) 6. เปรียบเทียบการทำงานของปอดจำลองกับการทำงานของปอดในร่างกายได้ (K) 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. เขียนลำดับการเคลื่อนที่ของอากาศผ่านอวัยวะต่าง ๆ เข้าและออกจากปอดได้ (P) 2. จำลองการทำงานของปอดในการหายใจเข้าและออกได้(P) 3. วัดความจุอากาศของปอดได้(P)


2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. ตระหนักถึงความสำคัญของอวัยวะในระบบหายใจและการดูแลรักษาอวัยวะในระบบหายใจ (A) 2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ระบบหายใจมีอวัยวะที่เป็นทางเดินของอากาศ ได้แก่ จมูก ท่อลม และปอด โดยมีอวัยวะที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กะบังลมและกระดูกซี่โครง โดยการเคลื่อนที่ของอากาศเข้าและออกจากปอดเป็นผลจาก การเปลี่ยนแปลงปริมาตรและ ความดันภายในช่องอกซึ่งเกี่ยวกับการทำงานของกะบังลมและกระดูกซี่โครง เมื่อมนุษย์หายใจนำอากาศเข้าสู่ร่างกาย อากาศเดินทางผ่านจมูก ท่อลม และเข้าสู่ปอดซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดการ แลกเปลี่ยนแก๊สออกซิเจนกับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ โดยแก๊สออกซิเจนแพร่จากถุงลม เข้าสู่หลอดเลือดฝอย ส่วนแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์แพร่จากหลอดเลือดฝอยเข้าสู่ถุงลมเพื่อกำจัดออกจากร่างกายผ่านการหายใจออก แก๊สออกซิเจนที่ แพร่เข้าสู่หลอดเลือดฝอยจะถูกลำเลียงไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกายและเกิดการแลกเปลี่ยนแก๊สขึ้นที่เซลล์ โดย แก๊สออกซิเจนจากหลอดเลือดฝอยแพร่เข้าสู่เซลล์ ส่วนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์แพร่จากเซลล์เข้าสู่หลอดเลือดฝอยเพื่อ ลำเลียงไปยังปอดและกำจัดออกจากร่างกาย การสูบบุหรี่และการสูดอากาศที่มีสารปนเปื้อนอาจเป็นสาเหตุของโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคถุงลมโป่ง พอง ดังนั้นจึงควรดูแลรักษาอวัยวะในระบบหายใจให้ทำงานอย่างปกติ เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยง สถานที่ที่มีมลพิษทางอากาศและสถานที่แออัด งดสูบบุหรี่หรือหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับผู้สูบบุหรี่และผู้ป่วยโรคระบบ ทางเดินหายใจ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ระบบหายใจ - โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบหายใจ - การหายใจ - การดูแลรักษาอวัยวะในระบบหายใจ 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) - จำลองการทำงานของปอดในการหายใจเข้าและออก - วัดความจุอากาศของปอด 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ


5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ 7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ นำความรู้เกี่ยวกับระบบร่างกายประยุกต์ใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพอย่างพอเหมาะพอดี 7.2 ความมีเหตุผล ตอบคำถามและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างมีเหตุผล 7.3 การมีภูมิคุ้มกัน การวางแนวทางในการดูแลสุขภาพของตนเอง 7.4 เงื่อนไขความรู้ ระบบหายใจ 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม การดูแลรักษาสุขภาพของบุคคลในครอบครัวและรับผิดชอบต่อสังคม


7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ - 7.6.2 ด้านสังคม การดูแลรักษาสุขภาพของบุคคลในครอบครัวและรับผิดชอบต่อสังคม 7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อมลภาวะต่อระบบหายใจ 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม - 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขั้นนำ ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบร่างกายมนุษย์ 2. ครูถามคำถามทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนว่า“นักเรียนรู้จักระบบของร่างกายระบบใดบ้าง” และ “ระบบ ที่รู้จักมีความสำคัญอย่างไร” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น ระบบย่อยอาหาร ทำหน้าที่ย่อยอาหารให้เป็น สารอาหารเพื่อนำไปใช้ในการสร้างพลังงานเพื่อการดำรงชีวิต หรือระบบขับถ่ายทำหน้าที่กำจัดของเสียต่าง ๆ ออกจาก ร่างกาย) 3. ครูให้นักเรียนสังเกตสถานการณ์ ภาพ และคำถามเกี่ยวกับบุหรี่จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบร่างกายมนุษย์เพื่อกระตุ้นให้เกิดกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ จากนั้นให้นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน จาการตอบคำถามหน้าหน่วยการเรียนรู้ 4. จากนั้นครูถามคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเพื่อนำเข้าสู่การเรียนการสอนว่า“อากาศเคลื่อนที่เข้า และออกจากปอดได้อย่างไร” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น อากาศที่เคลื่อนที่เข้าและออกจากปอดเกิดจาก การหายใจ คือ เมื่อหายใจเข้าร่างกายจะรับแก๊สออกซิเจนเข้าสู่ปอด และเมื่อหายใจออกปอดจะขับแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ออกมานอกร่างกาย) ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. นักเรียนศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวกับระบบหายใจของมนุษย์ ประกอบด้วย จมูก คอหอย ท่อลม ขั้วปอด ปอด ถุงลม กระดูกซี่โครง และกะบังลม โดยศึกษาจากแบบจำลองอวัยวะในระบบหายใจ ภาพจาก หนังสือเรียน หรือใช้วีดิทัศน์จากสื่อออนไลน์ เรื่อง ระบบหายใจ เช่น


- Respiratory System | How we breathe | Video for kids - Respiratory System | The Dr. Binocs Show | Learn Videos For Kids - Anatomy and physiology of the respiratory system ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 2. ครูสุ่มนักเรียน 8 คนออกมาระบุตำแหน่งพร้อมอธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวกับระบบ หายใจของมนุษย์ ประกอบด้วย จมูก คอหอย ท่อลม ขั้วปอด ปอด ถุงลม กระดูกซี่โครง และกะบังลม โดยเพื่อนร่วมชั้น และครูผู้สอนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมตามความเหมาะสม 3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-6 คน จากนั้นให้นักเรียนสแกน QR code เรื่อง การหายใจของมนุษย์และ อภิปรายร่วมกันภายในกลุ่ม 4. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 กลุ่มออกมาวาดแผนผังแสดงการเคลื่อนที่ของอวัยวะเมื่อมีการสูดลมหายใจเข้าและ ปล่อยลมหายใจออก จากนั้นครูเปรียบเทียบแผนผังกลไกการหายใจของนักเรียนแต่ละกลุ่ม และเปิดโอกาสให้นักเรียน ภายในชั้นเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเพื่อหาข้อสรุปของกลไกการหายใจ 5. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียน โดยใช้คำถามต่อไปนี้ - ในอากาศประกอบด้วยฝุ่นละอองและเชื้อโรคจำนวนมาก ระบบหายใจจะมีการป้องกันการหายใจนำฝุ่น ละอองและเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้อย่างไร (แนวตอบ : ภายในโพรงจมูกมีขนทำหน้าที่กรองฝุ่นละออง เชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมไม่ให้เข้าสู่ทางเดินหายใจ และ บริเวณเซลล์เยื่อบุของผนังท่อลมสามารถดักจับฝุ่นละออง เชื้อโรคสิ่งแปลกปลอมไม่ให้เข้าสู่ปอด) - ถุงลมมีลักษณะสำคัญที่เหมาะสมต่อการแลกเปลี่ยนแก๊สอย่างไร (แนวตอบ : ถุงลมมีลักษณะเป็นถุงขนาดเล็ก มีผนังบาง และมีหลอดเลือดฝอยมาหล่อเลี้ยงจำนวนมาก ซึ่งทำให้เกิดการ แลกเปลี่ยนแก๊สระหว่างถุงลมกับหลอดเลือดฝอย) - กะบังลมและกระดูกซี่โครงเกี่ยวข้องกับการหายใจอย่างไร (แนวตอบ : กะบังลมทำหน้าที่รั้งปอดลงเพื่อให้อากาศผ่านเข้าสู่ปอดขณะหายใจเข้าและดันปอดขึ้นเพื่อไล่อากาศออก จากปอดขณะหายใจออก ส่วนกระดูกซี่โครงทำงานร่วมกับกล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครงในการเปลี่ยนแปลงปริมาตรของ ช่องอกระหว่างการหายใจเข้าและออก) 6. นักเรียนทำใบงานที่ 1.1 เรื่อง ระบบหายใจ โดยให้นักเรียนตอบคำถามเกี่ยวกับระบบหายใจให้ถูกต้อง ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 7. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วเกี่ยวกับโครงสร้าง หน้าที่ของอวัยวะ และกลไกการหายใจของมนุษย์ 8. ครูอธิบายเพิ่มเติมกับนักเรียนเกี่ยวกับการหายใจเข้าและหายใจออกว่า“เมื่อสูดลมหายใจเข้าร่างกายจะรับ แก๊สออกซิเจนเข้าสู่ปอด และเมื่อหายใจออกปอดจะขับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกมานอกร่างกาย ดังนั้นจึงเกิดการ แลกเปลี่ยนแก๊สระหว่างแก๊สออกซิเจนกับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่บริเวณปอดและบริเวณเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย” 9. นักเรียนศึกษากระบวนการแลกเปลี่ยนแก๊สจากหนังสือเรียน หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต


ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 10. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า “การแลกเปลี่ยนแก๊สเกิดขึ้นที่ส่วนใดของร่างกาย และ เกิดขึ้นอย่างไร” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น กระบวนการแลกเปลี่ยนแก๊สเกิดขึ้นที่ 2 บริเวณ ได้แก่ บริเวณปอดเป็นการแลกเปลี่ยนแก๊สระหว่างถุงลมกับหลอดเลือดฝอยโดยแก๊สออกซิเจนแพร่จากถุงลมเข้าสู่หลอด เลือดฝอย ส่วนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์แพร่จากหลอดเลือดฝอยเข้าสู่ถุงลมและบริเวณเซลล์ ดังนั้นจึงเกิดการ แลกเปลี่ยนแก๊สระหว่างหลอดเลือดฝอยกับเซลล์ โดยแก๊สออกซิเจนแพร่จากหลอดเลือดฝอยเข้าสู่เซลล์ ส่วนแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์แพร่จากเซลล์เข้าหลอดเลือดฝอย) 11. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 คนออกมาวาดแผนผังกระบวนการแลกเปลี่ยนแก๊สลงบนกระดานหน้าชั้นเรียนพร้อม อธิบายกระบวนการตามที่นักเรียนเข้าใจ 12. จากนั้นครูเปรียบแผนผังกระบวนการเปลี่ยนแก๊สของนักเรียนแต่ละคน และเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับกระบวนการแลกเปลี่ยนแก๊สเพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกัน ชั่วโมงที่ 3 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 13. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 14. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-7 คน เพื่อทำกิจกรรมแบบจำลองการทำงานของปอดในหนังสือเรียนเพื่อให้ นักเรียนศึกษากลไกการหายใจเข้า หายใจออก และกระบวนการทำงานของปอดโดยใช้แบบจำลองที่นักเรียนสร้างขึ้น 15. ครูแนะนำอุปกรณ์การสร้างแบบจำลองการทำงานของปอดที่ประกอบด้วย กล่องครอบพลาสติกลูกโป่ง หลอดพลาสติกรูปตัววาย และแผ่นยาง 16. เปิดโอกาสให้นักเรียนดำเนินการสร้างแบบจำลองการทำงานของปอด และบันทึกผลการทดลองอภิปราย ผลการทดลอง และตอบคำถามท้ายการทดลอง ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 17. นักเรียนออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมแบบจำลองการทำงานของปอดบริเวณหน้าชั้นเรียน 18. จากนั้นครูสุ่มนักเรียนเพื่อตอบคำถามท้ายทำกิจกรรม โดยใช้คำถามต่อไปนี้ - ส่วนต่าง ๆ ของแบบจำลองเปรียบเทียบได้กับอวัยวะใด (แนวตอบ : ลูกโป่งเปรียบได้กับปอดทั้ง 2 ข้าง แผ่นยางเปรียบได้กับกะบังลม หลอดพลาสติกรูปตัววาย เปรียบได้กับ หลอดลม และกล่องพลาสติกเปรียบได้กับผนังทรวงอก) - เมื่อดึงแผ่นยางขึ้นหรือลง จะมีการเปลี่ยนแปลงของลูกโป่งหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : เมื่อดึงแผ่นยางลง ลูกโป่งจะพองออก แต่เมื่อดึงแผ่นยางขึ้น ลูกโป่งจะแฟบลง) - การเปลี่ยนแปลงของลูกโป่งเกี่ยวข้องกับปริมาตรและความดันของอากาศอย่างไร (แนวตอบ : เมื่อดึงแผ่นยางลงลูกโป่งจะพองออก เนื่องจากมีปริมาตรอากาศภายในกล่องพลาสติกเพิ่มขึ้นทำให้ความดัน อากาศลดลงอากาศจากภายนอกจึงเคลื่อนที่เข้าสู่ลูกโป่ง แต่เมื่อดันแผ่นยางกลับขึ้นสู่ที่เดิมลูกโป่งจะแฟบลง เนื่องจากมี ปริมาตรอากาศภายในกล่องพลาสติกลดลง จึงทำให้ความดันอากาศเพิ่มขึ้น อากาศจากภายในจึงเคลื่อนที่ออกจาก ลูกโป่ง)


- จากการทำกิจกรรมสามารถอธิบายการทำงานของปอดและอวัยวะต่าง ๆ ได้อย่างไร (แนวตอบ : เมื่อดึงแผ่นยางลงเปรียบเสมือนการหายใจเข้า กะบังลมเลื่อนต่ำลงทำให้มีปริมาตรอากาศภายในช่องอก เพิ่มขึ้น และเมื่อความดันภายในช่องอกลดลงอากาศจึงเคลื่อนเข้าสู่ปอด แต่เมื่อดันแผ่นยางกลับขึ้นสู่ที่เดิมเปรียบเสมือน การหายใจออก กะบังลมเลื่อนสูงขึ้นทำให้มีปริมาตรภายในช่องอกลดลง และเมื่อความดันภายในช่องอกเพิ่มขึ้นอากาศ จึงเคลื่อนที่ออกจากปอด) 19. นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายผลการทำกิจกรรมแบบจำลองการทำงานของปอดเพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกัน ชั่วโมงที่ 4 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 20. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 21. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า “โดยทั่วไปแล้ว คนปกติจะมีอัตราการหายใจประมาณ 14-18 ครั้งต่อนาทีและไม่ สามารถกลั้นหายใจได้นานเกิน 1 นาที ซึ่งอัตราการหายใจจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับอายุ และภาวะของร่างกาย โดย เกี่ยวข้องกับปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ กล่าวคือ เมื่อมีปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดต่ำ การหายใจจะ ช้าลง และเมื่อมีปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูง การหายใจจะเร็วขึ้น” 22. นักเรียนทำกิจกรรม “นับการหายใจ” โดยให้นักเรียนนับการหายใจเข้าและหายใจออกของตนเอง 3 ครั้ง โดยกำหนดระยะเวลา 1 นาที และบันทึกผลลงในสมุดประจำตัว โดยแต่ละครั้งมีอิริยาบถที่แตกต่างกันดังนี้ - ครั้งที่ 1 ให้นักเรียนนั่งนิ่ง ๆ และนับการหายใจเข้า หายใจออกเป็นเวลา 1 นาที - ครั้งที่ 2 ให้นักเรียนลุกนั่ง จำนวน 20 ครั้ง และนับการหายใจเข้า หายใจออกเป็นเวลา 1 นาที - ครั้งที่ 3 ให้นักเรียนกระโดดตบ จำนวน 20 ครั้ง และนับการหายใจเข้า หายใจออกเป็นเวลา 1 นาที ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 22. นักเรียนเปรียบเทียบผลบันทึกการหายใจของตนเองกับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร 23. จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคู่ออกมารายงานผลบันทึกการหายใจที่ได้เปรียบเทียบบริเวณหน้าชั้นเรียน 24. ครูสุ่มนักเรียนตอบคำถามหลังจากการกิจกรรมว่า “ผลบันทึกการหายใจของนักเรียนเหมือนหรือแตกต่าง กันกับเพื่อน และคิดว่าเพราะเหตุใด” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น ผลบันทึกการหายใจแตกต่างกับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ เนื่องจากลักษณะร่างกายไม่เหมือนกัน จึงทำให้ระบบการหายใจแตกต่างกันเพศชายมีความแข็งแรงมากกว่าเพศหญิง) 25. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า “เหตุผลที่ทำให้แต่ละบุคคลมีระบบการหายใจที่แตกต่างกัน เกิดจากปริมาตร อากาศที่สามารถหายใจเข้าได้แต่ละครั้งตั้งแต่ 500-6,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร โดยเฉลี่ยแล้วนักกีฬาที่ออก กำลังกายอยู่เสมอจะมีความจุอากาศของปอดมากกว่าคนทั่วไป เพศชายจะมีความจุอากาศของสูงกว่าเพศหญิง และคน ในวัยหนุ่มสาวจะมีความจุอากาศของปอดมากกว่าคนสูงวัย ดังนั้นจึงทำให้แต่ละคนหายใจไม่เท่ากัน เช่น เด็กอายุ 1-2 ปี หายใจประมาณ 25-35 ครั้งต่อนาที เด็กอายุ 4-5 ปีหายใจประมาณ 20-30 ครั้งต่อนาที และผู้ใหญ่ 20-40 ปี หายใจ ประมาณ 16-20 ครั้งต่อนาที”


ชั่วโมงที่ 5 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 26. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 27. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-6 คน เพื่อทำกิจกรรมการทดลองความจุอากาศของปอดในหนังสือเรียน โดย ให้นักเรียนศึกษาความจุอากาศของปอด เปรียบเทียบปริมาตรของอากาศขณะหายใจออกปกติและหายใจออกเต็มที่โดย ใช้แบบจำลองความจุอากาศของปอด 28. ครูแนะนำอุปกรณ์การทดลองความจุอากาศของปอด ประกอบด้วย ถุงพลาสติกยาว สติกเกอร์ที่พิมพ์ ปริมาตร ท่อสำหรับเป่าลม และเทปใส 29. เปิดโอกาสให้นักเรียนดำเนินการทดลองความจุอากาศของปอด และบันทึกผลการทดลอง อภิปรายผลการ ทดลอง และตอบคำถามท้ายการทดลอง ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 30. ครูสุ่มนักเรียน 5-7 กลุ่มออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมการทดลองความจุอากาศของปอดบริเวณหน้า ชั้นเรียน 31. จากนั้นครูสุ่มนักเรียนเพื่อตอบคำถามท้ายทำกิจกรรม โดยใช้คำถามต่อไปนี้ - ระหว่างการหายใจเข้าปกติกับการหายใจเข้าเต็มที่ ปริมาตรของอากาศที่วัดได้แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : แตกต่างกัน โดยการหายใจเข้าเต็มที่จะมีปริมาตรของอากาศมากกว่าการหายใจเข้าแบบปกติ) - ความจุอากาศของปอดเฉลี่ยระหว่างนักเรียนหญิงกับนักเรียนชายแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : คําตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับผลการทํากิจกรรมความจุอากาศของปอด ซึ่งปกติเพศชายจะมีความจุอากาศ ของปอดสูงกว่าเพศหญิง) - นักเรียนคิดว่าปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อความจุอากาศของปอด (แนวตอบ : ปัจจัยที่มีผลต่อความจุอากาศของปอด ได้แก่ เพศ อายุ โรคประจำตัว เช่น บุคคลที่เป็นโรคถุงลมโป่งพอง จะมีความจุอากาศน้อยกว่าคนปกติที่ไม่ได้เป็นโรคประจำตัว เนื่องจากผนังถุงลมมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าปกติ) 32. นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายผลการทำกิจกรรมการทดลองความจุอากาศของปอดเพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกัน ดังนี้“ความจุอากาศของปอดของแต่ละคนแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอายุ เพศ สภาพร่างกายของแต่ละบุคคล และปัจจัย อื่นๆ ซึ่งโดยเฉลี่ยเพศชายมีความจุอากาศของปอดมากกว่าเพศหญิง” ชั่วโมงที่ 6 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 33. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 34. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า “การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหลักของโรคถุงลมโป่งพอง ทำให้พื้นที่ผิวแลกเปลี่ยนแก๊ส ลดลง เนื่องจากสารพิษในบุหรี่ทำให้ผนังถุงลมฉีกขาด” 35. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับโรคถุงลมโป่งพองและภาพประกอบจากหนังสือเรียน หรือใช้วีดิทัศน์จากสื่อ ออนไลน์ เรื่อง ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เช่น - Understanding COPD 36. นักเรียนสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับโรคจากระบบหายใจ


37. ครูสุ่มนักเรียน 5-7 คนออกมาเขียนโรคจากระบบหายใจบนกระดานหน้าชั้นเรียน พร้อมอธิบายเกี่ยวกับ โรคที่นักเรียนนำเสนอพอสังเขป 38. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางที่ควรปฏิบัติเพื่อให้ระบบหายใจทำงานได้อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพ เช่น อยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่สูบบุหรี่ หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอ ไป พบแพทย์เมื่อเกิดความผิดปกติของร่างกาย หมั่นล้างมือให้สะอาด และไม่ใช้สิ่งของเครื่องใช้ร่วมกับผู้ป่วยที่เป็น โรคติดต่อทางระบบหายใจ 39. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 8-10 คนหรือตามความเหมาะสม เพื่อร่วมกันวางแผนแสดงบทบาทสมมุติ เรื่อง โทษของการสูบบุหรี่ ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 40. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอบทบาทสมมุติ เรื่อง โทษของการสูบบุหรี่บริเวณหน้าชั้นเรียนโดยเพื่อน ร่วมชั้นร่วมกันแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมตามความเหมาะสม 41. จากนั้นครูสุ่มนักเรียนเพื่อตอบคำถามท้ายทำกิจกรรม โดยใช้คำถามต่อไปนี้ - การสูบบุหรี่มีผลต่อระบบหายใจอย่างไร (แนวตอบ : สารเคมีในบุหรี่ เช่น แก๊สไฮโดรเจนไซยาไนด์ แก๊สไนโตรเจนไดออกไซด์ มีฤทธิ์ทำลายเนื้อเยื่อของผนังถุง ลมทำให้ผนังถุงลมฉีกขาด พื้นที่ผิวแลกเปลี่ยนแก๊สจึงลดลง จึงต้องหายใจเร็วและถี่เพื่อให้ได้รับแก๊สออกซิเจนที่เพียงพอ กับความต้องการของร่างกาย) - เพราะเหตุใดจึงมีการออกกฎหมายห้ามขายบุหรี่ให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี (แนวตอบ : เพื่อป้องกันการทดลองสูบบุหรี่ของเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งจะช่วยลดจำนวนที่สูบบุหรี่) - นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่กับการจัดพื้นที่ไว้สำหรับผู้สูบบุหรี่ (แนวตอบ : เห็นด้วย เนื่องจากสารพิษในควันบุหรี่ เช่น แก๊สไฮโดรเจนไซยาไนด์ แก๊สไนโตรเจนออกไซด์เป็นแก๊สพิษที่ มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ ดังนั้น การจัดพื้นที่สูบบุหรี่จึงเป็นการจำกัดในการแพร่กระจายของแก๊สเหล่านี้) - นักเรียนมีวิธีการดูแลรักษาอวัยวะในระบบหายใจอย่างไร (แนวตอบ : การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทำให้ปอดมีความจุเพิ่มมากขึ้น หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดและมี มลพิษ งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับผู้สูบบุหรี่ เนื่องจากในบุหรี่มีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อระบบหายใจ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อทางเดินระบบหายใจ) ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 42. นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ช่วยทบทวนเนื้อหาและตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของผู้เรียน (Exercise 1.1) 43. ครูถามคำถามสำคัญกับนักเรียน โดยใช้คำถามต่อไปนี้ - conducting zone และ respiratory zone มีความสัมพันธ์กันอย่างไร (แนวตอบ : conducting zone และ respiratory zone เป็นโครงสร้าง 2 ส่วนหลักที่ทำให้เกิดการหายใจเข้าและ หายใจออก กล่าวคือ เมื่อหายใจเข้า conducting zone จะทำหน้าที่กรองหรือดักจับสิ่งแปลกปลอมจากอากาศโดย ผ่านอวัยวะต่าง ๆ จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการแลกเปลี่ยนแก๊ส respiratory zone)


- เพราะเหตุใดกลไกการหายใจจึงเกี่ยวข้องกับกะบังลม กระดูกซี่โครง และกล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครง (แนวตอบ : เนื่องจากกะบังลมและกล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครงมีผลต่อกลไกการหายใจ ดังนี้เมื่อหายใจเข้าจะส่งผลทำ ให้กล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครงหดตัว กระดูกซี่โครงเลื่อนสูงขึ้นกะบังลมหดตัว(เลื่อนต่ำลง) และเมื่อหายใจออกจะส่งผล ทำให้กล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครงคลายตัว กระดูกซี่โครงเลื่อนต่ำลง กะบังลมคลายตัว(เลื่อนสูงขึ้น)) ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุป เรื่อง ระบบหายใจ ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ - ความสำคัญของระบบหายใจ - โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบหายใจ - การทำงานของระบบหายใจ - การดูแลรักษาระบบหายใจ 2. ครูตรวจสอบความถูกต้องจากการทำแบบทดสอบก่อนเรียน 3. ครูตรวจสอบความถูกต้องของการทำใบงานที่ 1.1 เรื่อง ระบบหายใจ 4. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรม Exercise 1.1 ของนักเรียน 5. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรม “แบบจำลองการทำงานของปอด” 6. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรม “นับการหายใจ” 7. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรม “การทดลองความจุอากาศของปอด” 8. ครูตรวจสอบผลการแสดงบทบาทสมมุติ เรื่อง โทษของการสูบบุหรี่ 9. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการตอบคำถาม ความสนใจในการเรียน การทำกิจกรรม กระบวนการ กลุ่มของนักเรียน และการนำเสนอผลงาน 9. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1 2. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint 3. สื่อวิดีทัศน์ออนไลน์ 4. แบบฝึกทักษะ 5. ใบงานที่ 1.1 เรื่อง ระบบหายใจ 6. แบบจำลองอวัยวะในระบบหายใจ 7. อุปกรณ์การสร้างแบบจำลองการทำงานของปอด 8. อุปกรณ์การทดลองความจุอากาศของปอด 10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ 1. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 2. อินเทอร์เน็ต


11. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 11.1 การประเมินก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบ ร่างกายมนุษย์ - ตรวจแบบทดสอบก่อน เรียน - การตอบคำถามเพื่อ ตรวจสอบความรู้เดิม - แบบทดสอบก่อนเรียน - คำถามจากครูผู้สอน - ประเมินตามสภาพจริง - ประเมินตามสภาพจริง 11.2 การประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม 1) ระบบหายใจ - ตรวจใบงานที่ 1.1 - ตรวจ Exercise 1.1 - การตอบคำถามใน ระหว่างการเรียน - การตอบคำถามเพื่อ สรุปองค์ความรู้ - ใบงานที่ 1.1 - Exercise 1.1 - คำถามจากครูผู้สอน - คำถามจากครูผู้สอน - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 2) การปฏิบัติการ - ประเมินการปฏิบัติการ - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรมการทำงาน รายกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 5)การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 6)คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 12. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..


13. บันทึกผลการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ 13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ 13.1.1 ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวข้องในระบบหายใจได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) อธิบายการเคลื่อนที่ของอากาศเข้าและออกจากปอดได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) อธิบายกลไกการหายใจเข้าและออกได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 4) อธิบายการแลกเปลี่ยนแก๊สบริเวณปอดและบริเวณเซลล์ของร่างกายได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 5) เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของกระดูกซี่โครงและกะบังลมขณะหายใจเข้าและออกได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 6) เปรียบเทียบการทำงานของปอดจำลองกับการทำงานของปอดในร่างกายได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.2 ด้านทักษะที่สำคัญ (P) 1) เขียนลำดับการเคลื่อนที่ของอากาศผ่านอวัยวะต่าง ๆ เข้าและออกจากปอดได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) จำลองการทำงานของปอดในการหายใจเข้าและออกได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) วัดความจุอากาศของปอดได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................


13.1.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) ตระหนักถึงความสำคัญของอวัยวะในระบบหายใจและการดูแลรักษาอวัยวะในระบบหายใจ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.4 ด้านสมรรถนะ (C) 1) ความสามารถในการสื่อสาร ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ความสามารถในการคิด ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.2 ปัญหา อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 13.3 แนวทางแก้ไขปัญหา / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ............................................................. (นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย


QR code สื่อวิดีทัศน์ออนไลน์ Respiratory System | How we breathe | Video for kids Respiratory System | The Dr. Binocs Show | Learn Videos For Kids Anatomy and physiology of the respiratory system


QR code สื่อวิดีทัศน์ออนไลน์ การหายใจของมนุษย์ Understanding COPD


ใบงานที่ 1.1 ระบบหายใจ คำชี้แจง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. จงอธิบายลักษณะและหน้าที่ของอวัยวะในระบบทางเดินหายใจต่อไปนี้ 2. จงเขียนลำดับการเคลื่อนที่ของอากาศจากภายนอกร่างกายเข้าสู่ปอด 3. จงเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะต่าง ๆ เมื่อหายใจเข้าและออกจากร่างกาย อวัยวะ การหายใจเข้า การหายใจออก กะบังลม ................................................... ................................................... กระดูกซี่โครง ................................................... ................................................... ปริมาตรของช่องอก ................................................... ................................................... ความดันภายในช่องอก ................................................... ................................................... 1 2 3 4 5 1. อวัยวะ................................................................ หน้าที่................................................................. ........................................................................... ........................................................................... . 2. อวัยวะ................................................................ หน้าที่................................................................. ........................................................................... ........................................................................... . 3. อวัยวะ................................................................ หน้าที่................................................................. ........................................................................... ........................................................................... . 4. อวัยวะ............................................................... หน้าที่................................................................. ........................................................................... ........................................................................... 5. อวัยวะ................................................................. หน้าที่................................................................... ............................................................................. ............................................................................. 1……………… ……… 2……………… ……… 3………………… …… 4………………… …… 5………………… ……


ใบงานที่ 1 เฉลย ระบบหายใจ คำชี้แจง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. จงอธิบายลักษณะและหน้าที่ของอวัยวะในระบบทางเดินหายใจต่อไปนี้ 2. จงเขียนลำดับการเคลื่อนที่ของอากาศจากภายนอกร่างกายเข้าสู่ปอด 3. จงเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะต่าง ๆ เมื่อหายใจเข้าและออกจากร่างกาย อวัยวะ การหายใจเข้า การหายใจออก กะบังลม ................................................... ................................................... กระดูกซี่โครง ................................................... ................................................... ปริมาตรของช่องอก ................................................... ................................................... ความดันภายในช่องอก ................................................... ................................................... 1 2 3 4 5 1. อวัยวะ................................................................ หน้าที่................................................................. ........................................................................... ........................................................................... . 2. อวัยวะ................................................................ หน้าที่................................................................. ........................................................................... ........................................................................... . 3. อวัยวะ................................................................ หน้าที่................................................................. ........................................................................... ........................................................................... . 4. อวัยวะ............................................................... หน้าที่................................................................. ........................................................................... ........................................................................... 5. อวัยวะ................................................................. หน้าที่................................................................... ............................................................................. ............................................................................. 1……………… ……… 2……………… ……… 3………………… …… 4………………… …… 5………………… …… จมูก เป็นทางผ่านของอากาศ ภายในมีขน ทำหน้าที่กรองฝุ่นละออง เชื้อโรค และสิ่ง แปลกปลอมไม่ให้เข้าสู่ทางเดินหายใจ ท่อลม เป็นท่อกลวงประกอบด้วยกระดูกอ่อน ช่วยป้องกันการยุบตัวขณะหายใจ ส่วน ปลายแตกเป็นหลอดลมเข้าสู่ปอดทั้ง 2 ข้าง ปอด อยู่ในช่องอก มี 2 ข้าง ภายในมีถุงลม ซึ่งมีลักษณะบางและมีหลอดเลือดฝอยมา หล่อเลี้ยง ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนแก๊ส กระดูกซี่โครง อยู่บริเวณอก ทำงานร่วมกับกล้ามเนื้อ ยึดกระดูกซี่โครงในการเปลี่ยนแปลงปริมาตร ของช่องอก กะบังลม เป็นแผ่นกล้ามเนื้อกั้นช่องอกกับช่องท้อง ทำหน้าที่รั้งปอดลงและดันปอดขึ้นเมื่อหายใจ เข้าและออก และป้องกันการขยายตัวของปอด รูจมูก โพรงจมูก ท่อลม ถุงลม เลื่อนต่ำลง เลื่อนสูงขึ้น เลื่อนสูงขึ้น เลื่อนต่ำลง เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ลดลง ลดลง ปอด


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ระบบขับถ่าย เวลา 4 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐานการเรียนรู้ ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสำพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.2/4 ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบขับถ่ายในการกำจัดของเสียทางไต ว 1.2 ม.2/5 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบขับถ่ายในการกำจัดของเสียทางไต โดยการบอก แนวทางในการปฏิบัติตนที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำหน้าที่ได้อย่างปกติ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบขับถ่ายได้ (K) 2. อธิบายการทำงานของหน่วยไตได้ (K) 3. เปรียบเทียบปริมาณสารต่าง ๆ ในน้ำเลือดและในน้ำปัสสาวะได้ (K) 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. เขียนขั้นตอนการเคลื่อนที่ของของเสียออกจากร่างกายในรูปปัสสาวะได้ (P) 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. ตระหนักถึงความสำคัญของไตและการดูแลรักษาไต (A) 2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A)


3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ระบบขับถ่ายมีอวัยวะที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะโดยอวัยวะต่าง ๆ มี หน้าที่ร่วมกันในการกำจัดของเสียในร่างกายจากภายในออกสู่ภายนอกและดูดสารที่มีประโยชน์ เช่น น้ำ กลูโคส กรดอะ มิโนกลับเข้าสู่เลือด โดยของเหลวที่ผ่านเข้าสู่ไตจะผ่านการทำงานของหน่วยไตและไหลผ่านท่อไตไปเก็บไว้ในกระเพาะ ปัสสาวะเพื่อกำจัดของเสียออกจากร่างกายผ่านท่อปัสสาวะต่อไป ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มีรสจัด การ ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อไต และการออก กำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบขับถ่ายให้ทำงานได้อย่างปกติ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ระบบขับถ่าย - โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบขับถ่าย - กลไกการกำจัดของเสีย - การดูแลรักษาอวัยวะในระบบขับถ่าย 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) - 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ


Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ 7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ นำความรู้เกี่ยวกับระบบร่างกายประยุกต์ใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพอย่างพอเหมาะพอดี 7.2 ความมีเหตุผล ตอบคำถามและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างมีเหตุผล 7.3 การมีภูมิคุ้มกัน การวางแนวทางในการดูแลสุขภาพของตนเอง 7.4 เงื่อนไขความรู้ ระบบขับถ่าย 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม การดูแลรักษาสุขภาพของบุคคลในครอบครัวและรับผิดชอบต่อสังคม 7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ - 7.6.2 ด้านสังคม การดูแลรักษาสุขภาพของบุคคลในครอบครัวและรับผิดชอบต่อสังคม 7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม - 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม -


8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขั้นนำ ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - ในแต่ละวันนักเรียนขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระวันละกี่ครั้ง (แนวตอบ : คำตอบขึ้นอยู่กับนักเรียนแต่ละคน เช่นขับถ่ายปัสสาวะประมาน 8-10 ครั้ง และอุจจาระประมาณ 1-2 ครั้งขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารและน้ำที่ร่างกายได้รับ) - นอกจากปัสสาวะและอุจาระร่างกายขับถ่ายของเสียอื่น ๆ อีกหรือไม่ (แนวตอบ : เหงื่อและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์) 2. จากนั้นครูถามคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเพื่อนำเข้าสู่การเรียนการสอนว่า “ของเสียที่เกิดจาก ส่วนต่าง ๆ ในร่างกายถูกขับออกนอกร่างกายได้อย่างไร” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น ขับถ่ายของเสียผ่านการหายใจในรูปแบบแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ ขับถ่ายของเสียผ่านทางผิวหนังในรูปแบบเหงื่อ ขับถ่ายของเสียผ่านทางท่อปัสสาวะในรูปแบบน้ำ ปัสสาวะ และขับถ่ายของเสียผ่านทางทวารหนักในรูปแบบอุจจาระ) 3. ครูอธิบายกับนักเรียนเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า “ระบบขับถ่ายเป็นระบบที่ทำหน้าที่กำจัดของเสียออก จากร่างกาย ซึ่งระบบขับถ่ายสามารถขับของเสียออกจากร่างกายในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น ของเสียที่ขับออกมาทาง ผิวหนังจะเป็นของเหลว ได้แก่ เหงื่อ ของเสียที่ขับออกมาทางปอดจะอยู่ในรูปแบบแก๊ส ได้แก่ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และไอน้ำ ของเสียที่ขับออกมาทางลำไส้ใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของแข็ง ได้แก่ อุจจาระ และของเสียที่ถูกขับออกมาทางไต จะอยู่ในรูปแบบของเหลว เรียกว่า น้ำปัสสาวะ และเนื้อหาสำคัญสำหรับการจัดการเรียนรู้ในครั้งนี้ คือ การขับถ่ายของ เสียในไต ผ่านอวัยวะสำคัญทั้ง 4 อวัยวะ ได้แก่ ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ” ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. นักเรียนศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวกับระบบขับถ่ายที่ถูกขับออกทางไตประกอบด้วย ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ โดยศึกษาและสังเกตจากแบบจำลองอวัยวะในระบบขับถ่าย ภาพจากหนังสือ เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบร่างกายมนุษย์ หรือใช้วีดิทัศน์จากสื่อออนไลน์ เรื่อง ระบบขับถ่ายปัสสาวะ เช่น - How Your Urinary System Works? - The Dr. Binocs Show | Best Learning Videos For Kids | Peekaboo Kidz - Excretory System 2. ให้นักเรียนสแกน QR code เรื่อง ระบบขับถ่าย - วิทยาศาสตร์ ม.2 เพื่อขยายความเข้าใจเกี่ยวกับระบบ ขับถ่ายทางไตมากยิ่งขึ้น


ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 3. ครูสุ่มนักเรียน 4-5 คนออกมาระบุตำแหน่งพร้อมอธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวกับระบบ ขับถ่ายของมนุษย์ ประกอบด้วย ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ โดยเพื่อนร่วมชั้นและครูผู้สอนร่วมกัน แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมตามความเหมาะสม 4. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า “ระบบขับถ่ายประกอบด้วยอวัยวะใดแต่ละอวัยวะมีลักษณะ และหน้าที่อย่างไร” (แนวตอบ : ระบบขับถ่าย ประกอบด้วย ไตที่มีจำนวน 2 ข้าง มีลักษณะคล้ายเมล็ดถั่ว มีสีแดง ภายในมีหน่วยไต ทำ หน้าที่กรองของเสียและสารต่าง ๆ ออกจากเลือด ท่อไตมีลักษณะเป็นท่อขนาดเล็กและยาวที่ต่อมาจากไตทั้ง 2 ข้าง ทำหน้าที่ลำเลียงปัสสาวะจากไตเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะมีลักษณะเป็นถุงขนาดใหญ่ที่ยืดหยุ่นได้ ทำหน้าที่เก็บน้ำปัสสาวะ และท่อปัสสาวะมีลักษณะเป็นท่อที่ต่อมาจากกระเพาะปัสสาวะ ทำหน้าที่ขับน้ำปัสสาวะออกสู่ ภายนอกร่างกาย) 5. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับโครงสร้างและอวัยวะในระบบขับถ่าย เพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้ ระบบ ขับถ่ายปัสสาวะ ประกอบด้วย ไต ซึ่งภายในมีหน่วยไตทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด ท่อไตทำหน้าที่ลำเลียง ปัสสาวะจากไตไปยังกระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะทำหน้าที่เก็บน้ำปัสสาวะ และท่อปัสสาวะทำหน้าที่ขับน้ำ ปัสสาวะออกจากร่างกาย ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 6. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วพอสังเขป 7. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-6 คน จากนั้นครูนำไตสุกรมาให้นักเรียนศึกษาโครงสร้างภายนอกของไตสุกร และนำมาผ่าตามยาวเพื่อศึกษาโครงสร้างภายในของไตสุกร และให้นักเรียนจดบันทึกลักษณะไตของสุกร จากนั้นนำผล ที่ได้มาเปรียบเทียบกับไตของมนุษย์ว่ามีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร จากนั้นครูสุ่มนักเรียนตอบคำถาม บริเวณหน้าชั้นเรียน 8. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า “ภายในไตประกอบด้วยหน่วยไตจำนวนมาก ทำหน้าที่กรองของเสียออกจาก เลือด และดูดสารที่มีประโยชน์กลับเข้าสู่เลือด” 9. นักเรียนศึกษากลไกการกำจัดของเสียทางไต และสังเกตภาพกระบวนการกรองของเสียผ่านหน่วยไต จาก หนังสือเรียนเพื่อขยายความเข้าใจของนักเรียนมากยิ่งขึ้น หรือศึกษาเพิ่มเติมจากการสแกน QR code เรื่อง ไตกรอง ของเสียได้อย่างไร 10. ครูเปิดวีดิทัศน์จากสื่อออนไลน์ เรื่อง ไตกรองของเสียได้อย่างไร เพื่อให้ให้นักเรียนศึกษาการทำงานของ หน่วยไต ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 11. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 คนออกมาอธิบายเกี่ยวกับการทำงานของหน่วยไตบริเวณหน้าชั้นเรียน 12. ครูถามกับคำถามกับนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - หน่วยไตทำหน้าที่อะไร (แนวตอบ : หน่วยไตทำหน้าที่กรองของเสียและสารต่าง ๆ ออกจากเลือด และดูดสารที่มีประโยชน์กลับเข้าสู่เลือด)


- สารชนิดใดที่ผ่านการกรองของหน่วยไตและสารชนิดใดที่ไม่ผ่านการกรองของหน่วยไต (แนวตอบ : สารที่ผ่านการกรองของหน่วยไตเป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก ได้แก่ น้ำ กลูโคส กรดอะมิโน ไอออนของแร่ ธาตุ ยูเรีย ส่วนสารที่ไม่ผ่านการกรองของหน่วยไตเป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ได้แก่ โปรตีน เซลล์เม็ดเลือด) - สารชนิดใดที่มีการดูดกลับเข้าสู่เลือดอีกครั้ง (แนวตอบ : สารที่มีการดูดกลับเข้าสู่เลือด ได้แก่ น้ำ กลูโคส กรดอะมิโน ไอออนของแร่ธาตุ เนื่องจากเป็นสารที่มี ประโยชน์ต่อร่างกาย) 13. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับกลไกการกำจัดของเสียทางไต เพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้หน่วยไต ทำ หน้าที่ กรองสารโมเลกุลขนาดเล็ก เช่น น้ำ กลูโคส กระดอะมิโน และของเสียออกจากเลือด แต่สารโมเลกุลขนาดใหญ่ เช่น โปรตีน เซลล์เม็ดเลือด ไม่ผ่านการกรอง รวมทั้งยังดูดสารที่มีประโยชน์ เช่น น้ำ กลูโคส กลับเข้าสู่เลือดอีกครั้ง ชั่วโมงที่ 3 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 14. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 15. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า “สารที่ถูกกรองและสารที่ไม่ถูกดูดกลับจะไหลผ่านท่อไตไปรวมยังกระเพาะ ปัสสาวะเพื่อกำจัดออกจากร่างกายเป็นน้ำปัสสาวะ โดยกระเพาะปัสสาวะสามารถเก็บน้ำปัสสาวะได้ประมาณ 0.7-0.8 ลิตร” 16. นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) จากนั้นศึกษาและเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของผนังกระเพาะปัสสาวะ ระหว่างผนังกระเพาะปัสสาวะที่มีน้ำปัสสาวะอยู่เต็มกับกระเพาะปัสสาวะที่ไม่มีน้ำปัสสาวะจากอินเทอร์เน็ต 17. นักเรียนระดมความคิดเห็นร่วมกันเพื่อสรุปความรู้จากที่ศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ น่าสนใจ เช่น การจำลอง ตารางเปรียบเทียบผนังปัสสาวะ ภาพ Infographic ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 18. ครูอธิบายเพิ่มเติมกับนักเรียนว่า “นอกจากไตจะทำหน้าที่กำจัดของเสียและดูดสารต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ กลับแล้ว ไตยังทำหน้าที่รักษาดุลยภาพน้ำและดุลยภาพของกรด-เบสในร่างกายเช่นกัน” 19. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานบริเวณหน้าชั้นเรียน 20. ครูถามคำถามนักเรียนคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า “ไตมีส่วนช่วยในการรักษาดุลยภาพของน้ำ ในร่างกายอย่างไร” (แนวตอบ : หน่วยไตสามารถดูดน้ำกลับเข้าสู่เลือดได้ ซึ่งหากร่างกายขาดน้ำหน่วยไตจะดูดน้ำกลับมากขึ้นทำให้ปัสสาวะ ออกมาน้อยและมีสีเข้มข้น แต่ในทางตรงกันข้าม หากร่างกายได้รับน้ำมากเกินไปหน่วยไตจะดูดน้ำกลับน้อยทำให้ ปัสสาวะออกมามากและมีสีเจือจาง ดังนั้น ไตจึงมีส่วนช่วยในการรักษาดุลยภาพของน้ำในร่างกาย) 21. นักเรียนทำใบงานที่ 1.2 เรื่อง ระบบขับถ่าย โดยให้นักเรียนตอบคำถามเกี่ยวกับระบบขับถ่ายให้ถูกต้อง 22. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับปริมาณสารต่าง ๆ ที่สามารถพบได้ในเลือดและในปัสสาวะ เพื่อให้ ได้ข้อสรุป ดังนี้ สารที่พบในเลือดและในปัสสาวะมีสัดส่วนที่แตกต่างกัน เช่น ในเลือดจะพบโปรตีนและกลูโคสแต่ไม่พบ ในปัสสาวะ เนื่องจากโปรตีนไม่ผ่านการกรองของหน่วยไต ส่วนกลูโคสถูกหน่วยไตดูดกลับเข้าสู่หลอดเลือดฝอยอีกครั้ง จึงไม่สามารถพบสารเหล่านี้ในปัสสาวะได้


ชั่วโมงที่ 4 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 23. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 24.นักเรียนศึกษาและสืบค้นเกี่ยวกับโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบขับถ่าย ลักษณะอาการ สาเหตุ และการดูแล รักษาจากอินเทอร์เน็ต ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 25. ครูสุ่มนักเรียน 5-7 คนหรือตามความเหมาะสม ออกมานำเสนอข้อมูลตามที่นักเรียนได้ศึกษาโดยอธิบาย ผ่านแบบจำลองอวัยวะในระบบขับถ่าย 26. นักเรียนและครูร่วมกันบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบขับถ่ายเพื่อป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบ ขับถ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตประจำวัน 27. ครูถามคำถามนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - หากหน่วยไตทำงานบกพร่อง จะเกิดผลเสียต่อร่างกายอย่างไร (แนวตอบ : หากหน่วยไตทำงานบกพร่องจะทำให้ไม่สามารถกรองของเสียออกจากเลือดและขับออกทางปัสสาวะได้ รวมทั้งไม่สามารถดูดสารที่มีประโยชน์กลับเข้าสู่ร่างกายได้ จึงพบสารเหล่านี้ปนออกมาพร้อมกับน้ำปัสสาวะ) - โรคไตวายและโรคนิ่วเกิดจากสาเหตุใด และมีวิธีการรักษาอย่างไร (แนวตอบ : โรคไตวายเกิดจากไตทั้ง 2 ข้าง ไม่สามารถทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือดได้ทำให้ไม่สามารถ ขับของเสียออกทางน้ำปัสสาวะได้ ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม หรือการปลูกถ่ายไต ส่วน โรคนิ่วเกิดจากการจับตัวของแร่ธาตุและตกตะกอนเป็นก้อนนิ่วบริเวณไต ท่อไต และกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งมีสาเหตุจาก การสูญเสียเหงื่อมากและน้ำน้อย หรือการรับประทานอาหารที่มีสารออกซาเลตสูง สามารถรักษาได้โดยการใช้ยา การ ผ่าตัด หรือการสลายนิ่วโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง) - นักเรียนสามารถดูแลรักษาอวัยวะในระบบขับถ่ายได้อย่างไร (แนวตอบ : เลือกรับประทานอาหาร โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด รสเผ็ดจัด และมีโปรตีนสูง ดื่มน้ำสะอาดอย่าง เพียงพอเพื่อให้ไตไม่ทำงานหนักเกินไป งดสูบบุหรี่และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่ มีผลต่อไต และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ) ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 28. นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ช่วยทบทวนเนื้อหาและตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของผู้เรียน (Exercise 1.2) 29. ครูถามคำถามสำคัญกับนักเรียน โดยใช้คำถามต่อไปนี้ - ไตเกี่ยวข้องกับการกำจัดของเสียในรูปแบบปัสสาวะอย่างไร (แนวตอบ : ไต ประกอบด้วย หน่วยไต ซึ่งทำหน้าที่กรองของเสียต่าง ๆ จากเลือด โดยของเสียจะถูกลำเลียงจากไตผ่าน ท่อไตไปเก็บยังกระเพาะปัสสาวะอยู่ในรูปแบบน้ำปัสสาวะเพื่อกำจัดออกจากร่างกายผ่านท่อปัสสาวะ) - เพราะเหตุใดไอออนของแร่ธาตุ กลูโคส และกรดอะมิโนจึงไม่ควรพบในปัสสาวะ (แนวตอบ : เนื่องจากไอออนของแร่ธาตุ กลูโคส และกรดอะมิโนเป็นสารที่ผ่านการกรองของหน่วยไตและเป็นสารที่มี ประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้น จึงถูกหน่วยไตดูดกลับเข้าสู่เลือดเพื่อนำไปใช้ประโยชน์)


- การดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอเป็นประจำทุกวัน จะส่งผลอย่างไรต่อกรทำงานของไต (แนวตอบ : การดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอส่งผลให้ไตไม่ต้องกรองเลือดที่มีความเข้มข้นสูง เพราะไตจะทำงานหนัก เกินไปเมื่อเลือดมีความเข้มข้น ดังนั้น จึงควรดื่มน้ำสะอาดวันละ 2 ลิตร) ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุป เรื่อง ระบบขับถ่าย ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ - ความสำคัญของระบบขับถ่าย - โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบขับถ่าย - การทำงานของระบบขับถ่าย - การดูแลรักษาระบบขับถ่าย 2. ครูตรวจสอบความถูกต้องของการทำใบงานที่ 1.2 เรื่อง ระบบขับถ่าย 3. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรม Exercise 1.2 ของนักเรียน 4. ครูตรวจสอบผลการทดลองและเปรียบเทียบไตสุกรกับไตมนุษย์ 5. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการตอบคำถาม ความสนใจในการเรียน การทำกิจกรรมกระบวนการ กลุ่มของนักเรียน และการนำเสนอผลงาน 9. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1 2. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint 3. สื่อวิดีทัศน์ออนไลน์ 4. แบบฝึกทักษะ 5. ใบงานที่ 1.2 เรื่อง ระบบขับถ่าย 6. แบบจำลองอวัยวะในระบบขับถ่าย 7. ไตสุกร 10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ 1. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 2. อินเทอร์เน็ต


11. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 11.1 การประเมินก่อนเรียน - ตรวจสอบความรู้เดิม - การตอบคำถามเพื่อ ตรวจสอบความรู้เดิม - คำถามจากครูผู้สอน - ประเมินตามสภาพจริง 11.2 การประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม 1) ระบบขับถ่าย - ตรวจใบงานที่ 1.2 - ตรวจ Exercise 1.2 - การตอบคำถามใน ระหว่างการเรียน - การตอบคำถามเพื่อ สรุปองค์ความรู้ - ใบงานที่ 1.2 - Exercise 1.2 - คำถามจากครูผู้สอน - คำถามจากครูผู้สอน - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 2) การปฏิบัติการ - ประเมินการปฏิบัติการ - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรมการทำงาน รายกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 5)การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 6)คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 12. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..


13. บันทึกผลการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ 13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ 13.1.1 ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบขับถ่ายได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) อธิบายการทำงานของหน่วยไตได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) เปรียบเทียบปริมาณสารต่าง ๆ ในน้ำเลือดและในน้ำปัสสาวะได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.2 ด้านทักษะที่สำคัญ (P) 1) เขียนขั้นตอนการเคลื่อนที่ของของเสียออกจากร่างกายในรูปปัสสาวะได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) ตระหนักถึงความสำคัญของไตและการดูแลรักษาไต ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.4 ด้านสมรรถนะ (C) 1) ความสามารถในการสื่อสาร ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................


2) ความสามารถในการคิด ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.2 ปัญหา อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 13.3 แนวทางแก้ไขปัญหา / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ............................................................. (นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย


QR code สื่อวิดีทัศน์ออนไลน์ How Your Urinary System Works? - The Dr. Binocs Show | Best Learning Videos For Kids | Peekaboo Kidz Excretory System ระบบขับถ่าย - วิทยาศาสตร์ ม.2


QR code สื่อวิดีทัศน์ออนไลน์ ไตกรองของเสียได้อย่างไร


ใบงานที่ 1.2 ระบบขับถ่าย คำชี้แจง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. จงอธิบายลักษณะและหน้าที่ของอวัยวะในระบบขับถ่ายต่อไปนี้ 2. จงนำสารต่อไปนี้ไปเติมในตารางที่มีความสัมพันธ์กัน สารที่กรองผ่านหน่วยไต สารที่กรองไม่ผ่านหน่วยไต สารที่ถูกดูดกลับจากหน่วยไต ............................................. ............................................. .............................................. ............................................... ............................................... ............................................... ............................................... ............................................... .............................................. กรดอะมิโน น้ำ โปรตีน กลูโคส ไอออนของแร่ธาตุ ยูเรีย เซลล์เม็ดเลือดแดง 1 2 3 4 1. อวัยวะ......................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... .................................................................................... 2. อวัยวะ......................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... .................................................................................... 3. อวัยวะ......................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... .................................................................................... 4. อวัยวะ......................................................................... หน้าที่........................................................................... ..................................................................................... .....................................................................................


ใบงานที่ 2 เฉลย ระบบขับถ่าย คำชี้แจง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. จงอธิบายลักษณะและหน้าที่ของอวัยวะในระบบขับถ่ายต่อไปนี้ 2. จงนำสารต่อไปนี้ไปเติมในตารางที่มีความสัมพันธ์กัน สารที่กรองผ่านหน่วยไต สารที่กรองไม่ผ่านหน่วยไต สารที่ถูกดูดกลับจากหน่วยไต ............................................... .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. ............................................... .............................................. .............................................. กรดอะมิโน น้ำ โปรตีน กลูโคส ไอออนของแร่ธาตุ ยูเรีย เซลล์เม็ดเลือดแดง 1 2 3 4 1. อวัยวะ......................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... .................................................................................... 2. อวัยวะ......................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... .................................................................................... 3. อวัยวะ......................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... .................................................................................... 4. อวัยวะ......................................................................... หน้าที่........................................................................... ..................................................................................... ..................................................................................... ไต มีอยู่ 2 ข้าง สีแดง รูปร่างคล้ายเมล็ดถั่ว ภายในไตมีหน่วยไต ทำหน้าที่กรองเของเสียและ สารต่าง ๆ ออกจากเลือด ท่อไต ท่อขนาดเล็กและยาวที่ต่อมาจากไตทั้ง 2 ข้าง ไปเชื่อมต่อกับกระเพาะปัสสาวะ ทำหน้าที่ลำเลียง ปัสสาวะไปเก็บที่กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะ เป็นอวัยวะที่สามารถยืดหยุ่นได้ ทำหน้าที่ เก็บปัสสาวะที่ถูกส่งมาจากไต ท่อปัสสาวะ ท่อนำน้ำปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะออกสู่ ภายนอกร่างกาย กรดอะมิโน น้ำ กลูโคส ไอออนของแร่ธาตุ ยูเรีย โปรตีน เซลล์เม็ดเลือดแดง กรดอะมิโน กลูโคส น้ำ ไอออนของแร่ธาตุ


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลือด เวลา 7 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐานการเรียนรู้ ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสำพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.2/6 บรรยายโครงสร้างและหน้าที่ของหัวใจ หลอดเลือด และเลือด ว 1.2 ม.2/7 อธิบายการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดโดยใช้แบบจำลอง ว 1.2 ม.2/8 ออกแบบการทดลองและทดลอง ในการเปรียบเทียบอัตราการเต้นของหัวใจ ขณะปกติและ หลังทำกิจกรรม ว 1.2 ม.2/9 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบหมุนเวียนเลือด โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษา อวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือดให้ทำงานเป็นปกติ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือดได้ (K) 2. อธิบายการหมุนเวียนเลือดผ่านหัวใจได้ (K) 3. เปรียบเทียบความแตกต่างของหลอดเลือดอาร์เตอรี หลอดเลือดเวน และหลอดเลือดฝอยได้ (K) 4. เปรียบเทียบความแตกต่างของเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว และเพลตเลตได้ (K) 5. เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างวัคซีนกับเซรุ่มได้ (K) 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. นับชีพจรบริเวณข้อมือได้(P) 2. จำลองการทำงานของหัวใจได้(P) 3. วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้(P) 4. สร้างแบบจำลองการหมุนเวียนเลือดผ่านหัวใจได้(P)


2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. ตระหนักถึงความสำคัญของระบบหมุนเวียนเลือดและการดูแลรักษาอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือด (A) 2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด หัวใจที่แบ่งออกเป็น 4 ห้อง ได้แก่ ห้องบน 2 ห้อง และห้องล่าง 2 ห้อง และมีลิ้นหัวใจกั้นระหว่างห้องบนและ ห้องล่าง ซึ่งทำหน้าที่สูบฉีดเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนสูงผ่านหลอดเลือดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยระบบหมุนเวียน เลือดมีการหมุนเวียนอย่างเป็นระบบ โดยเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนต่ำ แต่แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สูงเข้าสู่หัวใจห้องบน ขวาผ่านลิ้นหัวใจลงสู่หัวใจห้องล่างขวา แล้วลำเลียงไปยังปอดเพื่อแลกเปลี่ยนแก๊ส กลายเป็นเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนสูง แต่แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกลับเข้าสู่หัวใจห้องบนซ้ายผ่านลิ้นหัวใจลงสู่หัวใจห้องล่างซ้ายเพื่อนำเลือดที่มีแก๊ส ออกซิเจนสูงไปยังเซลล์ต่าง ๆ ดังนั้นการดูแลรักษาอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือดให้สามารถทำงา นได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ซึ่งการปฏิบัติตนเพื่อดูแลอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือด ได้แก่ การออกกำลังกาย การเลือกรับประทาน อาหาร หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการรักษาสภาวะทางอารมณ์ช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงาน ปกติ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ระบบหายใจ - โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบหายใจ - การหายใจ - การดูแลรักษาอวัยวะในระบบหายใจ 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) - นับชีพจรบริเวณข้อมือ - จำลองการทำงานของหัวใจ - วัดอัตราการเต้นของหัวใจ 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี


6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ 7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ นำความรู้เกี่ยวกับระบบร่างกายประยุกต์ใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพอย่างพอเหมาะพอดี 7.2 ความมีเหตุผล ตอบคำถามและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างมีเหตุผล 7.3 การมีภูมิคุ้มกัน การวางแนวทางในการดูแลสุขภาพของตนเอง 7.4 เงื่อนไขความรู้ ระบบหมุนเวียนเลือด 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม การดูแลรักษาสุขภาพของบุคคลในครอบครัวและรับผิดชอบต่อสังคม 7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ - 7.6.2 ด้านสังคม การดูแลรักษาสุขภาพของบุคคลในครอบครัวและรับผิดชอบต่อสังคม


7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม - 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม - 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขั้นนำ ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - มนุษย์มีหัวใจทั้งหมดกี่ห้อง และแบ่งออกเป็นกี่ห้องอย่างไร (แนวตอบ : มนุษย์มีหัวใจ 4 ห้อง แบ่งออกเป็นห้องบน 2 ห้อง เรียกว่า เอเทรียม (atrium) และห้องล่าง 2 ห้อง เรียกว่า เวนทริเคิล (Ventricle) โดยมีลิ้นหัวใจ (Valve) กั้นระหว่างหัวใจห้องบนกับหัวใจห้องล่าง ซึ่งสามารถเปิด-ปิด ได้เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับ) - แก๊สออกซิเจนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จากการแลกเปลี่ยนแก๊สถูกลำเลียงไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้อย่างไร (แนวตอบ : แก๊สออกซิเจนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ถูกลำเลียงไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายโดยผ่านระบบ หมุนเวียนเลือด) 2. จากนั้นครูถามคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเพื่อนำเข้าสู่การเรียนการสอนว่า “การบีบตัวและคลาย ตัวของหัวใจ มีผลต่อการหมุนเวียนเลือดอย่างไร” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น การหมุนเวียนเลือดเป็นการลำเลียงเลือด สารอาหาร แก๊ส และของเสียไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยหัวใจทำหน้าที่สูบฉีดเลือดทำให้เลือดไหลไปตามหลอด เลือดต่าง ๆ ในร่างกาย โดยขณะทีหัวใจคลายตัวเลือดจะสูบเลือดเข้า และขณะที่หัวใจบีบตัวก็จะเป็นการฉีดเลือดออก ไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย) 3. ครูอธิบายกับนักเรียนเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า“อาหารที่รับประทานเข้าไปเมื่อผ่านกระบวนการย่อย อาหารสามารถแพร่ผ่านผนังของลำไส้เข้าสู่หลอดเลือด และถูกลำเลียงไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยระบบหมุนเวียน เลือดที่ประกอบด้วย หัวใจ หลอดเลือด และเลือด” ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. นักเรียนศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวกับระบบหมุนเวียนเลือด ประกอบด้วยหัวใจ หลอด เลือด และเลือดโดยศึกษาและสังเกตจากแบบจำลองอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือด ภาพจากหนังสือเรียนรายวิชา พื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบร่างกายมนุษย์ หรือใช้วีดิทัศน์จากสื่อออนไลน์ เช่น - Human Heart | Human heart structure and function | Parts of the human heart| Video for kids 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลในหัวข้อ อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบหมุนเวียนเลือด เพื่อขยายความเข้าใจเกี่ยวกับ ส่วนต่าง ๆ ของระบบหมุนเวียนเลือดมากยิ่งขึ้น


3. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาเกี่ยวกับการหมุนเวียนเลือดภายใน หัวใจจากหนังสือเรียนหรือสืบค้นเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต และหาข้อสรุปร่วมกันภายในกลุ่มตามหัวข้อดังนี้ 1. หัวใจห้องบนขวา 3. หัวใจห้องล่างขวา 2. หัวใจห้องบนซ้าย 4. หัวใจห้องล่างซ้าย 4. จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาอธิบายเกี่ยวกับการหมุนเวียนเลือดตามหัวใจตามหัวข้อที่ นักเรียนได้รับ และเปิดโอกาสให้เพื่อนกลุ่มอื่นสามารถสอบถามเพิ่มเติมเมื่อเกิดข้อสงสัย 5. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลในหัวข้อ โครงสร้างหัวใจของมนุษย์ เพิ่มเติมเพื่อศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างในส่วนต่าง ๆ ของหัวใจของมนุษย์เพื่อขยายความเข้าใจมากยิ่งขึ้น 6. ครูนำหัวใจสุกรมาผ่าออกเป็น 4 ส่วน จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาและเปรียบเทียบระหว่างหัวใจ มนุษย์กับหัวใจสุกรว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาอธิบายเกี่ยวกับความเหมือนหรือความแตกต่างระหว่างหัวใจมนุษย์กับ หัวใจสุกรตามส่วนที่ตนเองได้รับมอบหมาย โดยครูคอยให้คำแนะนำเพิ่มเติมตามความเหมาะสม 8. ครูถามกับคำถามกับนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - หัวใจห้องบนและห้องล่างมีขนาดแตกต่างกันอย่างไร เพราะเหตุใด (แนวตอบ : หัวใจห้องบนมีขนาดเล็กและผนังบางกว่าหัวใจห้องล่าง เนื่องจากหัวใจห้องล่างทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปยัง ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนี้ หัวใจห้องล่างขวาสูบฉีดเลือดไปปอดและหัวใจห้องล่างซ้ายสูบฉีดเลือดไปส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกาย จึงต้องมีผนังหนากว่าเพื่อให้สูบฉีดเลือดไปยังบริเวณต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ) - หัวใจแต่ละห้องทำหน้าที่เหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ : หัวใจห้องบนขวาทำหน้าที่รับเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนต่ำจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายหัวใจห้องล่างขวาทำ หน้าที่ส่งเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนต่ำไปแลกเปลี่ยนแก๊สที่ปอด หัวใจห้องบนซ้ายทำหน้าที่รับเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนสูง จากปอด หัวใจห้องล่างซ้ายทำหน้าที่ส่งเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนสูงไปยังเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกาย) - ลิ้นหัวใจที่กั้นระหว่างห้องล่างกับห้องบนทำหน้าที่ใด (แนวตอบ : ลิ้นหัวใจทำหน้าที่กั้นหัวใจระหว่างหัวใจห้องบนกับหัวใจห้องล่างเพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับของเลือด) 9. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับโครงสร้างและอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือดเพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้ หัวใจของมนุษย์ประกอบด้วยห้องบน 2 ห้อง ห้องล่าง 2 ห้อง ซึ่งหัวใจห้องบนมีขนาดเล็กและผนังบางกว่าห้องล่าง และ ระหว่างหัวใจห้องบนกับหัวใจห้องล่างมีลิ้นหัวใจกั้นไว้เพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับของเลือด ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 10. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 11. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า “จากการศึกษาหัวใจของสัตว์เมื่อชั่วโมงที่แล้ว นักเรียนจะสังเกตเห็นว่ามีหลอด เลือดที่ต่อจากหัวใจจำนวนมาก หลอดเลือดที่ต่อจากหัวใจ ประกอบด้วย หลอดเลือดอาร์เตอรีและหลอดเลือดเวนเป็น หลัก แต่หลอดเลือดในร่างกายมนุษย์สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด ได้แก่ หลอดเลือดอาร์เตอรี หลอดเลือดเวน และ หลอดเลือดฝอย”


12. นักเรียนศึกษาหลอดเลือดทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ หลอดเลือดอาร์เตอรี หลอดเลือดเวน และหลอดเลือดฝอย รวมทั้งเปรียบเทียบความแตกต่างของหลอดเลือดแต่ละชนิดจากหนังสือเรียนหรือสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมจากทาง อินเทอร์เน็ต ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 13. ครูสุ่มนักเรียน 3-4 คนออกมาอธิบายเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างหลอดเลือดในร่างกายมนุษย์ทั้ง 3 ชนิดบริเวณหน้าชั้นเรียน 14. ครูถามกับคำถามกับนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - หลอดเลือดทั้ง 3 ชนิด มีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ : หลอดเลือดทั้ง 3 ชนิด มีลักษณะแตกต่างกัน หลอดเลือดอาร์เตอรีมีผนังหนาและมีความยืดหยุ่นสูง หลอด เลือดเวนมีผนังบางกว่าและมีลิ้นภายในหลอดเลือด ส่วนหลอดเลือดฝอยมีขนาดเล็กและมีผนังบางมาก ประกอบด้วย เซลล์เพียงชั้นเดียว) - เพราะเหตุใดหลอดเลือดเวนจึงต้องมีลิ้นภายในหลอดเลือด แต่หลอดเลือดอาร์เตอรีไม่มีลิ้น (แนวตอบ : เนื่องจากความดันเลือดเลือดในหลอดเลือดเวนต่ำ จึงต้องมีลิ้นกั้นเป็นระยะเพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับ ของเลือด) - หลอดเลือดเวนที่ลำเลียงเลือดจากปอดกลับเข้าสู่หัวใจแตกต่างจากหลอดเลือดเวนทั่วไปอย่างไร (แนวตอบ : หลอดเลือดเวนทั่วไปลำเลียงเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนต่ำจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายกลับเข้าสู่หัวใจ แต่ หลอดเลือดเวนที่ลำเลียงเลือดจากปอดกลับเข้าสู่หัวใจมีแก๊สออกซิเจนสูง) - หลอดเลือดอาร์เตอรีที่ลำเลียงเลือดจากหัวใจไปสู่ปอดแตกต่างจากหลอดเลือดอาร์เตอรีทั่วไอย่างไร (แนวตอบ : หลอดเลือดอาร์เตอรีทั่วไปลำเลียงเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนสูงจากหัวใจไปยังส่วนต่าง ๆ แต่หลอดเลือดอาร์ เตอรีที่ลำเลียงเลือดจากหัวใจไปสู่ปอดเป็นหลอดเลือดที่ลำเลียงเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนต่ำจากหัวใจไปฟอกที่ปอด) - ทิศทางการไหลของเลือดในหลอดเลือดอาร์เตอรีและหลอดเลือดเวนเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ : ทิศทางการไหลของเลือดในหลอดเลือดอาร์เตอรีและหลอดเลือดเวนแตกต่างกัน โดยการไหลของเลือดใน หลอดเลือดอาร์เตอรีมีทิศออกจากหัวใจ ส่วนการไหลของเลือดในหลอดเลือดเวนมีทิศเข้าสู่หัวใจ) 15. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับหลอดเลือดในร่างกายมนุษย์ทั้ง 3 ชนิดเพื่อให้ได้ข้อสรุปดังนี้ หลอดเลือดในร่างกายมนุษย์แต่ละชนิดมีลักษณะหน้าที่ที่แตกต่างกัน เช่น หลอดเลือดอาร์เตอรีทำหน้าที่ลำเลียง เลือดออกจากหัวใจ หลอดเลือดเวนทำหน้าที่ลำเลียงเลือดกลับเข้าสู่หัวใจ และหลอดเลือดฝอยทำหน้าที่แลกเปลี่ยนแก๊ส 16. นักเรียนทำใบงานที่ 1.3.1 เรื่อง หัวใจและหลอดเลือด โดยให้นักเรียนตอบคำถามให้ถูกต้อง ชั่วโมงที่ 3 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 17. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 18. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-7 คน เพื่อทำกิจกรรมแบบจำลองการทำงานของหัวใจในหนังสือเรียนเพื่อให้ นักเรียนเข้าใจและอธิบายเกี่ยวกับการทำงานของหัวใจได้ โดยใช้แบบจำลองที่นักเรียนสร้างขึ้น 19. ครูแนะนำอุปกรณ์การสร้างแบบจำลองการทำงานของหัวใจที่ประกอบด้วย สีผสมอาหารสีแดง น้ำเปล่า ถังพลาสติกขนาดประมาณ 1 ลิตร 2 ใบ และท่อปั๊มน้ำ 2 อัน


20. เปิดโอกาสให้นักเรียนดำเนินการสร้างแบบจำลองการทำงานของหัวใจ และบันทึกผลการทดลองอภิปราย ผลการทดลอง และตอบคำถามท้ายการทดลอง ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 21. นักเรียนออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมแบบจำลองการทำงานของหัวใจบริเวณหน้าชั้นเรียน 22. จากนั้นครูสุ่มนักเรียนเพื่อตอบคำถามท้ายทำกิจกรรม โดยใช้คำถามต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถอธิบายหลักการทำงานของแบบจำลองการทำงานของหัวใจมีการทำงานอย่างไร (แนวตอบ : เมื่อใช้มือขวาบีบลูกบีบเปรียบเสมือนการบีบตัวหัวใจเพื่อนําเลือดจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเข้าสู่หัวใจ ห้องบนขวาและผ่านไปยังห้องล่างขวาเพื่อส่งเลือดไปยังปอด โดยมีลิ้นกั้นระหว่างหัวใจทั้งสองห้อง เมื่อบีบลูกบีบที่มือ ซ้ายเปรียบเสมือนการบีบตัวของหัวใจและนําเลือดจากปอดกลับเข้าสู่หัวใจห้องบนซ้ายและผ่านไปยังหัวใจห้องล่างซ้าย เพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย) - แบบจำลองการทำงานของหัวใจมีสิ่งที่เหมือนและสิ่งที่แตกต่างจากการทำงานของหัวใจมนุษย์อย่างไร (แนวตอบ : แบบจําลองมีสิ่งที่เหมือนกับการทํางานของหัวใจมนุษย์ได้แก่ หัวใจมี 4 ห้องคล้ายกับหัวใจมนุษย์ มีลิ้น ปิด-เปิดเพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับของน้ำคล้ายกับการทํางานของลิ้นหัวใจ ซึ่งของเหลวจะมีปริมาณเท่าเดิมและจะ หมุนเวียนอยู่ในระบบ ไม่ต้องเติมของเหลวจากภายนอก) 23. นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายผลการทำกิจกรรมแบบจำลองการทำงานของหัวใจเพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกัน ดังนี้ แบบจำลองการทำงานของหัวใจมีการทำงานคล้ายคลึงกับหัวใจของมนุษย์ ขณะบีบลูกบีบด้านขวาเปรียบเสมือน การบีบตัวของหัวใจเพื่อนำเลือดจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเข้าสู่หัวใจห้องบนขวาและห้องล่างขวาตามลำดับเพื่อส่งไป ยังปอดโดยมีลิ้นกั้นระหว่างหัวใจทั้งสองห้อง และในขณะบีบลูกบีบด้านซ้ายเปรียบเสมือนการบีบตัวของหัวใจเพื่อนำ เลือดจากปอดกลับเข้าสู่หัวใจห้องบนซ้ายและล่างซ้ายตามลำดับเพื่อลำเลียงไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ชั่วโมงที่ 4 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 24. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 25. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า “เลือด ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่เป็นของเหลว คือ น้ำเลือด และเซลล์ เม็ดเลือด ซึ่งประกอบด้วยเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด” 26. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับส่วนประกอบของเลือดจากหนังสือเรียน หรือใช้วีดิทัศน์จากสื่อออนไลน์ เช่น - What Is Blood? | Cells | Biology | FuseSchool ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 27. ครูสุ่มนักเรียน 5-7 คน หรือตามความเหมาะสมออกมานำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับส่วนประกอบต่างๆ ของ เลือด ที่ประกอบด้วย น้ำเลือด เซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด 28. ครูถามคำถามนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - ลักษณะของเซลล์เม็ดเลือดแดงเหมาะสมกับการทำหน้าที่อย่างไร (แนวตอบ : เซลล์เม็ดเลือดแดงมีลักษณะกลมแบน ตรงกลางบุ๋ม และไม่มีนิวเคลียส ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวในการรับ-ส่ง แก๊สออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆ) - เซลล์เม็ดเลือดขาวทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมได้อย่างไร


(แนวตอบ : เซลล์เม็ดเลือดขาวทำลายเชื้อโรคโดยการสร้างแอนติบอดีเข้าทำลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย หรือกลืนกิน เชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย แล้วย่อยสลายด้วยไลโซโซมภายในเซลล์) 29. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับเลือดเพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้ เลือดประกอบด้วย 2 ส่วนได้แก่ น้ำ เลือดทำหน้าที่ลำเลียงสารไปส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ประกอบด้วยน้ำ สารอาหาร เอนไซม์ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และของเสียต่าง ๆ และเซลล์เม็ดเลือดประกอบด้วยเซลล์เม็ดเลือดแดงทำหน้าที่ขนส่งแก๊สออกซิเจน เซลล์เม็ดเลือดขาว ทำหน้าที่ทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งจากคุณสมบัติของเซลล์เม็ดเลือดขาวจึงนำมาผลิตวัคซีน และเซรุ่ม และเกร็ดเลือดทำหน้าที่ช่วยการแข็งตัวของเลือด 30. นักเรียนทำใบงานที่ 1.3.2 เรื่อง เลือด โดยให้นักเรียนตอบคำถามให้ถูกต้อง ชั่วโมงที่ 5 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 31. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 32. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดจากหนังสือเรียน หรือใช้วีดิทัศน์จากสื่อ ออนไลน์ เรื่อง การหมุนเวียนเลือด เช่น - The Heart and Circulatory System - How They Work 33. ให้นักเรียนสแกน QR code เรื่อง การหมุนเวียนเลือดในร่างกายของมนุษย์ เพือศึกษาเกี่ยวกับ กระบวนการหมุนเวียนเลือดเพื่อขยายความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 34. ครูถามคำถามนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - บริเวณส่วนใดของหัวใจที่มีแก๊สออกซิเจนสูง และส่วนใดที่มีแก๊สออกซิเจนต่ำ (แนวตอบ : หัวใจห้องบนขวาเป็นบริเวณที่มีแก๊สออกซิเจนต่ำสุด เนื่องจากรับเลือดดำที่มีแก๊สออกซิเจนต่ำจากส่วน ต่างๆ ของร่างกาย แล้วส่งไปยังหัวใจห้องล่างขวาเพื่อส่งไปแลกเปลี่ยนแก๊สที่ปอด ส่วนหัวใจห้องบนซ้ายเป็นบริเวณที่มี แก๊สออกซิเจนสูงสุด เนื่องจากรับเลือดแดงที่มีแก๊สออกซิเจนสูงจากปอดส่งไปยังห้องล่างซ้ายเพื่อส่งไปส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกาย) - ระบบหมุนเวียนเลือดของมนุษย์มีการหมุนเวียนอย่างไร (แนวตอบ : เลือดดำซึ่งเป็นเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนต่ำจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเข้าสู่หัวใจห้องบนขวา ไหลผ่านลิ้น หัวใจไปยังหัวใจห้องล่างขวา แล้วส่งต่อไปแลกเปลี่ยนแก๊สที่ปอดกลายเป็นเลือดแดงที่มีแก๊สออกซิเจนสูง ซึ่งจะไหลกลับ เข้าสู่หัวใจห้องบนซ้าย ไหลผ่านลิ้นหัวใจไปยังหัวใจห้องล่างซ้าย แล้วส่งต่อไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย) 35. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดเพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้เลือดที่ มีแก๊สออกซิเจนต่ำจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เข้าสู่หัวใจห้องบนขวาและผ่านลิ้นหัวใจไปยังหัวใจห้องล่างขวา แล้วส่ง ต่อไปแลกเปลี่ยนแก๊สที่ปอด กลายเป็นเลือดแดงที่มีแก๊สออกซิเจนสูง ซึ่งจะไหลกลับเข้าสู่หัวใจห้องบนซ้ายและไหลผ่าน ลิ้นหัวใจไปยังหัวใจห้องล่างซ้าย แล้วส่งต่อไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 36. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับ การหมุนเวียนเลือดในร่างกายของมนุษย์โดยการใช้เพลงจากวีดิทัศน์ สื่อออนไลน์ - Circulatory System | Pulmonary Circulation & Systemic Circulation | Animated Music Video


ชั่วโมงที่ 6 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 37. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 38. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-7 คน เพื่อทำกิจกรรมการวัดอัตราการเต้นของชีพจรในหนังสือเรียนเพื่อให้ นักเรียนตรวจสอบการทำงานของหัวใจโดยการจับชีพจรได้ 39. ครูแนะนำอุปกรณ์การวัดอัตราการเต้นของชีพจร ที่ประกอบด้วย นาฬิกาจับเวลา 40. เปิดโอกาสให้นักเรียนดำเนินการวัดอัตราการเต้นของชีพจร 3 ครั้งตามวิธีการทดลอง และบันทึกผลการ ทดลองอภิปรายผลการทดลอง และตอบคำถามท้ายการทดลอง 41.ครูตั้งคำถามกับนักเรียนว่า“นักเรียนคิดว่าอัตราการเต้นของชีพจรคงที่หรือไม่ เมื่อมีอิริยาบทที่แตกต่างกัน” 42. เปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวัดอัตราการเต้นของชีพจร ขณะทำอิริยาบถที่แตกต่างกันเพื่อหา คำตอบจากสิ่งที่ครูถาม ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 43. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการวัดอัตราการเต้นของชีพจรเมื่อนักเรียนทำอิริยาบถที่แตกต่างกัน 44. จากนั้นครูสุ่มนักเรียนเพื่อตอบคำถามท้ายทำกิจกรรม โดยใช้คำถามต่อไปนี้ - อัตราการเต้นของหัวใจก่อนและหลังทำกิจกรรมแตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ : อัตราการเต้นของหัวใจหลังทำกิจกรรมสูงกว่าก่อนทำกิจกรรม เนื่องจากหัวใจหดตัวและคลายตัวเร็วขึ้น เพื่อนำเลือดแดงที่มีแก๊สออกซิเจนสูงไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย) - เพราะเหตุใดจึงต้องนับอัตราการเต้นของหัวใจถึง 3 ครั้ง (แนวตอบ : เพื่อให้ได้ค่าอัตราการเต้นของชีพจรที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด) - อัตราการเต้นของหัวใจของนักเรียนแต่ละคนเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ : แตกต่างกันเล็กน้อย เนื่องจากนักเรียนอยู่ในวัยเดียวกัน) - นักเรียนคิดว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ (แนวตอบ : เพศ อายุ กิจกรรมที่ทำ และสุขภาพร่างกาย) 45. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับอัตราการเต้นของชีพจร เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกัน ดังนี้ อัตราการ เต้นของหัวใจหรือชีพจรของแต่ละคนมีค่าแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ เช่น การวิ่งหรือการเดิน ทำให้อัตราการ การเต้นของหัวใจเพิ่มสูงขึ้นจากปกติ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเปลี่ยนแปลงได้ เช่น อายุ เพศ อุณหภูมิของร่างกาย ยา ความเครียด ชั่วโมงที่ 7 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 46. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 47. นักเรียนศึกษาและสืบค้นเกี่ยวกับโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบหมุนเวียนเลือด ลักษณะอาการ สาเหตุ และการ ดูแลรักษาจากหนังสือเรียนหรือสืบค้นเพิ่มเติมจากทางอินเทอร์เน็ต


ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 48. ครูสุ่มนักเรียน 5-7 คน หรือตามความเหมาะสมออกมานำเสนอข้อมูลตามที่นักเรียนได้ศึกษา โดยอธิบาย ผ่านแบบจำลองอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือด 49. นักเรียนและครูร่วมกันบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือดเพื่อป้องกันโรค เกี่ยวกับระบบหมุนเวียนเลือดที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตประจำวัน 50. ครูถามคำถามนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - โรคหลอดเลือดหัวใจตีบเกิดจากสาเหตุใด และมีวิธีการรักษาอย่างไร (แนวตอบ : โรคหลอดเลือดหัวใจตีบเกิดจากการสะสมของไขมันที่ผนังหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดตีบตัน จึงนำเลือด ไปเลี้ยงหัวใจได้น้อยลงและมีปัจจัยอื่น เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงความเครียด การสูบบุหรี่) - นักเรียนสามารถดูแลรักษาระบบหมุนเวียนเลือดให้ทำงานปกติได้อย่างไร (แนวตอบ : ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและ คอเลสเตอรอลสูง ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้หัวใจสูบฉีดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างมี ประสิทธิภาพ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้สารเสพติด) - การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงส่งผลต่อระบบหมุนเวียนเลือดอย่างไร (แนวตอบ : การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงจะทำให้มีการสะสมของไขมันบริเวณหลอดเลือด ซึ่งทำให้หลอดเลือด ตีบตัน จึงนำเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ และหากมีไขมันสะสมมากจนอุดตันหลอด เลือด จะทำให้ไม่สามารถนำเลือดไปยังที่อุดตันได้จึงทำให้เซลล์หรือเนื้อเยื่อบริเวณที่ไม่มีเลือดไปเลี้ยงเกิดการตายของ เซลล์หรือเนื้อเยื่อได้) 51. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการดูแลรักษาอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือด เพื่อให้ได้ข้อสรุป ร่วมกันดังนี้ การดูแลรักษาให้ระบบหมุนเวียนเลือดสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพควรปฏิบัติตนดังนี้ ควรดูแล สุขภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอ หมั่นตรวจความดันโลหิตอยู่เป็นประจำออกกำลังกายเพื่อช่วยให้การทำงานของหัวใจดี ขึ้น ยืดร่างกายบ่อย ๆ เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนเลือดให้ดียิ่งขึ้น และควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันไม่ดีหรืออาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันของหลอด เลือดได้ ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 52. นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ช่วยทบทวนเนื้อหาและตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของผู้เรียน (Exercise 1.3) 53. ครูถามคำถามสำคัญกับนักเรียน โดยใช้คำถามต่อไปนี้ - วัคซีนหรือเซรุ่มเกี่ยวข้องกับเซลล์เม็ดเลือดขาวอย่างไร (แนวตอบ : เนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดขาวสามารถสร้างแอนติบอดีที่สามารถทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ ร่างกายได้ จึงมีการนำเชื้อโรคที่ตายแล้วมาฉีดเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหรือรักษาโรคให้กับมนุษย์ เช่น วัคซีนโรคโปลิโอ วัคซีนอหิวาตกโรค แต่มีการผลิตเซรุ่มที่สร้างขึ้นจากสัตว์ โดยการฉีดเชื้อโรคที่อ่อนกำลังให้กับสัตว์ที่ ต้องการให้สร้างแอนติบอดี เพื่อนำแอนติบอดีของสัตว์มาฉีดเข้าสู่ร่างกายมนุษย์เพื่อป้องกันพิษหรือรักษาโรคจากสัตว์ ชนิดนั้นที่แสดงอาการรุนแรงเฉียบพลันในร่างกายมนุษย์ เช่น เซรุ่มแก้พิษงู)


- เมื่อร่างกายเกิดบาดแผลและไม่มีเกล็ดเลือดจะส่งผลอย่างไร (แนวตอบ : เกล็ดเลือดมีหน้าที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว ซึ่งหากร่างกายไม่มีเกล็ดเลือดจะส่งผลให้เลือดไหลไม่หยุด เมื่อเกิด บาดแผลและทำให้ร่างกายสูญเสียเลือดมากจนอาจเสียชีวิตได้) ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุป เรื่อง ระบบหมุนเวียนเลือด ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ - ความสำคัญของระบบหมุนเวียนเลือด - โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือด - การทำงานของระบบหมุนเวียนเลือด - การดูแลรักษาระบบหมุนเวียนเลือด 2. ครูตรวจสอบความถูกต้องของการทำใบงานที่ 1.3.1 เรื่อง หัวใจและหลอดเลือด 3. ครูตรวจสอบความถูกต้องของการทำใบงานที่ 1.3.2 เรื่อง เลือด 4. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรม Exercise 1.3 ของนักเรียน 5. ครูตรวจสอบผลการทำแบบจำลองการทำงานของหัวใจ 6. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมการวัดอัตราการเต้นของชีพจร 7. ครูตรวจสอบผลการทดลองและเปรียบเทียบหัวใจสุกรกับหัวใจมนุษย์ 8. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการตอบคำถาม ความสนใจในการเรียน การทำกิจกรรมกระบวนการ กลุ่มของนักเรียน และการนำเสนอผลงาน 9. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1 2. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint 3. สื่อวิดีทัศน์ออนไลน์ 4. แบบฝึกทักษะ 4. ใบงานที่ 1.3.1 เรื่อง หัวใจและหลอดเลือด 5. ใบงานที่ 1.3.2 เรื่อง เลือด 6. แบบจำลองอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือด 7. อุปกรณ์การสร้างแบบจำลองการทำงานของหัวใจ 8. อุปกรณ์การวัดอัตราการเต้นของชีพจร 10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ 1. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 2. อินเทอร์เน็ต


Click to View FlipBook Version