11. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 11.1 การประเมินก่อนเรียน - ตรวจสอบความรู้เดิม - การตอบคำถามเพื่อ ตรวจสอบความรู้เดิม - คำถามจากครูผู้สอน - ประเมินตามสภาพจริง 11.2 การประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม 1) ระบบหมุนเวียนเลือด - ตรวจใบงานที่ 1.3.1 - ตรวจใบงานที่ 1.3.2 - ตรวจ Exercise 1.3 - การตอบคำถามใน ระหว่างการเรียนและ การสรุปองค์ความรู้ - ใบงานที่ 1.3.1 - ใบงานที่ 1.3.2 - Exercise 1.3 - คำถามจากครูผู้สอน - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 2) การปฏิบัติการ - ประเมินการปฏิบัติการ - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรมการทำงาน รายกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 5)การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 6)คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 12. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
13. บันทึกผลการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ 13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ 13.1.1 ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือดได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) อธิบายการหมุนเวียนเลือดผ่านหัวใจได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) เปรียบเทียบความแตกต่างของหลอดเลือดอาร์เตอรี หลอดเลือดเวน และหลอดเลือดฝอยได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 4) เทียบความแตกต่างของเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว และเพลตเลตได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 5) เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างวัคซีนกับเซรุ่มได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.2 ด้านทักษะที่สำคัญ (P) 1) นับชีพจรบริเวณข้อมือได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) จำลองการทำงานของหัวใจได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 4) สร้างแบบจำลองการหมุนเวียนเลือดผ่านหัวใจได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................
13.1.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) ตระหนักถึงความสำคัญของระบบหมุนเวียนเลือดและการดูแลรักษาอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือด ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.4 ด้านสมรรถนะ (C) 1) ความสามารถในการสื่อสาร ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ความสามารถในการคิด ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.2 ปัญหา อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 13.3 แนวทางแก้ไขปัญหา / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ............................................................. (นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
QR code สื่อวิดีทัศน์ออนไลน์ Human Heart | Human heart structure and function | Parts of the human heart | Video for kids What Is Blood? | Cells | Biology | FuseSchool The Heart and Circulatory System - How They Work
QR code สื่อวิดีทัศน์ออนไลน์ การหมุนเวียนเลือดในร่างกายของมนุษย์ Circulatory System | Pulmonary Circulation & Systemic Circulation | Animated Music Video |
หมายเลข 6 คือ....................................................... หน้าที่...................................................................... ................................................................................ 1 2 3 4 5 6 7 หมายเลข 1 คือ....................................................... หน้าที่...................................................................... ................................................................................ หมายเลข 2 คือ....................................................... หน้าที่...................................................................... ................................................................................ หมายเลข 3 คือ....................................................... หน้าที่...................................................................... ................................................................................ หมายเลข 4 คือ....................................................... หน้าที่...................................................................... ................................................................................ หมายเลข 5 คือ....................................................... หน้าที่...................................................................... ................................................................................ หมายเลข 7 คือ....................................................... หน้าที่...................................................................... ................................................................................ ใบงานที่ 1.3 ระบบหมุนเวียนเลือด คำชี้แจง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. หมายเลข 1-7 คืออะไร ทำหน้าที่ใด 2. จงเปรียบเทียบความแตกต่างของหลอดเลือดแดง หลอดเลือดดำ และหลอดเลือดฝอย หลอดเลือดอาร์เตอรี หลอดเลือดเวน หลอดเลือดฝอย หน้าที่ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ..................................... ..................................... ผนังหลอดเลือด....................................... ....................................... ..................................... ลิ้น....................................... ....................................... ..................................... แรงดันเลือด ....................................... ...................................... ....................................... ...................................... ..................................... .....................................
3. จงอธิบายลักษณะและหน้าที่ของส่วนประกอบของเลือดให้ถูกต้อง 1 2 3 4 หมายเลข 1 คือ....................................................... ลักษณะ................................................................... ................................................................................ ................................................................................ หน้าที่ ..................................................................... ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… หมายเลข 2 คือ....................................................... ลักษณะ................................................................... ................................................................................ ................................................................................ หน้าที่ ..................................................................... ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… หมายเลข 3 คือ....................................................... ลักษณะ................................................................... ................................................................................ ................................................................................ หน้าที่ ..................................................................... ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… หมายเลข 4 คือ....................................................... ลักษณะ................................................................... ................................................................................ ................................................................................ หน้าที่ ..................................................................... ……………………………………………………………………… ………………………………………………………………………
เฉลย หมายเลข 6 คือ....................................................... หน้าที่...................................................................... ................................................................................ 1 2 3 4 5 6 7 หมายเลข 1 คือ....................................................... หน้าที่...................................................................... ................................................................................ หมายเลข 2 คือ....................................................... หน้าที่...................................................................... ................................................................................ หมายเลข 3 คือ....................................................... หน้าที่...................................................................... ................................................................................ หมายเลข 4 คือ....................................................... หน้าที่...................................................................... ................................................................................ หมายเลข 5 คือ....................................................... หน้าที่...................................................................... ................................................................................ หมายเลข 7 คือ....................................................... หน้าที่...................................................................... ................................................................................ ใบงานที่ 3 ระบบหมุนเวียนเลือด คำชี้แจง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. หมายเลข 1-7 คืออะไร ทำหน้าที่ใด 2. จงเปรียบเทียบความแตกต่างของหลอดเลือดแดง หลอดเลือดดำ และหลอดเลือดฝอย หลอดเลือดอาร์เตอรี หลอดเลือดเวน หลอดเลือดฝอย หน้าที่ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ..................................... ..................................... ผนังหลอดเลือด....................................... ....................................... ..................................... ลิ้น....................................... ....................................... ..................................... แรงดันเลือด ....................................... ...................................... ....................................... ...................................... ..................................... ..................................... หัวใจห้องบนขวา รับเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนต่ำจากส่วน ต่าง ๆ ของร่างกาย และส่งไปยังหัวใจห้องล่าง ขวา หลอดเลือดเวน นำเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนต่ำจากส่วน ต่าง ๆ ของร่างกาย เข้าสู่หัวใจห้องบนขวา หัวใจห้องล่างขวา รับเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนต่ำจากหัวใจ ห้องบนขวา และส่งไปแลกเปลี่ยนแก๊สที่ปอด หัวใจห้องล่างซ้าย รับเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนสูงจากหัวใจห้อง บนซ้าย เพื่อส่งไปยัวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หัวใจห้องบนซ้าย รับเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนสูงจากปอด แล้วส่งไปยังหัวใจห้องล่างซ้าย หลอดเลือดเวนไปยังปอด รับเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนต่ำจากหัวใจ ห้องล่างขวา เพื่อส่งไปฟอกที่ปอด หลอดเลือดอาร์เตอรี รับเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนสูงหัวใจห้อง ล่างซ้าย เพื่อส่งไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ลำเลียงเลือดจากหัวใจไป ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รับเลือกจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเข้าสู่หัวใจ แลกเปลี่ยนแก๊ส ผนังหนา ผนังบาง ผนังบางมาก ไม่มี มี ไม่มี สูง ต่ำ ต่ำกว่าหลอดเลือดอาร์เตอรี แต่สูงกว่าหลอดเลือดเวน
3. จงอธิบายลักษณะและหน้าที่ของส่วนประกอบของเลือดให้ถูกต้อง 1 2 3 4 หมายเลข 1 คือ....................................................... ลักษณะ................................................................... ................................................................................ ................................................................................ หน้าที่ ..................................................................... ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… หมายเลข 2 คือ....................................................... ลักษณะ................................................................... ................................................................................ ................................................................................ หน้าที่ ..................................................................... ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… หมายเลข 3 คือ....................................................... ลักษณะ................................................................... ................................................................................ ................................................................................ หน้าที่ ..................................................................... ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… หมายเลข 4 คือ....................................................... ลักษณะ................................................................... ................................................................................ ................................................................................ หน้าที่ ..................................................................... ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… เซลล์เม็ดเลือดขาว เป็นเซลล์ที่มีลักษณะกลม ใหญ่กว่าเซลล์ เม็ดเลือดแดง และมีนิวเคลียส ทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ ร่างกาย โดยการสร้างแอนติบอดีเข้าทำลาย หรือโอบล้อม แล้วย่อยสลายด้วยไลโซโซม พลาสมา เป็นของเหลวใส สีเหลือง ประกอบด้วย น้ำ สารอาหาร เอนไซม์ ฮอร์โมน แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ และของเสียต่าง ๆ ลำเลียงสารอาหารที่ถูกดูดซึมจากลำไส้- เล็กไปส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และลำเลียง ของเสียไปกำจัดออกจากร่างกาย เกล็ดเลือด ชิ้นส่วนของเซลล์ที่มีรูปร่างเป็นแผ่นเล็ก ไม่มีนิวเคลียส ช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อเกิดบาดแผล โดย การสร้างเส้นใยปกคลุมบาดแผล ทำให้เลือด หยุดไหล เซลล์เม็ดเลือดแดง รูปร่างกลมแบน ตรงกลางบุ๋ม ไม่มี นิวเคลียส (จะมีนิวเคลียสในช่วงที่เซลล์เกิดใหม่) ช่วยลำเลียงแก๊สออกซิเจนไปยังเซลล์ ต่าง ๆ ทั่วร่างกาย โดยแก๊สออกซิเจนจะจับกับ เฮโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ระบบประสาท เวลา 3 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐานการเรียนรู้ ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสำพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.2/10 ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบประสาทส่วนกลางในการควบคุม การทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย ว 1.2 ม.2/11 ตระหนักถึงความสำคัญของระบบประสาท โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษา รวมถึงการป้องกันการกระทบกระเทือนและอันตรายต่อสมองและไขสันหลัง 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบประสาทได้ (K) 2. อธิบายการทำงานของระบบประสาทได้ (K) 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. เขียนการทำงานของระบบประสาทอย่างเป็นลำดับขั้นได้ (P) 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. ตระหนักถึงความสำคัญของระบบประสาทและการดูแลรักษาอวัยวะในระบบประสาท (A) 2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A)
3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ระบบประสาทส่วนกลาง ประกอบด้วย สมอง ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย ไขสันหลัง ทำ หน้าที่ส่งผ่านกระแสประสาท และมีเส้นประสาทเป็นระบบประสาทรอบนอกทำหน้าที่รับ-ส่งกระแสประสาทซึ่งมีเซลล์ ประสาทอยู่จำนวนมาก การทำงานของระบบประสาทเกิดจากการส่งกระแสประสาทจากอวัยวะรับความรู้สึกไปยังไข สันหลัง และส่งต่อไปยังสมอง ซึ่งสมองส่งกระแสประสาทผ่านไขสันหลังไปยังหน่วยปฏิบัติการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองต่อ สิ่งเร้าที่ได้รับ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ระบบประสาท - โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบประสาท - การทำงานของระบบประสาท - การดูแลรักษาอวัยวะในระบบประสาท 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) - 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์
Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ 7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ นำความรู้เกี่ยวกับระบบร่างกายประยุกต์ใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพอย่างพอเหมาะพอดี 7.2 ความมีเหตุผล ตอบคำถามและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างมีเหตุผล 7.3 การมีภูมิคุ้มกัน การวางแนวทางในการดูแลสุขภาพของตนเอง 7.4 เงื่อนไขความรู้ ระบบประสาท 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม การดูแลรักษาสุขภาพของบุคคลในครอบครัวและรับผิดชอบต่อสังคม 7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ - 7.6.2 ด้านสังคม การดูแลรักษาสุขภาพของบุคคลในครอบครัวและรับผิดชอบต่อสังคม 7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม - 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม -
8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขั้นนำ ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - สมองทำหน้าที่อะไร (แนวตอบ: สมองทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย) - ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานประสานกันได้อย่างไร (แนวตอบ : ระบบต่าง ๆ ของร่างกายจะทำงานประสานกัน โดยมีระบบประสาททำหน้าที่รับ-ส่งกระแสประสาทไป ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ให้เป็นไปอย่างปกติ) 2. จากนั้นครูถามคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเพื่อนำเข้าสู่การเรียนการสอนว่า “ระบบประสาท เป็น การทำงานของอวัยวะใด” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น ระบบประสาท เป็นระบบที่ควบคุมการทำงาน ของส่วนต่าง ๆ ในร่างกายให้ประสานสัมพันธ์กัน ซึ่งเป็นการทำงานของสมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาท) 3. ครูอธิบายกับนักเรียนเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า“ระบบประสาททำหน้าที่ควบคุมการทำงานของส่วน ต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งเป็นการทำงานระหว่างสมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาท หากพบว่าระบบประสาทเกิดความ ผิดปกติ ย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสุขภาพ พัฒนาการและการเจริญเติบโต” ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. นักเรียนศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวกับระบบประสาท ประกอบด้วย สมอง ไขสันหลัง และ เส้นประสาท โดยศึกษาและสังเกตจากแบบจำลองอวัยวะในระบบประสาท ภาพจากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบร่างกายมนุษย์ 2. ให้นักเรียนสแกน QR code เรื่อง ระบบประสาทของมนุษย์ ตอนที่ 1 วิทยาศาสตร์ ม.2 เพื่อขยายความ เข้าใจเกี่ยวกับส่วนต่างๆ ของระบบประสาทมากยิ่งขึ้น 3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน หรือตามความเหมาะสม และร่วมกันศึกษาและสืบค้นข้อมูล เกี่ยวกับ องค์ประกอบของสมองมนุษย์ที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เซรีบรัม เมดัลลาออบลองกาตา และเซรีเบลลัมจากหนังสือ เรียนหรืออินเทอร์เน็ต พร้อมหาข้อสรุปของกลุ่มเกี่ยวกับองค์ประกอบของสมองมนุษย์ 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอข้อมูลบริเวณหน้าชั้นเรียน 5. ครูนำสมองสุกรมาผ่าออกเป็น 2 ส่วน จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาและเปรียบเทียบระหว่างสมอง มนุษย์กับสมองสุกรว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาอธิบายเกี่ยวกับความเหมือนหรือความแตกต่างระหว่างสมอง มนุษย์กับ สมองสุกรตามส่วนที่ตนเองได้รับมอบหมาย โดยครูคอยให้คำแนะนำเพิ่มเติมตามความเหมาะสม 7. ครูถามกับคำถามกับนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้
- เพราะเหตุใดมนุษย์จึงมีสมองส่วนเซรีบรัมขนาดใหญ่มาก (แนวตอบ : เนื่องจากมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีการใช้ความคิด ความจำ และสติปัญญามาก ซึ่งสมองส่วนเซรีบรัมทำหน้าที่ ควบคุมความคิด ความจำ สติปัญญา และการทำงานต่างๆ ของร่างกาย จึงทำให้สมองส่วนนี้มีขนาดใหญ่กว่าสมองส่วน อื่น ๆ) - เซลล์ประสาทมีรูปร่างแตกต่างจากเซลล์อื่น ๆ อย่างไร (แนวตอบ : เซลล์ประสาทแบ่งออกเป็นตัวเซลล์ซึ่งประกอบด้วยนิวเคลียสและไซโทพลาซึมที่มีออร์แกเนลล์อยู่ภายใน ทำหน้าที่สังเคราะห์สารที่จำเป็นสำหรับเซลล์ประสาท และใยประสาทเป็นส่วนที่แยกออกมาจากตัวเซลล์ ทำหน้าที่รับส่งกระแสประสาท ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากเซลล์อื่น ๆ) - หากถูกทำร้ายโดยใช้ของแข็งตีบริเวณท้ายทอยอย่างรุนแรง จะส่งผลต่อร่างกายอย่างไร (แนวตอบ : บริเวณท้ายทอยเป็นบริเวณสมองส่วนเซรีเบลลัม ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหว และการทรงตัวของ ร่างกาย หากสมองส่วนนี้ได้รับการกระทบกระเทือนอาจมีผลต่อการทรงตัวและการเคลื่อนไหวของร่างกายที่ผิดปกติ) 8. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับโครงสร้างและอวัยวะในระบบประสาทเพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้ ระบบ ประสาทประกอบด้วยสมองทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งสมองแต่ละส่วนจะทำหน้าที่ แตกต่างกัน ไขสันหลังทำหน้าที่ส่งผ่านกระแสประสาทจากหน่วยรับความรู้สึกไปยังสมอง และจากสมองไปยังหน่วย ปฏิบัติงาน และเส้นประสาททำหน้าที่ส่งผ่านกระแสประสาทไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 9. นักเรียนทำใบงานที่ 1.4 เรื่อง ระบบประสาท โดยให้นักเรียนตอบคำถามให้ถูกต้อง ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 10. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 11. ครูตั้งคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า “นักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใดเมื่อเดินเหยียบตะปู จะต้องยก เท้าหนีทันที” (แนวตอบ : เนื่องจากมีการส่งกระแสประสาทจากเท้าไปยังสมอง ทำให้สมองรับรู้ถึงความเจ็บปวดจากการเหยียบตะปู จึงสั่งการมายังกล้ามเนื้อบริเวณขาให้ยกเท้าหนีออกทันที) 12. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า “กระแสประสาท หรือ nerve impulse เป็นการส่งข้อมูลที่ส่งมาจากหน่วยรับ ความรู้สึกของร่างกายไปตามเส้นประสาทในรูปของสัญญาณไฟฟ้าเคมี โดยการเคลื่อนที่ของกระแสประสาทจะคล้ายกับ กระแสไฟฟ้าที่เคลื่อนที่ไปตามสายไฟแล้วส่งต่อไปยังสมอง และรับกระแสประสาทจากสมองแล้วส่งไปยังหน่วย ปฏิบัติงานเพื่อแสดงการตอบสนองจากสิ่งเร้า” 13. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) เพื่อร่วมกันศึกษาเกี่ยวกับส่วนประกอบของระบบประสาทอีก 2 ส่วน นอกเหนือจากสมอง นั่นคือ ไขสันหลังและเส้นประสาทจากหนังสือเรียน หรือสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต 14. ครูเปิดวีดิทัศน์จากสื่อออนไลน์ เรื่อง การทำงานของระบบประสาท เช่น - What is a Reflex Arc | Physiology | Biology | FuseSchool ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 15. ครูสุ่มนักเรียน 5-6 คนออกมาเขียนแผนภาพการทำงานของระบบประสาทเมื่อเจอสิ่งเร้าและปฏิกิริยาที่ ตอบสนองบริเวณหน้าชั้นเรียน โดยครูกำหนดสิ่งเร้าให้แก่ เช่น
- เมื่อบังเอิญเดินเหยียบสิ่งสกปรก - เมื่อเข็มทิ่มนิ้วขณะเย็บผ้า - เมื่อโดนหม้อที่ร้อนขณะประกอบอาหาร 16. ครูถามกับคำถามกับนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - ระบบประสาทมีการทำงานอย่างไร (แนวตอบ : เมื่อหน่วยรับความรู้สึกได้รับการกระตุ้นกลุ่มเซลล์ที่รับความรู้สึกจะส่งกระแสประสาทไปยังไขสันหลัง แล้ว ส่งกระแสประสาทต่อไปยังสมอง ซึ่งสมองจะส่งกระแสประสาทผ่านไขสันหลังไปยังหน่วยปฏิบัติงาน เพื่อกระตุ้นหรือ ยับยั้งการทำงานของอวัยวะที่ได้รับการกระตุ้น ให้แสดงพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่ได้รับ) - กระแสประสาทจะส่งต่อไปยังไขสันหลังและสมองได้อย่างไร (แนวตอบ : กระแสประสาทถูกส่งไปยังสมองและไขสันหลังผ่านเส้นประสาท ซึ่งเส้นประสาทจะมีเซลล์ประสาทต่อกัน เป็นร่างแหเพื่อรับ-ส่งกระแสประสาท โดยแอกซอนของเซลล์ประสาทหนึ่งจะแตกออกเป็นกิ่งก้าน แล้วไปแนบชิดกับ เดนไดรต์ของอีกเซลล์ประสาทหนึ่ง จึงมีการรับ-ส่งกระแสประสาทจากเซลล์ประสาทต่อ ๆ กัน จนไปถึงเซลล์ประสาทที่ ไขสันหลังและสมองตามลำดับ) 17. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการทำงานของระบบประสาทเพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้ เมื่อถูกหนามทิ่มจะ เรียกสิ่งนี้ว่า สิ่งเร้า หน่วยรับความรู้สึกบริเวณปลายนิ้ว และส่งกระแสประสาทไปยังไขสัน หลัง และส่งต่อไปยังสมองทำให้รู้สึกเจ็บเมื่อถูกหนามถิ่ม และไขสันหลังจะส่งกระแสประสาทสั่งการให้กล้ามเนื้อโคน แขนพับงอหรือยกปลายนิ้วออกจากหนามนั่นคือการแสดงออกของปฏิกิริยาตอบสนอง ชั่วโมงที่ 3 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 18. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 19. นักเรียนศึกษาและสืบค้นเกี่ยวกับโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท เช่น โรคอัมพฤกษ์และอัมพาต โรคอัล ไซเมอร์ ลักษณะอาการ สาเหตุและการดูแลรักษาจากหนังสือเรียนหรือสืบค้นเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 20. ครูสุ่มนักเรียน 5-7 คน หรือตามความเหมาะสมออกมานำเสนอข้อมูลตามที่นักเรียนได้ศึกษาโดยอธิบาย ผ่านแบบจำลองอวัยวะในระบบประสาท 21. นักเรียนและครูร่วมกันบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบประสาทเพื่อป้องกันโรคเกี่ยวกับ ระบบประสาทที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตประจำวัน 22. ครูถามคำถามนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - โรคอัมพฤกษ์และอัมพาตเกิดจากสาเหตุใด (แนวตอบ : โรคอัมพฤกษ์และอัมพาตเกิดจากความผิดปกติของสมองในการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ และการ รับความรู้สึก ซึ่งความผิดปกติของสมองเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การอุดตันของหลอดเลือดแดงในสมองทำให้สมอง ขาดเลือดและสมองตาย การแตกของหลอดเลือดแดงในสมองจากความดันเลือดสูง การได้รับการกระทบกระเทือน บริเวณศีรษะ หรือเกิดจากโรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน ความดันเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด)
- การรับประทานข้าวกล้อง เมล็ดธัญพืช และเครื่องในสัตว์ มีส่วนช่วยบำรุงระบบประสาทอย่างไร (แนวตอบ : เนื่องจากอาหารดังกล่าวมีวิตามินบี 1 สูง ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยบำรุงสมอง และช่วยให้ระบบประสาท บริเวณต่าง ๆ ของร่างกายทำงานอย่างปกติ) 23. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการดูแลรักษาอวัยวะในระบบประสาท เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกัน ดังนี้ การดูแลรักษาให้ระบบประสาทสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพควรปฏิบัติตนดังนี้ระบบประสาทเป็น ระบบที่มีความสำคัญ ดังนั้น ควรมีการป้องกัน ดูแลรักษา และส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท ซึ่งสามารถทำได้ ดังนี้ สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจมีผลกระทบบริเวณศีรษะและไขสัน หลัง หลีกเลี่ยงการเสพยาเสพติด รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และไม่ควรรับประทานอาหารจำพวกแป้งหรือน้ำตาล มากเกินไปเพราะจะส่งผลให้สมองรู้สึกเฉื่อย ควรเลือกรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีน และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกายเมื่อพบความผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ รักษา ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 24. นักเรียนวาดผังมโนทัศน์ลงกระดาษ A4 เรื่อง อวัยวะรับสัมผัสของมนุษย์ โดยให้นักเรียนบอกอวัยวะรับ สัมผัสในร่างกายของมนุษย์ที่สามารถสัมพันธ์กับการทำงานของระบบประสาท 25. นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ช่วยทบทวนเนื้อหาและตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของผู้เรียน (Exercise 1.4) 26. ครูถามคำถามสำคัญกับนักเรียน โดยใช้คำถามต่อไปนี้ - เพราะเหตุใดจึงมักพบการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ (แนวตอบ : โรคอัลไซเมอร์สามารถพบได้ทุกช่วงวัยแต่จะพบมากในผู้สูงอายุ เนื่องจากเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นเซลล์สมอง หรือเซลล์ประสาทจะเสื่อมลงเพราะถูกใช้งานมาก และยังเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ด้วยไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม การได้รับ บาดเจ็บของสมอง หรือการเป็นโรคระจำตัวบางโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง) ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุป เรื่อง ระบบประสาท ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ - ความสำคัญของระบบประสาท - โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบประสาท - การทำงานของระบบประสาท - การดูแลรักษาระบบประสาท 2. ครูตรวจสอบความถูกต้องของการทำใบงานที่ 1.4 เรื่อง ระบบประสาท 3. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรม Exercise 1.4 ของนักเรียน 4. ครูตรวจสอบความถูกต้องของแผนภาพการทำงานของระบบประสาท 5. ครูตรวจสอบความถูกต้องของผังมโนทัศน์ เรื่อง อวัยวะรับสัมผัสของมนุษย์ 6. ครูตรวจสอบผลการทดลองและเปรียบเทียบสมองสุกรกับสมองมนุษย์ 7. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการตอบคำถาม ความสนใจในการเรียน การทำกิจกรรม กระบวนการ กลุ่มของนักเรียน และการนำเสนอผลงาน
9. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1 2. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint 3. สื่อวิดีทัศน์ออนไลน์ 4. แบบฝึกทักษะ 5. ใบงานที่ 1.4 เรื่อง ระบบประสาท 6. แบบจำลองอวัยวะในระบบประสาท 7. สมองสุกร 10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ 1. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 2. อินเทอร์เน็ต
11. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 11.1 การประเมินก่อนเรียน - ตรวจสอบความรู้เดิม - การตอบคำถามเพื่อ ตรวจสอบความรู้เดิม - คำถามจากครูผู้สอน - ประเมินตามสภาพจริง 11.2 การประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม 1) ระบบประสาท - ตรวจใบงานที่ 1.4 - ตรวจ Exercise 1.4 - การตอบคำถามใน ระหว่างการเรียน - การตอบคำถามเพื่อ สรุปองค์ความรู้ - ใบงานที่ 1.4 - Exercise 1.4 - คำถามจากครูผู้สอน - คำถามจากครูผู้สอน - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 2) การปฏิบัติการ - ประเมินการปฏิบัติการ - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรมการทำงาน รายกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 5)การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 6)คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 12. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
13. บันทึกผลการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ 13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ 13.1.1 ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบประสาทได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) อธิบายการทำงานของระบบประสาทได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.2 ด้านทักษะที่สำคัญ (P) 1) เขียนการทำงานของระบบประสาทอย่างเป็นลำดับขั้นได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) ตระหนักถึงความสำคัญของระบบประสาทและการดูแลรักษาอวัยวะในระบบประสาท ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.4 ด้านสมรรถนะ (C) 1) ความสามารถในการสื่อสาร ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ความสามารถในการคิด ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................
3) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.2 ปัญหา อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 13.3 แนวทางแก้ไขปัญหา / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ............................................................. (นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
QR code สื่อวิดีทัศน์ออนไลน์ ระบบประสาทของมนุษย์ ตอนที่ 1 วิทยาศาสตร์ ม.2 What is a Reflex Arc | Physiology | Biology | FuseSchool
ใบงานที่ 1.4 ระบบประสาท คำชี้แจง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. จงอธิบายหน้าที่ของสมองส่วนต่าง ๆ ต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 2. จงอธิบายลักษณะของเซลล์ประสาทต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1 2 3 4 5 6 1. สมองส่วน.................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... 2. สมองส่วน.................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... 3. สมองส่วน.................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... 4. สมองส่วน.................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... 5. สมองส่วน.................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... 6. สมองส่วน.................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... ……………………….. . ……………………….. .
ใบงานที่ 4 เฉลย ระบบประสาท คำชี้แจง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. จงอธิบายหน้าที่ของสมองส่วนต่าง ๆ ต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 2. จงอธิบายลักษณะของเซลล์ประสาทต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1 2 3 4 5 6 1. สมองส่วน.................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... 2. สมองส่วน.................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... 3. สมองส่วน.................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... 4. สมองส่วน.................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... 5. สมองส่วน.................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... 6. สมองส่วน.................................................................... หน้าที่........................................................................... .................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... ……………………….. . ……………………….. . เซรีบรัม ควบคุมความคิด ความจำ สติปัญญา และ เป็นศูนย์ควบคุมการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย ไฮโพทาลามัส ควบคุมอุณหภูมิ การเต้นของหัวใจ ความดัน และความต้องการพื้นฐานของร่างกาย พอนส์ ควบคุมการหายใจ การเคี้ยว การหลั่ง น้ำลาย และการเคลื่อนไหวของใบหน้า เมดัลลา ออบลองกาตา ควบคุมการเต้นของหัวใจ การหายใจ ความ ดันเลือด การจาม การอาเจียน การกลืน เซรีเบลลัม ควบคุมการเคลื่อนไหว การทรงตัวของ ร่างกาย ทาลามัส ศูนย์รวบรวมกระแสประสาทเข้าและออก จากสมอง แอกซอน เดนไดรต์ เซลล์ประสาท ประกอบด้วยตัวเซลล์ ที่มีนิวเคลียส และไซโทพลาซึมที่มีออร์แกเนลล์ต่าง ๆ ทำหน้าที่ สังเคราะห์สารที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของเซลล์และ ใยประสาท เป็นแขนงประสาทแยกจากตัวเซลล์ แบ่งเป็นเดนไดรต์ที่นำกระแสประสาทเข้าตัวเซลล์ และ แอกซอนที่นำกระแสประสาทออกจากเซลล์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ระบบสืบพันธุ์ เวลา 8 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐานการเรียนรู้ ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสำพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.2/12 ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ของเพศชายและเพศหญิงโดยใช้ แบบจำลอง ว 1.2 ม.2/13 อธิบายผลของฮอร์โมนเพศชายและเพศหญิงที่ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่อเข้าสู่ วัยหนุ่มสาว ว 1.2 ม.2/14 ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาว โดยการดูแลรักษาร่างกายและ จิตใจของตนเองในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง ว 1.2 ม.2/15 อธิบายการตกไข่ การมีประจำเดือน การปฏิสนธิ และการพัฒนาของไซโกตจนคลอดเป็น ทารก ว 1.2 ม.2/16 เลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่กำหนด ว 1.2 ม.2/17 ตระหนักถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร โดยการประพฤติตนให้เหมาะสม 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. อธิบายโครงสร้างและอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ของเพศชายและเพศหญิงได้ (K) 2. อธิบายการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของเพศชายและเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิง และการเกิดประจำเดือนในเพศหญิง ได้ (K) 3. อธิบายผลของฮอร์โมนเพศต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาวได้ (K) 4. อธิบายการปฏิสนธิและการตั้งครรภ์ได้ (K) 5. อธิบายการคุมกำเนิดวิธีต่าง ๆ ได้ (K) 6. เลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ถูกต้อง (K)
2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. แสดงบทบาทสมมุติในการเลือกวิธีการคุมกำเนิดได้อย่างถูกต้องเหมาะสม (P) 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจเมื่อเจริญเข้าสู่วัยหนุ่มสาว (A) 2. ตระหนักถึงการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร (A) 3. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 4. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ระบบสืบพันธุ์เป็นกระบวนการดำรงเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต โดยระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์สามารถแบ่งออกได้ 2 ระบบ ได้แก่ ระบบสืบพันธุ์เพศชายและระบบสืบพันธุ์เพศหญิง และเป็นการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศผ่านการปฏิสนธิ ภายในโดยเซลล์สืบพันธุ์ของเพศชาย ได้แก่ อสุจิ และเซลล์สืบพันธุ์ของเพศหญิง ได้แก่ เซลล์ไข่ ซึ่งเซลล์ไข่ที่ถูกผสมจาก อสุจิจะกลายเป็นตัวอ่อนและเจริญเติบโตอยู่ภายในมดลูกของเพศหญิงเป็นระยะเวลา 9 เดือน และจึงคลอดออกมาเป็น ทารก แต่หากเซลล์ไข่ไม่ได้รับการปฏิสนธิกับเซลล์อสุจิ ผนังมดลูกที่หนาตัวขึ้นจะหลุดออกเป็นประจำเดือน อย่างไรก็ ตามมีวิธีการคุมกำเนิดหากไม่พร้อมสำหรับการมีบุตร เช่น การคุมกำเนิดโดยวิธีทางธรรมชาติ การใช้อุปกรณ์ การใช้ สารเคมี การทำหมัน ซึ่งการคุมกำเนิดแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสียและความเหมาะสมที่แตกต่างกัน 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ระบบสืบพันธุ์ - โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ ระบบสืบพันธุ์เพศชาย ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง - ฮอร์โมนเพศ - การปฏิสนธิและการตั้งครรภ์ - การคุมกำเนิด 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) - การเลือกวิธีการคุมกำเนิด 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ 7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ นำความรู้เกี่ยวกับระบบร่างกายประยุกต์ใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพอย่างพอเหมาะพอดี 7.2 ความมีเหตุผล ตอบคำถามและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างมีเหตุผล 7.3 การมีภูมิคุ้มกัน การวางแนวทางในการดูแลสุขภาพของตนเอง 7.4 เงื่อนไขความรู้ ระบบสืบพันธุ์ 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม การดูแลรักษาสุขภาพของบุคคลในครอบครัวและรับผิดชอบต่อสังคม
7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ - 7.6.2 ด้านสังคม การดูแลรักษาสุขภาพของบุคคลในครอบครัวและรับผิดชอบต่อสังคม 7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม - 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม - ปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมต่อกาลเทศะและขนบธรรมเนียม 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขั้นนำ ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - ลักษณะใดบ้างที่บ่งบอกถึงความแตกต่างของเพศชายและเพศหญิง (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น เพศชายไม่มีหน้าอกแต่เพศหญิงมีหน้าอก หรือ เพศชายมีลูกกระเดือกแต่เพศหญิงไม่มีลูกกระเดือก) - มนุษย์มีการสืบพันธุ์แบบใด (แนวตอบ : มนุษย์มีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ โดยการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย คือ เซลล์อสุจิกับเซลล์ สืบพันธุ์เพศหญิง คือ เซลล์ไข่) 2. จากนั้นครูถามคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเพื่อนำเข้าสู่การเรียนการสอนว่า “อวัยวะใดบ้างที่ เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์ของมนุษย์” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์ของมนุษย์ เช่น อัณฑะ ต่อมลูกหมาก รังไข่ มดลูก ช่องคลอด) 3. ครูอธิบายกับนักเรียนเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า “การสืบพันธุ์เป็นกระบวนการดำรงเผ่าพันธุ์ของ สิ่งมีชีวิต และการสืบพันธุ์ของมนุษย์เป็นการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศโดยปฏิสนธิภายในใช้เซลล์อสุจิของเพศชายผสมกับ เซลล์ไข่ของเพศหญิง โดยเซลล์ไข่ที่ถูกผสมแล้วจะกลายเป็นตัวอ่อนที่อยู่ภายในมดลูกเป็นระยะเวลา 9 เดือน เมื่อครบ กำหนดจึงคลอดออกมาเป็นทารก” ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 7 กลุ่มใหญ่ โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะใน ระบบสืบพันธุ์เพศชาย โดยศึกษาและสังเกตจากแบบจำลองอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศชาย ภาพจากหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบร่างกายมนุษย์ หรือสืบค้นเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต และหาข้อสรุปร่วมกันภายในกลุ่มตามหัวข้อดังนี้
1. อัณฑะ (testis) 2. ถุงอัณฑะ (scrotum) 3. หลอดเก็บอสุจิ (epididymis) 4. หลอดนำอสุจิ (vas deferens) 5. ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ (seminal vesicle) 6. ต่อมลูกหมาก (prostate gland) 7. ต่อมคาวเปอร์ (Cowper’s gland) ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาอธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศ ชายตามหัวข้อที่ตนเองได้รับมอบหมาย โดยครูคอยให้คำแนะนำเพิ่มเติมตามความเหมาะสม 3. ครูถามกับคำถามกับนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - เซลล์อสุจิถูกสร้างและเจริญเติบโตที่อวัยวะใด (แนวตอบ : เซลล์อสุจิถูกสร้างจากอัณฑะและเคลื่อนที่ไปยังหลอดเก็บอสุจิซึ่งเป็นแหล่งพัฒนาและเจริญเติบโตของ เซลล์อสุจิ) - หากไม่มีถุงอัณฑะจะมีผลต่อการสร้างเซลล์อสุจิหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : ถุงอัณฑะทำหน้าที่ปรับอุณหภูมิของอัณฑะให้ต่ำกว่าอุณหภูมิของร่างกาย 3 องศาเซลเซียส ซึ่งหากไม่มีถุง อัณฑะอาจทำให้การสร้างเซลล์อสุจิผิดปกติ เนื่องจากอุณหภูมิไม่เหมาะสมต่อการสร้าง) - น้ำอสุจิที่หลั่งออกมาประกอบด้วยอะไรบ้าง (แนวตอบ : น้ำอสุจิประกอบด้วยเซลล์อสุจิ อาหารเลี้ยงอสุจิจากต่อมน้ำเลี้ยงอสุจิ ของเหลวที่มีฤทธิ์เป็นเบสอ่อนจาก ต่อมลูกหมาก และของเหลวสำหรับหล่อลื่นท่อปัสสาวะจากต่อมคาวเปอร์) 4. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศชายเพื่อให้ได้ ข้อสรุป ดังนี้ ระบบสืบพันธุ์เพศชายประกอบด้วยอวัยวะหลายอวัยวะที่ทำหน้าที่สัมพันธ์กัน ได้แก่ อัณฑะ ทำหน้าที่สร้างเซลล์อสุจิและฮอร์โมนเพศชาย ถุงอัณฑะ ทำหน้าที่ปรับอุณหภูมิของอัณฑะ หลอดเก็บอสุจิทำหน้าที่เก็บเซลล์อสุจิ ต่อมลูกหมาก ทำหน้าที่สารสร้างที่มีสมบัติเป็นเบส หลอดนำอสุจิเป็นทางผ่านของเซลล์อสุจิที่สร้างจากอัณฑะ ต่อมคาวเปอร์ทำหน้าที่สร้างสารหล่อลื่น ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิทำหน้าที่สร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ องคชาติเป็นอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของเพศชาย 5. นักเรียนทำใบงานที่ 1.5.1 เรื่อง ระบบสืบพันธุ์เพศชาย โดยให้นักเรียนตอบคำถามให้ถูกต้อง
ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 6. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 7. นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) เพื่อร่วมกันศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง โดยศึกษาและสังเกตจากแบบจำลองอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ภาพจากหนังสือเรียน หรือใช้วีดิทัศน์จากสื่อ ออนไลน์ เรื่อง ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง เรื่อง การตกไข่ และเรื่อง ประจำเดือน เช่น - Female fertility animation - Ovulation - Nucleus Health ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 8. ครูสุ่มนักเรียน 3-4 กลุ่มออกมาอธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง การตกไข่ และประจำเดือนตามที่ตนเองศึกษาบริเวณหน้าชั้นเรียน 9. ครูถามกับคำถามกับนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - เซลล์ไข่สร้างจากอวัยวะส่วนใด และมีการสร้างอย่างไร (แนวตอบ : เซลล์ไข่ถูกสร้างจากรังไข่ โดยปกติแต่ละเดือนจะมีการสร้างเซลล์ไข่เดือนละ 1 เซลล์ เท่านั้น) - ประจำเดือนเกิดขึ้นได้อย่างไร (แนวตอบ : ประจำเดือนเกิดจากการสลายตัวของผนังมดลูกที่หนาตัวขึ้น เพื่อรองรับการฝั่งตัวของเอ็มบริโอ แต่หาก เซลล์ไข่ไม่ได้รับการผสมจากเซลล์อสุจิ จะไม่มีการฝังตัวของเอ็มบริโอที่ผนังมดลูก ทำให้ผนังมดลูก ที่หนาตัวขึ้นสลายตัว ออกมาเป็นประจำเดือน) 10. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศหญิงเพื่อให้ ได้ข้อสรุป ดังนี้ หลอดเลือดในร่างกายมนุษย์แต่ละชนิดมีลักษณะหน้าที่ที่แตกต่างกัน เช่น ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ประกอบด้วยอวัยวะหลายอวัยวะ ได้แก่ รังไข่ ทำหน้าที่สร้างเซลล์ไข่และฮอร์โมนเพศหญิง ท่อนำไข่ เป็นบริเวณที่เซลล์ไข่ผสมกับเซลล์อสุจิ และเป็นทางผ่านของเซลล์ไข่จากรังไข่ไปยังมดลูก มดลูก เป็นบริเวณที่มีการผังตัวของเซลล์ไข่ที่ได้รับการผสมจากเซลล์อสุจิ ช่องคลอด เป็นทางผ่านของเซลล์อสุจิเข้าสู่มดลูกและเป็นทางผ่านของทารกเมื่อครบกำหนดคลอด 11. นักเรียนทำใบงานที่ 1.5.2 เรื่อง ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง โดยให้นักเรียนตอบคำถามให้ถูกต้อง ชั่วโมงที่ 3 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 12. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 13. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า “การสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของเพศชายและเพศหญิงเป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศ ซึ่ง ฮอร์โมนเพศชาย คือ เทสโทสเทอโรน และฮอร์โมนเพศหญิง คือ อีสโทรเจนและโพรเจสเทอโรน” 14. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับฮอร์โมนเพศ ที่ประกอบด้วย ฮอร์โมนเพศชาย และ ฮอร์โมนเพศหญิงโดยศึกษาจาก หนังสือเรียน
ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 15. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 คนออกมาอธิบายเกี่ยวกับฮอร์โมนเพศตามที่นักเรียนศึกษาบริเวณหน้าชั้นเรียน 16. จากนั้นครูสุ่มนักเรียนเพื่อตอบคำถามท้ายทำกิจกรรม โดยใช้คำถามต่อไปนี้ - ฮอร์โมนอีสโทรเจนและโพรเจสเทอโรนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรในช่วงระยะ 1 เดือน (แนวตอบ : ฮอร์โมนอีสโทรเจนจะสูงขึ้นในช่วงระยะก่อนไข่ตก และจะลดต่ำลงช่วงระยะหลังไข่ตก และจะสูงขึ้นอีก ในช่วงระยะก่อนไข่ตก ส่วนฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนจะสูงขึ้นหลังระยะไข่ตก และจะลดต่ำลงเมื่อเซลล์ไข่ไม่ได้รับการ ปฏิสนธิกับเซลล์อสุจิ) - นักเรียนจะปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจต่อการเจริญเข้าสู่วัยหนุ่มสาวได้อย่างไร (แนวตอบ : เมื่อเจริญเข้าสู่วัยหนุ่มสาว จะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย จึงควรรักษาความสะอาดของร่างกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการดื่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการใช้สารเสพติด และเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ จึงควรสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเอง รู้จัก การปรับตัวเข้ากับผู้อื่น มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่ดี และหลีกเลี่ยงสิ่งที่มีผลต่ออารมณ์และจิตใจ) 17. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับฮอร์โมนเพศเพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้ ฮอร์โมนเพศชาย คือ เทสโทสเทอโรน สร้างจากอัณฑะ ทำหน้าที่ควบคุมการสร้างเซลล์อสุจิและการเกิด ลักษณะขั้นที่ 2 ของเพศชาย ฮอร์โมนเพศหญิง คือ โพรเจสเทอโรนและอีสโทรเจน สร้างจากรังไข่ ทำหน้าที่ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของ เซลล์ไข่ ผนังมดลูก ประจำเดือน และอีสโทรเจนยังควบคุมการเกิดลักษณะขั้นที่ 2 ของเพศหญิง 18. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการปรับตัวด้านร่างกายและจิตใจต่อการเจริญเข้าสู่วัยหนุ่มสาว เพื่อให้เจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้คำถามชวนคิดว่า “นักเรียนจะปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และจิตใจต่อการเจริญเข้าสู่วัยหนุ่มสาวได้อย่างไร” (แนวตอบ : เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาวจะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย จึงควรรักษาความสะอาดของร่างกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการดื่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการใช้สารเสพติด และเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ จึงควรสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเอง รู้จัก การปรับตัวเข้ากับผู้อื่น มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่ดี และหลีกเลี่ยงสิ่งที่มีผลต่ออารมณ์และจิตใจ) ชั่วโมงที่ 4 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 19. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 20. นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) เพื่อร่วมกันศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเซลล์หลังการปฏิสนธิการ ตั้งครรภ์ และการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์โดยศึกษาและสังเกตจากหนังสือเรียน หรือใช้วีดิทัศน์จากสื่อออนไลน์ เรื่อง การปฏิสนธิ และ เรื่อง การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ เช่น - Fetal development month by month - Inside Pregnancy: Weeks 1-9 | BabyCenter 21. ให้นักเรียนสแกน QR code เรื่อง การมีประจำเดือน การปฏิสนธิ และการพัฒนาของไซโกต เพื่อขยาย ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการปฏิสนธิ การตั้งครรภ์ และการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์มากยิ่งขึ้น
ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 22. ครูสุ่มนักเรียน 9 คน ออกมาบอกการเจริญเติบโตของเอ็มบริโอและทารกในครรภ์ตั้งแต่เดือนที่ 1 ถึงเดือน ที่ 9 บริเวณหน้าชั้นเรียน 23. ครูถามคำถามนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - การปฏิสนธิเกิดขึ้นที่บริเวณใด (แนวตอบ : เซลล์อสุจิกับเซลล์ไข่ปฏิสนธิกันบริเวณท่อนำไข่) - หลังการปฏิสนธิของเซลล์ไข่กับเซลล์อสุจิ เซลล์จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร (แนวตอบ : หลังการปฏิสนธิ เซลล์ไข่ที่ได้รับการผสมจากเซลล์อสุจิจะพัฒนาเป็นไซโกต และจะแบ่งเซลล์ต่อจน กลายเป็นเอ็มบริโอ ซึ่งจะเคลื่อนที่ไปฝังตัวที่ผนังมดลูก โดยมีการแลกเปลี่ยนสารอาหาร แก๊สออกซิเจน แอนติบอดี ของ เสีย และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างแม่กับลูกผ่านทางรก) 24. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการปฏิสนธิและการตั้งครรภ์เพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้ เซลล์อสุจิ ปฏิสนธิกับเซลล์ไข่ที่ท่อนำไข่ เจริญต่อเป็นไซโกตและแบ่งเซลล์จนเป็นเอ็มบริโอ จากนั้นเอ็มบริโอจะเคลื่อนที่ไปฝังตัวที่ ผนังมดลูก ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนแก๊ส สารอาหาร และของเสียระหว่างแม่กับลูกผ่านทางรก จนเมื่อครบ 8 สัปดาห์ เอ็มบริโอจะกลายเป็นฟีตัสที่มีอวัยวะต่าง ๆ ครบ และเจริญต่อในครรภ์จนครบ 9 เดือน แล้วจึงคลอดออกมาจากครรภ์ ของแม่ ชั่วโมงที่ 5 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 25. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 26. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาวิธีการคุมกำเนิดโดยศึกษาและ สังเกตจากหนังสือเรียน หรือสืบค้นเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต และหาข้อสรุปร่วมกันภายในกลุ่มถึงข้อดี-ข้อเสียจากการ คุมกำเนิดตามหัวข้อที่นักเรียนได้รับมอบหมาย ดังนี้ 1. การคุมกำเนิดโดยการนับระยะปลอดภัย 2. การคุมกำเนิดโดยใช้อุปกรณ์ 3. การคุมกำเนิดโดยใช้ยาคุมกำเนิด 4. การคุมกำเนิดโดยการทำหมัน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 27. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาอธิบายเกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิดตามหัวข้อที่ตนเองได้รับมอบหมาย บริเวณหน้าชั้นเรียน 28. ครูถามคำถามนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - จงหาระยะปลอดภัยของการตั้งครรภ์ หากมีประจำเดือนในช่วงวันที่ 18-22 มกราคม (แนวตอบ : ระยะปลอดภัยของการตั้งครรภ์ คือ วันที่ 10-25 มกราคม) - การคุมกำเนิดวิธีใดมีประสิทธิภาพสูงที่สุด เพราะเหตุใด (แนวตอบ : การผ่าตัดทำหมัน เนื่องจากเป็นการตัดท่อน้ำไข่หรือท่อนำอสุจิ ทำให้เซลล์ไข่หรือเซลล์อสุจิ ไม่สามารถ เคลื่อนที่ไปปฏิสนธิกันได้)
29. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการคุมกำเนิดเพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้ การคุมกำเนิดมีหลายวิธี ได้แก่ วิธีธรรมชาติ คือ การนับระยะปลอดภัยซึ่งเป็นการนับวันในการมีเพศสัมพันธ์ การคุมกำเนิดโดยใช้อุปกรณ์ ได้แก่ ถุงยางอนามัยห่วงคุมกำเนิด การคุมกำเนิดโดยใช้ยาคุมกำเนิด การทำหมัน ซึ่งการคุมกำเนิดแต่ละวิธีจะมีข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกัน และจะถูกใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ชั่วโมงที่ 6 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 30. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 31. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า “เมื่อนักเรียนเกิดเหตุฉุกเฉิน คือ การถูกข่มขืน นักเรียนจะต้องใช้ยาคุมกำเนิด ฉุกเฉินเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ โดยจะต้องใช้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์” 32. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 5 กลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้ยา คุมฉุกเฉิน ตามหัวข้อดังนี้ 1. ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินคืออะไร 2. วิธีการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน 3. ผลลัพธ์ของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน 4. ข้อดีของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน 5. ข้อเสียของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน 33. เปิดโอกาสให้นักเรียนร่วมกันศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต และร่วมกันวางแผนการจำลอง สถานการณ์ตามหัวข้อที่นักเรียนได้รับมอบหมาย ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 34. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอการจำลองสารจำลองสถานการณ์เกี่ยวกับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินตามหัวข้อ ที่ได้รับมอบหมาย 35. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกัน ดังนี้ ยาคุมกำเนิด ฉุกเฉินเป็นยาที่ต้องใช้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีตัวยาเป็นฮอร์โมนเช่นเดียวกับยาคุมกำเนิดทั่วไปแต่มี ปริมาณสูงมาก จึงควรใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้นเพราะมีผลข้างเคียงมาก หากใช้บ่อยจะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอก มดลูก กระตุ้นเซลล์มะเร็งและทำให้มดลูกผิดปกติได้ ชั่วโมงที่ 7 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 36. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้วให้นักเรียนทราบพอสังเขป 37. ครูนำข่าวเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรมาให้นักเรียนดูพร้อมตั้งคำถามชวนคิดกับนักเรียนว่า “จาก ข่าวที่นักเรียนได้เห็นนักเรียนคิดว่านักเรียนจะมีแนวทางการป้องกันอย่างไร” 38. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) เพื่อให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ข่าวและอธิบายถึงผลเสียจากการตั้งครรภ์ ก่อนวัยอันควร รวมถึงการรับมือและแนวทางการป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 39. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอข้อมูลตามที่ได้วิเคราะห์บริเวณหน้าชั้นเรียน 40. ครูถามคำถามนักเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ - การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรมีผลกระทบอย่างไร (แนวตอบ : การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ได้แก่ การทำแท้งเพื่อยุติการตั้งครรภ์ ฝ่ายหญิง ต้องออกจากสถานศึกษาทำให้เสียการเรียนและเสียอนาคต การแต่งงานจากภาวะจำยอม) - นักเรียนมีวิธีหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรอย่างไร (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผ้สอน เช่น หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การเที่ยวสถานบันเทิง การอยู่ด้วยกันตามลำพังในที่ลับตาคน การแต่งกายรัดรูปหรือเปิดเผยสัดส่วน รู้จักการปฏิเสธใน สถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ รู้จักวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสม การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองในสถานการณ์ ที่เหมาะสม) 41. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ก่อนวันอันควร เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกันดังนี้ การตั้งครรภ์ก่อนวันอันควรเป็นปัญหาใหญ่ที่พบในวัยหนุ่มสาว ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น การทำ แท้ง การแต่งงานจากภาวะจำยอม การติดโรคทางเพศสัมพันธ์ เสียการเรียน และสร้างปัญหาทางด้านอารมณ์และจิตใจ ต่อผู้ตั้งครรภ์ นักเรียนสามารถประพฤติตนเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร เช่น การหลีกเลี่ยง พฤติกรรมเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวสถานบันเทิง การดื่มแอลกอฮอล์ การแต่งกายรัดรูป รู้จักการปฏิเสธ รู้จักวิธีการ คุมกำเนิดที่เหมาะสม การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองในสถานการณ์ที่เหมาะสม ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 42. นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ช่วยทบทวนเนื้อหาและตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของผู้เรียน (Exercise 1.5) 43. ครูถามคำถามสำคัญกับนักเรียน โดยใช้คำถามต่อไปนี้ - หากต่อมคาวเปอร์ไม่สามารถหลั่งสารออกมาได้จะส่งผลต่อเซลล์อสุจิอย่างไร (แนวตอบ : ต่อมคาวเปอร์ทำหน้าที่หลั่งสารที่มีสมบัติเป็นเบสเพื่อลดความเป็นกรดในช่องคลอดของเพศหญิง ซึ่งหาก ต่อมคาวเปอร์ไม่หลั่งสารที่มีสมบัติเป็นเบส จะทำให้เซลล์อสุจิตายเมื่อเข้าสู่ช่องคลอดของเพศหญิง เนื่องจากช่องคลอด มีความเป็นกรดซึ่งเป็นสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อเซลล์อสุจิ) - เพราะเหตุใดเมื่อผู้หญิงตั้งครรภ์จึงไม่มีประจำเดือน (แนวตอบ : เมื่อมีการฝังตัวของเอ็มบริโอที่ผนังมดลูกผู้หญิงจะไม่มีประจำเดือน เนื่องจาก การฝังตัวของเอ็มบริโอที่ผนัง มดลูกจะมีการเจริญของรก ซึ่งรกจะหลั่งฮอร์โมนยับยั้งการหลุดลอดของผนังมดลูก ดังนั้นจึงทำให้ไม่มีประจำเดือน) 44. นักเรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาสาระสำคัญของหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบร่างกายมนุษย์ 45. นักเรียนทำกิจกรรมส่งเสริมฝึกทักษะกระบวนการคิด โดยนักเรียนพิจารณาบทความที่กำหนดให้แล้วตอบ คำถามให้ถูกต้อง ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุป เรื่อง ระบบร่างกายมนุษย์ ในประเด็นต่าง ๆ
2. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำชิ้นงาน/ภาระงาน(รวบยอด) เรื่อง แบบจำลองระบบร่างกายมนุษย์โดยให้ นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 6 กลุ่มจากนั้นระดมความคิดเห็นร่วมกันเพื่อจำลองระบบร่างกายมนุษย์และนำมาส่งใน ชั่วโมงถัดไป ตามหัวข้อดังนี้ 1. ระบบหายใจ 2. ระบบขับถ่าย 3. ระบบหมุนเวียนเลือด 4. ระบบประสาท 5. ระบบสืบพันธุ์เพศชาย 6. ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง 3. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ระบบร่างกายมนุษย์ หรือทำแบบทดสอบ พัฒนาผู้เรียนเพื่อวัดความรู้ที่นักเรียนได้รับหลังจากผ่านการเรียนรู้ 4. ครูตรวจสอบความถูกต้องของการทำใบงานที่ 1.5.1 เรื่อง ระบบสืบพันธุ์เพศชาย 5. ครูตรวจสอบความถูกต้องของการทำใบงานที่ 1.5.2 เรื่อง ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง 7. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรม Exercise 1.5 ของนักเรียน 8. ครูตรวจสอบผลการจำลองสถานการณ์เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน 9. ครูตรวจสอบความถูกต้องจากการวิเคราะห์ข่าวเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร 10. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการตอบคำถาม ความสนใจในการเรียน การทำกิจกรรมกระบวนการ กลุ่มของนักเรียน และการนำเสนอผลงาน 11. ครูตรวจสอบการทำชิ้นงาน/ภาระงาน(รวบยอด) เรื่อง แบบจำลองระบบร่างกายมนุษย์ 12. ครูตรวจสอบความถูกต้องจากการทำแบบทดสอบหลังเรียนและแบบทดสอบพัฒนาผู้เรียน 13. ครูตรวจสอบความถูกต้องจากการทำกิจกรรมส่งเสริมฝึกทักษะกระบวนการคิด 9. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1 2. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint 3. สื่อวิดีทัศน์ออนไลน์ 4. แบบฝึกทักษะ 5. ใบงานที่ 1.5.1 เรื่อง ระบบสืบพันธุ์เพศชาย 6. ใบงานที่ 1.5.2 เรื่อง ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง 7. แบบจำลองอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศชายและระบบสืบพันธุ์เพศหญิง 9. ข่าวเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร 10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ 1. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 2. อินเทอร์เน็ต
11. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 11.1 การประเมินก่อนเรียน - ตรวจสอบความรู้เดิม - การตอบคำถามเพื่อ ตรวจสอบความรู้เดิม - คำถามจากครูผู้สอน - ประเมินตามสภาพจริง 11.2 การประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม 1) ระบบสืบพันธุ์ - ตรวจใบงานที่ 1.5.1 - ตรวจใบงานที่ 1.52 - ตรวจ Exercise 1.5 - การตอบคำถามใน ระหว่างการเรียนและ การสรุปองค์ความรู้ - ใบงานที่ 1.5.1 - ใบงานที่ 1.5.2 - Exercise 1.5 - คำถามจากครูผู้สอน - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 2) การปฏิบัติการ - ประเมินการปฏิบัติการ - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรมการทำงาน รายกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 5)การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 6)คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 11.3 การประเมินหลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบ ร่างกายมนุษย์ - ตรวจแบบทดสอบหลัง เรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 12. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
13. บันทึกผลการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ 13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ 13.1.1 ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายโครงสร้างและอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ของเพศชายและเพศหญิงได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) อธิบายการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของเพศชายและเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิง และการเกิดประจำเดือนในเพศ หญิงได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) อธิบายผลของฮอร์โมนเพศต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาวได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 4) อธิบายการปฏิสนธิและการตั้งครรภ์ได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 5) อธิบายการคุมกำเนิดวิธีต่าง ๆ ได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 6) เลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ถูกต้อง ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.2 ด้านทักษะที่สำคัญ (P) 1) แสดงบทบาทสมมุติในการเลือกวิธีการคุมกำเนิดได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจเมื่อเจริญเข้าสู่วัยหนุ่มสาว ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................
2) ตระหนักถึงการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 4) ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.4 ด้านสมรรถนะ (C) 1) ความสามารถในการสื่อสาร ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ความสามารถในการคิด ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.2 ปัญหา อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 13.3 แนวทางแก้ไขปัญหา / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ............................................................. (นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
QR code สื่อวิดีทัศน์ออนไลน์ Female fertility animation Ovulation - Nucleus Health Fetal development month by month
QR code สื่อวิดีทัศน์ออนไลน์ Inside Pregnancy: Weeks 1-9 | BabyCenter การมีประจำเดือน การปฏิสนธิ และการพัฒนาของไซโกต (วิทยาศาสตร์ ม. 2 เล่ม 1 หน่วยที่ 3 บทที่ 5)
ใบงานที่ 1.5.1 ระบบสืบพันธุ์เพศชาย คำชี้แจง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. จงอธิบายหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศชายต่อไปนี้ 2. เซลล์อสุจิมีลักษณะสำคัญอย่างไร 1 2 3 4 5 6 7 8 หมายเลข 2 คือ ............................................................. หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ หมายเลข 3 คือ ............................................................. . หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ . หมายเลข 4 คือ ............................................................. หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ หมายเลข 5 คือ ......................................... . .................... หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ . หมายเลข 6 คือ ............................................................. หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ หมายเลข 7 คือ ............................................................. . หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ . หมายเลข 8 คือ ............................................................. หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ . หมายเลข 1 คือ ............................................................. หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ . ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ใบงานที่ 1.5.2 ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง คำชี้แจง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. จงอธิบายหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศหญิงต่อไปนี้ 2. จงอธิบายการตกไข่และการเกิดประจำเดือน หมายเลข 4 คือ ..................................................... หน้าที่.................................................................... ............................................................................. ............................................................................. หมายเลข 2 คือ ..................................................... หน้าที่.................................................................... ............................................................................. ............................................................................. 1 2 3 4 หมายเลข 1 คือ ..................................................... หน้าที่.................................................................... ............................................................................. ............................................................................. หมายเลข 3 คือ ..................................................... หน้าที่.................................................................... ............................................................................. ............................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 1.5.1 เฉลย ระบบสืบพันธุ์เพศชาย คำชี้แจง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. จงอธิบายหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศชายต่อไปนี้ 2. เซลล์อสุจิมีลักษณะสำคัญอย่างไร 1 2 3 4 5 6 7 8 หมายเลข 2 คือ ............................................................. หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ หมายเลข 3 คือ ............................................................. . หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ . หมายเลข 4 คือ ............................................................. หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ หมายเลข 5 คือ ......................................... . .................... หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ . หมายเลข 6 คือ ............................................................. หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ หมายเลข 7 คือ ............................................................. . หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ . หมายเลข 8 คือ ............................................................. หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ . หมายเลข 1 คือ ............................................................. หน้าที่.............................................................................. ........................................................................................ . ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ สร้างน้ำเลี้ยงเซลล์อสุจิที่มีฤทธิ์เป็นเบสอ่อนๆ ประกอบด้วยน้ำ น้ำตาลฟรักโทส สารเมือก หลอดนำอสุจิ เป็นทางผ่านของเซลล์อสุจิที่สร้างมาจาก อัณฑะ องคชาติ เป็นอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกร่างกาย หลอดเก็บอสุจิ เก็บอสุจิที่สร้างมาจากอัณฑะ ถุงอัณฑะ ห่อหุ้มอัณฑะและปรับอุณหภูมิของอัณฑะ ให้เหมาะสมต่อการสร้างเซลล์อสุจิ อัณฑะ สร้างเซลล์อสุจิและฮอร์โมนเพศชาย ต่อมลูกหมาก หลั่งสารที่มีสมบัติเป็นเบส เพื่อลดความเป็น กรดภายในช่องคลอด ต่อมคาวเปอร์ สร้างสารหล่อลื่น ช่วยให้เซลล์อสุจิเคลื่อนที่ได้ เร็วขึ้น เซลล์อสุจิประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนหัวมีนิวเคลียสที่บรรจุสารพันธุกรรมอยู่ภายใน และถูกห่อหุ้มด้วย ถุงอะโครโซมที่ภายในบรรจุเอนไซม์สำหรับการเจาะเยื่อหุ้มเซลล์ไข่ ส่วนลำตัวมีไมโทคอนเดรียที่เป็นแหล่ง พลังงานสำหรับการเคลื่อนที่ของเซลล์อสุจิ และส่วนหางซึ่งประกอบด้วยแฟลเจลลัมที่ใช้สำหรับเคลื่อนที่
ใบงานที่ 1.5.2 เฉลย ระบบสืบพันธุ์เพศชาย คำชี้แจง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. จงอธิบายหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศหญิงต่อไปนี้ 2. จงอธิบายการตกไข่และการเกิดประจำเดือน …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… หมายเลข 4 คือ ..................................................... หน้าที่.................................................................... ............................................................................. ............................................................................. หมายเลข 2 คือ ..................................................... หน้าที่.................................................................... ............................................................................. ............................................................................. 1 2 3 4 หมายเลข 1 คือ ..................................................... หน้าที่.................................................................... ............................................................................. ............................................................................. หมายเลข 3 คือ ..................................................... หน้าที่.................................................................... ............................................................................. ............................................................................. ท่อนำไข่ เป็นทางผ่านของเซลล์ไข่ที่ออกจากรังไข่ เข้าสู่มดลูก และเป็นบริเวณที่มีการปฏิสนธิของ เซลล์อสุจิกับเซลล์ไข่ มดลูก เป็นที่ฝังตัวของเซลล์ไข่ที่ได้รับการ ผสมจากเซลล์อสุจิ และเป็นที่เจริญเติบโต ของทารกในครรภ์ ช่องคลอด เป็นทางผ่านของเซลล์อสุจิเข้าสู่มดลูก และเป็นทางออกของทารกเมื่อครบกำหนด คลอด รังไข่ มีอยู่ 2 ข้าง ทำหน้าที่ผลิตเซลล์เซลล์ไข่ และฮอร์โมนเพศหญิง การตกไข่ เกิดจากเซลล์ไข่ที่เจริญเติบโตเต็มที่และพร้อมที่จะได้รับการปฏิสนธิจากเซลล์อสุจิตกจากรังไข่ เข้าสู่ท่อนำไข่ ซึ่งเซลล์ไข่จะเกิดการปฏิสนธิกับเซลล์อสุจิที่บริเวณท่อนำไข่ แต่หากเซลล์ไข่ไม่ได้รับการ ผสมจากเซลล์อสุจิ ผนังมดลูกที่หนาตัวขึ้นจะหลุดออกจากมดลูกกลายเป็นประจำเดือน ซึ่งโดยปกติ เพศหญิงจะตกไข่เดือนละ 1 เซลล์ ทำให้แต่ละเดือนจะเกิดประจำเดือน เดือนละ 1 ครั้ง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่2 เรื่อง การระเหยแห้ง เวลา 2 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐานการเรียนรู้ ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้างและ แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสาร ละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.2/1 อธิบายการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่นอย่างง่าย โครมาโทกราฟี แบบกระดาษ การสกัดด้วยตัวทำละลาย โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ว 2.1 ม.2/2 แยกสารโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่นอย่างง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดด้วยตัวทำละลาย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. อธิบายการแยกสารโดยการระเหยแห้งได้ (K) 2. ยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้การระเหยแห้งในการแยกสารในชีวิตประจำวันได้ (K) 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. แยกสารโดยการระเหยแห้งได้ (P) 2. ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง (P) 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การระเหยแห้งเป็นการแยกสารละลายที่ประกอบด้วยตัวละลายที่เป็นของแข็งในตัวทำละลายที่เป็นของเหลว โดยใช้ความร้อน ซึ่งตัวทำละลายจะระเหยกลายเป็นไอจนหมด จึงเหลือเฉพาะตัวละลายที่เป็นของแข็ง เช่น การผลิต เกลือสมุทร
4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) การระเหยแห้ง 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) - แยกสารโดยการระเหยแห้ง 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ
7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ การใช้อุปกรณ์และสารเคมีในการทดลองอย่างพอเหมาะ 7.2 ความมีเหตุผล ตอบคำถามและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างมีเหตุผล การปฏิบัติกิจกรรมอย่างมีเหตุผล 7.3 การมีภูมิคุ้มกัน การเชื่อมโยงสาระความรู้กับแนวทางการประกอบอาชีพในอนาคต 7.4 เงื่อนไขความรู้ การระเหยแห้ง 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม การปฏิบัติกิจกรรมด้วยความซื่อสัตย์และมีวินัย 7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ การเชื่อมโยงสาระความรู้กับการประกอบอาชีพและเศรษฐกิจของประเทศ 7.6.2 ด้านสังคม - 7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม - 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม - 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูให้นักเรียนดูภาพตัวอย่างสารผสม ได้แก่ เงินเหรียญประเภทต่างๆ น้ำผสมกับน้ำมัน ก้อนหินและเศษวัสดุ ในทราย หลังจากนั้นครูถามคำถามทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนว่า “จากภาพตัวอย่าง สามารถแยกองค์ประกอบของ สารผสมเหล่านี้ได้อย่างไร” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับประสบการณ์เดิมของนักเรียน เช่น แยกเงินเหรียญประเภทต่างๆ ออกจากกัน โดยการหยิบออก แยกน้ำที่ผสมกับน้ำมันโดยการรินน้ำมันออกหรือใช้ที่ดูดมาดูดน้ำมันออก แยกก้อนหินและเศษวัสดุใน ทรายโดยการหยิบก้อนหินและเศษวัสดุออกหรือใช้ตะแกรงกรองทรายออกจากก้อนหินและเศษวัสดุ) 2. จากนั้นครูถามคำถามทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนว่า “การแยกส่วนประกอบของสารผสมแต่ละชนิดควร คำนึงถึงสิ่งใดบ้าง” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับประสบการณ์เดิมของนักเรียน เช่น การแยกสารผสมควรทราบสมบัติทาง กายภาพของสารที่เป็นองค์ประกอบก่อน เพื่อที่จะได้เลือกวิธีที่เหมาะสมในการแยกสารและสามารถนำสารที่แยกไปใช้ ประโยชน์ได้ต่อไป)
3. ครูถามคำถามทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนว่า “นักเรียนรู้จักการแยกสารผสมด้วยวิธีใดบ้าง” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับประสบการณ์เดิมของนักเรียน เช่น การหยิบออก การร่อนออก การตกตะกอน การกรอง การรินออก การดึงดูดด้วยแม่เหล็ก) 4. จากนั้นครูถามคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเพื่อนำเข้าสู่การเรียนการสอนว่า “น้ำเกลือประกอบด้วยน้ำและโซเดียมคลอไรด์ผสมกัน สามารถใช้วิธีการแยกสารโดยการหยิบออก การรินออก การร่อน ออก การตกตะกอน การกรอง การดึงดูดด้วยแม่เหล็กในการแยกเกลือและน้ำออกจากน้ำเกลือได้หรือไม่ เพราะเหตุใด” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น จะไม่สามารถแยกเกลือและน้ำออกจากน้ำเกลือ โดยใช้วิธีการแยกสารโดยการหยิบออก การรินออก การร่อนออก การตกตะกอน การกรอง การดึงดูดด้วยแม่เหล็กได้) ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 5. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า “สารผสมเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปมาผสมกันในอัตราส่วนไม่คงที่ ซึ่งสาร แต่ละชนิดยังคงแสดงสมบัติของสารเดิมอยู่ สารผสมสามารถพบในรูปสารผสมเนื้อเดียวและและสารผสมเนื้อผสม สาร ผสมในรูปสารผสมเนื้อผสม เช่น ก้อนหินและเศษวัสดุในทราย สามารถแยกองค์ประกอบโดยการหยิบก้อนหินและเศษ วัสดุออกหรือใช้ตะแกรงกรองทรายออกจากก้อนหินและเศษวัสดุได้ แต่สารผสมเนื้อเดียว เช่น น้ำเกลือที่ประกอบด้วย น้ำและโซเดียมคลอไรด์ผสมกัน จะใช้วิธีการหยิบออกหรือการกรองออกไม่ได้” 6. จากนั้นครูถามคำถามว่า “สารผสมเนื้อเดียวสามารถใช้วิธีใดในการแยกองค์ประกอบของสารผสมได้บ้าง” (แนวตอบ : คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น การแยกสารผสมได้หลายวิธี เช่น การระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่น การสกัดด้วยตัวทำละลาย) 7. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการระเหยแห้งโดยศึกษาจากหนังสือเรียนและใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง การระเหยแห้ง 8. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-7 คน เพื่อทำกิจกรรมการแยกสารโดยการระเหยแห้ง 9. นักเรียนดำเนินการแยกสารโดยการระเหยแห้งตามวิธีการทดลอง และบันทึกผลการทดลอง อภิปรายและ สรุปผลการทดลอง และตอบคำถามท้ายการทดลอง ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 10. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมการแยกสารโดยการระเหยแห้งบริเวณหน้าชั้นเรียน 11. จากนั้นครูสุ่มนักเรียนเพื่อตอบคำถามท้ายทำกิจกรรม โดยใช้คำถามต่อไปนี้ “หลังการระเหยสารละลายทั้ง 3 ชนิด มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร” (แนวตอบ : หลุมที่บรรจุสารละลายโซเดียมคลอไรด์และหลุมที่บรรจุสารละลายโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตเกิดผลึก ของแข็งเหลืออยู่ ส่วนหลุมที่บรรจุสารละลายกรดแอซีติกไม่เหลือผลึกของแข็งเหลืออยู่) “สารละลายชนิดใดประกอบด้วยตัวละลายที่เป็นของแข็ง” (แนวตอบ : สารละลายโซเดียมคลอไรด์และสารละลายโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตเป็น สารละลายที่มีตัวละลายเป็น ของแข็ง เนื่องจากเหลือผลึกของแข็งอยู่ภายในหลุม ส่วนสารละลายกรดแอซีติกเป็นสารละลายที่มีตัวละลายเป็น ของเหลว ตัวละลายจึงระเหยออกไปจนหมด จึงไม่เหลือสารอยู่ในหลุม) 12. นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายผลการทำกิจกรรมการแยกสารโดยการระเหยแห้งเพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกัน ดังนี้ “เมื่อให้ความร้อนกับสารละลายจนน้ำระเหยออกจนหมด หลุมที่บรรจุสารละลายโซเดียมคลอไรด์เกิดผลึกสีขาว หลุมที่บรรจุสารละลายโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตเกิดผลึกสีม่วง ส่วนหลุมที่บรรจุสารละลายกรดแอซีติกไม่มีผลึก
เกิดขึ้น แสดงว่าสารละลายโซเดียมคลอไรด์และสารละลายโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตเป็นสารละลายที่มีของแข็งเป็น ตัวละลาย ส่วนสารละลายกรดแอซีติกเป็นสารละลายที่มีของเหลวเป็นตัวละลาย” ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 13. ครูให้นักเรียนร่วมกันยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้ง 14. ครูถามคำถามสำคัญกับนักเรียน โดยใช้คำถามต่อไปนี้ “การผลิตเกลือสมุทรใช้หลักการระเหยแห้งอย่างไร” (แนวตอบ : การผลิตเกลือสมุทรเป็นการแยกเกลือหรือโซเดียมคลอไรด์ที่ละลายอยู่ในน้ำทะเลในรูปไอออน โดยการใช้ ความร้อนจากแสงอาทิตย์ทำให้น้ำระเหยกลายเป็นไอออกไป จึงเหลือเฉพาะผลึกเกลือสมุทรหรือผลึกโซเดียมคลอไรด์) 15. นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ช่วยทบทวนเนื้อหาและตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของผู้เรียน (Exercise 2.1) ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 16. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการระเหยแห้ง เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า “การระเหยแห้งเป็นการแยกสารที่ ประกอบด้วยตัวละลายที่เป็นของแข็งในตัวทำละลายที่เป็นของเหลวโดยใช้ความร้อน ทำให้ตัวทำละลายที่เป็นของเหลว ระเหยกลายเป็นไอออกไปจนหมดเหลือเฉพาะตัวละลายที่เป็นของแข็ง หลักการระเหยแห้งถูกใช้ประโยชน์ในการผลิต เกลือสมุทร เมื่อน้ำทะเลซึ่งมีไอออนของโซเดียมคลอไรด์ละลายอยู่ในรูปไอออน (Na+ และ Cl- ) ได้รับความร้อนจากดวง อาทิตย์ น้ำจะระเหยกลายเป็นไอออกไป จึงเหลือผลึกโซเดียมคลอไรด์หรือผลึกเกลือสมุทรอยู่ในนาเกลือ” 17. ครูตรวจสอบและประเมินผลดังนี้ - ตรวจสอบผลการทดลองการแยกสารโดยการระเหยแห้ง - ตรวจสอบความถูกต้องจากใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง การระเหยแห้ง - ตรวจสอบผลการทำกิจกรรม Exercise 2.1 ของนักเรียน - สังเกตการตอบคำถาม การทำกิจกรรม กระบวนการกลุ่ม และการนำเสนอผลงานของนักเรียน 9. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1 2. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint 3. แบบฝึกทักษะ 4. ใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง การระเหยแห้ง 5. อุปกรณ์การแยกสารโดยการระเหยแห้ง 10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ 1. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 2. อินเทอร์เน็ต
11. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 11.1 การประเมินก่อนเรียน - ความรู้เดิมเกี่ยวกับการ แยกสารผสม - การตอบคำถามเพื่อ ตรวจสอบความรู้เดิม - คำถามจากครูผู้สอน - ประเมินตามสภาพจริง 11.2 การประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม 1) การระเหยแห้ง - การตอบคำถามใน ระหว่างการเรียน - การบันทึกผลและการ ตอบคำถามในใบ กิจกรรมที่ 1 - ตรวจ Exercise 2.1 - คำถามจากครูผู้สอน - ใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง การ ระเหยแห้ง - Exercise 2.1 - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 2) การปฏิบัติการ - ประเมินการปฏิบัติการ - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรมการทำงาน รายกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 5)การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 6)คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์ 12. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
13. บันทึกผลการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ 13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ 13.1.1 ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายการแยกสารโดยการระเหยแห้งได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้การระเหยแห้งในการแยกสารในชีวิตประจำวันได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.2 ด้านทักษะที่สำคัญ (P) 1) แยกสารโดยการระเหยแห้งได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.4 ด้านสมรรถนะ (C) 1) ความสามารถในการสื่อสาร ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ความสามารถในการคิด ผู้เรียนที่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่เกิดสมรรถนะ มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................