แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา วิทยาศาสตร์ (ว21102) ชั้น ชั้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง ตำ แหน่ง ครูผู้ช่วย กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำ นักงานเขตพื้นพื้ที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรปราการ สำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นขั้พื้นพื้ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนบางพลีราษฎร์บำ รุง
คำอธิบายรายวิชา รหัสวิชา ว21102 รายวิชา วิทยาศาสตร์พื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต วิเคราะห์ความหมายข้อมูล และคำนวณปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิและเปลี่ยนสถานะ โดย ใช้สมการ Q = mc∆t และ Q = mL ใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการวัดอุณหภูมิของสสาร สร้างแบบจำลองที่อธิบาย การ ขยายตัว หรือหดตัวของสสารเนื่องจากได้รับหรือสูญเสียความร้อน ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการหด และ ขยายตัวของสสารเนื่องจากความร้อน โดยวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา และเสนอแนะวิธีการนำความรู้ มาแก้ปัญหาใน ชีวิตประจำวัน วิเคราะห์สถานการณ์การถ่ายโอนความร้อน และคำนวณปริมาณความร้อนที่ถ่ายโอน ระหว่างสสารจน เกิดสมดุลความร้อนโดยใช้สมการ Q สูญเสีย = Q ได้รับ สร้างแบบจำลองที่อธิบายการถ่ายโอนความร้อน โดยการนำความ ร้อน การพาความร้อน การแผ่รังสีความร้อน ออกแบบเลือกใช้และสร้างอุปกรณ์เพื่อแก้ปัญหา ในชีวิตประจำวันโดยใช้ ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายโอนความร้อน สร้างแบบจำลองที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง ความดันอากาศกับความสูงจาก พื้นโลก สร้างแบบจำลองที่อธิบายการแบ่งชั้นบรรยากาศและเปรียบเทียบประโยชน์ของบรรยากาศแต่ละชั้น อธิบาย ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศจากข้อมูลที่รวบรวมได้เปรียบเทียบกระบวนการเกิดพายุ ฝนฟ้าคะนองและพายุหมุนเขตร้อน และผลที่มีต่อสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนำเสนอแนวทางการปฏิบัติตนให้ เหมาะสมและปลอดภัย อธิบายการพยากรณ์อากาศ และพยากรณ์อากาศอย่างงายจากข้อมูลที่รวบรวมได้ตระหนักถึง คุณค่าของการพยากรณ์อากาศ โดยนำเสนอแนวทาง การปฏิบัติตนและการใช้ประโยชน์อากาศ อธิบายสถานการณ์และ ผลกระทบการเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศโลกจากข้อมูลที่รวบรวมได้ตระหนักถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศโลกโดยนำเสนอแนวทางการปฏิบัติตนภายใต้การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ ว 2.2 ม.1/1 สร้างแบบจำลองที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความดันอากาศกับความสูงจากพื้นโลก ว 2.3 ม.1/1 วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และคำนวณปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิและ เปลี่ยนสถานะ โดยใช้สมการ Q = mc∆t และ Q = mL ว 2.3 ม.1/2 ใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการวัดอุณหภูมิของสสาร ว 2.3 ม.1/3 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการขยายตัวหรือหดตัวของสสารเนื่องจากได้รับหรือสูญเสียความร้อน ว 2.3 ม.1/4 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการหดและขยายตัวของสสารเนื่องจากความร้อนโดยวิเคราะห์ สถานการณ์ปัญหา และเสนอแนะวิธีการนำความรู้มาแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ว 2.3 ม.1/5 วิเคราะห์สถานการณ์การถ่ายโอนความร้อนและคำนวณปริมาณความร้อนที่ถ่ายโอนระหว่างสสารจน เกิดสมดุลความร้อนโดยใช้สมการ Q สูญเสีย = Q ได้รับ ว 2.3 ม.1/6 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการถ่ายโอนความร้อนโดยการนำความร้อน การพาความร้อน การแผ่รังสี ความร้อน
ว 2.3 ม.1/7 ออกแบบ เลือกใช้ และสร้างอุปกรณ์ เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายโอน ความร้อน ว 3.2 ม.1/1 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการแบ่งชั้นบรรยากาศและเปรียบเทียบประโยชน์ของบรรยากาศแต่ละชั้น ว 3.2 ม.1/2 อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ ว 3.2 ม.1/3 เปรียบเทียบกระบวนการเกิดพายุ ฝนฟ้าคะนองและพายุหมุนเขตร้อน และผลที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม รวมทั้งนำเสนอแนวทางการปฏิบัติตนให้เหมาะสมและปลอดภัย ว 3.2 ม.1/4 อธิบายการพยากรณ์อากาศ และพยากรณ์อากาศอย่างง่ายจากข้อมูลที่รวบรวมได้ ว 3.2 ม.1/5 ตระหนักถึงคุณค่าของการพยากรณ์อากาศโดยนำเสนอแนวทางการปฏิบัติตนและการใช้ประโยชน์ จากคำพยากรณ์อากาศ ว 3.2 ม.1/6 อธิบายสถานการณ์และผลกระทบการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกจากข้อมูลที่รวบรวมได้ ว 3.2 ม.1/7 ตระหนักถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก โดยนำเสนอแนวทางการปฏิบัติตนภายใต้ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก รวมทั้งหมด 15 ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้
โครงสร้างรายวิชา รหัสวิชา ว21102 รายวิชา วิทยาศาสตร์พื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ (ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้) สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน 4 พลังงานความร้อน ว 2.3 ม.1/1-7 อุณหภูมิและการวัด - เครื่องมือวัดอุณหภูมิ - หน่วยวัดอุณหภูมิ ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลง ของสสาร - ผลของความร้อนต่อการ ขยายตัวหรือหดตัวของสสาร - ผลของความร้อนต่อการ เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสาร - ผลของความร้อนที่มีต่อการ เปลี่ยนสถานะของสุสาร สมดุลความร้อน การถ่ายโอนความร้อน - การนำความร้อน - การพาความร้อน - การแผ่รังสีความร้อน 21 20 5 บรรยากาศ ว 2.2 ม.1/1 ว 3.2 ม.1/1-2 ชั้นบรรยากาศ - องค์ประกอบของบรรยากาศ - การแบ่งชั้นบรรยากาศ องค์ประกอบของลม ฟ้า อากาศ - อุณหภูมิของอากาศ - ความดันอากาศ - ความชื้นอากาศ - ลม - การเกิดเมฆและฝน 23 14
หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ (ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้) สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน 6 บรรยากาศ 2 ว 3.2 ม.1/3-7 ความแปรปรวนของลม ฟ้า อากาศ - พายุฝนฟ้าคะนอง - พายุหมุนเขตร้อน การพยากรณ์อากาศ - เกณฑ์การรายงานพยากรณ์ อากาศ - แผนที่อากาศ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก - ปรากฏการณ์เรือนกระจก - รูโหว่โอโซน 16 6 จิตพิสัย - 5 สอบกลางภาค 1 25 สอบปลายภาค 1 30 รวม 60 100
โครงสร้างเวลาเรียน รหัสวิชา ว21102 รายวิชา วิทยาศาสตร์พื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง) หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 พลังงานความร้อน แผนการจัดการเรียนรู้ที่1 อุณหภูมิและการวัดอุณหภูมิ 4 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ผลของความร้อนต่อการขยายตัวและหดตัวของสาร 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสถานะ ของสาร 4 แผนการจัดการเรียนรู้ที่4 สมดุลความร้อน 2 แผนการจัดการเรียนรู้ที่5 การนำความร้อน 4 แผนการจัดการเรียนรู้ที่6 การพาความร้อน 2 แผนการจัดการเรียนรู้ที่7 การแผ่รังสีความร้อน 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 บรรยากาศ แผนการจัดการเรียนรู้ที่8 องค์ประกอบของบรรยากาศ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่9 การแบ่งชั้นบรรยากาศ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่10 องค์ประกอบของลม ฟ้า อากาศ 2 แผนการจัดการเรียนรู้ที่11 อุณหภูมิอากาศ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่12 ความดันอากาศ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่13 ความชื้นอากาศ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่14 ลม 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่15 เมฆและฝน 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 บรรยากาศ 2 แผนการจัดการเรียนรู้ที่16 พายุฝนฟ้าคะนอง 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่17 พายุหมุนเขตร้อน 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่18 เกณฑ์การรายงานพยากรณ์อากาศ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่19 แผนที่อากาศ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่20 การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอากาศของโลก 4 รวม 60
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่4 เรื่อง อุณหภูมิและการวัดอุณหภูมิ เวลา 4 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.3 ม.1/2 ใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการวัดอุณหภูมิของสสาร 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. อธิบายถึงหน่วยวัดอุณหภูมิของสารได้ 2. เปรียบเทียบค่าอุณหภูมิระหว่างหน่วยวัดอุณหภูมิได้ 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. ใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการวัดอุณหภูมิของสสารได้ 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เครื่องมือวัดอุณหภูมิ เรียกว่า เทอร์มอมิเตอร์ (thermometer) มี 2 แบบ คือ เทอร์มอมิเตอร์แบบกระเปาะ ใช้ หลักการการขยายตัวและหดตัวของของเหลวที่บรรจุอยู่ในกระเปาะตามอุณหภูมิภายนอก เทอร์มอมิเตอร์แบบดิจิทัล ภายในมีไมโครชิปสามารถเปลี่ยนกระแสไฟฟ้าให้เป็นตัวเลข ซึ่งเป็นค่าอุณหภูมิขณะนั้นได้ โดยหน่วยวัดอุณหภูมิมีอยู่ หลายหน่วย ได้แก่ องศาเซลเซียส เคลวิน องศาฟาเรนไฮต์ และองศาโรเมอร์ ซึ่งแต่ละหน่วยจะมีจุดเยือกแข็ง และจุด เดือดแตกต่างกัน หากต้องการเปรียบเทียบค่าอุณหภูมิระหว่างหน่วยวัดอุณหภูมิ จะได้สมการ ดังนี้ 5 C = 4 R = 9 F–32 = 5 K – 273
4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) เมื่อสสารได้รับหรือสูญเสียความร้อนอาจทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิ เปลี่ยนสถานะ หรือเปลี่ยนรูปร่าง 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) - 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ 7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ 7.2 ความมีเหตุผล
7.3 การมีภูมิคุ้มกัน 7.4 เงื่อนไขความรู้ 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีเจตคติที่ดี 7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ 7.6.2 ด้านสังคม 7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งผลการเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 2. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน 3. ครูถามคำถามว่า ความร้อนมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตอย่างไร (แนวตอบ ความร้อนมีความสำคัญต่อการ ดำรงชีวิตในหลายด้าน เช่น ใช้ในการประกอบอาหาร ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช เป็นต้น) 4. ครูนำน้ำ 3 ชนิด มาวางไว้ที่หน้าชั้นเรียน ดังนี้ - อ่างน้ำใบที่ 1 น้ำอุ่น - อ่างน้ำใบที่ 2 น้ำอุณหภูมิห้อง - อ่างน้ำใบที่ 3 น้ำใส่น้ำแข็ง 5. ครูตั้งประเด็นคำถามเพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียน เช่น น้ำในอ่างน้ำแต่ละใบมีอุณหภูมิเท่ากันหรือไม่ สังเกตจากอะไร ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 6. ครูถามคำถามนักเรียนว่า “เพราะเหตุใดเมื่อเราจับสิ่งต่างๆ เราจึงรู้สึกร้อนเย็นแตกต่างกัน” (แนวตอบ เนื่องจากวัตถุมีความร้อนแตกต่างกัน และมีความร้อนแตกต่างกับความร้อนในมือเรา) 7. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็นกลุ่มละ 5-6 คน แล้วให้แต่ละกลุ่มวางแผน และแบ่งหน้าที่ค้นคว้าความรู้ เรื่อง เครื่องมือวัดอุณหภูมิ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 3-4 หรืออินเทอร์เน็ต และเอกสารต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้อง 8. นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิด แล้วสรุปข้อมูลลงในสมุดบันทึก อธิบายความรู้ (Explain) 9. นักเรียนแต่ละกลุ่มผลัดกันเล่าเรื่องที่ตนได้ศึกษามาให้สมาชิกในกลุ่มฟัง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล 10. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการสืบค้นข้อมูลหน้าชั้นเรียน ชั่วโมงที่ 1
11. ครูเสริมข้อมูล หรือความรู้เพิ่มเติมให้กับข้อมูลที่ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอ และแก้ไขให้ถูกต้อง 12. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม ดังนี้ - เครื่องมือวัดอุณหภูมิ คืออะไร (แนวตอบ เทอร์มอมิเตอร์) - เครื่องมือวัดอุณหภูมิมีกี่ประเภท อะไรบ้าง (แนวตอบ 2 ประเภท ได้แก่ เทอร์มอมิเตอร์แบบกระเปาะ และเทอร์มอ มิเตอร์แบบดิจิทัล) - เครื่องมือวัดอุณหภูมิมีหลักการการทำงานอย่างไร (แนวตอบ ขั้นอยู่กับประเภทของเครื่อง เช่น เทอร์มอมิเตอร์แบบ กระเปาะใช้หลักการหดตัวและขยายตัวของปรอทเมื่อได้รับความร้อนจากสาร เป็นต้น) จากนั้นครูให้นักเรียนจดคำถาม และตอบคำถามที่ได้จากการอภิปรายร่วมกันลงในสมุดบันทึก 13) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรมในชั้นเรียน ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูและครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มออกมารับใบงานที่ 4.1 เรื่อง การวัดอุณหภูมิ 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาใบงานที่ 4.1 เรื่อง การวัดอุณหภูมิ 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำการทดลองเพื่อวัดอุณหภูมิของน้ำในอ่างน้ำแต่ละใบ ตามขั้นตอนที่ กำหนดในใบงานที่ 4.1 เรื่อง การวัดอุณหภูมิ และบันทึกผลการทดลองลงในใบงาน อธิบายความรู้ (Explain) 4. ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอผลการทดลองในใบงานที่ 4.1 เรื่อง การวัดอุณหภูมิ 5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ เครื่องมือวัดอุณหภูมิ 6) ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันเครื่องมือวัดอุณหภูมิดิจิทัลมีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน เช่น เครื่องมือ วัดอุณหภูมิไร้สาย wireless เครื่องมือวัดอุณหภูมิอินฟราเรด กล้องถ่ายภาพความร้อน โดยครูนำภาพเครื่องมือ และ เสริมความรู้ให้กับนักเรียนว่า แต่ละประเภทนิยมนำมาใช้งานประเภทใด ขั้นสรุป ขยายความรู้ (Expand) 7. ครูมอบหมายให้นักเรียนสรุปความรู้เกี่ยวกับ เครื่องมือวัดอุณหภูมิและวิธีใช้งาน โดยสรุปเขียนเป็นแผนผัง ความคิดหรือผังมโนทัศน์ 8. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 ขั้นนำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูนำภาพอุณหภูมิของสิ่งต่าง ๆ มาให้นักเรียนดู แล้วอธิบายให้นักเรียนฟังว่า เทอร์มอมิเตอร์ที่ใช้วัด อุณหภูมิโดยทั่วไปสามารถวัดค่าอุณหภูมิได้หลายหน่วย เช่น องศาเซลเซียส องศาฟาเรนไฮต์ เคลวิน องศาโรเมอร์ ชั่วโมงที่ 2 ชั่วโมงที่ 3
2. ครูตั้งประเด็นคำถามเพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียน เช่น ครูเขียนสัญลักษณ์หน่วยวัดอุณหภูมิบน กระดาน แล้วให้นักเรียนช่วยกันบอกว่า สัญลักษณ์บนกระดานใช้แทนหน่วยวัดอุณหภูมิใดบ้าง ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 3. แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละเท่าๆ กัน ให้แต่ละกลุ่มวางแผนและแบ่งหน้าที่ค้นคว้าความรู้เรื่อง ความสัมพันธ์ของหน่วยวัดอุณหภูมิต่างๆ จากหนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต เอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือจากสื่อต่างๆ 4. ครูให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมารับบัตรภาพ แล้วนำบัตรภาพไปให้สมาชิกภายในกลุ่มศึกษา 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิด แล้วสรุปข้อมูลเป็นความรู้ของกลุ่มลงในสมุดบันทึก อธิบายความรู้ (Explain) 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มผลัดกันเล่าเรื่องที่ตนได้ศึกษามาให้สมาชิกในกลุ่มฟัง 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการสืบค้นข้อมูลหน้าชั้นเรียน 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม เช่น - หน่วยวัดอุณหภูมิ คืออะไร (แนวตอบ หน่วยที่วัดได้จากเทอร์มอมิเตอร์) - หน่วยวัดอุณหภูมิ มีอะไรบ้าง พร้อมยกตัวอย่าง (แนวตอบ องศาเซลเซียส องศาฟาเรนไฮต์ เคลวิน และองศาโรเมอร์) - การเปลี่ยนหน่วยวัดอุณหภูมิ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยต่าง ๆ ทำอย่างไร (แนวตอบ ใช้สมการ 5 C = 4 R = 9 F–32 = 5 K – 273 ) จากนั้นครูให้นักเรียนจดคำถาม และตอบคำถามที่ได้จากการอภิปรายร่วมกันลงในสมุดบันทึก 9. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรมในชั้นเรียน ขั้นสรุป ขยายความรู้ (Expand) 10. ครูให้นักเรียนนำบัตรภาพที่ได้จากตัวแทนกลุ่มไปถ่ายเอกสาร แล้วติดลงในสมุด จากนั้นให้แต่ละคน เปลี่ยนหน่วยอุณหภูมิต่างๆ ที่แสดงในบัตรภาพ ให้เป็นหน่วยองศาฟาเรนไฮต์ เคลวิน และองศาโรเมอร์ ตามลำดับ โดย แสดงวิธีทำลงในสมุดบันทึก 11. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนจับคู่กับแล้ว แล้วให้ตัวแทนออกมารับใบงานที่ 4.2 เรื่อง การเปลี่ยนหน่วยวัดอุณหภูมิ 2. ครูให้นักเรียนแต่ละคู่ร่วมกันศึกษา และทำตามขั้นตอนที่กำหนดในใบงานที่ 4.2 เรื่อง การเปลี่ยนหน่วยวัด อุณหภูมิ อธิบายความรู้ (Explain) 3. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียน 6 คู่ แสดงวิธีคิดตามโจทย์ในใบงานที่ 4.2 เรื่อง การเปลี่ยนหน่วยวัดอุณหภูมิโดย 2 คู่ ต่อ 1 ข้อ หน้าชั้นเรียน แล้วให้เพื่อนคู่อื่นที่ไม่ได้นำเสนอตรวจสอบ เปรียบเทียบวิธีคิดระหว่างคู่ที่ 1 กับ 2 ในแต่ละข้อ ชั่วโมงที่ 4
และเปรียบเทียบกับวิธีทำของตนเอง จากนั้นเพิ่มเติมในส่วนที่บกพร่อง และส่งตัวแทนกลุ่มออกมาแก้ไขและอธิบายให้ เพื่อนเข้าใจ 4.. ครูคอยเสริมและแนะแนวทางความคิดของนักเรียน ขั้นสรุป ขยายความรู้ (Expand) 5. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 6. ครูให้นักเรียนทำชิ้นงาน เครื่องมือเปลี่ยนหน่วยอุณหภูมิโดยให้นักเรียนออกแบบลงในกระดาษ A4 โดยมี หัวข้อในการออกแบบ ดังนี้ - ลักษณะ/รูปร่างของเครื่อง - ความสามารถในการเปลี่ยนหน่วย ตัวอย่างชิ้นงาน เครื่องมือเปลี่ยนหน่วยอุณหภูมิ ➢เครื่องมือวัดนี้สามารถเปลี่ยนหน่วยได้เพียง 3 หน่วย ดังนี้ - องศาเซลเซียส - องศาฟาเรนไฮต์ - องศาโรเมอร์ ➢สามารถเปลี่ยนหน่วยจาก 0-20 องศาเซลเซียส ตามตาราง ดังนี้ ตารางค่าแสดงเปลี่ยนหน่วยอุณหภูมิของเครื่อง ℃ ℉ °R 0 32 0 1 33.8 0.8 …. …. …. กระดาษ A4
ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน 2. ครูตรวจแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 3. ครูตรวจการคำนวณเปลี่ยนหน่วยอุณหภูมิจากบัตรภาพในสมุดบันทึกของนักเรียน 4. ครูตรวจใบงานที่ 4.1 เรื่อง การวัดอุณหภูมิ 5. ครูประเมินการนำเสนอใบงานที่ 4.1 เรื่อง การวัดอุณหภูมิโดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน 6. ครูประเมินผังมโนทัศน์ เรื่อง เครื่องมือวัดอุณหภูมิ โดยใช้แบบประเมินชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด 7. ครูตรวจใบงานที่ 4.2 เรื่อง การเปลี่ยนหน่วยวัดอุณหภูมิ 8. ครูประเมินนักเรียนจากการสืบค้นข้อมูลและการตอบคำถามในชั้นเรียน การทำผังมโนทัศน์ เรื่อง เครื่องมือ วัดอุณหภูมิ และการคำนวณเปลี่ยนหน่วยอุณหภูมิจากบัตรภาพลงในสมุด โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล 9. ครูประเมินนักเรียนจากการทำใบงานที่ 4.1 เรื่อง การวัดอุณหภูมิ และใบงานที่ 4.2 เรื่อง การเปลี่ยนหน่วย วัดอุณหภูมิ โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายกลุ่ม 10. ครูประเมินชิ้นงาน เครื่องมือเปลี่ยนหน่วยอุณหภูมิโดยประเมินการออกแบบเครื่องมือ และความถูกต้องของ ค่าอุณหภูมิในหน่วยต่าง ๆ โดยใช้แบบประเมินชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด 9. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 3. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 พลังงานความร้อน 4. ใบงานที่ 4.1 เรื่อง การวัดอุณหภูมิ 5. ใบงานที่ 4.2 เรื่อง การเปลี่ยนหน่วยวัดอุณหภูมิ 6. PowerPoint เรื่อง เครื่องมือวัดอุณหภูมิ 7. เทอร์มอมิเตอร์ 8. อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง 9. บัตรภาพ เรื่อง ระดับอุณหภูมิ 10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ 1. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 2. อินเทอร์เน็ต
11. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 11.1 ความรู้ (K) 1. อธิบายถึงหน่วยวัดอุณหภูมิ ของสารได้ 2. เปรียบเทียบค่าอุณหภูมิ ระหว่างหน่วยวัดอุณหภูมิได้ - ตรวจแบบทดสอบ - ตรวจแบบฝึกหัด - ตรวจใบงานที่ 4.1 - ตรวจใบงานที่ 4.2 - ตรวจสมุดบันทึก - เฉลยแบบทดสอบ - เฉลยแบบฝึกหัด - เฉลยใบงานที่ 4.1 - เฉลยใบงานที่ 4.2 - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงานรวบยอด - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 11.2 ทักษะ/กระบวนการ/ กระบวนการคิด (P) 1. ใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการวัด อุณหภูมิของสสารได้ - ประเมินการปฏิบัติการ - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 11.3 คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ (A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และ งานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่าง สร้างสรรค์ - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 12. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
13. บันทึกผลการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ 13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ 13.1.1 ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายถึงหน่วยวัดอุณหภูมิของสารได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) เปรียบเทียบค่าอุณหภูมิระหว่างหน่วยวัดอุณหภูมิได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.2 ด้านทักษะที่สำคัญ (P) 1) ใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการวัดอุณหภูมิของสสารได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.2 ปัญหา อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13.3 แนวทางแก้ไขปัญหา / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................................. (นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
ใบงานที่ 4.1 เรื่อง การวัดอุณหภูมิ คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำการทดลองตามขั้นตอนที่กำหนด แล้วบันทึกผลการทดลอง อุปกรณ์ วิธีการทดลอง ภาพประกอบการทดลอง อ่างน้ำ 3 ใบ น้ำแข็ง น้ำอุ่น น้ำอุณหภูมิห้อง 1. ใช้อ่างน้ำ 3 ใบ วางเรียงกัน - ใบที่ 1 น้ำอุ่นอุณหภูมิประมาณ 50 องศาเซลเซียส - ใบที่ 2 น้ำอุณหภูมิห้อง - ใบที่ 3 น้ำใส่น้ำแข็ง 1. น้ำอุ่น 2. น้ำอุณหภูมิห้อง 3. น้ำใส่น้ำแข็ง 2. จุ่มมือขวาลงในอ่างน้ำใบที่ 1 และจุ่ม มือซ้ายลงในอ่างน้ำใบที่ 3 พร้อมกัน แช่ไว้ประมาณ 1 นาที หรือจะสลับอ่าง น้ำก็ได้ แล้วแต่คุณครูจะกำหนด น้ำอุณหภูมิห้อง และน้ำใส่น้ำแข็ง 3. ยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้นจากอ่างน้ำ แล้วจุ่ม มือทั้ง 2 ข้างลงในอ่างน้ำใบที่ 2 พร้อม กัน 4.สังเกตผลการทดลองเปรียบเทียบ อุณหภูมิที่รู้สึกได้ ➢ ตารางบันทึกผลการทดลอง ครั้งที่ จุ่มมือลงในภาชนะ ความรู้สึก 1 ใบที่ 1 (น้ำอุ่น) ใบที่ 3 (น้ำผสมน้ำแข็ง) 2 ใบที่ 2 (น้ำอุณหภูมิห้อง)
➢ สรุปผลการทดลอง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เฉลย ใบงานที่ 4.1 เรื่อง การวัดอุณหภูมิ คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำการทดลองตามขั้นตอนที่กำหนด แล้วบันทึกผลการทดลอง อุปกรณ์ วิธีการทดลอง ภาพประกอบการทดลอง อ่างน้ำ 3 ใบ น้ำแข็ง น้ำอุ่น น้ำอุณหภูมิห้อง 1. ใช้อ่างน้ำ 3 ใบ วางเรียงกัน - ใบที่ 1 น้ำอุ่นอุณหภูมิประมาณ 50 องศาเซลเซียส - ใบที่ 2 น้ำอุณหภูมิห้อง - ใบที่ 3 น้ำใส่น้ำแข็ง 1. น้ำอุ่น 2. น้ำอุณหภูมิห้อง 3. น้ำใส่น้ำแข็ง 2. จุ่มมือขวาลงในอ่างน้ำใบที่ 1 และจุ่ม มือซ้ายลงในอ่างน้ำใบที่ 3 พร้อมกัน แช่ไว้ประมาณ 1 นาที หรือจะสลับอ่าง น้ำก็ได้ แล้วแต่คุณครูจะกำหนด น้ำอุณหภูมิห้อง และน้ำใส่น้ำแข็ง 3. ยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้นจากอ่างน้ำ แล้วจุ่ม มือทั้ง 2 ข้างลงในอ่างน้ำใบที่ 2 พร้อม กัน 4.สังเกตผลการทดลองเปรียบเทียบ อุณหภูมิที่รู้สึกได้ ➢ ตารางบันทึกผลการทดลอง ครั้งที่ จุ่มมือลงในภาชนะ ความรู้สึก 1 ใบที่ 1 (น้ำอุ่น) อุ่น ใบที่ 3 (น้ำผสมน้ำแข็ง) เย็น 2 ใบที่ 2 (น้ำอุณหภูมิห้อง) มือข้างที่จุ่มน้ำอุ่นมา จะรู้สึกอุ่น มือข้างที่จุ่มน้ำเย็นมา จะรู้สึกเย็น
➢ สรุปผลการทดลอง มือที่จุ่มลงไปในอ่างน้ำใบที่ 1 จะรู้สึกอุ่นหรือร้อน เนื่องจากขณะแช่มืออยู่ในน้ำอุ่น เพราะความร้อนจาก น้ำในอ่างใบที่ 1 จะถ่ายโอนมายังมือ ส่วนมือที่จุ่มลงในอ่างน้ำใบที่ 3 จะรู้สึกเย็น เพราะความร้อนจากมือจะถ่ายโอนไป ยังน้ำที่อยู่ในอ่าง แต่เมื่อนำมือที่จุ่มจากอ่างที่ 1 มาแช่ในน้ำที่อุณหภูมิห้องในอ่างที่ 2 จะรู้สึกเย็นขึ้น เพราะความร้อน จากมือถ่ายโอนไปยังน้ำที่อุณหภูมิห้อง ส่วนมือที่จุ่มในอ่างที่ 3 มาแช่ในน้ำที่อุณหภูมิห้องในอ่างที่ 2 จะรู้สึกร้อนขึ้น เพราะความร้อนจากน้ำอุณหภูมิห้องถ่ายโอนมายังมือที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า เนื่องจากแช่มือในน้ำใบที่ 3 มาก่อน
บัตรภาพ เรื่อง ระดับอุณหภูมิ คำชี้แจง : บัตรภาพแสดงระดับอุณหภูมิของสิ่งต่าง ๆ อุณหภูมิ ℃ ผิวของดวงอาทิตย์ 6000 ไส้หลอดไฟ 2500 ตะเกียงบุนเซ็น 1500 น ้าเดือด 100 ร่างกายมนุษย์ 37 อุณหภูมิห้อง 25 น ้าแข็งละลาย 0 อาหารแช่แข็ง -20 ออกซิเจนเหลว -180 จุดเยือกแข็งสัมบูรณ์ -273 ที่มา : ยุพา วรยศ และคณะ. 2553. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์.
ใบงานที่ 4.2 เรื่อง การเปลี่ยนหน่วยวัดอุณหภูมิ คำชี้แจง : ให้นักเรียนแสดงวิธีการเปลี่ยนหน่วยวัดอุณหภูมิเดิมให้เป็นหน่วยวัดอื่น ตามที่โจทย์กำหนด 1. ถ้าวัดอุณหภูมิได้ 35 ํC อุณหภูมินี้จะมีค่าเท่าใดในหน่วยองศาฟาเรนไฮต์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ถ้าวัดอุณหภูมิได้ 30 ํC อุณหภูมินี้จะมีค่าเท่าใดในหน่วยองศาโรเมอร์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ถ้าวัดอุณหภูมิได้ 90 ํF อุณหภูมินี้จะมีค่าเท่าใดในหน่วยองศาเซลเซียส ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เฉลย ใบงานที่ 4.2 เรื่อง การเปลี่ยนหน่วยวัดอุณหภูมิ คำชี้แจง : ให้นักเรียนแสดงวิธีการเปลี่ยนหน่วยวัดอุณหภูมิเดิมให้เป็นหน่วยวัดอื่น ตามที่โจทย์กำหนด 1. ถ้าวัดอุณหภูมิได้ 35 ํC อุณหภูมินี้จะมีค่าเท่าใดในหน่วยองศาฟาเรนไฮต์ สูตร = แทนค่า = F - 32 = 7 9 F = 63 + 32 F = 95 ดังนั้น อุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส มีค่าเท่ากับ 95 องศาฟาเรนไฮต์ 2. ถ้าวัดอุณหภูมิได้ 30 ํC อุณหภูมินี้จะมีค่าเท่าใดในหน่วยองศาโรเมอร์ สูตร = แทนค่า = R = 6 4 R = 24 ดังนั้น อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส มีค่าเท่ากับ 24 องศาโรเมอร์ 3. ถ้าวัดอุณหภูมิได้ 90 ํF อุณหภูมินี้จะมีค่าเท่าใดในหน่วยองศาเซลเซียส สูตร = แทนค่า = C = C = 32.22 ดังนั้น อุณหภูมิ 90 องศาฟาเรนไฮต์ มีค่าเท่ากับ 32.22 องศาเซลเซียส 35 5 F - 32 9 F - 32 9 C 5 30 5 C 5 R 4 R 4 C 5 C 5 F - 32 9 90 - 32 9 58 5 9
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่4 เรื่อง ผลของความร้อนต่อการหดตัวและขยายตัวของสาร เวลา 3 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.3 ม.1/3 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการขยายตัวหรือหดตัวของสสารเนื่องจากได้รับหรือสูญเสียความร้อน ว 2.3 ม.1/4 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการหดและขยายตัวของสสารเนื่องจากความร้อนโดย วิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา และเสนอแนะวิธีการนำความรู้มาแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. อธิบายผลของความร้อนต่อการหดตัวและขยายตัวของสารได้ 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. สร้างแบบจำลองการขยายตัว หรือหดตัวของสสารเมื่อได้รับ หรือสูญเสียความร้อนได้ 2. ปฏิบัติการทดลองแสดงผลของความร้อนต่อการหดตัวและขยายตัวของสารได้ 3. เสนอแนะวิธีการนำความรู้การหดและขยายตัวของสสารเนื่องจากความร้อนมาแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้ 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สารเมื่อได้รับความร้อนอาจมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ สถานะ หรือรูปร่างของสาร เมื่อสารได้รับความร้อนจะ ทำให้อนุภาคเคลื่อนที่เร็วขึ้น ทำให้เกิดการขยายตัวและหดตัว ส่งผลให้ขนาดและรูปร่างเปลี่ยนแปลงไป
4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิ ขึ้นอยู่กับมวล ความร้อนจำเพาะ และอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป ปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนสถานะ ขึ้นอยู่กับมวลและความร้อนแฝงจำเพาะ โดยขณะที่สสารเปลี่ยนสถานะ อุณหภูมิจะไม่เปลี่ยนแปลง การคำนวณปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิและเปลี่ยนสถานะ ใช้สมการ Q = mc∆t และ Q = mL 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) การคำนวณปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิและเปลี่ยนสถานะ การปฏิบัติการทดลองแสดงผลของความร้อนต่อการหดตัวและขยายตัวของสาร 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ
7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ 7.2 ความมีเหตุผล 7.3 การมีภูมิคุ้มกัน 7.4 เงื่อนไขความรู้ 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีเจตคติที่ดี 7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ 7.6.2 ด้านสังคม 7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งผลการเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 2. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า เมื่อสสารได้รับความร้อน จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร (แนวตอบ เมื่อสสารได้รับความร้อน อาจทำให้อนุภาคของสารเกิดการสั่นสะเทือนและขยายตัว เกิดการเปลี่ยน สถานะของสาร หรืออาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสาร) 3. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสาร เช่น - บอลลูนสามารถลอยอยู่ในอากาศได้อย่างไร (แนวตอบ ความหนาแน่นอากาศภายในบอลลูนน้อยกว่าความหนาแน่นอากาศภายนอก) - แอลกอฮอล์ที่อยู่ในเทอร์มอมิเตอร์ เมื่อได้รับความร้อนจะเป็นอย่างไร (แนวตอบ อนุภาคของแอลกอฮอล์จะออกห่างกันมากขึ้น อนุภาคจะสั่น และเคลื่อนที่เร็วมากขึ้น) - ถ้าเป็นของแข็งที่ได้รับความร้อนจะเป็นอย่างไร (แนวตอบ เกิดการขยายตัว แต่ขยายตัวได้น้อยกว่าของเหลวและแก๊ส) 4. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากแนวคำตอบของนักเรียน เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่องผลของความ ร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสาร ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 5. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละเท่า ๆ กัน ให้แต่ละกลุ่มวางแผนและแบ่งหน้าที่ค้นคว้าความรู้ เรื่อง การขยายตัวหรือหดตัวของสาร จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 6-7 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ทาง อินเทอร์เน็ต และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิด แล้วสรุปข้อมูลเป็นความรู้ของกลุ่ม ชั่วโมงที่ 1
อธิบายความรู้ (Explain) 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มผลัดกันเล่าเรื่องที่ตนได้ศึกษามาให้สมาชิกในกลุ่มฟัง 8. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการสืบค้นข้อมูลหน้าชั้นเรียน 9. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม เช่น - การขยายตัวของวัตถุที่ได้รับความร้อน แบ่งได้เป็นกี่แบบ อย่างไรบ้าง (แนวตอบ มี 3 แบบ คือ 1. การขยายตัวเชิงเส้น 2. การขยายตัวเชิงพื้นที่ 3. การชยายตัวเชิงปริมาตร) - การขยายตัวหรือหดตัวของวัตถุที่ได้รับความร้อน นำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง (แนวตอบ การวางรางรถไฟ การเว้นรอยต่อของสะพาน การขึงสายไฟ เป็นต้น) 10. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 4-5 คน เพื่อทำกิจกรรม เรื่อง การขยายตัวของสาร ในหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 9 แล้วบันทึกผลและตอบคำถามท้ายกิจกรรมในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 อธิบายความรู้ (Explain) 2. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลจากกิจกรรม 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลที่จากการทำกิจกรรม 4. ครูให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม และเฉลยคำตอบ ดังนี้ - เมื่อให้ความร้อนโดยการนำขวดรูปชมพู่ทั้ง 2 ใบไปแช่น้ำร้อน ระดับน้ำและขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลูกโป่งมีการ เปลี่ยนแปลงอย่างไร (แนวตอบ ระดับน้ำเพิ่มขึ้น และขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพิ่มขึ้น) - ความร้อนมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงปริมาตรของของเหลวและแก๊สอย่างไร (แนวตอบ ส่งผลให้ปริมาตรของของเหลวขยายตัว และส่งผลให้ปริมาตรของแก๊สขยายตัวด้วย) - นักเรียนคิดว่า สารในสถานะใดที่สามารถขยายตัวได้ดีกว่ากันระหว่างของแข็ง ของเหลว และแก๊ส เพราะเหตุใด (แนวตอบ แก๊ส ของเหลว ของแข็ง ตามลำดับ เนื่องจากแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของแก๊สน้อยกว่าของเหลว และ ของแข็ง) สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 5-6 คน เพื่อทำกิจกรรม เรื่อง การสร้างแบบจำลองการขยายตัว หรือหดตัวของสสารเมื่อได้รับ หรือสูญเสียความร้อน ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้าที่ 10 แล้วบันทึกผล และตอบคำถามท้ายกิจกรรมในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 อธิบายความรู้ (Explain) 2. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลจากกิจกรรม 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลที่จากการทำกิจกรรม ชั่วโมงที่ 2 ชั่วโมงที่ 3
4. ครูให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม และเฉลยคำตอบ ดังนี้ - เมื่อสสารได้รับหรือสูญเสียความร้อน สสารจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างไร (แนวตอบ หดตัว) - ลักษณะการขยายตัวของวัตถุเมื่อได้รับความร้อน แบ่งออกเป็นกี่ลักษณะ อะไรบ้าง (แนวตอบ 3 ลักษณะ ได้แก่ การขยายตัวเชิงเส้น การขยายตัวเชิงพื้นที่ และการขยายตัวเชิงปริมาตร) - ประเมินแบบจำลองของกลุ่มอื่นว่าแสดงถึงเนื้อหาที่ถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ คำตอบของนักเรียนขึ้นอยู่กับแบบจำลองของนักเรียนแต่ละกลุ่ม โดยการประเมินของนักเรียนขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจของครูผู้สอน) ขั้นสรุป ขยายความรู้ (Expand) 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับ การขยายตัวหรือหดตัวของสาร และประโยชน์ที่จากการขยายตัวของ วัตถุเนื่องจากความร้อน โดยอาจร่วมกันสรุปเป็นแผ่นพับ เรื่อง การขยายตัวของวัตถุ 6. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. ครูประเมินการปฏิบัติการจากการทำกิจกรรม เรื่อง การขยายตัวของสาร โดยใช้แบบประเมินการปฏิบัติการ 3. ครูประเมินการปฏิบัติการจากการทำกิจกรรม เรื่อง แบบจำลองการขยายตัว หรือหดตัวของสสารเมื่อได้รับ หรือสูญเสียความร้อน 4. ครูประเมินนักเรียนจากการทำกิจกรรมกลุ่ม โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายกลุ่ม 5. ครูประเมินนักเรียนจากการสืบค้นข้อมูล และการตอบคำถามในชั้นเรียนโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล 6. ครูประเมินชิ้นงานแบบจำลองการขยายตัวหรือหดตัวของสาร โดยใช้แบบประเมินชิ้นงาน/ภาระงานรวบ ยอด 7. ครูประเมินแผ่นพับ เรื่อง การขยายตัวของวัตถุ โดยใช้แบบประเมินชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด 9. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 3. PowerPoint เรื่อง การขยายตัวหรือหดตัวของสาร 4. อุปกรณ์การทดลอง 10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ 1. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 2. อินเทอร์เน็ต
11. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 11.1 ความรู้ (K) 1. อธิบายผลของความร้อน ต่อการหดตัวและขยายตัวของ สารได้ - ตรวจแบบฝึกหัด - ตรวจสมุดบันทึก - เฉลยแบบฝึกหัด - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงานรวบยอด - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 11.2 ทักษะ/กระบวนการ/ กระบวนการคิด (P) 1. สร้างแบบจำลองการ ขยายตัว หรือหดตัวของสสาร เมื่อได้รับ หรือสูญเสียความ ร้อนได้ 2. ปฏิบัติการทดลองแสดงผล ของความร้อนต่อการหดตัว และขยายตัวของสารได้ 3. เสนอแนะวิธีการนำความรู้ การหดและขยายตัวของสสาร เนื่องจากความร้อนมา แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้ - ตรวจชิ้นงาน - ประเมินการปฏิบัติการ - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงานรวบยอด - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 11.3 คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ (A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และ งานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่าง สร้างสรรค์ - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 12. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
13. บันทึกผลการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ 13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ 13.1.1 ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายผลของความร้อนต่อการหดตัวและขยายตัวของสารได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.2 ด้านทักษะที่สำคัญ (P) 1) สร้างแบบจำลองการขยายตัว หรือหดตัวของสสารเมื่อได้รับ หรือสูญเสียความร้อนได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ปฏิบัติการทดลองแสดงผลของความร้อนต่อการหดตัวและขยายตัวของสารได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 3) เสนอแนะวิธีการนำความรู้การหดและขยายตัวของสสารเนื่องจากความร้อนมาแก้ปัญหาใน ชีวิตประจำวันได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.2 ปัญหา อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13.3 แนวทางแก้ไขปัญหา / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................................. (นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่4 เรื่อง ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสถานะของสาร เวลา 4 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.3 ม.1/1 วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และคำนวณปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิ และเปลี่ยนสถานะ โดยใช้สมการ Q = mc∆t และ Q = mL 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. อธิบายผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสถานะของสารได้ 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. ปฏิบัติการทดลองแสดงผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสถานะของสารได้ 2. คำนวณปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิและเปลี่ยนสถานะได้ 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สารเมื่อได้รับความร้อนจะทำให้อุณหภูมิของสารเปลี่ยนแปลง แต่สถานะของสารไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งปริมาณ ความร้อนที่ทำให้อุณหภูมิของสารเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับมวล ความร้อนจำเพาะ และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป และ สารเมื่อได้รับความร้อนจะทำให้สารเปลี่ยนสถานะ แต่อุณหภูมิของสารไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากอนุภาคของสารอยู่ห่าง กันมาก ซึ่งปริมาณความร้อนที่ทำให้สารเปลี่ยนสถานะขึ้นอยู่กับมวลและความร้อนจำเพาะ
4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิ ขึ้นอยู่กับมวล ความร้อนจำเพาะ และอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป ปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนสถานะ ขึ้นอยู่กับมวลและความร้อนแฝงจำเพาะ โดยขณะที่สสารเปลี่ยนสถานะ อุณหภูมิจะไม่เปลี่ยนแปลง การคำนวณปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิและเปลี่ยนสถานะ ใช้สมการ Q = mc∆t และ Q = mL 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) การคำนวณปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิและเปลี่ยนสถานะ การปฏิบัติการทดลองแสดงผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสถานะของสาร 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ
7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ 7.2 ความมีเหตุผล 7.3 การมีภูมิคุ้มกัน 7.4 เงื่อนไขความรู้ 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีเจตคติที่ดี 7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ 7.6.2 ด้านสังคม 7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูนำไอศกรีมมาวางไว้บนจาน ประมาณ 3-5 นาที แล้วให้นักเรียนสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของไอศกรีม ยังคงเหมือนเดิมหรือไม่ จากนั้นครูนำเทอร์มอมิเตอร์มาให้วัดอุณหภูมิของไอศกรีมก่อนละลาย และเมื่อไอศกรีมละลาย หมดแล้วให้วัดอุณหภูมิอีกครั้ง แล้วถามนักเรียนว่า อุณหภูมิที่วัดได้ 2 ครั้งค่าอุณหภูมิแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร 2. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงของสาร ดังนี้ - ถ้านำน้ำแข็งใส่แก้ว ตั้งทิ้งไว้ในห้อง จะเป็นอย่างไร (แนวตอบ น้ำแข็งจะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว และมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจนกระทั่งเท่ากับอุณหภูมิห้อง) - ถ้าต้มน้ำเป็นเวลานาน จนน้ำในภาชนะแห้งหายไป น้ำจะหายไปไหน (แนวตอบ น้ำจะระเหยกลายเป็นไอลอยปะปนอยู่ในอากาศ) - ถ้าจุดเทียน ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร (แนวตอบ เทียนไขซึ่งมีสถานะเป็นของแข็งจะเปลี่ยนสถานะเป็นเทียนเหลวซึ่งมีสถานะเป็นของเหลว) 3. นักเรียนช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็น เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่องผลของความร้อนต่อการ เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสถานะของสาร ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 4. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็นกลุ่มละเท่า ๆ กัน แล้วให้แต่ละกลุ่มวางแผนและแบ่งหน้าที่ค้นคว้าความรู้ เรื่อง ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสถานะของสาร จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 11-13 และแหล่งการเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ต หรือเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง 5. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิด แล้วสรุปข้อมูลเป็นความรู้ของกลุ่ม ชั่วโมงที่ 1
อธิบายความรู้ (Explain) 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มผลัดกันเล่าเรื่องที่ตนได้ศึกษามาให้สมาชิกในกลุ่มฟัง 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการสืบค้นข้อมูลหน้าชั้นเรียน 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถามว่า การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ของสารจากความร้อน ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง (แนวตอบ มวล ความร้อนจำเพาะของสาร และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปของสาร) 9. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม ขั้นสอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูถามคำถามทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนว่า ปริมาณความร้อนที่ทำให้สารเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิขึ้นอยู่ กับปัจจัยใดบ้าง (แนวตอบ มวล ความร้อนจำเพาะ และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง) 2. ครูเขียนสมการคำนวณหาปริมาณความร้อนที่ทำให้สารเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิบนกระดาน จากนั้นครูอธิบายความหมายของตัวแปร และหน่วยของตัวแปรที่ใช้คำนวณ 3. ครูยกตัวอย่างโจทย์การคำนวณหาปริมาณความร้อนที่ทำให้สารเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ในหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 11 ขั้นสรุป ขยายความเข้าใจ (Expand) 4. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 ขั้นสอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูถามคำถามทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนว่า ปริมาณความร้อนที่ทำให้สารเปลี่ยนแปลงสถานะขึ้นอยู่กับ ปัจจัยใดบ้าง (แนวตอบ มวล และความร้อนแฝงจำเพาะของสาร) 2. ครูเขียนสมการคำนวณหาปริมาณความร้อนที่ทำให้สารเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิบนกระดาน จากนั้นครูอธิบายความหมายของตัวแปร และหน่วยของตัวแปรที่ใช้คำนวณ 3. ครูยกตัวอย่างโจทย์การคำนวณหาปริมาณความร้อนที่ทำให้สารเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ในหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 12-13 ชั่วโมงที่ 2 Q = mcΔt ชั่วโมงที่ 3 Q = mL
ขั้นสรุป ขยายความเข้าใจ (Expand) 4. ครูถามคำถามท้าทายความคิดขั้นสูงว่า วัตถุที่มีมวลเท่ากัน 2 ชิ้น ชิ้นหนึ่งได้รับความร้อนจนหลอมเหลว อีกชิ้นได้รับความร้อน แต่ไม่หลอมเหลว วัตถุทั้ง 2 ชิ้นนี้ ได้รับความร้อนแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ อาจได้รับความร้อนเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของสารที่ประกอบอยู่ในวัตถุ หากวัตถุทั้งสอง ชนิดมีสารแตกต่างกัน ซึ่งมีจุดหลอมเหลวแตกต่างกัน แม้ว่าจะได้รับความร้อนเท่ากันอาจทำให้วัตถุใช้เวลาในการ หลอมเหลวแตกต่างกันได้) 5. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็นกลุ่มละ 4-5 คน ทำกิจกรรม แล้วให้ตัวแทนกลุ่มออกมารับใบงานที่ 4.3 เรื่อง น้ำเปลี่ยนสถานะ 2. ครูให้แต่ละกลุ่มศึกษาขั้นตอนการทำกิจกรรมในใบงานที่ 4.3 เรื่อง น้ำเปลี่ยนสถานะ แล้วให้สมาชิกภายใน กลุ่มวางแผน แบ่งหน้าที่ในการทำกิจกรรม จากนั้นครูให้แต่ละกลุ่มบันทึกผลและตอบคำถามท้ายกิจกรรมลงในใบงาน ขั้นสรุป ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. ครูตรวจใบงานที่ 4.3 เรื่อง น้ำเปลี่ยนสถานะ 3. ครูประเมินนักเรียนจากการทำใบงาน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายกลุ่ม 4. ครูประเมินการนำเสนอใบงาน โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน 5. ครูประเมินนักเรียนจากการสืบค้นข้อมูล และการตอบคำถามในชั้นเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล 9. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 3. ใบงานที่ 4.3 เรื่อง น้ำเปลี่ยนสถานะ 4. PowerPoint เรื่อง ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสถานะของสาร 5. อุปกรณ์การทดลอง 10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ 1. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 2. อินเทอร์เน็ต ชั่วโมงที่ 4
11. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 11.1 ความรู้ (K) 1. อธิบายผลของความร้อน ต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และสถานะของสารได้ - ตรวจแบบฝึกหัด - ตรวจใบงานที่ 4.3 - ตรวจสมุดบันทึก - เฉลยแบบฝึกหัด - เฉลยใบงานที่ 4.3 - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงานรวบยอด - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 11.2 ทักษะ/กระบวนการ/ กระบวนการคิด (P) 1. ปฏิบัติการทดลองแสดงผล ของความร้อนต่อการ เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและ สถานะของสารได้ 2. คำนวณปริมาณความร้อน ที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิ และเปลี่ยนสถานะได้ - ประเมินการปฏิบัติการ - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - เฉลยแบบฝึกหัด - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 11.3 คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ (A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และ งานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่าง สร้างสรรค์ - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 12. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
13. บันทึกผลการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ 13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ 13.1.1 ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสถานะของสารได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.2 ด้านทักษะที่สำคัญ (P) 1) ปฏิบัติการทดลองแสดงผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสถานะของสารได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) คำนวณปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิและเปลี่ยนสถานะได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.2 ปัญหา อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13.3 แนวทางแก้ไขปัญหา / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................................. (นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
ใบงานที่ 4.3 เรื่อง น้ำเปลี่ยนสถานะ คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำกิจกรรมตามขั้นตอนต่อไปนี้ 1. ใส่น้ำแข็งที่ทุบละเอียดใส่ลงในบีกเกอร์ที่เตรียมไว้ประมาณ 1 ใน 3 ของบีกเกอร์ใช้เทอร์มอมิเตอร์วัดอุณหภูมิ ของน้ำแข็ง ดังรูป ก แล้วบันทึกผล 2. ใช้แท่งแก้วคนน้ำแข็ง แล้วสังเกตอุณหภูมิของน้ำแข็ง เมื่อน้ำแข็งหลอมเหลวหมด ให้วัดอุณหภูมิของน้ำแข็ง ทันทีแล้วบันทึกผล 3. นำบีกเกอร์ที่บรรจุน้ำแข็งที่หลอมเหลวแล้วในข้อ 2 มาจัดวางรวมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ดังรูป ข ในหนังสือเรียน ตั้งไฟจนน้ำเดือด วัดอุณหภูมิของน้ำเดือดขณะกลายเป็นไอ แล้วบันทึกผล 4. นำเทอร์มอมิเตอร์เสียบลงบนแผ่นกระดาษแข็ง จากนั้นนำไปวางบนบีกเกอร์ให้เทอร์มอมิเตอร์ลอยอยู่เหนือน้ำ เล็กน้อย ดังรูป ค ต้มน้ำต่อไปประมาณ 2–3 นาที แล้วจึงวัดอุณหภูมิและบันทึกผล คำถามการทดลอง 1. การต้มน้ำแข็งจนกลายเป็นไอ มีการเปลี่ยนแปลงสถานะกี่ครั้ง อะไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเปลี่ยนสถานะของน้ำใช้พลังงานอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การเปลี่ยนสถานะช่วงใดที่ใช้ความร้อนมากที่สุด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ช่วงใดที่อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงแต่สถานะของน้ำเปลี่ยนแปลง และช่วงใดที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงแต่สถานะ ของน้ำไม่เปลี่ยนแปลง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำใช้พลังงานอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
อภิปรายผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เฉลย ใบงานที่ 4.3 เรื่อง น้ำเปลี่ยนสถานะ คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำกิจกรรมตามขั้นตอนต่อไปนี้ 1. ใส่น้ำแข็งที่ทุบละเอียดใส่ลงในบีกเกอร์ที่เตรียมไว้ประมาณ 1 ใน 3 ของบีกเกอร์ใช้เทอร์มอมิเตอร์วัดอุณหภูมิ ของน้ำแข็ง ดังรูป ก แล้วบันทึกผล 2. ใช้แท่งแก้วคนน้ำแข็ง แล้วสังเกตอุณหภูมิของน้ำแข็ง เมื่อน้ำแข็งหลอมเหลวหมด ให้วัดอุณหภูมิของน้ำแข็ง ทันทีแล้วบันทึกผล 3. นำบีกเกอร์ที่บรรจุน้ำแข็งที่หลอมเหลวแล้วในข้อ 2 มาจัดวางรวมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ดังรูป ข ในหนังสือเรียน ตั้งไฟจนน้ำเดือด วัดอุณหภูมิของน้ำเดือดขณะกลายเป็นไอ แล้วบันทึกผล 4. นำเทอร์มอมิเตอร์เสียบลงบนแผ่นกระดาษแข็ง จากนั้นนำไปวางบนบีกเกอร์ให้เทอร์มอมิเตอร์ลอยอยู่เหนือน้ำ เล็กน้อย ดังรูป ค ต้มน้ำต่อไปประมาณ 2–3 นาที แล้วจึงวัดอุณหภูมิและบันทึกผล คำถามการทดลอง 1. การต้มน้ำแข็งจนกลายเป็นไอ มีการเปลี่ยนแปลงสถานะกี่ครั้ง อะไรบ้าง เมื่อให้ความร้อนแก่น้ำแข็งเกิดการเปลี่ยนสถานะ 2 ครั้ง คือ น้ำแข็งอุณหภูมิ 0 ํC เปลี่ยนสถานะเป็นน้ำ อุณหภูมิ 0 ํC โดยการเปลี่ยนสถานะครั้งนี้อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลง และน้ำเดือดอุณหภูมิ 100 ํC เปลี่ยนสถานะเป็นไอ น้ำเดือดอุณหภูมิ 100 ํC การเปลี่ยนสถานะครั้งนี้อุณหภูมิก็ไม่เปลี่ยนแปลง 2. การเปลี่ยนสถานะของน้ำใช้พลังงานอะไร ความร้อนแฝงจำเพาะ 3. การเปลี่ยนสถานะช่วงใดที่ใช้ความร้อนมากที่สุด น้ำเดือดที่อุณหภูมิ 100 ํC 4. ช่วงใดที่อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงแต่สถานะของน้ำเปลี่ยนแปลง และช่วงใดที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงแต่สถานะ ของน้ำไม่เปลี่ยนแปลง น้ำแข็งอุณหภูมิ 0 ํC เปลี่ยนสถานะเป็นน้ำอุณหภูมิ 0 ํC โดยการเปลี่ยนสถานะครั้งนี้อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลง และน้ำเดือดอุณหภูมิ 100 ํC เปลี่ยนสถานะเป็นไอน้ำเดือดอุณหภูมิ 100 ํC การเปลี่ยนสถานะครั้งนี้อุณหภูมิก็ไม่ เปลี่ยนแปลง 5. การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำใช้พลังงานอะไร ความร้อนแฝงจำเพาะของสาร
อภิปรายผลการทดลอง เมื่อน้ำแข็งได้รับความร้อนจะมีการเปลี่ยนแปลงบางช่วง โดยจะเปลี่ยนสถานะโดยที่อุณหภูมิไม่เปลี่ยน และ บางช่วงอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงแต่สถานะไม่เปลี่ยนแปลง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่3 เรื่อง สมดุลความร้อน เวลา 2 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.3 ม.1/5 วิเคราะห์สถานการณ์การถ่ายโอนความร้อนและคำนวณปริมาณความร้อนที่ถ่ายโอนระหว่าง สสารจนเกิดสมดุลความร้อนโดยใช้สมการ Q สูญเสีย = Q ได้รับ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. วิเคราะห์สถานการณ์การถ่ายโอนความร้อนได้ 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. คำนวณปริมาณความร้อนที่ถ่ายโอนระหว่างสสารจนเกิดสมดุลความร้อนโดยใช้สมการได้ 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สารที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันเกิดการถ่ายโอนความร้อนระหว่างกันจนกระทั่งอุณหภูมิของสารเท่ากัน เรียกสภาพ นี้ว่า สมดุลความร้อน โดยความร้อนที่เพิ่มขึ้นของสารหนึ่งจะเท่ากับความร้อนที่ลดลงของอีกสารหนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามกฎ การอนุรักษ์พลังงาน การถ่ายโอนความร้อนจนเกิดสมดุลความร้อนเป็นไปตามสมการ Q สูญเสีย = Q ได้รับ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ความร้อนถ่ายโอนจากสสารที่มีอุณหภูมิสูงกว่าไปยังสสารที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจนกระทั่งอุณหภูมิของสสารทั้ง สองเท่ากัน สภาพที่สสารทั้งสองมีอุณหภูมิเท่ากัน เรียกว่า สมดุลความร้อน
เมื่อมีการถ่ายโอนความร้อนจากสสารที่มีอุณหภูมิต่างกันจนเกิดสมดุลความร้อน ความร้อนที่เพิ่มขึ้นของสสาร หนึ่งจะเท่ากับความร้อนที่ลดลงของอีกสสารหนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์พลังงาน 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) การคำนวณปริมาณความร้อนที่ถ่ายโอนระหว่างสสารจนเกิดสมดุลความร้อนโดยใช้สมการ 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ 7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ 7.2 ความมีเหตุผล 7.3 การมีภูมิคุ้มกัน
7.4 เงื่อนไขความรู้ 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีเจตคติที่ดี 7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ 7.6.2 ด้านสังคม 7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า วัตถุสองสิ่งที่มีความร้อนแตกต่างกัน เมื่อสัมผัสจะมีการ เปลี่ยนแปลงความร้อนอย่างไร (แนวตอบ วัตถุที่มีความร้อนแตกต่างกัน จะเกิดการถ่ายโอนความร้อนจากวัตถุที่มีอุณหภูมิสูงกว่าไปยังวัตถุที่มี อุณหภูมิต่ำกว่า จนกระทั่งวัตถุทั้งสองมีอุณหภูมิเท่ากัน) 2. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับสมดุลความร้อนในชีวิตประจำวัน โดยใช้แนวคำถาม ดังนี้ - นักเรียนคิดว่า มีเหตุการณ์ในชีวิตประจำอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับสมดุลความร้อน (แนวตอบ การละลายของน้ำแข็งในน้ำ การปล่อยอาหารให้เย็นลง การผสมน้ำที่มีอุณหภูมิต่างกัน เป็นต้น) - สมดุลความร้อน คืออะไร (แนวตอบ สมดุลความร้อน คือ พลังงานความร้อนที่ถ่ายโอนระหว่างสองบริเวณจนมีอุณหภูมิเท่ากัน) 3. นักเรียนช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็น เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่องผลของความร้อนต่อการ เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสถานะของสาร ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 4. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็นกลุ่มละเท่า ๆ กัน แล้วให้แต่ละกลุ่มวางแผนและแบ่งหน้าที่ค้นคว้าความรู้ เรื่อง สมดุลความร้อน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 14-15 และแหล่งการเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ต หรือ เอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง 5. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิด แล้วออกแบบการทดลองเกี่ยวกับเรื่อง สมดุลความร้อน ลงในสมุด บันทึก โดยมีหัวข้อ ดังนี้ 1. ชื่อการทดลอง 4. อุปกรณ์ 2. ปัญหา 5. วิธีการทดลอง 3. สมมติฐาน 6. อภิปรายผลการทดลอง ชั่วโมงที่ 1
อธิบายความรู้ (Explain) 6. ครูสุ่มตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอ หัวข้อที่แต่ละกลุ่มจะทดลองเกี่ยวกับสมดุลความร้อน โดยให้ นักเรียนนำเสนอปัญหา สมมติฐาน และอุปกรณ์ในการทดลอง 7. ครูพิจารณาหัวข้อของแต่ละกลุ่มว่าสามารถทำการทดลองได้หรือไม่ จากนั้นมอบหมายให้แต่ละกลุ่มวางแผน และแบ่งหน้าที่ในการทำการทดลองหน้าชั้นเรียนในชั่วโมงถัดไปภายใน 15 นาที ขั้นสอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาทำการทดลองหน้าชั้นเรียน โดยสมาชิกทุกคนภายในกลุ่มต้องมีบทบาทและ หน้าที่ ดังนี้ - อธิบายชื่อการทดลอง สมมติฐาน อุปกรณ์การทดลอง วิธีการทดลง - แสดงขั้นตอนการทดลอง - อภิปรายและสรุปผลการทดลอง 2. ครูให้นักเรียนบันทึกผลการทดลองของกลุ่มตนเองและเพื่อนกลุ่มอื่นลงในสมุด ขั้นสรุป ขยายความเข้าใจ (Expand) 3. ครูเขียนโจทย์การคำนวณเกี่ยวกับสมดุลคามร้อนบนกระดาน แล้วให้นักเรียนแสดงวิธีทำลงในสมุด 4. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. ครูประเมินการออกแบบการทดลอง เรื่อง สมดุลความร้อน โดยใช้แบบประเมินการออกแบบการปฏิบัติการ 3. ครูประเมินนักเรียนจากการทำใบงาน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายกลุ่ม 4. ครูประเมินนักเรียนจากการสืบค้นข้อมูล และการตอบคำถามในชั้นเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล 9. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 3. PowerPoint เรื่อง สมดุลความร้อน 4. อุปกรณ์การทดลอง 10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ 1. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 2. อินเทอร์เน็ต ชั่วโมงที่ 2
11. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 11.1 ความรู้ (K) 1. วิเคราะห์สถานการณ์การ ถ่ายโอนความร้อนได้ - ตรวจสมุดบันทึก - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงานรวบยอด - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 11.2 ทักษะ/กระบวนการ/ กระบวนการคิด (P) 1. คำนวณปริมาณความร้อน ที่ถ่ายโอนระหว่างสสารจน เกิดสมดุลความร้อนโดยใช้ สมการได้ - ตรวจแบบฝึกหัด - ประเมินการปฏิบัติการ - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - เฉลยแบบฝึกหัด - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 11.3 คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ (A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และ งานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่าง สร้างสรรค์ - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 12. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
13. บันทึกผลการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ 13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ 13.1.1 ด้านความรู้ (K) 1) วิเคราะห์สถานการณ์การถ่ายโอนความร้อนได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.2 ด้านทักษะที่สำคัญ (P) 1) คำนวณปริมาณความร้อนที่ถ่ายโอนระหว่างสสารจนเกิดสมดุลความร้อนโดยใช้สมการได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.2 ปัญหา อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13.3 แนวทางแก้ไขปัญหา / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................................. (นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่3 เรื่อง การนำความร้อน เวลา 4 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.3 ม.1/6 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการถ่ายโอนความร้อนโดยการนำความร้อน การพาความร้อน การแผ่รังสีความร้อน ว 2.3 ม.1/7 ออกแบบ เลือกใช้ และสร้างอุปกรณ์ เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับ การถ่ายโอนความร้อน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. อธิบายการถ่ายโอนความร้อนโดยการนำความร้อนได้ 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. สร้างแบบจำลองที่อธิบายการถ่ายโอนความร้อนได้ 2. สังเกตและปฏิบัติกิจกรรมการนำความร้อนของสารได้ 3. ออกแบบ เลือกใช้ และสร้างอุปกรณ์ เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายโอนความ ร้อนโดยการนำความร้อนได้ 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สารที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน จะมีการถ่ายโอนความร้อนระหว่างกัน การถ่ายโอนความร้อนมี 3 แบบ คือ การนำ ความร้อน การพาความร้อน และการแผ่รังสีความร้อน ซึ่งการนำความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดยตัวกลางไม่เคลื่อนที่ การพาความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดยตัวกลางมีการเคลื่อนที่ ส่วน การแผ่รังสีความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนที่ไม่อาศัยตัวกลาง
4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) การถ่ายโอนความร้อนมี 3 แบบ คือ การนำความร้อน การพาความร้อน และการแผ่รังสีความร้อน การนำ ความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดยที่ตัวกลางไม่เคลื่อนที่ การพาความร้อนเป็นการถ่ายโอนความ ร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดยที่ตัวกลางเคลื่อนที่ไปด้วย ส่วนการแผ่รังสีความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนที่ไม่ต้องอาศัย ตัวกลาง 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) การสร้างแบบจำลองที่อธิบายการถ่ายโอนความร้อนโดยการนำความร้อน การพาความร้อน การแผ่รังสีความร้อน 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ
7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ 7.2 ความมีเหตุผล 7.3 การมีภูมิคุ้มกัน 7.4 เงื่อนไขความรู้ 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีเจตคติที่ดี 7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ 7.6.2 ด้านสังคม 7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า วัตถุสามารถถ่ายโอนความร้อนให้แก่กันได้อย่างไร (แนวตอบ วัตถุสามารถถ่ายโอนความร้อนให้แก่กันโดยการถ่ายโอนความร้อนผ่านตัวกลาง ซึ่งตัวกลางอาจเคลื่อนที่ หรือไม่เคลื่อนที่ หรืออาจถ่ายโอนความร้อนโดยไม่อาศัยตัวกลางโดยการแผ่รังสีความร้อน) 2. ครูสนทนา และถามคำถามนักเรียนเกี่ยวกับการถ่ายโอนความร้อน ดังนี้ - เพราะเหตุใดเราจึงรู้สึกร้อนขณะที่ถูกแสงแดดจากดวงอาทิตย์ (แนวตอบ ดวงอาทิตย์แผ่รังสีความร้อนมายังโลก ทำให้คนบนโลกได้รับพลังงานความร้อน) - เพราะเหตุใดทัพพีตักอาหาร ทำจากวัสดุต่างชนิดกัน เช่น พลาสติก ไม้เป็นต้น ทำให้ขณะที่ตักอาหาร รู้สึกว่าทัพพี ร้อนไม่เท่ากัน (แนวตอบ ทัพพีตักอาหารบริเวณช้อนตักทำด้วยโลหะมีสมบัตินำความร้อนได้ ส่วนด้ามจับถูกออกแบบมาให้ใช้วัสดุที่ มีสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน เช่น พลาสติก ไม้ เป็นต้น) - เพราะเหตุใดเวลาเปิดฝาหม้อน้ำที่กำลังเดือด เราจึงรู้สึกร้อน (แนวตอบ ไอน้ำเดือดที่ระเหยจากหม้อ เกิดการพาความร้อนทำให้เราได้รับพลังงานความร้อน) 3. นักเรียนช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็น เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้ จากนั้นครูจึงสรุปเหตุการณ์ทั้ง 3 ตัวอย่างว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากสารมีการถ่ายโอนความร้อน ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 4. ครูให้นักเรียนศึกษาประเภทของการถ่ายโอนความร้อนจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า16-17 5. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็นกลุ่มละ 3-4 คน และแบ่งหน้าที่เพื่อทำกิจกรรม เรื่อง การสร้างแบบจำลอง การถ่ายโอนความร้อน ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้าที่ 18 ชั่วโมงที่ 1
6. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม และตอบคำถามท้ายกิจกรรมลงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 อธิบายความรู้ (Explain) 7. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงาน ด้วยการส่งตัวแทนกลุ่มละ 2-3 คน นำเสนอผลการทำกิจกรรม เรื่อง การสร้างแบบจำลองการถ่ายโอนความร้อน 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลที่ได้จากการทำกิจกรรม 9. ครูให้แต่ละกลุ่มเสนอคำตอบท้ายกิจกรรม และครูเฉลยคำตอบ ดังนี้ - การถ่ายโอนความร้อนแต่ละประเภทมีลักษณะอย่างไร (แนวตอบ การนำความร้อน เป็นการถ่ายโอนความร้อนผ่านตัวกลางที่ไม่เคลื่อนที่ การพาความร้อน เป็นการถ่ายโอนความร้อนผ่านตัวกลางที่เคลื่อนที่ การแผ่รังสีความร้อน เป็นการถ่ายโอนความร้อนโดยไม่อาศัยตัวกลาง) - การถ่ายโอนความร้อนแต่ละประเภทมีตัวกลางสถานะใดที่สามารถถ่ายโอนความร้อนได้ดีที่สุด (แนวตอบ การนำความร้อน ตัวกลางที่เป็นของแข็งจะสามารถนำความร้อนได้ดีที่สุด การพาความร้อน ตัวกลางที่เป็นแก๊สจะสามารถพาความร้อนได้ดีที่สุด) - ประเมินแบบจำลองของกลุ่มอื่นว่าแสดงถึงเนื้อหาที่ถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ คำตอบขึ้นอยู่กับแบบจำลองของนักเรียน และดุลยพินิจของนักเรียนและครู) ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละเท่า ๆ กัน ให้แต่ละกลุ่มวางแผนและแบ่งหน้าที่ค้นคว้าความรู้ เรื่อง การนำความร้อน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 19 และแหล่งการเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวข้อง 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิด แล้วสรุปข้อมูลเป็นความรู้ของกลุ่ม อธิบายความรู้ (Explain) 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มผลัดกันเล่าเรื่องที่ตนได้ศึกษามาให้สมาชิกในกลุ่มฟัง 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการสืบค้นข้อมูลหน้าชั้นเรียน 5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม เช่น - นักเรียนจะรู้สึกร้อน เมื่อจับแก้วน้ำร้อน เพราะสาเหตุใด (แนวตอบ เนื่องจากน้ำร้อนมีการถ่ายโอนพลังงานความร้อนจากน้ำผ่านตัวกลาง หรือภาชนะที่บรรจุ (แก้วน้ำ) มายัง มือของเรา) - การถ่ายโอนความร้อนผ่านตัวกลาง มีหลักการอย่างไร (แนวตอบ อาศัยหลักการสั่นของอะตอม หรือโมเลกุลเมื่อได้รับความร้อน ทำให้อะตอม หรือโมเลกุลที่อยู่ข้างเคียง เกิดการสั่นด้วย ซึ่งการสั่นจะเกิดขึ้นต่อเนื่องจนไปอะตอมหรือโมเลกุลที่อยู่ติดกับตัวกลางนั้น) - ความสามารถในการนำความร้อนของสารแต่ละชนิดเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ ต่างกัน ขึ้นอยู่กับสารแต่ละชนิด เรียกว่า สภาพการนำความร้อน โดยของแข็งมักน้ำความร้อนได้ดีกว่า ของเหลว และของเหลวนำความร้อนได้ดีกว่าแก๊ส) 6. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม ชั่วโมงที่ 2