The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ ม.1 ภาคเรียนที่ 2 (ว21102)

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 อุณหภูมิและการวัดอุณหภูมิ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ผลของความร้อนต่อการขยายตัวและหดตัวของสาร
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสถานะ
ของสาร
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 สมดุลความร้อน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 การนำความร้อน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 การพาความร้อน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 การแผ่รังสีความร้อน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 องค์ประกอบของบรรยากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 การแบ่งชั้นบรรยากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 องค์ประกอบของลม ฟ้า อากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 อุณหภูมิอากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 ความดันอากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 ความชื้นอากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 ลม
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15 เมฆและฝน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 พายุฝนฟ้าคะนอง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17 พายุหมุนเขตร้อน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18 เกณฑ์การรายงานพยากรณ์อากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 19 แผนที่อากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20 การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอากาศของโลก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thanongying1994, 2023-03-26 14:48:22

วิทยาศาสตร์ ม.1 ภาคเรียนที่ 2 (ว21102)

แผนการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ ม.1 ภาคเรียนที่ 2 (ว21102)

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 อุณหภูมิและการวัดอุณหภูมิ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ผลของความร้อนต่อการขยายตัวและหดตัวของสาร
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสถานะ
ของสาร
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 สมดุลความร้อน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 การนำความร้อน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 การพาความร้อน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 การแผ่รังสีความร้อน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 องค์ประกอบของบรรยากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 การแบ่งชั้นบรรยากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 องค์ประกอบของลม ฟ้า อากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 อุณหภูมิอากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 ความดันอากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 ความชื้นอากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 ลม
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15 เมฆและฝน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 พายุฝนฟ้าคะนอง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17 พายุหมุนเขตร้อน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18 เกณฑ์การรายงานพยากรณ์อากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 19 แผนที่อากาศ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20 การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอากาศของโลก

Keywords: วิทยาศาสตร์,ม.1,แผนการจัดการเรียนรู้ แผนการสอน

ตอนที่ 2 คำชี้แจง จงสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่ออุณหภูมิของโลกเปลี่ยนแปลง หัวข้อ ………………………………………………………………………………………… ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. หัวข้อ …………………………………………………………(กลุ่มที่เพื่อนนำเสนอ) ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..……………………………………………………………………………………………………….


เฉลย ใบงานที่ 5.2 เรื่อง อุณหภูมิของอากาศ ตอนที่ 1 คำชี้แจง จงสืบค้นความหมายของคำต่อไปนี้ 1. รังสีจากดวงอาทิตย์ เป็นรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยออกจากดวงอาทิตย์ ซึ่งมีความยาวคลื่นต่าง ๆ ได้แก่ รังสีแกมมา รังสีเอกซ์เรย์ รังสีอัล ตราไวโอเรต แสงขาว รังสีไมโครเวฟ และรังสีวิทยุ 2. ซีกโลกเหนือ เป็นบริเวณของโลกที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรขึ้นไปจนถึงขั้วโลกเหนือ ตรงข้ามกับซีกโลกใต้ ค่าพิกัดภูมิศาสตร์ของ ละติจูดของตำแหน่งใดก็ตามบนซีกโลกเหนือจะเป็นบวกเสมอ และใช้สัญลักษณ์ N 3. ซีกโลกใต้ เป็นครึ่งทรงกลมของโลกที่อยู่ใต้เส้นศูนย์สูตร มีทั้งหมดหรือบางส่วนของห้าทวีป (แอนตาร์กติกา ออสเตรเลีย ประมาณ 9/10 ของทวีปอเมริกาใต้ 1/3 ทางใต้ของทวีปแอฟริกา และหลายหมู่เกาะทางใต้นอกฝั่งแผ่นดินใหญ่ทวีป เอเชีย) สี่มหาสมุทร (อินเดีย แอตแลนติกใต้ และแปซิฟิกใต้) และโอเชียเนียส่วนมาก 4. เส้นศูนย์สูตร เส้นที่ลากผ่านศูนย์กลางวงกลมในแนวทิศตะวันตก-ตะวันออก และตั้งฉากกับแกนหมุนของโลก เป็นเส้นสมมติที่ลาก ผ่านเส้นศูนย์กลางวงกลม แบ่งโลกออกเป็นสองซีกเท่า ๆ กัน 5. ขั้วโลกเหนือ จุดเหนือสุดที่แกนการหมุนของโลก ตั้งฉากกับพื้นผิว อยู่ในบริเวณของมหาสมุทรอาร์กติก ซึ่งมีละติจูดที่ 90 องศา เหนือ 6. ขั้วโลกใต้ จุดต่ำสุดที่แกนการหมุนของโลก ตั้งฉากกับพื้นผิวโลก อยู่ในบริเวณของทวีปแอนตาร์กติกาซึ่งมีละติจูดที่ 90 องศาใต้


ตอนที่ 2 คำชี้แจง จงสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่ออุณหภูมิของโลกเปลี่ยนแปลง หัวข้อ ………………………………………………………………………………………… ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. หัวข้อ …………………………………………………………(กลุ่มที่เพื่อนนำเสนอ) ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………..……………………………………………………………………………………………………….


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่5 เรื่อง ความดันอากาศ เวลา 3 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและ บนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ว 2.2 ม.1/1 สร้างแบบจำลองที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความดันอากาศกับความสูงจากพื้นโลก ว 3.2 ม.1/2 อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความดันอากาศได้ 2. อธิบายวิธีการใช้เครื่องมือวัดความดันอากาศได้ 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. สร้างแบบจำลองที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความดันอากาศกับความสูงจากพื้นโลกได้ 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ความดันอากาศ คือ แรงดันอากาศที่กระทำต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความดันอากาศ คือ จำนวน โมเลกุลของสาร อุณหภูมิ และความสูง การบอกค่าความดันอากาศจะใช้เครื่องมือวัดความดันอากาศ คือ บารอมิเตอร์ ปรอท แอนิรอยด์บารอมิเตอร์ และแอลติมิเตอร์ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ลมฟ้าอากาศ เป็นสภาวะของอากาศในเวลาหนึ่งของพื้นที่หนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับ องค์ประกอบลมฟ้าอากาศ ได้แก่ อุณหภูมิของอากาศ ความกดอากาศ ลม ความชื้น เมฆ และหยาดน้ำฟ้า โดยหยาดน้ำ


ฟ้าที่พบบ่อยในประเทศไทยได้แก่ ฝน องค์ประกอบลมฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณรังสีจากดวงอาทิตย์และลักษณะพื้นผิวโลกส่งผลต่ออุณหภูมิของอากาศ อุณหภูมิของอากาศและปริมาณไอน้ำ ส่งผลต่อความชื้น ความกดอากาศส่งผลต่อลม ความชื้นและลมส่งผลต่อเมฆ 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) การสร้างแบบจำลองที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความดันอากาศกับความสูงจากพื้นโลก 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ 7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ 7.2 ความมีเหตุผล


7.3 การมีภูมิคุ้มกัน 7.4 เงื่อนไขความรู้ 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีเจตคติที่ดี 7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ 7.6.2 ด้านสังคม 7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งผลการเรียนรู้ ให้นักเรียนทราบ 2. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่อง ความดันอากาศ โดยนำสมุดหรือหนังสือหลายเล่มมาวาง ซ้อนกัน จากนั้นใช้แนวคำถาม ถามนักเรียน ดังนี้ - หนังสือเล่มใดถูกกดด้วยแรงมากที่สุด และน้อยที่สุด (แนวตอบ หนังสือเล่มที่อยู่ข้างล่างถูกกดมากที่สุด และเล่มบนสุดถูกกดน้อยที่สุด) - ครูนำอภิปรายเกี่ยวกับ หนังสือที่วางซ้อนกันว่าหนังสือเล่มที่ 1 เปรียบได้กับพื้นโลก ส่วนหนังสือเล่มที่ 2 เปรียบได้กับ อากาศที่อยู่เหนือพื้นโลก ดังนั้น พื้นผิวโลกจึงถูกแรงกดจากอากาศที่อยู่สูงขึ้นไป แรงชนิดนี้เรียกว่า แรงดันอากาศ หรือ ความดันอากาศ ซึ่งนักเรียนจะได้เรียนรู้ในหัวข้อต่อไป - นักเรียนคิดว่า ความดันอากาศมีผลกระทบต่อตัวเราหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น ความดันอากาศมี ผลกระทบต่อตัวเรา เช่น ความดันอากาศส่งผลต่อการขยายตัวและหดตัวของปอด เป็นต้น) - ครูถามนักเรียนว่า ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงความดันอากาศ (แนวตอบ พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น ปัจจัยที่ส่งผลต่อการ เปลี่ยนแปลงความดันอากาศ ได้แก่ อุณหภูมิ ความหนาแน่นและอากาศ เป็นต้น) ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 3. ครูเขียนคำถามบนกระดาน ดังนี้ - แรงดันอากาศคืออะไร - ความดันอากาศคืออะไร - จำนวนโมเลกุลมีผลอย่างไรต่อความดันอากาศ - อุณหภูมิมีผลอย่างไรต่อความดันอากาศ - ความสูงมีผลอย่างไรต่อความดันอากาศ ชั่วโมงที่ 1


4. ครูให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง ความดันอากาศ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 40 หรือ สืบค้นจากแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ แล้วตอบคำถามบนกระดาน โดยบันทึกคำตอบลงในสมุดบันทึก 5. ครูให้นักเรียนจับคู่ แลกเปลี่ยนคำตอบ และอภิปรายคำตอบที่ดีที่สุด แล้วแก้ไขคำตอบของตนเองให้ได้ คำตอบที่ชัดเจนมากที่สุด อธิบายความรู้ (Explain) 6. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 5 คน ออกมานำเสนอคำตอบที่ดีที่สุดที่ได้จากการอภิปรายกับคู่ของตนเอง 7. ครูเพิ่มเติม และแก้ไขข้อมูลคำตอบของนักเรียน โดยมีแนวคำตอบ ดังนี้ - แรงดันอากาศคืออะไร (แนวตอบ แรงดันอากาศ คือ แรงที่อากาศกดลงบนวัตถุในทุกทิศทุกทาง) - ความดันอากาศคืออะไร (แนวตอบ แรงดันอากาศ คือ แรงที่อากาศกระทำต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่) - จำนวนโมเลกุลมีผลอย่างไรต่อความดันอากาศ (แนวตอบ จำนวนโมเลกุลที่มากขึ้น จะส่งผลให้ความดันเพิ่มขึ้น) - อุณหภูมิมีผลอย่างไรต่อความดันอากาศ (แนวตอบ อุณหภูมิสูงขึ้น จะทำให้โมเลกุลของอากาศเคลื่อนที่เร็วและขยายตัวออก ส่งผลให้อากาศบริเวณนั้นเบา บางลง ความดันอากาศจึงลดต่ำลง ในทางกลับกันอุณหภูมิที่ลดต่ำลง จะทำให้โมเลกุลของอากาศอยู่ชิดกันมาก ส่งผลให้ อากาศบริเวณนั้นหนาแน่นมากขึ้น ความดันอากาศจึงเพิ่มขึ้น) - ความสูงมีผลอย่างไรต่อความดันอากาศ (แนวตอบ ความสูงมีความสัมพันธ์ที่แปรผลผันกับอุณหภูมิ ดังนั้น ยิ่งความสูงเพิ่มขึ้น อุณหภูมิของอากาศจะยิ่งลด ต่ำลง ทำให้ความดันอากาศสูงขึ้น) ขั้นสรุป ขยายความรู้ (Expand) 8. ครูให้นักเรียนสรุปความสัมพันธ์ของโมเลกุลอากาศ อุณหภูมิ และความสูงที่มีผลกับความดันอากาศลงใน สมุดบันทึก 9. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม แล้วให้ตัวแทนกลุ่มออกมาจับฉลากศึกษาหัวข้อต่อไปนี้ ในหนังสือ เรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้าที่ 41 หรือจากแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ - กลุ่มที่ 1 ศึกษาเรื่อง บารอมิเตอร์แบบปรอท - กลุ่มที่ 2 ศึกษาเรื่อง แอนิรอยด์บารอมิเตอร์ - กลุ่มที่ 3 ศึกษาเรื่อง แอลติมิเตอร์ - กลุ่มที่ 4 ศึกษาเรื่อง บารอกราฟ 2. ครูแจกเครื่องมือวัดความดันอากาศตามหัวข้อที่จับฉลากได้ แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำใบงานที่ 5.3 เรื่อง เครื่องมือวัดความดันอากาศ ชั่วโมงที่ 2


อธิบายความรู้ (Explain) 3. ครูให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอเครื่องมืดวัดความดันอากาศตามหัวข้อที่แต่ละกลุ่มจับฉลากได้ โดยนำเสนอ เกี่ยวกับหลักการทำงานของเครื่องมือวัดความดันอากาศ จากนั้นนำเครื่องวัดความดันอากาศที่กลุ่มของตนได้รับส่งให้ กลุ่มอื่น ๆ ได้ศึกษา 4. ครูแก้ไขและอธิบายเพิ่มเติมข้อมูลที่นำเสนอให้ถูกต้อง 5. ครูให้กลุ่มอื่น ๆ ศึกษาและบันทึกการนำเสนอเครื่องมือวัดความดันอากาศของเพื่อนกลุ่มอื่น แล้วบันทึกลง ในใบงานที่ 5.3 ให้สมบูรณ์ สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนจับกลุ่มเดิมจากการศึกษาเครื่องวัดความดันอากาศ เพื่อทำกิจกรรม เรื่อง การสร้าง แบบจำลองความดันอากาศ โดยให้นักเรียนศึกษากิจกรรม และวิธีปฏิบัติในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้าที่ 42 แล้วบันทึกผล และตอบคำถามท้ายกิจกรรมในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 อธิบายความรู้ (Explain) 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่ม เพื่อออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรม เรื่อง การสร้างแบบจำลอง ความดันอากาศ หน้าชั้นเรียน 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย และเฉลยคำถามท้ายกิจกรรม ดังนี้ - ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อความดันอากาศ และส่งผลต่อความดันอากาศอย่างไร (แนวตอบ มี 3 ปัจจัย ดังนี้ 1. จำนวนโมเลกุลของอากาศ : จำนวนโมเลกุลของอากาศเพิ่ม ความดันอากาศจะมากขึ้น 2. อุณหภูมิอากาศ : บริเวณที่มีอุณหภูมิสูง โมเลกุลของอากาศจะเคลื่อนที่เร็วและขยายตัวออก ทำให้บริเวณ นั้นมีความดันอากาศลดลง แต่ถ้าบริเวณนั้นมีอุณหภูมิต่ำ โมเลกุลของอากาศจะอยู่ชิดกันมาก อากาศจึงหนาแน่นขึ้น ส่งผลให้ความดันอากาศเพิ่มขึ้น 3. ความสูง : ที่ระดับความสูงเพิ่มขึ้น ความดันอากาศจะลดต่ำลง เนื่องจากความสูงที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ บริเวณนั้นมีอุณหภูมิลดต่ำลง หรือปริมาณแก๊สมีน้อยกว่าบริเวณผิวโลก) - ประเมินแบบจำลองของกลุ่มอื่นว่าแสดงถึงเนื้อหาที่ถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ ขึ้นอยู่กับแบบจำลองของนักเรียนแต่ละกลุ่ม) ขั้นสรุป ขยายความรู้ (Expand) 4. สรุปจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถามต่อไปนี้ - ความดันอากาศ หมายถึงอะไร (แนวตอบ ความดันอากาศ หมายถึง แรงดันอากาศที่กระทำต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่) - ปัจจัยที่มีผลต่อความดันอากาศ ได้แก่อะไรบ้าง (แนวตอบ จำนวนโมเลกุลของอากาศ อุณหภูมิอากาศ และระดับความสูง) ชั่วโมงที่ 3


- ความดันอากาศมีประโยชน์และโทษต่อสิ่งมีชีวิตอย่างไรบ้าง (แนวตอบ พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น ส่งผลต่อการหดและ ขยายตัวของปอด เป็นต้น) 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการทำกิจกรรมเพื่อให้ได้แนวข้อสรุปว่า ในการวัดความดันอากาศ ใช้ เครื่องมือที่เรียกว่า บารอมิเตอร์ มีด้วยกันหลายแบบขึ้นอยู่กับการใช้งาน 6. ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการใช้แนวคำถาม เช่น - เครื่องมือที่ใช้วัดความดันอากาศมีอะไรบ้าง (แนวตอบ บารอมิเตอร์แบบปรอท บารอมิเตอร์แบบแอนิรอยด์ อัลติมิเตอร์ และบารอกราฟ) - ให้อธิบายหลักการทำงานของบารอมิเตอร์แบบต่าง ๆ (แนวตอบ - บารอมิเตอร์แบบปรอท อากาศจะดันปรอทที่อยู่ภายในภาชนะ ทำให้ระดับปรอทในหลอดแก้วสูงขึ้น ซึ่ง แสดงถึงค่าความดันอากาศ - บารอมิเตอร์แบบแอนิรอยด์ ตลับโลหะภายในจะยุบตัวเมื่อความดันอากาศสูงขึ้น - อัลติมิเตอร์ใช้หลักการทำงานเดียวกับบารอมิเตอร์แบแอนิรอยด์ - บารอกราฟใช้หลักการเดียวกับบารอมิเตอร์แบบแอนิรอยด์ แต่จะต่อกับแขนปากกาให้ขีดบนกระดาษกราฟ) - บรรยากาศมีค่าเป็นเท่าไร (แนวตอบ บรรยากาศ มีค่าเท่ากับ 760 มิลลิเมตรปรอท) - ความดันอากาศบนดอยอินทนนท์มีค่ามากกว่าหรือน้อยกว่า 760 มิลลิเมตรปรอท (แนวตอบ น้อยกว่า 760 มิลลิเมตรปรอท) 7. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจใบงานที่ 5.3 เรื่อง เครื่องมือวัดความดันอากาศ 2. ครูตรวจแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 3. ครูประเมินการปฏิบัติการจากกิจกรรม เรื่อง การสร้างแบบจำลองความดันอากาศ โดยใช้แบบประเมินการ ปฏิบัติการ 4. ครูประเมินนักเรียนจากการทำงานกลุ่ม โดยใช้แบบประเมินสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายกลุ่ม 5. ครูประเมินชิ้นงานแบบจำลองความดันอากาศ โดยใช้แบบประเมินชิ้น/ภาระงานรวบยอด 6. ครูประเมินนักเรียนจากการสืบค้นข้อมูล และการตอบคำถามภายในห้องเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล 9. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 3. PowerPoint เรื่อง ความดันอากาศ 4. ใบงานที่ 5.3 เรื่อง เครื่องมือวัดความดันอากาศ


10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ 1. สิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้ตัวนักเรียน 2. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 3. อินเทอร์เน็ต 11. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 11.1 ความรู้ (K) 1. อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการ เปลี่ยนแปลงความดันอากาศ ได้ 2. อธิบายวิธีการใช้เครื่องมือ วัดความดันอากาศได้ - ตรวจแบบฝึกหัด - ตรวจใบงานที่ 5.3 - ตรวจสมุดบันทึก - เฉลยแบบฝึกหัด - เฉลยใบงานที่ 5.3 - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงานรวบยอด - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 11.2 ทักษะ/กระบวนการ/ กระบวนการคิด (P) 1. สร้างแบบจำลองที่อธิบาย ความสัมพันธ์ระหว่างความ ดันอากาศกับความสูงจากพื้น โลกได้ - ตรวจชิ้นงาน - ประเมินการปฏิบัติการ - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงานรวบยอด - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 11.3 คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ (A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และ งานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่าง สร้างสรรค์ - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 12. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..


13. บันทึกผลการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ 13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ 13.1.1 ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความดันอากาศได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) อธิบายวิธีการใช้เครื่องมือวัดความดันอากาศได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.2 ด้านทักษะที่สำคัญ (P) 1) สร้างแบบจำลองที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความดันอากาศกับความสูงจากพื้นโลกได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.2 ปัญหา อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13.3 แนวทางแก้ไขปัญหา / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................................. (นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย


ใบงานที่ 5.3 เรื่อง เครื่องมือวัดความดันอากาศ คำชี้แจง ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือวัดความดันอากาศในหัวข้อเครื่องมือที่กลุ่มของตนเองได้รับ แล้ว เขียนรายละเอียดลักษณะและการทำงานของเครื่องมือดังกล่าวลงใต้รูปให้สอดคล้องกับเครื่องมือที่หัวข้อที่ กลุ่มนักเรียนได้รับ ภาพเครื่องมือวัด ความดันอากาศ ชื่อเครื่องมือวัด ความดันอากาศ ลักษณะ หลักการทำงาน ……………………….. ……………………….. ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………….. ……………………….. ……………………….. ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………….. ……………………….. ……………………….. ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………….. ……………………….. ……………………….. ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………….. …………………………………………………….. ……………………………………………………..


ใบงานที่ 5.3 เฉลย เรื่อง เครื่องมือวัดความดันอากาศ คำชี้แจง ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือวัดความดันอากาศในหัวข้อเครื่องมือที่กลุ่มของตนเองได้รับ แล้ว เขียนรายละเอียดลักษณะและการทำงานของเครื่องมือดังกล่าวลงใต้รูปให้สอดคล้องกับเครื่องมือที่หัวข้อที่ กลุ่มนักเรียนได้รับ ภาพเครื่องมือวัด ความดันอากาศ ชื่อเครื่องมือวัด ความดันอากาศ ลักษณะ หลักการทำงาน แอนิรอยด์ บารอมิเตอร์ เป็นตลับโลหะปิดผนึกที่ นำอากาศออกไปบางส่วน และเชื่อมต่อกับกลไกที่ แสดงค่าความดันอากาศ โดยตรง ใช้หลักการยุบตัวหรือพองตัวของตลับ โลหะตามความดันของบรรยากาศ แอลติมิเตอร์ ลักษณะคล้ายกับแอนิ รอยด์บารอมิเตอร์ แต่ ปรับหน้าปัดให้บอก ความสูงได้ ความกดอากาศจะลดลง 1 มิลลิเมตร ปรอท ทุก ๆ ความสูงที่เพิ่มขึ้น 11 เมตร มักใช้บอกระดับความสูงของ เครื่องบิน บารอมิเตอร์ แบบปรอท ประกอบด้วยหลอดแก้ว ปลายปิดข้างหนึ่งที่มี ปรอทบรรจุอยู่เต็ม คว่ำ อยู่ในภาชนะที่บรรจุ ปรอท แรงดันจากอากาศภายนอกจะดัน ปรอทในภาชนะให้ไหลเข้าไปใน หลอดแก้ว ซึ่งความสูงของปรอทใน หลอดแก้วจะแสดงค่าความดันอากาศ บารอกราฟ คล้ายกับบารอมิเตอร์ แบบแอนิรอยด์ แต่จะต่อ กับแขนปากกาให้ขีดบน กระดาษกราฟท ี ่ หุ้ ม กระบอกหมุนที่หมุนด้วย นาฬิกา ใช้หลักการยุบตัวหรือพองตัวของตลับ โลหะตามความดันของบรรยากาศ


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่5 เรื่อง ความชื้นอากาศ เวลา 3 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและ บนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ว 3.2 ม.1/2 อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความชื้นอากาศในแต่ละบริเวณได้ 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. ทดลองและรวบรวมข้อมูลปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความชื้นอากาศในแต่ละบริเวณได้ 2. คำนวณหาค่าความชื้นสัมบูรณ์และค่าความชื้นสัมพัทธ์ได้ 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ความชื้นอากาศเป็นปริมาณไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศ ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อความชื้นอากาศ ได้แก่ อุณหภูมิอากาศ และลักษณะพื้นที่ ความชื้นอากาศสามารถตรวจวัดได้โดยใช้ไฮกรอมิเตอร์ และนำมาใช้ในการพยากรณ์อากาศ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ลมฟ้าอากาศ เป็นสภาวะของอากาศในเวลาหนึ่งของพื้นที่หนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับ องค์ประกอบลมฟ้าอากาศ ได้แก่ อุณหภูมิของอากาศ ความกดอากาศ ลม ความชื้น เมฆ และหยาดน้ำฟ้า โดยหยาดน้ำ ฟ้าที่พบบ่อยในประเทศไทยได้แก่ ฝน องค์ประกอบลมฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น


ปริมาณรังสีจากดวงอาทิตย์และลักษณะพื้นผิวโลกส่งผลต่ออุณหภูมิของอากาศ อุณหภูมิของอากาศและปริมาณไอน้ำ ส่งผลต่อความชื้น ความกดอากาศส่งผลต่อลม ความชื้นและลมส่งผลต่อเมฆ 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) - 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ 7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ 7.2 ความมีเหตุผล 7.3 การมีภูมิคุ้มกัน


7.4 เงื่อนไขความรู้ 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีเจตคติที่ดี 7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ 7.6.2 ด้านสังคม 7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งผลการเรียนรู้ ให้นักเรียนทราบ 2. ครูจัดเตรียมชุดอุปกรณ์ก่อนการสอน ดังนี้ - ผ้าเปียกขนาดประมาณ 2x2 ตารางเซนติเมตร 4 ชิ้น - บีกเกอร์ขนาด 100 ml 4 อัน และ - ตะแกรงเหล็ก 4 อัน 3. ครูจัดชุดอุปกรณ์เป็น 4 ชุด แต่ละชุดนำบีกเกอร์ขนาด 100 ml วางหงายขึ้น จากนั้นนำตะแกรงวางบนปาก บีกเกอร์ และนำผ้าเปียกหนึ่งชิ้นวางบนตะแกรง 4. ครูเตรียมชุดอุปกรณ์ดัง ข้อ 4 เป็น 4 ชุด ชุดที่ 1 ใส่น้ำในบีกเกอร์ ชุดที่ 2, 3 และ 4 ไม่ต้องใส่น้ำ 5. ครูนำชุดที่ 1 2 และ 3 ไปตากแดด ชุดที่ 4 ไว้ในที่ร่ม แต่ละชุดใช้เวลา 4 ชั่วโมง จากนั้นนำผ้าแต่ละผืนใส่ ถุงพลาสติกแยกกัน แล้วปิดถุงให้มิดชิด เพื่อเตรียมไว้สำหรับการสอนในชั้นเรียน ดังรูป 6. ครูถามนักเรียนว่า ปัจจัยใดที่มีผลทำให้บางวันรู้สึกเหนียวตัว บางวันรู้สึกผิวแห้ง บางวันผ้าจึงแห้งเร็ว และ บางวันผ้าแห้งช้า (แนวตอบ พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น ความชื้นอากาศ เป็นต้น) ชั่วโมงที่ 1 ตะแกรง แสงแดด ผ้าเปี ยก ชุดที่ 1 ชุดที่ 2 ชุดที่ 3 ชุดที่4


ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 7. นักเรียนรับม้วนกระดาษเล็กจากครูคนละ 1 ชิ้น ซึ่งกระดาษทุกใบจะมีเลขติดอยู่เลขใดเลขหนึ่ง ได้แก่เลข 1, 2, 3 หรือ 4 กระดาษที่มีหมายเลข 1 จะมีคำว่าผู้นำ เขียนอยู่ด้วย โดยครูแจ้งว่า ในกระดาษที่นักเรียนได้รับไปนั้น จะมี กระดาษแห่งผู้นำอยู่จำนวน 1 ใน 4 ของกระดาษทั้งหมด 8. ครูแจ้งให้นักเรียนส่งต่อกระดาษวนกันไปเรื่อย ๆ โดยระหว่างที่นักเรียนส่งกระดาษ ครูอาจร้องเพลงหรือ เปิดเพลง แล้วหยุดเพลงในช่วงใดช่วงหนึ่ง เมื่อเพลงหยุดนักเรียนจะต้องหยุดส่งกระดาษ 9. นักเรียนคลี่ม้วนกระดาษออก จากนั้นนักเรียนคนที่ได้กระดาษหมายเลข 1 ซึ่งเป็นผู้นำจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม หัวหน้ากลุ่มเลือกสมาชิก 3 คนที่มีหมายเลข 2 3 และ 4 ตามลำดับ จากนั้นครูแจ้งหน้าที่ของนักเรียน ดังนี้ สมาชิกที่ได้หมายเลข 1 : ทำหน้าที่นำเสนอใบงานหน้าชั้นเรียน สมาชิกที่ได้หมายเลข 2 : ทำหน้าที่จดบันทึกลงในงาน และเขียนคำตอบบนกระดานหน้าชั้นเรียน ในช่วงที่มีการนำเสนอ สมาชิกที่ได้หมายเลข 3 : ทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มโดยวางแผนลำดับการทำงานกลุ่มของสมาชิก สมาชิกที่ได้หมายเลข 4 : ทำหน้าที่รับฟังความคิดเห็นของสมาชิกในกลุ่มแล้วช่วยอธิบายให้กับ สมาชิกที่ทำหน้าที่จดบันทึกลงในใบงาน และจัดเตรียมอุปกรณ์และใบงาน สมาชิกทุกคน : ทำหน้าที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับใบงาน 10. สมาชิกหมายเลข 4 ออกมารับใบงานที่ 5.4 เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความชื้นอากาศจากนั้น นักเรียนศึกษาวัตถุประสงค์ คำชี้แจง และขั้นตอนการทำกิจกรรม 11. ครูนำตัวอย่างผ้าทั้ง 4 ชิ้นที่เตรียมไว้มาแสดงหน้าชั้นเรียน และอธิบายเกี่ยวกับการจัดเตรียมชุดอุปกรณ์ สาธิต ว่าผ้าทั้ง 4 ชิ้นถูกจัดอยู่ในสภาวะแวดล้อมแบบใดบ้างทั้ง 4 แบบ จากนั้นให้นักเรียนเปรียบเทียบผ้าจากชุดสาธิต ชุดที่ 1 กับ 2 และ 3 กับ 4 โดยครูตั้งคำถามเกริ่นนำว่า นักเรียนคิดว่า ผ้าชิ้นใดที่เปียกชื้นกว่า ผ้าผืนใดที่แห้งมากกว่า เพราะเหตุใดจึงคิดเช่นนั้น 12. สมาชิกหมายเลข 3 ของแต่ละกลุ่มออกมาจับผ้าทั้ง 4 ชิ้น แล้วบอกความแห้งของผ้าโดยเปรียบเทียบผืนที่ 1 กับ 2 และเปรียบเทียบผืนที่ 3 กับ 4 ให้เพื่อนในกลุ่มฟัง 13. นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนบันทึกผลลงในตารางเปรียบเทียบความแห้งของผ้าจากชุดสาธิตทั้ง 4 ชิ้น 14. นักเรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 43 แล้วตอบคำถามท้ายกิจกรรม อธิบายความรู้ (Explain) 15. ครูให้นักเรียนนำเสนอคำตอบของแต่ละคำถามท้ายกิจกรรมตอนที่ 1 โดยทุกกลุ่มเสนอคำตอบพร้อมกันที ละคำถาม 16. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลจากการทำกิจกรรมในใบงานที่ 5.4 เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการ เปลี่ยนแปลงความชื้นอากาศ


ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูเกริ่นนำว่า ความชื้นอากาศในสิ่งแวดล้อมแต่ละบริเวณมีความแตกต่างกัน ซึ่งล้วนแต่ส่งผลต่อการ ดำรงชีวิตของมนุษย์ ดังนั้น หากเราทราบปริมาณความชื้นอากาศในแต่ละบริเวณก็จะเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต แต่ เราจะสามารถหาค่าความชื้นอากาศในอากาศได้อย่างไร (แนวตอบ ใช้เครื่องมือวัดความชื้นอากาศ) 2. ครูอธิบายเกี่ยวกับค่าความชื้นสัมบูรณ์และค่าความชื้นสัมพัทธ์ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้าที่ 44 และครูเขียนโจทย์ตัวอย่างเกี่ยวกับการคำนวณความชื้นสัมบูรณ์และความชื้นสัมพัทธ์ให้นักเรียนฝึกทำหน้า ชั้นเรียน 3. ครูตั้งคำถามเกริ่นนำว่า จากการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมเนื่องจากความชื้นอากาศในอากาศ สามารถนำการ เปลี่ยนแปลงของเส้นผมนี้มาใช้ในการบอกความชื้นอากาศได้หรือไม่ อย่างไร 4. ครูให้นักเรียนศึกษาหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 45 เกี่ยวกับเครื่องมือวัดความชื้นอากาศไฮ กรอมิเตอร์ 5. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน เพื่อหาความชื้นสัมพัทธ์โดยใช้ไฮกรอมิเตอร์ จากการทำกิจกรรม การ หาความชื้นสัมพันธ์ ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 46 6. ครูมอบหมายให้นักเรียนนำไฮกรอมิเตอร์ไปวัดความชื้นอากาศในช่วงเช้าและช่วงบ่ายล่วงหน้า และบันทึก ผลลงแบบฝึกวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 แล้วตอบคำถามท้ายกิจกรรม อธิบายความรู้ (Explain) 7. ครูให้แต่ละกลุ่มนำเสนอข้อมูลและกราฟความสัมพันธ์ระหว่างช่วงเวลาและความชื้นสัมพัทธ์ 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลกิจกรรม การหาความชื้นสัมพัทธ์ 9. ครูเฉลยคำถามท้ายกิจกรรม ดังนี้ - ความชื้นสัมพันธ์ที่หาได้จากการทดลองในช่วงเช้าและช่วงบ่ายต่างกันหรือไม่ (แนวตอบ ต่างกัน โดยความชื้นสัมพัทธ์ในช่วงเช้ามีค่ามากกว่าความชื้นสัมพัทธ์ในช่วงบ่าย) - นักเรียนคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ในช่วงเช้าและช่วงบ่ายมีความแตกต่างกันคืออะไร (แนวตอบ ความชื้นสัมพัทธ์ในช่วงเช้ามีค่ามากกว่าช่วงบ่าย เนื่องจากในช่วงเช้ามีอุณหภูมิอากาศต่ำกว่าช่วงบ่าย ทำ ให้อากาศสามารถรอบรับไอน้ำได้น้อย ปริมาณไอน้ำอิ่มตัวจึงน้อย ซึ่งเมื่อปริมาณไอน้ำอิ่มตัวในอากาศลดลง จึงส่งผลให้ ความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้น) ชั่วโมงที่ 2


ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาไฮกรอมิเตอร์แบบเส้นผม ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 47 2. ครูถามคำถามนักเรียนว่า ในวันที่มีความชื้นอากาศสูงและต่ำจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น มีผลต่อเส้นผม โดย ความชื้นอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้เส้นผมยืดหรือหดตัวได้แตกต่างกัน) 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนออกแบบเครื่องมือวัดความชื้นอากาศไฮกรอมิเตอร์แบบเส้นผมโดยแสดงถึงการนำ วัสดุอุปกรณ์ในชีวิตประจำวันมาประยุกต์ใช้ อธิบายความรู้ (Explain) 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอเครื่องมือวัดความชื้นอากาศของตนเอง พร้อมทั้งอธิบายวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ รวมทั้งอธิบายหลักการทำงานของเครื่องมือวัดความชื้นอากาศของกลุ่มตนเอง 5. ครูเพิ่มเติมความรู้ หรือข้อมูลให้กับการนำเสนอเครื่องมือแต่ละกลุ่ม 6. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการทำกิจกรรม และการนำความรู้ที่ ได้ไปใช้ประโยชน์ 7. ครูถามคำถามเพื่อทดสอบความเข้าใจของนักเรียน ดังนี้ - ความชื้นอากาศคืออะไร (แนวตอบ ความชื้นอากาศ คือ ปริมาณไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศในแต่ละวัน) - ให้อธิบายหลักการทำงานของไซครอมิเตอร์ (แนวตอบ น้ำในกระเปาะจะระเหยโดยดูดความร้อนจากกระเปาะของเทอร์มอมิเตอร์ทำให้อุณหภูมิที่อ่านได้จาก เทอร์มอมิเตอร์กระเปาะเปียกมีค่าต่ำลง ทำให้อุณหภูมิที่อ่านได้จากเทอร์มอมิเตอร์กระเปาะเปียกมีค่าต่ำกว่ากระเปาะ แห้ง จากนั้นนำค่าผลต่างอุณหภูมินี้ไปอ่านค่าความชื้นสัมพัทธ์ในตาราง) - ความชื้นสัมพัทธ์คืออะไร (แนวตอบ ความชื้นสัมพัทธ์ (relative humidity) คือ อัตราส่วนระหว่างมวลของไอน้ำที่มีอยู่จริงในอากาศขณะนั้น กับมวลของไอน้ำที่อากาศซึ่งมีปริมาตรและอุณหภูมิเดียวกันจะรับได้เต็มที่ (อากาศอิ่มตัว) มีหน่วยวัดเป็นเปอร์เซ็นต์) - ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความชื้นอากาศได้แก่อะไรบ้าง (แนวตอบ ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความชื้นอากาศ ได้แก่ ลักษณะพื้นที่ในแต่ละบริเวณ และอุณหภูมิ) - ค่าความชื้นอากาศที่นิยมใช้คือค่าความชื้นอากาศใด และสามารถคำนวณหาค่าความชื้นอากาศดังกล่าวได้อย่างไร (แนวคำตอบ ค่าความชื้นอากาศที่นิยมใช้ คือ ค่าความชื้นสัมพัทธ์ คำนวณได้จากค่าความชื้นอากาศในอากาศที่มีอยู่ ณ ขณะนั้น หารด้วยค่าความชื้นอากาศที่มากที่สุดที่อากาศบริเวณนั้นสามารถรับได้ และคูณด้วย 100) - ปัจจัยใดที่ส่งผลต่อค่าความชื้นสัมพัทธ์ และหากปัจจัยดังกล่าวมีค่าสูงขึ้น จะส่งผลต่อความชื้นสัมพัทธ์อย่างไร (แนวตอบ ปัจจัยที่มีผลต่อค่าความชื้นสัมพัทธ์คือ อุณหภูมิ หากอุณหภูมิสูงขึ้นจะทำให้ความสามารถในการรองรับ ความชื้นอากาศของอากาศสูงขึ้น ทำให้ค่าความชื้นสัมพัทธ์ลดต่ำลง) ชั่วโมงที่ 3


- เครื่องมือใดนำมาหาค่าความชื้นอากาศ และมีหลักการในการวัดความชื้นอากาศอย่างไร (แนวตอบ สามารถหาค่าความชื้นอากาศได้โดยใช้ไฮกรอมิเตอร์แบบกระเปาะเปียก-กระเปาะแห้ง มีหลักการในการ วัดคือ วัดจากความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิที่ได้จากเทอร์มอมิเตอร์ปกติ และอุณหภูมิจากเทอร์มอมิเตอร์ที่มีผ้าเปียก หุ้มกระเปาะ หากอากาศมีความชื้นอากาศน้อย น้ำจากผ้าเปียกจะระเหยทำให้วัดค่าอุณหภูมิของกระเปาะที่มีผ้าเปียก ได้ต่ำลง ผลต่างระหว่างอุณหภูมิทั้งสองกระเปาะจึงมีค่ามากขึ้นเมื่ออุณหภูมิต่ำ จากนั้นนำผลต่างอุณหภูมิที่ได้ไปอ่านค่า ในตาราง) ขั้นสรุป ขยายความรู้ (Expand) 8. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาผลกระทบของความชื้นอากาศที่มีต่อการดำรงชีวิตเพิ่มเติมจากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หรือจากแหล่งการเรียนรู้อื่น ๆ จากนั้นทำแผนผังสรุปเกี่ยวกับ ความชื้นอากาศมีผลต่อการ ดำรงชีวิตของมนุษย์อย่างไรบ้าง โดยยกตัวอย่างและอธิบายผลของความชื้นอากาศที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ 9. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจใบงานที่ 5.4 เรื่อง ความชื้นอากาศ 2. ครูตรวจแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 3. ครูประเมินการนำเสนอใบงานที่ 5.4 เรื่อง ความชื้นอากาศ โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน 3. ครูประเมินนักเรียนจากการสืบค้นข้อมูล และการตอบคำถามในชั้นเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล 4. ครูประเมินการออกแบบเครื่องมือวัดความชื้นอากาศแบบเส้นผม โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน 5. ครูประเมินการปฏิการจากการทำกิจกรรม การหาความชื้นสัมพัทธ์ โดยใช้แบบประเมินการปฏิบัติการ 6. ครูประเมินนักเรียนจากการทำงานกลุ่ม โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายกลุ่ม 7. ครูประเมินแผนผังสรุป เรื่อง ผลของความชื้นอากาศต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ โดยใช้แบบประเมิน ชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด 9. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 3. PowerPoint เรื่อง ความชื้นอากาศ 4. ใบงานที่ 5.4 เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความชื้นอากาศ 10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ 1. สิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้ตัวนักเรียน 2. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 3. อินเทอร์เน็ต


11. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 11.1 ความรู้ (K) 1. อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการ เปลี่ยนแปลงความชื้นอากาศ ในแต่ละบริเวณได้ - ตรวจแบบฝึกหัด - ตรวจใบงานที่ 5.4 - ตรวจสมุดบันทึก - เฉลยแบบฝึกหัด - เฉลยใบงานที่ 5.4 - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงานรวบยอด - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 11.2 ทักษะ/กระบวนการ/ กระบวนการคิด (P) 1. ทดลองและรวบรวมข้อมูล ปัจจัยที่มีผลต่อการ เปลี่ยนแปลงความชื้นอากาศ ในแต่ละบริเวณได้ 2. คำนวณหาค่าความชื้น สัมบูรณ์และค่าความชื้น สัมพัทธ์ได้ - ประเมินการปฏิบัติการ - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - เฉลยแบบฝึกหัด - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 11.3 คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ (A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และ งานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่าง สร้างสรรค์ - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 12. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..


13. บันทึกผลการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ 13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ 13.1.1 ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความชื้นอากาศในแต่ละบริเวณได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.2 ด้านทักษะที่สำคัญ (P) 1) ทดลองและรวบรวมข้อมูลปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความชื้นอากาศในแต่ละบริเวณได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) คำนวณหาค่าความชื้นสัมบูรณ์และค่าความชื้นสัมพัทธ์ได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.2 ปัญหา อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13.3 แนวทางแก้ไขปัญหา / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................................. (นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย


ใบงานที่ 5.4 เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความชื้นอากาศ คำชี้แจง ให้นักเรียนศึกษาชุดสาธิตที่ครูเตรียมมาให้ แล้วบันทึกผลลงในตารางและตอบคำถามท้ายกิจกรรม วัสดุอุปกรณ์ (ชุดสาธิต) วิธีทำ 1. ตัวแทนกลุ่มออกมาจับตัวอย่างผ้าจากชุดสาธิต โดยเปรียบเทียบความแห้งของผ้าเป็นคู่ ดังนี้ ผ้าชุดที่ 1 กับ ผ้าชุดที่ 2 และ ผ้าชุดที่ 3 กับ ผ้าชุดที่ 4 2. ตัวแทนกลุ่มกลับมาอธิบายความแห้งของผ้าให้สมาชิกในกลุ่มฟัง และบันทึกผลลงตาราง 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายสาเหตุที่ทำให้ผ้ามีความแห้งแตกต่างกัน 4. ตอบคำถามท้ายกิจกรรม ตารางบันทึกผลเปรียบเทียบความแห้งของผ้าชุดที่ 1 กับ ผ้าชุดที่ 2 ชุดสาธิต ภาพประกอบ คำอธิบายชุดสาธิต ความแห้งของผ้า (มากกว่า/น้อยกว่า) 1 เป็นการจำลองการตากผ้า ในพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำ …………………………………… …………………………………… 2 เป็นการจำลองการตากผ้า ในพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งน้ำ …………………………………… …………………………………… ตารางบันทึกผลเปรียบเทียบความแห้งของผ้าชุดที่ 3 กับ ผ้าชุดที่ 4 ชุดสาธิต ภาพประกอบ คำอธิบายชุดสาธิต ความแห้งของผ้า (มากกว่า/น้อยกว่า) 3 เป็นการจำลองการตากผ้า ในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง …………………………………… …………………………………… 4 เป็นการจำลองการตากผ้า ในบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ …………………………………… ……………………………………


คำถามท้ายกิจกรรม 1. กระบวนการเปลี่ยนสถานะของน้ำที่ทำให้ผ้าแห้งคืออะไร ............................................................................................................................. ............................................. 2. สาเหตุที่ทำให้ผ้ามีความแห้งแตกต่างกันคืออะไร ............................................................................................................................. ............................................. 3. สาเหตุที่ทำให้น้ำในผ้ามีการระเหยแตกต่างกันคืออะไร ...................................................................................................................................................... .................... 4. จากชุดสาธิตชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2 ตอบคำถาม ดังนี้ 4.1 ชุดใดมีความชื้นอากาศมากกว่ากัน ........................................................................................................................................................... ............... 4.2 ปัจจัยใดที่ทำให้ความชื้นอากาศทั้งสองชุดนี้แตกต่างกัน .......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................. 5. จากชุดสาธิตชุดที่ 3 และ ชุดที่ 4 ตอบคำถาม ดังนี้ 5.1 ชุดใดมีความชื้นอากาศมากกว่ากัน ............................................................................................................................. ............................................. 5.2 ปัจจัยใดที่ทำให้ความชื้นอากาศทั้งสองชุดนี้แตกต่างกัน ........................................................................................................................................................... ...............


ใบงานที่ 5.4 เฉลย เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความชื้นอากาศ คำชี้แจง ให้นักเรียนศึกษาชุดสาธิตที่ครูเตรียมมาให้ แล้วบันทึกผลลงในตารางและตอบคำถามท้ายกิจกรรม วัสดุอุปกรณ์ (ชุดสาธิต) วิธีทำ 1. ตัวแทนกลุ่มออกมาจับตัวอย่างผ้าจากชุดสาธิต โดยเปรียบเทียบความแห้งของผ้าเป็นคู่ ดังนี้ ผ้าชุดที่ 1 กับ ผ้าชุดที่ 2 และ ผ้าชุดที่ 3 กับ ผ้าชุดที่ 4 2. ตัวแทนกลุ่มกลับมาอธิบายความแห้งของผ้าให้สมาชิกในกลุ่มฟัง และบันทึกผลลงตาราง 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายสาเหตุที่ทำให้ผ้ามีความแห้งแตกต่างกัน 4. ตอบคำถามท้ายกิจกรรม ตารางบันทึกผลเปรียบเทียบความแห้งของผ้าชุดที่ 1 กับ ผ้าชุดที่ 2 ชุดสาธิต ภาพประกอบ คำอธิบายชุดสาธิต ความแห้งของผ้า (มากกว่า/น้อยกว่า) 1 เป็นการจำลองการตากผ้า ในพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำ มากกว่า 2 เป็นการจำลองการตากผ้า ในพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งน้ำ น้อยกว่า ตารางบันทึกผลเปรียบเทียบความแห้งของผ้าชุดที่ 3 กับ ผ้าชุดที่ 4 ชุดสาธิต ภาพประกอบ คำอธิบายชุดสาธิต ความแห้งของผ้า (มากกว่า/น้อยกว่า) 3 เป็นการจำลองการตากผ้า ในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง น้อยกว่า 4 เป็นการจำลองการตากผ้า ในบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ มากกว่า


คำถามท้ายกิจกรรม 1. กระบวนการเปลี่ยนสถานะของน้ำที่ทำให้ผ้าแห้งคืออะไร กระบวนการระเหย 2. สาเหตุที่ทำให้ผ้ามีความแห้งแตกต่างกันคืออะไร การระเหยของน้ำในผ้าที่แตกต่างกัน 3. สาเหตุที่ทำให้น้ำในผ้ามีการระเหยแตกต่างกันคืออะไร ความชื้นอากาศ ณ บริเวณนั้น 4. จากชุดสาธิตชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2 ตอบคำถาม ดังนี้ 4.1 ชุดใดมีความชื้นอากาศมากกว่ากัน ชุดที่ 1 มีความชื้นอากาศมากกว่า ชุดที่ 2 4.2 ปัจจัยใดที่ทำให้ความชื้นอากาศทั้งสองชุดนี้แตกต่างกัน ลักษณะพื้นที่ ณ บริเวณนั้น โดยพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำจะมีความชื้นอากาศสูงกว่าพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งน้ำ เนื่องจาก พื้นที่ที่มีแหล่งน้ำจะมีการระเหยได้มากกว่า 5. จากชุดสาธิตชุดที่ 3 และ ชุดที่ 4 ตอบคำถาม ดังนี้ 5.1 ชุดใดมีความชื้นอากาศมากกว่ากัน ชุดที่ 4 มีความชื้นอากาศมากกว่า ชุดที่ 3 5.2 ปัจจัยใดที่ทำให้ความชื้นอากาศทั้งสองชุดนี้แตกต่างกัน อุณหภูมิของพื้นที่ ณ บริเวณนั้น โดยพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่าจะมีความชื้นอากาศต่ำกว่าพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ กว่า


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่5 เรื่อง ลม เวลา 3 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและ บนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ว 3.2 ม.1/2 อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดลมในแต่ละบริเวณได้ 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. นำเสนอแผนภาพการเกิดลมได้ 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ลม คือ อากาศที่เคลื่อนที่ การเคลื่อนที่ของอากาศ เป็นผลเนื่องจากความแตกต่างของอุณหภูมิสองแห่ง หรือ ความแตกต่างของความกดอากาศสองแห่ง โดยลมจะพัดจากบริเวณที่มีความกดอากาศสูง เข้าสู่บริเวณที่มีความกด อากาศต่ำ โดยกระแสการไหลของลมจะหยุดเมื่อความดันของสองจุดมีค่าเท่ากัน 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ลมฟ้าอากาศ เป็นสภาวะของอากาศในเวลาหนึ่งของพื้นที่หนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับ องค์ประกอบลมฟ้าอากาศ ได้แก่ อุณหภูมิของอากาศ ความกดอากาศ ลม ความชื้น เมฆ และหยาดน้ำฟ้า โดยหยาดน้ำ ฟ้าที่พบบ่อยในประเทศไทยได้แก่ ฝน องค์ประกอบลมฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น


ปริมาณรังสีจากดวงอาทิตย์และลักษณะพื้นผิวโลกส่งผลต่ออุณหภูมิของอากาศ อุณหภูมิของอากาศและปริมาณไอน้ำ ส่งผลต่อความชื้น ความกดอากาศส่งผลต่อลม ความชื้นและลมส่งผลต่อเมฆ 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) - 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ 7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ 7.2 ความมีเหตุผล 7.3 การมีภูมิคุ้มกัน


7.4 เงื่อนไขความรู้ 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีเจตคติที่ดี 7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ 7.6.2 ด้านสังคม 7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งผลการเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 2. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่อง ลม โดยครูถามนักเรียนว่า เคยสังเกตเห็นใบไม้ไหวหรือไม่ และคิดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร (แนวตอบ พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น เคยสังเกตเห็นใบไม้ ไหว ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนที่ของอากาศ เป็นต้น) 3. ครูเชื่อมโยงคำตอบ พร้อมยกข่าวเกี่ยวกับการเกิดลมแรงให้นักเรียนฟัง แล้วให้นักเรียนช่วยกันแสดงความ คิดเห็นว่า ลมแรงเกิดจากสาเหตุใด 4. ครูให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปรายหาคำตอบเกี่ยวกับการเกิดลม และโยงไปสู่ความหมายของลม ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 5. ครูเตรียมชุดการทดลองสาธิต โดยจัดตั้งอุปกรณ์ตามรูป โดยมีขั้นตอน ดังนี้ 1) ตัดก้นขวดพลาสติกใส 2 ขวด แล้วนำปากของขวดหนึ่งต่อกับด้านข้างของอีกขวดหนึ่งโดยให้มีช่องเชื่อมต่อกัน 2) นำชุดขวดพลาสติกที่ต่อกันนี้ไปครอบบนเทียนที่จุดไฟ 3) นำธูปมาจ่อในขวดที่วางแนวนอน ชั่วโมงที่ 1


6. ครูถามนักเรียนว่า จากชุดการทดลองสาธิตที่ครูเตรียม นักเรียนคิดว่า เมื่อครูนำธูปที่จุดไฟมาจ่อในขวด แนวนอน จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร (แนวตอบ พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น ควันธูปจะลอยไปยัง ขวดในแนวตั้ง แล้วลอยขึ้นออกจากปากขวดแนวตั้ง เป็นต้น) 7. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 5 คน จากนั้นส่งตัวแทนกลุ่มออกมารับใบงานที่ 5.5 เรื่อง ลม 8. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง การเกิดลม จากหนังสือเรียน หน้า 48 หรือสืบค้นจาก แหล่งเรียนรู้อื่น ๆ แล้วบันทึกผลการสืบค้นลงในใบงานที่ 5.5 เรื่อง ลม ในตอนที่ 1 9. ครูถามนักเรียนต่อว่า เราจะทราบความเร็วและทิศทางลมในชีวิตประจำวันได้อย่างไร (แนวตอบ พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น ทราบความเร็วลมได้ จากอุปกรณ์ที่มีลักษณะเหมือนธนูชี้ไปยังทิศทางที่ลมพัดมา ทราบความเร็วลมได้จากความเร็วของกังหัน เป็นต้น) 10. ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลการวัดความเร็วและทิศทางลม จากหนังสือเรียน หน้า 49 หรือสืบค้นจากแหล่ง เรียนรู้อื่น ๆ ภายในห้องเรียน แล้วบันทึกผลการสืบค้นลงใบงานที่ 5.5 เรื่อง ลม ในตอนที่ 2 ขั้นสอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่ม เพื่อออกมานำเสนอผลการบันทึกกิจกรรมในใบงานที่ 5.5 เรื่อง ลม 2. ครูเฉลยคำตอบ โดยนำธูปที่จุดไฟมาจ่อในขวดแนวนอน เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถามต่อไปนี้ - เมื่อจุดนำขวดไปครอบเทียนที่จุดไฟ มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น (แนวตอบ มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในอากาศที่แตกต่างกัน ทำให้ความดันอากาศแตกต่างกันด้วย) - การเคลื่อนที่ของอากาศในเกิดขึ้นในทิศทางใด และสังเกตจากชุดสาธิตการทดลองได้อย่างไร (แนวตอบ อากาศจะเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีความดันอากาศสูง (อุณหภูมิต่ำ) ไปยังบริเวณที่มีความดัน อากาศต่ำ (อุณหภูมิสูง) สังเกตได้จากการเคลื่อนที่ของควันธูปจากขวดที่ไม่มีเทียนจุดไฟไปยังขวดที่มีเทียนที่จุดไฟไว้) - ผลสรุปของการทดลองนี้คืออะไร (แนวตอบ นักเรียนควรสรุปได้ว่า เมื่ออากาศได้รับอุณหภูมิสูงหรือได้รับความร้อนจะขยายตัว ทำให้ความหนาแน่น ของอากาศลดลง จะมีความดันอากาศต่ำ เมื่อความดันอากาศในสองบริเวณมีความแตกต่างกัน จะทำให้เกิดการ เคลื่อนที่จากบริเวณที่มีความดันอากาศสูงกว่า ไปยังบริเวณที่มีความดันอากาศต่ำกว่า การเคลื่อนที่ของอากาศลักษณะ นี้เรียกว่า ลม) - เครื่องมือที่ใช้ในการวัดอัตราเร็วและทิศทางลม ได้แก่อะไรบ้าง (แนวตอบ ศรลม ใช้วัดทิศทางลม แอนิมอมิเตอร์ ใช้วัดอัตราเร็วลม และแอโรแวน สามารถวัดได้ทั้งทิศทางและ อัตราเร็วลม) ชั่วโมงที่ 2


ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนสังเกตภาพการทดลองต่อไปนี้ ภาพการทดลอง 2. ครูถามคำถามนักเรียน จากการสังเกตภาพการทดลอง ดังนี้ - หากจุดไฟที่ตะเกียง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดขึ้น (แนวตอบ ใบพัดจะหมุน เนื่องจากอากาศเกิดการเคลื่อนที่ลอยตัวสูงขึ้นในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง ซึ่งเป็นบริเวณ ตะเกียงแอลกอฮอล์ อากาศบริเวณรอบข้างที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจะเคลื่อนที่เข้ามาแทนที่อากาศเหนือตะเกียงแอลกอฮอล์ ที่ลอยตัวสูงขึ้น) - การเกิดลมมีอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมอย่างไร (แนวตอบ พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น ส่งผลต่อความรู้สึก ร้อนเย็น หากลมพัดจะทำให้เหงื่อจากร่างกายระเหยได้ดี จึงช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกาย เป็นต้น) 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นเกี่ยวกับการเกิดลมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมในหนังสือเรียน หน้า 48 หรือสืบค้นจากแหล่งการเรียนรู้อื่น ๆ อธิบายความรู้ (Explain) 4. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอเกี่ยวกับการเกิดลมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม 5. ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการใช้แนวคำถาม ดังนี้ - ลมเกิดขึ้นได้อย่างไร (แนวตอบ เกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิ) - ลมมีประโยชน์และโทษอะไรบ้าง (แนวตอบ ประโยชน์คือทำให้รู้สึกเย็น ทำให้ผ้าแห้ง โทษ คือ ถ้าลมแรงเกินไป อาจทำให้บ้านเรือนเสียหายได้) - ความกดอากาศสูงและความกดอากาศต่ำหมายถึงอะไร (แนวตอบ ความกดอากาศสูง หมายถึง บริเวณที่มีปริมาณของอากาศอยู่มาก ทำให้อากาศหนักและลอยตัวอยู่ต่ำ ส่วนความกดอากาศต่ำ หมายถึง บริเวณที่มีปริมาณของอากาศอยู่น้อย ทำให้อากาศเบาและลอยตัวสูง) ชั่วโมงที่ 3


- ลมมีทิศทางการพัดในลักษณะใดในบริเวณชายหาด (แนวตอบ ในตอนกลางวันพื้นดินจะมีอุณหภูมิสูงกว่าพื้นน้ำ อุณหภูมิของอากาศเหนือพื้นดินจึงสูงกว่าอุณหภูมิของ อากาศเหนือพื้นน้ำ ส่วนในตอนกลางคืน พื้นน้ำจะคายความร้อนอย่างช้า ๆ ทำให้อากาศเหนือพื้นน้ำมีอุณหภูมิสูงกว่า อากาศเหนือพื้นดิน โดยลมจะพัดจากบริเวณที่มีความกดอากาศสูงไปยังบริเวณที่มีความกดอากาศต่ำ) ขั้นสรุป ขยายความรู้ (Expand) 6. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการทำกิจกรรมว่า เมื่ออากาศได้รับอุณหภูมิสูงหรือได้รับความร้อนจะ ขยายตัว ทำให้ความหนาแน่นของอากาศลดลง จะมีความดันอากาศต่ำ เมื่อความดันอากาศในสองบริเวณมีความ แตกต่างกัน จะทำให้เกิดการเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีความดันอากาศสูงกว่า ไปยังบริเวณที่มีความดันอากาศต่ำกว่า การ เคลื่อนที่ของอากาศลักษณะนี้เรียกว่า ลม 7. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. ครูตรวจใบงานที่ 5.5 เรื่อง ลม 3. ครูประเมินการนำเสนอใบงานที่ 5.5 เรื่อง ลม โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน 4. ครูประเมินนักเรียนจากการสืบค้นข้อมูล และการตอบคำถามในชั้นเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล 5. ครูประเมินนักเรียนจากการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายกลุ่ม 9. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 3. PowerPoint เรื่อง ลม 4. ใบงานที่ 5.5 เรื่อง ลม 5. อุปกรณ์สาธิตการทดลอง 6. ภาพการทดลอง 10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ 1. สิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้ตัวนักเรียน 2. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 3. อินเทอร์เน็ต


11. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 11.1 ความรู้ (K) 1. อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการ เกิดลมในแต่ละบริเวณได้ - ตรวจแบบฝึกหัด - ตรวจใบงานที่ 5.5 - ตรวจสมุดบันทึก - เฉลยแบบฝึกหัด - เฉลยใบงานที่ 5.5 - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงานรวบยอด - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 11.2 ทักษะ/กระบวนการ/ กระบวนการคิด (P) 1. นำเสนอแผนภาพการเกิด ลมได้ - ตรวจชิ้นงาน - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงานรวบยอด - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 11.3 คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ (A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และ งานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่าง สร้างสรรค์ - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 12. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..


13. บันทึกผลการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ 13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ 13.1.1 ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดลมในแต่ละบริเวณได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.2 ด้านทักษะที่สำคัญ (P) 1) นำเสนอแผนภาพการเกิดลมได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.2 ปัญหา อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13.3 แนวทางแก้ไขปัญหา / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................................. (นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย


ใบงานที่ 5.5 เรื่อง ลม ตอนที่ 1 ขั้นตอนการทำกิจกรรม 1. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดลม จากนั้นระบุผลการทดลองจากรูปที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น และสาเหตุที่คิด ว่าเป็นเช่นนั้น 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการทดลองที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น และสาเหตุที่คิดว่าเป็นเช่นนั้น 3. ให้นักเรียนสังเกตผลการทดลองที่เกิดขึ้นจริงเมื่อครูนำธูปไปจ่อภายในขวดแนวนอน 4. ให้นักเรียนบันทึกผลการทดลองลงในใบงาน และเขียนสรุปและอภิปรายผล ผลการทดลองที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น และสาเหตุที่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................... ผลการทดลองที่เกิดขึ้นจริง ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................. ............................................................... สรุปผลและอภิปรายผลการทดลอง ....................................................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................. ............................................................... ขวดพลาสติกใส ขวดพลาสติกใส เทียน ธูป


ตอนที่ 2 ขั้นตอนการทำกิจกรรม 1. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือวัดทิศทาง และอัตราเร็วลมในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หรือ จากแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ 2. บันทึกผลการสืบค้นลงในตารางบันทึกผล ดังนี้ ชื่อเครื่องมือ ลักษณะ หน้าที่/การทำงาน ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. …………………………………………………..


ใบงานที่ 5.5 เฉลย เรื่อง ลม ตอนที่ 1 ขั้นตอนการทำกิจกรรม 1. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดลม จากนั้นระบุผลการทดลองจากรูปที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น และสาเหตุที่คิด ว่าเป็นเช่นนั้น 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการทดลองที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น และสาเหตุที่คิดว่าเป็นเช่นนั้น 3. ให้นักเรียนสังเกตผลการทดลองที่เกิดขึ้นจริงเมื่อครูนำธูปไปจ่อภายในขวดแนวนอน 4. ให้นักเรียนบันทึกผลการทดลองลงในใบงาน และเขียนสรุปและอภิปรายผล ผลการทดลองที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น และสาเหตุที่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................... ผลการทดลองที่เกิดขึ้นจริง .......................................................................................................... .................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................... สรุปผลและอภิปรายผลการทดลอง ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................. ............................................................... ขวดพลาสติกใส ขวดพลาสติกใส เทียน ธูป ขึ้นอยู่กับคำตอบของนักเรียน ควันธูปจะลอยจากขวดแนวนอนไปยังขวดแนวตั้งแล้วลอยออกจากปากขวดแนวตั้ง จากผลการที่ลองที่ว่า ควันธูปจะลอยจากขวดแนวนอนไปยังขวดแนวตั้ง เนื่องจากอากาศในขวดแนวตั้งมี อุณหภูมิสูงกว่าอากาศในขวดแนวนอน อากาศที่มีอุณหภูมิสูงและมีความดันอากาศต่ำในขวดแนวตั้งจะลอยตัวสูงขึ้น ออกไปจากปากขวดแนวตั้ง ส่วนอากาศจากขวดแนวนอนที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าหรือมีความดันอากาศต่ำกว่าจะไหลเข้า มาแทนที่ การเคลื่อนที่ของอากาศนี้เรียกว่า ลม


ตอนที่ 2 ขั้นตอนการทำกิจกรรม 1. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือวัดทิศทางและอัตราเร็วลมในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หรือ จากแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ 2. บันทึกผลการสืบค้นลงในตารางบันทึกผล ดังนี้ ชื่อเครื่องมือ ลักษณะ หน้าที่/การทำงาน ศรลม คล้ายลูกดอกธนู ส่วนหัวเป็นปลาย แหลม ส่วนท้ายจะเป็นครีบแบน ใช้วัดทิศทางลม โดยหากหัวลูกศรชี้ ไปทิศใด แสดงว่ากระแสลมมาจาก ทิศนั้น แอนีมอมิเตอร์ ประกอบด้วยถ้วยที่เป็นโลหะน้ำหนัก เบาจำนวน 3–4 อัน อยู่ตรงปลาย ก้านที่หมุนได้อย่างอิสระ ใช้วัดความเร็วลม โดยความเร็วใน การหมุนของถ้วยแสดงถึงขนาดของ ความเร็วลม ซึ่งสามารถอ่านค่า ความเร็วลมได้ที่หน้าปัดเครื่อง แอโรแวน มีลักษณะคล้ายเครื่องบิน โดยส่วนหัว จะเป็นใบพัด และส่วนหางจะแบน ใช้วัดความเร็วและทิศทางลม โดย ส่วนหัวมีใบพัดวัดความเร็วลม ส่วน หางจะมีลักษณะแบนช่วยให้แอโร แวนชี้ไปทางทิศที่ลมพัดมา


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่5 เรื่อง เมฆและฝน เวลา 3 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและ บนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ว 3.2 ม.1/2 อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 2.1 ความรู้(K) 1. อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเมฆและฝนได้ 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 1. นำเสนอปัจจัยที่ผลต่อการเปลี่ยนแปลงปริมาณเมฆและฝนและเครื่องมือวัดปริมาณเมฆและฝนได้ 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เมฆและฝน เป็นละอองน้ำในอากาศ โดยเมฆและฝนเกิดจากการรวมตัวของไอน้ำในอากาศ ปัจจัยที่ส่งผลต่อ ปริมาณเมฆและฝน ได้แก่ ความชื้นอากาศ และความกดอากาศ การวัดปริมาณเมฆ สามารถวัดได้โดยการสังเกตสัดส่วน ปริมาณเมฆต่อพื้นที่ท้องฟ้า 10 ส่วน ส่วนการวัดปริมาณฝนใช้ภาชนะทรงกระบอกวัดระดับน้ำฝน 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ลมฟ้าอากาศ เป็นสภาวะของอากาศในเวลาหนึ่งของพื้นที่หนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับ องค์ประกอบลมฟ้าอากาศ ได้แก่ อุณหภูมิของอากาศ ความกดอากาศ ลม ความชื้น เมฆ และหยาดน้ำฟ้า โดยหยาดน้ำ ฟ้าที่พบบ่อยในประเทศไทยได้แก่ ฝน องค์ประกอบลมฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น


ปริมาณรังสีจากดวงอาทิตย์และลักษณะพื้นผิวโลกส่งผลต่ออุณหภูมิของอากาศ อุณหภูมิของอากาศและปริมาณไอน้ำ ส่งผลต่อความชื้น ความกดอากาศส่งผลต่อลม ความชื้นและลมส่งผลต่อเมฆ 4.2 ทักษะที่สำคัญ (P) - 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) รักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่ความรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ทักษะ 3R Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) ทักษะ 8C Critical Thinking and Problem Solving : ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา Creativity and Innovation : ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Cross-cultural Understanding : ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ Communications Information and Media Literacy : ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ Computing and ICT Literacy : ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Career and Learning Skills : ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ทักษะ 2L Learning Skills : ทักษะการเรียนรู้ Leadership : ภาวะผู้นำ 7. การบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.1 ความพอประมาณ 7.2 ความมีเหตุผล 7.3 การมีภูมิคุ้มกัน


7.4 เงื่อนไขความรู้ 7.5 เงื่อนไขคุณธรรม มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีเจตคติที่ดี 7.6 4 มิติ 7.6.1 ด้านเศรษฐกิจ 7.6.2 ด้านสังคม 7.6.3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7.6.4 ด้านวัฒนธรรม 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งผลการเรียนรู้ ให้นักเรียนทราบ 2. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่อง เมฆและฝน โดยครูให้นักเรียนสังเกตลักษณะและปริมาณ ของเมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า โดยใช้คำถามเพื่อกระตุ้นนักเรียน ดังนี้ - เมฆมีรูปร่างลักษณะเป็นอย่างไร (แนวตอบ พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น มีลักษะเป็นก้อน มี ลักษณะเป็นแผ่นหนาสีเทา เป็นต้น) - เมฆทำให้เกิดฝนตกได้อย่างไร (แนวตอบ พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น เมฆมีละอองน้ำอยู่ ละอองน้ำเหล่านี้จะรวมตัวใหญ่ขึ้นจนตกลงมาเป็นฝน) - การเกิดเมฆและฝนมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น สัมพันธ์กัน หากเกิด เมฆมากก็จะมีโอกาสเกิดฝนมากด้วย เป็นต้น) 3. ครูให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปรายหาคำตอบเกี่ยวกับ เมฆและฝน และโยงไปสู่การเกิดเมฆ การเกิด ฝน และการวัดปริมาณน้ำฝน ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 4. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน แล้วส่งตัวแทนกลุ่มออกมารับใบงานที่ 5.6 เรื่อง เมฆและฝน 5. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสังเกตรูปร่างลักษณะของเมฆ โดยให้นักเรียนถ่ายรูปหรือวาดรูปเมฆลักษณะต่าง ๆ มาอย่างน้อย 3 รูป รูปละ 1 ลักษณะ แล้วนำรูปมาแปะบนใบงานที่ 5.6 เรื่อง เมฆและฝน ตอนที่ 1 ในช่องบันทึกผล รูปภาพเมฆ 6. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง เมฆและฝน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 50- 51 หรือสืบค้นจากแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ แล้วบันทึกผลการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับรูปภาพเมฆที่นักเรียนแปะบนใบงานที่ 5.6 เรื่อง เมฆและฝน ตอนที่ 1 ลงในช่องตารางบันทึกผลการสืบค้น ชั่วโมงที่ 1


7. ครูถามนักเรียนต่อว่า นักเรียนคิดว่า เมฆและฝนมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ อย่างไร 8. ครูจัดเตรียมชุดการทดลองสาธิต โดยนำบีกเกอร์ที่มีน้ำตั้งบนที่บังลม ดังนี้ 9. ครูให้นักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ 1) นักเรียนคาดคะเนผลการทดลองก่อนการทดลอง 2) นักเรียนสังเกตผลการทดลองเมื่อครูจุดไฟที่ตะเกียง แล้วนำไปวางใต้บีกเกอร์เพื่อต้มน้ำในบีกเกอร์ให้เดือด 3) นักเรียนสังเกตน้ำในบีกเกอร์เมื่อเริ่มเดือดให้นำแผ่นกระจกมาอังไว้เหนือบีกเกอร์ จากนั้นดับไฟแล้ว และ บันทึกผลการเปลี่ยนแปลง 4) นักเรียนสืบค้นเกี่ยวกับการเกิดเมฆและฝนในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 52–53 หรือ สืบค้นจากแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ จากนั้นสรุปและอภิปรายผลการทดลอง ขั้นสอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่ม เพื่อออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมของแต่ละกลุ่มหน้าชั้นเรียน 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกิจกรรมในใบงานที่ 5.6 เรื่อง เมฆและฝน ตอนที่ 1 โดยร่วมกันอภิปรายว่ารูปภาพเมฆของกลุ่มเพื่อนที่นำเสนอควรเป็นเมฆชนิดใด อยู่ในชั้นระดับความสูงใด และ มีลักษณะอย่างไร 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกิจกรรมในใบงานที่ 5.6 เรื่อง เมฆและฝน ตอนที่ 2 โดยใช้แนวคำถามต่อไปนี้ - เมื่อจุดไฟตะเกียง มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น (แนวตอบ มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในอากาศที่แตกต่างกัน ทำให้ความดันอากาศแตกต่างกันด้วย) - มีการเปลี่ยนแปลงของน้ำในบีกเกอร์อย่างไรบ้าง (แนวตอบ น้ำในบีกเกอร์ระเหยขึ้นไปกระทบกับแผ่นกระจกข้างบน รวมกันเป็นหยดน้ำแล้วหยดตกลงมาที่บีกเกอร์ อีกครั้ง) 4. ครูให้แต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปวัฏจักรการเกิดเมฆและฝน ครูให้นักเรียนสรุปปัจจัยที่ทำให้เกิดวัฏจักรการเกิด เมฆและฝน ซึ่งหากขาดปัจจัยบางตัวไป อาจจะส่งผลกระทบต่อการเกิดเมฆและฝน - ผลสรุปของการทดลองนี้คืออะไร (แนวตอบ นักเรียนควรสรุปได้ว่า เมื่อน้ำได้รับอุณหภูมิสูงหรือได้รับความร้อน น้ำจะระเหยกลายเป็นไอน้ำขึ้นไปใน แผ่นกระจก บีกเกอร์ใส่น้ำ ตะเกียงแอลกอฮอล์ ชั่วโมงที่ 2


อากาศ จนถึงระดับที่อากาศมีอุณหภูมิต่ำ เสมือนอากาศอิ่มตัวด้วยไอน้ำ จะเกิดการควบแน่นเป็นละอองน้ำรวมตัวกัน เรียกว่า เมฆ และเมื่อละอองน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้นจนเมฆไม่สามารถพยุงน้ำไว้ได้ จะตกลงมาในรูปของ น้ำฝน) - ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดเมฆและฝน คืออะไรบ้าง (แนวตอบ ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดเมฆและฝน ได้แก่ ความชื้นอากาศ และความดันอากาศ) ขั้นสรุป ขยายความรู้ (Expand) 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการทำกิจกรรม เพื่อให้ได้แนวข้อสรุป ดังนี้ เมื่อน้ำได้รับอุณหภูมิสูงหรือ ได้รับความร้อน น้ำจะระเหยกลายเป็นไอน้ำขึ้นไปในอากาศ จนถึงระดับที่อากาศมีอุณหภูมิต่ำ เสมือนอากาศอิ่มตัวด้วย ไอน้ำ จะเกิดการควบแน่นเป็นละอองน้ำรวมตัวกันเรียกว่า เมฆ และเมื่อละอองน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้นจนเมฆไม่สามารถพยุง น้ำไว้ได้ จะตกลงมาในรูปของ น้ำฝน ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูถามนักเรียนว่า เมฆและฝนมีอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมอย่างไร (แนวตอบ พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ตัวอย่างเช่น ส่งผลต่อการเลือกถิ่น ที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ส่งผลต่อการตัดสินใจปลูกพืชผักทางการเกษตร เป็นต้น) 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นเกี่ยวกับการเกิดเมฆและฝนที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม อธิบายความรู้ (Explain) 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอเกี่ยวกับการเกิดลมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม 4. ครูถามนักเรียนว่า หยาดน้ำฟ้าคืออะไร จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสืบค้นข้อมูล แล้วสรุปว่า หยาดน้ำฟ้า คือ น้ำหรือน้ำแข็งที่เกิดจากการควบแน่นของไอน้ำบนฟ้าแล้วตกลงมาสู่พื้นดิน 5. ครูถามนักเรียนว่า เพราะเหตุใดประเทศไทยจึงไม่มีหิมะตก (แนวตอบ เพราะอุณหภูมิอากาศบริเวณประเทศไทยสูงกว่าจุดเยือกแข็ง) 6. ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการใช้แนวคำถาม เช่น - ใช้เกณฑ์อะไรในการแบ่งชนิดของเมฆ (แนวตอบ ระดับความสูงของเมฆ รูปร่างเมฆ เป็นต้น) - การเกิดเมฆเกี่ยวข้องกับการเกิดฝนอย่างไร (แนวตอบ เมฆเกิดจากไอน้ำที่เกิดจากการระเหยและการคายน้ำของพืชรวมตัวกันเป็นละอองน้ำลอยอยู่ในอากาศ หากละอองน้ำในเมฆรวมตัวและมีขนาดใหญ่จนอากาศไม่สามารถพยุงไว้ได้ ละอองน้าจะตกลงมาเป็นฝน) 7. ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับคำถามท้าทายความคิดขั้นว่า จงเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการเกิดเมฆและ การเกิดฝน (แนวตอบ เมฆเกิดจากการระเหยของน้ำจากแหล่งน้ำ ไอน้ำจะรวมกลุ่มกันเป็นละอองน้ำกลายเป็นเมฆ ซึ่งอากาศ พยุงไว้อยู่ได้ ส่วนฝนเกิดจากละอองน้ำในก้อนเมฆรวมกลุ่มกัน ทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นจนอากาศไม่สามารถพยุงไว้ได้ จึง ตกลงมา ดังนั้น ขนาดของละอองน้ำฝนจึงใหญ่กว่าละอองน้ำในก้อนเมฆ) ชั่วโมงที่ 3


ขั้นสรุป ขยายความรู้ (Expand) 8. ครูให้นักเรียนอ่านสรุปทบทวนประจำหน่วยการเรียนรู้ แล้วถามคำถามเพื่อทดสอบความเข้าใจของนักเรียน เกี่ยวกับความหมายของบรรยากาศ องค์ประกอบบรรยากาศ ชั้นบรรยากาศและของประโยชน์ของบรรยากาศแต่ละชั้น องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ ปัจจัยที่มีผลต่อองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ และเครื่องมือวัดองค์ประกอบของลมฟ้า อากาศ 9. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 10. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 2 บรรยากาศ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจแบบทดสอบหลังเรียน 2. ครูตรวจแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 3. ครูตรวจใบงานที่ 5.6 เรื่อง เมฆและฝน 4. ครูประเมินการนำเสนอใบงานที่ 5.6 เรื่อง เมฆและฝน โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน 5. ครูประเมินนักเรียนจากการสืบค้นและการตอบคำถามในชั้นเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล 6. ครูประเมินนักเรียนจากการทำใบงาน และการทำงานกลุ่ม โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายกลุ่ม 9. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 3. PowerPoint เรื่อง เมฆและฝน 4. ใบงานที่ 5.6 เรื่อง เมฆและฝน 5. แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ 5 บรรยากาศ 10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ 1. สิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้ตัวนักเรียน 2. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 3. อินเทอร์เน็ต


11. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 11.1 ความรู้ (K) 1. อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการ เปลี่ยนแปลงเมฆและฝนได้ - ตรวจแบบทดสอบ - ตรวจแบบฝึกหัด - ตรวจใบงานที่ 5.6 - ตรวจสมุดบันทึก - เฉลยแบบทดสอบ - เฉลยแบบฝึกหัด - เฉลยใบงานที่ 5.6 - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงานรวบยอด - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 11.2 ทักษะ/กระบวนการ/ กระบวนการคิด (P) 1. นำเสนอปัจจัยที่ผลต่อการ เปลี่ยนแปลงปริมาณเมฆและ ฝนและเครื่องมือวัดปริมาณ เมฆและฝนได้ - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 11.3 คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ (A) 1. รับผิดชอบต่อหน้าที่และ งานที่ได้รับมอบหมาย 2. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่าง สร้างสรรค์ - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายกลุ่ม - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพพอใช้ ผ่านเกณฑ์ 12. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..


13. บันทึกผลการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ 13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ 13.1.1 ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเมฆและฝนได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.2 ด้านทักษะที่สำคัญ (P) 1) นำเสนอปัจจัยที่ผลต่อการเปลี่ยนแปลงปริมาณเมฆและฝนและเครื่องมือวัดปริมาณเมฆและฝนได้ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.1.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) รับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 2) ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนที่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านตัวชี้วัด มีจำนวน....................คน คิดเป็นร้อยละ................ 13.2 ปัญหา อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13.3 แนวทางแก้ไขปัญหา / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................................. (นางสาวจิรนันท์ ทนงยิ่ง) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย


ใบงานที่ 5.6 เรื่อง เมฆและฝน ตอนที่ 1 ชนิดของเมฆ ขั้นตอนการทำกิจกรรม 1. ให้นักเรียนถ่ายภาพหรือวาดรูปเมฆที่สังเกตเห็นได้อย่างน้อย 3 ลักษณะ แล้วสืบค้นหาชื่อชนิดเมฆ ประเภทของเมฆ แบ่งตามระดับความสูง และรูปร่างลักษณะของเมฆ จากนั้นบันทึกลงในตารางบันทึกผล ดังนี้ ชื่อเมฆ ภาพประกอบ ประเภทของเมฆแบ่ง ตามระดับความสูง รูปร่างลักษณะของเมฆ ………………….. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… ………………….. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… ………………….. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..……………………………………


ตอนที่ 2 การเกิดเมฆและฝน ขั้นตอนการทำกิจกรรม 1. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดเมฆและฝน จากนั้นระบุผลการทดลองจากรูปที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น และ สาเหตุที่คิดว่าเป็นเช่นนั้น 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการทดลองที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น และสาเหตุที่คิดว่าเป็นเช่นนั้น 3. ให้นักเรียนสังเกตผลการทดลองที่เกิดขึ้นจริงเมื่อครูจุดตะเกียงแอลกอฮอล์ 4. ให้นักเรียนบันทึกผลการทดลองลงในใบงาน และเขียนสรุปและอภิปรายผลเปรียบเทียบกับการเกิดเมฆและฝน ผลการทดลองที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น และสาเหตุที่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................... ผลการทดลองที่เกิดขึ้นจริง ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................................................................................ สรุปผลและอภิปรายผลการทดลอง ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................. ............................................................... ................................................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................ ................................................................................ คำถามท้ายกิจกรรม ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดเมฆและฝน ได้แก่อะไรบ้าง และมีผลต่อการเกิดเมฆและฝนอย่างไร ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................... แผ่นกระจก บีกเกอร์ใส่น้ำ ตะเกียง


ใบงานที่ 5.6 เฉลย เรื่อง เมฆและฝน ตอนที่ 1 ชนิดของเมฆ ขั้นตอนการทำกิจกรรม 1. ให้นักเรียนถ่ายภาพหรือวาดรูปเมฆที่สังเกตเห็นได้อย่างน้อย 3 ลักษณะ แล้วสืบค้นหาชื่อชนิดเมฆ ประเภทของเมฆ แบ่งตามระดับความสูง และรูปร่างลักษณะของเมฆ จากนั้นบันทึกลงในตารางบันทึกผล ดังนี้ ชื่อเมฆ ภาพประกอบ ประเภทของเมฆแบ่ง ตามระดับความสูง รูปร่างลักษณะของเมฆ ………………….. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… ………………….. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… ………………….. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. ………………………………. …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..…………………………………… …………..……………………………………


ตอนที่ 2 การเกิดเมฆและฝน ขั้นตอนการทำกิจกรรม 5. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดเมฆและฝน จากนั้นระบุผลการทดลองจากรูปที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น และ สาเหตุที่คิดว่าเป็นเช่นนั้น 6. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการทดลองที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น และสาเหตุที่คิดว่าเป็นเช่นนั้น 7. ให้นักเรียนสังเกตผลการทดลองที่เกิดขึ้นจริงเมื่อครูจุดตะเกียงแอลกอฮอล์ 8. ให้นักเรียนบันทึกผลการทดลองลงในใบงาน และเขียนสรุปและอภิปรายผลเปรียบเทียบกับการเกิดเมฆและฝน ผลการทดลองที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น และสาเหตุที่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ............................................................................................................................. ............................................................... ................................................................................................................................. ........................................................... ............................................................................................................................................................................................ ผลการทดลองที่เกิดขึ้นจริง ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................... ............................................................. ............................................................................................................................................................................................ สรุปผลและอภิปรายผลการทดลอง ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................................................................. ............... ................................................................................................................... ......................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................. ............................................................... คำถามท้ายกิจกรรม ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดเมฆและฝน ได้แก่อะไรบ้าง และมีผลต่อการเกิดเมฆและฝนอย่างไร ............................................................................................................................. ............................................................... ................................................................................................................................................................ ............................ ...................................................................................................... ...................................................................................... แผ่นกระจก บีกเกอร์ใส่น้ำ ตะเกียง ขึ้นอยู่กับคำตอบของนักเรียน เมื่อจุดตะเกียงแอลกอฮอล์ น้ำจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นจนเดือดและระเหยกลายเป็นไอน้ำ ไอน้ำจะลอยไปยึด เกาะและรวมกลุ่มกันบริเวณแผ่นกระจก หากไอน้ำรวมกลุ่มกันจนมีขนาดหยดน้ำใหญ่มากจะตกลงมา จากผลการทดลอง การะเหยของน้ำในบีกเกอร์เปรียบเสมือนการะเหยของน้ำจากแหล่งน้ำบนพื้นผิวโลก รวมถึงการคายน้ำของพืช จากนั้นไอน้ำจะรวมกลุ่มกันบริเวณแผ่นกระจก ซึ่งเปรียบเสมือนการก่อตัวของเมฆ และ เมื่อไอน้ำรวมกลุ่มกันจนมีขนาดใหญ่มากจนตกลงมาเป็นหยดน้ำ จะเปรียบเสมือนการเกิดฝน ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดเมฆและฝน ได้แก่ ความชื้น และความดันอากาศ ถ้าอากาศมีความชื้น อากาศสูง ความดันอากาศต่ำ จะทำให้เกิดเมฆและฝนปริมาณมาก ถ้าอากาศมีความชื้นอากาศต่ำ ความ ดันอากาศสูง จะทำให้เกิดเมฆและฝนปริมาณน้อย


Click to View FlipBook Version