1
กายวิภาคศาสตร
ANATOMY
จดั ทาํ โดย
นางสาวณชิ าพัชร นิ่มนวล
รหัสนกั ศึกษา 6417701001052
Sec 1 เลขท่ี 6
เสนอ
อาจารย สุนันทา ลกั ษธิติกลุ
คณะพยาบาลศาสตร
มหาวิทยาลยั ราชภฏั สรุ าษฎรธานี
คํานํา
เอกสารเลมน้ี เขียนเพื่อใชป ระกอบการศกึ ษาวชิ ากายวิภาคศาสตร (ANATOMY)
ประกอบดวยเน้อื หา 10 เรือ่ ง ตามลาํ ดบั คอื เซลล ระบบสืบพันธุเพศหญิง ระบบตอมไรท อ
ระบบกลา มเน้ือ ระบบกระดกู ระบบยอ ยอาหาร ระบบขบั ถา ยปส สาวะและสบื พันธุเพศชาย
ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท ไดมีการสืบคนจากตาํ รา
เอกสารการสอน โดยมภี าพประกอบและคําศพั ท ท่จี ะสามารถทาํ ใหเขา ใจเนื้อหามากขนึ้
ผจู ดั ทําขอขอบพระคุณ อาจารย สุนนั ทา ลักษธ ิติกุล อาจารยที่ปรึกษาในการทาํ
E-Book คร้ังน้ี ซงึ่ ไดใหข อ ใหข อคดิ ขอแนะนําตางๆ หวงั วา เอกสารเลม น้ีจะมปี ระโยชนแก
นกั ศกึ ษา และผูทส่ี นใจท่วั ไปมากขนึ้ หากมขี อ ผดิ พลาดประการผูจัดทาํ ตอ งขออภัยมา ณ ที่นี้
ณิชาพัชร น่มิ นวล
สารบัญ หนา
9
ANATOMY 10
คําศัพทท่ีใชบ อ ยในวชิ ากายวิภาคศาสตร 12
บทที่ 1 CELL 12
13
เซลล 20
โครงสรางและองคป ระกอบของเซลล 22
การลาํ เลียงสารเขา และออกจากเซลล 23
25
เนอ้ื เย่ือ 27
เนอื้ เยอ่ื บุผวิ 27
เนื้อเยอ่ื เกีย่ วพนั 28
กระดูกออ น 29
กระดูกแขง็ 30
เลอื ด 32
เนอื้ เย่อื กลา มเน้ือ 34
เนอ้ื เยือ่ ประสาท 34
คาํ ศัพทเ รื่องเนอ้ื เยอ่ื 39
42
ระบบปกคุมรา งกาย 47
ผิวหนงั 47
อวัยวะท่ีกาํ เนดิ มาจากผิวหนัง 48
คําศพั ทเรือ่ งผิวหนงั 51
59
บทท่ี 2 ระบบสืบพนั ธเุ พศหญิง (FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM)
ระบบสืบพนั ธเุ พศหญงิ
อวัยวะเพศภายนอก
อวัยวะเพศภายใน
คาํ ศัพทร ะบบสบื พันธุเพศหญงิ
บทท่ี 3 ระบบตอมไรทอ (ENDOCRINE SYSTEM) หนา
ตอ มไรทอ 66
ไฮโพทาลามัส 66
ตอมใตส มอง 69
ตอมไทรอยด 71
ตบั ออ น 76
ตอ มหมวกไต 79
ตอ มพาราไทรอยด 81
ตอมไพเนยี ล 86
ตอ มไทมสั 89
คําศพั ทระบบตอมไรท อ 91
93
บทท่ี 4 ระบบกลามเนอ้ื (MUSCULAR SYSTEM) 94
กลามเน้อื เรียบ 97
กลามเนื้อหวั ใจ 97
กลา มเนอ้ื ลาย 97
กลา มเนื้อในสวนตา งของรางกาย 98
กลา มเน้ือในสว นหวั ไหลและแขน 102
กลามเน้อื สวนสะโพกและขา 106
คําศพั ทร ะบบกลา มเนอื้ 109
116
บทท่ี 5 ระบบกระดกู (SKELETAL SYSTEM) 116
องคป ระกอบทีส่ าํ คัญ 117
กระดกู แกนกลางของรา งกาย 119
กระดกู รยางค 122
คาํ ศัพทร ะบบกระดูก
บทที่ 6 ระบบยอ ยอาหาร (DIGESTIVE SYSTEM) หนา
ทางเดินอาหาร 127
อวยั วะทเี่ ก่ียวของกับทางเดนิ อาหาร 127
หนา ท่ีของระบบทางเดนิ อาหาร 127
ทอ ทางเดนิ อาหาร 128
ชองปาก 129
ริมฝป าก 130
ลน้ิ 130
ฟน 131
ตอมนาํ้ ลาย 132
คอหอย 133
หลอดอาหาร 134
กระเพาะอาหาร 135
ลาํ ไสเลก็ 136
ลาํ ไสใ หญ 138
ตับ 141
ตับออน 144
ถุงน้าํ ดี 146
น้าํ ดี 148
คําศพั ทระบบยอยอาหาร 149
150
บทท่ี 7 ระบบขับถายปสสาวะ (URINARY SYSTEM) 156
ระบบขับถา ยปสสาวะ 156
ไต 156
หลอดไต 159
เนฟรอน หนา
ระบบขับถายปสสาวะเพศชาย 160
ระบบขับถายปสสาวะเพศหญงิ 161
การถา ยปส สาวะ 162
นา้ํ ปสสาวะ 163
ระบบสบื พนั ธุเ พศชาย 163
Male Genital organs 164
Testis 164
Epididymis 164
Ductus Deferent 165
Ejaculary duct 166
Male Genital Accessory gland 166
Seminal glands 167
Prostate gland 167
Bulbourethral glands 167
Male External Genital organs 167
Scrotum 168
Penis 168
คําศพั ทร ะบบปสสาวะและระบบสืบพนั ธเุ พศชาย 169
บทท่ี 8 ระบบทางเดนิ หายใจ (RESPIRATORY SYSTEM) 170
ระบบหายใจ 176
จมูก 176
โพรงจมกู 177
คอหอย 177
178
กลอ งเสยี ง หนา
หลอดลม 179
ปอด 180
ระบบเลอื ด 181
คาํ ศัพทระบบทางเดินหายใจ 182
บทที่ 9 ระบบหัวใจและหลอดเลอื ด (Cardiovascular system) 183
หวั ใจ 187
ลน้ิ หัวใจ 187
หลอดเลอื ด 189
คาํ ศพั ทระบบหัวใจและหลอดเลอื ด 191
บทท่ี 10 ระบบประสาท (Nervous system) 195
เซลลประสาท 200
ไซแนปส 200
ระบบประสาทสวนกลาง 203
ระบบประสาทสวนปลาย 204
ระบบประสาทอัตโนมัติ 208
คาํ ศพั ทระบบประสาท 210
211
วัตถปุ ระสงค
- เพื่อสรปุ เน้อื หาที่เรียนมาทง้ั หมดใหม คี วามเขา ใจและอา นงายมากยิง่ ขึ้น
- เพือ่ พฒั นาคําศัพทภาษาองั กฤษ เกย่ี วกบั การเรยี น อานและแปลคาํ ศพั ทกายวิภาคศาสตร
ของมนุษยใหถกู ตอ ง
- เพ่อื จดั ทําส่อื การเรียนการสอนวชิ ากายวภิ าคศาสตรใ หนาสนใจ สามารถเรยี นรูไดตาม
ความตอ งการ
- เพ่ือใหผเู รยี นและผสู นใจทบทวนความรูไดอยางรวดเร็ว
9
ANATOMY
Anatomy หมายถงึ “Science of the structures and functions of the body
มาจากคําวา Anatomy up or Talking apart”
Anatomy มาจากภาษา กรกี
- Ana หมายถงึ เปนสว นๆ (apart)
- Tomy หมายถงึ การตัด (a cutting)
วิชากายวภิ าคศาสตร คอื การเรียนรูดว ยวธิ ีการชาํ แหละ (Dissection)
Joint
1.Fibrous joint คือ การเคลอื่ นไหวไมไ ด (Immovable)
2.Cartilaginous joint คือ การเคลือ่ นไหวไดเ ล็กนอย (Slightly movable)
3.Synovial joint คอื เคล่อื นไหวได 6 แบบ (Freely movable)
10
คาํ ศัพทท ใ่ี ชบ อยในวชิ ากายวิภาคศาสตร
- Anatomical position หมายถึง ทา ยืนตรง
- Longitudinal หมายถึง ความยาวของรา งกาย
- Transverse plane หมายถึง ระนาบขวางกลาง
- Midsagittal plane หมายถงึ ระนาบในแนวดิง่
- Frontal or coronal หมายถงึ ระนาบแนวตงั้
- Dorsal plane หมายถึง ระนาบหลัง
- Anterior หรอื ventral หมายถึง ดา นหนา
- Posterior หรือ Dorsal หมายถึง ดา นหลัง
- Superior หมายถึง ดา นบน
- Inferior หมายถึง ดา นลาง
- Medial หมายถงึ สว นท่ใี กลก บั เสน ผาศนู ยก ลาง
- Deep หมายถึง ลกึ ลงไป
- Lateral หมายถงึ ดานขา ง
- Proximal หมายถงึ ใกลเคียง
- Distal หมายถงึ สว นปลาย
- Dorsal cavity หมายถงึ ชอ งวางทางดา นหลงั
11
คําศัพทท่ใี ชบอยในวชิ ากายวภิ าคศาสตร (ตอ)
- Cranial cavity หมายถึง กะโหลกศรี ษะ
- Thoracic cavity หมายถงึ ชองทรวงอก
- Spinal cavity หมายถึง ไขสนั หลงั
- Abdominal cavity หมายถึง ชองทอง
- Pelvic cavity หมายถึง อุงเชิงกราน
- Integumentary System หมายถงึ ระบบผวิ หนงั
- Musculoskeletal System หมายถงึ ระบบกลามเนื้อและกระดกู
- Cardiovascular System หมายถงึ ระบบหวั ใจและหลอดเลอื ด
- Lymphatic System หมายถึง ระบบนาํ้ เหลอื ง
- Digestive System หมายถงึ ระบบทางเดินอาหาร
- Respiratory System หมายถงึ ระบบทางเดนิ หายใจ
- Urinary System หมายถงึ ระบบทางเดนิ ปสสาวะ
- Reproductive System หมายถึง ระบบสบื พันธุ
- Nervous System หมายถงึ ระบบประสาท
- Endocrine System หมายถงึ ระบบตอ มไรท อ
12
บทท่ี 1
CELL
เซลล (Cell) คือ หนว ยเลก็ ทสี่ ดุ ของสง่ิ มชี ีวิตโดยเซลล (cell) มาจากคาํ วา Cella
ในภาษาละติน ซึง่ มีความหมายวาหองเล็กๆ เซลลมีอยหู ลายชนดิ ซ่งึ มีรูปรา งและลกั ษณะท่ี
แตกตางกันไปตามตาํ แหนง ทอี่ ยขู องเซลล และหนาที่การทํางานของเซลล
13
เซลลมโี ครงสรางท่สี ําคญั อยู 3 สว นท่ีมเี หมอื นกนั คอื
1. สว นที่หอ หุมเซลล แบงออกเปน
1.1 ผนงั เซลล (Cell Wall)
1.2 เยอ่ื หุมเซลล (Cell Membrane)
2. ไซโทพลาซมึ (Cytoplasm) ประกอบดวย
2.1 ไซโทซอล (Cytosol)
2.2 ออรแ กเนลล (Organelles)
3. นิวเคลยี ส (Nucleus) ประกอบดวย
3.1 เยอื่ หุมนวิ เคลยี ส (Nuclear Membrane)
3.2 นิวคลีโอพลาสซึม (Nucleoplasm)
14
15
เยือ่ หุม เซลล (Cell membrane/Plasma membrane)
เปน เย่อื หุม ท่อี ยชู ิดกับผนงั เซลล ลกั ษณะเรยี บหรือพับไปมา เพอ่ื ขยายขนาดเย่ือหุม
เซลลเขา ไปในเซลล เรยี กวา มีโซโซม (mesosome) หรือ "เซลลค ุม" มหี นาที่ควบคมุ
การเขาออกของนํา้ สารอาหาร และออิ อนโลหะตางๆ เปน ตวั แสดงขอบเขตของเซลล
เซลลท กุ ชนิดตอ งมีเยือ่ หุม เซลล
ไซโทพลาซมึ (Cytoplasm)
สสารท้งั หมดที่อยภู ายในเซลลแ ละลอ มรอบดวยเยอ่ื หมุ เซลล สว นประกอบหลกั ของ
ไซโทพลาซึมไดแ ก ไซโตซอล (สสารคลายวุน )
ออรแ กเนลล (โครงสรางยอยที่อยภู ายในเซลล) ไซโทพลาซึมเปน น้าํ อยปู ระมาณ 80%
และมักไมม ีสี
16
ไมโทคอนเดรยี (Mitochondria)
เปนออรแกเนลลป ระเภทก่ึงอสิ ระ (semi-autonomous) ทีม่ เี ยื่อหุม 2 ชั้น เซลลใ น
บางสิ่งมีชวี ติ หลายเซลลอ าจไมมีไมโทคอนเดรยี กไ็ ด (เชน เซลลเมด็ เลอื ดแดงท่โี ตเต็มวัยใน
สตั วเลย้ี งลูกดว ยนา้ํ นม)
รางแหเอนโดพลาซึม (Endoplasmic reticulum, ER)
ลกั ษณะเปน รา งแห รางแหเอนโดพลาซมึ แบงออกเปน 2 ชนดิ คอื
–แบบทมี่ ไี รโบโซม (Rough endoplasmic reticulum) ชนดิ ขรขุ ระ
หนาท่สี งั เคราะหโ ปรตนี สําหรบั สงออกไปเซลลเ ติมหมูน า้ํ ตาลใหกบั โปรตนี ทีถ่ ูกสังเคราะหข น้ึ
– แบบทไ่ี มมีไรโบโซม (Smooth endoplasmic reticulum) ชนดิ เรยี บ
หนา ที่ เปน แหลงสรา งโปรตีนหนาท่ีหลกั ของรางแหเอนโดพลาสซึมชนิดนี้จึงเปน การ
สงั เคราะหโ ปรตนี และเอนไซม นอกจากนยี้ ังทําหนาทค่ี วบคมุ การลําเลียงสารระหวา ง
นิวเคลยี สกับไซโทพลาสซมึ ดว ย
17
กอลจคิ อมเพลก็ ซ (Golgi complex , Golgi body , Golgi apparatus)
เปนกลมุ ของถงุ กลมแบนขนาดใหญ ตรงขอบโปงพองใหญข นึ้ เปนทอเรียงซอ นกันเปน
ช้ันๆอยูใกลกับเอนโดพลาสมิกเรติคูลัม หนา ที่สําคญั คอื เกบ็ สะสมสารทีเ่ ซลลส รา งขึน้ กอน
ปลอยออกนอกเซลล เปนโปรตีนทาํ งานเกี่ยวขอ งกบั การสรางอะโครโซม (acrosome) อยูท ่ี
สว นหวั ของอสจุ ิทําหนา ทเ่ี จาะไขเ มอ่ื เกดิ การปฏสิ นธิ
ไรโบโซม (Ribosome)
เปนออรแกเนลลข นาดเลก็ อาจลอยอยเู ปน อสิ ระหรอื ตอ กนั เปน สายหรอื เกาะกับเยอื่ หุม
ของเอนโดพลาสมิกเรติคูลมั ไรโบโซมมี 2 ชนดิ ไดแ ก ชนิดทีเ่ กาะกบั เอนโดพลาสมิก
เรตคิ ิวลมั จะพบมากในเซลลตอ มที่สรางเอนไซมต างๆ และชนิดท่อี ยูอ ยางอิสระใน
ไซโตพลาสซึม ท้ัง 2 ชนิดทําหนา ทส่ี รางโปรตีน
18
ไลโซโซม (Lysosome)
เปนออรแ กแนลลท่ีมเี มมเบรนหอ หุมเพียงชนั้ เดียว ไมย อมใหเ อนไซมต างๆผา นออก
แตส ลายตัวหรือรว่ั ไดง าย เม่ือเกิดการอักเสบของเนอ้ื เยอื่ เยื่อหมุ นีม้ ีความทนทานตอ
ปฏกิ ิริยาการยอ ยของเอนไซม เอนไซมที่อยใู นถุงของไลโซโซมน้ี เช่อื กนั วา เกดิ จากไลโซโซม
ที่อยบู น RER สรา งเอนไซมขน้ึ แลวสงผานไปยงั กอลจบิ อดี แลวหลุดเปนถงุ ออกมา
เซนทรโิ อล (Centriole)
เปนออรแกเนลลทรงกระบอกที่มอี งคป ระกอบหลกั เปนโปรตีนทเ่ี รยี กวา ทูบิวลิน
พบในเซลลยูแครโิ อตสวนใหญค ูของเซนทรโิ อลท่อี ยตู ดิ กนั ประกอบข้ึนเปนโครงสรางที่
เรียกวา เซนโทรโซมและถูกลอมรอบดวยมวลสารกระจุกตัวทมี่ รี ะเบียบสงู เรยี กวา เพอริเซนท
รโิ อลารเมทีเรยี ล (pericentriolar material) ทง้ั เซนทรโิ อลและเพอริเซนทรโิ อลารเมทีเรียล
ประกอบกนั เปน เซนโทรโซม (centrosome)
19
นวิ เคลยี ส (Nucleus)
คือออรแ กเนลลทมี่ เี ยอื่ หุม 2 ชั้น ภายในบรรจสุ ารพนั ธกุ รรมไว มักพบอยูบรเิ วณ
กลางเซลล และพบไดในเซลลข องพวกยูคาริโอต ซ่ึงภายในนิวเคลยี สจะมดี เี อ็นเอ (DNA)
กบั โปรตีนหลายชนิดท่ีเกาะตวั อยกู บั ดีเอน็ เอ (DNA)
สวนประกอบของนวิ เคลยี ส
1.เย่อื หมุ นิวเคลยี ส
เปน เย่ือบางๆ 2 ช้ัน เรยี งซอนกันทีเ่ ยื่อนี้จะมรี ู รเู หลาน้ที าํ หนาทเี่ ปน ทางผา นของสาร
ตา งๆระหวางไซโทพลาสซมึ และนวิ เคลยี ส
2. นวิ คลโี อลัส
เปน สว นของนิวเคลยี ส ทม่ี ลี กั ษณะเปน กอนอนุภาคหนาทึบเปนตาํ แหนง ที่ตดิ สเี คมบี น
ไครโมโซม ประกอบดว ยสารประเภท DNA TNA ทาํ หนา ท่เี กย่ี วกับกลไกการสรางโปรตีน
3. โครมาทิน
เปน สว นของนิวเคลยี ส เปนเสน ในเลก็ ๆ ประกอบดว ยโปรตีนรวมกับดีเอน็ เอ เปนสาร
พันธกุ รรม ทคี่ วบคุมลักษณะของส่งิ มชี วี ิต
20
การลาํ เลียงสารเขา และออกจากเซลล (Cell Transportation)
1.การลาํ เลยี งสาร โดยผา นเยื่อหมุ เซลล
1.1) การลาํ เลียงโดยผานเยื่อหมุ เซลลและไมใชพ ลังงานจากเซลล (Passive transport)
- การแพรแ บบธรรมดา เปนการเคลื่อนทข่ี องอนุภาคของสารจากบริเวณท่มี คี วามเขมขน ของ
สารสูง ไปสูบริเวณทีค่ วามเขม ขน ของสารต่ํา
- การแพรแบบฟาซลิ เิ ทต เปน การแพรข องสารทไ่ี มส ามารถแพรผานเยือ่ หมุ เซลลไดโ ดยตรง
แตตองเคลอ่ื นผานชองโปรตนี
- การออสโมซิส เปน การแพรข องนาํ้ ผา นเยอ่ื หุมเซลล โดยน้าํ จะแพรผา นเยอื่ หุม เซลลจ าก
ดานทม่ี ีความเขมขน ของสารละลายต่ํา ไปยังดา นท่ีมีความเขม ขน ของสารละลายสงู กวา
ในเซลลพชื มีผนงั เซลลทใ่ี หค วามแขง็ แรง เมือ่ เซลลส ูญเสยี นา้ํ ออกจากเซลล ผนงั เซลล
จะเปน ตวั ชว ยไมใ หรปู รางของเซลลเปล่ียนไป ซ่ึงสง ผลใหเ กดิ ปรากฏการณท เ่ี กดิ ขึ้นเมอ่ื นํา
เซลลม าแชในสารละลายทมี่ คี วามเขม ขน ตางกัน ดงั นี้
- สารละลายไอโซโทนิก คอื สารละลายภายนอกเซลล ที่มคี วามเขม ขน เทา กบั สารละลาย
ภายในเซลล
- สารละลายไฮเพอรโทนกิ คือ สารละลายทมี่ ีความเขม ขน สงู กวา สารละลายภายในเซลล
- สารละลายไฮโพโทนิก คอื สารละลายทม่ี คี วามเขม ขน ต่าํ กวา สารละลายภายในเซลล
21
1.2) การลําเลียงสารผา นเยอ่ื หมุ เซลลโดยใชพลงั งานจากเซลล (Active transport)
คือ การเคลื่อนท่ขี องโมเลกุลหรืออิออนของสารจากบรเิ วณที่มีความหนาแนน นอ ยไปสู
บริเวณท่มี คี วามหนาแนน มากกวาโดยอาศยั พลังงานในรปู ATP จากเซลลแ ละมีการใช
โปรตีนตวั พา
– การดดู กลบั สารท่ีทอของหนวยไต
– การสะสมกลูโคสเพ่ือเปลยี่ นรปู เปน ไกลโคเจนของเซลลต ับ
– การดดู ซึมสารอาหารของเซลลเ ยอ่ื บผุ นงั ลาํ ไสเ ลก็ เมือ่ ความเขม ขนของสารอาหารต่าํ กวา
– Na+ -K+ pump หรือการขับ Na+ และการรับ K+ของใยประสาท
– การลําเลยี งแรธาตุของเซลลร ากพืชเมอ่ื ความเขม ขน ของแรธาตุในดินตํ่ากวา ของเซลลราก
22
เน้อื เยื่อ (Tissue)
เนอื้ เย่ือ (Tissue) คอื กลมุ ของเซลลท ่มี าทํางานรวมกัน ซงึ่ กลุมของเซลลน ส้ี วนมาก
มักจะมี รูปรางเหมือนกัน และทาํ หนาทอี่ ยางเดยี วกนั ดว ย
แบง ออกเปนชนิดตา งๆตามรูปรา งและหนา ท่ที ต่ี า งกนั แบง ไดเ ปน 4 ประเภทใหญๆ คอื
1. เนอ้ื เย่อื บผุ วิ (Epithelium Tissue)
2. เนือ้ เยอ่ื เกี่ยวพนั (Connective Tissue
3. เน้อื เยอื่ กลา มเนอ้ื (Muscular Tissue)
4. เนือ้ เย่อื ประสาท (Nervous Tissue)
23
เนื้อเยือ่ บุผวิ (epithelial tissue หรอื epithelium)
เน้อื เยือ่ บุผิว (Epithelial tissue) เปนเน้อื เยอื่ ท่ปี กคลมุ ผิวนอกรา งกายหรือผิวทอ
อวยั วะภายในมหี นาท่ีรับความรสู ึก เชน ท่ผี ิวหนังเก่ียวกับการดูดซึม ท่ีตอมนา้ํ ลายและตอม
เหงื่อ เปนตน
เซลลเ ยอ่ื บุผวิ มลี กั ษณะแตกตางกนั 3 แบบ คือ
- รปู รางแบนบาง (squamous)
- รูปลูกบาศก (cubic)
-ลักษณะเปน แทง หรือรปู ทรงสงู (column)
24
หนาท่ีของเนอื้ เยอื่ บผุ ิว (Function of the Epithelial tissue)
1. Protection คือ ปองกันสง่ิ แปลกปลอม ไมใ หเขาไปสวนลึกของเนือ้ เยือ่ และปองกัน
อวยั วะตางๆ ไมใ หเ กดิ การฉีกขาดจากการเสียดสี เชน ผิวหนัง เยื่อบุหลอดเลือด เปน ตน
2. Absorption คือ ความสามารถในการดดู ซึมสารตา งๆ เชน เยือ่ บุผวิ ในลาํ ไส ปอด ไต
3. Lubication ความสามารถในการสรา งสารหลอ ล่นื หรือสารเมอื ก เพื่อลดการเสียดสีของ
อวัยวะ ตางๆ เชน สารเมือกทส่ี รางขนึ้ โดยเซลลเยื่อบุผิวของทางเดินอาหาร
4. Secretion คอื ความสามารถในการสรา งและคดั หล่งั สารตา งๆเชน ฮอรโมน เอนไซม
5. Excretion คือ ความสามารถในการแยกและขบั เอาของเสยี ท้ิง เชน เหง่ือ ปสสาวะ
6. Sensation คือ ความสามารถในการรบั ความรสู กึ เชน เซลลรับรส และเซลลร ับกลิ่น
7. Reproduction คือ ความสามารถในการสรางหรือเปลี่ยนแปลงไปเปน เซลลส บื พันธุ
เชน เซลลเยือ่ บุผิวในรังไขแ ละ seminiferous tubule ของอัณฑะ
25
เนื้อเย่ือเกยี่ วพัน (Connective tissue)
เปนเน้อื เยอื่ ท่ีพบแทรกอยูทัว่ ไปในรางกาย ทําหนาทย่ี ดึ เหน่ียวหรือพยงุ อวัยวะใหค งรูป
อยไู ดลักษณะของเนือ้ เยอ่ื ชนิดนี้ คือตัวเซลลแ ละเสน ใยกระจายอยู ในสารระหวา งเซลลท่ี
เรียกวา เมทรกิ ซ (matrix) เสนใยทีพ่ บไดแก
- เสน ใยคอลลาเจน (collagen fiber)
- เสนใยอลิ าสติก (elastic fiber)
- เสน ใยรางแห (reticular fiber
เน้อื เย่ือเกย่ี วพนั แบง เปน 4 กลุม ไดแ ก
1. เน้อื เย่อื เกีย่ วพนั สมบรู ณ (connective tissue proper)
2. กระดกู ออน (cartilage)
3. กระดกู แขง็ (bone)
4. เลือด (blood)
26
เนื้อเยอื่ เกย่ี วพันสมบรู ณ (connective tissue proper)
ลักษณะเมทรกิ ซเ ปน เสน ใยกระจายอยแู ตกตา งกนั ทําใหแบง เน้ือเยอื่ เกี่ยวพันชนิดน้ีเปน
2 ประเภทคอื
เน้ือเยอ่ื เก่ยี วพนั ชนดิ โปรงบาง (loose connective tissue)
เปนเนอื้ เยอ่ื มเี สน ใยเรยี งตวั ไมเปนระเบียบ ชนิดทีพ่ บมาก ไดแ กค อลลาเจนและ อิลาสติก
สําหรับเสน ใยรางแหพบเลก็ นอยเซลลทพ่ี บในเน้ือเย่ือเกี่ยวพนั ชนิดโปรง บาง
ไดแ ก fibroblast, macrophage mast cell, plasma cell, adipose tissue
เน้ือเยื่อเก่ยี วพันชนดิ แนน ทบึ (dense connective tissue)
พบตามเอ็นกลา มเน้อื (tendon) และเอน็ ยดึ (ligament) ประกอบดว ยเสนใย คอลลาเจน
เรียงตัว หนาแนน สขี าว
เน้อื เยอ่ื เก่ียวพนั ชนดิ โปรง บาง
เน้อื เย่อื เกี่ยวพันชนดิ แนน ทึบ
27
กระดกู ออน (cartilage)
พบอยูตามสวนของโครงกระดกู โดยเฉพาะบริเวณทก่ี ระดูกมกี ารเสียดสีกนั ประกอบดวย
เมทรกิ ซ ซงึ่ เปน สารพวกมวิ โคพอลิแซก็ คาไรดชนิดคอนโดรมิวคอยด (condromucoid)
มีลกั ษณะคลายวนุ เซลลก ระดูกออน เรียกวา คอนโดรไซต (chondrocyte) มรี ปู รางกลม
หรอื รปู ไข อาจพบ 1-4 เซลล เรยี งตวั อยูในชองวางทีเ่ รยี กวา ลาคนู า (lacuna) กระดกู
ออ นสามารถพบไดท ่ีใบหู ฝาปด กลอ งเสยี ง(epiglottis)กลอ งเสยี ง(trachea) กระดกู ออ นกั้น
ระหวางกระดกู สนั หลงั แตละขอ(intervertebral disc) เปนตน
กระดูกแขง็ (bone)
ประกอบดวยเซลลก ระดกู ทเี่ รียกวาออสทีโอไซต (osteocyte) อยใู นชอ งลาคูนาโดย
เซลลกระดูกจดั เรยี งตัวเปน วงรอบชองฮาเวอรเชียน (harversian canal) ท่ีมีเสน เลือด
นําอาหารมาเลีย้ งเซลลกระดูกและเรยี กลักษณะการเรียงตวั ของเซลลกระดูกน้ีวา
ระบบฮารเวอรเ ชยี น (harversian system) ชอ งฮารเ วอรเ ชียนสามารถติดตอกับชอ งลาคนู า
หรอื ระหวา ง ชองลาคนู าดวยกันเองโดยผา นชอ งเล็กๆทีเ่ รียกวา คานาลิคไู ล (canaliculi)
สารระหวางเซลลกระดูกประกอบดวยแคลเซยี มและฟอสเฟต
28
เลอื ด (blood)
น้าํ เลอื ด (plasma)
เซลลเ มด็ เลอื ด ซ่งึ แบงเปน
- เซลลเม็ดเลอื ดแดง (red blood cell or erythrocyte) มีรงควัตถุฮโี มโกลบิน
(hemoglobin) ทาํ หนา ท่ี ลาํ เลียงออกซิเจนและคารบ อนไดออกไซด
- เซลลเมด็ เลอื ดขาว (white blood cell or leucocyte) เซลลเม็ดเลอื ดขาวทาํ หนา ท่ี
ทาํ ลายส่งิ แปลกปลอมท่ีเขา สรู า งกาย
29
เนื้อเยอ่ื กลามเนื้อ (Muscular tissue)
มีหนา ทเ่ี กี่ยวกบั การเคลอ่ื นไหวของรางกาย โดยสามารถหดตัวได
เซลลก ลามเนือ้ มีรูปรา งยาวมัก เรยี กวา ใยกลา มเนื้อ (myofibril) แบงเปน 3 ชนิด คอื
- กลามเน้อื ลาย (skeletal or striated muscle) มรี ปู รา งเปน ทรงกระบอก เรยี งตัว
ขนานกนั มีลาย แตล ะเซลลมี หลายนิวเคลียส
- กลามเนอ้ื เรยี บ (smooth muscle) เซลลม ีรูปรางยาวหวั ทา ยแหลมแตล ะเซลลม ี
นิวเคลยี ส 1 อนั อยูกลางเซลล ไมม ลี ายตามขวาง
- กลามเน้ือหัวใจ (cardiac muscle) เซลลมลี ายคลา ยกลา มเน้อื ลาย พบนิวเคลยี ส 1-2
อนั อยกู ลางเซลล และเซลลม แี ขนงเช่อื มตอกัน
30
31
เนือ้ เยื่อประสาท (Nervous tissue)
เซลลป ระสาท (neuron) ทาํ หนา ทีร่ ับสง กระแสประสาทเซลลป ระสาทแตละเซลล
ประกอบดวย
ตวั เซลล อยูในชน้ั สีเทา (grey matter) ของระบบประสาทไขสันหลงั และระบบประสาท
สวนกลาง เซลลป ระสาทมลี กั ษณะกลมขนาดใหญ มนี ิวเคลียสอยตู รงกลางแขนงประสาท
แบง เปน 2 พวก คอื
- เดนไดรต (dendrite) ทเ่ี ปน แขนงประสาทขนาดส้ันทําหนาท่ีรบั กระแสประสาท
(impulse) เขา สูต ัวเซลล
- แอกซอน(axon) เปน แขนงประสาทลกั ษณะยาวไมม ีแขนงแตกออกใกลกบั ตวั เซลล
แอกซอน ทําหนาที่นํากระแสประสาทออกจากตัวเซลล
32
คําศพั ทเ รือ่ งเนอื้ เยื่อ
คาํ ศัพท คําอา น ความหมาย
(vocabulary) (reading) (meaning)
body tissue บอดี้ ทิชชู เนื้อเย่ือพืน้ ฐานของรา งกาย
tissue ทชิ ชู เนื้อเยอ่ื
Epithelial tissue เอพทิ ีเลยี ม ทชิ ชู เนื้อเย่ือบุผวิ
Squamous epithelium สความัส เอพิทเี ลียม เน้ือเยือ่ บผุ วิ ที่เปน เซลลรูป
สี่เหลีย่ มแบนบาง
Cuboidal epithelium ควิ บอยดาล เอพทิ ีเลียม เซลลช้นั เดียวทีป่ ระกอบดวย
เซลลร ูปสีเ่ หล่ียมลกู บากศ
Columnar epithelium โคลัมนา เอพิทเี ลียม เซลลท ่มี สี วนสูงของเซลล
มากกวา สว นกวา ง
Simple epithelium ซิมเปล เอพิทีเลียม เซลลเรียงกนั เปน ช้นั เดยี ว
Pseudostratified ซูโดสตราติไฟดค อลมั นา เซลล เรียงกันเปน ชน้ั เดียวบน
epithelium เอพที เี ลยี ม เยอื่ รองรบั ฐาน
Stratified epithelium สแตรทิฟายด เอพิทีเลียม เซลลเ รียงซอ นกันหลายช้นั
Connective tissue คอนเน็กทีฟ ทชิ ชู
Collagen fiber คอลลาเจน ไฟเบอร เน้ือเย่ือเกีย่ วพนั
เปนเสนเหนียวแขง็ แรง อยู
Elastic fiber อีลาสตกิ ไฟเบอร รวมกนั เปน มัดใหญ
เปน เสนใยท่ีมีความยืดหยนุ
Reticular fiber เรติคูลาร ไฟเบอร มาก
เปน เสน บางกวา กระจายอยู
Nervous tissue เนอรเ วิส ทิชชู ท่ัวไป
เน้ือเยื่อประสาท
33
คาํ ศพั ทเ ร่ืองเน้อื เยอ่ื (ตอ )
คาํ ศัพท คาํ อา น ความหมาย
(vocabulary) (reading) (meaning)
connective tissue proper คอนเนกทฟี ทิชชู โพรเพอร เนอ้ื เย่อื เก่ยี วพนั สมบูรณ
dense connective tissue เดนซี คอนเนกทฟี ทิชชู เนือ้ เย่อื เกี่ยวพันชนดิ แนน ทึบ
loose connective tissue ลูส คอนเนกทีฟ ทิชชู เน้ือเยอ่ื เกี่ยวพนั ชนดิ โปรง บาง
adipose tissue อะดโิ พส ทชิ ชู เนอ้ื เยื่อไขมัน
เยลโล อลี าสตกิ ทิชชู เนอ้ื เยอ่ื ยดื หยนุ สีเหลือง
yellow elastic tissue เมมเบรน เนื้อเยื่อบางๆ
membrane โบน
กระดูก เปนเนือ้ เยื่อเกย่ี วพนั
bone ชนดิ พเิ ศษทมี่ ีลกั ษณะแข็ง
กระดูกออ น
cartilages คารตเิ ลจ เซลลท่วี างตัวอยูใ นแอง ลาคนู า
osteocytes ออสทีโอไซต
blood บรดั เลอื ด เปน เนื้อเยอื่ เกยี่ วพนั ชนิด
พิเศษ คอื มสี ภาพเหลว
Muscular tissue มัสคลู า ทิชชู เนอื้ เยือ่ กลามเนือ้
smooth muscle สมูท มัสเซิล กลามเนื้อเรยี บ
skeleton muscle สเกเลตอน มัสเซิล กลา มเน้ือยึดลาย
cardiac muscle คารดแิ อค มัสเซิล กลามเนื้อหวั ใจ
34
ระบบปกคลุมรา งกาย
(INTEGUMENTARY SYSTEM)
ระบบปกคลุมรางกาย หมายถงึ ผิวหนัง (Skin) และอวยั วะทีก่ ําเนดิ มาจากผิวหนงั ไดแก
ขน ผม เลบ็ ตอ มไขมัน และตอ มเหงอ่ื
ผิวหนัง (Skin / Cutaneous membrane)
ประกอบดว ยเนอ้ื เยอ่ื 2 ช้ันคือ
1.ชน้ั ตน้ื เรยี กวา หนังกําพรา (Epidermis)
2.ชั้นลกึ เรยี กวา หนังแท (Dermis)
35
36
หนังกําพรา (Epidermis)
ชั้น epidermis ประกอบดวย เซลล 4 ชนิด คอื
Keratinocyte
- พบมากทีส่ ดุ ในทกุ กชั้นของหนงั กาํ พรา
- หนาทีส่ รางสาร keratin ซงึ่ เปน โปรตีนท่ีถูกเก็บอยภู ายในเซลล
- Keratinization คือ กระบวนการทีเ่ ซลลในชนั้ ตา งๆมีการแบงตัวและเปลีย่ นแปลงเลอื่ น
ขึน้ ไปจนกลายเปนเซลลท ตี่ ายในชน้ั บนๆ
Melanocyte
- เปน เซลลร ปู แฉกดาว
- เจรญิ มาจากเซลลออ นชือ่ Melanoblast อยชู ั้นลึกสุดของช้นั epidermis
- ทาํ หนาที่สรา งเมด็ สี (melanin pigment) อาศยั เอนไซม Tyrosinase ที่อยูภายในเซลล
- Melanin ที่ถูกสรา งจะกระจายอยใู น keratinocyte ทําหนาทดี่ ูดซึม free radical และ
ปองกนั แสงแดด
37
Langerhans cell
- พบไดทวั่ ไปในชัน้ หนงั กาํ พรา หนังแท และตอมน้าํ เหลอื งบรเิ วณใกลเคยี ง
• เจริญมาจากไขกระดูก (bone marrow) แลว migrate มาที่ชนั้ ผิวหนงั
• ทําหนาท่ีเก่ยี วขอ งกับการกระตุนภมู คิ มุ กันของรา งกาย
Merkel cell
- พบเปนจํานวนมากในผิวหนงั บรเิ วณที่มคี วามไวตอความรูสึกสมั ผัสมาก
• ทําหนา ทเ่ี กยี่ วของกบั ปลายประสาทรบั ความรสู กึ (sensory receptor)
ชนั้ ของ Epidermis แบง เปน 5 ชน้ั
1. Stratum Corneum
2. Stratum Lucidum
3. Stratum Granulosum
4. Stratum Spinosum
5. Stratum Basale
38
หนังแท (Dermis)
- อยใู ตช้ันหนงั กาํ พรา
- ชั้นนม้ี ีการซอนกนั หลายช้นั ของเซลลเ นอ้ื เยอ่ื เก่ยี วพัน ประกอบดวย Collagenous และ
Elastic fiber
- Dermis ประสานกบั epidermis เปนแบบ interlock finger-like projection : เพิ่ม
ผวิ สมั ผสั ทาํ ใหยดึ ติดกนั ไดแขง็ แรงมากข้ึน
- สว นของชัน้ หนังกาํ พรา ที่ยืน่ ลงไปในชัน้ หนงั แท เรยี กวา Epidermal ridge
- สวนของหนังแทท แี่ ทรกอยูระหวางหนังกาํ พรา เรียกวา Dermal papillae
ชัน้ ใตผ ิวหนัง (Hypodermis)
- Hypodermis หรือ Subdermal layer หรอื Subcutaneous layer
- เน้อื เยอ่ื เกี่ยวพันชนดิ หลวม (loose fibrous connective tissue)
- ประกอบดวยไขมัน (adipose tissue) เปนสวนใหญ
- มีความหนามากกวา ช้นั dermis
39
อวยั วะท่ีกําเนิดมาจากผิวหนงั
ขนหรอื ผม (hair)
สามารถแบง ไดออกเปน 2 ประเภท คือ
1. Hairless Skin (ไมมีขน) ไดแก
- บรเิ วณผิวหนังหนา -> ฝา มือ ฝา เท
- บรเิ วณท่ีเปลีย่ นไปเปน mucous membrane และบริเวณทีผ่ ิวหนังมสี แี ดงขึน้ และมนั มาก
มาก-> lip, nostrils, external genitalia และ anal region
2. Hairy skin (มีขน) ไดแ กบรเิ วณผิวหนงั สวนใหญข องรา งกายโดยชนั้ ของ stratum
germinativum ของ epidermis จะย่นื ลงไปในช้นั ของ dermis เพื่อจะทาํ ใหเกดิ hair
follicle พบมากทสี่ ุดบรเิ วณหนังศีรษะ (Scalp)
40
ตอมไขมัน (sebaceous glands)
- ส่ิงทต่ี อ มไขมันขับออกมา เรยี กวา Sebum
- กลา มเนื้อทีช่ ว ยบบี เพื่อขบั sebum ออกมา คือ Arrector pili muscle
- หนาที่ของ Sebum คอื เคลอื บผวิ หนงั ปอ งกนั การระเหยของนาํ้ ออกสรู างกายปองกนั เชอ้ื
โรคและฝนุ ละอองเขาสรู า งกาย
- หากรูเปด อุดตนั จากฝนุ ละออง หรือ Sebum แหง จะทาํ ใหเ กดิ ตุมสวิ เรยี กวา Comedo
หรอื Acne
ตอ มเหงอ่ื (sweat glands)
- เปน ตอมท่มี ีทอ (simple tubular gland)
- มที อสวนทีห่ ลงั่ เปนขด (convoluted) อยใู นชน้ั Subcutaneous tissue
- บางสว นของรางกาย เชน axilla, mamillary gland, areolar และ circumanal region
จะพบตอมเหงอ่ื มากกวา ฝามือ ฝา เทาและบริเวณอนื่
- บริเวณใกลตอมเหงือ่ มีเสนเลือดฝอยมาเล้ยี งมาก
41
เลบ็ (nails)
Nail body หรอื Nail plate
ประกอบดวยชนั้ หนาๆของเซลลแ บนๆ Clear flattened cells ซึ่งเปน สวนของ
epidermis ช้ันลา งๆ มี Keratin มากจึงแข็ง สว นตน (proximal part) ของมนั จะอยใู ต
fold ของผวิ หนงั เรยี กวา root
Nail bed
อยูตดิ กบั dermis ทําใหเหน็ สแี ดงเร่ือๆของเลอื ดทอี่ ยูใ ตม ันใตตอ ม proximal part of
nail มบี รเิ วณทเี่ รียกวา “Lanule” ซ่ึงเกดิ จากการแบงตัวอยางมากของเซลล ทาํ ใหม เี ซลล
ตายเกิดขึ้นและมีสชี ัด
42
คําศัพท คาํ ศัพทผิวหนัง ความหมาย
(Vocabulary) (Meaning)
skin คําอาน ผวิ หนงั
Epidermis (Reading) หนงั กาํ พรา
Keratinocytes สะกิน เซลลห ลกั ของหนังกําพรา
เอพเิ ดอมสิ แบง เปนช้นั ตา งๆ
Sebaceous glands เคราติโนไซต ตอมไขมนั
sweat glands ตอมเหง่ือ
Nails เซบาเซยี ส แกลนด เลบ็
Keratinisation สเวท็ แกลนด กระบวนการผลัดเซลลผิว
Basal layer เนล
เคราติไนเซช่นั สวนที่อยูช นั้ ในสุด เปนชน้ั ที่
Stratum Spinosum บาซอล เลเยอร เซลลยังมชี ีวิต
ชั้นบนขึน้ มาอกี ชั้นและยังเปน
Stratum Granulosum สตราตุม สไปโนซุม เซลลมีชีวติ
เปนชั้นถัดข้นึ มา ในชั้นนี้เซลล
Stratum Lucidum สตราตุม กรานูโลซุม เร่ิมตาย และ แบนลง
เปน ชัน้ ทีม่ ีเฉพาะในฝามือและ
Stratum Corneum สตราตุม ลชู ิดุม ฝาเทาและทั้งหมดเปนเซลลท ี่
ตายแลว
สตราตุม คอรเ นียม ชนั้ บนสุดท่สี มั ผสั บรรยากาศ
ภายนอก และแนน อนทุกเซลล
นัน้ ไมม ีชีวติ
43
คาํ ศพั ท คาํ ศัพทผ ิวหนัง (ตอ ) ความหมาย
(Vocabulary) (Meaning)
Granular layer คําอาน เปนจุดเร่มิ ตน ของกระบวนการ
(Reading) ผลดั เซลลผิว
Clear layer แกรนลู า เลเยอร เซลลในช้นั นจี้ ะอดั ตัวกนั อยู
อยางหนาแนน และมลี กั ษณะ
Horny layer เคลียร เลเยอร แบนราบ
เปน เซลลท ่ตี ายแลว ซึ่งจะหลุด
Hydrolipid film โฮรนี เลเยอร ลอกออกเปนข้ีไคล
ชน้ั หนงั กําพรา ถูกปกคลุมดวย
Free fatty acid ไฮโดรลพิ ิด ฟลม นาํ้ และไลปด
Dermis กรดไขมัน
Hypodermis ฟรี แฟทตี แอซิด
Papillary layer เดอรม สิ ผิวหนังชัน้ หนงั แท
epidermal ridges ไฮโพเดอรมสิ
The lower layer เพพพิลลารี เลเยอร ใตชั้นหนงั แท
The upper layer อีพิเดอรมสิ ริดเจส
เดอะ โลเวอร เลเยอร อยชู ิดกับชนั้ หนังกําพรา
เดอะ อัปเปอร เลเยอร
สวนของหนังกาํ พรา ทย่ี ่ืนลงมา
แทรกอยูในช้นั หนงั แท
เปนสว นทอ่ี ยูลึกสุด และมคี วาม
หนา
มลี กั ษณะของขอบเหมือนคลน่ื
ก้ันระหวางช้นั หนังกําพรา
44
สรุปเน้ือหา
เซลลประกอบดว ย เยอ่ื หุม เซลล ไซโทพลาสซึม ไมโทรคอนเดรีย รางแหเอนโดพลาสซึม
กอลจิคอมเพลก็ ซ ไรโบโซม ไลโซโซม เซนทริโอล
การลําเลียงสารเขา -ออกจากเซลล มี 2 แบบไดแ ก
1. การลาํ เลยี งสารโดยผานเยอื่ หุมเซลล
2. การลําเลยี งสารโดยผานเย่อื หุมเซลลโ ดยใชพ ลงั งานจากเซลล
เนื้อเยอื่ แบง ไดเปน 4 ประเภทใหญๆคือ
เนอ้ื เย่ือบผุ วิ , เนื้อเยือ่ เกี่ยวพนั , เน้อื เยอื่ กลา มเนื้อ, เนอ้ื เยอื่ ประสาท
ระบบปกคลุมรา งกายประกอบดว ย
ผวิ หนัง ไดแ ก หนงั กําพรา หนงั แท
อวัยวะทีก่ าํ เนดิ มาจากผิวหนังไดแ ก ขนหรอื ผม, ตอ มไขมัน, ตอมเหงือ่ , เลบ็
45
บรรณานกุ รม
- เอกสารประกอบการสอนระบบเซลล เนอ้ื เยื่อ และผวิ หนงั
คณะพยาบาลศาสตร มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สุราษฎรธานี
- รําแพน พรเทพเกษมสนั ต. (2561).ระบบเซลล เนอ้ื เยือ่ และผวิ หนงั .(พมิ พค รง้ั ท่ี 7).
กรงุ เทพมหานคร : สํานักพิมพศิลปาบรรณาคาร.
สบื คนจาก https://shopee.co.th/product/193322292/7532141948?smtt=0.167869913-
46
บทที่ 2
ระบบสบื พันธเุ พศหญิง
(FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM)
ระบบสืบพนั ธุเ พศหญงิ ประกอบดว ยสวนตา งๆ มากมาย เชน คลิตอรสิ รงั ไข ทอ นาํ ไข
ชองคลอด มดลกู เปนตน ซง่ึ แตล ะสว นน้นั มหี นาท่ีเฉพาะและมคี วามเกยี่ วของสัมพนั ธกนั
การสืบพนั ธขุ องคนเปนการสืบพันธุแบบอาศัยเพศ เพราะมกี ารผสมกันของเซลลส บื พันธุ
เพศผู (เซลลอ สจุ ิ) กบั เซลลสบื พันธุเพศเมยี (เซลลไ ข) ระบบสบื พนั ธุเพศหญงิ ประกอบดวย
สว นตางๆ ดังน้ี
47
อวัยวะเพศภายนอก ( external genitalia)
เปนอวยั วะที่มองเหน็ ไดจาก ภายนอก อาจจะเรยี กวา vulva หรอื pudendum ซ่งึ
ไดแ ก เนนิ หัวเหนา แคมใหญ แคมเล็กclitoris, vestibule, Bartholin’s gland ,
paraurethral gland
1.เนนิ หวั เหนา ( mone pubis) เปน ผวิ หนังนูนอยูบริเวณเหนือกระดกู หวั เหนา
(pubic symphysis) เม่อื เขาสูวยั สาวจะมีขนงอกข้ึนทบ่ี รเิ วณนี้ สาํ หรบั ในเพศหญงิ แนวขน
จะเรียงตัวเปน รปู สามเหล่ยี มมียอดชล้ี งมาทางดา นลาง
2.แคมใหญ ( labiamajora) เปนผิวหนงั ทตี่ อมาจากทางดานลา งของเนนิ หวั เหนา
มีลักษณะนนู แยกเปน 2 กลีบลงไปบรรจบกันทางดานหลังท่ีบริเวณฝเยบ็
3.แคมเลก็ ( labia minora) เปนช้นั ผวิ หนงั ทีย่ กตัวขึ้นเปน กลบี เลก็ ๆ สแี ดง 2 กลบี
ทางดา นในของแคมใหญ กลบี ของแคมเล็กทางดานหนา จะแยกออกเปน 2 แฉก แฉก
ดานบนมาจรดกันกลายเปนผวิ หนงั คลมุ clitoris เรยี กวา ”prepuce of clitoris”แฉก
ดา นลางจรดกันใต clitoris เรียกวา ”frenulum of clitoris “วนปลายหลังของแคมเลก็ จะ
โอบรอบรูเปด ของชองคลอดและทอปสสาวะแลว มาจรดกันดานหลังเรยี กวา”fourchette“
แคมเลก็ ไมม ขี นงอก
48
4.Clitoris มีลักษณะเปนตมุ เลก็ ๆ มีโครงสรางเปน erectile tissue เชนกนั มหี ลอดเลือด
และปลายประสาทรบั ความรสู ึกมาเลี้ยงเปนจาํ นวนมาก ดังนน้ั หากเกดิ การฉีกขาดท่ีบรเิ วณ
นี้ ซ่งึ อาจเกดิ ขนึ้ ไดใ นขณะคลอดจะทําใหเ จ็บเสียเลอื ดมากและเยบ็ ติดไดย าก
5.Vestibule เปนบรเิ วณท่ีอยูระหวา งแคมเลก็ ท้งั สองขา ง ตั้งแต clitoris ลงไปจนถงึ
fourchette บรเิ วณน้มี ีรoู rifice) จะอยูถัดจาก clitoris ราว 1 ซม.
– รเู ปดของชอ งคลอด ( vaginal orifice) อยูถ ัดไปอกี มีเยื่อพรหมจารยี ปด อยู
– รูเปดของ Bartholin’s gland และ paraurethrเปด ของทอ ตางๆ ดังน้ี
– รเู ปดของทอปสสาวะ ( urethral al gland อยางละ 1 คู
6.Bartholin’s gland (greater vestibular gland) เปน ตอ มเลก็ ๆ ขนาดเทา เมล็ดถัว่
เขยี วพบอยู 2 ขางของรูเปด ของชอ งคลอด จะใหทอออกมาเปด ทบี่ รเิ วณระหวา งเยอ่ื
พรหมจารียก บั แคมเล็ก ทาํ หนา ทส่ี รา งเมอื กหลอ ลืน่ และมีฤทธเิ์ ปนดา ง เพ่ือลดความเปน
กรดในชองคลอด
7.เยอื่ พรหมจารี ( hymen) เปน เนอื้ เยือ่ ท่ีย่นื ออกมาปด รเู ปดของชอ งคลอด ตรงกลางจะมี
รูเปด เลก็ ๆ เยื่อพรหมจารียน ี้สามารถยดื หยนุ ได ในเดก็ บางคนเยอ่ื พรหมจารียไมม ีรเู ปด จึง
ปดชอ งคลอดไวหมด ทาํ ใหเลือดประจาํ เดือนไมส ามารถไหลออกมาได
เรียก”imperferated hymen”
49
ฝเ ย็บและกน (perineum)
กายวภิ าคของ perineum คลายกบั รูปเพชร หรอื สามเหล่ยี ม 2 อัน ทเี่ อาฐานประกบ
กันท่ตี าํ แหนง ของเสน เช่อื มตอระหวาง ischial tuberosities ทั้งสองขา งหรือบรเิ วณ
perineal body โดยขอบเขตของฝเยบ็ ก็คอื ขอบเขตของpelvic outlet ประกอบดวย
pubic symphysis ทางดา นหนา ischiopubic rami and ischial tuberosities ทางดา น
anterolateral, sacrotuberous ligaments ทางดาน posterolateral และ coccyx ทาง
ดา นหลงั ซ่งึ สามเหลยี่ มดานหนาเรยี กวา urogenital triangle และสามเหล่ยี มดานหลัง
เรียกวา anal triangle
- Perineal body เปนจุดศนู ยก ลางของบรเิ วณฝเ ยบ็ ซึ่งเปน ตวั แยก urogenital triangle
ออกจาก anal triangle ภายใน perineal body ประกอบดวย fibers ทมี่ ารวมกนั ของ
superficial transverse perineal muscles,bulbocavernosus และ fibers of the
external anal sphincter
50