Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์ by ณัฐวิภา วิริยา

50 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

ตัวอย่าง Proper Adjective ที่พบบ่อยในข้อสอบมีดังต่อไปน้ี

Proper Noun Proper Adjective ความหมาย

Thailand Thai ไทย
Africa African แอฟริกา
Italy Italian อิตาลี
Asian Asian เอเซีย
England English อังกฤษ
France French ฝรั่งเศส
Vietnam Vietnamese เวียดนาม
Poland Polish โปแลนด์
Germany German เยอรมัน
Netherlands Dutch เนเธอรแ์ ลนด์
Canada Canadian แคนาดา
Spain Spanish สเปน
Belgium Belgian เบลเยียม
China Chinese
จีน

3 Quantitative Adjective (คุณศัพท์บอกปริมาณ)

Quantitative Adjective เป็นคุณศัพท์ที่แสดงปริมาณท่ีตัวมันขยาย เพื่อบอกให้
ทราบปริมาณของสิ่งเหล่านั้นว่ามีมากหรือมีน้อย แต่ไม่ระบุจ�ำนวนท่ีแน่นอน เช่น ค�ำว่า
much, many, enough, little, some, any, all, no, sufficient, whole เป็นต้น ดังตัวอย่าง
ต่อไปน้ี
I haven’t told many people that I lost my job.
ฉันก็ไม่ได้บอกคนเยอะหรอกนะว่าฉันตกงาน



บทที่ 1 : Parts of Speech 51

Eddy told me the whole story about what had happened.
เอ็ดด้ีเล่าเร่ืองท้ังหมดให้ฉันฟังแล้วว่าเกิดอะไรข้ึน
Don’t eat so much cheese or you’ll get fat.
อย่ากินชีสเยอะไปนะ ไม่งั้นเดี๋ยวเธอจะอ้วน
We have little interest in Italian art.
เราไม่ค่อยสนใจศิลปะแนวอิตาลีเท่าไรหรอกนะ

4 Numeral Adjective (คุณศัพท์บอกจ�ำนวนแน่นอน)

Numeral Adjective หรือ Adjective of Number คือคุณศัพท์ท่ีไปขยายค�ำนามเพ่ือ
บอกจ�ำนวนนับท่ีแน่นอนของค�ำนามนั้น ๆ ว่ามีเท่าไร แบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ
1 Cardinal Numeral Adjective คือ คุณศัพท์ท่ีใช้นับจ�ำนวนที่แน่นอน
และวางไว้หน้าค�ำนามที่นับได้ เช่น one, two, three, four, five, six เป็นต้น
I need twenty apples for the party tonight.
ฉันต้องการแอปเปิล 20 ลูกส�ำหรับงานเล้ียงคืนน้ี
They have a warm family with two children.
พวกเขามีครอบครัวท่ีอบอุ่นพร้อมด้วยลูกสองคน
2 Ordinal Numeral Adjective คือ คุณศัพท์ที่ใช้ขยายค�ำนามเพ่ือบอก
ล�ำดับท่ี และวางไว้หน้าค�ำนามท่ีมันขยาย เช่น first, second, third, fourth, fifth, sixth
เป็นต้น
John is our first choice for this position.
จอห์นเป็นตัวเลือกแรกของเราส�ำหรับต�ำแหน่งงานนี้
This is the second time I have been to Paris.
นี่เป็นคร้ังท่ีสองท่ีฉันได้ไปปารีส
3 Multiplicative Adjective คือ คุณศัพท์ที่บอกความทวีคูณของค�ำนาม
เช่น double, triple, fourfold, fivefold, quadruple เป็นต้น
You shouldn’t take double charges from our customers.
คุณไม่ควรเก็บเงินสองเท่าจากลูกค้าของเรานะ
The price of this bag has risen fourfold.
ราคาของกระเป๋าใบนี้ข้ึนเป็นสี่เท่าแล้วนะ



52 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

5 Demonstrative Adjective (คุณศัพท์ช้ีเฉพาะ)

Demonstrative Adjective คือ คุณศัพท์ท่ีใช้ในการชี้เฉพาะคำ� นาม เพ่ือแสดงให้เห็นว่า
ค�ำนามท่ีตัวมันเองขยายน้ันเป็นคนไหน หรือสิ่งไหน เช่น this, that, these, those, such
เป็นต้น
I bought these bags in Japan.
ฉันซื้อกระเป๋าเหล่านี้ที่ญี่ปุ่น
Such questions are easier to ask than to answer.
ค�ำถามพวกนี้ง่ายที่จะถามมากกว่าตอบนะ/ค�ำถามพวกนี้ถามง่ายตอบยากนะ
Where did you get that idea?
คุณไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหน

6 Interrogative Adjective (คุณศัพท์บอกค�ำถาม)

Interrogative Adjective คือ คุณศัพท์ท่ีใช้กับค�ำนามเพ่ือสร้างประโยคค�ำถาม
มีลักษณะคล้ายกับ Interrogative Pronouns แตกต่างกันตรงท่ี Interrogative Adjective
ไม่สามารถอยู่ตามล�ำพังโดด ๆ ได้ แต่ต้องท�ำหน้าที่ขยายค�ำนามหรือสรรพนาม ได้แก่
ค�ำว่า which, what และ whose เช่น
Which film do you want to recommend?
หนังเรื่องไหนที่คุณอยากจะแนะน�ำ
What kind of movie are they watching?
หนังประเภทไหนที่พวกเขาก�ำลังดูอยู่
Whose fault is this?
น่ีเป็นความผิดของใครกัน

7 Possessive Adjective (คุณศัพท์บอกเจ้าของ)

Possessive Adjective คือ คุณศัพท์ที่แสดงความเป็นเจ้าของ ไม่สามารถใช้ตาม
ล�ำพังได้ ต้องใช้คู่กับค�ำนามเสมอ และต้องวางไว้หน้าค�ำนามที่มันขยายเสมอ ได้แก่ my,
our, your, his, her, its, their ดังตารางต่อไปนี้



บทท่ี 1 : Parts of Speech 53

Subject Pronouns ความหมาย Possessive Adjectives ความหมาย

I ฉัน my ของฉัน
we พวกเรา our ของพวกเรา
you your
he คุณ his ของคุณ
she เขา her ของเขา
it หลอ่ น its ของหลอ่ น
they มัน their ของมัน
พพววกกมเขันา/ ขขอองงพพววกกเมขันา/

Do you know where my key is?
เธอรู้ไหมว่ากุญแจของฉันอยู่ที่ไหน
Can you tell me your phone number?
คุณบอกเบอร์โทรศัพท์ของคุณให้ฉันหน่อยได้ไหม
We like his idea because it is practical.
พวกเราชอบความคิดของเขาเพราะมันเอาไปใช้ได้จริง

8 Distributive Adjective (คุณศัพท์แบ่งแยก)

Distributive Adjective หมายถึง คุณศัพท์ท่ีใช้ขยายค�ำนามเพื่อแบ่งแยกหรือ
แจกแจงค�ำนามท่ีกล่าวถึงน้ันออกจากกันเป็นคนหนึ่ง สิ่งหน่ึง หรืออย่างหนึ่ง ได้แก่
each (แต่ละ), every (ทุก ๆ), either (อันใดอันหน่ึง/คนใดคนหน่ึง), neither (ไม่ใช่ท้ัง
สองอย่าง/ไม่ใช่ทั้งสองคน) เช่น

Each applicant was interviewed this morning.
ผู้สมัครแต่ละคนถูกสัมภาษณ์เม่ือเช้าน้ี
I know every student in the class.

ฉันรู้จักนักเรียนทุกคนในช้ันเรียน
You can sit at either side of the table.
เธอสามารถน่ังด้านใดด้านหนึ่งของโต๊ะก็ได้
Neither problem can be solved at the moment.
ไม่มีปัญหาใดท่ีสามารถแก้ไขได้แล้วในขณะนี้



54 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

9 Emphasizing Adjective (คุณศัพท์เน้นความ)

Emphasizing Adjective คือ คุณศัพท์ท่ีใช้ขยายค�ำนามเพื่อต้องการเน้นค�ำนาม
นั้น ๆ ให้มีน้�ำหนักมากยิ่งข้ึน เช่น own (ด้วยตนเอง), very (แท้จริง) เช่น
I did it with my own hands.
ฉันท�ำมันด้วยมือของฉันเองเลยนะ
Mind your own business.
สนใจแต่เร่ืองของตัวเองเถอะ
How did you know this was the very thing I wanted?
เธอรู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นส่ิงที่ฉันอยากได้จริงๆ

10 Exclamatory Adjective (คุณศัพท์บอกอุทาน)

Exclamatory Adjective คือ คุณศัพท์ที่ใช้น�ำหน้าค�ำนามเพ่ือแสดงการอุทาน
เป็นการบอกอารมณ์และความรู้สึกของผู้พูด มักจะมีเคร่ืองหมายอัศเจรีย์ ( ! ) ต่อท้าย
มักใช้ค�ำว่า what ที่เมื่อวางไว้หน้าค�ำนามแล้ว จะเปลี่ยนเป็นการอุทาน เช่น
What a boy!
เด็กผู้ชายอะไรกันเน่ีย
What a question it is!

ค�ำถามอะไรอย่างน้ีเนี่ย
What a surprise!

ช่างน่าประหลาดใจอะไรเช่นนี้

11 Relative Adjective (คุณศัพท์สัมพันธ์)

Relative Adjective คือ คุณศัพท์ที่ใช้ขยายค�ำนามท่ีตามหลัง โดยท�ำหน้าที่คล้าย
กับค�ำสันธานเช่ือมข้อความที่อยู่ข้างหน้าและข้อความที่อยู่ข้างหลังตัวมันเองให้สัมพันธ์กัน
ได้แก่ what (อะไรก็ได้), whichever (อันไหนก็ได้) เช่น
Give John what food he wants.
เอาอาหารอะไรก็ได้ให้จอห์นตามท่ีเขาต้องการ
I will buy what car you like.
ฉันจะซ้ือรถอะไรก็ได้ตามที่เธอชอบ
Whichever way you look at it, we have lost faith in him.
ไม่ว่าเธอจะมองด้านไหนก็ตามแต่เถอะ เราก็หมดศรัทธาในตัวเขาแล้วล่ะ



บทท่ี 1 : Parts of Speech 55

Underline the adjectives in each sentence.

1 It’s hard to explain why I love her so much.
2 My younger brother is a quick learner.
3 It’s difficult to be patient when you’re in a bad mood.
4 Sandra was excited and happy working at a new office.
5 I’d rather live in a small flat near the beautiful beach.
6 The teacher hopes his students will give an honest answer.
7 My best friend is an interesting new politician.
8 When I was little, my father bought me a beautiful doll.
9 Homelessness is a serious problem for poor people these days.
10 Everyone went quiet when the aggressive manager walked in.

เฉลย

1. It’s hard to explain why I love her so much.
2. My younger brother is a quick learner.
3. It’s difficult to be patient when you’re in a bad mood.
4. Sandra was excited and happy working at a new office.
5. I’d rather live in a small flat near the beautiful beach.
6. The teacher hopes his students will give an honest answer.
7. My best friend is an interesting new politician.
8. When I was little, my father bought me a beautiful doll.
9. Homelessness is a serious problem for poor people these days.
10. Everyone went quiet when the aggressive manager walked in.



56 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

Choose the appropriate adjectives that make the most sense to
complete the sentences.

1 Please be careful not to step on the ...................... glass.
a. weak b. broken
c. hard d. large

2 Italy is ...................... for its pizza. b. interesting
a. very
c. famous d. hot

3 As soon as I have enough money, I will set up my ...................... business.
a. right b. little
c. own d. very

4 Oliver gave me the ...................... amount of money, but I think it’s an honest
mistake.
a. appropriate b. correct
c. very d. wrong

5 My brother didn’t talk to anyone. He was very ...................... about losing
his job.
a. happy b. depressed
c. excited d. delighted

6 Jennifer was ...................... when she saw the spider.
a. frightening b. frightened
c. boring d. confused



บทท่ี 1 : Parts of Speech 57

7 The ...................... soldiers will fight and die for their country.
a. strong b. patient
c. weak d. brave

8 This question is so ....................... Can you help me?
a. easy b. quick
c. confusing d. confused

9 Mirada live in Canada with ...................... family.
a. many b. her
c. little d. their

10 I wrote to ...................... member of the committee.
a. every b. much
c. all d. many

เฉลย

1. b 2. c 3. c 4. d 5. b
6. b 7. d 8. c 9. b 10. a



58 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

Adverb (ค�ำกริยาวิเศษณ์)

Adverb หรือ ค�ำกริยาวิเศษณ์ เป็นค�ำที่ท�ำหน้าท่ีขยายค�ำกริยา (Verb) ค�ำคุณศัพท์
(Adjective) หรือขยายค�ำกริยาวิเศษณ์ (Adverb) ด้วยกันเอง ซ่ึงจะอธิบายการน�ำไปใช้
ดังต่อไปน้ี
1 Adverb ท�ำหน้าท่ีขยาย Verb ดังตัวอย่างประโยคต่อไปนี้

Verb Adverb

James speaks English well.
เจมส์พูดภาษาอังกฤษได้ดี
จากประโยคข้างต้น จะเห็นว่า well ท�ำหน้าที่เป็น Adverb ขยาย Verb คือ speaks

Verb Adverb

The prince and the princess lived happily ever after.
เจ้าชายและเจ้าหญิงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขชั่วนิรันดร

ค�ำว่า happily ท�ำหน้าที่เป็น Adverb ขยาย Verb คือค�ำว่า lived

2 Adverb ท�ำหน้าที่ขยาย Adjective ดังตัวอย่างประโยคต่อไปนี้

Adverb Adjective

Their house is incredibly huge.
บ้านของพวกเขาใหญ่โตอย่างเหลือเช่ือเลยล่ะ
ค�ำว่า incredibly เป็น Adverb ขยาย Adjective คือค�ำว่า huge

Adverb Adjective

My father feels slightly better today.
พ่อของฉันรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยวันน้ี
ค�ำว่า slightly ท�ำหน้าที่เป็น Adverb ขยายค�ำว่า better ซ่ึงท�ำหน้าท่ีเป็น Adjective



บทที่ 1 : Parts of Speech 59

3 Adverb ท�ำหน้าที่ขยาย Adverb ด้วยกันเอง ดังตัวอย่างประโยคต่อไปนี้

Adverb Adverb

Jane walks quite slowly.
เจนเดินค่อนข้างช้านะ
จากประโยคนี้จะเห็นได้ว่า ค�ำว่า slowly ท�ำหน้าท่ีเป็น Adverb ขยาย Verb คือ
ค�ำว่า walks เพื่อแสดงให้เห็นว่ากริยาเดินของเจนเป็นไปอย่างช้าๆ โดยมีค�ำว่า quite
ซ่ึงท�ำหน้าท่ีเป็น Adverb เหมือนกัน ขยาย Adverb คือค�ำว่า slowly เพ่ือให้เห็นว่าเดิน
คอ่ นข้างช้านะ

Adverb Adverb

I know him extremely well.
ฉันรู้จักเขาดีเลยเชียวล่ะ

ค�ำว่า well เป็น Adverb ขยาย Verb คือค�ำว่า know เพื่อส่ือความหมายว่า รู้จัก
เป็นอย่างดีเลย และมี Adverb อีกตัวหน่ึงคือ extremely มาขยาย well อีกที เพ่ือแสดงว่า
ดีเป็นอย่างยิ่งเลยนะ ไม่ใช่ดีธรรมดาๆ

เมื่อเราเข้าใจแล้วว่า Adverb มีบทบาทอย่างไรบ้างในประโยค ก็ลองมาศึกษาประเภท
ของ Adverb เพ่ือน�ำไปใช้ในประโยคได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป โดยเราสามารถ
แบ่ง Adverb ที่ใช้กันบ่อยๆ ออกได้เป็น 6 ประเภท ดังนี้
1. Adverb of Manner (กริยาวิเศษณ์บอกกริยาอาการ)
2. Adverb of Time (กริยาวิเศษณ์บอกเวลา)
3. Adverb of Place (กริยาวิเศษณ์บอกสถานท่ี)
4. Adverb of Frequency (กริยาวิเศษณ์บอกความถี่)
5. Adverb of Certainty (กริยาวิเศษณ์บอกความแน่ใจ)
6. Adverb of Degree (กริยาวิเศษณ์บอกระดับ)
ดังจะอธิบายการใช้ Adverb แต่ละประเภท พร้อมยกตัวอย่างประกอบดังต่อไปนี้



60 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

1 Adverb of Manner (กริยาวิเศษณ์บอกกริยาอาการ)

Adverb of Manner หรือ กริยาวิเศษณ์บอกกริยาอาการ เป็นค�ำท่ีไปขยาย Verb
เพ่ือบอกลักษณะการกระท�ำกริยาอาการน้ันๆ ส่วนมากมักมีรูปมาจาก Adjective แล้วเติม
-ly ลงไปข้างหลัง เช่น

Adjective Adverb ความหมาย

careful carefully อย่างระมัดระวัง
quick quickly อย่างรวดเร็ว
soft softly อย่างนุ่มนวล
correct correctly อย่างถูกต้อง
quiet quietly อย่างเงียบ ๆ
easy easily อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตาม Adverb of manner บางค�ำก็ไม่ได้ลงท้ายด้วย -ly เสมอไป ดังตัวอย่าง
ต่อไปนี้

Adjective Adverb ความหมาย
good well
fast fast อย่างดี
hard hard อย่างรวดเร็ว
อย่างหนัก

We have worked hard to reach the sales target.
พวกเราท�ำงานอย่างหนักเพ่ือไปถึงยอดขายท่ีวางไว้
The secretary is listening to her manager patiently.
เลขานุการก�ำลังฟังผู้จัดการพูดอย่างอดทน



บทที่ 1 : Parts of Speech 61

The memory you shared is not easily erased from mind.
ความทรงจ�ำท่ีคุณท�ำร่วมกันมันไม่สามารถลบท้ิงออกจากใจได้อย่างง่ายดาย
หรอกนะ

ข้ อ ควรรู้

ผู้เรียนควรระวังค�ำศัพท์บางค�ำท่ีลงท้ายด้วย -ly แต่ไม่ได้ท�ำหน้าท่ีเป็น Adverb
เชน่
lovely ท�ำหน้าท่ีเป็น Adjective มีความหมายว่า น่ารัก, น่าเอ็นดู
lively ท�ำหน้าที่เป็น Adjective มีความหมายว่า มีชีวิตชีวา, ร่าเริง
ugly ท�ำหน้าที่เป็น Adjective มีความหมายว่า ขี้เหร่, น่าเกลียด
friendly ท�ำหน้าท่ีเป็น Adjective มีความหมายว่า เป็นมิตร, เป็นกันเอง

2 Adverb of Time (กริยาวิเศษณ์บอกเวลา)

Adverb of Time หรือ กริยาวิเศษณ์บอกเวลา เป็นค�ำท่ีเราใช้ขยายกริยาเพื่อ
บอกเวลาว่าเหตุการณ์น้ันๆ เกิดขึ้นเม่ือไร หรือใช้เวลานานเท่าไร เช่น

yesterday เมื่อวานน้ี
tomorrow วันพรุ่งนี้
today วันนี้
now ในขณะนี้
later ในไม่ช้านี้
before ก่อน



62 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

โดยปกติแล้วเรามักจะวาง Adverb of Time ไว้ท้ายประโยค โดยเฉพาะเม่ือเป็น
ประโยคส้ันๆ เช่น
We are going to the beach tomorrow.
เราจะไปชายทะเลวันพรุ่งนี้นะ
Did you watch the news yesterday?
เธอได้ดูข่าวเมื่อวานน้ีหรือเปล่า
แต่หากเราต้องการเน้นเวลาในประโยคน้ัน ๆ สามารถน�ำไปวางไว้ต้นประโยคก็ได้
เชน่
Yesterday, Sarah was fired from her job.
เม่ือวานนี้ ซาราห์ถูกไล่ออกจากงาน
Eventually, they arrived home safely.
ในท่ีสุด พวกเขาก็กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย

3 Adverb of Place (กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่)

Adverb of Place หรือ กริยาวิเศษณ์บอกสถานท่ี ท�ำหน้าที่ขยายกริยาเพื่อบ่งบอก
ว่าการกระท�ำน้ันเกิดข้ึนท่ีไหน ซึ่งส่วนใหญ่มีรูปเหมือน Preposition (ค�ำบุพบท) น่ันเอง
แตกต่างกันตรงท่ี Adverb of Place ไม่จ�ำเป็นต้องมีค�ำมาต่อท้ายอีก แต่ถ้าเป็น Preposition
จะต้องมีค�ำต่อท้าย ซ่ึงเราจะได้ทราบวิธีการใช้ Preposition ในหัวข้อถัดไป

ขอยกตัวอย่างของ Adverb of Place ที่มักพบเห็นในแบบทดสอบความรู้ไวยากรณ์
ดังนี้

here ที่น่ี
inside ข้างใน
outside ข้างนอก
around รอบ ๆ
up ข้ึน
near ใกล้
below ข้างล่าง



บทที่ 1 : Parts of Speech 63

สว่ นใหญ่แลว้ ตำ� แหน่งการวาง Adverb of Place ในประโยค มกั จะอยู่หลงั กริยา (Verb)
หรือกรรม (Object) เช่น
You went out when your parents came.
คุณออกไปข้างนอกตอนที่พ่อแม่ของคุณเข้ามา
Mike ran downstairs to see if his mother had arrived yet.
ไมค์วิ่งลงมาข้างล่างเพื่อดูว่าแม่ของเขากลับมาถึงหรือยัง
He puts the newspaper there.
เขาวางหนังสือพิมพ์ไว้ที่นั่น
หากในประโยคมีท้ัง Adverb of Manner และ Adverb of Place อยู่ด้วยกัน ให้วาง
Adverb of Manner ไว้ก่อน Adverb of Place เช่น

Manner Place

Nick went quietly upstairs to speak to the manager.
นิคเดินขึ้นข้างบนอย่างเงียบ ๆ เพื่อไปคุยกับผู้จัดการ

Manner Place

We drove carefully around looking for our children.
เราขับรถอย่างระมัดระวังไปรอบ ๆ เพื่อมองหาลูก ๆ ของเรา



64 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

4 Adverb of Frequency (กริยาวิเศษณ์บอกความถี่)

Adverb of Frequency หรือ กริยาวิเศษณ์บอกความถ่ี ท�ำหน้าท่ีขยายกริยาเพ่ือ
แสดงความถี่ในการกระท�ำกริยาน้ัน ๆ บ่อยมากน้อยเพียงใด Adverb of Frequency ท่ีนิยม
ใช้กันทั่วไป ได้แก่

100% always
90% usually
80% frequently
70% often
50% sometimes
30% occasionally
10% seldom
5% rarely
0% never

Paul always goes swimming before work.
พอลว่ายน�้ำก่อนไปท�ำงานเสมอ
My grandfather usually takes a nap in the afternoon.
ปกติปู่ของฉันจะงีบหลับในช่วงบ่าย
We sometimes wonder if all this work is really worth it.
บางคร้ังพวกเราก็สงสัยว่างานที่ท�ำท้ังหมดนี่มันคุ้มจริง ๆ หรือเปล่า
จากตัวอย่างประโยคข้างต้น เราจะเห็นได้ว่า Adverb of Frequency วางไว้หน้า
Verb แท้ของประโยค แต่หากประโยคนั้นมี Verb to be เราจะวาง Adverb of Frequency
ไว้หลัง Verb to be เช่น



บทท่ี 1 : Parts of Speech 65

Anna is always late for work.
แอนนามาท�ำงานสายตลอดเลย
Jim is usually home by this time.
จิมมักถึงบ้านเวลาน้ีประจ�ำ
หากมีท้ังกริยาช่วยและกริยาแท้ในประโยค เราจะวาง Adverb of Frequency ไว้
ระหว่างกริยาช่วยและกริยาแท้ เช่น
I have frequently been compared to my younger sister.
ฉันชอบถูกน�ำไปเปรียบเทียบกับน้องสาวของฉันบ่อย ๆ
Natalie has never been to Europe before.
นาตาลีไม่เคยไปยุโรปมาก่อนเลย

ห ม า ย เ ห ตุ

Adverb of Frequency บางค�ำ สามารถน�ำไปวางไว้ได้ท้ังตอนต้นประโยคและ
ท้ายประโยค ได้แก่ sometimes, occasionally, often, usually, frequently เช่น
Sometimes I play football in the park.
บางคร้ังฉันเล่นฟุตบอลในสวนสาธารณะ
We all make mistakes sometimes.
เราทุกคนต่างก็ท�ำผิดพลาดในบางคร้ัง

5 Adverb of Certainty (กริยาวิเศษณ์บอกความแน่ใจ)

Adverb of Certainty เป็นกริยาวิเศษณ์แสดงความแน่ใจหรือความม่ันใจของ
ผู้พูดที่มีต่อเหตุการณ์หรือสถานการณ์น้ัน ๆ ได้แก่ค�ำว่า definitely, certainly, clearly,
obviously, really, probably ดังเช่นตัวอย่างประโยคต่อไปนี้
Simon obviously thinks about your offer carefully.
เห็นได้ชัดเลยว่าไซมอนไตร่ตรองข้อเสนอของคุณอย่างรอบคอบ



66 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

They certainly enjoy working with old people.
พวกเขามีความสุขกับการท�ำงานกับคนสูงอายุอย่างแน่นอน
เราสังเกตได้จากตัวอย่างประโยคข้างต้นได้ว่า ต�ำแหน่งการวาง Adverb of Certainty
เป็นไปในรูปแบบเดียวกับ Adverb of Frequency กล่าวคือ วางไว้หน้า Verb แท้ของ
ประโยค
ในกรณที ใี่ นประโยคมี Verb to be กใ็ หว้ าง Adverb of Certainty ไว้หลงั Verb to be
เสมอ ไม่ว่า Verb to be จะท�ำหน้าท่ีเป็น Verb แท้ หรือ Verb ช่วยในประโยค เช่น
Martin is definitely a successful businessman.
มาร์ตินเป็นนักธุรกิจท่ีประสบความส�ำเร็จอย่างแน่แท้
There is clearly no need to worry.
เห็นชัด ๆ ว่ามันไม่มีความจ�ำเป็นที่ต้องกังวลเลยนะ
ถ้าในประโยคมีทั้งกริยาช่วยและกริยาแท้ ให้วาง Adverb of Certainty ไว้ระหว่าง
กริยาช่วยและกริยาแท้ เช่น
He will probably look for a job.
เขาน่าจะมองหางานท�ำอยู่นะ
Christine has certainly forgotten my name.
คริสทีนลืมชื่อฉันแน่นอนเลย
นอกจากน้ี เรายังสามารถวาง Adverb of Certainty ไว้หน้าสุดของประโยคหรือ
หลังสุดของประโยคได้อีกด้วย เช่น
Surely, I didn’t mean it - it was just a stupid joke.
แน่นอนเลยว่าฉันไม่ได้เจตนา มันเป็นแค่ตลกโง่ ๆ เร่ืองหนึ่งเท่าน้ัน
Perhaps we have met before.
บางทีเราน่าจะเคยเจอกันมาก่อน

6 Adverb of Degree (กริยาวิเศษณ์บอกระดับ)

Adverb of Degree เป็นกริยาวิเศษณ์บอกระดับหรือบอกปริมาณว่ามีมากน้อย
เพียงใด เป็นการบอกระดับท่ีไม่สามารถนับได้ ซึ่งสามารถท�ำหน้าท่ีขยายได้ท้ัง Adjective



บทท่ี 1 : Parts of Speech 67

และ Adverb ด้วยกันเองก็ได้ เช่น very, pretty, too, almost, quite, extremely, just
เป็นต้น โดย Adverb of Degree มักจะวางไว้หน้า Adjective หรือ Adverb ที่ตัวมันเอง
ขยาย ดังตัวอย่างประโยคต่อไปน้ี

You work too hard.
คุณท�ำงานหนักเกินไปแล้วนะ
Their house is very expensive.
บ้านของพวกเขาราคาแพงมากเลย
His wife is just leaving.
ภรรยาของเขาเพ่ิงจะออกไปเอง
Wait a minute! I almost finish my work.
รอสักครู่นะ ฉันเกือบจะท�ำงานเสร็จแล้ว

ห ม า ย เ ห ตุ

การใช้ enough

1. ค�ำว่า enough ที่หมายความว่า เพียงพอในระดับที่ต้องการ เราจะวางไว้หลัง
Adjective หรือ Adverb เช่น

Is your tea hot enough? ขยาย Adjective คือ hot
ชาของคุณร้อนพอไหม

Jane didn’t study hard enough. ขยาย Adverb คือ hard
เจนไม่ได้เรียนหนักเพียงพอ

2. เราสามารถวาง enough ไว้หน้าค�ำนามได้ แต่ในกรณีนี้ enough จะไม่ได้ท�ำหน้าที่
เป็น Adverb แต่ท�ำหน้าที่เป็น Determiner เช่น
Ben has enough money to buy a new apartment.
เบนมีเงินพอที่จะซ้ืออพาร์ตเมนต์ใหม่สักห้อง
Have I made enough pizzas?
ฉันท�ำพิซซ่าเพียงพอหรือเปล่า



Choose the correct adjective or adverb to complete the following sentences.

1 This question is very important. Please think ............... before you answer.
a. careful b. carefully

2 Don’t speak so ................ I can’t understand you.
a. fast b. quick

3 Maria is excellent. She can solve the problem ................
a. easy b. easily

4 Do we have ............... food and beverage for everyone?
a. enough b. all

5 Be careful! Try not to be so ............... next time!
a. careless b. carelessly

6 Susan stamped her feet ................
a. angry b. angrily

7 I have lived in Seoul for more than ten years. I know this city ................
a. good b. well

8 Hurry up! We don’t want to arrive at the airport ................
a. late b. early

9 I was very ............... to hear that your sister had died.
a. sad b. sadly

10 They ............... see each other any more.
a. often b. seldom

เฉลย

1. b 2. a 3. b 4. a 5. a
6. b 7. b 8. a 9. a 10. b



บทท่ี 1 : Parts of Speech 69

Preposition (ค�ำบุพบท)

Preposition หรือ ค�ำบุพบท คือค�ำที่ท�ำหน้าท่ีเชื่อมหรือแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง
ค�ำนามกับค�ำอ่ืนๆ ในประโยค เพ่ือแสดงสถานที่ ต�ำแหน่ง ทิศทาง หรือเวลา เช่น in, on,
at, under, from, with, along, into, for, of เป็นต้น
Preposition ที่เราพบเห็นในข้อสอบอาจเป็นคำ� เพียงค�ำเดียว เช่น to, off, between,
through หรืออาจเป็นสองค�ำ เช่น due to, next to, across from หรือสามค�ำก็ได้ เช่น
in case of, in front of, with regard to, in place of โดยเราสามารถแบ่งประเภทของ
Preposition ได้หลากหลาย ในท่ีน้ีขอแบ่งตามชนิดของค�ำออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่
1. Simple Preposition (บุพบทค�ำเดียว)
2. Compound Preposition (บุพบทผสม)
3. Participial Preposition (บุพบทที่มีรูป -ing)
4. Phrase Preposition (บุพบทวลี)
ดังมีรายละเอียดและตัวอย่างการใช้ Preposition แต่ละประเภท ดังต่อไปนี้

1 Simple Preposition (บุพบทค�ำเดียว)

คือ ค�ำบุพบทท่ีเป็นค�ำเดียวโดดๆ ที่มีอยู่เองตามธรรมชาติ ไม่ได้ถูกสร้างข้ึนมาด้วย
วิธีการใด ๆ ท้ังสิ้น เช่น in, on, at, of, by, to, out, up, over, from, under, with,
through, down เป็นต้น
Lisa left the house at about 10 o’clock.
ลิซาออกจากบ้านตอนเวลาประมาณ 10 นาฬิกา
We went to the bus station on foot.
เราเดินไปที่ป้ายรถเมล์ด้วยเท้า
I stayed at the coffee shop for about an hour.
ฉันอยู่ที่ร้านกาแฟเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
Luke paid for dinner by credit card.
ลุคจ่ายค่าอาหารเย็นโดยใช้บัตรเครดิตการ์ด



70 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

2 Compound Preposition (บุพบทผสม)

คือ ค�ำบุพบทที่เป็นค�ำผสม 2 เป็นต้นไป อาจมาจากการเติมค�ำอุปสรรค (Prefix)
ไว้หน้าค�ำนาม (Noun) หน้าค�ำคุณศัพท์ (Adjective) หรือหน้าค�ำกริยาวิเศษณ์ (Adverb)
เช่น without, within, behind, below เป็นต้น ตลอดจนรวมไปถึงบุพบทท่ีมี 2 ค�ำ หรือ
บางต�ำราเรียกว่า Double Preposition เช่น out of, next to, up to, opposite to ไว้ใน
กลุ่มเดียวกัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
My debt adds up to around 10,000 dollars.
ยอดหนี้ฉันพุ่งทะลุไปถึงประมาณหนึ่งหม่ืนดอลลาร์แล้ว
As soon as Tony stepped into the room, there was pin-drop silence.
ทันทีท่ีโทนี่เหยียบเท้าเข้าไปในห้อง ทุกอย่างในห้องก็เงียบสนิททันทีราวกับว่า
เข็มหล่นก็ได้ยิน
Amy sat down next to me and smiled.
เอมี่น่ังลงข้าง ๆ ฉันแล้วยิ้มให้
You have to finish the project within the next 24 hours.
คุณต้องท�ำโปรเจกต์น้ีให้เสร็จภายในอีก 24 ช่ัวโมงข้างหน้า
I can’t live without you.
ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าปราศจากคุณ

3 Participial Preposition (บุพบทที่มีรูป -ing)

คือ ค�ำบุพบทท่ีมีรูปเช่นเดียวกับ Present Participle (Verb ช่องที่ 1 + ing) แต่ท�ำ
หน้าที่เป็นค�ำบุพบทในประโยค เช่น regarding, following, concerning, including,
considering, respecting ดังตัวอย่างประโยคต่อไปนี้
The news shocked everyone, including me.
ทุกคนตกใจกับข่าวนี้รวมท้ังฉันด้วย
Regarding your request, we are glad to do business with you.
ตามที่ท่านร้องขอมา เรามีความยินดีย่ิงท่ีจะได้ท�ำธุรกิจร่วมกับท่าน



บทที่ 1 : Parts of Speech 71

All the hotels are full during the New Year’s holidays.
โรงแรมทุกแห่งเต็มหมดระหว่างช่วงวันหยุดปีใหม่
You will be punished according to the company rules.
คุณจะถูกท�ำโทษตามระเบียบของบริษัท

4 Phrase Preposition (บุพบทวลี)

Phrase Preposition คือ กลุ่มค�ำที่ท�ำหน้าที่เป็นบุพบท โดยมีความหมายเหมือนกับ
ค�ำบุพบทค�ำเดียว ขอยกตัวอย่างบุพบทกลุ่มนี้ที่มักออกข้อสอบ ได้แก่

with reference to เกี่ยวกับ on account of เน่ืองจาก
because of เพราะว่า on behalf of ในนามของ
away from ห่างออกไป in place of แทนที่
along with พร้อมกันกับ in line with เป็นไปตาม
instead of แทนท่ีจะ in case of ในกรณีที่
in spite of ทั้ง ๆ ที่ for want of เพราะขาดแคลน
in order to เพื่อที่จะ for the sake of เพื่อเห็นแก่
with an eye to ด้วยความต้ังใจท่ีจะ

Cindy is going to Germany along with her friends.
ซินดี้ก�ำลังจะไปเยอรมนีพร้อมกับเพื่อน ๆ ของหล่อน
You have to move on in order to survive after a breakup.
คุณต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อท่ีจะอยู่รอดหลังความสัมพันธ์จบลง
The manager has invested heavily with an eye to opening
a new branch.
ผู้จัดการลงทุนหนักมาก โดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือจะเปิดสาขาใหม่
I can’t work hard on account of my bad health.
ฉันไม่สามารถท�ำงานหนักได้เน่ืองจากสุขภาพของฉันแย่



72 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

Fill the gaps with the correct prepositions.

1 We are going ............... holiday next week.
a. to b. on c. in d. into

2 Susan has been married ............... her husband for 7 years.
a. with b. by c. to d. for

3 Las Vegas is famous ............... its nightlife and nightclubs.
a. at b. to c. on d. for

4 Nicholas is very different ............... his brother.
a. from b. with c. to d. at

5 My son is named ............... his grandfather. d. for
a. about b. to c. after

6 You can look up the word ............... a dictionary. d. with
a. on b. in c. from

7 ............... the heavy rain, we go to the beach.
a. Because of b. Due to c. In spite of d. In case of

8 I am speaking today ............... behalf of my colleagues.
a. in b. with c. to d. on

9 The dog is running ............... the stairs after the cat. d. by
a. up b. to c. into

10 You should pay according ............... your salary. f. for
a. on b. to c. with

เฉลย

1. b 2. c 3. d 4. a 5. c
6. b 7. c 8. d 9. a 10. b



บทที่ 1 : Parts of Speech 73

Conjunction (ค�ำสันธาน)

Conjunction หรือ ค�ำสันธาน เป็นค�ำท่ีเราใช้เชื่อมค�ำ (Words) วลี (Phrase) หรือ
ประโยค (Sentence) เข้าด้วยกัน เช่น and, but, after, because, since, unless,
when, while เป็นต้น เราสามารถแบ่ง Conjunction ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

1. Coordinating Conjunction (สมสันธาน)
2. Subordinating Conjunction (อนุสันธาน)
3. Correlative Conjunction (สันธานที่ใช้เป็นคู่)

โดย Conjunction แต่ละประเภทมีลักษณะและการใช้แตกต่างกันออกไป ดังจะอธิบาย
รายละเอียดในแต่ละหัวข้อดังต่อไปน้ี

1 Coordinating Conjunction (สมสันธาน)

หรอื สันธานประสาน คอื ค�ำสนั ธานทใ่ี ชเ้ ชอื่ มคำ� วลี หรอื ประโยคทีเ่ ปน็ ประเภทเดยี วกนั
หรือมีความส�ำคัญเทียมกัน ได้แก่ and, but, so, as well as, yet, for, or โดยสามารถใช้
ในรูปประโยคดังต่อไปนี้

1.1 เช่ือมระหว่างค�ำกับค�ำ

Noun Noun Noun กับ Noun

Joe and Peter are best friends.
โจและปีเตอร์เป็นเพ่ือนท่ีดีต่อกัน

Verb Verb Verb กับ Verb

Rick plays the guitar and sings.
ริคเล่นกีตาร์และร้องเพลง

1.2 เชื่อมระหว่างวลีกับวลี

Phrase

Nancy enjoys swimming in the sea as well as
surfing internet at home.

Phrase

แนนซี่ชื่นชอบการว่ายน้�ำในทะเลและท่องอินเทอร์เน็ตท่ีบ้าน



74 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

1.3 เช่ือมระหว่างประโยคกับประโยค

Sentence Sentence

His advice seems strange, yet I believe he is right.
ถึงค�ำแนะน�ำเขาจะดูแปลก ๆ แต่ฉันก็เช่ือว่าเขาคิดถูกนะ

Sentence Sentence

Thomas is highly intelligent, but he is quite lazy.
โทมัสฉลาดมากนะ แต่เขาค่อนข้างจะข้ีเกียจ

Sentence Sentence

I asked him to drive me home, for I was very tired.
ฉันขอให้เขาขับรถไปส่งฉันที่บ้านเน่ืองจากฉันเหนื่อยมาก

Sentence Sentence

I need to get fit, so I’ve decided to try swimming.
ฉันต้องการให้ร่างกายแข็งแรง ดังน้ัน ฉันเลยตัดสินใจท่ีจะลองว่ายน�้ำดู

2 Subordinating Conjunction (อนุสันธาน)

Subordinating Conjunction เป็นค�ำท่ีใช้เช่ือมประโยคย่อย (Subordinate Clause)
กับประโยคหลัก (Independent Clause) เข้าด้วยกัน หรือกล่าวได้ว่าใช้เช่ือมข้อความที่ไม่
เสมอกันทางไวยากรณ์น่ันเอง เช่น because, after, although, even though, even if, as,
since, as if, unless, until, whereas, whether เป็นต้น
Nelson behaved as if his wife was not there.
เนลสันประพฤติราวกับว่าภรรยาของเขาไม่ได้อยู่ท่ีน่ัน
You will fail the exam unless you attend to your study.
คุณจะสอบตกนะถ้าคุณไม่ต้ังใจเรียนหนังสือ
Although she’s got a promotion now, she still complains.
ถึงแม้ว่าตอนน้ีหล่อนจะได้เลื่อนต�ำแหน่งแล้ว หล่อนก็ยังบ่นอยู่ดี
After Adam had left, I watched the football match on television.
หลังจากท่ีอดัมออกไปแล้ว ฉันก็ดูเกมแข่งขันฟุตบอลทางทีวี



บทที่ 1 : Parts of Speech 75

3 Correlative Conjunction (สันธานที่ใช้เป็นคู่)
เป็นค�ำเชื่อมที่เป็นคู่ ๆ และต้องใช้คู่กันเสมอ ท�ำหน้าที่เชื่อมค�ำ วลี หรือประโยคที่

เป็นประเภทเดียวกัน หรือมีความส�ำคัญเทียมกัน เช่นเดียวกับ Coordinating Conjunction
โดยขอยกตัวอย่าง Correlative Conjunction ที่ใช้บ่อยดังต่อไปน้ี

3.1 either....or หมายความว่า ไม่........ก็ เป็นการให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

เราสามารถใช้เชื่อมได้ท้ังในระดับวลีและระดับประโยค เช่น
You can either go to the camp by school bus or take a car.
คุณสามารถไปท่ีค่ายด้วยรถโรงเรียนไม่ก็ทางรถยนต์ก็ได้
Either you come with us, or you watch television at home.
ถ้าคุณไม่มากับเราก็อยู่บ้านดูทีวีก็ได้

3.2 both.....and แปลว่า ท้ัง..........และ มีความหมายว่า ทั้งคู่ หรือ ทั้งสอง

อย่าง ใช้เป็นรูปพหูพจน์ เช่น
Both Jane and Mark work for a big law firm in the city.
ทั้งเจนและมาร์คท�ำงานให้กับบริษัทกฎหมายใหญ่แห่งหนึ่งในเมือง
Chris is both smart and handsome.
คริสนี่ทั้งเก่งทั้งหล่อเลย

3.3 neither......nor หมายความว่า ไม่..........และ หรือ ไม่ทั้งสองอย่าง

มีความหมายเป็นปฏิเสธในตัวมันเอง เช่น
Tim neither drinks nor smokes.
ทิมไม่กินเหล้าและไม่สูบบุหรี่
Neither Patrick nor Vicky can swim.
ท้ังแพทริคและวิคกี้ไม่สามารถว่ายน้�ำได้



76 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

3.4 not only..........but also หมายว่า ไม่เพียงแต่...........แต่ยังอีกด้วย

จะต้องใช้กับข้อความที่สมดุลกัน หากหลัง not only เป็น Noun หลัง but also จะต้อง
เป็น Noun ด้วย หรือหากหลัง not only เป็น Verb หลัง but also ก็ต้องเป็น Verb
ด้วยเช่นเดียวกัน เช่น
Ben is not only poor but also lazy.
เบนไม่เพียงแต่จนเท่าน้ันนะ เขายังขี้เกียจอีกด้วย
Not only did James forget our anniversary, but he also didn’t
even apologize for forgetting it.
ไม่เพียงแต่เจมส์จะลืมวันครบรอบของเราเท่านั้นนะ เขายังไม่แม้แต่จะ
ขอโทษที่ลืมด้วยซ้�ำไป

3.5 so.........that หมายความว่า เสีย.......จนกระทั่ง หรือ มากจนขนาดนั้น

เลยทีเดียว ส่วนค�ำที่อยู่ระหว่าง so และ that อาจเป็น Adjective หรือ Adverb ก็ได้ เช่น
That strange sound is so loud that I can’t read the book
เสียงแปลก ๆ นั่น ดังมากเสียจนกระทั่งฉันอ่านหนังสือไม่ได้เลย
The manager walks so quickly that I can’t follow him.
ผู้จัดการเดินเร็วเสียจนกระทั่งฉันตามเขาไม่ทัน

3.6 whether....... or หมายความว่า ไม่ว่า...... หรือ/หรือไม่ กรณีมีสองอย่าง

ให้เลือก เพ่ือเลือกว่าจะท�ำอย่างใดอย่างหน่ึง เช่น
I am deciding whether I should find a job or continue
my study.
ฉันก�ำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะหางานท�ำหรือไปเรียนต่อดี
Susan is wondering whether Mark really loves her or just
plays around.
ซูซานก�ำลังสงสัยว่ามาร์ครักหล่อนจริง ๆ หรือแค่เล่นไปท่ัวเท่านั้นเอง



บทที่ 1 : Parts of Speech 77

Complete each sentence using the correct coordinating conjunction.

1 Oliver plays the guitar ............... sings several old songs.
a. and b. or c. but

2 Karen didn’t want to be late for the interview, ............... she went to bed early.
a. for b. and c. so

3 A lot of people go to the theater, ............... there was a special show
tonight.
a. and b. for c. or

4 This museum has many works by Vincent van Gogh ............... other
modern painters.
a. but b. for c. as well as

5 Mary wants to go to Hawaii for honeymoon, ............... her husband
prefers to stay home.
a. but b. so c. and

เฉลย

1. a 2. c 3. b 4. c 5. a



78 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

Complete each sentence using the correct subordinating conjunction.

1 ............... Nadia has two cars at home, she still takes the bus to work.
a. Unless b. Because c. Although

2 His parents are angry with Martin ............... he skipped class and watched
movie.
a. because b. even if c. although

3 ............... you work hard, you won’t get a promotion this year.
a. If b. Unless c. Because

4 Frank won’t leave ............... he gets an apology from the manager.
a. until b. if c. while

5 Martin’s sister is very thin ............... he is very fat.
a. because b. until c. while

เฉลย

1. c 2. a 3. b 4. a 5. c



บทที่ 1 : Parts of Speech 79

Complete each sentence using the correct correlative conjunction.

1 ............... is she a working woman, ............... she’s ............... a successful housewife.
a. Not only a. or a. and
b. Whether b. and b. also
c. Rather c. but c. than

2 ............... English ............... French are spoken in Canada.
a. Whether a. and
b. Neither b. but
c. Both c. or

3 You have to admit ............... your sister is dead ............... alive.
a. neither a. and
b. whether b. nor
c. both c. or

4 I am sorry but I can ............... accept your offer ............... work with your team.
a. either a. and
b. neither b. or
c. both c. nor

5 My sister is ............... attractive ............... a lot of boys fall in love with.
a. both a. that
b. either b. or
c. so c. and

เฉลย

1. a/c/b = Not only/but/also
2. c/a = both/and
3. b/c = whether/or
4. b/c = neither/nor
5. c/a = so/that



80 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

Interjection (ค�ำอุทาน)

Interjection หรือ ค�ำอุทาน เป็นค�ำท่ีผู้พูดเปล่งออกมาด้วยความรู้สึกต่างๆ ที่
เกิดข้ึนในขณะนั้น เช่น ดีใจ เสียใจ แปลกใจ กลัว โกรธ เป็นต้น ในกรณีที่เราต้องการ
เน้นอารมณ์เม่ือจบค�ำอุทานให้ใส่เคร่ืองหมายอัศเจรีย์ หรือ Exclamation Mark (!) เช่น

Wow! He won. ว้าว เขาชนะด้วยล่ะ

Oops! I didn’t mean it. อุ้ปส์ ฉันไม่ได้เจตนานะ

แต่ในกรณีท่ีเราไม่ต้องการเน้นความรู้สึกมาก ให้ใช้เคร่ืองหมายจุลภาค หรือ
Comma (,) เช่น
My, what a beautiful house you have!
โอ้ คุณช่างมีบ้านที่สวยอะไรเช่นนี้
Well, that’s great.
โอ้ มันยอดเย่ียมมากเลย

เราสามารถแบ่งค�ำอุทานออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

1 ค�ำอุทานที่เป็นค�ำเดียวโดด ๆ

ซึ่งค�ำอุทานเหล่าน้ีจะไม่มีความสัมพันธ์ทางไวยากรณ์กับส่วนท้ายของประโยค เช่น
Oh!, Ha!, Hush!, Ah!, Ah me!, Bravo!, Dam!, Hurrah! เป็นต้น

2 ค�ำอุทานที่เป็นประโยค จะขนึ้ ตน้ ประโยคดว้ ย What หรือ How เชน่

What a mess! ยุ่งเหยิงอะไรเช่นน้ีนะ
What a shame! ช่างน่าละอายเหลือเกิน
What a beautiful girl! ช่างเป็นผู้หญิงท่ีสวยอะไรเช่นนี้
How lazy he is! เขาช่างขี้เกียจอะไรเช่นนี้
How wonderful it is! มันช่างยอดเย่ียมอะไรแบบน้ี



บทท่ี 1 : Parts of Speech 81

In the following sentence, identify the part of speech of each
underlined word by writing above it N. for noun, Adj. for adjective,
Prep. for preposition, Pron. for pronoun, Adv. for adverb, Conj. for
conjunction, V. for verb, or Intj. for interjection.

1 You may not believe me, yet I’m telling the truth!
2 Theresa washed her hands before dinner.
3 Richard went and got a knife out of the desk.
4 Oh, what a wonderful way to spend a holiday!
5 Don’t worry. It’s not a serious problem.
6 My computer isn’t working. Can I borrow yours?
7 Can’t you drive any faster?
8 I need to get some details from you about the meeting.
9 My troubles began the day I met Thomas.
10 How could she refuse to help her own niece?

เฉลย 2. V. 3. Prep. 4. Intj. 5. Adj.
7. Adv. 8. N. 9. Adj. 10. Adj.
1. Conj.
6. Pron.





Sentence 2LESSON

Sentence หรือ ประโยคภาษาอังกฤษยาก ๆ ที่เราเห็นเวลาอ่านบทความหรือท�ำ
ข้อสอบน้ัน แท้จริงแล้วมาจากโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษพ้ืนฐานเพียงไม่กี่แบบเท่านั้น
เพียงแต่มีการเพ่ิมส่วนขยายเข้าไปในประโยค ท�ำให้ดูยาว ๆ เท่านั้นเอง ซ่ึงหากเราสามารถ
แยกแยะวิเคราะห์โครงสร้างประโยคได้ ก็จะช่วยให้เราเรียนรู้ในการแต่งประโยคภาษาอังกฤษ
ได้ด้วยตนเอง ตลอดจนยังช่วยให้เราสามารถอ่านบทความภาษาอังกฤษได้เข้าใจและรวดเร็ว
ย่ิงขึ้น โดยก่อนอ่ืนเราจะต้องรู้ก่อนว่าประโยคคืออะไร
Sentence หรือ ประโยค คือ กลุ่มค�ำท่ีรวมกันอยู่ตามโครงสร้างของภาษา อัน
ประกอบด้วยภาคประธาน (Subject) และภาคแสดง (Predicate) ซ่ึงสามารถส่ือความหมาย
และได้ใจความท่ีสมบูรณ์ในตัวเอง เช่น
I learn from my mistakes.
ฉันเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของฉัน
I won’t tell anyone your secret.
ฉันจะไม่บอกความลับของคุณกับใครหรอก
Simon has a few friends at school.
ไซมอนมีเพื่อนไม่กี่คนท่ีโรงเรียน
My sister isn’t shy, and she likes to perform.
น้องสาวของฉันไม่ใช่คนข้ีอาย และหล่อนชอบแสดงออก
The scientists are trying to find a solution to the problem.
นักวิทยาศาสตร์ก�ำลังพยายามหาหนทางแก้ไขปัญหา
Jack wants to keep his life private.
แจ็กอยากรักษาความเป็นส่วนตัวของชีวิตเขาไว้

83



84 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

Although we arrived early, there were some people inside the
restaurant.
ถึงแม้ว่าเราจะมาถึงไว แต่ก็มีคนอยู่ข้างในร้านอาหารแล้ว
Marcus studies hard because he wants to get good qualifications.
มาร์คัสเรียนหนักเพราะเขาต้องการมีคุณสมบัติที่ดี
จากตัวอย่างข้างต้นแสดงให้เห็นประโยคท่ีสมบูรณ์ ซ่ึงมีโครงสร้างแตกต่างกันไป
ตามชนิดของประโยค แต่ปัญหาส�ำคัญในการเข้าประโยคของคนไทยที่พบเห็นเสมอ คือ
การเขียนประโยคที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ถูกต้องตามหลักภาษา แต่ใส่เครื่องหมาย Period หรือ
จุด Full Stop (.) ท้ายประโยคเรียบร้อยแล้ว โดยคิดว่าเป็นประโยคท่ีสมบูรณ์ แต่ความจริง
เป็นเพียงกลุ่มค�ำหรือส่วนประกอบของประโยค (Fragment) เท่าน้ัน ดังนั้นเราจึงต้องมี
ความเข้าใจก่อนว่า Fragment คืออะไร
Fragment หมายถึง ข้อความท่ีเป็นวลีหรือกลุ่มค�ำ แต่ไม่สมบูรณ์ในตัวเอง และผิด
หลักไวยากรณ์ โดยอาจเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ขาดประธาน ขาดกริยา หรือมี
ความหมายไม่สมบูรณ์ และไม่สามารถอยู่โดยล�ำพังได้ ต้องใช้เป็นส่วนขยายหรืออาศัย
ประโยคหลัก ดังนี้

1 ขาดประธาน (Subject) ของประโยค

ท�ำให้ผู้อ่านสับสนว่าใครเป็นผู้กระท�ำกริยานั้นๆ ท้ังน้ีอาจเป็นเพราะเราชินกับ
โครงสร้างประโยคภาษาไทยท่ีในบางคร้ังไม่จ�ำเป็นต้องมีประธาน แต่ในภาษาอังกฤษถือว่า
เป็นการผิดหลักไวยากรณ์ เช่น

That was a fantastic party. Really enjoyed it.
ช่างเป็นงานเลี้ยงที่แสนวิเศษ สนุกกับมันจริง ๆ เลย
ประโยคท่ีขีดเส้นใต้ขาดประธานของประโยค ท�ำให้โครงสร้างของประโยคผิด และ
สื่อความหมายท่ีไม่ชัดเจน เราจึงต้องเติมประธานลงไปในประโยค ดังนี้
That was a fantastic party. I really enjoyed it.
ช่างเป็นงานเลี้ยงท่ีแสนวิเศษ ฉันสนุกกับมันจริง ๆ เลย



บทท่ี 2 : Sentence 85

We had many problems last year. First of all, lost more than
$2 million.
เรามีปัญหามากมายเลยเม่ือปีท่ีแล้ว อย่างแรกสุด เสียเงินไปกว่า 2 ล้านดอลลาร์
จากประโยคที่สอง เราจะพบว่ามีกริยาและส่วนขยายของประโยค แต่ขาดประธาน
ของประโยค ซ่ึงผิดหลักไวยากรณ์ จึงต้องเติมประธานลงไปเพ่ือให้ประโยคส่ือความหมาย
ได้สมบูรณ์ ดังนี้
We had many problems last year. First of all, we lost more than
$2 million.
เรามีปัญหามากมายเลยเม่ือปีที่แล้ว อย่างแรกสุด เราเสียเงินไปกว่า 2 ล้าน
ดอลลาร์

I was carrying a lot of luggage. Had a big bag in one hand and
some small bags in the other hand.
ฉันหอบห้ิวสัมภาระเยอะแยะไปหมด มีกระเป๋าใบใหญ่อยู่ในมือข้างหน่ึง และมี
กระเป๋าเล็ก ๆ หลายใบในมืออีกข้างหนึ่ง
จากตัวอย่างประโยคข้างต้น ประโยคแรกเป็นประโยคที่สมบูรณ์ มีทั้งประธาน กริยา
และกรรม ท�ำให้สามารถสื่อความหมายได้ชัดเจน ส่วนประโยคที่สองขาดประธาน ท�ำให้ผิด
หลักไวยากรณ์ ไม่จัดว่าเป็นประโยค ดังน้ันจึงต้องเพิ่มประธานลงไปหน้ากริยา ดังน้ี
I was carrying a lot of luggage. I had a big bag in one hand and
some small bags in the other hand.
ฉันหอบห้ิวสัมภาระเยอะแยะไปหมด ฉันมีกระเป๋าใบใหญ่อยู่ในมือข้างหน่ึง และมี
กระเป๋าเล็ก ๆ หลายใบในมืออีกข้างหนึ่ง

ข้ อ ค ว ร ร ะ วั ง

อยา่ สบั สนกับประโยคค�ำสัง่ ในภาษาอังกฤษ ท่ีไมจ่ ำ� เป็นตอ้ งระบุประธานลงในประโยค
เพราะเปน็ ทเ่ี ขา้ ใจกนั ว่าประธานคือ You จึงละไวใ้ นฐานท่เี ข้าใจตรงกัน เชน่

Stand up, please. กรุณายืนข้ึน

Please close the door. กรุณาปิดประตู

Don’t go! I need you here. อย่าไปนะ ฉันอยากให้คุณอยู่ท่ีน่ี



86 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

2 ขาดกริยา (Verb) ของประโยค

ซึ่งอาจเป็นการตกหล่นกริยาช่วย กริยาแท้ หรือขาดท้ังกริยาช่วยและกริยาแท้ใน
ประโยค ท�ำให้ผิดโครงสร้างทางไวยากรณ์ และไม่สามารถส่ือความหมายได้ เช่น
My younger brother intelligent.
ประโยคข้างต้นผิดหลักไวยากรณ์เนื่องจากขาด Verb to be ต้องแก้ไขด้วยการเติม
are ลงไปหลังประธานของประโยค ดังนี้
My younger brothers are intelligent.
น้องชายของฉันเป็นคนฉลาด

It easier to get a divorce today.
ประโยคนี้ผิดหลักไวยากรณ์เช่นเดียวกับประโยคแรก คือ ขาด Verb to be จึงต้อง
แก้ประโยคให้ถูกต้องด้วยการเติม is ลงไปหลังประธาน ดังนี้
It is easier to get a divorce today.
มันง่ายข้ึนท่ีจะหย่าร้างในทุกวันน้ี

I not usually buy a newspaper.
เราจะเห็นได้ว่าประโยคข้างต้นมีกริยาแท้คือ buy แต่เมื่อท�ำประโยคเป็นปฏิเสธ
เราไม่สามารถใช้ not โดดๆ เพียงล�ำพังได้ ต้องใช้กริยาช่วยมาพยุง คือ Verb to do
ดังน้ัน ประโยคน้ีจึงต้องเติม do ลงไปหน้า not ดังน้ี
I do not usually buy a newspaper.

ปกติฉันไม่ค่อยซ้ือหนังสือพิมพ์

3 ขาดความหมายท่ีสมบูรณ์

บางประโยคไม่ได้เป็นประโยคหากแต่เป็นอนุประโยคไม่อิสระ (Dependent Clause)
ซึ่งไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง ถึงแม้จะมีท้ังประธาน (Subject) และกริยา (Verb) ก็ตาม
แต่ก็ไม่สามารถสื่อความหมายที่สมบูรณ์ได้ เช่น



บทท่ี 2 : Sentence 87

Since the director can only stay at the party for ten minutes.
เน่ืองจากผู้อ�ำนวยการสามารถอยู่ในงานเลี้ยงได้แค่สิบนาทีเท่าน้ัน
จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่ามีท้ังประธานคือ director และมีกริยาคือ can stay
ครบ แต่ไม่มีความหมายที่สมบูรณ์ในตัวมันเอง ถือเป็นเพียงส่วนหน่ึงของประโยคเท่านั้น
เพราะอ่านแล้วไม่เข้าใจ ต้องมีประโยคหลักหรือประโยคอิสระอยู่ด้วย จึงจะประกอบเป็น
ประโยคท่มี คี วามหมายสมบูรณ์ ดังน้ี
We must hurry since the director can only stay at the party for
ten minutes.
พวกเราต้องเร่งรีบเน่ืองจากผู้อ�ำนวยการอยู่ในงานเล้ียงได้แค่สิบนาทีเท่านั้น

Although Harry is the most popular student in this school.
ถึงแม้ว่าแฮรี่จะเป็นนักเรียนท่ีโด่งดังที่สุดในโรงเรียนน้ี
ตัวอย่างข้างต้นมีลักษณะเป็น Dependent Clause เช่นเดียวกับประโยคแรก เพราะ
ไม่สามารถปรากฏโดดๆ ได้ เน่ืองจากมีความหมายท่ีไม่สมบูรณ์ จึงต้องเพ่ิมประโยคหลัก
หรือประโยคอิสระลงไปเพื่อให้มีความหมายสมบูรณ์ ดังนี้
Although Harry is the most popular student in this school, he has
got a few friends.
ถึงแม้ว่าแฮรี่จะเป็นนักเรียนที่โด่งดังท่ีสุดในโรงเรียนนี้ เขาก็มีเพ่ือนไม่ก่ีคน

If I win the prize.
ถ้าฉันชนะรางวัล
ถึงแม้ว่าข้อความน้ีจะมีท้ังประธานและกริยา คือ I และ win แต่สื่อความหมาย
ขาดๆ ไม่จบความ จึงต้องเพิ่มข้อความลงไป เพ่ือให้อ่านแล้วเข้าใจและมีความหมาย
สมบูรณ์ ดังน้ี
If I win the prize, I’ll buy a new car.
ถ้าฉันชนะรางวัล ฉันจะซื้อรถใหม่



88 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

If the group of words is a complete sentence, write the letter
S on the line. If it is a fragment, write F on the line.

...................... 1 Never compare your spouse to anyone else’s.
...................... 2 Also enjoy going to the park and seeing friends.
...................... 3 Please tidy your room.
...................... 4 Now there are many social networking sites on the Internet.
...................... 5 Probably the most competitive relationship with the family.
...................... 6 Arriving at her new office, Jane noticed that the door was open.
...................... 7 Since he began a career as a journalist.
...................... 8 Who are those people?
...................... 9 Words are powerful.
...................... 10 Often drove my grandmother to doctor’s appointment.
...................... 11 Looked everywhere but I can’t find your wallet.
...................... 12 Get out!



บทที่ 2 : Sentence 89

...................... 13 If peace begins where expectation ends.
...................... 14 Stop trying to impress everyone.
...................... 15 Because he hadn’t got my number.
...................... 16 Estelle not explain everything clearly.
...................... 17 Thomas looked at her with admiration.
...................... 18 Even if Sandra hated conflicts and did nothing wrong at all.
...................... 19 Why you complain?
...................... 20 Take care of your parents when they are sick.

เฉลย 2. F 3. S 4. S 5. F
7. F 8. S 9. S 10. F
1. S 12. S 13. F 14. S 15. F
6. S 17. S 18. F 19. F 20. S
11. F
16. F



90 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

Correct these sentence fragments by adding the missing parts.
Answers will vary.

Example: Before she came into my life.
Possible answer: My life was dull before she come into my life.

1 After James broke his leg playing football.
2 Long walks on weekends.
3 Looking very beautiful today.
4 Not expect miracles to happen overnight.
5 When there was singing, dancing, and happiness in our home.
6 Just one more chance.
7 Because he is a very busy man.
8 Although Jane is one of the city’s richest women.
9 Unless you tell me what happened.
10 While you were sleeping.



บทที่ 2 : Sentence 91

เฉลย

ผู้เรียนสามารถตอบได้หลากหลาย โดยมีแนวค�ำตอบดังต่อไปน้ี

1. After James broke his leg playing football, he was ordered to
have complete rest.
2. I take long walks on weekends.
3. Violet is looking very beautiful today.
4. You can’t expect miracles to happen overnight.
5. I can still remember when there was singing, dancing, and
happiness in our home.
6. Please give me just one more chance.
7. It isn’t always easy to see my father because he is a very
busy man.
8. Although Jane is one of the city’s richest women, she still
complains.
9. I can’t do anything unless you tell me what happened.
10. Your aunt was admitted to the hospital while you were sleeping.



92 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

ประเภทของประโยค

เราอาจจะเห็นได้ว่าในต�ำราภาษาอังกฤษแต่ละเล่มมีหลักการแบ่งประเภทของ
ประโยคแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการน�ำไปใช้ ในที่นี้เราจะแบ่ง
ประเภทของประโยคตามลักษณะโครงสร้างของประโยค ซ่ึงแบ่งออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่
1. Simple Sentence (ประโยคความเดียว)
2. Compound Sentence (ประโยคความรวม)
3. Complex Sentence (ประโยคความซ้อน)
4. Compound-Complex Sentence (ประโยคความรวมความซ้อน)
ดังมีรายละเอียดโครงสร้างประโยคในแต่ละประเภทดังต่อไปนี้

1 Simple Sentence (ประโยคความเดียว)

Simple Sentence เป็นประโยคที่ส่ือความหมายเดียว ประกอบด้วยภาคประธาน
1 ส่วน และภาคแสดง 1 ส่วน หรือประโยคท่ีมีประโยคอิสระ (Independent Clause)
เพียงประโยคเดียว ดังตัวอย่างประโยคต่อไปน้ี
Amanda lives with her family in a big house.
อแมนด้าอาศัยอยู่กับครอบครัวในบ้านหลังใหญ่
Tony and his younger sister like difficult sports.
โทนี่และน้องสาวของเขาชอบกีฬายาก ๆ
Plastic surgery is booming throughout Asia nowadays.
ศัลยกรรมก�ำลังเป็นที่นิยมท่ัวเอเชียในปัจจุบันน้ี
Paul went to the club and met his old friends last night.
พอลไปชมรมและเจอเพ่ือนเก่าของเขาเมื่อคืนน้ี
I hate getting up early in the morning.
ฉันเกลียดการต่ืนนอนเร็วในตอนเช้า



บทท่ี 2 : Sentence 93

จากตัวอย่างข้างต้น เราจะเห็นได้ว่าโครงสร้างของ Simple Sentence มีหลายแบบ
แต่ทุกประโยคจะมีใจความส�ำคัญเพียงใจความเดียวเท่าน้ัน ดังต่อไปน้ี

1.1 ภาคประธาน + ภาคแสดง
(มี Subject 1 ตัว) (มี Verb 1 ตัว)

โครงสร้างของประโยคแบบน้ี จะมีประธาน 1 ตัว และกริยา 1 ตัวเท่าน้ัน ให้เรา
ผันกริยาตามประธานที่อยู่ข้างหน้า เช่น

Subject Verb

Lot of people get divorced these days.
คนเป็นจ�ำนวนมากหย่าร้างในทุกวันน้ี

Subject Verb

Rebecca met her ex-boyfriend by chance.
รีเบกก้าเจอแฟนเก่าของหล่อนโดยบังเอิญ

Subject Verb

The detective invited James for an interview in relation to
the murder.
นักสืบได้เชิญเจมส์ไปให้ปากค�ำที่มีส่วนพัวพันกับการฆาตกรรม

Subject Verb

Our manager visits his family every year at Christmas.
ผู้จัดการของพวกเราไปเยี่ยมครอบครัวของเขาทุกปีในวันคริสต์มาส

Subject Verb
My elder brother thinks himself handsome.
พี่ชายของฉันคิดว่าตัวเองหล่อ



94 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

1.2 ภาคประธาน + ภาคแสดง
(มี Subject หลายตัว) (มี Verb 1 ตัว)

เราสามารถใช้ประธานหลายตัวในประโยค Simple Sentence ได้ หากส่ือใจความ
ส�ำคัญเพียงใจความเดียว กรณีท่ีประธานท่ีมีมากกว่าหนึ่งตัว หรือที่เราเรียกว่า Compound
Subject เชื่อมด้วยค�ำว่า and หรือ both....and ให้ถือว่าเป็นประธานพหูพจน์ เช่น

Compound Subject Verb

Joe and Mark are going on a trip to England next week.
โจและมาร์คก�ำลังจะเดินทางไปอังกฤษสัปดาห์หน้านี้

Compound Subject Verb

Both my father and I avoid expressing negative emotions.
ทั้งพ่อของฉันและฉันหลีกเลี่ยงการแสดงอารมณ์ในด้านลบ

แต่ถ้าประธานในประโยคเป็น Compound Subject ขึ้นต้นด้วยค�ำว่า every หรือ
each ให้เราใช้กริยาเป็นเอกพจน์ เช่น

Compound Subject Verb

Every boy and girl is required to hand in the essay by Friday.
เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงแต่ละคนต้องส่งบทความภายในวันศุกร์

Compound Subject Verb

Each manager and employee was given a bonus last year.
ผู้จัดการและพนักงานแต่ละคนได้รับโบนัสเมื่อปีท่ีแล้ว



บทท่ี 2 : Sentence 95

หากประธานในประโยคเป็น Compound Subject ที่เชื่อมด้วยค�ำว่า either......or,
neither.....nor และ not only.......but also ให้เราผันกริยาที่สอดคล้องกับประธานท่ีอยู่
ใกล้สุด หรือประธานตัวหลัง เช่น

Compound Subject Verb เอกพจน์

Either you or Sarah is responsible for this accident.
ไม่คุณก็ซาราห์ต้องรับผิดชอบในอุบัติเหตุคร้ังน้ี

Compound Subject Verb พหูพจน์

Either Sarah or you are responsible for this accident.
ไม่ซาราห์ก็คุณต้องรับผิดชอบในอุบัติเหตุครั้งน้ี

Compound Subject Verb เอกพจน์
Neither her secretaries nor Natalie follows the company rules.
ทั้งเลขานุการของหล่อนและนาตาลีต่างก็ไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท

Compound Subject Verb พหูพจน์

Neither Natalie nor her secretaries follow the company rules.
ท้ังนาตาลีและเลขานุการของหล่อนต่างก็ไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท

Compound Subject Verb เอกพจน์
Not only the students but also the teacher has to pay the fine.
ไม่เพียงแต่นักเรียนเท่าน้ันแต่รวมทั้งครูด้วยท่ีต้องจ่ายค่าปรับ

Compound Subject Verb พหูพจน์
Not only the teacher but also the students have to pay the fine.
ไม่เพียงแต่ครูเท่านั้นแต่รวมทั้งนักเรียนด้วยที่ต้องจ่ายค่าปรับ



96 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

หากในประโยคมีประธาน 2 ตัวท่ีเป็น Infinitive และเชื่อมด้วย and ถือเป็น 2
กิจกรรม ให้เราใช้กริยาเป็นพหูพจน์ เช่น

Infinitives as Subject Verb พหูพจน์

To play football and to swim are my favorite hobbies.
การเล่นฟุตบอลและการว่ายน้�ำเป็นงานอดิเรกที่ฉันช่ืนชอบ

Infinitives as Subject Verb พหูพจน์

To love and to be loved are considered two important things
in life.
การรักและการได้รับความรักถูกพิจารณาว่าเป็นสองส่ิงที่ส�ำคัญในชีวิต
หากในประโยคมีประธานเป็น Gerund (Verb + ing) เพียงตัวเดียว เราจะใช้กริยา
เป็นเอกพจน์ แต่เม่ือ Gerund เช่ือมด้วย and ถือเป็น 2 กิจกรรมเช่นเดียวกับกฎข้างต้น
ให้เราใช้กริยาเป็นพหูพจน์ เช่น

Gerunds as Subjects Verb พหูพจน์

Hiking and Cycling are relaxing and rewarding activities.
การเดินเขาและการปั่นจักรยานเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลายและคุ้มค่า

Gerunds as Subjects Verb พหูพจน์

Drinking and smoking are not allowed at school.
การดื่มเหล้าและสูบบุหร่ีไม่ได้รับอนุญาตท่ีโรงเรียน



บทท่ี 2 : Sentence 97

1.3 ภาคประธาน + ภาคแสดง
(มี Subject 1 ตัว) (มี Verb หลายตัว)

ในประโยค Simple Sentence เราสามารถใช้กริยาได้มากกว่า 1 ตัวในประโยคได้
แต่ต้องมีใจความส�ำคัญเพียงความเดียว โดยเช่ือมด้วยค�ำว่า and, either........or หรือ
neither.....nor เป็นต้น ดังตัวอย่างประโยคต่อไปนี้

Subject Verb Verb Verb

Jane came out of the door, locked it, got into her car and
drove away.

Verb

เจนออกจากประตู ล็อกประตู เข้าไปในรถของหล่อน และขับรถออกไป

Subject Verb Verb

My sister sleeps all day and surfs the Internet all night.
น้องสาวของฉันนอนทั้งวันและเล่นอินเทอร์เน็ตทั้งคืน

Subject Verb Verb

I will neither accept nor deny his offer.
ฉันจะไม่ท้ังรับและปฏิเสธข้อเสนอของเขา

Subject Verb Verb

In life, you can either go big or go home.
ในชีวิตคุณสามารถเลือกท�ำส่ิงท่ียิ่งใหญ่ได้หรือจะกลับบ้านไป



98 Grammar ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์

1.4 ภาคประธาน + ภาคแสดง
(มี Subject หลายตัว) (มี Verb หลายตัว)

นอกจากโครงสร้างประโยค Simple Sentence ท้ังสามแบบข้างต้นแล้ว โครงสร้าง
ของประโยคสามารถประกอบด้วยประธานหลายตัวและกริยาหลายตัวได้ แต่ต้องเป็น Clause
เดียวเท่าน้ัน ไม่มีอนุประโยคย่อย (Subordinate Clause) เช่น

Subject Subject Verb Verb

Tim and Vicky laughed and cried during the movie.
ทิมและวิคก้ีหัวเราะและร้องไห้ระหว่างดูหนัง

Subject Subject Verb Verb

My father and my son went to Paris and had a wonderful
time there.
พ่อของฉันและลูกชายของฉันไปปารีสและมีช่วงเวลาที่แสนวิเศษที่นั่น


Subject Subject Verb Verb

Bella and Marie often buy and sell things on the Internet.
เบลล่าและแมร่ีมักซ้ือและขายของทางอินเทอร์เน็ต

Subject Subject Verb Verb

Both Sam and Joe went into the kitchen and made some coffee.
ทั้งแซมและโจเข้าไปในครัวและชงกาแฟ



Circle the subjects and underline the verbs in the following sentences.

Example: Swimming and dancing are easier at a young age.

1 Caroline and her cousin wear very fashionable clothes.
2 Neither the windows nor the door is broken.
3 My sister and her friends study in the library every day.
4 Eating properly and exercising always keep you healthy.
5 In the past, people worked with their hands and built things with tools.
6 Robin and his daughter never think of other people.
7 After a wonderful birthday, I discovered lots of other changes in my life.
8 Elizabeth looks around at her family and smiles sweetly.
9 To move to a new city seems a basic feature of our life today.
10 Everyone knows the answer to this question.

เฉลย

1. Caroline and her cousin wear very fashionable clothes.
2. Neither the windows nor the door is broken.
3. My sister and her friends study in the library every day.
4. Eating properly and exercising always keep you healthy.
5. In the past, people worked with their hands and built things with tools.
6. Robin and his daughter never think of other people.
7. After a wonderful birthday, I discovered lots of other changes in my life.
8. Elizabeth looks around at her family and smiles sweetly.
9. To move to a new city seems a basic feature of our life today.
10. Everyone knows the answer to this question.

