The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ภาพเก่าเล่าขาน ตำนานตะพานหิน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ภาพเก่าเล่าขาน ตำนานตะพานหิน

ภาพเก่าเล่าขาน ตำนานตะพานหิน

หัวดาน

สรุ พงศ์ เผา่ วิทยานนท

นามน้ันสำ� คญั ไฉน

“ตะพานหิน” เป็นชื่อที่เรียกกันใน

ลักษณะ “ภูมินาม” คือเรียกช่ือตามลักษณะ

ของภมู ิประเทศ ดงั นั้นชอ่ื “ตะพานหนิ ” จึงมี

ทม่ี าจากลกั ษณะของภมู ปิ ระเทศทเ่ี ปน็ “ตะพาน”

หรือ “สะพาน” ทเี่ ปน็ “หิน” นนั่ เอง

ในอดีตบริเวณแม่น้�ำน่าน เหนือตลาด

ตะพานหินไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะพบ

หินดินดานทอดยาวขวางล�ำน�้ำจากฝั่งตะวันตก

ยาวตดิ ต่อกนั เกอื บจรดฝงั่ ตะวนั ออก ซ่งึ จะเหน็

ไดช้ ว่ งฤดแู ลง้ นำ้� ในแมน่ ำ้� ลดลงมากๆ ชาวบา้ น

จะเรียกวา่ “หัวดาน” (ปจั จุบันคอื บริเวณชุมชน

หัวดาน เทศบาลเมืองตะพานหิน) เน่ืองจาก

หวั ดานเปน็ อปุ สรรคกดี ขวางการคมนาคมทางนำ้�

(สมัยก่อนการคมนาคมจะใช้ทางน�้ำเป็นหลัก)

คนเดนิ เรอื จงึ รว่ มมอื กนั ขดุ หวั ดานใหเ้ ปน็ รอ่ งนำ�้

พอทเี่ รอื โดยสารจะผา่ นไปได้ หวั ดานจงึ ถกู แบง่

เป็น 2 ตอน คือตอนฝั่งน้�ำด้านทิศตะวันตกไป หัวดาน อยู่เหนือเมอื งตะพานหนิ ประมาณ 1 กิโลเมตร
จนถงึ รอ่ งนำ�้ เรยี กวา่ “ดานเลก็ ” และอกี สว่ นหนงึ่ มีแนวหินดานพาดจากฝง่ั ตะวันตกไปทางตะวันออก เมือ่
ซ่งึ มีความกวา้ งใหญก่ ว่าเรียกว่า “ดานใหญ”่ หน้าแล้งหนิ ดานจะโผลข่ ึน้ มา หวั ดานเปน็ เอกลกั ษณแ์ ละ
เป็นทมี่ าของช่ือ ตะพานหนิ ภาพนถี้ ่ายที่ริมฝั่งตะวันออก
เนอื่ งจากหวั ดานขวางลำ� นำ�้ นา่ นอยู่ ทางใต้ เปน็ ทางลงสู่หัวดาน ถ่ายเมอ่ื 23 เมษายน พ.ศ. 2499
ของหัวดานจะพบหาดทรายติดต่อกันเป็น เจ้าของภาพ คุณเพ็ญจนั ทร์ ม่นั คงดี

แนวยาว ดงั นั้นในหนา้ แล้ง บรเิ วณหัวดานและ

หาดทรายก็จะดึงดูดให้คนตะพานหินมาเล่นน้�ำ

กนั เปน็ จำ� นวนมาก จงึ ถอื ไดว้ ่า “หวั ดาน” เป็น

“เอกลักษณ์” ซึ่งเป็นต้นก�ำเนิดของชื่อ

“ตะพานหนิ ” ตลอดมา

ภาพเก่าเล่าขาน ต�ำนานตะพานหิน 49

จนกระทงั่ รฐั บาลยคุ หนงึ่ มโี ครงการสรา้ ง เม่อื มีเพื่อนมาเยีย่ มเยยี น คนตะพานหินมกั พามาเทย่ี ว Online Edition By OldPhotoTPH
ทา่ เรอื นำ�้ ลกึ ทอี่ ำ� เภอตะพานหนิ (ซงึ่ ปจั จบุ นั มิได้ ท่ีหัวดาน ซง่ึ ถอื เป็นจดุ เดน่ และเปน็ สถานท่ที อ่ งเทยี่ ว
มีการใช้ประโยชน์จากท่าเรือแต่ประการใด) ของเมอื งตะพานหิน ถา่ ยเม่อื วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2499
สถานที่ก่อสร้างอยู่บริเวณบ้านหาดแตงโม เจา้ ของภาพ คณุ เพญ็ จันทร์ มน่ั คงดี
ซ่ึงห่างจากหัวดานไปทางใต้ประมาณ 2 ก.ม.
กว่า ๆ แต่ในโครงการก็ยงั มโี ครงการขุดหัวดาน
ออกด้วย โดยครั้ งแรกน้ั นใช้รถขุดจากฝั่งลง
ไปยงั “ดานเล็ก” แตพ่ อรถเร่มิ ขุดไปได้ไมน่ าน
กเ็ กดิ สายไฮโดรลกิ แตก ไฟลกุ ไหมท้ ว่ มรถ ตอ้ ง
ช่วยกันดับอยู่นาน จากเหตุการณ์ดังกล่าวจึง
ไมม่ ีใครกลา้ ขุดอกี โครงการนี้จงึ ลม้ เลกิ ไป

คร้ั งถึง พ.ศ. 2530 บริษัทซึ่งประมูล
งานได้ ได้ใช้เครื่องจักรทันสมัยข้ึนเป็นแพ
ขนาดใหญต่ ดิ ต้ังรถแบคโฮมาขดุ อกี โดยเรม่ิ ขดุ
ตั้งแต่ “ดานใหญ”่ กอ่ นเรอื่ ยมาถงึ “ดานเล็ก”
จนไมม่ ีหวั ดานเหลือเป็น “เอกลักษณ์” ของคน
ตะพานหินอีกต่อไป ส่ิงท่ียังคงเหลือให้เป็น
อนุสรณ์อยู่บ้างก็คือศาลเจ้าพ่อหัวดาน และ
ชอ่ื ของชุมชนหัวดานเทา่ น้ัน

คุณหญงิ จันทนา วชิ าวรณ์ ถ่ายท่หี วั ดาน
ซ่ึงมหี าดทรายละเอียด เหมาะแก่การลงเล่นน้�ำ
ถ่ายเมือ่ พ.ศ. 2505 เจา้ ของภาพ คณุ จรยิ า ศศิลาวณั ย์
50 ภาพเกา่ เล่าขาน ตำ� นานตะพานหนิ

เดือนมีนาคม-เดือนเมษายนของทุกปีนำ้� จะลด
ชาวตะพานหนิ มกั พาลูกหลานมาเลน่ นำ้� บรเิ วณหวั ดาน
โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ ถา่ ยเมื่อ พ.ศ. 2512
เจ้าของภาพ คุณจริยา ศศิลาวัณย์

เสียดาย “ตะพานหิน”
เมอื งพิจติ ร

บทความเร่ือง เสียดาย “ตะพานหิน” ริมตลิง่ จะปรากฏแนวหนิ ดานสนี �้ำตาลออ่ น
เมืองพิจิตร เขยี นโดย สุรพงศ์ เผ่าวิทยานนท์ พาดลงสูแ่ มน่ ำ้� อย่างชัดเจน ถ่ายเมือ่ พ.ศ. 2512
ตพี มิ พค์ ร้ังแรกในนติ ยสารศลิ ปวฒั นธรรม ฉบบั เจ้าของภาพ คุณจริยา ศศิลาวณั ย์
ท่ี..... พ.ศ........เป็นบทความที่แสดงถึงสภาพ
ของหวั ดาน อนั เปน็ ทม่ี าของชอ่ื เมอื งตะพานหนิ
อย่างชัดเจน และยังแสดงถึงความรู้สึกของ
ชาวตะพานหินซึ่งได้สูญเสียสัญลักษณ์ของ
เมอื งไปอยา่ งนา่ เสยี ดาย จงึ ขอนำ� เสนอบทความ
น้ี ให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณาอีกคร้ั งหนึ่ง (กอง
บรรณาธกิ าร)

“ตั้ งแต่ผมจ�ำความได้ (ผมเกิด พ.ศ.
2500) เวลาจะอาบน�้ำผมจะต้องลงไปอาบที่
แมน่ ำ้� น่าน ซึง่ ไหลผ่านหนา้ บ้าน บา้ นของผมจะ
อยทู่ างฝ่งั ตะวันตกของแม่น้�ำ ทางฝงั่ ตะวันออก
ชาวบา้ นจะเรยี กวา่ ฝ่ังตลาด บ้านของผมจะอยู่
เหนอื ตลาดขน้ึ ไปประมาณ 1 กโิ ลเมตร

ภาพเกา่ เล่าขาน ตำ� นานตะพานหิน 51

หมู่บ้านของผมจะเรียกกันโดยท่ัวไปว่า

“หวั ดาน” เพราะทห่ี นา้ บา้ นของผมเวลาหนา้ แลง้

น�้ำลดลงจะมีหินดานทอดเป็นแนวยาวขวาง

ลำ� น�ำ้ ไปจนเกือบถงึ ฝง่ั ตรงข้าม

ตอนเป็นเด็กผมถามผู้ใหญ่ว่า ท�ำไม

หัวดานจงึ ขาดไม่ตดิ ถึงฝ่ัง

ทา่ นเลา่ ใหฟ้ งั วา่ ตอนแรกหวั ดานน้ันยาว

จรดติดกันทั้ งสองฝั่ง แต่ว่าเขามาขุดเป็นช่อง

ไว้ส�ำหรับให้เรือแล่นผ่านไปมาเวลาหน้าแล้ง Online Edition By OldPhotoTPH

ค�ำบอกเล่าน้ีผมก็เชื่อ เพราะเวลานั้ นยังมีหิน

ซ่ึงเป็นก้อนๆ อยู่ใต้น้�ำ เวลาชาวประมงไป

ทอดแหตรงร่องน้�ำที่ไหล่ผ่านหัวดานก็จะมี

ก้อนดานติดมากับแหด้วย ถ้าปีไหนน้�ำลดลง

มากๆ หัวดานก็จะแห้งมาก ผู้คนทั้งสองฝั่งจะ

ลงมาเลน่ นำ้� ทห่ี วั ดาน และดา้ นใตข้ องหวั ดานจะ

มีหาดทรายทอดเป็นแนวยาวไปจนเกือบจะถึง นักเรียนโรงเรยี นจันทวทิ ยามาหดั วา่ ยนำ้�
ในหลกั สูตรยุวกาชาด เจา้ ของภาพ คุณจริยา ศศิลาวัณย์
บริเวณหน้าตลาดเลยทีเดียว ประชาชนทั้ ง ถ่ายเมอ่ื พ.ศ. 2512
ผใู้ หญ่ หนมุ่ สาว เดก็ ๆ กจ็ ะสนกุ กบั การเลน่ นำ้� กนั

ผมไม่เคยสนใจว่า สถานท่ีตรงนี้แหละ

คอื สถานที่ท่ีเป็นที่มาของชื่อ “ตะพานหนิ ”

จนกระทั่งผมมาเรียนวิชาเอกภาษาไทย

ระดับปริญญาตรี ท่ีมหาวิทยาลัยศรีนครินทร

วิโรฒ พิษณุโลก (มหาวิทยาลัยนเรศวร ใน

ปัจจุบันน้ี) ผมก็เรียนวิชาคติชนวิทยา จากการ

ศกึ ษาผมก็ทราบว่า “หัวดาน” ท่ผี มเคยเล่นมา

ต้ั งแต่เด็กนั้ น ก็คือท่ีมาของช่ือ “ตะพานหิน”

นัน่ เอง แต่ทว่าตอนน้ัน พ.ศ. 2523 ผมกำ� ลงั

เป็นหนุ่มคิดถึงแต่เร่ืองความสนุกจากการดื่ม

เทย่ี ว เรอื่ งการเรยี นจงึ ขอแตเ่ พยี งสอบผา่ นกพ็ อ

ดังน้ั นเร่ืองท่ีจะมาคิดเก็บบันทึกข้อมูลของช่ือ

สถานที่อันเป็นบ้านเกิดของตนเองน้ัน จงึ ไม่ได้

คิดจะท�ำ

ผมแตง่ งานและมลี กู เมอื่ พ.ศ. 2528 ใน

ฤดูแล้งน�้ำลดมองเห็นหัวดาน ผมพาลูกและ

ครอบครัวลงไปเท่ียวที่หัวดาน เมื่อเดือน

ธันวาคม พ.ศ. 2528 เป็นความโชคดีท่ีเผอิญ

52 ภาพเกา่ เล่าขาน ตำ� นานตะพานหิน

บรรยากาศของการเลน่ นำ้� ของสาวตะพานหิน
ถ่ายในยุค 2490 เจา้ ของภาพ นายเกยี รตยิ ศ รัตนเลศิ

หากเปรยี บหัวดานกค็ งจะเทียบได้กับบางแสนหรือพัทยา ครอบครวั แก้วศรที องกบั หัวดาน 53
แห่งเมืองตะพานหิน เจา้ ของภาพ นายเกียรตยิ ศ รัตนเลศิ

ภาพเก่าเล่าขาน ต�ำนานตะพานหิน

ตอนน้ั นผมซื้อกล้องถ่ายรูปมาถ่ายตอนท่ีไป ยามเย็นพระอาทิตยต์ กดนิ ที่ หวั ดาน Online Edition By OldPhotoTPH
เที่ยวหัวดานกัน (รูปท่ี 1) จะเห็นหัวดานที่อยู่ ถ่ายเมือ่ พ.ศ. 2528
กลางน้�ำเป็นตอนหัวดานท่ีกว้างใหญ่ที่สุด จะ เจา้ ของภาพ ครอบครัวแกว้ ศรที อง
กว้างประมาณ 10 เมตร บริเวณน้ีถ้าน้�ำแห้ง
มากๆ ผู้คนจะมาเลน่ กนั มาก แต่ตอนทถี่ ่ายรูป
ไว้นี้เป็นตอนที่น�้ำยังลดไม่มาก จะไปน่ังเล่นได้
ต้องพายเรือไป ถ้าเป็นเวลาท่ีน�้ำแห้งกว่าน้ีก็จะ
มีหินดานทอดติดกนั เปน็ แนวยาวไปถงึ ฝ่ัง (รปู ท่ี
2) จะเหน็ พนื้ นำ�้ ไหลเปน็ คลน่ื เพราะมหี นิ ดานอยู่
ใตน้ ำ้� และมคี นกำ� ลงั เดนิ มา ซงึ่ ถา้ เดนิ มาเรอื่ ยๆ
ก็จะมาผ่านร่องน�้ำและข้ามมาถึงบริเวณท่ี
ผเู้ ขียน (คนในรปู ท่ี 2) ยืนอยู่ได้ แสดงให้เห็นวา่
มหี นิ ดาน หรือทช่ี าวบ้านเรยี กวา่ “หวั ดาน” น้ัน
ทอดเป็นแนวยาวติดกัน ซึ่งก็คือท่ีมาของชื่อว่า
“ตะพานหนิ ” น่ันเอง

ต่อมาทางราชการต้องการจะมาสร้าง
ทา่ เรอื นำ้� ลกึ ทอ่ี ำ� เภอตะพานหนิ โดยมเี หตผุ ลวา่
เพ่ือต้องการสร้างความเจริญในด้านการ
คมนาคมขนส่งทางน้�ำ บริเวณท่ีก่อสร้างก็อยู่
บริเวณเลยตลาดตะพานหินไปทางใต้ประมาณ
2 กิโลเมตร ซ่งึ ก็ไมน่ ่าจะมาเก่ียวขอ้ งอะไรกับ
“หวั ดาน” แต่ “เขา” ซ่งึ ก็ไม่รูว้ า่ เป็นใครบอกวา่
หัวดานน่ีแหละเป็นตัวท�ำให้น้�ำต้ืน ดังน้ั นจึง
พยายามขดุ หวั ดานออกไปเสีย

คร้ั งแรก (ผมจ�ำไม่ได้ว่าเป็นปี พ.ศ.ใด)
ใชร้ ถขดุ ขดุ ดนิ ลงจากฝง่ั แลว้ ลยุ นำ้� ไปขดุ ในครั้ง
น้ัน พอรถขดุ เรม่ิ ไปอยู่ในนำ้� กำ� ลงั จะขดุ หวั ดาน
ก็เกิดสายไฮดรอลิคแตก ไฟลุกไหม้รถขุดต้อง
ช่วยกันดับโกลาหล ชาวบ้านก็พูดกันว่าเป็น
เพราะอภินิหารของเจ้าพ่อหัวดาน ซึ่งชาวบ้าน
เชอ่ื วา่ ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ คงไมอ่ ยากให้ใครมาขดุ หวั ดาน
คนขบั รถขดุ กเ็ ลยกลวั ไมก่ ลา้ ขบั รถขดุ หวั ดานอกี
โครงการนั้นจงึ ลม้ เลกิ ไปทา่ มกลางความสบายใจ
ของชาวบ้านแถบน้ั น

แตท่ วา่ ความพยายามทจี่ ะขดุ หวั ดานออก
ไปก็ไม่ล้มเลิก มาเร่ิมอีกโดยคร้ั งน้ีใช้แพ

54 ภาพเกา่ เลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหิน

ติดรถแบ็คโฮมาขุดในเดือนมกราคม พ.ศ.

2530 (รปู ที่ 3) ในรปู จะเหน็ เครื่องจักรก�ำลงั ขดุ

หวั ดาน ซง่ึ ชาวบา้ นก็ยืนดูดว้ ยความเปน็ ห่วงหวั

ดาน ในใจของแตล่ ะคนกค็ ดิ วงิ วอนขอใหเ้ จา้ พอ่

หัวดานท�ำอะไรสักอย่างเพ่ีอขัดขวางไม่ให้พวก

เขาทำ� สำ� เรจ็ ได้ แตท่ วา่ อภนิ หิ ารของเจา้ พอ่ หรอื

จะมาตอ่ สู้กบั เครอื่ งมอื ท่ีทันสมยั ได้ ดังนั้นชาว

บา้ นจงึ ไดย้ นื ดเู ขาขดุ เอาสง่ิ ทอ่ี ยคู่ กู่ บั หมบู่ า้ นมา หวั ดาน ตะพานหนิ ในยามคำ�่ คืนกย็ งั ปลอดภยั ส�ำหรับเดก็
และผ้หู ญงิ ถ่ายเมอ่ื พ.ศ. 2528
นับร้อยนับพันปี ออกไปในท่ามกลางความ เจา้ ของภาพ นายสรุ พงศ์ เผา่ วทิ ยานนท์
เสียดาย แต่ก็ท�ำอะไรไม่ได้ เด๋ียวนี้จึงคงมีแต่

ศาลเจา้ พอ่ หวั ดานเทา่ น้ันทย่ี งั คงอยเู่ ปน็ อนสุ รณ์

ให้รวู้ า่ เมอื่ กอ่ นในแมน่ ำ้� บริเวณนี้เคยมหี วั ดาน

อยู่

ท่าเรือตะพานหินสร้างเสร็จด้วยความ

ภูมิใจของบุคคลหลายๆ ฝ่าย ที่ได้ใช้เงินงบ

ประมาณมาสร้างส่ิงที่พวกเขาเรียกว่า “ความ

เจรญิ ” ซ่งึ ผมก็ไมเ่ ถยี ง เพราะมกี ารสรา้ งถนน

แยกเข้าไปท่าเรือ สร้างสะพานข้ามทางรถไฟ

ซื้อที่ดินสร้างโกดังเก็บสินค้า และ ฯลฯ หมด

เงนิ ไปเทา่ ไรผมไมท่ ราบ แตผ่ มทราบวา่ ตั้งแตม่ ี

การสร้างทา่ เรือมา 10 กวา่ ปีแลว้ ยังไมเ่ คยมี

เรอื สนิ คา้ หรือรถบรรทุกพืชไรข่ องเกษตรกรมา แช่น�้ำเล่นเยน็ เยน็ ใจ ได้จนดกึ ดืน่ ถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2528
เจา้ ของภาพ นายสุรพงศ์ เผ่าวทิ ยานนท์
ลงเรอื เลยแมแ้ ตค่ ร้ังเดยี ว

น่ีคือบทเรียนท่ีผมอยากจะเสนอให้ท่าน

ผู้มีอ�ำนาจตัดสินใจในการจะท�ำอะไรก็ตามขอ

ใหท้ า่ นกรุณาทบทวนใหด้ ี โดยเฉพาะการทีท่ า่ น

ต้องแลกด้วยการท�ำลายส่ิงที่เป็นสถานที่ หรือ

สงิ่ ทมี่ คี ณุ คา่ ทางการศกึ ษาประวตั ิ อนั เปน็ สมบตั ิ

ของโลก ซ่ึงในวันนที้ า่ นอาจคิดวา่ ไม่ส�ำคัญ แต่

ว่าในอนาคตลูกหลานของเราจะมีอะไรเหลือไว้

ให้ศึกษา ซึ่งถ้าจะศึกษาก็คงจะศึกษาได้จาก

คำ� บอกเลา่ ของคนเกา่ ๆ แกๆ่ ซงึ่ มแี ตจ่ ะลม้ ตาย

ไป หรือโชคดีหน่อยก็มีรูปถ่ายสัก 2-3 รูป

ให้ได้ศึกษากัน ส่วนการศึกษาจากของจริงนั้ น

อย่าหวังเลย

มคี วามสุขท้ังครอบครัวไม่ตอ้ งไปทอ่ี นื่ ไกล
ถ่ายเมือ่ พ.ศ. 2528 เจา้ ของภาพ นายสรุ พงศ์ เผ่าวทิ ยานนท์

ภาพเก่าเล่าขาน ตำ� นานตะพานหิน 55

ผมขอให้ข้อเขียนของผมนี้เป็นบทเรียน Online Edition By OldPhotoTPH
ให้ท่านท่ีกำ� ลังจะดำ� เนนิ การสร้างความเจริญให้
กับบ้านเมือง ซ่ึงผมก็ไม่คัดค้าน แต่ถ้าต้องมา
แลกกับการท่ีต้องท�ำลายส่ิงท่ีมีคุณค่าทางการ
ศึกษาประวัติศาสตร์ของเยาวชนรุ่นหลังแล้ว
คุ้มค่าหรือไม่ ถ้าไม่คุ้มอย่างเช่นการท�ำลาย
“ตะพานหนิ ” น้ี ผมบอกไดเ้ ลยวา่ ผมไมเ่ หน็ ดว้ ย
ขอให้คร้ั งนี้เป็นคร้ั งสุดท้ายเถิดครับ อย่าให้มี
ทอี่ นื่ อกี เลยทต่ี อ้ งมคี นออกมาพดู เชน่ เดยี วกบั ที่
ผมพดู วา่ “เสยี ดาย....ตะพานหิน”

นายสรุ พงศ์ เผา่ วทิ ยานนท์ ยนื อยูบ่ นหวั ดาน
ถา่ ยเม่ือ พ.ศ. 2528

มมุ น้กี ็คืออีกมมุ ทีส่ วยงามบนหวั ดาน ตะพานหิน
สนี ้�ำตาลอ่อน ถ่ายเม่อื พ.ศ. 2528
เจ้าของภาพ นายสุรพงศ์ เผา่ วิทยานนท์
ทางทิศใต้ของหัวดานจะมหี าดทรายและนำ้� ตน้ื
สามารถเดนิ ไดส้ บาย ถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2528
เจา้ ของภาพ นายสุรพงศ์ เผ่าวิทยานนท์
(รูปที่ 2 ในบทความ เสยี ดาย “ตะพานหิน” เมืองพิจติ ร)
56 ภาพเกา่ เลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหิน

ครอบครัวเผ่าวิทยานนทน์ ั่งอยบู่ นดานใหญ่ โดยทางทิศตะวนั ออกของหัวดานจะเป็นร่องนำ้� ถัดมาจะเปน็ หินดาน
ขนาดใหญ่ ตดิ กันเป็นรอ่ งนำ้� ส�ำหรับใหเ้ รือวง่ิ ผา่ นได้ และตอ่ มาจะเปน็ ดานเลก็ ยาวไปจรดฝั่งตะวันตก
ถ่ายเมอ่ื พ.ศ. 2528 เจ้าของภาพ นายสรุ พงศ์ เผ่าวทิ ยานนท์

ถา่ ยบนดานใหญ่ สรปุ ว่าหวั ดานเป็นแนวหินดานพาดข้ามแม่นำ้� น่าน แตถ่ กู ขุดเป็นรอ่ งน้�ำใหเ้ รือผ่านทางฝั่งตะวันออกและ
บรเิ วณกลางแมน่ �้ำ ตามพจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตสถาน “สะพาน” คือสิ่งปลกู สร้างข้ามแมน่ ้�ำลำ� คลอง ส่วน “ตะพาน”
คือสง่ิ ปลูกสรา้ งส�ำหรับขา้ มแม่น�ำ้ ลำ� คลอง บางทที �ำย่ืนลงไปในนำ้� สำ� หรับขน้ึ ลง จงึ เรยี กแนวหนิ ดานของชมุ ชนนี้วา่
“ตะพานหิน” (รูปท่ี 1 ในบทความ เสยี ดาย “ตะพานหนิ ” เมืองพิจติ ร)

ภาพเก่าเล่าขาน ต�ำนานตะพานหิน 57

ในเดอื นมกราคม พ.ศ. 2530 ทางราชการได้ขดุ หนิ ดานจากแนวตะวนั ออกจนถึงตะวันตกออกหมด Online Edition By OldPhotoTPH
ถา่ ยเมื่อ มกราคม พ.ศ. 2530 เจ้าของภาพ นายสุรพงศ์ เผา่ วิทยานนท์

ปัจจบุ ันชาวตะพานหนิ ยังไมเ่ คยเห็นเรอื สนิ คา้ สักลำ� ที่วงิ่ ผา่ นตะพานหิน ท่าเรอื ทสี่ ร้างข้นึ ถูกท้ิงรกรา้ ง แต่ หวั ดาน ซึง่ เปน็
ทีม่ าของช่อื เมอื ง ตะพานหนิ ถกู ทำ� ลายจนเหลือแต่ชอื่ ...“เสยี ดายตะพานหิน” ถ่ายเม่ือ มกราคม พ.ศ. 2530
เจา้ ของภาพ นายสรุ พงศ์ เผา่ วิทยานนท์ (รปู ที่ 3 ในบทความ เสยี ดาย “ตะพานหิน” เมืองพิจิตร)
58 ภาพเกา่ เล่าขาน ตำ� นานตะพานหนิ

ภาพมุมกว้างของหวั ดาน โดยคุณไตร อสิ รากำ� พต ศลิ ปินชาวตะพานหนิ ผูเ้ คยเหน็ หวั ดานมาก่อน
ไดว้ าดจากความทรงจำ� เจา้ ของภาพ นายไตร อิสรากำ� พต

ภาพเก่าเลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหิน 59

ภาพมมุ สงู ของตะพานหนิ เมื่อ พ.ศ. 2508 Online Edition By OldPhotoTPH
มองเหน็ แนวถนนสายตะพานหนิ -เขาทราย
รัฐบาลจอมพล ป. พิบลู สงครามจะย้ายเมอื งหลวง
ไปที่จ.เพชรบูรณ์ จึงมโี ครงการสรา้ งถนนจาก
อ.บางมูลนาก ไป จ.เพชรบูรณ์ แต่ตดิ ปญั หา
เรื่องเวนคนื ทดี่ ินทอ่ี .บางมลู นาก จงึ ทำ� ให้โครงการ
สรา้ งถนนได้ยา้ ยถนนสายดงั กล่าวมาลงที่
ตะพานหิน เจ้าของภาพ ร้านฉัว่ เต็กเชยี ง
60 ภาพเกา่ เล่าขาน ตำ� นานตะพานหนิ

ตเสะาพปาั้นนจหัน่ ิน

สมบูรณ์ เทพรกั ษ์

คตวลาามดเตปะน็ พมาานขหอนิ ง ขนุ ห้วยเกตเุ กษม (เพน เพญ็ ศรี) (ชาตะ-มรณะ กันยายน
พ.ศ. 2477) และนางผึ้ง เพญ็ ศรี (ชาตะ10 กันยายน
พ.ศ. 2441- มรณะ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2517)
ผ้ทู มี่ บี ทบาทส�ำคญั ทำ� ใหเ้ กิดถนนชมฐรี ะเวช และ
อุทิศท่ดี ินเพอ่ื สรา้ งถนนเพ็ญศรี
เจา้ ของภาพ คุณวรรณวดี พินิตตานนท์

เสาปั้นจั่นเป็นสถานท่ีแห่งหน่ึงในตลาด ก�ำนันทรงธรรม บุรพรัตน์ และนางจ�ำรสั บุรพรตั น์
ตะพานหนิ (เขตเทศบาลเมอื งตะพานหนิ ) ซงึ่ เชอื่ บรจิ าคทดี่ ินบริเวณตลาดทับคล้อเพ่อื สรา้ งถนน
วา่ คนรนุ่ ใหม่อายตุ ั้งแต่ 40 ปลี งมาจนถงึ วยั ร่นุ เจ้าของภาพ ครอบครัวบรุ พรตั น์
นอ้ ยคนทจี่ ะรจู้ กั ถงึ รจู้ กั สถานทวี่ า่ ตรงท่ีใดก็ไมร่ ู้ นายเชย และนางโล่ ผลนิเดช
ประวัติความเป็นมา เพ่ือเป็นการฟื้นอดีตแห่ง ผู้สนบั สนุนให้เกิดถนนสายนี้
ความทรงจ�ำให้กลับมาอีกคร้ั งหนึ่ง จึงเขียน เจ้าของภาพ คณุ อัมพร เวทวนิ ิจ
ประวัติของเสาปั้นจั่นแห่งตะพานหินไว้ให้คน
รุ่นหลังได้ทราบ เปน็ การยอ้ นรอยอดีตทีค่ วรคา่
ต่อการจดจำ�

ต�ำบลตะพานหินเป็นเขตเทศบาลเมือง
ตะพานหินเป็นหนึ่งใน 14 ต�ำบลของอ�ำเภอ
ตะพานหิน

ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้�ำน่านท้ั ง
ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของล�ำน�้ำ โดย
ชาวบา้ นในเขตเทศบาลไดอ้ าศยั ลำ� นำ้� นา่ นในการ
อุปโภคบริโภค และใช้ในการคมนาคมทางน�้ำ
ติดตอ่ คา้ ขายกับท้องถิ่นหรือชมุ ชนอื่น

ซึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น�้ำน่านด้วยกัน เช่น
พจิ ติ ร บางไผ่ บางมูลนาก ชุมแสง ปากน�้ำโพ
(นครสวรรค์) ต่อไปจนถึงกรุงเทพมหานคร
เปน็ ต้น

ภาพเก่าเล่าขาน ตำ� นานตะพานหิน 61

เมื่อ พ.ศ. 2453 มีการสร้างเส้นทางรถไฟสายเหนือจากกรุงเทพมหานครมาถึงปากน�้ำโพ Online Edition By OldPhotoTPH
และสรา้ งตอ่ มาผา่ นเมอื งพจิ ติ รไปสดุ ทางทม่ี ณฑลพษิ ณโุ ลก การมเี สน้ ทางรถไฟผา่ นบา้ นตะพานหนิ
นั้นทำ� ใหต้ ลาดตะพานหินมีความสำ� คัญขน้ึ เพราะเปน็ จดุ ก่งึ กลางระหว่างพิษณโุ ลกกับนครสวรรค์
และมีแหลง่ ป่าไม้และวตั ถดุ ิบจากจังหวัดเพชรบรู ณ์ ซึง่ ซือ้ ขายแล้วน�ำมายังสถานรี ถไฟตะพานหนิ
ไดอ้ กี ประกอบกบั รถไฟในอดตี เปน็ รถเครอื่ งจกั รไอนำ�้ จะตอ้ งมาหยดุ เตมิ ฟนื (มกี องฟนื ขนาดใหญ)่
และเตมิ นำ�้ ประปา (มแี ทง็ คน์ ำ�้ ประปาขนาดใหญ)่ ทำ� ใหม้ ปี ระชาชนอพยพมาต้ังถนิ่ ฐานเพมิ่ มากขนึ้
บา้ นเมอื งจงึ เจรญิ ขน้ึ ตามลำ� ดับ

ต่อมาราว พ.ศ. 2468 รัฐบาลมีแนวคิดท่ีจะตัดถนนเชื่อมระหว่างอ�ำเภอบางมูลนากกับ
จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเร่ิมท่ีคลองบุษบงเหนือ (เหนือตลาดบางมูลนาก) เข้าสู่อ�ำเภอชนแดน
ตัดข้ามเขาไปยังจังหวดั เพชรบรู ณ์ (การปกั เสาโทรเลขก็ใชเ้ สน้ ทางนเี้ ช่นกนั ) เนื่องจากมีระยะทาง
สั้นทีส่ ุด แตก่ พ็ บอปุ สรรคเร่ืองทีด่ ินซึ่งไมม่ คี นบริจาค

ในเหตุการณ์ครั้งน้ีปรากฏวา่ ขนุ ห้วยเกตุเกษม (เพน เพ็ญศรี) ก�ำนันตำ� บลห้วยเกตุ ไดเ้ ลง็
เห็นถึงความสำ� คัญของการสรา้ งถนนสายนี้ จงึ ไดว้ ิ่งเต้นตดิ ตอ่ นายชา่ งใหญ่ขอใหเ้ ปลีย่ นเส้นทาง
มาเริม่ ตน้ ท่ตี ลาดตะพานหิน โดยยอมเสียสละทด่ี ินของท่านตั้งแตห่ น้าสถานีรถไฟตะพานหนิ รวม
ท้ังชกั ชวนคหบดชี าวตะพานหนิ เชน่ กำ� นนั ทรงธรรม บรุ พรตั น,์ กำ� นันแพ แดงทองดี, คุณลงุ เชย
คณุ ป้าโล่ ผลนเิ ดช ช่วยกนั บรจิ าคท่ดี ินตามเส้นทางท่ถี นนตดั ผ่าน ถนนสายตะพานหิน-เพชรบูรณ์
จึงเกดิ ข้นึ มีการจ้างแรงงานชาวตะพานหินมาทำ� การกอ่ สรา้ งนับพนั คน แต่ปรากฏว่าผู้คนลม้ ตาย
เพราะพิษไข้ป่าเป็นจ�ำนวนมาก จึงมีการเกณฑ์แรงงานชาวบ้านจากต�ำบลอื่นๆ ของเมืองพิจิตร
มาดำ� เนนิ การกอ่ สรา้ งถนนอกี เปน็ จำ� นวนมาก การสรา้ งถนนสายตะพานหนิ -เพชรบรู ณใ์ นคร้ังน้ัน
เป็นถนนดินลูกรังอัดแน่น (ยังไม่ราดยาง) เพราะมีบ่อลูกรังจ�ำนวนมากในเขตต�ำบลเขาทราย
(ซงึ่ หา่ งจากสถานรี ถไฟตะพานหนิ ประมาณ 21 กโิ ลเมตร) เมอื่ ถนนแลว้ เสรจ็ ประมาณ พ.ศ. 2476
จึงได้เชิญ พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีในขณะน้ั นมาเป็นประธานในพิธี
เปิดถนน

เมื่อมีถนนตดั ผา่ น ความเจริญก็ตามมา ถนนสายนี้ได้ดงึ ดดู ผู้คนให้มาตั้งถ่นิ ฐานบ้านเรอื น
เพ่ิมมากขึ้น

บ้านเมืองเริ่มมีความเป็นระเบียบมีความเจริญมากขึ้น ผู้คนอพยพมาท�ำมาหากินเพ่ิมมาก
ขนึ้ แม่น้�ำน่านมีเรือรบั ส่งสนิ คา้ ทางการเกษตรส่งไปขายยังกรุงเทพฯ และนำ� สนิ ค้าจากกรงุ เทพฯ
มาขายยงั ตลาดตะพานหิน

ทางราชการจึงยกฐานะขึน้ เป็นตำ� บลตะพานหินโดยแยกมาจากต�ำบลหว้ ยเกตุ
หลวงรตั ถรกั ษา(พ.ศ. 2479-2482) ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั พจิ ติ รพจิ ารณาเหน็ วา่ ตำ� บลตะพานหนิ
มีประชากรเพ่มิ มากขึ้น มคี วามเจรญิ อยา่ งรวดเรว็ จงึ ทำ� เร่อื งเสนอไปยงั กระทรวงมหาดไทยเพ่อื
จดั ตั้งกงิ่ อำ� เภอตะพานหนิ ขนึ้ และสำ� เรจ็ เมอื่ วนั ท่ี 1 มนี าคม พ.ศ. 2479 บคุ คลสำ� คญั ทบ่ี รจิ าคทดี่ นิ
สร้างสถานท่ีราชการ วัด ถนน สรา้ งความเจริญแกต่ ลาดตะพานหนิ ได้แก่ ขุนห้วยเกตุเกษม (เพน
เพญ็ ศร)ี บรจิ าคทดี่ นิ สรา้ งถนนเพญ็ ศรแี ละสรา้ งวดั ตะพานหนิ คณุ ลงุ เปรอ่ื ง คณุ ปา้ ตลมุ้ รอดออ่ ง
สร้างถนนแดงทองดี (บางสว่ น) ถนนมธุรส (บางส่วน) คุณลุงเทยี น คณุ ปา้ พร้ิง แดงทองดี บริจาค
ท่ีดินสร้างถนนแดงทองดี (บางส่วน) และขุนค�ำวันวัฒนกิจ (โม้ มธุรส) ยกท่ีดินสร้างถนนมธุรส
(สองข้างสะพานรัฐราษฎร์รังสรรค์ฝั่งตะวันออก) เมื่อมีถนนหนทางเพิ่มขึ้น ความเจริญก็เพิ่ม

62 ภาพเก่าเลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหิน

ประกาศของกระทรวงมหาดไทยใหต้ ั้งบา้ นตะพานหินเป็นกง่ิ อ�ำเภอตะพานหนิ 63
ในวนั ท่ี 1 มนี าคม พ.ศ. 2479

ภาพเก่าเล่าขาน ต�ำนานตะพานหิน

มากขึ้นตามมา จ�ำนวนประชากรก็เพ่ิมมากข้ึน

ตามล�ำดับ ต่อมาทางราชการจึงมีพระราช

กฤษฎีกาตั้ งเทศบาลต�ำบลตะพานหินขึ้น เม่ือ

พ.ศ. 2478 มพี น้ื ทเ่ี พยี ง1.345 ตารางกโิ ลเมตร

โดยมนี ายกเทศมนตรตี ำ� บลตะพานหนิ คนแรกคอื

นายเชอื้ เศรษฐะทตั ต์ อดีตกำ� นันต�ำบลหว้ ยเหตุ

(บตุ รเขยขนุ หว้ ยเกตเุ กษม) ซงึ่ สรา้ งความเจรญิ

ให้กับเทศบาลตำ� บลตะพานหนิ เปน็ อย่างมาก

ตลาดตะพานหินเจริญก้าวหน้ามาตาม Online Edition By OldPhotoTPH

ล�ำดับ ทางราชการจึงยกฐานะจากก่ิงอ�ำเภอ

ตะพานหินขึ้นเป็นอ�ำเภอตะพานหินเม่ือวันที่ ก�ำนนั แพและนางทองอยู่ แดงทองดี ผูท้ บ่ี ริจาคท่ดี นิ เพอื่
1 เมษายน พ.ศ. 2483 โดยใช้เวลาเพยี ง 4 ปี สร้างถนนแดงทองดี เจา้ ของภาพ นายโกมล แดงทองดี

ต ล า ด ต ะ พ า น หิ น เ จ ริ ญ ขึ้ น อ ย ่ า ง ต ่ อ เ นื่ อ ง

ประชาชนในเขตสถานรี ถไฟจนถงึ รมิ แมน่ �้ำนา่ น

มีเพิ่มมากข้ึน ต่อมาเกิดเหตุเพลิงไหม้ใหญ่

ของตลาดตะพานหนิ 2 ครั้ง คอื เมอ่ื วันท่ี 19

กรกฎาคม พ.ศ. 2496 และเมื่อวันที่ 20

ธันวาคม พ.ศ. 2505 นายกเทศมนตรีในขณะ

นั้นจงึ ใหต้ ดั ถนนสรา้ งผงั เมอื งใหม่ เชน่ ถนน 19

กรกฎา, ถนนริมน่าน ท�ำให้ตลาดตะพานหิน

มีความเป็นระเบยี บเรียบร้อยข้นึ เพื่อประโยชน์

ในการบริหารกจิ การและทำ� นบุ �ำรงุ ท้องถน่ิ ทาง

ราชการจึงมีพระราชกฤษฎีกายกฐานะเทศบาล

ตะพานหิน เป็นเทศบาลเมืองตะพานหินเม่ือ

พ.ศ. 2538 และขยายพืน้ ทีเ่ ปน็ 5.202 ตาราง นายเปรอื่ งและนางตลมุ่ รอดออ่ ง ผทู้ บ่ี รจิ าคทด่ี นิ ตอนตอ่
จากถนนแดงทองดีกับสีแ่ ยก (สีแ่ ยกรา้ นสยามวาณิช)
กิโลเมตร มาตลอดจนถงึ สถานตี �ำรวจและท่ีว่าการอ�ำเภอตะพานหิน
เทศบาลเมืองตะพานหินเป็นเมืองที่
ครอบคลุม 2 ฝั่งแม่น�้ำน่าน ตัวเทศบาลเมือง ในปจั จบุ นั เจ้าของภาพ คุณอมั พร เวทวนิ จิ

อยทู่ างทศิ ตะวนั ออกหรอื ฝง่ั ซา้ ยของแมน่ ำ้� นา่ น

มีสะพานรัฐราษฎร์รังสรรค์เช่ือมท้ั ง 2 ฝั่งเข้า

ด้วยกัน บริเวณท่ีเรียกว่าเสาปั้นจั่นจะอยู่ใต้

สะพานรัฐราษฎร์รังสรรค์ฝั่งตะวันออก บริเวณ

ท่ีเป็นจุดกลับรถใต้สะพานระหว่างถนนมธุรส ภาพหนา้ ขวา
บรรยากาศของถนนเพ็ญศรซี ึ่งเป็น
ตอนใต้ตัดกับถนนริมน่านตะวันออก ปัจจุบันมี ถนนท่ตี ดั จากสถานีรถไฟตะพานหิน
การสร้างบันไดคอนกรีตเสริมเหล็กจากถนน มาจดแมน่ �้ำนา่ น ไม่ทราบปีที่ถา่ ย
รมิ นา่ นปลู าดลงไปยงั แม่นำ้� นา่ น เจา้ ของภาพ คณุ เสาวณี โตวรกลุ

64 ภาพเก่าเล่าขาน ตำ� นานตะพานหิน

ภาพเกา่ เลา่ ขาน ต�ำนานตะพานหิน 65

ความเปน็ มา Online Edition By OldPhotoTPH
ของเสาปัน้ จัน่

ประวัติการสร้างเสาปั้นจั่นนั้ นได้ทราบ
จากนางเอ็ง ลิ้มตระกูล และนายยกเซี๊ยะ แซ่
กว๊ ย ซง่ึ มาตั้งรา้ นคา้ อยบู่ รเิ วณยา่ นเสาปน้ั จนั่ ลง
มาทางตอนใตป้ ระมาณ 50 เมตร (ตดิ โรงนำ�้ แขง็
ไทยวัฒนา) ต้ั งแต่ พ.ศ. 2488 ท�ำให้ทราบว่า
เสาปั้นจ่ันน่าจะสร้างในช่วงสมัยสงครามโลก
ครั้ งที่ 2 ราวพ.ศ. 2484-2485 ซึ่งเป็นช่วงที่
กองทัพญ่ีปนุ่ กรีทาทพั เขา้ ประเทศไทย จอมพล
ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี จึงมีความ
ประสงคจ์ ะยา้ ยเมอื งหลวงจากกรงุ เทพมหานคร
ไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีท่ีต้ั งอยู่ลึกเข้ามา
ทางตอนในของประเทศ แต่การขนส่งวัสดุ
ก่อสร้างทางถนนยังไม่สะดวก จึงมีการขนส่ง
ทางน�้ำเท่านั้ นท่ีเหมาะสม แต่แม่น�้ำป่าสักซ่ึง
เชอ่ื มจากพระนครศรอี ยธุ ยาไปยงั เพชรบรู ณต์ นื้
เขินและไม่มีน�้ำตลอดลำ� น�้ำ ทำ� ใหเ้ ป็นอุปสรรค
ในการขนส่ง จึงต้องใช้ล�ำน้�ำน่านล�ำเลียงวัสดุ
กอ่ สรา้ งมาทางเรอื โดยขน้ึ ฝง่ั ทต่ี ลาดตะพานหนิ
แล้วจึงขนส่งต่อไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ จึงมี
ความจำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งสรา้ งรอกกวา้ นขนสนิ คา้ ขน้ึ
จากเรือ ท�ำให้ทางราชการอนุมัติก่อสร้างเสา
ปั้นจ่ันข้ึนบริเวณริมฝั่งแม่น�้ำน่าน ประกอบกับ
ตลาดตะพานหนิ เปน็ เมอื งเกษตร มสี นิ คา้ เกษตร
หลายชนดิ เชน่ ข้าวสาร ขา้ วเปลือก ข้าวโพด
และของจากป่าเพชรบูรณ์ เช่น ไม้กระดาน
แปรรปู แรย่ ปิ ซม่ั และไมซ้ งุ ซง่ึ ตอ้ งนำ� มาลงเรอื
สินค้าท่ีบริเวณตลาดตะพานหินเพื่อล่องไป
ตามแม่น�้ำน่านผ่านอ�ำเภอบางมูลนาก อ�ำเภอ
ชุมแสง ไปยังจังหวัดนครสวรรค์ (ปากน�้ำโพ)
จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและต่อไปจนถึง
กรุงเทพฯ

66 ภาพเกา่ เลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหนิ

ถนนแดงทองดี ซ่งึ เป็นถนนเศรษฐกจิ ของเมืองตะพานหนิ ไม่ทราบปีที่ถา่ ย เจ้าของภาพ ครอบครวั น่วมเจิม

ภาพเก่าเลา่ ขาน ต�ำนานตะพานหิน 67

เสาปั้นจ่ันเป็นเครื่องทุ่นแรงที่ใช้ล�ำเลียงสินค้าข้ึนจากเรือเพื่อขึ้นรถบรรทุกและส่งต่อไปยัง Online Edition By OldPhotoTPH
จงั หวดั เพชรบรู ณ์ และบรรทกุ สนิ คา้ จากเพชรบรู ณส์ ง่ กลบั ไปยงั กรงุ เทพฯ รปู ลกั ษณข์ องเสาปน้ั จน่ั
คอื ท่าเรอื ที่สร้างอยูร่ มิ แมน่ ้�ำน่านยน่ื ลงไปในแม่นำ�้ ทำ� ดว้ ยไมเ้ นือ้ แข็งหนาประมาณ 3-4 น้ิว เช่น
ไมแ้ ดง ไมป้ ระดู่ ไม้มะคา่ ขนาดความกว้างราว 10 เมตร ไมว้ างในแนวเหนอื -ใต้ ย่ืนลงไปในแม่นำ้�
ราว 10 เมตร โดยมีไม้ตีขวางในแนวตะวันออก-ตะวันตกเพ่ือยึดให้แน่น มีราวท้ั ง 2 ข้างเป็น
ไม้เนือ้ แขง็ สงู ราว 50 เซนตเิ มตร เสาของราวห่างกันประมาณ 4 เมตร มีลกั ษณะเป็น 2 ช้ัน โดย
ชั้นท่ีสองอยตู่ ่�ำลงไปประมาณ 10 เมตร เพื่อเวลาน้�ำลงเรอื จะเข้าเทยี บทา่ ช้ันลา่ ง และเม่ือน�้ำข้นึ
เปยี่ มฝั่ง เรอื จะเทยี บทา่ ช้ันบน และบนท่าเรอื จะมีรางรถไฟอยู่ 2 ข้าง เพอื่ ใช้ลำ� เลยี งสนิ คา้ จาก
ท่าเรือเข้าริมตล่ิง ด้านล่างของท่าเรือท่ีย่ืนออกไปเป็นเสาตอม่อขนาดใหญ่ที่ถากจนกลมขนาด
เสน้ ผ่าศนู ยก์ ลางประมาณ 40-50 เซนติเมตร เรยี กกันว่า เสาป้นั จ่นั หากชว่ งนำ�้ ลงจะเห็นตัวเสา
สงู จากตลงิ่ ขน้ึ มาจนถงึ พนื้ ทา่ เรอื สงู ประมาณ 20 เมตร จากตวั เสาปน้ั จนั่ จะมเี หลก็ ยน่ื ไปคลา้ ยแขน
ของตัวเสาหมนุ ได้ ยาวประมาณ 2-4 เมตร โดยด้านลา่ งของท่าเรอื มีกว้านเพื่อกวา้ นใหเ้ สาปนั้ จ่ัน
หมุนโดยใช้แรงงานคน ตรงปลายเหล็กที่ย่ืนออกไปมีโซ่ยาวลงไปถึงแม่นำ�้ เพ่ือใช้คล้องผูกสินค้า
จากน้ันจึงใชร้ อกกวา้ นโซ่เพื่อหมุนน�ำสนิ คา้ ขึ้นมาจากเรอื แลว้ หมุนตวั เสาป้ันจนั่ จากเรือที่จอดอยู่
ในแม่น้�ำกลับมาเข้าฝั่ง โดยมีรถสินค้าล�ำเลียงแล่นเข้ามารับสินค้า สินค้าที่น�ำมาจากกรุงเทพฯ
ไดแ้ ก่ วสั ดุกอ่ สร้าง เหล็ก ปูน เครือ่ งจักร และกระดาษเพือ่ ใชพ้ ิมพ์ธนบัตรใช้ในสมยั สงครามโลก
ครั้งที่ 2 สว่ นสินคา้ ท่ีนำ� มาจากเพชรบรู ณ์ เช่น ธนบัตรท่รี ัฐบาลพมิ พ์ข้ึนใช้เอง (เมอื่ สงครามโลก
ครั้งที่ 2 สงบก็ไรค้ า่ ) บริเวณทต่ี ้ังของเสาป้ันจัน่ นเ้ี ป็นร่องน�้ำทลี่ ึกกวา่ บริเวณอ่นื เพื่อให้เรอื สินคา้
เรอื กลไฟสามารถเขา้ มาเทียบทา่ ได้ขนสง่ สนิ คา้ ได้สะดวก

เมอ่ื สน้ิ สดุ สงครามโลกครั้งท่ี 2 ความจำ� เปน็ ในการใชเ้ สาปน้ั จน่ั กห็ มดลง เพราะมกี ารขนสง่
ทางรถไฟท่ีสะดวกสบาย แต่ก็ยังไม่เป็นท่ีนิยมมากนัก การขนส่งทางเรือจึงยังมีความจ�ำเป็นอยู่
โดยเฉพาะในฤดนู ำ�้ หลาก (ชว่ งประมาณมถิ นุ ายนถงึ พฤศจกิ ายน) เรอื กลไฟสามารถแลน่ ตามแมน่ ำ้�
น่านได้ถึงจังหวัดอุตรดิตถ์ ถ้าเป็นเรือเหล็กขนาด 10 ตัน (ก่อนการสร้างเขื่อนสิริกิติ์) สามารถ
เดินทางได้จนถึงจังหวัดน่าน ในฤดูแล้งเรือยนต์ขนาดเล็กสามารถเดินทางจากนครสวรรค์ได้ถึง
พิษณุโลกใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 วัน ส่วนการขนส่งข้าวเปลือกหรือข้าวสารนิยมใช้
เรอื เอี้ยมจุ๊นจากตะพานหนิ ไปยงั กรงุ เทพฯ

ตอ่ มาท่าเรอื ได้ย้ายลงมาทางใต้ หา่ งจากจุดเดมิ ประมาณ 50 เมตร มาตั้งอยู่บรเิ วณหนา้
โรงน�้ำแขง็ ไทยวัฒนา (โรงน้ำ� แข็งนายโตก รอดรกั ษา) ทา่ เรอื แห่งน้มี ีเรือมาขนถ่ายสินค้ามากขึ้น
แต่บรเิ วณเสาป่ันจนั่ เดมิ กย็ ังเป็นทา่ เรือขนส่งขา้ วสาร ข้าวเปลือก ไม้กระดานแปรรปู เพ่ือสง่ ไปยงั
กรงุ เทพฯ อยู่เหมอื นเดิม และใชเ้ วลาในการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ประมาณ 5-7 วัน โดยเรือโยง
ลากจงู ไปเปน็ พวง พวงละ 5-10 ลำ�

ตอ่ มาเทศบาลเมอื งตะพานหนิ มคี วามเจรญิ เพม่ิ มากขนึ้ ตามลำ� ดบั ประชากรเพมิ่ มากขนึ้ แต่
ตวั เมอื งอยทู่ ้ังสองฝง่ั แมน่ ำ�้ นา่ น การคมนาคมไปมาหาสกู่ นั จะตอ้ งขา้ มเรอื จา้ งจากฝง่ั ตะวนั ตกมายงั
ตลาดซงึ่ อยทู่ ศิ ตะวนั ออกและเปน็ ยา่ นการคา้ ซงึ่ ไมส่ ะดวก หากจะขนสง่ สนิ คา้ ก็ไมส่ ามารถทำ� ไดจ้ ะ
ตอ้ งไปขา้ มสะพานขา้ มแมน่ ำ้� นา่ นทอี่ ำ� เภอเมอื งพจิ ติ ร (สะพานพระพจิ ติ ร) ซง่ึ อยหู่ า่ งไกล เสยี เวลา
และเสยี คา่ ใช้จา่ ยมาก

68 ภาพเกา่ เลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหนิ

ชาวตลาดตะพานหินจึงร่วมใจเร่ียไรบริจาคเงินเพื่อสร้างสะพานข้ามแม่น�้ำน่านได้เงินมา
ประมาณหนงึ่ ลา้ นบาทเศษ บคุ คลสำ� คญั ทบ่ี รจิ าคสรา้ งสะพาน เชน่ ตระกลู บรุ พรตั น์ นายกเทศมนตรี
เชอ้ื กบั นางอดุ มศรี เศรษฐะทตั ต์ นายสงั วาลย์ แดงทองดี นายเปรอ่ื งกบั นางตลมุ่ รอดออ่ ง เปน็ ตน้
จุดทส่ี รา้ งคือบรเิ วณเสาป้นั จน่ั ซง่ึ ยังคงสภาพเดิมอยู่ แต่ผผุ งั ไปตามกาลเวลา ไมเ้ น้ือแข็งที่บางจดุ
ผุผังหลดุ หายไป ขาดการซอ่ มแซมหรือบ�ำรุงรกั ษา จงึ ได้รอื้ ถอนเสาปัน้ จน่ั ออกต้ังแต่ พ.ศ. 2512
และเร่ิมการสร้างสะพานขึ้นมาแทนที่ แล้วเสร็จเม่ือ พ.ศ. 2515 และโดยเชิญจอมพลถนอม
กติ ตขิ จร นายกรฐั มนตรีในขณะนั้นมาเปน็ ประธานในพธิ เี ปดิ เมอื่ วนั ท่ี 10 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2515
และต้ั งชื่อสะพานนี้ว่า สะพานรัฐราษฎร์รังสรรค์ (ตะพานหินสามัคคี) ท�ำให้ตลาดตะพานหิน
เช่ือมถึงกนั ความเจรญิ จากฝัง่ ตะวันออกกข็ ยายตัวไปสู่ฝง่ั ตะวันตกมาตามลำ� ดบั จนถงึ ทุกวันนี้

เป็นการปดิ ตำ� นานเสาป้นั จน่ั สว่ นทา่ เรอื ทั้ง 2 ทา่ กเ็ ร่ิมหมดความส�ำคญั ลงไปเร่ือยๆ โดยมี
การขนสง่ ทางรถไฟเจรญิ ขน้ึ มาแทนที่ และตอ่ มาการขนสง่ ทางรถไฟกย็ งั ลา่ ชา้ เพราะใชเ้ วลา 1 - 2
วนั กวา่ สนิ ค้าจะเต็มตสู้ ินค้าขนสง่ มาทางรถไฟได้ การขนส่งทางรถไฟค่อยๆ ลดความส�ำคญั ลงไป
เม่ือมีการสร้างถนนเข้ากรุงเทพฯ อีกหลายสายเช่น ถนนสายเขาทราย-ตากฟ้า สายพิจิตร-
นครสวรรค์ การขนส่งทางรถยนต์จึงได้รับความนิยมมากข้ึน จนในท่ีสุดการขนส่งทางน�้ำก็
หมดความสำ� คญั ลงจนเลกิ ใช้ไปในทสี่ ดุ เสาปน้ั จน่ั ทเี่ คยมชี อ่ื เสยี งเปน็ ยา่ นหนง่ึ ของตลาดตะพานหนิ
ซ่ึงมีความส�ำคัญในด้านการค้าขาย การขนส่งทางน�้ำจึงหมดไป เหลือเพียงแต่ช่ือท่ีคนรุ่นใหม่
หลายคนก็ไม่รู้จักอีกแล้ว หวังเป็นอย่างย่ิงว่าต�ำนานเสาปั้นจั่นแห่งตะพานหินฉบับน้ี คงจะสร้าง
ความภาคภมู ิใจในอดีตทย่ี ง่ิ ใหญ่ของอำ� เภอตะพานหนิ โดยเฉพาะชาวตลาดตะพานหนิ ในฐานะท่ี
เป็นศูนยก์ ลางการขนสง่ ทางน้�ำและการขนส่งสนิ คา้ ทางการเกษตร

บรรณานุกรม

แกว้ สิงหะคเชนทร์ ตะพานหินอนสุ รณ์ 2515
คณะกรรมการอ�ำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์
เอกลกั ษณ์และภมู ปิ ญั ญา จงั หวดั พิจติ ร กรงุ เทพฯ:โรงพิมพ์ครุ ุสภา 2543
เทศบาลเมืองตะพานหิน www.Taphanhin.go.th 6 /12/2012
พงษช์ ยั ไทยวรรณศรี หนงั สอื พมิ พส์ ระหลวง ปฎริ ปู การศกึ ษา “ วนั วาน....ทตี่ ะพานหนิ ” วนั องั คาร
ท่ี 16 มีนาคม พ.ศ. 2553 หน้า 8
สมบูรณ์ เทพรักษ์ เอกสารประกอบการสอน วิชา ส 071 ทอ้ งถนิ่ ของเรา มปท.
ส�ำนกั งานจังหวดั พจิ ติ ร กระทรวงมหาดไทย ประวัตมิ หาดไทยสว่ นภมู ภิ าค จังหวัดพจิ ิตร พิจติ ร :
จุลดษิ ฐก์ ารพมิ พ์ 2530
หวน พินธพุ ันธ์ พิจติ รของเรา กรุงเทพฯ : กรงุ สยามการพิมพ์ 2520
องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดพจิ ติ ร การทอ่ งเทีย่ วและของดเี มอื งพจิ ิตร มปท.

ภาพเกา่ เล่าขาน ต�ำนานตะพานหนิ 69

บรเิ วณสีแ่ ยก (แถบรา้ นสยามวาณิช) ในอดีต หอ้ งแถวขวามอื ของภาพเปน็ ทตี่ ้ังของสถานอี นามยั ตะพานหิน Online Edition By OldPhotoTPH
สะพานทีก่ ำ� ลงั ขา้ ม คือสะพานขา้ มคลองนำ้� เขยี ว เจา้ ของภาพ คุณพรทพิ ย์ พานิชการ
จากซา้ ยนายสุขุม จนั ทรางศ,ุ นายไปล่  นว่ มเจิม, นายปน่ิ สหัสโชติ นายอำ� เภอ, นายเหลือ กลน่ิ เนตร และ
นายเปรอ่ื ง รอดอ่อง ถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2496-2497 บริเวณหน้าสถานตี �ำรวจภธู รตะพานหนิ และทท่ี �ำการอำ� เภอตะพานหนิ
เจา้ ของภาพ คณุ กาญจนา เวทวินิจ

70 ภาพเก่าเล่าขาน ตำ� นานตะพานหนิ

งานบวชพระภิกษุบริเวณถนนมธรุ สเมอ่ื พ.ศ. 2513 สุดภาพคือริมแม่น�้ำน่าน ซึง่ มีเสาป้ันจน่ั ตั้งอยู่
ถา่ ยเมอื่ วันท่ี 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 เจ้าของภาพ นายอำ� นวย บษุ ดี

ขุนค�ำวนั วัฒนกจิ (ก�ำนันโม้ มธรุ ส) นายเทยี นและนางเพ็ง แดงทองดี ซง่ึ บรจิ าคที่ดิน
บรจิ าคท่ีดินสรา้ งถนนจากส่ีแยก (ตั้งแต่ สรา้ งสโมสรข้าราชการ (ปจั จุบันอาคารหลังเกา่ ร้อื ไปแลว้ )
รา้ นสยามวาณิช) จนจดริมแมน่ �้ำน่าน เจา้ ของภาพ คณุ ธิดารตั น์ แดงทองดี
คอื ถนนมธรุ ส (ตอนจดแมน่ ้�ำน่านคือ
ที่ตั้งของท่าเรอื และเสาป้ันจั่น)
เจ้าของภาพ คณุ สิทธเิ ดช แซ่จวิ

นายแก้วและนางบญุ ชู สิงหะคเชนทร์ 71
ซ่ึงเป็นบคุ คลท่านแรกๆ ที่บันทึกประวัตศิ าสตร์
เมืองตะพานหินไว้อยา่ งละเอยี ด
เจ้าของภาพ นายบัวชุม เศรษฐะทัตต์

ภาพเกา่ เล่าขาน ต�ำนานตะพานหนิ

Online Edition By OldPhotoTPH

72 ภาพเก่าเลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหนิ

ภาพมมุ สูงแลเหน็ ตลาดตะพานหินอยา่ งชัดเจน 73
ถนนชมฐีระเวชอยู่ดา้ นบนของภาพ
และยงั เหน็ บา้ นริมน้�ำกบั เรือแพ ถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2508
เจา้ ของภาพ นายอำ� นาจ เตชะศริ สิ วสั ด์ิ

ภาพเกา่ เล่าขาน ตำ� นานตะพานหนิ

Online Edition By OldPhotoTPH

74 ภาพเก่าเลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหนิ

นายเยยี น โพธสิ ุวรรณ นายอำ� เภอตะพานหิน ป้ายสถานรี ถไฟตะพานหนิ
เดนิ ทางไปรบั ตำ� แหน่งใหม่ ถ่ายเมอื่ พ.ศ. 2496 กัยสาวนอ้ ย และ
เจา้ ของภาพ นายทศพล เตยี วประเสริฐกลุ ค�ำอธิบายวา่ สามารถ
เดนิ ทางตอ่ ไปจงั หวดั
เพชรบรู ณ์ได้ เจ้าของภาพ
คณุ เยาวลักษณ์ พจิ ติ รศิริ

ภาพหน้าซ้าย-บน 75
สถานรี ถไฟตะพานหนิ กับถังน้�ำขนาดใหญ่
ท�ำใหเ้ ป็นสถานีทร่ี ถไฟตอ้ งจอดพัก
เจ้าของภาพ นายเกยี รตยิ ศ รตั นะเลิศ
ภาพหน้าซา้ ย-ล่าง
บริเวณสถานร้ี ถไฟตะพานหนิ เม่ือ พ.ศ. 2517
เจา้ ของภาพ นายศกั ด์ิ ใจเขยี นดี

ภาพเกา่ เลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหนิ

การเดินทางทางน�ำ้ ในแม่น้�ำน่านยงั เป็นการขนส่งหลกั ทีม่ ีความส�ำคญั ในยคุ น้ัน เจ้าของภาพ รา้ นบญุ สง่ พานชิ ย์ Online Edition By OldPhotoTPH
ประมาณ พ.ศ. 2485-2486 รฐั บาลจอมพล ป. พิบลู สงคราม มนี โยบายย้ายเมอื งหลวงมาท่จี งั หวดั เพชรบรู ณ์ จึงมกี าร
ล�ำเลยี งวัสดกุ อ่ สร้างมาทางแมน่ �ำ้ น่านและมาขึ้นบกที่ อ.ตะพานหนิ เพอ่ื ขนสง่ ต่อโดยทางรถยนต์ไปยังจงั หวัดเพชรบรู ณ์
จึงต้องสรา้ งทา่ เรอื และปน้ั จั่นเพ่อื ขนยา้ ยสินคา้ ข้นึ จากเรือ และนี่คือทมี่ าของเสาปั้นจ่ันแหง่ ตะพานหิน
เจ้าของภาพ ร้านบญุ สง่ พานชิ ย์

76 ภาพเก่าเลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหิน

ทา่ เรือและเสาปั้นจนั่ เพ่ือยกสินค้าข้ึนลง อยู่ปลายสุดของถนนมธุรส 77
ติดกบั รมิ ตลง่ิ แม่น�้ำน่าน (บรเิ วณใตส้ ะพานรัฐราษฎร์รังสรรค์ปจั จุบัน)
เป็นทา่ เรือไม้ยื่นลงไปในแมน่ ้ำ� น่านประมาณ 10 เมตร มสี องช้ัน
ดา้ นบนมีเสาไมข้ นาดใหญส่ งู จากตลิ่งถงึ พน้ื ท่าเรือประมาณ 20 เมตร
ตัวเสาจะมแี กนเพอ่ื หมนุ เสาไปมาได้ บนเสามแี ขนยืน่ ออกไป
มีโชเ่ พอื่ ใช้รอกกวา้ นสินคา้ ขน้ึ มา เจา้ ของภาพ นายไกร ด่านศรชี าญชัย

ภาพเก่าเล่าขาน ตำ� นานตะพานหนิ

Online Edition By OldPhotoTPH

เสาปน้ั จน่ั ในจิตนาการจากภาพจดจ�ำทีศ่ ลิ ปนิ ผเู้ ขียนภาพเคยสมั ผสั ร่วมกบั ผู้อาวุโสมารว่ มบอกเลา่
ผ้เู ขียนภาพ นายไตร อสิ ราก�ำพต
78 ภาพเกา่ เล่าขาน ตำ� นานตะพานหิน

ภาพเสาป้นั จนั่ ซง่ึ ชดั เจน และมีรถบรรทุกจอดบนทา่ เรือ พอให้คดิ ได้ว่าในอดตี มบี รรยากาศเปน็ เชน่ ไร
เจา้ ของภาพ นายบญั ชา บรรพปกรณ์

งานกงเตก็ ในบริเวณเสาปน้ั จัน่ ซ่งึ คงจะถกู ถอดอุปกรณ์รอกออกแลว้ เหลอื แตเ่ สาไม้ 79
แตก่ ย็ งั คงเป็นท่าเรอื ขน้ึ ลงสนิ คา้ อยู่อกี หลายปี เจา้ ของภาพ คุณพรทิพย์ พานิชการ

ภาพเกา่ เล่าขาน ต�ำนานตะพานหนิ

Online Edition By OldPhotoTPH

ภาพสะพานเสาปน้ั จน่ั ทเ่ี หลืออยู่ เจา้ ของภาพ นายสุวรรณ เทพทินกร
80 ภาพเกา่ เล่าขาน ตำ� นานตะพานหนิ

ภาพทส่ี วยงามบนสะพานเสาป้ันจั่น ฉากหลังติดภาพเมืองตะพานหินราว พ.ศ. 2490 81
เจา้ ของภาพ นายสวุ รรณ เทพทนิ กร

ภาพเก่าเล่าขาน ตำ� นานตะพานหิน

เมือ่ พ.ศ. 2512 สะพานและเสาป้ันจั่นกถ็ กู รอื้ ออก Online Edition By OldPhotoTPH
เมอื่ เร่มิ ดำ� เนินการสร้างสะพานรฐั ราษฎร์รังสรรค์
แลเหน็ เรอื แพมากมายตลอดรมิ นำ้� นา่ น ราว พ.ศ. 2510
เจา้ ของภาพ นายบัญชา บรรพปกรณ์
82 ภาพเก่าเล่าขาน ตำ� นานตะพานหนิ

เจา้ ของภาพ
นายบัญชา บรรพปกรณ์

ภาพเก่าเล่าขาน ต�ำนานตะพานหิน 83

ภาพถา่ ยเสาปนั่ จั่น ในภาพ คือ โกแหง้ (อุม้ เดก็ ) มบี า้ นเรือนอยู่ใกลก้ ับเสาป้ันจ่นั ถ่ายกอ่ นพ.ศ. 2500 Online Edition By OldPhotoTPH
เจ้าของภาพ นายไกร ดา่ นศรีชาญชัย

ภาพคงุ้ นำ้� ที่คลาคล่�ำไปด้วยเรอื ถ่ายจากสะพานเสาปนั้ จั่นไปทางทศิ ใต้ เจา้ ของภาพ คุณสมคิด จันทร์ข�ำ
84 ภาพเก่าเล่าขาน ตำ� นานตะพานหนิ

เจ้าของภาพ นายไกร ดา่ นศรชี าญชยั

ภาพเก่าเลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหนิ 85

หพลุทวธงพพชิ ่อัย

สมบูรณ์ เทพรักษ์

วัดตะพานหินต้ั งอยู่เลขที่ 40 ถนน Online Edition By OldPhotoTPH
รมิ นา่ น ในเขตเทศบาลเมอื งตะพานหนิ จ.พจิ ติ ร
เร่มิ กอ่ ต้ังขึน้ เมอื่ พ.ศ. 2457 โดยขุนหว้ ยเกตุ วดั ตะพานหนิ สรา้ งเมอ่ื พ.ศ. 2457
เกษม(เพน เพญ็ ศร)ี และพวกรวม 14 คน โดย โดยขนุ หว้ ยเกตเุ กษม (เพน เพ็ญศรี)
เร่ิมแรกนั้น ก่อต้ังวัดอยู่ในเขตบ้านตะพานหิน ถ่ายเมอ่ื พ.ศ. 2496
ต�ำบลหว้ ยเกตุ อำ� เภอเมืองพิจิตร (ในสมยั น้ัน เจา้ ของภาพ คณุ จรยิ า ศศลิ าวัณย์
ยงั ไม่ปรากฏชอ่ื ของอำ� เภอตะพานหนิ ) มเี นือ้ ท่ี ภาพหน้าขวา
9 ไร่ 3 งาน 20 ตารางวา เป็นศาสนสถานสงั กัด ภาพถ่ายหลวงพ่อพทุ ธพชิ ัยในแผ่นกระดาษ
คณะสงฆ์มหานิกาย ต่อมาได้รับพระราชทาน จ�ำหน่ายในงานวัด โดยร้านถ่ายรูปสกลลกั ษณ์
วิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. เมอื่ พ.ศ. 2503 เจ้าของภาพ คณุ อมั พร เวทวนิ จิ
2523

พระพุทธรูปหลวงพ่อพุทธพิชัยเป็น
พระพุทธรูปคู่บารมีของวัดตะพานหินองค์หน่ึง
ท่ีมีพุทธลักษณะงดงามมาก ทราบแต่เพียงว่า
เม่ือ พ.ศ. 2472 นายสมบูรณ์ (ไม่ทราบ
นามสกุล) อัญเชิญมาจากอ�ำเภอพชิ ัย จงั หวดั
อตุ รดติ ถ์ มีแตเ่ พยี งเศียรเทา่ นั้น สนั นษิ ฐานวา่
เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย (แต่เม่ือพิจารณา
จากพทุ ธลกั ษณะนา่ จะเปน็ สมยั อยธุ ยาตอนตน้ )
สร้างด้วยศิลามีลักษณะเกลี้ยงเกลา แต่ด้วย
เหตผุ ลใดไมท่ ราบนายสมบรู ณจ์ งึ นำ� แตเ่ ศยี รมา
ถวายต่อหลวงพ่อบุญมา (พระพิบูลศีลสุนทร)
เจา้ อาวาสวดั ตะพานหนิ ในสมัยนั้น

พ.ศ. 2472 หลังจากรับเศียรหลวงพ่อ
พทุ ธพชิ ยั ได้ไมน่ าน พระพบิ ลู ศลี สนุ ทร (บญุ มา)

86 ภาพเกา่ เล่าขาน ตำ� นานตะพานหิน

ภาพเกา่ เลา่ ขาน ต�ำนานตะพานหิน 87

เจา้ อาวาสวัดตะพานหิน พระปลดั เจริญ ปญุ ญฺ สุวณั โณ รองเจา้ อาวาสและนายสมบูรณ์ได้ปรกึ ษา Online Edition By OldPhotoTPH
กันว่าควรจะปั้นองค์พระพุทธรูปให้สมบูรณ์ จึงไปหาช่างฝีมือดีจากเมืองปากน�้ำโพ จังหวัด
นครสวรรค์ ชอื่ นายยังและนายนพจัดการป้นั รูปขึ้นเป็นองค์พระ ท�ำการป้ันดว้ ยปนู ซีเมนต์โดยปนั้
ตอ่ จากเศยี รลงมาจนเปน็ องคพ์ ระ ใชเ้ วลาปน้ั และลงรกั ปดิ ทองประมาณ 3 เดอื นจงึ สำ� เรจ็ เปน็ องค์
พระพุทธรูปปางมารวิชัย และจึงจัดให้มีพิธีพุทธาภิเษกและมหรสพสมโภชเป็นเวลา 3 วัน
3 คืน ในวาระนี้พระพิบูลศีลสุนทรจึงได้ขนานนามพระพุทธรูปว่า “หลวงพ่อพุทธพิชัย” เหตุที่
ขนานนามเชน่ นก้ี เ็ พราะเปน็ เศยี รพระพทุ ธรปู ท่ีไดม้ าจากอำ� เภอพชิ ยั จงึ ต้ังชอ่ื พระพทุ ธรปู ตามชอื่
เมืองพิชยั ขณะท่ีบางคนกลา่ ววา่ เพอ่ื เทิดเกยี รติแด่ “พระยาพชิ ัยดาบหกั ” เจา้ เมอื งพิชัยในสมยั
สมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี ซงึ่ ปรากฏวา่ หลวงพอ่ พทุ ธพชิ ยั ชอบทหารมาก และตรงกบั ความจรงิ ทว่ี า่
ผู้ใดก็ตามท่ีมาบนบานศาลกล่าวหลวงพ่อพุทธพิชัยในการคัดเลือกทหารเกณฑ์ไม่ให้ถูกทหาร
(ไม่ให้ได้รับใบแดง) มักจะได้ใบแดงเสมอจนท่ีเป็นกล่าวขานกันทั่วไปว่าหลวงพ่อพุทธพิชัยชอบ
ทหารจนไมม่ ผี ู้ใดกล้าบนบาน

ต่อมาขุนห้วยเกตุเกษม (เพน เพ็ญศรี) ก�ำนันต�ำบลห้วยเกตุในขณะนั้ นมีจิตศรัทธาสร้าง
กฏุ ิไมถ้ วายและอญั เชญิ หลวงพอ่ พทุ ธพชิ ยั เขา้ ประดษิ ฐาน ซงึ่ บรเิ วณทตี่ ้ังกฏุ ิในขณะนั้นคอื บรเิ วณ
ท่ีตั้ งฐานชุกชีท่ีประดิษฐานหลวงพ่อพุทธพิชัยในวิหารปัจจุบัน นับแต่หลวงพ่อพุทธพิชัยเข้ามา
ประดิษฐานในกฏุ ิ เม่อื พ.ศ 2472 แล้ว กม็ ิได้มกี ารจดั งานสมโภชอีกเลย แต่ตลอดระยะเวลาท่ี
ผา่ นมาชาวตะพานหนิ มคี วามเลอื่ มใสศรทั ธาเชอื่ มนั่ วา่ เปน็ พระพทุ ธรปู ทศ่ี กั ดสิ์ ทิ ธ์ิ เปน็ ทเ่ี คารพบชู า
ของคนท่วั ไปท้ังในอ�ำเภอตะพานหนิ และอ�ำเภอใกล้เคียง

เม่ือ พ.ศ. 2496 เกิดไฟไหม้ตลาดตะพานหิน มีผู้หญิงคนหนึ่งตกใจตักน�้ำมาหนึ่งขันแล้ว
เทยี่ วประพรมตามสถานที่ต่างๆ ทีอ่ ยู่ใกลเ้ คยี งบริเวณที่ไฟไหมอ้ ยู่ ปากกพ็ รำ�่ บน่ วา่ หลวงพอ่ พุทธ
พิชัยช่วยด้วยๆ และปรากฏว่าบริเวณที่ถูกน้�ำประพรมนั้ นไฟไม่ไหม้เป็นที่น่าอัศจรรย์ นอกจากนี้
กม็ คี นเสียจริตได้ไปดม่ื น�้ำพระพทุ ธมนต์และขอนำ้� มนต์ไปรักษาจนหายจากการปว่ ยมีอยู่หลายคน
และยงั มคี นเลา่ สบื ตอ่ กนั มาวา่ มบี า่ ว-สาวคหู่ นง่ึ พากนั มาใหค้ ำ� มน่ั สญั ญาตอ่ หนา้ หลวงพอ่ พทุ ธพชิ ยั
ว่าจะมีความรักเดียว ใจเดียว ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงผิดค�ำม่ันสัญญาก็ขอให้มีอันเป็นไป ต่อมาฝ่าย
ชายผดิ ค�ำสัญญาโดยไปแตง่ งานกับหญงิ อน่ื หลงั จากนั้นไมน่ านก็ประสบอบุ ัติเหตรุ ถจกั ยานยนต์
จนถงึ แกค่ วามตาย เหตุการณท์ ่ีส�ำคัญเกีย่ วกับความศกั ดส์ิ ิทธ์ขิ องหลวงพ่อพทุ ธพชิ ัยยงั มีอีกมาก
จนเปน็ ทีเ่ ลื่อมใสของประชาชนในเขตอำ� เภอตะพานหนิ และเขตใกล้เคยี งมาจนทุกวันน้ี

เมอ่ื พ.ศ. 2504 นายเหลอื กลิน่ เนตรเป็นหัวหน้ารว่ มกบั ผ้มู จี ติ ศรทั ธาชาวตะพานหนิ ได้
รว่ มจดั สรา้ งวหิ ารขน้ึ หลงั หนง่ึ ทางดา้ นใตข้ องวดั (ตรงบรเิ วณกฏุ เิ ดมิ ของหลวงพอ่ พทุ ธพชิ ยั ) กวา้ ง
3 วา ยาว 6 วาเศษ อยูท่ างหนา้ ศาลาปนู หลังเกา่ หนั หนา้ ขึน้ ไปทางเหนอื เป็นวิหารที่งดงามมาก
หลงั หนึง่ แลว้ เสร็จเมอ่ื พ.ศ. 2507 สิน้ เงินค่าก่อสรา้ ง 4 แสนบาท จากนั้นจึงอัญเชิญหลวงพอ่
พุทธพชิ ยั เขา้ ไปประดิษฐานบนฐานชกุ ชีในวิหารหลงั ใหม่ และในเดือน 4 ข้นึ 4 คำ่� พ.ศ. 2507 มี
มหรสพสมโภช 5 วัน 5 คนื และจดั ตดิ ต่อมาทกุ ๆ ปี จนถึง พ.ศ. 2515 จึงได้เปล่ียนเวลาจดั งาน
ใหมโ่ ดยยึดเอาวนั ที่ 9 มกราคมของทุกปี งานเทศกาลไดม้ าจนถงึ ปจั จบุ นั

หลวงพ่อพุทธพิชัยเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยซึ่งถือว่าเป็นปางที่ย่ิงใหญ่แสดงอิทธิฤทธ์ิ
เอาชนะมารได้ หลวงพ่อพุทธพิชัยมีขนาดหน้าตักกว้าง 39 นิ้ว ความสูงองค์พระจนถึงพระเกศ

88 ภาพเกา่ เล่าขาน ตำ� นานตะพานหิน

พระครูพบิ ูลศลี สนุ ทร(บุญมา)เจา้ อาวาสวดั ตะพานหนิ ซ่งึ จา้ งช่างจากนครสวรรค์ชอ่ื นายยังและนายนพมาป้ันองค์หลวงพอ่
เป็นเวลา 3 เดือน ได้พระพทุ ธรปู ปางมารวิชัยทงี่ ดงาม และไดข้ นานนามว่า หลวงพ่อพทุ ธพชิ ยั ถ่ายเม่ือ พ.ศ. 2496
เจา้ ของภาพ นายอำ� นาจ เตชะศิริสวสั ด์ิ

ภาพเก่าเลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหิน 89

มาลาสูง 47 น้ิว และจนถึงส่วนยอดของซุ้มเรือนแก้วสูง 65 นิ้ว ฐานชุกชีจากพื้นวิหารจนถึง Online Edition By OldPhotoTPH
องค์พระสูง 69 น้ิว รวมความสูงจากฐานองค์พระจนถึงส่วนยอดของซุ้มเรือนแก้วสูง 134 นิ้ว
พ้นื ผนงั วิหารดา้ นหลังสีฟา้ มีม่านปนู ป้ันสแี ดงทั้ง 2 ดา้ น รวบด้วยเชือกสชี มพู บนผา้ ม่านปรากฏ
เทพนมลอยบนเมฆหันหน้าเข้าหาองค์หลวงพ่อพุทธพิชัย ท�ำให้องค์พระพุทธพิชัยสีทองงามเด่น
อยูต่ รงกลาง

ตลอดระยะเวลาเกอื บ80 ปที ห่ี ลวงพอ่ พทุ ธพชิ ยั ประดษิ ฐานอยทู่ ว่ี ดั ตะพานหนิ ความเลอื่ มใส
ศรทั ธาของประชาชนกม็ แี ตจ่ ะเพมิ่ มากขนึ้ เปน็ ทวคี ณู ดไู ดจ้ ากทกุ วนั จะมผี เู้ ขา้ ไปกราบไหว้ในแตล่ ะ
วันมากข้ึน ใครมีความทุกข์ร้อนทางใจก็จะมาอธิษฐานขอโชคขอลาภ ทุกข์กายทุกข์ใจก็จะมา
บนบาลศาลกลา่ วหลวงพอ่ พทุ ธพชิ ยั และดเู หมอื นเกอื บจะทกุ กรณหี ลวงพอ่ พทุ ธพชิ ยั กจ็ ะแผเ่ มตตา
ช่วยเหลือใหส้ มปรารถนา จึงปรากฏมีเคร่อื งบชู าบวงสรวงแกบ้ นทกุ วนั มีหัวหมู ไกต่ ม้ พวงมาลยั
ดอกมะลิ โดยเฉพาะกลว้ ยน�้ำว้าจะมที กุ วันไม่เคยขาด ประชาชนในตลาดตะพานหนิ (เขตเทศบาล
เมอื งตะพานหนิ ) เคารพนบั ถอื มาก นบั ถอื วา่ เปน็ พระพทุ ธรปู ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ บางทา่ นบนแลว้ ประสบความ
สำ� เรจ็ ทยี่ งิ่ ใหญเ่ ชน่ บนขายทดี่ นิ ขายของ กจ็ ะมมี หรสพสมโภช เชน่ ลเิ ก ภาพยนตร์ ดนตรี ทำ� ให้
งานประจำ� ปีของหลวงพอ่ พทุ ธพิชยั จะมีเจ้าภาพทแ่ี ก้บนมาโดยตลอด

รายไดจ้ ากการกราบไหว้บชู าหลวงพ่อพุทธพิชยั ทางวดั ตะพานหินได้เกบ็ รวบรวมไว้เป็นทุน
ในการบูรณะซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด รายได้ส่วนใหญ่ของวัดตะพานหินมาจากการ
บริจาคของท่านผู้มีจิตศรัทธาต่อหลวงพ่อพุทธพิชัย จึงอาจกล่าวได้ว่าหลวงพ่อพุทธพิชัย เป็น
พระพทุ ธรปู คบู่ ารมขี องวดั ตะพานหนิ เปน็ ทเี่ ชดิ หนา้ ชตู าและเคารพสกั การะของประชาชนชาวตลาด
ตะพานหินอย่างแท้จรงิ

วตั ถมุ งคลของหลวงพอ่ พทุ ธพชิ ยั ซง่ึ มกี ารจดั ทำ� มาแลว้ นั้นพอจะบนั ทกึ ได้ ดงั น้ี รนุ่ แรกสรา้ ง
เมอื่ พ.ศ. 2515 คราวงานฝง่ั ลกู นมิ ติ อโุ บสถหลงั ใหญ่ โดยสรา้ งเปน็ ลอ็ กเกตรปู หลวงพอ่ พทุ ธพชิ ยั
และเหรียญรูปไข่ชุบทองด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อพุทธพิชัย ด้านหลังเป็นรูปพระสุพรรณรังษี
(หลวงพอ่ ขาว) รุน่ สองสร้างเม่ือพ.ศ. 2536 ดา้ นหน้าเปน็ รปู หลอ่ หลวงพ่อพุทธพิชยั ด้านหลงั เป็น
รูปหลวงพ่อแพ (วดั พิกุลทอง)

ปจั จบุ นั วดั ตะพานหนิ ไดจ้ ดั ใหม้ งี านนมสั การหลวงพอ่ พทุ ธพชิ ยั เปน็ ประจำ� ทกุ ปี โดยมมี หรสพ
สมโภช ระหวา่ งวนั ที่ 28 ธันวาคม – 5 มกราคมของทกุ ปี รวม 9 วนั 9 คนื

บรรณานกุ รม

วดั ตะพานหิน ศูนย์ข้อมูลกลางวัฒนธรรม
www.m-culture.in.th/moc-new/album/121778/วดั ตะพานหิน/23/12/2012

90 ภาพเก่าเลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหิน

นายเหลอื กล่นิ เนตร และผู้มจี ิตศรทั ธา
ชาวตะพานหนิ ไดร้ ่วมทุนกนั สรา้ งวิหาร
ถวายแกห่ ลวงพอ่ พทุ ธพิชัย เมอ่ื พ.ศ. 2504
แล้วเสร็จ พ.ศ. 2507 ใช้เงนิ กอ่ สร้าง
ไปสแี่ สนบาท
เจา้ ของภาพ วัดตะพานหิน
ใบอนโุ มทนาบัตรมอบใหแ้ ก่ผู้บริจาคเงนิ สร้าง
วหิ ารหลวงพอ่ พทุ ธพชิ ัย เมอ่ื พ.ศ. 2504
เจา้ ของภาพ นายสมบัติ อสิ ราก�ำพต

ภาพเก่าเล่าขาน ตำ� นานตะพานหิน 91

วหิ ารหลังใหม่สรา้ งทางทศิ ใต้ของวดั ตะพานหนิ บรเิ วณที่เป็นกฎุ เิ ดมิ ของหลวงพ่อพทุ ธพชิ ยั ถ่ายเมอ่ื พ.ศ. 2504 Online Edition By OldPhotoTPH
เจา้ ของภาพ นายสมบัติ อิสราก�ำพต
การวางฐานของวิหารหลวงพอ่ พทุ ธพิชยั ดว้ ยเงินและความศรทั ธาของชาวตะพานหนิ ถ่ายเมือ่ พ.ศ. 2504
เจ้าของภาพ นายสมบัติ อสิ รากำ� พต

92 ภาพเก่าเลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหนิ

วหิ ารใหม่ของหลวงพ่อพุทธพิชัยขณะกำ� ลังก่อสร้าง เหน็ ป้ายตลาดอดุ มศรอี ยู่ขวามอื และยงั เห็นวหิ ารเดมิ อยู่ภายใน
เม่ือ พ.ศ. 2504 เจ้าของภาพ วัดตะพานหนิ
นายเหลือ กลน่ิ เนตร มีจิตศรทั ธาได้สรา้ งวหิ ารหลวงพอ่ พทุ ธพชิ ยั สำ� เรจ็ ถ่ายเมอื่ พ.ศ. 2504
เจ้าของภาพ นายสมบัติ อสิ รากำ� พต

ภาพเก่าเล่าขาน ตำ� นานตะพานหนิ 93

Online Edition By OldPhotoTPH

นายเหลือ กลน่ิ เนตร กบั หลวงพอ่ พุทธพชิ ัยในวิหารเมื่อสร้างเสร็จใหมๆ่ โดยในวนั ขนึ้ 4 คำ�่ เดือน 4 พ.ศ. 2507
ไดม้ ีพธิ ีอัญเชญิ หลวงพ่อพุทธพิชยั ขน้ึ ประดษิ ฐานบนฐานชุกชีในวหิ ารและจดั งานสมโภชฉลอง 5 วัน 5 คืน
ถ่ายเม่ือ พ.ศ. 2507 เจา้ ของภาพ นายสมบตั ิ อสิ รากำ� พต
94 ภาพเกา่ เล่าขาน ตำ� นานตะพานหิน

ภาพพมิ พ์ของหลวงพ่อพทุ ธพชิ ัย ในงานฉลอง ปี 2508 เจ้าของภาพ นายอัมพร เวทวินจิ 95
ภาพเกา่ เล่าขาน ตำ� นานตะพานหนิ

งานบวชพระภกิ ษขุ องชาวตะพานหนิ ซึ่งผู้ท่ีบวชมกั จะตอ้ งมากราบขอพรจากหลวงพอ่ พทุ ธพิชยั Online Edition By OldPhotoTPH
ถ่ายบรเิ วณส�ำนกั งานประปาตะพานหิน เจา้ ของภาพ นายสมศกั ดิ์ แสงหริ ัญ
งานบวชพระ นาคจะเขา้ มากราบขอพรจากหลวงพ่อพทุ ธพชิ ัย รวมถึงนาคจากวดั อื่นๆ กจ็ ะมากราบขอพรดว้ ย
ถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2514 เจา้ ของภาพ คณุ เสาวณี โตวรคณุ

96 ภาพเก่าเลา่ ขาน ตำ� นานตะพานหนิ

หลวงพ่อพทุ ธพิชยั วดั ตะพานหนิ เจา้ ของภาพ นายทศพล เตยี วประเสรฐิ กุล

นาคจะเข้ามาสักการะหลวงพอ่ พุทธพชิ ัยในวหิ าร พระภกิ ษบุ วชใหมถ่ า่ ยภาพเปน็ ท่รี ะลกึ ในวหิ าร และ
ถา่ ยเมอ่ื พ.ศ.2514 เจา้ ของภาพ คุณเสาวณี โตวรคุณ เชอ่ื กนั วา่ ค�ำว่าพิชยั น้ัน ส่วนหนึง่ มาจากพระยาพิชัยดาบหัก
ดงั น้ันหลวงพ่อพุทธพิชยั จงึ โปรดการทหาร หากใครมาขอให้
ไมต่ ้องเปน็ ทหารกม็ ักถูกใบแดงทกุ ครั้ง
เจ้าของภาพ คุณอัมพร เวทวนิ ิจ

ภาพเก่าเล่าขาน ตำ� นานตะพานหิน 97

วิหารทนี่ ายเหลอื กลิน่ เนตรและคณะศรทั ธาชาวตะพานหนิ รว่ มสร้างเม่อื พ.ศ. 2504 Online Edition By OldPhotoTPH
เจา้ ของภาพ นายทศพล เตยี วประเสริฐกลุ

หอระฆังวดั ตะพานหิน
เจ้าของภาพ วดั ตะพานหิน
ภาพวัดตะพานหินในอดตี ถ่ายเมอื่ พ.ศ.2496
เจ้าของภาพ นายจรยิ า ศศลิ าวณั ย์
98 ภาพเกา่ เล่าขาน ตำ� นานตะพานหนิ


Click to View FlipBook Version