มรดกวฒั นธรรมและเศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์:
SOFT POWER เพอ่ื การพฒั นาทย่ี งั่ ยืน
หนว่ ยข้อมลู และสำนกั งานผอู้ ำนวยการ
สำนกั งานคณะกรรมการสง่ เสรมิ วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม
คำนำ
จากปรากฏการณ์ความนิยมในตัวศิลปินและภาพยนตร์ซีรีส์ของเกาหลีใต้ที่เผยแพร่อิทธิพลทาง
วัฒนธรรมไปทว่ั โลก ได้ปลกุ กระแส Soft power ให้ตื่นตัวในประเทศไทยอีกคร้ัง โดยนายกรัฐมนตรขี องไทยได้
กล่าวชื่นชมความสำเร็จของศิลปินไทย ทุกสาขาศิลปะ ดนตรี ภาพยนต์ ออกแบบดีไซน์ รวมถึงบุคคลที่มี
ส่วนเกี่ยวข้อง และเชื่อมั่นว่าจะช่วยจุดประกาย สร้างแรงบันดาลใจแก่เยาวชนและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายใน
การรังสรรค์ศิลปวัฒนธรรมไทยและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เป็นพลังที่เพิ่มมูลค่า อีกทั้งเป็นที่รู้จักแพร่หลาย
ในระดับโลก โดยอาศัยจุดแข็งของประเทศไทยที่มีต้นทุนอันอุดมด้วยทรัพยากรที่เอื้ออำนวยตอ่ การสร้างพลัง
แห่งการขับเคลื่อนไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเท่ียว อาหารและสมุนไพร
ตลอดจนศิลปวฒั นธรรมไทยแขนงตา่ ง ๆ ที่มเี อกลกั ษณ์และสืบทอดเปน็ มรดกวฒั นธรรมมายาวนาน
สกสว.ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและ
นวัตกรรม (ววน.) และจดั การระบบงบประมาณของกองทนุ ววน. ตระหนักถงึ ความสำคญั ของมรดกวัฒนธรรม
อันล้ำค่าและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ประเภทต่าง ๆ ที่จะเป็น Soft power อันเข้มแข็งและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ของประเทศ จึงได้วิเคราะห์สถานการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนรวบรวมองค์ความรู้ต่าง ๆ
จากวิทยานิพนธ์และงานวิจัยสำคัญในประเทศไทย บทบาทของ ววน. ในการผลักดันมรดกวัฒนธรรมและ
เศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมกับข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เพื่อเป็นแนวทางในการสนับสนุนให้เกิดระบบนิเวศ
ของการพัฒนานวัตกรรมและทรพั ยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ส่งเสรมิ ความเป็นไทยและยกระดับสู่สากล
บนฐานของความหลากหลายทางชีวภาพและความหลากหลายทางวัฒนธรรมตามแนวทางของ BCG Model
อนั เป็นโมเดลเศรษฐกจิ ส่กู ารพฒั นาทยี่ ่ังยืน ตลอดจนใหค้ วามสำคญั กับวฒั นธรรมร่วมของภูมภิ าคเอเชยี เพอ่ื ใช้
พลังของ Soft Power ส่งเสริมความสมั พันธ์อนั เดีระหวา่ งประเทศ
หน่วยขอ้ มลู และสำนักงานผู้อำนวยการ
สำนกั งานคณะกรรมการส่งเสริมวทิ ยาศาสตร์ วิจัยและนวตั กรรม (สกสว.)
ผ้จู ัดทำ
24 ธันวาคม 2564
สารบัญ
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา หน้า
แนวคดิ ยทุ ธศาสตร์ และนโยบายทเี่ กีย่ วข้อง 1
พลังอำนาจแหง่ ชาติ 4
วัฒนธรรมร่วมในอษุ าคเนย์ 4
Soft Power Diplomacy 5
South KOREA’s STRATEGY 7
ปแี ห่งเศรษฐกจิ สรา้ งสรรคเ์ พื่อการพฒั นาที่ยง่ั ยนื 8
เศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์: อนาคตเศรษฐิจโลก 11
การพฒั นาเศรษฐกิจสร้างสรรคใ์ นแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ 12
แผนแมบ่ ทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580) 13
แผนแมบ่ ทแหง่ ชาตวิ า่ ดว้ ยการพฒั นาสมนุ ไพรไทย ฉบบั ที่ 1 พ.ศ. 2560 – 2564 16
แผนปฏิบัติดา้ นการขับเคลือ่ นการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG 20
23
พ.ศ. 2564-2570 กระทรวงการอดุ มศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวตั กรรม
นโยบายและยทุ ธศาสตรก์ ารอุดมศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวตั กรรม พ.ศ. 2563-2570 25
แผนดา้ นวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตั กรรม (ววน.) 26
ตวั อย่างงานวิจัยเกี่ยวกบั มรดกวัฒนธรรม เศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ และ Soft power 27
27
• Soft power ของเกาหลใี ต้: จดุ แข็งและข้อจำกัด 34
• ชุดโครงการจบั ตาอาเซียน (ASEAN Watch) 39
• อโยธยาศรรี ามเทพนครบวรทวารวดี และอนรุ กั ษโ์ ครงสร้างโบราณสถานตามหลกั วิศวกรรม 44
• หมอเมือง...การแพทยล์ า้ นนา 52
• สบื สานภูมปิ ญั ญาไทย ด้วยสมุนไพรท้องถ่ิน 55
• การสร้างความเปน็ ห้นุ ส่วนของสถาบนั อดุ มศึกษากบั รฐั และเอกชน
62
ในการสง่ เสรมิ ความเป็นสังคมสร้างสรรค์ 68
• แนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์เพือ่ ความเท่าเทยี มกนั ของคนในสังคมเมืองกรงุ เทพฯ
• การสำรวจศักยภาพของการพัฒนาเศรษฐกิจบนฐานวฒั นธรรม: 76
82
กรณีศึกษายา่ นเยาวราช-เจริญกรงุ 87
• การพัฒนาทุนทางศิลปะและวฒั นธรรมยา่ นเยาวราช 91
• ศลิ ปากรพัฒนาเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์เพ่ือความย่งั ยืนของสงั คมและชมุ ชน ระยะที่ 3 97
• โขน : ศิลปะประจำชาตไิ ทยและสอ่ื วัฒนธรรมในบริบทสงั คมร่วมสมยั 99
• แนวทางการสบื สานศิลปะมโนราห์ จังหวดั ตรงั
• โนราโรงครูทา่ แคกับการสืบทอดและสร้างความสมั พนั ธใ์ นชมุ ชน
• การสำรวจและศึกษาทุนทางวัฒนธรรมเพอ่ื พฒั นาเสน้ ทางท่องเที่ยวเชงิ วัฒนธรรม
“ตามรอยวรรณคดีนริ าศเร่ืองพระประธมของสุนทรภู”่ ในจังหวัดนครปฐม นนทบรุ ี
และกรุงเทพมหานคร
หนา้
• การศกึ ษาศักยภาพและมูลค่าของผลิตภัณฑ์การท่องเทยี่ วต่อการสรา้ งรายได้ 104
ของจังหวดั ชัยนาท สิงหบ์ รุ ี สระแก้ว และสมทุ รสาคร ในเขตภาคกลาง
• แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการทอ่ งเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรมเพ่ือสรา้ งมูลคา่ เพิ่ม 109
กรณีศึกษา: เสน้ ทางท่องเท่ียวอารยธรรมลา้ นนา
• การพฒั นาและสง่ เสริมการท่องเที่ยว: ตลาดนักท่องเที่ยวจนี 116
• การจดั ทำแผนท่ีทางวัฒนธรรม เพ่ือสนบั สนนุ การขับเคล่อื นเมืองเชียงใหมเ่ ปน็ เครือขา่ ย 122
เมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (สาขาหตั ถกรรมและศิลปะพืน้ บ้าน)
• ลำปางเมอื งแห่งการเรียนรู้ 129
• การยกระดบั การทอ่ งเท่ียวเชิงสรา้ งสรรค์ด้านวฒั นธรรมอาหารอยธุ ยา เมอื งทา่ แหง่ ตะวนั ออก 133
• การพฒั นาการท่องเที่ยวเชงิ วัฒนธรรมอาหารไทยของชุมชนในเขตพัฒนาการท่องเทยี่ วเมืองรอง 143
ชายฝ่ังทะเลตะวนั ออก (ระยอง-จันทบรุ ี-ตราด)
• ความเปน็ ไทยของร้านอาหารตม้ ยำในประเทศมาเลเซยี 146
• การทอ่ งเท่ยี ววิถีชาวนาไทยเพ่ือตลาดการทอ่ งเทยี่ วระดบั โลก 149
• การบรหิ ารและจัดการการท่องเทยี่ วชมุ ชนเพอ่ื รองรับการรวมกลุม่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น 156
• แนวทางการเสริมสร้างการท่องเทีย่ วไทยส่เู ศรษฐกจิ ขบั เคลื่อนด้วยคุณคา่ 161
• การบริหารจดั การแผนงานการเตรยี มความพรอ้ มประเทศไทยเชิงรุกใหเ้ ป็นจดุ หมายปลายทาง 168
การท่องเทยี่ วเชงิ สุขภาพที่มีคุณภาพ
• การพัฒนาศักยภาพของการท่องเที่ยวเชงิ สุขภาพจังหวดั ลำปางเพื่อใหเ้ ป็นศนู ย์กลางท่องเทยี่ ว 173
เชงิ สขุ ภาพในภาคเหนือ (Lanna Wellness Tourism)
• การพัฒนาตน้ แบบการบรหิ ารจัดการการท่องเท่ียวเชิงกีฬาในกลุ่มกิจกรรม มวยไทย 177
ป่นั จักรยาน และวิ่ง (Fight Ride Run) สกู่ ารท่องเที่ยวดจิ ิทัลของประเทศไทย
• การพัฒนาการท่องเทยี่ วเชงิ กีฬา: มวยสวุ รรณภมู ิ 181
• การสื่อสารอัตลักษณ์ความเป็นชาตใิ นกฬี ามวยไทย 191
• ภาพอนาคตการท่องเท่ียวไทยหลงั โควิด-19 194
• อนาคตฐานบุคลกั ษณข์ องนักท่องเทยี่ ว ก่อน ระหวา่ ง และหลังโควิด-19 ระบาด 199
• ผลกระทบจากไวรสั โควดิ -19 ตอ่ ภาคเศรษฐกิจและการท่องเทีย่ วไทย 202
• การหลุดพน้ จากกบั ดักประเทศรายไดป้ านกลาง กลมุ่ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 210
• กลยทุ ธเ์ ศรษฐกิจสรา้ งสรรค์ท่ีมผี ลตอ่ ความสำเรจ็ ขององค์กรธุรกิจ: กรณศี ึกษาผปู้ ระกอบการ 217
อตุ สาหกรรมภาคกลางตอนบน
มรดกวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์สู่ Soft power ทแ่ี ข็งแกร่ง 220
บทบาทของ ววน. ในการผลักดันมรดกวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 228
งานวจิ ยั Soft power ท่ีผ่านมา 228
บทบาทของ ววน. และงานวจิ ัยปัจจุบนั 229
แผนอนาคตของ ววน. 244
ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย 260
Soft Power สู่การพฒั นาทีย่ ่ังยืน
ความเปน็ มาและความสำคญั ของปัญหา
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้อิทธิพลทางวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ได้เผยแพร่สู่ประชาชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
ทั้งซีรีส์ ดนตรี การแต่งกาย และอาหาร อุตสาหกรรมเหล่านี้ยังเติบโตและพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อน มี
ร้านอาหารเกาหลีที่เพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่อง มีสถานท่ีท่องเที่ยวที่สร้างบรรยากาศเหมือนเดินอยู่เมียงดงใจกลาง
กรุงเทพอย่างโคเรียน ทาวน์ (Korean Town) และแฟชั่นสไตล์ K-POP ซึ่งล้วนเป็นผลจากการเผยแพร่
Soft power จากเกาหลีใต้ทั้งสิ้น อุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้จะทรงอิทธิพลอย่างปัจจุบันนี้ไม่ได้หาก
ขาดการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลของเกาหลีใต้วางแผนระดับชาติในการผลักดันอุตสาหกรรมนี้มา
ตั้งแต่ต้นปี 1990 โดยวางรากฐานด้วยนโยบายต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมการลงทุนขององค์กรและการบูรณา
การในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และเริ่มส่งเสริมด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินมูลค่ามหาศาล รวมถึงจัดตั้งองค์กร
ขับเคลื่อนทางวัฒนธรรมมากมาย แม้การส่งเสริมผลักดัน Soft power จะใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์
อย่างเป็นรูปเป็นร่าง และต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าจะเริ่มเห็นการเปล่ียนแปลง แต่ก็เป็นอำนาจที่ส่งผลได้
ในระยะยาวและยั่งยืน เพราะเมื่อค่านิยมเริ่มแทรกซึมไปกับวิถีชีวิตของคนในสังคมแล้ว นั่นหมายความว่า
อำนาจอ่อนนั้นได้รับการยอมรับ เปลี่ยนแปลงได้ยาก และแฝงตัวได้แนบเนียนไปกับวิถีประชาเรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกันในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาอาหารไทยได้สร้างชื่อเสียงบนเวทีโลกจนกลายเป็นจุดขาย
ของประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากผลักดันของรัฐบาลในปี พ.ศ. 2545 ที่สร้างแคมเปญ “Global
Thai”เพื่อผลักดันอาหารไทยสู่สายตาชาวโลก และตั้งเป้าว่าต้องมีร้านอาหารไทยผุดขึ้นให้ได้ราว 3,000
ร้านทั่วทุกมุมโลก ทุกคนต้องได้รับรู้ถึงรสชาติว่าอาหารไทยนั้นอร่อยเพียงใด จากการจัดลำดับในปี 2021
โดย CNN Travel พบว่าแกงมัสมั่นเป็นที่หน่ึงจากโพล 50 อาหารที่คนชื่นชอบที่สุดในโลก ขณะที่ต้มยำกุ้งรั้ง
อันดับ 8 และส้มตำติดอันดับที่ 46 ผลจากการโปรโมทแคมเปญนี้ทำให้ร้านอาหารไทยทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง
15,000 ร้าน จำนวนนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเดินทางเข้าประเทศไทยไม่ขาดสายและมีอัตราตัวเลขที่เพิ่มขึ้น
มากถึงร้อยละ 200 โดยหนึ่งในเหตุผลหลักที่นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางมายังประเทศไทยคือ ต้องการมาชิม
อาหารไทยด้วยตัวเอง หรือเป็นความรู้สึกท่ีสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น
นักวิชาการด้านการทูตระหว่างประเทศอย่าง Paul Rockower ได้บัญญัติศัพท์ใหม่อย่าง “การทูต
ผ่านอาหาร” (Gastrodiplomacy) และเสริมว่ายุทธวิถีนี้เป็นการชนะใจคนด้วยการทำให้อิ่มท้อง (To win
a heart with a full tummy) และยังเป็นรูปแบบการพัฒนาภาพลักษณ์ของชาติโดยใช้ Soft power ใน
การเผยแพร่วัฒนธรรม1
ขณะที่ นายจักรี ศรีชวนะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น ได้กล่าวกับผู้บริหารสำนักงานกองทุน
สนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เมื่อครั้งเข้าพบในเดือน
พฤษภาคม 2561 เพื่อหารือความร่วมมือทางด้านวิชาการ ว่าความรูข้ องเรามอี ยูแ่ ล้วแต่อาจจะอยู่ผิดที่ผิดทาง
หรืออยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งมากเกินไป นักวิจัยส่วนใหญ่อยู่ในมหาวิทยาลัย การขับเคลื่อนภาพใหญ่ใน
อุตสาหกรรมของประเทศต้องใส่คน ความรู้ และทักษะ แต่มีหลายปัจจัยที่ต้องปรับ เช่น ทัศนคติของคนที่ไม่
ยอมรับและแก้ไขยาก ในระดับอุดมศึกษาเราต้องพยายามอีกมากในการสร้างบุคลากรที่ตอบโจทย์ ระบบ
การศึกษาซึ่งเป็นเรื่องที่พูดกันไม่จบ ต้องเตรียมคนตั้งแต่วัยอนุบาล นอกจากนี้ค่าตอบแทนและศักดิ์ศรีก็เป็น
1 ชาตินี้หรือชาติไหน? เม่ือไหร่ Soft Power ไทยจะบินไกลเทียบเกาหลี. ภัคสุภา รัตนภาชน์ หล่อหลอมตัวเองด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม
รอบโลก อาหาร และผู้คน. เว็บไซต์เนชั่นทีวี 18 กันยายน 2564 https://www.nationtv.tv/original/378840806
Page |1
เรื่องสำคัญ คนสวิสส่วนใหญ่จบอาชีวศึกษา ใช้เวลาฝึกงานเป็นส่วนใหญ่ทำให้มีทักษะฝีมือและความรู้เฉพาะ
ทาง จึงได้ค่าตอบแทนดีโดยไม่จำเป็นต้องเรียนมหาวิทยาลัย สิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากการดูงานคื อ กลไกการ
ทำงานของชาวสวิสที่อาศัยทักษะและความรู้ไปด้วยกัน จุดแข็งของคนไทยที่โดดเด่นและทำได้ดี คือเรื่อง
นวตั กรรมอาหาร เพราะเราเปน็ แหลง่ อาหารของโลก ซ่ึงในสวิตเซอรแ์ ลนด์ขบั เคลอ่ื นโดยเอกชนเป็นหลกั มีการ
วจิ ัยและพฒั นาของบรษิ ัทยักษ์ใหญ่
“อาหารและการท่องเที่ยวน่าจะเป็นจุดแข็งสำคัญของไทย นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมยาและ
เวชภัณฑ์ รวมถึงสงั คมสูงวัย ชาวสวสิ มีอายุขัยเฉลยี่ ท่ี 83 ปี รฐั บาลสวิสจะขยายการเกษียณอายุของผู้หญิงจาก
เดิม 64 ปีเป็น 65 ปีเท่ากับผู้ชาย และสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพ การคิดค้นชุดตรวจและยาเฉพาะบุคคล
มากกว่าการผลิตยาต้านโรคภัยต่าง ๆ ขณะที่ไทยนั้นประเด็นการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์แรก ๆ ดูคึกคัก
แต่ตอนนี้ดูแผ่วลง เราต้องคิดอะไรนอกกรอบไม่ใช่ตามกระแสคนอื่น ส่วนตัวเชือ่ ว่าเรามีนักวิจัยเก่ง ๆ จำนวน
มาก แต่ไม่ค่อยเชิดชู นักวิจัยจึงไม่ค่อยเกิดและอยู่ในโลกของตัวเอง ทำในสิ่งที่ชอบ ถ้าโชคดีก็ต่อยอดได้
สำหรบั ความรว่ มมือทางวิชาการนน้ั หากทาง สกว. และ สกอ. ตอ้ งการให้สถานทตู สนับสนนุ งานวิจัยสาขาใดก็
ขอให้ชช้ี ดั ในสาขาทจ่ี ะเกดิ ประโยชนต์ ่อประเทศมากท่สี ดุ ”2
ดร.นรัตถ์ สาระมาน กรรมการสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย กล่าวไว้ว่า การ
สร้าง Soft power ของไทยเราสิ่งหนึ่งที่จะได้รับตามมาอย่างแน่นอน คือ ความเชื่อมั่นและศัทธาในชาติของ
ตัวเอง ซึ่งจะทำให้เกิด ecosystem ในการพัฒนานวัตกรรม เพราะเมื่อมีคนใช้งานก็ย่อมจะเกิดการพัฒนาต่อ
ยอด การสรา้ งงาน จ้างงาน การเรียนรู้ กล้าทดลองคดิ สร้างสิง่ ใหม่ ๆ เมื่อถงึ ตอนนน้ั เราคงไดเ้ หน็ แบรนด์ไทยท่ี
มีเทคโนโลยกี ้าวลำ้ เหมือนอย่าง SAMSUNG หรือ HUAWEI นอกจากนั้นการที่เราลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจาก
ต่างประเทศก็จะทำให้เงินทองไม่ไหลออก เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนภายในประเทศ ซึ่งส่งผลทางตรงต่อระบบ
เศรษฐกิจ และถ้าถามว่าเราจะสร้าง Soft power ได้เหมือนอย่างที่ญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้บ้างหรอื ไม่ คำตอบคือ
ทำได้แน่นอนและน่าจะใช้เวลาน้อยกว่าที่เกาหลีใต้สร้างด้วย เพราะประเทศไทยมีทรัพยากรที่เอื้ออำนวยใน
การสรา้ งไมว่ า่ จะเป็นสถานที่ท่องเท่ียว ศิลปวัฒนธรรม หรือแม้แตม่ วยไทยทเ่ี ป็นท่นี ิยมอยา่ งแพรห่ ลาย เปน็ ต้น
ดว้ ยพ้นื ฐานเหลา่ น้ที เี่ ปน็ ตน้ ทุนใหเ้ ราสร้าง Soft power ไดง้ ่ายกว่าประเทศอ่นื อีกหลาย ๆ ประเทศ3
ด้าน พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความชื่นชมและภูมิใจนักออกแบบไทยที่
สามารถนำวิจิตรศิลป์ของไทยในแขนงต่าง ๆ มาสร้างสรรค์ร่วมกับอุตสาหกรรมบันเทิงสมัยใหม่ ตรงกับ
โมเดลเศรษฐกิจ BCG ของรัฐบาล ซึ่งส่วนหนึ่งคือการผลักดัน "Soft Power" ไทย เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ
สร้างสรรค์ โดยรัฐบาลเร่งเดินหน้าส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยใน 15 สาขา คือ 1) งานฝีมือและ
หัตถกรรม 2) ดนตรี 3) ศิลปะการแสดง 4) ทัศนศิลป์ 5) ภาพยนตร์ 6) การแพร่ภาพและกระจาย
เสียง 7) การพิมพ์ 8) ซอฟต์แวร์ 9) การโฆษณา 10) การออกแบบ 11) การให้บริการด้าน
สถาปัตยกรรม 12) แฟชั่น 13) อาหารไทย 14) การแพทย์แผนไทย 15) การท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรม
ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยก็ผลักดันวัฒนธรรมที่มีศักยภาพ 5 F ได้แก่ 1. อาหาร (Food) 2.
ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) 3. ผ้าไทยและการออกแบบแฟชั่น (Fashion) 4. มวยไทย (Fighting) และ 5.
การอนุรักษ์และขับเคลื่อน เทศกาล ประเพณีสู่ระดับโลก (Festival) ซึ่งเชื่อว่ายังจะเป็นอีกหนึ่ง
อุตสาหกรรมส่งออกสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังยุคโควิด-19 ที่สำคัญของไทยด้วย
2 ทตู ไทยชว้ี จิ ยั ต้องตอบโจทยแ์ ละสรา้ งคนสรู่ ะบบ. เวบ็ ไซต์ สกว. 30 พฤษภาคม 2564
https://www.tsri.or.th/index.php/th/news/content/284/trf-ohec-field-trip-aboard-at-swiss-confederation
3 ถึงเวลาแล้วหรอื ยังที่ “ไทย” จะจริงจังกบั การสร้าง “soft power”. นรัตถ์ สาระมาน กรรมการ สภาดจิ ทิ ลั เพอื่ เศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศ
ไทย. เว็บไซต์สภาดจิ ิทัลเพื่อเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ประเทศไทย. https://dct.or.th/news/detail/92
Page |2
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นผู้
กำหนดโมเดล BCG ที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจด้วย "ปัญญา” และ "สร้างสรรค์" มีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจ
สร้างสรรค์ไทยจะประสบความสำเร็จ เนื่องจากไทยมีจุดเด่นและความพร้อมด้านทุนวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่
สะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งศิลปหัตถกรรม ประเพณี สถานที่ท่องเที่ยว ชุมชนที่มี "อัตลักษณ์" ของ
ตนเอง นำมาผนวกกับความคิดสร้างสรรค์และงานฝีมือของคนไทย ก่อให้เกิดมูลค่าเศรษฐกิจได้เป็นอย่าง
ดี และจากกระแสความชื่นชมเอ็มวีของศิลปินลิซ่า แบล็คพิงค์ ที่มีการสอดแทรกงานหัตถศิลป์และสถานที่
ท่องเที่ยวสำคัญของไทย มียอดผู้ชมกว่า 100 ล้านวิว เชี่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับอุตสาหกรรมบันเทิง
และออกแบบแฟชั่นไทยในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอด เป็นสินค้าบริการ สร้างมูลค่าทาง
เศรษฐกิจ ซ่ึงขณะนี้ไทยมีตลาดประเทศเพ่ือนบ้านและในภูมิภาครองรับอยู่แล้ว4
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ให้ความสำคัญกับ ‘มรดก
วัฒนธรรม’ และ ‘เศรษฐกิจสร้างสรรค์’ ที่จะเป็นพลังในการขับเคลื่อนในระดับภูมิภาค ซึ่งควรจะต้องระดม
สมองทำงานสรา้ งสรรค์อย่างจริงจัง พร้อมทั้งร่วมขบั เคล่ือนโมเดลเศรษฐกจิ BCG ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่ง
เป็นแนวทางการพัฒนาที่สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ภายใต้แนวคิดการนำ
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปยกระดับความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนให้กับ 4
อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมพลังงานและวัสดุ อุตสาหกรรม
สุขภาพและการแพทย์ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ โดยมีวิสัยทัศน์ “เปลี่ยนข้อ
ได้เปรียบ (Comparative Advantage) ที่ไทยมีจากความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม ให้เป็น
ความสามารถในการแข่งขัน (Competitive Advantage) ด้วยนวัตกรรม เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจ BCG ที่เติบโต
แขง่ ขนั ไดใ้ นระดับโลก เกดิ การกระจายรายไดล้ งสู่ชุมชน ลดความเหลอื่ มล้ำ ชมุ ชนเข้มแขง็ มีความเป็นมิตรกับ
สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน”5 ทั้งนี้ อว. ได้นำเสนอร่างแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนา
ประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2570 ต่อคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจ
ชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสเี ขียว เพื่อใช้เป็นกรอบการทำงานสำหรับหน่วยงานต่าง ๆ ในการร่วม
ขบั เคลอ่ื นวาระแหง่ ชาตใิ ห้เกดิ ผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วและยง่ั ยนื 6
ทัง้ นี้ ท่ีผ่านมาประเทศไทยยงั ให้ความสำคัญกับ Soft power ไม่มากนัก ไม่มีนโยบายหรือยุทธศาสตร์
ชาติโดยตรงที่จะนำไปสู่แผนปฏิบัติการอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ขณะที่ภาควิชาการเองยังศึกษาวิจัยใน
บริบทของมรดกทางวัฒนธรรมแขนงต่าง ๆ และการท่องเที่ยวเป็นหลัก ทว่ายังมีประเด็นอื่น ๆ อีกมากที่จะ
สร้าง “พลังอำนาจ” ให้กับประเทศไทยได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม
ตลอดจนบทบาทด้านการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ขณะที่แนวคิดเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ
สร้างสรรค์เรม่ิ มีนโยบายปรากฏแมไ้ ม่ไดถ้ กู กำหนดอย่างชดั เจนในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั
ที่ 10 แตก่ ็นำไปสู่การจัดตั้งสำนกั งานสง่ เสริมเศรษฐกจิ สร้างสรรค์ (องคก์ ารมหาชน) ข้นึ เพื่อเป็นองคก์ รเฉพาะ
ด้านเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ให้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาประเทศ และเริ่มเด่นชัดขึ้น
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ที่มุ่งเน้นการนำความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนานวัตกรรมเพื่อทำให้เกิดสิ่งใหม่ที่มี
4 ขา่ วนายกฯปลื้มความสำเร็จ "ลิซ่า" สร้าง soft power นำวัฒนธรรมไทย ให้ทั่วโลกรู้จัก. เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ 13 กันยายน 2564.
https://www.bangkokbiznews.com/news/959765
5 BCG in Action: The New Sustainable Growth Engine. เวบ็ ไซตส์ ำนกั งานสภานโยบายการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม
แหง่ ชาติ (สอวช.) https://www.nxpo.or.th/th/bcg-economy/
6 ข่าวสภานโยบายการอดุ มศกึ ษาฯ (สนอว.) พลกิ โฉมกรอบนโยบายและแนวทางพฒั นากำลังคนอุดมศึกษา วิจยั และนวตั กรรมของประเทศ พร้อม
เรง่ ขบั เคลื่อน BCG. เวบ็ ไซต์กระทรวงการอุดมศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและนวตั กรรม 19 กรกฎาคม 2564.
https://www.mhesi.go.th/index.php/pr-executive-news/4054-bcg-smes.html
Page |3
มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) ซึ่งแผนยุทธศาสตร์ด้าน
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) เองก็ได้บรรจุเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไว้ เพื่อให้สอดคล้องกับทิศ
ทางการพัฒนาประเทศของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และยุทธศาสตร์ชาติ ด้วย
เช่นกัน
ดังนั้นโจทย์ท้าทายสำคัญของ อว. คือ ประเทศไทยมีของดีประจำถิ่นอยู่มากมาย มี Soft Power
หลากหลายทั่วทั้งประเทศ และได้รับการยกย่องเชิดชู แต่จะทำอย่างไรให้สิ่งอันทรงคุณค่าเหล่าน้ี กลับมาเป็น
รายได้และการทำมาหาเลี้ยงชีพให้คนรุ่นหลังในท้องถิ่น แปลง 'วัฒนธรรมล้ำค่า' เป็น ‘เศรษฐกิจสร้างสรรค์’7
ทำอย่างไรจึงจะกำหนดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมในการสนับสนุนและส่งเสริมให้อาหารไทย ศิลปวัฒนธรรมไทย
การแพทย์แผนไทย การนวดไทย และแหล่งท่องเที่ยวของไทย ให้ปรากฏแก่สายตาชาวโลกผ่านการท่องเที่ยว
และสื่อต่าง ๆ ให้คนทั่วโลกเข้ามาสัมผัส เรียนรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการสัมผัสเสน่ห์แบบไทย
ตลอดจนสามารถพัฒนาสินค้าและบริการตา่ ง ๆ ท่ีผ่านการสร้างสรรค์ให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยผสานกบั
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตั กรรม (ววน.) ซง่ึ เปน็ เครือ่ งมือท่ีจะผลักดันให้เกิดเศรษฐกจิ สร้างสรรค์ เพื่อยกระดับ
ความสามารถในการแข่งขันและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้เช่นเดียวกับเกาหลีใต้และ
มหาอำนาจอื่น ๆ ขณะเดียวกันก็สามารถรับมือและตอบสนองต่อนโยบายการเพิ่ม Soft power ของประเทศ
ตา่ ง ๆ อย่างเหมาะสมท่ามกลางการไหลบา่ ของวฒั นธรรมสมยั นยิ มรูปแบบตา่ ง ๆ ในยุคโลกาภวิ ตั น์ รวมถึงการ
ยกระดบั บทบาทของประเทศไทยในเวทีโลก
แนวคิด ยุทธศาสตร์ และนโยบายที่เก่ยี วขอ้ ง
▪ พลังอำนาจแห่งชาติ
สงั คมบนโลกในยคุ ปจั จบุ ันมลี ักษณะเป็นแบบหมบู่ ้านโลก (Global Village) โดยประเทศไทยเป็นส่วน
หนึ่งของสังคมนี้ ซึ่งถูกกระแสโลกาภิวัตน์ครอบงำจากอิทธิพลเทคโนโลยีสารสนเทศที่เริ่มแผ่ขยายในปี 2535
เรียกว่า “คลื่นลูกที่ 3 ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ” ส่งผลให้โลกในปัจจุบันกลายเป็นโลกไร้พรมแดน ประเทศ
ระดับผู้นำโลกหันมาขยายอิทธิพลของตนไปยังภูมิภาคต่าง ๆ โดยอาศัย “อำนาจละมุน” หรือ “อำนาจแบบ
อ่อน” (Soft power) มากยิ่งขึ้น ซึ่งมีลักษณะสำคัญอยู่ที่การชักจูงหรือการโน้มน้าวประเทศอื่นให้ปฏิบัติตาม
ความประสงค์ โดยสร้างเสน่ห์ ภาพลักษณ์ ความชื่นชม และความสมัครใจพร้อมที่จะร่วมมือกันต่อไป
อำนาจในลักษณะนี้มักเป็นที่ยอมรับมากกว่าการใช้อำนาจแบบแข็งหรืออำนาจในเชิงบังคับ (hard
power) เช่นมิติทางการทหาร ซึ่งประเทศไทยมีพลังอำนาจแห่งชาติซอฟต์พาวเวอร์ที่โดดเด่นเป็นที่ยกย่อง
ยอมรับในระดบั โลกหลายด้าน เชน่ วฒั นธรรม แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว และอาหาร หากมกี ารเสริมสรา้ งบูรณาการเชิง
วิชาการผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนา (research and development: R&D) ในลักษณะภาพรวมของ
ประเทศไทยจะทำให้เกิดการพัฒนาต่อยอดได้หลากหลายมิติ เพ่ือเพิ่มศกั ยภาพการพฒั นาชาตบิ ้านเมืองอย่างมี
ส่วนรว่ มให้ไดม้ ากทีส่ ุด
ประเทศไทยเปล่ียนมาเป็นประเทศสำคญั ของเอเชีย ศนู ยก์ ลางทางเศรษฐกจิ และศนู ย์กลางโลจิสติกส์
ของอาเซียน และอาเซียนที่ไทยมีส่วนสำคัญในการสร้างขึ้นมา ได้กลายเป็นภูมิภาคที่สำคัญของโลก เชื่อมโยง
เข้ากับจีนและอินเดีย สองมหาอำนาจใหม่ทางเศรษฐกิจของโลกไดง้ ่ายดาย ซ่ึงบง่ ช้ีถึงแนวคิด “บรู พาภวิ ัตน”์ ท่ี
แสดงถึงขว้ั อำนาจโลกท่ีเปลีย่ นมาเป็นซกี โลกตะวนั ออกและพลงั อำนาจแห่งชาตใิ นรปู แบบซอฟตพ์ าวเวอร์8
7 โนรา. FACEBOOK กรณ์ จาติกวณชิ 17 ธันวาคม 2564.
8 พลังอำนาจแห่งชาติซอฟต์พาวเวอร์ของไทยในศตวรรษที่ 21. อิงอร เนตรานนท์. วารสารสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ปีที่ 11 ฉบับที่ 1
มกราคม – เมษายน 2563.
Page |4
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์พิเศษเรื่อง “Soft
Power Diplomacy” ที่พาไทยเป็นที่ยอมรับทั่วโลก เมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ว่า “การที่เราจะทำอะไร
ได้รับความชื่นชมจากคนอื่นและมองว่าเรามีความคิดริเริ่มตามเราได้ และยอมให้เรานำนั้น มาจากการทำงาน
ผลสำเร็จหรือประสิทธภิ าพของการทำงาน ถ้าเราไมม่ ีประสทิ ธภิ าพ ต่อให้มจี ดุ ทีต่ ้ังทดี่ ีก็ไม่เกดิ ประโยชน์อะไร”
เพราะในฐานะประเทศไทยท่ีมีลักษณะเด่นในด้านการใช้ “Soft Power Diplomacy” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดว้ ยการนำเสนอเรื่องท่ีเป็นจดุ เด่นต่าง ๆ เชน่ เอกลักษณ์วฒั นธรรม อาหารไทย แหลง่ ท่องเทยี่ วตามธรรมชาติ
และทตี่ ้ังของประเทศไทย สิง่ เหล่านี้เองทำใหไ้ ทยไดร้ บั การยอมรบั จากสงั คมโลก
▪ วัฒนธรรมรว่ มในอุษาคเนย์
นับแต่อดีตประเทศไทยนอกจากจะต้ังอยู่กึ่งกลางโดยประมาณของภมู ิภาคแล้ว ลักษณะภูมิศาสตร์ยงั
เกื้อกูลให้เกิดผลดี เนื่องจากมีพื้นที่เป็นแผ่นดินทอดยาวยื่นลงไปในทางทิศใต้ เป็นคาบสมุทรมที ะเลขนาบสอง
ด้าน คือ ทะเลจีน ในมหาสมุทรแปซิฟิกอยู่ทางตะวันออก กับ ทะเลอันดามัน ในมหาสมุทรอินเดียอยู่ทาง
ตะวันตก ทำให้ได้รับประโยชน์จากลมมรสุมทะเลอย่างน้อยสองอย่าง คือ การกสิกรรม มีฝนตกชุกที่ส่งผลให้
การเพาะปลุกพชื พันธุ์ธัญญาหารและการประมงในทะเลอุดมสมบุรณ์ ตลอดจนมคี วามหลากหลายทางชีวภาพ
และ การคา้ มกี ารเดินเรอื ทะเลคา้ ขายกับบ้านเมืองท่ีอยู่ห่างไกล บริเวณประเทศไทยจึงเป็นจุดหมายปลายทาง
ของเส้นทางคมนาคมค้าขายทางทะเลมาแต่โบราณกาล เท่ากับเป็นตัวเชื่อมโยงการแลกเปลีย่ นค้าขายระหว่าง
โลกตะวันออก เชน่ จีน เกาหลี ญป่ี ุ่น ฯลฯ กับโลกตะวันตก เชน่ อนิ เดีย อาหรับ เปอร์เซีย ยโุ รป ฯลฯ จงึ ส่งผล
ใหก้ รุงศรอี ยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้านานาชาตใิ นสมยั น้นั คนไทย ความเปน็ ไทย วัฒนธรรมไทย จงึ มีบรรพชน
และรากเหง้าความเป็นมารว่ มกันอยา่ งแยกไม่ไดจ้ ากอุษาคเนย์หรือเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้
อุษาคเนย์มวี ฒั นธรรมร่วมหลายอย่างมานานหลายพนั ปีแลว้ แบง่ เป็น
1. ‘ยุคก่อนอินเดีย’
ก่อนรับอายรธรรมจากอินเดียตั้งแต่หลายแสนหลายหมื่นหลายพันปีมาแล้วจนถึงราว พ.ศ. 1000 คน
พน้ื เมืองด้ังเดมิ ดกึ ดำบรรพ์ในอษุ าคเนย์มีวัฒนธรรมร่วมอยู่แลว้ ก่อนรับอารยธรรมจากอนิ เดีย เช่น
(1) กนิ ข้าวเป็นอาหารหลัก
(2) กับข้าวเน่าแล้วอร่อย เช่น ปลาแดก ปลาร้า ปลาฮอก น้ำบูดู ถั่วเน่า กะปิ น้ำปลา ปลาเค็ม ผัก
ดอง ฯลฯ การทำให้เน่าแลว้ อร่อยเปน็ เทคโนโลยีถนอมอาหาร และเกี่ยวข้องกับพิธีศพที่มีประเพณีเก็บศพ (ให้
เน่า) นานหลายวันตงั้ แต่ 2,500 ปีมาแลว้
(3) เรือนเสาสูง ต้องยกพื้นและมีใตถ้ ุนไว้ทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน เชน่ หงุ ขา้ ว ทอผา้ เลีย้ งสัตว์ เลยี้ งลูก
ตกกลางคืนจงึ ขนึ้ นอนบนเรอื นเพอ่ื หนีสัตว์รา้ ยแล้วชักบันไดออก
(4) ผู้หญิงเป็นหัวหน้าพิธีกรรมเข้าทรงผีบรรพชน เช่น ผีฟ้า (ลาว) ผีมด (เขมร) ผีเมง (มอญ) ฯลฯ ผี
บรรพชนไมล่ งทรงผูช้ าย เท่ากบั หญิงเปน็ หัวหน้าเผา่ พนั ธ์ุ
(5) เซ่นวักสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เช่น กบ (หรือคางคก) จระเข้ ตะกวด ฯลฯ ท่ี
คนยุคนั้นเชื่อว่าเป็นผู้มีอำนาจบันดาลให้ฝนตกเพราะพบสัตว์เหล่านี้ทุกครั้งที่ฝนตก และพิทักษ์แหล่งน้ำให้
ความอุดมสมบูรณ์
(6) พิธีศพหลายวัน เมื่อมีคนตายไปจะเก็บศพหลายวนั ให้เนื้อหนังเน่าเปื่อยย่อยสลายเหลือแต่กระดกู
แล้วเก็บกระดูกมาทำพิธีอีก เรียก พิธีศพครั้งที่สอง กระดูกที่เก็บมานี้อยู่ในภาชนะพิเศษทำด้วยดินเผา เรียก
หมอ้ ดนิ เผาหรือแคป็ ซลู และหนิ มีตัวอย่างสำคญั เชน่ ไหหนิ ในลาว หีบหนิ บนปราสาทนครวัดกับหม่เู กาะ
(7) ฆ้อง ประโคมตีมเี สียงศักด์สิ ทิ ธิด์ ังกงั วาน สื่อสารกบั ผีหรือเทวดา
Page |5
(8) ท่าฟ้อนระบำรำเต้น ท่าเต้น ถ่างขา ย่อเข่า เป็นมุมฉาก โดยเลียนแบบให้เหมือนกบศักดิ์สิทธ์ิ ยก
ยอ่ งเปน็ ทา่ เต้นศักด์ิสทิ ธิ์ มีหลักฐานภาพสลักตามปราสาทหินในกมั พชู าและไทย เชน่ ท่ารำศวิ นาฏราชบนหน้า
บันปราสาทพนมรงุ้ จงั หวดั บุรรี มั ย์ และทา่ โนรา โขน ละคร (พระ นาง ยกั ษ์ ลิง) กบั legon ของอินโดนีเซีย
2. ‘ยคุ หลังอินเดีย’
คนพืน้ เมอื งรับวฒั นธรรมจากอินเดยี มาประสมประสานกับวฒั นธรรมด้ังเดิมแลว้ เกดิ วฒั นธรรมใหม่ที่มี
ทั้งคล้ายคลึงกันและแตกต่าง โดยหลัง พ.ศ. 1000 คนอุษาคเนย์รับศาสนาพราหมณ์-พุทธราว ทำให้รับ
ประเพณีพธิ กี รรมอืน่ ๆ พรอ้ มกัน ได้แก่
ตัวอักษร ปัลลวะจากอินเดียใต้ หลังจากนั้นพัฒนาขึ้นเป็นอักษรของตนเอง เช่น อักษรมอญ อักษร
ขอม อักษรกวิ (ใชใ้ นดินแดนทางใต้ของไทยถึงมาเลเซยี และหมู่เกาะอนิ โดนีเซีย)
กราบไหว้ รับจากอินเดยี พรอ้ มพราหมณ์-พทุ ธทงั้ ประเพณีกราบและไหว้
บวช รับจากอินเดยี แตป่ ระสมประเพณพี ื้นเมือง ไทยเรียกบวชนาค ทำขวญั นาค
มหากาพย์ รับทงั้ รามายณะและมหาภารตะ แตย่ กย่องรามายณะมากกว่า ไทยเรยี กรามเกยี รติ์
ลายกระหนก รบั จากอนิ เดียแลว้ ปรับใชเ้ รียกตา่ งกนั เชน่ ลายไทย ลายเขมร ลายลาว
อาหาร รับกบั ขา้ วบางอย่างจากอินเดีย อาทิ แกงใสก่ ะทิ ขนมต่าง ๆ เชน่ กระยาสารท
วัฒนธรรมไทยถกู สร้างขึ้นมาโดยคนช้นั นำแล้วเปน็ สมบตั ิของคนชั้นนำภาคกลาง ‘ลมุ่ น้ำเจ้าพระยา’ ท่ี
ถูกใช้เพื่อรักษาโครงสร้างอำนาจของคนชั้นนำ โดยได้รับความเห็นชอบจากคนชั้นกลางขึ้นไป เนื้อหาของ
วัฒนธรรมไทยกล่อมเกลาให้ยอมจำนนต่อความไม่เท่าเทียมและยอมจำนนต่อโครงสร้างอำนาจที่เป็นอยู่ ดัง
แสดงออกด้วยการขัดเกลาให้รู้จักที่ต่ำที่สูง ยกย่องมารยาทของผู้ดี นอบน้อมต่อผู้มีอำนาจเหนือกว่า เป็นต้น
ดา้ นพหวุ ฒั นธรรม คนช้นั นำไทยยอมรบั ความหลากหลายทางชาติพนั ธุ์และวฒั นธรรม แตเ่ ป็นการยอมรับอย่าง
จำยอมและเปน็ เพยี งวัสดุอุปกรณ์การทอ่ งเทย่ี วอย่างหน่ึงเทา่ นัน้ จึงไมม่ บี รบิ ท ไมม่ ปี ระวัตศิ าสตร์ และไม่มพี ลัง
ทางการเมอื งเพอ่ื ตอ่ รองสรา้ งความมนั่ คงใหก้ ลุม่ ตวั เอง
ขณะที่วัฒนธรรมไทยของคนชั้นนำถูกแช่แข็งอยู่ข้างบน แต่วัฒนธรรมไม่ไทยของชาวบ้านมีชีวิตชีวา
เคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง เห็นได้จากอาหารไทยที่ล้วนประสมกบั อาหารนานาชาติแลว้ เกิดสิง่ ใหมท่ ี่ “อร่อย” ส่วน
การแสดง เช่น “ลิเก” มีขึ้นจากการเลียนแบบดิเกร์ของมลายูปัตตานีสมัยรัชกาลที่ 5 แล้วประสมกับจำอวด
และละครนอกดั้งเดิมจนเกิดสิ่งใหม่ที่สนุกสนานเรียกลิเก “หมอลำซิ่ง” มีขึ้นจากหมอลำดั้งเดิมประสมการ
แสดงดนตรีสากลแบบลูกทุ่ง เพิ่งเกิดใหม่ไม่นาน ราว 50 ปีนี้เอง ทั้งลิเกและหมอลำซึ่งไม่มีกรอบครอบงำ จึง
เคลื่อนไหวไปกับความเปล่ยี นแปลงตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งกลมกลืน
ความเป็นไทยในวัฒนธรรมอาเซียน
ในมุมมองของ สุจิตต์ วงษ์เทศ ที่มีต่อ "วัฒนธรรมร่วม" ในอุษาคเนย์ รากเหง้าเก่าแก่ของประชาคม
อาเชยี น พบว่าเม่อื พจิ ารณาให้ลึกลงไปจะเหน็ ว่าวฒั นธรรมไทยไม่ตอบรบั วัฒนธรรมอาเซียน หรือตอบรับอย่าง
ไม่เต็มใจ เพราะความเป็นไทยที่แสดงออกด้วยอาการยกตนข่มท่าน ดังกรณีเพลงออกภาษา หรือเพลงสิบสอง
ภาษาในดนตรีไทยที่ชื่อเพลงขึ้นต้นด้วยชื่อชาติพันธุ์ต่าง ๆ ชื่อเพลงดนตรีไทยขึ้นต้นด้วยชื่อชาติพันธุ์เริ่มนิยม
อย่างแพร่หลายตั้งแต่ราวหลัง พ.ศ. 2400 หรือราวรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา เพื่อแสดงความเป็นอื่นที่ด้อยกว่า
และอวดความเป็นสยามที่เหนือกว่า แต่อีกด้านหนึ่งก็แสดงให้เห็นลักษณะความสัมพันธ์แบบเครือญาติของ
สยามกับเพ่อื นบ้านโดยรอบท่ีระบุชื่อชาติพันธุ์ เชน่ เขมรพายเรือ พม่าแทงกบ มอญดดู าว ลาวกระทบไม้ ญวน
ทอดแห จนี ขิมเล็ก แขกตอ่ ยหมอ้ ฯลฯ
ไทยยกตนข่มท่านมีเหตุจากประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทยย้ำการไม่เป็นเมืองขึ้นของยุโรปอย่า งเป็น
ทางการ แต่ทำมองไม่เห็นการเป็นเมืองขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ ดังนั้นไทยจึงต้องชำระประวัติศาสตร์แห่งชาติ
Page |6
ว่าเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อุษาคเนย์ รวมทั้งคนไทยและความเป็นไทยไม่ได้เกิดขึ้นโดด ๆ แยกจาก
อุษาคเนย์ แต่เกิดจากการประสมประสานท้ังทางชาติพันธุ์และทางสังคมวัฒนธรรมของอุษาคเนย์ แล้วมีบรรพ
ชนรว่ มกนั กับคนอษุ าคเนย์ ทง้ั นี้ประวัตศิ าสตร์แห่งชาติของไทยเป็นตน้ เหตแุ ห่งปัญหาเกือบทกุ อย่าง ต้องแก้ไข
ตรงนกี้ อ่ น ถงึ จะแกไ้ ขเร่อื งอื่น ๆ ต่อไปได9้
▪ Soft Power Diplomacy
Soft power มีความหมายและเป็นเครื่องมือสำคัญดำเนินนโยบายต่างประเท ศ โดย Soft
power ถูกนิยามเป็นครั้งแรกปี 1990 หรือ พ.ศ. 2533 โดย ศ.โจเซฟ ไนย์ ซึ่งระบุว่าเป็นความสามารถเพื่อ
จูงใจให้ได้สิ่งต้องการ โดยการโน้มน้าวตรงกันข้ามกับการใช้อำนาจบังคับ (Hard power) เพื่ออธิบาย
“อำนาจ” ของสหรัฐดูเหมือนลดลงเมื่อเปรียบเทียบประเทศอื่น ๆ กว่า 2 ทศวรรษหลังสงคราม
เวียดนาม โดย soft power มี 3 ส่วนคือ วัฒนธรรม อุดมการณ์หรือค่านิยมทางการเมืองแบบเสรีนิยม และ
นโยบายต่างประเทศ
ประเทศไทยมีบทบาทเชิงรุกมานานก่อนการนิยาม Soft power เพื่อส่งเสริมความนิยมไทยใน
หลายมิติ อาทิ โครงการครัวไทยสู่ครัวโลก โครงการ Thai Select การจัดงานเทศกาลไทยในมหานครต่าง ๆ
ทั่วโลก งานเทศกาลไทยมีผู้เข้าชมเรือนแสนคนและได้รับการจัดอยู่ในปฏิทินประจำเมืองต่าง ๆ อาทิ มวย
ไทย ภาษาไทย นาฏศิลป์ไทย ขณะเดียวกันภาคเอกชนของไทย วงการศิลปินและอ่ืน ๆ ก็สร้างสรรค์ผลงาน
รวมท้ังภาพยนตร์ ละครที่มีแฟนคลับติดตามในหลายประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น ประเทศเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่
ในละตินอเมริกา กล่าวได้ว่าความนิยมไทยไม่เคยเกิดจากสุญญากาศ
นายธานี แสงรัตน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่าในทางการทูตนั้นไทยใช้ Soft
power โดยเฉพาะ “การทูตวัฒนธรรม” และ “การทูตสาธารณะ” ผ่านภูมิปัญญา สินค้าและบริการ ซึ่ง
อาจมีหลากมิติและรูปแบบแตกต่างกัน10 ดังนี้
1. นิสัยใจคอคนไทย ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศมีพื้นฐานจากความเป็นมิตร มีเมตตา
เปิดกว้างและยอมรับความแตกต่าง การต้อนรับขับสู้และทัศนคติที่รักสนุก เรียบง่าย ที่มีให้คนต่างชาติของ
คนไทยส่วนใหญ่จนเป็นที่ทราบกันดี
9 สุจิตต์ วงษเ์ ทศ: “วัฒนธรรมร่วม” ในอษุ าคเนย์ รากเหงา้ เก่าแกข่ องประชาคมอาเซียน. เวบ็ ไซต์ประชาไท 23 สงิ หาคม 2555.
10 Soft Power Diplomacy: เชื่อมไทยสู่โลก โลกสู่ไทย. ธานี แสงรัตน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ. เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ 8 ตุลาคม
2564 https://www.bangkokbiznews.com/columnist/964624
Page |7
2. วัฒนธรรมไทย ที่ผสมผสานจากวัฒนธรรมไทยดั้งเดิมและอิทธิพลของต่างชาติมีความลึกและ
หลากหลาย เช่น ภาษา ดนตรีและศิลปะการแสดง ละครและภาพยนตร์ร่วมสมัย หัตถกรรมและผ้าไทย
กีฬาไทยและกีฬาพื้นบ้าน หรือแม้แต่สายพันธุ์สัตว์เลี้ยง โดย U.S. News & World Report จัดให้ไทยติด
อันดับประเทศที่ทรงพลังทางวัฒนธรรมอันดับที่ 22 จาก 80 ประเทศทั่วโลก และเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชีย
รองจากญ่ีปุ่น เกาหลี จีน และสิงคโปร์
3. การท่องเที่ยวไทย มีชื่อเสียงมานานและมีนักท่องเที่ยวมากถึงเกือบ 40 ล้านคนต่อปีก่อนโควิด-
19 เพราะลักษณะของประเทศไทยที่กล่าวข้างต้น แต่ทำเลที่ตั้งและแหล่งท่องเที่ยวของประเทศก็เป็นปัจจัย
สำคัญท่ีเสริมการท่องเที่ยวด้วย ซึ่ง Brand Finance องค์กรท่ีปรึกษาด้านกลยุทธ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกจัดให้
ไทยอยู่ในอันดับที่ 33 ของ Global Soft Power Index 2021 โดยเป็นหนึ่งในประเทศท่ีดึงดูดนักท่องเที่ยว
ได้ทุกเพศทุกวัย และอยู่ในกลุ่มประเทศที่น่าเยือนมากท่ีสุดในเอเชีย
4. อาหารไทย ไม่น้อยหน้าชาติใดในโลก CNN Travel จัดอันดับให้มัสมั่น ต้มยำกุ้ง และส้มตำ ติด
อันดับ 50 รายการอาหารที่ดีที่สุดในโลกต่อเนื่องกันหลายปี อาหารไทยได้รับความนิยมไปทั่วโลกเพราะมี
ปัจจัยสำคัญหนึ่งเป็นอาชีพยอดนิยมของชุมชนไทยในต่างประเทศ คนไทยเหล่านี้ถือเป็น Soft
power เพราะนอกจากทำร้านอาหารแล้วยังมีจำนวนไม่น้อยทำอาชีพนวดไทย สปาไทย แพทย์ วิศวกรและ
ธุรกิจสาขาต่าง ๆ และยังมีความผูกพันกับประเทศไทยและมีศักยภาพสูงที่จะนำเงินตราเข้าประเทศ
5. การทูตเศรษฐกิจ การทูตวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การทูตดิจิทัล การทูต
วัคซีน รวมท้ังการมีระบบสาธารณสุขท่ีมีประสิทธิภาพล้วนมีศักยภาพสูง
6. ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เป็น Soft power ที่
กรมความร่วมมือระหว่างประเทศและภาคส่วนพันธมิตร รวมถึงภาคเอกชนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศได้
ดำเนินการมาหลายทศวรรษ สร้างมิตรภาพให้ประเทศไทยไม่ใช่เฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน แต่รวมถึง
ประเทศในแปซิฟิก เอเชียใต้ และแอฟริกา
Soft power ของไทยมีศักยภาพสูงและหลากหลายที่ต้องส่งเสริมอีกมาก ตอนนี้อาจถึงเวลาแล้วที่
จะจัดตั้งกลุ่มหรือสร้างเครือข่ายองค์กรที่มีการบริหารจัดการเพื่อขับเคลื่อน Soft power ของประเทศ
ร่วมกันอย่างมียุทธศาสตร์และเป้าหมายเดียวกัน
▪ South KOREA’s STRATEGY
เส้นทางพฒั นาสู่สินคา้
ท่ีผ่านมาจุดสำคัญของพื้นฐานในการสร้างความสำเร็จของภาคอุตสาหกรรมเกาหลี ล้วนมาจากการ
วางกลยุทธ์และมุ่งมั่นทำอย่างต่อเนื่อง โดย ดร.แบ๊งค์ งามอรุณโชติ อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระ
จอมเกล้าธนบุรี และนักวิจัยสถาบันวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (STIPI) ชวนมองเส้นทางการ
พัฒนาของเกาหลีใต้ผ่านงานเสวนาออนไลน์ 'ซีรีส์ South.KOREA’s STRATEGY : บุญเก่า-บุญใหม่ ของ
เกาหลีใต้ในโลกท่ีไม่เหมือนเดิม’ โดยสถาบันนโยบายสาธารณะและการพัฒนา (IPPD)11
การมีทรัพยากรมนุษย์ที่มีทักษะและระดับรายได้สูง ณ จุดตั้งต้น ทำให้เกาหลีใต้ปรับตัวเข้ากับ
อุตสาหกรรมที่ใช้ทุนมนุษย์และเทคโนโลยีเข้มข้นได้เร็วตั้งแต่ช่วงแรกของการตั้งลำในการพัฒนา และการที่
11 ‘Soft Power’ สินค้าวัฒนธรรม ทางรอดยุค 'New Normal'. เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ 3 กรกฎาคม 2564
https://www.bangkokbiznews.com/social/887755
Page |8
รัฐมีขีดความสามารถที่สูงด้วยก็เป็นสูตรสำคัญในการวางแผนอุตสาหกรรมและกำกับ ‘ทุน’ ให้ปรับตัว เช่น
ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนให้เห็นขีดความสามารถของรัฐชัดข้ึน
การใช้ทุนขนาดใหญ่สัญชาติเกาหลีบุกเบิกเทคโนโลยี (Conglomerate-led) เป็นกลยุทธ์ที่เกาหลี
ใต้เลือกใช้ เพื่อเอื้อให้กลุ่มทุนในประเทศสามารถลงทุนในการวิจัยและพัฒนา แม้จะใช้ทุนสูงแต่ช่วย
ประหยัดขนาดในการผลิตเพื่อส่งออก ซ่ึงกลุ่มทุนเกาหลีสามารถชดเชยหรือโยกผลกำไรของอุตสาหกรรมขา
ข้ึนไปอุตสาหกรรมขาลงได้ และยังง่ายต่อการจัดสรรทรัพยากรของรัฐ แต่ข้อเสียนั้นจะสร้างความเ หลื่อมล้ำ
สูงขึ้นในระยะยาว ประกอบกับการส่งออกเชิงกลยุทธ์ การส่งเสริม ‘สินค้าส่งออก’ ที่ถูกออกแบบไปพร้อม
กับนโยบายปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ส่งเสริมการแข่งขัน และลงทุนเทคโนโลยี ซึ่งหากผลักให้เกาหลีใต้
เป็นผู้เล่นไม้หนึ่งของการส่งออกและต้องแข่งกับทุนใหญ่อื่น ๆ ในระดับโลก สภาพการแข่งขันในตลาดโลก
จะช่วยกดดันให้ทุนใหญ่เหล่านั้นต้องเร่งรัดกระบวนการเรียนรู้ ปรับตัวในกระบวนการผลิต และต้องไว
พอที่จะแข่งขันในตลาดโลกได้ ดังนั้นการส่งออกจึงเป็นสิ่งที่แยกขาดจากการกลยุทธ์อื่น ๆ ของการปรับตัว
อุตสาหกรรมได้ยาก
ส่วนวิธีการยกระดับอุตสาหกรรม เกาหลีใต้ทำเองทั้งห่วงโซ่การผลิต โดยตั้งต้นจากการตั้งเป้าการ
ผลิตสินค้าบางอย่างโดยมีตราสินค้าของตัวเอง แล้วทำ vertical integration การควบรวมกิจการต้นน้ำและ
ปลายน้ำ ซึ่งต้องเข้าให้ถูกจังหวะในเทคโนโลยีวงจรสั้นเพื่อสร้างเทคโนโลยีใหม่ เช่น การข้ึนมาอย่างรวดเร็ว
ของอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลของเกาหลีในช่วงต้นปี 1990 ท้ังท่ีญี่ปุ่นผูกขาดสินค้าท่ีเป็นทีวีมาก่อนในระบบอะ
นาล็อก เอชดี แต่เกาหลีใต้กลับเลือกสร้างเส้นทางใหม่
โมเดลอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้
เกาหลีใต้เป็นอัจฉริยะในการสร้างแบรนด์ให้กับประเทศ และเป็นการคิดในเชิงยุทธศาสตร์ที่
สำคัญ โดย รศ.พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล หัวหน้าภาควิชาวารสารสนเทศ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย กล่าวถึงยุทธศาสตร์ที่ทำให้เกาหลีใต้เป็นชาติมหาอำนาจทางวัฒนธรรมว่า การส่งออก
วัฒนธรรม Soft power เกาหลีใต้เริ่มเล่นเกมนี้ตั้งแต่โอลิมปิกปี 1988 ที่กรุงโซล ซึ่งซัมซุงสนับสนุนกีฬา
โอลิมปิกมากว่า 20 ปี เมื่อไปร่วมกับมหกรรมระดับโลกทำให้คนเริ่มเห็น เริ่มคุ้นเคย นำไปสู่การทำความ
รู้จักและซ้ือแบรนด์ ต่อมาในปี 2001 ก็เกิดปรากฏการณ์ Hallyu Korea Wave ข้ึนมา
ปี 2011 ปรากฏการณ์ ‘กังนัมสไตล์’ ขึ้นแท่นเพลงฮิตติดชาร์ตบนยูทูปนานหลายปี พิสูจน์ให้เห็นว่า
เกาหลีใต้กำลังเป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ตัวท็อปของโลก และสิ่งที่ทำต่อคือการเชื่อมเศรษฐกิจดิจิทัล
แพลตฟอร์มดิจิทัลในการสร้างฐานผู้ชมขึ้นในออนไลน์ นำไปสู่การตั้งสถาบัน Korea Creative Content
Agency การที่ภาพยนตร์ Parasite ได้รางวัลออสการ์จึงเป็นสิ่งที่เกาหลีใต้วางกลยุทธ์สร้างพื้นที่นำเสนอ
ตัวเองผ่านวัฒนธรรม Pop-Culture
“เมื่อมองผ่านสื่อแล้วสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราประทับใจ จะรู้สึกว่าเราสามารถจงรักภักดีกับแบรนด์นั้นได้
แล้วนำไปสู่ความรู้สึกอยากใกล้ชิด จึงเกิดแรงบันดาลใจเดินทางตามรอยสถานท่ีต่าง ๆ ในซีรีส์ นำไปสู่รายได้
เข้าประเทศ จากสถิติในปี 2017 วง BTS ทำให้คนไปเที่ยวประเทศเกาหลีประมาณ 800,000 คน นอกจากนี้
ยังสร้างรายได้ให้กับประเทศจำนวนมหาศาลผ่านการขายสินค้าต่าง ๆ และการทัวร์คอนเสิร์ต”
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นรูปแบบของ Hallyu Wave หรือการส่งคลื่นที่มีผลกระทบสูงมากต่อคน
ต่างชาติ ซึ่งคลื่นตัวนี้เป็นการส่งผ่านวัฒนธรรมที่เกาหลีใต้สร้างใหม่ หรือ Pop-Culture จนกระทั่งเกิดคำ
ว่า K-Pop แพร่หลายในวงการเพลงและอุตสาหกรรมบันเทิง จากนั้นก็สร้างให้เป็นสินค้าทางวัฒนธรรม ใน
มุมหน่ึงอาจมองว่าเป็น Soft Power ได้ เพราะเม่ือมองว่าศิลปินกลุ่มนั้นหรือซีรีส์เร่ืองนั้นมีความเท่ การมอง
Page |9
กลับมาที่ประเทศนั้น ๆ ก็จะแฝงมาด้วยทัศนคติที่เป็นบวกมากขึ้น แล้วทั้ง Culture Export และ Soft
Power นำไปสู่อำนาจทางเศรษฐกิจและประโยชน์แห่งชาติท่ีสามารถตักตวงได้ และทำให้สินค้าขายได้ด้วย
กลยุทธ์ K-Pop สู่ Pop-Culture
การผันตัวเป็นประเทศอุตสาหกรรม เกาหลีใต้ได้ใช้นโยบาย Developmental State Model ที่มี
รัฐบาลเป็นตัวหลักในการเลือกอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก เพราะตลาดในประเทศไม่ใช่เป้าหมายหลัก การ
สร้าง K-Pop หรือ K-Series ล้วนมาจากการวิจัยและพัฒนาเพื่อหาข้อมูลว่าอะไรบ้างที่ขายในตลาด
ต่างประเทศได้ ทุกท่าเต้นของ K-Pop มีการวิจัยและสร้างให้เกิดเอกลักษณ์ในอุตสาหกรรม และท่ีขาดไม่ได้
คือการสนับสนุนของรัฐ โดยรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ตั้งสถาบันที่เกี่ยวกับศิลปะและวัฒนธรรม เพื่อบ่มเพาะ
วัฒนธรรมผ่านกระบวนการทดลองและพัฒนาให้ได้สินค้าที่ตอบโจทย์ตลาดนอกประเทศมากท่ีสุด
ดังนั้นกลยุทธ์ธุรกิจ K-Pop ในเชิงอุตสาหกรรมจึงไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มีการวางแผนมาอย่าง
ดีและพัฒนาคนเป็นส่ิงแรกเสมอ โดยการสร้างศิลปินใช้ระบบแคสติ้ง ลิซ่า แบล็คพิงค์ ก็มาจากกระบวนการ
แคสติ้งตั้งแต่เด็ก จากนั้นเข้าสู่การเป็นเด็กฝึกจนเดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ป และกลายเป็นศิลปินไอดอลตัวท็อป
ของวงการ ซึ่งนอกจากความสามารถและความพยายามของเด็กสาวผู้มีความฝันแล้ว เกาหลีใต้ยังได้ศึกษาว่า
ประเทศไทยมีแฟนเบสค่อนข้างมาก การดึงคนของประเทศนั้น ๆ ไปสังกัดวงๆ หนึ่ง จึงเป็นการดึงแฟนเบส
จากประเทศนั้นได้อย่างดี การแคสติ้งเพื่อหาไอดอลจึงเกิดขึ้นทั่วโลก นอกจากนั้นยังมี Localization ทำ
อย่างไรให้เพลงแปลเนื้อเป็นภาษาอื่น ๆ หรือทำให้ศิลปินพูดได้หลายภาษา มีเพลงหลายภาษาเพื่อเช่ือมกับ
แฟนเบสในประเทศนั้น ๆ ซึ่งใช้เวลาฝึกศิลปินนาน 5-10 ปี ทั้งหมดล้วนเป็นการสร้างทรัพยากรมนุษย์ของ
เกาหลีใต้
เมื่อมี Cool Japan และ Hallyu Wave ความเป็นไปได้ของ Cool Thailand ยุทธศาสตร์ที่จะทำ
ให้วัฒนธรรมกลายเป็นสินค้าส่งออกในตลาดโลกพอจะมีหวังหรือไม่นั้น อาจารย์พิจิตรามองว่า การนำ
วัฒนธรรมสู่ Pop-Culture ที่ทั่วโลกสามารถจับต้องได้ ต้องเปิดพื้นที่ให้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น อย่าง
โขนจะไม่ได้อยู่ในโรงละครอย่างเดียว จำเป็นต้องสร้างคอนเทนท์ใหม่ใส่ความคิดสร้างสรรค์เข้าไปด้วย ยก
ตัวอย่างเน็ตฟลิกซ์ทำซีรีส์ผ่านข้อมูล สำรวจ วิจัยและพัฒนาก่อนว่านักแสดงคนไหนที่คนดูใช้เวลาอยู่ด้วย
นานที่สุด และเลือกมาเป็นตัวตั้งต้นจนนำไปสู่การสร้างเรื่องราวขึ้นเป็นซีรีส์ ถ้าอยากให้เป็น Cool
Thailand ในยุคดิจิทัลต้องใช้การค้นคว้าข้อมูลเพื่อสร้างคอนเทนท์ครองใจคนดู
P a g e | 10
แม้วัฒนธรรมจะเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ แต่สามารถสร้างเป็นสินค้าที่มีผลกระทบอย่างยิ่งใน
การทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศถูกมองในมุมบวกมากขึ้น สร้างความรู้สึกใกล้ชิดกัน และดึงคนต่างชาติเข้า
ประเทศสร้างรายได้มหาศาล
▪ ปีแห่งเศรษฐกจิ สร้างสรรคเ์ พอ่ื การพัฒนาทย่ี งั่ ยนื
ที่ประชุมสมัยสามัญขององค์การสหประชาชาติได้ประกาศรับรองวาระ ปีสากลแห่งเศรษฐกิจ
สร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2564 (International Year of Creative Economy for
Sustainable Development) ซึ่งเป็นวาระที่ประเทศไทยร่วมเสนอกับประเทศในเอเชียแปซิฟิกอื่น ๆ
ท้ังหมด 6 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มองโกเลีย และฟิลิปปินส์ และองค์การศึกษา
วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศวาระสำคัญนี้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่
1 กุมภาพันธ์ 2564 ณ สำนกั งานใหญ่องค์การยเู นสโก กรุงปารสี โดยมีวัตถปุ ระสงค์เพื่อเชิญชวนรัฐบาลท่ัวโลก
สนับสนุนการใช้ศิลปวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
(Sustainable Development Goals – SDGs)
ประเทศไทยให้ความสำคัญและเป็นหนึ่งในประเทศในเอเชียที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในการ
ดำเนินการขับเคลื่อน โดยการสนับสนุนอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สอดคล้องกับ
ยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี ใน 3 ดา้ น ได้แก่ 1. การสร้างความสามารถในการแข่งขัน 2. การพฒั นาและเสริมสร้าง
ทรัพยากรมนุษย์ และ 3. การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม รวมทั้งมีความสอดคล้องกับการ
ขบั เคล่ือนการพัฒนาประเทศดว้ ยโมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green Economy (BCG) เศรษฐกิจชีวภาพ-
เศรษฐกจิ หมนุ เวยี น-เศรษฐกิจสเี ขียวในยทุ ธศาสตรท์ ี่ 4 การทอ่ งเทยี่ วและเศรษฐกิจสร้างสรรค์
กระทรวงวัฒนธรรมในฐานะหน่วยงานต้นน้ำของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ทำหน้าที่เก็บรวบรวม รักษา
องค์ความรู้ด้านวัฒนธรรม ภูมิปัญญาพื้นบ้านต่าง ๆ ส่งเสริมอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม อันเป็นมรดกและ
ทรัพย์สินทางปัญญาอันล้ำค่า พร้อมกันนี้กระทรวงวัฒนธรรมได้สร้างต้นแบบในการต่อยอดและพัฒนาภูมิ
ปัญญาและทุนทางวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ สู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น แฟชั่นและการออกแบบ ภาพยนตร์และ
วีดิทัศน์ อาหารไทย ดนตรี ศิลปะการแสดง งานศิลปหัตถกรรม ฯลฯ และจะดำเนินการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
สร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ช่วยสร้าง
รายไดแ้ ก่ชมุ ชนและประเทศเพอ่ื เปน็ รากฐานในการพฒั นาประเทศอย่างย่ังยนื
ปัจจุบันหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดของกระทรวงวัฒนธรรมล้วนมีภารกิจที่เกี่ยวข้องกับงานเศรษฐกิจ
สร้างสรรค์ และสามารถเชื่อมโยงการทำงานกับพ้ืนที่ทุกจังหวัดในประเทศไทยผ่านกลไกระดับชุมชน ได้แก่
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดและสำนักศิลปากรพื้นที่ ตลอดจนจัดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ด้าน
ศิลปวัฒนธรรมในระดับชาตแิ ละท้องถน่ิ เพอ่ื สง่ เสรมิ ให้เกิดการพัฒนาโดยการมสี ่วนรว่ มของคนในท้องถ่ินและ
สร้างเครือข่ายทางวัฒนธรรมที่เข้มแข็งทัว่ ประเทศ เช่น โครงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT)
การท่องเที่ยวชุมชนสร้างสรรค์ของโครงการพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมตามรอยศาสตร์พระราชาเพ่ือ
ชุมชนเขม้ แข็งอยา่ งอยา่ งยงั่ ยืน (บวร On Tour) โครงการเครอื ข่ายเมืองสร้างสรรคฯ์ ฯลฯ
นอกจากนี้กระทรวงวัฒนธรรมยังบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจ
สร้างสรรค์ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน กองการต่างประเทศ และ
หน่วยงานวิเทศสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมและกรมในสังกัด กระทรวง
วัฒนธรรม ดำเนนิ การเชื่อมโยง ประสานงานเครือข่ายและการเจรจาระหว่างประเทศ เพ่ือให้เกิดความร่วมมือ
ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เชื่อมโยงท้องถิ่นไทยกับนานาอารยประเทศ ซึ่งจะส่งเสริมความร่วมมือให้เกิด
P a g e | 11
เครือข่ายทางวัฒนธรรมระดับสากลและสร้างภาพลักษณ์และเกียรติภูมิไทยใ นเวทีโลกด้วยเศรษฐกิจ
สร้างสรรค1์ 2
▪ เศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์: อนาคตเศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจสรา้ งสรรค์เป็นท่ีกล่าวถงึ ในช่วง 20 ปีท่ีผ่านมาในฐานะ “อนาคตของเศรษฐกจิ โลก” จนเป็น
ทรี่ ู้จักอยา่ งแพรห่ ลาย โดยมีท่ีมาจากหนงั สอื ของ จอห์น ฮาวกินส์ (John Howkins) ทม่ี ีชอื่ ว่า “The Creative
Economy : How People Make Money from Ideas” ซึ่งจัดพิมพ์ขึ้นใน ค.ศ. 2001 ว่าด้วยเศรษฐกิจที่มี
แนวคดิ เตมิ เตม็ ไปดว้ ย ‘จนิ ตนาการ ภมู ปิ ัญญา สงั คม วัฒนธรรม และผคู้ น’
“เศรษฐกิจสร้างสรรค์” คือ แนวคิดในการนำ “สินทรัพย์ทางวัฒนธรรม” ทั้งที่จับต้องได้และจับต้อง
ไม่ได้ผนวกเข้ากับ “นวัตกรรม” และ “ความคิดสร้างสรรค์” มาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ สร้างเป็นสินค้า และ
บริการที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ จนอาจกล่าวได้ว่าแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์คือการคิดต่อยอดจากสิ่งที่มีสิ่งที่
เป็นใหม้ คี ุณคา่ มากข้นึ
เศรษฐกิจสร้างสรรค์จะสมบูรณ์ได้ตอ้ งมีความแข็งแกรง่ ของ B2P คอื business, people and place
(ธุรกิจ ผู้คน และพื้นที่) พัฒนาไปด้วยกัน เศรษฐกิจสร้างสรรค์จึงไม่ใช่การมุ่งใช้จินตนาการเพื่อสร้างผลกำไร
เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการคิดถึงทุกฝ่าย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แล้วผลลัพธ์ในท้ายสุดคือ ธุรกิจมีการเติบโต
อยา่ งเข้มแขง็ มฐี านรากท่ีม่ันคง และมีพันธมิตรมากขนึ้ หลายประเทศท่ัวโลกเล็งเหน็ ความสำคญั ของเศรษฐกิจ
สรา้ งสรรค์ทเี่ ข้ามามีบทบาทอยา่ งมากในเศรษฐกิจโลกในชว่ งกวา่ ทศวรรษที่ผา่ นมา จึงจดั ตั้งองค์กรเฉพาะด้าน
เพอื่ สง่ เสริมความคิดสร้างสรรคใ์ ห้เป็นยทุ ธศาสตรส์ ำคญั ในการพัฒนาประเทศ13
สำหรับประเทศไทยมีการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ
Creative Economy Agency (CEA) ขึ้น เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของ
ไทย โดยมีภารกจิ ใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ดา้ นการพฒั นาบุคลากรสรา้ งสรรค์ ด้านการเพิ่มขดี ความสามารถให้แก่
ธรุ กจิ สร้างสรรค์ และด้านการพัฒนาพื้นทีส่ ร้างสรรค์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กำหนดไว้ว่า อุตสาหกรรมสร้างสรรค์
ประกอบด้วย 12 สาขาหลัก ได้แก่ งานฝีมือและหัตถกรรม, ศิลปะ การแสดง, ทัศนศิลป์, ดนตรี, ภาพยนตร์
และวิดีทศั น,์ การพมิ พ์, การกระจายเสียง, ซอฟต์แวร์, โฆษณา, การออกแบบ, สถาปตั ยกรรมและแฟชั่น โดยมี
อตุ สาหกรรมทเ่ี กยี่ วข้องอกี 3 สาขา คอื อาหารไทย การแพทย์แผนไทย และการท่องเที่ยวเชงิ สรา้ งสรรค์
ฉะนั้น เมื่อดูตัวเลขในปี 2561 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศไทย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอยู่
ราว 1.46 ล้านลา้ นบาท คดิ เปน็ สดั ส่วนมลู ค่าอตุ สาหกรรมสรา้ งสรรคต์ อ่ GDP ของประเทศ อย่ทู ่รี ้อยละ 8.93
12 ขา่ ว ไทย โดยกระทรวงวัฒนธรรมพรอ้ มสนับสนนุ วาระปสี ากลแห่งเศรษฐกจิ สร้างสรรคเ์ พ่อื การพฒั นาอยา่ งยั่งยืน พ.ศ. 2564 ชวู ธ.ขบั เคล่อื นขบั
เศรษฐกิจสร้างสรรคต์ อ่ เน่ือง นำทนุ วัฒนธรรมมาต่อยอดเพิม่ มลู คา่ เศรษฐกจิ พฒั นาประเทศ. เว็บไซต์ศูนย์ขอ้ มลู ขา่ วสารอาเซียน กรมประชาสัมพนั ธ์
9 กุมภาพนั ธ์ 2564 http://www.aseanthai.net/mobile_detail.php?cid=2&nid=11302
13 เศรษฐกจิ สร้างสรรค์ เพ่อื การพฒั นาทย่ี งั่ ยนื . เว็บไซต์ประชาชาตธิ รุ กจิ วันที่ 3 กมุ ภาพนั ธ์ 2564. https://www.prachachat.net/csr-
hr/news-604476
P a g e | 12
โดยสาขาอุตสาหกรรมทม่ี ีมูลคา่ ทางเศรษฐกิจสูงสดุ 5 อันดบั แรก ไดแ้ ก่
o อตุ สาหกรรมการทอ่ งเท่ียวเชงิ วฒั นธรรมมีมลู ค่า 4.09 แสนล้านบาท (ร้อยละ 28.04)
o อตุ สาหกรรมอาหารไทย 2.67 แสนล้านบาท (ร้อยละ 18.29)
o อุตสาหกรรมการโฆษณา 2.08 แสนล้านบาท (ร้อยละ 14.28)
o อุตสาหกรรมแฟชั่น 1.89 แสนลา้ นบาท (รอ้ ยละ 12.99)
o อุตสาหกรรมการออกแบบ 1.25 แสนล้านบาท (ร้อยละ 8.6) ตามลำดับ
ดังนั้นท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก การเติบโตของอุตสาหกรรม
สรา้ งสรรค์ในห้วงปแี หง่ เศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อการพฒั นาที่ยัง่ ยนื จึงเป็นความทา้ ทายทมี่ ิอาจหลีกเล่ียงได้
▪ การพฒั นาเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์ในแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ
พลวัตของการพัฒนาเศรษฐกิจโลกท่ีมคี วามกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยสี ารสนเทศเปน็ ตัวเร่งสำคัญ ทำให้
เกิดภาวะการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วของบริบทการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโลก ได้กลายเป็นแรงผลักดนั
ให้ประเทศต่าง ๆ ในโลกพยายามที่จะสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจและมั่นคงในการดำรงชีวิตของมนุษย์
ภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเรว็ ซึ่งแนวทางการสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจรูปแบบหนึง่ ก็คือ การ
สร้างความได้เปรียบทางเศรษฐกิจในเวทีการค้าโลก หรือที่เรียกว่า “การสร้างความสามารถในการแข่งขันทาง
เศรษฐกิจของประเทศ”
นวัตกรรมในเชิงแนวคิดการพัฒนาเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ได้ริเริ่มโดย
ประเทศที่พัฒนาแล้ว คือ การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ที่เน้นการสร้างสินค้าและ
บริการใหม่ ๆ โดยเช่อื มโยงกบั รากฐานทางวฒั นธรรม การสง่ั สมปัญญาของสังคมไทย ผนวกเขา้ กับเทคโนโลยี/
นวัตกรรมสมัยใหม่ นำเข้าสู่กระบวนการ “คิดอย่างสร้างสรรค์” และ“สร้างแรงบันดาลใจจากรากวัฒนธรรม
และภูมิปัญญาที่สั่งสมของสังคม” เพื่อสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและอาจขยายไปถึงการสร้างคุณค่าทางสงั คม
P a g e | 13
ได้กลายเป็นกระแสการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เนื่องจากความสำเร็จของการ
ใชเ้ ศรษฐกจิ สรา้ งสรรคใ์ นประเทศท่ีพฒั นาแลว้ เช่น สหภาพยุโรป และสหรฐั อเมรกิ า เปน็ ต้น14
แม้การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไม่ได้ถูกกำหนดอย่างชัดเจนในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554) แต่ถือได้ว่าการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นแนวทางหนึ่งของการ
ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างการผลิตให้สมดุลและยั่งยืน ซึ่งตั้งอยู่บนหลักการพื้นฐานของแนวคิด
สำคญั ประการหนึ่ง คอื การเพ่มิ คณุ ค่าของสนิ ค้าและบรกิ าร โดยใช้องคค์ วามรู้และนวตั กรรม ผนวกกับจุดแข็ง
ในดา้ นความหลากหลายของทรพั ยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และวถิ ีชีวติ ความเป็นไทย
ดงั นัน้ การขับเคล่ือนยทุ ธศาสตร์การปรับโครงสรา้ งการผลิตฯ เพอื่ ปรับเปลีย่ นโครงสร้างเศรษฐกิจของ
ประเทศจากการพึ่งพิงปัจจัยการผลิตที่มีราคาถูกและใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ไปสู่ระดับสูงขึ้นที่เน้นการ
เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพและสร้างนวัตกรรม โดยให้ความสำคญั กบั การพัฒนาเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์อย่างจริงจัง จะเป็น
แนวทางหนึ่งในการยกระดับความสามารถการแข่งขันทางเศรษฐกิจของไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสร้าง
สังคมไทยให้พัฒนาศักยภาพของตนเองโดยใช้ทุนทางสังคมและทุนทางปัญญาในการสร้างควา มเข้มแข็งทาง
เศรษฐกจิ อย่างยงั่ ยืน
จากผลการศึกษาการทบทวนกรอบแนวคิด การวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน และการศึกษา
กรณีศึกษาของต่างประเทศของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสของไทยในการพัฒนา
เศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เป็นแหล่งที่มาใหม่ของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้สิ่งสำคัญประการหนึง่
คือ นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบันได้รับความสำคัญและมีความ
ชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งได้เร่ิมขับเคลื่อนพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจสร้างสรรค์โดยบรรจุเป็นแผนงานหนึ่งภายใต้
แผนปฏิบตั กิ ารไทยเข้มแข็ง 2555 (แผนฟูฟืน้ เศรษฐกจิ ระยะท่ี 2 ; Stimulus Package: SP2)
อย่างไรก็ดี เพอื่ ให้การขบั เคลือ่ นการพัฒนาเป็นไปอย่างมีบรู ณาการและบงั เกิดผลทางปฏิบัติอย่างเป็น
รูปธรรม การดำเนนิ การในระยะต่อไปจำเป็นต้องใหค้ วามสำคัญต่อประเด็นการพฒั นาทสี่ ำคัญ ดงั น้ี
1. การสรา้ งความตระหนกั และสร้างโอกาสให้กับผูป้ ระกอบการ
ผู้ประกอบการต้องได้รับการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการรูปแบบ
ใหม่ใหม้ ีจุดเดน่ สามารถตอ่ ยอดด้วยความคิดและนวตั กรรมเพ่ือตอบสนองความต้องการของตลาด และกา้ วทัน
ต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ทั้งนี้ผู้ประกอบการไทยต้องมีศักยภาพและความสามารถเพื่อใช้
ประโยชน์จากโอกาสใหม่ โดยการสร้างความได้เปรียบจากความความหลากหลายและเอกลักษณ์ของ
วัฒนธรรมและความเปน็ ไทย เพือ่ สร้างเศรษฐกจิ และสังคมสร้างสรรคใ์ ห้สามารถแขง่ ขันไดใ้ นเวทรี ะดับโลก
2. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมภายในประเทศ เพื่อให้เอื้อประโยชน์ต่อการ
พัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างย่ิงโครงสรา้ งพื้นฐานด้านการส่ือสารและคมนาคม การส่งเสริมการ
ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา การจัดหาแหล่งเงินทุน การพัฒนาการศึกษาอย่างเป็นระบบและครบวงจรให้
สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมทั้งสร้างบุคลากรทีม่ ีความสร้างสรรค์ การพัฒนาการตลาดสมัยใหม่
และการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญา นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องมีการศึกษา
ทบทวนปญั หาและอุปสรรคที่มที มี่ าจากกฎหมายและกฎระเบียบเพอื่ ใหน้ ำไปสู่การปรบั ปรงุ และแก้ไขต่อไป
3. การบรู ณาการการดำเนนิ งานของหนว่ ยงาน
เนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์มีกรอบการดำเนินงานที่ค่อนข้างกว้างและเกี่ยวข้องกับ
หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวนมาก การดำเนินงานขับเคลื่อนการพัฒนาในระดับปฏิบัติจำเป็นต้องมี
14 รายงานการศึกษาเบอื้ งตน้ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ The Creative Economy. สำนักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ
ศนู ย์สรา้ งสรรคง์ านออกแบบ. พฤษภาคม 2552
P a g e | 14
หนว่ ยงานทรี่ บั ผดิ ชอบหลัก และมีกรอบนโยบายและกลไกการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ท่ชี ัดเจน ดังน้ันควรมีแนว
ทางการดำเนนิ งานโดยการจดั ทำแผนแมบ่ ทการพัฒนาเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์ และจัดทำแผนที่นำทางการพัฒนา
(Roadmap) สำหรับการดำเนินงานขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมี
บูรณาการในระยะต่อไป
4. การศกึ ษาวจิ ยั และพัฒนาเชิงลึกในสาขาเศรษฐกจิ สร้างสรรค์และทุนวัฒนธรรม
ควรศึกษาเพื่อสร้างองค์ความรู้ที่จำเป็นในการขับเคลื่อนการพัฒนาทั้ง 5 สาขา ได้แก่ (1) มรดกทาง
วัฒนธรรมและภูมิปัญญา และความหลากหลายทางชีวภาพ (2) เอกลักษณ์ศิลปะและวัฒนธรรม (3) งาน
ช่างฝีมือและหัตถกรรม (4) อุตสาหกรรมสื่อ บันเทิง และซอฟต์แวร์ (5) การออกแบบและพัฒนาสินค้าเชิง
สร้างสรรค์ ให้สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและนำผลิตภัณฑ์และบริการสู่ตลาดทั้งภายในประเทศและ
ต่างประเทศ นอกจากน้ีการศึกษาวิจัยในเชิงลึกนี้จำเป็นต้องจัดทำฐานข้อมูลและมีระบบการจัดเก็บข้อมูลที่มี
ประสิทธิภาพ โดยกำหนดมาตรฐานขอบเขตของอุตสาหกรรมและบริการเชิงสร้างสรรค์ให้ชัดเจน และวิธีการ
จัดเก็บข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการประเมิน ติดตามผล และกำหนด
นโยบายการพัฒนาต่อไปด้วย
การพัฒนาประเทศไทยในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-
2564) อยู่ในห้วงเวลาของการปฏิรูปประเทศ เพื่อแก้ปัญหาพื้นฐานหลายด้านที่สั่งสมมานานท่ามกลาง
สถานการณ์โลกที่เปล่ียนแปลงรวดเร็วและเชื่อมโยงกันใกล้ชดิ มากขึ้น การแข่งขันด้านเศรษฐกจิ จะเข้มขน้ มาก
ขึ้น สังคมโลกจะมีความเชื่อมโยงใกล้ชิดกันมากขึ้นเป็นสภาพไร้พรมแดน การพัฒนาเทคโนโลยีจะมีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเรว็ และจะกระทบชีวิตความเป็นอยู่ในสงั คมและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่าง
มาก ประเทศต้องเร่งพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเชิงยุทธศาสตรใ์ นทุกด้าน ได้แก่ การเพิ่มการลงทุนเพื่อการวิจัยและ
พัฒนา การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่กับการเร่งยกระดับทักษะ
ฝีมือแรงงานกลุ่มที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงานและกลุ่มที่อยู่ในตลาดแรงงานในปัจจุบันให้สอดคล้องกับสาขา
การผลิตและบริการเป้าหมาย และการเปลี่ยนแปลงดา้ นเทคโนโลยี
ความร่วมมือระหว่างประเทศที่จะเป็นแนวทางการพัฒนาสำคัญสำหรับประเทศไทย ทั้งความร่วมมือ
ทางการค้าและการลงทุนทางเศรษฐกิจ ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาทางสังคม สิ่งแวดล้อม และความร่วมมือ
ดา้ นความมั่นคงในมติ ิตา่ ง ๆ ในทุกกรอบความรว่ มมือ ทง้ั ระดับอนุภมู ิภาค ภูมิภาค และระดบั โลก โดยส่งเสริม
ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในทุกด้านให้เป็นบทบาทที่สร้างสรรค์ของประเทศไทย และการสนับสนุนการ
แก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในอนุภูมิภาคและในภูมิภาค การขับเคลื่อนการพัฒนาภายใต้
กรอบเป้าหมายการพฒั นาทย่ี ่ังยนื
แผนพัฒนาฯ ฉบบั ท่ี 12 ม่งุ เน้นการนำความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนานวตั กรรมเพ่ือทำให้เกิดสิ่ง
ใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ทั้งในเรื่องกระบวนการผลิตและรูปแบบผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ การ
เปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี รูปแบบการดำเนินธุรกิจ และการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนในสังคม ทั้งที่เป็นการ
เปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคนและการพัฒนาต่อยอด รวมถึงการใช้นวัตกรรมสำหรับการพัฒนาสินค้า
และบริการทงั้ ในระดับพืน้ บา้ นจนถงึ ระดบั สูง ซ่งึ มีผลต่อคณุ ภาพชีวิตและความเปน็ อยู่ของประชาชนในวงกว้าง
โดยมงุ่ เนน้ การพัฒนาบนฐานภูมิปัญญาทเ่ี กิดจากการใช้ความรู้และทักษะ การใช้วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี การ
วิจัยและพัฒนา และการพัฒนานวัตกรรม นำมาใช้ในทุกด้านของการพัฒนา มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ขยายและสร้างฐานรายได้ใหม่ที่ครอบคลุมทั่วถึงมากขึ้น
ควบคู่ไปกับการต่อยอดฐานรายได้เดิม สังคมไทยมีคุณภาพและมีความเป็นธรรมโดยมีที่ยืนสำหรับทุกคนใน
P a g e | 15
สงั คมและไม่ท้ิงใครไว้ข้างหลัง และเปน็ การพฒั นาท่ีเกิดจากการผนึกกำลังในการผลักดันขับเคลื่อนร่วมกันของ
ทุกภาคสว่ น (Thailand 4.0)
(ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 13
ประเทศไทยยงั คงต้องเผชิญกับข้อจำกดั และความทา้ ทายในการพัฒนาประเทศในระยะตอ่ ไปอีกหลาย
ประการ จงึ ตอ้ งวางรากฐานและเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับแนวโน้มการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนจากในและ
นอกประเทศ รวมทั้งแสวงหาโอกาสทีเ่ กิดขึ้นจากกระแสการเปลีย่ นแปลงดังกล่าวให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศ
บนพื้นฐานความเข้มแข็งของทุนภายในประเทศที่มีอยู่ให้สามารถเสริมสร้าง ปรับปรุงให้สอดรับกับกระแสการ
พัฒนาทเี่ ปลยี่ นแปลงไปไดอ้ ย่างเหมาะสม รว่ มกับการแก้ไขข้อจำกดั ทเ่ี ปน็ ปัจจยั ลดทอนการเติบโตของประเทศ
ให้หมดไป เพือ่ สนบั สนุนการเพ่ิมความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ การสร้างความเสมอภาคทางสังคม
และการพฒั นาและเสริมสร้างศกั ยภาพทรัพยากรมนษุ ย์
จากการสังเคราะห์บริบทสถานการณ์พัฒนาภายในประเทศ ร่วมกับการประเมินผลกระทบจาก
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และแนวโนม้ การแปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก นำมาซ่งึ ประเด็นการ
พัฒนาประเทศที่ควรให้ความสำคัญในระยะของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 โดยอาศัยกรอบมุมมองสถานะของ
ประเทศครอบคลุมมิติการพัฒนาใน 6 ทุนหลัก ประกอบด้วย ทุนทางการเงิน ทุนทางกายภาพ ทุนทาง
ธรรมชาติ ทุนทางสังคม ทุนมนุษย์ และทุนทางสถาบัน โดยมีหลักคิดและแนวทางที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา
เศรษฐกิจสร้างสรรค์ คือ เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ และโมเดลเศรษฐกิจ BCG โดย
อาศัยฐานศักยภาพและความเข้มแข็งของประเทศอันประกอบด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและความ
หลากหลายทางวัฒนธรรม พร้อมกับการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และ
นวตั กรรมในการสร้างมลู คา่ 15
การกำหนดทศิ ทางการพัฒนาประเทศในระยะของแผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี 13 จงึ มวี ตั ถปุ ระสงค์เพื่อพลิก
โฉมประเทศไทยสู่ “สงั คมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอยา่ งยั่งยืน” ซง่ึ หมายถงึ การสร้างการเปล่ียนแปลง
ที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับโครงสร้าง นโยบาย และกลไก เพื่อมุ่งเสริมสร้างสังคมที่ก้าวทันพลวัตของโลก และ
เกื้อหนุนให้คนไทยมีโอกาสที่จะพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่
การขบั เคลือ่ นด้วยเทคโนโลยี นวตั กรรม และความคิดสรา้ งสรรค์ โดยมีเปา้ หมายหลกั 5 ประการ ประกอบด้วย
การปรับโครงสร้างการผลิตสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม การพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่ การมุ่งสู่สังคมแห่ง
โอกาสและความเป็นธรรม การเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน และการเสิรมสร้างความสามารถของประเทศใน
การรับมอื กับความเส่ียงและการเปลย่ี นแปลงภายใต้บริบทโลกใหม่
▪ แผนแม่บทภายใต้ยทุ ธศาสตรช์ าติ (พ.ศ. 2561 - 2580)
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (2) ประเด็นการตา่ งประเทศ
การต่างประเทศมีส่วนขับเคลื่อนเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี เพื่อให้ไทยเป็นประเทศ
พฒั นาแล้วและมีความม่ันคง มัง่ คงั่ และยั่งยืน โดยการดำเนนิ งานดา้ นการต่างประเทศใหไ้ ทยมีความพร้อมและ
มบี ทบาทเชงิ รุกอย่างสร้างสรรคเ์ พ่ือเป็นผู้เลน่ สำคญั ในเวทโี ลก และมคี วามรว่ มมือกบั นานาชาตใิ นลักษณะท่ีจะ
เกอ้ื หนนุ ต่อความกา้ วหนา้ ในทกุ ๆ ดา้ นของไทยและเปน็ ประโยชน์ตอ่ การพฒั นาประชาคมโลกโดยรวม
ปัจจุบันประเทศไทยมีบทบาทท่ีโดดเด่นมากขึ้นในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอนุ
ภูมิภาคและภูมิภาคเอเชีย และขยายความร่วมมือในด้านต่าง ๆ อาทิ เศรษฐกิจ การค้า การคมนาคม และ
15 (รา่ ง) แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 13 “พลกิ โฉมประเทศไทยสู่ สังคมก้าวหนา้ เศรษฐกิจสรา้ งมลู ค่าอยา่ งยงั่ ยืน”. สำนกั งาน
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ. กันยายน 2564.
P a g e | 16
ทรพั ยากรมนุษย์ ทัง้ ในระดับทวิภาคีและพหภุ าคี ขณะทก่ี ระแสโลกาภิวตั นท์ เี่ ขม้ ข้นข้นึ และการเปล่ียนแปลงข้ัว
อำนาจทางเศรษฐกิจเป็นหลายศูนย์เป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการปรับตัวด้านการต่างประเทศของประเทศไทย
ดังนั้นแผนแม่บทประเด็นการต่างประเทศจึงได้กำหนดกรอบนโยบายต่างประเทศของไทย เพื่อให้ทุกส่วน
ราชการสามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้านในมิติการต่างประเทศอย่างบูรณาการและเป็นเอกภาพ
โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ “การต่างประเทศไทย มีเอกภาพ ทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน มี
มาตรฐานสากล และมีเกียรติภูมใิ นประชาคมโลก”16
แผนแมบ่ ทภายใตย้ ทุ ธศาสตรช์ าติ (2) ประเด็นภาคเกษตร
ภาคเกษตรมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารและสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ
รวมท้ังเปน็ แหลง่ จ้างงานท่ีสำคัญ การพัฒนาภาคการเกษตรให้มีศักยภาพและขีดความสามารถทางการแข่งขัน
จะเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จท่ีสำคัญที่จะช่วยให้การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติในด้านต่าง ๆ สามารถ
บรรลุวัตถุประสงค์ได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ทั้งนี้แผนย่อย
“เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น” ระบุให้มีการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ด้วยการ
ประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีและนวัตกรรม การขึ้นทะเบียนและคุ้มครองสิทธิ ให้กับสินค้าและ
ผลิตภัณฑ์ การพฒั นาคุณภาพมาตรฐานของสนิ ค้าและผลิตภณั ฑ์ และการสร้างความเขม้ แข็งของเกษตรกรและ
ชุมชนในการพัฒนาอัตลักษณ์พ้ืนถิ่น รวมทั้งสรา้ งอัตลักษณ์หรือเรือ่ งราวแหล่งกำเนิด สร้างความแตกตา่ งและ
ความโดดเด่น และสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น ตลอดจนส่งเสริมการบริโภคสินค้า
เกษตรอัตลกั ษณพ์ นื้ ถนิ่ ท้ังในระดบั ประเทศและเพื่อการสง่ ออก
แผนแม่บทภายใต้ยทุ ธศาสตร์ชาติ (5) ประเด็นการทอ่ งเทย่ี ว
ประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวในฐานะกลไกหลักในการช่วยขับเคลื่อน
เศรษฐกจิ ของประเทศ โดยในปี 2560 การทอ่ งเท่ยี วของไทยสามารถสร้างรายได้กวา่ 2.75 ล้านล้านบาท และ
มีขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว (Travel & Tourism Competitiveness Index) อยู่ใน
อันดับที่ 34 จาก 136 ประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ผ่านมาของไทยสามารถ
เพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรม
ท่องเที่ยวมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามสภาวการณ์โลกและพฤติกรรมของผู้บริโภค อุตสาหกรรม
ท่องเที่ยวของไทยจึงต้องมีการปรับตัวตามกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงไป และวางแผนการพัฒนาให้สอดคล้อง
กบั ความตอ้ งการของตลาด เพอ่ื รกั ษาและพฒั นาขดี ความสามารถดา้ นการท่องเท่ียวของประเทศ
แผนแม่บทภายใต้ยทุ ธศาสตร์ชาติประเด็นการทอ่ งเทีย่ วให้ความสำคัญกบั การรักษาการเป็นจุดหมาย
ปลายทางของการท่องเที่ยวระดับโลก โดยจะต้องพัฒนาการท่องเที่ยวทั้งระบบ มุ่งเน้นนักท่องเที่ยวกลุ่ม
คุณภาพ สร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว มุ่งเน้นการ
พัฒนาการท่องเที่ยวในสาขาที่มีศักยภาพ แต่ยังคงรักษาจุดเด่นของประเทศด้านขนบธรรมเนียม ประเพณี
วัฒนธรรม อัตลักษณค์ วามเปน็ ไทย โดยแผนแม่บทด้านการท่องเท่ยี วประกอบดว้ ย 6 แผนย่อย17 ไดแ้ ก่
1. การท่องเที่ยวเชิงสรา้ งสรรค์และวัฒนธรรม สร้างสรรค์คุณค่าสินคา้ และบริการการทอ่ งเท่ียวโดย
มุ่งใช้องค์ความรู้และนวัตกรรม ผนวกกับจุดแข็งในด้านความหลากหลายทางทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม
และวิถีชีวิต เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวที่ตอบสนองพฤติกรรม ความต้องการ
นักท่องเทย่ี ว และสร้างทางเลอื กของประสบการณ์ใหม่ ๆ ใหก้ ับนกั ท่องเที่ยว
16 สรปุ สาระสำคัญ แผนแม่บทภายใตย้ ทุ ธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580)
17 แผนแมบ่ ทภายใตย้ ุทธศาสตรช์ าติ (5) ประเดน็ การท่องเทีย่ ว (พ.ศ. 2561 - 2580)
P a g e | 17
2. การท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ส่งเสริมให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ครอบคลุม
การจัดประชุมและนิทรรศการ การจัดงานแสดงสินค้า การจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเป็นรางวัล การจัดการ
แขง่ ขันกีฬาระดับนานาชาติ การทอ่ งเทยี่ วเชิงกีฬา รวมถงึ การพักผ่อนระหว่างหรือหลังการประกอบธุรกิจหรือ
การทำกิจกรรมต่าง ๆ อันเป็นการดึงดูดกลุ่มนักเดินทางเพื่อธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ อีกทั้งส่งเสริม
ให้การจัดงานธุรกิจและกิจกรรมต่าง ๆ เป็นการสนับสนุนการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ
เป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่นำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม รวมถึงการสร้างเวทีเจรจา
การคา้ และการลงทุนของธรุ กิจทเี่ กี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
3. การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม และแพทย์แผนไทย พัฒนาและยกระดับมาตรฐานการ
ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม และแพทย์แผนไทย ทั้งสินค้า บริการ บุคลากร ผู้ประกอบการ และแหล่ง
ทอ่ งเที่ยวท่เี ก่ยี วข้อง ตลอดห่วงโซค่ ณุ ค่าการทอ่ งเที่ยว มุ่งเนน้ การสรา้ งความแตกต่างและความเป็นเอกลักษณ์
จากการใหบ้ รกิ ารตามแบบอย่างความเปน็ ไทยทโ่ี ดดเดน่ ในระดับสากล รว่ มกับการใชอ้ งคค์ วามรูแ้ ละภูมิปัญญา
ไทยที่พัฒนาต่อยอดกับความคิดสร้างสรรค์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ
สินค้าและบรกิ าร
4. การท่องเที่ยวส้าราญทางน้ำ ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการ
ท่องเที่ยวไทย เป็นแหล่งสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศ โดยคำนึงถึงความยั่งยืนของแหล่งท่องเที่ยวและการมี
ส่วนร่วมของชุมชน ครอบคลุมการท่องเที่ยวทางทะเลและชายฝั่ง และการท่องเที่ยวในลุ่มน้ำสำคัญ โดยการ
ปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างพืน้ ฐาน สาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกในการทอ่ งเที่ยวทางน้ำให้ได้
มาตรฐาน สร้างสรรค์กิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว รวมถึง
บริบทของพนื้ ท่ีและชุมชนในพื้นที่
5. การท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาค ยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงเส้นทาง การ
ท่องเที่ยวภายในภูมิภาคอาเซียน โดยใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ แผนการลงทุนพัฒนาโครงข่าย
คมนาคมทั้งทางถนน ราง น้ำ และอากาศ และกรอบความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อการเชื่อมโยง
เส้นทางการท่องเที่ยวภายในประเทศ อนุภูมิภาค และอาเซียนบนฐานอัตลักษณ์เดียวกัน เพื่อส่งเสริมให้เป็น
จดุ หมายปลายทางการทอ่ งเทีย่ วรว่ มกนั
6. การพัฒนาระบบนิเวศการท่องเที่ยว พัฒนาปัจจัยแวดล้อมให้เอื้อต่อการยกระดับขีด
ความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวและการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ
การท่องเที่ยวไทย
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (8) ประเด็นผู้ประกอบการและวิสาหกจิ ขนาดกลางและขนาด
ย่อมยคุ ใหม่
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมถือได้ว่าเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ ทั้งในมิติของการ
สร้างรายได้ เป็นแหล่งการจ้างงานที่สำคัญ และยังเป็นกลไกแก้ไขปัญหาความยากจนของประเทศ การ
ขับเคล่อื นการพัฒนาเพ่อื สร้างความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศในระยะ 20 ปขี า้ งหนา้ จำเปน็ ต้องสร้าง
และพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้เป็น “ผู้ประกอบการยุคใหม่” ที่ก้าวทันและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและ
นวัตกรรมในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เนื่องจากการประกอบธุรกิจ
ของผู้ประกอบการมีบทบาทสำคัญต่อการกระตุ้นให้เศรษฐกิจเจริญเติบโต และความเข้มแข็งของ
ผู้ประกอบการจะช่วยให้ประเทศสามารถแข่งขันในระดบั เวทีการค้าโลกได้ โดยผู้ประกอบการยคุ ใหมจ่ ะต้องมี
ทักษะแห่งอนาคตที่มีความพร้อมทางด้านทัศนคติ ทักษะความสามารถ และความรู้สำหรับการรับมือกับการ
แข่งขันทจ่ี ะรุนแรงขน้ึ จากการเปลีย่ นแปลงอยา่ งรวดเร็วของเทคโนโลยีได้ โดยแผนย่อยที่เกี่ยวข้อง ไดแ้ ก่
P a g e | 18
การสร้างความเข้มแข็งผู้ประกอบการอัจฉริยะ โดยให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนา
ความเป็นผู้ประกอบการ รวมทั้งพัฒนาทักษะพื้นฐานที่จำเป็นและความถนัดที่แตกต่างและหลากหลายของ
แรงงาน โดยเฉพาะท่ีเกย่ี วขอ้ งกับเทคโนโลยี และพฒั นาผู้ประกอบการในทุกระดบั ให้มจี ติ วิญญาณของการเป็น
ผปู้ ระกอบการ ขบั เคล่ือนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี นวตั กรรม และความคิดสรา้ งสรรค์ในการพฒั นาเพ่ิมมลู ค่าธุรกิจ
ตลอดจนส่งเสริมการรวมกลมุ่ และสรา้ งเครือข่ายของผู้ประกอบการ
การสร้างโอกาสเข้าถึงตลาด โดยสนับสนุนผู้ประกอบการให้มีอัตลักษณ์และตราสินค้าที่เด่นชัด ให้
ความสำคญั กับการผลิตโดยใชต้ ลาดนำที่คำนึงถงึ ความต้องการของตลาด โดยเฉพาะตลาดท่มี ีมูลค่าสูง ส่งเสริม
การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการขยายช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ สร้างโอกาสให้
ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้มากขึ้น มีแผนกลยุทธ์การเข้าถึงตลาดใหญ่ที่มี
ศักยภาพสำหรับสินค้าและบริการของไทย ตลอดจนสร้างและพัฒนาตลาดในประเทศสำหรับสินค้าที่มี
คุณภาพมาตรฐาน รวมทั้งตลาดสนิ คา้ สำหรับกลุ่มเฉพาะ
แผนแม่บทภายใตย้ ทุ ธศาสตรช์ าติ (10) ประเด็นการปรบั เปลย่ี นคา่ นิยมและวฒั นธรรม
ยุทธศาสตร์ชาติให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากเป็นปัจจัยพื้นฐานในการ
พฒั นาดา้ นตา่ ง ๆ ของประเทศในระยะยาว จึงจำเปน็ ตอ้ งปลกู ฝงั ค่านิยมวฒั นธรรมท่ีพงึ ประสงค์ของประชาชน
ไทยในชว่ งระยะเวลา 20 ปีขา้ งหน้า ซึ่งรวมถึงความภาคภูมิใจในความเปน็ ไทยที่มีอัตลักษณแ์ ละความโดดเด่น
จนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก ทั้งในด้านความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความมีไมตรีและความเป็น
มิตร โดยมุ่งเนน้ ใหส้ ถาบันทางสังคมร่วมปลูกฝังคา่ นิยม วฒั นธรรมทพ่ี ึงประสงค์ ซ่งึ บรู ณาการร่วมระหว่างภาคี
ต่าง ๆ อาทิ ครอบครัว ชุมชน ศาสนา การศึกษา สื่อ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการหล่อหลอมคน
ไทยใหม้ คี ุณธรรม จริยธรรม ในลกั ษณะทีเ่ ปน็ ‘วิถี’ การดำเนินชวี ติ
นอกจากนี้ยังรวมถึง การใช้สื่อและสื่อสารมวลชนในการปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมของคนใน
สังคม โดยการพัฒนาสื่อสร้างสรรค์ และเสริมสร้างค่านิยมที่ดีให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไป พัฒนาส่ือ
เผยแพร่เพื่อสรา้ งเสรมิ ศิลปะและวัฒนธรรม และจัดสรรเวลาและเปิดพื้นทใ่ี ห้สื่อสรา้ งสรรค์สำหรับเด็ก เยาวชน
และประชาชนในการปลูกจติ สำนกึ และสร้างเสรมิ คา่ นิยมที่ดี
แผนแมบ่ ทภายใตย้ ทุ ธศาสตร์ชาติ (11) ประเดน็ การพัฒนาศักยภาพคนตลอดชว่ งชวี ิต
ยุทธศาสตร์ชาติได้กำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อนการพัฒนาให้ประเทศเจริญก้าวหน้าไปในอนาคต
ซึ่งทรัพยากรมนุษย์เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญในการยกระดับการพัฒนาประเทศในทุกมิติไปสู่เป้าหมายการ
เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วที่ขับเคลื่อนโดยภูมิปัญญาและนวัตกรรมในอีก 20 ปีข้างหน้า ดังนั้นจึงจำเป็นต้อง
วางรากฐานการพัฒนาทรัพยากรมนษุ ย์ของประเทศอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอือ้
ต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์ สร้างความอยู่ดีมี สุขของครอบครัวไทยซึ่งเป็นหน่วยที่ย่อยที่สุด
เพื่อให้สามารถเป็นพลังในการขับเคลื่อนช่วยเหลือสังคม พัฒนาและยกระดับคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้
เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ดี เก่ง และมีคุณภาพพร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปข้างหน้าได้อย่างเต็ม
ศักยภาพ ซึ่งคนไทยในอนาคตจะต้องมีทักษะที่จำเป็นในโลกอนาคต สามารถใช้ภาษาไทยได้ดี มีทักษะสื่อสาร
ภาษาอังกฤษและภาษาท่ี 3 รวมทั้งอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่น มีนิสัย รักการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่าง
ต่อเนื่องตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทยที่มีทักษะสูง เป็นนักพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูง และนวัตกร นักคิด
ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และอื่น ๆ โดยมสี มั มาชีพตามความถนัดของตนเอง”
แผนแมบ่ ทภายใต้ยุทธศาสตรช์ าติ (12) ประเดน็ การพฒั นาการเรยี นรู้
ยุทธศาสตร์ชาติให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพของประชากรไทยทุกช่วงวัย ให้
เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ ซึ่งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทั้งสอดคล้องกับ
P a g e | 19
ศักยภาพ ความสนใจ ความถนัด และการตระหนักถึงพหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย อาทิ ภาษา ตรรกะ
และคณิตศาสตร์ ด้านทัศนะและมิติ ดนตรี กีฬาและการเคลื่อนไหวของร่างกาย การจัดการตนเอง มนุษย
สัมพันธ์ รวมถึงผู้มีความสามารถอันโดดเด่นด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้าน ซึ่งจำเป็นต้องมีการพัฒนาระบบ
และปัจจัยส่งเสริมต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องไปพร้อมกนั ทัง้ ในส่วนของระบบการเรยี นการสอน และการพัฒนาทักษะ
ฝีมือ รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้ประเทศไทยสามารถยกระดับ
เป็นเจ้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมก้าวทนั โลก ซ่ึงการศกึ ษาและการเรียนรู้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนา
ศักยภาพของคนให้มีทักษะความรู้ ทักษะอาชีพบนฐานพหุปัญญา มีสมรรถนะที่มีคุณภาพสูง รู้เท่าทันการ
เปล่ียนแปลง
การปฏิรูปกระบวนการเรยี นรู้ทต่ี อบสนองต่อการเปล่ียนแปลงในศตวรรษที่ 2
พฒั นากระบวนการเรียนรู้ในทุกระดับชัน้ ตงั้ แตป่ ฐมวยั จนถึงอุดมศึกษา ทใี่ ชฐ้ านความรู้และระบบคิด
ในลักษณะสหวิทยาการ พัฒนากระบวนการเรียนรูข้ องผูเ้ รียน ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยใน
ระดับสากลดีขึ้น (GTCI) (คะแนน) โดยมีเป้าหมายให้คนไทยมีการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล มี
ทักษะท่ีจำเป็นของโลกศตวรรษที่ 21 ได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพตามความถนัดและความสามารถของ
พหุปัญญา รวมถึงจัดกิจกรรมเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะ พัฒนาระบบการเรียนรู้เชิงบูรณาการที่เน้นการลง
มือปฏิบัติ สะท้อนความคิด/ทบทวนไตร่ตรอง พัฒนาระบบการเรียนรู้ที่ให้ผูเ้ รียนสามารถกำกับการเรียนรู้ของ
ตนได้ เพื่อให้สามารถนำองค์ความรู้ไปใชส้ ร้างรายได้ มีทักษะด้านวิชาชพี และทักษะชีวิต ตลอดจนจัดให้มีการ
เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และพัฒนาการของประเทศเพื่อนบ้านในระบบ
การศึกษาและสำหรับประชาชน ส่งเสริมสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและนักเรียนกับ
ประเทศเพอื่ นบ้านในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
แผนแมบ่ ทภายใตย้ ทุ ธศาสตรช์ าติ (23) ประเด็นการวิจยั และพัฒนานวตั กรรม
การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติด้าน
ต่าง ๆ อาทิ ดา้ นการสรา้ งความสามารถในการแข่งขนั ด้านการพัฒนาและเสรมิ สร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนด้านการปรับสมดุลและพัฒนา
ระบบการบริหารจัดการภาครัฐ โดยการสร้างและสะสมองค์ความรู้ในด้านเปา้ หมายต่าง ๆ ให้มีความทันสมัย
ตลอดเวลา และพฒั นาประเทศจากประเทศท่ีใช้แรงงานเข้มข้นไปเป็นประเทศที่มรี ะบบเศรษฐกิจและสังคมบน
ฐานความร้ดู า้ นการวิจยั และนวัตกรรม
▪ แผนแม่บทแห่งชาติว่าดว้ ยการพฒั นาสมนุ ไพรไทย ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2560 - 2564
จากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับ
หนว่ ยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ พฒั นาพชื สมุนไพรไทย ให้สามารถ
ใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์แปรรูปจาก
สมุนไพรไทยด้วย” จึงนำมาสู่แนวคิดการยกร่างแผนแม่บทแห่งชาติ ว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับท่ี 1
พ.ศ. 2560-2564 ซึ่ง 1. เน้นความร่วมมือในแนวคิด “ประชารัฐ” โดยมีภาครัฐ 9 กระทรวง และสถาบัน
ภาคเอกชน 2. เสริมสร้างศักยภาพและกลไกการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย ครอบคลุมทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม
วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสุขภาพ และ 3. บูรณาการแนวทางดำเนินงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน และสร้าง
มลู ค่าเศรษฐกจิ สร้างสรรคข์ องสมุนไพร โดยมีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเปน็ ฐาน18
18 แผนแมบ่ ทแหง่ ชาติว่าดว้ ยการพัฒนาสมนุ ไพรไทย ฉบับท่ี 1 พ.ศ. 2560 – 2564 ฉบับย่อ
แผนแมบ่ ทแห่งชาติวา่ ดว้ ยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับท่ี 1 พ.ศ. 2560 – 2564
P a g e | 20
ปัจจุบันความต้องการใช้สมุนไพรในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งเนื่องมาจากความสนใจใน
การดูแลรักษาสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และสมุนไพรสามารถเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย
เพอ่ื ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บรโิ ภค โดยอุตสาหกรรมสมุนไพรไดร้ บั การคาดการณ์ว่าเป็นอุตสาหกรรม
ที่มีศักยภาพ และสามารถสร้างความยั่งยืนในฐานะส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้งอุตสาหกรรมที่มี
ศักยภาพและกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต นอกจากนี้ยังเกิดจากการเปลี่ยนแปลงบริบทท่ี
คาดการณ์ว่าจะส่งผลต่อความยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต ทั้งในส่วนของลักษณะการ
เจ็บปว่ ย และการเขา้ สูส่ ังคมผู้สงู อายขุ องประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ ส่งผลใหม้ ีแนวคดิ ในการใชส้ มุนไพรเพ่ือ
เปน็ ทางเลอื กในการรกั ษาโรคและเสริมสรา้ งสุขภาพ ซึง่ ชว่ ยสรา้ งความม่นั คงทางด้านสุขภาพ และการลดภาระ
คา่ ใช้จ่ายดา้ นสขุ ภาพอีกทางหนึง่ ดว้ ย
ตลาดสมุนไพรในโลกมีมูลค่ารวมกันประมาณ 9.18 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยประเทศที่มี
มูลค่าทางการตลาดของสมุนไพรที่สูง ได้แก่ ประเทศเยอรมนี ภูมิภาคเอเชีย ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส สำหรับอัตรา
การขยายตัวของการบริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพรในแต่ละประเภทอยู่ที่ระหว่างร้อยละ 3-12 ซึ่งกลุ่มสินค้าที่มี
ศักยภาพมากที่สุดในตลาดสมุนไพร ได้แก่ อาหารเสริม และเวชสำอาง นอกจากนี้ประเทศที่กำลังพัฒนาเริ่มมี
ความตระหนักถึงความสำคัญของการใช้สมุนไพรและยาแผนโบราณเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าตลาด
สมุนไพรในภูมิภาคเอเชยี แปซิฟิกจะเป็นตลาดสมุนไพรที่มีอัตราการขยายตัวที่มากท่สี ุด โดยอัตราการขยายตัว
เฉลี่ยเป็นประมาณร้อยละ 9.1 ต่อปี ดังเห็นได้จากนโยบายการกำหนดให้การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
เป็นยุทธศาสตร์เชิงรุกในการยกระดับของสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน ความตระหนักถึงการดูแล
สุขภาพด้วยผลติ ภณั ฑ์จากธรรมชาติของผู้บริโภค และแนวโนม้ ในการดูแลสุขภาพและความงามท่ีเพ่ิมข้ึนอย่าง
ต่อเน่ือง สง่ ผลใหอ้ ปุ สงคข์ องผลิตภณั ฑ์จากธรรมชาตแิ ละผลติ ภัณฑ์สมุนไพรเพม่ิ ขน้ึ อยา่ งมีนัยสำคญั
สำหรับประเทศไทย พืชสมุนไพรที่ชุมชนรู้จักสรรพคุณและนำมาใช้
ประโยชน์มีประมาณ 1,800 ชนิด และมี 300 ชนิด ที่เป็นวัตถุดิบสมุนไพร
หมุนเวียนในท้องตลาดซึ่งมีความต้องการ อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการ
สมนุ ไพรทไ่ี ม่เป็นระบบท่ีผ่านมาส่งผลให้เกดิ การขาดแคลนวัตถดุ บิ หลายชนิด
คุณภาพวัตถุดิบไม่ผ่านมาตรฐาน และปัญหาด้านการกำหนดมาตรฐาน
คุณภาพวัตถุดิบ ขณะที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสมุนไพรส่วนใหญเ่ ป็น
ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีความสามารถในการแข่งขันน้อย
ทำให้สัดส่วนสถานประกอบการผลิตสมุนไพรทีผ่ ่านการรบั รองมาตรฐานการ
ผลิตต่อทั้งหมดนั้นน้อยมาก (ร้อยละ 4.47) จำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมให้
ได้รับรองมาตรฐานการผลิต รวมถึงให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนเพื่อให้เกิด
ศักยภาพตามกำหนด ดา้ นตลาดสมุนไพรไทยพบว่ามีปัญหาจากความท้าทาย
จากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและขอ้ ตกลงทางการค้าทเ่ี ปน็ อุปสรรคตอ่ การผลติ และจำหน่ายสินค้า
ด้านการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาสมุนไพร พบว่ายังค่อนข้างกระจัดกระจายและไม่เพียงพอต่อ
การรองรับการพัฒนาสมุนไพรของประเทศ รวมทั้งการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรในการ ส่งเสริม
สมนุ ไพรไทยทีผ่ ่านมาไมม่ ีทศิ ทางทชี่ ดั เจน ทำให้การพัฒนาสมนุ ไพรทเ่ี กิดข้นึ ไมส่ ามารนำไปสูผ่ ลสัมฤทธ์ิอย่างที่
ตั้งใจได้ แม้ว่าสมุนไพรจะเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึงอย่างต่อเนื่อง และผู้ที่เกี่ยวข้องในเชิงนโยบายหลายระดบั
ให้ความสำคัญ แต่การดำเนินการที่ผ่านมายังมีลักษณะแบบชั่วคราว ไม่มีการดำเนินการอย่างต่อเน่ืองและ
P a g e | 21
ถาวร เกิดการดำเนินการซ้ำซ้อน ตลอดจนเกิดอุปสรรคจากกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้การพัฒนา
สมนุ ไพรท่ีผา่ นมาไมส่ ามารถบรรลุตามเปา้ หมายทต่ี ง้ั ไวไ้ ด้19
สถานการณ์และความท้าทายเหล่านี้นำไปสู่การกำหนดเป้าหมายของการพัฒนาสมุนไพรไทยที่เป็น
วัตถุประสงค์ของแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2560-2564 ซึ่ง
ประกอบด้วย
(1) พัฒนาสมุนไพรตอ่ ยอดทั้งดา้ นการรกั ษาและผลติ ภัณฑ์ประเภทอน่ื
(2) สรา้ งมลู ค่าเพมิ่ ทางเศรษฐกิจท่ีจะมีความเช่อื มโยงกบั อุตสาหกรรมและภาคเศรษฐกิจตา่ ง ๆ
(3) การขับเคลื่อนงานอย่างเป็นระบบเพื่อทำให้เกิดการพัฒนาสมุนไพรไทยอย่างเชื่อมโยงและครบ
วงจร
(4) ทำให้เกดิ ความร่วมมือจากหลายหน่วยงานท้งั ภาครฐั และเอกชน
ภายใต้วิสัยทัศน์ “สมุนไพรไทย เพื่อความมั่นคงทางสขุ ภาพและความย่ังยืนของเศรษฐกิจไทย” สู่
เป้าหมาย “ประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำของ
ภูมิภาคอาเซียน” และ “มูลค่าวัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1
เท่าตวั ” โดยมีพันธกิจ
1. พัฒนาสมนุ ไพรไทยให้เปน็ ทยี่ อมรับ
2. ผลิตภัณฑส์ มนุ ไพรไดม้ าตรฐาน มคี ุณภาพและสร้างมลู คา่ เพม่ิ
3. เพม่ิ ขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ของสมุนไพรไทย
4. สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ และการใชส้ มุนไพรไทย
แผนแมบ่ ทไดก้ ำหนดใหม้ ียุทธศาสตรใ์ นการบรรลุตามเป้าหมาย 4 ยทุ ธศาสตร์ คือ
ยทุ ธศาสตร์ท่ี 1 ส่งเสริมผลิตผลของสมนุ ไพรทม่ี ศี กั ยภาพตามความต้องการ
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 2 พฒั นาอตุ สาหกรรม และการตลาดสมุนไพรใหม้ ีคณุ ภาพระดบั สากล
ยทุ ธศาสตร์ท่ี 3 สง่ เสรมิ การใชส้ มุนไพรเพื่อการรกั ษาโรคและการสร้างเสริมสุขภาพ
ยุทธศาสตรท์ ่ี 4 สร้างความเขม้ แข็งของการบริหารและนโยบายภาครัฐเพอ่ื การขบั เคลื่อนสมุนไพรไทย
อยา่ งย่ังยืน
ทัง้ นี้ ส่วนราชการและองค์กรเอกชนจะมีบทบาทอย่างสูงในการสนับสนุนใหเ้ กิดการผลิตสมุนไพรท่ีได้
มาตรฐานมีคุณภาพและสรา้ งมูลค่าเพิม่ ให้แก่ผลิตภณั ฑ์สมุนไพร ส่งเสรมิ ให้เกิดความเชื่อมั่นในการใช้สมนุ ไพร
ไทย รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสมุนไพรไทยในตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
และเป็นระบบ โดยจะต้องทำการวิจัยและจัดทำข้อกำหนดมาตรฐานวัตถุดิบสมุนไพร ทั้งการวิจัยเพื่อศึกษา
และพัฒนาสายพันธุ์พืชสมุนไพร พัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การเก็บเกี่ยวและการรักษาคุณภาพวัตถุดิบ
สมุนไพร จัดทำข้อกำหนดมาตรฐานสมุนไพรในตำรามาตรฐานยาสมุนไพรไทย การผลิตสารมาตรฐานสำหรับ
ควบคุมคุณภาพวัตถุดิบสมุนไพรทั้งชนิดที่ยังไม่มีและที่มีการจัดทำสารมาตรฐานแล้ว เพื่อลดการนำเข้าจาก
ตา่ งประเทศ และกำหนดมาตรฐานเคร่อื งยาตามองคค์ วามรู้การแพทยแ์ ผนไทย20
สว่ นการสนบั สนนุ อุตสาหกรรมสมุนไพรและการต่อยอดงานวิจัยสมนุ ไพรเพื่อพฒั นาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มี
คุณภาพและความน่าเชอื่ ถอื จะต้องดำเนินการดงั นี้
- ยกระดับศูนย์วิจัยและห้องปฏิบัติการสำหรับการวิจัยให้ได้มาตรฐานตามหลักเกณฑ์การดำเนินงาน
ห้องปฏิบัติการที่ดี โดยใช้ระบบของ Organization for Economic Co-operation and Development
19 แผนแม่บทแหง่ ชาติวา่ ดว้ ยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบบั ท่ี 1 พ.ศ. 2560 – 2564
20
P a g e | 22
(OECD) ซึ่งเป็นระบบสากลที่ยอมรับกันอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้งานวิจัยทั้งด้านเภสัชวิทยาและพิษวิทยามีความ
น่าเช่ือถอื และยอมรบั ได้ และยกระดับผลิตภัณฑส์ มุนไพรของประเทศสู่ระดบั สากล
- เชื่อมโยงงานวจิ ยั กบั การขน้ึ ทะเบยี นผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยมีสำนกั งานคณะกรรมการอาหารและยา
(อย.) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการปรับปรุงการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อสนับสนุนให้ประเทศ
สามารถแขง่ ขนั กับนานาชาติ
- การส่งเสริมให้จดสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรงานวิจัยสมุนไพรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อคุ้มครอง
ทรัพย์สินทางปัญญาของนวัตกรรมหรืองานวิจัยสำหรับการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ รวมถึงเกิดการ
แลกเปล่ียนความรู้และการต่อยอดงานวิจยั เพื่อนำไปใช้ประโยชน์
- ส่งเสริมการต่อยอดงานวิจัยให้เกิดการใช้ประโยชน์ สู่อุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่
ตอบสนองกระแสความนยิ มในประเทศ
- จดั ต้ังสถาบนั พัฒนานวตั กรรมสมุนไพรแหง่ ชาติ
นอกจากนี้ยังต้องพัฒนาการตลาดสมุนไพรของไทยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและส่งเสริมการขาย
ผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยประชาสัมพันธ์ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพร กำหนดตราสัญลักษณ์
รับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์สมุนไพร สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยกระดับผู้ประกอบการเพื่อการ
สง่ ออก และยกระดบั งานผลติ ภัณฑ์สมุนไพรใหเ้ ป็นสากล ตลอดจนผลกั ดนั ใหป้ ระเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัด
งานผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพรในระดบั อาเซียน
▪ แผนปฏิบัติด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ.
2564-2570 กระทรวงการอุดมศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตั กรรม
สถานการณ์ปัจจบุ ันของการพัฒนาเศรษฐกจิ BCG ด้านการท่องเทีย่ วและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พบว่า
ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท ซึ่งมากเป็นอันดับ 4 ของโลก โดยความท้าทายคือ
นักท่องเที่ยวตา่ งชาติลดลงรอ้ ยละ 60 จากปัญหาโควิด-19 และการประยุกตใ์ ช้แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ยัง
มจี ำกัด อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีจุดแข็งท่ีมีความร่ำรวยของธรรมชาติและวฒั นธรรม แตเ่ น้นการท่องเที่ยว
เชิงปริมาณมากกว่าเชงิ คุณภาพ
ขณะที่โอกาสของประเทศไทยในเวทีโลก คือ ความมั่นคงด้านอาหาร โภชนาการระดับประเทศและ
โลกในทุกสถานการณ์ (เปน็ ครัวโลกทีส่ ะอาดถกู สุขลักษณะ ปลอดภยั ไดม้ าตรฐานโลก) ความมั่งค่งั จากการเพิ่ม
มูลค่าภาคการผลิตและบริการด้วยนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ (เพิ่มมูลค่าด้วยนวัตกรรมและความคิด
สร้างสรรค์) และการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่เน้นความปลอดภัย ยั่งยืน กระจายรายได้สู่ชุมชน (แหล่งพำนักท่ี
สรา้ งความสขุ )
โมเดลเศรษฐกิจ BCG ด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คือ บูรณาการการพัฒนาตั้งแต่ต้น
น้ำถึงปลายน้ำโดยสร้าง Value creation จากฐานความหลากหลายทางชีวภาพและความหลากหลายทาง
วัฒนธรรมอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 1. นโยบายและการบริหารจัดการ 2. วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ
นวัตกรรม 3. การมสี ่วนรว่ มจากทกุ ภาคสว่ น ภายใตห้ ลกั การใหม่ 7 ปรบั ไดแ้ ก่ เอกชนนำภาครบั ส่งเสริม การ
ลงทุนภาครัฐ การจัดงบประมาณเพื่อการลงทุนแบบผูกพันต่อเนื่อง การสนับสนุนทุนวิจัยครบวงจร (วิจัย
พัฒนา และผลิต : RDIM) การสร้างอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ใหม่ การเติบโตด้วยการสร้างความแข็งแกร่ง
ภายในและเช่ือมโยงโลก และเดินหนา้ ไปด้วยกัน ผนกึ กำลัง 4 ภาคสว่ น21
21 แผนปฏิบัติด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2570 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย
และนวัตกรรม.
P a g e | 23
ยทุ ธศาสตร์และแนวทางการดำเนนิ การ:
ยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างความยั่งยืนของฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพด้วยการจัด
สมดุลระหวา่ งการอนรุ ักษก์ ับการใช้ประโยชน์
ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้เขม้ แข็งด้วยทนุ ทรพั ยากร อัตลักษณ์ ความคิด
สร้างสรรค์ และเทคโนโลยีสมยั ใหม่
ยุทธศาสตร์ที่ 3 ยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้เศรษฐกิจ BCG ให้สามารถแข่งขันได้อย่าง
ย่งั ยนื
ยุทธศาสตร์ที่ 4 เสรมิ สรา้ งความสามารถในการตอบสนองต่อกระแสการเปลย่ี นแปลงของโลก
P a g e | 24
▪ นโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2563-
2570
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การวจิ ัยและสรา้ งนวตั กรรมเพอ่ื เพ่ิมขดี ความสามารถการแขง่ ขนั
ประเทศท่ีพัฒนาแลว้ มีการแข่งขนั อย่างรุนแรงดา้ นการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม และการสร้าง
ขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมีการออกแบบสร้างระบบนิเวศทางนวัตกรรม การสร้างและพัฒนา
ทรพั ยากรมนุษยร์ องรับการพฒั นาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่กำลงั เขา้ มาแทนที่เทคโนโลยเี ดมิ การตอ่ ยอดการพัฒนา
เทคโนโลยีท่มี ีอยู่เดิมให้มีประสทิ ธิภาพและคุณภาพดีขน้ึ อย่างเป็นระบบ และการพฒั นาเศรษฐกิจไปสเู่ ศรษฐกิจ
สร้างสรรค์ และเศรษฐกิจแบ่งปัน มีการสนับสนุนลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาที่มีความเข้มข้นในโจทย์ที่ ท้า
ทายอย่างชาญฉลาดระหว่างภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชนจากทั้งในและต่างประเทศ ก่อให้เกิดการ
พัฒนาเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมท่ีพัฒนาจากเดมิ ไปอยา่ งก้าวกระโดดหรือเป็นสิง่ ที่ยังไม่เคยมีมากอ่ นในโลกข้ึน
เป็นจำนวนมาก ทำให้มีผู้บริโภคให้การตอบรับผลติ ภัณฑ์และบริการที่ทันสมัยเหล่านั้นจากทั้งในประเทศและ
ต่างประเทศ ก่อให้เกิดรายได้และสร้างขีดความสามารถการแข่งขันให้สูงขึ้น ทำให้เป็นผู้นำด้านการพัฒนา
นวัตกรรมท่ีทนั สมัยอยูเ่ สมอ22
โปรแกรมที่ 10 ยกระดับความสามารถการแข่งขันและวางรากฐานทางเศรษฐกจิ
การยกระดับความสามารถการแข่งขันและวางรากฐานทางเศรษฐกิจ เป็นโปรแกรมที่ตอบประเด็น
ความท้าทายด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและบริการให้ทันกับแนวโน้มการ
พัฒนาเศรษฐกิจของโลก ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มนวัตกรรมในด้านที่ประเทศไทยมีศักยภาพและโอกาสใน
การพฒั นาสูง เพ่อื ยกระดับขดี ความสามารถในการแข่งขันในกลุ่มอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ การปรับโครงสร้าง
การผลิต โครงสร้างการแข่งขัน การเพิ่มผลิตภาพในภาคการเกษตร อุตสาหกรรมและบริการ การเปลี่ยน
รปู แบบวัตถุดบิ และปจั จัยการผลิต การลดตน้ ทุน การลดทรัพยากร การลดตัวกลางการทำธุรกรรม การพัฒนา
ต่อยอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศสำหรับอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ การบ่มเพาะผู้ประกอบการ การเพิ่ม
ศกั ยภาพด้านการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเปา้ หมาย การยกระดับและ
สรา้ งศกั ยภาพทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยดว้ ยเทคโนโลยแี ละนวตั กรรม โดยการพฒั นาแพลตฟอร์ม
เพ่อื สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบตา่ ง ๆ เชน่ แพลตฟอรม์ เศรษฐกจิ ชวี ภาพ เศรษฐกิจหมนุ เวียน และ
เศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy) ในกลุ่มอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร
อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์ อุตสาหกรรมพลังงานและวัสดุชีวภาพ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
แพลตฟอร์มเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำองค์ความรู้จากภูมิ
ปญั ญาและทรพั ยากรในพ้นื ท่ีไปตอ่ ยอดและใช้ประโยชน์ในการดำเนินธรุ กจิ
22 นโยบายและยุทธศาสตร์การอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและนวตั กรรม พ.ศ. 2563-2570 และแผนดา้ นวทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวัตกรรม พ.ศ.
2563-2565. สำนกั งานสภานโยบายการอุดมศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวัตกรรมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวทิ ยาศาสตร์
วิจัยและนวตั กรรม สิงหาคม 2562
P a g e | 25
▪ แผนดา้ นวิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม (ววน.)
แผน ววน. พ.ศ. 2563-2565
ตัวอยา่ งโปรแกรมยอ่ ย Creative Economy23
จากข้อมูลปี 2557 พบว่ามูลค่าของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยนั้นสูงถึง 1.61 ล้านล้านบาท คิด
เป็นร้อยละ 13.18 ของ GDP โดยอุตสาหกรรมรายสาขาที่มีมูลค่าสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อุตสาหกรรม
แฟชั่น (ร้อยละ 4.15 ของ GDP) อุตสาหกรรมออกแบบ (ร้อยละ 3.03 ของ GDP) และอุตสาหกรรมแพร่ภาพ
และกระจายเสียง (รอ้ ยละ 1.64 ของ GDP) (ข้อมลู จากรายงานมูลค่าของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศ
ไทย โดย CEA) อย่างไรก็ตาม ด้วยการศึกษาเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์มีหลากหลายมิติ แต่ยังขาดการบูรณา
การระหว่างหนว่ ยงาน การจัดการฐานข้อมูลกลาง และการกำหนดนโยบายใหเ้ ป็นไปในทิศทางเดยี วกนั อีกท้ัง
ปัจจุบันงานด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์จะถูกผลิตและพัฒนามาจากความต้องการของผู้ผลิตเป็นส่วนใหญ่ ขาด
การคำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มผู้บริโภค ไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการเชื่อม area base กับ
เศรษฐกิจชุมชน รากเหง้าวฒั นธรรม นอกจากน้ไี ม่มีหนว่ ยงานที่จะเขา้ มาช่วยผลักดันงานให้มีการเผยแพร่ออก
สู่ในวงกว้าง โดยมีทิศทางการวิจัย เช่น จัดทำฐานข้อมูลของระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพิ่มมูลค่าความคิด
สร้างสรรค์ต่อระบบเศรษฐกิจไทย เพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์รายสาขา มีการผลิตผล
งานทตี่ อบโจทย์ความตอ้ งการของตลาด / โครงสร้างกลุ่มประชากร
อุตสาหกรรมอาหาร
ประเทศไทยเป็นผผู้ ลิตและส่งออกอาหารลำดบั ต้น ๆ ของโลก เนือ่ งจากมีแหล่งวตั ถุดิบที่สมบูรณ์และ
หลากหลาย แต่เนื่องจากการแข่งขันในตลาดโลกที่รุนแรง ความต้องการผู้บริโภค สภาพสังคม สิ่งแวดล้อม
ความเจรญิ ก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยีทีม่ ีการเปลีย่ นแปลงอย่างรวดเรว็ รวมถงึ ภาวะการขาดแคลนแรงงานฝีมือใน
ภาคอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาอุตสาหกรรมในทุกมิติ ทั้งด้านคุณภาพ
ความปลอดภยั อาหาร ระบบการผลิต การสรา้ งนวัตกรรม โดยมีทศิ ทางการวิจัย เช่น การสร้างแพลตฟอร์มการ
วิจัยจากนักวิจัยที่มาจากสหสาขาความเชี่ยวชาญ การทำวิจัยเชิงพื้นที่ เช่น ฐานข้อมูลอาหารเชิงวัฒนธรรม
แนวโนม้ ตลาดและโอกาสทางธุรกจิ
(ร่าง) แผน ววน. พ.ศ. 2566-2570
ภายใต้วิสยั ทศั น์ “พลิกโฉมประเทศไทยให้เปน็ ประเทศพฒั นาแลว้ และพร้อมสำหรบั โลกอนาคต ด้วย
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไทย โดยการสานพลังหน่วยงานในระบบ ววน. รวมทั้งสถาบันอุดมศึกษา
หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม” แผน ววน. พ.ศ. 2566-2570 กำหนดให้ยุทธศาสตร์ที่ 1
การพัฒนาเศรษฐกิจไทยด้วยเศรษฐกิจสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ให้มีความสามารถในการ
แข่งขัน และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน พร้อมสู่อนาคต โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม ซึ่ง
กำหนดเป้าประสงค์ให้ประเทศไทยยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยเศรษฐกิจสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจ
สร้างสรรค์ รวมทั้งพัฒนาระบบเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green
Economy: BCG) และประเทศไทยอยู่ในกลุ่มผู้นำของโลกหรือภูมิภาคในด้านอุตสาหกรรมเป้าหมายสำคัญ
เร่งด่วนของประเทศตามกรอบยุทธศาสตร์ อววน. โดยมีกำลังคนทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน พร้อม
ทั้งใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่พัฒนาเองและแข่งขันได้ในระดับสากล สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคต พร้อมทั้งปริมาณงบลงทุนด้านวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมของภาคเอกชน
23 นโยบายและยุทธศาสตรก์ ารอุดมศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม พ.ศ. 2563-2570 และแผนดา้ นวทิ ยาศาสตร์ วิจัยและนวตั กรรม พ.ศ.
2563-2565. สำนักงานสภานโยบายการอดุ มศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรมแหง่ ชาติ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสรมิ วิทยาศาสตร์
วจิ ัยและนวตั กรรม สงิ หาคม 2562
P a g e | 26
เพม่ิ ขึ้น จากการกระตนุ้ ของการลงทนุ ของรฐั รวมทง้ั นโยบาย/มาตรการด้าน อววน. และพัฒนาผู้ประกอบการ
ฐานนวัตกรรมให้มขี ีดความสามารถในการแข่งขนั ระดบั สากล24
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรมระดับขั้นแนวหน้าที่
ก้าวหน้าล้ำยุค เพื่อสร้างโอกาสใหม่และความพร้อมของประเทศในอนาคต โดยมีเป้าประสงค์ให้ประเทศ
สามารถสร้างองค์ความรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับขั้นแนวหน้าที่ก้าวหน้าล้ำยุค ในการก้าวกระโดดจาก
การเป็นผู้ใช้เทคโนโลยี (Adopter) เป็นหลัก ไปสู่การเป็นผู้นำเทคโนโลยี (Front-Runner) ในระดับสากลใน
สาขาเป้าหมายของประเทศ และในระดับอาเซียนสำหรับอุตสาหกรรมและบริการใหม่แห่งอนาคต โดยมี
โครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่สำคัญ เทคโนโลยีฐาน และโครงสร้างพื้นฐานทาง
คุณภาพของประเทศที่ทัดเทียมสากล อีกทั้งมีผลงานวิจัยขั้นแนวหน้าและกระบวนทัศน์ใหม่ทางมนุษยศาสตร์
สังคมศาสตรแ์ ละศิลปกรรมศาสตร์ ที่ถกู นำไปประยุกตใ์ ช้เพอื่ ใหป้ ระเทศสามารถตอบสนองต่อโอกาสและความ
ทา้ ทายในอนาคตไดอ้ ยา่ งมัน่ คงและย่งั ยนื
ตัวอย่างงานวิจัยเกีย่ วกบั มรดกวฒั นธรรม เศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ และ Soft Power
• Soft Power ของเกาหลีใต:้ จดุ แข็งและขอ้ จำกัด
Soft power หรือ “อำนาจอย่างอ่อน” กลายเป็นคำที่ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมากในวงวิชาการ และผู้
ปฏิบัติด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยนิยามถึงอำนาจที่เกิดจากการสร้าง
เสน่ห์หรอื การโน้มน้าว (Co-optive Power) แตกตา่ งจากอำนาจแบบเดิมที่เรยี กไดว้ ่าเปน็ “อำนาจอย่างแข็ง”
(Hard power) ซง่ึ เปน็ อำนาจเชงิ บังคับจากการใช้กำลังทางทหารและพลงั ทางเศรษฐกิจ Joseph Nye (2004)
ไดแ้ บ่งทรพั ยากรเชิงอำนาจ (Power resources) ของ Soft power ออกเป็น 3 ด้าน ไดแ้ ก่ วฒั นธรรม คา่ นิยม
และนโยบายต่างประเทศ ทำให้ในปัจจุบันหลายประเทศได้หันมาให้ความสำคัญกับอำนาจอย่างอ่อนนี้
โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจ เชน่ สหรัฐฯ จีน ญป่ี ุ่น เพราะเป็นอำนาจทส่ี รา้ งเสนห่ ์ในวงกวา้ ง ต่างจาก Hard
power ทม่ี กั ประสบปัญหาในการสร้างความยอมรบั ในโลกยุคปจั จุบัน
หลังสิ้นสุดสงครามเย็นเกาหลีใต้ได้เพิ่มความร่วมมือด้านต่าง ๆ กับประเทศอื่นมากขึ้นทั้งในระดับ
ภูมิภาคและระดับโลก อาทิ ด้านเศรษฐกิจ การเงิน และสิ่งแวดล้อม และได้หันมาให้ควา มสำคัญกับ Soft
power ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนหลักของนโยบายต่างประเทศสมัยประธานาธิบดีลีเมียงบัค อันเป็นผลสืบ
เนื่องมาจากความต้องการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของเกาหลีใต้หลังวิกฤตการเงนิ เอเชียในปี ค.ศ.
1997 ที่ต้องสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของตัวเอง กล่าวได้ว่าเกาหลีใต้ได้ปรับยุทธศาสตร์
เศรษฐกิจของประเทศใหม่ จากเดิมที่เน้นการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หันมาส่งเสริมสินค้าวัฒนธรรมสมัย
นิยมเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของตน ซึ่งหลังจากประสบความสำเร็จในด้านดังกล่าวแล้วในช่วงต้นทศวรรษ 2000
เกาหลีใต้จึงหันมาเน้น Soft power ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ เพื่อยกระดับสถานะของประเทศให้มี
ความสมมาตรกับสถานะทางเศรษฐกิจที่ฟนื้ ตัวและขยายตัวข้ึนอย่างรวดเรว็ จนกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม
ก้าวหน้าที่มีรายได้สูง สำหรับการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ในสมัยประธานาธิบดีลีเมียงบัคมีการจัดต้ัง
คณะกรรมการขึ้นมารับผิดชอบบูรณาการนโยบาย Soft power ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น
“คณะกรรมการของประธานาธิบดวี ่าด้วยภาพลักษณข์ องชาติ” ในปลายทศวรรษ 2000
24 (ร่าง) แผนดา้ นวทิ ยาศาสตร์ วิจยั และนวัตกรรม พ.ศ. 2566-2570. สำนักงานคณะกรรมการสง่ เสรมิ วิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวตั กรรม กนั ยายน
2564.
P a g e | 27
ยุทธศาสตร์การเพิ่ม Soft Power ของเกาหลีนี้ Joseph Nye (2012) ได้ให้ทรรศนะไว้ว่า Soft
power มีความสำคัญต่อเกาหลีใต้ด้วยเหตุผล 3 ประการ ประการแรก คือ ข้อจำกัดทางภูมิรัฐศาสตร์ ด้วย
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่รายล้อมไปด้วยมหาอำนาจอย่างจีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย ทำให้การใช้ hard power ของ
เกาหลีใต้ไม่เพียงพอต่อการป้องกันประเทศ ประการถัดไป คือ การพึ่งพิงอำนาจทางทหารกับสหรัฐฯ ในยุค
ปัจจุบันมีความไม่แน่นอนค่อนขา้ งสูง เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่เข้มแข็งเท่าเดิมและมีนโยบายที่อาจเปล่ียนแปลงได้
กอปรกับการผงาดขึ้นมาของจีน และประการที่สามคือ เกาหลีใต้มีกำลังคน (man power) น้อย อันเป็น
องค์ประกอบสำคญั ของ Hard power ในขณะท่ี Soft power จะไมม่ ีข้อจำกดั ด้านกำลงั คน25
ผลการศึกษา
นโยบาย Soft power ของเกาหลีใต้ได้ถูกกำหนดไว้ในสมุดปกขาวการทูตในปี 2011 (Diplomatic
White Paper) โดยมีวัตถุประสงค์ท่ีสำคัญ 3 ประการ คือ (1) เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือโลก (2) เพ่ือ
ผลประโยชน์ทางการค้าและเศรษฐกิจ (3) เพื่อเพิ่มบทบาทและเกียรติภูมิของเกาหลีใต้ในสังคมระหว่าง
ประเทศ ตามแนววเิ คราะหข์ อง Nye จะพิจารณาทรัพยากรด้าน Soft power สามด้านดงั กลา่ วขา้ งตน้
Soft Power ดา้ นวัฒนธรรมของเกาหลีใต้
วัฒนธรรมถือเป็นทรัพยากรที่แพร่หลายมากที่สุดของ Soft power เกาหลีใต้เป็นที่รู้จักในนามของ
“คลื่นเกาหลี” (Korean Wave) หรือ “ฮัลยู” (Hallyu) ซึ่งได้รับการพัฒนาหลังเกาหลีใต้มีความเป็น
ประชาธิปไตยมากขึ้นและยกเลิกนโยบายเซนเซอร์ ละครโทรทัศน์ของเกาหลีใต้เริ่มได้รับความนิยมใน
ตา่ งประเทศในปลายทศวรรษ 1990 โดยเฉพาะในญ่ีปนุ่ ฮอ่ งกง ไต้หวัน และจนี ปจั จัยสำคญั ทท่ี ำให้วฒั นธรรม
สมัยนิยมเกาหลีใต้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว คือ การเพิ่มขึ้นของการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมด้วยการนำเข้า
วัฒนธรรมจากต่างประเทศของชาติในเอเชีย พร้อมกับการมาของเทคโนโลยีสมัยใหมอ่ ย่างอินเตอร์เน็ต อีกทั้ง
เนอื้ หาของสินค้าทางวัฒนธรรมเกาหลีใตก้ ็มีคุณภาพสงู ขึ้นจนเปน็ ท่ียอมรบั ในตา่ งประเทศ
รัฐบาลเกาหลีใต้หันมาเน้นส่งเสริมวัฒนธรรมสมัยนิยมในต่างประเทศด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ 1)
เพอ่ื สรา้ งผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจจากการสง่ ออกสินคา้ วัฒนธรรม หลังการเกิดวกิ ฤตการเงนิ เอเชีย เกาหลีใต้
ต้องการสร้างรายได้เข้าประเทศมากขึ้น ซึ่งสินค้าอุตสาหกรรมอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอและมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น 2)
ความต้องการสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นชาติของตนเอง soft power ด้านวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ ซึ่ง
สามารถแยกได้เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมและวัฒนธรรมสมัยนิยม โดยเริ่มจากการส่งเสริมวัฒนธรรมสมัยนิยมให้
เปน็ ที่ตดิ ตลาด แล้วจึงส่งเสรมิ วัฒนธรรมดัง้ เดมิ ตามมา โดยเฉพาะผ่านทางละครโทรทัศนแ์ ละภาพยนตร์
ตัวอยา่ งวฒั นธรรมสมยั นิยมทสี่ ำคญั มีดังนี้
ละคร (K-Drama)
ละครเกาหลีใต้ถือเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญต่อ Soft
power ของประเทศ เช่น ละครย้อนยคุ เรื่อง “แดจังกึม” ที่มีเนื้อหา
เกี่ยวกับอาหารและแพทย์แผนโบราณของเกาหลี ซึ่งได้ออกอากาศ
ในหลายประเทศทั่วโลก รายได้จากการส่งออกรายการโทรทัศน์
(ร้อยละ 88 คือ ละคร) เพิ่มขึ้นถึง 27.5 เท่าจากปี 1995 ที่มีมูลค่า
เพียง 5.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 151 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี
2007
25 Soft Power ของเกาหลีใต:้ จุดแขง็ และขอ้ จำกัด. กติ ติ ประเสริฐสขุ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์. International Journal of East
Asia Studies, 22(1) (2018), 122-139. พัฒนาจากโครงการวิจัยเรื่อง “นโยบาย Soft Power ต่ออาเซียนของญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้: นัยและ
บทเรียนสำหรับประเทศไทย” สนบั สนุนโดยสำนกั งานกองทุนสนับสนุนการวจิ ัย (สกว.) ฝา่ ยยทุ ธศาสตรช์ าตแิ ละความสัมพันธข์ ้ามชาติ.
P a g e | 28
ภาพยนตร์ (K-Movies)
หลงั จากปี 1996 ภาพยนตร์เกาหลีใตไ้ ด้มีการพฒั นาคณุ ภาพขึน้ อย่างรวดเรว็ และเริ่มทำอันดับหนังทำ
เงนิ แข่งกบั ภาพยนตร์จากต่างประเทศ ความหลากหลายของภาพยนตร์เกาหลีที่มีมากขึ้น ทั้งโรแมนตกิ สืบสวน
สอบสวน แนววิทยาศาสตร์ และหนังสงครามที่มีเทคนิคทัดเทียมกับฮอลลีวูด ทำให้ภาพยนตร์เกาหลีใต้ได้รับ
ความนิยมแพรห่ ลายอยา่ งรวดเรว็ ในหลายประเทศ
เพลงและดนตรี (K-Pop)
เพลงเกาหลีสมัยนิยม หรือ K-Pop มีจุดเปลีย่ นสำคญั ในชว่ งตน้ ทศวรรษ 1990 เมื่อวงดนตรีเกาหลีใต้
หันมาสนใจแนวเพลงที่หลากหลายจากสหรัฐฯ เช่น แร็ป ร็อก ฮิปฮ็อป และเทคโน ปัจจัยที่ส่งผลให้ K-Pop
ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ คือ (1) ช่องทางการสื่อสารสมัยใหม่ เช่น Youtube (2) มีทำนองและ
จงั หวะที่ถูกใจผฟู้ งั ตลอดจนการปรบั ปรงุ คณุ ภาพของการทำเพลงให้ดีขึ้น ศิลปนิ ระดับโลกหลายคนจึงต้องการ
ร่วมงานกับศิลปินเกาหลีใต้ (3) การมีศิลปินชาวต่างชาติที่ผ่านการคัดเลือกจากประเทศที่มีความนิยมใน
วัฒนธรรมเกาหลี เช่น สหรัฐฯ แคนาดา จีน ญี่ปุ่น และไทย เพื่อค้นหาดาวดวงใหม่ อันจะเป็นการเพิ่มความ
สนใจในเพลงเกาหลใี หม้ ากขึ้นในประเทศน้นั ๆ
ความนิยม K-Pop ในต่างประเทศเห็นได้จากรายได้การส่งออกอุตสาหกรรมเพลงและดนตรีที่เพิ่มข้ึน
เกือบ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก 81 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2010 มาเป็น 177 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี
2011
ในสว่ นของวัฒนธรรมด้ังเดมิ ทรี่ ฐั บาลเกาหลีใตส้ ง่ เสริม มีตัวอยา่ งดงั นี้
อาหารเกาหลี หรือ ฮักซกิ (Hansik)
ปี 2009 รัฐบาลเกาหลีใต้เริ่มผลักดันอาหารเกาหลีให้ได้รับการยอมรับมากขึ้นในต่างประเทศ โดย
ดำเนินโครงการ “อาหารเกาหลีสู่ระดับโลก” (Global Hansik) อย่างจริงจัง เน้นส่งเสริมลักษณะเด่นของ
อาหารเกาหลี ดงั นี้ (1) ยาและอาหารเป็นส่ิงเดียวกัน ในฐานะอาหารเพือ่ สุขภาพ (2) มสี ว่ นผสมที่มีความสมดุล
ทั้งวิตามินและโปรตีนในสัดส่วนที่เหมาะสม (3) เน้นรักษารสชาติดั้งเดิมของแต่ละส่วนผสม และ (4) ให้
ความสำคัญกับแนวคิดหยิน-หยาง และธาตุทั้ง 5 ตามปรัชญาตะวันออก ดิน น้ำ ไม้ ไฟ และทอง (โลหะ)
ตัวอย่างอาหารเกาหลีที่มีลักษณะเหล่านี้และได้รับความนิยมอย่างมากในชาวต่างชาติ เช่น กิมจิ อาหารชุด
เกาหลีท่ีเรยี กวา่ ฮนั จอ็ งซกิ และพลุ โกกี อาหารปิง้ ย่างยอดนิยมของเกาหลี นอกจากนน้ั ยงั มี พีบมิ บับ หรือข้าว
ยำเกาหลีท่ีอดุ มไปด้วยผักทม่ี ีวิตามนิ ตา่ ง ๆ
ชุดแต่งกาย หรอื ฮนั บก (Hanbok)
ฮันบกเป็นชุดแต่งกายประจำชาติเกาหลีใต้ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ได้รับความนิยมจากบรรดาผู้ที่ช่ืน
ชอบละครและภาพยนตรย์ ้อนยุคของเกาหลี ที่มักประสงค์จะใส่ชุดฮนั บกถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยเฉพาะเมื่อได้
เดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศเกาหลี ฮันบกยังได้รับความสนใจจากนักออกแบบรุ่นใหม่ที่ต้องการนำเสนอ
ชุดฮนั บกบนเวทีแฟชนั่ ระดบั โลกอย่างปารสี และนิวยอร์ก ประกอบกับการให้ความสนใจฮันบกของนักแสดงช่ือ
ดัง เชน่ บรทิ นยี ์ สเปียร์ (Britney Spears) และดาราลูกคร่ึงเกาหลี-แคนาดา ซานดรา โอ ไดส้ วมชดุ ฮันบกเพ่ือ
สรา้ งความนิยมในกล่มุ แฟนคลบั ชาวเกาหลีใต้ ขณะเดียวกันก็ชว่ ยเผยแพรช่ ดุ ฮนั บกในต่างประเทศอีกทางหนึง่
Soft Power ด้านค่านยิ มของเกาหลี
เกาหลีใตพ้ ยายามที่จะผลักดันแนวทางการพัฒนาประเทศของตน ซ่ึงถือได้วา่ เปน็ ค่านิยมหรือหลักการ
แนวคิดที่มีความโดดเด่นให้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับโลก โดยเกาหลีใต้ภูมิใจนำเสนอความสำเรจ็
จากการพัฒนาทง้ั เศรษฐกจิ และประชาธปิ ไตย ต่อมาได้เน้นการรักษาทรพั ยากรธรรมชาติอยา่ งยั่งยืนดว้ ย
P a g e | 29
การพฒั นาทั้งดา้ นเศรษฐกิจและประชาธปิ ไตย
ความสำเร็จในการพัฒนาประเทศเกาหลีใต้ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก กลายเป็นประเทศท่มี ี
รายได้สูง แม้จะเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจในปี 1997 แต่ก็สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อยา่ งรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเปน็
เพราะการส่งออกสินค้าวัฒนธรรมดังกล่าวข้างต้นด้วย ดังนั้น ในการประชุมกลุ่มประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ
G20 ที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพในปี 2010 จึงผลักดันแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและประชาธิปไตยของเกาหลี
ใตท้ ่เี รยี กว่า “ฉันทามติโซล” (Seoul Consensus)
แนวทางการพัฒนาของเกาหลีใต้ ได้แก่ การปฏิรูปเศรษฐกิจผ่านทางนโยบายของรัฐ และการเพิ่มขีด
ความสามารถของภาคอุตสาหกรรม เน้นการส่งออกที่มีการแทรกแซงกลไกตลาดจากภาครัฐ โดยรัฐจะ
ช่วยเหลือทั้งด้านข้อมูล เงินอุดหนุน และการตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้าจากต่างประเทศ ลดหย่อนภาษีนำเข้า
วัตถุดิบที่ขาดแคลนแก่ภาคเอกชนที่ดำเนินธุรกิจตามแนวทางหรือยุทธศาสตร์ของรัฐในนโยบายอุตสาหกรรม
เป้าหมาย ซึ่งกล่มุ ธุรกิจท่ีไดร้ ับกรสนับสนนุ จากภาครฐั ไดเ้ ตบิ โตจนกลายเป็นกลม่ ธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศที่
เรียกวา่ “แชโบล” (Chaebol) อกี ท้ังยงั ใหค้ วามสำคญั กับการปรับโครงสร้างภาคอุตสาหกรรม จากอตุ สากรรม
เบาทใี่ ช้แรงงานเขม้ ข้นมาเปน็ อตุ สาหกรรมหนักและเคมีขบั เคลอื่ นด้วยเงนิ ทุนและเทคโนโลยี
ด้านการเงิน รัฐบาลเกาหลีใต้ปฏิรูปการเงินของประเทศให้มีความเสรีมากขึ้นตั้งแต่ทศวรรษ 1980
สว่ นด้านเทคโนโลยีไดป้ ฏิรปู ไปสู่ประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ รัฐบาลลงทุนและส่งเสริม
ให้เอกชนลงทุนในอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง การปฏิรูปด้านไอทีเป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศเกาหลีใต้
และเปน็ อตุ สาหกรรมที่สรา้ งภาพลกั ษณใ์ นฐานะประเทศชน้ั นำด้านไอทีของโลก
การพัฒนาเศรษฐกิจได้กลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดความตื่นตัวทางการเมืองและความต้องการ
เสรีภาพของประชาชน ก่อให้เกิดการรวมตัวทางประชาธิปไตยที่กลายเป็นขบวนการเคลื่อนไหวเรียกร้อง
ประชาธิปไตยในช่วงทศวรรษ 1980 จนรัฐบาลอำนาจนิยมไม่สามารถตา้ นทานพลังเรียกรอ้ งของประชาชนได้
จึงต้องยอมรับข้อเสนอการปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยในปี 1987 และไม่หวนกลับไปเป็นการเมือง
แบบอำนาจนยิ มอีก ปจั จัยท่ีทำใหก้ ารพฒั นาประชาธิปไตยเกาหลีใตม้ คี วามม่ันคง ไดแ้ ก่
(1) บทบาทที่เข้มแข็งของกลมุ่ เคลื่อนไหวหรอื ภาคประชาสงั คม
(2) ความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดความหลากหลายทางอาชีพและการรวมตัวเพ่ือ
ต่อรองผลประโยชน์ จงึ เปน็ การลดทอนการแทรกแซงจากทางการเมืองในอีกทางหน่ึง
(3) การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ที่เปลี่ยนจากสังคมเกษตรมาเป็นสังคมอุตสาหกรรมและการบริการ
เกิดชนช้นั กลางท่รี บั ร้สู ทิ ธิตามแนวทางประชาธปิ ไตย
การรกั ษาทรัพยากรธรรมชาติอยา่ งยัง่ ยนื
เกาหลีใต้เน้นแนวทางการเติบโตสีเขียว (Green Growth) ที่จะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ในฐานะ
ประเทศทีม่ ีบทบาทนำในการพัฒนาประเทศแบบย่ังยืนดว้ ยการสง่ เสรมิ การปกป้องส่ิงแวดล้อม โดยเรม่ิ จากการ
ปรบั เปล่ียนยทุ ธศาสตร์ นโยบาย และกฎหมายภายในประเทศ เพ่อื รองรบั แนวคิดการเตบิ โตสีเขียว ขณะท่ีเวที
ระหว่างประเทศเกาหลีใต้พยายามผลักดันวาระการเติบโตสีเขียวให้เป็นวาระหลักในความร่วมมือระห ว่างกัน
โดยมีสถาบันการเติบโตสีเขียวโลก (Global Green Growth Institute หรือ GGGI) เป็นกลไกขับเคลื่อนแนว
ทางการเติบโตสีเขียวของเกาหลีใต้ การพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว ลดใช้พลังงานฟอสซิล และการสร้างเมืองสี
เขียว นอกจากจะสร้างชื่อเสียงงให้แก่เกาหลีใต้ในฐานะสมาชิกชุมชนโลกที่มีความรับผิดชอบ และในฐานะ
สะพานเชื่อมท่ีให้ความช่วยเหลือและแบ่งปันองค์ความรู้ด้านการเติบโตสีเขียวให้กับประเทศ กำลังพัฒนาแล้ว
ยงั สามารถกอ่ ให้เกดิ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกจิ จากการส่งออกเทคโนโลยีเหลา่ น้ันได้อีกดว้ ย
P a g e | 30
Soft Power ดา้ นนโยบายตา่ งประเทศ
นโยบายต่างประเทศถือเป็น Soft power ในการสร้างภาพลักษณ์ กระชับความสัมพันธ์กับ
ต่างประเทศและรักษาผลประโยชน์แห่งชาติของเกาหลีใต้เอง การดำเนินนโยบายต่างประเทศเกาหลีใต้มี
ลักษณะเดน่ 3 ประการ คือ (1) ยกระดบั สถานะของประเทศบนเวทีโลก (2) ใช้การทูตวฒั นธรรมผา่ นการแสดง
วฒั นธรรมในตา่ งประเทศ และ (3) การเดินทางเยือนของผู้นำ
การยกระดบั สถานะและบทบาทของเกาหลีในประชาคมโลก
เกาหลีใต้เริ่มให้ความสำคัญกับการเพิ่มบทบาทบนเวทีระหว่างประเทศในทศวรรษ 1990 โดย
ประธานาธบิ ดีคมิ ยงั ซมั (1993-1998) ได้ใช้ “ยทุ ธศาสตรโ์ ลกาภวิ ตั น”์ เพอ่ื ปรับเปลยี่ นแนวปฏิบัตขิ องประเทศ
ให้เป็นไปตามบรรทัดฐานและระเบยี บระหว่างประเทศ เพิ่มความร่วมมือในระดับพหุภาคดี ้วยการเข้าร่วมและ
เสนอความคิดริเริ่ม เช่น การเสนอจัดตั้งการเจรจาความมั่นคงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ( Northeast
Asia Security Dialogue หรือ NEASED) แต่ยังไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร เพราะประเทศในภูมิภาคไป
เข้าร่วมการประชุมอาเซียนว่าด้วยการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional
Forum หรอื ARF) ทีเ่ รมิ่ ขนึ้ ในปี 1994 มากกวา่ และต่อมาได้เข้าร่วมการประชุมอาเซียนบวกสาม (ASEAN+3)
ซึ่งจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้มาร่วมประชุมกับอาเซียนในปี 1997 ท่ามกลางวิกฤตการเงินเอเชียในปีดังกล่าว
พร้อมกับการประชุมสุดยอดครั้งแรกระหว่างผู้นำอาเซียนกับเกาหลีในปีเดียวกันด้วย หลังจากนั้นเกาหลีใต้ได้
เน้นสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคมากขึ้น โดยประธานาธิบดีคิมแดจุงเสนอให้ต้ัง
“คณะกรรมการวิสัยทัศน์เอเชีย” (East Asia Vision Group หรือ EAVG) ในปี 2000 เพื่อระดมทรรศนะจาก
ผู้ทรงคณุ วุฒิของประเทศอาเซยี นบวกสามว่าประเทศสมาชกิ ควรม่งุ ความร่วมมอื ไปในทิศทางใดและอย่างไร
นอกจากน้ันความสำเร็จในการเข้าเป็นสมาชิกองค์การระหว่างประเทศท่ีสำคัญอย่างการเข้าร่วม
องค์การเพื่อความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Cooperation and
Development หรือ OECD) ในปี 1996 ก็เป็นโอกาสของเกาหลีใต้ที่จะได้แสดงบทบาทบนเวทีโลก ด้วยการ
นำประสบการณก์ ารพฒั นาประเทศมาเป็นจุดขาย และนำไปสู่การสร้าง soft power
สมัยประธานาธิบดีลีเมียงบัค เกาหลีใต้ได้ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญด้วยการนำ Soft power
มาใช้ในนโยบายต่างประเทศมากกว่ารัฐบาลก่อน ๆ โดยพยายามยกระดับสถานะของประเทศสู่การเป็น
ประเทศทม่ี บี ทบาทนำบนเวทรี ะหวา่ งประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์ “เกาหลรี ะดับโลก” (Global Korea) ซ่ึงเร่ิม
ขน้ึ ในปี 2008 เน้นหลกั 4 ประการ คอื (1) สร้างสนั ติภาพและความยตุ ธิ รรม (2) สรา้ งความรงุ่ เรืองรว่ มกนั (3)
โลกนิยม (globalism) หมายถงึ เกาหลจี ะให้ความสนใจและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของโลก และ (4) เน้น
ปฏิบัตินยิ มอย่างสรา้ งสรรค์
เป้าหมายของ Global Korea มี 4 ประการ ประกอบด้วย การสร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
ด้วยการขจัดอาวุธนิวเคลียร์ การขยายความร่วมมอื ผา่ นการทูตเครือข่าย การมีนโยบายต่างประเทศเชงิ ปฏบิ ตั ิ
และรอบด้าน และการสร้างความรว่ มมือด้านความมัน่ คงที่มุ่งเน้นอนาคต ด้วยการส่งเสริมใหม้ ีการจัดการดา้ น
ความมั่นคงอย่างมีประสิทธิภาพ ขยายความร่วมมือด้านการทหารกับนานาประเทศ ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม
เช่น เกาหลีเพิ่มความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาให้ทัดเทียมกับชาติสมาชิก คณะกรรมการความช่วยเหลือเพ่ือ
การพฒั นาขององค์การเพ่ือความร่วมมือดา้ นเศรษฐกจิ และการพัฒนา (OECDDAC) ทเ่ี กาหลีใตเ้ ข้าเป็นสมาชิก
ในปี 2010 รวมถึงการเพิ่มบทบาทในปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ โดยได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้า
รว่ มราว 3,000 คน และพยายามมีบทบาทนำในการจัดการความม่ันคงรูปแบบใหม่ ได้แก่ ประเดน็ ส่ิงแวดล้อม
การเปลย่ี นแปลงสภาพภูมิอากาศ และความม่นั คงนิวเคลียร์ ดว้ ยการเสนอตวั เปน็ เจ้าภาพจัดการประชุมระดับ
P a g e | 31
โลก เช่น การประชุม G20 ในปี 2010เป็นต้น นอกจากนี้ยังเสนอ “แนวความคิดริเริ่มเอเชียใหม่” เพื่อเพ่ิม
โอกาสท่ีจะมีบทบาทนำในภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออก ตลอดจนการเสนอโครงการใช้พลังงานอยา่ งมีประสิทธิภาพ
เพื่อลดการปล่อยกา๊ ซเรอื นกระจกตามแนวทางการเตบิ โตสเี ขียวอีกดว้ ย
การทูตวัฒนธรรมของเกาหลี
จากความนิยมของวัฒนธรรมสมัยนิยมเกาหลีในต่างประเทศ รัฐบาลเกาหลีใต้จึงเน้นการใชท้ รัพยากร
วัฒนธรรมมาดำเนนิ การทตู สาธารณะ โดยกระทรวงการตา่ งประเทศไดส้ นับสนนุ การจัดกจิ กรรมทางวัฒนธรรม
ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในโอกาสพิเศษทางการทตู เช่น งานครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต
และการส่งเสริมศิลปะการแสดงเทศกาลภาพยนตร์ และศิลปะเกาหลีในต่างประเทศของมูลนิธิเกาหลี รวมถึง
การแลกเปลี่ยนเยาวชนและการให้ทุนการศึกษา ซึ่งถือเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการกระชับความสัมพันธ์
ระหวา่ งประเทศในระดับประชาชน
การเยือนอาเซยี นของผู้นำเกาหลีใต้
ภายใต้แนวคิดริเรม่ิ เอเชยี ใหมข่ องประธานาธิบดีลีเมียงบัค ให้ความสำคญั กับการกระชบั ความสัมพันธ์
กับชาติอาเซียน โดยการเดินทางเยือนอาเซียนของผู้นำเกาหลีใต้ระหว่างปี 2009-2013 มากถึง 16 ครั้ง ซ่ึง
นอกจากความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแล้ว เกาหลีใต้ยังให้ความสำคัญกับการร่วมมือด้านอื่น ๆ เช่น การ
แลกเปล่ยี นทางวฒั นธรรม การสง่ การเตบิ โตสีเขยี วภายในภูมิภาค การแบ่งปันประสบการณ์การพัฒนาประเทศ
และการเพิ่มการให้ ODA แก่อาเซียน ประเทศที่เกาหลีให้ความสำคัญมากที่สุดคือ อินโดนีเซียและเวียดนาม
เพราะมีความสำคัญต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจด้านการค้าและการลงทุนของเกาหลีใต้ แม้แต่สมัย
ประธานาธบิ ดคี นถดั มาคอื ปักกึน-ฮเย ก็ยังเดินทางเยอื นชาติอาเซยี นอย่างเปน็ ทางการ โดยเฉพาะเวียดนามซ่ึง
เป็นประเทศที่ภาคเอกชนเกาหลีใต้มาลงทุนจำนวนมาก โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือด้าน
เศรษฐกจิ ผา่ นแนวทางการทตู ค้าขาย (Sales Diplomacy) และสง่ เสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม
โดยรวมเกาหลใี ตใ้ ห้ความสำคญั ตอ่ อาเซยี นมากข้ึน เนอื่ งจากปัจจบุ นั อาเซียนกลายเป็นค่คู า้ อันดับสอง
ของเกาหลีใต้ ในปี 2012 อาเซียนกลายเป็นพื้นที่เป้าหมายการลงทุนอันดับหนึ่ง เช่นเดียวกับตลาดด้านการ
ก่อสร้างอาเซียนก็ถือเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของภาคธุรกิจเกาหลีใต้ ด้านการท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวชาว
เกาหลีใตม้ าเยือนอาเซียนประมาณ 4 ล้านคน ขณะทนี่ ักท่องเท่ียวอาเซียนไปเยือนเกาหลีใต้ประมาณ 1.5 ล้าน
คนในปี 2013 เกาหลีใต้เข้ามาผูกมิตรกับอาเซียนทั้งทางพหุภาคีและทวิภาคี ในทางพหุภาคีเกาหลีใต้เข้าเป็น
หุน้ สว่ นเจรจากบั อาเซยี นในนามอาเซยี น-เกาหลี และอาเซยี นบวกสาม รวมถึงการเปน็ ประเทศทม่ี ีความแข็งขัน
ในการประชมุ ARF ในปี 2010 เกาหลีใตก้ บั อาเซยี นยกระดบั ความสมั พนั ธ์สู่การเป็น “ห้นุ สว่ นเชิงยุทธศาสตร์”
จัดตั้งสำนักงานและผู้แทนทางการทูตประจำอาเซียนในปี 2012 ในด้านทวิภาคี เกาหลีใต้เพิ่มความช่วยเหลือ
ODA กับอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง อีกทั้งยังสร้างความสัมพันธ์โดยเฉพาะในระดับประชาชน
ผ่านกลไกต่าง ๆ เช่น ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลี สถาบันกษัตริย์เซจง โครงการแลกเปลี่ยนทั้งระดับเยาวชนและ
ผเู้ ชย่ี วชาญสาขาต่าง ๆ และการจดั ประชุมเวทีทเี่ ชญิ อาเซยี นเขา้ ร่วม
เกาหลีใต้แสดงความพยายามจะเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอาเซียน โดยใช้ความคิดริเริ่ม
เอเชียใหม่ ในฐานะส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ Global Korea มาดำเนินความสัมพันธ์กับอาเซียน และถือว่า
อาเซียนเป็นห้นุ ส่วนความรว่ มมือที่สำคัญในการผลักดันแนวคิดริเร่ิมนี้ โดยประกาศความร่วมมือในการประชุม
สุดยอดผู้นำอาเซียน-เกาหลี ครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ 20 ปี ในฐานะหุ้นส่วนเจรจาปี 2009
(ASEAN-Korea Commemorative Summit) ที่เกาะเชจู ประเทศเกาหลี โดยผู้นำอาเซียนเห็นด้วยกับ
บทบาทเชิงรุกของเกาหลีใต้ที่พัฒนาความร่วมมือกับอาเซียนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การ
พฒั นาทรัพยากรมนุษย์ และการจัดการน้ำของเกาหลีใต้ ซงึ่ เปน็ ตวั อยา่ งทดี่ ขี องการพัฒนาในด้านน้ี
P a g e | 32
วเิ คราะห์ Soft Power ของเกาหลี
soft power ของเกาหลีใต้มีจุดแข็งด้านวัฒนธรรมสูง ด้วยวัฒนธรรมสมัยนิยมได้รับการยอมรับและ
นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในแถบเอเชียตะวันออกและอาเซียน กลายเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมกระแสหลักของ
ภูมิภาคควบคู่ไปพร้อมกับวฒั นธรรมอเมริกันและญีป่ ุ่น ซึ่งวัฒนธรรมเกาหลใี นภูมิภาคเติบโตขึ้นอย่างมากจาก
เดิมที่มีเพียงละครและเพลงซึ่งเป็นที่รู้จักในช่วงต้นทศวรรษ 2000 แต่ในปัจจุบันภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์
แฟชั่นการแต่งกาย และวัฒนธรรมดั้งเดิมได้รบั ความนยิ มเป็นวงกว้าง อีกทั้งความชื่นชอบไม่ไดจ้ ำกัดเฉพาะใน
กลมุ่ วยั รุน่ อีกต่อไป ผ้ทู ่ีนิยมชมชอบวัฒนธรรมเกาหลีจึงมีความหลากหลายมากขน้ึ
อยา่ งไรก็ตาม ผลสำรวจความคดิ เห็นจากสองแหล่ง คอื Soft Power in Asia: Results of a 2008
Multinational Survey of Public Opinion ที่ได้สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับ 5 ด้าน ได้แก่ วัฒนธรรม
ทรัพยากรมนุษย์ การทูต เศรษฐกิจ และการเมืองของจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ BBC Poll (2013) ท่ีสำรวจ
ความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพลักษณข์ องประเทศที่มบี ทบาทในประชาคมระหว่างประเทศ ผลสำรวจความคิดเหน็
ของทง้ั สองแหลง่ สรุปไดว้ ่า soft power ของเกาหลใี ต้ยังไม่สูงเทา่ ญีป่ นุ่ และจีน
ผลสำรวจดังกล่าวสอดคล้องกับรายงาน Soft Power 30 ประจำปี 2017 จัดทำโดย University of
Southern California ร่วมกับ Portland พบว่าภาพรวม Soft power ของเกาหลีอยู่ในลำดับที่ 21 ของโลก
ซึง่ เป็นอันดบั สามของเอเชยี รองจากญี่ปุ่น (อนั ดบั 6) และสงิ คโปร์ (อันดับ 20) โดยเกาหลีใตอ้ นั ดับดีขนึ้ จากปีที่
แล้วหนึ่งอันดับ แต่อันดับที่ดีที่สุดคืออันดับที่ 20 ในปี 2015 ปัญหาที่ส่งผลต่อคะแนนด้าน Soft power ของ
เกาหลีใตม้ ากทส่ี ุดคือ ปญั หาเสถียรภาพของการเมืองภายใน ขณะที่จุดเด่นของเกาหลีใต้ทช่ี ่วยเสริมสร้าง Soft
power ของประเทศมาจากภาคธุรกิจ (อันดับ 3) โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล (อันดับ 5) และความเข้มแข็ง
ด้านการศึกษา (อันดบั 7)
กล่าวโดยสรุป วัฒนธรรมเกาหลีมีความเข้มแข็งมากในเอเชียตะวันออกและอาเซียน แต่ในระดับโลก
ยังไมส่ ามารถสรา้ งฐานที่ม่ันคง แม้วา่ จะมนี กั แสดงและนกั รอ้ งของเกาหลีใต้สว่ นหนง่ึ ประสบความสำเร็จบนเวที
ระดับโลกกต็ าม
จากผลสำรวจข้างต้นยังสะท้อนให้เห็นข้อจำกัดของ Soft power ด้านค่านิยมและนโยบาย
ตา่ งประเทศของเกาหลีใต้จากการขาดความต่อเน่ือง มคี วามกระจดั กระจาย ขาดจดุ เนน้ และไม่เปน็ ช้ินเป็นอัน
จนทำให้ Soft power ด้านนี้ของเกาหลไี ม่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติอยา่ งที่คาดหวังไว้ ดังจะเห็น
ได้จากการที่รัฐบาลประธานาธิบดีปักกึน-ฮเย ได้ลดทอนความสำคัญของ Soft power ในการดำเนินนโยบาย
ต่างประเทศลง เปลี่ยนไปเป็นมุ่งให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ด้วยการใช้แนวทางการทูต
ค้าขาย และริเริ่มนโยบาย “ความริเร่ิมเพื่อสันติภาพและความร่วมมือแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ”
(Northeast Asia Peace and Cooperation Initiative หรือ NAPCI) ซึ่งเป็นความพยายามนำรูปแบบการ
หารือของอาเซียนไปใช้ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เกาหลีเหนือ และ
มองโกเลีย แต่ไมป่ ระสบผลสำเร็จ เนื่องจากสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีไม่เอื้ออำนวยจากความตึงเครียดท่ี
มากขน้ึ มาตั้งแต่ปี 2013 จากการทดลองนิวเคลยี ร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ กอปรกบั การที่เกาหลีใต้หยิบ
ยกประเดน็ ความปลอดภัยนวิ เคลยี ร์มาเป็นประเด็นแรก ๆ ในการหารอื ทำใหห้ ลายชาติอยา่ งเกาหลีเหนือและ
จีนไม่สะดวกใจที่จะเข้าร่วม อีกทั้งยังเป็นการห่างเหินจากอาเซียนไปอีกด้วย เพราะชาติอาเซียนไม่ได้รับเชิญ
เขา้ ร่วมในกรอบดงั กลา่ ว
นอกจากนั้นประธานาธิบดีปักกึน-ฮเยได้นำนโยบาย “การเมืองแบบไว้เนื้อเชื่อใจ” มาใช้ แต่จาก
สถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยบนคาบสมุทรเกาหลี ทำให้นโยบายดังกล่าวไม่มีความเป็นชิ้นเป็นอันแต่อย่างใด
และต่อมาเมื่อเกิดปัญหาการเมืองภายในที่มีการประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีปั กกึน-ฮเยจนต้องพ้นจาก
P a g e | 33
ตำแหน่งไป ยิ่งทำให้การดำเนินนโยบายต่างประเทศประสบภาวะชะงักงัน แม้จะได้ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ
มนุ แจอนิ แต่ก็ยังดำรงตำแหน่งได้ไม่นานนัก แม้จะออก “นโยบายใตใ้ หม่” นัยวา่ จะให้ความสำคัญกับอาเซียน
มากขน้ึ ก็ยังเร็วเกนิ ไปที่จะประเมิน เพราะวาระแรกทีป่ ระธานาธบิ ดมี นุ แจอนิ ตอ้ งให้ความสำคัญคือ การประชุม
สุดยอดผู้นำสองเกาหลี และความสืบเนือ่ งทจ่ี ะตามมาน่นั เอง
สำหรับคา่ นยิ มทีเ่ กาหลีใตผ้ ลักดันในประเด็นการอนรุ ักษส์ ิ่งแวดล้อมกย็ ังไม่เห็นความสำเรจ็ เป็นรูปเป็น
รา่ งมากนัก เนอ่ื งจากเกาหลีใต้เพง่ิ มบี ทบาทด้านนี้ไม่นานนัก ขาดความตอ่ เน่ืองเนอื่ งจากประธานาธิบดีปักกึน-
ฮเย ส่วน Soft power ด้านนนโยบายต่างประเทศของเกาหลีใต้ที่เน้นการมีบทบาทนำในประชาคมโลกและ
อาเซียน รวมถึงชว่ ยเหลือประเทศท่ีกำลงั พัฒนายังไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าท่ีควร เน่ืองจากปจั จัยการเมืองภายใน
ทำใหไ้ ม่มคี วามต่อเน่ืองเท่าที่ควร อีกท้งั เกาหลีใต้มักเน้นประเด็นใดประเดน็ หนง่ึ เมื่อได้เป็นเจ้าภาพการประชุม
บางอย่าง ทว่าเมื่อจบไปแล้วก็ไม่ได้มีการสานต่อเท่าที่ควร แต่หันไปเน้นประเด็นใหม่ตามนโยบายของ
ประธานาธิบดีคนใหม่ อกี ทงั้ บทบาทด้านการเป็นสะพานเช่ือมยงั ทำได้ไมเ่ ต็มที่ เน่ืองจากในสายตาชาวต่างชาติ
แลว้ เกาหลีใตย้ ังคงให้ความสำคัญกับประเด็นเกาหลีเหนือเป็นหลกั
• ชดุ โครงการ “จับตาอาเซยี น” (ASEAN Watch)
ในเอเชียประเทศมหาอำนาจอย่างจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ นับเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในการ
ดำเนินนโยบายด้าน Soft power ต่อประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะต่อประเทศอาเซียนที่ปัจจุบันได้กลายเป็นเวที
ทดสอบและแข่งขันด้าน Soft power ของทั้งสามประเทศ ดังเห็นได้จากตัวอย่างของการก่อตั้งสถาบันขงจ่ือ
และศูนย์วัฒนธรรมในกรณีของจีน การส่งออกละครซีรีส์และดารานักร้องในกรณีของเกาหลีใต้ ตลอดจน
การ์ตูนหรืออาหารในกรณีของญี่ปุ่น เป็นต้น ในด้านนโยบายต่างประเทศก็มีการแข่งขันกันเพิ่มบทบาทและ
อิทธพิ ล ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากการเดินทางเยือนในระดับผูน้ ำ การเข้ารว่ มประชุมต่าง ๆ การมขี อ้ ริเริ่ม และข้อเสนอ
ความร่วมมือต่าง ๆ อันรวมถึงการสร้างทางรถไฟเพื่อเชื่อมโยงอาเซียน One Belt, One Road การให้ความ
ช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา (Official Development Assistance หรือ ODA) ตลอดจนธนาคารการลงทุนด้าน
โครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (Asia Infrastructure Investment Bank หรือ AIIB) ที่เสนอโดยจีน เป็นต้น
โดยนัยน้ีจะเห็นว่าไทยควรรับมือและตอบสนองต่อนโยบายการเพ่ิม Soft power ในด้านต่าง ๆ ของ
ชาติเหล่านี้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะปรากฏการณ์การไหลบ่าของวัฒนธรรมสมัยนิยมรูปแบบต่าง ๆ อาทิ
ละคร ภาพยนตร์ การ์ตูน นกั รอ้ ง แฟช่ัน ฯลฯ ซ่งึ ล้วนสะทอ้ นให้เหน็ ว่า Soft power ของจีน ญ่ีปุ่น และเกาหลี
ใต้ได้แผ่ขยายเข้ามายังอาเซียนและไทยอย่างเข้มข้น ขณะเดียวกันวัฒนธรรมสมัยนิยมของไทยไม่ว่าจะเป็น
ละคร ภาพยนตร์ อาหารไทย มวยไทย เริ่มได้รับความนิยมจากชาติต่าง ๆ มากข้ึน โดยเฉพาะในประเทศจีน
และกลุม่ ประเทศอาเซยี น
กล่าวได้ว่า วัฒนธรรมสมัยนิยมเหล่านี้สามารถช่วยสร้างภาพลักษณ์เสน่ห์และความชื่นชมต่อไทยใน
สายตาของประเทศอื่นได้ และสามารถที่จะเสริมสร้าง Soft power ของไทยได้หากเรามียุทธศาสตร์ท่ี
เหมาะสม ในกรณีน้ีละครไทยนับว่าเป็นวัฒนธรรมสมัยนิยมสำคัญท่ีได้รับความนิยมในประเทศเพื่อนบ้าน
ใกล้เคียงอย่างลาว กัมพูชา และเมียนมา มาเป็นระยะเวลานานและมีแนวโน้มจะได้รับความนิยมมากขึ้น จึง
ควรศึกษา วิเคราะหแ์ ละกำหนดยุทธศาสตร์การพฒั นาวฒั นธรรมสมัยนยิ มสู่ Soft power ดว้ ย
จากความสำคัญข้างต้น ในปี 2560 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดยโครงการ “จับตา
อาเซียน” (ASEAN Watch) จึงจัดการสัมมนาสาธารณะ “ยุทธศาสตร์ Soft Power ของไทย: บทเรียนจาก
จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้สู่การประยุกต์ใช้ของไทย” เพ่ือเผยแพร่ผลงานวิจัย ตลอดจนนำเสนอบทเรียนการ
ดำเนนิ นโยบาย Soft power ของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ทนี่ ำไปสู่การประยุกต์ใช้เชงิ นโยบายท่ีเกีย่ วกับ Soft
P a g e | 34
power ของไทย การรายงานผลการวิจัยฉบับสมบูรณ์ท่ีนำเสนอมีจำนวน 2 เรื่อง ได้แก่ “นโยบาย Soft
Power ต่ออาเซียนของญ่ีปุ่น จีนและเกาหลีใต้: นัยและบทเรียนสำหรับประเทศไทย” ซึ่งมุ่งวิเคราะห์การ
ดำเนนิ นโยบายและทรพั ยากรดา้ น Soft power ของทัง้ 3 ประเทศตอ่ ประเทศอาเซียน ตลอดจนเสนอแนะเชิง
นโยบายในการรับมอื และการประยุกต์ใช้ของประเทศไทย และการศึกษาเรื่อง “การบริโภคละครโทรทัศน์ไทย
ในกลุ่มประเทศอาเซียน: ศึกษากรณีในประเทศเมียนมา กัมพูชาและเวียดนาม” ที่มุ่งศึกษาอิทธิพลของ
กระแสวัฒนธรรมบันเทิงของละครไทยต่อประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางที่ไม่เป็นทางการ อันเปิดโอกาสให้มี
การส่ือสารในระดับประชาชนผ่านพื้นทส่ี าธารณะของสือ่ สงั คมออนไลน์ โดยแสดงตัวอย่างทเ่ี ปน็ รปู ธรรมในด้าน
Soft power ของไทย ผ่านละครโทรทัศน์ไทยที่ได้รับความนิยมในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มี
ศกั ยภาพในการเสริมสร้างเสนห่ ์ของไทยตอ่ ประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านได้อีกแนวทางหนึ่ง
ละครไทยถือได้ว่าเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมและได้รับความนิยมในหลายประเทศ ส่งผลให้
ผู้ประกอบการจำนวนมากหันมาให้ความสนใจผลิตละครไทยเพื่อเผยแพร่ไปยังประเทศเพื่อนบา้ นผ่านส่ือสังคม
ออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากสามารถเลือกได้ว่าต้องการรับชมละครเรื่องใด โดยผู้ชมกลุ่มนี้ส่วนให ญ่เป็นกลุ่ม
วัยร่นุ ขณะเดยี วกนั จำนวนผู้ประกอบการที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้การผลติ ละครไทยมีการแข่งขนั ทางการตลาดท่ี
สูง ทำให้ผู้ผลิตละครจะต้องหาอัตลักษณ์ของตนเอง เช่น แนวดราม่า ชายรักชาย โดยผลงานวิจัยพบว่าละคร
ไทยเป็นท่ีนยิ มในตลาดโทรทัศนเ์ วยี ดนาม เหน็ ไดจ้ ากในชว่ งไมก่ ่ีปีท่ผี ่านมานเี้ วยี ดนามนำเข้าละครโทรทัศน์ของ
ไทยจาก 5 สถานี โดยเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีเพียง 2-3 สถานีเท่านั้น เมื่อมีการนำเข้าละครไทยต่างสถานีมากข้ึน
ส่งผลให้แนวละครไทยมีความหลากหลายตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ละครไทยจะได้รับโอกาสให้เผยแพร่
ผ่านช่องทางที่เปน็ ทางการผ่านทางถานีโทรทัศน์ของเวยี ดนามมากข้ึน แต่ก็ยงั คงมกี ระบวนการเซน็ เซอร์ให้เห็น
อยบู่ อ่ ยครง้ั โดยเฉพาะประเด็นเรือ่ งเพศท่สี าม การเมือง และความรนุ แรงท่ีปรากฏในละคร26
นอกจากนี้ยังมีการสัมมนาโต๊ะกลมเชิงนโยบาย (TRF-ASEAN Policy Round Table) หัวข้อ
“ยุทธศาสตร์ soft power ของไทย” เพื่อระดมสมองและอภิปรายเก่ียวกับยุทธศาสตร์และนโยบายด้าน
Soft power ของไทย ซ่ึงนำเสนอข้อคิดเห็นจากผู้แทนจากภาคส่วนท่ีเก่ียวข้องมาเป็นผู้นำสนทนา เพื่อ
นำเสนอยุทธศาสตร์และนโยบาย Soft power ของไทยผ่านการสังเคราะห์บทเรียน Soft power จากจีน
ญ่ีปุ่นและเกาหลีใต้ ด้วยเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนา Soft power จากทรัพยากรด้านนี้ท่ีมี
หลากหลาย และปจั จบุ นั ไทยกำลงั มุง่ สูย่ ทุ ธศาสตร์ 4.0 จงึ เป็นชว่ งเวลาท่ีเหมาะสมในการพิจารณาศักยภาพที่มี
และบรู ณาการยุทธศาสตรน์ โยบาย และแนวทางดา้ น Soft power ของไทยให้ชัดเจน27
26 ข่าว TRF-ASEAN Research Forum ครัง้ ที่ 8 เรือ่ ง “รายงานความกา้ วหนา้ งานวจิ ยั : ละคร การเมอื งและการย้ายถิ่นในอาเซยี น. FACEBOOK:
จับตาอาเซียน – ASEAN WATCH. https://www.facebook.com/aseanwatch/photos/trf-asean-research-forum-
%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-8-
%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-
%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%
B8%A1%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87
%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2-
%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3-
%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1/1621881097862760/
27 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ยุทธศาสตร์ Soft Power ของไทย. ชุดโครงการจับตาอาเซยี น สำนักงานกองทุนสนบั สนุนการวจิ ยั ฝา่ ยยทุ ธศาสตร์ชาติ
และความสมั พนั ธ์ข้ามชาติ
P a g e | 35
สรปุ ประเดน็ แนวทาง
จากการอภิปรายและระดมความคดิ เหน็ ของผนู้ ำการอภิปราย ซง่ึ ประกอบด้วยผู้นำหน่วยงานราชการ
ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ นักวชิ าการและผมู้ ีเก่ียวข้องจากภาคเอกชน ได้ใหข้ อ้ มูลและข้อเสนอแนะอย่างชัดเจน
เกยี่ วกบั การส่งเสริมและการดำเนนิ นโยบาย Soft power ของไทย โดยสรปุ ประเดน็ ต่าง ๆ ดงั นี้
1) ทรพั ยากร Soft power ของไทยท_ี มีศักยภาพในการสง่ เสริมภาพลกั ษณ์ของไทยในเวทีโลก
- ไทยมีทรัพยากร Soft power พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ละครและภาพยนตร์ มวยไทย
ตลอดจนวัฒนธรรมอื่นๆ เช่น การฟ้อนรำ ซึ่งทำให้คนต่างประเทศรับรู้ถึงเอกลักษณ์ของไทย ทั้งน้ีสามารถ
สอดแทรกเสนห่ ข์ องไทยในด้านที่เก่ียวข้องในทรัพยากรดังกล่าวได้
- การส่งเสริมวัฒนธรรมเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) โดยกระทรวง
วัฒนธรรมเน้นส่งเสริมวฒั นธรรมผา่ นงานเทศกาลและอีเวนตต์ า่ ง ๆ รวมถึงสนบั สนนุ ภาพยนตรไ์ ทยท่ีมีคุณภาพ
และสะทอ้ นคา่ นยิ มหลักของสงั คมไทย
- ไทยยงั มี Economic Soft Power ผา่ นการให้ความชว่ ยเหลือทางการเงินแกป่ ระเทศเพื่อนบา้ น เช่น
การใหเ้ งนิ กดู้ อกเบย้ี ต่ำเพ่อื ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
- ไทยสนับสนุนการแลกเปล่ียนทางวิชาการผ่านการให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาจากประเทศเพื่อน
บ้านเพอ่ื ส่งเสริมความเข้าใจและการเรียนรู้ระหว่างกัน
- ไทยอาจส่งเสริม Soft power ผ่านแนวคิดท่ีสามารถแสดงเอกลักษณ์ของประเทศ เช่น เศรษฐกิจ
พอเพียง ปรัชญาเชิงพุทธ เป็นต้น
2) เครือ่ งมือในการสง่ เสรมิ Soft power ของไทย
- การสง่ เสรมิ Soft power ต้องมียทุ ธศาสตร์และวิสัยทัศน์ท่ีชดั เจน เน้นการสรา้ งแบรนดป์ ระเทศไทย
(Brand Thailand) และสื่อสารกับตา่ งประเทศอย่างต่อเนื่อง
- ไทยสามารถส่งเสริม Soft power ผ่านละครและภาพยนตร์ท่ีสะท้อนถึงความเป็นไทยในทางบวก
หรอื แสดงถึงคุณลกั ษณะทีแ่ ตกต่างจากประเทศอื่น เช่น ความเปน็ สงั คมที่ผ่อนคลายและมีอารมณ์ขนั เหมือนใน
กรณภี าพยนตรเ์ รื่องพ่ีมากพระพระโขนงและกวนมึนโฮ
- ไทยสามารถส่งเสรมิ วัฒนธรรมและคุณคา่ ความเปน็ ไทยผ่านงานเทศกาลต่าง ๆ ในต่างประเทศ เชน่
เทศกาลภาพยนตร์ไทย เทศกาลอาหารไทย รวมถึงจดั แคมเปญโดยใช้ทรัพยากรที่โดดเด่นใหเ้ ปน็ ประโยชน์ เช่น
การสง่ เสริมการท่องเทย่ี วเชิงสขุ ภาพผา่ นอาหารไทยที่มักอดุ มไปดว้ ยสมนุ ไพรท่ีดตี อ่ สุขภาพ
P a g e | 36
- ภาคเอกชนมีส่วนสำคัญในการส่งเสริม Soft power ผ่านละครและภาพยนตร์ รวมทั้งต่อยอดให้
ดารานักแสดงที่ผู้ชมในต่างประเทศชื่นชอบเป็นทูตวัฒนธรรม นอกเหนือไปจากการเดินทางโปรโมทละครและ
ภาพยนตร์ในต่างประเทศ รวมท้ังสนับสนุนการพัฒนาบทละครและภาพยนตร์ไทยให้สอดคล้องกับบริบทของ
ประเทศน้ันมากข้ึน
- มวยไทยเป็น Soft power ท่ีมีศักยภาพมาก รัฐควรสนับสนุนมวยไทยด้วยการสอดแทรกเรื่องราว
ประวัติความเปน็ มาและแงม่ ุมทางจติ วญิ ญาณของมวยไทย ผสมผสานกบั ความเป็นกีฬาและศิลปะการตอ่ สู้
3) ปญั หา อปุ สรรค และผลกระทบของการใช้นโยบาย Soft power ของไทย
- การดำเนินนโยบายทาง Soft power ยังขาดการบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ท้ังภาครัฐและเอกชน
ไม่ได้ทำงานเชื่อมโยงกันอย่างเป็นรูปธรรม ภาครัฐอาจมีภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ทำให้ไม่สามารถ
ดึงดูดความร่วมมือจากเอกชน นอกจากนี้ยังไม่มีเวทีประชุมท่ีเปิดโอกาสให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ท่ีรับผิดชอบ
ด้าน Soft power ไดห้ ารอื กนั ในระยะยาว
- การส่งเสริม Soft power ของไทยยังขาดการพัฒนาเชิงลึก เช่น กรณีการส่งเสริมอาหารไทยผ่าน
การรับรองด้วยตราเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ ควรกำหนดมาตรฐานให้ครอบคลุมอาหารไทยท่ีมีความ
หลากหลายมาก และควรได้รับการประเมินและรับรองจากผเู้ ชี่ยวชาญระดบั นานาชาติ
- ไทยยังใช้ประโยชน์จากทรัพยากรด้านละคร ภาพยนตร์ และดารานักแสดงท่ีได้รับความนิยมใน
ต่างประเทศนอ้ ยกว่าที่ควร อกี ท้ังยังไม่ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากภาครฐั เทา่ ใดนกั
- เน้ือหาของละครไทยยังไม่มีความซับซ้อนและหลากหลาย บางเร่ืองไม่มีลักษณะเป็นสากลหรือไม่มี
คุณภาพเพยี งพอเมอื่ เทียบกบั ละครเกาหลี
- การส่งเสริมความเปน็ ไทย (Thainess) ในประเทศเพ่ือนบ้านอาจกอ่ ให้เกิดการต่อต้านได้
4) การทำงานรว่ มกันของหน่วยงานภาครัฐ-เอกชนในการสง่ เสริมนโยบาย Soft power ของไทย
- ภาครัฐและภาคเอกชนควรหารือกันในการกำหนดยุทธศาสตร์ Soft power ให้ชัดเจนและบูรณา
การกันยิ่งขึ้น โดยจัดเวทีหารือระยะยาวเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้พูดคุยประสานงานกันอย่างสม่ำเสมอและมีความ
ตอ่ เนื่อง
- ภาครัฐควรสนับสนุนในแง่การเงินและวิชาการ อาทิ การสนับสนุนการพานักแสดงไปโปรโมทใน
ต่างประเทศ การอำนวยความสะดวกในการสง่ ออกละครไทยและการเดนิ ทางไปตา่ งประเทศของนักแสดงไทย
- ควรสนบั สนนุ การทำวจิ ยั เกย่ี วกบั เน้ือหาของละครไทยรว่ มกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพ่ือให้
เน้ือเรื่องและบทละครมีความซับซ้อนและลุ่มลึกยิ่งขึ้น สามารถสอดแทรกค่านิยม ความรู้ และวัฒนธรรมของ
ไทยได้อย่างเหมาะสม
ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย
1. กำหนดทรัพยากรหลักด้านซอฟต์พาวเวอร์ (Core soft power resources) อันได้แก่ ละครและ
ภาพยนตร์ไทย อาหารไทย มวยไทย การให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการศึกษา ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียง และปรชั ญาเชิงพุทธ เพื่อสรา้ ง “แบรนด์ประเทศไทย” (Brand Thailand) อยา่ งบูรณาการ
2. กำหนดเป้าหมายและกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน โดยศึกษาเปรียบเทียบจากประเทศอ่ืน เชน่
เกาหลีใต้ที่มุ่งส่งออก Soft power เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างช่ือเสียงและภาพลักษณ์ของ
ประเทศ
3. กำหนดแผนงาน (Roadmap) ทสี่ อดประสานกนั ระหวา่ งหนว่ ยงานภาครฐั ด้วยกันเอง และระหวา่ ง
ภาครฐั กับเอกชน ในการสง่ เสริม Soft power ด้านตา่ ง ๆ โดยจดั เวทีหารือระยะยาว เพอื่ ใหเ้ กดิ การบูรณาการ
อยา่ งเป็นรปู ธรรม ตลอดจนกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบอยา่ งชัดเจน
P a g e | 37
4. สนับสนุนการทำวิจัยเกี่ยวกับเนื้อหาของละครและภาพยนตร์ไทยร่วมกันระหว่างภาครัฐและ
ภาคเอกชน เพื่อใหเ้ น้อื เรื่องมีความซบั ซ้อนและลุ่มลึกขึ้น อีกทั้งระมัดระวังมิใหม้ ีเน้ือหาท่ีกระทบความรู้สึกของ
ประเทศเพอ่ื นบ้าน
5. สอดแทรกเสน่ห์และคุณค่าท่ีหลากหลายในวัฒนธรรมไทย อาทิ อาหารไทยส่ือถึงความประณีต
พิถีพิถัน และประโยชน์ต่อสุขภาพจากสมุนไพรต่าง ๆ มวยไทยสะท้อนมิติด้านจิตวิญญาณ ภาพยนตร์และ
ละครไทยสะท้อนความเป็นสังคมผ่อนคลายและมีอารมณ์ขนั เป็นตน้
6. สนับสนุนต่อยอดให้ดารา นักกีฬา และบุคคลท่ีมีชื่อเสียงในต่างประเทศ ให้มีบทบาทเสมือนเป็น
ทตู วฒั นธรรม เพ่ือโปรโมทประเทศไทยในหลากหลายมิติ
7. บูรณาการทรพั ยากร Soft power ทง้ั 3 ดา้ น ไม่เฉพาะการสอดแทรกค่านยิ ม แนวคิดในวฒั นธรรม
ไทยเท่าน้ัน แต่ควรดำเนินนโยบายต่างประเทศท่ีจะช่วยเพ่ิมเกียรติภูมิของประเทศ เช่น การมีข้อริเริ่ม และมี
บทบาทนำในกรอบอาเซยี น
นอกจากนี้ชุดโครงการจับตาอาเซียนยังจัดงานสัมมนา “เศรษฐกิจไทยไปอาเซียน: เจาะลึก CLMV
เขตเศรษฐกิจพเิ ศษ และสินคา้ วฒั นธรรมไทย” สบื เนื่องจากกระแสละคร ‘บุพเพสันนวิ าส’ เป็นปรากฏการณ์
ทางสังคมที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมของชาติไทย โดยการแต่งกายด้วยชุดไทยและการ
ท่องเที่ยวโบราณสถานสำคัญในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกิดเป็น “กระแสไทยนิยม” ตามแนวคิด soft
power ที่สร้างอิทธิพลให้กับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค โดยกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และ
เวียดนาม) ต่างนิยมละครของไทยเช่นกัน ทั้งการรับชมจากสถานีโทรทศั น์ไทยและสื่อออนไลน์ รวมถึงจีนและ
เกาหลีใต้ที่เคยเป็นผู้ส่งต่อวัฒนธรรมของชาติผ่านภาพยนตร์ให้กับคนไทยมาเป็นผู้รับ จึงเป็นโอกาสดีที่จะนำ
ข้อมูลมาวิเคราะห์และกำหนดนโยบาย ผ่านองค์ความรู้ ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยตามยุทธศาสตร์ด้านการนำ
ผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ เพือ่ ชงิ ความไดเ้ ปรียบทางดา้ นเศรษฐกิจและสนิ ค้าวฒั นธรรมของไทย
จากการวิเคราะห์งานวจิ ัยนโยบาย Soft power ตอ่ อาเซียนของญ่ีปนุ่ จีน และ เกาหลใี ต:้ นัยและ
บทเรียนสำหรับประเทศไทย และการบริโภคละครโทรทัศน์ไทยในกลุ่มอาเซียน : ศึกษากรณีในประเทศ
เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม พร้อมกับสัมภาษณ์ผู้ประกอบการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พบว่าการ
สร้าง “แบรนด์ประเทศไทย” ซึ่งหมายถึงความเป็นองค์รวมของสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม สินค้าและ
บริการทางวัฒนธรรม ตลอดจนสินค้าอุปโภคบริโภคที่สื่อถึงประเทศไทย จะช่วยส่งเสริมผลประโยชน์ทาง
เศรษฐกิจ ชื่อเสียง ความนิยม และบารมีให้กับประเทศได้มากขึ้น ดังที่ประเทศเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จ
มาแล้ว
P a g e | 38
ส่วนละครและภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มประเทศ CLMV จีน และเกาหลี มีความหลาก
ยกตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง ฮอร์โมน ฉลาดเกมส์โกง พี่มากพระโขนง วนิดา ทองดีฟันขาว และ
บพุ เพสันนิวาส ซ่งึ มกี ารแปรเนอื้ หาเป็นภาษาจนี และเวียดนาม รวมถงึ การเรียนภาษาไทย เพอื่ ชมผ่านออนไลน์
พร้อมกับคนไทย ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงโอกาสและความสามารถของคนไทยต่อการสร้างประโยชน์และ
ชื่อเสยี งให้กับประเทศ
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและขอ้ เสนอแนะเชงิ ปฏบิ ัติเพอื่ เพ่ิมโอกาสให้กับประเทศไทย
1. การปรับทัศนคติของคนไทยต่อประเทศไทย เนื่องจากที่ผ่านมาคนไทยส่วนใหญ่ตั้งคำถามว่า
ประเทศไทยมดี ีอะไร ทัง้ ท่ีเรามดี ีเปน็ จุดขายใหก้ ับต่างชาติ
2. การสร้างยุทธศาสตร์แบรนด์ประเทศไทย โดยภาครัฐตระหนักว่าสื่อบันเทิงเป็นสินค้าที่สำคัญของ
ประเทศ พร้อมสนับสนุนในทุกด้านควบคู่การประสานความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และ
สถาบันการศึกษา ทั้งในสว่ นของการลงทนุ พัฒนา และศกึ ษาวิจัย
3. การสรา้ ง International / Global brand ของสนิ คา้ และบรกิ ารไทย เน่ืองจากการสรา้ งนวัตกรรม
มหี ลายลกั ษณะ และหลายคนยงั ไมท่ ราบวา่ การพัฒนาหรือคิดคน้ การโฆษณาเป็นนวตั กรรมเช่นกัน
• อโยธยาศรีรามเทพนครบวรทวารวดี และอนุรักษ์โครงสร้างโบราณสถานตามหลัก
วศิ วกรรม
กระแสละครดัง “บุพเพสันนิวาส” สร้างปรากฏการณ์ทางสังคมที่น่าสนใจ และเป็นที่จับตาของ
นักวิชาการไทย นอกเหนือจากความบันเทิงแล้วผู้ชมยังได้เรียนรู้เรื่องราวสำคัญทางประวัติศาสตร์ ทั้งสถานท่ี
วัฒธรรม ภาษา และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของกรุงศรี
อยุธยา โดยมีตัวละครสำคัญซึง่ มีตัวตนจริงอยู่ในประวัติศาสตร์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จึง
จัดโครงการสื่อสัญจร “ตามรอยบุพเพสันนิวาสด้วยงานวิจัย สกว.” เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้และการใช้
ประโยชน์จากงานวิจัย รวมถึงสร้างความตระหนักให้คนไทยเห็นความสำคัญของประวัติศาสตร์และ
โบราณสถานสำคัญในพระนครศรีอยุธยา ตลอดจนสร้างความร่วมมือระหว่างนักวิชาการและหน่วยงานท่ี
เก่ยี วขอ้ ง อาทิ กระทรวงวัฒนธรรม กรมศิลปากร การท่องเทยี่ วแห่งประเทศไทย เป็นต้น
กิจกรรมดังกล่าวนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทุกภาคส่วนจะร่วมกันขับเคลื่อนพระนครศรีอยุธยาให้เป็นแหล่ง
เรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ และสร้างความเจริญเติบโตด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนบนฐานความรู้ รวมท้ัง
เป็น “อยุธยาโมเดล” ที่จะขยายผลต่อยอดการพัฒนาไปในสถานท่ีท่องเที่ยวสำคญั ทางประวัติศาสตร์ในพื้นท่ี
อื่น ๆ ของประเทศไทยต่อไป ทั้งน้ี สกว.ได้สนับสนุนทุนวิจัยมากมายเกี่ยวกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย
งานวิจัยท่ีโดดเด่น ได้แก่ การวิจัยและจดั ทำหนงั สือ “อโยธยาศรีรามเทพนครบวรทวารวดี” และชดุ โครงการ
“อนุรักษ์โครงสร้างโบราณสถานตามหลักวิศวกรรม” ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สกว. และกรม
ศิลปากร โดยใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยใี นการสำรวจสาเหตุของความเสียหาย เพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์ฟื้นฟู
โบราณสถานอนั เป็นมรดกโลกของไทย
แม้พระนครศรีอยธุ ยาไดร้ ับการคดั เลอื กจากองค์การยเู นสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก เป็นแหลง่ ท่องเทย่ี ว
ทางประวัติศาสตร์ทสี่ ำคัญที่สรา้ งรายได้แก่ประเทศไทยและประชาชนในพน้ื ท่ีมาต่อเนื่องยาวนาน แต่เป็นท่ีน่า
เสียดายที่ยังขาดการศึกษาวิจัยเชิงลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ และการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยทาง
P a g e | 39
ประวัติศาสตร์ การบูรณปฏิสังขรณ์ การอนุรักษ์โบราณสถาน การบริหารจัดการภูมินิเวศ การท่องเที่ยวโดย
ชมุ ชนบนฐานวฒั นธรรมนำเศรษฐกิจ28
นกั วชิ าการด้านประวัติศาสตร์ระบุวา่ กระแสละครมปี ระโยชน์มากต่อคนไทย เพราะช่วยกระตุ้นให้คน
สนใจประวตั ิศาสตร์มากข้นึ สำหรับอโยธยาศรีรามเทพนครบวรทวารวดี ในยคุ 4.0 น้ัน ในโลกที่เปลี่ยนไปเป็น
ยุคปญั ญาประดิษฐ์ (AI) ท่ีมผี ลกระทบตอ่ ธุรกจิ และอุตสาหกรรม และภาคบรกิ าร รายไดจ้ ากการท่องเท่ียวทาง
วัฒนธรรม และการจัดการเมือง “มรดกโลก” เกิดปัญหาหลายด้าน โดยปัญหาของไทยและนครศรีอยธุ ยา คือ
ความรู้สึกเป็นเจ้าของและการดำเนินการของภาครัฐ ในขณะที่บทบาทของมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์กับ
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในยุคปัจจุบัน มัคคุเทศก์จะต้องที่มีความรอบรู้ ประวัติศาสตร์และโบราณคดี
ภาษาต่างประเทศ สื่อประเภทต่าง ๆ โดยเฉพาะหนังสือที่ดี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังขาดหายไปในการจัด
การเมืองมรดกโลกอยธุ ยา คือ แหลง่ เรียนรู้หรอื พพิ ธิ ภัณฑส์ ถานระดบั โลก ศนู ยป์ ระชมุ แห่งชาติ การจดั ประชุม
หรือนิทรรศการนานาชาติ (MICE) และศนู ยผ์ ลิตภณั ฑโ์ อท็อป”
ขณะท่ีเวทีเสวนา “อโยธยา 4.0 สู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ รอง
ปลัดกระทรวงวฒั นธรรม (ปจั จบุ นั ดำรงตำแหนง่ อธิบดีกรมศิลปกากร) กล่าววา่ กระแสการแตง่ กายชุดไทย เร่มิ
มาตั้งแต่งานอุ่นไอรักต่อเนื่องมาจนถึงละครบุพเพสันนิวาสออกอากาศ แต่นอกจากการแต่งกายแล้วอยากให้
ผู้สร้างภาพยนตร์และละครใช้สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมเป็นฉากในการถ่ายทำด้วย เพื่อจะได้
ประชาสมั พนั ธแ์ หล่งท่องเทีย่ วให้คนไทยและตา่ งชาติรู้จักแหล่งท่องเทยี่ วผ่านสื่อดังกลา่ ว ในสว่ นของกระทรวง
วัฒนธรรมนั้นเห็นความสำคัญของงานวิจัย แต่จะทำอย่างไรให้วัฒนธรรมสร้างเศรษฐกิจ โดยมี ‘คน’ เป็น
ศูนย์กลางตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ และเชื่อมั่นว่า สกว.จะช่วยเหลือให้ความรู้และพัฒนาศักยภาพของคน
ด้วยองค์ความรู้ดา้ นวิชาการ ตอบสนองความตอ้ งการของหน่วยงานรัฐใหเ้ กดิ ความยัง่ ยนื ได้
สิ่งที่อยากได้ คือ ‘นวตั กรรมทางวัฒนธรรม’ ทจ่ี ะรกั ษากระแสไว้ได้ สร้างวธิ ขี ับเคล่ือนโดยใช้ภาษาที่
เขา้ ใจง่าย สือ่ ความหมายตรงตามความต้องการและเข้าถึงประชาชน เพือ่ แบ่งเบาภาระการท่องเท่ียวของเมือง
รอง และไม่ทิ้งใครหรอื เมืองใดไวข้ ้างหลัง เหล่าน้ีคือสิ่งที่จะทำให้การทอ่ งเท่ียวยั่งยืน นอกจากนี้ยังต้องมีความ
พร้อมด้านที่พัก อาหาร การเดินทาง การอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ด้วย ซึ่งจะต้องมีภาคีร่วมทั้งจากภาครัฐ
ภาคเอกชน และประชาชน”
เชน่ เดียวกับ นางน้ำฝน บณุ ยะวฒั น์ ผอู้ ำนวยการฝ่ายวางแผน ททท. ซง่ึ ปจั จุบนั ดำรงตำแหนง่ รองผู้ว่า
การด้านนโยบายและแผน ททท. กล่าวถึงกระแสความสนใจของคนไทยที่มีต่อละครว่าเป็นแบบมาแล้วก็ไป
ขณะที่เกาหลีใต้เป็นอย่างของประเทศที่ใช้วัฒนธรรมนำกระแสจนเกิดเป็นวาระแห่งชาติ และยกระดับ
28 ตามรอยบพุ เพสันนวิ าสดว้ ยงานวิจยั สกว. สำนกั ข่าวอิศรา 1 เมษายน 2561 https://www.isranews.org/thaireform/thaireform-
documentary/64777-trf01.html
P a g e | 40
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างแยบยล สำหรับละครบุพเพสันนิวาสของไทยนับเป็นความกล้าท่ี
กำหนดให้นางเอกเป็นคนอยากรู้อยากเห็น ไม่เรียบร้อยตามแบบฉบับนางเอกทั่วไป จึงตอบโจทย์ธรรมดาของ
มนุษย์เดินดินที่เป็นคนดู จึงอยากให้ใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกับคนไทยให้เกิดความรู้สึกอยากเดินทางมา
ท่องเทีย่ วและเรยี นรู้ประวัติศาสตร์ของตัวเอง ให้คนเดนิ เขา้ มาในอยุธยาด้วยความรู้สึกร่วมของการเป็นคนไทย
มิใช่เพียงตามรอยละครเข้ามาถ่ายรูป อยากให้ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนา เพื่อให้คนกลับมาหา
อดีตได้ทอี่ ยธุ ยา และรักษาศักดิ์ศรีของมรดกทางวัฒนธรรม ท่องเท่ยี วอยา่ งมีวฒั นธรรม มจี ติ สำนึกร่วมกัน ทุก
หน่วยงานต้องจริงจังเพื่อปรับอยุธยาให้เป็นเมืองต้นแบบ ททท.ต้องกลับมาถามตัวเองว่าจะใช้การตลาดเป็น
ตัวนำต่อไปหรือไม่ ทำอย่างไรจะให้คนไทยเทีย่ วไปเรียนรู้ไป เล่าเรอ่ื งทถี่ ูกต้องอย่างสนุกและชาญฉลาด ถนอม
และรักษาโบราณสถาน ทำให้เกิด ‘content marketing’ และเป็นบทเรียนที่เรียนรู้ได้ไม่รู้จบ ไม่ใช่โหน
กระแสเพียงชั่วคราว นอกจากนี้ยังเป็นห่วงเรื่องความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นโจทย์ยากท่ี
ททท. เองยังหาทางออกไมไ่ ด้ และต้องการงานวจิ ยั เพอ่ื จดั การปัญหาเหล่าน้ใี หอ้ ยธุ ยากลบั มามชี วี ิตอีกครั้ง
จากกระแสของละครดังกล่าวส่งผลใหว้ ดั ไชยวัฒนารามจากเดมิ มีนักท่องเทยี่ วในวันธรรมดา 600-900
คน เพิ่มเป็น 5,000-6,000 คน ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์จากประมาณ 3,000 คน เพิ่มเป็น 25,000 คน จึงส่งผล
กระทบในหลายด้าน จึงต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ละเมิดกฎระเบียบของอุทยานประวัติศาสตร์
พระนครศรอี ยุธยาในการเข้าชมโบราณสถาน เพราะเก่ียวพันกับภาพลักษณ์ทด่ี ีของประเทศ โดยมีการจัดการมี
หลายระดับตามน้ำหนักของเจตนาหรือพฤตกิ ารณ์ เช่น ตักเตือนเมื่อพบเหน็ การกระทำที่ไม่เหมาะสมเล็กน้อย
จนถึงการปรับและการจำคุก จึงใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสจัดกิจกรรมรณรงค์การแต่งกายชุดไทยเพื่อให้เกิด
บรรยากาศในการเข้าชมโบราณสถานที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม หลังละครจบทางอุทยานฯ จะพยายามรักษา
กระแสไว้เพื่อให้คนเข้าถึง ตราบใดที่นักท่องเที่ยวสะดวกและมีความพรอ้ ม ซึ่งในวันอนุรักษ์มรดกไทย วันที่ 2
เมษายน จะเป็นตัวกระตุ้นกระแสใหค้ งอยู่ต่ออีกระยะหนึ่ง แต่ก็อยากให้คนไทยแต่งกายไทยเป็นส่วนหนึ่งของ
ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการทอ่ งเท่ยี วในโบราณสถานต่าง ๆ
ในส่วนของทุนวจิ ัยนั้น รัฐบาลได้กำหนดทุนวจิ ยั มงุ่ เป้าท่องเทีย่ วเพื่อให้เกิดการเพ่ิมมลู คา่ ทางเศรษฐกิจ
ร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ททท. โดยมีโครงการวิจัยมุ่งให้เกิดการเพิ่มมูลค่าซึ่งใช้การ
ทอ่ งเทีย่ วเป็นตวั นำ ภายใตร้ ปู แบบโปรแกรมแชร์ มบี ารมีในการดแู ลจัดการการท่องเท่ยี วท้ังหมด คาดว่าจะใช้
งบประมาณวจิ ยั 300 ล้านบาท และมีผู้จัดการนวัตกรรมทีจ่ ะนำงานวจิ ยั ไปแปลงเพอื่ เพิ่มมูลค่า ซ่งึ เป็นรูปแบบ
การบริหารจัดการงานวิจัยแบบใหม่ของประเทศ ส่วนการศึกษาวิจัยและพัฒนาอยุธยาสู่การท่องเที่ยวอย่าง
ยั่งยืนน้ัน อยากเห็นภาพที่มีคุณค่าและความทรงจำในการเรียนรู้ของคนรุน่ ใหม่ ความนิยมจากละครทำให้เกิด
กระแสที่ดีและสามารถสรา้ งเศรษฐกิจให้กับชมุ ชนได้ โดยมีภาคจี ากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
รว่ มกันสนับสนนุ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเป็นเจ้าของการนำผลงานวจิ ัยไปใชป้ ระโยชน์ กำหนดโจทย์วจิ ยั ให้ชัดเจนและ
หาคำตอบเพอื่ นำไปใช้ไดจ้ รงิ
พระนครศรีอยุธยามีความสำคัญในฐานะราชธานีของดินแดนลุ่มน้ำเจ้าพระยา และเป็นหนึ่งในสาม
ของมรดกโลกทางวัฒนธรรมในประเทศไทย จึงมีความสำคัญตอ่ ประวัติศาสตร์โลกในภาพรวม งานวิจัยภายใต้
การสนับสนุนของ สกว. สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองและความสำคัญในระดับนานาชาติไม่เฉพาะแต่ใน
ประเทศไทย เอกสารต่างชาติจำนวนมากเก่ียวกับอยุธยา เช่น พ่อค้าจีน ชาวตะวันตก รวมถึงเอกสารท้องถ่ิน
เช่น พงศาวดารต่าง ๆ ที่นักวิจัยนำมาศึกษาและสอบเทียบกับเอกสารอื่น ๆ เพื่อดูความสัมพันธ์เชื่อมโยง
ประติดประต่อภาพของเรื่องราวในอดีตที่เป็นภาพสะท้อนในด้านต่าง ๆ ที่ต้องทำความเข้าใจในแต่ละ
บริบท การมองอยุธยาจำเป็นต้องมองอย่างสหวิทยาการ เพราะมีหลากมิติ ขณะที่การศึกษาวิจัยในอนาคต
จะต้องดำเนินการทง้ั ดา้ นการบริหารจดั การ การจดั ผงั เมือง การสรา้ งภาพลักษณข์ องเมือง การขยายผลต่อยอด
P a g e | 41
ต้องบูรณาการวิจัยในองค์รวม จะศึกษาแยกส่วนไม่ได้ เพื่อให้อยุธยาเจิดจรัสขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และสามารถ
เปน็ เมอื งสำรองของกรุงเทพฯ ทมี่ ีศักยภาพในการทอ่ งเทีย่ วได้
นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตจากนักวิจัยอาวุโสชาวญี่ปุ่นถึงการชำรุดทรุดโทรมของโบราณสถานใน
พระนครศรีอยุธยา อันเป็นที่มาของแรงบันดาลใจในการทำวิจัยของคณะวิจัยชุดโครงการอนุรักษ์โครงสร้าง
โบราณสถานตามหลักวิศวกรรม เพราะหน้าที่อนรุ กั ษโ์ บราณสถานสำคญั เป็นของทุกคนในชาติท่จี ะต้องช่วยกัน
ดูแล ซึ่งอุปสรรคสำคัญในการฟื้นฟู คือ การขาดข้อมูลของโบราณสถานทั้งด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม
รวมถงึ ขาดบคุ ลากรในหนว่ ยงานทีต่ ้องรับผิดชอบ งบประมาณ และเทคโนโลยี องค์การยเู นสโกได้ให้คำแนะนำ
ว่าควรจัดให้มีการฝึกอบรมช่างฝีมือเพื่อพัฒนาทักษะด้านงานอนุรักษ์ และการดำเนินงานต้องอยู่บนหลักการ
เชิงวิทยาศาสตร์ผสานกับการใช้วัสดุ และทักษะตามแบบเดิม ตลอดจนการจัดทำแผนอย่างละเอียดโดยความ
ร่วมมอื กับผู้เชี่ยวชาญในสาขาตา่ ง ๆ
ขณะที่ฐานข้อมูลทางวิศวกรรมของโบราณสถานซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งในด้านการวิเคราะห์
ประเมินและติดตามสภาพโบราณสถานเพื่อการอนุรักษ์ นักวิจัยตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวอย่างฐานข้อมูล
ดจิ ิทลั ทางด้านวศิ วกรรมของโบราณสถานของไทย โดยฐานขอ้ มลู จะครอบคลุมข้อมูลทางพิกัดและมิตติ ่าง ๆ ท่ี
จำเป็นต่อการวิเคราะห์โครงสร้าง ขอ้ มลู คุณสมบัติทางกลและความทนทานของวัสดุ รวมถึงศึกษาแนวทางการ
ประเมินและติดตามสภาพโบราณสถานและเทคนิคการทดสอบแบบไม่ทำลาย ซึ่งงานวิจัยส่วนต่าง ๆ
ประกอบด้วย
1) การศึกษารวบรวมข้อมูลพิกัดและมิติค่าจริงตามความทรุดเอียงของโบราณสถานตัวอย่าง ได้แก่
ขนาดมติ ิ และการเอียงตวั ในสภาพจรงิ เพอ่ื นำไปใช้ในการสร้างแบบจำลองเพื่อใช้ในการวิเคราะห์และประเมิน
รวมถึงติดตามสภาพโครงสร้างโบราณสถานในระยะยาวได้อย่างละเอียดและแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยการสแกน
วัตถุด้วยเลเซอร์ เพื่อให้ได้ข้อมูลสภาพจริงของโบราณสถาน เก็บค่าตำแหน่งต่าง ๆ บนพื้นผิวของวัตถุใน
รปู แบบพิกัด 3 มติ ิ และนำมาสรา้ งเปน็ รปู ภาพหรือแบบจำลองของวตั ถุเสมือนจรงิ ทีส่ ามารถบ่งบอกขนาดและ
รูปทรงของวัตถุได้อย่างแม่นยำเมือ่ สแกนโบราณสถานเดียวกันอีกครัง้ ในอนาคต และนำข้อมูลมาเปรียบเทียบ
กับผลการสแกนก่อนหนา้ จะทำให้สามารถทราบถึงสภาพหรอื ลกั ษณะทเี่ ปล่ียนแปลงไปได้
2) การศึกษาคุณสมบัติของวัสดุโบราณ ที่มีลักษณะแตกต่างจากวัสดุก่อสร้างในปัจจุบนั ซึ่งต้องอาศยั
ข้อมูลจากการทดสอบวัสดุเกี่ยวกับคุณสมบัติทางกลของอิฐและปูนที่ใช้ในการก่อสร้างโบราณสถาน เพื่อ
วเิ คราะห์และประเมินเสถียรภาพโครงสร้าง รวมถึงนำไปเป็นข้อมลู เพื่อชว่ ยในการเลือกวัสดุซ่อมแซมท่ีมีสภาพ
ใกล้เคียงกับวัสดุโบราณได้ ทั้งนี้วัสดุโบราณมีสูตรต่าง ๆ ในการผสมที่มีความข้นเหลวต่างกัน ทำให้การคุม
คณุ สมบัตขิ องวัสดุเป็นไปได้ยาก คณะวิจยั จงึ ได้ทดลองผสมกับวสั ดุ เชน่ เถา้ แกลบ ซึง่ จะชว่ ยให้คงตัวได้เร็วขึ้น
โดยทย่ี ังมคี ุณสมบัตดิ า้ นรูพรุนไปแตกต่างจากวัสดุเดิม
P a g e | 42
3) การศึกษาแนวทางการหาทดสอบคุณสมบัติวัสดุโบราณในสภาพหน้างานจริง โดยใช้วิธีการตรวจ
สภาพแบบไม่ทำลายด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการปรับเทียบค่าที่เหมาะสม ผ่านการทดสอบทั้งจาก
หนา้ งานจริงและในห้องปฏบิ ตั ิการ
ในโอกาสนี้นักวิจัยได้สาธิตการใช้เครื่องมือเก็บภาพ 3 มิติ และชี้จุดปักหมุดบริเวณรอบพระปรางค์
ด้านนอกของวัดไชยวฒั นาราม เพื่อใชเ้ ปน็ พิกัดในการติดตั้งกล้องบันทึกภาพ พรอ้ มกับกลา่ วถึงการทำงานเพื่อ
ทดสอบวัสดุว่า มีทั้งแบบก้อนตัวอย่างจากวัสดุที่หลุดร่อน และใช้เครื่องมือประเมินกำลังของอิฐและปูนก่อ
รวมถึงการวัดค่าความชื้น การเปรียบเทียบตำแหน่งจากภาพถ่าย เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างเชิงลึก สร้างสมการ
การประเมินโครงสร้างอย่างง่าย รวมถึงความปลอดภัยและระยะเวลาในการบูรณะ ซึ่งนอกจากวัดไชยวัฒนา
รามแล้ว ยังได้ใช้เครื่องมือเลเซอร์สแกนเก็บภาพสัณฐานเดิมและส่งข้อมูลให้กรมศิลปากรในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย
เช่น โรงราชรถ พระที่นั่งอนันตสมาคม วัดถ้ำพระโพธิสัตว์ จังหวัดสระบุรี วัดอุโมงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการ
ทำงานร่วมกับกรมศิลปากรทำใหเ้ ขา้ ใจนยั ยะของการอนรุ ักษ์ท่มี ีมิติค่อนขา้ งสำคญั ทง้ั ในเรือ่ งการทำงานโดยใช้
องค์ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ และการให้ประชาชนมสี ว่ นร่วมในการอนุรักษ์
สำหรบั การสรา้ งแบบจำลอง 3 มติ จิ ากภาพถา่ ยดว้ ยโดรนนัน้ สามารถเกบ็ ขอ้ มลู ในจดุ ทค่ี นเข้าไม่ถึงได้
ทำให้แบบจำลองสามมิติมีความสมบูรณ์และมีความละเอียดมากขึ้น ภาพที่เก็บได้จะนำมาใช้ในการสร้าง
แบบจำลอง 3 มิติ ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาจากห้องปฏบิ ัติการ ซึ่งสามารถลบผูค้ นและตน้ ไม้ออกไปใหเ้ หลือแต่
โครงสร้างที่ต้องการ เพื่อทำให้แบบจำลองมีความถูกต้องและสมจรงิ มากข้ึน จากนั้นแบบจำลอง 3 มิตินี้จะถกู
นำมาใช้ในการศึกษาลักษณะรูปทรงของโบราณสถาน ซึ่งสามารถนำมาวิเคราะห์ความแข็ งแรงของ
โบราณสถานในการต้านแรงลม น้ำหนัก หรือแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากแผ่นดินไหว เพื่อตรวจสอบว่าจุดใดมี
ความเส่ยี ง หรอื หาคา่ ความเอยี งของเจดีย์ รวมถงึ ตรวจสอบรอยร้าวหรือความเสยี หายจากแบบจำลอง 3 มติ ไิ ด้
นอกจากนี้นักวจิ ัยยังประยุกต์ใช้การสำรวจธรณีฟิสกิ ส์เพ่ือสนับสนุนการบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถาน
และการขุดค้นทางโบราณคดี โดยใช้เครื่องมือธรณีเรดาร์ตรวจสอบโครงสร้างของโบราณสถานใต้พื้นดินและ
บริเวณโดยรอบที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของโบราณสถาน รวมถึงสำรวจพื้นที่ทั้งหมดในบริเวณรอบ
พระราชวังโบราณและอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เพื่อจัดทำฐานข้อมูลและแผนที่ทาง
ประวัติศาสตร์และซากโบราณสถานใต้ผิวดิน ในการสนับสนุนการขุดค้นศึกษาทางประวัติศาสตร์และ
โบราณสถานสถาน ตลอดจนใช้เป็นการวิจัยต้นแบบของการพัฒนาการใช้องค์ความรู้และเทคนิคสำรวจที่ชว่ ย
บูรณะโบราณสถานและการขุดค้นทางประวัติศาสตร์ เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานฟื้นฟูประวัติศาสตร์ของ
ประเทศ ซึ่งคณะวิจัยได้อาศัยการส่งสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและรับสัญญาณการสะท้อนกลับใต้พื้นดิน
ข้อดีของการสำรวจนีค้ ือ ไม่ทำลายโครงสร้างพื้นผิวของวตั ถุ ข้อมูลที่ได้มีความละเอียดสูง และสามารถสำรวจ
ได้ในระดบั ลกึ อกี ทัง้ ตรวจจับวัตถุ การเปลย่ี นแปลงไปของวัสดแุ ละการทรดุ ทีท่ ำให้เกดิ โพรงได้
P a g e | 43
นับได้ว่าผลงานวิจัยของ สกว. จากชุดโครงการ “อนุรักษ์โครงสร้างโบราณสถานตามหลักวิศวกรรม”
เป็นตัวอย่างของการต่อยอดใช้ประโยชน์ ในการบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถานอันเป็นมรดกโลกด้วยหลัก
วิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ของงานวิจัยอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับงานวิจัย “อโยธยาศรีรามเทพนคร
บวรทวารวดี” ที่รอคอยการตอ่ ยอดจากหนว่ ยงานที่เก่ียวข้องเพื่อขยายผลสูก่ ารท่องเทีย่ วอยา่ งยัง่ ยืน และหวงั
ว่าหากเราคนไทยทุกคนช่วยกันอนุรักษ์และบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมให้เกิดความสมบูรณ์ของโบราณสถาน
จะช่วยยงั ผลในด้านการทอ่ งเทีย่ วอยา่ งย่งั ยนื สบื ไป
• “หมอเมือง”...การแพทย์พนื้ บ้านล้านนา
การแพทย์พื้นบ้านล้านนา (Lanna Traditional Medicine) เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนล้านนามาตั้งแตส่ มัย
โบราณ มีลักษณะเฉพาะที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างความเชื่อดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับผีประเภทต่าง ๆ และ
ความเชื่อทางศาสนาเกี่ยวกับนรก สวรรค์ หรือบาปกรรมที่ปรับเปลี่ยนจนสอดคลอ้งกันอย่างเหมาะสม
กลายเป็นวัฒนธรรมที่มีส่วนช่วยควบคุมดูแลความเรียบร้อยของสังคม รวมทั้งการดูแลและรักษาสุขภาพท้ัง
ยามปกตแิ ละยามเจ็บไขไ้ ด้ปว่ ย
ในศตวรรษที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงด้านสังคม
เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และโครงสร้างต่าง ๆ เช่นเดียวกับภูมิปัญญาด้านการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชน
เมื่อกระแสของความเป็นเหตุผลหรือการอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ โดยใช้กลไกทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น
ประชาชนส่วนใหญ่มองวิธีการรักษาแบบดั้งเดมิ เป็นสิ่งที่งมงายไร้สาระ ไม่สามารถอธิบายได้ และมองข้ามภูมิ
ปัญญาเหล่าน้ี ปฏิเสธทจ่ี ะศึกษาคน้ คว้า ละเลยวถิ ีชีวติ เก่ยี วกบั การดแู ลรกั ษาสขุ ภาพท่ีมมี าแตด่ ั้งเดิม ละทิ้งภูมิ
ปัญญาด้านการแพทย์พื้นบ้านโดยไม่ได้พัฒนาคู่ขนานกับการแพทย์แผนตะวันตกดังเช่นประเทศจีน อินเดีย
ฯลฯ ทำใหไ้ ทยต้องพง่ึ พาองค์ความรแู้ ละเทคโนโลยีด้านการดูแลรกั ษาสุขภาพจากตา่ งประเทศเป็นหลัก
ยิ่งไปกว่านั้นพัฒนาการของระบบการควบคุมดูแลรักษาโรคทำให้การรักษาโดยวิธีการต่าง ๆ ของ
‘หมอเมือง’ กลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หากต้องการการรักษาอย่างถูกต้องตามกฎหมายหมอเมืองต้องเรียนรู้
ระบบการแพทย์แผนโบราณของส่วนกลาง เนื่องจากเป็นระบบการแพทย์แผนโบราณ (ตำราแพทยศาสตร์
สงเคราะห์) ที่เป็นองค์ความรู้สืบทอดจากราชสำนัก แต่หมอเมืองไม่คุ้นเคยจึงไม่สามารถสอบผ่านมาตรฐานท่ี
กำหนดได้ ทำให้การดูแลรักษาพยาบาลของหมอเมอื งไม่ได้รับการยอมรับและผูป้ ว่ ยไม่ได้รบั การคุ้มครอง
ปัจจบุ นั ยงั มีหมอเมืองจำนวนหน่ึงที่มีความรจู้ รงิ สืบทอดภูมิปญั ญาการดูแลรักษาสุขภาพจากบรรพชน
มีจรรยาบรรณที่ดีและมีประสบการณ์ในวิชาชีพเป็นอย่างมาก แต่เมื่อขาดการพัฒนาองค์ความรู้ของตนอย่าง
เป็นระบบ ทำให้หมอเมืองขาดโอกาสที่จะทำหน้าที่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับ
ข้อเท็จจริงว่าในวงการหมอเมืองเองมีผู้หวังผลเชิงธุรกิจ และขาดคุณสมบัติของหมอเมืองที่ดีปะปนอยู่ไม่น้อย
จนอาจก่อให้เกิดอนั ตรายและหาผลประโยชน์จากผ้มู ารับการรกั ษาได้
แม้ภาครัฐและองค์กรหรือสถาบันต่าง ๆ รวมทั้งภาคเอกชนจะเริ่มให้ความสนใจ พยายามฟื้นฟูและ
พัฒนาการแพทย์พื้นบ้านอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงจำกัดอยู่ในองค์ความรู้ของส่วนกลางโดยพยายามที่จะทำให้
เป็นระบบการแพทย์ของไทย หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า “การแพทย์แผนไทย” ในขณะที่แต่ละภูมิภาค
ต่างก็มีมรดกการแพทย์พื้นบ้านของตนที่แตกต่างกันไปตามระบบนิเวศและวัฒนธรรมของตน ซึ่งยังขาด
การศกึ ษา ฟ้นื ฟู และพฒั นา ให้เปน็ ระบบทช่ี ดั เจนเหมือนระบบการแพทย์แผนไทยจากสว่ นกลาง ทง้ั น้ใี นภาวะ
วิกฤตทางเศรษฐกิจและสังคมท่ีเกิดขึน้ ประเทศไทยต้องทบทวนปรัชญา ทิศทางและยุทธศาสตร์ในการพัฒนา
ประเทศให้ตั้งอยู่บนความเป็นจริงและศักยภาพของตนมากขึ้น การพึ่งพาตนเองด้านการดูแลรักษาสุขภาพใน
วิถีไทยเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมในการพัฒนาประเทศบนศักยภาพของท้องถิ่นที่ยั่งยืน เพราะประเทศไทย
P a g e | 44
ต้องสูญเสียเงินตราต่างประเทศเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี ทั้งที่ประเทศไทย
เป็นแหล่งสมุนไพรแหล่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก และมีภูมิปัญญาไทยในการดูแลรักษาสุขภาพสืบทอดมาแต่
บรรพชนเปน็ เวลานบั พันปี
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการแพทย์พื้นบ้าน สถาบันราชภัฏเชียงราย จึงร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับ
หมอเมืองทำการศึกษาวิจัย สังคายนา ตรวจสอบและพัฒนาภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านให้เป็นระบบเชิง
วิชาการที่มีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยทำงานในลักษณะเครือข่ายตามพันธกิจหลักของ
ศนู ยว์ จิ ยั และพัฒนาการแพทย์พน้ื บา้ น ได้แก่
1. สังเคราะห์องคค์ วามรู้และทฤษฎีการแพทยพ์ ื้นบ้านล้านนา (หมอเมือง) และการแพทย์ชนเผ่า เช่น
การแพทยช์ นเผ่าม้ง เม่ียน อาขา่ ลีซู ลาหู่ ปกาเกอะญอ ฯลฯ
2. วิจยั และพัฒนาสมนุ ไพร พชื ผกั อาหารพนื้ บ้าน เพือ่ เศรษฐกิจชมุ ชนและทางเลอื กสขุ ภาพ
3. ส่งเสริม สาธิต บริการสุขภาพแบบพน้ื บา้ น และเผยแพร่พนั ธุ์พชื ผักสมุนไพรพื้นบ้าน
4. ให้คำปรึกษาและบริการวิชาการ รวมทั้งข้อมูลข่าวสารด้านการแพทย์พื้นบ้านผ่านเอกสาร
อินเตอร์เนต็ หรือเวทีประชุมสมั มนา
5. ร่วมมอื กับเครอื ขา่ ยหมอพืน้ บา้ นพฒั นาหลกั สูตรและใหก้ ารศึกษาอบรมการแพทย์พนื้ บ้าน
โครงการสังคายนาองค์ความรูห้ มอเมืองเพือ่ การพัฒนาและตำราอ้างอิงของการแพทย์พืน้ บ้านล้านนา
จึงเป็นก้าวแรกของการพัฒนาองค์ความรู้ท้องถิ่นขึ้นไปสู่องค์ความรู้เชิงระบบทางวิชาการที่ตรวจสอบได้
กฎหมายยอมรบั และเรียนรหู้ รือสบื ทอดได้
ชาวล้านนามองสุขภาพอย่างเป็นองค์รวมและเชื่อว่าเหตุแห่งการเจ็บป่วยเกี่ยวข้องกับกรรม สุขภาพ
ไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะหมอหรือยาและโรงพยาบาล แต่ยังเป็นเรื่องของการดำเนินวิถีชีวิตให้เป็นสุข ทั้งในส่วน
ของบุคคลที่ประกอบด้วยร่างกายกับจิตวิญญาณ ส่วนครอบครัวและญาติมิตรที่ต้องพึ่งพาเกื้อกูลกัน และใน
ส่วนของสิ่งแวดล้อมที่กำหนดกฎเกณฑ์และเงือ่ นไขของวิถีการดำเนินชวี ิต รวมทั้งศักยภาพทางภูมิปัญญาและ
เทคโนโลยใี นการดูแลรักษาสุขภาพของสว่ นบุคคลและชมุ ชน ซึง่ แตกต่างกันไปตามบรบิ ทของสังคม วฒั นธรรม
และสิ่งแวดล้อมของแต่ละท้องถิ่น ดังนั้นการมีสุขภาพดีของแต่ละบุคคลย่อมผูกพันและเชื่อมโยงกับวิถีการ
ดำเนนิ ชีวิตในครอบครัว ชมุ ชน สงั คมและสิ่งแวดลอ้ มโดยรวมอยา่ งแยกออกจากกนั ไม่ได้ เป็นขีดความสามารถ
ที่มหัศจรรยย์ ่งิ ของชีวิตทเ่ี ป็นไปตามกรรมที่ตดิ ตัวมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพยี งแต่ต้องมีเง่ือนไขและปัจจัยการ
ดำรงชีวิตพ้ืนฐานที่เอือ้ อำนวย รวมทง้ั ปัจจัยทเี่ กื้อหนนุ ให้การดำเนินชีวติ เป็นไปอยา่ งราบร่นื
การมองสุขภาพในมิติทางวัฒนธรรมหรือในมิติของการดำเนนิ ชีวติ เป็นการมองจากมุมสุขภาพดีตลอด
ชว่ งชวี ิต ไม่ได้มองในเชิงเจ็บป่วยที่มักมองจากโรคหรือการบำบดั รักษาเป็นหลัก วถิ ีการดูแลรกั ษาสุขภาพมุ่งให้
เกิดความสมดุลของร่างกายและจิตใจเป็นหลัก หรือมุ่งรักษาคนมากกว่ามุ่งรักษาโรค ซึ่งเป็นมรดกทาง
วัฒนธรรมที่สั่งสมกลั่นกรองจากรุ่นบรรพชนสู่ลกู หลาน หลากหลายตามสภาพพื้นที่และเลื่อนไหลตามกระแส
ของวัฒนธรรม
การบำบัดรักษามักใช้หลักเสริมสร้างสิ่งขาด กำจัดส่วนเกิน ล้างออกสิ่งพิษ แก้ไขพยาธิ (อาการไม่
สบาย) และบำรุงเลือดลม ให้เกิดความสมดุลของคนกับธรรมชาติ ซึ่งอาจจะใช้อาหาร สมุนไพร หรือพิธีกรรม
เข้าแก้ไข โดยอาหารไม่เพียงใช้บรรเทาความหิว แต่ยังเป็นยาและสมุนไพรด้วย อาหารที่แสลงอาจกระตุ้นให้
เกิดโรคหรือการเจ็บป่วย จึงต้องงดเว้นอาหารบางจำพวกกับบางสภาวการณ์ของคนที่อยู่ในบางสถานะ ส่วน
สมุนไพรที่ใช้รักษาตามอาการนั้นมีทั้งสดและแห้ง ส่วนใหญ่อยู่ในรูปตำรับมากกว่าสมุนไพรเดี่ยว โดยใช้ใน
P a g e | 45
รูปแบบต่าง ๆ หากปวดเมื่อยและเจ็บป่วยทางกายอาจบำบัดรักษาโดยการนวด เพื่อคลายความเจ็บปวดของ
กล้ามเนอ้ื และคลายเสน้ ใหเ้ ลอื ดลมไหลเวยี น29
หมอเมืองเชื่อว่ารา่ งกายของสิง่ มชี ีวติ ประกอบดว้ ยธาตุ 5 อยา่ ง คือ
- ธาตดุ นิ เป็นส่วนทไ่ี ดร้ บั จากบดิ า หมายถงึ องคป์ ระกอบทเี่ ปน็ โครงสร้าง มีคุณสมบัตเิ ป็นของแข็ง คง
ตัว ทำใหท้ ัง้ ระบบคงรปู รา่ งอยู่ได้
- ธาตนุ ำ้ เปน็ สว่ นท่ไี ดร้ ับจากมารดา หมายถึง องคป์ ระกอบส่วนท่ีเปน็ ของเหลว มคี ณุ สมบตั ิซึมซาบได้
ทำให้ออ่ นตวั เป็นตวั กลางท่ที ำใหส้ ่ิงตา่ ง ๆ ไหลเวียนไป
- ธาตุลม หมายถงึ ส่ิงทท่ี ำให้เกกิ ดการไหลเวียนหรือเคล่อื นที่ของสงิ่ ทอ่ี ยใู่ นร่างกาย เช่น การไหลเวียน
ของเลือด และยังทำให้อวัยวะต่าง ๆ สามารถขับเคลื่อนหรือทำงานได้ โดยมีบทบาทสำคัญในการทำให้มนุษย์
สามารถดำรงอยไู่ ด้
- ธาตุไฟ หมายถึง ความอบอุ่นหรือความร้อนที่อยู่ในร่างกายระดับหนึ่ง ส่วนหนึ่งได้รับจากมารดา
ต่อมาเมื่อทารกกินอาหารได้กไ็ ด้จากอาหารด้วย เป็นธาตุท่ีเพิ่มเติมเข้าไปในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้เกิด
ความสมดลุ และทำงานได้ เพอ่ื ก่อให้เกดิ พลงั แห่งชวี ติ
- ธาตพุ ระเจ้า หรอื อากาศธาตุ หมายถึง ช่องวา่ งภายใน (กลวง) รา่ งกายของมนุษย์ที่เชื่อมต่อกับทวาร
ทั้งสิบ ประกอบด้วย หู 2 ตา 2 จมูก 2 ปาก 1 ทวารหนัก 1 ทวารเบา 1 สำหรับผู้หญิงเพิ่มช่องคลอดอีกหน่ึง
รวมเป็น 10 เน่อื งจากคำสอนทางพุทธศาสนากล่าวถึง “อานาปาณสุ ติ” ซ่ึงเป็นธรรมะท่ีพระพุทธเจ้าตรัสรู้โดย
สังเกตลมหายใจเขา้ ออกจนมีสตแิ ละก่อให้เกิดปญั ญา กอปรกับถ้าไมม่ ีช่องวา่ งเหล่าน้ีธาตุลมกจ็ ะไม่สามารถเข้า
สรู่ ่างกายได้ ดงั น้ันธาตุอากาศจึงถือเป็นส่งิ สงู สดุ ของความเปน็ มนุษย์หรอื การมชี ีวติ อย่หู รือมลี มหายใจ
สาเหตขุ องโรคมคี วามแตกต่างหลากหลายตามบรบิ ทและสภาพแวดลอ้ มประกอบ ไดแ้ ก่
1. มนุษย์ทำ เปน็ โรคทมี่ สี าเหตุความสัมพันธ์จากการกระทำของคนกบั คน
2. อมนุษย์ทำ เป็นโรคที่มีสาเหตุความสัมพันธ์จากการกระทำของอมนุษย์กับคน โดยรวมถึงสาเหตุที่
บุคคลอื่นใช้ให้อมนุษย์เป็นผู้กระทำด้วย
3. ธาตุภายใน เป็นโรคที่มีสาเหตุความสัมพันธ์จากการกระทำของธาตุที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์ ซึ่ง
อาจเป็นระหวา่ งธาตกุ บั ธาตุ หรือขวญั (จิต)กับธาตกุ ็ได้
4. สิ่งแวดล้อมภายนอก เป็นโรคที่มีสาเหตุความสัมพันธ์จากการกระทำของธรรมชาติหรือสิ่งเหนือ
ธรรมชาตทิ ่ีอยแู่ วดล้อม
5. วิบากกรรม เปน็ โรคที่มีสาเหตุความสัมพันธ์จากการกระทำของเคราะห์กรรมเดิมของตัวตนที่ส่ังสม
มาจากอดตี โดยหมอเมืองเช่อื ว่าถา้ เปน็ ดว้ ยเหตุนจ้ี ะไม่สามารถรักษาผู้ป่วยใหห้ ายขาดได้
วิธกี ารวินจิ ฉยั และโรคที่หมอเมอื งรูจ้ ัก
การอธิบายสาเหตุการเกิดโรคจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ความเป็นปราชญ์ชาวบ้านของหมอเมืองใน
การอธิบายวิธีการบ่งบอกหรือการวินิจฉัยโรคเบื้องต้น เพื่อนำไปสู่กระบวนการวิธีการป้องกันและดูแลรักษา
สุขภาพตามวถิ ขี องชาวล้านนา ซ่ึงสรปุ ไดด้ งั น้ี
1. ดูอาการ ลักษณะ สัมผัสจับต้อง ได้แก่ ดูลักษณะบาดแผล ตุ่ม ผื่น ฝี หนอง หรือความสมดุลของ
กล้ามเนื้อในร่างกายขณะที่เดินเข้ามารับการรักษา เช่น การเดินชึกชักอาจเกิดจากธาตุดินเสีย ดูสีผิว สีหน้า
ท่าทาง หรือความผิดปกติอืน่ ๆ และอาจใช้การสัมผสั จับต้อง ได้แก่ บีบเส้นตำแหน่งท่ีสงสัยวา่ เปน็ สาเหตุของ
29 รายงาน โครงการสงั คายนาองคค์ วามรู้ “หมอเมือง” เพอ่ื พัฒนาระบบและตำราอ้างอิงของการแพทยพ์ น้ื บ้านลา้ นนา. ศนู ยว์ ิจยั และพัฒนา
การแพทยพ์ ืน้ บา้ น สถาบันราชภฏั เชยี งราย. สำนกั งานกองทนุ สนบั สนุนการวิจยั โดยฝา่ ยงานวิจยั เพ่อื ท้องถิ่น.
P a g e | 46