ฉากทศั นท์ ี่ 1: The Avengers เศรษฐกจิ ทอ่ งเทย่ี วเชิงหลากหลายท่เี ด่นนาเฉพาะพนื้ ท่ี
ฉากทัศนน์ ี้ส่ือถึงภาพการท่องเที่ยวในระยะ 20 ปขี ้างหน้าทป่ี ระเทศไทยได้พฒั นาระบบท่องเที่ยวเพ่ือ
ตอบสนองจุดประสงค์การเดินทางที่หลากหลายระดับนานาชาติและระดับโลก ไม่จำกัดอยู่เพียงการท่องเที่ยว
เพ่ือเยย่ี มชมสถานท่แี ละการพักผ่อนจากชวี ติ ประจาวัน โดยเฉพาะการเดินทางเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ หา
ความรู้ ทักษะใหม่ รักษาสุขภาพและเสริมสร้างพลานามัย หรือเติมเต็มความต้องการของชีวิต ระบบการ
ท่องเที่ยวไทยในฉากทัศน์นี้มุ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนที่มุ่งค้นหาประสบการณ์เฉพาะตามที่ตนสนใจ
หรือต้องการเตมิ เตม็ ชีวิตด้วยประสบการณ์ใหม่ ๆ เดินทางเพื่อผจญภยั กิจกรรมและพื้นที่ทอ่ งเที่ยวในอนาคต
จึงพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อที่จะสามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้อย่างลึกซึ้งและตรงตามความ
ต้องการ
แต่ละกิจกรรมที่พัฒนาขึ้นมามีความโดดเด่นในระดับสากลที่เป็นจุดขายได้ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ
และนักท่องเที่ยวชาวไทย รูปแบบและองค์ประกอบของกิจกรรมที่หลากหลายนี้อาจมีกลิ่นอายของความเป็น
ท้องถน่ิ หรอื ความเป็นไทยแบบดั้งเดมิ อยู่บ้าง แต่ในภาพรวมแล้วมคี วามเปน็ นานาชาติและสากลสูง
ฉากทศั น์ที่ 2: บางระจนั เศรษฐกจิ ทอ่ งเทีย่ วเชิงหลากหลายระดับฐานรากในวงกว้าง
ในฉากทัศน์นี้ระบบการท่องเที่ยวไทยเป็นรูปแบบเศรษฐกิจท่องเที่ยวเชิงหลากหลายเช่นเดียวกับฉาก
ทัศน์ที่ 1 กล่าวคือ ธุรกิจการท่องเที่ยวจึงมีความหลากหลายทั้งในเชิงกิจกรรมและเชิงพื้นที่ อีกทั้งมีความ
เช่ือมโยงอยา่ งมากกับเศรษฐกจิ สาขาอื่น ขณะทีผ่ ลติ ภัณฑแ์ ละการบริการท่ีเกยี่ วเนื่องกบั การท่องเท่ียวไม่ได้พ่ึง
ตลาดเฉพาะลูกค้าท่เี ป็นนักท่องเที่ยวทเี่ ดินทางมาเยือนประเทศไทยเทา่ น้ัน แต่เป็นผลิตภณั ฑ์และการบริการท่ี
สามารถขายได้ผา่ นทางแพลตฟอรม์ ออนไลนแ์ ละพ้ืนท่ีเสมือนจรงิ ต่าง ๆ
เศรษฐกิจท่องเที่ยวเชิงหลากหลายมีฐานกว้างกว่าในฉากทัศน์แรก ทั้งในเชิงสาขาการผลิตและเชิง
พ้ืนที่ เนอ่ื งจากกจิ กรรมการทอ่ งเที่ยว รวมถึงการผลิตและการบริการสืบเนอ่ื งต่าง ๆ ไม่ได้กระจกุ ตัวอยู่ในพื้นท่ี
จังหวัดยอดนิยมเพียง 5 แห่ง แต่ครอบคลุมไปในวงกว้างอย่างน้อย 30 จังหวัดทั่วประเทศที่เป็นเมืองรองและ
เมืองเล็กที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว แม้กระทั่งจังหวัดอื่นก็ได้รับประโยชน์สืบเนื่องจากกิจกรรมท่ี
เชื่อมโยงเศรษฐกิจท่องเที่ยวกับการค้า การบริการ และการผลิตรูปแบบต่าง ๆ ภายในห่วงโซ่อุปทานท่ี
หลากหลาย ความหลากหลายของเศรษฐกจิ ทอ่ งเท่ียวในฉากทศั นน์ จ้ี ึงผูกโยงกบั ความเปน็ ท้องถิน่ ระดับฐานราก
มากกวา่ ฉากทศั น์แรก ผลิตภณั ฑแ์ ละการบริการเด่น ๆ มาจากหลากหลายพืน้ ท่ใี นประเทศไทย
ฉากทศั นท์ ่ี 3: ขนุ พนั ธ์ - เศรษฐกจิ ทอ่ งเท่ยี วเชงิ เดี่ยวระดับฐานราก
ฉากทัศน์นี้เป็นภาพการท่องเที่ยวในระยะ 20 ปีข้างหน้าที่มีระบบท่องเที่ยวของไทยได้พัฒนามากข้นึ
ในด้านผลิตภาพและประสิทธิภาพ แต่ยังคงเน้นธุรกจิ การทอ่ งเที่ยวที่เน้นการเยี่ยมชม ซื้อของและพักผ่อนเปน็
หลัก โดยกิจกรรมการท่องเที่ยวได้ขยายตัวไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศไทยมากขึ้น และไม่ได้จากัดอยู่เพียง
จังหวัดยอดนิยม 5 จังหวัดเหมือนในปัจจุบัน จังหวัดที่มีชายหาดและชายทะเลเกือบทั้งหมดได้รับการพัฒนา
ดา้ นโครงสร้างพื้นฐาน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับนักท่องเทีย่ วจำนวนมากท่ีมาจากประเทศจีน แม้ว่า
เมอื งหลักยงั คงได้รับความนยิ มอยเู่ ชน่ เดิม แตเ่ มอื งรองและเมืองอื่น ๆ ก็มีนักทอ่ งเทีย่ วเพ่ิมมากข้ึนอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะเมืองรองทีอ่ ยบู่ นเสน้ ทางรถไฟฟ้าความเรว็ สูงและเสน้ ทางถนนระหวา่ งประเทศจากจนี
ระบบการท่องเที่ยวมีการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานทุกอย่างของกิจกรรมการท่องเที่ยวอย่างครบวงจร
ตั้งแต่ที่พัก ร้านอาหาร ร้านของที่ระลกึ สถานบันเทงิ และกิจกรรมการท่องเที่ยวและนันทนาการ รูปแบบการ
ท่องเที่ยวจึงมีลักษณะที่เป็นมาตรฐานและมีรูปแบบการเดินทางที่ชัดเจน แพลตฟอร์มออนไลน์ด้านการ
ท่องเทีย่ วยิ่งทำใหข้ ้อมูลเกีย่ วกับมาตรฐานของสถานบริการและส่ิงอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ย่ิงปรากฏชัดเจน
มากขึ้น นอกจากนี้การท่องเที่ยวระดับชุมชนได้รับการพัฒนาให้ได้มาตรฐานและกระจายไปท่ัวประเทศและ
P a g e | 197
ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในการท่องเที่ยวด้วยรถยนต์ของคนไทย รวมถึงคนจีนที่ขับรถยนต์ลงมา
เที่ยวประเทศไทยมากขึ้น จากการที่ระบบถนนที่เชื่อมต่อตอนใต้ของประเทศจีนมายังลาว เมียนมา และ
ประเทศไทยได้พัฒนาอย่างเต็มที่ แหล่งท่องเที่ยวในหลายพื้นที่นอกเมืองหลักจึงได้รับการพัฒนาให้น่าสนใจ
และมคี ณุ ภาพมากยิ่งขึน้
ฉากทัศน์ที่ 4: John Wick เศรษฐกจิ ท่องเท่ยี วเชงิ เด่ียวทเี่ ดน่ นาระดบั สากลเฉพาะบางพืน้ ที่
ฉากทัศน์นี้เป็นภาพอนาคตของการท่องเที่ยวไทยที่ต่อยอดจากภาพปัจจุบัน เมื่อการท่องเที่ยวยังคง
เป็นที่พึ่งหลักในด้านรายได้และการจ้างงานของเศรษฐกิจไทย โดยกิจกรรมการท่องเที่ยวยังคงเน้นผลิตภัณฑ์
และการบริการทเ่ี น้นการเยย่ี มเยือนสถานท่จี ริง แม้วา่ แนวโน้มของการทอ่ งเที่ยวเชงิ ประสบการณ์และความแท้
ของกิจกรรมจะเกิดขึ้นก็ตาม แต่ท้ายที่สุดกิจกรรมหลักของการท่องเที่ยวก็คือ การเยี่ยมชมสถานที่ที่น่าสนใจ
และตื่นตาตื่นใจ การพักผ่อน การกินดื่มและนันทนาการ ในภาพอนาคตการท่องเที่ยวไทยยังคงมุ่งเน้น
ผลติ ภณั ฑ์การทอ่ งเทยี่ วท่ีใหค้ วามสำคัญกบั กิจกรรมแนวนเี้ ชน่ เดิม
ภาพการทอ่ งเทีย่ วในระยะ 20 ปีขา้ งหนา้ ท่ไี ด้มีการพฒั นาเพอื่ ตอบสนองดา้ นจดุ ประสงค์การท่องเท่ียว
เพื่อเยี่ยมชม ซื้อของและพักผ่อนอย่างเฉพาะเจาะจง โดยเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานทุกอย่างของกิจกรรมการ
ทอ่ งเทยี่ วอย่างครบวงจร ตงั้ แต่ทพ่ี ัก รา้ นอาหาร ร้านของทีร่ ะลึก สถานบันเทิง และกิจกรรมการท่องเท่ียวและ
นันทนาการ มีโครงสร้างค่อนข้างชัดเจนจากกรอบกิจกรรมในห่วงโซ่การท่องเที่ยว ค่อนข้างมีมาตรฐานระดับ
สากล และผลติ ภณั ฑท์ ่องเทย่ี วท่ีนำเสนอกเ็ นน้ ความเปน็ สากลมากกว่าการขายอัตลักษณ์ท้องถิ่นเปน็ หลัก
การท่องเที่ยวในฉากทัศน์นเ้ี นน้ ความประหยดั จากขนาดเป็นหลัก เทคโนโลยีหลายอยา่ งชว่ ยให้บริการ
ท่องเที่ยวมีประสิทธิภาพและผลิตภาพที่สูงขึ้น เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทำให้
นักท่องเที่ยวสามารถจัดการการเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และถูกลง พร้อมกันนี้ผู้ประกอบการก็สามารถ
ให้บริการลูกคา้ ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพมากยง่ิ ข้นึ เช่นกัน
โจทย์การวจิ ยั และพัฒนาทอ่ งเทีย่ วเชงิ ระบบ
โจทย์วิจัยควรจะต้องล้อตามยุทธศาสตร์และเสนอให้มีการศึกษาวิจัยเรื่องพื้นที่ (เมืองท่องเที่ยวที่มี
ศักยภาพ) กลุ่มการศึกษา ตลาด อุตสาหกรรม นโยบายสาธารณะ โดยมีระยะเวลาทั้งเร่งด่วน ระยะปานกลาง
และต่ำ ตัวอย่างประเด็นที่น่าสนใจ เช่น ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทั้งนี้การวิจัยจะต้อง 1.
เลือกโจทย์ใหญ่ (นโยบายสาธารณะ/สหวิทยาการ) ที่ท้าทายสำหรับวิจัยเชิงบูรณาการ 2. วางแผนอนาคตใน
พ้ืนทจี่ รงิ รว่ มกบั องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น เช่น ระเบยี งเศรษฐกจิ พิเศษภาคตะวนั ออก สมทุ รปราการ เลย 3.
เปิดกว้างให้มกี ารประมลู แบบแขง่ ขนั ใหร้ างวลั ผูช้ นะ จดั ตงั้ สตารท์ อพั มคี ณะกรรมการคดั เลือก และสนับสนุน
ภาคเอกชน 4. ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Design Thinking, เทคโนโลยีเสมือนจริง 5. สนับสนุนการมี Data
Lake (บิ๊กดาต้า เช่น ไฟฟ้า น้ำ ประปา) 6. เติมเต็มช่องว่างด้านอุตสาหกรรมและผลิตภาพแรงงาน และ
แรงงานตา่ งชาติ ซึ่งทงั้ หมดนจี้ ะต้องทำให้ใหญข่ ึ้นและเปน็ สหวทิ ยาการมากข้ึน
P a g e | 198
• อนาคตฐานบุคลักษณ์ของนกั ท่องเทยี่ ว กอ่ น ระหว่าง และหลงั โควดิ -19 ระบาด
“บุคลักษณ์” (Persona) หมายถึง ภาพตัวแทนของกลุ่มบุคคลในภาพรวม เพื่อสรุปข้อมูลและช้ี
ข้อมูลบุคคลทส่ี ำคัญ อันเปน็ ขอ้ มูลเกีย่ วข้องกบั การตลาด ผู้ใช้งาน รวมถงึ ผู้มสี ่วนได้สว่ นเสยี หรอื ผู้เกีย่ วขอ้ งกับ
โครงการ หรือการดำเนินการ ซึง่ สรา้ งขึน้ ในลกั ษณะของการสร้างตวั ละครทสี่ ะท้อนเงอ่ื นไขทางกายภาพ สังคม
เศรษฐกิจ และการคิด การตัดสินใจ โดยวิเคราะห์ประสบการณ์ผู้ใช้งาน (Tourist Journey) ใช้ในงาน
การตลาด และงานออกแบบการบริการ (Service Design) จนถึงการออกแบบเมืองท่องเที่ยว (City as
Services)
โครงร่างบุคลักษณ์นักท่องเที่ยว ประกอบด้วย พฤติกรรมของนักท่องเที่ยว ประสบการณ์ คุณค่าท่ี
คาดหวัง คุณค่าต่อสินทรัพย์ท้องถิ่น ข้อห่วงกังวล ปัจจัยอ่อนไหว และผู้ช่วยเหลือ-ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญ
ซึ่งจากการศึกษาก่อนหน้าพบว่านักท่องเที่ยวตลาดที่น่าจับตามอง ประกอบด้วย ตลาดจีน อินเดีย เกาหลีใต้
และสหรัฐอเมริกา โดยสามารถนำข้อมูลที่ได้จากผลของโครงการในปี 2562 มาแสดงเป็น Customer’s
Journey เพ่ือให้เหน็ สาระท่ีน่าสนใจของการเดนิ ทางมาเยือนประเทศไทย67
67 เอกสาร อนาคตฐานบุคลักษณ์ของนกั ทอ่ งเท่ียว กอ่ น ระหว่าง และหลงั โควดิ -19 ระบาด. ผศ.คมกริช ธนะแพทย์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .
หนว่ ยบรหิ ารและจดั การทุนดา้ นการเพม่ิ ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ.
P a g e | 199
การพัฒนารปู แบบการทอ่ งเทยี่ วของประเทศไทยในปัจจบุ ัน และสถานการณ์การท่องเท่ียวชว่ งการเกดิ โรคระบาดโควิด-19
ประเด็นการพฒั นาร่วมของอปุ สงค์และอุปทาน
ด้านคน
อุปสงค์ นักท่องเที่ยวที่มีปริมาณมาก สร้างบรรยากาศแห่งความแออัดระหว่างการท่องเที่ยว ผู้มี
อิทธิพลทางโซเชียลมเี ดียเริม่ มีบทบาทน้อยลง เพื่อนร่วมเดินทางหาเวลาในการมาร่วมเดินทางท่องเที่ยวพร้อม
กนั ได้ยาก
อปุ ทาน การสร้างความเช่ือม่ันสำหรับนกั ทอ่ งเท่ยี วทีไ่ มม่ ีความชดั เจน
ดา้ นสังคม
เป็นด้านที่สำคัญเสมอ ได้แก่ เดินทางโดยยานพาหนะส่วนตัว ระยะห่างทางกายภาพระหว่างผู้
ให้บริการและผู้รับบริการ ท่องเที่ยวในสถานที่ใกล้ตัวใช้ระยะเวลาสั้น ท่องเที่ยวเป็นกลุ่มเล็กที่รู้จักและไว้ใจ
ความตระหนักรู้ถึงการมีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างเท่าเทียมกัน ความรสู้ ึกการเป็นพลเมืองของโลก ความเท่า
เทียมกันทางเพศ วัย และเชื้อชาติ สังคมผู้สูงอายุและความมีอายุยืนยาวของประชากร การเรียนรู้ตลอดชีวิต
และให้คุณค่ากับการเรียนรู้แบบรู้ลึกและรู้กว้างไปพร้อมกัน (มีความแตกต่างระหว่างนักท่องเที่ยวในและ
ต่างประเทศ) การยอมรับว่าการทอ่ งเที่ยวเป็นส่งิ จำเป็นไม่ใช่ความฟุ่มเฟือย
ดา้ นเทคโนโลยี
กลายเป็นสิ่งที่คาดเดาง่ายที่สุด ได้แก่ การบริการและประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบไร้การสัมผัส
เทคโนโลยีความจริงเสมือนและการสื่อสารทางไกลเสมือนจริง เทคโนโลยีที่ช่วยการทำงานทางไกล อาทิ การ
ประชุมทางไกล เทคโนโลยีช่วยในการสื่อสารภาษานานาชาติ เข้าถึงฐานข้อมูลการท่องเที่ยวที่ถูกจัดทำอย่าง
เป็นระบบ ความสนใจท่องเที่ยวที่เฉพาะเจาะจงและลึกซึ้งมากขึ้น (อิทธิพลจาก Influencer/blogger) การ
แบ่งปันข้อมูลการท่องเทีย่ ว การรวบรวมและประมวลข้อมูลการท่องเท่ียวเป็นองค์รวมด้วยภมู ิปัญญาประดิษฐ์
ความเร็วและความทวั่ ถงึ ของอนิ เตอรเ์ นต็ เทคโนโลยชี ะลอวยั และการแพทยท์ างเลอื ก
P a g e | 200
ด้านนโยบายตา่ งประเทศ
เป็นตวั แปรสำคัญ ประกอบดว้ ย มาตรการตรวจสขุ ภาพก่อนการตรวจลงตราเข้าประเทศ การตรวจลง
ตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวให้มีประเภทย่อยที่สามารถทำงานบางประเภท อาทิ ผู้ทำงานทางไกล หรือผู้ที่เข้า
มาฝึกอาชีพ การตรวจลงตราสำหรับคนต่างแดนที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยให้ความ
สะดวกกับการเข้าประเทศเป็นครอบครัวหรือกลุ่มทางสังคม กระบวนการตรวจลงตราโดยปราศจากเงื่อนไข
ทางเศรษฐกิจการเมืองและการเหยียดเชื้อชาติ การส่งเสริมกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวใหม่
เพิ่มขึ้น อัตราการฉีดวัคซีนและความสามารถควบคุมการระบาดของโรค ความสามารถจัดการภัยพิบัติโดย
ภาครัฐ ความสามารถในการจัดการปัญหาอาชญากรรม การเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว และความเป็น
ธรรมในการดำเนินคดีที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้อง กฎหมายที่เกื้อหนุนกับการลงทุนของ
ชาวต่างชาติในธรุ กจิ เพื่อสังคม กฎหมายท่เี ออื้ ใหเ้ กิดการลงทุนของชาวตา่ งชาตใิ นตลาดอสงั หารมิ ทรัพย์
การเปลยี่ นแปลงของบุคลักษณน์ กั ท่องเทย่ี วแตล่ ะกลุ่ม
1) ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารทีก่ ้าวหนา้ และรูปแบบของการทำงานและการจ้างงานที่เปล่ียนไป The
Time Spender จะเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูง มีมิติการเปลี่ยนแปลงได้หลายรูปแบบ The Relationship
Builder มีความสำคัญกับประเทศไทยในฐานะกลุ่มท่องเเที่ยวหลักที่จะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา
ท่องเที่ยวจากหลากหลายภูมิภาคของโลก แต่สิ่งที่ต้องเตรียมตัวรองรับหรือทำความเข้าใจทั้งในเชิงสังคมและ
การปกครอง คอื ในอนาคตจะมกี ารเพม่ิ ขึ้นของครอบครวั ทไี่ ม่ใช่ญาตสิ งู ขนึ้
2) The Optimizer คือ กลมุ่ บุคลักษณ์ทม่ี แี นวโนม้ การเปลย่ี นเปน็ กลุ่มอน่ื มากท่สี ดุ ทัง้ อย่างถาวรหรือ
ชัว่ คราว ตามเง่อื นไขของความคุ้มค่าในเรอ่ื งของเวลาและวถิ ชี ีวิตท่ีจะเปลย่ี นไป
3) กลุ่มที่น่าจะหดตัวหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมากสุด คือ The Outing Joiner เนื่องจากการ
ทำงานท่บี า้ นและการลดวนั ทำงาน รวมถึงการทำอาชีพอิสระ จะเป็นกระแสหลกั ของวิถีชีวติ ในอนาคต
4) กลุ่ม The In-depth escaper มีแนวโน้มที่จะหลีกหนีจากประเทศไทยเนื่องจากส่วนต่าง ๆ ของ
พื้นที่ในประเทศไม่มีพื้นท่ีไหนหลีกหนีอิทธิพลความเปน็ เมอื งและการพัฒนาได้ Old Escaper จะผันตัวไปเป็น
The Catalyst ในพน้ื ที่ หรอื ทำงานอาสาอย่าง The Volunteer Traveler แทน
5) The Thai Toucher และ The Pamperer คือ 2 กลุ่มบุคลักษณ์ที่ถูกปลดล็อกหรือถูกทำให้มี
ศักยภาพมากขึ้น จากข้อมูลการท่องเที่ยวและการเดินทางในประเทศมีความเป็นสากลมากขึ้น ทั้งเนื้อหาที่
P a g e | 201
ถูกต้องแม่นยำและทันสมัย เข้าถึงได้ง่าย มีให้เลือก และมีกลไกการตรวจสอบอยู่เสมอ จากการใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศอย่างทั่วถึงจากพื้นฐานของงานบริการที่เป็นอยู่ โอกาสการเติบโตของ The Pamperer มีมากกว่า
The Thai Toucher ในเชิงการยกระดับการให้บริการ และการลดข้อห่วงกังวล เนื่องจากบริการที่จะให้กับ
The Pamperer มพี นื้ ฐานมาจากความนา่ เช่อื ถือของขอ้ มลู และการให้บรกิ าร
6) The Catalyst เป็นบุคลักษณ์ปลายทางของบุคลักษณ์หลายกลุ่ม โดยมีความสำคัญของการเป็น
ตัวชี้วัดว่าประเทศไทยเป็นพื้นที่ดึงดูดการอยู่อาศัย และมีเศรษฐกิจฐานความรู้มากขนาดไหน เพราะโดย
พ้นื ฐานของ The Catalyst เปน็ นักท่องเท่ียวทใี่ ช้ชีวติ อยู่ในพื้นทห่ี น่ึงนานพอท่ีจะเห็นโอกาสของการเข้าไปเป็น
พลเมอื ง และเปน็ สว่ นหน่งึ ของกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ในท้องถนิ่
ทั้งนี้ การพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนเชียงใหม่ต้องการ
รักษาสมดุลระหว่างการทอ่ งเที่ยวและสนิ ทรัพย์ภายในท้องถิ่นไว้ให้ได้ เชียงใหม่จึงต้องสรา้ งสมดุลระหว่างการ
ท่องเที่ยภายในเมืองและนอกเมือง รวมถึงต้องหาทางผสานวัฒนธรรมท้องถิ่นกับเทคโนโลยีใหม่ ต้องพัฒนา
พ้ืนท่ี ท้องถนิ่ ใหเ้ ป็นสถานทท่ี ่องเทยี่ วย่อยแบบเชงิ ลึกไปพร้อมกบั การทำเมอื งใหร้ องรับการทำงานระยะไกล
สว่ นการฟน้ื ฟเู มืองภเู ก็ตในฐานเมอื งท่องเที่ยวท่ีมีความโดดเด่นด้านทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม
ท้องถน่ิ ทห่ี ลากหลาย ต้องเริม่ ตน้ จากการสร้างความหลากหลายทางกิจกรรมทางเศรษฐกจิ ให้เป็นระบบนิเวศท่ี
ไมไ่ ดพ้ ง่ึ การท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ควรพัฒนาโครงสรา้ งพื้นฐานทสี่ ่งเสริมการใชร้ ะบบมวลชน การจัดหาน้ำ
กิน นำ้ ใช้ และน้ำสำรอง รวมถึงยกระดับการแพทย์และการดูแลสุขภาวะแบบครบวงจรท้งั คน สง่ิ แวดล้อมเมือง
และสิ่งแวดล้อมทางทะเลเป็นองค์รวม (One Health) โดยคำนึงถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวและการ
จัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมือง การควบคุมมลพิษและภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ควรมีอำนาจของการบริหารตนเองในภาพรวม และขับเคลื่อนเกาะด้วยข้อมูลและเศรษฐกิจ
ฐานความร้จู ากฐานการท่องเทย่ี วเดิมเพ่ือดึงดูดประชากรใหม่ เพือ่ เป็นฐาน City Fan Club และดงึ ดูดพลเมือง
ชว่ั คราวทมี่ ีคุณภาพในฐานะผู้ประกอบการ
ขณะที่การพัฒนาการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานครอยู่บนพื้นฐานของมหานครที่ดี รองรับประชากร
จำนวนมากและหลากหลายกลุ่ม รวมถึงการพัฒนาพ้นื ท่ี การพัฒนาศูนย์รวมบริการชน้ั นำและมีมาตรฐาน เช่น
การแพทย์ อาหาร การพัฒนาเส้นทางการทอ่ งเท่ียวแบบประหยดั เวลา การยกระดบั การท่องเท่ียว และสง่ เสริม
กลมุ่ การทอ่ งเที่ยวทีม่ ีรายจ่ายต่อหวั สูงเพื่อเพิ่มรายได้ และลดภาระทางการบรโิ ภคของประชากรทเี่ พิ่มขน้ึ ด้วย
ความเป็นมหานครควรมีการบ่มเพาะและนำเสนอบริการที่สร้างประสบการณ์แปลกใหม่และมีความคุ้มค่า
รวมถึงสรา้ งโอกาสในการคน้ หาประสบการณก์ ารสร้างอาชพี และธรุ กิจ
• ผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อภาคเศรษฐกจิ และการทอ่ งเที่ยวไทย
โรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ถือเป็นโรคระบาดใหญ่ ซึ่งทำให้อัตราการปว่ ยและเสียชวี ติ
เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยปัจจุบันตัวเลขผูต้ ิดเชื้อและผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเรว็ หลายประเทศ มี
จำนวนผู้ติดเชื้อเกินกว่าที่ระบบบริการสาธารณสุขจะรองรับไหว และยังคงประสบกับความท้าทายในการ
พยายามควบคุมไมใ่ ห้เกดิ ผู้ติดเช้อื รายใหม่เพิ่มมากข้นึ
นอกจากผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวเป็นสาขาที่มีการจ้างงาน
เข้มข้น และเป็นการจ้างงานในตำแหน่งงาน/ทักษะที่หลากหลาย เป็นกลุ่มแรงงานที่มีความไม่มั่นคงสูง
โครงการศึกษานี้จึงเน้นถึงการศึกษาผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจเชิงมหภาคและเศรษฐกิจการ
ท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยผลกระทบในเชิงมหภาคพบว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้สวัสดิการ
สงั คมลดลง GDP ลดลง อัตราเงินเฟ้อลดลง ดลุ การคา้ ลดลง กิจกรรมทางเศรษฐกจิ อืน่ ๆ ลดลง ทัง้ การส่งออก
P a g e | 202
การนาเข้า การบริโภค ยกเว้นอัตราการค้าและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น การลงทุนที่เพิ่มขึ้นเกิดจากเงินทุนไหลเข้า
จากประเทศอื่น โดยเฉพาะประเทศที่มีการหดตัวทางเศรษฐกิจสูงกว่า ส่งผลให้ผลตอบแทนการลงทุนใน
ประเทศเหล่านั้นลดลง ขณะท่ีผลกระทบรายสาขาโดยพิจารณาจากปริมาณผลผลิตของสาขาการผลิตนั้น ๆ
ล้วนเป็นสาขาที่เก่ียวข้องกับภาคการท่องเที่ยวทั้งสิ้น ได้แก่ 1) โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร และกิจกรรมบริการ
2) กจิ กรรมนนั ทนาการ และบรกิ ารอื่น ๆ 3) การขนส่งทางอากาศ 4) การคา้ และ 5) เครอื่ งด่ืมและผลิตภัณฑ์
ยาสูบ ซึ่งเกิดจากอุปสงค์การท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศลดลง เนื่องจากสาขาเหล่านี้เป็นกิจกรรมที่
เกยี่ วขอ้ งกบั การท่องเท่ยี วโดยตรง
สำหรับแรงงานที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่ทำงานในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างน้อย
กว่า 5 คน ซึ่งคาดว่าแรงงานในกลุ่มนี้จะว่างงานประมาณ 5.17 แสนคน และมีรายได้ลดลงประมาณร้อยละ
13.94 ขณะที่แรงงานที่อยู่ในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานที่อยูใ่ นสถานประกอบการท่ีมลี ูกจ้างมากกวา่ 200 คน ได้รับผลกระทบจากการจ้าง
งานทลี่ ดลงและค่าจา้ งทล่ี ดลงต่ำกวา่ แรงงานท่ีอย่ใู นสถานประกอบการที่มีลูกจ้างต่ำกวา่ 5 คน เกือบถงึ 2 เท่า
จึงควรการดำเนนิ มาตรการการชว่ ยเหลือในระยะสั้น โดยเฉพาะกบั แรงงานในสาขาทีเ่ ก่ียวข้องกบั การท่องเท่ียว
การโรงแรม การขนส่ง และการค้าส่งค้าปลีก โดยเน้นไปที่แรงงานนอกระบบหรือมีการจ้างงานชั่วคราวใน
วสิ าหกจิ ขนาดเล็ก68
68 รายงานโครงการศกึ ษาผลกระทบจากไวรสั โควดิ -19 ตอ่ ภาคเศรษฐกิจและการทอ่ งเท่ยี วไทย. ศ. ดร.พิรยิ ะ ผลพิรฬุ ห์ สถาบันบัณฑติ พัฒนา
บริหารศาสตร์ และคณะ. หนว่ ยงานบรหิ ารและจัดการทนุ ดา้ นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศ.
P a g e | 203
ทมี่ า: World Bank (2020)
แรงจงู ใจของการท่องเท่ียวหลังยุคหลังโควดิ -19
แรงจูงใจในการท่องเที่ยวหลังจากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ของคนในประเทศ จากการสอบถาม
กลุ่มตวั อย่าง 2,000 ราย ถงึ แรงผลักดนั ท่จี ะนำไปสูร่ ปู แบบการท่องเที่ยวที่อาจเปลย่ี นแปลงได้แก่ 1) เรื่องราว
ที่ลึกซึ้ง 2) นโยบาย 3) ความสะดวกของแหล่งท่องเที่ยว 4) อาหารและกิจกรรมท้องถิ่น 5) เรื่องราวที่เป็น
กระแสนิยม 6) กีฬาและเทศกาล 7) ความสวยงามและปลอดภัย และ 8) ความเป็นส่วนตัว โดยงานศึกษาได้
จำแนกประเภทของนักทอ่ งเทีย่ วออกเปน็ 8 กลมุ่ ได้แก่
กลุม่ ท่ี 1 Relax Oriented Travelers ให้ความสำคญั กบั นโยบาย SHA ความสวยงามและปลอดภัย
ของสถานท่ี การไดท้ านอาหารและทากิจกรรมท้องถ่ิน และความเปน็ ส่วนตัว ในระดับปานกลาง
กลุ่มที่ 2 Faith Seekers ให้ความสำคัญในทุกปัจจัยในระดับปานกลางขึ้นไป แต่ที่ให้ความสำคัญใน
ระดบั สงู ไดแ้ ก่ การใสใ่ จกบั นโยบาย SHA ความเปน็ สว่ นตัว การไดท้ านอาหารและทำกจิ กรรมท้องถ่ิน สถานท่ี
สวยงามและปลอดภัย ความสะดวกและน่าสนใจของสถานที่ การสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การพัฒนาตัวเอง และ
การสรา้ งความสมั พนั ธ์ด้วยประสบการณใ์ หม่ ๆ
กลุ่มที่ 3 Relationship Enhancers ให้ความสำคัญกับปัจจัยการท่องเที่ยวทุกด้านในระดับปาน
กลางค่อนไปทางตำ่ แต่ปัจจยั ท่ีให้ความสำคญั สงู สุด 3 อันดบั แรก คือ การสร้างความสัมพันธด์ ว้ ยประสบการณ์
ใหม่ ความสวยงามและปลอดภัยของสถานท่ี และนโยบาย SHA
กลุ่มท่ี 4 Popular Destination Seekers ให้ความสำคัญในปจั จยั ทห่ี ลากหลาย แตไ่ ม่มากเท่ากลุ่ม
ท่ี 5 และกลุ่มท่ี 6 แต่ปัจจยั ทใี่ หค้ วามสำคัญจะมรี ะดับคา่ คะแนนทส่ี ูงกวา่ โดยกลุ่มนม้ี ีความสลับซับซ้อนในการ
ท่องเที่ยวระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวแบบผจญภัยมากนัก ส่วนการให้ความสาคัญใน
P a g e | 204
ระดับปานกลาง ได้แก่ มีประสบการณ์กับท้องถิ่น กิจกรรมการท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับด้านกีฬาประเภทต่าง ๆ
และเรือ่ งราวเชิงลึกของแหล่งทอ่ งเทย่ี ว
กลุ่มที่ 5 Local & Regional Seekers มคี า่ เฉลย่ี ของแรงจงู ใจในการทอ่ งเท่ียวสูงในทุกองค์ประกอบ
แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีความซับซ้อนในการตัดสินใจท่องเที่ยวสูง ให้ความส ำคัญในปัจจัยท่ี
หลากหลาย
กลุ่มที่ 6 Intellectual Travelers ให้ความสำคัญในปัจจยั ท่ีหลากหลายใกล้เคยี งกับกลุ่มที่ 5 แต่ไม่
สนใจกิจกรรมการท่องเท่ียวท่เี ก่ียวกบั ด้านกีฬาประเภทต่าง ๆ ให้ความสำคัญกบั ความเป็นส่วนตวั ไม่มากนัก ใส่
ใจในเร่ืองของนโยบาย SHA และการทานอาหารในระดบั ปานกลาง
กลุ่มที่ 7 Family Travelers ให้ความสำคัญกับปจั จัยด้านความสวยงามและปลอดภยั และการสร้าง
ความสัมพันธ์ด้วยประสบการณ์ใหม่ที่ให้ความสำคัญในระดับสูง ส่วนปัจจัยอ่ืน ๆ ให้ความสาคัญในระดับต่ำ
เกอื บทุกด้าน
กลุ่มที่ 8 Retreaters ให้ความสำคัญอย่างสูงกับนโยบาย SHA สถานที่สวยงามและปลอดภัย การ
สกั การะสิ่งศกั ดิ์สิทธ์ิ และ Refresh นอกจากน้ยี ังใหค้ วามสาคัญระดบั ปานกลางกับการหลีกหนจี ากส่ิงแวดล้อม
เดิม และการสรา้ งความสัมพันธ์ด้วยประสบการณใ์ หม่
ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มจำแนก 6 กลุ่มจาก 8 กลุ่ม (ยกเว้นกลุ่มที่ 3 และกลุ่มที่ 7) ล้วนตระหนักถึง
ความสาคัญของมาตรการ SHA ในการตัดสินใจเลือกแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักท่องเที่ยว
ศักยภาพท่ีมีความถใ่ี นการท่องเท่ยี วและกาลงั ซ้ือสงู ด้วยเหตุนรี้ ูปแบบของการจดั การแหลง่ ท่องเทย่ี วในอนาคต
จึงจำเปน็ ต้องพจิ ารณาเร่ืองสขุ อนามยั เหล่าน้ี รวมถึงการกำหนดปรมิ าณนกั ท่องเท่ยี วที่เหมาะสม การออกแบบ
การบริการตามมาตรฐาน EHA ผลการศึกษาพบว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังคงตระหนักถึงความสำคัญของ
แหล่งท่องเที่ยวท่ีกำหนดมาตรการ EHA ที่รัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวศักยภาพเข้ามาในแหล่ง
ทอ่ งเท่ียว โดยพบว่ากลมุ่ ที่ 1-3 มีอตั ราการเขา้ ร่วมโครงการสนับสนุนของภาครฐั สูงกวา่ กลุ่มอื่น ๆ และมีระดับ
การท่องเที่ยวในระดับปานกลาง ในขณะที่กลุ่มที่ 4-7 มีแนวโน้มการท่องเที่ยวสูง แต่มีสัดส่วนการเข้าร่วม
โครงการสนับสนุนของภาครัฐต่ำ ส่วนกลุ่มที่ 8 มีอัตราการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนของภาครัฐต่ำ และมี
ระดับการทอ่ งเทย่ี วในระดับต่ำ
อย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวเหล่านี้มีแรงจูงใจและพฤติกรรมในการท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน ซ่ึง
ผู้ประกอบการและหน่วยงานที่สนับสนุนการท่องเที่ยวจำเป็นต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้ เพื่อนำเสนอรูปแบบแหล่ง
ท่องเที่ยว การออกแบบผลิตภัณฑ์และการบริการด้านท่องเที่ยว รวมถึงเนื้อหาการสื่อสารประชาสัมพันธ์ท่ี
เหมาะสมสำหรบั แต่ละกลมุ่ โดยเฉพาะกลุ่มที่มกี ำลังซอื้ สงู เช่น
กลุ่มที่ 4 Popular Destination Seekers ที่ท่องเที่ยวในแหล่งทอ่ งเที่ยวทีเ่ ป็นที่นยิ มและเป็นกระแส
ในปัจจุบัน โดยไม่ได้ใส่ใจเรื่องราวเชิงลึกของแหล่งท่องเที่ยวมากนัก กลุ่มนี้ยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มเติมเพื่อเข้า
ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของแหล่งท่องเที่ยว แต่กิจกรรมเหล่านั้นต้องตอบโจทย์พวกเขาที่สนใจกระแสและความ
นยิ ม เช่น กิจกรรมทอ่ งเทีย่ วหรืออาหารทมี่ ีความแปลกใหมโ่ ดดเดน่ สามารถถา่ ยรูปและแชรบ์ นเครอื ข่ายสังคม
ออนไลนไ์ ด้
กลุ่มที่ 5 Local & Regional Seekers มีการท่องเที่ยวสูงเช่นกันแต่มีงบประมาณในการท่องเที่ยวไม่
สูงนัก และท่องเที่ยวโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมากกว่า กลุ่มนี้สนใจเรื่องราวของแหล่งท่องเที่ยว ชอบทานอาหาร
ท้องถนิ่ เรียนรูเ้ ร่ืองราววิถีชุมชน ยินดใี ชจ้ ่ายเพอ่ื เขา้ ชม เรยี นรู้ และเข้ารว่ มกจิ กรรมในชมุ ชน
P a g e | 205
กลุ่มที่ 6 Intellectual Travelers มีการท่องเที่ยวในรูปแบบที่หลากหลาย และต้องการเข้าใจ
เร่อื งราวเชิงลึกของแหล่งท่องเที่ยว สนใจเรียนรูเ้ ร่ืองราว วิถชี ุมชน และประวตั ิศาสตร์ อีกทั้งยังใช้งบประมาณ
ในการทอ่ งเท่ียวกบั การซ้อื ของทรี่ ะลกึ ยนิ ดจี า่ ยคา่ เขา้ ชม ร่วมกิจกรรมในชมุ ชน และเดินทางโดยใชเ้ ครอ่ื งบนิ
นอกจากแรงจูงใจที่แตกต่างกันแล้ว ประเด็นสำคัญที่นักท่องเที่ยวทั้ง 3 กลุ่มมีคล้ายคลึงกัน ซึ่งผู้ท่ี
เกี่ยวข้องควรพิจารณาร่วมด้วยในการออกแบบกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว คือ ผลกระทบจากโควิด-19 ท่ี
ทำใหก้ ลุ่มคนเหล่าน้ีมีพฤติกรรมในการตดั สินใจทีเ่ ปลยี่ นแปลงไปดงั น้ี
(1) ความระมัดระวังเรื่องงบประมาณการใช้จ่าย แตไ่ ม่คอ่ ยสนใจกิจกรรมการสนับสนุนจากหน่วยงาน
ภาครัฐมากนัก อาจเป็นเพราะเงื่อนไขที่ซับซ้อนและไม่ยืดหยุ่นต่อการท่องเที่ยวของพวกเขา ดังนั้นกิจกรรม
ส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางที่ดำเนินการโดยภาคเอกชนอาจจะตอบโจทย์กลุ่มคนเหล่าน้ี
มากกวา่ เน่ืองจากมคี วามยืดหย่นุ คลอ่ งตัว และตรงกับความต้องการมากกว่า
(2) ความระมัดระวังในการตัดสินใจมีเหตุผลมากขึ้น คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยมากกว่าการใช้อารมณ์
ความร้สู ึก โดยนักทอ่ งเทีย่ วต้องการข้อมลู ทเ่ี ป็นรปู ธรรมเพื่อประกอบการตดั สินใจมากขึ้น เพอื่ ยนื ยันเรื่องความ
คุ้มคา่ และความปลอดภัยของการท่องเที่ยว ดงั นน้ั ขอ้ มูลทเ่ี กีย่ วข้องกับประโยชนท์ ี่ไดร้ ับ ความปลอดภยั รวมถึง
มาตรการป้องกันต่าง ๆ ของแหล่งท่องเที่ยวต้องมีความชัดเจนและตรงไปตรงมามากขึ้น การซื้อของที่ระลึกท่ี
ไม่เปน็ ประโยชน์ในเชงิ การใชส้ อยจริงจะลดลง
(3) วางแผนการเดินทางอย่างระมดั ระวังเพ่ือลดการแออัด เปน็ โอกาสสำหรับแหล่งท่องเท่ียวที่ไม่ค่อย
เป็นที่นิยมและมีคนไปเยี่ยมเยือนน้อย แต่มีความน่าสนใจในเชิงเรื่องราวและประวัติท้องถิ่น ซึ่งจะสามารถ
ดึงดูดนักท่องเทีย่ วกลุ่มที่ 5 และกลุ่มที่ 6 ได้ง่าย แต่ผู้ประกอบการต้องพัฒนาศกั ยภาพของแหล่งทอ่ งเทีย่ วให้
ได้ตามความคาดหวังของกล่มุ นกั ท่องเท่ียวดว้ ย เช่น ความสะอาด ความสะดวกของพื้นที่
การจัดการการทอ่ งเทีย่ วหลังยุคโควดิ
หลังจากโควิด-19 คลี่คลายลงนักท่องเที่ยวอาจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยวจากอดีตมาเป็น
พฤติกรรมการท่องเที่ยวความเป็นปกติใหม่ (New Normal) รูปแบบของการให้บริการด้านการท่องเที่ยวที่จะ
ให้บริการแก่นักท่องเทีย่ วก็จะต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน โดยพฤติกรรมของนักท่องเทีย่ วในแตล่ ะภมู ิภาค
จะเพิ่มความใส่ใจในองค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1) สุขภาพอนามัย 2) ความสะอาด 3) ความปลอดภัย 4)
ระยะห่างทางสงั คม 5) ดจิ ิทัล 6) ความเชอื่ ถือได้ และ 7) ความรบั ผิดชอบต่อสงั คม เพอ่ื ให้เกิด “ความสมดุล”
P a g e | 206
ซึ่งก็คือความสามารถในการบริหารจัดการกับสภาวะที่ไม่เป็นปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การปรับตัว
จำเป็นตอ้ งทำงานต้งั แตร่ ะดับนโยบายจนถงึ การปรับตวั ของตัวนักท่องเทยี่ วเองภายใตอ้ งค์ประกอบ 7 ประการ
1. การปรับตวั ระดับนโยบาย
โควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทย ดังนั้นนโยบายต่าง ๆ ของ
ภาครัฐที่จะเกิดขึ้นหลังโควิด-19 ต้องมุ่งไปในทางช่วยเหลือเยียวยา ฟื้นฟู ส่งเสริมและสนับสนุนธุรกจิ เหล่านน้ั
นโยบายต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความปกติใหม่ที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันด้วย อาทิ การส่งเสริมสังคมไร้
เงินสดในแหล่งท่องเที่ยว การส่งเสริมธุรกิจอีคอมเมิร์สให้เติบโตมากยิ่งขึ้น การส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมใน
แหล่งท่องเที่ยว รวมถึงนโยบายระดับชาติในการเริ่มเปดิ รบั นักท่องเที่ยวผา่ นระบบ Area-Hotel Quarantine
นอกจากนี้ภาครัฐจะต้องมีนโยบายด้านแรงงานเพื่อจัดการกับจำนวนประชากรว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นหลังโควิด-
19 ดว้ ย
2. การปรับตัวของระบบบริหารจัดการองคก์ ร
องค์กรตา่ ง ๆ จำเปน็ จะต้องปรับเปล่ียนรูปแบบการบริหารจดั การ โดยสง่ิ หนง่ึ ทีจ่ ะต้องให้ความสำคัญ
เป็นอยา่ งมาก คือ “การจัดการกบั พนักงานในองค์กร” เนื่องจากเหตุการณใ์ นครง้ั นลี้ ้วนส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต
และความรู้สึกของทุกคน องค์กรจะต้องสร้างความเชื่อมั่น ลดความกังวลให้กับพนักงาน เพื่อก่อให้เกิด
ความรสู้ กึ ทีม่ น่ั คงขน้ึ ทง้ั นี้องค์กรอาจจะต้องออกนโยบายต่าง ๆ พรอ้ มทั้งมาตรการในการรับมือกบั สถานการณ์
และการให้ความช่วยเหลือแก่พนักงาน โดยองค์กรเองจะต้อง “ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานหรือการ
ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์” เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวในวิถีชีวิตรูปแบบใหม่หลังโควิด เช่น
มาตรการสร้างความเชอื่ มนั่ ของโรงแรมด้านความปลอดภัย การลดความเสีย่ งตอ่ การตดิ เชื้อโควดิ -19
3. การปรบั ตัวของการพัฒนาทรัพยากรมนษุ ย์
ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้หลายองค์กรในภาคการท่องเที่ยวต้องปิดตัวลง การปรับตัว
ขององค์กรหลังโควิด-19 จำเป็นต้องปรับลดจำนวนพนักงานเพื่อให้เหมาะสมกับจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการ
รวมถงึ การคัดเลือกพนักงานท่ีมคี วามสามารถเพ่ือให้คงอยู่กับองค์กร เชน่ ธรุ กิจโรงแรมปรับลดพนักงานแผนก
ต้อนรับส่วนหนา้ แผนกอาหารและเครื่องดืม่ ขณะเดียวกันบางแผนกยงั มคี วามจำเป็นท่ีต้องมีพนักงานดแู ลอยู่
ซึ่งอาจจะให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) หรือบางแผนกอาจจะให้พนักงานเข้ามาทำงาน
ในองค์กรเป็นครั้งคราวตามความจำเป็น มีการแบ่งกันทำงานเป็นกะ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ล้วนเป็นความปกติใหม่
และแมว้ า่ วิกฤตโิ ควิด-19 จะจบลงก็ยงั คงเปน็ ส่งิ ท่ีตอ้ งดำเนินการตอ่ ไป เนื่องจากผลกระทบทเี่ กดิ ขึ้นน้ีส่งผลต่อ
ผู้คนทั้งโลก กว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ มีนักท่องเที่ยวออกเดินทางจำนวนมากเหมือนในอดีตคงต้อง
ใชเ้ วลา ดงั นัน้ องคก์ รจะตอ้ งจดั การทรัพยากรมนุษย์กับความปกติใหมท่ ่เี กดิ ขนึ้
4. การปรับตัวของธุรกิจทเี่ กี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
การปรับตัวของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวทั้งผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ อาทิ โรงแรม
ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และจับต้องไม่ได้ อาทิ การบริการ ความสะดวกสบายใน
การเดนิ ทาง ภาพลกั ษณข์ องแหล่งท่องเท่ียว เปน็ ส่งิ ท่ีจำเป็นในการตรวจสอบธุรกจิ และอาชพี ที่ได้รบั ผลกระทบ
จากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสายงานด้านโรงแรม มัคคุเทศก์ พนักงานขับรถสาธารณะ ร้านอาหาร ร้านขาย
ของที่ระลกึ รา้ นสปา รา้ นนวดแผนไทย ผับ บาร์ รวมถงึ พนกั งานธุรกิจสายการบินทไ่ี ด้รับผลกระทบอยา่ งหนัก
1) โรงแรม
ธุรกิจโรงแรมสร้างรายไดเ้ ป็นอันดับหนึง่ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และได้รับผลกระทบอยา่ งหนัก
จากโควิด-19 จึงถือว่าเป็นธุรกิจหนึ่งที่จะต้องปรับตัวสูงมากเนื่องจากต้องพึ่งพาแรงงานสูง ทั้งการบริหาร
จัดการทรัพยากรมนุษย์ที่อาจจะต้องปรับลดพนักงาน ลดเงินเดือนพนักงาน การให้หยุดงาน การให้ออกเพ่ือ
P a g e | 207
ปรับขนาดของโรงแรม นอกจากนีอ้ าจหมุนเวียนงานใหพ้ นกั งานแตล่ ะแผนกสามารถท่จี ะทำได้หลายงาน อกี ทั้ง
โรงแรมอาจต้องปรับเปลี่ยนการบริหารงานด้วยการปรับลดหรือปรับเปลี่ยนต ำแหน่งงานให้สอดคล้องกับ
สถานการณท์ เ่ี กิดขน้ึ รวมทง้ั อาจตอ้ งปรับเปล่ยี นกลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับคนไทย
2) รา้ นอาหารและเคร่อื งด่มื
การสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัย มาตรฐานดา้ นสุขลักษณะอนามยั เป็นเร่ืองทีผ่ ปู้ ระกอบการให้
ความสำคัญยิ่ง ต้องใส่ใจรายละเอียดในทุกขั้นตอน นอกจากน้ีจะต้องมีมาตรการการนั่งเว้นระยะห่างระหว่าง
บุคคล การเช็คอินเพื่อเข้าร้าน การตรวจวัดอุณหภูมิเพื่อคัดกรองลูกค้า เพื่อสร้างความมั่นใจและความเชื่อมัน่
ให้กบั ลกู คา้ และทำให้ธรุ กจิ ดำเนินการต่อไปได้ นอกจากนพ้ี ฤติกรรมของผู้บริโภคท่เี ปล่ยี นไปในปัจจุบัน ธุรกิจ
จำเปน็ ตอ้ งปรบั เปลยี่ นรูปแบบการให้บริการ เชน่ การจดั ส่งอาหารและเคร่ืองด่ืมถึงบา้ น (Delivery) แอปพลิเค
ชนั ของรา้ น การเขา้ รว่ ม Grab Food, Panda Food, Line Man รวมถงึ การเรียนรู้ทำการตลาดออนไลน์ผ่าน
ชอ่ งทางตา่ ง ๆ เพือ่ สร้างความสนใจและดงึ ดูดใจให้นกั ท่องเที่ยวเลือกใชบ้ รกิ ารเช่นกัน
3) บริษทั นำเที่ยว
เปน็ ธรุ กจิ หนึ่งที่ไดร้ ับผลกระทบจากโควิด-19 หลายบรษิ ัทไม่สามารถจัดกลุ่มการท่องเที่ยวได้ส่งผลให้
บริษทั จำนวนไมน่ ้อยที่ต้องปิดตัวลงเน่ืองจากไม่มีนกั ท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ ท้ังนี้บริษัททัวร์ยังส่งผลโดยตรง
ไปยังกลุ่มอาชีพมัคคุเทศก์นำเที่ยว การปรับตัวจะต้องคิดหาวิธีหรือกลยุทธ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ สร้าง
จุดเดน่ ให้กับบริษัทเพอ่ื ให้สามารถดึงดดู ใจกลมุ่ นักท่องเทีย่ วได้ และด้วยพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวท่ีเปลี่ยนไป
ในยคุ หลังโควดิ -19 นกั ทอ่ งเที่ยวอาจจะออกเดินทางเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กลมุ่ เฉพาะมากข้ึน การท่องเที่ยวแบบกลุ่ม
ใหญ่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้หัวใจหลักของบรษิ ัทคือมัคคุเทศก์ทีจ่ ะสร้างความประทับใจแก่นักเท่ียว และเป็นอีก
หนง่ึ ปัจจยั ทชี่ ่วยสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจใช้บริการบรษิ ทั นำเท่ยี วอีกครัง้
4) ธุรกิจสายการบิน
สถานการณ์โควิด-19 ทำให้หลายประเทศทั่วโลกพากันปิดประเทศ มีการควบคุมการเดินทางทาง
อากาศ มีคำสั่งให้สายการบินหยุดบินเนื่องจากไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ปัจจุบันมีหลายสายการบินต้องปดิ
ตัวลงเนื่องจากขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจที่ยังดำเนินงานอยู่ได้นั้นต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก โดยนำ
มาตรการที่ภาครัฐกำหนดมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่ก่อนเดินทาง ระหว่างเดินทาง และเมื่อถึงจุดหมาย
ปลายทาง ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าโดยสารมีราคาสูงขึ้น ความนิยมในการเดินทางด้วยสายการบินอาจน้อยลง
นักท่องเที่ยวอาจเปลี่ยนใจเลือกเดินทางรูปแบบอื่นมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นโจทย์สำคัญให้ผู้ประกอบการ
คิดค้นกลยทุ ธต์ า่ ง ๆ เพอ่ื ดงึ ดูดใจให้นักท่องเท่ียวเลือกเดินทางด้วยสายการบิน โดยหลายบรษิ ัทได้ปรับรูปแบบ
การขนส่งผู้โดยสารเป็นการขนส่งสินค้าผ่านอากาศยานโดยสารแทน เพื่อรองรับความต้องการในบริการขนส่ง
สนิ ค้าทีเ่ พมิ่ ปริมาณข้ึนอย่างมาก ท้ังยงั ช่วยขบั เคลื่อนซัพพลายเชนให้เดนิ หน้าไปได้
นอกจากนยี้ งั มีธรุ กจิ หรอื อาชีพอนื่ ๆ ท่ีเก่ยี วขอ้ งกับการใหบ้ ริการด้านการท่องเที่ยว ทั้งธุรกิจจำหน่าย
สินค้าของที่ระลึก การขนส่ง ผับบาร์ เรือสำราญ ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการหรือกลยุทธ์ทาง
การตลาด แตส่ ่งิ ทต่ี ้องปฏบิ ัตใิ ห้เปน็ มาตรฐานเดียวกันคือ มาตรการในการรักษาความปลอดภยั แกน่ ักท่องเท่ียว
หรือผู้มาใช้บริการ ตั้งแต่การคัดกรอง สวมหน้ากากอนามยั เจลแอลกอฮอล์ล้างมอื การทำความสะอาดพืน้ ผวิ
ในพืน้ ทีบ่ รกิ ารอยูอ่ ย่างสมำ่ เสมอ เพอื่ สรา้ งความเชื่อม่นั ใหน้ ักท่องเทย่ี วรสู้ กึ ปลอดภยั อบอุ่นใจเมอ่ื มาใช้บรกิ าร
5. การปรับตวั ระดบั ชุมชนท่ีอยูโ่ ดยรอบสถานที่ทอ่ งเทยี่ ว
การปรับตัวของระดับชุมชนที่อยู่โดยรอบสถานที่ท่องเที่ยวถือเป็นระดับหนึ่งที่ต้องให้ความสนใจเป็น
พิเศษเชน่ กัน ผู้คนที่อาศัยอยูใ่ นแหล่งชุมชนนัน้ ๆ จะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ รู้จกั วธิ ีการป้องกนั ตนเองเพื่อให้
ปลอดภัยจากเชื้อไวรัส ผู้นำชุมชน สาธารณสุขโดยอาสาสมัคร หรือสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จะต้อง
P a g e | 208
สร้างชุมชนที่ตระหนักเรื่องความสะอาดและสุขอนามัย สร้างความเข้าใจ สร้างคนที่มีคุณภาพและยกระดับ
ความรู้ความสามารถของคนในชุมชน พร้อมทั้งสร้างข้อตกลงต่าง ๆ ร่วมกับคนในชุมชน มีมาตรการการเว้น
ระยะห่างของบุคคลในชุมชนและนักท่องเที่ยว สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่เข้ามาท่องเที่ยวอย่าง
เข้มงวด ทั้งนี้คนในชุมชนเองจะต้องช่วยกันสอดส่อง สังเกตและเฝ้าระวังบุคคลที่มีแนวโน้มจะติดเชื้อ ให้แยก
ออกจากบุคคลอื่น มกี ารกักตัวและไมอ่ นุญาตให้บคุ คลเหล่านน้ั เขา้ ไปใชบ้ ริการ ณ แหล่งท่องเท่ยี ว
6. การปรับตัวของรปู แบบการใหบ้ ริการ
การให้บริการในรูปแบบใหม่ทุกกระบวนการ ผู้ให้บริการจะต้องใส่ใจกับความสะอาดและความ
ปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นอันดับหนึ่ง องค์กรจะต้องเน้นถึงสุขอนามัยและความปลอดภัยให้กับ
นักท่องเที่ยวสูงที่สุด อาทิ การลงทะเบียน ด้วยการใช้คิวอาร์โค๊ด หรือการเซ็นชื่อและเบอร์โทรศัพท์
นักท่องเที่ยว การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย จุดบริการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ การงดรับเงินสดเพื่อลดการ
สัมผัสกับนักท่องเที่ยว การสวมใส่หน้ากากอนามัยของผู้ให้บริการ นอกจากนี้ยังต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการ
ใหบ้ รกิ ารโดยเนน้ “ออนไลน์” หรือนำเทคโนโลยีและนวตั กรรมเขา้ มาปรับใชใ้ นการให้บริการมากข้นึ
7. การปรบั ตัวของระบบความปลอดภยั ความปลอดเช้ือภายในองคก์ ร
ระบบการรักษาความปลอดภัยขององค์กรทีใ่ ห้บริการด้านการท่องเที่ยวจะต้องปรับเปล่ียนรูปแบบไป
ด้วยการยกระดับการตรวจสอบความปลอดภยั ที่มีมาตรฐานในระดบั ที่สูงขึ้น นำอุปกรณ์และเครื่องมอื มาใช้ใน
การตรวจสอบความปลอดภัยมากขึ้น มีการตรวจสอบความปลอดภัยของทุกคนที่เข้ามาในองค์กร ตั้งแต่
พนักงานที่เข้าปฏิบัติงาน นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวหรือมาใช้บริการในแต่ละวัน การตรวจสอบและทำ
ความสะอาดพ้นื ทที่ ีใ่ หบ้ ริการนกั ท่องเทย่ี วและฆ่าเชอ้ื ตามระยะเวลาทกี่ ำหนดอย่างเขม้ งวด
8. การปรบั ตวั ของนักท่องเทยี่ ว
นักท่องเที่ยวจะต้องการความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น ไม่ชอบสถานที่ที่มีความแออัด
ผ้คู นพลกุ พล่าน นิยมท่องเทยี่ วด้วยตนเอง เน้นเป็นกลมุ่ เล็ก ๆ หรอื เปน็ กล่มุ ครอบครัวมากขึ้น แต่ยังตอ้ งการส่ิง
อำนวยความสะดวกในการท่องเท่ียว ท้งั นีส้ ือ่ โซเชียลมเี ดียต่าง ๆ จะมีอทิ ธิพลต่อการตัดสนิ ใจออกเดินทางของ
นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นสิ่งที่สร้างความรู้ ความเข้าใจ รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้กับ
นักทอ่ งเทย่ี ว นอกจากนี้นักท่องเทีย่ วจะต้องการสถานทีท่ ่องเที่ยวที่สรา้ งประสบการณแ์ ปลกใหม่ ท้ังโรงแรม ท่ี
พกั หรอื กจิ กรรมการท่องเที่ยวด้านสุขภาพมากข้ึน สง่ิ สำคัญอยา่ งยิง่ ของนักท่องเท่ียวคือ “ความรับผิดชอบต่อ
สังคม” ในการทำตามข้อกำหนดหรือมาตรการต่าง ๆ ท่ีประเทศหรือสถานที่ท่องเที่ยวนนั้ ๆ กำหนด เนื่องจาก
นักทอ่ งเทยี่ วเป็นตวั แปรสำคญั หนึ่งทจ่ี ะชว่ ยป้องกนั การแพรร่ ะบาดของเช้ือโควดิ -19
ทั้งนี้ เพื่อสร้างภาพลักษณ์และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและ
ประสิทธิภาพในรูปแบบใหม่ (Next Normal) ภาครฐั จำเปน็ ต้องปรบั แผนยุทธศาสตร์ในการฟ้ืนฟูการท่องเที่ยว
ด้วยการใช้ “กลยุทธ์ 5R’s” เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการท่องเที่ยวและนำไปสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ด้วย
การให้ความสำคัญกบั ปัจจยั สำคัญดังน้ี
(1) Reboot กระตุ้นการตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการ
เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ทั้งนี้จำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและปลอดโรค
มาตรการการกากับดแู ลนักทอ่ งเท่ยี วทเ่ี อ้ือผลประโยชนท์ งั้ นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวตา่ งชาติ
2) Rebuild ดำเนินการซ่อมสิ่งทีเ่ สยี หรือสิง่ ที่ไม่พร้อม แล้วสร้างเสรมิ ขีดความสามารถในการแข่งขนั
ระยะยาว ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการท่องเที่ยว รวมถึงการยกระดับบุคลากรทางการ
ท่องเทย่ี วในทกุ ระดบั ให้มีคณุ ภาพด้วยการ “Re-skill” และ “Up-Skill” ให้กับบุคลากรเหล่านนั้
P a g e | 209
(3) Rebrand นำเสนอภาพลักษณ์รูปแบบใหม่ของการท่องเที่ยวที่เน้นการท่องเที่ยวสร้างสรรค์ ด้วย
การเน้นคณุ คา่ และนำเสนอสินค้าที่มคี ุณภาพสู่นักท่องเท่ยี ว
(4) Rebound กระต้นุ กลุ่มนักท่องเท่ยี วที่มีคุณภาพและมีศักยภาพในการใชจ้ ่ายสูง ด้วยการเน้นเจาะ
กลุ่ม Lifestyle of Health ที่มุ่งไปสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ การท่องเที่ยวเชิง
ชมุ ชน การท่องเท่ียวเชิงกีฬา
(5) Rebalance ปรับสมดุลการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่สู่ความยั่งยืนบนฐานของเศรษฐกิจ สังคม
วัฒนธรรม วถิ ีชวี ิต และสิ่งแวดลอ้ ม ด้วยการสนับสนุนการมีส่วนรว่ มทางการทอ่ งเที่ยวอย่างมคี วามรบั ผิดชอบ
• การหลดุ พ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง กลมุ่ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์
จากสถานะของประเทศไทยทอ่ี ยู่ในสภาวะติดกับดักรายได้ปานกลาง และการเล็งเห็นถึงความสำคัญที่
จะใช้แนวคิดการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรรค์ ( Creative
industries) เพื่อให้เป็นกลจักรใหม่สำหรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และฉุดให้ประเทศไทยหลุดพ้นจาก
กับดักรายไดป้ านกลาง จึงมีความจำเปน็ ทีจ่ ะตอ้ งสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรม
สร้างสรรค์และการหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง รวมถึงการพัฒนาฐานข้อมูลอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
และแรงงานสร้างสรรค์เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการศึกษา วิเคราะห์ อันนำไปสู่การออกแบบนโยบายและ
ยุทธศาสตร์ทจ่ี ะนำอตุ สาหกรรมสร้างสรรคท์ ่ีให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี นวตั กรรม ความคิดสร้างสรรค์เข้ามา
เปน็ กลจกั รในการขับเคลอื่ นเศรษฐกจิ เพื่อใหบ้ รรลุเป้าหมายตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับ
ที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) และกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) สะท้อนให้เห็นถงึ ความเช่ือมั่น
ว่าการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์จะเป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จในการผลักดันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจใน
ภาพรวมได้ โดยอาศัยภูมิปัญญา ความคิดสร้างสรรค์เป็นจุดขายสำคัญ ซึ่งเป็นรากฐานทุนทางสังคมของไทยท่ี
สะสมมาอย่างยาวนาน แทนที่ระบบเศรษฐกิจที่เน้นความได้เปรียบทางด้านราคา ต้นทุนแรงงาน หรือขาย
ทรัพยากรดังเช่นในอดีตท่ีผา่ นมา
ผลการศกึ ษาวิเคราะห์อุตสาหกรรมสร้างสรรค์
การศึกษาชิ้นนี้ใช้แหล่งข้อมูลหลักจากสถิติบัญชีประชาชาติของส ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการศึกษามูลค่าของกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และจากคำนิยามของ
UNCTAD (2008) ประกอบกับคำนิยามโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(2552) ที่แบ่งกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) กลุ่มมรดกทางวัฒนธรรมและ
ประวัติศาสตร์ ได้แก่ งานฝมี อื และหัตถกรรม 2) กลุ่มศลิ ปะ ได้แก่ ศิลปะการแสดง ทัศนศิลป์ 3) กลุม่ ส่อื ได้แก่
ภาพยนตร์ การพมิ พ์ การแพรภ่ าพและกระจายเสยี ง ดนตรี 4) กลุ่มงานสรา้ งสรรค์ตามลักษณะงาน ได้แก่ การ
ออกแบบ แฟช่นั การใหบ้ ริการด้านสถาปตั ยกรรม โฆษณา ซอฟตแ์ วร์69
อย่างไรก็ตาม จากข้อจำกัดแหล่งข้อมลู บญั ชีประชาชาติทเี่ ก็บรวบรวมข้อมลู และจัดทำโดยอ้างอิงจาก
กิจกรรมการผลิตเป็นหลัก ทำให้ไม่สามารถคำนวณมูลค่าของความคิดสร้างสรรค์ได้โดยตรง หรือบาง
อุตสาหกรรมไม่สามารถหามลู ค่าของกิจกรรมการผลิตและรายการต่าง ๆ ในตารางเมทติกซ์บัญชสี ังคมได้ เช่น
อตุ สาหกรรมการออกแบบ งานวจิ ยั จึงศึกษาภายใต้ข้อสมมติหลัก คอื หมายถึงอตุ สาหกรรมท่ีมีการใช้ความคิด
สร้างสรรค์ หรือใช้นวัตกรรมในกระบวนการการผลิต หรือมีกระบวนการต่อยอดทางความคิดเพื่อเพิ่มมูลค่า
ให้กับผลติ ภัณฑ์และบริการในระดับทีเ่ ขม้ ข้น ประกอบกบั ข้อจำกัดดา้ นมูลค่าของกิจกรรมการผลิตจากขอ้ มูลใน
69 งานวจิ ยั การหลุดพ้นจากกับดกั ประเทศรายไดป้ านกลาง กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค.์ ผศ. ดร.พงษ์ธร วราศัย มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร.์
สำนกั งานกองทนุ สนับสนนุ การวจิ ยั ชดุ โครงการวจิ ัยเชงิ ยุทธศาสตร์ฝ่ายอุตสาหกรรม.
P a g e | 210
บัญชีประชาชาติท่ีบางอุตสาหกรรมสร้างสรรค์มีมูลค่าทีน่ ้อยมาก งานศึกษาจึงพิจารณาจัดกลุม่ ใหม่โดยอ้างองิ
จากอตุ สาหกรรมสร้างสรรค์ 12 อตุ สาหกรรมเดิม เปน็ 5 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ใหม่ เพอ่ื ใหก้ ารวิเคราะห์เชิง
ปริมาณด้วยแบบจำลองดุลยภาพทั่วไปเชิงพลวัตสามารถแสดงผลคุณูปการของอุตสาหกรรมสรา้ งสรรค์ได้ ซ่ึง
ประกอบดว้ ย
กลมุ่ 1 อตุ สาหกรรมงานฝีมอื และหัตถกรรม
กลุ่ม 2 อุตสาหกรรมสื่อ ประกอบด้วย ภาพยนตร์ การพิมพ์ การแพร่ภาพ และกระจายเสียง และ
ดนตรี
กลุ่ม 3 อตุ สาหกรรมสอ่ื ใหม่ หรอื อตุ สาหกรรมซอฟต์แวร์
กลมุ่ 4 อตุ สาหกรรมแฟชนั หรืออุตสาหกรรมการออกแบบ
กลุม่ 5 อุตสาหกรรมบริการสร้างสรรค์ ประกอบดว้ ย บริการดา้ นสถาปตั ยกรรม และโฆษณา
บทบาทภาครฐั ในการนำพาประเทศไปสฐู่ านเศรษฐกิจเชงิ สร้างสรรค์
จากการศึกษาประสบการณ์จากต่างประเทศสามารถสรุปหลักการพื้นฐานท่ีภาครัฐควรมีบทบาท
สำคัญใน 4 ประการ คอื
1) การส่งสัญญาณที่ชัดเจนเพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้าใจเป้าหมายร่วมกันในทิศทางของการเป็นประเทศ
อตุ สาหกรรมสร้างสรรค์ มใิ ชเ่ ป้าหมายของรัฐบาลใดรฐั บาลหน่ึง
2) เงื่อนไขจำเป็นที่ขาดมิได้ คือ การให้ความสำคัญกับคุณค่าทางศิลปะ ทุนทางสังคมและวัฒนธรรม
ซึ่งจะถูกใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต ชุดคุณค่าดังกล่าวควรถูกพิจารณาในแง่ความเป็นสินค้าสาธารณะที่
ทุกคนหยบิ ฉวยมาใช้ประโยชน์ได้ แตก่ ารอปุ ถัมภ์ รกั ษาทำนบุ ำรงุ เปน็ หน้าที่ของรัฐบาล พร้อมกบั ส่งเสริมให้ทุก
คนตระหนักว่าคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมเป็นของส่วนรวม ไม่ใช่เฉพาะเพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจ หากแต่มี
คณุ คา่ สามารถตอ่ ยอดทางเศรษฐกจิ ได้
3) นัยยะของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไม่ใช่เพียงการผลิตสินค้าเพื่อป้อนสู่ความต้องการของผู้บริโภค
เท่านั้น หากแต่ยึดโยงกับชุมชน สังคม และผู้คนที่มีชีวิตรายล้อมกับการผลิตด้วย ดังนั้นการตัดสินใจเชิง
นโยบายตอ่ เศรษฐกจิ เชิงสร้างสรรค์จะต้องคำนึงถงึ มิติทางสังคมควบคู่กัน อาทิ นวัตกรรมการผลิตท่ีสอดคล้อง
กบั วถิ ีชวี ติ การใช้ทรพั ยากรในพน้ื ที่ ความร่วมมอื ในการผลติ (กรณีสินค้าชุมชน)
P a g e | 211
4) เศรษฐกิจสร้างสรรค์เน้นไปที่การกระจายตัวมากกว่าการกระจุกตัว โดยสภาพของความคิด
สร้างสรรค์เปน็ สิง่ ท่ีผู้คนสามารถหยิบฉวยจากสิ่งรอบตวั ประสบการณ์ นำมาเป็นวัตถดุ ิบในเพ่ิมมูลค่าการผลติ
ดงั นน้ั มลู คา่ แท้จริงของเศรษฐกิจสร้างสรรค์มาจาก “มนั สมอง” ที่ผสมผสานกับปัจจัยการผลติ อนื่ ๆ กลายเป็น
สนิ คา้ ทีม่ มี ูลคา่ ตามความตอ้ งการของผู้บรโิ ภคได้
ความท้าทายในอนาคตว่าด้วยการหลุดพ้นภาวะกับดักรายได้ปานกลางและพัฒนาเศรษฐกิจ
สรา้ งสรรค์
ประเด็นการศึกษาเกีย่ วกับภาวะกับดักรายไดป้ านกลางพบว่ามีประเด็นร่วมกนั อยู่ 2 ประเด็น คือ (1)
การให้ความสำคัญกับการสร้างความเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP Growth) และ (2)
ความพยายามในการปรับปรุงผลิตภาพทางเศรษฐกิจ (Productivity) เพื่อหลุดพ้นภาวะกับดักทางรายได้ การ
มองว่าเหตุแห่งปัญหาคือภาวะกับดักรายได้ปานกลางอยูท่ ี่ “เศรษฐกิจยังโตไม่พอ” ซึ่งเกิดจากการที่ผลิตภาพ
ทางการผลิตน้อยกว่าท่ีควร ซึ่งการแก้ปัญหาเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ในการกำหนดนโยบาย เพราะการปรับตัว
ย่อมกระทบต่อโครงสร้างทางเศรษฐกจิ สงั คม การเมืองตามไปด้วย
การกำหนดนโยบายท่ีหยิบยกภาคการผลิตบางส่วนขึ้นมาเป็น ‘เรือธงทางเศรษฐกิจ’ ยังต้องเผชิญกบั
ปัญหาอคติในการจัดสรรและเคลื่อนย้ายทรัพยากรที่สังคมอาจต้องข้อสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเท่ากับว่า
แม้จะมุ่งประเด็นสำคัญในการพัฒนาการเจริญเติบโตทางเศรษฐศาสตร์ แต่เหรียญอีกด้านที่ต้องพิจารณา คือ
ความชอบธรรมในการจดั สรรทรพั ยากรเพอื่ สวัสดิการสงู สุดของระบบเศรษฐกจิ นอกจากเงอ่ื นไขโครงสร้างทาง
เศรษฐกิจและสังคมของไทยแลว้ ประเทศไทยยังเผชิญหน้ากบั การเปล่ยี นแปลงจากปจั จัยภายนอกด้วย จากผล
พวงของการพัฒนาระบบเครือข่ายสารสนเทศท่ีเชื่อมโยงผู้คนอย่างไร้พรมแดน ซึ่งเปน็ ฉากหลงั ของการกำหนด
นโยบายทห่ี นว่ ยงานภาครัฐตอ้ งใหค้ วามสำคัญสำหรบั ความท้าทายเชงิ นโยบายทไ่ี ทยจะต้องขบคดิ ดงั ต่อไปน้ี
1. ยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาแบบเดิมไมส่ ามารถใช้ได้อกี ตอ่ ไป
ในอดีตการวางแผนยุทธศาสตร์เรื่องกับดักทางรายได้เน้นที่การแก้ปัญหาความยากจนจากการ
ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาระบบสาธารณูปโภค เช่น การคมนาคม การขนส่ง การสื่อสาร ระบบ
ไฟฟ้าเป็นสำคัญ แต่บทเรียนการพัฒนาของประเทศรายได้สูงพบว่าปัจจัยที่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาทาง
รายได้นั้น แนวทางการกำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์จะต้องมุ่งเน้นไปทีก่ ารเพิ่มมูลค่า หรือเพิ่มศักยภาพใน
การผลิตสินค้าเพื่อเพิ่มผลผลิตของประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว หรือกล่าวได้ว่าประเทศที่ประสบปัญหา
ความยากจน และ/หรือกับดกั รายไดป้ านกลางจะต้องขยายมุมมองต่อการพัฒนาให้ครอบคลมุ ปจั จัยทีจ่ ะสร้าง
หลักประกันให้การผลิตสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน แทนที่จะเป็นเพียงการลงทุนเพื่อสร้างโครงสร้าง
พืน้ ฐานเพอื่ อำนวยความสะดวกแกภ่ าคการผลิตเทา่ นน้ั
ทง้ั นี้ การเพิม่ มลู ค่า การเพิ่มผลิตภาพ จะตอ้ งคำนึงถึงศักยภาพท่ีมีอยู่เดิมของประเทศก่อนเป็นอันดับ
แรกเพ่ือใหส้ ามารถกำหนดวธิ กี ารเพ่ิมมลู คา่ ไดอ้ ย่างเหมาะสม มิเช่นน้ันการจับเป้าหมายที่ไม่สอดคล้องกับนิเวศ
ทางเศรษฐกจิ ยอ่ มเพ่ิมต้นทุนการพัฒนาอย่างน่าเสียดาย ท้ังยงั สมุ่ เสยี่ งสู่ความล้มเหลวเชิงนโยบายในท่ีสุด
2. ประเทศไทยอยู่ระหว่างกลางของสงครามทางราคาและสงครามด้านคุณภาพของสินค้าและ
บริการ
กระบวนการผลิตสินค้าในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมักให้ความสำคัญกับห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งอุตสาหกรรมที่มีห่วงโซ่อุปทานที่ยาว มีการเชื่อมต่อของการผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก
เพราะหมายถึงโอกาสในการกระจายรายได้ไปยังหน่วยเศรษฐกจิ ต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นด้วย ซึ่งสินค้าที่ผลิตขึ้นยอ่ ม
เป็นอุตสาหกรรมการผลติ ทมี่ คี วามซบั ซ้อนและมีความเช่ือมโยงไปยังกิจกรรมการขนส่ง การขายอีกดว้ ย
P a g e | 212
ในอีกแง่มุมหน่ึงพบว่าความซบั ซอ้ นที่เกิดข้นึ กลบั ทำให้เกิดเอกลักษณข์ องชิ้นงานและปกป้องไม่ให้เกิด
การลอกเลียนแบบได้โดยง่ายด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามการจะพัฒนาอุตสาหกรรมจำเป็นต้องลงทุนโครงสร้าง
พ้ืนฐาน องค์ความรู้ทีเ่ ข้มข้นและยาวนาน ซึง่ เม่ือถงึ ระดับหน่ึงแล้วกลุ่มประเทศที่มคี วามก้าวหน้าเหล่านี้มักจะ
ไม่ทำธุรกิจ “สงครามราคา” การอาศัยข้อได้เปรียบด้านต้นทุนแรงงาน แต่เน้น “สงครามด้านคุณภาพ” หรือ
“ใช้ทรัพยากรน้อยแต่ได้ผลผลิตมาก” จากการพัฒนานวัตกรรม ทำให้ผลิตได้มากขึ้น การพัฒนาสินค้าให้มี
มูลค่าเพิ่มสูงขึ้น การสร้างเอกลักษณ์ในตัวชิ้นงาน การนำเสนอแนวคิดใหม่ของตัวผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ขณะที่
ประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลางมักพบว่าภาคการผลิตไม่ค่อยปรับตัว เน้นขับเคล่ือนระบบเศรษฐกิจที่
เติบโตแบบพึ่งพาทรัพยากรเป็นหลัก หรือ “ใช้ทรัพยากรมาก แต่ได้ผลผลิตน้อย” เช่น การพึ่งพาการผลิตโดย
แรงงานฝีมอื ตำ่ การไมน่ ำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพ่ือเพ่มิ ผลิตภาพทางการผลิต
ด้วยเหตุนี้เองประเทศไทยจึงอยู่ในสภาพที่น่ากังวลเพราะกำลังเผชิญหน้ากับสงครามทั้ง 2 ลักษณะ
ทั้งยังติดกับดักรายได้ปานกลางซึ่งจะทำให้สูญเสียความสามารถทางการแข่งขนั ในตลาดโลกไปเรือ่ ย ๆ เพราะ
ต้องเผชิญกับ “สงครามราคา” จากกลุ่มประเทศรายได้น้อยที่มีค่าแรงต่ำกว่า และ “สงครามคุณภาพ” ท่ี
คุณภาพของสินค้าไม่อาจทัดเทียมกับกลุ่มประเทศรายได้สูงที่มีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยี ทำให้ประเทศ
ไทยมคี วามเสี่ยงที่จะไม่สามารถเพิม่ อัตราการเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้
3. การผสมผสานเทคโนโลยีและความคิดสรา้ งสรรค์คอื หวั ใจของพฒั นาทรพั ยากรทางมนุษย์
ปัจจัยทางการผลิตที่สำคัญคือ ทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งครอบคลุมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในเชิง
สร้างสรรค์ และการปรบั ตวั ใหเ้ ข้ากบั เทคโนโลยที างการผลิตทด่ี ียิง่ ขน้ึ ตวั อย่างทนี่ า่ สนใจเพ่ือฉายภาพท้ัง 2 มิติ
ได้ คือ กรณีแรงงานในกลุ่มอุตสำหกรรมแฟชั่น ที่ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างมาก
เพราะปจั จุบันการผลิตในเชิงอุตสาหกรรมมีการปรับปรุงวัตถุดิบ เทคโนโลยกี ารผลิต เทคนิคการตัดเย็บใหม่ ๆ
ซึ่งเปน็ เรือ่ งของการวิจยั และพฒั นาอย่างตอ่ เนื่อง แต่มีความจำเปน็ อย่างยงิ่ ยวดที่ต้อง “สร้างความคดิ ใส่ความ
สร้างสรรค์” ลงไปในชิ้นงาน การสร้างแรงบันดาลใจ การเพิ่มประสบการณ์/องค์ความรู้แก่แรงงานจึงต้องทำ
ควบคกู่ นั กับการปรับตัวเข้ากบั กระบวนการผลติ ทเ่ี ปลยี่ นแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นแนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จำเป็นต้องถอยกลับไปตอบโจทย์บนฐ านที่ว่าจะสร้ าง
นวตั กรรมท่สี ร้างสรรค์ได้อย่ำงไร และจะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการผลิตผลงานเชงิ สร้างสรรค์ได้อย่างไร
มากกว่ามุ่งเป้าหมายไปที่อะไรคือเทคโนโลยีและพื้นฐานที่จะกระตุ้นความสร้างสรรค์ เพราะเป็นคำถามที่โน้ม
เอียงให้เกิดการแยกส่วนวิธีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และละเลยประเด็นการผสมผสานนวัตกรรมและ
ความคดิ สร้างสรรคเ์ ขา้ ด้วยกนั
งานศึกษานี้จึงคำนึงถึงหลักการและความท้าทายต่าง ๆ ข้างต้น นำมาเป็นโจทย์ศึกษาประเด็นเชิง
ยุทธศำสตร์สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในกรณีของประเทศไทย สำหรับโจทย์ที่ตั้งไว้กำหนด
เป้าหมายเชงิ ยทุ ธศาสตร์ของกล่มุ เศรษฐกจิ สร้างสรรค์มี 3 ประเดน็ คอื
1) อะไรคือของที่ขายได้: เป็นความพยายามในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจและเป็นไปได้ โดย
พจิ ารณาจากแงม่ ุมของการผลิต และความต้องการของผบู้ รโิ ภคท้งั สองสว่ นควบคกู่ นั
2) ทำอย่างไรเพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้า: นอกจากการเพิ่มมูลค่าของสินค้าแล้วยังหมายรวมถึงเติมเต็ม
ส่งิ ท่ขี าด การสลายขอ้ จำกดั ทีอ่ าจส่งผลตอ่ การผลิตของกล่มุ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ดว้ ย
3) สินค้าเชิงสร้างสรรค์มีกลุ่มเป้าหมายท่ีใคร: เพื่อให้ผู้ประกอบการมขี ้อมูลเบื้องต้นที่ใช้ประกอบการ
ตัดสินใจทางการผลิต การทำตลาด หรือแนวทางการพัฒนาผลิตภณั ฑ์ของตนเอง รวมถึงเป็นข้อมูลสำหรับผู้มี
สว่ นเกีย่ วข้องในการกำหนดนโยบายปรบั ใช้ผลการวเิ คราะห์ของรายงานการศึกษานส้ี ำหรบั วางแผนงานต่อไป
P a g e | 213
ประเด็นเชิงยุทธศาสตรข์ องเศรษฐกจิ สร้างสรรค์
1. การเข้าถึงแหล่งเงินทุน
จากการศึกษาภาพรวมของทุกอุตสหกรรม พบว่าผู้ประกอบการจำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมเงินทุน
และการส่งเสริมหรือขยายโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น เพื่อเพิ่มพูนทักษะ การเพิ่มนวัตกรรมใน
กระบวนการผลิตมากข้ึน โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดย่อมที่อาจมีศักยภาพแต่ไม่มีเงินทุนของตนเองมาก
เพียงพอที่จะยกระดับศกั ยภาพทีม่ ีไดอ้ ย่างสูงสุด ครอบคลุมถึงมาตรการช่วยเหลือด้านภาษีที่มีความเหมาะสม
กบั ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์
ตัวอย่างเช่น กลุ่มงานฝีมือและหัตถอุตสาหกรรมระดับครัวเรือน วิสาหกิจชุมชนที่มีคำสั่งซื้อจาก
ต่างประเทศ แต่ไม่มีเงินทุนมากพอในการลงทุนผลิตตามปริมาณที่ลูกค้าต้องการ ทำให้ผู้ผลิตขาดโอกาสทาง
ธุรกิจไปโดยปริยาย ซึ่งกลไกการช่วยเหลือด้านแหล่งเงิน แม้ว่าปัจจุบันภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนอยู่เดิมแล้ว
แต่สิ่งที่ผู้วิจัยให้ข้อเสนอคือ ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง หรืออาจอยู่ในรูปของการผ่อนปรนเงื่อนไขการกู้ยืม
จากสถาบันการเงินทั้งภาครัฐและเอกชนมากขึ้น รวมถึงการขอช่วยเหลือเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรในการเพ่ิม
ประสิทธิภาพการผลิต หรือทดแทนเครื่องจักรเดิมอาจมีความจำเป็นต้องขยายเกณฑ์การช่วยเหลือสำหรับอุต
สำหกรรมเบา ผู้ประกอบการขนาดเล็กทีม่ คี วามสามารถในระดับครวั เรือน วิสาหกจิ ชุมชนมากขนึ้ ดว้ ยเช่นกนั
ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่พยายามเพิ่มขีดความสามารถเชิงธุรกิจและแข่งขัน
ในระดับสากลแล้ว ก็ต้องการขยายแหล่งเงินทุนเพื่อการสร้างตราสินค้า การวิจัยและพัฒนาสำหรับงาน
ออกแบบ ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาและเงินลงทุนสูงเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากข้ึน
อนั เปน็ ประเด็นท่ีหน่วยงานภาครฐั ต้องกำหนดท่าทีในการสนับสนนุ อย่างชัดเจน เพอ่ื ใหผ้ ้ปู ระกอบการมั่นใจว่า
การลงทุนที่จะไม่สร้างผลกำไรได้ในระยะสั้นจะไม่ถูกยกเลิกการสนับสนุนกลางครัน แม้อาจจะเกิดความ
ล้มเหลวหรือต้องยกเลิกไประหว่างทาง ดังนั้นการให้ความช่วยเหลือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในกรณีดังกล่าว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการวิจัยและพัฒนาไม่ควรนำหลักเกณฑ์ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจมาใช้เป็นหลักการ
เดียว หากแต่ต้องใช้เกณฑ์ความช่วยเหลืออื่น ๆ เข้ามาผสมผสานด้วย อาทิ การใช้ช่องทางการลงทุนร่วมกัน
ระหว่างหนว่ ยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชนก็ถือเปน็ มาตรการที่น่าสนใจในอนาคต เปน็ ต้น
2. การพฒั นาทรัพยากรมนุษย์
ประเด็นการขาดแคลนแรงงานสร้างสรรค์ยังไม่ใช่ปัญหาระนาบกว้าง แต่ปัญหาคุณภาพแรงงานเป็น
เรอื่ งเฉพาะหน้าทค่ี วรปรบั ปรงุ ผ่านช่องทางตา่ ง ๆ ทั้งในห้องเรยี นและนอกหอ้ งเรยี น เพราะความคดิ สร้างสรรค์
เกิดข้ึนไดจ้ ากกระบวนการบ่มเพาะประสบการณ์ การลองผดิ ลองถูก การไดร้ ับมุมมองต่าง ๆ จากภายนอกเข้า
ไปเพื่อตกผลึกมากกว่าจะเป็นการเรียนรู้ผ่านระบบ แต่มิได้หมายความว่าการเรียนรู้จากสถาบันการศึกษาเป็น
เรอ่ื งไมจ่ ำเป็น ขน้ึ อยกู่ ับลักษณะงานและโครงสร้างกำลังแรงงานดว้ ย
ตัวอย่างที่เห็นเป็นรูปธรรม อาทิ งานเครื่องประดับ อัญมณี งานไม้แกะสลักเครื่องเรือนที่อาศัยความ
ชำนาญและประณีต ซึ่งอาศัยเครื่องจักรทดแทนค่อนข้างยาก การพัฒนาฝีมือแรงงานจึงเป็นเรือ่ ง “หน้างาน”
ในลักษณะ On the Job Training เป็นสำคัญ ขณะท่ีกลุ่มอุตสาหกรรมสื่อ (Media) และกลุ่มอุตสาหกรรมส่อื
ใหม่ (New Media) ควรเน้นเรื่องการพัฒนาหลักสูตรในระดับอุดมศึกษาให้มีความเหมาะสมกับความต้องการ
ของตลาด รวมถึงทักษะอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากความรู้/ทักษะเฉพาะด้านเพิ่มเติม อาทิ ความรู้ด้านการตลาด
การบรหิ ารธุรกจิ เพราะโครงสร้างกำลังแรงงานในสองกลมุ่ นสี้ ว่ นใหญ่มกี ารศึกษาในระดับอดุ มศึกษา เนื่องด้วย
เปน็ ทกั ษะงานที่อยู่ในมหาวิทยาลยั แต่ถงึ ทสี่ ดุ แล้วการพัฒนาทรัพยากรมนุษยใ์ นสาขาท่เี ป็นแรงงานทักษะก็ยัง
มคี วามจำเป็นในแงก่ ารบ่มเพาะ สั่งสมประสบการณ์เชน่ กลุม่ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์อ่นื ๆ ด้วย
P a g e | 214
แนวคิดในการผลักดันแรงงานใหม้ ีวฒุ ิการศกึ ษาที่สงู ขึ้นจึงไม่ใช่แนวทางที่สอดคล้องกับธรรมชาติของ
สายงานในกลมุ่ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ แต่ควรเน้นไปท่ี (1) การสร้างผู้ประกอบการทผ่ี ลิตช้ินงานที่มีความคิด
สร้างสรรค์ ตอบโจทย์การใช้งานของผู้อุปโภคบริโภคได้ดียิ่งขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งจะเป็นหัวหอกในการ
ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตด้วยแนวทางที่ต่างจากอดีต และ (2) การสร้างแรงงานที่มีความคิดสร้ำงสรรค์
หรือมีผลิตภาพแรงงานสูงขึ้น เป็นเป้าหมายที่ต้องใช้ระยะเวลาในการบ่มเพาะ การปลูกฝังความคิด โดย
แนวทางการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยข์ องกลุ่มอตุ สาหกรรมสร้างสรรค์ทสี่ ำคัญ มดี ังน้ี
1) การสร้างเครือข่ายของกลุ่มคนในวิชาชีพเพื่อให้เกิดกลไกการถ่ายทอดองค์ความรู้ระหว่างแรงงาน
จากรุ่นสู่รุ่น การมีพื้นที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน ซึ่งการรวมตัวในลักษณะเครือข่ายนี้เป็นการ
ถ่ายทอดความรู้ภายในวงการวิชาชีพ นอกจากนั้นยังช่วยให้สถาบันการศึกษา และ/หรือหน่วยงานภาครัฐที่มี
บทบาทในการเพิ่มพูนทักษะแรงงานได้เข้าร่วมหรือต่อยอดเพื่อนำแนวคิด นวัตกรรม การอบรมเชิงปฏิบัตงิ าน
ใหม่ ๆ ไปเผยแพร่กับกลุ่มเครือข่ายวิชาชีพต่าง ๆ ได้อย่างตรงจุด และลดต้นทุนของการทำหน้าท่ีพัฒนา
ศักยภาพแรงงานของหน่วยงานต่าง ๆ ไดร้ วดเรว็ มีประสทิ ธิภาพมากข้นึ
2) การปลูกฝั่งความคิดการเป็นผู้ประกอบการ และความคล่องตัวทางธุรกิจ เป็นหัวใจสำคัญต่อการ
ขับเคลอ่ื นให้เศรษฐกจิ สร้างสรรค์มีความเข้มแข็งและยั่งยืน จุดอ่อนสำคญั ของผ้ปู ระกอบวิชาชีพเชิงสร้างสรรค์
คือ เน้นทำงานเฉพาะส่วนที่เป็นความรู้เฉพาะทางของตนเอง จนอาจละเลยทักษะอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการเป็นผู้ประกอบการ หรืออีกนัยหนึ่งคือ การปลูกฝั่งทำงานเชิงสร้างสรรค์ได้และ
ขายงานเป็น รวมถึงทักษะการบรหิ ารจัดการระบบงานอาจเป็นได้ท้ังที่เปน็ องค์กรและไม่เป็นองค์กร ซ่ึงจะช่วย
ใหก้ ารทำธุรกิจมคี วามคล่องแคล่วมากกว่าเดิม
3) การเพิ่มทักษะบริหารจัดการทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
ระดับ SMEs ในภาวะการแข่งขันทางธุรกิจสูง ข้อจำกัดสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของ
ผู้ประกอบการไทยที่เข้มแข็งมากขึ้นในหลายกรณีมิใช่เรื่องฝีมือ หากแต่เกี่ยวข้องกับทักษะการบริหารจัดการ
เชิงธุรกิจทั้งการเงิน บัญชี การตลาด หรือบริหารทรัพยากรบุคคล จึงทำให้การดำเนินธุรกิจขาดความต่อเนือ่ ง
ซึ่งภายใต้สภาวะการแข่งขันที่สูงรายละเอียดเหล่านี้กลายเป็นข้อแตกต่างระหว่างผู้ประกอบการที่ประสบ
ความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จได้เป็นอันมาก ดังนั้นจึงควรปรับปรุงอย่างเร่งด่วนเพราะมีผลระยะยาว
ในการวางเปา้ หมายให้ไทยเป็นประเทศช้นั นำเร่ืองเศรษฐกิจสร้างสรรคใ์ นระดับภมู ภิ าค
P a g e | 215
3. โครงสร้างพ้นื ฐาน
โครงสร้างพื้นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรคต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบปัจจัยเชิง
สถาบันต่ำง ๆ ที่เอื้อต่อการสร้างบรรยากาศให้ผู้ประกอบการและบุคลากรวิชาชีพสามารถทำงานใน
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม พร้อมที่จะพัฒนาทักษะของตนเอง หรือปรับปรุงสภาพพื้นฐานที่ทำให้การดำเนิน
กิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นไปโดยราบรื่น ด้วยเหตุนี้ประเด็นที่ควรพิจารณาของเรื่องโครงสร้างพื้นฐานเพ่ือ
พัฒนายุทธศาสตร์เศรษฐศาสตร์เชงิ สร้างสรรค์ มีดงั น้ี
1) การกำหนด Thailand Creative Content เพื่อเปน็ แนวทางการสนบั สนุนจากหน่วยงานภาครัฐที่
ชัดเจน และส่งสัญญาณไปยังภาคเอกชนต่าง ๆ ทราบว่าทิศทางของการสนับสนุนที่เป็น Flagship ของ
อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ประกอบด้วยเรื่องใดบ้าง แต่ควรลงเป้าหมายระดับกจิ กรรมการผลิตมากขึ้น มิใช่เพียง
อธิบายในระดับภาพรวม เพราะผู้ประกอบการที่ต้องการความช่วยเหลือถือเป็นจุดเล็ก ๆ ท่กี ระจายอยู่ในพื้นท่ี
หมู่บ้าน ผคู้ น ดังนนั้ Thailand Creative Content จะต้องสอ่ื สารข้อมูลการสนับสนุนของภาครัฐลงไปถึงการ
รับรู้ในพื้นที่ชุมชน เพื่อให้กลุ่มผู้ผลิตรับรู้ถึงสิ่งที่ควรทำหรือควรหลีกเลี่ยงได้ดียิ่งข้ึน รวมถึงรับรู้อะไรที่ภาครัฐ
จะสนบั สนนุ อย่างเน้นหนกั ในอนาคต
2) การวิจัยและพัฒนา วางรากฐานสำคัญในการสร้างนวัตกรรม การค้นหากรอบแนวคิดใหม่ ๆ ที่จะ
ต่อยอดเป็น “ผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์” ซึ่งปัจจุบนั ภาครัฐไดส้ ่งเสริมการวิจัยและพัฒนาผ่านส่วนราชการจาก
หลายหน่วยงาน ตลอดจนสถาบันการศึกษาในปัจจุบันพยายามมีบทบาทเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างองค์ความรู้
ทางวิชาการไปสู่ภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งการศึกษาครั้งนี้เล็งเห็นว่าเป็นภาคส่วนที่สำคัญในการสร้างเชื่อมโยง
ความคิดไปสกู่ ารปฏบิ ัตไิ ดด้ ีมากขน้ึ
3) การจัดพื้นที่เพื่อแสดงความสามารถของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง
เพราะรากฐานสำคัญของการสร้างเศรษฐกจิ บนฐานความรู้ ความคิดสร้างสรรค์มาจากการได้รบั ประสบการณ์
หรอื แลกเปลี่ยนความคิดมุมมองระหว่างผู้คน การจัดพื้นท่ีให้เกดิ การแสดงความสามารถย่อมดีต่อภาพรวม สิ่ง
ที่จะขาดมิได้ คือ “ความต่อเนื่อง” ของกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งภาครัฐควรมีบทบาทสนับสนุนอย่างยิ่งเพื่อลด
ตน้ ทนุ ของภาคเอกชนลง
4) การปรับตัวทางการคา้ รองรับการเขา้ สยู่ ุคดจิ ทิ ัลและตลาดออนไลน์ เป็นเงือ่ นไขทมี่ อิ าจหลีกเลี่ยงได้
ในอนาคต และเปน็ เหตุอันสมควรทีผ่ ูป้ ระกอบการทุกระดบั จำเป็นต้องเข้าใจและแสวงหาประโยชน์จากโลกใน
ยุค Internet of Thing ซึ่งปรากฏผลอย่างเด่นชัดในกรณีของอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ การพิมพ์ อุตสาหกรรม
สื่อบันเทงิ แขนงต่าง ๆ ท่ีได้รับผลโดยตรง ขณะที่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ก็ “รอ” ทีจ่ ะได้รบั ผลจากการเปลย่ี นแปลง
ทางบวกหรือลบขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวของธุรกิจนั้น ๆ เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการจะต้อง
ยอมรับการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้ทันต่อสภาวการณ์ดังกล่าว แต่หน่วยงานภาครัฐถือเป็นช่องว่างทาง
นโยบายที่สำคัญที่ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในภาพรวม และออกแบบนิเวศ
ทางเศรษฐกจิ ทีเ่ อื้อตอ่ ผ้ปู ระกอบการทุกระดบั ในกลุ่มอตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ
4. ทรัพยส์ นิ ทางปญั ญา
หัวใจสำคัญของเศรษฐกิจสร้างสรรค์อยู่ที่การผลิตที่อาศัยความคิด การต่อยอดพัฒนา จึงอยู่ที่การ
สร้างระบบคมุ้ ครองทรพั ยส์ นิ ทางปัญญาทร่ี ัดกุม และมตี น้ ทุนทางธุรกรรมทต่ี ำ่ โดยมีขอ้ เสนอสำคัญคอื
1) การส่งเสริมให้เกิดการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาและมีมาตรการจูงใจให้ผู้ประกอบการที่จด
สิทธิบัตรหรือทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในกรณีที่เกิด
ปัญหาการละเมิด การดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะผลการศึกษาพบว่าผู้ประกอบการในกลุ่ม
อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรักษาประโยชน์ผ่านช่องทางการคุ้มครองทรัพย์สินทาง
P a g e | 216
ปัญญามากนัก ส่วนหนึ่งอาจเกิดขึ้นจากไม่เห็นประโยชน์ และ/หรือมีต้นทุนทางธุรกรรมค่อนข้ำงามาก
โดยเฉพาะอย่างย่ิงหากพจิ ารณาจากมุมของผปู้ ระกอบการขนาดเลก็ ขนาดย่อม รวมถึงนกั ออกแบบสร้างสรรค์
ต่าง ๆ ท่สี ะทอ้ นตอ่ เร่ืองการขึ้นทะเบียนทรัพยส์ นิ ทางปัญญา
2) ควรกำหนดมาตรการควบคุม กำกับดูแลการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เป็น Online Platform อย่างชัดเจน
เช่น streaming, การผลิตซำ้ สือ่ ประเภทต่าง ๆ ทเ่ี ผยแพรท่ างระบบออนไลน์ เพื่อรองรับการคุ้มครองทรัพย์สิน
ทางปญั ญาที่เขา้ กบั การดำเนนิ ชวี ติ การคำ้ และธุรกจิ เชน่ ในปจั จุบัน
3) ควรกำหนดใหก้ ารจดทะเบียนทรัพย์สนิ ทางปัญญาลักษณะต่าง ๆ ของกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
เป็นหนึ่งในดชั นีชี้วดั ที่สำคัญในการวัดระดับความก้าวหน้ำ และเปน็ ตวั ชวี้ ดั เป้าหมายของหน่วยงานที่เก่ียวข้อง
เพ่ือใหเ้ กดิ การขับเคล่ือนแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกจิ สร้างสรรค์ต่อไป
• กลยุทธ์เศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีผลต่อความสำเร็จขององค์กรธุรกิจ: กรณีศึกษา
ผ้ปู ระกอบการอุตสาหกรรมภาคกลางตอนบน
ภาคอุตสาหกรรมถือเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญที่ทำรายได้จำนวนมากให้กับประเทศไทย ปัจจุบัน
อุตสาหกรรมในแต่ละจังหวัดได้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และ
พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ในภาคกลางตอนบนเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างย่ิง
เนื่องจากมีทำเลที่ตั้งดีอยู่ใกล้เมืองหลวง การคมนาคมขนส่งที่สะดวก มีอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก
ผปู้ ระกอบการอตุ สาหกรรมจะดำเนินธุรกจิ ให้สามารถแข่งขนั ในตลาดโลกได้จำเปน็ ต้องมุง่ แสวงหาแนวทางการ
พัฒนาใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันก้าวสู่เศรษฐกิจยุคใหม่จากการปรับเปลี่ยนสินค้าและ
บริการที่ใช้การขับเคลื่อนความเจริญเติบโตด้วยปัจจัยการผลิต มาเป็นแนวโน้มของสินค้าและบริการที่ใช้การ
ขับเคลื่อนความเจริญเติบโตด้วยความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์เศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อพัฒนา
สินค้าและบริการใหม่ในการสร้างหรือเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการโดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรมากนัก แต่ใช้
ความคิด สติปัญญา และความสร้างสรรค์ให้มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการผลิตสนิ ค้าท่ีต้องต่อสู้ด้วยราคาเปน็ หลกั
เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้าได้อย่างเสรีทั้งในด้านคุณภาพและราคา ซึ่งการที่ผู้ ประกอบการ
อุตสาหกรรมใช้กลยุทธ์เศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ยอ่ มมผี ลต่อความสำเรจ็ ขององคก์ รธรุ กิจ
ข้อมูลทวั่ ไปของอุตสาหกรรม จากกลมุ่ ตัวอย่างพบวา่ อุตสาหกรรมภาคกลางตอนบนเปน็ อตุ สาหกรรม
ขนาดย่อมมากที่สุด (ร้อยละ 48.20) รองลงมาเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (ร้อยละ 28.40) และอุตสาหกรรม
ขนาดกลาง (ร้อยละ 23.40) มีระยะเวลาดำเนินธุรกิจประมาณ 15 ปี ขณะที่ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้าน
ทรัพย์สินทางปัญญาจากกลุ่มตัวอย่าง พบว่าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเกินครึ่งดำเนินธุรกิจโดยไม่มีการจด
ทะเบียนทรัพย์สนิ ทางปญั ญา (ร้อยละ 58.00) และจดทรัพย์สินทางปัญญา (ร้อยละ 42.00) โดยทรัพย์สินทาง
ปญั ญาทจ่ี ดทะเบียนมากท่ีสดุ ได้แก่ เครือ่ งหมายการคา้ รองลงมาเป็นลิขสทิ ธ์ิ สิทธิบัตร และเปน็ อนุสทิ ธิบัตร70
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการที่มีผลต่อความสำเร็จของ
องคก์ รธุรกจิ
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีความรู้ความเข้าใจในระดับมาก
รอ้ ยละ 66.10 ความรูค้ วามเขา้ ใจในระดบั ปานกลางร้อยละ 31.40 และความรคู้ วามเข้าใจในระดับน้อยร้อยละ
2.50 ขณะที่ความสำเร็จขององค์กรธุรกิจพบว่าในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยความสำเร็จมากอันดับหน่ึง
70 งานวิจยั กลยทุ ธ์เศรษฐกิจสรา้ งสรรคท์ ม่ี ผี ลต่อความสำเร็จขององคก์ รธรุ กจิ : กรณศี ึกษาผปู้ ระกอบการอุตสาหกรรมภาคกลางตอนบน. สุพาดา
สริ ิกตุ ตา มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ. วารสารเกษตรศาสตร์ (สังคม) ปีท่ี 34: 428-439(2556).
P a g e | 217
ไดแ้ ก่ อัตรารอ้ ยละของความสำเรจ็ ในการทำธรุ กจิ รองลงมา คือ ความพงึ พอใจของลกู คา้ ต่อสินค้า ความมั่นคง
ในการประกอบธุรกิจ จำนวนลูกค้าในปีปัจจุบันเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และรายได้จากการดำเนินธุรกิจ
ตามลำดบั ส่วนความสำเร็จด้านผลกำไรกล่มุ ตัวอยา่ งมีความคิดเห็นอยใู่ นระดับปานกลาง
ผลการวเิ คราะห์ความแปรปรวนทางเดยี วพบว่าผู้ประกอบการท่มี ีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจ
สร้างสรรค์มากจะมีความสำเร็จด้านผลกำไร ด้านอัตราร้อยละของความสำเร็จในการทำธุรกิจมากกว่า
ผู้ประกอบการที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์น้อย เนื่องมาจากผู้ประกอบการที่มีความรู้
ความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์มากจะมีวิธีการคิดนอกกรอบ ทำให้นำแนวคิดหรือกลยุทธ์ใหม่ ๆ มา
ใช้ในองค์กรธุรกิจ และให้อิสระเสรีกับพนักงาน สามารถนำความคิดสร้างสรรค์ในตัวเองและความคิด
สร้างสรรคจ์ ากทมี งานมาต่อยอดสร้างมลู คา่ เพ่ิมให้กับสินค้าและบริการ ซง่ึ สอดคล้องกับงานวิจยั ของ Jerab et
al. (2011) ที่พบว่าทักษะการจัดการความรู้เป็นตัวแปรหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จขององค์กรธุรกิจ และ
งานวิจัยของ Cunningham (2004) ทีพ่ บว่าเจา้ ของอตุ สาหกรรมต้องมีความเข้าใจในลักษณะและบทบาทของ
การสรา้ งสรรค์ ซ่งึ จะชว่ ยให้ธรุ กจิ ดำเนินธุรกจิ ตอ่ ไปได้ และชว่ ยขบั เคล่ือนการเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกจิ
ความสัมพันธ์ระหว่างคุณลักษณะของผู้ประกอบการเชิงสร้างสรรค์กับความสำเร็จขององค์กร
ธุรกจิ
กลุ่มตัวอย่างมีคุณลักษณะเชิงสร้างสรรค์ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะคุณลักษณะที่มีความ
ใฝ่ฝันที่จะประสบความสำเร็จมากที่สุด รองลงมาคือ มีความสุขและสนุกกับการทำงาน ชอบเรียนรู้อยู่
ตลอดเวลา ชมเชยลูกนอ้ งที่ขยันทำงานและมีความคิดสร้างสรรค์ และใช้ความสามารถในการบริหารจัดการใน
การแกป้ ัญหาต่าง ๆ ตามลำดบั
ผลการวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ พบว่าคุณลักษณะของผู้ประกอบการเชิงสร้างสรรค์มี
ความสัมพันธ์กับความสำเร็จขององค์กรธุรกิจ โดยตัวแปรที่มีความสัมพันธ์มากที่สุด ได้แก่ อัตราร้อยละของ
ความสำเรจ็ ในการทำธุรกิจ รองลงมาได้แก่ ความมนั่ คงในการประกอบธรุ กิจ ผลกำไร ความพงึ พอใจของลูกค้า
ต่อสินค้า และรายได้จากการดำเนินธุรกิจ โดยมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับต่ำมาก เนื่องจาก
ความสำเร็จขององค์กรธุรกิจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยผู้ประกอบการที่มีคุณลักษณะเชิงสร้างสรรค์ชอบเรียน
รู้อยู่ตลอดเวลา มีจินตนาการ มีความสุขกับการทำงานใช้ความสามารถในการแก้ปัญหา ย่อมจะทำให้องค์กร
ธุรกิจประสบความสำเร็จในหลาย ๆ ด้าน สอดคล้องกับงานวิจัยของ Schuler and Jackson (1987) ที่พบว่า
คุณลักษณะของผู้บริหารระดับสงู โดยเฉพาะคุณลักษณะของผู้จัดการ ด้านทักษะ ความสามารถ คุณค่า ทัศนะ
และบุคลิกภาพ มีความสัมพันธ์กับการใช้กลยุทธ์ของธุรกิจซึ่งจะส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรธุรกิจ และ
นราเขต (2552) พบว่าคุณลักษณะของผู้ประกอบการมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความสำเร็จของ
ผู้ประกอบการธุรกิจ
กลยุทธ์เชิงสร้างสรรค์และระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จขององค์กร
ธรุ กจิ
กลุ่มตัวอย่างมีการใช้กลยุทธ์เชิงสร้างสรรค์ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และการใช้กลยุทธ์ทุกด้านอยู่
ในระดบั มาก อนั ดับหนึง่ ไดแ้ ก่ กลยุทธ์การสร้างความแตกตา่ งของผลิตภัณฑ์ รองลงมาได้แก่ กลยุทธ์การผลิต
ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กลยุทธ์ด้านนวัตกรรม กลยุทธ์ด้านการตลาด กลยุทธ์ด้านพนักงาน กลยุทธ์การเป็น
พันธมติ ร นอกจากนีร้ ะยะเวลาในการดำเนินธรุ กจิ ของผูป้ ระกอบการโดยเฉลย่ี ประมาณ 15 ปี
กลยุทธ์เชิงสร้างสรรค์มีทั้งหมด 6 กลยุทธ์ ผลการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ พบว่ามี 3 กลยุทธ์
ได้แก่ กลยุทธ์ด้านการตลาด กลยุทธ์ด้านพนักงาน และกลยุทธ์การเป็นพันธมิตร มีอิทธิพลต่อความสำเร็จของ
องคก์ รธุรกจิ ในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยตวั แปรดังกล่าวมีอิทธพิ ลต่อความสำเร็จขององค์กรธุรกิจ
P a g e | 218
ร้อยละ 13.9 สว่ นกลยุทธก์ ารสร้างความแตกตา่ งดา้ นผลิตภณั ฑ์ กลยทุ ธก์ ารผลติ ทเี่ ปน็ มิตรสง่ิ แวดลอ้ ม กลยุทธ์
ด้านนวตั กรรม และระยะเวลาในการดำเนนิ ธุรกิจ ไมม่ ีอทิ ธพิ ลตอ่ ความสำเร็จขององคก์ รธรุ กิจ
เมื่อพิจารณาจากค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยมาตรฐาน พบว่าตัวแปรทีส่ ามารถอธิบายความสำเร็จของ
องค์กรธุรกิจในภาพรวมมากที่สุด ได้แก่ กลยุทธ์ด้านการตลาด รองลงมาได้แก่ กลยุทธ์ด้านพนักงาน และกล
ยุทธ์การเป็นพันธมิตร โดยทุกตัวแปรมีความสัมพันธ์เชิงบวก เนื่องจากผู้ประกอบการใช้กลยทุ ธ์ด้านการตลาด
เพื่อให้ลูกค้ารับรู้คุณสมบัติของสินค้า จดจำตราสินค้าและระลึกถึง มุ่งธำรงรักษาลูกค้า จึงติดต่อสื่อสารกับ
ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ใช้การส่งเสริมการตลาดเพื่อให้ขายสินค้าได้ รวมทั้งมุ่งการขายคุณค่าของผลิตภัณฑ์
ตลอดจนมุ่งหาตลาดใหม่ รักษาลูกค้าเดิม จึงเป็นกลยุทธ์ที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กรธุรกิจ
สอดคล้องกับงานวิจัยของ Eelko (2002) ที่พบว่าการมุ่งเน้นการส่งมอบคุณค่าที่เหนือกว่าให้กับลกู ค้าเป็นกล
ยุทธ์ที่มีผลต่อความสำเร็จขององค์กรธุรกิจ ขณะท่ีแนวคิดของ Kotler and Armstrong (2004) กล่าวว่ากล
ยุทธ์การตลาดที่องค์กรธุรกิจใช้ โดยการนำเสนอ การแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าเพื่อให้ลูกค้าได้รับ
ผลิตภัณฑจ์ ากการสรา้ งสรรค์
กลยทุ ธ์พนกั งานมีอทิ ธิพลต่อความสำเรจ็ ขององค์กรธุรกิจ เนื่องจากคนเป็นผู้ที่คิดรเิ ริ่มวางแผนในการ
ทำงานทุกอย่าง และผู้บริหารต้องใช้กลยุทธ์ให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุข สนุกกับงาน จะทำให้สามารถ
เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ย่อมส่งผลให้สินค้าหรือบริการมีคุณภาพหรือสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ตลอดจน
กระตุ้นให้พนักงานมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ให้อิสระในทางความคิด
เชงิ สร้างสรรค์ ซ่งึ จะสง่ ผลให้เกดิ วิธีการหรือผลติ ภณั ฑ์ใหม่ ๆ สอดคล้องกับงานวจิ ัยของ Carol (1998) ทพ่ี บวา่
ปัจจัยสู่ความสำเร็จมี 3 ปัจจัยหลัก อันดับหนึ่งได้แก่ คน รองลงมา ได้แก่ เทคโนโลยีและโครงสร้าง โดยคน
เป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ และงานวิจัยของ Christopherson (2004) พบว่าคนเป็นหัวใจสำคัญของการ
พัฒนาเศรษฐกิจใหม่ โดยมุ่งเน้นการสร้างทักษะให้กับพนักงาน และผู้ประกอบการต้องเป็นผู้ปรับเปลี่ยนการ
สรา้ งทักษะและต้องร่วมกับทกุ ภาคส่วน
กลยุทธ์การเป็นพันธมิตรมีอิทธิพลต่อความสำเร็จขององค์กรธุรกิจ เนื่องมาจากการจะทำธุรกิจให้
ประสบความสำเร็จ ผู้ประกอบการ/ผู้บริหารต้องเป็นพันธมิตรกับผู้ขายปัจจัยการผลิตเพื่อจะได้มีวัตถุดิบ
ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตตลอดเวลา เป็นพันธมิตรกับลูกค้าเพื่อสร้างสัมพันธ์ไมตรี สร้างความไว้วางใจ
ตลอดจนเปน็ พนั ธมิตรกบั คูแ่ ข่งขันจะได้ไม่ต้องแข่งขนั แยง่ ชิงสว่ นแบ่งตลาดด้วยสงครามราคา นอกจากน้ีมีการ
รวมตัวจดั ตง้ั เป็นชมรมหรือสมาคมของแต่ละประเภทอุตสาหกรรมหรือธุรกิจท่ีอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเดียวกัน
โดยผู้บริหารในนคิ มจะพบปะกับแลกเปลี่ยนความคดิ เห็น คุยกันในเร่ืองธุรกิจและเรื่องต่าง ๆ ซึ่งย่อมส่งผลต่อ
ความสำเร็จขององค์กรธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ Monczka, Petersen, Handfield and Ragatz
(2007) ที่พบว่ากลยุทธ์พันธมิตรกับผู้ขายปัจจัยการผลิตมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับ
ความสำเร็จของหุ้นส่วน ทำให้เกิดความไว้วางใจและการประสานงาน การพึ่งพาซึ่งกันและกัน มีการแบ่งปัน
ข้อมูล แก้ปัญหาในการทำงาน หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และหาแนวทางปฏิบัติ สอดคล้องกับงานวิจัยของ
Luthans, Rosenkrantz and Hennessey (1985) ที่พบว่ากิจกรรมปฏิสัมพันธ์กับบุคคลภายนอกและสังคม
ชมุ ชน มอี ิทธิพลเชิงบวกกบั ความสำเรจ็ ของผ้บู ริหารอยา่ งมีนยั สำคัญทางสถิติ
ขอ้ เสนอแนะ
1. ผู้ประกอบการ/ผู้บริหารอุตสาหกรรมควรใช้กลยุทธ์การตลาดเชงิ สร้างสรรค์ โดยใช้การตลาดที่มุ่ง
ความสมั พนั ธ์ซึ่งให้ความสำคัญกับลูกค้า มกี ารตดิ ตอ่ สื่อสารกับลูกคา้ อย่างต่อเนื่องเพ่ือธำรงรักษาลูกค้าไว้ การ
ขายสินค้าและบริการควรมุ่งเน้นการส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้า และสามารถถ่ายทอดให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึง
คณุ ค่าในสนิ ค้าและบริการ จะส่งผลใหล้ ูกค้าเกิดความพึงพอใจ นอกจากนผี้ ู้ประกอบการควรสรา้ งตราสินค้าให้
P a g e | 219
เปน็ ท่ีจดจำและลูกค้าระลึกถงึ อยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างความภักดีต่อตราสนิ คา้ จะทำให้สามารถรักษาฐานลูกค้า
เดิมและขณะเดยี วกนั ก็พยายามหาตลาดใหม่
2. ผปู้ ระกอบการ/ผบู้ ริหารอุตสาหกรรมควรใช้กลยทุ ธ์พนักงานสร้างสรรค์ในการบริหารงานเพื่อสร้าง
creative talent โดยสร้างบรรยากาศในการทำงานให้เป็น happy workplace กระตุ้นโดยมีเวทีรองรับและ
เปิดโอกาสให้สังคมพนักงานเป็นสังคมที่แสดงออก มีการระดมความคิด กระตุ้นให้พนักงานเป็นนักคิด
ตลอดเวลาโดยคิดเป็นระบบในการค้นหาคำตอบที่ดีที่สุด และการคิดนอกกรอบโดยใช้ความสามารถในการ
ค้นหาคำตอบที่เปน็ ไปได้ ตลอดจนการดงึ พนักงานเขา้ มามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมใน
กระบวนการเปล่ยี นแปลง และการสนบั สนนุ ให้พนักงานมคี วามอดทน
3. ผู้ประกอบการ/ผู้บริหารอุตสาหกรรมควรใช้กลยุทธ์การเป็นพันธมิตรเพิ่มมากยิ่งขึ้นกับคู่ค้าและ
ผู้ขายปัจจัยการผลิต โดยการพบปะ หาวธิ ีการรว่ มทนุ ชว่ ยเหลือดา้ นการลงทนุ
4. ผูป้ ระกอบการ/ผู้บริหารอุตสาหกรรมตอ้ งมคี ุณลกั ษณะเชิงสร้างสรรค์ โดยชอบเรยี นรอู้ ยู่ตลอดเวลา
มีความสุขและสนุกกับการทำงาน ใช้ความสามารถในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหา มีความเข้าใจในแนวคิด
เศรษฐกิจสร้างสรรคแ์ ละนำแนวคิดมาประยุกตใ์ ช้ในการดำเนินธรุ กจิ
มรดกวฒั นธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์สู่ Soft power ทีแ่ ขง็ แกร่ง
จากปรากฏการณ์ที่ ลิซ่า แบล็คพิงค์ หรือ ลลิษา มโนบาล ไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปในวงการ K-POP ได้
ปล่อยมิวสิควิดีโอเพลงแรก LALISA เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 เรียกเสียงฮือฮาและมีผู้ชมทั่วโลกทุบสถิติ
โดยฉากที่เป็นกระแสในโลกโซเชียลได้มากที่สุด คือ ฉากที่ลิซ่านำศิลปะของไทยไปประยุกต์ให้เข้ากับความ
เป็นสากลทั้งปราสาทหินพนมรุ้ง การสวมชุดไทย การสวมใส่รัดเกล้าในมิวสิควิดีโอ รายละเอียดเหล่านี้ไม่
เพียงแต่เป็นการหยิบยกวัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก แต่ในไทยเองก็เช่นเดียวกัน นอกจากนี้รัฐ บาลไทย
ได้ออกปากชื่นชมพรอ้ มปลุกกระแส “Soft Power” ข้ึนในไทย และมีแนวคิดสง่ เสริมนำวฒั นธรรมไทยผลกั ดัน
ไปสู่การสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดอุตสาหกรรมส่งออก หรือ “Soft Power” ที่จะช่วยฟื้นเศรษกิจ
หลงั โควดิ -1971
น่ีคือภาพชัดที่ฉายให้เห็นถึงการแปลงวัฒนธรรมเป็นสินทรัพย์มูลค่ามหาศาลของเกาหลีใต้ ประเทศ
ท่ีประสบความสำเร็จอย่างมากในเรื่องยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมและการพัฒนาเศรษฐกิจ ท้ังตึกรามบ้านช่อง
ระบบสาธารณูปโภค การขนส่งมวลชน และหนึ่งในนั้นที่เกาหลีใต้โดดเด่นคือ การใช้ Soft power และการ
ส่งออกทางวัฒนธรรม (Cultural export) ในการปรับรายได้ต่อหัวท่ีประมาณ 250 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี สู่
2,500 ดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็ว ขึ้นแท่นประเทศที่ร่ำรวยได้ในระยะเวลาไม่ก่ีสิบปี โดยที่ผ่านมาซีรีส์และ
เพลงจากฝั่งเกาหลีใต้บุกตลาดเอเชียอย่างหนัก ซึ่งเกาหลีใต้เองต้องการตีตลาดให้กว้างจากฐานเดิม สังเกต
ได้จากความสำเร็จของภาพยนต์ 'Parasite ชนชั้นปรสิต' ที่คว้ารางวัลออสการ์ เกาหลีใต้จึงเป็นประเทศที่มี
ยุทธศาสตร์ในการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศได้อย่างน่าจับตา และไทยเองก็น่าจะเรียนรู้จากโมเดลนี้ได้72
71 ข่าวกระแสลิซ่า ดนั “Soft Power” ไทยส่อู ตุ สาหกรรมฟื้นประเทศ. เว็บไซต์สำนักขา่ วไทย 18 กันยายน 2564
https://tna.mcot.net/exclusive-tna/special-report-783325
72 Soft power สินคา้ วัฒนธรรม ทางรอดยคุ new normal. เว็บไซตก์ รงุ เทพธรุ กจิ 3 กรกฎาคม 2564
https://www.bangkokbiznews.com/social/887755
P a g e | 220
“ครูเป็ด” นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร ศิลปินผู้คร่ำหวอดในวงการดนตรีและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคกล้า
โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กว่า “ปรากฏการณ์ที่ดังคับโลกคือ LALISA เธอเป็นเมล็ดพันธุ์ไทยก็จริง แต่
เติบโตสุดยอดเพราะได้ดินได้น้ำได้ปุ๋ยของเกาหลีใต้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควรจะดีใจไปด้วยคิดตามไปด้วย...ธุรกจิ
บันเทิงเป็นหนึ่งในสิ่งที่เราเรียกว่า Soft power หรือธุรกิจที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ ประเทศไทยเป็น
แหล่งของความคิดสร้างสรรค์มากมาย แตเ่ ราต้องเลือกให้ถูกวา่ อันไหนโตได้อันไหนโตยาก อย่างธุรกิจบันเทิงมี
ข้อจำกัดเรื่อง Eco system ก็อาจจะต้องยอมรับว่าเราทำได้แค่นี้จริง ๆ แต่เรามี Soft power ด้านอื่นท่ี
น่าสนใจ เช่น อาหาร สมุนไพร ฯลฯ ที่สามารถผลักดันไปสูร่ ะดับโลกสรา้ งรายไดใ้ ห้ประเทศไทยอย่างมหาศาล
ผมเชื่ออยู่ลึก ๆ ว่า Soft power จะเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจของประเทศไทยในยุคใหม่ที่เราจะมองข้ามไม่ได้
เพยี งแตจ่ ะหยิบตวั ไหนขน้ึ มาผลักดนั อนั น้ีเป็นเรอื่ งสำคญั ท่ตี ้องเลือกให้ถูก”73
นอกจากนี้กระแสลูกชิ้นยืนกินของลิซ่าซึ่งเป็นเมนูที่จังหวัดบุรีรัมย์ใช้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมานาน เมื่อ
วัฒนธรรมอาหารกำลังเบ่งบาน การท่องเที่ยวเชิงอาหารจึงเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ประเทศ
ไทยมีจุดแขง็ ในด้านน้มี าตง้ั แต่ในอดีต และสามารถตอ่ ยอดสู่ Creative Tourism ได้ โดยตลาด Gastronomy
Tourism มีมูลค่ากว่าล้านล้านดอลลาร์ จากตัวเลขในปี 2019 ท่ีมีมูลค่า 1.11 ล้านล้านดอลลาร์ คาดว่าจะ
เติบโตร้อยละ 16.8 ต่อปี และปลายปี 2027 ตลาดเที่ยวไปกินไปจะมีมูลค่าสูงถึง 1.79 ล้านดอลลาร์ สำหรับ
ประเทศไทยเองก่อนการแพรร่ ะบาดของโควิด-19 มีการประเมินว่าการท่องเทย่ี วเชิงอาหารมรี ายได้ร้อยละ 20
จากการท่องเที่ยวทัง้ หมด คิดเป็นมูลค่า 4.56 แสนล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นรายได้จากนกั ท่องเที่ยวต่างชาติ 2.82
แสนล้านบาท และนักท่องเทยี่ วชาวไทย 1.74 แสนล้านบาท
ประเทศไทยพัฒนา Gastronomy Tourism ทกี่ ำลังเปน็ ดาวร่งุ มีความต้องการจากคนรนุ่ ใหม่สูงข้ึน
เรื่อย ๆ และมุ่งไปสู่แนวโน้มที่ว่านักท่องเที่ยวเจนใหม่ไม่ได้อยากไปกินอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องการ
ประสบการณ์เชิงอาหารที่ยกระดับการกินไปสู่การลงมือทำหรือมีกิจกรรมร่วมกับอาหารที่ทำให้เมนูตรงหน้า
ไม่ใช่อร่อยลิ้นอย่างเดียว แต่ต้องจรุงใจไปพร้อมกัน ที่น่าสนใจคือการท่องเที่ยวอาหารทำให้การท่องเที่ยวเชิง
ท้องถน่ิ และการท่องเท่ยี วชมุ ชนเตบิ โตตามข้ึนไปด้วย เมนูพ้ืนบ้าน ผกั ทอ้ งถน่ิ และความแปลกใหม่ในบางเมนูท่ี
ไม่เคยได้สมั ผสั จากชีวิตเมือง การกินตามวถิ ีท้องถน่ิ จึงมเี สนห่ ์ และเปน็ เสน่ห์ไม่เหมอื นใครทีอ่ ยากแบ่งปันให้ทุก
73 บทสัมภาษณ์ 'ครูเป็ด'ถอดปรากฏการณ์'LALISA' เมล็ดพันธุ์ที่ดีต้องได้ดินได้ปุ๋ยได้น้ำที่ดีถึงจะเติบโตได้เต็มศักยภาพ. เว็บไซต์ไทยโพสต์ 12
กันยายน 2564. https://www.thaipost.net/main/detail/11645
P a g e | 221
คนรู้ผ่านโซเชียลมีเดีย เพราะการสื่อสารในยุคดิจิทัลเป็นตัวเร่งให้ ‘วิถีเข้าใจกิน เข้าใจถิ่น’ ได้รับความนิยม
เพ่ิมขน้ึ และด้วยวฒั ธรรมอาหารของไทยทีเ่ ขม้ แขง็ จนคนทัว่ โลกยอมรับ จงึ มไี ทยติดโผด้วยทกุ ครัง้
นอกจากนี้ Gastronomy Tourism ยังไปสอดรบั กับแนวคิด Creative Tourism ที่มุ่งนำต้นทุนทาง
ภมู ปิ ัญญา วัฒนธรรม วิถีชวี ติ เดมิ ๆ มาสร้างสรรคค์ ุณค่าใหม่ในความรว่ มสมยั ดึงดดู นกั ทอ่ งเท่ียวรนุ่ ใหม่ให้เข้า
มาสร้างความผูกพันกับชุมชนนั้น เรียนรู้วฒั นธรรมอาหารได้อย่างเต็มอิม่ หลายชุมชนทัว่ ไทยทุกภาคทีเ่ ริม่ รู้วา่
เมนพู นื้ บา้ นของตัวเองคือจุดขายท่ีดีเยี่ยม กก็ ำลงั ก้าวเดนิ ไปบนเสน้ ทางสายน้ีเชน่ กนั 74
เว็บไซต์ TasteAtlas ซึ่งเปรียบเสมอื นคู่มือการเดินทางเชงิ ประสบการณส์ ำหรับอาหารแบบดั้งเดิม ที่
รวบรวมสูตรอาหารของแท้ รีวิวนักวิจารณ์อาหาร และบทความวิจัยเกี่ยวกับส่วนผสมและอาหารยอดนิยม ได้
จัดอันดับ Tasteatlas Most Popular Stews in Southeast Asia แกงยอดนิยมในภูมิภาคเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ 10 อันดับ ปรากฏว่าแกงของไทยได้รับความนิยมถึง 5 อันดับ โดยแกงส้มได้รับความนิยม
มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ส่วนแกงเขียวหวานและแกงกะหรี่อยู่อันดับ 2 และอันดับ 3 แกงเผ็ดอันดับ 6 และ
อนั ดับ 10 แกงมัสมัน่ ทั้งน้ี แกงของไทยมสี ว่ นผสมหลกั คือ กะทหิ รือน้ำ เนือ้ สัตว์ และเครือ่ งแกง มักใช้สมุนไพร
และเครือ่ งเทศต่าง ๆ เปน็ ตวั ชรู สชาติ โดยแกงสม้ นิยมใช้ปลาหรอื อาหารทะเลเป็นวัตถุดิบหลัก และมีรสเปรี้ยว
จากมะขามเปยี ก75
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการพูดถึงอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการสร้าง Soft power ที่สำคัญของไทย
ผ่าน “5F” ได้แก่ Food อาหาร, Film ภาพยนตร์, Fashion แฟชั่น, Fighting มวยไทย และ Festival
เทศกาลประเพณี แต่นักวิชาการด้านวัฒนธรรมหลายคนยังกล่าวว่าปัญหาหนึ่งของ Soft power ไทยที่ไป
ได้ไม่ดีเหมือนญ่ีปุ่นหรือเกาหลีใต้ ก็คือ การพัฒนาโครงสร้างงานด้านวัฒนธรรมให้การสร้างสรรค์เพิ่มมากขึ้น
โดยนายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวว่า ยังจำเป็นต้องพัฒนา
โครงสร้างพื้นฐานหรือระบบนิเวศสร้างสรรค์ควบคู่กันไปด้วย ต้ังแต่การบ่มเพาะเยาวชนสร้างสรรค์ การเปิด
พื้นที่ทดลอง จัดแสดงผลงานสร้างสรรค์ มาตรการทางกฎหมายที่ช่วยสนับสนุน กฎระเบียบที่คล่องตัวและ
ไม่เป็นอุปสรรคต่อธุรกิจ ไปจนถึงการส่งเสริมศักยภาพของทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนการสร้างโอกาส
ทางการตลาดใหม่ ๆ เช่น การวิจัยพฤติกรรมและการรับรู้ของผู้บริโภคต่างประเทศ
74 Gastronomy Tourism เทยี่ วไปกนิ ไป ทำไมไม่เคยเอาท์. ONCE online magazine 27 กนั ยายน 2564. https://onceinlife.co/gastronomy-
tourism
75 10 Most popular Southeast Asian Stews. TasteAtlas. January 13, 2021. https://www.tasteatlas.com/most-popular-stews-in-
southeast-asia และ https://www.facebook.com/destinationsoutheastasia/
P a g e | 222
นับจากวันที่เกาหลีส่งออกคอนเทนต์ลง Netflix : Soft Power ช่วยสร้างเศรษฐกิจในเกาหลีใต้อย่าง
มหาศาล โดยหลังจาก Netflix ได้ปล่อยซีรีส์ Squid Game ออกมาได้รับการตอบรับจากคนดูล้นหลาม ทำ
สถติ ิตดิ อนั ดับ 1 ใน 94 ประเทศ และทำลายสถติ ิซีรสี ์ที่มีคนดเู กิน 100 ล้านบญั ชหี ลังปลอ่ ยมาได้ไม่ถึง 28 วัน
ซงึ่ ถือเปน็ ซรี ีส์เรื่องแรกของ Netflix ทีส่ ร้างปรากฏการณ์นี้ได้ นอกจากกระแสทเ่ี ปน็ ทพ่ี ูดถึงท่ัวโลกแล้ว Squid
Game ยังสร้างผลกระทบมาถึงวงการอื่นด้วย เพราะต่างจับกระแสซีรีส์ดังผลิตสินคา้ ออกมาจำหน่ายมากมาย
โดยล่าสุด Netflix ได้ร่วมกับ Walmart เตรียมผลิตสินค้าท่ีมาจากซีรสี ์ที่ได้รับความนยิ มบนแพลตฟอร์มอย่าง
Squid Game และ Stranger Things
แม้ว่า Squid Game ยังฉายในแพลตฟอร์มอยู่และยังไม่มีสรุปตัวเลขรายได้ของซีรีส์เรื่องนี้อย่างเป็น
ทางการ แต่ตัวเลขเม็ดเงินที่เกาหลีได้จากการร่วมสร้างคอนเทนต์ลงแพลตฟอร์ม Netflix ซึ่งเป็นการจัดทำผล
สำรวจระหว่าง Netflix กับ Deloitte ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016-2020 สิ่งที่น่าสนใจจากรายงานฉบับนี้คือ การผลิต
คอนเทนต์บันเทิงลงแพลตฟอร์มไม่เพียงสร้างรายได้กลับมาหาทีมสร้างซีรีส์เท่านั้น แต่ส่งต่อมาถึงการเติบโต
ของผู้ประกอบการในอตุ สาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ อตุ สาหกรรมอ่ืน ๆ หรือแม้กระทงั่ อัตราจา้ งงานทีเ่ พ่ิมข้ึนใน
ธรุ กิจเหลา่ น้ัน จนส่งผลมาถงึ ภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศ โดยมีรายละเอียดการเติบโตและการจ้างงานของ
แต่ละหน่วยธุรกิจมีอัตราส่วน ดังนี้ (1) กิจการทีมผู้สร้างและกระจายคอนเทนต์ (ภาพยนตร์ ซีรีส์และรายการ
บนั เทิง งานอนิเมชนั ) ทำรายไดห้ นุน GDP คดิ เป็นเงนิ ประมาณ 2.7 ล้านล้านวอน เกดิ การจา้ งงานเฉลย่ี 6,000
คน (2) ธุรกิจสื่อบันเทงิ สร้างสรรค์อื่น ๆ (สิ่งพิมพ์/เว็บตูนและการต์ ูน/ดนตรี) ทำรายได้หนุน GDP คิดเป็นเงิน
ประมาณ 1 แสนล้านวอน กิดการจ้างงานเฉลีย่ 400 คน (3) ธุรกิจอื่น ๆ (ท่องเที่ยว/อาหาร/เคร่ืองสำอางและ
ความงาม/แฟชั่น) ทำรายได้หนุน GDP คิดเป็นเงินประมาณ 2.7 ล้านล้านวอน เกิดการจ้างงานเฉลี่ย 10,000
คน
สำหรับกลุ่มธุรกิจบันเทิงสร้างสรรค์อื่น ๆ ถือว่าได้รับอานิสงส์จากซีรีส์และภาพยนตร์ที่ฉายบน
Netflix พอสมควร เพราะผู้ชมร้อยละ 42 ตามมาเสพคอนเทนต์อื่น แบ่งเป็นเว็บตูนร้อยละ 25 วรรณกรรม
ร้อยละ 11 นอกจากนี้การกระจาย K-content ไปทั่วโลกผ่าน Netflix ยังส่งผลต่ออุตสาหกรรมอื่นที่ไม่
เกี่ยวข้องกับการผลิตหนัง ซีรีส์ และธุรกิจบันเทิงสร้างสรรค์ด้วย โดยมีอัตราการเติบโตภายใน 5 ปี ได้แก่
ท่องเที่ยวร้อยละ 51 อาหารร้อยละ 221 ความงามร้อยละ 150 แฟชันร้อยละ 210 ที่สำคัญเมื่อพิจารณา
เฉพาะปี ค.ศ. 2020 พบว่าทำรายได้เข้าประเทศหนุน GDP ประมาณ 2.3 ล้านล้านวอน และเกิดการจ้างงาน
เฉลี่ย 5,000 กว่าตำแหน่ง อีกทั้งยังได้รับเงินลงทุนจาก Netflix มาแล้วเป็นจำนวนเงินกว่า 7 แสนล้านวอน
และในปีน้ีมแี ผนว่า Netflix ลงทุนสรา้ ง K-content ลงแพลตฟอรม์ อีกประมาณ 5 แสนลา้ นดอลลาร์ฯ
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเกาหลีใต้ผลิตและส่งออกคอนเทนตต์ ่าง ๆ เผยแพร่ผา่ น Netflix ไปทั่วโลกถงึ 80
รายการ ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โดยเน้นประเด็นที่พูดถึงกันในระดับสากล ผสมผสานการถ่ายทอดและ
นำเสนอเร่อื งราวตามแบบฉบับของเกาหลีท่ีครองใจผชู้ ม ส่งผลมาสกู่ ารเสพตวั วัฒนธรรมหรือเรื่องราวจากคอน
เทนต์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิงในรูปแบบอื่น เช่น อาหาร ของกิน เสื้อผา้ เพลง การต์ นู หรอื นยิ าย ฯลฯ 76
ส่วนอตุ สาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทย จากข้อมลู จากกรมการท่องเท่ียว กระทรวงการท่องเท่ียว
และกีฬา ในปี 2564 (มกราคม-ตุลาคม) มีบริษัทภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทยรวม
74 เรื่อง ในพื้นที่ 29 จังหวัด สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 3,460.06 ล้านบาท จังหวัดที่มีการถ่ายทำสูงสุด 6
อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ 35 เรื่อง ภูเก็ต 10 เรื่อง สมุทรปราการ 8 เรื่อง ปทุมธานี 6 เรื่อง พังงา 5 เรื่อง
76 จากวันทีเ่ กาหลสี ่งออกคอนเทนต์ลง Netflix : Soft power ชว่ ยสร้างเศรษฐกจิ ในเกาหลยี งั ไงบ้าง? เวบ็ ไซต์ The Matter 14 ตุลาคม 2564
https://thematter.co/entertainment/korea-soft-power-in-
netflix/157679?fbclid=IwAR3TExd22lhg68G4_Z0ez9sW7TW8TpIHbF7bn8z0xmw5YXmoiPkkEtAOfw4
P a g e | 223
ลำปาง สรุ าษฎร์ธานี นครนายก สมทุ รสาคร นครราชสมี า และเชียงราย 3 เรอื่ ง โดย 5 อันดับประเทศที่สร้าง
รายได้สูงสุดในการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกากว่า 2,511 ล้านบาท ฮ่องกงกว่า 286
ล้านบาท สิงคโปร์กว่า 228 ล้านบาท ฝรั่งเศสกว่า 120 ล้านบาท และจีนกว่า 85 ล้านบาท ทั้งนี้ กอง
ถ่ายภาพยนตร์เรื่อง ‘Beer Run’ และ ‘Beer Run 2’ จากบริษัท INWOOD PICTURES,LLC. สหรัฐอเมริกา
ท่มี นี กั แสดงท่ีมชี ื่อเสียงระดับโลก คอื ‘รสั เซล โครว’์ และ ‘แซ็ก เอฟรอน’ มาถ่ายทำที่ไทยด้วย ท้ังกรุงเทพฯ
เชียงใหม่ ราชบุรี สมุทรปราการ นนทบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้ประมาณการค่าใช้จ่ายในการถ่ายทำ
สร้างรายได้ส่ปู ระเทศไทยกว่า 373 ล้านบาท77
เว็บไซต์ Variety สื่อด้านธุรกิจบันเทิงชื่อดัง เผยว่า สาเหตุที่กองหนังต่างประเทศเลือกประเทศไทย
เป็นสถานที่ถ่ายทำ เพราะมีทีมงานทำหนังที่เก่งกาจ ส่งงานตรงต่อเวลา รวมถึงเป็นบริษัทผู้แทนช่วย
ประสานงานที่ดี ในกรณีนี้คือ Living Films บริษัทโปรดักชั่นเฮ้าส์ที่มีเครดิตร่วมงานกับภาพยนตร์ฮอลลีวูด
หลายเรื่อง เช่น The Hangover Part II, Shanghai, Survivor และ Changeland โดยในเดือนกรกฎาคม
2564 ทมี งานของ Paramount Television และ Apple TV Plus เขา้ มาถา่ ยทำภาพยนตร์เรื่อง Shantaram
ในไทยนอกกรุงเทพมหานคร แต่สตูดิโอถูกสั่งปิดตัวเนื่องจากโควิดระบาดในระลอกที่สาม แต่ถึงที่สุดแล้ว
ทมี งานในไทยกส็ ามารถปิดงานไดต้ รงตามเวลาและงบประมาณท่กี ำหนด สิ่งทที่ ำให้ไทยกลายเปน็ จดุ หมายของ
การถ่ายทำภาพยนตร์ Variety วิเคราะห์วา่ เป็นเพราะไทยมรี ะบบการจัดการท่ีดี มีสตูดิโอถา่ ยทำทีด่ ี ทีมงานมี
ทักษะ และมีระบบคืนเงนิ สำหรบั การผลิตที่ดี (คล้ายกับระบบ Refund เวลาซือ้ สินค้า)78
ขณะที่กระทรวงวัฒนธรรมได้บูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวง
การต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ ขับเคลื่อนงานส่งเสริมและ
เผยแพร่ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ทั้งในและต่างประเทศ ตามแผนงานบูรณาการของคณะกรรมการภาพยนตร์
และวีดิทัศน์แห่งชาติ “Content Thailand” ณ งานตลาดภาพยนตร์นานาชาตินครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐ
77 ข่าวกองถ่ายตา่ งประเทศสร้างรายได้เข้าไทยพันล้าน. เวบ็ ไซต์ WorkpointToday. 21 ตุลาคม 2564. https://workpointtoday.com/film-
production-team/?fbclid=IwAR2FcQvPxRvTILYN69D2Ebp5IP1wL5lkENIbq1-OY2ITKSV-FDLxsaSfEn4
78 ขา่ วเปดิ เบอ้ื งหลัง ‘รสั เซลล์ โครว์’ และ ‘แซค เอฟรอน’ ถา่ ยทำที่ไทย เพราะทมี งานหนงั ไทยเกง่ . Facebook: TODAY Bizview 22 ตุลาคม
2564. https://www.facebook.com/todaybizview/photos/a.111593034412889/209499637955561/
P a g e | 224
ประชาชนจีน ทั้งในรูปแบบปกติภายใต้ชื่องาน Content Thailand Pavilion และรูปแบบออนไลน ในเดือน
มิถุนายน 2564 โดยมีผู้ประกอบการไทยสมัครเข้าร่วมกิจกรรมรวมทั้งสิ้น 8 ราย พร้อมกันน้ีได้นำภาพยนตร์
ไทยไปจัดฉาย 7 เรื่อง ซึ่งผลการเข้าร่วมงานคร้ังนี้ถอื ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถเปิดการเจรจา
ธุรกิจทั้งหมด 46 การเจรจา ประมาณการมูลค่ารวม 59 ล้านบาท นับเป็นการกลับมาเปิดคูหาประเทศไทยใน
ต่างประเทศเป็นครั้งแรกหลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อรองรับบริษัทไทยที่มีสำนักงานสาขา
หรือผู้แทนในจนี ทส่ี ามารถเข้าร่วมงานพบปะผซู้ ื้อภาพยนต์ ละครโทรทัศน์และนกั ลงทุนจีนทต่ี อ้ งการร่วมลงทุน
กับบริษัทไทย เพื่อแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของประเทศไทย รวมทั้งขับเคลื่อน
งานส่งเสริมและเผยแพร่ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ทั้งในและต่างประเทศตามแผนงานฯ Content Thailand
ตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน และยุทธศาสตร์การส่งเสริมภาพยนตร์
และวดี ทิ ศั น์ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560-2564) โดยสนบั สนนุ เผยแพร่ และสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมภาพยนตร์
และวดี ทิ ัศนข์ องไทยในตา่ งประเทศอยา่ งต่อเนื่อง79
ในปี 2021 ดูเหมือน soft power ที่แกร่งและทำงานได้ดีที่สุดน่าจะมาจากประเทศเกาหลีใต้จาก
ศิลปิน K-Pop และซีรีส์ที่ฉายทางเน็ตฟลิกซ์เรื่อง Squid
Game แต่ไม่ใช่ประเทศเกาหลีใต้เท่านั้นที่ส่ง soft power ออกสู่
สายตาชาวโลกเพื่อดึงดูดนานาประเทศ เพราะจากผลการ
ส ำ ร ว จ “Global Soft Power Index 2021” ข อ ง Brand
Finance บริษัทให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์แบรนด์ ได้จัดอันดับ
ประเทศที่มี soft power ทรงพลังที่สุดในโลก 2021 โดยใช้
ตัวช้ีวัด 5 ข้อ ได้แก่
• การรู้จักประเทศของคนท่ัวโลก
• อิทธิพลของประเทศต่อนานาประเทศ
• ช่ือเสียงของประเทศในทางที่ดี
• ประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ของประเทศ (ธุรกิจและ
การค้า การบริหารงานของรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่าง
ประเทศ วัฒนธรรม การสื่อสาร การศึกษาและวิทยาศาสตร์ คุณภาพชีวิตผู้คน)
• ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาการระบาดของ COVID-1980
อันดบั 1 คือ ประเทศเยอรมนี
เป็นแชมป์ soft power ที่มาแรงที่สุด โดย Brand Finance ได้ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะการเมืองที่
เข้มแข็งและการรับมือการโรคระบาดโควิด-19 ได้ดีที่สุดในโลก (จากการโหวตของประเทศทั่วโลก) โดย
พระเอกที่ทำให้เยอรมนีถูกพูดถึงโดยอ้อม คือ บริษัทสัญชาติเยอรมันชื่อไบออนเทค (BioNTech) ท่ีร่วมมือ
กับบริษัทไฟเซอร์ จากอเมริกา ทำให้เกิดวัคซีนที่ผลิตด้วยวิธีใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า mRNA เพื่อปราบโควิด
และหากย้อนไปดู soft power ของเยอรมนีที่ดึงคนให้สนใจประเทศตลอดกาลคือ เบียร์ ท่ีคนท่ัวโลกต่างยก
ย่องว่าเป็นประเทศที่มีเบียร์รสชาติดีและหลากหลายยี่ห้อมากถึง 500 แบรนด์ นอกจากนี้ยังใช้การศึกษา
79 ขา่ ว “อทิ ธพิล” ปลม้ื นกั ลงทุนจีนสนใจรว่ มลงทนุ อตุ สาหกรรมหนงั กับนกั ธรุ กิจไทย ฟันรายไดก้ วา่ 59 ล้านบาท. เวบ็ ไซต์คมชดั ลกึ 30
กรกฎาคม 2564. https://www.komchadluek.net/news/ent/476602
80 “ลิซ่า-ชฎา-ภูเก็ต” Soft Power ไทย อยู่ตรงไหนในสายตาโลก. เว็บไซด์กรุงเทพธุรกิจ 8 ตุลาคม 2564
https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/964820
P a g e | 225
ดึงดูดคนเข้าประเทศ โดยรัฐบาลให้ทุนการศึกษากับนักศึกษาทั่วโลกจำนวนมาก และเพดานค่าเทอมก็ถือว่า
ถูกมาก
อันดับ 2 ญ่ีปุ่น
แดนอาทิตย์อุทัยที่มีการเมืองที่แข็งแรงมากกว่าขึ้นกว่าปีที่แล้ว และนโยบายด้านการพัฒนาคน
โดยเฉพาะประเด็นด้านการขาดแคลนแรงงานวัยหนุ่มสาวท่ามกลางภาวะสังคมผู้สูงอายุ นอกจากนี้งาน
โอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดงานท่ามกลางโรคระบาดโควิด-19 ยังทำได้ดี คงคอนเซ็ปต์ 'น้อยแต่
มาก' เน้นความเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยกระบวนการทางความคิดอย่างลึกล้ำ โดยที่ผ่านมาญี่ปุ่นคือประเทศ
ต้นตำรับแห่งการขยายประเทศด้วยการใช้ soft power มาอย่างยาวนาน ท้ังหนังสือการ์ตูนมังงะ อนิเมะ
อันดับ 3 สหราชอาณาจักร
เป็นปีแห่งความลุ่ม ๆ ดอนๆ จากภาวะการเมือง ประเด็น ‘Brexit’ และการจัดการโควิดที่ล่าช้า
ส่งผลให้ประเทศมีชื่อเสียงไม่ดีพอสมควร โดยจุดแข็งคือวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวยังคงต้องโดดเด่น
เช่นเคย แต่อาจจะถูกพูดถึงน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ soft power ที่ทรงอิทธิพลของสหราชอาณาจักร
คือฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่มียอดชมสะสมไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านคนต่อฤดูกาล และส่ืออันดับโลกอย่าง BBC
อันดับ 4 แคนาดา
แคนาดาเป็นประเทศที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก (รองจากรัสเซีย) โดยจุดเด่นของประเทศ
ไม่ใช่แค่พื้นที่ใหญ่ แต่ยังเปิดกว้างต่อผู้คนทั้งด้านความคิดและสิทธิมนุษยชนที่มีการผลักดันพูดถึงประเด็น
ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชนความเสมอภาค ความเท่าเทียมทาง
สังคม สิทธิสตรี และเยาวชนตลอดมา
อันดับ 5 สวิตเซอร์แลนด์
สวิตเซอร์แลนด์ถูกยกย่องให้เป็นประเทศที่มีการบริหารจัดการที่ดี จากการรักษาสิทธิส่วนบุคคล
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งเป็นที่ทำการของหน่วยงานความร่วมมือระดับโลกจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังแผ่ขยายความเป็นสวิตเซอร์แลนด์ด้วยแบรนด์นาฬิการะดับโลกจนได้รับฉายา ‘ดินแดนแห่ง
นาฬิกา’ หรือ ‘เมืองหลวงแห่งนาฬิกา’ ไม่ใช่ได้มาเพราะจำนวนแบรนด์ที่มากกว่าประเทศอื่น แต่
อุตสาหกรรมนาฬิกาท่ีมีเอกลักษณ์ การพัฒนาคุณภาพ และองค์ความรู้มาอย่างต่อเน่ือง จนเป็นเครื่องหมาย
การันตีได้ว่าสินค้าภายใต้ฉลาก Swiss Made น้ันหมายถึงคุณภาพ
ประเทศไทยติดอันดับที่ 33
ไทยถูกยกย่องให้เป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยวอย่างยาวนาน โดยถูกจัดในกลุ่มประเทศที่ดึงดูด
นักท่องเที่ยวได้ทุกเพศทุกวัย และอยู่ในกลุ่มประเทศที่น่าเดินทางมาเยือนมากที่สุดในเอเชีย ทั้งนี้ Soft
power ของไทยมีศักยภาพสูงและหลากหลาย ในอดีตมีการส่งออกภาพยนตร์องค์บากจนดันให้นักแสดง
ชาย 'โทน่ี จา' เป็นท่ีรู้จักในวงการฮอลลีวูด หรือล่าสุดลิซ่า แบล็คพิงค์สวมชุดไทยพร้อมชฎาไทยโชว์ในเอ็มวี
เพลงเปิดตัวอัลบั้ม Solo ครั้งแรกของเธอเอง ทำให้นานาประเทศฮือฮาไม่น้อย
P a g e | 226
ส่วนการจัดอันดับ 10 ประเทศที่มีอิทธิพลด้านมรดกวัฒนธรรมมากที่สุดในโลก ประจำปี 2021
(World’s Best Countries for Cultural Heritage Influence, 2021) ข อ ง น ิ ต ย ส า ร CEO world
ประจำปี 2021 ยกให้อิตาลีเป็นอันดับ 1 ตามด้วยกรีซ สเปน อินเดีย ส่วนอันดับ 5 เป็นของประเทศไทย
ขณะที่อันดับ 6-10 ได้แก่ โปรตุเกส ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน
และเยอรมนี ตามลำดับ81 ท้ังนี้ นอกจากความเจริญและก้าวหน้า
ทางเศรษฐกิจท่ีบ่งบอกถึงความเป็นสากลของประเทศต่าง ๆ แล้ว
ยังมีปัจจัยสำคัญด้านมรดกทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นจนได้รับการ
ยกย่อง การต่อสู้ทางประวัติศาสตร์ และน่าดึงดูดต่อนักท่องเที่ยว
ทั่วโลก โดยการจัดอันดับได้วิเคราะห์และเปรียบเทียบข้อมูลของ
165 ประเทศ ใน 9 ด้าน ได้แก่ สถาปัตยกรรม มรดกงานศิลป์
แฟชั่น อาหาร ดนตรี วรรณกรรม ประวัติศาสตร์ สถานที่
ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และการเข้าถึงทางวัฒนธรรม82 ซึ่ง
ประเทศที่มีมรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้จึงมีอิทธิพลต่อโลกอย่าง
กว้างขวางมากกว่าด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือการทหาร
นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังได้รับการจัดอันดับให้เป็น
เมืองที่เหมาะกับการทำงานและพักผ่อนที่สุดในโลก (The Best Citities for a Workation
2021) โดย Holidu.co.uk ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำหรับการค้นหาสถานที่พักผ่อนของประเทศอังกฤษ จัด
อันดับ 150 เมืองสำหรับการทำงานและพักผ่อนโดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่สำคัญ สำหรับผู้ที่ทำงาน
และประสงค์จะพักผ่อนในเวลาเดียวกัน ประกอบด้วย 1) ค่าเช่ารายเดือนของที่พัก 2) ค่าเครื่องด่ืมหลังเลิก
งาน ไปจนถึงค่าเฉลี่ยจำนวนชั่วโมงที่แดดออกต่อวัน 3) ความเร็วของสัญญาณไวไฟ 4) กิจกรรมที่น่าสนใจ
ทั้งนี้มีการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือทั้ง BestCities.org และ Tripadvisor.co.uk โดยผล
การรวมคะแนนเมืองสำหรับการทำงานและพักผ่อนที่สุดในโลก มีดังนี้ อันดับ 1 กรุงเทพฯ ประเทศ
ไทย อันดับ 2 กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย อันดับ 3 กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส อันดับ 4 เมืองบาร์เซโล
นา ประเทศสเปน อันดับ 5 กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ร่วมกับกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
อันดับ 7 เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย อันดับ 8 กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี อันดับ 9 กรุงบูคาเรสต์ ประเทศ
โรมาเนีย อันดับ 10 เมืองภูเก็ต ประเทศไทย
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่าสาเหตุที่กรุงเทพฯ ได้รับการ
คัดเลือกเนื่องจากเป็นเมืองที่มีหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทั้ง
พระบรมมหาราชวัง วัดโพธิ์ ตลาดน้ำ รวมถึง Street Food ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับกรุงเทพมหานครมา
ยาวนาน ประกอบประชาชนมีน้ำใจ สามารถพูดภาษาต่างประเทศและต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่าง
ดี รวมถึงอัตราค่าครองชีพยังถูกกว่าหลายประเทศ ทั้งนี้เชื่อว่าหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-
81 Revealed: World’s Best Countries for Cultural Heritage Influence, 2021. Sophie Ireland. CEOWorld Magazine January 31,
2021. https://ceoworld.biz/2021/01/31/best-countries-for-cultural-heritage-influence-2021
82 ข่าว เอนก เสนอไทยปน้ั Soft Power ดงึ มรดกทางวฒั นธรรมเข้าสู่ Netflix ยกเกาหลใี ตท้ ำสำเร็จ ความนยิ มระดับโลก. Facebook: The
Standard 26 ตลุ าคม 2564. https://www.facebook.com/1683658098593742/posts/2883908275235379/
P a g e | 227
19 ดีขึ้น หรือภาครัฐมีการปรับมาตรการเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นจุดหมายที่
นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญอีกคร้ัง83
บทบาทของ ววน. ในการผลักดนั มรดกวัฒนธรรมและเศรษฐกจิ สร้างสรรค์
งานวิจยั Soft power ที่ผา่ นมา
ขณะที่ Soft power จากประเทศเกาหลี จีน ญี่ปุ่น ได้เผยแพร่อิทธิพลเข้ามาในประเทศไทยผ่านส่ือ
ต่าง ๆ ทั้งอุตสาหกรรมบันเทิง ภาพยนตร์ ซีรีส์ ดนตรี การแต่งกาย และอาหาร ทำให้เกิดการขับเคลื่อนทาง
เศรษฐกิจและวัฒนธรรมอย่างมหาศาล รวมถึงใช้ soft power ในความหมายที่มากกว่าการรับรู้ของคนไทย
ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการทูต การเมือง เศรษฐกิจ การลงทุนเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การศึกษา เทคโนโลยี
และนวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อการส่งออก รวมถึงบทบาทในเวทีธุรกิจและการค้าโลก โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งการก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจโลกของจีนแข่งกับสหรัฐอเมริกา ในส่วนของประเทศไทยที่ผ่านมาให้
ความสำคัญกับ Soft power ในฐานะมรดกวัฒนธรรมเป็นหลัก ส่วนความสำคัญในด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์
และการสรา้ งความสมั พันธ์ระหวา่ งประเทศยงั มีบทบาทไม่มากนัก
แม้ประเทศไทยจะมีความร่ำรวยทางมรดกวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์มายาวนาน แต่ใช้องค์ความรู้
ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตลอดจนความคิดสร้างสรรค์เพื่อการออกแบบและพัฒนาให้ต่อยอดสู่
สากลคอ่ นขา้ งน้อย รวมถึงการสนับสนนุ จากหน่วยงานภาครัฐของไทยก็ยังไม่ให้ความสำคัญในยุทธศาสตร์หลัก
หรือวาระแห่งชาติ ต่างจากชาติอื่นที่เป็นผู้นำ Soft power ที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายปรับโครงสร้าง
อุตสาหกรรม ส่งเสริมการแข่งขัน รวมถึงการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น เกาหลีใต้ ที่ทำวิจัย
และพัฒนาเพื่อออกแบบท่าเต้นและสร้างเนื้อหาของภาพยนตร์หรือซีรีส์ต่าง ๆ เพื่อให้มีความเป็นสากล
ทันสมัย เข้าถึงและครองใจกลุ่มผู้ชมทั่วโลกได้อย่างกว้างขวาง ขณะเดียวกันก็สอดแทรกมรดกวัฒนธรรมของ
ชาติตนลงไปอยา่ งแนบเนียน ตลอดจนการทุม่ ทุนสนับสนนุ จากรัฐบาลเกาหลีใต้ในการพัฒนาทรัพยากรมนษุ ย์
เทคโนโลยแี ละนวัตกรรม การจัดต้งั องคก์ รทางวัฒนธรรม เพอ่ื ขยายอิทธพิ ลไปท่ัวโลก
ที่ผ่านมาผลงานวิจัยที่เกี่ยวกับมรดกวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยค่อนข้างมุ่งเน้นไปที่
เร่อื งอาหารและการท่องเที่ยวเป็นหลัก ขณะทีเ่ ศรษฐกจิ และวัฒนธรรมด้านอน่ื ๆ ทจี่ ะสะทอ้ นถึงการเป็น Soft
power ของประเทศไทยยังมีจำนวนค่อนข้างน้อยมาก อย่างไรก็ตามงานวิจัยที่มุ่งให้เกิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์
เร่มิ มจี ำนวนมากขึ้นเม่อื เรม่ิ มีการนำเสนอแนวคดิ ดังกล่าวในแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 10
83 ขา่ ว กทม.ครองแชมป์เมือง Workation เหมาะทำงาน-พักผ่อนท่ีสุดในโลก 2021. เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ 6 กันยายน 2564.
https://www.bangkokbiznews.com/news/958598
P a g e | 228
เป็นต้นมา เพื่อเป็นแนวทางหนึ่งของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างการผลิตให้สมดุลและยั่งยืน
ซึ่งตั้งอยู่บนหลักการพื้นฐานของ “การเพิ่มคุณค่าของสินค้าและบริการ โดยใช้องค์ความรู้และนวัตกรรม”
ผนวกกบั จุดแข็งในดา้ น “ความหลากหลายของทรพั ยากรธรรมชาติ วฒั นธรรม และวิถชี ีวติ ความเปน็ ไทย”
บทบาทของ ววน. และงานวิจยั ในปัจจบุ ัน
หลังจากที่ประเทศไทยติดอันดับ 5 ของประเทศที่มีอิทธิพลด้านมรดกวัฒนธรรมของโลก ประจำปี
2564 จากรายงาน World’s Best Countries for Cultural Heritage Influence, 2021 โดย CEOWORLD
Magazine ซึ่งเป็นนิตยสารด้านธุรกิจที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์
รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม ได้หยบิ ยกประเด็นนม้ี ากล่าวระหว่าง
การประชุมคณะกรรมการบริหารสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
แห่งชาติ (สอวช.) โดยมองวา่ ประเทศไทยมีมรดกทางวัฒนธรรมมากมายทป่ี ระเทศอน่ื ไมม่ ี และเป็นส่ิงที่ไม่ต้อง
ลงทุนซื้อหา แต่สามารถต่อยอดเชื่อมโยงกับจุดแข็งอื่น ๆ ของไทย เช่น อาหารไทย มวยไทย ที่มีเอกลักษณ์ท่ี
โดดเด่นแตกต่างจากชาติอื่น จะเห็นได้ว่าแม้จะมีกีฬามวยทั่วโลก แต่กางเกงมวยไทยขายดีที่สุดในโลก และ
เสนอความเห็นว่าหากประเทศไทยจับมือกบั กลมุ่ ประเทศอาเซียนในเขตภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (CLMV) และอินเดีย
ในรปู ของ Asian Cultural Heritage จะทำให้มีพลังในการขบั เคลอ่ื นในระดบั ภมู ิภาค โดยประสงค์ให้ สอวช.
ดำเนินการการถอดบทเรียนมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อทำเป็นตำรา บทเรียน และวิจัยร่วมกัน เพื่อนำเสนอแก่
ชาวโลก ซึ่งที่ผ่านมาในมหาวิทยาลัยมีเป็นตำราบ้างแต่เป็นการแปลจากตำราต่างประเทศ หากสามารถจัดทำ
เนอ้ื หาเองกจ็ ะดีกวา่
. ในที่ประชุมยังได้ยกตัวอย่างประเทศเกาหลีใต้ที่สามารถสอดแทรกมรดกทางวัฒนธรรมเข้าไปเป็น
สินค้าทางเศรษฐกิจ เช่น เหล้าโซจู และสินค้าอีกหลายชนิดที่ได้รับความนิยมในระดับโลก หรือแม้แต่
ปรากฏการณ์ LALISA ก็ทำให้ประเทศไทยดมู ีคุณค่าทางมรดกวัฒนธรรมขึน้ มาในสายตาชาวโลก ดังนั้นไทยจะ
ปล่อยผ่านหรือจะคว้าโอกาสนี้ไว้เพื่อให้สมกับที่ติดอันดับ 5 ของโลกที่มีอิทธิพลด้านมรดกทางวัฒนธรรม จึง
ต้องระดมสมองเรื่องนี้อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามการทำงานสร้างสรรค์ต้องไม่ตั้งกฎเกณฑ์มาก แต่ปล่อย
ความคิดให้ไหลลื่น คิดไปข้างหน้า ถอดบทเรียนความล้มเหลวและความสำเร็จของต่างประเทศนำมาปรับใช้
หาคนเก่งมาชว่ ยทำงาน ซงึ่ กเ็ ช่ือว่าจะสามารถทำได้หากมีการคน้ ควา้ และศึกษามากขนึ้
ทั้งน้ีการผสมผสานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เข้ากับมรดกทางวัฒนธรรม (Cultural Heritage)
ซ่งึ เปน็ จดุ แข็งของประเทศไทยเพื่อขับเคล่ือนประเทศไปสู่มรดกทางวฒั นธรรมท่ีสร้างมูลคา่ เพิ่มให้กับเศรษฐกิจ
ได้ หากพจิ ารณาความสำเร็จจาก Soft power ของประเทศเกาหลีใตท้ ถี่ กู พฒั นาข้ึนอย่างรวดเรว็ แมเ้ มอื่ 10 ปี
ที่แล้วสินค้าเกาหลีใต้เองยังไม่มีชื่อเสียงโดดเด่นนอกจากโสม จนกระทั่งรัฐบาลสนับสนุนให้จัดทำภาพยนตร์
และซีรีส์ขายไปทั่วโลก รวมถึงใน Netflix โดยสอดแทรกมรดกทางวัฒนธรรม ทั้งอาหาร เสื้อผ้า เครื่องด่ืม
เครื่องสำอาง ที่เป็นเอกลักษณ์จนได้รับความนิยมไปทั่วโลก ประเทศไทยแม้จะมีบ้างแต่การที่นำเข้าไปสู่
Netflix ยงั เป็นภาพยนตรท์ ีไ่ มไ่ ดส้ อดแทรกมรดกทางวัฒนธรรมเข้าไปเทา่ ใดนัก หากเป็นไปไดค้ วรจะบูรณาการ
การทำงานกับกระทรวงวัฒนธรรม โดยการนำเทคโนโลยีมาผสมผสานกับงานศิลปะ ซ่ึงมีเขียนไว้ในแผนงาน
ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและ
นวัตกรรม (สกสว.) ได้จัดสรรงบประมาณส่วนนี้แล้ว หากสามารถดึงคนเก่งมาทำงานเชิงสร้างสรรค์ก็จะ
สามารถตอ่ ยอดได8้ 4
84 ข่าว เอนก เสนอไทยปัน้ Soft Power ดึงมรดกทางวัฒนธรรมเข้าสู่ Netflix ยกเกาหลีใต้ทำสำเรจ็ ความนยิ มระดับโลก. FACEBOOK: THE
STANDARD 26 ตลุ าคม 2564. https://www.facebook.com/1683658098593742/posts/2883908275235379/
P a g e | 229
กระทรวงวัฒนธรรมถือเป็นหน่วยงานต้นน้ำของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ทำหน้าที่เก็บรวบรวม รักษา
องค์ความรู้ด้านวัฒนธรรม ภูมิปัญญาพื้นบ้านต่าง ๆ ส่งเสริมอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม อันเป็นมรดกและ
ทรพั ย์สินทางปญั ญาอันล้ำคา่ ตลอดจนเป็นหน่วยงานหลักร่วมกบั กระทรวงต่าง ๆ ในการขบั เคล่อื นงานสง่ เสริม
และเผยแพรภ่ าพยนตร์และวีดิทศั นท์ ้ังในและต่างประเทศตามแผนงานบรู ณาการของคณะกรรมการภาพยนตร์
และวีดิทัศน์แห่งชาติ “Content Thailand” โดยผลงานวิจัยเรื่อง “การบริโภคละครโทรทัศน์ไทยผ่าน
เว็บไซต์ในกลุ่มประเทศอาเซียนและจีน: กรณีศึกษาประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและจีน”
สะท้อนว่าละครไทยเป็นวัฒนธรรมสมัยนิยมสำคัญที่ได้รับความนิยมในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่างลาว
กัมพูชา และเมียนมามาเป็นระยะเวลานาน และมีแนวโน้มจะได้รับความนิยมมากขึ้น จึงควรศึกษาวิเคราะห์
และกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาวัฒนธรรมสมัยนิยมสู่ Soft power อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากกระทรวงการ
อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สามารถนำเนื้อหาจากงานวิจัยด้านมรดกวัฒนธรรมไทยไปเป็น
ส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือละครไทย ออกอากาศในประเทศต่าง ๆ ได้ ก็จะสามารถเผยแพร่
ศิลปวัฒนธรรมไทยอันเป็นเอกลักษณ์สู่สายตาชาวโลกได้ โดยหากได้รับความนิยมจากผู้ชมต่างชาติก็จะ
สามารถดงึ ดูดให้เข้ามาทอ่ งเที่ยวในประเทศไทยหรือบรโิ ภคสินค้าไทย และสรา้ งรายไดเ้ ข้าประเทศเชน่ เดียวกับ
เกาหลีใต้ได้
ตัวอย่างการนำเนื้อหาเกี่ยวกับมรดกวัฒนธรรมไทยไปเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์หรือละคร เห็นได้
จากละครซีรีส์ชุด “จากเจ้าพระยาสู่อิรวดี” ละครยิ่งใหญ่แห่งปีของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ซึ่งบทละครจะ
ผูกร้อยเรื่องราวข้ามยุคข้ามสมัย ถ่ายทอดประวัติศาสตร์ของชาติไทยและเมียนมาในลักษณะที่ไม่เคยถูกพูด
ถึง85 โดยผู้กำกับชาติชาย เกสนัส ได้มาถ่ายทำที่บ้านคุณพระ พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเรือนไทยริมน้ำ
เจา้ พระยาของ รศ. ดร.เกรียงไกร เกดิ ศิริ นักวิจยั ผ้เู ชีย่ วชาญดา้ นสถาปตั ยกรรมพืน้ ถนิ่ และประวัตศิ าสตร์ ทั้งน้ี
ผู้กำกับละครซีรีส์ดังกล่าวได้ชักชวนให้นักวิจัยมสี ่วนร่วมในเรือ่ งต่าง ๆ นับตั้งแต่มิติเนื้อหาข้อมูล การตระเวน
หาสถานท่ีสำหรับการถ่ายทำ และการใช้ H-BIM Heritage Building Information Modeling ซึ่งเป็น
เทคโนโลยีในการทำแบบจำลองข้อมูลสารสนเทศอาคารโบราณหรืออาคารอนรุ ักษ์ท่ไี ดศ้ ึกษาไว้มาเปน็ ส่วนหน่ึง
ในละครซีรีส์86
ปัจจุบันวัฒนธรรมสมัยนิยมของไทยนอกจากละครและภาพยนตร์แล้ว อาหารไทยและมวยไทยก็เริ่ม
ได้รับความนิยมจากชาติต่าง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศจีนและกลุ่มประเทศอาเซียน กล่าวได้ว่า
วัฒนธรรมสมัยนยิ มเหลา่ นสี้ ามารถชว่ ยสร้างภาพลักษณเ์ สนห่ ์และความชนื่ ชมต่อไทยในสายตาของประเทศอ่ืน
ได้ และสามารถที่จะเสริมสร้าง Soft power ของไทยได้หากเรามียุทธศาสตร์ที่เหมาะสม นอกจากนี้ไทยยังมี
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล ซึ่งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วจิ ยั และนวตั กรรม จะตอ้ งสานพลังกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเพ่ือผลักดันสู่เศรษฐกจิ ที่ขับเคลื่อนด้วย
คุณค่า ด้วยการนำทรัพยากรบนพื้นแผ่นดินไทยผนวกเข้ากับวัฒนธรรมและวิถีความเป็นไทยมาสร้างสรรค์
สร้างมลู คา่ นำมาสกู่ ารสรา้ งความมัง่ คงั่ และการเติบโตทางเศรษฐกจิ ของประเทศได้อยา่ งแท้จริง
รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวัตกรรม ไดก้ ลา่ วในการประชุมหารือ
แผน กรอบงบประมาณ ผลสัมฤทธิ์ และระบบบริหารจัดการทุน ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566-2670 ณ ห้องประชุมกระทรวงฯ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ว่า “เราไม่ได้เก่ง
85 FACEBOOK: ละคร ไทยพบี ีเอส 6 กมุ ภาพนั ธ์ 2564.
86 FACEBOOK: Kreangkrai Kirdsiri 14 พฤศจิกายน 2564.
P a g e | 230
แค่เรื่องเกษตร แต่เรายังเก่งเรือ่ งศิลปะและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้วย ชาวบ้านมี DNA อยู่แล้ว เราจึงต้องสร้าง
ศิลปนิ ท้องถิ่นและช่างท้องถ่ินขน้ึ มา”87
ทั้งนี้ ในการประชุมขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนาบุคลากรด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์และ
ศิลปกรรมศาสตร์ของประเทศ จดั โดยสำนกั งานการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.) รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า อว.ไม่ควรเป็นเพียงกระทรวงด้านอุดมศึกษาและวิทยาศาสตร์ แต่
ควรเป็นกระทรวงแห่งศิลปวิทยาการ จึงได้จัดตั้งวิทยสถานด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรม
ศาสตร์แห่งประเทศไทย (Thailand Academy of Social Sciences, Humanities and Arts: TASSHA) ซึ่ง
ถือเป็นการลงทุนทางด้านวัฒนธรรมครั้งใหญ่ของประเทศ โดย อว.มีงบประมาณสำหรับดำเนินการจัดตั้งกว่า
200 ล้านบาท และยังสามารถนำงบประมาณบางส่วนจากโครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยที่มีกว่า 1,500 ล้าน
บาท มาสนับสนุนได้อกี ดว้ ย
“ผมอยากเห็นความสำเร็จของศูนยช์ ่างศิลปท์ ้องถิน่ เพราะช่างศิลป์ท้องถิ่นหลาย ๆ ที่กำลังจะตายไป
เบื้องตน้ จะให้วิทยาลัยชุมชนเป็นเจ้าภาพร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏ อยากใหแ้ ต่ละจังหวัดไปค้นหาและฟ้ืนฟู
ช่างท้องถิ่น รวมถึงศูนย์พิพิธภัณฑ์ศิลปกรรมแห่งชาติซึ่งมหาวิทยาลัยศิลปากรได้เก็บรวบรวมศิลปกรรมไว้
ตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัย แต่คนอื่นไม่ได้ชื่นชม ดังนั้นจะทำอย่างไรที่จะเปิดแสดงให้คนทั้งประเทศได้ดื่มด่ำ
และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้ประชาชนได้เข้าไปชมในช่วงวันหยุด นอกจากนี้อยากให้ศึกษาประวัติศาสตร์ของ
คนไทยที่ย้อนไปถึงยุคสุวรรณภูมิเมื่อประมาณ 2,500 ปีก่อน และการตั้งศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงที่เอา
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีไปเสริมใหม้ คี วามย่ังยนื และคืนโภคทรพั ยก์ ลบั ชุมชน”88
หน่วยงานที่มีส่วนผลักดันและขับเคลื่อนมรดกทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คือ
1. “ธัชชา” วิทยสถานด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย
(Thailand Academy of Social Science Humanities and Arts) ตามนโยบายขับเคล่อื นงานวิจัยและ
พัฒนาด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย
และนวัตกรรม มีหน้าที่ในการค้นคว้าวิจัย พัฒนา ต่อยอดและอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรม89 ซึ่งจะเป็นการ
ขบั เคลื่อนทางดา้ นสงั คมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศลิ ปกรรมศาสตร์ คร้งั สำคัญของประเทศ
- ธัชชาจะเป็นโครงสรา้ งพ้ืนฐานสำหรบั การวิจัยพฒั นาสาขาสังคมศาสตร์มนษุ ยศาสตร์ และการบูรณา
การองค์ความรู้แบบสหวิทยาการ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ซึ่งจะ
นำมาสู่การแก้ปัญหาแบบองค์รวม การสร้างเทคนิค องค์ความรู้ การพัฒนางานวิจัยใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยง
สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบันและอนาคต โดยจะขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนาบุคลากร
ด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ของประเทศ ไปสู่การสร้างคุณค่าและผลประโยชน์ของ
ชาติ เกิดการพฒั นาทย่ี งั่ ยนื ผา่ นการเชื่อมโยงประเทศไทยเขา้ กบั ภูมภิ าคและโลกต่อไป
- สนับสนุนการดำเนินงานมุ่งเป้าที่สำคัญของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาด้านสังคมศาสตร์
มนษุ ยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ โดยมุ่งเนน้ ใหเ้ กดิ ผลต่อความมนั่ คง มัง่ คง่ั และย่งั ยืนของประเทศไทยด้วย
87 การประชุมหารือแผน กรอบงบประมาณ ผลสมั ฤทธ์ิ และระบบบริหารจัดการทุน ดา้ นวิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวัตกรรม ปีงบประมาณ พ.ศ.
2566-2670. 10 พฤศจกิ ายน 2564 ณ ห้องประชมุ กระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม
88 ข่าว “เอนก” ยำ้ อว.เป็นกระทรวงแหง่ สหวิทยาการ หนนุ งานสังคม มนุษยศาสตร์และศลิ ปะ ควบคู่พัฒนาวิทย.์ เว็บไซตส์ ยามรัฐ 18
พฤศจกิ ายน 2563. https://siamrath.co.th/n/198292
89 ข่าว อว.เปดิ สำนกั งาน “ธัชชา” เรง่ ส่งเสริมวชิ าการและวิจยั ดา้ นสงั คมศาสตร์ มนุษยศาสตร์และศลิ ปกรรมศาสตร์ ครง้ั ใหญข่ องประเทศ. เวบ็ ไซต์
กระทรวงการอุดมศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและนวัตกรรม 26 กุมภาพันธ์ 2564 https://www.mhesi.go.th/index.php/pr-executive-
news/3262-2021-02-26-14-07-46.html
P a g e | 231
เศรษฐกิจและวฒั นธรรมสร้างสรรค์ ในระยะแรกจะมุ่งดำเนินการใน 5 ประเดน็ มุ่งเป้าทีส่ ำคัญของประเทศไทย
โดยสถาบนั ภายในวิทยสถานสงั คมศาสตร์ มนษุ ยศาสตร์ และศลิ ปกรรมศาสตรแ์ หง่ ประเทศไทย ดงั นี้
1) สถาบนั สุวรรณภูมิศึกษา
เป้าหมาย : เกิดองค์ความรู้และกระบวนทัศน์ด้านสุวรรณภูมิศึกษาที่จะนำไปต่อยอดและเสริมพลัง
ปัญญาในการสรา้ งคณุ คา่ จากอดตี สู่ปจั จบุ นั และอนาคต เพอ่ื ใหป้ ระเทศไทยเป็นแหล่งศึกษาสวุ รรณภมู ิศึกษา
2) สถาบนั โลกคดศี ึกษา
เป้าหมาย : เกิดองค์ความรู้เชิงระบบ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา
หรือยกระดับการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านสังคม เป็นหนทางหนึ่งของการดำเนินนโยบายต่างประเทศของไทย
หรือส่งเสริมการทูตและการต่างประเทศของไทย ข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตรการทูต การ
ต่างประเทศในสถาบันการศึกษาทุกแห่ง เพื่อนำไปสนับสนุนนโยบายและการดำเนินการทางการทูตและการ
ต่างประเทศของรัฐบาล และภารกิจของหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ ง
3) สถาบันเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เป้าหมาย : เกิดองค์ความรู้เชิงระบบ เทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ตอบ
โจทยท์ ้าทายเพอื่ ยกระดบั การพัฒนาอย่างย่งั ยืนดา้ นสังคม และองคค์ วามรเู้ ชิงระบบ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
และนโยบายด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปใช้ในทางปฏิบัติเพื่อการแก้ไข
ปัญหา หรือยกระดับการพัฒนาอยา่ งยั่งยืนด้านสังคม และสามารถนำใช้ขยายผลต่อยอดจากโครงการต้นแบบ
หรือโครงการขนาดเล็กไปยงั พื้นท่อี ่นื หรอื กลุ่มเป้าหมายอื่น เพ่ือแก้ไขปัญหาหรอื ยกระดับการพฒั นาอย่างยง่ั ยนื
4) สถาบนั พพิ ธิ ภณั ฑ์ศลิ ปกรรมแห่งชาติ
เป้าหมาย : การสร้างองค์ความรู้และกระบวนทัศน์ใหม่ทางมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ผ่านองค์
ความรู้ทางศิลปะ และสร้างการเปลี่ยนแปลงของศิลปะภายในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เทียบกับ
ประเทศไทย ด้วยการศึกษาและวจิ ัยร่วมกับพิพิธภัณฑ์ระดับโลก ก่อใหเ้ กิดพิพธิ ภัณฑ์ในบริบทใหม่ สร้างแหล่ง
เรียนรู้และศิลปินในนิยามใหม่ มีหน้าที่ทางสังคมที่สามารถปรับตัวและตอบสนองความต้องการทางสังคมท่ี
เปลี่ยนแปลงได้
5) สถาบันช่างศิลปท์ อ้ งถ่ิน
เปา้ หมาย : เกดิ องคค์ วามร้แู ละนวัตกรรมช่างศลิ ป์พื้นถิ่นทีส่ ามารถนำไปอนรุ กั ษ์ ต่อยอดและถ่ายทอด
องค์ความรูแ้ กค่ นรนุ่ อนาคต ทำใหเ้ กดิ การสง่ เสรมิ รายได้และสรา้ งความภมู ิใจให้กบั คนในท้องถนิ่ และชุมชน90
2. หน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยด้านการพัฒนาระดับพ้ืนที่ (บพท.)
เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ
ไทย โดยพัฒนามาจาก 2 ฐานที่สำคัญ ได้แก่ ฐานทุนทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและฐานทุนทางศิลปวัฒนธรรม
ของประเทศ ซึ่งทุนทางศิลปวัฒนธรรมเป็นทุนที่สำคัญยิ่งของประเทศไทย แสดงถึงรากเหง้าของ
ประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ ที่มาท่ีไปของคนไทยทั้งมวล จึงมีความจำเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องรวบรวม สังเคราะห์
เพื่อนำเสนอในการสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม และย้อนกลับมาสู่การอนุรักษ์และรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์
และอัตลักษณ์ของชาติ
ในระยะที่ผ่านมาในบางพื้นที่หรือบางจังหวัดได้มีการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างภาคประชาชน
ภาควิชาการ และภาครัฐขึ้น โดยกลไกหลักในการผลักดันให้เกิดการประสานการมีส่วนร่วม คือ ภาค
ประชาชน เครือข่ายศิลปิน และสถาบันอุดมศึกษาท่ีอยู่ในพ้ืนที่ และนำศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่มาสร้างคุณค่า
90 แผนงานวิจยั และวชิ าการของวทิ ยสถานด้านสังคมศาสตร์ มนษุ ยศาสตร์และศลิ ปกรรมศาสตร.์ กระทรวงการอุดมศึกษา วทิ ยาศาสตรว์ ิจยั และ
นวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการสง่ เสริมวทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและนวตั กรรม สำนกั งานการวจิ ยั แห่งชาต.ิ
P a g e | 232
และมูลค่า ตลอดจนสร้างอัตลักษณ์ ก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งกระบวนการดังกล่าว
ยังกระตุ้นจิตสำนึกของคนในพื้นที่ให้เห็นคุณค่าของทุนทางศิลปะและวัฒนธรรมในพื้นที่ เพื่อสร้างความ
เข้มแข็ง มั่งคง และยั่งยืนของพื้นที่ ทั้งนี้กระบวนการดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยศักยภาพทางวิชาการของ
สถาบันอุดมศึกษาในแต่ละพ้ืนที่
บพท.จึงกำหนดแผนงานย่อย “การจัดการทุนทางวัฒนธรรมเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน และ
สำนึกท้องถิ่น” ภายใต้งานแผน “มหาวิทยาลัยพัฒนาพื้นที่” โปรแกรมที่ 13 นวัตกรรมสำหรับเศรษฐกิจ
ฐานรากและชุมชนนวัตกรรม แพลตฟอร์มที่ 4 การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่และลด
ความเหลื่อมล้ำ ของแผนด้าน ววน. ปี 2563-2565 และพัฒนากรอบการวิจัย “มหาวิทยาลัยกับการ
ขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่” โดยมีเป้าหมายให้มหาวิทยาลัยเป็นกลไกสำคัญใน
การอำนวยให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ในมิติต่าง ๆ ผ่านศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่น ด้วยกระบวนการวิจัยเชิง
ปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วมที่จะสร้างกลไกความร่วมมือกับภาคีหลักในพื้นที่ ได้แก่ เครือข่ายศิลปิน องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน และภาคธุรกิจเอกชน ในการจัดทำแผนที่วัฒนธรรมจากมรดกวัฒนธรรมใน
พื้นที่ทั้งที่จับต้องได้ อาทิ โบราณสถาน อาคารประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และมรดกวัฒนธรรมที่
จับต้องไม่ได้ อาทิ เรื่องเล่า ประเพณี พิธีกรรม เทศกาล งานบุญ ศิลปะการแสดง งานช่าง งานฝีมือ ฯลฯ
พร้อมได้ฐานข้อมูลที่จะนำไปสู่การออกแบบกระบวนการมีส่วนร่วมให้เกิดการต่อยอด และส่งเสริมให้เกิด
ผู้ประกอบการวัฒนธรรม (Cultural entrepreneur) เกิดการหล่อหลอมกลุ่มผู้ประกอบการเป็นวิสาหกิจ
วัฒนธรรม (Cultural enterprise) ท่ีสร้างงาน สร้างรายได้ ด้วยทุนทางศิลปะและวัฒนธรรม ในรูปแบบการ
พัฒนา หนุนเสริม สร้างสรรค์ หรือสร้างนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและการบริการทาง
วัฒนธรรม เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่และสร้างสำนึกรักษ์ถิ่นฐานบ้านเกิดของสมาชิกในชุม ชน
ต่อยอดด้วยการหนุนเสริม สร้างสรรค์ หรือสร้างนวัตกรรมพื้นที่ทางวัฒนธรรมต่อไป ซึ่งจะนำไปสู่การสร้าง
ความเข้มแข็งของพื้นที่ซึ่งมีระบบไหลเวียนของเศรษฐกิจฐานวัฒนธรรม (Cultural economy)91
ทั้งนี้ การใช้งานวิจัยเป็นฐานมีความสำคัญ เพราะโครงการต่อยอดทุนวัฒนธรรมไม่ใช่เรื่องทาง
เศรษฐกิจเพียงด้านเดียว แต่เป็นการสร้างการทำงานร่วมกัน ช่วยให้เกิดนักวิจัยชุมชนแล้วไปเช่ือมโยงกับภาคี
ต่าง ๆ ทำให้งานของ อว. ขยายไปสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนอย่างกว้างขวาง และเป็นไปตามวาระแห่งชาติ
BCG ที่เน้นการใช้นวัตกรรมต่อยอดทุนภูมิปัญญาที่มีอยู่เดิม ปัจจุบัน บพท. ร่วมกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ
ดำเนินงานส่งเสรมิ ทุนวฒั นธรรมใน 53 ชุมชนท่ัวประเทศ มีผปู้ ระกอบการท้องถน่ิ เขา้ รว่ มมากกวา่ 6,000 ราย
จากการรวบรวมผลพบว่าผู้ประกอบการท้องถิ่นมีรายได้รวมประมาณ 135 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม
ประโยชนท์ ม่ี คี วามสำคญั คือ กระบวนการพัฒนาทสี่ ร้างความยงั่ ยืนโดยการมีสว่ นร่วมระหว่างหน่วยงานของรัฐ
ภูมิภาค ท้องถิ่น ชุมชน ภาคประชาสังคม เครือข่ายศิลปิน ภาคเอกชน ชุมชนและความสนับสนุนของ
สถาบนั อดุ มศึกษาที่อยู่ในพนื้ ท่ี โดยรายงานสภาวะเศรษฐกิจไตรมาสท่ีสามของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า
เศรษฐกิจในภาคเหนือชะลดและหดตัวต่อเนื่อง และเศรษฐกิจราวร้อยละ 60 พึ่งพิงภาคบริการ ดังนั้น บพท.
จึงเรง่ งานด้านทุนวัฒนธรรมเพ่ือชว่ ยบรรเทาปญั หา สอดคล้องกับนโยบายของ อว.92
ตัวอยา่ งการจดั สรรทนุ วิจยั และนวตั กรรมดา้ นการพัฒนาระดบั พืน้ ท่ใี นภาคเหนือของ บพท. มีแผนงาน
สำคญั ประกอบดว้ ย
91 ประกาศรับขอ้ เสนอโครงการวิจยั ภายใต้แผนงานรเิ รม่ิ สำคญั (Flagship) ประจำปี 2564 “มหาวิทยาลัยพัฒนาพืน้ ท”่ี แผนงานย่อย การจดั การ
ทุนทางวัฒนธรรมเพือ่ ยกระดบั เศรษฐกจิ ชุมชน และสำนกึ ท้องถ่ิน กรอบการวิจยั “มหาวิทยาลัยกบั การขับเคลือ่ นทนุ ทางวัฒนธรรมเพือ่ การพฒั นา
เชงิ พน้ื ที”่ หนว่ ยบรหิ ารและจัดการทุนวจิ ัยดา้ นการพฒั นาระดบั พืน้ ท่ี (บพท.)
92 ข่าว อว.เร่งงาน ‘ทุนวัฒนธรรมกู้เศรษฐกจิ ชมุ ชน’ ใหย้ ่ังยนื . เวบ็ ไซต์ 77 ขา่ วเด็ด 28 พฤศจิกายน 2564.
P a g e | 233
- แผนงาน ‘ชุมชนนวตั กรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน’ ร่วมกบั หน่วยวจิ ยั ดำเนนิ งาน 14 โครงการ
พื้นที่เป้าหมาย 155 ตำบล ใน 8 จังหวัด เกิดนวัตกรรม/เทคโนโลยีพร้อมใช้จำนวน 165 นวัตกรรม สร้างนวตั
กรชาวบ้าน 850 คน ส่งผลกระทบให้ผลผลิตทางการเกษตรในวิถีอาชีพของชุมชนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ลด
ต้นทุนมากกว่าร้อยละ 20 ผลผลิตมีคุณภาพเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 จากเดิม และผลผลิตทางการเกษตร
ของชุมชนมมี ูลค่าทางการตลาดเพิ่มขึน้ จากเดิมมากกวา่ ร้อยละ 20 และสามารถถา่ ยทอดเทคโนโลยีขยายผลสู่
ชมุ ชนและเครอื ขา่ ยหน่วยงานในพนื้ ทแ่ี ละชมุ ชนอน่ื ๆ
- แผนงาน ‘มหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาพื้นที่’ ด้านขีดความสามารถผู้ประกอบการ ร่วมกับหน่วย
วจิ ัยดำเนินงาน 9 โครงการ พนื้ ท่ีเปา้ หมาย 7 จงั หวดั เพ่อื ยกระดบั ความสมารถในการบริหารใน 140 วสิ าหกิจ
ชุมชน และเกิดนวัตกรรมบริหาร/จัดการ LE (ช่วยเหลือ/เยียวยาภายใต้วิกฤต) จำนวน 71 กลุ่ม เกิดคุณค่า
เชิงอัตลักษณ์ผ่านการพัฒนา/ปรับปรุงผลิตภัณฑ์จํานวน 118 ผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูงขึ้น มีผลิตภัณฑ์ร้อยละ
52 ของจํานวนผลติ ภณั ฑ์ทัง้ หมดที่เกดิ ข้ึนในโครงการทเ่ี กิดการขายไดใ้ นตลาดจริง เกดิ โมเดลการสร้างต้นแบบ
อาชีพด้วย ‘ระบบ Aquaponics’ ภายใต้แนวคิด ‘กันดารคือสินทรัพย์ อัตคัดคือโอกาส’ ให้แก่กลุ่มเกษตรกร
และโรงเรียนให้เป็นโรงงานชุมชน เพอ่ื สร้างอาชีพในพื้นทจ่ี ังหวัดน่าน ศรสี ะเกษ และมหาสารคาม 20-25 ราย
สามารถสร้างรายไดไ้ ดถ้ งึ 13,625 บาทตอ่ เดอื น หรือประมาณ 170,000 บาทตอ่ ปี
ด้านการจัดการทุนทางวัฒนธรรมเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน และสำนึกท้องถิ่น ร่วมกับหน่วยวิจัย
ดำเนินการ 8 โครงการ พืน้ ทเี่ ป้าหมาย 10 จังหวัด เกดิ การพฒั นายา่ น/เมอื งเพ่อื สรา้ งเศรษฐกิจ รวมทั้งเกดิ การ
เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชนกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้ ผู้ประกอบการเชิงวัฒนธรรม 1,445 ราย ธุรกิจด้านวัฒนธรรม
55 กลุ่ม พื้นที่วัฒนธรรม 13 ย่าน ซึ่งมีพื้นที่วัฒนธรรมที่เป็นที่ประจักษ์ คือ พื้นที่วัฒนธรรม ณ กาดไทล้ือ
อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา สามารถสร้างรายได้ทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจพื้นที่ ในปี
2561-2564 เป็นจำนวนเงินรวม 17,277,369 บาท หรือเกือบ 17.2 ล้านบาท นอกจากนี้ทำให้ชุมชนมีรายได้
เพิ่มขนึ้ จากรายได้ประจำร้อยละ 49.2 ของรายได้เฉลยี่ รวมของครัวเรือน
- แผนงาน ‘การพัฒนาเมืองและพัฒนาศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในพื้นที่’ ร่วมกับหน่วยวิจัย
ดำเนินงาน 12 โครงการ 6 จังหวัด เกิดกลไกการพัฒนา 11 พื้นที่ องค์ความรู้เพื่อการขับเคลื่อนเมือง 2
แผนการลงทุนพัฒนาพื้นที่ 6 แผน เกิดข้อมูลของพ้ืนที่ 11 พื้นที่ เกิดพื้นที่ต้นแบบและ New Supply Chain
จำนวน 11 พื้นที่ โดยมีผลการขับเคลื่อนที่เห็นเชิงรูปธรรมคือเกิดกลไกระดับย่านและกลไกการพัฒนาระดับ
พื้นที่ เกิดต้นแบบพื้นที่เมืองน่าอยู่สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นต้นแบบการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ให้แก่ผู้ประกอบการ
ย่านชุมชน สมาคม และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เกิดหลักสูตรการพัฒนาทักษะที่มอี ยู่ (Reskill) และหลักสตู รการ
เสริมสร้างทักษะใหม่ (Upskill) ของคนในเมือง ผ่านห้องปฏิบัติการเมืองน่าอยู่สร้างสรรค์ เกิดองค์ความรู้และ
ชุดความรดู้ า้ นการพฒั นาเมืองเพื่อนำไปสู่การขยายผลและนำเสนอนโยบายเชิงพื้นที่จากกระบวนการวิเคราะห์
แผนปฏิบัติการร่วมกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สามารถบรรจุเข้าสู่แผนพัฒนาของจังหวัดและนำไปสู่การ
ขบั เคล่ือนเมอื งตอ่ ไป
3. หน่วยบริหารและจดั การทนุ ด้านการเพิม่ ความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศ (บพข.)
ในส่วนของการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์นั้น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ บพข. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ร่วมกันลงนามบันทึก
ขอ้ ตกลงความร่วมมือการพัฒนาระบบการวิจัยเพ่ือพัฒนาระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตั กรรม ด้านการ
ท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อสร้างกลไกการใช้องค์ความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรม สร้าง
ความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการอย่างเป็นระบบบนฐานงานวิจัยอย่างมีส่วน
รว่ ม โดยการลงนามบันทกึ ความร่วมมือในครง้ั นค้ี รอบคลุมถึงการรว่ มมือกันในการพฒั นากรอบแนวคดิ การวิจัย
P a g e | 234
ด้านการท่องเที่ยวและการบริการให้สอดคล้องกับความต้องการด้านอุตสาหกร รมการท่องเที่ยวของประเทศ
อีกทั้งการสนับสนุนด้านการพัฒนาระบบการจัดการงานวิจัย เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันใน
อุตสาหกรรมทอ่ งเทีย่ วและบริการอย่างเปน็ ระบบบนฐานงานวจิ ยั อย่างมีสว่ นรว่ ม ตลอดจนนำองคค์ วามรู้และ
ผลจากการวิจยั ไปใช้ประโยชน์ในมติ ิตา่ ง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับแผนพัฒนาการท่องเที่ยวของ
ประเทศ
สกสว. ให้ความสำคัญด้านการท่องเที่ยวมาโดยตลอด จึงสนับสนุนให้เกิดการใช้องค์ความรู้จาก ววน.
เพื่อยกระดับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งแผนด้าน ววน. ได้กำหนดการพัฒนาด้านการ
ท่องเที่ยวเป็นประเด็นสำคัญภายใต้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG Model ประกอบด้วย เศรษฐกิจชีวภาพ
(Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และ เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) โดย
ภาคการท่องเที่ยวจะอยู่ภายใต้ระบบ BCG Model เพื่อสร้างการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
นอกจากน้ี สกสว. ยงั สนบั สนนุ ผา่ นการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนสง่ เสริม ววน. ใน 2 รปู แบบ คอื
▪ การสนับสนุนทุนเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Fund) จัดสรรงบประมาณไปยัง บพข. ซึ่งนักวิจัย
สามารถเขยี นข้อเสนอทีส่ อดคลอ้ งกบั เปา้ หมายและผลสัมฤทธ์สิ ำคญั ตามแผน ววน. ผ่านช่องทางนี้
▪ ทุนสนับสนุนงานพื้นฐาน (Fundamental Fund) ที่จัดสรรตรงยังไปยังกระทรวงการท่องเที่ยว
และกฬี า เพื่อสามารถสรา้ งสรรค์ผลงานวจิ ัยและนวัตกรรมให้ตอบโจทย์การทำงานตามภารกจิ
นอกจากน้ี สกสว. ยงั ไดจ้ ัดตงั้ หน่วยบูรณาการเชิงยทุ ธศาสตร์ในดา้ นต่าง ๆ รวมถึงดา้ นการทอ่ งเที่ยวท่ี
มีการบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานจากภาครัฐและเอกชนให้เกิดการขับเคลื่อนองค์ความรู้ โดย สกสว.
ร่วมกับ บพข. จัดทำแผน ววน. ด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดใช้ ววน. ในการฟื้นฟู
ดา้ นการทอ่ งเทย่ี วของประเทศไทยอยา่ งย่ังยืน93
นอกจากความร่วมมือในระบบ ววน. แล้ว การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ของประเทศยังจำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมและผลักดันจากภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อ
หาแนวทางบริหารจัดการมรดกวัฒนธรรมและธรรมชาติในบริบทของการท่องเที่ยวเพื่อเป็นฐานรากในการ
สร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ภายใต้โครงการวิจัยการกำหนดกรอบวิจัยในการพัฒนาศักยภาพของมรดกทาง
วัฒนธรรมเพื่อรองรับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยทุนวิจัยจาก บพข. จึงจัดการประชุม
วิชาการ “การกำหนดกรอบวิจัยเพื่อพัฒนาศักยภาพของมรดกทางวัฒนธรรมให้รองรับการท่องเที่ยวบน
93 ข่าว สกสว. รว่ มกบั บพข. จับมอื กระทรวงทอ่ งเทยี่ วฯ หนนุ งานวจิ ัยฟืน้ การทอ่ งเท่ียวและเศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์. เวบ็ ไซตส์ ำนักงานคณะกรรมการ
ส่งเสรมิ วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวัตกรรม (สกสว.) 16 กรกฎาคม 2564.
https://www.tsri.or.th/th/news/content/617/%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%A7-
%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A-
%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%82-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD-
%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%
B8%A3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A
2%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%AC%E0%B8%B2-
%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%
B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9F%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3
%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%
B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%8
1%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0
%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%8C
P a g e | 235
แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในระยะ 5 ปี” ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงผลักดันสู่เป้าหมาย โดยมีนักวิจัยและผู้ที่
เก่ียวข้องจากหลายหน่วยงานท้ังกระทรวงมหาดไทย สกสว. บพข. องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อ
การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) การเคหะแห่งชาติ ชมรมอนุรักษ์ท้องถิ่นเมืองแพร่ กรม
ศิลปากร TCDC สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล คณาจารย์ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ตลอดจนผู้เช่ียวชาญด้าน
สถาปัตยกรรมมรดกทางวัฒนธรรมจากทั่วประเทศ เข้าร่วมเสนอแนวทางการพัฒนางานวิจัยให้เกิดคุณภาพ
สูงสุดในการขับเคลื่อนผลักดันสู่การใช้ประโยชน์สูงสุดในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
มิติหนึ่งที่ บพข. ให้ความสำคัญคือ “เมืองเก่า” พร้อมโจทย์ที่ท้าทายว่าจะทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่
รู้สึกว่าเมืองเก่าเป็นมรดกวัฒนธรรม โดยโจทย์ของงานวิจัย คือ Create Activity ในประเด็นหลักที่จะไป
เชื่อมโยงเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งเรื่องความปลอดภัย ความเป็นอยู่ ความมั่นคงทางด้านอาหาร และต้อง
สร้างสรรค์อย่างเฉพาะตัวให้มีความโดดเด่น ให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบว่าส่ิงที่เราจะส่งคุณค่าให้เขาคืออะไร
โดยความสร้างสรรค์ต้องคงอยู่และเป็นอยู่อย่างอย่างยืนในทั้งภาคธุรกิจทั้งหมด วิถีชีวิตของผู้คน พร้อมทั้ง
สิ่งแวดล้อม ซึ่งงานวิจัยพยายามศึกษาแนวทางบริหารจัดการมรดกวัฒนธรรมและธรรมชาติในบริบทของ
การท่องเที่ยว เพื่อเป็นฐานรากในการสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากการใช้ประโยชน์ของเมืองเก่าหรือย่าน
มรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และมรดกทางวัฒนธรรม ตลอดจน
เป็นแหล่งที่มีเสน่ห์จนเกิดเป็นย่านท่องเท่ียวที่มีคุณภาพตามเป้าหมายท่ีตั้งไว้ได้ในอนาคต และเกิดประโยชน์
กับทุกฝ่าย
การประชุมครั้งนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เห็นถึง
ความสำคัญของงานวิจัยเชิงมรดกวัฒนธรรม ซึ่งสอดคล้องกับที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในด้านนี้อย่างมาก
เช่นเดียวกันที่มีการจัดทำ (ร่าง)พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อ
ผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์ และเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ จึงพร้อมให้การสนับสนุน
อย่างเต็มที่ และส่งเสริมในมิติอื่น ๆ ภายใต้อำนาจของกระทรวงมหาดไทย โดยขณะนี้กระทรวงมหาดไทย
พยายามปรับกฎหมายท้องถิ่นพยายามออกกฎหมายใหม่ ๆ ให้คนในชุมชนมีโอกาสได้เสนอกฎหมายได้มาก
ขึ้น ในอนาคตอันใกล้ประชาชนจะเข้าช่ือเสนอร่างกฎหมายได้เอง ซ่ึงจะช่วยให้คนในชุมชนมีส่วนช่วยในการ
อนุรักษ์ท้องถิ่นและวัฒนธรรมท้องถิ่นเอาไว้ได้94
ตวั อยา่ งกิจกรรมมรดกวฒั นธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ภายใต้วทิ ยาศาสตร์ วิจยั และนวัตกรรม
1. พิธเี ปิดโครงการนำรอ่ ง “ภูเกต็ แซนด์บอ็ กซ”์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการนำร่อง “ภูเก็ตแซนด์
บอ็ กซ”์ ณ ท่าอากาศยานภูเกต็ เม่ือวันท่ี 1 กรกฎาคม 2564 ซ่งึ เป็นโครงการสำคัญของรัฐบาลในการเปิดพ้ืนที่
ท่องเที่ยวนำร่องหลังประสบภาวะวิกฤตโควิด-19 ก่อนจะเตรียมการเปิดพื้นที่อื่น ๆ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว
ต่างชาติต่อไป ในโอกาสน้ีคณะผู้บริหารจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สกสว.) และหนว่ ยบริหารและจดั การทุนดา้ นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ได้มอบ
เอกสารข้อเสนอนโยบาย (Policy brief) แก่นายกรัฐมนตรีในงาน “Hug Thai Hug Phuket” ซึ่งเป็น
ผลงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) จัดทำโดย
คณะทำงานหน่วยบูรณาการเชิงประเด็นยุทธศาสตร์ ววน. ด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สกสว.
และสำนักประสานชุดท่องเท่ียวของ บพข.
94 ขา่ ว มท.2 หนนุ งานวจิ ัยมรดกทางวฒั นธรรม ทนุ บพข. สกู่ ารทอ่ งเที่ยวเศรษฐกิจสรา้ งสรรค.์ เว็บไซตก์ รงุ เทพธรุ กิจ วนั ท่ี 26 กุมภาพนั ธ์ 2564.
https://www.bangkokbiznews.com/pr-news/biz2u/276227
P a g e | 236
เอกสารข้อเสนอนโยบายดังกล่าวไดร้ วบรวมผลงานวิจยั สำคัญด้านการท่องเท่ียว อาทิ “โควิด-19 ต่อ
ภาคการท่องเที่ยวผลกระทบและแนวทางการแก้ปัญหา” ภายใต้โครงการการศึกษาผลกระทบจากไวรัสโค
วิด-19 ต่อภาคเศรษฐกิจและการท่องเท่ียวไทย ซึ่งมี ศ.ดร.พิริยะ ผลพิรุฬห์ สถาบนั บณั ฑิตพฒั นบริหารศาสตร์
เป็นหัวหน้าโครงการ ได้ศึกษาและวิเคราะห์สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่มีผลกระทบต่อภาคการ
ทอ่ งเท่ยี วและมาตรการเยยี วยาของภาครัฐ
โครงการ “การพฒั นาแพลตฟอร์ม Entry Thailand กับการเปิดรบั นกั เดินทางสู่ประเทศไทย” ซึ่ง
มีนายมงคล วิมลรัตน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหัวหน้าโครงการ ภายใต้ทุนวิจัยของ
สกสว. เพอ่ื จัดตั้งกลไกเชื่อมโยงระบบของหนว่ ยงานที่เกยี่ วข้องในการเดินทางเขา้ ประเทศไทยของนักท่องเท่ียว
หรือผู้ที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศไทย โดยรวบรวมเว็บไซต์และข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ระบบการขอหนังสือ
รับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย ระบบขายประกันสุขภาพ และระบบจองสถานที่กักตัวทางเลือก รวมทั้ง
โรงแรมท่ีไดม้ าตรฐาน SHA+ (Safety and Health Administration Plus) ทป่ี รบั เปลี่ยนไดต้ ามมาตรการของ
รัฐบาล โดยเรมิ่ ใชอ้ ยา่ งเปน็ ทางการผา่ นการนำเสนอบนเว็บไซต์ของสถานทตู สถานกงสลุ ไทยในต่างประเทศ
ผลงาน “แนวทางการจัดตั้งอาสาสมัครท่องเที่ยวไทย กับการเดินหน้าภาคการท่องเที่ยวไทยอย่าง
ยั่งยืน” ภายใต้โครงการกระบวนการการพัฒนาองค์กรอาสาสมัครการท่องเที่ยวไทยเพื่อความยั่งยืน ซึ่ง ดร.
กาญจนา สมมิตร สมาคมไทยท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ และคณะ ได้ศึกษาแนวทางการพัฒนาองค์กรกลางท่ี
เชื่อมประสานงานอาสาสมัครทางการท่องเที่ยวไทยทั้งระดับท้องถิ่น และระดับประเทศในบริบทของพื้นท่ี
แหลง่ ท่องเที่ยว เพื่อยกระดับการความเช่ือมนั่ ดา้ นความปลอดภัย รวมถึงการสร้างความย่ังยืนของส่ิงแวดล้อม
และธรรมชาติในแหล่งท่องเที่ยว ผ่านการจัดกิจกรรมต่าง ๆ โดยอาสาสมัครท่องเที่ยวไทย (อสทท.)
ประกอบด้วย บุคคล กลุ่มบุคคล หน่วยงาน องค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ที่
มีจติ อาสาช่วยเหลืองานในภาคสว่ นต่าง ๆ ของการท่องเท่ียวทัง้ ในภาวะปกติ ภาวะฉุกเฉิน และในรายกิจกรรม
ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตรก์ ารพัฒนาในแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560 – 2564) ท่ี
กำหนดยุทธศาสตร์ เกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว และสนับสนุนการมสี ่วนร่วมของประชาชน
ในการพัฒนาการทอ่ งเทยี่ ว
ผลงาน “สัมผัสวิถีชุมชนท่องเที่ยวย่านเมืองภูเก็ต” ภายใต้โครงการการพัฒนาศักยภาพการ
ท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์ สู่ตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพในพื้นที่ภาคใต้ โดย ดร.นราวดี บัวขวัญ และ
คณะ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มุ่งเน้นการนำคุณค่าและอัตลักษณ์ชุมชนสู่การเพิ่มมูลค่าด้านการท่องเที่ยว
โดยชุมชนให้กับพื้นที่ภูเก็ตรวมถึงพื้นที่เชื่อมโยง เพื่อสร้างทางเลือกและโอกาสในการเพิ่มความสามารถด้าน
การท่องเทีย่ วและเศรษฐกจิ สร้างสรรค์ พรอ้ มรองรบั การเปิดประเทศ ผ่านวฒั นธรรมทรงคุณคา่ เรียนรู้ และลง
มือทำ
P a g e | 237
2. การท่องเท่ยี วโดยชุมชนยา่ นเมืองเก่าภูเก็ต
วทิ ยาลัยนวตั กรรมและการจดั การ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎสงขลา พรอ้ มดว้ ยหน่วยบรหิ ารจัดการทุนวิจัย
เพ่อื เพิ่มความสามารถในการแข่งขนั (บพข.) และชุมชนย่านเมอื งเก่าภเู ก็ต ไดจ้ ดั งานเปิดตัวโครงการวจิ ัย “การ
เพิ่มคุณค่าการท่องเที่ยวโดยชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต” ณ พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว ย่านเมืองเก่าภูเก็ต ผ่าน
การเสวนาโดยมีตัวแทนจากสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนจาก บพข. นายชำนาญ ศรี
สวสั ด์ิ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย ดร.ปิยะนุช พรประสิทธ์ิ หวั หน้าโครงการวิจัย
และนายณรงค์ พรหมจิตต ผู้แทน สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) จังหวัด
ภูเก็ต ร่วมพูดชวนคุยเพื่อยกระดับ เพิ่มมูลค่า เพิ่มศักยภาพเชิงการแข่งขัน โดยการนำวิถีชีวิต อัตลักษณ์
ขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม 4 อ. คือ อาคาร อาการ อาภรณ์ และอารมณ์ มาเป็นแม่เหล็ก
ขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวเชงิ วัฒนธรรมให้เกิดความยั่งยืนอย่างสร้างสรรค์ โดยเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยว
ทางธรรมชาติทส่ี วยงามของจงั หวัดภูเก็ต เชญิ ชวนนักทอ่ งเท่ียวท้ังชาวไทยและชาวตา่ งชาติเข้ามาสัมผัสเรียนรู้
วถิ ชี วี ติ ของคนในชุมชน
โครงการวิจัยดังกล่าวจะช่วยพัฒนาและยกระดับในการนำคุณค่าของชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ตผ่าน
กระบวนการมีสว่ นร่วมของภาคีที่เกีย่ วข้อง อนั จะนำไปสูก่ ารเพิม่ มูลคา่ ด้านการท่องเทีย่ วโดยชุมชนอย่างย่ังยืน
ทำให้คนในชุมชนมีรายได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ซึ่งจะเป็นต้นแบบและเป็นตัวอย่าง
ใหก้ บั ชุมชนท่องเที่ยวอ่ืน ๆ ตอ่ ไปในอนาคต95
3. กองครา้ ฟต์ พน้ื ท่ีทุนทางวัฒนธรรมชมุ ชน เมืองลำปาง
ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และ
นวัตกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และ ดร.ขวัญนภา สุขคร ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกที่ตั้ง ลำปาง
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต รวมถึงผู้นำชุมชน ประชาคม และนักวิจัยในพื้นที่ ร่วมขับเคลื่อนพื้นที่ “กองคร้าฟต์”
พื้นที่ทุนทางวฒั นธรรมชมุ ชน เมืองลำปาง ซึ่งเป็นกจิ กรรมการร่วมตัวของกลุ่มคนคราฟต์ลำปาง เพื่อเปิดพืน้ ที่
การเรียนรู้อัตลักษณ์เมืองลำปาง พัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์จากฐานทุนทางวัฒนธรรมและต่อยอดเชิง
ธุรกจิ โดยการสนับสนนุ ภายใต้โครงงานวจิ ัย “การพัฒนาทุนทางวัฒนธรรมชุมชน ผา่ นกลไกองคก์ รปกครอง
ส่วนท้องถิ่นและประชาสังคม เพื่อเพิ่มศักยภาพและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่” ด้วยบริบท ‘การ
พัฒนาย่านเมืองเก่าด้วยผลิตภัณฑ์ครัวเรือนจากทุนทางวัฒนธรรมชุมชนเมืองเขลางค์นคร จังหวัดลำปาง ’
งานวิจัยมหาวิทยาลัยศิลปากร และโครงการวิจัย “การพัฒนาเมืองลำปางสู่เมืองแห่งการเรียนรู้จากฐานภูมิ
95 ขา่ ว ภเู กต็ เปิดตวั โครงการวจิ ัย เพมิ่ คณุ ค่าการทอ่ งเท่ียวโดยชุมชนยา่ นเมืองเกา่ ภเู กต็ ยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ คนในชมุ ชนสรา้ งงานสรา้ งรายได้
อย่างยงั่ ยืนและสรา้ งสรรค์ ภายใตแ้ นวคดิ 4 อ. อาคาร อาหาร อาภรณ์ และอารมณ์. เว็บไซตโ์ อด้ี-NEWS. 3 กรกฎาคม 2564. https://www.ody-
news.com/142299
P a g e | 238
ทางสังคมและวัฒนธรรม” งานวิจัยมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยบริหารและจัดการ
ทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)96 ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้รับความชื่นชมจาก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถ
สะท้อน DNA ของคนไทยโดยเฉพาะคนล้านนาไดเ้ ปน็ อย่างดี
4. ทนุ วัฒนธรรมก้เู ศรษฐกจิ ชุมชน
ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ
นวัตกรรม เป็นประธานเปิดตลาดวัฒนธรรม ‘กาดข่วงหลวง’ จังหวัดลำปาง ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของ
หนว่ ยบริหารจัดการทนุ ด้านการพฒั นาพ้ืนที่ (บพท.) มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต ศนู ยฯ์ ลำปาง ชุมชนทา่ มะโอ กลุ่ม
ท่องเที่ยวท่ามะโอ บริษัทประชารฐั รักสามัคคี องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และคณะนักวิจยั ในพื้นทีช่ มุ ชนเมือง
เขลางค์นครให้เป็นโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจและวัฒนธรรมชุมชน โดย อว. มีนโยบายด้านทุนวัฒนธรรมท่ี
ชัดเจน และดำเนนิ งานอยา่ งจริงจังมาอย่างต่อเน่ือง เพราะงานในลักษณะท่ี บพท. ดำเนินการนี้จะมีส่วนสำคัญ
ในการฟื้นฟชู ุมชนหลังจากที่ประเทศไทยไดร้ ับผลกระทบจากการระบาดของโควดิ -1997
96 ศนู ย์การศกึ ษานอกทตี่ ้ัง ลำปาง มหาวทิ ยาลยั สวนดุสติ รว่ มขบั เคลือ่ นพื้นท่ี ”กองครา้ ฟต์” พ้ืนที่ทุนทางวฒั นธรรมชุมชน เมืองลำปาง. เวบ็ ไซต์
มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ 3 พฤศจกิ ายน 2564. http://www.dusit.ac.th/2021/929736.html
97 อว. เรง่ งาน ‘ทุนวัฒนธรรมกู้เศรษฐกจิ ชุมชน’ ให้ยงั่ ยนื . เวบ็ ไซต์ 77 ข่าวเด็ด 28 พฤศจิกายน 2564
https://www.77kaoded.com/news/lakana/2203037
P a g e | 239
5. การแสดงดนตรเี ลา่ ร่องรอยประวัตศิ าสตรจ์ ังหวดั ลำปาง
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์การศึกษานอกสถานที่ตั้ง ลำปาง ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุขกระทรวง
วัฒนธรรมจงั หวดั ลำปาง สถานโี ทรทศั น์ไทยพีบีเอส บริษทั ไทยเบฟเวอเรจ จำกดั บริษทั ไทยยามาฮ่ามอเตอร์
จำกัด และ MEINL Cymbals จัดกิจกรรมการแสดงดนตรีเล่าร่องรอยประวัติศาสตร์จังหวัดลำปาง ถ่ายทอด
เสียงเพลงพนื้ บา้ น ผา่ นการแสดงของวงดนตรีซิมโฟนอี อร์เคสตร้า โดยมีแขกผมู้ ีเกยี รติเข้ารว่ มงาน คือ ศ.พิเศษ
ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายสิธิชัย
จนิ ดาหลวง ผูว้ ่าราชการจงั หวัดลำปาง ดร.วภิ ารัตน์ ดอี อ่ ง ผู้อำนวยการ วช. ดร.ขวัญนภา สขุ คร ผู้อำนวยการ
มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ ศูนย์การศกึ ษานอกสถานทตี่ ้งั ลำปาง และประชาชนทส่ี นใจ รว่ มชมการแสดง
การแสดงดนตรีครังนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการวิจัยพื้นที่ทางวัฒนธรรมดนตรีเพื่อพัฒนาและ
สร้างสรรค์จินตนาการใหม่” โดยอาศัยร่องรอยวิถีชีวิตของชุมชนผ่านศิลปินในท้องถิ่นผู้สืบทอดวัฒนธรรม
ดนตรีของชุมชน และ “โครงการขยายผลตอ่ ยอดวฒั นธรรมเพลงพืน้ บา้ นเพื่อเผยแพรใ่ หเ้ ป็นมรดกชาติ” ซง่ึ
วช. ให้การสนับสนุน มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข ซึ่งดำเนินการโดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุกรี เจริญสุข ใน
การวิจัยเพื่ออนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม โดยกิจกรรมนี้ถือเป็นการปลุกจิตสำนกึ ให้คนได้ร่วมกันอนุรักษ์เพลง
พ้นื บา้ นให้เป็นที่ร้จู ักอย่างแพรห่ ลาย และเป็นการอนุรักษ์และต่อยอดพฒั นาดนตรีพ้ืนบ้านให้เป็นท่ียอมรับของ
คนทั่วโลกผ่านวงซิมโฟนีออเคสต้า ที่สำคัญยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเสริมสร้างสิ่งใหม่บนรากฐานสิ่งเก่า
รกั ษาเสถยี รภาพและอัตลกั ษณ์ของสงั คมไทยให้อยใู่ ห้อยู่สืบทอดต่อไป98
6. การอบรมสุขาภบิ าลอาหารแก่ผู้ประกอบการในจงั หวัดจันทบุรีและระยอง
คณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยสวนดุสิตจัดอบรมหลักการสุขาภิบาลอาหาร เพื่อรองรับการท่องเที่ยว
หลังวิกฤติโควิด-19 ภายใต้เที่ยวแบบวิถีใหม่จากชุดโครงการวิจัย “นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ใน
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ (Frist S- Curve) บนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)
(ชลบรุ ี-ระยอง-จนั ทบรุ ี-ตราด) ใหร้ องรบั มาตรฐานสากล และมุ่งสกู่ ารบรกิ ารมลู ค่าสูง (High Value Services)
เพื่อยกระดับให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวระดับโลก (Word Class Destination)
และรองรับกระบวนทศั นใ์ หมท่ างสังคม (New Normal)”
กิจกรรมนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานจันทบุรี สภา
อุตสาหกรรมท่องเที่ยว จังหวัดจันทบุรี สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจันทบุรี รวมทั้งตัวแทนผู้ประกอบการ
ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมจังหวัดจันทบุรี เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ ผู้สัมผัสอาหาร
98 FACEBOOK: Lampang Learning City 12 พฤศจกิ ายน 2564.
https://www.facebook.com/108417704792161/posts/190570879910176/
P a g e | 240
ธุรกิจท่องเที่ยวและการบริการ จังหวัดจันทบุรี โดยมีผู้ประกอบการ ผู้ปรุงอาหาร ในจังหวัดจันทบุรี จำนวน
100 คน เข้ารับการอบรม ซึ่งผู้ผ่านการประเมินผลความรู้ในแต่ละหลักสูตรตามเกณฑ์ที่กำหนดจะได้รับ
วุฒิบัตรหลักสูตร สุขาภิบาลอาหาร สำหรับผู้สัมผัสอาหารตามกฎกระทรวงสุขลักษณะของสถานที่จำหน่าย
อาหาร พ.ศ. 2561 จากกรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ 99
โดยหลังจากมีมาตรการผ่อนคลายและเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น จังหวัดจันทบุรีได้วางแผนเตรียมพร้อมรับ
นักท่องเที่ยว มีการยกระดับมาตรฐานการบริการของกลุ่มผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการปรุงอาหารและ
ประกอบอาหารถกู สขุ ลกั ษณะเป็นเร่ืองสำคญั ทผ่ี ูป้ ระกอบการต้องมีความรู้และกำกับดูแลผสู้ มั ผสั อาหารให้เป็น
อย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรมจะได้รับใบรับร องเพื่อรับรองว่า
รา้ นอาหารนั้นปลอดภยั สรา้ งความมั่นใจให้กบั นักท่องเที่ยวความปลอดภยั กบั ตนเองและผู้บริโภค
ขณะที่การท่องเที่ยวจังหวัดระยองก็จัดการอบรมหลักสุขาภิบาลอาหารสำหรับผู้สัมผัสอาหาร เพ่ือ
สง่ เสริมการท่องเที่ยวในยุค New normal ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเท่ยี วจังหวัดระยอง และมหาวิทยาลัย
สวนดุสิต โดยมีผู้ประกอบการ ผู้ปรุงอาหารในระยองกว่า 100 คน เข้ารับการอบรม ซึ่งผู้ผ่านการประเมินผล
ความรู้ในแต่ละหลกั สตู รตามเกณฑ์ท่ีกำหนดจะได้รับวุฒิบตั รหลักสตู ร สุขาภิบาลอาหาร สำหรับผู้สมั ผัสอาหาร
ตามกฎกระทรวงสุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหาร พ.ศ. 2561 จากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
โดยมีอายกุ ารรบั รอง 3 ปี
กิจกรรมด้งกล่าวจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ ผู้สัมผัสอาหาร และธุรกิจ
ท่องเที่ยวและการบริการในจังหวัดระยอง ซึ่งหลังสถานการณ์โควิด-19 ระยองมีความพร้อมรองรับ
นักท่องเที่ยว ซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรมจะได้รับใบรับรองเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว และความ
ปลอดภยั ของผปู้ ระกอบการและผบู้ ริโภค100
99 FACEBOOK: Pannee Suanpang 14 พฤศจิกายน 2564
100 ขา่ ว ทอ่ งเที่ยวระยองจบั มอื ม.สวนดุสิต อบรมหลักการสุขาภบิ าลอาหาร แกผ่ ู้ประกอบอาหารในอตุ สาหกรรมทอ่ งเทย่ี วระยอง เตรยี มความ
พรอ้ มเปดิ เมอื งรับนกั ท่องเที่ยวยุคนวิ นอมอล. เวบ็ ไซต์ 77 ข่าวเดด็ 16 ตุลาคม 2564.
https://www.77kaoded.com/news/achara/2182941?fbclid=IwAR0TPQwRxHHMTd5WCJ8ysximhvW_BiH8y7q2ZfT78BBt9FRTWZ
g8UYvRyAY
P a g e | 241
7. ชมุ ชนตน้ แบบการทอ่ งเทีย่ วเชงิ สร้างสรรค์และยั่งยนื
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และมหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี ดำเนินการวิจัย
เพื่อพัฒนาเชิงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีภายใต้กิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยเรื่อง “การพัฒนาชุมชน
ต้นแบบด้วยการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และยั่งยืนเพื่อยกระดับจังหวัดเพชรบุรีสู่เมืองสร้างสรรค์ ” ซึ่ง
เป้าหมายของความร่วมมือทางวิชาการดังกล่าว คือ การพัฒนายุทธศาสตร์การขับเคลื่อนจังหวัดเพชรบุรีเพื่อ
ยกระดับสู่เมืองสร้างสรรค์ ตามบรรทัดฐานใหม่บนฐานความรู้ที่เป็นนวัตกรรมการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังจัด
แสดงนิทรรศการศิลปะและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเพชรบุรี เช่น กิจกรรม "พิมพ์ผ้าลายทอง"
ซึง่ เป็นกจิ กรรมส่ือสารงานศลิ ปะและการอนรุ ักษ์ลวดลายการปิดทองภายในศาลาการเปรียญ วัดใหญ่สุวรรณา
รามวรวิหาร นิทรรศการขนมหวานเมอื งเพชรบุรี101
8. การท่องเท่ียววิถชี าวนา ชุมชนเสาไห้ สระบรุ ี
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) นำผลงาน “การท่องเที่ยว
วิถีชาวนา ชุมชนเสาไห้ สระบุรี” จากโครงการวิจัยการพัฒนาการท่องเท่ียวเชิงสร้างสรรคบ์ นฐานอตั ลักษณ์
วิถีชาวนากลุ่มชาติพันธุ์จังหวัดสระบุรี พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้แก่ ข้าวเจ๊กเชย ข้าวห่อ ค็อกเทลลาว
เวียง (นำ้ ขาวจากขา้ ว) ขา้ วเปลอื ก ข้าวสาร และขนมท้องถน่ิ มารว่ มจดั แสดงและใหผ้ ู้มาร่วมงานทดลองชมิ ใน
การประชุมเวทีข้าวไทย ปี 2563 “อนาคตข้าว-อนาคตไทย” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
และภาคอี งค์กรพันธมติ ร ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
ชมุ ชนเสาไหม้ กี ลุ่มท่ีดำเนนิ การท่องเท่ียวโดยชุมชนวิถีชาวนา คือ กล่มุ โคกนาศัย จากการรวมกล่มุ ของ
คนในชุมชนผ่านการวิจัยเพื่อท้องถ่ินรว่ มกับมหาวิทยาลัยราชภฏั เทพสตรี เพื่อเชือ่ มโยงการพัฒนาเส้นทางการ
ท่องเทยี่ วเชิงสรา้ งสรรคว์ ิถีชาวนากลุ่มชาติพันธุล์ าวเวยี ง จังหวดั สระบรุ ี และนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวชุมชนบน
วิถีพอเพียง ซึ่งจะเป็นการช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน โดยจุดเด่นของชุมชน ได้แก่ ตลาดลาวเวียง การขาย
101 ขา่ ว วช.และม.ศิลปากร รว่ มมอื กับจ.เพชรบรุ ี สรา้ งตน้ แบบท่องเท่ยี วเชงิ สร้างสรรค์และยั่งยืน. เว็บไซตส์ ำนักงานการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.) 5
พฤศจกิ ายน 2564. https://www.nrct.go.th/fund/%E0%B8%A7%E0%B8%8A-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-
%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3-
%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%
B8%9A-
%E0%B8%88%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5-
%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%
B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%8
8%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0
%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%
B0%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B8%99
P a g e | 242
ผลิตภัณฑ์ของชุมชนเกษตร พืชผักปลอดสารเคมี และการน้อมนำศาสตร์พระราชามาเป็นต้นแบบการทำนา
รวมทั้งบรรยากาศรมิ แมน่ ำ้ ป่าสัก
ผลติ ภณั ฑข์ ้าวทอ้ งถน่ิ “ข้าวเจก๊ เชย” มลี ักษณะเด่น คอื หุงขึน้ หม้อสองเทา่ และอ่ิมนานกว่าข้าวท่ัวไป
ข้าวเปลือกมสี ีฟาง เมล็ดมีความเรียวยาว เมื่อหงุ แล้วข้าวจะสกุ ร่วนเป็นตัวไม่เกาะเปน็ ก้อน หุงขึ้นหม้อ ข้าวสุก
นุ่ม ไม่แฉะ ไม่แข็งกระด้าง ไม่เหนียวและไม่ยุบตัว เมื่อเป็นข้าวราดแกงไม่บูดง่าย ทิ้งไว้เย็นข้ามวันคุณภาพไม่
เปลี่ยน ข้าวเก่าเมื่อนำมาหุงไม่มีกลิน่ สาบ โดยข้าวของกลุ่มผลติ ข้าวเจ๊กเชยเริงราง-เมืองเก่าได้รับเครือ่ งหมาย
รับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ จากกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควบคู่กับเครื่องหมาย
รับรองมาตรฐาน Q พรอ้ มรหัสรับรอง ซงึ่ ได้รบั การรบั รองจากบริษัท ห้องปฏิบตั ิการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรบั บริการทางการท่องเท่ียวของชมุ ชน ประกอบด้วยกจิ กรรมต่าง ๆ ไดแ้ ก่ 1) กจิ กรรมปกั ขา้ วแรก
เป็นพิธีกรรมก่อนการเพาะปลกู เพื่อบวงสรวงบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือบรรพบรุ ุษใหค้ ุม้ ครองป้องกันภยันตรายแก่
ชีวิตและทรัพย์สิน ให้มีความสวัสดิมงคล ความอุดมสมบูรณ์ ขอโอกาสและมีความเชื่อมั่นในการดำรงชีวิต ใน
รอบปีปลูก หรือแสดงความกตัญญูแก่พระแม่โพสพ 2) กิจกรรมดำนา เรียนรู้วิธีการดำนา และปลูกข้าวพันธุ์
พื้นเมืองเจ๊กเชย 3) กิจกรรมตำข้าวครกมองโบราณ ร่อนรำ ฝัดข้าว สาธิตการตำข้าว หรือครกกระเดือง แทน
การสีข้าว แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวติ ประเพณีของคนลาว ข้าวที่ตำใช้ได้แล้วประมาณ 2,000 ครั้ง 4) กิจกรรมเกบ็
ผักสวนครัวในโคก หนอง นาโมเดล นำผักที่เก็บได้ประกอบอาหารร่วมกับชุมชน อีกส่วนสามารถเก็บผักเพ่ือ
นำไปประกอบอาหาร 5) กจิ กรรมลอ่ งแพปร่ิมน้ำกินขนมโบราณ ณ ตลาดลาวเวียง ริมน้ำปา่ สกั 6) กิจกรรมใส้
บาตรยามเชา้ ริมทอ้ งนา 7) เดนิ ตลาดลาวเวียง
กลุม่ เป้าหมายของโคกนาศัยแบ่งเปน็ 2 กลุ่ม คอื กลุ่มศึกษาดูงาน ไดแ้ ก่ กล่มุ เยาวชนทม่ี าทำกจิ กรรม
ดำนา และ กลุ่มครอบครัวจากกรุงเทพฯ ที่พาลูกหลานมาทำกิจกรรมในช่วงวันหยุด ทั้งนี้จังหวัดสระบุรีมี
ประวตั ิการปลกู ขา้ วเปน็ เวลายาวนาน เพราะเปน็ จงั หวัดยทุ ธศาสตรใ์ นพืน้ ท่ภี าคกลางที่ไดร้ ับการประกาศจัดต้ัง
ขึ้นเพื่อรวบรวมเสบียงอาหารและเป็นยุ้งฉางเก็บไว้คราวศึกสงครามตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ชุมชนในพื้นที่
ประกอบอาชีพทำนา รับจ้างและค้าขาย โดยอำเภอเสาไห้ถือเป็นแหล่งเศรษฐกิจใหญ่ของจังหวัดสระบุรี เป็น
ชุมชนการค้าขายสินค้าเกษตรต่าง ๆ จากพื้นที่ที่ได้รับน้ำจากลุ่มน้ำป่าสัก มีการปลูกข้าวเ จ๊กเชยจากการท่ี
ชาวบ้านนำข้าวมาแลกสินค้าที่บริเวณท่าเจ๊กเฮง พ่อค้าคนจีนที่มีน้องชายชื่อ ‘เจ๊กเชย’ คอยควบคุมดูแลการ
แลกสินค้าและสนใจข้าวพันธุ์ก้นจุด จึงแนะนำให้ชาวนาปลูกขยายผลผลิตแล้วนำมาแลกสินค้ากับเจ๊กเชย
ตอ่ มาชาวนาจงึ เรยี กขา้ วพนั ธนุ์ ้วี ่าขา้ วเจ๊กเชยจนเปน็ ที่รู้จกั จากปากต่อปาก102
102 ขา่ ว สกสว.ดนั ท่องเทีย่ ววถิ ชี าวนาลาวเวยี ง. การประชุมเวทีข้าวไทยปี 2563 “อนาคตข้าว-อนาคตไทย” โดยมลู นธิ ขิ ้าวไทย ในพระบรม
ราชูปถัมภ์ และภาคอี งค์กรพันธมติ ร. เวบ็ ไซต์สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวัตกรรม 18 ธันวาคม 2563.
P a g e | 243
แผนอนาคตของ ววน.
• กรอบแนวคิดการพัฒนา Soft power ด้วย ววน.
ยุทธศาสตรช์ าติ / แผน ววน. สถาบันการศึกษา
กระทรวงตา่ ง ๆ เช่น อว.
กต. วธ. ท่องเท่ยี วและ
กีฬา
เอกชน
ทอ้ งถิ่น/ประชาสงั คม
อาหาร
การทตู
การทอ่ งเท่ียว
อตุ สาหกรรมบันเทิง
แผนดา้ น ววน. พ.ศ. 2566-2570
ภายใต้วิสัยทัศน์ของแผนด้าน ววน. พ.ศ. 2566-2570 "พลิกโฉมประเทศให้เป็นประเทศพัฒนาแลว้
และพร้อมสำหรับโลกอนาคต ด้วย ววน.” จำเป็นจะต้องพัฒนาขีดความสามารถในการรองรับของระบบ
นิเวศและศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ พร้อมทั้งใช้ความคิดที่สร้างสรรค์ในการต่อยอดภูมิปัญญา มรดกทาง
วัฒนธรรม และแหล่งทรัพยากรที่หลากหลายของประเทศไทย ผสานเข้ากับวิทยาการต่าง ๆ ทั้งศาสตร์และ
ศิลป์ในการประดิษฐ์ คดิ คน้ พฒั นาสินค้าและบริหาร รวมถึงการตอ่ ยอดและประยุกตใ์ ช้
แผนการดำเนินงานท่ีสำคัญ คือ
▪ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาเศรษฐกิจไทยดว้ ยเศรษฐกิจสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ให้มี
ความสามารถในการแขง่ ขนั และพึ่งพาตนเองไดอ้ ย่างยั่งยืน พร้อมสู่อนาคต โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัย
และนวตั กรรม
แผนงานสำคญั ท่ีเกยี่ วขอ้ ง ไดแ้ ก่
1. พัฒนาระบบเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green
Economy: BCG) ในด้านการแพทย์และสุขภาพ ให้เป็นระบบเศรษฐกิจมูลค่าสูง มีความยั่งยืนและเพิ่ม
รายได้ของประเทศ
2. พัฒนาระบบเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green
Economy: BCG) ในดา้ นเกษตรและอาหาร ให้เปน็ ระบบเศรษฐกิจมูลคา่ สูง มคี วามย่ังยืนและเพ่ิมรายได้ของ
ประเทศ
3. พัฒนาระบบเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green
Economy: BCG) ในด้านการท่องเที่ยว ให้เป็นระบบเศรษฐกิจมูลค่าสูง มีความยั่งยืนและเพิ่มรายได้ของ
ประเทศ
P a g e | 244
กองทุน ววน. จะต้องส่งเสริมการศึกษาวิจัยและพัฒนาเชิงลึกในสาขาเศรษฐกิจสร้างสรรค์และทุน
วัฒนธรรม เพื่อสร้างองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เอื้อต่อการพัฒนาสู่ความเป็นสังคม
สร้างสรรค์ ควบคู่กับการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันท่ีได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ยกระดับทักษะฝีมือแรงงาน เศรษฐกิจฐานราก และอุตสาหกรรม พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนและพร้อมรับการ
เปลีย่ นแปลง
ยทุ ธศาสตร์ดังกล่าวจะต้องใชโ้ มเดลเศรษฐกจิ BCG ซง่ึ ถกู กำหนดใหเ้ ป็นวาระแหง่ ชาติ บูรณาการการ
พัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำโดยสร้าง Value creation จากฐานความหลากหลายทางชีวภาพและความ
หลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน เพื่อนำไปสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์และการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนสาน
พลังและบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
เพื่อผลันดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางหรือผู้นำในเวทีโลกของ Soft power ด้านต่าง ๆ รวมถึงการพัฒนา
ชุมชนท้องถิ่นที่เป็นเจ้าของทุนทางวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติให้เป็น ‘เมืองสร้างสรรค์’ และ
‘เศรษฐกิจฐานราก’ อันจะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนฐานนิเวศวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชนท่ี
สอดคลอ้ งไปกบั การเจริญเตบิ โตของเมืองในอนาคตโดยไมท่ ้งิ ใครไว้ขา้ งหลัง
งานวิจัยที่ควรส่งเสริมให้เกิดการต่อยอดขยายผลให้เกิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้แก่ มรดกโลกหรือ
มรดกวัฒนธรรมไทยซึ่งเป็นภูมิปัญญาอันล้ำค่าของไทย ตลอดจนอาหารที่มีรสชาติอร่อยและมักผสมผสาน
สมุนไพรหรือเครื่องเทศจนเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น การท่องเที่ยวที่มีความสวยงามของธรรมชาติผนวกกับ
ศิลปวัฒนธรรมไทย อุตสาหกรรมบันเทิงทั้งภาพยนตร์ ละคร เพลง และอื่น ๆ ตลอดจน Soft Power
Diplomacy อาทิ การทูตวัฒนธรรม การทูตสาธารณะ การทูตวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่จะ
สอดแทรกเนือ้ หาและเรื่องราวท่บี ่งบอกถงึ ภูมิปญั ญาและความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยเผยแพรส่ สู่ ากล
ทั้งนี้ หน่วยงานกำหนดนโยบาย (สอวช. และ สกสว.) และหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมทุก
ระดับ ควรร่วมกันกำหนดโจทย์และเป้าหมายในการสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ รวมท้ัง
หน่วยงานอื่น ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มหาวิทยาลัยในพื้นที่ และภาคเอกชน เพื่อให้สามารถนำไปใช้
ประโยชนไ์ ด้ตลอดหว่ งโซ่ ขณะท่ีสถาบันวิจัยควรดำเนินการวิจัยและพัฒนาโดยเน้นในประเด็นท่ีประเทศไทยมี
ศักยภาพ เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่ตลาดโลก โดย ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนา
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ยกตัวอย่างประเด็นวจิ ัยที่มีศักยภาพจะขบั เคลือ่ นสู่เป้าหมาย
ได้แก่
(1) การท่องเทย่ี วซึ่งเชอ่ื มโยงวัฒนธรรม อาหาร ความบนั เทิง
(2) เกษตรและอาหาร ทม่ี ุ่ง Green & Clean
(3) สขุ ภาพและการแพทย์ โดยใหเ้ หมาะสมกบั บรบิ ทของแต่ละสถาบันวจิ ยั ทใี่ ห้ความสำคญั 103
ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับคำแนะนำเรื่อง Soft Power Diplomacy ของ นายจักรี ศรีชวนะ
เอกอคั รราชทูต ณ กรงุ เบริ น์ ว่าอาหารและการท่องเทยี่ วน่าจะเป็นจุดแข็งสำคัญของไทยท่ีโดดเด่นและทำได้ดี
ซึ่งหากส าม าร ถ ร่ว ม มื อ กั บภ า ค เ อ กช น ก็ จ ะส าม าร ถ เ พิ่ ม ขี ด คว า มส า มา รถ ใ นก าร แ ข่ ง ขั นแ ล ะ ย ก ร ะ ดั บ
อตุ สาหกรรมทงั้ สองของประเทศไทยให้สูงขึ้น
103 ข้อเสนอนโยบายเพื่อการเติมเต็มช่องว่างในแต่ละตัวชี้วัดของสถาบันวิจัยของไทย: กรณีศึกษา สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แห่งชาติ (สวทช.) และ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.). การพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย หลักสูตรการออกแบบ
นโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม รุ่นที่ 3 โดยสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ และ
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี.
P a g e | 245
▪ ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรมระดับขั้นแนวหน้าที่
ก้าวหน้าล้ำยุค เพ่ือสรา้ งโอกาสใหมแ่ ละความพร้อมของประเทศในอนาคต
แผนงานสำคัญทเ่ี กยี่ วข้องภายใต้ยุทธศาสตรน์ ้ี ไดแ้ ก่
1. ขับเคลื่อนการวิจัยข้ันแนวหน้าท่ีสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้านวิทยาศาสตร์ สงั คมศาสตร์ มนุษยศาสตร์
ศิลปกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยีขั้นแนวหน้า รวมทั้งการนำผลการวิจัยขัน้ แนวหนา้ ประยกุ ต์ใช้และพัฒนาตอ่
ยอด
2. พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและบริการแห่งอนาคต รวมทั้ง
อตุ สาหกรรมอวกาศ
3. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพ
ของประเทศ ทรี่ องรับการวจิ ยั ข้นั แนวหน้าและการพัฒนาเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมสู่อนาคต
ภาพอนาคตของ Soft Power เพื่อการพัฒนาทยี่ ั่งยืนไทย
การผลักดันให้มรดกวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทยเกิดเป็นพลังอำนาจที่มี
บทบาทในเวทีโลก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จะต้องร่วมมือกับ
กระทรวงศกึ ษาธกิ ารในการส่งเสริมพลงั ของเด็กและเยาวชนผ่านระบบการศึกษาทั้งหลักสตู รการเรียนการสอน
ในสถาบันการศึกษา ตลอดจนการเสริมสรา้ งทกั ษะต่าง ๆ ท่ีจำเป็นและเป็นความต้องการของตลาดในศตวรรษ
ที่ 21 เพื่อให้ตระหนักถึงคุณค่า “ความเป็นไทย” และ “มรดกทางวัฒนธรรม” พร้อมที่จะส่งต่อความ
ภาคภูมิใจจากรุ่นสู่รุ่นให้คงอยู่สืบไป ตลอดจนการส่งเสริมระบบนิเวศวิจัย ทั้งการพัฒนากำลังคน (Human
Resource Development) และโครงสร้างพน้ื ฐาน (Infrastructure) ด้านวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยที ีจ่ ำเป็น
รวมถึงเพิ่มพูนทักษะด้านการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ซึ่งเป็นการคิดแก้ปัญหาที่จะสามารถนำไป
สร้างสรรคน์ วัตกรรม อีกทั้งสามารถพัฒนาแบบจำลองธุรกิจ (Business Model) เพื่อผลักดันงานวิจัยไปสูก่ าร
ใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ให้เกิด “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” เพื่อการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและ
พัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ที่จะมีบทบาทสำคัญในการวิจัยและ
พฒั นาองคค์ วามรู้ เทคโนโลยีและนวตั กรรม ซง่ึ จะเป็นเคร่อื งมือสำคญั การในการขับเคลอื่ นประเทศ
เพอ่ื ใหไ้ ปถงึ จุดหมายระดับโลก อว.จะตอ้ งใช้นโยบาย “Soft Power Diplomacy” ร่วมกับกระทรวง
การต่างประเทศ เพ่ือกำหนดกรอบนโยบายต่างประเทศของไทยในการสง่ เสริมความร่วมมือระหว่างประเทศท่ี
จะเป็นแนวทางการพัฒนาสำคัญสำหรับประเทศไทย ทั้งความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนทางเศรษฐกิจ
ความร่วมมอื เพอื่ การพัฒนาทางสังคม สง่ิ แวดล้อม และความร่วมมอื ด้านความมั่นคงในมิตติ ่าง ๆ ให้ภูมิปัญญา
สินค้าและบริการท่มี ีเอกลักษณ์จากประเทศไทย ผลักดันให้ Soft power ของไทยมีบทบาทในเวทีนานาชาติ
ผ่าน “การทูตวัฒนธรรม” และ “การทูตสาธารณะ” การทูตเศรษฐกิจ การทูตวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ
นวัตกรรม การทูตดิจิทัล การทูตวัคซีน รวมทั้งการมีระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ
ขอ้ เสนอแนะเกยี่ วงานวจิ ัยในอนาคตเก่ยี วกบั มรดกวฒั นธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรคท์ ี่น่าสนใจ และ
มีศักยภาพที่จะก่อให้เกิด Soft power ที่มุ่งสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน บนฐานความ
หลากหลายทางชีวภาพและความหลากหลายทางวฒั นธรรม มดี งั น้ี
1. วัฒนธรรมข้าวไทย-ขา้ วอาเซยี น
คนพื้นเมืองดั้งเดิมดึกดำบรรพ์ในอุษาคเนย์รู้จักปลูกข้าวและกินข้าวเป็นอาหารหลักตั้งแต่ราว 5,000
ปีมาแล้ว พันธุ์ข้าวเก่าสุดคล้ายข้าวเหนียว (หรือข้าวนึ่ง) พบที่ถ้ำปุงฮุง จังหวัดแม่ฮ่องสอน กับที่โนนนกทา
P a g e | 246