- ๕ - รายละเอียดการประเมินการบริหารโครงการ ค่าเฉลี่ย การแปลผล ๑. การให้ข้อมูลและการอ านวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่โครงการ ๓.๔๓ มากที่สุด ๒. รูปแบบการจัดสัมมนามีความเหมาะสม ๓.๓๖ มากที่สุด ค่าเฉลี่ยภาพรวม ๓.๔๐ มากที่สุด ๓.๔ ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม ผู้ตอบแบบประเมินฯ มีความเห็นเพิ่มเติม ดังนี้ ประเด็น รายละเอียด ๑. วิทยากร - วิทยากรมีความรู้และสามารถอธิบายสร้างแรงจูงใจได้ชัดเจน ท าให้ เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเปลี่ยนมาฟ้องคดี ในระบบศาลปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ๒. รูปแบบการน าเสนอ -ควรมีการจัดท าระบบทดลองฟ้องคดีอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับสาธิต หรือให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนทั่วไปได้ทดลองใช้ เพื่อให้เกิด ความเข้าใจและเชื่อมั่นในความปลอดภัยของระบบมากยิ่งขึ้น ๓. ประกาศนียบัตร - ควรมอบประกาศนียบัตรให้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาที่ท าแบบทดสอบ ผ่านเกณฑ์ที่ก าหนด ๔. ระยะเวลาการอบรม -ควรมีการจัดสัมมนาอย่างต่อเนื่องเป็นประจ าทุกปี แผนภูมิที่ ๓ การประเมินการบริหารโครงการ 48
- ๖ - ภาพกิจกรรม ๑. การกล่าวเปิดสัมมนาเนื่องในโอกาสครบรอบ ๒๒ ปี ศาลปกครอง 49
- ๗ - ๒. การสัมมนาทางวิชาการหัวข้อ “การพัฒนาระบบศาลปกครองอิเล็กทรอนิกส์ (e-Admincourt) ก้าวที่ท้าทาย สู่การสร้างโอกาสเข้าถึงความยุติธรรมทางปกครอง” ๓. การสัมมนาทางวิชาการหัวข้อ “ศาลปกครองอิเล็กทรอนิกส์ (e-Admincourt) กับการอ านวยความยุติธรรม ทางปกครองเพื่อประชาชน 50
- ๘ - https://qr.page/g/2ZxoHBpCKlL ****************** เอกสารประกอบการสัมมนา 51
รายงานการประเมินผลการสัมมนาทางวิชาการ เนื่องในโอกาสครบรอบ ๒๒ ป ศาลปกครอง เรื่อง การนํากระบวนการไกลเกลี่ยระงับขอพิพาทมาใชในคดีปกครอง หัวขอ “หลักเกณฑทางกฎหมายเกี่ยวกับการไกลเกลี่ยขอพิพาทในคดีปกครอง” วันศุกรที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐-๑๒.๐๐ น. และ หัวขอ “ขอพิจารณาที่เปนประโยชนเกี่ยวกับการไกลเกลี่ยขอพิพาทในคดีปกครอง” วันศุกรที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๐๐-๑๖.๐๐ น. ณ หองสัมมนา ๑ ชั้น ๑๑ อาคารศาลปกครอง และถายทอดสดผานระบบออนไลน โปรแกรม Cisco Webex Meetings ระบบ Live Streaming ทางเว็บไซตศาลปกครอง และ Facebook Live ทาง Facebook สํานักงานศาลปกครอง จัดทําโดย กลุมบริหารหลักสูตรการปฏิบัติราชการทางปกครอง ๒ วิทยาลัยการยุติธรรมทางปกครอง 52
รายงานการประเมินผลการจัดสัมมนา เรื่อง "การน ากระบวนการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทมาใช้ในคดีปกครอง" เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. รูปแบบออนไลน์ โปรแกรม Cisco Webex Meetings รวมทั้งถ่ายทอดสดผ่านระบบ Live Streaming ทางเว็บไซต์ศาลปกครอง และ Facebook Live ทาง Facebook ส านักงานศาลปกครอง ******************** ส านักงานศาลปกครองด าเนินการจัดงานสัปดาห์วิชาการศาลปกครอง เนื่องในโอกาส ครบรอบ ๒๒ ปี ศาลปกครอง ระหว่างวันอังคารที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๖-วันศุกร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖ โดยก าหนดให้มีการสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง "การน ากระบวนการไกล่เกลี่ย ระงับข้อพิพาทมาใช้ ในคดีปกครอง" เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. ประกอบด้วย ๒ หัวข้อ ได้แก่ หัวข้อ "หลักเกณฑ์ทางกฎหมายเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีปกครอง" เวลา ๐๙.๐๐-๑๒.๐๐ น. ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายไพโรจน์ มินเด็น ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เป็นวิทยากรในการสัมมนา และหัวข้อ "ข้อพิจารณา ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีปกครอง" เวลา ๑๓.๐๐-๑๖.๐๐ น. ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายไพโรจน์ มินเด็น ตุลาการศาลปกครองสูงสุด นายชาชิวัฒน์ ศรีแก้ว อธิบดีศาลปกครองอุบลราชธานี นายเทอดพงศ์ คงจันทร์ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง นายเอกณัฐ จิณเสน ตุลาการหัวหน้าคณะ ศาลปกครองนครศรีธรรมราช และนายสยาม วัฒนะมงคลรักษ์ ตุลาการศาลปกครองกลาง เป็นวิทยากร ในการสัมมนา ณ ห้องสัมมนา ๑ ชั้น ๑๑ อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ และถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ โปรแกรม Cisco Webex Meetings รวมทั้งถ่ายทอดสดผ่านระบบ Live Streaming ทางเว็บไซต์ศาลปกครอง และ Facebook Live ทาง Facebook ส านักงานศาลปกครอง กลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมสัมมนา ประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ อัยการ ประชาชนซึ่งเป็นคู่กรณีหรือผู้สนใจ องค์กรภาคเอกชน ทนายความ และหน่วยงานที่ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับส านักงานศาลปกครอง (หน่วยงาน MOU) การจัดสัมมนาตามโครงการดังกล่าวได้ด าเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว และวิทยาลัย การยุติธรรมทางปกครองได้จัดท ารายงานการประเมินผลการจัดสัมมนา ดังนี้ ๑. ผู้เข้าร่วมการสัมมนา มีผู้เข้าร่วมการสัมมนา จ านวน ๙๕๐ คน โดยเข้าร่วมสัมมนา ณ ห้องสัมมนา ๑ ชั้น ๑๑ อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ จ านวน ๗๕ คน และเข้าร่วมสัมมนาถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ โปรแกรม Cisco Webex Meetings จ านวน ๒๕๑ คน Live Streaming ทางเว็บไซต์ศาลปกครอง จ านวน ๒๘๐ คน และ Facebook Live ของส านักงานศาลปกครอง จ านวน ๓๔๔ คน ๒. การประเมินความรู้ความเข้าใจ ผู้เข้ า ร่วมกา รสัมมน าตอบแบบทดสอบ ป ระเมินคว ามรู้คว ามเข้ าใจเกี่ยวกับ การน ากระบวนการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทมาใช้ในคดีปกครองภายหลังการสัมมนา ผ่าน Google Form จ านวน ๕๗๒ คน โดยมีผู้ตอบแบบทดสอบผ่านเกณฑ์ที่ก าหนด (ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐) จ านวน ๕๑๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๙๐.๓๘ ของจ านวนผู้ตอบแบบทดสอบทั้งหมด และมีผู้ตอบแบบทดสอบไม่ผ่านเกณฑ์ที่ก าหนด จ านวน ๕๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๙.๖๒ ของจ านวนผู้ตอบแบบทดสอบทั้งหมด โดยมีผลการทดสอบ ดังนี้ (แผนภูมิที่ ๑) 53
- ๒ - แผนภูมิที่ ๑ : แสดงผลการประเมินความรู้ความเข้าใจ ๓. การประเมินผลการสัมมนา ผู้เข้าร่วมการสัมมนาตอบแบบประเมินฯ ผ่าน Google Forms จ านวน ๕๗๒ คน คิดเป็น ร้อยละ ๖๐.๒๑ ของจ านวนผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งหมด โดยแบ่งระดับความคิดเห็นของผู้ตอบแบบประเมินฯ ออกเป็น ๔ ระดับ และก าหนดเกณฑ์การแปลผลค่าเฉลี่ย ได้แก่ ระดับ ๑ = น้อยที่สุด (ค่าเฉลี่ย ๑.๐๑-๑.๗๕) ระดับ ๒ = น้อย (ค่าเฉลี่ย ๑.๗๖-๒.๕๐) ระดับ ๓ = มาก (ค่าเฉลี่ย ๒.๕๑-๓.๒๕) และระดับ ๔ = มากที่สุด (ค่าเฉลี่ย ๓.๒๖-๔.๐๐) ตามประเด็นการประเมินฯ ดังนี้ ๓.๑ การประเมินหัวข้อการสัมมนา ผู้ตอบแบบประเมินฯ มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาก่อนเข้าร่วมการสัมมนา ในระดับน้อย คิดเป็นค่าเฉลี่ย ๒.๕๙ มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาหลังเข้าร่วมการสัมมนาในระดับมากที่สุด คิดเป็นค่าเฉลี่ย ๓.๕๑ โดยมีความเห็นว่าเนื้อหาสาระตรงกับความสนใจ และสอดคล้องกับความคาดหวัง ในระดับมากที่สุด คิดเป็นค่าเฉลี่ย ๓.๕๑ และประโยชน์ที่ได้รับจากการสัมมนาสามารถน าไปปรับใช้ ในการปฏิบัติงานได้ในระดับมากที่สุด คิดเป็นค่าเฉลี่ย ๓.๕๖ (แผนภูมิที่ ๒) รายละเอียดการประเมินหัวข้อการสัมมนา ค่าเฉลี่ย การแปลผล ๑. ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาก่อนเข้าร่วมการสัมมนา ๒.๕๙ น้อย ๒. ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาหลังเข้าร่วมการสัมมนา ๓.๕๑ มากที่สุด ๓. เนื้อหาสาระตรงกับความสนใจ และสอดคล้องกับความคาดหวัง ๓.๕๑ มากที่สุด ๔. ประโยชน์ที่ได้รับจากการสัมมนาสามารถน าไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานได้ ๓.๕๖ มากที่สุด ๐.๐๐ ๒๐.๐๐ ๔๐.๐๐ ๖๐.๐๐ ๘๐.๐๐ ๑๐๐.๐๐ ๙๐.๓๘ ๙.๖๒ ผ่านเกณฑ์ที่ก าหนด ไม่ผ่านเกณฑ์ที่ก าหนด 54
- ๓ - แผนภูมิที่ ๒ : แสดงผลการประเมินหัวข้อการสัมมนา ๓.๒ การประเมินวิทยากร (๑) ผู้ตอบแบบประเมินฯ มีความเห็นในภาพรวมเกี่ยวกับการประเมินวิทยากร การอภิปราย หัวข้อ "หลักเกณฑ์ทางกฎหมายเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีปกครอง" ในระดับมากที่สุด คิดเป็นค่าเฉลี่ย ๓.๘๐ โดยมีความเห็นว่าวิทยากรมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่สัมมนา ในระดับมากที่สุด คิดเป็นค่าเฉลี่ย ๓.๘๓ และสามารถถ่ายทอดความรู้ได้อย่างเป็นระบบและเข้าใจง่าย ในระดับมากที่สุด คิดเป็นค่าเฉลี่ย ๓.๗๖ (แผนภูมิที่ ๓) รายละเอียดการประเมินวิทยากร ค่าเฉลี่ย การแปลผล หัวข้อ "หลักเกณฑ์ทางกฎหมายเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีปกครอง" ๑. วิทยากรมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่สัมมนา ๓.๘๓ มากที่สุด ๒. ถ่ายทอดความรู้ได้อย่างเป็นระบบและเข้าใจง่าย เช่น การอธิบาย การยกตัวอย่างและการตอบข้อซักถาม ๓.๗๖ มากที่สุด ค่าเฉลี่ยภาพรวม ๓.๘๐ มากที่สุด ๐.๐๐ ๐.๕๐ ๑.๐๐ ๑.๕๐ ๒.๐๐ ๒.๕๐ ๓.๐๐ ๓.๕๐ ๔.๐๐ ๒.๕๙ ๓.๕๑ ๓.๕๑ ๓.๕๖ ๑. ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาก่อนเข้าร่วมการสัมมนา ๒. ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาหลังเข้าร่วมการสัมมนา ๓. เนื้อหาสาระตรงกับความสนใจ และสอดคล้องกับความคาดหวัง ๔. ประโยชน์ที่ได้รับจากการสัมมนาสามารถน าไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานได้ 55
- ๔ - แผนภูมิที่ ๓ : แสดงผลการประเมินวิทยากร หัวข้อ "หลักเกณฑ์ทางกฎหมายเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีปกครอง" (๒) ผู้ตอบแบบประเมินฯ มีความเห็นในภาพรวมเกี่ยวกับการประเมินวิทยากร การสัมมนา หัวข้อ "ข้อพิจารณาที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีปกครอง" ในระดับมากที่สุด คิดเป็นค่าเฉลี่ย ๓.๘๒ โดยมีความเห็นว่าวิทยากรมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่สัมมนา ในระดับมากที่สุด คิดเป็นค่าเฉลี่ย ๓.๘๓ และสามารถถ่ายทอดความรู้ได้อย่างเป็นระบบและเข้าใจง่ายในระดับ มากที่สุด คิดเป็นค่าเฉลี่ย ๓.๘๐ (แผนภูมิที่ ๔) รายละเอียดการประเมินวิทยากร ค่าเฉลี่ย การแปลผล หัวข้อ “ข้อพิจารณาที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีปกครอง” ๑. วิทยากรมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่สัมมนา ๓.๘๓ มากที่สุด ๒. ถ่ายทอดความรู้ได้อย่างเป็นระบบและเข้าใจง่าย เช่น การอธิบาย การยกตัวอย่างและการตอบข้อซักถาม ๓.๘๐ มากที่สุด ค่าเฉลี่ยภาพรวม ๓.๘๒ มากที่สุด ๐.๐๐ ๐.๕๐ ๑.๐๐ ๑.๕๐ ๒.๐๐ ๒.๕๐ ๓.๐๐ ๓.๕๐ ๔.๐๐ 3.83 3.76 วิทยากรมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่สัมมนา ถ่ายทอดความรู้ได้อย่างเป็นระบบและเข้าใจง่าย 56
- ๕ - แผนภูมิที่ ๔ : แสดงผลการประเมินวิทยากร หัวข้อ “ข้อพิจารณาที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีปกครอง” ๓.๓ การประเมินการบริหารโครงการ ผู้ตอบแบบประเมินฯ มีความเห็นในภาพรวมเกี่ยวกับการประเมินการบริหาร โครงการในระดับมากที่สุด คิดเป็นค่าเฉลี่ย ๓.๕๕ โดยมีความเห็นเกี่ยวกับการให้ข้อมูลและการอ านวย ความสะดวกของเจ้าหน้าที่โครงการในระดับมากที่สุด คิดเป็นค่าเฉลี่ย ๓.๕๔ และการจัดการอบรมผ่านรูปแบบ ออนไลน์ โปรแกรม Cisco Webex Meetingรวมทั้งถ่ายทอดสดผ่านระบบ LiveStreaming ทางเว็บไซต์ศาลปกครอง และ Facebook Live ทาง Facebook ส านักงานศาลปกครอง มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด คิดเป็นค่าเฉลี่ย ๓.๕๖ มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด คิดเป็นค่าเฉลี่ย ๓.๕๖ (แผนภูมิที่ ๕) รายละเอียดการบริหารจัดการ ค่าเฉลี่ย การแปลผล ๑. การให้ข้อมูลและการอ านวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่โครงการ ๓.๕๔ มากที่สุด ๒. จัดการอบรมผ่านรูปแบบระบบออนไลน์ โปรแกรม Cisco Webex Meetings Live Streaming ทางเว็บไซต์ศาลปกครอง และ Facebook Live ของส านักงานศาลปกครอง มีความเหมาะสม ๓.๕๖ มากที่สุด ค่าเฉลี่ยภาพรวม ๓.๕๕ มากที่สุด ๐.๐๐ ๐.๕๐ ๑.๐๐ ๑.๕๐ ๒.๐๐ ๒.๕๐ ๓.๐๐ ๓.๕๐ ๔.๐๐ ๓.๘๓ ๓.๘๐ วิทยากรมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่สัมมนา ถ่ายทอดความรู้ได้อย่างเป็นระบบและเข้าใจง่าย 57
- ๖ - แผนภูมิที่ ๕ : แสดงผลการบริหารโครงการ ๓.๔ ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม ผู้ตอบแบบประเมินฯ มีความเห็นเพิ่มเติม ดังนี้ ๑) อยากให้เพิ่มเวลาการสัมมนา โดยเฉพาะช่วงบ่าย เนื่องจากกรณีศึกษาที่วิทยากร ยกตัวอย่าง มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะและมีความน่าสนใจ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมการสัมมนาได้รับความรู้ความเข้าใจ และสามารถน าไปปฏิบัติได้ในอนาคต ๒) คดีปกครองในแต่ละคดีค่อนข้างใช้เวลาพิจารณานาน แต่หากมีการพิจารณาไกล่เกลี่ย ได้มากขึ้น จะท าให้คดีปกครองพิจารณาแล้วเสร็จได้เร็วขึ้น ๐.๐๐ ๐.๕๐ ๑.๐๐ ๑.๕๐ ๒.๐๐ ๒.๕๐ ๓.๐๐ ๓.๕๐ ๔.๐๐ 3.๕๔ 3.๕๖ วิทยากรมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่สัมมนา ถ่ายทอดความรู้ได้อย่างเป็นระบบและเข้าใจง่าย 58
- ๗ - ภาพกิจกรรมการสัมมนา เรื่อง "การน ากระบวนการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทมาใช้ในคดีปกครอง" เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. รูปแบบออนไลน์ โปรแกรม Cisco Webex Meetings รวมทั้งถ่ายทอดสดผ่านระบบ Live Streaming ทางเว็บไซต์ศาลปกครอง และ Facebook Live ทาง Facebook ส านักงานศาลปกครอง ************************** เวลา 09.00-12.00 น. การสัมมนาทางวิชาการ ในหัวข้อ “หลักเกณฑ์ทางกฎหมายเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ในคดีปกครอง” โดยได้รับเกียรติจาก นายไพโรจน์ มินเด็น ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เป็นวิทยากรในการสัมมนาฯ 59
- ๘ - เวลา 13.00–16.00 น. การสัมมนาทางวิชาการ ในหัวข้อ “ข้อพิจารณาที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ย ข้อพิพาททางปกครอง” โดยได้รับเกียรติจาก นายไพโรจน์ มินเด็น ตุลาการศาลปกครองสูงสุด นายชาชิวัฒน์ ศรีแก้ว อธิบดีศาลปกครองอุบลราชธานี นายเทอดพงศ์ คงจันทร์ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง นายเอกณัฐ จิณเสน ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองนครศรีธรรมราช และนายสยาม วัฒนะมงคลรักษ์ ตุลาการศาลปกครองกลาง ร่วมเป็นวิทยากรในการสัมมนาฯ 60
Info graphics ขอเชิญเข ้ าร ่ วมการส ั มมนาทางว ิ ชาการ เน ื่องในโอกาสครบรอบ ๒๒ ปีศาลปกครอง 61
62
63
64
65
66
คลปขิ ่าวการสมมนาทางวัชาการิเน ื่องในโอกาสครบรอบ 22 ปีศาลปกครอง ออกอากาศในรายการเที่ ยงวนทั ันข่าว เม ื่ อวันท ี่ 9 มีนาคม 2566 ทางสถานีวิทยุโทรทศนักองท์พบกั สํานักงานศาลปกครอง โดย วิทยาลัยการยุติธรรมทางปกครอง ขอเชิญรับชมคลิปข่าวย้อนหลัง การสัมมนาทางวิชาการ เน ื่องในโอกาสครบรอบ 22 ปี ศาลปกครอง ในหัวข้อ “การพัฒนาระบบศาลปกครอง อิเล็กทรอนิกส์ (e-Admincourt) ก้าวที่ท้าทายสู่การสร้างโอกาสเข้าถึงความยุติธรรม” การสัมมนาทางวิชาการดังกล่าวจัดข ึ้ นเม ื่ อวันท ี่ 9 มีนาคม 2566 โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. วรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด ได้กรุณาให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดตัวศูนย์การเรียนรู้ ศาลปกครองออนไลน์ และเปิดการสัมมนาทางวิชาการเก ี่ ยวกับระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ การสัมมนา ทางวิชาการเก ี่ ยวกับการไกล่เกล ี่ ยข้อพิพาทในคดีปกครอง และการสัมมนาทางวิชาการคดีปกครองเกี่ ยวกับ การบริหารงานบุคคลภาครัฐ และคําให้สัมภาษณ์ของเลขาธิการสํานักงานศาลปกครองเก ี่ ยวกับการจัดสัมมนา ทางวิชาการ เน ื่องในโอกาสครบรอบ ๒๒ ปี ศาลปกครอง การส ื่ อสารและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เก ี่ ยวกับ ศาลปกครองอิเล็กทรอนิกส์ การไกล่เกล ี่ ยข้อพิพาทในคดีปกครอง และการเปิดตัวศูนย์การเรียนรู้ศาลปกครอง ออนไลน์ หรือ “ALL Cloud” ออกอากาศในรายการเที่ ยงวันทันข่าว เม ื่ อวันท ี่ 9 มีนาคม 2566 ทางสถานีวิทยุ โทรทัศน์กองทัพบก (ช่อง 5) คลิปข่าวย้อนหลัง http://shorturl.at/bdvBF https://youtu.be/qN99yseyQTM 67
:: เทปบันท ึ กภาพและเส ี ยงการสัมมนาทางวิชาการ :: เทปบันทึกภาพและเสียงการสัมมนาทางวิชาการให้ความรู้เก ี่ ยวกับศาลปกครองและ การดําเนินคดีปกครอง ซึ่งจัดข ึ้ นเน ื่องในโอกาสครบรอบ 22 ปี ศาลปกครอง ระหว่างวันท ี่ 7 - 13 มีนาคม 2566 ผ่านช่องทาง YouTube ของสํานักงานศาลปกครอง โดยมีหัวข้อการสัมมนาฯ ที่น่าสนใจ ดังนี้ หัวข้อ “หลักกฎหมายเกยวก ี่ ับการบังคับคดีปกครอง” https://bit.ly/40xNwlM หัวข้อ "กลไกการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายโดยศาลปกครองเกี่ ยวกับการบริหาร จัดการเมือง" https://bit.ly/3JFZ53M หัวข้อ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ : แง่มุมการพิจารณาในด้านกฎหมายปกครอง และคดีปกครองของต่างประเทศ และของไทย” https://bit.ly/3TGi82f หัวข้อ “การพัฒนาระบบศาลปกครองอิเล็กทรอนิกส์ (e-Admincourt) ก้าวที่ท้าทายสู่การ สร้างโอกาสเข้าถึงความยุติธรรม” https://bit.ly/3K3nmlr หัวข้อ “ศาลปกครองอิเล็กทรอนิกส์ (e-Admincourt) กับการอํานวยความยุติธรรมทางปกครอง เพื่อประชาชน” https://bit.ly/40dA5rF หัวข้อ “หลักเกณฑ์ทางกฎหมายเกี่ยวกับการไกล่เกล ี่ ยข้อพิพาทในคดีปกครอง” https://bit.ly/3GaxLd5 หัวข้อ “ข้อพิจารณาท ี่เป็นประโยชน์เก ี่ ยวกับการไกล่เกล ี่ ยข้อพิพาททางปกครอง” https://bit.ly/3ZgC0Ky หัวข้อ "คดีปกครองเกี่ ยวกับการบริหารงานบุคคลภาครัฐ" https://bit.ly/3niG289 68
คณะกรรมการจ ั ดงานครบรอบ ๒๒ ปีศาลปกครอง นายสุเมธ รอยกุลเจริญ รองประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการ นายสุชาต ิ มงคลเลิศลพ รองประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการ นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด กรรมการ นายประวิตร บุญเทียม ประธานแผนกคดีละเม ิดและความรับผิดอย่างอื่นในศาลปกครองสูงสุด กรรมการ นายสุชาต ิ ศรีวรกร อธิบดีศาลปกครองกลาง กรรมการ นายเอกณัฐ จิณเสน ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองนครศรีธรรมราช กรรมการ นายอนุวงศ์ซาบุตร ที่ปรึกษาสํานักงานศาลปกครอง กรรมการและเลขานุการ นายอนันต์ คงเครือพันธุ์ ผู้อํานวยการสํานักวิจัยและวิชาการ ผู้ช่วยเลขานุการ นายวิริยะ วัฒนสุชาติ ผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมงานคดีปกครอง ผู้ช่วยเลขานุการ นางวัลลภัตม์ เศวตรุนทร์ ผู้อํานวยการสํานักประชาสัมพันธ์ ผู้ช่วยเลขานุการ นางสาววนัสนันท์ กาญจนผลิน ผู้อํานวยการสํานักการต่างประเทศ ผู้ช่วยเลขานุการ นายทศพล ทองเทือก ผู้อํานวยการสํานักวิทยาการสารสนเทศ ผู้ช่วยเลขานุการ นายถาวร ขาวสอาด ผู้อํานวยการสํานักบริหารทรัพย์สิน ผู้ช่วยเลขานุการ นายตุลฉัตร อุดารักษ์ เจ้าหน้าที่ศาลปกครองเชี่ยวชาญ รักษาการในตําแหน่ง ผู้อํานวยการสํานักบริหารกลาง ผู้ช่วยเลขานุการ ดร. ผจงจิตต์ วงศ์ธีรญาณเดช ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาบุคลากร รักษาการในตําแหน่ง ผู้อํานวยการวิทยาลัยการยุติธรรมทางปกครอง ผู้ช่วยเลขานุการ นายประพัฒน์ ตันสุวรรณนนท์ รองเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง กรรมการ นายจํานง ถาวรวิสิทธิ์ รองเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง กรรมการ 69
คําส ั่ งแต่งต ั้ งคณะกรรมการจ ั ดงานครบรอบ 22 ปีศาลปกครอง 70
71
1 หัวข้อ “หลักกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับคดีปกครอง” วันอังคารที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๐๐–๑๖.๐๐ น. ณ ห้องสัมมนา ๑ ชั้น ๑๑ อาคารศาลปกครอง และผ่านระบบออนไลน์ วิทยากร : นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด นายอนนท์ อดิเรกสมบัติ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด นายเกียรติภูมิ แสงศศิธร อธิบดีศาลปกครองนครราชสีมา นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร สวัสดีทานผูเขารวมสัมมนาทางวิชาการทุกทาน วันนี้เราจัดสัมมนาทางวิชาการเนื่องในโอกาส ครบรอบ ๒๒ ปี ศาลปกครอง นอกจากวันนี้แลวยังมีการสัมมนาทางวิชาการตอเนื่องในวันอื่น ๆ ดวย และเปิดชองทางใหไดรับฟังกันในระบบออนไลน์โปรแกรม Cisco Webex Meeting ถายทอดสดผานระบบ Live Streaming ทางเว็บไซต์ศาลปกครอง และ Facebook Live ของสํานักงานศาลปกครอง วันนี้ ผมทําหนาที่เป็นผูดําเนินการสัมมนา และเป็นผูเขารวมสัมมนาดวย ขอขอบคุณทานอนนท์อดิเรกสมบัติ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และทานเกียรติภูมิ แสงศศิธร อธิบดีศาลปกครองนครราชสีมา รวมเป็นวิทยากร การสัมมนาฯ หัวขอ “หลักกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับคดีปกครอง” ขอเริ่มในภาพรวมกอนวาหลักกฎหมายที่เกี่ยวของกับการบังคับคดีปกครอง เราจะกลาวในเนื้อหา ในภาพรวมเนื่องจากมีผูฟังบางทานไมใชนักกฎหมาย บางทานยังไมมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับการดําเนินคดี โดยเฉพาะเรื่องการบังคับคดีปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องที่คอนขางซับซอน แตในสวนรายละเอียดไดแจกเอกสาร กฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวของ ซึ่งทานสามารถไปคนหาและศึกษาเพิ่มเติมได ในการศึกษาเรื่องการบังคับ คดีปกครองมีกฎหมายที่สําคัญ คือ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และกลุมกฎหมายที่เกี่ยวของกับการบังคับคดีปกครอง คดีปกครองที่เป็นคดีพิพาทตามมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ มีดังนี้ ๑. คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐกระทําการโดยไมชอบ ดวยกฎหมายไมวาจะเป็นการออกกฎ คําสั่ง หรือการกระทําอื่นใด เนื่องจากกระทําโดยไมมีอํานาจ หรือนอกเหนืออํานาจหนาที่หรือไมถูกตองตามกฎหมาย หรือโดยไมถูกตองตามรูปแบบขั้นตอน หรือวิธีการ อันเป็นสาระสําคัญที่กําหนดไวสําหรับการกระทํานั้น หรือโดยไมสุจริต หรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติ ที่ไมเป็นธรรม หรือมีลักษณะเป็นการสรางขั้นตอนโดยไมจําเป็น หรือสรางภาระใหเกิดกับประชาชนเกินสมควร หรือเป็นการใชดุลพินิจโดยไมชอบ รายละเอียดตองไปดูในกฎหมายดวยวา การกระทําโดยไมชอบดวยกฎหมายมีกรณีใดบาง ผูถูกฟูองคดีตองเป็นหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ แลวเมื่อเกิดขอพิพาทขึ้นถามีความจําเป็น จะตองมีการบังคับคดี ชองทางในการบังคับคดีตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) ตองสัมพันธ์กับมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ ๒. คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐละเลยตอหนาที่ตามที่ กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ หรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชาเกินสมควร ผูถูกฟูองคดี ไดแก หนวยงาน ทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ ๓. คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดหรือความรับผิดอยางอื่นของหนวยงานทางปกครอง หรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คําสั่งทางปกครอง หรือคําสั่งอื่น 72
2 หรือจากการละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชาเกินสมควร ซึ่งตองดูในรายละเอียดวาเรื่องใดเป็นการกระทําละเมิด หรือความรับผิดอยางอื่นของหนวยงานทางปกครอง หรือเจาหนาที่ของรัฐที่อยูในอํานาจของศาลปกครอง และเรื่องใดเป็นคดีเกี่ยวกับกระทําละเมิดที่อยูใน เขตอํานาจของศาลยุติธรรม เชน การกระทําละเมิดจากการปฏิบัติหนาที่โดยทั่วไป ๔. คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง ๕. คดีที่มีกฎหมายกําหนดใหหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐฟูองคดีตอศาล เพื่อบังคับใหบุคคลตองกระทําหรือละเวนกระทําอยางหนึ่งอยางใด เชน กรณีที่เจาพนักงานทองถิ่นฟูองคดี ตอศาลปกครองเพื่อมีคําสั่งใหจับกุมกักขังบุคคลซึ่งไมปฏิบัติคําสั่งของเจาพนักงานทองถิ่นตามพระราชบัญญัติ ควบคุมอาคารฯ เป็นตน ๖. คดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องที่มีกฎหมายกําหนดใหอยูในเขตอํานาจศาลปกครอง เชน กรณีที่ฟูอง ขอใหเพิกถอนคําชี้ขาดหรือบังคับตามคําชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง เป็นตน โดยมี มาตรา ๑๑ แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องขอยกเวนไว แมวาจะเป็นคดีตามมาตรา ๙ แตถามีกรณียกเวนตามที่กําหนดไวในมาตรา ๙ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ เชน การดําเนินการเกี่ยวกับวินัยทหาร การดําเนินการ ของคณะกรรมการตุลาการตามกฎหมายวาดวยระเบียบขาราชการฝุายตุลาการ เป็นตน กรณีดังกลาว ไมอาจนํามาฟูองตอศาลปกครองได สําหรับกรณีตามมาตรา ๑๑ แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ เป็นคดีที่อยูในอํานาจของศาลปกครองสูงสุด ไดแก ๑) คดีพิพาทเกี่ยวกับคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัย ขอพิพาทตามที่ที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดประกาศกําหนด ๒) คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบ ดวยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา หรือกฎที่ออกโดยคณะรัฐมนตรี หรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ถาเป็นกฎที่ออกโดยฝุายบริหารฟูองคดีที่ศาลปกครองชั้นตน แตถากฎออกโดยคณะรัฐมนตรีหรือโดย ความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีใหฟูองโดยตรงตอศาลปกครองสูงสุด ๓) คดีที่มีกฎหมายกําหนดใหอยูใน อํานาจศาลปกครองสูงสุด บางเรื่องกฎหมายกําหนดวาเรื่องนี้ใหมาฟูองที่ศาลปกครองสูงสุด ตัวอยางเชน ขาราชการพลเรือนถูกลงโทษทางวินัยอยางรายแรง แลวอุทธรณ์ไปตามที่พระราชบัญญัติระเบียบขาราชการ พลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ กําหนด เมื่อผลอุทธรณ์เป็นประการใด หากไมเห็นพองดวยสามารถยื่นฟูองโดยตรง ตอศาลปกครองสูงสุด และ ๔) คดีที่อุทธรณ์คําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลปกครองชั้นตน คดีเหลานี้มาฟูอง ยังศาลปกครองสูงสุด หรืออุทธรณ์มายังศาลปกครองสูงสุด เมื่อศาลไดมีคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครองแลว ไมจําตองมีการบังคับคดีในทุกคดี เชน กรณีที่ศาลพิพากษายกฟูอง ก็ไมตองมีการบังคับคดี หรือกรณีที่ศาลมีคําพิพากษาแลว คําพิพากษานั้น มีผลทันที เชน ศาลเพิกถอนคําสั่งทางปกครองใหยอนหลังไปนับแตวันที่คําสั่งมีผลบังคับ กรณีเชนนี้ ในคําพิพากษามีผลยอนไปนับแตวันที่คําสั่งมีผลบังคับ คือ เพิกถอนโดยไมตองไปดําเนินการในกระบวนการ บังคับคดี อยางไรก็ตาม บางกรณีเมื่อศาลมีคําพิพากษาแลว ผูที่ตองปฏิบัติตามคําบังคับในคําพิพากษา ไมปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติไมครบถวน หรือปฏิบัติลาชาไมถูกตอง อาจจะตองมีการบังคับคดีใหเป็นไปตาม คําบังคับในคําพิพากษา สําหรับรูปแบบคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลนั้น ในคดีแพงและคดีปกครองมีความแตกตางกัน คือ ในคดีแพงเมื่อศาลยุติธรรมมีคําพิพากษาแลว ศาลจะตองมีคําบังคับเป็นสวนหนึ่งที่แยกตางหากจาก คําพิพากษาซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๗๒ และมาตรา ๒๗๓ 1 โดยหลักคือ 1 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๗๒ ถาศาลไดมีคําพิพากษาหรือคําสั่งอยางใดซึ่งตองมีการบังคับคดีแกลูกหนี้ตามคําพิพากษาก็ใหศาลออกคําบังคับทันที ที่ไดอานหรือถือวาไดอานคําพิพากษา หรือคําสั่งนั้น และใหถือวาลูกหนี้ตามคําพิพากษาไดทราบคําบังคับแลวในวันนั้น 73
3 จะไปบังคับคดีได ผูที่จะตองถูกบังคับคดีตองทราบคําบังคับกอน ในสวนของคดีปกครองไดมีการบัญญัติ เกี่ยวกับองค์ประกอบของคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครองของศาลปกครองไวในมาตรา ๖๙ โดยที่ มาตรา ๖๙ วรรคหนึ่ง (๗) บัญญัติวา “คําบังคับ ถามี โดยใหระบุหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ ที่ตองปฏิบัติตามคําบังคับไวดวย” หลักที่ตองการเนน คือ คําบังคับรวมอยูในคําพิพากษา และไมไดกําหนด รายละเอียดที่เป็นสาระสําคัญเหมือนเชนที่กําหนดไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ผลก็คือ ในคดีแพง จําเลยไปฟังคําพิพากษา แตยังไมทราบคําบังคับ เมื่อพนระยะเวลาที่กําหนดไวใหตองปฏิบัติ หรือพนหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่กําหนดจะตองปฏิบัติแลวไมปฏิบัติก็ยังบังคับคดีไมได ตองตอสูวายังไมเคยทราบ คําบังคับ แตคดีปกครอง ถาไดทราบคําพิพากษาโดยชอบ หรือถือวาไดทราบคําพิพากษาแลว ตองถือวา ไดทราบคําบังคับดวย เพราะรวมอยูในคําพิพากษาแลว เมื่อพนกําหนดระยะเวลาที่กําหนดในการบังคับ ลูกหนี้ ไมปฏิบัติตามคําบังคับ ก็อาจจะถูกบังคับคดีไดเชนเดียวกับคดีแพง ประการถัดมา องค์ประกอบของคําพิพากษาของศาลปกครอง จะมีขอสังเกตเกี่ยวกับแนวทาง หรือวิธีการดําเนินการใหเป็นไปตามคําพิพากษา แตในคดีแพงจะไมมีองค์ประกอบสวนนี้ จึงมีประเด็น ที่ตองพิจารณาวาจําเป็นตองบังคับคดีใหเป็นไปตามขอสังเกตหรือไม คําตอบคือ ขอสังเกตไมใชคําบังคับ แตเป็นเหมือนกับแนวทางวิธีการดําเนินการใหเป็นไปตามคําพิพากษา เชน เมื่อถูกลงโทษทางวินัยอยางรายแรง ปลดออก หรือไลออก ศาลมีคําพิพากษาถึงที่สุดใหเพิกถอนคําสั่งลงโทษปลดออกหรือไลออก เนื่องจาก เป็นคําสั่งที่ออกโดยไมชอบดวยกฎหมาย ก็อาจมีขอสังเกตใหหนวยงานไปปฏิบัติตอสิทธิหนาที่ของผูฟูองคดี เสมือนไมเคยมีคําสั่งลงโทษทางวินัยมากอน ผูฟูองคดีอาจจะไดกลับเขารับราชการ ไดรับสิทธิประโยชน์ ตามกฎหมาย แตถาไมปฏิบัติเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ใหถูกตองตามกฎหมายจะมาบังคับคดีตามขอสังเกตไมได แตสามารถนําคดีมาฟูองเป็นอีกกรณีหนึ่งในเรื่องของการที่ละเลยตอหนาที่ไมปฏิบัติใหเป็นไปตามกฎหมาย หรือระเบียบที่เกี่ยวของ ขอแตกตางของคําบังคับในคดีแพงและคดีปกครองอีกประการหนึ่ง คือ ในคดีแพงเมื่อศาล มีคําพิพากษาแลว หากลูกหนี้มีการอุทธรณ์ ไมตองรอใหคดีถึงที่สุด เจาหนี้สามารถขอบังคับคดีได เนื่องจาก ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๓๑ วรรคหนึ่ง บัญญัติไวชัดเจนวา การยื่นอุทธรณ์ยอมไมเป็น การทุเลาการบังคับตามคําพิพากษาของศาลชั้นตน แตถายังไมอยากใหถูกบังคับคดี คูความที่ยื่นอุทธรณ์อาจยื่น คําขอตอศาลอุทธรณ์ไมวาเวลาใด ๆ กอนศาลมีคําพิพากษา โดยทําเป็นคํารองชี้แจงเหตุผลอันสมควรแหงการ ขอใหศาลอุทธรณ์ทุเลาการบังคับไว แตกรณีคําบังคับคดีปกครองเนื่องจากคดีปกครองมีผลกระทบตอประโยชน์ สาธารณะจํานวนมาก ถาบังคับคดีตามคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตนไปแลว ตอมาศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่ลูกหนี้ตามคําพิพากษาขาดนัดยื่นคําให้การหรือขาดนัดพิจารณา และลูกหนี้ตามคําพิพากษา ทนายความ หรือผู้รับมอบฉันทะ จากบุคคลใดบุคคลหนึ่งดังกล่าวให้มาฟังคําพิพากษาหรือคําสั่ง มิได้อยู่ในศาลในเวลาที่ออกคําบังคับ ให้บังคับตามมาตรา ๑๙๙ ทวิ หรือมาตรา ๒๐๗ แล้วแต่กรณี มาตรา ๒๗๓ ถ้าในคําบังคับได้กําหนดให้ใช้เงิน หรือให้ส่งทรัพย์สิน หรือให้กระทําการ หรืองดเว้นกระทําการอย่างใด ๆ ให้ศาลระบุไว้ ในคําบังคับนั้นโดยชัดแจ้ง ซึ่งระยะเวลาและเงื่อนไขอื่น ๆ อันจะต้องใช้เงิน ส่งทรัพย์สิน กระทําการ หรืองดเว้นกระทําการใด ๆ นั้น แต่ ถ้าเป็น คดีมโนสาเร่ ศาลไม่จําต้องให้เวลาแก่ลูกหนี้ตามคําพิพากษาเกินกว่าสิบห้าวันในอันที่จะปฏิบัติตามคําพิพากษาหรือคําสั่งนั้น ในคดีที่มีเหตุตามมาตรา ๒๗๒ วรรคสอง ให้ศาลให้เวลาแก่ลูกหนี้ตามคําพิพากษาในอันที่จะปฏิบัติตามคําพิพากษาหรือคําสั่ง ไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ระยะเวลาตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เริ่มนับแต่วันที่ถือว่าลูกหนี้ตามคําพิพากษาได้ทราบคําบังคับแล้ว เว้นแต่ศาลจะได้กําหนดไว้ โดยชัดแจ้งในเวลาที่ออกคําบังคับ หรือในภายหลังว่าให้นับแต่วันใดวันหนึ่งตามที่ศาลเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ในระหว่างที่ระยะเวลาตามคําบังคับยังไม่ครบกําหนดหรือการปฏิบัติตามวิธีการหรือเงื่อนไขในคําบังคับยังไม่เสร็จสิ้น เจ้าหนี้ ตามคําพิพากษาอาจยื่นคําขอฝ่ายเดียวต่อศาลให้มีคําสั่งกําหนดวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของตนก็ได้ ในกรณีที่ศาลมีคําสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดตามวรรคสี่แล้ว คําสั่งนั้นยังคงมีผลต่อไปเท่าที่จําเป็นเพื่อปฏิบัติตามคําพิพากษาหรือคําสั่ง ของศาล แต่ถ้าเจ้าหนี้ตามคําพิพากษามิได้ขอบังคับคดีภายในกําหนดสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กําหนดไว้ในคําบังคับเพื่อให้ปฏิบัติตาม คําพิพากษาหรือคําสั่ง ให้ถือว่าคําสั่งนั้นเป็นอันยกเลิกเมื่อสิ้นระยะเวลาเช่นว่านั้น 74
4 มีคําพิพากษาเป็นอยางอื่น เชน มีคําพิพากษากลับยกฟูอง หรือคําพิพากษาแกที่แตกตางกันมาก การบังคับคดี ไปแลวจะเกิดกระทบตอประโยชน์สาธารณะคอนขางมาก เพราะฉะนั้นจึงไดบัญญัติหลักการไวในมาตรา ๗๐ วรรคสอง วาในกรณีที่เป็นคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตน ใหรอการปฏิบัติตามคําบังคับไวจนกวาจะพน ระยะเวลาการอุทธรณ์ หรือในกรณีที่มีการอุทธรณ์ ใหรอการบังคับคดีไวจนกวาคดีจะถึงที่สุด กลาวโดยสรุปคือ ถาเป็นคดีแพง คดียังไมถึงที่สุดสามารถบังคับคดีไดทันที เวนแตจะมีการขอทุเลาการบังคับคดีไว คดีปกครอง ที่ยังไมถึงที่สุดไมสามารถบังคับคดีได แตก็ไดมีการผอนปรนใหมีการบังคับคดีบางประเภทได โดยตองเป็นคดี ที่กําหนดไวในระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดวาดวยการกําหนดคดี หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอบังคับคดี ตามคําพิพากษาศาลปกครองชั้นตน พ.ศ. ๒๕๖๐ ทั้งนี้ การสัมมนา ในชวงที่สองจะกลาวตอไปวากําหนดประเภทคดีใดบางที่จะผอนปรนใหมีการบังคับคดีกอนคดีถึงที่สุดได โดยในคดีปกครองนั้น มาตรา ๗๓ แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ กําหนดวา หากศาลมีคําพิพากษา และมีการกําหนดคําบังคับไวในคําพิพากษา หรือคําสั่งของศาลปกครองชั้นตนนั้น ใหยื่นอุทธรณ์ ตอศาลปกครองชั้นตนที่มีคําพิพากษาหรือคําสั่งภายในกําหนดสามสิบวัน นับแตวันที่ไดมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง ถามิไดยื่นอุทธรณ์ตามกําหนดเวลาดังกลาวใหถือวาคดีนั้นเป็นอันถึงที่สุด ดังนั้นในคดีปกครองถาไมมีการ ยื่นอุทธรณ์ภายในสามสิบวัน ใหถือวาคดีนั้นเป็นอันถึงที่สุด แตถามีการอุทธรณ์ตองรอจนกวาศาลปกครอง สูงสุดจะมีคําพิพากษา แตหากตองการบังคับคดีกอน เพราะเกรงวาจะเกิดความลาชาอาจจะไดรับการเยียวยา ความเดือดรอนไมทันกาล กรณีเชนนี้ตองยื่นขอบังคับคดีกอนคดีถึงที่สุด หลักกฎหมายสําคัญที่เกี่ยวของกับการบังคับคดีอยูในมาตรา ๗๕/๑ ซึ่งเป็นหลักการสําคัญในการ บังคับคดีปกครอง ไดบัญญัติวา “การบังคับคดีตามคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลปกครอง ใหนําบทบัญญัติ วาดวยการบังคับคดีตามคําพิพากษาหรือคําสั่ง และบทบัญญัติวาดวยคาฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพง และคาธรรมเนียมเจาพนักงานบังคับคดีทายประมวลกฎหมายดังกลาว มาใชบังคับ โดยอนุโลมกับการบังคับคดีปกครอง ทั้งนี้ เทาที่ไมขัดหรือแยงกับพระราชบัญญัตินี้และหลักกฎหมายทั่วไป วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง” โดยสรุป คือ ใหนําการบังคับคดีตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพงมาใชในคดีปกครองไดโดยอนุโลม ถาพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ ไมไดบัญญัติไว โดยเฉพาะ ระเบียบของที่ประชุมใหญฯ ไมไดกําหนดไวโดยเฉพาะ หรือไมขัดแยงกับหลักกฎหมายทั่วไปวาดวย วิธีพิจารณาคดีปกครอง ก็นําหลักของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงมาใช เชน การบังคับคดี กับเอกชนในเรื่องหนี้เงินตาง ๆ ซึ่งทานเกียรติภูมิ แสงศศิธร อธิบดีศาลปกครองนครราชสีมา จะมาอธิบาย ใหฟังวาจะนําหลักประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงมาใชในกรณีใดบาง นอกจากมาตรา ๗๕/๑ ซึ่งเป็น หลักการเบื้องตนแลว ยังมีมาตรา ๗๕/๒ มาตรา ๗๕/๓ และมาตรา ๗๕/๔ ซึ่งเป็นเรื่องของการปรับหนวยงาน ทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐที่ไมปฏิบัติตามคําบังคับ สําหรับหนวยงานที่ทําหนาที่ในการบังคับคดีหากเป็นกรณีของการบังคับคดีแพงเป็นหนาที่ ของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม แตถาเป็นการบังคับคดีปกครองไดมีการบัญญัติไวในพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองฯ มาตรา ๗๗ (๓) ใหสํานักงานศาลปกครองมีอํานาจหนาที่ดําเนินการบังคับใหเป็นไปตาม คําบังคับของศาลปกครอง โดยสํานักงานศาลปกครองมีสํานักบังคับคดีปกครองเป็นหนวยงานที่มีหนาที่ ในการบังคับคดีปกครอง สําหรับในภูมิภาคจะมีสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาคเป็นหนวยงานในการทําหนาที่ บังคับคดีปกครอง สวนเจาหนาที่ที่ทําหนาที่บังคับคดีปกครอง เนื่องจากระบบการบังคับคดีปกครองมี ๓ ชองทาง ชองทางแรกบังคับคดีโดยไมออกหมายตั้งเจาพนักงานบังคับคดีแบบคดีแพง แตศาลปกครองจะมีคําสั่ง ใหเจาหนาที่ในสํานักงานบังคับคดีหรือในสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาคไปทําหนาที่ในการบังคับคดี ซึ่งเจาหนาที่ที่ไปทําหนาที่ในการบังคับคดีเรียกวา “พนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี” ซึ่งทานอนนท์ 75
5 อดิเรกสมบัติ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด จะอธิบายใหฟังวาทําไมไมออกหมายตั้งเจาพนักงานบังคับคดี แตออกเป็นคําสั่งศาลไปดําเนินการบังคับคดีในบางประเภท แตโดยการบังคับเราเรียกวา “สํานักงาน” ซึ่งตามบทนิยามหมายความถึง สํานักบังคับคดีปกครอง หรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค และใหหมายความรวมถึงพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี2 แตคดีปกครองบางประเภทที่นําหลัก ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงมาใชโดยอนุโลมก็จะมีการออกหมายตั้งเจาพนักงานบังคับคดี ซึ่งเจาพนักงานบังคับคดีก็อยูในหนวยบังคับคดีของสํานักงาน เมื่อไดรับหมายก็ไปดําเนินการบังคับคดี ซึ่งทานอาจารย์เกียรติภูมิฯ จะไดอธิบายใหฟังวาการบังคับคดีโดยการออกหมายตั้งเจาพนักงานบังคับคดี เป็นคดีปกครองประเภทใดบาง แตการบังคับคดีไมใชวาจะบังคับโดยสํานักงานหรือพนักงานเจาหนาที่ ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี หรือจะบังคับโดยตองมีหมายตั้งเจาพนักงานบังคับคดีทุกกรณี การบังคับคดีบางอยาง ไมตองใชบริการของสํานักงาน ไมตองใชบริการของเจาพนักงานบังคับคดี แตเป็นการบังคับคดี โดยการใหอํานาจศาลในการกําหนดวิธีการบังคับคดีตามคําพิพากษาหรือคําสั่งใหบรรลุผล เพราะฉะนั้น กระบวนการในการบังคับคดีผูที่ทําหนาที่ที่เกี่ยวของ ไดแก ศาล และสํานักงาน ในสวนของเจาหนาที่ ที่ปฏิบัติงาน ไดแก เจาพนักงานบังคับคดี นอกจากการบังคับคดีตามมาตรา ๙ และมาตรา ๑๑ จะตองบังคับ ตามขอบขายที่กําหนดไวในมาตรา ๗๒ แลว ยังมีการบังคับคดีกรณีที่ยังไมมีคําพิพากษา แตศาลใชมาตรการ วิธีการคุมครองชั่วคราวแลว ถาไมปฏิบัติตามวิธีการคุมครองชั่วคราวในบางประเภทก็จะมีการบังคับ ในสวนของกฎหมายที่เกี่ยวของกับการบังคับคดีซึ่งออกโดยอาศัยอํานาจตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองฯ มี ๓ ฉบับ ไดแก ๑. ระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการกําหนดหลักการทั่วไป ๒. ระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยการกําหนดคดี หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการบังคับคดีตามคําพิพากษาศาลปกครองชั้นตน พ.ศ. ๒๕๖๐ ๓. ระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการปรับหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐที่มิไดปฏิบัติตามคําบังคับของศาลปกครอง ใหถูกตองครบถวนหรือปฏิบัติลาชาเกินสมควร พ.ศ. ๒๕๖๐ สําหรับวิธีการในการทํางานของเจาหนาที่ในระเบียบไดมีการกําหนดใหอํานาจเลขาธิการ สํานักงานศาลปกครองในการออกประกาศ ระเบียบ หรือขอบังคับทางธุรการ เอกสารที่เกี่ยวของในสวนนี้ หมายถึงเจาหนาที่จะไปดําเนินการ โดยเลขาธิการสํานักงานศาลปกครองออกระเบียบตามที่กําหนดไว ในขอ ๑๒๘ ของระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ในชวงตอไป ทานอนนท์ อดิเรกสมบัติ จะอธิบายใหฟังวาการบังคับคดีที่ใชวิธีการออกเป็นคําสั่ง ศาลเป็นอยางไร ทําไมศาลปกครองไมออกหมายตั้งเจาพนักงานบังคับคดี และมีกฎหมายที่เกี่ยวของอยางไร นายอนนท์ อดิเรกสมบัติตุลาการศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร สวัสดีผูเขารวมการสัมมนาทุกทาน ไมวาจะรับฟังโดยชองทางใด การสัมมนาในวันนี้รับผิดชอบ ในเรื่อง หลักกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับคดีปกครอง ประมาณ ๕ หัวขอ ไดแก ๑. ผูเกี่ยวของกับการบังคับคดีปกครอง ๒. ระยะเวลาในการบังคับคดีปกครอง 2 ระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ ๓ 76
6 ๓. อํานาจหนาที่ของพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี ๔. ศาลที่มีอํานาจในการบังคับคดี ๕. การบังคับคดีในกรณีที่ศาลมีคําสั่งใหสํานักงานดําเนินการ ในเบื้องตนจะชี้ใหเห็นถึงขอแตกตางระหวางการบังคับคดีแพงกับการบังคับคดีปกครอง ดังนี้ ขอที่เหมือนของการบังคับคดีแพงกับการบังคับคดีปกครอง ๑. กรณีที่ศาลมีคําพิพากษาใหใชเงิน ซึ่งจะตองไปบังคับคดีกับทรัพย์สิน ก็จะใชวิธีการยึด อายัด และขายทอดตลาด โดยเจาพนักงานบังคับคดีเชนเดียวกัน ไมวาจะเป็นคดีแพง หรือคดีปกครองก็ตาม ๒. กรณีที่ศาลมีคําพิพากษาใหจําเลยออกไปจากที่พิพาท อาจจะเป็นที่เชา หรือเป็นที่ที่บุกรุกเขาไป ใหออกไปจากที่พิพาท รวมทั้งการใหรื้อถอนสิ่งปลูกสรางออกไปจากที่พิพาท จะเป็นการบังคับคดีขับไล รื้อถอน ซึ่งดําเนินการโดยเจาพนักงานบังคับคดีเชนเดียวกันทั้งคดีแพงและคดีปกครอง ทั้งนี้ ในการยึด อายัด ขายทอดตลาด เจาพนักงานบังคับคดีทั้งในสวนคดีแพงและคดีปกครอง จะใชหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงเชนเดียวกัน โดยในสวนของการบังคับคดีในหนี้เงิน ที่เป็นการยึด อายัด ขายทอดตลาด เจาพนักงานบังคับคดีของศาลปกครองจะใชวิธีการตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพง ซึ่งมาตรา ๗๕/๑ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ กําหนดใหนําประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพงในสวนที่เกี่ยวกับการบังคับคดีนี้มาใชบังคับโดยอนุโลม ขอแตกตางของการบังคับคดีแพงกับการบังคับคดีปกครอง เจาพนักงานบังคับคดีในคดีแพงและคดีปกครองจะเรียกชื่อเหมือนกันวา “เจาพนักงานบังคับคดี” โดยหลักแลวหนาที่จะเหมือนกันมาก แตจะมีความแตกตางกันในเรื่องของรายละเอียด ถาเป็นเจาพนักงาน บังคับคดีในคดีแพงซึ่งสังกัดกรมบังคับคดีเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงซึ่งบัญญัติไวใน มาตรา ๑ (๑๔) “เจาพนักงานบังคับคดี หมายความวา เจาพนักงานในสังกัดกรมบังคับคดีหรือพนักงานอื่น ผูมีอํานาจตามบทบัญญัติแหงกฎหมายที่ใชอยู ในอันที่จะปฏิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไวในภาค ๔ แหงประมวล กฎหมายนี้ เพื่อคุมครองสิทธิของคูความในระหวางการพิจารณา หรือเพื่อบังคับตามคําพิพากษาหรือคําสั่ง และใหหมายความรวมถึงบุคคลที่ไดรับมอบหมายจากเจาพนักงานบังคับคดีใหปฏิบัติการแทน ” สวนเจาพนักงานบังคับคดีในคดีปกครองเป็นไปตามมาตรา ๗๕/๒ แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ ซึ่งบัญญัติวา “ใหเจาพนักงานบังคับคดีซึ่งศาลปกครองแตงตั้งจากขาราชการฝุายศาลปกครองที่มีคุณสมบัติ ตามที่ ก.ศป. กําหนด มีหนาที่ปฏิบัติตามที่บัญญัติไวในพระราชบัญญัตินี้และระเบียบของที่ประชุมใหญ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ในระหวางการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลปกครอง ในการบังคับคดีปกครองตามวรรคหนึ่ง เจาพนักงานบังคับคดีอาจมอบหมายใหเอกชนหรือบุคคลอื่นปฏิบัติการแทน ภายใตการกํากับดูแลของเจาพนักงานบังคับคดีก็ได ทั้งนี้ ตามระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครอง สูงสุด จะเห็นไดวาความแตกตางกัน คือที่มาเทานั้นเอง แตอํานาจหนาที่เหมือนกัน คือ ไปดําเนินการบังคับคดี ใหเป็นไปตามคําพิพากษา โดยเฉพาะในสวนที่เกี่ยวกับหนี้เงิน หนี้ใหรื้อถอน หนี้ขับไล เหลานี้จะปฏิบัติหนาที่ เหมือนกัน ในสวนของขอแตกตาง คือ ๑. เจาพนักงานบังคับคดีปกครองในคดีปกครองตองเป็นผูที่มีคุณสมบัติตามที่ ก.ศป. ประกาศ กําหนด ซึ่ง ก.ศป. ประกาศมาแลววา ผูที่จะเป็นเจาพนักงานบังคับคดีไปทําหนาที่ในการยึด อายัด ขายทอดตลาดทรัพย์สินไดจะตองมีคุณสมบัติคือ เป็นพนักงานคดีปกครอง ตองผานหลักสูตรการอบรม ของสํานักงานศาลปกครองเป็นพนักงานคดีปกครองเสียกอน จึงจะไดรับแตงตั้งเป็นเจาพนักงานบังคับคดีได สวนเจาพนักงานบังคับคดีในสังกัดกรมบังคับคดี จบการศึกษาคณะนิติศาสตร์ถือวามีคุณสมบัติแลว ไมมีคุณสมบัติเพิ่มเติมเหมือนศาลปกครอง 77
7 ๒. การบังคับคดีปกครองที่มิใชหนี้เงิน หรือขับไล รื้อถอน ไดแก กรณีที่ศาลมีคําบังคับใหเพิกถอน กฎ หรือคําสั่ง หรือหามการกระทําทั้งหมดหรือบางสวน หรือกรณีที่ศาลมีคําบังคับใหหัวหนาหนวยงาน ทางปกครอง หรือเจาหนาที่ของรัฐที่เกี่ยวของปฏิบัติตามหนาที่ภายในเวลาที่ศาลปกครองกําหนด หรือกรณีที่ ศาลมีคําบังคับใหหนวยงานทางปกครองใชเงิน หรือสงมอบทรัพย์สิน หรือใหกระทําการหรืองดเวนกระทําการ คือ ใหหนวยงาน หรือกรณีที่ศาลมีคําบังคับใหถือปฏิบัติตอสิทธิหรือหนาที่ของบุคคลที่เกี่ยวของการบังคับคดี จะบังคับโดยพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี โดยเจาหนี้ตามคําพิพากษาไมตองรองขอ คือ ขอที่แตกตางของการบังคับคดี ในคดีปกครองจะมี“พนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี” ถาไมใชหนี้เงิน กรณีใหขับไล รื้อถอน ก็จะบังคับโดยพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีโดยเมื่อศาลมีคําพิพากษา ถึงที่สุดแลว พนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานคดีจะปฏิบัติหนาที่ในการบังคับคดี ซึ่งในระเบียบของที่ประชุมใหญฯ จะกําหนดใหศาลสงแจงคําสั่งไปยังพนักงานเจาหนาที่ดังกลาววาศาลมีคําพิพากษา โดยกําหนดคําบังคับตามที่ กลาวไปแลว พนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีจะทําหนาที่ในการบังคับคดี โดยไมตองมีการรองขอ แตถาเป็นการบังคับโดยเจาพนักงานบังคับคดีกรณีหนี้เงิน หรือขับไล รื้อถอน จะตองมีการรองขอตอศาล ขอใหศาลออกหมายบังคับคดีตั้งเจาพนักงานบังคับคดีเพื่อดําเนินการบังคับคดี ๓. การบังคับคดีปกครองที่ไมใชหนี้เงิน หรือขับไล รื้อถอน ไมใชหลักความยินยอมหรือความพอใจ ของเจาหนี้ตามคําพิพากษา แมเจาหนี้ตามคําพิพากษาไมประสงค์จะบังคับคดี แตหากการบังคับคดีนั้น เป็นคดีที่เกี่ยวกับการคุมครองประโยชน์สาธารณะ หรือการบังคับคดีตอไปจะเป็นประโยชน์แกสวนรวม หรือการสมยอมกันโดยไมเหมาะสม ศาลจะตองใหมีการบังคับคดีตอไป สวนคดีแพงเป็นเรื่องของคูความ ซึ่งเป็นเอกชนดวยกัน เมื่อศาลพิพากษาใหโจทก์ชนะคดีแลว โจทก์จะไมบังคับคดีเลยก็ไดหรือไปบังคับคดี บางสวนแลวพอใจก็ได ที่เหลือไมประสงค์จะบังคับคดีก็เป็นความพอใจของโจทก์ แตในคดีปกครองถาศาล พิพากษาโดยกําหนดคําบังคับนอกเหนือจากหนี้เงิน หรือขับไล รื้อถอนแลว เจาหนี้จะมาแจงตอศาลวา ไมประสงค์จะบังคับคดีตามคําพิพากษาหรือคําบังคับของศาลตอไปไมได ถาคดีนั้นเป็นคดีที่เกี่ยวกับ การคุมครองประโยชน์สาธารณะ หรือการบังคับคดีตอไปจะเป็นประโยชน์แกสวนรวม หรือศาลเห็นวา เป็นการสมยอมกันโดยไมเหมาะสมเชนนี้ศาลจะตองใหมีการบังคับคดีตอไป ซึ่งจะสอดคลองกับการถอนฟูอง ในคดีปกครองก็ตองดูเงื่อนไขทั้งสามประการเหลานี้เหมือนกัน ไมใชวาฟูองคดีปกครองแลวพอไดตามที่พอใจ แลวก็มาถอนฟูอง ศาลจะตองดูวาเขาเงื่อนไขที่จะถอนฟูองไดหรือไม เชนเดียวกับการบังคับคดี ในสวนของการพิจารณาคํารองในการบังคับคดีปกครอง ศาลปกครองใชวิธีพิจารณาคดีปกครอง ในการบังคับคดีอาจจะมีการรองเขามาไมวาจะเป็นการรองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง หรือรองโดยประการอื่น ๆ การพิจารณาของศาลจะพิจารณาตามระบบวิธีพิจารณาคดีปกครอง คือ ใชระบบ ไตสวน อยางเชน ไปยึดทรัพย์มาแลวมีผูที่มายื่นคํารองขอใหปลอยทรัพย์ที่ยึด โดยอางวาทรัพย์ที่ยึด ไมใชของลูกหนี้แตเป็นของตน เชนนี้เรียกวาเป็นการรองขัดทรัพย์ หรือรองขอใหปลอยทรัพย์ที่ยึด เมื่อมีการ รองมาที่ศาลปกครอง คดีที่มีการยึดทรัพย์ในคดีปกครอง ศาลจะใชวิธีพิจารณาของศาลปกครอง ไมไดใช วิธีพิจารณาของคดีแพงแมวาจะนําประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงมาใชบังคับโดยอนุโลมก็ตาม แตวา ในสวนของการพิจารณาคดี ศาลจะตองใชวิธีพิจารณาคดีปกครอง คือ ใชระบบไตสวนเป็นหลัก ในสวนผูที่เกี่ยวของกับการบังคับคดีปกครอง ไดแก ผูฟูองคดี ผูถูกฟูองคดี เจาหนี้ตามคําพิพากษา ลูกหนี้ตามคําพิพากษา ศาล สํานักงาน หรือพนักงาน เจาพนักงานที่ปฏิบัติงานบังคับคดี และผูมีสวนไดเสีย ในการบังคับคดี ซึ่งผูฟูองคดีและผูถูกฟูองคดีเป็นไดทั้งเอกชนและหนวยงานทางปกครอง แตคดีปกครองหลัก ๆ แลว ผูถูกฟูองคดีจะเป็นหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ แตมีคดีบางประเภทที่อาจจะเป็นเอกชน ถูกฟูองคดีได เชน คดีสัญญาทางปกครอง สามารถที่จะฟูองกันไปฟูองกันมาได อยูที่วาใครผิดสัญญา เอกชน อาจจะผิดสัญญา หนวยงานเขามาฟูองเอกชน เชนนี้เอกชนจะเป็นผูถูกฟูองคดี หรือคดีละเมิดที่เจาหนาที่ 78
8 กระทําละเมิดตอหนวยงาน หนวยงานเขามาฟูองเจาหนาที่ เจาหนาที่มีฐานะเป็นเอกชน สวนหนวยงาน ทางปกครอง หมายความวา กระทรวง ทบวง กรม สวนราชการ ที่เรียกชื่ออยางอื่นและมีฐานะเป็นกรม ราชการสวนภูมิภาค ราชการสวนทองถิ่น รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือหนวยงานอื่นของรัฐดําเนินกิจการทางปกครอง ถัดมาเจาหนี้ตามคําพิพากษาและลูกหนี้ตามคําพิพากษา ซึ่งมาจากผูฟูองคดีและผูถูกฟูองคดี ผูฟูองคดีถาชนะคดีจะเป็นเจาหนี้ตามคําพิพากษา ในทางกลับกัน ผูถูกฟูองคดีถาแพคดีเป็นลูกหนี้ตามคําพิพากษา คือ คนที่จะตองถูกบังคับคดีนั่นเอง ดวยความที่ไดกําหนดให การบังคับคดีในคดีปกครองเป็นการดําเนินการในเชิงรุก เพื่ออํานวยความยุติธรรมใหแกประชาชน จึงกําหนดให ศาลเขามามีบทบาทในการบังคับ รวมทั้งกําหนดใหพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีอยางที่กลาวไป เมื่อตอนตน ใหทําหนาที่ในการบังคับคดีโดยไมตองมีการรองขอ และตองดําเนินการบังคับคดีไปจนกวา การบังคับคดีจะครบถวนสมบูรณ์นี่คือ การอํานวยความยุติธรรมในการบังคับคดีเชิงรุก แมกระทั่งเป็นหนี้เงิน ก็ตามหรือหนี้อยางอื่นก็ตาม เมื่อศาลมีคําพิพากษาถึงที่สุดแลว สํานักบังคับคดีปกครองหรือหนวยงานบังคับคดี จะแจงสิทธิไปยังเจาหนี้วาเจาหนี้มีสิทธิจะตองดําเนินการอยางไรตอไป ถาเป็นหนี้เงินก็แจงวาเจาหนี้มีสิทธิที่จะ ดําเนินการเพื่อขอออกหมายบังคับคดีได สวนตัวลูกหนี้จะถูกแจงวาลูกหนี้มีหนาที่ตองปฏิบัติตามคําพิพากษา ซึ่งเป็นการบังคับคดีในเชิงรุก คือ บอกกลาวใหทั้งฝุายลูกหนี้หรือเจาหนี้ไดรูถึงสิทธิและหนาที่ ซึ่งจะแตกตาง จากการบังคับคดีของกรมบังคับคดี โดยกรณีของกรมบังคับคดีนั้น เมื่อศาลมีคําพิพากษาและมีการออกหมาย บังคับคดี แลวสงหมายบังคับคดีไปที่กรมบังคับคดี กรมบังคับคดีก็ตั้งรับ เมื่อเจาหนี้มายื่นคําขอบังคับคดี ขอยึดทรัพย์ขออายัดทรัพย์สิน ถึงจะดําเนินเรื่องตอไปได ถาเจาหนี้ไมมาก็ทําอะไรไมได ริเริ่มเองไมได หมายบังคับคดีอาจจะมาอยูที่กรมบังคับคดี สิบปีผานไปไมมีเจาหนี้มายื่นคําขอเป็นอันวาหมดสิทธิในการ บังคับคดี โดยเจาพนักงานบังคับคดีไมตองทําอะไร แตในคดีปกครองมีทั้งแจงสิทธิ แจงหนาที่และไปบังคับคดี ใหในการบังคับคดีบางประเภท แตถาเป็นหนี้เงิน หรือขับไล รื้อถอน ก็บังคับคดีเชนเดียวกับการบังคับคดีแพง ซึ่งเป็นการดําเนินการโดยเจาพนักงานบังคับคดี โดยเจาหนี้ตองมารองขอใหศาลตั้ง กรณีนี้จึงจะใชเจาพนักงาน บังคับคดี สําหรับบทบัญญัติที่เกี่ยวของกับ ศาล สํานักงาน และเจาพนักงานบังคับคดีนั้น ในระเบียบของ ที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ กําหนดไว ชัดเจนในขอ ๑๑๗ วา “การบังคับคดีปกครองเป็นการดําเนินกระบวนพิจารณาโดยศาล และสํานักงาน หรือเจาพนักงานบังคับคดีตามคําสั่งศาล” เพราะฉะนั้น ในสวนของศาลเองก็จะมีสามสวนที่เขามาชวยในการ บังคับคดีโดยศาลจะคอยดูแลอีกชั้นหนึ่ง ตอไปจะกลาวในรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการบังคับคดีในแตละประเภทวา ศาลจะเขามาเกี่ยวของ อยางไรบาง ระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ กําหนดไวชัดเจนในขอ ๑๑๘ วา “ใหตุลาการเจาของสํานวนหรือตุลาการศาลปกครองคนหนึ่ง คนใด ซึ่งไดรับมอบหมายจากองค์คณะมีอํานาจดําเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการบังคับคดีปกครองทั้งปวง เวนแตในระเบียบนี้จะกําหนดใหดําเนินการโดยองค์คณะ” เพราะฉะนั้น การบังคับคดีจะสั่งการไดเร็วมาก คือ สามารถสั่งการโดยตุลาการเจาของสํานวนคนเดียวได เวนแตระเบียบจะกําหนดวาเรื่องนี้กําหนดใหดําเนินการ โดยองค์คณะ เชน การถอนการบังคับคดีจะตองดําเนินการโดยองค์คณะ ก็ตองทําโดยองค์คณะ หรือการปรับ ตองดําเนินการโดยองค์คณะ ก็ตองทําโดยองค์คณะ ไมเชนนั้นก็สามารถทําโดยตุลาการคนเดียว ซึ่งจะทําให งานคลองตัวมากขึ้น ในสวนของศาลก็เป็นไปตามนิยามที่ปรากฏอยูในระเบียบที่ประชุมใหญฯ หมายถึง ศาลปกครอง และตุลาการศาลปกครอง ในสวนของคําวาสํานักงาน คํานิยามปรากฏอยูในระเบียบของ ที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดฯ หมายความวา สํานักบังคับคดีปกครอง หรือสํานักงาน 79
9 ศาลปกครองในภูมิภาค และใหหมายความรวมถึงพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี เพราะฉะนั้น เมื่อดูในระเบียบ ถามีถอยคําที่พูดถึงวา สํานักงาน ก็จะหมายถึงพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีดวย ในสวนของเจาพนักงานบังคับคดีนั้นไดกลาวไปแลววามีคุณสมบัติอยางไร และอีกบุคคลหนึ่ง ที่เขามาเกี่ยวของในการบังคับคดีคือ ผูมีสวนไดเสียในการบังคับคดีซึ่งในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ หรือระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดฯ ไมไดบัญญัติไว ก็เป็นไปตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๘๗ 3 คือ นอกเหนือจากเจาหนี้ตามคําพิพากษา ลูกหนี้ตามคําพิพากษา ซึ่งเป็น ผูมีสวนไดเสียอยูแลว ยังมีบุคคลอื่นอีก เชน ผูที่รองเขามาในคดีไมวาจะเป็นการรองขัดทรัพย์ รองขอเฉลี่ย รองขอรับชําระหนี้บุริมสิทธิก็แลวแต หรือผูที่ไดรับความเสียหายจากการบังคับคดี บุคคลเหลานี้จะเขามามีสวน ในการบังคับคดี รวมถึงคดีปกครองดวย ระยะเวลาในการบังคับคดีปกครอง การบังคับคดีตามคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลใหดําเนินการ ไดจนกวาจะมีการปฏิบัติตามคําพิพากษาหรือคําสั่งนั้นแลวเสร็จ เวนแตการบังคับคดีตามคําพิพากษาหรือคําสั่ง ของศาลที่ใหลูกหนี้ตามคําพิพากษาชําระหนี้ โดยใหใชเงิน สงมอบทรัพย์สิน กระทําการหรืองดเวนกระทําการ ใหดําเนินการภายในสิบปี นับแตวันที่ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งถึงที่สุด ในชวงแรกที่กลาวไป คือ ถาเป็นการ บังคับคดีที่ไมใชเป็นเรื่องของการใหใชเงิน สงมอบทรัพย์สิน ใหกระทําการงดเวนกระทําการแลว เชน คดีที่ มีคําสั่งใหหัวหนาหนวยงานปฏิบัติหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติภายในเวลาที่ศาลปกครองกําหนด กรณีนี้สามารถที่จะบังคับคดีไดยาวนานไปไมมีกําหนดเวลา เชน กรณีที่ศาลมีคําพิพากษาใหหนวยงาน ทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐไปดําเนินการตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯ เพื่อใหมีการรื้อถอน สิ่งปลูกสรางที่ไมชอบดวยกฎหมาย อันนี้คือ สั่งใหหัวหนาหนวยงานปฏิบัติหนาที่ บางคดีใชเวลาเกินสิบปี ไมมีกําหนดเวลาในการบังคับคดี บางคดีที่มีความยุงยากตองไปปะทะกับประชาชนจํานวนมาก ที่ปลูกสราง ผิดกฎหมายไมสามารถรื้อถอนไดโดยงาย อาจจะใชเวลาเกินสิบปี หรือบางคดีโดยเฉพาะคดีสิ่งแวดลอมที่ศาล มีคําบังคับใหหนวยงานไปดําเนินการ เพื่อใหสิ่งแวดลอมกลับคืนมาในสภาพเดิมหรือสภาพที่ใชงานไดตามปกติ อาจจะตองใชเวลายาวนานอาจจะถึงยี่สิบปีก็ได เชน คดีที่ศาลมีคําบังคับใหกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอมไปดําเนินการเยียวยากรณีการฟื้นฟูลําหวยคลิตี้ตามคําพิพากษาศาลปกครองใหกลับคืนสูสภาพเดิม ซึ่งการที่จะไปเยียวยาหวยคลิตี้ใหกลับมาในสภาพเดิมตองใชเวลาอาจจะ ๒๐-๓๐ ปี โดยสามารถบังคับไป จนกวาจะเสร็จ แตในกรณีที่เป็นหนี้เงิน สงมอบทรัพย์สิน ใหกระทําการ หรืองดเวนกระทําการ จะใชระยะเวลา สิบปีเหมือนกับคดีแพงทั่วไปจะไมแตกตางกัน ทั้งนี้นับแตวันที่ศาลมีคําพิพากษาถึงที่สุด โดยคําพิพากษาถึงที่สุด ในที่นี้ คือ ถาเป็นคําพิพากษาศาลปกครองชั้นตนไมมีการอุทธรณ์ เริ่มนับแตวันที่ศาลมีคําพิพากษาไปสิบปี ถามีการอุทธรณ์นับแตวันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาเป็นตนไปเป็นเวลาสิบปี อํานาจหนาที่ของพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีจะทําหนาที่ในการบังคับคดีคูไปกับ เจาพนักงานบังคับคดีซึ่งทําหนาที่บังคับคดีในกรณีที่เป็นหนี้เงิน ขับไล หรือรื้อถอน จะเป็นหนาที่ของ เจาพนักงานบังคับคดี ถาเป็นคําพิพากษาอื่นนอกเหนือจากนั้น เชน ใหหนวยงานปฏิบัติหนาที่ จะเป็นหนาที่ 3 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๘๗ บุคคลผูมีสวนไดเสียในการบังคับคดี ไดแก (๑) เจาหนี้ตามคําพิพากษา ลูกหนี้ตามคําพิพากษา และในกรณีที่มีการอายัดสิทธิเรียกรองใหรวมถึงลูกหนี้แหงสิทธิเรียกรอง ผูทรงสิทธิเรียกรอง หรือผูรับโอนสิทธิเรียกรองนั้นดวย (๒) บุคคลผูมีทรัพยสิทธิหรือไดจดทะเบียนสิทธิของตนเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถูกบังคับคดี (๓) บุคคลซึ่งไดยื่นคํารองขอตามมาตรา ๓๒๓ มาตรา ๓๒๔ มาตรา ๓๒๖ และมาตรา ๓๒๙ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกรอง ที่ถูกบังคับคดี (๔) บุคคลผูเป็นเจาของรวมหรือบุคคลผูมีบุริมสิทธิ สิทธิยึดหนวง หรือสิทธิอื่นตามมาตรา ๓๒๒ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกรอง ที่ถูกบังคับคดี (๕) บุคคลอื่นใดซึ่งตองเสียหายเพราะเหตุแหงการดําเนินการบังคับคดีนั้น 80
10 ของพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี เป็นผูดําเนินการ โดยไมตองมีการรองขอจากเจาหนี้ ตามคําพิพากษา อํานาจหนาที่จะเป็นไปตามระเบียบของที่ประชุมใหญฯ ขอ ๑๒๕ คําพิพากษาหรือคําบังคับ เหลานี้ ไดแก คําบังคับใหเพิกถอนกฎ หรือคําสั่ง หรือสั่งหามการกระทําทั้งหมดหรือบางสวน คําบังคับ ใหหัวหนาหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐที่เกี่ยวของปฏิบัติตามหนาที่ภายในเวลาที่ศาลปกครอง กําหนด คําบังคับใหหนวยงานทางปกครองใชเงิน หรือใหสงมอบทรัพย์สิน หรือใหกระทําการหรืองดเวน กระทําการ และกรณีที่ใหถือปฏิบัติตอสิทธิหรือหนาที่ของบุคคลที่เกี่ยวของ เหลานี้เป็นหนาที่ของพนักงาน เจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีตองปฏิบัติโดยไมตองมีการออกหมายบังคับคดีตั้งเจาพนักงานบังคับคดี แตศาล จะมีคําสั่งหรือเรียกวาออกหมาย ต.๔๗ คือ คําสั่งกรณีคดีถึงที่สุด ถาเป็นออกหมาย ต.๔๖ เป็นหมายแจง คําบังคับ เพื่อใหเจาพนักงานบังคับคดีดําเนินการ สวนกรณีคําสั่งก็จะมีคําสั่งไปยังพนักงานเจาหนาที่ ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีเพื่อใหทําหนาที่ในการบังคับใหเป็นไปตามคําบังคับของศาล ตามที่กําหนดไวขอ ๑๒๕ วรรคสอง ระเบียบของที่ประชุมใหญฯ ใหเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีมีอํานาจหนาที่ ดังตอไปนี้ ๑. ดําเนินการบังคับใหเป็นไปตามคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาล ๒. สงเอกสารเกี่ยวกับการบังคับคดีตามคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาล เพราะถาไมระบุไว การสงเอกสารจะตองขอใหศาลเป็นผูสั่งใหสง ก็จะกําหนดไวในกฎหมายวาพนักงานเจาหนาที่สามารถที่จะ สงเอกสารไดแลวใหนําวิธีการสงตามระเบียบของที่ประชุมใหญฯ มาใชบังคับไดดวย ๓. ติดตามผลการปฏิบัติตามคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาล เพื่อรายงานและเสนอความเห็น ตอศาลประกอบการพิจารณาและมีคําสั่งเกี่ยวกับการบังคับคดี ๔. สอบถามหรือแจงใหคูกรณี พยานบุคคล หรือพยานผูเชี่ยวชาญ ชี้แจงขอเท็จจริงหรือ แสดงความเห็นเกี่ยวกับการบังคับคดี และบันทึกถอยคําของบุคคลดังกลาวรวมไวในสํานวนการบังคับคดี ๕. แจงใหหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐที่เกี่ยวของชี้แจงขอเท็จจริงหรือ ใหความเห็นเป็นหนังสือเกี่ยวกับการบังคับคดี ๖. ออกตรวจสอบสถานที่ บุคคล หรือสิ่งอื่นใดเกี่ยวดวยการบังคับคดี และมีอํานาจบันทึกภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหว พรอมทั้งบันทึกเหตุการณ์หรือพฤติการณ์รวมไวในสํานวนการบังคับคดี ๗. ปฏิบัติหนาที่อื่น ๆ ตามคําสั่งศาล อํานาจหนาที่เหลานี้จะคลายกับอํานาจหนาที่ของเจาพนักงานบังคับคดี ซึ่งบัญญัติไวใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง แลวนํามากําหนดไวในระเบียบของที่ประชุมใหญฯ ใหชัดเจนวา กรณีที่ ไมเป็นเจาพนักงานบังคับคดี แตเป็นพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีก็มีอํานาจหนาที่เหลานี้ เชนเดียวกัน นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร ขอบคุณ ทานอนนท์ อดิเรกสมบัติ จากที่ไดรับฟังกระผมและทานอนนท์ฯ เราคงไดทราบวา กฎหมายที่เกี่ยวของมีพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ ระเบียบของที่ประชุมใหญฯ ระเบียบสํานักงานฯ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงนํามาใชโดยอนุโลม ก็จะไมเขียนรายละเอียดไวมากเหมือนกับ กฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองที่ใชกับการวินิจฉัยของศาล กรณีที่ทานอนนท์ฯ ไดอธิบาย เป็นกรณีที่ ศาลปกครองไมไดตั้งเจาพนักงานบังคับคดีโดยออกหมายตั้ง เพราะวาแมจะตั้งไปเจาพนักงานบังคับคดีก็ไป ทําหนาที่ซึ่งเป็นอํานาจหนาที่ของเจาหนาที่โดยแทไดยาก เชน การพิจารณาคํารอง คําขอ ซึ่งเป็นหนาที่ของ นายอําเภอ อธิบดีผูวาราชการจังหวัด ตั้งเจาพนักงานบังคับคดีไปก็ไปดําเนินการพิจารณาคํารองคําขอไมได ก็ออกเป็นคําสั่งศาลโดยไมตองรองขอเจาหนาที่ที่อยูในสํานักงานหรือพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี 81
11 ก็ถือคําสั่งนี้ไปปฏิบัติหนาที่ อํานาจหนาที่มีอยูตามขอ ๑๒๕ แตไดพูดเกริ่นมาแลววาสวนหนึ่งนําประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความแพงมาใชโดยอนุโลม ซึ่งทานอนนท์ฯ ไดอธิบายวา มีคดีปกครองบางประเภท ที่เราดําเนินการเหมือนคดีแพง ซึ่งสวนใหญเป็นการบังคับกับเอกชน ซึ่งเป็นผูตองปฏิบัติตามคําบังคับ โดยอนุโลมอยางไร ศาลจะออกหมายบังคับคดีเองหรือไม เมื่อตั้งเจาพนักงานบังคับคดีแลว เจาหนาพนักงาน บังคับคดีดําเนินการอยางไร ในสวนนี้จะขอใหทานอาจารย์เกียรติภูมิฯ ไดอธิบายในสวนที่นําประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพงมาใชโดยอนุโลม เรียนเชิญทานอาจารย์เกียรติภูมิฯ นายเกียรติภูมิ แสงศศิธร อธิบดีศาลปกครองนครราชสีมา : วิทยากร วัตถุประสงค์ของการฟูองคดี คือ ตองการใหศาลพิพากษาตามความตองการของตน ซึ่งเป็น หลักสําคัญของการฟูองคดี ไมวาจะเป็น คดีแพง คดีอาญา รวมทั้งคดีปกครอง ทานที่เป็นผูฟูองคดีเป็นโจทก์ สิ่งสําคัญ คือ ตองการใหศาลพิพากษาตามที่เราตองการ แลวก็ปรากฏคดีเป็นจํานวนมาก ศาลพิพากษา ตามความประสงค์ของโจทก์ของผูฟูองคดีคือ พิพากษาใหชนะคดี ถาเป็นคนทั่วไปจะมองวาศาลพิพากษา ชนะคดีแลว ถือวาคดีสําเร็จแลว เชนนี้ถือวาถูกเพียงครึ่งเดียว หากฝุายที่แพคดีปฏิบัติตามคําพิพากษา เชนนี้ จึงจะถือวาถูกทั้งหมด แตมีฝุายผูแพคดีบางสวนที่ไมยอมปฏิบัติตามคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาล ดวยเหตุนี้ จึงเป็นเหตุที่ทําใหตองมีการบังคับคดีเกิดขึ้น ถาเรากลาวถึงการบังคับคดี ประการแรกตองเขาใจกอนวา กระบวนการในการดําเนินการของศาลไมวาจะเป็นศาลยุติธรรม หรือศาลปกครอง จะมีรูปแบบการแบงขั้นตอน การดําเนินกระบวนพิจารณาออกเป็น ๒ ขั้นตอน ขั้นตอนที่ ๑ ขั้นตอนการพิพากษาคดี กระบวนการเริ่มตั้งแตฟูองคดีไปจนถึงศาลมีคําพิพากษา อยางที่ไดอธิบายไป เมื่อศาลมีคําพิพากษาแลว หลักสากล คือ หลักคําพิพากษาตองมีความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น ฝุายผูแพคดีตองปฏิบัติตามคําพิพากษา ปัญหาในการบังคับคดีในคดีอาญาไมเกิด เพราะวาในคดีอาญาศาลตอง หยุดการพิจารณาจนกวาจะจับจําเลยมาได เมื่อจับมาไดการบังคับคดีคือเอาจําเลยไปปฏิบัติตามที่กฎหมาย กําหนด เชน ขัง จําคุก ขั้นตอนที่ ๒ ขั้นตอนการบังคับคดี มีลักษณะเฉพาะบางอยางที่ไมมีในขั้นตอนกอนหนา ประเด็นสําคัญ คือ ขั้นตอนการบังคับคดีจะไมนําเนื้อหาขอพิพาทในคดีเดิมมากลาวถึงอีก สังเกตวาในหนี้เงิน จําเลยก็ดีผูถูกฟูองคดีก็ดี ที่ผิดนัดผิดสัญญาจบไปในชั้นนั้นแลว คือ ศาลพิพากษาใหชดใชเงิน อันนี้จะมาอางวา ไมมีหนี้กันอยูจริงเลยก็ฟังไมได กระบวนการในชั้นบังคับคดีประการแรกที่แตกตาง คือ จะไมนําขอเท็จจริง ที่เกิดขึ้นในชั้นพิพากษาคดีมากลาวถึง จะพิจารณาอยางเดียววาจะบังคับคดีไดหรือไมอยางไร ประเด็นนี้ เป็นประเด็นสําคัญ และอีกประการหนึ่งจะสังเกตเห็นวา กระบวนการพิพากษาคดีกับกระบวนการชั้นบังคับคดี แยกออกจากกันอยางสิ้นเชิง เหตุใดจึงเป็นเชนนั้น ประการแรกถาพิจารณาจากชื่อเรียกตามที่ทานอนนท์ฯ ไดกลาวไว คดีแพง เรียกวา โจทก์ จําเลย คดีปกครอง เรียกวา ผูฟูองคดี ผูถูกฟูองคดี แตในชั้นบังคับคดี ไมมีผูฟูอง ไมมีผูถูกฟูอง ไมมีโจทก์ ไมมีจําเลย บุคคลเหลานี้กลายสภาพจากชื่อเดิมมาเรียกชื่อใหม คือ เป็นลูกหนี้ตามคําพิพากษา เป็นเจาหนี้ตามคําพิพากษา สวนใครจะอยูสถานะใดก็แลวแตประเภทคดี นอกจากนี้ ประเด็นสําคัญในชั้นบังคับคดีที่มีลักษณะเฉพาะ คือ การที่มีบุคคลภายนอกคดีที่ไมเคยเขามา ยุงเกี่ยวกับคดีเขามาในชั้นนี้ ซึ่งเป็นเรื่องแปลก ในชั้นพิพากษาคดีจะเห็นวาเมื่อฟูองคดีมีผูฟูองคดีมีผูถูกฟูองคดี มีผูรองสอด มีอยูแคนี้ แตในชั้นบังคับคดีมีบุคคลภายนอกเขามาเกี่ยวของ เชน ยึดทรัพย์ไปแลวมีคนมา รองขัดทรัพย์ ซึ่งสวนใหญเป็นสามีภรรยาของลูกหนี้ เป็นตน ความแตกตางประการตอไปกอนที่จะนําไปสูเนื้อหาในการบังคับคดี ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์สูงสุด ในการฟูองคดี การฟูองคดีถาบังคับคดีไมสําเร็จ ยกตัวอยางเชน คดีเงินกู ถาฟูองคดีแพงแลวชนะคดี แตยึดทรัพย์ไมไดเลยสักบาทเดียว ในขณะที่การฟูองคดีตองเสียคาธรรมเนียมศาล ดังนั้น หากชนะคดีแลว 82
12 บังคับคดีไมไดคําพิพากษานั้นก็ไมมีผลเลย ดวยเหตุนี้สิ่งที่สําคัญที่สุด คือ เมื่อชนะคดีแลวจะทําอยางไรที่จะไป บังคับคดีไดเต็มตามคําพิพากษา ความแตกตางประการสําคัญในชั้นบังคับคดีอีกประการที่จะกลาวถึง คือ ในชั้นบังคับคดีนั้น ในคดีปกครองเรามีการนําเอากฎหมายอื่น ๆ มาใช อันนี้เป็นเรื่องแปลกมีการนํากฎหมายอื่น ๆ ที่ไมใชกฎหมาย เกี่ยวกับกฎหมายปกครองมาใช ตัวอยางเชน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ภาค ๔ การบังคับคดี การนําประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ภาค ๔ มาใช ถาลองดูกฎหมายพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติไวอยางชัดเจนวา การบังคับคดีปกครองนั้นใหนํา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงมาใชในเรื่องการบังคับคดีโดยอนุโลม นอกจากนี้ มีกฎหมายบางเรื่อง ที่นํามาใชในคดีปกครองดวยเชนกัน ตัวอยางเชน ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ โดยในชั้นบังคับคดีนั้น กฎหมายแพงที่นํามาใชเป็นเรื่องบุริมสิทธิ ตามที่ทานอาจารย์อนนท์ฯ กลาวไว ผูยื่นคํารองขอรับชําระหนี้ ขอเฉลี่ยทรัพย์ ขอกันสวน การวินิจฉัยเหลานี้ตองนําประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์มาใช อยางเชน เรื่องบุริมสิทธิ เป็นตน ประการแรกที่ตองทําความเขาใจ คือ การบังคับคดีปกครองนั้น มีอยู ๒ รูปแบบ ซึ่งทานอาจารย์ สมรรถชัยฯ ทานอาจารย์อนนท์ฯ ไดอธิบายวา รูปแบบแรก คือ การบังคับคดีที่เรียกวาการบังคับคดีปกครอง คือ การบังคับคดีโดยศาลมีคําสั่งไปยังสํานักงาน หรือเรียกอีกอยางหนึ่ง คือ การบังคับคดี โดยการไมออกหมาย กับการบังคับคดีอีกรูปแบบหนึ่ง คือการบังคับคดีโดยการออกหมายตั้งเจาพนักงานบังคับคดี ซึ่งจะกลาวตอไป การบังคับคดีโดยวิธีการออกหมายบังคับคดีตั้งเจาพนักงานบังคับคดีประการแรกตองเขาใจกอนวา คดีปกครองประเภทใดที่จะเอาการบังคับคดีโดยวิธีการออกหมายตั้งเจาพนักงานบังคับคดีมาใช โดยการบังคับคดี ที่ใชวิธีออกหมายบังคับคดีตั้งเจาพนักงานบังคับคดีมีอยูดวยกัน ๕ เรื่อง เรื่องที่ ๑ คือ เรื่องหนี้เงิน เรื่องที่ ๒ คือ สงมอบทรัพย์เฉพาะสิ่ง เรื่องที่ ๓ ขับไล เรื่องที่ ๔ รื้อถอน และเรื่องที่ ๕ บังคับใหบุคคลกระทําการ ในบรรดา ๕ เรื่องดังกลาว เรื่องที่เกิดขึ้นในศาลปกครองมากที่สุดเกือบจะทั้งหมดที่มีการบังคับคดีโดยวิธี ออกหมายบังคับคดีคือ เรื่องที่ ๑ หนี้เงิน แตหนี้เงินที่จะใชวิธีการบังคับคดีดวยการออกหมายบังคับคดี มีเงื่อนไขอยูประการหนึ่ง คือ ในเรื่องหนี้เงินนั้น หากลูกหนี้เป็นหนวยงานทางปกครอง กระทรวง ทบวง กรม องค์กรปกครองสวนทองถิ่นตาง ๆ เชนนี้เป็นการบังคับคดีโดยไมตองออกหมาย แตหากลูกหนี้ไมใชหนวยงาน ดังกลาว กลาวคือ ลูกหนี้ตามคําพิพากษาเป็นเอกชน จึงจะใชวิธีการบังคับคดีดวยการออกหมายบังคับคดี ทั้งนี้ การออกหมายตั้งเจาพนักงานบังคับคดีซึ่งมีอยูดวยกันทั้งหมด ๕ เรื่องดังกลาวนั้น สวนใหญเรื่องที่เกิดขึ้น ในคดีปกครอง คือ เรื่องหนี้เงิน สิ่งที่จะตองพิจารณาตอ คือ จะนํากฎหมายใดมาใชในการบังคับคดีในกลุมนี้ กฎหมายหลัก ๆ เรียกวา กฎหมายหลักในการบังคับคดี จะนําระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครอง สูงสุดวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และที่แกไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในสวน ภาค ๔ จะมี บทบัญญัติวาดวยการบังคับคดีตามคําพิพากษาหรือคําสั่ง แลวก็จะมีกฎหมายอีกฉบับหนึ่งที่เป็นกฎหมายรอง คือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ภาค ๔ วิธีการชั่วคราวกอนพิพากษาและการบังคับตามคําพิพากษา หรือคําสั่ง ลักษณะ ๒ การบังคับคดีตามคําพิพากษาหรือคําสั่ง เมื่อกลาวถึงตัวกฎหมายนี้อยากจะเนนย้ําวา ในสวนของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ภาค ๔ นั้น ไดมีการแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ หมายความวาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพงฉบับเกาปี พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยเฉพาะอยางยิ่งในสวนของการบังคับคดีไมสามารถนํามาใชไดในปัจจุบัน จะกลาวถึงในสวนสําคัญ คือ วัตถุประสงค์หลักของการฟูองคดี คือ ฝุายผูฟูองคดีประสงค์ที่จะ ชนะคดีและตองการใหฝุายผูแพคดีปฏิบัติตามคําพิพากษา คือ ฝุายลูกหนี้ตองนําเงินมาชําระหนี้ สวนใหญ การบังคับคดีที่เกิดขึ้นเกิดจากลูกหนี้ไมยอมชําระหนี้ กลาวคือ ไมปฏิบัติตามคําพิพากษาทั้งหมด หรือบางสวน อยางไรก็ดี การบังคับคดีโดยวิธีออกหมายตั้งเจาพนักงานบังคับคดีไมไดเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ แตจะเกิดขึ้น 83
13 ตอเมื่อมีผูรองขอ การบังคับคดีจะไมเกิดขึ้นถาไมมีผูรองขอ โดยผูรองขอตองเป็นเจาหนี้ ซึ่งดูไดจาก ทายคําพิพากษาวาใหนําเงินไปชําระหนี้ใคร ผูที่ไดรับชําระเงิน คือ เจาหนี้ เจาหนี้จะตองมายื่นคํารองขอตั้ง เจาพนักงานบังคับคดี ซึ่งถือเป็นกระบวนการตั้งตนของการบังคับคดี ทั้งนี้ เจาหนี้ตามคําพิพากษา หมายความวา คูกรณีหรือบุคคล ซึ่งเป็นฝุายชนะคดี หรือบุคคลที่ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหไดรับชําระหนี้ หรือบุคคล ซึ่งไดรับโอนหรือชวงสิทธิตามคําพิพากษาหรือคําสั่ง และใหหมายความรวมถึงคูกรณีฝุายที่ชนะคดีตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) (๒) (๕) หรือ (๖) ดวย ซึ่งการยื่นคําขอตั้งเจาพนักงานบังคับคดีกฎหมายเขียนไวอยางชัดเจนวา เป็นหนาที่ของเจาหนี้ตามคําพิพากษา การยื่นคําขอออกหมายบังคับคดีมีหลักการประการสําคัญ คือ ตองยื่นใหถูกศาล หากยื่นผิดศาล อาจทําใหขาดอายุความ การยื่นใหถูกศาล คือ ตองยื่นตอศาลที่พิจารณาและชี้ขาดในชั้นตน โดยหลักการ พิจารณาวาศาลที่พิจารณาและชี้ขาดในชั้นตน นั้น ในคดีปกครอง ถาเป็นหนี้เงิน ตองฟูองศาลปกครองชั้นตน ก็ตองยื่นตอศาลปกครองชั้นตนที่พิพากษาคดีนั้น หลังจากยื่นไปแลวจะมีเงื่อนไขบางประการ คือ การขอบังคับคดี เงื่อนไขประการแรกซึ่งเรียกวา ระยะเวลาการขอบังคับคดี โดยระยะเวลาการขอบังคับคดีมีอยู ๒ เรื่อง เรื่องแรกคือระยะเวลาตั้งตน ซึ่งหมายถึง คดีตองถึงที่สุดกอน และตองพนระยะเวลาตามคําบังคับแลวดวย เชน กําหนดระยะเวลาปฏิบัติตาม คําบังคับ ๙๐ วัน วันที่ ๙๑ จึงจะถือเป็นระยะเวลาตั้งตน และเรื่องที่สอง คือ ระยะเวลาสิ้นสุด คือ สิบปีนับแต วันที่ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งในชั้นที่สุด ซึ่งทานอาจารย์อนนท์ฯ ไดอธิบายไปแลว คือ ตองยื่นภายในสิบปี กระบวนการในการบังคับคดีตามหมายบังคับคดีจะเกิดขึ้นอยางเต็มรูปแบบก็ตอเมื่อศาล ออกหมายตั้งเจาพนักงานบังคับคดี ซึ่งตรงนี้จะอธิบายตอไปในชวงที่สอง ในชวงแรกขอจบตรงเทานี้กอน นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร สําหรับการสัมมนาในชวงที่สอง จะเพิ่มเติมรายละเอียดในระเบียบหลักสองฉบับที่ไดกลาวไป ในชวงแรก คือ ระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งขอเนนฉบับที่ ๘ เดิมระเบียบของที่ประชุมใหญฯ จะไมมีรายละเอียดในสวนเกี่ยวกับการบังคับ คดีปกครองไวมาก แตเมื่อไดมีการแกไขกฎหมาย ไดเพิ่มบทบัญญัติภาค ๔ การบังคับคดีตามคําพิพากษา หรือคําสั่ง โดยเพิ่มขอ ๑๑๗ ถึง ขอ ๑๗๗ ซึ่งผูยกรางกฎหมายคือทานอนนท์ฯ ระเบียบนี้ไดนํามาใชในการ บังคับคดีปกครองทําใหการบังคับคดีปกครองมีระเบียบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แตยังมีระเบียบอีก ๒ ฉบับ ซึ่งเป็น สาระสําคัญที่ตอเนื่องมาระเบียบไดกลาวไวในชวงแรกวา การบังคับคดีปกครองตามมาตรา ๗๐ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ตองรอจนกวาคดีจะถึงที่สุด ซึ่งตางกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงที่จะบังคับคดีไดกอนแมวาคดีนั้นยังไมถึงที่สุด แตพอมีการ จัดตั้งศาลปกครองได ๑๐ ปีพบสภาพปัญหาวา บางคดีถารอใหคดีถึงที่สุดจนศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษา ยืนตามศาลปกครองชั้นตนใหมีการบังคับคดีความเดือดรอนเสียหายอาจเกิดขึ้นมาก เชน คดีเกี่ยวกับ สิ่งแวดลอมที่หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐละเลยตอหนาที่ แลวโรงงานหรือโรงฆาสัตว์ ปลอยของเสียสิ่งปฏิกูลลงในแมน้ําลําคลองในที่สาธารณะ ความเสียหายเป็นภัยตอสุขภาพตาง ๆ มาก ก็อาจจะ บังคับคดีไดกอนคดีถึงที่สุด ในคดีบางประเภทมาตรา ๗๒ วรรคสอง 4 ไดมีขอยกเวนวา ถาเป็นกรณีที่จะบังคับคดี 4 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๗๒ วรรคสอง บัญญัติวา “ในกรณีที่เป็นคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตน ใหรอการปฏิบัติตามคําบังคับไวจนกวาจะพน ระยะเวลาการอุทธรณ์ หรือในกรณีที่มีการอุทธรณ์ ใหรอการบังคับคดีไวจนกวาคดีจะถึงที่สุด แตถาเป็นกรณีที่มีการอุทธรณ์และเป็นคดีที่กําหนด ในระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด คูกรณีฝุายชนะคดีอาจยื่นคําขอตอศาลปกครองชั้นตน หรือศาลปกครองสูงสุด 84
14 ใหรอการบังคับคดีไวจนกวาคดีถึงที่สุด ระเบียบของที่ประชุมใหญฯ อาจจะไปออกหลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไข ในการขอบังคับคดีกอนคดีถึงที่สุด จึงไดมีการออกระเบียบฉบับนี้ขึ้นมา สาระสําคัญของระเบียบฉบับนี้จะตอง มีการอุทธรณ์ขึ้นมา ถาไมมีการอุทธรณ์ตองรอใหคดีถึงที่สุดแลวขอบังคับคดี เงื่อนไขประการแรก ตองมีการอุทธรณ์ขึ้นมา พอมีการอุทธรณ์ขึ้นมา คดีอยูระหวางพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ในหลักการ ยังไมมีการบังคับคดีเพราะคดียังไมถึงที่สุด แตถาคูกรณีฝุายชนะคดีผูมีสิทธิยื่น คือ คูกรณีฝุายชนะคดียื่นคําขอ ตอศาลปกครองชั้นตนหรือศาลปกครองสูงสุด ถาคดีนั้นมีการรับอุทธรณ์ขึ้นมายังศาลปกครองสูงสุดก็ยื่นตอ ศาลปกครองสูงสุด แตถาคดีนั้นอยูในระหวางศาลปกครองชั้นตนก็ยื่นตอศาลปกครองชั้นตน หลักงาย ๆ คือ สํานวนอยูที่ไหนใหยื่นที่นั่น แตบางครั้งคูกรณีไมทราบวามีการรับอุทธรณ์ขึ้นมายังศาลปกครองสูงสุดแลว ไปยื่นศาลปกครองชั้นตน เชนนี้จะถือวายื่นผิดศาลแลวก็ไมรับคํารอง จะมีผลเรื่องระยะเวลาในการยื่นคํารอง ใหศาลปกครองชั้นตนสงคํารองขึ้นมายังศาลปกครองสูงสุด ศาลปกครองชั้นตนไมตองมาตรวจวาจะสั่งรับ หรือไมรับคํารองไมเหมือนการตรวจอุทธรณ์คําพิพากษา เมื่อยื่นเขามาแลวตองมีหลักเกณฑ์ที่จะขอใหบังคับคดี กอนคดีถึงที่สุดไดไมใชทุกคดีเหตุที่ไมใหบังคับคดีเนื่องจาก หากบังคับคดีไปกอนแลวเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ประโยชน์สาธารณะจํานวนมาก ตอมาศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแตกตางจากศาลปกครองชั้นตน โดยมี คําพิพากษาใหยกฟูอง แตบังคับคดีไปมากแลว จะสงผลกระทบตองบประมาณ ตอประโยชน์สาธารณะตาง ๆ รวมทั้งกิจกรรมที่ไดดําเนินการลงไป ดังนั้น จึงมีการจํากัดคดีไวซึ่งเป็นไปตามระเบียบของประชุมใหญตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุด วาดวยการกําหนดคดี หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอบังคับคดีตามคําพิพากษา ศาลปกครองชั้นตน พ.ศ. ๒๕๖๐ ขอ ๓ (๑) (๒) และ (๓) คดีประเภทที่หนึ่ง คือ คดีที่ศาลปกครองชั้นตน มีคําบังคับหามการกระทําทั้งหมดหรือบางสวน แตถาคดีที่เพิกถอนกฎ เพิกถอนคําสั่งแลวชนะในศาลปกครอง ชั้นตน แตคําพิพากษายังไมถึงที่สุดจะมาขอบังคับคดีในระหวางที่มีการอุทธรณ์ตอศาลปกครองสูงสุดไมได แลวคดีเหลานั้นถาเกิดมีความจําเป็นจะเยียวยาอยางไร โดยที่ในคดีปกครองมีชองทางการทุเลาการบังคับ ตามกฎหรือคําสั่งทางปกครองอยูแลว เพราะฉะนั้นถาไมไดขอบังคับคดีกอนคดีถึงที่สุด แตขอใชวิธีการคุมครอง ชั่วคราวกอนพิพากษาที่อยูระหวางการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดได คดีประเภทที่สอง คือ คดีที่ฟูอง ขอใหหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐที่เกี่ยวของปฏิบัติหนาที่ภายในเวลาที่ศาลปกครองชั้นตน กําหนด เรียกวา ละเลยลาชา คดีประเภทนี้ถาไมใหบังคับคดีกอนคดีถึงที่สุดไดแลวเกิดศาลปกครองสูงสุด ใชเวลาในการพิจารณานาน ความเดือดรอนเสียหายที่ผูฟูองคดีไดรับก็อาจจะมาก คดีประเภทที่สาม คือ คดีที่มีคําบังคับตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๓) (๔) (๕)5 คือ เรื่องละเมิดความรับผิดอยางอื่นที่ศาลมีคําบังคับ ใหใชเงิน สงมอบทรัพย์สิน กระทําการ หรืองดเวนกระทําการ การสั่งใหถือปฏิบัติตอสิทธิหนาที่ของบุคคล ที่เกี่ยวของ การสั่งใหบุคคลกระทําหรือละเวนกระทําอยางหนึ่งอยางใด คดีที่ศาลปกครองมีคําบังคับ ตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๓) (๔) (๕) แลว ผูแพคดีหรือลูกหนี้ตามคําพิพากษาหรือผูที่ตองปฏิบัติตาม คําพิพากษาพอใจไมอุทธรณ์ขึ้นมา ยินดีปฏิบัติตามคําพิพากษา แตผูชนะคดียังอุทธรณ์ยกตัวอยางเชน หนี้เงิน ฟูองขอใหชดใชเงิน จะเป็นหนี้จากการกระทําละเมิดหรือความรับผิดอยางอื่น เชน เงินคาทดแทนที่ดิน จํานวน แลวแตกรณี โดยชี้แจงเหตุผลอันสมควรที่ขอใหมีการปฏิบัติตามคําบังคับ และใหศาลปกครองสูงสุดพิจารณาคําขอและมีคําสั่งตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดโดยระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด” 5 มาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง “ในการพิพากษาคดี ศาลปกครองมีอํานาจกําหนดคําบังคับอยางหนึ่งอยางใด ดังตอไปนี้ (๓) สั่งใหใชเงินหรือใหสงมอบทรัพย์สินหรือใหกระทําการหรืองดเวนกระทําการ โดยจะกําหนดระยะเวลาและเงื่อนไขอื่น ๆ ไวดวยก็ได ในกรณีที่มีการฟูองเกี่ยวกับการกระทําละเมิดหรือความรับผิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐหรือการฟูองเกี่ยวกับสัญญา ทางปกครอง (๔) สั่งใหถือปฏิบัติตอสิทธิหรือหนาที่ของบุคคลที่เกี่ยวของ ในกรณีที่มีการฟูองใหศาลมีคําพิพากษาแสดงความเป็นอยูของสิทธิ หรือหนาที่นั้น (๕) สั่งใหบุคคลกระทําหรือละเวนกระทําอยางหนึ่งอยางใดเพื่อใหเป็นไปตามกฎหมาย 85
15 ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหไดรับชดใชเงิน จํานวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท หนวยงาน พอใจไมอุทธรณ์และยินดีปฏิบัติตามคําบังคับของศาลปกครองชั้นตน แตผูชนะคดีฟูอง ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อได ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ยังไมไดเต็มจํานวนตามฟูอง ก็อาจจะอุทธรณ์ขอใหไดรับชําระหนี้เต็มตามฟูอง หรืออาจจะขอเพิ่มจากที่ศาลปกครองชั้นตนกําหนดใหในสวนที่ชนะคดีในศาลปกครองชั้นตนก็เขาอาจจะขอ บังคับคดีไปไดกอน หรือกรณีรื้อถอน ขอใหรื้อถอนเปิดทางเขาออกไมปิดบังบานพักหนาบานตนเอง ใหขับรถ ออกไดใหกวาง ๑๐ เมตร ศาลปกครองชั้นตนใหเปิดทางเขาออก ๕ เมตร หนวยงานพอใจยินดีที่จะ เปิดทางเขาออกให ๕ เมตร แตผูฟูองไดรับคําบังคับใหเปิดทางเขาออกไมเต็มตามฟูอง ก็ยื่นอุทธรณ์ขึ้นมาขอให เปิดทางเขาออกใหกวาง ๑๐ เมตร เป็นตน ในสวนที่ชนะคดีในศาลปกครองชั้นตนเปิดทางเขาออก ๕ เมตร อาจจะขอบังคับคดีไปกอน ก็เป็นไปตามระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวย การกําหนดคดี หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอบังคับคดีตามคําพิพากษาศาลปกครองชั้นตน พ.ศ. ๒๕๖๐ ขอ ๓ 6 แตการยื่นอยางนี้ตองมีเวลาเป็นไปตามระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครอง สูงสุด วาดวยการกําหนดคดีฯ ขอ ๔ 7 คือ ยื่นภายในหกสิบวันนับแตวันที่พนกําหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ระยะเวลาอุทธรณ์คือ สามสิบวัน ตามมาตรา ๗๓ หกสิบวันนับแตวันที่พนกําหนดอุทธรณ์ โดยหลักการ คือ เกาสิบวันนับแตวันที่มีคําพิพากษานั่นเอง โดยทําเป็นคําขอยื่นตอศาลพรอมทั้งชี้แจงเหตุผลอันสมควรที่ขอใหมี การปฏิบัติตามคําบังคับไวในคําขอนั้นดวย ตอนนี้พอยื่นเขามาแลวศาลจะดูวาคํารองสามารถที่จะอยูใน หลักเกณฑ์ที่จะยื่นคําขอใหบังคับคดีกอนคดีถึงที่สุดตามระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครอง สูงสุด วาดวยการกําหนดคดีฯ ขอ ๓ หรือไมยื่นมาภายในระยะเวลาตามระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการใน ศาลปกครองสูงสุด วาดวยการกําหนดคดีฯ ขอ ๔ หรือไม ทั้งนี้คําสั่งในชั้นบังคับคดี โดยหลักทําโดยตุลาการ คนเดียว แตถามีกฎหมายกําหนดวา เรื่องนั้นตองกระทําโดยองค์คณะ อยางเชน เรื่องการขอใหบังคับคดีกอน คดีถึงที่สุด ศาลจะไมรับคําขอหรือพิจารณาแลวยังไมมีเหตุที่จะใหบังคับคดีกอนคดีถึงที่สุด จะใหยกคําขอหรือ จะใหปฏิบัติตามคําขอตองกระทําโดยองค์คณะ แตเมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคําสั่งใหบังคับคดีกอนคดีถึงที่สุด ศาลปกครองสูงสุดจะแจงคําสั่งไปยังคูกรณี ถาไมรับคําขอก็เป็นคดีที่ไมอยูในหลักเกณฑ์ตามขอ ๓ หรือยื่นมา พนระยะเวลา ตามขอ ๔ ก็จะแจงผูยื่นคําขอทราบ หรืออยูในหลักเกณฑ์ตามขอ ๓ ยื่นมาภายในเวลาตามขอ ๔ แตยังไมมีเหตุสมควรที่จะใหมีการบังคับคดี ศาลยกคําขอแจงผูยื่นคําขอทราบ แตถาสั่งใหบังคับคดีกอนคดี ถึงที่สุดจะตองแจงใหคูกรณีทั้งสองฝุายทราบ แตหนาที่ในการบังคับคดีแมศาลปกครองสูงสุดเป็นศาลที่มีคําสั่ง อนุญาต หรือมีคําสั่งใหบังคับดีกอนคดีถึงที่สุด แตเป็นหนาที่ของศาลปกครองชั้นตน เมื่อศาลปกครองสูงสุด มีคําสั่งใหปฏิบัติตามคําบังคับของศาลปกครองชั้นตน ใหศาลปกครองสูงสุดสงสําเนาคําสั่งดังกลาว สําเนา คําพิพากษาศาลปกครองชั้นตน และสําเนาคําขอใหมีการปฏิบัติตามคําบังคับของศาลปกครองชั้นตนได 6 ระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยการกําหนดคดี หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอบังคับคดี ตามคําพิพากษาศาลปกครองชั้นตน พ.ศ. ๒๕๖๐ ขอ ๓ คดีดังตอไปนี้ เมื่อมีการอุทธรณ์ตอศาลปกครองสูงสุด คูกรณีฝุายชนะคดีในศาลปกครองชั้นตนอาจยื่นคําขอตอศาลปกครองชั้นตน หรือศาลปกครองสูงสุดใหมีการปฏิบัติตามคําบังคับของศาลปกครองชั้นตนได โดยไมตองรอจนกวาคดีจะถึงที่สุด (๑) คดีที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําบังคับหามการกระทําทั้งหมดหรือบางสวนตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๑) (๒) คดีที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําบังคับใหหัวหนาหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐที่เกี่ยวของปฏิบัติหนาที่ภายในเวลา ที่ศาลปกครองชั้นตนกําหนดตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๒) (๓) คดีที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําบังคับตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๓) (๔) (๕) และคูกรณีที่ตองปฏิบัติตามคําบังคับดังกลาวมิได อุทธรณ์คําพิพากษา 7 ขอ ๔ การยื่นคําขอตามขอ ๓ ใหยื่นภายในหกสิบวันนับแตวันที่พนกําหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ โดยทําเป็นคําขอยื่นตอศาล พรอมทั้ง ใหชี้แจงเหตุผลอันสมควรที่ขอใหมีการปฏิบัติตามคําบังคับไวในคําขอนั้นดวย คําขอตามวรรคหนึ่ง ใหยื่นตอศาลปกครองชั้นตนที่พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีนั้น ถาเป็นกรณีที่ศาลปกครองชั้นตนนั้นไดมีคําสั่ง รับอุทธรณ์แลวใหยื่นตอศาลปกครองสูงสุด แตถาผูยื่นคําขอไดยื่นตอศาลปกครองชั้นตนก็ใหศาลปกครองชั้นตนรีบสงคําขอนั้นไปยังศาลปกครองสูงสุด โดยพลัน 86
16 โดยไมตองรอจนกวาคดีจะถึงที่สุดไปยังศาลปกครองชั้นตนที่พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดี เพื่อดําเนินการ บังคับคดีตอไป ทั้งนี้ มีขอสังเกตเกี่ยวกับระยะเวลาวา กรณีที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําบังคับใหชําระหนี้ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ภายในหกสิบวันนับแตคดีถึงที่สุด แตคดียังไมถึงที่สุด แลวมีการขอใหบังคับคดีกอนคดี ถึงที่สุด ระยะเวลาใหชําระหนี้ในคําบังคับของศาลปกครองชั้นตนหกสิบวันนี้ยังคงมีอยูหรือไม คําตอบคือ ระยะเวลาในการบังคับยังตองมีในคําบังคับ ระยะเวลาเรามีไวใหเตรียมตัวเพื่อที่จะตองปฏิบัติตาม คําบังคับ แตโดยสภาพเมื่อคดียังไมถึงที่สุด หกสิบวันนับแตคดีถึงที่สุดก็เกิดขึ้นไมได ตองเป็นหกสิบวันนับแต ผูที่ตองปฏิบัติตามคําบังคับไดรับแจงคําสั่งศาลวาใหมีการบังคับคดีกอนคดีถึงที่สุด ซึ่งไดระบุไวในระเบียบของ ที่ประชุมใหญฯ ในเรื่องนี้ไวดวยวา เมื่อไดรับแจงคําสั่งศาลแลวก็ตองถือวาใหระยะเวลาในการปฏิบัติตาม คําบังคับจะเริ่มนับแตเขาไดรับแจงคําสั่งศาล อีกเรื่องหนึ่งที่ในคดีแพงไมมี คือ ระเบียบของที่ประชุมใหญ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการปรับหนวยงานทางปกครอง หรือเจาหนาที่ของรัฐที่มิไดปฏิบัติตามคําบังคับของศาลปกครองใหถูกตองครบถวนหรือปฏิบัติลาชาเกินสมควร พ.ศ. ๒๕๖๐ ในคดีแพงถาลูกหนี้ตามคําพิพากษาเป็นหนวยงานทางปกครองจะไมมีเรื่องมาตรการปรับ ในชั้นบังคับคดี เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงไมไดบัญญัติไวโดยเฉพาะเหมือนในคดีปกครอง ในคดีปกครองเคยพบปัญหาวา ถาลูกหนี้เป็นเอกชนอยางที่อาจารย์เกียรติภูมิฯ ไดอธิบายแลวไมปฏิบัติถาเป็น หนี้เงินก็เขาไปยึดอายัด ไปยึดทรัพย์สิน อายัดสิทธิเรียกรองมาขายทอดตลาดเพื่อชําระหนี้ ทําโดยเจาพนักงาน บังคับคดี หรือคดีขับไลใหออกไปจากอสังหาริมทรัพย์ ใหรื้อถอนสิ่งปลูกสราง ก็ใชมาตรการบังคับโดย เจาพนักงานไดใหสงมอบทรัพย์สิน แตถากลับกันในคดีประเภทเดียวกันจะเป็นละเมิด ความรับผิดอยางอื่น สัญญาทางปกครอง เมื่อลูกหนี้เป็นหนวยงานปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐจะไปยึดอายัดทรัพย์สินของ ทางราชการมาขายทอดตลาดไมได เพราะประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์บัญญัติไวในบรรพ ๔ ทรัพย์สิน เชน มาตรา ๑๓๐๗ บัญญัติวา “หามไมใหยึดทรัพย์สินของแผนดินไมวาทรัพย์สินนั้นจะเป็นสาธารณสมบัติ ของแผนดินหรือไม” ถาเทศบาลไมชําระหนี้ กรมไมชําระหนี้ ก็ไมอาจที่จะไปยึดอายัดทรัพย์สินของเทศบาล ของกรมมาขายทอดตลาดชําระหนี้ เพราะเป็นทรัพย์สินที่ไมอาจจะไปยึดตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๐๗ ได แตถาเป็นเอกชนยึดอายัดทรัพย์สินไดหมด สําหรับในตางประเทศ เชน ประเทศเยอรมันนั้น กรณีที่ลูกหนี้ เป็นหนวยงานทางปกครองหรือเป็นเจาหนาที่ของรัฐ หากเป็นทรัพย์สินที่ไมไดใชเพื่อบริการสาธารณะโดยตรง ก็ยึดได เชน รถของตํารวจจะยึดไมไดเพราะใชลาดตระเวน แตรถประจําตําแหนงของเจาหนาที่ระดับสูงยึดได แตในประเทศเยอรมันก็ดี ในสเปนก็ดี มีมาตรการปรับหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ เชน ศาลกําหนดเบี้ยปรับจํานวน ๑๐,๐๐๐ ยูโร ปรับไปเรื่อย ๆ จนกวาจะออกคําสั่งทางปกครองเสร็จสิ้น เชนในเยอรมัน ศาลกําหนดคาปรับไดสูงถึง ๒๕๐,๐๐๐ ยูโร ปรับไปเรื่อย ๆ แตวามีการแจงเตือนใหหนวยงาน ทางปกครองปฏิบัติตามคําบังคับเป็นระยะเวลาโดยกําหนดเงื่อนไขใหทราบ แลวกําหนดคาปรับไดสูง หรือในสเปน มีกรณีที่ศาลใหหนวยงานปกครองชําระเงินแลวถาไมชําระก็มีอํานาจในการกําหนดมาตรการ ปรับเจาหนาที่ที่ไมปฏิบัติตามคําพิพากษา โดยศาลสามารถที่จะกําหนดคาปรับไดตั้งแต ๑๕๐–๑,๕๐๐ ยูโร ปรับไปเรื่อย ๆ จนกวาจะปฏิบัติตามคําพิพากษาเสร็จสิ้น สําหรับในประเทศไทยเมื่อเราไดศึกษากระบวนการ เหลานี้ ก็มาแกไขพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๗๕/๔8 8 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๗๕/๔ เมื่อปรากฏวาหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐมิไดปฏิบัติตามคําบังคับของศาลปกครองใหถูกตองครบถวน หรือปฏิบัติลาชาเกินสมควร ใหศาลปกครองไตสวนหรือแสวงหาขอเท็จจริง ถาศาลปกครองไดไตสวนแลวเห็นวา ขอเท็จจริงเพียงพอที่จะรับฟังไดวา การที่มิไดปฏิบัติตามคําบังคับของศาลปกครองใหถูกตองครบถวนหรือปฏิบัติลาชาเป็นไปโดยไมมีเหตุอันสมควร ศาลปกครองอาจมีคําสั่ง ใหหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐที่ไมปฏิบัติตามคําบังคับ ชําระคาปรับตอศาลปกครองตามจํานวนที่สมควร ครั้งละไมเกินหาหมื่นบาท ทั้งนี้ ศาลปกครองอาจแจงผูบังคับบัญชา ผูกํากับดูแลผูควบคุม หรือนายกรัฐมนตรีเพื่อดําเนินการตามอํานาจหนาที่ หรือสั่งการ หรือลงโทษทางวินัย ตอไปก็ไดและแจงผลใหศาลปกครองทราบ 87
17 หลักการคือ เมื่อปรากฏวาหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐไมปฏิบัติตามคําบังคับของศาลปกครอง ใหถูกตองครบถวน หรือปฏิบัติลาชาเกินสมควร ใหศาลปกครองไตสวน หรือแสวงหาขอเท็จจริง คือถาไมปฏิบัติตาม คําบังคับแลวศาลเห็นวายังไมมีเหตุจะปรับ ศาลไมตองไตสวนก็ไดการแสวงหาขอเท็จจริงอาจจะใหชี้แจง เรื่องตาง ๆ แตถาจะปรับซึ่งเป็นเรื่องสําคัญ ศาลตองนัดไตสวน คือ ใหผูที่ตองปฏิบัติตามคําบังคับของศาล มาใหถอยคําตอศาล เมื่อนัดไตสวนแลวตองใหไดขอเท็จจริงเพียงพอที่จะรับฟังไดวา การไมปฏิบัติตามคําบังคับ ใหถูกตองครบถวนหรือลาชาไมมีเหตุอันสมควร ถามีเหตุอันสมควรจะปรับไมได เชน ไมมีงบประมาณที่จะ ชําระหนี้เพียงพอ เพราะวาเทศบาลเกิดมีอุทกภัย วาตภัย มีโควิด-๑๙ ระบาด ตองใชเงินไปในบริการสาธารณะ ที่จําเป็นหรือเขาไปรื้อถอนไมได เพราะมีน้ําทวม ก็ไมอาจจะเขาไปรื้อถอนตรงนี้ได ตองรอใหน้ําลดกอน แตถาไมมีเหตุอันสมควรศาลปกครองสามารถที่จะปรับครั้งละไมเกิน ๕๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ศาลอาจแจงผูบัญชา ผูกํากับดูแล ผูควบคุม หรือคณะรัฐมนตรี เพื่อดําเนินการตามอํานาจหนาที่ หรือสั่งการ หรือลงโทษทางวินัย ตอไปได แตศาลปกครองลงโทษทางวินัยไมได กรณีที่จะรายงานไปใหดําเนินการตามอํานาจหนาที่หรือลงโทษ ทางวินัย เป็นเรื่องที่ผูบังคับบัญชาตองใชดุลพินิจดําเนินการ ในการปรับนั้น ถาผูถูกฟูองคดีเป็นหนวยงาน ทางปกครอง ก็ปรับหนวยงานทางปกครอง ถาผูถูกฟูองคดีเป็นเจาหนาที่ของรัฐ ก็ปรับเจาหนาที่ของรัฐ ถาปรับหนวยงานทางปกครองก็ปรับจากเงินงบประมาณ แตถาปรับเจาหนาที่ของรัฐก็ปรับจากเงินสวนตัว ของเจาหนาที่นั้น เพราะฉะนั้น สมมุติวาเจาหนาที่ศาลมีคําบังคับใหนายอําเภอปฏิบัติหนาที่ภายในเวลา ที่ศาลปกครองกําหนด นายอําเภอคนนี้ยายไป คนใหมมาปฏิบัติหนาที่แทน ถือวาเป็นผูถูกฟูองคดีที่ยังตองมีการ ปฏิบัติตามคําบังคับ แมวาผูที่มาแทนจะไมใชผูที่ถูกฟูองคดีมาแตแรกแลว ถามาลาชาโดยไมมีเหตุอันสมควร หรือไมปฏิบัติตามคําบังคับ ศาลสามารถปรับคนปัจจุบันได แมจะปรับจากผูดํารงตําแหนง แตเงินที่ใช เป็นคาปรับเป็นเงินของเจาหนาที่ ถาเจาหนาที่ไมชําระคาปรับกฎหมาย ใหศาลสามารถที่จะตั้งเจาพนักงาน บังคับคดีไปดําเนินการบังคับกับทรัพย์สิน แตใหสํานักงานศาลปกครองทําหนาที่เสมือนเ ป็นเจาหนี้ ตามคําพิพากษา แลวใหสํานักบังคับคดีปกครองทําหนาที่เป็นเจาพนักงานบังคับคดีไปยึดอายัดทรัพย์สิน ของเจาหนาที่มาเป็นคาปรับ คาปรับไมไดเขามาสูศาลปกครอง แลวสงเป็นรายไดแผนดิน คาปรับเราไมไดเอาไป เยียวยาผูฟูองคดี ระบบปรับอาจจะมีบางทีบางประเทศ ปรับมาเพื่อมาเยียวยาคูกรณีฝุายที่ชนะคดี แตระบบ ในบางประเทศรวมของสํานักงานศาลปกครองดวย คือ การปรับเป็นการกระตุน เป็นมาตรการเพื่อให ปฏิบัติตามคําบังคับ แตเงินคาปรับ คาปรับหนวยงานทางปกครองเป็นเงินของทางราชการ โดยหนวยงาน ไมมีเงินชําระคาปรับก็ไปยึดอายัดทรัพย์สินไมได แตถาปรับผูตองหาตามคําบังคับ เชน คดีละเลยลาชา มาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๒) ไมไดปรับหนวยงาน แตปรับเจาหนาที่ เจาหนาที่ไมชําระคาปรับก็ยึดอายัดทรัพย์สิน มาเป็นคาปรับแลวสงเป็นรายไดแผนดิน กรณีนี้อยางที่ทานอาจารย์เกียรติภูมิฯ อธิบายวา การออกหมายบังคับคดี ถาไมมายื่นคําขอ ศาลจะไมออกให แตกรณีตามระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวย หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการปรับหนวยงานทางปกครอง หรือเจาหนาที่ของรัฐที่มิไดปฏิบัติตาม คําบังคับของศาลปกครองใหถูกตองครบถวนหรือปฏิบัติลาชาเกินสมควร พ.ศ. ๒๕๖๐ ศาลสามารถที่จะ ออกหมายบังคับคดีไดเอง โดยไมตองใหเจาหนี้ หรือผูปฏิบัติตามคําบังคับมายื่นคําขอ กรณีนี้ไมใชเป็นการ ยึดทรัพย์มาเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาชําระหนี้ เพราะฉะนั้น ผูชนะคดีไมตองไปนําสืบทรัพย์ ไมตองมีหนาที่ คําสั่งปรับตามวรรคหนึ่งใหจัดทําโดยองค์คณะ และใหนําเงินคาปรับดังกลาวสงเป็นรายไดแผนดิน ในกรณีที่เจาหนาที่ของรัฐไมปฏิบัติตามคําสั่งที่ใหชําระคาปรับตามวรรคหนึ่ง ศาลปกครองอาจมีคําสั่งใหมีการบังคับคดีแกทรัพย์สิน ของบุคคลนั้นได ใหนําความในมาตรานี้ไปใชบังคับกับกรณีที่หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐมิไดปฏิบัติตามคําสั่งกําหนดมาตรการ หรือวิธีการใด ๆ เพื่อบรรเทาทุกข์ใหแกคูกรณีที่เกี่ยวของเป็นการชั่วคราวกอนการพิพากษาคดีตามมาตรา 66 หรือปฏิบัติลาชาเกินสมควรดวย โดยอนุโลม ที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดมีอํานาจออกระเบียบกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการปฏิบัติตามมาตรานี้ได 88
18 ในสวนนี้การออกหมายบังคับคดีนอกจากในกรณีนี้แลว อาจจะมีกรณีที่มีการคางชําระคาธรรมเนียม การคางชําระคาธรรมเนียมอาจจะมีการบังคับคดีแกทรัพย์สินในการที่ไมชําระคาฤชาธรรมเนียมตามระเบียบ ของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ ๑๗๕ 9 เป็นตน แตในการทั่วไปศาลจะตองมีความรองขอในการที่จะมาขอออกหมายบังคับคดี สองเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ไมมีอยูในคดีแพง คดีปกครองสองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่วาถาจะบังคับคดีกอนคดีถึงที่สุดก็มายื่นคําขอ ตามหลักเกณฑ์วิธีการตามระเบียบที่แจงใหทราบ กรณีที่หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐไมปฏิบัติตาม คําบังคับศาลจะไมใชวิธีไปยึดอายัดทรัพย์สินไปดําเนินการแบบเอกชน แตใชมาตรการปรับตามระเบียบ นายอนนท์ อดิเรกสมบัติ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร ศาลที่มีอํานาจในการบังคับคดี และการบังคับคดีกรณีศาลมีคําสั่งใหสํานักงานดําเนินการ ศาลที่ มีอํานาจในการบังคับคดีจะคลาย ๆ กับคดีแพง แตของเราอาจจะมีมากกวา สวนที่แตกตางศาลที่มีอํานาจ ในการบังคับคดี ยกตัวอยางเชน อํานาจในการออกหมายบังคับคดีในที่นี้หมายความรวมถึงอํานาจในการ ออกคําสั่งใหพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีไปบังคับคดี หรือมีอํานาจในการจับกุมและกักขัง คดีปกครองอาจจะตองมีคําสั่งจับกุมกักขังได หรือปรับ เรื่องการปรับในคดีแพงจะไมมี แลวก็มีอํานาจในการ กําหนดวิธีการบังคับคดี เพื่อดําเนินการใหเป็นไปตามคําพิพากษาหรือคําสั่ง หรือทําคําวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องใด ๆ อันเกี่ยวดวยกับการบังคับคดี สวนนี้คืออํานาจในการบังคับคดี ศาลที่มีอํานาจคือศาลที่ไดพิจารณาชี้ขาด ตัดสินคดีในชั้นตน หรือตามที่มีกฎหมายบัญญัติ ศาลที่ไดพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นตนไมไดหมายถึง ศาลปกครองชั้นตนเทานั้น แตศาลปกครองสูงสุดอาจจะเป็นศาลไดพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นตนได ถาเป็นคดีตามมาตรา ๑๑ (๑) (๒) (๓) โดยมาตรา ๑๑ (๑) คือ คดีพิพาทเกี่ยวกับคําวินิจฉัยของคณะกรรมการ วินิจฉัยขอพิพาทตามที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดประกาศกําหนด คดีประเภทนี้ยังไมมีประกาศ กําหนด เพราะฉะนั้นยังไมมีมาตรา ๑๑ (๒) คือ คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบดวยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา หรือกฎที่ออกโดยคณะรัฐมนตรี หรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีสวนนี้ถาจะตองมีการบังคับ คําพิพากษาของศาลปกครองปกครองสูงสุด ในกรณีผูที่มีอํานาจในการบังคับคดีก็ศาลปกครองสูงสุด มาตรา ๑๑ (๓) คดีที่มีกฎหมายกําหนดใหอยูในอํานาจศาลปกครองสูงสุด มีกฎหมายหลายฉบับในปัจจุบัน ที่กําหนดใหมาฟูองคดีตอศาลปกครองสูงสุดได โดยไมตองผานศาลปกครองชั้นตน กรณีเชนนี้ถาศาลปกครอง สูงสุดมีคําพิพากษา ศาลปกครองสูงสุด ก็เป็นศาลที่ไดพิจารณาชี้ขาดคดีในชั้นตน แตกรณีที่ศาลปกครอง มีคําพิพากษาเป็นที่สุด คือ ไมมีการอุทธรณ์คําพิพากษา ศาลปกครองชั้นตนจะเป็นศาลที่พิจารณาและชี้ขาด ตัดสินคดีในชั้นตน รวมถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคําสั่งใหมีการปฏิบัติตามคําบังคับของศาลปกครองชั้นตน โดยไมตองรอใหคดีถึงที่สุด แมวาจะเป็นคําสั่งของศาลปกครองสูงสุดก็ตาม ซึ่งจะตองเป็นศาลปกครองสูงสุด เทานั้นที่จะเป็นผูมีคําสั่ง ตามที่ทานอาจารย์สมรรรถชัยฯ ไดกลาวไปเกี่ยวกับการขอใหบังคับคดีกอนคดีถึงที่สุด ผูที่จะมีอํานาจสั่งคือ ศาลปกครองสูงสุด แตในการบังคับคดีไมใชศาลปกครองสูงสุด อํานาจในการบังคับคดี เป็นของศาลปกครองชั้นตน นอกจากนั้น ศาลที่มีอํานาจในการบังคับคดีอีกศาลหนึ่งที่อาจจะเขามามีสวน 9 ระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ ๑๗๕ ถาผูที่ตองชําระคาฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีคางชําระคาฤชาธรรมเนียมตอศาลก็ดีหรือตอเจาพนักงานบังคับคดีก็ดี หรือตอบุคคลอื่นที่มิใชเจาหนี้ตามคําพิพากษาก็ดี ศาล เจาพนักงานบังคับคดี หรือบุคคลเชนวานั้น อาจบังคับเอาแกทรัพย์สินของผูนั้นเสมือนหนึ่ง เป็นลูกหนี้ตามคําพิพากษาเพื่อชําระคาฤชาธรรมเนียมดังกลาวได ในกรณีที่มีผูคางชําระคาฤชาธรรมเนียมตอศาล ใหศาลออกหมายบังคับคดีตั้งเจาพนักงานบังคับคดีจัดการยึดทรัพย์สินหรืออายัด สิทธิเรียกรองของผูนั้น ในกรณีที่มีผูคางชําระคาฤชาธรรมเนียมตอเจาพนักงานบังคับคดีใหเจาพนักงานบังคับคดีรายงานศาลขอใหออกหมายบังคับคดี ตั้งเจาพนักงานบังคับคดีจัดการยึดทรัพย์สินหรืออายัดสิทธิเรียกรองของผูนั้น 89
19 ในการบังคับคดีดวย โดยไมใชเป็นศาลที่พิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นตนคือ ศาลที่ทรัพย์ตั้งอยู เรียกวา เป็นการบังคับคดีนอกเขตศาล หรือการบังคับคดีแทน ยกตัวอยางเชน คดีฟูองตอศาลปกครองกลางปรากฏวา มีทรัพย์อยูในเขตอํานาจของศาลปกครองเชียงใหม ศาลปกครองกลางจะตองใหศาลปกครองเชียงใหม บังคับคดีแทนเรียกวาเป็นการบังคับคดีนอกเขตศาลของศาลปกครองกลาง กรณีเชนนี้เป็นการบังคับคดี กับทรัพย์สิน สําหรับการบังคับคดีกรณีอื่นที่ไมใชเกี่ยวกับหนี้เงิน หรือขับไล รื้อถอน จะมีการบังคับคดี นอกเขตศาล หรือบังคับคดีแทนไดหรือไมนั้น ยกตัวอยาง คดีที่มีคําบังคับใหหนวยงานทางปกครองไปเยียวยา หวยคลิตี้ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยูในเขตอํานาจของศาลปกครองเพชรบุรี กรณีเชน ถามีการบังคับคดี ศาลปกครองกลางอาจจะขอใหศาลเพชรบุรีบังคับคดีแทน แตขณะนี้ยังไมเกิดเหตุการณ์เชนนี้ กรณีที่เกิดขึ้น พนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีในสังกัดของสํานักบังคับคดีปกครองในสวนกลางของศาลปกครองกลาง เป็นผูบังคับ ดังนั้น ในการบังคับคดีนอกเขตศาล หรือการบังคับคดีแทน ใชไดทั้งกรณีที่เป็นการบังคับคดี ในหนี้เงิน และหนี้ในทางปกครอง คือ การบังคับใหเจาหนาที่ของรัฐปฏิบัติหนาที่ สําหรับการบังคับคดีแทน ในกรณีไมตองออกหมายบังคับคดีตั้งเจาพนักงานบังคับคดี ซึ่งบังคับโดยเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี กรณีเชนนี้ศาลที่มีอํานาจในการบังคับคดีจะมีหนังสือตั้งใหศาลอื่นบังคับคดีแทน ศาลที่จะมีการปฏิบัติแทน ก็จะมีคําสั่งไปยังสํานักงานของศาลนั้นเพื่อใหพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีดําเนินการใหเป็นไปตาม คําบังคับของศาล คือ สั่งใหพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีดําเนินการบังคับคดีแทน โดยไมตอง ออกคําสั่งใหบังคับคดีตามแบบหมาย ต.๔๗ เชน ตามยกตัวอยางที่ศาลปกครองกลางมีคําบังคับใหเจาหนาที่ ของรัฐปฏิบัติหนาที่ ซึ่งตองปฏิบัติหนาที่ในเขตอํานาจของศาลเพชรบุรี ถาศาลปกครองกลางตองการให ศาลปกครองเพชรบุรีบังคับคดีแทน ศาลปกครองกลางจะออกคําสั่งใหพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี ไปทําหนาที่ในการบังคับแลวจะแจงไปที่ศาลปกครองเพชรบุรีขอใหทําหนาที่ในการบังคับคดีแทน ศาลปกครอง เพชรบุรีจะมีคําสั่งตั้งใหพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีประจําศาลนั้น ซึ่งเป็นของสํานักงาน ศาลปกครองเพชรบุรีทําหนาที่ในการบังคับ ขั้นตอนก็จะเป็นเชนนี้ในสวนของการบังคับคดีโดยไมตอง ออกหมาย สําหรับการบังคับคดีแทนในกรณีที่ตองทําโดยเจาพนักงานบังคับคดี คือ ไปบังคับคดีเกี่ยวกับ ทรัพย์สิน จะมีขั้นตอน คือ ศาลที่มีอํานาจในการบังคับคดีไดออกหมายบังคับคดีตั้งเจาพนักงานบังคับคดีแลว คือ มีการรองขอใหออกหมายบังคับคดี ศาลก็ออกหมายบังคับคดีตั้งเจาพนักงานบังคับคดี หลังจากนั้น ศาลที่มีอํานาจในการบังคับคดีจะตั้งใหศาลอื่นบังคับคดีแทน ศาลอื่นในที่นี้คือ ศาลที่ทรัพย์ตั้งอยูทําหนาที่ บังคับคดีแทน กรณีนี้กรณีเริ่มจากศาลจะแจงไปยังศาลที่ทรัพย์ตั้งอยู หรืออาจจะริเริ่มโดยเจาหนี้ ตามคําพิพากษายื่นคําแถลงใหศาลที่จะมีการบังคับคดีแทนทราบพรอมดวยสําเนาหมายบังคับคดี หรือสําเนา คําสั่งกําหนดวิธีการบังคับคดี อันนี้เริ่มจากเจาหนี้ตามคําพิพากษาถือหมายบังคับคดีสําเนาหมายคดีไปที่ ศาลที่ทรัพย์ตั้งอยู ขอใหบังคับคดีแทนได หรืออีกกรณีหนึ่ง คือ เจาพนักงานบังคับคดีรายงานใหศาลที่จะมีการ บังคับคดีแทนทราบ พรอมดวยสําเนาหมายบังคับคดี หรือสําเนาคําสั่งกําหนดวิธีการบังคับคดี อันนี้เริ่มโดย เจาพนักงานบังคับคดี ศาลที่จะมีการบังคับคดีแทน เมื่อไดรับเรื่อง และจะปฏิบัติแลวก็จะตองแจงใหศาลที่ มีอํานาจในการบังคับคับคดีทราบโดยไมชักชาวาไดรับเรื่องแลว และจะดําเนินการบังคับคดีแทนตอไป หลังจากนั้น ศาลที่มีการบังคับคดีแทนจะตั้งเจาพนักงานบังคับคดีหรือมีคําสั่งอื่นใด เพื่อดําเนินการตอไป คือ ศาลที่ทรัพย์ตั้งอยูจะสั่งการไปที่เจาพนักงานบังคับคดีของสํานักงานศาลนั้น ๆ โดยไมตองออกหมาย บังคับคดีซ้ําอีก คือ มีแตแจงคําสั่งไปใหทําหนาที่ในการบังคับคดีแทนศาลปกครองที่มีอํานาจในการบังคับคดี สําหรับการบังคับคดีกรณีที่ศาลมีคําสั่งใหสํานักงานดําเนินการ สํานักงานในที่นี้หมายความรวมถึง พนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี ในระเบียบจะใชคําวาสํานักงาน ขอใหเขาใจวาหมายถึง พนักงาน เจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีดวย กรณีที่ศาลจะมีคําสั่งใหพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีขอเรียกวา สํานักงาน ใหสํานักงานดําเนินการบังคับคดีก็จะเป็นไปตามคําบังคับที่ปรากฏในพระราชบัญญัติจัดตั้ง 90
20 ศาลปกครองฯ มาตรา ๗๒ บังคับอะไรบาง ใหไปดูวิธีการบังคับคดีในแตละประเภทตามคําบังคับ กรณีที่ ศาลมีคําพิพากษาและกําหนดคําบังคับใหเพิกถอนกฎ ระเบียบของที่ประชุมใหญฯ กําหนดวา ในกรณีที่ ศาลมีคําพิพากษาถึงที่สุดใหเพิกถอนกฎ ใหสํานักงานเสนอประกาศผลแหงคําพิพากษาที่ใหเพิกถอนกฎดังกลาว ตอศาลเพื่อลงนาม และใหสํานักงานศาลปกครองสงประกาศนั้นไปยังสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยเร็ว ใหสํานักงานแจงผลการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาดังกลาว ใหคูกรณี และรายงานศาลทราบ ทั้งนี้ เป็นไปตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ มาตรา ๗๒ วรรคสาม ซึ่งบัญญัติวา “ในกรณีที่ศาลปกครองมีคําพิพากษาถึงที่สุดใหเพิกถอนกฎ ใหมีการประกาศผลแหงคําพิพากษา ดังกลาวในราชกิจจานุเบกษา และใหการประกาศดังกลาวมีผลเป็นการเพิกถอนกฎนั้น” ก็ออกระเบียบ มารองรับเพื่อใหสํานักงานปฏิบัติใหถูกตองครบถวน กรณีที่สอง คือ กรณีที่ศาลมีคําพิพากษาและกําหนด ขอบังคับใหเพิกถอนคําสั่ง ตรงนี้อาจารย์สมรรถชัยฯ ทานไดกลาวไปแลววา กรณีที่ศาลมีคําพิพากษาให เพิกถอนคําสั่ง ผลของคําพิพากษาทําใหคําสั่งนั้นถูกเพิกถอน ไมตองไปดําเนินการใด ๆ อีก มีกําหนดไว ในระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ขอ ๑๓๗ วา “ในกรณีที่ศาลพิพากษาและกําหนดคําบังคับใหเพิกถอนคําสั่ง ยอมมีผลใหคําสั่งนั้นถูกเพิกถอน โดยไมตองมีการบังคับคดี” แตอยางไรก็ดี ในเมื่อมีการเพิกถอนคําสั่ง โดยเฉพาะคําสั่งที่ทําใหผูฟูองคดี ไดรับสิทธิตาง ๆ คืนมา สวนใหญแลวจะมารองที่สํานักบังคับคดีปกครอง หรือพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงาน บังคับคดีปกครองวาศาลพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่ง แตหนวยงานยังไมดําเนินการอยางไรเลย ยกตัวอยางเชน กรณีใหมีคําสั่งลงโทษปลดออก ไลออก และศาลเพิกถอนคําสั่งปลดออก หรือไลออก ก็เทากับวาคําสั่งปลดออก และไลออก ไมมีผลแลว เขาก็ยังเป็นเจาหนาที่อยูเหมือนเดิม แตไมสามารถกลับเขาไปปฏิบัติหนาที่ได กรณีเชนนี้จะมารองขอใหสํานักบังคับคดีปกครองดําเนินการ สํานักบังคับคดีปกครองจะบอกวาคดีนี้ ศาลพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งเทานั้น ไมไดมีคําสั่งเป็นอยางอื่น เพราะฉะนั้น ไมตองมีการบังคับแตอยางใด กรณีนี้ตองไปวากันอีกคดีหนึ่งถาไมไดบรรจุแตงตั้งกลับเขาไปปฏิบัติหนาที่เฉพาะที่ใหเพิกถอนคําสั่งก็เป็นอันจบไป ไมตองมีการบังคับ อีกกรณีหนึ่งซึ่งเป็นคําบังคับตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๑) ดวย คือ ในกรณีที่ ศาลมีคําพิพากษาและกําหนดคําบังคับหามการกระทํา กรณีที่ศาลกําหนดคําบังคับเชนนี้ใหสํานักงาน ฯ ดําเนินการบังคับคดีโดยติดตามและตรวจสอบวาหนวยงานหรือเจาหนาที่ไดปฏิบัติตามคําบังคับของศาลหรือไม และจัดทําบันทึกผลการตรวจสอบและรายงานตอศาล หนาที่ของพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี คือ ติดตาม ตรวจสอบ และรายงานศาล ถายังไมมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ตองติดตาม ตรวจสอบ รายงานศาล จนกวาศาลจะมีคําสั่งอยางหนึ่งอยางใด การบังคับอีกกรณีหนึ่ง คือ การบังคับตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๒) คือ กรณีที่ศาลมีคําพิพากษา และกําหนดคําบังคับใหหัวหนาหนวยงานทางปกครอง หรือเจาหนาที่ของรัฐที่เกี่ยวของปฏิบัติตามหนาที่ ภายในเวลาที่ศาลกําหนด กําหนดไวในระเบียบขอ ๑๓๙ 10 ระเบียบขอนี้จะเป็นบทหลักสําหรับการบังคับคดี 10 ระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ ๑๓๙ ในกรณีที่ศาลพิพากษาและกําหนดคําบังคับใหหัวหนาหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐที่เกี่ยวของปฏิบัติ ตามหนาที่ภายในเวลาที่ศาลกําหนด เมื่อครบกําหนดเวลาดังกลาวแลวใหสํานักงานดําเนินการบังคับคดีโดยติดตามและตรวจสอบวาหัวหนา หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐนั้น ไดปฏิบัติตามหนาที่ถูกตองครบถวนตามคําบังคับของศาลหรือไม และจัดทําบันทึกผลการตรวจสอบ แลวรายงานตอศาล ในกรณีที่หัวหนาหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐที่เกี่ยวของยังไมปฏิบัติตามคําบังคับภายในเวลาที่ศาลกําหนด หรือมีขอขัดของในการปฏิบัติตามคําบังคับของศาล ใหสํานักงานรายงานศาลเพื่อดําเนินการตามขอ ๑๓๕ หากปรากฏวาหัวหนาหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐที่เกี่ยวของ ไมปฏิบัติตามคําบังคับภายในเวลาที่ศาลกําหนด ใหถูกตองครบถวนหรือปฏิบัติลาชาโดยไมมีเหตุอันควร ใหสํานักงานรายงานศาลเพื่อดําเนินการตามระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุดวาดวยหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการปรับหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐที่มิไดปฏิบัติตามคําบังคับของศาล ใหถูกตองครบถวน หรือปฏิบัติลาชาเกินสมควร 91
21 ในกรณีอื่น ๆ ตอไปนี้ที่จะเรียนใหทราบหลัก ๆ คือ ในกรณีที่ศาลกําหนดคําบังคับเชนนี้ สํานักงานทําอะไรบาง คือ เมื่อศาลมีคําสั่งใหพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีดําเนินการบังคับแลว พนักงานเจาหนาที่จะตอง ติดตามและตรวจสอบวา หัวหนาหนวยงานหรือเจาหนาที่ไดปฏิบัติตามถูกตองครบถวนตามคําบังคับของศาล แลวหรือไม และจัดทําบันทึกผลการตรวจสอบรายงานตอศาล เชนเดียวกับกรณีที่มีคําบังคับหามการกระทํา คือ ติดตาม ตรวจสอบ และบันทึกและรายงานผลการตรวจสอบใหศาลทราบ แตมีขั้นตอนตอไปอีก ๒ ขั้นตอน ขั้นตอนที่ ๑ ถาเห็นวาหนวยงาน หัวหนาหนวยงานหรือเจาหนาที่ของรัฐไมปฏิบัติตามคําบังคับภายในเวลา ที่ศาลกําหนด หรือมีขอขัดของในการปฏิบัติตามคําบังคับ สํานักงานจะตองรายงานศาลเพื่อดําเนินการ ตามขอ ๑๓๕ คือ ขอใหศาลไตสวนและมีคําสั่งกําหนดวิธีการดําเนินการใหเป็นไปตามคําพิพากษาหรือคําสั่ง คือ เพิ่มขั้นตอนมาวาหลังจากที่ติดตาม ตรวจสอบ รายงานแลว เห็นวายังไมปฏิบัติตาม หรือมีขอขัดของในการ ปฏิบัติตามคําบังคับ ก็จะรายงานศาลใหศาลไตสวน ศาลจะพิจารณาวาเรื่องนี้ควรจะไตสวนหรือไม ถาเห็นวา ควรจะตองไตสวนเพื่อใหการบังคับคดีเสร็จสิ้นไป ก็จะใชอํานาจตามขอ ๑๓๕ ในการที่จะไตสวนคูกรณี หากไตสวนแลว กําหนดวิธีการบังคับคดีแลว ก็ยังไมมีการปฏิบัติอีก หรือปฏิบัติลาชาโดยไมมีเหตุอันสมควร กรณีเชนนี้ใหสํานักงานรายงานศาลเพื่อดําเนินการตามระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการปรับหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐที่มิไดปฏิบัติตาม คําบังคับของศาลใหถูกตองครบถวนหรือปฏิบัติลาชาเกินสมควร พ.ศ. ๒๕๖๐ คือ ดําเนินการตามระเบียบ เกี่ยวกับการปรับ บวกกับมาตรา ๗๕/๔ ซึ่งกําหนดใหศาลปกครองมีอํานาจสั่งใหหนวยงานหรือเจาหนาที่ของรัฐ ชําระคาปรับได เพราะฉะนั้น ขั้นตอนในการบังคับ คือ ติดตาม ตรวจสอบ บันทึก รายงานศาล ถายังไมมีการ ปฏิบัติตามหรือมีขอขัดของในการปฏิบัติ ขอใหศาลไตสวน ตามขอ ๑๓๕ ไตสวนแลวยังไมปฏิบัติ ปฏิบัติ ไมครบถวน ไมถูกตอง ไมมีเหตุอันสมควร รายงานศาลเพื่อขอใหศาลสั่งปรับปรับไดครั้งละไมเกิน ๕๐,๐๐๐ บาท ไดทีละครั้ง ไมไดปรับเป็นรายวัน แลวกรณีที่คําสั่งปรับศาลปกครองไดมีการออกคําสั่งปรับไป หลายคดีแลว ตัวอยางที่ทานอาจารย์สมรรรถชัยฯ กลาว ถาเป็นการปรับหนวยงานใหหนวยงานชําระคาปรับ แตถาสั่งเจาหนาที่ของรัฐใหชําระคาปรับ ถาเจาหนาที่คนนั้นไมชําระคาปรับ สามารถบังคับคดีคือ การไปยึดทรัพย์หรืออายัดทรัพย์สินมาชําระหนี้คาปรับของเจาหนาที่ของรัฐคนนั้นได บังคับกรณีนี้คือ ขั้นตอน การบังคับคดีในกรณีที่ศาลมีคําบังคับใหหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐปฏิบัติหนาที่ภายในเวลาที่ ศาลกําหนด อีกกรณีหนึ่ง คือ กรณีที่ศาลมีคําพิพากษากําหนดคําบังคับใหหนวยงานทางปกครองใชเงิน ซึ่งศาลไมสามารถบังคับคดีกับทรัพย์สินของหนวยงานไมได ศาลก็จะไมออกหมายบังคับคดี แตจะทําการบังคับ โดยพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี โดยพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดี ก็จะทําหนาที่ในการ ติดตาม และตรวจสอบวาหนวยงานทางปกครองนั้นไดปฏิบัติตามคําพิพากษาครบถวนแลวหรือไม แลวรายงาน ตอศาล ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนพื้นฐาน การติดตาม ตรวจสอบ และรายงานนี้จะเห็นไดวากรณีที่ใหหนวยงาน ทางปกครองใชเงินไมตองออกหมายบังคับคดี บังคับไดทันที จะตางจากกรณีเอกชนถูกบังคับคดี เจาหนี้ ตามคําพิพากษาจะตองมาขอออกหมายบังคับดี และตองนํายึดทรัพย์ จะตองไปตรวจสอบหาทรัพย์สิน เพื่อที่จะดําเนินการบังคับคดี สวนการบังคับกับหนวยงานนั้นเห็นวาคดีปกครองใหประชาชนฟูองคดีไดงาย เมื่อประชาชนชนะคดีแลว ถาหากจะตองใหบังคับคดีโดยตองไปมอบอํานาจใหผูที่มีความรูความสามารถ ในการบังคับคดีก็จะไมสอดคลองกับขั้นตอนตั้งแตการฟูองคดี ดังนั้น ในการบังคับคดี สํานักงานศาลปกครอง จะเป็นผูดําเนินการให กรณีเชนนี้เป็นการบังคับคดีที่ไมตองเสียคาใชจายใดๆ กรณีที่จะตองเสียคาใชจาย คือ การบังคับคดีโดยเจาพนักงานบังคับคดีในหนี้เงิน คือ คาธรรมเนียมศาลตามตาราง ๑ และคาธรรมเนียม เจาพนักงานบังคับคดีตามตาราง ๕ ทายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง สวนคาใชจายในการบังคับคดี ยังไมเสียในขณะนี้ เพราะวาจะเสียตอเมื่อประธานฯ ไดออกประกาศใหมีการเรียกเก็บคาใชจายในการบังคับคดี 92
22 ขั้นตอนตอไปเมื่อติดตาม ตรวจสอบแลววามีการใชเงินใหกับเจาหนี้ตามคําพิพากษาหรือผูชนะคดี แลวยังไมชําระ ขั้นตอนก็ดําเนินการเหมือนกับการบังคับคดีกรณีละเลยตอหนาที่ สั่งใหปฏิบัติหนาที่ เชนเดียวกัน คือ ใหมีการไตสวนวาเหตุที่ไมชําระเงิน มีเหตุผลอยางไร ฟังขึ้นหรือไม ศาลก็จะไตสวน ไตสวน แลว ยังไมชําระอีกนําไปสูมาตรการปรับเชนเดียวกัน คดีใหใชเงินสามารถที่จะสั่งปรับไดคือ สั่งใหหนวยงาน ชดใชเงินจํานวนหนึ่ง แลวไมยอมชดใชเงิน ถาไมมีเหตุผลอันสมควรตรงนี้ศาลสั่งปรับได ปรับแยกตางหากจาก จํานวนหนี้ที่ตองใชตามคําพิพากษา ใชหลักการเดียวกันกับขอ ๑๓๙ คือ การบังคับคดีในกรณีที่ศาลกําหนด ขอบังคับตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๒) ถัดมากรณีที่ศาลพิพากษากําหนดคําบังคับใหลูกหนี้ตามคําพิพากษา ที่ไมใชหนวยงานทางปกครอง หรือเป็นหนวยงานทางปกครองที่ไมมีกฎหมายหามไมใหทรัพย์สินอยูในความรับผิด แหงการบังคับคดีใชเงิน กรณีอยางนี้เทากับบังคับเอกชน คือตองมีการขอใหศาลออกหมายคดีเพื่อบังคับคดี แกทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคําพิพากษา มีหนวยงานบางหนวยงานที่ไมมีกฎหมายหามไมใหทรัพย์สินอยูใน ความรับผิดแหงการบังคับคดี ถาหนวยงานเชนนี้เป็นลูกหนี้ ตัวเจาหนี้เองที่เป็นฝุายชนะคดีนี้จะตองใหศาล ออกหมายบังคับคดี กรณีตอมาการบังคับคดีในกรณีที่ศาลมีคําพิพากษาและกําหนดคําบังคับใหหนวยงานทางปกครอง หรือเจาหนาที่ของรัฐกระทําการหรืองดเวนกระทําการ กรณีนี้เมื่อศาลมีคําบังคับแลวใหนําวิธีการบังคับคดี ตามขอ ๑๓๙ มาใชบังคับ เชนเดียวกัน คือ ติดตาม ตรวจสอบ รายงาน ยังไมปฏิบัติตามรายงาน ศาลไตสวนเสร็จ กําหนดวิธีแลวยังไมดําเนินการก็เชนเดียวกัน ดวยเหตุนี้ บทหลักจึงอยูที่ขอ ๑๓๙ การบังคับคดีในกรณีอื่น จะอางอิงขอ ๑๓๙ การบังคับคดีในกรณีศาลมีคําพิพากษาและกําหนดบังคับใหหนวยงานทางปกครอง หรือเจาหนาที่ของรัฐถือปฏิบัติตอสิทธิหรือหนาที่ของบุคคลที่เกี่ยวของตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๔) ใหนํา ขอ ๑๓๙ มาใชบังคับโดยอนุโลมเชนเดียวกัน มีการบังคับคดีอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งไมใชเป็นคําพิพากษา แตเป็นคําสั่ง เชน คําสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรือคําสั่งทางปกครอง เมื่อศาลไดมีคําสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคําสั่งทางปกครอง และไดแจงใหคูกรณีและผูออกกฎหรือคําสั่งรับรองดังกลาวทราบ ตามขอ ๗๒ วรรคสี่ กําหนดใหมีการแจง หากศาลเห็นวามีกรณีตองบังคับหรือติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามคําสั่งศาล ใหศาล มีคําสั่งไปยังสํานักงานฯ เพื่อใหพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีดําเนินการตามขอ ๑๒๕ โดยอนุโลม คือ อํานาจหนาที่ของพนักงานเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานบังคับคดีวาจะตองทําอยางไรบาง ทั้งนี้ คําสั่งทุเลา การบังคับตามกฎหรือคําสั่งมีผลเป็นการทุเลาอยูแลว แตหากจะตองมีการดําเนินการอยางหนึ่งอยางใด ศาลมีอํานาจในการออกคําสั่งใหสํานักงานดําเนินการได สุดทายการบังคับคดีในกรณีที่ศาลกําหนดขอสังเกต เกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดําเนินการใหเป็นไปตามคําพิพากษาตามมาตรา ๖๙ วรรคหนึ่ง (๘) ซึ่งทานอาจารย์ สมรรถชัยฯ ไดกลาวไววาคําพิพากษาบางคําพิพากษากําหนดขอสังเกตดวย เรียนวาขอสังเกตแยกจาก มาตรา ๖๙ วรรคหนึ่ง (๗) คือ คําบังคับตามมาตรา ๖๙ วรรคหนึ่ง (๘) คือ ขอสังเกตเกี่ยวกับแนวทาง หรือวิธีการดําเนินการใหเป็นไปตามคําพิพากษา เพราะฉะนั้น ขอสังเกตไมใชคําบังคับ เมื่อศาลกําหนด ขอสังเกตไปแลวจะไปบังคับเหมือนกับคําบังคับของศาลไมได ทําไดแตเพียงติดตามวาไดมีการดําเนินการ ตามขอสังเกตดังกลาวหรือไม แลวรายงานตอศาล แตจะไปบังคับใหมีการไตสวนหรือปรับไมได ถาเป็น ขอสังเกต มีเพิ่มเติม คือ ขณะนี้ศาลปกครองมีการไกลเกลี่ยขอพิพาทในคดีปกครองแลว มีการใชวิธีการ ไกลเกลี่ยเขามาในการพิจารณาคดีจํานวนหนึ่ง แตในชั้นบังคับคดียังไมมีการไกลเกลี่ย ในชั้นบังคับคดีเป็นเรื่องที่ ผูบริหารศาลปกครอง และคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบงานบังคับคดี นํามาคิดคํานึงอยูวา ควรจะตองมีการไกลเกลี่ยในชั้นบังคับดีดวยหรือไม เพราะการบังคับคดีบางครั้งอาจจะไมตองไปถึงที่สุด จะมีการไกลเกลี่ยขอพิพาทไดอาจจะตองมีการปรับปรุงแกไขระเบียบในโอกาสตอไป 93
23 นายเกียรติภูมิแสงศศิธร อธิบดีศาลปกครองนครราชสีมา : วิทยากร ชวงแรกไดอธิบายถึงเรื่องการขอบังคับคดี ซึ่งยืนยันวาเป็นหนาที่ของเจาหนี้ตามคําพิพากษา ซึ่งในหนี้เงินที่ตองมีการบังคับคดีนั้น เจาหนี้ตามคําพิพากษาคงมีแตเพียงหนวยงานทางปกครองเทานั้น ดังนั้น โดยเฉพาะอยางยิ่งฝุายกฎหมายของหนวยงานทางปกครองตองเขาใจกระบวนการในการบังคับคดี ประการที่หนึ่ง คือ คําขอบังคับคดีตองยื่นตอศาล โดยในคําขอตามกฎหมายระบุไววาตองบรรยายถึงหนี้ที่ยังไมไดรับชําระ เนื่องจากลูกหนี้อาจชําระหนี้บางสวนแลว จึงเป็นหนาที่ของเจาหนี้จะตองบรรยายวาหนี้ที่ยังไมไดรับชําระ มีจํานวนเทาใด รวมทั้งตองบรรยายถึงวิธีการที่ตองการใหศาลบังคับคดี ซึ่งในหนี้เงินมีอยู ๒ วิธี คือ ยึด หรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคําพิพากษา เพื่อนําเงินมาชําระหนี้เจาหนี้ตามคําพิพากษาตอไป จะเห็นวา รูปแบบการบังคับคดีในหนี้เงินในคดีปกครองที่ออกหมาย มีรูปแบบเนื้อหาลักษณะเหมือนกับคดีแพง ในเรื่องหนี้เงินทุกประการ ดังนั้น หลักการที่เกิดขึ้นในการบังคับคดีหนี้เงินในคดีแพงตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพง สามารถนําเอาหลักการเดียวกันมาใชในคดีปกครองไดเกือบทั้งหมด เมื่อยื่นคําขอไปแลว เมื่อศาลพิจารณาแลวครบถวนตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกําหนด ศาลจะอนุญาต คือ หมายตั้งเจาพนักงาน บังคับคดี เมื่อศาลออกหมายอนุญาตตั้งเจาพนักงานบังคับคดี กระบวนการในการบังคับคดีจะเริ่มตน การเริ่มตนกระบวนการในการบังคับคดีตองเขาใจกอนวาผูทําหนาที่บังคับคดีในคดีหนี้เงินนั้น คือ เจาพนักงาน บังคับคดี แลวกอนที่จะนําไปสูการบังคับคดีตองเขาใจหลักการในการบังคับคดีในเรื่องหนี้เงินกอน ประการที่สอง การบังคับคดีจะไมทําตอตัวลูกหนี้หลักในการบังคับคดี คือ จะไมทําตอตัวลูกหนี้ พิพากษาขับไล ลูกหนี้ไมยอม ออก จะไมเอาเจาหนาที่ตํารวจไปจับ แตจะใชวิธีคือ ออกหมายจับแลว นํามาขังเพื่อปฏิบัติตามคําพิพากษา กรณีนี้คือ ตัวอยางในเรื่องหนี้เงิน รูปแบบการบังคับคดีคือ จะใชวิธีการยึด หรืออายัด ซึ่งมีหลักสําคัญ ๓ ประการ ประการที่หนึ่ง คือ ทรัพย์สินที่ยึด หรืออายัดสิทธิเรียกรอง อายัดนั้นตองเป็นของลูกหนี้ คําวาตองเป็น ของลูกหนี้ไมจําเป็นตองเป็นของลูกหนี้ทั้งหมด ขอใหลูกหนี้มีสวนตรงนั้นก็ไปยึดอายัดได ประการที่สอง คือ หามมิใหยึดหรืออายัดเกินกวาจํานวนหนี้ ประการที่สาม คือ ทรัพย์สิน สิทธิเรียกรองที่ถูกยึด หรืออายัดแลว หามมิใหยึด หรืออายัดซ้ําอีก ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อยึด หรืออายัดไปแลว เจาหนี้ที่ยึด อายัด ก็เอาไปขาย ขายไดก็ มีเจาหนี้อื่นก็มาแบงกัน ซึ่งจะกลาวในรายละเอียดตอไป ในการบังคับคดีจะเห็นวากระบวนการในการบังคับคดีทั้งหลายทั้งปวง ผูทําหนาที่ในการบังคับคดี คือ เจาพนักงานบังคับคดี ซึ่งตรงนี้ในเอกสารจะเขียนเกี่ยวกับอํานาจทั่วไปของเจาพนักงานบังคับคดี กอนจะ เขาสูเนื้อหาขออธิบายกอนวา การบังคับคดีในหนี้เงินในเรื่องออกหมายนั้น กระบวนการทั้งหลายทั้งปวง ตองตั้งตนโดยเจาหนี้ คือ เมื่อเป็นเจาหนี้ ซึ่งอาจจะเป็นฝุายกฎหมายของหนวยงาน การบังคับคดียึด หรืออายัด ตองทําโดยเจาหนี้จะตองไปสืบหาทรัพย์กอนเชนสืบจากที่อยูหรือจากธนาคาร เมื่อสืบทรัพย์แลว ถาเจอ ตองพาเจาพนักงานไปดําเนินการยึด หรืออายัด แตการดําเนินการยึด หรืออายัด ไมไดเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เจาหนี้ตามคําพิพากษาซึ่งในกรณีนี้คือ หนวยงานทางปกครองตองไปยื่นคําขอตอเจาพนักงานบังคับคดี เพื่อนําเจาพนักงานบังคับคดีไปดําเนินการยึด หรืออายัด ตามรูปเรื่องตอไป รวมทั้งวางคาใชจายเสร็จแลว เจาพนักงานบังคับคดีจะไปดําเนินการเห็นวาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงที่แกไขใหมไดเพิ่มอํานาจ ในการบังคับคดีในหนี้เงินใหสอดคลองกับสภาพปัจจุบัน โดยปกติเวลายึดจะนึกถึงสังหาริมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ การยึดทรัพย์ของลูกหนี้ยึดหุน ยึดสิทธิในสิทธิบัตร ยึดทรัพย์ในเครื่องหมายการคา ยึดสิทธิการเชา คือ สรุปงาย ๆ วา อะไรที่คํานวณเป็นราคาเงินได กฎหมายใหมใหยึดไดหมด เมื่อยึดแลว อายัดแลว กระบวนการ ตอไป คือ การดําเนินการขาย ไดเงินก็นํามาแบงกัน แตกระบวนการยึด อายัด มีขอสังเกตอยูอยางหนึ่ง คือ เจาหนี้ตามคําพิพากษาจะตองดําเนินการยึด หรืออายัด ภายในสิบปี ไมใชวาการบังคับคดีจะดําเนินการได จนกวาจะไดรับชําระหนี้ ในการบังคับคดีในหนี้เงิน กฎหมายกําหนดไวอยางชัดเจนวาตองดําเนินการภายใน สิบปีนับแตวันที่ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งในชั้นที่สุด ดําเนินการภายในสิบปีในที่นี้หมายความวา ตองตั้งตน 94
24 คือ ตองไปดําเนินการยึด หรืออายัด ใหตั้งตนใหไดภายในสิบปีสวนกระบวนการภายหลังนั้นไมเป็นไร มีประเด็นปัญหาวากอนครบสิบปีไดไมนาน เจาหนี้ตามคําพิพากษาไปสืบเจอทรัพย์ หรือคิดวาลูกนี้นาจะ ซอนทรัพย์บางสวนอยู เลยขอขยายระยะเวลาการบังคับคดีออกไปสามารถทําไดหรือไม ประเด็นปัญหาคือวา ระยะเวลาการบังคับคดีเป็นอายุความหรือไม คําตอบคือ ระยะเวลาการบังคับคดีสิบปีนั้นไมใชอายุความ เมื่อไมใชอายุความแปลวากอนครบกําหนดระยะเวลาสิบปี เจาหนี้ตามคําพิพากษาสามารถขอขยายระยะเวลา การบังคับคดีออกไปไดซึ่งเป็นสิทธิของเจาหนี้ตามคําพิพากษา สวนศาลจะอนุญาตหรือไมอนุญาตเป็นอีกเรื่อง เมื่อยื่นไปแลวก็มีสิทธิขอขยายไดอีก สวนศาลจะอนุญาตหรือไมอนุญาตเป็นอีกเรื่องเชนกัน ในการบังคับคดียึด หรืออายัด มีหลักสําคัญ ๓ ประการวา ทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกรองที่ยึด หรืออายัดตองเป็นของลูกหนี้ หามมิใหยึด หรืออายัดซ้ํา กรณีเหลานี้หากเกิดปัญหา เชน ไปยึดทรัพย์ ของผูอื่นก็ดี หรือเจาหนี้ตามคําพิพากษาในคดีอื่นที่ตองหามมิใหยึด หรืออายัดซ้ําจะทําอยางไร กฎหมาย กําหนดทางแกไวในระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ภาค ๔ การบังคับคดีตามคําพิพากษาหรือคําสั่ง ตัวอยางเชน ที่บอกวาทรัพย์สินที่ยึด หรือสิทธิเรียกรองที่อายัดตองเป็นของลูกหนี้ ถาปรากฏวาไมใชของลูกหนี้ บุคคลที่ไดรับความเดือดรอนเสียหาย หรือเป็นเจาของทรัพย์ที่แทจริงก็ตองเขามาโดยวิธีการยื่นคํารอง ทั้งนี้ คํารองหลักที่ปรากฏอยูในระเบียบ ที่ประชุมใหญนั้น มีอยูดวยกัน ๓ คํารอง โดยคํารองขอกันสวนนั้นเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพง มาตรา ๓๒๒ สวนกรณีที่ไปยึดทรัพย์สินของผูอื่น ตองมายื่นคํารองขอใหปลอยทรัพย์ ซึ่งเป็นไปตาม ระเบียบของที่ประชุมใหญฯ ขอ ๑๖๕ และถาเป็นกรณีเจาหนี้อื่นที่เห็นวาเป็นการยึดหรืออายัดซ้ํา ตองมา ยื่นคํารองขอเฉลี่ยทรัพย์ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบฯ ขอ ๑๖๓ เมื่อยื่นคํารองเขามา กระบวนการในชั้นบังคับคดี เป็นกระบวนการที่มีบุคคลภายนอกเขามาเกี่ยวของ เป็นกระบวนการที่ไมไดมีสวนเกี่ยวเนื่องกับการพิพากษาคดี ที่ผานมากอนหนานี้จะเห็นวา เมื่อยื่นคํารองเขามา ยกตัวอยางเชน คํารองขอเฉลี่ยทรัพย์ก็ดี คํารองขอให ปลอยทรัพย์ก็ดีเมื่อยื่นคํารองเขามา ก็จะมีการตอสูคดีกันอีกครั้งหนึ่ง โดยการตอสูคดีครั้งที่สองจะเป็นการตอสู โดยการเปลี่ยนจากเดิมผูฟูองคดีกับผูถูกฟูองคดี เปลี่ยนเป็นผูรองกับเจาหนี้ เพราะเจาหนี้จะเสียประโยชน์ ยกตัวอยางเชน คํารองขอใหปลอยทรัพย์ เจาหนี้พาเจาพนักงานไปยึด อายัด ตอมา มีคนยื่นคํารองวาทรัพย์นั้น ไมใชของลูกหนี้ขอใหปลอย ก็เป็นขอพิพาทกันระหวางผูรอง ซึ่งอางตัววาเป็นเจาของทรัพย์ กับอีกฝั่งหนึ่ง คือ เจาหนี้จะมีการตอสูคดี ในการตอสูชั้นบังคับคดีของคดีปกครองนั้นมีลักษณะที่แตกตางจาก การดําเนินกระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีในคดีแพงอยางสิ้นเชิง เพราะวาในการดําเนินการชั้นบังคับคดี ในคดีแพงนั้นจะใชระบบกลาวหา ผูใดกลาวอางผูนั้นนําสืบ ศาลวางตัวเป็นกลาง มีการยื่นบัญชีพยาน มีการ ถามพยาน ถามคาน ถามติง คํารองขอใหปลอยทรัพย์ยื่นเขามา ก็มีการนัดสืบพยาน ก็สูคดีกันไปตามรูปเรื่อง แตในคดีปกครองเนื่องจากเป็นระบบไตสวน ดังนั้น กระบวนการที่เกิดขึ้นในชั้นคํารองตาง ๆ เหลานี้ จะดําเนินการโดยศาล โดยใชรูปแบบของวิธีพิจารณาคดีปกครองเป็นหลัก เสร็จแลวศาลวินิจฉัยไปตามรูปเรื่อง ในการดําเนินกระบวนการในชั้นบังคับคดีเกี่ยวกับคํารองตาง ๆ จริง ๆ คํารองที่ปรากฏในกฎหมายนั้นจะมี ๓ คํารองหลัก แตในความเป็นจริงคํารองที่ยื่นในชั้นบังคับคดีมีมากกวานี้ เชน คํารองตาง ๆ ที่เกิดขึ้นใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ในการบังคับคดีจะมีการยึด อายัด ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์สูงสุดในการฟูองหนี้เงินของหนวยงาน หนวยงานฟูองคดีประสงค์ที่จะไดรับชําระหนี้ครบถวน ก็นําไปสูขั้นตอนสุดทายของการบังคับคดี ซึ่งเราเรียกวา การบังคับคดีเสร็จสิ้น คือ กระบวนการยึด อายัด ตองดําเนินการภายในสิบปีนับแตวันที่คําพิพากษา หรือคําสั่ง ในชั้นที่สุด การบังคับคดีเสร็จสิ้นจะเกิดขึ้นสองกรณี กรณีที่หนึ่ง คือเจาหนี้ไดรับชําระหนี้ครบถวน ถือวา การบังคับคดีเสร็จสิ้น กับการบังคับคดีเสร็จสิ้นอีกอยางหนึ่งคือ เสร็จสิ้นไปโดยอายุความ โดยระยะเวลา หมายความวา พอครบสิบปีกระบวนการในการบังคับคดีนี้จบแลว จะเอาเจาพนักงานบังคับคดีไปยึดก็ไมได 95
25 หรือเจาหนี้ตามคําพิพากษาที่ละเลยปลอยใหเวลาลวงเลยไปครบสิบปีจะมาขอหมายบังคับคดีก็ขอใหไมได เชนกัน ดังนั้น โดยสภาพของการบังคับคดีเสร็จสิ้นไปโดยปริยาย ทั้งนี้จากสถิติการบังคับคดีที่ผานมา พบวา มีเจาหนี้ตามคําพิพากษาที่เป็นหนวยงานจํานวนมากที่ไมไดมาขอบังคับคดี หรือมาดําเนินการบังคับคดีแลว แตไมไดรับชําระหนี้ครบถวน เนื่องจากพนระยะเวลาสิบปีไปกอน จึงอยากจะเนนย้ําวากระบวนการในการ บังคับคดีในหนี้เงินที่เจาหนี้ตามคําพิพากษาเป็นหนวยงาน สิ่งที่สําคัญที่สุดมีอยู ๒ เรื่อง คือ ตองยื่นคําขอ บังคับคดี และตองรีบไปดําเนินการยึด หรืออายัดใหแลวเสร็จ ยึด หรืออายัดภายในระยะเวลาสิบปีนับแตวันที่ มีคําพิพากษาหรือคําสั่งในชั้นที่สุด มีเรื่องตอไปซึ่งไมไดเกี่ยวกับกฎหมายปกครอง คือ เจาหนี้ตามคําพิพากษา เมื่อยึด หรืออายัดแลวไดรับชําระหนี้ไมครบถวน หนี้สวนที่เหลือบางรายก็ไปฟูองเป็นคดีลมละลาย ซึ่งเป็น อีกเรื่องหนึ่ง นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร ขอบคุณทานอาจารย์เกียรติภูมิฯ ขอสังเกตของอาจารย์เกียรติภูมิฯ หนวยงานที่เกี่ยวของ ไดติดตามวาการบังคับคดีปกครองในปัจจุบันหนวยงานทางปกครองไมมาดําเนินการขอออกหมายบังคับ หรือไมดําเนินการในการที่จะไปสืบทรัพย์สิน แลวก็บังคับคดีไมไดจนพนระยะเวลาไป เพราะฉะนั้นจึงมีขอสรุป ในเบื้องตนวา ผูเกี่ยวของในหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐตองไปจัดใหมีการอบรมเพิ่มเติม เพื่อใหความรูวา รัฐชนะคดีแลว บังคับคดีกันอยางไร จะมาขอหมายบังคับคดีและจะไปสืบทรัพย์อยางไร วิธีการ อยางไร ศาลปกครองมีระบบอยางที่ทานอาจารย์อนนท์ฯ ไดกลาวไว มีระบบเตือนใหทราบวาเป็นเจาหนี้มีสิทธิ ที่จะมาดําเนินการขอบังคับคดี มีระบบเตือน บางครั้งมีระบบเตือนไปแลวก็ไมไดดําเนินการอาจจะเป็นเพราะวา เจาหนาที่ไมตอเนื่อง คือ เปลี่ยนผูปฏิบัติหรือยังขาดความรูความเขาใจ การจัดสัมมนาในโอกาสครบรอบ ๒๒ ปี ศาลปกครอง กระผมและเจาหนาที่ผูเกี่ยวของ รวมทั้งทานอาจารย์ที่อยูบนเวทีนี้ดวย เห็นวา การบังคับคดีเป็นเรื่องสําคัญ เป็นเรื่องที่กระทบตอบุคคลที่เป็นลูกหนี้ บุคคลภายนอก แตขณะเดียวกันเจาหนี้ ผูที่ชนะคดีก็ตองมีสิทธิตามคําพิพากษา สิ่งเหลานี้กฎหมายไดกําหนดหลักเกณฑ์ไว แตตองเป็นไปดวย ความรวมมือของเจาหนี้ ลูกหนี้ผูเกี่ยวของ ศาลปกครองไดพยายามพัฒนาในเรื่องการบังคับคดีเพราะถือวา เป็นเรื่องสําคัญอยูในแผนขั้นตอนการปฏิบัติงาน เป็นเปูาหมายสําคัญที่จะบังคับคดีใหรวดเร็วใหมีประสิทธิภาพ เราตั้งหนวยบังคับคดีตามกฎหมายทั้งในสวนกลาง สวนภูมิภาคแลว ตั้งคณะกรรมการ คณะทํางาน ก็ไดแกไข กฎหมาย ระเบียบ ยกตัวอยางเชน การแกพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ ใหมีกระบวนการในการบังคับคดี ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ไดออกระเบียบที่ประชุมใหญเกี่ยวกับการบังคับคดีปกครอง ออกระเบียบเพิ่มเติมจากที่ ไมมีในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง เชน เรื่องการขอบังคับคดีกอนคดีถึงที่สุด เรื่องปรับหนวยงาน ในชั้นบังคับคดี แตการจะออกระเบียบก็ไมไดคิดเอง ก็ไปศึกษาวาการบังคับคดีปกครองในตางประเทศ มีขอจํากัดอยางไร มีระบบอยางไร ขณะเดียวกันเวลานํามาใชตองใชดวยความรอบคอบ เพราะเราตระหนักดีวา ถาไปบังคับคดีที่กรมบังคับคดี ในคดีแพงปฏิบัติอยางหนึ่ง มาบังคับคดีที่คดีปกครองปฏิบัติอีกอยางหนึ่ง ประชาชนจะสับสน เพราะฉะนั้นเรื่องไหนที่เป็นเรื่องแพงเราก็ปฏิบัติใกลเคียงกัน จะนําประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพงมาใช เขียนในหลักไวจะแตกตางกันมาก คือ วิธีปฏิบัติเล็กนอย เชน คาใชจายอะไรตาง ๆ แตหลักการยังคงเหมือนกัน แตบางเรื่องเป็นเรื่องคดีปกครอง ซึ่งไมอาจที่จะเอาวิธีพิจารณาความแพงมาใชได เราไดศึกษาในเรื่องนี้มาออกระเบียบทําในสวนที่เกี่ยวของ ขณะนี้จะออกประกาศเกี่ยวกับการกําหนด หลักเกณฑ์ และไดจัดทําคูมือตุลาการศาลปกครองเรื่องบังคับคดีปกครอง จัดทําคูมือสํานักงานของเจาหนาที่ และไดออกระเบียบสํานักงานเป็นขั้นตอนปฏิบัติของเจาหนาที่ ในการสัมมนาวันนี้เอกสารเกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบตาง ๆ ไดใหฝุายผูจัดการสัมมนาใหทานที่รับฟังอยูสามารถสืบคนไดงายยิ่งขึ้น อาจจะไมไดตอบคําถาม 96
26 ทั้งหมด แตมีคําถามบางประการฝากมา ถามวา เวลามีปัญหาในชั้นบังคับคดีแลวเป็นขอพิพาทจะฟูองที่ ศาลปกครองหรือไปฟูองที่ศาลยุติธรรม คําตอบคือชองทางในการบังคับคดีเอาหลักบางเรื่องไมตองฟูองเป็น คดีใหม ก็ไปยื่นคํารองที่เป็นขอพิพาท เชน มีเรื่องการบังคับคดีกันอยูที่ศาลแพงหรือศาลยุติธรรมในสวนเกี่ยวกับ คดีแพงแลว ก็ไปยื่นคํารองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ในเรื่องการเพิกถอนการบังคับคดี ที่ผิดระเบียบ หมายบังคับคดีคําบังคับที่ออกมาโดยไมถูกตองหรือไปยื่นในคดีนั้น ๆ ตามชองทางที่กฎหมาย กําหนด คดีปกครองมายื่นตามระเบียบของศาลขอใหเพิกถอนหมายบังคับคดีที่ผิดระเบียบ หรือมีชองทาง ในการอุทธรณ์ แตถาเรื่องนั้นไมอาจยื่นไดในคดีนั้น เชน เกิดความรับผิดทางละเมิด กฎหมายเขียนไวและมีการ แกไข กอนนี้ถามีความรับผิดทางละเมิดเกี่ยวกับการบังคับคดี ศาลปกครองรับไวเป็นคดีตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แตปัจจุบันไดมีการแกไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงวา ความรับผิดทางละเมิด ถาเกิดขึ้นในการปฏิบัติหนาที่ของเจาหนาที่ แลวจะฟูองคดี ถาคดีนั้นพิพาทกันที่ศาลยุติธรรม ฟูองที่ ศาลยุติธรรม แตถาสํานักบังคับคดีปกครองไปบังคับคดี และมีความรับผิดทางละเมิดที่จะไปฟูองเป็นคดีตางหาก ก็ฟูองกันที่ศาลปกครอง รวมทั้งถามีศาลอื่นที่จะมีการบังคับคดีก็แกไขกฎหมายในสวนนี้ แตชองทางนี้ เราตองไปศึกษากอน คือ ชองทางในคดีนั้นกอนยื่นในคดีนั้น ชองทางประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง หรือระเบียบของที่ประชุมใหญฯ แลวถาเป็นบุคคลภายนอกไดรับผลกระทบแลวไปเขาหลักเกณฑ์ในเรื่อง ความรับผิดทางละเมิดก็มาฟูองเป็นคดี ขอขอบคุณทานวิทยากรทั้งสองทาน ขอบคุณศาลปกครอง ที่ไดพยายามดําเนินการในสวนนี้มา เพื่อผลลัพธ์คือ เพื่อใหคดีปกครอง ขอพิพาทเป็นไปโดยรวดเร็ว มีความเป็นธรรม เป็นที่พึ่งของประชาชน หวังวาการบังคับคดีปกครองจะพัฒนาตอไป แตตองขึ้นอยูกับความรวมมือของคูกรณีผูเกี่ยวของ ขอย้ําวา การมาใชสิทธิในชั้นบังคับคดีตองใชสิทธิโดยสุจริต เราฟังกันมาไมใชมายื่นคํารองประวิงคดี มายื่นคํารองขอให บังคับคดีลาชา หรือตัวเองก็ไมมีสิทธิที่จะมายื่นคํารองเขามายื่นคํารองใหการบังคับคดีลาชาแตถาทุกฝุาย ใชสิทธิตามกฎหมาย ศาลก็จะใหความเป็นธรรม ศาลใชระบบไตสวน ตองไตสวนใหไดขอเท็จจริง จะมีคําสั่ง ในชั้นบังคับคดีก็ทําใหเกิดความเป็นธรรมมากขึ้น ขอขอบคุณผูรับฟังทั้งในหอง และระบบออนไลน์ตาง ๆ ขอจบการสัมมนาเพียงเทานี้ขอบคุณ 97