27 หัวข้อ “กลไกในการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายโดยศาลปกครองเกี่ยวกับการบริหารจัดการเมือง” วันพุธที่ ๘ มีนาคม 256๖ เวลา ๐๙.๐๐–๑2.๐๐ น. ณ ห้องสัมมนา ๑ ชั้น ๑๑ อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ และผ่านระบบออนไลน์ วิทยากร : นายวชิระ ชอบแตง ตุลาการศาลปกครองสูงสุด รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผูวาราชการกรุงเทพมหานครกํากับควบคุม ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม สํานักการวางผังและพัฒนาเมือง รศ.ดร.นพนันท์ ตาปนานนท์ อาจารย์พิเศษ ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ด าเนินการสัมมนา : นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นตนประจําศาลปกครองสูงสุด นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา เรียนแขกผูมีเกียรติทุกทาน ทานตุลาการในศาลปกครอง และที่ยินดีอยางยิ่งคือ ทานผูแทน จากหนวยงานภายนอกที่ไดใหความสนใจกับการสัมมนาทางวิชาการครั้งนี้ วันนี้เรากําหนดหัวขอสําหรับ การสัมมนาทางวิชาการของศาลปกครองในวาระครบรอบการจัดตั้ง 22 ปี ศาลปกครอง และเป็นโอกาสแรก ทานวชิระฯ ที่เราคุยกันถึงเรื่องที่เป็นคดีประเภทที่เป็นรูปธรรมมากและใกลตัวมาก ก็คือ ธรรมดาเวลาเราจัดสัมมนา ทางวิชาการเรามักจะพูดถึงอะไรที่คอนขางเป็นเชิงทฤษฎี เชิงแนวคิด สิทธิเสรีภาพธรรมรัฐธรรมนูญ แตครั้งนี้ เราขอเลือกหัวขอที่ใกลตัวและมีความสําคัญกับคุณภาพชีวิตผูคนจํานวนมาก ก็คือ เรื่องของการบริหารจัดการเมือง อยางกรุงเทพมหานครที่ทานรองผูวาฯ ดูแลรับผิดชอบในขณะนี้ ทานมีคนอยูในความดูแลอยูตั้ง 11 ลานคน เพราะวาผูคนในกรุงเทพมหานครตามทะเบียนราษฎร์มีแค 5-6 ลานคน แตวามีผูคนมาอยูอาศัยทํามาหากิน ใชชีวิตทั้งภาคกลางวัน ภาคกลางคืน อยูมากมายรวมกันประมาณ 11 ลานคน เมืองใหญเมืองนี้เป็นเมืองใหญตน ๆ ประมาณอันดับที่ 30 ของโลก ทั้งที่ประเทศไทยไมไดใหญ เพราะฉะนั้นปัญหาตาง ๆ ของเมืองใหญนอกเหนือจาก กรุงเทพมหานครแลว ก็คือ บรรดาเมืองในเขตเทศบาลที่มีอยูทั่วประเทศไมวาจะเป็น เชียงใหม โคราช หาดใหญ ขอนแกน พวกนี้ก็มีปัญหาที่มีลักษณะพิเศษที่เกี่ยวของทั้งกับเทคนิควิทยาการความรูอยางเชน ที่วันนี้เราเชิญ ทานอาจารย์นพนันท์ฯ มาคุยเกี่ยวกับเรื่องการวางผังเมือง การออกแบบใหเป็นเมืองที่นาอยู ในขณะเดียวกัน ผูคนที่อยูในเมืองใหญเหลานี้มีความสุขหรือเปลาไมคอยแนใจ เพราะวาดูจากสถานการณ์ที่ทุก ๆ Longweekend ที่ผานมาคนที่มาอยูในกรุงเทพมหานคร มองหาวันหยุดยาวเพื่อจะออกไปตางจังหวัด มองหาเวลาที่จะออกไป สูดอากาศดี ๆ ที่เขาใหญ เราคิดถึงการออกไปทะเล ฤดูหนาวเราอยากออกไปเชียงใหม เป็นตน แตเราก็ตอง รีบกลับมากรุงเทพมหานคร ซึ่งกรุงเทพมหานครเมืองใหญก็มีเสนห์อยูหลายอยาง แตคําตอบแน ๆ อันหนึ่ง ที่ไดมาจากการนั่งแท฿กซี่กอนที่จะถึงวันหยุดยาว ไดคุยกับคนขับแท็กซี่ที่ฟังเสียงแลวนาจะมาจากภาคอีสานวา กลับบานไหมหยุดหลายวัน อยากกลับบานอยูพี่ คิดถึงแมคิดถึงบานอยูเหมือนกัน แตเงินไมคอยมี ไมมีเงินไปฝากแม แลวมาอยูทําไมในกรุงเทพมหานคร ลําบากไมใชหรอ ลําบากอยูบานเล็กนิดเดียว หองเชาเล็ก ๆ แตวากลับไป อยูบานตางจังหวัดสบาย แตไมมีเงิน เมืองเป็นที่ของโอกาส เพราะฉะนั้นยากลําบากอยางไรก็เป็นที่ของโอกาส ดังนั้น ปัญหาของเมืองซับซอนมากมาย ทั้งมิติทางดานกายภาพ มิติทางดานสิ่งแวดลอม วันนี้เราไดเรียนเชิญ ทานรองผูวาฯ มาชมทิวทัศน์จากชั้น 11 ของศาลปกครอง ในวันที่มองฟูาไมเห็นฟูา ทานอาจารย์นพนันท์ฯ บอกขอโทษที่มาชาหนอยเพราะวาไมไดเผื่อเวลา แตนี่คือ ชีวิตปกติของแจงวัฒนะ รถติดตลอดเวลาไมมีชวงไหน 98
28 ที่รถไมติด เพราะฉะนั้น ปัญหาพวกนี้รวมทั้งชาวศาลปกครองเราซาบซึ้งกับวันเวลาบายสามโมงแลวฝนตั้งเคา ทุกคนเก็บขาวเก็บของเพราะรูวาถนนขางหนาจะเปลี่ยนเป็นคลองภายในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แลวเราอาจจะติด อยูในตึกนี้จนตี 2 ได ถาเราไมเตรียมตัวใหดี ดังนั้น ปัญหาของเมืองซับซอนมาก แตขณะเดียวกันเราอยากจะออกแบบ เมืองนี้ใหนาอยู ใหเป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี เรานั่งรอรถไฟฟูาสายสีชมพูตรงนี้แมวาจะไมไดเป็นรถไฟฟูา ในเครือของกรุงเทพมหานครก็ตาม แตเรานั่งดูในวันที่รถไฟฟูามาทดลองเขาสถานีวันแรกเราตื่นเตนกัน พวกนอง ๆ เจาหนาที่เรียกกันมาเกาะหนาตางดูวารถไฟฟูามาแลว มันหมายถึงชีวิตที่อาจจะสะดวกขึ้นสักหนอย แตเราก็มี เรื่องดีๆ อีกหลาย ๆ อยางของกรุงเทพมหานคร เรามีโรงพยาบาลที่ดี เพราะเรามีโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลศิริราช เรามีโรงพยาบาลใหญ ๆ ที่ดีแตวาทํายังไงจะใหเมืองของเราในภาพรวมเป็นเมืองที่นาอยู กรุงเทพมหานครเป็นเมืองเกา อายุสักประมาณ 250 ปี อยางเป็นทางการ แตกอนหนานั้นก็มีชุมชน กรุงเทพมหานครของเราอายุประมาณ 500 ปี เพราะมีชุมชนตั้งแตสมัยอยุธยาแลว บางเขตของเมือง ในกรุงเทพมหานครดูสวยงามนาตื่นตาตื่นใจ ตอไปแถวถนนราชดําเนินเราก็รูสึกวาถนนใกลเคียงกับถนนฌ็องเซลิเซ มีตึกที่ดูเป็นระเบียบเรียบรอย เราเห็นพระบรมมหาราชวังที่สงางาม เราก็รูสึกวาแตวาบริเวณอื่น ๆ ของกรุงเทพมหานครบางที่ก็สวย แถวสีลม เวลามองจากสวนเบญจกิติ สวนยาสูบ เห็นแนวตึกสูง ภาพขอบฟูา สวยทีเดียว แตวาเราก็รูวาบริเวณรอบ ๆ ขางลางก็อาจจะมีชุมชนแออัด มีผูคนมากมาย ในทางวิชาการ ในทางองค์ความรูเราทําอยางไรที่จะออกแบบเมืองที่มีคนเยอะ ๆ ใหมันนาอยู ใหสะดวก ใหสามารถเป็นทั้ง ธุรกิจได เป็นที่อยูอาศัยที่ดี เป็นที่พักผอนมีความปลอดภัย อันนี้ในทางผังเมืองมีแนวคิดพวกนี้อยางไร เลาใหพวกเราฟังไดสักพอสังเขปไดไหมอาจารย์นพนันท์ฯรวมทั้งเคสของบานเราดวยวาเราวางผังเมืองกันมาอยางไร เรียนเชิญอาจารย์นพนันท์ฯ รศ.ดร.นพนันท์ ตาปนานนท์ อาจารย์พิเศษ ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : วิทยากร กอนอื่นตองขอขอบคุณศาลปกครองที่ใหโอกาสไดมาเลาอะไรกันฟัง ตองเรียนวา ในฐานะที่อยู ในฝุายวิชาการ เราก็อยูกับนิสิต เราอยูกับการศึกษาวิจัย เราเรียน เราสอนบางสิ่งบางอยางซึ่งเราคิดวาถูกตองเป็นสิ่ง ที่ควรเป็น แตพอออกไปดูรอบ ๆ ขางนอกปรากฏวาไมใช ไมไดถูกถายทอดไปสูการที่ผังเมืองจะถูกใชเป็นเครื่องมือ ของสังคมไดจริง ๆ อยางที่ควรจะเป็น คราวนี้ก็อาจจะมีสาเหตุหลาย ๆ อยางที่คงอยูในชวงของจังหวะ ประการแรก คือ เราคงไดมีการพูดถึงพื้นที่เมืองของกรุงเทพมหานครหลาย ๆ สวนที่มีความงาม มีคุณคาความสําคัญ ทางเศรษฐกิจ ทางสังคม เป็นพื้นที่เมืองที่ดีนาอยู โดยเฉพาะในเขตชั้นในของกรุงเทพมหานคร ซึ่งตองเรียนวา พื้นที่เหลานี้เป็นพื้นที่ที่มีการวางแผน มีการดําเนินการดานผังเมืองในอดีต อาจจะตั้งแตสมเด็จพระนารายณ์ มาสรางปูอมบางกอกตรงนี้ ออกญาวิชัยเยนก็มาตั้งเมืองธนบุรี ที่จริงเมืองธนบุรีตั้งมากอนมีการตั้งถิ่นฐาน มีการวางแผน สมเด็จพระเจาตากสินลงมาสรางราชธานีตรงนี้ ก็สรางราชธานีมีการบันทึกในพระราชพงศาวดาร ถึงการสรางราชธานี มีการควบคุม มีการทํากําแพงเมือง รัชกาลที่ 1 ทานยายกรุงเทพมหานครมาฝั่งตะวันออก ก็มีการวางผัง มีการดําเนินการทําตอเนื่องกันมาจนถึงรัชกาลที่ 5 ตอรัชกาลที่ 6 ตอรัชกาลที่ 7 เป็นเมืองสมัยใหม ก็เรียนวาเรามีอะไรหลายอยางในเขตชั้นในซึ่งมีการวางผังที่ดี แตก็อาจจะเป็นดวยชวงจังหวะของประเทศ ซึ่งกรุงเทพมหานครตองรองรับการเติบโตอยางมากในชวงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็คือ ทุกทานคงทราบดี เรื่องเบบี้บูม เกิดการ Baby Boomer หลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จริงเกิดขึ้นทั้งโลก Baby Boomer พอเริ่มเติบโตก็ตองอพยพเขามาหางานทําก็เขากรุงเทพมหานคร เพราะฉะนั้นเราอยูในชวงที่มีการเติบโต ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเรายังงง ๆ กับเรื่องของการวางผังเมือง เรามีกฎหมายแตวาแนนอนที่จริงวันนี้ก็เตรียม ขอมูลอะไรมานิดหนอยแตไมเป็นไรไวคุยกันไปเรื่อย ๆ ก็ตองเรียนวา การที่คนอยูกันเป็นลานคน ก็ตองมีเครื่องมือ ในการทําใหคนอยูรวมกันไดอยางดี เพราะฉะนั้นก็จะมีเรื่องของเครื่องมือที่เราเรียกวา กฎหมายผังเมือง 99
29 แตกอนหนาที่จะมีกฎหมายผังเมืองก็มีการดําเนินการดานผังเมืองอยู อยางเชน ชวงกอนการเปลี่ยนแปลง การปกครองซึ่งทุกอยางสวนใหญเป็นพระบรมราชโองการ พระราชกฤษฎีกาใหพัฒนาเมืองในพื้นที่ตาง ๆ พอหลังจากนั้นก็ใชอํานาจทางกฎหมาย เชน การพัฒนาสองฝั่งถนนราชดําเนิน เป็นตน แตพอชวงหลังสงครามโลก ซึ่งเริ่มเกิด Baby Boomer ก็เป็นชวงที่มีกฎหมายผังเมืองเป็นเรื่องเป็นราว แตตองเรียนวา กฎหมายผังเมือง ฉบับแรกพระราชบัญญัติการผังเมืองและผังชนบท พ.ศ. 2495 โดยชื่อบอกเลยวา เอากฎหมายมาจากอังกฤษ เป็น Town and Country Planning Act ของตอนนั้น เขาจะเป็น ค.ศ. 1947 เป็นกฎหมายฟื้นฟูอังกฤษ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะฉะนั้นเราก็เอากฎหมายนี้เขามาเป็นกฎหมายผังเมือง เป็นกฎหมายดําเนินการ ดานการพัฒนาฟื้นฟูเมืองเรา ใชไปสักพักหนึ่งเรามีแนวความคิดใหมในเรื่องของการผังเมืองคือเราวางผังในอนาคต 30 ปีมองไปขางหนา มีการวางผัง Greater Bangkok Plan เป็นผัง 30 ปี มองจากปีพ.ศ. 2503-ปี พ.ศ. 2533 เป็นครั้งแรกที่เป็นการทําใหคนไทยเริ่มมองอะไรระยะไกล วางแผนระยะยาว ซึ่งอันนี้ก็เป็นปัญหาของคนไทยเหมือนกัน เพราะวาการวางแผนระยะยาวกับคนที่เราสบาย ๆ อยูกับสภาพที่มีกินมีใช ทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ไมคอยมีภัยธรรมชาติเราก็ไมคอยมองอะไรไกลแบบนั้น เพราะฉะนั้นเราก็เริ่มมีการวางแผนระยะยาว ซึ่งปัจจุบันนี้ กลายเป็นสิ่งที่เขาเรียกวาผังเมืองรวม เพราะฉะนั้นการใชบังคับก็ใชบางไมใชบางอยู เพราะวาจริง ๆแลวตองเรียนวา ตนแบบที่เราไดมาจากการวางผังนครหลวง Greater Bangkok Plan ที่มีมาจากสหรัฐอเมริกา จะเห็นวา ผังเมืองรวมของกรุงเทพมหานครฉบับแรกที่วางตอนปีพ.ศ. 2503 ซึ่งกินทั้งฝั่งธนบุรี ขึ้นไปนนทบุรี มาสมุทรปราการ บอกถึงเหตุผลความจําเป็นในการวางแผน คือ ทําใหเกิดการใชทรัพยากรที่มีอยูอยางประหยัด ใหเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งคือเศรษฐศาสตร์อยางหนึ่ง เรามาอยูตรงนี้แลวนานทีเดียวกวาจะมีรถไฟฟูาเขามา จะเห็นวาจริง ๆ แลวเสียโอกาสหลายอยางในการเกิดปัญหาการจราจร ผมเคยไปประชุมที่ศูนย์ราชการแจงวัฒนะ ประชุมเสร็จเร็วนิดหนึ่ง สี่โมงก็ยังนั่งทานกาแฟกันอยู คือ หมูไมกลัวน้ํารอนยังไมรูวาเกิดอะไรขึ้นแถว ๆ นี้ ออกมา 4 โมงครึ่ง ปรากฏวาหาโมงครึ่งยังไมถึงแจงวัฒนะเลย ก็คิดวาเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ คือ การวางแผน ที่เอาศูนย์ราชการขนาดใหญมาวางโดยไมปรับปรุงโครงขายการคมนาคม คือ การวางแผนทั้ งระบบ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญมาก คือความเสียโอกาสของสิ่งที่เราอยูรวมกันโดยไมมีการวางแผน และแนนอน เรื่องปัญหาของความขัดแยงระหวางประชาชนที่อยูในเมืองขนาดใหญมีมากมายในกฎหมายฉบับนี้ พูดถึงสุขลักษณะ ความปลอดภัย สันติภาพของสังคม เรื่องนี้ที่จริงแลว คือ สิ่งที่อยูในกฎหมายผังเมืองวาจะจัดการ กับสิ่งที่เรียกวาผลกระทบตอสุขลักษณะ ความปลอดภัยของประชาชน สวัสดิภาพของสังคมอยางไร ทั้งหมดนี้ ภาพอยูกรุงเทพมหานครทั้งนั้น ทุกคนมีสิทธิ์ในทรัพย์สินของตนเอง แตถาขางบานคุณเกิดเขาปกปูองทรัพย์สิน สิทธิของเขาโดยการสมมติเอาขยะมาคัดแยกอยูขางบานคุณก็คงจะรูสึกวา เอ฿ะมันกระทบกับคุณ โรงงานอุตสาหกรรม ที่อาจจะปลอยมลพิษมา เพราะฉะนั้นการเกิดอุบัติภัยเกิดขึ้นงาย ๆ หรือวาสวัสดิภาพของสังคมไมวาจะเป็น เรื่องกระทบตอความรูสึกอยางเชน สถานบริการ สถานเริงรมย์อะไรก็ตาม สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ถูกควบคุมในกฎหมายตัวนี้ มีกระบวนการที่ทําใหเกิดความชอบธรรมในการควบคุม มีการรับฟังความคิดเห็นประชาชน มีการรับคํารอง ของผูมีสวนไดเสียกอนที่จะมีการใชบังคับกฎหมาย แตตองบอกวากฎหมายตัวนี้ยังไมไดเรียนใหทราบวา ผังฉบับนี้มาดวยกฎหมายตัวใหมซึ่งเป็นกฎหมายการผังเมือง พ.ศ. 2518 เป็นกฎหมายอเมริกา เพราะฉะนั้น กฎหมายตัวนี้บอกเลยวาเพิ่ม Comprehensive Plan เขาไป ก็คือ เพิ่มวิธีการแบบอเมริกันเขาไป โดยคงไว ซึ่งการทําพัฒนาฟื้นฟูเมืองตามกฎหมายพระราชบัญญัติพ.ศ. 2495 ก็คือ ตัวเดิมยังอยูเป็นผังเมืองเฉพาะ เพราะฉะนั้น จะเห็นวาเป็นกฎหมายลูกครึ่งอเมริกัน อังกฤษ อยู แตแนนอนวากฎหมายที่เขามาเป็นกฎหมาย ที่ดีมากเลย ในฐานะที่เป็นนักวิชาการดานผังเมือง ผมรูสึกวาเรามีเครื่องมือที่ดีมาก แตผมคิดวาเราอาจจะมีปัญหา กับการใชตามหลักการที่ถูกตอง ตองเรียนวากฎหมายพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2518 มีคําวาศาลปกครองอยูในนั้นดวย ซึ่งมันคือความทันสมัยมาก เพราะแนนอนวาเป็นกฎหมายอเมริกัน ถาจะยอนไปดูวากฎหมายนี้มีฐานยังไง ตองยอนไปดูกฎหมายสหรัฐอเมริกา ก็คือ City Planning and the Bring Act 1928 เราจะเห็นวาที่มาของ 100
30 กฎหมายผังเมืองไทยจริง ๆ มาจากผังตัวนี้ เมื่อสักครูเราพูดถึงประวัติศาสตร์ พูดถึงชีวิตตอง เรียนวา ตัวกฎหมายผังเมือง มีการวางแผนระยะยาวและมีการดําเนินการ คือ ผังเมืองโดยเฉพาะ แตตองเรียนวา เราไมใดใสใจสิ่งนี้ ไมเคยทําเลย เรื่องของการทํางานเชิงพื้นที่เราละเลยกันมาตลอด ในขณะที่กรุงเทพมหานคร ตองรองรับการเติบโตของเมืองในชวงที่เรามีการเติบโตอยางมาก อยางรุนแรงในชวงที่ Baby Boomer อพยพเขามา ตอนนั้นก็เลยเกิดปัญหาสะสม ซึ่งก็ตองสะสางกันไปทุกเมืองเกิดปัญหาอยางนี้ตองเรียนวา ลอนดอน เป็นที่มาของกฎหมายผังเมืองอังกฤษในชื่อ Town And Country Planning Act ก็คือ ทําเมืองและชนบท ใหกลมกลืนกัน ไมไดหมายความวาทําใหพื้นที่เมืองใหเป็นชนบท แตหมายความวาทําใหเมืองตอบโจทย์ ทางเศรษฐกิจแลวรักษาคุณภาพสิ่งแวดลอม เพราะฉะนั้น ถาเมืองกรุงเทพมหานครสามารถอยูไดในการเติบโต ทางเศรษฐกิจ ทุกคนมีงานทํา มีสภาพแวดลอมที่ดีอยางที่ลอนดอนทําตั้งแตปีค.ศ. 1902 กรุงเทพฯ อาจจะเป็นเมือง ซึ่งทัดเทียมกับลอนดอนไดในปัจจุบัน นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา ที่ศาลปกครองก็เจอคดีที่มีการฟูองเกี่ยวกับการใชพระราชบัญญัติผังเมือง พ.ศ. 2518 อยูเป็นจํานวนมากทีเดียว การฟูองคดีพวกนี้สวนมากเป็นการฟูองกฎกระทรวงประกาศใชผังเมืองทํานองนี้หรือไม เมื่อสักครูที่ทานพูดถึงวาพระราชบัญญัติผังเมือง พ.ศ. 2518 มีความกาวหนามาก เขาใจวามาพรอมกับรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2518 จะพูดถึงเรื่องศาลปกครองไวในนั้น คือ ศาลปกครองไมไดกอตั้งในทางแนวคิดเมื่อปี พ.ศ. 2542 อยางที่เราอยู ณ ปัจจุบัน มีปรากฏวี่แวว ปรากฏอะไรบางอยางเป็นรูปธรรมอยูในรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2518 อยูบาง ในแนวคิดนั้นอยูตั้งแตสมัยทานอาจารย์ปรีดีฯ เปลี่ยนแปลงการปกครองปี พ.ศ. 2475 ประมาณปี พ.ศ. 2476-2477 ก็มีการพูดถึงศาลปกครองอยูเหมือนกัน เพียงแตวาไมสามารถจะเกิดขึ้นในทางความเป็นจริงได จากสถานการณ์บริบททางการเมืองอะไรหลาย ๆ อยาง ฉะนั้นเขาใจวาพระราชบัญญัติผังเมือง ปี พ.ศ. 2518 ก็อยูในยุคสมัยของการพูดถึงสิทธิของประชาชนที่จะโตแยงการใชอํานาจของฝุายรัฐไดอยู โดยเฉพาะอยางยิ่ง ผังเมืองไปเกี่ยวกับสิทธิขั้นพื้นฐานที่สําคัญอันนึง ก็คือ สิทธิในการใชพื้นที่ ซึ่งพื้นที่ไมไดมีแตพื้นที่สาธารณะ มีที่ดินของชาวบาน 50 ตารางวา ที่ดินเป็นตึกแถวเล็ก ๆ อยูแถว ๆ ใกลกรุงเทพมหานครของทานรองฯ แถวเสาชิงชา แถวที่เป็นตึกที่เขาขายพวกสังฆภัณฑ์ อยูกันมา 50 ปี เพราะฉะนั้นสิทธิของการใชชีวิต สิทธิในการ ประกอบอาชีพอะไรตาง ๆ ไดรับผลกระทบเยอะ ทานวชิระฯ บอกวา มีอะไรอยากเพิ่มเติมนิดหนึ่งเกี่ยวกับ การใชกฎหมายผังเมือง เรียนเชิญ นายวชิระ ชอบแต่ง ตุลาการศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร ผมขออนุญาตเพิ่มเติมในสวนของทานอาจารย์นพนันท์ฯ คือ ตองเรียนวา ในเรื่องผังเมือง ที่ทานอาจารย์นพนันท์ฯ พูดถึง ผมก็มีโอกาสเคยทํางานที่ผังเมืองมากอนและมีความรูสึกเชนเดียวกับ ที่ทานอาจารย์นพนันท์ฯ พูดถึง คือ การวางผังเมืองตองเรียนวา เป็นเรื่องของการใชอํานาจตามกฎหมาย เพราะฉะนั้น พอเป็นการใชอํานาจตามกฎหมายแลวสิ่งที่ตองคิดตอ ก็คือวา เมื่อมีการออกประกาศผังเมืองใชบังคับ ก็มีผลกระทบกับคนที่อยูภายใตผังเมืองทุกคน ที่ดินทุกแปลงที่อยูในเขตกรุงเทพมหานคร หรือวาเขตอื่น ที่มีผังเมืองใชบังคับกอนที่จะดูวาจะทําอะไรไดบาง หรือจะถูกหามเรื่องอะไรก็ตองมาดูที่ผังเมืองเป็นหลัก เราเคยมีคดีเกี่ยวกับเรื่องของการผังเมืองอีกเยอะในศาลปกครอง ขอยกตัวอยางเพื่อใหพวกเราไดเขาใจ ในพื้นฐาน ก็คือวา สมมุติวากรุงเทพมหานครของทานรองฯ วางผังกําหนดเป็นสีๆ สีแดง สีเหลือง สีเขียว อะไรก็วากันไป ซึ่งในแตละสีจะมีขอกําหนดบอกวาใหทําอยางนี้ หามทําอยางนี้ ประเด็นคือวา ขอยกตัวอยาง ใหฟังสักคดีหนึ่งจะไดเห็นภาพชัดขึ้น มีเจาของที่ดินอยูรายหนึ่งเขาไปทําสัญญาซื้อขาย จะซื้อขายกับหางแหงหนึ่ง 101
31 ปรากฏวาทําสัญญาไวแลวจะซื้อขายกันกอนที่จะโอนมีผังเมืองใชบังคับ บอกวา โซนนี้หามทําตึกสูง หามทําศูนย์การคา หรือกําหนดเงื่อนไขนั้นมีพื้นที่ FAR (Floor to Area Ratio) เทานั้นเทานี้วากันไป ทําไมได เจาของที่ดินรายนี้ก็มายื่นฟูองเพิกถอนกฎกระทรวง วากฎกระทรวงที่กรุงเทพมหานครทําไมชอบ กฎกระทรวง ก็ตองฟูองศาลสูง คําถามก็คือวา การวางผังเมืองกรุงเทพมหานครในครั้งนี้เป็นอํานาจของกรุงเทพมหานคร ไมมีขอกังขา ปัญหาคือ เรื่องกระบวนการจะตองรับฟังความคิดเห็นตองปิดประกาศ เมื่อเขาฟูอง ศาลก็รับฟูอง เราผานเงื่อนไขเรื่องนั้นไมตองพูดกันวาเขาเดือดรอนแน ๆ เพราะวาเขาขายที่ดินไมไดจะไดกําไรอยูแลว ผังเมืองมาออกหามทําไมไดก็มาฟูอง ประเด็นสุดทายก็คือวา การที่กําหนดวาในพื้นที่ที่ดินแปลงนี้ตั้งอยู เป็นพื้นที่สีเหลืองซึ่งอาจจะมีขอหามวา ทําศูนย์การคาไมได หรืออาคารขนาดใหญไมไดหรือพื้นที่ตาง ๆ เป็นการใชดุลพินิจที่ชอบดวยกฎหมายหรือไม ซึ่งตรงนี้ยากมากวาการกําหนดตรงนี้ ที่ดินแปลงนี้ เป็นสีเหลือง ซึ่งบริเวณโดยรอบเวลาฟูองทางกรุงเทพมหานครก็ตองชี้แจงตามคําใหการ ทานก็ตองอธิบายวาทําไมทานจึงกําหนด พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่สีเหลือง ซึ่งมีขอหามอะไรมากมาย พอทานอธิบายมาสิ่งที่ตองคิดตอก็คือ ศาลตองรูวา เหตุผลที่ทานอธิบายไวตรงนี้เป็นพื้นที่สีเหลืองที่ทานใหเหตุผลวา เพราะตองการใหเมืองเป็นระเบียบเรียบรอย มีความสวยงาม รักษาอะไรตามวัตถุประสงค์การผังเมืองเป็นอยางที่ทานวาไหม เป็นเรื่องของดุลยพินิจแทๆ เพราะฉะนั้น การใชดุลยพินิจพวกเราก็คงทราบ คนที่ทํางานอยูในสวนที่เป็นเรื่องทําคดีอะไรก็วาไป ตองใชหลักสัดสวน หลักชั่งประโยชน์น้ําหนักอะไรก็วาไป เพราะฉะนั้น ในคดีเหลานี้ในวิธีคิดก็ตองมองถึงประโยชน์สาธารณะเป็นหลักวา การวางผังเมืองมองถึงประโยชน์ของพื้นที่ทั้งกรุงเทพมหานคร เพราะฉะนั้นจะคํานึงถึงสิทธิประโยชน์บางสวนเล็กนอย อาจจะกระทบบาง แตวาเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ทางกรุงเทพมหานครไดวางผังไปแลวก็ไมเกินสมควร เพราะฉะนั้น เป็นเพียงตัวอยาง แตวาอยางไรก็ตามในแงมุมเหลานี้ ก็มีแงคิดวาคนที่เขาเสียประโยชน์ อยางที่ทานสายทิพย์ฯ หรือทานอาจารย์นพนันท์ฯ พูดก็ดี ถาเราเห็นพื้นที่ในผังเมืองนี้มีทั้งสีแดง สีเขียว คนที่อยูในพื้นที่สีเขียวสวนใหญเป็นพื้นที่เกษตรแตอยาลืมวาผังเมืองเดิมเขาวางผังเพื่อใหสอดคลองกันระหวางเมือง กับชนบทอยูดวย เพราะฉะนั้น ผมอาจจะตั้งคําถามตั้งแตตอนตนวา มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง ยังเป็นพื้นที่รับน้ํา พื้นที่สีเขียว เป็น Subway ในประเด็นตรงนี้มีสิ่งที่นาคิดวา การกําหนดผังเมืองในลักษณะแบบนี้จะสรางแนวคิด ในทางปฏิบัติเป็นอํานาจหนาที่ของกรุงเทพมหานคร อาจจะมีแผนงานโครงการ ซึ่งในพื้นเหลานี้มีแผนงาน โครงการที่จะพัฒนาใหสอดคลองกับผังเมืองไดอยางไร เรามีรถไฟออกไปถึงชานเมือง ตอนนี้เรามีมีนบุรี ปากเกร็ด แสดงวาพื้นที่ชานเมืองเขาไดรับการพัฒนา เพราะฉะนั้น กฎเกณฑ์ตาง ๆ ที่เกี่ยวของกับการพัฒนา ในพื้นที่โดยรอบนาจะตองเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งตรงนี้ผมวาเป็นอํานาจหนาที่ของกรุงเทพมหานครโดยตรง แลวก็อาจจะมีหนวยงานอื่นที่เกี่ยวของ เพราะฉะนั้น อยางไรก็ตาม ในประเด็นที่ทานอาจารย์นพนันท์ฯ พูดถึง กฎหมายผังเมือง ผมอยากจะเรียนในเบื้องตนวา เป็นกฎหมายที่ใหอํานาจหนวยงานหรือเจาหนาที่ของรัฐ ดําเนินการและวางผังเมือง ซึ่งพอวางผังแลวกระทบตอสิทธิของพี่นองประชาชน แตวาอยางไรก็ตาม ในคดีที่ฟูองผังเมืองโดยตรงมีหลายคดี บางคดีมีการฟูองแลวศาลเพิกถอนเพราะวาไมดําเนินการใหถูกตอง ตามขั้นตอน อาจจะประชุมประชาชนไมครบ แกไขสีไมถูกตอง มีหลายคดี แตวาในหลักคิดเบื้องตนเรามีคดีที่ฟูอง เรื่องผังเมืองโดยตรงอยูพอสมควร นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา เรื่องของผังเมืองใกลชิดกับชีวิตประชาชน ชีวิตของผูคนที่อยูในพื้นที่ตาง ๆ ซึ่งโดยหลักคิด อยางเชน ในตางประเทศ ในสมัยใหม การทําผังเมืองเกี่ยวของกับองค์กรปกครองสวนทองถิ่นเยอะมาก พวกเทศบาล แตในประสบการณ์ของเมืองไทยเราตองพูดตรง ๆ วาองค์กรปกครองทองถิ่นของเราที่มีศักยภาพพอที่จะทําอะไร เกี่ยวกับเรื่องผังเมืองไดบาง มีอยูไมมากนัก มีกรุงเทพมหานครที่ในระยะหลังแข็งแรงขึ้น มีเทศบาลนครใหญๆ บางแหง 102
32 ที่อาจจะพอได แตวาสําหรับองค์กรปกครองทองถิ่นโดยทั่วไป Average ทั่ว ๆ ไป ทั้งที่เป็นเทศบาลแลวก็จะดูวา ยังไมคอยมีศักยภาพพอสําหรับงานทางดาน Technical แบบผังเมืองอันนี้ก็นาคิดอยูเหมือนกัน ในโอกาสรอบหนา จะไดเรียนถามอาจารย์ถึงโอกาสที่ทางทองถิ่นเขาจะมีโอกาสมีสวนรวมเกี่ยวของ วันนี้กรุงเทพมหานคร โดนพาดพิงมากเกินไปทานรองฯ ที่จริงวันนี้ทานรองฯ มาในฐานะของผูริเริ่มผลักดันนโยบาย ในฐานะผูบริหาร กรุงเทพมหานคร เป็นผูบริหารจัดการเมืองใหญที่สุดของบานเรา ขณะเดียวกันโดย Background ของทานรองฯ นาจะคุยเรื่องนี้ไดอยางดีเพราะทานรองฯ อยูในแวดวงการบริหารพวกเกี่ยวกับธุรกิจที่เกี่ยวกับพื้นที่อะไรตาง ๆ พวกนี้มาดวย นอกเหนือจากเรื่องผังเมืองที่องค์กรปกครองทองถิ่นอยางกรุงเทพมหานครมีอํานาจคอนขาง อยูในระดับที่พอสมควรทีเดียว เขาใจวากรุงเทพมหานครมีอํานาจหนาที่ทั้งในฐานะตัวองค์กรและในฐานะ เจาพนักงานทองถิ่นตามกฎหมายตาง ๆ เยอะมากถึงมากที่สุด คือ ตั้งแตเรื่องตึกสูงเป็น 50-60 ชั้น ไปจนกระทั่งถึงเรื่องเพื่อนบานทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงนองแมว นองหมา จํานวนมากเกินไปหรือเปลา ซึ่งคดีประเภทที่ยกตัวอยางจากสูงสุด อาคารสูงเป็น 40-50 ชั้น ไปจนถึงเรื่องนองแมว นองหมา พวกเราที่ศาลปกครอง ก็คงคุนเคยกันวาเป็นคดีที่เกี่ยวของกับการใชกฎหมายตามอํานาจหนาที่ของกรุงเทพมหานคร แลวก็สวนหนึ่ง ของทานผูวาฯ แลวสวนใหญก็ไปมอบอํานาจไปที่ผูอํานวยการเขต ซึ่งในเรื่องเหลานี้ทางทานรองฯ รับผิดชอบ การบริหารจัดการเมืองทานมีแงมุมที่อยากจะสะทอนใหพวกเราฟังเกี่ยวกับกรุงเทพมหานครการบริหารจัดการเมือง จากแงมุมทางกฎหมาย ทานมีอะไรที่คับของใจบางไหม วากฎหมายทั้งหลายที่ทานตองไปรับผิดชอบอยู หนักหนาสาหัส หรือทําใหการริเริ่มนโยบายของทานมีอุปสรรค หรือมีอะไรที่นาจะเลาสูใหพวกเราที่ศาลไดฟัง ขอเรียนเชิญ รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก ากับควบคุม ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ส านักการวางผังและพัฒนาเมือง : วิทยากร กอนอื่นตองบอกกอนวากรุงเทพมหานครไมใชของผมคนเดียว เป็นของพวกเราทุกคน พวกเราก็ตองมาชวยกัน จากโจทย์วันแรกที่มาที่เราทราบอยูทานอาจารย์สายทิพย์ฯ ก็พูดวากรุงเทพมหานคร เรามามีตัวเลข 2 ตัว ตัวเลข 1 กับตัวเลข 98 ตัวเลข 1 เป็นเมืองที่นาทองเที่ยวที่สุดติดอันดับ 3 เวลาเปิดมา เพราะวาเป็นเมืองนาทองเที่ยว แตอันดับ 98 เป็นเมืองที่นาอยูก็แปลวากรุงเทพมหานครนาอยูลําดับที่ 98 เมืองนาทองเที่ยวอันดับ 1 ปรากฏวาของเราในกรุงเทพมหานครเหมาะสําหรับนักทองเที่ยว แตไมไดเหมาะ กับคนอยูอาศัย เพราะฉะนั้นก็เป็นโจทย์ตั้งตน ตั้งแตทานอาจารย์ชัชชาติฯ ตอนที่เราลองอาสาเขามาทําเมือง เพราะฉะนั้นแคมเปญใหญ คือ เป็นมืองที่นาอยูสําหรับทุกคนตอง Under score สําหรับทุกคน ซึ่งก็เป็นโจทย์ ที่ทาทาย เพราะวากรุงเทพมหานครวันนี้อาจจะเป็นเมืองที่นาอยูสําหรับบางคน ถาเรามีฐานะดีเลือกไปนั่นนี่ได อยางเลือกไปเขาใหญไดเวลาอากาศไมดี ก็จะโอเคอาจจะเป็นเมืองที่นาอยู แตไมใชวาสําหรับทุกคน เราทําอยางไร เพราะฉะนั้น บทบาทหนาที่ของกรุงเทพมหานครตามอํานาจหนาที่เราเกี่ยวของกับชีวิตประจําวันของทุกคน ของประชาชน เปิดมาก็เกี่ยวกับกรุงเทพมหานครหมด แบบนี้เราตองมาชวยกัน ชวยกันอยางไร เริ่มตนจาก ประเด็นเรื่องผังเมือง ตอนนี้ตองเรียนทุกทานวา วันนี้อยูในระหวางการทําผังเมืองกรุงเทพมหานครใหม ซึ่งอาจารย์นพนันท์ฯ ก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ก็จะเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะไดสะทอนสิ่งที่เราพบ สิ่งที่เราอยากเห็นในตัว ไมวาเป็นกฎหมายผังเมืองใหมหรือกฎหมายควบคุมอาคารใหม ตอนนี้กรุงเทพมหานครก็กําลังจะมีการทบทวน ขอบัญญัติของกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับเรื่องคุมอาคารและรวมถึงกฎกระทรวงที่เราจะสะทอนไปถึงกรมโยธาธิการ และผังเมืองดวย เอาบทเรียนสิ่งที่เราคับของใจวาทําไมระเบียบ ทําไมกฎหมายไมคอย Practicalสําหรับกรุงเทพมหานคร ในบางประเด็น เนื่องจากกฎหมายและกฎกระทรวงควบคุมอาคารจะเป็น One Size Fits All คือวาออกกฎมาใชบังคับ ทั่วประเทศ ซึ่งวันนี้บริบทของเมืองโดยเฉพาะกรุงเทพมหานครคาที่แพงมาก ถามีที่ 50 ตารางวา ทํานูนทํานี้ก็ไมได เดี๋ยวตองมีเรื่องที่จอดรถอาคารเกา ตึกแถวจะปรับปรุง ไปติดเรื่องที่จอดรถ แลวจะหาที่จอดรถที่ไหน 103
33 ไปเขากับเรื่องปรับปรุงอาคาร ไปเขากฎหมายใหม ก็ตองกําหนดวา ตองมีที่จอดรถเทานั้นเทานี้ที่จะดําเนินการได ผมวาในประเด็นที่เราพบเราเห็นวาตองไดเป็นจังหวะที่ดีเพราะวาเรามาสะทอน เรามาปรับเปลี่ยนกฎหมาย หรืออะไรก็ตาม หรือขอบัญญัติในกรุงเทพมหานครเอง ที่ทําไดใหสะทอนกับบริบทของเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป แตอยางที่เรียนก็ไมใชงายเพราะวาการปรับเปลี่ยนอะไรก็ตามตองกระทบระหวางการอนุรักษ์นิยมกับการพัฒนา คือ ทําอยางไรใหเอาบทเรียนที่ผานมาอยูดวยกันไดยกตัวอยางตัวหนึ่งที่เรากําลังจะเปลี่ยนแปลงไป คือ การทําสะพานลอยไวหนาบานตัวเอง ไมมีใครอยากใหมีขาสะพานลอยอยูหนาบานตัวเอง ทําใหทางเทาแคบ หรือหมอแปลงไฟฟูาที่ไปอยูตรงทางเทา ไปอยูหนาบาน ก็ไมมีใครอยากใหเกิด แตวันนี้เป็นอยางนั้นอยู อันนี้ผมฝาก เรียนอาจารย์นพนันท์ฯ ไปแลววา ในกฎหมายที่แกไป เรื่องผังเมืองและควบคุมอาคารเราจะทําใหสิ่งที่ใชประโยชน์ ของที่เอกชนเพื่อประโยชน์สาธารณะ อยางเชน หมอแปลง เรื่องของทางบันไดสะพานลอย ลิฟต์ขึ้นโดยสาร หรือบันไดเลื่อน ใหไปอยูที่เอกชน คือ ทําใหทางเทาสะอาด แตภาครัฐก็ตองชดเชยใหแรงจูงใจที่เพียงพอที่จะใหเอกชน ยอมรับประโยชน์สาธารณะเหลานั้นไปอยูในพื้นที่ของตัวเอง อันนี้เป็นตัวอยางหนึ่ง เราเอาปัญหาที่เราพบ ไปเป็นประเด็นในการปรับปรุง แกไขขอบัญญัติ หรือแกไขกฎหมาย ถาเรามีประสบการณ์ มีอะไรที่คิดวา พวกนี้นาจะแกได หรือเรื่องที่จอดรถเหมือนกันก็เป็นสิ่งที่เรากําลังจะดูเหมือนกันวา ในที่บริบทของเมือง ในการปรับปรุงอาคารบางประเภทยังจําเป็นตองใชเรื่องที่จอดรถที่เราไประบุใหเหมือนกับทุกที่ในประเทศไหม เรื่องที่ดินแพงขึ้น เรื่องระยะรนของอาคารบางประเภท อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ทางเราก็กําลังศึกษาประเด็นตรงนี้อยู นายวชิระ ชอบแต่ง ตุลาการศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร ที่ทานรองฯ พูดถึงคือ ความจริงถาเราดูคําพิพากษาของศาลหลายเรื่อง ขอเรียนวาศาลปกครอง มีความแตกตางจากฝุายปกครองสําคัญประการหนึ่ง คือ เราไปริเริ่มใชอํานาจเองไมได เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทานรองฯ พูดคือ ทานริเริ่มใชอํานาจเยอะแยะไปหมด เพราะฉะนั้นเมื่อริเริ่มใชอํานาจแลวไปกระทบสิทธิของพี่นองประชาชน พี่นองประชาชนก็มาฟูองเรา พอมาฟูองเราศาลปกครองก็ไปตรวจสอบความชอบหรือกลไกที่ศาลปกครองใช ไมวาจะเป็นอํานาจศาลก็ดี ระบบตาง ๆ ที่ศาลปกครองมี พอศาลปกครองลงไปดูแลวผมวาเป็นประโยชน์มาก ก็คือ เรื่องของการที่กรุงเทพมหานครเห็นปัญหาเรื่องของสะพานลอย คดีฟูองกําหนดจุดที่ตั้งสะพานลอย ก็มาฟูองเพิกถอนศาลปกครองก็วาไป กําหนดสะพาน กําหนดเกือกมา กระทบกับเขาหมด แตทานพูดถึง ประเด็นที่วาสิ่งตาง ๆ เหลานี้ เราจะผลักใหอยูในเอกชนที่ตองรับผิดชอบไป แตวาสิ่งที่ทานพูดตอที่สําคัญ ก็คือวา เรื่องเหลานี้จะตองมีการดูแลเอกชน ถาพวกเราจําไดวาหลักที่จะตองใชอํานาจได ก็คือ เมื่อศาลปกครอง ใชอํานาจไปแลวและไปกระทบตอสิทธิของประชาชนโดยไมเป็นการละเมิด เชน มีคดีตัวอยางที่เป็นคดีเกี่ยวกับ การกอสรางดานชั่งน้ําหนักของกรมทางหลวง กรมทางหลวงมีอํานาจหนาที่ในการกอสราง บํารุงรักษา ดูแลถนน เขาบอกวาเพื่อที่จะไมใหถนนพังเร็วเกินไปก็ตองทําดานชั่งน้ําหนัก ก็หาที่สรางในที่ที่เป็นเขตทางของกรมทางหลวง รุกล้ําที่เอกชนเลย แตวาถาเป็นหนาที่ของทาน ทานโอเคไหม ไปทําดานชางมีแบริเออร์กั้นทางเขาออก เขาออกก็ยาก มูลคาที่ดินก็ลดลงทําใหที่ดินเสื่อมคาไปเยอะแยะ เขาก็เอามาฟูองศาลเจาของที่ดินเหลานี้ ตอนแรกคดีเหลานี้ ศาลปกครองในยุคกอน ผมขออนุญาตบางทานที่ทานอาจจะไมมีสวนเกี่ยวของอยู ณ ที่นี้ เรามองวาเป็นเรื่องละเมิด แตพอระยะหลังศาลปกครองใชหลักคิด ก็คือ เป็นเรื่องของความรับผิดอยางอื่น มาใชกับกรณีที่หนวยงาน ไดใชอํานาจไปแลวแตวาไมไดเป็นการไปรุกล้ําหรือวาไปละเมิดสิทธิ์ของเอกชนทําตามอํานาจหนาที่ เพียงแตวา ทําใหเอกชนบางรายตองรับภาระสูงกวาคนอื่น เพราะฉะนั้น จึงตองมีการชดเชยหรือมีการทดแทน ซึ่งหลักตรงนี้ ผมคิดวาปัจจุบันศาลปกครองไดพัฒนาไปเยอะมากในกรณีที่เปิดโอกาสใหทางฝุายปกครองไดมีการใชอํานาจ ตามที่กฎหมายใหอํานาจไวแตวาไปกระทบสิทธิ์ของพี่นองประชาชน เพราะฉะนั้น หลักที่ทานรองฯ กลาวถึง ผมวาเป็นหลักของความรับผิดอยางอื่น กรุงเทพมหานครนาจะนํามาใชไดดี ขอยกตัวอยางคดีหนึ่ง สมมติวา อาคารหลังนี้ตองการที่จอดรถ บอกวาจะตองอยูในอาคารหรืออยูในระยะที่เดินถึงตามกฎหมาย แตวาปัจจุบัน 104
34 อาจจะทําไมไดเพราะที่ดินแบบนี้ตารางวาละ 1 ลานบาท ที่ดินแพงมากทําอาคารสูงแบบนี้ตองมีที่จอดรถ เอาที่ดินตารางวาละ ๑ ลาน ทําที่จอดรถก็ไมคอยคุม เพราะฉะนั้น อาจจะมีการแกไขกฎหมายระเบียบอื่น ที่จะกําหนดเงื่อนไขอยางอื่นก็ไดที่อาจจะไมจําเป็นตองจอดรถก็ได เพราะวาในปัจจุบันมีระบบขนสงมวลชนที่สะดวก ซึ่งเป็นความกาวหนาอยางยิ่ง ซึ่งผมคิดวาถาเกิดไดศึกษาจากแนวคําพิพากษาศาลปกครองที่ออกไปประกอบกับ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็นาจะเป็นประโยชน์ ทานสายทิพย์ฯ คือ บุคคลที่ตองรับภาระเหลานี้มีหลักคิดในทางทฤษฎีอยูใชไหม นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา จากตัวอยางเมื่อสักครูที่ทานรองฯ พูดถึงก็คือ เรื่องของการเยียวยาผูที่ไดรับผลกระทบจากสิ่งที่เขา ไมไดตองรับผิดชอบอะไรเลย สะพานลอยไปอยูหนาบานเขา หรืออะไรตาง ๆ เดี๋ยวจะใหทานรองฯ ยกตัวอยาง เกี่ยวกับเรื่องแนวคิดของน้ําทวม เราก็หวังวากรุงเทพมหานครในยุคทานยังไมเจอน้ําทวมมหาศาลมโหฬาร อยางในอดีต แตก็อาจจะเกิดขึ้นแลวตอนนี้ ชาวบานที่อยูนอกคันน้ํากับอยูในคันกั้นน้ํา และกรุงเทพมหานครโซนใน ที่ไมเคยมีปัญหาน้ําทวมรุนแรง กับชาวบานที่อยูนอกแนวคันน้ําทวมที่จะตองน้ําทวมเป็นเดือน ๆ ทั้ง ๆ ที่ ถาน้ําไหลตามปกติจะเร็วกวานี้ แตแนวคิดทํานองนี้อยางที่ทานวชิระฯ พูดถึง เพราะในศาลปกครองมีการพัฒนาหลักคิด เป็นแรงทฤษฎีพอสมควร จากตอนแรกๆ ที่เราอาจจะยังไมคอยชัดเจนวานี่คืออะไร แตในทางฝรั่งเศสเขาจะใชคําวา รับผิดโดยปราศจากความผิด ฟังแลวก็ยังไมเขาใจงายกวานั้น ก็คือ ทานวรพจน์ฯ แลวก็นักกฎหมายฝรั่งเศส หลายทานก็อธิบายบอกวา ก็คือ กรณีเรื่องของหลักความเสมอภาคของบุคคลบางคนในการรับภาระที่เป็นภาระ ของสาธารณะ โดยหลักก็คือ ทุกคนในสังคมควรจะรับภาระของสาธารณะอยางเทาเทียมกัน แตถาเผื่อวามีกรณี ที่คนบางคนจําเป็นตองรับภาระมากกวาคนอื่น เชน คนที่อยูนอกคันกั้นน้ําตองแชน้ํานานกวาชาวบาน คนที่บาน อยูตรงสะพานลอยที่ตองลงตรงนั้นพอดีเป็นตรงอื่นไมไดเพราะวาเป็นโรงเรียน ใกลสี่แยกตองอยูตรงนี้ แตเขารับผลกระทบไหมรับ แตวาหนวยงานทําผิดกฎหมายไหมก็ไมไดทําผิดกฎหมาย แตตองทํา เพราะฉะนั้น วิธีก็คือ ตองชวยเหลือเยียวยาภาระที่เขาไดรับเป็นพิเศษนั้นไป ก็คือ หลักเดียวกับเวนคืน ซึ่งศาลปกครองคุนเคยอยู กับคดีตามพระราชบัญญัติเวนคืน สรางถนน สรางสิ่งที่เป็นสาธารณูปโภคสาธารณะทั้งหลายที่จะตองมีการจาย คาทดแทนใหกับผูที่จะตองสละทรัพย์สินของตัวเองไปโดยไมไดเต็มใจ เป็นตน เพราะฉะนั้นอยางกรณีของ กรุงเทพมหานครหรือกรณีของการวางผังเมือง ก็เห็นจากตัวกฎหมายผังเมืองใหมอยูเหมือนกันที่พูดถึงหลักคิดที่วา รัฐอาจจะตองใชอํานาจที่จะเขาไปจัดซื้อหรือเวนคืนพื้นที่ของเอกชนบาง แตวาแนวคิดที่บอกวาจะตอง มีการจัดการเยียวยาใหมีการทดแทนชดเชยใหเหมาะสมและเป็นธรรมอันนี้ทานวชิระฯ ก็จะกลายเป็นคดี ที่เขามาอยูในศาลปกครองเรานี่แหละ ถาเผื่อวาการกําหนดอันนี้ไมเป็นที่ยอมรับวามันไมมีความเป็นธรรมเพียงพอ อยางทานรองฯ ในฐานะที่ทานมีประสบการณ์ในเรื่องการพัฒนาที่ดิน การกําหนดคาชดเชย คาทดแทนยากไหม ที่จะทําใหเอกชน หรือเจาของทรัพย์สินเหลานั้นเขาจะไดรับคาเยียวยา คาทดแทนที่พอใจ จะมีกระบวนการ อะไรบางไหมทางศาลปกครองเราจะไดพอเป็นความรูบางวามีอะไรที่พอทําใหเกิดความพอใจทุกฝุายไดบาง รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก ากับควบคุม ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ส านักการวางผังและพัฒนาเมือง : วิทยากร เนื่องจากเป็นภาครัฐ คือ ภาคเอกชนเจรจางายกวาเยอะแตภาครัฐตองมีมาตรฐาน ตองมีGuideling ซึ่งก็มีวิธีการประเมินอยูแลว มีคณะกรรมการ มีที่มาของขอมูลก็ตองเป็นไปตามนั้น คือ ผมวาราชการตองมีแนวทาง มีมาตรการคิด เรื่องของการคิดคาเวนคืนคาซื้อที่ดินก็จะมีGuideling อยูตองทําตามนั้น 105
35 นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา ของกรุงเทพมหานครสวนใหญประเด็นปัญหาที่เป็นขอพิพาทเกี่ยวกับเรื่องคาทดแทนอะไรพวกนี้ จะยังไมคอยมากเทาไหร แลวที่กรุงเทพมหานครเจอเยอะ ๆ ในฐานะเจาพนักงานทองถิ่นนี้เป็นขอพิพาทกฎหมาย อยางไรบางไหม รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก ากับควบคุม ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ส านักการวางผังและพัฒนาเมือง : วิทยากร คือ ตองขอบคุณศาลปกครองที่เชิญกรุงเทพมหานครเขามารวมเสวนาในวันนี้ ตอนที่ไดรับเชิญ ครั้งแรกก็หนักใจ เพราะวาตอนนี้อยูมาได 9 เดือนแลวก็สักพักใหญ และก็เพราะวาคดีของทางปกครอง มีจํานวนมาก อันนี้ที่สัมผัสตัวเลขมาก็ตองขอบคุณทีมงานที่กรุงเทพมหานครชวยสรุปพวกคดีตาง ๆ ขึ้นมา เพื่อเราจะเป็น Listen & Learnจะเห็นวาในสวนภารกิจหรือระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครหนาที่เยอะมาก เกือบทุกเรื่องไมวาเรื่องความสงบเรียบรอยการลงทะเบียนประกันสังคม แตวาก็เกี่ยวกับชีวิตประจําวันของเราทั้งนั้น ตองเรียนวา ผมก็ยังไมเขาใจทุกเรื่อง ผมดูเฉพาะสิ่งที่พูดไมไดพวก Infrastructure โครงสรางพื้นฐาน ก็จะรับผิดชอบเรื่องพวกนี้ ก็มีคดีปกครองของกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวของและก็จะมีในกลุมแรกก็เกิดคดีผิดพลาด กระทําการโดยไมชอบก็มีประมาณ 40% คดีของละเลยหนาที่ 210 คดีประมาณ 36% คดีของละเมิดและความรับผิด 18% และคดีสัญญาปกครองตาง ๆ อีกนิดหนอย พวกสัญญากอสรางอันนี้ก็ไมมาก ตัวอยางเชน คดีพิพาท เรื่องของตัวผังเมือง คือ สรางหอพักไมได เพราะวาอยูเขตที่พื้นที่สีเขียว ทั้งที่อยูหางไกลจากมหาวิทยาลัยไมมากนัก แตไปอยูในเขตพื้นที่สีเขียวอันนี้ก็จะไมไดซึ่งอันนี้ก็เป็นตัวอยางภาพรวมกอนจะไมไดลงรายละเอียดคดีนี้ ก็จะเป็นการยกตัวอยางใหเห็น อันนี้เป็นตัวหนึ่งที่ทําใหเกิดบทเรียนขึ้นมา อยางคดีกรณีที่เป็นคดีรุกล้ําจะพบเยอะ บุกรุกที่สาธารณะแตรุกล้ําคลองสําคัญเพราะวาที่ปัญหาน้ําทวมหลัก ๆ ก็คือวาสําหรับใกลๆ บริเวณนี้มีทั้งคลองเปรม และคลองลาดพราว น้ําจะรับจากเหนือลงใตถาเรากระชับพื้นที่ไมไดเราทําเขื่อนปูองกันไมไดเราก็จะขุดลอกคลองไมได ก็จะทําใหคลองตื้นเขิน การรับน้ํา การระบายน้ํา หลักของกรุงเทพมหานครอาศัย 4 คลองหลักก็คือ คลองเปรมประชากร คลองลาดพราว คลองแสนแสบ และคลองประเวศ ซึ่งคลองประเวศและคลองพระโขนงเป็นชื่อคลองเดียวกัน ซึ่ง ๔ คลองหลักเป็นตัวระบายน้ําหลักของกรุงเทพมหานครเป็นเสนเลือดหลักของเรา ซึ่งเราตอง Maintain เสนเลือดหลัก ๔ เสนใหดี ในสวนของคลองแสนแสบ เราทําไดดีแลวเต็มประสิทธิภาพ แตสวนที่ยังออนอยู เป็นปัญหาอยู คือ คลองเปรมประชากรและคลองลาดพราวบางสวน คลองลาดพราวกําลังพยายามทําอยู คลองประเวศ หรือคลองพระโขนงซึ่งเป็นชื่อคลองเดียวกัน ก็มีปัญหาอุโมงค์ระบายน้ําที่บึงหนองบอนที่เกิด Clorox ไป ระหวางนั้นก็ทําใหระบบการระบายน้ํายังไมเต็มประสิทธิภาพมากนัก ขออนุญาตนอกเรื่อง สําหรับเรื่องการระบายน้ํา สําหรับตัวพื้นที่แจงวัฒนะทางกรุงเทพมหานครไมไดนิ่งนอนใจ เราถอดบทเรียน เมื่อปีน้ําทวมปีที่ผานมา ปีที่ผานมาฝนตกหนักกวารอบคาเฉลี่ย 30 ปีเกือบ 2 เทา ก็เพราะวาฝนตกแตละครั้ง หนักจริง ๆ คือ ศักยภาพของการระบายในทอของกรุงเทพมหานครประมาณ 60 มิลลิเมตร ของเราตกมาที 100 กวาก็ทวม แตแจงวัฒนะมีจุดออนจริง ๆ เพราะวาระบบปั๊มสูบน้ํายังไมดี ระบบการรับน้ําไมดี แตปีนี้ ก็ปรับปรุงของศูนย์ราชการแจงวัฒนะดานทายแลวก็เสริมประสิทธิภาพของบอสูบน้ําไป คือ เราถอดบทเรียน เมื่อปีที่ผานมาเราใชเชิงวิทยาศาสตร์ การรับแจงพื้นที่น้ําทวมทุกที่ของกรุงเทพมหานครรวมกัน 900 กวาจุด แลวก็มาสรุปวาพื้นที่จุดเสี่ยงน้ําทวมจากฝนตกปีที่ผานมา 519 จุด เราก็จะมีมาตรการลงไปทุกที่วาเราจะปูองกันไดไหม ถาปูองกันไมทันงบประมาณปีนี้ก็จะมีวิธีการถาเกิดเหตุการณ์จะทําอะไรขึ้น จะเฝูาระวังอะไรบาง อันนี้ก็การันตี วาน้ําทวมแนแตวาตองระบายไดเร็ว คือ ฝนตก เพราะเราไมสามารถขยายทอถนนเมนไดแตจะทําอยางไร ใหระบายไดเร็ว การระบายน้ํา ก็คือ จากผิวจราจรลงทอระบายน้ํา ทอระบายน้ําลงคลอง และคลองก็ลงแมน้ําเจาพระยา 106
36 อันนี้คือ หลักการระบายน้ําของกรุงเทพมหานครที่ใช ก็ใหสรางความมั่นใจวาเราไมไดนิ่งนอนใจ 519 จุด ทางผูวาราชการกรุงเทพมหานครเอง อยางผมเอง และทางสํานักระบายน้ําเอง ก็ไดลงไปดูเกือบทุกที่ คือ เพื่อใหรูวาแตละที่เราตองมีการปรับปรุงที่ดีขึ้นเพราะเราใชขอมูลการตัดสินใจ ตอไปคดีพิพาทของเรื่องละเลย ก็จะเป็นเรื่องบอสูบน้ําที่คลองแสนแสบ คือ เหมือนวาเอกชนยกที่ใหเรามานาน แตไมมีเอกสาร กรุงเทพมหานครก็ไปสรางสถานีสูบน้ําไวหลายสิบปีแลว วันดีคืนดีทายาทบอกจะขอที่คืน เราก็บอกวาเราใชพื้นที่ มานานแลวนาจะครบปรปักษ์หรือยัง ปรากฏวาไมไดเพราะวาไมมีเอกสาร เขาใจวาศาลชั้นตนตัดสินวา กรุงเทพมหานครไดแตศาลสูงสุดบอกวาตองคืน เพราะวาเราไมมีหลักฐานการรับสิทธิ์จริง ๆ อันนี้ก็กลายเป็น บทเรียนวาตอไปกรุงเทพมหานครจะทําพื้นที่อะไรที่บอกยกใหแลวตองมีเอกสาร เรียนทานในเรื่องเมื่อสักครูที่พูดถึง คันกั้นน้ําและนอกคันกั้นน้ําเรา Treat คนเหมือนกัน คือ เราไมไดบอกวาถาอยูนอกคันกั้นน้ําจะเป็นความเสี่ยง เราจะไมดูแล ไมใช คือ กรุงเทพมหานครถานอกคันกั้นน้ําเราจะยิ่งดูแลมากขึ้น เพราะเรารูวามีความเสี่ยงมากขึ้น เราจะพยายาม Keep ถนนเมนไมใหน้ําทวม คือไมนาจะมีการทวงขามวันในกรณีถนน MainRoad ถนนสาธารณะ ที่คนใชแตปัญหาที่เราพบ 519 จุดในหลาย ๆ ที่จะเป็นเรื่องของที่เอกชน คือ ถาเป็นที่ของภาครัฐเอง ที่สถานภาพรัฐเอง กรุงเทพมหานครก็สามารถดําเนินการไดเลย เชน ขุดลอก ทําทอระบายน้ําแบบนี้ทําไดเลย แตที่เอกชนเราทําไมได นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา ถาเป็นกรณีที่ตองประสานงานกับหนวยอื่น อยางเชน เรื่องน้ํา เขาใจวาไมใชกรุงเทพมหานครหนวยเดียว แตมีอะไรอีกหลาย ๆ หนวยที่เขาจะตองเกี่ยวของ อันนี้ก็คงไมไดเป็นปัญหาเรื่องทางกฎหมาย แตวาเป็นปัญหา ทางการบริหารมากกวา รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก ากับควบคุม ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ส านักการวางผังและพัฒนาเมือง : วิทยากร จริง ๆ ถาเรื่องน้ํากรุงเทพมหานครจะเป็นหลักเลย ระบายน้ํากรุงเทพมหานครปฏิเสธความรับผิดชอบไมได ตองรับผิดชอบโดยตรง อาจจะมีอีกสวนหนึ่งคือกรมชลประทาน ในการที่กรมชลประทานเรงสูบน้ําออกไปดานนอก แตวามีขอตกลงกัน เพราะคลองแสนแสบจะออกไดตองออกฝั่งตะวันออกตองใหกรมชลประทานสูบออกก็จะไปกระทบ กับพี่นองประชาชนที่แถวฉะเชิงเทราก็มีประตูกั้นน้ําสูบออก เพราะทางฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่สูงเหมือนกัน ตองสูบออกอยางเดียว แตถาเป็นเรื่องภายในเขตกรุงเทพมหานครตองรับผิดชอบปฏิเสธความรับผิดชอบไมได ไมเหมือนการจราจรนี้กรุงเทพมหานครไมคอยมีอํานาจดูแลอะไรเลยคือ ทําอะไรแทบไมไดเลยแตเรื่องน้ําเราไมปฏิเสธ น้ําเราตองรับผิดชอบเต็ม ๆ อยางที่เรียนวาเราดูแลหมด แตวาปัญหาตอนนี้ที่พบ คือ ที่เอกชน หมูบานเอกชน ที่ไมมีนิติบุคคลแลว ที่ไมยกใหกรุงเทพมหานคร อยากยกแตก็ยังยกไมได ถายกมาแลวกรุงเทพมหานคร ไมปรับปรุงอะไรเลยเราก็เดือดรอน เพราะเราไมสามารถไปทําอะไรไดเยอะแยะขนาดนั้น ไมสามารถเอางบประมาณ ไปทําในที่เอกชนได นี่ก็จะเป็นปัญหาวาทําไมน้ําทวมมาบางหมูบานหลายวันหรือเป็นสัปดาห์ เพราะที่ต่ําไมมีทอระบายน้ํา หลาย ๆ หมูบาน หลาย ๆ ซอยไมมีทอระบายน้ํา เวลาที่เราลงพื้นที่แลวเห็น เราก็ไดแตชวยบรรเทาได เอาเครื่องสูบน้ําไปสูบออกได แตมันไมใชแกถาวร อันนี้เป็นอันหนึ่งที่เราพบเยอะในที่หมูบานเกา ที่ไมมีนิติบุคคล อันนี้อีกคดีหนึ่งเรื่องของคดีพิพาทเกี่ยวกับการทําละเมิด อันนี้ก็เป็นเรื่องคดีซานติกา เป็นกรณีที่กรุงเทพมหานคร ไมไดไปตรวจสอบสภาพอาคารใหดี แตตอนนี้เราก็ทําแลวทําตลอด พวกสถานบริการใหทางเจาหนาที่ไปตรวจสอบ เป็นลายลักษณ์อักษร มีการตรวจสอบเป็นประจํา และมีหลักฐานวาตองไปตรวจสอบมาเป็นชวงเวลา ๆ คือ เราเอาแนวทางคําพิพากษามาเป็น Guide Line ในการวางแนวทางการปฏิบัติของเจาหนาที่ดวย ขอยกตัวอยาง 107
37 อีกอันหนึ่ง ทางทีมทํางานก็ปรึกษามาเหมือนกันวา ตอไปการออกใบอนุญาตควบคุมอาคารจะเป็นอยางไร อันนี้เป็นคดีที่ตัดสินแลวก็เลยยกมาเป็นบทเรียนกันได คือ คดีของหางบิ๊กซี กรณีนี้ทางสํานักงานควบคุมอาคาร ก็ออกใบอนุญาตอันนี้ก็ขอมาเป็นมาตรา 39 ทวิ คือ ขอกอสรางกอน เราก็อนุญาตไปตามที่กรอบอํานาจให อันนี้ก็คือวา ศาลตัดสินจริง ๆ เราตองดูประเด็น และประเด็นนี้ คือ หองเก็บขยะ หองพักขยะ คือ ระยะรน ของอาคารถูกตองตามกฎหมายทุกอยาง ถาเป็นหองพักขยะไปอยูใกล ๆ กับบานใกลเรือนเคียงซึ่งเป็นที่พักอาศัย เราไมรูหรอกวาที่พักอาศัยนั้นเขาทําอะไร บังเอิญไปกระทบกับหองนั้นเป็นหองครัว ถามีสวนลักษณะก็เลยไปใช ตัววาหองเก็บขยะไปฝุาฝืนขอบัญญัติ ๗๒ กรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมอาคาร ทางเจาหนาที่ที่พิจารณา ของกรุงเทพมหานครเอง เราก็ไมทราบวาขาง ๆ บาน พักขยะอยูตรงนี้ อันนี้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ก็ทําใหเรา ตองรื้อถอนอาคารตําแหนงนั้น อันนี้ก็เป็นตัวอยางใหเห็นวาก็จะมีผลกระทบกับขางเคียง ซึ่งเราไมทราบขอมูลจริง ๆ ทางเจาหนาที่ผูปฏิบัติไมทราบวาจะเป็นยังไง อันนี้ EIA (Environmental Impact Assessment Report) หรือการทํารายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดลอมก็เป็นประเด็นที่เริ่มจะเห็นเขามามากชวงสองปีที่ผานมา อาจจะดรอปไปหนอย เพราะวาเนื่องจากโควิด คือ ใบขออนุญาตกอสรางขอพิจารณา EIA ของคณะกรรมการ ผูชํานาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดลอม กรุงเทพมหานคร (คชก.กทม.) มาจํานวนนอยลง อยางไรก็ตาม ความคืบหนาทางคดีปกครองคดีที่คุมครอง 29 คดี ตอนนี้อยูระหวางการพิจารณาศาลปกครองกลาง ประมาณ 21 คดี สวนใหญก็เพิกถอนมติของ คชก.กทม. ผมใหทีมงานชวยสรุปมาวาหลัก ๆ เป็นอยางไร ทุกเรื่องที่ถูกฟูองมารายงานไมถูกตองบาง ไมสอดคลองขัดตอกฎหมายที่เกี่ยวของอันนี้เป็นเหตุในการฟูอง ยังไมตัดสิน ไมถูกตองตามระเบียบ ขั้นตอน วิธีการ การมีสวนรวมของประชาชนไมเป็นตามนั้นตามนี้ สิ่งแวดลอมพวกนี้ยังพิจารณาไมถี่ถวน จุดบกพรองที่ทางทีมงานสรุปมาวา การจัดทํารายงานที่เราบันทึกการประชุม บันทึกแตภาพรวม ไมไดบันทึกรายละเอียดของคําพูดแตละทาน เพราะฉะนั้น ทําใหเวลาผูฟูองก็อาจจะบอกวา เราไดคุยประเด็นนี้หรือเปลา หรือไดมีการพิจารณาประเด็นนี้หรือยัง ครบถวนหรือยัง อันนี้ก็เป็นสิ่ง ที่อาจจะตองไปปรับปรุงจริง ๆ กรรมการไดพิจารณาประเด็นหลักนั้นแลวแตอาจจะไมไดบันทึกในรายงานการประชุม คดีโครงการ THE LINE SATHORN คดีนี้เรื่อง Pointคือ เรื่องเวลา เวลาคุมครองชั่วคราว หรือเวลาที่ศาลพิจารณา ก็จะมีประเด็นที่สะทอนกลับมา เรื่องของมูลคาเวลาที่หายไป คือโอกาสที่เสียไป คือลําดับมิติในมุมมองของผมเอง กอนที่เขามารับผิดชอบที่สํานักงานการจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ดูทรัพย์สินของจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ๖ ปีรวมถึงเขามาอยูที่กรุงเทพมหานคร ประเด็นที่พบจากคนนอก ก็คือ เวลาการพิจารณา เรื่องคดีศาลปกครองที่เกี่ยวของกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ถาใชระยะเวลานาน เวลาจะไมคอยใคร เพราะเวลามีมูลคาอยูแลว การปรับเปลี่ยนในการจะขยับอะไร ถาเวลาลาชา เชน เราจะสรางที่พักอาศัย หอพักนิสิต อันหนึ่งเราตองชะลอไป ทําใหการวางแผนการรองรับไมทันการก็โดนคุมครองชั่วคราว โดยใชเวลาการพิจารณาคดีนาน แตละวันมีมูลคาอยู ถาโดนไป 6 เดือน โดนไป 1 ปี โดนไปปีครึ่ง แผนงานหอพักก็จะไมทันการ ตรงนี้จะเป็นประเด็น ประเด็นที่ 2 อันนี้คือ เรื่องของการปฏิบัติขางในแลววาแมแต EIA ของผมเอง วันนี้ทางทานชัชชาติฯ ผูวาฯ หรือทางเราเองไดคุยกับคณะกรรมการ EIA วาเราตองลดการใชดุลยพินิจ การใชดุลยพินิจใหนอยลง คือ วางมาตรการใหมากขึ้น เพราะวาการพิจารณา EIA ที่ผานมากรรมการผูทรงคุณวุฒิเราใชดุลยพินิจเยอะ การใชดุลพินิจเริ่มตนไมเป็นไรอาจจะเริ่มใหม แตหลังจากนั้นแลวทําอยางไรใหการใชดุลยพินิจมีความคงที่ Consistent มากขึ้น อยางเรื่องการพิจารณา เรื่องผลกระทบตางๆ ตองดึงวิชาชีพเขามาชวยวาอันนี้บังลมบังแดดไหม อันนี้เสียงเพียงพอไหม พวกนี้บางทีใชดุลยพินิจของกรรมการแตละทานอาจจะไม Consistent อาจจะตอบไมพอ วาเพียงพอหรือไม เวลาเขาไปก็เลยเป็นมูลเหตุในการขึ้นฟูองศาลปกครองไดวา การพิจารณาพวกนี้เพียงพอหรือไม ตรงนี้วิชาชีพตองมาชวยผมก็เรียนทางสภาวิชาชีพไปวาพวกที่ตองออก Guideline เรื่องเทคนิคควรจะมี Guideline มาตรฐาน ไมใชใชดุลยพินิจของทานกรรมการ ก็เคยปรึกษาทานกรรมการเหมือนกันวาหลาย ๆ อยาง เราพยายามทําเป็นมาตรการ เป็น Guideline แนวทางการพิจารณาเหมือนกับบอกขอสอบคนทํารายงานกอนได 108
38 วาที่คุณทํามาไดที่ไหนใหเร็ว รายงาน EIA วันนี้แตละเลมหนาปึก ผมบอกทําอยางไรใหยึดเหลือ 20 หนาไดไหม checklist ทําใหมันงาย แลวก็เป็น Appendix ไปเลย แทนที่เรามาเสียเวลามานั่งตรวจคําเอกสารกันอยางนี้ เรามีเทคนิค คือ อะไรก็ตามทําใหเป็น Consistency ความคงที่ ลดการใชดุลยพินิจทําเป็นแนวทางมา ควรยื่น เขาจะถูกตอง เราตองทํามากนอยขนาดไหน อันนี้ก็เป็นแนวทางที่เราจะปรับปรุงกระบวนการพิจารณา เรื่อง EIA เพื่อใหเป็นมาตรฐานมากขึ้น ลดการใชดุลยพินิจ มี Technical Support ชัดเจน คนทําไดมีการวิเคราะห์ คือ ทําออกขอสอบกอนจะไดทําออกมาใหถูกตองเหมือนกัน นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา เราไดความรูเยอะเลยวา เวลาทํางานในฐานะผูบริหารทั้งริเริ่มนโยบายและจัดการบริหาร ใหนโยบายไปสูการปฏิบัตินั้นจะเจอแงมุมที่จะตองเอาใจใสดูแลมีอะไรบาง กอนที่จะไปที่ทานวชิระฯ อีกรอบ เกี่ยวกับเรื่องกลไกของศาลปกครองในการดูแลเกี่ยวกับเรื่องขอพิพาทตาง ๆ ที่เขามา หลายครั้งที่เราพูดกันตรงนี้ กับทานนพนันท์ฯ ก็ไดฝากไวนิดหนึ่งอยูแลววาในเรื่องผังเมืองทั้งตามกฎหมายเดิม คือ กฎหมายปี พ.ศ. ๒๕18 แลวก็กฎหมายใหมของปี พ.ศ. ๒๕62 ทายพระราชบัญญัติฯ ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ หมายเหตุทายพระราชบัญญัติฯ ก็ระบุไวชัดเจนเลยวาในการดําเนินการตามวัตถุประสงค์ของการผังเมืองบางกรณีจําเป็นที่รัฐตองใชสิทธิ์ เหนือเคหะสถานและทรัพย์สิน รวมทั้งการไดมาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ของเอกชนเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือจํากัดขอบเขตการเลือกถิ่นที่อยูประกอบกิจการของบุคคล คือจากหมายเหตุทายพระราชบัญญัติฯ ปี พ.ศ. ๒๕62 ตรงนี้ดูเป็นเรื่องยิ่งใหญมากเลย เพราะวาไปเกี่ยวของกับสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ถาเราถือวา เราอยูในระบอบเสรีประชาธิปไตย สิทธิในทรัพย์สิน สิทธิในการดํารงชีวิต สิทธิในการประกอบอาชีพนี้เรื่องใหญมาก เขาใจวามันจะมีมาตรการที่เกี่ยวของกอนที่จะมาถึงขั้นตอนทําผังเมืองที่จะไปกระทบสิทธิ คือ เรื่องการปรึกษาหารือ เรื่องของการมีสวนรวม โดยทั่วไปเวลาจะทําผังเมืองระดับตางๆ เขาเปิดโอกาสของการมีสวนรวมของแตละภาคสวน ของทองถิ่นหรือของชุมชนนั้น ๆ ยังไงบาง แลวมันใชไดผลหรือไม หรือวาเราตองฟังขนาดไหน เพราะวาเวลา ที่มีขอพิพาทเรื่องเกี่ยวกับการกําหนดประเภทที่ดิน การใชที่ดินตาง ๆ เขามาสูศาลปกครอง คนที่ฟูอง แนนอนเขาก็ยังไมพอใจวาถูกกําหนดใหเป็นโนนนี่ เขาก็จะสูวากรณีกระบวนการไมไดรับฟังความเห็นของเขา อยางเพียงพอ ทางศาลปกครองก็จะมองวา การรับฟังความคิดเห็นทั้งเรื่องผังเมืองและเรื่องอื่น ๆ ที่จริง เรื่องของทางกรุงเทพมหานครหรือทองถิ่นก็มีเยอะ เรื่องเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสาธารณสุข การประกอบ กิจการอันตรายพวกนี้ไมไดฟังความคิดเห็นของชุมชนโดยรอบใหม โดยหลักการของการพัฒนาเมืองของ การพัฒนาพื้นที่การรับฟังความคิดเห็นของผูคน เราทําอยางไร รูปแบบไหนไดบาง แลวก็รับฟังขนาดไหน ตองมีการคัดคานอยูแลว แลวเราจะSettled ถาเราเอาแคนี้ฟังแลว พอแลว มีกระบวนการอะไรที่เรามาแลกเปลี่ยน ใหทาน ๆ ที่ตองทําคดีพวกนี้รับฟังบางไหมทานนพนันท์ฯ รศ.ดร.นพนันท์ ตาปนานนท์ อาจารย์พิเศษ ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : วิทยากร ที่จริงประเด็นนี้ผมวาเรื่องใหญเพราะวาอยางที่เรียนจริง ๆ วาพระราชบัญญัติการผังเมือง ปี พ.ศ. 2518 ฐานที่มาจากผังนครหลวง Better Bangkok Plan ปี พ.ศ. 2533 ซึ่งทําตอนปี พ.ศ. ๒๕๐๓ เสนอรางกฎหมายมีการระบุวามีการเสนอรางกฎหมายเขามา แลวกระทรวงมหาดไทยก็ดําเนินการตอเนื่อง เราจะเห็นวามีการเสนอรางกฎหมายปี พ.ศ. 2503 กวากฎหมายตัวนี้จะออกปี พ.ศ. 2518 คราวนี้ในชวง 15 ปี มันเกิดอะไรขึ้นก็ตองเรียนวา มีการบันทึกถึงการสงไปสงมา แลวที่สําคัญคือมีการเพิ่มคําวาการผังเมือง เขาไปในรัฐธรรมนูญ 3 ตําแหนง 3 ที่ มีเรื่องการเวนคืน มีเรื่องของการเดินทางกันถิ่นที่อยู เพราะฉะนั้น 109
39 กวากฎหมายผังเมืองที่เวลาในการออกกฎหมาย คือ ใชเวลานานมาก เพราะวากวาที่จะเอา 3 คํา เขาไปในรัฐธรรมนูญ เพื่อทําใหตัวกฎหมายผังเมืองไมขัดตอรัฐธรรมนูญมันใชเวลาเยอะมาก แตตองเรียนวาเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ เพราะวาการที่รัฐจัดจางกระบวนการมีสวนรวม ผมวาทุกทานคงทราบดีวาปัจจุบันก็ยังทํากันไมได คือ เราไปรับ แบบโบราณอยู หรือพูดตรงๆเลยคือเรายังปกครองเป็นแบบเจาขุนมูลนายอยูเป็นอะไรก็ไมทราบ คือตองบอกวา กระบวนการมีสวนรวมที่อยูในกฎหมายตามมาตรา ๘๘ ใหมีการประชุมรับฟังตามขอคิดเห็นประชาชนไมนอยกวา 2 ครั้ง ไมนอยกวา 2 ครั้งก็คือวา 2 ครั้งควรเป็นอยางต่ํา ผมสายสถาปัตย์ผมเคยถามนิสิตวา เวลาที่ไปเสนอแบบบาน คุณตองเจอเจาของงานกี่ครั้ง กลายเป็นวาครั้งแรกตองไปคุยกัน อยากไดอะไร มีเงินเทาไหร จะเอาอะไรบาง จะทําอะไร แลวอีกครั้งอยางนอยเอาแบบมาใหดูถาโอเคก็โอเค ไมโอเคก็ครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 ครั้งที่ 6 เพราะฉะนั้น ตองบอกวาทุกอยางในตัวพระราชบัญญัติการเมือง พ.ศ. ๒๕18 มีความหมายซอนเหตุผลอยู มีการแกกฎหมายพระราชบัญญัติ พ.ศ. ๒๕18 ในปี พ.ศ. 2535 ใหเหลือประชุมรับฟังความเห็นประชาชน ไมนอยกวา 1 ครั้ง ก็เคยไปวางตรงนี้แลวก็เขาก็โวยวายกับผมวาก็ไมตอง ๑ ครั้ง ทํา 100 ครั้งก็ได ผมก็ถามวา ทํากี่ครั้ง เคาก็ตอบวาครั้งเดียว คือ ความความรูสึกที่รัฐมีตอประชาชนในกระบวนการมีสวนรวม ตองเรียนวา มาตราของกระบวนการมีสวนรวมก็พูดวาอาจตองไปทํากฎกระทรวงกําหนดรายละเอียด จะบอกวาใหประชุมประชาชน หรือวาใหกําหนดเป็นผูแทนก็ได เพราะฉะนั้น ผมแนะนําวิธีวางผังกรุงเทพมหานครคน 5-10 ลาน แลวแตทะเบียนหรือไมทะเบียนก็ตาม แลวคนที่เป็น Daytrip เขามาอีก คนมีสวนเกี่ยวของกลางวันมาทํางาน ถามวามีผลกระทบตอน้ําทวม รถติดไหมก็มีถามวาเราจะประชุมประชาชนยังไงกับคน 10 ลานคน ระบบตัวแทน คือ ระบบประชาธิปไตยที่เขาคิดมาแลวสมัยกรีกแลวเรายังทําไมเป็น แลวก็เปิดใคร ๆ เขามาก็เขา เรียนตรง ๆ บางทีเราก็อาจจะไดการประชุมประชาชนที่ไมคอยมีคุณภาพ เพราะวาเราไมไดออกแบบการมีสวนรวม ดีที่อาจารย์เป็นรัฐศาสตร์ผมวาอาจารย์เห็นชัดเลยวาเรื่องนี้เป็นเรื่องสําคัญในกฎหมายผังเมืองพระราชบัญญัติ พ.ศ. ๒๕๑๘ มีตั้งแตประชาชน อันแรกเลยประชุมรับฟังขอคิดเห็นของประชาชน อันที่สอง ใหผูมีสวนไดเสีย เห็นไหม เป็นอีกระดับถาคุณเป็นประชาชนทั่วไป Voiceเขามาได แตถาคุณเริ่มไดรับผลกระทบตอการออกขอกําหนด การเชื่อมโยงที่ดิน ผลกระทบตอสิทธิในทรัพย์สินของคุณ คุณเริ่มเป็นผูมีสวนไดเสียแลว คุณสามารถยื่นรองขอ แกไข เปลี่ยนแปลง ยกเลิกขอกําหนดการเชื่อมโยงที่ดินไดแตวาแนนอนก็ตองผานกระบวนการการพิจารณา ของคณะกรรมการผังเมือง ที่จริงแลวมีการพูดถึงเรื่องของการควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นกอนผังผลรวมใชบังคับ ที่จริงเดิมอยูในมาตรา 27 วรรค 2 ตอนนี้อยูมาตรา 37 วรรค 2 จริง ตรงนี้ผมวาเป็นตัวเปิดของเหตุผล วายื่นไปถึงศาลปกครองไดดวยเรื่องนี้ ถามวาเกิดอะไรขึ้น ยกตัวอยาง มีโรงงานอยู 20 ปีแลว ตอนนั้นก็อยูกลางทุง กลางนา ไมมีใครเดือดรอนอะไร พอเมืองเริ่มขยาย คนเริ่มไปอยู เริ่มมีปัญหา แลวอยางที่เห็น เชน ที่กิ่งแกวใชไหม ไมใชกรุงเทพมหานครก็ถามวาแลวเอายังไง โรงงานอยูกลางหมูบานอยางนี้เกิดปัญหาขึ้นเกิดผลกระทบ ที่จริงแลว กฎหมายไมไดบอกใหหยุดวาออกแลวก็ออกเลย มีเรื่องของการจัดการวาสิ่งที่เกิดขึ้นกอนก็จริง แตถามีผลกระทบ ที่เป็นสาระสําคัญ มีเรื่องของการสั่งใหแกไข เปลี่ยนแปลง หรือระงับ ตรงนี้จะกลายเป็นผลกระทบของเจาของ ผูครอบครอง ผูดําเนินกิจการก็กลายเป็นอีก Step หนึ่ง ในผังเมืองเฉพาะที่เป็นผังโครงการมีคําวา ผูเป็นเจาของ ผูครอบครอง ผูมีสิทธิ์กอสรางอาคารก็ตองบอกวากฎหมายผังเมืองมีคนที่ใชชื่อเรียกตางกันตามสิทธิที่เขาพึงมี อยูในกฎหมายตัวนี้ เพราะฉะนั้นผมคิดวาถาเราทํากระบวนการมีสวนรวมใหดี ใหรูวาอะไรใชไมใช มีEIA มาจริง ๆ สงมาทีนี้เป็นลัง ตึกสํานักการวางผังและพัฒนาเมืองไมถลมเพราะรายงานพวกนี้ก็บุญแลว ตองเรียนวาปัญหา อยูตรงที่วา ใครทํารายงานผลกระทบสิ่งแวดลอม คือ เจาของโครงการ ซึ่งจุดเริ่มตนของความผิดที่จริงแลว รัฐจะตองเอาเงินของเจาของโครงการไปจางที่ปรึกษาทําเรื่องรายงานผลกระทบสิ่งแวดลอมที่ไมเขาขางเจาของโครงการ แตวามีความเป็น Professional ที่เขาจะตองปกปูองตัวเองวาเขา Professional เขาทํารายงานผลกระทบสิ่งแวดลอม เสนอตอภาครัฐใหพิจารณาโดยดุลยพินิจ ผมวาเรื่องนี้มีอะไรผิดพลาดอยูเยอะแยะไปหมดในประเทศไทย ถาเราคอย ๆ สะสางใหดี ผังเมืองมีเรื่องเยอะมาก เรียนตามตรงวาที่ทําผังเมืองรวมกันมาตั้งแต พ.ศ. 2518 110
40 ที่จริงผังพระราชบัญญัติฯ ฉบับแรก ไมไดออกปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ออกปี พ.ศ. ๒๕๒๖ จนถึงประกาศหมดอายุการใชบังคับ โดยกฎหมายใหม เราใชอยูไมกี่มาตรา ที่จริงถาจําไมผิดก็จะ 17 ประมาณ 26 27 อะไรอยางนี้ ผมคิดวาเรา ใชผิดเจตนารมณ์ทุกมาตราเลย อยางประชุมประชาชนก็ผิด รับฟังความคิดเห็น รับคํารองขอแกไข ยกเลิกขอกําหนดนี้ก็ผิด กฎหมายเขียนวา แกไข เปลี่ยนแปลง ยกเลิก ขอกําหนดการใชจุดที่ดินไมไดยก ไมไดแกไขแผนผัง แตที่ขอไมไดแกไขแผนผังหมดเลยแลวก็ใหแกไขแผนผังไดดวย ผมวาเรื่องที่เราทําผิดอยู เราไมเคยจริง ๆ ก็คุยกันที่สํานักการวางผังและพัฒนาเมืองของกรุงเทพมหานครก็พูดเรื่องจะปิดประกาศ เรื่องของ 90 วัน ผมบอกดูดี ๆ นะ เขาไมไดใหเอาแผนผังเอาขอกําหนดไปแปะอยูขางฝา กฎหมายเขียนวา ประกาศเชิญชวน ประกาศขอบเขตของผังเมือง รวมแลวแจงใหประชาชนไปตรวจดูแผนผังผูมีสวนไดเสีย ไปตรวจดูแผนผังขอกําหนด ไปตรวจดูไมใชเอาแผนผังขอกําหนดไปแปะกันเต็มขยะไปหมดเลย ผมรูสึกวา คือ บางทีเราทําอะไรผิด เราก็แกไขปัญหา ไมใชผิดไปเรื่อย ๆ เมื่อสักครูทานวชิระฯ พูดถึง Floodway ขมขื่น ตองบอกวา Floodway ที่พูดกันมาตั้งแตประกาศกระทรวงมหาดไทยตอนปีประมาณ พ.ศ. 2526 ถาผมจําไมผิด มีแนวกรุงเทพมหานครตอถึงสมุทรปราการลงอาวไทย แตวาตอนนี้มันมี Floodway เฉพาะในกรุงเทพมหานคร ไมมี Floodway ในสมุทรปราการ ถาถามวาแลวจะกลับลงไปไหน ทานคงทราบวาบนเหนือ Floodway สมุทรปราการ มีสนามบินสุวรรณภูมิทั้งสนามบิน ถาถามวากรุงเทพมหานครจะกลับลงไปสนามบินสุวรรณภูมิไดหรือไม พวกนี้ คือ ปัญหาทางภูมิศาสตร์ มีน้ําทวมตรงนี้ ขาวดีของศาลปกครอง คือ อุโมงค์ระบายน้ําที่จะลงไปจากหลักสี่ ลงไปในเขตชั้นในกรุงเทพมหานครไปออกน้ําแมน้ําเจาพระยา ทั้งๆ ที่แมน้ําเจาพระยาก็อยูตรงนี้แตวาตองผานนนทบุรี ซึ่งผานไมได เราจะเอาน้ําจากลาดกระบังซึ่งเมื่อกี้ทานรองผูวาฯ พูดถึงปีที่แลว ลาดกระบังทวมหนักหนาสาหัส น้ําไมลงสมุทรปราการ ตอนปี พ.ศ. 2554 มหาอุทกภัย เรามีคลองระบายน้ําขนาดใหญเรียกวา คลองสุวรรณภูมิ อยูที่สมุทรปราการรับน้ํา 100 ลูกบาศก์เมตรตอวินาทีที่จะผันลงไปสูอาวไทย เชื่อไหมวาเรามีสูบ ๔ ตัว น้ําไมลง ใชเปิดสูบทีละตัวเพราะวาน้ําไม Flood ลงมา เพราะวาน้ําไมกลาFlood ผานสุวรรณภูมิ แลวถามวาทําไมเปิดทีละตัว ก็บอกวาเปิดใหเครื่องไมเสียก็คือสลับเปิดเทานั้นเอง ลงทุนไปเทาไหร คลองขนาดกวาง ๖๐ เมตร ยาวตั้งแตอาวไทย ไปถึงคลองสําโรงแตน้ําไมลง ก็ตองบอกวาเรามีอะไรเยอะแยะไปหมดในการบริหารจัดการซึ่งผมคิดวาผังเมือง คือคําตอบตรงนี้ คือเรื่องของกายภาพ คือ เรื่องของที่ตั้ง เรื่องของสภาพภูมิศาสตร์ คือ เรื่องของการใชทรัพยากร ที่มีอยูอยางจํากัดใหเกิดประโยชน์สูงสุด คือ งบประมาณ นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา ฟังแลวรูสึกวาวันนี้ยากกวาตอนที่ตั้งหัวขอไปเยอะเลย พวกเราที่ศาลปกครองก็ทําคดีผังเมือง เราก็จะการฟูองไมกี่มาตรา แลวเราก็ดูตามหลักการทั้งหลายดูตามขั้นตอน แตวาพอฟังโลกของภาคปฏิบัติ ของการบริหารจัดการฟังแลวเราก็อึ้งไปเหมือนกัน ทานตุลาการฟังแลวก็ออกจะอึ้งเรื่องพวกนี้คงไมใชงาย ๆ แคเปิดตัวกฎหมายเฉย ๆ เวลาเราคอนขางมีเยอะพอสมควร วันนี้เราเลือกที่จะนั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ ไปตาม ประเด็นขอคําถามตาง ๆ State นี้วิทยากรทุกทานก็มีขอมูลมีแงมุมที่อยากจะเลาสูกันฟังและแลกเปลี่ยนตาง ๆ กับพวก เราอยูแลว อันนี้โปรดสังเกตวาฉันจะไมใหทานวชิระฯ พูด เพราะวาทานวชิระฯ มีอะไรเป็นเลมที่จะเลาใหฟังดวย โดยเลาตรงตามหัวขอที่กําหนดไววาในบรรดาปัญหาทั้งหลายที่สะทอนมา ศาลปกครองเราไมไดเป็นฝุายตั้งรับเฉย ๆ แตเราพยายามสรางเครื่องมือในกระบวนวิธีพิจารณาทั้งหลายนอกเหนือจากการพยายามมีความรู การที่เชิญทาน ที่มาจากโลกแหงการปฏิบัติ โลกของวิชาการปกครอง เป็นสิ่งหนึ่งที่ศาลปกครองคิดวาจําเป็น เพราะวาคดีปกครอง หรือขอพิพาทที่เกี่ยวกับการใชอํานาจของหนวยงานหรือเจาหนาที่ของรัฐเกี่ยวของกับความรู ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์มากมายจริง ๆ เรามีคดีที่เกี่ยวกับเรื่องสัญญาณโทรคมนาคมทั้งหลายมากมาย ซึ่งมองไมเห็นอยูในอากาศ เรามีปัญหาเรื่องทะเล จากการที่เคยอยูศาลปกครองระยอง ใตน้ําในอาวหนาระยองเต็มไปดวยทอแก฿ส ทอน้ํามัน 111
41 ซึ่งเมื่อไหรไมรูมันรั่ว เพราะฉะนั้นนโยบายของทานประธานศาลปกครองแตละทานมาก็เนนวาเราตองใหตุลาการ ศาลปกครองเรามีความรู ความรูเรื่องไหนที่เราไมมีความรูเราตองพยายามหาผูเชี่ยวชาญมา เราจะไมแบบ นั่งเทียนเอาเองวาเราเขาใจทุกเรื่อง เรื่องระบบน้ํา ระบบระบายน้ํา ระบบอะไรตาง ๆ พวกนี้ เราจะพยายามหาความรู แตนอกจากนั้นแลวในทางวิธีพิจารณาคดีปกครองที่ทานรองฯ ไดยกความหวงใยมาวา สําหรับในภาคเอกชนนั้น เวลาเขาเป็นตนทุนพวกเราที่ศาลปกครองปีนี้ เราอยูกับสถานการณ์ที่มีกฎหมายออกมาใหเรากําหนดระยะเวลา ในการดําเนินคดีใหแลวเสร็จ เพื่อความเป็นธรรมที่ประชาชนพึงจะไดรับภายในเวลารวดเร็ว อันนั้นเป็นในทางหลักการ แตที่ทานวิศณุฯ พูดถึงคือรูปธรรมสําหรับนักลงทุน สําหรับผูพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือจะวาไปก็ตนทุนสําหรับทุกคน มีตนทุนที่สามารถเป็นมูลคาตองคํานวณทั้งสิ้น ความลาชาของพวกเราไมใชแคความหงุดหงิดแตเป็นอะไรที่เป็นรูปธรรม ดังนั้น ในทางวิธีพิจารณาเราสรางกลไกอะไรไวหลายอยางจากจุดเริ่มตนเมื่อ 22 ปีกอนที่เป็นวิธีพิจารณาแบบพื้นฐาน ผานปีที่ 20-21-22 มาแลวเราพัฒนากลไกขึ้นมาอีกหลายอยางที่จะชวยใหทันตอเวลา หรือวาหลายเรื่อง ใหขอพิพาทสามารถยุติไดกอนที่จะตองนั่งรอกระบวนการสิ้นสุด อันไหนบางเรื่องไกลเกลี่ยไดไหม บางเรื่อง ดําเนินกระบวนพิจารณาโดยเร็ว ถาทานอธิบดีในแตละศาลนั้นเห็นวา เรื่องนี้สามารถใหแลวเสร็จไดโดยเร็ว ไมจําเป็นตองรอใหมัน 6 เดือน 9 เดือน 12 เดือนเสมอไป สิ่งเหลานี้เป็นสิ่งที่ทานวชิระฯ จะไดเลาใหฟังในชวงถัดไป นายวชิระ ชอบแต่ง ตุลาการศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร ผมฟังทานรองฯ ยกตัวอยางคดีตาง ๆ ขึ้นมา แลวก็ฟังทานนพนันท์ฯ พูดถึงโดยเฉพาะ เรื่องผังเมืองนิดเดียว ที่ยกใหเห็นชัด คือ เรื่องของกระบวนการในการรับฟังความคิดเห็นที่ทานรองฯ ไดยกตัวอยางคดีขึ้นมาโดยอยากจะเรียนเบื้องตนกอนวา อํานาจหนาที่ของฝุายปกครองจะแบงออกเป็น 2 ลักษณะ ลักษณะที่ 1 คือ ทานริเริ่มใชอํานาจเอง เพราะฉะนั้นวัตถุประสงค์ของการใชอํานาจเองแลวก็เพื่อประโยชน์สุข ของประชาชน เชน ถาจะทําอุโมงค์ขุดลอกคลองตาง ๆ เพื่อที่จะปูองกันน้ําทวมก็มีวัตถุประสงค์เพื่อพวกเราทุกคน อันที่ 2 อํานาจที่เกิดขึ้นตอเมื่อมีการยื่นคําขอกอน เพราะฉะนั้นบรรดาคําขอที่ทานพิจารณาอนุญาตกอสรางอาคาร อะไรตาง ๆ ขึ้นไปแลวมีคนเดือดรอนมาฟูองศาลปกครองเป็นการใชอํานาจในลักษณะที่ 2 คือ การริเริ่มใชอํานาจ โดยการมีคําขอกอนหรือวาตองขอกอน ผลที่เกิดขึ้นก็คือวา จะมีผลกระทบ 2 ดาน อันนี้คือ ทานอนุญาตไป คนที่รับอนุญาตก็โอเคมีความสุข แตวาคนที่อยูใกล ๆ กับที่ทานอนุญาตใหกอสรางโรงงาน อนุญาตใหทําสุสาน อะไรตาง ๆ ขึ้นไปแบบนั้นเพราะเป็นหนาที่ของกรุงเทพมหานครเขาก็ตองมีความรูสึกวากระทบตอเขานะ เพราะฉะนั้นปัญหาก็คือเขาก็หาทางที่จะเยียวยาความเดือดรอนของเขาก็มาพึ่งศาลปกครอง มาฟูองคดี เพราะฉะนั้นในกระบวนการตรงนี้ศาลปกครองก็ตองมีหลักของศาลปกครองในการที่จะดูวาริเริ่มเองหรือวา มีคนขอกระบวนการในการทํางานของทานเป็นไปโดยชอบโดยกฎหมายหรือไม อันนี้เป็นหลักปกติ ซึ่งทานเอง ก็คงทราบดี สวนประเด็นทานนพนันท์ฯ เป็นสิ่งที่สะทอนใหเห็นวาการทํางานของเราซึ่งฟังแลวเห็นวา มีความละเอียดรอบคอบมาก โดยเฉพาะในการจะไปพิจารณากฎหมายที่ทานยกตัวอยางกลาวถึงในพระราชบัญญัติผังเมือง ถึงสถานะของบุคคลและมาตราที่แตกตางกัน พูดถึงการรับฟังความคิดเห็นประชาชนมาตรานี้ พูดถึงการมีสวนไดเสีย มาตรานี้ พูดถึงไปผิดประกาศขอกําหนด มาตรานี้อะไรตาง ๆ พวกนี้ พอกฎหมายเขียนอยางนี้ แตวาในทางปฏิบัติ เวลาเขามีการฟูองและมีการอางถึงวา เรื่องนี้ไมชอบ ไมไดรับฟังความคิดเห็น เราอานคราว ๆ ก็ดูวามีการจัดไหม มีการประกาศไหม มีคนเขาฟังกี่คน ผมมีคดีอยูเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นการใชการประชุมโดยอางถึงระเบียบรับฟัง ความคิดเห็นประชาชนปี พ.ศ. 2548 ซึ่งเทียบเคียงกันไดคือ คดีนั้นเหมือนกับวาจะมีการทําโรงงานเกี่ยวกับ อุตสาหกรรมไฟฟูาในเทศบาล เทศบาลก็บอกวา ดังนั้น ไปทําตามระเบียบฯ ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ กอน ปรากฏวา มีคนเขามาแถวนี้คนเมื่อเทียบกับคนในหมูบานแลว คําถามที่ตั้งก็เป็นคําถามปลายเปิดคือยังไงก็ทําได เทศบาลก็อนุญาตไป ปรากฏวามีคนมาฟูองศาลปกครองถึงปัญหาขั้นตอนในการรับฟังความคิดเห็น ซึ่งศาลปกครอง ก็บอกวากระบวนการในการรับฟังความคิดเห็นยังไมเป็นไปตามระเบียบฯ ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ถือวากระบวนการ 112
42 ในการทํางานไมชอบดวยกฎหมาย เพราะฉะนั้นก็ไดใหเพิกถอนในสวนนี้กระบวนการไมชอบ สิ่งที่ทานรองฯ ไดนําเสนอบรรดาคดีตาง ๆ และที่ทานนพนันท์ฯ ไดใหขอมูลเกี่ยวกับเรื่องผังเมืองนับวาจะเป็นประโยชน์ตอการทํางาน เป็นอยางยิ่ง ในประการแรกผมก็ตองยอมรับวาในสวนของความลาชาอาจจะมี และผมคิดวาพวกเรานาจะตระหนัก แลวก็ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอยางดี เพราะฉะนั้นในกลไกที่ศาลปกครองไดกําหนดขึ้นในปัจจุบัน ผมคิดวา มีหลายเรื่องหลายราวที่นาจะพยายามที่จะแกปัญหาในสวนนี้ได ขอยกตัวอยางใหพวกเราไดฟังซัก 2-3 เรื่อง เรื่องแรก คือ เรื่องของวิธีพิจารณาที่เรงรัดคดี เรามีกระบวนการที่เรงรัดคดีหรือคดีเรงดวน เรามีคําขอแลว ก็มีทาน ผูบริหารศาลปกครองสามารถที่จะกําหนดใหคดีเหลานี้เป็นคดีพิจารณาโดยเรงดวนได อันนี้ก็เป็นชองทางหนึ่ง หรืออาจจะมีวิธีการไกลเกลี่ยก็ถือวาปัจจุบันก็มีการใชเรื่องของการไกลเกลี่ยเขามาในการพิจารณา แตวาอาจจะ มีขอจํากัดอยูบางสําหรับบางเรื่องราวที่อาจจะใชไกลเกลี่ยไมได กลไกอีกตัวหนึ่งที่สําคัญ คือ เรื่องเงื่อนไขในการฟูองคดี เงื่อนไขนี้อยากจะเรียนนิดหนึ่งวาการฟูองคดีปกครองสิ่งที่สําคัญก็คือ คนที่จะมีสิทธิ์ฟูองคดี หลักของการมีสิทธิ์ฟูองคดี คือ ไดรับความเสียหายหรืออาจเดือดรอนเสียหายและตองมีคําบังคับ ซึ่งอันนี้มีเงื่อนไขพอสมควร เพราะฉะนั้น การกรองบุคคลที่มาฟูองคดีไดอันนี้เป็นเรื่องที่มีความสําคัญ เพราะฉะนั้นทานอาจจะสงสัยวาบางทีคนธรรมดาก็ฟูองได บางทีเป็นกลุมคน ชุมชน หรือนิติบุคคล อันนี้ผมคิดวาก็ขึ้นอยูกับรูปเรื่องแตละเรื่องไป เพราะฉะนั้น ในคดีฟูองเพิกถอนเกี่ยวกับใบอนุญาตกอสรางอาคาร ในกรุงเทพมหานครหลาย ๆ คดี ถาเกิดไปดูคําพิพากษา ของศาลปกครองโดยละเอียดแลว คําพิพากษาอธิบายวา ทําไมคดีนี้บุคคลธรรมดาฟูองได ทําไมคดีนี้เป็นกลุมคน ที่อยูในละแวกนั้น หรือวาเป็นสมาคม หรือชมรม ซึ่งจริง ๆ คดีเหลานี้เรามีแนวที่ออกคําพิพากษาไปเยอะ ไมใชเฉพาะในกรุงเทพมหานครรวมถึงตางจังหวัดดวย เพราะฉะนั้นคําถามคือวา ทําไมศาลปกครองรับฟูอง คนเหลานี้ไดงายจัง การรับฟูองคนเหลานี้ทําใหผูประกอบการอีกกลุมหนึ่งตองไดรับผลกระทบ ซึ่งอันนี้ก็เป็นประเด็น ก็ตองเรียนวาในขณะที่มีการพัฒนาจัดการบานเมืองก็มีการคุมครองสิทธิ์ของบุคคลที่อยูในเมืองรวมกันโดยตรง นี่ก็เป็นประเด็นสําคัญที่ทานสายทิพย์ฯ พูดถึงวาเราตองการสรางดุลยภาพของคนในเมืองอยางที่ทานรองฯ พูดถึงวาทําไมกรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่นาทองเที่ยว เป็นเมืองนาอยู เมืองลําดับที่ 98 เพราะฉะนั้นนโยบาย ของทางกรุงเทพมหานครก็ทําใหเป็นเมืองนาอยูของทุกคน การที่จะทําใหเมืองนาอยูทุกคนก็ตองมีคนที่ไดประโยชน์ และคนที่เสียประโยชน์จากการที่ทางกรุงเทพมหานครไดใชอํานาจหนาที่ไป ซึ่งผมวาเป็นเรื่องปกติเพราะฉะนั้น ศาลปกครองก็มีกลไกที่จะเขาไปดู อยางที่ผมเรียน แตนอกจากนั้นเราก็มีเรื่องของการบังคับคดีอยากจะเรียนนิดหนึ่ง วา ในปัจจุบันทานประธานศาลปกครองสูงสุดไดออกคําแนะนําเมื่อเดือนมกราคม ปี พ.ศ. ๒๕63 กรณีที่ตองรื้อถอน อาคารดังที่ทางทองถิ่นไดใชอํานาจไปแลว รื้อถอนอาคาร แตอาจจะมีปัญหาอุปสรรคในการรื้อถอนอาคารไมได เพราะฉะนั้นเมื่อดูตามกฎหมายมาตรการควบคุมอาคารแลวก็มีขั้นตอนที่จะตองรื้อถอนอาคารออกไป แตวามีขั้นตอน ที่สําคัญอยูขั้นตอนหนึ่งก็คือวา ถามีคําสั่งรื้อถอนไปแลวเจาของอาคารไมยอมรื้อถอนกฎหมายใหอํานาจ กระบวนการมาตรา 43 (๑) ใหอํานาจเจาพนักงานทองถิ่นยื่นคํารองตอศาลเพื่อขอใหจับกุมกักขังบุคคล การกักขังบุคคลเป็นการกระทบสิทธิคอนขางแรง เพราะฉะนั้นคําแนะนําของทานประธานศาลปกครองก็คือ ใหทางศาลปกครองไตสวนใหได ไดขอเท็จจริงวาการที่เจาของอาคารหรือผูรับคําสั่งไมปฏิบัติตามคําสั่ง ของเจาพนักงานทองถิ่นมีเหตุอันสมควรหรือไม อยูดี ๆ ไปเรียกรองตอศาลปกครองแลว ศาลปกครองก็จะมีคําสั่ง ใหจับกุมกักขังคงเป็นไปไมได อันนี้ในสวนที่ตองไตสวนแลวก็ตองไตสวนทางเจาพนักงานทองถิ่นดวยวาไดมีการดําเนินการ อยางเต็มที่หรือยังไมใช พอมีคําสั่งก็ไมดําเนินการมายื่นคํารองตอศาลปกครองเลย อันนี้คงไมเป็นไปตามคําแนะนํา นอกจากนั้นในประเด็นที่สําคัญอีกประการหนึ่งคือวา ถาไมมีการปฏิบัติตามคําบังคับของศาลปกครองจะมีการกําหนด คาปรับของทานรองฯ ซึ่งกําหนดไวคอนขางสูงคือ 50,000 บาท เพราะฉะนั้นคําแนะนําในที่นี้ก็คือวา ถาเกิดศาล มีคําบังคับไปแลว และไมปฏิบัติใหเป็นไปตามคําบังคับนี้ ศาลอาจจะออกคําสั่งปรับได แตวาการออกคําสั่งปรับ จากคําแนะนําก็บอกวาใหคุณไตสวนแลวก็สอบถามเหตุผลความจําเป็นที่ไมสามารถจะดําเนินการใหเป็นตาม คําบังคับได มีเหตุผลอยางไร ซึ่งในประเด็นนี้ผมอาจจะขออนุญาตแลวกันวาในการใชอํานาจของฝุายปกครองเอง 113
43 ทานมีขอจํากัดเยอะมาก คือ เรื่องระยะเวลา แตเพียงอยางเดียวก็คงจะขึ้นมาวาไมทําภายในเวลากําหนด 90 วัน 180 วัน ทําไมเสร็จแลวถูกปรับเลย อันนี้ในความเห็นผมคิดวาทางฝุายปกครอง ทานอาจจะมีเหตุผลความจําเป็นเยอะ เชน งบประมาณอยูระหวางปีพอดีหรือเพิ่งเขามา ขออนุญาตเลาใหฟัง ผมเคยไดรับเสียงบนจากพรรคพวกฝุายปกครอง บอกวาคําพิพากษาเมื่อประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน ใหชดใชเงินใหดําเนินการแลวเสร็จภายใน 60 วัน หรือ 30 วัน เขาบอกวาเขาทําไมได เพราะวาสิ้นปีงบประมาณไมมีเงินกันไวสํารองจาย แตวาปัจจุบันเขาใจวา อาจจะมีระเบียบอะไรที่เบิกจากงบกลางอะไรก็วากันไป แตวาเหตุการณ์กําหนดคําบังคับบางเรื่องบางราว ระยะเวลาก็เป็นเรื่องที่จะตองพิจารณาดวยความรอบคอบวาสามารถดําเนินการไดมากนอยแคไหน ขอยกตัวอยาง เป็นรูปธรรมใหเห็นอีกคดี คือ เรื่องกําหนดระยะเวลา ก็คือ เรื่องของการพิพากษาใหทางกรุงเทพมหานคร เคลื่อนไหวดําเนินการซอมลิฟต์ สําหรับรถไฟฟูากําหนดระยะเวลาผอนชําระ ๑ ปี หรือ ๒ ปีไมแนใจ แตวาอยางไรก็ไมเสร็จ พอไมเสร็จก็มีผลกระทบจากการดําเนินการไมแลวเสร็จ ไมใชกลุมผูฟูองคดี คนพิการอีกกลุมหนึ่ง ซึ่งเขามารองบอกวาการที่ศาลปกครองมีคําพิพากษาใหทําลิฟต์กําหนดคนพิการขึ้นรถไฟฟูาทั้งหมด ศาลปกครองพิพากษาใหดําเนินการแลวเสร็จภายใน 1 ปี หรือ 2 ปีประมาณนี้ ก็ทําไมเสร็จก็ฟูองศาลปกครอง ศาลปกครองก็รับฟูองและพิจารณาคดีนี้ ผมเขาใจวานาจะออกเป็นคําพิพากษาไปแลววาใหทางกรุงเทพมหานคร จายใหกับบุคคลที่มาฟูองในรายละ 5,000 บาท แตวาจะมีคดีลักษณะนี้เพราะวาถาเกิดผลกระทบคําบังคับแลว ปฏิบัติไมได กลไกที่จะตองดูแล ก็คือวา ตองมีการฟูองตามมาซึ่งอาจจะไมใชผูฟูองรายเดิม เป็นผูฟูองรายใหม ที่มีผลกระทบจากการที่ศาลปกครองมีคําพิพากษาแลวไมดําเนินการไดแลวเสร็จภายในเวลาที่ศาลบังคับ อันนี้ก็เป็นตัวอยาง หรืออีกประเด็นหนึ่ง ก็คือ กลไกที่สําคัญ ก็คือวา การมีขอสังเกตในคําพิพากษา ผมคิดวา ขอสังเกตนี้จะเป็นประโยชน์มากสําหรับทานนพนันท์ฯ และทานรองฯ ที่กําลังแกไขหรือปรับปรุงกฎหมาย วาดวยการผังเมืองและควบคุมอาคารเพราะวาขอสังเกตเหลานี้แสดงใหเห็นวาความตั้งใจของศาลปกครอง ที่จะเห็นการบริหารจัดการบานเมืองที่ดีขึ้นอาจจะมีขอสังเกตวาถาศาลปกครองพิพากษาอยางนี้ก็ใหฝุายปกครอง ไปดําเนินการตามขอสังเกตโดยใหไปปรับปรุงแกไขระเบียบ หรือไปดําเนินการคืนสิทธิ์ สิ่งตาง ๆ เหลานี้ อาจจะไมอยู ในระบบกฎหมายโดยตรง แตวาทานสามารถนําขอสังเกตเหลานี้เขาไปสูในการปรับปรุงแกไขกฎหมายได หรืออีกสวนหนึ่ง คือ อาจจะมีการขอพิจารณาคดีใหมเรื่องนี้ก็เป็นประเด็นสําคัญในกรณีที่ศาลมีคําพิพากษาไปแลว และเกิดกรณีมีขอเท็จจริงหรือขอกฎหมายเปลี่ยนแปลงไปอะไรตาง ๆ ตามเงื่อนไขที่กําหนดไวในมาตรา 75 หรือผูไดรับผลกระทบ หรือผูมีสวนเกี่ยวของก็สามารถที่จะมายื่นคําขอพิจารณาคดีใหมไดอันนี้ก็เป็นประเด็นสําคัญ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นาคิดมากเพราะวาบางที ณ ขณะที่มีการยึดฟูองเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ทํากฎหมายเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นศาลปกครองก็พิจารณารายละเอียดไปภายหลังจากที่ศาลปกครองมีคําพิพากษา แลวก็มีการไปปรับปรุง แกไขกฎหมายใหม ซึ่งการกระทําเชนวานั้นไมเป็นการฝุาฝืนกฎหมายอีกตอไป ประเด็นเหลานี้ก็นาจะเป็นประโยชน์ เป็นกลไกที่สามารถจะนํามาใชในการที่จะบริหารจัดการบานเมืองใหมีประสิทธิภาพได เพราะฉะนั้นอีก 2 สวน ก็คือ ที่ผมคิดวานาจะเป็นประโยชน์ก็คือ การวิพากษ์วิจารณ์คําพิพากษาในทางวิชาการในศาลปกครองสามารถ ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ไดในทางวิชาการ สุดทายที่อยากนําเสนอในการปฏิบัติหนาที่หรือผลงานของศาลปกครอง ตองมีการรายงานตอสภาผูแทนราษฎร ผลจากการที่ศาลปกครองมีการปฏิบัติหนาที่ในเรื่องตาง ๆ ก็คือ การตัดสินคดีในเรื่องตาง ๆ และรายงานตอสภาผูแทนราษฎร ผมคิดวามีหลักคิดหลายเรื่องหลายราวที่สามารถ จะนําไปสูการปรับปรุงแกไขกฎหมายได หรือวาไปปรับปรุงกฎระเบียบของทางราชการไดหลาย ๆ แหง โดยเฉพาะสิ่งที่ทานสายทิพย์ฯ คงพอจะเลาใหฟังไดวา ศาลปกครองไดมีคําพิพากษาในเรื่องหนึ่งที่แสดงถึง ความเป็นอิสระขององค์กรปกครองสวนทองถิ่น หลักความเป็นอิสระขององค์กรปกครองสวนทองถิ่น ทานคงเขาใจดีวาองค์กรปกครองสวนทองถิ่นมีอํานาจหนาที่มากมายเกี่ยวของกับวิถีชีวิตประจําวันของทาน ตั้งแตทานตื่นนอนจนถึงเขานอน ออกจากบานมาเจอเดินผานตลาดสกปรกก็มาฟูองศาลปกครอง ขึ้นรถไมไดรับความสะดวก แตก็มาไดหมด รวมถึงการจัดงานประเพณีสงกรานต์ วันเด็ก วันสําคัญตาง ๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ฝุายปกครอง 114
44 ไดดําเนินการไปในเรื่องราวตาง ๆ ก็อาจจะถูกโตแยงจากการตรวจสอบดวยกันเองจากหนวยงาน ปปง. ป.ป.ช. หรืออะไรก็วากันไป สิ่งสําคัญเรื่องความเป็นอิสระผมวาเป็นเรื่องที่มีความสําคัญสําหรับการปฏิบัติหนาที่ ขององค์กรปกครองสวนทองถิ่นไมวาจะเป็นเรื่องของการจุดพลุในปีใหมมีคนเลาใหฟังบอกวาวิธีการใชงบประมาณ ที่ใชดวยความรวดเร็วมากภายในเวลาไมเทาไหรใชงบประมาณไปจํานวนมากจุดพลุปีใหมฉลองจุดไป 50 นัด 100 นัด งบประมาณเทาไหรจะไปตรวจสอบวากี่นัด พลุสีอะไร ก็วากันไป ความเหมาะสมของการใชอํานาจ หรือการคิดโครงการเหลานี้จะเป็นประเด็นปัญหาที่เราเห็นเยอะในคดีของศาลปกครอง เพราะวาทานอาจจะไปใชอํานาจ เพื่อพี่นองประชาชนในพื้นที่แตละพื้นที่แตกตางกันออกไป ทานอาจจะอยูกรุงเทพมหานคร อาจจะจัดงานแบบนี้ อยูเชียงใหม อยูภาคอีสาน อยูภาคใตอยูภาคกลาง ก็จัดงานที่แตกตางกันออกไป แตวาพอทานจัดงานก็อาจจะมี กิจกรรมตางๆในงานมากมายเพราะฉะนั้นกิจกรรมเหลานี้อาจจะถูกตองแลววาไมเป็นไปตามอํานาจหนาที่ของทาน พอไมเป็นไปตามหนาที่ก็ตองมีผูรับผิดชอบ พอมีผูรับผิดชอบก็มีคําสั่งใหเจาหนาที่เหลานั้นชดใชเงิน เจาหนาที่นั้น ก็มาฟูองวาเขาก็ไดดําเนินการตามอํานาจหนาที่ ซึ่งเรื่องเหลานี้ศาลปกครองก็มีคําพิพากษาไปในหลายๆเรื่องดวยกัน ซึ่งผมคิดวาทานสายทิพย์ฯ ก็นาจะพอยกตัวอยางไดในเรื่องของความเป็นอิสระของทองถิ่น อยากใหทาน ชวยยกตัวอยางเพื่อใหพวกเราไดเห็นภาพชัดขึ้นแลวก็จะไดเป็นหลักคิดวากลไกเหลานี้ที่ผมไดยกขึ้นมาเป็นเพียงเบื้องตน ไมวาจะเป็นเรื่องของอํานาจศาลปกครองก็ดี วิธีพิจารณาคดีของศาลปกครองก็ดี หรือวาการใชมาตรการ หรือคุมครองชั่วคราวในระหวางการพิจารณาคดีของศาลปกครอง หรือการไกลเกลี่ย หรือการมีขอสังเกต หรือการบังคับคดี หรือวาการขอพิจารณาใหมเหลานี้ถือวาเป็นกลไกที่สําคัญของศาลปกครองในการที่จะชวยให การบริหารจัดการเมืองเกิดความดุลยภาพ เกิดความสมดุลดานสิทธิของพี่นองประชาชนกับการใชประโยชน์ ในทรัพย์สินตาง ๆ รวมถึงใหการบริหารภาครัฐเป็นไปอยางมีประสิทธิภาพ ผมเชื่อวาถาเรามีความเขาใจและนํากลไกเหลานี้ มาใชอยางมีประสิทธิภาพก็นาจะชวยใหการบริหารจัดการบานเมืองเป็นไปอยางมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา พอพูดถึงเรื่องการบริหารจัดการเมืองคําแรกเลยที่มาก็คือ เป็นเรื่องของคนในทองถิ่นเป็นเรื่องของ คนในชุมชน ซึ่งก็มีขอสังเกตคลาย ๆ ทานนพนันท์ฯ กลาวถึงออม ๆ วาตอนทําผังกฎหมาย ผังเมือง หรือจะทําผังเมืองแตละที่ก็เป็นหนวยงานราชการสงไปสงมา แลวก็การมีสวนรวมของประชาชนก็ทํากัน แบบไมไดคํานึงถึงเจตนารมณ์ที่แทจริงกันสักเทาไหร ไมทราบวาจะตรงไป ถาจะบอกวาการทําผังเมืองในระบบ ของบานเราเป็นเรื่องของหนวยงานราชการของเราเป็นสวนใหญ แตวาโอเคอาจจะโชคดีตรงที่วาเป็นหนวยงานราชการ ที่มีความรูมีองค์ความรูทางเรื่องทางดานเทคนิค ทางดานวิชาการเกี่ยวกับการบริหารพื้นที่หรืออะไรตาง ๆ พวกนี้ มากพอสมควรก็ออกมาเป็นผังเมืองที่มีมาตรฐานสากล แตวาสําหรับผูคนในทองถิ่นหรือวากระทั่ง องค์กรปกครองทองถิ่นที่เมื่อสักครูตั้งขอสังเกต กรุงเทพมหานครศักยภาพสูงพอแตอยางทองถิ่นประเภทอื่น ๆ โอกาสที่จะมีสวนรวมในเรื่องของการจัดทําผังเมืองของตัวเองคอนขางจะไมมากนักยังไมตองพูดถึงระดับชาวบาน ดิฉันเคยไปทํางานที่จังหวัดลําปางอยูหลายปีแลวก็เดินผานหนาศาลากลางประจําเลย ก็จะมีบอร์ดที่แปะแผนที่เล็ก ๆ มองเกือบจะไมเห็นยืนสองดูอยางเอาจริงเอาจังเขาประกาศอะไรสักอยางเกี่ยวกับผังเมือง ซึ่งมองอานก็แทบจะไมออก เพราะเล็กมาก แลวก็สงสัยวาเราซึ่งเป็นคนมีความรูพอสมควรสิ่งนี้จะมีผลอะไรกับชีวิตแตถาเผื่อเป็นชาวบานนี้ คงเป็นแผนปูายอีก 1 แผน ที่ติดจนเกาหรือวาโดนฝนจนลอกไปแตคิดวาในอนาคตสถานการณ์ คงนาจะเปลี่ยนไป คนสนใจเอาใจใสมากขึ้น โดยเฉพาะอยางยิ่งคนที่อยูในเขตเมืองในตางจังหวัดก็มีความตื่นตัวกันสูงขึ้น ในระยะเวลา 10 กวาปีขางหลังนี้ ที่ทานวชิระฯ พยายามจะบอกวาทองถิ่นก็ตองมีความเป็นอิสระคิดวาอยูที่ศักยภาพ ขององค์ปกครองสวนทองถิ่นของทานเองดวย กรุงเทพมหานครเวลาไปบรรยายที่ไหน หรือสัมมนาที่ไหน เราไมคอยรวมกรุงเทพมหานครเป็นตัวอยางเพราะวายกตัวอยางแลวพวกนายก อบต. หรือนายกเทศมนตรี 115
45 ตําบลเล็ก ๆ ทานบอกทานไมสามารถทําอะไรอยางกรุงเทพมหานครไดหรอก แลวกรุงเทพมหานครเขามีทั้งคน มีทั้งเงิน มีทั้งอะไรเยอะแยะก็อาจจะจริง แตวาในศาลปกครองเราก็เคยมีคําพิพากษาจากคดีเล็กที่ยืนยันเป็นหลัก อิสระของขององค์การปกครองทองถิ่นอยูบาง ซึ่งจริง ๆ แลวประธานศาลปกครองสูงสุดทานปัจจุบัน ทานวรพจน์ฯ เคยสอนมาตั้งแตสมัยที่เขามาใหม ๆ บางทีเรื่องที่เราจะวางหลักการในการปฏิบัติราชการที่ดี หรือหลักการสําคัญ ๆ เราอาจจะตองเริ่มมาจากคดีเล็ก ๆ ถาเราไปเริ่มจากคดีที่ตองไปเกี่ยวของกับการรื้อตึก ขนาด 40 ชั้น หรือไปรื้อสัญญาขนาดมูลคาหมื่นลานอาจจะไมใชที่ ๆ เราจะไปวางหลักปฏิบัติราชการที่ดี จากคดีที่มีสวนไดเสียอะไรกันมากขนาดนั้น ตัวอยางที่ทานวชิระฯ ยกก็คือ คดีที่เกี่ยวกับเรื่องวัฒนธรรม ประเพณี ความเป็นอิสระของทองถิ่นประเภทที่วาถาทองถิ่นเทศบาลตําบลเล็ก ๆ อยากจะจัดงานสงกรานต์แลว หนวยงานที่กํากับดูแลไปยุงกับเขาจนกระทั่งวาถาเขาจะจัดกิจกรรมประเภทเป็นรําวงยอนยุค หรือวามีหมอลํารวมสมัย แลวหนวยงานตรวจสอบอื่น ๆ ไปบอกอะไรเขาวาอันนี้ไมตรงวัตถุประสงค์ ไมเหมาะกับเขา หรือเขาบอกวา จะจัดงานประเพณีที่เกี่ยวกับการกินเจแลวก็อยากจะมีจัดขบวนที่มีคนใสเสื้อสีขาวอยูในประเพณีกินเจใชเงินสัก 70,000 บาท แตเขาเป็นเทศบาลที่มีเงินเยอะ มีเงินเป็นรอยลาน จะไปยุงอะไรกับเขาถาเขาจะใชเงิน ๗๐,๐๐๐ บาท แลวมีคนมาทองเที่ยว สิ่งเหลานี้ศาลปกครองก็คอย ๆ ชวยวางหลักไปซึ่งเป็นตัวอยางที่ดี อยางหนวยงาน ที่กํากับดูแลโดยกระทรวงมหาดไทยก็ออกหนังสือเวียนตามไป เนื่องจากศาลปกครองวินิจฉัยใหเหตุผลเกี่ยวกับ หลักในเรื่องความเป็นอิสระตามรัฐธรรนูญ เพราะฉะนั้นแลวขอบอกวาตอไปนี้รําวงยอนยุคเป็นกิจกรรมทองถิ่น แตก็ยังอุตสาห์ใหทีละนิดไป ก็คงใชเวลาอีกยาวนานกวาองค์กรปกครอสวนทองถิ่นจะมีศักยภาพพอที่จะยืนหยัด เคยมีเทศบาลใหญแหงหนึ่งทางภาคตะวันออกที่เคยฟูองขอเพิกถอนหนังสือเวียน ทานอยูกรุงเทพฯ อาจจะไดยิน คนพูดถึงวามีหนังสือเวียน แตทําไมทําไมไดอยูในอํานาจหนาที่ปรากฏวาเทศบาลนครใหญแหงนั้นอาจหาญพอ ที่จะบอกวา หนังสือเวียนที่บอกวาจะสงคนไปอบรมจะตองเป็นหลักสูตรของกระทรวงมหาดไทยเทานั้น มันไปจํากัดความเป็นอิสระของเขาในการพัฒนาบุคลากร เขาฟูองศาลปกครองมาซึ่งศาลปกครองก็ยืนยัน ความเป็นอิสระขององค์กรปกครองทองถิ่นในการพัฒนาบุคลากรตัวเองวาเขาคงไมตองรอหลักสูตร ของกระทรวงมหาดไทยอยางเดียว เขาสามารถริเริ่มกิจกรรมที่อยูในวัตถุประสงค์ของเขานาจะได นายวชิระ ชอบแต่ง ตุลาการศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร อยากจะเติมนิดหนึ่งวากลไกที่สําคัญที่พูดถึง ก็คือ เป็นการสรางหลักในการปฏิบัติราชการ ในหลาย ๆ เรื่อง เราพูดถึงเรื่องหลักของความรับผิดอยางอื่นเรื่องนี้สําคัญ เพราะวาเดิมเราก็เขาใจกัน แตวาถาจะรับผิดอยางอื่นก็ตอเมื่อตองมีการปักเสาพาดสายเวนคืนจะเอาที่ดินมาทําถนน มาทําสะพานลอย หรือชดเชยคาไฟฟูาของการไฟฟูาฝุายผลิต แตวาปัจจุบันไมใชคดีที่ความรับผิดอยางอื่น ศาลปกครองไดวางหลัก ปฏิบัติราชการไวเยอะมากไมวาจะเป็นเรื่องของการบริหารงานบุคคลหรือวาเป็นเรื่องของสิทธิประโยชน์ หรือวาอาจจะรวมถึงเรื่องของการที่หนวยงานไดใชอํานาจเขาไปกระทบตอทรัพย์สิน โดยเฉพาะในเรื่องของการกระทํา ทางกายภาพ ศาลปกครองมองวาเป็นความรับผิดอยางอื่น มีคดีชลประทานระบายน้ําจากคลองชลประทานเป็นเหตุ หรือปลาตาย ที่เลี้ยงปลาในกระชังตามแมน้ําตายก็มาฟูองเรียกคาเสียหายจากทางกรมชลประทาน สิ่งเหลานี้ เป็นความรับผิดอยางอื่น สิ่งที่อยากจะนําเรียนตอ ก็คือวา เป็นความรับผิดอยางอื่นทางหนวยงานไดมีการชดใชเงิน ไปแลว ทานไมเป็นละเมิดนะ เขาใจวาเรื่องไปไลเบี้ยก็ไมอาจกระทําไดหรือเปลา อันนี้ก็เป็นประเด็นที่นาคิด อีกสวนหนึ่งความรับผิดอยางอื่นก็เป็นเรื่องที่รัฐจะตองรับผิดเพราะวารัฐมีอํานาจเพียงแตวาการใชอํานาจเหลานั้น ไปทําใหพี่นองประชาชนเดือดรอนอยางที่ทานสายทิพย์ฯ ไดพูดถึงวาไมวาจะเป็นความรับผิดชอบแบบนั้น เพราะฉะนั้นแลวหลักคิดคําพิพากษาในเรื่องความรับผิดอยางอื่นก็ดีความเป็นอิสระของทองถิ่นก็ดีหลักการลวงหนา หรือการระวังไวกอนพวกนี้ผมวามีความสําคัญในการปฏิบัติราชการทั้งสิ้นถือวาเป็นกลไกที่ศาลปกครอง พยายามสรางขึ้นมา 116
46 นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา ทานรองฯ ในฐานะผูปฏิบัติทํางานในทางบริหารทานอยากเห็นศาลปกครองมีบทบาทยังไงบาง คําถามนี้เราไมไดเตี๊ยมกัน เราโยนถามกันในฐานะทานผูบริหารจัดการปัญหาใหญ ๆ ของเมือง ทานก็ศึกษานิติศาสตร์ มาสวนหนึ่งดวยและก็รับผิดชอบการใชอํานาจของฝุายปกครองในฐานะองค์กรทองถิ่นขนาดใหญ ทานมีความคาดหวัง อะไรกับศาลปกครอง อยากเห็นพวกเราทําอะไรกันเรียนเชิญทานรองฯ รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก ากับควบคุม ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ส านักการวางผังและพัฒนาเมือง : วิทยากร ทานไดพูดถึงหลักเกณฑ์ หรือหลักการพิจารณาวางหลักไว ผมวาดี คือ ถาอะไรที่เราเจอเป็นประจํา ก็จะทําใหไมเกิดคดี คือ ปูองกันอันตรายตนไปแลววาเรื่องแบบนี้มีการจัดการหรือการวางแนวทําการพิจารณา หรือการตัดสินเป็นอยางไร ผมวาถาเราถอดบทเรียนนี้ไดแลววาเป็น Guide Line ไดก็จะลดจํานวนขอขัดแยง จะไดไมรกศาลปกครอง ผมยกตัวอยาง อยางหนึ่งที่ประเด็นปัญหาที่ทางกรุงเทพมหานครพบ คือการขอใบอนุญาต กอสรางเพราะประเด็นนี้ที่คนก็รองเรียนกันเยอะวาการขออนุญาตชาเหลือเกินถาตองมีการจายใตโต฿ะ มีอะไรบางเพื่อทําใหกระบวนการเร็วขึ้นวันนี้เราก็เลยพยายามเอาขอมูลมากางใหดูวาใบขออนุญาตกอสราง ปีละหมื่นกวาใบ ปีละหมื่นทําอยางไรใหเร็วบางทีไปเอาเรื่องใหญเรื่องเล็กมารวมกันก็เลยทําใหพิจารณายาก แตวันนี้กรุงเทพมหานครออกหลักแลววาถากรณีสรางบานต่ํากวา 3 ชั้น ไมเกิน 300 ตารางเมตร ขอไดทันที ออนไลน์ไมตองพบกับเจาหนาที่เลย เพราะวาเป็นกลุมใหญกลุมนี้ก็ประมาณรวมหมื่นใบอนุญาต พวกอาคารสูง ก็คอยมาพิจารณาจากเดิมที่กฎเกณฑ์ใหวา 45 วัน นี่ก็จะปรับลดเหลือ 35 วัน และเหลือ 30 วัน ในอนาคต คือเราคอยๆ ทยอยจัดกลุมในการพิจารณา ทีนี้ฝั่งของเราเอง ฝั่งภายในเจาหนาที่ผูพิจารณาเอง เราก็ตองวางหลักเกณฑ์ ออกมาใหมันตรงกัน คือ ดั้งเดิมการขอใบอนุญาตตองเรียนวาไปที่ฝุายโยธาเขตก็ขอบานขนาดเล็ก หลายๆฝุายโยธาเขต ความเขาใจอาจจะไมเทา ไมตรงกัน อาจจะมีการใชดุลยพินิจบาง การทําใหงานลาชาอะไรประมาณนี้ แลวก็พยายามวางกรอบ Checklist ในการที่ตรวจสอบใบอนุญาตควรตรวจอะไร ยื่นอะไร และเอาจากบทเรียน ถอดมาทําเป็นมาตรฐานมาตัวหนึ่งแลวก็ออนไลน์ การใชออนไลน์จะเป็นตัวหนึ่งที่ทําใหกระบวนการโปรงใสขึ้นรวดเร็ว ขึ้นตรวจสอบ Testกลับหลังไดวายื่นมาเมื่อไหรคือหลาย ๆ ครั้ง เราพบวาที่เรากําหนดไว 45 วัน ในการพิจารณา เจาของบานไปยื่นปฺุบไมพบเจาหนาที่รับผิดชอบก็ไมนับหนึ่งสักที คือ ไมรับเรื่องอะไรประมาณนี้คือ เราบอกยื่น ทางออนไลน์ไมจําเป็นตองพบกัน และอันนี้ก็เป็นตัวอยางที่เราพยายามปรับปรุงกระบวนการทํางานภายในของเรา ที่เป็น Pain Point ที่ประชาชนรองเรียนมา ผมวาจุดสําคัญอีกจุดหนึ่งที่เราไดริเริ่มเขามาแลวคิดวานาจะเป็นสิ่ง ที่เป็นประโยชน์มากๆคือการมีสวนรวมของประชาชนที่ทางกรุงเทพมหานครพยายามทําเราเรียกวา Open Data Open Bangkok ใหประชาชนมีสวนรวมมากขึ้น เรามีรับระบบแพลตฟอร์มการรับเรื่องรองเรียนจากประชาชน ไมทราบวาทุกทานมีใครเคยใชTraffy Fondue (ทราฟฟี่ ฟองดูว์) ซึ่งเป็น Application ที่ใหประชาชน มีสวนรวมในการพัฒนาเมืองใหนาอยู ใหประชาชนรองเรียนเขามาได คือ แตเดิมเวลาเรารองเรียนไป และถาภาครัฐหนวยงานรัฐไม Respond หรือตอบสนองชารูสึกวาจะรองเรียนอะไรก็ไมเกิดประโยชน์แจงอะไรไป ก็หายเงียบ หายไปไมรูวาสิ่งที่เราจะรองเรียนไปแจงไปไดรับการตอบสนองไปถึงไหนแลว แตการมีแพลตฟอร์มออนไลน์ แลวก็ประชาชนไดรองเรียนเขามาและรูวาเรื่องตัวเองรองเรียนตอนนี้อยูในสถานะตัวไหน กําลังดําเนินการ ดําเนินการเสร็จแลว หนวยงานมีคนรับผิดชอบ มีการเทคแคร์ เราเปิดแพลตฟอร์มนี้เป็นแพลตฟอร์มใหมที่ทางสวทช. เคยทําไวนานแลวใหกับองค์กรปกครองสวนทองถิ่นใช แตวาเราเห็นแลวตัวนี้มีประโยชน์ทานชัชชาติฯ ผูวา กทม. ก็เอาตัวนี้มาโปรโมทใช ที่ผานมาผมไมไดอัพเดทวาตอนนี้รับเรื่องรองเรียนมามากกวา 200,000 เรื่อง 117
47 เรื่องที่เรา Handleไปแลว จัดการเสร็จแลวมากกวา ๑๒๐,๐๐๐–๑๔๐,๐๐๐ เรื่อง คือ ตัดขั้นตอนไมตองมารองเรียน ผานผูวา กทม. เลย คือ รองเรียนเขาไปในระบบและเจาหนาที่รับผิดชอบจะจัดการเองอยางนี้ คือ การที่เรามีน้ําทวม หนาบาน มีหลุมบอ มีทางเทาไมเรียบรอย ไฟฟูาแสงสวางดับก็รองเขาไปในระบบก็จะมีจะอยูใน Record เวลาฝุายบริหารเขาไปดําเนินการจัดการก็จะเห็นวาเรื่องพวกนี้ไดรับการแกไขแลวหรือยัง เรื่องคางกี่เดือนแลว อะไรคางเกิน 1 เดือน 2 เดือน โดยเฉพาะคางเกิน 3 เดือน ตองเป็น Highlight ขึ้นมา ตองมีเหตุผลอธิบาย ก็ใชในการกํากับ ซึ่งอันนี้ก็ทําใหการดําเนินงานของหนวยงานรัฐก็นาจะโปรงใสมากขึ้น แลวก็ตอบสนองกลับไป ตามความตองการของพี่นองประชาชนไดมากขึ้น อยางนี้ก็ทําใหกระตุนเกิดการที่รองเรียนเขามาเยอะ ๆ ไมใชเรื่องไมดี ตัวเลขที่รองเรียนมาเยอะ ๆ สะทอนตัวอยางหนึ่ง คือวา ประชาชนเชื่อมั่นในระบบ คือ ถาไมเชื่อมั่นในระบบรองเรียน เขาไมเสียเวลามารองเรียน ไมเสียเวลามานั่งถายรูปกดสงใน Application ขึ้นมา เพราะวาเรื่องรองเรียน ไดรับการตอบสนองก็จะมีการแจงมากขึ้น อยางผมตอนนี้เวลามีคนรูจักวาชวยดูนั้นหนอยมีปัญหา ผมบอกรองเขาไป ในระบบเลยเพราะรองผานผมเดี๋ยวตองไปคีย์เขาไปในระบบไมรูวารับเรื่องรองเรียนเมื่อไหร เพราะฉะนั้น การรองเขาไปในระบบจะดีที่สุดจะเร็วที่สุดแลวก็จะเป็น Record ดวย ผมวาสําคัญมากคือการใหประชาชน มีสวนรวมในการทํางานของเมือง นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา บางทีถาไมมีระบบอยารับเรื่องในระบบที่ทานยกตัวอยาง เขาก็จะมารอวาโอเครองไปแลว ไมเจอเจาหนาที่ ในที่สุดเขาก็มาศาลปกครอง เขาก็มาฟูองเป็นคดีขอหาละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดปฏิบัติ ซึ่งองค์กรปกครองสวนทองถิ่นก็จะเจอเป็นเรื่องปกติ พระราชบัญญัติรักษาความสะอาด พระราชบัญญัติสาธารณสุข เป็นคดีที่ทวมศาลปกครองแลวก็เป็นคดีประเภทที่ทางศาลปกครองก็พัฒนากลไกขึ้นมา อยางเชน การไกลเกลี่ย เพื่อตอยอดมาจากที่ทานใชมีระบบ Traffy Fondue (ทราฟฟี่ ฟองดูว์) หรืออะไรตาง ๆ พวกนี้แกไขปัญหาได ในฝุายปกครองไปแลวจํานวนมาก ถาเหลืออยูอีกจํานวนหนึ่งมาฟูองที่ศาลปกครอง ๆ ฟูองแลวอยูในประเภท คดีละเลยตอหนาที่หรือปฏิบัติหนาที่ลาชาก็ไมจําเป็นตองรอกระบวนการวิธีพิจารณาที่มันยืดยาวก็อยูในเกณฑ์ ที่สามารถมีการไกลเกลี่ยในคดีปกครอง ซึ่งในชวงปี 2 ปีนี้ก็สามารถทําสําเร็จไปไดเยอะ ในคดีที่เกี่ยวกับ เหตุเดือดรอนรําคาญแตวาในเรื่องใหญ ๆ อยางผังเมืองของทานนพนันท์ฯ ยังคิดวาเป็นเรื่องที่ผลกระทบใกลตัว แตวาตัวทางกระบวนการความรูความเขาใจไกลตัวสําหรับประชาชน ไมแนใจวาจะเป็นเรื่องที่เมื่อไหรที่จะรูสึกวา กลุมชุมชนในเขตที่ไดรับผลกระทบเขาจะรูสึกวาผังเมืองเป็นเรื่องที่ใกลตัวเขาพอที่เขาจะตองมีบทบ าท อยาง Active ในทุก ๆ ขั้นตอน อยางทานนพนันท์ฯ คิดวาเราจะทํายังไงใหผังเมืองเป็นผังเมืองของประชาชน ผังเมืองของชุมชน ผังเมืองของทองถิ่นนั้น ๆ ไดอยางจริงจังมากขึ้น รศ.ดร.นพนันท์ ตาปนานนท์ อาจารย์พิเศษ ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : วิทยากร คําถามยากมาก ตองเรียนวาจริง ๆ ตามที่ทานสายทิพย์ฯ กลาว ผังเมืองนาจะเป็นเรื่องของทองถิ่น อันนี้ตองเรียนวาเห็นดวยมาก ๆ วาผังเมืองสากลเป็นเรื่องทองถิ่นรัฐบาลกลางไมไปยุงกับใครกับเรื่องพวกนี้ แตคราวนี้ก็ตองเรียนวาสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยตั้งแตแรก ๆ คือ ถาเรียนวากฎหมายผังเมืองฉบับแรก พระราชบัญญัติผังเมืองและผังชนบท พ.ศ. ๒๔๙๕ มาจนถึงพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕18 แตก็ตองเรียนวา อยูในสถานการณ์ประเทศซึ่งมีอํานาจสวนกลางมาก ๆ แลวก็สวนกลางก็จะมีภูมิภาคเป็นแขนเป็นขาอยูทองถิ่น ก็จะไมคอยมีอะไรเทาไหร สวนใหญก็จะเป็นทําอะไรแบบที่สวนกลางไมอยากทํา เชน กวาดขยะ ลางทอ คืออยางนี้ สวนใหญก็จะยกใหเทศบาลไปทํา ตองเรียนวาการพัฒนาตรงนี้ที่จริงแลวตองเรียนวากฎหมายผังเมือง 118
48 คือ นิติศาสตร์ตรงนี้ตองสัมพันธ์กับรัฐศาสตร์พอ ๆ กัน อยางเชน ตอนที่เราพยายามกระจายอํานาจเรื่องผังเมือง ก็อยูในการกระจายอํานาจ เสร็จแลวถามวาที่เราเคยพูดกันงานคนเงินที่จะตองผันลงไปจากสวนกลาง เป็นสวนทองถิ่นไปไหมก็มีเอกสารของกรมฯ ที่บอกวางานจะไปคนไมไปเงินไปหาเอาเอง ก็กลายเป็นวาแลวเสร็จ แลวก็สับสนกับทองถิ่นวางผังเองแลวก็ประเมินวาทองถิ่นทําไมไดก็ดึงอํานาจกลับก็ตองบอกวาความพยายาม ที่เราจัดใหทองถิ่นทําแตตองเรียนวาทองถิ่นในประเทศไทยก็ยังมีใหญยักษ์ อยางเชน กรุงเทพมหานคร เล็กจิ๋ว ถาไมพูดองค์การบริหารสวนตําบลก็จะเป็นแบบเทศบาลตําบล คือก็ตองออกแบบวิธีการซึ่งไมเหมือนกัน ตอนนี้ เหมือนวาเราตัดเสื้อโหลอยูคือตัวใหญยักษ์มาจากกรุงเทพมหานครก็ใสเสื้อแคบนิดนึง เทศบาลตําบลใสเสื้อบาง ตัวเบอเริ่มเลยรับไมไหวเพราะวาโหลดอะไรก็ไมรูเยอะแยะไปหมดก็ทําไมไดตรงนี้ที่จริงแลวก็มีปัญหาแตผมคิดวา ปัญหารัฐศาสตร์อาจจะเป็นตัวใหญ อยางเชนตอนนี้ที่จริงแลวถามวาเมื่อวานคุยอะไรกัน เชื่อไหมวาตอนนี้ กอนกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ กําลังวางผังเมืองรวม ตางคนตางวางปทุมธานีก็ตางคนตางวาง เชื่อไหมวา ถนนไมตอกัน กรุงเทพมหานครก็ทําถนนไปสมุทรปราการก็ทําถนนมา แลวก็นัดกันมาคุยกันหนอยไหม เมื่อวานเพิ่งไปคุยกับปทุมธานีเรื่องตอถนนระหวางกรุงเทพมหานครกับปทุมจะทําใหถนนสายใหมเชื่อมไปหา ลําลูกกาคูคตเพื่อทําใหคนขางลางขึ้นไปหา BTS ขางบน ปรากฏวา ผูแทนกรมบอกวาหมดเวลาใหความเห็นแลว จะตองไปรอผังหนา ถามวาผังหนาเมื่อไหร อยางเมื่อสักครูเราจะเห็นวาผังแรก ผังนครหลวง หรือ Greater Bangkok Plan ไมแยกสวนการทําเนื้อเมืองของกรุงเทพมหานครตอนนทบุรีตอสมุทรปราการตอปทุมธานีอยู จริง ๆ แลวไมมีใครแยกทํา แตตอนนี้แยกทําผังอยูและการแยกทําผังขมขื่นมากเลย อันนี้ก็เลาสูกันฟังวาเราคุยกัน ถึงเรื่องน้ําทวมลาดกระบัง ๆ กลายเป็นน้ําทวมพระโขนงที่บานผมเพราะวาเอาน้ําจากลาดกระบังจากคลองประเวศ มาตอคลองพระขโนง เอาน้ําจากคลองประเวศซึ่งอยูนอกคันกันน้ําทวมเขามาอยูในเขตปูองกันน้ําทวม เพราะวาไมมีทางระบายลงสมุทรปราการ ผมตองมาวิดน้ํา ๒ วัน น้ําเขาบาน ถามวาทําไมน้ําไมลงสมุทรปราการ ก็ไปคุยกับสมุทปราการเขาก็บอกวา ถาเกิดน้ําทวมสมุทรปราการขึ้นมาแลวประชาชนจะวายังไง แลวกรุงเทพมหานคร จะไปบอกอะไรเขา เอาน้ําชวยตอคลองหนอยนะขอคลองซักเสนขาง ๆ สุวรรณภูมิไดไหม สุวรรณภูมิจะยอมไหม สุวรรณภูมิคงไมยอม เพราะฉะนั้น จะกลายเป็นรัฐศาสตร์ของการบริหารจัดการมหานครซึ่งแผนพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมแหงชาติ ฉบับที่ 7 พูดถึงระบบการบริหารกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ควรจะตองมี Body ในการบริหารจัดการ ตองทําผังเมืองรวมกัน ตองตอระบบกัน แตที่แผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแหงชาติฉบับที่ 13 ยังไมมี ทานชัชชาติฯ ก็ไปคุยแตวาระบบที่จะทําใหเป็นระบบจริง ๆ ของการบริหารจัดการ แนนอนวาตองมีการวางแผนการวางผังเมือง ระบบใหญอยางที่เราเอาระบบของอเมริกามา New York City New Jersey Connecticut เป็นมหานคร เขาก็ตองวางผังดวยกัน คือ ไมตางคนตางวาง แตเราตางคนตางวางอยูแลวคลองก็มีตอระบายน้ําไมตอ ถนนไมตอ Landuse ไมตอ ทุกอยางลําบากยากเย็นไปหมดแลวก็ทํากันเวลาก้ํากึ่งไปหมด ไปพูดกับปทุมธานีเมื่อวาน เพิ่งไปคุยที่จริงไปคุยกันมาแลว แตวาเมื่อวานประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองรวมลําลูกกากับบึงยี่โถ โทรมาปรากฏวา บอกวาไมทันแลวประชุมประชาชนไปแลวก็ไมยอนศร เพราะฉะนั้น ถนนไมตอ ถามวาถนนไมตอ แลวเป็นอยางไร ตอนนี้คือ คนที่จะออกจากสายไหมขึ้นไปลําลูกกาคูคตไปเจอสะพานเล็ก ๆ ขามไปขามมา เรื่องพวกนี้เราจะทําใหคนสามารถขึ้นผานรถไฟฟูาสายสีเขียวซึ่งลงทุนมากมายมหาศาล ใหคนแถวสายไหมขึ้นไปใช ปรากฏวา กลายเป็นปัญหายากลําบากกับผังไมตอกัน สมุทรปราการวันศุกร์นี้จะตองไปคุยเรื่องตอถนน แตเชื่อไหมวาพอเราไปคุยก็บอกวาทําไมตองลากถนนมาหากรุงเทพมหานคร ทําไมกรุงเทพมหานครไมลากถนน ไปหาเขา กลายเป็นเกี่ยงกันไปมาก็ตองไปคุยกันวาเหตุผลคืออะไร เราจะทําถนน 2 จังหวัด แตอีกจังหวัดยังไมตอกัน เป็นถนนโลน ๆ 2 ถนน เสียหายแคไหน พวกนี้คือการวางแผน คือกฎหมาย คือทองถิ่น แลวเชื่อไหมวาคุยกับทองถิ่น คุยกับ อบจ. สมุทรปราการ เขาก็บอกวาเรื่องนี้ตองไปถามเทศบาล คุณเป็นคนวางผัง ผังอยูกับมือคุณ แลวก็ตองไปถามเทศบาลกอนวาก็โอเคไหม แลว อบจ. ถึงจะยอม ก็ถามวาถนนเสนนี้ลากกี่ทองถิ่น แลวตองไปตระเวนถามกี่เจา เกิดไดบางไมไดบาง ทุกอยางคือปัญหาของประเทศนี้ แลวเมื่อสักครูอาจจะพูด 119
49 เรื่องการคัดกรองแตกับสิ่งที่เขามาสูศาลปกครองในความเห็นผมที่จริงแลวก็เคยดูผาน ๆ พระราชบัญญัติ การเมืองแปลกตรงศาลปกครองเพราะอยูในมาตรา ๗๐ คือ ไมคอยไดเขาไปทําอะไรแถวนั้น แตก็รูสึก คลับคลายวาเคยเห็นคําวา ศาลปกครอง อยูในนี้ก็ไปเปิดดูวามีจริง ๆ ดวย แลวก็รูสึกวากฎหมายนี้ดีจังเลย ที่เขาบอกวาศาลปกครองทําอะไรกับเรื่องนี้ ก็คือ ทุกอยางที่อยูในการอุทธรณ์สามารถอุทธรณ์ไดผาน 2 จุด คือ คณะกรรมการอุทธรณ์ คณะกรรมการบริหารการประเมินสวนทองถิ่น แลวถาไมเห็นดวยกับการอุทธรณ์นี้ ก็ไปสูศาลปกครอง มันมี step ของการคัดกรองเบื้องตน คือ ไมใชเป็นหวัดก็ไปหาศิริราช ผมไปจุฬาฯ เชื่อไหม เจอหมอ 5 นาทีรอครึ่งวัน ไมมีปัญญาเอารองเทาแตะไปวางตอนตี 4 เหมือนชาวบาน ผมก็ไปตามวิถีชีวิตของผม ตื่น 6 โมงไปถึง 7 โมงเจอหมอเกือบเที่ยงเราก็พุทธบริษัทวางใจรม ๆ เอาหนังสือไปอานเป็นเลม ๆสบายมาก มีความสุขอยูกับการอานหนังสือที่โรงพยาบาล นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา ฟังแลวทําใหรูสึกวามองไปเห็นเป็นภาพทานผูวากรุงเทพมหานครและทีมรอกลางบึง อันไมเชื่อมตอกับใคร เหมือนกับเป็นเกาะลอยอยูกลางน้ําสมุทรปราการเขาก็ไมรักกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี เขาก็ไมคอยรักทานเลย โดยสวนตัวดิฉันอยูนนทบุรีขามคลองบางเขนอยูตรงพงษ์เพชรทุกวันนี้ก็จะขาม ตรงคลองบางเขนแลวก็บอกวาขามจากกรุงเทพมหานครไปสูนนทบุรีของเราแลวแคนั้นเองนิดเดียว แตวาพอเชื่อมตอกันไดจริงๆ แลวคนทําผังเมืองไมหมดกําลังใจแยเลยถาเห็นสภาพปัญหาอยางที่ทานนพนันท์ฯ พูด แตพวกเราที่อยูปลายน้ํา คือ อยูตอนที่คนที่เขาเดือดรอนเสียหายแลวเขามาบอกวาชวยแกความเดือดรอน เสียหายของเขาหนอย อันนี้ไดยินตนน้ําของผังเมืองแลวออนมาก ๆ เหมือนกันก็ตองขอบพระคุณ ที่ทานนพนันท์ฯ ชวยสะทอนใหเห็นวาตนทางยุงยากขนาดนั้นนั่นเอง พวกเราในที่นี้เรามีเวลากันอยูอีกซัก ประมาณครึ่งชั่วโมง ไมทราบมีทานที่จะรวมแสดงความคิดเห็นหรือวาจะมีอะไรที่เกี่ยวกับทั้งประเด็น เรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการเมืองซึ่งเป็นหัวขอใหญของเราในวันนี้ การบริหารจัดการเมืองในมิติทางกฎหมาย การบริหารจัดการเมืองเริ่มมาตั้งแตการออกแบบทําผังเมืองกัน เราก็ตองพูดเจอตัวจริงที่ทํางานดานผังเมือง อยางรูจักทุกซอกทุกมุมอยางที่ทานนพนันท์ฯ ไดเลาสูใหฟัง เราเชิญคนที่รับผิดชอบการบริหารจัดการเมือง ณ ปัจจุบัน มาคุยกับเราวันนี้ เพราะฉะนั้นเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเราทั้งในฐานะทานตุลาการศาลปกครอง ทั้งทานที่เป็นผูแทนจากหนวยงานภายนอกหรือรวมทั้งทานที่อยูในระบบการรับฟังการสัมมนาในวันนี้กับเรา มีอะไรจะสื่อสารกันโดยใชเวลาตรงนี้สักครึ่งชั่วโมงนาจะกําลังดี ไมทราบวาทานผูฟังในหองประชุมนี้มีทานใด มีความคิดเห็นอะไรหรือมีอะไรอยากจะรวมเสวนากับทานวิทยากรของเราในวันนี้ก็ยินดี ขอเรียนเชิญทานกมล สกลเดชา ตุลาการหัวหนาคณะศาลปกครองสูงสุด นายกมล สกลเดชา ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด : ผู้เข้าร่วมสัมมนา เรียนทานวิทยากร ทานนพนันท์ฯ ทานรองผูวาวิศณุฯ ในปัญหาที่เกิดขึ้นมามีสิ่งหนึ่ง ที่นาสนใจ คือ เรื่องความเป็นอิสระของทองถิ่นในการใหบริการสาธารณะก็ดี ประกอบกับอํานาจหนาที่ ของราชการสวนกลางที่ไปเกี่ยวของกับทองถิ่น ยกตัวอยางงาย ๆ มีอยูคดีหนึ่งอันนี้คงไมใชเรื่องถนนแตเป็น เรื่องน้ําทวมใหญเมื่อปี พ.ศ. ๒๕54 ใหญมาก เพราะวาฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร ก็คือ ทางดานนครปฐม เดิมไมเคยมีน้ําทวมลักษณะนี้มากอน แลวดวยเหตุของกายภาพทางดานนั้นระบบการปูองกันน้ําทวม การจัดการบริหารน้ําเนนที่ฝั่งตะวันออกอยูอยางเดียว มีคลองมากมายที่นําน้ําจากทางดานทิศเหนือลงไป สูทางปากอาว แตอันนั้นเป็นกรณีที่ทําใหไมสามารถควบคุมน้ํา น้ําก็ไหลไปทางฝั่งตะวันตก ๆ ก็ไมสามารถ ระบายน้ําเพราะวาระบบน้ําไมมีมีนอยมาก ปัญหาที่เกิดขึ้น ก็คือ ประชาชนที่อยูบริเวณทางดานตะวันตก 120
50 แถวหมูบานรัตนาธิเบศร์ซึ่งไดรับผลกระทบจากน้ําทวม ตกงานเหตุผลจากการบริหารจัดการน้ําทํา big bag มากั้น ชุมชนก็พยายามระบายน้ําออกใหหมด ก็มีประเด็นปัญหาวาแลวอยางนี้เวลาฟูองก็ตองฟูองหนวยงาน ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับระบายน้ําดี การที่น้ําไมสามารถไหลผานไปไดขอใชพื้นที่ของกรุงเทพมหานครก็มีประเด็นตรงนั้น เรื่องระบายน้ําจากประตูคลองมหาสวัสดิ์อันนั้นมีเลย แลวที่เกี่ยวของ คือ กรมชลประทานกับทางกรุงเทพมหานคร ก็ใหขอมูลกันถึง 8 ชั่วโมงหาขอยุติไมได นี่คือ ประเด็นปัญหาความเป็นอิสระกรุงเทพมหานครใหเหตุผลวา ถาสมมุติวาเปิดประตูระบายน้ํามากตามที่ทางกรมชลประทานหรือทางประชาชนตองการ เพื่อระบายน้ํา ใหออกไปใหหมด ไมมีใครรับประกันไดวากรุงเทพมหานครจะเสียหายจากการที่น้ําทวมชั้นในอยางไร เพราะฉะนั้น ระหวางการไตสวนก็ไมสามารถที่จะหาขอยุติได เวลา 10.00–18.00 น. ทั้ง 2 สวนราชการ ไมมีใครยอมกัน ประเด็นปัญหา ก็คือวา ในเมื่อมีการฟูองก็จะตองหาขอยุติศาลปกครองก็ออกคําสั่งไปให 2 หนวยงาน ไปปรึกษาหารือกัน หาขอยุติใหไดวาควรจะเปิดประตูระบายน้ําในระดับที่เทาไหรก็เกี่ยงกันระหวาง 50% กับ 1 เมตรกวาขึ้นไป นี่คือ ประเด็นหลังจากนั้น คอนขางโชคดี คือ ศาลปกครองกําหนดใหมารายงานศาลปกครอง ภายใน 5 วัน ใหเวลาในการประชุมก็ปรากฏวาชวง 2 วันน้ําทวมลดเลย ลดลงไปอยางมากมายจนกระทั่ง ไมจําเป็นตองเปิดประตูระบายน้ําทั้งสิ้นน้ําลดไปแลว การเปิดประตูระบายน้ําไมมีประโยชน์เทาไหร นี่คือประเด็นหนึ่งวาในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะอยางนี้ขึ้นมาไมวาจะเป็นเรื่องถนนหนทางไมวาอะไรทั้งหลาย ความขัดแยงกันในเรื่องผลประโยชน์ของหนวยงานก็ดี ของทองถิ่นหรือของชุมชนก็ดี มีผลกระทบตอการแกปัญหา ศาลปกครองเองก็คงหนักใจเหมือนกันวาถาสมมุติหาขอสรุปไมได ณ เวลาที่ศาลปกครองสั่งไปแลวจะใชตัวเลขอะไร เพราะวาไมเคยเกิดขึ้นมาเลยทั้ง ๆ ที่ปรากฏมา นี่คือ ประเด็นหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นแลวก็นํามาสูปัญหา ของการตัดสินใจ ถาขอมูลขอเท็จจริงหนวยงานที่เกี่ยวของแลวไมไดให หรือใหเหตุผลที่แตกตางกันโดยสิ้นเชิง จะยึดถือขอเท็จจริงอะไร นี่คือ อีกจุดหนึ่งที่มีประเด็นปัญหาของการบริหารจัดการเมืองเวลามีขอขัดแยงขึ้นมา แนนอนสวนราชการในฐานะผูที่มีอํานาจหนาที่มีอํานาจดําเนินการไปประชาชนที่เดือดรอนก็มีความตองการ ไปอีกรูปแบบหนึ่งตามที่เขาคิดวาควรจะมีควรจะเป็นอยูนี่ก็เกิดขึ้นปัญหา เรียนนิดหนึ่งวาจริง ๆ แลว การบริหารจัดการเมืองถามองในแงของแลหลังเขาไปกรุงเทพมหานครมีการพัฒนาพลังดานตะวันออกเกือบทั้งนั้นเลย สนามบินใหญๆ อะไรทั้งหลาย ตึกสูง ๆ ตึกสีลม ตึกสาทร อยูฝั่งตะวันออกของแมน้ําเจาพระยา อยูฝั่งเดียวกับ พระบรมมหาราชวังกับศาลเจาพอหลักเมืองฝั่งตะวันตกเองก็เป็นลักษณะของคลายๆสมัยกอนเมื่อสัก 3-40 ปีที่แลว เป็นชนบท ตองเรียนวาเป็นคลาย ๆ ชนบท มีไรนา เรือกสวนไปมากมาย แตเมื่อ ณ ปัจจุบันนี้กรุงเทพมหานคร มีความรับผิดชอบครอบคลุมกรุงเทพมหานครทั้งฝั่งตะวันตก คือ ฝั่งธนดวยก็ยอมมีประเด็นปัญหาในเรื่อง การบริหารจัดการเมืองเขามาอยางชวยไมไดหรือวาอยางเป็นเรื่องของความจําเป็นโดยหนาที่บังคับก็จะเกิด ปัญหานี้ขึ้นมา ขออนุญาตฝากเรียนวาจริง ๆ แลวในเรื่องการบริหารจัดการเมืองมีปัญหาอยูหลายอยางศาลปกครอง ก็พยายามจะจัดการแกปัญหาโดยวิธีการไกลเกลี่ยแตสิ่งที่จะดําเนินการไดรวดเร็วกวาตรงนั้น ก็คือ ถาไมมีขอ พิพาทขึ้นมาหรือขอพิพาทมานอยนาจะเป็นการที่ดีกวาประชาชนไดรับการแกไข ยกตัวอยางงาย ๆ อยางเรื่องผังเมือง ดานมีนบุรี ดานอะไรทั้งหลายหลังพื้นที่สีเขียว แตทางราชการเอามหาวิทยาลัยไปตั้งไวตั้งหลายแหง สถาบันพระจอมเกลา มหาลัยมหานครก็ดี และสิ่งที่เกิดขึ้นมา ก็คือ พื้นที่สีเขียว แลวพื้นที่บานพักอาศัย ที่จะรองรับนักศึกษาเป็นอยางไรก็มีประเด็นปัญหาเรื่องนี้ที่ฟูองกันมาคอนขางมาก อยางไรก็ตามก็ยังเป็น ที่อบอุนใจนิดนึงวาผังเมืองรวมของแตละฉบับมีระยะเวลาการบังคับใชประมาณ 5 ปี ถาจําไมผิดหรือวาแกไขหรือยัง ผมไมแนใจเพระวาตอนนี้ไมไดดูแลในเรื่องของสิ่งแวดลอม เพราะฉะนั้นก็อาจจะเป็นปัญหาที่สะทอนเขาไปได ขออนุญาตฝากเรียนเป็นขอคิดวาการบริหารทั้งหลายทั้งปวงจริง ๆ แลวเป็นเรื่องของฝุายบริหาร แตถามีขอขัดของ ขอขัดแยง ขอพิพาทถึงจะเขามาสูศาลปกครองและศาลปกครองก็พยายามจะดูแลเรื่องนี้ใหไดดีที่สุด ขอบคุณ 121
51 นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา ขอบคุณทานกมล สกลเดชา ที่รวมแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่เป็นประเด็นที่อยูในใจของหลายทาน มีคําถามมาจากทางในระบบก็เรื่องคลาย ๆ เรื่องทํานองเดียวกัน คือ เรื่องเกี่ยวกับแนวทางการเชื่อมโยง ประสานงานการแกปัญหารวมกัน ทั้งในเรื่องของผังเมืองและเรื่องปัญหาของการบริหารเมืองทั้งหลาย การจราจร น้ําทวม สิ่งแวดลอมอะไรตาง ๆ พวกนี้กับปริมณฑล ซึ่งก็เป็นปัญหาที่ทานสะทอนมาอยางที่กลาวถึง ถาเผื่อในฝุายปกครอง คือ ทั้งองค์กรทองถิ่น ทั้งราชการภูมิภาค ทั้งราชการทองถิ่นตางหนวยกันจะมีวิธีการ ที่จะประสานอยางไรดี จากประสบการณ์ทานรองผูวาฯ มีอะไรเลาสูใหพวกเราไดฟังไหม รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก ากับควบคุม ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ส านักการวางผังและพัฒนาเมือง : วิทยากร ผมมีประสบการณ์โดยตรงกับเรื่องน้ําทวมในปีที่ผานมา หลักคลายๆกันเรื่องการเปิดประตูระบายน้ํา เพราะระบบการปูองกันน้ําทวมของกรุงเทพมหานครใชระบบ Drive คือ มีการปิดกั้นประตูระบายน้ําไมใหเขา กรุงเทพชั้นในชวงลาดกระบังอยูนอกเขตปูองกันน้ําทวมแลวก็มีประตูกันน้ําที่คลองประเวศ คลองพระโขนง ไลตามลําดับ เวลาน้ําทวมลาดกระบังก็บอกวาใหเปิดประตูเยอะหนอยเพื่อใหเรงระบายน้ําเขามาที่พระโขนง ลงไปสูสถานีสูบน้ําไปที่คลองเตยประมาณนี้ และดันกันไลมาก็มีประเด็นวาถาเปิดเยอะแถวนี้ แถวบานอาจารย์ ก็จะทวมสวนหลวงพระโขนงทวมแนนอนถาเปิดเยอะ เพราะฉะนั้นเราตองบริหารโดยการใชขอมูล แลวใชคําอธิบายความเขาใจหรือวาขอมูลสําคัญ ในการเปิดประตูระบายน้ําเราไมไดไป Fixed ตายตัว วาตอง 20 ซม. ตอง 25 ซม. เราคุมระดับน้ําใหเต็มตลิ่งของกรุงเทพชั้นใน คือ คลองพระโขนงน้ําเต็มขนาดไหน เรงสูบน้ําไปที่ปลายทางสถานีสูบน้ําและคุมระดับน้ํา ประตูระบายน้ําเปลี่ยนแปลงตลอดเพื่อรักษาระดับน้ํา และดูพยากรณ์อากาศ คือ พยากรณ์อากาศก็สําคัญเพราะวาถาเราคาดการณ์ 24 ชั่วโมงขางหนา 48 ชั่วโมง ขางหนา ถาจะมีฝนมาเราตองพรองน้ํา คือ รักษาระดับน้ํากรุงเทพมหานครชั้นในใหลงหนอย แตถาเกิดมองอีก 2 วันขางหนาจะไมมีฝนเราก็สบายละ คือ ปลอยน้ําใหเต็มตลิ่งได คือ ใชการบริหารจัดการโดยใชขอมูลสําคัญ คือ ในปีนี้เราติดเซ็นเซอร์วัดน้ําเพื่อควบคุมเพิ่มความสามารถในการพยากรณ์อากาศใหดีขึ้นเพราะฝนชั้นใน พยากรณ์ยากจริง ๆ แลวฝนชั้นนอกพอพยากรณ์ไดแตวาฝนชั้นในอยูดีฝนตกมา คีย์เวิร์ด คือวา ตองใชขอมูล ในการบริหารจัดการเมือง คือ หลาย ๆ ครั้งหรือแมแตผังเมืองก็ตามผมวาเราวางแผน วางเมือง วางแผนบริหารจัดการ ไมคอยมีขอมูล ผมยอมรับเวลาเขามาดูแลวไมมีขอมูลประกอบการตัดสินใจเทาไหร เรื่องการจัดจราจร เรื่องการระบายน้ํา ตองมาสรางขอมูล ผมมีโอกาสไดคุยกับทางผังเมืองที่สิงคโปร์ Urban Redevelopment Authority (URA) ตอนที่ Director ของเคามาประชุมที่ APEC มีโอกาสไดทานขาว ไดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน คือ ก็อิจฉาเขาเหมือนกันวาเขาตัดสินใจวางแผนอะไรมีขอมูลละเอียดมาก อยางที่จอดรถผมถามวาที่จอดรถ กรุงเทพมหานคร จริง ๆ แมกรุงเทพมหานครเองไมตองไปเที่ยวตางจังหวัดในพื้นที่กรุงเทพมหานครเอง ก็มีความหลากหลายแตละเขตแตละพื้นที่ไมเหมือนกันเลย เรายังมีนาขาวหลายหมื่นไรอยูแถวหนองจอก แถวออกไปบริเวณคลองสามวาประมาณนั้น เรามีความแตกตางของพื้นที่เยอะแตเราใชกฎเหมือนกันหมด อยางเรื่องที่จอดรถผมถามวาสิงคโปร์วางแผนยังไง เคาก็บอกวาแตละบล็อกไมเหมือนกัน บล็อกนี้ออกบอกวา ตองมีที่จอดรถเพิ่ม บล็อกนี้ไมตองจําเป็นตองมีที่จอดรถ ผมถามวาคุณกําหนดไดยังไงแตละบล็อค เคามีขอมูลวา ปัจจุบันในบล็อกในพื้นที่สี่เหลี่ยมบล็อกที่กําลังพัฒนา มีอาคาร มีพื้นที่จอดรถกี่คัน มีรถใชกี่คัน เหลือไหม ถาเหลือเวลาสรางอาคารใหมไมตองทําที่จอดรถเพิ่ม แตบางทีที่ไมพอตองสรางเพิ่ม เพราะฉะนั้นกฎเกณฑ์เขา คอนขางจะยืดหยุนบนขอมูลแบบมีหลักใชขอมูลในการประกอบการตัดสินใจ อันนี้ก็เป็นไอเดียเหมือนกัน ที่ผมเรียนวาทํายังไงเวลาผังเมืองของใหมตองมีการ Transferof DevelopmentRights (TDR)คือการจัดการที่ดิน 122
52 ไมใชวาเฉพาะโครงการเดียว วันนี้เรากําหนดที่จอดรถวาอาคารนี้ตองมีโฉนดเทานั้นเทานี้เลย แตในขณะเดียวกัน ถาอาคารขาง ๆ ที่จอดรถเหลือ อาคารคุณไมตองสรางไดไหม คือ รวมอาคารหลาย ๆ ในแปลงนั้นพื้นที่ใกล ๆ กัน ใหไปใช Facility รวมกัน การมีสวนพื้นที่สีเขียวแทนที่กําหนดแตละอาคารตองเทานั้นเทานี้ เราเอาตัวนี้มารวมกัน กลายเป็น Pocket Part ไดไหม คือ แทนที่เป็นขีดสีเขียวที่ใชงานไมไดแตถามารวม ๆ กันหลาย ๆ อาคาร ในพื้นที่รวมกันอาจจะกลายเป็นสวนยอม ๆ ก็ไดที่ใชประโยชน์ได ก็คือ ตองมีขอมูลและมีความยืดหยุน ผมวานาจะทําใหการบริหารบานเมืองได ดานการจัดการวางแผนบานเมืองก็นาจะดีขึ้นถามีขอมูล อีกตัวหนึ่ง ที่ผมใหความสําคัญทางนโยบายทานชัชชาติฯ คือ เสนเลือดฝอย คือ การที่ทุกอยางเราไปมองเวลาวางแผนภาครัฐ เราไป MegaProject มองโครงสรางใหญตลอด แตจริงๆแลวเรื่องเกี่ยวของกับประชาชนทั่วไป คือ เรื่องของหนาบานดวย ตรงนี้ก็เป็นสิ่งสําคัญวาเราไมมีขอมูลหนาบานเทาไหร หมายความวา เวลากรุงเทพมหานครวางแผนขอมูล เพราะวาขอมูลพวกนี้ไมเคยขึ้นมาเทาไหร ขอมูลหนาบาน หมายถึง ซอยทอระบายน้ําหนาบานขุดลอกเมื่อไหร เราไมทราบ เราวางแผนถนนใหญเชื่อมโยงที่โนนที่นี่แตตรอกซอกซอยเล็กซอยนอยทางเดินดีหรือยัง คือ มีคอขวดตรงไหนเล็ก ๆ นอย ๆ ขางในพื้นที่ เขาเรียกวาสิ่งที่เราสัมผัสทุกวัน คือ อาจจะไมไดเป็นโจทย์สําหรับ เวลาวางแผนจัดการเมือง เราไปมองโครงสราง Mega Project ถนนเชื่อมถนนใหญตองขยายกี่เลน คือ ผังเมืองสวนใหญ เรามองภาพใหญ แตวาการการเติบโตผังโซนนิ่งของพื้นที่จะเป็นอยางไร โซนสีแดง สีอะไรมากไป แตเรื่องเล็ก ๆ นอย ๆ ที่เกี่ยวกับชีวิตประชาชนทุกวันเราอาจจะขาดการวางแผนที่ดี ซึ่งตรงนี้เราก็ตองเอา Feedback อยางแพลตฟอร์ม Ttraffy Fondue การรองเรียนเขามาเรื่อย ๆ เราจะเริ่มเห็นแลววาปัญหาที่ประชาชนพบบอย ๆ คือเรื่องอะไร 4 เรื่องแรก คือ เรื่องถนนทางเทา น้ําทวม และไฟฟูา แสงสวางพวกนี้เราสามารถมาใชวางแผนการจัดการใหดีขึ้นได เมื่อสักครูตอบประเด็นคําถามเรื่องหนึ่งคือ เรื่องของการบูรณาการรวมมือกับจังหวัดปริมณฑลอันนี้ทานผูวาชัชชาติฯ ก็ไมไดนิ่งนอนใจ ทานชัชชาติฯ พอรับตําแหนงมาแลวก็พยายามพบเดินสายคุยกับผูวาทั้ง 4 จังหวัดรอบขาง เราก็ไดรับความรวมมือ ไดไปประสานงานโดยเชิงการใชขอมูลเรื่องระบายน้ําสําคัญวาถาใครอยูซอยลาซาล ถาดูขอบเขตของกรุงเทพมหานครกับสมุทรปราการจะเห็นวาฝั่งคูฝั่งคี่ระบายน้ําจะไมเหมือนกัน คือ ฝั่งขวา ติดสมุทปราการก็จะชานิดหนึ่งจริง ๆ ในออกแบบเดิมออกแบบไปทางระบายน้ํา ลงไปสมุทรปราการลงไป เทศบาลสําโรงซึ่งมีการสูบน้ําออกตรงนั้น คือ ตามทอ แตอีกประเด็นหนึ่งเรื่องสถานีสูบน้ําที่ออกแมน้ําเจาพระยา ถาใหระดับเทศบาลดูแลนาจะยากหนอยเพราะสถานีสูบน้ําขนาดใหญที่ลงแมน้ําเจาพระยาขนาด 60 คิว เกินกําลังความสามารถของเทศบาล เพราะวาดวยการ Operate เครื่องการดูแลบํารุงรักษาสถานีสูบน้ําใหญ อาจจะเกินกําลังไปนิด เพราะฉะนั้นก็อาจจะเดินเครื่องไมเต็มประสิทธิภาพก็ทําใหการระบายน้ําฝั่งตะวันออก ในโซนบางนาอาจจะชาแตกรุงเทพมหานครก็เอาน้ํากลับเขามา ไมตองหวงซอยลาซาลฝั่งคูเราดึงกลับเขามาแลว พยายามทําน้ําระบายเขามาที่คลองบางนาแลวไปเพิ่มความสามารถคลองบางนาลงฝั่งเรา คือ เราตองพึ่งตัวเอง แทนที่จะใชลงไปเพื่อนบานไดมองภาพใหญก็จะดี นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา คิดถึงเมื่อปีพ.ศ. 2554 ฝั่งนนทบุรีน้ําไมทวมแตพอขามคลองประปามาฝั่งนี้ฝั่งกรุงเทพมหานคร น้ําทวมไปถึงดอนเมือง อยูตรงแยกพงษ์เพชรเราก็จะยืนดูคนจากฝั่งกรุงเทพมหานครใสรองเทาแตะหิ้วถุงขามถนน ลุยน้ํามาซื้อของที่เดอะมอลล์ซึ่งน้ําแหงเพราะอยูฝั่งเมืองนนท์แลวก็ขามกลับมาแถวฝั่งกรุงเทพมหานคร เป็นปัญหา ที่ผูคนที่ใชชีวิตอยูตามตรอกซอกซอยตองทําความเขาใจยากมากขามซอยขามฝั่งขามสะพาน ตนน้ําปลายน้ํา 123
53 รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก ากับควบคุม ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ส านักการวางผังและพัฒนาเมือง : วิทยากร ประเด็นอีกอยางหนึ่ง คือ เรื่องโครงสรางพื้นฐาน Network ตองเห็นใจประชาชนเหมือนกัน เขาไมทราบขอมูลวาตองทํายังไง คือจะใหมา Respond กับตัวกฎหมายผังเมืองอะไรก็หางไกล อันนี้เป็นหนาที่เมือง ผมวาหนาที่ขององค์กรปกครองทองถิ่นเราปฏิเสธความรับผิดชอบไมไดแตวาการตัดสินใจการวางแผน เราตองมีขอมูล ซึ่งสําคัญที่สุดในการประกอบการตัดสินใจตองเริ่มนโยบายการใช Open Data กรุงเทพมหานครก็อาจจะไมเก็บขอมูลทั้งหมด แตวาเอกชนเขามารวมกันมีการใสขอมูลเขามาในแพลตฟอร์ม นายวชิระ ชอบแต่ง ตุลาการศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร ผมฟังทานรองผูวาฯ พูดถึงประเด็นที่ทํา Application ใหคนมารองเรียน ในฐานะที่เราอยูศาลปกครอง ก็นึกถึงคดีเป็นหลัก คือ ที่ทานตั้งใจทํา Application และคนรองเรียน ผมวาเป็นเรื่องที่ดีอยูแลว เพียงแตวา เรียนนิดหนึ่งวาตอนนี้ใหเขาใจสถานการณ์ก็คือวา รองเรียนเรื่องความเดือดรอนทานก็แกไป แตวามีอีกประเภทหนึ่ง อันนี้ขอเรียนเป็นขอมูลคงไมเป็นไรเพราะเป็นขอเท็จจริง ก็คือวา ปัจจุบันนี้มีบุคคลอยูอาจจะเรียกวากลุม หรือสวนหนึ่งก็ไดในกรุงเทพมหานครจะทําหนาที่เหมือนกับเป็นคนสอดสองดูแลวามีการฝุาฝืนระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวของกับการบริหารจัดการบานเมืองยังไงบาง ยกตัวอยางเชน กฎหมายวาดวยการสาธารณสุข หรือกฎหมายวาดวยการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบรอยของบานเมืองบุคคลเหลานี้ จะสอดสองดูแล มีการฝุาฝืนเขาก็ถายรูปแลวก็สงไปที่ทางกรุงเทพมหานครเขาใจวาเป็นการกลาวหา วากรุงเทพมหานครไปดูแลหนอยจอดรถบนทางเทา จอดรถในที่หามจอด คาขายอะไรตาง ๆ ที่เป็นการฝุาฝืนกฎหมายเหลานี้ ซึ่งหลังจากที่กรุงเทพมหานครรับเรื่องแลวผมเขาใจวาก็ตองมีการดําเนินการ ตามที่มีการรองไป ประเด็นก็คือวา อาจจะดําเนินการยังไมแลวเสร็จหรือยังลาชาอยู สิ่งที่คนเหลานี้ทําตอ ก็คือวา มีหนังสือสอบถามไปทวงถามเรงรัดไปไมไดคําตอบอีก แตนี่มาเราแลวมาศาลปกครอง ประเด็นก็คือวา คดีเหลานี้เราก็ดูวาบุคคลเหลานี้เขามีสิทธิ์ฟูองคดีหรือไม อันนี้ก็วากันไปอาจจะดูวาเขามีความเกี่ยวของอะไร ยังไงก็วาไป มีหนังสือไปทวงถามแลวไมตอบก็เป็นคดีละเลยหรือไมยังไงก็วาไป บุคคลเหลานี้ตองการอะไร เขาตองการสินบนนําจับ แลวปัจจุบันผมเขาใจวาการรองเรียนในเรื่องเหลานี้มีเยอะมากตามกฎหมายหลายฉบับ ไมใชเฉพาะแตกฎหมายวาดวยการจัดการบานเมืองอยางเดียว แตวาเป็นเรื่องของการวางจําหนายสินคา ตามศูนย์การคาที่ปลอยใหหมดอายุ ไมมีวันหมดอายุ หรือหมดอายุแลวยังวางขายไดก็รองเรียน ไมใชเฉพาะ กรุงเทพมหานคร ไปที่ตํารวจ ไปที่คุมครองผูบริโภค เพื่อตองการสินบนนําจับ พอไดมีการเปรียบเทียบปรับ บุคคลเหลานั้นแลว ประเด็นก็คือวา เขาตองไปขอสินบนนําจับเหลานี้ซึ่งเทาที่ผมมีโอกาสคุยกับนอง ๆ ที่ศึกษา จากตางประเทศ เขาบอกในตางประเทศเป็นอาชีพเลย เป็นอาชีพที่ทํารายไดดีทีเดียว เมื่อไปตรวจพบวามีการฝุาฝืน แลวสอดสองดูแลวก็แจงหนวยงานไปกับหนวยงานก็ตองดําเนินการเพื่อใหเรียกเปรียบเทียบปรับแลวก็ไปขอ สินบนนําจับ มีประเด็นอยูบางประเด็นที่อางวา เนื่องจากรายการขอยังมีการกําหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขไว แบบหยุมหยิม จุกจิก ทําใหเขารับไมได อันนี้เขาก็มาฟูองได ซึ่งในคดีเหลานี้อยากจะเรียนวาอาจจะเป็นคดี ที่เกี่ยวของกับการบริหารจัดการบานเมืองแนวใหมก็ได เพราะทานอาจจะใหเปิดทางรองเรียน เปิดชองทาง ใหพี่นองประชาชนไดสื่อสารกับทานได เพราะฉะนั้นทานไปดูแลวกัน อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะนําเรียน เป็นความเห็นจากการที่ฟังทานกมลฯ พูดถึงวาการมาจัดการพวกปัญหาของเมืองหลายๆเรื่อง ตองมีหลายๆ หนวยงาน เขามาเกี่ยวของ สิ่งที่ผมนั่งคิดตาม ก็คือวา ถาเขามาฟูองศาลปกครองจะกําหนดหนวยไหนเป็นหนวยรับผิดชอบ เพราะวาอาจจะตองมีการสั่งใหปฏิบัติหนาที่ สั่งใหหัวหนาหนวยงานปฏิบัติหนาที่ภายในหนวยงานบริษัททั้งหมด แตเขาบอกวาเขาไมเกี่ยวตรงนี้ก็เป็นประเด็นที่นาคิด อันนี้ผมวาก็เป็นหนาที่ของศาลปกครองที่ตองศึกษาดูวา เรื่องเหลานี้มีหนวยงานไหนบางที่ตองรับผิดชอบ เกี่ยวของยังไง โดยเฉพาะในประเด็นที่ทานกมลฯ ไดพูดถึง 124
54 การบริหารจัดการน้ําเขาใจวามีคดีมาที่ศาลปกครองเยอะมากแลวก็ฟูองหนวยงานมาเทาที่ผมลองอานดูในคําพิพากษา มีหลายหนวยงานมากฟูองมาหลายหนวยงานที่มารวมอยูในกระบวนการที่จะดูแลเรื่องการจัดการน้ํา เพราะฉะนั้นสิ่งตาง ๆ เหลานี้ถือวาเป็นบทเรียนหรือเป็นแนวทางปฏิบัติที่สําคัญในการทํางานของเราดวย ของศาลปกครอง ในความเห็นของผมแลวก็รวมถึงหนาที่ของทางกรุงเทพมหานครที่ตองไปทําความชัดเจนในเรื่องนี้ดวย นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา ทานนพนันท์ฯ มีอะไรจะตั้งขอสังเกตเป็นประเด็นสงทายสําหรับการบริหารจัดการเมืองของเรา ในวันนี้บางไหม รศ.ดร.นพนันท์ ตาปนานนท์ อาจารย์พิเศษ ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : วิทยากร ผมรูสึกวาที่จริงในฐานะที่มีการเรียนการสอนดานผังเมือง ผมรูสึกวาที่จริงเรื่องคดีความ ผมรูสึก เป็นตัวทาย ๆ ถาเราทําใหไมเกิดใหความขัดแยงไดตั้งแตตนทางนี้ผมวาอาจจะเป็นอะไรซึ่งควรและ ผมคิดวาการวางแผนกายภาพบางทีเราจะคิดวาวางผังเมืองเป็นอะไรแคสีๆ เป็นกระดานแปะสีอยางที่ทานสายทิพย์ฯ เห็น แตไปแปะอยูที่ลําปาง ก็เป็นอยางนั้นจริง ๆ ในความเขาใจของคนทั่วไปวาผังเมืองคืออะไร ก็ไมรูเป็นสีๆ กลุมนั้นกลุมนี้ แตผมคิดวาในศาสตร์ของการวางแผนซึ่งผังเมืองเป็นตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง ในเรื่องนี้เป็นเครื่องมือตัวหนึ่ง ผมรูสึกวาถาประเทศถูกนําพาไปสูการวางแผนอยางเป็นระบบ ผมรูสึกเรื่องเมื่อสักครูนี้ก็ขอบคุณเรื่องกรณีน้ําทวม ปีพ.ศ. ๒๕54 ผมเห็นชัดเลยวา คือ ระบบของการบริหารจัดการประเทศซึ่งอาจจะลมเหลวทั้งระบบ ที่จริงแลว เรียนตามตรงวาตอนเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕53 ตอนนั้นกําลังวางผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับที่ใชบังคับปัจจุบัน เราเชิญผูที่เกี่ยวของกับเรื่องของการบริหารจัดการน้ําทั้งลุมเจาพระยามา หนวยงานชลประทานขับรถมาจาก ชัยนาทมาประชุมกับเรา เขาบอกวากรุงเทพมหานครไมตองเป็นหวง ที่จริงที่เป็นหวงเพราะวาตอนนั้นน้ําทวม แถว ๆ อยุธยาอยูแลว ก็มีการสัมภาษณ์คนแถวนั้น ก็บอกวาเขาจะยอมจมน้ําแทนคนกรุงเทพมหานคร เป็นปีสุดทายแลว เหมือนกับวากรุงเทพมหานคร คือ กรุงเทพเอาตัวรอดโดยกักน้ําไวขางบนไมยอมใหผันลงมา แลวก็ผันไปทางแถวบางเลนแถวนครปฐมออกไปทางนั้นก็มีคนมีเกษตรกรพื้นที่จมน้ําอยูผูกคอตาย เพราะวาจม จนเนาจนอะไรอยูน้ําก็ไมไปสักที ตอนนั้นวางผังกรุงเทพมหานครอยูก็นาจะมีการจัดการเรื่องนี้ก็ชวนกันตอนนั้น เดือนธันวาคม ปีพ.ศ. ๒๕53 ทางชลประทานบอกวาไมตองหวงเขาเอาแผนที่แผนของการบริหารจัดการน้ําเจาพระยา ตอนลางมาใหดูวา เขาผันน้ําได เจาพระยาไปทาจีนเขาผันไปมาเดี๋ยวเขาผันไดหมดบอกวาไมตองหวงผันได แลวก็คิดวาผันไดพอเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ ผันไมไดเพราะบางโฉมสีแตก แตเหตุที่บางโฉมสีแตกเพราะวาปิดประตู พลเทพไมใหน้ําเขาทาจีน ที่จริงแลว คือ การผันน้ําไปทางแมน้ําสุพรรณบุรีออกลุมนั้น แตวาเขายังเก็บเกี่ยวไมเสร็จ ก็ปิดตรงนั้นน้ําก็เลยแหทะลักลงมาบางโฉมสีแตกคราวนี้ก็เลยระเนระนาด แลวเกิดอะไรขึ้นตรงนี้ แนนอน ปกปูองสุวรรณภูมิมีการพูดแมกระทั่งวาเราจะตองระเบิดถนน 5 สายทางดานตะวันออกไหม ในที่สุดอยาดีกวา คือ ถนนที่ขวางทางน้ําทั้งหมดสุวินทวงศ์ บางนา-ตราด จะระเบิดถนน 5 สายเพื่อใหน้ําลงแตถามวาลงไปแลว ไปเจอสุวรรณภูมิ ดอนเมืองทวมไปแหงหนึ่งแลว สุวรรณภูมิทวมอีกเขาก็อึกอักกันอยู ในที่สุดก็ปลอยยถากรรมไป ตรงสมุทรปราการอยางที่เคยเรียนวามีโรงสูบน้ําตามแนวชายฝั่งอยู 400 กวาลูกบาศก์เมตรตอวินาที ที่สามารถ สูบออกไดแตน้ําลงไมถึงสมุทรปราการเพราะน้ําไปทางอีกดานหนึ่งถูกผันไปดานที่ไมมีสนามบิน ที่จริงแลว ตองเรียนวา เพราะบางทีภาครัฐ อยางเชน เมื่อสักครูมีกรณีหนึ่งเรื่องของหอพักตั้งมหาวิทยาลัยใหญยักษ์ แตสรางหอพักนักศึกษาไมไดไมพอ แลวนักศึกษาตองตะเกียกตะกายอยูกันแถว ๆ นั้น คือ การทําใหเกิดปัญหา แตตนทายสุดก็กลายมากองอยูศาลปกครองมาทายน้ําอยูตรงนี้ เพราะฉะนั้นเหมือนกับน้ําทวมเลย มีใครสงสัยไหม 125
55 วาปุาไมขางบนเขื่อนภูมิพลกับเขื่อนสิริกิต์ยังอยูหรือเปลา มีใครสงสัยไหมใครบริหารจัดการน้ําในเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิต์ ตอนน้ําทวม ปี พ.ศ. ๒๕54 ไมใชกรมชลประทานแตเป็นการไฟฟูาฝุายผลิตเก็บน้ําไวเกินหรือเปลาไมทราบ ปลอยน้ําลงมาพรอมกันเกิดอะไรขึ้นพอลงมาแลวผันน้ํากันไปกันมา ที่ไมควรผันก็ผัน ควรจะผันมาก็ไมมา เสร็จแลว 1.4 ลานลานบาท ที่หายไปกับอุทกภัยคราวนั้น 1 ลานลานบาท ทํารถไฟรางคูไดทั้งประเทศเลย ถาทําใหเสียเงินกับ 1.4 ลานลานบาท กับขยะน้ําทวมเราพัฒนาอะไรไดอีกเยอะแยะไปหมดเลย งั้นถามวา เกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ที่ผมคิดวาเราอยู เราดําเนินชีวิตประจําวันไปโดยไมมีแผนจริงจังของประเทศแลว ตัวผังที่จะเขามาเป็นตัวบริหารจัดการจริง ๆ แตเมื่อสักครูคงไมยอนภาพผังเมืองรวม มีสุวรรณภูมิแตถาสังเกตดี ๆ จะมีคลองระบายน้ําจากตอนแมน้ําเจาพระยาตอนบนลงไปสมุทรปราการ เขาเสนอของคูกัน คือ ทําสนามบินในที่รม แตวาคุณตองทําคลองระบายน้ําขนาดใหญผันน้ําผานตรงที่ลุมตรงนั้นลงไปสมุทรปราการใหได เราทําแคสนามบิน แตเราไมทําการระบายน้ํา เสร็จแลวพอทวมจริง ๆ ก็เกิดปัญหาแบบนี้ทะเลาะกันตรงประตูคลองสามวา 50 เซนติเมตร 1 เมตร ก็ทะเลาะกันอยูจะฆากันตายระหวางคนอยูแชน้ําอยูกับคนตัวแหงอยู ถามวายังไง ผมรูสึกวาบางทีผมวา ปลายเหตุเกินไปเยอะมากองปัญหาเยอะมาก แตวาถาตนเหตุของการบูรณาการ การวางแผนจริง ๆ มันเกิดขึ้น ผมวาประเทศเราผมวาเป็นประเทศที่มีความสุขได นางสาวสายทิพย์ สุคติพันธ์ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจ าศาลปกครองสูงสุด : ผู้ด าเนินการสัมมนา เราพยายามเอาใจชวยทีมผูบริหารกรุงเทพมหานครอยูวาใหขึ้นอันดับเมืองนาอยูจากอันดับใกลๆ รอย ใหขึ้นมาเป็นอันดับอยูใน 50 แรก อยูอันดับ Top ๕๐ เมืองนาอยูมากขึ้น ซึ่งคิดวาความที่เรามีวิสัยทัศน์ใหม ๆ คงมีผูคนรุนใหม ๆ ที่มารับผิดชอบในงานบริหารจัดการเมืองคิดวาก็เป็นนิมิตหมายที่ดีอยูสําหรับการทําให เมืองใหญของเราอยางกรุงเทพมหานครแลวก็เมืองอื่น ๆ ที่กําลังเติบโตอยูในภูมิภาค เขากําลังเดินไป อยูในเสนทางที่วาความทาทายใหม ๆ เยอะแยะปัญหาซ้ําซอนมากมาย แลวก็หลายเรื่องเป็นเรื่องยอนแยง อยางที่วา ทํายังไงจะใหสามารถมีดุลยภาพอยางที่นายวชิระฯ พูดถึงวาฝุายปกครองที่มีความสามารถจะชวยให ขอขัดแยงอะไรตาง ๆ พวกนั้นสามารถยุติลงไปไดในระดับหนึ่งกอนที่จะมาจบที่ศาลปกครองซึ่งไมควรเลย เราไมนาจะชอบการที่มีคดีมาที่ศาลปกครองเยอะ ๆ เพราะนั่นหมายถึงวา กลไกการทํางานของชุมชนเรา คนกลไกการทํางานของระบบบริหารของเราไมทํางานถึงจะตองมาหาที่สุดทายที่จะบอกวาฝุายไหนชนะฝุายไหนแพ ซึ่งไมสามารถจะเป็นคําตอบที่พอใจอยูแลว เพราะฉะนั้นดิฉันก็ไปอานงานทางดานการพัฒนาเมืองในชวง ที่เตรียมสัมมนา เขาก็พูดถึงวา นอกเหนือจากการมีเมืองที่ทันสมัยเป็น Smart City เป็นอะไรแลว ควรจะตองมีอะไร เขาใชคําวาเป็น Judge คือ เมืองที่เป็นธรรม เพราะวาเมืองไมไดมีแตกายภาพอยางที่ ทานนพนันท์ฯ ไดพูดถึงอยูแลววาเมืองไมไดมีแคกายภาพมันมีชีวิตคน แลวก็ยังมีกลุมคนตาง ๆ ยิ่งเมืองใหญแคไหน ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเจอความเหลื่อมล้ํา เกิดความแตกตางของผูคนตาง ๆ ดังนั้น ทํายังไงจะใหการบริหารจัดการ เป็นการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งคิดวาตัวอยางที่ทานรองผูวาฯ พูดถึงการรับฟังความคิดเห็นในระบบตาง ๆ มากมายก็ นาจะทําใหเกิดลักษณะการปกครองในแบบที่เป็นธรรมาภิบาลมากขึ้น หรือวาการมีสวนรวม ซึ่งเราพูดกันเยอะเหมือนกัน ที่จะทํายังไงใหการบริหารเมืองขนาดใหญนั้นเป็นเมืองที่มีสวนรวมมากขึ้นก็นาจะนําไปสูเปูาหมายที่เราพูดถึงรวมกัน คือ ในระดับองค์กรปกครองทองถิ่นขนาดใหญที่มีศักยภาพสูงที่รับผิดชอบเรื่องที่สําคัญมาก คือ เมืองที่เป็นทั้ง เป็นหนาเป็นตาของประเทศ และเป็นแหลงที่รวมของสัพปัญหาทั้งหลาย อยางกรุงเทพมหานครนั้นเป็นเมือง ที่มีความนาอยู ผูคนเป็นสุขมากขึ้น ก็คิดวาวันนี้สัมมนาก็คงจะเป็นเรื่องที่ทานที่มีประสบการณ์จากภาควิชาการ ภาคผูบริหารจัดการ บริหารจัดการเมือง ผูบริหารจัดการพื้นที่ตาง ๆ มาเลาสูใหพวกเราที่ศาลปกครองไดทําความเขาใจ มีทานวชิระฯ มาชวยที่จะชี้ใหเห็นวาเมื่อเรื่องเหลานี้มาสูศาลปกครองนั้น มุมของศาลปกครองเรามีขอจํากัดอะไร หรือเรามองปัญหาแบบนี้อยางไร ก็ตองขอขอบพระคุณทานวิทยากรทั้ง 2 ทานที่กรุณาใหเวลามารวมสนทนา 126
56 กับเราในประเด็นตาง ๆ อยางกวางขวาง ไมใชเฉพาะเรื่องของกฎหมาย เราอยากรูอะไรเราถามกันหมดเลย ขอบพระคุณทานนพนันท์ฯ ขอบพระคุณทานรองผูวาวิศณุฯ ในฐานะที่ทานรองผูวาราชการกรุงเทพมหานคร ขอบพระคุณมาก คิดวาทานกมลฯ นาจะอยากชวนวิทยากรทั้ง 2 ทานมาคุยในแบบ Section เป็นการใหความรูเฉพาะดาน ในเรื่องตาง ๆ ที่เราอยากรู เชิญมาแบบวงในซักกันใหขาวอะไรอยางนี้ เรื่องแบบนี้คิดยังไง เรื่องแบบนี้ มีระเบียบอะไร เรื่องแบบนี้ทานตัดสินใจอยางนี้เพราะอะไร อันนี้ก็คิดวานาจะเป็นโครงการที่ศาลปกครอง นาจะมีโครงการเพิ่มพูนความรูโดยเอาผูที่มีประสบการณ์จากโลกของความเป็นจริงมาใหเราไดรวมแลกเปลี่ยนทัศนะ และหวังวาโอกาสหนาทานคงยินดีจะมาเยี่ยมเราอีก และแจงวัฒนะอาจจะรถไมติดเทานี้ วันนี้ก็ตอง ขอขอบพระคุณ ในนามของสํานักงานศาลปกครอง ขอบพระคุณทานวิทยากรทั้ง 2 ทานเป็นอยางยิ่ง 127
57 หัวข้อ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ : แง่มุมการพิจารณา ในด้านกฎหมายปกครองและคดีปกครองของต่างประเทศ และของไทย” วันพุธที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ ห้องสัมมนา ๑ ชั้น ๑๑ อาคารศาลปกครอง วิทยากร : นายชาญวิทย์ ชัยกันย์ ตุลาการศาลปกครองกลาง นายอนันต์ คงเครือพันธุ์ ผูอํานวยการสํานักวิจัยและวิชาการ ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ผศ.ดร.นพร โพธิ์พัฒนชัย ผูอํานวยการศูนย์กฎหมายทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ด าเนินการสัมมนา : นางสาวฤตยา ธีรนันท์ พนักงานคดีปกครองชํานาญการ สํานักวิจัยและวิชาการ นางสาวฤตยา ธีรนันท์ พนักงานคดีปกครองช านาญการ ส านักวิจัยและวิชาการ : ผู้ด าเนินการ สัมมนา เรียน ท่านผู้บริหารศาลปกครอง ผู้บริหารสํานักงานศาลปกครอง ตุลาการศาลปกครอง ผู้แทนจากหน่วยงานภายนอก และผู้เข้าร่วมการสัมมนาในวันนี้ทุกท่าน หัวข้อการสัมมนาในวันนี้ เป็นเรื่อง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งในปัจจุบันเชื่อว่าทุกท่านคงจะเคยได้ทราบข่าวคราว รวมทั้งอาจจะได้ประสบ ด้วยตนเองในเรื่องของปัญหาของสภาพดินฟ้าอากาศที่มีความเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอากาศ ที่มีความหลงฤดู หรือสภาพภูมิอากาศที่มีความรุนแรงมากกว่าปกติ เช่น ในเรื่องของอากาศที่ร้อนจัด หรือการที่ มีฝนตกหนักจนเกิดเป็นปัญหาน้ําท่วมตามมา ซึ่งปัญหาเหล่านี้ในทางวิทยาศาสตร์เป็นที่ยอมรับว่าเป็นปัญหา ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็เกี่ยวข้องกับศาสตร์ ในหลาย ๆ ด้าน แต่ในแง่มุมที่จะพูดคุยกันในวันนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับแง่มุมของกฎหมาย ซึ่งในส่วนของกฎหมายนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ฉบับปัจจุบัน ก็ได้มีการกล่าวถึงเรื่องของการปฏิรูปประเทศ ซึ่งแผนการปฏิรูปประเทศที่ได้มีการจัดทําออกมา ด้านหนึ่ง คือ การปฏิรูปประเทศในเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยในแผนดังกล่าว หนึ่งในประเด็นปฏิรูปที่สําคัญ คือ ประเด็นในเรื่องของการผลักดันให้มีการ ออกกฎหมายหรือพระราชบัญญัติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ก็จะเป็นกฎหมาย ที่เข้ามาช่วยส่งเสริมให้มาตรการและกลไกต่าง ๆ ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ในส่วนของหน่วยงานทางปกครองที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง ล่าสุดในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ได้มีการพูดถึงการจัดตั้งกรมใหม่ขึ้นมาชื่อว่า กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งกรมนี้ก็จะมาเป็นหน่วยงานทางปกครองใหม่ ที่เข้ามามีบทบาทในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะฉะนั้น ที่กล่าวมาข้างต้นก็จะเห็นได้ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ การดําเนินการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็นไปตามกฎหมาย ที่มีอยู่ในปัจจุบัน หรือว่ากฎหมายใหม่ที่กําลังจะออกมา หรือการดําเนินการเกี่ยวกับหน่วยงานทางปกครองต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็อาจจะเกิดประเด็นพิพาทขึ้นมาได้ สุดท้ายแล้วเข้ามาสู่ศาลปกครอง ซึ่งการสัมมนาในวันนี้ ก็เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เห็นภาพทั้งหมดตั้งแต่ต้นว่าการดําเนินการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตั้งแต่ในส่วนที่เชื่อมโยงกับพันธกรณีระหว่างประเทศ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการต่าง ๆ ภายในประเทศ 128
58 ว่ามีกลไกอย่างไร กฎหมายปกครองหรือกฎหมายอื่น ๆ ที่จะมาเกี่ยวข้องกับศาลปกครองในเรื่องนี้เป็นอย่างไร และสุดท้ายคดีทางปกครองที่จะเกิดขึ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะมีหน้าตาแบบไหน ลักษณะ อย่างไร ในวันนี้ทุกท่านก็จะได้เห็นภาพเหล่านี้ด้วยกันทั้งหมด แต่ก่อนอื่นที่จะไปเริ่มการสัมมนาโดยท่านวิทยากร อยากจะขอประชาสัมพันธ์ เนื่องจากว่าการสัมมนาในวันนี้เป็นในรูปแบบ Hybrid ช่องทาง Online และ Onsite หากในระหว่างการสัมมนาผู้เข้าร่วมการสัมมนาท่านใด มีประเด็นปัญหาก็สามารถที่จะฝากข้อคําถามไปยัง เจ้าหน้าที่ได้หรือทาง Online ผ่านช่องทาง Chat ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมและนํามาให้กับวิทยากรในช่วงท้าย ของการสัมมนา และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอนําทุกท่านได้เห็นภาพใหญ่ของเรื่องปัญหาการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศว่าที่มาของการที่ทุกท่านจะต้องมาร่วมมือกันแก้ปัญหานี้ทั้งในระดับระหว่างประเทศและ ในการดําเนินการภายในประเทศว่ามีมาตรการและกลไกอย่างไรบ้าง ซึ่งผู้ที่จะมาให้ข้อมูลในส่วนนี้ได้ดีที่สุด คือหน่วยงานที่รับผิดชอบและมีบทบาทสําคัญในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ในลําดับแรกขอเรียนเชิญ ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์ พานิช เลขาธิการสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม : วิทยากร ในวันนี้ขอขอบคุณศาลปกครองที่ได้เชิญผมมาเป็นวิทยากรในการเล่าที่มาที่ไปเกี่ยวกับ ความสําคัญ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งในระดับสากลและในระดับประเทศที่มีการขับเคลื่อน กันอยู่ตอนนี้ จะพูดถึงเรื่องทิศทางที่ประเทศไทยต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อสร้างขีดความสามารถและทําให้ประเทศเรา สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน สามารถแข่งขันกับนานาอารยประเทศได้ ไปที่เรื่องแรกก่อนว่าทําไมกระแสเรื่อง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องที่สําคัญอย่างยิ่ง หากพูดในภาพรวมทั่ว ๆ ไปก็จะบอกว่ามีเรื่องของภัยพิบัติสูงขึ้น เรื่องของการกดดันทางเศรษฐกิจจากต่างประเทศ อันนั้นเป็นสิ่งที่เราพบเจอและเห็นตามภาพข่าว แต่จริง ๆ อยากจะฉายภาพให้ดูว่าหากพูดถึงความเสี่ยงในระยะสั้นและระยะยาว การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นปัจจัยที่เป็นตัวกําหนดทิศทางการพัฒนาของโลกใบนี้ ในระยะ ๓๐ ๕๐ หรือ ๑๐๐ ปี ข้างหน้า ใน ๑๐ ปี ข้างหน้าต่อไป ทั้ง The World Economic Forum (สภาเศรษฐกิจโลก) ประชุมมาเรียบร้อยแล้ว มีผู้นําเศรษฐกิจ หลายประเทศทั่วโลกเข้าร่วมประชุม ประเทศไทยก็ได้เข้าร่วมประชุม ที่ประชุมบอกใน ๑๐ ปี ข้างหน้านี้ ความเสี่ยงสูงสุด คือ การที่เราไม่สามารถที่จะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ การที่มนุษย์ ไม่สามารถที่จะปรับตัวเพื่อรองรับกับผลกระทบได้หรือแม้กระทั่งที่เรามี Extreme Climate Events (เหตุการณ์สภาพภูมิอากาศสุดขั้ว) เช่น พายุ น้ําท่วม ภัยแล้งต่าง ๆ และสิ่งที่ผู้นําโลกทุกประเทศกลัวที่สุด หลังจากที่ Climate Change ไม่สามารถควบคุมได้ซึ่งจะไป Trigger (กระตุ้น) ให้เกิดเรื่องของ Biodiversity Loss หรือความหลากหลายทางชีวภาพที่เสียไป และนําไปสู่ในเรื่อง Ecosystem Collapse(การล่มสลายของระบบนิเวศ) นั่นหมายความว่า เรากําลังพูดถึงระดับ Producer ที่ทําหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิต ก็มองว่า ความเสี่ยงในเรื่องนี้ ภาคธุรกิจมองใน ๑๐ ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่สําคัญมาก ภาพในระยะสั้นทุกคนมีคําถามเยอะว่า พอมี Dispute (พิพาท) ระหว่างรัสเซียกับยูเครน มี Energy Crisis (วิกฤตพลังงาน) ต่าง ๆ แล้วผู้นําโลก จะเปลี่ยนแปลงเป้าหมายเรื่องการลดก๊าซเรือนกระจกหรือไม่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาก่อนการประชุม COP27 (การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปีค.ศ.๒๐๒๒ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ ๒๗) นั่นเป็นคําถามที่ถูกถามมาจนถึงวันนี้ และไม่มีประเทศไหนเลยใน ๑๙๗ ภาคีสมาชิกที่ปรับเป้าหมายการลดก๊าซ เรือนกระจกให้ลดลงจากที่เคยตั้งเป้าไว้ เช่น ในปี ค.ศ. ๒๐๔๕ ๒๐๕๐ เป็นต้น อันนี้กําลังสื่อสารว่าวันนี้ที่เรา พูดคุยกันในเรื่องนี้เป็นทิศทางที่ถูกต้องแล้ว และมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่เราทุกคนจะต้องรู้เรื่องนี้ เพราะจะมีผล ต่อการพูดคุยเรื่องของกฎหมายในอนาคตด้วย เมื่อเรามีพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศขึ้นมา หลายคนบอกว่าประเทศไทยก็ร้อนอยู่แล้ว แล้วการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกี่ยวข้อง 129
59 อย่างไรการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ต้องดูที่ Pattern (แบบแผน) ดูเรื่อง Frequency (ความถี่) Intensity (ความเข้ม ความหนาแน่น) ที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้บอกว่าถ้าเคยร้อนแล้วต้องไม่ร้อนเลยกลายเป็นหนาวไม่ใช่ แต่จะมีความเป็นสุดขั้วในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น หนาวสุดขั้วในฝั่งของเอเชียตะวันออกที่ผ่านมา อย่างประเทศญี่ปุ่นที่หนาวมาก ๆ หรือแม้กระทั่งน้ําท่วมในนิวซีแลนด์ Heatwave (คลื่นความร้อน) ในยุโรป และอื่น ๆ รวมถึงประเทศไทย เช่น กรุงเทพมหานครน้ําท่วม ซึ่งอาจมีการตั้งคําถามเรื่องการบริหารจัดการ เรื่องการระบายน้ํา แต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อฝนตกเยอะ น้ําทะเลหนุนสูงขึ้น การไหลต่าง ๆ ก็สูงขึ้น ก็จะมีปัญหา เกี่ยวข้องกันทั้งหมด หรือแม้กระทั่งจังหวัดสุพรรณบุรีก็เป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งแล้งและน้ําท่วมหนัก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น และเป็นปัญหาที่มีความสําคัญในระดับโลกรวมถึงระดับประเทศ หากพูดถึงเรื่องความเสี่ยง เรื่องภัยพิบัติ ประเทศไทยถูกจัดอยู่ลําดับไหน ในเรื่องของการเสี่ยงต่อภัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทางหน่วยงาน ที่เรียกว่า Germanwatch (เป็นหน่วยงานที่เคลื่อนไหวเกี่ยวกับความเสมอภาค และการดํารงชีวิตของมนุษยชาติ ซึ่งรวมถึงการเกาะติดสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก และการเคลื่อนไหวเพื่อดํารงรักษา สิ่งแวดล้อม) เป็น NGO ของประเทศเยอรมนีได้ทําการจัดอันดับจากปัจจัยย้อนหลัง ๒๐ ปี ว่าการสูญเสียชีวิต การสูญเสียทรัพย์สินจากภัยพิบัติธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีมูลค่าความเสียหาย เบ็ดเสร็จเท่าไหร่ ก็นํามาจัดอันดับประเทศต่าง ๆ ลําดับ ๑ ไม่ใช่ลําดับที่ดีแต่ถือว่าเสี่ยงมาก สําหรับประเทศไทย อยู่อันดับที่ ๙ จาก ๑๙๗ ภาคีสมาชิกที่อยู่ภายใต้อนุสัญญา เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ต้องบอกเลยว่าประเทศไทย อาจจะไม่ใช่ประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก แต่ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศต้น ๆ ของโลก ที่ต้องรับผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยแล้ง ดินถล่ม น้ําท่วม เรื่องของพายุต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไฟป่าอาจจะมีได้ที่เป็นปัญหา PM2.5 ก็เกิดขึ้นได้ในช่วงที่แล้งจัด รวมถึงการเผา หากประเทศไทยมีความเสี่ยง สูงแล้วปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าไหร่ ประเทศไทยก็ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทุกประเทศทั่วโลกก็ปล่อยก๊าซ เรือนกระจก ยกเว้นบางประเทศที่ยืนยันว่าเป็น Carbon Negativeเช่น ประเทศภูฏาน มีลักษณะเศรษฐกิจสังคมที่ ไม่มีการใช้เชื้อเพลิง หรือพลังงานมากมาย เพราะมีป่าเยอะจึงเป็น Carbon Negative หมายความว่า ดูดกลับ Carbon จากบรรยากาศด้วยซ้ําไปจากที่ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกปล่อยกันอยู่ อย่างประเทศไทยปล่อย ๓๗๒ ล้าน ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ข้อมูลย้อนหลังไปประมาณ ๓ ปี ภาคพลังงานปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุด ประมาณ ๗๐% จากทุกท่านที่ใช้พลังงาน รวมถึงศาลที่เปิดไฟอยู่ด้วย ทุกคนมีส่วนร่วมในการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกทั้งหมด ภาคเกษตรหลายคนไม่ทราบว่าภาคเกษตรปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ ๕๖ ล้านตัน แต่ประมาณ ๒๘ ล้านตัน ครึ่งหนึ่งปล่อยจากนาข้าว น้ําที่ขังในนาข้าวก็จะปล่อยก๊าซมีเทนออกมา ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง ทางวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ พอเกิดปัญหาแล้วจะไปโทษภาคเกษตรกรไม่ใช่ เพราะทุกคนกินข้าวและใช้ผลิตภัณฑ์ ที่เกิดจากเกษตรกรทั้งนั้น ทุกคนต้องหาวิธีว่าทําอย่างไรให้เกิดการเปลี่ยนผ่านในเรื่องของวิธีการปลูกข้าว ทําอย่างไรให้ปล่อยก๊าซมีเทนน้อยลง นอกจากนี้ ยังมีภาคอุตสาหกรรม ภาคของเสีย แต่ก็ยังมีภาคป่าไม้ ที่ดูดกลับอยู่ด้วย เช่น ต้นไม้ ป่าชายเลน ป่าบกต่าง ๆ ที่เรามีอยู่ก็ช่วยดูดกลับคาร์บอน อันนี้เป็นภาพรวมที่ฉายให้ดู แต่ความลําบากของ Climate Change พอมาเกี่ยวข้องกับกฎหมาย เดี๋ยวจะมีประเด็นที่ว่า ตอนนี้เรากําลังมองเรื่อง Global Emission Global Impact (ผลกระทบระดับโลก) หากถามว่าถ้าประเทศไทยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นศูนย์เลยวันนี้ ทุกคนหยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ถามว่า Climate Change จะหยุดผลกระทบหรือไม่ คําตอบ คือ ไม่หยุด เพราะประเทศจีน ประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป ๒๗ ประเทศ ประเทศอังกฤษ ประเทศอินเดีย ประเทศญี่ปุ่น ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ เพราะฉะนั้น นี่คือ ความละเอียดอ่อนของกฎหมายที่ต้องร่างต่อไป ว่ากฎหมายจะต้องออกมาในลักษณะที่ทําให้เกิดการส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนผ่านเพื่อให้ภาคเอกชน ภาคประชา สังคม ภาคประชาชนสามารถที่จะอยู่ได้ แข่งขันได้ ทั้งในประเทศและในระดับสากลด้วย จึงต้องเป็นมิติที่ชั่งน้ําหนัก ได้พอดี ซึ่งเป็นความละเอียดอ่อนและความยาก หากทํามากไปต่อให้เป็นศูนย์ก็ช่วยโลกนี้ไม่ได้ ต้องทําใน ลักษณะที่พิจารณาจากความรับผิดชอบของประเทศแล้วอยู่ในระดับที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับประชาคมโลก 130
60 หรือนานาอารยะประเทศด้วยอันนี้มีปัจจัยในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้มาเกี่ยวข้องด้วย ในทางกฎหมายหากภัยแล้งเกิดขึ้น ถามว่าจะโทษการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยอย่างเดียวได้หรือไม่ คําตอบคือ ไม่ได้ เพราะก๊าซเรือนกระจก ที่อยู่ในบรรยากาศตอนนี้เกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทุกประเทศ อันนี้เป็นสิ่งที่ทั่วโลกก็เลยให้ความสําคัญ กับเรื่องกลไก ปัจจุบันมีกลไกหลัก ๆ เรียกว่า Paris Agreement (ความตกลงปารีส) อีกสองอันเป็นอนุสัญญา ซึ่งอันแรก UNFCCC (กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) เป็นกรอบใหญ่ Kyoto Protocol (พิธีสารเกียวโต) เป็นกลไกที่สองแต่หมดอายุไปแล้ว ขอกล่าวถึงอันที่สาม คือ Paris Agreement เป็นความตกลงที่ทําให้ทุกประเทศทั่วโลกต้องตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ไม่ได้ระบุว่าประเทศใดต้องตั้งเท่าไหร่ แต่จะมีเป้าหมายว่าอยากเห็นการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ไม่เกิน ๑.๕ องศาเซลเซียส ภายในปลายศตวรรษนี้ ซึ่งปัจจุบันเพิ่มไปแล้ว ๑ องศาเซลเซียส ตั้งแต่ประมาณ ปี ค.ศ. ๑๗๕๐ จนถึงปัจจุบัน หลังจากที่มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมมีการใช้พลังงานฟอสซิลขึ้นเยอะมาก จนอุณหภูมิเพิ่มขึ้นไปแล้ว ๑ องศาเซลเซียส เหลืออีกประมาณ ๐.๕ องศาเซลเซียส ที่ไม่อยากให้เพิ่มขึ้น นี่คือเป้าหมายที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องช่วยกันทํา ซึ่งประเทศไทยก็ต้องทํางานภายใต้ความตกลงปารีส ภายใต้อนุสัญญา เรื่อง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเทศไทยมีพันธกรณี เพราะเป็นหนึ่งในรัฐภาคีสมาชิก ของกรอบอนุสัญญาด้วย เราต้องมีการจัดทําบัญชีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ๓๗๐ กว่าล้านตัน ต้องมีการทําทุกปี ตัวเลขต้องมีการรายงานไปที่อนุสัญญาทุกปีว่าประเทศไทยปล่อยอะไรบ้าง อันที่สอง ต้องจัดทําแผนเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวเพื่อรองรับผลกระทบตามความตกลงปารีส หากช่วยกันทําให้ดีที่สุดยังเพิ่มอีก ๐.๕ องศาเซลเซียส จากปัจจุบันที่เพิ่มมาแล้ว ๑ องศาเซลเซียส ดังนั้น คาดหวังได้เลยว่า ภัยพิบัติต้องรุนแรงกว่าปัจจุบันนี้แน่นอน อีก ๐.๕ องศาเซลเซียส เพราะฉะนั้น ความสามารถในการปรับตัวก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เรามองข้ามไม่ได้ในการสร้างขีดความสามารถของประเทศไทย ในส่วนของการส่งรายงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรายงานแห่งชาติ รายงานราย ๒ ปี เป็นการที่จะบอกว่า ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้วมีการรายงานจริงหรือไม่ หากบอกให้ลดก๊าซเรือนกระจก ๑๐ ตัน ๒๐ ตัน ๓๐ ตัน ต้องรายงานให้ทราบว่า ที่ลดนั้นจริงหรือไม่ มีโต๊ะกลมมานั่งตรวจสอบการจัดทําตัวเลข ของแต่ละประเทศด้วย เพื่อจะยืนยันว่าตัวเองไม่ได้สร้างตัวเลขขึ้นมา เพราะหากทุกคนช่วยกันทําข้อมูล ที่ไม่เป็นจริงเพื่อให้ประเทศดูดี ก๊าซเรือนกระจกก็ไม่ลดลง ภัยพิบัติก็ยังรุนแรงเหมือนเดิมหรือมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยซ้ําไป อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น สําหรับประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายไปแล้วว่าในระยะยาวเราจะเป็นกลาง ทางคาร์บอนในปี ค.ศ. ๒๐๕๐ และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. ๒๐๖๕ คําว่า Net Zero GHG การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี ค.ศ. ๒๐๖๕ หมายความว่า ก๊าซเรือนกระจกมีทั้งหมด ๗ ตัว ในโลกนี้ ที่ให้ความสําคัญ ก๊าซเรือนกระจก ๗ ตัวนั้นที่ปล่อยโดยประเทศไทย กับความสามารถในการดูดกลับของ ภาคป่าไม้ หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เข้ามา ต้องรวมกันแล้วการปล่อยเท่ากับการดูดกลับ นั่นคือ Net Zero คือ ปล่อยได้แต่ต้องมีการดูดกลับ จึงเรียกว่า Net Zero ไม่ได้ Zero จริง ๆ นั่นคือ สิ่งที่เกิดขึ้น ส่วน Carbon neutrality (ความเป็นกลางทางคาร์บอน) ก็คือ สนใจแค่ก๊าซเรือนกระจกตัวเดียว คือ CO2จึง Achieve ได้เร็วกว่า ในประเทศไทย ในปี ค.ศ. ๒๐๕๐ แต่ก่อนไปถึงจุดนั้นได้ มีระยะสั้น คือ ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ซึ่งเราตั้งเป้าหมายไว้ที่ ๓๐- ๔๐% ในการลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็อยู่ ระหว่างการทําแผนปฏิบัติการ ซึ่งเดิมมีแผนปฏิบัติการอยู่แล้ว เป้าหมายแรก คือ ร้อยละ ๒๐-๒๕ แต่รัฐบาล ปรับเป้าหมายเป็นร้อยละ ๓๐-๔๐ จึงต้องนํา Action Plan มาปรับปรุงเพื่อเพิ่มมาตรการเข้าไป ซึ่งทําอยู่ในปี พ.ศ. ๒๕๖๖ นี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ ก็จะมีแผนงานของทุก Sector ได้แก่ ภาคพลังงาน ภาคขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร ภาคของเสีย และภาคป่าไม้ ในเรื่องของมาตรการต่าง ๆ สิ่งที่จะช่วยลด ก๊าซเรือนกระจกได้จากภาครัฐบาล คือ ๑. เพิ่มพลังงานไฟฟ้า การผลิตเป็นพลังงานของ Renewable หรือ พลังงานทดแทนที่จะเข้ามาในระบบได้ ๒. การเปลี่ยนระบบการขนส่งให้เป็น Electrification หรือรถไฟฟ้า อันนี้ 131
61 ก็ช่วยได้ ยกตัวอย่างเช่น ซื้อรถไฟฟ้า ๑ คัน รถ Passengers Cars รถยนต์๔ ที่นั่ง ท่านซื้อ ๑ คัน ขับรถไฟฟ้า จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงทันทีครึ่งหนึ่งของรถสันดาปภายในที่เป็นแก๊สโซลีนที่เติมแก๊สโซฮอล์ อันนี้คือ ครึ่งหนึ่งโดยปริยายเพราะไม่ได้เผาเชื้อเพลิง แต่ใช้ไฟจากโรงไฟฟ้าซึ่ง Efficiency (ประสิทธิภาพ) ในการผลิต ไฟในการปล่อยคาร์บอนนั้นน้อยกว่าการขับรถการเผาไหม้เชื้อเพลิงในรถยนต์ ถ้าเป็นรถมอเตอร์ไซด์ ถ้าเปลี่ยน จากรถมอเตอร์ไซด์ที่เติมน้ํามันไปเป็นรถมอเตอร์ไซด์ที่ใช้ไฟฟ้า การปล่อย CO2 หายไปเลย ๘๐% ในระยะทาง ๒๐,๐๐๐ กิโลเมตรเท่ากัน อันนี้คือเปลี่ยนได้ทันทีแต่เป็นศูนย์หรือไม่ ตอบว่าไม่เป็น เพราะว่าสุดท้ายท่านก็ยังใช้ ไฟจากฟอสซิลที่มาจากโรงไฟฟ้าอยู่ดี ดังนั้น รัฐบาลเลยต้องใส่โรงไฟฟ้าที่เป็นพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น เพื่อจะทํา ให้ Emission (การปล่อยมลพิษ) ที่ออกมานั้นลดลง ในเรื่องของการขับเคลื่อนแผนนโยบายต่าง ๆ ที่ต้องกําหนดลงไปให้กับหน่วยงานภาครัฐตั้งแต่ Sector ทํา ก็ไปบังคับใช้เชิงนโยบายกับเอกชนอีกที ไม่ว่าจะ เป็นเรื่องของการให้โควตาไฟฟ้าในการประมูลไฟฟ้าล็อตใหม่ การเดินรถ ไม่ว่าจะเป็นระบบราง ระบบไฟฟ้า ต่าง ๆ ก็จะเข้ามามีบทบาท แต่จะมีกลไกอีกตัวหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่าน ก็คือ Carbon Credit ซึ่งมีคําถามค่อนข้างเยอะว่าประเทศไทยมีความพร้อมหรือไม่ที่จะรองรับกลไกของการซื้อขายคาร์บอน เราได้มี การทําแนวทางการบริหารจัดการเรื่อง Carbon Creditของประเทศไทยขึ้นมาแล้ว และกรรมการการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศแห่งชาติเห็นชอบแล้ว เพียงแต่ว่ากลไกนี้ยังไม่มีข้อกฎหมายมาสั่งการภายใต้พระราชบัญญัติ ไม่มี เราใช้กลไกการบริหารโดยสมัครใจเป็นหลัก ซึ่งต่อไปจะยกระดับในช่วงระยะสั้นนี้ก่อนโดยปรับปรุงระเบียบ สํานักนายกรัฐมนตรีให้กรรมการชาติมีอํานาจที่ชัดเจนในเรื่องของการเห็นชอบกลไก Carbon Credit และสามารถ ที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบได้ เพื่อให้เป็นกลไกที่สามารถนํามาใช้และอ้างอิงโดยหน่วยงานของรัฐหลาย ๆ หน่วยงาน ซึ่งแบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ กลไกภายในประเทศ กับกลไกระหว่างประเทศ สําหรับกลไกภายในประเทศ เป็น Voluntary Carbon Marketถ้าใครรู้จักองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (TGO) ซึ่งอยู่ที่ศูนย์ราชการ ก็จะทราบว่า องค์การ TGO สร้าง T-VER ขึ้นมา ซึ่งเรียกว่า โครงการลดก๊าซเรือนกระจก ภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program หรือ T-VER) ขึ้นมา และสามารถขึ้นทะเบียนได้ หมายถึง เจ้าของโครงการขึ้นทะเบียนทําโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ขึ้นทะเบียนและขอรับรอง Carbon Credit ได้ และที่ผ่านมาก็มีการซื้อขายกันระหว่างเอกชน A กับเอกชน B หรือเรียกว่า Over the Counter (OTC) (การซื้อขายหลักทรัพย์โดยการตกลงกันเองระหว่างนักลงทุน) มาตกลง ราคากัน เช่น ผมทําไฟแสงอาทิตย์ และคํานวณ Carbon Credit ได้อีกคนหนึ่งไม่สามารถที่จะลดคาร์บอนได้ และอยากซื้อจากผมไป ผมก็ขาย คือ ตกลงซื้อขายกัน ๒ คน ดูราคาต้นทุนบวกกําไรและขายกัน โดยที่ผ่านมาเป็น แบบนั้น แต่ล่าสุดมีแนวทางการบริหารจัดการ Carbon Credit ทําให้เราสามารถมีตลาดกลาง หรือ Carbon TransactionPlatform ซึ่งสามารถซื้อขายบนกระดานได้เลย โดยที่คนอยากทําตลาดกลางก็ต้องมาทําความตกลงกับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกในการทําตลาด ซึ่งปัจจุบันก็มีแล้ว คือ สภาอุตสาหกรรมแห่ง ประเทศไทย (The Federation of Thai Industries : FTI) เข้ามาทําความตกลงกับองค์การบริหารจัดการ ก๊าซเรือนกระจก แล้วเปิดตลาด เรียกว่า FTIX (แพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานสะอาดและคาร์บอนเครดิต) ซึ่งตอนนี้มีอยู่ประมาณ ๓๐ บัญชี และมีการซื้อขายไปกว่า ๓,๐๐๐ ตัน อันนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแต่เป็นแบบ Voluntary (สมัครใจ) เพราะยังไม่มีข้อกฎหมาย บังคับ ดังนั้น ถามว่าทําตลาดแยกได้หรือไม่ โดยไม่ต้องตกลงกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกก็สามารถทําได้ เพราะเราไม่มีกฎหมายบังคับว่าห้าม ทํา แต่การมีตลาดหลาย ๆ ตลาดนั้นอาจมีปัญหาต่อประเทศไทยเรื่อง Liquidity (สภาพคล่องทางการเงิน) ของคาร์บอนนั้นอาจไม่ได้ และมีแต่ต้นทุนทําตลาดเต็มไปหมด เพราะฉะนั้น จึงมีตลาดเดียวตอนนี้คือ FTIX ส่วนของการทํางานระหว่างประเทศ ภายใต้ความตกลงปารีส ข้อ ๖.๒ ที่ทําให้ประเทศ ๒ ประเทศ สามารถซื้อขาย ถ่ายโอน Carbon Credit ระหว่างประเทศได้ ซึ่งประเทศไทยก็ได้ไปทําความตกลงกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในการซื้อขาย Carbon Credit ผ่านข้อ ๖.๒ ของความตกลงปารีส โดยที่มีโครงการที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 132
62 ให้ความสนใจไปจับมือกับเอกชนไทย ซึ่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์จะมีหน่วยงานที่เรียกว่า KliK Foundation ดูแลเรื่อง Carbon Credit ให้กับรัฐ ตั้งเป็นเอกชนแต่ทํางานให้รัฐ เค้าก็จะมา Scouting ทั่วโลกว่าอยากจะทําโครงการ ลดคาร์บอนกับใคร เพราะประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีเป้าหมายในการลดคาร์บอนในปี ค.ศ. ๒๐๕๐ ด้วย ซึ่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ทําได้ยากมากเพราะเทคโนโลยีที่ใช้นั้นต้นทุนราคาสูง แรงงานสูง มาซื้อจาก ต่างประเทศดีกว่า จึงมาสนใจเรื่องรถไฟฟ้า คือ EV Bus เป็นการเปลี่ยนรถไฟฟ้าที่เป็นรถสันดาปภายใน ให้เป็นรถ EV ทั้งคัน ที่เราเห็นวิ่งอยู่บนถนนนั้น คือ Thai Smile Bus เริ่มต้นมาจากตรงนั้น ซึ่งการเปลี่ยนเชื้อเพลิง อย่างรถบรรทุกก็สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ทันที เราก็ได้มีการทําข้อตกลงกันและทําโครงการเสนอเรื่อง เข้าคณะรัฐมนตรีจนเห็นชอบไป ซึ่งอยู่ในพันธกรณีภายใต้ความตกลงปารีส ซึ่งผมก็เป็นคนลงนามในหนังสือ Letter of Approval (LoA) หมายถึงว่า ถ้าโครงการนี้ทําได้จริงและมีการถ่ายโอน แต่โครงการนี้จะยาก เพราะว่า ๑. ถ้าเราขายไปแล้วประเทศต้องเอากลับมาบวกกลับภายในประเทศไทย สมมติว่าขายไป ๕ แสนตัน ต้องบวกกลับในบัญชีของประเทศที่ปล่อยก๊าซอีก ๕ แสนตัน มันมีภาระผูกพันระหว่างประเทศเลยต้องใช้รัฐบาล ในการ Endorse (รับรอง) และต้องใช้เงินลงทุนสูง เอกชนต้องรับภาระเต็ม ๆ ความเสี่ยงอยู่ที่เอกชนทั้งหมด ต้องลงทุนไปก่อน ทําไปก่อน ลดคาร์บอนได้แล้วจริงถึงจะโอนไปแล้วเขาจ่ายเงินมาไม่มีการจ่ายล่วงหน้า ดังนั้นเอกชนจึงต้องรับภาระ รัฐบาลไม่ผูกพัน อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและต้องเป็นโครงการที่อยู่นอกเหนือ แผนการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยเท่านั้น หมายความว่า ถ้าทําโครงการนี้ คือ ไปหยิบยกมาตรการ บางอย่างที่วางแผนล่วงหน้าอีก ๑๐ ปี ถึงจะทําได้จริง เอามาเร่งทําในวันนี้เลย แล้วก็เอาเงินที่ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์จ่ายมาในเรื่องคาร์บอนเอาไปใช้ในการทําโครงการเป็นส่วนหนึ่ง อันนี้ก็ยกตัวอย่างให้ฟัง เป็นเรื่อง ของกลไกระหว่างประเทศที่ทําแล้วเกิดขึ้นจริง และรถโดยสารไฟฟ้า EV Bus ที่วิ่งในกรุงเทพฯ หลายสายแต่เป็น รถร่วมเอกชนไม่ใช่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพราะรถร่วมเอกชนไม่ได้อยู่ในแผนลดก๊าซเรือน กระจกภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ อันนี้อยู่นอกแผนจึงสามารถทําได้ แต่สําหรับในแผนนั้นก็มีรถของ ขสมก. ซึ่งพยายาม จะเปลี่ยนผ่านอยู่ เริ่มที่จะตั้งเป้าหมายแต่ก็ยังช้ากว่าภาคเอกชน กลไกหลัก ๆ สุดท้ายก่อนจะจบ คือ กฎหมาย ปัจจุบันยังไม่มีพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่อยู่ระหว่างการยกร่าง และทางดร.อนันต์ คงเครือพันธุ์ จะเป็นทีมยกร่างแรกให้ แต่กฎหมายฉบับนี้ของเดิมยังเป็นกฎหมายที่เน้นเรื่องของการกําหนดให้เอกชน รายงานข้อมูลเพื่อมาคํานวณบัญชีก๊าซเรือนกระจก เพื่อจะบอกได้ว่าประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าไหร่ และนําไปใช้ในการวางแผนเชิงนโยบายในการกําหนดมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังขาดมาตรการ เชิงบังคับในการกําหนดให้ผู้ปล่อยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายเท่าไหร่ ยังไม่มี และหากลดแล้ว คาร์บอนได้ไปซื้อขายในเชิงที่มีกฎหมายรองรับก็ยังไม่มี เพราะฉะนั้น จึงต้องมีการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษา และประมาณเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ก็จะได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง CarbonPricing (การกําหนดราคาคาร์บอน) คือ กลไกทางการเงินเกี่ยวกับคาร์บอน ในการบริหารจัดการที่จะมาเติมในร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้สามารถกําหนดเป้าหมาย หรือกําหนดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือจํากัดการปล่อยได้ แล้วมีการซื้อขาย Allowance ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้คล้ายกับตลาด ETS (ระบบการซื้อขายใบอนุญาตปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Trading Scheme: ETS)) ของยุโรป แต่เราไม่จําเป็นต้องเหมือนเขาเพราะว่า Liquidity (สภาพคล่อง ทางการเงิน) คนละเรื่อง เราจึงต้องมาดูอะไรที่เหมาะกับ Context (บริบท) ของประเทศไทย อันนี้ก็จะเป็น อีกเรื่องหนึ่งที่เติมเข้ามา ในส่วนของกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายในปีนี้ประมาณเดือนเมษายน– พฤษภาคม ท่านจะได้เห็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมจัดตั้งขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ได้เป็น การสร้างกรมใหม่ เรา Restructure กรมเดิม คือ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมบวกกับกองประสานการจัดการ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เปลี่ยนเป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น คนที่ทํางานเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่จํานวน ๓๔ คน งบประมาณได้ปีละ ๒๖ ล้านบาท 133
63 ทําทุกเรื่องจนถึงทุกวันนี้ก็จะกลายเป็น ๕๔๕ คน งบประมาณ ๔๖๐ ล้านบาท คือ การส่งสัญญาณของรัฐบาลว่า เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องที่เราเอาจริง เป็น National Agenda (วาระแห่งชาติ) ที่ต้องหมุนให้เร็วเท่ากับการเปลี่ยนแปลงระดับโลกด้วย อันนี้ก็จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ซึ่งการตั้งกรมขึ้นใหม่นั้น ตั้งขึ้นมาเพื่อทําหน้าที่ ไม่ใช่เอาชื่อมารวมกันแล้วโครงสร้างภายในเหมือนเดิน Manageเหมือนเดิม อันนี้ปรับใหม่ทั้งหมด เพื่อรองรับภารกิจ ปรับทั้งต่างประเทศและในประเทศด้วย มีจุดหนึ่งที่อยากยกตัวอย่าง เรื่องของกฎหมาย อยากฝากว่าปัญหานี้เป็นปัญหาระดับโลก ประเทศไทยอย่างเดียวไม่สามารถแก้ได้ ดังนั้น กฎหมายของเราถ้าออกมาแล้ว เกิดการบังคับที่เข้มงวดเกินไป เราอาจจะถูก Challengeได้เหมือนกัน ถ้าเราอ่อนเกินไป รัฐบาลก็ไม่สามารถผลักดัน ให้บรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศได้ ขีดความสามารถในการแข่งขันการส่งสินค้าไป EU ถูกจํากัด เพราะฉะนั้น จะมี Impact ในหลาย ๆ ด้านที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น จุดที่จะต้องวางไว้เป็น โครงสร้างของร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ ยังมองว่าต้องเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนใน ประเทศไทยเกิดการปรับเปลี่ยนและมีขีดความสามารถในการแข่งขันในบริบทของตัวเอง เพราะไม่ได้บอกว่า เอกชนต้องแข่งขันและสู้ได้ ภาคประชาชนต้องอยู่และปรับตัวได้ ภาคประชาสังคมต้องได้รับบทบาทมากขึ้น ในการที่จะช่วยทํางานให้กับภาครัฐและภาคเอกชนได้ อันนี้ก็เป็นจุดที่ใช้เวลาในการนําเสนอภาพรวมทั้งหมด ๑๖ ปี ที่ประเทศไทยทํางานมาให้ทุกท่านได้ฟังและหวังว่าจะมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนมุมมองที่เป็นคําถามมากขึ้น ขอบคุณมาก นางสาวกฤตยา ธีรนันท์ พนักงานคดีปกครองช านาญการ ส านักวิจัยและวิชาการ : ผู้ด าเนินการ สัมมนา จากที่ ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช ได้กล่าวมาก็มีประเด็นที่น่าสนใจหลายประการ โดยเฉพาะใน เรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมาตรการต่าง ๆ ที่จัดทําขึ้น เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะเป็นมาตรการสําคัญที่จะช่วยในเรื่องของปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนั้น ในส่วนท้ายที่ท่านได้ทิ้งประเด็นเอาไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิดต่อ คือ เรื่องของร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาจุดสมดุลที่จะมีหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เหมาะสมขึ้นมา ในวันนี้ที่อยู่ ระหว่างศึกษาและจัดทําร่างพระราชบัญญัติขึ้นมานั้น ก็น่าสนใจที่เราจะไปศึกษาในเชิงเปรียบเทียบว่า ในต่างประเทศมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไรบ้าง ทิศทางเป็นอย่างไร และของไทยเราไปถึงจุดไหนแล้ว ในส่วนนี้จึงขอเรียนเชิญ ดร.อนันต์ คงเครือพันธุ์ ช่วยให้ข้อมูล ดร.อนันต คงเครือพันธุ์ รักษาการในต าแหน่งผู้อ านวยการส านักวิจัยและวิชาการ : วิทยากร ส่วนที่อยากจะบรรยายต่อจากท่านเลขาธิการสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม คือ ท่านได้ฉายภาพให้เห็นว่าเรามีกลไก ๑๖ ปี หรือความเข้มข้นที่ฝ่ายปกครองไปดําเนินการอย่างไร ในมุมของกฎหมายหน้าตาเป็นอย่างไร การเปรียบเทียบของต่างประเทศเป็นอย่างไร กฎหมายที่มีอยู่ในประเทศไทย ใช้งานได้แล้วขนาดไหน ความจําเป็นในฐานะที่ต้องมีกฎหมายเป็นแค่เพียงความคิดของนักวิชาการกลุ่มหนึ่งหรือไม่ จําเป็นต้องมีจริง ๆ หรือไม่ มีบทบังคับอย่างไรให้เราต้องมี เหล่านี้จะมีส่วนที่อยากนําเรียนให้ทุกท่านได้ทราบ ในโอกาสนี้ ประเด็นที่อยากพูดถึงและขอเสริมในเรื่องการมีกฎหมายซึ่งฐานของการมีกฎหมายมาจากเรื่องของ ความสําคัญของปัญหา ปัญหาเรื่องนี้เชื่อว่าถ้าเป็นนักกฎหมายสิ่งแวดล้อม หรือนักสิ่งแวดล้อมจะคุ้นเคย กับการประชุมครั้งหนึ่งที่เรียกว่า การประชุม EarthSummit ใช้คําว่าประชุม ริโอ เดอ จาเนโร ที่ประเทศบราซิล เกิดขึ้นในปี ค.ศ. ๑๙๙๒ จริง ๆ แล้ว ก่อนหน้านั้นก็มีการประชุมที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ซึ่งหากจะเรียก การประชุมเป็นภาษาไทย จะเรียกวา การประชุมสหประชาชาติเกี่ยวกับสิ่งแวดลอมของมนุษย์ อันนี้เป็นการประชุม เมื่อปี ค.ศ. ๑๙๗๒ ผลผลิตของการประชุมเมื่อปี ค.ศ. ๑๙๗๒ กอใหเกิด ๒ อยางสําคัญ คือ ๑. จะตองมีการจัดตั้ง 134
64 โครงการสิ่งแวดลอมแหงสหประชาชาติ ทานนักวิชาการสิ่งแวดลอมจะคุนเคยตัวยอ UNEP (United Nations Environment Programme : โครงการสิ่งแวดลอมแหงสหประชาชาติ) เป็นโครงการในการศึกษาต่าง ๆ ที่จะรองรับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ UN จัดทํา อันนี้จึงเป็นผลพวงจากการประชุมเมื่อปี ค.ศ. ๑๙๗๒ ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ๒. อีกหนึ่งผลผลิตสําคัญที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมโดยตรง คือ การผลักดัน การกระตุ้น ให้ทุกรัฐภาคี ต้องมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันนี้เมื่อ ๕๐ ปีที่แล้ว การเกิดขึ้นของสิ่งเหล่านี้เป็นตัวตั้งต้น ซึ่งการประชุมริโอ เดอ จาเนโร ที่ประเทศบราซิล คือ ตัวตั้งต้นของสนธิสัญญา เรียกว่า กรอบอนุสัญญา ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตัวย่อคือ UNFCCC จริง ๆ ประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศที่อยู่ในขอบข่าย จาก UNFCCC ว่าปล่อยเยอะ เราถือว่าจํานวนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ได้มากนักเพราะเราไม่ใช่ประเทศ อุตสาหกรรมใหญ่ และไม่ได้เป็นประเทศขนาดใหญ่โต การปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ได้สูงนัก การแบ่งภาระ ความรับผิดชอบระหว่างประเทศก็จะมีการแบ่งออกเป็นหลัก ๆ จริง ๆ จะมี ๓ ตารางท้ายภาคผนวก แต่อยากพูดถึงเพียง ๒ ตาราง ถ้าเป็นประเทศที่เราใช้คําว่าพัฒนาแล้ว จะเรียกประเทศเหล่านี้ว่า ประเทศ Annex ๑ คือประเทศภาคผนวกที่ ๑ ซึ่งประเทศไทยไม่ได้อยู่ในประเทศภาคผนวกที่ ๑ ประเทศไทย อยู่ใน Non Annex ๑ คือ นอกภาคผนวกที่ ๑ การดูแลปัญหา Climate Change หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงดูแลในฐานะประเทศที่ถือได้ว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่สูงนัก แต่ในส่วนที่เลขาธิการสํานักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพูดถึง คือ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่มาก แต่ประเทศไทยติดอันดับ ๙ ผลทางวิทยาศาสตร์บอกว่าประเทศไทยเสี่ยงสูงที่สุดในโลก เพราะฉะนั้น อันดับหนึ่งจึงเป็นประเทศตามเกาะ ถ้าไปไล่ดูประเทศไทยอยู่อันดับ ๙ บางส่วนจมหายไปเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่ได้ลวงโลกแล้ว เพราะข้อมูลทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ อย่างเรื่องฝุ่น PM2.5 ทุกท่านต้องใส่แมสก์ที่กันฝุ่น PM2.5 ได้ เพราะแมสก์ที่ใส่อยู่ทุกวันนี้กันไม่ได้ นี่จึงเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ใกล้ตัวเรา พอใกล้ตัวเราจึงเห็นความสําคัญ ของการประชุม ๒ อย่างข้างต้น อนุสัญญาเกิดขึ้นจากการประชุม Earth Summit ที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ที่ประเทศบราซิล พอมีการเกิดขึ้นในเวลานั้นประเทศไทยก็เข้าไปเป็นภาคี ความตกลงพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) ซึ่งหมดอายุไปแล้ว ปัจจุบันเป็นความตกลงปารีส (Paris Agreement) ส่วนการดําเนินการเหล่านี้ เป็นกลไกระหว่างประเทศ ความสําคัญของปัญหาจุดหนึ่งที่อยากเรียนให้ทุกท่านทราบ คือ เรื่องของกฎหมาย ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เกิดขึ้นในโลกใบนี้มาจากรายงานวิจัย วิจัยหลายจุดเป็นรายงานวิจัยที่ทําให้ผู้กําหนดนโยบายบอกว่าไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่จัดการ ไม่ดูแลปัญหานี้ ยุ่งแน่นอน ในระยะยาว มีงานวิจัยหนึ่งที่อยากพูดถึงในมุมของประเทศในสหราชอาณาจักร มีนักวิชาการนักวิจัยท่านหนึ่ง คือ Lord Nicholas Stern ท่านเป็นนักวิจัยทางด้านเศรษฐศาสตร์ ปรากฏว่ารายงานวิจัยที่ท่านทําออกมาชื่อ TheEconomicsof Climate Changeคือ เศรษฐศาสตร์ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๗๐๐ กว่าหน้า มีท่อนหนึ่งที่มีผลต่อการกําหนดนโยบายของภาครัฐและทําให้เกิดกฎหมายตามมา คือคําว่า “หากไม่มี การดําเนินการเพื่อยับยั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหานี้จะส่งผลกระทบต่อมูลค่า GDP ของทุกปี ที่จะลดลงร้อยละ ๕-๒๐ แต่ในทางกลับกัน ต้นทุนในการดําเนินมาตรการเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก มีค่าไม่เกินร้อยละ ๑ ของมูลค่า GDP” หากเราได้ดําเนินการในปัจจุบันทันที รายงานนี้ออกมาในปี ค.ศ. ๒๐๐๖-๒๐๐๗ ซึ่งช่วงนั้นก็ยังใหม่มากสําหรับเรื่องนี้ ต้นทุนในเรื่องนี้จะมีแค่เพียงไม่เกิน ๑% หรือร้อยละ ๑ ของมูลค่า GDP ที่ลงทุนไป เพราะฉะนั้น ถ้าเทียบแล้วความคุ้มค่าในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ คํานวณโดยวิธีการต่าง ๆ ในการหยิบรายงานวิจัยออกมาพูดถึงความเป็นไปได้ในทางวิทยาศาสตร์ สุดท้ายแล้วการคํานวณสิ่งเหล่านี้ รัฐบาลของสหราชอาณาจักร ไม่ลังเลที่จะออกกฎหมายที่เรียกว่า กฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศฉบับต้น ๆ ของโลกเมื่อปี ค.ศ. ๒๐๐๘ ถามว่าหน้าตาของกฎหมายนั้นเป็นอย่างไร ใกล้ชิดกับคําว่า กฎหมายปกครองอย่างไร ผมไม่ได้หยิบยกมาแค่เพียงกฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของ สหราชอาณาจักร แต่ก็เป็นตุ๊กตาหนึ่งที่อยากพูดกับท่านในองค์ประกอบร่วม ๖-๗ ประเทศที่นํามาให้เห็น 135
65 กฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปี ค.ศ. ๒๐๐๘ ของสหราชอาณาจักรมีอยู่ ๑๐๑ มาตรา บังคับ ใช้ในอันดับต้น ๆ ของโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. ๒๐๐๘ ณ วันนั้นเชื่อว่าความตื่นตัวในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศในไทยยังถือว่าวงแคบมาก พอกฎหมายออกมา ถามว่าภายในกฎหมายเป็นอย่างไร ภายในกฎหมาย มีการระบุกติกาหลายอย่าง มีการพูดถึงกลไกในการออกกฎหมายลําดับรองที่ท่านเลขาธิการสํานักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพูดถึง เรียกว่า กลไกตลาดในการซื้อขายก๊าซเรือนกระจก มีการกําหนด สิ่งเหล่านี้อยู่ในกฎหมายฉบับนี้ มีการพูดถึงมาตรการในการลดก๊าซเรือนกระจก ที่เราจะเรียกกันในทางเทคนิคว่า Mitigation(การบรรเทา ทําให้ลดลง) มีการกําหนดถึงเรื่องการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เรียกว่า Adaptation to Climate Change อยู่ และมีกลไกอย่างที่ท่านเลขาธิการสํานักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพูดว่า๑ องศาเกิดขึ้นแล้ว เราจะรักษา Balance ไว้ได้อย่างไร เมื่อผลกระทบเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน มาตรการแรก คือ มาช่วยกันลด ในทางกฎหมายบอกว่าต้องลดแล้ว การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดปัญหาต้องเริ่มดูแลให้มีความคงที่ ในประการถัดไป คือ ปรับตัว ท่านเจอปัญหาแล้ว อยู่อย่างไร ต้องอยู่ให้ได้ การดําเนินเศรษฐกิจของประเทศจากพื้นที่ที่วันหนึ่งน้ําทะเลยังไม่สูงเท่านี้ อีกไม่นาน ความร้อนถึง แน่นอนว่าน้ําทะเลก็สูงขึ้น พื้นที่ที่หายไปเราจะจัดการอย่างไรจากพื้นที่การเกษตร การปรับตัว ก็เป็นมาตรการหนึ่งที่สําคัญ ที่กฎหมายของสหราชอาณาจักรพูดถึง อีกหนึ่งอันที่สําคัญ คือ การพูดถึงกลไกในการใช้ ค่าธรรมเนียมในการคิดจากการใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ประเทศไทยโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ก็ทําเรื่องนี้มา เราเคยใช้ถุงพลาสติก ถ้าไป Modern Trade หรือร้านสะดวกซื้อ เคยขอซ้อน ถุงพลาสติกแล้วเอากลับไปใส่ขยะที่บ้านได้ เพราะถุงบางใส่ชั้นเดียวขาดหมด แต่เราก็จะเอาหลายใบเพื่อเอา กลับมาใช้ประโยชน์ได้ต่อ ปัจจุบันนี้แตกต่าง คือ ในประเทศไทยหรือในต่างประเทศก็แตกต่าง แต่ในประเทศไทย อาจมีข้อติดขัดเล็กน้อยเพราะเงินตรงนี้อาจไม่เข้ากระเป๋ารัฐหรือกองทุนเท่าไหร่ ตอนนี้อาจจะเป็นเงินที่เข้าสู่ ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งที่ประหยัดลง ในต่างประเทศ เช่น สหราชอาณาจักรจะคิดค่าธรรมเนียมแล้วเอาเงิน เหล่านี้ที่เราจําเป็นต้องใช้เอามาใส่ไว้ในกองทุน แล้วเวลาเกิดปัญหาก็จะเอาเงินนั้นไปเยียวยา ไปชดเชย ดูแล เหล่านี้เป็นกลไกของกฎหมาย ๑๐๑ มาตราที่อยู่ในกฎหมายของสหราชอาณาจักร แต่มีจุดหนึ่งที่อยากนําเรียน ว่ากฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะมีจุดเด่นประการหนึ่ง คือ หลายประเทศใช้วิธีการในการ ตรากฎหมายโดยกําหนดในมาตราต้น ๆ ว่าในปีไหนจะลดก๊าซเรือนกระจกเท่าไหร่ ท่านเลขาธิการสํานักงาน นโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพูดถึงเรื่องของประเทศไทยที่มีข้อผูกมัดที่เราไปวางให้กับ นานาชาติทราบแล้ว การประชุมครั้งล่าสุดเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา มีการประชุม COP27 รัฐภาคี อนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ประเทศอียิปต์ ซึ่งเราบอกว่าปี ค.ศ. ๒๐๕๐ เราจะ เป็นกลางทางคาร์บอน และในปี ค.ศ. ๒๐๖๕ เราจะ Net Zero นี่คือ เป้าหมายหรือกลไกภาครัฐ การ Enforce การดําเนินการต่อเอกชนต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในกฎหมายต่างประเทศอาจจะมีจุดหนึ่งที่เห็นจาก การที่ได้ทําวิจัยในเรื่องนี้คือ กฎหมายในต่างประเทศจะกําหนดว่าจากปีฐานบางครั้งก็จะใช้ปีค.ศ. ๑๙๙๐ จะลดเท่าไหร่ กฎหมายของสหราชอาณาจักรกําหนดไว้ในมาตรา ๑ ว่าจะลด ๘๐% ในปีค.ศ. ๒๐๕๐ ลักษณะ ของกฎหมายประเภทนี้ ทางทฤษฎีจะเรียกว่า Sunset Law คือ กฎหมายที่มีเวลายุติเมื่อมาถึงจุดหนึ่ง เพราะความ ตั้งใจในมาตราแรกกําหนดไว้ชัดเจนว่าจะจบตรงนี้แน่นอนในวันหนึ่งหนทางอีก ๒๖ ปีที่จะถึงอาจจะมีการแก้ไข กฎหมายก็ว่าไป แต่ในขณะนี้ลักษณะของกฎหมายที่ออกมาของสหราชอาณาจักรเป็นอย่างนี้ ถัดไปของประเทศอื่น ๆ ที่ยกตัวอย่าง เช่น ประเทศฟิลิปปินส์ออกกฎหมายแบบกรอบ ๑๗ มาตรา แต่ถือได้ว่ารับเอามาทําเอามาออก กฎหมายลูกต่อ ประเทศเม็กซิโกถือว่าเป็นกฎหมายฉบับต้น ๆ ของโลก มีอยู่เกือบ ๑๒๐ มาตรา ออกในปี ค.ศ. ๒๐๑๒ กลไกของประเทศเม็กซิโกจะออกโดยวิธีการกําหนดให้รัฐมีบทบาทมากเป็นพิเศษ เพราะเราจะปล่อย ให้มีการดําเนินการโดยที่ให้เอกชนอาสาจะทําหรือไม่ก็ได้ ไม่ได้แล้ว วิธีนี้จะมีการเปลี่ยนระบบจาก Voluntary (สมัครใจ) เป็น Mandatory (บังคับ) ๒ กลไกนี้อาศัยไปได้คู่กัน บางอย่างถ้าเป็นการเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ 136
66 เลย แน่นอนใช้ Mandatory หรือภาคบังคับ ปัญหาอาจจะเกิด กฎหมายประเภทนี้ออกยากด้วย ไปบังคับกับ เอกชนหรือผู้ประกอบการ สิ่งเหล่านี้ถือว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะที่บอกว่ายังไม่ชัด ประเทศเม็กซิโกใช้วิธีนี้มี วิธีการที่คล้าย ๆ กับสหราชอาณาจักร เป็นการกําหนด Target ว่าภายในปีไหนจะลดเท่าไหร่ แต่เนื่องจาก ประเทศเม็กซิโกไม่ได้อยู่ในประเทศ Annex ๑ คือภาคผนวกที่ ๑ คือ ประเทศที่พัฒนาแล้วเต็ม Stream ประเทศ เม็กซิโกจึงมีตัวแบบคล้าย ๆ กับประเทศไทย คือ จะมีลักษณะประเทศกําลังพัฒนา นี่คือกลไกที่เกิดขึ้นในส่วน ของประเทศเม็กซิโก อาจจะมีหน้าตาของกฎหมายใน ๑๑๖ มาตราพูดถึงบทลงโทษ ด้วยเหตุที่ว่าทุกท่านจะรู้ว่า เราจะออมเงินได้เท่าไหร่ก็ต่อเมื่อท่านรู้ว่าท่านมีรายรับเท่าไหร่ รายจ่ายเท่าไหร่ นี่คือ วิธีการปกติที่จะทําให้รู้ ถ้าวันนี้เราไม่รู้ว่ามีรายรับเท่าไหร่ ไม่อาจหาสัดส่วนในการออมเงินได้เลย ฉันใดก็ฉันนั้นในเรื่องการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ ถ้าท่านไม่รู้ว่าท่านปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าไหร่แล้วเราก็คุ้นเคยกับกติกาที่ใกล้เคียงกัน เช่น คาร์บอน แต่อย่างที่บอกว่า คาร์บอนเป็น ๑ ใน ๗ ประเภท ของก๊าซเรือนกระจก ก๊าซเรือนกระจกที่ลอย ขึ้นไปบนอากาศ ไม่ได้เป็นก๊าซเรือนกระจกที่บอกว่าไม่มีเลยจะดี มลพิษบอกว่าไม่ดี แต่ถ้าบอกว่าก๊าซเรือน กระจกไม่มี ปัญหาก็จะตามมา แต่การคํานวณการกําหนดให้อยู่ในภาวะคงที่ที่ทําให้โลกใบนี้อยู่ได้ อันนี้เป็น กติกาที่ทางนักวิทยาศาสตร์พยายามหาค่าที่ชัดเจนว่าเท่าไหร่ ในกติกาของกฎหมายประเทศเม็กซิโกบอกว่า วันนี้จะรู้ว่าจะต้องระวังการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าไหร่ ก็ต่อเมื่อคุณรู้ว่าคุณปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น การรายงานของภาครัฐจะมีข้อมูลอย่างชัดเจนแน่นอนแล้วก็เชื่อถือได้ อันนี้เป็นสิ่งที่กฎหมายให้ ความสําคัญเป็นอย่างมาก อันนี้ถ้าให้เรียกในภาษาทางเทคนิค เรียกว่า ระบบข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Reporting System ระบบการรายงานของภาคเอกชน หากวันหนึ่งโรงงานอุตสาหกรรมจําเป็นจะต้องบอกว่า ได้ปล่อยก๊าซ ๑ ใน ๗ ชนิดจริง ๆ สําคัญในเรื่องนี้ที่ใกล้ชิดกับการปล่อยจริง ๆ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน ก๊าซไนตรัสออกไซด์ ๓ ชนิดเหล่านี้ปล่อยอย่างไร ปล่อยเท่าไหร่ มีค่าการวัดที่เป็นมาตรฐานในทาง วิทยาศาสตร์อย่างไร มีสถาบันของรัฐหรือหน่วยที่ได้รับมอบหมายให้ดําเนินกิจการทางปกครอง ผมขอใช้คําที่ใกล้ กับมาตรา ๓ ของเรา รับรองอย่างไร เหล่านี้เป็นตัวตั้งต้นที่จะบอกว่าประเทศปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าไหร่ ถ้าหากปล่อยเท่าไหร่แล้วข้อมูลที่บอกให้รายงาน ไม่รายงานสักที กลไกของกฎหมายประเทศเม็กซิโกบอกว่า อย่างนั้นจะคิดค่าปรับทางปกครองสูง วิธีการทางกฎหมายจะไม่ได้ใช้กระบวนการทางอาญา ไม่ได้จับมาขังคุก เพราะเป็นเรื่องใหม่ของโลกใบนี้ เพราะฉะนั้น กฎหมายในโมเดลของประเทศเม็กซิโกบอกว่า จะทําอย่างไรดี ให้ปฏิบัติตาม โดยการปรับเงินเยอะ ๆ เงินค่าปรับเป็นล้านหากไม่รายงาน หนักไปกว่านั้น คํานวณเป็น ๓ เท่า หากรายงานเท็จต่อภาครัฐ เหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ และประเทศไทยก็กําลังเกิดขึ้นแล้วในกลไก แม้จะยังไม่เต็มรูปแบบอย่างที่เรามีกฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยตรง ประเทศอื่น ๆ อย่างประเทศสเปนก็มีประมาณ ๔๐ มาตราเป็นกฎหมายคร่าว ๆ ที่กําหนดกรอบเอาไว้แล้วให้ทุกอย่างต้อง ดําเนินการต่อโดยการออกกฎหมายลําดับรอง ประเทศชิลีเป็นประเทศหนึ่งในลาตินอเมริกาใต้ มี ๕๔ มาตรา ออกมาในปี ค.ศ. ๒๐๒๒ คือ ปีที่แล้ว เช่นเดียวกัน ถามว่าหน้าตาของกฎหมายที่พูดถึง ๖-๗ ประเทศ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีหลายประเทศตอนนี้ออกมาเป็นซีรีส์ ถือว่าเป็นกฎหมายที่ออกมาเร็วมาก และหลายประเทศให้ ความสําคัญ จุดที่ให้ความสําคัญเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อาจสัมพันธ์กับทางเศรษฐกิจ วันดีคืนดีหากกติกากลางของ ระหว่างประเทศมี Trade Barriers (อุปสรรคการค้าขาย) มีการเกิดอุปสรรคทางการค้าจากการไม่ดําเนินการ เหล่านี้ รัฐก็จะเร่งดําเนินการเพื่อให้ผลประโยชน์ของประเทศเป็นประโยชน์กับเรามากที่สุด ทีนี้จุดร่วมเพราะเรา พูดถึงแง่มุมของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในมุมกฎหมายปกครอง ถัดไปจะพูดถึงเรื่องคดีปกครอง ถ้าหากเราพูดถึงในมุมของกฎหมายปกครอง และถามว่ากฎหมายโลกร้อนของต่างประเทศ แสดงให้เห็นจุดร่วมที่ เกี่ยวข้องกับกฎหมายปกครองอย่างไร ซึ่งจะขอพูด ๕-๖ ประเด็น ซึ่งประการแรกจะเป็นเรื่องของเจตนารมณ์และ วัตถุประสงค์ของกฎหมาย กฎหมายเหล่านี้เมื่อเข้าใจแล้วว่าปัญหารุนแรงขนาดนี้ เมื่อปีที่แล้วเชื่อว่าทุกคนกลับ บ้านไม่ได้ ท่านผู้มีอํานาจผู้ที่ดูแลกระทรวงก็ยังบอกเลยว่าปัญหานี้มาจาก Climate Change ข้อมูล 137
67 ทางวิทยาศาสตร์ยืนยันแล้ว เรากลับบ้านไม่ได้ ไม่รู้ว่าปีนี้หน้าฝนจะเจอปัญหานี้อีกหรือไม่ ก็หวังว่ารถไฟฟ้าราง เดี่ยวจะเสร็จ และเราจะได้ไม่ต้องใช้รถ เพราะนํารถออกม ารถก็เสียแบบที่ถนนแจ้งวัฒนะ แทบไม่เคยเกิดขึ้น พอบอกแบบนี้หน้าตาของปัญหารุนแรง มีการกระทบต่อเศรษฐกิจความมั่นคงของรัฐ ภาษาที่กฎหมายต่างประเทศใช้ จึงใช้คําว่า กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน นิติวิธีที่ใช้ในกฎหมาย ของต่างประเทศจึงพูดถึงนิติวิธีในทางกฎหมายมหาชนหรือกฎหมายปกครองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายมหาชน ที่จะต้องใช้ในการแก้ปัญหา รัฐมีบทบาทสําคัญ นี่คือ จุดร่วมหนึ่งที่เห็นจากกฎหมายเปรียบเทียบของต่างประเทศ ประการที่สอง บทบาทของรัฐในการควบคุมระบบการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Reporting System ระบบ ของการรายงานเป็นอย่างไร วันนี้ถ้าเราบอกว่าโรงงานจะรายงานหรือไม่ก็ได้ ท่านไม่ต้องคิดก็ปล่อยให้ข้อมูลเหล่านี้ ยังคงเป็นข้อมูลที่ไม่แน่นอนแล้ววันหนึ่งจะถูก Working Group ของต่างประเทศหรือคณะทํางานเข้ามาตรวจสอบ แล้วบอกว่า Banned ประเทศไทย แล้วมีผลต่อเศรษฐกิจในการส่งออกสูงมาก จุดร่วมตรงนี้บทบาทของรัฐในการ ควบคุมทางกองการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติเดิมอยู่ และ ตอนนี้จะถ่ายโอนไปที่กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นผู้ดูแลอย่างชัดเจน และกฎหมายต่างประเทศกําหนดชัดเจนเพื่อให้รู้ว่า สรุปแล้วปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้รู้ว่า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เท่าไหร่ เราลดได้เท่าไหร่ ประการที่สาม มาตรการสําคัญที่ปรากฏในกฎหมาย แทบทุกฉบับของโลกเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ Mitigation (ทําให้ลดลง) กับ Adaptation (การปรับตัว) นั่นคือ ลดกับปรับตัว ๒ อย่างนี้ต้องเกิดขึ้นด้วยกัน ประการที่สี่ บทลงโทษตามกฎหมาย เราใช้คําว่า โทษทางปกครอง ซะส่วนใหญ่ อาจจะมีบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร ซึ่งหากคุณเป็นผู้ประกอบการค้าแล้วคุณเก็บเงิน ค่าธรรมเนียมแล้วไม่รายงานรัฐ วิธีการทางอาญาอาจจะเกิดขึ้นแต่จะเป็นปัญหาในเชิงพาณิชย์ที่เคยบอกว่า การให้ข้อมูลในเรื่องของผลประกอบการที่บิดเบือนหรือไม่ตรง ซึ่งหากเราอยู่ในแวดวงภาษีก็จะเจอข้อที่เป็น บทลงโทษทางอาญา แต่โดยส่วนใหญ่จุดร่วมของกฎหมายจะใช้กลไกที่เรียกว่า กลไกที่เป็นมาตรการบังคับ ทางปกครองหรือมีการปรับในทางปกครองอันนี้เป็นจุดร่วมสําคัญของกฎหมายปกครองที่กฎหมายต่างประเทศใช้ ประการที่ห้า กลไกตลาดก็เป็นอย่างที่เลขาธิการสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พูดถึง การตีค่าคาร์บอนหรือสิ่งที่ปล่อยไปแล้วมีผลกับก๊าซเรือนกระจก สําคัญที่สุดคือ ตีค่าคาร์บอนให้เป็น คล้าย ๆ สินค้า กําหนดให้เป็น Carbon Credit วันนี้ปล่อยน้อย วันหนึ่งที่รัฐควบคุมทุกอย่างดีแล้ว โรงงาน อุตสาหกรรม ก.ปล่อยเกินมาตรฐาน วิธีการในการที่จะดูแลเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงไปกว่านั้น คือ การไปซื้อ Carbon Credit จากโรงงานหรือบริษัทที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า กลไกเหล่านี้ปรากฏอยู่ ในกฎหมายของต่างประเทศแทบทั้งสิ้น ประการสุดท้าย จุดร่วม คือ ความเป็นกฎหมายที่ใช้คําว่า Sunset Law คือ กฎหมายที่มีเวลายุติจากตัวความ จากเนื้อความ จากวัตถุประสงค์ อย่างที่นําเรียนว่า มาตรา ๑ ของกฎหมาย สหราชอาณาจักร พูดว่า ในปี ค.ศ. ๒๐๕๐ ๘๐% หายไป ถ้าท่านมีโอกาสเดินทางไปยุโรป ท่านจะเห็นรถไฟฟ้า ทั่วบ้านทั่วเมือง ของประเทศไทยก็ถือว่ายังใหม่และยังกังวลในค่าใช้จ่ายที่มาถึงผู้ใช้หรือผู้บริโภคอย่างเรา สิ่งเหล่านี้เป็นจุดร่วมของกฎหมายโลกร้อนที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เมื่อสักครู่ ท่านเลขาธิการสํานักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้พูดถึงความเป็น Movement ของกฎหมายไทยว่า หนีไม่พ้นแผนปฏิรูปประเทศ รัฐธรรมนูญในหมวดสุดท้ายก่อนบทเฉพาะกาลได้พูดถึงแผนการปฏิรูปประเทศ มีการพูดถึงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่พูดถึงว่า มีลําดับศักดิ์ของกฎหมาย มีรัฐธรรมนูญอยู่สูงสุด ลําดับศักดิ์ของแผนของประเทศก็เหมือนกัน ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ก็ถือว่าเป็น รัฐธรรมนูญในเชิงแผน ซึ่งหน่วยงานภาครัฐต้องทํา และลําดับที่ ๒ ก็คือ แผนปฏิรูปประเทศ นี่คือ กติกา เพราะฉะนั้น ถ้าจะเทียบแผนปฏิรูปประเทศก็คล้าย ๆ พระราชบัญญัติ และแผนปฏิรูปประเทศ ก็ออกพระราชบัญญัติเพื่อให้มีความชัดเจน มีการดําเนินการด้านต่าง ๆ มา ๑๐ กว่าด้าน ที่ทําให้เราได้เห็น ในรายละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญและนํามาใช้เป็นกติกาของบ้านเมือง ส่วนหนึ่ง คือ แผนปฏิรูปประเทศ 138
68 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จํานวน ๔๗๒ หน้า ในด้านสิ่งแวดล้อม ปรากฏว่ามีการพูดหลายจุด เท่าที่เคยทําวิจัยเรื่องนี้ถึง ๓ จุด บอกว่าต้องมีร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อันนี้หนีไม่พ้น และหากจะให้เรียนไปยังผู้มีอํานาจ คือ ช้าไปแล้ว ๒-๓ ปี บางทีช้าไปก็เป็นกลไกของรัฐบาล ที่อาจจะมีกระบวนการขั้นตอนเพื่อให้กฎหมายมีความชัดเจน มั่นคง ผมมีโอกาสในการร่าง Zero Draft (ร่างเอกสารฉบับแรก) ก็คือ ร่างแรก ในการจะตกเติมก็มีกระบวนการในการทําให้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งหวังว่า กลไกที่ใช้อยู่อย่างที่บอกว่าจุดร่วมของกฎหมายต่างประเทศเราหนีไม่พ้นที่กําลังใช้กฎหมายที่มีอยู่ในมือ พยายามดําเนินการให้ไปถึงเป้าหมายนั้น และวันหนึ่งถ้าเกิดปัญหา ข้อพิพาทเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้น แต่ถ้ามีกฎหมายเฉพาะ กฎหมายโดยตรงที่กําหนดวัตถุประสงค์ไว้ชัดเจน การตีความหรือการดําเนินการทุกอย่าง ก็จะมั่นคง และมีความแน่นอนชัดเจนมากกว่า เมื่อหนีไม่พ้นว่ากฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ต้องมีในประเทศไทย เชื่อว่า ภายใน ๑-๒ ปี ก็ต้องเกิดขึ้นได้ เพราะร่างกฎหมายนั้นเคยทําวิจัยและส่งไปแล้ว มีอีกกระบวนการหนึ่งที่ทางผู้ดําเนินการสัมมนาได้พูดถึงไปแล้ว คือ กลไกของคณะกรรมการดําเนินการปฏิรูปกฎหมาย ในระยะเร่งด่วน โดย ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานกรรมการ ซึ่งผมอยู่ในคณะทํางาน ที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ไม่ได้ฟังแค่เพียงนักวิชาการ แต่ฟังสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า ที่ปรึกษากระทรวงการคลัง เพื่อให้ทราบว่าสุดท้ายแล้วเราคิดมาตรการทางภาษีครอบคลุม แนวคิดหรือไม่ เพราะเราคิดลําพังไม่ได้ การคิดโดยคนคนเดียวในเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ต้องดําเนินการเป็นกลุ่มเท่านั้น และกลุ่มต้องรับฟังความคิดเห็น Focus Group อีกหลายครั้งมาก และได้มีบันทึกที่ทางคณะกรรมการฯ โดยศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ได้ส่งร่างกฎหมายฯ ไปถึงรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครือ งาม) ซึ่งดูแลเรื่องนี้ ได้ส่งร่างไปแล้วและปัจจุบันจะมีการศึกษาตกเติมในเรื่องของกลไกทางเศรษฐศาสตร์ หรือกลไกอื่น ๆ ที่จะเป็นมาตรการส่งเสริมใส่เข้าไป ความเป็นไปได้ในเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นในระยะอันใกล้ ใน Sessionแรก นี้ขอพูดในประเด็นของกฎหมายก่อน และในมุมของคดีปกครองที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่จะเกิดขึ้น และแง่มุมในทางวิชาการ ขอเรียนย้ําว่า ที่ใช้คําว่าคดีปกครองที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ เป็น Academic Forum เป็นการเสนอความคิดเห็นทางวิชาการ ก็ถือว่าในแง่วิชาการเห็นอย่างไร คดีปกครองหน้าตาเป็นอย่างไรในต่างประเทศ และประเทศไทยเป็นอย่างไร อันนี้เป็นการถกเถียงกันในเชิง วิชาการ ก็จะกล่าวใน Session ถัดไป นางสาวกฤตยา ธีรนันท์ พนักงานคดีปกครองช านาญการ ส านักวิจัยและวิชาการ : ผู้ด าเนินการ สัมมนา ตอนนี้ทุกท่านได้ทราบแล้วว่า พันธกรณีในทางระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศเป็นอย่างไร และภาครัฐมีการดําเนินการอย่างไรบ้างเพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีเหล่านี้ และยังได้ทราบข้อมูลว่ากฎหมายของต่างประเทศในเรื่องนี้มีแง่มุมที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง ที่เราจะนําประโยชน์นั้น มาปรับใช้ภายในประเทศไทย เราจะมาดูกันว่าสถานการณ์ของกฎหมายประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งอาจยังไม่มีกฎหมาย เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเต็มรูปแบบ ว่าอาจจะมีความท้าทายอย่างไรบ้างในการดําเนินงาน ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผศ.ดร.นพร โพธิ์พัฒนชัย ผู้อ านวยการศูนย์กฎหมายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ : วิทยากร Climate Change เป็นเรื่องที่ท้าทายในแง่ที่ต้องพูดเรื่องของเทคนิค และเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่ ในความสนใจหรือรับรู้ของหลาย ๆ ท่าน เพราะฉะนั้น จะมีหลายอย่างที่หลายท่านอาจจะไม่เข้าใจ เพราะว่า สมัยเรียนเรื่อง Climate Change ที่สหราชอาณาจักร เมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว ในห้องเรียนมีนักเรียนอยู่ ๓ คน 139
69 เป็นฝรั่ง ๒ คน และมีคนไทยคนเดียว สิ่งหนึ่งที่รู้สึกว่าท้ายทายต่อการศึกษามาก ๆ คือ มีคําศัพท์เทคนิคเต็มไปหมด เช่น Adaptation, Mitigation, Clean Development, Mechanism แค่ทําความเข้าใจคําศัพท์ต่าง ๆ ก็ไม่เข้าใจแล้ว แล้วต้องมาทําความเข้าใจเนื้อหา ซึ่งไม่ใช่กฎหมายอย่างเดียว เพราะว่าเรื่อง Climate Change ถ้าใครบอกว่าเป็น Purely Legal เหมือนไม่ได้เรียนมา จริงๆ คือ Policy Oriented Regime มี Policy ที่เป็น International Policy อยู่มาก จึงเป็นความท้าท้ายอย่างยิ่งในการพยายามมาเล่าให้ทุกท่านฟังว่า ในมุม วิชาการซึ่งเป็นความเห็นของผม ซึ่งไม่ได้ผูกพันองค์กรแม้กระทั่งศาลปกครองหรือคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าผมมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ และตอนที่ทําสไลด์คิดว่าจะตั้งหัวข้ออย่างไรดี เพราะว่าผมเห็นใจส่วนราชการเพราะเป็น Mammoth Task เป็นงานใหญ่ ซึ่งส่วนราชการเดียวทําไม่ได้ เพราะว่าเป้าหมายที่ตั้งทั้งหมดเป็นเป้าหมายในนามรัฐ เพราะฉะนั้น จึงต้องมีการ Implement โดยส่วน ราชการที่มีบทบาทนํา เลยตั้ง Presentation ในวันนี้ว่า เป็นความท้าทายต่อระบบกฎหมายไทยและประเทศ ไทย Agenda ในวันนี้จึงอยากจะพูดถึงภาพกว้างก่อน ซึ่งท่านเลขาธิการสํานักงานนโยบายและ แผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กรุณาพูดไปบางส่วนแล้วว่า ความท้าทายทางสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ในวันนี้มีอะไรบ้าง และมีผลกระทบอย่างไรกับเราหรือในระดับสากล ความตกลง Climate Change ไม่ว่าจะ เป็น UNFCCC ก็ดี Paris Agreement ก็ดี เข้ามาท้าทายความเป็นไทยอย่างไร ผมไม่ได้บอกว่าเข้ามาท้าทาย แค่ระบบกฎหมายไทยแต่เข้ามาท้าทายความเป็นไทยด้วย ผมก็จะพยายาม Single out มันมีโอกาสและมี ความท้าทายที่เราจะบริหารจัดการเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยได้อย่างไรบ้าง ในภาพนี้ผมอยากเล่าให้ฟังก่อนว่าอันนี้เป็น Concept ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง Planetary Boundaries (ขีดจํากัด ความปลอดภัยของโลก)อธิบายให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่า โลกเรามีขีดจํากัด ขีดความสามารถ รองรับการกระทําของ มนุษย์ และในวงสีเขียวที่เห็นในภาพ เหมือนเป็นชิ้นเค้กต่าง ๆ คือ ความกดดันด้านต่าง ๆ ที่เข้ามาสู่สิ่งแวดล้อมของเรา ถ้าคุณ Operateการกระทําของมนุษย์อยู่ในกรอบสีเขียว อยู่ใน Limit ที่ควรจะเป็นมนุษยชาติก็สามารถดํารงชีวิต อยู่ในโลกใบนี้ได้โดยสงบสุข แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแบบนั้น จะเห็นว่าบางส่วนอยู่ในสีเขียว บางส่วนสีเขียวก็จะ เล็กลง หมายถึงว่า ความกดดันทางสิ่งแวดล้อมน้อยลง บางส่วนเกินออกไป Climate Change เป็นเพียงแค่ หนึ่งในความท้าทายต่อ Planetary Boundaries ซึ่งเรากําลังก้าวเดินออกจากสีเขียว ข้อมูลเมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว ตั้งแต่ผมเรียนเมื่อปี ค.ศ. ๒๐๑๐ เราบอกว่า ก๊าซเรือนกระจกจะมีความเข้มข้นอยู่ในสภาพภูมิอากาศ หรือชั้น บรรยากาศเกินกว่า ๓๕๐ ppm. ไม่ได้ ถ้าเกินออกไปจะทําให้เกิด Extreme Weather Event (เหตุการณ์สภาพ ภูมิอากาศสุดขั้ว) หลายท่านบอกว่าจริง ๆ แล้วก็ไม่แปลกอะไร พอเข้าถึงเดือนมีนาคม-เมษายน อากาศก็จะร้อน ขึ้น เพียงแต่ว่าร้อนขึ้นเกินกว่าอย่างมีนัยสําคัญ เมื่อ ๓ ปีที่แล้วที่ผมเดินทางกลับมาใหม่ ๆ เคย Record ว่า ยืนที่น้ําตกไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เราพบว่าอุณหภูมิตอนเที่ยงตรง คือ ๔๐ องศา เรื่อง Climate Changeถ้าใน ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ ICCT(International Councilon CleanTransportation(สภาระหว่างประเทศว่าด้วย การขนส่งที่สะอาด)) ปัจจุบันไม่ได้พูดถึง ๓๕๐ ppm. เราข้ามมาที่สีส้ม ถ้าเราแตะไปที่ ๔๑๕-๔๒๐ ppm. จะถึงจุดที่ point of no return (จุดที่ไม่หวนกลับ) คือ Extreme Weather Event ที่เกิดขึ้นเหมือนที่ท่านเลขาธิการ สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ให้ข้อมูลไว้ว่า จะไม่สามารถกลับมาสู่ความสงบ สุขได้เมื่อ ๑๐,๐๐๐ ปีก่อน จนกระทั่งถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเราอยู่ในยุคสมัยทางธรณีสัณฐาน คือ ยุคสมัยที่ สามารถ Expect ได้ว่าเดือนมกราคม–มีนาคม หรือช่วงต้นปี คือ ฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ กลางปี คือ ฤดูใบไม้ ผลิสู่ฤดูร้อน และปลายปีฤดูใบไม้ร่วง วนกลับไปเป็น Cycle คือ ช่วงเวลาที่คุณรู้ได้ว่าช่วงเวลาไหนอากาศ ภูมิอากาศเป็นอย่างไร อากาศเย็น ฝนตก หิมะตก หรือไม่ เราเป็นแบบนี้มาจนถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ทําไมยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมถึงมีนัยสําคัญ เพราะเป็นหมุดหมายที่สําคัญที่กิจกรรมของมนุษย์ส่งผลกระทบหรือ เป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม และสะท้อนผ่านภาพที่เห็น เพราะกิจกรรมมนุษย์ ทําให้สถานการณ์หรือคุณภาพของสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป และ Planetary Boundaries บางอันมีความสัมพันธ์ 140
70 กัน อันหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ Climate Change เกี่ยวกับทะเล และเกี่ยวข้องกับประเทศไทยและกฎหมายไทย อย่างมาก เพราะ Climate Change ซึ่งมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซหนึ่งในสามที่ก่อให้เกิดปัญหา ถ้าก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ละลายลงไปในน้ําจะก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Ocean Acidification หรือ ความเป็นกรดที่เพิ่มขึ้นของมหาสมุทร ฟังดูเหมือนง่ายแต่สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่เราอาศัยเป็นแหล่งโปรตีนหลัก ซึ่งมนุษย์มีแหล่งโปรตีนหลักมาจากทะเล Marine Capture (การจับสัตว์น้ําในทะเล) เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา เหล่านี้ มีแคลเซียมเป็นส่วนประกอบของร่างกาย หมายความว่า ถ้าทะเลเป็นกรดมากขึ้น คุณกําลังเจอภาวะที่สิ่งมีชีวิต เหล่านี้มีความอ่อนแอลง ความสามารถในการดํารงชีวิตอยู่น้อยลง Stock ของ Living Resources, Fishery Resources ก็จะค่อย ๆ Collapse ลงไปเรื่อย ๆ ถามว่าเราพูดถึง Ocean Acidification (ความเป็นกรดใน มหาสมุทร) มีความเปลี่ยนแปลงเยอะหรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงค่า PH ของน้ําทะเล จาก ๘.๒ เป็น ๘.๑ เท่า นั้นเอง อันนี้คือ ทะเลมหาสมุทรของทั้งโลก เพราะฉะนั้น จึงมีนัยสําคัญอยู่พอสมควร อีกปัญหาหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ คือ เรื่องขยะพลาสติก พวกนี้เป็นปัญหารูปแบบใหม่ ซึ่งระบบกฎหมายแบบเดิมไม่อาจ ที่จะจัดการได้อีกต่อไปแล้ว เรื่อง Climate Change ประเทศไทยเป็นภาคี และสมควรเป็นภาคีในความตกลง ระหว่างประเทศเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น UNFCCC หรือ Paris Agreement เพราะหากเข้าร่วมการเป็นภาคีระหว่าง ประเทศ เป็นพันธกรณี จะมีInternational Integration (การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ) และในขณะเดียวกันก็จะสร้างโอกาสให้กับประเทศด้วย ในการที่จะใช้เป็นอํานาจต่อรองเพื่อนํามาซึ่งโอกาสอื่น ๆ เวลาเข้าไปเป็นภาคีแล้วหน้าที่เราคืออะไร จริง ๆ แล้วหน้าที่ของการเข้าเป็นภาคีไม่ใช่หน้าที่ที่มีต่อก๊าซเรือนกระจก โดยตรง หน้าที่หรือความมุ่งหมาย คือ การรักษาสมดุลหรือความเสถียรภาพของความเข้มข้นของก๊าซเรือน กระจกที่ทําให้อุณหภูมิโลกอยู่ในระดับที่เป็นไปได้ ไม่ต่ํากว่า ๒ องศาเซลเซียส จาก Pre-Industrial Era (ยุคก่อนอุตสาหกรรม) เพื่อที่จะให้เวลาธรรมชาติปรับตัว แต่ด้วยความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกเป็นเหตุให้ อุณหภูมิเพิ่มขึ้น ดังนั้น เราต้องมาจัดการก๊าซเรือนกระจก เมื่อสักครู่ ดร.อนันต์ คงเครือพันธุ์ผู้อํานวยการ สํานักวิจัยและวิชาการ ได้กล่าวว่า ประเทศไทยใน UNFCCC เป็น Non Annex ๑ หมายความว่า ประเทศไทย ไม่มีQuantifiers Target (เป้าหมายเชิงปริมาณ) เหมือนประเทศในยุโรป กล่าวคือ ไม่มีเป้าหมายชัดเจนว่าเรา ต้องลดเป็นตัวเลขเท่าไหร่ อันนี้เป็นมรดกของ UNFCCC เพราะว่าเมื่อปี ค.ศ. ๑๙๙๒ นั้น ประเทศพัฒนาแล้ว กึ่ง ๆ แพ้ในการเจรจา เพราะยอมรับในหลักการที่ ๗ ของปฏิญญาริโอที่บอกว่าประเทศของตนมีบทบาทในการก่อปัญหา สิ่งแวดล้อมไว้มากกว่าประเทศอื่น เพราะว่าใช้สิทธิทรัพยากรธรรมชาติทําลายสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๘ ผลลัพธ์จึงเด่นชัดมากกว่า จึงยอมรับว่ามีบทบาทหน้าที่มากกว่า ดังนั้น จึงมี Quantifiers Target ส่วนประเทศ ที่กําลังพัฒนาแบบประเทศไทย จึงไม่มีเป้าหมายแบบนั้นแต่มีหน้าที่ แล้วหน้าที่ซึ่งอาจจะสื่อสารกันน้อยใน สังคมไทย คือ หน้าที่ที่ต้องทําใน Climate Change คือ บรรเทาผลกระทบ หรือที่เรียกว่า Mitigation กับปรับ เปลี่ยนตัวเองใน Long Term เพื่อให้กระบวนการอุตสาหกรรม การดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในประเทศเป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อมและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับ Climate Change หรือที่เรียกว่า Adaptation ถ้าสิ่งนี้ไป Reflex อยู่ในร่างพระราชบัญญัติฯ จะทําให้พื้นที่ของการดําเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ Climate Change ตอบโจทย์ต่อความจําเป็นในการมีกฎหมายอย่างยิ่ง ทีนี้Paris Agreement บอกอะไรเราบ้าง Paris Agreement เปลี่ยน Paradigm (กระบวนทัศน์) ตรงที่พอหลังจากปีค.ศ. ๑๙๙๒-๒๐๑๕ ทุกคนมา ยอมรับกันใหม่ว่าไม่มีใครปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากหรือน้อยแล้ว ทุกคนปล่อยเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้น ทุกคนมีหน้าที่ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหมือนกัน เดิมประเทศกําลังพัฒนาไม่มีตัวเลขชัดเจน เพียงแต่ต้อง เสนอว่าจะทําอะไรเพื่อลด แต่ไม่มีอะไร Binding ในเชิง Target แต่ Paris Agreement ไม่ใช่ เพราะพยายาม เปลี่ยนให้ประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือกําลังพัฒนา คุณมีหน้าที่ลดเหมือนกัน แต่เป้าหมายในการลดต่างกันได้ เพราะขนาดเศรษฐกิจและส่วนร่วมในการก่อปัญหา ส่วนร่วมในการสร้างหรือผลิตก๊าซเรือนกระจกอาจจะต่างกัน อันนี้จะสอดคล้องกับที่ท่านเลขาธิการสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า 141
71 เราไม่มีความจําเป็นที่จะกําหนดเป้าหมายที่ Ambitious เราจําเป็นต้องกําหนดเป้าหมายที่สอดคล้องกับระบบ เศรษฐกิจและความสามารถของธุรกิจหรือบุคคลประชาชนภายในประเทศให้สามารถมีส่วนร่วมในการลดการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างสร้างสรรค์ อันนี้ต่างหากเป็นเป้าหมายและหวังว่าจะไป Reflexอยู่ในกฎหมายด้วย ถามว่าทําไมต้องกําหนดเป้าหมายอย่างนั้น เพราะว่าเมื่อ COP26 ท่านเลขาธิการสํานักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กล่าวว่า เราจะเป็น Carbon Neutrality ภายในปีค.ศ. ๒๐๕๐ และเป็น Net Zero Emissions ในปีค.ศ. ๒๐๖๕ อันนี้เป็น Commitment ที่ต้องเรียนว่า ในภาควิชาการเวลาได้ยินแบบนี้ เราดีใจ เพราะการมี Political Commitment ที่ชัดเจน ส่งสัญญาณให้องคาพยพของรัฐต้องปรับตัว แล้วไม่ใช่ องคาพยพของรัฐในเรื่องสิ่งแวดล้อมเท่านั้น เพราะ Climate Changeเป็น Cross-Cutting Issues ซึ่งการส่งสัญญาณ แบบนี้จะสะท้อนให้เห็นความท้าทายที่สําคัญในเรื่องของการรับรู้ใน Climate Change ในระบบกฎหมายไทย เป้าหมายเดิมมีเป้าหมายที่น่าสนใจหลายอย่างแต่เดี๋ยวจะไปสอดคล้องกับเรื่องคดีความ ในทางกฎหมายระหว่าง ประเทศ สิ่งหนึ่งที่เราค่อนข้างระมัดระวัง ในขณะที่บอกว่าดีใจที่เห็น Commitment แบบนี้แต่ก็อดห่วงไม่ได้ เพราะการที่เราไปประกาศ Commitment ว่าประเทศไทยจะเป็น Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. ๒๐๕๐ หรือ Net Zero Emissions ในปีค.ศ. ๒๐๖๕ ในหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศ มีสิ่งที่เรียกว่า Unilateral Actof The State การกระทําฝ่ายเดียวของรัฐ ซึ่งอาจจะสร้าง Legal Commitment ขึ้นมาได้ ในอดีตมีคดี The Nuclear Weapons Test ในปีค.ศ. ๑๙๗๓-๑๙๗๔ ประเทศฝรั่งเศสเคยพลาดเพราะคําแถลง โดย President ออกมาว่าจะไม่ทดลองอาวุธนิวเคลียร์ที่นั่นที่นี่แต่สุดท้ายเป็นบ่วงผูกคอตัวเองว่ามีการสร้างกึ่ง ๆ คํามั่นในระบบกฎหมายต่างประเทศเอาไว้ ซึ่งมีการพูดคุยกันในแวดวงนักวิชาการว่าเป็นความสุ่มเสี่ยงที่ดี เพราะจะทําให้ประเทศเราเป็นผู้มีบทบาทนําในภูมิภาคเรื่องของการจัดการ Climate Changeด้วย สิ่งที่น่าสนใจ ในแผน คือ แผนมีความชัดเจนไม่ว่าจะเป็น ShortTerm Midterm หรือ Long Term จะเห็นเป้าหมายที่ชัดเจนว่า ใน Sector ต่าง ๆ รัฐตั้งใจทําอะไรบ้าง ซึ่งเห็นว่าอันนี้เป็นคุณูปการที่สําคัญของสํานักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะว่าเป็นการ Consolidate เอา Competence ของทั้งประเทศมาไว้ ในเอกสารฉบับเดียว ท่านก็รู้ว่าการบูรณาการในประเทศไทยนั้นไม่ง่าย การจะไปบอกหรือการจะบังคับให้ ใครส่งข้อมูลมาให้ แล้วเป็นข้อมูลที่ต้องผูกพันสิ่งที่ตัวเองต้องทําเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย แต่สํานักงานนโยบายและ แผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถทําได้เพราะมีความจําเป็นในเรื่องของ Legal Commitment กับต่างชาติ และด้วยความสามารถในเรื่องของการประสานงานของสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมทําให้เรามีข้อมูลเหล่านี้มีการลงรายละเอียดทุก Sector อยางภาคของเสียในแผนเดิมก็บอก แมกระทั่งวาเราจะจัดการบอขยะ ลดการมีOpen Dumping Site (บอขยะแบบเปิด) สงผลกระทบอยางไร เหมือนเวลาเอาขยะสดไปเทกองรวมกันจะเกิดFerment (หมัก) แลวก็อาจจะเกิดการปลอยก฿าซเรือนกระจกไดทั้งใน รูปแบบมีเทนหรือแมกระทั่งเวลาไฟไหมในหนารอน พวกนี้จะ Contribute เขามาอยูใน Account ของการปลอยก฿าซเรือนกระจกทั้งสิ้น ซึ่งอยูในแผนใน Line Up ที่จะตองดําเนินการใหเสร็จสิ้น นอกเหนือไปจากนั้น ที่คิดวานาสนใจมาก คือ ภาคปุาไมซึ่งมีการพยายามที่จะกําหนดแมกระทั่งวาจะเพิ่มพื้นที่ปุาภายในปี พ.ศ. 2593 ใหได 40% ของพื้นที่ เรื่องนี้ไมใชเรื่องใหมแตเป็นเรื่องที่ควรจะตองหยิบมาย้ํา แลวเห็นดวยกับ แผน เพราะในพระราชบัญญัติปุาสงวนแหงชาติพ.ศ. 250๗ ซึ่งในหมายเหตุทายบัญญัติวาตองมีปุาสงวนแหงชาติ 50% ของพื้นที่ประเทศ แตวันนี้ดวยเหตุผลตาง ๆ ประเทศไทยมีอยูประมาณ 21-22% แตการมีเปูาหมาย ก็ตอง Force ใหมีสวนราชการที่เกี่ยวของมารับผิดชอบวาเราจะทําอยางไรใหมีปุาอนุรักษ์มากเทานั้น ในแผนถาจะใหสรุปจากแผนที่จะเขาสูเรื่องความทาทาย ผมเห็นความชัดเจนในแงของเปูาหมายและเห็นดวยวา Stakeholders (ผูมีสวนไดเสีย) ที่ถูกกําหนดไวเป็นใครบาง เพียงแตมันนํามาสูปัญหาแบบไทย ๆ เพราะวา Climate Changeโดย Nature ของปัญหานี้ไมเหมือนกับปัญหาอื่น ๆไมใชปัญหาที่กรมควบคุมมลพิษออกระเบียบ สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมออกประกาศแลวจบแลวแกไขไดทันทีเป็นปัญหา 142
72 ซึ่งเรียกรองใหสวนราชการที่อาจจะไมเคยคิดถึงเรื่องสิ่งแวดลอมมากอน หรือไมไดมีMandate ชัดเจนในเรื่อง สิ่งแวดลอมตอง Alignหรือเอาแผนปฏิบัติราชการของตัวเองแลวเอาเรื่อง Climate Change เข้าไปใส่ หรือต้อง เริ่มคิดเรื่องพวกนี้ ซึ่งอันนี้เป็นความทาทายในมิติของการบูรณาการ ถามวาทําไมในหลักการที่ 4 ปฏิญญาริโอ วาดวยสิ่งแวดลอมและการพัฒนาที่ ดร.อนันต์ คงเครือพันธุ์ ผูอํานวยการสํานักวิจัยและวิชาการ กลาววา ถา หากจะ Achieve การพัฒนาที่ยั่งยืนหรือเปูาหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเปูาหมายที่ 13 เรื่อง Climate Changeตอง เอาเรื่องสิ่งแวดลอมเขาไปเป็นสวนหนึ่งของการพัฒนาและไมอาจแยกพิจารณาออกจากกันไดรัฐผูมีหนาที่หรือผู กําหนดนโยบายตองนําเอาเรื่องของ Climate Change เขาไปใสไวในแผนปฏิบัติราชการของทาน ไมวาทานจะ เกี่ยวของโดยตรงหรือไม และตองสามารถอธิบายไดวา การกระทําหรือการปฏิบัติราชการของทานนั้นนําไปสูการ บรรลุเปูาหมายที่เป็นเปูาหมายที่รัฐไป Commitment ไวอยางไร อันนี้เป็นความทาทาย เพราะวามันไป Challenge Comfort Zone ของราชการไทย เชน หากไปประชุมสวนราชการ จะมีอยู 2 กรณีคือ กรณี การแยงกันทําซึ่งเกิดขึ้นไดนอย กับกรณีที่เกี่ยงกันทําซึ่งจะตองบอกตามตรงวาไมไดเกี่ยงอาจจะดูเหมือนเกี่ยงแต ทุกคนมีกรอบภารกิจการทํางานตามกฎกระทรวงแบงสวนราชการและความเป็นนิติบุคคลของแตละสวนราชการ ชัดเจน เพราะฉะนั้น ในเรื่องที่ Cut Across ของทุกสวนราชการแลวเป็นเรื่องใหม ไมสรางความมั่นใจใหกับ ขาราชการในการปฏิบัติงาน อันนี้จะวาสวนราชการหรือขาราชการประจําก็ไมไดเพราะวาเป็นเรื่องใหมจริง ๆ นอกเหนือไปจากนั้น อีกเรื่องที่ทาทายเรื่องนี้มาก เรามีผูเชี่ยวชาญเรื่อง Climate Change ในกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมเยอะแตไมมั่นใจวาในสวนราชการที่เกี่ยวของและอาจจะเกี่ยวของในทางปฏิบัติ เพราะวาผลการทํางานของเขาสงผลอยางมีนัยสําคัญใหแผนที่สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมทํานั้นประสบความสําเร็จไดเขามีองค์ความรูหรือมีบุคลากรที่สามารถชวยสํานักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมดําเนินการไดมากนอยเพียงใด อันนี้เป็นความทาทายอยางยิ่ง แลว ในยุคสมัยศตวรรษที่ 21 จริง ๆ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมดวยงบประมาณที่ไดอยูบอกวา ไมไดสะทอนปัญหาสิ่งแวดลอมซึ่งกระทบประเทศไทยอยางมีนัยสําคัญ โดยเฉพาะอยางยิ่งการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศอันนี้ถือเป็นเรื่องที่จําเป็นอยางยิ่งวามันมีพัฒนาการในเรื่องของการปรับปรุงกฎหมายอยู ซึ่งสอดคลองกับเรื่อง EmissionTrading (การคาขายแลกเปลี่ยนก฿าซเรือนกระจก)ซึ่งก็รอวันที่จะเอาไปผนวกรวมไว กับรางกฎหมายใหมซึ่ง Emission Trading (การคาขายแลกเปลี่ยนก฿าซเรือนกระจก) ก็จะทําใหภาคธุรกิจ มีโอกาสในการบริหารจัดการชีวิตไดงายขึ้น ประเทศไทยอาจจะมีความเขาใจผิดที่วา เวลาพูดถึง Climate Change คนจํานวนมากจะเขาใจวา Climate Change เทากับ Emission Trading Scheme (ETS) (ระบบซื้อ ขายสิทธิในการปลอยก฿าซเรือนกระจก)ซึ่งจริง ๆ แลวไมใช เพราะเป็นเพียงตัวชวย ซึ่งเหมือนที่เลขาธิการ สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม กลาววานอกเหนือจาก Adaptation (การปรับตัว) และ Mitigation (การบรรเทา) เทานั้นที่ทําใหแผนสามารถที่จะบรรลุผลไดมากขึ้น แต Emission Trading (การคาขายแลกเปลี่ยนก฿าซเรือนกระจก) ในประเทศไทย Contribution (การสนับสนุน) การผลิตก฿าซ เรือนกระจกอาจจะไมไดมาก โอกาสอยูที่ขอ 6.2 ตามความตกลงปารีส ที่เลขาธิการสํานักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมไดกลาวถึงเมื่อสักครู เพราะวาเป็นโอกาสที่เราจะไปทําความรวมมือกับ ตางประเทศเหมือนที่เราทํากับประเทศสวิตเซอร์แลนด์อันนี้คือเรื่องของการ Transfer Outcomeของการลดก฿าซ เรือนกระจกไปอยูใน Account ของตางประเทศแลกกับการสนับสนุนเทคโนโลยีหรือเงิน ทําใหสิ่งแวดลอมหรือวา การประกอบกิจการในประเทศไทยเป็นมิตรกับสิ่งแวดลอม ลดการปลอยก฿าซเรือนกระจกลง ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์เป็นตัวอยางที่ดีเพราะวาวันนี้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์สนใจเรื่องของการลดการปลอยก฿าซมีเทน จากนาขาว ซึ่งก฿าซมีเทนมีลักษณะใสมองไมเห็นแตพื้นที่นาขาวมีมากมาย เพราะฉะนั้น ดวงอาทิตย์เผาทุกวัน ฟางขาวเนาทุกวันก็Releaseออกมาทุกวัน เพราะฉะนั้น จึงมีจํานวนไมนอย หากเป็นไปไดอาจจะตองไปตอบโจทย์ ภาคการเกษตรอื่น ๆ ที่ไมใชนาขาวดวย ซึ่งหวังวาวันหนึ่งในภาคนโยบายอาจจะรับไปดูบวกกับภาคการศึกษาที่ 143
73 เกี่ยวของ เชน วิธีการที่จะจัดการกับก฿าซเรือนกระจกถาไมลดดวยการลดการปลอยก฿าซเรือนกระจก คือ ตองเอา ไปใสในที่ดูดซับ ที่ดูดซับที่ดีที่สุดคือ ปุาไมถาไมใชทะเล ทะเลถือเป็น 70% ของการดูดซับก฿าซเรือนกระจกในโลก ไมอยางนั้นทะเลไมเป็นกรดมากขึ้น แตปุาไมหรือตนไมที่เป็นแหลงดูดซับคาร์บอนที่ไมไดอยูในลิสต์ที่จะเอามา ใชไดในเมืองไทย คือ ตนยางพารา หวังวาวันหนึ่งจะมีการวิจัยที่มีวิธีการในการ Quantify ปริมาณคาร์บอนที่ ถูกกักเก็บไวในตนยางพารา เพราะมันยืนตนใหกรีดอยางนอย 20 ปี แลวมันอยูในกรอบ Pursue International Policy (การดําเนินนโยบายระหว่างประเทศ) ในเรื่องของ LULUCF : Land Use, Land-Use Change, and Forestry (การใชที่ดิน การเปลี่ยนแปลงการใชประโยชน์ที่ดิน และปุาไม) ที่ไมเชนนั้นแลว เราก็โคนตนยางพาราแลวก็เสีย Carbon Sink (แหลงกักเก็บคาร์บอน) ไปโดยทําอะไรไมไดเลย แลวตอบโจทย์ เกษตรกรมากขึ้นดวยเพราะวาวันนี้รายไดอาจจะไมไดมาจากการกรีดยางอีกตอไปแลว แตการที่เขาดูแลตนไมให สมบูรณ์สามารถดูดซับก฿าซเรือนกระจกไดเอา Income มาเหมือนที่เจาของฟาร์มสุกรเอาสิ่งปฏิกูลไปใสในบอ ปิดแลวหมักเป็นก฿าซมีเทนออกมาและทําเป็น Carbon Credit นั่นเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่คิดวาวันหนึ่งก็อยากจะเห็น อีกหนึ่งเรื่องที่ทาทายเหลือเกิน เพราะวาตั้งแตเดือนกรกฎาคมที่ผานมา UN ไดประกาศวา การมีสิ่งแวดลอมที่ดี เป็นสิทธิมนุษยชนซึ่งสรางความวุนวายใหกับภาครัฐ โดยเฉพาะอยางยิ่งผูปฏิบัติราชการ เพราะนี่คืออีกเงื่อนไขหนึ่งที่ ตองเขามาใน Catalog วาตอไปนี้อาจจะมีนักรอง ไมวาจะเป็นนักรองแบบมีคุณภาพหรือไมมีคุณภาพก็แลวแตจะ อางสิทธิมนุษยชนแลวมาฟูองสวนราชการเป็นคดีปกครอง เพราะวาสิทธิในชีวิตรางกายถูกกระทําเพราะไมมีการ ดูแลรักษาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งชองทางที่อาจเป็นคดีความขึ้นมาไดมากขึ้น แตตองเรียนวา ตองดูเนื้อหาของขอพิพาทดวยเพราะวาบางขอพิพาทก็เป็นขอพิพาทที่มีน้ําหนักแตบางขอพิพาท ก็เป็นขอพิพาทที่ทําใหแสงตกลงที่ขอพิพาทมากขึ้นเทานั้นเอง อีกประเด็นหนึ่งซึ่งจะโยงไปถึงเรื่องทะเล และเป็นขอจํากัดของกฎหมายไทย คือ เรื่องขอบเขตการใชบังคับกฎหมาย หากถามวากฎหมายไทยใชบังคับ ถึงไหน ทุกทานก็จะบอกวากฎหมายไทยใชบังคับถึงขอบขัณฑสีมา (เขตแดน) แลวราชอาณาจักรไทยไปถึงไหน ถาไมใชบนแผนดิน ก็คือ 12 ไมล์ทะเลนับจากเสนฐานที่ใชวัดทะเลอาณาเขตตามอนุสัญญาสหประชาชาติวา ดวยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 นั่นคือ ราชอาณาจักรไทย แลวนั่นคือ สิ่งที่เรามีPerception วากฎหมายไทย เป็นอยางนั้น แตเขตทางทะเลไมไดอยูแคนั้น อาจจะไปไดถึงถาไมมีขอพิพาทเรื่องเขตพื้นที่ทับซอนอาจจะไปได ถึง 200 ไมล์ทะเลนับจากเสนฐานในฐานะที่เป็นขอบสุดของเขตเศรษฐกิจจําเพาะ หรือในกรณีของไหลทวีป อาจจะไปไดไกลถึง 350 ไมล์ทะเล ถาเรา Claim Extended Continental Shelf ไดแลวพวกนี้คือ ดินแดนที่ อาจจะไดรับผลกระทบจาก Climate Change ทั้งสิ้น ไดรับผลกระทบจากรูปแบบไหนบาง อยางที่ไดนําเรียน ไปเบื้องตนแลว Ocean Acidification ความเป็นกรดของมหาสมุทร ซึ่งจะเกิดขึ้นมากในน้ําตื้นในพื้นที่ชายฝั่ง จะทําใหการอนุบาลสัตว์น้ําในปุาชายเลนในพื้นที่ชายฝั่งเกิดไดยากขึ้นเพราะทะเลเป็นกรด โอกาสที่ปูมาที่ปลอย จากธนาคารปูมาไปเป็นตัวออนก็จะสามารถดํารงชีวิตอยูในสภาพแวดลอมที่มีความรุนแรงมากขึ้นไดนอยลง โอกาสในการที่จะสรางเม็ดเงินเศรษฐกิจจากการจับปลาหรือการทําประมงก็จะลดลง ในทางเดียวกันจะสงผล กระทบทําใหการแขงขันที่เพิ่มขึ้นเพื่อแยงทรัพยากรที่มีอยูอยางจํากัด พวกนี้เป็น Projected Trend ที่มีความ ชัดเจนในตัวเอง แลวมี Dispute ที่เกิดขึ้นจากการแยงการใชทรัพยากรมาอยางนอย 200 ปีแลว เชน Turbot War หรือ Cod War ทุกอยางมาจากการที่คนหนึ่งอยากจะจับ คนหนึ่งอยากจะแยงใชทั้งสิ้น Ocean Acidification จะนํามาซึ่งปัญหาใหญ คือ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพในทะเลซึ่งเป็นหนึ่งใน Planetary Boundaries (ขีดจํากัดความปลอดภัยของโลก) เพราะวาปัจจุบันทุก ๆ วันที่ผานไปจะมี 1 Species ที่หายไปจากโลกนี้แลวก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผลของการกระทําของมนุษย์แลวก็เชื่อมโยงกับผลของ Climate Change ผลของเหตุรุนแรงทางธรรมชาติตาง ๆ พวกนี้มีโอกาส เพราะวาปัจจุบันนี้เรามีความคิดวา Climate Change วิธีการหนึ่งที่จะทํา คือการกรองคาร์บอนไวทําใหเป็นของแข็งแลวไปอัดเก็บไวในทะเลหรือที่ เรียกวาเป็น Carbon Capture Storage and Sequestration (การดักจับ การจัดเก็บ และการกักเก็บก๊าซ 144
74 คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 )) ในอาวไทยเรามีPilot Project (โครงการนํารอง) แลว แตพวกนี้มีความเสี่ยงเพราะวา การเอาคาร์บอนจํานวนมากไปใสไวในหลุมน้ํามันหรือบอน้ํามันซึ่งไมมีน้ํามันแลว ถามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอาจจะนํามา ซึ่งความเสียหายอยางมีนัยสําคัญทางสิ่งแวดลอมซึ่งเรามีพันธกรณีเหมือนกัน คําถามก็คือวา ถาบอน้ํามันนั้น หรือการกระทําแบบนี้เกิดขึ้นในเขตเศรษฐกิจจําเพาะของประเทศไทย กฎหมายสิ่งแวดลอมไปถึงหรือไม เพราะหากตีความแบบระบบกฎหมายที่เห็นอยูในปัจจุบันกฎหมายไปไกลไดกวา 12 ไมล์ทะเลก็ตอเมื่อกฎหมาย เขียนไวอยางเชน ในพระราชกําหนดประมงเขียนวาใหไปไดถึง 200 ไมล์ทะเล ในพระราชบัญญัติการเดินเรือใน นานน้ําไทยเขียนไวใหไปถึง 24 ไมล์ทะเลที่เขตตอเนื่อง ถาตีความแบบนี้ก็หมายความวากฎหมายใดไมได เขียน Scope of Application ในทางพื้นที่ไวไปไดแคถึงสุดขอบขัณฑสีมา คือ ทะเลอาณาเขตซึ่งเป็นสวนหนึ่ง ของราชอาณาจักรไทย อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นนอกจากนั้นเป็น Uncharted Water (นานน้ํานอกแผนที่) ในทาง กฎหมายถาไมมีกฎหมายเขียนไว พูดใหเห็นภาพพระราชบัญญัติประกอบกิจการพลังงานไปถึง เขตเศรษฐกิจจําเพาะ ไปถึงไหลทวีปแตไมรวมเขตเศรษฐกิจจําเพาะ มีคําถามเกิดขึ้นวาหากทํา Solar Floating ในทะเลเขตเศรษฐกิจจําเพาะ ใครจะเป็นผูดูแล เพราะไมไดอยูใน Scope of Application ของกฎหมายใด เหลานี้เป็นความทาทายที่อาจจะนํามาซึ่ง Litigation ทางกฎหมายทั้งสิ้น สําคัญที่สุดโดยสรุป คือวา วันนี้สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอมทํางานหนัก ในการที่จะ Render ผลที่พึงประสงค์เพื่อการที่จะตอบโจทย์ตอพันธกรณีระหวาง ประเทศ อีกอยางที่ตองคิดพรอม ๆ กัน วันนี้ความมั่นคงของประเทศ ความทาทายของประเทศ ไมไดอยูใน ความมั่นคงในความหมายคลาสสิกอีกแลว แตมีความมั่นคงทางสิ่งแวดลอมนํามาซึ่งประโยชน์และปัญหาถาไม รีบจัดการอยางเหมาะสม เมื่อสักครูไดพูดถึงเรื่องการเอามาตรการทางเศรษฐศาสตร์มาใชเป็นสวนหนึ่งของการ จัดการปัญหาสิ่งแวดลอมทุกรูปแบบ พูดคุยกันมาอยางนอย 20 ปีแลว แตก็เห็นใจกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม เพราะทุกครั้งเวลานําภาษีสิ่งแวดลอมหรือคาธรรมเนียมมาใชไมได เขาชี้มาหากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมกอนวาทําไมไมมีมาตรการ แตทานทั้งหลายอาจจะ ทราบวาความสามารถในการจัดเก็บภาษีไมไดอยูที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ไมไดพาดพิงทาน ใด แตเป็นขอเท็จจริงที่ปรากฏอยูแลว ดวยความที่เป็นการทํางานรูปแบบ Silo (การทํางานแบบแยกสวน) มาแต เดิมในการบริหารราชการแผนดิน เวลาเจอเรื่องที่ตองตัดขวางบางทีอาจจะทําใหเกิดภาวะการช็อกน้ําไดเหมือนกัน ถาเราปรับตัวไมทัน อันนี้เป็นสิ่งที่คิดวากฎหมายใหมถาเป็นไปไดอาจจะตองมี Section หนึ่งสําหรับการ Transition แลวก็Comfort สวนราชการที่ไมไดมีMandate ดานสิ่งแวดลอมโดยตรงเพื่อใหเขาสามารถที่จะ นําเอา Commitment ดีๆ แผนบริหารจัดการดีๆ ที่สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอมเตรียมไปผนวกรวมกับแผนปฏิบัติราชการไดแลวทําใหรูสึกวามีหลังพิงในทางกฎหมายเพื่อที่จะ ดําเนินการดานสิ่งแวดลอม ซึ่งคิดวาจะทําใหการจัดการสิ่งแวดลอมในประเทศไทยหลาย ๆ เรื่องที่ทําไมได สามารถเกิดขึ้นไดผานทางกฎหมายฉบับนี้แตถาไมมีอะไรแบบนี้ทุกทานอาจจะเห็น Litigation หรือ Docket ที่ ศาลปกครองเพิ่มขึ้นอยางมีนัยสําคัญไมแพศาลยุติธรรมก็ไดอันนี้ก็สุดแทแต เพราะวาสุดทายแลวก็เป็น การ Trade Off กันในมิติของนักการเมืองดวย ในการรางกฎหมายวา ambition ของนักการเมืองจะมีแคไหน ในเรื่องนี้ นางสาวกฤตยา ธีรนันท์ พนักงานคดีปกครองช านาญการ ส านักวิจัยและวิชาการ : ผู้ด าเนินการ สัมมนา เป็นประเด็นที่นาสนใจมาก เชื่อวาประเด็นที่ทานพูดโดยเฉพาะในประเด็นของเรื่องกฎหมายทะเล เป็นเรื่องที่บางทีมองไปไมถึงแตเป็นเรื่องที่นาสนใจและสามารถนําไปคิดตามตอได จากที่ในชวงแรกไดรับฟังขอมูล จากทั้งในฝั่งของฝุายปกครองผูปฏิบัติในมุมมองทางดานวิชาการในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 145
75 วาเป็นอยางไรบาง ตอไปมาฟังแงมุมของศาลในองค์กรศาลวาจะเขามามีบทบาทในเรื่องของการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศนี้ไดอยางไรบาง นายชาญวิทย์ ชัยกันย์ ตุลาการศาลปกครองกลาง : วิทยากร หลังจากที่ไดฟังทั้งหนวยงานรัฐ นักวิชาการ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงตาง ๆ ทั้งในระดับระหวางประเทศ และระดับภายในประเทศที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในเรื่องของ Climate Change ทีนี้มาดูในเรื่องของศาลบาง โดยเฉพาะศาลปกครองวาเกี่ยวของกับเรื่องนี้อยางไร ซึ่งในฐานะตุลาการที่ปฏิบัติหนาที่ในองค์คณะแผนกคดีสิ่งแวดลอม อยูที่ศาลปกครองกลาง ตั้งแตปฏิบัติงานมายังไมมีการฟูองเกี่ยวกับเรื่อง Climate Change โดยตรง แตจะมีคดี ที่เกี่ยวพันหรืออาจจะเป็นประเด็นสืบเนื่องและทําใหเกิดผลกระทบที่สูงขึ้นอยางเชนคดีฟูอง PM2.5 ทุกทานอาจเคยไดยินขาวเรื่องของการปลอยควันดําจากรถเมล์ รถขนสงตาง ๆ หรือการบุกรุกอุทยาน ซึ่งอาจจะมีการเผาปุาหรือมีการทําลายขาวของในอุทยานก็สงผลกระทบตอ Climate Change แตถามวา การ Adaptation การ Implement ในเรื่องของนโยบายเกี่ยวกับ Climate Change มาฟูองกับศาลปกครอง โดยตรงนั้นยังไมมี เมื่อสักครูฟังจากวิทยากรหลาย ๆ ทาน ก็จะบอกวามีการออกกฎหมายรางพระราชบัญญัติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคตแลวก็มีกลไกมาตรการบังคับทางปกครองดวย ซึ่งจะมีแนวโนม ที่จะมาเป็นคดีตอศาลปกครองไดไมมากก็นอย ยิ่งมีตัวละครที่ทานบอกวามีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดลอม ก็อาจจะเป็นผูถูกฟูองคดีรายหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในศาลปกครองในอนาคต ซึ่งเราก็อาจจะตองตั้งรับ ในเรื่องนี้วา ถามีคดีเขามาแลวเราจะตองมีองค์ความรูในเรื่องนี้อยางไร แตอยางไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ยังไมมีคดี เรื่อง Climate Change โดยตรง ตามที่ ผอ.อนันต์ คงเครือพันธุ์ ผูอํานวยการสํานักวิจัยและวิชาการ กลาวถึง เรื่องของ Sunset Law ซึ่งตอนที่ทําคดีสิ่งแวดลอมหลายคดีซึ่งเป็นคดีละเลย คดีหนึ่งซึ่งไดตัดสินและมีคํา พิพากษาไปแลว เป็นเรื่องของการฟูองการละเลยของกรุงเทพมหานครในการดูแลคลองแสนแสบ โดยผูฟูองคดี นั่งเรือทุกวันแลวบอกวาคลองแสนแสบเป็นแหลงกําเนิดมลพิษ มียุง มีกลิ่นเหม็น ทําใหสุขภาพชีวิตของตนแยมาก ขอใหฟื้นฟูคลองแสนแสบ กําจัดเหตุเดือดรอนรําคาญใหดีดังเดิม แลวอางพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ดังนั้น เห็นจากขอเท็จจริงอยูแลววาตองฟื้นฟูใหไมมีกลิ่นเหม็น ไมมีพาหะนําโรค หรือไมสงผลกระทบ ตอสุขภาพของประชาชนแถวนั้น แตเมื่อทําคดีจริง ๆ ปรากฏวา ทุกทานเชื่อหรือไมวา คลองแสนแสบยาว 79 กิโลเมตร เป็นคลองที่ขุดตั้งแตสมัยรัชกาลที่ 5 เชื่อมระหวางแมน้ําบางปะกงมาถึงแมน้ําเจาพระยา ตรงแถว พระบรมมหาราชวังซึ่งเป็นระยะทางที่ยาวมาก ขอเท็จจริงปรากฏวา มีการปลอยน้ําเสียทั้งบานเรือน คลองสาขามีเป็นรอย จากโรงงานอุตสาหกรรม และจากประชาชนดวย ดังนั้น การที่จะดําเนินการในเรื่องนี้ ตามคําขอของผูฟูองคดี คือ ทําใหเหตุหมดสิ้นไป ทุกทานวายากหรือไม เห็นใจกรุงเทพมหานครหรือไม และในฐานะศาล สิ่งที่เห็น คือ การละเลยทําใหเกิดความเดือดรอนเสียหายจริง ๆ แลวจะทําอยางไร สิ่งหนึ่งที่ไดเขียนไว ในคําพิพากษาเรื่องนี้ และใชหลักการตามที่ ผอ.อนันต์ คงเครือพันธุ์ ผูอํานวยการสํานักวิจัยและวิชาการ ไดกลาวถึง คือ การ Sunset Law ปรากฏวาในปีพ.ศ. ๒๕62–๒๕63 รัฐบาลโดยนายประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ใหพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ เป็นประธานกรรมการในการฟื้นฟูคลองแสนแสบ ซึ่งคลองโองอางก็มีการฟื้นฟูแลวดวย ปัจจุบันก็เป็นแหลงทองเที่ยว เชนกันกับคลองแสนแสบก็บอกวาจะมีการดําเนินการเป็นระยะ ๆ แลวจะใหกลับมาดี ดังเดิมไดภายในปี พ.ศ. 2573 จึงนํานโยบายตัวนี้เป็น Sunset คือ ถึงแมวาละเลย แตปัจจุบันหนวยงาน กรุงเทพมหานครก็ไดดําเนินการแลว จึงไมละเลยในชั้นนี้ อยางไรก็ตาม เมื่อ Sunset law หรือนโยบาย อาจจะ เป็นแค Sunset Policy ยังไมใช Sunset Law แตวาเป็นแผนแหงชาติแลวไดปรับมาใชแลวบอกวาถาปี พ.ศ. 2573 คลองแสนแสบยังไมดีดังเดิม ผูฟูองคดีก็อาจนําคดีมาฟูองหรือรองเรียนแกไขใหเกิดผลทางกฎหมาย ตอไปได ดังนั้น หาก Implement การปรับใชกับคดี Climate Change ในอนาคต หากกฎหมายตามที่ ผอ.อนันต์ คงเครือพันธุ์ ผูอํานวยการสํานักวิจัยและวิชาการ กลาวไววามี Sunset Law มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน 146
76 มีเปูาหมายของการดําเนินการไมวาจะเป็นทั้งกฎหมายและมาตรการที่ออกมาจากกฎหมาย ก็สามารถนําคดีมา ฟูองตอศาลปกครองได ซึ่งศาลปกครองก็มีการใชเรื่องนี้เชนกัน เมื่อไดพูดถึงบทบาทของศาลปกครอง ซึ่งเป็น ปลายน้ํา โดยทานวิทยากรก็ไดพูดถึงตนน้ํา กลางน้ํามาแลว ปลายน้ําในเรื่องเกี่ยวกับ Climate Change ปรากฏวาก็ไมไดมีคดี แตในเมื่อมีการทําขอตกลงปารีสในปี พ.ศ. 2516 ขึ้นมา ปรากฏวา วงการวิชาการ ทางกฎหมายสิ่งแวดลอมก็เริ่มตื่นตัวมากขึ้น ในหนังสือวารสารกฎหมายสิ่งแวดลอมระหวางประเทศของ มหาวิทยาลัย Oxford มีบทความบทความหนึ่ง ซึ่งผูพิพากษา Brain J. Preston, Chief Judge, Land and Environment Courtof New South Wales, Australia ทานเป็นหัวหนาผูพิพากษาของศาลที่ดินและสิ่งแวดลอม มลรัฐนิวเซาท์เวลส์ เครือรัฐออสเตรเลีย และทานเคยมารวมมือกับทางศาลปกครอง มีการทํางานรวมกัน มีการบรรยายรวมกัน โดยทานไดเขียนบทความเรื่องหนึ่งแลวก็พูดถึงเรื่อง Climate Change กับบทบาทของศาล ซึ่งบทความเรื่องนี้ชื่อภาษาอังกฤษวา The Contribution of the Courts in Tackling Climate Change ถาแปลเป็นไทยก็จะแปลวา คุณูปการของศาลในการแกไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือ ศาลตอง Contributionตอง Support ชวยเหลือ เพื่อจะแกไขปัญหาเรื่องนี้ดวย ทานบอกวาศาลมีบทบาทมากในการทํางาน เรื่องนี้เพราะวาศาลสามารถใช ๑. หลักนิติธรรม (Rule of Law) มาปรับใช หลักนิติธรรมโดยเฉพาะเรื่องของ การรับรองสิทธิเพราะ Rule of Law บอกวา ทุกคนยอมเสมอกันทางกฎหมาย ดังนั้น ทุกคนยอมมีสิทธิเชนกัน สิทธิในเรื่องของ Climate Changeอาจจะเป็นสิทธิมนุษยชนเรื่องหนึ่ง ซึ่งทําให UN ยอมรับและอางสิทธินี้มาทํา ใหเกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่อง Climate Change ได ดังนั้น ศาลสามารถวางบทบาทการใช Rule of Law ในการแกไขเรื่องนี้ได 2. การนําหลักธรรมาภิบาล (Principleof Good Governance) มาปรับใช ซึ่งศาลเอง ก็กลาที่จะใชไดอยูแลว เพราะวาศาลสามารถไปตรวจสอบมาตรการของรัฐวาไดทํา ถาเกิดวาเป็นประเทศในกลุม Annex ๑ ซึ่งจะมีพันธกรณีที่ฝุายปกครองตองทํา ศาลก็จะตรวจสอบวามาตรการนั้นไดออกมาจริงหรือไม และ ถาไมทําหรือวามีคนที่ไมปฏิบัติตามมาตรการเหลานั้น ฝุายปกครองไดมีการลงโทษหรือไมอยางไร เชน รถปลอย ควันดํา หากไมมีการจับกุมหรือไมมีการตรวจสอบอาจจะเป็นการละเลยก็ได เชนเดียวกันกับเรื่องของ Climate Change ๓. การนําหลักการพัฒนาอยางยั่งยืน (Sustainable Development) มาปรับใช อันนี้เป็นหลักที่เนน หลังปี พ.ศ. ๒๕40 ที่เกิดวิกฤตตมยํากุง และหันกลับมาดูเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ดูเรื่องของการพัฒนา อยางยั่งยืน ซึ่งจะมี 2 หลักที่ศาลสามารถนํามาใชได แลวชั่งน้ําหนักไดวาระหวาง Economic คือ เศรษฐกิจ กับ Ecology คือ นิเวศ นั้นชั่งน้ําหนักกันไดหรือไม บางทีพัฒนาไปแตสงผลกระทบตอสิ่งแวดลอม ตอประชาชนมหาศาล ก็อาจจะไมใชแนวทางการพัฒนาที่ถูกตอง และไมยั่งยืน ในปัจจุบันหลักนี้กาวไปไกล ซึ่งจะมี ตัวอยางคดีตางประเทศที่เห็นวาคนในรุนอนาคตเองก็เรียกรองสิทธินี้วา ในอนาคตหากอยูบนโลกใบนี้แลวทุกอยาง เป็น Climate Change กระทบการดํารงชีวิต ก็ตองมีสิทธิมาฟูองคดี เพื่อใหคนในปัจจุบันคํานึงถึงเรื่องนี้ดวย ซึ่งทุกคนก็อยากมีชีวิตที่ดีในอนาคต ในตางประเทศมีคดีOposa ประเทศฟิลิปปินส์ก็มีการใช Next Generation หรือ Futuration มาฟูองคดี แลวศาลยอมรับสิทธินั้นดวย 4. การนําหลักผูกอมลพิษเป็นผูจาย (Polluter Pays Principle : PPP) มาปรับใช ซึ่งคนที่อาจจะทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงผลกระทบตาง ๆ ก็ตองรับผิด มีภาระในการตรวจสอบแกไขหรือทําใหดีขึ้น ซึ่งก็มีกระบวนการทางคาร์บอนเครดิตตาง ๆ หรือมีการ ซื้อขายตาง ๆ ซึ่งไมใชเป็นเรื่องการลงโทษแลว และบางทีเราใช Hard Law ที่เป็นการลงโทษซึ่งอาจจะไมชวยได มากนัก ดังนั้น จึงตองพูดถึงเรื่องกลไกทางเศรษฐศาสตร์ดวย ซึ่งปัจจุบันก็มีทฤษฎีมาใหม เชน Beneficiary Pays Principle : BPP หลักผูไดรับผลประโยชน์เป็นผูจายไมใชแคบริษัทที่ปลอยคาร์บอน แตทุกคนที่ใชผลิตภัณฑ์ ที่ปลอยคาร์บอนตองรวมจายดวย เพราะทุกคนไดประโยชน์จากเรื่องนี้ แตมันสงผลกระทบถึงสิ่งแวดลอม ๕. กระบวนการพิจารณาคดีของศาลจะตองอาศัยหลักฐานตาง ๆ เพื่อนํามาสรุปและคนหาสาเหตุของปัญหา ศาลสามารถดูหลักฐาน พยานหลักฐานตาง ๆ ไดอยางเต็มที่ สามารถเรียกขอเท็จจริง เรียกสถิติ เรียกขอมูลขาวสารทุกอยางที่อยูในมือของรัฐ รวมถึงขอตกลงระหวางประเทศที่ศาลอาจจะนํามาใช มาสรุป 147