177 คําขอที่ผูฟูองคดีขอเขามาอาจไมครบถวน เชน การแตงตั้ง เห็นวาไมถูกตอง เพราะตองไปแตงตั้งในตําแหนง ที่มีเงินประจําตําแหนง มีเงินเพิ่มพิเศษดวย เป็นคําขอเรื่องเงิน แตไมไดขอจากมูลละเมิด โดยใหเหตุผลวา เกิดจากคําสั่งที่ทําใหเขาขาดในสิ่งที่ควรได ไมไดเสียคาธรรมเนียมศาล ตอมา ยื่นฟูองวาที่แตงตั้งไปไมถูกตอง อันเป็นการพิจารณาเรื่องคนวาเขาไมมีคุณสมบัติ ตองพิจารณาใหละเอียดวาประเด็นของคดีเป็นเรื่องเดียวกัน หรือไม ซึ่งก็คือการพิจารณาตามระเบียบของที่ประชุมใหญฯ ขอ 36 ขอ 96 และขอ 97 ประกอบดวย เป็นขอสังเกตเรื่องการบริหารงานบุคคล สวนในเรื่องของสัญญาทางปกครอง จะใชในกรณีที่เป็นลูกจางประจํา ลูกจางชั่วคราว มีการมอบหมาย ใหมารวมจัดทําบริการสาธารณะ ไมใชสัญญาจางแรงงาน การมีขอโตแยงเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง อยูในเขตอํานาจของศาลปกครอง มีขอพิจารณาวาหากมีนิติสัมพันธ์ รูปแบบในการตั้งเรื่องจะตั้งเป็นคดีพิพาท ในเรื่องสัญญา ซึ่งปัจจุบันแยกเป็นสวน เชน “สัญญา” เป็นผลิตผลของการใชอํานาจของเจาหนาที่ของรัฐ ระดับสูงที่มีอํานาจหนาที่ในการบริหารงานบุคคล ใชรูปแบบของสัญญาตามที่กฎหมายกําหนด เชน ใหทําสัญญาจาง กําหนดไมเกิน 2 วาระ วาระละ 4 ปี หรืออาจมีเงื่อนไขในสัญญาในการเกษียณ เป็นตน ดังนั้น เรื่องรูปแบบ สัญญา และขอโตแยงอาจเป็นกรณีที่แยกจากกันได ขอโตแยงอาจเป็นเรื่องกระบวนการใหคาตอบแทน ไมถูกตอง กรณีที่สัญญามีการระบุคาตอบแทนกันไว เมื่อเป็นคดีปกครองแลวตองวินิจฉัยตามประเภทคดี ใหชัดเจน ซึ่งจะเป็นหนาที่ของตุลาการศาลปกครองที่จะดําเนินการตามกระบวนวิธีพิจารณาคดีปกครอง ใหครบถวน เป็นธรรมแกทุกฝุาย ตามหลักกฎหมาย นายอนุชา ฮุนสวัสดิกุล รองอธิบดีศาลปกครองเชียงใหม่ : ผู้ด าเนินการสัมมนา กลาวสรุปวา การจําแนกเจาหนาที่ของรัฐเป็นขาราชการและไมใชขาราชการ เนื่องจากกระบวนการ บริหารงานบุคคลของขาราชการจะมีความเขมขนมากกวา และในกรณีที่ไมใชขาราชการนั้นนิติสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น จะเป็นสัญญาทางปกครอง ในการรับคําฟูองไวพิจารณาของศาลตองพิจารณาวาเป็นการฟูองซ้ํา ฟูองซอน หรือการดําเนินกระบวนพิจารณาซ้ําหรือไม โดยอาจตองพิจารณาวาเป็นเรื่องเดียวกันหรือไมอยางไร และใน ประเด็นเกี่ยวกับการเป็นผูมีสิทธิฟูองคดี นิติสัมพันธ์ในรูปแบบสัญญาทางปกครองตองมีขอโตแยงตามสัญญา ทางปกครองดวย นายอนุพงศ์ สุขเกษม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร กลาววา กรณีที่ศาลปกครองเคยมีคําวินิจฉัย เพื่อเป็นกรณีศึกษา เป็นขอพิพาทเกี่ยวกับการสอบ แขงขันซึ่งสวนใหญจะไมคอยเป็นประเด็นโตแยง แตในระยะหลังเริ่มมีขอพิพาทมากขึ้น เป็นกรณีหัวหนา สวนราชการสั่งบรรจุแตงตั้งผูที่สอบแขงขันไดในลําดับที่ 2 ผูสอบไดในลําดับที่ 1 จึงฟูองคดีวาเหตุใดจึงไมเรียก บรรจุลําดับที่ 1 กอน ตุลาการเจาของสํานวนจึงเรียกคูกรณีมาไกลเกลี่ย ผูถูกฟูองคดีไดใหขอมูลวาลําดับที่ 2 เป็นบุตรสาวของตนเอง จึงเรียกมาบรรจุกอน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของตุลาการที่เรียกคูกรณีมาเพื่อไกลเกลี่ย ผูมีอํานาจสั่งบรรจุจึงกลับไปแกไขโดยเรียกลําดับที่ 1 มาบรรจุแตงตั้ง คดีก็จบไป กรณีการทุจริตในการจัดสอบที่ไมไดมาตรฐาน ศาลปกครองก็ไดวางหลักไว ตามขอเท็จจริงมีอยูวา ฝุายผูฟูองคดีสอบบรรจุแขงขันได ผูมีอํานาจสั่งบรรจุก็สั่งบรรจุและแตงตั้งผูฟูองคดี และผูฟูองคดีก็ปฏิบัติงาน ไปตามปกติ ตอมา มีการตรวจสอบระบบการจัดสอบแขงขัน ปรากฏวาการจัดสอบไมไดมาตรฐาน มีการทุจริต องค์กรผูมีอํานาจของทองถิ่นก็ไดสั่งใหผูที่สอบแขงขันไดพนจากราชการไป กรณีนี้ศาลปกครองสูงสุดวางหลัก ในการจัดสอบแขงขันไววา เมื่อการบรรจุแตงตั้งบุคคลซึ่งไมใชผูสอบแขงขันไดตามมาตรฐานทั่วไปและไมผานเกณฑ์ ที่จะมีสิทธิไดรับการแตงตั้งเป็นพนักงานสวนตําบล เป็นการกระทําโดยทุจริตและผิดกฎหมายอยางชัดแจง และรายแรง ซึ่งนอกจากจะขัดตอหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการพนักงานสวนตําบลและคณะกรรมการกลาง พนักงานสวนตําบลกําหนดไวแลว ยังกอใหเกิดความเสียหายอันกระทบตอความเชื่อมั่นในระบบการสรรหา 248
178 บุคลากรที่ตองคํานึงถึงคุณภาพของบุคคลอันหมายถึงการผานเกณฑ์มาตรฐานดานความรูความสามารถดวย ศาลปกครองสูงสุดจึงวินิจฉัยวา การออกคําสั่งบรรจุแตงตั้งโดยอาศัยผลการสอบแขงขันที่ไมไดมาตรฐาน มีการทุจริต เป็นการออกคําสั่งทางปกครองเพื่อบรรจุแตงตั้งผูสอบแขงขันไดที่มีลักษณะผิดพลาดอยางชัดแจง และรายแรง โดยในทางกฎหมายถือเสมือนวาไมมีการออกคําสั่งทางปกครองนั้น กลาวคือ คําสั่งบรรจุและแตงตั้ง ผูฟูองคดีไมไดเกิดขึ้นมากอน การสั่งใหผูฟูองคดีออกจากราชการถือวาชอบดวยกฎหมายแลว อยางไรก็ดี การใหออกจากราชการตองมีกฎหมายกําหนดวาใหออกจากราชการดวยเหตุใด เชน ออกเพราะขาดคุณสมบัติ ออกเพราะเหตุมีมลทินหรือมัวหมอง แตสวนราชการหรือผูมีอํานาจสั่งบรรจุสั่งใหออกจากราชการดวยเหตุ ในกรณีนี้ จึงเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งศาลปกครองตีความวา การสั่งใหออกนี้ถือเป็นกรณีการเพิกถอนคําสั่งบรรจุแตงตั้ง ผูฟูองคดี ซึ่งมีหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ กําหนดวา การเพิกถอน คําสั่งทางปกครองที่ไมชอบกระทําไดในกรณีใดบาง ซึ่งตามมาตรา 49 กําหนดใหการเพิกถอนคําสั่งที่ใหประโยชน์ ตองเพิกถอนภายใน 90 วัน กรณีบรรจุผูสอบแขงขันเขามาปฏิบัติงาน เมื่อตรวจสอบแลวไมไดเป็น ผูสอบแขงขันได จะใหรับราชการตอไปหรือไม แตออกคําสั่งเมื่อลวงพน 90 วันแลว จึงเพิกถอนไมได กรณี มีปัญหาตอไปวา มีคําสั่งทางปกครองนั้นอยูจริงแลวไปเพิกถอนคําสั่งนั้น ผูฟูองคดีสุจริตหรือไม หากสุจริต ตองมีการชดใชคาเสียหายในลักษณะลาภมิควรได ในกรณีนี้ศาลปกครองจึงวางหลักวา ขั้นตอนการดําเนินการ สอบแขงขันการสรรหาคัดเลือกเพื่อนําไปสูการออกคําสั่งบรรจุและแตงตั้งเป็นกระบวนการที่ใชไมไดเลย และไมมีผล ทําใหผูฟูองคดีเป็นผูสอบแขงขันได จึงถือวาการออกคําสั่งทางปกครองแตงตั้งผูฟูองคดีซึ่งมิใชผูสอบแขงขันไดนั้น มีสภาพรายแรงเสมือนไมมีคําสั่งนั้นอยูเลย ซึ่งเป็นการพิจารณาของศาลเป็นรายกรณีไป กรณีการบริหารงานบุคคลเฉพาะราย เชน ขาราชการรายใดไมผานการทดลองการปฏิบัติราชการ หรือถูกสั่งใหออกจากราชการเนื่องจากไมผานการประเมินผลการปฏิบัติงาน หรือถูกสั่งลงโทษทางวินัย ก็จะเป็น เฉพาะกรณี ไมกระทบตอการบริหารงานบุคคล แตหากเป็นการแตงตั้งผูบริหาร ศาลปกครองมองวามีผลกระทบตอ การบริหารงานบุคคล ในที่นี้ขอยกตัวอยางคดีที่เป็นกรณีศึกษาคือเรื่องการยายสับเปลี่ยนอธิบดีในหนวยงาน สังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยตําแหนงอธิบดีเป็นตําแหนงที่รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทยกําหนดใหตอง ไดรับการโปรดเกลาฯ จากพระมหากษัตริย์ จึงเป็นกระบวนการที่คอนขางซับซอน กรณีนี้เป็นการยายเลขาธิการ คณะกรรมการอาหารและยาไปดํารงตําแหนงผูตรวจราชการ แตการยายดังกลาวตองเสนอโปรดเกลาฯ หนวยงาน ผูมีอํานาจสั่งบรรจุไดเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรี โดยนําเสนอเขาคณะรัฐมนตรี ในระหวางการเสนอเรื่อง ปลัดกระทรวงไดออกคําสั่งใหเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาไปรักษาการในตําแหนงผูตรวจราชการ ซึ่งสามารถดําเนินการได แมวาเป็นกรณีที่ยังไมพนจากตําแหนง แตสั่งใหไปรักษาการในตําแหนงผูตรวจราชการ ซึ่งผูฟูองคดีในคดีนี้ไดยื่นเรื่องรองทุกข์คําสั่งใหรักษาการในตําแหนงผูตรวจราชการดังกลาว แต ก.พ.ค. วินิจฉัยวา ฟังไมขึ้น ใหยกคํารองทุกข์ ผูฟูองคดีจึงนําคดีมาฟูองตอศาล ในขณะที่ยื่นฟูองคดีนั้น มูลเหตุแหงการฟูองคดี ดังกลาวไดคลี่คลายลง โดยผูฟูองคดีไดรับการโปรดเกลาฯ แตงตั้งใหดํารงตําแหนงผูตรวจราชการ คําสั่ง รักษาการจึงสิ้นผลไป อีกทั้ง ตอมาผูฟูองคดีไดรับโปรดเกลาฯ แตงตั้งใหไปดํารงตําแหนงรองปลัดกระทรวง จึงเห็นไดวาขณะที่ศาลปกครองพิจารณาคดีนั้น ความเคลื่อนไหวในการบริหารงานบุคคลดังกลาวคลี่คลายลง แตผูฟูองคดียังคงยืนยันฟูองขอใหเพิกถอนคําสั่งยายไปเป็นรักษาการผูตรวจราชการเชนเดิม ศาลปกครอง ก็รับไวพิจารณา โดยเห็นวาการยายขาราชการจากตําแหนงบริหารไปดํารงตําแหนงตรวจราชการเป็นการ แตงตั้งตางสวนราชการกัน ในการบริหารงานบุคคลจะเป็นการ “โอน” ซึ่งผูฟูองคดีมาใชสิทธิฟูองในภายหลัง ศาลปกครองเห็นวาเมื่อไดดํารงตําแหนงรองปลัดกระทรวงแลวเหตุใดจึงมายื่นฟูองอีก ผูฟูองคดีไดระบุใน คําฟูองวาขอใชสิทธิฟูองเพิกถอนคําสั่งดังกลาวฯ และโดยที่ตําแหนงดังกลาวจะตองไดรับการโปรดเกลาฯ ศาลปกครองจึงตองออกคําบังคับใหเพิกถอนประกาศจากสํานักนายกรัฐมนตรีเป็นหลัก ศาลปกครองพิพากษาวา การมีคําสั่งยายไปนั้นเป็นการลดบทบาทหนาที่ ตองมีเหตุผลที่ชัดแจง แตกรณีนี้ผูถูกฟูองคดีไมมีเหตุผลเพียงพอ 249
179 ที่แสดงใหเห็นวาการดําเนินการดังกลาวชอบดวยกฎหมาย ศาลจึงพิพากษาใหเพิกถอนประกาศสํานัก นายกรัฐมนตรีที่โปรดเกลาฯ ใหดํารงตําแหนงผูตรวจราชการ โดยกําหนดเงื่อนไขในการเพิกถอนคําสั่งดังกลาว วาตองไมมีผลกระทบตอสิทธิในตําแหนงรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขหรือตําแหนงอื่นซึ่งผูฟูองคดีไดรับแตงตั้ง ตามคําสั่งทางปกครองใหมในภายหลัง กรณีตัวอยางที่หยิบยกมานี้ คือ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ. ๑๙๗/๒๕๕๙ สําหรับกรณีการดําเนินการทางวินัยขาราชการหรือเจาหนาที่ของรัฐนั้น มีจํานวนไมมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับจํานวนขาราชการ แตในปัจจุบันมีจํานวนมากขึ้น เนื่องจากมีการชี้มูลจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งมีเรื่องวินัยเขามาเกี่ยวของ โดยศาลปกครองมองในภาพรวมวา กรณีไมไดชี้มูลวามีความผิดในเรื่องการทุจริต จะถือเอาสํานวนการสอบสวนมาลงโทษไลหรือปลดขาราชการออกไมได ไมเป็นไปตามกฎหมาย จึงมีขอพิพาท เกิดขึ้นเป็นคดีเขามาสูศาลปกครอง ซึ่งแตเดิมไมไดมีการเรียก ป.ป.ช. เขามาในคดี หากมีการชี้มูล ศาลจะพิจารณา จากคําสั่งวาผูใดเป็นผูออกคําสั่งไลออก โดยพิจารณาวาคําสั่งนั้นชอบดวยกฎหมายหรือไม ตอมา ป.ป.ช. รองขอวา กรณี ป.ป.ช. ชี้มูลแลว ผูมีอํานาจบังคับบัญชาสั่งลงโทษแลว ขอใหเรียก ป.ป.ช. เขามาในคดีดวย ศาลปกครอง จึงยอมเรียก ป.ป.ช. และ ป.ป.ช. กําหนดกฎหมายอีกวา ตอไปหากมีการฟูองคดีเกี่ยวกับการลงโทษทางวินัย ตามที่ ป.ป.ช. ชี้มูล ใหเรียก ป.ป.ช. เขามา และอีกสวนหนึ่ง คือ หลักกฎหมายทั่วไปของศาลปกครอง ในกรณีที่ มีคําสั่งไลออก ปลดออก หากจะฟูองคดีตอศาลปกครองตองมีการอุทธรณ์ไปยังองค์กรผูมีอํานาจตามที่กฎหมาย กําหนดไว จึงจะนําคดีมาฟูองขอใหเพิกถอนคําสั่งหรือคําวินิจฉัยอุทธรณ์ได แต ป.ป.ช. มีความเห็นวามีความยุงยาก เพราะโดยปกติแลว เมื่อ ป.ป.ช. ชี้มูลวาทุจริต สวนราชการหรือผูบังคับบัญชาตองมีคําสั่งปลดออก ไลออก แลวแตกรณี โดยไมสามารถโตแยงได และเมื่อยื่นอุทธรณ์แลว ผูพิจารณาอุทธรณ์ไมสามารถจะลดโทษได หรือลดโทษไดแตไมสามารถชี้วาไมผิดวินัยฐานทุจริตตอหนาที่ได และ ป.ป.ช. ไดออกกฎหมายตามมาตรา 101 กําหนดไวชัดเจนวา ผูซึ่งถูกชี้มูลจาก ป.ป.ช. วาทุจริต และถูกผูบังคับบัญชาผูมีอํานาจสั่งลงโทษไมวาจะปลดออก หรือไลออก สามารถจะฟูองคดีตอศาลปกครองไดโดยไมตองอุทธรณ์ หรือเลือกอุทธรณ์ไดเฉพาะโทษ ปัจจุบัน คดีเรื่องวินัยที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูล จึงไมตองดําเนินการอุทธรณ์ สามารถฟูองไดเลย หรือเลือกอุทธรณ์ไดเฉพาะโทษ เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบพอสมควร นอกจากนั้น ยังมีกรณีขาราชการพลเรือนที่เปลี่ยนระบบไป โดยหาก ถูกลงโทษทางวินัยจะตองอุทธรณ์ตอ ก.พ.ค. และเมื่อ ก.พ.ค. มีคําวินิจฉัยเป็นประการใดใหยื่นฟูองตอ ศาลปกครองสูงสุด ซึ่งแสดงใหเห็นวากฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การพิจารณาคดีปกครองก็ตองมีการเปลี่ยนแปลงไปตามพลวัตเชนกัน นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร กลาววา ในการบริหารงานบุคคลภาครัฐเนนเรื่องความโปรงใส มีขั้นตอนที่ชัดเจน ใหโอกาสแก ผูที่เกี่ยวของที่จะไดรับผลกระทบ และไดกลาวถึงระบบคุณธรรมที่เป็นหลักการในเรื่องความเสมอภาคในโอกาส หลักความสามารถ ความมั่นคงในอาชีพ ความมั่นคงทางการเมือง ซึ่งเป็นหลักเดิมที่ยังคงใชอยู แตจะมีเรื่องอื่น มาประกอบ มีขอสังเกตวาระบบราชการในปัจจุบันนอกจากผูปฏิบัติงาน ผูบังคับบัญชา ผูใตบังคับบัญชา ผูรวมงาน ตองคํานึงถึงระบบคุณธรรมแลว ยังมีหลักกฎหมายอีกหลายฉบับที่จะสงเสริมใหขาราชการปฏิบัติหนาที่ เพราะงานราชการ คือ งานบริการประชาชน การทําประโยชน์ตอสาธารณะ ขาราชการจะทําอะไรตามอําเภอใจ โดยขาดความรับผิดชอบหรือไมปฏิบัติตามหนาที่ที่กฎหมายกําหนดไมได หรือตองไมปฏิบัติหนาที่เกินกวา ที่กฎหมายใหอํานาจไว โดยหลักนิติธรรมเจาหนาที่ของรัฐตองกระทําการ หากจะไปกระทบกระเทือนตอสิทธิ ของบุคคลอื่นตองมีกฎหมายใหอํานาจไว ดังนั้น จึงมีกฎหมายบางฉบับ เชน พระราชกฤษฎีกาวาดวย หลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบานเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖ เพื่อสงเสริมใหขาราชการและเจาหนาที่ของรัฐ ปฏิบัติหนาที่ใหเกิดประโยชน์ หรือมีพระราชบัญญัติการอํานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ 250
180 พ.ศ. ๒๕๕๘ ไมใหเก็บเรื่องไวนานหรือสรางขั้นตอนที่ไมจําเป็น ทั้งนี้ กระบวนการบริหารงานบุคคลจะเชื่อมโยงกับ จรรยาบรรณของวิชาชีพ จริยธรรมในเรื่องวินัย ซึ่งกระบวนการที่เป็นขอพิพาทเริ่มตั้งแตการสรรหา บรรจุแตงตั้ง การประเมินผลการปฏิบัติงาน การยาย การลงโทษ การพิจารณาใหสิทธิประโยชน์ความดีความชอบตาง ๆ ที่เป็นปัญหา คือ องค์กรบริหารงานบุคคลจะตองทําหนาที่สงเสริมใหขาราชการมีความรูความเขาใจในการ ปฏิบัติหนาที่ มีกระบวนการปูองกัน มีกระบวนการในการตรวจสอบควบคุม และลงโทษ ซึ่งนอกจากจะเป็น กระบวนการของผูบังคับบัญชาแลว ยังมีองค์กรภายนอก เชน ป.ป.ช. ป.ป.ท. หรือ ส.ต.ง. เป็นองค์กรที่ชวยกัน ทําหนาที่ควบคุมใหขาราชการปฏิบัติหนาที่ใหเกิดประโยชน์ตอประเทศชาติใหมากที่สุด อยางไรก็ตาม กระบวนการ บริหารงานบุคคลยังคงยึดหลักการเดิม คือ “การครองตน ครองคน ครองงาน” การเป็นผูบังคับบัญชา ผูใตบังคับบัญชา หลักการ คือ ตองครองตนใหดี ตองมีจิตสํานึกในความเป็นขาราชการเป็นเจาหนาที่ของรัฐ วาจะปฏิบัติตนอยางไรใหเป็นที่ไววางใจของประชาชน ขณะเดียวกันตองไมไปใชอํานาจหนาที่ในทางไมชอบ การเป็นผูบังคับบัญชาตองไมกลั่นแกลงผูใตบังคับบัญชา ไมดําเนินการแตงตั้งโยกยายโดยไมเป็นธรรม หรือไปเรียก ทรัพย์สินเพื่อประโยชน์สวนตัว หรือไปใชอํานาจในทางที่ไมถูกตอง และตองไมอยูภายใตอิทธิพลของผูอื่น การครองคนก็สําคัญ การเป็นผูบังคับบัญชา ผูใตบังคับบัญชาตองปฏิบัติตอกันตามกฎหมายและระเบียบ และคํานึงถึงประเพณีในการปฏิบัติราชการที่ดี การครองงานสําคัญที่สุด ตองปฏิบัติงานในหนาที่ใหดี เพื่อประโยชน์สวนรวม ไมมุงหวังประโยชน์สวนตน หากขาราชการยึดหลักการครองตน ครองคน ครองงานที่ดี ขอพิพาทก็จะนอยลง ขาราชการจะมีความเจริญกาวหนาในหนาที่ มีการประสานสัมพันธ์ที่ดี ดังนั้น ในการ บริหารงานบุคคลตองดําเนินการตามระเบียบและกฎหมาย และคํานึงถึงประโยชน์สวนรวม ขาราชการ ที่ปฏิบัติงานดีควรไดรับการสงเสริมใหไดรับความเป็นธรรม ไดรับความกาวหนาในอาชีพ แตหากมีความประพฤติ ที่ไมถูกตองควรมีกระบวนการตรวจสอบและลงโทษที่เป็นธรรมดวย ในเรื่องความเป็นกลาง คดีพิพาทที่ขึ้นสู ศาลปกครอง ในคดีเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ศาลจะไมพิจารณาลงไปในเนื้อหาวาเป็นการกระทําผิด ตามที่ถูกกลาวหาหรือไม แตศาลจะพิจารณากระบวนการซึ่งเป็นสาระสําคัญ เพราะกระบวนการขั้นตอนตาง ๆ เชน การลงโทษทางวินัย การประเมินถูกตองหรือไม หากกระบวนการเหลานี้ไมถูกตองก็ไมจําเป็นตองไป พิจารณาในเนื้อหา เนื่องจากกระบวนการขั้นตอนที่ไมถูกตองดังกลาวถือเป็นสาระสําคัญถึงขนาดจะทําใหคําสั่งนั้น ไมชอบ แตกระบวนการขั้นตอนที่ไมถูกตองบางสวนไมเป็นสาระสําคัญถึงขนาดก็มี สิ่งหนึ่งที่เป็นขอพิพาทกันมาก คือเรื่องความเป็นกลาง โดยประเด็นพิพาทที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องของ “เจาหนาที่ที่จะทําการพิจารณาทางปกครอง” ตามมาตรา 13 ของกฎหมายวาดวยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง จะทําหนาที่ในการพิจารณาทางปกครองไมได เชน เป็นคูกรณีเอง คูหมั้น คูสมรส ซึ่งขณะนี้กําลังมีการแกไขใหมีความหมายของผูที่จะทําหนาที่ในการพิจารณา ทางปกครองเพิ่มเติมอีกนอกเหนือจาก 6 ประการที่กําหนดไวในมาตรา 13 ซึ่งอยูในขั้นตอนการแกไขกฎหมาย13 ในมาตรา 16 ผูที่มีสภาพรายแรงอันจะทําใหการพิจารณาทางปกครองไมเป็นกลาง หากศาลพิจารณาแลววา เป็นผูที่ขัดตอมาตรา 13 หรือมาตรา 16 จึงเป็นการพิจารณาทางปกครองที่ไมชอบ สงผลใหกระบวนการ ในการออกคําสั่งทางปกครองที่ตามมาไมชอบดวยกฎหมายไปดวย ที่ผานมาที่ประชุมใหญตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุดไดมีมติในเรื่องความเป็นกลางไวหลายกรณี ซึ่งเกิดขึ้นในกระบวนการขั้นตอนการสืบสวน ขอเท็จจริง การสอบสวนทางวินัย การพิจารณาผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ตลอดจน การออกคําสั่งลงโทษ การพิจารณาอุทธรณ์ โดยหลักการ คือ หากเป็นกรรมการสืบสวนขอเท็จจริงและเป็น กรรมการสอบสวนทางวินัยดวย ที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดมีแนวคําวินิจฉัยวา คณะกรรมการ สืบสวนขอเท็จจริงและคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยมีอํานาจหนาที่แตกตางกัน เมื่อกรณีเจาหนาที่ 13 ปัจจุบันมีกฎกระทรวงกําหนดกรณีอื่นที่เจาหนาที่จะทําการพิจารณาทางปกครองไมได พ.ศ. ๒๕๖๖ ออกตามความ ในมาตรา ๑๓ (๖) แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ กําหนดเหตุตองหามเพิ่มเติมมิใหเจาหนาที่ ทําการพิจารณาทางปกครอง เพื่อใหการพิจารณาทางปกครองมีความเป็นกลางมากยิ่งขึ้น 251
181 เป็นกรรมการสืบสวนขอเท็จจริงมากอน ตอมา ไดรับการแตงตั้งเป็นกรรมการสอบสวนทางวินัยในเรื่อง เดียวกันนั้น เห็นไดวา มีบทบาทหนาที่ที่แตกตางกัน ลําพังเพียงการปฏิบัติหนาที่ของเจาหนาที่คนเดียวกัน ทั้งในขั้นตอนการสืบสวนขอเท็จจริงและขั้นตอนการสอบสวนทางวินัย ยังถือไมไดวาเป็นเหตุที่มีสภาพรายแรง อันอาจทําใหการพิจารณาทางปกครองไมเป็นกลางตามมาตรา 16 วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติ ราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 กรณีเป็นกรรมการสืบสวนขอเท็จจริงและเป็นกรรมการสอบสวนทางวินัยดวย หากไมมีประเด็นอื่น เชน ไมเป็นคูกรณี หรือเป็นกรณีมีสภาพรายแรง เชน เป็นกรรมการสอบสวนทางวินัยมากอน ตอมา เขารวมประชุม อ.ก.พ. เพื่อพิจารณาตรวจสอบการสอบสวนทางวินัยและพิจารณาเสนอความเห็นของ คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ตรวจสอบรายงานผลการสอบสวนเพื่อมีมติเห็นชอบใหผูมีอํานาจสั่งบรรจุ มีคําสั่งลงโทษทางวินัย กรณีนี้ที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวาเป็นสภาพรายแรงอันอาจทําให การพิจารณาทางปกครองไมเป็นกลางตามมาตรา 16 เพราะวาเป็นกรรมการที่ทําหนาที่ในการสอบสวน ทางวินัย ตอมา ไปพิจารณาตรวจสอบผลการสอบสวนที่ตนเองเป็นกรรมการสอบสวนอยูดวย กลาวคือ ทําหนาที่สอบสวนเสนอความเห็นดวย แลวขณะเดียวกันก็ไปทําหนาที่ตรวจสอบดวย กรณีเชนนี้ถือไดวา มีสภาพรายแรง หรือในกรณีเจาหนาที่ผูซึ่งเคยเป็น อ.ก.พ. จังหวัด อ.ก.พ. กรม อ.ก.พ. กระทรวง หรือ อ.ก.พ. สวนราชการอื่น ทําหนาที่พิจารณาการกระทําผิด อัตราโทษ ตอมา เป็นคณะกรรมการวิจัยอุทธรณ์ในเรื่องที่ได พิจารณาโทษไปแลว กรณีเชนนี้ถือไดวามีสภาพอันรายแรง สรุปไดวา หากปฏิบัติหนาที่ในการพิจารณาแลวไปตรวจสอบหนาที่นั้นดวย หรือปฏิบัติหนาที่ ในการพิจารณาแลวไปวินิจฉัยอุทธรณ์ดวย เชนนี้ถือวามีสภาพรายแรง แตหากเป็นกรรมการสืบสวนขอเท็จจริง และตอมาเป็นกรรมการสอบสวนทางวินัย โดยไมมีพฤติการณ์อื่น กรณีนี้ถือวาสามารถปฏิบัติหนาที่ได ซึ่งเป็น หลักการทั่วไป อยางไรก็ดี หากเป็นเรื่องกระบวนการภายในบางเรื่องมายื่นฟูองคดี ศาลปกครองจะไมรับคําฟูอง ไวพิจารณา เนื่องจากผูฟูองคดียังไมเดือดรอนหรือเสียหายโดยตรง เชน ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยแลว มายื่นฟูอง เนื่องจากกรรมการสอบสวนทางวินัยนั้น เมื่อดําเนินการสอบสวนแลวจะเสนอความเห็นตอผูมีอํานาจ เพื่อพิจารณาลงโทษ เมื่อยังไมมีคําสั่งลงโทษหรือผูพิจารณาสั่งยุติเรื่องเนื่องจากไมเห็นดวยกับความเห็นของ กรรมการสอบสวนทางวินัย กรณีเชนนี้ผูฟูองคดีจะยังไมมีสิทธิฟูองคดี แตหากมีคําสั่งลงโทษทางวินัยแลว ผูฟูองคดีจะเป็นผูไดรับความเดือดรอนเสียหายซึ่งมายื่นฟูองโดยกลาวอางวาคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ดําเนินการพิจารณาทางปกครองโดยไมถูกตอง สวนในเรื่องการรองทุกข์สําหรับขาราชการ กฎหมายเกี่ยวกับ การบริหารงานบุคคลไดกําหนดชองทางรองทุกข์ไวแตกตางกันในแตละสวนราชการ เชน กฎ ก.ค.ศ. การพิจารณา รองทุกข์ของครูและบุคลากรทางการศึกษา หากเห็นวาตนไมไดรับความเป็นธรรมหรือมีความคับของใจ เนื่องจากการกระทําของผูบังคับบัญชา หรือการแตงตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยใหรองทุกข์ได สวนกรณี การลงโทษทางวินัยจะเป็นเรื่องการอุทธรณ์ เป็นกรณีที่กฎหมายกําหนดใหตองดําเนินการตามขั้นตอน ตามมาตรา 42 วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ ค าถามที่ 1 กรณีทหารถูกสอบสวนทางวินัย จะนําคดีมาฟูองตอศาลปกครองตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) ไดหรือไม นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร กลาววา มาตรา 9 วรรคสอง กําหนดวา การดําเนินการเกี่ยวกับวินัยทหาร ไมอยูในอํานาจของ ศาลปกครอง แตหากเป็นกรณีการสั่งพักราชการศาลปกครองจะรับคดีไวพิจารณา เนื่องจากเรื่องการสั่งพัก ราชการนี้ ขอบังคับกระทรวงกลาโหม วาดวยการสั่งใหขาราชการทหารพักราชการ พ.ศ. 2528 กําหนดให ทหารอาจถูกสั่งพักราชการดวยเหตุ 2 ประการ เหตุแรก คือ ถูกฟูองคดีอาญาและอยูระหวางดําเนินคดีอาญา 252
182 ยังไมไดดําเนินการทางวินัย โดยในระหวางดําเนินคดีอาญาผูบังคับบัญชาอาจใหสั่งใหพักราชการระหวาง รอผลการดําเนินคดีอาญา จะเห็นวากรณีนี้ไมมีมูลฐานมาจากเรื่องวินัย แตเป็นกรณีสั่งพักราชการเพราะถูก ดําเนินคดีอาญาโดยที่ยังไมมีการดําเนินการทางวินัย กับอีกกรณีที่ผูบังคับบัญชาดําเนินการทางวินัย และขณะที่ ถูกสอบสวนอยูนั้นผูบังคับบัญชาเห็นวาหากยังใหปฏิบัติหนาที่จะเกิดความเสียหาย จึงใหพักราชการไวกอน ซึ่งแนวคําวินิจฉัยของศาลปกครองเห็นวากรณีดังกลาวเป็นการพักราชการโดยถูกดําเนินการสอบสวนทางวินัย ซึ่งศาลไมอาจรับคําฟูองไวพิจารณาได เนื่องจากเป็นการดําเนินการทางวินัยทหาร แตหากเป็นการสั่งพักราชการ โดยไมไดมีฐานมาจากเรื่องวินัย แตเป็นเพราะถูกดําเนินคดีอาญา จึงใหพักราชการไวเพื่อรอผลคดีอาญา และจึงจะดําเนินการทางวินัยตอไป กรณีเชนนี้ไมใชคดีเกี่ยวกับวินัยทหาร ศาลปกครองรับคําฟูองไวพิจารณาได ค าถามที่ 2 เมื่อศาลมีขอสังเกตแกหนวยงาน และในทางปฏิบัติหนวยงานไดนําขอสังเกต ไปดําเนินการ หากไปกระทบตอสิทธิหรือละเมิดตอบุคคลอื่น หนวยงานจะอางไดหรือไมวาเป็นการทําตาม ขอสังเกตของศาล นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร กลาววา ในหลักการขอสังเกตของศาลตามมาตรา 69 (8) เป็นขอสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือ วิธีการดําเนินการใหเป็นไปตามคําพิพากษา เชน การเพิกถอนคําสั่ง ศาลมีขอสังเกตเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ตาง ๆ การไปดําเนินการใหเป็นไปตามขอสังเกตสามารถอางได และเป็นหนาที่ที่ตองดําเนินการ แตตองไปดําเนินการ ใหถูกตอง เนื่องจากเมื่อศาลมีขอสังเกตไปแลว ไมวาจะเป็นการกลับเขารับราชการ การใหสิทธิประโยชน์ จะมีระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวของกําหนดไว และตองดําเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด หากไป ดําเนินการแลวอางวาเพื่อใหเป็นไปตามขอสังเกต แตไมดําเนินการใหถูกตองตามระเบียบและกฎหมาย ที่เกี่ยวของ กรณีนี้ก็อาจจะมาฟูองได หรือการดําเนินการเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ไปกระทบตอผูอื่นซึ่งเขา หลักเกณฑ์เป็นขอพิพาททางปกครองก็สามารถยื่นฟูองได จะกลาวอางวาเป็นการดําเนินการตามขอสังเกต ของศาลไมอาจถูกฟูองเป็นคดีได ไมได โดยหลักการ คือ ตองไปดําเนินการตามขอสังเกตใหถูกตองตามที่ กฎหมายระเบียบที่เกี่ยวของกําหนด ค าถามที่ 3 อุทธรณ์คําสั่งทางปกครองแลว มีคําวินิจฉัยใหยกอุทธรณ์ เหตุใดตองมายื่นฟูอง เพิกถอนคําสั่งภายใน 90 วัน เหตุใดศาลไมพิจารณา 2 ประเด็นในคราวเดียวกัน นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร กลาววา คําสั่งทางปกครองจะมีขั้นตอนการอุทธรณ์ โดยคําวินิจฉัยอุทธรณ์จะเป็นคําสั่งทางปกครอง อีกฉบับหนึ่ง อยางไรก็ตาม หากยื่นอุทธรณ์แลวและพนระยะเวลาในการพิจารณาอุทธรณ์แลว วันที่ครบ กําหนดระยะเวลาในการพิจารณาอุทธรณ์ จะเป็นวันเริ่มตนนับระยะเวลาการฟูองคดี ซึ่งผูฟูองคดีมีสิทธิฟูองคดี ภายในกําหนดระยะเวลาตามกฎหมาย แตหากเวลาลวงเลยไปแลว แตรอจนกวาหนวยงานจะมีคําวินิจฉัย อุทธรณ์ จึงมาฟูองเพิกถอนคําสั่งทางปกครองและฟูองเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณ์ดวย ซึ่งเป็นคําสั่งที่แยกจากกัน อยูแลว ก็จะไมสามารถฟูองเพิกถอนคําสั่งทางปกครองฉบับแรกไดเนื่องจากพนระยะเวลาการฟูองคดี แตหาก มีคําวินิจฉัยอุทธรณ์ภายในระยะเวลา หากไมพอใจผลคําวินิจฉัย ก็สามารถยื่นฟูองคดีตอศาลได ทั้งนี้ ตามมติ ของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ค าถามที่ 4 การคืนสิทธิประโยชน์ มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเงินเดือนยอนหลังอยางไร นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร กลาววา ใหพิจารณาตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวของ 253
183 ค าถามที่ 5 คดีปกครองเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล กับคดีปกครองทั่วไป ระยะเวลาการพิจารณา ตางกันอยางไร นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร กลาววา ขณะนี้มีพระราชบัญญัติกําหนดกรอบระยะเวลาดําเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๕ และศาลปกครองก็ประกาศไปแลววาคดีปกครองโดยทั่วไป คําสั่งคํารองจะพิจารณาใหเสร็จภายใน ระยะเวลาเทาใด คําพิพากษาภายในระยะเวลาเทาใด แตมีเงื่อนไขวา 1) ตองมีปริมาณคดีตามที่กําหนดไว 2) ตองไมมีเหตุพิเศษอยางอื่น เชน การสงเรื่องไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอํานาจหนาที่ระหวางศาล หรือคูกรณีตายระหวางพิจารณาคดี เป็นตน อยางไรก็ตาม ศาลจะพิจารณาตามความจําเป็นเรงดวนดวย หากคดีนั้นผูฟูองคดีตองดําเนินการดวยความรวดเร็ว เชน จะเกษียณแลว หรือตําแหนงที่แตงตั้งโยกยาย เป็นเรื่องที่เรงดวนจําเป็น ศาลก็ตองพิจารณาเป็นคดีเรงดวนซึ่งสามารถดําเนินการได แตตองดําเนินการภายใน กรอบเวลาที่กําหนด ค าถามที่ 6 หนวยงานทางปกครองที่เป็นคูกรณีในคดีปกครองจํากัดเฉพาะหนวยงานทางปกครอง ในระดับสูงสุด เชน กระทรวง ทบวง กรม หรือที่เป็นนิติบุคคล ตามคํานิยามเทานั้นหรือไม เนื่องจากในทางปฏิบัติ เห็นวามีการฟูองหนวยงานระดับลางที่อยูในสังกัดดวย นายกมล สกลเดชา ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร กลาววา เป็นปัญหาการตีความเรื่องนิยามคําวา “หนวยงานทางปกครอง” ซึ่งหมายถึง กระทรวง ทบวง กรม และสวนราชการที่เรียกชื่ออยางอื่นและมีฐานะเทียบเป็นกรม และใหหมายความรวมถึงหนวยงาน ที่ไดรับมอบหมายใหใชอํานาจทางปกครองหรือใหดําเนินกิจการทางปกครอง เชน สํานักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข เป็นสวนราชการระดับกรม ในการบริหารราชการแผนดิน มีการแบงโครงสรางสวนราชการหรือ หนวยงานภายในเป็นโรงพยาบาล เพราะฉะนั้น หนวยงานในสวนนี้จึงหมายถึงหนวยงานที่ไดรับมอบหมายให ดําเนินกิจการทางปกครองหรือกิจการสาธารณะ เชน ใหการรักษาพยาบาล มอบภารกิจเป็นโครงสรางที่ชัดเจน ดังนั้น โรงพยาบาลก็ถือวาเป็นหนวยงานทางปกครอง ผูอํานวยการโรงพยาบาลอาจจะเทียบเทาฐานะ ผูอํานวยการกองมีอํานาจในการอนุญาตการลา การลงโทษทางวินัย และอื่น ๆ ตามที่กฎหมายเชื่อมโยงไปถึงให ผูบังคับบัญชาหรือผูที่อยูในตําแหนงนั้นมีอํานาจในการดําเนินการ ดังนั้น หนวยงานระดับลางที่กลาวถึงที่มีการ ฟูองดวยเหตุผลนี้ จึงเป็นหนวยงานที่ไดรับมอบหมายใหดําเนินกิจการทางปกครอง ตําแหนงที่เป็น ผูบังคับบัญชาก็อาจเป็นผูถูกฟูองคดีได ค าถามที่ 7 คําสั่งตักเตือนขาราชการกรณีฝุาฝืนจริยธรรมหรือคําสั่งที่ไดรับการพัฒนาและคําสั่ง โยกยายภายในเป็นคําสั่งทางปกครองหรือไม อยางไร หรือเป็นการใชอํานาจบริหารภายในฝุายปกครอง กรณีเหมือนหรือตางจากคําสั่งลงโทษทางวินัย เชน ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ปลดออก ไลออก อยางไร นายอนุพงศ์ สุขเกษม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร กลาววา ตองพิจารณากอนวาคําสั่งดังกลาวเป็นการใชอํานาจตามกฎหมายที่กระทบตอสิทธิหรือไม หากกระทบตอสิทธิหรือสถานภาพจะเป็นคําสั่งทางปกครองทั้งสิ้น หรือคําสั่งที่ไมกระทบตอสิทธิ แตก็ตอง เป็นคําสั่งที่ทําใหมีผูเดือดรอนเสียหายไดโดยการใชอํานาจบังคับบัญชา เชน การลงโทษทางวินัยสอบสวนแลว พบวาไมมีความผิดหรือมีความผิดเล็กนอย ไมลงโทษภาคทัณฑ์ แตมีการตักเตือน คําสั่งตักเตือนสามารถฟูองได หากผูนั้นไมผิดเลย หรือกรณีเป็นคําสั่งที่ผูบังคับบัญชาเรียกมาตักเตือนใหปฏิบัติหนาที่ใหดีขึ้น ไมกระทบ ตอสิทธิเพราะยังคงดํารงตําแหนงเดิม เป็นเรื่องทางการบริหารงานภายในเทานั้น ตองพิจารณาเป็นกรณีไป กรณีคําสั่งโยกยายภายใน การยายเป็นคําสั่งทางปกครอง ศาลจะพิจารณาวาเดือดรอนเสียหายหรือไม กระทบ ตอการดํารงชีวิตหรือไม กรณีไมเดือดรอนเสียหายศาลจะไมรับคําฟูองไวพิจารณา แตหากกระทบตอการดํารงชีพ 254
184 เชน ยายจากกรุงเทพฯ ไปปฏิบัติหนาที่ที่ปัตตานี ศาลก็รับคดีไวพิจารณา กรณียายเป็นการภายใน เชน สั่งให รักษาการในตําแหนง สั่งใหปฏิบัติหนาที่ในตําแหนงอื่น หรือสั่งใหชวยราชการ หากเขาเงื่อนไขการเป็น ผูเดือดรอนเสียหายก็สามารถฟูองได แตกตางจากคําสั่งลงโทษทางวินัย คําสั่งภาคทัณฑ์ คําสั่งตัดเงินเดือน ลดขั้นเงินเดือน ปลดออก ไลออก เป็นคําสั่งที่มีผลกระทบตอสิทธิ กรณีจะยื่นฟูองก็ฟูองไดเนื่องจากไดรับ ความเดือดรอนเสียหายอยูแลว จะมีความแตกตางกันเป็นกรณีไป ศาลจะพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไปวา อาจจะไมเป็น คําสั่งทางปกครองหรือเป็นคําสั่งในการบริหารที่ทําใหผูฟูองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการใชอํานาจ ของผูบังคับบัญชาที่ศาลรับคําฟูองไวพิจารณาได นายกมล สกลเดชา ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด : วิทยากร กลาวเสริมวา หากกระบวนการเริ่มตนเป็นการสอบสวนทางวินัย มีการตั้งกรรมการสอบสวน ขอกลาวหา ผล คือ ใหวากลาวตักเตือน โดยผลเป็นเรื่องของวินัย แตหากวากลาวตักเตือนเป็นเหตุซึ่งหนา ไมได ดําเนินการตั้งกรรมการสอบสวน ก็จะพิจารณาเป็นกรณีไป ประเด็นการโยกยาย หนวยงานทางปกครองสั่งให ปฏิบัติหนาที่ เป็นเรื่องทางบริหาร ก็ตองพิจารณาเป็นกรณีไปเชนเดียวกัน นายอนุชา ฮุนสวัสดิกุล รองอธิบดีศาลปกครองเชียงใหม่ : ผู้ด าเนินการสัมมนา กลาวสรุปวา คดีบริหารงานบุคคลภาครัฐเป็นคดีที่มีสัดสวนสูงมาก คิดเป็นรอยละ 25 แตไมใช ขอนากังวลของศาล ปริมาณคดีที่สูงแปลความวาตัวผูฟูองคดีเห็นวาการบริหาร งานบุคคลไมถูกตอง ไมไดรับความเป็นธรรมทําใหเดือดรอนเสียหาย จึงนําคดีมาฟูอง ยอมกระทบตอขวัญกําลังใจของเจาหนาที่ และสงผลกระทบตอประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานหรือการจัดทําบริการสาธารณะ ซึ่งในวันนี้ผูเขารวมสัมมนา ไดเห็นภาพกวางของการนําคดีมาสูศาล การรับคดีไวพิจารณา และการบังคับใหเป็นไปตามคําพิพากษาของศาล หากทานประสงค์จะฟูองหรือดําเนินคดีในศาลปกครองสามารถไปปรึกษาหารือไดที่ศาลปกครองทุกแหง ซึ่งมีหนวยงานที่ทําหนาที่ใหคําปรึกษาคอยใหบริการแกประชาชน 255