The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

PBCITHIM11-LE-1-V01_640604_รวมเล่ม_แบบฝึกหัด วิวิธภาษา ม.1 เทอม 1_PC_(266)_WM

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by surikrit.kon, 2021-06-09 06:04:24

แบบฝึกหัด วิวิธภาษา ม.1 เทอม 1

PBCITHIM11-LE-1-V01_640604_รวมเล่ม_แบบฝึกหัด วิวิธภาษา ม.1 เทอม 1_PC_(266)_WM

แบบฝึกหัด รายวิชาภาษาไทย

ววิ ิธภาษา ม.๑

การรบั สารผา่ นอินเทอร์เน็ต

อินเทอรเ์ น็ ต

อนิ เทอรเน็ต เปน เครือขา ยขอมลู ขา วสารและความรูท่ใี หญท ่ีสดุ มผี ูส รางเวบ็ ไซต (website)
สําหรบั ใหบริการขอมูลขา วสารในเครือขายอนิ เทอรเน็ตจาํ นวนมาก
เครอื ขา ยอนิ เทอรเนต็ จงึ เปรยี บเสมือนหองสมดุ ของโลก

คําศัพทท์ น่ี ่ าสนใจ
Learn Education
.......................... ..........................

การเรยี นดว้ ยตนเองทใ่ี ชส้ ่ืออเิ ลก็ ทรอนิ กส์ หนั งสือในรูปสื่ออเิ ลก็ ทรอนิ กส์

.......................... ..........................

ห้องสมดุ ทผ่ี ใู้ ชใ้ ชผ้ า่ นส่ืออเิ ลก็ ทรอนิ กส์ การเรยี นการสอนทใ่ี ชส้ ื่ออเิ ลก็ ทรอนิ กส์

38 ทอ่ งเว็บเก็บความรู้

เทคนิ คการค้นหาข้อมลู บนอนิ เทอรเ์ น็ ต

เลอื กรูปแบบการคน หา คนหา
ใหตรงกับส่ิงทีต่ อ งการ

Learn Educationใชคาํ มากกวา ๑ คาํ
ทม่ี ลี กั ษณะเกีย่ วของกัน

ใชบ ริการขอมูลเฉพาะดาน ใสเ คร่ืองหมายคําพดู
ครอบคลุมกลมุ คําท่ตี องการ

ใชตัวอักษรตัวเลก็
และใชค ําเช่อื มทาง Logic

ใชเครื่องหมายบวกลบ +,-
คดั เลอื กคาํ

Help และ Site map
ชว ยคุณได

39ท่องเวบ็ เก็บความรู้

แบบฝึกหัด รายวิชาภาษาไทย

วิวธิ ภาษา ม.๑

การรบั สารผา่ นอินเทอรเ์ น็ ต

องคป ระกอบการรับสารผานอนิ เทอรเ นต็

ผสู งสาร Learn Educationสาร สื่อ ผรู ับสาร

ผูร บั สารควรมีความรเู ก่ยี วกับอะไรบา ง

- ความรูเกี่ยวกับการใชคอมพวิ เตอรและรูภาษาองั กฤษ
- มวี ัตถุประสงคท ่ชี ัดเจนในการใชอ นิ เทอรเนต็

ผูร ับสารควรปฏิบตั อิ ยางไรในการรบั สาร

- รจู ักเลือกรบั ขอมูลท่เี ปน ความรู
- เลือกแหลง ขอมลู ที่นา เชอ่ื ถือ
- วิเคราะห ตรวจสอบขอมูลใหถ กู ตอ งกอนนาํ ไปใช
- ตอ งอา งองิ แหลง ท่มี าของขอมลู

40 ทอ่ งเวบ็ เกบ็ ความรู้ ขอ ควรระวงั ในการรับสารจากอนิ เทอรเ นต็

- ใชเ วลาใหเ หมาะสม
- การคบเพอ่ื นในอินเทอรเ น็ต
- ใชวจิ ารณญาณกอนท่ีจะเชือ่ คําแนะนาํ จากเพอื่ นใน
อินเทอรเนต็

เว็บไซตความรูทีน่ า สนใจ พจนานกุ รม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน
www.orst.go.th
เวบ็ ไซตข องราชบณั ฑติ ยสภาทร่ี วบรวมคาํ ศพั ทภ าษาไทย
และหลกั เกณฑเ กย่ี วกบั การใชภ าษาไทยอยา งถกู ตอ ง
Learn Education
หอ งสมดุ ดจิ ทิ ลั วชริ ญาณ

แหลง ขอ มลู หนงั สอื ประเภทตา ง ๆ ในประเทศไทยในรปู แบบ
หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส

www.vajirayana.org

พจนานกุ รมศพั ทว ทิ ยาศาสตร คณติ ศาสตร และเทคโนโลยี

www.escivocab.ipst.ac.th เวบ็ ไซตข องสสวท. ทร่ี วบรวมคาํ ศพั ทว ทิ ยาศาสตร (เคมี
ชวี วทิ ยา ฟส กิ ส วทิ ยาศาสตรท ว่ั ไป) ศพั ทค ณติ ศาสตร
ศพั ทค อมพวิ เตอร และศพั ทเ ทคโนโลยี

41ท่องเวบ็ เกบ็ ความรู้

แบบฝึกหัด รายวชิ าภาษาไทย

วิวิธภาษา ม.๑

น้ องลองทาํ

คาํ ชแ้ี จง ตอนท่ี ๑ ใหน กั เรยี นจบั คคู าํ ศพั ทแ ละความหมายใหถ กู ตอ ง

......... ๑. E-learning ก. หองสมดุ ท่ผี ใู ชใ ชผ านสอื่ อิเล็กทรอนิกส
......... ๒. E-book ข. การเรยี นการสอนที่ใชส ่ืออิเลก็ ทรอนิกส
......... ๓. E-classroom ค. หนงั สือในรูปส่อื อิเลก็ ทรอนิกส
......... ๔. E-library ง. การเรียนดว ยตนเองทีใ่ ชส อ่ื อิเลก็ ทรอนิกส
Learn Education
คาํ ชี้แจง ตอนท่ี ๒ ใหน กั เรยี นเลอื กคาํ ตอบทถ่ี กู ทส่ี ดุ เพยี งขอ เดยี ว

๑๑.. ขอใดกลาวไมถ กู ตอง
๑. ผูร บั สารควรรูจกั เลือกรับขอ มูลท่ีเปนความรู
๒. ผูรับสารควรเลือกแหลงขอมูลทมี่ ีความนาเชอ่ื ถอื
๓. ผรู บั สารควรตรวจสอบขอ มูลใหถกู ตอ งกอนนําไปใช
๔. ผูรบั สารไมจาํ เปนตองอางองิ แหลงท่มี าของขอ มูลท่ีคนมาจากอินเทอรเ นต็

๒. หากกอหญา ตอ งการหาบทละครนอกเรอ่ื งพกิ ลุ ทองเพอ่ื มาทาํ รายงานสง คณุ ครู กอหญา ควรเขา
เวบ็ ไซตใ ด
๑. www.orst.go.th
๒. www.vajirayana.org
๓. www.matichon.co.th
๔. www.escivocab.ipst.ac.th

42 ท่องเวบ็ เกบ็ ความรู้

ทบทวน

ก่อนจาก..

อนิ เทอรเน็ต เปนเครือขา ยขอ มูลขา วสารและความรูทีใ่ หญทส่ี ุด มีผสู รา งเว็บไซต (website)
สําหรับใหบ ริการขอมลู ขา วสารในเครือขายอนิ เทอรเ น็ตจาํ นวนมาก

เทคนคิ การคนหาขอ มูล Learn Education คําศัพททีน่ า สนใจ
e-learning e-library
- เลือกรูปแบบการคนหา e-book e-classroom
- เลอื กใชคํามากกวา ๑ คํา
- ใชค ําเชอ่ื มทาง Logic องคประกอบการรับสารผานอนิ เทอรเ นต็
- ใชเคร่อื งหมาย
- ใช Help และ Site map ผสู งสาร สาร สื่อ ผูรบั สาร

ส่ิงท่ผี ูรับสารควรมี ขอควรปฏิบัติ

- ความรูเกยี่ วกบั คอมพิวเตอรแ ละภาษาอังกฤษ - รูจกั เลือกรบั ขอ มูล
- มีวตั ถปุ ระสงคใ นการใชง าน - เลอื กแหลงขอมูล
- วเิ คราะห ตรวจสอบขอมลู
เว็บไซตความรูท นี่ าสนใจ - ตอ งอางอิงแหลง ทมี่ า
www.orst.go.th
www.vajirayana.org ขอควรระวัง
www.escivocab.ipst.ac.th
- ใชเวลาใหเหมาะสม
- การคบเพือ่ น
- ใชวจิ ารณญาณ

43ทอ่ งเวบ็ เกบ็ ความรู้

แบบฝึกหัด รายวิชาภาษาไทย

ววิ ธิ ภาษา ม.๑

การส่ือสารผา่ นอินเทอรเ์ น็ต

การเขียนบนส่ืออิเลก็ ทรอนิ กส์

Learn Education๑. ศึกษาลกั ษณะของส่ืออิเลก็ ทรอนกิ สที่ตอ งการเขียน
วิธีการพมิ พขอ ความ ตัวอักษร และสญั ลักษณตา ง ๆ บนแปนพมิ พ

๒. พจิ ารณาขอ จาํ กดั ของสือ่ อิเล็กทรอนิกส

วิธีการเขยี นบนส่ือ ๓. กําหนดวัตถปุ ระสงคท ี่ตอ งการเขยี นใหช ัดเจน
อิเล็กทรอนิกส

๔. เลือกใชภาษาใหเหมาะสมตามระดับภาษา
ใชถ อ ยคาํ ใหก ระชับ ชัดเจน และสอื่ ความหมายไดด ี

๕. ทบทวนเนื้อหาท่เี ขียนใหถกู ตอง ครบถวน
ตรวจสอบแกไ ขภาษาอีกครั้ง

44 ท่องเวบ็ เกบ็ ความรู้

ปญหาสว นใหญท ีพ่ บในการเขยี นบนส่ืออิเลก็ ทรอนิกส

ผูเขียนขาดความระมัดระวงั ผูเ ขยี นขาดความรบั ผิดชอบใน
ในการเขียน การใหขอมูล

ผเู ขียนขาดความรบั ผิดชอบใน ผูเขียนขาดความคาํ นงึ ถึง
การแสดงความคิดเหน็ การใชภ าษา
Learn Education
ข้อแนะนํ าในการเขียนบนสื่ออิเล็กทรอนิ กส์

หลกี เล่ียงการกลาวพาดพิงบคุ คลหรือใหขอมลู ทเี่ ปน เทจ็

ไมใ ชถอยคําหยาบคาย คําวบิ ัติ คาํ สแลง หรอื คาํ ศพั ทภาษาตาง
ประเทศโดยไมจาํ เปน รวมทัง้ ไมแ ทรกรูปภาพที่ไมเ หมาะสม

เขยี นสะกดคาํ ใหถกู ตอง ใชเคร่อื งหมายวรรคตอน
ใหถ กู ตองเเละเหมาะสม

รับผิดชอบตอขอ ความที่ตนเองเขยี น ควรมีแหลงอา งองิ ประกอบ
เพอ่ื เพิ่มความนา เช่ือถอื ของขอ มลู

เขยี นในสิ่งทสี่ รา งสรรค

45ท่องเวบ็ เก็บความรู้

แบบฝึกหัด รายวชิ าภาษาไทย

วิวธิ ภาษา ม.๑

คาํ ตอไปน้ใี นอินเทอรเนต็ มกั เขยี นตามเสยี งพดู ควรเขียนใหถูกตองตามอกั ขรวธิ ี

ภาษาพดู เคา ..................... ภาษาเขียน
ชน้ั ดิช้นั .....................
Learn Educationนงึ .....................
ม้ยั .....................
รึ .....................
ซัก .....................
เน่ยี .....................
ซะ .....................

มารยาทในการสื่อสารผา่ นอนิ เทอรเ์ น็ ต

ผูเ ขยี นควรเขยี นใหก ระจางเพื่อให ๓.ผูเขียนตอ งระวัง

๑.ผูรบั สารสามารถเขา ใจไดร วดเร็ว ไมเปด เผยขอ มลู ท่เี ปนสว นตวั
๒.ผูเขยี นตองตรวจสอบขอมูล
๔.ผูเ ขียนควรใชภาษาท่ีถูกตอ ง
ใหถูกตองมากทสี่ ุด ๕.ผูเขยี นควรใชถอยคาํ สภุ าพ

46 ท่องเว็บเกบ็ ความรู้ หลกี เลี่ยงการใชค าํ หยาบ

Learn Educationน้ องลองทาํ

คาํ ชแี้ จง ตอนท่ี ๑ ใหน กั เรยี นเลอื กคาํ ตอบทถ่ี กู ทส่ี ดุ เพยี งขอ เดยี ว

๑๑.. ปญหาสวนใหญทีพ่ บในการเขยี นบนสอ่ื อิเลก็ ทรอนิกสคือขอใด
๑. ผเู ขยี นมีอายนุ อย
๒. ผูเขียนเขยี นขอความอยา งกระชับ
๓. ผูเขยี นขาดความระมดั ระวังในการใหข อ มูล
๔. ผูเขียนเผยแพรขอมูลเกีย่ วกบั การคน พบทางวิชาการเสมอ

๒. หากตอ งการแกขอ ความในอินเทอรเ น็ตตอ ไปนใ้ี หถ ูกตองตามอกั ขรวิธคี วรแกอ ยา งไรจงึ จะ
เหมาะสม
มนั จารูมุยนะ วา คนท่รี กั มันตะหลอดแระไมเ คยลืมมันไดเ หลยอยางชา นทกุ ขทอรามาน
ซกั เพียงไหนท ติ องเห็นวามนั รมื ชานไพแรว จิงๆ
๑. เคา จะรูมัย้ นะวา คนท่ีรักเคาไมเคยลืมเคา ไดเลยอยางฉนั นัน้ ทกุ ขทรมานซักแคไหน
ทตี่ องเห็นวา เขาลมื ฉันไปแลวจรงิ ๆ
๒. เขาจะรูไหมจะวาคนทร่ี ักเขาและไมเคยลืมเขาไดเ ลยอยา งชั้นน้ันทกุ ขท รมาน
ซกั เพียงไหนที่ตอ งเหน็ วา เขาลมื ช้ันไปแลวจริงๆ
๓. มนั จะรูม ั้ยนะวา คนที่รกั มนั และไมเคยลืมมนั ไดเ ลยอยา งชั้นนน้ั ทุกขทรมานสกั เพียงไหน
ทต่ี อ งเหน็ วามันลมื ชั้นไปแลว จรงิ ๆ
๔. เขาจะรไู หมนะวาคนทรี่ ักเขาตลอดและไมเคยลมื เขาไดเลยอยางฉนั น้ันทกุ ขท รมาน
สักเพียงไหนที่ตองเห็นวา เขาลืมฉันไปแลวจรงิ ๆ

47ท่องเว็บเก็บความรู้

Learn Educationแบบฝึกหัด รายวิชาภาษาไทย

ววิ ธิ ภาษา ม.๑
๓. บุคคลใดถอื ไดวาเปนผมู มี ารยาทในการส่อื สารทางอินเทอรเนต็

๑. กวนิ มักใชคําหยาบในการสือ่ สารบนอินเทอรเนต็ เสมอ
๒. เร็นมักตรวจสอบขอ มลู ใหถ ูกตอ งเสมอกอนเขยี นขอ ความบนบลอ็ กสว นตัว
๓. ธามมกั จะเปดเผยขอมลู ที่เปนสวนตวั ของตนใหกบั เพ่อื นบนอนิ เทอรเนต็ เสมอ
๔. เอ็มเจมักใชภาษาในการสื่อสารบนอนิ เทอรเ นต็ อยางคลมุ เครอื และกาํ กวมใหมากที่สดุ

48 ทอ่ งเว็บเก็บความรู้

ทบทวน

กอ่ นจาก..

วธิ ีการเขียนบนสือ่ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส

๑. ศกึ ษาลกั ษณะ ๔. เลือกใชภ าษาใหเหมาะสม

๒. พิจารณาขอ จาํ กดั ๕. ทบทวนเนอื้ หาท่ีเขียน

Learn Education ๓. กําหนดวตั ถปุ ระสงค

ปญหาในการเขยี น

ผูเ ขยี นขาดความระมดั ระวงั ในการเขยี น ใหขอ มลู
การแสดงความคิดเห็น รวมถงึ การใชภาษา

มารยาทในการส่อื สารผานอนิ เทอรเน็ต ขอแนะนําในการเขยี นบนสือ่ อิเล็กทรอนิกส
- หลกี เลยี่ งการกลา วพาดพงิ บคุ คล
- เขยี นใหก ระจา ง - ไมใชถอ ยคาํ หยาบคาย
- ใชภ าษาทถี่ ูกตอ ง - เขยี นสะกดคําใหถ ูกตอง
- ตรวจสอบขอมลู - รับผิดชอบตอ ขอ ความทีต่ นเองเขียน
- ใชถ อยคําสภุ าพ - เขียนในส่ิงท่สี รา งสรรค
- ไมเปดเผยขอ มลู ที่เปน สวนตวั
49ท่องเวบ็ เกบ็ ความรู้

จดให้จาํ นํ าไปใช้

Learn Education

จดให้จาํ นํ าไปใช้

Learn Education

Learn Educationตวั ช้วี ัด
ท ๔.๑ ม.๑/๓ วิเคราะหชนิดและหนา ทข่ี องคาํ ในประโยค
ท ๔.๑ ม.๑/๔ วเิ คราะหค วามแตกตา งของภาษาพดู และภาษาเขยี น

จุดประสงค์
๑. สามารถวิเคราะหค วามแตกตา งระหวางภาษาพูดและภาษาเขียนได
๒. สามารถบอกชนิดและหนาทขี่ องคํานามไดถกู ตอ ง
๓. สามารถบอกชนดิ และหนาท่ขี องคาํ สรรพนามไดถ ูกตอง

เพ่ือนกัน

ภาษาในชีวี ิติ ประจำ�ำ วันั ของเรา มีีหลากหลายรููปแบบไม่ว่ ่่าจะเป็น็ ภาษาพูดู
ภาษาเขีียน ซึ่่�งภาษาพููดและภาษาเขีียนก็ต็ ่า่ งมีลี ัักษณะของภาษาที่่แ� ตกต่่างกัันออกไป
ดัังนั้้�น เราจึึงจำ�ำ เป็น็ ต้อ้ งมีคี วามรู้้�เกี่�ยวกับั ภาษาพูดู และภาษาเขีียนเพื่่�อที่จ�่ ะนำ�ำ ไปใช้้ในชีีวิติ
ประจำำ�วันั ได้อ้ ย่่างเหมาะสม
Learn Education

จดให้จาํ นํ าไปใช้

Learn Education

ผงั มโนทศั น์ Learn Education

๑. ภาษาพูด-ภาษาเขียน
ความรเู กีย่ วกบั ภาษา
ภาษาพดู
ภาษาเขียน
การเปรียบเทียบระหวางภาษาพดู และภาษาเขียน

๒. คํานาม
ชนิดของคํานาม
หนา ที่ของคาํ นาม

๓. คําสรรพนาม
ชนิดของคาํ สรรพนาม
หนา ที่ของคําสรรพนาม

แบบฝึกหัด รายวิชาภาษาไทย

วิวิธภาษา ม.๑

ภาษาพดู -ภาษาเขียน

ความรูเ้ ก่ยี วกบั ภาษา

ระดบั ของภาษา ๑. ๒. ๓.

.............................................Learn Education..............................................................................................
ภาษาทม่ี ลี กั ษณะเเบบแผน มลี กั ษณะเเบบแผน แตใ ช คลา ยคลงึ กบั ภาษาทางการ

ใชถ อ ยคาํ ประณตี บรรจง มงุ ให ถอ ยคาํ กะทดั รดั กวา ภาษาพธิ กี าร แตล ดระดบั ความเปน ทางการลง
ผฟู ง รบั สารดว ยความสาํ รวม ถอ ยคาํ มคี วามสละสลวย ใชส อ่ื สาร ลดความเครง ครดั ในไวยากรณล ง
อยา งเปน ทางการไปสสู าธารณชน ผสู ง สารและผรู บั สารมปี ฏสิ มั พนั ธ
ระหวา งกนั

๔. ๕.

.............................................. ..............................................
มกี ารใชถ อ ยคาํ ทเ่ี ปน กนั เอง มกี ารใชถ อ ยคาํ ทเ่ี ปน กนั เองมากขน้ึ
ไมใ หค วามสาํ คญั กบั ความถกู ตอ งทาง
มากขน้ึ ระยะหา งระหวา งผสู ง สาร ไวยากรณ ผสู ง สารและผรู บั สารมคี วาม
และผรู บั สารมนี อ ยลง สนทิ กนั

56 เพ่ือนกนั

ภาษาพูด

ภาษาทใี่ ชในชวี ิตประจาํ วนั เนน ใหเขาใจไดตรงกนั มกั เปน ภาษา
ระดับลําลองหรอื ภาษาระดับไมเ ปน ทางการ

๑. ภาษาระดบั กนั เอง ระดบั ไมเ ปน ทางการ
หรอื ระดบั กง่ึ ทางการ

๒. ประโยคความเดยี วหรอื ความรวม
Learn Educationลกั ษณะของภาษาพดู

๓. มกี ารตดั คาํ ยอ คาํ รวบคาํ

๔. มคี าํ ลงทา ยเรยี กขานรบั หรอื คาํ ขานรบั

๕. มกี ารใชภ าษาถน่ิ ปะปน
๖. มกี ารพดู ใชถ อ ยคาํ สาํ นวน โวหาร สภุ าษติ คาํ พงั เพย คาํ ซา้ํ คาํ ซอ น คาํ คลอ งจอง

ประกอบการพดู หรอื คาํ พดู ทใ่ี ชค วามหมายโดยนยั

๗. มกี ารใชป ระโยคทไ่ี มส มบรู ณ

57เพ่ือนกนั

แบบฝึกหัด รายวิชาภาษาไทย

ววิ ธิ ภาษา ม.๑

ภาษาเขียน

การถา ยทอดความรคู วามคดิ ความเขา ใจของมนษุ ยโ ดยใชอ กั ษรหรอื
ใชส ญั ลกั ษณอ น่ื ๆ แทนคาํ พดู เพอ่ื ใหผ อู น่ื รบั รแู ละเขา ใจ และตอบสนอง
ตามทผ่ี เู ขยี นตอ งการ

ความสาํ คญั ของภาษาเขยี น Learn Education ลกั ษณะของภาษาเขยี น

- หลกั ฐานการบนั ทกึ ความรู ความคดิ เขยี นทพ่ี ดู ในชวี ติ เขยี นภาษาทก่ี ลน่ั
ความเชอ่ื และสภาพสงั คมในสมยั นน้ั ๆ ประจาํ วนั กรองอยา งละเอยี ด
- การสอ่ื สารความรคู วามเขา ใจจากคนหนง่ึ
ไปยงั อกี คนหนง่ึ เหมาะสมกบั ประณตี ในการใช
ลกั ษณะวถิ ชี วี ติ ภาษา

การใชภ าษาเขยี น

๑. การเขยี นอยา งไมเ ปน ทางการ ๒. การเขยี นอยา งเปน ทางการ

......................................................... .........................................................
......................................................... .........................................................

58 เพ่ือนกัน

การเปรยี บเทยี บระหวา่ งภาษาพูดและภาษาเขียน

ภาษาพดู ภาษาเขยี น

๑. มงุ สอ่ื สารอยา งรวดเรว็ อาจทาํ ใหผ รู บั สาร ๑. มงุ สอ่ื สารใหเ ขา ใจ ผเู ขยี นมเี วลาในการ
เขา ใจผดิ กลน่ั กรองถอ ยคาํ
Learn Education
๒. ใชภ าษาไมป ระณตี ๒. มกี ารใชภ าษาประณตี
๓. มกั พดู คาํ ไทยปนกบั คาํ ตา งประเทศ ๓. ใชภ าษาตา งประเทศในงานเขยี นทเ่ี ปน วชิ าการ

๔. ไมส ามารถใชเ ปน หลกั ฐานอา งองิ ๔. สามารถใชเ ปน หลกั ฐานอา งองิ ได
๕. ผเู ขยี นมเี วลาคดิ หาคาํ ตอบ
๕. การสอ่ื สารเฉพาะหนา
๖. การโตต อบโดยไมป ระจนั หนา กนั
๖. การสอ่ื สารแบบประจนั หนา
๗. ผเู ขยี นมอี ทิ ธพิ ลตอ การใชภ าษา มกั สรา ง
๗. การพดู แบบปจ จบุ นั มกั มกี ารออกเสยี ง คาํ ใหม สาํ นวนใหม มกี ารตง้ั สมญานาม
ทผ่ี ดิ เพย้ี นทาํ ใหเ กดิ การเปลย่ี นแปลง
ของภาษา 59เพื่อนกนั

แบบฝึกหัด รายวชิ าภาษาไทย

วิวิธภาษา ม.๑

น้้ องลองทำ�ำ

คำ�ำ ชี้�้แจง ตอนที่่� ๑ ให้้นักั เรียี นใส่่เครื่�่องหมายถูกู หน้้าข้อ้ ที่่ก� ล่่าวถููก และใส่เ่ ครื่อ�่ งหมายผิิด
หน้้าข้อ้ ที่่ก� ล่า่ วผิดิ

................. ๑. ภาษาเขียี นคืือการสื่อ�่ สารแบบประจันั หน้า้
................. ๒. ภาษาเขียี นคืือหลักั ฐานการบันั ทึกึ ความรู้้� ความคิิด ความเชื่อ�่ และสภาพสังั คม
................. ๓. ลักั ษณะภาษาในการพูดู สื่อ�่ สารมักั เป็น็ ระดับั กันั เอง ระดับั ไม่เ่ ป็น็ ทางการ และระดับั กึ่่ง� ทางการ
................. ๔. การเขียี นจดหมายราชการเป็น็ การเขียี นแบบไม่เ่ ป็น็ ทางการ
................. ๕. ระดัับของภาษามีีทั้้ง� หมด ๓ ระดัับคืือ ภาษาระดัับทางการ ภาษาระดับั กึ่่�งทางการ

และภาษาไม่เ่ ป็น็ ทางการ
Learn Education

คำำ�ชี้�้แจง ตอนที่�่ ๒ ให้น้ ักั เรียี นเลืือกคำ�ำ ตอบที่ถ�่ ูกู ที่ส�่ ุดุ เพียี งข้อ้ เดียี ว

๑๑. . ข้้อใดไม่ใ่ ช่ล่ ักั ษณะของภาษาพููด
๑. มีีการใช้้ภาษาถิ่่น� ปะปน
๒. มีกี ารใช้ป้ ระโยคที่�ไ่ ม่ส่ มบููรณ์์
๓. ประโยคที่่�ใช้้มัักเป็็นประโยคความซ้้อน
๔. มีีการตััดคำ�ำ ย่่อคำ�ำ รวบคำำ� เพื่่�อความรวดเร็ว็

๒. ข้อ้ ความต่อ่ ไปนี้้ใ� ช้ภ้ าษาระดับั ใด

กอดกันั หน่่อยได้้ไหม ให้้วัันเวลาเก่า่ ๆ ให้ว้ ันั ที่่เ� คยมีเี รา
ก่อ่ นที่�เ่ ธอจะเป็น็ ของใคร Hold me one last time
(เพลง กอดได้้ไหม ของ URBOYTJ)

๑. ภาษาระดับั กันั เอง
๒. ภาษาระดับั พิิธีีการ
๓. ภาษาระดัับเป็็นทางการ
๔. ไม่ม่ ีขี ้้อใดถููก

60 เพ่ือนกัน

ทบทวน Learn Educationระดับั ของภาษา
๑. ระดับั พิธิ ีกี าร
ก่อนจาก.. ๒. ระดับั ทางการ
๓. ระดับั กึ่ง�่ ทางการ
ภาษาพูดู ๔. ระดับั ไม่เ่ ป็น็ ทางการ
๑. ระดับั กันั เอง, ไม่เ่ ป็น็ ทางการ, กึ่ง�่ ทางการ ๕. ระดับั กันั เอง
๒. ประโยคความเดียี วหรือื ความรวม
๓. มีกี ารตัดั คำ�ำ ภาษาเขียี น
๔. มีคี ำ�ำ ลงท้า้ ยเรียี กขานรับั ความสำ�ำ คัญั ของภาษาเขียี น
๕. มีกี ารใช้ภ้ าษาถิ่น�่ ปะปน - หลักั ฐานการบันั ทึึกสังั คม
๖. มีกี ารพูดู ใช้ถ้ ้อ้ ยคำ�ำ ที่ใ�่ ช้ค้ วามหมายโดยนัยั
๗. ประโยคที่ไ�่ ม่ส่ มบูรู ณ์์ ในสมัยั นั้้น� ๆ
- การสื่อ� สารจากคนหนึ่ง�่ ไปยังั
การใช้ภ้ าษาเขียี น อีกี คนหนึ่ง�่
๑. การเขียี นอย่า่ งไม่เ่ ป็น็ ทางการ
๒. การเขียี นอย่า่ งเป็น็ ทางการ ลักั ษณะของภาษาเขียี น
- ภาษาเขียี นที่ใ�่ ช้พ้ ูดู ในชีวี ิติ ประจำ�ำ วันั
- ภาษาที่ก�่ ลั่น�่ กรองอย่า่ งละเอียี ด

61เพ่ือนกัน

แบบฝึกหัด รายวชิ าภาษาไทย

ววิ ิธภาษา ม.๑

ค�ำนาม

คำ�ำ นามคืืออะไร
คำำ�ที่ใ�่ ช้้เรีียก คน สััตว์์ สิ่�่งของ ต้น้ ไม้ ้ วััตถุ ุ สิ่ง�่ ของ สภาพธรรมชาติิ สถานที่่�
Learn Education
ชนิิ ดของคำำ�นาม ๓. ๒.

๑. คำ�ำ นามวิิสามััญ.........................
คำำ�นามที่ใ�่ ช้้เป็็นชื่่อ� เฉพาะ
คำ�ำ นามสามัญั ..............................
คำำ�นามที่่�ไม่่มีีชื่�่อระบุเุ ฉพาะ
เจาะจงว่่าเป็น็ คนนั้้�นคนนี้้�

คำ�ำ นามรวมหมู่่�. ........................
คำำ�นามที่่บ� อกความเป็็น

๔. ๕.หมวดหมู่่�พวก กลุ่�ม หรืือคณะ

............................... คำำ�นามบอกลัักษณะ.........................
คำำ�นามที่เ่� ป็็นนามธรรม ไม่่มีี คำำ�นามประเภทนี้้บ� อกให้้ทราบ
ขนาดและรููปร่า่ ง แต่ส่ ามารถสื่อ่� สารได้้ ถึงึ ลัักษณะของสิ่�ง่ ของที่่�กล่่าวถึงึ ว่่ามีี
เข้้าใจ รููปพรรณสันั ฐานอย่่างไร

62 เพ่ือนกนั

หน้ าท่ขี องคํานาม

๑. ๒. กรรมของประโยค
ตัวอยา งเชน เด็ก ๆ ชอบเลน ตกุ ตา
ประธานของประโยค
ตวั อยา ง ปลาฉลามกดั นักทองเที่ยวท่ี ๓.
กาํ ลงั เลน น้าํ ทะเล
Learn Education กรรมตรงและกรรมรอง
ขยายคาํ อื่นใหช ัดเจนยิง่ ข้นึ ๔. ตัวอยา งเชน แมซ้ือตุก ตาตวั ใหญสแี ดงแก
ตวั อยา งเชน พอนอนเลนทเี่ กา อ้ี ๕. นองสาวทุกครง้ั ท่ไี ปเทยี่ วตา งประเทศ

คําเรยี กขาน ๖.
ตัวอยาง คณุ ตาขาทาํ อะไรอยคู ะ
สวนเติมเต็มใหคํากรยิ า
ตัวอยาง พมุ พวงเปนราชินเี พลงลูกทุง

63เพ่ือนกัน

แบบฝึกหัด รายวชิ าภาษาไทย Learn Education

วิวธิ ภาษา ม.๑

น้ องลองทาํ

คาํ ช้ีแจง ตอนท่ี ๑ ใหน กั เรยี นเลอื กคาํ ตอบทถ่ี กู ทส่ี ดุ เพยี งขอ เดยี ว

ค๑ํา. นามท่ีใชเ ปน ชือ่ เฉพาะของคนเปนคํานามชนดิ ใด
๑. สมหุ นาม
๒. อาการนาม
๓. สามานยนาม
๔. วสิ ามานยนาม

๒. คําในขอ ใดไมใ ชค ํานาม
๑. เดินทาง
๒. เชยี งใหม
๓. มดตะนอย
๔. พทุ ธรักษา

๓. คาํ นามท่ีขดี เสน ใตทาํ หนาทใี่ ดในประโยค
“คณุ พอ ขา ไมทราบวาเราจะไปเท่ยี วหัวหนิ กนั วนั ไหนหรอคะ”
๑. ประธาน
๒. กรรมตรง
๓. คําเรียกขาน
๔. สว นเติมเตม็

64 เพ่ือนกัน

ทบทวน คํานาม

กอ่ นจาก.. คาํ ที่มีความหมายถึง คน สัตว ส่ิงของ ตนไม วัตถุ สง่ิ ของ
สภาพธรรมชาติ สถานที่

ชนิดของคาํ นาม
Learn Education
๒. คาํ นามวิสามญั ๔. อาการนาม
(วิสามานยนาม)
๑. คาํ นามสามัญ ๕. คํานามบอก
(สามานยนาม) ๓. คาํ นามรวมหมู ลักษณะ
(สมุหนาม)
(ลกั ษณนาม)

หนาท่ขี องคาํ นาม

ประธานของประโยค
กรรมของประโยค
กรรมตรงและกรรมรอง
ขยายคาํ อ่ืนใหช ัดเจนยงิ่ ข้ึน
คาํ เรียกขาน
สว นเตมิ เต็มใหค าํ กรยิ า

65เพ่ือนกนั

แบบฝึกหัด รายวิชาภาษาไทย

วิวธิ ภาษา ม.๑

คําสรรพนาม

คําสรรพนาม คอื คาํ ที่ใชแทนคํานาม เพือ่ ไมต องกลาวถึงคาํ นามซ้ํา ๆ

ชนิ ดของคําสรรพนาม

๑. คาํ สรรพนามท่ีใชใ นการพดู (บุรุษสรรพนาม)
คาํ ท่ีผูพูดใชแทนตนเอง แทนผูท พ่ี ูดดวย และผทู ีถ่ กู พูดถงึ
Learn Education
ประเภทของคาํ บุรษุ สรรพนาม
๑. สรรพนามบรุ ุษท่ี ๑ คอื ฉนั ........................................
๒. สรรพนามบุรษุ ที่ ๒ คือ คุณ...................................
๓. สรรพนามบุรษุ ที่ ๓ คอื .............................

คําบรุ ษุ สรรพนามสามารถสะทอน
วัฒนธรรมไทยไดด วยนะ

๑. ความสัมพนั ธร ะหวางคสู นทนา
๒. ความสุภาพของผูพดู
๓. อารมณข องผพู ดู

66 เพื่อนกนั

๒. คําสรรพนามช้ีระยะ ๓. คาํ สรรพนามทใี่ ชเ ปนคําถาม ?
คาํ สรรพนามท่ีใชแทนคํานามทอ่ี ยูใกล หรือ ไดแก .......................................
หา งและไกลจากผูพูด เชน....................

๔. คาํ สรรพนามบอกความไมเฉพาะเจาะจง
ไมกําหนดวา ใคร อะไร ทไ่ี หน สิ่งใด ซึ่ง
มกั ไมตอ งการคาํ ตอบ มักใชพูดลอย ๆ
หรือเชงิ ปรารภ
Learn Education
๕. คาํ สรรพนามบอกความชี้ซํ้า แบงพวก รวมพวก

ไดแ ก.......................................................
คําสรรพนามเหลานม้ี กั ใชช ซี้ ้าํ กับคํานามท่ีอยูขางหนา

๖. คาํ สรรพนามเชอ่ื มประโยค

ใชแทนนามท่ีอยขู างหนาและทาํ หนาทีเ่ ชอื่ ม
ประโยคหลกั และประโยคยอยใหเปนประโยค
เดียวกนั ไดแก.............................................

๗. คาํ สรรพนามทเ่ี นนคํานามที่อยูขางหนา
เพ่ือบอกความรูสกึ ของผพู ดู ท่มี ีตอ ผูท ีก่ ลาวถึงขางหนา

67เพื่อนกัน

แบบฝึกหัด รายวชิ าภาษาไทย

ววิ ธิ ภาษา ม.๑

หน้้ าที่ข�่ องคำำ�สรรพนาม ๒.

๑.

ประธานของประโยค กรรมของประโยค
ตัวั อย่า่ งเช่น่ ตััวอย่า่ งเช่่น
นายจ้้างให้้เรา
ผมซื้้�อของมาฝาก ออกจากงาน
คุณุ ป้า้ ครัับ
Learn Education
๓. ๔.

ส่ว่ นเติมิ เต็ม็ ใน คำ�ำ ขยาย
ประโยค ตัวั อย่่างเช่น่
ตััวอย่่างเช่น่ ของที่่ถ� ืืออยู่่�นั่�นคือื

ถ้้าฉันั เป็็นเขานะ อะไร
ฉันั จะรักั เธอให้้

มากกว่่านี้้�

68 เพื่อนกัน

Learn Educationน้ องลองทาํ

คําชีแ้ จง ตอนท่ี ๑ ใหน กั เรยี นเลอื กคาํ ตอบทถ่ี กู ทส่ี ดุ เพยี งขอ เดยี ว

ค๑าํ . บุรษุ สรรพนามไมส ะทอ นวัฒนธรรมไทยในขอใด
๑. อารมณข องผูพ ดู
๒. การแตงกายของผูพดู
๓. ความสุภาพของผูพดู
๔. ความสัมพนั ธระหวางคสู นทนา

๒. คําวา “ใคร” ในประโยคตอไปนี้เปน คําสรรพนามประเภทใด
“ใครคอื คนท่ีทาํ กุญแจเปดหองเกบ็ ของหาย”

๑. คาํ สรรพนามเชื่อมประโยค
๒. คาํ สรรพนามทีใ่ ชเ ปนคําถาม
๓. คาํ สรรพนามทเ่ี นน คาํ นามทีอ่ ยขู า งหนา
๔. คําสรรพนามบอกความไมเ ฉพาะเจาะจง

๓. คําสรรพนามท่ขี ดี เสนใตทําหนา ทีใ่ ดในประโยค
“เราบอกชอบเขาไปแลว ”

๑. กรรมของประโยค
๒. ประธานของประโยค
๓. สว นเตมิ เตม็ ในประโยค
๔. คําขยายของประโยค

69เพ่ือนกนั

แบบฝึกหัด รายวชิ าภาษาไทย

ววิ ธิ ภาษา ม.๑

ทบทวน คาํ สรรพนาม
คาํ ทใ่ี ชแ ทนคํานาม เพือ่ ไมต องกลา วถึงคํานามซ้ํา ๆ
ก่อนจาก..

ชนิดของคาํ สรรพนาม Learn Education คาํ บรุ ษุ สรรพนามสะทอ น
วัฒนธรรมไทย
๑. คําสรรพนามท่ใี ชในการพดู
(บุรุษสรรพนาม) ๑. ความสมั พันธระหวางคสู นทนา
๒. ความสุภาพของผพู ูด
๒. คําสรรพนามชรี้ ะยะ ๓. อารมณของผูพูด
๓. คําสรรพนามทใี่ ชเปนคาํ ถาม
๔. คําสรรพนามบอกความไมเฉพาะเจาะจง หนาทขี่ องคําสรรพนาม
๕. คําสรรพนามบอกความชีซ้ าํ้
๑. เปน ประธานของประโยค
แบง พวก รวมพวก ๒. เปน กรรมของประโยค
๖. คําสรรพนามเช่อื มประโยค ๓. เปนสวนเติมเตม็ ในประโยค
๗. คําสรรพนามที่เนน คํานามที่อยูข างหนา ๔. เปนคาํ ขยาย

70 เพ่ือนกนั

จดให้จาํ นํ าไปใช้

Learn Education

Learn Educationตวั ช้วี ัด
ท ๒.๑ ม.๑/๒ เขยี นสอ่ื สารโดยใชถอยคาํ ถูกตอ งชัดเจน เหมาะสม และสละสลวย
ท ๒.๑ ม.๑/๓ เขยี นบรรยายประสบการณโดยระบสุ าระสาํ คัญและรายละเอียดสนบั สนนุ
ท ๓.๑ ม.๑/๖ มีมารยาทในการฟง การดู และการพดู
ท ๔.๑ ม.๑/๓ วเิ คราะหชนดิ และหนาทีข่ องคาํ ในประโยค

จดุ ประสงค์

๑. สามารถวเิ คราะหช นิดและหนาทีข่ องคําในประโยคท่ีพบ
๒. มีมารยาทในการฟง การดู และการพูด
๓. สามารถเขยี นบรรยายเร่อื งราวตาง ๆ ไดอ ยา งนา สนใจ
๔. สามารถเขยี นสะกดคําและเลือกใชค ําไดถูกตองเหมาะสม
๕. สามารถเขียนบรรยายเร่ืองราวตา ง ๆ โดยใชก ลวิธีในการเขยี นไดอยา งนาสนใจ

เสียงเพลงกบั เสียงกร๊ดี

การเขียนบรรยาย เปนการเขียนเพ่ือเลาเหตุการณท่ีเกิดข้ึนเพ่ือใหผูอานเห็นภาพ
เหตกุ ารณท ง้ั หมด ทง้ั ดา นสถานท่ี บรรยากาศ บคุ คลทร่ี ว มเหตกุ ารณ และกจิ กรรมทเ่ี กดิ ขน้ึ
อาจมกี ารแทรกบทสนทนาของตวั ละคร ใชส าํ นวนความเปรยี บ คาํ คม หรอื สภุ าษติ เพอ่ื ให
เหน็ ภาพเหตกุ ารณไ ดช ดั เจนยง่ิ ขน้ึ
Learn Education

จดให้จาํ นํ าไปใช้

Learn Education

ผงั มโนทศั น์

๑. คําอุทาน
คําอทุ านบอกอารมณ
คําอทุ านเสรมิ บท

๒. มารยาทในการชมการแสดง
๓. การเขียนบรรยาย
๔. การใชค้ วามเปรยี บ
Learn Education

แบบฝึกหัด รายวชิ าภาษาไทย

ววิ ิธภาษา ม.๑

คําอทุ าน

คําอุทาน

คาํ ทเี่ ปลงออกมาเพอื่ แสดงอารมณ ความรสู ึกตา ง ๆ หรือเพ่ือแสดงเจตนาอยางใดอยางหนง่ึ
คําอทุ านเปนคาํ กลาวขึน้ ประโยค มกั มีเคร่อื งหมายอศั เจรยี ก ํากบั หลงั คําอุทาน คาํ อุทานแบงได
เปน ๒ ประเภท ไดแ ก คําอุทานบอกอารมณ ความรสู ึกและคาํ อทุ านเสรมิ บท
Learn Education
................................................... ตกใจ ? แปลกใจ
.................... ....................
ดีใจ
....................

...................................................

เปนคาํ ทไี่ มไดบ อกอารมณ ความรูส ึกของผพู ูด แตใชเ พอื่ ทาํ ใหก ารสนทนานาสนใจมากขน้ึ
มักปรากฏในลกั ษณะของสํานวนหรือคําซอน

คําซอ้ น สํ านวน

วนั นี้...............แลนกนั แนน ขนดั เธอเชื่อใจเขาแบบ............................เลยนะ

76 เสียงเพลงกับเสียงกร๊ีด

น้ องลองทาํ

คําชแ้ี จง ตอนท่ี ๑ ใหน กั เรยี นเตมิ ประโยคใหถ กู ตอ งและเหมาะสมกบั รปู ภาพ

๑. เลอื กเติมคาํ อทุ านบอกอารมณใ หเหมาะสมกบั ภาพ ไชโย!
อา ว! วาย!

Learn Education.............ทําการบานเสร็จแลว.................ทาํ ไมแวนตา.................กระถางตนไม
มาอยูในน้ี หลนมาไดย งั ไงเน่ีย

๒. เลือกเติมคาํ อทุ านเสรมิ บทใหเ หมาะสมกบั ภาพ ลกู เตา
เลขผานาที ตามาตาเรอื

ทาํ ไมขา มถนน เด็กคนนีน้ ารกั จังเปน จะปลกู บานใหมต อ งดู
ไมดู........................... ......................ใครกนั ...........................ใหด ี ๆ นะ

77เสี ยงเพลงกับเสี ยงกร๊ดี

Learn Educationแบบฝึกหัด รายวิชาภาษาไทย

ววิ ิธภาษา ม.๑

น้ องลองทาํ

คําชีแ้ จง ตอนท่ี ๒ ใหน กั เรยี นเลอื กคาํ ตอบทถ่ี กู ทส่ี ดุ เพยี งขอ เดยี ว

๑๑.. คาํ อุทานคืออะไร
๑. คําทเ่ี ปลงออกมาเพอ่ื แสดงอารมณเทานนั้
๒. คําทเี่ ปลง ออกมาเพอ่ื แสดงการกระทาํ เทานั้น
๓. คําทเ่ี ปลงออกมาเพอื่ แสดงความตอ งการเทาน้ัน
๔. คําท่เี ปลงออกมาเพอื่ แสดงความรูสึกหรือความตองการ

๒. คาํ ทีใ่ ชเ พอื่ ทําใหก ารสนทนานาสนใจมากขน้ึ และมกั ปรากฏในลักษณะของสํานวน คาํ ซอ น
หรือคําซ้ํา คือคําอทุ านประเภทใด
๑. คําอทุ านเสรมิ บท
๒. คาํ อทุ านบอกอารมณ
๓. คาํ อุทานหนา ประโยค
๔. คาํ อุทานบอกความตอ งการ

78 เสียงเพลงกับเสียงกร๊ีด

ทบทวน

กอ่ นจาก..

Learn Education๑. ความหมาย ๔. คำำ�อุทุ านเสริิมบท
เป็็นคำำ�ที่่�ใช้แ้ สดงความรู้้�สึึก ใช้้เสริิมเพื่่อ� เพิ่่�มอรรถรสในบทสนทนา

หรือื เจตนาอย่า่ งใดอย่่างหนึ่่ง� อาจจะเป็็นสำำ�นวน หรืือคำำ�ซ้้อน

ค�ำอุทาน

๒. ประเภทของคำำ�อุุทาน ๓. คำ�ำ อุุทานบอกอารมณ์์
คำำ�อุทุ านมีี ๒ ประเภท คืือ ใช้้แสดงอารมณ์์ ความรู้้�สึึก ขึ้้น� ต้น้ ประโยค
คำำ�อุุทานบอกอารมณ์์ ความรู้้�สึึก หรืือวลีี และคำำ�อุุทานต้้องตามด้้วย
และคำำ�อุุทานเสริิมบท เครื่อ� งหมายอัศั เจรียี ์เ์ สมอ

79เสี ยงเพลงกับเสี ยงกร๊ดี

แบบฝึกหัด รายวิชาภาษาไทย

วิวธิ ภาษา ม.๑

มารยาทในการชมการแสดง

การรับั สารโดยการฟัังและการดููประกอบกันั เป็น็ ลักั ษณะการรับั สารจากสื่�อภาพและเสีียงพร้อ้ มกันั
สามารถแบ่่งได้เ้ ป็น็ ๒ ประเภท

Learn Educationการรับั สารที่ม�่ ีกี ารโต้ต้ อบกันัการรับั สารที่ไ�่ ม่ม่ ีกี ารโต้ต้ อบกันั

- การพูดู จา สนทนา - การดูขู ่่าว
- การประชุมุ อภิิปราย - การดููภาพยนตร์์

การชมการแสดง คืือ การใช้้ทักั ษะการฟังั และดูรู ่่วมกัันเพื่่อ� รับั สารจากผู้แ�้ สดงหรือื จากสื่อ�
ในรูปู แบบต่่าง ๆ ให้้เกิิดประโยชน์์สูงู สุุดตามจุุดมุ่�งหมาย โดยมีีจุุดมุ่�งหมายในการชม ดัังนี้้�

“การประชุุมเชิิงวิิชาการครั้ง้� ที่่� ๑” “ใช้้ชีวี ิิตอย่่างไรให้ม้ ีีความสุุข”

.....................................
.....................................

..................................... .....................................
..................................... .....................................

80 เสียงเพลงกบั เสียงกร๊ีด

มารยาทในการชมการแสดง คืือ แนวทางในการปฏิบิ ััติติ นเพื่อ�่ ชมการแสดงต่่าง ๆ ร่่วมกับั ผู้�้อื่น�
เพื่่อ� ให้เ้ กิิดประโยชน์ต์ ่่อตนเองมากที่�่สุุดและเพื่�อ่ ให้้เกิดิ ผลกระทบต่อ่ การชมการแสดงของผู้้อ�ื่น� ให้้น้้อยที่ส่� ุุด

Learn Education....................................... .......................................

.......................................................... ..........................................................
.......................................................... ..........................................................

81เสี ยงเพลงกับเสี ยงกร๊ดี

Learn Educationแบบฝึกหัด รายวิชาภาษาไทย

วิวธิ ภาษา ม.๑

น้ องลองทาํ

คําชแี้ จง ตอนท่ี ๑ ใหนักเรยี นเขียนเครอื่ งหมาย หนาขอความทปี่ ฏบิ ัติไดถ กู ตอง
และเขยี นเครอ่ื งหมาย หนา ขอความที่ปฏบิ ัติไดไ มถูกตอง

๑. .............. ปลากริมมาถงึ โรงละครกอ นเวลาประมาณ ๓๐ นาที
๒. .............. ปลากัดพยายามพดู ตอ บทสนทนากับนักแสดงบนเวที
๓. .............. ปลากรายนําสนุ ขั พนั ธพดุ เดิลเขาไปชมภาพยนตรในโรงภาพยนตร
๔. .............. ปลานิลหยิบโทรศัพทขน้ึ มาเลน เกมในขณะท่ีชมการบรรยาย
๕. .............. ปลาทูคอยจดบนั ทึกส่ิงท่ีนา สนใจตลอดการเขา รว มชมการบรรยาย

คาํ ช้แี จง ตอนท่ี ๒ ใหน กั เรยี นเลอื กคาํ ตอบทถ่ี กู ทส่ี ดุ เพยี งขอ เดยี ว

๑. การเขา รว มสมั มนาเชงิ วชิ าการในหวั ขอ “ภาษาไทยในศตวรรษหนา ” จดั ไดว า เปน การชม
เพอ่ื จดุ มงุ หมายใด
๑. เพอ่ื ใหไ ดข อ คดิ
๒. เพอ่ื หาเพอ่ื นใหม
๓. เพอ่ื ความเพลดิ เพลนิ
๔. เพอ่ื ใหไ ดค วามรแู ละความรอบรู

๒. ขอ ใดควรปฏบิ ตั ขิ ณะชมภาพยนตรใ นโรงภาพยนตร
๑. นอ งแปงปดโทรศัพทม อื ถือ
๒. พเ่ี สอื แกลง เตะเบาะคนขา งหนา
๓. นอ งกอ งภพลกุ ขน้ึ เดนิ ปรบั อริ ยิ าบท
๔. พอ่ี าทติ ยเ ปด เพลงฟง คลอไปกบั การชมภาพยนตร

82 เสียงเพลงกบั เสียงกร๊ดี

ทบทวน การชมการแสดง

ก่อนจาก..

๑. ความหมาย
การชมการแสดง คอื การใชทกั ษะการฟง และการดูประกอบกนั
เพอ่ื ใหไ ดจดุ มุงหมายตามท่ตี องการ
Learn Education
การแบง ประเภทตามลักษณะการรับสาร ๒.
ได ๒ ประเภท
๑. การรับสารแบบมกี ารโตตอบกนั
๒. การรับสารแบบไมม กี ารโตตอบกัน

๓. การแบง ประเภทตามจดุ มุง หมาย ได ๓ ประเภท
๑. เพ่อื แสวงหาความรูและความรอบรู
๒. เพอ่ื ความเพลิดเพลนิ ซาบซึง้
๓. เพ่ือใหไดข อคิด

ขอควรปฏบิ ตั ิในการรับชมการแสดง ๔.

๑. มีความพรอมในการฟง และดู ทง้ั ทางรางกายและจติ ใจ

๒. มีอาการสาํ รวมและมีมารยาท ใหเกียรตผิ สู งสาร

๓. เคารพและปฏิบตั ติ ามกฎ ระเบียบ ขอบังคับของสถานที่การแสดงน้นั

83เสียงเพลงกบั เสียงกร๊ีด

แบบฝึกหัด รายวชิ าภาษาไทย

วิวิธภาษา ม.๑

การเขียนบรรยาย

เป็็นการเขียี นเล่่าเหตุกุ ารณ์์ เพื่่�อให้ผ้ ู้้�อ่า่ นเห็น็ ภาพเหตุกุ ารณ์์ทั้้�งหมดได้ช้ ััดเจนมากขึ้�้น ในบางครั้ง�้ อาจมีี
การแทรกบทสนทนาระหว่่างตััวละครเพื่่อ� ช่่วยให้ผ้ ู้�้ อ่่านเข้า้ ใจลัักษณะอารมณ์์ ความคิิดของตััวละคร และ
เข้า้ ใจเรื่�อ่ งทั้�้งหมดได้้ดีี

เด็ก็ หญิงิ จุ๊บ๊� จิ๊๊�บ
Learn Education
พิิจารณาโครงเรื่อ่� ง

............................ ............................ .....................................

๑. ใคร ๒. ทำำ�อะไร ๓. ที่่�ไหน ๔. เมื่อ�่ ไร ๕. อย่่างไร

............................ ............................

84 เสียงเพลงกับเสียงกร๊ดี

หลกั การเขยี นบรรยาย

กาํ หนดจดุ มุงหมายในการเขยี น
- เขียนบรรยายประสบการณ
- เขียนบรรยายอตั ชีวประวัติ
Learn Education
วางเคา โครงเรื่องท่ตี อ งการเขยี น

๑. ใคร
๒. ทาํ อะไร
๓. ท่ีไหน
๔. เม่อื ไร
๕. อยา งไร

ลงมอื เขยี นบรรยาย

โดยตองคาํ นงึ ถึงหลกั ในการใช
ภาษาไทยใหถูกตอ ง

85เสียงเพลงกบั เสียงกร๊ีด

Learn Educationแบบฝึกหัด รายวชิ าภาษาไทย

วิวิธภาษา ม.๑

น้ องลองทาํ

คําชแี้ จง ตอนที่ ๑ ใหนกั เรียนเตมิ ชอ งวา งใหถ ูกตอ ง

๑. ใหน ักเรยี นเตมิ ขอ ความใหส อดคลองกับเน้อื เรอื่ ง
“คุณกอยเปนพนักงานบัญชขี องบริษทั แหงหนง่ึ ใจกลางกรุงเทพมหานคร ตอนนน้ี ากิ า

สถานรี ถไฟบอกเวลา ๗.๑๕ น. คุณกอยกเ็ ดนิ ทางมาถึงสถานีรถไฟฟา คณุ กอ ยโดยสารรถไฟฟา
เพ่ือไปทํางานเปน ประจาํ ทกุ วัน โดยทจี่ ะถึงที่ทํางานในเวลาประมาณ ๘.๐๐ น.”
จากขอความขา งตน สามารถจดั โครงเร่อื งไดอ ยา งไร
ใคร ....................................................................................................................
ทาํ อะไร ....................................................................................................................
ท่ไี หน ....................................................................................................................
เมือ่ ไร ....................................................................................................................
อยา งไร ....................................................................................................................

คาํ ชี้แจง ตอนท่ี ๒ ใหน ักเรียนใสเ คร่อื งหมาย หนา ขอความที่ถกู ตอ ง
และใสเ ครือ่ งหมาย หนาขอความท่ีไมถกู ตอง

๑. .............การเขียนบรรยายตอ งมีการวางโครงเรื่อง
๒. .............การเขยี นบรรยายตอ งคาํ นงึ ถึงหลักการใชภาษาไทย
๓. .............การเขยี นบรรยายจํากัดเฉพาะการเขียนเพอื่ ใหความรเู ทา น้นั
๔. .............การเขียนบรรยายสามารถแทรกบทสนทนาระหวางตัวละครได
๕. .............การเขียนบรรยายมจี ดุ มุง หมายเพ่อื ใชใ นการแสดงละครเทาน้ัน

86 เสียงเพลงกบั เสียงกร๊ีด

Learn Educationคําช้แี จง ตอนท่ี ๓ ใหน กั เรยี นเลอื กคาํ ตอบทถ่ี กู ทส่ี ดุ เพยี งขอ เดยี ว
๑. ขอ ใดสะกดคาํ ไดถ กู ตอ งทกุ คาํ
๑. คณุ แมช อบซอ้ื เครอ่ื งสาํ อางค
๒. ฉนั มสี ปั ปะรดหลายถงุ อยทู า ยรถกระบะ
๓. ไมม ใี ครอยากคบหากบั คนทช่ี ว่ั ชา สามาร
๔. เรอ่ื งทน่ี าํ มาเขยี นเปน เรอ่ื งทม่ี สี ารประโยชนแ กผ อู า น

87เสียงเพลงกบั เสียงกร๊ีด


Click to View FlipBook Version