1 การปลูก ผักบุ้งจีนอินทรีย์
2 ผักบุ้งจีน ผักบุ้งจีน เป็นผักที่คนไทยนิยมรับประทานเนื่องจากเป็นผักที่หาซื้อได้ขายตาม ท้องตลาด และเกษตรกรนิยมปลูกผักบุ้งจีนเนื่องจากเป็นผักที่ปลูกได้ง่าย เจริญเติบโตไว ระยะเวลาการปลูกเพียง 25-30วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว และ เป็นผักสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี การเตรียมดิน และเตรียมแปลง การเตรียมดินแปลงปลูกผักบุ้งจีน ควรขุด/ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ให้ตากดินทึ้งไว้ประมาณ 5-7 วัน แล้วย่อยหน้าดิน ให้ละเอียด แล้วใส่ปุ๋ย คอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วให้มากและใส่ปูนขาว ต่อมาให้คลุกเคล้าให้เข้ากับ ดินหรือให้ทั่วพื้นที่ แล้วให้ไถยกร่องแปลงกว้าง 1.5-2 เมตร ยาวตามความเหมาะสม และเว้นทางเดินไว้ช่วง 30-50 เซนติเมตร
3 วิธีปลูกผักบุ้งจีน - ก่อนปลูกให้น้าเมล็ดไปแช่น้้านาน 8 – 12 ชั่วโมง เพื่อให้เมล็ดดูดน้้า และช่วยให้ เมล็ดงอกเร็วขึ้น - หลังการแช่น้้า 5-10 นาที ให้คัดเมล็ดที่ลอยน้้าออก เพราะเป็นเมล็ดที่ไม่สมบูรณ์ - การปลูกด้วยการหว่าน ให้หว่านเมล็ดในอัตรา 12-15 กิโลกรัมแห้ง/ไร่ - หากปลูกด้วยการหยอดเมล็ด ให้ใช้ไม้กดลากดินให้เป็นร่องลึก 2-3 เซนติเมตร ระยะห่างแถว 20-25 เซนติเมตร และโรยเมล็ดตามแนวยาว แล้วเกลี่ยดินกลบ - ในพื้นที่ปลูก 100 ตารางเมตร หว่านเมล็ดประมาณ 3.5กิโลกรัม จะได้ผลผลิตเฉลี่ย ประมาณ 175 กิโลกรัม โดยในฤดูร้อนจะเหมาะกับการปลูกผักบุ้งจีนมากที่สุด และมี รอบระยะเวลาในการหว่านเมล็ดทุกๆ 7 วัน/ครั้ง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ต่อเนื่องทุกวัน - หลังการหว่านเมล็ด ให้คลุมด้วยฟางข้าวทั่วแปลง และรดน้้าให้ชุ่ม แช่เมล็ดก่อนปลูกจะช่วยให้งอกเร็วขึ้น
4 การดูแลรักษา อายุ 1-5 วัน - เริ่มงอกและแตกใบจริง 2-4 ใบ ควรดูแลเรื่องการให้น้้าจึงต้องให้น้้าสม่้าเสมอทุก วันๆละ 1 – 2 ครั้ง และควรจัดการก้าจัดวัชพืชร่วมด้วย อายุ7-20 วัน - ต้นเริ่มเจริญเติบโตสูงประมาณ 10-15 ซม. ควรหมั่นรดน้้าให้มากขึ้นและฉีดพ่นเชื้อ ราไตรโคเดอร์มาป้องกันโรคราสนิมขาว เพราะส่วนใหญ่โรคจะเกิดในช่วงระยะนี้ แมลงศัตรูผักบุ้งหากพบว่ามีการระบาดสร้างความเสียหายให้แก่พืช ได้แก่ อาการใบ หงิกงอ สาเหตุจากเพลี้ยเข้าท้าลาย หากพบให้ก้าจัดด้วยน้้าหมักใบยาสูบ น้าไปฉีด พ่นให้ทั่วทุก 5-7 วัน จะช่วยก้าจัดเพลี้ยสาเหตุของใบหงิกงอได้ และช่วงนี้อาจจะใส่ ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่มีไนโตรเจนสูงร่วมด้วยเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต อายุ 25-30 - ต้นจะเจริญเติบโตเต็มที่สูงประมาณ 25-30 ซม. เราสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ พยายามเก็บในช่วงนี้ ถ้าช้ากว่านี้ต้นจะแตกแขนงใบจะใหญ่จะไม่เป็นที่ต้องการของ ท้องตลาด การให้น้้า ผักบุ้งจีนเป็นพืชที่ชอบดินปลูกที่ชุ่มชื้น แต่ไม่แฉะจนมีน้้าขัง ฉะนั้นควรรดน้้า ผักบุ้งจีนอยู่เสมอทุกวัน ๆ ละ 1-2 ครั้ง ยกเว้นช่วงที่ฝนตกไม่ต้องรดน้้า อย่าให้แปลง ปลูกผักบุ้งจีนขาดน้้า จะท้าให้ผักบุ้งจีนชะงักการเจริญเติบโต คุณภาพไม่ดี ต้นแข็ง กระด้าง เหนียว ไม่น่ารับประทาน และเก็บเกี่ยวได้ช้ากว่าปกติ การใส่ปุ๋ย ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่บริโภคใบและต้นมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น การเตรียมดินควรมี การท้าการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักก่อนการปลูก เช่น มูลสุกร มูลไก่ เป็นต้น หลังปลูก ผักบุ้งจีนได้ประมาณ 7-14วัน ท้าการให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักครั้งที่ 2 โดยการหว่าน โรยให้ทั่วแปลงปลูก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินและปริมาณปุ๋ยคอกที่ใช้
5 โรคที่ส้าคัญของ ผักบุ้งจีน
6 โรคราสนิมขาว White Rust สาเหตุ เชื้อราอัลบูโก้ ไอโบโมเอ้ อควาติเค้(Albugo ipomoeae-aquaticae) ลักษณะอาการ พบจุดสีเหลืองซีดบนใบ ด้านล่างใบที่จุดเดียวกัน กับจุดสีเหลืองด้านบนเป็นตุ่มนูน ขนาด 1-2 มิลลิเมตร และอาจพบล้าต้น และก้านใบมีปุ่มพองโต การป้องกันก้าจัด: 1. ฉีดพ่นด้วยเชื้อราไตรโครเดอร์มาทุกๆ 5-7 วัน เพื่อป้องกันการระบาด 2. เก็บท้าลายต้นใบและเศษซากพืชที่เป็นโรคให้หมดจากแปลงปลูก รวมไปถึงพวก วัชพืชและผักบุ้งป่าที่มีอยู่ในบริเวณรอบๆ โรคใบไหม้ สาเหตุเชื้อแบคทีเรียแซนโทโมแนส คอมแพสติส (Xanthomonas compestris pv.) ลักษณะอาการ พบตุ่มใสเล็กๆใต้ใบ ต่อมากลายเป็นแผลสีน้้าตาล ด้าขยายออก ท้าให้ใบเหลืองซีด แห้งและร่วงจากต้น การป้องกันก้าจัด 1. ในช่วงเตรียมดินปลูก ควรมีการไถตากดินเพื่อท้าลายในดินอย่างน้อย 7 วัน 2. ฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทีทีลิส เพื่อป้องกันทุกๆ 5-7 วัน 3. หากพบต้นที่เป็นโรครีบถอนท้าลายทันที เพื่อป้องกันการระบาด
7 แมลงศัตรูที่ ส้าคัญของ ผักบุ้งจีน
8 เพลี้ยอ่อน ลักษณะการท้าลาย จะเกาะติดเป็นกลุ่มสีด้าตามต้น, ใบ โดยดูดกินน้้าเลี้ยง ท้าให้ชะงักการ เจริญเติบโต มีมดเป็นตัวน้าพามา จึง ควรหาทางก้าจัดมดไม่ให้เข้าไปใน แปลงปลูก การปลูกบนร่องที่มีน้้า ล้อมรอบ ไม่ควรให้ไม้ทอดสะพานติด กับร่อง เพราะมดจะใช้เป็นทางเดินน้า เพลี้ยอ่อนเข้ามายังต้นผักบุ้ง การป้องกันและก้าจัด 1. หมั่นส้ารวจว่ามีการระบาดของเพลี้ยอ่อนหรือไม่ หากพบ ให้เก็บท้าลาย และฉีด พ่น เชื้อราบิวเวอร์เรีย หรือสารสกัดยาสูบ ผสมกับน้้ายาล้างจานหรือสารจับใบ เล็กน้อย ทุกๆ 3-7 วัน ควรฉีดพ่นในช่วงเย็น 2. อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยอ่อน คือด้วงเต่า จะช่วยควบคุมปริมาณของเพลี้ย อ่อนไม่ให้เกิดการระบาดมากเกิน ด้วงเต่า
9 หนอนผีเสื้อหัวกระโหลก ลักษณะการท้าลาย เป็นระยะตัวหนอนของผีเสื้อ ล้าตัวมีสีเขียว มี แถบสีเหลืองเหลือบฟ้าข้างล้าตัว ขนาดล้าตัวยาว 10-12 เซนติเมตร ลักษณะการท้าลาย ตัวหนอนเข้ากัดกินใบ การป้องกันและก้าจัด 1. ใช้ไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลงฉีดพ่นอัตรา 1 ภาชนะ บรรจุ/น้้า 10 ลิตร ช่วงเย็น 2. ฉีดพ่นสารสกัดจากธรรมชาติ หรือสมุนไพร เช่น น้้าหมักใบยาสูบ 3. ใช้แบคทีเรียบีทีฉีดพ่น 60-80 กรัม/น้้า 20 ลิตร ด้วงเต่าจาน ลักษณะทั่วไป หัวเล็ก ล้าตัวอ้วนป้อม สีเหลืองทอง แบนโค้งนูน เล็กน้อย ผิวเรียบเป็นมัน หนวด ขา หลัง อก และ ปีกมีลักษณะใสเหมือนแก้ว ปีกมีจุดสีด้ากระจายทั่ว ลักษณะการท้าลาย ตัวอ่อนและตัวเต็มไวกัดกินใบ การป้องกันและก้าจัด 1. ใช้กับดักแมลงกาวเหนียว 2. ใช้สารสกัดสมุนไพร เช่น น้้าหมักใบยาสูบ น้้าหมักสะเดา เป็นต้น ด้วงเต่าจาน
10 การเก็บเกี่ยว ผักบุ้งจีนจะสามารถเก็บล้าต้นได้หลังการปลูก 20-30 วัน ซึ่งจะมีความสูง ประมาณ 25-30 เซนติเมตร ถ้าช้ากว่านี้ต้นจะแตกแขนงใบจะใหญ่จะไม่เป็นที่ ต้องการของท้องตลาดด้วย วิธีการเก็บแบบถอนทั้งต้น ทั้งนี้ให้รดน้้าก่อนการถอน และการถอนไม่ควรให้ราก ขาดมาก หลังจากนั้นน้ามาล้างรากให้สะอาด วางกองให้สะเด็ดน้้า ก่อนบรรจุถุงส่ง ตลาด การเก็บเกี่ยวผกับุ้งจนี
11 การปลูก ผักกวางตุ้งอินทรีย์
12 การปลูกกวางตุ้ง ผักกวางตุ้ง เป็นพืชล้มลุก มีก้านใบ ยาวและหนา สีขาวอมเขียว ใบค่อนข้าง หนา ผิวใบเรียบ ดอกออกเป็นช่อ ดอก ย่อยสีเหลืองสด ผักกวางตุ้งมีหลายพันธุ์ แต่ที่คนไทยกินกันมากก็คือ ผักกวางตุ้ง ใบ โด ย ใช้ ส่ วน ใบ แ ล ะก้ าน ใบ ม า ประกอบอาหาร การเตรียมดิน การเตรียมดินแปลงปลูกผักกวางตุ้ง ควรขุด/ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ให้ ตากดินทึ้งไว้ประมาณ 5-7 วัน แล้วย่อยหน้าดิน ให้ละเอียด แล้วใส่ปุ๋ย คอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วให้มากและใส่ปูนขาวต่อมาให้ คลุกเคล้าให้เข้ากับ ดินหรือให้ทั่วพื้นที่ การเตรียมดินแปลงปลูก การใช้ไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลง
13 การหว่านเมล็ด 1. หว่านเมล็ดให้กระจายทั่วทั้งผิวแปลงโดยให้กะระยะหรือน้้าหนักในการหว่านเมล็ด ให้ห่างกันประมาณ 2-3 เซนติเมตร 2. ใช้ดินหรือปุ๋ยคอกที่สลายตัวดีแล้วหว่านกลบเมล็ดหลังหว่านเสร็จแล้ว ให้มีความ หนาประมาณ 1 เซนติเมตร 3. คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้งบางๆ เพื่อรักษาความชื้นในดิน 4. รดน้้าให้ทั่วถึงและสม่้าเสมอเช้า-เย็น ต้นกล้าจะงอกประมาณ 7 วัน 5. การถอนแยกและจัดให้มีระยะระหว่างต้น 20-25 เซนติเมตร ควรท้าการก้าจัด วัชพืชร่วมด้วย 6. ในพื้นที่ปลูก 100 ตารางเมตร หว่านเมล็ดประมาณ 0.2 กิโลกรัม จะได้ผลผลิต เฉลี่ยประมาณ 160 กิโลกรัม โดยในฤดูหนาวจะเหมาะกับการปลูกผักกวางตุ้งมาก ที่สุด และมีรอบระยะเวลาในการหว่านเมล็ดทุกๆ 15-20 สัปดาห์/ครั้ง เพื่อให้ได้ ผลผลิตที่ต่อเนื่อง วิธีการดูแลรักษา การให้น้้า กวางตุ้งเป็นพืชที่ชอบน้้ามาก จึงจะสามารถเจริญเติบโตได้ดี ควรรดน้้าวันละ 1-2 ครั้ง (เช้าและเย็น) โดยใช้ลักษณะการฉีดท้าเป็นฝอยในการรดน้้า ต้องไม่ขาดน้้า เพราะจะท้าให้หยุดชะงักการเติบโต ก่อนแยก หลังแยก
14 วิธีการดูแลรักษา(ต่อ) การใส่ปุ๋ย กวางตุ้งต้องการปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูง อาจใส่คอก ปุ๋ยหมัก อัตรา 500 กิโลกรัม/ไร่ หรือปุ๋ยน้้าหมักชีวภาพที่ท้าจากปลา พืชสดหรือพืชสีเขียว ในอัตรา ประมาณ 100 ซีซี. ต่อน้้า 20 ลิตร ทั่งนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินและ ปริมาณปุ๋ยคอกที่ใช้ ควรพ่นปุ๋ยน้้าชีวภาพผสมสารสมุนไพรไล่แมลงทางใบ อาทิตย์ละ ครั้ง พร้อมการราดน้้าหมักจุลินทริย์บนพื้นแปลงปลูกกวางตุ้ง การป้องกันและก้าจัดศัตรูพืช - ฉีดพ่นป้องกันแมลงศัตรูพืชด้วยน้้าหมักสมุนไพรสกัดจากสะเดา สาบเสือ หางไหล และหนอนตายหยาก น้าไปฉีดในช่วงเวลาค่้าหรือเช้าตรู่ เพื่อป้องกันหนอนใยผัก ด้วง หมัดผัก - ไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลง ฉีดพ่นทุก 7 วันครั้ง หากพบการระบาดหนักควรพ่นทุก 3- 5 วันครั้ง เพื่อก้าจัดหนอนใยผัก หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม หนอนคืบ และ ด้วงหมัดผัก การใช้ไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลง
15 วิธีการดูแลรักษา(ต่อ) - ใช้กับดักกาวเหนียว เป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยลดจ้านวนประชากรแมลงในแปลงผักของเรา สามารถช่วยลดความรุนแรงของการระบาดของแมลงได้ การใช้กับดัดการเหนียวจะ ช่วยดักจับแมลงที่โตเต็มวัย โดยเฉพาะตัวที่มีปีก เช่น เพลี้ยไฟ เพลี้ยอ่อน ด้วง หมัด ผัก แมลงหวี่ขาว และผีเสื้อบางชนิด ส้าหรับสีที่แมลงชอบนั้นจะมีอยู่ 2 สี ได้แก่สีฟ้า และสีเหลือง การป้องกันและก้าจัดโรคพืช - ควรฉีดพ่นหรือรดเชื้อราไตรโคเดอร์มา ก่อนปลูกและพบการระบาดของเชื้อราก่อ โรค เพื่อป้องกันโรคเน่าคอดิน โรคใบจุด โรคราน้้าค้าง - เชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ Bacillus subtilis (Bs) ใช้ในการป้องกันและควบคุมโรคพืชที่ เกิดจากเชื้อรา และแบคทีเรียหลายชนิดเช่น โรคเน่าคอดิน โรคใบจุด การใช้กับดักกาวเหนียว
16 โรคที่ส้าคัญของ ผักกวางตุ้ง
17 โรคเน่าคอดิน สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา พิเที่ยม อะฟานิเดอร์มาตัม (Pythium aphanidermatum) วิธีป้องกันก้าจัด 1. ในช่วงเตรียมดินปลูก ควรมีการไถตากดินเพื่อท้าลายเชื้อราในดินอย่างน้อย 7 วัน และ ผสมเชื้อราไตโคเดอร์มาลงไปร่วมกับปุ๋ยคอกเพื่อป้องกันเชื้อราด้วย 2. ฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มา หรือ แบคทีเรีย บีเอส เพื่อป้องกันทุกๆ 5-7 วัน โรคใบจุด สาเหตุเกิดเกิดจากเชื้อราออ เทอร์นาเรีย (Alternariasp.) ลักษณะอาการ อาการทั่วๆ ไป จะเกิดขึ้น บนใบโดยจะเกิดแผลจุดสีด้า หรือเทา บางครั้งอาจพบว่าที่ ข อ บ แ ผ ล มี สี น้้ า ต า ล แ ด ง ล้อมรอบอยู่ สีด้า หรือเทาเข้มที่เห็นบนแผล การระบาดจะถูกพัดพาไปโดยลม น้้า และสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ทุกชนิดที่ไปสัมผัสถูกต้องเข้า การป้องกันก้าจัด 1. ปลูกพืชหมุนเวียน โดยใช้พืชอื่นที่ไม่ใช่ถั่วปลูกสลับหรือเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่สะอาด ปราศจากโรค 2. ในช่วงการเตรียมดินปลูกควรฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มาลงในดิน 3. หากพบการระบาดให้ฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มาทุกๆ 5-7 วัน
18 โรคขอบใบทอง สาเหตุเกิดเชื้อแบคทีเรียแซนโทดโมแนส คัมเพสทิส (Xanthomonas campestris pv.) ลักษณะอาการ โดยอาการจะเริ่มเหลืองและแห้งตาย บริเวณขอบใบขึ้นก่อน แล้วค่อยลามลึกเข้ามา ในเนื้อใบตามแนวเส้นใบที่อยู่ระดับเดียวกัน จน จรดแกนกลางของใบ ท้าให้เกิดอาการเหลือง หรือแห้งเป็นสีน้้าตาลรูปตัววีขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะ อาการพิเศษเฉพาะของโรคนี้ ในรายที่เป็น รุนแรงเชื้อจะเข้าไปเจริญเติบโตอยู่ที่ก้านใบ เมื่อน้าเอาใบเหล่านี้มาตัดหรือผ่าออกตามขวาง จะเห็นส่วนที่เป็นท่อน้้าเน่าเป็นสีด้า การป้องกันก้าจัด 1. ปลูกพืชหมุนเวียน โดยหลีกเลี่ยงพืชตระกูลกระหล่้า 2. เลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่สะอาดปราศจากโรค 3. ในช่วงการเตรียมดินปลูกควรฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มาลงในดิน หรือคลุกเมล็ด ก่อนปลูก 4. หากพบการระบาดให้ฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มาทุกๆ 5-7 วัน 5. ฉีดพ่นเชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์บาซิลลัส ซับทิริส (Bs) ทุก 3-5 วัน
19 โรคราน้้าค้าง ( Downy Mildew) สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา เพอโรโนสปอร่า พาลาสิติกา (Peronospora parasitica) ลักษณะอาการ อาการเริ่มแรกจะพบที่ใบล่าง โดยเกิดเป็นจุดสีเหลืองหรือสีน้้าตาลขนาดเล็ก แล้ว ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นรูปเหลี่ยมอยู่ระหว่างเส้นใบ นอกจากนี้สามารถตรวจสอบ บริเวณใต้ใบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเช้ามืด จะปรากฏเส้นใยเชื้อราสีขาว หรือสีเทา ใบพืชจะแห้งตายแต่ก้านใบจะชูขึ้น ขอบใบม้วน ใบจะร่วง การป้องกันก้าจัด 1. ฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มาเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการระบาด ทุกๆ 5-7 วัน 2. ราน้้าค้างจะพบมาในช่วงที่อากาศชื้นและเย็น ดังนั้นในช่วงอากาศดังกล่าว ให้ฉีด พ่นเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทิริส (Bs) ทุกๆ 3-5 วัน 3. เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรเก็บซากพืชออกจากแปลงเพราะจะเป็นแหล่งสะสมโรค 4. ควรสลับหมุนเวียนพืชปลูกบ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของโรค
20 แมลงที่ส้าคัญของ ผักกวางตุ้ง
21 เพลี้ยอ่อน ลักษณะการท้าลาย จะเกาะติดเป็นกลุ่มสีด้าตามต้น, ใบ โดยดูดกินน้้าเลี้ยง ท้าให้ชะงักการ เจริญเติบโต มีมดเป็นตัวน้าพามา จึง ควรหาทางก้าจัดมดไม่ให้เข้าไปใน แปลงปลูก การปลูกบนร่องที่มีน้้า ล้อมรอบ ไม่ควรให้ไม้ทอดสะพานติด กับร่อง เพราะมดจะใช้เป็นทางเดินน้า เพลี้ยอ่อนเข้ามายังต้นผักบุ้ง การป้องกันและก้าจัด 1. หมั่นส้ารวจว่ามีการระบาดของเพลี้ยอ่อนหรือไม่ หากพบ ให้เก็บท้าลาย และฉีด พ่น เชื้อราบิวเวอร์เรีย หรือสารสกัดยาสูบ ผสมกับน้้ายาล้างจานหรือสารจับใบ เล็กน้อย ทุกๆ 3-7 วัน ควรฉีดพ่นในช่วงเย็น 2. อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยอ่อน คือด้วงเต่า จะช่วยควบคุมปริมาณของเพลี้ย อ่อนไม่ให้เกิดการระบาดมากเกิน ด้วงเต่า
22 เพลี้ยไฟ ลักษณะการท้าลาย ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยท้าลายส่วนต่างๆของ พืช โดยการดูดน้้าเลี้ยงจากเซลล์พืชท้าให้ บริเวณที่ถูกดูดมีลักษณะอาการแตกต่างกัน เช่ น ก า รแ ต ก ย อ ด จ ะ ท้ า ให้ ช ะ งัก ก า ร เจริญเติบโตยอดอ่อนแคระแกร็น เติบโตช้า พืช อ่อนแอ และท้าให้ใบ ล้าต้น แห้งตายได้การ ระบาดมักพบเสมอในช่วงฤดูร้อนหรือช่วงที่มี อากาศแห้งแล้งฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน การป้องกันก้าจัด 1. ฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย 60-80 กรัม/น้้า 20 ลิตร ทุกๆ 5-7 วัน สลับกับฉีดพ่น สารสกัดใบยาสูบ อัตรา 50-100 ซีซี/น้้า 20 ลิตร ช่วงเย็น 2. เพิ่มการให้น้้าให้ผักกวางตุ้ง ในช่วงอากาศร้อนในตอนกลางวันจะช่วยลดการ ระบาดได้ 3. ใช้กับดักกาวเหนียว เป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยลดจ้านวนประชากรแมลงในแปลงผัก และ สามารถช่วยลดความรุนแรงของการระบาดของแมลงได้ ตัวอย่าง สารสกัดยาสูบ
23 ด้วงหมัดผัก หรือกระเจ๊า ลักษณะการท้าลาย ด้วงหมัดผักเป็นแมลงปีกแข็งชนิดเดียวที่ เป็นศัตรูส้าคัญของผักกวางตุ้ง ตัวแก่กัดกินใบ จนพรุนท้าความเสียหายให้ได้ในระยะก้าลัง เจริญเติบโต ตัวอ่อนที่เป็นตัวหนอนชอบกัดกิน รากพืช บางครั้งเกิดระบาดในแปลงกล้าก็ท้า ความเสียหายให้ได้ ด้วงหมัดชอบท้าลายโดย ตัวแก่กัดกินใบและตัวหนอนกัดกินรากและหัว การป้องกันก้าจัด 1. การไถตากดินในฤดูแล้ง จะช่วยท้าลายตัวอ่อนหรือดักแด้ที่อยู่ในดิน 2. ระยะใข่ ฉีดพ่นด้วย บิววาเรีย + เมธาไรเซียม อัตรา 50-100 กรัม ต่อน้้า 20 ลิตร ทุก 3 วัน ช่วงเช้าหรือเย็น และฉีดลงดินด้วย 3. ระยะหนอน บีที จะช่วยก้าจัดหนอนของด้วงหมัดกระโดดได้ย 4. ฉีดพ่นไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลง สัปดาห์ละครั้ง หรือมีการระบาดหนักทุกๆ 3-5 วัน/ครั้ง 5. ใช้กับดักกาวเหนียว เป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยลดจ้านวนประชากรแมลงในแปลงผัก และ สามารถช่วยลดความรุนแรงของการระบาดของแมลงได้ การใช้กับดักกาวเหนียว
24 หนอนคืบกินใบ ลักษณะท้าลาย หนอนคืบกินใบเป็นแมลงศัตรูที่ท้าความ เสียหายต่อผักตระกูลกะหล่้าได้หลายชนิด เป็น หนอนขนาดกลางกินจุ ในระยะแรกตัวหนอนจะกัด กินที่ผิวใบ เมื่อตัวหนอนโตขึ้นจะกัดกินใบท้าให้เป็น รอยแหว่งเหลือแต่ก้านใบ แมลงชนิดนี้จะท้าลาย โดยกัดกินใบเป็นส่วนใหญ่และการท้าลายเป็นไป อย่างรวดเร็ว การป้องกันก้าจัด 1. ฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย อัตรา 60-80 กรัม/น้้า 20 ลิตร 2. ใช้เชื้อราแบคทีเรียบีที (BT)อัตรา 60-80 กรัม ต่อน้้า 20 ลิตร ผสมสารจับใบฉีด พ่นเวลาเย็นสลับกับฉีดพ่น สารสกัด สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉีดพ่นในช่วง เย็น 3. ฉีดพ่นไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลงอัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/ น้้า 10 ลิตรฉีดพ่นช่วงเย็น 4. ควบคุมปริมาณของตัวแม่ผีเสื้อ โดยฉีดพ่น สารสกัดขมิ้นชัน บอระเพ็ด สาบเสือ ในช่วงเย็นเพื่อขับไล่ ป้องกันการวางไข่
25 หนอนกระทู้ผัก ลักษณะ ลักษณะหนอนจะมีล้าตัวอ้วนผิวหนังเรียบ ลายสีด้าจะสังเกตเห็นแถบด้าที่ คอชัดเจน ตัวโตเต็มที่ประมาณ 3-4 ซม. เคลื่อนไหวช้า การป้องกันก้าจัด 1. หนอนกระทู้ผักสามารถป้องกันจ้ากัดได้ไม่ยาก เมื่อพบกลุ่มไข่หรือหนอนที่ฟักออก จากไข่ควรเก็บท้าลาย หากปล่อยให้หนอนโตจนหนอนจะแยกย้ายหลบซ่อนตัว กัด กินเจาะเป็นรูสึก ในใบ ดอก และฝัก 2. ฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรีย บีที ทุกๆ 5-7 วัน สลับกับฉีดพ่น สารสกัด สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉีดพ่นในช่วงเย็น 3. ควบคุมปริมาณของตัวแม่ผีเสื้อ โดยฉีดพ่น สารสกัดขมิ้นชัน บอระเพ็ด สาบเสือ ในช่วงเย็นเพื่อขับไล่ ป้องกันการวางไข่ 4. ใช้ไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลง อัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/น้้า 10 ลิตรฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน ครั้ง
26 หนอนใยผัก ลักษณะการท้าลาย หนอนใยผักเมื่อฟักออกมาจากไข่ใหม่ๆ ตัวหนอนจะแทะกินผิวใบด้านล่างเป็นวง กว้างและมักทิ้งผิวใบด้านบนซึ่งมีลักษณะโปร่งแสงเอาไว้หากมีการระบาดรุนแรง หนอนใยผักจะกัดกินใบจนเป็นรูพรุนเหลือแต่ก้านใบ หรือถ้าเกิดกับผักในระยะต้น อ่อน หนอนจะกัดท้าลายส่วนยอดจนชะงักการเจริญเติบโต ส้าหรับผักในระยะที่ออก ดอก ติดฝัก ดอกและฝักอาจถูกท้าลายหมดไปได้ การป้องกันก้าจัด 1. การปลูกพืชหมุนเวียน จะช่วยตัดวงจรชีวิตของหนอนใยผัก ไม่ควรปลูกพืชซ้้าๆ ชนิดเดิมๆ ตลอดปี 2. ใช้เชื้อราเมธาไรเซียมก้าจัดตัวหนอนแมลง อัตรา 50กรัม/น้้า20ลิตร 3. ใช้เชื้อราแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis (BT) อัตรา 60-80 ซีซี. ต่อน้้า 20 ลิตร ผสมสารจับใบฉีดพ่นเวลาเย็น 4. ใช้สารสกัดจากสมุนไพรก้าจัดแมลง เช่น น้้าหมักยาสูบ น้้าหมักจากบอระเพ็ด 5. ใช้ไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลง อัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/น้้า 10 ลิตร ฉีดพ่นในช่วงเย็น 6. ใช้กับดักกาวเหนียวหรือกับดักแสงไฟ ก้าจัดผีเสื้อตัวแม่ เพื่อลดจ้านวนตัวลูก
27 หนอนกระทู้หอม (หนอนหลอดหอม หนอนหอม หนอนหนังเหนียว) ลักษณะ เป็นแมลงจ้าพวกผีเสื้อ กลางคืนขนาดเล็ก แม่ผีเสื้อ วางไข่เป็นกลุ่มสีขาว หนอน โตเต็มที่มีขนาด 3 เซนติเมตร สีของหนอนมีแตกต่างกันได้ เช่น สีเขียวอ่อนเทา น้้าตาล น้้าตาลด้า เป็นต้น ลักษณะที่ สังเกตได้ง่ายคือ หนอนมี ล้าตัวอ้วนผนังล้าตัวเรียบ มี แนวสีขาวพาดไปตามความยาวด้านข้างของล้าตัวเมื่อโตเต็มที่จะเคลื่อนย้ายมาบริเวณ โคนต้น เพื่อเข้าดักแด้ในดิน การป้องกันก้าจัด 1. ฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรีย บีที ทุกๆ 5-7 วัน สลับกับฉีดพ่น สารสกัด สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉีดพ่นในช่วงเย็น 2. ควบคุมปริมาณของตัวแม่ผีเสื้อ โดยฉีดพ่น สารสกัดขมิ้นชัน บอระเพ็ด สาบเสือ ในช่วงเย็นเพื่อขับไล่ ป้องกันการวางไข่ 3. ใช้ไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลง อัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/น้้า 10 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน ครั้ง 4. ใช้เชื้อราเมธาไรเซียมฉีดพ่นก้าจัดตัวหนอนแมลง
28 การเก็บเกี่ยว อายุการเก็บเกี่ยวของผักกวางตุ้งค่อนข้างเร็ว คือ ประมาณ 35-45 วัน การเก็บ เกี่ยวโดยเลือกต้นที่มีขนาดใหญ่ตามต้องการ แล้วใช้มีดคมๆ ตัดที่โคนต้นแล้วท้าการ ตัดแต่งใบนอกที่แก่หรือใบที่ถูกโรคหรือแมลงท้าลายออก หลังจากตัดแต่งแล้วจึง บรรจุภาชนะเพื่อส่งจ้าหน่ายตลาดต่อไป
29 การปลูก คะน้าอินทรีย์
30 ผักคะน้า คะน้า เป็นพืชผักใบเขียวที่นิยมทั้งรับประทานและปลูกกันมาก อายุเก็บเกี่ยว ประมาณ 45-55 วัน ผักคะน้าสามารถปลูกได้ตลอดปี แต่เวลาที่ปลูกได้ผลดีที่สุด ในช่วงเดือนตุลาคม-เมษายน การเตรียมดิน การเตรียมดินแปลงปลูกผักคะน้า ควรขุด/ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ให้ ตากดินทึ้งไว้ประมาณ 5-7 วัน แล้วย่อยหน้าดิน ให้ละเอียด แล้วใส่ปุ๋ย คอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วให้มากและใส่ปูนขาวต่อมาให้ คลุกเคล้าให้เข้ากับ ดินหรือให้ทั่วพื้นที่ การเตรียมดินแปลงปลูก
31 การหว่านเมล็ด 1. หว่านเมล็ดให้กระจายทั่วทั้งผิวแปลงโดยให้กะระยะหรือน้้าหนักในการหว่านเมล็ด ให้ห่างกันประมาณ 2-3 เซนติเมตร 2. ใช้ดินหรือปุ๋ยคอกที่สลายตัวดีแล้วหว่านกลบเมล็ดหลังหว่านเสร็จแล้ว ให้มีความ หนาประมาณ 1 เซนติเมตร 3. คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้งบางๆ เพื่อรักษาความชื้นในดิน 4. รดน้้าให้ทั่วถึงและสม่้าเสมอเช้า-เย็น ต้นกล้าจะงอกประมาณ 7 วัน 5. หลังจากต้นคะน้างอกแล้วประมาณ 20 วัน หรือต้นสูงประมาณ 10 เซนติเมตร ให้ เริ่มถอนแยกโดยเลือกต้นที่ไม่สมบูรณ์ออก ทิ้งระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 10 เซนติเมตร ต้นอ่อนของคะน้าที่ถอนแยกออกมาในวัยนี้เมื่อเด็ดรากออกแล้วส่งขาย ตลาดเป็นยอดผักได้ 6. เมื่อคะน้ามีอายุประมาณ 30 วัน ให้ถอนแยกครั้งที่ 2 ให้เหลือระยะห่างระหว่าง ต้น 20 เซนติเมตร ต้นอ่อนของคะน้าที่ถอนแยกออกมาในวัยนี้เมื่อเด็ดรากออกแล้ว ส่งขายตลาดเป็นยอดผักไต้ 7. ในการถอนแยกคะน้าแต่ละครั้งควรก้าจัดวัชพืชไปด้วย 8. ในพื้นที่ปลูก 100 ตารางเมตร หว่านเมล็ดประมาณ 0.2 กิโลกรัม จะได้ผลผลิต เฉลี่ยประมาณ 160 กิโลกรัม โดยในฤดูหนาวจะเหมาะกับการปลูกผักคะน้ามากที่สุด และมีรอบระยะเวลาในการหว่านเมล็ดทุกๆ 15-20 สัปดาห์/ครั้ง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ ต่อเนื่อง คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้งบางๆ เพื่อรักษาความชื้นในดิน
32 การดูแลรักษา การให้น้้า 1. คะน้าต้องการน้้าอย่างเพียงพอและสม่้าเสมอ เนื่องจากมีการเจริญเติบโตอย่าง รวดเร็ว ดังนั้นควรปลูกในแหล่งที่มีน้้าอย่างเพียงพอ 2. การให้น้้าควรรดให้ทั่วและให้ชุ่ม ในเวลาเช้าและเย็น การใส่ปุ๋ย คะน้าต้องการปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูง อาจใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก อัตรา 500 กิโลกรัม/ไร่ หรือใส่ปุ๋ยน้้าหมักชีวภาพที่ท้าจากพืชสดหรือพืชสีเขียว ในอัตราประมาณ 100 ซีซี. ต่อน้้า 20 ลิตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินและปริมาณปุ๋ยคอก ที่ใช้ ควรพ่นปุ๋ยน้้าชีวภาพผสมสารสมุนไพรไล่แมลงทางใบ อาทิตย์ละครั้ง พร้อมการ ราดน้้าหมักจุลินทริย์บนพื้นแปลงปลูกคะน้า
33 โรคที่ส้าคัญ ของผักคะน้า
34 โรคขอบใบทอง สาเหตุเกิดเชื้อแบคทีเรียแซนโทโมแนส แคมแพสติส (Xanthomonas campestris pv.) ลักษณะอาการ โดยอาการจะเริ่มเหลืองและแห้งตาย บริเวณขอบใบขึ้นก่อน แล้วค่อยลามลึกเข้ามา ในเนื้อใบตามแนวเส้นใบที่อยู่ระดับเดียวกัน จนจรดแกนกลางของใบ ท้าให้เกิดอาการ เหลืองหรือแห้งเป็นสีน้้าตาลรูปตัววีขึ้น ซึ่งเป็น ลักษณะอาการพิเศษเฉพาะของโรคนี้ ในรายที่ เป็นรุนแรงเชื้อจะเข้าไปเจริญเติบโตอยู่ที่ก้าน ใบ เมื่อน้าเอาใบเหล่านี้มาตัดหรือผ่าออกตาม ขวางจะเห็นส่วนที่เป็นท่อน้้าเน่าเป็นสีด้า การป้องกันก้าจัด 1. ปลูกพืชหมุนเวียน โดยหลีกเลี่ยงพืชตระกูลกระหล่้า 2. เลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่สะอาดปราศจากโรค 3. ในช่วงการเตรียมดินปลูกควรฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มาลงในดิน หรือคลุกเมล็ด ก่อนปลูก 4.หากพบการระบาดให้ฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มาทุกๆ 5-7 วัน 5. ฉีดพ่นเชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์บีเอส (Bacillus subtilis (Bs))
35 โรคเน่าคอดิน สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา พิ เที่ ย ม อ ะ ฟ า นิ เด อ ร์ ม า ตั ม (Pythium aphanidermatum) วิธีป้องกันก้าจัด 1. ในช่วงเตรียมดินปลูก ควรมีการไถตากดินเพื่อท้าลายเชื้อราในดินอย่างน้อย 7 วัน และ ผสมเชื้อราไตโครเดอร์มาลงไปร่วมกับปุ๋ยคอกเพื่อป้องกันเชื้อราด้วย 2. ฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มา หรือ แบคทีเรีย บีเอส เพื่อป้องกันทุกๆ 5-7 วัน โรคใบจุด สาเหตุเกิดจากเชื้อราออเทอร์นาเรีย (Alternariasp.) ลักษณะอาการ อาการทั่วๆ ไป จะเกิดขึ้นบนใบ โด ยจ ะเกิ ด แ ผ ล จุด สี ด้ าห รือ เท า บางครั้งอาจพบว่าที่ขอบแผลมีสี น้้าตาลแดงล้อมรอบอยู่ สีด้า หรือเทา เข้มที่เห็นบนแผล การระบาดจะถูกพัด พาไปโดยลม น้้า และสิ่งที่เคลื่อนไหว ได้ทุกชนิดที่ไปสัมผัสถูกต้องเข้า การป้องกันก้าจัด 1. ปลูกพืชหมุนเวียน โดยใช้พืชอื่นที่ไม่ใช่ถั่วปลูกสลับหรือเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่สะอาด ปราศจากโรค 2. ในช่วงการเตรียมดินปลูกควรฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มาลงในดิน 3.หากพบการระบาดให้ฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มาทุกๆ 5-7 วัน
36 โรคราน้้าค้าง ( Downy Mildew) สาเหตุเกิดจากเชื้อรา พีโรโนสปอร์รา พาลาสิติกา (Peronospora parasitica) ลักษณะอาการ อาการเริ่มแรกจะพบที่ใบล่าง โดยเกิดเป็นจุดสีเหลืองหรือสีน้้าตาลขนาดเล็ก แล้ว ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นรูปเหลี่ยมอยู่ระหว่างเส้นใบ นอกจากนี้สามารถตรวจสอบ บริเวณใต้ใบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเช้ามืด จะปรากฏเส้นใยเชื้อราสีขาว หรือสีเทา ใบพืชจะแห้งตายแต่ก้านใบจะชูขึ้น ขอบใบม้วน ใบจะร่วง การป้องกันก้าจัด 1. ฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มาเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการระบาด ทุกๆ 5-7 วัน 2. ราน้้าค้างจะพบมาในช่วงที่อากาศชื้นและเย็น ดังนั้นในช่วงอากาศดังกล่าว ให้ฉีด พ่นเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ซับทิริสทุกๆ 3-5 วัน 3. เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรเก็บซากพืชออกจากแปลงเพราะจะเป็นแหล่งสะสมโรค 4. ควรสลับหมุนเวียนพืชปลูกบ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของโรค
37 แมลงที่ส้าคัญ ของผักคะน้า
38 เพลี้ยอ่อน ลักษณะการท้าลาย จะเกาะติดเป็นกลุ่มสีด้าตามต้น ใบ โดยดูดกินน้้าเลี้ยง ท้าให้ชะงักการ เจริญเติบโต มีมดเป็นตัวน้าพามา จึง ควรหาทางก้าจัดมดไม่ให้เข้าไปในแปลง ปลูก การปลูกบนร่องที่มีน้้าล้อมรอบ ไม่ควรให้ไม้ทอดสะพานติดกับร่อง เพราะมดจะใช้เป็นทางเดินน้าเพลี้ย อ่อนเข้ามายังต้นผักบุ้ง การป้องกันและก้าจัด 1. หมั่นส้ารวจว่ามีการระบาดของเพลี้ยอ่อนหรือไม่ หากพบ ให้เก็บท้าลาย และฉีด พ่น เชื้อราบิวเวอร์เรีย หรือสารสกัดยาสูบ ผสมกับน้้ายาล้างจานหรือสารจับใบ เล็กน้อย ทุกๆ 3-7 วัน ควรฉีดพ่นในช่วงเย็น 2. อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยอ่อน คือด้วงเต่า จะช่วยควบคุมปริมาณของเพลี้ย อ่อนไม่ให้เกิดการระบาดมากเกิน ด้วงเต่า
39 เพลี้ยไฟ ลักษณะการท้าลาย ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยท้าลายส่วนต่างๆของ พืช โดยการดูดน้้าเลี้ยงจากเซลล์พืชท้าให้บริเวณ ที่ถูกดูดมีลักษณะอาการแตกต่างกัน เช่น การ แตกยอดจะท้าให้ชะงักการเจริญเติบโตยอดอ่อน แคระแกร็น เติบโตช้า พืชอ่อนแอ และท้าให้ใบ ล้าต้น แห้งตายได้การระบาดมักพบเสมอในช่วง ฤดูร้อนหรือช่วงที่มีอากาศแห้งแล้งฝนทิ้งช่วงเป็น เวลานาน การป้องกันก้าจัด 1. ฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย 60-80 กรัม/น้้า 20 ลิตร ทุกๆ 5-7 วัน สลับกับฉีดพ่น สารสกัดใบยาสูบ อัตรา 50-100 ซีซี/น้้า 20 ลิตร ช่วงเย็น 2. เพิ่มการให้น้้าให้ผักคะน้า ในช่วงอากาศร้อนในตอนกลางวันช่วยลดการระบาดได้ 3. ใช้กับดักกาวเหนียว เป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยลดจ้านวนประชากรแมลงในแปลงผัก และ สามารถช่วยลดความรุนแรงของการระบาดของแมลงได้ ตัวอย่าง สารสกัดใบยาสูบ ตัวอย่าง เชื้อราบิวเวอร์เรีย
40 ด้วงหมัดผัก หรือกระเจ๊า ลักษณะการท้าลาย ด้วงหมัดผักเป็นแมลงปีกแข็งชนิดเดียวที่เป็น ศัตรูส้าคัญของผักกวางตุ้ง ตัวแก่กัดกินใบจนพรุน ท้าความเสียหายให้ได้ในระยะก้าลังเจริญเติบโต ตัวอ่อนที่เป็นตัวหนอนชอบกัดกินรากพื ช บางครั้งเกิดระบาดในแปลงกล้าก็ท้าความเสียหาย ให้ได้ ด้วงหมัดชอบท้าลายโดยตัวแก่กัดกินใบและ ตัวหนอนกัดกินรากและหัว การป้องกันก้าจัด 1. การไถตากดินในฤดูแล้ง จะช่วยท้าลายตัวอ่อนหรือดักแด้ที่อยู่ในดิน 2. ระยะใข่ ฉีดพ่นด้วย"บิววาเรีย+เมธาไรเซียม " อัตรา 50-100 กรัม ต่อน้้า 20 ลิตร ทุก 3 วัน ช่วงเช้าหรือเย็น และฉีดลงดินด้วย 3. ระยะหนอน : บีที จะช่วยก้าจัดหนอนของด้วงหมัดกระโดดได้และบีที สามารถ ก้าจัดหนอนได้ทุกชนิด หมัดกระโดดได้ด้วย 4. ฉีดพ่นไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลง สัปดาห์ละครั้ง หรือมีการระบาดหนักทุกๆ 3-5 วัน/ครั้ง 5. ใช้กับดักกาวเหนียว เป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยลดจ้านวนประชากรแมลงในแปลงผัก และ สามารถช่วยลดความรุนแรงของการระบาดของแมลงได้ ตัวอย่าง ไส้เดือยฝอยก้าจัด การใช้กับดักกาวเหนียว แมลง
41 หนอนคืบกินใบ ลักษณะท้าลาย หนอนคืบกินใบเป็นแมลง ศัตรูที่ท้าความเสียหายต่อผัก ตระกูลกะหล่้าได้หลายชนิด เป็น ห น อ น ข น าด ก ล างกิ น จุ ใน ระยะแรกตัวหนอนจะกัดกินที่ผิว ใบ เมื่อตัวหนอนโตขึ้นจะกัดกินใบท้าให้เป็นรอยแหว่งเหลือแต่ก้านใบ แมลงชนิดนี้จะ ท้าลาย โดยกัดกินใบเป็นส่วนใหญ่และการท้าลายเป็นไปอย่างรวดเร็ว การป้องกันก้าจัด 1. ฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย อัตรา 60-80 กรัม/น้้า 20 ลิตร 2. ใช้เชื้อราแบคทีเรียบีที (BT)อัตรา 60-80 กรัมต่อน้้า 20 ลิตร ผสมสารจับใบฉีดพ่น เวลาเย็น สลับกับฉีดพ่น สารสกัด สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉีดพ่นในช่วง เย็น 3. ฉีดพ่นไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลงอัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/ น้้า 10 ลิตรฉีดพ่นช่วงเย็น 4. ควบคุมปริมาณของตัวแม่ผีเสื้อ โดยฉีดพ่นสารสกัดขมิ้นชัน บอระเพ็ด สาบเสือ ในช่วงเย็นเพื่อขับไล่ ป้องกันการวางไข่ ตัวอย่าง แบคทีเรียบีที ตัวอย่าง เชื้อราบิวเวอร์เรีย
42 หนอนกระทู้หอม (หนอนหลอดหอม หนอนหอม หนอนหนังเหนียว) ลักษณะการท้าลาย ตัวเต็มวัยเป็นแมลงจ้าพวก ผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็ก แม่ผีเสื้อ วางไข่เป็นกลุ่มสีขาว เมื่อหนอน ฟักจากไข่ใหม่ๆ จะรวมกลุ่มกัน แทะกินผิวใบพืช ในระยะต่อมาจะ เริ่ ม ท้ าล าย ย อ ด รุ น แ รงม าก สามารถกัดกินใบ ก้าน ดอก หัวได้ทุกส่วนท้าความเสียหายให้กับพืชมาก มักระบาด ทั่วไปตลอดปีไม่จ้ากัดฤดูกาลปลูก การป้องกันก้าจัด 1. ฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรีย บีที ทุกๆ 5-7 วัน สลับกับฉีดพ่น สารสกัด สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉีดพ่นในช่วงเย็น 2. ควบคุมปริมาณของตัวแม่ผีเสื้อ โดยฉีดพ่น สารสกัดขมิ้นชัน บอระเพ็ด สาบเสือ ในช่วงเย็นเพื่อขับไล่ ป้องกันการวางไข่ 3. ฉีดพ่นไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลง อัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/น้้า10 ลิตรฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน ครั้ง 4. ใช้เชื้อราเมธาไรเซียมฉีดพ่นก้าจัดตัวหนอนแมลง http://southwestmoths.org/Spodoptera_exigua.html http://southwestmoths.org/Spodoptera_exigua.html
43 หนอนกระทู้ผัก ลักษณะการท้าลาย ผีเสื้อตัวเมียจะวางไข่เป็นกลุ่ม คลุมด้วยขนสีน้้าตาลอ่อน 3-4 วัน ฟักออกเป็นตัวหนอน เมื่อฟักออก จากไข่ใหม่ ๆ จะรวมกลุ่มกัดกิน ผิวใบพืช เมื่อโตขึ้นจะกระจายตัว ออกไป กัดกินใบ กลีบเลี้ยง และดอก เป็นรู เว้าแหว่ง ซึ่งระบาดในพืชหลายชนิด การป้องกันก้าจัด 1. หนอนกระทู้ผักสามารถป้องกันจ้ากัดได้ไม่ยาก เมื่อพบกลุ่มไข่หรือหนอนที่ฟักออก จากไข่ควรเก็บท้าลาย หากปล่อยให้หนอนโตจนหนอนจะแยกย้ายหลบซ่อนตัว กัด กินเจาะเป็นรูสึก ในใบ ดอก และฝัก 2. ฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรีย บีที ทุกๆ 5-7 วัน สลับกับฉีดพ่น สารสกัด สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉีดพ่นในช่วงเย็น 3.ควบคุมปริมาณของตัวแม่ผีเสื้อ โดยฉีดพ่น สารสกัดขมิ้นชัน บอระเพ็ด สาบเสือ ในช่วงเย็นเพื่อขับไล่ ป้องกันการวางไข่ 4. ฉีดพ่นไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลง อัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/น้้า 10 ลิตรฉีดพ่นทุกๆ 7 วันครั้ง
44 หนอนใยผัก ลักษณะการท้าลาย หนอนใยผักเมื่อฟักออกมาจากไข่ใหม่ๆ ตัวหนอนจะแทะกินผิวใบด้านล่างเป็นวง กว้างและมักทิ้งผิวใบด้านบนซึ่งมีลักษณะโปร่งแสงเอาไว้หากมีการระบาดรุนแรง หนอนใยผักจะกัดกินใบจนเป็นรูพรุนเหลือแต่ก้านใบ หรือถ้าเกิดกับผักในระยะต้น อ่อน หนอนจะกัดท้าลายส่วนยอดจนชะงักการเจริญเติบโต ส้าหรับผักในระยะที่ออก ดอก ติดฝัก ดอกและฝักอาจถูกท้าลายหมดไปได้ การป้องกันก้าจัด 1. การปลูกพืชหมุนเวียน จะช่วยตัดวงจรชีวิตของหนอนใยผัก ไม่ควรปลูกพืชซ้้าๆ ชนิดเดิมๆ ตลอดปี 2. ใช้เชื้อราเมธาไรเซียมก้าจัดตัวหนอนแมลง อัตรา 50กรัม/น้้า20ลิตร 3. ใช้เชื้อราแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis (BT) อัตรา 60-80 ซีซี. ต่อน้้า 20 ลิตร ผสมสารจับใบฉีดพ่นเวลาเย็น 4. ใช้สารสกัดจากสมุนไพรก้าจัดแมลง เช่น น้้าหมักยาสูบ น้้าหมักจากบอระเพ็ด 5. ใช้ไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลง อัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/น้้า 10 ลิตร ฉีดพ่นในช่วงเย็น 6. ใช้กับดักกาวเหนียวหรือกับดักแสงไฟ ก้าจัดผีเสื้อตัวแม่ เพื่อลดจ้านวนตัวลูก
45 การเก็บเกี่ยวผลผลิต อายุการเก็บเกี่ยวของคะน้าอยู่ที่ประมาณ 45 - 55 วันหลังปลูก คะน้าที่ตลาด ต้องการมากที่สุดคือคะน้าที่มีอายุ 45 วันและคะน้าที่มีอายุ 45–55 วัน เป็นระยะที่ เก็บเกี่ยวได้น้้าหมักมากกว่า วิธีการเก็บเกี่ยวคะน้า ให้ท้าได้ดังนี้ 1. ใช้มีดคมๆ ตัดต้นคะน้าให้ชิดโคนต้น 2. ตัดคะน้าให้เป็นหน้ากระดานไปตลอดทั่งแปลง 3. หลังตัดคะน้าแล้วบางแห่งมัดด้วยเชือกกล้วยมัดละ 5 กิโลกรัม บางแห่งก็บรรจุเข่ง หรือถุง แล้วแต่ความสะดวกในการขนส่ง การเก็บเกี่ยวคะน้าให้ได้คุณภาพดี รสชาติดี และสะอาด ควรปฏิบัติดังนี้ 1. เก็บในเวลาเช้าดีกว่าเวลาบ่าย 2. ใช้มีดเล็กๆตัด อย่าเก็บหรือเด็ดด้วยมือ 3. อย่าปล่อยให้ผักมีอายุมากหรือแก่เกินไป 4. หลังเก็บเกี่ยวเสร็จควรน้าผักเข้าที่ร่ม วางในที่โปร่งและอากาศเย็น 5. ภาชนะที่บรรจุผักควรสะอาด
46 การปลูก ผักชีอินทรีย์
47 การเตรียมดิน แปลงปลูกอาจเตรียมแบบ ยกร่องจีน มีคูน้้าล้อมรอบแบบ ยกร่องธรรมดา หรือปลูกใน แปลง โดยการไถพรวนแล้วโรย เป็นแถว ผักชีเป็นผักที่มีระบบ รากตื้น การเตรียมดินปลูกผักชี ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับการปลูกผัก อื่นๆ ทั่วไป โดยขุดหรือไถพลิก ดิ น ลึ ก ป ร ะ ม า ณ 15-20 เซนติเมตร ตากดินไว้ 5-7 วัน เพื่อฆ่าเชื้อโรคและวัชพืชต่างๆ แล้วพรวนย่อยดินให้แตกเป็นก้อนเล็ก ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักให้มาก คลุกเคล้าให้เข้า กับดินและปรับหน้าดินให้เสมอ การเตรียมเมล็ดพันธุ์ ผักชีเป็นพืชที่ขยายพันธุ์ด้วยการใช้เมล็ด ดังนั้นก่อนที่จะปลูกต้องเตรียมเมล็ด พันธุ์ให้พร้อม โดยการน้าผลมาบดให้แตกเป็นสองซีก แล้วน้าไปแช่น้้าประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วเอาขึ้นมาผึ่งลมให้แห้ง
48 วิธีการปลูก ก่อนปลูกต้องรดน้้าให้ทั่วแปลงน้าเมล็ดที่เตรียมไว้มาหว่านลงบนแปลงปลูกที่ได้ เตรียมไว้ กลบด้วยดินละเอียดบางๆ แล้วคลุกด้วยฟางหรือหญ้าแห้งอีกชั้นหนึ่ง เพื่อ ป้องกันต้นอ่อนจากแสงแดดและรักษาความชื้นของผิวดิน หรือจะปลูกโดยใช้วิธีโรย เป็นแถวบนแปลง ให้แต่ละแถวห่างกัน 20-30 เซนติเมตร แล้วท้าการถอนแยกให้ เหลือระยะระหว่างต้นประมาณ 10-20 เซนติเมตร หลังจากหว่านเสร็จแล้วต้องรดน้้า ให้ชุ่ม อัตราการใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ20 ลิตร ต่อไร่ อัตราการใช้เมล็ดพันธุ์จะมากขึ้นหรือ น้อยลงกว่านี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ ของดิน ฤดูกาล และเปอร์เซ็นต์ความงอก ของเมล็ด หากดินมีความอุดมสมบูรณ์ดีจะ ใช้เมล็ดพันธุ์น้อยลง เพราะผักชีสามารถ เจริญเติบโตได้ดีและรอดตายได้มาก ควรใส่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ทุกๆ 15 วัน
49 การดูแลรักษา การรดน้้าและการก้าจัดวัชพืช ผักชีเป็นผักที่ต้องการน้้ามาก ดังนั้นควรรดน้้าอย่างสม่้าเสมอวันละ2ครั้ง แต่อย่า รถน้้ามากเกินไป เพราะผักชีไม่ชอบน้้าที่ขัง จะท้าให้ผักชีเน่าง่าย ส่วนการก้าจัดวัชพืช ควรก้าจัดอย่างทันที โดยใช้มือถอนได้เลย เพราะวัชพืชจะเป็นตัวแย่งน้้าจากผักชีท้า ให้ผักไปไม่เจริบเติบโต การใส่ปุ๋ยให้ ผักชีหลังจากแตกใบแล้วแนะน้าให้ใส่ปุ๋ยหมัก และจากนั้นให้ใส่ทุกๆ 10-15 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินและพืชปลูก
50 โรคที่ส้าคัญ ของผักชี