The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการปลูกผัก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

คู่มือการปลูกผัก

คู่มือการปลูกผัก

51 โรคต้นเน่า สาเหตุ เกิดจากเชื้อราฟิวซาเลี่ยม (Fusarium sp.) มักมีการระบาดมากในช่วงฤดูฝนและมีน้้าท่วมขังในแปลงปลูก วิธีป้องกันก้าจัด 1. ในช่วงเตรียมดินปลูก ควรมีการไถตากดินเพื่อท้าลายเชื้อราในดินอย่างน้อย 7 วัน และผสมเชื้อราไตโคเดอร์มา ลงไปร่วมกับปุ๋ยคอกเพื่อป้องกันเชื้อราด้วย 2. ฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มา หรือแบคทีเรียบีเอส เพื่อป้องกันทุกๆ 5-7 วัน 3. หากพบต้นที่เป็นโรครีบถอนท้าลายทันที เพื่อป้องกันการระบาด


52 โรคใบไหม้ สาเหตุเกิดจากเชื้อราอัลเทอร์นาเรีย(Alternaria sp.) มักมีการระบาดมากในช่วงฤดูฝน วิธีป้องกันก้าจัด 1. ในช่วงเตรียมดินปลูก ควรมีการไถตากดินเพื่อท้าลายเชื้อราในดินอย่างน้อย 7 วัน และผสมเชื้อราไตรโคเดอร์มา ลงไปร่วมกับปุ๋ยคอกเพื่อป้องกันเชื้อราด้วย 2. ฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มา หรือแบคทีเรีย บีเอส เพื่อป้องกันทุกๆ 5-7 วัน 3. หากพบต้นที่เป็นโรครีบถอนท้าลายทันที เพื่อป้องกันการระบาด


53 แมลงศัตรู ที่ส้าคัญของผักชี


54 เพลี้ยอ่อน ลักษณะและการท้าลาย เป็นแมลงจ้าพวกปากดูด ดูดกินน้้าเลี้ยงพริกที่ถูกเพลี้ยอ่อนท้าลายจะเห็นใบเป็น คลื่น ผิวใบเป็นมันคล้ายถูก ชะโลมด้วย น้้ามัน ใบส่วนยอดจะเรียวเล็กหงิก ใบแก่จะ มีขนาดพื้นที่ใบเกือบเท่าใบปกติ แต่เนื้อใบเป็นคลื่น และ ม้วนงอเห็นได้ชัดเจน เพลี้ย อ่อนนอกจากจะดูดกินน้้าเลี้ยงจากส่วนอ่อน ๆ ของพริกแล้ว เพลี้ยอ่อนยังเป็นพาหะ แพร่เชื้อไวรัสมายังต้นพริกได้อีกด้วย การป้องกันก้าจัด 1. เนื่องจากเพลี้ยอ่อนมีแมลงศัตรูธรรมชาติหลายชนิด จึงควรอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ ต่างๆ เช่น ด้วงเต่าลายหยัก หรือ ด้วงเต่าสีส้ม หรอด้วงเต่าลายขวาง 2. ฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย สลับกับ สารสกัดจากยาสูบ ฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วัน โดยผสม น้้ายาล้างจานเล็กน้อย และฉีดพ่นในช่วงเย็นหรือแสงแดดไม่จัด


55 การเก็บเกี่ยวผักชี ผักชีจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 40-45วัน ก่อนการเก็บเกี่ยวควรรดน้้า ให้ซุ่มแปลงดินเพื่อการถอนผักชีที่ง่ายขึ้นท้าให้ต้นผักชีไม่ขาด การเก็บเกี่ยวผักชีท้าได้ โดยการใช้มือจับที่โคนรากแล้วถอนดึงขึ้นมา แล้วสะบัดดินออก แล้วน้้าไปล้างน้้า คัด ใบสีเหลืองหรือใบที่เน่าออกมัดๆ เป็นก้าแล้วใส่ตะกร้าเพื่อท้าการขนส่งต่อไป ต้นผักชี ที่เป็นสีเขียวสม่้าเสมอจะขายได้ราคาดี


56 การปลูก ผักปวยเล้งอินทรีย์


57 วิธีการปลูก 1. เตรียมดิน ไถดินตากไว้ 7-10 วัน ไถพรวนดินให้ละเอียดขึ้น แล้วใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ย หมักที่สลายตัวดีแล้วให้มากและใส่ปูนขาว ต่อมาให้คลุกเคล้าให้เข้ากับดินหรือให้ทั่ว พื้นที่ 2. การปลูก หว่านโรยห่างๆ หรือขีดร่องขวางแปลงลึกประมาณ 1 ซม. ห่างกัน 15 ซม. หยอดเมล็ดตามร่องห่างกัน 2-3 ซม. กลบเมล็ดด้วยดินละเอียด คลุมด้วยฟาง หญ้าแห้ง หรือวัสดุคลุมแบบอื่นๆ ที่สามารถจัดหาได้ ดูแลรักษาและรดน้้าเช้าเย็น 3. การถอนแยก หลังหยอดเมล็ด 15 วัน ถอนแยกต้นให้ห่างกัน 10 ซม. ถ้าห่างพอดี อาจจะไม่ต้องถอนแยกก็ได้ 4. ในพื้นที่ปลูก 100 ตารางเมตร หว่านเมล็ดประมาณ 0.5 กิโลกรัม จะได้ผลผลิต เฉลี่ยประมาณ 60 กิโลกรัม โดยในฤดูหนาวจะเหมาะกับการปลูกปวยเล้งมากที่สุด และมีรอบระยะเวลาในการหว่านเมล็ดทุกๆ 3สัปดาห์/ครั้ง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ ต่อเนื่อง 5. การเก็บเกี่ยว สามารถเก็บเกี่ยวได้ เมื่อปวยเล้งมีอายุ 35-45 วัน แล้วแต่พันธุ์หรือ ฤดูกาล โดยถอนต้นพร้อมรากหรือตัดลึกกว่าผิวดินเล็กน้อย ปล่อยให้ต้นอ่อนตัวในที่ ร่ม พืชไม่ควรเปียกเมื่อบรรจุ และไม่ควรล้างน้้าแล้วบรรจุทันทีควรพึ่งไว้ให้น้้าหยด หมดก่อน


58 การดูแลรักษา การให้น้้า ควรให้น้้าอย่างสม่้าเสมอ โดยพิจารณาจากความชุ่มชื้นของดินเป็นหลัก ข้อควร ระวัง อย่าให้น้้ามากเกินไปเพราะจะท้าให้เกิดโคนเน่าหลังจากนั้น การใส่ปุ๋ย การใส่ปุ๋ยจะต้องท้าการใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ผ่านการหมักแล้วครั้งที่ 1 ให้ใส่ ปุ๋ยผสมลงไปในแปลงปลูกก่อนหว่านเมล็ด ใส่ครั้งที่ 2 เมื่อต้นพืชอายุได้ 15-20 วัน ควรใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ผ่านการหมักแล้ว และสังเกตพืชด้วยว่าปุ๋ยหมักเพียงพอ กับความต้องการหรือไม่ หากดูแล้วไม่เพียงพอก็อาจจะใส่เพิ่มอีกได้รวมทั้งยังต้อง ก้าจัดวัชพืชและพรวนดินร่วมด้วย เมื่อมีการถอนหญ้าให้พรวนดินโดยรอบต้นด้วย โดยให้สังเกตภายในแปลงตามความเหมาะสม ส่วนการให้น้้า ควรให้น้้าอย่าง สม่้าเสมอให้พอเหมาะกับพืชไม่ควรแห้งหรือแฉะมากเกินไป โดยให้คอยสังเกตที่ดิน ปลูก


59 โรคที่ส้าคัญ ของปวยเล้ง


60 โรคใบจุด สาเหตุ เกิดจากเชื้อราออเทอร์นาเรีย (Alternariasp.) ลักษณะอาการ อาการทั่วๆ ไป จะเกิดขึ้นบนใบโดย หลังจากการเข้าท้าลายของเชื้อจะเกิด แผลจุดสีด้าหรือเทาเข้ม ส่วนใหญ่จะมี ลักษณะกลมหรือค่อนข้างกลมขนาด ตั้งแต่ ½ – 1 ซม. บางครั้งอาจพบว่าที่ ขอบแผลมีสีน้้าตาลแดงล้อมรอบอยู่ สี ด้า หรือเทาเข้มที่เห็นบนแผล การ ระบาดก็โดยโคนีเดีย(สปอร์) ซึ่งถูกพัด พาไปโดยลม น้้า และสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ ทุกชนิดที่ไปสัมผัสถูกต้องเข้า การป้องกันก้าจัด 1. ปลูกพืชหมุนเวียน โดยใช้พืชอื่นที่ไม่ใช่ถั่วปลูกสลับ 2. เลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่สะอาดปราศจากโรค 3. ในช่วงการเตรียมดินปลูกควรฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มาลงในดิน 4. หากพบการระบาดให้ฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มาทุกๆ 5-7 วัน


61 โรคราน้้าค้าง ( Downy Mildew) สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา พีโรโนสปอร์รา พาลาสิติกา (Peronospora parasitica) ลักษณะอาการ อาการเริ่มแรกจะพบที่ใบล่าง โดยเกิด เป็นจุดสีเหลืองหรือสีน้้าตาลขนาดเล็ก แล้วขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นรูปเหลี่ยมอยู่ ระห ว่างเส้นใบ นอกจากนี้สามารถ ตรวจสอบบริเวณใต้ใบโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนเช้ามืด จะปรากฏเส้นใยเชื้อราสี ขาว หรือสีเทา ใบพืชจะแห้งตายแต่ก้าน ใบจะชูขึ้น ขอบใบม้วน ใบจะร่วง การป้องกันก้าจัด 1. ฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มาเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการระบาด ทุกๆ 5-7 วัน 2. ราน้้าค้างจะพบมาในช่วงที่อากาศชื้นและเย็น ดังนั้นในช่วงอากาศดังกล่าว ให้ฉีด พ่นเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ซับทิริสทุกๆ 3-5 วัน 3. เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรเก็บซากพืชออกจากแปลงเพราะจะเป็นแหล่งสะสมโรค 4. ควรสลับหมุนเวียนพืชปลูกบ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของโรค


62 แมลงศัตรูที่ส้าคัญ ของปวยเล้ง


63 หนอนกระทู้หอม (หนอนหลอดหอม หนอนหอม หนอนหนังเหนียว) ลักษณะ เป็นแมลงจ้าพวกผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็ก แม่ผีเสื้อวางไข่เป็นกลุ่มสีขาว หนอนโตเต็มที่ มีขนาด 3 เซนติเมตร สีของหนอนมีแตกต่าง กันได้ เช่น สีเขียวอ่อนเทา น้้าตาล น้้าตาล ด้า เป็นต้น ลักษณะที่สังเกตได้ง่ายคือ หนอน มีล้าตัวอ้วนผนังล้าตัวเรียบ มีแนวสีขาวพาด ไปตามความยาวด้านข้างของล้าตัว เมื่อโต เต็มที่จะเคลื่อนย้ายมาบริเวณโคนต้น เพื่อ เข้าดักแด้ในดิน การป้องกันก้าจัด 1. ฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรีย บีที ทุกๆ 5-7 วัน สลับกับฉีดพ่น สารสกัด สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉีดพ่นในช่วงเย็น 2. ควบคุมปริมาณของตัวแม่ผีเสื้อ โดยฉีดพ่น สารสกัดขมิ้นชัน บอระเพ็ด สาบเสือ ในช่วงเย็นเพื่อขับไล่ ป้องกันการวางไข่ 3. ใช้ไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลงอัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/น้้า 10 ลิตรฉีดพ่นทุกๆ 7 วันครั้ง 4. ใช้เชื้อราเมธาไรเซียม ฉีดพ่นก้าจัดตัวหนอนแมลง


64 หนอนกระทู้ผัก ลักษณะ ลักษณะหนอนจะมีล้าตัวอ้วนผิวหนังเรียบ ลายสีด้าจะสังเกตเห็นแถบด้าที่คอ ชัดเจน ตัวโตเต็มที่ประมาณ 3-4 ซม. เคลื่อนไหวช้า การป้องกันก้าจัด 1. หนอนกระทู้ผักสามารถป้องกันจ้ากัดได้ไม่ยาก เมื่อพบกลุ่มไข่หรือหนอนที่ฟักออก จากไข่ควรเก็บท้าลาย หากปล่อยให้หนอนโตจนหนอนจะแยกย้ายหลบซ่อนตัว กัด กินเจาะเป็นรูสึก ในใบ ดอก และฝัก 2. ฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรีย บีที ทุกๆ 5-7 วัน สลับกับฉีดพ่น สารสกัด สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉีดพ่นในช่วงเย็น 3. ควบคุมปริมาณของตัวแม่ผีเสื้อ โดยฉีดพ่น สารสกัดขมิ้นชัน บอระเพ็ด สาบเสือ ในช่วงเย็นเพื่อขับไล่ ป้องกันการวางไข่ 4. ใช้ไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลง อัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/น้้า 10 ลิตรฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน ครั้ง


65 เพลี้ยอ่อน ลักษณะการท้าลาย จะเกาะติดเป็นกลุ่มสีด้าตามต้น, ใบ โดยดูดกินน้้าเลี้ยง ท้าให้ชะงักการ เจริญเติบโต มีมดเป็นตัวน้าพามา จึง ควรหาทางก้าจัดมดไม่ให้เข้าไปใน แปลงปลูก การปลูกบนร่องที่มีน้้า ล้อมรอบ ไม่ควรให้ไม้ทอดสะพานติด กับร่อง เพราะมดจะใช้เป็นทางเดินน้า เพลี้ยอ่อนเข้ามายังต้นผักบุ้ง การป้องกันและก้าจัด 1. หมั่นส้ารวจว่ามีการระบาดของเพลี้ยอ่อนหรือไม่หากพบให้เก็บท้าลาย และฉีดพ่น เชื้อราบิวเวอร์เรีย หรือสารสกัดยาสูบ ผสมกับน้้ายาล้างจานหรือสารจับใบเล็กน้อย ทุกๆ 3-7 วัน ควรฉีดพ่นในช่วงเย็น 2. อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยอ่อน คือด้วงเต่า จะช่วยควบคุมปริมาณของเพลี้ย อ่อนไม่ให้เกิดการระบาดมากเกิน ด้วงเต่า


66 หนอนคืบกินใบ ลักษณะท้าลาย หนอนคืบกินใบเป็นแมลงศัตรูที่ท้าความ เสียหายต่อผักตระกูลกะหล่้าได้หลายชนิด เป็น หนอนขนาดกลางกินจุ ในระยะแรกตัวหนอนจะ กัดกินที่ผิวใบ เมื่อตัวหนอนโตขึ้นจะกัดกินใบท้า ให้เป็นรอยแหว่งเหลือแต่ก้านใบ แมลงชนิดนี้จะ ท้าลาย โดยกัดกินใบเป็นส่วนใหญ่และการท้าลาย เป็นไปอย่างรวดเร็ว การป้องกันก้าจัด 1. ฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย อัตรา 60-80 กรัม/น้้า 20 ลิตร 2. ใช้เชื้อราแบคทีเรียบีที (BT) อัตรา 60-80 กรัม ต่อน้้า 20 ลิตร ผสมสารจับใบฉีด พ่นเวลาเย็นสลับกับฉีดพ่น สารสกัด สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉีดพ่นในช่วง เย็น 3. ฉีดพ่นไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลงอัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/ น้้า 10 ลิตรฉีดพ่นช่วงเย็น 4. ควบคุมปริมาณของตัวแม่ผีเสื้อ โดยฉีดพ่น สารสกัดขมิ้นชัน บอระเพ็ด สาบเสือ ในช่วงเย็นเพื่อขับไล่ ป้องกันการวางไข่ ตัวอย่าง แบคทีเรียบีที ตัวอย่าง เชื้อราบิวเวอร์เรีย


67 การเก็บเกี่ยว สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อปวยเล้งมีอายุ 35-45 วัน แล้วแต่พันธุ์หรือฤดูกาล โดย ถอนต้นพร้อมรากหรือตัดลึกกว่าผิวดิน เล็กน้อย ปล่อยให้ต้นอ่อนตัวในที่ร่ม พืชไม่ ควรเปียกเมื่อบรรจุ ( ไม่ควรรดน้้า 24 ชม. ก่อนการเก็บเกี่ยว หรือไม่ควรล้างน้้าก่อน การบรรจุ) วิธีเก็บรักษาปวยเล้ง เราจะมีวิธีเก็บรักษาให้สดนานๆ คือให้ล้างน้้าให้สะอาดดี แล้วให้สะเด็ดน้้าออก ให้หมด แล้วน้ามาห่อด้วยกระดาษหรือผ้าขาวบาง แล้วใส่ถุงหรือกล่องพลาสติก แล้ว น้าไปแช่ตู้เย็น จะเก็บไว้ได้นานขึ้น


68 การปลูก ถั่วฝักยาวอินทรีย์


69 การเตรียมดินปลูก ถั่วฝักยาวเป็นพืชที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินแทบทุกชนิด แต่ลักษณะดินที่มี ความเหมาะสมในการปลูก คือดินร่วนปนทรายไถพรวนความลึกประมาณ 6-8 นิ้ว ตากดินทิ้งไว้ 7 วัน เพื่อท้าลายไข่แมลง และศัตรูพืชบางชนิดในดิน หลังจากนั้นให้ หว่านโรยด้วยปุ๋ยหมัก อัตรา 1 ตัน/ไร่ หากพื้นที่ปลูกมีดินเป็นกรด โดยเฉพาะแปลง ปลูกในพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง และแถบภาคตะวันออก ควรหว่านปูนขาวร่วมด้วย อัตรา 300 กก./ไร่ หลังจากนั้นไถพรวนดินอีกครั้ง และตากดินนาน 3-5 วัน และท้า การไถยกร่องแปลง โดยการปลูกแถวเดี่ยวให้ยกร่องแปลงกว้างประมาณ 80 ซม. แถวคู่ กว้างประมาณ 150 ซม. เว้นทางเดินประมาณ 50 ซม. ในระหว่างแถวโดยให้ หลุมลึกประมาณ 4 นิ้ว หยอดเมล็ดหลุมละ 3-4 เมล็ด แล้วกลบดินให้ลึกประมาณ 5 เซนติเมตร จากนั้นรดน้้าทันทีการปลูกถั่วฝักยาวในเนื้อที่ 1 ไร่ จะใช้เมล็ดพันธุ์ 2-3 กิโลกรัมคัดเมล็ดที่มีต้าหนิออก และควรคลุกเมล็ดด้วยเชื้อแบคทีเรีย ไรโซเบียม เพื่อ ช่วยตรึงไนโตรเจนให้ต้นถั่วแล้วคลุกเมล็ดอีกครั้งด้วยไตรโคเดอร์มาเชื้อสด เพื่อ ป้องกันเชื้อรา และโรครากเน่าโคนเน่า


70 การดูแลรักษา การให้น้้า การให้น้้าระยะ 1-7 วัน ควรให้ทุกวัน ๆ ละ 1 ครั้ง แล้วแต่สภาพภูมิอากาศ และ สภาพดินด้วย หลังจากหยอดเมล็ดแล้วประมาณ 3-5วัน เมล็ดจะเริ่มงอกจากนั้นให้ น้้าตามปกติวันละ 1 ครั้ง หากมีฝนตก อาจจะงดให้น้้าได้ ต้นกล้าเริ่มมีใบจริงประมาณ 4 ใบ ถอนแยกต้นกล้าให้เหลือต้นแข็งแรงไว้ 2 ต้นต่อ หลุม ขณะที่ถอนแยกให้พรวนดินและก้าจัดวัชพืช เพื่อไม่ให้วัชพืชมาแย่งน้้า และ อาหารจากถั่วฝักยาว การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยอินทรีย์ ทุกๆ 15 วัน โดยโรยตามร่องปลูก หรือพรวน ดินข้างร่องแล้วกลบทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินด้วย


71 การท้าค้าง การท้าค้างจะเริ่มเมื่อต้นถั่วมีความสูงประมาณ 15-20 ซม. ซึ่งต้นถั่วจะเริ่มมีมือ เกาะ โดยการใช้ไม้ไผ่ปักระหว่างหลุม ความสูงประมาณ 2-3 เมตร ปักระยะห่าง 2-3 เมตร แล้วรัดขึงด้วยเชือก หรือตะข่าย หรือลวดตามความสูงเป็นชั้นๆ ห่างกัน 30-40 ซม. หรืออาจใช้ปลายไม้ไผ่ที่มีแขนงปักเป็นช่วงๆตามระยะความกว้างของแขนงไม้ไผ่


72 โรคที่ส้าคัญของ ถั่วฝักยาว


73 โรคใบจุด สาเหตุ เกิดจากเชื้อราอัลเทอร์นาเรีย (Alternaria sp.) ลักษณะอาการ อาการทั่วๆ ไป จะเกิดขึ้นบนใบโดย หลังจากการเข้าท้าลายของเชื้อจะเกิด แผลจุดสีด้าหรือเทาเข้ม ส่วนใหญ่จะมี ลักษณะกลมหรือค่อนข้างกลมขนาด ตั้งแต่ ½ – 1 ซม. บางครั้งอาจพบว่าที่ ขอบแผลมีสีน้้าตาลแดงล้อมรอบอยู่ สีด้า หรือเทาเข้มที่เห็นบนแผล การระบาดก็ โดยสปอร์ ซึ่งถูกพัดพาไปโดยลม น้้า และสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ทุกชนิดที่ไปสัมผัส กับบริเวณที่เป็นโรค การป้องกันก้าจัด 1. ปลูกพืชหมุนเวียน โดยใช้พืชอื่นที่ไม่ใช่ถั่วปลูกสลับ 2. เลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่สะอาดปราศจากโรค 3. ในช่วงการเตรียมดินปลูกควรฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มาลงในดินเพื่อป้องกัน ก้าจัดโรคก่อนท้าการปลูกถั่วฝักยาว 4. หากพบการระบาดให้ฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มาทุกๆ 5-7 วัน


74 โรคราแป้ง สาเหตุ เชื้อราอออิเดียม (Oidium sp.) ลักษณะอาการ จะพบผงสีขาวทั้งด้านใต้ใบ และบนใบถ้าเป็นมากผงสีขาวจะ หนาแน่นมองเห็นชัดเจนเมื่อเอา มือลูบจะหลุดออกเป็นผงแป้งจะ พบมากบริเวณใบแถวโคนต้นแล้ว ลุกลามขึ้นด้านบนและผงสีขาวจะ เปลี่ยนเป็นสีน้้าตาลแดงและ ระบาดโดยปลิวไปตามลม การป้องกันก้าจัด 1. ไม่ควรเก็บเมล็ดพันธุ์จากต้นเป็นโรคไปปลูกต่อ 2. ควรรดน้้าต้นถั่วให้เปียกทั่วใบอย่างสม้่าเสมอ เพราะราแป้งนี้จะไม่งอกถ้ามีความชื้นมาก 3. ฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ซับทิริส ทุกๆ 5-7 วัน หากมีการระบาดมาก ให้ใช้ก้ามะถันฉีด พ่นได้ ห้ามฉีดพ่นในช่วงกลางวันที่อากาศร้อนจัด เพราะจะท้าให้ใบไหม้และดอกร่วงได้ 4. แปลงที่เป็นโรคมากควรรื้อและเผาท้าลายทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นแหล่งแพร่กระจายของ เชื้อโรคต่อไป


75 โรคราสนิม สาเหตุเชื้อรายูโรไมซีสUromyces sp. ลักษณะอาการ จะพบที่ใบแก่เป็นสวนมากโดยมีตุ่มนูน ขนาดเล็กๆสีเหลืองซีดตรงกลางตุ่มมีแผล แตกซึ่งจะมีผงสีสนิมเหล็กเกาะอยู่เป็นกลุ่ม เมื่อโรคระบาดมากขึ้นจ้านวนจุดต่อไปจะ มากขึ้นลุกลามจากส่วนล่างๆสู่ส่วนบนของ ต้นและใบที่เป็นมากจะเหลืองและรวงหล่น ไปมักจะพบอยู่เสมอในทุกๆแหล่งที่มีการ ปลูกถั่วฝักยาว การป้องกันก้าจัด 1. หมั่นตรวจดูแปลงปลูกอย่างสม้่าเสมอโดยเฉพาะใบในทรงพุ่มและใบแก่ตอนล่าง ของต้นถั่วฝักยาว 2. ฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มา ทุก 5-7 วัน รวมทั้งราดหลุมปลูกก่อนปลูก 3. แปลงปลูกที่ทรุดโทรมแล้วควรรีบรื้อออกและเผาท้าลายเพื่อตัดต้นตอของโรคที่จะ ระบาดในการปลูกครั้งต่อไปควรปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อป้องกันการสะสมของโรค


76 โรคใบด่าง สาเหตุ เกิดจากไวรัส คาว พี อัลฟิด บอร์น โมเสก ไวรัส (Cow pea aphid-borne mosaic virus (CAMV)) ลักษณะอาการ จะพบโรคใบด่างได้ทั่วทุก แปลงที่ปลูกถั่วฝักยาวอาการคือ ใบจะด่างสีเหลืองสลับเขียวอ่อน และขาวซีดจะเห็นได้ชัดเจนโรค นี้จะแพร่กระจายโดยติดไปกับ เมล็ดพันธุ์หรือแมลงปากดูดถ้า เป็นกับตนถั่วที่ยังเล็กจะไม่ให้ ผลผลิต การป้องกันก้าจัด 1. หากพบอาการดังกล่าวให้รีบเก็บท้าลายออกจากแปลงปลูกเพราะอาจเกิดการ ระบาดไปยังต้นอื่นได้ 2. ควบคุมเพลี้ยอ่อน เพราะเป็นพาหะของโรค โดยฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย ทุกๆ 5-7 วัน สลับการฉีดพ่นสารสกัด ยาสูบ สะเดา บอระเพ็ด เป็นต้น


77 แมลงศัตรู ที่ส้าคัญของ ถั่วฝักยาว


78 เพลี้ยอ่อน ลักษณะการท้าลาย จะเกาะติดเป็นกลุ่มสีด้าตาม ต้น, ใบ และดอก โดยดูดกินน้้า เลี้ยง ท้าให้ชะงักการเจริญเติบโต ดอกร่วง ไม่ติดฝัก และหากฝัก อ่อนถูกดูดกินน้้าเลี้ยงจะท้าให้ได้ ฝักขนาดเล็กลง มีมดเป็นตัว น้าพามา จึงควรหาทางก้าจัดมด ไม่ให้เข้าไปในแปลงปลูกถั่ว การ ปลูกบนร่องที่มีน้้าล้อมรอบ ไม่ควรให้ไม้ทอดสะพานติดกับร่อง เพราะมดจะใช้เป็น ทางเดินน้าเพลี้ยอ่อนเข้ามายังต้นถั่วฝักยาว การป้องกันและก้าจัด 1. หมั่นส้ารวจว่ามีการระบาดของเพลี้ยอ่อนหรือไม่ หากพบ ให้เก็บท้าลาย และฉีด พ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย หรือสารสกัดยาสูบ ผสมกับน้้ายาล้างจานหรือสารจับใบ เล็กน้อย ทุกๆ 3-7 วัน ควรฉีดพ่นในช่วงเย็น 2. อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยอ่อน คือด้วงเต่า จะช่วยควบคุมปริมาณของเพลี้ย อ่อนไม่ให้เกิดการระบาดมากเกิน


79 ไรแดง ลักษณะการท้าลาย ชอบดูดกินน้้าเลี้ยง อยู่ด้านใต้ใบ จะเห็นเป็น จุดด่างขาวที่ใบ ถ้าระบาด รุนแรงใบจะขาวซีดและ แห้งเหี่ยวไปในที่สุด ท้าให้ ต้นทรุดโทรมเร็วกว่าปกติ ดอกร่วง ในกรณีที่เกิดการระบาดของไรแดงบนพืชอย่างรุนแรง เรามักพบไรแดง รวมกันอยู่เป็นกลุ่มแล้วสร้างเส้นใยขึ้นปกคลุมกลุ่มไข่ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัย ออกลูก ออกหลานเพิ่มปริมาณอยู่ที่บริเวณหน้าใบหรือใต้ใบ และพบคราบของไรเป็นผงขาว ๆ ติดอยู่ตามใบคล้ายฝุ่นจับ การป้องกันและก้าจัด 1. หมั่นส้ารวจติดตามสถานการณ์ การระบาด ของไรแดงในแปลงถั่วฝักยาว หากพบการ ระบาดให้ฉีดพ่น ก้ามะถัน ทุกๆ 5-7 วัน ควรพ่น ในช่วงเย็น หรือช่วงที่แดดไม่จัด เพราะอาจจะ ท้าให้ใบไหม้ได้ และหลีกเลี่ยงการพ่นในช่วงที่มี ดอก เพราะจะท้าให้ดอกร่วง 2. ช่วงที่ไรแดงมีการระบาด หากสามารถให้น้้า ในช่วงกลางวันได้ จะช่วยลดความเสียหายได้ มาก


80 เพลี้ยไฟ ลักษณะการท้าลาย อาการเนื้อใบไม่แผ่เรียบมักจะหงิกงอเป็น คลื่นขอบใบจะมวนขึ้นพืชมีการเจริญไม่ปกติ มักแคระแกร็นมีขนาดเล็กลงเห็นได้ชัดเมื่อ เทียบกับตอนปกติ การป้องกันและก้าจัด 1.หมั่นส้ารวจติดตามสถานการณ์ การระบาด ของเพลี้ยไฟในแปลงถั่วฝักยาว หากพบการ ระบาดให้ฉีดพ่น เชื้อราบิวเวอร์เรีย สลับกับ สารสกัดยาสูบ ทุกๆ 5-7 วัน ควรพ่นในช่วง เย็น หรือช่วงที่แดดไม่จัด 2. ช่วงที่เพลี้ยไฟมีการระบาด หากสามารถให้น้้าในช่วงกลางวันได้ จะช่วยลดความ เสียหายได้มาก


81 การเก็บผลผลิต จะเก็บได้เมื่อมีอายุ 45-50 วัน และจะสามารถเก็บได้นานราว 30-45 วัน ควร ทยอยเก็บทุก ๆ 2-3 วัน ไม่ควรปล่อยให้ฝักแก่ค้างคาต้น เพราะจะท้าให้ได้ผลผลิต น้อยลงควรเก็บช่วงเช้าหรือช่วงเย็น เก็บเสร็จอย่าให้ถั่วโดนแดด เพราะจะท้าให้ฝัก เหี่ยวหรือฝ่อเร็วหรือเก็บแช่ตู้เย็นที่อุณหภูมิประมาณ 8-15 องศาเซลเซียส


82 การปลูก ผักสลัดอินทรีย์


83 การเตรียมดิน ไถพรวนดินตากไว้ประมาณ 7-10 วัน เพื่อท้าลายวัชพืช และศัตรูพืชบางชนิดที่อยู่ ในดิน จากนั้นจึงไถพรวนเก็บเอาเศษวัชพืชออก แล้วเตรียมแปลงขนาดกว้าง 1-1.2 เมตร โดยมีความยาวตามลักษณะของพื้นที่ แล้วจึงใส่ปุ๋ยอินทรีย์ลงไป เพื่อปรับ โครงสร้างของดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโต สภาพดินควรร่วนซุย มีความอุดม สมบูรณ์ และมีอินทรียวัตถุสูง ควรมีหน้าดินลึก และอุ้มน้้าได้ดีปานกลาง พื้นที่ปลูก ควรโล่ง และได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ เนื่องจากผักสลัดมีลักษณะบาง ไม่ทนต่อฝน ดังนั้นในช่วงฤดูฝนควรมีสแลนด้วย การเตรียมแปลงปลูกสลัด


84 วิธีปลูก 1. เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ส้าหรับการเพาะเมล็ดผักสลัด -เตรียมดินส้าหรับการเพาะเมล็ด ซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้ พีทมอส1 ส่วน แกลบด้า 1 ส่วน - เมล็ดพันธุ์ผักสลัดที่ต้องการปลูก - ถาดเพาะกล้า - ไม้ปลายแหลม 2. วิธีการเพาะเมล็ด 1. น้าพีชมอส 1 ส่วน แกลบด้า 1 ส่วน ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นน้าดินที่ผสม ได้ แล้วน้าลงใส่ในถาดให้เต็ม แต่ไม่ต้องอัดแน่น 2. ใช้ไม้ปลายแหลมแหลมกรีดเป็นแถว เพื่อเป็นร่องเล็กๆ ส้าหรับหยอดเมล็ดลงไป 3. หยอดเมล็ดสลัดที่เตรียมไว้ลงไปในหลุมถาดเพาะ หลุมละประมาณ 1-2 เมล็ด 4. ใช้ไม้ปลายแหลมกดเมล็ดสลัดลงไปในร่องลึกประมาณ 2-3 มิลลิเมตร 5. ใช้มือเกลี่ยเบาๆ เพื่อกลบเมล็ด 6. น้าถาดเพาะไปเรียงไว้ในโรงรือน รดน้้าเช้า-เย็น โดยใช้ฝักบัวฝอยที่เป็นฝอย ละเอียด 7. เมื่อต้นกล้าอายุ 15-20 วัน หรือมีใบจริงประมาณ 3-4 ใบ ก็สามารถย้ายปลูกได้ พีชมอส กล้าผักสลัดพร้อมปลูก พร้อมปลผู การเพาะสลัดในถาดหลุม


85 ขั้นตอนการย้ายกล้า ควรย้ายกล้าในช่วงตอนเย็น แสงแดดอ่อนๆ ร้าไร เพื่อต้นกล้าจะได้ตั้งตัวได้เร็ว ขั้นตอนการปลูก การปลูกผักสลัด ส่วนใหญ่จะใช้ระยะห่างระหว่างหลุมxระหว่างแถว 25x25 เซนติเมตร จากนั้นคลุมด้วยฟางข้าว เพื่อลดการกระแทกของน้้าเมื่อรดและป้องกัน ไม่ให้รากลอย ข้อควรระวังในการปลูกผัก - อย่าปลูกผักสลัด ในหลุมใหญ่หรือลึก เพราะน้้าอาจขังหากการระบายน้้าไม่ดี อาจ ท้าให้เน่าเสียหาย - อย่าเหยียบหลังแปลงเพาะ จะท้าให้ดินแน่นพืชเติบโตได้ไม่ดี - กล้าผักสลัดควรแข็งแรงอายุไม่เกิน 30 วัน เมื่อย้ายปลูก - ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ก่อนการลงแปลง - หลังย้ายกล้าผักสลัด ในฤดูฝนให้ระวังหนอนกระทู้ด้าและจิ้งหรีด


86 การดูแลรักษา ผักสลัดเป็นพืชที่ชอบแสงแดดจึงควรปลูกในพื้นที่โล่งแจ้ง ควรมีการขึงสแลน ลดทอนความเข้มแสงให้บางเบาลงเพื่อไม่ให้พืชนั้นได้รับแสงมากจนเกินไป เพราะผัก สลัดเป็นพืชอากาศเย็นจะท้าให้ผักโตช้ากว่าปกติ การให้น้้า ผักสลัดเป็นผักรากตื้น ดังนั้นการให้น้้าจึงควรให้อย่างสม่้าเสมอและเพียงพอควร มีการให้น้้ามีเช้าเย็น โดยพ่นน้้าเป็นละอองเล็กๆ เพื่อไม่ให้ชุ่มหรือแฉะมากเกินไป เพราะจะท้าให้เน่าและ การใส่ปุ๋ย ท้าการใส่ปุ๋ยหมักสัปดาห์ละครั้ง อัตรา 300 กิโลกรัมต่อไร่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความ อุดมสมบูรณ์ของดิน การก้าจัดวัชพืช ควรก้าจัดวัชพืชเป็นประจ้า เพื่อป้องกันการเกิดโรคและแมลงโดยการถอนด้วย มือ การขึงสแลนเพื่อลดความเข้มของแสง


87 โรคที่ส้าคัญของ ผักสลัด


88 โรคใบจุด เชื้อสาเหตุ เกิดจากเชื้อราออเทอร์นาเรีย บราซิคอี้(Alternaria brassicae) ลักษณะอาการของโรค ถ้าเกิดกับต้นกล้าจะพบจุดแผลเล็กๆสีน้้าตาลที่โคนต้น ถ้าต้นโตแล้วใบมีแผล วงกลมสีน้้าตาลซ้อนกันหลายชั้น เนื้อเยื่อรอบๆ แผลเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ขนาดของ แผลมีทั้งเล็กและใหญ่ บนแผลมักจะมีเชื้อราชั้นบางๆ มองเห็นเป็นผงสีด้า ผักบาง ชนิดและบางพันธุ์มีแผลที่ก้านใบเล็ก เป็นจุดสีน้้าตาล ปนด้า เนื้อเยื่อบุ๋มลงไป เล็กน้อย การป้องกันก้าจัด 1. ท้าลายต้นเป็นโรคโดยการขุดถอนไปเผาทิ้ง 2. ปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของโรค 3. ฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มาเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการระบาดทุกๆ 7 วัน/ครั้ง


89 โรคเน่าเละ เชื้อสาเหตุ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเออวิเนีย คาโรโทโวรา (Erwinia carotovora) ลักษณะอาการของโรค เริ่มอาการของโรคเป็นจุดฉ่้าน้้า ซึ่งจะเน่าอย่างรวดเร็วท้าให้เนื้อเยื่อเปื่อยเละเป็น น้้าเยิ้มและส่งกลิ่นเหม็นภายในเวลา 2-3 วัน ผักจะเน่ายุบหายไปหมดทั้งต้นและหัว หรือแห้งเป็นสีน้้าตาลอยู่ที่ผิวดิน อาการเน่าจะเกิดที่ส่วนใดก่อนก็ได้ การป้องกันก้าจัด 1. ไถพรวนดิน พลิกหน้าดินขึ้นตากก่อนท้าการปลูกพืช เพื่อท้าลายเชื้อโรค 2. ท้าลายต้นเป็นโรคโดนขุดถอนไปเผาทิ้ง 3. ปลูกพืชหมุนเวียนในพื้นที่ที่ระบาดเป็นประจ้า 4. อย่าท้าให้พืชช้้าหรือเกิดแผลและควรเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่้าอากาศถ่ายเทได้ สะดวก 5. ฉีดพ่นแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทีลิส เพื่อป้องกันก้าจัดทุก 5-7 วัน


90 แมลงศัตรูพืชที่ ส้าคัญในผักสลัด


91 หนอนกระทู้ผัก ลักษณะการท้าลาย ผีเสื้อตัวเมียจะวางไข่เป็นกลุ่มคลุม ด้วยขนสีน้้าตาลอ่อน 3-4 วัน ฟัก ออกเป็นตัวหนอน เมื่อฟักออกจากไข่ ใหม่ ๆ จะรวมกลุ่มกัดกินผิวใบพืช เมื่อ โตขึ้นจะกระจายตัวออกไป กัดกินใบ กลีบเลี้ยง และดอก เป็นรู เว้าแหว่ง ซึ่งระบาดในพืชหลายชนิด การป้องกันก้าจัด 1. หนอนกระทู้ผักสามารถป้องกันจ้ากัดได้ไม่ยาก เมื่อพบกลุ่มไข่หรือหนอนที่ฟักออก จากไข่ควรเก็บท้าลาย หากปล่อยให้หนอนโตจนหนอนจะแยกย้ายหลบซ่อนตัว กัด กินเจาะเป็นรูสึก ในใบ ดอก และฝัก 2. ฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรียบีที ทุกๆ 5-7 วัน สลับกับฉีดพ่น สารสกัด สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉีดพ่นในช่วงเย็น 3. ควบคุมปริมาณของตัวแม่ผีเสื้อ โดยฉีดพ่น สารสกัดขมิ้นชัน บอระเพ็ด สาบเสือ ในช่วงเย็นเพื่อขับไล่ ป้องกันการวางไข่ 4. ฉีดพ่นไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลง อัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/น้้า 10 ลิตรฉีดพ่นทุกๆ 7 วันครั้ง


92 เพลี้ยไฟ ลักษณะการท้าลาย ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยท้าลายส่วนต่างๆของพืช โดยการดูดน้้าเลี้ยงจากเซลล์พืช ท้าให้บริเวณที่ถูกดูดมีลักษณะอาการแตกต่างกัน เช่น การแตกยอดจะท้าให้ชะงัก การเจริญเติบโตยอดอ่อนแคระแกร็น เติบโตช้า พืชอ่อนแอ และท้าให้ใบ ล้าต้น แห้ง ตายได้การระบาดมักพบเสมอในช่วงฤดูร้อนหรือช่วงที่มีอากาศแห้งแล้งฝนทิ้งช่วง เป็นเวลานาน การป้องกันและก้าจัด 1. หมั่นส้ารวจติดตามสถานการณ์ การระบาดของเพลี้ยไฟในแปลงผักสลัด หากพบ การระบาดให้ฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย 60-80 กรัม/น้้า 20 ลิตร ทุกๆ 5-7 วัน สลับ กับฉีดพ่นสารสกัดใบยาสูบ อัตรา 50-100 ซีซี/น้้า 20 ลิตร ช่วงเย็น 2. ช่วงที่เพลี้ยไฟมีการระบาด หากสามารถให้น้้าในช่วงกลางวันได้ จะช่วยลดความ เสียหายได้มาก


93 การเก็บเกี่ยว ผักสลัดจะเก็บเกี่ยวได้หลังจากปลูกได้ประมาณ 40-45วัน ควรตัดทันทีเพราะถ้า ผักสลัดแก่จะท้าให้มีความเหนียวกระด้าง และมีรสชาติขม ไม่น่ารับประทาน การตัด ผักสลัดโดยการใช้มีดตัดตรงโคน แล้วน้าไปชุบน้้าเพื่อล้างน้้ายางออก จากนั้นผึ่งลมใน ที่ร่มและคัดเกรดป้ายปูนแดงที่รอยตัดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคเข้าสู่หัวและบรรจุ ลงลังพลาสติกเตรียมจ้าหน่ายต่อไป ข้อแนะน้า ผักสลัดมีรสชาติขม เนื่องจาก แก่เกินไป ดังนั้นจึงไม่ควรเก็บเกี่ยวเกินกว่า 45 วัน และมีการเก็บเกี่ยวในช่วงแดด ธรรมชาติของผักสลัดเป็นผักที่มียางค่อนข้างมาก ในขณะที่แดดจัดจะผลิตยางออกมามาก เพื่อปรับสมดุลให้กับตัวมันเอง ดังนั้นจึงควร เก็บเกี่ยวในช่วงเช้าหรือเย็น


94 การปลูก แตงกวาอินทรีย์


95 การเตรียมดิน ก่อนการปลูกแตงกวา ไถพรวนดินตากไว้ประมาณ 7-10 วัน เพื่อท้าลายวัชพืช และศัตรูพืชบางชนิดที่อยู่ในดิน จากนั้นจึงไถพรวนเก็บเอาเศษวัชพืชออก แล้วเตรียม แปลงขนาดกว้าง 1-1.2 เมตร โดยมีความยาวตามลักษณะของพื้นที่ แล้วจึงใส่ปุ๋ย คอก หรือปุ๋ยหมัก อัตรา 500 กก./ไร่ปรับโครงสร้างของดินให้เหมาะสมกับการ เจริญเติบโตของแตงกวา การเตรียมหลุมปลูกนั้นควรก้าหนดระยะระหว่างต้น ประมาณ 60-80 เซนติเมตร ระหว่างแถวประมาณ 1 เมตร ในบางแหล่งอาจใช้ พลาสติกคลุมดินเพื่อรักษาความชื้นในดิน ป้องกันความงอกของวัชพืช และพลาสติก บางชนิดสามารถที่จะไล่แมลงไม่ให้เข้ามาท้าลายแตงกวาได้ การเตรียมพันธุ์ ขั้นตอนการเตรียมพันธุ์ นับว่าเป็นขั้นตอนที่ส้าคัญในการปลูก แตงกวา ซึ่งพอแบ่งได้ดังนี้ 1. การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์แตงกวา ควรคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ ซื้อจาก ร้านค้าให้เลือกซื้อจากร้านที่เชื่อถือ 2. การเตรียมดินเพาะกล้า อัตราส่วนดิน : ปุ๋ยคอก 3:1 อัตรา 0.5 กิโลกรัม คลุกให้ เข้ากัน แล้วบรรจุลงในถาดเพาะขนาด 50 หลุม 3. การหยอดเมล็ดลงถาดเพาะ น้าเมล็ดที่ได้บ่มไว้หยอดลงแต่ละหลุม จ้านวนหลุมละ 1-2 เมล็ด แล้วใช้ดินผสมหยอดกลบบางประมาณ 1 เซนติเมตร


96 การดูแลรักษา หลังจากหยอดเมล็ดแล้ว ให้น้้าทันที โดยวิธีการฉีดพ่นให้เป็นฝอยละเอียดที่สุด เท่าที่จะท้าได้ ปริมาณน้้าที่ให้นั้นไม่ควรให้ปริมาณที่มากเกินไป ในช่วงฤดูร้อน ควร จะให้วันละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ให้ตรวจดูความชื้นก่อนการให้น้้าทุกครั้ง กล้านี้ควรเก็บไว้ในที่ แดดไม่จัดหรือมีการใช้สแลน 50-60% ไม่ให้มากระทบต้นกล้ามากเกินเกินไปเมื่อ แตงกวา เริ่มงอกให้หมั่นตรวจดูความผิดปกติของต้นกล้าเป็นระยะ ๆ หากมีการ ระบาดของแมลงหรือโรคพืช ต้องรีบก้าจัดโดยเร็ว และเมื่อต้นกล้ามีใบจริงประมาณ 3-4 ใบ จะอยู่ในระยะพร้อมที่จะย้ายปลูก การให้น้้า การให้น้้าควรใช้ระบบการให้น้้าแบบร่อง เนื่องจากจะให้ผลดี เพราะท้าให้ผิวดิน ชุ่มน้้ามากและเถาแตงไม่เปียกน้้า หากให้น้้าระบบที่ท้าให้เถาแตงเปียกน้้า อาจเป็น บ่อเกิดของโรคเน่าได้ ส่วนการพรวนดินควรท้าในระยะแรกเริ่มเพื่อก้าจัดวัชพืช เพราะในระยะต่อมาอาจท้าได้ล้าบาก เนื่องจากรากแตงจะอยู่ที่ผิวดินมาก หากพรวน ดินจะกระทบกระเทือนรากได้ และจะท้าให้เกิดการชะงักในการเจริญเติบโตหรือแตง อาจไม่ดีได้ การใส่ปุ๋ย การให้ปุ๋ยนั้นควรใส่ปุ๋ยคอกตอนเตรียมดิน ซึ่งมักใช้ในอัตรา 2 ตัน/ไร่ จากนั้นใส่ ทุก 15 วัน/ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน


97 โรคของพืช ตระกูลแตง ที่ส้าคัญ


98 โรคราน้้าค้าง สาเหตุ เชื้อรา ซูโดเฟอโรโน สปอร์ร่า คูเบนซิส (Pseudoperonospora cubensis) ลักษณะอาการ เริ่มเป็นจุดสีเหลืองบนใบ แผลนั้นจะขยายออกเป็นเหลี่ยมในระหว่างเส้นใบ ถ้า เป็นมาก ๆ แผลลามไปทั้งใบท้าให้ใบแห้งตาย ในตอนเช้าที่มีหมอกน้้าค้างจัดช่วงหลัง ฝนตกติดต่อกันท้าให้มีความชื้นสูง ในบริเวณปลูก จะพบว่าใต้ใบตรงต้าแหน่งของ แผลจะมีเส้นใยสีขาวเกาะเป็นกลุ่มและมีสปอร์เป็นผง สีด้า การป้องกันก้าจัด 1. ในช่วงเตรียมหลุมปลูก ให้ราดไตรโคเดอร์มาลงในหลุมก่อนปลูก 2. ราน้้าค้างจะพบมากในช่วงอากาศเย็นและมีความชื้นสูง ในช่วงดังกล่าวให้ฉีดพ่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา สลับกับเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทีริส ทุกๆ 5-7 วัน 3. หากพบอาการให้รีบเก็บออกจากแปลงไปท้าลาย และหลังเก็บเกี่ยวแล้วควรเก็บ ซากพืชออกจากแปลง เพื่อป้องกันการสะสมของโรค


99 โรคใบด่างแตง สาเหตุ เชื้อไวรัส คูแคมเบอร์ โมเสก ไวรัส (Cucamber mosaic virus) ลักษณะอาการ พืชจะมีอาการด่างหรือด่างเหลืองบนใบพืชจ้าพวกแตง โดยใบพืชจะบิดเบี้ยว หด แคบ เรียวยาวและหงิกงอ ผลแตงจะมีลักษณะผิดปกติการติดและการระบาดของโรค เกิดขึ้นได้จากการน้าของแมลงต่างๆ หลายชนิด แต่ที่ส้าคัญที่สุดได้แก่ เพลี้ยอ่อน การสัมผัสจับต้องตลอดจนเครื่องมือกสิกรรมต่างๆ ก็ท้าให้เกิดการติดและการ ถ่ายทอดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ การป้องกันก้าจัด 1. หากพบต้นที่เป็นโรคให้ถอนท้าลายทิ้งทันทีเพื่อป้องกันการระบาด 2. ก้าจัดพาหะของโรคคือเพลี้ยอ่อน โดยฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย สลับกับสารสกัด ยาสูบ หางไหล สะเดา บอระเพ็ด


100 โรคราแป้ง สาเหตุ เชื้อราอออิเดียม (Oidium sp.) ลักษณะอาการ เชื้อสาเหตุเข้าท้าลายพืชตระกูลแตงทุกชนิด ลักษณะอาการขั้นต้น จะปรากฏ เป็นจุดเหลืองอ่อนที่ ล้าต้น ยอดอ่อน ทั้งด้านบนและด้านล่างของใบ เมื่อแผลมีการ ขยายใหญ่ขึ้น จะมี สปอร์ของเชื้อราสีขาวคล้ายแป้งปกคลุม หลังจากนั้นใบจะเปลี่ยน เป็นสีเหลืองอมน้้าตาลและแห้งกรอบ การป้องกันและการก้าจัด 1. ฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มา เพื่อป้องกันทุกๆ 5-7 วัน 2. ฉีดพ่นด้วยก้ามะถัน ชนิดละลายน้้าอัตรา 30- 40 กรัม ต่อน้้า 20 ลิตร ฉีดในสภาพ อุณหภูมิต่้า ในช่วงเช้าหรือเย็น ในกรณีที่อุณหภูมิสูงจะมีผลให้ใบไหม้


Click to View FlipBook Version