The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการปลูกผัก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

คู่มือการปลูกผัก

คู่มือการปลูกผัก

201 โรคแอนแทรคโนส สาเหตุเชื้อราโคลเล็ทโทตริครัม เมลองเจ็นเน่ (Colletotrichum sp.) ลักษณะอาการ ลูกมะเขือที่โตเต็มที่หรือปล่อยทิ้งไว้จะเกิดอาการแผลค่อนข้างกลมสีน้้าตาลยุบ เป็นแอ่งลงไปในเนื้อ แผลที่เกิดอาจเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ หรือโตถึงครึ่งนิ้ว และถ้า เป็นมากจนแผลที่เกิดขึ้นมาต่อเชื่อมกันแผลก็อาจใหญ่กว่านั้น เมื่ออากาศชื้นจะพบว่า มีผงสปอร์ของเชื้อราเป็นสีชมพูเห็นได้ชัดเจน ลูกมะเขือที่ถูกท้าลายรุนแรงจะหลุดร่วง ลงดิน เหลือส่วนที่เป็นก้านติดอยู่กับต้น ต่อมาอาจมีพวกเชื้อเน่าเละเข้าท้าลายต่อท้า ให้เน่าทั้งลูก หรือไม่ก็เน่าแห้งเป็นสีด้า นอกจากบนผลแล้วเชื้ออาจเข้าท้าลายใบ มะเขือ ท้าให้เกิดอาการแผลจุดสีเหลืองหรือสีน้้าตาลขึ้น แต่แผลที่ใบส่วนใหญ่จะไม่ กระทบต่อการเจริญเติบโตของต้นและผลผลิต ส่วนล้าต้นเป็นแผลสีน้้าตาลรียาวตาม ความยาวของล้าต้น ต้นเหี่ยวเฉาและแห้งตาย กิ่งแห้งตาย การป้องกันก้าจัด 1. คลุกเมล็ดหรือฉีดพ่นด้วยเชื้อราไตรโครเดอร์มา ลงดินก่อนการปลูก 2. เมื่อต้นกล้างอก และพบต้นที่เป็นโรคให้ ฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มา อัตรา 250 กรัม/น้้า 50 ลิตร กรณีระบาดหนักให้ฉีดพ่นทุกๆ 3-5วัน/ครั้ง 3. หลีกเลี่ยงการปลูกมะเขือซ้้าลงในแปลงหรือดินปลูกที่เคยมีโรคระบาดอย่างน้อย 3 ปี โดยน้าพืชชนิดอื่นมาปลูกหมุนเวียน 4. เก็บท้าลายซากพืชที่เป็นโรค และต้นมะเขือที่งอกหลังจากเก็บเกี่ยวแล้วให้หมด


202 โรคโคนเน่าหรือต้นเหี่ยว สาเหตุสเคอโรเทียร็อบฟิอาย (Sclerotium rolfsii) ลักษณะอาการ ต้นแสดงอาการเหี่ยวเฉา เหมือนอาการขาดน้้า ที่โคนต้นบริเวณใต้ผิวดินลงไป เล็กน้อยพบแผลแห้งตายที่ส่วนต้น และเปลือกจนรอบต้น ส่วนที่โคนต้นเหนือระดับ ดินจะมีเส้นใยของเชื้อราเป็นเส้นใยลักษณะหยาบ ๆ สีขาว บางครั้งอาจพบเส้นใยรัด พันกันแน่นเป็นเม็ดกลมสีขาว ไปจนถึงน้้าตาลอ่อน และน้้าตาลแก่ ขนาดเท่าเมล็ด ผักกาด ติดอยู่ประปรายทั่วบริเวณโคนต้น การป้องกันก้าจัด 1. รักษาความสะอาดแปลงปลูก โดยการเก็บเศษซากพืชที่ค้างอยู่ในแปลงออกให้มาก ที่สุดเท่าที่จะท้าได้ 2. คลุกเมล็ดหรือฉีดพ่นด้วยเชื้อราไตรโครเดอร์มา ลงดินก่อนการปลูก 3. พบต้นที่เป็นโรคควรถอนทิ้ง และถ้าท้าได้ให้เผาท้าลาย 4. หลีกเลี่ยงการปลูกมะเขือซ้้าลงในแปลงหรือดินปลูกที่เคยมีโรคระบาดอย่างน้อย 3 ปี โดยน้าพืชชนิดอื่นมาปลูกหมุนเวียน 5. พบโรคระบาดให้ฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มา อัตรา 250 กรัม/น้้า 50 ลิตร กรณี ระบาดหนักให้ฉีดพ่นทุกๆ 3-5วัน/ครั้ง


203 แมลงศัตรู ที่ส้าคัญของ มะเขือเปราะ


204 เพลี้ยไฟ ลักษณะการท้าลาย เนื้อใบไม่แผ่เรียบมักจะหงิกงอเป็นคลื่นขอบ ใบจะมวนขึ้นพืชมีการเจริญไม่ปกติมักแคระ แกร็นมีขนาดเล็กลงเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับตอน ปกติ การป้องกันและก้าจัด 1. หมั่นส้ารวจติดตามสถานการณ์ การระบาดของเพลี้ยไฟในแปลง หากพบการ ระบาดให้ฉีดพ่น เชื้อราบิวเวอร์เรีย ทุกๆ 5-7 วัน ควรพ่นในช่วงเย็น หรือช่วงที่แดด ไม่จัด 2. ช่วงที่ไรแดงมีการระบาด หากสามารถให้น้้าในช่วงกลางวันได้ จะช่วยลดความ เสียหายได้มาก


205 เพลี้ยแป้ง ลักษณะการท้าลาย เพลี้ยแป้งดูดกินน้้าเลี้ยงจาก บริเวณกิ่ง ใบ ช่อดอก ผลอ่อน ผลแก่ มีมดเป็นพาหะ ช่วยพาไป ตามส่วนต่าง ๆ ของพืช ส่วนของ พืชที่ถูกท้าลายจะแคระแกรน และเกิดราสีด้า การป้องกันและก้าจัด 1. หมั่นส้ารวจแปลงปลูก หากพบการระบาดของเพลี้ยแป้ง ให้เก็บท้าลายทิ้ง แล้วฉีด พ่นด้วย เชื้อราบิวเวอร์เรีย หรือ สารสกัดยาสูบ ทุกๆ 3-5 วัน โดยผสมน้้ายาล้างจาน เล็กน้อย 2. ควบคุมปริมาณมดเพราะมดเป็นพาหะของเพลี้ยแป้ง 3. เพลี้ยแป้ง มีศัตรูตามธรรมชาติอยู่มาก เช่น ด้วงเต่า แมลงช้างปีกใส แมลงเหล่านี้ จะช่วยควบคุมปริมาณของเพลี้ยแป้งได้


206 หนอนเจาะผลมะเขือ ลักษณะการท้าลาย ห น อ น เจ า ะ ผ ล ม ะ เขื อ หนอนเจาะชนิดนี้ท้าความ เสียหายให้แก่ยอดมะเขือเป็น ประจ้าในบริเวณ พื้นที่ปลูก มะเขือทั่วๆ ไปในระยะต้น มะเขือก้าลังเจริญเติบโต จะ พบว่ายอดเหี่ยวเห็นชัดเวลา แดดจัด เพราะท่อน้้าท่ออาหาร ของพืชถูกท้าลาย และเมื่อ ตรวจดูจะพบรูเจาะประมาณไม่เกิน 10 ซม. จากปลายยอด หนอนจะกัดกินภายใน การท้าลายต่อยอดบางครั้งสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ผลเสียคือ ท้าให้ยอดที่แข็งแรงถูก ท้าลาย ยอดใหม่ที่แตกมามีขนาดเล็กกว่า และผลมะเขือที่เกิดมายังได้รับความ เสียหาย โดยหนอนเจาะผลท้าให้เสียคุณภาพส่งขายไม่ได้ในช่วงระบาดรุนแรงอาจถูก ท้าลายถึง50เปอร์เซ็นต์ การป้องกันก้าจัด 1. วิธีกล เก็บยอดและผลที่ถูกท้าลาย ออกจากแปลง จะช่วยลดการระบาด 2. ใช้สารชีวภัณฑ์ บีที หรือเชื้อราเมธา ไรเซียม ฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วัน หากมีการ ระบาดมากให้ฉีดพ่นทุก 3 วัน 3. ใช้สารสกัดธรรมชาติฉีดไล่แม่ผีเสื้อ เช่น ขมิ้นชัน ตะไคร้หอม เป็นต้น


207 แมลงหวี่ขาว ลักษณะและการท้าลาย ระบาดตลอดทั้งปี และ มักท้าความเสียหายให้กับพืช ที่ปลูกในฤดูแล้ง และต้นฤดู ฝน ซึ่งมีอากาศร้อน แห้งแล้ง อุณหภูมิและความชื้นสูง ถ้า การระบาดของแมลงหวี่ขาว เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับ การระบาดของเพลี้ยอ่อนจะเพิ่มความรุนแรงของการท้าลายพืชได้มาก ท้าความ เสียหายโดยทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้้าเลี้ยงจากใบพืชท้าให้ใบเหลืองซีด ถ้า ระบาดมากในระยะแรกของการเจริญเติบโต จะท้าให้ต้นแคระแกร็น ผลผลิตลดลง การป้องกันก้าจัด 1. หมั่นตรวจแปลงเมื่อพบแมลงหวี่ขาวให้ ฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย สลับกับ สารสกัด จากยาสูบ ฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วัน โดยผสมน้้ายาล้างจานหรือสารจับใบเล็กน้อยจะช่วย เพิ่มประสิทธิภาพ 2. ใช้กับดักกาวเหนียวทาถุงพลาสติก ติดบนแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดสีเหลือง จะช่วยลด ปริมาณแมลงหวี่ขาว


208 การเก็บเกี่ยว การเก็บเกี่ยวผลผลิตมะเขือเปราะ มีอายุประมาณ 60 วัน หลังปลูก จะเริ่มเก็บ ผลผลิตเมื่อมะเขือเปราะ มีผลโตเต็มที่มีสีเขียวอมขาว น้ากรรไกรมาตัด แล้วใส่ใน ภาชนะที่เตรียมไว้ มีระยะเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้เรื่อยๆต่อไปประมาณ 1-2 ปี วิธีเก็บรักษามะเขือเปราะ จะน้ามะเขือเปราะ แล้วน้ามาล้างน้้าให้สะอาด เราจะมีวิธีเก็บรักษาให้สดนานๆ คือให้ล้างน้้าให้สะอาดดี แล้วให้สะเด็ดน้้าออกให้หมด แล้วน้ามาห่อด้วยกระดาษหรือ ผ้าขาวบาง แล้วใส่ถุงหรือกล่องพลาสติก แล้วน้าไปแช่ตู้เย็น จะเก็บไว้ได้นาน


209 การปลูก มะเขือเทศอินทรีย์


210 มะเขือเทศ มะเขือเทศเจริญเติบโตได้ดีทั้งในดินร่วนเหนียวและดินร่วนทราย ความเป็นกรด ด่าง (pH) ที่เหมาะสมประมาณ 5.5 - 7.0 และเป็นดินที่ระบายน้้าดี มะเขือเทศไม่ ชอบน้้าขังแฉะ ถ้าฝนตกติดต่อกัน จะต้องเร่งระบายน้้าออกให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ ควรเป็นแหล่งที่ไม่เคยปลูกมะเขือเทศมาก่อนในระยะ 1 - 2 ปี ที่ผ่านมา เพราะจะมี โรคแมลงสะสมท้าให้การป้องกันก้าจัดท้าได้ยาก การปลูกมะเขือเทศ การปลูกท้าได้ 2 วิธี 1. เพาะกล้าแล้วย้ายปลูก • บรรจุวัสดุเพาะกล้าลงในถาดเพาะกล้าขนาด 104 หลุม ไม่แน่นเกินไป รดน้้าให้ชุ่ม • น้าเมล็ดมะเขือเทศมาหยอดลงในถาดเพาะหรือแห้ง กลบด้วยวัสดุเพาะกล้า แล้วกด ทับเบาๆวัสดุเพาะกล้าใช้ดินผสมแกลบเผาหรือขุยมะพร้าวและปุ๋ยหมัก อัตราส่วน 1:1:1 คลุกผสมให้เข้ากัน • รดน้้าให้ชุ่ม น้าไปเก็บในโรงเรือนเพาะกล้า หรือบริเวณที่มีแสงแดดอาจใช้สแลน 50 - 60% พรางแสงในช่วงที่แดดร้อนจัด • รดน้้าทุกวัน เพื่อให้วัสดุเพาะกล้าชุ่มอยู่เสมอ จนอายุกล้าได้ 14-21 วัน


211 2. หยอดเมล็ดลงแปลงปลูกโดยตรง ใช้ในกรณีที่สามารถให้น้้าได้ง่าย แต่จะเสียเวลาและแรงงาน ในการดูแลรักษา มากกว่า อีกทั้งต้องใช้เมล็ดพันธุ์มากขึ้นเป็น 80-100 กรัมต่อไร่ส้าหรับระยะปลูกที่ เหมาะสม ควรใช้ระยะระหว่างแถว 1 เมตร ระยะระหว่างต้น 25-50ซม. ปลูก 1 ต้น ต่อ หลุม ถ้าใช้ระยะปลูกแคบจะได้ผลผลิตต่อ พื้นที่มากขึ้น แต่การควบคุมโรคและ การปฏิบัติงานอื่น จะยุ่งยากขึ้นด้วย เนื่องจากมะเขือเทศเจริญเติบโตดี มีทรงพุ่มสูง ใหญ่กว่าฤดูอื่นๆ การเตรียมดินปลูก ไถหน้าดินให้ลึกประมาณ 20-30 cm.ให้ใส่ปูนขาวเมื่อดินเป็นกรด ใส่ปุ๋ยหมัก และปุ๋ยคอก อัตรา500กก./ไร่ แล้ว ไถแปรพรวนดินและยกแปลงปลูกสูง 30 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างสันแปลง 1.5 เมตร


212 การดูแลรักษา การพรวนดินกลบโคนต้น เมื่อต้นกล้าตั้งตัวได้เต็มที่ ควรท้าการพรวนดินกลบโคนต้น โดยเปิดเป็นร่อง ระหว่าง ในแปลงที่ไม่ได้คลุมพลาสติกทึบแสง เพื่อให้สะดวกต่อการให้น้้า น้้าไม่ขัง วิธี นี้จะท้าให้รากมะเขือเทศเกิดมากและล้าต้นแข็งแรงหลังจากนั้นอีก 1 เดือน ควรท้า การกลบโดนซ้้าอีกครั้งหนึ่ง การให้น้้า มะเขือเทศเป็นพืชที่ต้องการน้้าสม่้าเสมอตั้งแต่เริ่มปลูกไปจนถึงผลเริ่มแก่(ผล เปลี่ยนสี) หลังจากนั้นควรงดการให้น้้าลง มิฉะนั้นอาจท้าให้ผลแตกได้ นอกจากนี้การ ลดน้้ามากเกินไปจะท้าให้ดินชื้น ซึ่งจะท้าให้เชื้อราสาเหตุโรคเน่าเจริญเติบโตได้ดี แต่ ถ้ามะเขือเขือเทศขาดน้้าและมีการให้น้้าอย่างกระทันหันก็ท้าให้ผลแตกเช่นกัน การให้ปุ๋ย การใส่ปุ๋ยให้ใส่ปุ๋ยคอกหมักทุกๆ 15 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่ความเหมาะสมและความอุดม สมบูรณ์ของดิน การปักค้าง มะเขือเทศที่ทอดยอดหรือพันธุ์เลื้อยจ้าเป็นจะต้องมีการปักค้าง โดยใช้ไม้หลักปัก ค้างต้นก่อนระยะออกดอก ใช้เชือกผูกกับล้าต้นให้ไขว้กันเป็นเลข 8 และผูกเงื่อน กระตุกกับค้าง เพื่อให้ต้นเจริญเติบโตได้ดี สะดวกต่อการดูแลรักษา สามารถฉีดสาร ป้องกันก้าจัดโรคแมลงได้อย่างทั่วถึง และผลไม่สัมผัสกับดิน สะดวกต่อการเก็บเกี่ยว


213 โรคที่ส้าคัญของ มะเขือเทศ


214 โรคใบไหม้ สาเหตุ เกิดจากเชื้อราไฟทอปเทอร่า อิน เฟสแตน (Phytophthora infestans) ลักษณะอาการ จะพบอาการอยู่บนใบส่วนล่าง ๆ ของ ต้นก่อน โดยเกิดเป็นจุดฉ่้าน้้าสีเขียวเข้ม เหมือน ใบถูกน้้าร้อนลวก รอยช้้านี้จะขยาย ขนาดออกไปอย่างรวดเร็วทางด้านใต้ใบ โดยเฉพาะขอบ ๆ แผล จะสังเกตเห็นเส้นใย สีขาวอยู่รอบ ๆ รอยช้้านั้น เมื่อเชื้อเจริญ มากขึ้นใบจะแห้ง อาการที่กิ่งและล้าต้นเป็น แผลสีด้า อาการบนผลมีรอยช้้าเหมือนถูก น้้าร้อนลวก การป้องกันก้าจัด 1. ถ้าปลูกมะเขือเทศแบบยกค้าง ควรตัดแต่งใบล่างให้โปร่งเพื่อป้องกันการระบาด 2. ผสมเชื้อราไตรโคเดอร์มาลงคลุกในดินก่อนปลูก และฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน


215 โรคใบจุด สาเหตุ เกิดจากเชื้อราอัลเทอนาเรีย โซรา ไน (Alternaria solani) ลักษณะอาการ สังเกตได้จากใบแก่เริ่มจากเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้้าตาล แผลค่อนข้างกลมแล้วขยายใหญ่ ออกไป การขยายตัวของจุดจะปรากฏรอย การเจริญของแผลเป็นวงสีน้้าตาลซ้อน ๆ กัน ออกไป ถ้าเกิดบนกิ่ง ลักษณะแผลรียาวไป ตามล้าต้น สีน้้าตาลปนด้าเป็นวงซ้อน ๆ กัน ผลแก่ที่เป็นโรคแสดงอาการที่ขั้วผลเป็นแผล สีน้้าตาลด้า และมีลักษณะวงแหวนเหมือน บนใบ การป้องกันก้าจัด 1. เก็บใบที่เป็นโรคออกจากแปลงไปท้าลายเพื่อลดการสะสมของโรค 2. ผสมเชื้อราไตรโคเดอร์มาลงคลุกในดินก่อนปลูก และฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วันสลับกับ เชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ซับทิริส


216 โรคใบด่าง สาเหตุเกิดจากไวรัส โทเมโท โมเสก ไวรัส (Tomato mosaic virus) ลักษณะอาการ ต้นมะเขือเทศแคระแกรน ใบมะเขือ เทศม้วนงอ ถ้าอาการรุนแรงมากขึ้น ใบ มะเขือเทศจะ เรียวเล็กกว่าปกติโรคนี้ สามารถถ่ายทอดโดยเพลี้ยอ่อน และ วิธีการสัมผัสต้นมะเขือเทศที่แสดงอาการ ใบเรียวเล็กนี้ตั้งแต่ระยะเล็ก ๆ จะไม่ติดผล หรือถ้าติดผลจะเล็ก การป้องกันก้าจัด 1. ควบคุมเพลี้ยอ่อนซึ่งเป็นพาหะของโรค โดยฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย สลับกับสาร สกัด ยาสูบ บอระเพ็ด สะเดา สลับกันทุกๆ 5-7 วัน 2. หากพบต้นที่เป็นโรคให้ถอนไปท้าลายทิ้ง เพราะท้าให้โรคระบาดไปยังต้นอื่นๆ ได้


217 โรคเหี่ยวเหลือง สาเหตุเกิดจากเชื้อราฟิวซาเลียม ออกซี่สปอร์ลัม (Fusarium oxysporum) ลักษณะอาการ ต้นมะเขือเทศที่เป็นโรคนี้แสดงอาการเหี่ยวเริ่มจากใบส่วน ล่างของต้น เปลี่ยนเป็น สีเหลืองตายไปทั้งต้น และเหี่ยว ถ้าผ่าตามยาวของต้นพบว่า บริเวณท่อ น้้าท่ออาหารมีสีน้้าตาลแดงหรือแดง ซึ่งเป็นลักษณะส้าคัญของโรคที่เกิดจากเชื้อ การป้องกันก้าจัด 1. รักษาความสะอาดแปลงปลูก ควรเก็บเศษซากพืชที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่ปลูก ออกให้ มากที่สุดเท่าที่จะท้าได้ โดยเฉพาะฟางข้าว 2. ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกและปูนขาว 3. ถ้าปรากฏต้นมะเขือเทศที่เป็นโรคนี้ ควรรีบถอนท้าลายด้วยการเผา 4. ควรหมุนเวียนพืชปลูกอย่าปลูกพืชติดต่อกันเป็นเวลานาน 5. การเตรียมดินควรคลุกเชื้อราไตรโคเดอร์มาลงในดิน และฉีดพ่นสลับกับเชื้อ แบคทีเรียบาซิลลัส ซับทิริส ทุกๆ 5-7 วัน


218 แมลงศัตรูที่ส้าคัญ ของมะเขือเทศ


219 แมลงหวี่ขาว ลักษณะและการท้าลาย ระบาดตลอดทั้งปี และมักท้า ความเสียหายให้กับพืชที่ปลูกในฤดู แล้ง และต้นฤดูฝน ซึ่งมีอากาศร้อน แห้งแล้ง อุณหภูมิและความชื้นสูง ถ้าการระบาดของแมลงหวี่ขาว เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับการ ระบาดของเพลี้ยอ่อนจะเพิ่มความรุนแรงของการท้าลายพืชได้มาก ท้าความเสียหาย โดยทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้้าเลี้ยงจากใบพืชท้าให้ใบเหลืองซีด ถ้าระบาดมาก ในระยะแรกของการเจริญเติบโต จะท้าให้ต้นแคระแกร็น ผลผลิตลดลง และเป็น พาหะของโรคไวรัสใบด่างมะเขือเทศ การป้องกันก้าจัด 1. หมั่นตรวจแปลงเมื่อพบแมลงหวี่ขาวให้ ฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย สลับกับ สารสกัด จากยาสูบ ฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วัน โดยผสมน้้ายาล้างจานหรือสารจับใบเล็กน้อยจะช่วย เพิ่มประสิทธิภาพ 2. ใช้กับดักกาวเหนียวทาถุงพลาสติก ติดบนแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดสีเหลือง จะช่วยลด ปริมาณแมลงหวี่ขาว


220 เพลี้ยไฟ ลักษณะและการท้าลาย เพลี้ยไฟเป็นแมลงประเภทที่มี ปากแหลมยาวใช้ดูดน้้าเลี้ยงจาก ส่วนของพืช ชอบท้าลายส่วนอ่อน ๆ เช่น ยอด ตาดอก ใบอ่อน และใบ โดยทั่วไป เพลี้ยไฟ จะระบาดมากใน ฤดูแล้งหรือในช่วงฝนทิ้งช่วงเป็น เวลานานเมื่อมะเขือเทศถูกเพลี้ยไฟ ดูดกินน้้าเลี้ยงบริเวณยอดอ่อน หรือ ใบอ่อน จะท้าให้ ใบอ่อน หรือยอด อ่อนนั้นหงิก ขอบใบจะหงิกและม้วน ห่อขึ้นด้านบนทั้งสองข้าง การป้องกันก้าจัด 1. ควรหมั่นตรวจดูเพลี้ยไฟ ในขั้นต้นควรเพิ่มความชื้นโดยการให้น้้าในช่วงเวลา กลางวัน จะช่วยลดการระบาดได้ 2. ฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย สลับกับสารสกัดยาสูบ ทุกๆ 5-7 วัน


221 หนอนชอนใบ ลักษณะการท้าลาย จะดูดกินน้้าเลี้ยงจากใบ โดยจะ สังเกตเห็นเป็นทางเดินของหนอน ภายในใบ การป้องกันก้าจัด 1. หากพบอาการระบาดหนอนชอน ใบ ให้เก็บท้าลายเท่าที่ท้าได้แล้วฉีด พ่นบีที สลับกับ สารสกัดสะเดา หาง ไหล ยาสูบ ทุกๆ 5-7วัน 2. ถ้ามีการระบาดไม่มากให้เก็บส่วน ใบที่โดนท้าลายออกจากแปลงเพื่อ ท้าลายตัวหนอนที่อยู่ภายใน


222 ด้วงเต่ามะเขือ ลักษณะการท้าลาย เข้าท้าลายโดยกัดกินผิว ใบของมะเขือเทศ ท้าให้ใบเกิด ความเสียหาย หากมีการ ระบาดมาก ต้นมะเขือจะ ชะงักการเจริญเติบโต และ ผลผลิตลดลง การป้องกันก้าจัด 1. หมั่นส้ารวจแปลง หากพบตัวให้จับท้าลาย โดยเฉพาะกลุ่มไข่และตัวอ่อนมักหลบ อยู่ใต้ใบ 2. ฉีดพ่นสารสกัดจากบอระเพ็ด หางไหล ทุกๆ 3-7 วัน 3. ใช้กับดักกาวเหนียว หรือใช้วิธีจับท้าลายด้วยมือเปล่า


223 เพลี้ยแป้ง ลักษณะการท้าลาย เพลี้ยแป้งดูดกินน้้าเลี้ยงจากบริเวณกิ่ง ใบ ช่อดอก ผลอ่อน ผลแก่ มีมดเป็นพาหะ ช่วยพาไปตามส่วนต่าง ๆ ของพืช ส่วนของพืชที่ถูกท้าลายจะแคระแกรนและเกิดราสี ด้า การป้องกันและก้าจัด 1. หมั่นส้ารวจแปลงปลูก หากพบการระบาดของเพลี้ยแป้ง ให้เก็บท้าลายทิ้ง แล้วฉีด พ่นด้วย เชื้อราบิวเวอร์เรีย หรือสารสกัดยาสูบ ทุกๆ 3-5 วัน โดยผสมน้้ายาล้างจาน เล็กน้อย 2. ควบคุมปริมาณมดเพราะมดเป็นพาหะของเพลี้ยแป้ง 3. เพลี้ยแป้งมีศัตรูตามธรรมชาติอยู่มาก เช่น ด้วงเต่า แมลงช้างปีกใส แมลงเหล่านี้ จะช่วยควบคุมปริมาณของเพลี้ยแป้งได้


224 การเก็บเกี่ยว เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เมื่ออายุประมาณ 55 วัน หลังจากย้ายกล้า โดยเก็บผลที่ เริ่มเปลี่ยนสี เพื่อหลีกเลี่ยงผลแตกและผลสุกเกินไประหว่างการเก็บเกี่ยวเมื่อเก็บ เกี่ยวแล้วไม่ควรตั้งผลมะเขือเทศบนพื้นดิน ควรจัดหาภาชนะมารองรับและไม่ควรให้ มะเขือเทศตากแดดหรือตั้งในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูง ควรเคลื่อนย้ายมายังที่ร่มหรือ อุณหภูมิต่้าเพื่อลดอัตราการหายใจของผลผลิต


225 การจัดการ โรคและแมลง


226 ไตรโคเดอร์มา เชื้อราไตรโคเดอร์มาเป็นเชื้อราชั้นสูงเจริญได้ดีในดิน เศษซากพืช ซากของ สิ่งมีชีวิตต่างๆ และวัสดุอินทรีย์ตามธรรมชาติ เชื้อราไตรโคเดอร์มาจัดเป็นเชื้อราปฏิปักษ์ ที่สามารถใช้ควบคุมโรคพืชในดิน หลายชนิดโดยวิธีการเบียดเบียนหรือ เป็นปรสิต แข่งขันหรือแย่งใช้อาหารที่เชื้อโรค ต้องการ เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นศัตรูกับราที่ก่อให้เกิดโรคในพืชหลายชนิด ดังนี้ 1. เชื้อราพิเทียมสาเหตุโรคกล้าเน่า เมล็ดเน่า เน่ายุบ และเน่าคอดิน 2. เชื้อราไฟทอปธอร่า สาเหตุโรครากเน่าโคนเน่า โรคเลทไบลท์ 3. เชื้อราสเคลอโรเทียม สาเหตุโรคโคนเน่า โรครากเน่า (ราเมล็ดผักกาดขาว) 4. เชื้อราไรช็อคดทเนีย สาเหตุโรคกล้าเน่า โคนเน่าขาว รากเน่า 5. เชื้อราฟิวซาเรียมสาเหตุโรคเหี่ยว วิธีการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาชนิดสด 1. ก่อนน้าเชื้อสดที่เพาะเลี้ยงไปใช้ให้น้าเชื้อไปละลายกับน้้า จากนั้นให้กรองด้วย กระชอนตาถี่เอาเฉพาะน้้าสปอร์ที่มีสีเขียวไปใช้งาน ส่วนปลายข้าวที่ใช้เลี้ยงเชื้อรา สามารถน้าไปใส่ไว้ใต้โคนต้นไม้หรือน้าไปผสมกับเศษใบไม้แห้งเพื่อใช้เป็นปุ๋ยหมักได้ 2. น้าน้้าสปอร์ของเชื้อราไตรโคเดอร์มาที่กรองเอาข้าวออกแล้วใช้งานได้ทันที โดย การฉีดพ่นอัตราส่วนเชื้อสด 100 กรัม ต่อน้้า 20 ลิตร 3. การคลุกเมล็ดใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา (เชื้อสด) 1-2 ช้อนแกง (10-20กรัม) ต่อ เมล็ดพืช 1 กก.โดยคลุกเคล้าให้เข้ากันในถุงอาจเติมน้้าเล็กน้อยเพื่อให้สปอร์ของเชื้อ ราเคลือบติดบนผิวของเมล็ดพืชได้ดียิ่งขึ้น


227 ไส้เดือนฝอยก้าจัดแมลงสายพันธุ์ไทย ไส้เดือนฝอย Steinernema สายพันธุ์ไทย เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก มองไม่เห็น ด้วยตาเปล่า มีศักยภาพในการควบคุมแมลงได้หลายชนิด ได้แก่ แมลงในกลุ่มหนอน ผีเสื้อ และกลุ่มหนอนด้วง เช่น หนอนใยผัก หนอนกระทู้หอม หนอนกระทู้ผัก ด้วง หมัดผัก ด้วงกุหลาบ ตลอดจนมีศักยภาพในการก้าจัดจัดปลวกต่างๆ กลไกลการฆ่าแมลง เมื่อไส้เดือนฝอยที่อาศัยอยู่ในดินพบแมลงเหยื่อ จะเคลื่อนที่เข้าสู้ตัวแมลงโดย ผ่านทางช่องเปิดตามธรรมชาติได้แก่ ทางปาก ช่องขับถ่าย หรือรูหายใจทางผิวหนัง จากนั้นเข้าสู้ช่องว่างภายในตัวแมลงซึ่งมีน้้าเลือด ไส้เดือนฝอยจะปลดปล่อย แบคทีเรียแกรมลบ Xenorhabdus sp. ที่อาศัยอยู่บริเวณล้าไส้ส่วนหน้าของไส้เดือน ฝอยระยะเข้าท้าลายลงสู่กระแสของแมลง โดยแบคทีเรียดังกล่าวจะสามารถสร้าง สารพิษที่มีผลท้าให้แมลงเกิดภาวะเลือดเลือดเป็นพิษ และตายอย่างรวดเร็วภายใน 12 ชั่วโมง และสีของตัวแมลงจะเปลี่ยนเป็นสีด้าแต่ไม่เน่าเละ วิธีการแยกล้างและอัตราการใช้ แยกล้างไส้เดือนฝอยออกจากฟองน้้า โดยเทก้อนฟองน้้าลงในภาชนะ และเติมน้้า หยดน้้ายาล้างจานเล็กน้อยเพื่อลดคราบไขมัน จากนั้นใช้มือบีบให้ไส้เดือนฝอยหลุด ออกมาอยู่ในน้้า น้าไปใส่ถังพ่นสารเคมีแบบสะพายหลัง อัตราการใช้ 20 ถุงหรือ ภาชนะบรรจุ ต่อพื้นที่ 1 ไร่ ฉีดพ่นช่วงเย็นทุก 5-7 วัน จนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิต


228 เชื้อราบิวเวอร์เรีย เชื้อราบิวเวอร์เรีย เป็นจุลินทรีย์ที่ท้าให้เกิดโรคกับแมลง ซึ่งสามารถท้าลายแมลง ได้หลายชนิด ซึ่งได้แก่แมลงจ้าพวกเพลี้ยต่างๆหนอนผีเสื้อ ด้วง และแมลงวัน หรือยุง การเข้าท้าลายแมลงของเชื้อราบิวเวอร์เรีย สปอร์เชื้อราตกติดอยู่กับผนังล้าตัวแมลงเข้าสู่ตัวแมลงทางผนังล้าตัว รูหายใจ บาดแผลบนผนังล้าตัว ความชื้นเหมาะสมกับการงอก สปอร์จะแทงทลุผิวหนังล้าตัว เชื้อราจะงอกสู่ช่องว่างล้าตัวแมลงเจริญเติบโตสร้างเส้นใยมากมายท้าลายแมลง เมื่อ แมลงตาย เส้นใยจะแทงผ่านผนังล้าตัวแมลงออกสู่ภายนอกตัวแมลง สปอร์จะ แพร่กระจายไปตามลม ฝนหรือติดกับตัวแมลง เชื้อราจึงสามารถขยายพันธุ์ต่อได้ การใช้เชื้อราบิวเวอร์เรียควบคุมศัตรูพืช เนื่องจากเชื้อค่อนข้างอ่อนแอต่อแสงแดด และอุณหภูมิสูง จึงควรใช้เชื้อราบิว เวอร์เรียในช่วงเวลาเย็นถึงค่้า ระหว่างที่ฉีด ให้กวนน้้าเป็นระยะ และควรปรับหัวฉีด ให้พ่นฝอยละเอียด จะฉีดได้ผลดีและได้พื้นที่เพิ่มขึ้น ควรฉีดเหนือลม และเดินฉีดหน้า ห่างๆ


229 เชื้อราเมตาไรเซียม เป็นจุลินทรีย์ที่มีขนาดเล็กพบในดิน มีคุณสมบัติในการท้าลายแมลงได้หลากหลาย ชนิดสามารถท้าให้เกิดโรคในแมลงและท้าให้แมลงตายลงในที่สุด เช่น ตั๊กแตน หนอน ด้วง หนอนผีเสื้อ มวน และเพลี้ยต่างๆ ซึ่งขึ้นกับชนิดและสายพันธุ์ของเชื้อราเมตตา ไรเซียมด้วยลักษณะโดยทั่วไปของเชื้อราเมตตาไรเซียม คือเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะมี สีเขียวหม่น สามารถมีชีวิตอยู่ในดินได้นาน เป็นเชื้อราที่ไม่ท้าอันตรายต่อไส้เดือนฝอย สัตว์ต่างๆ และมนุษย์จัดว่าเป็นการควบคุมโดยชีววิธีที่มีประสิทธิภาพมากวิธีหนึ่ง รวมทั้งเชื้อราเมตตาไรเซียมสามารถมีชีวิตอยู่ในดินได้นานกว่า 3 ปี ท้าให้มีระยะการ ควบคุมได้นาน วิธีการใช้เชื้อราเมธาไรเซียมในการควบคุมแมลงศัตรูพืช 1. การโรยเชื้อพร้อมกับการปลูกพืช ในอัตรา 10 กก./ไร่ แล้วรีบกลบฝังทันทีเพื่อ ไม่ให้แสงแดดเผาท้าลายเชื้อรา 2. ผสมน้้าราดโดยใช้เชื้อราเมธาไรเซียม 1 กก. ผสมน้้า 200 ลิตร ผสมสารจับใบหรือ น้้ายาล้างจานเล็กน้อย เพื่อลดแรงตึงผิวของเชื้อราให้เข้ากับน้้าได้ดี น้าไปราดหรือใส่ เครื่องพ่นยาฉีดพ่นลงดินและตามต้นพืช


230 เชื้อแบคทีเรียบาซิลัส ทูริงเยนซิส หรือบีที เป็นจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งในธรรมชาติที่มีฤทธิ์ในการท้าลายแมลง โดยเฉพาะหนอน ผีเสื้อ ที่เป็นศัตรูของพืชที่ส้าคัญทางเศรษฐกิจหลายชนิด เมื่อหนอนกินเชื้อบีทีเข้าไป สารพิษที่บีทีสร้างขึ้นจะไปมีผลท้าให้ระบบย่อยอาหารของแมลงล้มเหลว กระเพาะ บวมเต่งและแตก ส่งผลให้แมลงหยุดกินอาหารเคลื่อนไหวช้า ชักกระตุก เป็นอัมพาต และตายภายใน 1-2 วัน เชื้อบีทีจึงสามารถใช้ในการควบคุมหนอนผีเสื้อ ศัตรูพืช หลายชนิดที่ดื้อต่อสารเคมีได้ดี ในขณะเดียวกันเชื้อบีที ยังเป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่เป็น พิษต่อมนุษย์ สัตว์และไม่มีพิษตกค้างในสิ่งแวดล้อม วิธีการใช้เชื้อบีที 1. เชื้อบีทีเป็นสิ่งมีชีวิต จะถูกท้าลายโดยรังสีอุลตร้าไวโอเลต (UV) จากแสงแดด ดังนั้น จึงควรพ่นบีทีหลังบ่ายสามโมงเย็นไปแล้ว จะช่วยยืดอายุเชื้อบีทีบนต้นพืชให้มี ประสิทธิภาพอยู่ได้นานขึ้น 2. แมลงต้องกินเชื้อเข้าไป บีที จึงจะสามารถท้าลายแมลงได้ แมลงศัตรูผักบางชนิด เช่น หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่้า มักอาศัยกัดกินอยู่ด้านล่างของใบ ดังนั้น การพ่น บีทีควรครอบคลุมบริเวณส่วนล่างของใบพืชด้วย จึงจะสามารถควบคุมหนอนได้อย่าง มีประสิทธิภาพ 3. การปรับหัวฉีดเครื่องพ่นสารให้ละอองเล็กที่สุดจะช่วยให้ละอองยาเกาะผิวใบได้ดี และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมแมลงได้ดีขึ้น 4. ควรผสมสารจับใบในการพ่นเชื้อบีทีทุกครั้งตามอัตราแนะน้าการใช้ที่ข้างขวด 5. ไม่ควรผสมเชื้อบีทีกับสารป้องกันก้าจัดโรคพืช เพื่อใช้พ่นในคราวเดียวกัน ทั้งนี้ เนื่องจากสารป้องกันก้าจัดโรคพืชบางชนิดอาจท้าให้เชื้อบีทีเสื่อประสิทภาพได้ 6. เมื่อพบการระบาดของแมลงรุนแรง ควรพ่นเชื้อบีทีตามอัตราแนะน้า โดยพ่น ติดต่อกัน 3 ครั้ง ระยะห่างกัน 3 – 4 วัน จะช่วยลดความเสียหายจากแมลงได้ดีกว่า การพ่นเพียงครั้งเดียว


231 สารสกัดสมุนไพรป้องกันก้าจัดหนอนและแมลง สมุนไพรก้าจัดหนอนเถาบอระเพ็ด ลูกควินนิน เมล็ดมันแก้ว เปลือกต้นไกรทอง เถาวัลย์ยาง เถาวัลย์แดง ต้นล้มเช้า หัวขมิ้นชัน เมล็ดลางลาด ใบแก่ดาวเรืองชะพลู พลูป่า กานพลู ฝักคูนป่า ลูกยี่โถ ใบมะลินรก หัวกลอย ใบหนามขี้แรดเมล็ดฝักข้าว สาบเสือ หาง ไหลขาวเปลือกต้นจิกสน เมล็ดสะเดา หนอนตาย-หยาก หัวไพล สมุนไพรไล่แมลง ใบ ผกากรอง ใบ ดอกตูมดาวเรือง ใบยอ หางไหลขาว/แดง ใบ/เมล็ดน้อยหน่า ใบมะระขี้นก ต้นยาสูบ ยาฉุน เปลือกว่านหางจระเข้ ใบ / เมล็ด / ต้นสบู่ต้น ใบค้าแสด เมล็ดแตงไทย ใบ/ดอก/ผลล้าโพง ขิงข่าดีปลีโหระพา สะระแหน่ พริกไทย กระชาย พริกสด ตะไคร้หอม/ แกง กระเทียม ใบมะเขือเทศ ยี่หร่า ทุเรียนเทศหัวกลอย เมล็ดละหุ่ง เมล็ดโพธิ์ ดอกแคขาว ดอกเฟื่องฟ้า ดอกชบา ดอกยี่โถ มะกรูด สาบเสือ ว่านน้้า ปะทัดจีน การหมักสมุนไพร วิธีที่ 1 หมักในเอ็ทธินแอลกอฮอร์ วิธีที่ 2 เหล้าขาว 750 ซีซี + หัวน้้าส้มสายชู 150 ซีซี วิธีที่ 3 น้้า 20 ลิตร + เหล้าขาว 750 ซีซี วิธีที่ 4 น้้า 20 ลิตร + กากน้้าตาล 500 ซีซี วิธีที่ 5 หมักด้วยน้้าเปล่า วิธีท้า บด/สับ/ โขกสมุนไพรทั้งหมดแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน บรรจุในภาชนะที่ไม่ใช้โลหะ เติมสารหมักสมุนไพรให้ท่วม 2 5 เท่า คนหรือเขย่าให้เข้ากันดีอีกครั้ง กดให้จมตลอดเวลา เก็บไว้ในที่ร่มอุณหภูมิห้อง คนหรือเขย่าบ่อยๆ หมักนาน 7-10วัน เริ่มน้าไปใช้ได้ โดยน้้าหมักที่ได้คือ หัวเชื้อ อัตราการใช้ อัตราปกติ 20-50 ซีซี/ น้้า 20 ลิตร ฉีดพ่นให้โชกทั่วทรงพุ่ม ทุก 3-5 วัน หัว เชื้อใหม่ๆ มีสารออกฤทธิ์แรงมาก หากใช้ในอัตราเข้มข้นเกินไปท้าให้ใบไหม้ได้ ดังนั้นต้อง ทดลองใช้ก่อน 1-2 ครั้ง แล้วดูอาการพืช ถ้าใบไหม้ก็ให้พิจารณาเพิ่ม หรือลดอัตราใช้ลง ตามความเหมาะสม


232 น้้าสกัดชีวภาพ ได้จากการสกัดน้้าเลี้ยงออกจากเซลล์พืชและเซลล์สัตว์โดนใช้น้้าตาลหรือกากน้้า น้้าตาล ด้วยกระบวนการหมักแบบไม่ต้องการอากาศโดยจุลินทรีย์ได้น้้าสกัดชีวภาพสี น้้าตาลใส มีจุลินทรีย์หลายชนิดและเซลล์สัตว์ต่างๆ ได้แก่ สารคาร์โบไฮเดรต โปรตีน กรดอะมิโน ฮอร์โมน และธาตุอาหารต่างๆ ซึงมีปริมาณแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ น้ามาใช้ท้าน้้าสกัดชีวภาพ ซึ่งมีด้วยกันหลายสูตร ได้แก่ 1. น้้าหมักชีวภาพจากพืช แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ – ชนิดที่ใช้ผัก และเศษพืช เป็นน้้าหมักที่ได้จากเศษพืช เศษผักจากแปลงเกษตรหลังการ เก็บ และคัดแยกผลผลิต น้้าหมักที่ได้มีลักษณะเป็นน้้าข้นสีน้้าตาล มีกลิ่นหอม – ชนิดที่ใช้ขยะเปียก เป็นน้้าหมักที่ได้จากขยะในครัวเรือน เช่น เศษอาหาร เศษผักผลไม้ น้้าหมักที่ได้มีลักษณะข้นสีน้้าตาลจางกว่าชนิดแรก และมีกลิ่นหอมน้อยกว่า บางครั้งอาจมี กลิ่นเหม็นบ้างเล็กน้อย ต้องใช้กากน้้าตาลเป็นส่วนผสม สูตรการหมักพืชสด : กากน้้าตาล 3 กก. : 1 กก. 2. น้้าหมักชีวภาพจากสัตว์ เป็นน้้าหมักที่ได้จากเศษเนื้อต่างๆ เช่น เนื้อปลา เนื้อหอย เป็น ต้น น้้าหมักที่ได้จะมีสีน้้าตาลเข้ม มักมีกลิ่นเหม็นมากกว่าน้้าหมักที่ได้จากวัตถุหมักอื่น ต้อง ใช้กากน้้าตาลเป็นส่วนผสม สูตรการหมักเศษเนื้อสด : กากน้้าตาล 3 กก. : 1 กก. วิธีท้าน้้าสกัดชีวภาพ การท้าน้้าสกัดแต่ละสูตร ให้น้าชิ้นส่วนที่เป็นวัตถุดิบน้ามาต้า บด โขลก หรือหั่นให้เป็น เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วบรรจุลงถังหมัก เติมกากน้้าตาล และส่วนผสมอื่นๆ ที่เป็นของเหลวลงไป คนหรือคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ 7-15 วัน จึงน้ามาใช้ได้ การน้าไปใช้ ฉีดพ่นพืชผักระยะเติบโตทางใบ ผักกินดอก ผักกินผล และผลไม้ อัตราการใช้ 15-20 ซีซี/ น้้า 20 ลิตร ควบคู่การให้ทางดิน อัตรา 30-50 ซีซี/น้้า 20 ลิตร ทุก 15-20 วัน ข้อควรระวังในการใช้น้้าสกัดชีวภาพ น้้าหมักชีวภาพเป็นของเหลวที่เกิดจากการหมักย่อยสลายสิ่งต่างๆ ภายในเซลล์พืชและ เซลล์สัตว์ ซึ่งมีความเข้มข้นของสารละลายสูง เมื่อน้าไปฉีดพ่นต้นพืช จึงผสมน้้าให้เจือจาง ถ้าใช้ความเข้มข้นสูง จะท้าให้ชะงักการเจริญเติบโต ใบร่างและตายได้


233 ปุ๋ยหมักชีวภาพ ปุ๋ยหมัก หมายถึง ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้จากหมักบ่มสารอินทรีย์ด้วยจุลินทรีย์ที่ท้าหน้าที่ย่อย สลายอินทรีย์วัตถุให้สลายตัว และผุพังไปบางส่วน ท้าให้ได้ปุ๋ยที่มีลักษณะสีคล้้าด้า มี ลักษณะเป็นผง ละเอียดเหมาะ ส้าหรับการปรับปรุงดิน และให้ธาตุอาหารแก่พืช วิธีท้าปุ๋ยหมักชีวภาพ มูลสัตว์ : ขี้แกลบ : ร้าละเอียด : กากน้้าตาล : น้้าสะอาด : หัวเชื้อจุลินทรีย์ 400 กก. : 100 กก. : 30 กก. : 1 กก. : 200 กก. : 5 ลิตร ผสมมูลสัตว์ ขี้เถ้าแกลบ ร้าละเอียด ให้เข้าด้วยกัน รดด้วยหัวเชื้อจุลินทรีย์ ผสม กากน้้าตาล และน้้าให้มีความชื้น 40% เกลี่ยกองปุ๋ยหมักสูง 30 ซม. คลุมด้วยกระสอบชุบ น้้า แล้วหมักทิ้งไว้ 30 วัน ก่อนน้าใส่ต้นไม้ การน้าไปใช้ประโยชน์ ผสมคลุกเคล้ากับดินในแปลงปลูกอัตรา 2 กก./ตรม.และโรยแต่งหน้าในแปลงพืชผัก อัตรา 50-100 กรัม/ต้น หรือไม้ผลอัตรา 5-10 กก. โดยใช้ 2 ครั้ง ก่อนออกดอกและใน ระยะติดผล หลักพิจารณาปุ๋ยหมักพร้อมใช้ 1. ปุ๋ยหมักจะมีสีน้้าตาลเข้มถึงด้า 2. อุณหภูมิทั่วกองปุ๋ยหมักมีค่าใกล้เคียงกัน เนื่องจากเกิดปฏิกิริยาการหมักเกือบหมดแล้ว 3. หากใช้นิ้วมือบี้ ก้อนปุ๋ยหมักจะแตกยุ่ยออกจากกันง่าย 4. พบเห็ด เส้นใยรา หรือ พืชอื่นขึ้น 5. กลิ่นของกองปุ๋ยหมักจะมีกลิ่นฉุนที่เกิดจากการหมัก


234 แบคทีเรียบาซิลลัส เบอร์1 ควบคุมโรคที่เหี่ยวจากแบคทีเรีย เบอร์ 2 ควบคุมโรคใบจุด ใบไหม้ แอนแทรคโนส เบอร์ 3 ควบคุมโรค รากเน่า โคนเน่า แคงเกอร์ วิธีใช้ - พ่นทันที 1 ซอง ผสมน้้า 20 ลิตร - ขยายเชื้อก่อนพ่น วิธีขยาย: เชื้อ 1 ซองผสมน้้าสะอาดที่ดื่มได้ หรือน้้าต้มสุกที่เย็นแล้ว 1 ลิตร เขย่าให้ เข้ากัน 1-2 ครั้ง ต่อวันบ่มไว้ 2 วัน (48 ชั่วโมง) วิธีใช้: น้้าสะอาดที่บ่มเชื้อไว้ 2 วัน ปริมาตร 1 ลิตร ผสมได้ 1 ลิตร ผสมน้้าได้ 100 ลิตร หากใช้ไม่หมดเก็บไว้ในตู้เย็น 8-10 องศาเซลเซียส หมายเหตุ 1. ใช้ได้กับพืชทุกระยะการเจริญเติบโต สามารถพ่นได้บ่อยโดยไม่มีผลเสียกับต้นพืช 2. ใช้พ่นสลับกับไตรโคเดอร์มาได้ แต่ไม่ควรผสมร่วมกัน


235 กับกาวเหนียว กับดักกาวเหนียว มีคุณสมบัติไม่มีสีไม่มีกลิ่นและไม่มีพิษต่อสิ่งแวดล้อม จะใช้ใน การควบคุมปริมาณตัวเต็มวัยของแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด เช่น เพลี้ยไฟ ด้วงหมัด ผัก แมลงวันจะผล แมลงวันหนอนชอนใบ ผีเสื้อกลางวันชนิดต่างๆ ทั้งผีเสื้อกลางวัน ชนิดต่างๆ ทั้งผีเสื้อหนอนคืบและหนอนใย เป็นต้น โดยทั่วไปมักนิยมใช้กาวเหนียวมา ทาบวัสดุที่มีสีเหลือง แผ่นพลาสติก ถุงพลาสติก เนื่องจากแมลงชอบสีเหลือง โดยกับ ดักนี้จะใช้ล่อแมลงให้บินมาติดกับดักกาวเหนียวที่ทาไว้ ส้าหรับการติดตั้งกับดักนั้น ควรติดตั้งให้อยู่ในระดับเหนือยอดผักที่ปลูกประมาณ 1 ฟุต โดยจะใช้กับดักประมาณ 60-80 กับดักต่อพื้นที่ 1 ไร่ ในช่วงที่มีการระบาดมาก คือช่วงฤดูฝนและฤดูร้อน วิธีการ ทากาวเหนียวลงบนวัสดุที่เตรียมไว้ให้ทั่ว ด้วยแปรงทาสีแขวนกับดักตามต้นไม้หรือ ยึดติดกับหลักที่เตรียมไว้ ซึ่งในทางป่าไม้ใช้กับดักกาวเหนียวในการหาความหนาแน่น ของประชากร และความหลากหลายของชนิดแมลง ในระดับความสูงต่าง ๆ เช่น ใน ระดับยอดทรงพุ่ม กลางทรงพุ่ม เป็นต้น


236 กับดักแสงไฟ เป็นการใช้แสงไฟจากหลอดฟลูออร์เรสเซนต์ (หลอดนีออน) หรือหลอดไฟแบล็คไลท์ ล่อแมลงใน เวลากลางคืน เช่น ผีเสื้อ หนอน กระทู้หอม หนอน กระทู้ผัก ให้มาเล่นไฟและตกลงในภาชนะที่บรรจุน้้า มันเครื่องหรือน้้าที่รองรับอยู่ด้านล่าง การติดตั้งกับดัก และแสงไฟจะติดตั้งประมาณ 2 จุด/พื้นที่ 1 ไร่ โดย ติดตั้งให้สูงจากพื้นดินประมาณ 150 เซนติเมตร และ ให้ภาชนะที่รองรับอยู่ห่างจากหลอดไฟ 30 เซนติเมตร และควรปิดส่วนอื่นๆ ที่จะท้า ให้แสงสว่างกระจายเป็น บริเวณกว้างเพื่อล่อจับแมลงเฉพาะในบริเวณแปลง มิใช่ล่อแมลงจากที่อื่นให้เข้ามาในแปลง แมลงตัวห้้า ตัวเบียน ตัวห้้า เป็นสิ่งมีชีวิตที่ท้าให้ศัตรูตายด้วยการกัดกินศัตรูเป็นอาหาร มักมีขนาด ใหญ่กว่าศัตรูพืช ได้แก่ มวนพิฆาต มวนเพชฌฆาต ด้วงเต่าตัวห้้า แมลงช้างปีกใส ไร ตัวห้้า แมลงหางหนีบ กบ เป็นต้น ตัวเบียน ท้าให้ศัตรูตายโดยการอยู่อาศัยและขยายพันธุ์ภายใน หรือบนตัวศัตรูพืช มีขนาดเล็กกว่าศัตรูพืชท้าลายศัตรูที่ละตัว และขยายพันธุ์ได้มาก ได้แก่แตนเบียน ชนิดต่างๆ


237 รวบรวมโดย www.baansanraorganic.com เกษตรอินทรีย์ “บ้านแสนรักษ์” 88/2 หมู่ 3 ซ.ท่าอิฐ ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 โทรศัพท์/โทรสาร 081-626-5628, 02-922-1756 Email: [email protected]


238 ฐิติมา ตรีโลเกศ ฝ่ ายบริการฝึกอบรม ที่ปรึกษา กรรมการผู้จัดการ พิมพ์พนิต จันทร์โอทาน ดร.นิพนธ์ วิรสาทานนท์ ที่ปรึกษา ดร.จิรเดช แจ่มสว่าง ที่ปรึกษา ดร.นุชนารถ ตั ้งจึตสมคิด พัชรพร จึงประดิษฐ์ ฝ่ ายบริการฝึกอบรม รัตนพล ศรีสุขสร้อย ฝ่ ายส่งเสริมเกษตร นพสุชา สุดใจ ฝ่ ายส่งเสริมเกษตร เบญจวรรณ เลิศอุดมธรรม ฝ่ ายการตลาด สรัลลักษณ์ สายสุริยา ฝ่ ายบัญชีและการเงิน ทีมงาน บ้านแสนรักษ์


Click to View FlipBook Version