145
แบบประเมนิ ใบงานเร่ือง ตวั ละคร สะทอ้ นสงั คม
นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3/......
วนั ท่ี................เดือน.........................พ.ศ.................
คำชี้แจง: ใหท้ ำเครื่องหมาย √ ลงในช่องรายการท่ตี รงกบั ความเปน็ จริง
เลขท่ี รายช่อื เกณฑ์การประเมิน รวมคะแนน
(เต็ม 10
ความถกู ต้อง คะแนน)
4 3 2 1
(10 (9 คะแนน) (7 - 8 (5 - 6
คะแนน) คะแนน) คะแนน)
ลงช่อื …………….............................………..ผปู้ ระเมิน
เกณฑ์การประเมิน : ใบงานเร่อื ง ตวั ละคร สะทอ้ นสังคม 146
เกณฑ์การประเมนิ 432 1
(5 - 6 คะแนน)
ความถูกต้อง (10 คะแนน) (9 คะแนน) (7 - 8 คะแนน) ถูกต้องต่ำกว่า 5 ขอ้
เกณฑ์การตดั สิน ถูกตอ้ งทง้ั หมด ถูกตอ้ ง 9 ขอ้ ถูกต้อง 7 -8 ข้อ
9 - 10
7-8 คะแนน = ดีมาก
5-6 คะแนน = ดี
ตำ่ กว่า 5 คะแนน = พอใช้
คะแนน = ควรปรบั ปรงุ
147
แบบประเมนิ ใบงานเรื่อง วิเคราะหค์ ำกลอน สะท้อนเรื่องราว
นกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3/......
วันท่ี..............เดอื น.........................พ.ศ.................
คำชแ้ี จง: ใหท้ ำเคร่อื งหมาย √ ลงในช่องรายการท่ีตรงกับความเป็นจริง
เลขที่ รายชอื่ เกณฑ์การประเมิน รวมคะแนน
(เต็ม 10
ความถกู ตอ้ ง คะแนน)
4 3 2 1
(10 (9 คะแนน) (7 - 8 (5 - 6
คะแนน) คะแนน) คะแนน)
ลงชื่อ…………….............................………..ผู้ประเมิน
เกณฑ์การประเมนิ : ใบงานเร่อื ง วเิ คราะหค์ ำกลอน สะท้อนเรอ่ื งราว 148
เกณฑ์การประเมนิ 4 3 2 1
(5 - 6 คะแนน)
(10 คะแนน) (9 คะแนน) (7 - 8 คะแนน) ถกู ตอ้ งตำ่ กว่า 5 ขอ้
ความถูกต้อง ถูกตอ้ งทั้งหมด ถูกตอ้ ง 9 ขอ้ ถูกต้อง 7 -8 ขอ้
เกณฑ์การตดั สิน
9 - 10 คะแนน = ดมี าก
7 - 8 คะแนน = ดี
5 - 6 คะแนน = พอใช้
ตำ่ กวา่ 5 คะแนน = ควรปรบั ปรุง
149
แบบประเมนิ การอ่านบทรอ้ ยกรอง
นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3/......
วนั ที.่ .................เดือน......................พ.ศ.................
คำชแ้ี จง: ให้ทำเครื่องหมาย √ ลงในช่องรายการทีต่ รงกบั ความเปน็ จรงิ
เลขที่ รายชือ่ รายการประเมิน/ระดบั คะแนน รวม
อกั ขรวิธี น้ำเสียง/ ความถูกต้องใน บุคลกิ ท่าทาง คะแนน
อารมณ์ การอ่าน (เตม็ 16
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 คะแนน)
ลงชอ่ื …………….............................………..ผปู้ ระเมิน
150
เกณฑก์ ารประเมนิ : แบบประเมินการอ่านบทร้อยกรอง
รายการประเมนิ ระดับคะแนน
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ
(4) (3) (2) (1)
1. อักขรวิธี ออกเสยี งอักขระ ออกเสยี งอกั ขระ ออกเสียงอักขระ ออกเสยี งอกั ขระ
ตัวสะกด ตัวสะกด ตัวสะกด ตวั สะกด ควบกล้
ควบกลำ้ ถกู ตอ้ งทุก ควบกลำ้ ถกู ต้องแต่ ควบกลำ้ ส่วนใหญ่ า
แหง่ ยงั มีผดิ อยบู่ า้ ง ไม่ถูกต้อง ไม่ถกู ต้อง
2. น้ำเสียง/ เสยี งดังชัดเจน เสียงดงั พอสมควรมี เสยี งเบา เสยี งเบาขาด
อารมณ์ ไพเราะ ความไพเราะ สอดแทรก ความชดั เจน
สอดแทรกอารมณ์ สอดแทรกอารมณ์ อารมณ์ ขาดการ
เหมาะสมกับเร่ือง เหมาะสมกับเรอ่ื ง เหมาะสมกับเรือ่ ง สอดแทรก
อารมณ์
3. ความถกู ตอ้ งในการอ่าน การเวน้ วรรคตอน การเว้นวรรคตอน การเว้นวรรคตอน การเว้นวรรคตอน
จังหวะ ลลี าถกู ตอ้ ง จงั หวะ แต่ขาดลีลา ถกู ต้องแต่ขาด ไมถ่ ูกต้องทงั้
สมบรู ณ์ จงั หวะและลีลา จงั หวะ
และขาดลีลา
4. บุคลกิ ท่าทาง ม ี ค ว า ม เ ช ื ่ อ ม่ั น ม ี ค ว า ม เ ช ื ่ อ ม่ั น ขาดความมั่นใจ ขาดความมั่นใจ
ท่าทางสัมพันธ์กับ ท่าทางสัมพันธ์กับ ทา่ ทางสัมพันธ์กับ ท่าทางไม่สัมพันธ์
เนื้อเร่อื งเหมาะสม เนื้อเรอื่ งบางสว่ น เน้อื เรอื่ งบางส่วน กบั เนื้อเรอื่ ง
เกณฑ์การตัดสนิ คะแนน = ดีมาก
14 – 16 คะแนน = ดี
11 – 13 คะแนน = พอใช้
8 - 10 คะแนน = ควรปรบั ปรงุ
ตำ่ กว่า 8
151
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
นกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3/.......
วันที่.............เดอื น...........................พ.ศ.................
คำชีแ้ จง: ใหท้ ำเคร่อื งหมาย √ ลงในช่องรายการทีต่ รงกับความเปน็ จรงิ
พฤติกรรม เนอ้ื หา ความ ประโยชน์ วิธีการ
/ระดับคะแนน ละเอียด
ถูกต้อง ภาษาทใ่ี ช้ ท่ไี ด้จาก นำเสนอ รวม
ชัดเจน ของ เขา้ ใจงา่ ย การ ผลงาน
ชอ่ื กลุ่ม
เน้ือหา นำเสนอ
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
เกณฑก์ ารประเมิน
4 คะแนน = ปฏบิ ัติไดด้ ีมาก
3 คะแนน = ปฏิบัติได้ดี
2 คะแนน = ปฏบิ ตั ไิ ด้ผ่าน
1 คะแนน = ต้องปรบั ปรงุ
ลงชอื่ …………….............................………..ผู้ประเมิน
152
บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้
1. สภาพทว่ั ไปของการจดั การเรียนการสอน
1.1 ดา้ นความรู้ (K)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
1.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
1.3 ด้านคุณลกั ษณะ (A)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
2. ปัญหาและอปุ สรรคระหวา่ งการจัดการเรียนการสอน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. แนวทางแก้ปญั หาและขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เตมิ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
4. สรปุ ผลการจัดการเรียนรจู้ ากแผนการจัดการเรียนรตู้ ามตัวชวี้ ัด
จำนวนนักเรยี นทงั้ หมด.........................คน
- ผา่ นเกณฑ์ประเมินระดบั ด.ี ................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................
- ผา่ นเกณฑป์ ระเมนิ ระดบั ปานกลาง.................คน คิดเป็นร้อยละ.................
- ผา่ นเกณฑ์ประเมนิ ระดับปรบั ปรงุ ...................คน คิดเป็นร้อยละ.................
ลงชอ่ื .............................................................
(นางสาวศริ ิวรรณ ฤทธ์มิ หันต์)
ครผู สู้ อน
153
แผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 14 เรอ่ื ง การฟงั ดูสอ่ื เพอ่ื วเิ คราะห์ หน่วยการเรยี นรู้ พระอภัยมณี
รหสั วชิ า ท23101 รายวชิ า ภาษาไทย 5 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 จำนวนคาบ 3 ชว่ั โมง
___________________________________________________________________________
สาระท่ี 2 การเขียน
มาตรฐานการเรยี นรู้ ท 2.1 ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสื่อสาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเรื่องราวใน
รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอย่าง
มปี ระสทิ ธิภาพ
ตวั ชวี้ ดั
6. เขียนอธบิ าย ชี้แจง แสดงความคดิ เห็นและโตแ้ ย้งอย่างมีเหตุผล
สาระที่ 3 การฟัง การดู และการพูด
มาตรฐานการเรียนรู้ ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมวี ิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ
ความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตัวช้วี ัด
1. แสดงความคดิ เห็นและประเมินเรื่องจากการฟงั และดู
2. วิเคราะห์และวจิ ารณ์เร่อื งทฟ่ี งั และดู เพ่ือนำข้อคดิ มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต
6. มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด
สาระการเรยี นรู้
1. การเขยี นและพดู แสดงความคิดเหน็ จากเร่ืองท่ีอา่ น ฟงั และดู
2. การวเิ คราะห์ วจิ ารณ์จากเรือ่ งท่ีฟังและดู
3. มารยาทในการฟัง การดแู ละการพูด
สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด (KAP)
การพัฒนาทักษะการฟัง การดู และการพูดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจะต้องศึกษาและทำความ
เข้าใจความหมาย หลักการและความสำคัญ ความมุ่งหมาย มารยาทในการฟัง การดู การพูด ตลอดจนมี
วิจารณญาณในการฟงั ดู และพดู จบั ใจความสำคัญและรายละเอยี ดของเร่อื ง ฟงั ดู และพดู เพ่อื หาเหตุผลและ
วพิ ากษ์วิจารณ์ เพ่อื ใหเ้ กดิ จนิ ตนาการรวมทั้งการสรปุ ความจากเร่ืองทฟ่ี งั และดู
154
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
1. เขา้ ใจหลกั การแสดงความคิดเห็นและประเมนิ คา่ ของเร่ืองทฟ่ี ังและดไู ด้
ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
2. เขียนและพดู แสดงความคิดเห็นได้อย่างถกู ต้อง
3. เขียนและพดู วิเคราะห์ วิจารณ์ จากเร่ืองทีฟ่ งั และดไู ดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
ดา้ นคณุ ลักษณะ (A)
4. มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพดู
5. ทำงานรว่ มกบั ผอู้ น่ื ไดเ้ ปน็ อย่างดี
ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1. ใบงานเร่ือง การเขียนแสดงความคดิ เหน็
2. พดู แสดงความคดิ เห็น
3. ใบงานเร่ือง การพูดวิเคราะห์ วจิ ารณจ์ ากขา่ ว
4. พดู วิเคราะห์ วจิ ารณข์ ่าว
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
4. ทกั ษะทางภาษา
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งม่ันในการทำงาน
4. รักความเปน็ ไทย
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ช่วั โมงท่ี 1
กจิ กรรมนำเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั ทบทวนเน้อื หาในคาบเรยี นท่แี ลว้
155
2. นักเรียนฟังข่าวท่ีครูนำมาเลา่ ทเ่ี ป็นเหตุการณป์ ัจจุบนั 2 ข่าว ทัง้ ข่าวดี และขา่ วรา้ ยทป่ี รากฏข้ึนใน
สังคมไทย จากน้นั ครูกับนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายถงึ ประเด็น “เน้ือหาของข่าว และประโยชน/์ โทษจากข่าว”
กิจกรรมพฒั นาการเรยี น
3. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 3 คน คละความสามารถเกง่ ปานกลาง อ่อน เพือ่ ศึกษาใบความรู้ เรื่อง
การเขียนแสดงความคิดเห็นและโตแ้ ย้ง กล่มุ ละ 1 ชุด
4. ครูทบทวนความรู้ของนักเรียน ด้วยประเด็นคำถาม ดังนี้ หลักการเขียนแสดงความคิดเห็นมี
อะไรบ้าง ใหน้ ักเรียนตอบทีละกลมุ่
5. นกั เรียนทำใบงานเร่อื ง การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากข่าว ซงึ่ นักเรยี นแต่ละคนภายในกลุ่มต้อง
แบ่งหน้าท่ีกันอย่างชัดเจน
6. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอการเขียนแสดงความคิดเห็นของกลมุ่ ส่วนเพอื่ นกลุ่มที่เหลือให้
รว่ มกนั แสดงความคิดวา่ ส่ิงทเ่ี พอื่ นนำเสนอมามีความเหมอื นหรอื แตกต่างจากกลุ่มของตนเองอยา่ งไร พร้อมท้ัง
ครูร่วมแสดงความคดิ เห็นร่วมกับนกั เรยี นเพมิ่ เตมิ
สรปุ บทเรียน
7. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุปความรู้การเขียนแสดงความคดิ เหน็ คอื การเขยี นทป่ี ระกอบด้วยข้อมูล
อันเปน็ ขอ้ เท็จจริงกบั การแสดงความเหน็ ต่อเร่อื งใดเรือ่ งหน่ึง และมจี ุดมงุ่ หมายของการเขียนได้หลายแบบ เช่น
แสดงความคิดเห็นเพอ่ื สร้างสรรค์
8. นักเรยี นรว่ มกันบอกความรู้สกึ หรือความคิดเหน็ ที่มีตอ่ การทำงานกลุ่มรว่ มกนั ว่านักเรียนมีความ
พงึ พอใจตอ่ การทำงานของตนเอง และของเพ่ือนรว่ มกลุม่ หรอื ไม่ เพราะอะไร
ชว่ั โมงท่ี 2
กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียน
1. ครูทกั ทายนักเรยี น สนทนาเพอื่ เตรยี มความพร้อมในการเรยี นรู้โดยให้นกั เรียนทำทา่ บริหารสมอง
(Brain gym)
2. นักเรยี นรว่ มกนั ทบทวนเนื้อหาในคาบเรยี นทแี่ ล้ว โดยตอบตามประเด็นคำถามต่อไปนี้
- การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ คอื อะไร และมีประโยชน์อย่างไร
- การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ มีหลกั อะไรบา้ ง
3. นกั เรียนดวู ดิ ิโอ “การศกึ ษาตตี ราวา่ ...ผมโง”่ เม่ือดูวดิ โิ อเสร็จใหน้ ักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น
ตามประเดน็ คำถาม ดังน้ี
- นกั เรียนคิดอย่างไรกบั คำพูดที่วา่ “ตน้ ไม้โตในดนิ ท่แี ตกต่างกัน”
- นกั เรยี นเห็นดว้ ยหรอื ไมก่ บั คำพูดของนกั เรยี นชายในวดิ โิ อ พรอ้ มบอกเหตุผล
4. นกั เรียนและครูรว่ มกันสรุปข้อคิดทีไ่ ดจ้ ากวดิ โิ อ
156
กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู้
5. นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 3 คน คละความสามารถเก่ง อ่อน ปานกลาง ตามคาบเรียนท่ีแล้ว
เพือ่ ศกึ ษาใบความรเู้ รอื่ ง การพูดแสดงความคดิ เห็นและประเมินเรือ่ งจากการฟงั และการดู
6. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างสิ่งสำคัญในการพูดแสดงความคิดเห็นและประเมินเรื่องจากการฟังและ
การดู พร้อมอธิบายเหตผุ ล จากนั้นครูอธบิ ายเรื่อง การพดู แสดงความคดิ เห็นและประเมินเรอื่ งจากการฟังและ
การดเู พิ่มเตมิ
7. ใหน้ กั เรียนอธิบายความรู้ท่ีไดจ้ ากวิดิโอ จากการดูวิดโิ อแล้วนกั เรยี นได้ความรูอ้ ะไร พร้อมทง้ั บอกว่า
ใช้หลักการใดในการแสดงความคิดเห็นต่อวิดิโอดังกล่าว และให้นักเรียนบอกลักษณะของผู้พูดแสดงความ
คิดเหน็ ทีด่ ี
8. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ดวู ดิ ิโอการ์ตนู เรื่อง ประธานนักเรยี นทด่ี ี VS ไมด่ ี เม่ือดูวิดโิ อเสรจ็ ให้นักเรียนแต่
ละกลุม่ ระดมสมองกันเพ่ือเตรียมพูดแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ ววิดโิ อทีด่ ไู ป โดยให้แตล่ ะกล่มุ ส่งตวั แทนออกมาพูด
แสดงความคิดเหน็ ตามหวั ขอ้ ตอ่ ไปนี้
- นกั เรียนคดิ วา่ ทำไมวนิ และเกล้าจงึ มนี ิสัยเชน่ นน้ั
- นักเรยี นจะเลือกใครเปน็ ประธานระหวา่ งเกลา้ กบั วนิ เพราะเหตใุ ด
- นักเรยี นคิดว่าวนิ ประพฤติตัวเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด
- นกั เรยี นคดิ วา่ เกลา้ ประพฤติตวั เหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
- ใหน้ กั เรียนบอกขอ้ คดิ /ประโยชนท์ ่ีได้จากวิดิโอการ์ตนู เร่อื ง ประธานนักเรยี นที่ ดี VS ไมด่ ี
กจิ กรรมสรุปบทเรยี น
9. นักเรียนเขียนลงสมดุ ระบุสิ่งที่ได้เรียนในวันน้ี
ชั่วโมงที่ 3
กจิ กรรมนำเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. ครทู ักทายนกั เรียน/สนทนาเพอื่ เตรียมความพร้อมในการเรียนรู้ ทบทวนความรู้ในคาบเรียนท่ีแลว้
2. นกั เรยี นฟงั เพลง “เรือเล็กควรออกจากฝ่ัง” แล้วร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ วิเคราะห์ วิจารณ์ ตาม
ประเดน็ ดังนี้ - จุดมุ่งหมายสำคัญของเพลงน้ี
- ใจความสำคัญของเพลง
- บทเพลงนำเสนอดว้ ยน้ำเสียงอยา่ งไร
- ผูแ้ ตง่ ให้เรือ และพายเุ ป็นสญั ลกั ษณ์ของอะไร
3. หลังจากนกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ วเิ คราะห์ วิจารณ์ ครูสรปุ ประเด็นความรู้อีกคร้งั
กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู้
4. นักเรียนศึกษาเร่อื ง การพูดวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ จากเรื่องทีฟ่ งั และดู จากส่อื พาวเวอร์พอ้ ยท์ พร้อมครู
อธิบายประกอบตามหวั ขอ้ ดงั นี้
- ความหมายของการวิเคราะห์ วจิ ารณ์
157
- ขนั้ ตอนการวเิ คราะห์ วจิ ารณจ์ ากเร่อื งที่ฟงั และดู
- ขอ้ ควรปฏิบัติในการพดู วเิ คราะห์ วิจารณ์จากเร่ืองท่ีฟงั และดู
- เทคนคิ การวิเคราะห์ 5W1H
- ตัวอยา่ งข้อสอบ O-net
5. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 - 5 คน คละความสามารถเก่ง อ่อน ปานกลาง เพื่อดูวิดิโอข่าว
“เหย่ือโควิด-19 รายที่ 2 ของยะลา” จากนั้นทำใบงานเรื่อง การพูดวิเคราะห์ วิจารณ์จากข่าว “ชายวัย 54
เสียชวี ติ จากโควิด-19 รายแรกของยะลา”
6. หลังจากทำใบงานเสรจ็ ใหน้ ักเรียนสง่ ตวั แทนออกมาพดู วเิ คราะห์ วิจารณข์ ่าวดงั กลา่ ว
7. ครแู สดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกับการพูดวิเคราะห์ วิจารณข์ ่าวของนกั เรยี น และกล่าวชมเชยนกั เรียนท่ี
มีความตัง้ ใจเรียน และกลา้ แสดงออก
กิจกรรมสรุปบทเรียน
8. นักเรียนรว่ มกันสรุปสง่ิ ทีไ่ ด้เรียนรใู้ นวนั น้ี พรอ้ มท้งั บอกประโยชน์ของการพูดวเิ คราะห์ วิจารณ์ว่า
จำเป็นในชีวติ ประจำวันอยา่ งไร
สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้
1. ส่อื พาวเวอร์พอ้ ยท์ เรื่อง การเขียนแสดงความคดิ เห็น
2. สื่อพาวเวอร์พ้อยท์ เรื่อง การพูดวเิ คราะห์ วิจารณ์ จากเร่ืองท่ฟี ังและดู
3. ใบความรู้เรื่อง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็
4. ใบความรู้เร่อื ง การพูดแสดงความคิดเห็นและประเมนิ เรื่องจากการฟงั และการดู
5. วิดโิ อขา่ ว “เหย่อื โควดิ -19 รายท่ี 2 ของยะลา”
6. วิดิโอ “การศึกษาตตี ราวา่ ...ผมโง่”
7. วดิ โิ อการ์ตนู เรอื่ ง ประธานนกั เรียนที่ดี VS ไม่ดี
8. เพลง เรือเลก็ ควรออกจากฝ่ัง
158
การวดั และประเมินผล วธิ วี ัด เครื่องมอื วดั เกณฑ์
หลกั ฐานการเรยี นรู้ - ประเมินใบงาน - แบบประเมินใบงาน ทกุ รายการได้คะแนน
(ชนิ้ งาน/ภาระงาน) - ประเมนิ การพดู แสดง - แบบประเมินการพูด รอ้ ยละ 70 ข้ึนไป
1. ใบงาน ความคิดเหน็ ความคดิ เห็น ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
2. พดู แสดงความคิดเหน็ - ประเมนิ การพูดวิเคราะห์ - แบบประเมินการพดู
3. พดู วิเคราะห์ วิจารณข์ า่ ว วิจารณ์ข่าว ความคดิ เห็นวิเคราะห์
- สังเกตพฤตกิ รรม วิจารณ์ขา่ ว
รายบุคคล/กลมุ่ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
รายบุคคล
- แบบสงั เกตพฤติกรรม
การทำงานกลุ่ม
159
แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3/......
วนั ท่.ี ............เดอื น..............................พ.ศ.................
ช่อื นกั เรียน .......................................................................................................ช้นั ..................เลขท.่ี ..................
คำช้แี จง: ให้ทำเคร่อื งหมาย √ ลงในช่องรายการทีต่ รงกับความเป็นจริง
รายการประเมิน ปฏบิ ัติ ไมป่ ฏิบัติ
1. เร่ิมต้นงานท่ไี ด้รับมอบหมายทนั ที
2. ทำงานเสรจ็ เรียบรอ้ ยตามเวลาท่ีกำหนด
3. ขอคำแนะนำจากครหู รือเพ่ือนเมอ่ื ไมเ่ ข้าใจ
4. ทำกิจกรรมดว้ ยความสนกุ สนานและเตม็ ใจ
5. มีส่วนรว่ มในการทำกจิ กรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ
6. ช่วยเหลือแนะนำเพอ่ื นในการทำกจิ กรรมตามสมควร
7. สนใจศกึ ษาหาความรูเ้ พ่มิ เติมดว้ ยตนเอง
8. แต่งกายสุภาพเรยี บรอ้ ย
9. พูดจาสภุ าพเรียบรอ้ ย
10. ปฏิบัติตามขอ้ ตกลงในชน้ั เรียน
รวมคะแนน (10 คะแนน)
หมายเหตุ
1. ข้อใดทีน่ กั เรยี นปฏิบตั ิ ได้คะแนน 1 คะแนน ไมป่ ฏิบตั ิ ไดค้ ะแนน 0 คะแนน
2. เกณฑ์การประเมนิ
9 - 10 คะแนน = ดมี าก
7 - 8 คะแนน = ดี
5 - 6 คะแนน = พอใช้
ตำ่ กว่า 4 คะแนน = ควรปรับปรุง
3. ครอู าจสมุ่ เลอื กนกั เรยี นเท่าท่ีสังเกตได้ในการสงั เกตแตล่ ะครั้งโดยหมนุ เวยี นไปจนครบทุกห้อง
ลงชอ่ื …………….............................………..ผปู้ ระเมิน
160
แบบประเมนิ ใบงานเรือ่ ง การเขียนแสดงความคิดเหน็
นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3/......
วันท.ี่ .................เดือน.........................พ.ศ.................
คำชี้แจง: ให้ทำเครอ่ื งหมาย √ ลงในชอ่ งรายการที่ตรงกับความเป็นจรงิ
รายการประเมิน/ ความถกู ตอ้ ง ภาษา รวม
ระดับคะแนน 43214321 8
ชื่อกลุ่ม
ลงชอ่ื …………….............................………..ผูป้ ระเมิน
161
เกณฑ์การประเมนิ : แบบประเมินใบงานเรือ่ ง การเขียนแสดงความคิดเห็น
รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง
(4) (3) (2) (1)
1. ความถูกต้อง มีการแสดง มีการแสดง มีการแสดง มีการแสดง
ขอ้ เทจ็ จริง ข้อเทจ็ จรงิ ข้อเท็จจริง ขอ้ เท็จจรงิ
การแสดงความ การแสดงความ การแสดงความ การแสดงความ
คิดเหน็ ที่เหมาะสม คดิ เห็น ที่เหมาะสม คดิ เหน็ ที่เหมาะสม คิดเหน็ ทีไ่ ม่
กบั เรอ่ื ง กบั เรื่องบางสว่ น กับเรือ่ งเพยี ง เหมาะสมกับเรือ่ ง
เล็กน้อย
2. ภาษา ใชภ้ าษาสละสลวย ใชภ้ าษาสละสลวย ใช้ภาษาสละสลวย ใชภ้ าษาไมช่ ัดเจน
ชดั เจน ไมเ่ ยิ่นเยอ้ ชัดเจน ไม่เยน่ิ เย้อ ชดั เจน แต่เยน่ิ เยอ้ เยิน่ เยอ้ มีการใช้
มกี ารใช้สำนวน มีการใช้สำนวน มีการใชส้ ำนวน สำนวนโวหารทไ่ี ม่
โวหารเหมาะสมกบั โวหารทไ่ี ม่ โวหารทไ่ี ม่ เหมาะสมกบั เรอ่ื ง
เร่อื ง เหมาะสมกบั เรื่อง เหมาะสมกับเร่ือง
เกณฑก์ ารตัดสนิ คะแนน = ดมี าก
7-8 คะแนน = ดี
5-6 คะแนน = พอใช้
3-4 คะแนน = ควรปรบั ปรงุ
ตำ่ กวา่ 3
162
แบบประเมนิ การพูดแสดงความคิดเหน็
นกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3/......
วันที.่ .................เดือน........................พ.ศ.................
คำชี้แจง: ใหท้ ำเครอ่ื งหมาย √ ลงในช่องรายการที่ตรงกบั ความเป็นจริง
รายการประเมนิ / เหตุผล ภาษา เนอื้ หา บุคลิก รวม
ระดบั คะแนน 4321432143214321 16
ชือ่ กลุ่ม
ลงชือ่ …………….............................………..ผู้ประเมิน
163
เกณฑ์การประเมนิ : แบบประเมนิ การพดู แสดงความคิดเหน็
รายการประเมิน ระดบั คะแนน
1. เหตผุ ล
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ
2. ภาษา
3. เน้ือหา (4) (3) (2) (1)
4. บคุ ลกิ
แสดงความคิดเหน็ ได้ แสดงความคิดเหน็ ได้ แสดงความคิดเห็นได้ แสดงความคิดเห็น
สมเหตุผล สมเหตุผล สมเหตุผล ไมไ่ ด้
สรา้ งสรรค์ สร้างสรรค์ สรา้ งสรรค์ ขาดเหตผุ ล
นา่ เชอ่ื ถอื ตรง น่าเชอ่ื ถือ นา่ เชือ่ ถอื ขาด ไมต่ รงประเดน็
ประเดน็ เหตผุ ลสนบั สนุนไป นำไปปฏิบัติไม่ได้
นำไปปฏิบตั ิได้จริง บ้างเลก็ น้อย
ใช้ภาษาสละสลวย ใช้ภาษาสละสลวย ใชภ้ าษาสละสลวย ใชภ้ าษาไม่ชัดเจน
ชัดเจน ไม่เยิ่นเย้อ ชดั เจน ไม่เย่ินเย้อ ชดั เจน แตเ่ ยิน่ เยอ้ เย่นิ เย้อ มกี ารใช้
มกี ารใช้สำนวน มกี ารใชส้ ำนวน มกี ารใช้สำนวน สำนวนโวหารที่ไม่
โวหารเหมาะสมกบั โวหารทไ่ี มเ่ หมาะสม โวหารท่ไี ม่เหมาะสม เหมาะสมกับเรื่อง
เร่ือง กบั เร่อื ง กบั เรอื่ ง
เนือ้ หาสาระครบ เนอื้ หาสาระครบ เนอ้ื หาสาระสื่อ เน้ือหาไมค่ รบ
ถว้ นสรา้ งสรรค์ ถ้วนสรา้ งสรรค์ ไดต้ ามจดุ ประสงค์ ขาดหาย
บรรลุตาม ทวี่ างไว้แตข่ าด ส่ือไมไ่ ดต้ าม
จดุ ประสงค์ทวี่ างไว้ ความสมบรู ณไ์ ป จดุ ประสงค์
บา้ งเล็กน้อย
บุคลิกท่าทางดี บุคลกิ ท่าทางดี บุคลิกท่าทางดี บุคลิกท่าทาง
มีความมั่นใจ มีความมั่นใจ ขาดความมัน่ ใจ
ในตนเอง ในตนเองอย่บู า้ ง ในตนเอง
เกณฑ์การตดั สนิ คะแนน = ดมี าก
14 – 16 คะแนน = ดี
11 - 13 คะแนน = พอใช้
8 - 10 คะแนน = ควรปรับปรุง
ตำ่ กว่า 8
164
แบบประเมินใบงานเรือ่ ง การพดู วิเคราะห์ วิจารณจ์ ากข่าว
นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3/......
วันท.ี่ .................เดอื น.........................พ.ศ.................
คำชี้แจง: ให้ทำเครอ่ื งหมาย √ ลงในชอ่ งรายการที่ตรงกับความเป็นจริง
รายการประเมนิ / ความถกู ตอ้ ง ภาษา รวม
ระดับคะแนน คะแนน
ชื่อกล่มุ 43214321 8
ลงชอ่ื …………….............................………..ผู้ประเมิน
165
เกณฑ์การประเมนิ : แบบประเมินใบงานเร่ือง การพูดวิเคราะห์ วจิ ารณ์จากขา่ ว
รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
1. ความถูกต้อง
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง
2. ภาษา (4) (1)
ตอบคำถามไดว้ า่ ใคร (3) (2)
ทำอะไร เม่ือไร ที่ไหน ตอบคำถามไม่ได้
ทำไม และอยา่ งไร ตอบคำถามไดว้ ่าใคร ตอบคำถามไดเ้ พียง เพียงบางส่วนวา่ ใคร
แยกข้อเท็จจริงกบั ทำอะไร เม่อื ไร ท่ี
ข้อคิดเหน็ ออกจากกัน ทำอะไร เมอื่ ไร ท่ี บางสว่ นวา่ ใคร ทำ ไหน ทำไม และ
ได้ อยา่ งไร
ไหน ทำไม และ อะไร เมือ่ ไร ทีไ่ หน ไม่สามารถแยก
ใช้ภาษาสละสลวย ขอ้ เท็จจริงกบั
ชดั เจน ไมเ่ ยิ่นเยอ้ มี อยา่ งไร ทำไม และอยา่ งไร ข้อคดิ เหน็ ออกจาก
การใชส้ ำนวนโวหาร กนั ได้
เหมาะสมกบั เรอื่ ง แต่ไม่สามารถแยก แตไ่ ม่สามารถแยก ใช้ภาษาไมช่ ัดเจน
เย่นิ เยอ้ มีการใช้
ขอ้ เท็จจรงิ กับ ขอ้ เทจ็ จริงกับ สำนวนโวหารที่ไม่
เหมาะสมกับเรอ่ื ง
ข้อคดิ เหน็ ออกจาก ข้อคดิ เห็นออกจาก
กนั ได้ กันได้
ใช้ภาษาสละสลวย ใช้ภาษาสละสลวย
ชัดเจน ไม่เย่ินเยอ้ มี ชดั เจน แตเ่ ยิ่นเยอ้ มี
การใช้สำนวนโวหาร การใช้สำนวนโวหาร
ท่ไี ม่เหมาะสมกับ ทไ่ี มเ่ หมาะสมกับ
เร่อื ง เรอื่ ง
เกณฑก์ ารตดั สนิ คะแนน = ดมี าก
7-8 คะแนน = ดี
5-6 คะแนน = พอใช้
3-4 คะแนน = ควรปรับปรงุ
ต่ำกวา่ 3
166
แบบประเมินการพดู วิเคราะห์ วจิ ารณ์ขา่ ว
นกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3/......
วันท่.ี .................เดือน.......................พ.ศ.................
คำช้แี จง: ให้ทำเครอ่ื งหมาย √ ลงในชอ่ งรายการที่ตรงกบั ความเป็นจรงิ
รายการประเมนิ / เหตุผล ภาษา เน้อื หา บุคลิก รวม
ระดับคะแนน คะแนน
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
ชือ่ กลุ่ม
ลงช่อื …………….............................………..ผู้ประเมิน
167
เกณฑก์ ารประเมนิ : แบบประเมินการพดู วิเคราะห์ วจิ ารณ์ข่าว
รายการประเมนิ ระดับคะแนน
1. ความถูกตอ้ ง
ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ
2. ภาษา
3. เน้อื หา (4) (3) (2) (1)
4. บุคลิก
ตอบคำถามได้วา่ ใคร ตอบคำถามได้ว่าใคร ตอบคำถามไดเ้ พยี ง ตอบคำถามไมไ่ ด้
ทำอะไร เมอื่ ไร ท่ไี หน ทำอะไร เม่ือไร ที่ไหน บางสว่ นวา่ ใคร ทำ เพยี งบางส่วนวา่
ทำไม และอย่างไร ทำไม และอยา่ งไร อะไร เมอื่ ไร ทไ่ี หน ใคร ทำอะไร เมอ่ื ไร
แยกขอ้ เท็จจรงิ กับ แต่ไมส่ ามารถแยก ทำไม และอยา่ งไรแต่ ทไี่ หน ทำไม และ
ข้อคดิ เหน็ ออกจากกัน ขอ้ เทจ็ จรงิ กบั ไม่สามารถแยก อย่างไร
ได้ ข้อคิดเหน็ ออกจากกนั ขอ้ เท็จจรงิ กบั ไม่สามารถแยก
ได้ ข้อคิดเหน็ ออกจาก ข้อเท็จจรงิ กับ
กันได้ ขอ้ คดิ เห็นออกจาก
กนั ได้
ใชภ้ าษาสละสลวย ใช้ภาษาสละสลวย ใชภ้ าษาสละสลวย ใชภ้ าษาไมช่ ัดเจน
ชดั เจน ไม่เยนิ่ เยอ้ ชัดเจน ไมเ่ ย่ินเย้อ ชัดเจน แตเ่ ยน่ิ เย้อ เยน่ิ เย้อ มกี ารใช้
มีการใช้สำนวนโวหาร มีการใช้สำนวนโวหาร มีการใช้สำนวน สำนวนโวหารท่ีไม่
เหมาะสมกับเร่อื ง ทไี่ มเ่ หมาะสมกบั เรอื่ ง โวหารที่ไมเ่ หมาะสม เหมาะสมกบั เรอ่ื ง
กบั เรอ่ื ง
เนือ้ หาสาระครบ เน้อื หาสาระครบ เน้ือหาสาระสอ่ื เน้อื หาไม่ครบ
ถว้ นสรา้ งสรรค์ ถ้วนสร้างสรรค์ ได้ตามจดุ ประสงค์ ขาดหาย
บรรลุตาม ทีว่ างไวแ้ ตข่ าด สอ่ื ไมไ่ ดต้ าม
จุดประสงคท์ วี่ างไว้ ความสมบรู ณ์ไป จุดประสงค์
บา้ งเล็กนอ้ ย
บุคลกิ ท่าทางดี บุคลิกท่าทางดี บุคลกิ ท่าทางดี บุคลกิ ท่าทาง
มีความม่นั ใจ มีความม่นั ใจ ขาดความมั่นใจ
ในตนเอง ในตนเองอยู่บา้ ง ในตนเอง
เกณฑ์การตัดสิน คะแนน = ดีมาก
14 – 16 คะแนน = ดี
11 - 13 คะแนน = พอใช้
8 - 10 คะแนน = ควรปรบั ปรงุ
ต่ำกวา่ 8
168
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
1. สภาพทัว่ ไปของการจดั การเรยี นการสอน
1.1 ดา้ นความรู้ (K)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
1.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
1.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ (A)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
2. ปัญหาและอปุ สรรคระหว่างการจดั การเรียนการสอน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. แนวทางแกป้ ัญหาและข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
4. สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้จากแผนการจัดการเรียนร้ตู ามตัวชีว้ ัด
จำนวนนักเรยี นทงั้ หมด.........................คน
- ผ่านเกณฑ์ประเมนิ ระดับด.ี ................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................
- ผา่ นเกณฑ์ประเมินระดบั ปานกลาง.................คน คิดเป็นร้อยละ.................
- ผ่านเกณฑป์ ระเมินระดับปรบั ปรุง...................คน คิดเป็นร้อยละ.................
ลงชอื่ .............................................................
(นางสาวศิริวรรณ ฤทธม์ิ หันต)์
ครูผสู้ อน
169
แผนการจัดการเรยี นรู้
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 15 เรอ่ื ง ประโยคซับซ้อน หน่วยการเรียนรู้ พระอภัยมณี
รหัสวชิ า ท23101 รายวิชา ภาษาไทย 5 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 1 จำนวนคาบ 2 ชว่ั โมง
___________________________________________________________________________
สาระที่ 4 หลักการใช้ภาษาไทย
มาตรฐานการเรียนรู้ ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ
พลังของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ
ตัวช้วี ดั
2. วิเคราะห์โครงสร้างประโยคซับซอ้ น
สาระการเรียนรู้
1. ประโยคซับซอ้ น
สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด (KAP)
การสื่อสารในชีวิตประจำวันปกติจะใช้ในรูปแบบของประโยค ประโยคในการสื่อสารจะต้องมีการ
เรียงคำเข้าประโยคให้ได้ใจความ ซึ่งประโยคที่ใช้มักจะอยู่ในรูปประโยคความเดียว ประโยคความรวม และ
ประโยคความซอ้ นทีง่ ่าย ๆ สื่อสารแล้วเกดิ ความเขา้ ใจทันที แต่ในการเขียนมักจะมขี ้อความมาขยายประโยค
ส่วนใดส่วนหนึ่ง ทำให้ประโยคนั้นซับซ้อนยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงควรศึกษาว่าประโยคนั้นซับซ้อนในส่วนใดของ
ประโยค ซึ่งจะทำใหก้ ารส่อื สารเขา้ ใจยงิ่ ขึ้น
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
1. วิเคราะหป์ ระโยคซับซ้อน
ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
2. แต่งประโยคซับซอ้ น
ด้านคุณลักษณะ (A)
3. รว่ มมือในการทำกิจกรรมเป็นอยา่ งดี
4. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน
170
ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1. ใบงานเรือ่ ง ประโยคซบั ซ้อน
2. แบบฝกึ หัด
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
2. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
3. ทกั ษะทางภาษา
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝ่เรยี นรู้
2. มุง่ มน่ั ในการทำงาน
กิจกรรมการเรยี นรู้
ช่ัวโมงที่ 1
กจิ กรรมนำเขา้ ส่บู ทเรยี น
1. ครูแจง้ จุดประสงค์การเรียนรู้วธิ ีการวดั และประเมินผลใหน้ ักเรยี นทราบ
2. ครูให้นักเรียนบอกว่าเมื่อเช้าเดินทางมาโรงเรียนอย่างไร หรือทานอะไรเป็นอาหารเช้า เพื่อให้
นักเรยี นตอบออกมาเปน็ ประโยค ซงึ่ นกั เรยี นอาจตอบว่า “เดินทางมาดว้ ยรถโดยสาร” ครนู ำประโยคที่นกั เรียน
ตอบมาอธิบาย ว่าเป็นประโยคที่สามารถสื่อความได้ชัดเจนหรือไม่ และทำอย่างไรประโยคจึงจะสามารถส่ือ
ความได้
3. นักเรียนอ่านประโยคจากแถบประโยคที่ครูกำหนด และร่วมกันวิเคราะห์ความแตกต่างของ
ประโยค ทั้ง 2 ประโยควา่ มคี วามเหมอื นหรือแตกตา่ งกันอย่างไร โดยครชู ้แี นะและอธบิ ายเพ่ิมเติม
แถบประโยคที่ 1
บ้านน้ันขายราคาถูก
แถบประโยคที่ 2
บ้านของลงุ ชาตหิ ลังทีต่ ิดกบั กรมทีด่ ินขายแบบไมบ่ อกตอ่ ในราคาที่ถูกมาก ๆ
กิจกรรมพัฒนาการเรียน
4. นักเรียนศึกษาเรือ่ ง ความหมายของประโยค และส่วนประกอบของประโยคที่ประกอบด้วยภาค
ประธานและภาคแสดง โดยครูอธบิ ายและยกตวั อยา่ งเพือ่ นให้นกั เรียนเข้าใจมากยิ่งขนึ้
171
5. ครูใหน้ ักเรยี นจับคกู่ ับเพอ่ื น แลว้ ใหน้ ักเรียนแตล่ ะคู่คดิ ประโยคสนั้ ๆ คนละ 1 ประโยค จากนั้นให้
คขู่ องตนเขยี นบทขยายหรอื สว่ นขยายให้ประโยคน้ัน โดยครูและนกั เรยี นร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง
6. นักเรยี นศึกษาเรอ่ื ง ประโยคซบั ซ้อน จากส่อื พาวเวอร์พ้อยท์ประกอบการอธบิ าย พรอ้ มครอู ธิบาย
ประกอบ ตามหวั ขอ้ ดังนี้
- ความหมายของประโยค
- โครงสรา้ งของประโยค
- ชนิดของประโยค
7. นักเรียนตอบคำถามว่าประโยคที่ครูยกตัวอย่างมา เป็นประโยคชนิดใด ซึ่งมี 3 ชนิด ได้แก่
ประโยคความเดยี ว ประโยคความรวม และประโยความซ้อน
8. นักเรียนทำใบงานเรื่อง ประโยคซับซ้อน จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง
ของใบงาน
สรุปบทเรยี น
9. ครูและนักเรียนสรุปเนื้อหาร่วมกัน ดังนี้ ประโยคมีโครงสร้าง 2 ส่วนคือ ภาคแสดง และภาค
ประธาน และสามารถแบ่งออกได้ 3 ชนิด ไดแ้ ก่ ประโยคความเดยี ว ประโยคความรวม และประโยความซอ้ น
ช่ัวโมงที่ 2
กิจกรรมนำเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. ครแู จง้ จดุ ประสงค์การเรียนร้วู ธิ กี ารวดั และประเมินผลใหน้ กั เรยี นทราบ
กิจกรรมพัฒนาการเรยี น
2. ครูแบ่งหวั ขอ้ ของเนือ้ หาออกเปน็ 3 หัวข้อ ตามเน้อื หาของบทเรยี น
- ประโยคความเดยี วทซี่ บั ซอ้ นย่งิ ขึ้น
- ประโยคความรวมที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
- ประโยคความซอ้ นทีซ่ ับซอ้ นยิ่งข้นึ
3. นักเรียนแบง่ กลุม่ กลุม่ ละ 3 คน คละความสามารถเกง่ ปานกลาง ออ่ น และแบ่งหน้าท่ีรบั ผิดชอบ
กนั อย่างชดั เจน แลว้ นกั เรยี นแตล่ ะคนในกลมุ่ แบ่งกันศึกษาเรือ่ งประโยคคนละหวั ขอ้ ตามทก่ี ำหนดไวข้ ้างต้น
4. นักเรยี นในกลุ่มเดิม (กลุม่ พ้ืนฐาน) ยา้ ยไปกล่มุ ผเู้ ชีย่ วชาญซ่งึ เปน็ กลุ่มทน่ี กั เรยี นแต่ละคนได้หัวข้อ
เดยี วกนั และนักเรยี นแตล่ ะคนต้องอ่านเอกสาร สรปุ เนอื้ หาสาระ จัดลำดบั ข้นั ตอนการนำเสนอ เพอ่ื เตรียมทุก
คนให้พรอ้ มทจี่ ะไปสอนหวั ขอ้ นน้ั ทีก่ ล่มุ เดิมของตนเอง
5. นักเรียนแต่ละคนในกลุม่ ผ้เู ชี่ยวชาญกลับกลุม่ เดิมของตน (กล่มุ พนื้ ฐาน) แลว้ ผลัดเปลย่ี นหมนุ เวยี น
กันอธิบายให้เพ่ือนในกลุม่ ฟังทลี ะหัวขอ้ มกี ารซักถามข้อสงสยั ตอบปัญหา ทบทวนใหเ้ ข้าใจชัดเจน
สรปุ บทเรียน
6. นักเรียนทุกคนทำแบบฝึกหัดเพื่อทบทวนความรู้ที่ได้แลกเปลี่ยนกับเพื่อนในกลุ่ม จากนั้นให้
นักเรียนนวมกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง กลุ่มทที่ ำแบบฝึกหัดได้ถูกตอ้ งมากทสี่ ดุ จะไดร้ ับรางวัล
172
7. ครูใหร้ างวัลกล่มุ ทที่ ำแบบฝกึ หดั ไดถ้ ูกตอ้ งมากทีส่ ดุ และชมเชยกลุ่มทไ่ี ม่ไดร้ างวลั
สอื่ และแหลง่ เรยี นรู้
1. สอื่ พาวเวอร์พอ้ ยท์ (Power point presentation) เรอื่ ง ประโยคซับซอ้ น
2. ใบความรู้เรื่อง การเรยี งคำเข้าประโยค
3. ใบความรูเ้ รือ่ ง ประโยคซับซ้อน
การวดั และประเมินผล
หลักฐานการเรยี นรู้ วธิ ีวัด เครือ่ งมือวัด เกณฑ์
(ชน้ิ งาน/ภาระงาน)
1. ใบงาน - ประเมินใบงาน - แบบประเมินใบงาน ทุกรายการได้คะแนน
2. แบบฝึกหัด - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ร้อยละ 70 ข้ึนไป
รายบุคคล รายบคุ คล ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
- แบบสังเกตพฤติกรรม
รายกลุ่ม
173
แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล
นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 3/......
วนั ท.่ี .........เดือน........................พ.ศ.................
ชอ่ื นักเรยี น.........................................................................................................ช้นั ..................เลขท.่ี .................
คำชแี้ จง: ให้ทำเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งรายการที่ตรงกับความเปน็ จรงิ
รายการประเมิน ปฏบิ ตั ิ ไมป่ ฏิบตั ิ
1. เร่ิมต้นงานทไ่ี ด้รับมอบหมายทันที
2. ทำงานเสร็จเรยี บรอ้ ยตามเวลาทก่ี ำหนด
3. ขอคำแนะนำจากครหู รือเพือ่ นเมือ่ ไม่เขา้ ใจ
4. ทำกจิ กรรมด้วยความสนุกสนานและเต็มใจ
5. มสี ว่ นรว่ มในการทำกิจกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ
6. ชว่ ยเหลือแนะนำเพอื่ นในการทำกิจกรรมตามสมควร
7. สนใจศึกษาหาความรู้เพ่มิ เตมิ ดว้ ยตนเอง
8. แต่งกายสภุ าพเรียบร้อย
9. พูดจาสุภาพเรียบรอ้ ย
10. ปฏิบัตติ ามข้อตกลงในชน้ั เรียน
รวมคะแนน (10 คะแนน)
หมายเหตุ
1. ขอ้ ใดที่นกั เรยี นปฏิบัติ ได้คะแนน 1 คะแนน ไมป่ ฏบิ ัติ ไดค้ ะแนน 0 คะแนน
2. เกณฑก์ ารประเมนิ
9 - 10 คะแนน = ดมี าก
7 - 8 คะแนน = ดี
5 - 6 คะแนน = พอใช้
ตำ่ กวา่ 4 คะแนน = ควรปรบั ปรงุ
3. ครอู าจสุ่มเลือกนักเรยี นเทา่ ที่สังเกตไดใ้ นการสงั เกตแตล่ ะคร้ังโดยหมนุ เวียนไปจนครบทกุ หอ้ ง
ลงช่อื …………….............................………..ผปู้ ระเมิน
174
แบบสังเกตพฤติกรรมรายกลุ่ม
นักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3/......
วันท.ี่ .........เดือน........................พ.ศ.................
คำชีแ้ จง: ใหท้ ำเคร่อื งหมาย √ ลงในช่องรายการทต่ี รงกับความเปน็ จรงิ
รายการประเมิน ความรว่ มมือ การแสดง การรับฟงั การตั้งใจ การร่วมมอื รวม
ช่อื กลุ่ม ความคิดเหน็ ความคดิ เห็น ทำงาน ปรบั ปรุง
งานกลมุ่
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
ลงชือ่ …………….............................………..ผปู้ ระเมิน
เกณฑ์การให้คะแนน =4 เกณฑก์ ารตัดสิน ดีมาก
ดีมาก =3 17 - 20 คะแนน = ดี
ดี =2 14 - 16 คะแนน = พอใช้
พอใช้ =1 10 - 13 คะแนน = ควรปรบั ปรุง
ควรปรับปรงุ ต่ำกวา่ 10 คะแนน =
175
แบบประเมินใบงานเรื่อง ประโยคซบั ซอ้ น
นกั เรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3/.......
วนั ที่................เดอื น.........................พ.ศ.................
คำชี้แจง: ให้ทำเครื่องหมาย √ ลงในช่องรายการทตี่ รงกบั ความเปน็ จริง
เลขท่ี รายชือ่ เกณฑก์ ารประเมนิ รวมคะแนน
(เต็ม 10
ความถูกต้อง คะแนน)
4 3 2 1
(10 (9 คะแนน) (7 - 8 (5 - 6
คะแนน) คะแนน) คะแนน)
ลงชื่อ…………….............................………..ผปู้ ระเมิน
เกณฑ์การประเมิน : ใบงานเร่ือง ประโยคซบั ซอ้ น 176
เกณฑ์การประเมิน 432 1
(5 - 6 คะแนน)
ความถูกตอ้ ง (10 คะแนน) (9 คะแนน) (7 - 8 คะแนน) ถูกตอ้ งต่ำกว่า 5 ขอ้
เกณฑ์การตัดสนิ ถูกตอ้ งทง้ั หมด ถูกตอ้ ง 9 ขอ้ ถูกต้อง 7 - 8 ข้อ
9 - 10
7-8 คะแนน = ดมี าก
5-6 คะแนน = ดี
คะแนน = พอใช้
ต่ำกวา่ 5 คะแนน = ควรปรับปรงุ
177
บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้
1. สภาพทัว่ ไปของการจดั การเรียนการสอน
1.1 ด้านความรู้ (K)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
1.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
1.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ (A)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
2. ปัญหาและอุปสรรคระหว่างการจัดการเรียนการสอน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. แนวทางแกป้ ัญหาและข้อเสนอแนะเพมิ่ เตมิ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
4. สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้จากแผนการจดั การเรียนร้ตู ามตัวชวี้ ัด
จำนวนนกั เรยี นท้งั หมด.........................คน
- ผา่ นเกณฑป์ ระเมนิ ระดบั ด.ี ................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................
- ผา่ นเกณฑ์ประเมนิ ระดับปานกลาง.................คน คิดเป็นร้อยละ.................
- ผา่ นเกณฑ์ประเมินระดับปรบั ปรงุ ...................คน คิดเป็นร้อยละ.................
ลงชอ่ื .............................................................
(นางสาวศริ ิวรรณ ฤทธ์มิ หันต)์
ครผู ูส้ อน
178
แผนการจดั การเรยี นรู้
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 16 เรอ่ื ง การเขยี นรายงานและโครงงาน หน่วยการเรียนรู้ พระอภยั มณี
รหสั วิชา ท23101 รายวชิ า ภาษาไทย 5 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรียนท่ี 1 จำนวนคาบ 3 ชั่วโมง
___________________________________________________________________________
สาระท่ี 2 การเขียน
มาตรฐานการเรียนรู้ ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นส่ือสาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน
รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมี
ประสิทธภิ าพ
ตัวชีว้ ดั
9. เขียนรายงานการศกึ ษาค้นควา้ และโครงงาน
10. มมี ารยาทในการเขียน
สาระการเรยี นรู้
1. การเขียนรายงานการศกึ ษาค้นควา้ และรายงานโครงงาน
สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด (KAP)
การเขียนเป็นทักษะอย่างหนึ่งที่ต้องฝึกฝนเพื่อให้ชำนาญ การเขียนในแต่ละรูปแบบจะมีความ
แตกต่างกนั การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า เป็นวิธีการหนึ่งทีฝ่ ึกให้ผู้เรียนได้รายงานผลการศึกษาค้นควา้
ในเรื่องต่าง ๆ หลากหลายวชิ า แล้วนำไปเขียนบนั ทกึ เปน็ รูปแบบรายงานอยา่ งมหี ลกั การใชอ้ า้ งอิงผลการศึกษา
ค้นคว้าได้น่าเช่อื ถือ
การเขียนโครงงาน มีความจำเป็น และสำคัญมากสำหรับการเรียนในยุคปัจจุบัน เป็นการฝึกฝนให้
นกั เรยี นได้ฝกึ การทำวิจยั ในเบอื้ งต้น รู้จักองค์ประกอบของการทำงานวจิ ัย โดยการจดั ทำโครงงาน และเขียน
รายงานโครงงาน
จุดประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1. เขา้ ใจหลักการเขยี นเค้าโครงโครงงานและการเขยี นรายงาน
2. เข้าใจหลักการเขียนโครงงาน
179
ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
3. เขยี นเคา้ โครงโครงงานและรายงานได้ถูกตอ้ งตามหลกั การเขียน
4. เขยี นโครงงานไดถ้ กู ตอ้ ง
ด้านคุณลกั ษณะ (A)
5. มงุ่ มัน่ การทำงาน
6. มมี ารยาทในการเขียน
ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1. รายงานการศึกษาค้นคว้า
2. ใบงานเร่อื ง การเขยี นเคา้ โครงโครงงาน
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. ทักษะทางภาษา
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวนิ ัย
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
4. รักความเป็นไทย
กิจกรรมการเรยี นรู้
ช่ัวโมงที่ 1
กจิ กรรมนำเข้าสูบ่ ทเรยี น
1. ครสู นทนารว่ มกับนักเรยี นเกีย่ วกับการเขียนรายงาน โดยมปี ระเด็นคำถาม ดังน้ี
- นักเรยี นร้หู รือไมว่ ่าการเขยี นรายงานคืออะไร
- ขั้นตอนการเขียนรายงานมอี ะไรบา้ ง
- การเขยี นรายงานมคี วามสำคญั อยา่ งไร
2. ครูจัดเตรียมสือ่ ท่ีใช้ประกอบการสอน ทั้งสื่อพาวเวอร์พ้อยท์ แหล่งค้นหาข้อมูลออนไลน์ และใบ
งานเพอ่ื อำนวยความสะดวกให้แก่นักเรยี นในการฝึกทกั ษะดา้ นการค้นคว้าหาความรดู้ ว้ ยตนเอง
180
กิจกรรมพัฒนาการเรียน
3. นักเรียนศึกษา เรื่อง การเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า จากสื่อพาวเวอร์พ้อย พร้อมครู
อธิบายประกอบตามหวั ข้อ ดงั นี้
- ความหมายของการเขียนรายงานจากการศึกษาค้นควา้
- ข้ันตอนการเขยี นรายงาน
- สว่ นประกอบของการเขียนรายงาน
4. ครูนำตัวอยา่ งการเขยี นรายงานจากการศกึ ษาค้นควา้ มาใหน้ กั เรยี นศึกษาอยา่ งละเอยี ด จากนน้ั ให้
นกั เรียนเลอื กเล่มรายงานท่ีนักเรยี นสนใจมากท่ีสุดเพ่ือใช้เปน็ ต้นแบบในการทำงานรายงานของตนเอง และให้
นกั เรยี นบอกแหตุผลว่าทำไมถงึ เลอื กรายงานเลม่ นน้ั
5. นกั เรยี นทบทวนเน้ือหาทศ่ี ึกษาท่ีอกี ครัง้ พร้อมซักถามขอ้ สงสยั
สรปุ บทเรียน
6. ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปเนือ้ หาว่าการเขยี นรายงานคอื อะไร มขี ้นั ตอนใดบา้ ง และสว่ นประกอบ
ของรายงานมีอะไรบ้าง พรอ้ มใหน้ กั เรยี นบอกวา่ ส่วนประกอบใดของรายงานสำคัญทสี่ ุด เพราะอะไร
7. นกั เรียนทำแบบทดสอบเรื่อง การเขยี นรายงานจากการศกึ ษาคน้ คว้า เพื่อวดั ความรู้ของนักเรียน
วา่ นักเรยี นสามารถเข้าใจ หรอื จดจำส่ิงที่ไดเ้ รยี นในวนั นม้ี ากน้อยเพียงใด
8. ครูและนักเรยี นร่วมกันเฉลยแบบทดสอบ เร่ือง การเขียนรายงานจากการศึกษาคน้ คว้า พร้อมทั้ง
กลา่ วคำชมเชยแก่นกั เรียนทกุ คนท่ีตง้ั ใจเรยี นในวนั นี้
ช่ัวโมงท่ี 2
กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรยี น
1. ครูและนักเรยี นรว่ มกันทบทวนเนือ้ หาในคาบเรียนท่แี ลว้ ในเร่ืองการเขยี นรายงาน
2. ครูกับนักเรยี นร่วมกันสนทนาในเรือ่ งที่กำลังเป็นที่น่าสนใจในปัจจุบัน เช่น ข่าวที่กำลังโด่งดงั อยู่
ขณะนนั้ สถานการณท์ ่ไี ม่ปกติของบ้านเมือง หรอื ละคร หนังท่ีกำลงั เป็นที่นิยมในชว่ งนี้
กิจกรรมพฒั นาการเรียน
3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน คละความสามารถเก่ง ปานกลาง อ่อน และแบ่งหน้าที่กัน
อยา่ งชดั เจน เพ่อื ทำรายงานการศกึ ษาค้นคว้าเกย่ี วกับทอ้ งถนิ่ ของตนเอง ซึ่งให้แตล่ ะกล่มุ ส่งตวั แทนมาจับฉลาก
ในหัวขอ้ ดังตอ่ ไปน้ี
- ประเพณที ้องถิ่น
- วรรณกรรมท้องถน่ิ
- บคุ คลตวั อยา่ งในทอ้ งถ่ิน
- สถานที่น้ีมีประวัติ
4. ครูกำหนดจำนวนหน้าของรายงานไม่ต่ำกว่า 5 หน้า และไม่เกิน 10 หน้า (ไม่รวมส่วนอื่น ๆ ของ
รายงาน) จากน้นั ให้นักเรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกนั ปรึกษาหารอื เพ่ือทำรายงาน
181
5. นักเรียนลงมือค้นคว้าหาข้อมูลในเรือ่ งที่ตนเองสนใจ โดยครูช่วยแนะนำแหล่งค้นคว้าข้อมูล เช่น
หนงั สอื ฐานข้อมลู ในอนิ เทอร์เน็ตท่ีเชอ่ื ถือได้ การสมั ภาษณป์ ราชญช์ าวบ้าน และให้คำปรกึ ษาเม่ือนักเรียนเกิด
ปญั หาหรือเกดิ ความไม่เข้าใจในการทำรายงาน
6. นักเรียนลงมือเขียนรายงาน ซึ่งในระหว่างการเขียนรายงานนักเรียนสามารถมาปรึกษาและ
สอบถามขอ้ สงสัยกับครูได้
7. นกั เรยี นพูดรายงานการศกึ ษาค้นควา้ ในวนั เวลาทีค่ รูกำหนด
สรุปบทเรียน
8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากรายงานของนักเรียน ว่าการค้นคว้าหาความรู้จาก
ท้องถิ่นเพื่อทำรายงานถือเป็นการนำเสนอท้องถิ่นของตนเองให้เป็นที่รูจ้ ักมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีในอนาคต
อย่างแนน่ อน
9. ครูสะท้อนการค้นควา้ รายงานของนักเรยี นว่าสามารถค้นคว้าหาความรู้ได้เป็นอย่างดีและมีความ
รว่ มมอื ความกระตอื รือรน้ ในการทำงานเป็นอยา่ งมาก
ชวั่ โมงท่ี 3
กิจกรรมนำเขา้ สู่บทเรยี น
1. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั ทบทวนเนอ้ื หาในคาบเรียนท่แี ลว้ เรื่อง การเขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้า
ทมี่ เี นอื้ หาเกีย่ วกับทอ้ งถิ่นของตนเอง
2. ครูยกตัวอย่างโครงงานในสาขาวิชาต่าง ๆ เช่น โครงงานภาษาไทย โครงงานวิทยาศาสตร์
โครงงานคณติ ศาสตร์ท่ไี ด้รับรางวัล แลว้ ใหน้ กั เรียนเลอื กโครงงานที่ชนื่ ชอบท่ีสุดพร้อมทั้งให้เหตุผลว่าทำไมจึง
ช่ืนชอบโครงงานน้ี
กจิ กรรมพัฒนาการเรยี น
3. นักเรยี นศึกษา เรื่อง การเขียนรายงานโครงงาน จากส่อื พาวเวอร์พ้อยท์ พรอ้ มครูอธบิ ายประกอบ
โดยมีหัวข้อดงั นี้
- ความหมายของโครงงาน
- วตั ถุประสงค์ของโครงงาน
- ประเภทของโครงงาน
- ข้ันตอนการทำโครงงาน
4. นกั เรียนศกึ ษารปู แบบการเขียนรายงานโครงงานอย่างละเอยี ดจากหนงั สือหนังสอื หลักภาษาและ
การใช้ภาษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 (หนา้ 102 - 115)
5. ครูนำนกั เรยี นลำดับขั้นตอนการเขียนรายงานโครงงานต้ังแต่เริ่มต้นจนถึงการลงมือเขยี นรายงาน
โครงงาน
182
6. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน คละความสามารถเก่ง อ่อน ปานกลาง เพื่อทำใบงานเรื่อง
การเขยี นเค้าโครงโครงงาน จากนน้ั ให้นักเรยี นนำเสนอการเขียนเค้าโครงโครงงาน พร้อมครปู ระเมินการทำใบ
งานของนักเรยี น
สรุปบทเรยี น
7. ครูทบทวนความรขู้ องนักเรยี นดว้ ยการถามคำถามต่อไปนี้
- โครงงานหมายถึงอะไร ยกตวั อย่างชอื่ โครงงานมา 3 ชือ่
- โครงงานมีวัตถุประสงคอ์ ยา่ งไร
- โครงงานมีก่ีประเภทอะไรบ้าง
- ข้นั ตอนในการดำเนินโครงงานมอี ะไรบ้าง
8. นักเรียนร่วมกันบอกว่าการเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า กับการเขียนรานงานโครงงานมี
ความแตกตา่ งกันอยา่ งไร
สื่อและแหล่งเรียนรู้
1. หนงั สือเรียน หลักภาษาและการใชภ้ าษา ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3
2. สอ่ื พาวเวอร์พอ้ ยท์ (Power point presentation) เรอ่ื ง การเขียนรายงานจากการศึกษาค้นควา้
3. สอ่ื พาวเวอร์พอ้ ยท์ (Power point presentation) เร่อื ง การเขยี นรายงานโครงงาน
4. ฐานข้อมูลออนไลน์
การวัดและประเมินผล
หลักฐานการเรียนรู้ วธิ ีวัด เครื่องมือวดั เกณฑ์
(ชิ้นงาน/ภาระงาน)
1. รายงานการศึกษาคน้ ควา้ - ประเมินรายงาน - แบบประเมินรายงาน ทุกรายการไดค้ ะแนน
- แบบประเมนิ ใบงาน ร้อยละ 70 ขึ้นไป
2. ใบงานเรื่อง การเขียนเค้า - ประเมินใบงาน -แบบสังเกตพฤตกิ รรม ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์
รายบุคคล
โครงโครงงาน - ประเมนิ การนำเสนอ
3. นำเสนอการเขียนเค้าโครง - สงั เกตพฤติกรรม
โครงงาน รายบคุ คล
183
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม
นักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3/.......
วันท่ี..............เดือน............................พ.ศ.................
ชื่อกลุ่ม.............................................................
คำชแี้ จง: ให้ทำเครอื่ งหมาย √ ลงในชอ่ งรายการทีต่ รงกบั ความเปน็ จริง
รายการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน รวม
4321 คะแนน
1. บทบาทหน้าท่ี
2. ความรับผิดชอบตอ่ หนา้ ท่ี
3. ขัน้ ตอนการทำงาน
4. เวลา
5. ความร่วมมอื ในการทำงาน
รวมคะแนน (20 คะแนน)
เกณฑ์การตัดสนิ
17 - 20 คะแนน = ดมี าก
14 - 16 คะแนน = ดี
10 - 13 คะแนน = พอใช้
ต่ำกว่า 10 คะแนน = ควรปรบั ปรุง
ลงช่อื …………….............................………..ผู้ประเมิน
184
เกณฑ์การประเมิน : แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
รายการประเมนิ ระดับคะแนน
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ
(4) (3) (2) (1)
1. บทบาทหน้าท่ี ม ี ก า ร ก ำ ห น ด มีการกำหนด มีการกำห น ด ไม่มีการกำหนด
บ ท บ า ท ห น ้ า ท่ี บทบาทหน้าที่ บทบาทหน้าที่ไม่ บทบาทหน ้ า ท่ี
สมาชกิ ไวช้ ัดเจน ไม่ครบ ขาดไป คร บ ขาดไ ป 2 ของสมาชิก
1 อยา่ ง อยา่ ง
2. ความรบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ี ทุกคนมีหน้าที่และ มีผู้มีหน้าที่ แต่ มีผู้มีหน้าที่ แต่ไม่ มีผู้มีหน้าที่ แต่ไม่
ความรับผิดชอบต่อ ไม่รับผิดชอบ 1 รับผดิ ชอบ 2คน รับผิดชอบ 2คน
หนา้ ทข่ี องตน คน ขนึ้ ไป
3. ข้นั ตอนการทำงาน - คัดเลือก เตรียม ขาด 1 ขั้นตอน ขาด 2 ขั้นตอน ขาด 2 ขั้นตอนข้นึ
ขอ้ มลู ได้เหมาะสม หรือไม่ชดั เจน หรอื ไม่ชัดเจน ไป
- มีการวางแผนการ
ทำงาน
- มีการเตรียมวัสดุ
อุปกรณ์
- มีการปฏิบัติตาม
แผนและพัฒนางาน
4. เวลา เสร็จก่อนกำหนด เ ส ร ็ จ ต า ม เ ส ร ็ จ ไ ม ่ ทั น เ ส ร ็ จ ไ ม ่ ทั น
และงานมีคุณภาพ กำหนดและงาน กำหนด แต่งานมี กำหนด และงาน
มีคุณภาพ คุณภาพ ไม่มีคุณภาพ
5. ความร่วมมือในการ ทุกคนมีส่วนร่วม ร้อยละ 80 ของ ร้อยละ 60 ของ ร้อยละ 40 ของ
ทำงาน และใหค้ วามร่วมมือ กลุ่มมีส่วนร่วม กลุ่มมีส่วนร่วม กลุ่มมีส่วนร่วม
อยา่ งเต็มท่ี และให้ความ และให้ความ และให้ความ
รว่ มมอื รว่ มมอื รว่ มมอื
เกณฑ์การตัดสิน
17 - 20 คะแนน = ดมี าก
14 - 16 คะแนน = ดี
10 - 13 คะแนน = พอใช้
ต่ำกว่า 10 คะแนน = ควรปรบั ปรงุ
185
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
นักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3/......
วันท.่ี .............เดือน............................พ.ศ.................
ช่อื นกั เรยี น...........................................................................................................ชัน้ .................เลขท.ี่ ...............
คำชี้แจง: ให้ทำเคร่อื งหมาย √ ลงในชอ่ งรายการที่ตรงกับความเปน็ จรงิ
รายการประเมิน ปฏิบัติ ไมป่ ฏิบตั ิ
1. เรม่ิ ตน้ งานทีไ่ ดร้ ับมอบหมายทันที
2. ทำงานเสรจ็ เรยี บรอ้ ยตามเวลาท่กี ำหนด
3. ขอคำแนะนำจากครูหรอื เพอ่ื นเมือ่ ไมเ่ ข้าใจ
4. ทำกจิ กรรมด้วยความสนุกสนานและเตม็ ใจ
5. มีส่วนร่วมในการทำกจิ กรรมอยา่ งสม่ำเสมอ
6. ชว่ ยเหลือแนะนำเพ่ือนในการทำกจิ กรรมตามสมควร
7. สนใจศกึ ษาหาความรู้เพิ่มเตมิ ดว้ ยตนเอง
8. แต่งกายสภุ าพเรยี บร้อย
9. พดู จาสภุ าพเรยี บร้อย
10. ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลงในชน้ั เรียน
รวมคะแนน (10 คะแนน)
หมายเหตุ
1. ขอ้ ใดท่ีนักเรยี นปฏิบตั ิ ได้คะแนน 1 คะแนน ไม่ปฏิบตั ิ ไดค้ ะแนน 0 คะแนน
2. เกณฑ์การประเมิน
9 – 10 คะแนน = ดีมาก
7 - 8 คะแนน = ดี
5 - 6 คะแนน = พอใช้
ต่ำกว่า 4 คะแนน = ควรปรบั ปรุง
3. ครูอาจสมุ่ เลอื กนกั เรียนเท่าท่สี ังเกตไดใ้ นการสังเกตแตล่ ะครั้งโดยหมนุ เวียนไปจนครบทกุ หอ้ ง
ลงช่อื …………….............................………..ผู้ประเมิน
186
แบบประเมนิ รายงาน
นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3/.......
วนั ท่.ี ...........เดอื น............................พ.ศ.................
คำช้แี จง: ให้ทำเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งรายการทตี่ รงกับความเปน็ จริง
ระดบั คณุ ภาพ รายการประเมิน/ระดบั คะแนน รวม
ชื่อเร่อื งรายงาน รูปเล่ม เน้ือหา วธิ ีดำเนนิ การ คะแนน
(เตม็ 12
432143214321 คะแนน)
ลงชอ่ื …………….............................………..ผู้ประเมิน
187
รายการประเมิน เกณฑ์การประเมนิ : แบบประเมนิ รายงาน ควรปรับปรงุ
1. รปู เลม ระดับคะแนน (1)
2. เนอ้ื หา
ดีมาก ดี พอใช้ ขาดส่วนประกอบ
3. วิธีดำเนินการ (4) (3) (2) ของรายมากกวา่
สว่ นประกอบของ ขาดส่วนประกอบ ขาดสว่ นประกอบ 2 สว่ น
รายงานครบถ้วน ของรายงาน 1 ส่วน ของรายงาน 2สว่ น
ดังน้ี ปกนอก คำนำ ขาดคุณภาพ
สารบัญ เนอื้ เรอ่ื ง มากกว่า 2 ข้อ
และบรรณานุกรม
- ตรงตามจุดประ ขาดคุณภาพ 1 ขอ้ ขาดคุณภาพ 2 ข้อ ขาดคุณภาพ
สงค มากกว่า 2 ข้อ
- เนื้อหาถกู ตอง
- เนื้อหาครบถวน
- นาํ ไปใช
ประโยชนได้
- มกี ารวางแผน ขาดคุณภาพ 1 ขอ้ ขาดคุณภาพ 2 ข้อ
- ใชกระบวนการก
ลมุ
- ดำเนนิ การตาม
แผน
- มกี ารสรุป/
ขอเสนอแนะ
เกณฑก์ ารตดั สนิ คะแนน = ดมี าก
11 – 12 คะแนน = ดี
9 - 10 คะแนน = พอใช้
7-8 คะแนน = ควรปรบั ปรุง
ตำ่ กวา่ 6
188
แบบประเมนิ การนำเสนอ
นักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 3/......
วนั ท.่ี ............เดอื น...........................พ.ศ.................
คำชแ้ี จง: ให้ทำเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งรายการที่ตรงกบั ความเปน็ จริง
พฤตกิ รรม เนื้อหาถกู ต้อง ลำดบั เนอื้ นำเสนอ การมสี ว่ น รวม
/ระดับคะแนน เรอื่ ง น่าสนใจ ร่วมของ 16
สมาชกิ
ชอ่ื เรื่องรายงาน
4 3 2 1432143214321
ลงชือ่ …………….............................………..ผูป้ ระเมิน
189
เกณฑ์การประเมนิ : แบบประเมินการนำเสนอ
รายการประเมนิ ระดับคะแนน
1. เน้อื หาถกู ต้อง
2. ลำดับเนือ้ เรือ่ ง ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง
3. นำเสนอนา่ สนใจ
(4) (3) (2) (1)
4. การมสี ่วนร่วมของสมาชิก
เน้อื หาท่นี ำเสนอมี เน้ือหาทน่ี ำเสนอไม่ เนือ้ หาไม่ถูกต้อง เนอ้ื หาไม่ถกู ตอ้ ง
ความถูกตามแหลง่ ถูกต้องเพยี ง มากกว่าร้อยละ 50 ท้ังหมด
ค้นคว้าและตรงกบั บางสว่ น
ชอ่ื เรื่องรายงาน
มกี ารลำดับเนื้อ ลำดบั เนอื้ หาไม่ ลำดับเน้ือหาไม่ ลำดับเนอ้ื หาไม่
เรอ่ื งได้อยา่ ง เหมาะสมเพียง เหมาะสมมากกวา่ ถูกตอ้ งท้งั หมด
เหมาะสม โดยเรยี ง บางสว่ น รอ้ ยละ 50
จากหวั ข้อทงี่ ่ายไป
หาหัวขอ้ ทีย่ าก
นำเสนอเสยี งดังฟัง นำเสนอเสยี งดงั ฟัง นำเสนอเสียงดังฟัง นำเสนอเสยี งเบา
ชัด ออกเสยี ง ชัด ออกเสียง ชัด แต่ออกเสียง ออกเสียงอกั ขระ
อกั ขระ ร ล ชดั เจน อักขระ ร ล ชดั เจน อกั ขระ ร ล ไม่ ร ล ไมช่ ดั เจน
และมกี ารใช้ แตใ่ ชน้ ำ้ เสยี งไม่ ชัดเจน และใช้ และใชน้ ำ้ เสียงไม่
น้ำเสียงให้ เหมาะสมกบั เน้อื น้ำเสียงไม่ เหมาะสมกับเนอ้ื
เหมาะสมกับเนอ้ื เร่ือง เหมาะสมกบั เนือ้ เรื่อง
เรอ่ื ง เร่อื ง
สมาชกิ ในกลมุ่ ทกุ สมาชกิ ในกลุม่ บาง สมาชิกในกลมุ่ สมาชิกในกลมุ่ ทกุ
คนชว่ ยกนั คนไม่ช่วยงาน มากกวา่ รอ้ ยละ 50 คนไมช่ ว่ ยกนั
ไมช่ ่วยงาน ทำงาน
เกณฑ์การตดั สิน คะแนน = ดีมาก
14 - 16 คะแนน = ดี
11 - 13 คะแนน = พอใช้
8 - 10 คะแนน = ควรปรับปรงุ
ตำ่ กวา่ 8
190
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
1. สภาพทัว่ ไปของการจดั การเรยี นการสอน
1.1 ดา้ นความรู้ (K)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
1.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
1.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ (A)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
2. ปัญหาและอปุ สรรคระหว่างการจดั การเรียนการสอน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. แนวทางแกป้ ัญหาและข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
4. สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้จากแผนการจัดการเรียนร้ตู ามตัวชีว้ ัด
จำนวนนักเรยี นทงั้ หมด.........................คน
- ผ่านเกณฑ์ประเมนิ ระดับด.ี ................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................
- ผา่ นเกณฑ์ประเมินระดบั ปานกลาง.................คน คิดเป็นร้อยละ.................
- ผ่านเกณฑป์ ระเมินระดับปรบั ปรุง...................คน คิดเป็นร้อยละ.................
ลงชอื่ .............................................................
(นางสาวศิริวรรณ ฤทธม์ิ หันต)์
ครูผสู้ อน
191
แผนการจดั การเรยี นรู้
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 17 เรอ่ื ง การพดู รายงาน หนว่ ยการเรยี นรู้ พระอภัยมณี
รหสั วิชา ท23101 รายวชิ า ภาษาไทย 5 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 จำนวนคาบ 2 ชัว่ โมง
___________________________________________________________________________
สาระที่ 3 การฟงั การดู และการพดู
มาตรฐานการเรยี นรู้ ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ
ความรสู้ ึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ท
ตัวชวี้ ดั
3. พดู รายงานเรือ่ ง หรือประเดน็ ทศี่ กึ ษาค้นคว้า จากการฟัง การดู และการสนทนา
สาระการเรยี นรู้
1. การพูดรายงานการศึกษาเกย่ี วกับภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่น
2. หลักการพูดรายงาน
สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด (KAP)
การพูดรายงานจากการฟงั การดู และการสนทนาเกีย่ วกบั ภูมปิ ญั ญาท้องถิ่นเปน็ การนำเสนอผลงาน
การศึกษาคน้ ควา้ ผลการทดลอง หรอื ผลการปฏิบตั งิ านต่าง ๆ เก่ยี วกับภูมิปญั ญาท้องถน่ิ แลว้ นำเสนอโดยการ
พูดรายงาน เพื่อให้เกิดความรู้ที่กว้างขวางเกีย่ วกับภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น เป็นการฝึกทักษะการพูด การฟัง การดู
ใหม้ ีประสทิ ธภิ าพยง่ิ ขนึ้
จุดประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1. อธิบายหลักเกณฑก์ ารประเมินการพูดรายงาน
ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
2. พูดรายงานจากการฟัง การดู และการสนทนาเกี่ยวกบั ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน
ดา้ นคุณลักษณะ (A)
3. รว่ มมอื ในการทำกิจกรรมเป็นอย่างดี
192
ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1. พดู รายงานการศกึ ษาค้นควา้
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
4. ทกั ษะทางภาษา
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน
4. รกั ความเปน็ ไทย
กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียน
1. ครเู ตรยี มเนอื้ หาในการสอน และส่อื ประกอบการสอนท้ังพาวเวอร์พอ้ ยท์ วดิ โิ อประกอบการสอน
2. ครูชี้แจงจุดประสงค์ในการเรียนให้นักเรียนทราบ และบอกหลักเกณฑ์การให้คะแนนการพูด
รายงาน
3. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นในหัวห้อ “การพูดรายงาน” ตามประเด็นคำถามดังต่อไปนี้
นักเรียนคิดว่า การพูดรายงาน ผู้พูดควรมีน้ำเสียงและบคุ ลิกภาพอย่างไร จากนั้นให้นักเรียนดวู ดิ ิโอ เรื่อง 10
บุคลิกภาพการพดู ให้นา่ สนใจ แลว้ รว่ มกันแสดงความคดิ เห็นอีกครั้งหลงั จากดูวดิ โิ อ
กิจกรรมพัฒนาการเรยี น
4. นักเรียนศึกษาเรื่อง การพูดรายงาน จากหนังสือเรียนหลักภาษาและการใช้ภาษาไทย
ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 พร้อมครูอธิบายประกอบ
5. ครทู บทวนเนือ้ หาอกี ครง้ั โดยการถามคำถาม ใหน้ กั เรียนตอบ ดงั นี้
- การพดู รายงาน คอื อะไร
- หลกั การพูดรายงาน มีอะไรบ้าง
- หลกั เกณฑ์การประเมินการพดู มีอะไรบ้าง
6. สุ่มให้นักเรียนออกมาพูดรายงานตาม บทรายงานที่ครูเตรียมไว้ แล้วให้นักเรียนที่เหลือร่วมกัน
แสดงความคิดวา่ เพือ่ พูดรายงานถูกตอ้ งตามหลักการพดู รายงานหรือไม่
193
7. นักเรียนจากกลุ่มทำรายงาน กลุ่มเดิมจำนวน 4 - 5 คน ส่งตัวแทนออกมาพดู รายงานที่ได้ศึกษา
คน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง และให้นกั เรียนกลุม่ อื่นท่ไี มไ่ ด้นำเสนอทำการประเมนิ การพูดรายงานของเพอ่ื น
สรุปบทเรยี น
8. ครูและนกั เรยี นชว่ ยกันสรปุ เพ่ือทบทวนสง่ิ ทเ่ี รยี นมาทัง้ หมดและให้นกั เรยี นจดบันทึกลงในสมุด
9. นักเรยี นร่วมกันสรุปผลการปฏิบัตงิ าน ว่านักเรียนมีความพอใจกับการพูดรายงานของตนเองมาก
นอ้ ยเพยี งใด 10. ครูประเมินและให้คะแนนการพูดรายงานของนักเรียน พร้อมทั้งบอกให้นักเรียนทราบผล
คะแนนของตนเอง และบอกข้อดแี ละข้อควรปรับปรุงในการพูดรายงานของนักเรยี นในครงั้ น้ี
ส่อื และแหล่งเรียนรู้
1. หนังสอื เรยี น หลักภาษาและการใชภ้ าษา ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3
2. หนังสอื เรยี นหลกั ภาษาและการใช้ภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3
3. วดิ ิโอ เร่อื ง 10 บุคลกิ ภาพการพดู ใหน้ า่ สนใจ
การวัดและประเมนิ ผล
หลกั ฐานการเรียนรู้ วิธวี ัด เครอ่ื งมือวดั เกณฑ์
(ช้นิ งาน/ภาระงาน)
1. พูดรายงานการศกึ ษาคน้ คว้า - ประเมินการพูดรายงาน - แบบประเมินการพดู ทกุ รายการไดค้ ะแนน
การศกึ ษาค้นควา้ รายงาน ร้อยละ 70 ขน้ึ ไป
- สงั เกตพฤติกรรม -แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
รายบคุ คล/กลมุ่ รายบคุ คล
-แบบสังเกตพฤติกรรม
การทำงานกลุม่
194
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
นกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3/......
วันที่............เดอื น..............................พ.ศ.....................
ช่อื กลุ่ม.................................................................
คำช้ีแจง: ใหท้ ำเครื่องหมาย √ ลงในช่องรายการท่ีตรงกับความเป็นจรงิ
รายการประเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน รวม
4321 คะแนน
1. บทบาทหน้าที่
2. ความรบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ท่ี
3. ข้นั ตอนการทำงาน
4. เวลา
5. ความร่วมมือในการทำงาน
รวมคะแนน (20 คะแนน)
เกณฑก์ ารตัดสิน คะแนน = ดมี าก
17 - 20 คะแนน = ดี
14 - 16 คะแนน = พอใช้
10 - 13 คะแนน = ควรปรบั ปรงุ
ต่ำกวา่ 10
ลงชอื่ …………….............................………..ผู้ประเมิน