๒) การประกอบอาชพี เปน็ ฟา้ หมายชวี ิตอันดับรอง t เกอบรม
ประชาชนใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจวา่ การประกอบอาชพี เลยี้ งชวี ิตเป็น
เปา้ หมายชวี ิตอันดบั สองรองลงมาจากการสร้างบารมี เนื่องจากทกุ คนมี
ชวี ติ อยู่ได้ดว้ ยป้จจยั ๔ดงั นั้นการประกอบอาชพี เพ่ือเลยี้ งชีวิตจงึ เปน็ หนา้ ท่ี
ของทุกคน ทงั้ น้ีกิเพ่ือให้มีชวี ติ อยูอ่ ยา่ งมีความสุขตามอตั ภาพ และมชี ีวิต
ยนื ยาว เพ่อื จะไดม้ โี อกาสสรา้ งบารมีได้มากท่สี ุด เพราะมนุษยโลกคือ สคุ ติ
ที่เปด็ โอกาสใหส้ ัตวโลกสร้างบารมกี ันอยา่ งกวา้ งขวางไร้ขดี จำกัดและกาย
มนษุ ย์กิเป็นรปู กายที่เหมาะทส่ี ุดยงิ่ กว่ารูปกายอื่นๆ ในการสร้างบารมี
เพราะฉะนั้น การบรรลเุ ป้าหมายชีวิตอนั ดบั ที่สอง กิเพือ่ สง่ เสริม
สนับสนุนเป้าหมายชวี ติ อนั ดบั ทีห่ น่งึ นนั่ เอง
ดว้ ยเหตุนี้การประกอบอาชีพของทุกคน จึงจำเปน็ ต้องเปน็
สัมมาอาชวี ะ ไมใช่มจิ ฉาอาชีวะ ไมใชอ่ าชีพท่ผี ดิ ศีล ผิดกฎหมาย นอก
จากนกี้ ารทำกจิ กรรมตา่ งๆในชีวติ ประจำวันกิด้องไม่ผดิ ศลี ไม่ผดิ กฎหมาย
(การกระทำบางอย่างทีผ่ ิดศลี กิจะผิดกฎหมายด้วย เช่นการสักทรพั ย์
การกระทำบางอย่างแมไี ม่ผิดกฎหมาย แต่กผิ ิดศลี เชน่ การด่ืมสรุ า)
มฉิ ะน้นั จะเป็นอุปสรรคต่อการสร้างบารมขี องเรา
จากเปา้ หมายท้ัง ๒ ขอ้ น้ี จึงสรปุ ได้วา่ ตลอดชีวิตของคนเรา
ทกุ คนจะด้องทำแต่กรรมดี ต้องไม่ทำกรรมชัว่ เลย ต้องไมผ่ ดิ ศีลเลย นี่
คอื เจตนารมณอ์ นั แหจ้ รงิ ของการได้เกิดมาเปน็ มนุษย์ และความรู้เชน่ นี้
กิมีอยเู่ ฉพาะในพระพทุ ธศาสนาเทา่ นัน้ ไมป่ รากฏมใี นศาสนาอ่นื
การทแี่ ต่ละคนประพฤตปิ ฏบิ ติแตก่ รรมดี เพอื่ ส่ังสมบญุ บารมี
แมจ้ ะเป็นเรอื่ งส่วนดวั ของบุคคลกิตาม แตก่ ิจะแผป่ ระโยชนอ์ ยา่ งยงิ่ ใหญ่
I l l 1 lila^lul^
ไปถงึ สังคมและประเทศชาติโดยรวมดว้ ย ตงั้ นีก้ ็เพราะจะไม่มื
มิจฉาทิฏเบคุ คลมาก่อปัญหาวิกฤตข้ึนในบ้านเมือง
นอกจากนี้ บุคคลในรฐั บาล ไนวงการเมอื ง ในวงขา้ ราชการ
และรัฐวิสาหกจิ ก็จะมแื ตค่ นใจซือ่ มือสะอาด ปราศจากคนทเ่ี ปน็ ขยะของ
สงั คม
สว่ นในภาคเอกชนกจ็ ะไมม่ เื จ้าพอ่ ผู้มือิทธิพลไมม่ ืผูป้ ระกอบการ
ทีแ่ สวงหาความราํ่ รวยบนความทกุ ข์ และความฉบิ หายของผู้อน่ื ดว้ ย
การเปีดแหล่งอบายมุขตา่ งๆ เซ่น บ่อนการพนัน รา้ นขายเหลา้ ซอ่ ง
โสเภณที มี่ รื ้านอาหาร หรือสถานอาบอบนวดบังหนา้ แหล่งคนกลางคนื
ในรปู แบบต่างๆ ตลอดจนการแสดงบนั เทิงเริงรมย์ ท่มี อมเมาประชาชน
ให้จมอยู่กับเรือ่ งกามราคะและความฟง้ เฟ้อ ทีช่ ักนำผู้คนไปกอ่ กรรมชวั่
โดยสรปุ กค็ อื ถ้าไม่มมี ิจฉาทิฏฐิบคุ คล การพฒั นาบ้านเมืองยอ่ ม
ดำเนนิ ไปอย่างราบรน่ื นค่ี อื ประโยชน์ท่ีสังคมจะพงึ ได้รบั จากสัมมาทฎิ ฐิ
บุคคล
๓) สร้างนสิ ยั รักการศึกษาและปฏิบ้ตธรรมใหแ้ กป่ ระชาชน การ
ที่คนเราจะสามารถละกรรมชัว่ ได้เดด็ ขาด สามารถทำความดีได้อย่าง
ต่อเนือ่ ง รกั ษาศลี ได้บริสุทธบ้ิ รบิ รู ณ์ จำเป็นจะด้องมืการปฏบิ ตั เิ ปน็
เคร่อื งพฒั นาปญั ญา และหริ โิ อตตัปปะ จนเกดิ เปน็ ลักษณะนิสัย จงึ จะ
สามารถควบดุมกายใจใหต้ ั้งอยู่ในความดีได้โดยตลอด การปฏบิ ตั ินน้ั ก็
คอื การศกึ ษา และปฏบิ ตั ธิ รรม
การศกึ ษาธรรม อาจศึกษาไดต้ ัง้ จากดำราพระพทุ ธศาสนา การ
ฟงั พระธรรมเทศนาของพระภกิ ษุผทู้ รงภมู ิรู้ภูมิธรรม การอภปิ รายธรรม
1<2ทไปอ$ใน็1>^
ระหวา่ งผู้เชี่ยวชาญด้านพระพทุ ธศาสนา เป็นด้น
ส่วนการปฎบิ ้ติธรรม มงุ่ ประเด็นอยูท่ กี่ ารปฏปิ ตทิ าน ศีล ภาวนา
เปน็ กจิ วัตรประจำวนั
บุคคลที่ศกึ ษา และปฏิปติธรรมเปน็ กิจวัตรประจำวัน สกั ระยะเวลา
หนึง่ กจ็ ะประจกั ษใ์ นคุณค่าของกจิ วตั รได้ด้วยตนเองเป็นอยา่ งดี จึงเกิด
กำลงั ใจทจี่ ะทำกิจวตั รเซ่นนั้นเรอื่ ยไป ไมช่ ้าไฝนานก็จะเกิดเปน็ ความคุน้
และจะพัฒนาข้ึนเป็นนิสยั รักการศกึ ษาและปฏปิ ต๋ ธิ รรมในท่ีสุด
ถา้ ผูค้ นสามารถพัฒนานิสยั รักการปฏิปต้ ิธรรมกนั โดยทั่วไป ก็
จะเกดิ เป็นคา่ นยิ มใหมข่ ้ึนในสังคม
อยา่ งไรกต็ าม เม่ือเรม่ิ เป็ดโครงการปลูกฝงั สมั มาทฏิ ฐิ ภาครฐั
ควรเรมิ่ ดว้ ยโครงการระยะส้ัน เพ่อื รณรงค์ใหป้ ระซาซนเชา้ มาศกึ ษาและ
ปฏปิ ต้ ิธรรมตามสถานท่ตี า่ งๆ ทีร่ ฐั จัด หรืออยู่ที่บ้านของตน โดยศึกษา
และปฏิบต้ กิ บั รายการโทรทัศน์ทีแ่ พรภ่ าพพรอ้ มกันทุกซ่อง ในเวลาที่
เหมาะสมทส่ี ุด ขณะเดยี วกันก็แนะนำให้ประซาซนในแตล่ ะหอ้ งที่สร้าง
เครอื ขา่ ยศึกษา และปฏปิ ติธรรมกนั เองในชุมซน หรือหม่บู ้าน เปน็
โครงการระยะยาว เม่อื โครงการระยะสน้ั สิน้ สดุ ลง โดยมีตวั แทนของ
คณะกรรมการโครงการของแตล่ ะจงั หวัด และตัวแทนของคณะกรรมการ
กลางคอยใหก้ ำลงั ใจ และติดตามผลเปน็ ระยะๆ
๙) พ่อแมต่ อ้ งปลูกฝงั สัมมาทฏิ ฐิใหล้ กู แกอบรมประซาซนให้
เกดิ ความรคู้ วามเชา้ ใจว่า การปลกู ฝังสมั มาทฏิ เให้แก่ลูกๆ นน้ั เป็นหนา้ ท่ี
รบั ผดิ ชอบสำคัญยง่ิ ของพ่อแมท่ กุ คน มใิ ช่ปลอ่ ยให้เป็นภาระหน้าทข่ี อง
ผู้อืน่ หรอื พเ่ื ส้ิยง แม้ครอู าจารยท์ โี่ รงเรยี นของลกู ผู้เปน็ พอ่ แม่พึง
1?ทไไ!อ^ใttls
ตระหนักเสมอวา่ ตนมีลกู เพยี งสองสามคน ถ้ายังไมส่ ามารถจะอบรมบม่
นสิ ัยลูก ให้เป็นคนดีมสี มั มาทิฏฐิได้แลว้ จะหวงั ใหค้ รูอาจารยท์ โี่ รงเรยี น
ของลกู ซ่งึ ต้องดูแลรับผดิ ชอบเดก็ นักเรียนเปน็ จำนวนมาก สามารถทำ
หนา้ ท่ีอบรมบ่มนสิ ยั เด็กๆ ได้ดกี วา่ ผเู้ ปน็ พอ่ แม่ของเด็กได้อย่างไร
ผูเ้ ป็นพอ่ แมจ่ ะต้องได้รับการปลกู ฝงั อบรมให้เข้าใจวา่ ตนมีบทบาท
สำคัญอย่างยิง่ ต่อการส่งเสรีมผ้คู นให้ไปสวรรค์ หรอื ผลักคนั ให้ไปลงนรก
น่ันคือลกู จะเปน็ สมั มาทฎิ ฐหิ รอื มิจฉาทฏิ ฐิ ลว้ นขึ้นอยู่กบั การทำหน้าที่
และการทำคัวเป็นตัวอย่างของผเู้ ป็นพ่อแม่เป็นสำคัญ
เพราะฉะนน้ั ชายหญงิ คู่ใด กอ่ นทจี่ ะตกลงปลงใจร่วมเรียงเคียง
หมอนหรอื ร่วมหอลงโรงกัน จะตอ้ งคิดใหไ้ กลไปถงึ อนาคต คดิ ให้เป็น
โครงการระยะยาว พจิ ารณาให้ละเอียด รอบคอบถงึ ความถกู ตอ้ งเหมาะสม
และความพร้อมหลายๆ ด้าน ของท้ัง ๒ ฝา่ ย นบั ต้งั แตว่ ัย การมีอาชพี
และมีการงานมัน่ คง และความพร้อมในเรอ่ื งฐานะทางเศรษฐกจิ ความ
เหน็ เป็นมจิ ฉาทิฏฐิ หรอื สัมมาทิฏฐิของแตล่ ะฝา่ ย ความรใู นการปลูกฝัง
อบรมลูกใหเ้ ป็นคนดี ความสามารถท่จี ะทำใหค้ รอบครวั อบอุ่น ตลอด
จนกระทัง้ ปญั หามากลูกมากเมีย ฯลฯ
เมื่อพิจารณาทบทวนอย่างรอบคอบแลว้ ถา้ เห็นวา่ ยังไมพ่ รอ้ ม
หรอื มปี ัญหาบางอย่าง ก็ควรจะระงบั การครองชีวติ คกู่ นั ไวก้ ่อน ตอ้ งไม่
ปล่อยให้อำนาจกามราคะซักนำให้คดั สินใจอยา่ งนกั ง่าย ชนิดไปตายเอา
ดาบหนา้ อยา่ งเด็ดขาด ดังท่คี ูค่ รองในปัจจุนันนกั จะคิดกันวา่ ถ้าอยรู่ ว่ ม
กันไม่ไดก้ แ็ ยกทางกนั โดยไมไ่ ดค้ ิดถงึ ปญั หาเลวรา้ ยทอ่ี าจจะเกิดขน้ึ ใน
อนาคตไว้ล่วงหนา้
www.kalyanamitra.orgwww.webkal.org ©๘^
เยาษ8^นใจ
การตัดสินใจในเร่อื งการมีครอบครัว ถ้าผิดพลาดไปแลว ก็อาจ
จะต้องประสบกบั ความทกุ ข์ ความเดอื ดรอ้ นอย่างหน'กหนาสาหสั ทงั้ ชีวิต
น้ีและชวี ิตหลงั ความตายทง้ั น้เี พราะความผิดพลาดนัน้ อาจจะเปน็ ทางนำ
ผูเ้ ปน็ พ่อแม่ หรือลกู ไปสู่การทำกรรมชวั่ หลากหลายรูปแบบ ตกอย่ใู น
อำนาจมิจฉาทฏิ ฐิ จนหมดโอกาสร้างบารมี ถา้ เป็นเซ่นน้ัน เมอ่ื ละโลก
ไปแล้ว กจ็ ะตอ้ งไปสูท่ ุคติอยา่ งแน่นอน โดยไมม่ ใี ครบอกไต้วา่ นานเท่าไร
อาจนานถึงหลายล้านหลายโกฏิปี หรือหลายพุทธันดร กวา่ จะไตโ้ อกาส
กลบั มาเกดิ เป็นมนษุ ยอ์ กี ตว้ ยเหตนุ ี้การสร้างครอบครัวไหเ้ ป็นท่อี บอุ่นแก่
สมาชิกในครอบครัวทกุ คน จงึ เป็นเร่ืองจำเปน็ และสำคัญยิ่ง เพราะจะ
เปน็ โอกาสใหพ้ ่อแม่ไต้ปลกู ฝังสมั มาทิฏฐแิ กล่ ูกอย่างสมบรู ณ์แบบ
๔) ครอบครวั อบอุ่นเป็นเรื่องสำคญั ยง่ิ ปกี อบรมประชาซนให้
ตระหนักถงึ ความสำคญั ของการสร้างครอบครัวให้อบอุน่
ทำไมความอบอน่ ในครอบครวั จึงเปน็ เร่ืองสำคญั
ทั้งน้กี เ็ พราะบคุ คลทไี่ ต้รบั ความอบอนุ่ จากครอบครัว จะเปน็ คน
มีความสขุ เขาจงึ พยายามถนอมความสุขนี้1ว้ โดยหลีกเลีย่ งการกระทำ
ใดๆ ท่ีจะเป็นการทำลายความสขุ ของครอบครัว หากประสบป็ญหา
เขากจ็ ะคิดแกไ้ ขดว้ ยโยนโิ สมนสิการ โดยไม่สรา้ งความเดอื ดร้อนไห้แก่
ทั้งตนเอง และครอบครัว
ทำอย่างไรครอบครวั จงึ จะอบอนุ่
บรรยากาศไนครอบครัวที่จะทำใหส้ มาชกิ เกิดความรู้สกึ อบอุ่นน้ัน
อยูท่ ่คี วามรักใคร่กลมเกลียวกัน ไม่ขดั แยง้ กัน เอาใจใส่ชั่งกันและกัน
เ>?1ไไปa^lน!^!
ทำกิจกรรมตา่ งๆ รว่ มกนั ทุกวนั มคี วามรบั ผดิ ชอบในหน้าท่ี เสียสละ
และให้อภัยกนั และกนั ระหวา่ งพ่อแม่ลกู
ครอบครวั ใดก็ตามไมว่ ่าจะร่าํ รวยหรอื ยากจน ถ้าสามารถสรา้ ง
บรรยากาศดังกลา่ วให้เกิดขนึ้ ได้ กจ็ ะเปน็ ครอบครวั ทม่ี คี วามอบอ่นุ
อย่างไรกต็ าม ปจั จยั สำคญั ที่จะทำให้คนเรารู้จักสร้างบรรยากาศดังกล่าว
ก็คือสัมมาทิฎฐนิ ัน่ เอง
ถ้าหันไปดูเยาวชนทมี่ ีปญั หาในปจั จบุ นั ไม่วา่ จะเปน็ ปญั หาตดิ
ยาเสพติด ปญั หาโสเภณีเดก็ ปญั หามีบุตรในวยั เรยี นวยั รุ่น ปญั หาการ
ต้ังครรภ์นอกสมรส ปัญหาอาชญากรวัยร่นุ ฯลฯ ลว้ นเปน็ เยาวชนจาก
ครอบครัวทีม่ ปี ญั หาขาดความอบอนุ่ และครอบครวั มจิ ฉาทฎิ ฐเิ ป็นสว่ น
ใหญ่ เยาวชนจากครอบครวั ท่ีมีปัญหาร้อยทั้งร้อยก็ว่าได้ ท่ีหันเข้าหา
อบายมขุ
คำวา่ อบายมุข แปลว่า ทางแห่งความฉบิ หาย หรือเหตเุ ครื่อง
ฉบิ หายมอี ยู่ ๖ อยา่ งคือ ๑) ด่ืมนา้ํ เมา (รวมทงั้ สารเสพตดิ ตา่ งๆ) ๒)
เท่ียวกลางคนื ๓) เที่ยวดกู ารละเล่น ๔) เลน่ การพนัน ๔) คบคน
ชัว่ เป็นมิตร ๖) เกยี จครา้ นการทำงาน (ย่อมเบยี ดเบยี นผู้อื่น เพ่อื ความ
อยรู่ อดของตน)
จากเรือ่ งอบายมขุ ทัง้ ๖ น้ี ทา่ นผอู้ ่านคงจะมองออกว่า ทำไม
อบายมุขจงึ เป็นทางแหง่ ความฉบิ หายและเรอ่ื งท่ีจะฉิบหายอันดบั แรกกค็ ือ
เศรษฐกิจส่วนบคุ คล ซ่ึงในท่สี ดุ กจ็ ะลามไปถงึ เศรษฐกิจระดับชาติ
อนึง่ ถ้ามีการทำอบายมุขบางอย่างให้ถูกกฎหมาย รัฐก็จะมรี าย
ได้จากภาษีเพม่ิ ข้ึนขอ้ น้ีอาจเปน็ ผลดีเพียงสว่ นหนึง่ ตอ่ เศรษฐกจิ ระดบั ชาติ
I f j ไไโ๒!lu
แต่กต็ ้องไมล่ ืมวา่ ถา้ ผู้คนในชาติจำนวนมากมบิ ้ญหาเศรษฐกิจ เนอ่ื งจาก
อบายมขุ แล้ว อะไรจะเกดิ ข้ึนบ้าง
บ้ญหาที่มีตน้ เหตมุ าจากอบายมขุ นน้ั ปรากฏให้เหน็ เป็นบ้ญหา
เรือ้ รงั ของบ้านเมอื งมานานแล้ว นับตงั้ แตบ่ ้ญหาคอรัปชั่น บญ้ หาเจา้ พ่อ
ผูม้ อื ิทธิพล บญ้ หาอาชญากรรม บญ้ หาฆาตกรรม บ้ญหายาเสพติด
บญ้ หาครอบครัว ฯลฯ ทั้งหมดนี้ ลว้ นเปน็ บ้ญหาของผคู้ นประเภท
มิจฉาทฏิ ฐิ ท่เี ข้าไปพัวพนั กบั อบายมุขทั้งสิ้น
ถ้าเปรียบมิจฉาทฏิ ฐิบุคคลเหลา่ น้ี เป็นส่วนผสมของคอนกรตี ก็
คงจะเปรียบไตก้ บั หนิ กรวด และทราย ที่สกปรก ซ่งึ ไมม่ กื ารชำระลา้ ง
ฝ่นธุลีผงขยะ ทค่ี ลุกเคลา้ ปะปนอยู่ กอ่ นนำมาใชง้ าน ถ้าเป็นผงซีเมนต์
กเ็ ปน็ ผงทเี่ สือ่ มคณุ ภาพ ยรแยเ่ ต็มที ถามว่า ถา้ จะนำคอนกรีตซึง่ ผสม
ตว้ ยวัตถุคณุ ภาพตํา่ เหล่านน้ั มาสรา้ งอาคารบา้ นเรอื น อาคารหลงั น้นั
จะมิความแข็งแรงคงทนไต้อยา่ งไร พอดพี อร้ายเพียงแคพ่ ายพุ ัดแรงๆ
อาคารคอนกรตี นนั้ ก็อาจจะพังครืนลงมากองอยู่ท่ีพน้ี เบ้ืองล่าง
ข้อน้ีฉนั ใด ประเทศชาตกิ ฉ็ นั น้นั ถา้ ประเทศชาติของเรามาก
มายไปดว้ ยมจิ ฉาทีฏฐิบคุ คล ก็ยอ่ มจะล้มลกุ คลกุ คลานไปเรื่อยๆ จะไม่
สามารถพฒั นาใหถ้ า้ วไกลไปไตเ้ ลย แม้จะมืรฐั บาลทเี่ ปน็ เอกภาพ และมิ
ผนู้ ำทเ่ี ปียมต้วยอัจฉรยิ ภาพเพยี งใดกต็ าม
ด้วยเหตุน้ี การสร้างครอบครัวให้อบอุ่น จงึ มิคณุ คา่ และความ
จำเป็นอย่างย่งิ ทั้งโดยส่วนตวั ของประซาซนเอง และโดยส่วนรวมระดับ
ชาติ เพราะฉะน้นั จงึ เป็นหน้าทแ่ี ละความรบั ผิดชอบของโครงการน้ี ใน
การปลกู สำนึกประชาชนใหต้ ระหนักถงึ คุณคา่ มหาศาล ของการสรา้ ง
เขาษร^ใจ
ครอบครัวใหอ้ บอุน่ ด้วยความรักใคร่กลมเกลยี วกนั เคารพ ยกยอ่ ง นับถือ
เกรงใจ เสียสละ ไม่มีความลำเอยี ง และมีความเอือ้ อาทรตอ่ กนั ระหวา่ ง
พอ่ แม่ลกู ญาติพนี่ ้อง ตลอดถึงสมาชิกทุกคนในครอบครัว
๖)ซาวพทุ ธมหี นา้ ที่ทำนุบำรงุ พระพุทธศาสนา ‘รกอบรมประชาชน
ใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจว่า ตนมหี นา้ ท่ที ำนบุ ำรงุ พระพุทธศาสนาใน
ฐานะที่เปน็ พทุ ธศาสนกิ พระพทุ ธศาสนานัน้ แตเ่ ติมประกอบดว้ ยพุทธ
บรษิ ทั ๔ กลมุ่ คอื ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อบุ าสกิ า แต่ในฟ้จจบุ นั ไม่มี
ภกิ ษณุ ี จึงเหลือเพยี งบริษัท ๓
พระสัมมาสมั พุทธเจ้า ไดท้ รงกำหนดเป็นพระวินยั ให้ภิกษุ หรือ
เรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ บรรพชติ ประกอบสัมมาอาชีวะเลย้ี งชีวติ ได้เพยี งอยา่ ง
เดยี ว คือ การบิณฑบาต ทง้ั นี้เพ่อี ให้ท่านมีเวลาศึกษาและปฏิบติ ธิ รรม
ไดเ้ ดมี ที่ แลว้ นำความรู้อันประเสริฐท่ีตนไดศ้ ึกษาคันคว้ามาสรปุ ประเดน็
สำคัญ หรืออธบิ ายขยายความถา่ ยทอดสู่อบุ าสก อบุ าสกิ า ซ่งึ รวมเรยี ก
วา่ ฆราวาส ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจได้โดยง่าย และสามารถนำไปประยกุ ต์ใช้
ใหเ้ กดิ ประโยชนIั นชวี ติ ประจำวนั ของแตล่ ะคน ท้งั น้เี พราะฆราวาสยัง
ต้องทำมาหากินเลย้ี งชวี ติ เลีย้ งครอบครัว จึงมีเวลาศึกษาและปฏิบ้ติธรรม
ไมม่ ากนกั
กล่าวไดว้ า่ บรรพชิตและฆราวาส ต่างฝา่ ยตา่ งแบง่ หนา้ ทก่ี ันทำ
โดยพึง่ พาอาศยั ซง่ึ กันและกัน เฉกเช่นน้าํ พ่ีงเรอื เสอื พ่งึ ปา ถา้ ฝ่ายใด
ฝ่ายหนง่ึ บกพร่องในหน้าที่ พระพทุ ธศาสนาย่อมไดร้ ับความกระทบ
กระเทือน และถ้าทัง้ ๒ ฝา่ ยไม่ปฏบิ ติ หิ นา้ ทข่ี องตน พระพทุ ธศาสนาก็
จะลม่ สลาย
เพราะฉะน้นั ญาตโิ ยมท้ังหลายจำเป็นต้องทำหน้าที่อุปถมั ภค์ ํ้าชู
พระพทุ ธศาสนา สง่ เสรมิ สนับสนุนบตุ รหลานใหเ้ ช้าไปบวชเป็นธรรม-
ทายาท เพ่อื สบื ทอดพระพุทธศาสนา ตราบใดท่พี ระพทุ ธศาสนายงั ไต้
รบั การทำนบุ ำรงุ และมีผ้คู นศึกษาปฏบิ ํติธรรม พระพุทธศาสนาก็
ยงั จะมีอายยุ ืนยาวสบื ตอ่ ไป ไตเ้ ปน็ ที่พืง่ ของซาวพุทธและชาวโลกตลอด
ไป ผ้คู นในสงั คมก็ยังจะรจู้ ักสรา้ งบุญกลัวบาป กลัวนรก จึงตัง้ ม่นั อยใู่ น
สัมมาทิฏฐิไต้ อีกทัง้ รวู้ ธิ ีทำใจใหใ้ สสว่าง จติ ใจก็จะไม่มืดมนต้วยอำนาจ
มิจฉาทฏิ ฐิ จึงไมจ่ ำเป็นต้องแย่งถันกนิ แยง่ ถนั อยู่ แยง่ ถนั ใช้ ดังเชน่ ใน
สงั คมของติรจั ฉาน ทห่ี าสนั ติสุขอย่างแหจ้ รงิ ไมไ่ ตเ้ ลย
๗) เตรยี มแผนการดำเนน้ งานและโสดทศั นปู กรณ์ เนื่องจาก
โครงการปลกู ฝงั สัมมาทฏิ ฐนิ ี้ มีจุดบุง่ หมายเพอ่ื พัฒนาจิตใจประชาชน
ท้งั ประเทศพร้อมถนั และเร่งต่วน คณะกรรมการกลางตอ้ งจดั เตรียมแผน
การตลอดจนโสตทัศนูปกรณ์ชุดส้ันๆสำหรับใชป้ ระกอบการปลูกฝงั อบรม
แจกจา่ ยให้แก่ทุกจงั หวัด สำหรับนำไปใซไตท้ ันที เชน่ แผนการสมั มนา
อบรมช้าราชการกลุ่มต่าง ๆ แผนการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ วัดในชุมชนต่าง ๆ
ให้จัดกจิ กรรมศกึ ษา และปฎิบตํ ิธรรมสำหรบั ประซาซน หนงั สือธรรมะ
ท่สี ่งเสริมการปลกู ฝงั สัมมาทีฏฐิ โสตทศั นปู กรณ์ชุดส้นั ๆ เพื่อการ
ประซาสัมพนั ธ์โครงการ และเพ่ือใหก้ ารศึกษาแก่ประชาชนท่ีมาประชุม
สัมมนา และแกป่ ระชาชนทางบา้ นโดยทางโทรทัศน์
๘) การวางแผนจดั ทำโครงการฯ การจดั ทำโครงการฯ ตาม
แนวคดิ ทง้ั ๗ ข้อดงั กลา่ ว จะตอ้ งมกี ารปรกึ ษาหารือกับอกี ๓ หน่วยงาน
เพอ่ื ให้การดำเนนิ โครงการเป็นไปในทิศทางเดียวถนั ไมข่ ัดแย้งถนั
เชาไ^นใจ
๙) วทิ ยากรในโครงการควรมที งั้ บรรพชติ และฆราวาส ในสว่ น
การปลูกสงทเ่ี ป็นเรอื่ งของฆราวาสวิสัย วทิ ยากรก็ควรเป็นฆราวาสที่
กอปรดว้ ยความรูค้ วามเชย่ี วชาญในสว่ นที่เปน็ การศึกษาและปฏปิ ตั ธิ รรม
วทิ ยากร ก็ควรเป็นพระภิกษุ ผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรม
๑๐) การทำโครงการนี้ ต้องมที ง้ั โครงการระยะสั้นและระยะยาว
ทั้ง ๑๐ขอ้ น้เี ปน็ เพยี งตัวอยา่ งของแนวคดิ สำหรับการทำโครงการ
ปลกู ฝังสมั มาทฎิ ฐริ ะดับชาติ ถา้ รัฐบาลดำริจะทำโครงการน้ี กค็ งจะต้อง
มีแนวคิดและหลักปฏบิ ต้ ใิ นการบรหิ ารจดั การมากกวา่ นีอ้ กี อยา่ งไร
ก็ตามแนวคิด ๗ ข้อแรกน้ัน จะมองข้ามไม่ไต้เลยเป็นอนั ขาด
๒. กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ท่ีมหี น่วยงานตา้ นการควบคุมปอ้ งกนั และปราบปราม
อบายมุข
คนเราโดยทว่ั ไป โดยเฉพาะอย่างย่งิ เยาวชนที่ยงั มสี ตปิ ัญญาอ่อน
ตอ้ ยอยู่ ถา้ เข้าไปเก่ียวขอ้ งพวั พนั กบั อบายมุข ก็จะตกเป็นทาสไตโ้ ดยง่าย
และยากทจ่ี ะกลบั ตัวกลับใจไต้ ตงั น้นั จึงจำเปน็ ตอ้ งมีหน่วยงานทที่ ำ
หนา้ ทีค่ วบดมุ ปัองกัน และปราบปรามเข้ามาร่วมโครงการฯ นด้ี ว้ ย
มิฉะนนั้ การดำเนนิ งานของอีก ๓ หน่วยงาน กอ็ าจจะมีอุปสรรคมาก
จนยากทจี่ ะบรรลุรัตถุประสงค์
๓. กระทรวงศึกษาธิการ
กลุม่ เป้าหมายของกระทรวงศึกษาธิการ ก็คอื นักเรยี น นกั ศึกษา
ทกุ ระดบั สิ่งแรกที่กระทรวงศกึ ษาจะต้องกระทำกค็ ือ จัดต้ังคณะ
กรรมการกลางขึน้ มาชุดหนึ่ง เพื่อทำหน้าทรี่ บั ผิดชอบโครงการปลกู ฝงั
สัมมาทฏิ ฐิ
โดยเหตุทก่ี ระทรวงศึกษาธกิ ารมีหน้าทร่ี ับผดิ ชอบเก่ียวกบั การ
จดั การศึกษาของชาตอิ ย่แู ลว้ ดังนั้น แทนทจี่ ะจัดการปลกู ฝังอบรมสัมมา
ทฏิ เ เป็นโครงการระยะส้ันและระยะยาว ตามแบบท่ีจดั ใหแ้ กป่ ระชาชน
ที่,วไป กค็ วรจะจดั เฉพาะโครงการระยะยาวโดยผนวกเขา้ กบั การจัดการ
เรยี นร้พู ระพุทธศาสนา (อันเป็นส่วนหนึง่ ของวิชาสงั คมศึกษา) ซ่ึงมีอยู่
ในหลกั สตู รวิชาพนื้ ฐานตัง้ แต่ ป.๑ ถึง ม.๖ ในบ้จจุบันแลว้ แต่จะต้องมี
การพจิ ารณาวา่ เน้ือหาสาระการเรยี นรูข้ องกระทรวงสอดคลอ้ ง กบั
โครงการปลกู ฝงั สัมมาทฏิ ฐิหรอื ไม่ ล้าไมส่ อดคลอ้ ง ก็จะตอ้ งปรับเปลย่ี น
แลไ้ ขเพ่มิ เติมบา้ ง เพ่อื ใหโ้ ครงการบรรลผุ ลตามวตั ถุประสงค์
เพอ่ื ใหโ้ ครงการปลกู ฝังสมั มาทฏิ ฐแิ ก่เยาวชนบรรลุวตั ถุประสงค์
อยา่ งแหจ้ รงิ จงึ ใครเ่ สนอแนวคิดบางประการ เก่ียวกบั การจัดการเรียน
รู้ และสาระการเรยี นรู้ ในส่วนทีจ่ ะเป็นหน้าทรี่ บั ผิดชอบของกระทรวง
ศึกษาธกิ าร ดังนื้
๑) นกั เรียนทกุ ระดับต้องเรยี นรสู้ ัมมาทฎิ ฐิพรอ้ มกัน เนือ้ หาสาระ
ของธรรม ๑๐ ประการในสมั มาทฏิ ฐิ จะต้องนำมาจัดเปน็ สาระการเรียน
ร!ู้ หแ้ กผ่ ู้เรียนทุกระดับการศึกษาตัง้ แต่ชั้นประถมปที ี่ ๑ถึง มัธยมศกึ ษาปีที่
๖ และอาชวี ศกึ ษา โดยบรู ณาการเชื่อมโยงกบั วชิ าอ่ืนๆ แตท่ ว่าจะตอ้ ง
ทยอยเลอื กหวั ข้อธรรมใน ๑๐ ประการ มาจดั ทำเนอื้ หาสาระ การเรยี น
ร!ู้ หเ้ หมาะสมกบั ระดับการศกึ ษาของนักเรยี น เซน่ ในชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี
เขาษ0?ทนใจ
๑ จดั ใหเ้ รือ่ ง “ทาน” (การแบ่งปัน) เป็นสาระการเรยี นรู้สำหรบั การศกึ ษา
ภาคต้น และจดั ให้เรือ่ ง “การสงเคราะห”์ เปน็ สาระการเรยี นร้สู ำหรับภาค
ปลาย ในชน้ั ม้ธยมศึกษาปีท่ี ๖ จะต้องจัดสาระการเรยี นรใู้ หค้ รบสมั มา
ทิฏฐทิ ั้ง ๑๐ ประการ การจดั สาระการเรยี นร้แู บบน้ีจะทำให้นกั เรียนทุก
ระดบั ชัน้ ไตร้ ับการปลกู ฝังสัมมาทฎิ ฐิพรอ้ มกัน แต่ผลการเรยี นรจู้ ะไม่
เทา่ กัน
๒) เนน้ การพัฒนาลกั ษณะนิสัย การจัดการเรียนรูธ้ รรมะใน
สัมมาทิฏฐแิ ตล่ ะข้อ (ยกเร้นขอ้ ๔, ๖ และ ๙) ควรเนน้ ในต้านใหเ้ กิดการ
พัฒนาลักษณะนสิ ัยของผู้เรียน ด้วยการแสดงออกในการทำกิจกรรม
รว่ มกัน ดังนนั้ ครอู าจารยท์ ร่ี ับผิดชอบการเรยี นรูท้ กุ วชิ า จำเป็นจะตอ้ ง
คอยสังเกต และปลกู สำนึกนักเรียนทีย่ ังไมพ่ ฒั นานิสยั ของตนตาม
ธรรมะในสมั มาทิฏฐิท่ีไต้เคยเรียนรใู้ ปแล้วด้วย
๓) การเรียนรเู้ รอ่ื งใหม่ ต้องไมล่ ืมเรื่องเกา่ บุคคลทจี่ ะไตช้ ื่อว่า
มสี ัมมาทฏิ ฐสิ มบรู ณ์พร้อม ก็เพราะมคี วามเข้าใจถกู ต้องเกี่ยวกับ สัมมา
ทิฏเครบทัง้ ๑๐ ประการ
อีกทัง้ สัมมาทิฏฐขิ อ้ ใดท่นี ำไปสกู่ ารปฏิบตใิ นชีวิตจริงไต้ กจ็ ะต้อง
รู้จกั ปฏบิ ตสิ มั มาทิฏฐขิ อ้ น้ันๆ ใหเ้ ปน็ นิสยั ดงั นน้ั ในขณะที่มกี ารทยอย
จัดการเรียนร้สู มั มาทิฏฐเิ รื่องใหม่เพมิ่ ขนึ้ แตผ่ ู้เรียนก็ต้องปฎบิ ่ตสิ ัมมา
ทฏิ ฐิที่เคยเรียนมาแล้วด้วย เซ่น นกั เรยี นประถมศกึ ษาปีที่ ๑ กำลงั เรียน
เรื่อง “การสงเคราะห”์ ในภาคการศกึ ษาท่สี อง กจ็ ะตอ้ งปฏิปัตติ นให้ผอู้ ่ืน
และครอู าจารย์เหน็ วา่ เขามนี สิ ยั ร้จู ักการแบ่งปัน การชว่ ยเหลอื ผูอ้ นื่ การ
ไมเ่ อาเปรยี บผอู้ น่ื ไมเ่ หน็ แกต่ วั ฯลฯ นั้นคือ ถึงแมจ้ ะกำลงั เรียนเร่อื ง
1 ป ไี โ ป
ใหม่ แตผ่ ูเ้ รียนกต็ อ้ งไมล่ มื เร่ืองเกา่ คือเร่อื งทาน หรอื การแบง่ {โน ซ่งึ
เคยเรยี นแล้วในภาคตน้ อีกทั้งยังจะต้องมพี ฤตกิ รรมแสดงออกให้เห็นเป็น
นิสยั ในขณะทีอ่ ยู่รว่ มกบั ผู้อ่นื หรือทำกิจกรรมร่วมกบั ผู้อืน่ ดว้ ย ถ้าผู้เรียน
คนใดยงั ไมไ่ ต้พฒั นาสัมมาทฏิ ฐิข้อท่ีเรียนไปแล้วให้เกิดเป็นลักษณะนสิ ัย
กเิ ป็นหน้าท่ขี องครูอาจารย์ทกุ ท่านทีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั ผู้เรียนนนั้ ในการชว่ ย
กันปลูกสำนกึ ใหเ้ ด็กเกิดความเขา้ ใจและปรับพฤติกรรมของตนเสยี ใหม่
ใหถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมและดงี าม
การเรยี นรูเ้ ร่ืองใหม่โดยไมล่ ืมเรอื่ งเก่าเชน่ นี้ ในทีส่ ุดเม่อื ผเู้ รียน
ไตเ้ รียนรู้สัมมาทิฏฐิครบทงั้ ๑๐ ประการ (ในขนั้ ม.๖) กิน่าจะพอมั่นใจไต้
วา่ เยาวชนเหล่าน้ี คงจะต้งั มนั่ อยู่ในสัมมาทิฏฐิไตใ้ นระดบั หนึง่ มีจิตใจ
แข็งแกร่งพอทจี่ ะคมุ้ ครองป้องกันตนให้พ้นจากการคดิ ทำกรรมขัว้ อยา่ ง
ร้ายแรง เชน่ การเปน็ ฆาตกร การพวั พนั กับยาเสพตดิ ในลกั ษณะต่างๆ
การประพฤตผิ ิดทางเพศ การจปี้ ลน้ เพ่ือหาเงนิ ไปเท่ยี วกลางคนื หรอื เกีย่ ว
ขอ้ งกบั อบายมขุ อย่างอืน่ เพราะหริ ิโอตตปั ปะและโยนโิ สมนสกิ าร ไต้
พัฒนาขึ้นในจิตใจของเขาแลว้
๔) จดั การเรียนรูใ้ ห้เหมาะกับระดบั ขัน้ เนือ้ หาสาระแห่งธรรม
ในสัมมาทิฏฐแิ ต่ละข้อ ที่นำมาเรียนรู้ในระดบั ขน้ั ท่ีตา่ งกัน จะตอ้ งมีการ
จดั การเรียนรทู้ แ่ี ตกทางกนั เช่น การเรียนเรือ่ ง “ทาน, ในขั้นประถมศกึ ษา
ปที ่ี ๑ จะม่งุ เน้นที่การพฒั นาลกั ษณะนิสัยของผู้เรยี น และส่งเสริมแสดง
พฤติกรรมในขณะท่ีอยู่รว่ มกับผอู้ ืน่ ยังไม่ตอ้ งเน้นตา้ นวิชาการ เพราะผู้
เรยี นยงั เยาวอ์ ยู่
สว่ นการเรียนเร่ือง “ทาน, ในข้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ อาจจ■ะม่งุ
เน้นให้ผ้เู รียนไปค้นคว้าหาความรูม้ าอภิปรายในช้นั เรยี นกนั อยา่ ง
กว้างขวางและสมบรู ณ์แบบ นับตงั้ แตก่ ารให้คำนยิ ามของ “ทาน” ผลดี
ของ “ทาน” ผลเสยี ของการท่ีคนไม่รจู้ กั ทำทาน การปลูกฝงั ลกั ษณะ
นสิ ัยให้รกั การทำทาน การเชื่อมโยงความรเู้ ร่ือง “ทาน” กบั ธรรมะข้อ
อืน่ ๆ ที่เหลอื ในสมั มาทฏิ ฐิ ๑๐ ฯลฯ
ถ้าผ้เู รียนสามารถคน้ ควา้ หาความรู้เก่ียวกับธรรมะในสมั มาทิฏฐิ
ท้งั ๑๐ ขอ้ มาอภิปรายไค้อย่างถูกคอ้ งตามเจตนารมณ์ของพระพุทธ-
ศาสนา ก็พอจะม่ันใจไคว้ ่า สมั มาทิฏฐไิ คพ้ ัฒนาข้ึนในจติ ใจของเขาแล้ว
๔) ตอ้ งจัดการเรยี นรู้เร่อื งสัมมาทฏิ ฐใิ นระดับอุดมศึกษา การ
เรยี นรู้เรอ่ื งสมั มาทฏิ ฐิยงั ไมค่ วรจบอย่แู ค่เพยี งช้ันมัธยมปที ี่๖เทา่ นั้นควร
จะมีการจดั การเรียนร้กู ันตอ่ ไปในระดบั อุดมศกึ ษาดว้ ยทงั้ นี้เนื่องจากการ
เรยี นรู้สัมมาทิฏฐิในวยั เดก็ ทผ่ี า่ นมาอาจจะยงั มเี ดก็ บางคนเกิดความเข้าใจ
ไมถ่ ่องแทน้ กั และยงั ไมเ่ กดิ เป็นลกั ษณะนสิ ยั อยา่ งแท้จริงด้วยสาเหตุตา่ งๆ
กันไป หรอื แม้จะพฒั นาขึน้ เป็นลักษณะนสิ ัยแล้ว แต่ก็ยงั ไมม่ ั่นคงพอที่
จะคา้ นกระแสกิเลสยุคโลกากริ ัตน์ ท่ีโหมเขา้ มาทกุ รูปแบบ ลักษณะนสิ ยั
ของเดก็ ๆ ทีพ่ ฒั นาขึน้ มาแลว้ น้ี อาจเปรียบเสมอื นคน้ ไมท้ ่แี ม้จะมีลำคน้
เจริญเตบิ โตข้ึนมากแล้ว แตก่ ิง่ ก้านสาขาก็ยงั ไมใ่ หญ่แขง็ แรงพอท่จี ะ
คา้ นพายุทีพ่ ัดกระหนาื่ มาอยา่ งรุนแรงไค้ ดงั น้ัน จึงควรจดั ให้มกี ารเรียนรู้
กนั ต่อไปอีกในระดบั อดุ มศึกษา แตท่ ว่าการเรยี นรจู้ ะต้อง มีวิธีการท่พี ัฒนา
ขึ้นไปสูงกวา่ ในระดับมัธยม เซ่น การหาขอ้ มลู จากพระไตรปีฎก การนำ
ข้อมูลมาอภิปรายกค็ วรสมบูรณแ์ บบ ท้งั การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ เพื่อ
การนำไปประยกุ ต์ใชัI้ นชวี ิตจรงิ เปน็ ค้น
แ ท ใ tlagflu
เหตผุ ลสำคัญยิง่ ทคี่ วรจัดให้มีการเรียนรเู้ ร่ืองสัมมาทฏิ ฐิ ๑๐ ใน
ระดับอดุ มศกึ ษา ก็เพราะนสิ ติ นกั ศึกษาในระดบั น้ีมวี ุฒิภาวะสงู มาก พอ
ท่จี ะทำความเข้าใจสมั มาทฏิ ฐิอย่างลึกฃ๋ึ[งครบท้งั ๑๐ ประการ มองเห็น
ตณุ ค่าและความจำเป็นในการพฒั นานิสยั ของตนใหต้ ้งั ม่ันอยูในหลกั ธรรม
เพื่อพรอ้ มทจี่ ะก้าวออกไปสู่โลกแหง่ การประกอบสัมมาอาชีวะ ในฐานะ
พลเมืองดีของสงั คมและของชาติ ไม่ทำลายตน และทำลายชาติด้วย
มิจฉาอาชีวะ ให้เปน็ ตราบาปไปตลอดชวี ิตในโลกนี้ และยงั จะสง่ ผลรา้ ย
ที่สดุ จะบรรยาย ตอ่ ไปอีกสุดแสนยาวนานในโลกหนา้
อนึง่ อยา่ ได้วางใจว่า นิสติ นกั ศึกษาระดับมหาวทิ ยาลยั โตๆ
กันแลว้ ยอ่ มจะรูก้ นั แล้วว่าอะไรดี อะไรช่วั อะไรควร ไมค่ วร จงึ ไม่
จำเปน็ ต้องมาตอกย้าํ ในเรื่องทเ่ี คยเรียนจากชน้ั มธั ยมมาแล้ว
พงึ ระลึกไวเ้ สมอวา่ ความรูท้ างโลกกบั ทางธรรมนนั้ มธี รรมชาติ
ทแ่ี ตกตา่ งกนั มาก ความรู้ทางโลกนั้นถา้ เรียนเข้าใจดแี ล้ว ก็ไม่จำเปน็
ตอ้ งเรยี นซา้ํ อกี บางเรือ่ งบางคนเรียนเขา้ ใจตัง้ แต่เดีก กจ็ ำได้ไปจนถงึ
วันตาย แต่ความรูท้ างธรรมนน้ั ไมใ่ ช่ แม้จะเรียนร้เู รือ่ งแลว้ เข้าใจแล้ว
แตถ่ า้ หิริโอตตปั ปะไม่มน่ั คงแข็งแกร่งพอ คนเราทุกคนทุกเพศทุกวัย ลว้ น
มโี อกาสพา่ ยแพ้ต่ออำนาจกิเลสทต่ี ง้ั ฐานดพั อยู่ในใจตนไดท้ ้ังสน้ิ ไม่เช่นนน้ั
ก็คงจะไม่มีบุคคลท่ีมีตำแหนง่ สงู ส่งถงึ ชนั้ รัฐมนตรี ตอ้ งจบชวี ติ บ้นั ปลาย
อยู่ในทณั ฑสถาน เพราะเรื่องการกนิ สินบาดคาดสินบนและเรื่องคอรัปช่นั
ดงั ทเี่ คยมีในประวติ ศิ าสตร์ชาติไทยมาแลว้ หรือมฉิ ะนน้ั พระเทวพตั กค็ ง
จะไมต่ กนรกเพราะการทำอนนั ตริยกรรม ทั้งๆ ทีเ่ ป็น'พุทธสาวกผู1กลช้ ดิ
พระพุทธองค์
เขาไป85!ในใจ
๖) จัดสาระการเรียนรู้ซ่ึงส่งเสริมสมั มาทฎิ เ เพ่ือทีจ่ ะใหผ้ ้เู รยี น
เกดิ ความเข้าใจสมั มาทิฎเ ๑๐ ประการได้ลกึ ซึ้ง จนสามารถพัฒนาขน้ึ
เป็นสกั ษณะนสิ ยั ก็จำเป็นท่จี ะตอ้ งจัดสาระการเรียนรทู้ างธรรมบางประการ
ในการจัดการเรยี นรดู้ ว้ ย
หวั ขอ้ ธรรมท่ีมสี ่วนส่งเสรมิ ความรคู้ วามเข้าใจสัมมาทิฏฐิ ๑๐
ประการ มดี งั นี้
๑. กุศลกรรมบถ ๑๐ ควบคู่กบั อกศุ ลกรรมบถ ๑๐
๒. บญุ กิริยาวัตถุ ๓ และบญุ กิรยิ าวตั ถุ ๑๐
๓. หิริโอตตัปปะ
๔. สังคหวตั ถุ ๔
๔. โอวาทปาฏโมกข์
๖. ฆราวาสธรรม
๗. อทิ ธิบาท ๔
๘. พทุ ธประวต้ ิ
๙. พระรตั นตรัย
๑๐. อรยิ สัจ ๔
๑๑. ประวิติพระมหาสาวกและพุทธสาวก
๑๒. เรือ่ งราวจากชาดก
๑๓. เรอื่ งราวจากธรรมบท
๑๔. เร่อื งราวเกีย่ วกบั โอปปาตกิ ะ จากคัมภรี ์พระพุทธศาสนา
(ชทุ ทกนิกาย วมิ านวัตถุ และเปตวตั ถุ) สาระการเรียนรูท้ างธรรมเหล่า
น้ี ควรจดั เปน็ การเรียนรู้โดยแบง่ เฉลี่ยลงในระดับการศกึ ษาต่างๆ ตาม
เข'พนใจ
ความเหมาะสม
๗) โครงการปลกู ฝังสัมมาทฏิ ฐิสำหรบั บุคลากรและคณาจารย์
กระทรวงศึกษาธกิ ารจะต้องจัดโครงการปลูกฝังสัมมาทฏิ ฐสิ ำหรีบบุคลากร
และคณาจารยท์ ั้งหมดในสังกัด ใน ๓ ลักษณะดว้ ยกนั คอื
๑. มีแนวคิดในการปลูกฝังสัมมาทฏิ เ ใหแ้ ก่บุคลากรและคณา
จารย์เซน่ เดยี วกับการปลูกฝังสมั มาทิฏฐใิ ห้แกป่ ระชาชนดังกลา่ วมาแล้ว
๒. คณาจารย์จะต้องมคี วามร้คู วามเข้าใจธรรมะตา่ งๆทกี่ ำหนด
ไวใ้ นสาระการเรียนรู้แตล่ ะระดบั ชั้น (นอกเหนอื จากสมั มาทิฏฐิ ๑๐
ประการ) เพื่อใหส้ ามารถนำธรรมะเหล่าน้นั มาบูรณาการกับวชิ าในความ
รับผิดชอบโดยตรงของดนไต้อยา่ งถกู ต้อง และเหมาะสม
๓. อาจารยท์ ี่มหี นา้ ทีร่ บั ผิดชอบเกยี่ วกบั การจดั การเรยี นร้ธู รรมะ
ทก่ี ำหนดไว้ในสาระการเรียนรู้แตล่ ะระดับชั้นต่าง ๆ (รวมท้งั สมั มาทิฏฐิ ๑๐
ประการ) จะต้องมคี วามรู้ความเขา้ ใจอยา่ งถอ่ งแท้ ถึงชนั้ เชี่ยวชาญ เพื่อ
จะไต้มปี ระสิทธิภาพ และศักยภาพในการชว่ ยเหลอื สง่ เสรีมและสนับสนนุ
ผ้เู รียน ในการแสวงหาแหลง่ ขอ้ มูลท่ีถกู ตอ้ งเหมาะสม ตลอดจนสามารถ
ดดั สนิ และประเมินผลการทำกจิ กรรมของผูเ้ รยี นไตอ้ ยา่ งถกู ต้องเหมาะสม
ไม่ผิดพลาด
๘) การจัดกิจกรรมปฎบิ ต้ ธิ รรม เนอื่ งจากพระพุทธศาสนาเปน็
ศาสนาสำหรีบการปฏิป้ติ เพือ่ ประโยซน!ั นการครองชีวิตใหม้ ีความสขุ การ
ศกึ ษาธรรมะ หรือทีเ่ รียกวา่ ปรีย์ตธิ รรม กิเพือ่ ให้เกิดความร้คู วามเขา้ ใจ
จะไต้นำไปปฎบิ ตไิ ต้ถูกต้อง การปฏิบ้ตทิ ีเ่ ปน็ หลักสำคญั สำหรับฆราวาส
กคิ อื ทาน ศลี ภาวนา การปฏิบ้ตธิ รรมทีจ่ ะจดั ขึ้นสำหรบั ผูค้ น สว่ นมาก
Ifl ไไปB$f\\
ทมี่ าประชมุ กนั ใหท้ ำไดอ้ ยา่ งพร้อมเพรียงกันเป็นประจำทกุ วนั
ตามเวลาทกี่ ำหนดก็คอื การทำภาวนา ดงั นน้ั สถานศึกษาจงึ ด้องกำหนด
เวลาใหผ้ ้เู รยี น และคณาจารยส์ ำหรบั สวดมนต์ และทำภาวนาพร้อมกัน
ทกุ ๆ วนั ตามความเหมาะสม เพอ่ื ให้เกิดเป็นลกั ษณะนสิ ัย และเปน็
ปจั จัยให้แต่ละคน ไดน้ ำไปปฏปิ ตั ทิ ่บี ้านอีกดว้ ย ถ้าทำได้เชน่ นีน้ กั เรียน
และผปู้ กครองก็จะมีความเข้าใจตรงกันซึ่งจะเป็นการส่งเสรีมให้โครงการ
ปลกู ฝังสัมมาทิฏฐิ ท่ีรัฐบาลจัดข้นึ สัมฤทธผิ ลไดจ้ รงิ
ในอดตี ท่ีผา่ นมาไมน่ านนัก เคยมีผู้หสกั ผู้ใหญบ่ างทา่ น ซึง่ มีความ
รู้ภาคปรยิ ต์ ธิ รรมไมน่ อ้ ย มคี วามรู้ทางโลกสงู มฐี านะม่ังคัง่ รํ่ารวยเป็นผู้
มเี กียรติยศมีซอ่ื เสยี งเป็นท่รี ้จู กั ดี ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
เพราะมอี จั ฉรียภาพในการทำงานหลายดา้ นเคยมีตำแหนง่ หน้าทก่ี ารงาน
สูงถงึ ขนาดนายกรฐั มนตรี แต่เพราะเหตุท่ีทา่ นขาดประสบการณน์ เการทำ
ภาวนา ทา่ นจงึ วิพากษ์วิจารณว์ า่ ถา้ คนไทยทงั้ ชาติมัวมานัง่ หลบั ตาทำ
ภาวนากนั แล้วประเทศไทยจะไปรอดไดอ้ ยา่ งไร
บรรดาผู้มีประสบการณ์Iนการทำภาวนาอยา่ งได้ผล แมใ้ นระดบั
ไมส่ งู นกั ยอ่ มดดั สินได้เองวา่ คำวิพากษว์ ิจารณ์ของผใู้ หญ่ท่านนั้น ถกู
ต้องตามเป็นจริงหรือไม่
อยา่ งไรกต็ ามพระสมั มาส้มพุทธเจ้าไดท้ รงสรรเสรญิ ว่า การทำ
ภาวนา มอี านิสงส์มากยง่ิ กวา่ การปฏิบต้ ิอย่างอน่ื ๆ ทุกประการ ดงั ที่ตรัสวา่
“...ภกิ ษเุ ข้าถงึ ปฐมฌาน...ทุติยฌาน ตติยฌาน
จตุตถฌาน...เธอย่อมโน้มน้อมจิตไปเพ่อื ญาณทัสสนะ
ย่อมรชั 'ดว่า ชาตสิ ิน้ แลว้ พรหมจรรยอ์ ย่จบแลว้ กิจท่ี
ควรทำได้ทำเสร็จแลว้ กิจอน่ื เพื่อความเป็นอย่างนีม้ ิได้
มี ดกู ่อนพราหมณย์ ัญ(การทำฌานหรือปฏิปต้ ิ)น้แี ล ใช้
ทรัพยน์ อ้ ยกว่า มกี ารตระเตรียมน้อยกว่า มผี ลมากกว่า
และมอี านิสงสม์ ากกวา่ ยญั กอ่ นๆ ดูกอ่ นพราหมณ์ ยญั
สมปตอิ น่ื ท่ดี กี วา่ หรือประณีตกวา่ ยญั สมบตนิ ืไ้ มม่ ี" °
อาจจะมิผ้สู งสัยวา่ จดุ มุ่งหมายของการทำภาวนาคืออะไร
แทท้ ี่จรงิ จุดมงุ่ หมายของการทำภาวนามีอย่หู ลายระดบั และจุด
มุ่งหมายระดบั พ้นื ฐานประการแรกของการทำภาวนาก็คอื การรวมใจให้
เปน็ หนึ่ง หรอื การทำใจหยดุ ใจน่ึง ไม่ใหซ้ ัดสา่ ยไปคดิ เร่ืองต่างๆ ดงั ท่ี
เรียกว่า “สมาธ”ิ แต่วา่ สมาธกิ ็มอี ยหู่ ลายระดับ
ถา้ ผู้ปฏิบต้ สามารถรวมใจใหเ้ ปน็ หน่ึงหยดุ นง่ึ อยทู่ ่ีถนู ย์กลาง
กายอยา่ งต่อเนอ่ื ง ก็จะปรากฎความสว่างหรือดวงสวา่ งท่กี ลางใจ ซึง่
สามารถเห็นได้ด้วยใจ (มิใช่ด้วยตา) ของตนเอง ขั้นต่อไปถ้าผ้ปู ฏบิ ต้ ิได้
รับการสอนชแ้ี นะจากอาจารยผ์ ทู้ รงภูมิรภู้ มู ธิ รรม ผลของการปฎบิ ติก็
จะก้าวหน้าต่อไปอีก อันจะเป็นทางนำไปสู่การรู้แจง้ เหน็ แจ้งสจั ธรรม
อยา่ งไรกต็ ามประสบการณ์ภายในแม้เพียงไดเ้ ห็นดวงสวา่ งทกี่ ลาง
ใจนั้น มิใชเ่ ร่ืองง่ายสำหรบั ผู้ปฏบิ ้ตทิ ่ีพ้นจากวัยเด็กไปแล้ว เนอื่ งจากใจ
มักจะซัดส่ายชกุ ซนเหมอื นลงิ ตรงกันขา้ ม ประสบการณด์ ังกล่าวน้ี เป็น
เรอื่ งง่ายเหมือนปอกกล้วยสำหรบั เด็กๆ วัยอนบุ าล และประถม เหตุท่ี
เป็นเช่นน้ีกเ็ พราะจิตใจของเดก็ นนั้ บรสิ ทุ ธ้ิ ไม่มิเร่อื งราวต่างๆ เขา้ มา
* กูฏทันตสตู ร ท.ี ส.ี มก. ๑๒/๒๓๙/๖๗
1?1ไใปB jflu l^
ในความคดิ ในความทรงจำมากมายอะไรนัก จึงสามารถรวมเป็นหนึ่งได้
อยา่ งรวดเรว็ และงา่ ยดาย
เพราะฉะนัน้ ทางโรงเรยี นจึงควรจดั เวลาสำหร้บการทำภาวนาของ
เดก็ นกั เรยี นทกุ ๆ วัน โดยให้เหมาะสมกบั วยั ของเด็กในระดับชั้นตา่ งๆ
อย่าได้หลงเข้าใจผิดว่า ตอ้ งรอใหเ้ ป็นผใู้ หญเ่ สยี กอ่ นจงึ ค่อยรีเกทำภาวนา
เพราะผูใ้ หญ่ทำใจหยุดนงึ่ ได้ยากกว่าเด็ก และเพราะความตายเปน็ ของ
ไม่แนน่ อน
ใจสว่างแล้วดีอย่างไร
เท่าที่ผ่านมาได้กล่าวถึงอานสิ งส์ของใจสวา่ งไวห้ ลายครง้ั แลว้ ในบท
ตา่ งๆ จึงขอกล่าวแตเ่ พยี งสั้นๆว่า เด็ก หรอื ผูใ้ หญ่ที่มีใจสวา่ งจะสามารถ
ต้งั มัน่ อยู่ในสมั มาทิฏฐไิ ด้เสมอ เยาวชนท่ีมีใจสวา่ งจะสามารถค้มุ ครอง
ปอ้ งกนั ตนจากการเปน็ เหยื่อเป็นทาสของอบายมขุ ทุกประการไดเ้ ด็ดขาด
จะเป็นลกู แก้วของพ่อแม่และวงศ์ตระกูล มสี ัมฤทธิผลทางการเรยี นสูง
และจะเปน็ คนดีที่โลกตอ้ งการซ่ึงจะเปน็ กำลงั สำคัญในการพฒั นาบ้านเมือง
ตอ่ ไป จะไม่มพี ฤตกิ รรมเปน็ ขยะของสงั คม ดังเซ่นผูใ้ หญจ่ ำนวนมากใน
สงั คมทกุ วนั นี้
๙) ประสานความร่วมมือกับอกี ๓ สถาบนั การจดั การวางแผน
โครงการปลูกฝังสมั มาทิฎฐขิ องกระทรวงศึกษาธิการ ควรประสานความ
รว่ มมอื กับองคก์ ร และสถาบันต่างๆ ดว้ ย ทีส่ ำคญั มอี ยู่ ๓ สถาบนั คอื
สถาบันสงฆ์ กับอกี ๒ กระทรวง ดังได้กล่าวแลว้
พระภิกษสุ งฆผ์ ้ทู รงภมู ริ ูภ้ มู ธิ รรม จะมีบทบาทสำคัญที่สดุ ในฐานะ
www.kalyanamitra.orgwww.webkal.org
เขาษอ^นใจ
เป็นวิทยากรทางธรรมของโครงการทง้ั ๓ ลักษณะ ที่กลา่ วไว้ในขอ้ ๗
และเปน็ วิทยากรทางธรรมของนกั เรยี นนักศกึ ษาทุกระดับ ตลอดจน
เปน็ แหล่งข้อมูลสำหรับการศกึ ษาค้นควา้ ทางธรรมของคณาจารย์ และ
นักเรียน นักศกึ ษา อีกท้งั เป็นผมู้ ีบทบาทสำคญั ในด้านพธิ ีกรรมต่างๆ ท่ี
ถูกตอ้ งในพระพทุ ธศาสนา
นอกจากนี้ ทางกระทรวงศกึ ษาธิการ ก็ควรส่งเสรมิ สนบั สนนุ
โรงเรยี น และสถาบันการศึกษาต่างๆ ใหป้ ระสานความร่วมมือในกจิ กรรม
ประพฤติปฏบิ ้ตธิ รรมระหว่างบ้าน วัด และโรงเรียน ตลอดจนการพา
นักเรยี น นกั ศึกษาไปช่วยพัฒนาบริเวณวดั เชน่ การทำความสะอาด การ
ปลูกด้นไม้ใหญ่นอ้ ยประดับตกแตง่ วดั ให้ดสู วยงามเพ่ือจงู ใจผคู้ นในชมุ ชน
ให้สนใจเขา้ วดั ปฏิบ้ตธิ รรม แทนการไปถูกมอมเมาในแหลง่ อบายมขุ ตา่ ง ๆ
ทง้ั ๙ขอ้ น้ี เป็นเพียงตวั อยา่ งของแนวติด สำหรบั การทำโครงการ
ปลูกฝงั สัมมาทิฏเในสว่ นท่เี ป็นหน้าทีร่ ับผิดชอบของกระทรวงศกึ ษาธิการ
ถ้ารัฐบาลดำริจะทำโครงการน้จี รงิ ก็คงจะตอ้ งมีแนวติดและหลกั ปฏิบ้ติ
ในการดำเนนิ การหลากหลายมากกว่านี้อีก
อยา่ งไรก็ตาม แนวตดิ ทั้ง ๙ ข้อนี้ จะเปน็ ตวั จักรสำคัญในการ
ผลักดันใหโ้ ครงการบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ไดจ้ รงิ
๔. สถาบันสงฟ้
สถาบันสงด3ู ในทนี่ ้มี ่งุ ประเดน็ อย่ทู ่ีคณะสงฆอ์ ันประกอบดว้ ยสงฆ์
ซึง่ ได้รับการแตง่ ต้งั จากมหาเถรสมาคม ขน้ึ มาเปน็ คณะกรรมการกลาง
ทำหนา้ ท่ปี ระสานงานกบั กรรมการกลางของรัฐ อกี ๓ กระทรวงในการ
แทไ1เ8^1น1^
จัดทำโครงการปลกู ฝังสัมมาทิฏฐิ ซ่งึ มผี นู้ ำแห่งชาตเิ ป็นประธาน
สงฆ์ท่เี ป็นคณะกรรมการกลางน้ี ยงั มหี น้าท่ีประสานงานกับสงฆ์
ในแตล่ ะจังหวัดทวั่ ประเทศ เพ่ือแนะนำให้สงฆใ์ นแต่ละจังหวดั ให้ต้ัง
คณะกรรมการกลางขึ้นในจังหวดั ของตน เพื่อประสานงานกับคณะ
กรรมการโครงการฯ ประจำจงั หวดั ของอีก ๓ กระทรวง เพื่อบรหิ าร
จัดการโครงการฯ ตอ่ ไป
หนา้ ท่ีรับผิดชอบทสี่ ำคัญของสถาบันสงฆ์ ในโครงการนม้ี อี ยู่
๒ ประการคือ ให้คำปรึกษาหารือในด้านการบรหิ ารจดั การโครงการฯ แก่
คณะกรรมการกลางของอีก ๓ กระทรวงประการหนึ่ง กับทำหน้าทเี่ ปน็
รทิ ยากรทางธรรมใหแ้ กโ่ ครงการฯ อกี ประการหนึง่
เพื่อทจ่ี ะให้สงฆซ์ ่งึ ทำหน้าที่เปน็ วิทยากรทางธรรมใหแ้ กโ่ ครงการฯ
สามารถสง่ เสริมสนบั สนุนโครงการฯ ให้ประสบความสำเรจ็ อยา่ งแท้จริง
จึงใคร่เสนอแนวคิดบางประการ ดังนี้
๑) สงฆค์ อื พระอาจารยส์ อนวชิ าความเป็นมนุษย์ เป็นท่ีเข้าใจกัน
ในหมูช่ าวพทุ ธโดยทวั่ ไป ตง้ั แต่ครงั้ โบราณกาลแล้ววา่ สงฆ์มสี ถานภาพ
เป็นผู้นำทางจติ ใจของสงั คม เนื่องจากพระสมั มาสัมพุทธเจ้าทรงกำหนด
ใหส้ งฆ์อยูใ่ นทศิ เบอ้ื งบน คังที่ทรงแสดงไวโนเรือ่ งทศิ ๖๒ พระพทุ ธองค์
ทรงยกยอ่ งสงฆไ์ วใ้ นทศิ ลงู สดุ และใหม้ ีหนา้ ทีอ่ นเุ คราะห์ญาตโิ ยม ๖
ประการคือ ๑) ห้ามไม่ใหท้ ำความชัว่ ๒) ให้ต้งั อยู่ในความดี ๓) อนุ-
เคราะห์ดว้ ยนํ้าใจอนั ดีงาม ๔) ใหไ้ ด้ฟังสงิ่ ทย่ี ังไมเ่ คยฟัง ๔) อธิบายส่ิง
b สงิ คาลกสตู ร ที. ปา. มจร. ๑๑/๒๖๖/๒๑๒
เข'พนใจ
ท่ีเคยฟังแลว้ ให้เขา้ ใจแจ่มแจง้ ๖) บอกทางสวรรคใ์ ห้
การทพี่ ระพทุ ธองค์ทรงยกย่องสงฆ์และมอบหมายให้สงฆ์ทำหน้าที่
ดงั กลา่ ว ยอ่ มหมายความว่า ทรงมอบหมายให้สงฆ์ทำหน้าทร่ี ับผดิ ชอบ
ตอ่ สังคม ในฐานะพระอาจารยผ์ สู้ อนวชิ าความเปน็ มนุษยใ์ ห้แกฆ่ ราวาส
พรV อมท4 ง/ สอนมนษุ ยใหพ ้รู้จV กวo ธิd ป1ฏa บตตน เพd jอVเI ป1สI ู่สคุ oต?เลกสวรรคs' หส<uัง
จากละโลกนใ้ี ปแล้ว ซ่งึ ยอ่ มมีความหมายรวมถงึ สอนวิธปี ีดนรกให้แก่
ฆราวาสด้วย
ในอดตี สงฆ์ได้ทำหนา้ ที่น้ีดว้ ยดตี ลอดมา คือการส่งั สอนของ
พระอาจารยส์ ่วนใหญ่จะสมบูรณ์พรอ้ ม ทง้ั ภาคปรยิ ต้ ิ ปฏบิ ด้ ี และปฏเิ วธ
แม้ประซาซนสว่ นใหญจ่ ะไมร่ ้หู นงั สอื แตจ่ ากการฟังพระธรรมเทศนา และ
การปฏิบัตภิ าวนากท็ ำให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแห้ เกยี่ วกบั เรอ่ื งบาป
บญุ คณุ โทษประโยชนแ์ ละมิใซ่ประโยชน์ เกิดหิรโิ อตตปั ปะ คอื ละอายแก่
ใจและกลวั โทษของการทำบาป กลัวตกนรก อยากไปสวรรค์ จงึ พยายาม
ระมดั ระวังตัวจากการทำบาป ตัง้ ใจสร้างแตก่ รรมดเี พือ่ สง่ั สมบุญ ดว้ ยการ
เข้าวดั ฟังธรรมและปฏิบตั ธิ รรม แม้บางคนจะต้องเลี้ยงชวี ติ ด้วยอาชีพท่ี
เกย่ี วขอ้ งกบั ปาณาตบิ าต เซน่ ทอดแห ลากอวน แต่ครนั้ ถงึ วันโกนวนั พระ
กจ็ ะหยดุ เพื่อไปรกั ษาอุโบสถศีลกันทีว่ ดั นยิ มการสร้างวดั วาอารามกัน
ทกุ ชุมชนหมู่บ้าน ตงั ทมี่ หี ลกั ฐานปรากฏอย่ใู นบ้จจุบนั ทง้ั ทเี่ ป็นวัดรา้ ง
และวัดท่ีมีอายเุ ปน็ ร้อยปี ซ่ึงไดร้ ับการปฏสิ ังขรณเ์ ปน็ อยา่ งดจี ำนวน
มากมาย
ญาติโยมต่างเคารพ นับถือ เชอ่ื ฟงั สงฆแ์ ละเทดิ ทูนไว้เหนือหัว
ศิโรราบกราบแทบเท้าของสงฆ์ ในฐานะท่ที า่ นเปน็ ส่วนหนึง่ แห่งพระ
1210๘
ไไ
รัตนตรยั และเปน็ ครบู าอาจารย์บอกทางสวรรค์ให้ ขณะเดยี วกนั ต่างก็
ตัง้ ใจบำรงุ สงฆ์ด้วยประการตา่ ง ๆ เพ่อื จะไดม้ พี ระศาสนาไว้เปน็ ทพ่ี งึ่ ท่ี
ระลึกของตน และสืบต่อไปถงึ รุ่นลกู รุน่ หลานเหลน
กล่าวไดว้ า่ การปฎบิ ตํ ของท้งั ฝ่ายบรรพชิตและฆราวาส อย่ใู น
ลกั ษณะพึ่งพาอาศัยเก้อื กูลกนั และกัน คอื ฝา่ ยบรรพชติ กไ็ ดอ้ าศยั ปจั จยั ๔
ของญาติโยมเพยี งคนละเลก็ คนละน้อย สำหรับบำรงุ เลย้ี งสงั ขารร่างกาย
และมเี สนาสนะเป็นที่พกั พงิ อาศยั ใหม้ ชี ีวิตอย่เู พอื่ การศกึ ษา ปฏบิ ํติธรรม
และเผยแผธ่ รรม ฝา่ ยฆราวาสก็ได้อาศยั บรรพชติ เปน็ ผเู้ ปดี ประตูสวรรค์
และปดั ประตนู รกให้
ถา้ หากขาดสงฆ์เสยี แล้ว ญาติโยมในสมยั ก่อนกอ็ าจจะไมม่ วี ัน
ได้รู!ดเ้ ข้าใจเรอื่ งสงั สารวฏั ไม่รู้วธิ ปี ฏบิ ตํ ิตนใหพ้ น้ ภัยในสงั สารวฏั และ
ท่สี ำคัญคือ ไม่สามารถอยู่รว่ มกันอยา่ งสนั ตสิ ุข ในสภาพการณป์ จั จบุ ัน
แมจ้ ะยงั มผี ู้คนในสังคมกราบไหว้พระกันอยู่ แต่ทว่าฆราวาสส่วนใหญก่ ็
ไม่นิยมเข้าวดั ปฏบิ ตํ ิธรรม ไมส่ นใจศกึ ษาและปฎิบตั ิตามพระธรรมคำ
สอนของพระสัมมาสัมพทุ ธเจา้ ในหมผู่ ูค้ นที่มคี วามรทู้ างโลกกันสงู ๆ ก็
มีไมน่ อ้ ยทเี่ ห็นว่าพระพทุ ธศาสนาเปน็ เรื่องพ้นยุคพ้นสมยั ยง่ิ ในกลมุ่
วัยร่นุ ทง้ั หญิงท้ังชาย จะไมร่ ู้แมแ้ ตศ่ ีล ๔จงึ เปน็ เหตุให้แต่ละคนมีพฤติกรรม
หา้ ทายนรกอยา่ งน่าเปน็ หว่ ง
โดยสรุปก็คอื เพราะเหตุที่ไม่เข้าวดั ปฏบิ ํติธรรม ผูค้ นสว่ นใหญ่
จงึ ขาดหริ ิโอตตปั ปะ ประพฤติผิดศลี กนั อยูท่ ุกวนั ในท่ีสุดปัญหาวกิ ฤต
ตา่ งๆ ก็จะเลวรา้ ยลงอกี
ณ จุดน้ี จึงมีความคิดเกดิ ขึน้ วา่ ถ้าสถาบนั สงฆย์ งั ทำเปน็ ใจเย็น
นงั่ ดูหมม่ จิ ฉาทฏิ ฐิ แสดงบทบาทไรศ้ ีลไร้ธรรมกนั อยู่ โดยไม่ก้าวออก
มายืนอยู่แถวหนา้ เพอ่ื ทำหน้าท่ใี นฐานะท่ีเปน็ ทิศเบือ้ งบนอยา่ งเตม็ สติ
กำลังความสามารถ อกี ไม่ชา้ ไม่นาน ทัง้ บรรพชิตและฆราวาสต่างกจ็ ะ
พึง่ ซงึ่ กนั และกันไม่ได้ นัน่ คอื กาลอวสานของพระพทุ ธศาสนาไดม้ าถึงแล้ว
๒. สงฆ์มีหนา้ ทป่ี ลกู ฝังหิริโอตตัปปะใหแ้ ก่ญาตโิ ยม หิรโิ อตตปั ปะ
คือความละอาย และความกลวั โทษของการทำบาป เป็นคณุ ธรรมสำคัญ
ทีส่ ดุ ท่ีจะค้มุ ครองตนมิให้ทำความชั่วต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิผล
หิริโอตตัปปะจะพัฒนาข้นึ ในจิตใจของผใู้ ดได้ก็เพราะเขาผ้นู น้ั เชอื่
ว่ากรรมดีกรรมช่ัวมผี ลจรงิ (คือเชื่อกฎแหง่ กรรม) เชอ่ื วา่ กำเนดิ ของ
ตนในชาติน้มี ีผลเกีย่ วเนือ่ งกับกรรมของตนในอดีตชาติ เช่ือว่าโลกหน้ามิ
คอื ตายแลว้ ตอ้ งเกิดอกี ไมส่ ูญ เช่อื เร่ืองโอปปาติกะ คอื การไปเกดิ ใหม่
ในสดุ คติโลกสวรรค์หรอื ในอบาย ดว้ ยอำนาจของกรรมท่ตี นทำไวเ้ องใน
ชาติน้ี
หริ ิโอตตปั ปะในจิตใจของบุคคล จะสง่ เสริมสนับสนนุ ให้เขาตงั้
นนั่ อยู่ในสมั มาทฏิ ฐไิ ดต้ ลอดไป ตงั นนั้ การปลกู ฝงั หริ โิ อตตปั ปะลงในจติ ใจ
ประชาชน จงึ เป็นหนา้ ทีร่ บั ผดิ ชอบโดยตรงของสงฆ์ ทงั้ ตอ้ งคอยหนัน่
ตอกยา้ํ อยู่เสมอ เฉกเชน่ การปลกู ด้นไม้ซง่ึ ต้องคอย พรวนดินใส่ปยุ รดน้ํา
อย่เู สมอ มิฉะน้ันกอ็ าจจะเหีย่ วเฉา แคระแกร็น หรือยนื ด้นตายเอาง่ายๆ
เพราะฉะนน้ั ในการเทศน์สอนอบรมประซาซนแต่ละครงั้ สงฆ์ อยา่ ลมื
วา่ จะมกี ศุ โลบายอย่างไร จงึ จะสามารถปลกู ฝังหริ โิ อตตัปปะลงใน จติ ใจ
ผฟู้ งั อยา่ งมปิ ระสทิ ธผิ ล
๓. ปจั จยั ทจี่ ะทำให้งานในหน้าทข่ี องสงฆล์ มั ฤทธผิ ล เป้าหมาย
1ป1็ ไใ18^1น1^
ของการบวชคอื การทำพระนิพพานให้แจ้ง นนั่ คือจุดม่งุ หมายท่สี ำคัญยง่ิ
ของการบวชเข้ามาเปน็ ภกิ ษใุ นพระพทุ ธศาสนา ไดแ้ ก่ การทำพระ
นพิ พานใหแ้ จง้ ส่วนจุดม่งุ หมายอยา่ งอ่ืนล้วนเป็นรองลงไป
ทำไมจงึ ต้องทำพระนิพพานให้แจ้ง
เพราะเม่ือทำพระนพิ พานใหแ้ จง้ แล้ว กห็ มดทกุ ข์ไมด่ ้องเวียนตาย
เวียนเกดิ ผจญทกุ ขอ์ ยใู่ นสงั สารวัฏอีกตอ่ ไป ท้งั นยี้ ่อมมีนัยวา่ เป้าหมาย
สูงสุดของการได้เกิดมาเปน็ มนษุ ย์ ก็คอื การทำพระนิพพานใหแ้ จ้ง (เป็น
เป้าหมายในระคับทีส่ ูงกวา่ การสรา้ งบารม)ี ซ่งึ เปน็ จดุ หมายสงู สดุ ของ
พระพทุ ธศาสนา
การทำพระนิพพานใหแ้ จง้ มีหลกั ปฎบิ ตอย่างไร
หสักการทำพระนิพพานให้แจง้ ถ้ากลา่ วตามมรรคมีองค์ ๘ กค็ ือ
การปฏิบ้ตศิ ีล สมาธิ ปญั ญา แต่ถ้าจะพดู ให้เข้าใจง่ายๆ กค็ ือการ?เกหดั
ขัดเกลากายวาจาใจของตนเอง ให้บรสิ ทุ ธิส้ ะอาดด้วยการปฎิบ้ติตาม
พระธรรมวินัยอยา่ งเคร่งครดั ซงึ่ ประกอบด้วยการรกั ษาศลี และการทำ
สมาธภิ าวนาเปน็ สำคัญ อย่างไรกต็ าม กระบวนการปฏปิ ้ตทิ ่ีสมบรู ณ์
แบบนนั้ ประกอบด้วยองค์ ๓ คอื ปรยิ ่ต ปฎบิ ต้ ิ และปฏิเวธ
ปรยิ ด้ หมายถงึ การศึกษาพระธรรมวินัย ให้เขา้ ใจอยา่ งถ่องแห้
เพือ่ เป็นหลักในการปฎิบ้ติ
ปฏิบ้ต ม่งุ ประเด็นที่การเจริญสมาธภิ าวนา แมว้ า่ การปฏิบตจิ ะ
ประกอบดว้ ย การรักษาศีล และการเจรญิ สมาธภิ าวนากต็ าม แตก่ ารรักษา
ศลี ก็ด้องปฏบิ ตอิ ยู่ตลอดเวลาแลว้ ครั้นเม่อื หลบั ตาเจริญสมาธิภาวนา
ผู้ปฏบิ ตกิ ิจะมุ่งเฉพาะการทำใจหยุดนงิ่ ให้รวมเป็นหนง่ึ ณ ศนู ยก์ ลางกาย
เหเด
ปฏเิ วธ หมายถงึ สมั ฤทธผิ ลของการปฏิบต้ ิ ซึง่ มีอย่หู ลายระดับ
นับตัง้ แตก่ ารบรรลุปฐมฌาน จนถงึ จตตุ ถฌาน ข้ันสูงข้นึ ไปอีก กค็ ือการ
บรรลุโคตรภญู าณ วปิ สั สนาญาณระดบั ต่างๆ ซึง่ หมายถงึ การรแู้ จ้งเห็น
แจ้งสจั ธรรม และมคี ำศพั ท์วา่ ทพิ ยจักษุ หรอื ธรรมจกั ษุ
ปฎเิ วธนเี้ องทจ่ี ะเปน็ ปจั จัยสำคญั ใหพ้ ระภิกษุเกดิ ความเข้าใจ
พระปริย้ตธิ รรมอยา่ งถอ่ งแทโ้ ดยสรุปก็คือกระบวนการปฏิปต็ ิ เพ่ือทำพระ
นิพพานให้แจง้ ประกอบด้วยปรยิ ต่ ิ ปฎบิ ้ติ และปฏิเวธ
อาจมผี ู้สงสยั ว่า กระบวนการปฏิปดั เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง ซึง่
เป็นเรอ่ื งสว่ นควั ของภกิ ษุแต่ละรปู จะมคี วามเกยี่ วข้องกบั การเทศน์สอน
เพอ่ื ปลกู ฝังสมั มาทฏิ ฐใิ ห้แก่ญาตโิ ยมอยา่ งไร
ตอบไดว้ ่า มีความเกยี่ วขอ้ งและจำเป็นมาก เพราะถ้าสงฆม์ ุ่งศกึ ษา
แตภ่ าคปรยิ ต่ อิ ยา่ งเดยี ว ขาดภาคปฎิบ้ติ หรอื การปฏิปัตยิ งั ไม่เกิดผลเป็น
ปฏิเวธ กจิ ะมีสภาพดังเชน่ ท่พี ระพทุ ธองคท์ รงเรยี กว่า “ใบลานเปล่า”
นัน่ เอง คอื ไมเ่ กดิ ความเขา้ ใจถ่องแทถ้ ึงกระบวนการอันสลับซบั ซ้อนแห่ง
การเกิดผลของกรรม ไมร่ ู้แจ้งเห็นแจง้ เกี่ยวกับเรือ่ งโลกนี้ โลกหนา้
โอปปาตกิ ะ นรก และสวรรค์
สงฆท์ ข่ี าดประสบการณ์ตรงเกย่ี วกบั เร่ืองดงั กล่าว บางรปู นอก
จากจะไมส่ ามารถพฒั นาหิริโอตตัปปะข้นึ ในตนแล้ว ยงั จะไมส่ ามารถปลกู
ฝงั หิรโิ อตตปั ปะใหแ้ ก่ญาตโิ ยมอกี ด้วย เพราะไมก่ ลา้ เทศน์สอน หรอื
ยนื ยันเรอ่ื งนรก สวรรค์ เปรต อสรุ กาย ซ่ึงมีปรากฏอยมู่ ากมายในคัมภีร์
๒^)
|>ป็ไไป8{fiuL^
พระพทุ ธศาสนา คร้นั เมอ่ื ถกู ญาตโิ ยมซกั ถามขอความรู้ บางรูปกอ็ าจจะ
ตอบแบบเลน่ สำนวนวา่ สวรรคอ์ ยู่ในอก นรกอยู่ในใจ โดยไมม่ กี ารอธบิ าย
ขยายความต่อ ซงึ่ ไมแ่ คล้วท่ีญาตโิ ยมจะตอ้ งสรุปเอาเองว่า นรก สวรรค์
มไิ ตม้ ีจริง
ใครกต็ ามทไ่ี มเ่ ชอื่ เรอื่ งนรกสวรรค์ กค็ อื มิจฉาทฏิ ฐิน่นั เอง เพราะ
ฉะน้ันการท่ีสงฆไ์ ม่กลา้ เทศนส์ อน หรือไม่กลา้ ยืนยนั เร่อื งนรกสวรรค์แล่
ญาติโยม นอกจากจะไม่สามารถปลูกฝังสัมมาทฏิ ฐิใหแ้ ล่ญาติโยมไตแ้ ล้ว
ยังจะเป็นสัญญาณอนั ตรายที่บง่ บอกว่า พระพุทธศาสนากำลงั จะอันตรธาน
ไปจากสังคมไทยอีกดว้ ย
เพราะฉะนัน้ ปจั จัยที่จะทำให้งานในหน้าทีข่ องสงฆส์ มบรู ณ์กค็ ือ
ประสบการณ์ ในภาคปริย้ติ ปฏิบต้ ิ และปฏิเวธ ของสงฆเ์ อง
๔. สงฆค์ ือผชู้ ้!ื ทษฃองอบายมุข พระสมั มาสัมพุทธเจา้ ไตต้ รสั แสดง
โทษของอบายมขุ ไวก้ วา่ ๒๔๐๐ปีแล้ววา่ อบายมขุ คอื ตวั ทำลายเศรษฐกิจ
(ความเสื่อม ๖ ประการแหง่ โภคะ สิงคาลกสูตร)
อบายมขุ ทำลายเศรษฐกจิ อย่างไร
ใครก็ตามท่เี ข้าไปพวั พนั กบั อบายมุข ยอ่ มตอ้ งไขจ้ า่ ยเงินทองเกิน
จำเปน็ ท้งั สิ้น ยิ่งถา้ เข้าไปพัวพันในวงการพนนั ดว้ ยแลว้ ยิง่ ต้องเสยี เงิน
เสยี ทองมากเป็นพิเศษ เพราะในวงการพนนั น้ันโอกาสทจี่ ะขาดทนุ มี
มากกวา่ โอกาสท่ีจะไต้กำไร ผ้ทู จี่ มอยใู่ นวงการพนนั นนั้ สิ้นเน้ือประดา
ตัวกนั มามากแล้ว จึงมีสำนวนโบราณว่า “ไฟไหม้ หรือโจรปลน้ ๑๐ คร้งั
ไมเ่ ทา่ เสยี การพนันเพยี งครั้งเดยี ว”
ใครก็ตามทคี่ ้นุ กับการเข้าไปใชบ้ รกิ ารในสถานอบายมุขจะมปี ัญหา
เศรษฐกิจตามมาท้ังสนิ้ ถ้าประชาชนในชาติมปี ัญหาเศรษฐกิจแล้ว
เศรษฐกจิ ของประเทศชาตจิ ะไมถ่ ูกกระทบกระเทือนไดอ้ ย่างไร
โทษรา้ ยแรงอกี ประการหนึง่ ของอบายมุขกคิ ือ อบายมขุ เป็นวสิ ยั
ของมจิ ฉาทฏื ฐชิ น
อบายมุขเป็นวสิ ยั ของมิจฉาทืฎเชนอย่างไร
ตามวสิ ัยของมิจฉาทิฏฐชิ นนั้น เมอ่ื จะทำส่งิ ใดกิตาม เช่น ในการ
ทำมาหากนิ กิจะมุง่ หารายได้บนความเดอื ดร้อนฉบิ หายของผู้อืน่ แม้เวลา
จะหาความสขุ กจิ ะหาความสขุ บนความเดือดร้อนฉิบหายของผ้อู ืน่ หรอื
บางคนกิหาความสขุ หารายได้ บนความเดอื ดร้อนฉิบหายของตนเอง เช่น
ในเร่ืองสุรายาเมา และยาเสพตดิ ผู้ขายกิหาประโยชน์บนความฉิบหาย
ของผูอ้ ื่น ฝา่ ยผซู้ ื้อผ้เู สพ ท้ังๆ ท่รี ูว้ า่ ตนจะต้องเดือดร้อน เพราะพิษของ
สง่ิ เสพตดิ นนั้ กยิ งั ยอมจ่ายเงนิ แพงๆ เพอ่ื ซื้อมาเสพ
การเทีย่ วกลางคนื ซ่งึ ในปัจจุบนั ไมว่ ่าสถานบริการตา่ ง ๆ จะจัด
ฉากดา้ นหน้าเปน็ อะไรกิตาม แต่หลังฉากกไิ มพ่ ้นเร่อื งขายบริการทางเพศ
บรรดาผูช้ ายที่ไปเท่ียวหาความสขุ ตามแหล่งอบายมุขเหลา่ นี้ ถา้ ได้ฉุก
ติดสกั นิด แลว้ ถามตนเองวา่ ถา้ หญงิ บรกิ ารเหลา่ น้นั เปน็ พ่สี าว นอ้ งสาว
ลกู สาว ภรรยา หรือมารดาของตน ตนจะสนบั สนุนให้พวกเธอ มีอาชพี
เชน่ น้นั หรอื ไม่ ถ้าตดิ ไดแ้ ลว้ ไม่อยากไปเทยี่ วตามสถานที่เหลา่ นนั้ อีก
กิแสดงวา่ พอมสี มั มาทืฏเอยู่บ้าง
ในส่วนผูป้ ระกอบการ และผ้ขู ายบรกิ าร (ที่เตม็ ใจ) กิเช่นเดียวกนั
1>11ใไปรส์luL^i
ถา้ ไดค้ ิดแลว้ ถามตนเองวา่ การหาเลีย้ งชีพเช่นน้ัน ตนจะยงั มีศกั ดิrศรีแหง่
ความเป็นมนุษยห์ ลงเหลอื ไวใ้ นความภาคภูมใิ จอยอู่ กี หรือ โดยเฉพาะผู้
ประกอบการท่ีใชว้ ิธีช้อื หญงิ มากักขงั ไว้ เสมอื นหนึง่ วา่ เธอเป็นสตั ว์
สำหรบ้ ใชง้ านประเภทหน่ึงนน้ั ยอ่ มเป็นการแสดงใหเ้ ห็นมิจฉาทฏิ ฐิในจติ ใจ
อย่างไรก็ตาม ปยู ่าตายายของเราก็มหี สกั ตัดสินใจว่า อะไรดี อะไร
ช่วั อย่างงา่ ยๆ เพียงแค่เอาใจเขามาใสใจเรา เอาใจเราไปใสใจเขา โดย
พจิ ารณาวา่ ส่ิงที่เราทำกับเขาน้นั ถา้ เขาทำกบั เราบ้างเราจะชอบไหม ถา้
เราไม่ชอบ เขาก็จะไมช่ อบเหมือนกนั นั้นแหละ
สำหรับเรอื่ งการพนนั การเลน่ การพนนั ย่อมมีได้มเื สีย ผทู้ เ่ี ช้า
ไปเล่นการพนันไม่ว่าจะเล่นเปน็ อาชพี หรือแมเ้ พือ่ ความสนกุ สนานก็ตาม
ลว้ นแตเ่ ตรยี มตัวเตรียมใจไป “ได”้ ทง้ั สิน้ ไม่มใื ครคดิ จะไป “เสยี ” น้ันคอื
เตรียมไปทำใหค้ นอน่ื ฉบิ หายนัน้ เอง แต่ก็ไมแ่ นเ่ พราะความฉิบหายอาจ
จะตกอย่แู กต่ นเองกไ็ ด้ ตังมืตัวอย่างมามากแล้วว่า บางรายถึงกับสนิ้ เนอ้ื
ประดาตวั อยา่ งไรก็ตาม ในเมอื่ สงฆ์ออกมาชืโ้ ทษของการพนนั ใหแ้ ก่
ประชาชนแลว้ สงฆก์ ค็ วรมีการปรามบรรพชติ บางรูปในสถาบนั สงฆ์
ให้เลิกพฤตกิ รรมท่ีล่งเสรมิ ญาติโยมใหเ้ ชา้ ไปเก่ยี วช้องกับการพนันดว้ ย
เกี่ยวกับการเท่ยี วดมู หรสพนน้ั ในบจ้ จุบนั นอกจากจะมีมหรสพ
ตามสถานท่ีตา่ งๆ แล้ว ยังมหี รสพให้ลูกันได้ที่บา้ น ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
คือรายการโทรทศั น์ และวดิ โี ออย่างหลากหลาย ซงึ่ น่ากลวั ยันตรายมาก
เพราะเป็นการมอมเมาผู้ลใู หต้ ิดใจใหลหลง กับเร่ืองบนั เทงิ เรงิ รมย์ท่ี
กระตุน้ ใหก้ เิ ลสกำเริบออกฤทธิ้ ฉดุ ระตบั จติ ใจใหต้ รทรามลง
อนง่ึ มีผู้ใหข้ อ้ สงั เกตวา่ มรี ายการบันเทิงเรงิ รมย์ทางโทรทัศน์ รวม
เขาษ0,ทนใจ
ทง้ั สปอตโฆษณาจำนวนไมน่ ้อย 'ซงื่ นอกจากจะไม่ส่งเสรมิ การปลูกฝงั
สัมมาทิฏฐิแล้ว ยังพยายามยัดเยยี ดมจิ ฉาทีฏฐิใหแ้ ก่ผบู้ ริโภคอกี ด้วย
สงิ่ นี้ยอ่ มแสดงว่าผู้จัดทำรายการกม็ ุง่ หารายได้จากความฉิบหายของผอู้ ่ืน
เหมือนกันสมควรทผี่ มู้ ีอำนาจหน้าทรี่ ับผิดชอบจะเขา้ ไปตรวจสอบแกไ้ ข
ปรบั ปรงุ ใหเ้ หมาะสมถูกต้องตามหลักธรรมดว้ ย
ในเร่ืองการคบคนชัว่ เปน็ มิตรนัน้ คงไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่า ใคร
ก็ตามท่ไี ปคบคา้ กบั คนชว่ั จะไม่เป็นมิจฉาทิฎฐิเหมอื นกับมติ รของเขา
ส่วนในเรื่องความเกยี จคร้านเปน็ สิ่งทแ่ี นน่ อนอยู่แลว้ ว่าคนขเี้ กียจ
ทำมาหากนิ ยอ่ มซือ่ ว่าทำลายเศรษฐกิจของตนเองโดยตรง และเพราะ
เหตุทีเ่ ขาจำเปน็ ตอ้ งกนิ ตอ้ งใช้ เขาก็จะเอาเปรียบเบยี ดเบยี นผอู้ ่นื นัน่ คือ
หาความสบายบนความเดือดร้อนของผ้อู ื่น เขาจะเปน็ คนดืมสื มั มาทฏิ ฐิ
ไต้อย่างไร
จากท่ีพรรณนามานี้ คงจะพอเห็นแลว้ ว่า ใครก็ตามทพี่ ัวพนั เกย่ี ว
ข้องกบั อบายมุข จะต้องเป็นมิจฉาทฎิ ฐิชนท้ังสิน้
ในบ้านเมืองเรา มเี รือ่ งอบายมขุ สบื เน่ืองกนั มาเปน็ เวลานานแลว้
ท้งั ทถ่ี กู และไมถ่ กู กฎหมาย เป็นส่งิ ที่ประซาซนสว่ นใหญเ่ สพตน้ ถึงขนั้
ทเ่ี รยี กวา่ เขา้ ไปอยูใ่ นสายเลอื ดทีเดียว โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งเร่ืองการพนนั
ไม่ว่าผใู้ หญห่ รือเดกื ไมว่ ่าจะอยู่ท่ไี หน ไม่ว่าเวลาเทา่ ไร ไมว่ ่าเรอ่ื งอะไร
ก็เปน็ เกมพนันไต้ทั้งสิน้
ด้วยเหตนุ จ้ี ึงกล่าวไต้ว่าสาเหตทุ ีบ่ ้านเมืองของเรามากมายไปด้วย
มิจฉาทิฎฐิชน ก็เพราะอบายมุขนเี่ อง
เ ร ^ www.kalyanamitra.orgwww.webkal.org
ถา้ มกี ารกำหนดให้อบายมุขทเ่ี คยผดิ กฎหมาย เป็นสง่ิ ถกู กฎหมาย
เพ่ิมขน้ึ อีก เหน็ ทีมิจฉาทฎี ฐิซนจะทวจี ำนวนขน้ึ อีกหลายเทา่ ถา้ เปน็
เซน่ นั้นรายไดท้ ่ีรฐั หวังจะได้เพ่มิ ข้นึ จากการเก็บภาษผี ู้ประกอบการอบายมุข
คงจะไม่คมุ้ กับการทรี่ ัฐจะตอ้ งเพิ่มงบประมาณในการปราบปรามปญ็ หา
อาชญากรรม และปญั หาผมู้ ีอิทธิพลทีจ่ ะเพ่ิมขนึ้ อกี เป็นแน่
ทงั้ หมดนค้ี ือ ความหมายของอบายมขุ เปน็ วิสยั ของมิจฉาทิฏฐิชน
เพราะฉะน้นั สงฆ์ในฐานะทเ่ี ป็นครูอาจารย์สอนวชิ าความเปน็
มนษุ ย์ใหแ้ ก่ประชาชน จงึ สมควรอยา่ งยิ่ง ที่จะต้องแสดงบทบาทในการ
ช้โี ทษของอบายมุขใหแ้ ก,บ้านเมอื ง
๔) สงฆ์คือพระอาจารยผ์ ู้สอนภาวนา ได้กลา่ วแลว้ วา่ ในโครงการ
ปลกู ฝงั สมั มาทฏี ฐิ ทง้ั ในกล่มุ ประชาชน และนักเรยี น นกั ศกึ ษาระสบั ตา่ ง ๆ
ในกระทรวงศึกษาธกิ ารน้ัน จะตอ้ งมีการปฏิบต้ ิ ทาน ศลี ภาวนา เป็น
กิจวตั รประจำวัน
ในส่วนของการสอนปฏิบ้ติภาวนานั้น เป็นหน้าทร่ี ับผดิ ชอบโดย
ตรงของสงฆ์ ทง้ั นีเ้ พราะสงฆ์ ซึง่ ไดร้ บั มอบหมายจากสถาบันสงฆ์ให้
ทำหนา้ ทเ่ี ปน็ วทิ ยากร ในโครงการปลกู ฝังสมั มาทีฏฐนิ นั้ ย่อมมีความรู้
ภาคปรียต่ ิ มีประสบการณภ์ าคปฏิบ้ติสูงกวา่ ครบู าอาจารย์ท่ีเป็นฆราวาส
โดยทั่วไป โดยเฉพาะอยา่ งยิ่ง สงฆ์ท,ี ทำหนา้ ทีเ่ ทศน์สอนเรอื่ งกรรม โลกนี้
โลกหนา้ โอปปาตกิ ะ นรก สวรรค์ นนั้ ย่อมจะมปี ระสบการณI์ นการทำ
ภาวนาอยา่ งเชยี่ วชาญทเี ดียว
สงฆผ์ ู้เป็นวิทยากรทที่ รงภูมริ ้ภู ูมิธรรมเซน่ นี้ ย่อมจะมีกุศโลบาย
ในการสอน วิธปี ฏบิ ติภาวนาอย่างชาญฉลาด สามารถชี้นำผเู้ ป็นศษิ ย์
ไไฟร่ ^lul^
ทง้ั หลายให้ประสบความกา้ วหน้าในการปฏบิ ติภาวนาไดเ้ ป็นอยา่ งดี แม้
จะยังไมถ่ ึงขัน้ รแู้ จ้งเหน็ แจง้ แต่เหล่าศษิ ย์ก็จะเกดิ ความเข้าใจสัมมาทฎิ ฐิ
๑๐ ประการได้ลึกซง้ึ ยิ่งขน้ึ ซง่ึ จะทำใหต้ รองเห็นคณุ ค่าของสมั มาทฏิ ฐิ
มากข้นึ ขณะเดียวกันกต็ รองเห็นโทษของมิจฉาทฎิ ฐิไดช้ ดั เจนยง่ิ ขึน้
ถึงขนั้ สามารถพฒั นาหิรโิ อตตปั ปะให้มน่ั คง ไม1ลงั เลสงสยั จงึ เกดิ ปณธิ าน
แน่วแน่ที่จะทำภาวนาใหไ้ ดท้ ุกๆ วนั แม้จะตอ้ งมีภาระยุ่งอยกู่ ับการทำ
มาหากนิ เพ่ือเล้ยี งครอบครวั ก็ดอ้ งพยายามจดั สรรเวลาทำภาวนาให้ได้
พร้อมกนั นั้นก็จะตัง้ ใจทำหน้าท่ีกลั ยาณมิตร ชักชวน น้อมนำให้สมาชิก
ทุกคนในครอบครัวไดป้ ฏิบ้ติภาวนาร่วมกนั
อนง่ึ ในการสอนการปฏิบต้ ภิ าวนา (รวมท้งั การสอนภาคปรยิ ต่ ิ
ธรรม) ถา้ พระอาจารย์ผูท้ รงภมู ธิ รรม บันทกึ เสียงและภาพในขณะท่ี
สอนลงในแผ่น CD หรอื MP3 แล้วมอบให้แกส่ งฆท์ เ่ี ข้าร่วมโครงการ
ปลูกฝังสมั มาทฏิ ฐิท้ัวประเทศ สำหรับใช้เปน็ โสตทัศนปู กรณ์ ถ้าสงฆ์
เหลา่ นั้นไมพ่ รอ้ มทจ่ี ะแสดงธรรมเอง ก็จะเปน็ การอำนวยประโยชนแ์ ละ
ความสะดวกให้แก่ผูเ้ ข้าร่วมโครงการทุกฝา่ ย
ทัง้ ๕ ขอ้ นี้ เป็นเพียงตัวอย่าง แนวคิดบางประการสำหรบั
สถาบนั สงฆ์ ในการเขา้ รว่ มดำเนนิ โครงการปลกู ฝังสัมมาทฏิ เระตบั ชาติ
ของรัฐบาล ซง่ึ มีผูน้ ำแห่งชาตเิ ปน็ ประธาน ถ้ารัฐบาลดำริจะทำโครงการ
นีจ้ ริง สถาบันสงฆ์กค็ งจะมีแนวคิด และหลกั ปฏิบตั ใิ นการเข้ารว่ ม
โครงการฯ มากกว่าน้ี อย่างไรก็ตาม เช่ือมั่นวา่ แนวคิดทั้ง ๕ ขอ้ นี้ จะมี
สว่ นอยา่ งมากในการสนบั สนนุ ใหโ้ ครงการฯบรรลุวัตถปุ ระสงค์อยา่ งแห้จริง
1>ปไี ไปa^lui^
สรุป
โครงการต่างๆ ท่ีรฐั บาลจดั ข้ึนจะสำเรจ็ ไดด้ ้วยดี กเ็ พราะไดร้ บั
ความรว่ มมือรว่ มใจจากประชาซนทงั้ ชาติ ถ้ามปื ระชาชนแมไ้ ม่มากนัก
ไม่เห็นด้วย แล้วชวนกันออกมาต่อด้าน คดั ดา้ นโจมดี โครงการเหลา่
น้ันก็จะประสบความสำเร็จได้ยากหรอื กว่าจะสำเรจ็ กย็ ดื เยอ้ื ยาวนานเกนิ
กำหนด หรอื อาจลม้ เหลวไปเลย
สำหรบั โครงการปลูกฝงั สัมมาทีฎฐิระดับชาติแกป่ ระชาชนนี้ ถา้
รัฐบาลมืด0าริจะจดั ขน้ึ จริงมกี ารวางแผนการบรหิ ารจัดการอย่างเป็นลำดับ
ขน้ั ตอน ชัดเจน เหมาะสม และมกี ารประซาสมั พนั ธ์ให้ประชาชน ทั้งชาติ
เขา้ ใจถึงเจตนารมณอ์ ันสงู ส่ง และบรสิ ุทธใิ้ จของรฐั บาล ประชาซน ยอ่ ม
จะมองแห็นความปรารถนาดขี องรัฐบาล และยนิ ดใี ห้ความรว่ มมอื เพราะ
ผ้คู นส่วนใหญซ่ ึง่ ยังมืสัมมาทิฏฐิอยู่ แม้จะไมส่ มบูรณน์ ัก กจ็ ะเขา้ ใจดวี า่
ประโยชนข์ องโครงการนจ้ี ะตกอยแู่ กต่ น และครอบครัวอยา่ งแนน่ อน
โดยเฉพาะอย่างยิง่ บรรดาผเู้ ปน็ พ่อแมผ่ ้ปู กครองและครบู าอาจารย์
ยอ่ มจะพอไจและเบาใจข้นึ มาก ท่โี ครงการน้ีจะช่วยให้พวกเขาเบาแรงลง
ในการดแู ลอบรมบ่มนิสยั บุตรหลาน และเยาวชน ใหพ้ ้นอนั ตรายจาก
กระแสกเิ ลสอันเชี่ยวกรากในยุคโลกาภวิ ตั นน์ ี้ท่ผี ้คู นมคื ่านิยมในเร่อื งความ
ฟ้งเฟ้อ พม่ เหืเอย สรุ ุ่ยสุรา่ ย ลอกเลียนแบบกันโดยไมส่ ามารถวินจิ ฉัยว่า
ส่ิงใดควร-ไม่ควร ด-ี ชว่ั บญุ -บาป ประโยชน์-มใิ ชป่ ระโยชน์ ผูค้ นต่างมี
พฤติกรรรมไม่ผิดกบั พวกแมลงเม่า พอเหน็ แสงไฟก็เริงร่าบนิ เข้าหาทนั ที
ผลทีส่ ดุ กค็ ือตายกันระเนระนาด เยาชนในบิจจุบันก็หลงใหล ไปกบั
กระแสกิเลส ถึงแม้จะไม่ตายเหมือนแมลงเมา่ แต่ภมู คิ ุ้มกนั จิตใจของ
โครงสรา้ งโครงการปลกู ฝงั สมั มาทฏิ ฐิระดบั ชาติ
(โดยสังเขป)
แเไใปatflul^
พวกเขาก็ถูกทำลายลง จนยากทจี่ ะพฒั นาให้มีศักยภาพตามทค่ี วรจะมี
และนา่ จะมี
โครงการปลกู ฝังสัมมาทฏิ ฐริ ะดับชาติน้ี ถา้ รัฐบาลมีดำรจิ ะจดั
ขน้ึ จริง ก็เช่ือว่าจะประสบความสำเรจ็ ได้ง่ายกวา่ โครงการอนื่ ๆท่ีรฐั บาล
กำลังทำอยู่ และคงจะไม่ตอ้ งใชง้ บประมาณ และบคุ ลากรของรัฐบาลมาก
มายนัก เพราะประชาชนคงพรอ้ มที่จะให้ความร่วมมอื อยู่แลว้ อีกทง้ั จะ
ไดส้ งฆท์ ั้งแผน่ ดิน เชา้ มาชว่ ยเปน็ กำลังสำคญั ในการดำเนนิ กจิ กรรม
ของโครงการ
อาจกลา่ วได้ว่า การจัดทำโครงการนนี้ อกจากจะเป็นการสง่ เสรมิ
สนับสนุนสถาบันสงฆ์ ให้ออกมาทำหนา้ ทีร่ บั ผิดชอบตอ่ ลงั คมตามพทุ ธ
บฌั ญต้ แิ ลว้ ยังจะเปน็ การส่งเสริมทำนุบำรงุ พระพทุ ธศาสนาอย่างตรงจุด
อกี ด้วย ทง้ั นี้เพราะธรรมะจะมีคณุ คา่ กต็ ่อเม่อื เชา้ ไปอยใู่ นใจของผู้คน
มีใชอ่ ยู่ในคัมภีร์ และสถาบันสงฆ์นเี้ อง ทจ่ี ะทำหน้าทปี่ ระสิทธปิ ระสาท
ธรรมะใหแ้ กฆ่ ราวาส
ธรรมะยิ่งเช้าไปอยใู่ นใจของผู้คนได้มากเทา่ ใด สันตสิ ุขในหม่
มนุษยชาติ กจ็ ะมมี ากข้นึ เป็นเงาตามตัว
สาเหตุอกี ประการหนง่ึ ท่เี ชื่อวา่ โครงการนีจ้ ะประสบความสำเรจ็
ได้ ง่ายกวา่ โครงการอืน่ ๆ ของรฐั บาลกค็ อื ไม่ต้องมกี ารบงั คับใชก้ ฎหมาย
ผู้เช้าร่วมโครงการ ไมต่ ้องเกรงว่าจะถกู ฆา่ คดั ตอน จะไมม่ ีความรนุ แรง
ถึงขนั้ ทเ่ี รียกวา่ สงคราม เพราะไม่มีผู!้ ดเสียประโยชนอ์ ย่างหนกั อาจจะ
มีผปู้ ระกอบการเกีย่ วกบั อบายมขุ เสยี ประโยชนอ์ ยูบ่ ้าง เพราะขาดลกู ค้า
แต่เขาก็ไมส่ ามารถจะจา้ งมอื ปนี มาไลฆ่ า่ ใครได้ เมื่อกิจการของเขาอย่
1*2ทไป
ของเขาอยู่ ไมไ่ ด้ เขากจ็ ะเปล่ียนไปทำสัมมาอาชีพได้เอง โดยที่
รฐั บาลไม่ตอ้ งเปลอื ง กำลงั เจา้ หน้าทไี่ ปตามไล่ลา่ ผทู้ ำผดิ กฎหมาย ไม่
ตอ้ งเหนด็ เหนอ่ื ยกบั การจดั ระเบียบสังคม ผู้ประกอบการเกีย่ วกับ
อบายมุขทีท่ ำผดิ กฎหมายกจ็ ะสญู พนั ธไุ ปเอง เพราะสัมมาทฎิ ฐิซนจะ
ช่วยกนั จัดระเบียบสงั คมได้เองโดยปริยาย นคื่ ือการแสดงพลงั
ประซาซนอยา่ งสนั ติวิธี ในการปฏริ ูป และพฒั นาสงั คมอย่างย่งั ยืน
ถ้าคราใด ผู้นำรัฐบาลในฐานะประธานโครงการ จะไปตรวจเยี่ยม
ประชาชนท่เี ข้าร่วมโครงการน้ี ณ ชุมซนใด กจ็ ะได้พบแต่รอยยมิ้ อยา่ ง
จริงใจ (ไม่เสแสรง้ ) ของประชาซน ทรี่ สู้ กึ ซาบซง้ึ ในความดีของผนู้ ำ
ประเทศและรฐั บาล
เกย่ี วกับนโยบายของรัฐบาล ท่มี งุ่ เนน้ การยกระดับสภาพความ
เปน็ อยู่ และฐานะทางเศรษฐกจิ ของประชาซนในระดับรากหญา้ ตลอด
จนขา้ ราชการช้นั ผนู้ ้อยให้ดีขนึ้ นัน้ เปรียบเสมอื นการรดนัา้ ทโ่ี คนดน้ ไม้
เพ่ือช่วยใหร้ ากไมส้ ามารถดูดซึมธาตุอาหารจากในดนิ ขึ้นไปหล่อเล้ียง
ได้ย่ัวลำด้น และกง่ิ กา้ นสาขา ใหผ้ ลิดอกออกผลมาเปน็ อาหารเลยี้ งผู้คน
ไดท้ ุกระดบั ในชาติ
ดังนั้นจงึ ถือไดว้ ่าเป็นนโยบายทีถ่ ูกต้องตามหลักธรรมชาติทีเดยี ว
นบั วา่ เป็นนโยบายที่เกิดจากความคิดทม่ี ืวสิ ยั ทศั น์อันกวา้ งไกล ควรได้
รบั การยกยอ่ งสรรเสรญิ และใหค้ วามร่วมมือจากประชาชนท้ังชาติ
เพือ่ เป็นการยนื ยันให้ทา่ นผอู้ ่านได้มั่นใจว่า รัฐบาลไดด้ ำเนนิ
นโยบายน้มี าถกู ทางแล้ว จงึ ใครข่ อยกหลักการแถ้ฟ้ญหาความยากจน
และโจรผรู้ า้ ยในสังคม ซงึ่ พระสมั มาสัมพทุ ธเจา้ ในครั้งที่ถือกำเนิดเป็น
Itn^afluls
พราหมณป์ ุโรหิตของพระมหากษตั รยิ ท์ รงพระนามว่า พระมหาวิชติ ราช
ประกอบการพิจารณาดว้ ย
ต่อไปน้ีถอื คำแนะนำของพราหมณป์ ุโรหติ ๓
“พลเมอื งเหลา่ ใดในปา้ นเมอื งของพระองค์ ขะมกั
เขมน้ ในกสิกรรม และโครักขกรรม พระองค์จงเพม่ิ
ข้าวปลกู และขา้ วกิน ใหแ้ ก่พลเมอื งเหล่านนั้ ในโอกาส
อันควร
พลเมอื งเหล่าใดของพระองค์ ขะมักเขมน้ ใน
พาณชิ ยกรรม ขอพระองค์จงเพ่มิ พูนใหแ้ ก่พลเมอื ง
เหลา่ นั้นในโอกาสอนั สมควร
ขา้ ราชการเหล่าใดในปา้ น เมอื งของพระองคข์ ยัน
ขอพระองคจ์ งพระราชทานเบี้ยเลย้ี ง และเงนิ เดอื นแก่
ขา้ ราชการเหลา่ น้นั ในโอกาสอันสมควร
พลเมอื งเหล่าน้ันน้ันแหละ จักเป็นผู้ขวนขวาย
ในการงานของตน ๆ จักไม่เบยี ดเบยี นปา้ นเมอื งของ
พระองค์
อนงึ่ กองพระราชทรพั ยม์ ืจำนวนมากจักเกดิ แก,
พระองคป์ า้ นเมอื งก็จะต้ังมน่ั อยู่ในความเกษม หาเสย้ี น
หนามมืไดื ไมม่ กื ารเบียดเบยี นกัน พลเมืองจักช่นื ชม
ยนิ ดตี อ่ กนั ยงั บตุ รให้หอ้ นอยู่บนอก จักไม่ต้องปดี
ประตเู รือนอยู่...
” กฏู ทันตสูตร ท.ี สี. มก. ©๒/๒๐๖/๔๘
เข'พนใจ
...คร้ังนั้นแลพระเจ้ามหาวชิ ิตราชได้ทรงรับสั่งให้
พราหมณป์ ุโรหติ มาเด้าแล้วตรัสวา่ ทา่ นผู้เจรญิ โจรท่ี
เป็นเสยี้ นหนามน้นั เราได้ปราบปรามดีแลว้ เพราะอาศยั
วธิ ีของท่านและกองพระราชทร้พยัใหญ่ก็ได้บังเกดิ แก1เรา
บา้ นเมอื งก็ไดด้ ำรงอยู่ในความเกษม หาเส้ยี นหนามมืได้
ไมม่ กื ารเบียดเบียนกัน พลเมอื งชน่ื ชมยนิ ดตี ่อกัน
ยังบุตรให้ฟอนอย่บู นอก ไมต่ อ้ งปด็ ประตเู รอื นอยู่’,
คร้นั เม่ือ พระมหาวชิ ิตราชทรงประสบความสำเรจ็ อยา่ งงดงาม
ในการบริหารประเทศ ตามคำแนะนำของพราหมณป์ โุ รหติ จนทำให้
ไดพ้ ระราชทรัพย์เข้าคลงั หลวงมากมายแล้ว จึงทรงดำรทิ ่ีจะทำการบูชา
มหายญั เพ่ือเปน็ การบำเพญ็ บารมีของพระองค์ (การบูชามหายญั ในพระ
พุทธศาสนา คือการสงเคราะหผ์ ้คู นทย่ี ากไร้ประสบป'ั ญหาความขาดแคลน
ดว้ ยการบรจิ าคทรพั ย์ส่ิงของต่างๆ ให้ มไี ด้มกี ารฆ่าสัตว์มาบูชายญั
ดงั เชน่ พธิ ีบชู ายัญตามลทั ธิของพราหมณ์)
ในครั้งนั้น พราหมณ์ปุโรหิตได้ถวายคำแนะนำใหพ้ ระมหาวิชติ
ราชเชิญซวนเจ้าผู้ครองนคร อำมาตย์ราชบรพิ าร คฤหบดผี ู้มง่ั คง่ั
พราหมณม์ หาศาล (พราหมณ์ผูม้ ง่ั คง่ั ) ในราชอาณาเขตของพระองค์ให้
นำทรพั ยส์ ่ิงของต่างๆ มาร่วมพธิ ีบชู ามหายัญ ครัน้ แลว้ กใ็ หพ้ ระองค์
พระราชทานทรัพยส์ ่ิงของเหล่านนั้ แกผ่ ู้ยากไร้ โดยมีเง่อื นไขว่า
“ผ้ทู ี่จะมีสิทธิ๋ได้รบั การสงเคราะห์ จะตอ้ งเป็นผู้ท่ีประพฤตกิ ุศล
กรรมบถ ๑๐ เทา่ นัน้ สว่ นผู้ทปี่ ระพฤตอิ กุศลกรรมบถ ๑๐ หมดสทิ ธิ”้
ณ จุดน้ยี ่อมมนี ยั ว่า การท่ีรัฐบาลจะทำโครงการสงเคราะห์
ประชาชนในดา้ นใดกต็ าม ใหไ้ ด้ผลสำเร็จอยา่ งยัง่ ยนื น้นั ประชาชนจะ
ด้องเป็นคนดีมสี มั มาทิฏฐิ ถ้าสงเคราะหม์ ิจฉาทิฏฐซิ น ความสำเร็จของ
โครงการยอ่ มเกดิ ข้ึนไม่ได้ เสมอื นใหเ้ งนิ แกค่ นท่หี วิ โซไปซ้ืออาหารกิน
แต่เขากลบั ไปซอื้ ยาบ้ามาเสพ เขากย็ ังจะหิวโซตอ่ ไปอกี ข้อน้ีฉันใดก็
ฉันน้ัน
ด้วยเหตนุ ้ี โครงการแถป้ ญั หาต่างๆ ของรัฐบาล ถา้ ยังขาด
การพฒั นาดา้ นจิตใจ ถงึ ขนั้ ใหเ้ กิดหริ โิ อตตัปปะ และสัมมาหฏิ เโดย
เป็นโครงการตอ่ เนือ่ งระยะยาวแลว้ ความสำเร็จจากการแก้ปัญหากจ็ ะ
ไมย่ ืนนาน
โครงการปราบปรามยาเสพตดิ ของรฐั บาลนั้น แม้จะประสบผล
สำเรจ็ อยา่ งรวดเรว็ เกินคาดก็ตาม แต่กป็ รากฏว่ายงั มีผสู้ ักลอบถูกจับ
รายวันอยู่อกี ทีน่ า่ สังเกตก็คือ ผทู้ ่ถี กู จบั ในระยะหลังนี้ บางคนเคยเป็น
ผดู้ า้ ที่เขา้ ไปปฏญิ าณสาบานตน ในพธิ ีที่ทางการจัดขน้ึ ในขณะทเ่ี ร่มิ
รณรงคโ์ ครงการว่า จะไมย่ งุ่ เกย่ี วกับยาเสพตดิ อีกอย่างเดด็ ขาด
สถานการณเ์ ช่นนย้ี ่อมฟอ้ งว่า มิจฉาทฏิ ฐซิ นนนั้ ไม่กลัวกฎหมาย
เพราะฉะนนั้ การบังคับใช้กฎหมาย การบำบัดรกั ษา รวมท้งั โครงการ
ต่าง ๆ ทีร่ ัฐบาลจดั เสริมให้โดยขาดโครงการพฒั นาจิตใจใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจ
เร่อื งบาป-บุญ อยา่ งแทจ้ ริง ถงึ ขนั้ เช่อื แนว่ า่ นรก-สวรรค์ มีจรงิ ก็ยาก
ท่ีจะประสบผลสำเรจ็ อยา่ งยง่ั ยืน แด,ถ้าสามารถปลูกฝงั สัมมาทฏิ ฐิ ลงในใจ
ผู้คนได้ คนเราย่อมรกั ตัวกลวั วิบากกรรมในนรก ปรารถนาความสุขใน
สรวงสวรรค์ ย่อมจะสลดั มิจฉาทิฏฐอิ อกจากใจได้ ตังที่พระยาปายาสิ
1)โทไใla | lu l^
ได้กระทำแล้ว โดยมีพระกมุ ารกสั สปะเถระเปน็ ผู้ซที้ างสว่างให้
อย่างไรกต็ าม เพือ่ ท่ีจะใหโ้ ครงการปลกู ฝงั สมั มาทฏิ ฐริ ะดบั ชาติ
นีป้ ระสบผลสำเร็จอยา่ งย่งิ ยืนสามารถสบื ตอ่ จากบคุ คลรนุ่ หนง่ึ ไปสู่บคุ คล
รุน่ ตอ่ ๆ ไปโดยไมข่ าดสาย ก็ไครจ่ ะขอกลา่ วถึง ผ้ทู จ่ี ะพงึ ทำหน้าท่ี
รบั ผดิ ชอบในการปลูกฝังสัมมาทิฏฐิ และเปน็ แบบอย่างท่ีดีใหผ้ ู้คนใน
สงั คมปฏบิ ้ตติ าม ดงั นี้
๑. การปลูกฝังเดก็ ๆ ใหม้ ลี กั ษณะนิสยั รูจ้ กั แบง่ ฟน้ รจู้ กั การ
สงเคราะห์ผอู้ ่นื และบูชาบุคคลที่ควรบชู านัน้ จะต้องเป็นหน้าท่ี
รับผดิ ชอบของผ้เู ป็นพอ่ แม่ และครอู าจารย์ ดงั น้ัน ทงั้ พอ่ แม่และครู
อาจารย์ควรจะได้ตระหนักอยู่เสมอวา่ ตนควรจะมวี ิธีปลูกฝังเร่อื งเหล่านี้
แก่เดก็ ๆ อย่างไร และจะปฏิบต้ ิดนอย่างไร เพอ่ื เป็นตัวอยา่ งที่ดใี หเ้ ด็กๆ
ปฏบิ ้ตติ าม
๒. สำหรับบุคคลทค่ี วรบชู า เพราะมีคณุ ปู การตอ่ สังคมนน้ั ท้ัง
ครอู าจารย์ หนว่ ยงานภาครัฐ และเอกซนพงึ มีหน้าทร่ี ับผิดชอบในเรอ่ื งนี้
๓. สำหรับเรอ่ื งกรรม ควรจะเป็นเรอื่ งที่พ่อแมค่ รูบาอาจารย์
ต้องอบรมสง่ั สอนในระดับหน่ึง พรอ้ มท้ังเป็นตัวอย่างที่ดีให้แกเ่ ดก็ ๆ แต่
ความหมายระดับลึกซ้งึ ของกฎแห่งกรรมนั้น คงจะต้องเปน็ เร่อื งของการ
ศึกษา และปฏิบต้ ิธรรมกบั สงฆ์ผ้ทู รงภูมิรู้ภมู ธิ รรม ขณะเดยี วกันบคุ คล
ในระดบั สูงของประเทศ คอื บคุ คลในรฐั บาล และขา้ ราชการระดับสูงทุกๆ
ฝ่าย จะต้องเป็นบคุ คลตัวอยา่ งของสงั คม เพือ่ เป็นการยืนยนั วา่ ทำดตี ้อง
ไตด้ ี ทำช่วั ตอ้ งไตช้ ่ัว
เขาษ8<flนใ,จ
๔. เร่อื งโลกน้-ี โลกหนา้ เร่ืองโอปปาติกะ นรก-สวรรค์ ทัง้ พ่อ
แม่ครูอาจารย์ ล้วนต้องอบรมสงั่ สอนเรื่องเหล่านี!้ ,ห้คุนหูเดกี ๆ ดว้ ย
แต่ผ้ทู ี่จะต้องรบั ผดิ ชอบในการให้ความรเู้ รือ่ งเหล่านีโ้ ดยตรง ก็คอื สงฆ์
กล่าวไต้วา่ ถา้ สงฆ์ไม่กล้าเทศนส์ อนเรื่องนรก-สวรรค์ กเ็ ท่ากับ
ไม่มคี วามพรอ้ มในการสอนสมาธภิ าวนาใหแ้ ก่ประชาชนอกี ทง้ั ไม่สามารถ
ยืนยันความร้เู กีย่ วกับเร่ืองเหลา่ นี้ชึ่งมีปรากฏอยมู่ ากมายในพระไตรปฎี ก
ว่า มีจริงเป็นจรงิ
๔. สำหรบั เร่ืองพระคุณของพอ่ แมน่ ้ัน ถ้าพ่อแม่ปฏบิ ตหิ น้าท่ีของ
ตนใหเ้ ปน็ ตัวอย่างที่ดอ็ ย่างชัดเจน คือสอนใหล้ กู ทา่ ดีอยา่ งไร พอ่ แม่ก็
ต้องทำดีอยา่ งนนั้ ดว้ ย ลกู ๆ ก็จะซาบซึ้งถึงพระคณุ ของพอ่ แม่ไตเ้ อง โดย
ไม่ต้องพร่ืาพดู พรืา่ สอนกนั มาก
มเี รอื่ งที่ผู้เฒ่าผ้แู กม่ ักเลา่ เปน็ อุทาหรณ์ไห้ไต้ยนิ ไตฟ้ งั กันเสมอวา่
เคยมีชายคนหนง่ึ เมื่อจะนำอาหารไปให้พอ่ แม่ของเขากนิ เขาก็จะใส่
อาหารไว้ในราง (ทำนองเดยี วกบั รางใสอ่ าหารสุนัขหลายตวั ) ครนั้ ตอ่ มา
เมอื่ ชายคนน้ันเรม่ิ ชราลง บตุ รของเขาก็หาไม้หาตะปูมาตอ่ เปน็ ราง ชาย
คนน้นั จึงถามบุตรของตนว่าเจา้ ทำรางทำไม คำตอบของบตุ รก็คอื “ผม
จะทำเอาไวใ้ ส่อาหารใหพ้ ่อกับแม”่
๖. สำหรับการปลกู ฝงั สมั มาทฏิ ฐิอนั ตบั ที่ ๑๐ น้นั เปน็ หน้าท่ี
รบั ผิดชอบของทกุ คนในสังคม และแนน่ อนว่าสถาบันสงฆ์ คือผ้นู ำอย่าง
ชัดเจน กลา่ วคอื เดก็ จะตอ้ งรวู้ ่าตนควรจะปฏบิ ต้ ิอยา่ งไรตอ่ พระพทุ ธ
เก่ียวกับเรอ่ื งการปฏิบตติ อ่ กันนี้ มีรายละเอยี ดอยใู่ นเรอื่ งทิศ ๖ในหนังสอื “คมั ภรี ์ปฏิรูปมนษุ ย์"
ซงึ่ จดั ทำโดยคณะคิษยานุศิษย์ของพระภาวนาวิริยคณุ (เผด็จ ทตุตชโว)
เขาไป^นใจ
ศาสนา ผู้เปน็ พ่อแมจ่ ะต้องรวู้ า่ ตนควรจะปฎบิ ้ตอิ ยา่ งไรต่อพระพุทธศาสนา
ขณะเดยี วกนั สงฆก์ ็จะตอ้ งรู้วา่ ตนควรปฏปิ ต็ ิอย่างไรต่อญาติโยม๔ ท่สี ำคญั
คอื สงฆ์จะต้องรูว้ า่ ตนบวชเขา้ มาในพระศาสนา เพอ่ื ทำพระนิพพานให้
แจ้ง
ถา้ รฐั บาลดำรจิ ะทำโครงการปลูกฝงั สมั มาทฏิ ฐริ ะดบั ชาตขิ ึ้นเมือ่ ใด
ก็ใคร่ขอเชิญชวนผู้อ่านทกุ ท่านไต้รว่ มมอื ให้ความสนบั สนุนรฐั บาลกันอยา่ ง
เต็มกำลังสตปิ ญั ญาต้วย เพราะผู้ทจี่ ะไตร้ ับประโยชนส์ งู สดุ อันเกิดจาก
โครงการน้กี ็คือ ประชาซนทุกๆ คนเป็นประการแรก ซง่ึ จะส่งผลดีให้
แกป่ ระเทศชาตแิ ละพระพุทธศาสนา เปน็ การต่อไป
หา้ ยทส่ี ุดน้ี คณะผจู้ ดั ทำหนงั สือเล่มน้ีหวงั อย่างยิง่ วา่ รฐั บาล
จะมดื ำรทิ ำโครงการปลกู ฝังสัมมาทฏิ ฐริ ะดบั ชาติข้นึ ในอนาคตอนั ใกลน้ ้ี
และเชือ่ ม่นื วา่ จะเปน็ โครงการทที่ ำไต้ง่ายกว่า ไขง้ บประมาณนอ้ ยกวา่
โครงการปราบปรามยาเสพติดหลายเท่า แตท่ วา่ สามารถแกป้ ญั หาไต้
ครอบจกั รวาล ทั้งต้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมอื ง เพราะจติ ใจของ
ผูค้ นในชาติมีภูมิค้มุ กนั สูง เสมือนหน่งึ ปลูก?เครงั้ เดียว มีภูมติ ้าน'ทาน'ใป
ตลอดชวี ิต ท้ังไมม่ ืใครต้องทำบาปใหม้ อื เข้ึอนเลือด มืแตท่ ุกๆ คนท่ี
เก่ยี วข้องในโครงการจะไตร้ บั อานสิ งส์เป็นบุญลว้ นๆ ตดิ ใจไปทุกภพ
ทุกชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรฐั บาลจะไตร้ ับอานสิ งส์สงู สุดในฐานะผรู้ ับ
ผิดชอบโครงการ
วธิ !ี !กสมาธเิ บอื้ งตน้
การ!เกสมาธิ สามารถปฎบิ ีตไิ ตง้ า่ ยๆ ทกุ คน ดังวธิ ีปฏิบต้ ิที่พระ-
เดชพระคุณพระมงคลเทพมนุ ี หลวงพ่อวดั ปากนํ้า ภาษีเจรญิ ไต้
เมตตาสัง่ สอนไว้ดงั น้ี
๑. กราบบูชาพระรตั นตรยั เป็นการเตรยี มตวั เตรยี มไจไห้นุ่มนวล ไว้
เปน็ เบ้อื งตน้ แล้วสมาทานศลี หา้ หรือศลี แปด เพื่อยาํ้ ความมนั่ คงใน
คุณธรรมของตนเอง
๒.คุกเข่าหรอื น่งั พบั เพยี บสบายๆ ระลึกถึงความดีทไ่ี ตก้ ระทำแลว้
ในวนั นี้ ไนอดตี และท่ีตงั้ ใจจะทำตอ่ ไปในอนาคต จนราวกบั ว่าร่างกาย
ท้งั หมดประกอบขึน้ ด้วยธาตแุ หง่ คณุ งามความดีลว้ นๆ
๓.นั่งขดั สมาธิ เท้าขวาทับเท้าขา้ ย มือขวาทบั มอื ข้าย นิ้วชี,้ขวา
จรดหวั แม่มือข้าย นัง่ ใหอ้ ยไู่ นจงั หวะพอดี ไม,!!นร่างกายมากจนเกนิ ไป
ไมถ่ งึ กบั เกร็ง แต่อย่าให้หลงั โตง้ งอ หลับตาพอสบายคล้ายกับกำลัง
พักผอ่ น ไมบ่ ีบกล้ามเนื้อตาหรอื วา่ ขมวดคว้ิ แลว้ ต้งั ใจมั่น วางอารมณ์
สบาย สรา้ งความรู้สกึ ใหพ้ ร้อมทั้งกายและไจว่า กำลังจะเข้าไปสู่ภาวะ
แหง่ ความสงบ สบายอยา่ งยิ่ง
๔.นกึ กำหนดนมิ ติ เป็น “ดวงแกว้ กลมไส” ขนาดเท่าแกว้ ตาตำ ใส
เข'พนใจ
สนทิ ปราศจากราคีหรือรอยตำหนใิ ดๆ ขาวใส เยน็ ตาเยน็ ใจ ดังประกาย
ของดวงดาว ดวงแก้วกลมใสนี้ เรยี กว่า บริกรรมนมิ ิต นึกสบายๆ นึก
เหมือนดวงแก้วนั้นมาน่งิ สนทิ อยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นกึ ไป
ภาวนาไปอย่างนุม่ นวลเปน็ พทุ ธานสุ ตวิ า่ “สัมมา อะระหัง” หรอื ค่อยๆ
นอ้ มนกึ ดวงแกว้ กลมใสใหค้ อ่ ย ๆเคลื่อนเขา้ สู่ศนู ย์กลางกายตามแนวฐาน
โดยเรม่ิ ต้นตั้งแตฐ่ านท่ี๑เปน็ ตน้ ไปนอ้ มต้วยการนึกอย่างสบายๆใจเย็นๆ
ไปพรอ้ มๆ กบั คำภาวนา
อนง่ึ เมอื่ นิมติ ดวงใสและกลมสนิทปรากฏแล้ว ณ กลางกาย ให้วาง
แแใไปร^ใ'u l ^
อารมณส์ บายๆ กบั นมิ ติ น้นั จนเหมอื นกบั ว่าดวงนมิ ติ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของ
อารมณ์ หากดวงนมิ ติ นัน้ เกดิ อันตรธานหายไป กไิ มต่ อ้ งนกึ เสยี ดาย ให้
วางอารมณส์ บาย แลว้ นึกนิมติ น้นั ขน้ึ มาใหม่แทนดวงเก่า หรือเมื่อนิมิต
นนั้ ไปปรากฏท่อี ่นื ทม่ี ไิ ซศ่ ูนยก์ ลางกาย ให้คอ่ ยๆ น้อมนมิ ิตเขา้ มาอย่าง
คอ่ ยเป็นคอ่ ยไป ไมม่ กื ารบังคับและเม่อื นมิ ิตมาหยุดสนทิ ณศูนย์กลางกาย
ใหว้ างสตลิ งไปยงั จุดศนู ยก์ ลางของดวงนมิ ิต ด้วยความร้สู กึ คล้ายมืดวง
ดาวดวงเล็กๆ อีกดวงหนึง่ ซ้อนอยตู่ รงกลางดวงนิมติ ดวงเติม แล้วสนใจ
เอาใจใส่แตด่ วงเล็กๆตรงกลางนั้นไปเร่อื ยๆไจจะปรับจนหยุดไตถ้ กู สว่ น
แล้วจากนน้ั ทกุ อยา่ งจะคอ่ ยๆ ปรากฏใหเ้ ห็นไต้ดว้ ยตนเอง เ&นภาวะ
ของดวงกลมท่ที ้ังใส ทั้งสว่าง ผดุ ซอ้ นข้ึนมาจากก่งึ กลางดวงนมิ ติ ตรงที่
เราเอาใจใสอ่ ย่างสมรเสมอ
ดวงนี้เรืยกว่า ดวงธรรม หรอื ดวงปฐมมรรค อันเป็นประศูเบือ้ ง
ต้น ท่ีจะเป็ดไปส่หู นทางแหง่ มรรคผลนิพพาน การระลึกนึกถึงนมิ ติ หรือ
ดวงปฐมมรรค สามารถทำไตใ้ นทกุ แหง่ ทุกที่ ทกุ อริ ิยาบถ เพราะดวง
ธรรมนีค้ อื ท่ีพึ่งอนั เปน็ ท่ีสุดแลว้ ของมนษุ ย์
ข้อแนะนำ คอื ต้องทำให้สมรเสมอเป็นประจำ ทำเรอ่ื ยๆ ทำอยา่ ง
สบายๆ ไมเ่ รง่ ไม่บังคบั ทำไต้แค่ไหนใหพ้ อใจแค่นัน้ อนั จะเปน็ เคร่ือง
สกดั กัน้ มใิ ห้เกิดความอยากจนเกินไป จนถงึ กบั ทำให้ใจต้องสญู เสยี ความ
เปน็ กลาง และเมอ่ื การปฏิบต้ บิ งั เกิดผลแล้ว ให้หมั่นตรกึ ระลกึ นึกถึงอยู่
เสมอจนกระท้ังดวงปฐมมรรคกลายเปน็ อนั หน่งึ อันเดยี วกบั ลมหายใจหรอื
นกึ เมื่อใดเปน็ ไตท้ กุ ที
อยา่ งน้แี ลว้ ผลแห่งสมาธิจะทำใหช้ ีวติ ดำรงอย่บู นเส้นทางแหง่
ความสขุ ความสำเรจ็ และความไม่ประมาทไตต้ ลอดไป ท้ังยังจะทำให้
เบาษร*นใจ
ภาพแสดงท่ีด้ังจติ ทั้ง ๗ 3าน
ฐานที่ (ฐ) ปาก*I{องจม11ก{I ชหา^ยงข^้าางงขซวาาย
ฐานท1รรฺ (_ธ) เพล_าตา f{Iหชญาeยงขข"า้างงขชาวยา
ฐานที่ (๓) จอมประสาท
ฐานที่ © ซ่องเพดาน
ฐานที่ © ปากซ่องลำคอ
ฐานที่ @ ศนู ย์กลางกายทีด่ ัง้ จติ ถาวร
ฐานที่ (ฐ) ศูนย์กลางกายระดบั สะดีอ
เขาไปอ*!ในใจ
สมาธิละเอยี ดอ่อนก้าวหน้าไปเรอื่ ย ๆ ไดอ้ กี ดว้ ย
ข้อควรระวัง
๑. อยา่ ใช้กำลัง คือไมใ่ ช้กำลังใดๆ ท้ังส้นิ เช่นไมบ่ ีบกล้ามเนอื้ ตา
เพื่อจะให้เห็นนมิ ติ เรว็ ๆ ไม่เกรง็ แขน ไมเ่ กร็งกลา้ มเนอ้ื หนา้ ท้อง ไม่เกรง็
ตัว ฯลฯ เพราะการใชก้ ำลังตรงสว่ นไหนของร่างกายก็ตาม จะทำให้
จิตเคลอ่ื นจากศนู ย์กลางกายไปส่จุดนั้น
๒. อยา่ อยากเห็น คือทำใจใหเ้ ป็นกลาง ประคองสติมิใหเ้ ผลอจาก
บรกิ รรมภาวนาและบริกรรมนิมิต สว่ นจะเห็นนิมติ เมือ่ ใดน้นั อยา่ กงั วล
ถา้ ถงึ เวลาแลว้ ย่อมเห็นเองการบังเกิดของดวงนิมิตนน้ั อปุ มาเสมอื นการ
ขึน้ และตกของดวงอาทิตย์ ไม่อาจจะเรง่ เวลาได้
๓. อยา่ กงั วลถงึ การกำหนดลมหายใจเชา้ ออก เพราะการ?เกเจริญ
ภาวนาวิชชาธรรมกายอาศัยการเพง่ อาโลกกสณิ คอื กสณิ ความสว่าง เปน็
บาทเบ้ืองด้น เมอ่ื เกิดนมิ ติ เปน็ ดวงสวา่ งแล้ว ค่อยเจริญวปิ สั สนาในภาย
หลงั จึงไม่มิความจำเปน็ ต้องกำหนดลมหายใจเขา้ ออกแต่ประการใด
๔. เม่อื เลกิ จากนงั่ สมาธแิ ล้วให้ตั้งใจไวท้ ี่ศนู ย์กลางกายที่เดียว ไม่
ว่าจะอย่ใู นอิรยิ าบถใดกต็ าม เช่น ยนื ก็ดี เดินกด็ ี นอนกด็ ี หรือนั่งกด็ ี อย่า
ยา้ ยฐานทีต่ ง้ั จติ ไปไว้ทีอ่ ืน่ เปน็ อันขาด ให้ตง้ั ใจบรกิ รรมภาวนาพร้อมกับ
นกึ ถงึ บรกิ รรมนมิ ติ เป็นดวงแกว้ ใสควบศ่กู ันตลอดไป
๔. นิมิตต่างๆท่ีเกิดขึน้ จะต้องนอ้ มไปตง้ั ไวท้ ่ีศนู ย์กลางกายท้งั หมด
ถา้ นมิ ิตที่เกิดข้นึ แล้วหายไปกไ็ มต่ ้องตามหา ให้ภาวนาประคองใจต่อไป
ตามปกติ ในทส่ี ดุ เมือ่ จิตสงบ นมิ ติ ย่อมปรากฏขน้ึ ใหมอ่ กี
เข'พนใจ
สำหรบั ผทู้ ีน่ บั ถือพระพทุ ธ
ศาสนา เพียงเพือ่ อาภรณป์ ระดับกาย
หรือเพ่ือเปน็ พิธกี ารชนิดหน่ึง หรอื
ผู้ท่ตี ้องการ?เกสมาธิเพยี งเพอ่ื
ใหเ้ กดิ ความสบายใจ จะได้เป็น
การพกั ผอ่ น หลงั จากการปฏิบ้ติ
หนา้ ที่ภารกจิ ประจำวัน โดยไม่
ปรารถนาจะทำให้ถืงที่สดุ แห่งกอง
ทกุ ข์ ยงั คิดอยวู่ ่า การอย่กู ับบตุ ร
ภรรยา การมหี น้ามตี าทางโลก การ
ท่องเทีย่ วอยใู่ นวฎั ฎสงสาร เปน็ สขุ
กวา่ การเข้านพิ พาน เสมือนทหาร
เกณฑ์ทีไ่ ม่คิดจะเอาดีในราชการอีก
ต่อไปแลว้ การ?เกสมาธเิ บอื้ งด้น
เท่าท่กี ลา่ วมาทง่ี หมดน้ี กพิ อเป็น
ป็จจยั ใหเ้ กิดความสขุ ได้พอสมควร
เมอื่ ซกั ซอ้ มปฎบิ ํติอยเู่ สมอ ๆไมท่ อด
ทงิ้ จนได้ดวงปฐมมรรคแลว้ กใิ หห้ มัน่ ประคองรกั ษาดวงปฐมมรรคนนั้
ไวต้ ลอดชีวิต และอยา่ กระท่าความช่วั อกี เป็นอนั ม่ันใจไดว้ า่ ถึงอยา่ งไร
ชาตินี้ กพิ อมีท่ีพื่งท่ีเกาะที่ดีพอสมควร คือเป็นหลกั ประกันได้ว่า จะไม่
ตอ้ งตกนรกแลว้ ทัง้ ชาตนิ ้แี ละชาตติ ่อๆ ไป