มหาวิยาลัยราชภัฏอุดรธานี
แผนการ
จัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ค23101
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
เรื่อง อสมการ
จั ด ทำ โ ด ย โ ร ง เ รี ย น
นายวิษณุวัตร สุทธิดี โรงเรียนน้ำโสมพิ ทยาคม
รหัสนักศึกกษา 62040140217
สาขาวิชาคณิตศาสตร์ คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
แผนการจัดการเรียนรู้
วชิ าคณิตศาสตรพ์ ื้นฐาน 5 (ค23101)
กลมุ่ สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 อสมการ
นายวิษณวุ ัตร สุทธดิ ี
รหสั นักศึกษา 62040140217
สาขาวชิ าคณิตศาสตร์
ปฏิบัติการสอนในสถานศกึ ษา 1
ED16401 (INTERNSHIP IN SCHOOL 1)
คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั อุดรธานี
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
คำนำ
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศใช้ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551
เพื่อให้สถานศึกษานำไปใช้เป็นกรอบทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาวางแผนการจัดการเรียน การสอน
และจดั กิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพฒั นาผู้เรียนใหม้ ีความรู้ความสามารถ และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคต์ ามเปา้ หมาย
ของหลักสูตร ตลอดจนให้เกิดผลสำเร็จตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการศึกษา ดังนั้น ขั้นตอนการนำหลักสูตร
สถานศึกษาไปปฏิบตั ิจริงในชั้นเรยี นของครผู ู้สอน จึงจัดเปน็ หวั ใจสำคญั ในการพฒั นาผู้เรยี น
ครผู สู้ อนจงึ ได้จดั ทำ แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าคณติ ศาสตรพ์ ื้นฐาน ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ขึ้นเพ่ือเป็น
แนวทางวางแผนจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียน โดยจัดทำเป็นหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานและออกแบบกิจกรรมการ
เรียนรู้ตามแนวคิดการออกแบบ ตลอดจนเน้นกิจกรรมแบบ Active Learning อันจะช่วยให้ผู้ปกครองและ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประเมินคุณภาพการศึกษา สามารถมั่นใจในผลการเรียนรู้และคุณภาพของผู้เรียนที่มี
หลกั ฐานตรวจสอบผลการเรียนรอู้ ย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ผู้สอนต้องขอขอบคุณนายพิทักษ์ ตุ้มมี ผู้อำนวยการโรงเรียนน้ำโสมพิทยาคมที่คอยอำนวยการ
ในการจัดการเรยี นการสอน และตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรกู้ อ่ นนำไปใช้จรงิ
ขอบคุณนายภราดร คัณทักษ์ หัวหน้ากลุ่มบริการวิชาการ ที่คอยอำนวยการนิเทศการสอนในการ
จัดการเรยี นการสอน และตรวจสอบแผนการจดั การเรียนรู้กอ่ นนำไปใชจ้ รงิ
ขอบคุณนางสาวรุ่งนภา ผาวงศ์ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และนางนภัสสร ตันนารัตน์
ครพู เี่ ลี้ยง ที่คอยให้คำปรกึ ษา กำกับดูแล และตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรกู้ อ่ นนำไปใช้
หากผูส้ อนผิดพลาดประการใดตอ้ งขออภัยมา ณ ท่นี ี้ด้วย
( นายวิษณุวตั ร สทุ ธิดี )
นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ิชาชพี ครู
สาขาวิชาคณติ ศาสตร์ คณะครศุ าสตร์
มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี
โครงสร้างเวลาเรยี นและสัดสว่ นคะแนน
ค 23101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ (พ้นื ฐาน) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต เวลา 62 ช่วั โมง
ลำดบั ที่ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ เวลา(ชัว่ โมง) คะแนนเก็บ
1 ปฐมนเิ ทศ 15 10
อสมการเชิงเส้นตวั แปรเดยี ว
2 15 10
3 − แนะนำอสมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดียว
4 − คำตอบของอสมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดียว 20 10
− การแก้อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว 10 10
− โจทย์ปัญหาเก่ยี วกับอสมการเชิงเส้นตวั แปรเดยี ว
สมการกำลงั สองตัวแปรเดียว 20
− แนะนำสมการกำลังสองตัวแปรเดยี ว 30
− การแกส้ มการกำลังสองตวั แปรเดยี ว 100
− โจทยป์ ญั หาเก่ยี วกับสมการกำลังสองตวั แปรเดียว
กราฟสมการกำลงั สองตัวแปรเดียว
− แนะนำฟงั ก์ชัน
− กราฟของฟังกช์ ันกำลังสอง
สถติ ิ
− ทบทวนความร้ทู างสถิติ
− แผนภาพกล่อง
− การอา่ นและแปลความหมายจากแผนภาพกล่อง
สอบกลางภาค
สอบปลายภาค
รวม
แผนการจดั การเรยี นรู้
รายวชิ าคณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน 5 รหัสวิชา ค23101 กลุม่ สาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์
ปกี ารศึกษา 2565
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรียนท่ี 1
เวลา 1 ชัว่ โมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เร่ือง อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ เรอื่ ง ปฐมนิเทศ
ครูผ้สู อน นายวิษณุวัตร สุทธดิ ี
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
-
2. ตวั ชวี้ ดั
-
3. สาระสำคญั
การปฐมนเิ ทศเป็นการสรา้ งความเข้าใจอันดีต่อกนั ระหว่างครูและนักเรยี นเป็นการตกลงในเบื้องต้นก่อนที่
จะเริ่มการเรียนการสอน ทำให้ครูได้รู้จักนักเรียนดียิ่งขึ้น ทราบความต้องการ ความรู้สึกและทัศนคติที่ดีต่อวิชาท่ี
เรียน ในขณะเดียวกันครูต้องแจ้งให้นักเรียนทราบเนื้อหาทั้งหมดที่จะเรียนในภาคเรียนที่ 1 ในวิชาคณิตศาสตร์
พื้นฐาน ค23101 และได้รู้ถึงจุดประสงค์การเรียนรู้ รวมทั้งเกณฑ์การวัดและประเมินผล เพื่อให้นักเรียนได้เตรียม
ความพร้อมและเข้าใจถึงกระบวนการจัดการเรียนรู้และตระหนักถึงความสำคัญที่ต้องเรียนรู้คณิตศาสตร์ ทำให้
นักเรยี นเห็นคุณคา่ ความสำคญั และความจำเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งเรยี นร้คู ณิตศาสตร์
4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
4.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) อธบิ ายจดุ ประสงค์การเรียนรไู้ ด้
2) อธิบายเกณฑก์ ารวดั และประเมินผลได้
4.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
1) การแก้ปัญหา
2) การใหเ้ หตุผล
3) การส่อื สาร การสือ่ ความหมาย และการนำเสนอ
4) การเชอื่ มโยง
5) ความคิดริเร่มิ สร้างสรรค์
4.3 ด้านคณุ ลักษณะ(A)
1) ทำงานอยา่ งเปน็ ระบบ
2) มีระเบียบวนิ ัย
3) มีความรอบคอบ
4) มีความรบั ผิดชอบ
5) มีความเชอ่ื มัน่ ในตนเอง
6) ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
7) ตระหนกั ในคณุ คา่ และมเี จตคติทีด่ ีต่อวชิ าคณิตศาสตร์
5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ทำไมต้องเรยี นคณิตศาสตร์และเรียนรู้อะไรในคณิตศาสตร์
5.2 คำอธบิ ายรายวิชาและสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตรช์ น้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3
หลักสูตรระดบั ชัน้ เรยี นรายวชิ าคณติ ศาสตร์ ค23101
5.3 เกณฑ์การวดั และประเมินผลรายวชิ าคณติ ศาสตร์ ค23101
6. กระบวนการเรยี นรู้
1. ครูแนะนำตนเองพร้อมทั้งชี้แจงชอ่ งทางการติดต่อส่ือสารและกล่าวแสดงความยนิ ดีต้อนรบั นักเรยี นเป็นลกู
ศิษย์
2. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสร้างข้อตกลงในช้นั เรียน โดยครูถามความคิดเหน็ ของนักเรยี น
3. ครแู นะนำแนวทางการเรยี นร้ใู นวิชาคณติ ศาสตร์พ้ืนฐาน ค23101 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3
เช่น บทบาทและหนา้ ทีข่ องนักเรียน การมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมการเรยี นรูข้ องนกั เรยี น
4. การปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ รวมท้งั วิธกี ารเรียนใหป้ ระสบผลสำเรจ็ มีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนท่ดี ี
ครชู ้ีแจงจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ และคำอธิบายรายวชิ าพ้ืนฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ รายวชิ า
คณติ ศาสตร์พ้นื ฐาน รหัสวิชา ค23101 เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต โดยแบ่งเนอ้ื หาทงั้ หมดท่ี
จะเรยี นในภาคเรียนที่ 1 ดังน้ี
บทท่ี เนอื้ หา จำนวนช่ัวโมงเรยี น
(ช่วั โมง)
1 อสมการเชงิ เส้นตัวแปรเดียว 15
2 สมการกำลังสองตวั แปรเดียว 15
3 กราฟของฟงั กช์ นั กำลงั สอง 20
4 สถิต(ิ 3) 10
รวม 60
5. ครชู แ้ี จงเกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลรายวิชาคณิตศาสตร์ ดงั นี้
3.1 อัตราสว่ นของคะแนนระหวา่ งเรยี นตอ่ คะแนนปลายภาคเรียนเปน็ 70 : 30
โดยแยกเป็นดงั นี้
1) คะแนนระหวา่ งเรียน 70 คะแนน
1.1) เข้าเรียน / จติ พิสยั 10 คะแนน
1.2) กิจกรรมระหวา่ งเรียน / ภารชน้ิ งาน 40 คะแนน
- ใบงาน 10 คะแนน
- ช้นิ งาน / งานกล่มุ 10 คะแนน
- กจิ กรรมในหอ้ งเรยี น 10 คะแนน
- คะแนนสอบกลางภาค 20 คะแนน
2) คะแนนสอบปลายภาค 30 คะแนน
รวม 100 คะแนน
3.2 การตดั สินผลการเรยี นรู้ และระดับผลการเรยี น ดงั น้ี
ระดบั คะแนน 80 – 100 คะแนน ระดบั ผลการเรียน 4
ระดับคะแนน 75 – 79 คะแนน ระดบั ผลการเรียน 3.5
ระดบั คะแนน 70 – 74 คะแนน ระดบั ผลการเรยี น 3
ระดับคะแนน 65 – 69 คะแนน ระดบั ผลการเรียน 2.5
ระดับคะแนน 65 – 69 คะแนน ระดับผลการเรียน 2
ระดบั คะแนน 55 – 59 คะแนน ระดับผลการเรยี น 1.5
ระดับคะแนน 50 – 54 คะแนน ระดบั ผลการเรยี น 1
ระดบั คะแนน 0 – 49 คะแนน ระดบั ผลการเรยี น 0
6. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั เพมิ่ เติมส่วนที่ยังไม่ชัดเจนและครอบคลมุ พร้อมท้ังทบทวนข้อตกลง
รว่ มกันอีกครง้ั หนง่ึ
7. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นสอบถามข้อสงสยั
8. ให้นักเรยี นทำใบกจิ กรรม “ครูยงั จะรักหนูไหมจ๊ะ….หนูกอ็ ยากจะร้แู บบน้ัน”
7. สอื่ และแหลง่ เรยี นรู้
1. ใบกจิ กรรม “ครูยงั จะรักหนไู หมจ๊ะ….หนูกอ็ ยากจะรแู้ บบน้นั
8. การวัดประเมินผลการเรยี นรู้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ กี าร เกณฑก์ ารวัด
1. อธบิ ายเนื้อหาทั้งหมดทจี่ ะเรยี นได้ ตอบคำถามในช้ัน
2. อธบิ ายจุดประสงค์การเรียนรู้ได้ การตอบคำถามในช้ันเรียน
3. อธิบายเกณฑก์ ารวัดและประเมินผลได้ เรียนถูก
ใบกจิ กรรม ต้องอยา่ งนอ้ ย
4. แสดงพฤติกรรมดา้ นเจตคตทิ ่ดี ีตอ่ วิชา “ครยู งั จะรักหนูไหมจะ๊ …. รอ้ ยละ 70
คณติ ศาสตร์ หนูกอ็ ยากจะรแู้ บบนั้น” ใบกิจกรรม
ถูกต้องอย่างน้อย
9. กจิ กรรมเสนอแนะ รอ้ ยละ 70
-
แบบสังเกตพฤติกรรมทางการเรียนการสอน
เลขท่ี ช่อื -สกลุ ของ ทำงาน ความ ความ ความ การให้ รวม
ผ้รู ับการประเมนิ อย่างเปน็ รอบคอบ ต้งั ใจเรียน รับผิดชอ ความ
ระบบ ร่วมมือ
บ
4 4 4 4 4 20
เกณฑก์ ารให้คะแนน
พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติเป็นประจำ ให้ 4 คะแนน
พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
18-20 ดมี าก
13-17 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรับปรุง
แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลุ่ม
กล่มุ ท(่ี ช่ือกลมุ่ )........................................................................................................................................
สมาชกิ ในกลุ่ม 1.......................................................................
2.......................................................................
3........................................................................
4........................................................................
5.......................................................................
6.......................................................................
คำชแ้ี จง ให้ทำเครอ่ื งหมาย ในชอ่ งท่ตี รงกบั ความเป็นจรงิ
พฤติกรรมที่สังเกต คะแนน
43 2 1
1. การมสี ่วนร่วมในการวางแผน
2. การปฏบิ ตั งิ านตามบทบาทหนา้ ที่
3. การใหค้ วามร่วมมือในการทำงาน
4. การแสดงความคิดเห็น
5. การยอมรบั ความคิดเหน็
รวม
ลงชอ่ื ............................................................................ผ้ปู ระเมิน
.................../................../..................
เกณฑก์ ารให้คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิเป็นประจำ ให้ 4 คะแนน
พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั บิ างครัง้ ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั นิ ้อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
18-20 ดีมาก
13-17 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรับปรุง
ใบกิจกรรม
“ครูยงั จะรักหนไู หมจ๊ะ….หนกู ็อยากจะรู้แบบน้นั ”
แผนการจดั การเรยี นรู้
รายวชิ าคณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน 5 รหัสวิชา ค23101 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์
ปีการศกึ ษา 2565
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรียนที่ 1
เวลา 1 ชัว่ โมง
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 เรื่อง อสมการเชงิ เส้นตวั แปรเดยี ว
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง การทดสอบก่อนเรียน
ครผู สู้ อน นายวิษณุวัตร สุทธดิ ี
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ค 1.3 ใชน้ ิพจน์ สมการ และอสมการ อธบิ ายความสัมพนั ธ์หรอื ชว่ ยแกป้ ัญหาทก่ี ําหนดให้
2. ตวั ชีว้ ดั
ค 1.3 ม.3/1 เข้าใจและใชส้ มบัตขิ องการไมเ่ ท่ากนั เพื่อวิเคราะหแ์ ละแกป้ ญั หา โดยใช้อสมการเชงิ เสน้ ตัว
แปรเดียว
3. สาระสำคญั
การทดสอบก่อนเรยี น เป็นการตรวจสอบความรู้พืน้ ฐานของนักเรยี น ก่อนที่จะเริม่ เรียนเรื่อง อสมการเชิง
เสน้ ตวั แปรเดียว วา่ นกั เรยี นมคี วามรพู้ ื้นฐานมากน้อยเพยี งใด
4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
4.1 ด้านความรู้ (K)
-
4.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
1) การแก้ปัญหา
2) การใหเ้ หตผุ ล
3) การสือ่ สาร การส่ือความหมาย และการนำเสนอ
4) การเชอื่ มโยง
5) ความคิดรเิ ร่ิมสร้างสรรค์
4.3 ดา้ นคุณลักษณะ(A)
1) ทำงานอยา่ งเป็นระบบ
2) มรี ะเบยี บวนิ ยั
3) มีความรอบคอบ
4) มคี วามรับผดิ ชอบ
5) มคี วามเชอ่ื มัน่ ในตนเอง
6) ช่วยเหลอื ซงึ่ กันและกัน
7) ตระหนักในคณุ ค่าและมีเจตคตทิ ดี่ ีต่อวชิ าคณิตศาสตร์
5. สาระการเรยี นรู้
- อสมการเชิงเส้นตวั แปรเดียว
6. กระบวนการเรียนรู้
ขัน้ นำเข้าสู่บทรยี น
9. ครทู ักทายนักเรยี นและแจ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้วา่ วันน้ีจะมีการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน
ผลการสอบนี้จะนำไปเปรยี บเทียบกับคะแนนสอบหลงั เรยี น เพอื่ ดูว่านกั เรยี นมีความรเู้ พ่ิมขึ้นมากน้อย
เพียงใด และให้นกั เรียนมีความซือ่ สัตยต์ ่อตนเองและผูอ้ น่ื ไม่ลอกเพื่อน และไมใ่ หเ้ พอ่ื นลอก ตงั้ ใจทำ
ข้อสอบอย่างเต็มทต่ี ามศักยภาพของตนเอง
ขนั้ สอน
1. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน
15 ขอ้ โดยใชเ้ วลาประมาณ 40 นาที ห้ามนกั เรียนสง่ ขอ้ สอบก่อน 15 นาที และหา้ มใช้เคร่ืองคำนว
ข้นั สรุปและฝึกทักษะ
-
7. สือ่ และแหล่งเรียนรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานคณติ ศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 ของ สสวท.
2. แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง อสมการเชงิ เส้นตวั แปรเดยี ว แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 15 ข้อ
8. การวัดประเมนิ ผลการเรยี นรู้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เคร่อื งมือ/วิธีการ เกณฑ์การวดั
ด้านความรู้ (K)
-
--
ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) 1. การตอบคำถามในชนั้ 1. การตอบคำถามในช้ัน
1) การแก้ปญั หา เรยี น เรยี นถูกต้องอย่างน้อย
2) การใหเ้ หตุผล
3) การส่ือสาร การส่อื ความหมาย ร้อยละ 70
และการนำเสนอ
4) การเชื่อมโยง แบบสงั เกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพ
5) ความคดิ ริเรม่ิ สรา้ งสรรค์ ประจำหน่วยการเรียนรู้ ในระดบั ดีขน้ึ ไป
ด้านคุณลกั ษณะ(A)
แสดงพฤตกิ รรมการมีความรับผิดชอบ
แสดงพฤติกรรมใฝเ่ รยี นรู้
แสดงพฤติกรรมมคี วามมุ่งมัน่ ในการทำงาน
9. กจิ กรรมเสนอแนะ
-
แบบสังเกตพฤติกรรมทางการเรียนการสอน
เลขท่ี ช่อื -สกลุ ของ ทำงาน ความ ความ ความ การให้ รวม
ผ้รู ับการประเมนิ อย่างเปน็ รอบคอบ ต้งั ใจเรียน รบั ผิดชอ ความ
ระบบ ร่วมมือ
บ
4 4 4 4 4 20
เกณฑ์การให้คะแนน
พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั ิเป็นประจำ ให้ 4 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏบิ ัตบิ ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั บิ างครั้ง ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิน้อยคร้งั ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
18-20 ดมี าก
13-17 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรบั ปรงุ
แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุ่ม
กลุม่ ท(ี่ ช่ือกลมุ่ )........................................................................................................................................
สมาชิกในกล่มุ 1.......................................................................
2.......................................................................
3........................................................................
4........................................................................
5.......................................................................
6.......................................................................
คำช้แี จง ใหท้ ำเครอ่ื งหมาย ในชอ่ งทต่ี รงกับความเป็นจริง
พฤติกรรมทสี่ ังเกต คะแนน
43 2 1
1. การมสี ่วนร่วมในการวางแผน
2. การปฏิบตั ิงานตามบทบาทหน้าที่
3. การให้ความร่วมมือในการทำงาน
4. การแสดงความคิดเห็น
5. การยอมรบั ความคิดเห็น
รวม
ลงชือ่ ............................................................................ผ้ปู ระเมนิ
.................../................../..................
เกณฑก์ ารให้คะแนน
พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิเปน็ ประจำ ให้ 4 คะแนน
พฤติกรรมทีป่ ฏิบัตบิ ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั บิ างคร้ัง ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั นิ ้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18-20 ดมี าก
13-17 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรับปรงุ
แผนการจดั การเรียนรู้
รายวชิ าคณติ ศาสตร์พืน้ ฐาน 5 รหัสวิชา ค23101 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์
ปกี ารศึกษา 2565
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 1
เวลา 1 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง อสมการเชิงเสน้ ตวั แปรเดยี ว
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 3 เร่ือง แนะนำอสมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดียว
ครูผ้สู อน นายวิษณุวตั ร สุทธิดี
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ค 1.3 ใชน้ ิพจน์ สมการ และอสมการ อธบิ ายความสัมพันธ์หรอื ชว่ ยแกป้ ัญหาท่กี าํ หนดให้
2. ตัวชวี้ ัด
ค 1.3 ม.3/1 เข้าใจและใชส้ มบตั ิของการไม่เทา่ กนั เพ่อื วิเคราะห์และแก้ปัญหา โดยใช้อสมการเชิงเส้นตวั
แปรเดียว
3. สาระสำคญั
สญั ลกั ษณข์ องอสมการเปน็ สญั ลกั ษณ์แสดงความสัมพนั ธร์ ะหว่างจำนวนสองจำนวน ประกอบด้วย > , >,
≥ , ≤และ ≠ ในประโยคแต่ละประโยคของอสมการ
4. จุดประสงค์การเรยี นรู้
4.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) นกั เรยี นสามารถอธิบายความหมายของสัญลกั ษณ์ <, >, ≤, ≥ หรือ ≠ ไดถ้ ูกตอ้ งอย่างน้อยร้อยละ 70
2) นักเรียนสามารถเขียนอสมการแทนข้อความที่แสดงความสัมพันธ์ของการไม่เท่ากันของจำนวนได้
ถูกตอ้ งอย่างน้อยรอ้ ยละ 70
4.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
1) การแก้ปญั หา
2) การให้เหตผุ ล
3) การสื่อสาร การส่ือความหมาย และการนำเสนอ
4) การเชือ่ มโยง
5) ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์
4.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ(A)
1) ทำงานอยา่ งเป็นระบบ
2) มรี ะเบยี บวนิ ัย
3) มคี วามรอบคอบ
4) มีความรับผิดชอบ
5) มีความเชื่อมัน่ ในตนเอง
6) ช่วยเหลอื ซง่ึ กันและกนั
7) ตระหนกั ในคุณค่าและมีเจตคตทิ ีด่ ีต่อวชิ าคณติ ศาสตร์
5. สาระการเรยี นรู้
- สัญลกั ษณ์ของอสมการ
6. กระบวนการเรยี นรู้
ข้ันนำเข้าสู่บทรยี น
10. ครูทกั ทายนักเรยี นและแจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ว่าวันน้ี นกั เรียนจะสามารถอธิบายความหมายของ
สญั ลักษณ์ <, >, ≤, ≥ หรือ ≠ และเขียนอสมการแทนข้อความทแ่ี สดงความสัมพันธข์ องการไมเ่ ท่ากันของ
จำนวนได้
ขน้ั สอน
2. ครแู ละนกั เรยี นร่วมทำกจิ กรรม
1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเปน็ หา้ กลุ่ม
2) ครแู จกบตั รคำท่ีมสี ัญลักษณ์ของอสมการเขียนอยู่และใบกจิ กรรมที่ 1.0
3) ครูยกเอาข้อความอสมการจากหนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณติ ศาสตร์ ม.3 เล่ม 1
หน้า 15 แลว้ ใหน้ ักเรียนเลอื กตัวแทนนำบตั รคำมาแปะทบี่ นกระดานโดยตวั แทนของแต่ละขอ้ ไม่
ซำ้ กนั
i. จำนวนนำนวนหน่งึ มีค่ามากกว่า 5
ii. จำนวนจำนวนหน่ึงมีค่าน้อยกวา่ 10
iii. ไม่เท่ากับ 0
iv. จำนวนจำนวนหนึ่งมีค่านอ้ ยกวา่ หรือเทา่ กบั 1
v. จำนวนจำนวนหน่ึงมีคา่ มากกว่าหรือเท่ากับ 7
vi. จำนวนจำนวนหนึง่ มีคา่ ไม่ถงึ 6
vii. จำนวนจำนวนหน่งึ มคี ่าไม่เกนิ 20
viii. จำนวนจำนวนหนึ่งมีค่าไม่ต่ำกวา่ 3
ix. จำนวนจำนวนหนง่ึ มคี ่าอย่างน้อย 16
x. จำนวนจำนวนหนง่ึ มีคา่ เปน็ จำนวนใดกไ็ ด้ทีไ่ มใ่ ช่ 19
3. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยใบกิจกรรมท่ี 1 และอภิปลายเกย่ี วกับการใช้สัญลักษณ์ทางอสมการรว่ มกนั
ขัน้ สรปุ และฝึกทักษะ
1. ให้นักเรียนร่วมกันสรุปอสมการ และสัญลักษณ์ของอสมการโดยอาจสุ่มถามนักเรียนว่า จากตัวอย่างที่ครู
อธบิ ายไป นกั เรยี นสรุปไดอ้ ยา่ งไร
อสมการ เป็นประโยคท่แี สดงความสมั พนั ธข์ องจานวนท่เี ก่ียวขอ้ งกบั
“การไมเ่ ทา่ กนั ” โดยมีสญั ลกั ษณแ์ สดงความสมั พนั ธน์ นั้
สัญลกั ษณข์ องอสมการ เป็นสญั ลกั ษณแ์ สดงความสมั พนั ธร์ ะหว่าง
จานวนสองจานวน ประกอบดว้ ย
< แทนความสมั พนั ธ์ นอ้ ยกวา่ ตา่ กว่า หรือไม่ถงึ
> แทนความสมั พนั ธ์ มากกวา่ ขนึ้ ไป หรอื เกนิ
แทนความสมั พนั ธ์ นอ้ ยกว่าหรอื เทา่ กบั
แทนความสมั พนั ธ์ มากกวา่ หรือเทา่ กบั
แทนความสมั พนั ธ์ ไมเ่ ท่ากบั หรอื ไม่เทา่ กนั
2. ครใู หท้ ำแบบฝกึ หัดที่ 1 ให้เวลาประมาณ 10 นาที
ข้นั การวัดและประเมินผล
1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยแบบฝกึ หดั ที่ 1 อกี คร้ัง และอธิบายเพิ่มเติมหากนกั เรียนมีข้อคำถาม
7. ส่ือและแหล่งเรียนรู้
3. หนังสอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 ของ สสวท.
4. ใบกจิ กรรมที่ 1.0
5. บัตรคำ
6. กาวสองหน้า
8. การวัดประเมนิ ผลการเรยี นรู้
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เครื่องมือ/วิธกี าร เกณฑ์การวัด
ดา้ นความรู้ (K) 1. การตอบคำถามใน 1. การตอบคำถามใน
1) นกั เรยี นสามารถอธิบายความหมายของ ชัน้ เรยี น ชั้นเรยี นถูกตอ้ งอยา่ ง
น้อยร้อยละ 70
สญั ลกั ษณ์ <, >, ≤, ≥ หรอื ≠ ไดถ้ กู ต้องอย่างน้อย 2. ใบกิจกรรมท่ี 1.0
ร้อยละ 70 ถูกต้องอย่างน้อยร้อยละ 2. ใบกจิ กรรมที่ 1
70 ถูกต้องอย่างน้อยร้อยละ
2) นักเรียนสามารถเขยี นอสมการแทนข้อความ
ที่แสดงความสมั พันธ์ของการไมเ่ ท่ากันของจำนวนได้ 1. การตอบคำถามใน 70
ถูกต้องอย่างน้อยร้อยละ 70 ชั้นเรยี น
ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 1. การตอบคำถามใน
2. ใบกจิ กรรมท่ี 1.0 ชน้ั เรียน
1) การแก้ปญั หา ถูกต้องอย่างนอ้ ยร้อยละ
2) การให้เหตุผล 70 2. ใบกจิ กรรมท่ี 1
3) การส่ือสาร การสือ่ ความหมาย ถูกต้องอย่างน้อยร้อยละ
แบบสังเกตพฤติกรรม 70
และการนำเสนอ ประจำหนว่ ยการเรียนรู้
4) การเชื่อมโยง 3.แบบฝกึ หดั ท่ี 1
5) ความคดิ รเิ ริ่มสร้างสรรค์ ถูกต้องอย่างนอ้ ยร้อยละ
70
ด้านคณุ ลกั ษณะ(A)
แสดงพฤติกรรมการมีความรับผดิ ชอบ ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพ
แสดงพฤตกิ รรมใฝ่เรยี นรู้ ในระดับดีขึ้นไป
แสดงพฤติกรรมมคี วามมุ่งมัน่ ในการทำงาน
9. กิจกรรมเสนอแนะ
-
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมทางการเรียนการสอน
เลขท่ี ชอ่ื -สกุลของ ทำงาน ความ ความ ความ การให้ รวม
ผูร้ ับการประเมนิ อย่างเป็น รอบคอบ ต้ังใจเรยี น รบั ผิดชอ ความ
ระบบ ร่วมมอื
บ
4 4 4 4 4 20
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั เิ ปน็ ประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิบางครัง้ ให้ 1 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติน้อยคร้ัง
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
18-20 ดีมาก
13-17 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรับปรุง
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการปฏิบัตกิ จิ กรรมกลุ่ม
กล่มุ ท(่ี ช่ือกลุม่ )........................................................................................................................................
สมาชิกในกลมุ่ 1.......................................................................
2.......................................................................
3........................................................................
4........................................................................
5.......................................................................
6.......................................................................
คำช้แี จง ให้ทำเครอ่ื งหมาย ในชอ่ งทต่ี รงกับความเปน็ จรงิ
พฤติกรรมที่สังเกต คะแนน
43 2 1
1. การมีส่วนรว่ มในการวางแผน
2. การปฏบิ ตั ิงานตามบทบาทหนา้ ท่ี
3. การให้ความร่วมมือในการทำงาน
4. การแสดงความคิดเหน็
5. การยอมรบั ความคดิ เห็น
รวม
ลงชือ่ ............................................................................ผปู้ ระเมนิ
.................../................../..................
เกณฑ์การให้คะแนน
พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตเิ ป็นประจำ ให้ 4 คะแนน
พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตบิ ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัตนิ ้อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
18-20 ดมี าก
13-17 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรบั ปรงุ
แผนการจดั การเรียนรู้
รายวชิ าคณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน 5 รหัสวชิ า ค23101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์
ปีการศึกษา 2565
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 1
เวลา 1 ชั่วโมง
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เรือ่ ง อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดยี ว
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4 เรือ่ ง แนะนำอสมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดียว
ครูผสู้ อน นายวิษณุวัตร สุทธดิ ี
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ค 1.3 ใช้นิพจน์ สมการ และอสมการ อธิบายความสมั พันธ์หรอื ช่วยแกป้ ัญหาทก่ี ําหนดให้
2. ตวั ชี้วดั
ค 1.3 ม.3/1 เข้าใจและใช้สมบตั ขิ องการไมเ่ ทา่ กนั เพอ่ื วิเคราะหแ์ ละแกป้ ญั หา โดยใช้อสมการเชิงเส้นตัว
แปรเดยี ว
3. สาระสำคัญ
สญั ลักษณข์ องอสมการเป็นสัญลกั ษณ์แสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งจำนวนสองจำนวน ประกอบดว้ ย > , >,
≥ , ≤และ ≠ ในประโยคแต่ละประโยคของอสมการ
4. จุดประสงค์การเรียนรู้
4.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) นักเรยี นสามารถอธบิ ายความหมายของสัญลักษณ์ <, >, ≤, ≥ หรอื ≠ ไดถ้ กู ต้องอยา่ งน้อยร้อยละ 70
2) นักเรียนสามารถเขียนอสมการแทนข้อความที่แสดงความสัมพันธ์ของการไม่เท่ากันของจำนวนได้
ถูกตอ้ งอย่างนอ้ ยรอ้ ยละ 70
4.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
1) การแก้ปัญหา
2) การให้เหตผุ ล
3) การส่อื สาร การสอ่ื ความหมาย และการนำเสนอ
4) การเชอื่ มโยง
5) ความคิดริเร่ิมสรา้ งสรรค์
4.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ(A)
1) ทำงานอยา่ งเปน็ ระบบ
2) มีระเบยี บวินยั
3) มีความรอบคอบ
4) มคี วามรับผิดชอบ
5) มีความเชือ่ มัน่ ในตนเอง
6) ช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั
7) ตระหนกั ในคุณคา่ และมีเจตคติทดี่ ตี ่อวิชาคณติ ศาสตร์
5. สาระการเรียนรู้
- สญั ลักษณ์ของอสมการ
6. กระบวนการเรียนรู้
ข้นั นำเข้าสู่บทเรียน
11. ครูทักทายนักเรยี นและทบทวนความหมายของสัญลกั ษณ์ <, >, ≤, ≥ หรือ ≠ และเขยี นอสมการแทน
ข้อความท่ีแสดงความสัมพนั ธ์ของการไมเ่ ทา่ กันของจำนวนได้
อสมการ เป็นประโยคทแ่ี สดงความสัมพนั ธ์ของจำนวนท่ีเก่ียวข้องกบั
“การไม่เทา่ กนั ” โดยมีสญั ลักษณ์แสดงความสัมพันธ์นั้น
สญั ลักษณ์ของอสมการ เป็นสัญลักษณ์แสดงความสมั พันธ์ระหวา่ ง
จำนวนสองจำนวน ประกอบดว้ ย > , <, , และ ในประโยคแต่ละ
ประโยคของอสมการ
ขน้ั สอน
1. ครแู ละนกั เรียนร่วมทำกจิ กรรม “จะโจทย์ จะมวย จะรวย กม็ าเหอะ”
1) ครูแบง่ นกั เรยี นแบบแบง่ กลุ่มคละความสามารถกลุ่มละ 5 คน
2) ครูแจกบัตรคำตอบให้นกั เรียนกลุม่ ละ 12 แผน่
3) ครเู ปิดหนา้ เกมท่ีใช้เลน่ ในกจิ กรรม“จะโจทย์ จะมวย จะรวย ก็มาเหอะ”
(1.) ครสู ุ่มเลือกกลมุ่ แรกในการเลือกเปดิ แผน่ ป้ายจากนน้ั เวียนกลุ่มในการเลือกแผ่นป้ายไป
เร่ือย
(2.) เมอ่ื เปดิ แผ่นป้ายแล้วแตล่ ะกลุ่มมีเวลา 15 วนิ าทใี นการเขียนคำตอบลงในบัตรคำตอบ
แล้วนำมาส่งโดยบัตรคำตอบหนึง่ ใบใช้สำหรับเขยี นคำตอบไดเ้ พยี งหนึ่งคร้งั เท่านัน้
(3.) ก่อนที่จะเปิดแผ่นป้ายแต่ละแผ่นจะมีคะแนนเขียนไว้และเมื่อเปิดแผ่นป้ายแล้วกลุ่ม
ไหนตอบถูกกจ็ ะไดค้ ะแนนตามที่กำหนดไวแ้ ต่แรก
(4.) เมอื่ เปิดแผน่ ป้ายหมดทุกแผ่นแล้วกลุ่มทมี่ คี ะแนนสูงสุดชนะ
ขัน้ สรุปและฝึกทกั ษะ
1. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภปิ ลายเกี่ยวกับสิง่ ทไ่ี ด้เรียนรู้จากกจิ กรรม“จะโจทย์ จะมวย จะรวย กม็ าเหอะ”
2. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หดั ที่ 1 ในขอ้ ท่ยี งั ทำไม่เสร็จ
ขนั้ การวัดและประเมินผล
2. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันเฉลยแบบฝึกหดั ที่ 1 อีกครั้ง และอธิบายเพม่ิ เตมิ หากนกั เรยี นมีข้อคำถาม
7. สื่อและแหลง่ เรียนรู้
7. หนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐานคณติ ศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 ของ สสวท.
8. เกม “จะโจทย์ จะมวย จะรวย กม็ าเหอะ”
9. บัตรคำตอบ
8. การวดั ประเมินผลการเรียนรู้
จุดประสงค์การเรยี นรู้ เครอ่ื งมือ/วธิ ีการ เกณฑก์ ารวดั
ด้านความรู้ (K) 1. การตอบคำถาม
1) 1. การตอบคำถามในชัน้ เรียน ในช้นั เรียนถูกต้อง
2. นกั เรียนสามารถอธิบายความหมายของ 1. การตอบคำถามในช้ัน อยา่ งน้อยรอ้ ยละ
สญั ลักษณ์ <, >, ≤, ≥ หรอื ≠ ไดถ้ กู ต้องอยา่ งน้อย เรยี น 70
รอ้ ยละ 70
2. กิจกรรม “จะโจทย์ 2. ตอบคำถามใน
2) 1. การตอบคำถามในชัน้ เรยี น จะมวย จะรวย กจิ กรรม “จะโจทย์
2. นกั เรียนสามารถเขียนอสมการแทนขอ้ ความท่ี ก็มาเหอะ”
แสดงความสัมพนั ธ์ของการไม่เท่ากนั ของจำนวนได้ จะมวย จะรวย
ก็มาเหอะ”ถูกต้อง
ถูกต้องอย่างน้อยร้อยละ 70 อยา่ งน้อยร้อยละ
70
ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) 1. การตอบคำถามในชน้ั 1. การตอบคำถาม
1) การแก้ปัญหา เรียน ในชัน้ เรยี นถูกต้อง
2) การใหเ้ หตผุ ล อยา่ งน้อยรอ้ ยละ
3) การส่ือสาร การสื่อความหมาย 2. กจิ กรรม “จะโจทย์
และการนำเสนอ จะมวย จะรวย 70
4) การเชอ่ื มโยง ก็มาเหอะ” 2. ตอบคำถามใน
5) ความคิดริเริ่มสรา้ งสรรค์ กิจกรรม “จะโจทย์
จะมวย จะรวย
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ(A) กม็ าเหอะ”ถูกต้อง
แสดงพฤตกิ รรมการมีความรบั ผดิ ชอบ อย่างน้อยรอ้ ยละ
แสดงพฤตกิ รรมใฝ่เรยี นรู้
แสดงพฤติกรรมมีความมุ่งมัน่ ในการทำงาน 70
9. กิจกรรมเสนอแนะ แบบสังเกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์คุณภาพ
- ประจำหน่วยการเรียนรู้ ในระดบั ดีขนึ้ ไป
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมทางการเรียนการสอน
เลขท่ี ชอ่ื -สกุลของ ทำงาน ความ ความ ความ การให้ รวม
ผูร้ ับการประเมนิ อยา่ งเป็น รอบคอบ ต้ังใจเรยี น รบั ผิดชอ ความ
ระบบ ร่วมมอื
บ
4 4 4 4 4 20
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั เิ ปน็ ประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏิบัตบิ างครัง้ ให้ 1 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิน้อยคร้ัง