The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การประกันคุณภาพการศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aoraboonchuay, 2021-11-23 17:40:16

การประกันคุณภาพการศึกษา

การประกันคุณภาพการศึกษา

อาชีวศึกษา ๑๓๘

อดุ มศกึ ษา
ด้านที่ ๓ คุณภาพงานวจิ ัย
องคป์ ระกอบที่ ๓.๑ คณุ ภาพงานวิจยั และงาน
สร้างสรรค์
องคป์ ระกอบท่ี ๓.๒ คุณภาพงานวจิ ยั เชิง
ประยุกต์และการพฒั นานวัตกรรม
ดา้ นท่ี ๔ ผลของการบรกิ ารวชิ าการ
องค์ประกอบที่ ๔.๑ ผลของการบริการวชิ าการ
สู่สาธารณะ (Public Service)
องคป์ ระกอบท่ี ๔.๒ ผลของการบรกิ ารวชิ าการ
แบบเฉพาะ (Specific Service)
ด้านที่ ๕ ผลของการประกันคุณภาพภายใน
องคป์ ระกอบที่ ๕.๑ ผลสัมฤทธร์ิ ะบบประกัน
คุณภาพภายใน
องค์ประกอบที่ ๕.๒ ผลสัมฤทธ์ิของหลักสตู ร
ทัง้ หมดของสถานศึกษา

ประเดน็ การศึกษาปฐมวยั การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน

๕.๔ ประเด็นการพจิ ารณา (๘ ประเด็นการพิจารณา) (๖ ประเดน็ การพจิ ารณา)

ดา้ นท่ี ๑ ความเหมาะสม ด้านที่ ๑ ความเหมาะสม และค

ความเปน็ ไปได้ของระบบการ เป็นไปได้ของระบบประกนั คุณภ

ประกันคณุ ภาพภายใน ภายใน

๑) การพจิ ารณาความ ๑) ความเหมาะสม และความเป

เหมาะสม ความเป็นไปได้ของ ของระบบประกันคุณภาพภายใน

ระบบการประกนั คุณภาพ ด้านที่ ๒ ความเชือ่ ถือได้ของระ

ภายใน ให้เป็นไปตามบรบิ ทที่ ประกนั คุณภาพภายใน

สถานศกึ ษาดําเนนิ การ โดยใช้ ๑) ความเชอื่ ถือได้ของกระบวนก

การตัดสินคณุ ภาพในภาพรวม ประเมนิ

ดา้ นที่ ๒ ความเชื่อถอื ไดข้ อง ๒) ความเชอื่ ถอื ไดข้ องผลการปร

ระบบประกนั คณุ ภาพภายใน ด้านท่ี ๓ ประสิทธผิ ลของระบบ

๑) ความเชือ่ ถือได้ของ คุณภาพภายในทเ่ี กิดกบั ผูเ้ รยี น

กระบวนการประเมิน ๑) ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผ

๒) ความเชอื่ ถือได้ของผลการ และพฒั นาการของผลสัมฤทธิ์ ต

ประเมนิ คุณภาพภายใน หลักสตู ร

๒) คุณลักษณะ ค่านิยมอันพึงปร

สอดคล้องกับทิศทางของหลกั สูต

๑๓๙

น อาชวี ศึกษา อดุ มศกึ ษา

ความ (๑๔ ประเด็นการพิจารณา) (๓๒ ประเดน็ การพิจารณา)
ภาพ องคป์ ระกอบที่ ๑ คุณภาพผเู้ รยี น องค์ประกอบท่ี ๑.๑ บริบทของสถานศกึ ษา
๑) ผูส้ าํ เร็จการศึกษาเทยี บกบั จาํ นวนผู้ (Organization Context) ทตี่ อบสนองต่อ
ป็นไปได้ เขา้ เรียน แผนยุทธศาสตรช์ าติ
น ๒) ผสู้ าํ เร็จการศกึ ษาไดง้ านทา ๑) ผลการสงั เคราะห์เชิงคุณภาพทสี่ ถานศึกษา
ะบบ ประกอบอาชพี อิสระ ศึกษาต่อ ภายใน จัดทาในเรือ่ ง การดาํ เนินงานท่ีสะท้อน
๑ ปี อัตลักษณ์ภายใตพ้ นั ธกจิ หลักของสถานศกึ ษา
การ ๓) ความพงึ พอใจทม่ี ตี อ่ คณุ ภาพของ ๔ ด้าน และการตอบสนองความต้องการของ
ผู้สาํ เรจ็ การศกึ ษา ท้องถิ่นและประเทศทั้งในเชงิ ภารกจิ และเชงิ
ระเมิน องค์ประกอบท่ี ๒ คณุ ภาพการจดั การ พน้ื ท่ีเพื่อตอบสนองตอ่ การเปลยี่ นแปลงและ
บประกนั เรียนการสอน ทศิ ทางการพฒั นาประเทศในอนาคตตามแผน
๑) การจัดการเรยี นการสอนรายวชิ า ยุทธศาสตร์ชาติ (ข้อมูลเชิงคณุ ภาพ)
ผูเ้ รยี น ๒) การพัฒนารายวชิ าหรือกลุม่ วิชา ๒) ผลการสงั เคราะหเ์ ชิงคุณภาพท่ีสถานศึกษา
ตาม ๓) การจดั การศึกษา จัดทาในเรื่องการดาํ เนินงานตามแผนพฒั นา
๔) การจัดกจิ กรรมเสริมหลักสตู ร สถาบนั ตามพันธกิจหลักของสถานศึกษาตาม
ระสงค์ที่ ระบบหรอื กลไกทส่ี ถาบนั กาํ หนดโดยนํา
ตร แผนพฒั นาสถาบนั ไปถา่ ยทอด

ประเดน็ การศกึ ษาปฐมวยั การศึกษาขั้นพื้นฐาน

ดา้ นท่ี ๓ ประสทิ ธผิ ลของ ๓) ทกั ษะสาํ คญั ตามหลกั สตู รกาํ
ระบบประกนั คุณภาพภายใน ตามเกณฑข์ องแต่ละระดบั ชน้ั แ
ทเ่ี กดิ กับเด็ก บริบทของสถานศึกษา
๑) เดก็ มพี ัฒนาการด้าน
ร่างกายสมวยั
๒) เดก็ มีพัฒนาการด้าน
อารมณแ์ ละจติ ใจสมวยั
๓) เด็กมีพัฒนาการด้านสงั คม
และวนิ ยั สมวัย
๔) เดก็ มีพัฒนาการดา้ น
สตปิ ัญญาสมวัย
๕) เดก็ ไดร้ บั ความคุม้ ครอง
และความปลอดภยั

๑๔๐

น อาชวี ศึกษา อุดมศึกษา

าหนด องค์ประกอบท่ี ๓ คุณภาพการบรหิ าร สู่การปฏิบตั ิทเ่ี ช่อื มโยงกบั เปูาหมายของการ

และตาม จัดการศกึ ษา พฒั นาการศกึ ษาของประเทศ (ขอ้ มูลเชงิ

๑) การดาํ เนนิ การบรหิ ารจดั การศึกษา คุณภาพ)

ตามแนวทางสถาน ศึกษาคณุ ธรรม องค์ประกอบที่ ๑.๒ ผลสัมฤทธิ์ของการดาเนนิ

๒) การดําเนนิ การตามนโยบายสาํ คัญ งานด้านการบรหิ ารสถานศึกษา

ของหน่วยงานต้นสังกัด ๑) ผลการวิเคราะห์เชงิ คุณภาพเกยี่ วกบั

๓) การบริหารจัดการด้านบุคลากร ผลสัมฤทธกิ์ ารบริหารสถานศกึ ษาตามหลัก

๔) การบริหารจัดการดา้ นการเงนิ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (ข้อมูลเชงิ

๕) การบรหิ ารจัดการด้านอาคาร คุณภาพ)

สถานที่ ด้านครุภณั ฑ์ และดา้ น ๒) ผลการวิเคราะหเ์ ชงิ คณุ ภาพเกย่ี วกับ

ฐานข้อมูลสารสนเทศ ผลสมั ฤทธิ์การบริหารสถานศกึ ษาตามแนวทาง

๖) การประสานความร่วมมือเพอ่ื การ ธรรมาภิบาล (ขอ้ มูลเชงิ คณุ ภาพ)

บริหารจดั การศึกษา องคป์ ระกอบท่ี ๒.๑ คุณภาพบณั ฑิตปริญญา

องคป์ ระกอบที่ ๔ คุณภาพการประกัน ตรี

คณุ ภาพภายใน ๑) การมงี านทําา หรือการศกึ ษาตอ่ หรอื

๑) การประกนั คุณภาพภายใน ประกอบอาชพี อสิ ระภายใน ๑ ปี หลงั สาํ เรจ็

การศึกษา (ขอ้ มลู เชิงคณุ ภาพ)

ประเดน็ การศกึ ษาปฐมวัย การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน

๑๔๑

น อาชวี ศึกษา อุดมศึกษา

๒) ผลการประเมินความพึงพอใจของผใู้ ชบ้ ณั ฑติ

ตามกรอบมาตรฐานคณุ วุฒิระดับ อุดมศกึ ษา

แหง่ ชาติ (TQF) (ขอ้ มลู เชิงคุณภาพ)

๓) ทักษะทีจ่ าเป็นต่อการดํารงชวี ิตในศตวรรษท่ี

๒๑ อาทิ ทกั ษะในการทางาน Hard Skill Soft

Skill IT Literacy หรือ Digital Literacy จาก

การสัมภาษณผ์ ใู้ ชบ้ ัณฑิต หรือผลการปฏบิ ตั ทิ ี่

แสดงถึงทกั ษะดังกลา่ ว (ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ)

๔) ผลการทดสอบภาษาอังกฤษ (ข้อมลู เชงิ

ปรมิ าณและเชงิ คณุ ภาพ)

องค์ประกอบที่ ๒.๒ คุณภาพบณั ฑิตปริญญาโท

๑) ผลการนาํ ความรแู้ ละทกั ษะในวิชาชพี ไป

ประยุกตใ์ ชใ้ นการพฒั นางานโดยใช้ความร้ขู ้ันสูง

ในการปฏบิ ตั ิและพัฒนางานเพ่อื ให้งานหรือ

องคก์ รเกดิ ความ

ประเดน็ การศกึ ษาปฐมวัย การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน

๑๔๒

น อาชวี ศึกษา อุดมศกึ ษา

ก้าวหน้าในเชิงนโยบาย วิชาการ หรอื ดา้ น

การบรหิ ารจดั การ โดยมีคณุ ภาพผลงานเป็น

ท่ียอมรับเชงิ ประจกั ษ์ (ข้อมลู เชิงคณุ ภาพ)

๒) สดั ส่วนผลงานของบณั ฑติ ท่จี บการศึกษา

ระดบั ปรญิ ญาโททพี่ ัฒนาความเชยี่ วชาญ

หรือการต่อยอดความรู้ที่สอดคลอ้ งกบั (๑)

แนวทางการวจิ ยั และพฒั นาตามความ

เชยี่ วชาญของสถาบัน หรือ (๒) แนวทางการ

วิจัยและพฒั นาเพ่ือรองรับการพฒั นา

ประเทศ หรอื (๓) งานวิจยั ทสี่ ามารถ

ประยุกตใ์ ชก้ บั หน่วยงานภายนอก หรือ

ภาคอตุ สาหกรรม (ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ)

๓) ผลการทดสอบภาษาอังกฤษ (ข้อมูลเชงิ

ปริมาณและเชิงคุณภาพ)

ประเดน็ การศกึ ษาปฐมวัย การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน

๑๔๓

น อาชวี ศึกษา อดุ มศกึ ษา

องค์ประกอบที่ ๒.๓ คุณภาพบณั ฑิต

ปริญญาเอก

๑) คุณภาพของงานวิจัยท่ตี พี มิ พเ์ ผยแพรใ่ น

ระดบั ชาติ หรือนานาชาติ โดยพจิ ารณาตาม

เกณฑข์ อง สกอ.(ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ)

๒) สดั สว่ นงานวิจัยและงานสรา้ งสรรค์ของ

ผูเ้ รียนระดบั ปริญญาเอกเป็นงานวจิ ยั ทเ่ี กิด

องคค์ วามรูใ้ หม่ หรือนวตั กรรมท่สี อดคลอ้ ง

กบั ๑) แนวทางการวิจยั และพัฒนาตามความ

เช่ียวชาญของสถาบนั หรือ ๒) แนวทางการ

วจิ ัยและพัฒนาเพ่ือรองรบั การพัฒนาประเทศ

หรือ ๓) งานวจิ ยั ท่สี ามารถประยุกตใ์ ชก้ ับ

หน่วยงานภายนอก หรือภาค อุตสาหกรรม

(ข้อมูลเชงิ คณุ ภาพ)

๓) ผลการทดสอบภาษาองั กฤษ (ขอ้ มลู เชงิ

ปริมาณและเชิงคณุ ภาพ)

ประเดน็ การศกึ ษาปฐมวัย การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน

๑๔๔

น อาชวี ศึกษา อุดมศกึ ษา

องค์ประกอบท่ี ๓.๑ คณุ ภาพงานวจิ ยั และงาน

สร้างสรรค์

๑) สดั ส่วนผลงานวิจยั และผลงานสร้างสรรค์ทมี่ ี

ความสอดคลอ้ งกบั บรบิ ทของสถานศกึ ษาและ

ตอบโจทยก์ ารพัฒนาประเทศ (ข้อมูลเชงิ

คณุ ภาพ)

๒) สัดสว่ นผลงานวจิ ยั และผลงานสร้างสรรคท์ ่มี ี

การอา้ งองิ จากวารสารวชิ าการทีต่ ีพิมพ์เผยแพร่

(Citation) (ขอ้ มลู เชิงคุณภาพ)

๓) สดั สว่ นผลงานวิจัยและผลงานสร้างสรรค์ที่

ได้รบั รางวัล หรอื ทุนวิจยั จากหน่วยงานภายนอก

ในระดับชาติ หรือนานาชาติ (ขอ้ มูลเชงิ คุณภาพ)

องคป์ ระกอบที่ ๓.๒ คุณภาพงานวิจยั เชิง

ประยกุ ต์และการพฒั นานวตั กรรม

๑) สดั ส่วนผลงานวิจยั เชิงประยกุ ต์และการ

พัฒนานวัตกรรมท่มี ีความสอดคลอ้ งกบั บรบิ ท

ของสถานศึกษา ก่อให้เกิดการ

ประเดน็ การศกึ ษาปฐมวัย การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน

๑๔๕

น อาชวี ศึกษา อุดมศึกษา

สรา้ งสรรค์สงิ่ ใหม่ มีสงิ่ ประดษิ ฐค์ ิดค้นทต่ี อบ

โจทย์การพัฒนาประเทศ (ขอ้ มูลเชงิ คณุ ภาพ)

๒) สดั สว่ นผลงานวิจัยเชิงประยุกต์และการ

พัฒนานวัตกรรมจนมีการจดทะเบียนผลงานจาก

หนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวขอ้ ง อาทิ การจดสทิ ธิบัตร

ลขิ สทิ ธิ์ อนสุ ิทธบิ ัตร เปน็ ต้น (ข้อมูลเชิง

คุณภาพ)

๓) สดั สว่ นผลงานวจิ ัยเชิงประยุกตแ์ ละการ

พัฒนานวตั กรรมทส่ี ามารถนาํ มาประยกุ ตใ์ ช้

หรอื ได้ทนุ วจิ ยั พัฒนาตอ่ ยอดจากหน่วยงาน

ภายนอก (ข้อมูลเชิงคุณภาพ)

องคป์ ระกอบที่ ๔.๑ ผลของการบรกิ ารวชิ าการสู่

สาธารณะ (Public Service)

๑) ผลการประเมินงานบริการวิชาการของ

ผรู้ ับบรกิ ารทสี่ ามารถนาไปใช้ในการพัฒนาหรือ

ประยกุ ต์ใช้ส่วนใดสว่ นหนงึ่ ได้ (ขอ้ มลู เชิง

คุณภาพ)

ประเดน็ การศกึ ษาปฐมวัย การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน

๑๔๖

น อาชวี ศึกษา อดุ มศึกษา

๒) ผลการบรกิ ารวิชาการทส่ี ามารถสร้างคณุ ค่า

(Value) แก่ผรู้ บั บริการ ชมุ ชน และสังคมได้ โดย

สามารถนาผลจากการบรกิ ารวชิ าการไปใช้

ประโยชน์ได้อย่างเปน็ รปู ธรรม เป็นผลกระทบเชงิ

บวกในวงกวา้ ง (ขอ้ มลู เชงิ คณุ ภาพ)

๓) ผลความพึงพอใจของผรู้ บั บรกิ ารต่อการ

ให้บรกิ ารวชิ าการของสถานศกึ ษาโดยคาํ นงึ ถงึ การ

ใชน้ วตั กรรมเพอ่ื ตอบโจทยก์ ารพัฒนา สนบั สนนุ ให้

ชุมชนสร้างสงั คมคุณภาพ รองรับโอกาสและความ

ท้าทายในอนาคต (ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ)

องค์ประกอบที่ ๔.๒ ผลของการบริการวิชาการ

แบบเฉพาะ (Specific Service)

๑) ผลการประเมนิ งานบริการวชิ าการจาก

หน่วยงานทีร่ ้องขอสามารถทาํ ใหเ้ กิดประโยชนไ์ ด้

จริง (ขอ้ มลู เชงิ คุณภาพ

ประเดน็ การศกึ ษาปฐมวัย การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน

๑๔๗

น อาชวี ศึกษา อุดมศึกษา

๒) ผลงานบริการวิชาการสามารถสร้างคุณคา่

(Value) โดยพจิ ารณาจากผลทค่ี าดวา่ จะไดร้ ับจากผล

การบริการวชิ าการนั้น ๆ (ข้อมลู เชงิ คุณภาพ) ไดแ้ ก่

(๑) In Cash คือ การสรา้ งคณุ คา่ พิจารณาผ่าน

ค่าใชจ้ า่ ย/มลู คา่ /รายได้

(๒) In Kind คือ การสร้างคณุ คา่ ทไ่ี ม่เนน้ มลู ค่า/รายได้

อาทิ การสร้างความผกู พันตอ่ องคก์ ร การเกดิ

วัฒนธรรมองคก์ ร หรอื องคค์ วามรู้ใหม่ เป็นตน้

๓) ผลการประเมินการบริการวิชาการแบบเฉพาะ

(Specific Service) โดยคณะกรรมการวชิ าการของ

สถานศึกษา (ขอ้ มูลเชงิ คุณภาพ)

องคป์ ระกอบที่ ๕.๑ ผลสมั ฤทธ์ริ ะบบประกนั คุณภาพ

ภายใน

๑) ผลการประกันคุณภาพภายใน (IQA) ทกี่ อ่ ให้เกดิ

ประโยชนต์ อ่ การบริหารสถานศึกษา สามารถนาํ ไป

ปรับปรุงพฒั นาและเป็นส่วนหน่งึ

ประเดน็ การศกึ ษาปฐมวัย การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน

๑๔๘

น อาชวี ศึกษา อดุ มศึกษา

ของการบรหิ ารสถานศึกษาได้ (ข้อมลู เชิงคณุ ภาพ)

๒) ผลการประกนั คุณภาพภายใน (IQA) จากการ

ดําเนินการประกันภายในโดยสถานศกึ ษา (ขอ้ มูลเชงิ

คุณภาพ)

๓) ผลของการบรหิ ารงานประกนั คณุ ภาพภายใน

(IQA) ทเ่ี ปน็ ส่วนหนึง่ ในการขบั เคล่ือนให้เกิด

วฒั นธรรมคณุ ภาพภายในสถานศึกษา (ข้อมลู เชงิ

คณุ ภาพ)

องคป์ ระกอบท่ี ๕.๒ ผลสมั ฤทธ์ิของหลกั สตู รทัง้ หมด

ของสถานศึกษา

๑) ผลของการนําผลการประเมนิ คุณภาพหลักสูตรไป

ใชป้ รับปรงุ พฒั นา และบรหิ ารจดั การหลกั สูตรใน

สถานศกึ ษาอย่างเป็นรปู ธรรมและตอบสนองตอ่ การ

พฒั นาประเทศ (ข้อมูลเชิงคุณภาพ)

๒) หลกั สตู รไดร้ ับการรับรองจากสภาวิชาชพี (กรณมี ี

สภาวิชาชีพ) หรอื รบั ทราบจากหนว่ ยงานต้น

ประเด็น การศึกษาปฐมวัย การศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน

๖. เกณฑ์การพจิ ารณา ดีเยี่ยม (Excellent) ดีเยีย่ ม (Excellent)
คุณภาพรายดา้ นหรอื ดีมาก (Very Good) ดีมาก (Very Good)
องค์ประกอบ ดี (Good) ดี (Good)
๖.๑ เกณฑพ์ ้นื ฐาน พอใช้ (Fair) พอใช้ (Fair)
(Common Standards) ปรับปรงุ (Improvement ปรบั ปรงุ (Improvement
Required) Required)

๑๔๙

น อาชีวศกึ ษา อดุ มศกึ ษา

สงั กัด (ข้อมลู เชงิ คุณภาพ)

๓) หลกั สตู รได้รบั การรบั รองจากองคก์ รรับรอง

คณุ ภาพในระดบั นานาชาติ (International

Accreditation Bodies) (ถา้ มี) (ข้อมูลเชิงปรมิ าณ

และคณุ ภาพ)

ดีเย่ยี ม (Excellent) ดีเยยี่ ม (Excellent)
ดีมาก (Very Good) ดมี าก (Very Good)
ดี (Good) ดี (Good)
พอใช้ (Fair) พอใช้ (Fair)
ปรบั ปรงุ (Improvement ปรบั ปรงุ (Improvement Required)
Required)

ประเด็น การศกึ ษาปฐมวัย การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน
๖.๒ เกณฑท์ า้ ทาย
(Challenging C๓ เปน็ ต้นแบบ โดดเดน่ C๓ เปน็ ต้นแบบ โดดเดน่ ได
Standards)
ได้รบั การยอมรบั ระดบั การยอมรับระดับนานาชาติ

นานาชาติ (Achieved (Achieved International

International Issues) Issues)

C๒ เปน็ ตน้ แบบ โดดเด่น C๒ เป็นตน้ แบบ โดดเด่น ได

ไดร้ บั การยอมรับ การยอมรับระดับชาติ (Achi

ระดบั ชาติ (Achieved National Issues)

National Issues) C๑ เป็นต้นแบบหรอื โดดเด่น

C๑ เป็นตน้ แบบหรือโดด ภมู ภิ าค/ท้องถ่ิน (Achieved

เดน่ ระดับภมู ิภาค/ทอ้ งถน่ิ Community Issues)

(Achieved Community

Issues)

๑๕๐

น อาชีวศึกษา อุดมศึกษา
ดร้ บั C๓ ได้รับการรบั รอง C๓ มผี ลการจดั อันดบั สถานศึกษาระดบั โลก
มาตรฐานจากองคก์ รใน (World Class)
ดร้ ับ ระดับนานาชาติ C๒ มหี ลักสตู รการเรียนการสอนและการ
ieved (International ให้บรกิ ารการศกึ ษาที่ตอบสนองความต้องการ
Accreditation) ของบริบทเชิงพน้ื ที่ ระดับนานาชาติ ระดบั
นระดับ C๒ มีผลการดําเนนิ งาน ภูมิภาค เชน่ กลมุ่ อาเซยี น
d บรรลุเปาู หมายระดบั ชาติ (International/Regional Class)
(National Aspiration) C๑ มีความเชีย่ วชาญด้านงานวจิ ัยและ
C๑ มผี ลการดาเนนิ งาน นวัตกรรมท่ีตอบสนองเศรษฐกิจและสงั คม
บรรลเุ ปูาหมายตามนโยบาย ระดบั ท้องถนิ่ และระดบั ชาติ เชน่ ประเทศไทย
ของ หนว่ ยงานต้นสังกดั ๔.๐ (Thailand ๔.๐) (National/ Local
(National Needs) Class)

ประเด็น การศึกษาปฐมวยั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐา

๗. วิธกี ารประเมนิ การประเมนิ คุณภาพภายนอกจะเปน็ การประเมนิ เชิงคุณภาพ เนน้ ข้อม

๘. ขั้นตอน ผูเ้ ชี่ยวชาญ (Expert Judgment) และการตรวจทานผลการประเมนิ โด
ดําเนินงาน
องคร์ วม (Holistic Approach) โดยมีองค์ประกอบของวิธกี ารประเมนิ ค

๑) การศกึ ษาข้อมูลด้านบริบทพนื้ ฐานของสถานศกึ ษา (Organization

๒) การศกึ ษารายงานผลการประเมนิ ตนเองของสถานศึกษา (Self-Asse

๓) การลงพื้นทต่ี รวจเยีย่ ม (Site Visit)

๑) สถานศกึ ษาประเมินตนเอง (Self-Assessment) วเิ คราะห์ สงั เคราะ

ได้รบั ความเหน็ ชอบจากตน้ สังกดั ให้ สมศ. ตามระยะเวลาและเงอ่ื นไขท

๒) สมศ. วิเคราะห์ข้อมูลพน้ื ฐานของสถานศกึ ษา (Pre-Analysis) จากฐ

ขั้นต้นตามโปรแกรมการตรวจสอบท่ีกาํ หนด

๓) คณะผู้ประเมนิ ภายนอกประชมุ พจิ ารณาผลการดําเนินงานของสถาน

เพ่ือวางแผนการลงพนื้ ทตี่ รวจเยี่ยมตามมาตรฐานและเกณฑ์การประเม

๔) คณะผู้ประเมนิ ภายนอกลงพ้ืนทีต่ รวจเยย่ี ม (Site Visit) เพอื่ ประชมุ

เชิงประจกั ษ์ และหนว่ ยงาน/บคุ คลที่มสี ่วนเกย่ี วขอ้ งเพมิ่ เติม รวมท้ังทํา

๕) คณะผู้ประเมนิ ภายนอกจดั ทารายงานผลการประเมนิ คณุ ภาพภายน

เพ่ือพจิ ารณาใหก้ ารรบั รองผลการประเมิน จากน้นั สมศ. จะจดั ส่งใหก้ บั

ตอ่ ไป ภายในระยะเวลา ๗ วัน นบั ถดั จากวันที่คณะกรรมการบรหิ าร ส

๑๕๑

าน อาชวี ศกึ ษา อดุ มศึกษา

มลู เชิงประจกั ษ์ (Evidence Based) ทีส่ ะทอ้ นผลลัพธก์ ารดาเนนิ งาน โดยใช้การตัดสินใจของ

ดยคณะกรรมการประเมินในระดับเดียวกนั (Peer Review) ให้ครอบคลุมองคป์ ระกอบทง้ั ระบบแบบ

คณุ ภาพภายนอก ดังน้ี

Context)

essment Report: SAR)

ะห์ผลการดําเนินงานตามระบบการประกันคุณภาพภายใน แล้วจัดสง่ รายงานการประเมินตนเองที่
ท่กี าํ หนด
ฐานข้อมลู ของหน่วยงานตน้ สังกดั เพ่อื ตรวจสอบความพร้อมด้านปัจจัยการดําเนนิ งานของสถานศกึ ษา

นศึกษาจากรายงานการประเมนิ ตนเองรว่ มกบั ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลพืน้ ฐาน (Pre-Assessment)
มินคุณภาพภายนอก รวมทั้งระบปุ ระเด็นจดุ แขง็ ประเดน็ ปรับปรงุ และกําหนดวันลงพื้นท่ีตรวจเย่ียม
มเสวนาสรา้ งสรรคร์ ่วมกับผมู้ สี ่วนได้สว่ นเสยี และเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพกบั บคุ ลากร หลักฐาน
าการรายงานผลประเมินดว้ ยวาจา
นอก (EQA Report) พรอ้ มขอ้ เสนอแนะเพือ่ การปรบั ปรงุ พัฒนาคุณภาพการศึกษา แลว้ จัดส่งให้ สมศ.
บสถานศกึ ษาและหนว่ ยงานต้นสังกัดหรอื หน่วยงานทก่ี ํากบั ดูแลสถานศึกษาน้นั ๆ เพอ่ื ใชป้ ระโยชน์
สมศ. ใหก้ ารรบั รองผลการประเมิน



๑๕๒

๑๕๓

๘.๙ สรปุ ท้ายบท

๑๕๔

บทที่ ๙

การพัฒนาระบบประกนั คุณภาพการศึกษาของตา่ งประเทศ

๙.๑. ความนํา

หลกั การและแนวทางในการประกนั คณุ ภาพการศึกษาของประเทศไทยในภาพรวมไปแล้วน้ัน
ในโอกาสต่อไปน้ีผู้เขียนในฐานท่ีเคนทํางานศึกษาวิจัยในเร่ืองที่เกี่ยวข้องกับการประกันคุณภพ
การศึกษามาบ้างแล้ว จึงขอนําเสนอสาระคําสัญของการประกันคุณภพาระดับอุดมศึกษาของ
ต่างประเทศบ้าง เพ่อื ใหท้ า่ นผู้สนใจเรือ่ งการประกนั คุณภาพศึกษา เห็นภาพของการประกันคุณภาพ
การศึกษาท่กี วา้ งขน้ึ ไปอีกพอสังเวป

๙.๒ ระบบประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาของต่างประเทศ

ระบบการประกันคณุ ภาพการศกึ ษาของตา่ งประเทศท่ีสําคัญ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา
องั กฤษ ออสเตรเลยี และญี่ปุน โดยสรุปมดี ังน้ี

๑. ระบบการประกันคุณภาพการอุดมศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกา สํานักงานรับรอง
มาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษา (องค์การมหาชน) (๒๕๕๓ : ๑๘) โดยภาพรวมแล้วระบบ
การประกับคณุ ภาพระดบั อดุ มศกึ ษาของสหรฐั อเมริกา ประกอบด้วย กลไกและหน่วยงานสําคญ คอื

๑.๑ การกํากบั ดแู ลมาตรฐานการจัดตั้ง สถาบันอุดมศึกษาใหม่ และการดําเนินหลักสูตรใหม่
ของสถาบนั อดุ มศกึ ษา โดยฝาุ ยการศกึ ษาของมลรัฐ หนว่ ยงานการศึกษาของมลรัฐเป็น อีกองค์กรหน่ึง
ที่ เข้า มามีบทบาทในกระบวนการประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาของสหรัฐ อเมริกา
โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในขั้นตอนการจัดต้ังสถาบันอุดมศึกษา และการดําเนินการจัดทําหลักสูตร ซึ่งใน
หลายรัฐ กําหนดระเบียบให้ต้องผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบจากหน่วยงานการศึกษาประจํา
มลรฐั ก่อน โดยแต่ละมลรัฐมกี ารกําหนดอํานาจหน้าที่ หลักเกณฑ์ และวิธีการพิจารณาแตกต่างกันไป
บางมลรัฐ ดูแลเฉพาะสถาบันของรัฐ บางมลรัฐดูแลสถาบันทุกประเภท หรือดูแลเฉพาะตอนจัดต้ัง
สถาบันใหม่

และบางรัฐ มีหน้าท่ีติดตามไปถึงการดําเนินการจัดทําหลักสูตร (Florida Postsecondary
Education Planning Commission, ๑๙๘๕)

๑๕๕

๑.๒ การรับรองวิทยฐานะสถาบัน (Institutional Accreditation) โดยสมาคมการศึกษา
ระดับชาตแิ ละระดบั ภมู ิภาค ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ/องค์กรหลักในระบบการประกันคุณภาพการศึกษา
ของสหรัฐอเมริกาตั้ง ข้ึนจากการ ร วมตัวกันเองร ะ หว่าง กลุ่มส ถาบันอุดมศึกษาท่ีเป็น สมาชิกให้มี
มาตรฐานในระดบั เดียวกนั และลดการแทรกแซงโดยหน่วยงานของรัฐ โดยสมาคมการศึกษาระดับชิ
เน้นการตรวจสอบ และการรับรองวิทยฐานะระดับสถาบันท่ีจัดการเรียนการสอนเฉพาะสาขา ส่วน
สมาคมการศึกษาระดับภูมิภาคนั้น มีขอบเขตการดําเนินงานด้านการกํากับดูแลมาตรฐาน เฉพาะ
สถาบนั ทอ่ี ยใู่ นรฐั /ภมู ิภาคท่ีรับผิดชอบ (Council on Postsecondary Accreditation, ๑๙๙๐)

๑.๓ การรับรองวิทยฐานะสาขาวิชา (Program Accreditation) โดยสมาคมวิชาชีพมี
บทบาทอย่างมาก ต่อการกากับดูแลมาตรฐานการศึกษาต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกาถึงแม้ว่าจะไม่ มี
กฎหมายหรือข้อบังคับใดๆ ที่กําหนดให้สถาบันอุดมศึกษาจะต้องได้รับการรับรองวิทยฐานะจาก
สมาคมวชิ าชีพก็ตาม แต่ดว้ ยความเข้มแข็งของวชิ าชพี และความเก่ียวขอ้ งกบั สถานประกอบการต่างๆ
โดยตรงทําให้ข้อกําหนดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานการศึกษาเป็นสิ่งที่ทุกสถาบันจะต้องให้
ความสําคัญและจําเป็นต้องได้รับการรับรองวิทยฐานะจากสมาคม โดยมุ่งเน้นการพิจารณาให้การ
รับรองวิทยฐานะในระดับหลักสูตรของสาขาวิชาแต่ละวิชาชีพ หลัก โดยไม่เก่ียวข้องกับการรับรอง
ระดับ สถาบัน (Council on Postsecondary Accreditation, ๑๙๘๘)

๙.๓ ระบบการประกันคุณภาพการอุดมศกึ ษาของประเทศองั กฤษ

กลไกการประกันคุณภาพระดับอุดมศึกษาที่นับว่าสาคัญของประเทศอังกฤษ และมีผลต่อ
คุณภาพการศึกษาในระดบั อุดมศึกษาขององั กฤษ ได้แก่

๒.๑ การให้ความเห็นชอบหลักสูตรและการรับรองวิทยฐานะโดยสภาการประสาทปริญญา
แห่งชาติ (Council for National Academic Awards) ซ่ึงเป็นหน่วยงานของรัฐท่ีมีบทบาทหน้าที่
หลัก คือ ให้การรับรองมาตรฐานหลักสูตรและการให้ปริญญา ตลอดจนการกากับดูแล มาตรฐาน
การศึกษาอ่ืนๆของสถาบันอุดมศึกษาระดับโปลีเทคนิค และวิทยาลัยระดับอุดมศึกษาต่างๆท่ีไม่ใช่
มหาวทิ ยาลัย (Council for National Academic Awards, ๑๙๙๑)

๒.๒ การวางแนวปฏิบัติเก่ียวกับการรักษามาตรฐานการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย โดยสภา
อธิการบดี และผู้อํานวยการสถาบัน (Council of Vice – Chancellors and Principal) ซึ่งเป็น
องคก์ รอิสระท่ตี งั้ ขึ้นโดยการรวมตัวของมหาวิทยาลยั ในประเทศองั กฤษท่ีมีจุดประสงค์สําคัญ เพ่ือเป็น
สอื่ กลางในการประสานงาน ใหเ้ กดิ ขอ้ ตกลงระหว่างมหาวิทยาลัยทั้งหมดที่เก่ียวกับแนวปฏิบัติในการ
รกั ษามาตรฐานการศกึ ษาด้านตา่ งๆ ทีม่ หาวิทยาลัยท้ังหลายเหน็ พอ้ ง และถือปฏบิ ตั ริ ่วมกันการทํางาน

๑๕๖

ของสภาอธกิ ารบดีจึงอาศยั การสนับสนุนและเห็นพ้องต้องกันของประชาคมมหาวิทยาลัยมากกว่าจะ
อาศัยการบังคับดว้ ยกฎระเบียบ แนวปฏบิ ตั ิทีไ่ ดม้ ีการกาํ หนดเพ่ือมุ่งหวังให้เกิดความมีคุณภาพในการ
จัดการศึกษา ได้แก่ การตรวจสอบกลไกการควบคุมคุณภาพทางวิชาการภายใน (Academic
Auditing) แนวปฏิบัติเกี่ยวกับกรรมการสอบไล่ภายนอก การให้การรับรองมาตรฐานหลักสูตรแก่
สถาบนั สมทบ และการสง่ เสรมิ การมสี ่วนร่วมของหน่อยงานภายนอก (Williams, ๑๙๙๗)

๒.๓ การประเมินคุณภาพการเรียนการสอน โดยสภาการจัดสรรเงินงบปร ะมาณ
มหาวิทยาลัยสถาบันโปลีเทคนิคและวิทยาลัย (University Funding Council และ Polytechnic
and Colleges Funding Council) ซ่งึ มบี ทบาทสําคัญในการประกันคุณภาพการศึกษาของประเทศ
อังกฤษ เน่ืองจากในกระบวนการทางานด้านงบประมาณมีการนาแนวคิดเร่ืองการประเมินคุณภาพ
การศกึ ษาเขา้ ผสมผสานในการจดั สรรงบประมาณด้วย เพ่ือเป็นการประกันว่าเงินของประชาชนได้ใช้
ไปอย่างเหมาะสมในการอุดหนุนสถาบันท่ีจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ (U.F.C, ๑๙๙๒:P.C.F.C,
๑๙๙๒)

๒.๔ การพัฒนาดัชนีบ่งชี้สมรรถภาพ (Performance Indicators) โดยสภาการประสาท
ปริญญาและหน่วยงานต่างๆ การพัฒนาดัชนีบ่งช้ีสมรรถภาพเป็นแนวโน้มล่าสุดในวงการอุดมศึกษา
ของอังกฤษ เพ่ือช่วยส่งเสริมให้การประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาเป็นไปอย่างมี
ประสิทธภิ าพ โดยมีหน่วยงานที่เก่ียวข้องหลายแหง่ ตน่ื ตัวและเสนอแนวคดิ เกยี่ วกับดชั นหี ลัก ๑๒ ด้าน
คอื จํานวนนกั ศึกษา คุณสมบตั ินักศึกษา จาํ นวนบคุ ลากรทีใ่ ช้ในการจดั การศกึ ษา สัดส่วนนักศึกษาต่อ
บุคลากร ค่าใช้จ่ายในการศึกษา สถิติการจบการศึกษา สัมฤทธิผลของนัก เรียนศึกษา สถิติและการ
วิจัย เกี่ยวกับการจัดการศึกษา การพัฒนาบุคลากร ประสบการณ์ของบุคลากร เป็นเปูาหมายของ
บัณฑิต ใน ตลอดแรงงาน และทรัพยากรการเรียนรู้ (Council for National Academic Awards,
๑๙๙๐)

๑๕๗

๙.๔ ระบบการประกันคณุ ภาพการอุดมศกึ ษาของประเทศออสเตรเลยี

ระบบประกันสุขภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาในออสเตรเลีย (วันชัย ศิริชนะ, ๒๕๓๖)
เปน็ ระบบทใี่ ห้อิสระแกส่ ถาบันอุดมศึกษาค่อนขา้ งสงู โดยเฉพาะระดับมหาวิทยาลัย ซ่ึงคล้ายคลึง กับ
รูปแบบ ของประเทศอังกฤษ โดยมหี น่วยงานกลางประสานงานในระดับนโยบาย และการตดิ ตามผล
การศึกษา ได้แก่ สภาการศึกษาแห่งออสเตรเลีย (Australian Education Council.) หรือท่ี
ประชุมรัฐมนตรี การศึกษาของรัฐ/มณฑลต่างๆ ส่วนในด้านมาตรฐานการศึกษานั้นได้มีการจัดต้ัง
Register of Australian Tertiary Awards เป็นหน่วยงานที่กําหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานการศึกษา
เพื่อเป็นกรอบ อ้างอิง หรือแนวทางอย่างกว้างสําหรับมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาตลอดจน
หน่วยงาน การศึกษาของรัฐ และมณฑลต่างๆ ใช้เป็นแนวปฏิบัติร่วมกันในการดูแลมาตรฐาน
การศึกษา ระบบการ ประกนั คุณภาพอุดมศึกษาของออสเตรเลยี ประกอบดว้ ย

๑) การศึกษาเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรท่ีกําหนดโดย Register of Australian Tertiary
Awards

๒) บทบาทในการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาของท่ีประชุม อธิการบดีของออสเตรเลีย โดย -
การวางแนวปฏิบตั เิ กยี่ วกบั กลไกการประกันคุณภาพในกระบวนการพัฒนาและปรบั ปรุง หลกั สตู รของ
มหาวิทยาลยั (Australian Vice – Chancellors’ Committee, ๑๙๙๒) – การ พัฒนากลไกการ
ประเมินผลในรปู คณะกรรมการตรวจสอบมาตรฐานทางวชิ าการ (Dow, ๑๙๙๒)

๙.๕ ระบบการประกนั คุณภาพการอุดมศึกษาของประเทศญยี่ป่นุ

ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาในประเทศญี่ปุน เป็นระบบที่เน้น
บทบาทของหน่วยงานกลางของรัฐค่อนข้างมาก โดยม่ังให้การกํากับดูแลมาตรฐานการศึกษาเป็นไป
อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ในการนห้ี นว่ ยงานกลาง ได้แก่ กระทรวงการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม
(Ministry of Education Science and Culture - MONBUSHO) เปน็ หนว่ ยงานหลักในการกําหนด
มาตรฐานการศึกษา และติดตามดูแลการจัดการศึกษาให้เป็น ไปตามมาตรฐานที่กําหนด โดย
โครงสร้าง การบริหารการศึกษาของประเทศญ่ีปุนแล้ว กระทรวงศึกษาธิการทําหน้าท่ีเป็นองค์กร
บริหารสูงสุดท่ี

กาํ กบั ดแู ลการดาํ เนนิ การจดั การศกึ ษาทุกระดบั รวบรวมถึงการตดิ ตามการจดั การศึกษาใน
ระดับจังหวัด และเมืองต่างๆด้วย ดังน้ันองค์การบริหารส่วนจังหวัดและองค์การบริหารส่วนท้องถ่ิน
จึงมีหน้าที่ ติดตามกํากับดูแลสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดของตนให้เป็นไปตามมาตรฐานที่
กระทรวงศกึ ษาธิการ กําหนดและมีหน้าท่ีรายงานผลการจัดการศึกษาให้กระทรวงศึกษาธิการทราบ

๑๕๘

เป็นระยะๆ (Ministry of Education Science and Culture,๑๙๙๐) นอกจากนี้ยังมีองค์กรอิสระ
เพ่ือทําหน้าทีด้านมาตรฐานการศึกษาคู่ขนานไปกับ กระทรวงศึกษาธิการด้วย ได้แก่ สมาคมรับรอง
วิทยฐานะมหาวิทยาลัยญ่ีปุน (Japanese University Accreditation) ซึ่งให้การรับรองวิทยฐานะแก่
มหาวทิ ยาลยั ตา่ งๆ ตามความสมัครใจ ไมบ่ ังคับเหมือน กลไกของกระทรวงศึกษาธิการแต่เป็นองค์กร
กลางที่ช่วยประสานให้เกิดการประเมนิ และประกันคณุ ภาพการศึกษาขน้ึ ในระบบอุดมศึกษาของญ่ีปุน
(Department of Employment, Education and Training, ๑๙๙๑)

๙.๖ การพัฒนามาตรฐานการศกึ ษาของตา่ งประเทศ
มาตรฐานการศึกษาของประเทศในทวปี อเมริกายุโรป และออสเตรเลยี
เพื่อทําความเข้าใจเชิงเปรียบเทียบเก่ียวกับมาตรฐานการศึกษาของประเทศต่าง ๆ ที่มี

มาตรฐานการศึกษาในระดับสูง จึงได้เลือกศึกษาแบบเจาะจง รวม ๑๐ ประเทศ ซ่ึงต้ังอยู่ใน
หลากหลายภูมภิ าคของโลก ประเทศท่ีมีวัฒนธรรมแบบตะวันตก คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดาสหราช
อาณาจักร ฟินแลนด์ และนิวซีแลนด์โดยศึกษาจากเอกสารเกี่ยวกับระบบการศึกษาการบริหาร
การศึกษา และมาตรฐานการศึกษาของชาติ

จากการศึกษามาตรฐานการศึกษาของ 10 ประเทศ สรุปได้ดังนี้ การเปรียบเทียบแนว
ทางการพัฒนามาตรฐานการศึกษาแห่งชาติของประเทศต่าง ๆ ที่เป็นกรณีศึกษา 10 ประเทศ พบว่า
ทุกประเทศมุง่ พัฒนามาตรฐานการศกึ ษาให้สูงขึ้น โดยเทียบเคียงกับผลการสอบวัดความรู้และทักษะ
การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ขององค์การความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ ( OECD)
และสมาคมนานาชาติเพอ่ื การประเมนิ ผลสัมฤทธ์ิทางการศึกษา (IEA) หรือข้อสอบ PISA และ TIMSS
โดยการปฏริ ูปหลักสูตรการศกึ ษากอ่ นระดับประถมศกึ ษา ประถมศกึ ษาและมัธยมศึกษา ให้สอดคล้อง
กับแนวการสอบ PISA และ TIMSS ซึ่งให้ความสําคัญกับทักษะจําเป็นซ่ึงเป็นพ้ืนฐานของการเรียนรู้
คอื การอ่านและการเขียนภาษาประจาํ ชาติ การคิดเลขและคณิตศาสตร์ ในระดับการศึกษาภาคบังคับ
ส่วนในระดับหลังภาคบังคับก่อนอุดมศึกษา (มัธยมศึกษาตอนปลาย) จะมุ่งพัฒนามาตรฐานด้าน
วทิ ยาศาสตรศ์ ึกษาด้วย และบางประเทศกาํ ลงั พฒั นามาตรฐานดา้ นคอมพิวเตอร์และสารสนเทศศึกษา
ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายด้วย เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกาสําหรับการเปรียบเทียบมาตรฐาน
การศึกษาโดยพิจารณาจากหลักสูตรแห่งชาติใน 10 ประเทศ พบว่า 8 ประเทศ ใน 10 ประเทศ
กําหนดมาตรฐานหลักสูตรแห่งชาติเพ่ือการพัฒนาพลเมืองท่ีมีพัฒนาการสมดุลทุกด้าน มีทักษะ
พืน้ ฐานที่จาํ เปน็ สําหรับการเรยี นร้แู ละการดํารงชวี ิต ในโลกแห่งการเปลีย่ นแปลงของโลกาภิวัตน์ และ
มคี ุณลักษณะและคา่ นยิ มที่พึงประสงค์ของสงั คมซ่งึ มคี วามแตกตา่ งกนั ไปตามบรบิ ท และประวัติความ
เป็นมาของแต่ละประเทศ แตท่ กุ ประเทศที่มีหลักสูตรแห่งชาติ ต่างเน้นทักษะการเรียนรู้แห่งศตวรรษ
ท่ี 21 ซึ่งได้แก่ การคิดริเริ่มสร้างสรรค์การคิดเชิงวิพากษ์ ความร่วมมือ ความสามารถในการสื่อสาร

๑๕๙

ทักษะชีวิตทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ทักษะภาษาท่ีหลากหลาย ทักษะการแก้ปัญหาและ
คณิตศาสตร์ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และเน้นคุณลักษณะด้านจริยธรรมทางสังคม ซึ่งมีท้ังแบบอิง
ศาสนาและเป็นกลางทางศาสนารวมทั้งการอนุรักษ์ส่งิ แวดล้อมและธรรมชาติ เพอื่ ความยัง่ ยืนของโลก

๙.๗ การพฒั นามาตรฐานการศึกษาของสหรฐั อเมริกา
ประเทศสหรฐั อเมริกา เป็นผู้นําของโลกทางเศรษฐกิจและการทหารมีความหลากหลายด้าน

เชื้อชาติ แต่มีกฎหมายเรื่องสิทธิมนุษยชนเพ่ือต่อต้านการแบ่งแยกเช้ือชาติผิวพรรณ ประชากรใน
สหรัฐอเมริกาประกอบดว้ ย ชาวผิวขาว ชาวผิวดํา ชาวเอเชีย ชาวพื้นเมือง อินเดียนแดงและอลาสก้า
ชาวพ้นื เมืองฮาวายและชาวเกาะในมหาสมุทรแปซิฟกิ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของ ๓๑ มลรัฐ
และวิกฤตเศรษฐกิจเม่ือปี ค.ศ.๒๐๐๘ เป็นส่ิงท้าทายที่รุนแรงมาก เหตุการณ์ ๙/๑๑ ก็ยังเป็นสิ่งที่
สะเทือนขวญั และส่ันคลอนอาํ นาจของสหรัฐอเมริกาอย่ไู มน่ ้อย แต่ขีดความสามารถในการแข่งขันของ
สหรฐั อเมริกา เม่อื ปี ค.ศ.๒๐๑๔-๒๐๑๕ กาํ ลงั กลับมาเปน็ อันดบั ท่ี ๓ ของโลก ในหลายด้าน บริษัทใน
สหรฐั อเมรกิ ามีความละเอยี ดและมนี วัตกรรมสูง และได้รบั การสนบั สนุนจากระบบมหาวิทยาลัยที่เป็น
เลิศซ่ึงร่วมมือกับภาคธุรกิจอย่างน่าชื่นชมยิ่งในการวิจัยและพัฒนา (R&D)รวมท้ังตลาดแรงงานท่ี
ยืดหยนุ่ และขนาดของเศรษฐกจิ ภายในทใ่ี หญท่ ี่สดุ ในโลก

๑๖๐

ระบบการศกึ ษา และการบรหิ ารการศึกษา
ระบบการศึกษาในสหรฐั อเมริกาแตกต่างกันไปในแตล่ ะมลรัฐ เน่อื งจากรฐั ธรรมนูญบัญญัติให้

การศึกษาเป็นสิทธิข้ันพ้ืนฐานสําหรับทุกคน มลรัฐมีหน้าท่ีรับผิดชอบในการคุ้มครองสิทธิดังกล่าว
ระบบโรงเรยี นส่วนใหญ่ใชเ้ วลาเรยี น ๑๒ ปี จํานวนปขี องการศกึ ษาภาคบังคบั ข้ึนอยกู่ ับแต่ละมลรัฐแต่
ส่วนใหญ่จะบังคับต้ังแต่อายุ ๕-๖ ขวบ จนถึงอายุ ๑๖ ปี บางมลรัฐให้เข้าเรียนจนถึงอายุ ๑๘ ปี
โรงเรียนรัฐบาลจัดการศึกษาแบบให้เปล่าและไม่สอนศาสนาใดศาสนาหนึ่ง โรงเรียนเอกชนอาจจะ
สอนศาสนาแตน่ ักเรยี นจะต้องเสียคา่ เลา่ เรยี นในปัจจบุ ัน มลรัฐตา่ ง ๆ ของสหรฐั อเมริกา จัดการศึกษา
ปฐมวัย (แรกเกิดถึง ๕ ขวบ) โดยแบ่งออกเป็น ๒ รูปแบบ คือ สถานดูแลเด็ก (Day Care) และ
โรงเรียนก่อนประถมศึกษา (Pre-schools, Pre-K, Pre-kindergarten) โดยสถานดูแลเด็กเน้นการ
ดแู ลเดก็ ทีพ่ อ่ แมไ่ ม่สามารถเลีย้ งดเู ด็กได้ด้วยตนเอง สว่ นโรงเรียนก่อนประถม เป็นการจัดส่ิงแวดล้อม
การเรียนรู้แบบช้ันเรียนเพื่อให้เด็กคุ้นเคยกับการเข้าโรงเรียน ต้ังแต่อายุประมาณ๓ ขวบ เน้นการ
พัฒนาสงั คม ร่างกายอารมณ์ และสิตปัญญา และมักจะมีมาตรฐานการสอนและหลักสูตรกําหนดให้
ดําเนินการ บางแหง่ มีการนําแนวการสอนแบบพเิ ศษมาใช้ เชน่ มอนเตสซอร่ี วอลดอรฟ์ เป็นตน้

การบรหิ ารการศกึ ษา
การศกึ ษาในสหรฐั อเมริกาอยใู่ นความรับผดิ ชอบของรัฐบาลมลรัฐและรัฐบาลท้องถิ่น รัฐบาล

กลางจะมีส่วนสนับสนุนงบประมาณเพียงไม่ถึงร้อยละ ๑๐ แต่ละมลรัฐจะมีหน่วยงานบริหารการ
ศึกษาธิการของตนเองเรียกว่า Department of Education ซ่ึงจัดให้กับทุกคนต้ังแต่ชั้นอนุบาลถึง
มัธยมศึกษาตอนปลาย และในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยของมลรัฐทั้งนี้ หลักสูตร งบประมาณ และ
นโยบายการศึกษาในระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ถูกกําหนดโดยคณะกรรมการเขตพ้ืนที่
การศกึ ษา

๑๖๑

มาตรฐานการศกึ ษาของชาติ
การกาํ หนดมาตรฐานการศึกษาโดยมลรฐั

การกําหนดมาตรฐานการศึกษาในสหรัฐอเมริกา เป็นบทบาทของรัฐบาลระดับมลรัฐ และมักจะ
กําหนดเป็นวัตถุประสงค์การเรียนรู้อย่างกว้างหรือกําหนดเป็นผลลัพธ์เชิงพฤติกรรม (Behavioral
Outcome) หรือเปาู หมายสงู สดุ (Lofty Goals)

การเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น มักจะเรียนวันละ ๖.๕ - ๗ ช่ัวโมง
แต่ถ้าผู้ปกครองต้องการให้เรียนพิเศษหลังเลือกเรียนหรือก่อนเข้าเรียน จะมีบริการสอนพิเศษแบบ
เกบ็ คา่ ใชจ้ ่ายจากผ้ปู กครองเรยี กว่า School-Age Child Care ส่วนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายใช้
เวลาเรียนเฉลยี่ วันละ ๗.๕ ชวั่ โมง และกําหนดจาํ นวนหน่วยกิตข้ันตํา่ ที่ทุกคนจะต้องเรียน แต่ไม่มีการ
สอบปลายปี แบบท่ีเรียกว่า Final Examination เหมือนในประเทศไทยหรืออีกหลายประเทศ
นักเรียนทจ่ี บมัธยมศึกษาตอนปลาย จะไต้รับประกาศนียบัตร (High School Diploma) ซ่ึงสามารถ
นาํ ไปใช้สมคั รเข้าเรียนต่อ
มาตรฐานการรบั เข้าศึกษาต่อ

สถาบนั อุดมศกึ ษาบางแห่ง อาจจะพิจารณารับเข้าเรียนโดยดูจากคะแนนเฉลี่ย (GPA) ในช้ัน
มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย นกั เรียนชัน้ ปที ี่ ๑๒ (เทียบไดก้ บั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ ในประเทศไทย) มักจะสอบ
วัดความรู้โดยใช้ข้อสอบที่เรียกว่า SAT's (Scholastic Aptitude Tests) หรือ ACTs (American
College Tests) เพื่อนาํ ผลไปใช้ประกอบการพิจารณาเข้าเรียนต่อวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยข้อสอบ

๑๖๒

SAT ซ่ึงมีการดําเนินงานมาตังแต่ปี ค.ศ.๑๙๐๑ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น SAT Reasoning Test เม่ือปี
ค.ศ.๒๐๐๕ ซง่ึ มีการวัดความรู้และทกั ษะ ๓ ดา้ น คือ คณิตศาสตร์ การอ่านเชิงวิพากษ์ และการเขียน
(Math,Critical Reading, and Writing)

การพัฒนามาตรฐานการศึกษาเพือ่ ใชร้ ่วมกนั ทั้งประเทศ
นักการศึกษาของสหรฐั อเมริกาหลายสถาบนั พยายามที่จะพัฒนามาตรฐานการศึกษาเพื่อใช้

รว่ มกันท้งั ประเทศ เพราะมีความเชื่อว่า มาตรฐานเป็นเครื่องมือเบื้องต้นในการปฏิรูปการศึกษาของ
ทั้งประเทศ นกั การศกึ ษาและผู้กาํ หนดนโยบายการศึกษาควรจะกําหนดผลลัพธ์ท่ีพึงประสงค์ที่ชัดเจน
และเชอื่ มโยงกบั วิธีการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ (National Research Council ๒๐๐๑) สถาบัน
ต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับเร่ืองนี้ เช่น อเมริกันอะคาเดมี เพื่อเทียบเคียงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
โดยการทดสอบออนไลน์ (American Academy for the Advancement of Science's
Benchmarks Online หรือ Project ๒๐๖๑'s Benchmark for Science Literacy) เพื่อปฏิรูป
วทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยศี ึกษาในระดับอนุบาลถึงมธั ยมศึกษาตอนปลาย

มาตรฐานร่วมของมลรัฐ (Common Core State Standards Initiative)เป็นมาตรฐาน
ความรู้ที่นักเรียนต้ังแต่ช้ันอนุบาลจนถึงชั้นปีที่ ๑๒ พึงมีจัดทําโดย The National Governors
Association (NGA) ร่วมกับสภาผู้บริหารโรงเรียนของมลรัฐ (Council of Chief State School
Officers หรือ CCSSO) โดยให้ศูนย์ความเป็นเลิศของสมาคมผู้ว่าการแห่งชาติ(The National
Governors Association Center for Best Practice)และสภาผู้บริหารโรงเรียน (Chief State
School Officers) ร่วมมือกับครู ผู้บริหารโรงเรียน และผู้เช่ียวชาญ พัฒนามาตรฐานการศึกษาที่จะ
นาํ มาใช้ร่วมกัน มีการนิยามและกาํ หนดกรอบมาตรฐาน เพ่อื ใช้ในการเตรียมเต็กเข้าศึกษาต่อหรือเข้า
สู่วิชาชพี หลังจากจบมธั ยมศึกษาตอนปลายข้อมูลเม่ือปี ค.ศ.๒๐๑ ๑ แสดงว่า ๔๕ มลรัฐ และเขตการ
ปกครองวอชิงตัน (Washington D.C.) นํามาตรฐานนไี้ ปใช้ ประกอบดว้ ย มาตรฐานด้านภาษาอังกฤษ
(Language Arts Standards) ซงึ่ วดั ทักษะ ๕ ด้าน คอื การอ่าน การเขียน การพูด การฟัง และการใช้
ภาษา และมาตรฐานด้านคณิตศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วย การฝึกฝนทางคณิตศาสตร์ และเน้ือหาสาระ
ทางคณิตศาสตร์ (ร ายละ เอียดใน ดร.สมหวั ง พิ ธิยานุวัฒน์ และ คณะ , ๒ ๕๕๘ .
จาก http://www.corestandards.org)

การวิจัยเพื่อการศึกษาและเรียนรู้เพ่ือเป็นข้อมูลการจัดการศึกษาแบบมุ่งมาตรฐาน (Mid-
Continent Research for Education and Learning's Resources for Standards-Based
Education) เรียกยอ่ วา่ McREL ซึ่งรว่ มมือกบั องค์กร โรงเรยี น เขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา และมลรัฐต่าง ๆ

๑๖๓

การรายงานผลการเรียนในระดับชาติ (The National ReportCard - National Assessment of
Education Progress - NAEP) เป็นรายงานเกี่ยวกับผลการศึกษาของนักเรียนท้ังประเทศและของ
กลุ่มย่อยตา่ ง ๆ ท้งั โรงเรยี นรฐั บาลและเอกชน เปรียบเทียบกนั ในชั้นปที ี่ ๙, ๘ และ ๑๒

มาตรฐานการศกึ ษาของแต่ละวิชา (Subject Standards) พฒั นาขึ้นโดยองคก์ รต่าง ๆ ใน
ระดับชาติที่สนับสนุนการเรียนการสอนวิชานั้นเช่น วิชาศิลปะและดนตรี และจัดพิมพ์ในชื่อ The
National Core Arts Standards ครอบคลุมเนื้อหาของวิชาต้นรํา ศิลปะมิเดีย ดนตรี การละครและ
ศิลปะเสมือน วิชาหน้าที่พลเมือง (Civic) จัดทําเว็บไซต์เพ่ือพัฒนาการเรียนการสอนและยกระดับ
มาตรฐานวิชาหน้าท่ีพลเมือง โดย The Center for Civic Education ซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับเครือข่าย
พลเมืองและรัฐบาลของมลรัฐต่าง ๆ รวมทั้งโปรแกรมทางนิติศาสตร์ซึ่งได้รับการอุดหนุนจากสมาคม
และมูลนิธิ วิทยาลัย มหาวิทยาลัย และองค์กรพัฒนาเอกชนต่าง ๑ ท่ีสนับสนุนการเรียนการสอน
เก่ียวกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชน วิชาเศรษฐศาสตร์ (Economics)จัดทํา
มาตรฐานร่วมสําหรับวิชาเศรษฐศาสตร์และดาวน์โหลดไว้ในเว็บไซต์ของ สภาเศรษฐศาสตร์ศึกษา
(Council for Economic Education หรอื CEE) เป็นต้น

๑๖๔

๙.๘ การพัฒนามาตรฐานการศึกษาของแคนาดา

ประเทศแคนาดาต้ังอยู่ในทางเหนือของทวีปอเมริกาเหนือมีกษัตริย์เป็นประมุข ปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา (Parliamentary Democracy) มรี ปู แบบของเขตการปกครอง
แบบสมาพันธรัฐ (Confederation) แบ่งเขตการปกครองออกเป็น ๑๐ รัฐ/จังหวัด (Province) และ
๓ เขตปกครองพเิ ศษ ประเทศแคนาตาต้องการที่จะพัฒนาแหล่งทรัพยากรทางพลังงานและพยายาม
จะรกั ษาสภาพสง่ิ แวดลอ้ มทางธรรมชาติให้อยู่ในสภาพดี การปฏิรูปหลังจากส้ินสุดสงครามโลกครั้งที่
๒จนถงึ ปัจจบุ ัน ทําใหป้ ระเทศแคนาดาเปลย่ี นแปลงจากเศรษฐกิจแบบสังคมชนบทเป็นสังคมเมือง ซ่ึง
พงึ่ พาอตุ สาหกรรม และมคี วามเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอันดับที่สิบของโลก และเป็นประเทศที่มีการ
สง่ ออกและนาํ เข้ามากทส่ี ุดในโลประเทศหนงึ่

๑. ระบบการศึกษาและการบริหารการศึกษาการศึกษาของแคนาดาอยู่ในความ
รับผิดชอบของกระทรวงศึกษาธิการของแต่ละรัฐและเขตปกครองพิเศษ ดังน้ันระบบการศึกษาจึงมี
ความแตกตา่ งกนั แตด่ ้วยการประสานความร่วมมือทางด้านวิชาการของคณาจารย์และสถาบันต่าง ๆ
รวมทง้ั คณะกรรมการบริหารการศึกษา ทําให้การศึกษาทั่วทั้งแคนาดามีมาตรฐานสูง ระดับเดียวกัน
และมีการจัดระบบการศึกษาคล้ายคลึงกัน ระบบการศึกษาของแคนาดาประกอบด้วย
สถาบันการศกึ ษาทั้งของรัฐและเอกชน ต้ังแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา ถึงระดับมหาวิทยาลัย แต่

๑๖๕

ละมหาวิทยาลัยจะมีมาตรฐานของตนเอง โดยส่วนใหญ่จะดูความสามารถทางต้านภาษาสําหรับ
นกั ศกึ ษาตา่ งชาตจิ ากผลคะแนนTOEFL หรือ ITELTS โดย TOEFL ต้องมคี ะแนนอยา่ งตํา่ ๕๕๐
การบรหิ ารการศกึ ษา

ประเทศแคนาดา มีระบบบริหารการศึกษาที่กระจายอํานาจไปยังรัฐหรือเขตปกครองต่าง ๆ
คล้ายในสหรัฐอเมริกา และไม่มีกระทรวงศึกษาธิการในระดับชาติ แต่มีรัฐบาลของ ๑๐ รัฐ และ ๓
เขตการปกครองพิเศษ เรียกว่าProvincial and Territorial Governments รับผิดชอบการพัฒนา
หลักสูตรกาํ หนดนโยบายและรเิ ริ่มการบริหารการศึกษาของรัฐหรือเขตการปกครองน้ัน ๆ โดยแต่ละ
รฐั และเขตการปกครองมีกระทรวงศกึ ษาธกิ ารของตนเอง

๒. มาตรฐานการศึกษาของชาติ
ประเทศแคนาด่า มีผใู้ หญ่ท่ีจบระดับวิทยาลัยมากที่สุดในโลก และเป็นประเทศผู้นําด้านการ
อุดมศึกษา ท่ีมีอัตราการเข้าเรียนสูงและมีความสามารถในการผลิตแรงงานมีทักษะ ท่ีมีผลดีต่อ
ตลาดแรงงาน แตก่ ารมีผู้เรียนในระดบั วิทยาลัยมากท่ีสดุ ยังไม่เพยี งพอสาํ หรับการแข่งขันในเศรษฐกิจ
ของโลกในอนาคต เพราะแม้ว่าจะอย่ใู นกลมุ่ ท่ีมคี ะแนนสงู เมอื่ เปรียบเทยี บคะแนนสอบแขง่ ขันระหวา่ ง
ประเทศท่เี ปน็ ผู้นําทางเศรษฐกิจ ก็ยังต่ํากว่าของเกาหลีใต้ ญี่ปุน จีนฮ่องกง จีนเซ่ียงไฮ้ และสิงคโปร์
(PISA ปีค.ศ. ๒๐๑๒)

๒.๑ มาตรฐานการศึกษาของจังหวัดหรือเขตปกครองพิเศษ ในปีค.ศ.๑๙๙๙ สภารัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (CMEC) ได้ประกาศกฏบัตรทางการศึกษา เรียกว่า Victoria Declaration เน้น
เปูาหมายสําคัญคอื การพฒั นาพลเมืองทไี่ มเ่ พยี งแต่จะมีพฒั นาการด้านส่วนตัวแต่จะต้องมีการพัฒนา
ที่สอดคล้องกบั เปาู หมายทางสงั คมและเศรษฐกิจของประเทศ และกําหนดเปูาหมายท่ีสามารถปฏิบัติ
ได้จริง ความร่วมมือกันในการพัฒนาหลักสูตรและปฏิบัติการที่เป็นเลิศ การขยายการศึกษาต่ อ
อดุ มศึกษา สง่ เสรมิ การวจิ ัยท่ีใช้นโยบายเป็นฐานมากข้ึน และเชื่อมต่อกันมากขึ้นระหว่าง CMEC กับ
รฐั บาลกลาง นโยบายสาํ คญั อยา่ งหนึ่งของCMEC คือ การใช้หลักสูตรเดียวกันในโรงเรียนทั้งหลายทั้ง
ปวง และการเลือกสรรคนเก่งเข้ามาเรียนรู้ในแต่ละจังหวัด โดยเน้นการบูรณาการบุตร หลานของผู้
อพยพใหม้ ากข้นึ ออนตาริโอ เป็นรัฐหนงึ่ ท่ปี ระสบความสําเร็จในการยกระดับมาตรฐานการศึกษา โดย
นํากลยุทธ์ความสําเร็จของนักเรียน (Student SuccessStrategy มาใช้เน้นการค้นพบจุดอ่อนของ
นักเรยี นได้อยา่ งรวดเรว็ รีบใหค้ วามชว่ ยเหลือพิเศษ และให้โอกาสเรียนซอ่ มเสริมแบบตัวต่อตัว และมี
การเพิมประกาศนียบัตร ซึ่งภาคอุตสาหกรรมรับรอง ให้แก่นักเรียนที่จบมัธยมศึกษาตอนปลาย ๑๘
สาขาวิชา ท่ีสอบผ่านด้านเทคนิคศึกษา เป็นต้นรัฐบริติชโคลัมเบีย จัดการศึกษาระดับอนุบาลถึง
ประถมศึกษาปีท่ี ๕โดยให้เรียน ๔ หมวดวิชา คือ (๑) การอ่าน การเขียนและการคิดเลข (๒)สังคม

๑๖๖

ศึกษา (๓) วิทยาศาสตร์ และ (๑) การเรียนรู้จากประสบการณ์ในระดับนใี้ ห้เรียนกับครปู ระจําช้ัน ส่วน
ในมัธยมศึกษาตอนตัน (เกรด ๖-๘) จัดการเรียนการสอน ๔ หมวดวิชา คือ (๑) การอ่าน การเขียน
และคณิตศาสตร์ (๒)สังคมศึกษา (๓) วิทยาศาสตร์ และ (๔) การค้นคว้า หรือ Explorationsโดยให้
เรียนกับครปู ระจาํ วิชาและครูประจาํ ศูนยก์ ารเรียน เม่อื ข้ึนไปในระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (เกรด ๙
ถึง ๑๒) ให้เรียนหลักสูตร GraduationProgram มีรายวิชาซ่ึงเป็นวิชาการ ๖ วิชา เรียกว่า
Academics ไดแ้ ก่ (๑)ภาษาอังกฤษ (๒) คณติ ศาสตร์ (๓) เทคโนโลยี (๔) เคมี (๕) ชีววิทยา (๖)ฟิสิกส์
และหมวดวิชาสังคมศาสตร์ (Social Sciences) และมีวิชาเลือกด้วยแล้วใหม่การสอบในระดับรัฐ/
จงั หวดั คอ AP courses และ IB coursesวสิ ัยทศั นก์ ารศกึ ษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คือ สร้าง
คา่ นยิ มความนบั ถอื ผู้อนื่ ความเชื่อมน่ั การครองตนอย่างมเี กียรติ ซื่อสัตย์ มีจริยธรรมและการทํางาน
เปน็ ทีม

๒.๒ การทดสอบมาตรฐานการศึกษาระดับจังหวัด/รัฐ ในรัฐออนตารีโอมีหน่วยงานทดสอบ
มาตรฐานการศึกษา ช่ือ Education Quality andAccountability Office (EQAO) เพื่อทําหน้าที่
บริหารการทดสอบมาตรฐานหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ (๑) การทดสอบทักษะการอ่านเขียนและ
คณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ เรียกชื่อว่า The Assessment ofReading, Writing and
Mathematics, Primary Division (Grades ๑-๓)(๒) การทดสอบทักษะการอ่าน เขียน คณิตศาสตร์
สําหรับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ เรียกว่า Grade ๖ Junior Division Assessment (๓) การทตสอบ
ทกั ษะคณติ ศาสตรช์ ั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ เรียกว่า Grade ๙ Assessment ofMathematics และ (๔)
การทดสอบทักษะการอ่านเขียนระดับมัธยมศึกษาเรียกว่า The Ontario Secondary School
Literacy Test (OSSLT)เป็นการวดั วา่ ไดม้ าตรฐานขน้ั ต่ําสุดของการอ่านและการเขียนวิชาต่าง ๆท่ีได้
เรยี นมาจนถงึ ปลายปขี องช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ เพื่อรับประกาศนียบัตรระดับมัธยมศึกษา ซ่ึงเรียกว่า
Ontario Secondary School Diploma

๒.๓ การทดสอบมาตรฐานการศึกษาของชาติและนานาชาติ กรณีจังหวัดออนตาริโอ หน่วยงาน
บริหารการสอบ (EQAO) จัดสอบ Pan CanadianAssessment Program (PCAP) ซ่ึงเป็นการสอบ
ระดับชาติ และจัดสอบTIMSS, PIRLS, PISA และสอบทักษะคอมพิวเตอร์และสารสนเทศศึกษา
เรียกว่า The International Computer and Information LiteracyStudy (ICILS) ซึ่งเป็นระดับ
นานาชาติ ข้อสอบ aPCAPก เปน็ โปรแกรมการทดสอบมาตรฐานวัดทักษะการอ่าน คณิตศาสตร์ และ
วิทยาศาสตร์ทุก ๓ ปี วัดจากนักเรียนเกรด ๘ ริเร่ิมโดย สภารัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ(CMEC)
เริม่ จดั สอบเมอื่ ปี ค.ศ.๒๐๐๗

๑๖๗

๙.๙ การพฒั นามาตรฐานการศึกษาของสหราซอาณาจกั ร
ประเทศสหราชอาณาจักร (United Kingdom) อังกฤษ (England)เวลส์ (Wales) และสก็อต

แลนด์ (Scotland) เกาะไอร์แลนด์เหนือ(Northern Ireland) เป็นประเทศอุตสาหกรรมประเทศแรก
ของโลกและเปน็ มหาอาํ นาจอนั ดบั หนง่ึ ของโลกในครสิ ต์ศตวรรษท่ี ๑๙ และ ๒๐

๑๖๘

๑. ระบบการศึกษาและการบรหิ ารการศกึ ษา
ระบบการศึกษาของสหราชอาณาจกั ร แบง่ ออกเป็น ๕ ระดับ คือระตับปฐมวัย (Early Years

Education) ระตับประถมศึกษา (PrimaryEducation) ระดับมัธยมศึกษา (Secondary Education)
ระดับตอ่ เนื่อง(Further Education หรือ FE) และระดบั อุดมศึกษา (Higher Educationหรือ HE) ซ่ึง
เป็นการศึกษาภาคบังคับในช่วงอายุ ๕ ขวบ (ในไอร์แลนด์เหนือเริ่มต้ังแต่ ๔ ขวบ) ถึง อายุ ๑๖ ปี
การศึกษาต่อเนื่อง (FE) ไม่เป็นภาคบังคับและครอบคลุมการศึกษาท่ีไม่ถึงขั้นก้าวหน้า (non-
advanced education)ซ่ึงสามารถเรียนได้ในวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษา ส่วนการศึกษาใน
ระดับอุดมศึกษา จะสูงกว่าระดับท่ัวไป ซึ่งเรียกว่า GCE A levels หรือเทียบเท่าการศึกษาระดับ
ปฐมวยั (Early Year Education) ตั้งแต่เดือนกันยายนค.ศ.๒๐๑๐ รัฐบาลอังกฤษได้ออกกฎหมายให้
เด็กอายุ ๓ และ ๔ ขวบเข้าเรียนฟรีในชั้นเตรียมอนุบาล (Free Nursery Education) ปีละ ๓๘
สัปดาห์เนื่องจากได้ประกาศกฎหมายการศึกษา The EducationiAct(ค.ศ.๒๐๐๒)ขยายหลักสูตร
แห่งชาติสําหรับอังกฤษให้ครอบคลุมระดับพ้ืนฐานในช่วงก่อนประถมศึกษาในอังกฤษมีโรงเรียน
มัธยมศึกษาหลายประเภท ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลท้องถ่ิน โรงเรียนมัธยมศึกษาแบบผสม
(ComprehensiveSchools) มักจะรับเด็กเข้าเรียนโดยพิจารณาจากถ่ินฐานท่ีอยู่แต่โรงเรียน
ประเภทอะคาเตมี (Academies) ซึ่งมีอิสระมากกว่าในการที่จะคิดนวัตกรรมใหม่ ๆ และยกระดับ
มาตรฐานการศึกษาได้ถูกนํามาใช้เพื่อทดแทนโรงเรียนท่ีมีผลการเรียนต่ํา มีกฎหมายขยายอะคาเดมี
เรียกวา่ Academies Act (ค.ศ.๒๐๑๐) เปิดโอกาสใหโ้ รงเรียนประเภทต่าง ๆ สมัครเข้าโครงการ เพื่อ
ยกระดับเป็นอะคาเดมี ในช่วงแรกเป็นโรงเรียนที่ได้รับการประเมินจาก Ofsted ให้อยู่ในระดับเป็น
เลิศ (Outstanding ได้รับการจัดตั้งเป็นอะคาเตมีเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ.๒๐๑๐ ในเวลส์ โรงเรียน
มัธยมศึกษารับเด็กตั้งแต่อายุ ๑๑ ปีจนจบระดับการศึกษาภาคบังคับเป็นอย่างตํ่า ในสก็อตแลนด์
โรงเรยี นมธั ยมศึกษาเป็นแบบประสมมีระยะเวลาเรียน ๖ ปี ในพ้ืนท่ีห่างไกลหลายแห่ง เรียนเพียง ๒
ปี หรือ ๔ ปี ในไอร์แลนด์เหนือ การศึกษาหลังระดับประถมศึกษา เรียกว่า Post-Primary
Education เป็นภาคบังคับ ๕ ปีและการศึกษาต่อเน่ืองหลังภาคบังคับ อีก ๒ ปี ถ้าต้องการเรียนต่อ
เพื่อสอบGCSE (General Certificate of Secondary Education) หรือ ระดับ ๒-๓(Level ๒
courses to Level ๓)

ในสหราชอาณาจกั ร นกั เรียนชน้ั ปีสดุ ทา้ ยของระดับมธั ยมศึกษา มักจะเข้าสอบกับหน่วยสอบ
กลาง เช่น สอบ GCSE ในอังกฤษ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ และสอบ Standard Grades ในสก็อต
แลนด์ ซึ่งแบ่งเป็น ๒ เกรด คือ เกรดมาตรฐานชาติ (National Qualifications (NO)Standard
Grade) และเกรดสูงกว่ามาตรฐานชาติ (NO Higher Grade)การศึกษาต่อเนื่อง (Further
Education) คือ การศึกษาทุกรูปแบบท่ีไม่เน้นวิชาการขั้นสูง หลังจากภาคบังคับจัดให้ในวิทยาลัย

๑๖๙

การศึกษาตอ่ เนื่อง (FE colleges) ในท่ที ํางาน และสถาบันการศึกษาผู้ใหญ่และการเรียนรู้ของชุมชน
ส่วนการอุดมศึกษา (Higher Education) ถูกนิยามว่าเป็นการศึกษาท่ีมีมาตรฐานสูงกว่า GCE A
level หรือสูงกว่ามาตรฐาน NO Higher Grade หรือ GNVQ/NVQ level ๓ หรือ Edexcel หรือ
SQANational Certificate/Diploma

การบริหารการศึกษา
การบรหิ ารการศกึ ษาโดยทว่ั ไป
เนื่องจากสก็อตแลนด์แยกการบริหารการศึกษา ออกไปต่างหากในที่น้ีจึงจะกล่าวถึงเฉพาะ

การบริหารการศึกษาขององั กฤษ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนอื ท้งั ระดับชาตแิ ละระดบั ท้องถนิ่
อังกฤษ มีกรมเพื่อเด็ก โรงเรียน และครอบครัว และกรมเพ่ือธุรกิจนวัตกรรมและทักษะ

(Department for Business, Innovation andskills - BIS) ทําหน้าที่รับผิดชอบการจัดการศึกษา
โดยทั่วไป กาํ หนดนโยบาย และวางแผนทิศทางและระบบการศกึ ษา

การบริหารคุณวุฒิ หลักสูตร และการประเมินมาตรฐานการศึกษาอังกฤษและไอร์แลนด์ มี
สํานักงานกํากับดูแลด้านคุณวุฒิและการสอบ(The Office of the Quali-fications and
Examinations Regulationsหรือ Ofqual) เพื่อทําหน้าที่กํากับดูแลเรื่องคุณวุฒิและการประเมินผล
เริ่มมาต้งั แตว่ ันที่ ๑ เมษายน ค.ศ. ๒๐๑๐ (เป็นกรมที่ไม่สังกัดกระทรวง)ขึน้ ตรงกับคณะรฐั มนตรี

เวลส์ ให้กรมสาํ หรบั เด็ก การศึกษา การเรียนรู้ตลอดชีวิต และทักษะ(The Department for
Children, Education, Life long Learning and Skills - DCELLS) มีหน้าที่ให้คําแนะนําแก่รัฐบาล
เวลส์ เก่ียวกับเรื่องหลักสูตร การประเมินและการประเมินคุณวุฒิในโรงเรียนต่าง ๆ และประกันว่า
การศึกษานอกโรงเรียนในสายสามญั และสายอาชีพจะมีคุณภาพและมาตรฐาน ประเมินหลักสูตรของ
โรงเรยี น และประเมนิ การบริหารจดั การของโรงเรยี นประเภท Maintained schools ไอรแ์ ลนด์เหนือ
มีสภาหลักสูตร การสอบและการประเมินผล ช่ือ The Northern Ire-land Council for the
Curriculum, Examination and Assessment (CCEA) มีหน้าท่ีรายงานให้กรมการศึกษาของ
ไอร์แลนด์เหนือทราบผลการประเมินหลักสูตร การสอบ และการติดตาม ประเมินผลการศึกษา
รวมทั้งจัดการสอบและการประเมินผล ประกันมาตรฐาน และความมีมาตรฐานที่เทียบเท่ากับ
มาตรฐานของอังกฤษ

๑๗๐

๒. มาตรฐานการศึกษาของชาติ
๒.๑ องั กฤษ
กฎหมายการศึกษา ค.ศ.๑๙๙๖ กําหนดให้อังกฤษมีหลักสูตรการศึกษาของชาติ (National

Curriculum) และให้มกี ารพัฒนามาตรฐานสาระการเรยี นรู้และความรู้ความสามารถทน่ี ักเรยี นควรจะ
มีในแต่ละช่วงช้ันเพื่อสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล และมีการกําหนดมาตรฐานการศึกษาของ
ชาติด้านการรู้หนังสือ (Literacy) และด้านคณิตศาสตร์ (Numeracy) ด้วย (ศักดิ์ชัย นิรัญทวี และ
สุณี รักษาเกียรตศิ ักด์ิ, ๒๕๔๒. หนา้ ๕๗-๕๙)

เมื่อปี ค.ศ.๒๐๐๓ เอกสารสีเขียวเกี่ยวกับเด็ก (Every Child Matters Green Paper) ของ
รัฐบาลองั กฤษ เสนอมาตรการปฏิรปู เพ่อื ปรับปรุงการดแู ลและสนบั สนุนเด็ก ๕ ด้าน คือ การมีสุขภาพ
ที่ดี มีความปลอดภัย เรยี นอยา่ งสนุกและมีผลสัมฤทธ์ิ เปน็ พลเมอื งดีที่ทําประโยชน์ต่อสังคม และอยู่ดี
กินดเี ศรษฐกจิ ดี ส่งผลให้มีกฎหมาย The Children Act ในปี ค.ศ.๒๐๐๔ แก้ไขเพ่ิมเติม ค.ศ.๒๐๐๖
ตามด้วยแผนพัฒนาเด็กปี ค.ศ.๒๐๐ ๗ กําหนดวิสัยทัศน์ระยะยาวถึงปี ค.ศ.๒๐๒๐ สนับสนุน
ครอบครวั ให้ร่วมดแู ลการศกึ ษาของเด็ก และให้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางชุมชนเชื่อมโยงกันระหว่างพ่อ
แม่ โรงเรียน และหน่วยบริการในชุมชนและอ่ืน ๆให้ช่วยกันจัดบริการการเรียนรู้ สุขภาพ และ
ความสุขให้แก่เด็ก ต่อมาเมื่อ ค.ศ.๒๐๐๙ ได้ออกกฎหมาย The Apprenticeships, Skills,
Childrenand Learning Act ขยายหุน้ สว่ นของการฝกึ งาน ฝกึ ทกั ษะตา่ ง ๆ และจัดการเรียนรู้ออกไป
อีกหลายรายการ รวมท้งั โรงเรียนซ่ึงก็เป็นหุ้นส่วนในเรื่องเหล่านี้ด้วย และให้มีคณะกรรมการกองทุน
เด็ก ช่ือ Children's TrustBoard ด้วย ส่งผลให้มีการเปล่ียนแปลงด้านมาตรฐานการศึกษาของชาติ
เชน่

๑) การเรมิ่ ใชก้ รอบมาตรฐานการศกึ ษาปฐมวัย
Statuary framework for the Early Years Foundation Stage ซ่ึงเร่ิมใช้ในเดือน
กันยายน ค.ศ. ๒๐๑๔ กําหนดใหพ้ ัฒนาเด็กปฐมวยั ๒ ส่วนส่วนแรก มี ๓ สาระการเรียนรู้ เพื่อพัฒนา
ความอยากรู้อยากเห็นใฝุรู้ใฝุเรียน คือ การส่ือสารและภาษา (Communication and Language)
การพัฒนาสุขภาพกาย(Physical Development) การพัฒนาบุคคลสังคมและอารมณ์ (Personal,
Social and Emotional Development)ส่วนท่ีสอง ๔ สาระการเรียนรู้ เพ่ือสนับสนุนส่วนแรกให้
เข้มแข็งมากขน้ึ ไดแ้ ก่ การอา่ นและการเขยี น (Literacy) คณติ ศาสตร์ (Mathematics)ความเข้าใจโลก
(Understanding the World) และศิลปะการแสดงออกและการออกแบบ (Expressive Arts and
Design) กาํ หนดแนวการจดั การเรียนรโู้ ดยใหเ้ น้น การเล่นและค้นคว้า (Playing and Exploring)การ
เรียนรู้โดยลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning/ และการสร้างสรรค์และคิดอย่างมีวิจารณญาณ
(Creating and Thinking Critically) ให้ประเมินพัฒนาการของเดก็ เปน็ ระยะ ๆ อย่างสมํ่าเสมอ และ

๑๗๑

ประเมินความก้าวหน้าเม่ืออายุ ๒-๓ ขวบ เรียกว่า Progress Check และต้องจัดทํารายงาน
ความก้าวหน้าในการพัฒนาเด็กแต่ละคน ก่อนวันท่ี ๓๐ มิถุนายน หลังจากเต็กอายุครบ ๕ ขวบ
รายงานนี้ เรยี กวา่ Early Years Foundation StageProfile (EYFSP)

๒) มาตรฐานการศกึ ษาตามหลักสตู รแหง่ ชาติ
หลักสูตรแห่งชาติสําหรับโรงเรียนประถมศึกษา (National Curiculum for Primary
School) ฉบับปี ค.ศ.๒๐๑๓ มีเปูาหมายเพื่อจัดให้นักเรียนได้รับการแนะนําให้มีความรู้ท่ีจําเป็นต่อ
การเป็นพลเมืองท่ีมีการศึกษาให้ทําได้ดีท่ีสุดตามที่คิดและพูด และช่วยให้ได้รับความพึงพอใจใน
ความคดิ ริเริม่ สร้างสรรค์และความสําเร็จของมนุษย์ และกรอบหลักสูตรแห่งชาติช่วงช้ันท่ี ๓ และ ๔
(ค.ศ.๒๕๑๔) ให้ทุกโรงเรียน จัดการประถมศึกษาและมัธยมศึกษาโดยแบ่งเป็น ๔ ช่วงชั้น มีเนื้อหาใน
หลักสูตร ๑๒ รายวิชาแบ่งเป็นวิชาแกน ๓ วิชา คือ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิซา
พืน้ ฐาน ๙ วิชา คือ ศลิ ปะและการออกแบบความเป็นพลเมอื งดี การใชค้ อมพวิ เตอร์การออกแบบและ
เทคโนโลยี ภาษาตา่ ง ๆ ภมู ศิ าสตร์ ประวัติศาสตร์ ดนตรีพลศึกษา แต่ในช่วงชั้นท่ี ๑ ไม่ต้องเรียนวิชา
ภาษาต่าง ๆ และความเป็นพลเมืองดีช่วงช้ันที่ ๒ ไม่เรียนวิชาความเป็นพลเมืองดี ช่วงช้ันท่ี ๔ เรียน
เพียง๖ วิชา คือ วิชาแกน ๓ วิชา และวิซาพื้นฐาน ๓ วิชา (ความเป็นพลเมืองดีการใช้คอมพิวเตอร์
และพลศึกษา ในช่วงช้ันท่ี ๒ เรียกวิชา ภาษาต่าง ๆ ว่าภาษาต่างประเทศ (Foreign Language)
ในช่วงชั้นที่ ๓ เรียกว่า ภาษาต่างประเทศสมัยใหม่ (Modern Foreign Language) ให้สอนศาสน
ศึกษา (Religious Education) ทุกช่วงชั้น ให้สอนเพศศึกษาและความสัมพันธ์ (Sex and Relation
Education หรือ SRE) ในช่วงชน้ั ที่ ๓ และ ๔

๑๗๒

๙.๑๐ การพัฒนามาตรฐานการศึกษาของฟนิ แลนด์
ฟินแลนดเ์ ป็นประเทศหนึ่งในกลุ่มสแกนดิเนเวีย ถกู จัดอนั ดับว่าเปน็ ประเทศที่ดีที่สุดในโลก มี

การทุจริตน้อยทีส่ ุด ฟินแลนด์ให้ความสําคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก และลงทุนทางการศึกษาสูง
มากจนกระทั่งได้ช่ือว่ามีคุณภาพการศึกษาดีที่สุดในโลก อยู่ในกลุ่มประเทศท่ีมีระบบเศรษฐกิจซึ่ง
ขบั เคลอื่ นโดยนวัตกรรม และมผี ลงานทด่ี ีเดน่ หลายด้านมีความโปร่งใส ในสถาบันต่าง ๆ ของรัฐ เป็น
อันดับ ๑ ของโลก มีโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจท่ีมีคุณภาพสูง จุดแข็งท่ีสําคัญท่ีสุด คือ ขีด
ความสามารถในการสร้างนวัตกรรม ซึ่งเป็นอันดับท่ี ๑ ของโลก เพราะลงทุนในการวิจัยและพัฒนา
โดยภาคเอกชนเป็นอันดบั ท่ี ๓ เช่ือมโยงระหว่างมหาวิทยาลัยต่าง ๆ กับภาคอุตสาหกรรมเป็นอับดับ
๑ มรี ะบบการศึกษาและการฝึกอบรมทดี่ เี ปน็ อันดับท่ี ๑ และมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีอยู่ท่ีอันดับ
๑๑ ของโลก

๑. ระบบการศกึ ษา และการบริหารการศึกษา
การศึกษาเป็นสิทธิข้ันพ้ืนฐานของพลเมืองฟินแลนด์ทุกคน เปูาหมายหลักของการจัด

การศึกษา คือ การยกระดับคุณภาพและการให้โอกาสทางการศึกษาที่เสมอภาคกัน ( The Basic
Education Act of ๑๙๙๘, Section ๒) จดุ ม่งุ หมายของการศกึ ษา คือ เพ่ือสนับสนุนพัฒนาการของ
นักเรียนให้เติบโตเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ และเป็นสมาชิกของสังคมที่รับผิดชอบอย่างมีจรรยาบรรณ
และเพ่ือให้ความรู้และทักษะต่าง ๆ ที่จําเป็นในการดํารงชีวิตเปูาหมายของการศึกษาก่อนประถม
มุ่งปรับปรุงขีดความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก ส่งเสริมความมีอารยธรรม ( Promote

๑๗๓

Civilization) และความเท่าเทียมกันในสังคม เตรียมเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาและการพัฒนาตนเอง
ช่ัวชวี ิต

ระบบการศึกษา จําแนกเป็น ๓ ระดับ (Finnish Board of Education.๒๐๑๐. UNESCO.
IBE/๒๐๑๒/CP/WDE/FI, and Halinen. ๒๐๑๔) คือ

๑. การศึกษาก่อนประถมและการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (Pre-primaryEducation and Basic
Education เป็นภาคบังคับ การศึกษาก่อนประถม (Pre-primary) เรียน ๑ ปี สําหรับนักเรียนปกติ
อายุ ๖ ขวบ หรอื ๒ ปีสาํ หรับนักเรยี นทมี่ คี วามตอ้ งการพิเศษ ท่ีใหเ้ ขา้ เรียนตง้ั แต่ ๕ ขวบ หรอื เรียน ๒
ปี

การศึกษาขั้นพ้ืนฐานภาคบังคับ แบ่งเป็น ๙ ช้ันปี (เกรด ๑-๙) สายสามัญซ่ึงเด็กทุกคนต้อง
เรียนเหมือน ๆ กัน รัฐรับรองสิทธิให้ได้รับการศึกษาท่ีมีคุณภาพเท่าเทียมกัน เป็นระบบสายเดียว
(Single Track System) จัดการเรียนการสอนในโรงเรียนแบบผสม (Comprehensive schools)ให้
ครูประจําช้นั สอนชั้นปที ่ี ๑-๖ ครูประจําวิชาสอนในชั้นปีท่ี ๗-๙

๒. มธั ยมศึกษาตอนปลาย หรือ การศึกษาหลังภาคบังคบั ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Post-
compulsory upper Secondary Education) จัดการเรียนการสอนใน ๒ แบบ คือในโรงเรียน
มัธยมศึกษาสายสามญั และในสถาบันอาชวี ศึกษา

๓. อุดมศึกษา จําแนกเป็น ๒ สาย คือ (๑) มหาวิทยาลัยจําแนกเป็นระดับปริญญาตรี
ปรญิ ญาโฑ และปรญิ ญาเอก (๒) โปลเิ ทคนิค แบง่ เปน็ โปลิเทคนิคระดับปริญญาตรี เรียน ๓-๔ ปี โปลิ
เทคนคิ ระดบั ปรญิ ญาโทเรียน ๑-๒ ปี ก่อนเขา้ เรียนโปลิเทคนคิ อาจจะต้องมีประสบการณ์การทํางาน
ด้วย


Click to View FlipBook Version