The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การประกันคุณภาพการศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aoraboonchuay, 2021-11-23 17:40:16

การประกันคุณภาพการศึกษา

การประกันคุณภาพการศึกษา

๙๔

เก่ียวกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่องให้เกิดประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล สํานัก
ทดสอบการศึกษาสานักคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (๒๕๕๔ อ้างใน สุภัทรา เอ้ือวงศ์)
ได้นาํ เสนอไว้ ๔ แนวคิด ได้แก่ แนวคิดท่ี ๑ กระบวนการพัฒนาโดยการใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาด
โดยแบ่งออกเป็น ๓ ระยะ ได้แก่ ๑) ระยะเตรียมการ (Prepare) เป็นระยะที่สถานศึกษาจัดทํา
ข้อมูลพื้นฐานสําหรับ การบริหารจัดการและการจัดการเรียนจากผลการประเมิน ซ่ึงสถานศึกษา
ต้องจัดระบบการ ทํางานแบบร่วมมือรวมพลัง รวมถึงการสร้างความรู้เก่ียวกับการประเมินให้กับ
บุคลากรทุกคน และทุก ระดับ ๒) ระยะสืบเสาะ (Inquire) ในระยะน้ี สถานศึกษาต้องสืบเสาะ
แบบแผนของขอ้ มลู ที่บ่งชถี้ ึงวิธกี ารบริหารจดั การและการจัดการเรยี นการสอน การจัดทําภาพสรุป
รวมของข้อมูล การค้นหาข้อมูลเก่ียวกับการบริหารและผู้เรียนเพื่อให้ทราบสถานะท่ีแท้จริงของ
สถานศึกษา และผู้เรียนและการตรวจสอบการดําเนินงานว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่อย่างไร
และ ๓) ระยะปฏิบัติ (Act) เป็นการปฏิบัติเพื่อให้องค์การได้เรียนรู้จากการออกแบบและการ
ปฏิบัติ มี การพัฒนาแผนปฏิบัติการ การวางแผนเพื่อประเมินความก้าวหน้าและการปฏิบัติการ
ประเมิน โดยสถานศึกษาสามารถดําเนินการและย้อนกลับมาสู่ระยะสืบเสาะและระยะปฏิบัติใน
กระบวนการพัฒนาเปน็ วงจรอย่างตอ่ เน่อื งได้

แนวคิดที่ ๒ การจัดการความรู้ เป็นการสร้างและใช้ความรู้หรือข้อมูลท่ีมีอยู่อย่าง รอบ
ดา้ น เพ่ือนาํ ไปกาํ หนดในแผนและการปฏิบัติตามวงจร PDCA อันนําไปสู่การบรรลุ เปูาหมายและ
มาตรฐานการจัดการศึกษาของสถานศึกษา และเมื่อใช้ความรู้แล้วบรรลุ เปูาหมายหรือไม่บรรลุ
เปูาหมาย จําเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องมีการนามาร่วมพิจารณาแลกเปลี่ยน เรียนรู้ เพื่อวิเคราะห์
สงั เคราะห์ใหเ้ กดิ ความรู้เพ่ืออธิบายเหตุแหง่ การบรรลุเปูาหมายและไม่ บรรลุเปูาหมายนั้น นําไปสู่
กระบวนการสรา้ งองค์ความร้อู ีกรอบเพ่อื พฒั นาอยา่ งไม่มสี นิ้ สุด ซ่ึง ข้ันตอนการจัดการความรู้ควร
ดําเนนิ การอยา่ งเป็นระบบ ต้งั แตก่ ารบง่ ชหี้ รอื ระบุความรู้ (Knowledge identification) การสร้าง
และแสวงหาความรู้ (Knowledge creation and acquisition) การจัดความรู้ให้เป็นระบบ
(Knowledge organization) การประมวลและกลั่นกรอง ความรู้ (Knowledge codification
and refinement) การเข้าถึงความรู้ (Knowledge access) การ แบ่งปันแลกเปล่ียนความรู้
(Knowledge sharing) และการเรยี นรู้ (Learning) ซ่ึงการจัดการ ความรจู้ ะชว่ ยใหก้ ารดําเนินการ
ประกนั คุณภาพเกิดประสทิ ธผิ ลย่ิงขน้ึ

แนวคิดที่ ๓ การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ เป็นการประสานแหล่งความรู้และข้อมูล
ข่าวสาร การใชท้ รัพยากรธรรมชาติและการปฏิบัตงิ านอย่างสอดคล้องเช่ือมโยงกันทั้งระหว่าง งาน
ที่รับผิดชอบ การจัดการศึกษาในและนอกระบบโรงเรียนและระหว่างหน่วยงานอื่น ๆ ท้ังภาครัฐ

๙๕

และเอกชนในระดับต่าง ๆ ตลอดจนระบบการเรียนรู้อย่างไม่เป็นทางการเพื่อสร้าง แลกเปลี่ยน
ถา่ ยทอดและกระจายความรูอ้ ยา่ งต่อเนอื่ ง เพ่อื ให้ประชาชนมีโอกาสได้เรยี นร้อู ยา่ ง กว้างขวางและ
ต่อเน่ืองตลอดชีวิตตามความต้องการของบุคคลและชุมชน (สํานักงานคณะกรรมการการศึกษา
แห่งชาติ ๒๕๓๕) นอกจากน้ี การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้จะช่วยให้ สถานศึกษาสามารถใช้
ประโยชน์จากบุคคล หน่วยงาน องคก์ รภายนอกให้เกิดประโยชน์ต่อการ จัดการศึกษา โดยเฉพาะ
อยา่ งยง่ิ องคค์ วามรู้จากภายนอกท่ีมีอยู่และมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยสถานศึกษาจําเป็นต้อง
สร้าง เครอื ข่ายการเรยี นรู้ ซงึ่ จะทาํ ให้สามารถเช่อื มโยงข่าวสาร สาระความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
มาใชใ้ นการพัฒนาเครือข่ายการเรียนรทู้ ส่ี ําคัญ ไดแ้ ก่ ๑) บา้ น/ครอบครัว เป็นเครือข่ายการเรียนรู้
แหง่ แรกและมคี วามใกลช้ ดิ กับผูเ้ รียนมากสดุ ทผี่ ู้เรยี น

สามารถเรียนรู้เร่ืองของตนเอง ครอบครัว คุณธรรม และจริยธรรม ฯลฯ จากการ
ปฏิบัติจริงที่ บ้าน ๒) ชุมชน เป็นเครือข่ายการเรียนรู้ที่หมายถึง ภูมิปัญญาท้องถิ่น องค์กร
หนว่ ยงาน สถาบัน สถานประกอบการ ฯลฯ ซึ่งเป็นแหล่งรวมของความรู้และประสบการณ์ต่างๆ
ที่มีอยู่ ภายในชุมชน ๓) เครือข่ายเทคโนโลยีทางการศึกษา ได้แก่ เครือข่ายอินเตอร์เน็ต ส่ือวัสดุ
อุปกรณ์ ส่ือโทรทัศนูปกรณ์ ส่ือสิ่งพิมพ์ ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ ส่ือโทรคมนาคม มัลติมีเดีย ฯลฯ
ท่ีสามารถนาํ มาใชใ้ นการเรียนการสอนทเี่ อือ้ ต่อการเรียนรู้ (สาํ นกั ทดสอบทางการศกึ ษา ๒๕๕๓)

แนวคิดที่ ๔ การนําผลการประเมินไปใช้ประโยชน์การประกันคุณภาพการศึกษาแม้ว่า
โดยท่ัวไปจะให้ความสําคัญกับการประเมินคุณภาพโดยเฉพาะอย่างย่ิงการประเมินคุณภาพ
ภายนอก เพราะคิดว่าการประเมินคุณภาพภายนอกมีผลต่อการรับรองสถาบัน แต่โดยหลักการ
แลว้ วัตถปุ ระสงคส์ ําคญั ของการประกนั คุณภาพทงั้ ภายในและภายนอกมีเปูาหมายร่วมกัน คือ การ
พัฒนาคณุ ภาพ ซึ่งการพัฒนาจะเกิดขึ้นไดจ้ ากการนาผลการประเมินซ่ึงเป็นสารสนเทศท่ี แสดงถึง
ผลการดําเนินงานตามมาตรฐานไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพในด้านต่างๆ กันจะ
ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสถานศึกษาและผู้เรียน และผู้เกี่ยวข้องในทุกกลุ่ม รูปแบบการใช้ ผลการ
ประเมนิ อาจใชใ้ นหลายลกั ษณะ ดังนี้ (สาํ นักทดสอบทางการศกึ ษาสานกั งาน ๒๕๕๔)

๑) การใชใ้ นเชงิ ความคิด ผลการประเมินอาจช่วยจุดประกายความคิดของผู้เกี่ยวข้อง ทํา
ให้เกิดความรู้ความเข้าใจต่อส่ิงที่มุ่งประเมินมากขึ้น แต่ไม่ได้นําไปสู่การตัดสินใจโดยตรงต่อ
แผนงาน/ โครงการ/งาน

๒) การใช้ในเชงิ ตรวจสอบยืนยัน ผลการประเมินคุณภาพอาจถูกใช้เป็นเหตุผล สนับสนุน
หรือยืนยันผลการตัดสินใจที่กําหนดไว้ล่วงหน้า ทําให้แนวทาง/นโยบายท่ีเลือกใช้มีน้ําหนัก และ
ความชอบธรรมมากยง่ิ ขึ้น

๙๖

๓) การใช้ในเชิงสัญลักษณ์ ผลการประเมินอาจถูกใช้เป็นเคร่ืองช่วยติดตามกํากับ หรือ
ควบคุมการประเมินว่าได้มีการทําตามแนวทาง ระเบียบ ข้ันตอนที่กําหนดเพื่อให้งานประเมินท่ีมี
คุณภาพเป็นทีย่ อมรับยงิ่ ข้น

๔) การใช้ในเชิงปฏิบัติ ผลการประเมินอาจถูกนําไปใช้โดยตรงในทางปฏิบัติ เป็น
เคร่ืองมือในการปรับปรุง แก้ไขทําให้เกดิ ผลกระทบตอ่ การเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึนตามมา

ในการนําผลการประเมินไปใช้สิ่งสําคัญ คือ สถานศึกษาต้องดําเนินการจัดทําผลการ
ประเมินให้อยู่ในรูปของข้อมูลสารสนเทศ เพ่ือให้เห็นประเด็นที่ควรพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม
รวมทง้ั ต้องมกี ารเผยแพรผ่ ลการประเมินให้ผู้เก่ียวข้องในทุกระดับได้รับทราบและทําความ เข้าใจ
ใหต้ รงกันถงึ แนวทางในการพัฒนา สําหรบั ข้อเสนอแนะในการนาผลการประเมินไปใช้ สําหรับการ
ประกันคณุ ภาพการศึกษามี ๕ ประการ ดังน้ี

๑) การนาํ ผลการประเมินไปใช้ควรเริ่มต้นจากการใช้ผลการประเมินในเชิงความคิด และ
ต่อเน่ืองไปสู่การใช้เชิงปฎิบัติ โดยการใช้ผลการประเมินน้ีจะเกิดข้ึน ก็ต่อเม่ือผู้บริหารได้รับรู้
สารสนเทศของการประเมินทม่ี ีความหมายและตรงประเดน็ กบั ความต้องการแล้วนามา สังเคราะห์
กับสารสนเทศเดิมเพ่อื จดั เรยี บเรยี งอยา่ งเป็นระบบเป็นความรู้ จากน้ันจึงนาไปใช้ใน การปรับปรุง
เปล่ยี นแปลงทั้งดา้ นแนวคดิ และมุมมอง รวมถึงการสร้างความคิดรวบยอด เก่ียวกับประเด็น/สิ่งท่ี
มงุ่ ประเมนิ

๒) การใชผ้ ลการประเมนิ จะเกิดสมั ฤทธผิ์ ลขนึ้ อยู่กับการส่ือสารและการสร้างความ เข้าใจ
รว่ มกันระหว่างผู้ประเมนิ และผตู้ อ้ งการใชส้ ารสนเทศหรอื สถานศกึ ษาผู้รับการประเมิน การยอมรับ
ในผลการประเมนิ และความเข้าใจในผลการประเมิน และขอ้ เสนอแนะแนวทางการ พฒั นาจะทําให้
การใช้ผลการประเมนิ ไปสกู่ ารพัฒนาเปน็ รปู ธรรมมากย่งิ ข้นึ

๓) ผลการประเมินมีความสัมพันธ์กับการนาผลการประเมินไปใช้และส่งผลกระทบใน
วงกว้างท้ังในด้านบวกและด้านลบ ดังนั้น การวางแผนดําเนินงานประเมินอย่างเหมาะสมและ
การสร้างแรงจูงใจให้ร่วมกันแก้ปัญหา อาจลดผลกระทบที่ไม่พึงปรารถนาและเพิ่มผลกระทบ
ในทางบวกด้วย

๔) สภาพการใช้ผลการประเมินขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมหรือบริบทของการประเมิน
ดังนน้ั จะตอ้ งมกี ารพจิ ารณาบริบทอยา่ งแทจ้ ริงเพอ่ื วางแผนในทุกข้ันตอนและทาการประเมินที่ จะ
นาไปสูก่ ารใช้ประโยชน์จากผลการประเมิน

๙๗

๕) การที่ผเู้ ก่ียวขอ้ งในทุกภาคส่วนได้รับร้เู รยี นรู้การประเมินและได้ร่วมสร้างความผูกพัน
กับการ ประเมินจะนําไปสู่การเพิ่มโอกาสในการใช้ผลการประเมินและการสร้างผลกระทบในทาง
สรา้ งสรรคจ์ ากการประเมนิ

การนําผลการประเมินคุณภาพนอกจากจะใช้เพ่ือ ประโยชน์ของสถานศึกษา โดยใช้ใน
การปรบั ปรงุ และพฒั นาการดาเนนิ การตามมาตรฐานแลว้ ผลการประเมนิ ยังเป็นข้อมูล สารสนเทศ
ท่ีต้อง เผยแพร่ให้กับสาธารณชนได้รับรู้เพื่อช่วยในการตัดสินใจท่ีจะใช้บริการหรือ ส่งบุตรหลาน
เข้าศึกษา และอาจนําไปสู่การจัดลําดับความเป็นเลิศในการดาเนินงานในต้านต่าง ๆ ของ
สถานศึกษาอีกท้ังสามารถเป็นข้อมูลสารสนเทศของหน่วยงานต้นสังกัดในการพิจารณา ให้การ
สนับสนนุ และสง่ เสรมิ การดาํ เนินงานอกี ด้วย

๕.๗ บทบาทหนา้ ที่ของผู้เก่ียวขอ้ งในการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา

จากมาตรา ๙ แหง่ พระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาแห่งชาติ ว่าดว้ ยการจัดระบบโครงสร้าง และ
กระบวนการจัดการศึกษา ใน (๖) กําหนดให้ยึดหลักการมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน
องค์การชุมชน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์การเอกชน องค์การวิชาชีพ สถาบัน
ศาสนา สถานประกอบการ และ สถาบันสังคมอื่น อีกทั้งในกฎกระทรวงยังกําหนดให้ การดาเนิน
การประกนั คุณภาพในสถานศึกษาให้ยึดหลักการมสี ว่ นรว่ มของชุมชนและหนว่ ยงาน ท่ีเกี่ยวข้องทั้ง
ภาครัฐ และภาคเอกชนโดยการส่งเสริมสนับสนุน และการกํากับดูแลของหน่วยงานต้น สังกัด
ซงึ่ การประกนั คุณภาพการศกึ ษาเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการจัดการศึกษาใน สถาบันการศึกษา
ให้เกดิ คุณภาพ ดังนน้ั งานประกันคณุ ภาพจึงจําเป็นทจ่ี ะตอ้ งจัดโดยการมี ส่วนร่วมจากผู้เก่ียวข้อง
ทกุ ภาคสว่ น โดยบทบาทผู้รบั ผดิ ชอบของผู้เกีย่ วข้อง มีดงั นี้

๑) บทบาทของสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา มีบทบาทในการศึกษาวิเคราะห์วิจัย และ
เผยแพรน่ วตั กรรมเกี่ยวกบั รปู แบบและเทคนิควิธีการประกันคุณภาพภายในอย่างต่อเน่ือง รวมทั้ง
ส่งเสริม สนับสนุน และร่วมพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาให้มีการ
ติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษาอย่างน้อยหน่ึงคร้ังในทุกสามปีและแจ้งผลให้สถานศึกษาข้ัน
พ้ืนฐานทราบรวมทังให้เปิดเผยผลการตดิ ตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษาต่อสาธารณชน

๒) บทบาทของผู้บริหารสถานศกึ ษา

๒.๑) ทําความเข้าใจเก่ียวกับคุณภาพของงานตามมาตรฐานที่ควรเป็นระบบ
ประกนั คุณภาพกําหนดนโยบาย วตั ถุประสงคท์ ่ชี ัดเจนเกย่ี วกบั การประกันคุณภาพการศึกษา สร้าง

๙๘

ความเข้าใจให้กับผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งศึกษา จัดทําแผนส่งเสริม สนับสนุน อํานวยความ สะดวก
ให้คําปรึกษา ดูแลให้มีการประกันคุณภาพภายในที่ทุกฝุายเข้ามามีส่วนร่วมกากับติดตามการ
ดําเนินงาน นําผลจากการประเมินคุณภาพมาปรับปรุง และ รายงานผลต่อ สาธารณชน

๒.๒) การเตรียมความพร้อมของบุคลากร โดยสร้างความตระหนักปลูกจิตสํานึก
ใหบ้ ุคลากรทุก ฝาุ ยมองเหน็ คณุ คา่ และมีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันเก่ียวกับการประกัน คุณภาพ
ภายในและพฒั นาความรูท้ กั ษะต่างๆ

๒.๓) แตง่ ต้งั คณะกรรมการหรือร่วมกนั ดาํ เนินการประกันคณุ ภาพภายในสรา้ งทีมงานร่วม
ในการดาํ เนนิ การ

๒.๔) กํากับดูแลช่วยเหลือสนับสนุนให้ทุกฝุายทางานร่วมกันและเชื่อมโยงกันเป็น ทีม
เพ่อื ใหก้ ารดําเนนิ งานเป็น ไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพและเกิดประสิทธผิ ล

๒.๕) การบรหิ ารจัดการสง่ เสรมิ สนบั สนุน อาํ นวยความสะดวก ใหค้ าํ ปรึกษา แนะนําดูแล
ให้มกี ารประกันคณุ ภาพภายในสง่ เสรมิ การดําเนนิ การในระบบ PDCA ในทุกหน่วยงาน

๒.๖) เปน็ แกนนําในการจัดทารายงานประเมินตนเอง หรือรายงานประจําปี รวบรวมผล
การดาํ เนนิ งาน และผลการประเมนิ วิเคราะห์ตามมาตรฐาน และเขยี นรายงาน

๒.๗) เปน็ แกนหลกั ในการนําผลการประเมินมาใช้ในการปรบั ปรงุ และพัฒนา คุณภาพและ
มาตรฐานของสถานศึกษา

๓) บทบาทของครูและบคุ ลากรในสถานศึกษา

๓.๑) ศึกษาวัตถุประสงค์เปูาหมาย ตลอดจนนโยบายของสถานศึกษา ด้านการประกัน
คณุ ภาพ และมาตรฐานการศกึ ษาทกี่ าํ หนด

๓.๒) ศึกษาภารกิจของตนเองให้ชัดเจน กําหนดวัตถุประสงค์และเปูาหมายในการ
ดําเนินการที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เปูาหมายของสถานศึกษาและมาตรฐานการศึกษาและ
วางแผนในการดาํ เนนิ การเพือ่ ตอบสนองวตั ถปุ ระสงค์และเปูาหมาย

๓.๓) ติดตามและประเมนิ ผลการดําเนนิ งานของตนเองอย่างเปน็ ระบบ พัฒนางาน ให้เกิด
คณุ ภาพอย่างตอ่ เน่ือง

๓.๔) จัดทาํ ข้อมลู สารสนเทศทีเ่ กีย่ วข้องกบั การปฏิบัตงิ านของตนเอง

๙๙

๓.๕) ใหค้ วามร่วมมือในภารกิจอ่ืนๆ ที่เก่ียวข้องกับการประกันคุณภาพของ สถานศึกษา
อาจเข้าร่วมเป็นกรรมการหรือ ผู้รับผิด ชอบในการประกันคุณภาพร่วมในการจัดทํา รายงานการ
ประเมนิ ตนเอง

๓.๖) ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาในการให้ข้อมูลพื้นฐานท่ัวไปที่คณะกรรมการ
ประเมนิ ผลภายในต้องการ

๓.๗) ศึกษาผลการประเมินเพอ่ื นามาปรบั ปรุงมาตรฐานการปฏิบัตงิ านของตนเอง

๓.๘) ใหข้ อ้ เสนอแนะ แลกเปลยี่ นเรียนรกู้ บั ผรู้ ่วมงานเก่ยี วกับแนวทางการพัฒนา คุณภาพ

๔) บทบาทของกรรมการสถานศึกษา นอกจากมีบทบาทในการกําหนดทิศทางและ
นโยบายตลอดจนติดตามการดาเนินงานของสถานศึกษาแล้ว ในส่วนของการประกันคุณภาพ
การศึกษากรรมการสถานศึกษาควรมีหน้าทดี่ งั น้ี

๔.๑) ศึกษาทาํ ความเข้าใจเก่ียวกับการประกันคุณภาพ และมาตรฐานคุณภาพ

๔.๒) กาํ หนดทิศทาง เปูาหมายในการประกนั คณุ ภาพท่สี อดคลอ้ งกบั มาตรฐาน

๔.๓) กากบั สง่ เสริมและสนับสนนุ การพัฒนาและการประกันคุณภาพของสถานศึกษา
ตลอดจนรว่ มกําหนดนโยบายในการดาํ เนินการ

๔.๔) ตดิ ตามผลการดาํ เนินการให้ขอ้ เสนอแนะเพือ่ การพฒั นา

๕) บทบาทของพ่อแม่ ผู้ปกครอง พ่อแม่ ผู้ปกครองมีส่วนในการประกันคุณภาพ
การศึกษาโดยทาหน้าท่ีในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เรียนเพ่ือสะท้อนผลการดํา เนินงานของ
สถานศึกษา ติดตามผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา ให้ข้อเสนอแนะ รวมทั้งมีส่วนร่วมใน
พฒั นาผูเ้ รียนทบ่ี า้ น

๖) บทบาทของชุมชน ชมุ ชนมบี ทบาทโดยมสี ่วนในการรว่ มคิดรว่ มทาํ ร่วมใช้และให้ ข้อมูล
เพอื่ การกาํ หนดเปูาหมายของสถานศึกษา ตลอดจนร่วมตรวจสอบติดตามผลการ ดําเนินงานเพื่อ
เสนอแนะแนวทางในการปรบั ปรุง และพัฒนา

๗) บทบาทสื่อมวลชน สื่อมวลชนมีหน้าท่ี ติดตามข้อมูล เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่
ขอ้ มลู ตา่ งๆ รวมท้ังผลการ ประเมนิ ใหก้ ับสาธารณชนได้รับทราบ

๘) บทบาทของผู้เรียน ผู้เรียนซ่ึง แม้ว่าจะดีเสมอเป็นผู้ใช้ผลจากการประกันคุณภาพ
การศึกษา แต่โดยแท้จริง ผู้เรียนจําเป็นต้องมีบทบาทในการส่งเสริมการประกันคุณภาพของ

๑๐๐

สถานศึกษา โดยมีหน้าที่ในการติดตามและ ให้ข้อมูลย้อนกลับเก่ียวกับคุณภาพการจัดการ เรียน
การสอน เชน่ การประเมินผู้สอน การประเมินกิจกรรมและ ปัจจัยสนับสนุน การร่วม ดําเนินการ
ตามมาตรฐานทส่ี ถานศกึ ษากาํ หนด

๕.๘ สรุปทา้ ยบท

การประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาประกอบด้วย การดําเนินงานโดยยึด
หลักการมีสว่ นรว่ ม ๘ ประการ ดงั น้ี

๑) การกาํ หนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา
๒) การจัดทาแผนพฒั นาสถานศึกษาที่มุ่งเนน้ คุณภาพการศกึ ษา
๓) การจดั ระบบบรหิ ารและ สารสนเทศ
๔) การดาเนนิ งานตามแผนพัฒนาสถานศกึ ษา
๕) การตรวจสอบและทบทวน คณุ ภาพการศกึ ษา
๖) การประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามมาตรฐานทีก่ าํ หนด
๗) การรายงาน คุณภาพการศกึ ษาประจาํ ปี และ
๘) การพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาอย่างตอ่ เนือ่ ง

๑๐๑

บทท่ี ๖

การประเมินคุณภาพการศกึ ษาภายนอก

๖.๑ ความนํา

การประกันเมินคุณภาพภายนอกกับการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาน้ันมี
เปาู หมายเดยี วกันคอื เพื่อพฒั นาคุณภาพการศึกษา หากแต่การประเมินคุณภาพภายนอกเป็น การ
ประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษาเพ่ือ ตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษาโดยผู้ประเมินภายนอก การ
ดําเนินงานของ สถานศึกษา โดยสถานศึกษาเป็นผู้กําหนดแนวทางพัฒนาเพื่อร่วมกันชี้แนะ
ปอู งกัน และแกไ้ ข ปัญหาสงั คมตามนโยบายของรฐั ซงึ่ สามารถปรบั เปลย่ี นตามกาลเวลาและสภาพ
ปัญหาสังคมที่ เปลี่ยนไป โดยมีเปูาหมายที่แสดงถึงความเป็นผู้ชี้นําสังคมและแก้ปัญหาสังคมของ
สถานศึกษา

๖.๒ วตั ถุประสงคข์ องการประกันคุณภาพภายนอก

วัตถปุ ระสงคท์ วั่ ไป

๑) เพ่อื ใหท้ ราบระดบั คณุ ภาพของสถานศึกษาในการดาํ เนินภารกจิ ดา้ นต่างๆ

๒) เพ่อื กระตุ้นเตอื นใหส้ ถานศกึ ษาพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาและประสทิ ธิภาพการ บริหาร
จัดการอย่างต่อเน่ือง

๓) เพื่อใหท้ ราบความกา้ วหนา้ ของการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษา

๔) เพ่ือรายงานระดับคุณภาพและพฒั นาการในด้านคณุ ภาพและมาตรฐาน การศึกษาของ
สถานศกึ ษาตอ่ สาธารณชนและหนว่ ยงานทเี่ กี่ยวขอ้ ง

๑๐๒

๖.๓ วตั ถปุ ระสงค์เฉพาะ ได้

๑) เพื่อตรวจสอบยืนยันสภาพจริงในการดําเนินงานของสถานศึกษาและประเมิน
คุณภาพการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษา และกรอบแนวทางและวิธีการที่ สมศ. กําหนด
สอดคล้องกบั ระบบการประกนั คุณภาพภายในของสถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัด สํานักงาน
รบั รองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน) (๒๕๕๓ : ๑๘)

๒) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ช่วยสะท้อนจุดเด่นหรือจุดเน้นของแต่ละสถานศึกษาท่ีแสดงถึงอัต
ลักษณ์ รวมทง้ั ผลสําเร็จการดาํ เนินงานตามมาตรการสง่ เสริมของภาครัฐ

๓) เพ่ือยกระดับ มาตรฐานคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาโดยพิจารณาจากผลผลิต
ผลลัพธ์ และผลกระทบ มากกวา่ กระบวนการ

๔) เพ่ือส่งเสริมให้สถานศึกษามีการพัฒนาคุณภาพและพัฒนาระบบประกันคุณภาพ
ภายในอยา่ งต่อเน่อื ง

๕) เพ่ือส่งเสริมให้สถานศึกษามีทิศทางที่สอดคล้องกันในการประเมินคุณภาพภายนอก
กบั การประเมนิ คุณภาพภายใน

๖) เพื่อสร้างความร่วมมือและมีเปูาหมายร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานต้นสังกัดและ
หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง รวมท้ังผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นการเช่ือมโยงการดําเนินงานสู่การพัฒนา
คณุ ภาพรว่ มกัน

๗) เพื่อรายงานผลการประเมินคุณภาพและเผยแพร่ผลการประเมินคุณภาพและ
ประสิทธิภาพการบริหารจัดการของสถานศึกษาอย่างเป็นรูปธรรมต่อหน่วยงาน ท่ีเก่ียวข้องและ
สาธารณชน

๖.๔ ความสําคญั ของการประเมินคณุ ภาพภายนอก

การประเมนิ คณุ ภาพภายนอกมีความสําคญั และมีความหมายต่อสถานศึกษาหน่วยงาน ที่
เกี่ยวข้องและสาธารณชน ดังตอ่ ไปน้ี

๑) เป็นการส่งเสริมให้สถานศึกษาพัฒนาเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานและพัฒนาตนเองให้เต็ม
ศกั ยภาพอยา่ งตอ่ เน่อื ง

๑๐๓

๒) เพ่ิมความมั่นใจและคุ้มครองประโยชน์ให้ผู้รับบริการทางการศึกษาว่า สถานศึกษา
จดั การศกึ ษาม่งั สคู่ ุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาที่เน้นให้ผู้เรียนเป็นคนดี มีความสามารถ และมี
ความสุขเพอ่ื เปน็ สมาชิกทีด่ ขี องสงั คม

๓) สถานศึกษาและหน่วยงานที่กํากับดูแล เช่น คณะกรรมการสถานศึกษา หน่วยงาน
ต้นสงั กัดสํานักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษา รวมท้งั หนว่ ยงานท่เี ก่ยี วขอ้ งและชมุ ชนท้องถิ่นมขี ้อมูลที่

ช่วยตัดสินใจในการวางแผน และดําเนินการเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษาของ
สถานศึกษาให้ เป็นไปในทิศทางท่ีตอ้ งการและบรรลเุ ปาู หมายตามท่กี ําหนด

๔) หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งในระดับนโยบายมขี อ้ มูลสําคัญในภาพรวมเก่ียวกับคุณภาพ และ
มาตรฐานของสถานศึกษาทุกระดับทุกสังกัด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกําหนดนโยบาย ทาง
การศึกษาและการจัดสรรงบประมาณเพ่ือการศึกษาอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

๖.๕ แนวคดิ และทศิ ทางการประเมนิ รอบ ๓ และรอบ ๔

ตาราง ๖.๑ แนวคดิ และทิศทางในการประเมนิ คุณภาพภายนอก

แนวคิดและทศิ ทางการประเมิน รอบ ๓ รอบ ๔

ประเมนิ เกณฑต์ ามจุดเน้นของสถานศกึ ษา 

ประเมินจากผลการจัดการศึกษาที่เช่ือมโยงสัมพันธ์กับกระบวนการจัด  
การศึกษา ซึ่งหมายรวมถึงการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็น
สาํ คญั การบริหารจดั การศกึ ษา และการประกันคณุ ภาพภายใน

ประเมินโดยวิธีการและข้อมูลทั้งเชิงปริมาณ เชิงคุณภาพและเชิง 
พฒั นาการโดยพชิ ญพิจารณ์ (Peer Review)

ประเมนิ โดยวิธีการ Online และพจิ ารณาจากขอ้ มูล SAR เป็นหลักและ 
ประเมนิ ตามความพร้อมของสถานศกึ ษา

ประเมินโดยการยืนยันรายงานประเมินตนเองท่ีถูกต้องเช่ือถือได้เพ่ือ  
การกระตุ้น ให้การประกันคุณภาพภายในมีความเขม้ แข็งยง่ิ ข้ึน

ลดจานวนตัวบ่งช้ีและจานวนมาตรฐานสาหรับการประเมินคุณภาพ  
ภายนอก โดยถ่ายโอนตัวบ่งชี้และมาตรฐานเก่ียวกับปัจจัยนาเข้าและ
กระบวนการให้อยู่ในระบบการประกันคุณภาพภายใน

๑๐๔

๖.๖ ความแตกตา่ งระหว่างการประเมนิ คุณภาพภายนอก

แตล่ ะรอบ ตามพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๔๕ หมวด ๖ ว่าด้วยมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา ตามเจตนารมณ์
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๔๙ กําหนดให้มีสํานักงานรับรอง
มาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศกึ ษา (องคก์ รมหาชน) หรือ สมศ. ทาหน้าท่ีพัฒนาเกณฑ์ และ
วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และทาหน้าที่ประเมินผลการจัดการศึกษา เ พ่ือให้มีการ
ตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษา โดยคํานึงถึงความม่ังหมาย หลักการ และแนวทางการจัด
การศึกษาในแต่ละระดบั

๖.๗ การประเมินคุณภาพภายนอกรอบแรก (พ.ศ.๒๕๔๔-๒๕๔๘)

สมศ. ประสงค์ท่ีจะให้ เป็นการประเมินเพ่ือพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของ
ชาติ และต้องการให้ทุกคนใน ประเทศเห็นว่า “การศึกษาเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของ
ประชาชนทกุ คนในประเทศ” จึงใช้ รปู แบบกลั ยาณมิตร ประเมินในการดําเนินการโดยเฉพาะการ
สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ สถานศึกษาในการดําเนินการประกันคุณภาพภายใน จัดทํารายงาน
ประเมินตนเองเพอ่ื ให้พรอ้ ม รบั การประเมนิ คุณภาพภายนอก สมศ. จะพิจารณาเพื่อยืนยันสภาพ
จรงิ ไมไ่ ดต้ ดั สินให้ตก ผา่ น ไม่ผ่าน ประเมนิ เปน็ รายมาตรฐาน ซ่งึ ผลการประเมินจะบอกถึงจุดเด่น
จุดทคี่ วรพัฒนา ของสถานศกึ ษานัน้ ๆ ตลอดจนแนวทางในการพฒั นาสถานศกึ ษา

๖.๘ การประเมินคุณภาพภายนอกในรอบทสี่ อง (พ .ศ .๒๕๔๙-๒๕๕๓)

ตาม พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ และแก้ไขเพ่ิมเติม พ.ศ.๒๕๔๕ ใน
มาตรา ๕๑ ได้ ระบุว่า ในกรณีท่ีผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษาใดไม่ได้มาตรฐานท่ี
กําหนดให้ สมศ. จัดทาข้อเสนอแนะ การปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อให้สถานศึกษา
ปรับปรุงแก้ไข ภายในระยะเวลาท่ีกําหนด ซ่ึงหมายความว่า สมศ. จะต้องให้การรับรองว่า
สถานศึกษาจัด การศึกษาได้มาตรฐานคุณภาพหรือไม่ ซ่ึงเป็นแนวคิดที่เพ่ิมจากการประเมินเพื่อ
พัฒนาในรอบ แรก สมศ. จึงวางหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินท่ีอิงเกณฑ์ที่กําหนดขึ้น และอิง
สถานศึกษา เพอ่ื ให้การประเมินมีความสมดุล ระหว่างเกณฑ์ท่ีกําหนดกับงานท่ีสถานศึกษาดาเนิน
การ

๑๐๕

๖.๙ การประเมินคุณภาพภายนอกในรอบท่ีสาม (พ.ศ.๒๕๕๔-๒๕๕๘)

เป็นการประเมิน เพ่ือยกระดับมาตรฐานคุณภาพการศึกษา โดยพิจารณาจากผลผลิต
ผลลพั ธ์และผลกระทบ มากกวา่ กระบวนการและคํานึงถึงความแตกต่างของแต่ละสถานศึกษา ซึ่ง
ในการประเมิน คุณภาพภายนอกรอบสาม สมศ. ยังคงหลักการสําคัญของการประเมินคุณภาพ
ภายนอก ให้ สอดคล้องกับกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพ
การศึกษา พ.ศ.๒๕๕๓

หมวด ๓ ที่ระบุว่าการประกันคุณภาพภายนอกให้คํานึงถึงจุดมุ่งหมายและหลักการ
ดังตอ่ ไปน้ี

๑. เพื่อให้มกี ารพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา

๒. ยดึ หลักความเที่ยงตรง เป็นธรรม และโปร่งใส มีหลักฐานข้อมูล ตามสภาพความเป็น
จริง และมีความรบั ผดิ ชอบทต่ี รวจสอบได้

๓. สร้างความสมดุลระหวา่ งเสรีภาพทางการศกึ ษากับจดุ มงุ่ หมายและหลักการศึกษา ของ
ชาติ โดยให้มีเอกภาพเชิงนโยบาย ซ่ึงสถานศึกษาสามารถกําหนดเปูาหมายเฉพาะและ พัฒนา
คุณ ภาพการศกึ ษาให้เตม็ ตามศักยภาพของสถานศกึ ษาและผเู้ รียน

๔. ส่งเสริม สนับสนุน และร่วมมือกับสถานศึกษาในการพัฒนาระบบการประเมิน
คณุ ภาพภายในของสถานศึกษา

๕. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการประเมินคุณภาพและพัฒนาการจัดการศึกษาของรัฐ
เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรวิชาชีพ สถาบัน
ศาสนา สถานประกอบการและสถาบัน สังคมอื่น

๖. คํานึงถึงความเป็นอิสระ เสรีภาพทางวิชาการ เอกลักษณ์ ปรัชญา ปณิธาน วิสัยทัศน์
พนั ธกจิ และเปูาหมายของสถานศกึ ษา

อน่ึง ในการประเมินคณุ ภาพภายนอกรอบสาม สมศ. ได้กําหนดตัวบ่งช้ี แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม
ตัวบง่ ช้ี ไดแ้ ก่ กลุม่ ตวั บ่งช้ีพื้นฐาน กลุ่มตัวบง่ ชอี้ ัตลกั ษณ์ และกลุม่ ตัวบง่ ชีม้ าตรการ ส่งเสรมิ

กลุ่มตัวบ่งชี้พื้นฐาน หมายถึง ตัวบ่งช้ีท่ีประเมินภายใต้ภารกิจของสถานศึกษา โดย
กาํ หนดตัวบง่ ชี้และเกณฑ์การประเมนิ บนพนื้ ฐานทที่ ุกสถานศึกษาต้องมีและปฏิบัติได้ ซ่ึง สามารถ
ใชผ้ ลลัพธแ์ ละผลกระทบไดด้ แี ละมีความเชื่อมโยงกับการประกัน คุณภาพภายใน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่
พัฒนามาจากรอบแรกและรอบสอง

๑๐๖

กลุ่มตัวบ่งชี้อัตลักษณ์ หมายถึง ตัวบ่งช้ีที่ประเมินผลผลิตตามปรัชญา ปณิธาน พันธกิจ
และวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสถานศึกษา รวมถึงความสําเร็จตามจุดเน้นและจุดเด่นท่ีส่งผล
สะท้อนเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละสถานศึกษา โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ
สถานศึกษาและตน้ สังกัด

กลุ่มตัวบ่งชี้มาตรฐานการส่งเสริม หมายถึง ตัวบ่งช้ีที่ประเมินผลการดําเนินงานของ
สถานศึกษา โดยสถานศึกษาเป็นผู้กําหนดแนวทางพัฒนาเพ่ือร่วมกันชี้แนะ ปูองกัน และแก้ไข
ปัญหาสังคมตามนโยบายของรัฐซ่ึง สามารถปรับเปลี่ยนตามกาลเวลาและสภาพปัญหาสังคมท่ี
เปล่ยี นไป โดยมเี ปูาหมายทีแ่ สดงถึงความเป็นผ้ชู ้ีนาํ สงั คมและแก้ปัญหาสังคมของสถานศึกษา

ในการพัฒนาผู้เรียนด้านความเป็นไทย การอนุรักษ์และสืบสานศิลปะและวัฒนธรรม
สุขภาพ ร่างกายและจิตใจ ความคิดสร้างสรรค์และความพร้อมในการเป็นสมาชิกสังคมอาเซียน
รวมทั้ง การพัฒนาคณุ ภาพครู การพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ การสร้างการมีส่วนร่วม
และ การขยายโอกาสทางการศึกษาให้แก่ประชาชนทุก เพศทุกวัย ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสให้
ได้รับ การศกึ ษาอยา่ งเทา่ เทียม ฯลฯ

ตาราง ๖.๒ กลมุ่ ตัวบง่ ชี้พ้นื ฐาน กลุม่ ตัวบ่งชอ้ี ตั ลกั ษณแ์ ละกลุม่ ตัวบง่ ชี้มาตรการสง่ เสริมรอบ ๓

ตวั บ่งช้ี มาตรฐานตามกฎกระทรวง

๑. เด็กมพี ัฒนาการด้านร่างกายสมวัย

๒. เดก็ มีพฒั นาการด้านอารมณแ์ ละจติ ใจสมวยั

๓. เด็กมพี ฒั นาการดา้ นสังคมสมวัยผลการจดั การศึกษา

๔. เดก็ มีพฒั นาดา้ นสตปิ ญั ญาสมวัย กล่มุ ตวั มาตรฐานท่ี ๑
๕. เดก็ มีความพร้อมศกึ ษาต่อในขน้ั ต่อไป บ่งช้ีพ้ืนฐาน ผลการจัดการศึกษา

กลมุ่ ตวั ๖. ประสิทธิผลการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ท่ี มาตรฐานที่ ๓
บ่งชี้ การจัดการเรยี นการสอนที่
เน้นผเู้ รียนเป็นสาํ คญั
พน้ื ฐาน

๗. ประสิทธภิ าพของการบรหิ ารจดั การและการ มาตรฐานที่ ๒
การบรหิ ารจดั การศึกษา

๑๐๗

๘. ประสิทธิผลของระบบการประกันคุณภาพมาตรฐานที่ มาตรฐานที่ ๔

๔ ภายในการประกัน คณุ ภาพภายใน การประกันคณุ ภาพภายใน

กลุม่ ตวั ๙. ผลการพัฒนาให้บรรลุตามปรัชญา ปณิธานพันธกิจ มาตรฐานท่ี ๑
บง่ ช้ี และวตั ถปุ ระสงค์ ของการจัดตง้ั สถานศกึ ษาลักษณ์ ผลการจัดการศกึ ษา
จัด
ลกั ษณ์ ๑๐. ผลการพัฒนาตามจุดเน้นและจุดเด่นที่ส่งผล สะท้อน
เปน็ เอกลักษณข์ องสถานศกึ ษา กลุ่มตัว

กล่มุ ตัว ๑๑. ผลการดําเนินงานโครงการพิเศษเพ่ือส่งเสริม มาตรฐานท่ี ๑
บ่งชี้ มาตรฐานท่ี ๑ บทบาทของสถานศึกษา ผลการจัด ผลการจัดการศกึ ษา
มาตรการ การศึกษา
สง่ เสริม ๑๒. ผลการส่งเสริมพัฒนาสถานศึกษาเพ่ือยกระดับ มาตรฐานท่ี ๒

มาตรฐาน รักษามาตรฐานและพัฒนาสู่ความเป็น การ การบริหารการศึกษา
บริหารจัดการศึกษา ส่งเสริมเลิศที่สอดคล้องกับ แนว
ทางการปฏริ ูปการศึกษา

๖.๑๐ การประเมินคณุ ภาพภายนอกในรอบที่สี่ (พ.ศ.๒๕๕๙-๒๕๖๓)

แนวคิดหลัก ประกอบด้วย ๑) การประเมินคุณภาพภายนอกต้องมีความเชื่อมโยงกับ
ระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัดในการปฏิบัติหน้าท่ีท่ี
รับผิดชอบให้บรรลุถึงเปูาหมายมาตรฐานท่ีกําหนดและร่วมรับผิด ชอบต่อผลการจัดการศึกษาที่
เกิดขึ้น (Accountability) ๒) การประเมินคุณภาพภายนอกต้องมีความท้าทายและช่วยกระตุ้น
หน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งใหเ้ กิดการสง่ เสรมิ การยกระดบั คุณภาพของสถานศึกษาสู่สากลตาม นโยบาย
ปฏิรูปการศึกษาของรัฐบาลเพ่ือการบรรลุเปูาหมายท้ังในระดับชาติและระดับนานาชาติ
(Empowerment) โดยมีขน้ั ตอนในการดาเนินการประกอบด้วย ๑) ประกาศรายชื่อสถานศึกษาท่ี
จะได้รับการประเมิน ๒) จัดคณะผู้ประเมินภายนอกตามเกณฑ์ ที่ สมศ.กําหนดผ่านระบบ AQA
๓) เสนอผู้อํานวยการ สมศ. พิจารณาเห็นชอบ รายช่ือคณะผู้ประเมินและรายช่ือสถานศึกษา
๔) ประกาศรายชอ่ื สถานศกึ ษาและคณะผปู้ ระเมินภายนอก (ไม่ระบุวันเข้าประเมิน) ๕) ผู้ประเมิน
วิเคราะห์ SAR ร่วมกับผลการวิเคราะห์ผลการดําเนินงานเบื้องต้นของสถานศึกษาพร้อมทั้งขอ
หลักฐานเพมิ่ เตมิ (ถา้ ม)ี ๖) คณะผ้ปู ระเมินดําเนนิ การ ประเมนิ สถานศึกษาตาม กระบวนการที่ สม

๑๐๘

ศ. กําหนด ๗) ผ้ปู ระเมนิ สรุปผลการประเมิน ตรวจสอบ คุณภาพรายงาน (E-Report) และ นําส่ง
พร้อมเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง (E-Document) เข้าระบบ AQA ๘) สถานศึกษาตรวจสอบ (ร่าง)
รายงานผลการประเมิน และประเมินผู้ประเมิน ผ่านระบบ AQA โดยมีกรอบในการประเมิน
คุณภาพภายนอกดังนี้ (รายละเอยี ดดัง ภาคผนวก)

ตาราง ๖.๓ สรุป กรอบการประเมนิ รอบท่ี ๔ ของสมศ.

ประเด็น ปฐมวยั /การศึกษา อาชวี ะ อดุ มศกึ ษา
ขน้ั พืน้ ฐาน

แนวทางการพฒั นา ๑. ประเมินภายนอก ๑. Double Check ๑. ความสอดคลอ้ ง กบั
เพือ่ กระตนุ้ และ ๒. ยกระดบั คณุ ภาพสู่ พนั ธกิจ
หลกั เกณฑ์การ ยกระดับคุณภาพสู่ สากล
ประเมนิ สากล ๒.ความเป็นนานาชาติ๓.
๒. ประเมนิ เพ่อื ความหลากหลายของการ
๓. เพอ่ื การพฒั นาที่ จดั การรับรองมาตรฐาน
ย่ังยืน (วัฒนธรรม ความรู้ (Diversity of
คุณภาพ) Knowledge)

ประเดน็ ปฐมวยั /การศกึ ษา ข้ัน อาชวี ะ อดุ มศึกษา
ประเด็นการพจิ ารณา พนื้ ฐาน
๑. ความสอดคลอ้ ง
๑. ความเหมาะสมและเป็น ๑. ประสทิ ธิภาพด้าน กบั พนั ธกิจ
๒. คณุ ภาพบัณฑิต
ไปไดข้ องการประกนั คณุ การจดั การเรยี นการ ภายใน
๓. คณุ ภาพงานวิจยั
ภาพ สอน (คุณภาพผเู้ รียน, ๔. การบริการ
วิชาการ
๒. ความนา่ เช่อื ถอื ของการ คณุ ภาพการสอน) ๕. การประกนั
ประกนั คณุ ภาพภายใน ๒. ประสิทธิภาพด้าน คณุ ภาพภายใน
๓. ประสิทธิผลของการประ การบริหารจดั การ
กันคณุ ภาพ (พฒั นาการด้าน (คณุ ภาพด้านการ
ร่างกาย อารมณ์ สังคม บริหาร, การประกัน
ภายใน)
สตปิ ญั ญาและ ความ

ปลอดภยั )

๑๐๙

เกณฑ์ทท่ี ้าทาย ตน้ แบบโดดเด่น การรับรองมาตรฐาน ได้รับผลการจดั

วิธกี ารประเมนิ C๓ : Achieved ระดับสากล อันดบั คุณภาพ
ข้นั ตอนดําเนนิ งาน
International Issues C๓ : International C๓ : World Class
ประเดน็
C๒ : Achieved National Accreditation C๒ : Regional

Issues C๑ : Achieved C๒ : National Class C๑ : Local

Community Issues Aspiration Class

C๑ : NationalNeeds

Base on Evidence Based, Expert Judgment, Peer Review have
๓ steps ๑. Organization Context ๒. Self-Assessment Report: SAR
๓. Site Visit

๑. สถานศึกษาประเมนิ ตนเอง (Self-Assessment)
๒. สมศ. วิเคราะห์ข้อมูลพน้ื ฐานของสถานศึกษา (Pre-Analysis) โดยใช้
โปรแกรม
๓. คณะผปู้ ระเมินภายนอกประชุมระบุประเดน็ จุดแข็ง ประเดน็ ปรบั ปรงุ
และกําหนดวนั ลงพนื้ ทีต่ รวจเยยี่ ม
๔. คณะผู้ประเมินภายนอกลงพนื้ ที่ตรวจเยย่ี ม (Site Visit)

ปฐมวยั /การศึกษา อาชวี ะ อดุ มศกึ ษา
ขั้นพืน้ ฐาน

๕. คณะผู้ประเมินภายนอกจดั ทํารายงานผลการประเมินคณุ ภาพ ภายนอก
(EQA Report) พร้อมขอ้ เสนอแนะเพอื่ การปรับปรงุ พฒั นา คณุ ภาพ

ตัวบ่งชี้และเกณฑ์การประเมิน สมศ. รอบสี่ (พ.ศ.๒๕๕๙ - ๒๕๖๓) ประกอบด้วย ๗
ดา้ น ๒๐ ตัวบง่ ช้ี คะแนนของตัวบ่งชลี้ ะ ๕ คะแนน คะแนนรวม ๑๐๐ คะแนน ดังน้ี

๑๑๐

ตาราง ๖.๔ กลุม่ ตัวบ่งชพี้ ้นื ฐาน กลมุ่ ตวั บง่ ชอ้ี ัตลกั ษณแ์ ละกล่มุ ตวั บ่งช้ีมาตรการส่งเสรมิ รอบ ๔

ดา้ น ตัวบ่งช้ี

๑. ดา้ นคุณภาพศิษย์ ตวั บ่งชที้ ่ี ๑ นักเรียนเป็นคนดี
(๒๐ คะแนน) ตวั บง่ ชี้ท่ี ๒ นกั เรยี นมีความรูค้ วามสามารถตามหลักสตู ร
ตัวบ่งชี้ท่ี ๓ นกั เรยี นมีความสามารถในการคิด
ตวั บง่ ชี้ที่ ๔ นักเรยี นมีทักษะชีวิต

๒. ด้านคณุ ภาพคร/ู อาจารย์ ตวั บง่ ช้ที ่ี ๕ ครู/อาจารยเ์ ปน็ คนดี มีความสามารถ

(๒๐ คะแนน) ตัวบ่งชท้ี ่ี ๖ ครู/อาจารยส์ ร้างสรรคห์ ้องเรยี น/แหล่งเรียนรู้
คณุ ภาพ ตวั บง่ ช้ีที่ ๗ คร/ู อาจารยม์ ีผลงานทน่ี ําไปใชป้ ระโยชน์

ตัวบง่ ชท้ี ี่ ๘ คร/ู อาจารยไ์ ดร้ ับการเพม่ิ พนู ความร/ู้ ประสบการณ์

๓. ด้านการบริหารและ ตัวบ่งชท้ี ่ี ๙ การดําเนินงานของคณะกรรมการสถานศกึ ษา มา
ธรรม อภิบาล ของสถานศึกษา

ตัวบง่ ชท้ี ี่ ๑๐ การดําเนินงานของผู้อาํ นวยการ (๒๐ คะแนน)
ตัวบ่งชท้ี ่ี ๑๑ การบรหิ ารความเสีย่ ง
ตวั บง่ ชท้ี ี่ ๑๒ การพฒั นาบคุ ลากรสายสนับสนุน

ดา้ น ตัวบ่งช้ี

๔. ด้านความสมั พนั ธก์ ับ ตวั บง่ ชี้ท่ี ๑๓ การให้ความร่วมมือ ที่สง่ ผลตอ่ ชุมชน/ลงั คม
ชุมชน/ สังคม (๑๐ ตวั บง่ ช้ที ่ี ๑๔ การใหค้ วามรว่ มมือกบั ชมุ ชน/ลังคมท่สี ่งผลตอ่
คะแนน) สถานศึกษา

๕. ด้านการทาํ นุบํารงุ ศิลปะ ตัวบ่งชี้ที่ ๑๕ การส่งเสริมสนับสนุนศิลปะและวัฒนธรรม และ

และ วัฒนธรรม วฒั นธรรม

(๑๐ คะแนน) ตวั บ่งชท้ี ่ี ๑๖ การพฒั นาสุนทรียภาพ

๖. ดา้ นอัตลกั ษณ/์ ตัวบ่งชท้ี ี่ ๑๗ อัตลักษณน์ ักเรยี น
๑๐ คะแนน) ตัวบง่ ชท้ี ี่ ๑๘ เอกลกั ษณส์ ถานศกึ ษา

๗. ด้านมาตรการสง่ เสรมิ ตัวบ่งช้ีที่ ๑๙ มาตรการสง่ เสริม

๑๑๑

(๑๐ คะแนน) ตัวบง่ ชี้ท่ี ๒๐ มาตรการส่งเสริม (ภายนอกสถานศึกษา)

๖.๑๑ การนําผลการประเมินคุณภาพไปใช้ในสถานศกึ ษา

สถานศกึ ษาที่ผ่านการประเมินได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพให้นําผลการประเมินท่ี
สะท้อนจุดเด่นและ จุดที่ควรพัฒนาไปจัดทําแผนปรับปรุงการดําเนินงานตามข้อเสนอแนะของ
กรรมการประเมนิ ท่ีอย่ใู นรายงานผลการประเมินภายนอก ซึ่งเป็นการวางแผน และดําเนินการใน
การพัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น การจัดทําแผนและการดําเนินการพัฒนา คุณภาพการศึกษาของ
สถานศกึ ษาเป็นการพจิ ารณาร่วมกนั ของบุคลากรในสถานศกึ ษาและ หน่วยงานต้นสังกัดระดับเขต
พ้ืนที่/จังหวัด และผู้บริหารสถานศึกษาต้องมีบทบาทสําคัญในการ ขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพ
สถานศึกษาโดยมีขั้นตอนและกระบวนการดําเนินงานการนําผล ประเมินไปใช้โดยสถานศึกษา
หน่วยงานต้นสังกดั และหน่วยงานระดบั นโยบายดงั นี้

ตาราง ๖.๕ กระบวนการดําเนินงานการนาํ ผลประเมนิ ไปใชโ้ ดยสถานศึกษา หน่วยงานต้น
สังกัด และหน่วยงานระดับ นโยบาย

หน่วยงาน ผู้รบั ผดิ ชอบ การดาํ เนินงาน

สถานศึกษา  ผ้อู ํานวยการ  ผู้อํานวยการเชิญประชมุ ผทู้ ่ีเกย่ี วขอ้ ง
 คร/ู อาจารย์
 กรรมการสถานศึกษา  วิเคราะห์ตัวบง่ ชี้ จุดเด่น และจุดท่ีควร
พัฒนาและคาแนะนาในการพฒั นา

 วางแผนพัฒนาตามคาํ แนะนํา โดย
ความเหน็ ร่วมกันของผู้ท่เี กย่ี วข้อง

 ดาํ เนนิ การตามแผน
 ประเมนิ ผลการดําเนนิ งาน

 จัดทํารายงานการประเมินตนเอง ภายใน
ทุกปแี ละสง่ ใหห้ นว่ ยงานต้นดังกดั ทกุ ปี

หนว่ ยงานต้นสงั กัด ศกึ ษานเิ ทศก์  รว่ มมือกับสถานศกึ ษา ใช้ผลการ
ระดบั เขตพื้นที่

การศึกษา ผู้อาํ นวยการเขตพื้นท่ี ประเมินจดั ทาํ แผนยุทธศาสตร์ในการ พัฒนา
การศกึ ษา/ผู้อํานวยการ การศึกษาของสถานศกึ ษาในกาํ กบั ของเขต
พื้นทกี่ ารศึกษาการศกึ ษา

๑๑๒

กศน. จังหวดั /  ติดตามให้คาแนะนา สถานศึกษา
กรงุ เทพมหานคร
 ประเมนิ ผลการดําเนินงาน การประกัน
คณะกรรมการเขตพื้นที่ คุณภาพภายในสถานศกึ ษาอย่างน้อยหน่ึง
การศกึ ษา ครงั้ ทุกสามปี

 สช.

หน่วยงาน ผ้รู บั ผิดชอบ การดําเนนิ งาน

หนว่ ยงานต้นสงั กดั  ศกึ ษานเิ ทศก์  รว่ มมอื กบั สถานศกึ ษา
ปกครอง ทอ้ งถิน่  ผู้อาํ นวยการกอง/  ใชผ้ ลการประเมนิ จดั ทาํ แผนการศึกษา
(องคก์ ารบริหาร- สาํ นักการศึกษา ยุทธศาสตร์ในการพฒั นาการศึกษาของ
สว่ นจงั หวดั / องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น
เทศบาล/ ตําบล)  ติดตามให้คาแนะนาสถานศกึ ษา
 ประเมินผลการดาํ เนินงานการประกนั
หน่วยงานต้นสงั กดั  หนว่ ยกํากบั ติดตาม คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาอย่าง นอ้ ยหนึ่ง
ระดบั นโยบาย ครั้ง ทุกสามปี
๑. สาํ นักงาน
ปลัดกระทรวง  พิ จา ร ณ าผ ล ก า ร ป ร ะ เ มิน อ ภิม า น
ศึกษาธิการ  จัดทานโยบาย ยุทธศาสตร์ การสนับสนุน
ก า ร พั ฒ น า คุ ณ ภ า พ อ ง ค์ ก า ร บ ริ ห า ร ส่ ว น
๒. สาํ นักงาน  สาํ นักทดสอบทาง สถานศึกษาในสังกัด โดยใช้ข้อมูลจาก ผล
การประเมิน
คณะกรรมการ การศึกษา : กลุ่มพัฒนา
ตดิ ตามการใช้ผลการประเมนิ ในการพฒั นา
การศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน สถานศึกษา
รายงานการนาํ ผลการประเมินใน การ
๓. สํานกั งาน  สาํ นกั มาตรฐาน การ พัฒนาคุณภาพของสถานศกึ ษาใน ภาพรวม
อาชีวศิ กึ ษา และวชิ าชีพ ต่อคณะอนกุ รรมการตดิ ตาม การนาํ ผล
ประเมินไปใชข้ อง สมศ.
๔. สาํ นักงาน  สํานกั มาตรฐานและ

คณะกรรมการ การ ประเมินผลอดุ มศกึ ษา

๑๑๓

อดุ มศึกษา  สาํ นักประสานและ
๕. กรมส่งเสริม หนว่ ยงาน ผู้รบั ผิดชอบ

หน่วยงาน ผรู้ บั ผดิ ชอบ การดําเนนิ งาน

การปกครองทอ้ งถิน่ พฒั นาการจัดการศึกษา
ท้องถ่ิน

๖. สถาบนั วชิ าการ  ก อ ง คุ ณ ภ า พ แ ล ะ
ปอู งกนั ประเทศ มาตรฐาน
การแก้ศกึ ษาทหาร

๗. สํานกั งาน  กลุม่ งานโรงเรยี น
คณะกรรมการ
สง่ เสรมิ การศึกษา
เอกชน

๘. สาํ นักงานสง่ เสริม  กลมุ่ พัฒนาการศึกษา

๖.๑๒ การนาํ ผลการประเมินคุณภาพภายนอกไปใชใ้ นมติ ิอืน่ ๆ

๑. มติ ดิ า้ นค้มุ ครองผู้บริโภค ผ้บู ริโภค ได้แก่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้เรียน ใช้เป็น ข้อมูล
รายงานผลการประเมินของ สมค. ประกอบการตัดสินใจเลือกสถานศึกษาจะเข้าเรียน ต้ังแต่ระดับ
การศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน ด้านการอาชีวศึกษา และระดับอุดมศึกษา

๒. มิตกิ ารเป็นเครือ่ งมือของรฐั บาล หนว่ ยงานระดบั ชาตแิ ละรฐั บาลใชผ้ ลการ ประเมินอภิ
มานคุณภาพภายนอก ในการกําหนดนโยบาย วางแผน และจัดสรรงบประมาณ ให้กับการศึกษา
และการจดั กลุม่ ขอ้ มลู เชน่ รายงานผลการประเมินอภมิ านคุณภาพการศึกษา เป็นรายจังหวัด เป็น
ขอ้ มลู ประกอบการวางแผนพฒั นาจงั หวดั ท้องถ่นิ เปน็ การบูรณาการกบั การพัฒนาด้านอ่ืนๆ ให้มี
ประสิทธิภาพย่ิงขึ้น รายงานผลการประเมินอภิมานการประเมิน คุณภาพแต่ละระบบการศึกษา
แสดงผลลัพธ์การจัดการศึกษาในภาพรวมและการเปลย่ี นแปลง ระดับคุณภาพ ซ่ึงหน่วยงานระดับ

๑๑๔

นโยบาย เช่น สภาการศกึ ษา สํานักงบประมาณ สภาวิจัย แห่งชาติ คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ
และสงั คมแหง่ ชาติสามารถใช้ขอ้ มูลประกอบการ จัดทานโยบายและการจัดสรรงบประมาณพัฒนา
คุณภาพการศกึ ษาบนฐานขอ้ มลู ท่เี ปน็ ปัจจุบัน

๓. มิติด้านวิชาการ บุคลากรทางการศึกษาและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องใช้ฐานข้อมูล
คณุ ภาพ สถานศึกษาทกุ ระดับในประเทศ เพื่อสามารถนําไปใช้ในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ ข้อมูล
ติดตามการดําเนินงานเฉพาะเรื่องที่เป็นนโยบายด้านการศึกษา เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล ผลการ
ประเมินคุณภาพภายนอกตามกลุ่มสถานศึกษาเปูาหมาย เพ่ือตอบโจทย์เชิงนโยบายการศึกษาสู่
ความเป็นเลิศ เช่น โรงเรียนวิทยาศาสตร์ โรงเรียนกีฬา โรงเรีย นสองภาษา/โรงเรียน ที่ใช้
ภาษาองั กฤษเป็นสื่อการสอน โรงเรียนมาตรฐานสากล มหาวิทยาลัย ท่ีเนน้ การวิจยั เป็นต้น

๔. กรอบแนวคิดการจัดทําแผนพัฒนาคุณภาพ สถานศึกษาสามารถนารูปแบบระบบ
(Input-Process-Output) เป็นกรอบแนวคิดใน การจัดทําแผนพัฒนาการดําเนินงานของ
สถานศึกษาเข้าสู่กระบวนการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเน่ือง (PDCA) โดยพิจารณาว่าการปรับปรุง
การดาเนินงานจะเริ่มที่ตัวปูอนเข้า หรือ กระบวนการ ที่เหมาะสมกับบริบทสถานศึกษา ทั้งนี้
คณะกรรมการประกันคณุ ภาพภายในตอ้ งทําการ วิเคราะห์สาเหตุของผลการประเมินตํ่าว่าเป็นผล
มาจากกระบวนการการเรียนการสอนใน ห้องเรียนหรือมาจากปัจจัยนาเข้า เช่น ภาวะผู้นําทาง
วิชาการ หรือความชัดเจนวิสัยทัศน์ของ สถานศึกษา เป็นต้น หรือมาจากสาเหตุอื่น การมองเชิง
ระบบจะช่วยใหก้ ารทําแผนพัฒนามีความชัดเจน และสามารถนาํ ไปปฏิบัติได้ การสื่อสารระหว่างผู้
ท่ีเกี่ยวขอ้ งจนเขา้ ใจตรงกนั โดย มงุ่ ทก่ี ารพฒั นาคณุ ภาพการจัดการศกึ ษา

๖.๑๓ สรปุ ท้ายบท

การประกันเมินคุณภาพภายนอกกับการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษานั้นมี
เปาู หมายเดยี วกนั คือเพ่อื พัฒนาคุณภาพการศกึ ษา หากแต่การประเมินคุณภาพภายนอกเป็น การ
ประเมินผลการจัดการศึกษาเพ่ือ ตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษาโดยผู้ประเมินภายนอก
ท่ีได้รับการรับรองจาก สมศ. ในการประเมินรอบที่ ๑-๓ และรอบที่ ๔ มีแนวโน้มว่าจะ
ประกอบดว้ ยบคุ คล ๓ ฝุายได้แก่ สถานศึกษา, ตัวแทนจากต้นสังกัดและตัวแทนจากสมศ. ภายใต้
แนวคิดความเป็นกลาง มีความเป็นอิสระ และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการประเมิน คุณภาพ
ภายนอกอันจะนําไปสู่การเข้าถึงคุณภาพการศึกษาอย่างสร้างสรรค์เพ่ือพัฒนา คุณภาพและ
มาตรฐานการศกึ ษาอย่างแทจ้ ริง

๑๑๕

บทท่ี ๗

แนวโน้มเกย่ี วกบั การประกันคุณภาพการศึกษาไทย

๗.๑ ความนาํ

มุมมองของนกั วชิ าการข้างต้น สะทอ้ นให้เหน็ ว่าการศกึ ษาของประเทศไทยมี ความชัดเจน
ในปัญหาและมีข้อมูล เพยี งพอทีจ่ ะสามารถกาํ หนดทิศทางในการพัฒนาที่ชัดเจนได้ โดยต้องอาศัย
ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเหนืออื่นใดคือทัศนคติและความมุ่งม่ันในการความมีคุณภาพของ
บุคคลใดบคุ คลหน่ึงซง่ึ เป็นท่ี ยอมรบั ชี้ใหเ้ ห็นถงึ สิ่งทดี่ ที ่ีเกิดข้นึ ทีเ่ กย่ี วข้องกับการดําเนินการให้เกิด
คุณภาพ เพื่อให้คนอื่น รู้สึกในทางท่ีดี อยากท่ีจะปฏิบัติตาม ทั้งนี้เร่ืองที่สร้างข้ึนจะต้องเป็นเร่ือง
จริง และบคุ คลทก่ี ล่าว อา้ งถึงต้องได้รับการประเมินแล้วว่า เป็นที่ยอมรับในระดับ สูงสําหรับ คน
ส่วนใหญใ่ นองค์การ

๗.๒ แนวโนม้ บรบิ ทการเปลย่ี นแปลงสงั คมไทยภายใต้กระแสโลกาภวิ ตั น์

ภายใตส้ ภาวะการณ์ของปญั หาและการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วของกระแสโลกาภิวัฒน์
ประเทศไทยได้ศึกษาถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเพ่ือการเตรียมความพร้อมและวางแนวทางใน
การพัฒนาตนเอง โดยมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสภาพปัจจุบัน ปัญหา และ แนวโน้มบริบทการ
เปลี่ยนแปลงสังคมโลกและสังคมไทยด้านสังคม โดยสํานักงานเลขาธิการ สภาการศึกษา
กระทรวงศกึ ษาธิการ (๒๕๕๑ : ๑๘) ทาํ ให้ไดข้ ้อ คน้ พบเป็นพบสรุปสภาพการณ์ในระยะ ๑๐-๒๐
ปขี ้างหนา้ ดงั น้ี

การศึกษาเพ่อื พฒั นาคน

๑) สร้างและพัฒนาเด็กให้มีความพร้อมด้านสติปัญญาอารมณ์และศีลธรรมด้วยการ ให้
ความรู้พ่อแม่เกี่ยวกับชีวิตครอบครัว วิธีการดูแลและพัฒนาเด็กต้ังแต่แรกเกิดทางด้านจิตใจ
อารมณ์ สงั คมและสติปัญญา เพื่อให้เกิดทักษะชีวิตและความรู้พ้ืนฐานที่สามารถสร้าง พัฒนาการ
ของเด็กก่อนเข้าสู่ระบบการศึกษาที่มุ่งพัฒนาการศึกษากระบวนการเรียนการสอน ท่ีเน้นการคิด
วิเคราะห์อย่างเป็นองค์รวม รวมทั้งนําเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการพัฒนาส่ือการสอนการ
เรียนการสอนท่ีจูงใจใหเ้ ด็กสนใจและใฝรุ ู้

๑๑๖

๒) พัฒนาเยาวชนก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงานให้มีคุณภาพสูงข้ึนควบคู่กับการพัฒนาด้าน
คณุ ธรรมจรยิ ธรรม โดยปรับหลกั สตู รการเรยี นการสอนให้เชื่อมโยงกับการทํางานในอนาคต ทําให้
คนเหลา่ น้เี หน็ ล่ทู างการประกอบอาชพี ที่ชัดเจน มจี ุดหมายในชวี ติ

๓) พฒั นากําลังคนใหม้ สี มรรถนะสูงขึ้นผ่านการฝึกอบรมและการเรียนนอกระบบ โดยจัด
หลักสูตรระยะสั้นท่ีสร้างทักษะทางด้านการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา ตัดสินใจ ทํางานเป็น ทีม
มีจริยธรรม มีวินยั ในการทํางาน สามารถรองรบั เทคโนโลยีตา่ งๆ ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ

การศกึ ษาเพอ่ื สงั คม

๑) สง่ เสรมิ ใหผ้ รู้ ้ปู ราชญ์และผูส้ ูงอายุทม่ี ีประสบการณ์ นาํ ความรู้ทีมีมาถ่ายทอดสู่เด็กและ
เยาวชน กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้นอกห้องเรียนในแหล่งเรียนรู้ของชุมชน มีการค้นคว้าทดลองทํา
กิจกรรมร่วมกัน

๒) จัดการความรู้ในระดับ ชุมชนด้วยการสืบค้น ถอดความรู้ภูมิปัญญาท่ีมีอยู่ในตัวคน
ออกเปน็ ความรูท้ ่ีผอู้ ื่นสามารถเรียนรูไ้ ด้ โดยใหส้ ถาบนั การศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และ
ชุมชนร่วมกนั ดําเนินการจดั เป็นคลังข้อมลู ทีส่ ามารถนาไปใช้ประโยชนไ์ ดท้ ุกระดบั

๓) เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของครอบครัว ชุมชน สถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา
ให้เป็นกลไกในการพัฒนาการศึกษาท่ีเน้นคุณธรรมนําความรู้ แหล่งเรียนรู้ในชุมชนและใช้
กระบวนการเรียนรู้ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและผลักดันให้องค์กรปกครอง ส่วน
ท้องถน่ิ มีบทบาทในการระดมทรัพยากรสนับสนุนการเรียนรู้อย่างต่อเน่อื งของประชาชน

การศกึ ษาเพอื่ เปน็ พลงั ขบั เคลอื่ น

๑) จัดทํากระบวนการกระตุ้นและผลักดันให้ทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมในการปฏิรูป
การศึกษาอย่างจริงจังและต่อเนื่องเห็นความสําคัญและความจําเป็นเร่งด่วนท่ีจะต้องพัฒนา
การศึกษาของประเทศไทยให้มีคุณภาพสูงข้ึนท้ังการเรียนในระบบ นอกระบบการศึกษาและ
การเรยี นร้ตู ลอดชวี ติ

๒) ระบบระดมทรัพยากรจากภาคีการพัฒนาต่าง ๆ มาใช้ในการปฏิรูปการศึกษา
ปรบั นโยบายการพัฒนาระบบภาษมี าจงู ใจให้เกิดการเขา้ ร่วมจัดการศึกษา ในทุกระดับ โดยเฉพาะ
ภาคเอกชนและองคก์ รทางสงั คม

๓) เสริมสร้างศักยภาพใหอ้ งค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเป็นกลไกหลักในการจัด การศึกษา
ระดับชุมชน โดยจัดอบรมพัฒนาศักยภาพการจัดการศึกษาและความรู้ต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องให้

๑๑๗

บคุ ลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถดาเนินการได้อย่าง มีประสิทธิภาพและมีการ
ติดตามประเมินผลการดําเนนิ การงานเป็นระยะอยา่ งต่อเนือ่ ง

๗.๓ แนวโนม้ เก่ียวกับการประกันคณุ ภาพการศกึ ษาไทย

ผลจากการดําเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาไทยในช่วงการปฏิรูป คร้ังที่ ๑ – ๒
ได้ให้ข้อมูลย้อนกลับมากมาย ก่อให้เกิดมุมมองอย่างหลากหลายในทัศนะของนักวิชาการศึกษา
หลายๆ ท่าน อาทิเช่น จักรปรฬุ ห์ วิชาอัครวิทย์ (๒๕๖๐) ได้นําเสนอข้อเสนอแนะภาพรวมในการ
พัฒนาคณุ ภาพการจัดการศึกษาไทยไว้ดงั น้ี

๑. จัดเป็นวาระแห่งชาติว่าด้วยการปฏิรูปการเรียนรู้พัฒนาผู้เรียน ตามมาตรฐานท่ี ๔
ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ มีวิจารณญาณ มีความคิดสร้างสรรค์
คิดไตรต่ รองและมีวิสัยทัศน์ มาตรฐานท่ี ๕ ผู้เรียนมีความรู้และทักษะที่จําเป็นตามหลักสูตร และ
มาตรฐานที่ ๖ ผูเ้ รียนมที กั ษะในการแสวงหา ความรู้ด้วยตนเอง รักการเรียนรู้ และพัฒนา ตนเอง
อยา่ งต่อเนอื่ ง เป็นพิเศษ โดยการจัดตังองค์การมหาชนข้ึนมาขับเคล่ือน ถ้าปล่อยให้ทําตามระบบ
ราชการอาจไมท่ นั การ

๒. เสนอให้เพิ่มจํานวนเขตพื้นท่ีการศึกษาจาก ๑๗๕ เขต เป็น ๒๙๕ เขต ตามผลวิจัย
และข้อแสนอของสํานักงานปฏิรูปการศึกษา (สปศ.) เพื่อให้เขตพื้น ที่การศึกษาส่งเสริมและร่วม
พัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาได้อย่างใกล้ชิดตามสภาพความจําเป็นท่ีสถานศึกษา ๒
ใน ๓ ไมไ่ ด้มาตรฐานข้ันต่าํ

๓. ปรับสถานภาพของสถานศึกษาที่มีคุณภาพดีให้มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามท่ี กฎหมาย
กําหนด ส่วนสถานศกึ ษาอืน่ มอบอํานาจใหส้ ถานศกึ ษามีอิสระในการบริหารการศึกษา ตามมาตรา
๓๙ ของพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ แนวทางน้จี ะทาให้สถานศึกษาปฏิรูป การบริหารให้ได้
มาตรฐานตามแนวทางของมาตรฐานการศึกษาของชาติ คือ การบริหารโดยใช้สถานศึกษาเป็นฐาน
(School Based Management) ซ่ึงหมายถึง การบริหารให้มีคุณภาพการ บริหารที่มีแผนและ
บริหารแบบมีส่วนร่วม การบริหารอยา่ งประกนั คณุ ภาพ

๔. เร่งรัดให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานกําหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พ้ืนฐาน ซึ่งประกอบด้วย การกําหนดจุดหมายของหลักสูตร โครงสร้างหลักสูตร และสาระ การ
เรียนรู้ระดับสากล และระดับชาติ ในแต่ละกลุ่มสาระในแต่ละช่วงช้ัน รวมทั้งในแต่ละชั้นปี ด้วย
โดยกระบวนการวิจัย ประเมิน และปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
๒๕๔๔ ใหส้ อดคล้องกับพฒั นาการของผู้เรียน มาตรฐานการศกึ ษาของชาติ มาตรฐานการศึกษาข้ัน

๑๑๘

พืน้ ฐานและสอดคลอ้ งกบั มาตรา ๒๗ ของพระราชบญั ญัติการศึกษา แห่งชาติ ท้ังนี้ควรให้เขตพ้ืนท่ี
ทกุ เขตทําการวจิ ัยและประเมนิ สภาพของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ท้ังในเชิงสาระการเรียนรู้
ในหลักสูตรแกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่ินและสาระการ เรียนรู้ระดับสากล และระดับชาติ
เป็นการหล่อหลอมความเป็นคนไทยในบริบทสากลเพื่อเอกภาพของชาติไทยและสอดคล้องกับ
คุณลกั ษณะของคนไทยตามมาตรฐานชาติ

๕. เร่งทบทวนเกณฑ์การจบหลักสูตร โดยเฉพาะในช่วงชั้นท่ี ๑ (ป.๓) ช่วงชั้นท่ี ๒ (ป.๖)
ช่วงช้ันท่ี ๓ (ม.๓) และช่วงช้ันที่ ๔ (ม.๖) ที่ได้มอบให้เป็นอํานาจของสถานศึกษาต้ังแต่ปี
พทุ ธศักราช ๒๕๒๑ ในขณะที่สถานศกึ ษามีคณุ ภาพและมาตรฐานแตกต่างกันอย่างมาก อีกทั้ง ไม่
สอดคลอ้ งกับมาตรา ๑๐ ของพระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พุทธศกั ราช ๒๕๔๒ ท่ี กําหนดให้
ดาํ เนนิ การอย่างมเี อกภาพเชิงนโยบายและมาตรฐาน แต่หลากหลายการปฏิบัติตาม มาตรฐานและ
นโยบายเดียวกัน ในท่ีน้ีมาตรฐานน่าจะหมายถึง มาตรฐานการศึกษาของชาติ และมาตรฐาน
การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ซึ่งเป็นมาตรฐานขั้นต่ํา มาตรฐานการศึกษาข้ันตํ่า หมายถึง หลักสูตร
แกนกลางและการประเมินผลการเรียน โดยเฉพาะการจบช่วงช้ันต่างๆ ซ่ึงต้องมีการรักษา
มาตรฐานดงั นน้ั การจบช่วงช้ัน ๑-๔ ให้พิจารณาผลการทดสอบระดับชาติโดยสถาบัน ทดสอบทาง
การศึกษา (สทศ.) เป็นสําคัญ มากกว่าการให้อํานาจแก่สถานศึกษาแต่ละแห่งรื้อปรับ ระบบการ
สอนซ่อมเสริมในสถานศึกษาเร่งรัดให้สร้างมาตรฐานการประเมินผลการเรียนใน สถานศึกษาทุก
แหง่ โดยเฉพาะอย่างยิง่ มาตรฐานของการสอนซ่อมเสริม ต้องมีการส่งเสริม กากับดูแลให้มีดาเนิน
การอยา่ งประกันคณุ ภาพและได้มาตรฐาน มใิ ช่ปล่อยให้ครูผู้สอนเป็นผู้วินิจฉัยและดําเนินการตาม
อธั ยาศัยเชน่ ทีเ่ ป็นอยูโ่ ดยทวั่ ไป ทําใหผ้ เู้ รียนเลื่อนช้ันโดยไม่มีมาตรฐานเท่าท่ีควรและให้ สทศ. จัด
สอบ O-NET ทุกช่วงช้ันและใช้คะแนนสอบระดับชาติเป็นเคร่ืองมือตัดสินการสําเร็จการศึกษาใน
แตล่ ะช่วงชน้ั

๖. ทบทวนการดําเนินการโครงการผลิตครู ๕ ปี ให้เหมาะสม ตามความจําเป็นที่แท้จริง
และความคิดเร่ิมต้น รวมทั้งจัดทรัพยากรอย่างเพียงพอให้มหาวิทยาลัยราชภัฎในแต่ละภูมิภาค
กลับมาผลิตและพัฒนาครู ผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้กระบวนการ หอพักเพ่ือ
การเรยี นรู้

๗. จัดตั้งกองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ ผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษาโดยด่วน
จัดระบบการพัฒนาบุคลากรให้ได้ สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
(สคบศ.) เป็นองคก์ ารมหาชนทาหนา้ ทบ่ี ริหารจัดการให้การอบรมแบบดาวกระจาย มิใช่ต้น สังกัด
เป็นผู้อบรมเช่นในปัจจุบัน ครูประจาการต้องได้รับการพัฒนาในด้านเนื้อหาสาระท่ีสอน

๑๑๙

จติ วญิ ญาณความเปน็ ครู ทกั ษะการสอนและการประเมินผลการเรียนท่ีมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ
การสอนทีเ่ น้นผูเ้ รยี นเป็นสาํ คัญ รวมทั้งการครองตนให้เป็นตัวอย่างท่ีดีของผู้เรียน และประชาชน
ท่ัวไป สําหรับผู้บริหารต้องได้รับการพัฒนาเรื่องการบริหารวิชาการ โดยเฉพาะ การบริหาร
สถานศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ เพื่อบรรลุมาตรฐานการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและ เปูาหมายของ
สถานศึกษา รวมท้ังปรับระบบการประเมินเพื่อเข้าสู่วิทยฐานะของครู ศึกษานิเทศก์และผู้บริหาร
โดยประเมนิ ความเชีย่ วชาญจากผลการปฏิบัตใิ นหน้าท่ที ่ีสง่ ผลตอ่ คณุ ภาพผู้เรียนเป็นหลักแทนการ
ใหท้ าํ ผลงานทางวชิ าการและจดั ใหม้ ีกองทุนพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา

๘. ควรพัฒนาสถานศึกษาท่ีขาดโอกาสในการพัฒนา ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นสถานศึกษา
ขนาดเล็กในชนบท ซึ่งคาดว่ามีประมาณร้อยละ ๓๐ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานท้ังหมด โดยการ
จัดระบบบริหารเป็นกลุ่มสนับสนุนทรัพยากรพื้นฐานท่ีจําเป็น และส่งเสริมให้มีการใช้หลักสูตร
ฉบับปรับปรุงอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาผู้บริหารและครู รวมท้ังการให้แรงจูงใจอื่นๆ เพ่ือ
ยกระดบั คณุ ภาพของผเู้ รยี นและยกมาตรฐานของสถานศกึ ษาโดยดว่ น

๙. เร่งวิจัยและพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
เน่ืองจากมีสถานศึกษาเพียงร้อยละ ๒๔ ที่ได้มาตรฐานขั้นตํ่า จึงถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะพัฒนา
คณุ ภาพการศกึ ษาของสถานศึกษาใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเสริมสร้างขวัญกําลังใจ ของ
คนในพน้ื ท่ีใหไ้ ดร้ บั การศึกษาท่ีมี คณุ ภาพจะส่งผลต่อ ความมัน่ คงปลอดภยั อย่างยัง่ ยนื

การประกันเมินคุณภาพภายนอกกับการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษานั้นมี
เปูาหมายเดียวกัน คือ เพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษา หากแต่การประเมินคุณภาพภายนอกเป็น
การประเมินผลการจัดการศึกษาเพ่ือตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษาโดยผู้ประเมินภายนอก
ท่ีได้รับการรับรองจาก สมศ. ในการประเมินรอบที่ ๑-๓ และรอบท่ี ๔ มีแนวโน้มว่าจะ
ประกอบด้วยบุคคล ๓ ฝุายไดแ้ ก่ สถานศึกษา, ตัวแทนจากต้นสังกัดและตัวแทนจากสมศ. ภายใต้
แนวคิดความเป็นกลาง มีความเป็นอิสระ และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการประเมิน คุณภาพ
ภายนอกอันจะนําไปสู่การเข้าถึงคุณภาพการศึกษาอย่างสร้างสรรค์เพื่อพัฒนา คุณภาพและ
มาตรฐานการศกึ ษาอยา่ งแท้จรงิ

Suphak Pibool (๒๐๑๗) ไดน้ าํ เสนอแนวคดิ เกีย่ วกับ แนวโนม้ การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ปี ๒๐๑๗-๒๐๓๗ (ยุค Thailand ๔.๐) ไว้ดังนี้

๑. เปาู หมายการศึกษามี ๒ แนวทางคือ เราจะจัด การศึกษาเพื่อ (๑) “สร้างคนให้อยู่ใน
สงั คมอยา่ งปกติสุข” หรือ (๒) ต้องการผูส้ าํ เรจ็ ท่สี ามารถ “จรรโลง สร้างสรรค์และพฒั นาสงั คม”

๑๒๐

๒. การกําหนดสมรรถนะหรือคุณสมบัติของผู้ที่จะจบการศึกษาแต่ละระดับปฐมวัย
ประถมศกึ ษา มัธยมศกึ ษา ปรญิ ญาตรี ปริญญาโท-เอก จาเป็นต้องกําหนดหรือไม่ใครกําหนด แล้ว
ช้ีให้เห็นว่าทําอย่างไรจึงจะคมชัด และเห็นพ้องต้องกัน ในอนาคต เร่ืองน้ี จะดําเนินการ อย่าง
จริงจัง และเปน็ รูปธรรมมากขน้ึ

๓. ในด้านกระบวนการพัฒนาผูเ้ รียนในอนาคตคงเนน้ เรอื่ ง

 การกระจายอํานาจ การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม บทบาทร่วมของ ผู้ปกครอง/
ครอบครวั และชมุ ชน

 การประเมินสมรรถนะผู้เรียนท่ีเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เน้นแค่ผลสัมฤทธิ์ หรือเกรด เฉลี่ย
อย่างปัจจบุ นั

 การประกนั คุณภาพการสอน และระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี น

 การจดั กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ ทีเ่ น้นให้ผู้เรียนพัฒนาตนเอง ที่ให้ ความสําคัญ กับ
ID Plan

 การประกันคุณภาพภายในแบบเข้มข้น ที่มีการประลองเพ่ือเตรียมความพร้อม ก่อน
การประเมนิ ภายในหรอื ภายนอก

 การประเมินเพ่ือตอบแทนความดีความชอบ การประเมินเพ่ือ ปกปูองวิทยฐานะ
จะต้องเป็นระบบและมที ิศทางที่ชดั เจน
๔. ดา้ นปจั จยั พนื้ ฐานในการจัดการศึกษา แนวโนม้ คือ

 การตรวจสอบ Baseline ของผู้เรียนแรกรับเขา้ ในทกุ ระดับการศึกษา

 การพัฒนาครูและส่งเสริมครูให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ที่มีการพัฒนาตนเอง บน
เส้นทางชีวิตอย่างตอ่ เนอื่ ง

 การพัฒนาหลักสูตร และแผนยุทธศาสตร์ - หลักสูตร ในอนาคต น่าจะมี ๓ ระดับ คือ
Policy Curriculum, Implementing Curriculum และ Operational Curriculum

– แผนยทุ ธศาสตร์ ระยะ ๕-๑๕ ปี จะไดร้ ับความสาํ คัญมากขึ้น นักบริหารจะใช้ แผนเป็น
เครอ่ื งมอื ในการบริหารมากข้ึน

๑๒๑

 การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้มีความพร้อม เพ่ือรองรับระบบศึกษาด้วยตนเอง หรือเพื่อ
การศกึ ษาค้นคว้าของผู้เรยี นมากขึ้นหากภาคส่วนท่ีเกี่ยวข้อง ไม่จริงจัง กับ แนวโน้มในการพัฒนา
ขา้ งตน้ เชื่อว่าปัญหาท่ีสั่ง สมอยู่ในปัจจุบัน จะนาไปสู่การล่มสลายของสถานศึกษาทุกระดับ อาจ
ถึง ๔๐ % ของ สถานศึกษาทั้งหมด

๗.๔ การสรา้ งวฒั นธรรมคุณภาพ

สภุ ทั รา เอื้อวงค์ (๒๕๖๐) ได้นําเสนอแนวคิดในการสร้างวัฒนธรรมคุณภาพเพื่อ
เปน็ สง่ิ ทชี่ กั นาให้คนในองคก์ ารพรอ้ มท่ีจะดาเนินการตลอดจนประพฤติปฏิบัติเพ่ือนาองค์การไปสู่
คณุ ภาพไดใ้ นที่สุดไว้ดงั นี้

วัฒนธรรมคุณภาพ (Quality culture) เป็นแบบแผนของพฤติกรรมของสมาชิกใน
องคก์ ารที่นาไปส่กู ารมมี าตรฐานความเปน็ เลิศทไี่ ด้มกี ารกาํ หนดไวห้ รอื ตรงตามวัตถุประสงค์ท่ีทั้งไว้
เป็นแบบแผนของพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดประสิทธิผลและสนองตอบต่อความคาดหวังของ
ผู้รับบริการหรือลูกค้า และจะเป็นแบบแผนพฤติกรรมที่สมาชิกทุกคนในองค์การยอมรับและ
ประพฤติปฏบิ ัติจนเป็นนิสัย หรือ เป็นกจิ วัตรและมกี ารถา่ ยทอดไปสสู่ มาชกิ รุ่นตอ่ ไป

แบบแผนวัฒนธรรมคุณภาพ คือ แบบแผนพฤติกรรมที่ถือว่าเป็นวัฒนธรรม คุณภาพ
ประกอบดว้ ย

๑. การทําให้ถกู ตอ้ งตั้งแตเ่ ร่ิมต้นและตลอดไป อนั หมายถึงการประพฤติปฏิบัติใดๆ ก็ตาม
จะต้องมีการไตร่ตรองและคิดถึงคุณภาพอยู่เสมอ ดังน้ัน องค์การจะมีลักษณะของการ กระทําท่ี
พยายาม จะกระทาสิ่งท่ีดีที่สุด สิ่งที่เป็นไปตามความคาดหวังของผู้ใช้บริการ และ พิจารณาถึง
มาตรฐานของการปฏบิ ัติมกี ารเปรียบเทยี บกับเกณฑ์ซ่ึงจะเป็นการลดโอกาส ผิด พลาดอันมีผลต่อ
คณุ ภาพการดาเนนิ การ

๒. การปรับปรุง อย่างต่อเน่ือง การยึดม่ันในระบบคุณภาพ PDCA อันเป็น การกระทํา
ท่ีจะนําไปสู่การพัฒนาสมาชิกในองค์การให้มีการประเมินผลการทํางานของตนเองและพร้อมที่
จะรับการประเมินจากการเปรียบเทยี บกับเกณฑ์มาตรฐานที่ได้กําหนดไวแ้ ละนําผลน้ันไป ปรับปรุง
แก้ไขอย่างต่อเนอ่ื ง พฤติกรรมของสมาชกิ ในองค์การจะพบว่ามีการทํางานอย่างเป็นระบบ ไม่รู้สึก
กังวลจากการถูกประเมิน ชื่นชมยินดีท่ีจะรับการประเมินเพราะถือว่าการประเมิน คือ จุดเร่ิมต้น
ของการปรับปรงุ และเป็นจดุ เรม่ิ ต้นของการพัฒนาไปสู่คุณภาพ

๑๒๒

๓. การเพิ่มมาตรฐานในการทํางาน ผลสืบเนื่องมาจากการประเมินและปรับปรุง ตนเอง
อยู่เสมอ ดังนั้นสมาชิกในองค์การจะรู้สึกว่าเมื่อไรก็ตามท่ีมีการพัฒนางานท่ีทําได้ มาตรฐานใน
ระดับหน่ึงแล้วจะต้องมีการเพ่ิมหรือขยับเกณฑ์มาตรฐานต่อไปอีกขั้นหนึ่ง และรู้สึก เป็นส่ิงที่
ท้าทายทจ่ี ะทาํ เช่นนั้น สมาชิกจะคิดอยู่เสมอว่า “จะทําอย่างไรให้ดีข้ึนกว่าน้ี” และผู้ที่พัฒนางาน
จะเปน็ ผูท้ ีไ่ ดร้ ับการยอมรับในสังคม

๔. การทํางานเป็นทมี และการร่วมคิด ร่วมทํา รว่ มรบั ผดิ ชอบ โดยยอมรับว่า คุณภาพของ
องค์การมิใชอ่ ยู่ที่จุดใดจุดหน่ึงหรืองานใดงานหน่ึง แต่คุณภาพขององค์การเป็น ผลลัพธ์ของความ
ร่วมมอื รว่ มใจของทุกคนในองคก์ าร ดงั น้ันองค์การที่มีคุณภาพจึงพบว่า สมาชิกขององค์การในทุก
ระดับจะให้ความร่วมมือใน การทํางานอาจเป็นในรูปของ คณะกรรมการ ซ่ึงทุกคนมุ่งหวังท่ี
เปูาหมายเดยี วกัน มีการส่อื ประสานกันภายในทีมและมแี รง ยึดมัน่ ผกู พนั ในทีมงาน มักจะไม่พบว่า
มีการตั้งคณะทํางานแล้วแบ่งแยกงานเป็นส่วนๆ ต่างคน ต่างทํา เฉพาะงานท่ีได้รับแบ่งมอบไป
แตจ่ ะมสี ว่ นรว่ มช่วยเหลอื กนั และกนั และมองผลงานท่ี เกิดขน้ึ เปน็ หนงึ่ เดียว

๕. การทํางานเป็นระบบ โดยเน้นความสมดุลระหว่างปัจจัยนําเข้า กระบวนการและ
ผลผลิต และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ความเป็นระบบในการทํางานเป็นส่ิงสําคัญสําหรับงานประกัน
คุณภาพ เพ่ือสะดวกในการตรวจสอบและติดตามความก้าวหน้า ซ่ึงอาจพบได้ว่าลักษณะการ
ทํางานจะเร่ิมท่ีการวางแผน ไม่ว่าจะเป็นแผนระยะส้ัน แผนระยะยาวและกําหนดเป็นลาย ลักษณ์
อกั ษร แลว้ จงึ นําแผนท่ีกาํ หนดไว้ไปกําหนดวิธีการปฏิบัติเพ่ือให้บรรลุแผนน้ัน สมาชิกใน องค์การ
จะมีการประเมินในทุกๆ งานท่ีทําและถือว่าการประเมินเป็นปกติวิสัยนําผลท่ีประเมิน นั้นไป
ปรับปรุงแกไ้ ขเพ่ือการพัฒนาแนวทางในการปฏิบตั ติ ่อไป

๖. มงุ่ ความพอใจของผูร้ ับบริการ สมาชิกมีความเข้าใจอย่างชัดเจนว่าใครคือ ผู้รับบริการ
และมีการประเมินความพึงพอใจของผู้รับบริการอย่างสม่ําเสมอ เพ่ือนําไปสูการ ปรับปรุง และ
พัฒนา วางแผนการทํางานต่อไป วัฒนธรรมองค์การท่ีมีคุณภาพจะพบว่าเกณฑ์ที่ ใช้ในการ
พจิ ารณาผลงานจะเกี่ยวข้องกบั ผู้รับบริการเสมอ

๗. การมีวิสัยทัศน์ การปฏิบัติงานโดยมีเปูาหมายและวิสัยทัศน์เพ่ือเป็นจุดช้ีนาการ
ดําเนินการที่ชัดเจน สมาชิกในองค์การมองเห็นถึงภาพอนาคตเพ่ือกําหนดเปูาหมายและ
ความสําเร็จโดยมีพื้นฐานอยู่บนความเป็นจริงทังในอดีตปัจจุบัน วัฒนธรรมที่บ่งบอกถึงความมี
วิสัยทัศน์จะมีลักษณะของการร่วมกันกําหนด ภาพในอนาคตขององค์การและกําหนดเปูาหมาย
ร่วมกนั เพือ่ เป็นเครือ่ งชน้ี ําให้สมาชิกในองค์การนั้นก้าวไปสู่ความสําเร็จตามที่ต้ังไว้การ ปฏิบัติงาน
ของสมาชกิ จะยดึ มั่นในภาพหรือวสิ ยั ทัศน์ท่ีร่วมกนั กาํ หนดข้ึน

๑๒๓

๘. มุ่งม่ันและศรัทธาในการทํางาน สมาชกิ มุ่งม่ันและทุ่มเทให้กับผลลัพธ์ท่ีจะเกิดขึ้น และ
มีความศรัทธาต่องานและสถาบันของตนเอง เป็นลักษณะของการร่วมใจกันของสมาชิกใน องค์การ
ท่ีจะก้าวไปสู่ความมีคุณภาพและศรัทธาต่อระบบคุณภาพ โดยเห็นว่าความมีคุณภาพ คือสิ่งท่ี
มุง่ หวัง ส่ิงท่มี ีประโยชน์ท่ี จะนาองค์การไปสคู่ วามสําเร็จและเป็นท่ียอมรับ มิใช่ส่ิงท่ี ยุ่งยาก มุ่งม่ัน
ทจี่ ะดาเนนิ การประกนั คุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยความมุ่งม่ัน และศรัทธานี้จะเป็น แรงผลักดันท่ี
สาํ คัญยิ่งท่ีจะทําให้พฤติกรรมคุณภาพต่างๆ ของสมาชิกเป็นพฤติกรรมท่ีคงทน ถาวรปฏิบัติอย่าง
ต่อเนอ่ื งเป็นวถิ ีชีวติ อันถือเปน็ วัฒนธรรมแหง่ คณุ ภาพในทสี่ ดุ

๗.๕ แนวทางในการสร้างวัฒนธรรมคณุ ภาพ

กลวิธีในการสรา้ งวัฒนธรรมคุณภาพ อาจแบ่งได้ ๓ ขัน้ ตอน ดงั นี้

๑. การประเมินวัฒนธรรมที่มีอยู่ในองค์การ ดังได้กล่าวมาแล้วในตอนต้นว่า วัฒนธรรม
เปน็ แบบแผนของพฤตกิ รรมทีม่ ีการส่งั สมตอ่ กนั มานานจนเปน็ ทยี่ อมรับของสมาชิก ในองค์การโดย
ไม่มีการโต้แยง้ องค์การทุกองค์การมีวัฒนธรรมของตนเอง ท้ังน้ีวัฒนธรรม องค์การจะมีท้ังท่ีเป็น
วัฒนธรรมในทางบวกทีเ่ อ้ือ ตอ่ การดําเนนิ งานที่มีคุณภาพ อันถือได้ว่าเป็น วฒั นธรรมคุณภาพ และ
อาจมีทั้งวัฒนธรรมในทางลบที่เป็นอุปสรรคต่อการดําเนินงานท่ีมี คุณภาพ ฉะนั้นการจะสร้าง
วฒั นธรรมคณุ ภาพให้สาํ เร็จ ประการแรกจงึ จาํ เป็นตอ้ งประเมิน วัฒนธรรมท่ีมีอยู่เดิมว่าวัฒนธรรม
ใดเป็นวัฒนธรรมท่ีเข้มแข็งและเอ้ือต่อการดําเนินงานให้เกิด คุณภาพ และพยายามส่งเสริม
วฒั นธรรมนั้นให้เข้มแข็งย่ิงข้ึน แต่ถ้าพบว่าวัฒนธรรมใดขัดขวาง ต่อการดําเนินก็จาเป็นท่ีจะต้อง
พยายามทาให้วฒั นธรรมดงั กล่าวนนั้ หายไปหรอื อย่างน้อยที่สุด ก็ให้อ่อนกําลัง ลงจนไม่ก่อให้เกิด
ผลต่อพฤตกิ รรมของคนในองค์การ

๒. การกําหนดรูปแบบของวัฒนธรรมในองค์การใหม่ การท่ีจะสามารถพัฒนา วัฒนธรรม
ได้นนั้ จําเปน็ ต้องทราบกอ่ นว่าวฒั นธรรมทคี่ วรจะเป็นนั้นควรเป็นอย่างไร มีการ ร่วมกันพิจารณา
ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงของการทําให้เกิดการรับรู้ร่วมกัน อันจะนําไปสู่การกําหนด เปูาหมายร่วมกันใน
การท่จี ะสร้างวัฒนธรรมใหม่ มีการปลูกฝังให้อยู่ในจิตสํานึก ตระหนักรู้เป็นค่านิยมและความเช่ือ
ร่วมกันของคนในองค์การ ซึ่งเป็นผลให้เกิดการประพฤติปฏิบัติใน แนวทางเดียวกันโดยไม่มีข้อ
สงสัย ขอ้ โตแ้ ย้งในการสรา้ งแนวคิดทางวฒั นธรรม ส่งิ สําคัญ คือ จะต้องประเมินถึงผลกระทบของ
วัฒนธรรมน้ันต่อองค์การและดูว่าวัฒนธรรมน้ันเข้าได้กับ สิ่งแวดล้อมหรือมีความยืดหยุ่นเพียง
พอทจี่ ะทาํ ใหท้ ุกคนยอมรบั ในการเปลี่ยนแปลงหรือ ไมแ่ ละ ทส่ี าํ คัญอกี ประการก็คือทีม

๑๒๔

๓. ผู้บริหารมีความเชื่อมากน้อยแค่ไหนว่าวัฒนธรรมจะต้องมีการเปล่ียนแปลงการ
นําวัฒนธรรมใหม่ไปใช้ สิ่งสําคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงซึ่งโดยธรรมชาติย่อมจะพบการต่อต้าน
ดังนน้ั ทฤษฎีการเปลย่ี นแปลงจงึ จําเป็นตอ้ งนาํ มาใชโ้ ดยต้องมกี ารวางแผนอย่างดีโดยการ

กําหนด ช่วงเวลาที่จะเร่ิมการเปลี่ยนแปลง เพ่ือให้ทุกคนมีการเตรียมตัวเพื่อรับการ
เปลี่ยนแปลง การกําหนดกรอบเวลาท่ีจะต้องปฎิบตั ิใหช้ ดั เจน เพื่อจะได้ปฏิบัติได้โดยพร้อม เพรียง
กนั และตอ้ งคํานงึ ถงึ พน้ื ท่ีหรอื หนว่ ยงานทจ่ี ะเริ่มใช้ ว่าจะใหเ้ ร่ิมปฏบิ ตั ทิ ีห่ นว่ ยงานใดกอ่ น

ในการเปล่ียนแปลงท่ีจะให้เกิดผลในการปฏิบัติ อาจใช้บุคคลที่ได้รับการยอมรับใน
หน่วยงานน้ันๆ หรือผู้มีอิทธิพลช่วยในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนจะต้องหา
ช่องทางในการส่อื สารทเี่ หมาะสม ให้สมาชกิ ไดร้ ับการส่ือข้อมูลอย่างทั่วถึง นอกจากนั้นยังต้อง ทํา
การประเมินผลการเปลี่ยนแปลงอย่างสมํ่าเสมอเป็นระยะๆ จากข้ันตอนการเปลี่ยนแปลง
วฒั นธรรมทกี่ ลา่ วมาเป็นสิง่ ท่ีผู้มบี ทบาทหน้าทีใ่ นการเปลี่ยนแปลงหรือผู้บริหารวัฒนธรรม จะต้อง
พจิ ารณานามาใช้ให้เหมาะสม สาํ หรบั วธิ กี ารทผ่ี บู้ ริหารอาจนาํ มาใช้ชว่ ยในการสรา้ ง วฒั นธรรมใหม่
น้นั อาจกระทําได้ดงั นี้

๑. การหาบคุ คลที่เป็นตน้ แบบ (Role model) อาจเป็นผู้บรหิ ารระดับสูงหรือบุคคลท่ีเห็น
ว่ามอี ทิ ธพิ ลตอ่ องค์การ เปน็ บุคคลที่ได้รับการยอมรับ เข้ามาเป็นแม่แบบของพฤติกรรม หรือ เป็น
ต้นแบบในการดาเนนิ การทม่ี งุ่ สวู่ ฒั นธรรมคุณภาพท่อี ยากใหเ้ กิดขน้ั ในองคก์ าร

๒. การสรา้ งเรื่องราวใหมๆ่ เพ่อื สรา้ งสัญลกั ษณ์ตา่ งๆ ไม่ว่าจะเป็นคําพูด หรือสิ่งของ การ
กําหนดระเบียบพิธีการแทนท่ีสิ่งท่ีเกิดขึ้น ในปัจจุบันซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่าน้ีจะนาไปสู่พฤติกรรม
ท่ีคาดหวัง เชน่ การบอกเลา่ ถงึ ความขยนั ความมีคณุ ภาพของบุคคลใดบุคคลหน่ึงซึ่งเป็นที่ ยอมรับ
ชใ้ี ห้เหน็ ถึงสงิ่ ที่ดีทเี่ กิดขนึ้ ท่เี ก่ียวข้องกับการดําเนนิ การใหเ้ กดิ คณุ ภาพ เพื่อให้คนอ่ืน รู้สึกในทางที่ดี
อยากท่จี ะปฏิบตั ติ าม ทงั้ น้เี รอื่ งทส่ี ร้างข้นึ จะต้องเป็นเร่ืองจริง และบุคคลท่ีกล่าว อ้างถึงต้องได้รับ
การประเมินแลว้ วา่ เป็นทยี่ อมรับในระดบั สูงสาํ หรบั คนส่วนใหญใ่ นองคก์ าร

๓. สร้างค่านิยมเกี่ยวกับการคัดเลือกคน การยกระดับและการสนับสนุนบุคลากรให้เกิด
ค่านิยมใหม่ๆ ทต่ี ้องการให้เกิดขึ้น ให้การยอมรับและให้คุณค่ากับคนที่มีคุณลักษณะท่ีจะ ส่งเสริม
คณุ ภาพขององค์การ หรือผ้ทู ป่ี ฏบิ ัตงิ านในดา้ นการประกันคณุ ภาพ

๔. วางรูปแบบกระบวนการทางสังคมขึ้นใหม่ แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการ
ยอมรับบคุ คลคุณภาพ ใหก้ ารยกย่อง ให้สง่ิ ตอบแทน และหลีกเลี่ยงไมย่ อมรบั ในส่ิงหรือ พฤติกรรม

๑๒๕

ท่ีไม่พึงประสงค์กันจะมีผลต่อการดําเนินงานท่ีมีคุณภาพขององค์การ รวมท้ังกระตุ้น ให้เกิด
ความรู้สึกเป็นอนั หนง่ึ อนั เดยี วกันเปน็ เอกภาพในองคก์ าร

๕. เปลี่ยนแปลงระบบการให้สิ่งจูงใจ การให้รางวัลเพื่อกระตุ้นสําหรับบุคคลที่ได้รับการ
ยอมรบั ในการดําเนิน

๖. การเกยี่ วกบั การพัฒนาคณุ ภาพ และกอ่ ให้เกิดคา่ นิยมใหมๆ่

๗. สร้างกฎระเบียบอย่างเป็นทางการแทนที่ปทัสถาน (Norm) ที่เกิดขึ้น ซ่ึงเป็น
กฎระเบียบท่ีนาไปสู่การประพฤติปฏิบัติที่ก่อให้เกิดคุณภาพ กฎระเบียบจะช่วยกระตุ้นให้บุคคล
ประพฤติปฏิบตั ไิ ปในทิศทางเดียวกัน

๘. มีการตรวจสอบวัฒนธรรมย่อยๆ ภายใน (Subculture) ที่เกิดขึ้นภายในหน่วยงาน
อย่างสมํ่าเสมอว่า มีวัฒนธรรมใดบ้างที่เริ่ม จะขัดแย้งหรือ ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมคุณภาพท่ี
ต้องการให้เกดิ ขน้ึ เพื่อจะได้ ดําเนินการยับยั้งหรือทําให้วัฒนธรรมน้ันลดความเข้มแข็งหรือทําให้
หายไปในท่ีสุด

๙. ในการเปล่ียนแปลงวัฒนธรรม การใช้ความคิดเห็นร่วมกันของกลุ่มเป็นส่ิงท่ีมี
ประโยชน์สมาชิกในองค์การควรมีส่วนร่วมและสร้างสรรค์บรรยากาศขององค์การ ให้เกิดความ
ไว้วางใจกันในระดับสูงซง่ึ จะช่วยใหเ้ กดิ การยอมรบั ในวฒั นธรรมท่ีเปล่ียนแปลงได้ง่ายขึ้น นอกจาก
แนวทางในการสร้างสรรคว์ ัฒนธรรมคณุ ภาพดังกลา่ วแลว้ ยังมีประเดน็ ท่ี เกี่ยวข้องอีกบางประการ
เชน่

๑. พฒั นาสถานศึกษาให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้และบุคคลเรียนรู้ทั้งด้านการประกัน
คุณภาพและการปฏบิ ัติงานหลกั ของสถานศกึ ษา

๒. ดําเนนิ การปฏบิ ตั ติ ามระบบประกันคุณภาพทุกระดับและทุกคนให้เป็นการปฏิบัติงาน
ตามปกติ

๓. การบริหารแบบมสี ว่ นร่วมและการกระจายภารกิจสูร่ ะดับปฏบิ ัตใิ ห้มากท่ีสดุ

๔. มกี ารสร้างความรขู้ ึ้นใช้เอง

๕. รณรงค์ให้ทํางานด้วยใจ มีกรอบความคิด (Mind set) ที่ถูกต้องการทําให้เกิด
วัฒนธรรมคณุ ภาพน้ันผ้ทู ม่ี บี ทบาทสาํ คัญ คือ ผ้บู ริหารซง่ึ ควรต้องทําการประเมินวัฒนธรรมท่ีมีอยู่
ในสถานศึกษาและการกําหนดรูปแบบของวัฒนธรรมท่ีต้องการ ให้เกิดขึ้น สถาบันมีการส่งเสริม

๑๒๖

เพอ่ื สร้างนวัฒนธรรมใหมไ่ ปใช้ และท่สี าํ คัญต้องพยายาม ธํารงไว้ซง่ึ วัฒนธรรมที่ดีงามท่ีมีอยู่ให้เกิด
ความยั่งยนื ซึง่ จะเปน็ แนวปฏิบตั ทิ ีด่ เี พือ่ ส่งผลต่อ คุณภาพและการพัฒนาคณุ ภาพตอ่ ไป

๗.๕ สรปุ ท้ายบท

จากมุมมองของนักวิชาการข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่าการศึกษาของประเทศไทยมี ความ
ชดั เจนในปัญหาและมขี ้อมลู เพยี งพอทจ่ี ะสามารถกําหนดทศิ ทางในการพฒั นาท่ีชัดเจนได้ โดยต้อง
อาศยั ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเหนืออ่ืนใดคือทัศนคติและความมุ่งมั่นในการ พัฒนาให้สําเร็จ
ผลของผมู้ ีสว่ นเกย่ี วขอ้ งทั้งหมด ตามแนวคดิ วฒั นธรรมแหง่ คณุ ภาพ

๑๒๗

บทท่ี ๘

การวเิ คราะหค์ วามสอดคลอ้ งของมาตรฐานการศึกษา

๘.๑ ความนาํ

หลังจากประเทศไทยได้ปฏิรูปการศึกษาวงรอบท่ี ๑ โดยปรากฏเห็นเป็นแบบแผนและ
รปู ธรรมชดั เจนจากการมีพระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พทุ ธศักราช ๒๕๔๒ เปน็ ต้นมาจน เข้า
สู่การปฏิรูปการศึกษาวงรอบท่ี ๓ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งได้ปรากฏการปรับแผนพัฒนาและ
ยทุ ธศาสตร์ในหลายด้าน ประกอบด้วย แผนพัฒนายุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี กําหนดยุทธศาสตร์ ท่ี
๓ การพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพคน แผนการศึกษาของชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙ ซ่ึงมุ่งเน้น
การจดั การศกึ ษาให้มปี ระสทิ ธิภาพและเกดิ ประสิทธผิ ลโดยมุ่งเนน้ การผลิตและพัฒนากาํ ลังคน การ
วิจัยและนวัตกรรม เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และแผนพัฒนา
เศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติฉบับ ท่ี ๑๒ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔ โดยมีความสอดคล้องกันปรากฏ
ดัง แผนภาพที่ ๘.๑

๘.๒ ความสมั พันธร์ ะหว่างการประกนั คุณภาพภายในและการประเมินภายนอก

การประกันคุณภาพภายใน เป็นการตรวจสอบ การควบคุม การติดตาม ประเมินผล
คุ ณ ภ า พ แ ล ะ ม า ต ร ฐ า น ก า ร ศึ ก ษ า ข อ ง ส ถ า บั น ก า ร ศึ ก ษ า จ า ก ภ า ย ใ น โ ด ย บุ ค ล า ก ร ข อ ง
สถาบันการศกึ ษานน้ั เอง หรอื โดยหน่วยงาน ต้นสังกดั ทีม่ ีหนา้ ที่กาํ กบั ดแู ลสถาบันการศึกษานั้น ผล
จากการตรวจสอบคุณภาพภายใน คือมีการวางระบบงานท่ีมีระบบและกลไกชัดเจนมีการ
ดําเนินงานรวมทั้งมีการพัฒนาฐานข้อมูลในด้านต่างๆ ส่วนการประกันคุณภาพภายนอกเป็นการ
ประเมนิ คณุ ภาพการจัดการศกึ ษา การติดตามการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของ
สถาบันการศึกษาซ่ึงกระทําโดยสํานักงานภายนอกหรือผู้ประเมินภายนอกเพื่อมุ่งให้มีกา รพัฒนา
คุณภาพและมาตรฐานของสถาบันการศึกษาใหด้ ีย่งิ ข้ึน

การประเมินคุณภาพภายใน จะเน้นการตรวจสอบและการประเมินคุณภาพและ
มาตรฐานการศึกษาด้านต่างๆ ของปัจจัยนําเข้า (Input) และกระบวนการ (Process) ส่วนการ
ประกันคุณภาพภายนอกจะเน้นการประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาในด้านต่างๆ ของ

๑๒๘

ผลผลิต (Output) และผลลัพธ์ (Outcome) ดังน้ันการประกันคุณภาพภายในย่อมส่งผลถึงการ
ประกนั คุณภาพภายนอกโดยตรง

การประเมินคณุ ภาพภายนอก จะใช้ตัวบ่งชี้ตามมาตรฐานต่างๆ ในการประเมินผลการ
ดําเนินงานของสถาบันการศึกษารวมท้ังการตรวจเย่ียมสถาบัน ซ่ึงในการประเมินต้อ งคํานึงถึง
ปรัชญา พนั ธกิจ และลักษณะการเรยี นการสอนของแต่ละสถาบันการศึกษา โดยสถาบันการศึกษา
จะต้องมีการจัดทํารายงานประจําปี เตรียมเอกสาร ข้อมูลในด้านต่างๆ รวมถึงข้อมูลตามตัวบ่งชี้
และรายงานการประเมินตนเองอย่างน้อย ๓ ปีการศึกษา โดยสามารถจัดทําในรูปแบบ CD –
ROM หรือ E – SAR (Electronic SelfAssessment Report) เพ่อื พร้อมรับการประเมินภายนอก
จากสํานกั งานรบั รองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาหรอื สมศ. ต่อไป

กล่าวได้ว่า๑ ความสัมพันธ์ระหว่างการประกันคุณภาพายในกับการประเมินคุณภาพ
ภายนอนตามตารางตอ่ ไปนี้

https://www.eqa.rmutt.ac.th/?page_id=๘๗๗อ้างอิงข้อมูลจากสํานักงานคณะกรรมการการ
อุดมศกึ ษา (สกอ.)

๑ สํานักงานรับรองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (๒๕๕๓, หนา้ ๑๘)

๑๒๙

๘.๓ ข้ันตอนการกําหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
กระบวนการกําหนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา เป็นการระบุขั้นตอนหรือวิธีการ

ดําเนินงานท่ีเก่ียวข้องกับผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู ตัวแทนผู้ปกครอง คณะกรรมการ
สถานศกึ ษา สามารถดําเนินการตามขน้ั ตอนตอ่ ไปนี้

๘.๔ ขนั้ ตอนท่ี ๑ เตรียมความพรอ้ มการกําหนดมาตรฐานการศึกษา
๑. แต่งต้ังคณะกรรมการกําหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ประกอบด้วย

ผู้บรหิ ารสถานศึกษา คณะครู ตัวแทนผปู้ กครอง คณะกรรมการสถานศึกษา
๒. สร้างจติ สํานกึ การพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาดําเนินการโดยจดั ประชุมเชิงปฏิบตั กิ ารเพอ่ื

สรา้ งความรู้ ความเข้าใจและความสาํ คัญของการพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษามาตรฐานการศกึ ษาของ
ชาติมาตรฐานการศกึ ษาระดับการศึกษาขั้นพนื้ ฐานกระทรวงศกึ ษาธกิ ารมาตรฐานการศึกษาระดบั
การศึกษาขัน้ พื้นฐานการประเมินภายนอกแนวทางการกาํ หนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษา
และประโยชนข์ องมาตรฐานการศกึ ษาระดบั การศึกษาขั้นพื้นฐาน

๘.๕ ขัน้ ตอนท่ี ๒ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของมาตรฐานการศึกษา
๑. วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของมาตรฐานการศึกษา ประกอบด้วย มาตรฐานการศึกษา

ของชาติ มาตรฐานการศึกษาข้ันพื้นฐานเพ่ือการประกันคุณภาพภายในกระทรวงศึกษาธิการ
มาตรฐานการศึกษาข้ันพ้ืนฐานเพ่ือการประกันคุณภาพภายนอก หลักสูตรสถานศึกษาและอัต
ลักษณ์ของสถานศึกษาด้านวิสัยทัศน์ พันธกิจ นโยบาย เปูาหมาย สภาพแวดล้อมภายในและ
ภายนอกสถานศึกษา การดําเนินการในขั้นน้ีคณะกรรมการกําหนดมาตรฐานการศึกษาของ
สถานศึกษาดําเนินการวิเคราะห์โดยพิจารณาคําสําคัญท่ีสอดคล้องกันในมาตรฐานการศึกษา
และอัตลักษณข์ องสถานศึกษา เพอื่ ใช้ในการกาํ หนดโครงสร้างมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา

๒. วเิ คราะห์ความสัมพันธ์ของตัวบง่ ชี้ ประกอบด้วย ตัวบ่งชี้ตามมาตรฐานการศึกษาด้าน
คุณภาพผู้เรียน ตัวบ่งช้ีตามมาตรฐานการศึกษาด้านคุณภาพการจัดการศึกษา ตัวบ่งชี้ตาม
มาตรฐานด้านคุณภาพการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ อัตลักษณ์ของสถานศึกษาการวิเคราะห์ตัว
บ่งช้ีมีความสําคัญในการจัดทํามาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา เพราะตัวบ่งชี้เป็นตัวช้ีวัดผล

๑๓๐

การดําเนินงานการประกันคุณภาพภายในของสถานศกึ ษาตามมาตรฐานการศึกษาและนําไปสู่การ
ควบคุม ตรวจสอบและประเมินคุณภาพการจัดการศกึ ษาของสถานศกึ ษา

๘.๖ ขั้นตอนท่ี ๓ กาํ หนดมาตรฐานการศึกษาและตวั บง่ ชี้
๑. บทนํา เป็นการกําหนดอัตลักษณ์ของสถานศึกษาตามปรัชญา ปณิธาน วิสัยทัศน์

พันธกิจท่ีสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล นโยบายของหน่วยงานต้นสังกัด จุดเด่น จุดด้อย
อุปสรรคและโอกาสของสถานศกึ ษา

๒. ด้านผเู้ รียนและอัตลกั ษณ์ การกาํ หนดมาตรฐานการศกึ ษาและตวั บ่งชี้ของสถานศึกษา
ด้านผู้เรียนต้องสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ อัตลักษณ์ของสถานศึกษา มาตรฐาน
และตวั บ่งชี้ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานท่ีกระทรวงศึกษาธิการกําหนด ครอบคลุมสาระการเรียนรู้
มาตรฐานการเรียนรู้หลกั สตู รสถานศึกษาตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช
๒๕๕๑ ศกั ยภาพของผเู้ รยี น ชมุ ชนและทอ้ งถนิ่

๓. ด้านคุณภาพการจัดการศึกษาและอัตลักษณ์การกําหนดมาตรฐานการศึกษาและตัว
บ่งชขี้ องสถานศึกษาด้านคุณภาพการจัดการศึกษาต้องสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ
อตั ลกั ษณข์ องสถานศึกษา มาตรฐานและตัวบ่งช้ีระดบั การศึกษาข้ันพื้นฐานท่ีกระทรวงศึกษาธิการ
กําหนด ครอบคลุมกระบวนการบรหิ ารจดั การ กระบวนการเรยี นรู้ ศักยภาพของผู้เรยี น

๔. ด้านคุณภาพการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และอัตลักษณ์ การกําหนดมาตรฐาน
การศกึ ษาและตวั บง่ ชีข้ องสถานศึกษาดา้ นคณุ ภาพการสรา้ งสงั คมแห่งการเรยี นรู้ ตอ้ งสอดคล้องกับ
มาตรฐานการศกึ ษาของชาติ อัตลักษณ์ของสถานศึกษา มาตรฐานและตัวบ่งช้ีระดับการศึกษาขั้น
พ้ืนฐาน ที่กระทรวงศึกษาธิการกําหนด ครอบคลุมกระบวนการบริหารจัดการ อัตลักษณ์ของ
ท้องถนิ่

๘.๗ ขัน้ ตอนที่ ๔ ตรวจสอบและทบทวนมาตรฐานการศึกษา
เปน็ การตรวจสอบความสอดคลอ้ งของมาตรฐานการศกึ ษาและตัวบ่งช้ีของสถานศึกษากับ

มาตรฐานการศึกษาของชาติ มาตรฐานและตัวบ่งช้ีการศึกษาข้ันพื้นฐานท่ีกระทรวงศึกษาธิการ
กําหนด มาตรฐานและตัวบ่งช้ีการศึกษาขั้นพ้ืนฐานการประเมินคุณภาพภายนอก มาตรฐานการ
เรยี นรู้หลักสตู รสถานศึกษาตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๓๑

๘.๘ ข้นั ตอนที่ ๕ ประชาพจิ ารณ์
เป็นการนํามาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาเผยแพร่และรับฟังความคิดเห็นของ

ผเู้ กยี่ วขอ้ งทกุ ฝุาย เชน่ ผ้ปู กครอง คณะกรรมการสถานศกึ ษา องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น คณะครู
องค์กรเอกชน ด้วยวิธีการประชุมระดมความคิด สํารวจความคิดเห็นโดยใช้แบบสอบถามหรือ
วิธกี ารอนื่ ๆ ตามความเหมาะสมกับบริบทของสถานศกึ ษา

https://sites.google.com/site/internalqualityassurance/-rabb-prakan-
khun/rabb-pra-kan/khan-txn-kar-kahnd-matrthan-kar-suksa-khxng-sthan-suksa

๑๓๒

๘.๘.๙ สรปุ

กรอบแนวทางการประเมิน

โดยสํานกั งานรับรองมาตรฐาน

ประเดน็ การศกึ ษาปฐมวยั การศกึ ษาข้นั พ

๑) การประเมินคุณภาพภายนอกต้องมีความเช่ือมโยงกับ
รับผิดชอบให้บรรลุถึงเปูาหมายมาตรฐานท่กี ําหนดและร่วมรับผดิ ชอบต่อ

๒) การประเมินคณุ ภาพภายนอกต้องมีความท้าทายและช่ว
ตามนโยบายปฏริ ปู การศกึ ษาของรัฐบาล เพื่อการบรรลุเปาู หมายท้ังในร

๑) สร้างมาตรฐานการตรวจประเมิน (Quality Code/ Crit
ระดบั และทุกกลมุ่ ประเภท และสร้างผ้เู ชี่ยวชาญด้านการประเมินคุณภา
ผมู้ หี น้าท่ีในการสรา้ ง “วฒั นธรรมคณุ ภาพ” ภายในสถานศึกษาและการ

๒) ประเมนิ คณุ ภาพภายนอกเพอ่ื สะทอ้ นคณุ ภาพการจดั กา
พจิ ารณากาํ หนดนโยบายการพฒั นา ท่ีนาไปสู่การจัดสรรงบประมาณแล

มมี าตรฐานสาํ หรบั การประเมนิ คณุ ภาพภายนอกตามหลกั เ
สถานศกึ ษา โดยคํานึงถึงบรบิ ทของสถานศึกษา มาตรฐานการศกึ ษาชาต
ของชาตติ อ่ รฐั บาลอย่างต่อเนอ่ื งทุกปี เพื่อให้เกิดการยกระดับคณุ ภาพกา

๑๓๓

นคุณภาพภายนอกรอบส่ี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓)

นและประเมนิ คุณภาพการศกึ ษา (องค์การมหาชน)

พืน้ ฐาน อาชีวศึกษา อุดมศึกษา

บระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัดในการปฏิบัติหน้าที่ ที่
อผลการจัดการศกึ ษาท่เี กดิ ข้นึ (Accountability)

วยกระตุน้ หน่วยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งให้เกิดการสง่ เสรมิ การยกระดบั คณุ ภาพของสถานศึกษา สู่สากล
ระดับชาตแิ ละระดับนานาชาติ (Empowerment)

teria/ Guideline) และสง่ เสรมิ ใหส้ ถานศกึ ษาสร้างมาตรฐานการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพทุก
าพภายนอกสําหรบั สถานศกึ ษาทุกระดับและทกุ กล่มุ ประเภทเพอ่ื ใหเ้ กดิ กลไกการขับเคลือ่ นจาก
รยกระดบั คุณภาพการศกึ ษาสู่สากล ตามแผนยุทธศาสตรช์ าตแิ ละความคาดหวงั ของประเทศ

ารศกึ ษา พรอ้ มท้ัง รายงานสถานการณ์ด้านคุณภาพการศึกษาเพ่ือให้ข้อมูลแก่รัฐบาล ในการ
ละทรพั ยากรในการพัฒนาคุณภาพการจดั การศึกษาของสถานศึกษาอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

เกณฑท์ กี่ าํ หนดไว้ในกฎหมายทเ่ี กี่ยวข้อง ตดิ ตาม และตรวจสอบคุณภาพการจัดการศึกษาของ
ติ และมาตรฐานระดบั สากล พร้อมทงั้ รายงานผลการประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา
ารจัดการศึกษาของประเทศ

ประเด็น การศกึ ษาปฐมวัย การศึกษาขนั้ พน้ื ฐ

การแบ่งกลุ่ม ๓ กลมุ่ ตามการประเมนิ พ้ืนฐานทว่ั ไป
ประเภท คณุ ภาพภายนอกรอบสาม: ๗ ขนาด สงั กดั สพฐ. สช. อปท.
สถานศึกษา การศึกษาปฐมวยั ขนาด ๑ ผ้เู รียน ๐-๑๒๐ คน
๑) ศนู ย์พฒั นาเดก็ ขนาด ๒ ผู้เรยี น ๑๒๑-๒๐๐ คน
๒) โรงเรียนอนุบาล ขนาด ๓ ผู้เรียน ๒๐๑-๓๐๐ คน
๓) อนื่ ๆ ที่ไดร้ บั การรับรอง ขนาด ๔ ผ้เู รียน ๓๐๑-๔๙๙ คน
ตามมาตรฐานเด็กเล็ก ขนาด ๕ ผู้เรยี น ๕๐๐-๑,๔๙๙ คน
แห่งชาติ ขนาด ๖ ผเู้ รียน ๑,๕๐๐-๒,๔๙๙ คน
ขนาด ๗ ผู้เรียน ๒,๕๐๐ คนขึน้ ไป
๓ ขนาด สงั กัด กทม.
ขนาดเล็ก ผู้เรียน ๐-๔๐๐ คน
ขนาดกลาง ผ้เู รยี น ๔๐๑-๘๐๐ คน
ขนาดใหญ่ ผเู้ รียน ๘๐๑ คนขน้ึ ไป
พน้ื ฐานวัตถปุ ระสงค์พิเศษ
๒ กลมุ่ ตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารปรบั ใชห้ ลัก
พ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ สาหรับกล่มุ เปา้ หมายเฉพ

๑. กลุม่ เปาู หมายเฉพาะท่ีเป็นการศึกษาในระ
๒. กลมุ่ เปาู หมายเฉพาะทเี่ ป็นการศกึ ษานอก

๑๓๔

ฐาน อาชีวศึกษา อุดมศึกษา

๓ ประเภท ตามแนว พ.ร.บ. ๔ กล่มุ ตามประกาศกระทรวง

การอาชวี ศึกษา พ.ศ. ศึกษาธิการ เรือ่ งมาตรฐานสถาบนั

๒๕๕๑ อดุ มศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๔

๑) สถานศึกษาอาชีวศึกษา กลุม่ ก วทิ ยาลัยชุมชน

หรอื สถานศึกษาอื่นทจ่ี ดั การ กลมุ่ ข สถาบันท่เี นน้ ระดบั ปริญญา

เรยี นการสอนอาชวี ศึกษาใน ตรี

ระบบ และระบบทวภิ าคี กลุ่ม ค สถาบันเฉพาะทาง

๒) สถานศึกษาอาชีวศกึ ษา กลุ่ม ง สถาบนั ท่ีเนน้ การวจิ ยั ขั้นสูง

หรือสถานศึกษาอน่ื ทจี่ ัดการ และผลิตบณั ฑติ ระดับบณั ฑติ ศึกษา

เรยี น การสอนอาชวี ศึกษา โดยเฉพาะระดับปริญญา

นอกระบบ (หลักสูตรระยะ

สน้ั )

กสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น ๓) สถาบนั การอาชวี ศกึ ษาท่ี
พาะ (กระทรวงศกึ ษาธิการ) จดั การเรียนการสอนใน
ระดบั ปรญิ ญาตรสี าย
ะบบ เทคโนโลยหี รอื สายปฏบิ ตั กิ าร
กระบบหรอื ตามอัธยาศยั

ประเด็น การศกึ ษาปฐมวยั การศกึ ษาข

๕. มาตรฐานการ ๑) ใช้กลไกการประเมนิ คุณภาพภายนอก ๑) ใชก้ ลไกการประเมิน
ประเมิน เพอื่ กระตนุ้ และจงู ใจให้เกดิ การยกระดับ กระตุน้ และจงู ใจให้เกิด
แนวทางพฒั นา คณุ ภาพการศึกษาทส่ี อดคล้องกบั ความ การศกึ ษาทสี่ อดคล้องก
หลักเกณฑ์การ ต้องการจําเปน็ และยุทธศาสตร์ของประเทศ และยทุ ธศาสตร์ของประ
ประเมิน ๒) เน้นการประเมนิ เพ่ือรับรองคุณภาพของ ๒) เนน้ การประเมนิ เพือ่
ระบบประกนั คุณภาพภายในของ ระบบประกนั คุณภาพภ
สถานศึกษา เพ่ือสง่ เสรมิ ใหส้ ถานศึกษาและ เพอื่ ส่งเสริมให้สถานศึก
ตน้ สังกดั รบั ผิดชอบในการพฒั นาคณุ ภาพ รบั ผิดชอบในการพัฒนา
การศึกษาใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรฐานการศกึ ษา เปน็ ไปตามมาตรฐานกา
ชาติ ตามจดุ มุ่งหมายของหลกั สตู ร และมี จดุ ม่งุ หมายของหลกั สูต
ความพรอ้ มในการแข่งขนั ในระดับสากล การแข่งขนั ในระดบั สาก
๓) ใหค้ วามสําคัญกบั การประเมนิ ที่มุ่งสู่การ ๓) ใหค้ วามสาํ คญั กับกา
พฒั นาแบบย่ังยืน เพอื่ ส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนมี พฒั นาแบบยงั่ ยืน เพอื่ ส
สมรรถนะท่ีจาํ เป็นสาํ หรับดาํ เนนิ ชวี ิตใน สมรรถนะท่จี าเปน็ สาํ หร
อนาคต และ อนาคต และ

๑๓๕

ขนั้ พ้นื ฐาน อาชวี ศกึ ษา อุดมศกึ ษา

นคุณภาพภายนอก เพื่อ ๑) การประเมินคณุ ภาพภายนอก ๑) ประเมนิ ตามพนั ธกิจของ
ดการยกระดบั คณุ ภาพ ตอ้ งมีความเชือ่ มโยงกบั ระบบ สถานศึกษาระดบั อุดมศกึ ษาท่ี
กับความต้องการจําเปน็ ประกนั คุณภาพภายในของ สอดคลอ้ งกับความต้องการตามแผน
ะเทศ สถานศึกษาและหน่วยงาน ตน้ ยุทธศาสตรช์ าติ
อรับรองคุณภาพของ สังกัดในรปู แบบของการ ๒) ใช้ข้อมูลพ้นื ฐานรว่ มกัน และการ
ภายในของสถานศึกษา ตรวจทานซํา้ (Double Check) ประเมนิ คุณภาพภายนอกตอ้ งสามารถ
กษาและตน้ สังกัด ๒) การประเมินคณุ ภาพภายนอก ตอบสนองกับการการประกันคณุ ภาพ
าคุณภาพการศกึ ษาให้ ตอ้ งส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ การยกระดบั ภายในทม่ี ีความหลากหลาย และ
ารศกึ ษาชาติ ตาม คณุ ภาพการจัดการอาชวี ศึกษาให้ พิจารณาประเด็นความเปน็ นานาชาติ
ตร และมีความพร้อมใน มมี าตรฐานในระดับสากล และการเรียนรูท้ ่หี ลากหลาย
กล (Diversity of Knowledge) ของ
ารประเมินทีม่ งุ่ สกู่ าร สถานศกึ ษาระดบั อดุ มศึกษา
ส่งเสรมิ ให้ผเู้ รยี นมี
รบั ดาํ เนนิ ชีวติ ใน

ประเด็น การศกึ ษาปฐมวัย การศึกษาขัน้ พ้นื

๕.๒ ด้าน สถานศกึ ษามีขดี สมรรถนะสงู สามารถ สถานศึกษามีขดี สมรรถนะสูง
พัฒนาตนเองไดอ้ ย่างต่อเน่อื งใน พัฒนาตนเองไดอ้ ย่างต่อเนอ่ื ง
อนาคต ๔) เปิดโอกาสให้สถานศึกษา
๔) เปดิ โอกาสใหส้ ถานศกึ ษาสร้าง เดน่ เฉพาะทาง หรือเปน็ ต้นแ
ความโดดเดน่ เฉพาะทาง หรือเป็น พฒั นาในระดบั ภูมภิ าค ระดับ
ต้นแบบในการพัฒนาในระดับภูมิภาค
ระดบั ชาติ และระดับนานาชาติ ๓ ดา้ น
๓ ดา้ น ๑) ความเหมาะสม และความ
๑) ความเหมาะสม และความเปน็ ไป ระบบประกนั คุณภาพภายใน
ได้ของระบบประกนั คุณภาพภายใน ๒) ความเชอื่ ถอื ไดข้ องระบบป
๒) ความเช่อื ถอื ไดข้ องระบบประกัน ภายใน
คณุ ภาพภายใน ๓) ประสิทธิผลของระบบประ
๓) ประสทิ ธิผลของระบบประกัน ภายในทเี่ กดิ กับผู้เรยี น
คณุ ภาพภายในทเี่ กิดกับเด็ก

๑๓๖

นฐาน อาชีวศกึ ษา อุดมศึกษา

ง สามารถ
งในอนาคต
าสรา้ งความโดด
แบบในการ
บชาติ และ

๒ ด้าน ๕ ดา้ น
มเป็นไปได้ของ ๑) ดา้ นประสิทธิภาพการจดั การ ๑) ผลสัมฤทธ์ิในการบรหิ ารจัดการตามพนั ธ
น เรียนการสอน กิจทตี่ อบ สนองตอ่ การพัฒนาเศรษฐกิจ
ประกนั คณุ ภาพ ๒) ดา้ นประสิทธภิ าพการบริหาร และสงั คมของประเทศ
๒) คณุ ภาพบัณฑิต (ตรี โท เอก)
จัดการศึกษา ๓) คณุ ภาพงานวจิ ัย
ะกนั คณุ ภาพ ๔) ผลของการบรกิ ารวิชาการ
๕) ผลของการประกนั คุณภาพภายใน

ประเด็น การศกึ ษาปฐมวยั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน
๕.๓ องคป์ ระกอบ

๑๓๗

อาชีวศกึ ษา อดุ มศึกษา

ดา้ นที่ ๑ ประสิทธภิ าพการจัดการ (๑๑ องค์ประกอบ)

เรยี นการสอน ด้านที่ ๑ ผลสัมฤทธใ์ิ นการบรหิ ารจดั การตาม

องคป์ ระกอบที่ ๑ คณุ ภาพผ้เู รียน พันธกิจทตี่ อบสนองต่อการพฒั นาเศรษฐกจิ

องคป์ ระกอบที่ ๒ คุณภาพการ และสังคมของประเทศ

จดั การเรยี นการสอน องค์ประกอบท่ี ๑.๑ บริบทของสถานศึกษา

ดา้ นท่ี ๒ ประสทิ ธภิ าพการบรหิ าร (Organization Context) ที่ตอบสนองต่อแผน

จัดการศึกษา ยทุ ธศาสตร์ชาติ

องค์ประกอบท่ี ๓ คณุ ภาพการ องคป์ ระกอบที่ ๑.๒ ผลสมั ฤทธข์ิ องการดาเนนิ

บริหารจัดการศกึ ษา งานดา้ นการบริหารสถานศึกษา

องคป์ ระกอบท่ี ๔ คณุ ภาพการ ดา้ นที่ ๒ คุณภาพบณั ฑติ (ตรี โท เอก)

ประกันคณุ ภาพภายใน องค์ประกอบท่ี ๒.๑ คณุ ภาพบัณฑติ ปริญญาตรี

องคป์ ระกอบท่ี ๒.๒ คณุ ภาพบัณฑิตปริญญาโท

องค์ประกอบที่ ๒.๓ คุณภาพบัณฑิตปริญญา

เอก

ประเดน็ การศกึ ษาปฐมวัย การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน


Click to View FlipBook Version