. .
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ปรากฏตามประวัติว่า เกิดเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๔
เป็นบุตรีคนโตของหลวงยุกตเสวีวิวัฒน์ (สิระ ยุกตะเสวี) และคุณหญิงยุกตเสวีวิวัฒน์ (ถนอมศรี
ยุกตะเสวี) เมื่อวัยเยาว์ได้เข้ารับการศึกษาชั้นประถมและมัธยมท่ีโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ต่อมา
ได้สอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้านชีวิต
ครอบครัว ได้สมรสกบั ศาสตราจารย์ นายแพทยก์ ษาน จาตกิ วนชิ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลยั มหิดล
มีบุตรีด้วยกันหนึ่งคน คือ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
และอดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน
ในด้านการท�ำงาน ท่านผู้หญิงได้ทุ่มเทท�ำงานเพ่ือสังคมมาตลอดชีวิต จนกล่าวได้ว่า งานหลัก
ของท่านคืองานสังคมสงเคราะห์ ได้ปฏิบัติหน้าที่ส�ำคัญในหลายองค์กรที่มีภารกิจช่วยเหลือสังคม
ทั้งภายในและต่างประเทศ เช่น เป็นประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชาสมาสัย
ในพระบรมราชูปถัมภ์, มูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ, เป็นรองประธานกรรมการมูลนิธิ
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก, เป็นกรรมการบริหารมูลนิธิสายใจไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์, ด�ำรงต�ำแหน่งนายกมูลนิธิสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ในพระราชูปถัมภ์
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพ่ือเด็ก
และเยาวชน ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และมลู นธิ หิ วั ใจ
แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นต้น
ในองค์กรด้านสตรี ท่านผู้หญิงได้ด�ำรงต�ำแหน่งนายกผู้ก่อต้ังสมาคมการติดตามการพัฒนาสตรี
ในประเทศไทย และประธานสภาสตรแี หง่ ชาติ ในพระบรมราชนิ ปู ถมั ภ์ นอกจากนี้ ทา่ นยงั ไดร้ บั เลอื ก
เป็นเอกฉันท์จากสมาชิกสมาคมสตรีภาคพ้ืนแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์ รวม ๑๙ ประเทศ ให้ปฏิบัติ
หนา้ ทป่ี ระธานสมาคมระหวา่ งประเทศ ถงึ สองสมยั ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๓๐ - ๒๕๓๗ และดว้ ยเกยี รตคิ ณุ
ช่ือเสียงน้ี เม่ือองค์การสหประชาชาติประกาศการประชุมระดับโลก ว่าด้วยเร่ืองสตรี ครั้งที่ ๔
ณ กรุงปักก่ิง เม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๘ คณะกรรมการจัดเตรียมการประชุม จึงได้เชิญท่านไปเป็น
ผ้ปู ระสานงานภาคเอกชนในภมู ิภาคเอเชียแปซิฟิก ซง่ึ ทา่ นผูห้ ญงิ สามารถปฏบิ ัตภิ ารกจิ ไดอ้ ย่างดีเยยี่ ม
จนได้รับการยกย่องในที่ประชุม ท้ังยังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนองค์กรเอกชนสตรีประจ�ำ
คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก หรือ ESCAP ในระยะหนึ่งอีกด้วย
ในด้านเกียรติคุณ จากการทุ่มเทท�ำงานเพ่ือสังคมด้วยอุตสาหะวิริยภาพ กอปรด้วยคุณธรรม
อันเปี่ยมล้น อันยังประโยชน์เกื้อกูลแก่ประเทศชาติเป็นอันมาก ท�ำให้ท่านผู้หญิงได้รับพระราชทาน
. 50 .
. .
เกียรติยศและรางวัลอันเป็นเคร่ืองประกาศยกย่องเชิดชูความรู้ความสามารถและการสร้างสรรค์
คุณงามความดีมากมาย โดยเฉพาะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จตุตถจุลจอมเกล้าฝ่ายใน
ใช้ค�ำน�ำหน้านามเป็น “คุณหญิง” ต้ังแต่อายุ ๓๐ ปี ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากสถาบันการศึกษา
ต่าง ๆ ได้รับรางวัลนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่นจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จนกระทั่งได้รับ
พระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ฝ่ายใน) เปลี่ยนแปลงค�ำน�ำหน้านามเป็น
“ท่านผู้หญิง” อันถือเป็นเกียรติยศสูงสุดแห่งสตรีไทย และรางวัลแห่งความภาคภูมิใจของครอบครัว
คือ รางวัลแม่ดีเด่นแห่งปีของกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้น
อน่ึง ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เป็นอุบาสิกาผู้ศรัทธาม่ันคงในพระรัตนตรัย เล่ือมใสย่ิง
ในพระบวรพุทธศาสนา มีวัตรปฏิบัติที่งดงามตามพระบรมพุทโธวาท ได้ถวายการอุปัฏฐากพระภิกษุ
สามเณรด้วยปัจจัยท้ังสี่เป็นนิจ ท้ังได้อุทิศสรรพก�ำลังเพ่ือท�ำนุบ�ำรุงพระศาสนานานัปการ โดยเฉพาะ
ด้านการศึกษาของพระภิกษุสามเณรและการเผยแผ่พระศาสนาท้ังภายในและต่างประเทศ เช่น
ได้มีส่วนส�ำคัญในการอุปถัมภ์และขับเคล่ือนโครงการปลูกรากแก้วศาสนทายาทท่ีวัดพระราม ๙
กาญจนาภิเษก ช่วยเหลือวัดปทุมวนาราม ในโครงการก่อสร้างวัดปทุมรังษีวัฒนาราม ณ ประเทศ
นิวซีแลนด์ ตั้งแต่เร่ิมแรก เป็นผู้น�ำในการปฏิบัติธรรมในวาระส�ำคัญต่าง ๆ อันเกี่ยวเนื่องด้วย
สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ด�ำรงวิถีปฏิบัติเพียบพร้อมด้วยกัลยาณวัตรทั้งทางโลก
ทางธรรม จนถึงอนิจกรรมสมัย เม่ือวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา สิริอายุได้ ๙๐ ปี
๙ เดือน ๒๘ วัน
จากเกียรติประวัติดังท่ีน�ำกล่าวนี้ ช้ีให้เห็นว่า ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เป็นสุภาพสตรี
ที่ทรงพลังความสามารถมากท่านหนึ่งในแวดวงสตรีไทย เพราะได้สร้างสรรค์คุณประโยชน์ต่อสังคม
ไว้มากมายหลายด้านเป็นที่อัศจรรย์ บทบาทและผลงานของท่านนอกจากจะเป็นการช่วยเหลือสังคม
เป็นอเนกประการแล้ว ยังได้เป็นส่วนช่วยเชิดชูเกียรติศักด์ิสตรีไทยให้สูงเด่น ส่องให้เห็นถึงพลัง
สามารถแห่งสตรีตามทรรศนะทางพระพุทธศาสนาท่ีว่า “มิใช่แต่บุรุษจะเป็นบัณฑิตได้ในท่ีทุกสถาน
แม้สตรีมีปัญญาเห็นประจักษ์ ก็เป็นบัณฑิตได้”
สมเด็จพระจอมไตรตรัสไว้ในขุททกนิกาย อุทานว่า “สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา ปัญญา
พึงรู้ได้ด้วยการสนทนา” นิตยสารสกุลไทยได้เคยบันทึกค�ำให้สัมภาษณ์ของท่านผู้หญิงไว้ว่า “เพราะ
ช่วงอายุ ๑๖ ปี เป็นช่วงที่เปลี่ยนชีวิตจากลูกสาวมาเป็นภริยา เม่ือตอนน้ันคิดว่า น่ีเป็นชีวิตใหม่
ของเรา เราจะต้ังเข็มไปทางไหน เราจะพัฒนาตนให้ก้าวหน้าทันสามีที่มีความรู้มาก เป็นผู้ใหญ่
. 51 .
. .
มีชื่อเสียง แล้วก็เป็นครูบาอาจารย์.... เราต้องท�ำตัวให้สมฐานะ พยายามท่ีจะพัฒนาตนเอง...
เรียนภาษาต่างประเทศเพิ่มข้ึน... อ่านหนังสือให้มากขึ้น เพื่อจะได้รอบรู้หลาย ๆ อย่าง... ต่อมา
ด้วยเหตุบังเอิญที่ก้าวมาสู่วงการสังคมสงเคราะห์ เข้ามาแล้วรู้สึกว่าเป็นโลกที่ดี เพราะจะพัฒนา
ตนเองใหเ้ ปน็ ผชู้ ว่ ยเหลอื สงั คมทด่ี ี นนั้ คอื งานของเรา” ค�ำกลา่ วนส้ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ วสิ ยั แหง่ ปญั ญาคณุ
อนั เปน็ พลงั คำ�้ จนุ หนนุ ชวี ติ ทา่ นใหด้ �ำเนนิ เปน็ ไปโดยนยั แหง่ พระบาลวี า่ “พหนู ํ วต อตถฺ าย สปปฺ ญโฺ ญ
ฆรมาวสํ” ผู้มีปัญญาอยู่ครองเรือน ย่อมสร้างสรรค์ประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก ดังน้ี
ปัญญานัน้ นอกจากจะเป็นประธานแหง่ ความคดิ แล้ว ยังไดช้ ื่อวา่ เป็นพลงั อันสูงสดุ แหง่ นรชาติ
คือ หมู่มนุษย์ อันพลังท้ังปวงจะล่วงเลยพลังปัญญาไปมิได้ พลังที่เกิดจากลม ฟ้า อากาศ
หรือประดิษฐกรรมท่ีมนุษย์คิดท�ำขึ้น ก็สู้พลังแห่งปัญญาไม่ได้ เพราะพลังเหล่านั้นแม้มีประโยชน์
อยู่จริง ก็เป็นเพียงประโยชน์ภายนอก เฉพาะที่ เฉพาะทาง เฉพาะกาลเวลา แต่พลังแห่งปัญญา
เป็นสาธารณะแก่กรณียะท้ังปวง ท้ังส่วนชีวิตจิตใจ ติดตามไปท่ัวทุกที่เป็นอริยทรัพย์ จึงนับเป็น
ก�ำลังใหญ่ สามารถอ�ำนวยให้ส�ำเร็จประโยชน์ในที่ทุกสถาน สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์จึงตรัส
ยกย่องพลังปัญญาว่ายอดเยี่ยมกว่าพลังท้ังปวง ดังที่ตรัสไว้ในเตสุณชาดก ขุททกนิกาย ท่ีอัญเชิญ
มาเป็นนิเขปบท ณ เบื้องต้นนั้น ว่า ตํ พลานํ เสฏฺฐํ อคฺคํ ปญฺญาพลํ วรํ เป็นอาทิ แปลความว่า
พลังปัญญาจัดว่าเป็นพลังท่ีประเสริฐ เลิศกว่าพลังท้ังหลาย เพราะบัณฑิตผู้มีพลังปัญญาสนับสนุน
แล้ว ย่อมพบกับความเจริญ ดังน้ี
ค�ำว่า พละ แปลว่า ก�ำลัง เป็นคุณเคร่ืองผลักดัน ให้เกิดความเข้มแข็งทนทานท�ำกิจ
ให้ส�ำเร็จตามประสงค์ จัดเป็นองค์ของนักท�ำงาน ส่วนปัญญา หมายถึง ปรีชาฉลาดรอบรู้ คือ รู้ชัด
รู้จริง ในสภาวธรรมทั้งปวง ทั้งส่วนเหตุ ส่วนผล ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ มีคุณมีโทษ ควรท�ำ
หรือควรละ อย่างท่ีท่านผู้รู้กล่าวรวมความไว้ว่า รู้ทั้งส่วนหายนะ อันเป็นส่วนควรละ และส่วนวัฒนะ
อันเป็นส่วนควรบ�ำเพ็ญ แล้วเลือกเฟ้นถือเอาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ละสิ่งที่เป็นโทษต่อตนเองและ
บุคคลอื่น ดังน้ี ชื่อว่า พลังปัญญา
ปัญญานั้น จัดเป็น ๒ ประการ คือ ปัญญาทางโลกกับปัญญาทางธรรม ปัญญาทางโลก
มีประโยชน์ในการสร้างสรรค์ความเจริญทางโลก เป็นอุปการะแก่การทำ�กิจ ช่วยผลักดันชีวิต
ใหป้ ระสบความส�ำ เรจ็ ในหนา้ ทีก่ ารงาน ไดร้ บั บรวิ าร เกยี รตยิ ศ ชือ่ เสยี ง เงนิ ทอง แตไ่ มอ่ าจรบั รองถงึ
ความสุขอันยั่งยืนได้ ส่วนปัญญาทางธรรม หนุนนำ�ให้สำ�เร็จกิจตามประสงค์ได้ด้วย ทั้งช่วยส่องทาง
ให้พบความสุขอันไพบูลย์มั่นคง เพราะผู้ทรงปัญญาทางธรรมย่อมดำ�เนินชีวิตด้วยสติปัญญา
. 52 .
. .
พิจารณาถี่ถ้วน รอบคอบ ประกอบการงานอันไม่มีโทษ เป็นการงานสุจริต ไม่ผิดศีล ผิดธรรม
ถูกต้องตามกฎหมายจารีตประเพณี มีแต่ประโยชน์เกื้อกูลแก่ตนและผู้อื่นโดยส่วนเดียว จึงเป็นชีวิต
ประเสริฐสุด สมนัยพุทธดำ�รัสว่า “ปญฺญาชีวิตมาหุ เสฏฺฐํ” ปราชญ์ทั้งหลายกล่าวชีวิตของผู้เป็นอยู่
ด้วยปัญญาว่าประเสริฐสุด ดังนี้
อันปญั ญานั้น มีติดตัวมาแต่ก�ำเนิด แต่จะงอกงามเติบโตเป็นพลังขึ้นได้ กด็ ว้ ยอาศยั การพัฒนา
ดังพระคาถาบาลีว่า โยคา เว ชยเต ภูริ ปัญญาเจริญได้เพราะการประกอบ หมายถึง การพัฒนา
ทางพระศาสนา ท่านวางไว้ ๓ ประการ คือ
ประการแรก ปัญญาเกิดจากการฟัง คือ จากการถ่ายความรู้ของผู้อ่ืนมาเป็นความรู้ของตน
ด้วยการต้ังใจฟัง ต้ังใจอ่าน เช่น ต้ังใจศึกษาเล่าเรียนให้มีความรู้จากมารดาบิดา ครู อาจารย์
หรือผู้ทรงวิทยาคุณท้ังหลาย เป็นต้น หรือด้วยการแสวงหาความรู้จากแหล่งวิทยาการสมัยใหม่
ท้ังหลาย เรียกว่า สุตมยปัญญา ปัญญาเกิดจากการฟัง
สุตมยปัญญานี้ มีความสำ�คัญและจำ�เป็นมากในเบื้องต้น เพราะเป็นหนทางเพิ่มพูนปัญญา
คนเราจำ�ต้องได้รับการศึกษา หาไม่แล้ว ปัญญาที่ติดตัวมาก็ไม่อาจงอกงามขึ้นได้ ไม่ว่ากาลไหน ๆ
คนทั่วไปจึงนิยมการศึกษา ผู้มีการศึกษาดีย่อมมีโอกาสเจริญก้าวหน้าสูง การศึกษาจึงเป็นประตู
สู่ความเจริญงอกงามแห่งชีวิต แม้ในทางธรรมก็จำ�ต้องศึกษาให้รู้ศีล รู้ธรรม รู้บุญ รู้บาป เพื่อมิให้
เข้าใจพลาด หลงผิด คิดเสียหาย เช่นในมณฑลอุปสมบท พระอุปัชฌาย์ก็หยิบยกเอากัมมัฏฐานห้า
สิกขาสาม มาบอกเป็นข้อศึกษาเบื้องต้น เพื่อการเจริญปัญญาต่อไป
ประการที่ ๒ ปัญญาเกิดจากการคิด คือ จากการรู้จักคิด วิเคราะห์ ตั้งคำ�ถาม ในเรื่องราว
ต่าง ๆ เพื่อพิจารณาหาเหตุแห่งผล หาผลแห่งเหตุ อาศัยการสังเกต สอบสวน ใคร่ครวญ
ไม่ด่วนเชื่อ พยายามไตร่ตรองมองหาความจริงจากที่สิ่งที่เห็น ที่ได้ยิน ได้ฟัง ได้สัมผัสรับรู้ ให้รู้จริง
รูแ้ จง้ เหน็ คณุ เหน็ โทษ เหน็ ประโยชนม์ ใิ ชป่ ระโยชนจ์ ากสิง่ เหลา่ นัน้ การหมัน่ ตรกึ ตรองเรือ่ งราวตา่ ง ๆ
อยู่เป็นนิจ ก่อให้เกิดความช่างคิด ช่างพินิจพิจารณา เป็นทางให้ปัญญาแหลมคม อุดมความรู้ขึ้น
นี้เรียกว่า จินตามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการขบคิด
จนิ ตามยปญั ญานี้ กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั ญาระดบั สงู กวา้ งขวาง แหลมคม กลา้ คดิ กลา้ ตดั สนิ ความเหน็
หากแม้นบุคคลมีสุตมยปัญญามาก อุดมหลักความรู้ แต่ขาดจินตามยปัญญาแล้ว แววแห่งปัญญา
ย่อมไม่ปรากฏ จะถึงความนับว่าเป็นผู้มีปัญญาได้อย่างไร คนมีปัญญาจริงต้องกล้าคิด กล้าตัดสินใจ
. 53 .
. .
ในทางธรรม ย่อมเป็นเหตุน�ำให้วินิจฉัยตรวจสอบตน ด้วยก�ำลังแห่งคุณมีศีล สมาธิ ปัญญา
เป็นต้น ให้รู้ดีถี่ถ้วน หรือพิจารณาสอบสวนสภาวธรรมต่าง ๆ ตามความเป็นจริง เป็นส่วนวิจัยธรรม
ตรึกตรองธรรม เป็นสมุฏฐานให้เห็นบาปบุญคุณโทษ ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ เกิดปัญญาในธรรม
ประการที่ ๓ ปัญญาเกิดจากภาวนา คือ การประมวลความรู้จากการฟังการคิด แล้ววินิจฉัย
ตัดสินใจลงมือปฏิบัติ ให้รู้แจ้งเห็นชัด ถึงผลในส่ิงนั้น ๆ เรียกว่า ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจาก
การภาวนา มีอุปมาเหมือนคนจะเดินทาง เบ้ืองต้นก็ลงมือหาข้อมูล ไต่ถามผู้รู้บ้าง ดูแผนท่ีบ้าง
คิดหาวธิ ที ่ดี ีเหมาะสมและปลอดภัย ครน้ั เริ่มต้นออกเดินทางไป เขาย่อมไดร้ บั ความรู้คอื ประสบการณ์
ช้ันหน่ึงกระท่ังถึงปลายทาง ความรู้ย่อมประมวลเด่นชัด ไม่ผิดพลาด เกิดเป็นองค์ความรู้เพราะลงมือ
ปฏิบัติ จัดเป็นความรู้แจ้ง รู้ประจักษ์ รู้แบบมีประสบการณ์ แม้ในทางธรรม เม่ือลงมือปฏิบัติ
ตามข้อธรรมนั้น ๆ ผลแห่งธรรมนั้น ๆ มีศีล สมาธิ หรือกรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นต้น
ย่อมปรากฏชัดเจนแก่ตนทั้งกายใจ ก่อให้เกิดปัญญารู้ละเอียดลึกซ้ึงไปตามล�ำดับ
บุคคลมาพัฒนาปัญญาด้วยหม่ันศึกษาเล่าเรียน เพียรคิด เพียรท�ำ ย่อมน�ำให้ปัญญางอกงาม
แหลมคม เก่งกล้า กลายเป็นพลังอันยอดเย่ียม ผู้ทรงปัญญาคุณรุ่งเรืองท้ังหลายในโลก มีพลังปัญญา
สรรค์สร้างสิ่งที่ดีงามเลิศล้�ำหลายอย่าง อันเก้ือกูลแก่วิถีชีวิตและจิตใจ ก็เพราะมีปัญญาอันพัฒนา
ตามกระบวนการท้ังสามนี้
อันการพัฒนาปัญญาน้ัน จ�ำต้องพัฒนาควบคู่กันไปให้เกิดฉลาดรอบรู้ท้ังในคดีโลกคดีธรรม
จึงจะน�ำให้เกิดพลังอันประเสริฐจริง ปัญญาทางโลก อุดหนุนให้เก่งกล้า ชาญฉลาด สามารถจัด
สามารถท�ำ ด�ำเนินหน้าท่ีแห่งชีวิตให้ส�ำเร็จลุล่วง ส่วนปัญญาทางธรรม น�ำส่องอาชีวะให้บริสุทธิ์
สะอาดปราศจากโทษทุจริตตลอดไตรทวาร จนสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานในท่ีสุด สมตาม
พระพุทธภาษิตที่ว่า ปญฺญาย ปริสุชฺฌติ บุคคลย่อมบริสุทธ์ิได้ด้วยปัญญา ดังนี้ ปัญญาทั้งสองทาง
ล้วนเป็นอุปการะแก่การด�ำเนินชีวิตอย่างน้ี อันบุคคลผู้มีปรีชาชาญฉลาด ควรประกอบปัญญาไว้
สองทางพร้อมมูล ย่อมเก้ือกูลให้เกิดพลังวิเศษ ยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยอ�ำนาจ สามารถประกอบกิจ
ได้ไพศาล ไม่ผิดพลาด ปัญญาจึงจัดว่าเป็นพลังอย่างประเสริฐ เลิศกว่าพลังท้ังหลาย บัณฑิตมีพลัง
แห่งปัญญาสนับสนุนแล้ว ย่อมประสบความเจริญ ดังบรรยายมาฉะนี้
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช มีชีวิตอุดมด้วยปัญญาท้ังสองทาง จึงงดงามด้วยความคิด
และความประพฤติ เรียกว่า “งามทั้งรอยกายรอยใจ” มีพลังปัญญาสามารถบ�ำเพ็ญประโยชน์ได้
มากมายอเนกประการ จนได้รับการกล่าวขาน นิยม นับถือ ระบือเกียรติไปในสากล เป็นสตรีศรีสง่า
. 54 .
. .
ชาติและพระศาสนา สมนาม “สุมาลี” ท่ีเป็นชื่อดอกไม้งามขจรกลิ่นให้คุณค่าความดีงามแก่สังคม
ผลแห่งปัญญาบารมีท่ีท่านผู้หญิงได้บ�ำเพ็ญมาแล้วด้วยดีน้ี ยังได้ถ่ายทอดสู่บุตรีคนเดียวของท่าน
อย่างน่าช่ืนชม
ธรรมชาตแิ หง่ ดอกไมผ้ ลบิ านในยามเชา้ ถกู สายลมและแสงแดดแผดเผา ยอ่ มเหยี่ วเฉาโรยราไป
ไมจ่ รี งั ยงั่ ยนื ชวี ติ ของคนเรากเ็ ชน่ เดยี วกนั ยอ่ มถกู พยาธิ ชรา และมรณะยำ่� ยี ใหถ้ งึ ความดบั สลายไป
ในที่สุด บัดนี้ ดอกไม้งามนาม “สุมาลี” ที่เคยผลิบานส่งกล่ินหอมให้คุณค่าความดีงามแก่สังคม
มาตลอดกาลยาวนาน ได้ร่วงโรยลงตามกาลเวลา เป็นสัจธรรมท่ีปรากฏให้เราเห็นอยู่ในขณะ ควรท่ี
เราท้ังหลายจะได้ใช้พลังปัญญาพิจารณาถึงความไม่ประมาท รีบขวนขวายบ�ำเพ็ญคุณงามความดี
ด้วยพลังสร้างสรรค์ ดังท่ีท่านผู้หญิงได้ด�ำเนินเป็นแบบอย่างน�ำทางเอาไว้ ก็จะเป็นประดุจได้ปลูก
ดอกไมแ้ ห่งพระอริยะใหเ้ บง่ บานภายในจติ ใจ เปน็ บปุ ผาทพิ ยส์ ่งกล่ินหอม ชวนให้ด�ำเนนิ ไปในเส้นทาง
แห่งความไม่ประมาท ตามพระปัจฉิมโอวาทที่พระบรมศาสดาที่ได้ตรัสประทานเอาไว้ว่า “หนฺททานิ
ภิกฺขเว อามนฺตยามิ โว วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ ภิกษุท้ังหลาย บัดน้ี เราขอเตือน
เธอท้ังหลาย สังขารท้ังหลายมีความเส่ือมสลายไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังประโยชน์ตน
และประโยชน์ผู้อ่ืน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด” ดังนี้
อมิ นิ า กตปญุ เฺ ญน ขออ�ำนาจกศุ ลทกั ษณิ านปุ ทานทคี่ ณุ หญงิ กษมา วรวรรณ ณ อยธุ ยา ผเู้ ปน็ ธดิ า
และบรรดาญาติมิตร ได้มาพร้อมกันบ�ำเพ็ญกุศลปัจโจปการกิจ ในวาระปัญญาสมวาร โดยฐาน
กตัญญูกตเวที ตามจารีตประเพณีของสัปปุริสชนในพระพุทธศาสนา ด้วยเจตนาอุทิศวิบากสมบัติ
สนองคุณปิยชนนีและญาติพลีในอวสาน จงอ�ำนวยวิบากสมบัติศุภผลแด่ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
โดยควรแก่ฐานนิยม สมดังประสงค์จงทุกประการ แสดงพระธรรมเทศนาในพลปัญญากถา ยุติลง
ด้วยเวลา
เอวํ ก็มีด้วยประการฉะน้ี
. 55 .
. .
. 56 .
. .
พระธรรมเทศนา มาลาคุฬกถา
พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต)
ในการบ�ำเพ็ญกุศลศตมวาร
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ณ บ้านยุกตะเสวี ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
ยถาปิ ปุปฺผราสิมฺหา กยิรา มาลาคุเฬ พหู
เอวํ ชาเตน มจฺเจน กตฺตพฺพํ กุสลํ พหํุ
ณ บัดนี้ จักรับประทานแสดงพระธรรมเทศนาใน “มาลาคุฬกถา” ว่าด้วยพวงดอกไม้
เพื่อเป็นเคร่ืองประคับประคองฉลองศรัทธาประดับปัญญาบารมี อนุโมทนากุศลบุญราศี
สวดทักษิณานุปทาน ในการบ�ำเพ็ญกุศลอุทิศให้ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช โดยญาติสนิทมิตร
สหาย สัมพันธชนบุคคลอันเป็นที่รัก มีคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ผู้เป็นธิดา เป็นต้น
ร�ำลึกนึกถึงอุปการคุณของผู้วายชนม์ ได้จัดการบ�ำเพ็ญกุศลและเปิดโอกาสให้มีคณะผู้มีน้ําใจ
มาร่วมบ�ำเพ็ญกุศลร่วมกันต่อเนื่อง ต้ังแต่ต้นจนมาถึงปัจจุบัน ท่านท้ังหลายมาร่วมงานน้ีด้วยเหตุ
๓ ประการ คือ (๑) มาเพื่อแสดงน้ําใจ (๒) มาเพื่อให้ได้ธรรมะ และ (๓) มาเพื่อกระท�ำ
ทักษิณานุปทาน พึงอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้วายชนม์
. 57 .
. .
ที่ว่า “มาเพื่อแสดงน้ําใจ” ก็เพราะว่าในยามที่มีชีวิตอยู่ ท่านผู้หญิงสุมาลีมีคุณงามความดี
มีคุณูปการโดยตรงแก่ท่านทั้งหลายบ้าง ผ่านองค์กร ผ่านมูลนิธิอื่น ๆ บ้าง เม่ือท่านล่วงลับไปแล้ว
ก็ร�ำลึกนึกถึง จึงได้บ�ำเพ็ญบุญ บ�ำเพ็ญกุศล ดังพระบาลีท่ีพระพุทธเจ้าตรัสว่า “อกาสิ เม อทาสิ
เม ญาติมิตฺตา สขา จ เม” เป็นต้น แปลความว่า บุคคลเมื่อร�ำลึกนึกถึงว่า ท่านผู้ล่วงลับไปน้ี
ได้ให้สิ่งนี้ ได้เคยให้ส่ิงน้ีแก่เรา ได้ท�ำสิ่งน้ีให้แก่เรา เป็นญาติ เป็นมิตร เป็นสหายของเรา จึงได้
บ�ำเพ็ญกุศลทักษิณาทานอุทิศไปให้ การบ�ำเพ็ญกุศลในวันนี้ช่ือว่าปฏิบัติตามพระบรมพุทโธวาทข้อนี้
ดังนั้น ที่กล่าวว่ามาเพื่อแสดงนํ้าใจ ก็เพราะความสัมพันธ์ที่เก่ียวข้องกับท่านทั้งหลาย และท�ำบุญ
ท�ำกุศลดังกล่าวมา
ส่วนที่กล่าวว่า “มาให้ได้ธรรมะ” ก็เพราะว่าไปในงานเช่นนี้ ย่อมจะท�ำให้ท่านทั้งหลาย
ได้ร�ำลึกนึกถึงความไม่เท่ียงของชีวิต การเกิดข้ึน ตั้งอยู่ ดับไป และโดยเฉพาะการได้ถอดรหัส
ธรรมะจากชีวิตของผู้วายชนม์ โดยในวันนี้เราได้เรียนรู้จากชีวิตของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ว่าในยามที่มีชีวิตอยู่ ท่านได้บ�ำเพ็ญประโยชน์ไพศาลแก่ประเทศชาติ พระศาสนา และสถาบัน
พระมหากษตั รยิ ์ อนั ท�ำได้โดยหลากหลายประการ เหมอื นดอกไมท้ ี่เรยี งรอ้ ยเปน็ พวงมาลัย พวงมาลา
มาจากดอกไม้ต่างสี ต่างกล่ิน ต่างถ่ินที่ โดยตัวมันเองก็ไม่ได้มีค่ามากมายเท่าใด แต่เมื่อได้น�ำมา
เรยี งร้อยเปน็ พวงมาลา เป็นพวงมาลัยใสแ่ จกนั บชู าพระ เปน็ ต้น ค่าของดอกไมก้ เ็ พิม่ ขึ้น เช่นเดียวกบั
ชีวิตของคนเรา เกิดข้ึนมาในโลกน้ี ถ้าปล่อยไว้ตามธรรมชาติทั่วไปอาจจะเป็นดอกไม้ข้างทาง
ทเ่ี หย่ี วเฉาไปโดยคนไมร่ จู้ กั หรอื อาจจะไดใ้ สแ่ จกนั ทองใหค้ นไดใ้ ชไ้ ปกราบไหวบ้ ชู าพระ ชวี ติ ของคนเรา
ก็เป็นเช่นนี้ เกิดขึ้นมาแล้วแต่ว่าเราจะใช้ชีวิตลิขิตอย่างไร จะเป็นดอกหญ้าให้คนอ่ืนย�่ำ หรือจะเป็น
ดอกไม้ในแจกันทอง ก็อยู่ท่ีเราเลือก
ชีวิตของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช น้ัน ค�ำว่า “สุมาลี” แปลว่า ดอกไม้ ท่านได้ใช้ชีวิต
ของท่านอย่างคุ้มค่า กลายเป็นดอกไม้ในแจกันทอง ประดับประดาให้โลกนี้สวยงาม ข้อนี้สอดคล้อง
ต้องตามพระบาลีนิเขปบทท่ีได้ยกขึ้นไว้ในเบ้ืองต้นว่า “ยถาปิ ปุปฺผราสิมฺหา กยิรา มาลาคุเฬ พหุํ”
เป็นต้น แปลความว่า ดอกไม้ท่ีสูงเป็นกองอยู่นี้ นายมาลาการผู้ชาญฉลาด น�ำมาเรียงร้อยเป็น
พวงมาลัยที่สวยสดงดงามได้ฉันใด ชีวิตของคนเราเกิดมาก็ฉันนั้น ต้องเรียงร้อยเป็นพวงมาลัย
แห่งคุณงามความดี ท�ำความดีให้มากเข้าไว้ การท�ำความดีท�ำได้หลากหลาย เช่นเดียวกับดอกไม้
จัดเป็นหลายรูปแบบ และแม้จะมีดอกไม้ไม่มากนัก นายมาลาการช่างดอกไม้ท่ีชาญฉลาด สามารถ
ยักย้ายถ่ายเท ท�ำพวงมาลัย ท�ำแจกัน ท�ำอะไรได้มากมายฉันใด คนเราท่ีชาญฉลาดใช้เวลา
. 58 .
. .
ในชีวิตท่ีมีเท่ากัน ท�ำความดีได้มากน้อยต่างกันฉันน้ัน ผู้ไม่ประมาท ย่อมใช้เวลาในชีวิตอย่างเต็มที่
มีคุณูปการเหมือนกับพวงมาลาที่ท�ำด้วยดอกไม้หลากสีฉันนั้น
ชีวิตของท่านผู้หญิงสุมาลีสามารถเรียงร้อยเป็นพวงมาลัยที่หลากสี หลากลักษณะ เกินกว่า
จะพรรณนาได้ครบถ้วนอันเกิดจากคุณูปการที่ได้ท�ำไว้ ในยามที่มีชีวิตอยู่ ท�ำความดีได้มากมาย
เพราะท่านมิได้เพียงแต่ท�ำเองเท่านั้น ยังจัดการให้คนอ่ืน ช่วยกันท�ำตามความคิดของท่านอีกด้วย
ดงั พระบาลที วี่ า่ “อลํ กาต”ุํ ท�ำเองกไ็ ด้ “อลํ สวํ ธิ าต”ุํ จดั การใหค้ นอนื่ ท�ำกไ็ ด้ ความเปน็ ผนู้ �ำสภาสตรี
แห่งชาติของท่าน ท�ำให้ท่านทั้งท�ำเอง และก�ำหนดแผนการด้วยวิสัยทัศน์ให้คนอื่นได้ด�ำเนินการ
เกิดเป็นผลดีหลากหลายประการ เหมือนดอกไม้หลากสีในพวงมาลัย การท่ีท่านท�ำได้หลากหลาย
เช่นนั้น ก็เพราะเหตุท่ีว่า ท่านเป็นบุคคลที่มีภาพ ๓ ภาพครบถ้วน คนที่มีภาพครบ ๓ ภาพ
ย่อมท�ำความดีได้หลากหลาย
ภาพที่ ๑ คือ “สมรรถภาพ” ความสามารถ สมรรถนะพร้อมใช้งาน ท�ำงานได้หลากหลาย
ในหนา้ ทไี่ ดต้ า่ ง ๆ ทเี่ ราเรยี กกนั วา่ One Stop Service สามารถบรกิ าร ณ จดุ เดยี วเบด็ เสรจ็ มปี ญั หา
อะไรก็แก้ไขได้หมด คือเป็นคนเก่ง
ภาพท่ี ๒ คือ “คุณภาพ” มีนํ้าใจในการท�ำประโยชน์ด้วยความจงรักภักดีต่อสถาบัน
พระมหากษัตริย์ ด้วยความรักชาติ ด้วยความศรัทธาในพระศาสนา ท�ำให้ทุ่มเทอุทิศชีวิตเพ่ือกิจการ
ที่เป็นไปเพ่ือจรรโลงสถาบัน เพ่ือชาติและพระศาสนา และคนท่ีร่วมอุดมการณ์เดียวกันก็พร้อมที่จะ
เดินตามท่าน ดังนั้น คุณภาพจึงเกิดจากนํ้าใจ ท่านเป็นคนที่มีนํ้าใจ และมีน้ําใจให้แม้แต่กับเพื่อน
ร่วมงาน กับลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชา เวลาที่นึกถึงท่าน เราจะนึกถึงรอยย้ิมของท่าน ภาษาพระ
เรียกว่า “อุตฺตานมุขี” หรือ “หน้าหงาย” คือ หน้ารับแขก ไม่ใช่ “หน้าคว่�ำ” ท่านเป็นบุคคล
ท่ีโอภาปราศรัยทักทายผู้อ่ืนก่อน แม้จะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ใครเข้าใกล้ก็อบอุ่น เรียกว่า “ปุพฺพภาสี”
ทักทายเขาก่อน ไม่ใช่ไว้ตัว จนไม่สามารถจะสร้างความสัมพันธ์กับใครได้ ด้วยลักษณะเช่นน้ีท�ำให้
ท่านมีภาวะผู้น�ำท่ีจูงใจคนให้ร่วมกิจการ ร่วมท�ำงาน เพราะคุณภาพในใจ
ภาพที่ ๓ คือ “สุขภาพ” บางคนท�ำงานหนักสุขภาพกายย�่ำแย่ ทรุดโทรม แถมสภาพ
จิตใจก็เครียด ท�ำให้เกิดปัญหากับเพื่อนร่วมงาน กระทบกระทั่งกัน คนที่มีสุขภาพกายสุขภาพใจดี
ใครท�ำงานด้วยก็เกิดความพึงพอใจและเกิดความสุข ชีวิตของท่านผู้หญิงสุมาลียืนยาวนานถึง ๙๐ ปี
เป็นประจักษ์พยานแห่งความมีสุขภาพกายท่ีลูกหลานได้ช่วยดูแลกันในยามแก่เฒ่าด้วย และท�ำให้
ท่านมีสุขภาพจิตดีด้วย จึงมีอายุยืนยาว การที่มีสุขภาพดี นอกจากเพราะท่านมีความพร้อม
. 59 .
. .
ในส่วนตนแล้ว ลูกหลานก็มีส่วนร่วมด้วย เพราะการที่ท่านเลี้ยงดูอุปถัมภ์ค�้ำชูลูกหลานนั้น ไม่ได้หวัง
อะไรมาก นอกจาก “ยามแก่เฒ่าหวังเจ้าเฝ้ารับใช้ ยามเจ็บไข้หวังเจ้าเฝ้ารักษา ครั้นเมื่อถึงวันตาย
วายชีวา หวังเจ้าช่วยปิดตาเม่ือสิ้นใจ” เหล่าน้ีจึงท�ำให้มีความสุข คือสุขภาพท่ีดี
ทั้ง ๓ ภาพนี้มีอยู่ในชีวิตของท่านผู้หญิงสุมาลี คือ สมรรถภาพ คุณภาพ และสุขภาพ
ทำ�ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีความพร้อมที่จะทำ�ประโยชน์ไพศาล แต่การทำ�ประโยชน์ในฐานะผู้นำ�
ท่านมิได้ใช้อำ�นาจในการบังคับขู่เข็ญ ท่านไม่ได้ใช้สิ่งที่สมัยใหม่เรียกว่า “Hard Power” หรือ
“อำ�นาจแข็ง” แต่ท่านใช้ “Soft Power” คือ “อำ�นาจอันนุ่มนวล” ในการจูงใจคน อำ�นาจ
แบง่ เปน็ ๒ อยา่ ง ทีเ่ ราเรยี กวา่ พระเดช คอื อ�ำ นาจแขง็ ประเภทหนึง่ และอ�ำ นาจนุม่ อกี ประเภทหนึง่
สหประชาชาตใิ ชท้ ัง้ ๒ อ�ำ นาจ กลา่ วคอื อ�ำ นาจแขง็ ไดแ้ ก่ กองก�ำ ลงั รกั ษาสนั ตภิ าพ ยามเกดิ เรือ่ งทีใ่ ด
เขากส็ ง่ กองก�ำ ลงั รกั ษาสนั ตภิ าพเขา้ ไปควบคมุ หรอื ใชอ้ �ำ นาจทางเศรษฐกจิ ทีเ่ รยี กวา่ การ Sanction
ทางเศรษฐกิจก็ใช้ได้ อย่างพวกเราที่ใช้อำ�นาจแข็งก็มี ๒ อย่าง คือ ใช้ตำ�แหน่งสายบังคับบัญชา
หรืออำ�นาจทางการเมือง เป็นต้น และอำ�นาจทางเศรษฐกิจ อำ�นาจเงิน เหล่านี้เรียกว่าอำ�นาจแข็ง
แต่อำ�นาจเหล่านี้อยู่ได้ไม่นาน เพราะว่ามันมีผู้แพ้ ผู้ชนะ “ชยํ เวรํ ปสวติ” ผู้ชนะย่อมก่อเวร และ
“ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต” ผู้แพ้ย่อมนอนเป็นทุกข์ จึงสู้อำ�นาจนุ่มที่อยู่นานไม่ได้ อำ�นาจนุ่มมาจาก
ธรรมะ คุณธรรม ในสหประชาชาติเขาเรียกว่า Diplomacy การทูตเจรจา และผลออกมา
มักจะเป็น win-win คือ ต่างฝ่ายต่างชนะไม่มีผู้ชนะโดยเด็ดขาด สามารถที่ทำ�ให้ทุกคนมีความรู้สึก
ร่วมว่าเป็นผู้ได้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองต้องเสียครึ่งได้ครึ่ง เพราะการที่จะ win-win นั้น ไม่มีใครได้หมด
ทงั้ ๑๐๐ เปอรเ์ ซน็ ต์ จะตอ้ งเสยี สละ การทจี่ ะตา่ งฝา่ ยตา่ งชนะ ตอ้ งมนี าํ้ ใจเสยี สละ มคี วามเหน็ อกเหน็ ใจ
แบ่งปันกัน เรียกว่ามีคุณธรรม การใช้คุณธรรม วัฒนธรรมเป็นตัวนำ�ให้มาเป็นพวก เรียกว่า
เป็นชัยชนะด้วยธรรมะ คือ “ธรรมวิชัย” เป็น Soft Power
เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานได้ ๒๐๐ ปีเศษ มีพระเจ้าแผ่นดินของชมพูทวีปชื่อพระเจ้าอโศก
มีกองทัพอันเข้มแข็ง ทรงไปรุกรานแคว้นต่าง ๆ ยึดมาเป็นเมืองขึ้น รวบรวมแผ่นดินชมพูทวีป
ให้เป็นหนึ่ง ใช้อำ�นาจแข็ง คือ กองทัพ จนกระทั่งครั้งหนึ่งกองทัพมาตีเมืองของแคว้นกาลิงคะ
ชาวกาลิงคะไม่ยอมสยบ และสู้ตาย จนมีการบันทึกไว้ว่าตายกันเป็นแสนคนเกลื่อนทุ่งที่รบกัน
พระเจ้าอโศกแม้ชนะก็จริง แต่เมื่อเห็นกองศพพะเนินอย่างนั้น ได้เกิดความสลดใจว่า ชัยชนะที่ได้มา
บนซากชีวิต ซากปรักหักพัง จะมีประโยชน์อะไร ในครั้งนั้นพระเจ้าอโศกได้ฉายาว่า “จัณฑาโศก”
หรืออโศกผู้ดุร้าย เหี้ยมโหด แต่เหตุการณ์ที่แคว้นกาลิงคะเปลี่ยนพระทัยพระองค์ให้เลิกรบ เลิกใช้
. 60 .
. .
อำ�นาจแข็ง แสวงหาทางชนะแบบใหม่ เพราะการรบชนะด้วยอำ�นาจแข็งที่เรียกว่า “สงครามวิชัย”
หรือชนะด้วยสงครามนั้น มันไม่มีประโยชน์อะไร และไม่ยั่งยืน
พระเจ้าอโศกหันมาสนใจศาสนา ได้ไปกราบผู้น�ำศาสนาลัทธิต่าง ๆ จนกระท่ังได้มาฟัง
เทศน์ในพระพุทธศาสนา หันมานับถือพระพุทธศาสนา และได้ทราบว่า ยังมีวิธีเอาชนะอีกแบบหนึ่ง
ที่ไม่ต้องเอาชนะกันด้วยก�ำลัง
อกฺโกเธน ชิเน โกธํ อสาธุ สาธุนา ชิเน
ชิเน กทริยํ ทาเนน สจฺจนาลิกวาทินํ
แปลความว่า พึงชนะคนโกรธด้วยการไม่โกรธตอบ พึงชนะคนชั่วด้วยความดี พึงชนะ
คนตระหนี่ด้วยการให้ พึงชนะคนที่พูดเหลาะแหละด้วยการพูดคำ�จริง เหล่านี้เรียกว่า ธรรมวิชัย คือ
ชนะดว้ ยความดี ดว้ ยธรรมะ พระเจา้ อโศกมหาราชจงึ เปลีย่ นนโยบายในการเอาชนะ จากสงครามวชิ ยั
เป็นธรรมวิชัย สิ่งที่เป็นรูปธรรมก็คือเอาชนะใจประชาชนด้วยสวัสดิการ ด้วยการปรับปรุง
เศรษฐกิจ ด้วยการตั้งโรงพยาบาล และเอาชนะประเทศเพื่อนบ้านด้วยการส่งราชทูตไปผูก
สัมพันธไมตรี ส่งสมณทูต ๙ สาย ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ๑ ใน ๙ สายนั้นมาที่ดินแดน
สุวรรณภูมิซึ่งเชื่อว่าเป็นประเทศไทย นั่นก็เป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ต่อพระพุทธศาสนา ทำ�ให้
พระพุทธศาสนาแพร่หลายไปทั่วโลกจนทุกวันนี้ อย่างเช่นสาย ๑ นั้น พระเจ้าอโศกให้ไปที่ศรีลังกา
และต่อมาพระพุทธศาสนาจากศรีลังกาได้มาที่นครศรีธรรมราช และจากนครศรีธรรมราชได้มา
ที่สุโขทัย เป็นพระพุทธศาสนาประจำ�ประเทศไทยมาจนทุกวันนี้ นี่ก็คือคุณูปการจากนโยบาย
ธรรมวิชัยของพระเจ้าอโศกมหาราช พระองค์จึงได้สมญาใหม่ว่า “ศรีธรรมโศกราช” พระเจ้าอโศก
ผู้ทรงธรรม และกลายเป็นบุคคลที่โลกจดจำ�มากกว่าจักรพรรดิที่เข่นฆ่าล้างผลาญกันในอินเดีย
ทั้งหมด ทั้งนีเ้ พราะพระองคเ์ ปน็ ตน้ แบบของธรรมวชิ ัย เอาชนะโดยธรรม โดย Soft Power นัน่ เอง
คนที่เดินตามรอยพระเจ้าอโศกเราเรียกว่า “ธรรมราชา” ในประเทศไทยพระมหากษัตริย์
ในสโุ ขทยั กเ็ ปน็ ธรรมราชากนั หลายพระองค์ พระเจา้ แผน่ ดนิ ตอ่ ๆ มากเ็ อาอยา่ งพระเจา้ อโศก อยา่ งที่
พระปฐมบรมราชโองการของรัชกาลที่ ๙ และรัชกาลที่ ๑๐ มีประโยคว่า “เราจะครองแผ่นดิน
โดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร” นั่นก็เป็นผล
จากนโยบาย Soft Power การใช้อ�ำนาจนุ่ม นโยบายธรรมวิชัยที่เอาชนะกันโดยธรรมน่ันเอง
. 61 .
. .
ชีวิตของท่านผู้หญิงสุมาลีเป็นแบบอย่างของผู้เอาชนะใจคนด้วยคุณธรรม จริยธรรม เมตตา
ธรรม เป็นต้น จงึ เป็นบุคคลท่ีมคี วามพร้อมในการทจ่ี ะน�ำให้เกิดการเปล่ยี นแปลงในหลาย ๆ ประการ
และคนที่จะท�ำเช่นนั้นได้ ภาษาสมัยใหม่เรียกว่าต้องมี EQ ความฉลาดในอารมณ์ นอกเหนือจาก
IQ ความฉลาดทางวิชาการ EQ คือ การตระหนักรู้ในอารมณ์ของตน รู้ด้วยสติ สติท�ำให้เรารับรู้ว่า
ขณะนี้จิตของเราเศร้าหมอง จิตของเราแข็งขัน หรือว่าเราก�ำลังโกรธ หรือว่าก�ำลังรัก ถ้าก�ำลัง
โกรธ และมีสติรู้ตัวว่าโกรธ เราก็ใช้สัมปชัญญะคือปัญญา ควบคุมความโกรธ หรือจัดการความโกรธ
ความโลภก็เช่นเดียวกัน เม่ือรู้ตัวด้วยสติว่าก�ำลังโลภ ก�ำลังจะท�ำคอร์รัปชัน ปัญญามันก็จะบอกว่า
มันไม่ถูก ไม่ควรนะ สติมา ปัญญาเกิด สติเตลิด มักเกิดปัญหา ทุกวันนี้คนเรามักไม่ค่อยมีสติ
จึงไม่รู้อารมณ์ของตัวเอง เช่น ยามขับรถไปบนท้องถนน เจอคนปาดหน้าหรือด่า ก็ลงไปทะเลาะ
กับเขาและฆ่ากันตายโดยท่ีไม่รู้จักกัน น้ีเรียกว่าความเขลาในอารมณ์ของตนเองที่มันมีมาก ท�ำให้
ระงับยับยั้งจัดการอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ นอกจากฉลาดในอารมณ์ของตนด้วยสติภายในแล้วก็ยัง
มีสติภายนอก สติรู้ตัวอารมณ์ของตนเอง เรียกว่า “อชฺฌตฺตํ วา” รู้อารมณ์ของคนอ่ืน เรียกว่า
“พหิทฺธา วา” คือ ต้องฉลาดในอารมณ์ของตัวเอง และฉลาดในอารมณ์ของคนอ่ืนด้วย เม่ือคนอ่ืน
หมดก�ำลังใจ ผู้น�ำต้องปลุกใจให้เขามีความฮึกเหิม เม่ือผู้ตามบ้าบ่ิน ขาดความสุขุม ผู้น�ำก็รู้อารมณ์
ของคน และก็กล่อมให้เขาสงบ เพราะฉะนั้นผู้ฉลาดในอารมณ์ จะมิใช่เพียงแต่รู้อารมณ์ตนเอง
ด้วยสติ แต่ยังรู้อารมณ์ของคนอ่ืนด้วยสติเช่นกัน และใช้ปัญญาในการจัดการ ในการช้ีน�ำให้คนน้ัน
เดินไปตามทางที่เราต้องการ เพราะมีความฉลาดคือสติและปัญญา เรียกว่ามีตาครบท้ังสองข้าง
มนุษย์เรานั้นมี ๓ ประเภท ประเภทแรก เรียกว่า “อันธจก̣ขุ” คือ ตาบอด กล่าวคือ ไม่มี
ความรู้ในทางโลกและไม่มีปัญญาในการจัดการกับอารมณ์ของตน ไม่มีธรรมะ ประเภทที่ ๒ เรียกว่า
“เอกจก̣ขุ” มีตาข้างเดียว เป็นคนเก่ง แต่ควบคุมตนเองไม่ได้ เพราะขาดความฉลาดทางอารมณ์
ได้แต่ทางวิชาการ มี IQ แต่ขาด EQ ขาดสติปัญญา ประเภทที่ ๓ เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ เรียกว่า
“ทวิจก̣ขุ” มีตาแห่งปัญญาครบทั้งสองข้าง คือ ฉลาดในทางโลกและฉลาดในทางธรรม ฉลาด
ในทางโลก เรียกว่า IQ และฉลาดในทางธรรมเรียกว่า EQ ความฉลาดในทางโลกคือความรู้
ในการประกอบอาชีพ และความฉลาดในทางธรรมคือสติปัญญาควบคุมอารมณ์ของตนเอง
ชีวิตของท่านผู้หญิงสุมาลีมีความสำ�เร็จก็เพราะว่าท่านมีความฉลาดทั้งสองด้าน ฉลาด
ในอารมณ์ของตนและในอารมณ์ของคนอื่น ฉลาดในทางโลกและฉลาดทางธรรม เป็นมนุษย์
ที่สมบูรณ์ และมีภาพ ๓ ภาพ คือ สมรรถภาพ คุณภาพ และสุขภาพ ท่านจึงสามารถบำ�เพ็ญ
ประโยชน์ได้หลากหลาย ในยามที่มีชีวิตอยู่ เรียกว่าคุ้มค่ากับการดำ�รงชีวิต ทำ�ให้เราท่านทั้งหลาย
. 62 .
. .
ได้ถือเป็น “เนตติ” คือเป็นแบบอย่าง และเป็นทิฏฐานุคติที่เราจะดำ�เนินตามต่อไป ท่านจากไป
แตเ่ พยี งรา่ งกาย แตค่ ณุ งามความดยี งั ประดบั ไวใ้ นจติ ใจของเรา ดงั พระบาลที ีว่ า่ “รปู ํ ชรี ติ มจจฺ านํ
นามโคตฺตํ น ชีรติ” ร่างกายหายไป เสื่อมสลายไป แต่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ความดี หาได้เสื่อม
สลายไปไม่
ดังพระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ว่า
“พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง ส�ำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตท่ัวแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา”
ความดีของท่านผู้หญิงสุมาลีประดับไว้พร้อมทั้งส่งกลิ่นหอมขจรขจายเหมือนดอกไม้
เหมือนมาลี เพราะท่านเป็นนายมาลาการผู้ชาญฉลาด เรียงร้อยดอกไม้แห่งชีวิตเป็นพวงมาลัย
ทีส่ วยสดงดงาม ดงั พระบาลที ีอ่ าตมภาพไดย้ กเปน็ นเิ ขปบทเบือ้ งตน้ วา่ “ยถาปิ ปปุ ผฺ ราสมิ หฺ า” เปน็ ตน้
แปลความว่า ดอกไม้ที่สุมเป็นกองอยู่นี้ นายมาลาการผู้ชาญฉลาด นำ�มาร้อยเป็นพวงมาลัยที่สวยสด
งดงามฉันใด คนเราเกิดมาก็ฉันนั้น ต้องทำ�ความดีเป็นพวงมาลา พวงมาลัยแห่งชีวิต ประดับไว้
ในโลกนี้ ดังชีวิตของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ดังพรรณนามาพอสมควรแก่เวลา
อิมินา กตปุญฺเญน ด้วยอำ�นาจแห่งกุศลผลบุญที่เราท่านทั้งหลายได้บำ�เพ็ญให้เป็นไป ขอจง
มารวมกันเป็นตบะ เป็นเดชะ เป็นพลวปัจจัย อำ�นวยอวยพรเป็นส่วนกุศลอุทิศไปให้แด่ดวงวิญญาณ
ของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช มิว่าสถิตอยู่ ณ สถานวิมานภพใด ขอได้โปรดอนุโมทนาบุญ
เพื่อสำ�เร็จเป็นอิฏฐวิบากสุขสมบัติ ทิพยสมบัติยิ่งขึ้นไป ในสัมปรายภพ สมดังเจตนาปรารภ
ทุกประการ
ในท้ายที่สุดอวสานแห่งพระธรรมเทศนานี้ พระสงฆ์จตุรวรรคจากส�ำนักวัดประยุรวงศาวาส
จะได้สวดธรรมคาถาเพ่ือเพ่ิมอัปมาทธรรมสัมมาปฏิบัติในมหาสมาคมนี้สืบไป
รับประทานแสดงพระธรรมเทศนาพอสมควรแก่เวลา ขอสมมติยุติลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้
เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้ 63 .
.
. .
. 64 .
. .
ค� ำ ไ ว้อ า ลัย
. 65 .
. .
ค�ำไว้อาลัย
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เป็นสุภาพสตรีท่ีได้ใช้ชีวิตอย่างงดงาม ท้ังในชีวิตส่วนตัว
ในฐานะภริยาของศาสตราจารย์ นายแพทย์กษาน จาติกวนิช ซึ่งด�ำรงต�ำแหน่งเป็นอธิการบดี
ของมหาวิทยาลัยมหิดล ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๑๔ - ๒๕๒๒ ถือได้ว่าเป็นปูชนียบุคคลท่ีส�ำคัญท่ีสุด
คนหนึ่งของมหาวิทยาลัยมหิดล นอกจากน้ัน ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ยังเป็นมารดาของ
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ระหว่าง
พ.ศ. ๒๕๔๕ - ๒๕๔๖ ฉะนั้น จึงถือได้ว่าท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เป็นผู้อยู่เบ้ืองหลัง
ความส�ำเร็จของสามีและบุตรีที่ได้รับราชการในต�ำแหน่งที่สูงและส�ำคัญมาเป็นเวลายาวนาน
ส่วนทางด้านชีวิตการท�ำงานของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เองน้ันก็มีความโดดเด่นอย่างย่ิง
ท่านได้อุทิศตนให้กับงานส่วนรวมมากมาย แต่ที่โดดเด่นมากที่สุดน่าจะเป็นการด�ำรงต�ำแหน่ง
ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ในช่วง พ.ศ. ๒๕๒๐ - ๒๕๒๒ อย่างไร
ก็ตาม ในที่นี้จะขออนุญาตกล่าวถึงเพียง ๒ องค์กร ท่ีท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้เข้าไปมี
บทบาทอย่างส�ำคัญ องค์กรแรกคือ สมาคมสตรีภาคพ้ืนแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์แห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช กรุณารับเป็นกรรมการ ในขณะท่ีคุณแม่
ของผมเปน็ นายกสมาคม สมาคมนจี้ ดั กจิ กรรมเพอ่ื สรา้ งความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหวา่ งสภุ าพสตรชี าวไทย
กบั สภุ าพสตรตี า่ งประเทศทมี่ าพ�ำนกั ในประเทศไทย เชน่ ภรยิ าเอกอคั รราชทตู ของประเทศในภาคพนื้
แปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์ เป็นต้น
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า “---ในช่วงท่ีท่านผู้หญิงอรอวล อิศรางกูร
ณ อยุธยา ด�ำรงต�ำแหน่งนายกสมาคมสตรีภาคพื้นแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์แห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (สปอท.) ดิฉันได้ร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ เน่ืองจากสมาคมน้ีมุ่งเน้น
เรื่องการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นหลักเพ่ือให้ชาวต่างประเทศ...ทั้งนักการทูตและ
ภริยาตลอดจนนักธุรกิจมีความเข้าใจอันดีและถูกต้องเกี่ยวกับประเทศไทย---” คุณแม่ของผมก็ได้
เลา่ ใหผ้ มฟงั วา่ ทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ เปน็ กรรมการทม่ี บี ทบาทส�ำคญั มากในองคก์ รน้ี เพราะเปน็
ผู้ที่มีความสามารถและมีอัธยาศัยดีเยี่ยม
ต่อมาผมก็ได้รับทราบว่าในการประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องสตรี ณ กรุงปักกิ่ง เม่ือ
พ.ศ. ๒๕๓๘ องค์การสหประชาชาติได้เชิญให้ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช มาเป็นผู้ประสานงาน
ภาคเอกชนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งปฏิบัติภารกิจได้อย่างดีเย่ียม และได้รับการยกย่องจาก
ท่ีประชุมจนได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนองค์กรเอกชนสตรีประจ�ำคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) ในเวลาต่อมา
. 66 .
. .
ส�ำหรับองค์กรท่ี ๒ คือ มูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์นั้น ผมทราบมาว่าท่านผู้หญิง
สมุ าลี จาตกิ วนชิ กรณุ าเรม่ิ มาท�ำงานจากการทาบทามของคณุ พนู เพมิ่ ไกรฤกษ์ อดตี เลขาธกิ ารของมลู นธิ ิ
สายใจไทยฯ ในฐานะอาสาสมคั รตง้ั แตก่ อ่ น พ.ศ. ๒๕๒๒ และตอ่ มาในเดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๒๒
ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกุมารี ทรงแต่งตั้งให้เป็นกรรมการบริหารมูลนิธิสายใจไทยฯ โดยรับผิดชอบงานด้าน
ประชาสมั พนั ธต์ ดิ ตอ่ มาจนกระทงั่ ลม้ ปว่ ยลง งานใหญท่ ท่ี า่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ ตอ้ งรบั ผดิ ชอบท�ำ
ก็คือ สารสายใจไทย ซึ่งออกปีละ ๓ ฉบับ แจกจ่ายแก่ผู้มีอุปการคุณและสมาชิกสายใจไทยติดต่อ
กันมานานกว่า ๔๓ ปี ผมซ่ึงมารับต�ำแหน่งเลขาธิการต่อจากคุณพูนเพ่ิม ไกรฤกษ์ ได้เห็นผลงาน
และความมุ่งมั่นของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช มาตลอดด้วยความชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ตลอดจน
ได้เห็นถึงความจงรักภักดีท่ีท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดเวลา
ท่ีท�ำงานร่วมกันมา ๔๐ กว่าปี
ด้วยอานิสงส์แห่งความดีและบุญกุศลที่ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้สร้างสมมาอย่าง
มากมาย ผมและนุช จึงขอถือโอกาสนี้อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบันดาลให้ดวงวิญญาณ
ของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ไปสู่สุคติในสัมปรายภพด้วยเทอญ
(จิรายุ และท่านผู้หญิงอรนุช อิศรางกูร ณ อยุธยา)
67 .
.
. .
ค�ำไว้อาลัย
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ใน พ.ศ. ๒๕๐๒ ผมได้เร่ิมต้นหน้าที่เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
(ดร.ถนดั คอมนั ตร)์ จากนน้ั บางครง้ั บางคราวเอกอคั รราชทตู ตา่ งประเทศประจ�ำเมอื งไทยกไ็ ดเ้ ชญิ ผม
ไปในงานเล้ียงอาหารค�่ำ คร้ังหน่ึงผมจ�ำได้ว่ามีแขกผู้ใหญ่ไทยหลายท่าน หน่ึงในนั้นคือ นายแพทย์
กษาน จาตกิ วนชิ ซง่ึ ผมเคยไดย้ นิ ชอื่ เสยี งของทา่ นผา่ นทางดา้ นพเ่ี ขยทเี่ ปน็ หมอดว้ ยกนั (ศาสตราจารย์
นายแพทยช์ ชั วาลย์ โอสถานนท)์ แตผ่ มไมเ่ คยไดพ้ บทา่ นหรอื รจู้ กั ภรรยาของทา่ นมากอ่ น จนกระทง่ั
ในคืนนั้นมีสุภาพสตรีคนหนึ่งอายุไม่มาก มีความงดงาม กิริยามารยาทน่าชื่นชม ผมได้ฟังการพูดจา
ของสุภาพสตรีคนน้ีบนโต๊ะอาหาร จนนึกอยู่ในใจเสมอว่าคนน้ีใครนะ ช่างมีความรู้รอบตัว และรู้จัก
สนทนาปราศรยั กบั แขกคนตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งดนี า่ ประทบั ใจ ตอ่ มา ถงึ ไดม้ าทราบวา่ สภุ าพสตรคี นนค้ี อื
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ภรรยาของคุณหมอกษาน จาติกวนิช น่ีเป็นภาพความทรงจ�ำแรก
ของท่านผู้หญิงสุมาลี ท่ีผมจ�ำได้ตั้งแต่สมัยผมอายุยังไม่ถึง ๓๐ ปี
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ด�ำรงต�ำแหน่งท่ีส�ำคัญในองค์กรภาครัฐและเอกชน ทั้งภายใน
และตา่ งประเทศมากมาย ทา่ นไดป้ ฏบิ ตั หิ นา้ ทด่ี ว้ ยความรแู้ ละความสามารถ ซงึ่ เปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ
ต่อสังคมส่วนรวมและประเทศชาติ นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้บุกเบิกและสร้างต�ำนานบทบาทสตรีไทย
ในเวทีโลกและสังคมไทย ทั้งยังท�ำงานเพ่ือการกุศลช่วยงานมูลนิธิต่าง ๆ มาโดยตลอด พร้อมกันน้ี
ยังสามารถปฏิบัติหน้าท่ีของภรรยาและมารดาได้อย่างสมบูรณ์ด้วย
ส�ำหรับผมและภรรยา ยังมีโอกาสรู้จักท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ในอีกฐานะหน่ึง คือ
หลานชายของผม (หม่อมราชวงศ์ชาญวุฒิ วรวรรณ) เป็นลูกเขยของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ซึ่งนับเป็นบุญวาสนาท่ีหลานชายได้แต่งงานกับคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ซ่ึงเป็นคนดี
และเก่ง ท้ังหลานชายได้มีแม่ยายที่มีความเมตตากรุณา
ขออ�ำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและอานิสงส์แห่งคุณงามความดีท่ีท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ได้กระท�ำมา จงเป็นพลวปัจจัยน้อมน�ำให้ดวงวิญญาณของท่านผู้หญิงสุมาลี ประสบสุขในสัมปรายภพ
ตลอดไป
(อานันท์ ปันยารชุน)
. 68 .
. .
ฯพณฯ นายอานันท์ ปันยารชุน ถ่ายภาพร่วมกับท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช และ
คณะผู้ร่วมจัดงานแนะน�ำหนังสือพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” ท่ีงาน Frankfurt Book Fair
ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เม่ือเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
. 69 .
. .
ค�ำไว้อาลัย
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ในช่วงระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา สังคมทั่วไปได้รับรู้ว่า ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
เป็นสุภาพสตรีที่มีบทบาทโดดเด่นในการทำ�งานเพื่อประโยชน์ต่อสังคม
ทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ เรมิ่ งานดา้ นสงั คมกบั มลู นธิ อิ นเุ คราะหค์ นพกิ าร ในพระราชปู ถมั ภ์
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ จากน้ันเข้ารับต�ำแหน่งส�ำคัญในองค์กร
ต่าง ๆ เช่น ประธานมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรรมการมูลนิธิสายใจไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับสตรีในเวทีโลกหลายวาระ
และโอกาส นอกจากน้ี ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ยังมีส่วนส�ำคัญในการส่งเสริมบทบาทสตรี
จากการปฏิบัติหน้าท่ีในต�ำแหน่งส�ำคัญต่าง ๆ เช่น ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์
ประธานสมาคมสตรีภาคพ้ืนแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์ระหว่างประเทศ ผลงานและความส�ำเร็จ
ท่ีผ่านมา ท�ำให้ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้รับรางวัลเกียรติยศมากมายอย่างน่าภาคภูมิใจ
ซ่ึงน้อยคนนักท่ีจะได้รับเกียรติยศเช่นนี้
ผมขอร่วมแสดงความอาลัยและระลึกถึงท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ขออ�ำนาจแห่ง
คุณพระศรีรัตนตรัยและคุณความดีทั้งหลายที่ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้สั่งสมมาตลอดชีวิต
และกุศลผลบุญที่ครอบครัว ญาติมิตรได้อุทิศให้ จงเป็นพลวปัจจัยดลบันดาลให้ดวงวิญญาณของ
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ไปสู่สุคติในสัมปรายภพด้วยเทอญ
(ชวน หลีกภัย)
ประธานรัฐสภา
70 .
.
. .
ค�ำไว้อาลัย
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
เม่ือทราบข่าวว่า ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้ถึงแก่อนิจกรรม ผมมีความรู้สึกใจหาย
และเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เป็นบุคคลที่เป็นท่ีรู้จักและคุ้นเคย
ในสังคมไทย จากกิจกรรมความสามารถต่าง ๆ ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง จนได้ด�ำรง
ต�ำแหน่งส�ำคัญในองค์กรการกุศลต่าง ๆ ในพระบรมราชูปถัมภ์ รวมถึงการเป็นประธานสภาสตรี
แห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ คนที่ ๑๐ และนอกจากกิจการท่ีเก่ียวกับการบริหารศิริราชมูลนิธิ
และในสภามหาวิทยาลัยมหิดล ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ยังคุ้นเคยกับภารกิจด้านต่างประเทศ
ในหลายสถานะ เช่น การเป็นผู้แทนองค์กรเอกชนสตรีระดับภูมิภาคประจ�ำคณะกรรมการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) กับทั้งเป็นประธานสมาคมสตรีภาคพ้ืนแปซิฟิกและ
เอเชียอาคเนย์ ๑๙ ประเทศ สองสมัย ในช่วง พ.ศ. ๒๕๓๐ - ๒๕๓๗ รวมท้ังได้รับค�ำยกย่อง
ชมเชยว่าเป็นผู้ประสานงานดีเด่นในการประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องสตรี คร้ังที่ ๔ ซ่ึงจัดข้ึนที่
กรุงปักก่ิง ใน พ.ศ. ๒๕๓๘
คุณธรรมความดีในการประกอบการงานทั้งปวง ส่งผลให้ท่านได้รับเกียรติยศและรางวัล
มากมาย แต่รางวัลที่ส�ำคัญส�ำหรับสุภาพสตรีผู้เพียบพร้อมด้วยคุณวุฒิ เช่นท่านผู้หญิงสุมาลี
จาติกวนิช คงจะเป็นค�ำประกาศเกียรติคุณ “แม่ดีเด่นกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๕๐” ซึ่งแสดงถึง
ความบริบูรณ์ของบทบาทสตรีในช่วงชีวิต ๙๐ ปีที่สง่างาม
ผมขอแสดงความเสียใจกับคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา และครอบครัว ท่ีต้องสูญเสีย
ผู้เป็นท่ีเคารพรักอย่างสูง ผมมีความปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช จะเป็น
บุคคลดีเด่น ท่ีเป็นต้นแบบให้แก่สตรีไทยทั้งหลายได้ด�ำเนินตามต่อจากนี้ไปไม่สิ้นสุด
ดอน ปรมัตถ์วินัย
รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
71 .
.
. .
อาลัยอ๊อด
ได้เป็นเพ่ือนกับอ๊อดมาต้ังแต่ตอนเราเร่ิมมีครอบครัวกันใหม่ ๆ สามครอบครัวท่ีสนิทสนมกัน
ทง้ั พอ่ แม่ และลกู ๆ คอื ครอบครวั คณุ เกษม - คณุ วาณี ลำ�่ ซ�ำ ครอบครวั คณุ หมอกษาน - คณุ สมุ าลี
จาติกวนิช และครอบครัวเรา
แม้ในภายหลังเราต้องแยกย้ายกันไปท�ำหน้าท่ีการงานของตนก็ตาม แต่เราก็ไม่เคยขาด
การตดิ ตอ่ กนั เลย ลกู ๆ ของเรากเ็ ตบิ โตเปน็ ขา้ ราชการเชน่ เดยี วกนั ทงั้ ยงั ตดิ ตอ่ กนั อยอู่ ยา่ งสมาํ่ เสมอ
เฉกเช่นเดียวกับอ๊อดและเราท่ียังได้พบปะและโทรศัพท์ติดต่อกันเร่ือยมา
เป็นที่น่าเสียดายท่ีอ๊อดได้จากพวกเราและลูกหลานไปเสียแล้ว เสียดายความรู้ความสามารถ
ของอ๊อดผู้ท�ำงานเพื่อสังคมได้อย่างน่าช่ืนชม จึงขอให้อ๊อดได้ไปสู่สุคติในสัมปรายภพด้วยเทอญ
(ท่านผู้หญิงกุณฑี ไกรฤกษ์)
. 72 .
. .
ร�ำลึกถึงพี่อ๊อด
ด้วยความเคารพรักและชื่นชมมิรู้ลืม
เม่ือทราบข่าวพี่อ๊อดจากเราไป น้องรู้สึกใจหายและเศร้าใจเป็นท่ีสุด พี่อ๊อดเป็นพี่ท่ีน้อง
เคารพรักและชื่นชมอย่างย่ิงมาเป็นเวลายาวนาน ครั้งสุดท้ายท่ีได้พบพี่อ๊อดเป็นวันที่น้องไปร่วม
สนทนาในการจัดเตรียมงานวันเกิดพ่ีอ๊อดครบ ๙๐ ปี และได้รับประทานอาหารร่วมกันในบรรยากาศ
ท่ีอบอุ่น พี่อ๊อดยังดูแจ่มใสพูดคุยถึงเร่ืองเก่า ๆ อย่างสนุกสนาน แม้จะมีบางเร่ืองที่พ่ีอ๊อดลืมเลือน
ไปบ้าง หลังจากนั้นพี่อ๊อดยังได้น�ำอาหารเพ่ือสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานมาให้น้องถึงท่ีบ้าน ท�ำให้น้อง
ซาบซงึ้ ในความกรณุ าของพอ่ี อ๊ ดทม่ี คี วามหมายและมคี ณุ คา่ อยใู่ นใจนอ้ งอยา่ งมริ ลู้ มื ความมนี า้ํ ใจงาม
ที่พี่อ๊อดได้มอบให้น้องต้ังแต่แรกรู้จักกันจนถึงวันนั้นจะอยู่ในความทรงจ�ำของน้องตลอดไป
น้องเร่ิมสนิทสนมกับพี่อ๊อด เมื่อพี่อ๊อดได้เข้ามาร่วมท�ำงานกับคุณแม่ของน้อง ซ่ึงท่านเป็น
ผู้ก่อต้ังสมาคมสตรีภาคพ้ืนแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
มีช่ือย่อว่า “สปอท.” คุณแม่ท่านชื่นชมพ่ีอ๊อด ในความสามารถ ว่าเป็นนักบริหารที่ชาญฉลาดรอบรู้
เป็นนักเขียน นักพูดที่เก่งจริง ๆ พร้อมด้วยบุคลิกภาพ อุปนิสัยอ่อนน้อม นิ่มนวล งดงาม
อย่างหาผู้ใดเปรียบได้ยาก ในขณะเดียวกันก็มีความเข้มแข็ง ท่านรักพี่อ๊อดเหมือนลูกเหมือนหลาน
ของท่าน เมื่อคุณแม่ถึงแก่อนิจกรรม พี่อ๊อดได้ร่วมท�ำบุญอุทิศส่วนกุศลให้คุณแม่ โดยจัดของ
ถวายพระ จัดท�ำตาลปัตรและถุงย่ามอย่างงามเลิศ แบบไม่มีผู้ใดจัดได้งามเท่า นับว่าสวยเป็น
พิเศษจริง ๆ แสดงถึงความจริงใจของพี่อ๊อดที่ให้ความส�ำคัญและความเคารพรักคุณแม่ของน้อง
อย่างสูงสุด ซ่ึงน้องยังประทับใจอยู่จนถึงทุกวันน้ี ทั้ง ๆ ที่คุณแม่ท่านได้จากไปส่ีสิบกว่าปีแล้ว
. 73 .
. .
ตลอดระยะเวลาท่ีเข้ามารับต�ำแหน่งนายกสมาคม สปอท. พี่อ๊อดคือความภาคภูมิใจของเรา
พ่ีอ๊อดได้รับเลือกให้ด�ำรงต�ำแหน่งประธานสมาคมสตรีภาคพื้นแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์ระหว่าง
ประเทศ ถึง ๒ วาระติดต่อกัน เป็นเวลาถึง ๗ ปี น�ำความปีติยินดีมาสู่สมาชิก สปอท. และ
เป็นเกียรติอย่างย่ิงของสมาคมเรา พี่อ๊อดได้เป็นประธานในการจัดประชุมใหญ่ ครั้งที่ ๑๘ ซ่ึง
ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ มีสมาชิกมาร่วมประชุมถึง ๓๕๐ คน จาก ๒๔ ประเทศ
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
องค์อุปถัมภ์ของสมาคมได้มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่าน
เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทและรับพระราชทานเลี้ยงนํ้าชา ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
ในพระบรมมหาราชวงั พรอ้ มทัง้ พระราชทานพระบรมราชานญุ าตใหเ้ ขา้ ชมนทิ รรศการงานศลิ ปาชพี
สว่ นพระองค์ นบั เปน็ เกยี รตอิ ยา่ งสงู สดุ ของพวกเราชาว สปอท. อยา่ งหาทีส่ ดุ มไิ ด้ สมเดจ็ พระราชนิ ี
แห่งประเทศตองกาได้เสด็จมาร่วมการประชุมครั้งนี้ พร้อมกับภริยานายกรัฐมนตรีแห่งประเทศ
มาเลเซีย นับเป็นงานที่ประสบความสำ�เร็จอย่างงดงาม นำ�ชื่อเสียงมาสู่ สปอท. และประเทศชาติ
รวมทั้งได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดในประวัติของสมาคม ซึ่งเป็นผลงานดีเด่นที่มาจากความสามารถ
และความทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจของพี่อ๊อด
ในสมัยท่ีพี่อ๊อดเป็นประธานแพนสากล (ค�ำย่อของสมาคมสตรีภาคพ้ืนแปซิฟิกและเอเชีย
อาคเนย์ระหว่างประเทศ) พ่ีอ๊อดได้เดินทางไปเย่ียมเยียนประเทศสมาชิกเกือบทุกประเทศ ท้ังยัง
ส่งเสริมและให้ความส�ำคัญกับงานของสมาคมในทุกประเทศสมาชิก จนเป็นที่ยอมรับกันว่าพ่ีอ๊อด
ได้น�ำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่สมาคมแพนสากลและสมาคม สปอท. ของเรา
พ่ีอ๊อดเป็นผู้บุกเบิกน�ำสมาคมไปสู่บทบาทส�ำคัญในงานระดับองค์การระหว่างประเทศ และ
ด�ำเนินการให้สมาคม สปอท. ได้รับการรับรองจากองค์การสหประชาชาติ ให้มีสถานภาพเป็น
ทปี่ รกึ ษาพเิ ศษของคณะกรรมาธกิ ารเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ องคก์ ารสหประชาชาติ ดา้ นงาน สปอท.
ภายในประเทศ พ่ีอ๊อดได้วางรากฐานการท�ำงานให้กับสมาคม ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกล
ในการพัฒนาสังคม ท้ังการพัฒนาเด็กเล็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ตลอดจนงานพัฒนาอ่ืน ๆ
ซ่ึงคณะกรรมการ สปอท. ได้น�ำมาปฏิบัติสืบต่อมา น�ำความเจริญก้าวหน้ามาสู่สมาคมจวบจน
ปัจจุบัน ทั้งในระดับชุมชนและระดับนานาชาติ
นอกจากพบกันในงานของสมาคม พ่ีอ๊อดกับน้องก็ได้พบปะกันเป็นประจ�ำในโอกาสอื่น ๆ
รักใคร่กันเสมือนญาติสนิท ได้ท�ำกิจกรรมร่วมกันอย่างมีความสุข และมีความใกล้ชิดกันย่ิงขึ้น
เมื่อหลานแดง (คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ธิดาของพี่อ๊อด) ได้มาสมรสกับน้องชาญวุฒิ
(หม่อมราชวงศ์ชาญวุฒิ วรวรรณ) ญาติสนิทของน้อง
. 74 .
. .
มเี รอื่ งหนง่ึ สนกุ ๆ ทน่ี อ้ งไดไ้ ปมสี ว่ นรว่ มกบั พอี่ อ๊ ดและครอบครวั เมอื่ พหี่ มอกษานยงั มชี วี ติ อยู่
ทุก ๆ วันอาทิตย์จะมีการรวมญาติ พ่ี ๆ น้อง ๆ หลาน ๆ ของพ่ีอ๊อดไปร่วมรับประทานข้าวเย็นกัน
พี่อ๊อดจะเตรียมอาหารอร่อย ๆ ไว้ให้ทาน น้องได้รับเกียรติให้ไปร่วมสังสรรค์ในงานน้ีด้วย มีเร่ือง
ข�ำขนั ทย่ี งั จ�ำไดแ้ มน่ ย�ำคอื ทกุ ๆ คนคยุ กนั เสยี งดงั จนพหี่ มอกษานตอ้ งพดู กบั พวกเราวา่ “นนิ ทาทกุ คน
ครบหรือยังล่ะ ถ้าครบก็หยุดคุยกันแล้วกลับบ้านได้ เพราะพ่ีหมอจะเข้านอนแล้ว” พวกเรา
ก็หัวร่อกันแล้วรีบท�ำตามพี่หมอ โดยบอกกันว่าถึงเวลา “ครูใหญ่ส่ันกระด่ิง” เหมือนกับมาแมร์
ท่ีโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยสั่นกระด่ิงให้พวกเราเข้าห้องเรียน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ท่ีน้อง
ได้ร่วมสนุกกับพ่ีอ๊อด พร้อมกับน้อง ๆ พี่อ๊อด มีพี่อู๊ด น้องอ๋ัน น้องอ๊ีด น้องน้ีด และครอบครัว
รวมท้ังหลาน ๆ ด้วย
พอ่ี อ๊ ดเปน็ พท่ี ใี่ หค้ วามรกั ความอบอนุ่ ใหค้ �ำปรกึ ษา ค�ำแนะน�ำในเรอื่ งการงานไปถงึ เรอื่ งอนื่ ๆ
กับน้องตลอดมา เมื่อมีการบูรณะซ่อมแซมศาลา “วรรณ-สุพิณ” ท่ีท่านพ่อและคุณแม่ของน้อง
ได้สร้างไว้ท่ีวัดธาตุทอง พระอารามหลวง พ่ีอ๊อดได้กรุณาไปกราบเรียนพระราชวรญาณโสภณ
ท่านเจ้าอาวาสในเรื่องนี้ เพ่ือให้ได้รับการอนุมัติในการด�ำเนินงานต่อไป ซึ่งจากค�ำพูดของพ่ีอ๊อด
ท่านเจ้าอาวาสและทางวัดได้ให้ความร่วมมืออย่างดีย่ิง ได้มีการบูรณะศาลาจนเสร็จสมบูรณ์
โดยหลานวิน หม่อมหลวงวรุตม์ วรวรรณ หลานยายของพี่อ๊อดซ่ึงเป็นสถาปนิกท่ีมีความสามารถสูง
มีผลงานได้รับรางวัลจากต่างประเทศเปน็ ผ้อู อกแบบศาลา “วรรณ-สุพิณ” อย่างงดงาม เป็นท่ีชนื่ ชม
ของผู้ที่มาปฏิบัติภารกิจท่ีศาลาน้ี พ่ีอ๊อดได้กรุณามาร่วมในงานท�ำพิธีรื้อถอนและร่วมในพิธีเปิด
ศาลา นับเป็นเกียรติส�ำหรับน้องและญาติ ๆ ซ่ึงน้องจะจดจ�ำไว้ไม่มีวันลืม
พอี่ อ๊ ดเปน็ แบบอยา่ งกลุ สตรที นี่ า่ ยกยอ่ งอยา่ งทสี่ ดุ ดว้ ยบคุ ลกิ ภาพ ความมจี ติ ใจงาม มผี ลงาน
เป็นเลิศ น�ำความเจริญก้าวหน้ามาสู่สมาคม สปอท. ของเราและองค์กรสาธารณกุศลอีกหลายองค์กร
ด้วยความมุ่งมั่นท�ำงานอย่างสุดความสามารถมายาวนาน เพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคลทุกระดับ
ในสังคมไทย พี่อ๊อดจึงเป็นสตรีดีเด่นท่ีมีบทบาทส�ำคัญในการท�ำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ
นานัปการ ยากที่จะมีผู้ใดเปรียบได้
น้องขอต้ังจิตอธิษฐาน ด้วยคุณงามความดีท่ีพ่ีอ๊อดได้บ�ำเพ็ญตลอดมา จงน�ำดวงวิญญาณ
ของพ่ีอ๊อดไปสู่ภพภูมิท่ีสงบสุขร่มเย็นงดงามเป็นนิจนิรันดร์
ด้วยความเคารพรักและอาลัยย่ิง
(ท่านผู้หญิงวิวรรณ วรวรรณ เศรษฐบุตร)
. 75 .
. .
ด้วยระลึกถึง
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
กุลสตรีผู้เพียบพร้อม งาม สง่า นุ่มนวล อ่อนโยน เฉียบคมด้วยปัญญาความรู้ความสามารถ
มีความเป็นผู้น�ำสูงและเปี่ยมด้วยคุณธรรม คือ ค�ำบรรยายถึงท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ท่ีชัดเจน
ในความรู้สึกของทุกคน
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เป็นภริยาของศาสตราจารย์ นายแพทย์กษาน จาติกวนิช
ศัลยแพทย์ทางด้านหัวใจของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัย
มหิดล ซ่ึงชาวศิริราชมหาวิทยาลัยมหิดลคุ้นเคยกับท่านเป็นอย่างดี แม้ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
จะมีภารกิจอันยังประโยชน์อย่างย่ิงต่อสังคมส่วนรวมและประเทศชาติอย่างมากมาย แต่ท่านก็มี
จิตเมตตาให้ความช่วยเหลือในกิจการงานท้ังหลายของมหาวิทยาลัยมหิดลมาโดยตลอด
ทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ เปน็ ผทู้ ม่ี คี ณุ ปู การอยา่ งยงิ่ ตอ่ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ลในการสนบั สนนุ
ให้ค�ำแนะน�ำและความช่วยเหลอื กิจกรรมตา่ ง ๆ ของมหาวิทยาลยั มาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง รวมทั้งการปฏิบัติ
หน้าทใ่ี นต�ำแหน่งต่าง ๆ เช่น กรรมการบริหารศิรริ าชมูลนิธิ กรรมการผูท้ รงคณุ วุฒิสภามหาวิทยาลัย
มหิดล รองประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
นับว่าเป็นความโชคดีท่ีผมได้มีโอกาสร่วมท�ำงานใหญ่คร้ังหนึ่งกับท่านผู้หญิงในชีวิตคือ
งานรณรงค์หาทุนบ�ำรุงอาคารเฉลิมพระเกียรติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลใน พ.ศ. ๒๕๔๖
เพื่อจัดหาครุภัณฑ์ประจ�ำอาคาร ครุภัณฑ์ทางการแพทย์เพ่ือการเรียนการสอน การบริการรักษา
พยาบาล การพฒั นาเปน็ หอผปู้ ว่ ยสามญั และหอผปู้ ว่ ยพเิ ศษรวมกนั ประมาณ ๒๐๐ เตยี ง และส�ำคญั ทสี่ ดุ
เพ่ือเป็นท่ีประทับของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร และพระบรมวงศานุวงศ์ เมื่อยามประชวรในช้ันท่ี ๑๖
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับเป็นประธานกรรมการอ�ำนวยการจัดหาทุน และ
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้กรุณารับเป็นประธานจัดหาทุน โดยใช้ชื่อโครงการ “ร้อยใจไทย
เฉลิมพระเกียรติ” รับบริจาคจากประชาชน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ
ภาคเอกชน สมาชิกสมาคม สโมสร และมูลนิธิ เป้าหมาย ๑ ล้านคน โดยเชิญชวนบริจาคคนละ
๑๐๐ บาทต่อเดือน รวม ๙ เดือน ผู้บริจาคครบ ๙๐๐ บาทจะได้รับพระราชทานของที่ระลึกภาพ
พระราชทาน โดยก�ำหนดระยะเวลาด�ำเนินการภายในวันท่ี ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
. 76 .
. .
ค�ำขวัญของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เพียงประโยคเดียว สามารถเข้าถึงใจคนไทย
ท้ังประเทศคือ “ร้อยใจไทย เฉลิมพระเกียรติ” สร้างความร่วมมือร่วมใจท้ังฝ่ายจัดหาทุน
และฝ่ายผู้บริจาค การจัดหาทุนจึงประสบความส�ำเร็จอย่างงดงามและรวดเร็วภายในระยะเวลา
ท่ีก�ำหนด ได้รับบริจาคเกินกว่าเป้าหมาย ท�ำให้สามารถน�ำส่วนเหลือมาเป็นกองทุนดูแลรักษา
อาคารเฉลิมพระเกียรติได้จนถึงปัจจุบัน
ประสบการณ์เรียนรู้จากงานคร้ังนี้ คือ ได้รับรู้ถึงความมหัศจรรย์ของสุภาพสตรีท่านหน่ึง
ที่ท�ำงานอย่างมีเป้าหมายและมีแผนด�ำเนินงานท่ีชัดเจน ด้วยความนุ่มนวล เอ้ืออาทร แต่รอบคอบ
มั่นคงแน่วแน่ ด้วยบุคลิกภาพเช่นนี้ท่านจึงได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจนบรรลุความส�ำเร็จ
ดงั นนั้ ไมป่ ระหลาดใจเลยทท่ี า่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ เปน็ ผบู้ กุ เบกิ และสรา้ งต�ำนานบทบาทสตรไี ทย
ในสังคมไทย และในเวทีโลก ทั้งยังท�ำงานเพื่อการกุศลช่วยงานมูลนิธิต่าง ๆ ด�ำรงต�ำแหน่งส�ำคัญ
ในองค์กรภาครัฐและเอกชนท้ังในระดับชาติและนานาชาติมาโดยตลอด
บัดนี้แม้ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช จะจากไปอย่างไม่หวนคืนกลับ แต่ความประทับใจ
ในคุณความดีและสิ่งที่ท่านได้กรุณาท�ำไว้ให้กับสังคมและประเทศชาติจะถูกจารึกไว้ในความทรงจ�ำ
และเป็นแบบอย่างให้ชนรุ่นหลังได้ระลึกถึงและถือเป็นแนวทางปฏิบัติ ด้วยความศรัทธาในท่านผู้หญิง
สุมาลี จาติกวนิช ตลอดไป
ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร
นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล
รองประธานกรรมการคนท่ี ๑ คณะกรรมการบริหารศิริราชมูลนิธิ
. 77 .
. .
ค�ำไว้อาลัย
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ เปน็ ผใู้ หญท่ ด่ี ฉิ นั นบั ถอื มาก ดฉิ นั รจู้ กั ทา่ นมานาน แตไ่ ดม้ าใกลช้ ดิ
กับท่านมาก ๆ เมื่อดิฉันมาเป็นผู้ดูแลวังสระปทุมใน พ.ศ. ๒๕๔๓ เม่ือสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเยี่ยมโรงเรียน
วัดปทุมวนาราม ซ่ึงในขณะน้ันเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร ต้ังอยู่ในพื้นท่ี
ของวัดปทุมวนาราม หลงั จากน้นั จึงมพี ระราชด�ำรวิ า่ เมือ่ มาประทบั ท่วี งั สระปทุมแลว้ ก็นา่ จะช่วยกนั
พัฒนาโรงเรียนวัดปทุมวนารามซ่ึงอยู่ใกล้กับวัง
ดิฉันได้ไปปรึกษากับพระเทพญาณวิศิษฏ์ถึงแนวทางในการช่วยกันพัฒนาโรงเรียน สรุปกันว่า
น่าจะใช้แนวพระราชด�ำริ บวร คือ บ้าน วัด โรงเรียน ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า น่าจะเชิญ
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช มาเป็นประธานกรรมการสถานศึกษา เพราะท่านเป็นผู้มีความเหมาะสม
ด้วยประการท้ังปวง
เมอื่ ดฉิ นั ไปขอพบทา่ น เลา่ ทม่ี าทไี่ ปทสี่ มเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ
สยามบรมราชกุมารีมีพระราชด�ำริท่ีจะพัฒนาโรงเรียนวัดปทุมวนาราม และเรียนเชิญท่าน
เป็นประธานกรรมการสถานศกึ ษา ท่านยนิ ดีรบั ค�ำเชิญแตข่ อให้ดิฉันรบั เปน็ รองประธาน เพอ่ื ชว่ ยกัน
พัฒนาโรงเรียนให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ หลังจากนั้นเราได้มีการประชุมร่วมกับเขตพ้ืนที่
การศึกษาหลายครั้ง เพื่อพิจารณาตั้งกรรมการสถานศึกษาให้ครอบคลุมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ตัวแทน
ผู้ปกครอง และผู้แทนชุมชน เราได้รับความกรุณาจากอาจารย์พรรณี เพ็งเนตร รับเป็นรองประธาน
ด้านวิชาการ เพราะท่านเป็นผู้เช่ียวชาญด้านการศึกษา
หลังจากน้ันดิฉันได้มีโอกาสพบกับท่านบ่อยมากเพราะมีเรื่องต้องไปปรึกษาหารือกัน เมื่อดิฉัน
ได้ใกล้ชิดท่านมากขึ้น ท่านให้ความเมตตาให้ค�ำแนะน�ำต่าง ๆ มากมาย ในขณะนั้นดิฉันยังเด็กมาก
. 78 .
. .
เมื่อเทียบกับผู้ทรงคุณวุฒิท่านอ่ืน ๆ ดิฉันได้เรียนรู้หลักการบริหารท่ีไม่มีในต�ำราจากท่านมากมาย
เวลาประชุมดิฉันจะเป็นคนพูดโผงผางมาก ท่านก็จะแก้ไขค�ำพูดของดิฉันให้น่าฟังขึ้น ท�ำให้
บรรยากาศในหอ้ งประชมุ ไมต่ งึ เครยี ดจนเกนิ ไป ทา่ นคอ่ ย ๆ สอนแนะน�ำแกไ้ ขจนดฉิ นั ใจเยน็ ขนึ้ มาก
ท่านมักจะเรียกแทนตัวเองว่าแม่ ดิฉันจึงเรียกท่านว่าคุณแม่มาตลอด
ดิฉันไปพบท่านที่บ้านแทบทุกอาทิตย์เพื่อปรึกษาปัญหาต่าง ๆ จนกลายเป็นสมาชิกประจ�ำ
ของบ้านยุกตะเสวี ปกติวันอาทิตย์เป็นวันครอบครัว ท่านผู้หญิงเป็นพี่คนโต ครอบครัวของน้อง ๆ
จะมารวมกันเพ่ือรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ต่างคนต่างมีอาหารมาแล้วก็มารับประทานร่วมกัน
เป็นครอบครัวท่ีอบอุ่นมาก ท่านก็จะชวนดิฉันรับประทานอาหารกับท่านจนเหมือนเป็นสมาชิก
คนหน่ึงในครอบครัว
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ทุ่มเทให้กับการพัฒนาโรงเรียน เราลงไปส�ำรวจพื้นที่ด้วยกัน
ช่วยกันแก้ไขปัญหาต่าง ๆ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกุมารีทรงรับโรงเรียนวัดปทุมวนารามไว้ในพระราชานุเคราะห์ และพระราชทาน
ครูฝึกสอนชาวอเมริกัน โดยมีอาจารย์ศุภลักษณ์ โกมารกุล ณ นคร มาช่วยคัดเลือกและเป็นพ่ีเลี้ยง
ให้กับครูฝึกสอน ท�ำให้โรงเรียนพัฒนาไปได้อย่างก้าวกระโดด จากโรงเรียนระดับประถมศึกษา
พัฒนาจนเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จากนักเรียนท่ีอ่านเอบีซียังไม่คล่อง จนสามารถ
แสดงละครภาษาอังกฤษได้
ในระยะหลงั เมอื่ สขุ ภาพของทา่ นเรม่ิ มปี ญั หา ทา่ นตอ้ งท�ำ Bypass ทา่ นจงึ ลาออกจากการเปน็
กรรมการมูลนิธิต่าง ๆ เกือบท้ังหมด แต่ท่านก็ยังห่วงโรงเรียน ในท่ีสุดก็ขอความกรุณาให้พี่แดง
(คณุ หญงิ กษมา วรวรรณ ณ อยธุ ยา) มาเปน็ ประธานกรรมการสถานศกึ ษาแทนทา่ น สว่ นตวั ดฉิ นั เอง
ก็มีปัญหาสุขภาพเช่นกัน ต้องผ่าตัดข้อเข่าข้อสะโพก จนในท่ีสุดดิฉันก็ขอลาออกจากการเป็น
รองประธานกรรมการสถานศึกษาเช่นกัน
เมื่อมีปัญหาด้านสุขภาพจึงไม่ค่อยได้มีโอกาสไปกราบท่านดังที่เคยท�ำ คร้ังหนึ่งไปหาหมอ
ตามนดั และไดพ้ บกนั โดยบงั เอญิ ตา่ งคนตา่ งดใี จกน็ งั่ คยุ กนั หนา้ หอ้ งตรวจ คณุ แมเ่ ลา่ วา่ เดย๋ี วนล้ี มื งา่ ย
ดิฉันจึงเรียนท่านว่าปกติหมอจะแนะน�ำให้ร้องเพลง คุณแม่ถามว่าเราร้องเพลงอะไรกันดีล่ะ แล้วจึง
ตกลงกนั วา่ เรารอ้ งเพลง Whatever will be, will be กนั ดกี วา่ เรากน็ ง่ั รอ้ งเพลงดว้ ยกนั พอคณุ แม่
เข้าไปพบคุณหมอ ลูกน้องคุณหมอเอาแบบทดสอบสมองมาให้ดิฉันท�ำท้ังท่ีปัญหาของดิฉันคือ
นอนไม่หลับจากความปวด พอเล่าให้คุณหมอฟังได้หัวเราะกันทีเดียว
ทุกคร้ังที่ดิฉันไปกราบท่าน ท่านก็ยังให้ความรัก ความเมตตา ความอบอุ่นดังเช่นท่ีเคยได้รับ
มาตลอด ดฉิ นั จะจดจ�ำค�ำสอนและความเมตตาทไ่ี ดร้ บั ทา่ นจะเปน็ คณุ แมใ่ นหวั ใจของดฉิ นั ตลอดไป
ขอให้คุณความดีท่ีคุณแม่ได้ท�ำมาตลอดชีวิต จงดลบันดาลให้คุณแม่ประสบแต่ความสุข
ในสัมปรายภพด้วยเทอญ
คุณหญิงชวลี อมาตยกุล
79 .
.
. .
ค�ำไว้อาลัย
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ครอบครัวของศาสตราจารย์ นายแพทย์กษาน จาติกวนิช และท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
มีความคุ้นเคยกับครอบครัวของข้าพเจ้า หม่อมเจ้าอุทัยเฉลิมลาภ วุฒิชัย และพระวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าวิมลฉัตร มาเป็นเวลาช้านาน จึงขอเขียนสรรพนามของทั้งสองท่านว่า “ลุงษาน”
และ “น้าอ๊อด” แทนนามเต็ม เพราะได้เรียกเช่นนี้มาตั้งแต่จ�ำความได้
ลุงษานกับท่านอุทัยเป็นเพ่ือนรักกันมาต้ังแต่สมัยเรียนอยู่ที่สหราชอาณาจักร มีเพื่อนท่ีเป็น
คอสุราอีกหลายท่าน จนเป็นที่มาของชื่อเพ่ือนกลุ่มน้ีว่า “คณะเกี้ยม” ซ่ึงมีชื่อเรียกแต่ละท่าน เช่น
“เกี้ยมอี้” “เกี้ยมซังตี้” ฯลฯ จ�ำไม่ได้ว่าใครเป็นเกี้ยมอะไร เมื่อได้มีครอบครัวกันแล้ว คณะเกี้ยม
ยงั คงพบปะสงั สรรคก์ นั อยเู่ สมอ นา้ ออ๊ ดจงึ ไดเ้ ขา้ รว่ มวงเปน็ สะใภข้ องสมาชกิ คณะเกย้ี ม ซง่ึ เปน็ สะใภ้
อาวุโสน้อยท่ีสุด
นา้ ออ๊ ดเปน็ สตรที ง่ี ดงาม สงา่ ผา่ เผย เปน็ ทร่ี กั ของสะใภท้ า่ นอน่ื ๆ ความผกู พนั ของสหายกลมุ่ น้ี
จึงเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเคารพและช่ืนชมน้าอ๊อดในความเป็นกุลสตรี
ทภ่ี มู ฐิ าน มคี วามสามารถ มจี ติ อนั เปน็ กศุ ล และบ�ำเพญ็ ประโยชนใ์ หแ้ กอ่ งคก์ รสาธารณกศุ ลหลายแหง่
เมื่อมีโอกาสพบน้าอ๊อดครั้งใด จะได้รับความเมตตาและความเป็นกันเองเสมือนลูกหลานทุกครั้ง
อีกท้ังธิดาของลุงษานและน้าอ๊อด ดร. คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ยังมีความคุ้นเคยกัน
เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นรุ่นน้องของข้าพเจ้าที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย
ข้าพเจ้าเชื่อว่า บุญกุศลที่น้าอ๊อดได้บำ�เพ็ญมาตลอด ย่อมส่งผลให้น้าอ๊อดประสบกับ
ความสงบสุขในสัมปรายภพอย่างแน่นอน
ด้วยความเคารพรัก
หม่อมราชวงศ์พร้อมฉัตร สวัสดิวัตน์
80 .
.
. .
ไปเที่ยวด้วยกันท่ีหัวหิน พาลูก ๆ ไปเที่ยวด้วยกัน
คุณอาอ๊อด
ต้ังแต่เด็ก ๆ ที่เร่ิมจ�ำความได้ คุณลุงษาน ผู้ชายร่างสูงใหญ่ เสียงดัง ท่ีมักสวมเส้ือลินิน
สีขาวเสมอ และคุณอาอ๊อด ผู้หญิงร่างเล็กแลดูบอบบาง กิริยานุ่มนวลสวยงาม มักจะมาเย่ียมเยียน
คุณพ่อคุณแม่ที่บ้านซอยกลางอยู่บ่อย ๆ
คุณพ่อและคุณลุงษานเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก และมักจะเรียกแทนตัวกันว่า “ล้ือ-อ๊ัว”
ตลอด ส่วนคุณแม่น้ันช่ืนชมและพูดเสมอว่า คุณอ๊อดเป็นคนที่เก่ง ท�ำงานสังคมสงเคราะห์
และเข้าสังคมได้อย่างเพียบพร้อม เมื่อต้องไปออกงานสังคม คุณแม่มักฝากพวกเราลูกสาวไปกับ
คุณอาอ๊อด ไม่ว่าจะเป็นงานรับเสด็จต่าง ๆ หรืองานเดินแฟชั่นโชว์ในสวนจากห้องเสื้อหรูต่าง ๆ
เช่น กรแก้วและพรศรี ที่วังร่ืนฤดี พ่ีแดง-กษมา ก�ำลังเป็นรุ่นสาว แต่งชุดสวย ๆ เร่ิดกันมาก
ส่วนพวกเรายังเล็กไม่ต้องแสดงอะไรมากนัก แค่ใส่กระโปรงบาน ๆ ฟู ๆ ไปกระโดดอยู่ตามก้อนหิน
ความท่ีคุณแม่ไม่ใคร่ชอบออกงานสังคมนัก เมื่อคุณพ่อต้องเล้ียงรับรองแขกต่างประเทศ
คุณแม่จึงมักจะขอร้องให้คุณอาอ๊อดช่วยดูแลแขกของคุณพ่อแทนคุณแม่ด้วย คุณแม่ออกปากชม
คุณอาอ๊อดอยู่เสมอว่า คุณอาอ๊อดเป็นผู้หญิงท่ีเก่งจริง ๆ
คุณพ่อ-คุณแม่, คุณลุงษาน (ศาสตราจารย์ นายแพทย์กษาน จาติกวนิช) - คุณอาอ๊อด
(ทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ ) และคณุ อาหมู (พนู เพม่ิ ไกรฤกษ)์ - คณุ อาฑี (ทา่ นผหู้ ญงิ กณุ ฑี ไกรฤกษ)์
เป็นเพื่อนรักกันสามคู่ คุณลุงษานเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวตอนคุณพ่อคุณแม่แต่งงาน ท้ังหกคนจึงรัก
และสนิทกันมากและมักไปเที่ยวด้วยกันเสมอ จนเมื่อกระท่ังคุณพ่อและพ่ีน้อยได้ประสบอุบัติเหตุ
เคร่ืองบินตก คุณลุงษานและคุณอาอ๊อดก็ยังมาดูแลและให้ก�ำลังใจคุณแม่อยู่เสมอ
แม้คุณอาอ๊อดจะทำ�งานสังคมสงเคราะห์มาก แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งความเป็นแม่ที่ดี ทุกวันเกิด
ของพี่แดง พวกเราจะได้รับเชิญไปงานวันเกิดที่บ้านซอยแสนสำ�ราญทุกปี เป็นงานวันเกิดที่ประทับใจ
มาจนปัจจุบัน ทุกปีที่ไปร่วมงาน พวกเราตื่นเต้นมาก ในงานมีบ้านตุ๊กตา ลูกโป่งสวยงาม
. 81 .
. .
เค้กก้อนใหญ่ ๆ และมีการแจกของขวัญให้เด็ก ๆ กลับมาบ้านด้วย พอถึงบ้านพวกเรารบเร้า
คุณแม่ ขอให้จัดงานฉลองวันเกิดให้พวกเราบ้าง คุณแม่ปฏิเสธว่า คุณแม่มีลูกตั้งหกคน ถ้าจัด
ก็ต้องจัดเดือนเว้นเดือนต่อปี เป็นอันว่าพวกเราไม่เคยมีวันเกิดที่บ้าน
เมื่อพี่แดงไปเข้าโรงเรียนที่อังกฤษ โดยคำ�แนะนำ�ของหม่อมเอลิซาเบธ พระชายา
ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ คุณแม่ก็ได้ส่งลูกสาวทั้งห้าคนตามพี่แดงไปอยู่ที่นั่น
ด้วย จำ�ได้ว่าพี่แดงเป็น Prefect ของโรงเรียน ผูกผ้าคาดเอวสีแดงโก้มาก พวกน้อง ๆ ต่างก็ภูมิใจ
ที่มีพี่สาวคนไทยเป็นใหญ่ในโรงเรียน
ความผูกพันของครอบครัวเราลึกซ้ึงและแน่นแฟ้นนัก บางครั้งคุณแม่จะน่ังรถเอาของไปเยี่ยม
คุณอาอ๊อดที่บ้าน แต่มาช่วงหลัง ๆ คุณแม่สุขภาพไม่ค่อยดี ลูก ๆ ก็ยังรายงานให้คุณแม่ฟังเม่ือได้
พบกับคุณอาอ๊อดในงานและในที่ต่าง ๆ
จนกระท่ังเมื่อวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ คุณแม่ได้จากไปอย่างสงบ เมื่อได้โทร.ถึงพ่ีแดง
เพ่ือเรียนให้คุณอาอ๊อดได้ทราบ ก็ต้องตกใจมากเม่ือได้ทราบข่าวว่า คุณอาอ๊อดได้จากไปในวันท่ี
๔ เมษายน กอ่ นคณุ แมเ่ พยี งวนั เดยี วเทา่ นนั้ ท�ำใหค้ ดิ วา่ ปา่ นนค้ี งเดนิ จงู มอื กนั ไปในสวรรคท์ แี่ สนสวย
เต็มไปด้วยดอกไม้ในสวนท่ีแสนงาม หอมหวน สุข สงบ ได้กลับไป Reunion กับคุณลุงษาน คุณพ่อ
และคุณอาหมูแล้วอีกครั้ง
กราบคุณอาอ๊อดด้วยความเคารพรัก
สุมัณฑนา โมกขะเวช (เป๊าะ)
. 82 .
. .
The Three Musketeers
ทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ และดฉิ นั รจู้ กั กนั เปน็ เวลายาวนานกวา่ ๕๐ ปี ไดท้ �ำงานรว่ มกนั
โดยเร่ิมท่ีมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
และที่สภาสตรีแห่งชาติฯ โดยท่านจะเป็น “พี่อ๊อด” ของน้อง ๆ
ทีมงานคู่ใจที่ขนาบซ้ายและขวา สมัยน้ันมีคุณหญิงสารภี นันทาภิวัฒน์ “พ่ีจู๊” และดิฉัน
คุณหญิงวิจันทรา บุนนาค เราท�ำงานแบบถึงไหนถึงกัน ไปทุกหนทุกแห่งทั่วประเทศด้วยกัน
จนเราสามคนได้รับการขนานนามว่า “The Three Musketeers”
ช่วงนั้นรัฐบาลเร่ิมตื่นตัวในด้านการพัฒนาสตรี หลังจากที่ UN จัดการประชุม Women
World Conference ข้ึนเป็นคร้ังแรกที่กรุงเม็กซิโกซิตี ใน พ.ศ. ๒๔๗๘ (ค.ศ. ๑๙๓๕) จึงได้
สนับสนุนให้หน่วยงานเอกชนร่วมมือกับภาครัฐด�ำเนินการ ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้ริเริ่ม
จัดฝึกอบรมและพัฒนาสตรีทั่วประเทศ จากระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับผู้น�ำสตรี สมัยที่
ประเทศไทยแบ่งแยกข้ัวเป็น “ขวาตกขอบ” กับ “ซ้ายตกขอบ” นั้น ท่านสามารถให้พวกเรา
ท�ำงานร่วมกันได้กับทั้งสองขั้ว ด้วยการท�ำตัวให้อยู่ง่ายกินง่ายในทุกท่ี อดทนอดกล้ัน ค่อย ๆ สร้าง
ความเชื่อถือและไว้วางใจให้กับผู้น�ำนักศึกษาในสมัยนั้น (ซึ่งปัจจุบันต่างมีต�ำแหน่งใหญ่โตในภาครัฐ
และเอกชนหลายคน) ท่ีสุดยอมเข้ามาร่วมกิจกรรมด้วยความเต็มใจและจริงใจ
ท่านเป็นผู้บุกเบิกและก่อต้ังองค์กรหลายองค์กรในการพัฒนาชนบทที่ท�ำงานอย่างเข้มแข็ง
และต่อเนื่องจนทุกวันนี้ จากชุมชนระดับรากหญ้าและระดับชาติ ข้ึนไปโด่งดังจนถึงระดับโลก
ในการประชุม NGO Forum on Women, Beijing’95 เร่ืองร้อยแปดพันเก้า ท่านรับท�ำ
ได้หมดและบากบั่นท�ำอย่างต่อเนื่องจนประสบความส�ำเร็จอย่างดียิ่ง นับวันท่านจะรับภาระหน้าที่
มากมายหนักขึ้นกว่าก่อน เพราะความท่ีเป็นคนขยัน ความคิดดี และมีระบบการท�ำงานดี จึงท�ำให้
ผู้ร่วมงานได้พลอยเรียนรู้ไปด้วย ท่านจะเป็นผู้ตื่นก่อน นอนทีหลังเพื่อน เพราะจะใช้เวลานาน
. 83 .
. .
พิถีพิถันในการเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้งดงามครบถ้วน ไม่ให้มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง รวมทั้ง
จัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ท่ีอาจต้องใช้ในการประชุมอย่างมีระเบียบ เป็นคนช่างอ่าน ถ้าพัก
ในโรงแรมใด ท่านจะอ่านเอกสาร แผ่นพับโฆษณาสารพัดท่ีเขาวางไว้ให้ในห้อง แล้วน�ำข้อมูล
มาถ่ายทอดต่อให้พวกเรารับรู้ด้วย ซ่ึงเป็นอุปนิสัยประจ�ำตัวของท่านมาตลอด
เราไดพ้ บกนั ครงั้ สดุ ทา้ ย เพอื่ จดั ท�ำวดี ทิ ศั นเ์ ฉลมิ ฉลองวนั อายมุ งคล ๙๐ ปขี องทา่ น ทา่ นยงั ดู
สดช่ืนแจ่มใส แต่งกายประณีตสวยงาม และท่านสนใจใฝ่ธรรมมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับแวดล้อม
ด้วยลูกหลาน ญาติมิตร ไม่คาดคิดว่าท่านจะจากไปก่อนท่ีจะได้พบกันอีก ยังความโศกเศร้าเสียใจ
มาสู่พวกเราและดิฉันที่ได้เคยร่วมท�ำงาน และได้เรียนรู้ประสบการณ์มาอย่างใกล้ชิดยาวนานจากท่าน
ดฉิ นั ขอตงั้ จติ อธษิ ฐานอทุ ศิ บญุ กศุ ลทงั้ มวลทไี่ ดท้ �ำไวต้ งั้ แตอ่ ดตี จนปจั จบุ นั ใหแ้ ดท่ า่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี
จาติกวนิช ได้เสวยสุขสงบในสรวงสวรรค์ตราบชั่วนิรันดร์
รัก เคารพ ร�ำลึกถึง ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ท่านอุทิศใจกายให้การกุศล
ท่านมุ่งม่ันยกชีวิตวิญญาณชน ให้เปี่ยมล้นความสามารถองอาจจริง
ท่านเป็นดั่งแสงทองส่องวิถี ให้สตรีเก่งกาจสามารถย่ิง
ปลุกพลังให้สตรีกล้าท�ำจริง ท�ำทุกส่ิงสมเป็นแม่ของโลกา
จากสตรีผู้น�ำถึงรากหญ้า พัฒนาให้เข้มแข็งและแกร่งกล้า
ท่ัวเมืองไทยท่ัวอาเซียนเพียรท�ำมา ท่านน�ำพาสังเกตการณ์ใน UN
Women World Conference UN จัด ชี้ชัดคุณค่าสตรีให้โลกเห็น
ท้ังภาครัฐเอกชนรู้ชัดเจน ว่าท่านเป็นผู้น�ำการพัฒนา
NGO Forum on Women ท่านก็เป็นผู้น�ำท่ีเก่งกล้า
น�ำเสนอแนวทางการพัฒนา เทศท่ัวหล้าล้วนยอมรับ Her Idea
สุมาลี สารภี วิจันทรา ร่วมงานมาล้วนส�ำเร็จไม่เส่ือมเสีย
คนเรียกเราว่า The Three Musketeers เหน็ดเหน่ือยเพลียเพียงกายใจสู้จริง
ท่านมาพรากจากไปตามวงวัฏ อยากข้องขัดสัจธรรมแต่ยากย่ิง
เกิดแก่เจ็บตายเป็นสัจธรรมจริง สรรพสิ่งในโลกน้ีหนีไม่พ้น
ขอกุศลท่ีดิฉันได้ท�ำมา อีกบุญญาท่ีท่านท�ำไว้มากล้น
น้อมน�ำท่านสู่สุคติเบ้ืองบน จิตหลุดพ้นสุขสงบนิรันดร
ด้วยรักและอาลัยอย่างยิ่ง
คุณหญิงวิจันทรา บุนนาค (ปุ๊)
. 84 .
. .
อาลัย
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
เม่ือได้ทราบข่าวการถึงแก่อนิจกรรมของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ผมและครอบครัว
รู้สึกใจหายและเสียดายที่ต้องสูญเสียผู้ใหญ่ท่ีเคารพรัก ผู้เป็นคนดีศรีแผ่นดิน ผู้มีคุณค่าทางสังคม
และประเทศชาติไปอีกท่านหนึ่ง จึงขอร่วมแสดงความเสียใจและอาลัยมายังครอบครัวของท่านด้วย
ผมโชคดีท่ีได้มีโอกาสรู้จักและได้รับความเมตตาร่วมงานรับการสอนและการแนะน�ำ
อย่างใกล้ชิดจากท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ในการร่วมงานที่มูลนิธิราชประชาสมาสัย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๐ จนถึงปัจจุบัน โดยหลังจากผมจบแพทย์เม่ือ
พ.ศ. ๒๕๐๐ และเริ่มท�ำงานใช้ทุนเป็นหมอโรคเร้ือนทีมเคล่ือนท่ี เพื่อเร่ิมขยายโครงการการควบคุม
โรคเร้ือนตามแนวพระราชด�ำริ ล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในภาคอีสาน ๔ ปี และภาคเหนือ
๖ ปี จึงได้ย้ายเข้าส่วนกลางมาด�ำรงต�ำแหน่งหัวหน้าแผนกฝึกอบรมวิจัย สถาบันราชประชาสมาสัย
กองโรคเร้ือน กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานและ
สนับสนุนงานคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ของมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ อาทิ
ฝ่ายวิชาการฝ่ายเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสวัสดิการ และฝ่ายหาทุน โดยมีผู้อ�ำนวยการ
กองโรคเร้ือนเป็นกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิ
. 85 .
. .
มูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทาน
พระราชทรัพย์ให้จัดต้ังข้ึน เม่ือ พ.ศ. ๒๕๐๓ เพ่ือสนับสนุนงานโรคเรื้อนทุกด้าน กิจการของ
สถาบันราชประชาสมาสัย โรงเรียนราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีประธาน
มูลนิธิราชประชาสมาสัยฯ รวม ๕ คน จนถึงปัจจุบัน คือ (๑) นายแพทย์ก�ำธร สุวรรณกิจ
(๒) ทา่ นผหู้ ญงิ จงกล กติ ตขิ จร (๓) ทา่ นผหู้ ญงิ ดษุ ฎมี าลา มาลากลุ (๔) ทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ
(๕) ศาสตราจารย์พิเศษ นายแพทย์ธีระ รามสูต
ผมจึงได้มีโอกาสร่วมงานกับท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๐ สมัยท่ี
ท่านยังมีค�ำน�ำหน้าเป็น “คุณหญิง” และเป็นกรรมการบริหารของมูลนิธิ ในสมัยท่ีมีท่านผู้หญิง
จงกล กิตติขจร เป็นประธานมูลนิธิ และคุณแม่ของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช คือ คุณหญิง
ยุกตเสวีวิวัฒน์ เป็นกรรมการบริหาร จนถึง พ.ศ. ๒๕๑๖ สมัยท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล
เป็นประธานมูลนิธิ ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้รับแต่งต้ังเป็นรองประธานมูลนิธิ คนที่ ๑
และประธานกรรมการฝ่ายเผยแพร่และประชาสัมพันธ์
ใน พ.ศ. ๒๕๔๖ ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้รับการแต่งต้ังเป็นประธานมูลนิธิราชประชา
สมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และกรุณาแต่งต้ังให้ผมเป็นรองประธานมูลนิธิ คนที่ ๑ จนถึง
พ.ศ. ๒๕๕๓ เม่ือท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช มีปัญหาสุขภาพ จึงเมตตาแต่งต้ังให้ผมเป็นประธาน
มูลนิธิ โดยท่านยังคงช่วยรับเป็นประธานกิตติมศักดิ์ และกรุณาร่วมประชุมคณะกรรมการบริหาร
มูลนิธิ อยู่หลายครั้ง
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่ผมได้มีโอกาสท�ำงานใกล้ชิดกับท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ในมูลนิธิราชประชาสมาสัยฯ ท่านได้ให้ความเมตตา เอ็นดู ช่วยอบรม สอน แนะน�ำงานของ
มูลนิธิ และงานสังคมสงเคราะห์ รวมทั้งประสบการณ์งานด้านมูลนิธิ สมาคม องค์กรสาธารณกุศล
ต่าง ๆ ของท่านท่ีหลากหลายมากมาย (ซึ่งอาจจะมีผู้กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้) จึงเป็นความรู้
. 86 .
. .
และประสบการณ์ตรงที่ทรงคุณค่า และไม่สามารถเรียนรู้ได้จากที่ใดได้ ช่วยให้ชีวิตหลังเกษียณอายุ
ราชการของผมใน พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้น�ำไปประยุกต์ใช้ในการรับเชิญให้ช่วยจัดต้ังมูลนิธิหรือสมาคม
สาธารณกุศลใหม่ ๆ และช่วยเป็นประธาน นายกสมาคมหลายแห่งจนถึงปัจจุบัน
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช จึงเป็นจิตอาสาสาธารณะ และนักสังคมสงเคราะห์มืออาชีพ
และเป็นผู้น�ำสตรีระดับชาติและนานาชาติที่โดดเด่น เป็นผู้มีเมตตาธรรมอันสูงส่ง ผู้อุทิศตน
เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ ด้อยโอกาส และองค์กรสาธารณกุศลต่าง ๆ เพ่ือสังคมและมวลมนุษยชาติ
อย่างต่อเน่ืองเป็นที่ประจักษ์
นอกจากนั้น ท่านยังให้ความเมตตาต่อผมและครอบครัว กรุณาให้เกียรติรับเป็นประธาน
ในพิธีฉลองมงคลสมรสของลูกทั้งสามคนของผม อันเป็นสิริมงคล ยังความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า
ของชีวิตพวกเขาต่อไปด้วย
การจากไปของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช จึงเป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลและผู้น�ำสตรี
ผู้มีคุณค่าของประเทศชาติที่หาได้ยากไปอย่างน่าเสียดาย ขอให้บุญกุศล คุณงามความดีคุณูปการ
ท่ีท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้ฝากไว้แก่แผ่นดิน รวมท้ังเจตนาและกุศลกรรมของท่าน
และครอบครัว จงเป็นพลวปัจจัยให้ดวงวิญญาณของท่านไปสู่สุคติภูมิอันสูงส่งในสรวงสวรรค์
ฝากชื่อเสียงเกียรติคุณและคุณูปการอันประมาณค่ามิได้ให้ครอบครัว ญาติมิตร และคนรุ่นหลัง
ได้ช่ืนชมและร�ำลึกถึงต่อไปช่ัวกาลนาน
ด้วยความเคารพรักและอาลัย .
ศาสตราจารย์พิเศษ นายแพทย์ธีระ รามสูต
ประธานมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
และประธานคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเฉพาะกิจสายแพทย์
ด้านเวชศาสตร์ป้องกันและสาธารณสุข ส�ำนักงาน ก.พ.
. 87
. .
ค�ำไว้อาลัย
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ผมเขยี นบทความนแี้ ทนสมาชกิ สามครอบครวั คอื กรี ตกิ ร, วรพพิ ฒั น์ และเอย่ี มสกลุ เปน็ ชว่ ง
อายุส่ีช่ัวคน (Generation) ในช่วงเวลากว่า ๕๐ ปีที่ได้ร่วมท�ำงานกับท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
และได้รับความกรุณาและความอนุเคราะห์จากท่านผู้หญิง ทั้งงานราชการ งานการกุศล และเร่ือง
ครอบครัว
ครอบครัวของเราในรุ่นท่ีหน่ึงท่ีรู้จัก ท�ำงาน และได้รับการสนับสนุนจากท่านผู้หญิงสุมาลี
จาติกวนิช คือ คุณพ่อของผม-เกรียง กีรติกร คุณพ่อรับราชการในกระทรวงศึกษาธิการ
และท�ำงานการกศุ ลดา้ นเดก็ เยาวชน คนพกิ าร และคนดอ้ ยโอกาส ทา่ นผหู้ ญงิ ท�ำงานกบั คณุ พอ่ ตง้ั แต่
พ.ศ. ๒๕๐๐ - ๒๕๓๐ เม่ือคุณพ่อถึงแก่กรรม งานการกุศลตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๐ ท่ีท่านผู้หญิงสุมาลี
จาติกวนิช ได้ท�ำงานกับคุณพ่อ อาทิ มูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ มูลนิธิช่วยนักเรียนท่ีขาดแคลน
ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ องค์กรภาคประชาสังคม
อื่น ๆ ที่ดูแลเด็กพิการ เด็กยากจน เป็นต้น ท่านผู้หญิงก็ยังท�ำสืบเนื่องต่อมา
คุณพ่อท�ำงานกว่าสิบปีในกรมสามัญศึกษา เทียบกับปัจจุบันคือส�ำนักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน นอกจากรับผิดชอบการจัดการเรียนระดับการศึกษาภาคบังคับแล้ว มีส่วน
การศึกษาพิเศษส�ำหรับนักเรียนท่ีต้องการการศึกษาพิเศษ นักเรียนด้อยเศรษฐฐานะ กระทรวง
ต้องการความช่วยเหลือจากภาคประชาสังคมด้านงบประมาณ ทรัพยากรต่าง ๆ และความช่วยเหลือ
ที่ไม่เป็นตัวเงิน ท้ังจากวัด จากพระ จากมูลนิธิและองค์กรการกุศล ผมจ�ำได้ว่าคุณพ่อจะพูดถึง
คุณหญิงสุมาลี จาติกวนิช (ค�ำน�ำหน้านามในขณะนั้น) เป็นประจ�ำในการท�ำงานเร่ืองเหล่าน้ี
มีการประชุมร่วมกัน พบปะกัน ส่ิงท่ีผมจ�ำได้คือ ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช จะฝากขนมมาให้เรา
เด็ก ๆ สามครอบครัวของเราได้ยินชื่อ รู้จักท่านผู้หญิง ได้กินขนมจากท่านมากว่า ๕๐ ปี
มาถึงรุ่นท่ีสอง สมาชิกฝั่งตระกูลจาติกวนิชคือ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ฝั่งสาม
ครอบครัวมี ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ พี่เขยผม, ก่ิงเพ็ชร เอี่ยมสกุล พี่สาวผม, วัชรีกร เอี่ยมสกุล ญาติ
ผู้น้องในครอบครัวเอ่ียมสกุลของพ่ีสาวผมและผม นอกจากท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้ท�ำงาน
การกศุ ลกบั คณุ พอ่ ผมตอ่ มาแลว้ ทา่ นกย็ งั เปน็ ผใู้ หญใ่ หค้ �ำแนะน�ำแก่ ดร.โกวทิ ทงั้ ดร.โกวทิ และพสี่ าว
ผมต้องไปขอพรปีใหม่จากท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช มาตั้งแต่แต่งงานจนท่านถึงแก่อนิจกรรม
. 88 .
. .
ส่วนคุณพ่อผม นอกจากท�ำงานสาธารณกุศลกับท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ก็ยังท�ำงาน
ในกระทรวงศกึ ษาธกิ ารกบั คณุ หญงิ กษมา วรวรรณ ณ อยธุ ยา สว่ น ดร.โกวทิ ท�ำงานหลายกรมเหมอื น
คุณหญิงกษมา ท้ังกรมสามัญศึกษา กรมวิชาการ กรมการศึกษานอกโรงเรียน งานการศึกษาผู้ใหญ่
ดร.โกวทิ พเี่ ขยผมเปน็ คนมคี วามคดิ ลำ้� สมยั กอ่ นเวลา ๓๐ - ๔๐ ปี ไดร้ บั Moral Support ตอ่ เนอ่ื ง
จากท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ดร.โกวิทพูดถึงแนวคิด “คิดเป็น” มาเกือบ ๔๐ ปี ท�ำโครงการ
โรงเรียนอาชีพ โครงการผักกางมุ้ง (ความจริงคือโครงการผักอินทรีย์) จนมาเปิดร้านนายก๊วก
ต้องการให้เด็กเยาวชนในพ้ืนท่ีรู้จักค้าขายไม่เอาแต่เรียนอย่างเดียว เป็นการสร้างผู้ประกอบการ
(SMEs) ก่อนเวลา ๓๐ ปี สร้างตลาดสินค้าชุมชน เป็นการสร้าง OTOP ก่อนเวลา ๒๐ กว่าปี
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ดูสนุกสนานกับงานนอกกรอบของพ่ีเขยผม และให้ Moral Support
พี่เขยผมมาก จนถึงกิจกรรมร้านนายก๊วกมีปัญหา ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ก็กรุณาลงมาเป็น
ประธาน เปน็ ผใู้ หญใ่ ห้ เมอื่ สองสามปกี อ่ น นอกจากนน้ั ในรนุ่ ทสี่ อง คณุ หญงิ กษมา วรวรรณ ณ อยธุ ยา
และผมก็ได้ร่วมท�ำงานการศึกษา เด็ก เยาวชน คนด้อยโอกาสร่วมกันมาราว ๒๐ ปี ด้วยมุมมอง
และประสบการณ์ท่ีต่างกันของนักการศึกษาและนักเทคโนโลยี
ห้าสิบกว่าปีผ่านไป ส่ีครอบครัวรู้จักกันมาถึงรุ่นหลานย่าของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
และหลานตาคุณพ่อผม และรุ่นเหลนของพ่อผมก็ได้รับการอนุเคราะห์จากคุณหญิงกษมา
ร�ำลึกถึงท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ด้วยความเคารพอย่างสูง
กฤษณพงศ์ กีรติกร
ในนามสมาชิกครอบครัว กีรติกร, วรพิพัฒน์ และเอี่ยมสกุล
. 89 .
. .
ด้วยความเคารพรัก
และอาลัยยิ่ง
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เป็นผู้มีคุณูปการต่อสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ท่านได้อุทิศตน
เพ่ืองานด้านการกุศล และการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้มาอย่างต่อเน่ืองจวบจนช่วงสุดท้าย
ของชีวิต ด้วยความสามารถรอบด้านและจิตใจที่งดงามเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ท่านผู้หญิง
สุมาลี จาติกวนิช จึงเป็นที่เคารพรัก ได้รับการยกย่องและยอมรับนับถือจากผู้คนทุกหมู่เหล่า
ที่ได้รู้จักท่าน
ผมได้รู้จักและมีโอกาสร่วมงานกับท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เม่ือครั้งท่ีท่านด�ำรง
ต�ำแหน่งประธานกรรมการบริหารมูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ในพระราชูปถมั ภ์ เปน็ เวลากวา่ ๒๐ ปี ตลอดช่วงเวลาทไ่ี ด้รว่ มท�ำงานกบั ทา่ น ผมมีความประทับใจ
ในความสามารถและจริยวัตรอันงดงามของท่านเป็นอย่างย่ิง ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เป็น
สุภาพสตรีท่ีมีความสง่างามในทุก ๆ ด้าน มีทั้งวาจาที่ไพเราะและมิตรไมตรีท่ีพร้อมมอบให้กับ
ทุกคน ท่านได้ให้ความเมตตาแก่ผมมาโดยตลอด ให้ทั้งค�ำแนะน�ำที่มีประโยชน์ในการท�ำงาน
และแนวทางในการด�ำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าเพื่อท�ำประโยชน์และช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ท่านเป็น
เสมือนครูท่ีประเสริฐ มีจิตใจสูงส่ง สอนและถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ร่วมงานทุกคนอย่างเต็มใจ
ส�ำหรับมูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในพระราชูปถัมภ์
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้เป็นแบบอย่างที่ดีในการด�ำเนินกิจกรรมเพ่ือสังคมด้วยความมุ่งม่ัน
ในการสืบสานพระปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ท้ังด้านอาชีพการพยาบาล
และสาธารณสุข พร้อมเผยแพร่พระเกียรติคุณและพระกรณียกิจแห่งสมเด็จพระศรีนครินทรา-
บรมราชชนนี โดยหนึ่งในภารกิจท่ีส�ำคัญ คือ การระดมทุน ซึ่งท่านสามารถช่วยหาเงินบริจาค
ได้เป็นจ�ำนวนมาก ท�ำให้มูลนิธิมีกองทุนเพ่ือน�ำไปใช้ในการจัดสรรทุนการศึกษาส�ำหรับนักศึกษา
พยาบาลในวิทยาลัยพระบรมราชชนก และช่วยเหลือองค์กรอื่น ๆ ท่ีอยู่ในพระอุปถัมภ์ของ
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี อาจกล่าวได้ว่า ท่านได้เสียสละท้ังแรงกายแรงใจ อุทิศเวลา
ให้กับการช่วยเหลือมูลนิธิมากมายเกินกว่าจะบรรยายได้หมด
. 90 .
. .
ผมขอบันทึกผลงานและคุณงามความดีของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เพ่ือให้อนุชน
คนรุ่นหลังได้ระลึกยึดถือเป็นแบบอย่างในการสร้างคุณประโยชน์สู่สังคมและประเทศชาติ ผมจะ
สานต่ออุดมการณ์ของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ด้วยการปฏิบัติภารกิจของมูลนิธิด้วยความมุ่งม่ัน
โดยจะด�ำเนินงานในทุกมิติอย่างเต็มก�ำลังและความสามารถ เพื่อสร้างคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม
ต่อไป
การเดินทางครั้งใหม่ของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช จะมีผลบุญกุศลแห่งการประกอบ
คุณงามความดีตลอดช่วงชีวิตของท่านเป็นพลวปัจจัย ส่งดวงวิญญาณของท่านให้ไปสู่สุคติ
ในสัมปรายภพด้วยเทอญ
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์
ประธาน บี.กริม
ประธานกรรมการบริหาร
มูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ในพระราชูปถัมภ์
. 91 .
. .
ด้วยความเคารพรัก
และอาลัยยิ่ง
ทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ รว่ มเปน็ ผกู้ อ่ ตง้ั มลู นธิ เิ ดก็ โสสะแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชนิ ปู ถมั ภ์
กับท่านผู้หญิงสมศรี เจริญรัชต์ภาคย์
ดิฉันเข้ามาเป็นประธานต่อจากท่านผู้หญิงสมศรี เจริญรัชต์ภาคย์ ใน พ.ศ. ๒๕๓๗ เม่ือ
มูลนิธิเด็กโสสะฯ มีโครงการที่จะขยายเพ่ิมหมู่บ้านเด็กโสสะไปยังจังหวัดเชียงราย ท่านผู้หญิง
สุมาลี จาติกวนิช ท่านเป็นผู้สนับสนุนและทุ่มแรงกาย แรงใจ ให้ส�ำเร็จจนเกิดเป็นหมู่บ้านเด็กโสสะ
เชียงราย
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เป็นบุคคลท่ีดิฉันเคารพรักและประทับใจอย่างยิ่ง ทุกคร้ัง
ที่พวกเราส่งของขวัญไปให้แก่ท่าน ไม่ว่าจะโอกาสใด ๆ ก็ตาม ท่านจะเขียนจดหมายตอบดิฉัน
และพวกเราด้วยลายมือและค�ำอวยพรของท่านเองกลับมาให้เราอย่างไพเราะ
เม่ือวันคล้ายวันเกิดดิฉันอายุ ๙๐ ปี ภายใต้สถานการณ์โควิด ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่าท่าน
จะสามารถมาร่วมงานได้ไหม แต่ท่านก็เสียสละเวลามาเป็นประธานตัวแทนในงาน และกล่าว
ค�ำอวยพร เป็นที่ซาบซ้ึงใจให้แก่ดิฉันเป็นอย่างมาก
อดใจหาย เม่ือทราบข่าวการจากไปของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ดิฉันรู้สึกเสียใจ
และสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง
ขออัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธ์ิท้ังหลายโปรดดลบันดาล กุศลผลบุญ ท่ีท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ได้ประกอบไว้ จงเป็นพลวปัจจัยให้ดวงวิญญาณของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช จงประสบสุข
ในสรวงสวรรค์ด้วยเถิด
คุณหญิงโรส บริบาลบุรีภัณฑ์
ท่ีปรึกษามูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชินูปถัมภ์
. 92 .
. .
ความทรงจ�ำ
แด่ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เป็นญาติผู้ใหญ่ท่ีครอบครัวผมและคุณแม่ผม ท่านผู้หญิงสมศรี
เจริญรัชต์ภาคย์ เคารพรักและนับถืออย่างย่ิง ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เป็นผู้ใหญ่ที่มี
ความงดงามและความสง่างาม ท่านไม่เพียงแต่มีความงดงามภายนอก ท่านยังมีจิตใจที่มี
ความงดงามย่ิงกว่า ท่านเป็นผู้อุทิศตนช่วยเหลือสังคม ในด้านศาสนา ด้านสังคมสงเคราะห์
อย่างสม่ําเสมอ ท่านให้การสนับสนุนงานพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องยาวนาน สนับสนุน
เด็กก�ำพร้ายากไร้ไร้ท่ีพึ่ง ในมูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
ในมุมมองของผมและหลาย ๆ คน ท่านเป็นผู้ท่ีมีความงดงามมาต้ังแต่ช่วงท่ีท่านยังอยู่ใน
วัยสาว ตลอดมาจนถึงช่วงอาวุโส ท่านมีจิตใจที่ย่ิงใหญ่ แสดงออกอย่างเห็นได้ชัด ท้ังทางกิริยา
วาจาและจิตใจ
ผมได้มีโอกาสท�ำงานและรู้จักท่านในเชิงลึกเร่ืองของงานพระพุทธศาสนา เช่น การจัดต้ัง
กองทุนวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก ท่านเป็นผู้ท่ีใฝ่ในธรรมและท�ำนุบ�ำรุงพระพุทธศาสนา
สนับสนุนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างต่อเน่ืองและจริงจัง มีความเมตตากับคนรอบข้างอยู่เสมอ
. 93 .
. .
ในอกี ดา้ นหนึง่ ผมไดท้ �ำ งานกบั ทา่ น ในฐานะทีท่ า่ นเปน็ ประธานกรรมการกติ ตมิ ศกั ดิ์ มลู นธิ เิ ดก็
โสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ระหว่างที่ผมทำ�งานจิตอาสาให้กับมูลนิธิเด็กโสสะฯ
ท่านเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกล ให้คำ�ปรึกษาในการดูแลเลี้ยงเด็ก ๗๐๐ ชีวิตเป็นอย่างดี
เป็นผู้ที่ชี้แนะและให้คำ�แนะนำ�ในปัญหาต่าง ๆ และให้กำ�ลังใจผมในการทำ�งานตลอดมา ท่านสละ
เวลาส่วนตัวและทุนทรัพย์ในการดูแลเลี้ยงเด็กกำ�พร้าอย่างเสมอมา ท่านเป็นปูชนียบุคคล
ที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง เป็นผู้ที่ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีโอกาสร่วมงานบุญกุศลในพระพุทธศาสนา
และช่วยเหลือสังคมตลอดระยะเวลากว่า ๒๐ ปีที่ผ่านมา
ผมรสู้ กึ เปน็ เกยี รตทิ ไี่ ดม้ โี อกาสเขยี นค�ำไวอ้ าลยั ใหก้ บั ทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ ผมขอตงั้ จติ
อธิษฐาน ขออ�ำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธ์ิท้ังหลาย บุญบารมีท่ีท่านได้ท�ำมาในอดีตชาติ
จนถงึ ปจั จบุ นั ขอจงสง่ ผลใหด้ วงวญิ ญาณของทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ ไปสสู่ คุ ตภิ พภมู ิ ไดป้ ฏบิ ตั ิ
วิปัสสนากรรมฐานและได้บรรลุมรรคผลนิพพานเทอญ
ด้วยความเคารพรักอย่างสูงยิ่ง
พลต�ำรวจโท ดร.นรวัฒน์ เจริญรัชต์ภาคย์
. 94 .
. .
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
ผู้บุกเบิกและสร้างต�ำนานบทบาทสตรีไทยในเวทีสากล
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์
สมยั ที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๒๐ - ๒๕๒๒ ผมู้ คี ณุ ปู การตอ่ สภาสมาคมสตรแี หง่ ชาตฯิ และองคก์ รสมาชกิ สตรี
ในหลากหลายด้าน และเป็นผู้บุกเบิกและสร้างต�ำนานบทบาทสตรีไทยในเวทีสากลและสังคมไทย
อันเป็นแบบอย่างแห่งกุลสตรีท่ีเพียบพร้อมด้วยความรู้ความสามารถ สมบูรณ์พร้อมด้วยหน้าที่สตรี
ไทย ๔ ประการ กล่าวคือ (๑) ในฐานะของ “แม่” ท่านเป็นแม่ท่ีสมบูรณ์แบบ ส่งเสริมเลี้ยงดูบุตรี
ให้มีความเจริญงอกงาม กระท่ังมีความส�ำเร็จในหน้าที่ราชการและชีวิตครอบครัว (๒) ในฐานะของ
“แม่บ้าน” ท่านเป็นท่ีพักพิงอันอบอุ่นของสมาชิกในครอบครัวและเครือญาติ และได้รับประกาศ
เกียรติคุณ “แม่ดีเด่น กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๕๐” (๓) ในฐานะ “เป็นผู้รักษาเอกลักษณ์ของ
ความเป็นสตรีไทย” ด้วยความนุ่มนวล อ่อนโยน สุภาพ มีเมตตา ธ�ำรงรักษาศิลปวัฒนธรรมของไทย
อันประณีตให้เป็นท่ีช่ืนชมของสตรีไทยตลอดมา และ (๔) ในฐานะ “ผู้ฝึกฝนตนเอง” ด้วยการเป็น
ผเู้ สยี สละ อดทน ซอื่ สตั ย์ มวี นิ ยั และสรา้ งสรรคค์ วามสามคั คใี นหมคู่ ณะไวใ้ หม้ น่ั คง และทา่ นไดม้ งุ่ มน่ั
ตง้ั ใจประกอบคณุ งามความดี ท�ำงานเพอื่ การกศุ ล ชว่ ยงานมลู นธิ ิ สมาคม และองคก์ รการกศุ ลตา่ ง ๆ
ตลอดทั้งชีวิตของท่าน กระทั่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้า
วิเศษ ฝ่ายใน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๓
ขอประกาศเกียรติคุณและร�ำลึกถึงคุณงามความดีที่ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้ริเริ่ม
สร้างสรรค์ไว้ต่อสตรีไทย สังคม และประเทศชาติ ตลอดชั่วชีวิตของท่าน เป็นพลวปัจจัย
และขออ�ำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยตลอดจนสิ่งศักด์ิสิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก โปรดดลบันดาล
น้อมน�ำดวงวิญญาณของท่านได้พบแต่ความสุขอันนิจนิรันดร์ในสุคติสถาน ณ ดินแดนสัมปรายภพ
เบ้ืองหน้าตลอดไปเทอญ
ด้วยความอาลัยยิ่ง
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ
ประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมัยที่ ๒๕ - ๒๖
. 95 .
. .
In Loving Memory of
Thanpuying Sumalee Chartikavanij
PPSEAWA International with her 18 National Member Organizations -
Australia, Canada, Cook Islands, Fiji, Hawaii, All India Women’s Association,
Indonesia, Japan, Republic of Korea, Malaysia, New Zealand, All Pakistan Women’s
Association, Samoa, Singapore, Taiwan R.O.C., Thailand, Tonga and The United
States of America - jointly express our heartfelt sorrow and condolences for
the loss of Thanpuying Sumalee Chartikavanij.
Pan Pacific and South East Asia Women’s Association (PPSEAWA) was
found in 1928 in Honolulu, Hawaii, by a group of women in the Pacific Region
and Southeast Asia to promote peace through understanding and friendship,
with the goals to empower and better the lives of women and children by
improving their education, sanitation, environment and equality.
During her time as the President of PPSEAWA International between 1988
and 1994, Thanpuying Sumalee paid visits to every NMO and made strong
ties of friendship and engaged in collaboration work with them. Her strong
will, dedication, hard work and devotion to better the status of women and
children were inspiring to and highly praised by our NMOs. Her participation
in many United Nations events made PPSEAWA more notable internationally.
. 96 .
. .
Admirably, she was awarded “Most Outstanding Contribution to Raising
the Status of Women” by PPSEAWA International in 2004 and was the only
PPSEAWA member to be awarded.
We will look up to her grace and charm, and adored her as our ever
loving and kind mentor. Thanpuying Sumalee Chartikavanij will always remain
in our hearts as a beautiful and zealous legend of PPSEAWA and she will be
dearly missed.
Respectfully,
Mondhiya Bhangsbha
Thailand President
PPSEAWA International
. 97 .
. .
บุคคลต้นแบบ...
ในการสร้างความดี
เมอื่ ไดท้ ราบขา่ ววา่ ทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ ถงึ แกอ่ นจิ กรรม ยงั ความโศกเศรา้ และอาลยั ยงิ่
มาสู่คณะกรรมการและสมาชิกของสมาคมสตรีภาคพ้ืนแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์แห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (สปอท.) นับว่าเป็นการสูญเสียปูชนียบุคคลด้านการสังคมสงเคราะห์
ของเมืองไทย และ สปอท. ทุกคน
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ด�ำรงต�ำแหน่งนายกสมาคมสตรีภาคพ้ืนแปซิฟิกและเอเชีย
อาคเนย์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ (สปอท.) ๓ สมัย ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๒ - ๒๕๒๘
และด�ำรงต�ำแหน่ง “นายกกิตติมศกั ดิ์” ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๒๘ จวบจนถงึ แก่อนิจกรรม และประธาน
สมาคมสตรีภาคพื้นแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์ระหว่างประเทศ (PPSEAWA International)
เม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๑ - ๒๕๓๗ และได้รับแต่งตั้งให้ด�ำรงต�ำแหน่งนายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เป็นผู้บุกเบิกและวางรากฐานงานด้านสาธารณประโยชน์ให้กับ
สปอท. จวบจนปจั จบุ นั อาทิ โครงการพฒั นาเดก็ เลก็ กอ่ นวยั เรยี นในชมุ ชนแออดั ศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็
ตามแนวชายแดน ต�ำบลตาพระยา อ�ำเภออรญั ประเทศ จงั หวดั สระแกว้ โครงการสง่ เสรมิ และพฒั นา
เยาวชน โครงการพฒั นาสตรี โครงการพฒั นาชนบท โครงการสง่ เสรมิ การรหู้ นงั สอื และโครงการ
เอเชียแปซิฟิกศึกษา เป็นต้น ส่วนงานด้านต่างประเทศด้วยการร่วมงานกับสมาคมสตรีภาคพ้ืน
แปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์ระหว่างประเทศ และการสร้างความสัมพันธ์อันดีเพ่ือให้เกิดสันติภาพ
และแลกเปลี่ยนศิลปะและวัฒนธรรมกับคณะภริยาเอกอัครราชทูตที่ประจ�ำประเทศไทย
เมื่อวนั ที่ ๔ - ๑๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๓ ท่านผูห้ ญิงสุมาลี จาติกวนชิ ในฐานะประธาน
สมาคมสตรีภาคพื้นแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์ระหว่างประเทศ ชื่อย่อว่า แพนสากล (PPSEAWA
International) และประธานจัดการประชุมแพนสากล ครั้งที่ ๑๘ ในหัวข้อ “THE CHANGING
WORLD: OUR HERITAGE AND OUR FUTURE คือ ท่ามกลางโลกซึ่งเปลี่ยนแปลง
อย่างรวดเร็วเราควรสำ�นึกว่ามรดกซึ่งเราได้รับสืบทอดมานั้นจะนำ�ไปใช้ในอนาคตได้อย่างไร”
ณ สวนสามพราน จงั หวดั นครปฐม โดยมสี มาชกิ ทีล่ งทะเบยี นมาเขา้ รว่ มประชมุ จ�ำ นวน ๒๔ ประเทศ
ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ฟิจิ อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ปากีสถาน
ไต้หวัน เวียดนาม โตเกเลา ตองกา เกาหลี ออสเตรเลีย สิงคโปร์ หมู่เกาะคุก อเมริกันซามัว
ซามัวตะวันตก ชิลี อินโดนีเซีย สวิตเซอร์แลนด์ (เป็นกลาง) ไทย และรัฐฮาวาย ส่งผู้แทนเข้า
ร่วมประชุม ๓๕๐ คน ที่เป็นเกียรติยศยิ่งอย่างหนึ่งก็คือ สมเด็จพระราชินีแห่งตองกา Queen
Mata’aho เสด็จมาเป็นองค์ปาฐกในพิธีเปิดประชุมและประทับร่วมการประชุมโดยตลอดจน
การประชุมเสร็จสิ้น
. 98 .
. .
เหนือส่ิงอ่ืนใดผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง องค์อุปถัมภ์ของสมาคม โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ให้ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช น�ำคณะเข้าเฝ้าฯ ณ ท้องพระโรง พระท่ีน่ังจักรีมหาปราสาท
ในพระบรมมหาราชวัง ในการนี้ ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ประธานสมาคมสตรีภาคพื้นแปซิฟิก
และเอเชียอาคเนย์ระหว่างประเทศ กราบบังคมทูลถวายรายงาน และน�ำคณะมนตรีของสมาคม
แพนสากลทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสร้อยบุปผาชาติ สัญลักษณ์แห่งไมตรีและความจงรักภักดี
ของชาวเอเชียและแปซิฟิก พรอ้ มทงั้ พระราชทานพระบรมราชานญุ าตใหเ้ ข้าชมนทิ รรศการศลิ ปาชีพ
ส่วนพระองค์ และพระราชทานเล้ียงน้ําชาในบรรยากาศที่งามสง่าอบอุ่นด้วยมิตรไมตรี ในวันต่อมา
ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวัน และให้ชมงานศิลปาชีพ
ในพระต�ำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิตอีกด้วย
. 99 .