๑๔๖
เจาพนักงานในการตรวจคน จับกุมลุลวงไปโดยสะดวก ถือไดวาเปนการขัดขวางเจาพนักงาน
ในการปฏิบัติตามหนา ทตี่ าม ป.อ. มาตรา ๑๓๘
®Õ¡Ò·èÕ øóðø/òõôô จาํ เลยที่ ๑ และที่ ๓ ดิ้นรนขัดขืนไมยอมใหเ จาพนักงาน
ตํารวจจับกมุ แตโดยดี จําเลยที่ ๒ ไมไ ดข ดั ขวางการจับกุม ฮ. แตเพยี งผเู ดยี ว ทาํ รายสิบตํารวจเอก อ.
ตามพฤติการณเปนการตัดสินใจกระทาํ ไปตามลําพังของจําเลยแตละคน โดยมิไดคบคิดกัน จึงถือ
ไมไ ดว า เปน ตวั การรว มกนั กระทาํ ความผดิ จาํ เลยที่ ๑ และท่ี ๓ มคี วามผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งาน
ซงึ่ กระทําการตามหนา ท่ตี ามมาตรา ๑๓๘ วรรค ๒
แตห ากการปฏบิ ตั หิ นา ทข่ี องเจา พนกั งานหรอื ผซู ง่ึ ตอ งชว ยเจา พนกั งานนนั้ เปน การ
ปฏบิ ตั ิหนา ท่ีอนั ไมช อบดวยกฎหมาย แมจะมีการตอสขู ดั ขวางก็ไมผ ิดตามมาตราน้ี
®¡Õ Ò·èÕ ÷ñù/òõðñ ตาํ รวจสงสัยวาจาํ เลยจะกนิ สรุ าเถอ่ื น จงึ เขา ไปจับ ไมเ รียกวา
เปนความผิดซ่ึงหนาและไมเปนกรณีฉุกเฉินอยางย่ิง ตํารวจตามเขาไปจับบนเรือนในที่รโหฐาน
ในเวลากลางคนื โดยไมม หี มายคน ไมไ ด จาํ เลยใชส ากกะเบอื ตตี าํ รวจ ไมเ ปน การตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งาน
ผูกระทาํ การตามหนา ท่ี
®¡Õ Ò·Õè ñðôñ/òõðö การท่ีเจาพนักงานตํารวจเขาจับกุมจําเลยโดยไมมีหมายจับ
และกรณไี มเขาขอ ยกเวน ตาม ป.ว.อ. มาตรา ๗๘ นน้ั เปนการจับกุมโดยไมม อี าํ นาจ แมจาํ เลยตอสู
ขัดขวางการจบั กมุ กไ็ มมคี วามผิด
®¡Õ Ò·èÕ ñðòõ/òõñø ผใู หญบ า นและผชู ว ยผใู หญบ า นจบั จาํ เลยผตู อ งหาวา ทาํ รา ย
รางกายที่ใตถุนบาน ท. อนั เปน ที่รโหฐานโดยไมม ีหมายจับและหมายคน เปนการจับโดยไมชอบดว ย
กฎหมาย จําเลยตอ สูไ มเ ปน ความผิดตามมาตรา ๑๓๘
การตอสูขัดขวางเจาพนักงานไมจําเปนตองเปนเร่ืองจับกุมเสมอไป อาจเปนเรื่อง
อ่ืนก็ได เชน ขัดขวางการรือ้ รวั้ ไซมานใน ฎ. ๖๑๘/๒๕๐๔ ทีก่ ลา วมาแลว
à¨μ¹Ò การตอ สขู ัดขวางเจา พนักงานหรือผซู ง่ึ ตองชวยเจา พนักงาน ตามกฎหมาย
ผกู ระทาํ จะตอ งกระทาํ โดยเจตนา และจะตอ งรดู ว ยวา ผทู ต่ี นตอ สขู ดั ขวางนน้ั เปน เจา พนกั งานหรอื ผซู ง่ึ
ตอ งชวยเจา พนกั งานตามกฎหมาย หากผูก ระทําไมร ูขอ เท็จจรงิ น้ี กไ็ มถอื วามเี จตนา
®¡Õ Ò·Õè ñôø/òõñó ตาํ รวจเขาคน ตัวจําเลยในทีเ่ ปลีย่ ว โดยไมไดแ ตง เคร่อื งแบบ
หรอื แสดงหลักฐานวา เปน ตํารวจกระทาํ การตามหนาท่ี และตา งฝา ยตา งกไ็ มรูจกั กัน แมจาํ เลยจะตอสู
ชกตอ ยขดั ขวางไมใ หต าํ รวจคน เอาเงนิ หรอื ทรพั ยส นิ ของจาํ เลยไป กไ็ มผ ดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งาน
®¡Õ Ò·èÕ òòðò/òõòò นายตํารวจกลับจากงานแตงงานเกิดโตเถียงและชกตอย
กับจําเลยไมไ ดท าํ การตามหนาทแ่ี ละไมไดแสดงบัตรใหจ าํ เลยดู จาํ เลยไมร ูวา เปน ตํารวจ ไมเปน การตอ สู
ขัดขวางเจาพนักงาน
®¡Õ Ò·Õè óòó/òõóñ เจา พนกั งานตาํ รวจขอตรวจคน รถของจาํ เลย ครงั้ แรกจาํ เลย
ไมย อมใหค น เนอ่ื งจากเกรงวา ตาํ รวจจะกลน่ั แกลง เพราะเหตทุ เ่ี คยมสี าเหตกุ บั ตาํ รวจนนั้ มากอ น ในทส่ี ดุ
๑๔๗
จาํ เลยยอมใหค น ดงั น้ี เหน็ ไดว า จาํ เลยขาดเจตนาตอ สหู รอื ขดั ขวางเจา พนกั งาน การกระทาํ ของจาํ เลย
จงึ ไมเ ปน ความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๑๓๘
®¡Õ Ò·Õè òðöø/òõóõ เจา พนกั งานตาํ รวจไมไ ดแ ตง เครอื่ งแบบ และไมไ ดแ สดงตน
วา เปน เจา พนกั งานตาํ รวจเขา จบั กมุ กลมุ เดก็ วยั รนุ โดยไมแ จง ขอ หาแกเ ดก็ วยั รนุ คนใดวา เปน ผดู หู มน่ิ ตน
และจะตองถูกจับ กลับสั่งใหคนขับรถท่ีเด็กวัยรุนโดยสารมาขับรถไปสถานีตํารวจ จึงถือไมไดมีการ
จับกุมในขอหาดูหมิ่นเจาพนักงานโดยชอบ ผูตอสูขัดขวางมิใหจับกุมไมมีความผิดฐานตอสูขัดขวาง
เจาพนกั งาน ซ่ึงกระทาํ ตามหนา ท่ี
®¡Õ Ò·èÕ ñùõô/òõôö ผเู สยี หายท่ี ๑ สวมกางเกงขายาวสกี ากี สวมเสอ้ื ยดื คอกลม
สขี าวเขา ไปขอตรวจคน ตวั จาํ เลยโดยแจง วา เปน เจา พนกั งานตาํ รวจ แตไ มไ ดแ ตง เครอ่ื งแบบตาํ รวจ หรอื
แสดงหลักฐานใหเห็นวาตนเปนเจาพนักงานตํารวจผูทําการตามหนาที่ กรณีอาจทําใหจําเลยเขาใจผิดไปได
แมจ าํ เลยจะตอ สูชกตอ ยหรือใชมดี แทง ผูเสียหายท่ี ๑ เพอ่ื ขดั ขวางไมใหผูเสียหายที่ ๑ ตรวจคน และ
จบั กมุ จาํ เลยกห็ ามคี วามผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งานในการปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ทแ่ี ละพยายามฆา
เจาพนกั งาน ซ่งึ กระทาํ การตามหนา ท่ีไม
สาํ ËÃºÑ ÇÃä·ÒŒ  เปน ลกั ษณะฉกรรจข องการกระทาํ ความผดิ ในวรรคแรก กลา วคอื
ถา การตอ สหู รอื ขดั ขวางนนั้ ไดก ระทาํ โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยกต็ อ ง
รบั โทษหนักข้นึ
㪌กําÅѧ»ÃзØÉÌҠคือ การประทุษรายแกกายหรือจิตใจของบุคคลไมวาจะทํา
ดว ยแรงกายภาพ หรอื ดว ยวธิ อี นื่ ใด และใหห มายความรวมถงึ การกระทาํ ใดๆ ซง่ึ เปน เหตใุ หบ คุ คลหนง่ึ
บคุ คลใดอยูในภาวะทไี่ มสามารถขดั ขืนได ไมวา จะโดยใชยาทําใหมนึ เมา สะกดจติ หรอื ใชว ธิ ีอ่นื ใด
อนั คลายคลึงกัน ตามบทนยิ ามในมาตรา ๑ (๖) คําๆ นี้มีความหมายกวางกวา การทํารา ย การกระทาํ
อะไรเลก็ ๆ นอ ยๆ กอ็ ยูในความหมายของการใชก ําลังประทุษรายแลว เชน กอด จับ ผลกั ดงึ ขว น
หยกิ เปน ตน คอื ไมถึงขัน้ ทํารายรา งกาย แตก ารทาํ รายก็อยูใ นความหมายของประทุษรา ยเหมือนกัน
และถา ตอ สขู ดั ขวางถงึ ขน้ั ทํารายก็ยอ มผิดฐานทํารา ยรา งกายเจา พนกั งานอกี สวนหนง่ึ ดวย กฎหมาย
ถือเปนเหตุฉกรรจ ไมเฉพาะการใชก าํ ลังประทุษรา ยเทานั้น แมเ พยี งขเู ขญ็ จะใชก าํ ลงั ประทุษรา ยกเ็ ปน
เหตุฉกรรจแ ลว เหมอื นกัน
®¡Õ Ò·èÕ òñøö/òõñø จาสิบตํารวจเขาในบาน บ. เพื่อคนจับ ล. ผูตองหา
กรรโชกทรัพย โดย บ. ยอมใหคน จําเลยขัดขวางกั้นไมใหตํารวจขึ้นบันได ดึงแขนและกัดมือตํารวจ
เปนความผิดตามมาตรา ๑๓๘ วรรคทา ย
®Õ¡Ò·èÕ òóóõ/òõñø นายรอ ยตาํ รวจทาํ หนา ทน่ี ายรอ ยเวรสอบสวนไปนง่ั ในรา น
อาหาร ยงั มอี าํ นาจจบั กมุ ผกู ระทาํ ผดิ ซงึ่ หนา การชกตอ ยนายตาํ รวจไมย อมใหจ บั เปน การตอ สขู ดั ขวาง
เจา พนักงานโดยใชก าํ ลังประทษุ ราย
®Õ¡Ò·Õè õò/òõòó การทจ่ี ําเลยที่ ๑ กอดเอว และจําเลยท่ี ๒ ดึงเสอื้ เจาพนกั งาน
ตํารวจไวเ พ่ือมใิ หจ ับกมุ ญาตขิ องตน เปน การตอ สขู ัดขวางเจาพนักงานโดยใชกาํ ลังประทุษรา ย
๑๔๘
ô. ¢‹Á¢¹× ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹
ÁÒμÃÒ ñóù ¼ÙŒã´¢‹Á¢×¹ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ãËŒ»¯ÔºÑμÔ¡ÒÃÍѹÁԪͺ´ŒÇÂ˹ŒÒ·èÕËÃ×Í
ãËŒÅÐàÇŒ¹¡Òû¯ÔºÑμÔ¡ÒÃμÒÁ˹ŒÒ·Õè â´Â㪌กําÅѧ»ÃзØÉÌҠËÃ×Í¢Ù‹à¢çÞÇ‹Ò¨Ð㪌กําÅѧ»ÃзØÉÃŒÒÂ
μÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤¡Ø äÁ‹à¡¹Ô ÊÕ»è ‚ ËÃ×Í»ÃºÑ äÁà‹ ¡¹Ô á»´ËÁ¹è× ºÒ· ËÃ×ͷѧé จาํ ·Ñ駻ÃѺ
ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Á´Õ ѧ¹Õé
๑. ขม ขืนใจ โดยใชกาํ ลังประทษุ รา ย หรือขูเขญ็ วา จะใชก ําลังประทษุ ราย
๒. เจา พนักงาน
๓. ใหป ฏบิ ตั ิการอนั มชิ อบดวยหนาที่ หรอื ใหล ะเวน การปฏบิ ัตกิ ารตามหนาท่ี
๔. เจตนา
คํา͸ºÔ ÒÂ
¢Á‹ ¢¹× ã¨â´Â㪌¡Òí Åѧ»ÃзÉØ ÃÒŒ  ËÃÍ× ¢à‹Ù ¢Þç ÇÒ‹ ¨ÐãªกŒ าํ Å§Ñ »ÃзØÉÃÒŒ Â
¢Á‹ ¢¹× 㨠คอื การบงั คบั ทกี่ ระทาํ ตอ จติ ใจของผอู นื่ เพอื่ ใหก ระทาํ การอยา งใดอยา งหนง่ึ
ตามที่ผูขมขืนใจตองการ แตการขมขืนใจนี้ตองกระทําโดยใชกําลังประทุษราย หรือขูเข็ญวาจะใช
กาํ ลังประทษุ รา ย เชน บีบคอ หรือใชอ าวธุ จ้บี ังคับใหแ กไขหลกั ฐานในโฉนดท่ีดิน เปนตน
਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ กฎหมายกาํ หนดตัวผูถูกขนื ใจวา จะตองเปนเจา พนักงาน ถาในขณะ
ขมขืนใจ ผนู ้นั ไมไดเ ปน เจาพนกั งาน กไ็ มเ ขาตามมาตรานี้
ãË»Œ ¯ºÔ μÑ ¡Ô ÒÃÍ¹Ñ ÁªÔ ͺ´ÇŒ Â˹Ҍ ·Õè ËÃÍ× ãËÅŒ ÐàǹŒ ¡Òû¯ºÔ μÑ ¡Ô ÒÃμÒÁ˹Ҍ ·Õè การขม ขนื ใจ
ดังกลาวตองมีผลเกิดขึ้นคือ ทําใหเจาพนักงานปฏิบัติการอันมิชอบดวยหนาที่ เชน บังคับใหตํารวจ
จับกุมผูท่ีไมไดกระทําความผิด และตํารวจก็จับผูน้ัน หรือทําใหเจาพนักงานละเวนการปฏิบัติการ
ตามหนาที่ เชน ตํารวจจะจับคนราย ก็ขูบังคับมิใหตํารวจจับและตํารวจก็ไมกลาติดตามจับผูนั้น
ËÒ¡¡Òâ‹Á¢¹× ã¨äÁ¡‹ ‹ÍãËŒà¡Ô´¼Å¢Öé¹ ¡àç »¹š ¡ÒþÂÒÂÒÁ¡ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´ เชน บงั คบั ใหตาํ รวจจับกมุ
ผทู ไี่ มไดกระทําความผิด และตํารวจก็จบั ผนู ั้น หรอื ทําใหเ จา พนกั งานละเวน การปฏบิ ตั กิ ารตามหนาท่ี
เชน ตํารวจจะจบั คนราย กข็ ูบ ังคบั มิใหต ํารวจจับและตาํ รวจก็ไมกลาตดิ ตามจบั ผนู นั้
กฎหมายจาํ กดั วา การขม ขนื ใจนน้ั จะตอ งขม ขนื ใจใหป ฏบิ ตั กิ ารอนั มชิ อบดว ยหนา ท่ี
หรือละเวนการปฏิบัติการตามหนาท่ี ฉะน้ัน ถาบังคับใหปฏิบัติการอันชอบดวยหนาท่ี หรือใหละเวน
การปฏิบตั อิ ันมชิ อบดว ยหนา ที่ ก็ไมม ีความผิดในฐานนี้ แตอาจเปน ความผดิ ตอ เสรภี าพ
à¨μ¹Ò ผูกระทาํ จะตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ วรรค ๒ ประกอบดวยจะตองรู
ขอเท็จจริง อันเปนองคประกอบของความผิดตามมาตรา ๕๙ วรรค ๓ ดวย คือ ตองรูวาผูท่ีตน
ขมขืนใจนั้นเปนเจาพนักงาน จึงจะลงโทษตามมาตรานี้ได ถาผูกระทําไมรูขอเท็จจริงนี้ ก็อาจเปน
ความผิดตอ เสรภี าพ
การขม ขืนใจเจาพนักงานตามมาตรา ๑๓๙ น้ี ก็เปนการตอสขู ดั ขวางเจาพนกั งาน
อยางหน่ึงเหมือนกัน แตมาตรา ๑๓๙ มีอัตราโทษสูงกวามาตรา ๑๓๘ ความผิดในสองมาตราน้ี
๑๔๙
มคี วามแตกตา งทส่ี าํ คญั ประการหนง่ึ คอื มาตรา ๑๓๘ เปน การตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งาน ซงึ่ ปฏบิ ตั กิ าร
ตามหนาที่โดยชอบดวยกฎหมาย แตมาตรา ๑๓๙ เปนการบังคับขมขืนใจเจาพนักงานใหปฏิบัติการ
อนั มชิ อบดวยหนาที่ หรือใหล ะเวนการปฏิบตั กิ ารตามหนาท่ี โปรดพจิ ารณาตวั อยา งตอไปนี้
ตาํ รวจจะจบั ผรู า ยตามหนา ที่ แตม ผี ทู าํ รา ยรา งกายตาํ รวจเปน เหตใุ หผ รู า ยหลบหนไี ป
ตํารวจจบั ไมท ันกด็ ี หรอื ตาํ รวจยังติดตามจับจนไดก็ดี เปนการขดั ขวางเจาพนกั งานตามมาตรา ๑๓๘
วรรค ๒ ถาบังคับตํารวจไมใหจับผูราย ถาขืนจับจะทําราย จนตํารวจไมกลาจับเปนความผิดตาม
มาตรา ๑๓๙ น้ี ถา ทาํ รายและขบู งั คบั ไมใ หต ํารวจจบั แตตาํ รวจไมก ลวั ขนื จบั จนได หรือตํารวจไมก ลวั
แตจับไมได เพราะผูรายหนีไดทัน เปนความผิดตามมาตรา ๑๓๙ นี้ และเปนความผิดสําเร็จตาม
มาตรา ๑๓๘ ในกรรมเดียวกัน ตามมาตรา ๙๐ หรือบังคับใหตํารวจจับผูท่ีไมไดกระทําความผิด
ก็เปนความผิดตามมาตรา ๑๓๙ น้ีเชนเดียวกัน แตถาตํารวจไมจับผูกระทําความผิดเปนการไมชอบ
ดว ยหนา ท่ี การบงั คบั ใหต าํ รวจจบั ตามหนา ทไ่ี มเ ปน ความผดิ ตามมาตราน้ี อาจเปน ความผดิ ตอ เสรภี าพ
เพราะไมมีอํานาจใชกําลังประทุษรายหรือขูเข็ญตํารวจ หรือกรณีตํารวจจะแกลงจับผูไมไดกระทํา
ความผิด และมผี ูบ งั คับไมใหต ํารวจจบั การกระทาํ ดงั กลา วไมเปนความผิดตามมาตราน้ี
®¡Õ Ò·Õè ùòð/òõðø เมอื่ พนกั งานสอบสวนไมย อมสงั่ อนญุ าตใหจ าํ เลยประกนั ตวั
ผูต อ งหาเพราะผิดระเบยี บ จาํ เลยพดู ขูเขญ็ วา ถาไมส ่ังใหป ระกันจําเลย จะจดั การใหพ นกั งานสอบสวน
ถูกยายไปท่ีอ่ืนเชนที่เคยกระทําไดผลมาแลวแกผูบังคับกองคนหนึ่ง แตโดยท่ีเร่ืองยายไมแนถาไมให
ประกันจะตองเอาพนักงานสอบสวนลงหลุมฝงศพเสีย เชนน้ีการกระทําของจําเลยเปนการขมขืนใจ
ขูเข็ญเจาพนักงานใหถึงแกชีวิตดวยการใชกําลังประทุษรายตามความหมายของถอยคําเพื่อให
เจาพนักงานปฏิบัติการส่ังประกันเสียเองอันมิชอบดวยหนาที่ การกระทาํ ของจําเลยเปนความผิดตาม
ป.อ.มาตรา ๑๓๙
®¡Õ Ò·èÕ ñòöö/òõóð ตํารวจจะเขาทาํ การจับกุมเจาของรถเข็นในขอหานาํ รถที่
ไมไ ดเ สยี ภาษมี าใชใ นทางและกดี ขวางการจราจร จําเลยพดู วา “ถา จบั มเี รอ่ื งแน” พรอ มกบั ชม้ี อื ในลกั ษณะ
ของการขมขแู ละพวกของจําเลยประมาณ ๓๐-๔๐ คน ไดเดินเขา ไปหาตาํ รวจ ทาํ ใหตาํ รวจกลวั จาํ เลย
และพวกจะทาํ รา ยจงึ พากนั ถอยออกไป การกระทาํ ของจาํ เลยกบั พวกดงั กลา ว แสดงใหเ หน็ วา มเี จตนา
ท่ีจะขมขืนใจไมใหเจาพนักงานปฏิบัติการตามหนาที่หรือละเวนการปฏิบัติการตามหนาที่ จําเลยจึงมี
ความผดิ ตาม ป.อ. มาตรา ๑๓๙
®¡Õ Ò·èÕ óõóö/òõóõ บงั คับใหร อยตาํ รวจโท พ. กับพวกคืนอาวธุ ปน ซึ่งเปน การ
บังคับใหรอยตํารวจโท พ. ปฏิบัติการอันมิชอบดวยหนาท่ีหรือละเวนการปฏิบัติการตามหนาที่
แตร อ ยตาํ รวจโท พ. กบั พวกไมย นิ ยอมปฏบิ ตั ติ ามโดยไมย อมคนื อาวธุ ปน ใหแ ละยดึ เอาไวเ ปน ของกลาง
จงึ ถอื ไมไ ดว า เปน การปฏบิ ตั กิ ารอนั มชิ อบดว ยหนา ทห่ี รอื ละเวน การปฏบิ ตั กิ ารตามคาํ บงั คบั ของจาํ เลย
ที่ ๑ จึงเปนความผดิ ขน้ั ¾ÂÒÂÒÁ เทา น้ัน
๑๕๐
õ. àÃÂÕ ¡·ÃѾÂÊ ¹Ô à¾Íè× ¨Ù§ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹
ÁÒμÃÒ ñôó ¼ÙŒã´àÃÕ¡ ÃѺËÃ×ÍÂÍÁ¨ÐÃѺ·ÃѾÂÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Íè×¹ã´
สําËÃѺμ¹àͧËÃ×ͼٌÍ×è¹ à»š¹¡ÒÃμͺ᷹㹡Ò÷Õè¨Ð¨Ù§ã¨ËÃ×Íä´Œ¨Ù§ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÊÁÒªÔ¡
ÊÀÒ¹μÔ ºÔ ÞÑ ÞμÑ áÔ Ë§‹ Ã°Ñ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¨§Ñ ËÇ´Ñ ËÃÍ× ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒà·ÈºÒÅâ´ÂÇ¸Ô ÍÕ ¹Ñ ·¨Ø ÃμÔ ËÃÍ× ¼´Ô ¡®ËÁÒ ËÃÍ×
â´ÂÍÔ·¸Ô¾Å¢Í§μ¹ãËŒ¡ÃÐทํา¡Òà ËÃ×ÍäÁ‹¡ÃÐทํา¡ÒÃã¹Ë¹ŒÒ·ÕèÍѹ໚¹¤Ø³ËÃ×Í໚¹â·Éá¡‹ºØ¤¤Åã´
μÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡äÁà‹ ¡Ô¹ËÒŒ »‚ ËÃ×Í»ÃѺäÁ‹à¡Ô¹Ë¹§Öè áʹºÒ· ËÃ×Í·Ñé§จํา·é§Ñ »ÃѺ
มาตราน้ีเปนตัวอยางหน่ึงแสดงวา กฎหมายไมถือวาสมาชิกสภานิติบัญญัติ
แหง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั สมาชกิ สภาเทศบาล มฐี านะเปน เจา พนกั งาน เพราะหากสมาชกิ เหลา นเี้ ปน
เจา พนกั งานดวยแลว กฎหมายกใ็ ชแ ตคาํ วา เจา พนักงาน คาํ เดยี วกพ็ อ ไมจําเปนตอ งแยกบญั ญตั ถิ งึ
สมาชกิ เหลา นไ้ี วต า งหากอกี ความผดิ ตามมาตรานเี้ ปน ความผดิ ทบี่ คุ คลทวั่ ไปกระทาํ มใิ ชเ จา พนกั งาน
กระทําเพราะกฎหมายใชค าํ วา “ผใู ด”
ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô Á´Õ ѧ¹éÕ
๑. เรียก รบั หรือยอมจะรบั ทรัพยสินหรือประโยชนอ ่ืนใด
๒. สาํ หรับตนเองหรือผูอน่ื
๓. เปน การตอบแทนในการทจี่ ะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั ิ
แหงรัฐ สมาชิกสภาเจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภา
เทศบาล
๔. โดยวธิ ีอนั ทจุ ริตหรือผดิ กฎหมายหรอื โดยอิทธพิ ลของตน
๕. ใหกระทาํ การหรอื ไมก ระทาํ การในหนา ทอี่ นั เปนคุณหรอื เปน โทษแกบ ุคคลใด
๖. เจตนา
คาํ ͸ԺÒÂ
àÃÕ¡ ÃѺ ËÃ×ÍÂÍÁ¨ÐÃѺ·ÃѾÂÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Í×è¹ã´ ¡ÒÃàÃÕ¡ หมายถึง
การกระทาํ ใดๆ อนั เปน การเรยี กรอ งใหผ อู นื่ ใหท รพั ยส นิ หรอื ประโยชน สว นเขาจะยอมใหห รอื ไมใ หไ มส าํ คญั
คอื เพยี งแคเ รยี กกเ็ ปน ความผดิ สาํ เรจ็ แลว เชน เรยี กทรพั ยผ ตู อ งหาอา งวา จะเอาไปใหพ นกั งานสอบสวน
เพอื่ ชว ยใหพน คดี แมผถู ูกเรียกไมย อมใหเ งนิ ก็ผิด
¡ÒÃÃºÑ หมายถงึ ผอู นื่ เสนอใหท รพั ยส นิ หรอื ประโยชนแ ลว รบั เอาหรอื อาจเปน ตนเอง
เรยี กแลว รบั เอาทรพั ยหรอื ประโยชนต ามท่ีเรียกนนั้
สว น ¡ÒÃÂÍÁ¨ÐÃºÑ หมายถงึ ผอู นื่ เสนอใหท รพั ยส นิ หรอื ประโยชนแ ละยอมจะรบั เอง
แตยงั ไมไดรับคือเพียงยอมจะรบั เทาน้นั กผ็ ิดสาํ เร็จแลว เหมือนกนั
ส่ิงที่เรียก รับหรือยอมจะรับน้ันตองเปนทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใด ·ÃѾÂÊÔ¹
หมายถงึ วัตถุมีรปู รางหรือส่ิงท่ไี มม รี ูปรา งซง่ึ อาจมีราคาได และถอื เอาได »ÃÐ⪹ หมายถงึ สง่ิ อื่น
ท่ีมิใชทรัพยสิน แตเปนคุณแกผูรับ เชน ใหอยูบานโดยไมตองเสียคาเชา ใหบริการโดยไมคิดเงินทอง
ใหโดยสารรถ เรอื หรือเครื่องบนิ โดยไมตองเสียเงิน เปนตน
๑๕๑
สําËÃѺμ¹àͧËÃ×ͼŒÙÍè×¹ การเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพยสิน หรือประโยชน
ดังกลาวจะกระทาํ เพื่อตนเองหรือผูอ่ืนก็ได ผูอ่ืนจะเปนใครก็ได และในขณะท่ีเรียกน้ีจะต้ังใจเอาไปให
ผอู ื่นจริงหรอื ไม ไมส าํ คญั เปนความผิดแลว
®¡Õ Ò·Õè óñó/òôùð การอา งวา จะพดู กบั ภรยิ าหวั หนา ศาลใหช ว ยพดู กบั หวั หนา ศาลนนั้
จะเห็นวาภริยาหัวหนาศาลไมใชเ จา พนกั งาน จงึ ไมม คี วามผดิ ตามมาตรา ๑๔๓
®¡Õ Ò·èÕ õø÷/òõòó เรยี กทรพั ยว า จะเอาไปใหผ พู พิ ากษาตดั สนิ ยกฟอ ง แมผ เู รยี ก
จะมิไดต ง้ั ใจเอาทรัพยท ่เี รียกไปใหผพู ิพากษาเลย ก็เปน ความผิด
®Õ¡Ò·Õè óóô/òõòö การท่ีจําเลยเรียกเงินจากผูมีช่ือโดยอางวาจะนาํ ไปให
ผูพิพากษาเพื่อใหพิพากษายกฟองปลอยตัวจาํ เลยในคดีอาญา และตอมาจาํ เลยไดรับเงินดังกลาว
จากผมู ชี อื่ ดงั นี้ จาํ เลยมเี จตนาทจ่ี ะเรยี กและรบั เงนิ จากผมู ชี อื่ เพอื่ จงู ใจผพู พิ ากษา ซงึ่ เปน เจตนาอนั เดยี วกนั
มาแตแ รกและเปน การกระทําตอ เนือ่ งในคราวเดยี วกนั ถือไดวาเปน การกระทาํ กรรมเดยี วกัน
໚¹¡ÒÃμͺ᷹㹡Ò÷èըШ٧ã¨ËÃ×Íä´Œ¨Ù§ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÊÁÒªÔ¡ÊÀÒ
¹ÔμÔºÑÞÞÑμÔáË‹§ÃÑ° ÊÁÒªÔ¡¨Ñ§ËÇÑ´ ËÃ×ÍÊÁÒªÔ¡ÊÀÒà·ÈºÒÅ การเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพยสิน
หรือประโยชนอื่นใดนั้น ตองเปนการกระทําเพ่ือตอบแทนการท่ีจะจูงใจหรือไดจูงใจเจาพนักงาน
สมาชกิ สภานติ บิ ัญญตั ิ สมาชกิ สภาจังหวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล
¡Òè٧㨠หมายถึง การเกลี้ยกลอมหรือโนมนาวจิตใจใหกระทําหรือละเวน
กระทาํ การอยา งใดอยา งหนงึ่ กฎหมายใชค าํ วา จะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจ จะจงู ใจคอื ยงั มไิ ดจ งู ใจ แตจ ะทําการ
จงู ใจในอนาคต เปน ลกั ษณะใหค าํ มนั่ วา จะกระทํา สว นไดจ งู ใจนน้ั กห็ มายความวา ไดจ งู ใจเจา พนกั งาน
มาแลวในอดีตกอนจะมาเรียกทรัพยสินจากผูใชทรัพยสิน ในกรณีจะจูงใจนั้น แมภายหลังจะมิไดมี
การจูงใจ ก็เปนความผิดสาํ เร็จ คือ แมจะเปนอุบายเท็จหลอกเรียกทรัพย ความจริงผูเรียกไมต้ังใจ
ท่ีจะจูงใจเจาพนักงานเลย กฎหมายก็เอาผิด ขอใหเปรียบเทียบกับ ฎ.๕๘๗/๒๕๒๓ ท่ีกลาวมาแลว
และในกรณีไดจูงใจน้ัน แมจะไดจูงใจกันแลวแตเจาพนักงานไมกระทําตามนั้นไมวาดวยเหตุใดๆ
กฎหมายก็ถือเปนความผิดเชนกัน เพราะกฎหมายตองการปราบปราม การว่ิงเตนกับเจาพนักงาน
จะไดม กี ารไปจูงใจกันจริงๆ หรอื การจูงใจจะไดผ ลหรอื ไมม ิใชขอ สาํ คญั ฉะนั้น ความผิดตามมาตรานี้
ก็เปนความผิดสําเร็จตั้งแตเมื่อไดกระทาํ การเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพยสินหรือประโยชนอ่ืนใด
สําหรับตนเองหรือผูอ่ืน เชน ฎ.๒๕๓๔/๒๕๒๒ เรียกและรับเงินจากผูตองหา อางวาจะเอาไปให
เจาพนกั งานสอบสวนเพอื่ ชว ยใหพ นคดีท่ตี อ งหาผิดตามมาตรานี้
มาตราน้ีบัญญัติถึงบุคคลที่จะจูงใจหรือไดถูกจูงใจไวโดยเฉพาะ คือ ตองเปน
เจาพนกั งาน สมาชิกสภาเทศบาลจึงไมรวมถงึ สมาชิกสภาตําบล หรือสมาชิกสุขาภิบาล และไมร วมถึง
บุคคลธรรมดา เชน บิดามารดา หรือภริยาของเจาพนักงาน เปนตน ฉะนั้น ถาเรียกเงินเพ่ือจะจูงใจ
ใหภริยาของผูพิพากษาพูดกับผูพิพากษาใหตัดสินยกฟองคดีไมเปนความผิดตามมาตรานี้ และแม
ภริยาผูพิพากษาก็ไมผิดตามมาตราน้ีเชนกัน เพราะมิใชผูเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพยสิน จึงขาด
องคประกอบของความผดิ ไป
๑๕๒
â´ÂÇÔ¸ÕÍѹ·Ø¨ÃÔμËÃ×ͼԴ¡®ËÁÒÂËÃ×Íâ´ÂÍÔ·¸Ô¾Å¢Í§μ¹ การจะจูงใจหรือได
จงู ใจ เจา พนักงานดังกลาวจะตองกระทําโดยวธิ ที ่กี ําหนดน้ี คอื โดยวธิ ีอนั ทจุ รติ โดยวิธอี นั ผดิ กฎหมาย
หรอื โดยอทิ ธิพลของตน
(๑) โดยวิธีอันทุจริต คือเพ่ือแสวงหาประโยชนที่มิควรไดโดยชอบดวยกฎหมาย
สาํ หรบั ตนเองหรือผูอื่น เชน เอาเงนิ ท่ีเรียกไดมาแบงใหเจาพนกั งาน หรือใหป ระโยชนอนื่ ใดอันมิควร
ไดแก เจา พนกั งาน เปน ตน
(๒) โดยวธิ อี นั ผดิ กฎหมาย อาจจะเปน การขเู ขญ็ บงั คบั หลอกลวงกไ็ ดแ ตไ มจ าํ ตอ ง
ถึงข้ันเปนความผดิ อาญากไ็ ด
(๓) โดยอิทธิพลของตนในทางหนึ่งทางใดบีบบังคับผูถูกจูงใจ เชน อาจจะเปน
อิทธพิ ลของการเปน ภรรยา อิทธพิ ลของการเปน เจา หนี้ เปน ตน
ความมอี ทิ ธพิ ล หมายถงึ ความมอี าํ นาจในทางราชการ สงั คม หรอื ในทางครอบครวั
ตอ อกี บคุ คลหนงึ่ ซงึ่ จะทาํ ใหบ คุ คลนมี้ คี วามเกรงกลวั เชน เพราะเปน บดิ ามารดาของเจา พนกั งานทาํ ให
เจา พนกั งานตองเกรงใจ
ãËŒ¡ÃÐทํา¡ÒÃËÃ×ÍäÁ‹¡ÃÐทํา¡ÒÃã¹Ë¹ŒÒ·ÕèÍѹ໚¹¤Ø³ËÃ×Í໚¹â·Éá¡‹ºØ¤¤Åã´
การจูงใจหรือไดจูงใจบุคคลท่ีกลาวมานั้น ตองเพื่อวัตถุประสงคอยางใดอยางหนึ่ง คือ ใหผูถูกจูงใจ
หรือจะถูกจูงใจกระทําการในหนาที่อันเปนคุณหรือโทษแกบุคคลใด หรือใหไมกระทําการในหนาท่ี
อันเปน คณุ หรอื เปนโทษแกบ ุคคลใด แตไมจ าํ เปนวา ผูถูกจงู ใจจะไดทําตามท่ถี กู จูงใจนน้ั
(๑) ใหก ระทาํ การในหนา ทอ่ี นั เปน คณุ หรอื เปน โทษแกบ คุ คลใด หมายถงึ ใหป ฏบิ ตั ิ
หนา ทโ่ี ดยไมถ กู ไมค วรหรอื ปฏบิ ตั โิ ดยมชิ อบดว ยหนา ที่ แตไ มห มายถงึ การจงู ใจหรอื จะจงู ใจใหป ฏบิ ตั กิ าร
โดยชอบดวยอํานาจหนาท่ีของเจาพนักงานหรือสมาชิกประเภทน้ันๆ เชน การจูงใจใหเจาพนักงาน
จับกุมผกู ระทาํ ความผดิ ยอมไมเ ปนความผิด
การกระทําในหนาที่น้ีจะตองเปนหนาท่ีโดยตรงของเจาพนักงานหรือสมาชิกน้ันๆ
ถาจงู ใจหรอื จะจูงใจใหเ ขากระทําการในสิ่งซ่งึ มิใชหนาทโ่ี ดยตรงของเขา กไ็ มผดิ
®Õ¡Ò·èÕ õññ/òõñö การท่ีเจาพนักงานตํารวจผูจับกุมผูกระทําความผิด มีหนาท่ี
ตองเบิกความตอศาลตามความสัตยจริงในฐานะเปนพยานในคดีท่ีผูกระทําความผิดถูกฟองน้ัน
เปนหนาที่อยางเดียวกับประชาชนท่ัวๆ ไป หาใชเปนหนาท่ีโดยตรงอันสืบเนื่องมาจากการที่เปน
เจาพนักงานผูจับกุมผูกระทําความผิดไม แมจําเลยจะเรียกและรับเงินจากผูอื่นเพื่อจูงใจเจาพนักงาน
ดงั กลาวใหเบิกความผดิ ไปจากความจรงิ กไ็ มผ ดิ ตามมาตรา ๑๔๓
(๒) ใหไมกระทําการในหนาท่ีอันเปนคุณหรือโทษแกบุคคลใด หมายถึง จูงใจ
หรือจะจูงใจใหไมปฏิบัติหนาท่ีตามที่ถูกท่ีควร หนาท่ีน้ีก็ตองเปนหนาที่โดยตรงของเจาพนักงานหรือ
สมาชกิ นน้ั ๆ ดว ย ถา เขาไมม หี นา ทโี่ ดยตรงเชน นนั้ ไปจงู ใจหรอื จะจงู ใจใหเ ขาไมป ฏบิ ตั กิ ไ็ มผ ดิ หมอื นกนั
๑๕๓
®Õ¡Ò·èÕ ôòó/òõòò จําเลยเรียกเงินจากรานคาท่ีจําเลยรับจางทาํ บัญชี อางวา
จะเอาไปให ป. ผูชว ยสรรพากรไมใ หมาตรวจบญั ชที ที่ าํ ผดิ แต ป. ทาํ หนา ทีธ่ ุรการไมม หี นาท่ีตรวจสอบ
บญั ชี การกระทําของจาํ เลยไมผดิ ตามมาตรา ๑๔๓
à¨μ¹Ò ผูก ระทําจะตอ งมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ วรรค ๒ ในการเรียก รบั หรอื ยอม
จะรบั ทรัพยสินหรอื ประโยชนอ่นื ใดสําหรบั ตนเองหรอื ผอู ื่น และสําหรับการรับทรพั ยสินหรอื ประโยชน
กต็ อ งรับโดยรดู ว ยวาเขาไดใ หเ ปนการตอบแทนในการท่ีตนจะจูงใจหรือไดจูงใจเจา พนักงาน
ö. ãËŒÊ¹Ô º¹à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹
ÁÒμÃÒ ñôô ¼ŒÙã´ãËŒ ¢ÍãËŒËÃ×ÍÃѺNjҨÐãËŒ·ÃѾÂÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Íè×¹ã´á¡‹
à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÊÁÒªÔ¡ÊÀÒ¹μÔ ºÔ ÞÑ ÞÑμÔáË‹§Ã°Ñ ÊÁÒªÔ¡ÊÀҨѧËÇ´Ñ ËÃ×ÍÊÁÒªÔ¡ÊÀÒà·ÈºÒÅ à¾×Íè ¨Ù§ã¨
ãËŒ¡ÃÐทาํ ¡Òà äÁ¡‹ ÃÐทาํ ¡ÒÃËÃÍ× »ÃÐÇ§Ô ¡ÒáÃÐทําÍ¹Ñ ÁªÔ ͺ´ÇŒ Â˹Ҍ ·èÕ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจาํ ¤Ø¡äÁà‹ ¡¹Ô
ËÒŒ »‚ ËÃÍ× »ÃѺäÁà‹ ¡Ô¹Ë¹§èÖ áʹºÒ· ËÃÍ× ·§Ñé จาํ ·é§Ñ »ÃѺ
มาตรานเ้ี ปนเร่อื งบคุ คลในฐานะราษฎรใหส นิ บนเจาพนกั งาน ตา งกบั มาตรา ๑๔๒
ซ่งึ เปนกรณีบุคคลธรรมดาเรียกทรพั ยสนิ จากบคุ คลธรรมดาดวยกัน
ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô Á´Õ ѧ¹Õé
๑. ให ขอให หรือรบั วา จะให ทรัพยส ินหรือประโยชนอืน่ ใด
๒. แกเจา พนักงาน สมาชิกสภานติ ิบัญญตั แิ หงรฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรือสมาชกิ
สภาเทศบาล
๓. เจตนา
๔. เพอ่ื จงู ใจใหก ระทาํ การ ไมก ระทาํ การ หรอื ประวงิ การกระทําอนั มชิ อบดว ยหนา ท่ี
คาํ ͸ºÔ ÒÂ
คาํ วา “ãËŒ” นั้นหมายความวาใหทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใดซึ่งเจาพนักงาน
หรือสมาชิกสภาประเภทตางๆ ไดรับเอาไวแลว ซึ่งอาจจะเน่ืองมาจากเจาพนักงานฯ นั้นเรียกเอา
ผูถูกเรียกจึงไดใหไป หรือบุคคลผูไปหาเจาพนักงานนั้นใหเองโดยไมไดเรียกก็ได แตสาระสาํ คัญของ
คําวา ใหตองเปนเรือ่ งเจา พนักงานรับเอามาเปนของตนแลว
คําวา “¢ÍãËŒ” หมายความวาบคุ คลผูไ ปติดตอ กับเจา พนักงานฯ ขอใหทรัพยสิน
หรือประโยชนอ่ืนใดแกเจาพนักงานฯ เม่ือเอยปากขอใหแลวถือวาเปนการกระทาํ ในการขอใหสําเร็จ
ทันที เจาพนักงานจะไดตกปากลงคาํ วาจะรับหรือไมก็เปนการกระทาํ สําเร็จ แมเจาพนักงานจะ
ตอบปฏิเสธ ไมย อมรับตามท่ขี อให กถ็ อื วา เปนการขอใหตามความหมายดงั กลา วแลว
คําวา “ÃѺÇÒ‹ ¨ÐãË”Œ หมายความวา ผูไปตดิ ตอกับเจาพนกั งานน้ันตกลงรับวาจะให
ทรัพยสิน หรือประโยชนอื่นใดแลว การท่ีตกลงรับวาจะใหนี้เปนผลมาจากทางเจาพนักงานเปนฝาย
เรยี กรอ งหรอื รอ งขอจากผมู าตดิ ตอ หรอื โดยการจงู ใจ ดว ยประการอนื่ ใดจากผมู าตดิ ตอ และผตู ดิ ตอ นน้ั
ตกลงรับปากกับเจาพนักงานแลววาจะให การกระทําก็ถือวาสาํ เร็จแลว สวนทรัพยสินหรือประโยชน
จะไดเม่ือไรหรือไมไดเลยตามที่รับปากไว ก็ไมใชสาระสาํ คัญ แตถาบุคคลท่ีมาติดตอนั้นน่ิงเฉยเสีย
หรือปฏเิ สธเสยี เมื่อถูกเรยี กรอง กรณีเชนนไ้ี มถ ือวาเปนการรบั วาจะให ไมเปนความผิด
๑๕๔
คาํ วา “·Ã¾Ñ ÂÊ ¹Ô ËÃÍ× »ÃÐâª¹Í ¹×è ã´” นน้ั มคี วามหมายเชน เดยี วกนั กบั ทก่ี ลา วมาแลว
ในมาตรา ๑๔๓ เพียงแตการกระทําตามมาตรานี้แตกตางกับการกระทําในมาตรา ๑๔๓ ก็คือ
เร่ืองการกระทําตามมาตรา ๑๔๓ เปนการกระทําตอบุคคลธรรมดาท่ัวไปเพื่อไปจูงใจเจาพนักงานฯ
สวนการกระทําในมาตรา ๑๔๔ เปนการกระทําในการให ขอให หรือรับวาจะใหของบุคคลอ่ืนตอ
เจาพนักงาน และสมาชิกสภาหรือท่ีเรียกวาเปนการให ขอใหหรือรับวาจะใหสินบนแกเจาพนักงาน
หรือสมาชิกสภาน้นั โดยตรง
สําหรับประโยชนน้ันนอกจากท่ีกลาวมาแลวในมาตรา ๑๔๓ อาจจะมีกรณีอื่นๆ
อกี เชน ใหย มื รถยนตไ ปใชโ ดยไมต อ งเสยี คา เชา ใหอ ยบู า นโดยไมต อ งเสยี คา เชา ใหโ ดยสารรถหรอื เรอื
โดยไมต อ งเสียคา โดยสาร เปน ตน
สาํ หรับบุคคลทใ่ี ห ขอให หรอื รับจะให คือ เปน การกระทาํ ตอ เจาพนักงาน สมาชิก
สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล และหนา ทตี่ า งๆ นนั้ กม็ คี วามหมาย
อยางเดยี วกนั กับท่ีกลาวมาแลวในมาตรา ๑๔๓ จึงไมนาํ มากลาวซํา้ อีก
à¨μ¹Ò มาตรา ๑๔๔ นี้ ผกู ระทาํ มเี จตนาพเิ ศษ กลา วคอื กระทาํ โดยรสู าํ นกึ ในการให
ขอให หรือรับวาจะใหทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใดนั้นแกเจาพนักงานและสมาชิกสภาฯ โดยมีเหตุ
จงู ใจประสงคต อ ผลเปน พเิ ศษ คอื เพอื่ ใหก ระทาํ การ ไมก ระทาํ การหรอื ประวงิ การกระทาํ อนั มชิ อบดว ย
หนาที่ ฉะน้นั ถา การกระทําดังกลา วเพอ่ื ใหเ จาพนกั งาน หรอื สมาชิกสภาฯ กระทาํ การ ไมก ระทําการ
หรือประวิงการกระทํา อันชอบดวยหนาท่ีนอกเหนือหนาที่หรือเพราะไมมีหนาท่ีแลว การใหหรือขอ
ให หรือรับวาจะใหทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใดน้ันก็ไมเปนความผิดตามมาตรา ๑๔๔ น้ี แตอาจมี
ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๓ ไดใ นเมอื่ การกระทําน้นั เขาองคป ระกอบความผดิ ของมาตรา ๑๔๓
ดังไดกลาวแลววา มูลเหตุชักจูงใจน้ันตองเพ่ืออันมิชอบดวยหนาท่ี ฉะน้ัน ถามี
มลู เหตุชกั จงู ใจเพอ่ื การอนั ชอบดว ยหนาที่ ก็ยอ มไมเปน ความผดิ
(๑) ใหส นิ บนแกต าํ รวจเพอื่ ใหจ บั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ ตามอาํ นาจหนา ทย่ี อ มไมเ ปน
ความผิด
(๒) ฎีกาที่ ๓๗๐๐/๒๕๒๙ บิดาของผูตองหาคดีการพนันขอใหจําเลยชวยเหลือ
จาํ เลยเขยี นจดหมายถงึ ร.ต.ท. บ. พนักงานสอบสวน วา คดกี ารพนันน้าํ เตาปูปลาถงึ แมจะเสียทีศ่ าล
หรอื เสยี ทโี่ รงพกั กม็ คี า เทา กนั คนละไมก รี่ อ ยบาท จงึ ขอความกรณุ าใชด ลุ พนิ จิ แบบปรชั ญาทางเศรษฐกจิ
เพือ่ ไมใ หเสยี เวลาท้งั สองฝาย ทงั้ หมด ๖ คน คนละ ๓๐๐=๒,๐๐๐ บาท เปนคา บํารุงโรงพักฯ ดงั น้ีเปน
เพียงขอรองใหชวยเหลือเปรียบเทียบปรับใหคดีเสร็จไปในชั้นสถานีตํารวจ โดยไมตองใหคดีถึงศาล
เทานนั้ จําเลยไมม ีความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๔, ๑๖๗
อนง่ึ การใหส นิ บนเจา พนกั งานน้ี กฎหมายเอาผดิ ทงั้ แกผ ใู หแ ละผรู บั คอื ผใู หจ ะผดิ
ตามมาตรา ๑๔๔ สว นเจาพนกั งานผรู บั ผิดตามมาตรา ๑๔๙ และเม่อื ผูใหผิดตามมาตรา ๑๔๔ แลว
กไ็ มผ ดิ ฐานสนับสนนุ เจาพนกั งานกระทาํ ผดิ อกี
๑๕๕
®¡Õ Ò·èÕ ôóõ/òõòð ราษฎรใหสินบนเจาพนักงานเพื่อการอันมิชอบดวยหนาท่ี
เจาพนักงานรับไว ราษฎรผิดตามมาตรา ๑๔๔ เจาพนักงานผิดตามมาตรา ๑๔๙ และราษฎรไมผิด
ฐานสนับสนนุ เจา พนกั งานอีก
แตถามิใชหนาที่หรือเปนการนอกเหนือหนาที่หรือพนหนาท่ีของเจาพนักงาน
หรือสมาชิกดังกลา วก็ไมผ ดิ ฐานใหสินบนเจาพนกั งาน
®Õ¡Ò·èÕ óôò/òõðö กํานันรายงานกลาวโทษจาํ เลยไปอาํ เภอ และอาํ เภอเรียก
พยานทําการสอบสวนไปแลวพนอาํ นาจหนาท่ีของกาํ นันแลว จาํ เลยจึงใหเงินแกกาํ นันเพ่ือใหชวยไป
ติดตอ กบั เจาพนกั งานอาํ เภอ หรอื เจาพนักงานสอบสวนใหก ระทําใหคดีเสร็จไปในช้นั อําเภออยาใหถงึ
ฟองศาล ไมเปนการใหส ินบนตามมาตรา ๑๔๔
ฉะนนั้ สาระสาํ คญั ของมาตรานี้ จึงอยทู ่ีหนา ท่ี ซึง่ จะตองพจิ ารณาถึงวาหนา ทขี่ อง
เจาพนกั งานหรือสมาชิกสภาประเภทตางๆ นัน้ มหี นาที่ในการกระทาํ ตามตาํ แหนงของตนอยา งไรบาง
เวนแตเจาพนักงานบางตําแหนงซึ่งมีหนาท่ีเก่ียวกับการรักษาความสงบเรียบรอยของบานเมือง เชน
เจาพนักงานฝายตํารวจซึ่งมีหนาท่ีจับกุมผูกระทําความผิดตอกฎหมายในทางอาญาท่ัวไป เปนตน
มูลเหตจุ ูงใจตามมาตรา ๑๔๔ พอจะแยกออกพิจารณาไดดงั นี้
๑. เพ่ือใหก ระทําการอันมิชอบดว ยหนา ท่ี เชน เจา พนกั งานตํารวจจบั กมุ ผูก ระทาํ
ความผดิ แลว ขอใหเ งิน เพือ่ ใหป ลอยผูกระทําความผิดนั้น
๒. เพ่ือไมกระทําการอันมิชอบดวยหนาท่ี เชน เจาพนักงานตํารวจจะจับกุม
ผูกระทําความผดิ จงึ ขอใหเ งินแกเจา พนกั งานตาํ รวจนนั้ เพอ่ื ละเวน ไมกระทาํ การจับกุมตามหนาท่ี
๓. เพอ่ื ประวงิ การกระทาํ อนั มชิ อบดว ยหนา ท่ี เชน ใหท รพั ยส นิ แกพ นกั งานสอบสวน
ใหระงับการสอบสวนไว หรือเม่อื สอบสวนเสรจ็ แลว ใหระงับการสง สาํ นวนการสอบสวน เปนตน
®¡Õ Ò·Õè òòòñ/òõñù ใหเงินนายกเทศมนตรีจูงใจใหอนุญาตกอสรางโดยเร็ว
โดยหลกั ฐานไมเ รยี บรอ ย เปน การไมช อบดว ยอาํ นาจหนา ทขี่ องนายกเทศมนตรี ผดิ ป.อาญา มาตรา ๑๔๔
÷. ¡ÒÃáÊ´§μ¹áÅСÃзíÒ¡ÒÃ໚¹à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹
ÁÒμÃÒ ñôõ ¼ÙŒã´áÊ´§μ¹à»š¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ áÅСÃÐทํา¡ÒÃ໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹
â´Âμ¹àͧÁÔ䴌໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹·èÕÁÕอํา¹Ò¨¡ÃÐทํา¡ÒùÑé¹ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡äÁ‹à¡Ô¹Ë¹Ö觻‚
ËÃÍ× »ÃºÑ äÁà‹ ¡¹Ô ÊͧËÁ×蹺ҷ ËÃ×Í·éѧจํา·é§Ñ »ÃѺ
à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼ãŒÙ ´ä´ÃŒ ºÑ คาํ ʧÑè ÁãÔ Ë»Œ ¯ºÔ μÑ ¡Ô ÒÃμÒÁตาํ á˹§‹ ˹Ҍ ·μèÕ Í‹ ä»áÅÇŒ 处 ½Ò† ½¹„
¡ÃÐทาํ ¡ÒÃã´æ ã¹ตาํ á˹‹§Ë¹ŒÒ·Õè¹é¹Ñ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·ÉμÒÁ·èÕ¡íÒ˹´äÇŒã¹ÇÃäáá´Ø¨¡¹Ñ
มาตรานี้บัญญัติการกระทําอันเปนความผิด ๒ ความผิด คือ วรรคแรกบัญญัติ
ลกั ษณะการกระทาํ อนั เปน ความผดิ ฐานแสดงตนและกระทาํ การเปน เจา พนกั งาน วรรคทา ยเปน กรณที ี่
เจาพนกั งานไดรบั คาํ สัง่ มใิ หป ฏิบตั ิการในตําแหนงแลว ยงั ฝาฝน คาํ สงั่ อีก
๑๕๖
¤ÇÒÁ¼Ô´μÒÁÇÃäáá มอี งคประกอบของความผิดดงั น้ี
๑. แสดงตนเปน เจา พนกั งาน และกระทําการเปน เจา พนกั งาน
๒. โดยตนเองมไิ ดเปนเจา พนกั งานท่ีมอี ํานาจกระทาํ น้นั
๓. เจตนา
คาํ ͸ºÔ ÒÂ
áÊ´§μ¹à»š¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ áÅСÃÐทํา¡ÒÃ໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ การแสดงตนเปน
เจาพนักงาน คือ กระทําใหปรากฏดวยประการใดๆ วาตนเปนเจาพนักงานอาจจะโดยวาจา เชน
อางวา เปนตํารวจ ทหาร ปลัดอําเภอ เปนตน หรือแตงเคร่ืองแบบเจาพนักงาน หรือแสดงกิริยา
ทาทางใหผูอ่ืนเขาใจวาตนเปนเจาพนักงาน เชน เขาทําการจับกุมและขอตรวจคน แมจะมิไดพูดอาง
วา ตวั เองเปน เจา พนกั งาน แตก ารกระทาํ ดงั กลา วกย็ อ มทาํ ใหเ ขา ใจไดว า ผนู นั้ เปน เจา พนกั งาน นอกจาก
จะแสดงตนเปนเจาพนักงานแลว ความผิดตามมาตรานี้จะตองไดกระทําการเปนเจาพนักงานดวย
คอื ¨ÐμÍŒ §Á¡Õ ÒáÃÐทาํ ·§éÑ ò Å¡Ñ É³Ð ·§éÑ áÊ´§μ¹à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹áÅСÃÐทาํ ¡ÒÃ໹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹
®¡Õ Ò·èÕ ñð÷÷/òõðõ ป. และ ส. ไปหลอกลวงผูเสียหายวาเปนเจาพนักงาน
ขอคนบาน และคนไดแปงเช้ือสุรา แลวคุมตัวผูเสียหายไปมอบให ค. ค.แสดงตนเปนเจาพนักงาน
สรรพสามติ บอกใหผ เู สยี หายเสยี คา ปรบั ถา ไมเ สยี จะจบั สง อาํ เภอ ดงั นี้ ป. ส. และ ค. ผดิ ฐานแสดงตนเปน
เจา พนกั งาน
®¡Õ Ò·èÕ ñòðø/òõðø จําเลยมิไดเปนตํารวจ แตแสดงตนเปนตํารวจและจับกุม
ควบคุมผเู สยี หายไป ผดิ ฐานแสดงตนเปนเจาพนกั งาน
®Õ¡Ò·Õè òðùù/òõò÷ จําเลยแตงกายดังที่ตํารวจนอกเครื่องแบบแตงกันตาม
ปกติ โดยนงุ กางเกงสกี ากี สวมเสื้อคอกลมขาว คาดเข็มขัดหนังยนื ใหส ญั ญาณรถยนตบ รรทุกที่ผานไป
มาใหหยุดรถ เพ่ือตรวจตรงจุดที่รถยนตตํารวจทางหลวงจอดอยู มีตํารวจแตงเครื่องแบบนั่งอยูในรถ
ดงั น้ี จาํ เลยไดแ สดงตนและกระทาํ การเปน เจา พนกั งานตาํ รวจทางหลวงในการเรยี กตรวจรถทผี่ า นไปมา
โดยไมไ ดเปน เจาพนกั งานจรงิ มคี วามผิด ป.อ. มาตรา ๑๔๕
หากมแี ตก ารแสดงเปน เจา พนกั งานอยา งเดยี วไมไ ดก ระทาํ การเปน เจา พนกั งานดว ย
กไ็ มผ ิดฐานนี้
®¡Õ Ò·èÕ ñòñù/òõðõ จําเลยกับพวกแจงกับเจาทรัพยวาเปนเจาพนักงานจะคน
ของเถื่อน ครั้นเจาทรัพยไมยอมใหคน จําเลยกับพวกก็ปลนทรัพยของเจาทรัพยยังไมผิดฐานแสดง
ตนเปนเจาพนักงาน เพราะมิไดกระทําการเปนเจาพนักงาน เพียงแตแสดงตนเปนเจาพนักงาน
เพือ่ ปลน ทรพั ย
®¡Õ Ò·Õè óøò/òõðø จําเลยมิไดเปนตํารวจสันติบาลไดแสดงตัวเปนตํารวจ
สันติบาล ถามถึงเร่ืองคนรายแลวจดชื่อลงในสมุดพก โดยมิไดเจตนาสอบสวนจริงจัง ยังไมถือวาได
กระทาํ การเปน เจาพนกั งานไมผ ิดตามมาตรา ๑๔๕
๑๕๗
®Õ¡Ò·Õè ôðö/òõòð จําเลยพดู วา “อว๊ั เปน นายรอยตํารวจตรี คน ไมได” ไมยอม
ใหต าํ รวจคนรถที่จาํ เลยขบั มา แมจ าํ เลยมิไดเปนเจาพนกั งาน กย็ งั ไมผิดตามมาตรา ๑๔๕
®¡Õ Ò·Õè øñð/òõòð อางวาเปนตํารวจขอคนบานพอเขาไปแลวกลับขูเอาทรัพย
ไปไมเ ปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๕
â´Âμ¹àͧÁÔ䴌໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹·èÕÁÕอํา¹Ò¨¡ÃÐทํา¡ÒùÑé¹ การแสดงตนเปน
เจา พนกั งาน และกระทาํ การเปน เจา พนกั งาน ผแู สดงตนจะตอ งไมเ ปน เจา พนกั งาน ผมู อี าํ นาจกระทาํ การนนั้
เพราะหากเปนเจาพนักงาน ซ่ึงมีอํานาจกระทําการนั้นจริงๆ แลว ก็ยอมไมเปนความผิด เชน
เจาพนกั งานตาํ รวจไปแสดงตนเปน ตํารวจจับกมุ ผูกระทําความผิดตามหนาที่
สาระสําคัญของความผิดฐานแสดงตนเปนเจาพนักงาน คือ มิไดเปนเจาพนักงาน
ทมี่ อี าํ นาจกระทําการน้ันดวยเหตุนี้ แมผูแ สดงตนจะเปนเจา พนักงานจริงๆ แตไมม อี ํานาจกระทาํ การ
ตามตําแหนงที่แสดงตนนั้นก็ผิดฐานแสดงตนเปนเจาพนักงาน ความผิดฐานน้ีจึงไมจําเปนวาจะตอง
เปนราษฎรแสดงตนเปนเจาพนักงานเสมอไป แมเจาพนักงานแสดงตนเปนเจาพนักงานก็ผิดได
เหมือนกัน เชน เปนเจาพนักงานศุลกากร หรือเจาพนักงานสรรพากรไปแสดงตนเปนตํารวจจับกุม
ผลู ักลอบเลนการพนนั เปน ตน
®¡Õ Ò·èÕ ñóùô/òõñô จําเลยเปนพนักงานตีตราไมซ่ึงมิใชเปนเจาพนักงานปาไม
ผูมีอํานาจจับกุมผูกระทําผิดพระราชบัญญัติปาไม แตจําเลยไดแสดงตัววาเปนเจาพนักงานปาไม
เขาซักถาม และบันทึกจับกุมผูเสียหายวากระทําผิดพระราชบัญญัติปาไม จําเลยยอมมีความผิดฐาน
แสดงตนเปน เจาพนกั งานตามมาตรา ๑๔๕
à¨μ¹Ò ความผิดฐานนี้ผูกระทําผิดจะตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๖ วรรค ๒ คือ
ประสงคต อ ผลหรอื ยอ มเลง็ เหน็ ผลในการแสดงตนเปน เจา พนกั งาน และกระทาํ การเปน เจา พนกั งานนน้ั
¤ÇÒÁ¼´Ô μÒÁÇÃä·ÒŒ  มอี งคป ระกอบของความผิดดงั นี้
๑. เปน เจา พนักงาน
๒. ไดร บั คําสั่งมิใหป ฏิบัตกิ ารตามตําแหนง หนา ทต่ี อ ไปแลว
๓. ยงั ฝาฝนกระทําการใดในตําแหนง หนา ทนี่ นั้
๔. เจตนา
คาํ ͸ºÔ ÒÂ
໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ความผิดตามวรรคทายนี้กฎหมายจํากัดตัวผูกระทําความผิดไว
โดยเฉพาะวา ตอ งเปน เจา พนกั งานเทา นนั้ คอื ในขณะกระทาํ ความผดิ ตอ งมฐี านะเปน เจา พนกั งานอยู
และแมในกรณีลาหรือหนีราชการก็ถือวายังไมพนจากหนาที่ราชการ แตถาถูกไลออก ปลดออก
หรือใหออกเสียกอนกระทําความผิดก็ถือวาหมดสภาพการเปนเจาพนักงาน ไมอาจกระทําผิดตาม
วรรคทายน้ีได แตอ าจเปนความผิดตามวรรคแรก
๑๕๘
ä´ŒÃѺคําÊèѧÁÔãËŒ»¯ÔºÑμÔ¡ÒÃμÒÁตําá˹‹§Ë¹ŒÒ·èÕμ‹Íä»áÅŒÇ หมายความวา เดิม
เจาพนักงานผูน้ันมีอํานาจปฏิบัติการตามตําแหนงหนาที่นั้นอยู แตตอมาถูกส่ังมิใหกระทําการตาม
ตาํ แหนง หนา ทน่ี น้ั เชน ถกู ส่งั ใหพ ักราชการระหวา งสอบสวนทางวินยั
处 ½Ò† ½¹„ ¡ÃÐทาํ ¡ÒÃã´ã¹ตาํ á˹§‹ ˹Ҍ ·¹èÕ ¹Ñé หมายความวา เจา พนกั งานผนู นั้ ยงั คง
กระทําการในตาํ แหนง หนาที่โดยฝาฝน ตอคําส่งั ท่มี ิใหปฏิบตั ิการในหนา ท่ีน้นั เชน สรรพสามิตจังหวดั
ถกู สงั่ พักราชการ แตร ะหวา งนน้ั ก็ยังจบั ผตู มกลนั่ สรุ าเถ่อื นอยูตอ ไป ผิดตามวรรคนี้
à¨μ¹Ò ความผิดในวรรคทาย ผูกระทําจะตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ วรรค ๒
ประกอบกับตองรูขอเท็จจริงอันเปนองคประกอบของความผิดตามมาตรา ๕๙ วรรค ๓ ดวย คือ
ตอ งรูถงึ คําสงั่ ทีม่ ิใหป ฏิบัติการตามตําแหนงหนา ทีต่ อไปน้นั ถาไมรกู ไ็ มถือวามีเจตนากระทาํ ความผิด
®Õ¡Ò·èÕ øðô/òôøö จําเลยเปนตํารวจประจําการไดห นีราชการไป ทางราชการมี
คําสั่งไลจําเลยออกแลว แตจําเลยมิไดทราบคําสั่งไลออกของทางราชการ จําเลยไดแตงเคร่ืองแบบ
ตํารวจไปจับกุมผูกระทําความผิดกฎหมาย ดังนี้จําเลยเชื่อโดยบริสุทธ์ิใจวามีสิทธิแตงเครื่องแบบตํารวจ
ได เพราะจําเลยมไิ ดรับหรอื ทราบคาํ สง่ั ไลอ อก การกระทําของจาํ เลยจึงขาดเจตนายงั ไมเ ปน ความผิด
ø. á짋 à¤ÃÍè× §áººâ´ÂäÁÁ‹ ÕÊÔ·¸Ô
ÁÒμÃÒ ñôö ¼ÙŒã´äÁ‹ÁÕÊÔ·¸Ô·Õè¨ÐÊÇÁà¤Ã×èͧẺ ËÃ×Í»ÃдѺà¤Ãè×ͧËÁÒ¢ͧ
à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¹μÔ ºÔ ÞÑ ÞμÑ áÔ Ë§‹ Ã°Ñ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¨§Ñ ËÇ´Ñ ËÃÍ× ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒà·ÈºÒÅËÃÍ× äÁÁ‹ ÊÕ ·Ô ¸Ô
㪌ÂÈ ตาํ á˹‹§ à¤ÃÍ×è §ÃÒªÍÊÔ ÃÂÔ ÒÀó ËÃÍ× Ê§Ôè ·ÕèËÁÒ¶֧à¤Ã×Íè §ÃÒªÍÊÔ ÃÂÔ ÒÀó ¡ÃÐทาํ ¡ÒÃઋ¹¹éÕ
à¾Íè× ã˺Œ ¤Ø ¤Å͹è× àªÍ×è ÇÒ‹ μ¹ÁÊÕ ·Ô ¸μÔ ÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจาํ ¤¡Ø äÁà‹ ¡¹Ô ˹§èÖ »Ë‚ ÃÍ× »ÃºÑ äÁà‹ ¡¹Ô ÊͧËÁ¹è× ºÒ· ËÃÍ×
·Ñé§จาํ ·§Ñé »ÃºÑ
มาตรานมี้ คี วามผดิ ๒ ฐานความผดิ ดว ยกนั คอื ฐานแรกแตง เครอ่ื งแบบโดยไมม สี ทิ ธิ
และฐานทส่ี องใชย ศ ตาํ แหนง เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณโ ดยไมม สี ทิ ธิ ซง่ึ จะแยกอธบิ ายแตล ะฐานความผดิ ไป
¤ÇÒÁ¼´Ô áá มอี งคประกอบของความผดิ ดังนี้
๑. สวมเครอื่ งแบบหรอื ประดบั เครอื่ งหมายของเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั ิ
แหงรัฐ สมาชกิ สภาจงั หวดั หรือสมาชกิ สภาเทศบาล
๒. โดยไมม ีสทิ ธิ
๓. เจตนา
๔. เพอื่ ใหบุคคลอื่นเช่ือวาตนมีสทิ ธิ
คํา͸ԺÒÂ
ÊÇÁà¤Ãè×ͧẺËÃ×Í»ÃдºÑ à¤Ã×Íè §ËÁÒ¢ͧà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÊÁÒªÔ¡ÊÀÒ¹ÔμÔºÑÞÞÑμÔ
á˧‹ Ã°Ñ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¨§Ñ ËÇ´Ñ ËÃÍ× ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒà·ÈºÒÅ เครอื่ งแบบและเครอื่ งหมายนี้ ตอ งเปน เครอื่ งแบบ
และเครอื่ งหมายทก่ี ฎหมายกาํ หนดขนึ้ แตกตา งกนั ไปตามประเภทของขา ราชการ หรอื สมาชกิ ดงั กลา ว
เครื่องแบบอาจมีหลายชนิด เชน เคร่อื งแบบปกติ เคร่ืองแบบตรวจการ เครือ่ งแบบเตม็ ยศ เปนตน
๑๕๙
ÊÇÁà¤Ãè×ͧẺ หมายถึง แตงกายดวยเคร่ืองแบบของเจาพนักงาน สมาชิกสภา
นติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล แมจ ะสวมไมค รบทกุ ชนิ้ ของเครอ่ื งแบบ
ทกี่ ฎหมายกําหนดไวก ็นา จะเปน ความผดิ แลว
»ÃдºÑ à¤ÃÍ×è §ËÁÒ คอื ใชเ ครอื่ งหมายทแี่ สดงถงึ การเปน เจา พนกั งานสมาชกิ สภา
นติ บิ ญั ญตั ิแหงรฐั สมาชิกสภาจงั หวัด หรอื สมาชิกสภาเทศบาล
การสวมเครอ่ื งแบบและประดบั เครอ่ื งหมายอนั จะเปน ความผดิ ตามมาตรานี้ กฎหมาย
จํากัดเฉพาะเคร่ืองแบบและเคร่ืองหมายของบุคคลที่กําหนดไว ๔ ประเภทเทานั้น ไมหมายความถึง
เครื่องแบบและเครื่องหมายของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยหรือสมาชิกสมาคมหรือครุยปริญญาตางๆ
แตการใชเคร่ืองแบบและเครื่องหมายของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย หรือใชครุยปริญญาอาจเปน
ความผดิ ตามกฎหมายเฉพาะของมหาวิทยาลัยนั้นๆ เชน ผิดตามพระราชบัญญัติมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัย
ธรรมาธิราช มาตรา ๓๗ เปน ตน แตไ มผดิ ตามมาตรา ๑๔๖ น้ี
â´ÂäÁ‹ÁÕÊÔ·¸Ô การสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายดังกลาวน้ัน ผูกระทํา
จะตองไมมีสิทธิท่ีจะสวมหรือประดับได คือ ไมมีสิทธิสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายที่ตน
เอามาใช เชน เปนตํารวจแตไ ปสวมเครอ่ื งแบบหรือเครอ่ื งหมายของพนกั งานอัยการ หรือของสมาชกิ
สภานิตบิ ัญญตั ยิ อ มผิดตามมาตราน้ี
à¨μ¹Ò ผกู ระทาํ ตอ งมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ วรรค ๒ ประกอบกบั ตอ งรขู อ เทจ็ จรงิ
อนั เปน องคประกอบของความผิดตามมาตรา ๕๙ วรรค ๓ ดว ย คือ รูว า ตนไมม สี ิทธสิ วมเครือ่ งแบบ
หรือประดบั เคร่ืองหมายนนั้ ๆ ได
à¾è×ÍãËŒºØ¤¤ÅÍ×è¹àªè×ÍÇ‹Òμ¹ÁÕÊÔ·¸Ô เปนมูลเหตุชักจูงใจหรือเจตนาพิเศษในการ
กระทาํ คอื นอกจากจะมเี จตนาดงั ทกี่ ลา วมาแลว ผกู ระทาํ จะตอ งมมี ลู เหตจุ งู ใจหรอื ความมงุ หมายทจี่ ะให
บุคคลอื่นเชอ่ื วาตนมสี ทิ ธโิ ดยชอบท่จี ะแตงเครอ่ื งแบบหรือประดบั เครอ่ื งหมายนน้ั ๆ ดวย เม่อื กระทํา
โดยมเี จตนาพเิ ศษนี้แลว เปนความผดิ สําเร็จ ไมตอ งปรากฏวามีผูอื่นเชือ่ เชน น้นั
®Õ¡Ò·èÕ ö÷ð/òõòñ จําเลยเปนพลตํารวจประดับเครื่องหมายยศสิบตํารวจโท
เพื่อใหบ ุคคลอืน่ เชือ่ วาตนมสี ทิ ธใิ ชย ศสบิ ตํารวจโทเปน ความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๖
¤ÇÒÁ¼Ô´·ÕèÊͧ ใชยศ ตําแหนง เครื่องราชอิสริยาภรณโดยไมมีสิทธิ ความผิดนี้
มอี งคป ระกอบของความผิดดังน้ี
๑. ใชยศ ยศ หมายถึง ยศที่มีกฎหมายบัญญัติไว ซึ่งปจจุบันก็มียศทหารและ
ยศตาํ รวจเทานนั้ ยศนี้เริ่มแตนายสบิ ไปจนถึงนายรอ ย นายพนั นายพล และจอมพล การใชย ศคอื
แสดงใหป รากฏวา มยี ศ อาจจะโดยการพดู เขยี นหรอื พมิ พเ ปน ลายลกั ษณอ กั ษรกไ็ ด เชน พมิ พน ามบตั ร
บอกวาตนเองมียศเปน รอ ยเอก
๒. ใชต าํ แหนง ตาํ แหนง หมายถงึ ตาํ แหนง ตามทม่ี กี ฎหมายบญั ญตั ไิ ว เชน รฐั มนตรี
ปลดั กระทรวง รองปลดั กระทรวง อธบิ ดี ผอู าํ นวยการกอง หวั หนา กอง กาํ นัน ผใู หญบาน เปน ตน
๑๖๐
สวนตาํ แหนง ในราชการทหารและตาํ รวจ ก็มีกฎหมายกาํ หนดไวตา งหาก เชน ผบู ัญชาการทหารสงู สดุ
ผูบัญชาการทหารบก เปนตน การใชตําแหนงก็หมายถึงการกระทําท่ีแสดงใหปรากฏวาตนมีตําแหนง
อยางใดอยางหนึง่ เชน พดู วาเปน ผใู หญบาน
๓. ใชเครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ เครือ่ งราชอิสริยาภรณ หมายถงึ เหรียญตราตางๆ
ทก่ี าํ หนดขน้ึ ตามกฎหมาย วา ดว ยเครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ ซงึ่ พระมหากษตั รยิ ท รงพระราชทานแกบ คุ คล
เพอ่ื เปน ความหมายแสดงเกยี รตยิ ศและบาํ เหนจ็ ความดคี วามชอบ เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณม ชี อื่ ตา งๆ กนั
เชน เบญจมาภรณมงกุฎไทย เบญจมาภรณชางเผือก เปนตน การใชเครื่องราชอิสริยาภรณ เชน
นําเอาเครือ่ งอิสริยาภรณม าประดบั ท่ีเครื่องแตงกาย
๔. ใชสิ่งท่ีหมายถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ ส่ิงที่หมายถึงเคร่ืองราชอิสริยาภรณ
เชน แพรแถบ หรอื อกั ษรยอ ของเครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ การใชส ง่ิ ทหี่ มายถงึ เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ เชน
ประดบั แพรแถบเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณท อ่ี กเสอ้ื หรอื ใชอ กั ษรยอ ของเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณต ามหลงั ชอื่
เปน ตน
การใชย ศ ใชต าํ แหนง เพียงใชอยา งใดอยางหน่ึงกผ็ ดิ แลว แตยศหรือตําแหนง นน้ั
ตองเปนยศหรือตําแหนงที่มีกฎหมายกําหนดไว หากมิใชยศหรือตําแหนงตามกฎหมายแลว ผูใชยอม
ไมผิด
®¡Õ Ò·Õè ñòò÷/òô÷ù จําเลยพูดแกคนท่ัวไปวา เปนพนักงานตํารวจสันติบาล
คําวา ตาํ รวจสันติบาลไมใ ชย ศหรอื ตาํ แหนง จึงไมใชก ารใชย ศ หรอื ตาํ แหนง ไมเปนความผดิ
â´ÂäÁÁ‹ ÕÊÔ·¸Ô หมายความวา การใชย ศ ตาํ แหนง เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ หรอื สงิ่ ท่ี
หมายถงึ เครื่องราชอิสรยิ าภรณ ผูใ ชต อ งไมมีสิทธโิ ดยชอบทจ่ี ะใชได เชน ถูกไลออกหรือปลดออกจาก
ราชการไปแลว แตถาเกี่ยวกับยศทหาร หรือตํารวจ จะตองมีการถอดยศดวย ถายังไมมีการถอดยศ
แมจะถกู ไลอ อกจากราชการ ก็ยังมสี ิทธิใชย ศไดอ ยู
®Õ¡Ò·èÕ øùù/òôùø นายสิบตํารวจถูกปลดออกจากราชการ แตไมมีคําสั่งให
ถอดยศดว ย ใชน ามตําแหนงยศน้ันวาเปน นายสบิ ตํารวจสันติบาล ไมเ ปน ความผดิ
®Õ¡Ò·èÕ ñðòò/òõòõ ตาํ รวจซ่งึ หนีจากราชการไป แตย งั ไมมีคําสงั่ ปลดออกจาก
ราชการ ยงั ไมพ น จากตาํ แหนง จึงมสี ทิ ธจิ ะใชนามตาํ แหนง และเคร่ืองแบบตํารวจได
สาํ หรับองคประกอบภายใน คือ เจตนาและมลู เหตุชกั จูงใจ เพ่อื ใหบุคคลอ่นื เช่ือวา
ตนมีสิทธินั้น มีความหมายเชนเดียวกับที่อธิบายมาแลวในความผิดฐานแรกจึงขอใหเปรียบเทียบ
จากท่อี ธิบายมาแลว
๑๖๑
¤ÇÒÁ¼´Ô μÍ‹ ตาํ á˹§‹ ˹Ҍ ·ÃèÕ Òª¡ÒÃ
ñ. ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ÂÑ¡ÂÍ¡
ÁÒμÃÒ ñô÷ ¼ãŒÙ ´à»š¹à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÁÕ˹ŒÒ·Õè«é×Í ทาํ ¨Ñ´¡Òà ËÃÍ× Ã¡Ñ ÉÒ·Ã¾Ñ Âã´
àºÂÕ ´º§Ñ ·Ã¾Ñ ¹ ¹Ñé ໹š ¢Í§μ¹ ËÃÍ× à»¹š ¢Í§¼ÍŒÙ ¹×è â´Â·¨Ø ÃμÔ ËÃÍ× â´Â·¨Ø ÃμÔ ÂÍÁã˼Œ ÍÙŒ ¹è× àÍÒ·Ã¾Ñ Â¹ ¹éÑ àÊÂÕ
μÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤¡Ø μ§éÑ áμË‹ ÒŒ »¶‚ §Ö ÂÊÕè ºÔ »‚ ËÃÍ× จํา¤¡Ø μÅÍ´ªÇÕ μÔ áÅÐ»ÃºÑ μ§Ñé áμË‹ ¹§Öè áʹºÒ·¶§Ö ÊáÕè ʹºÒ·
ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Áմѧ¹éÕ
๑. เปน เจา พนกั งาน
๒. มีหนาทซ่ี อื้ ทํา จดั การ หรอื รักษาทรพั ยใด
๓. เบียดบังเอาทรัพยสินนั้นเปนของตน หรือเปนของผูอื่นหรือยอมใหผูอ่ืน
เอาทรัพยนนั้ เสีย
๔. เจตนา
๕. โดยทุจรติ
คํา͸ԺÒÂ
໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ตามความหมายของบทนิยาม มาตรา ๑ (๑๖) “เจาพนักงาน”
หมายถงึ
(๑) ผูท่ีมีกฎหมายบัญญัติไวใหเปนเจาพนักงาน เชน พ.ร.บ.คณะสงฆบัญญัติให
ไวยาวจั กรเปน เจา พนกั งาน หรือ
(๒) ผูทีไ่ ดรบั แตงต้ังตามกฎหมายใหปฏิบัตหิ นาท่รี าชการ ไมวา มหี นาที่ประจาํ หรอื
ชวั่ คราวและไมว า จะไดร บั คา ตอบแทนหรือไม
ÁÕ˹ŒÒ·Õè«é×Í ทาํ ¨Ñ´¡Òà ËÃ×ÍÃÑ¡ÉÒ·ÃѾÂã´ แมผูกระทาํ ผิดจะเปนเจาพนักงาน
แตจะผิดตามมาตรานี้ได ผูกระทาํ ผิดจะตองมีหนาที่ทาํ อยางใดอยางหน่ึงดังตอไปน้ี (๑) หนาที่ซ้ือ
(๒) หนาที่ทาํ (๓) หนาที่จัดการ หรือ (๔) หนาที่รักษาทรัพย หากไมมีหนาท่ีดังกลาว ก็ไมผิดตาม
มาตรา ๑๔๗
®¡Õ Ò·èÕ òòø/òõóô ความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗ ผูกระทําผิดตองมีหนาท่ี
จดั การหรอื รกั ษาทรพั ยแ ลว เบยี ดบงั เอาทรพั ยน นั้ โดยทจุ รติ จาํ เลยท่ี ๑ เปน เจา พนกั งานตาํ รวจตาํ แหนง
เจาหนาท่ีสายตรวจ มิไดมีหนาที่จัดการหรือรักษาเล่ือยยนตของกลางซึ่งนายดาบตํารวจ ส. เปน
ผูเก็บรกั ษา การทีจ่ ําเลยท่ี ๑ ลกั เลอ่ื ยยนตดังกลาวไปจึงไมมคี วามผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗
®Õ¡Ò·èÕ ùõø/òõóô จําเลยมีหนาที่รับเงินจากลูกจางช่ัวคราวที่ทาํ หนาท่ีรับเงิน
คา ภาษีบํารุงทอ งท่ี เม่ือจําเลยรบั เงนิ แลว ตองมหี นาทีล่ งบญั ชดี ว ย ยอมถอื ไดวา จําเลยมีหนาที่จัดการ
หรือรักษาทรัพยต าม ป.อ.มาตรา ๑๔๗ แลว เมอ่ื จาํ เลยมีเจตนาเบยี ดบงั ยกั ยอกเอาเงินคา ภาษีบาํ รุง
ทอ งทไ่ี วเ ปน ประโยชนข องจาํ เลยแลว แมต อ มาจําเลยจะนําเงนิ มาลงบญั ชแี ละฝากธนาคารจนครบถว น
ตามระเบียบกไ็ มทําใหการกระทาํ ของจาํ เลยทีเ่ ปน ความผิดแลวกลบั ไมเปนความผดิ
๑๖๒
หนาทน่ี ี้อาจเปน หนา ทีท่ ีก่ ฎหมายกาํ หนดไว หรือโดยคําสั่งหรอื การมอบหมายของ
ผซู ง่ึ มอี าํ นาจสง่ั หรอื มอบหมายหนา ทเ่ี ชน นน้ั ได เชน ปลดั กง่ิ อาํ เภอสงั่ ใหพ นกั งานบญั ชปี ระจาํ กง่ิ อาํ เภอ
รับผิดชอบจัดเก็บภาษีบํารุงทองที่ นายอําเภอมอบหมายใหปลัดอําเภอเปนเจาหนาท่ีแผนกทะเบียน
อาวุธปน อาจารยใหญมอบหมายใหอาจารยท่ีทําหนาท่ีสอนหนังสือ ทําหนาท่ีหัวหนาแผนกการเงิน
ผูบังคับการตํารวจภูธรเขตมีคําส่ังใหตํารวจประจํากองกํากับการ ตํารวจภูธรจังหวัดทําหนาท่ีผูชวย
เสมียนทะเบียนยานพาหนะ เมื่อรับเงินภาษีหรือคาธรรมเนียมหรือเงินคาจําหนายผลิตผลหรือเงิน
คาภาษรี ถยนตและยานพาหนะ แลวยักยอกเสยี ก็ผิดตามมาตรานี้
ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ μŒÍ§à»š¹¡ÒáÃÐทาํ ã¹Ë¹ÒŒ ·èÕÃÒª¡Òà หากเปน กิจการ
สวนตัวหรอื กิจการอน่ื อนั ไมเ กี่ยวกับหนาที่ราชการแลว ก็ไมเขาตามมาตราน้ี
®Õ¡Ò·Õè òó÷ø/òõòò เจา พนกั งานรบั ฝากเงนิ จากผอู นื่ ไวเ ปน การสว นตวั มไิ ดร บั ไว
เน่ืองในการปฏิบัติหนาท่ีราชการ เงินดังกลาวจึงมิใชทรัพยที่เจาพนักงานผูนั้นมีหนาที่ตองจัดการ
หรอื รกั ษาตามความหมายของมาตรา ๑๔๗
®Õ¡Ò·èÕ óðóñ/òõñ÷ เจาพนักงานรักษาเงินที่เทศบาลมอบใหเพื่อจัดเปนเงิน
สวสั ดกิ ารใหข า ราชการกยู มื ถอื วา เปน กจิ การสว นตวั ไมเ กยี่ วกบั ราชการเชน กนั การทเ่ี จา พนกั งานผนู น้ั
ไดรับแตงต้ังใหรักษาเงินดังกลาวจึงไมเปนการปฏิบัติราชการตามตําแหนงหนาที่ หากยักยอกเงินน้ัน
กไ็ มผ ิดตามมาตรา ๑๔๗ คงผดิ ฐานยักยอกตามมาตรา ๓๕๒
®Õ¡Ò·Õè ò÷òù/òõóò เจา พนกั งานตาํ รวจประจาํ กองกาํ กบั การตาํ รวจภธู รจงั หวดั
ตาํ แหนง หวั หนา เสมยี นคดมี หี นา ทเี่ กบ็ รกั ษาของกลาง ไดต รวจรบั กญั ชาของกลางและลงลายมอื ชอื่ ใน
สาํ เนาบัญชีของกลางกับสําเนานาํ สงของกลางของสถานีตํารวจภธู รอําเภอ แตไ มลงบญั ชขี องกลางใน
คดีอาญาของกองกํากับการ เพ่ือเปนหลักฐานวามีการรับกัญชาของกลางรายน้ีแลวเมื่อเบียดบังเอา
กญั ชาน้ันเปนของตนหรือผอู ่ืนโดยทจุ ริตยอมมีความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗
«Íé× หมายถงึ ซอื้ เพอื่ ใชใ นทางราชการ เชน ซอ้ื เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช เครอ่ื งเขยี น หรอื
อปุ กรณต า งๆ สาํ หรบั ใชใ นหนว ยราชการ ซงึ่ เมอ่ื ซอื้ แลว กต็ อ งดแู ลรกั ษาและเบกิ จา ยแกผ ขู อเบกิ ตอ ไป
˹Ҍ ·ãèÕ ¹¡ÒÃทาํ อาจจะทาํ ขนึ้ ใหมท งั้ ชนิ้ รวมทง้ั ซอ มแซม เปลย่ี นแปลงแกไ ขดว ย เชน ทาํ เครอ่ื งยนตข นึ้ ใหม
หรอื ซอมแซมเครื่องยนต เครือ่ งพิมพท ี่ชาํ รดุ เปนตน
ทรัพยซ่ึงอยูในหนาท่ีของเจาพนักงานนี้ จะเปนทรัพยของเอกชนหรือของราชการ
กไ็ ด เชน ของกลางท่ีเจา พนกั งานยดึ มาจากเอกชนเพือ่ เปนหลักฐานในคดี สวนทรัพยข องทางราชการ
อาจเปน ทรพั ยท่ีไดจากการขายสิ่งของหรือเกบ็ คา ธรรมเนยี ม คา ภาษี ซ่ึงจะตอ งสงคลงั ตอ ไป เชน เงิน
ทไี่ ดจ ากการขายสกุ รซงึ่ นกั โทษในเรอื นจาํ เลย้ี ง เงนิ คา ธรรมเนยี มรถเรว็ ทพี่ นกั งานหา มลอ ของการรถไฟ
ไดจ ากการขายตว๋ั แกผ โู ดยสาร แมจ ะมกี ารขดู ลบตว๋ั คา ธรรมเนยี มซงึ่ มเี ครอื่ งหมายแสดงวา ใชไ มไ ดแ ลว
เพอื่ ใหใ ชไ ดอ กี กต็ าม และจะเปน เงนิ ในงบประมาณแผน ดนิ หรอื นอกงบประมาณกไ็ ด เชน เงนิ ศาสนสมบตั ิ
แมจ ะนอกงบประมาณแผน ดิน ถา เบิกมาตามหนา ที่แลว ยกั ยอกเสยี กผ็ ดิ ตามมาตรานี้
๑๖๓
®¡Õ Ò·Õè óòòô, óòòõ/òõò÷ จําเลยมีหนาท่ีรับคําขอจดทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรมการรับโอนมรดกและการซื้อขายท่ีดิน เก็บเงินคาธรรมเนียมและรวบรวมสงมอบให
เจาหนาท่ีการเงินของสํานักงานท่ีดิน การท่ีจําเลยรับเงินคาธรรมเนียมไวแลวไมรวบรวมสงมอบแก
เจา หนา ทกี่ ารเงนิ แตก ลบั เบยี ดบงั เอาไวเ ปน ของตน จงึ เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗ ซงึ่ เอาผดิ แก
เจา พนกั งานทเ่ี บยี ดบงั เอาทรพั ยท ต่ี นไดม าหรอื ถอื ไวเ พอื่ จดั การตามหนา ท่ี ไมใ ชเ อาผดิ เฉพาะวา ทรพั ยน นั้
จะตองเปนกรรมสิทธิ์ของทางราชการหรือของรัฐ การที่จําเลยปลอมเอกสารและใชเอกสารปลอม
ก็โดยมีเจตนาท่ีจะใชเปนหลักฐานในการเบียดบังยักยอกเงินคาธรรมเนียม การกระทําของจําเลย
จงึ เปน กรรมเดยี วเปน ความผดิ ตอ กฎหมายหลายบทตอ งลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๗ ซง่ึ เปน บทหนกั
ทสี่ ดุ
àºÂÕ ´ºÑ§àÍÒ·ÃѾ¹¹éÑ à»¹š ¢Í§μ¹ËÃÍ× à»¹š ¢Í§¼ÙŒÍ¹è× ËÃ×ÍÂÍÁãËŒ¼ÙŒÍ×è¹àÍÒ·ÃѾ¹éѹàÊÂÕ
ทีจ่ ะเปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ เจาพนกั งานผูมหี นา ทดี่ งั กลา วมาแลว จะตองกระทําการอยางใด
อยางหน่ึง คือ (๑) เบียดบังเอาทรัพยนั้นเปนของตนหรือเปนของผูอื่น หรือ (๒) ยอมใหผูอื่น
เอาทรพั ยน นั้ เสีย
(๑) เบยี ดบงั เอาทรพั ยน น้ั เปน ของตนหรอื เปน ของผอู น่ื เบยี ดบงั แสดงวา ผกู ระทาํ
ตอ งครอบครองทรพั ยน น้ั อยู แลว เอาทรพั ยน น้ั เปน ของตนเสยี เชน เอาไปใชส อย ขายหรอื จาํ นาํ เปน ตน
พลตํารวจรับมอบปน และกระสนุ ปน ไปปฏบิ ตั ิราชการ ถือวามหี นาทีต่ อ งรักษาส่ิงเหลา น้นั เมื่อเอาไป
จํานําเสีย ก็เปนการเบียดบังเอาทรัพยนัน้ เปน ของตน
การเบยี ดบงั กฎหมายมไิ ดจ าํ กดั วา จะตอ งเบยี ดบงั เพอื่ ตนเทา นน้ั แมจ ะเบยี ดบงั
เปนของผูอื่นก็ผิด เชน เจาพนักงานตํารวจไดรับมอบหมายจากผูบังคับบัญชาใหใชและรักษาปน
และกระสุนปน แลวเบียดบงั เอาปน และกระสุนปน นน้ั ไปใหผ อู ืน่ เสีย
มาตรา ๑๔๗ แหง ประมวลกฎหมายอาญามขี อ ความวา àºÂÕ ´º§Ñ ·Ã¾Ñ ¹ ¹Ñé ໹š
¢Í§μ¹ËÃÍ× ¢Í§¼ÍŒÙ ¹è× ไมใ ชแ ตเ พยี งเอาทรพั ยน น้ั เปน ประโยชนช วั่ คราวแลว คนื ให เชน เอาทรพั ยข องคนอน่ื
ไปจํานําแลวไถคืนมาไมเปนยักยอก แตถาเปนการเอาเงินที่ตนมีหนาที่รักษาไวไปใหผูอ่ืนยืม
เปนความผิด ตามมาตรา ๑๔๗ เพราะกรณีนี้เปนโภคยทรัพยคือเอาเงินไปใหคนอ่ืนยืมเปนการโอน
กรรมสทิ ธิ์ จึงเปน การเอาเปน ของตนและของผอู นื่ ไมใ ชเอาไปเปน ประโยชนชวั่ คราว จึงเปนยักยอกได
(๒) ยอมใหผ ูอื่นเอาทรัพยน ั้นเสยี มาตรา ๑๔๗ นี้ ยังขยายกวางไปถึงการยอมให
ผูอ่ืนเอาทรัพยท ต่ี นมีหนา ทซ่ี ื้อ ทํา จดั การ หรือรกั ษานน้ั ไปดว ย
®¡Õ Ò·èÕ óôñ/òõñò จําเลยเปนพลทหารเรือประจําการมีหนาที่ขับรถยนตของ
ราชการทหารเรอื จงึ เปน เจา พนกั งานมหี นา ทจ่ี ดั การ ใชแ ละรกั ษานาํ้ มนั รถทจี่ าํ เลยทาํ หนา ทข่ี บั นนั้ ดว ย
การทจ่ี ําเลยยอมใหบ คุ คลอืน่ ดดู เอานา้ํ มนั รถไป เปนความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗
กรณีน้ีถา จาํ เลยดดู เอาน้ํามนั รถเปน ของตนเสีย ก็เปน การเบียดบงั เอาเปน ของตน
ผดิ ฐานเจา พนักงานยักยอกนเ้ี ชนกัน
๑๖๔
à¨μ¹Ò การเบยี ดบงั ทรัพยห รือยอมใหผ อู น่ื เอาทรพั ยเปนของตน ผกู ระทาํ จะตอง
กระทําโดยเจตนา คือเจตนาธรรมดาตามมาตรา ๕๙
â´Â·¨Ø ÃμÔ ความผดิ ฐานเจา พนกั งานยกั ยอกทรพั ย นอกจากผกู ระทาํ จะตอ งมเี จตนา
ธรรมดาตามมาตรา ๕๙ แลว จะตอ งมีเจตนาพเิ ศษโดยทจุ ริตดว ย หากผูก ระทําไมม เี จตนาทจุ ริตแลว
กไ็ มผดิ ฐานนี้
®¡Õ Ò·èÕ ñøôõ/òõñ÷ จําเลยเปนเสมียนศาล ไดรับคําสั่งใหทําหนาที่ปลดเผา
สํานวน จําเลยเอาแสตมปฤชากรเกาทใ่ี ชแลวซึง่ จะตอ งเผาไปเปนจํานวนมาก แตไ มป รากฏวา จาํ เลยมี
เจตนาทุจริต ไมผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ แตผดิ ตามมาตรา ๑๕๘
®¡Õ Ò·Õè ô÷ó/òõò÷ สารวตั รใหญสง่ั ใหจ าํ เลยทําหนา ท่ีเกบ็ รักษาเงินประกันตวั
ผูตองหาของสถานีตาํ รวจ การที่จําเลยนําเงินดังกลาวไปฝากพี่สาว มิไดนาํ มาเก็บไวในตูนิรภัยของ
ทางราชการ หรือหากไมมีตูนิรภัย ควรจะเก็บเงินอยางใด จําเลยก็จะตองขอคาํ สั่งจากผูบังคับบัญชา
พฤติการณแสดงวาจาํ เลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินน้ันเปนของตนหรือเปนของผูอ่ืน แมจาํ เลยจะนาํ
เงินมาคืนในภายหลัง ก็มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๗
®¡Õ Ò·èÕ òñ÷õ/òõòù จาํ เลยเปน ตาํ รวจ มคี าํ สง่ั กองกาํ กบั การตาํ รวจภธู รทจ่ี าํ เลย
สงั กดั กาํ หนดใหจ าํ เลยเปน เจา หนา ทคี่ วบคมุ การกอ สรา งซอ มแซมสถานทรี่ าชการและมหี นา ทจี่ าํ หนา ย
แบบแปลนการกอ สรา ง เขยี นใบเสรจ็ รบั เงนิ เสนอรองผกู าํ กบั การตาํ รวจภธู รตน สงั กดั ลงชอื่ เปน ผรู บั เงนิ
และนาํ เงนิ ทจ่ี าํ หนา ยแบบแปลนกอ สรา งไดส ง มอบแกส มหุ บ ญั ชกี องกาํ กบั การฯ เพอ่ื สง เปน รายไดข อง
แผนดินตอไป จําเลยมิไดนําเงินท่ีจําหนายแบบแปลนการกอสรางไดสงมอบเปนรายไดของแผนดิน
ตามระเบียบจนพนักงานตรวจเงินแผนดินตรวจสอบพบและแนะนําใหจําเลยนําเงินดังกลาวสงคลัง
จําเลยจงึ ปฏิบัติตาม ดังน้ี ถือไดวาจําเลยละเวน การปฏบิ ตั หิ นาที่และเบยี ดบงั เอาทรัพยด งั กลา วเปนของตน
โดยทจุ รติ มีความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗, ๑๕๗, ๑๕๘ แตเมอ่ื การกระทาํ ของจาํ เลยเปน ความผิด
ตามมาตรา ๑๔๗ ซ่ึงเปนบทเฉพาะของมาตรา ๑๕๗ แลว การกระทําน้ันก็ไมเปนความผิดตาม
มาตรา ๑๕๗ ซ่งึ เปน บททว่ั ไปอกี
กอนจะจบการอธิบายความผิดฐานเจาพนักงานยักยอกตามมาตรา ๑๔๗ ก็มี
ขอ สงั เกตอยบู างประการเพราะความผดิ ตามมาตรานใ้ี กลเ คยี งกบั ความผดิ ในมาตราอนื่ ๆ อกี บางมาตรา
(๑) ความผดิ ฐานเจา พนกั งานยกั ยอก สว นหนง่ึ เปน การกระทาํ ความผดิ ฐานยกั ยอก
ตามมาตรา ๓๕๒ นน่ั เอง ตา งกนั เฉพาะตวั ผกู ระทาํ ผดิ ซงึ่ ผกู ระทาํ ผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ จาํ กดั วา จะตอ ง
เปน เจาพนกั งานซงึ่ มีหนาทซี่ ้ือ ทํา จัดการหรือรักษาทรพั ยใ ด ฉะน้นั ถา การกระทําไมผดิ ตามมาตรา
๑๔๗ กอ็ าจผดิ ฐานยักยอกธรรมดาตามมาตรา ๓๕๒
(๒) มาตรา ๑๔๗ กับมาตรา ๑๕๑ เปนกรณีเจาพนกั งานผูมหี นา ทีซ่ ้อื ทาํ จัดการ
หรอื รกั ษาทรพั ยใ ด กระทาํ ผดิ ตอ หนา ทท่ี งั้ สองมาตรา แตม ลี กั ษณะตา งกนั คอื ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗
เปนเร่ืองเบียดบังตัวทรัพยท่ีอยูในหนาที่ หรืออีกนัยหน่ึงเอาตัวทรัพยท่ีอยูในความครอบครอง
๑๖๕
ไปเปนประโยชน สวนความผิดตามมาตรา ๑๕๑ ผูกระทํามิไดเอาตัวทรัพยที่อยูในหนาที่ไว
เปนประโยชนหรือเอาตัวทรัพยนั้นเสีย หากแตอาศัยหนาที่ท่ีตนมีเกี่ยวกับทรัพยอันใดอันหนึ่ง
หาประโยชนอ น่ื นอกเหนอื จากการเอาทรัพยนนั้ ไป
(๓) การที่เจาพนักงานเบียดบังทรัพยในหนาท่ีโดยทุจริต อันเปนความผิด
ตามมาตรา ๑๔๗ นี้ ก็ถือไดวาเปนกรณีท่ีเจาพนักงานปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบ
อันเปนความผิดตามมาตรา ๑๕๗ ดวย แตมาตรา ๑๕๗ น้ี เปนบทท่ัวไป สวนมาตรา ๑๔๗ เปน
บทเฉพาะ หากการกระทําเปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ ซึง่ เปนบทเฉพาะแลว กจ็ ะไมเ ปน ความผิด
ตามมาตรา ๑๕๗ ซ่งึ เปน บทท่วั ไปอีก
(๔) ระหวา งมาตรา ๑๔๗ กบั มาตรา ๑๕๘ ขอแตกตา งไมไ ดอ ยูทห่ี นา ทีป่ กครอง
ดูแลรักษาทรัพย เพราะทั้งสองมาตราน้ี เปนกรณีเจาพนักงานมีหนาท่ีรักษาทรัพย ขอแตกตางคงอยู
ท่ีการเบียดบังตามมาตรา ๑๔๗ มีลักษณะเปนการตัดกรรมสิทธิ์ ไมใชเอาไปเสียชั่วคราว แตการเอา
ไปเสยี ตามมาตรา ๑๕๘ จะเปน การเอาไปชว่ั คราวหรอื เอาไปเลยกไ็ ด ถา เอาไปเลยกม็ าปรบั เขา ลกั ษณะ
เปน การเบยี ดบงั ตามมาตรา ๑๔๗ ซงึ่ เปน บทเฉพาะ นอกจากนนั้ ตามมาตรา ๑๔๗ ตอ งเปน การกระทาํ
โดยทุจริต แตม าตรา ๑๕๘ ไมจาํ เปนตองมกี ารกระทาํ โดยทุจรติ
ò. 㪌อาํ ¹Ò¨ã¹ตาํ á˹§‹ ¢Á‹ ¢¹× ã¨àÍÒ·ÃѾÂ
ÁÒμÃÒ ñôø “¼ãÙŒ ´à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ãªŒอาํ ¹Ò¨ã¹ตําá˹§‹ â´ÂÁªÔ ͺ ¢‹Á¢×¹ã¨
ËÃÍ× ¨Ù§ã¨à¾×èÍãËŒº¤Ø ¤Åã´ÁͺãËŒ ËÃÍ× ËÒÁÒãË«Œ è§Ö ·Ã¾Ñ ÂÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Í×è¹ã´á¡‹μ¹àͧËÃÍ× ¼ÍŒÙ ×è¹
μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡μéѧáμ‹ËŒÒ»‚¶Ö§ÂÕèÊÔº»‚ ËÃ×Íจํา¤Ø¡μÅÍ´ªÕÇÔμ áÅлÃѺμéѧáμ‹Ë¹èÖ§áʹºÒ·
¶§Ö ÊáÕè ʹºÒ· ËÃÍ× »ÃÐËÒêÇÕ μÔ ”
ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô ÁÕ´§Ñ ¹Õé
๑. เปน เจา พนกั งาน
๒. ใชอ าํ นาจในตําแหนง โดยมิชอบ
๓. ขม ขนื ใจหรือจงู ใจผอู ื่น
๔. เจตนา
๕. เพื่อใหบุคคลใดมอบใหหรือหามาใหซ่ึงทรัพยสิน หรือประโยชนอื่นใดสําหรับ
ตนเองหรือผอู ่นื
คาํ ͸ԺÒÂ
໹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ เจา พนกั งานมคี วามหมายอยา งไรนนั้ ไดอ ธบิ ายไวโ ดยละเอยี ดแลว
ฉะนนั้ สาํ หรบั องคประกอบขอน้ีจะไมก ลาวซ้าํ อกี
㪌อํา¹Ò¨ã¹ตําá˹‹§â´ÂÁԪͺ เจาพนักงานก็ยอมมีตําแหนงตางๆ แลวแต
กฎหมายจะกําหนดเรยี กช่อื ตําแหนง นน้ั ๆ เชน ผูใ หญบาน กาํ นนั ปลัดอาํ เภอ นายอําเภอ ศกึ ษาธกิ าร
หัวหนาฝาย หัวหนากอง เปนตน และแตละตําแหนงก็ยอมมีอํานาจแตกตางกันไปตามประเภทของ
๑๖๖
เจา พนกั งาน เชน ตาํ รวจมีอาํ นาจในการจับกมุ สืบสวน สอบสวนความผดิ อาญา เจาพนักงานศลุ กากร
มีอํานาจตรวจคนจับกุมของหนีภาษี เจาพนักงานสรรพากรมีอํานาจตรวจสอบภาษีตามรานคา
เจา พนกั งานสรรพสามติ มอี ํานาจตรวจจับสุราเถ่ือนได
การใชอ าํ นาจตอ งเปน การใชอ าํ นาจในตาํ แหนง ของเจา พนกั งานผนู น้ั เชน ตาํ รวจใช
อํานาจในการจับกุม เจาพนักงานสรรพากรใชอํานาจตรวจสอบภาษีรานคา ถาเปนการใชอํานาจ
นอกตาํ แหนง หรอื มใิ ชเ ปน การใชอ าํ นาจในตําแหนงของตนแลว กไ็ มผ ิดตามมาตราน้ี เชน ตาํ รวจไป
ใชอํานาจตรวจสอบภาษีตามรานคาหรือเจาพนักงานสรรพสามิตจับกุมผูเลนการพนัน เหลาน้ีเปน
เร่ืองนอกอํานาจของตํารวจและเจาพนกั งานสรรพสามติ
®Õ¡Ò·èÕ ññù-ñòð/òõñø ล. เปนเลขานุการแขวงมีหนาที่ตรวจสอบภาษี
บาํ รงุ ทองที่ วา รายการถกู ตอ งหรือไม แตไมมอี ํานาจเรียกเกบ็ ภาษี ล. พูดจงู ใจใหผ เู สยี ภาษี เสยี ภาษี
เกนิ กวา จํานวนท่ตี องเสีย แลวเอาเงนิ สวนเกนิ ไปไว มิใชเ ปน การใชอาํ นาจในตาํ แหนง
®¡Õ Ò·èÕ òöôõ/òõò÷ จําเลยเปนเจาพนักงานพัฒนาชุมชนประจําอําเภอ
เปนผูวางโครงการจัดสรางทํานบฝายน้ําลนตามความตองการของราษฎร เพื่อเสนอให พ. สมาชิก
สภาผูแทนราษฎรนําไปชี้แจงขอรับเงินจัดสรรจากรัฐบาล การที่จําเลยหลอกลวงเอาเงินราษฎรท่ีเขา
รวมประชมุ อา งวา เพ่อื จะนาํ ไปมอบให พ. เปน คา ใชจ ายในการวง่ิ เตน ขอจดั สรรเงินจากทางราชการ
และเอาเงินนั้นไวเปนของตน จึงเปนการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบตาม ป.อ.
มาตรา ๑๕๗ แตก ารกระทาํ ของจาํ เลยดงั กลา วมไิ ดใ ชอ าํ นาจในตาํ แหนง โดยมชิ อบแมจ ะเปน การจงู ใจใหร าษฎร
ทป่ี ระชมุ มอบเงินหรอื ทรพั ยส นิ ใหแ กจ าํ เลย กไ็ มเ ปนความผดิ ตามมาตรา ๑๔๘
ความผิดตามมาตรา ๑๔๘ ข้ันตนจะตองเปนการใชอํานาจในตําแหนงกอน เม่ือ
เปน การใชอ าํ นาจในตาํ แหนง แลว ตอ งเปน การใชโ ดยมชิ อบดว ย กลา วอกี นยั หนงึ่ คอื เปน การใชอ าํ นาจ
ในขอบเขตตาํ แหนง ของตน แตใ ชโ ดยมชิ อบ หรอื ใชไ ปในทางทผ่ี ดิ เชน ตาํ รวจยอ มมอี าํ นาจโดยตาํ แหนง
ทจ่ี ะจบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ การจบั กมุ จงึ เปน การใชอ าํ นาจในตาํ แหนง แตถ า แกลง จบั ผทู ม่ี ไิ ดก ระทาํ ผดิ
ก็เปนการใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบ ตัวอยางตํารวจจับกุมผูอ่ืนในขอหาขายสลากกินรวบ
โดยปราศจากหลักฐานหรือเหตุผลท่ีควรจับได หรือแกลงจับเขาหาวาเลนสลากกินรวบ หรือจับแร
ทมี่ ผี ขู นมาโดยชอบดวยกฎหมายมหี นงั สอื กํากับนาํ แรเคลอ่ื นทมี่ าดวย เหลา นถี้ อื วา เปน การใชอ ํานาจ
ในตําแหนงโดยมิชอบท่ตี ํารวจมีอยใู นการจบั กุม
®¡Õ Ò·èÕ óøöñ/òõòø มผี ไู ปแจง วา ผเู สยี หายลกั โค สารวตั รใหญใ หจ าํ เลยซง่ึ เปน
ตาํ รวจไปจบั ผเู สยี หาย ผเู สยี หายวา ซอ้ื มา เอาสญั ญาซอื้ ขายใหด ู จาํ เลยไมย อมดพู ดู วา โคอยทู ใ่ี ครกจ็ ะ
จบั คนนน้ั ถา ไมใ หจ บั ตอ งเอาเงนิ มาให ผเู สยี หายกลวั จงึ มอบเงนิ ใหจ าํ เลยไป ดงั น้ี เปน การใชอ าํ นาจใน
ตาํ แหนง โดยมชิ อบ ขม ขนื ใจใหผ เู สยี หายยอมมอบใหซ งึ่ ทรพั ยส นิ โดยขเู ขญ็ วา จะจบั กมุ ผเู สยี หายฐานลกั ทรพั ย
หรือรับของโจร อันไมเปนความจริง และผูเสียหายเกรงกลัวยอมมอบทรัพยใหจําเลยตามท่ีเรียกรอง
จาํ เลยมคี วามผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๘, ๓๓๗ ลงโทษตามมาตรา ๑๔๘ อันเปนบทหนัก
๑๖๗
®Õ¡Ò·èÕ óö÷ù/òõòù นายตรวจสรรพสามติ เมอ่ื ไดร บั คาํ สง่ั ใหไ ปตรวจเขตหนง่ึ แลว
แมไ ปตรวจอกี เขตหนงึ่ กเ็ ปน การปฏบิ ตั ริ าชการเชน กนั เพยี งแตเ ปน การปฏบิ ตั นิ อกเหนอื คาํ สง่ั การตรวจ
รานคาสุรามิใชการปฏิบัติหนาที่ในสถานที่ราชการซึ่งโดยปกติจะกระทําในระหวางเวลาราชการ
ทงั้ ไมป รากฏวา มขี อ จาํ กดั วา จะตอ งปฏบิ ตั หิ นา ทเ่ี ฉพาะในเวลาราชการเทา นน้ั เมอ่ื ไปตรวจทร่ี า นคา ของ
ผเู สยี หาย เวลา ๑๗.๐๐ น. และเรียกผเู สียหายไปบอกวาสรุ าของผเู สียหายไมคอ ยดี ซ่งึ หมายความวา
ไมถ กู ตอ งตามกฎหมาย และจะจบั สรุ าไปนน้ั กต็ อ งถอื วา เปน การกระทาํ ของเจา พนกั งานในการปฏบิ ตั ิ
หนา ที่ และเมอ่ื เรยี กรอ งใหผ เู สยี หายจา ยเงนิ เปน คา ตอบแทนเพอ่ื จะไมจ บั ทงั้ ทไี่ มป รากฏวา ผเู สยี หาย
ทําผิดกฎหมายอยางไร จึงเปนการใชอํานาจในตําแหนงหนาที่โดยมิชอบ อันเปนความผิดตาม
ป.อ.มาตรา ๑๔๘ สว นจําเลยอน่ื ซึง่ มไิ ดเปน เจา พนักงาน เปน เพียงพนักงานของบรษิ ัทสุราแตไ ดรว ม
ในการกระทาํ ดงั กลา ว มคี วามผดิ ฐานเปน ผสู นบั สนุนอนั เปน ความผิดตามมาตรา ๑๔๘ ประกอบดว ย
มาตรา ๘๖ การท่ีผูเสียหายซึ่งเปนเจาของรานคาสุราใหเงินแกพวกจําเลยก็ดวยความกลัวที่เกิดจาก
การถกู พวกจาํ เลยขเู ขญ็ วา จะจบั สรุ า การกระทาํ ของพวกจาํ เลยจงึ เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๓๓๗ ดว ย
ตองลงโทษตามมาตรา ๑๔๘ ซึ่งเปน บทหนกั ทีส่ ดุ
แตถาตํารวจจับกุมผูท่ีกระทําผิดจริงๆ ก็เปนการใชอํานาจในตําแหนงโดยชอบ
มใิ ชโ ดยมชิ อบ แมภ ายหลงั จะเรยี กเงนิ ทองกไ็ มผ ดิ ตามมาตราน้ี แตอ าจจะผดิ ฐานอน่ื เชน ตาํ รวจจราจร
จับกุมผูขับรถยนตฝาฝนกฎจราจรแลวเรียกเอาเงิน ไมผิดตามมาตรา ๑๔๘ เพราะมิไดใชอํานาจใน
ตําแหนง โดยมชิ อบ แตจ ะผดิ ตามมาตรา ๑๔๙ ฐานเจา พนกั งานเรียกสินบน
¢‹Á¢×¹ã¨ËÃ×ͨ٧㨼ٌÍè×¹ การท่ีเจาพนักงานใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบ
ดังกลาวมาแลว จะตองเปน การใชโดยมิชอบขม ขืนใจหรอื จูงใจผอู น่ื ¢Á‹ ¢×¹ã¨ กค็ ือบงั คับใหเขากระทาํ
อยางใดอยา งหนง่ึ โดยเขาไมเตม็ ใจ สว น ¨§Ù 㨠ก็เปนการโนม นา วหรือชกั นาํ ใหเ ขากระทําการขมขืนใจ
หรือจูงใจตองกระทําเพื่อใหบรรลุตามมูลเหตุชักจูงใจของผูขมขืน คือ เพ่ือใหยอมใหหรือหามาให
ซึ่งทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใด ความผิดตามมาตรานี้ มิใชวาจะตองมีการขมขืนใจแตประการเดียว
เพยี งแตม กี ารจงู ใจกเ็ ปน ความผดิ เหมอื นกนั และ ໹š ¤ÇÒÁ¼´Ô สาํ àèç àÁÍ×è ä´ทŒ าํ ¡ÒâÁ‹ ¢¹× ã¨ËÃÍ× ¨§Ù ã¨
ไมจ าํ เปน วาผถู ูกขม ขนื ใจหรือจงู ใจจะมอบใหห รอื หาประโยชนม าใหแ ลว
à¨μ¹Ò การใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบ ขมขืนใจหรือจูงใจผูอื่นน้ันผูกระทํา
จะตอ งมีเจตนาตามมาตรา ๕๙
à¾×èÍãËŒºØ¤¤Åã´ÁͺãËŒËÃ×ÍËÒÁÒãËŒ«Ö觷ÃѾÂÊÔ¹ ËÃ×Í»ÃÐ⪹Í×è¹ã´สําËÃѺ
μ¹àͧËÃÍ× ¼ŒÍÙ ¹×è นอกจากจะมีเจตนาแลว ผกู ระทาํ ยังตองมมี ลู เหตชุ กั จูงใจ คอื เพือ่ ใหบุคคลมอบให
หรอื หามาใหซ งึ่ ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชนอ น่ื ใดสาํ หรบั ตนเองหรอื ผอู นื่ มลู เหตชุ กั จงู ใจในการกระทาํ มไิ ด
จาํ กดั เฉพาะทรพั ยส นิ เงนิ ทอง แตร วมถงึ ประโยชนอ น่ื ๆ ทม่ี ใิ ชท รพั ยส นิ ดว ย เชน ใหโ ดยสารรถประจาํ ทาง
โดยไมตองเสียคาโดยสาร ใหใชหองพักโรงแรมโดยไมเสียคาเชา เปนตน และการเรียกทรัพยสินหรือ
ประโยชนน จ้ี ะเรยี กเพอื่ ตนเองหรอื เรยี กเพอื่ ผอู นื่ กไ็ ด เพยี งแตผ กู ระทาํ ผดิ มมี ลู เหตชุ กั จงู ใจตามทก่ี ลา วนี้
กเ็ ปน ความผดิ สาํ เรจ็ แลว จะเกดิ ผลขนึ้ ตามมลู เหตชุ กั จงู ใจหรอื ไมไ มส าํ คญั แมผ ถู กู ขม ขนื ใจหรอื ถกู จงู ใจ
จะไมย อมตามน้นั หรอื ยงั มิไดมอบทรพั ยใ หก ต็ าม
๑๖๘
®Õ¡Ò·èÕ ò÷øö/òõòù ฟองโจทกบรรยายวา จําเลยกับพวกไดบังอาจรวมกัน
ใชอํานาจในตําแหนงหนาที่โดยมิชอบ ขมขืนใจ กรรโชก ใหผูเสียหายมอบเน้ือกระบือชําแหละแลว
๑๔๐ กก. ใหแกจําเลยกับพวก มิฉะน้ันจําเลยกับพวกจะยึดเน้ือกระบือชําแหละแลว ๕๐๐ กก.
ไปตรวจสอบอันจะเปนเหตุใหเน้ือเสียหายและจะจับกุมผูเสียหายกับพวกทําใหปราศจากเสรีภาพ
ผูเสยี หายกับพวกจงึ ไดย อมมอบเน้อื ๑๔๐ กก. ใหจ ําเลยกบั พวกไป ดงั นี้ ฟองไดบรรยายขอเท็จจรงิ ท่ี
เปนการกระทําของจําเลยตอผูเสียหายครบถวนในลักษณะความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๘ และ
มาตรา ๓๓๗ ทีข่ อใหลงโทษแลวท้ังบทบัญญตั ิ ๒ มาตราดังกลา วก็ไมไ ดร ะบุองคป ระกอบความผดิ วา
ผกู ระทําตองมีเจตนาทุจรติ ฟอ งชอบดว ยกฎหมาย
®Õ¡Ò·Õè óùõó/òõóð จําเลยเปนขาราชการพลเรือนสังกัดมหาวิทยาลัย ร.
มีหนาท่ี ปฏิบัติงานชางเขียนแบบและปฏิบัติหนาท่ีอ่ืนตามท่ีไดรับมอบหมาย จําเลยไดรับแตงต้ังจาก
มหาวทิ ยาลยั ใหม หี นา ทค่ี วบคมุ และตรวจงานกอ สรา งทพี่ กั สาํ หรบั นกั ศกึ ษา แลว รายงานผลใหป ระธาน
กรรมการตรวจการจางทราบ ซ่ึงจําเลยอาจรายงานในทางใหคุณหรือใหโทษ โดยเก่ียงงอนวางาน
งวดสุดทายที่จําเลยเรียกรองเงินจาก พ . ตัวแทนของผูรับจางในการที่จําเลยจะลงนามตรวจผาน
ใหนน้ั ยังไมแลวเสร็จบรบิ ูรณตามสัญญาจา งได จงึ ถือไดวา จําเลยใชอาํ นาจในตําแหนง โดยมชิ อบ
จูงใจเพื่อให พ. ใหเงินดังกลาวแกจําเลย อันเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๓๘ แลว แมจําเลย
จะอางวาเรียกรองใหผูอ่ืนและไดมีการสงมอบเงินใหจําเลยหลังจากที่คณะกรรมการตรวจการจาง
ตรวจรับงานไวแลว กต็ าม
®Õ¡Ò·èÕ ñðøô/òõóö จาํ เลยเปน เจา พนกั งานยศสบิ ตาํ รวจเอกไดพ ดู กบั โจทกร ว มวา
รานของโจทกรวมเปนเจามือหวยเถ่ือน อยางน้ีตองมีผลประโยชนและใหเอาเงินใสซองมาใหบาง
ถา ไมใ หจ ะตาม สวป.มาดาํ เนนิ การจบั กมุ เมอ่ื โจทกร ว มไมใ หเ งนิ จาํ เลยจงึ ไปแจง เหตตุ อ สารวตั รปกครอง
และปอ งกนั วา พวกในตลาดกาํ ลงั เลน การพนนั สลากกนิ รวบขอใหไ ปทาํ การจบั กมุ ตามทจ่ี าํ เลยขโู จทกร ว ม
แตปรากฏวาไมมีการเลนแตอยางใดถือไดวาจําเลยมีเจตนาจูงใจเพ่ือใหโจทกรวมจายเงินให โดยใช
อํานาจในตําแหนง โดยมชิ อบ มีความผดิ ตาม ป.อ. ม.๑๔๘
®Õ¡Ò·èÕ ñöö/òõô÷ เม่อื ผลการตรวจคน ตัว ว. ไมพบสิง่ ของผดิ กฎหมาย จึงไมมี
เหตอุ นั ควรสงสัยวา ว. ไดก ระทําความผดิ ฐานมียาเสพติดใหโทษไวในครอบครองตอไปอกี จําเลยที่ ๑
ซ่ึงเปนเจาพนักงานตํารวจไมมีอํานาจจับกุม ว. สมควรท่ีจําเลยที่ ๑ จะตองปลอยตัว ว. ไป การที่
จาํ เลยท่ี ๑ ยงั จบั กมุ ว. จากศาลาทา นา้ํ นาํ ตวั ไปไวท ส่ี ะพานขา มคลองแสนแสบจงึ เปน การปฏบิ ตั หิ นา ที่
โดยมิชอบ
ó. àÃÕ¡ ÃѺ ËÃÍ× ÂÍÁÃºÑ ¨ÐÃºÑ ÊÔ¹º¹
ÁÒμÃÒ ñôù ¼ãŒÙ ´à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¹μÔ ºÔ ÞÑ ÞμÑ áÔ Ë§‹ Ã°Ñ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¨§Ñ ËÇ´Ñ
ËÃ×ÍÊÁÒªÔ¡ÊÀÒà·ÈºÒÅ àÃÂÕ ¡ ÃºÑ ËÃ×ÍÂÍÁ¨ÐÃѺ·ÃѾÂÊÔ¹ ËÃÍ× »ÃÐâª¹Í è¹× ã´สาํ ËÃѺμ¹àͧËÃ×Í
¼ÙŒÍ×è¹â´ÂÁԪͺ à¾×èÍ¡ÃÐทํา¡ÒÃËÃ×ÍäÁ‹¡ÃÐทํา¡ÒÃÍ‹ҧã´ã¹ตําá˹‹§äÁ‹Ç‹Ò¡ÒùÑ鹨ЪͺËÃ×Í
๑๖๙
ÁԪͺ´ŒÇÂ˹ŒÒ·Õè μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡μéѧáμ‹ËŒÒ»‚¶Ö§ÂèÕÊÔº»‚ ËÃ×Íจํา¤Ø¡μÅÍ´ªÕÇÔμáÅлÃѺμéѧáμ‹
˹èÖ§áʹºÒ·¶§Ö ÊÕèáʹºÒ· ËÃÍ× »ÃÐËÒêÇÕ Ôμ
ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Á´Õ ѧ¹Õé
๑. เปน เจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ
สภาเทศบาล
๒. เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใดสําหรับตนเองหรือผูอ่ืน
โดยมิชอบ
๓. เจตนา
เพ่ือกระทําการหรือไมกระทําการอยางใดในตําแหนงไมวาการนั้นจะชอบ
หรือไมช อบดวยหนาที่
คาํ ͸ºÔ ÒÂ
໹š ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¹μÔ ÔºÑÞÞÑμáÔ Ë‹§Ã°Ñ ÊÁÒªÔ¡ÊÀҨѧËÇ´Ñ ËÃÍ× ÊÁÒªÔ¡
ÊÀÒà·ÈºÒÅ มาตรานบี้ ญั ญตั เิ พิม่ ตัวบคุ คลผกู ระทาํ ผดิ นอกเหนอื จากเจา พนักงานคอื รวมถึง สมาชกิ
สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั และสมาชกิ สภาเทศบาลดว ย ความจรงิ บคุ คลในตาํ แหนง ดงั กลา ว
ไมมฐี านะเปนเจาพนกั งาน แตโ ดยเหตุทบ่ี ุคคลเหลา น้อี ยใู นตาํ แหนง สาํ คญั เปน ผูท ํางานเพ่อื สว นรวม
หากรับสินบนก็ยอมกอใหเกิดความเสียหายตอสาธารณะไดเชนเดียวกับเจาพนักงาน กฎหมายจึง
บัญญัติเอาผิดดวย แตไมขยายไปถึงสมาชิกสุขาภิบาล หรือสมาชิกสภาตําบลเพราะกฎหมายจํากัด
เฉพาะสมาชิก ๓ ประเภทเทาน้ัน
®¡Õ Ò·èÕ òòòø/òõóð จาํ เลยเปน พนกั งานเทศบาลตาํ แหนง หวั หนา ฝา ยการศกึ ษา
มหี นาทเ่ี กย่ี วกับการบริหารงานบคุ คล เชน การสอบบรรจุ แตงตัง้ เลอ่ื นชั้นครูและนักการภารโรงของ
โรงเรียนในสังกัดเทศบาล มีฐานะเปนเจาพนักงานตามความหมายแหงประมวลกฎหมายอาญา
ดงั บญั ญตั ไิ วใ นพระราชบญั ญตั เิ ทศบาล พ.ศ.๒๔๙๖ มาตรา ๔๔ เมอ่ื นายกเทศมนตรแี ตง ตงั้ จาํ เลยเปน
กรรมการและเลขานกุ ารดาํ เนนิ การคดั เลอื กนกั การภารโรง เปน การแตง ตง้ั จาํ เลยซง่ึ เปน เจา พนกั งานอยแู ลว
ใหปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยท่ีวางไวอีกช้ันหนึ่ง หาไดหมายความวากอนหนานั้น
จาํ เลยไมไ ดม ฐี านะเปน เจา พนกั งานไม เมอ่ื จาํ เลยเรยี กเงนิ จากผเู สยี หายเพอ่ื จะไดใ ชอ าํ นาจหนา ทชี่ ว ยให
ผเู สยี หายไดร บั บรรจุเขาทํางานตาํ แหนงนกั การภารโรง จึงมคี วามผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๙ ความผดิ
ฐานเปนเจาพนักงานเรยี กและรับทรพั ยส นิ โดยไมช อบตามมาตรา ๑๔๙ แหง ประมวลกฎหมายอาญา
มใิ ชค วามผิดอนั ยอมความได แมไ มมีคาํ รอ งทุกข พนกั งานสอบสวนก็มีอาํ นาจสอบสวน และพนักงาน
อยั การกม็ อี ํานาจฟองคดีได
àÃÕ¡ ÃѺ ËÃ×ÍÂÍÁ¨ÐÃѺ·ÃѾÂÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Íè×¹ã´สําËÃѺμ¹àͧËÃ×ͼٌÍè×¹
â´ÂÁªÔ ͺ องคป ระกอบขอนเี้ ปนองคป ระกอบสว นการกระทาํ
(๑) เรยี ก หมายถึง เรยี กเอาทรัพยส นิ หรือประโยชนอ่นื ใด “ทรัพยส นิ ” อาจจะเปน
เงินทอง สวน “ประโยชน” หมายรวมถึงประโยชนทุกชนิดจะเปนประโยชนในทางทรัพยสินหรือมิใช
๑๗๐
ทรัพยสินก็ได เชน รับทํางานให หรือยอมใหรวมประเวณี เปนตน การเรียกทรัพยสินหรือประโยชน
อาจจะทาํ โดยวาจา หรอื วธิ อี น่ื เชน สมาชกิ สภาเทศบาลเขยี นจดหมายถงึ บ.ใหช ว ยปลดเปลอ้ื งหนส้ี นิ ให
ก็เปนการเรียกทรัพยสินเหมือนกัน และเพียงแตเรียกแมจะยังไมไดทรัพยหรือประโยชนตามที่เรียก
กเ็ ปน ความผดิ สําเร็จแลว
(๒) รบั หมายถึง เอาไวซ ่ึงทรัพยสนิ หรอื ประโยชนอ่นื ใดที่ผูอืน่ มอบหรือยอมให
(๓) ยอมจะรบั หมายถงึ ตกลงทจี่ ะเอาไวห รอื รบั ไวซ ง่ึ ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชนอ น่ื ใด
ในอนาคต
การเรียก รับ หรือยอมจะรับนี้ จะตองเปนการกระทําโดยมิชอบ คือไมมีอํานาจ
โดยชอบดว ยกฎหมาย กฎ ขอ บงั คบั หรอื ระเบยี บแบบแผน ทจ่ี ะเรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ หรอื
ประโยชนเ ชน นนั้ ได และการเรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั นี้ จะกระทาํ สาํ หรบั ตนเองหรอื สาํ หรบั ผอู นื่ กผ็ ดิ ทง้ั สน้ิ
à¨μ¹Ò การเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพยสินหรือประโยชนอ่ืนใด ผูกระทําตอง
กระทําโดยเจตนาตามมาตรา ๕๙
à¾×èÍ¡ÃзíÒ¡ÒÃËÃ×ÍäÁ‹¡ÃÐทํา¡ÒÃÍ‹ҧã´ã¹ตําá˹‹§äÁ‹Ç‹Ò¡Òùéѹ¨ÐªÍºËÃ×Í
äÁ‹ªÍº´ŒÇÂ˹ŒÒ·Õè องคประกอบน้ีเปนมูลเหตุชักจูงใจหรือเจตนาพิเศษของการกระทํา คือนอกจาก
ผกู ระทาํ ผดิ จะตอ งมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ แลว กจ็ ะตอ งมเี จตนาพเิ ศษขอ นด้ี ว ย จงึ จะผดิ ตามมาตราน้ี
และเม่ือองคประกอบนีเ้ ปน เพยี งมูลเหตชุ ักจูงใจก็ไมจ าํ เปน วา จะไดม กี ารกระทําหรือไม กระทําการใน
ตาํ แหนง ตามมลู เหตชุ กั จงู ใจนนั้ หรอื ไม มลู เหตชุ กั จงู ใจนอี้ าจแยกไดเ ปน ๒ ประการ คอื (๑) เพอ่ื กระทาํ
การอยา งใดในตาํ แหนง ไมว า การนนั้ จะชอบหรอื ไมช อบดว ยหนา ท่ี หรอื (๒) เพอื่ ไมก ระทาํ การอยา งใด
ในตาํ แหนงไมว า การนัน้ จะชอบหรอื ไมชอบดวยหนา ที่
(๑) เพอื่ กระทาํ การอยา งใดในตาํ แหนง ไมว า การนน้ั จะชอบหรอื ไมช อบดว ยหนา ท่ี
คือ ผูก ระทํามคี วามมงุ หมายหรือตงั้ ใจจะกระทําการอยา งใดในตําแหนง หนา ทข่ี องตน สวนการทีต่ ้งั ใจ
กระทาํ นัน้ จะชอบหรอื ไมชอบดวยหนาท่ี ไมใ ชขอสาํ คญั เชน เจา อาวาสเรยี กเงนิ สินบนในการใหเชา
ทีข่ องวัด
แตถ า ผกู ระทาํ ไมม คี วามมงุ หมายเชน นี้ หรอื เปน การกระทาํ ทอ่ี ยนู อกขอบเขตอาํ นาจ
หนาที่ กไ็ มผดิ ตามมาตรานี้
®¡Õ Ò·Õè ñöõñ/òõóò จําเลยไดน ําหนงั สอื มอบอํานาจของผชู ว ยหวั หนา เขตซงึ่ มถี งึ
สารวตั รใหญส ถานตี าํ รวจนครบาลขอใหด ําเนนิ คดแี ก ม. ตามพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ.๒๕๒๒
มาตรา ๗๐ ไปแจง ความและมอบหนงั สอื มอบอาํ นาจใหแ กพ นกั งานสอบสวนแลว จําเลยยอ มหมดหนา ท่ี
การที่จําเลยเรียกและรับเงินจาก ม. และแกไขเอกสารดังกลาวในภายหลังเปนการกระทํานอก
ตําแหนงหนาท่ีราชการ มิใชในฐานะเปนเจาพนักงาน มีหนาท่ีตองปฏิบัติหรือละเวนหนาที่โดยมิชอบ
จําเลยจึงไมมคี วามผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๙
(๒) เพื่อไมกระทําการอยางใดในตําแหนงไมวาการน้ันจะชอบหรือไมชอบดวย
หนา ที่ มลู เหตชุ กั จงู ใจนเ้ี ปน เรอ่ื งละเวน ไมก ระทาํ การในตําแหนง เชน ถา บคุ คลทถ่ี กู จบั ไดก ระทาํ ผดิ และ
๑๗๑
เจา พนกั งานไดจ บั กมุ โดยชอบตามอํานาจหนา ทใ่ี นตําแหนง แลว เรยี กหรอื รบั เงนิ จากผนู น้ั แลว ปลอ ยตวั ไป
หรือตํารวจพบกัญชาที่ ว. แตเรียกเอาเงินจาก ว. เพ่ือไมจับดําเนินคดี หรือตาํ รวจจราจรมีหนาที่
ตรวจรถบรรทกุ วา บรรทกุ นา้ํ หนกั เกนิ หรอื ไม แตก ลบั เรยี กเอาเงนิ จากคนขบั รถ เพอื่ ไมต รวจรถตามหนา ท่ี
ถือวาเปนความผิดตามมาตรา ๑๔๙ และเม่ือเปนความผิดสาํ เร็จแลว แมจะมีการกลับกระทาํ การ
โดยชอบดว ยหนาทีใ่ นภายหลงั กไ็ มเ ปน การพยายามกระทาํ ความผดิ
®Õ¡Ò·Õè ñòöó/òõóò กรงุ เทพมหานครไดม คี าํ สง่ั แตง ตงั้ ใหเ จา พนกั งานจดั เกบ็ รายได
ระดับ ๓ ขึ้นไปและเจาหนาที่จัดเก็บรายไดระดับ ๔ ขึ้นไป เปนพนักงานเจาหนาท่ีและพนักงานเก็บ
ภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและท่ีดินฯ จําเลยเปนขาราชการตําแหนงเจาหนาที่จัดเก็บรายได ๓
งานรายได โดยมหี นา ท่รี ับแบบตรวจสอบรายการสถานที่ กําหนดคา รายปเสนอหวั หนา งาน พจิ ารณา
สง่ั การตามคําสง่ั หวั หนา เขต จาํ เลยจงึ เปน เจา พนกั งานมหี นา ทด่ี ําเนนิ การจดั เกบ็ ภาษโี รงเรอื น และทด่ี นิ
จําเลยจะเปนพนักงานเจาหนาท่ีเพ่ือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินฯ ตามคําส่ัง
กรงุ เทพมหานครหรอื ไมม ใิ ชส าระสาํ คญั การทจี่ ําเลยเรยี กเงนิ จากผเู สยี หายเพอื่ จะทําใหผ เู สยี หายเสยี ภาษี
โรงเรือนและท่ีดินนอยกวาท่ีควรจะตองเสีย จึงเปนการกระทําเพื่อกระทําการหรือไมกระทาํ การ
อยา งใดในตําแหนง อนั เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๙
สําหรบั ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๙ นี้ มขี อ สังเกตคือความผดิ ฐานนี้บางทกี เ็ รียกวา
ฐานรบั สนิ บน หรอื เจา พนกั งานรบั สนิ บน ถา ราษฎรใหส นิ บนเจา พนกั งานเพอื่ ทําการอนั มชิ อบดว ยหนา ท่ี
ผูใหสินบนมีความผิดตามมาตรา ๑๔๔ เจาพนักงานผิดตามมาตรา ๑๔๙ และราษฎรไมมีความผิด
ฐานสนับสนนุ เจาพนักงานอีก
ô. »¯ÔºμÑ ÔËÃÍ× ÅÐàǹŒ ¡Òû¯ºÔ ÑμÔ˹Ҍ ·Õâè ´ÂÁªÔ ͺËÃ×Íâ´Â·¨Ø ÃÔμ
ÁÒμÃÒ ñõ÷ ¼ãŒÙ ´à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ »¯ºÔ μÑ ËÔ ÃÍ× ÅÐàǹŒ ¡Òû¯ºÔ μÑ ËÔ ¹ÒŒ ·âÕè ´ÂÁªÔ ͺ
à¾Íè× ãËàŒ ¡´Ô ¤ÇÒÁàÊÕÂËÒÂ᡼‹ ٌ˹èÖ§¼ŒÙã´ ËÃ×Í»¯ÔºÑμËÔ Ã×ÍÅÐàǹŒ ¡Òû¯ÔºμÑ ËÔ ¹ÒŒ ·èâÕ ´Â·Ø¨ÃμÔ μÍŒ §ÃÐÇÒ§
â·Éจาํ ¤Ø¡ μѧé áμË‹ ¹§èÖ »¶‚ Ö§ÊÔº»‚ ËÃ×Í»ÃѺμé§Ñ áμÊ‹ ͧËÁè¹× ºÒ·¶§Ö ÊͧáʹºÒ· ËÃÍ× ·éѧจํา·éѧ»ÃѺ
มาตรานบ้ี ัญญัตกิ ารกระทําอนั เปน ความผดิ ๒ ความผดิ คือ ความผดิ แรกเปนเรอื่ ง
การปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบ และความผิดท่ีสองเปนเร่ืองการปฏิบัติหรือละเวน
การปฏบิ ตั ิหนาท่ีโดยทุจริต
¤ÇÒÁ¼Ô´áá มอี งคประกอบของความผิดดงั น้ี
๑. เปนเจา พนักงาน
๒. ปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏิบตั ิหนาท่โี ดยมิชอบ
๓. เจตนา
๔. เพอื่ ใหเ กิดความเสยี หายแกผ หู น่งึ ผูใด
คาํ ͸ºÔ ÒÂ
໹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ความผดิ เกยี่ วกบั การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบ
หรือโดยทจุ รติ เพ่อื ใหเ กิดความเสยี หายแกผ หู นงึ่ ผูใ ด ผกู ระทําจะตองมฐี านะเปนเจา พนกั งาน
๑๗๒
»¯ºÔ μÑ ËÔ ÃÍ× ÅÐàǹŒ ¡Òû¯ºÔ μÑ ËÔ ¹ÒŒ ·âÕè ´ÂÁªÔ ͺ บทบญั ญตั ใิ นมาตรานเ้ี ปน การควบคมุ
ทวั่ ไป หรอื เรยี กวา บททวั่ ไป คอื เอาผดิ แกเ จา พนกั งานทกุ คนทกุ ประเภท และไมจ าํ กดั วา จะตอ งมหี นา ท่ี
โดยเฉพาะเจาะจงแตป ระการใด ฉะนน้ั หากเปน เจา พนกั งาน เมอื่ การกระทาํ ทเี่ กยี่ วขอ งกบั หนา ทไี่ มเ ปน
ความผิดตามมาตราตางๆ ที่เปนบทเฉพาะซึ่งระบุหนาที่ของเจาพนักงานโดยเฉพาะเจาะจงแลว
กอ็ าจผดิ ตามมาตรานซ้ี ง่ึ เปน บททวั่ ไปได แตถ า การกระทาํ เปน ความผดิ ตามบทเฉพาะแลว กไ็ มผ ดิ ตาม
บทท่ัวไปในมาตรา ๑๕๗ น้อี ีก
สาํ หรบั ลกั ษณะของการกระทาํ อนั เปน ความผดิ กฎหมายกม็ ไิ ดบ ญั ญตั ไิ วโ ดยเฉพาะ
เจาะจง ฉะนั้น จะปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีประการใดก็อาจเปนความผิดได แตการปฏิบัติ
หรือละเวนการปฏิบัตินั้นจะตองอยูในหนาที่ ซึ่งหนาท่ีของเจาพนักงานผูนั้นตองเปนหนาที่โดยตรง
ตามที่กฎหมายบัญญัติไวหรือไดรับมอบหมายใหมีหนาที่นั้นๆ เทาน้ันและตองเปนการปฏิบัติหรือ
ละเวนการปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบ ถาการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติดังกลาวไมอยูในหนาท่ีโดยตรง
แมจะปฏิบัติโดยมิชอบก็ไมผิด เชน ตํารวจจับเจามือสลากกินรวบ แลวกระทํามิดีมิรายตอผูตองหา
ทางชูสาว หรือจับผูตองหาฐานมีของผิดกฎหมายไวในครอบครอง แลวทํารายผูตองหาภายหลัง
เจา พนกั งานตาํ รวจเบกิ ความ เปน พยาน การทาํ มดิ มี ริ า ยทางชสู าวหรอื การทาํ รา ยผตู อ งหาหรอื การเบกิ ความ
ของเจา พนกั งานตาํ รวจทั้งสามกรณี ถอื วา ไมอ ยใู นหนาทข่ี องเจาพนักงาน จึงไมผ ิดตามมาตรา ๑๕๗
แมการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัตินั้นจะอยูในหนาที่ แตไดกระทําไปโดยชอบ
หรือโดยสุจริตก็ไมผิด เชน นายอําเภอสั่งปลัดอําเภอจับผูอื่นหาวากระทําผิด แตส่ังเพราะสาเหตุ
โกรธเคอื งกนั เปน สว นตวั ปลดั อาํ เภอไมท ราบเหตสุ ว นตวั ของนายอาํ เภอจงึ จบั ผนู น้ั ตามคาํ สง่ั โดยสจุ รติ
ไมผ ดิ ตามมาตราน้ี หรอื ตาํ รวจจบั คนเมาสรุ าเอะอะอาละวาดขงั ไว ๑ คนื เพอ่ื รกั ษาความสงบเรยี บรอ ย
และทรัพยส ินของทางราชการ ไมเ ปนการปฏบิ ตั หิ นาทีโ่ ดยมิชอบ
การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบนี้ หมายความวา มชิ อบดว ยหนา ที่
ของเจาพนักงานผูน้ันไมถึงกับผิดกฎหมาย และไมจําเปนตองเปนเรื่องกลั่นแกลง เชน จับเจามือ
สลากกินรวบเปนผูหญิง แลวใสกุญแจมือเพ่ือใหเกิดความอับอายและปรามผูอ่ืน ละเวนไมจับ
คนรา ยลกั ทรพั ย และขพู ยานไมใ หย นื ยนั วา รเู หน็ เหตกุ ารณ เจา พนกั งานซง่ึ ไดร บั แตง ตง้ั เปน ผตู รวจงาน
ทาํ บนั ทกึ รบั งานวา ถกู ตอ ง ซงึ่ ความจรงิ ใชเ หลก็ ไมถ กู ตอ ง เจา พนกั งานไดร บั แตง ตงั้ เปน กรรมการตรวจ
การจางการกอสรางบานพักครูทําหลักฐานใบตรวจรับงานจางเหมาแจงวาไดกอสรางบานพักครู
แลว เสรจ็ ตามสญั ญาจา งทง้ั ๆ ทเ่ี ปน ความเทจ็ โดยงานยงั ไมแ ลว เสรจ็ เปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๖๒ (๔) และ
เปนเหตุใหมีการเบิกจายเงินคาจางเหมากอสรางไปจึงเปนการปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบเปนเหตุให
องคการบรหิ ารสวนจังหวัดไดรบั ความเสยี หายมคี วามผดิ ตามมาตรา ๑๕๗ ดวย ตํารวจควบคมุ ผูตอ ง
กกั ขงั ตามคาํ สง่ั นายตาํ รวจปลอ ยผตู อ งกกั ขงั และเปลยี่ นตวั ผอู น่ื แทน เจา พนกั งานทดี่ นิ บนั ทกึ ในคาํ ขอ
รับรองการทําประโยชนวาลักษณะของดินเหมาะแกการทํานาปลูกขาวซ่ึงไมเปนความจริง พนักงาน
สอบสวนหนวงเหนี่ยวการประกันตัวผูตองหาใหดําเนินไปอยางเชื่องชา เหลาน้ีถือเปนความผิดตาม
๑๗๓
มาตรา ๑๕๗ แตการที่เจาอาวาสทําการสอบสวนพระภิกษุซึ่งถูกกลาวหาวากระทําผิดวินัย โดยไม
ปฏบิ ตั ใิ หถ กู ตอ งตามพระธรรมวนิ ยั ระเบยี บขอ บงั คบั และกฎของมหาเถรสมาคมยงั ไมเ ปน ความผดิ ตาม
มาตรานี้
à¨μ¹Ò เจา พนกั งานซง่ึ ปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบนนั้ ตอ งมเี จตนา
ตามมาตรา ๕๙
®Õ¡Ò·Õè óöô/òõóñ ปกติการทํารายรางกายไมเก่ียวกับตําแหนงหนาท่ีของ
เจาหนาท่ีตํารวจ การท่ีจําเลยเปนเจาพนักงานตํารวจจับโจทกขอหาวิ่งราวทรัพย แลวทํารายรางกายโจทก
โดยเจตนาทาํ รา ยธรรมดา มใิ ชเ พอื่ ประสงคจ ะใหเ กดิ ผลอนั ใดในการปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ท่ี เพราะจาํ เลย
จับโจทกไดแลว และจําเลยมิใชพนักงานสอบสวนท่ีทํารายโจทกเพ่ือประสงคจะใหโจทกรับสารภาพ
กรณีจึงมิใชเปนการปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบเพ่ือใหเกิดความเสียหายแกโจทกตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗
เมือ่ โจทกไดร บั อนั ตรายแกกายจากการกระทําของจําเลย จําเลยมคี วามผดิ ตามมาตรา ๒๙๕
à¾×Íè ãËàŒ ¡´Ô ¤ÇÒÁàÊÕÂËÒÂ᡼‹ ÙËŒ ¹èÖ§¼Ù㌠´ เปน มูลเหตชุ กั จงู ใจในการกระทํา คือตอง
กระทาํ โดยมงุ หมายทจ่ี ะใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ อู นื่ ถา เปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบแตม ไิ ด
กระทาํ เพือ่ ใหเกดิ ความเสียหายแกผ หู นง่ึ ผใู ดก็ไมเปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๕๗
Í·Ø ÒËó
®Õ¡Ò·èÕ öñøõ/òõóñ จําเลยไดรับแตงตั้งใหเปนผูชวยนายทะเบียนทองถ่ิน
มีอํานาจหนา ทีเ่ กย่ี วกับการรับแจง การยา ยเขา ไดก รอกขอความเพ่ิมชอ่ื ศ. ลงในสาํ เนาทะเบยี นบานฉบับ
เจา บา นโดยไมม ใี บแจง การยา ยออกถอื ไดว า จาํ เลยเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบ แตเ มอ่ื การ
เพ่มิ เตมิ ทะเบียนบานดงั กลา ว จําเลยมไิ ดก ระทําเพ่ือใหเ กิดความเสียหายแกผ หู น่งึ ผูใด ทง้ั ไมไ ดความ
วาจาํ เลยกระทาํ ไปโดยทุจริต การกระทาํ ของจาํ เลยจึงไมเ ปนความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗
แตก ารทจ่ี าํ เลยเพม่ิ ชอื่ ศ. ลงในทะเบยี นบา นดงั กลา ว โดยระบวุ า ยา ยมาจากบา นเลขท่ี
๒๐/๑ เขตปอ มปราบศตั รูพา ย และลงช่อื รบั รองไว ซ่ึงเปน ความเทจ็ การกระทําของจาํ เลยจึงเปนการ
รับรองเปนหลักฐานวาไดมีการแจงชื่อขอความอันมิไดมีการแจงดังบัญญัติไวในมาตรา ๑๖๒ (๒)
แหง ประมวลกฎหมายอาญา และการทจ่ี าํ เลยเพมิ่ ชอ่ื ศ. เขา ในทะเบยี นบา นดงั กลา วโดยลงชอื่ กาํ กบั ไว
เปนการรับรองขอเท็จจริงในเอกสารน้ันวาเปนความจริงตามที่จําเลยระบุเพ่ิมเติมไว การกระทําของ
จําเลยจึงเปนการรับรองเปนหลักฐานซึ่งขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริงอันเปนเท็จ
ดังบัญญัติไวในมาตรา ๑๖๒ (๔) แหงประมวลกฎหมายอาญาดวย แมจําเลยจะกระทําไปโดยไมทุจริต
และไมเกิดความเสยี หาย ก็เปนความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๒) (๔)
ความเสยี หายในทนี่ ไี้ มจ ํากดั เฉพาะความเสยี หายในทางทรพั ยส นิ เทา นน้ั แตร วมถงึ
ความเสยี หายทุกทาง เชน ความเสียหายตอชีวิต รางกาย ชอื่ เสยี ง เสรภี าพ เปนตน และจะเปนความ
เสยี หายแกใ ครก็ได เชน ตาํ รวจจับหญงิ โสเภณี แลวมอบหญงิ เหลา นน้ั ใหพ วกของตนไป โดยไมด ําเนนิ
คดตี ามกฎหมาย เปน การละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบ ทาํ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกร าชการกรมตํารวจ
๑๗๔
ทัง้ ไมจ าํ เปน ตองเกดิ ความเสียหายขนึ้ จริงๆ เพียงแตไ ดกระทาํ ไปโดยมคี วามมุงหมายเชน น้นั กผ็ ดิ แลว
เชน เจา พนกั งานไดร บั แตง ตงั้ เปน กรรมการตรวจรบั งาน ไดล งชอื่ ตรวจรบั งานวา ถกู ตอ งทง้ั ทไี่ มไ ดท ํางานเลย
และแมย ังมไิ ดจ า ยเงินก็ผิดตามมาตรา ๑๕๗ นี้
¤ÇÒÁ¼Ô´·èÕÊͧ ปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาที่โดยทุจริต มีองคประกอบของ
ความผิด ดงั น้ี
๑. เปน เจาพนกั งาน
๒. ปฏบิ ัตหิ รอื ละเวนการปฏบิ ัติหนาที่
๓. เจตนา
๔. โดยทจุ ริต
คาํ ͸ºÔ ÒÂ
ความผิดที่สองนี้แตกตางกับความผิดแรกในเร่ืองของการกระทําอันเปนความผิด
และมูลเหตุชักจูงใจกลาวคือ เพียงการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาที่ ก็อาจเปนความผิดไดแลว
ไมว า จะเปน การกระทาํ โดยชอบหรอื โดยมชิ อบดว ยหนา ทก่ี ต็ าม ตา งกบั ความผดิ แรกทตี่ อ งกระทาํ โดยมชิ อบ
ดวยหนาทเ่ี ทา นั้น
การปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาที่เปนความผิดตอเม่ือมีมูลเหตุชักจูงใจ
โดยทุจริต คือ เพื่อแสวงหาประโยชนท่ีมิควรได โดยไมคํานึงวาจะทําใหผูอ่ืนเสียหายหรือไม เชน
เจาพนักงานซ่ึงไมมีหนาที่รับเงิน พูดจูงใจใหผูเสียภาษีมอบเงินคาภาษีใหเกินจํานวนที่ตองเสีย แลว
เอาเงินสวนเกินไวเสียเอง เปนการปฏิบัติหนาที่โดยทุจริต เจาพนักงานที่ดินรับเงินคาธรรมเนียมและ
คาพาหนะในการรังวัดแลว มิไดนําเงินลงบัญชีทั้งมิไดดําเนินเรื่องให เปนการละเวนการปฏิบัติหนาท่ี
โดยทจุ รติ ผใู หญบานจดบญั ชีสัตวพ าหนะเท็จตามคาํ ขอรองของลกู บาน แมจะไมไดรบั สินจางรางวลั
แตท าํ ใหล กู บา นไดร บั ประโยชนน าํ ไปใชอ า งกบั ตาํ รวจทย่ี ดึ โคนน้ั กเ็ ปน การแสวงหาประโยชนส าํ หรบั ผอู นื่
ถือไดวาปฏิบัติหนาท่ีโดยทุจริต พนักงานเทศบาลซึ่งมีหนาท่ีเก็บเงินของเทศบาลลักใบเสร็จรับเงิน
คา กระแสไฟฟา แลว นาํ ไปเกบ็ เงนิ คา กระแสไฟฟา เปน ประโยชนส ว นตน เปน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยทจุ รติ
อีกประการหน่ึง
®¡Õ Ò·Õè ôóùò-ôóùó/òõóñ จาํ เลยเปน เจา พนกั งานทดี่ นิ ไมอ อกไปตรวจสอบไม
ในท่ีดนิ น.ส.๓ เปนการละเวน การปฏิบัติหนา ทีโ่ ดยทุจริตตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ซง่ึ ตอ เน่ืองกับการท่ี
จําเลยลงลายมอื ช่ือในบันทึกการตรวจสอบไมรบั รองวาตนไดไปตรวจสอบแลว อันเปนความเทจ็ ตาม
ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๑) โดยจําเลยมีเจตนาเพื่อแสวงหาประโยชนที่มิควรไดโดยชอบดวยกฎหมาย
ในคราวเดียวกนั ดงั น้นั เปนกรรมเดียวผิดตอกฎหมายหลายบท ตองลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๑๕๗
อันเปน กฎหมายบททม่ี ีโทษท่หี นกั ท่ีสุด ตาม ป.อ.มาตรา ๙๐
®Õ¡Ò·Õè òòø/òõóô จาํ เลยที่ ๑ ไดร บั คาํ สง่ั ใหป ฏบิ ตั หิ นา ทเ่ี วรยามและสายตรวจ
มีหนาที่ดูแลรักษาส่ิงของตางๆ ในบริเวณสถานีตํารวจ ถือวาจําเลยท่ี ๑ ไดรับคําส่ังโดยชอบใหดูแล
รักษาทรัพยของกลางที่สถานีตํารวจดวย การท่ีจําเลยท่ี ๑ อาศัยโอกาสดังกลาวลักเล่ือยยนต
ของกลางไปขายเพอื่ ประโยชนส วนตวั จึงเปนการปฏบิ ตั ิหนาท่ีโดยทุจริตตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗
๑๗๕
®¡Õ Ò·Õè ÷ùù/òõóõ จําเลยเปนเจาพนักงานผูออกตรวจสถานประกอบการคา
มีอํานาจหนาที่เสนอตอผูบังคับบัญชาใหออกหรือไมใหออกใบอนุญาตใหแกผูประกอบการคา ถือได
วาจําเลยเปนเจาพนักงานผูมีหนาที่เกี่ยวของโดยตรงในการพิจารณาออกใบอนุญาต จําเลยเรียกรอง
เงินเปนการตอบแทนการออกใบอนุญาต จึงเปนการปฏิบัติหนาท่ีโดยทุจริต เปนความผิดตาม
ป.อ.มาตรา ๑๕๗
®¡Õ Ò·Õè ñððõ/òõôù ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ จะตอ งเปน การปฏบิ ตั หิ รอื
ละเวน ปฏบิ ตั หิ นา ทซี่ งึ่ อยใู นหนา ทขี่ องเจา พนกั งานนน้ั เองโดยมชิ อบเพอื่ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ หู นงึ่
ผูใดหรือโดยทุจริต ถาไมเกี่ยวกับหนาท่ีของเจาพนักงานผูนั้นโดยตรงแลวยอมไมเปนความผิดตาม
มาตรานี้ เมือ่ ขณะที่จาํ เลยท้งั สองมาเอารถยนตแ ทก็ ซี่จากโจทกไ ป จําเลยที่ ๒ แตง เคร่ืองแบบตาํ รวจ
เทา น้ัน ทัง้ ตามฎกี าโจทกยังยอมรับดว ยวาจาํ เลยที่ ๒ กระทําไปโดยไมม ีกฎหมายรองรับ ไมม อี าํ นาจ
หนาท่ีจะตองทําแสดงวาการไปเอารถยนตแท็กซี่จากโจทกน้ัน มิใชการกระทําท่ีเก่ียวกับหนาที่ของ
จาํ เลยท่ี ๒ ฟอ งโจทกเ กย่ี วกบั จาํ เลยที่ ๒ จงึ ไมม มี ลู เปน ความผดิ ฐานเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน
การปฏิบัตหิ นาทีโ่ ดยมิชอบ
õ. »ÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÂÑ âÍ¡ÒÊ·ÕÁè Õ˹ŒÒ·èÕ
ÁÒμÃÒ ñöñ “¼ãŒÙ ´à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÁËÕ ¹ÒŒ ·ทÕè าํ àÍ¡ÊÒà ¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒÃ
ËÃ×Í´ÙáÅÃÑ¡ÉÒàÍ¡ÊÒà ¡ÃÐทํา¡ÒûÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÑÂâÍ¡ÒÊ·Õèμ¹ÁÕ˹ŒÒ·Õè¹Ñé¹ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·É
จาํ ¤Ø¡äÁà‹ ¡¹Ô ÊÔº»‚ áÅлÃѺäÁ‹à¡Ô¹ÊͧáʹºÒ·”
ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Á´Õ ѧ¹Õé
๑. เปนเจาพนกั งาน
๒. มหี นาท่ีทําเอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสารหรอื ดูแลรักษาเอกสาร
๓. กระทําการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสท่ตี นมหี นาทนี่ ้นั
๔. เจตนา
คาํ ͸ԺÒÂ
໹š ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ การปลอมเอกสารทจ่ี ะมีความผดิ ตามมาตราน้ี ผกู ระทําจะตอ ง
เปนเจา พนกั งานซึ่งมีหนาทท่ี ํา กรอกขอความ หรือดแู ลรกั ษาเอกสารน้นั
ÁËÕ ¹ÒŒ ·èทÕ ําàÍ¡ÊÒà ¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒÃËÃÍ× ´ÙáÅÃÑ¡ÉÒàÍ¡ÊÒà หมายความวา
เจาพนักงานซึ่งจะกระทําความผิดตามมาตราน้ีจะตองเปนผูมีหนาท่ีทําเอกสาร กรอกขอความลงใน
เอกสาร หรอื ดูแลรักษาเอกสาร
àÍ¡ÊÒà มคี วามหมายตามบทนยิ ามในมาตรา ๑(๗) หมายถงึ กระดาษหรอื วตั ถอุ น่ื ใด
ซึ่งไดทําใหปรากฏความหมายดวยตัวอักษร ตัวเลข ผังหรือแผนแบบอยางอื่นจะเปนโดยวิธีพิมพ
ถา ยภาพ หรือวิธอี ่ืนใดอันเปนหลกั ฐานแหง ความหมายน้ัน
๑๗๖
หนา ทขี่ องเจา พนกั งานตามมาตรานี้ แยกไดเ ปน ๓ ประการคอื (๑) หนา ทที่ าํ เอกสาร
(๒) หนา ท่ีกรอกขอ ความลงในเอกสาร (๓) หนาท่ีดูแลรกั ษาเอกสาร
(๑) หนาที่ทาํ เอกสาร หมายถึง ทาํ เอกสารนี้ทั้งฉบับ หรือแตบางสวน หรือ
ลงลายมือช่ือในการออกเอกสาร สว นใครจะเขียนข้นึ ไมส ําคญั
(๒) หนาที่กรอกขอความลงในเอกสาร เชน กรอกขอความลงในแบบพิมพตางๆ
ของทางราชการในบญั ชีใบเสรจ็ รบั เงิน ทะเบียนทดี่ ิน ทะเบยี นบา น เปนตน
(๓) หนาท่ีดูแลรักษาเอกสาร ซ่ึงหมายถึง ดูแลรักษาเอกสารท่ีทําสมบูรณแลว
และเอกสารแบบพิมพต างๆ เพื่อกรอกขอ ความดวย
ขอ สําคญั คอื เจา พนกั งานผนู น้ั จะตอ งมหี นา ทโ่ี ดยตรงในการทาํ กรอก หรอื ดแู ลรกั ษา
เอกสารนั้น หากมิใชหนาท่ีโดยตรงแลว ก็ไมผิดตามมาตรา ๑๖๑ แตอาจผิดฐานปลอมเอกสารตาม
มาตรา ๒๖๔
®¡Õ Ò·èÕ òóñö/òõòù จําเลยเปนเจาหนาที่บริหารงานทั่วไปประจําสาํ นักงาน
สาธารณสุขจังหวัด มีหนาที่ดูแลรักษาเอกสาร ทาํ คําส่ังจังหวัดเรื่องแตงตั้งขาราชการโดยไมมีอาํ นาจ
แลว ตัดเอากระดาษไขที่มีลายมือชอ่ื ของผูวา ราชการจังหวัด ซึ่งลงนามไวใ นคาํ ส่งั ฉบบั อืน่ มาตดิ ไวทาย
คําสง่ั ทจ่ี าํ เลยทาํ ขนึ้ และจําเลยโรเนยี วคาํ สง่ั นอี้ อกมาเพอ่ื แสดงใหบ คุ คลอน่ื หลงเชอ่ื วา เปน คําสงั่ ทแี่ ทจ รงิ
ดังนี้ เปนการทําเอกสารปลอมขนึ้ ท้ังฉบับมคี วามผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๑ และ มาตรา ๒๖๕
¡ÃÐทาํ ¡ÒûÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÂÑ âÍ¡ÒÊ·μÕè ¹ÁËÕ ¹ÒŒ ·¹èÕ ¹éÑ การกระทาํ อนั เปน ความผดิ
ตามมาตราน้ี คือ “ปลอมเอกสาร” ซึ่งหมายถึง การปลอมในความผิดฐานปลอมเอกสารตาม
มาตรา ๒๖๔ กลาวคือ ทําเอกสารขึ้นทั้งฉบับหรือแตสวนหนึ่งสวนใด เติมหรือตัดทอนขอความ
หรอื แกไขดวยประการใดๆ ในเอกสารทแี่ ทจริงประทับตราปลอม หรือลงลายมอื ช่ือปลอมในเอกสาร
โดยประการทน่ี า จะเกดิ ความเสยี หายแกผ อู นื่ หรอื ประชาชนและทาํ เพอ่ื ใหผ อู น่ื หลงเชอื่ วา เปน เอกสาร
ท่ีแทจริง รวมท้ังการกรอกขอความลงในแผนกระดาษหรือวัตถุอ่ืนใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผูอื่น
โดยไมไดรับความยินยอมหรือโดยฝาฝนคําส่ังของผูอ่ืนนั้น เหตุนี้ความผิดตามมาตรา ๑๖๑ จึงเปน
ความผดิ ตามมาตรา ๒๖๔ ดวย
การปลอมดงั กลาว จะตองกระทําปลอมโดยอาศัยโอกาสทผ่ี ปู ลอมมหี นาทนี่ ้นั คอื
จะตองปลอมในระหวางที่เจาพนักงานมีหนาท่ีอยางใดอยางหนึ่งใน ๓ ประการ ที่กลาวมาแลว เชน
ตาํ รวจไดรับแตงตั้งใหทาํ หนาที่เสมียนเปรียบเทียบ แกหรือลงจาํ นวนเงินในสําเนาใบเสร็จใหนอยกวา
ตนฉบับ ผูชว ยนายทะเบยี น จดลงในทะเบียนบา นและลงลายมอื ชื่อรบั รองวา ด. ยา ยเขา บา นนนั้ จาก
ตางจังหวัดอันเปน เทจ็ พศั ดแี ละผูคุมปลอมใบสุทธทิ ่เี รอื นจําออกใหแกผ ูพนโทษ โดยพมิ พล ายนว้ิ มอื
ปลอมเปน ผูพ น โทษ ปลัดอาํ เภอมีหนาที่ทําตวั๋ รูปพรรณสตั ว ลงลายมือชื่อในต๋วั รปู พรรณทีร่ วู าปลอม
ลายพมิ พนว้ิ มือ เจาของสตั วเหลา น้ีลว นเปนความผดิ ตามมาตรา ๑๖๑
๑๗๗
®¡Õ Ò·èÕ óóò/òõò÷ จาํ เลยเปน พนกั งานพสิ จู น มหี นา ทใ่ี นการพสิ จู นก ารครอบครอง
ท่ีดินแลวกรอกขอความในแบบบันทึกการสอบสวนสิทธิและพิสูจนการทําประโยชนเพื่อออก
หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชน เอกสารดงั กลา วจงึ อยใู นความดแู ลครอบครองของจําเลยกอ นสง ไปยงั
ศนู ยห รอื ผคู วบคมุ สาย เมอ่ื เอกสารนถี้ กู ปลอมลายมอื ชอ่ื ของ จ. ผมู หี นา ทป่ี กครองทอ งทแ่ี ละระวงั แนวเขต
โดยจําเลยมีโอกาสกระทําเองหรือรวมกับจาํ เลยอ่ืนกระทําข้ึน จาํ เลยจึงมีความผิดฐานปลอม
เอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหนาท่ีน้ันตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๑ ประมวลกฎหมายท่ีดินมาตรา ๕๘
บัญญัติใหนายอาํ เภอมีอาํ นาจแตงตั้งใหผูซ่ึงไดรับการอบรมเปนเจาหนาที่ออกไปพิสูจนสอบสวน
การทําประโยชนแ ทนตนในการเดนิ สาํ รวจเพอ่ื ออกหนงั สอื รบั รองการทําประโยชนแ ละในการปฏบิ ตั หิ นา ท่ี
ดังกลาว ใหเจาหนาท่ีเปนเจาพนักงาน จาํ เลยเปนผูไดรับคาํ ส่ังจากนายอําเภอใหเปนพนักงานพิสูจน
จึงเปนเจา พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา
แตเ จา พนกั งานซงึ่ ไมม หี นา ทอ่ี ยา งใดอยา งหนง่ึ ใน ๓ ประการนน้ั แลว กไ็ มอ าจทาํ ผดิ
มาตรา ๑๖๑ ได
อกี ประการหนงึ่ ในกรณที เี่ จา พนกั งานมอี ํานาจออกเอกสารไดต ามหนา ที่ แมจ ะลง
ขอ ความไมตรงกับความจริง กเ็ ปน เอกสารทแ่ี ทจ รงิ มใิ ชเอกสารปลอม เชน นายทะเบยี นตําบลออก
ใบมรณบตั รมขี อ ความแสดงวา ท. ราษฎรในตําบลนน้ั ตายแลว ซงึ่ เปน ความเทจ็ หรอื ปลดั อาํ เภอมอี าํ นาจ
หนา ทอี่ อกใบสําคญั ประจําตวั คนตา งดา ว ออกใบตา งดา วลงลายมอื ชอ่ื ปลดั อําเภอเองใหแ กค นตา งดา ว
ที่ไดรับอนุญาตใหอยูชั่วคราวเปนการผิดระเบียบ ทั้งสองกรณีนี้ไมเปนการปลอมเอกสารเพราะ
เจาพนักงานผูกระทํามีอํานาจโดยตาํ แหนงท่ีจะลงชื่อทาํ เอกสารน้ันได จึงเปนเพียงเอกสารเท็จตาม
มาตรา ๑๖๒ มใิ ชเ อกสารปลอมตามมาตรา ๑๖๑
แตถาตนไมมีอาํ นาจโดยตําแหนงท่ีจะลงลายมือชื่อออกเอกสารนั้น กลับไปลง
ลายมือช่ือ ในตําแหนงที่ตนไมมีอํานาจท่ีจะลงลายมือช่ือได แมจะเปนลายมือตัวเองจริงก็เปนการ
ปลอมตวั บุคคลในตําแหนง น้นั เปน การปลอมเอกสาร
ถา เปน เจา พนกั งานผมู หี นา ทท่ี ําเอกสารและอาศยั โอกาสทต่ี นมหี นา ทน่ี นั้ ทาํ เอกสาร
ขึ้นฉบับหนึ่ง ดวยความมุงหมายใหเขาใจวาเปนเอกสารอีกฉบับหน่ึงอันเปนการปลอมเอกสารขึ้น
ทงั้ ฉบบั แมจ ะลงลายมอื ชื่อของตนเองไมไดป ลอมชือ่ ของผูอืน่ กอ็ าจมีมูลความผิดตามมาตรา ๑๖๑
®Õ¡Ò·èÕ öóõ/òõñ÷ จําเลยเปน ปลดั อําเภอ ไดร บั มอบหมายจากนายอําเภอใหเ ปน
เจาหนาที่แผนกทะเบียนอาวุธปน มีหนาท่ีรับคาํ ขอและสอบสวนเร่ืองราวเก่ียวกับ การขออนุญาตมี
และใชอาวุธปน แลวเสนอนายอําเภอซ่ึงเปนนายทะเบียนลงลายมือช่ือออกใบอนุญาต จําเลยไมมี
อาํ นาจลงลายมือชื่อในตําแหนงนายทะเบียนได แตจําเลยกลับลงลายมือชื่อตนเองเปนนายทะเบียน
ออกใบอนุญาตใหแกผูยื่นคาํ ขอไป แมจําเลยจะลงลายมือช่ือจําเลยเองในเอกสารนั้น แตจาํ เลยก็ได
ปลอมตนวาเปนเจาพนักงานผูมีอํานาจลงนามในเอกสารน้ันในฐานะนายทะเบียนผูออกใบอนุญาต
แลวประทบั ตราลงไป เอกสารน้จี งึ ไมใ ชเอกสารท่ีแทจ รงิ เพราะมไิ ดลงนามเจา พนักงานผูมอี าํ นาจออก
ใบอนุญาต เปน การปลอมเอกสารตามมาตรา ๑๖๑
๑๗๘
à¨μ¹Ò เจาพนักงานผูทําปลอมเอกสารซึ่งตนมีหนาท่ีทํา กรอกขอความหรือดูแล
รักษาจะตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๙
ö. ÃºÑ ÃͧËÃ×Í¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒÃÍ¹Ñ à»š¹à·ç¨
ÁÒμÃÒ ñöò ¼ÙŒã´à»š¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÁÕ˹ŒÒ·ÕèทําàÍ¡ÊÒà ÃѺàÍ¡ÊÒÃËÃ×Í¡ÃÍ¡
¢ŒÍ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒáÃÐทาํ ¡Òô§Ñ μÍ‹ 仹ãÕé ¹¡Òû¯ÔºÑμ¡Ô ÒÃμÒÁ˹Ҍ ·èÕ
(ñ) ÃºÑ Ãͧ໹š ËÅ¡Ñ °Ò¹ÇÒ‹ μ¹ä´¡Œ ÃÐทาํ ¡ÒÃÍÂÒ‹ §ã´¢¹Öé ËÃÍ× ÇÒ‹ ¡ÒÃÍÂÒ‹ §ã´ä´Œ
¡ÃÐทาํ μÍ‹ ˹ŒÒμ¹Í¹Ñ ໚¹¤ÇÒÁà·ç¨
(ò) ÃѺÃͧ໚¹ËÅÑ¡°Ò¹Ç‹Ò ä´ÁŒ ¡Õ ÒÃᨧŒ «è§Ö ¢ŒÍ¤ÇÒÁÍ¹Ñ ÁäÔ ´ÁŒ Õ¡ÒÃᨧŒ
(ó) ÅÐàǹŒ äÁ¨‹ ´¢ÍŒ ¤ÇÒÁ«§Öè μ¹ÁËÕ ¹ÒŒ ·μèÕ ÍŒ §ÃºÑ ¨´ËÃÍ× ¨´à»ÅÂèÕ ¹á»Å§¢ÍŒ ¤ÇÒÁ
ઋ¹Ç‹Ò¹¹Ñé ËÃÍ×
(ô) ÃºÑ Ãͧ໹š ËÅ¡Ñ °Ò¹«§èÖ ¢ÍŒ à·¨ç ¨Ã§Ô Í¹Ñ àÍ¡ÊÒù¹Ñé Á§‹Ø ¾ÊÔ ¨Ù ¹¤ ÇÒÁ¨Ã§Ô Í¹Ñ à»¹š
¤ÇÒÁà·ç¨
μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤¡Ø äÁ‹à¡Ô¹à¨´ç »‚ áÅлÃѺäÁ‹à¡Ô¹Ë¹Öè§áʹÊÕËè Á¹è× ºÒ·
ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Áմѧ¹éÕ
๑. เปนเจาพนกั งาน
๒. มหี นา ทีท่ าํ เอกสาร รับเอกสารหรอื กรอกขอความลงในเอกสาร
๓. กระทําการดงั ตอ ไปนี้ ในการปฏิบตั กิ ารตามหนา ที่
(๑) รับรองเปนหลกั ฐานวา ตนไดก ระทําการอยางใดข้ึน หรือวา การอยางใด
ไดก ระทาํ ตอ หนาตนอนั เปนความเทจ็
(๒) รบั รองเปนหลักฐานวา ไดม กี ารแจงขอความอนั มิไดม ีการแจง
(๓) ละเวนไมจดขอความซ่ึงตนมีหนาที่ตองรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลง
ขอความเชน วานัน้ หรอื
(๔) รับรองเปนหลักฐานซึ่งขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริง
อันเปน ความเท็จ
๔. เจตนา
คํา͸ԺÒÂ
໹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ การทาํ เอกสาร รบั เอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสาร หรอื รบั รอง
เอกสารอนั เปน เทจ็ ตามมาตราน้ี ผูกระทาํ จะตอ งมีฐานะเปนเจาพนกั งาน
ÁËÕ ¹ÒŒ ·ทÕè าํ àÍ¡ÊÒÃ ÃºÑ àÍ¡ÊÒÃËÃ×Í¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒà เจา พนักงานซึ่งจะ
กระทาํ ผดิ ตามมาตราน้ี ตองเปน เจา พนักงานซง่ึ มหี นา ทีอ่ ยางหนึ่งอยา งใด คือ ทาํ เอกสาร รบั เอกสาร
หรอื กรอกขอ ความลงในเอกสาร
๑๗๙
(๑) หนา ทท่ี าํ เอกสาร หมายความวา ทาํ เอกสารขน้ึ ทงั้ ฉบบั แสดงขอ ความใหเ หน็ วา
เปน เอกสารของตน เชน ทาํ บนั ทกึ ความเหน็ เสนอผบู งั คบั บญั ชา หรอื อาจทาํ เพยี งบางสว นของเอกสาร
ก็ได เชน บนั ทึกตอทา ยลงในหนังสอื ท่มี าถงึ หรอื อาจจะเพยี งลงช่ือในเอกสารที่มีผทู าํ มาแลวกไ็ ด
®Õ¡Ò·Õè ôùðð/òõòø ป. เจา ของเดิมไดย กทด่ี นิ พิพาทใหเ ปน ทสี่ าธารณะไปแลว
กอ นจะตกเปน กรรมสทิ ธข์ิ องโจทก การท่จี ําเลยท่ี ๓ นายอาํ เภอทอ งท่ี รวมกบั จําเลยที่ ๑ กาํ นันและ
จาํ เลยที่ ๒ อดตี กาํ นนั ทาํ เอกสารบนั ทกึ ถอ ยคาํ ให ป. ลงลายมอื ชอื่ แสดงวา ป. ยกทดี่ นิ ของตนใหเ ปน
ท่ีสาธารณะ แมเปนการทําบันทึกภายหลัง เม่ือที่ดินแปลงนั้นตกเปนกรรมสิทธิ์ของโจทกผูรับโอน
แลว กต็ าม การกระทาํ นนั้ กเ็ พอ่ื ยนื ยนั ความจรงิ ที่ ป. ไดอ ทุ ศิ ทด่ี นิ ใหเ ปน ทส่ี าธารณะแกท างราชการไวใ ห
ปรากฏเปน หลกั ฐานอกี ชน้ั หนง่ึ จงึ หาเปน ความเทจ็ ไม ทงั้ ไมท าํ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกโ จทก เพราะทดี่ นิ
สวนน้ันไดตกเปนที่สาธารณะไปแลวกอนโจทกจะจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธ์ิท่ีดินมา จําเลยท้ังสาม
จึงไมมีความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗, ๑๖๒
(๒) หนา ทรี่ บั เอกสาร หมายถงึ การรบั เอกสารทม่ี ผี อู น่ื นาํ มาสง หรอื นาํ มายนื่ แกต น
เพอื่ ตนจะไดดําเนินการตอ ไป หรอื เสนอใหเ จาพนักงานอ่นื ดําเนนิ การ
(๓) หนาที่กรอกขอความลงในเอกสาร หมายถึง กรอกขอความ รายการหรือ
รายละเอียดลงในแบบพิมพสมดุ บัญชี หรอื ทะเบียนตา งๆ
แตถึงแมจะเปนเจาพนักงาน ถาไมมีหนาท่ีกระทําการอยางหนึ่งอยางใดดังกลาว
ก็ไมผ ิดตามมาตราน้ี
®Õ¡Ò·Õè ñð÷ô/òõóò จําเลยไดรับคําส่ังแตงตั้งใหมีอํานาจหนาที่ปฏิบัติงาน
ดานธรุ การ ไมมีอาํ นาจหนาทีเ่ กี่ยวกับงานทะเบียนราษฎรและงานบัตรประจําตัวประชาชน เม่ือโจทก
ฟอ งและนาํ สบื วา จาํ เลยกระทาํ มชิ อบเกยี่ วกบั งานดา นทะเบยี นราษฎรแ ละงานบตั รประจาํ ตวั ประชาชน
ตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๘, ๑๕๗ และ ๑๖๒ จําเลยจงึ ไมอ าจกระทําความผดิ ตามบทกฎหมายมาตรา
ดงั กลาวได
¡ÃÐทาํ ¡Òô§Ñ μÍ‹ 仹éÕ ã¹¡Òû¯ºÔ μÑ ¡Ô ÒÃμÒÁ˹Ҍ ·Õè หมายความวา การกระทาํ ทจ่ี ะ
เปนความผิดตามมาตราน้ี ตองเปนการกระทําในการปฏิบัติหนาที่ของเจาพนักงานผูนั้น ถามิใชการ
ปฏบิ ัติการตามหนาท่แี ตเ ปนเร่อื งสวนตวั ยอ มไมผิด การกระทาํ อนั เปน ความผิด ไดแ ก
(๑) รับรองเปนหลักฐานวา ตนไดกระทําการอยางใดขึ้น หรือวาการอยางใดได
กระทําตอหนาตนอนั เปนความเท็จ คือ ทําเปน หนังสือรบั รองวาตนไดทําการอยางใดข้นึ แมความจรงิ
จะมไิ ดก ระทาํ การนนั้ เชน ทาํ หนงั สอื รบั รองวา ไดต รวจงานแลว ทงั้ ทคี่ วามจรงิ ยงั มไิ ดต รวจ จดบนั ทกึ วา
ไดทําการสอบสวน ก. แลวความจริงยังมิไดสอบสวน ก. เลย รับรองวานักโทษท่ีจะไดรับอภัยโทษ
ตองขังอยู แตความจริงหลบหนีไปแลว พนักงานปาไม ไมไดตรวจสอบไม แตรับรองวาไมถูกตอง
ลงลายมอื ชื่อใหผ านได
๑๘๐
®¡Õ Ò·Õè ñññö-ñññø/òõñ÷ จาํ เลยเปน เจา พนกั งาน มหี นา ทเ่ี ปน กรรมการตรวจรบั
รถยนตซ่ึงเทศบาลซื้อไดลงช่ือในใบตรวจรับพัสดุซ่ึงมีขอความวาคณะกรรมการไดตรวจรับรถยนต
แลวเห็นวามีปริมาณและคุณภาพถูกตองครบถวน ทั้งราคาก็เปนไปตามราคาในทองตลาดและได
สงมอบใหแกเจาหนาท่ีแผนกชางรับไวเปนการถูกตองแลว ซึ่งความจริงไมมีการกระทําดังกลาวเลย
เพราะผขู ายยงั ไมไ ดน าํ รถยนตม าสง มอบ การทจ่ี าํ เลยยงั ไมไ ดต รวจรบั และสง มอบ แตล งชอ่ื รบั รองเปน
หลกั ฐานวา ไดก ระทาํ การดงั กลา ว จงึ เปน การรบั รองเทจ็ อนั เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๑) และ
การทจ่ี าํ เลยรบั รองเปน หลกั ฐานวา รถยนตท ตี่ รวจรบั มอบนม้ี ปี รมิ าณคณุ ภาพถกู ตอ งครบถว น ทงั้ ราคา
ก็เปนไปตามราคาในทองตลาดและไดสงมอบใหแกเจาหนาที่แผนกชางรับไวเปนการถูกตองแลวน้ัน
เปนการรับรองเปน หลักฐานซง่ึ ขอเท็จจริงอนั เอกสารนน้ั มุงพิสจู นความจริงอันเปนเทจ็ ดงั ท่บี ัญญัติไว
ในมาตรา ๑๖๒(๔) ดว ย แมก ารรบั รองเปน หลกั ฐานเชน นี้ จาํ เลยจะกระทาํ ไปโดยไมท จุ รติ ไมเ กดิ ความ
เสยี หาย ก็เปนความผดิ ตามมาตราดังกลา ว
®¡Õ Ò·Õè ôóùò-ôóùó/òõóñ จาํ เลยเปน เจา พนกั งานทดี่ นิ ไมอ อกไปตรวจสอบ
ไมใ นทดี่ นิ น.ส.๓ เปน การละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยทจุ รติ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ซง่ึ ตอ เนอื่ งกบั การที่
จําเลยลงลายมือช่ือในบันทึกการตรวจสอบไมรับรองวาตนไดไปตรวจสอบแลว อันเปนความเท็จ
ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒(๑) โดยจําเลยมเี จตนา เพือ่ แสวงหาประโยชนท ่มี ิควรไดโ ดยชอบดว ยกฎหมาย
ในคราวเดียวกัน ดังนี้เปนกรรมเดียวผิดตอกฎหมายหลายบท ตองลงโทษตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗
อนั เปน กฎหมายบททมี่ โี ทษทหี่ นักที่สดุ ตาม ป.อ.มาตรา ๙๐
การทําหนังสือรับรองเท็จนี้ ถารับรองวาการใดไดทําตอหนาตน ความจริงมิไดทํา
ตอหนาตน กผ็ ิดเหมือนกนั เชน เจาพนักงานลงช่อื รับรองวา คูส มรสไดจ ดทะเบยี นสมรสตอหนาตน
หรือสามีภริยาไดจดทะเบียนหยาตอหนาตน ซึ่งเปนความเท็จ เพราะจริงๆ แลวการจดทะเบียนมิได
ทาํ ตอหนา ตน
(๒) รบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดม กี ารแจง ซงึ่ ขอ ความอนั มไิ ดม กี ารแจง หมายความวา
ความจรงิ มไิ ดม กี ารแจง ขอ ความนนั้ เลย แตเ จา พนกั งานรบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดม กี ารแจง ขอ ความนน้ั
เชน พลตํารวจมหี นา ทจ่ี ดคาํ ใหก ารผขู อหนงั สอื เดนิ ทาง แตจ ดคาํ ใหก ารเปน เทจ็ โดยผใู หถ อ ยคาํ มไิ ดม า
ใหถอ ยคํา ผิดตามมาตรา ๑๖๒(๑) และ (๒)
®Õ¡Ò·èÕ öñøõ/òõóñ จําเลยไดรับแตงต้ังใหเปนผูชวยนายทะเบียนทองถ่ิน
มีอํานาจหนา ทเี่ กี่ยวกบั การรับแจง การยายเขา ไดก รอกขอ ความเพ่มิ ช่อื ศ. ลงในสําเนาทะเบยี นบา น
ฉบบั เจา บา นโดยไมม ใี บแจง การยา ยออกถอื ไดว า จาํ เลยเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบ แตเ มอื่
การเพิ่มเติมทะเบียนบานดังกลาว จําเลยมิไดกระทําเพื่อใหเกิดความเสียหายแกผูหนึ่งผูใด ทั้งไมได
ความวาจําเลยกระทําไปโดยทุจริต การกระทําของจําเลยจึงไมเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗
แตก ารทจ่ี าํ เลยเพ่มิ ช่ือ ศ. ลงในสําเนาทะเบยี นบานดังกลาว โดยระบุวายายมาจากบา นเลขที่ ๒๐/๑
เขตปอมปราบศัตรูพายและลงช่ือรับรองไว ซ่ึงเปนความเท็จ การกระทําของจําเลยจึงเปนการรับรอง
๑๘๑
เปนหลักฐานวาไดม กี ารแจง ซ่งึ ขอความอนั มิไดม กี ารแจงดังบัญญัตไิ วในมาตรา ๑๖๒(๒) แหง ประมวล
กฎหมายอาญาและการท่ีจําเลยเพ่ิมช่ือ ศ. เขาในทะเบียนบานดังกลาวโดยลงช่ือกํากับไว เปนการ
รับรองขอเท็จจริงในเอกสารน้ันวาเปนความจริงตามที่จําเลยระบุเพ่ิมเติมไว การกระทําของจําเลย
จึงเปนการรับรองเปนหลักฐานซ่ึงขอเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุงพิสูจนความจริงอันเปนเท็จดังบัญญัติไว
ในมาตรา ๑๖๒(๔) แหงประมวลกฎหมายอาญาดวย แมจําเลยจะกระทําไปโดยไมทุจริต และไมเกิด
ความเสยี หาย ก็เปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒(๒) (๔)
(๓) ละเวนไมจดขอความซ่ึงตนมีหนาที่ตองรับจด หรือจดเปล่ียนแปลงขอความ
เชน วา นนั้ หมายความวา มกี ารแจง ใหจ ดขอ ความ แตเ จา พนกั งานไมจ ดหรอื จดเปลยี่ นแปลงขอ ความผดิ ไป
จากทแี่ จง เชน เจา ทกุ ขม าแจง ความตอ ตาํ รวจซง่ึ ตาํ รวจมหี นา ทตี่ อ งจดขอ ความทม่ี าแจง ถา ตาํ รวจไมร บั แจง
ผิดตามขอ นี้
(๔) รับรองเปนหลักฐานซ่ึงขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริงอันเปน
ความเทจ็ หมายความวา รบั รองขอ เทจ็ จรงิ ทแ่ี สดงในเอกสารวา ถกู ตอ งดงั ทเี่ ขยี นไว แตค วามจรงิ ขอ เทจ็ จรงิ
น้ันไมถูกตอง คือ เปนเรื่องเจาพนักงานทําเอกสารเท็จนั่นเอง เชน เจาพนักงานตรวจรับงานวา
ใชวัสดุอุปกรณถูกตองตามสัญญา แตความจริงใชเหล็กไมถูกตอง พนักงานเทศบาลทําคํารับรองวา
ไดต รวจรบั รถยนตไ วถ กู ตอ งแลว แตค วามจรงิ ยงั ไมม รี ถ ครใู หญโ รงเรยี นรฐั บาลออกใบสทุ ธอิ นั เปน เทจ็
ใหน กั เรยี นทสี่ อบไลไ ด ม.ศ.๓ แตอ อกใบสทุ ธใิ หว า จบ ม.ศ.๕ เจา พนกั งานทาํ ใบสาํ คญั เทจ็ วา ไดจ า ยเงนิ
คา ซอมแซมเหมืองฝายไปตามใบสําคัญน้ันแลว เปนความผดิ ตามมาตรา ๑๖๔(๔) นี้
®¡Õ Ò·èÕ ôöôù/òõóó จาํ เลยเปน เจา พนกั งานตาํ แหนง เจา หนา ทก่ี ารเงนิ และบญั ชี
มีหนา ทที่ าํ เอกสาร รบั เอกสาร รบั รองเอกสารแบบใบขอเบิกเงนิ คา เชา บาน เม่ือไดร ับอนุมตั ใิ หม สี ทิ ธิ
เบกิ คา เชา บา นแลว จงึ ลงนามรบั รองเปน หลกั ฐานในเอกสารแบบใบขอเบกิ คา เชา บา นของจาํ เลยเองวา
ตรวจสอบถูกตองแลว ขอจายถูกตามระเบียบเห็นควรอนุมัติ การท่ีจําเลยรับรองตามที่ขออนุมัติและ
ไดรับอนุมัติแลวเชนนี้จะถือวาเปนการรับรองขอความอันเปนเท็จท่ีเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริงมิได
สวนการที่ผูอนุมัติไดอนุมัติไปแลวนั้นจะถูกตองหรือไมเปนเรื่องของการแปลความในกฎหมาย
การแปลความไปในทางใดนัน้ จะถอื วา เปนเทจ็ มไิ ดอีกเชน กนั
à¨μ¹Ò ผกู ระทาํ ตองมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ ในการกระทําการอยา งใดอยา งหน่งึ
ตามทกี่ ฎหมายบัญญัตไิ วน นั้
®Õ¡Ò·èÕ óõ÷ò/òõòù นายอําเภอแตงตั้งปาไมอําเภอและที่ดินอําเภอเปน
กรรมการตรวจสอบการนําไมชนิดอ่ืน นอกจากไมสักและไมยางท่ีนําออกจากปาไมในที่ดินกรรมสิทธ์ิ
เคลอื่ นยา ยไปใชป ระโยชน โดยใหป า ไมอ าํ เภอเปน เลขานกุ ารคณะกรรมการดว ย มไิ ดแ ตง ตง้ั จาํ เลยที่ ๑
และท่ี ๓ เปนกรรมการ แตจําเลยที่ ๑ เปนผูชวยปาไมอําเภอไดลงช่ือในเอกสารในฐานะกรรมการ
และเลขานุการ จําเลยท่ี ๓ ผูชวยพนักงานที่ดินอําเภอลงชื่อในฐานะกรรมการ และนายอําเภอยึดถือเอา
เอกสารนเ้ี ปน หลกั ในการพจิ ารณาออกหนงั สอื รบั รองการนาํ ไมต ลอดมาจาํ เลยที่ ๑ ท่ี ๓ จะอา งวา ลงชอื่
๑๘๒
ไปโดยขาดเจตนากระทาํ ผดิ ไมไ ด สว นจาํ เลยที่ ๒ ซง่ึ เปน ประธานกรรมการ เปน ปลดั อาํ เภอรบั ราชการ
มานาน ยอ มทราบวา งานเกย่ี วกบั ปา ไมม ผี ปู ระสงคแ สวงหาประโยชนอ ยมู าก ตอ งอาศยั การตรวจสอบ
ท่ลี ะเอียดถถี่ ว น การทีจ่ ําเลยที่ ๒ มงี านอ่นื มาก เม่ือลงชอ่ื รบั รองการตรวจสอบ จึงไมเ ปนเหตุใหฟง วา
ไมม เี จตนากระทาํ ผดิ เมอื่ บนั ทกึ การตรวจสอบไมเ ปน เทจ็ จาํ เลยทงั้ สามจงึ มคี วามผดิ ตาม ป.อ.มาตรา
๑๖๒, ๘๓
ÁÒμÃÒ òðô ความผิดฐาน “਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¼ÙŒμŒÍ§¢Ñ§ทําãËŒ¼ÙŒμŒÍ§¢Ñ§
ËÅ´Ø ¾Œ¹¨Ò¡¡ÒäÁØ ¢Ñ§”
ÁÒμÃÒ òðô ผูใดเปนเจาพนักงานมีตําแหนงหนาท่ีควบคุม ดูแลผูตองขัง
ตามอํานาจของศาล ของพนักงานสอบสวนหรือของเจาพนักงานผูมีอํานาจสืบสวนคดีอาญา กระทํา
ดวยประการใด ๆ ใหผูที่อยูในระหวางคุมขังน้ันหลุดพนจากการคุมขังไป ตองระวางโทษจําคุกตั้งแต
หน่งึ ปถ งึ เจด็ ป และปรับตัง้ แตสองหมืน่ บาทถงึ หนึง่ แสนสห่ี มืน่ บาท
ถา ผทู ห่ี ลดุ พน จากการคมุ ขงั ไปนน้ั เปน บคุ คลทตี่ อ งคาํ พพิ ากษาของศาลหนงึ่ ศาลใด
ใหลงโทษประหารชีวิต จาํ คุกตอดชีวิตหรอื จําคกุ ตง้ั แตส บิ หา ปขนึ้ ไป หรือมจี ํานวนตัง้ แตสามคนขึ้นไป
ผกู ระทําตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตส องปถึงสิบป และปรับตง้ั แตส่ีหมนื่ บาทถึงสองแสนบาท
องคประกอบภายนอก
(ñ) à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ÁตÕ าํ á˹§‹ ˹Ҍ ·¤èÕ Çº¤ÁØ ´á٠ż·ÙŒ μèÕ ÍŒ §¤ÁØ ¢§Ñ μÒÁอํา¹Ò¨¢Í§ÈÒÅ
¢Í§¾¹¡Ñ §Ò¹ÊͺÊǹËÃÍ× ¢Í§à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹¼ŒÙÁอÕ าํ ¹Ò¨Ê׺Êǹ¤´ÕÍÒÞÒ
(ò) ¡ÃÐทาํ ´ŒÇ»ÃСÒÃã´æ ãËÁŒ Õ¡ÒÃËÅØ´¾¹Œ ¨Ò¡¡Òö١¤ÁØ ¢§Ñ
(ó) «Ö§è ¼·ÙŒ ÕÍè ÂÙã‹ ¹ÃÐËÇÒ‹ §¤ØÁ¢Ñ§
องคป ระกอบภายใน
à¨μ¹Ò¸ÃÃÁ´Ò
เหตฉุ กรรจต ามวรรคสอง ¼·ÙŒ ËèÕ Å´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡ÒäÁØ ¢§Ñ 仹¹Ñé ໹š º¤Ø ¤Å·μèÕ ÍŒ §คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ
¢Í§ÈÒÅ˹§Öè ÈÒÅã´ãˌŧâ·É
(¡) »ÃÐËÒêÇÕ μÔ ËÃÍ×
(¢) จาํ ¤¡Ø μÅÍ´ªÇÕ Ôμ ËÃÍ×
(¤) จํา¤¡Ø μÑé§áμÊ‹ Ժˌһ‚¢Öé¹ä» ËÃÍ×
(§) ÁÕจาํ ¹Ç¹μé§Ñ áμ‹ÊÒÁ¤¹¢¹Öé ä»
ÁÒμÃÒ òðõ ความผดิ ฐาน “à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼¤ÙŒ Ǻ¤ÁØ ¼μÙŒ ÍŒ §¢§Ñ ทําã˼Œ μŒÙ ÍŒ §¢§Ñ ËÅ´Ø ¾¹Œ
¨Ò¡¡ÒäÁØ ¢§Ñ â´Â»ÃÐÁÒ·”
ÁÒμÃÒ òðõ ถา การกระทาํ ดงั กลา วในมาตรา ๒๐๔ เปนการกระทาํ โดยประมาท
ผกู ระทําตอ งระวางโทษจําคกุ ไมเกนิ สองป หรอื ปรับไมเกนิ ส่หี มื่นบาท หรือทัง้ จําทั้งปรบั
๑๘๓
ถาผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังไปดวยการกระทําโดยประมาทน้ัน เปนบุคคลท่ีตอง
คําพิพากษาของศาลหนงึ่ ศาลใดใหล งโทษประหารชวี ติ จาํ คุกตลอดชวี ติ หรอื จาํ คกุ ต้ังแตส ิบหาปข ึ้นไป
หรอื มจี าํ นวนตง้ั แตส ามคนขน้ึ ไป ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สามป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หกหมนื่ บาท
หรอื ทง้ั จําท้ังปรบั
ถาผูกระทําผิดจัดใหไดตัวผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังคืนมาภายในสามเดือนใหงด
การลงโทษแกผกู ระทาํ ความผดิ นน้ั
องคป ระกอบภายนอก (เหมือนมาตรา ๒๐๔)
องคป ระกอบภายใน
»ÃÐÁÒ·
เหตุฉกรรจตามวรรคสอง (àËÁÍ× ¹àËμ©Ø ¡Ãèμ ÒÁÇÃäÊͧ¢Í§ÁÒμÃÒ òðô)
วรรคสาม àËμ§Ø ´¡ÒÃŧâ·É ¤Í× ¼¡ŒÙ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ¨´Ñ ãËäŒ ´μŒ ÇÑ ¼·ŒÙ ËèÕ Å´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡ÒÃ
¤ÁØ ¢§Ñ ¤×¹ÁÒÀÒÂã¹ÊÒÁà´×͹
¶ÒÁ ตํารวจอยูเวรรักษาการณอยูท่ีสถานีตํารวจไดพาผูตองขังไปเสียจากที่คุมขัง
บนสถานตี าํ รวจ โดยไปเทย่ี วหาความสาํ ราญในตลาด โดยตาํ รวจไปกบั ผตู อ งขงั ดว ย ตาํ รวจผดิ มาตรา ๒๐๔
หรือไม
μͺ แมต าํ รวจจะไปกบั ผตู อ งขงั ดว ย กไ็ มถ อื วา เปน การควบคมุ แตถ อื ไดว า ตาํ รวจได
กระทาํ ใหผ ตู อ งขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั ไปแลว เปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๔ (ฎกี าท่ี ๒/๒๕๐๓ น.๑๑)
¶ÒÁ พนกั งานสอบสวนควบคมุ ผตู อ งหาไวใ นหอ งขงั ทสี่ ถานตี าํ รวจเกนิ ระยะเวลาที่
กฎหมายใหอํานาจในการควบคุมไวได จ.ส.ต.ขาว ซ่ึงทําหนาท่ีเปนสิบเวรสถานีตํารวจนั้นมีหนาที่
ควบคมุ ดแู ลผตู อ งขงั ในหอ งขงั ของสถานตี าํ รวจนนั้ ไดป ลอ ยใหผ ตู อ งหาหลบหนไี ปจะเปน ความผดิ ตาม
มาตรา ๒๐๔ หรือไม
μͺ แมพ นกั งานสอบสวนจะไมไ ดป ฏบิ ตั ติ ามวธิ กี ารทปี่ ระมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา
ความอาญามาตรา ๘๗ กําหนดไว คือ หากตองการควบคุมเกินกําหนดจะตองย่ืนคํารองตอศาล
ขอใหศาลออกหมายขังผูตองหานั้นไว ก็มีผลเพียงใหการควบคุมของพนักงานสอบสวนเปนการผิด
กฎหมาย แตการควบคุมน้ันก็คงเปนการควบคุมตามอํานาจของพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ
ดว ยเหตุนี้ การที่ จ.ส.ต.ขาวผูมีหนา ที่ควบคุมดูแลผูตองขงั ตามอํานาจของพนักงานสอบสวนปลอ ยตัว
ผตู อ งหาไป จงึ เปน การทาํ ใหผ ทู อี่ ยใู นระหวา งคมุ ขงั นนั้ หลดุ พน จากการคมุ ขงั ไป (ฎกี าท่ี ๓๕๙๘/๒๕๓๑
น. ๒๒๖๔)
¢ŒÍÊѧà¡μ (๑) พนักงานสอบสวนผูควบคุมตัวผูตองหาเกินกําหนดมีความผิดตาม
มาตรา ๑๕๗ หากเปน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบเพอ่ื ใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ ตู อ งหา และนอกจากนนั้
ยงั ผดิ ฐานหนว งเหนย่ี วกกั ขงั ผอู นื่ ตามมาตรา ๓๑๐ (หากเจตนา) หรอื มาตรา ๓๑๑ (หากประมาท) ดว ย
(๒) การควบคมุ ของพนกั งานสอบสวนดงั กลา ว เปน การผดิ กฎหมาย แตใ นแงข อง
¼ÙŒμŒÍ§ËÒ การหลบหนีจากที่คุมขังไประหวางท่ีถูกควบคุมอยูโดยผิดกฎหมายนั้น อาจไมเปนความผิด
๑๘๔
ตามมาตรา ๑๙๐ (ฎกี าที่ ๑๐๐๘/๒๔๙๙ น.๘๖๔ และฎกี าที่ ๒๒๔๓/๒๕๓๑ ฎ.ส.ล. ๙, น. ๗๐) ดจุ เดยี ว
กบั กรณที ตี่ าํ รวจจบั โดยไมช อบ เชน ไมม หี มายจบั ในกรณที ต่ี อ งมหี มายจบั ซง่ึ ถอื วา เปน การกระทําโดย
ไมมีอาํ นาจ ผูถูกจับไมจําตองยอมรับการกระทําอันปราศจากอาํ นาจของเจาพนักงาน การตอสูหรือ
ขัดขวางกไ็ มผดิ มาตรา ๑๓๘
(๓) อยา งไรกต็ าม การควบคมุ โดยไมช อบดว ยกฎหมายนนั้ มองในแงข องเจา พนกั งาน
ก็ยังตองถือวา การควบคุมน้ันก็ยังคงเปนการควบคุมตามอํานาจของพนักงานฝายปกครอง
หรอื ตํารวจอยนู น่ั เอง แมจ ะเปน อํานาจโดยมชิ อบกต็ าม ã¹á§¢‹ ͧà¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ หากปลอ ยผถู กู คมุ ขงั ไป
ก็เปนความผดิ ตามมาตรา ๒๐๔ ได๒ ๑
(๔) หากเจาพนักงานผูปลอย รูวาผูถูกปลอยตองคําพิพากษาของศาลหน่ึงศาลใด
ลงโทษตามท่ีระบไุ วในวรรคสอง เจาพนกั งานกผ็ ดิ มาตรา ๒๐๔ วรรคสอง
(๕) หากปลอ ยผูถูกคมุ ขังสามคนขน้ึ ไปกผ็ ดิ มาตรา ๒๐๔ วรรคสอง เชน กัน
¶ÒÁ เจาหนาท่ีราชทัณฑอยูเวรควบคุมผูตองขังซึ่งออกมารักษาตัวท่ีโรงพยาบาล
แตมิไดปฏิบัติตามระเบียบของกรมราชทัณฑ ที่ใหลามโซผูตองขังไวกับเตียงในตอนกลางคืน และ
ยงั นง่ั หลบั อยทู รี่ ะเบยี ง นอกหอ งคมุ ขงั ดว ย เปน เหตใุ หผ ตู อ งขงั หลบหนไี ปจะผดิ มาตรา ๒๐๕ วรรคแรก
หรือไม
μͺ ถอื วา เปน การกระทาํ โดยประมาท ตามมาตรา ๕๙ วรรคสี่ และเปน เหตใุ หผ ถู กู
คุมขังหลดุ พน จากการคมุ ขัง จึงมีความผิดตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก (ฎกี าที่ ๑๓/๒๕๒๕ น. ๑๘๕)
หากโจทกฟ อ งเจา หนา ทรี่ าชทณั ฑด งั กลา ว วา กระทาํ ผดิ โดยเจตนา แตท างพจิ ารณา
ของศาลไดค วามวา กระทาํ โดยประมาท และจาํ เลยมไิ ดหลงตอ สู ศาลลงโทษจําเลยตามมาตรา ๒๐๕
ไดต ามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคสาม (ฎกี าที่ ๑๓/๒๕๒๕ น. ๑๘๕)
¶ÒÁ หากเจาหนาที่ราชทัณฑพานักโทษไปนอกเรือนจําและปลอยตัวนักโทษไป
โดยนกั โทษไมไดมเี จตนาจะหลบหนีดวย เจาหนาที่จะมคี วามผดิ ตามมาตรา ๒๐๔ หรือไม
μͺ เจา หนา ทรี่ าชทณั ฑผ ดิ มาตรา ๒๐๔ แมน กั โทษไมม เี จตนาหลบหนดี ว ยกต็ าม
¶ÒÁ หากเจา พนกั งานกระทําโดยประมาทเปน เหตใุ หผ ตู อ งคมุ ขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั
ตอมาผูตองคุมขังกลับมาเอง หรือเจาพนักงานอื่นจับตัวกลับมา เจาพนักงานที่กระทําโดยประมาท
จะไดรบั การยกเวนโทษตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสามหรอื ไม
μͺ มาตรา ๒๐๕ วรรคสาม ตอ งเปน กรณี ผทู ก่ี ระทําความผดิ โดยประมาทเปน เหตุ
ใหผ ูถกู คุมขงั หลุดพน จากการคุมขัง “¨´Ñ ãËŒä´μŒ ÇÑ ” ผูท่หี ลดุ พน จากการคมุ ขงั กลับมาภายในสามเดอื น
หากผถู กู คุมขงั กลับมาเอง หรอื เจาพนกั งานอื่นจบั มา กไ็ มเ ขา กรณีมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม
๒๑ ดหู มายเหตุทา ยคาํ พิพากษาฎีกาท่ี ๓๕๙๘/๒๕๓๑ โดย ศาสตราจารยจ ติ ติ ติงศภทั ิย
๑๘๕
¢ÍŒ 椄 à¡μ หากเจาพนกั งาน “เจตนา” ทําใหผูถกู คุมขงั หลดุ พนอนั เปนความผดิ ตาม
มาตรา ๒๐๔ แมจ ะจัดใหไดตัวมาภายในสามเดือน กไ็ มใ ชก รณีตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม ซึง่ จะตอ ง
เปน เรอ่ื งทําใหหลดุ พนโดยประมาทตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก เทา นนั้
¶ÒÁ หากเจา พนกั งานประมาททาํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั สามคนหลดุ พน จากการคมุ ขงั ตอ มา
เจาพนกั งานผูนั้นไปจดั การจบั ตวั ผหู ลบหนมี าไดส องคน จะเขากรณีมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม หรอื ไม
μͺ หากกระทาํ โดยประมาทใหห ลดุ พน ไปสามคน อนั เปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕
วรรคสอง ก็จะตองจัดใหไดตัวกลับคืนมาภายใน ๓ เดือน ทั้งสามคน หากจับตัวกลับมาไดสองคน
กไ็ มเ ขากรณมี าตรา ๒๐๕ วรรคสาม หรือจบั มาไดสองคน ภายใน ๓ เดือน แตจ ับคนทีเ่ หลอื คนื มา
ไดเ กิน ๓ เดือน ก็ไมเ ขากรณมี าตรา ๒๐๕ วรรคสาม เชน เดยี วกัน (เทยี บฎีกาที่ ๓๓/๒๔๖๔)
¶ÒÁ กรณตี ามมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม นน้ั เจา พนกั งานผทู ท่ี าํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั หลดุ พน
จะตอ งเปน ผไู ปจับตวั กลบั มาดวยตนเองหรอื ไม
μͺ ไมจําตองไปจับตัวกลับมาเอง เพราะตัวบทใชคําวา “¨Ñ´ãˌ䴌μÑÇ...¤×¹ÁÒ”
ซงึ่ อาจจะจา งใหค นไปจบั มากไ็ ด กลา วคอื ¨Ð¨´Ñ â´ÂÇ¸Ô ãÕ ´¡äç ´Œ (ฎกี าท่ี ๑๑๑๖/๒๕๐๘ น.๑๗๔๑) แตม ใิ ช
วา อยูเ ฉยๆ ไมท าํ อะไรเลย แลว นกั โทษหลบหนกี ลับมาเองหรอื เจาพนกั งานอ่นื จบั มาไดเสยี กอน
¶ÒÁ ถา เจา พนกั งานผทู ที่ าํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั โดยประมาทไปตดิ ตาม
จับตัวผูหลบหนี นักโทษใชอาวุธตอ สู à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹¼¹ŒÙ ¹Ñé ยิงนักโทษตาย จะถือวา ไดต ัวคนื มา หรอื ไม
μͺ นา จะตอ งถอื วา ไดต วั คนื มาดว ย แมจ ะเสยี ชวี ติ กต็ าม ขอ สาํ คญั นา จะอยตู รงทว่ี า
เจาพนักงานผูน้ันขวนขวายนําตัวผูหลบหนีกลับคืนมาหรือไม และในที่สุดไดตัวกลับคืนมาหรือไม
หากไดตัวกลับคืนมาแมจะเสียชีวิตแลว ก็นาจะอนุโลมยกเวนโทษใหเจาพนักงานตามมาตรา ๒๐๕
วรรคสามได (เทียบฎีกาท่ี ๔๓๒/๒๔๗๘)๒๒ การตีความเชนนี้คงไมเปนการสงเสริมใหเจาพนักงาน
ไปยิงทิ้งผหู ลบหนี เพราะหากกระทําเชน น้นั เจา พนักงานกม็ ีความผดิ ฐานฆา คนตายโดยเจตนาอยูแลว
ซึ่งเปนคนละกรณีกับการไดต ัวกลับมา
¶ÒÁ §´Å§â·É หมายความวาอยา งไร
μͺ หากผกู ระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก (ผทู ก่ี ระทาํ โดยประมาทให
ผูตองขังหลุดพนจากการคุมขัง) ยังไมถูกจับกุม แตขวนขวายนําตัวผูที่หลุดพนจากการคุมขังคืนมาได
ภายในสามเดือน นับแตวันที่หลุดพนจากการคุมขัง เชนน้ีก็มีผลเปนการ “ยกเวนโทษ” ใหแก
ผูก ระทําความผิดตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก
หากผกู ระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก ถกู จบั กมุ และถกู ดาํ เนนิ คดแี ละถกู
ลงโทษแลว แตในระหวางน้ันขวนขวายนําตัวผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังกลับคืนมาไดภายในสามเดือน
กม็ ผี ลเปน การงดการลงโทษ ซงึ่ หมายความวา ลงโทษแลว เทา ใดกใ็ หง ดไมล งโทษอกี ตอ ไป หากยงั ไมถ กู
ลงโทษ เชน อยูระหวางดาํ เนินคดใี นชน้ั สอบสวน หรือในช้นั ฟอ งรอง หากนําตวั กลับคนื มาไดภายใน
กาํ หนด การดาํ เนนิ คดีตา งๆ ก็ตองยุติลงเพราะลงโทษไมไ ดแลว๒๓
๒๒ จติ ติ ติงศภัทยิ , กฎหมายอาญา ภาค ๒ ตอน ๑, น.๔๕๑ หวั ขอ ๗๕๖
๒๓ จติ ติ ติงศภัทิย. กฎหมายอาญา ภาค ๒ ตอน ๑, น.๔๕๐ หัวขอ ๗๕๖
๑๘๖
®Õ¡Ò·èÕ ñññö/òõðø น.๑๗๔๑ วนิ จิ ฉยั วา มาตรา ๒๐๕ วรรคทาย เปนเรือ่ งใหง ด
การลงโทษผูกระทําผิด (ผูที่กระทําโดยประมาทใหผูตองขังหลุดพนจากการคุมขัง) ในเมื่อผูกระทําผิด
สามารถจดั ใหไ ดต วั ผทู หี่ ลดุ พน กลบั คนื มาภายใน ๓ เดอื น ¨Ð¨´Ñ â´ÂÇ¸Ô ãÕ ´¡äç ´Œ แตก Á็ äÔ ´ËŒ ÁÒ¤ÇÒÁวา
จะตอ งใหโ อกาสผกู ระทาํ ผดิ ไปตดิ ตามผทู หี่ ลดุ พน จากการคมุ ขงั เสยี กอ น จงึ จะสอบสวนฟอ งรอ งลงโทษ
ผกู ระทําผดิ ได
ÅíÒ´ºÑ àÃÍè× § μÒÃÒ§ÊÃ»Ø ·ŒÒº·àÃÕ¹ ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ
บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ฎกี า ๑๕๑๙/๒๕๐๐
¤íÒ͸ԺÒ ฎกี า ๑๗๓๕/๒๕๐๖
- ความผดิ ตอเจาพนกั งาน ฎกี า ๒๒๔๖/๒๕๑๕
¤ÇÒÁ¼´Ô à¡èÂÕ Ç¡ºÑ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ม.๑๓๖ ฎีกา ๓๑๖/๒๕๑๗
ñ. ´ËÙ ÁÔè¹à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ ฎีกา ๑๕๔๑/๒๕๒๒
มาตรา ๑๓๖ ผใู ดดหู มนิ่ เจา พนกั งาน ซงึ่ กระทาํ การ ฎีกา ๔๑๕/๒๕๒๘
ตามหนา ที่ หรอื เพราะไดก ระทาํ การ ตามหนา ทตี่ อ งระวางโทษ
จําคุกไมเกินหนึ่งป หรือปรับไมเกินสองพันบาท ฎีกา ๑๑๒๔/๒๕๐๗
หรอื ทั้งจาํ ทง้ั ปรับ ฎกี า ๒๑๔๑/๒๕๓๒
ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มดี ังนี้ ฎกี า ๑๓๘/๒๕๑๕
๑. ดูหมิ่น
๒. เจาพนักงานซ่ึงกระทําการตามหนาท่ี หรือ
เพราะไดก ระทาํ ตามหนาที่
๓. เจตนา
ò. ᨧŒ ¤ÇÒÁà·ç¨μ‹Íà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹
มาตรา ๑๓๗ ผูใดแจงขอความอันเปนเท็จแก ม.๑๓๗
เจาพนักงาน ซึ่งอาจทําใหผูอื่นหรือประชาชนเสียหาย
ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหกเดือน หรือปรับไมเกิน
หน่งึ หม่นื บาท หรอื ทั้งจาํ ทั้งปรบั
มาตรานเี้ ปน เรอ่ื งการแจง ความเทจ็ ตอ เจา พนกั งาน
เปนการแจงเท็จในเรื่องทั่วๆ ไป ไมวาจะเก่ียวกับเร่ือง
ทางแพง อาญา ครอบครัว ที่ดิน หรือเร่ืองเกี่ยวกับวินัย
ขา ราชการ เชน แจง กบั เจา หนา ทว่ี า เปน โสด ทงั้ ทแี่ ตง งานแลว
เพ่ือจดทะเบียนสมรสใหม หรือแจงวาคูสมรสเปนคนไทย
แตค วามจรงิ เปน คนตา งดา วเพอื่ รบั โอนทดี่ นิ เปน ตน มาตราน้ี
จงึ เปนบททว่ั ไป การแจง ขอ ความเทจ็ ยงั เปนความผิดตาม
บทเฉพาะอกี ได เชน ถา เกยี่ วกบั คดอี าญากผ็ ดิ ตามมาตรา ๑๗๒
หรือมาตรา ๑๗๓ ฟอ งคดอี าญาอนั เปน เท็จ เบกิ ความเท็จ
ทําหลักฐานเท็จ นําสืบพยานเท็จ หรือแมแตการบอก
ช่อื เท็จเหลานี้ กฎหมายบญั ญตั ิใหเ ปน ความผดิ โดยเฉพาะ
ซ่ึงศาลฎีกาถือวาเม่ือการแจงขอความเท็จน้ันผิดตามบท
เฉพาะแลว กไ็ มผ ิดตามบททั่วไปคอื มาตรา ๑๓๗ อีก ๑๘๗
ÅíҴѺ àÃ×èͧ ¤íÒ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·àÕè ¡ÂÕè Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๑๘๘
บทท่ี ๗ ความผดิ เกี่ยวกับการปกครอง ฎีกา ๒๑๘๖/๒๕๑๘
ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มีดงั น้ี ฎีกา ๒๓๓๕/๒๕๑๘
- ความผดิ ตอเจา พนกั งาน ๑. แจง ขอความอันเปนเทจ็ ฎกี า ๕๒/๒๕๒๓
๒. แกเจาพนกั งาน ฎีกา ๑๙๕๔/๒๕๔๖
๓. ซงึ่ อาจทาํ ใหผูอ่นื หรอื ประชาชนเสยี หาย
๔. เจตนา
ó. μÍ‹ ÊÙŒ¢Ñ´¢ÇÒ§à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹
มาตรา ๑๓๘ ผใู ดตอสู หรอื ขัดขวางเจาพนักงาน ม.๑๓๘
หรือผูซึ่งตองชวยเจาพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติ
ตามหนาที่ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหน่ึงปหรือปรับ
ไมเกนิ สองพันบาท หรอื ทง้ั จําทงั้ ปรับ
ถา การตอสูหรอื ขัดขวางนนั้ ไดก ระทําโดยใชก ําลงั
ประทุษราย หรือขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย ผูกระทํา
ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สองป หรอื ปรบั ไมเ กนิ สพี่ นั บาท
หรอื ทัง้ จาํ ทั้งปรบั
วรรคแรกของมาตรานี้บญั ญัติการกระทําอันถือวา
เปน ความผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งานหรอื ผซู งึ่ ตอ งชว ย
เจาพนักงาน สวนวรรคทายเปนเหตทุ ที่ ําใหร บั โทษหนักขน้ึ
ความผิดตามวรรคแรก มีองคประกอบของ
ความผดิ ดังน้ี
๑. ตอสูห รอื ขดั ขวาง
๒. เจา พนกั งานหรอื ผซู ง่ึ ตอ งชว ยเจา พนกั งานตาม
กฎหมายในการปฏบิ ตั กิ ารตามหนาท่ี
๓. เจตนา
สําหรับวรรคทาย เปนลักษณะฉกรรจของการ
กระทําความผิดในวรรคแรก กลาวคือ ถาการตอสูหรือ
ขดั ขวางนนั้ ไดกระทาํ โดยใชกาํ ลังประทุษรา ย หรอื ขูเ ขญ็ วา
จะใชกาํ ลงั ประทุษรา ยกต็ อ งรับโทษหนกั ขนึ้
ÅíÒ´ºÑ àÃÍè× § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ
บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง
ô. ¢‹Á¢¹× ã¨à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ม.๑๓๙
- ความผิดตอ เจา พนักงาน มาตรา ๑๓๙ ผใู ด ขม ขนื ใจเจา พนกั งานใหป ฏบิ ตั กิ าร
อนั มชิ อบดว ยหนา ทห่ี รอื ใหล ะเวน การปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ท่ี
โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย
ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สป่ี หรอื ปรบั ไมเ กนิ แปดหมน่ื บาท
หรือทง้ั จําท้งั ปรบั
ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มดี งั น้ี
๑. ขม ขนื ใจ โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา
จะใชก าํ ลังประทุษรา ย
๒. เจา พนกั งาน
๓. ใหป ฏบิ ตั กิ ารอนั มชิ อบดว ยหนา ที่ หรอื ใหล ะเวน
การปฏบิ ตั ิการตามหนาที่
๔. เจตนา
¤Òí ͸ԺÒÂ
μÍ‹ ÊŒËÙ ÃÍ× ¢Ñ´¢ÇÒ§
ตอ สู ในท่ีน้หี มายถงึ การกระทาํ ใดๆ อันเปนการ
ขดั ขนื หรอื โตแ ยง อาํ นาจของเจา พนกั งาน แตไ มถ งึ กบั ลงไม
ลงมอื กบั เจา พนกั งาน เชน ตาํ รวจเขา จบั กมุ กส็ ะบดั หรอื ดน้ิ
ไมยอมใหจับแตไมชกหรือทํารายตํารวจ การตอสูจะตอง
ไมถึงกับทํารายหรือใชกําลังประทุษราย เพราะถาใชกําลัง
ประทษุ รา ยกเ็ ปน ความผดิ ตามวรรคทา ยไป แตต อ งเปน การ
กระทาํ ทแี่ สดงออกมาไมใ ชน ง่ิ เฉยๆ เชน ตาํ รวจจบั กมุ จะพาไป
สถานีตํารวจแตไมย อมไปนง่ั เฉยหรอื นอนเสีย ตาํ รวจตอง
ยกใสร ถไป อยา งนไี้ มใ ชก ารตอ สู เพราะมไิ ดก ระทาํ การใดๆ
อันเปน การขดั ขืนอํานาจของตาํ รวจ
๑๘๙
ÅíҴѺ àÃÍè× § ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÕèÂǢ͌ § ËÁÒÂàËμØ ๑๙๐
บทท่ี ๗ ความผดิ เกยี่ วกบั การปกครอง ฎกี า ๔๒๓/๒๕๒๒
ขัดขวาง หมายถึง การกระทําทกี่ อ ใหเ กดิ อุปสรรค
- ความผิดตอเจา พนกั งาน หรอื ความยากลาํ บากในการปฏบิ ตั หิ นา ทขี่ องเจา พนกั งาน
แตไมถึงกับขัดขืนไมใหบรรลุผลเสียทีเดียวเพียงทําให
การปฏิบัติหนาที่ของเจาพนักงานลําบากขึ้น เชน ตํารวจ
ไลจับ พอตนเองวิ่งขามสะพานไปแลว ก็ดึงไมกระดาน
ทอดสะพานออกไมใหตํารวจขาม หรือยิงปนขึ้นฟาขู
มใิ หไ ลจ บั กมุ ตอ ไป ถอื เปน การขดั ขวางเจา หนา ท่ี การขดั ขวาง
น้ีอาจเปนการกระทําของผูอ่ืนท่ีสอดแทรกเขามาก็ได
เชน ตํารวจไลจับแดง เขียวก้ันกลางมิใหตํารวจจับแดงได
หรอื เขียวดึงสะพานออกไมใหตาํ รวจขาม เปนตน
õ. àÃÂÕ ¡·ÃѾÂÊ¹Ô à¾Íè× ¨§Ù ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹
มาตรา ๑๔๓ ผใู ดเรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ ม.๑๔๓
หรือประโยชนอ่ืนใดสําหรับตนเองหรือผูอื่น เปนการ
ตอบแทนในการทจี่ ะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจเจา พนกั งาน สมาชกิ
สภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิก
สภาเทศบาลโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย หรือโดย
อิทธิพลของตนใหกระทําการ หรือไมกระทําการในหนาที่
อันเปนคุณหรือเปนโทษแกบุคคลใดตองระวางโทษจําคุก
ไมเ กนิ หา ป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หนงึ่ แสนบาท หรอื ทง้ั จาํ ทง้ั ปรบั
มาตรานเี้ ปน ตวั อยา งหนงึ่ แสดงวา กฎหมายไมถ อื วา
สมาชกิ สภานิตบิ ญั ญัติแหงรฐั สมาชกิ สภาจังหวดั สมาชกิ
สภาเทศบาล มฐี านะเปน เจาพนกั งาน เพราะหากสมาชิก
เหลานี้เปนเจาพนักงานดวยแลว กฎหมายก็ใชแตคําวา
เจาพนักงาน คําเดียวก็พอ ไมจําเปนตองแยกบัญญัติถึง
สมาชิกเหลาน้ีไวตางหากอีก ความผิดตามมาตรานี้เปน
ความผดิ ทบี่ คุ คลทวั่ ไปกระทาํ มใิ ชเ จา พนกั งานกระทาํ เพราะ
กฎหมายใชคําวา “ผูใด”
ÅÒí ´Ñº àÃèÍ× § ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·àèÕ ¡ÕÂè Ǣ͌ § ËÁÒÂàËμØ
บทที่ ๗ ความผดิ เก่ยี วกบั การปกครอง ฎีกา ๒๒๒๑/๒๕๑๙
ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มีดังนี้ ฎีกา ๔๓๕/๒๕๒๑
- ความผิดตอเจา พนักงาน ๑. เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชน ฎีกา ๓๗๐๐/๒๕๒๙
อ่ืนใด
ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ๒. สําหรับตนเองหรือผูอืน่
- ความผิดตอ เจาพนักงาน ๓. เปน การตอบแทนในการทจี่ ะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจ
เจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิก
สภาเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภา
จงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล
๔. โดยวธิ อี นั ทจุ รติ หรอื ผดิ กฎหมายหรอื โดยอทิ ธพิ ล
ของตน
อันเปนค๕ณุ . หใรหือกเปรนะโททําษกแากรบหุครคือลไใมดกระทําการในหนาที่
๖. เจตนา
ö. ãËŒÊÔ¹º¹à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ๑๙๑
หรอื ประมโยาตชนราอ ๑น่ื ๔ใด๔แกผเใู จดาใพหนขกัองใาหนห รสอื มราบั ชวกิ า สจภะาใหนทติ บิรพั ญั ยญส นิตั ิ ม.๑๔๔
แเพหอื่ งจรงู ัฐใจใสหมก าระชทิกาํ สกภาารจไมังหก รวะัดทหาํ กรือารสหมราอื ชปิกระสวภงิ ากเาทรกศรบะาทลาํ
อนั มชิ อบดว ยหนา ที่ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หา ป หรอื
ปรบั ไมเ กินหน่ึงแสนบาท หรือทง้ั จาํ ท้ังปรบั
มาตราน้ีเปนเร่ืองบุคคลในฐานะราษฎรใหสินบน
เจา พนกั งาน ตา งกบั มาตรา ๑๔๒ ซง่ึ เปน กรณบี คุ คลธรรมดา
เรียกทรพั ยสินจากบุคคลธรรมดาดวยกนั
ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มีดงั น้ี
๑. ให ขอให หรือรับวาจะให ทรัพยสินหรือ
ประโยชนอ ื่นใด
๒. แกเ จา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั
สมาชกิ ส๓ภ.าจเังจหตวนัดาหรือสมาชกิ สภาเทศบาล
ประวงิ ก๔า.รกเรพะื่อทจําอูงใันจมใหิชอกรบะดทว ํายกหานราทไมี่ กระทําการ หรือ
ÅÒí ´Ñº àÃè×ͧ ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·Õèà¡èÂÕ Ç¢ÍŒ § ËÁÒÂàËμØ ๑๙๒
บทท่ี ๗ ความผิดเกีย่ วกบั การปกครอง
÷. ¡ÒÃáÊ´§μ¹áÅСÃзíÒ¡ÒÃ໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹
- ความผิดตอเจา พนักงาน มาตรา ๑๔๕ ผใู ดแสดงตนเปนเจาพนกั งาน และ ม.๑๔๕
ก ร ะ ทํ า ก า ร เ ป น เ จ า พ นั ก ง า น โ ด ย ต น เ อ ง มิ ไ ด เ ป น
เจาพนักงานท่ีมีอํานาจกระทําการน้ัน ตองระวางโทษ
จําคุกไมเกินหนึ่งปหรือปรับไมเกินสองหมื่นบาท หรือ
ท้ังจําทง้ั ปรับ
เจาพนักงานผูใดไดรับคําสั่งมิใหปฏิบัติการตาม
ตาํ แหนง หนา ทต่ี อ ไปแลว ยงั ฝา ฝน กระทาํ การใดๆ ในตาํ แหนง
หนา ทนี่ นั้ ตอ งระวางโทษตามทกี่ าํ หนดไวใ นวรรคแรกดจุ กนั
มาตรานี้บัญญัติการกระทําอันเปนความผิด ๒
ความผิด คือ วรรคแรกบัญญัติลกั ษณะการกระทาํ อันเปน
ความผิดฐานแสดงตนและกระทําการเปนเจาพนักงาน
วรรคทา ยเปน กรณที เี่ จา พนกั งานไดร บั คาํ สง่ั มใิ หป ฏบิ ตั กิ าร
ในตาํ แหนง แลว ยงั ฝาฝน คําส่งั อกี
ความผิดตามวรรคแรก มีองคประกอบของ
ความผิดดังน้ี
๑. แสดงตนเปน เจา พนกั งาน และกระทาํ การเปน
เจาพนกั งาน
๒. โดยตนเองมิไดเปนเจาพนักงานท่ีมีอํานาจ
กระทํานัน้
๓. เจตนา
ÅíÒ´ºÑ àÃÍè× § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·Õàè ¡ÂèÕ Ç¢ÍŒ § ËÁÒÂàËμØ
บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ฎกี า ๘๙๙/๒๔๙๘
ø. á싧à¤ÃèÍ× §áººâ´ÂäÁ‹ÁÊÕ Ô·¸Ô ฎกี า ๖๗๐/๒๕๒๑
- ความผิดตอ เจา พนกั งาน มาตรา ๑๔๖ ผใู ดไมม สี ทิ ธทิ จ่ี ะสวมเครอ่ื งแบบ หรอื ม.๑๔๖ ฎีกา ๑๒๒๗/๒๔๗๙
ประดบั เครอื่ งหมายของเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั ิ
แหง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาลหรอื ไมม ี
สทิ ธใิ ชย ศ ตาํ แหนง เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ หรอื สงิ่ ทห่ี มายถงึ
เครื่องราชอิสริยาภรณ กระทําการเชนนี้เพื่อใหบุคคลอื่น
เชอ่ื วา ตนมสี ทิ ธติ อ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หนงึ่ ปห รอื ปรบั
ไมเกินสองหม่ืนบาท หรอื ทัง้ จาํ ทง้ั ปรบั
มาตรานมี้ คี วามผดิ ๒ ฐานความผดิ ดวยกนั คอื
ฐานแรกแตงเครื่องแบบโดยไมมีสิทธิและฐานที่สองใหยศ
ตําแหนง เคร่ืองราชอิสริยาภรณโดยไมมีสิทธิ ซ่ึงจะแยก
อธบิ ายแตละฐานความผิดไป
¤ÇÒÁ¼Ô´áá ÁÕͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´
ดงั น้ี
๑. สวมเครอื่ งแบบหรอื ประดบั เครอื่ งหมายของ
เจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิก
สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล
๒. โดยไมมีสิทธิ
๓. เจตนา
๔. เพื่อใหบคุ คลอื่นเช่อื วา ตนมสี ทิ ธิ
๑๙๓
ÅÒí ´ºÑ àÃèÍ× § ¤íÒ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·àèÕ ¡èÕÂÇ¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๑๙๔
บทที่ ๗ ความผิดเกีย่ วกบั การปกครอง ฎกี า ๒๒๘/๒๕๓๔
¤ÇÒÁ¼Ô´μÍ‹ μÒí á˹§‹ ˹Ҍ ·ÕèÃÒª¡Òà ฎีกา ๙๕๘/๒๕๓๔
- ความผิดตอตําแหนง หนา ทีร่ าชการ ñ. à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹Â¡Ñ ÂÍ¡
มาตรา ๑๔๗ ผใู ดเปน เจาพนกั งาน มีหนาทซ่ี ้อื ทํา ม.๑๔๗
จัดการ หรอื รักษาทรัพยใ ด เบียดบังทรพั ยนั้นเปน ของตน
หรือเปนของผูอ่ืนโดยทุจริต หรือโดยทุจริต ยอมให
ผูอื่นเอาทรัพยน้ันเสีย ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหาป
ถงึ ยสี่ บิ ป หรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ติ และปรบั ตง้ั แตห นงึ่ แสนบาท
ถึงสแี่ สนบาท
ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มีดงั น้ี
๑. เปน เจาพนกั งาน
๒. มีหนาที่ซอื้ ทาํ จดั การ หรอื รกั ษาทรพั ยใ ด
๓. เบยี ดบงั เอาทรพั ยส นิ นน้ั เปน ของตน หรอื เปน
ของผอู ่ืนหรือยอมใหผูอ ืน่ เอาทรพั ยนนั้ เสยี
๔. เจตนา
๕. โดยทจุ รติ
ÅíÒ´ºÑ àÃÍ×è § ¤Òí ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·Õàè ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ
บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกบั การปกครอง ฎีกา ๓๘๖๑/๒๕๒๘
ò. ãªÍŒ íÒ¹Ò¨ã¹μÒí á˹§‹ ¢‹Á¢×¹ã¨àÍÒ·ÃѾ ฎกี า ๓๖๗๙/๒๕๒๙
- ความผดิ ตอตําแหนงหนา ท่ีราชการ มาตรา ๑๔๘ “ผูใดเปนเจาพนักงานใชอํานาจ ม.๑๔๘
ในตําแหนงโดยมิชอบ ขมขืนใจหรือจูงใจเพื่อใหบุคคลใด
มอบให หรือหามาใหซึ่งทรัพยสินหรือประโยชนอ่ืนใดแก
ตนเองหรือผูอ่ืนตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหาปถึงยี่สิบป
หรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ติ และปรบั ตง้ั แตห นง่ึ แสนบาทถงึ สแ่ี สนบาท
หรือประหารชวี ิต”
ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มดี งั น้ี
๑. เปน เจาพนักงาน
๒. ใชอาํ นาจในตําแหนง โดยมิชอบ
๓. ขมขืนใจหรอื จงู ใจผูอน่ื
๔. เจตนา
๕. เพอ่ื ใหบ คุ คลใดมอบใหห รอื หามาใหซ งึ่ ทรพั ยส นิ
หรอื ประโยชนอ นื่ ใดสําหรับตนเองหรอื ผอู น่ื
͸ԺÒÂ
เปน เจา พนกั งาน เจา พนกั งานมคี วามหมายอยา งไรนนั้
ไดอ ธบิ ายไวโดยละเอยี ดแลว ฉะนน้ั สาํ หรับองคประกอบ
ขอ น้ีจะไมก ลาวซา้ํ อกี
ใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบ เจาพนักงาน
กย็ อ มมตี าํ แหนง ตา งๆ แลว แตก ฎหมายจะกาํ หนดเรยี กชอ่ื
ตําแหนงน้ันๆ เชน ผูใหญบาน กํานัน ปลัดอําเภอ
นายอาํ เภอ ศกึ ษาธกิ าร หัวหนาฝา ย หวั หนา กอง เปน ตน
๑๙๕