The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

8-1_LA21202_กฎหมายอาญา_1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by peaw.2749, 2022-07-05 10:00:08

8-1_LA21202_กฎหมายอาญา_1

8-1_LA21202_กฎหมายอาญา_1

๑๔๖

เจาพนักงานในการตรวจคน จับกุมลุลวงไปโดยสะดวก ถือไดวาเปนการขัดขวางเจาพนักงาน
ในการปฏิบัติตามหนา ทตี่ าม ป.อ. มาตรา ๑๓๘

®Õ¡Ò·èÕ øóðø/òõôô จาํ เลยที่ ๑ และที่ ๓ ดิ้นรนขัดขืนไมยอมใหเ จาพนักงาน
ตํารวจจับกมุ แตโดยดี จําเลยที่ ๒ ไมไ ดข ดั ขวางการจับกุม ฮ. แตเพยี งผเู ดยี ว ทาํ รายสิบตํารวจเอก อ.
ตามพฤติการณเปนการตัดสินใจกระทาํ ไปตามลําพังของจําเลยแตละคน โดยมิไดคบคิดกัน จึงถือ
ไมไ ดว า เปน ตวั การรว มกนั กระทาํ ความผดิ จาํ เลยที่ ๑ และท่ี ๓ มคี วามผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งาน
ซงึ่ กระทําการตามหนา ท่ตี ามมาตรา ๑๓๘ วรรค ๒

แตห ากการปฏบิ ตั หิ นา ทข่ี องเจา พนกั งานหรอื ผซู ง่ึ ตอ งชว ยเจา พนกั งานนนั้ เปน การ
ปฏบิ ตั ิหนา ท่ีอนั ไมช อบดวยกฎหมาย แมจะมีการตอสขู ดั ขวางก็ไมผ ิดตามมาตราน้ี

®¡Õ Ò·èÕ ÷ñù/òõðñ ตาํ รวจสงสัยวาจาํ เลยจะกนิ สรุ าเถอ่ื น จงึ เขา ไปจับ ไมเ รียกวา
เปนความผิดซ่ึงหนาและไมเปนกรณีฉุกเฉินอยางย่ิง ตํารวจตามเขาไปจับบนเรือนในที่รโหฐาน
ในเวลากลางคนื โดยไมม หี มายคน ไมไ ด จาํ เลยใชส ากกะเบอื ตตี าํ รวจ ไมเ ปน การตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งาน
ผูกระทาํ การตามหนา ท่ี

®¡Õ Ò·Õè ñðôñ/òõðö การท่ีเจาพนักงานตํารวจเขาจับกุมจําเลยโดยไมมีหมายจับ
และกรณไี มเขาขอ ยกเวน ตาม ป.ว.อ. มาตรา ๗๘ นน้ั เปนการจับกุมโดยไมม อี าํ นาจ แมจาํ เลยตอสู
ขัดขวางการจบั กมุ กไ็ มมคี วามผิด

®¡Õ Ò·èÕ ñðòõ/òõñø ผใู หญบ า นและผชู ว ยผใู หญบ า นจบั จาํ เลยผตู อ งหาวา ทาํ รา ย
รางกายที่ใตถุนบาน ท. อนั เปน ที่รโหฐานโดยไมม ีหมายจับและหมายคน เปนการจับโดยไมชอบดว ย
กฎหมาย จําเลยตอ สูไ มเ ปน ความผิดตามมาตรา ๑๓๘

การตอสูขัดขวางเจาพนักงานไมจําเปนตองเปนเร่ืองจับกุมเสมอไป อาจเปนเรื่อง
อ่ืนก็ได เชน ขัดขวางการรือ้ รวั้ ไซมานใน ฎ. ๖๑๘/๒๕๐๔ ทีก่ ลา วมาแลว

à¨μ¹Ò การตอ สขู ัดขวางเจา พนักงานหรือผซู ง่ึ ตองชวยเจา พนักงาน ตามกฎหมาย
ผกู ระทาํ จะตอ งกระทาํ โดยเจตนา และจะตอ งรดู ว ยวา ผทู ต่ี นตอ สขู ดั ขวางนน้ั เปน เจา พนกั งานหรอื ผซู ง่ึ
ตอ งชวยเจา พนกั งานตามกฎหมาย หากผูก ระทําไมร ูขอ เท็จจรงิ น้ี กไ็ มถอื วามเี จตนา

®¡Õ Ò·Õè ñôø/òõñó ตาํ รวจเขาคน ตัวจําเลยในทีเ่ ปลีย่ ว โดยไมไดแ ตง เคร่อื งแบบ
หรอื แสดงหลักฐานวา เปน ตํารวจกระทาํ การตามหนาท่ี และตา งฝา ยตา งกไ็ มรูจกั กัน แมจาํ เลยจะตอสู
ชกตอ ยขดั ขวางไมใ หต าํ รวจคน เอาเงนิ หรอื ทรพั ยส นิ ของจาํ เลยไป กไ็ มผ ดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งาน

®¡Õ Ò·èÕ òòðò/òõòò นายตํารวจกลับจากงานแตงงานเกิดโตเถียงและชกตอย
กับจําเลยไมไ ดท าํ การตามหนาทแ่ี ละไมไดแสดงบัตรใหจ าํ เลยดู จาํ เลยไมร ูวา เปน ตํารวจ ไมเปน การตอ สู
ขัดขวางเจาพนักงาน

®¡Õ Ò·Õè óòó/òõóñ เจา พนกั งานตาํ รวจขอตรวจคน รถของจาํ เลย ครงั้ แรกจาํ เลย
ไมย อมใหค น เนอ่ื งจากเกรงวา ตาํ รวจจะกลน่ั แกลง เพราะเหตทุ เ่ี คยมสี าเหตกุ บั ตาํ รวจนนั้ มากอ น ในทส่ี ดุ

๑๔๗

จาํ เลยยอมใหค น ดงั น้ี เหน็ ไดว า จาํ เลยขาดเจตนาตอ สหู รอื ขดั ขวางเจา พนกั งาน การกระทาํ ของจาํ เลย
จงึ ไมเ ปน ความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๑๓๘

®¡Õ Ò·Õè òðöø/òõóõ เจา พนกั งานตาํ รวจไมไ ดแ ตง เครอื่ งแบบ และไมไ ดแ สดงตน
วา เปน เจา พนกั งานตาํ รวจเขา จบั กมุ กลมุ เดก็ วยั รนุ โดยไมแ จง ขอ หาแกเ ดก็ วยั รนุ คนใดวา เปน ผดู หู มน่ิ ตน
และจะตองถูกจับ กลับสั่งใหคนขับรถท่ีเด็กวัยรุนโดยสารมาขับรถไปสถานีตํารวจ จึงถือไมไดมีการ
จับกุมในขอหาดูหมิ่นเจาพนักงานโดยชอบ ผูตอสูขัดขวางมิใหจับกุมไมมีความผิดฐานตอสูขัดขวาง
เจาพนกั งาน ซ่ึงกระทาํ ตามหนา ท่ี

®¡Õ Ò·èÕ ñùõô/òõôö ผเู สยี หายท่ี ๑ สวมกางเกงขายาวสกี ากี สวมเสอ้ื ยดื คอกลม
สขี าวเขา ไปขอตรวจคน ตวั จาํ เลยโดยแจง วา เปน เจา พนกั งานตาํ รวจ แตไ มไ ดแ ตง เครอ่ื งแบบตาํ รวจ หรอื
แสดงหลักฐานใหเห็นวาตนเปนเจาพนักงานตํารวจผูทําการตามหนาที่ กรณีอาจทําใหจําเลยเขาใจผิดไปได
แมจ าํ เลยจะตอ สูชกตอ ยหรือใชมดี แทง ผูเสียหายท่ี ๑ เพอ่ื ขดั ขวางไมใหผูเสียหายที่ ๑ ตรวจคน และ
จบั กมุ จาํ เลยกห็ ามคี วามผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งานในการปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ทแ่ี ละพยายามฆา
เจาพนกั งาน ซ่งึ กระทาํ การตามหนา ท่ีไม

สาํ ËÃºÑ ÇÃä·ÒŒ  เปน ลกั ษณะฉกรรจข องการกระทาํ ความผดิ ในวรรคแรก กลา วคอื
ถา การตอ สหู รอื ขดั ขวางนนั้ ไดก ระทาํ โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยกต็ อ ง
รบั โทษหนักข้นึ

㪌กําÅѧ»ÃзØÉÌҠคือ การประทุษรายแกกายหรือจิตใจของบุคคลไมวาจะทํา
ดว ยแรงกายภาพ หรอื ดว ยวธิ อี นื่ ใด และใหห มายความรวมถงึ การกระทาํ ใดๆ ซง่ึ เปน เหตใุ หบ คุ คลหนง่ึ
บคุ คลใดอยูในภาวะทไี่ มสามารถขดั ขืนได ไมวา จะโดยใชยาทําใหมนึ เมา สะกดจติ หรอื ใชว ธิ ีอ่นื ใด
อนั คลายคลึงกัน ตามบทนยิ ามในมาตรา ๑ (๖) คําๆ นี้มีความหมายกวางกวา การทํารา ย การกระทาํ
อะไรเลก็ ๆ นอ ยๆ กอ็ ยูในความหมายของการใชก ําลังประทุษรายแลว เชน กอด จับ ผลกั ดงึ ขว น
หยกิ เปน ตน คอื ไมถึงขัน้ ทํารายรา งกาย แตก ารทาํ รายก็อยูใ นความหมายของประทุษรา ยเหมือนกัน
และถา ตอ สขู ดั ขวางถงึ ขน้ั ทํารายก็ยอ มผิดฐานทํารา ยรา งกายเจา พนกั งานอกี สวนหนง่ึ ดวย กฎหมาย
ถือเปนเหตุฉกรรจ ไมเฉพาะการใชก าํ ลังประทุษรา ยเทานั้น แมเ พยี งขเู ขญ็ จะใชก าํ ลงั ประทุษรา ยกเ็ ปน
เหตุฉกรรจแ ลว เหมอื นกัน

®¡Õ Ò·èÕ òñøö/òõñø จาสิบตํารวจเขาในบาน บ. เพื่อคนจับ ล. ผูตองหา
กรรโชกทรัพย โดย บ. ยอมใหคน จําเลยขัดขวางกั้นไมใหตํารวจขึ้นบันได ดึงแขนและกัดมือตํารวจ
เปนความผิดตามมาตรา ๑๓๘ วรรคทา ย

®Õ¡Ò·èÕ òóóõ/òõñø นายรอ ยตาํ รวจทาํ หนา ทน่ี ายรอ ยเวรสอบสวนไปนง่ั ในรา น
อาหาร ยงั มอี าํ นาจจบั กมุ ผกู ระทาํ ผดิ ซงึ่ หนา การชกตอ ยนายตาํ รวจไมย อมใหจ บั เปน การตอ สขู ดั ขวาง
เจา พนักงานโดยใชก าํ ลังประทษุ ราย

®Õ¡Ò·Õè õò/òõòó การทจ่ี ําเลยที่ ๑ กอดเอว และจําเลยท่ี ๒ ดึงเสอื้ เจาพนกั งาน
ตํารวจไวเ พ่ือมใิ หจ ับกมุ ญาตขิ องตน เปน การตอ สขู ัดขวางเจาพนักงานโดยใชกาํ ลังประทุษรา ย

๑๔๘

ô. ¢‹Á¢¹× ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹
ÁÒμÃÒ ñóù ¼ÙŒã´¢‹Á¢×¹ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ãËŒ»¯ÔºÑμÔ¡ÒÃÍѹÁԪͺ´ŒÇÂ˹ŒÒ·èÕËÃ×Í

ãËŒÅÐàÇŒ¹¡Òû¯ÔºÑμÔ¡ÒÃμÒÁ˹ŒÒ·Õè â´Â㪌กําÅѧ»ÃзØÉÌҠËÃ×Í¢Ù‹à¢çÞÇ‹Ò¨Ð㪌กําÅѧ»ÃзØÉÃŒÒÂ
μÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤¡Ø äÁ‹à¡¹Ô ÊÕ»è ‚ ËÃ×Í»ÃºÑ äÁà‹ ¡¹Ô á»´ËÁ¹è× ºÒ· ËÃ×ͷѧé จาํ ·Ñ駻ÃѺ

ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Á´Õ ѧ¹Õé
๑. ขม ขืนใจ โดยใชกาํ ลังประทษุ รา ย หรือขูเขญ็ วา จะใชก ําลังประทษุ ราย
๒. เจา พนักงาน
๓. ใหป ฏบิ ตั ิการอนั มชิ อบดวยหนาที่ หรอื ใหล ะเวน การปฏบิ ัตกิ ารตามหนาท่ี
๔. เจตนา
คํา͸ºÔ ÒÂ
¢Á‹ ¢¹× ã¨â´Â㪌¡Òí Åѧ»ÃзÉØ ÃÒŒ  ËÃÍ× ¢à‹Ù ¢Þç ÇÒ‹ ¨ÐãªกŒ าํ Å§Ñ »ÃзØÉÃÒŒ Â
¢Á‹ ¢¹× 㨠คอื การบงั คบั ทกี่ ระทาํ ตอ จติ ใจของผอู นื่ เพอื่ ใหก ระทาํ การอยา งใดอยา งหนง่ึ
ตามที่ผูขมขืนใจตองการ แตการขมขืนใจนี้ตองกระทําโดยใชกําลังประทุษราย หรือขูเข็ญวาจะใช
กาํ ลังประทษุ รา ย เชน บีบคอ หรือใชอ าวธุ จ้บี ังคับใหแ กไขหลกั ฐานในโฉนดท่ีดิน เปนตน
਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ กฎหมายกาํ หนดตัวผูถูกขนื ใจวา จะตองเปนเจา พนักงาน ถาในขณะ
ขมขืนใจ ผนู ้นั ไมไดเ ปน เจาพนกั งาน กไ็ มเ ขาตามมาตรานี้
ãË»Œ ¯ºÔ μÑ ¡Ô ÒÃÍ¹Ñ ÁªÔ ͺ´ÇŒ Â˹Ҍ ·Õè ËÃÍ× ãËÅŒ ÐàǹŒ ¡Òû¯ºÔ μÑ ¡Ô ÒÃμÒÁ˹Ҍ ·Õè การขม ขนื ใจ
ดังกลาวตองมีผลเกิดขึ้นคือ ทําใหเจาพนักงานปฏิบัติการอันมิชอบดวยหนาที่ เชน บังคับใหตํารวจ
จับกุมผูท่ีไมไดกระทําความผิด และตํารวจก็จับผูน้ัน หรือทําใหเจาพนักงานละเวนการปฏิบัติการ
ตามหนาที่ เชน ตํารวจจะจับคนราย ก็ขูบังคับมิใหตํารวจจับและตํารวจก็ไมกลาติดตามจับผูนั้น
ËÒ¡¡Òâ‹Á¢¹× ã¨äÁ¡‹ ‹ÍãËŒà¡Ô´¼Å¢Öé¹ ¡àç »¹š ¡ÒþÂÒÂÒÁ¡ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´ เชน บงั คบั ใหตาํ รวจจับกมุ
ผทู ไี่ มไดกระทําความผิด และตํารวจก็จบั ผนู ั้น หรอื ทําใหเ จา พนกั งานละเวน การปฏบิ ตั กิ ารตามหนาท่ี
เชน ตํารวจจะจบั คนราย กข็ ูบ ังคบั มิใหต ํารวจจับและตาํ รวจก็ไมกลาตดิ ตามจบั ผนู นั้
กฎหมายจาํ กดั วา การขม ขนื ใจนน้ั จะตอ งขม ขนื ใจใหป ฏบิ ตั กิ ารอนั มชิ อบดว ยหนา ท่ี
หรือละเวนการปฏิบัติการตามหนาท่ี ฉะน้ัน ถาบังคับใหปฏิบัติการอันชอบดวยหนาท่ี หรือใหละเวน
การปฏิบตั อิ ันมชิ อบดว ยหนา ที่ ก็ไมม ีความผิดในฐานนี้ แตอาจเปน ความผดิ ตอ เสรภี าพ
à¨μ¹Ò ผูกระทาํ จะตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ วรรค ๒ ประกอบดวยจะตองรู
ขอเท็จจริง อันเปนองคประกอบของความผิดตามมาตรา ๕๙ วรรค ๓ ดวย คือ ตองรูวาผูท่ีตน
ขมขืนใจนั้นเปนเจาพนักงาน จึงจะลงโทษตามมาตรานี้ได ถาผูกระทําไมรูขอเท็จจริงนี้ ก็อาจเปน
ความผิดตอ เสรภี าพ
การขม ขืนใจเจาพนักงานตามมาตรา ๑๓๙ น้ี ก็เปนการตอสขู ดั ขวางเจาพนกั งาน
อยางหน่ึงเหมือนกัน แตมาตรา ๑๓๙ มีอัตราโทษสูงกวามาตรา ๑๓๘ ความผิดในสองมาตราน้ี

๑๔๙

มคี วามแตกตา งทส่ี าํ คญั ประการหนง่ึ คอื มาตรา ๑๓๘ เปน การตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งาน ซงึ่ ปฏบิ ตั กิ าร
ตามหนาที่โดยชอบดวยกฎหมาย แตมาตรา ๑๓๙ เปนการบังคับขมขืนใจเจาพนักงานใหปฏิบัติการ
อนั มชิ อบดวยหนาที่ หรือใหล ะเวนการปฏิบตั กิ ารตามหนาท่ี โปรดพจิ ารณาตวั อยา งตอไปนี้

ตาํ รวจจะจบั ผรู า ยตามหนา ที่ แตม ผี ทู าํ รา ยรา งกายตาํ รวจเปน เหตใุ หผ รู า ยหลบหนไี ป
ตํารวจจบั ไมท ันกด็ ี หรอื ตาํ รวจยังติดตามจับจนไดก็ดี เปนการขดั ขวางเจาพนกั งานตามมาตรา ๑๓๘
วรรค ๒ ถาบังคับตํารวจไมใหจับผูราย ถาขืนจับจะทําราย จนตํารวจไมกลาจับเปนความผิดตาม
มาตรา ๑๓๙ น้ี ถา ทาํ รายและขบู งั คบั ไมใ หต ํารวจจบั แตตาํ รวจไมก ลวั ขนื จบั จนได หรือตํารวจไมก ลวั
แตจับไมได เพราะผูรายหนีไดทัน เปนความผิดตามมาตรา ๑๓๙ นี้ และเปนความผิดสําเร็จตาม
มาตรา ๑๓๘ ในกรรมเดียวกัน ตามมาตรา ๙๐ หรือบังคับใหตํารวจจับผูท่ีไมไดกระทําความผิด
ก็เปนความผิดตามมาตรา ๑๓๙ น้ีเชนเดียวกัน แตถาตํารวจไมจับผูกระทําความผิดเปนการไมชอบ
ดว ยหนา ท่ี การบงั คบั ใหต าํ รวจจบั ตามหนา ทไ่ี มเ ปน ความผดิ ตามมาตราน้ี อาจเปน ความผดิ ตอ เสรภี าพ
เพราะไมมีอํานาจใชกําลังประทุษรายหรือขูเข็ญตํารวจ หรือกรณีตํารวจจะแกลงจับผูไมไดกระทํา
ความผิด และมผี ูบ งั คับไมใหต ํารวจจบั การกระทาํ ดงั กลา วไมเปนความผิดตามมาตราน้ี

®¡Õ Ò·Õè ùòð/òõðø เมอื่ พนกั งานสอบสวนไมย อมสงั่ อนญุ าตใหจ าํ เลยประกนั ตวั
ผูต อ งหาเพราะผิดระเบยี บ จาํ เลยพดู ขูเขญ็ วา ถาไมส ่ังใหป ระกันจําเลย จะจดั การใหพ นกั งานสอบสวน
ถูกยายไปท่ีอ่ืนเชนที่เคยกระทําไดผลมาแลวแกผูบังคับกองคนหนึ่ง แตโดยท่ีเร่ืองยายไมแนถาไมให
ประกันจะตองเอาพนักงานสอบสวนลงหลุมฝงศพเสีย เชนน้ีการกระทําของจําเลยเปนการขมขืนใจ
ขูเข็ญเจาพนักงานใหถึงแกชีวิตดวยการใชกําลังประทุษรายตามความหมายของถอยคําเพื่อให
เจาพนักงานปฏิบัติการส่ังประกันเสียเองอันมิชอบดวยหนาที่ การกระทาํ ของจําเลยเปนความผิดตาม
ป.อ.มาตรา ๑๓๙

®¡Õ Ò·èÕ ñòöö/òõóð ตํารวจจะเขาทาํ การจับกุมเจาของรถเข็นในขอหานาํ รถที่
ไมไ ดเ สยี ภาษมี าใชใ นทางและกดี ขวางการจราจร จําเลยพดู วา “ถา จบั มเี รอ่ื งแน” พรอ มกบั ชม้ี อื ในลกั ษณะ
ของการขมขแู ละพวกของจําเลยประมาณ ๓๐-๔๐ คน ไดเดินเขา ไปหาตาํ รวจ ทาํ ใหตาํ รวจกลวั จาํ เลย
และพวกจะทาํ รา ยจงึ พากนั ถอยออกไป การกระทาํ ของจาํ เลยกบั พวกดงั กลา ว แสดงใหเ หน็ วา มเี จตนา
ท่ีจะขมขืนใจไมใหเจาพนักงานปฏิบัติการตามหนาที่หรือละเวนการปฏิบัติการตามหนาที่ จําเลยจึงมี
ความผดิ ตาม ป.อ. มาตรา ๑๓๙

®¡Õ Ò·èÕ óõóö/òõóõ บงั คับใหร อยตาํ รวจโท พ. กับพวกคืนอาวธุ ปน ซึ่งเปน การ
บังคับใหรอยตํารวจโท พ. ปฏิบัติการอันมิชอบดวยหนาท่ีหรือละเวนการปฏิบัติการตามหนาที่
แตร อ ยตาํ รวจโท พ. กบั พวกไมย นิ ยอมปฏบิ ตั ติ ามโดยไมย อมคนื อาวธุ ปน ใหแ ละยดึ เอาไวเ ปน ของกลาง
จงึ ถอื ไมไ ดว า เปน การปฏบิ ตั กิ ารอนั มชิ อบดว ยหนา ทห่ี รอื ละเวน การปฏบิ ตั กิ ารตามคาํ บงั คบั ของจาํ เลย
ที่ ๑ จึงเปนความผดิ ขน้ั ¾ÂÒÂÒÁ เทา น้ัน

๑๕๐

õ. àÃÂÕ ¡·ÃѾÂʏ ¹Ô à¾Íè× ¨Ù§ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹
ÁÒμÃÒ ñôó ¼ÙŒã´àÃÕ¡ ÃѺËÃ×ÍÂÍÁ¨ÐÃѺ·ÃѾÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Íè×¹ã´

สําËÃѺμ¹àͧËÃ×ͼٌÍ×è¹ à»š¹¡ÒÃμͺ᷹㹡Ò÷Õè¨Ð¨Ù§ã¨ËÃ×Íä´Œ¨Ù§ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÊÁÒªÔ¡
ÊÀÒ¹μÔ ºÔ ÞÑ ÞμÑ áÔ Ë§‹ Ã°Ñ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¨§Ñ ËÇ´Ñ ËÃÍ× ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒà·ÈºÒÅâ´ÂÇ¸Ô ÍÕ ¹Ñ ·¨Ø ÃμÔ ËÃÍ× ¼´Ô ¡®ËÁÒ ËÃÍ×
â´ÂÍÔ·¸Ô¾Å¢Í§μ¹ãËŒ¡ÃÐทํา¡Òà ËÃ×ÍäÁ‹¡ÃÐทํา¡ÒÃã¹Ë¹ŒÒ·ÕèÍѹ໚¹¤Ø³ËÃ×Í໚¹â·Éá¡‹ºØ¤¤Åã´
μÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡äÁà‹ ¡Ô¹ËÒŒ »‚ ËÃ×Í»ÃѺäÁ‹à¡Ô¹Ë¹§Öè áʹºÒ· ËÃ×Í·Ñé§จํา·é§Ñ »ÃѺ

มาตราน้ีเปนตัวอยางหน่ึงแสดงวา กฎหมายไมถือวาสมาชิกสภานิติบัญญัติ
แหง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั สมาชกิ สภาเทศบาล มฐี านะเปน เจา พนกั งาน เพราะหากสมาชกิ เหลา นเี้ ปน
เจา พนกั งานดวยแลว กฎหมายกใ็ ชแ ตคาํ วา เจา พนักงาน คาํ เดยี วกพ็ อ ไมจําเปนตอ งแยกบญั ญตั ถิ งึ
สมาชกิ เหลา นไ้ี วต า งหากอกี ความผดิ ตามมาตรานเี้ ปน ความผดิ ทบี่ คุ คลทวั่ ไปกระทาํ มใิ ชเ จา พนกั งาน
กระทําเพราะกฎหมายใชค าํ วา “ผใู ด”

ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô Á´Õ ѧ¹éÕ
๑. เรียก รบั หรือยอมจะรบั ทรัพยสินหรือประโยชนอ ่ืนใด
๒. สาํ หรับตนเองหรือผูอน่ื
๓. เปน การตอบแทนในการทจี่ ะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั ิ
แหงรัฐ สมาชิกสภาเจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภา
เทศบาล
๔. โดยวธิ ีอนั ทจุ ริตหรือผดิ กฎหมายหรอื โดยอิทธพิ ลของตน
๕. ใหกระทาํ การหรอื ไมก ระทาํ การในหนา ทอี่ นั เปนคุณหรอื เปน โทษแกบ ุคคลใด
๖. เจตนา
คาํ ͸ԺÒÂ
àÃÕ¡ ÃѺ ËÃ×ÍÂÍÁ¨ÐÃѺ·ÃѾÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Í×è¹ã´ ¡ÒÃàÃÕ¡ หมายถึง
การกระทาํ ใดๆ อนั เปน การเรยี กรอ งใหผ อู นื่ ใหท รพั ยส นิ หรอื ประโยชน สว นเขาจะยอมใหห รอื ไมใ หไ มส าํ คญั
คอื เพยี งแคเ รยี กกเ็ ปน ความผดิ สาํ เรจ็ แลว เชน เรยี กทรพั ยผ ตู อ งหาอา งวา จะเอาไปใหพ นกั งานสอบสวน
เพอื่ ชว ยใหพน คดี แมผถู ูกเรียกไมย อมใหเ งนิ ก็ผิด
¡ÒÃÃºÑ หมายถงึ ผอู นื่ เสนอใหท รพั ยส นิ หรอื ประโยชนแ ลว รบั เอาหรอื อาจเปน ตนเอง
เรยี กแลว รบั เอาทรพั ยหรอื ประโยชนต ามท่ีเรียกนนั้
สว น ¡ÒÃÂÍÁ¨ÐÃºÑ หมายถงึ ผอู นื่ เสนอใหท รพั ยส นิ หรอื ประโยชนแ ละยอมจะรบั เอง
แตยงั ไมไดรับคือเพียงยอมจะรบั เทาน้นั กผ็ ิดสาํ เร็จแลว เหมือนกนั
ส่ิงที่เรียก รับหรือยอมจะรับน้ันตองเปนทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใด ·ÃѾÊÔ¹
หมายถงึ วัตถุมีรปู รางหรือส่ิงท่ไี มม รี ูปรา งซง่ึ อาจมีราคาได และถอื เอาได »ÃÐ⪹ หมายถงึ สง่ิ อื่น
ท่ีมิใชทรัพยสิน แตเปนคุณแกผูรับ เชน ใหอยูบานโดยไมตองเสียคาเชา ใหบริการโดยไมคิดเงินทอง
ใหโดยสารรถ เรอื หรือเครื่องบนิ โดยไมตองเสียเงิน เปนตน

๑๕๑

สําËÃѺμ¹àͧËÃ×ͼŒÙÍè×¹ การเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพยสิน หรือประโยชน
ดังกลาวจะกระทาํ เพื่อตนเองหรือผูอ่ืนก็ได ผูอ่ืนจะเปนใครก็ได และในขณะท่ีเรียกน้ีจะต้ังใจเอาไปให
ผอู ื่นจริงหรอื ไม ไมส าํ คญั เปนความผิดแลว

®¡Õ Ò·Õè óñó/òôùð การอา งวา จะพดู กบั ภรยิ าหวั หนา ศาลใหช ว ยพดู กบั หวั หนา ศาลนนั้
จะเห็นวาภริยาหัวหนาศาลไมใชเ จา พนกั งาน จงึ ไมม คี วามผดิ ตามมาตรา ๑๔๓

®¡Õ Ò·èÕ õø÷/òõòó เรยี กทรพั ยว า จะเอาไปใหผ พู พิ ากษาตดั สนิ ยกฟอ ง แมผ เู รยี ก
จะมิไดต ง้ั ใจเอาทรัพยท ่เี รียกไปใหผพู ิพากษาเลย ก็เปน ความผิด

®Õ¡Ò·Õè óóô/òõòö การท่ีจําเลยเรียกเงินจากผูมีช่ือโดยอางวาจะนาํ ไปให
ผูพิพากษาเพื่อใหพิพากษายกฟองปลอยตัวจาํ เลยในคดีอาญา และตอมาจาํ เลยไดรับเงินดังกลาว
จากผมู ชี อื่ ดงั นี้ จาํ เลยมเี จตนาทจ่ี ะเรยี กและรบั เงนิ จากผมู ชี อื่ เพอื่ จงู ใจผพู พิ ากษา ซงึ่ เปน เจตนาอนั เดยี วกนั
มาแตแ รกและเปน การกระทําตอ เนือ่ งในคราวเดยี วกนั ถือไดวาเปน การกระทาํ กรรมเดยี วกัน

໚¹¡ÒÃμͺ᷹㹡Ò÷èըШ٧ã¨ËÃ×Íä´Œ¨Ù§ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÊÁÒªÔ¡ÊÀÒ
¹ÔμÔºÑÞÞÑμÔáË‹§ÃÑ° ÊÁÒªÔ¡¨Ñ§ËÇÑ´ ËÃ×ÍÊÁÒªÔ¡ÊÀÒà·ÈºÒÅ การเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพยสิน
หรือประโยชนอื่นใดนั้น ตองเปนการกระทําเพ่ือตอบแทนการท่ีจะจูงใจหรือไดจูงใจเจาพนักงาน
สมาชกิ สภานติ บิ ัญญตั ิ สมาชกิ สภาจังหวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล

¡Òè٧㨠หมายถึง การเกลี้ยกลอมหรือโนมนาวจิตใจใหกระทําหรือละเวน
กระทาํ การอยา งใดอยา งหนงึ่ กฎหมายใชค าํ วา จะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจ จะจงู ใจคอื ยงั มไิ ดจ งู ใจ แตจ ะทําการ
จงู ใจในอนาคต เปน ลกั ษณะใหค าํ มนั่ วา จะกระทํา สว นไดจ งู ใจนน้ั กห็ มายความวา ไดจ งู ใจเจา พนกั งาน
มาแลวในอดีตกอนจะมาเรียกทรัพยสินจากผูใชทรัพยสิน ในกรณีจะจูงใจนั้น แมภายหลังจะมิไดมี
การจูงใจ ก็เปนความผิดสาํ เร็จ คือ แมจะเปนอุบายเท็จหลอกเรียกทรัพย ความจริงผูเรียกไมต้ังใจ
ท่ีจะจูงใจเจาพนักงานเลย กฎหมายก็เอาผิด ขอใหเปรียบเทียบกับ ฎ.๕๘๗/๒๕๒๓ ท่ีกลาวมาแลว
และในกรณีไดจูงใจน้ัน แมจะไดจูงใจกันแลวแตเจาพนักงานไมกระทําตามนั้นไมวาดวยเหตุใดๆ
กฎหมายก็ถือเปนความผิดเชนกัน เพราะกฎหมายตองการปราบปราม การว่ิงเตนกับเจาพนักงาน
จะไดม กี ารไปจูงใจกันจริงๆ หรอื การจูงใจจะไดผ ลหรอื ไมม ิใชขอ สาํ คญั ฉะนั้น ความผิดตามมาตรานี้
ก็เปนความผิดสําเร็จตั้งแตเมื่อไดกระทาํ การเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพยสินหรือประโยชนอ่ืนใด
สําหรับตนเองหรือผูอ่ืน เชน ฎ.๒๕๓๔/๒๕๒๒ เรียกและรับเงินจากผูตองหา อางวาจะเอาไปให
เจาพนกั งานสอบสวนเพอื่ ชว ยใหพ นคดีท่ตี อ งหาผิดตามมาตรานี้

มาตราน้ีบัญญัติถึงบุคคลที่จะจูงใจหรือไดถูกจูงใจไวโดยเฉพาะ คือ ตองเปน
เจาพนกั งาน สมาชิกสภาเทศบาลจึงไมรวมถงึ สมาชิกสภาตําบล หรือสมาชิกสุขาภิบาล และไมร วมถึง
บุคคลธรรมดา เชน บิดามารดา หรือภริยาของเจาพนักงาน เปนตน ฉะนั้น ถาเรียกเงินเพ่ือจะจูงใจ
ใหภริยาของผูพิพากษาพูดกับผูพิพากษาใหตัดสินยกฟองคดีไมเปนความผิดตามมาตรานี้ และแม
ภริยาผูพิพากษาก็ไมผิดตามมาตราน้ีเชนกัน เพราะมิใชผูเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพยสิน จึงขาด
องคประกอบของความผดิ ไป

๑๕๒

â´ÂÇÔ¸ÕÍѹ·Ø¨ÃÔμËÃ×ͼԴ¡®ËÁÒÂËÃ×Íâ´ÂÍÔ·¸Ô¾Å¢Í§μ¹ การจะจูงใจหรือได
จงู ใจ เจา พนักงานดังกลาวจะตองกระทําโดยวธิ ที ่กี ําหนดน้ี คอื โดยวธิ ีอนั ทจุ รติ โดยวิธอี นั ผดิ กฎหมาย
หรอื โดยอทิ ธิพลของตน

(๑) โดยวิธีอันทุจริต คือเพ่ือแสวงหาประโยชนที่มิควรไดโดยชอบดวยกฎหมาย
สาํ หรบั ตนเองหรือผูอื่น เชน เอาเงนิ ท่ีเรียกไดมาแบงใหเจาพนกั งาน หรือใหป ระโยชนอนื่ ใดอันมิควร
ไดแก เจา พนกั งาน เปน ตน

(๒) โดยวธิ อี นั ผดิ กฎหมาย อาจจะเปน การขเู ขญ็ บงั คบั หลอกลวงกไ็ ดแ ตไ มจ าํ ตอ ง
ถึงข้ันเปนความผดิ อาญากไ็ ด

(๓) โดยอิทธิพลของตนในทางหนึ่งทางใดบีบบังคับผูถูกจูงใจ เชน อาจจะเปน
อิทธพิ ลของการเปน ภรรยา อิทธพิ ลของการเปน เจา หนี้ เปน ตน

ความมอี ทิ ธพิ ล หมายถงึ ความมอี าํ นาจในทางราชการ สงั คม หรอื ในทางครอบครวั
ตอ อกี บคุ คลหนงึ่ ซงึ่ จะทาํ ใหบ คุ คลนมี้ คี วามเกรงกลวั เชน เพราะเปน บดิ ามารดาของเจา พนกั งานทาํ ให
เจา พนกั งานตองเกรงใจ

ãËŒ¡ÃÐทํา¡ÒÃËÃ×ÍäÁ‹¡ÃÐทํา¡ÒÃã¹Ë¹ŒÒ·ÕèÍѹ໚¹¤Ø³ËÃ×Í໚¹â·Éá¡‹ºØ¤¤Åã´
การจูงใจหรือไดจูงใจบุคคลท่ีกลาวมานั้น ตองเพื่อวัตถุประสงคอยางใดอยางหนึ่ง คือ ใหผูถูกจูงใจ
หรือจะถูกจูงใจกระทําการในหนาที่อันเปนคุณหรือโทษแกบุคคลใด หรือใหไมกระทําการในหนาท่ี
อันเปน คณุ หรอื เปนโทษแกบ ุคคลใด แตไมจ าํ เปนวา ผูถูกจงู ใจจะไดทําตามท่ถี กู จูงใจนน้ั

(๑) ใหก ระทาํ การในหนา ทอ่ี นั เปน คณุ หรอื เปน โทษแกบ คุ คลใด หมายถงึ ใหป ฏบิ ตั ิ
หนา ทโ่ี ดยไมถ กู ไมค วรหรอื ปฏบิ ตั โิ ดยมชิ อบดว ยหนา ที่ แตไ มห มายถงึ การจงู ใจหรอื จะจงู ใจใหป ฏบิ ตั กิ าร
โดยชอบดวยอํานาจหนาท่ีของเจาพนักงานหรือสมาชิกประเภทน้ันๆ เชน การจูงใจใหเจาพนักงาน
จับกุมผกู ระทาํ ความผดิ ยอมไมเ ปนความผิด

การกระทําในหนาที่น้ีจะตองเปนหนาท่ีโดยตรงของเจาพนักงานหรือสมาชิกน้ันๆ
ถาจงู ใจหรอื จะจูงใจใหเ ขากระทําการในสิ่งซ่งึ มิใชหนาทโ่ี ดยตรงของเขา กไ็ มผดิ

®Õ¡Ò·èÕ õññ/òõñö การท่ีเจาพนักงานตํารวจผูจับกุมผูกระทําความผิด มีหนาท่ี
ตองเบิกความตอศาลตามความสัตยจริงในฐานะเปนพยานในคดีท่ีผูกระทําความผิดถูกฟองน้ัน
เปนหนาที่อยางเดียวกับประชาชนท่ัวๆ ไป หาใชเปนหนาท่ีโดยตรงอันสืบเนื่องมาจากการที่เปน
เจาพนักงานผูจับกุมผูกระทําความผิดไม แมจําเลยจะเรียกและรับเงินจากผูอื่นเพื่อจูงใจเจาพนักงาน
ดงั กลาวใหเบิกความผดิ ไปจากความจรงิ กไ็ มผ ดิ ตามมาตรา ๑๔๓

(๒) ใหไมกระทําการในหนาท่ีอันเปนคุณหรือโทษแกบุคคลใด หมายถึง จูงใจ
หรือจะจูงใจใหไมปฏิบัติหนาท่ีตามที่ถูกท่ีควร หนาท่ีน้ีก็ตองเปนหนาที่โดยตรงของเจาพนักงานหรือ
สมาชกิ นน้ั ๆ ดว ย ถา เขาไมม หี นา ทโี่ ดยตรงเชน นนั้ ไปจงู ใจหรอื จะจงู ใจใหเ ขาไมป ฏบิ ตั กิ ไ็ มผ ดิ หมอื นกนั

๑๕๓

®Õ¡Ò·èÕ ôòó/òõòò จําเลยเรียกเงินจากรานคาท่ีจําเลยรับจางทาํ บัญชี อางวา
จะเอาไปให ป. ผูชว ยสรรพากรไมใ หมาตรวจบญั ชที ที่ าํ ผดิ แต ป. ทาํ หนา ทีธ่ ุรการไมม หี นาท่ีตรวจสอบ
บญั ชี การกระทําของจาํ เลยไมผดิ ตามมาตรา ๑๔๓

à¨μ¹Ò ผูก ระทําจะตอ งมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ วรรค ๒ ในการเรียก รบั หรอื ยอม
จะรบั ทรัพยสินหรอื ประโยชนอ่นื ใดสําหรบั ตนเองหรอื ผอู ื่น และสําหรับการรับทรพั ยสินหรอื ประโยชน
กต็ อ งรับโดยรดู ว ยวาเขาไดใ หเ ปนการตอบแทนในการท่ีตนจะจูงใจหรือไดจูงใจเจา พนักงาน

ö. ãËŒÊ¹Ô º¹à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹
ÁÒμÃÒ ñôô ¼ŒÙã´ãËŒ ¢ÍãËŒËÃ×ÍÃѺNjҨÐãËŒ·ÃѾÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Íè×¹ã´á¡‹

à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÊÁÒªÔ¡ÊÀÒ¹μÔ ºÔ ÞÑ ÞÑμÔáË‹§Ã°Ñ ÊÁÒªÔ¡ÊÀҨѧËÇ´Ñ ËÃ×ÍÊÁÒªÔ¡ÊÀÒà·ÈºÒÅ à¾×Íè ¨Ù§ã¨
ãËŒ¡ÃÐทาํ ¡Òà äÁ¡‹ ÃÐทาํ ¡ÒÃËÃÍ× »ÃÐÇ§Ô ¡ÒáÃÐทําÍ¹Ñ ÁªÔ ͺ´ÇŒ Â˹Ҍ ·èÕ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจาํ ¤Ø¡äÁà‹ ¡¹Ô
ËÒŒ »‚ ËÃÍ× »ÃѺäÁà‹ ¡Ô¹Ë¹§èÖ áʹºÒ· ËÃÍ× ·§Ñé จาํ ·é§Ñ »ÃѺ

มาตรานเ้ี ปนเร่อื งบคุ คลในฐานะราษฎรใหส นิ บนเจาพนกั งาน ตา งกบั มาตรา ๑๔๒
ซ่งึ เปนกรณีบุคคลธรรมดาเรียกทรพั ยสนิ จากบคุ คลธรรมดาดวยกัน

ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô Á´Õ ѧ¹Õé
๑. ให ขอให หรือรบั วา จะให ทรัพยส ินหรือประโยชนอืน่ ใด
๒. แกเจา พนักงาน สมาชิกสภานติ ิบัญญตั แิ หงรฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรือสมาชกิ
สภาเทศบาล
๓. เจตนา
๔. เพอ่ื จงู ใจใหก ระทาํ การ ไมก ระทาํ การ หรอื ประวงิ การกระทําอนั มชิ อบดว ยหนา ท่ี
คาํ ͸ºÔ ÒÂ
คาํ วา “ãËŒ” นั้นหมายความวาใหทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใดซึ่งเจาพนักงาน
หรือสมาชิกสภาประเภทตางๆ ไดรับเอาไวแลว ซึ่งอาจจะเน่ืองมาจากเจาพนักงานฯ นั้นเรียกเอา
ผูถูกเรียกจึงไดใหไป หรือบุคคลผูไปหาเจาพนักงานนั้นใหเองโดยไมไดเรียกก็ได แตสาระสาํ คัญของ
คําวา ใหตองเปนเรือ่ งเจา พนักงานรับเอามาเปนของตนแลว
คําวา “¢ÍãËŒ” หมายความวาบคุ คลผูไ ปติดตอ กับเจา พนักงานฯ ขอใหทรัพยสิน
หรือประโยชนอ่ืนใดแกเจาพนักงานฯ เม่ือเอยปากขอใหแลวถือวาเปนการกระทาํ ในการขอใหสําเร็จ
ทันที เจาพนักงานจะไดตกปากลงคาํ วาจะรับหรือไมก็เปนการกระทาํ สําเร็จ แมเจาพนักงานจะ
ตอบปฏิเสธ ไมย อมรับตามท่ขี อให กถ็ อื วา เปนการขอใหตามความหมายดงั กลา วแลว
คําวา “ÃѺÇÒ‹ ¨ÐãË”Œ หมายความวา ผูไปตดิ ตอกับเจาพนกั งานน้ันตกลงรับวาจะให
ทรัพยสิน หรือประโยชนอื่นใดแลว การท่ีตกลงรับวาจะใหนี้เปนผลมาจากทางเจาพนักงานเปนฝาย
เรยี กรอ งหรอื รอ งขอจากผมู าตดิ ตอ หรอื โดยการจงู ใจ ดว ยประการอนื่ ใดจากผมู าตดิ ตอ และผตู ดิ ตอ นน้ั
ตกลงรับปากกับเจาพนักงานแลววาจะให การกระทําก็ถือวาสาํ เร็จแลว สวนทรัพยสินหรือประโยชน
จะไดเม่ือไรหรือไมไดเลยตามที่รับปากไว ก็ไมใชสาระสาํ คัญ แตถาบุคคลท่ีมาติดตอนั้นน่ิงเฉยเสีย
หรือปฏเิ สธเสยี เมื่อถูกเรยี กรอง กรณีเชนนไ้ี มถ ือวาเปนการรบั วาจะให ไมเปนความผิด

๑๕๔

คาํ วา “·Ã¾Ñ Âʏ ¹Ô ËÃÍ× »ÃÐ⪹͏ ¹×è ã´” นน้ั มคี วามหมายเชน เดยี วกนั กบั ทก่ี ลา วมาแลว
ในมาตรา ๑๔๓ เพียงแตการกระทําตามมาตรานี้แตกตางกับการกระทําในมาตรา ๑๔๓ ก็คือ
เร่ืองการกระทําตามมาตรา ๑๔๓ เปนการกระทําตอบุคคลธรรมดาท่ัวไปเพื่อไปจูงใจเจาพนักงานฯ
สวนการกระทําในมาตรา ๑๔๔ เปนการกระทําในการให ขอให หรือรับวาจะใหของบุคคลอ่ืนตอ
เจาพนักงาน และสมาชิกสภาหรือท่ีเรียกวาเปนการให ขอใหหรือรับวาจะใหสินบนแกเจาพนักงาน
หรือสมาชิกสภาน้นั โดยตรง

สําหรับประโยชนน้ันนอกจากท่ีกลาวมาแลวในมาตรา ๑๔๓ อาจจะมีกรณีอื่นๆ
อกี เชน ใหย มื รถยนตไ ปใชโ ดยไมต อ งเสยี คา เชา ใหอ ยบู า นโดยไมต อ งเสยี คา เชา ใหโ ดยสารรถหรอื เรอื
โดยไมต อ งเสียคา โดยสาร เปน ตน

สาํ หรับบุคคลทใ่ี ห ขอให หรอื รับจะให คือ เปน การกระทาํ ตอ เจาพนักงาน สมาชิก
สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล และหนา ทตี่ า งๆ นนั้ กม็ คี วามหมาย
อยางเดยี วกนั กับท่ีกลาวมาแลวในมาตรา ๑๔๓ จึงไมนาํ มากลาวซํา้ อีก

à¨μ¹Ò มาตรา ๑๔๔ นี้ ผกู ระทาํ มเี จตนาพเิ ศษ กลา วคอื กระทาํ โดยรสู าํ นกึ ในการให
ขอให หรือรับวาจะใหทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใดนั้นแกเจาพนักงานและสมาชิกสภาฯ โดยมีเหตุ
จงู ใจประสงคต อ ผลเปน พเิ ศษ คอื เพอื่ ใหก ระทาํ การ ไมก ระทาํ การหรอื ประวงิ การกระทาํ อนั มชิ อบดว ย
หนาที่ ฉะน้นั ถา การกระทําดังกลา วเพอ่ื ใหเ จาพนกั งาน หรอื สมาชิกสภาฯ กระทาํ การ ไมก ระทําการ
หรือประวิงการกระทํา อันชอบดวยหนาท่ีนอกเหนือหนาที่หรือเพราะไมมีหนาท่ีแลว การใหหรือขอ
ให หรือรับวาจะใหทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใดน้ันก็ไมเปนความผิดตามมาตรา ๑๔๔ น้ี แตอาจมี
ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๓ ไดใ นเมอื่ การกระทําน้นั เขาองคป ระกอบความผดิ ของมาตรา ๑๔๓

ดังไดกลาวแลววา มูลเหตุชักจูงใจน้ันตองเพ่ืออันมิชอบดวยหนาท่ี ฉะน้ัน ถามี
มลู เหตุชกั จงู ใจเพอ่ื การอนั ชอบดว ยหนาที่ ก็ยอ มไมเปน ความผดิ

(๑) ใหส นิ บนแกต าํ รวจเพอื่ ใหจ บั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ ตามอาํ นาจหนา ทย่ี อ มไมเ ปน
ความผิด

(๒) ฎีกาที่ ๓๗๐๐/๒๕๒๙ บิดาของผูตองหาคดีการพนันขอใหจําเลยชวยเหลือ
จาํ เลยเขยี นจดหมายถงึ ร.ต.ท. บ. พนักงานสอบสวน วา คดกี ารพนันน้าํ เตาปูปลาถงึ แมจะเสียทีศ่ าล
หรอื เสยี ทโี่ รงพกั กม็ คี า เทา กนั คนละไมก รี่ อ ยบาท จงึ ขอความกรณุ าใชด ลุ พนิ จิ แบบปรชั ญาทางเศรษฐกจิ
เพือ่ ไมใ หเสยี เวลาท้งั สองฝาย ทงั้ หมด ๖ คน คนละ ๓๐๐=๒,๐๐๐ บาท เปนคา บํารุงโรงพักฯ ดงั น้ีเปน
เพียงขอรองใหชวยเหลือเปรียบเทียบปรับใหคดีเสร็จไปในชั้นสถานีตํารวจ โดยไมตองใหคดีถึงศาล
เทานนั้ จําเลยไมม ีความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๔, ๑๖๗

อนง่ึ การใหส นิ บนเจา พนกั งานน้ี กฎหมายเอาผดิ ทงั้ แกผ ใู หแ ละผรู บั คอื ผใู หจ ะผดิ
ตามมาตรา ๑๔๔ สว นเจาพนกั งานผรู บั ผิดตามมาตรา ๑๔๙ และเม่อื ผูใหผิดตามมาตรา ๑๔๔ แลว
กไ็ มผ ดิ ฐานสนับสนนุ เจาพนกั งานกระทาํ ผดิ อกี

๑๕๕

®¡Õ Ò·èÕ ôóõ/òõòð ราษฎรใหสินบนเจาพนักงานเพื่อการอันมิชอบดวยหนาท่ี
เจาพนักงานรับไว ราษฎรผิดตามมาตรา ๑๔๔ เจาพนักงานผิดตามมาตรา ๑๔๙ และราษฎรไมผิด
ฐานสนับสนนุ เจา พนกั งานอีก

แตถามิใชหนาที่หรือเปนการนอกเหนือหนาที่หรือพนหนาท่ีของเจาพนักงาน
หรือสมาชิกดังกลา วก็ไมผ ดิ ฐานใหสินบนเจาพนกั งาน

®Õ¡Ò·èÕ óôò/òõðö กํานันรายงานกลาวโทษจาํ เลยไปอาํ เภอ และอาํ เภอเรียก
พยานทําการสอบสวนไปแลวพนอาํ นาจหนาท่ีของกาํ นันแลว จาํ เลยจึงใหเงินแกกาํ นันเพ่ือใหชวยไป
ติดตอ กบั เจาพนกั งานอาํ เภอ หรอื เจาพนักงานสอบสวนใหก ระทําใหคดีเสร็จไปในช้นั อําเภออยาใหถงึ
ฟองศาล ไมเปนการใหส ินบนตามมาตรา ๑๔๔

ฉะนนั้ สาระสาํ คญั ของมาตรานี้ จึงอยทู ่ีหนา ท่ี ซึง่ จะตองพจิ ารณาถึงวาหนา ทขี่ อง
เจาพนกั งานหรือสมาชิกสภาประเภทตางๆ นัน้ มหี นาที่ในการกระทาํ ตามตาํ แหนงของตนอยา งไรบาง
เวนแตเจาพนักงานบางตําแหนงซึ่งมีหนาท่ีเก่ียวกับการรักษาความสงบเรียบรอยของบานเมือง เชน
เจาพนักงานฝายตํารวจซึ่งมีหนาท่ีจับกุมผูกระทําความผิดตอกฎหมายในทางอาญาท่ัวไป เปนตน
มูลเหตจุ ูงใจตามมาตรา ๑๔๔ พอจะแยกออกพิจารณาไดดงั นี้

๑. เพ่ือใหก ระทําการอันมิชอบดว ยหนา ท่ี เชน เจา พนกั งานตํารวจจบั กมุ ผูก ระทาํ
ความผดิ แลว ขอใหเ งิน เพือ่ ใหป ลอยผูกระทําความผิดนั้น

๒. เพ่ือไมกระทําการอันมิชอบดวยหนาท่ี เชน เจาพนักงานตํารวจจะจับกุม
ผูกระทําความผดิ จงึ ขอใหเ งินแกเจา พนกั งานตาํ รวจนนั้ เพอ่ื ละเวน ไมกระทาํ การจับกุมตามหนาท่ี

๓. เพอ่ื ประวงิ การกระทาํ อนั มชิ อบดว ยหนา ท่ี เชน ใหท รพั ยส นิ แกพ นกั งานสอบสวน
ใหระงับการสอบสวนไว หรือเม่อื สอบสวนเสรจ็ แลว ใหระงับการสง สาํ นวนการสอบสวน เปนตน

®¡Õ Ò·Õè òòòñ/òõñù ใหเงินนายกเทศมนตรีจูงใจใหอนุญาตกอสรางโดยเร็ว
โดยหลกั ฐานไมเ รยี บรอ ย เปน การไมช อบดว ยอาํ นาจหนา ทขี่ องนายกเทศมนตรี ผดิ ป.อาญา มาตรา ๑๔๔

÷. ¡ÒÃáÊ´§μ¹áÅСÃзíÒ¡ÒÃ໚¹à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹
ÁÒμÃÒ ñôõ ¼ÙŒã´áÊ´§μ¹à»š¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ áÅСÃÐทํา¡ÒÃ໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹

â´Âμ¹àͧÁÔ䴌໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹·èÕÁÕอํา¹Ò¨¡ÃÐทํา¡ÒùÑé¹ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡äÁ‹à¡Ô¹Ë¹Ö觻‚
ËÃÍ× »ÃºÑ äÁà‹ ¡¹Ô ÊͧËÁ×蹺ҷ ËÃ×Í·éѧจํา·é§Ñ »ÃѺ

à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼ãŒÙ ´ä´ÃŒ ºÑ คาํ ʧÑè ÁãÔ Ë»Œ ¯ºÔ μÑ ¡Ô ÒÃμÒÁตาํ á˹§‹ ˹Ҍ ·μèÕ Í‹ ä»áÅÇŒ 处 ½Ò† ½¹„
¡ÃÐทาํ ¡ÒÃã´æ ã¹ตาํ á˹‹§Ë¹ŒÒ·Õè¹é¹Ñ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·ÉμÒÁ·èÕ¡íÒ˹´äÇŒã¹ÇÃäáá´Ø¨¡¹Ñ

มาตรานี้บัญญัติการกระทําอันเปนความผิด ๒ ความผิด คือ วรรคแรกบัญญัติ
ลกั ษณะการกระทาํ อนั เปน ความผดิ ฐานแสดงตนและกระทาํ การเปน เจา พนกั งาน วรรคทา ยเปน กรณที ี่
เจาพนกั งานไดรบั คาํ สัง่ มใิ หป ฏิบตั ิการในตําแหนงแลว ยงั ฝาฝน คาํ สงั่ อีก

๑๕๖

¤ÇÒÁ¼Ô´μÒÁÇÃäáá มอี งคประกอบของความผิดดงั น้ี
๑. แสดงตนเปน เจา พนกั งาน และกระทําการเปน เจา พนกั งาน
๒. โดยตนเองมไิ ดเปนเจา พนกั งานท่ีมอี ํานาจกระทาํ น้นั
๓. เจตนา
คาํ ͸ºÔ ÒÂ
áÊ´§μ¹à»š¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ áÅСÃÐทํา¡ÒÃ໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ การแสดงตนเปน
เจาพนักงาน คือ กระทําใหปรากฏดวยประการใดๆ วาตนเปนเจาพนักงานอาจจะโดยวาจา เชน
อางวา เปนตํารวจ ทหาร ปลัดอําเภอ เปนตน หรือแตงเคร่ืองแบบเจาพนักงาน หรือแสดงกิริยา
ทาทางใหผูอ่ืนเขาใจวาตนเปนเจาพนักงาน เชน เขาทําการจับกุมและขอตรวจคน แมจะมิไดพูดอาง
วา ตวั เองเปน เจา พนกั งาน แตก ารกระทาํ ดงั กลา วกย็ อ มทาํ ใหเ ขา ใจไดว า ผนู นั้ เปน เจา พนกั งาน นอกจาก
จะแสดงตนเปนเจาพนักงานแลว ความผิดตามมาตรานี้จะตองไดกระทําการเปนเจาพนักงานดวย
คอื ¨ÐμÍŒ §Á¡Õ ÒáÃÐทาํ ·§éÑ ò Å¡Ñ É³Ð ·§éÑ áÊ´§μ¹à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹áÅСÃÐทาํ ¡ÒÃ໹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹
®¡Õ Ò·èÕ ñð÷÷/òõðõ ป. และ ส. ไปหลอกลวงผูเสียหายวาเปนเจาพนักงาน
ขอคนบาน และคนไดแปงเช้ือสุรา แลวคุมตัวผูเสียหายไปมอบให ค. ค.แสดงตนเปนเจาพนักงาน
สรรพสามติ บอกใหผ เู สยี หายเสยี คา ปรบั ถา ไมเ สยี จะจบั สง อาํ เภอ ดงั นี้ ป. ส. และ ค. ผดิ ฐานแสดงตนเปน
เจา พนกั งาน
®¡Õ Ò·èÕ ñòðø/òõðø จําเลยมิไดเปนตํารวจ แตแสดงตนเปนตํารวจและจับกุม
ควบคุมผเู สยี หายไป ผดิ ฐานแสดงตนเปนเจาพนกั งาน
®Õ¡Ò·Õè òðùù/òõò÷ จําเลยแตงกายดังที่ตํารวจนอกเครื่องแบบแตงกันตาม
ปกติ โดยนงุ กางเกงสกี ากี สวมเสื้อคอกลมขาว คาดเข็มขัดหนังยนื ใหส ญั ญาณรถยนตบ รรทุกที่ผานไป
มาใหหยุดรถ เพ่ือตรวจตรงจุดที่รถยนตตํารวจทางหลวงจอดอยู มีตํารวจแตงเครื่องแบบนั่งอยูในรถ
ดงั น้ี จาํ เลยไดแ สดงตนและกระทาํ การเปน เจา พนกั งานตาํ รวจทางหลวงในการเรยี กตรวจรถทผี่ า นไปมา
โดยไมไ ดเปน เจาพนกั งานจรงิ มคี วามผิด ป.อ. มาตรา ๑๔๕
หากมแี ตก ารแสดงเปน เจา พนกั งานอยา งเดยี วไมไ ดก ระทาํ การเปน เจา พนกั งานดว ย
กไ็ มผ ิดฐานนี้
®¡Õ Ò·èÕ ñòñù/òõðõ จําเลยกับพวกแจงกับเจาทรัพยวาเปนเจาพนักงานจะคน
ของเถื่อน ครั้นเจาทรัพยไมยอมใหคน จําเลยกับพวกก็ปลนทรัพยของเจาทรัพยยังไมผิดฐานแสดง
ตนเปนเจาพนักงาน เพราะมิไดกระทําการเปนเจาพนักงาน เพียงแตแสดงตนเปนเจาพนักงาน
เพือ่ ปลน ทรพั ย
®¡Õ Ò·Õè óøò/òõðø จําเลยมิไดเปนตํารวจสันติบาลไดแสดงตัวเปนตํารวจ
สันติบาล ถามถึงเร่ืองคนรายแลวจดชื่อลงในสมุดพก โดยมิไดเจตนาสอบสวนจริงจัง ยังไมถือวาได
กระทาํ การเปน เจาพนกั งานไมผ ิดตามมาตรา ๑๔๕

๑๕๗

®Õ¡Ò·Õè ôðö/òõòð จําเลยพดู วา “อว๊ั เปน นายรอยตํารวจตรี คน ไมได” ไมยอม
ใหต าํ รวจคนรถที่จาํ เลยขบั มา แมจ าํ เลยมิไดเปนเจาพนกั งาน กย็ งั ไมผิดตามมาตรา ๑๔๕

®¡Õ Ò·Õè øñð/òõòð อางวาเปนตํารวจขอคนบานพอเขาไปแลวกลับขูเอาทรัพย
ไปไมเ ปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๕

â´Âμ¹àͧÁÔ䴌໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹·èÕÁÕอํา¹Ò¨¡ÃÐทํา¡ÒùÑé¹ การแสดงตนเปน
เจา พนกั งาน และกระทาํ การเปน เจา พนกั งาน ผแู สดงตนจะตอ งไมเ ปน เจา พนกั งาน ผมู อี าํ นาจกระทาํ การนนั้
เพราะหากเปนเจาพนักงาน ซ่ึงมีอํานาจกระทําการนั้นจริงๆ แลว ก็ยอมไมเปนความผิด เชน
เจาพนกั งานตาํ รวจไปแสดงตนเปน ตํารวจจับกมุ ผูกระทําความผิดตามหนาที่

สาระสําคัญของความผิดฐานแสดงตนเปนเจาพนักงาน คือ มิไดเปนเจาพนักงาน
ทมี่ อี าํ นาจกระทําการน้ันดวยเหตุนี้ แมผูแ สดงตนจะเปนเจา พนักงานจริงๆ แตไมม อี ํานาจกระทาํ การ
ตามตําแหนงที่แสดงตนนั้นก็ผิดฐานแสดงตนเปนเจาพนักงาน ความผิดฐานน้ีจึงไมจําเปนวาจะตอง
เปนราษฎรแสดงตนเปนเจาพนักงานเสมอไป แมเจาพนักงานแสดงตนเปนเจาพนักงานก็ผิดได
เหมือนกัน เชน เปนเจาพนักงานศุลกากร หรือเจาพนักงานสรรพากรไปแสดงตนเปนตํารวจจับกุม
ผลู ักลอบเลนการพนนั เปน ตน

®¡Õ Ò·èÕ ñóùô/òõñô จําเลยเปนพนักงานตีตราไมซ่ึงมิใชเปนเจาพนักงานปาไม
ผูมีอํานาจจับกุมผูกระทําผิดพระราชบัญญัติปาไม แตจําเลยไดแสดงตัววาเปนเจาพนักงานปาไม
เขาซักถาม และบันทึกจับกุมผูเสียหายวากระทําผิดพระราชบัญญัติปาไม จําเลยยอมมีความผิดฐาน
แสดงตนเปน เจาพนกั งานตามมาตรา ๑๔๕

à¨μ¹Ò ความผิดฐานนี้ผูกระทําผิดจะตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๖ วรรค ๒ คือ
ประสงคต อ ผลหรอื ยอ มเลง็ เหน็ ผลในการแสดงตนเปน เจา พนกั งาน และกระทาํ การเปน เจา พนกั งานนน้ั

¤ÇÒÁ¼´Ô μÒÁÇÃä·ÒŒ  มอี งคป ระกอบของความผิดดงั นี้
๑. เปน เจา พนักงาน
๒. ไดร บั คําสั่งมิใหป ฏิบัตกิ ารตามตําแหนง หนา ทต่ี อ ไปแลว
๓. ยงั ฝาฝนกระทําการใดในตําแหนง หนา ทนี่ นั้
๔. เจตนา
คาํ ͸ºÔ ÒÂ
໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ความผิดตามวรรคทายนี้กฎหมายจํากัดตัวผูกระทําความผิดไว
โดยเฉพาะวา ตอ งเปน เจา พนกั งานเทา นนั้ คอื ในขณะกระทาํ ความผดิ ตอ งมฐี านะเปน เจา พนกั งานอยู
และแมในกรณีลาหรือหนีราชการก็ถือวายังไมพนจากหนาที่ราชการ แตถาถูกไลออก ปลดออก
หรือใหออกเสียกอนกระทําความผิดก็ถือวาหมดสภาพการเปนเจาพนักงาน ไมอาจกระทําผิดตาม
วรรคทายน้ีได แตอ าจเปนความผิดตามวรรคแรก

๑๕๘

ä´ŒÃѺคําÊèѧÁÔãËŒ»¯ÔºÑμÔ¡ÒÃμÒÁตําá˹‹§Ë¹ŒÒ·èÕμ‹Íä»áÅŒÇ หมายความวา เดิม
เจาพนักงานผูน้ันมีอํานาจปฏิบัติการตามตําแหนงหนาที่นั้นอยู แตตอมาถูกส่ังมิใหกระทําการตาม
ตาํ แหนง หนา ทน่ี น้ั เชน ถกู ส่งั ใหพ ักราชการระหวา งสอบสวนทางวินยั

处 ½Ò† ½¹„ ¡ÃÐทาํ ¡ÒÃã´ã¹ตาํ á˹§‹ ˹Ҍ ·¹èÕ ¹Ñé หมายความวา เจา พนกั งานผนู นั้ ยงั คง
กระทําการในตาํ แหนง หนาที่โดยฝาฝน ตอคําส่งั ท่มี ิใหปฏิบตั ิการในหนา ท่ีน้นั เชน สรรพสามิตจังหวดั
ถกู สงั่ พักราชการ แตร ะหวา งนน้ั ก็ยังจบั ผตู มกลนั่ สรุ าเถ่อื นอยูตอ ไป ผิดตามวรรคนี้

à¨μ¹Ò ความผิดในวรรคทาย ผูกระทําจะตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ วรรค ๒
ประกอบกับตองรูขอเท็จจริงอันเปนองคประกอบของความผิดตามมาตรา ๕๙ วรรค ๓ ดวย คือ
ตอ งรูถงึ คําสงั่ ทีม่ ิใหป ฏิบัติการตามตําแหนงหนา ทีต่ อไปน้นั ถาไมรกู ไ็ มถือวามีเจตนากระทาํ ความผิด

®Õ¡Ò·èÕ øðô/òôøö จําเลยเปนตํารวจประจําการไดห นีราชการไป ทางราชการมี
คําสั่งไลจําเลยออกแลว แตจําเลยมิไดทราบคําสั่งไลออกของทางราชการ จําเลยไดแตงเคร่ืองแบบ
ตํารวจไปจับกุมผูกระทําความผิดกฎหมาย ดังนี้จําเลยเชื่อโดยบริสุทธ์ิใจวามีสิทธิแตงเครื่องแบบตํารวจ
ได เพราะจําเลยมไิ ดรับหรอื ทราบคาํ สง่ั ไลอ อก การกระทําของจาํ เลยจึงขาดเจตนายงั ไมเ ปน ความผิด

ø. á짋 à¤ÃÍè× §áººâ´ÂäÁÁ‹ ÕÊÔ·¸Ô
ÁÒμÃÒ ñôö ¼ÙŒã´äÁ‹ÁÕÊÔ·¸Ô·Õè¨ÐÊÇÁà¤Ã×èͧẺ ËÃ×Í»ÃдѺà¤Ãè×ͧËÁÒ¢ͧ

à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¹μÔ ºÔ ÞÑ ÞμÑ áÔ Ë§‹ Ã°Ñ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¨§Ñ ËÇ´Ñ ËÃÍ× ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒà·ÈºÒÅËÃÍ× äÁÁ‹ ÊÕ ·Ô ¸Ô
㪌ÂÈ ตาํ á˹‹§ à¤ÃÍ×è §ÃÒªÍÊÔ ÃÂÔ ÒÀó ËÃÍ× Ê§Ôè ·ÕèËÁÒ¶֧à¤Ã×Íè §ÃÒªÍÊÔ ÃÂÔ ÒÀó ¡ÃÐทาํ ¡ÒÃઋ¹¹éÕ
à¾Íè× ã˺Œ ¤Ø ¤Å͹è× àªÍ×è ÇÒ‹ μ¹ÁÊÕ ·Ô ¸μÔ ÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจาํ ¤¡Ø äÁà‹ ¡¹Ô ˹§èÖ »Ë‚ ÃÍ× »ÃºÑ äÁà‹ ¡¹Ô ÊͧËÁ¹è× ºÒ· ËÃÍ×
·Ñé§จาํ ·§Ñé »ÃºÑ

มาตรานมี้ คี วามผดิ ๒ ฐานความผดิ ดว ยกนั คอื ฐานแรกแตง เครอ่ื งแบบโดยไมม สี ทิ ธิ
และฐานทส่ี องใชย ศ ตาํ แหนง เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณโ ดยไมม สี ทิ ธิ ซง่ึ จะแยกอธบิ ายแตล ะฐานความผดิ ไป

¤ÇÒÁ¼´Ô áá มอี งคประกอบของความผดิ ดังนี้
๑. สวมเครอื่ งแบบหรอื ประดบั เครอื่ งหมายของเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั ิ
แหงรัฐ สมาชกิ สภาจงั หวดั หรือสมาชกิ สภาเทศบาล
๒. โดยไมม ีสทิ ธิ
๓. เจตนา
๔. เพอื่ ใหบุคคลอื่นเช่ือวาตนมีสทิ ธิ
คํา͸ԺÒÂ
ÊÇÁà¤Ãè×ͧẺËÃ×Í»ÃдºÑ à¤Ã×Íè §ËÁÒ¢ͧà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÊÁÒªÔ¡ÊÀÒ¹ÔμÔºÑÞÞÑμÔ
á˧‹ Ã°Ñ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¨§Ñ ËÇ´Ñ ËÃÍ× ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒà·ÈºÒÅ เครอื่ งแบบและเครอื่ งหมายนี้ ตอ งเปน เครอื่ งแบบ
และเครอื่ งหมายทก่ี ฎหมายกาํ หนดขนึ้ แตกตา งกนั ไปตามประเภทของขา ราชการ หรอื สมาชกิ ดงั กลา ว
เครื่องแบบอาจมีหลายชนิด เชน เคร่อื งแบบปกติ เคร่ืองแบบตรวจการ เครือ่ งแบบเตม็ ยศ เปนตน

๑๕๙

ÊÇÁà¤Ãè×ͧẺ หมายถึง แตงกายดวยเคร่ืองแบบของเจาพนักงาน สมาชิกสภา
นติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล แมจ ะสวมไมค รบทกุ ชนิ้ ของเครอ่ื งแบบ
ทกี่ ฎหมายกําหนดไวก ็นา จะเปน ความผดิ แลว

»ÃдºÑ à¤ÃÍ×è §ËÁÒ คอื ใชเ ครอื่ งหมายทแี่ สดงถงึ การเปน เจา พนกั งานสมาชกิ สภา
นติ บิ ญั ญตั ิแหงรฐั สมาชิกสภาจงั หวัด หรอื สมาชิกสภาเทศบาล

การสวมเครอ่ื งแบบและประดบั เครอ่ื งหมายอนั จะเปน ความผดิ ตามมาตรานี้ กฎหมาย
จํากัดเฉพาะเคร่ืองแบบและเคร่ืองหมายของบุคคลที่กําหนดไว ๔ ประเภทเทานั้น ไมหมายความถึง
เครื่องแบบและเครื่องหมายของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยหรือสมาชิกสมาคมหรือครุยปริญญาตางๆ
แตการใชเคร่ืองแบบและเครื่องหมายของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย หรือใชครุยปริญญาอาจเปน
ความผดิ ตามกฎหมายเฉพาะของมหาวิทยาลัยนั้นๆ เชน ผิดตามพระราชบัญญัติมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัย
ธรรมาธิราช มาตรา ๓๗ เปน ตน แตไ มผดิ ตามมาตรา ๑๔๖ น้ี

â´ÂäÁ‹ÁÕÊÔ·¸Ô การสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายดังกลาวน้ัน ผูกระทํา
จะตองไมมีสิทธิท่ีจะสวมหรือประดับได คือ ไมมีสิทธิสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายที่ตน
เอามาใช เชน เปนตํารวจแตไ ปสวมเครอ่ื งแบบหรือเครอ่ื งหมายของพนกั งานอัยการ หรือของสมาชกิ
สภานิตบิ ัญญตั ยิ อ มผิดตามมาตราน้ี

à¨μ¹Ò ผกู ระทาํ ตอ งมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ วรรค ๒ ประกอบกบั ตอ งรขู อ เทจ็ จรงิ
อนั เปน องคประกอบของความผิดตามมาตรา ๕๙ วรรค ๓ ดว ย คือ รูว า ตนไมม สี ิทธสิ วมเครือ่ งแบบ
หรือประดบั เคร่ืองหมายนนั้ ๆ ได

à¾è×ÍãËŒºØ¤¤ÅÍ×è¹àªè×ÍÇ‹Òμ¹ÁÕÊÔ·¸Ô เปนมูลเหตุชักจูงใจหรือเจตนาพิเศษในการ
กระทาํ คอื นอกจากจะมเี จตนาดงั ทกี่ ลา วมาแลว ผกู ระทาํ จะตอ งมมี ลู เหตจุ งู ใจหรอื ความมงุ หมายทจี่ ะให
บุคคลอื่นเชอ่ื วาตนมสี ทิ ธโิ ดยชอบท่จี ะแตงเครอ่ื งแบบหรือประดบั เครอ่ื งหมายนน้ั ๆ ดวย เม่อื กระทํา
โดยมเี จตนาพเิ ศษนี้แลว เปนความผดิ สําเร็จ ไมตอ งปรากฏวามีผูอื่นเชือ่ เชน น้นั

®Õ¡Ò·èÕ ö÷ð/òõòñ จําเลยเปนพลตํารวจประดับเครื่องหมายยศสิบตํารวจโท
เพื่อใหบ ุคคลอืน่ เชือ่ วาตนมสี ทิ ธใิ ชย ศสบิ ตํารวจโทเปน ความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๖

¤ÇÒÁ¼Ô´·ÕèÊͧ ใชยศ ตําแหนง เครื่องราชอิสริยาภรณโดยไมมีสิทธิ ความผิดนี้
มอี งคป ระกอบของความผิดดังน้ี

๑. ใชยศ ยศ หมายถึง ยศที่มีกฎหมายบัญญัติไว ซึ่งปจจุบันก็มียศทหารและ
ยศตาํ รวจเทานนั้ ยศนี้เริ่มแตนายสบิ ไปจนถึงนายรอ ย นายพนั นายพล และจอมพล การใชย ศคอื
แสดงใหป รากฏวา มยี ศ อาจจะโดยการพดู เขยี นหรอื พมิ พเ ปน ลายลกั ษณอ กั ษรกไ็ ด เชน พมิ พน ามบตั ร
บอกวาตนเองมียศเปน รอ ยเอก

๒. ใชต าํ แหนง ตาํ แหนง หมายถงึ ตาํ แหนง ตามทม่ี กี ฎหมายบญั ญตั ไิ ว เชน รฐั มนตรี
ปลดั กระทรวง รองปลดั กระทรวง อธบิ ดี ผอู าํ นวยการกอง หวั หนา กอง กาํ นัน ผใู หญบาน เปน ตน

๑๖๐

สวนตาํ แหนง ในราชการทหารและตาํ รวจ ก็มีกฎหมายกาํ หนดไวตา งหาก เชน ผบู ัญชาการทหารสงู สดุ
ผูบัญชาการทหารบก เปนตน การใชตําแหนงก็หมายถึงการกระทําท่ีแสดงใหปรากฏวาตนมีตําแหนง
อยางใดอยางหนึง่ เชน พดู วาเปน ผใู หญบาน

๓. ใชเครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ เครือ่ งราชอิสริยาภรณ หมายถงึ เหรียญตราตางๆ
ทก่ี าํ หนดขน้ึ ตามกฎหมาย วา ดว ยเครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ ซงึ่ พระมหากษตั รยิ ท รงพระราชทานแกบ คุ คล
เพอ่ื เปน ความหมายแสดงเกยี รตยิ ศและบาํ เหนจ็ ความดคี วามชอบ เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณม ชี อื่ ตา งๆ กนั
เชน เบญจมาภรณมงกุฎไทย เบญจมาภรณชางเผือก เปนตน การใชเครื่องราชอิสริยาภรณ เชน
นําเอาเครือ่ งอิสริยาภรณม าประดบั ท่ีเครื่องแตงกาย

๔. ใชสิ่งท่ีหมายถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ ส่ิงที่หมายถึงเคร่ืองราชอิสริยาภรณ
เชน แพรแถบ หรอื อกั ษรยอ ของเครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ การใชส ง่ิ ทหี่ มายถงึ เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ เชน
ประดบั แพรแถบเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณท อ่ี กเสอ้ื หรอื ใชอ กั ษรยอ ของเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณต ามหลงั ชอื่
เปน ตน

การใชย ศ ใชต าํ แหนง เพียงใชอยา งใดอยางหน่ึงกผ็ ดิ แลว แตยศหรือตําแหนง นน้ั
ตองเปนยศหรือตําแหนงที่มีกฎหมายกําหนดไว หากมิใชยศหรือตําแหนงตามกฎหมายแลว ผูใชยอม
ไมผิด

®¡Õ Ò·Õè ñòò÷/òô÷ù จําเลยพูดแกคนท่ัวไปวา เปนพนักงานตํารวจสันติบาล
คําวา ตาํ รวจสันติบาลไมใ ชย ศหรอื ตาํ แหนง จึงไมใชก ารใชย ศ หรอื ตาํ แหนง ไมเปนความผดิ

â´ÂäÁÁ‹ ÕÊÔ·¸Ô หมายความวา การใชย ศ ตาํ แหนง เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ หรอื สงิ่ ท่ี
หมายถงึ เครื่องราชอิสรยิ าภรณ ผูใ ชต อ งไมมีสิทธโิ ดยชอบทจ่ี ะใชได เชน ถูกไลออกหรือปลดออกจาก
ราชการไปแลว แตถาเกี่ยวกับยศทหาร หรือตํารวจ จะตองมีการถอดยศดวย ถายังไมมีการถอดยศ
แมจะถกู ไลอ อกจากราชการ ก็ยังมสี ิทธิใชย ศไดอ ยู

®Õ¡Ò·èÕ øùù/òôùø นายสิบตํารวจถูกปลดออกจากราชการ แตไมมีคําสั่งให
ถอดยศดว ย ใชน ามตําแหนงยศน้ันวาเปน นายสบิ ตํารวจสันติบาล ไมเ ปน ความผดิ

®Õ¡Ò·èÕ ñðòò/òõòõ ตาํ รวจซ่งึ หนีจากราชการไป แตย งั ไมมีคําสงั่ ปลดออกจาก
ราชการ ยงั ไมพ น จากตาํ แหนง จึงมสี ทิ ธจิ ะใชนามตาํ แหนง และเคร่ืองแบบตํารวจได

สาํ หรับองคประกอบภายใน คือ เจตนาและมลู เหตุชกั จูงใจ เพ่อื ใหบุคคลอ่นื เช่ือวา
ตนมีสิทธินั้น มีความหมายเชนเดียวกับที่อธิบายมาแลวในความผิดฐานแรกจึงขอใหเปรียบเทียบ
จากท่อี ธิบายมาแลว

๑๖๑

¤ÇÒÁ¼´Ô μÍ‹ ตาํ á˹§‹ ˹Ҍ ·ÃèÕ Òª¡ÒÃ

ñ. ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ÂÑ¡ÂÍ¡
ÁÒμÃÒ ñô÷ ¼ãŒÙ ´à»š¹à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÁÕ˹ŒÒ·Õè«é×Í ทาํ ¨Ñ´¡Òà ËÃÍ× Ã¡Ñ ÉÒ·Ã¾Ñ Âã´

àºÂÕ ´º§Ñ ·Ã¾Ñ ¹ ¹Ñé ໹š ¢Í§μ¹ ËÃÍ× à»¹š ¢Í§¼ÍŒÙ ¹×è â´Â·¨Ø ÃμÔ ËÃÍ× â´Â·¨Ø ÃμÔ ÂÍÁã˼Œ ÍÙŒ ¹è× àÍÒ·Ã¾Ñ Â¹ ¹éÑ àÊÂÕ
μÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤¡Ø μ§éÑ áμË‹ ÒŒ »¶‚ §Ö ÂÊÕè ºÔ »‚ ËÃÍ× จํา¤¡Ø μÅÍ´ªÇÕ μÔ áÅÐ»ÃºÑ μ§Ñé áμË‹ ¹§Öè áʹºÒ·¶§Ö ÊáÕè ʹºÒ·

ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Áմѧ¹éÕ
๑. เปน เจา พนกั งาน
๒. มีหนาทซ่ี อื้ ทํา จดั การ หรอื รักษาทรพั ยใด
๓. เบียดบังเอาทรัพยสินนั้นเปนของตน หรือเปนของผูอื่นหรือยอมใหผูอ่ืน
เอาทรัพยนนั้ เสีย
๔. เจตนา
๕. โดยทุจรติ
คํา͸ԺÒÂ
໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ตามความหมายของบทนิยาม มาตรา ๑ (๑๖) “เจาพนักงาน”
หมายถงึ
(๑) ผูท่ีมีกฎหมายบัญญัติไวใหเปนเจาพนักงาน เชน พ.ร.บ.คณะสงฆบัญญัติให
ไวยาวจั กรเปน เจา พนกั งาน หรือ
(๒) ผูทีไ่ ดรบั แตงต้ังตามกฎหมายใหปฏิบัตหิ นาท่รี าชการ ไมวา มหี นาที่ประจาํ หรอื
ชวั่ คราวและไมว า จะไดร บั คา ตอบแทนหรือไม
ÁÕ˹ŒÒ·Õè«é×Í ทาํ ¨Ñ´¡Òà ËÃ×ÍÃÑ¡ÉÒ·ÃѾ㴠แมผูกระทาํ ผิดจะเปนเจาพนักงาน
แตจะผิดตามมาตรานี้ได ผูกระทาํ ผิดจะตองมีหนาที่ทาํ อยางใดอยางหน่ึงดังตอไปน้ี (๑) หนาที่ซ้ือ
(๒) หนาที่ทาํ (๓) หนาที่จัดการ หรือ (๔) หนาที่รักษาทรัพย หากไมมีหนาท่ีดังกลาว ก็ไมผิดตาม
มาตรา ๑๔๗
®¡Õ Ò·èÕ òòø/òõóô ความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗ ผูกระทําผิดตองมีหนาท่ี
จดั การหรอื รกั ษาทรพั ยแ ลว เบยี ดบงั เอาทรพั ยน นั้ โดยทจุ รติ จาํ เลยท่ี ๑ เปน เจา พนกั งานตาํ รวจตาํ แหนง
เจาหนาท่ีสายตรวจ มิไดมีหนาที่จัดการหรือรักษาเล่ือยยนตของกลางซึ่งนายดาบตํารวจ ส. เปน
ผูเก็บรกั ษา การทีจ่ ําเลยท่ี ๑ ลกั เลอ่ื ยยนตดังกลาวไปจึงไมมคี วามผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗
®Õ¡Ò·èÕ ùõø/òõóô จําเลยมีหนาที่รับเงินจากลูกจางช่ัวคราวที่ทาํ หนาท่ีรับเงิน
คา ภาษีบํารุงทอ งท่ี เม่ือจําเลยรบั เงนิ แลว ตองมหี นาทีล่ งบญั ชดี ว ย ยอมถอื ไดวา จําเลยมีหนาที่จัดการ
หรือรักษาทรัพยต าม ป.อ.มาตรา ๑๔๗ แลว เมอ่ื จาํ เลยมีเจตนาเบยี ดบงั ยกั ยอกเอาเงินคา ภาษีบาํ รุง
ทอ งทไ่ี วเ ปน ประโยชนข องจาํ เลยแลว แมต อ มาจําเลยจะนําเงนิ มาลงบญั ชแี ละฝากธนาคารจนครบถว น
ตามระเบียบกไ็ มทําใหการกระทาํ ของจาํ เลยทีเ่ ปน ความผิดแลวกลบั ไมเปนความผดิ

๑๖๒

หนาทน่ี ี้อาจเปน หนา ทีท่ ีก่ ฎหมายกาํ หนดไว หรือโดยคําสั่งหรอื การมอบหมายของ
ผซู ง่ึ มอี าํ นาจสง่ั หรอื มอบหมายหนา ทเ่ี ชน นน้ั ได เชน ปลดั กง่ิ อาํ เภอสงั่ ใหพ นกั งานบญั ชปี ระจาํ กง่ิ อาํ เภอ
รับผิดชอบจัดเก็บภาษีบํารุงทองที่ นายอําเภอมอบหมายใหปลัดอําเภอเปนเจาหนาท่ีแผนกทะเบียน
อาวุธปน อาจารยใหญมอบหมายใหอาจารยท่ีทําหนาท่ีสอนหนังสือ ทําหนาท่ีหัวหนาแผนกการเงิน
ผูบังคับการตํารวจภูธรเขตมีคําส่ังใหตํารวจประจํากองกํากับการ ตํารวจภูธรจังหวัดทําหนาท่ีผูชวย
เสมียนทะเบียนยานพาหนะ เมื่อรับเงินภาษีหรือคาธรรมเนียมหรือเงินคาจําหนายผลิตผลหรือเงิน
คาภาษรี ถยนตและยานพาหนะ แลวยักยอกเสยี ก็ผิดตามมาตรานี้

ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ μŒÍ§à»š¹¡ÒáÃÐทาํ ã¹Ë¹ÒŒ ·èÕÃÒª¡Òà หากเปน กิจการ
สวนตัวหรอื กิจการอน่ื อนั ไมเ กี่ยวกับหนาที่ราชการแลว ก็ไมเขาตามมาตราน้ี

®Õ¡Ò·Õè òó÷ø/òõòò เจา พนกั งานรบั ฝากเงนิ จากผอู นื่ ไวเ ปน การสว นตวั มไิ ดร บั ไว
เน่ืองในการปฏิบัติหนาท่ีราชการ เงินดังกลาวจึงมิใชทรัพยที่เจาพนักงานผูนั้นมีหนาที่ตองจัดการ
หรอื รกั ษาตามความหมายของมาตรา ๑๔๗

®Õ¡Ò·èÕ óðóñ/òõñ÷ เจาพนักงานรักษาเงินที่เทศบาลมอบใหเพื่อจัดเปนเงิน
สวสั ดกิ ารใหข า ราชการกยู มื ถอื วา เปน กจิ การสว นตวั ไมเ กยี่ วกบั ราชการเชน กนั การทเ่ี จา พนกั งานผนู น้ั
ไดรับแตงต้ังใหรักษาเงินดังกลาวจึงไมเปนการปฏิบัติราชการตามตําแหนงหนาที่ หากยักยอกเงินน้ัน
กไ็ มผ ิดตามมาตรา ๑๔๗ คงผดิ ฐานยักยอกตามมาตรา ๓๕๒

®Õ¡Ò·Õè ò÷òù/òõóò เจา พนกั งานตาํ รวจประจาํ กองกาํ กบั การตาํ รวจภธู รจงั หวดั
ตาํ แหนง หวั หนา เสมยี นคดมี หี นา ทเี่ กบ็ รกั ษาของกลาง ไดต รวจรบั กญั ชาของกลางและลงลายมอื ชอื่ ใน
สาํ เนาบัญชีของกลางกับสําเนานาํ สงของกลางของสถานีตํารวจภธู รอําเภอ แตไ มลงบญั ชขี องกลางใน
คดีอาญาของกองกํากับการ เพ่ือเปนหลักฐานวามีการรับกัญชาของกลางรายน้ีแลวเมื่อเบียดบังเอา
กญั ชาน้ันเปนของตนหรือผอู ่ืนโดยทจุ ริตยอมมีความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗

«Íé× หมายถงึ ซอื้ เพอื่ ใชใ นทางราชการ เชน ซอ้ื เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช เครอ่ื งเขยี น หรอื
อปุ กรณต า งๆ สาํ หรบั ใชใ นหนว ยราชการ ซงึ่ เมอ่ื ซอื้ แลว กต็ อ งดแู ลรกั ษาและเบกิ จา ยแกผ ขู อเบกิ ตอ ไป
˹Ҍ ·ãèÕ ¹¡ÒÃทาํ อาจจะทาํ ขนึ้ ใหมท งั้ ชนิ้ รวมทง้ั ซอ มแซม เปลย่ี นแปลงแกไ ขดว ย เชน ทาํ เครอ่ื งยนตข นึ้ ใหม
หรอื ซอมแซมเครื่องยนต เครือ่ งพิมพท ี่ชาํ รดุ เปนตน

ทรัพยซ่ึงอยูในหนาท่ีของเจาพนักงานนี้ จะเปนทรัพยของเอกชนหรือของราชการ
กไ็ ด เชน ของกลางท่ีเจา พนกั งานยดึ มาจากเอกชนเพือ่ เปนหลักฐานในคดี สวนทรัพยข องทางราชการ
อาจเปน ทรพั ยท่ีไดจากการขายสิ่งของหรือเกบ็ คา ธรรมเนยี ม คา ภาษี ซ่ึงจะตอ งสงคลงั ตอ ไป เชน เงิน
ทไี่ ดจ ากการขายสกุ รซงึ่ นกั โทษในเรอื นจาํ เลย้ี ง เงนิ คา ธรรมเนยี มรถเรว็ ทพี่ นกั งานหา มลอ ของการรถไฟ
ไดจ ากการขายตว๋ั แกผ โู ดยสาร แมจ ะมกี ารขดู ลบตว๋ั คา ธรรมเนยี มซงึ่ มเี ครอื่ งหมายแสดงวา ใชไ มไ ดแ ลว
เพอื่ ใหใ ชไ ดอ กี กต็ าม และจะเปน เงนิ ในงบประมาณแผน ดนิ หรอื นอกงบประมาณกไ็ ด เชน เงนิ ศาสนสมบตั ิ
แมจ ะนอกงบประมาณแผน ดิน ถา เบิกมาตามหนา ที่แลว ยกั ยอกเสยี กผ็ ดิ ตามมาตรานี้

๑๖๓

®¡Õ Ò·Õè óòòô, óòòõ/òõò÷ จําเลยมีหนาท่ีรับคําขอจดทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรมการรับโอนมรดกและการซื้อขายท่ีดิน เก็บเงินคาธรรมเนียมและรวบรวมสงมอบให
เจาหนาท่ีการเงินของสํานักงานท่ีดิน การท่ีจําเลยรับเงินคาธรรมเนียมไวแลวไมรวบรวมสงมอบแก
เจา หนา ทกี่ ารเงนิ แตก ลบั เบยี ดบงั เอาไวเ ปน ของตน จงึ เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗ ซงึ่ เอาผดิ แก
เจา พนกั งานทเ่ี บยี ดบงั เอาทรพั ยท ต่ี นไดม าหรอื ถอื ไวเ พอื่ จดั การตามหนา ท่ี ไมใ ชเ อาผดิ เฉพาะวา ทรพั ยน นั้
จะตองเปนกรรมสิทธิ์ของทางราชการหรือของรัฐ การที่จําเลยปลอมเอกสารและใชเอกสารปลอม
ก็โดยมีเจตนาท่ีจะใชเปนหลักฐานในการเบียดบังยักยอกเงินคาธรรมเนียม การกระทําของจําเลย
จงึ เปน กรรมเดยี วเปน ความผดิ ตอ กฎหมายหลายบทตอ งลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๗ ซง่ึ เปน บทหนกั
ทสี่ ดุ

àºÂÕ ´ºÑ§àÍÒ·ÃѾ¹¹éÑ à»¹š ¢Í§μ¹ËÃÍ× à»¹š ¢Í§¼ÙŒÍ¹è× ËÃ×ÍÂÍÁãËŒ¼ÙŒÍ×è¹àÍÒ·ÃѾ¹éѹàÊÂÕ
ทีจ่ ะเปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ เจาพนกั งานผูมหี นา ทดี่ งั กลา วมาแลว จะตองกระทําการอยางใด
อยางหน่ึง คือ (๑) เบียดบังเอาทรัพยนั้นเปนของตนหรือเปนของผูอื่น หรือ (๒) ยอมใหผูอื่น
เอาทรพั ยน นั้ เสีย

(๑) เบยี ดบงั เอาทรพั ยน น้ั เปน ของตนหรอื เปน ของผอู น่ื เบยี ดบงั แสดงวา ผกู ระทาํ
ตอ งครอบครองทรพั ยน น้ั อยู แลว เอาทรพั ยน น้ั เปน ของตนเสยี เชน เอาไปใชส อย ขายหรอื จาํ นาํ เปน ตน
พลตํารวจรับมอบปน และกระสนุ ปน ไปปฏบิ ตั ิราชการ ถือวามหี นาทีต่ อ งรักษาส่ิงเหลา น้นั เมื่อเอาไป
จํานําเสีย ก็เปนการเบียดบังเอาทรัพยนัน้ เปน ของตน

การเบยี ดบงั กฎหมายมไิ ดจ าํ กดั วา จะตอ งเบยี ดบงั เพอื่ ตนเทา นน้ั แมจ ะเบยี ดบงั
เปนของผูอื่นก็ผิด เชน เจาพนักงานตํารวจไดรับมอบหมายจากผูบังคับบัญชาใหใชและรักษาปน
และกระสุนปน แลวเบียดบงั เอาปน และกระสุนปน นน้ั ไปใหผ อู ืน่ เสีย

มาตรา ๑๔๗ แหง ประมวลกฎหมายอาญามขี อ ความวา àºÂÕ ´º§Ñ ·Ã¾Ñ ¹ ¹Ñé ໹š
¢Í§μ¹ËÃÍ× ¢Í§¼ÍŒÙ ¹è× ไมใ ชแ ตเ พยี งเอาทรพั ยน น้ั เปน ประโยชนช วั่ คราวแลว คนื ให เชน เอาทรพั ยข องคนอน่ื
ไปจํานําแลวไถคืนมาไมเปนยักยอก แตถาเปนการเอาเงินที่ตนมีหนาที่รักษาไวไปใหผูอ่ืนยืม
เปนความผิด ตามมาตรา ๑๔๗ เพราะกรณีนี้เปนโภคยทรัพยคือเอาเงินไปใหคนอ่ืนยืมเปนการโอน
กรรมสทิ ธิ์ จึงเปน การเอาเปน ของตนและของผอู นื่ ไมใ ชเอาไปเปน ประโยชนชวั่ คราว จึงเปนยักยอกได

(๒) ยอมใหผ ูอื่นเอาทรัพยน ั้นเสยี มาตรา ๑๔๗ นี้ ยังขยายกวางไปถึงการยอมให
ผูอ่ืนเอาทรัพยท ต่ี นมีหนา ทซ่ี ื้อ ทํา จดั การ หรือรกั ษานน้ั ไปดว ย

®¡Õ Ò·èÕ óôñ/òõñò จําเลยเปนพลทหารเรือประจําการมีหนาที่ขับรถยนตของ
ราชการทหารเรอื จงึ เปน เจา พนกั งานมหี นา ทจ่ี ดั การ ใชแ ละรกั ษานาํ้ มนั รถทจี่ าํ เลยทาํ หนา ทข่ี บั นนั้ ดว ย
การทจ่ี ําเลยยอมใหบ คุ คลอืน่ ดดู เอานา้ํ มนั รถไป เปนความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗

กรณีน้ีถา จาํ เลยดดู เอาน้ํามนั รถเปน ของตนเสีย ก็เปน การเบียดบงั เอาเปน ของตน
ผดิ ฐานเจา พนักงานยักยอกนเ้ี ชนกัน

๑๖๔

à¨μ¹Ò การเบยี ดบงั ทรัพยห รือยอมใหผ อู น่ื เอาทรพั ยเปนของตน ผกู ระทาํ จะตอง
กระทําโดยเจตนา คือเจตนาธรรมดาตามมาตรา ๕๙

â´Â·¨Ø ÃμÔ ความผดิ ฐานเจา พนกั งานยกั ยอกทรพั ย นอกจากผกู ระทาํ จะตอ งมเี จตนา
ธรรมดาตามมาตรา ๕๙ แลว จะตอ งมีเจตนาพเิ ศษโดยทจุ ริตดว ย หากผูก ระทําไมม เี จตนาทจุ ริตแลว
กไ็ มผดิ ฐานนี้

®¡Õ Ò·èÕ ñøôõ/òõñ÷ จําเลยเปนเสมียนศาล ไดรับคําสั่งใหทําหนาที่ปลดเผา
สํานวน จําเลยเอาแสตมปฤชากรเกาทใ่ี ชแลวซึง่ จะตอ งเผาไปเปนจํานวนมาก แตไ มป รากฏวา จาํ เลยมี
เจตนาทุจริต ไมผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ แตผดิ ตามมาตรา ๑๕๘

®¡Õ Ò·Õè ô÷ó/òõò÷ สารวตั รใหญสง่ั ใหจ าํ เลยทําหนา ท่ีเกบ็ รักษาเงินประกันตวั
ผูตองหาของสถานีตาํ รวจ การที่จําเลยนําเงินดังกลาวไปฝากพี่สาว มิไดนาํ มาเก็บไวในตูนิรภัยของ
ทางราชการ หรือหากไมมีตูนิรภัย ควรจะเก็บเงินอยางใด จําเลยก็จะตองขอคาํ สั่งจากผูบังคับบัญชา
พฤติการณแสดงวาจาํ เลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินน้ันเปนของตนหรือเปนของผูอ่ืน แมจาํ เลยจะนาํ
เงินมาคืนในภายหลัง ก็มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๗

®¡Õ Ò·èÕ òñ÷õ/òõòù จาํ เลยเปน ตาํ รวจ มคี าํ สง่ั กองกาํ กบั การตาํ รวจภธู รทจ่ี าํ เลย
สงั กดั กาํ หนดใหจ าํ เลยเปน เจา หนา ทคี่ วบคมุ การกอ สรา งซอ มแซมสถานทรี่ าชการและมหี นา ทจี่ าํ หนา ย
แบบแปลนการกอ สรา ง เขยี นใบเสรจ็ รบั เงนิ เสนอรองผกู าํ กบั การตาํ รวจภธู รตน สงั กดั ลงชอื่ เปน ผรู บั เงนิ
และนาํ เงนิ ทจ่ี าํ หนา ยแบบแปลนกอ สรา งไดส ง มอบแกส มหุ บ ญั ชกี องกาํ กบั การฯ เพอ่ื สง เปน รายไดข อง
แผนดินตอไป จําเลยมิไดนําเงินท่ีจําหนายแบบแปลนการกอสรางไดสงมอบเปนรายไดของแผนดิน
ตามระเบียบจนพนักงานตรวจเงินแผนดินตรวจสอบพบและแนะนําใหจําเลยนําเงินดังกลาวสงคลัง
จําเลยจงึ ปฏิบัติตาม ดังน้ี ถือไดวาจําเลยละเวน การปฏบิ ตั หิ นาที่และเบยี ดบงั เอาทรัพยด งั กลา วเปนของตน
โดยทจุ รติ มีความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗, ๑๕๗, ๑๕๘ แตเมอ่ื การกระทาํ ของจาํ เลยเปน ความผิด
ตามมาตรา ๑๔๗ ซ่ึงเปนบทเฉพาะของมาตรา ๑๕๗ แลว การกระทําน้ันก็ไมเปนความผิดตาม
มาตรา ๑๕๗ ซ่งึ เปน บททว่ั ไปอกี

กอนจะจบการอธิบายความผิดฐานเจาพนักงานยักยอกตามมาตรา ๑๔๗ ก็มี
ขอ สงั เกตอยบู างประการเพราะความผดิ ตามมาตรานใ้ี กลเ คยี งกบั ความผดิ ในมาตราอนื่ ๆ อกี บางมาตรา

(๑) ความผดิ ฐานเจา พนกั งานยกั ยอก สว นหนง่ึ เปน การกระทาํ ความผดิ ฐานยกั ยอก
ตามมาตรา ๓๕๒ นน่ั เอง ตา งกนั เฉพาะตวั ผกู ระทาํ ผดิ ซงึ่ ผกู ระทาํ ผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ จาํ กดั วา จะตอ ง
เปน เจาพนกั งานซงึ่ มีหนาทซี่ ้ือ ทํา จัดการหรือรักษาทรพั ยใ ด ฉะน้นั ถา การกระทําไมผดิ ตามมาตรา
๑๔๗ กอ็ าจผดิ ฐานยักยอกธรรมดาตามมาตรา ๓๕๒

(๒) มาตรา ๑๔๗ กับมาตรา ๑๕๑ เปนกรณีเจาพนกั งานผูมหี นา ทีซ่ ้อื ทาํ จัดการ
หรอื รกั ษาทรพั ยใ ด กระทาํ ผดิ ตอ หนา ทท่ี งั้ สองมาตรา แตม ลี กั ษณะตา งกนั คอื ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗
เปนเร่ืองเบียดบังตัวทรัพยท่ีอยูในหนาที่ หรืออีกนัยหน่ึงเอาตัวทรัพยท่ีอยูในความครอบครอง

๑๖๕

ไปเปนประโยชน สวนความผิดตามมาตรา ๑๕๑ ผูกระทํามิไดเอาตัวทรัพยที่อยูในหนาที่ไว
เปนประโยชนหรือเอาตัวทรัพยนั้นเสีย หากแตอาศัยหนาที่ท่ีตนมีเกี่ยวกับทรัพยอันใดอันหนึ่ง
หาประโยชนอ น่ื นอกเหนอื จากการเอาทรัพยนนั้ ไป

(๓) การที่เจาพนักงานเบียดบังทรัพยในหนาท่ีโดยทุจริต อันเปนความผิด
ตามมาตรา ๑๔๗ นี้ ก็ถือไดวาเปนกรณีท่ีเจาพนักงานปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบ
อันเปนความผิดตามมาตรา ๑๕๗ ดวย แตมาตรา ๑๕๗ น้ี เปนบทท่ัวไป สวนมาตรา ๑๔๗ เปน
บทเฉพาะ หากการกระทําเปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ ซึง่ เปนบทเฉพาะแลว กจ็ ะไมเ ปน ความผิด
ตามมาตรา ๑๕๗ ซ่งึ เปน บทท่วั ไปอีก

(๔) ระหวา งมาตรา ๑๔๗ กบั มาตรา ๑๕๘ ขอแตกตา งไมไ ดอ ยูทห่ี นา ทีป่ กครอง
ดูแลรักษาทรัพย เพราะทั้งสองมาตราน้ี เปนกรณีเจาพนักงานมีหนาท่ีรักษาทรัพย ขอแตกตางคงอยู
ท่ีการเบียดบังตามมาตรา ๑๔๗ มีลักษณะเปนการตัดกรรมสิทธิ์ ไมใชเอาไปเสียชั่วคราว แตการเอา
ไปเสยี ตามมาตรา ๑๕๘ จะเปน การเอาไปชว่ั คราวหรอื เอาไปเลยกไ็ ด ถา เอาไปเลยกม็ าปรบั เขา ลกั ษณะ
เปน การเบยี ดบงั ตามมาตรา ๑๔๗ ซงึ่ เปน บทเฉพาะ นอกจากนนั้ ตามมาตรา ๑๔๗ ตอ งเปน การกระทาํ
โดยทุจริต แตม าตรา ๑๕๘ ไมจาํ เปนตองมกี ารกระทาํ โดยทุจรติ

ò. 㪌อาํ ¹Ò¨ã¹ตาํ á˹§‹ ¢Á‹ ¢¹× ã¨àÍÒ·ÃѾ
ÁÒμÃÒ ñôø “¼ãÙŒ ´à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ãªŒอาํ ¹Ò¨ã¹ตําá˹§‹ â´ÂÁªÔ ͺ ¢‹Á¢×¹ã¨

ËÃÍ× ¨Ù§ã¨à¾×èÍãËŒº¤Ø ¤Åã´ÁͺãËŒ ËÃÍ× ËÒÁÒãË«Œ è§Ö ·Ã¾Ñ ÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Í×è¹ã´á¡‹μ¹àͧËÃÍ× ¼ÍŒÙ ×è¹
μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡μéѧáμ‹ËŒÒ»‚¶Ö§ÂÕèÊÔº»‚ ËÃ×Íจํา¤Ø¡μÅÍ´ªÕÇÔμ áÅлÃѺμéѧáμ‹Ë¹èÖ§áʹºÒ·
¶§Ö ÊáÕè ʹºÒ· ËÃÍ× »ÃÐËÒêÇÕ μÔ ”

ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô ÁÕ´§Ñ ¹Õé
๑. เปน เจา พนกั งาน
๒. ใชอ าํ นาจในตําแหนง โดยมิชอบ
๓. ขม ขนื ใจหรือจงู ใจผอู ื่น
๔. เจตนา
๕. เพื่อใหบุคคลใดมอบใหหรือหามาใหซ่ึงทรัพยสิน หรือประโยชนอื่นใดสําหรับ
ตนเองหรือผอู ่นื
คาํ ͸ԺÒÂ
໹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ เจา พนกั งานมคี วามหมายอยา งไรนนั้ ไดอ ธบิ ายไวโ ดยละเอยี ดแลว
ฉะนนั้ สาํ หรบั องคประกอบขอน้ีจะไมก ลาวซ้าํ อกี
㪌อํา¹Ò¨ã¹ตําá˹‹§â´ÂÁԪͺ เจาพนักงานก็ยอมมีตําแหนงตางๆ แลวแต
กฎหมายจะกําหนดเรยี กช่อื ตําแหนง นน้ั ๆ เชน ผูใ หญบาน กาํ นนั ปลัดอาํ เภอ นายอําเภอ ศกึ ษาธกิ าร
หัวหนาฝาย หัวหนากอง เปนตน และแตละตําแหนงก็ยอมมีอํานาจแตกตางกันไปตามประเภทของ

๑๖๖

เจา พนกั งาน เชน ตาํ รวจมีอาํ นาจในการจับกมุ สืบสวน สอบสวนความผดิ อาญา เจาพนักงานศลุ กากร
มีอํานาจตรวจคนจับกุมของหนีภาษี เจาพนักงานสรรพากรมีอํานาจตรวจสอบภาษีตามรานคา
เจา พนกั งานสรรพสามติ มอี ํานาจตรวจจับสุราเถ่ือนได

การใชอ าํ นาจตอ งเปน การใชอ าํ นาจในตาํ แหนง ของเจา พนกั งานผนู น้ั เชน ตาํ รวจใช
อํานาจในการจับกุม เจาพนักงานสรรพากรใชอํานาจตรวจสอบภาษีรานคา ถาเปนการใชอํานาจ
นอกตาํ แหนง หรอื มใิ ชเ ปน การใชอ าํ นาจในตําแหนงของตนแลว กไ็ มผ ิดตามมาตราน้ี เชน ตาํ รวจไป
ใชอํานาจตรวจสอบภาษีตามรานคาหรือเจาพนักงานสรรพสามิตจับกุมผูเลนการพนัน เหลาน้ีเปน
เร่ืองนอกอํานาจของตํารวจและเจาพนกั งานสรรพสามติ

®Õ¡Ò·èÕ ññù-ñòð/òõñø ล. เปนเลขานุการแขวงมีหนาที่ตรวจสอบภาษี
บาํ รงุ ทองที่ วา รายการถกู ตอ งหรือไม แตไมมอี ํานาจเรียกเกบ็ ภาษี ล. พูดจงู ใจใหผ เู สยี ภาษี เสยี ภาษี
เกนิ กวา จํานวนท่ตี องเสีย แลวเอาเงนิ สวนเกนิ ไปไว มิใชเ ปน การใชอาํ นาจในตาํ แหนง

®¡Õ Ò·èÕ òöôõ/òõò÷ จําเลยเปนเจาพนักงานพัฒนาชุมชนประจําอําเภอ
เปนผูวางโครงการจัดสรางทํานบฝายน้ําลนตามความตองการของราษฎร เพื่อเสนอให พ. สมาชิก
สภาผูแทนราษฎรนําไปชี้แจงขอรับเงินจัดสรรจากรัฐบาล การที่จําเลยหลอกลวงเอาเงินราษฎรท่ีเขา
รวมประชมุ อา งวา เพ่อื จะนาํ ไปมอบให พ. เปน คา ใชจ ายในการวง่ิ เตน ขอจดั สรรเงินจากทางราชการ
และเอาเงินนั้นไวเปนของตน จึงเปนการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบตาม ป.อ.
มาตรา ๑๕๗ แตก ารกระทาํ ของจาํ เลยดงั กลา วมไิ ดใ ชอ าํ นาจในตาํ แหนง โดยมชิ อบแมจ ะเปน การจงู ใจใหร าษฎร
ทป่ี ระชมุ มอบเงินหรอื ทรพั ยส นิ ใหแ กจ าํ เลย กไ็ มเ ปนความผดิ ตามมาตรา ๑๔๘

ความผิดตามมาตรา ๑๔๘ ข้ันตนจะตองเปนการใชอํานาจในตําแหนงกอน เม่ือ
เปน การใชอ าํ นาจในตาํ แหนง แลว ตอ งเปน การใชโ ดยมชิ อบดว ย กลา วอกี นยั หนงึ่ คอื เปน การใชอ าํ นาจ
ในขอบเขตตาํ แหนง ของตน แตใ ชโ ดยมชิ อบ หรอื ใชไ ปในทางทผ่ี ดิ เชน ตาํ รวจยอ มมอี าํ นาจโดยตาํ แหนง
ทจ่ี ะจบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ การจบั กมุ จงึ เปน การใชอ าํ นาจในตาํ แหนง แตถ า แกลง จบั ผทู ม่ี ไิ ดก ระทาํ ผดิ
ก็เปนการใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบ ตัวอยางตํารวจจับกุมผูอ่ืนในขอหาขายสลากกินรวบ
โดยปราศจากหลักฐานหรือเหตุผลท่ีควรจับได หรือแกลงจับเขาหาวาเลนสลากกินรวบ หรือจับแร
ทมี่ ผี ขู นมาโดยชอบดวยกฎหมายมหี นงั สอื กํากับนาํ แรเคลอ่ื นทมี่ าดวย เหลา นถี้ อื วา เปน การใชอ ํานาจ
ในตําแหนงโดยมิชอบท่ตี ํารวจมีอยใู นการจบั กุม

®¡Õ Ò·èÕ óøöñ/òõòø มผี ไู ปแจง วา ผเู สยี หายลกั โค สารวตั รใหญใ หจ าํ เลยซง่ึ เปน
ตาํ รวจไปจบั ผเู สยี หาย ผเู สยี หายวา ซอ้ื มา เอาสญั ญาซอื้ ขายใหด ู จาํ เลยไมย อมดพู ดู วา โคอยทู ใ่ี ครกจ็ ะ
จบั คนนน้ั ถา ไมใ หจ บั ตอ งเอาเงนิ มาให ผเู สยี หายกลวั จงึ มอบเงนิ ใหจ าํ เลยไป ดงั น้ี เปน การใชอ าํ นาจใน
ตาํ แหนง โดยมชิ อบ ขม ขนื ใจใหผ เู สยี หายยอมมอบใหซ งึ่ ทรพั ยส นิ โดยขเู ขญ็ วา จะจบั กมุ ผเู สยี หายฐานลกั ทรพั ย
หรือรับของโจร อันไมเปนความจริง และผูเสียหายเกรงกลัวยอมมอบทรัพยใหจําเลยตามท่ีเรียกรอง
จาํ เลยมคี วามผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๘, ๓๓๗ ลงโทษตามมาตรา ๑๔๘ อันเปนบทหนัก

๑๖๗

®Õ¡Ò·èÕ óö÷ù/òõòù นายตรวจสรรพสามติ เมอ่ื ไดร บั คาํ สง่ั ใหไ ปตรวจเขตหนง่ึ แลว
แมไ ปตรวจอกี เขตหนงึ่ กเ็ ปน การปฏบิ ตั ริ าชการเชน กนั เพยี งแตเ ปน การปฏบิ ตั นิ อกเหนอื คาํ สง่ั การตรวจ
รานคาสุรามิใชการปฏิบัติหนาที่ในสถานที่ราชการซึ่งโดยปกติจะกระทําในระหวางเวลาราชการ
ทงั้ ไมป รากฏวา มขี อ จาํ กดั วา จะตอ งปฏบิ ตั หิ นา ทเ่ี ฉพาะในเวลาราชการเทา นน้ั เมอ่ื ไปตรวจทร่ี า นคา ของ
ผเู สยี หาย เวลา ๑๗.๐๐ น. และเรียกผเู สียหายไปบอกวาสรุ าของผเู สียหายไมคอ ยดี ซ่งึ หมายความวา
ไมถ กู ตอ งตามกฎหมาย และจะจบั สรุ าไปนน้ั กต็ อ งถอื วา เปน การกระทาํ ของเจา พนกั งานในการปฏบิ ตั ิ
หนา ที่ และเมอ่ื เรยี กรอ งใหผ เู สยี หายจา ยเงนิ เปน คา ตอบแทนเพอ่ื จะไมจ บั ทงั้ ทไี่ มป รากฏวา ผเู สยี หาย
ทําผิดกฎหมายอยางไร จึงเปนการใชอํานาจในตําแหนงหนาที่โดยมิชอบ อันเปนความผิดตาม
ป.อ.มาตรา ๑๔๘ สว นจําเลยอน่ื ซึง่ มไิ ดเปน เจา พนักงาน เปน เพียงพนักงานของบรษิ ัทสุราแตไ ดรว ม
ในการกระทาํ ดงั กลา ว มคี วามผดิ ฐานเปน ผสู นบั สนุนอนั เปน ความผิดตามมาตรา ๑๔๘ ประกอบดว ย
มาตรา ๘๖ การท่ีผูเสียหายซึ่งเปนเจาของรานคาสุราใหเงินแกพวกจําเลยก็ดวยความกลัวที่เกิดจาก
การถกู พวกจาํ เลยขเู ขญ็ วา จะจบั สรุ า การกระทาํ ของพวกจาํ เลยจงึ เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๓๓๗ ดว ย
ตองลงโทษตามมาตรา ๑๔๘ ซึ่งเปน บทหนกั ทีส่ ดุ

แตถาตํารวจจับกุมผูท่ีกระทําผิดจริงๆ ก็เปนการใชอํานาจในตําแหนงโดยชอบ
มใิ ชโ ดยมชิ อบ แมภ ายหลงั จะเรยี กเงนิ ทองกไ็ มผ ดิ ตามมาตราน้ี แตอ าจจะผดิ ฐานอน่ื เชน ตาํ รวจจราจร
จับกุมผูขับรถยนตฝาฝนกฎจราจรแลวเรียกเอาเงิน ไมผิดตามมาตรา ๑๔๘ เพราะมิไดใชอํานาจใน
ตําแหนง โดยมชิ อบ แตจ ะผดิ ตามมาตรา ๑๔๙ ฐานเจา พนกั งานเรียกสินบน

¢‹Á¢×¹ã¨ËÃ×ͨ٧㨼ٌÍè×¹ การท่ีเจาพนักงานใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบ
ดังกลาวมาแลว จะตองเปน การใชโดยมิชอบขม ขืนใจหรอื จูงใจผอู น่ื ¢Á‹ ¢×¹ã¨ กค็ ือบงั คับใหเขากระทาํ
อยางใดอยา งหนง่ึ โดยเขาไมเตม็ ใจ สว น ¨§Ù 㨠ก็เปนการโนม นา วหรือชกั นาํ ใหเ ขากระทําการขมขืนใจ
หรือจูงใจตองกระทําเพื่อใหบรรลุตามมูลเหตุชักจูงใจของผูขมขืน คือ เพ่ือใหยอมใหหรือหามาให
ซึ่งทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใด ความผิดตามมาตรานี้ มิใชวาจะตองมีการขมขืนใจแตประการเดียว
เพยี งแตม กี ารจงู ใจกเ็ ปน ความผดิ เหมอื นกนั และ ໹š ¤ÇÒÁ¼´Ô สาํ àèç àÁÍ×è ä´ทŒ าํ ¡ÒâÁ‹ ¢¹× ã¨ËÃÍ× ¨§Ù ã¨
ไมจ าํ เปน วาผถู ูกขม ขนื ใจหรือจงู ใจจะมอบใหห รอื หาประโยชนม าใหแ ลว

à¨μ¹Ò การใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบ ขมขืนใจหรือจูงใจผูอื่นน้ันผูกระทํา
จะตอ งมีเจตนาตามมาตรา ๕๙

à¾×èÍãËŒºØ¤¤Åã´ÁͺãËŒËÃ×ÍËÒÁÒãËŒ«Ö觷ÃѾÊÔ¹ ËÃ×Í»ÃÐ⪹Í×è¹ã´สําËÃѺ
μ¹àͧËÃÍ× ¼ŒÍÙ ¹×è นอกจากจะมีเจตนาแลว ผกู ระทาํ ยังตองมมี ลู เหตชุ กั จูงใจ คอื เพือ่ ใหบุคคลมอบให
หรอื หามาใหซ งึ่ ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชนอ น่ื ใดสาํ หรบั ตนเองหรอื ผอู นื่ มลู เหตชุ กั จงู ใจในการกระทาํ มไิ ด
จาํ กดั เฉพาะทรพั ยส นิ เงนิ ทอง แตร วมถงึ ประโยชนอ น่ื ๆ ทม่ี ใิ ชท รพั ยส นิ ดว ย เชน ใหโ ดยสารรถประจาํ ทาง
โดยไมตองเสียคาโดยสาร ใหใชหองพักโรงแรมโดยไมเสียคาเชา เปนตน และการเรียกทรัพยสินหรือ
ประโยชนน จ้ี ะเรยี กเพอื่ ตนเองหรอื เรยี กเพอื่ ผอู นื่ กไ็ ด เพยี งแตผ กู ระทาํ ผดิ มมี ลู เหตชุ กั จงู ใจตามทก่ี ลา วนี้
กเ็ ปน ความผดิ สาํ เรจ็ แลว จะเกดิ ผลขนึ้ ตามมลู เหตชุ กั จงู ใจหรอื ไมไ มส าํ คญั แมผ ถู กู ขม ขนื ใจหรอื ถกู จงู ใจ
จะไมย อมตามน้นั หรอื ยงั มิไดมอบทรพั ยใ หก ต็ าม

๑๖๘

®Õ¡Ò·èÕ ò÷øö/òõòù ฟองโจทกบรรยายวา จําเลยกับพวกไดบังอาจรวมกัน
ใชอํานาจในตําแหนงหนาที่โดยมิชอบ ขมขืนใจ กรรโชก ใหผูเสียหายมอบเน้ือกระบือชําแหละแลว
๑๔๐ กก. ใหแกจําเลยกับพวก มิฉะน้ันจําเลยกับพวกจะยึดเน้ือกระบือชําแหละแลว ๕๐๐ กก.
ไปตรวจสอบอันจะเปนเหตุใหเน้ือเสียหายและจะจับกุมผูเสียหายกับพวกทําใหปราศจากเสรีภาพ
ผูเสยี หายกับพวกจงึ ไดย อมมอบเน้อื ๑๔๐ กก. ใหจ ําเลยกบั พวกไป ดงั นี้ ฟองไดบรรยายขอเท็จจรงิ ท่ี
เปนการกระทําของจําเลยตอผูเสียหายครบถวนในลักษณะความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๘ และ
มาตรา ๓๓๗ ทีข่ อใหลงโทษแลวท้ังบทบัญญตั ิ ๒ มาตราดังกลา วก็ไมไ ดร ะบุองคป ระกอบความผดิ วา
ผกู ระทําตองมีเจตนาทุจรติ ฟอ งชอบดว ยกฎหมาย

®Õ¡Ò·Õè óùõó/òõóð จําเลยเปนขาราชการพลเรือนสังกัดมหาวิทยาลัย ร.
มีหนาท่ี ปฏิบัติงานชางเขียนแบบและปฏิบัติหนาท่ีอ่ืนตามท่ีไดรับมอบหมาย จําเลยไดรับแตงต้ังจาก
มหาวทิ ยาลยั ใหม หี นา ทค่ี วบคมุ และตรวจงานกอ สรา งทพี่ กั สาํ หรบั นกั ศกึ ษา แลว รายงานผลใหป ระธาน
กรรมการตรวจการจางทราบ ซ่ึงจําเลยอาจรายงานในทางใหคุณหรือใหโทษ โดยเก่ียงงอนวางาน
งวดสุดทายที่จําเลยเรียกรองเงินจาก พ . ตัวแทนของผูรับจางในการที่จําเลยจะลงนามตรวจผาน
ใหนน้ั ยังไมแลวเสร็จบรบิ ูรณตามสัญญาจา งได จงึ ถือไดวา จําเลยใชอาํ นาจในตําแหนง โดยมชิ อบ
จูงใจเพื่อให พ. ใหเงินดังกลาวแกจําเลย อันเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๓๘ แลว แมจําเลย
จะอางวาเรียกรองใหผูอ่ืนและไดมีการสงมอบเงินใหจําเลยหลังจากที่คณะกรรมการตรวจการจาง
ตรวจรับงานไวแลว กต็ าม

®Õ¡Ò·èÕ ñðøô/òõóö จาํ เลยเปน เจา พนกั งานยศสบิ ตาํ รวจเอกไดพ ดู กบั โจทกร ว มวา
รานของโจทกรวมเปนเจามือหวยเถ่ือน อยางน้ีตองมีผลประโยชนและใหเอาเงินใสซองมาใหบาง
ถา ไมใ หจ ะตาม สวป.มาดาํ เนนิ การจบั กมุ เมอ่ื โจทกร ว มไมใ หเ งนิ จาํ เลยจงึ ไปแจง เหตตุ อ สารวตั รปกครอง
และปอ งกนั วา พวกในตลาดกาํ ลงั เลน การพนนั สลากกนิ รวบขอใหไ ปทาํ การจบั กมุ ตามทจ่ี าํ เลยขโู จทกร ว ม
แตปรากฏวาไมมีการเลนแตอยางใดถือไดวาจําเลยมีเจตนาจูงใจเพ่ือใหโจทกรวมจายเงินให โดยใช
อํานาจในตําแหนง โดยมชิ อบ มีความผดิ ตาม ป.อ. ม.๑๔๘

®Õ¡Ò·èÕ ñöö/òõô÷ เม่อื ผลการตรวจคน ตัว ว. ไมพบสิง่ ของผดิ กฎหมาย จึงไมมี
เหตอุ นั ควรสงสัยวา ว. ไดก ระทําความผดิ ฐานมียาเสพติดใหโทษไวในครอบครองตอไปอกี จําเลยที่ ๑
ซ่ึงเปนเจาพนักงานตํารวจไมมีอํานาจจับกุม ว. สมควรท่ีจําเลยที่ ๑ จะตองปลอยตัว ว. ไป การที่
จาํ เลยท่ี ๑ ยงั จบั กมุ ว. จากศาลาทา นา้ํ นาํ ตวั ไปไวท ส่ี ะพานขา มคลองแสนแสบจงึ เปน การปฏบิ ตั หิ นา ที่
โดยมิชอบ

ó. àÃÕ¡ ÃѺ ËÃÍ× ÂÍÁÃºÑ ¨ÐÃºÑ ÊÔ¹º¹
ÁÒμÃÒ ñôù ¼ãŒÙ ´à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¹μÔ ºÔ ÞÑ ÞμÑ áÔ Ë§‹ Ã°Ñ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¨§Ñ ËÇ´Ñ

ËÃ×ÍÊÁÒªÔ¡ÊÀÒà·ÈºÒÅ àÃÂÕ ¡ ÃºÑ ËÃ×ÍÂÍÁ¨ÐÃѺ·ÃѾÊÔ¹ ËÃÍ× »ÃÐ⪹͏ è¹× ã´สาํ ËÃѺμ¹àͧËÃ×Í
¼ÙŒÍ×è¹â´ÂÁԪͺ à¾×èÍ¡ÃÐทํา¡ÒÃËÃ×ÍäÁ‹¡ÃÐทํา¡ÒÃÍ‹ҧã´ã¹ตําá˹‹§äÁ‹Ç‹Ò¡ÒùÑ鹨ЪͺËÃ×Í

๑๖๙

ÁԪͺ´ŒÇÂ˹ŒÒ·Õè μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡μéѧáμ‹ËŒÒ»‚¶Ö§ÂèÕÊÔº»‚ ËÃ×Íจํา¤Ø¡μÅÍ´ªÕÇÔμáÅлÃѺμéѧáμ‹
˹èÖ§áʹºÒ·¶§Ö ÊÕèáʹºÒ· ËÃÍ× »ÃÐËÒêÇÕ Ôμ

ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Á´Õ ѧ¹Õé
๑. เปน เจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ
สภาเทศบาล
๒. เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใดสําหรับตนเองหรือผูอ่ืน
โดยมิชอบ
๓. เจตนา
เพ่ือกระทําการหรือไมกระทําการอยางใดในตําแหนงไมวาการนั้นจะชอบ
หรือไมช อบดวยหนาที่
คาํ ͸ºÔ ÒÂ
໹š ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¹μÔ ÔºÑÞÞÑμáÔ Ë‹§Ã°Ñ ÊÁÒªÔ¡ÊÀҨѧËÇ´Ñ ËÃÍ× ÊÁÒªÔ¡
ÊÀÒà·ÈºÒÅ มาตรานบี้ ญั ญตั เิ พิม่ ตัวบคุ คลผกู ระทาํ ผดิ นอกเหนอื จากเจา พนักงานคอื รวมถึง สมาชกิ
สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั และสมาชกิ สภาเทศบาลดว ย ความจรงิ บคุ คลในตาํ แหนง ดงั กลา ว
ไมมฐี านะเปนเจาพนกั งาน แตโ ดยเหตุทบ่ี ุคคลเหลา น้อี ยใู นตาํ แหนง สาํ คญั เปน ผูท ํางานเพ่อื สว นรวม
หากรับสินบนก็ยอมกอใหเกิดความเสียหายตอสาธารณะไดเชนเดียวกับเจาพนักงาน กฎหมายจึง
บัญญัติเอาผิดดวย แตไมขยายไปถึงสมาชิกสุขาภิบาล หรือสมาชิกสภาตําบลเพราะกฎหมายจํากัด
เฉพาะสมาชิก ๓ ประเภทเทาน้ัน
®¡Õ Ò·èÕ òòòø/òõóð จาํ เลยเปน พนกั งานเทศบาลตาํ แหนง หวั หนา ฝา ยการศกึ ษา
มหี นาทเ่ี กย่ี วกับการบริหารงานบคุ คล เชน การสอบบรรจุ แตงตัง้ เลอ่ื นชั้นครูและนักการภารโรงของ
โรงเรียนในสังกัดเทศบาล มีฐานะเปนเจาพนักงานตามความหมายแหงประมวลกฎหมายอาญา
ดงั บญั ญตั ไิ วใ นพระราชบญั ญตั เิ ทศบาล พ.ศ.๒๔๙๖ มาตรา ๔๔ เมอ่ื นายกเทศมนตรแี ตง ตงั้ จาํ เลยเปน
กรรมการและเลขานกุ ารดาํ เนนิ การคดั เลอื กนกั การภารโรง เปน การแตง ตง้ั จาํ เลยซง่ึ เปน เจา พนกั งานอยแู ลว
ใหปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยท่ีวางไวอีกช้ันหนึ่ง หาไดหมายความวากอนหนานั้น
จาํ เลยไมไ ดม ฐี านะเปน เจา พนกั งานไม เมอ่ื จาํ เลยเรยี กเงนิ จากผเู สยี หายเพอ่ื จะไดใ ชอ าํ นาจหนา ทชี่ ว ยให
ผเู สยี หายไดร บั บรรจุเขาทํางานตาํ แหนงนกั การภารโรง จึงมคี วามผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๙ ความผดิ
ฐานเปนเจาพนักงานเรยี กและรับทรพั ยส นิ โดยไมช อบตามมาตรา ๑๔๙ แหง ประมวลกฎหมายอาญา
มใิ ชค วามผิดอนั ยอมความได แมไ มมีคาํ รอ งทุกข พนกั งานสอบสวนก็มีอาํ นาจสอบสวน และพนักงาน
อยั การกม็ อี ํานาจฟองคดีได
àÃÕ¡ ÃѺ ËÃ×ÍÂÍÁ¨ÐÃѺ·ÃѾÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Íè×¹ã´สําËÃѺμ¹àͧËÃ×ͼٌÍè×¹
â´ÂÁªÔ ͺ องคป ระกอบขอนเี้ ปนองคป ระกอบสว นการกระทาํ
(๑) เรยี ก หมายถึง เรยี กเอาทรัพยส นิ หรือประโยชนอ่นื ใด “ทรัพยส นิ ” อาจจะเปน
เงินทอง สวน “ประโยชน” หมายรวมถึงประโยชนทุกชนิดจะเปนประโยชนในทางทรัพยสินหรือมิใช

๑๗๐

ทรัพยสินก็ได เชน รับทํางานให หรือยอมใหรวมประเวณี เปนตน การเรียกทรัพยสินหรือประโยชน
อาจจะทาํ โดยวาจา หรอื วธิ อี น่ื เชน สมาชกิ สภาเทศบาลเขยี นจดหมายถงึ บ.ใหช ว ยปลดเปลอ้ื งหนส้ี นิ ให
ก็เปนการเรียกทรัพยสินเหมือนกัน และเพียงแตเรียกแมจะยังไมไดทรัพยหรือประโยชนตามที่เรียก
กเ็ ปน ความผดิ สําเร็จแลว

(๒) รบั หมายถึง เอาไวซ ่ึงทรัพยสนิ หรอื ประโยชนอ่นื ใดที่ผูอืน่ มอบหรือยอมให
(๓) ยอมจะรบั หมายถงึ ตกลงทจี่ ะเอาไวห รอื รบั ไวซ ง่ึ ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชนอ น่ื ใด
ในอนาคต
การเรียก รับ หรือยอมจะรับนี้ จะตองเปนการกระทําโดยมิชอบ คือไมมีอํานาจ
โดยชอบดว ยกฎหมาย กฎ ขอ บงั คบั หรอื ระเบยี บแบบแผน ทจ่ี ะเรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ หรอื
ประโยชนเ ชน นนั้ ได และการเรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั นี้ จะกระทาํ สาํ หรบั ตนเองหรอื สาํ หรบั ผอู นื่ กผ็ ดิ ทง้ั สน้ิ
à¨μ¹Ò การเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพยสินหรือประโยชนอ่ืนใด ผูกระทําตอง
กระทําโดยเจตนาตามมาตรา ๕๙
à¾×èÍ¡ÃзíÒ¡ÒÃËÃ×ÍäÁ‹¡ÃÐทํา¡ÒÃÍ‹ҧã´ã¹ตําá˹‹§äÁ‹Ç‹Ò¡Òùéѹ¨ÐªÍºËÃ×Í
äÁ‹ªÍº´ŒÇÂ˹ŒÒ·Õè องคประกอบน้ีเปนมูลเหตุชักจูงใจหรือเจตนาพิเศษของการกระทํา คือนอกจาก
ผกู ระทาํ ผดิ จะตอ งมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ แลว กจ็ ะตอ งมเี จตนาพเิ ศษขอ นด้ี ว ย จงึ จะผดิ ตามมาตราน้ี
และเม่ือองคประกอบนีเ้ ปน เพยี งมูลเหตชุ ักจูงใจก็ไมจ าํ เปน วา จะไดม กี ารกระทําหรือไม กระทําการใน
ตาํ แหนง ตามมลู เหตชุ กั จงู ใจนนั้ หรอื ไม มลู เหตชุ กั จงู ใจนอี้ าจแยกไดเ ปน ๒ ประการ คอื (๑) เพอ่ื กระทาํ
การอยา งใดในตาํ แหนง ไมว า การนนั้ จะชอบหรอื ไมช อบดว ยหนา ท่ี หรอื (๒) เพอื่ ไมก ระทาํ การอยา งใด
ในตาํ แหนงไมว า การนัน้ จะชอบหรอื ไมชอบดวยหนา ที่
(๑) เพอื่ กระทาํ การอยา งใดในตาํ แหนง ไมว า การนน้ั จะชอบหรอื ไมช อบดว ยหนา ท่ี
คือ ผูก ระทํามคี วามมงุ หมายหรือตงั้ ใจจะกระทําการอยา งใดในตําแหนง หนา ทข่ี องตน สวนการทีต่ ้งั ใจ
กระทาํ นัน้ จะชอบหรอื ไมชอบดวยหนาท่ี ไมใ ชขอสาํ คญั เชน เจา อาวาสเรยี กเงนิ สินบนในการใหเชา
ทีข่ องวัด
แตถ า ผกู ระทาํ ไมม คี วามมงุ หมายเชน นี้ หรอื เปน การกระทาํ ทอ่ี ยนู อกขอบเขตอาํ นาจ
หนาที่ กไ็ มผดิ ตามมาตรานี้
®¡Õ Ò·Õè ñöõñ/òõóò จําเลยไดน ําหนงั สอื มอบอํานาจของผชู ว ยหวั หนา เขตซงึ่ มถี งึ
สารวตั รใหญส ถานตี าํ รวจนครบาลขอใหด ําเนนิ คดแี ก ม. ตามพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ.๒๕๒๒
มาตรา ๗๐ ไปแจง ความและมอบหนงั สอื มอบอาํ นาจใหแ กพ นกั งานสอบสวนแลว จําเลยยอ มหมดหนา ท่ี
การที่จําเลยเรียกและรับเงินจาก ม. และแกไขเอกสารดังกลาวในภายหลังเปนการกระทํานอก
ตําแหนงหนาท่ีราชการ มิใชในฐานะเปนเจาพนักงาน มีหนาท่ีตองปฏิบัติหรือละเวนหนาที่โดยมิชอบ
จําเลยจึงไมมคี วามผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๙
(๒) เพื่อไมกระทําการอยางใดในตําแหนงไมวาการน้ันจะชอบหรือไมชอบดวย
หนา ที่ มลู เหตชุ กั จงู ใจนเ้ี ปน เรอ่ื งละเวน ไมก ระทาํ การในตําแหนง เชน ถา บคุ คลทถ่ี กู จบั ไดก ระทาํ ผดิ และ

๑๗๑

เจา พนกั งานไดจ บั กมุ โดยชอบตามอํานาจหนา ทใ่ี นตําแหนง แลว เรยี กหรอื รบั เงนิ จากผนู น้ั แลว ปลอ ยตวั ไป
หรือตํารวจพบกัญชาที่ ว. แตเรียกเอาเงินจาก ว. เพ่ือไมจับดําเนินคดี หรือตาํ รวจจราจรมีหนาที่
ตรวจรถบรรทกุ วา บรรทกุ นา้ํ หนกั เกนิ หรอื ไม แตก ลบั เรยี กเอาเงนิ จากคนขบั รถ เพอื่ ไมต รวจรถตามหนา ท่ี
ถือวาเปนความผิดตามมาตรา ๑๔๙ และเม่ือเปนความผิดสาํ เร็จแลว แมจะมีการกลับกระทาํ การ
โดยชอบดว ยหนาทีใ่ นภายหลงั กไ็ มเ ปน การพยายามกระทาํ ความผดิ

®Õ¡Ò·Õè ñòöó/òõóò กรงุ เทพมหานครไดม คี าํ สง่ั แตง ตงั้ ใหเ จา พนกั งานจดั เกบ็ รายได
ระดับ ๓ ขึ้นไปและเจาหนาที่จัดเก็บรายไดระดับ ๔ ขึ้นไป เปนพนักงานเจาหนาท่ีและพนักงานเก็บ
ภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและท่ีดินฯ จําเลยเปนขาราชการตําแหนงเจาหนาที่จัดเก็บรายได ๓
งานรายได โดยมหี นา ท่รี ับแบบตรวจสอบรายการสถานที่ กําหนดคา รายปเสนอหวั หนา งาน พจิ ารณา
สง่ั การตามคําสง่ั หวั หนา เขต จาํ เลยจงึ เปน เจา พนกั งานมหี นา ทด่ี ําเนนิ การจดั เกบ็ ภาษโี รงเรอื น และทด่ี นิ
จําเลยจะเปนพนักงานเจาหนาท่ีเพ่ือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินฯ ตามคําส่ัง
กรงุ เทพมหานครหรอื ไมม ใิ ชส าระสาํ คญั การทจี่ ําเลยเรยี กเงนิ จากผเู สยี หายเพอื่ จะทําใหผ เู สยี หายเสยี ภาษี
โรงเรือนและท่ีดินนอยกวาท่ีควรจะตองเสีย จึงเปนการกระทําเพื่อกระทําการหรือไมกระทาํ การ
อยา งใดในตําแหนง อนั เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๙

สําหรบั ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๙ นี้ มขี อ สังเกตคือความผดิ ฐานนี้บางทกี เ็ รียกวา
ฐานรบั สนิ บน หรอื เจา พนกั งานรบั สนิ บน ถา ราษฎรใหส นิ บนเจา พนกั งานเพอื่ ทําการอนั มชิ อบดว ยหนา ท่ี
ผูใหสินบนมีความผิดตามมาตรา ๑๔๔ เจาพนักงานผิดตามมาตรา ๑๔๙ และราษฎรไมมีความผิด
ฐานสนับสนนุ เจาพนักงานอีก

ô. »¯ÔºμÑ ÔËÃÍ× ÅÐàǹŒ ¡Òû¯ºÔ ÑμÔ˹Ҍ ·Õâè ´ÂÁªÔ ͺËÃ×Íâ´Â·¨Ø ÃÔμ
ÁÒμÃÒ ñõ÷ ¼ãŒÙ ´à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ »¯ºÔ μÑ ËÔ ÃÍ× ÅÐàǹŒ ¡Òû¯ºÔ μÑ ËÔ ¹ÒŒ ·âÕè ´ÂÁªÔ ͺ

à¾Íè× ãËàŒ ¡´Ô ¤ÇÒÁàÊÕÂËÒÂ᡼‹ ٌ˹èÖ§¼ŒÙã´ ËÃ×Í»¯ÔºÑμËÔ Ã×ÍÅÐàǹŒ ¡Òû¯ÔºμÑ ËÔ ¹ÒŒ ·èâÕ ´Â·Ø¨ÃμÔ μÍŒ §ÃÐÇÒ§
â·Éจาํ ¤Ø¡ μѧé áμË‹ ¹§èÖ »¶‚ Ö§ÊÔº»‚ ËÃ×Í»ÃѺμé§Ñ áμÊ‹ ͧËÁè¹× ºÒ·¶§Ö ÊͧáʹºÒ· ËÃÍ× ·éѧจํา·éѧ»ÃѺ

มาตรานบ้ี ัญญัตกิ ารกระทําอนั เปน ความผดิ ๒ ความผดิ คือ ความผดิ แรกเปนเรอื่ ง
การปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบ และความผิดท่ีสองเปนเร่ืองการปฏิบัติหรือละเวน
การปฏบิ ตั ิหนาท่ีโดยทุจริต

¤ÇÒÁ¼Ô´áá มอี งคประกอบของความผิดดงั น้ี
๑. เปนเจา พนักงาน
๒. ปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏิบตั ิหนาท่โี ดยมิชอบ
๓. เจตนา
๔. เพอื่ ใหเ กิดความเสยี หายแกผ หู น่งึ ผูใด
คาํ ͸ºÔ ÒÂ
໹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ความผดิ เกยี่ วกบั การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบ
หรือโดยทจุ รติ เพ่อื ใหเ กิดความเสยี หายแกผ หู นงึ่ ผูใ ด ผกู ระทําจะตองมฐี านะเปนเจา พนกั งาน

๑๗๒

»¯ºÔ μÑ ËÔ ÃÍ× ÅÐàǹŒ ¡Òû¯ºÔ μÑ ËÔ ¹ÒŒ ·âÕè ´ÂÁªÔ ͺ บทบญั ญตั ใิ นมาตรานเ้ี ปน การควบคมุ
ทวั่ ไป หรอื เรยี กวา บททวั่ ไป คอื เอาผดิ แกเ จา พนกั งานทกุ คนทกุ ประเภท และไมจ าํ กดั วา จะตอ งมหี นา ท่ี
โดยเฉพาะเจาะจงแตป ระการใด ฉะนน้ั หากเปน เจา พนกั งาน เมอื่ การกระทาํ ทเี่ กยี่ วขอ งกบั หนา ทไี่ มเ ปน
ความผิดตามมาตราตางๆ ที่เปนบทเฉพาะซึ่งระบุหนาที่ของเจาพนักงานโดยเฉพาะเจาะจงแลว
กอ็ าจผดิ ตามมาตรานซ้ี ง่ึ เปน บททวั่ ไปได แตถ า การกระทาํ เปน ความผดิ ตามบทเฉพาะแลว กไ็ มผ ดิ ตาม
บทท่ัวไปในมาตรา ๑๕๗ น้อี ีก

สาํ หรบั ลกั ษณะของการกระทาํ อนั เปน ความผดิ กฎหมายกม็ ไิ ดบ ญั ญตั ไิ วโ ดยเฉพาะ
เจาะจง ฉะนั้น จะปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีประการใดก็อาจเปนความผิดได แตการปฏิบัติ
หรือละเวนการปฏิบัตินั้นจะตองอยูในหนาที่ ซึ่งหนาท่ีของเจาพนักงานผูนั้นตองเปนหนาที่โดยตรง
ตามที่กฎหมายบัญญัติไวหรือไดรับมอบหมายใหมีหนาที่นั้นๆ เทาน้ันและตองเปนการปฏิบัติหรือ
ละเวนการปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบ ถาการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติดังกลาวไมอยูในหนาท่ีโดยตรง
แมจะปฏิบัติโดยมิชอบก็ไมผิด เชน ตํารวจจับเจามือสลากกินรวบ แลวกระทํามิดีมิรายตอผูตองหา
ทางชูสาว หรือจับผูตองหาฐานมีของผิดกฎหมายไวในครอบครอง แลวทํารายผูตองหาภายหลัง
เจา พนกั งานตาํ รวจเบกิ ความ เปน พยาน การทาํ มดิ มี ริ า ยทางชสู าวหรอื การทาํ รา ยผตู อ งหาหรอื การเบกิ ความ
ของเจา พนกั งานตาํ รวจทั้งสามกรณี ถอื วา ไมอ ยใู นหนาทข่ี องเจาพนักงาน จึงไมผ ิดตามมาตรา ๑๕๗

แมการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัตินั้นจะอยูในหนาที่ แตไดกระทําไปโดยชอบ
หรือโดยสุจริตก็ไมผิด เชน นายอําเภอสั่งปลัดอําเภอจับผูอื่นหาวากระทําผิด แตส่ังเพราะสาเหตุ
โกรธเคอื งกนั เปน สว นตวั ปลดั อาํ เภอไมท ราบเหตสุ ว นตวั ของนายอาํ เภอจงึ จบั ผนู น้ั ตามคาํ สง่ั โดยสจุ รติ
ไมผ ดิ ตามมาตราน้ี หรอื ตาํ รวจจบั คนเมาสรุ าเอะอะอาละวาดขงั ไว ๑ คนื เพอ่ื รกั ษาความสงบเรยี บรอ ย
และทรัพยส ินของทางราชการ ไมเ ปนการปฏบิ ตั หิ นาทีโ่ ดยมิชอบ

การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบนี้ หมายความวา มชิ อบดว ยหนา ที่
ของเจาพนักงานผูน้ันไมถึงกับผิดกฎหมาย และไมจําเปนตองเปนเรื่องกลั่นแกลง เชน จับเจามือ
สลากกินรวบเปนผูหญิง แลวใสกุญแจมือเพ่ือใหเกิดความอับอายและปรามผูอ่ืน ละเวนไมจับ
คนรา ยลกั ทรพั ย และขพู ยานไมใ หย นื ยนั วา รเู หน็ เหตกุ ารณ เจา พนกั งานซง่ึ ไดร บั แตง ตง้ั เปน ผตู รวจงาน
ทาํ บนั ทกึ รบั งานวา ถกู ตอ ง ซงึ่ ความจรงิ ใชเ หลก็ ไมถ กู ตอ ง เจา พนกั งานไดร บั แตง ตงั้ เปน กรรมการตรวจ
การจางการกอสรางบานพักครูทําหลักฐานใบตรวจรับงานจางเหมาแจงวาไดกอสรางบานพักครู
แลว เสรจ็ ตามสญั ญาจา งทง้ั ๆ ทเ่ี ปน ความเทจ็ โดยงานยงั ไมแ ลว เสรจ็ เปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๖๒ (๔) และ
เปนเหตุใหมีการเบิกจายเงินคาจางเหมากอสรางไปจึงเปนการปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบเปนเหตุให
องคการบรหิ ารสวนจังหวัดไดรบั ความเสยี หายมคี วามผดิ ตามมาตรา ๑๕๗ ดวย ตํารวจควบคมุ ผูตอ ง
กกั ขงั ตามคาํ สง่ั นายตาํ รวจปลอ ยผตู อ งกกั ขงั และเปลยี่ นตวั ผอู น่ื แทน เจา พนกั งานทดี่ นิ บนั ทกึ ในคาํ ขอ
รับรองการทําประโยชนวาลักษณะของดินเหมาะแกการทํานาปลูกขาวซ่ึงไมเปนความจริง พนักงาน
สอบสวนหนวงเหนี่ยวการประกันตัวผูตองหาใหดําเนินไปอยางเชื่องชา เหลาน้ีถือเปนความผิดตาม

๑๗๓

มาตรา ๑๕๗ แตการที่เจาอาวาสทําการสอบสวนพระภิกษุซึ่งถูกกลาวหาวากระทําผิดวินัย โดยไม
ปฏบิ ตั ใิ หถ กู ตอ งตามพระธรรมวนิ ยั ระเบยี บขอ บงั คบั และกฎของมหาเถรสมาคมยงั ไมเ ปน ความผดิ ตาม
มาตรานี้

à¨μ¹Ò เจา พนกั งานซง่ึ ปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบนนั้ ตอ งมเี จตนา
ตามมาตรา ๕๙

®Õ¡Ò·Õè óöô/òõóñ ปกติการทํารายรางกายไมเก่ียวกับตําแหนงหนาท่ีของ
เจาหนาท่ีตํารวจ การท่ีจําเลยเปนเจาพนักงานตํารวจจับโจทกขอหาวิ่งราวทรัพย แลวทํารายรางกายโจทก
โดยเจตนาทาํ รา ยธรรมดา มใิ ชเ พอื่ ประสงคจ ะใหเ กดิ ผลอนั ใดในการปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ท่ี เพราะจาํ เลย
จับโจทกไดแลว และจําเลยมิใชพนักงานสอบสวนท่ีทํารายโจทกเพ่ือประสงคจะใหโจทกรับสารภาพ
กรณีจึงมิใชเปนการปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบเพ่ือใหเกิดความเสียหายแกโจทกตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗
เมือ่ โจทกไดร บั อนั ตรายแกกายจากการกระทําของจําเลย จําเลยมคี วามผดิ ตามมาตรา ๒๙๕

à¾×Íè ãËàŒ ¡´Ô ¤ÇÒÁàÊÕÂËÒÂ᡼‹ ÙËŒ ¹èÖ§¼Ù㌠´ เปน มูลเหตชุ กั จงู ใจในการกระทํา คือตอง
กระทาํ โดยมงุ หมายทจ่ี ะใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ อู นื่ ถา เปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบแตม ไิ ด
กระทาํ เพือ่ ใหเกดิ ความเสียหายแกผ หู นง่ึ ผใู ดก็ไมเปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๕๗

Í·Ø ÒËó
®Õ¡Ò·èÕ öñøõ/òõóñ จําเลยไดรับแตงตั้งใหเปนผูชวยนายทะเบียนทองถ่ิน
มีอํานาจหนา ทีเ่ กย่ี วกับการรับแจง การยา ยเขา ไดก รอกขอความเพ่ิมชอ่ื ศ. ลงในสาํ เนาทะเบยี นบานฉบับ
เจา บา นโดยไมม ใี บแจง การยา ยออกถอื ไดว า จาํ เลยเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบ แตเ มอ่ื การ
เพ่มิ เตมิ ทะเบียนบานดงั กลา ว จําเลยมไิ ดก ระทําเพ่ือใหเ กิดความเสียหายแกผ หู น่งึ ผูใด ทง้ั ไมไ ดความ
วาจาํ เลยกระทาํ ไปโดยทุจริต การกระทาํ ของจาํ เลยจึงไมเ ปนความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗
แตก ารทจ่ี าํ เลยเพม่ิ ชอื่ ศ. ลงในทะเบยี นบา นดงั กลา ว โดยระบวุ า ยา ยมาจากบา นเลขท่ี
๒๐/๑ เขตปอ มปราบศตั รูพา ย และลงช่อื รบั รองไว ซ่ึงเปน ความเทจ็ การกระทําของจาํ เลยจึงเปนการ
รับรองเปนหลักฐานวาไดมีการแจงชื่อขอความอันมิไดมีการแจงดังบัญญัติไวในมาตรา ๑๖๒ (๒)
แหง ประมวลกฎหมายอาญา และการทจ่ี าํ เลยเพมิ่ ชอ่ื ศ. เขา ในทะเบยี นบา นดงั กลา วโดยลงชอื่ กาํ กบั ไว
เปนการรับรองขอเท็จจริงในเอกสารน้ันวาเปนความจริงตามที่จําเลยระบุเพ่ิมเติมไว การกระทําของ
จําเลยจึงเปนการรับรองเปนหลักฐานซึ่งขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริงอันเปนเท็จ
ดังบัญญัติไวในมาตรา ๑๖๒ (๔) แหงประมวลกฎหมายอาญาดวย แมจําเลยจะกระทําไปโดยไมทุจริต
และไมเกิดความเสยี หาย ก็เปนความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๒) (๔)
ความเสยี หายในทนี่ ไี้ มจ ํากดั เฉพาะความเสยี หายในทางทรพั ยส นิ เทา นน้ั แตร วมถงึ
ความเสยี หายทุกทาง เชน ความเสียหายตอชีวิต รางกาย ชอื่ เสยี ง เสรภี าพ เปนตน และจะเปนความ
เสยี หายแกใ ครก็ได เชน ตาํ รวจจับหญงิ โสเภณี แลวมอบหญงิ เหลา นน้ั ใหพ วกของตนไป โดยไมด ําเนนิ
คดตี ามกฎหมาย เปน การละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบ ทาํ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกร าชการกรมตํารวจ

๑๗๔

ทัง้ ไมจ าํ เปน ตองเกดิ ความเสียหายขนึ้ จริงๆ เพียงแตไ ดกระทาํ ไปโดยมคี วามมุงหมายเชน น้นั กผ็ ดิ แลว
เชน เจา พนกั งานไดร บั แตง ตงั้ เปน กรรมการตรวจรบั งาน ไดล งชอื่ ตรวจรบั งานวา ถกู ตอ งทง้ั ทไี่ มไ ดท ํางานเลย
และแมย ังมไิ ดจ า ยเงินก็ผิดตามมาตรา ๑๕๗ นี้

¤ÇÒÁ¼Ô´·èÕÊͧ ปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาที่โดยทุจริต มีองคประกอบของ
ความผิด ดงั น้ี

๑. เปน เจาพนกั งาน
๒. ปฏบิ ัตหิ รอื ละเวนการปฏบิ ัติหนาที่
๓. เจตนา
๔. โดยทจุ ริต
คาํ ͸ºÔ ÒÂ
ความผิดที่สองนี้แตกตางกับความผิดแรกในเร่ืองของการกระทําอันเปนความผิด
และมูลเหตุชักจูงใจกลาวคือ เพียงการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาที่ ก็อาจเปนความผิดไดแลว
ไมว า จะเปน การกระทาํ โดยชอบหรอื โดยมชิ อบดว ยหนา ทก่ี ต็ าม ตา งกบั ความผดิ แรกทตี่ อ งกระทาํ โดยมชิ อบ
ดวยหนาทเ่ี ทา นั้น
การปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาที่เปนความผิดตอเม่ือมีมูลเหตุชักจูงใจ
โดยทุจริต คือ เพื่อแสวงหาประโยชนท่ีมิควรได โดยไมคํานึงวาจะทําใหผูอ่ืนเสียหายหรือไม เชน
เจาพนักงานซ่ึงไมมีหนาที่รับเงิน พูดจูงใจใหผูเสียภาษีมอบเงินคาภาษีใหเกินจํานวนที่ตองเสีย แลว
เอาเงินสวนเกินไวเสียเอง เปนการปฏิบัติหนาที่โดยทุจริต เจาพนักงานที่ดินรับเงินคาธรรมเนียมและ
คาพาหนะในการรังวัดแลว มิไดนําเงินลงบัญชีทั้งมิไดดําเนินเรื่องให เปนการละเวนการปฏิบัติหนาท่ี
โดยทจุ รติ ผใู หญบานจดบญั ชีสัตวพ าหนะเท็จตามคาํ ขอรองของลกู บาน แมจะไมไดรบั สินจางรางวลั
แตท าํ ใหล กู บา นไดร บั ประโยชนน าํ ไปใชอ า งกบั ตาํ รวจทย่ี ดึ โคนน้ั กเ็ ปน การแสวงหาประโยชนส าํ หรบั ผอู นื่
ถือไดวาปฏิบัติหนาท่ีโดยทุจริต พนักงานเทศบาลซึ่งมีหนาท่ีเก็บเงินของเทศบาลลักใบเสร็จรับเงิน
คา กระแสไฟฟา แลว นาํ ไปเกบ็ เงนิ คา กระแสไฟฟา เปน ประโยชนส ว นตน เปน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยทจุ รติ
อีกประการหน่ึง
®¡Õ Ò·Õè ôóùò-ôóùó/òõóñ จาํ เลยเปน เจา พนกั งานทดี่ นิ ไมอ อกไปตรวจสอบไม
ในท่ีดนิ น.ส.๓ เปนการละเวน การปฏิบัติหนา ทีโ่ ดยทุจริตตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ซง่ึ ตอ เน่ืองกับการท่ี
จําเลยลงลายมอื ช่ือในบันทึกการตรวจสอบไมรบั รองวาตนไดไปตรวจสอบแลว อันเปนความเทจ็ ตาม
ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๑) โดยจําเลยมีเจตนาเพื่อแสวงหาประโยชนที่มิควรไดโดยชอบดวยกฎหมาย
ในคราวเดียวกนั ดงั น้นั เปนกรรมเดียวผิดตอกฎหมายหลายบท ตองลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๑๕๗
อันเปน กฎหมายบททม่ี ีโทษท่หี นกั ท่ีสุด ตาม ป.อ.มาตรา ๙๐
®Õ¡Ò·Õè òòø/òõóô จาํ เลยที่ ๑ ไดร บั คาํ สง่ั ใหป ฏบิ ตั หิ นา ทเ่ี วรยามและสายตรวจ
มีหนาที่ดูแลรักษาส่ิงของตางๆ ในบริเวณสถานีตํารวจ ถือวาจําเลยท่ี ๑ ไดรับคําส่ังโดยชอบใหดูแล
รักษาทรัพยของกลางที่สถานีตํารวจดวย การท่ีจําเลยท่ี ๑ อาศัยโอกาสดังกลาวลักเล่ือยยนต
ของกลางไปขายเพอื่ ประโยชนส วนตวั จึงเปนการปฏบิ ตั ิหนาท่ีโดยทุจริตตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗

๑๗๕

®¡Õ Ò·Õè ÷ùù/òõóõ จําเลยเปนเจาพนักงานผูออกตรวจสถานประกอบการคา
มีอํานาจหนาที่เสนอตอผูบังคับบัญชาใหออกหรือไมใหออกใบอนุญาตใหแกผูประกอบการคา ถือได
วาจําเลยเปนเจาพนักงานผูมีหนาที่เกี่ยวของโดยตรงในการพิจารณาออกใบอนุญาต จําเลยเรียกรอง
เงินเปนการตอบแทนการออกใบอนุญาต จึงเปนการปฏิบัติหนาท่ีโดยทุจริต เปนความผิดตาม
ป.อ.มาตรา ๑๕๗

®¡Õ Ò·Õè ñððõ/òõôù ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ จะตอ งเปน การปฏบิ ตั หิ รอื
ละเวน ปฏบิ ตั หิ นา ทซี่ งึ่ อยใู นหนา ทขี่ องเจา พนกั งานนน้ั เองโดยมชิ อบเพอื่ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ หู นงึ่
ผูใดหรือโดยทุจริต ถาไมเกี่ยวกับหนาท่ีของเจาพนักงานผูนั้นโดยตรงแลวยอมไมเปนความผิดตาม
มาตรานี้ เมือ่ ขณะที่จาํ เลยท้งั สองมาเอารถยนตแ ทก็ ซี่จากโจทกไ ป จําเลยที่ ๒ แตง เคร่ืองแบบตาํ รวจ
เทา น้ัน ทัง้ ตามฎกี าโจทกยังยอมรับดว ยวาจาํ เลยที่ ๒ กระทําไปโดยไมม ีกฎหมายรองรับ ไมม อี าํ นาจ
หนาท่ีจะตองทําแสดงวาการไปเอารถยนตแท็กซี่จากโจทกน้ัน มิใชการกระทําท่ีเก่ียวกับหนาที่ของ
จาํ เลยท่ี ๒ ฟอ งโจทกเ กย่ี วกบั จาํ เลยที่ ๒ จงึ ไมม มี ลู เปน ความผดิ ฐานเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน
การปฏิบัตหิ นาทีโ่ ดยมิชอบ

õ. »ÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÂÑ âÍ¡ÒÊ·ÕÁè Õ˹ŒÒ·èÕ
ÁÒμÃÒ ñöñ “¼ãŒÙ ´à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÁËÕ ¹ÒŒ ·ทÕè าํ àÍ¡ÊÒà ¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒÃ

ËÃ×Í´ÙáÅÃÑ¡ÉÒàÍ¡ÊÒà ¡ÃÐทํา¡ÒûÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÑÂâÍ¡ÒÊ·Õèμ¹ÁÕ˹ŒÒ·Õè¹Ñé¹ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·É
จาํ ¤Ø¡äÁà‹ ¡¹Ô ÊÔº»‚ áÅлÃѺäÁ‹à¡Ô¹ÊͧáʹºÒ·”

ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Á´Õ ѧ¹Õé
๑. เปนเจาพนกั งาน
๒. มหี นาท่ีทําเอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสารหรอื ดูแลรักษาเอกสาร
๓. กระทําการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสท่ตี นมหี นาทนี่ ้นั
๔. เจตนา
คาํ ͸ԺÒÂ
໹š ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ การปลอมเอกสารทจ่ี ะมีความผดิ ตามมาตราน้ี ผกู ระทําจะตอ ง
เปนเจา พนกั งานซึ่งมีหนาทท่ี ํา กรอกขอความ หรือดแู ลรกั ษาเอกสารน้นั
ÁËÕ ¹ÒŒ ·èทÕ ําàÍ¡ÊÒà ¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒÃËÃÍ× ´ÙáÅÃÑ¡ÉÒàÍ¡ÊÒà หมายความวา
เจาพนักงานซึ่งจะกระทําความผิดตามมาตราน้ีจะตองเปนผูมีหนาท่ีทําเอกสาร กรอกขอความลงใน
เอกสาร หรอื ดูแลรักษาเอกสาร
àÍ¡ÊÒà มคี วามหมายตามบทนยิ ามในมาตรา ๑(๗) หมายถงึ กระดาษหรอื วตั ถอุ น่ื ใด
ซึ่งไดทําใหปรากฏความหมายดวยตัวอักษร ตัวเลข ผังหรือแผนแบบอยางอื่นจะเปนโดยวิธีพิมพ
ถา ยภาพ หรือวิธอี ่ืนใดอันเปนหลกั ฐานแหง ความหมายน้ัน

๑๗๖

หนา ทขี่ องเจา พนกั งานตามมาตรานี้ แยกไดเ ปน ๓ ประการคอื (๑) หนา ทที่ าํ เอกสาร
(๒) หนา ท่ีกรอกขอ ความลงในเอกสาร (๓) หนาท่ีดูแลรกั ษาเอกสาร

(๑) หนาที่ทาํ เอกสาร หมายถึง ทาํ เอกสารนี้ทั้งฉบับ หรือแตบางสวน หรือ
ลงลายมือช่ือในการออกเอกสาร สว นใครจะเขียนข้นึ ไมส ําคญั

(๒) หนาที่กรอกขอความลงในเอกสาร เชน กรอกขอความลงในแบบพิมพตางๆ
ของทางราชการในบญั ชีใบเสรจ็ รบั เงิน ทะเบียนทดี่ ิน ทะเบยี นบา น เปนตน

(๓) หนาท่ีดูแลรักษาเอกสาร ซ่ึงหมายถึง ดูแลรักษาเอกสารท่ีทําสมบูรณแลว
และเอกสารแบบพิมพต างๆ เพื่อกรอกขอ ความดวย

ขอ สําคญั คอื เจา พนกั งานผนู น้ั จะตอ งมหี นา ทโ่ี ดยตรงในการทาํ กรอก หรอื ดแู ลรกั ษา
เอกสารนั้น หากมิใชหนาท่ีโดยตรงแลว ก็ไมผิดตามมาตรา ๑๖๑ แตอาจผิดฐานปลอมเอกสารตาม
มาตรา ๒๖๔

®¡Õ Ò·èÕ òóñö/òõòù จําเลยเปนเจาหนาที่บริหารงานทั่วไปประจําสาํ นักงาน
สาธารณสุขจังหวัด มีหนาที่ดูแลรักษาเอกสาร ทาํ คําส่ังจังหวัดเรื่องแตงตั้งขาราชการโดยไมมีอาํ นาจ
แลว ตัดเอากระดาษไขที่มีลายมือชอ่ื ของผูวา ราชการจังหวัด ซึ่งลงนามไวใ นคาํ ส่งั ฉบบั อืน่ มาตดิ ไวทาย
คําสง่ั ทจ่ี าํ เลยทาํ ขนึ้ และจําเลยโรเนยี วคาํ สง่ั นอี้ อกมาเพอ่ื แสดงใหบ คุ คลอน่ื หลงเชอ่ื วา เปน คําสงั่ ทแี่ ทจ รงิ
ดังนี้ เปนการทําเอกสารปลอมขนึ้ ท้ังฉบับมคี วามผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๑ และ มาตรา ๒๖๕

¡ÃÐทาํ ¡ÒûÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÂÑ âÍ¡ÒÊ·μÕè ¹ÁËÕ ¹ÒŒ ·¹èÕ ¹éÑ การกระทาํ อนั เปน ความผดิ
ตามมาตราน้ี คือ “ปลอมเอกสาร” ซึ่งหมายถึง การปลอมในความผิดฐานปลอมเอกสารตาม
มาตรา ๒๖๔ กลาวคือ ทําเอกสารขึ้นทั้งฉบับหรือแตสวนหนึ่งสวนใด เติมหรือตัดทอนขอความ
หรอื แกไขดวยประการใดๆ ในเอกสารทแี่ ทจริงประทับตราปลอม หรือลงลายมอื ช่ือปลอมในเอกสาร
โดยประการทน่ี า จะเกดิ ความเสยี หายแกผ อู นื่ หรอื ประชาชนและทาํ เพอ่ื ใหผ อู น่ื หลงเชอื่ วา เปน เอกสาร
ท่ีแทจริง รวมท้ังการกรอกขอความลงในแผนกระดาษหรือวัตถุอ่ืนใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผูอื่น
โดยไมไดรับความยินยอมหรือโดยฝาฝนคําส่ังของผูอ่ืนนั้น เหตุนี้ความผิดตามมาตรา ๑๖๑ จึงเปน
ความผดิ ตามมาตรา ๒๖๔ ดวย

การปลอมดงั กลาว จะตองกระทําปลอมโดยอาศัยโอกาสทผ่ี ปู ลอมมหี นาทนี่ ้นั คอื
จะตองปลอมในระหวางที่เจาพนักงานมีหนาท่ีอยางใดอยางหนึ่งใน ๓ ประการ ที่กลาวมาแลว เชน
ตาํ รวจไดรับแตงตั้งใหทาํ หนาที่เสมียนเปรียบเทียบ แกหรือลงจาํ นวนเงินในสําเนาใบเสร็จใหนอยกวา
ตนฉบับ ผูชว ยนายทะเบยี น จดลงในทะเบียนบา นและลงลายมอื ชื่อรบั รองวา ด. ยา ยเขา บา นนนั้ จาก
ตางจังหวัดอันเปน เทจ็ พศั ดแี ละผูคุมปลอมใบสุทธทิ ่เี รอื นจําออกใหแกผ ูพนโทษ โดยพมิ พล ายนว้ิ มอื
ปลอมเปน ผูพ น โทษ ปลัดอาํ เภอมีหนาที่ทําตวั๋ รูปพรรณสตั ว ลงลายมือชื่อในต๋วั รปู พรรณทีร่ วู าปลอม
ลายพมิ พนว้ิ มือ เจาของสตั วเหลา น้ีลว นเปนความผดิ ตามมาตรา ๑๖๑

๑๗๗

®¡Õ Ò·èÕ óóò/òõò÷ จาํ เลยเปน พนกั งานพสิ จู น มหี นา ทใ่ี นการพสิ จู นก ารครอบครอง
ท่ีดินแลวกรอกขอความในแบบบันทึกการสอบสวนสิทธิและพิสูจนการทําประโยชนเพื่อออก
หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชน เอกสารดงั กลา วจงึ อยใู นความดแู ลครอบครองของจําเลยกอ นสง ไปยงั
ศนู ยห รอื ผคู วบคมุ สาย เมอ่ื เอกสารนถี้ กู ปลอมลายมอื ชอ่ื ของ จ. ผมู หี นา ทป่ี กครองทอ งทแ่ี ละระวงั แนวเขต
โดยจําเลยมีโอกาสกระทําเองหรือรวมกับจาํ เลยอ่ืนกระทําข้ึน จาํ เลยจึงมีความผิดฐานปลอม
เอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหนาท่ีน้ันตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๑ ประมวลกฎหมายท่ีดินมาตรา ๕๘
บัญญัติใหนายอาํ เภอมีอาํ นาจแตงตั้งใหผูซ่ึงไดรับการอบรมเปนเจาหนาที่ออกไปพิสูจนสอบสวน
การทําประโยชนแ ทนตนในการเดนิ สาํ รวจเพอ่ื ออกหนงั สอื รบั รองการทําประโยชนแ ละในการปฏบิ ตั หิ นา ท่ี
ดังกลาว ใหเจาหนาท่ีเปนเจาพนักงาน จาํ เลยเปนผูไดรับคาํ ส่ังจากนายอําเภอใหเปนพนักงานพิสูจน
จึงเปนเจา พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา

แตเ จา พนกั งานซงึ่ ไมม หี นา ทอ่ี ยา งใดอยา งหนง่ึ ใน ๓ ประการนน้ั แลว กไ็ มอ าจทาํ ผดิ
มาตรา ๑๖๑ ได

อกี ประการหนงึ่ ในกรณที เี่ จา พนกั งานมอี ํานาจออกเอกสารไดต ามหนา ที่ แมจ ะลง
ขอ ความไมตรงกับความจริง กเ็ ปน เอกสารทแ่ี ทจ รงิ มใิ ชเอกสารปลอม เชน นายทะเบยี นตําบลออก
ใบมรณบตั รมขี อ ความแสดงวา ท. ราษฎรในตําบลนน้ั ตายแลว ซงึ่ เปน ความเทจ็ หรอื ปลดั อาํ เภอมอี าํ นาจ
หนา ทอี่ อกใบสําคญั ประจําตวั คนตา งดา ว ออกใบตา งดา วลงลายมอื ชอ่ื ปลดั อําเภอเองใหแ กค นตา งดา ว
ที่ไดรับอนุญาตใหอยูชั่วคราวเปนการผิดระเบียบ ทั้งสองกรณีนี้ไมเปนการปลอมเอกสารเพราะ
เจาพนักงานผูกระทํามีอํานาจโดยตาํ แหนงท่ีจะลงชื่อทาํ เอกสารน้ันได จึงเปนเพียงเอกสารเท็จตาม
มาตรา ๑๖๒ มใิ ชเ อกสารปลอมตามมาตรา ๑๖๑

แตถาตนไมมีอาํ นาจโดยตําแหนงท่ีจะลงลายมือชื่อออกเอกสารนั้น กลับไปลง
ลายมือช่ือ ในตําแหนงที่ตนไมมีอํานาจท่ีจะลงลายมือช่ือได แมจะเปนลายมือตัวเองจริงก็เปนการ
ปลอมตวั บุคคลในตําแหนง น้นั เปน การปลอมเอกสาร

ถา เปน เจา พนกั งานผมู หี นา ทท่ี ําเอกสารและอาศยั โอกาสทต่ี นมหี นา ทน่ี นั้ ทาํ เอกสาร
ขึ้นฉบับหนึ่ง ดวยความมุงหมายใหเขาใจวาเปนเอกสารอีกฉบับหน่ึงอันเปนการปลอมเอกสารขึ้น
ทงั้ ฉบบั แมจ ะลงลายมอื ชื่อของตนเองไมไดป ลอมชือ่ ของผูอืน่ กอ็ าจมีมูลความผิดตามมาตรา ๑๖๑

®Õ¡Ò·èÕ öóõ/òõñ÷ จําเลยเปน ปลดั อําเภอ ไดร บั มอบหมายจากนายอําเภอใหเ ปน
เจาหนาที่แผนกทะเบียนอาวุธปน มีหนาท่ีรับคาํ ขอและสอบสวนเร่ืองราวเก่ียวกับ การขออนุญาตมี
และใชอาวุธปน แลวเสนอนายอําเภอซ่ึงเปนนายทะเบียนลงลายมือช่ือออกใบอนุญาต จําเลยไมมี
อาํ นาจลงลายมือชื่อในตําแหนงนายทะเบียนได แตจําเลยกลับลงลายมือชื่อตนเองเปนนายทะเบียน
ออกใบอนุญาตใหแกผูยื่นคาํ ขอไป แมจําเลยจะลงลายมือช่ือจําเลยเองในเอกสารนั้น แตจาํ เลยก็ได
ปลอมตนวาเปนเจาพนักงานผูมีอํานาจลงนามในเอกสารน้ันในฐานะนายทะเบียนผูออกใบอนุญาต
แลวประทบั ตราลงไป เอกสารน้จี งึ ไมใ ชเอกสารท่ีแทจ รงิ เพราะมไิ ดลงนามเจา พนักงานผูมอี าํ นาจออก
ใบอนุญาต เปน การปลอมเอกสารตามมาตรา ๑๖๑

๑๗๘

à¨μ¹Ò เจาพนักงานผูทําปลอมเอกสารซึ่งตนมีหนาท่ีทํา กรอกขอความหรือดูแล
รักษาจะตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๙

ö. ÃºÑ ÃͧËÃ×Í¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒÃÍ¹Ñ à»š¹à·ç¨
ÁÒμÃÒ ñöò ¼ÙŒã´à»š¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÁÕ˹ŒÒ·ÕèทําàÍ¡ÊÒà ÃѺàÍ¡ÊÒÃËÃ×Í¡ÃÍ¡

¢ŒÍ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒáÃÐทาํ ¡Òô§Ñ μÍ‹ 仹ãÕé ¹¡Òû¯ÔºÑμ¡Ô ÒÃμÒÁ˹Ҍ ·èÕ
(ñ) ÃºÑ Ãͧ໹š ËÅ¡Ñ °Ò¹ÇÒ‹ μ¹ä´¡Œ ÃÐทาํ ¡ÒÃÍÂÒ‹ §ã´¢¹Öé ËÃÍ× ÇÒ‹ ¡ÒÃÍÂÒ‹ §ã´ä´Œ

¡ÃÐทาํ μÍ‹ ˹ŒÒμ¹Í¹Ñ ໚¹¤ÇÒÁà·ç¨
(ò) ÃѺÃͧ໚¹ËÅÑ¡°Ò¹Ç‹Ò ä´ÁŒ ¡Õ ÒÃᨧŒ «è§Ö ¢ŒÍ¤ÇÒÁÍ¹Ñ ÁäÔ ´ÁŒ Õ¡ÒÃᨧŒ
(ó) ÅÐàǹŒ äÁ¨‹ ´¢ÍŒ ¤ÇÒÁ«§Öè μ¹ÁËÕ ¹ÒŒ ·μèÕ ÍŒ §ÃºÑ ¨´ËÃÍ× ¨´à»ÅÂèÕ ¹á»Å§¢ÍŒ ¤ÇÒÁ

ઋ¹Ç‹Ò¹¹Ñé ËÃÍ×
(ô) ÃºÑ Ãͧ໹š ËÅ¡Ñ °Ò¹«§èÖ ¢ÍŒ à·¨ç ¨Ã§Ô Í¹Ñ àÍ¡ÊÒù¹Ñé Á§‹Ø ¾ÊÔ ¨Ù ¹¤ ÇÒÁ¨Ã§Ô Í¹Ñ à»¹š

¤ÇÒÁà·ç¨
μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤¡Ø äÁ‹à¡Ô¹à¨´ç »‚ áÅлÃѺäÁ‹à¡Ô¹Ë¹Öè§áʹÊÕËè Á¹è× ºÒ·
ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Áմѧ¹éÕ
๑. เปนเจาพนกั งาน
๒. มหี นา ทีท่ าํ เอกสาร รับเอกสารหรอื กรอกขอความลงในเอกสาร
๓. กระทําการดงั ตอ ไปนี้ ในการปฏิบตั กิ ารตามหนา ที่
(๑) รับรองเปนหลกั ฐานวา ตนไดก ระทําการอยางใดข้ึน หรือวา การอยางใด

ไดก ระทาํ ตอ หนาตนอนั เปนความเทจ็
(๒) รบั รองเปนหลักฐานวา ไดม กี ารแจงขอความอนั มิไดม ีการแจง
(๓) ละเวนไมจดขอความซ่ึงตนมีหนาที่ตองรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลง

ขอความเชน วานัน้ หรอื
(๔) รับรองเปนหลักฐานซึ่งขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริง

อันเปน ความเท็จ
๔. เจตนา
คํา͸ԺÒÂ
໹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ การทาํ เอกสาร รบั เอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสาร หรอื รบั รอง

เอกสารอนั เปน เทจ็ ตามมาตราน้ี ผูกระทาํ จะตอ งมีฐานะเปนเจาพนกั งาน
ÁËÕ ¹ÒŒ ·ทÕè าํ àÍ¡ÊÒÃ ÃºÑ àÍ¡ÊÒÃËÃ×Í¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒà เจา พนักงานซึ่งจะ

กระทาํ ผดิ ตามมาตราน้ี ตองเปน เจา พนักงานซง่ึ มหี นา ทีอ่ ยางหนึ่งอยา งใด คือ ทาํ เอกสาร รบั เอกสาร
หรอื กรอกขอ ความลงในเอกสาร

๑๗๙

(๑) หนา ทท่ี าํ เอกสาร หมายความวา ทาํ เอกสารขน้ึ ทงั้ ฉบบั แสดงขอ ความใหเ หน็ วา
เปน เอกสารของตน เชน ทาํ บนั ทกึ ความเหน็ เสนอผบู งั คบั บญั ชา หรอื อาจทาํ เพยี งบางสว นของเอกสาร
ก็ได เชน บนั ทึกตอทา ยลงในหนังสอื ท่มี าถงึ หรอื อาจจะเพยี งลงช่ือในเอกสารที่มีผทู าํ มาแลวกไ็ ด

®Õ¡Ò·Õè ôùðð/òõòø ป. เจา ของเดิมไดย กทด่ี นิ พิพาทใหเ ปน ทสี่ าธารณะไปแลว
กอ นจะตกเปน กรรมสทิ ธข์ิ องโจทก การท่จี ําเลยท่ี ๓ นายอาํ เภอทอ งท่ี รวมกบั จําเลยที่ ๑ กาํ นันและ
จาํ เลยที่ ๒ อดตี กาํ นนั ทาํ เอกสารบนั ทกึ ถอ ยคาํ ให ป. ลงลายมอื ชอื่ แสดงวา ป. ยกทดี่ นิ ของตนใหเ ปน
ท่ีสาธารณะ แมเปนการทําบันทึกภายหลัง เม่ือที่ดินแปลงนั้นตกเปนกรรมสิทธิ์ของโจทกผูรับโอน
แลว กต็ าม การกระทาํ นนั้ กเ็ พอ่ื ยนื ยนั ความจรงิ ที่ ป. ไดอ ทุ ศิ ทด่ี นิ ใหเ ปน ทส่ี าธารณะแกท างราชการไวใ ห
ปรากฏเปน หลกั ฐานอกี ชน้ั หนง่ึ จงึ หาเปน ความเทจ็ ไม ทงั้ ไมท าํ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกโ จทก เพราะทดี่ นิ
สวนน้ันไดตกเปนที่สาธารณะไปแลวกอนโจทกจะจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธ์ิท่ีดินมา จําเลยท้ังสาม
จึงไมมีความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗, ๑๖๒

(๒) หนา ทรี่ บั เอกสาร หมายถงึ การรบั เอกสารทม่ี ผี อู น่ื นาํ มาสง หรอื นาํ มายนื่ แกต น
เพอื่ ตนจะไดดําเนินการตอ ไป หรอื เสนอใหเ จาพนักงานอ่นื ดําเนนิ การ

(๓) หนาที่กรอกขอความลงในเอกสาร หมายถึง กรอกขอความ รายการหรือ
รายละเอียดลงในแบบพิมพสมดุ บัญชี หรอื ทะเบียนตา งๆ

แตถึงแมจะเปนเจาพนักงาน ถาไมมีหนาท่ีกระทําการอยางหนึ่งอยางใดดังกลาว
ก็ไมผ ิดตามมาตราน้ี

®Õ¡Ò·Õè ñð÷ô/òõóò จําเลยไดรับคําส่ังแตงตั้งใหมีอํานาจหนาที่ปฏิบัติงาน
ดานธรุ การ ไมมีอาํ นาจหนาทีเ่ กี่ยวกับงานทะเบียนราษฎรและงานบัตรประจําตัวประชาชน เม่ือโจทก
ฟอ งและนาํ สบื วา จาํ เลยกระทาํ มชิ อบเกยี่ วกบั งานดา นทะเบยี นราษฎรแ ละงานบตั รประจาํ ตวั ประชาชน
ตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๘, ๑๕๗ และ ๑๖๒ จําเลยจงึ ไมอ าจกระทําความผดิ ตามบทกฎหมายมาตรา
ดงั กลาวได

¡ÃÐทาํ ¡Òô§Ñ μÍ‹ 仹éÕ ã¹¡Òû¯ºÔ μÑ ¡Ô ÒÃμÒÁ˹Ҍ ·Õè หมายความวา การกระทาํ ทจ่ี ะ
เปนความผิดตามมาตราน้ี ตองเปนการกระทําในการปฏิบัติหนาที่ของเจาพนักงานผูนั้น ถามิใชการ
ปฏบิ ัติการตามหนาท่แี ตเ ปนเร่อื งสวนตวั ยอ มไมผิด การกระทาํ อนั เปน ความผิด ไดแ ก

(๑) รับรองเปนหลักฐานวา ตนไดกระทําการอยางใดขึ้น หรือวาการอยางใดได
กระทําตอหนาตนอนั เปนความเท็จ คือ ทําเปน หนังสือรบั รองวาตนไดทําการอยางใดข้นึ แมความจรงิ
จะมไิ ดก ระทาํ การนนั้ เชน ทาํ หนงั สอื รบั รองวา ไดต รวจงานแลว ทงั้ ทคี่ วามจรงิ ยงั มไิ ดต รวจ จดบนั ทกึ วา
ไดทําการสอบสวน ก. แลวความจริงยังมิไดสอบสวน ก. เลย รับรองวานักโทษท่ีจะไดรับอภัยโทษ
ตองขังอยู แตความจริงหลบหนีไปแลว พนักงานปาไม ไมไดตรวจสอบไม แตรับรองวาไมถูกตอง
ลงลายมอื ชื่อใหผ านได

๑๘๐

®¡Õ Ò·Õè ñññö-ñññø/òõñ÷ จาํ เลยเปน เจา พนกั งาน มหี นา ทเ่ี ปน กรรมการตรวจรบั
รถยนตซ่ึงเทศบาลซื้อไดลงช่ือในใบตรวจรับพัสดุซ่ึงมีขอความวาคณะกรรมการไดตรวจรับรถยนต
แลวเห็นวามีปริมาณและคุณภาพถูกตองครบถวน ทั้งราคาก็เปนไปตามราคาในทองตลาดและได
สงมอบใหแกเจาหนาท่ีแผนกชางรับไวเปนการถูกตองแลว ซึ่งความจริงไมมีการกระทําดังกลาวเลย
เพราะผขู ายยงั ไมไ ดน าํ รถยนตม าสง มอบ การทจ่ี าํ เลยยงั ไมไ ดต รวจรบั และสง มอบ แตล งชอ่ื รบั รองเปน
หลกั ฐานวา ไดก ระทาํ การดงั กลา ว จงึ เปน การรบั รองเทจ็ อนั เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๑) และ
การทจ่ี าํ เลยรบั รองเปน หลกั ฐานวา รถยนตท ตี่ รวจรบั มอบนม้ี ปี รมิ าณคณุ ภาพถกู ตอ งครบถว น ทงั้ ราคา
ก็เปนไปตามราคาในทองตลาดและไดสงมอบใหแกเจาหนาที่แผนกชางรับไวเปนการถูกตองแลวน้ัน
เปนการรับรองเปน หลักฐานซง่ึ ขอเท็จจริงอนั เอกสารนน้ั มุงพิสจู นความจริงอันเปนเทจ็ ดงั ท่บี ัญญัติไว
ในมาตรา ๑๖๒(๔) ดว ย แมก ารรบั รองเปน หลกั ฐานเชน นี้ จาํ เลยจะกระทาํ ไปโดยไมท จุ รติ ไมเ กดิ ความ
เสยี หาย ก็เปนความผดิ ตามมาตราดังกลา ว

®¡Õ Ò·Õè ôóùò-ôóùó/òõóñ จาํ เลยเปน เจา พนกั งานทดี่ นิ ไมอ อกไปตรวจสอบ
ไมใ นทดี่ นิ น.ส.๓ เปน การละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยทจุ รติ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ซง่ึ ตอ เนอื่ งกบั การที่
จําเลยลงลายมือช่ือในบันทึกการตรวจสอบไมรับรองวาตนไดไปตรวจสอบแลว อันเปนความเท็จ
ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒(๑) โดยจําเลยมเี จตนา เพือ่ แสวงหาประโยชนท ่มี ิควรไดโ ดยชอบดว ยกฎหมาย
ในคราวเดียวกัน ดังนี้เปนกรรมเดียวผิดตอกฎหมายหลายบท ตองลงโทษตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗
อนั เปน กฎหมายบททมี่ โี ทษทหี่ นักที่สดุ ตาม ป.อ.มาตรา ๙๐

การทําหนังสือรับรองเท็จนี้ ถารับรองวาการใดไดทําตอหนาตน ความจริงมิไดทํา
ตอหนาตน กผ็ ิดเหมือนกนั เชน เจาพนักงานลงช่อื รับรองวา คูส มรสไดจ ดทะเบยี นสมรสตอหนาตน
หรือสามีภริยาไดจดทะเบียนหยาตอหนาตน ซึ่งเปนความเท็จ เพราะจริงๆ แลวการจดทะเบียนมิได
ทาํ ตอหนา ตน

(๒) รบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดม กี ารแจง ซงึ่ ขอ ความอนั มไิ ดม กี ารแจง หมายความวา
ความจรงิ มไิ ดม กี ารแจง ขอ ความนนั้ เลย แตเ จา พนกั งานรบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดม กี ารแจง ขอ ความนน้ั
เชน พลตํารวจมหี นา ทจ่ี ดคาํ ใหก ารผขู อหนงั สอื เดนิ ทาง แตจ ดคาํ ใหก ารเปน เทจ็ โดยผใู หถ อ ยคาํ มไิ ดม า
ใหถอ ยคํา ผิดตามมาตรา ๑๖๒(๑) และ (๒)

®Õ¡Ò·èÕ öñøõ/òõóñ จําเลยไดรับแตงต้ังใหเปนผูชวยนายทะเบียนทองถ่ิน
มีอํานาจหนา ทเี่ กี่ยวกบั การรับแจง การยายเขา ไดก รอกขอ ความเพ่มิ ช่อื ศ. ลงในสําเนาทะเบยี นบา น
ฉบบั เจา บา นโดยไมม ใี บแจง การยา ยออกถอื ไดว า จาํ เลยเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบ แตเ มอื่
การเพิ่มเติมทะเบียนบานดังกลาว จําเลยมิไดกระทําเพื่อใหเกิดความเสียหายแกผูหนึ่งผูใด ทั้งไมได
ความวาจําเลยกระทําไปโดยทุจริต การกระทําของจําเลยจึงไมเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗
แตก ารทจ่ี าํ เลยเพ่มิ ช่ือ ศ. ลงในสําเนาทะเบยี นบานดังกลาว โดยระบุวายายมาจากบา นเลขที่ ๒๐/๑
เขตปอมปราบศัตรูพายและลงช่ือรับรองไว ซ่ึงเปนความเท็จ การกระทําของจําเลยจึงเปนการรับรอง

๑๘๑

เปนหลักฐานวาไดม กี ารแจง ซ่งึ ขอความอนั มิไดม กี ารแจงดังบัญญัตไิ วในมาตรา ๑๖๒(๒) แหง ประมวล
กฎหมายอาญาและการท่ีจําเลยเพ่ิมช่ือ ศ. เขาในทะเบียนบานดังกลาวโดยลงช่ือกํากับไว เปนการ
รับรองขอเท็จจริงในเอกสารน้ันวาเปนความจริงตามที่จําเลยระบุเพ่ิมเติมไว การกระทําของจําเลย
จึงเปนการรับรองเปนหลักฐานซ่ึงขอเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุงพิสูจนความจริงอันเปนเท็จดังบัญญัติไว
ในมาตรา ๑๖๒(๔) แหงประมวลกฎหมายอาญาดวย แมจําเลยจะกระทําไปโดยไมทุจริต และไมเกิด
ความเสยี หาย ก็เปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒(๒) (๔)

(๓) ละเวนไมจดขอความซ่ึงตนมีหนาที่ตองรับจด หรือจดเปล่ียนแปลงขอความ
เชน วา นนั้ หมายความวา มกี ารแจง ใหจ ดขอ ความ แตเ จา พนกั งานไมจ ดหรอื จดเปลยี่ นแปลงขอ ความผดิ ไป
จากทแี่ จง เชน เจา ทกุ ขม าแจง ความตอ ตาํ รวจซง่ึ ตาํ รวจมหี นา ทตี่ อ งจดขอ ความทม่ี าแจง ถา ตาํ รวจไมร บั แจง
ผิดตามขอ นี้

(๔) รับรองเปนหลักฐานซ่ึงขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริงอันเปน
ความเทจ็ หมายความวา รบั รองขอ เทจ็ จรงิ ทแ่ี สดงในเอกสารวา ถกู ตอ งดงั ทเี่ ขยี นไว แตค วามจรงิ ขอ เทจ็ จรงิ
น้ันไมถูกตอง คือ เปนเรื่องเจาพนักงานทําเอกสารเท็จนั่นเอง เชน เจาพนักงานตรวจรับงานวา
ใชวัสดุอุปกรณถูกตองตามสัญญา แตความจริงใชเหล็กไมถูกตอง พนักงานเทศบาลทําคํารับรองวา
ไดต รวจรบั รถยนตไ วถ กู ตอ งแลว แตค วามจรงิ ยงั ไมม รี ถ ครใู หญโ รงเรยี นรฐั บาลออกใบสทุ ธอิ นั เปน เทจ็
ใหน กั เรยี นทสี่ อบไลไ ด ม.ศ.๓ แตอ อกใบสทุ ธใิ หว า จบ ม.ศ.๕ เจา พนกั งานทาํ ใบสาํ คญั เทจ็ วา ไดจ า ยเงนิ
คา ซอมแซมเหมืองฝายไปตามใบสําคัญน้ันแลว เปนความผดิ ตามมาตรา ๑๖๔(๔) นี้

®¡Õ Ò·èÕ ôöôù/òõóó จาํ เลยเปน เจา พนกั งานตาํ แหนง เจา หนา ทก่ี ารเงนิ และบญั ชี
มีหนา ทที่ าํ เอกสาร รบั เอกสาร รบั รองเอกสารแบบใบขอเบิกเงนิ คา เชา บาน เม่ือไดร ับอนุมตั ใิ หม สี ทิ ธิ
เบกิ คา เชา บา นแลว จงึ ลงนามรบั รองเปน หลกั ฐานในเอกสารแบบใบขอเบกิ คา เชา บา นของจาํ เลยเองวา
ตรวจสอบถูกตองแลว ขอจายถูกตามระเบียบเห็นควรอนุมัติ การท่ีจําเลยรับรองตามที่ขออนุมัติและ
ไดรับอนุมัติแลวเชนนี้จะถือวาเปนการรับรองขอความอันเปนเท็จท่ีเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริงมิได
สวนการที่ผูอนุมัติไดอนุมัติไปแลวนั้นจะถูกตองหรือไมเปนเรื่องของการแปลความในกฎหมาย
การแปลความไปในทางใดนัน้ จะถอื วา เปนเทจ็ มไิ ดอีกเชน กนั

à¨μ¹Ò ผกู ระทาํ ตองมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ ในการกระทําการอยา งใดอยา งหน่งึ
ตามทกี่ ฎหมายบัญญัตไิ วน นั้

®Õ¡Ò·èÕ óõ÷ò/òõòù นายอําเภอแตงตั้งปาไมอําเภอและที่ดินอําเภอเปน
กรรมการตรวจสอบการนําไมชนิดอ่ืน นอกจากไมสักและไมยางท่ีนําออกจากปาไมในที่ดินกรรมสิทธ์ิ
เคลอื่ นยา ยไปใชป ระโยชน โดยใหป า ไมอ าํ เภอเปน เลขานกุ ารคณะกรรมการดว ย มไิ ดแ ตง ตง้ั จาํ เลยที่ ๑
และท่ี ๓ เปนกรรมการ แตจําเลยที่ ๑ เปนผูชวยปาไมอําเภอไดลงช่ือในเอกสารในฐานะกรรมการ
และเลขานุการ จําเลยท่ี ๓ ผูชวยพนักงานที่ดินอําเภอลงชื่อในฐานะกรรมการ และนายอําเภอยึดถือเอา
เอกสารนเ้ี ปน หลกั ในการพจิ ารณาออกหนงั สอื รบั รองการนาํ ไมต ลอดมาจาํ เลยที่ ๑ ท่ี ๓ จะอา งวา ลงชอื่

๑๘๒

ไปโดยขาดเจตนากระทาํ ผดิ ไมไ ด สว นจาํ เลยที่ ๒ ซง่ึ เปน ประธานกรรมการ เปน ปลดั อาํ เภอรบั ราชการ
มานาน ยอ มทราบวา งานเกย่ี วกบั ปา ไมม ผี ปู ระสงคแ สวงหาประโยชนอ ยมู าก ตอ งอาศยั การตรวจสอบ
ท่ลี ะเอียดถถี่ ว น การทีจ่ ําเลยที่ ๒ มงี านอ่นื มาก เม่ือลงชอ่ื รบั รองการตรวจสอบ จึงไมเ ปนเหตุใหฟง วา
ไมม เี จตนากระทาํ ผดิ เมอื่ บนั ทกึ การตรวจสอบไมเ ปน เทจ็ จาํ เลยทงั้ สามจงึ มคี วามผดิ ตาม ป.อ.มาตรา
๑๖๒, ๘๓

ÁÒμÃÒ òðô ความผิดฐาน “਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¼ÙŒμŒÍ§¢Ñ§ทําãËŒ¼ÙŒμŒÍ§¢Ñ§
ËÅ´Ø ¾Œ¹¨Ò¡¡ÒäÁØ ¢Ñ§”

ÁÒμÃÒ òðô ผูใดเปนเจาพนักงานมีตําแหนงหนาท่ีควบคุม ดูแลผูตองขัง
ตามอํานาจของศาล ของพนักงานสอบสวนหรือของเจาพนักงานผูมีอํานาจสืบสวนคดีอาญา กระทํา
ดวยประการใด ๆ ใหผูที่อยูในระหวางคุมขังน้ันหลุดพนจากการคุมขังไป ตองระวางโทษจําคุกตั้งแต
หน่งึ ปถ งึ เจด็ ป และปรับตัง้ แตสองหมืน่ บาทถงึ หนึง่ แสนสห่ี มืน่ บาท

ถา ผทู ห่ี ลดุ พน จากการคมุ ขงั ไปนน้ั เปน บคุ คลทตี่ อ งคาํ พพิ ากษาของศาลหนงึ่ ศาลใด
ใหลงโทษประหารชีวิต จาํ คุกตอดชีวิตหรอื จําคกุ ตง้ั แตส บิ หา ปขนึ้ ไป หรือมจี ํานวนตัง้ แตสามคนขึ้นไป
ผกู ระทําตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตส องปถึงสิบป และปรับตง้ั แตส่ีหมนื่ บาทถึงสองแสนบาท

องคประกอบภายนอก
(ñ) à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ÁตÕ าํ á˹§‹ ˹Ҍ ·¤èÕ Çº¤ÁØ ´á٠ż·ÙŒ μèÕ ÍŒ §¤ÁØ ¢§Ñ μÒÁอํา¹Ò¨¢Í§ÈÒÅ
¢Í§¾¹¡Ñ §Ò¹ÊͺÊǹËÃÍ× ¢Í§à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹¼ŒÙÁอÕ าํ ¹Ò¨Ê׺Êǹ¤´ÕÍÒÞÒ
(ò) ¡ÃÐทาํ ´ŒÇ»ÃСÒÃã´æ ãËÁŒ Õ¡ÒÃËÅØ´¾¹Œ ¨Ò¡¡Òö١¤ÁØ ¢§Ñ
(ó) «Ö§è ¼·ÙŒ ÕÍè ÂÙã‹ ¹ÃÐËÇÒ‹ §¤ØÁ¢Ñ§
องคป ระกอบภายใน
à¨μ¹Ò¸ÃÃÁ´Ò
เหตฉุ กรรจต ามวรรคสอง ¼·ÙŒ ËèÕ Å´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡ÒäÁØ ¢§Ñ 仹¹Ñé ໹š º¤Ø ¤Å·μèÕ ÍŒ §คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ
¢Í§ÈÒÅ˹§Öè ÈÒÅã´ãˌŧâ·É
(¡) »ÃÐËÒêÇÕ μÔ ËÃÍ×
(¢) จาํ ¤¡Ø μÅÍ´ªÇÕ Ôμ ËÃÍ×
(¤) จํา¤¡Ø μÑé§áμÊ‹ Ժˌһ‚¢Öé¹ä» ËÃÍ×
(§) ÁÕจาํ ¹Ç¹μé§Ñ áμ‹ÊÒÁ¤¹¢¹Öé ä»
ÁÒμÃÒ òðõ ความผดิ ฐาน “à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼¤ÙŒ Ǻ¤ÁØ ¼μÙŒ ÍŒ §¢§Ñ ทําã˼Œ μŒÙ ÍŒ §¢§Ñ ËÅ´Ø ¾¹Œ
¨Ò¡¡ÒäÁØ ¢§Ñ â´Â»ÃÐÁÒ·”
ÁÒμÃÒ òðõ ถา การกระทาํ ดงั กลา วในมาตรา ๒๐๔ เปนการกระทาํ โดยประมาท
ผกู ระทําตอ งระวางโทษจําคกุ ไมเกนิ สองป หรอื ปรับไมเกนิ ส่หี มื่นบาท หรือทัง้ จําทั้งปรบั

๑๘๓

ถาผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังไปดวยการกระทําโดยประมาทน้ัน เปนบุคคลท่ีตอง
คําพิพากษาของศาลหนงึ่ ศาลใดใหล งโทษประหารชวี ติ จาํ คุกตลอดชวี ติ หรอื จาํ คกุ ต้ังแตส ิบหาปข ึ้นไป
หรอื มจี าํ นวนตง้ั แตส ามคนขน้ึ ไป ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สามป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หกหมนื่ บาท
หรอื ทง้ั จําท้ังปรบั

ถาผูกระทําผิดจัดใหไดตัวผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังคืนมาภายในสามเดือนใหงด
การลงโทษแกผกู ระทาํ ความผดิ นน้ั

องคป ระกอบภายนอก (เหมือนมาตรา ๒๐๔)
องคป ระกอบภายใน
»ÃÐÁÒ·
เหตุฉกรรจตามวรรคสอง (àËÁÍ× ¹àËμ©Ø ¡ÃÃ¨μ ÒÁÇÃäÊͧ¢Í§ÁÒμÃÒ òðô)
วรรคสาม àËμ§Ø ´¡ÒÃŧâ·É ¤Í× ¼¡ŒÙ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ¨´Ñ ãËäŒ ´μŒ ÇÑ ¼·ŒÙ ËèÕ Å´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡ÒÃ
¤ÁØ ¢§Ñ ¤×¹ÁÒÀÒÂã¹ÊÒÁà´×͹
¶ÒÁ ตํารวจอยูเวรรักษาการณอยูท่ีสถานีตํารวจไดพาผูตองขังไปเสียจากที่คุมขัง
บนสถานตี าํ รวจ โดยไปเทย่ี วหาความสาํ ราญในตลาด โดยตาํ รวจไปกบั ผตู อ งขงั ดว ย ตาํ รวจผดิ มาตรา ๒๐๔
หรือไม
μͺ แมต าํ รวจจะไปกบั ผตู อ งขงั ดว ย กไ็ มถ อื วา เปน การควบคมุ แตถ อื ไดว า ตาํ รวจได
กระทาํ ใหผ ตู อ งขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั ไปแลว เปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๔ (ฎกี าท่ี ๒/๒๕๐๓ น.๑๑)
¶ÒÁ พนกั งานสอบสวนควบคมุ ผตู อ งหาไวใ นหอ งขงั ทสี่ ถานตี าํ รวจเกนิ ระยะเวลาที่
กฎหมายใหอํานาจในการควบคุมไวได จ.ส.ต.ขาว ซ่ึงทําหนาท่ีเปนสิบเวรสถานีตํารวจนั้นมีหนาที่
ควบคมุ ดแู ลผตู อ งขงั ในหอ งขงั ของสถานตี าํ รวจนนั้ ไดป ลอ ยใหผ ตู อ งหาหลบหนไี ปจะเปน ความผดิ ตาม
มาตรา ๒๐๔ หรือไม
μͺ แมพ นกั งานสอบสวนจะไมไ ดป ฏบิ ตั ติ ามวธิ กี ารทปี่ ระมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา
ความอาญามาตรา ๘๗ กําหนดไว คือ หากตองการควบคุมเกินกําหนดจะตองย่ืนคํารองตอศาล
ขอใหศาลออกหมายขังผูตองหานั้นไว ก็มีผลเพียงใหการควบคุมของพนักงานสอบสวนเปนการผิด
กฎหมาย แตการควบคุมน้ันก็คงเปนการควบคุมตามอํานาจของพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ
ดว ยเหตุนี้ การที่ จ.ส.ต.ขาวผูมีหนา ที่ควบคุมดูแลผูตองขงั ตามอํานาจของพนักงานสอบสวนปลอ ยตัว
ผตู อ งหาไป จงึ เปน การทาํ ใหผ ทู อี่ ยใู นระหวา งคมุ ขงั นนั้ หลดุ พน จากการคมุ ขงั ไป (ฎกี าท่ี ๓๕๙๘/๒๕๓๑
น. ๒๒๖๔)
¢ŒÍÊѧà¡μ (๑) พนักงานสอบสวนผูควบคุมตัวผูตองหาเกินกําหนดมีความผิดตาม
มาตรา ๑๕๗ หากเปน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบเพอ่ื ใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ ตู อ งหา และนอกจากนนั้
ยงั ผดิ ฐานหนว งเหนย่ี วกกั ขงั ผอู นื่ ตามมาตรา ๓๑๐ (หากเจตนา) หรอื มาตรา ๓๑๑ (หากประมาท) ดว ย
(๒) การควบคมุ ของพนกั งานสอบสวนดงั กลา ว เปน การผดิ กฎหมาย แตใ นแงข อง
¼ÙŒμŒÍ§ËÒ การหลบหนีจากที่คุมขังไประหวางท่ีถูกควบคุมอยูโดยผิดกฎหมายนั้น อาจไมเปนความผิด

๑๘๔

ตามมาตรา ๑๙๐ (ฎกี าที่ ๑๐๐๘/๒๔๙๙ น.๘๖๔ และฎกี าที่ ๒๒๔๓/๒๕๓๑ ฎ.ส.ล. ๙, น. ๗๐) ดจุ เดยี ว
กบั กรณที ตี่ าํ รวจจบั โดยไมช อบ เชน ไมม หี มายจบั ในกรณที ต่ี อ งมหี มายจบั ซง่ึ ถอื วา เปน การกระทําโดย
ไมมีอาํ นาจ ผูถูกจับไมจําตองยอมรับการกระทําอันปราศจากอาํ นาจของเจาพนักงาน การตอสูหรือ
ขัดขวางกไ็ มผดิ มาตรา ๑๓๘

(๓) อยา งไรกต็ าม การควบคมุ โดยไมช อบดว ยกฎหมายนนั้ มองในแงข องเจา พนกั งาน
ก็ยังตองถือวา การควบคุมน้ันก็ยังคงเปนการควบคุมตามอํานาจของพนักงานฝายปกครอง
หรอื ตํารวจอยนู น่ั เอง แมจ ะเปน อํานาจโดยมชิ อบกต็ าม ã¹á§¢‹ ͧà¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ หากปลอ ยผถู กู คมุ ขงั ไป
ก็เปนความผดิ ตามมาตรา ๒๐๔ ได๒ ๑

(๔) หากเจาพนักงานผูปลอย รูวาผูถูกปลอยตองคําพิพากษาของศาลหน่ึงศาลใด
ลงโทษตามท่ีระบไุ วในวรรคสอง เจาพนกั งานกผ็ ดิ มาตรา ๒๐๔ วรรคสอง

(๕) หากปลอ ยผูถูกคมุ ขังสามคนขน้ึ ไปกผ็ ดิ มาตรา ๒๐๔ วรรคสอง เชน กัน
¶ÒÁ เจาหนาท่ีราชทัณฑอยูเวรควบคุมผูตองขังซึ่งออกมารักษาตัวท่ีโรงพยาบาล
แตมิไดปฏิบัติตามระเบียบของกรมราชทัณฑ ที่ใหลามโซผูตองขังไวกับเตียงในตอนกลางคืน และ
ยงั นง่ั หลบั อยทู รี่ ะเบยี ง นอกหอ งคมุ ขงั ดว ย เปน เหตใุ หผ ตู อ งขงั หลบหนไี ปจะผดิ มาตรา ๒๐๕ วรรคแรก
หรือไม
μͺ ถอื วา เปน การกระทาํ โดยประมาท ตามมาตรา ๕๙ วรรคสี่ และเปน เหตใุ หผ ถู กู
คุมขังหลดุ พน จากการคมุ ขัง จึงมีความผิดตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก (ฎกี าที่ ๑๓/๒๕๒๕ น. ๑๘๕)
หากโจทกฟ อ งเจา หนา ทรี่ าชทณั ฑด งั กลา ว วา กระทาํ ผดิ โดยเจตนา แตท างพจิ ารณา
ของศาลไดค วามวา กระทาํ โดยประมาท และจาํ เลยมไิ ดหลงตอ สู ศาลลงโทษจําเลยตามมาตรา ๒๐๕
ไดต ามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคสาม (ฎกี าที่ ๑๓/๒๕๒๕ น. ๑๘๕)
¶ÒÁ หากเจาหนาที่ราชทัณฑพานักโทษไปนอกเรือนจําและปลอยตัวนักโทษไป
โดยนกั โทษไมไดมเี จตนาจะหลบหนีดวย เจาหนาที่จะมคี วามผดิ ตามมาตรา ๒๐๔ หรือไม
μͺ เจา หนา ทรี่ าชทณั ฑผ ดิ มาตรา ๒๐๔ แมน กั โทษไมม เี จตนาหลบหนดี ว ยกต็ าม
¶ÒÁ หากเจา พนกั งานกระทําโดยประมาทเปน เหตใุ หผ ตู อ งคมุ ขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั
ตอมาผูตองคุมขังกลับมาเอง หรือเจาพนักงานอื่นจับตัวกลับมา เจาพนักงานที่กระทําโดยประมาท
จะไดรบั การยกเวนโทษตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสามหรอื ไม
μͺ มาตรา ๒๐๕ วรรคสาม ตอ งเปน กรณี ผทู ก่ี ระทําความผดิ โดยประมาทเปน เหตุ
ใหผ ูถกู คุมขงั หลุดพน จากการคุมขัง “¨´Ñ ãËŒä´μŒ ÇÑ ” ผูท่หี ลดุ พน จากการคมุ ขงั กลับมาภายในสามเดอื น
หากผถู กู คุมขงั กลับมาเอง หรอื เจาพนกั งานอื่นจบั มา กไ็ มเ ขา กรณีมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม

๒๑ ดหู มายเหตุทา ยคาํ พิพากษาฎีกาท่ี ๓๕๙๘/๒๕๓๑ โดย ศาสตราจารยจ ติ ติ ติงศภทั ิย

๑๘๕

¢ÍŒ 椄 à¡μ หากเจาพนกั งาน “เจตนา” ทําใหผูถกู คุมขงั หลดุ พนอนั เปนความผดิ ตาม
มาตรา ๒๐๔ แมจ ะจัดใหไดตัวมาภายในสามเดือน กไ็ มใ ชก รณีตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม ซึง่ จะตอ ง
เปน เรอ่ื งทําใหหลดุ พนโดยประมาทตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก เทา นนั้

¶ÒÁ หากเจา พนกั งานประมาททาํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั สามคนหลดุ พน จากการคมุ ขงั ตอ มา
เจาพนกั งานผูนั้นไปจดั การจบั ตวั ผหู ลบหนมี าไดส องคน จะเขากรณีมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม หรอื ไม

μͺ หากกระทาํ โดยประมาทใหห ลดุ พน ไปสามคน อนั เปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕
วรรคสอง ก็จะตองจัดใหไดตัวกลับคืนมาภายใน ๓ เดือน ทั้งสามคน หากจับตัวกลับมาไดสองคน
กไ็ มเ ขากรณมี าตรา ๒๐๕ วรรคสาม หรือจบั มาไดสองคน ภายใน ๓ เดือน แตจ ับคนทีเ่ หลอื คนื มา
ไดเ กิน ๓ เดือน ก็ไมเ ขากรณมี าตรา ๒๐๕ วรรคสาม เชน เดยี วกัน (เทยี บฎีกาที่ ๓๓/๒๔๖๔)

¶ÒÁ กรณตี ามมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม นน้ั เจา พนกั งานผทู ท่ี าํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั หลดุ พน
จะตอ งเปน ผไู ปจับตวั กลบั มาดวยตนเองหรอื ไม

μͺ ไมจําตองไปจับตัวกลับมาเอง เพราะตัวบทใชคําวา “¨Ñ´ãˌ䴌μÑÇ...¤×¹ÁÒ”
ซงึ่ อาจจะจา งใหค นไปจบั มากไ็ ด กลา วคอื ¨Ð¨´Ñ â´ÂÇ¸Ô ãÕ ´¡äç ´Œ (ฎกี าท่ี ๑๑๑๖/๒๕๐๘ น.๑๗๔๑) แตม ใิ ช
วา อยูเ ฉยๆ ไมท าํ อะไรเลย แลว นกั โทษหลบหนกี ลับมาเองหรอื เจาพนกั งานอ่นื จบั มาไดเสยี กอน

¶ÒÁ ถา เจา พนกั งานผทู ที่ าํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั โดยประมาทไปตดิ ตาม
จับตัวผูหลบหนี นักโทษใชอาวุธตอ สู à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹¼¹ŒÙ ¹Ñé ยิงนักโทษตาย จะถือวา ไดต ัวคนื มา หรอื ไม

μͺ นา จะตอ งถอื วา ไดต วั คนื มาดว ย แมจ ะเสยี ชวี ติ กต็ าม ขอ สาํ คญั นา จะอยตู รงทว่ี า
เจาพนักงานผูน้ันขวนขวายนําตัวผูหลบหนีกลับคืนมาหรือไม และในที่สุดไดตัวกลับคืนมาหรือไม
หากไดตัวกลับคืนมาแมจะเสียชีวิตแลว ก็นาจะอนุโลมยกเวนโทษใหเจาพนักงานตามมาตรา ๒๐๕
วรรคสามได (เทียบฎีกาท่ี ๔๓๒/๒๔๗๘)๒๒ การตีความเชนนี้คงไมเปนการสงเสริมใหเจาพนักงาน
ไปยิงทิ้งผหู ลบหนี เพราะหากกระทําเชน น้นั เจา พนักงานกม็ ีความผดิ ฐานฆา คนตายโดยเจตนาอยูแลว
ซึ่งเปนคนละกรณีกับการไดต ัวกลับมา

¶ÒÁ §´Å§â·É หมายความวาอยา งไร
μͺ หากผกู ระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก (ผทู ก่ี ระทาํ โดยประมาทให
ผูตองขังหลุดพนจากการคุมขัง) ยังไมถูกจับกุม แตขวนขวายนําตัวผูที่หลุดพนจากการคุมขังคืนมาได
ภายในสามเดือน นับแตวันที่หลุดพนจากการคุมขัง เชนน้ีก็มีผลเปนการ “ยกเวนโทษ” ใหแก
ผูก ระทําความผิดตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก
หากผกู ระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก ถกู จบั กมุ และถกู ดาํ เนนิ คดแี ละถกู
ลงโทษแลว แตในระหวางน้ันขวนขวายนําตัวผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังกลับคืนมาไดภายในสามเดือน
กม็ ผี ลเปน การงดการลงโทษ ซงึ่ หมายความวา ลงโทษแลว เทา ใดกใ็ หง ดไมล งโทษอกี ตอ ไป หากยงั ไมถ กู
ลงโทษ เชน อยูระหวางดาํ เนินคดใี นชน้ั สอบสวน หรือในช้นั ฟอ งรอง หากนําตวั กลับคนื มาไดภายใน
กาํ หนด การดาํ เนนิ คดีตา งๆ ก็ตองยุติลงเพราะลงโทษไมไ ดแลว๒๓

๒๒ จติ ติ ติงศภัทยิ , กฎหมายอาญา ภาค ๒ ตอน ๑, น.๔๕๑ หวั ขอ ๗๕๖
๒๓ จติ ติ ติงศภัทิย. กฎหมายอาญา ภาค ๒ ตอน ๑, น.๔๕๐ หัวขอ ๗๕๖

๑๘๖

®Õ¡Ò·èÕ ñññö/òõðø น.๑๗๔๑ วนิ จิ ฉยั วา มาตรา ๒๐๕ วรรคทาย เปนเรือ่ งใหง ด
การลงโทษผูกระทําผิด (ผูที่กระทําโดยประมาทใหผูตองขังหลุดพนจากการคุมขัง) ในเมื่อผูกระทําผิด
สามารถจดั ใหไ ดต วั ผทู หี่ ลดุ พน กลบั คนื มาภายใน ๓ เดอื น ¨Ð¨´Ñ â´ÂÇ¸Ô ãÕ ´¡äç ´Œ แตก Á็ äÔ ´ËŒ ÁÒ¤ÇÒÁวา
จะตอ งใหโ อกาสผกู ระทาํ ผดิ ไปตดิ ตามผทู หี่ ลดุ พน จากการคมุ ขงั เสยี กอ น จงึ จะสอบสวนฟอ งรอ งลงโทษ
ผกู ระทําผดิ ได

ÅíÒ´ºÑ àÃÍè× § μÒÃÒ§ÊÃ»Ø ·ŒÒº·àÃÕ¹ ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ
บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ฎกี า ๑๕๑๙/๒๕๐๐
¤íÒ͸ԺÒ ฎกี า ๑๗๓๕/๒๕๐๖
- ความผดิ ตอเจาพนกั งาน ฎกี า ๒๒๔๖/๒๕๑๕
¤ÇÒÁ¼´Ô à¡èÂÕ Ç¡ºÑ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ม.๑๓๖ ฎีกา ๓๑๖/๒๕๑๗
ñ. ´ËÙ ÁÔè¹à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ ฎีกา ๑๕๔๑/๒๕๒๒
มาตรา ๑๓๖ ผใู ดดหู มนิ่ เจา พนกั งาน ซงึ่ กระทาํ การ ฎีกา ๔๑๕/๒๕๒๘
ตามหนา ที่ หรอื เพราะไดก ระทาํ การ ตามหนา ทตี่ อ งระวางโทษ
จําคุกไมเกินหนึ่งป หรือปรับไมเกินสองพันบาท ฎีกา ๑๑๒๔/๒๕๐๗
หรอื ทั้งจาํ ทง้ั ปรับ ฎกี า ๒๑๔๑/๒๕๓๒
ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มดี ังนี้ ฎกี า ๑๓๘/๒๕๑๕
๑. ดูหมิ่น
๒. เจาพนักงานซ่ึงกระทําการตามหนาท่ี หรือ
เพราะไดก ระทาํ ตามหนาที่
๓. เจตนา
ò. ᨧŒ ¤ÇÒÁà·ç¨μ‹Íà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹
มาตรา ๑๓๗ ผูใดแจงขอความอันเปนเท็จแก ม.๑๓๗
เจาพนักงาน ซึ่งอาจทําใหผูอื่นหรือประชาชนเสียหาย
ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหกเดือน หรือปรับไมเกิน
หน่งึ หม่นื บาท หรอื ทั้งจาํ ทั้งปรบั
มาตรานเี้ ปน เรอ่ื งการแจง ความเทจ็ ตอ เจา พนกั งาน
เปนการแจงเท็จในเรื่องทั่วๆ ไป ไมวาจะเก่ียวกับเร่ือง
ทางแพง อาญา ครอบครัว ที่ดิน หรือเร่ืองเกี่ยวกับวินัย
ขา ราชการ เชน แจง กบั เจา หนา ทว่ี า เปน โสด ทงั้ ทแี่ ตง งานแลว
เพ่ือจดทะเบียนสมรสใหม หรือแจงวาคูสมรสเปนคนไทย
แตค วามจรงิ เปน คนตา งดา วเพอื่ รบั โอนทดี่ นิ เปน ตน มาตราน้ี
จงึ เปนบททว่ั ไป การแจง ขอ ความเทจ็ ยงั เปนความผิดตาม
บทเฉพาะอกี ได เชน ถา เกยี่ วกบั คดอี าญากผ็ ดิ ตามมาตรา ๑๗๒
หรือมาตรา ๑๗๓ ฟอ งคดอี าญาอนั เปน เท็จ เบกิ ความเท็จ
ทําหลักฐานเท็จ นําสืบพยานเท็จ หรือแมแตการบอก
ช่อื เท็จเหลานี้ กฎหมายบญั ญตั ิใหเ ปน ความผดิ โดยเฉพาะ
ซ่ึงศาลฎีกาถือวาเม่ือการแจงขอความเท็จน้ันผิดตามบท
เฉพาะแลว กไ็ มผ ิดตามบททั่วไปคอื มาตรา ๑๓๗ อีก ๑๘๗

ÅíҴѺ àÃ×èͧ ¤íÒ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·àÕè ¡ÂÕè Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๑๘๘
บทท่ี ๗ ความผดิ เกี่ยวกับการปกครอง ฎีกา ๒๑๘๖/๒๕๑๘
ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มีดงั น้ี ฎีกา ๒๓๓๕/๒๕๑๘
- ความผดิ ตอเจา พนกั งาน ๑. แจง ขอความอันเปนเทจ็ ฎกี า ๕๒/๒๕๒๓
๒. แกเจาพนกั งาน ฎีกา ๑๙๕๔/๒๕๔๖
๓. ซงึ่ อาจทาํ ใหผูอ่นื หรอื ประชาชนเสยี หาย
๔. เจตนา

ó. μÍ‹ ÊÙŒ¢Ñ´¢ÇÒ§à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹
มาตรา ๑๓๘ ผใู ดตอสู หรอื ขัดขวางเจาพนักงาน ม.๑๓๘

หรือผูซึ่งตองชวยเจาพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติ
ตามหนาที่ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหน่ึงปหรือปรับ
ไมเกนิ สองพันบาท หรอื ทง้ั จําทงั้ ปรับ

ถา การตอสูหรอื ขัดขวางนนั้ ไดก ระทําโดยใชก ําลงั
ประทุษราย หรือขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย ผูกระทํา
ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สองป หรอื ปรบั ไมเ กนิ สพี่ นั บาท
หรอื ทัง้ จาํ ทั้งปรบั

วรรคแรกของมาตรานี้บญั ญัติการกระทําอันถือวา
เปน ความผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งานหรอื ผซู งึ่ ตอ งชว ย
เจาพนักงาน สวนวรรคทายเปนเหตทุ ที่ ําใหร บั โทษหนักขน้ึ

ความผิดตามวรรคแรก มีองคประกอบของ
ความผดิ ดังน้ี

๑. ตอสูห รอื ขดั ขวาง
๒. เจา พนกั งานหรอื ผซู ง่ึ ตอ งชว ยเจา พนกั งานตาม
กฎหมายในการปฏบิ ตั กิ ารตามหนาท่ี
๓. เจตนา
สําหรับวรรคทาย เปนลักษณะฉกรรจของการ
กระทําความผิดในวรรคแรก กลาวคือ ถาการตอสูหรือ
ขดั ขวางนนั้ ไดกระทาํ โดยใชกาํ ลังประทุษรา ย หรอื ขูเ ขญ็ วา
จะใชกาํ ลงั ประทุษรา ยกต็ อ งรับโทษหนกั ขนึ้

ÅíÒ´ºÑ àÃÍè× § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ
บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง
ô. ¢‹Á¢¹× ã¨à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ม.๑๓๙
- ความผิดตอ เจา พนักงาน มาตรา ๑๓๙ ผใู ด ขม ขนื ใจเจา พนกั งานใหป ฏบิ ตั กิ าร
อนั มชิ อบดว ยหนา ทห่ี รอื ใหล ะเวน การปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ท่ี
โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย
ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สป่ี  หรอื ปรบั ไมเ กนิ แปดหมน่ื บาท
หรือทง้ั จําท้งั ปรบั
ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มดี งั น้ี
๑. ขม ขนื ใจ โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา
จะใชก าํ ลังประทุษรา ย
๒. เจา พนกั งาน
๓. ใหป ฏบิ ตั กิ ารอนั มชิ อบดว ยหนา ที่ หรอื ใหล ะเวน
การปฏบิ ตั ิการตามหนาที่
๔. เจตนา
¤Òí ͸ԺÒÂ
μÍ‹ ÊŒËÙ ÃÍ× ¢Ñ´¢ÇÒ§
ตอ สู ในท่ีน้หี มายถงึ การกระทาํ ใดๆ อันเปนการ
ขดั ขนื หรอื โตแ ยง อาํ นาจของเจา พนกั งาน แตไ มถ งึ กบั ลงไม
ลงมอื กบั เจา พนกั งาน เชน ตาํ รวจเขา จบั กมุ กส็ ะบดั หรอื ดน้ิ
ไมยอมใหจับแตไมชกหรือทํารายตํารวจ การตอสูจะตอง
ไมถึงกับทํารายหรือใชกําลังประทุษราย เพราะถาใชกําลัง
ประทษุ รา ยกเ็ ปน ความผดิ ตามวรรคทา ยไป แตต อ งเปน การ
กระทาํ ทแี่ สดงออกมาไมใ ชน ง่ิ เฉยๆ เชน ตาํ รวจจบั กมุ จะพาไป
สถานีตํารวจแตไมย อมไปนง่ั เฉยหรอื นอนเสีย ตาํ รวจตอง
ยกใสร ถไป อยา งนไี้ มใ ชก ารตอ สู เพราะมไิ ดก ระทาํ การใดๆ
อันเปน การขดั ขืนอํานาจของตาํ รวจ

๑๘๙

ÅíҴѺ àÃÍè× § ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÕèÂǢ͌ § ËÁÒÂàËμØ ๑๙๐
บทท่ี ๗ ความผดิ เกยี่ วกบั การปกครอง ฎกี า ๔๒๓/๒๕๒๒
ขัดขวาง หมายถึง การกระทําทกี่ อ ใหเ กดิ อุปสรรค
- ความผิดตอเจา พนกั งาน หรอื ความยากลาํ บากในการปฏบิ ตั หิ นา ทขี่ องเจา พนกั งาน
แตไมถึงกับขัดขืนไมใหบรรลุผลเสียทีเดียวเพียงทําให
การปฏิบัติหนาที่ของเจาพนักงานลําบากขึ้น เชน ตํารวจ
ไลจับ พอตนเองวิ่งขามสะพานไปแลว ก็ดึงไมกระดาน
ทอดสะพานออกไมใหตํารวจขาม หรือยิงปนขึ้นฟาขู
มใิ หไ ลจ บั กมุ ตอ ไป ถอื เปน การขดั ขวางเจา หนา ท่ี การขดั ขวาง
น้ีอาจเปนการกระทําของผูอ่ืนท่ีสอดแทรกเขามาก็ได
เชน ตํารวจไลจับแดง เขียวก้ันกลางมิใหตํารวจจับแดงได
หรอื เขียวดึงสะพานออกไมใหตาํ รวจขาม เปนตน

õ. àÃÂÕ ¡·ÃÑ¾ÂÊ¹Ô à¾Íè× ¨§Ù ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹
มาตรา ๑๔๓ ผใู ดเรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ ม.๑๔๓

หรือประโยชนอ่ืนใดสําหรับตนเองหรือผูอื่น เปนการ
ตอบแทนในการทจี่ ะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจเจา พนกั งาน สมาชกิ
สภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิก
สภาเทศบาลโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย หรือโดย
อิทธิพลของตนใหกระทําการ หรือไมกระทําการในหนาที่
อันเปนคุณหรือเปนโทษแกบุคคลใดตองระวางโทษจําคุก
ไมเ กนิ หา ป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หนงึ่ แสนบาท หรอื ทง้ั จาํ ทง้ั ปรบั

มาตรานเี้ ปน ตวั อยา งหนงึ่ แสดงวา กฎหมายไมถ อื วา
สมาชกิ สภานิตบิ ญั ญัติแหงรฐั สมาชกิ สภาจังหวดั สมาชกิ
สภาเทศบาล มฐี านะเปน เจาพนกั งาน เพราะหากสมาชิก
เหลานี้เปนเจาพนักงานดวยแลว กฎหมายก็ใชแตคําวา
เจาพนักงาน คําเดียวก็พอ ไมจําเปนตองแยกบัญญัติถึง
สมาชิกเหลาน้ีไวตางหากอีก ความผิดตามมาตรานี้เปน
ความผดิ ทบี่ คุ คลทวั่ ไปกระทาํ มใิ ชเ จา พนกั งานกระทาํ เพราะ
กฎหมายใชคําวา “ผูใด”

ÅÒí ´Ñº àÃèÍ× § ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·àèÕ ¡ÕÂè Ǣ͌ § ËÁÒÂàËμØ
บทที่ ๗ ความผดิ เก่ยี วกบั การปกครอง ฎีกา ๒๒๒๑/๒๕๑๙
ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มีดังนี้ ฎีกา ๔๓๕/๒๕๒๑
- ความผิดตอเจา พนักงาน ๑. เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชน ฎีกา ๓๗๐๐/๒๕๒๙
อ่ืนใด
ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ๒. สําหรับตนเองหรือผูอืน่
- ความผิดตอ เจาพนักงาน ๓. เปน การตอบแทนในการทจี่ ะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจ
เจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิก
สภาเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภา
จงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล
๔. โดยวธิ อี นั ทจุ รติ หรอื ผดิ กฎหมายหรอื โดยอทิ ธพิ ล
ของตน
อันเปนค๕ณุ . หใรหือกเปรนะโททําษกแากรบหุครคือลไใมดกระทําการในหนาที่
๖. เจตนา

ö. ãËŒÊÔ¹º¹à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ๑๙๑
หรอื ประมโยาตชนราอ ๑น่ื ๔ใด๔แกผเใู จดาใพหนขกัองใาหนห รสอื มราบั ชวกิ า สจภะาใหนทติ บิรพั ญั ยญส นิตั ิ ม.๑๔๔
แเพหอื่ งจรงู ัฐใจใสหมก าระชทิกาํ สกภาารจไมังหก รวะัดทหาํ กรือารสหมราอื ชปิกระสวภงิ ากเาทรกศรบะาทลาํ
อนั มชิ อบดว ยหนา ที่ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หา ป หรอื
ปรบั ไมเ กินหน่ึงแสนบาท หรือทง้ั จาํ ท้ังปรบั

มาตราน้ีเปนเร่ืองบุคคลในฐานะราษฎรใหสินบน
เจา พนกั งาน ตา งกบั มาตรา ๑๔๒ ซง่ึ เปน กรณบี คุ คลธรรมดา
เรียกทรพั ยสินจากบุคคลธรรมดาดวยกนั

ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มีดงั น้ี
๑. ให ขอให หรือรับวาจะให ทรัพยสินหรือ
ประโยชนอ ื่นใด
๒. แกเ จา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั
สมาชกิ ส๓ภ.าจเังจหตวนัดาหรือสมาชกิ สภาเทศบาล
ประวงิ ก๔า.รกเรพะื่อทจําอูงใันจมใหิชอกรบะดทว ํายกหานราทไมี่ กระทําการ หรือ

ÅÒí ´Ñº àÃè×ͧ ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·Õèà¡èÂÕ Ç¢ÍŒ § ËÁÒÂàËμØ ๑๙๒
บทท่ี ๗ ความผิดเกีย่ วกบั การปกครอง
÷. ¡ÒÃáÊ´§μ¹áÅСÃзíÒ¡ÒÃ໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹
- ความผิดตอเจา พนักงาน มาตรา ๑๔๕ ผใู ดแสดงตนเปนเจาพนกั งาน และ ม.๑๔๕

ก ร ะ ทํ า ก า ร เ ป  น เ จ  า พ นั ก ง า น โ ด ย ต น เ อ ง มิ ไ ด  เ ป  น
เจาพนักงานท่ีมีอํานาจกระทําการน้ัน ตองระวางโทษ
จําคุกไมเกินหนึ่งปหรือปรับไมเกินสองหมื่นบาท หรือ
ท้ังจําทง้ั ปรับ

เจาพนักงานผูใดไดรับคําสั่งมิใหปฏิบัติการตาม
ตาํ แหนง หนา ทต่ี อ ไปแลว ยงั ฝา ฝน กระทาํ การใดๆ ในตาํ แหนง
หนา ทนี่ นั้ ตอ งระวางโทษตามทกี่ าํ หนดไวใ นวรรคแรกดจุ กนั

มาตรานี้บัญญัติการกระทําอันเปนความผิด ๒
ความผิด คือ วรรคแรกบัญญัติลกั ษณะการกระทาํ อันเปน
ความผิดฐานแสดงตนและกระทําการเปนเจาพนักงาน
วรรคทา ยเปน กรณที เี่ จา พนกั งานไดร บั คาํ สง่ั มใิ หป ฏบิ ตั กิ าร
ในตาํ แหนง แลว ยงั ฝาฝน คําส่งั อกี

ความผิดตามวรรคแรก มีองคประกอบของ
ความผิดดังน้ี

๑. แสดงตนเปน เจา พนกั งาน และกระทาํ การเปน
เจาพนกั งาน

๒. โดยตนเองมิไดเปนเจาพนักงานท่ีมีอํานาจ
กระทํานัน้

๓. เจตนา

ÅíÒ´ºÑ àÃÍè× § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·Õàè ¡ÂèÕ Ç¢ÍŒ § ËÁÒÂàËμØ
บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ฎกี า ๘๙๙/๒๔๙๘
ø. á싧à¤ÃèÍ× §áººâ´ÂäÁ‹ÁÊÕ Ô·¸Ô ฎกี า ๖๗๐/๒๕๒๑
- ความผิดตอ เจา พนกั งาน มาตรา ๑๔๖ ผใู ดไมม สี ทิ ธทิ จ่ี ะสวมเครอ่ื งแบบ หรอื ม.๑๔๖ ฎีกา ๑๒๒๗/๒๔๗๙

ประดบั เครอื่ งหมายของเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั ิ
แหง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาลหรอื ไมม ี
สทิ ธใิ ชย ศ ตาํ แหนง เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ หรอื สงิ่ ทห่ี มายถงึ
เครื่องราชอิสริยาภรณ กระทําการเชนนี้เพื่อใหบุคคลอื่น
เชอ่ื วา ตนมสี ทิ ธติ อ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หนงึ่ ปห รอื ปรบั
ไมเกินสองหม่ืนบาท หรอื ทัง้ จาํ ทง้ั ปรบั

มาตรานมี้ คี วามผดิ ๒ ฐานความผดิ ดวยกนั คอื
ฐานแรกแตงเครื่องแบบโดยไมมีสิทธิและฐานที่สองใหยศ
ตําแหนง เคร่ืองราชอิสริยาภรณโดยไมมีสิทธิ ซ่ึงจะแยก
อธบิ ายแตละฐานความผิดไป

¤ÇÒÁ¼Ô´áá ÁÕͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´
ดงั น้ี

๑. สวมเครอื่ งแบบหรอื ประดบั เครอื่ งหมายของ
เจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิก
สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล

๒. โดยไมมีสิทธิ
๓. เจตนา
๔. เพื่อใหบคุ คลอื่นเช่อื วา ตนมสี ทิ ธิ

๑๙๓

ÅÒí ´ºÑ àÃèÍ× § ¤íÒ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·àèÕ ¡èÕÂÇ¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๑๙๔
บทที่ ๗ ความผิดเกีย่ วกบั การปกครอง ฎกี า ๒๒๘/๒๕๓๔
¤ÇÒÁ¼Ô´μÍ‹ μÒí á˹§‹ ˹Ҍ ·ÕèÃÒª¡Òà ฎีกา ๙๕๘/๒๕๓๔
- ความผิดตอตําแหนง หนา ทีร่ าชการ ñ. à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹Â¡Ñ ÂÍ¡
มาตรา ๑๔๗ ผใู ดเปน เจาพนกั งาน มีหนาทซ่ี ้อื ทํา ม.๑๔๗

จัดการ หรอื รักษาทรัพยใ ด เบียดบังทรพั ยนั้นเปน ของตน
หรือเปนของผูอ่ืนโดยทุจริต หรือโดยทุจริต ยอมให
ผูอื่นเอาทรัพยน้ันเสีย ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหาป
ถงึ ยสี่ บิ ป หรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ติ และปรบั ตง้ั แตห นงึ่ แสนบาท
ถึงสแี่ สนบาท

ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มีดงั น้ี
๑. เปน เจาพนกั งาน
๒. มีหนาที่ซอื้ ทาํ จดั การ หรอื รกั ษาทรพั ยใ ด
๓. เบยี ดบงั เอาทรพั ยส นิ นน้ั เปน ของตน หรอื เปน
ของผอู ่ืนหรือยอมใหผูอ ืน่ เอาทรพั ยนนั้ เสยี
๔. เจตนา
๕. โดยทจุ รติ

ÅíÒ´ºÑ àÃÍ×è § ¤Òí ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·Õàè ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ
บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกบั การปกครอง ฎีกา ๓๘๖๑/๒๕๒๘
ò. ãªÍŒ íÒ¹Ò¨ã¹μÒí á˹§‹ ¢‹Á¢×¹ã¨àÍÒ·ÃѾ ฎกี า ๓๖๗๙/๒๕๒๙
- ความผดิ ตอตําแหนงหนา ท่ีราชการ มาตรา ๑๔๘ “ผูใดเปนเจาพนักงานใชอํานาจ ม.๑๔๘

ในตําแหนงโดยมิชอบ ขมขืนใจหรือจูงใจเพื่อใหบุคคลใด
มอบให หรือหามาใหซึ่งทรัพยสินหรือประโยชนอ่ืนใดแก
ตนเองหรือผูอ่ืนตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหาปถึงยี่สิบป
หรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ติ และปรบั ตง้ั แตห นง่ึ แสนบาทถงึ สแ่ี สนบาท
หรือประหารชวี ิต”

ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มดี งั น้ี
๑. เปน เจาพนักงาน
๒. ใชอาํ นาจในตําแหนง โดยมิชอบ
๓. ขมขืนใจหรอื จงู ใจผูอน่ื
๔. เจตนา
๕. เพอ่ื ใหบ คุ คลใดมอบใหห รอื หามาใหซ งึ่ ทรพั ยส นิ
หรอื ประโยชนอ นื่ ใดสําหรับตนเองหรอื ผอู น่ื
͸ԺÒÂ
เปน เจา พนกั งาน เจา พนกั งานมคี วามหมายอยา งไรนนั้
ไดอ ธบิ ายไวโดยละเอยี ดแลว ฉะนน้ั สาํ หรับองคประกอบ
ขอ น้ีจะไมก ลาวซา้ํ อกี
ใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบ เจาพนักงาน
กย็ อ มมตี าํ แหนง ตา งๆ แลว แตก ฎหมายจะกาํ หนดเรยี กชอ่ื
ตําแหนงน้ันๆ เชน ผูใหญบาน กํานัน ปลัดอําเภอ
นายอาํ เภอ ศกึ ษาธกิ าร หัวหนาฝา ย หวั หนา กอง เปน ตน

๑๙๕


Click to View FlipBook Version