The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการสอน VID115 CRAFT DESIGN-เล่มจริง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by da.suchitra, 2021-11-17 21:20:25

เอกสารประกอบการสอน VID115 CRAFT DESIGN-เล่มจริง

เอกสารประกอบการสอน VID115 CRAFT DESIGN-เล่มจริง

บทที่ 2
ศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคเหนือ

ในการศึกษาศิลปหัตถกรรมไทยพื้นบ้านนั้น นวลลออ ทินานนท์ (2544) กล่าวว่า สิ่งที่ควรให้
ความสำคัญในการศึกษา คือ

1. ด้านปัจจัยสภาพแวดล้อม ได้แก่ การศึกษาด้านประวัติศาสตร์ท้องถิ่น สภาพภูมิศาสตร์
ทรัพยากรธรรมชาติ สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมประจำทอ้ งถ่นิ คติความเช่อื

2. ด้านชิ้นงานตัวผลิตภัณฑ์หัตถกรรมโดยตรง ได้แก่ ด้านความมุ่งหมายของการสร้างชิ้นงาน
แหล่งต้นกำเนิดและแหล่งผลิตชิ้นงาน ด้านวัสดุและเครื่องมือในการผลิต กระบวนการสร้างงาน ลักษณะทาง
กายภาพของชิ้นงานที่ประกอบด้วยด้านรูปร่าง รูปทรง ขนาด ลวดลาย และโครงสร้างหรือด้านองค์ประกอบ
ศลิ ป์ของชน้ิ งาน

เพราะฉะนั้นเนื้อหาการเรยี นศลิ ปหัตถกรรมไทยในแตล่ ะภาคตามเอกสารประกอบการสอนเล่มนี้
ผ้สู อนจึงกำหนดหัวขอ้ ในการเรยี นการสอนเกี่ยวกับศลิ ปหัตถกรรมในแต่ละภาคได้ ดงั นี้

1. กำเนดิ งานหัตถกรรมไทยภาคเหนอื

1.1 ปจั จัยท่เี กีย่ วข้องในการผลิตผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคเหนือ ประกอบดว้ ยด้านตา่ ง ๆ
ดังนี้

-การศึกษาดา้ นประวัติศาสตร์ทอ้ งถิ่น
“ล้านนา” เป็นชอ่ื กลมุ่ บ้านเมืองท่ีมคี วามสัมพันธ์กนั ท้ังในทางการเมือง เช้อื ชาติ ศาสนา
ประเพณีและวัฒนธรรมซึ่งมีการปกครองเป็นแคว้นอิสระอยู่บริเวณภาคเหนือตอนบนครอบคลุมพื้นท่ี ดินแดน
บางส่วนของประเทศพม่า จีน และลาวในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19 โดยมีเมืองเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการ
ปกครอง และมคี วามเจริญรุ่งเรืองมากทส่ี ุดในช่วงพทุ ธศตวรรษที่ 20-21 และได้เส่อื มสลายลงและตกอยู่ภายใต้
อิทธิพลของพม่าในช่วงพุทธศตวรรษที่ 22 จนถึงพุทธศตวรรษที่ 24 จึงได้ตกเป็นเมืองขึ้นต่อกรุงรัตนโกสินทร์
ในพุทธศตวรรษที่ 25 ล้านนาได้ถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสยาม จะเห็นได้ว่าจากประวัติศาสตร์อัน
ยาวนานของล้านนา ไดห้ ลอ่ หลอมทำให้ผูค้ นในพนื้ ทภ่ี มู ิภาคนีม้ ีแบบแผนทางศิลปวัฒนธรรม ประเพณีตา่ ง ๆ ท่ี
มีความเป็นของตัวของตนเองมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างไปจากผู้คนในภาคอื่น ๆ อาณาจักรล้านนาเกิดขึ้นโดย
พญามังราย ซึ่งถือได้ว่าเป็นปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรล้านนา ผู้รวบรวมหัวเมืองแคว้นต่างๆเข้าไว้เป็น
อาณาจกั รเดียวกนั อาณาจักรลา้ นนาประกอบไปดว้ ยแคว้นสำคญั ต่าง ๆ ดังน้ี
-แคว้นหริภุญไชย เป็นกลุ่มบ้านเมืองที่ตั้งอยูใ่ นเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำปิงกับที่ราบลุ่มแม่นำ้ วัง มี
เมืองหริภุญไชยเป็นศูนย์กลางแคว้นซึ่งเป็นจังหวัดลำพูนในปัจจุบัน มีการพบหลักฐานของเมืองโบราณที่ อยู่
รอบ ๆ แคว้นหริภุญไชยอิกหลายแห่ง เช่น เวียงมโน (อยู่ในเขตตำบล หนองตองอำเภอหางดง) เวียงท่ากาน
(อยู่ไนเขตตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง) เวียงเถาะ (บ้านสองแคว อำเภอจอมทอง) และพบโบราณวัตถุ
แบบหรภิ ุญไชย อกี หลายแห่งในแถบท่รี าบเชิงดอยสุเทพ ทถี่ ้ำฤาษี วัดดอยคำ บริเวณกลางปา่ เขตตำบลสันโป่ง

30

อำเภอแม่ริม และที่เวียงกุมกาม เขตอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ แสดงให้เหน็ ว่า แคว้นหรภิ ุญไชยเป็นแคว้น
ท่ใี หญ่และมีความเจริญในยุคนนั้

-แคว้นโยนก เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มของแม่น้ำกก แม่น้ำลาว แม่น้ำสาย และ
แมน่ ำ้ โขง หรอื เรยี กกนั ว่าท่ีราบลุ่มเชียงราย ซ่งึ เป็นทร่ี าบลุ่มทีใ่ หญแ่ ละอดุ มสมบูรณ์มาก มรี ่องรอยมนษุ ย์อาศัย
อยู่มาตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ และมีร่องรอยของคูน้ำคันดินที่เป็นลักษณะของชุมชนโบราณกระจายอยู่
โดยทัว่ ไป ถงึ 105 แห่ง

-แคว้นพะเยา เป็นเมืองสำคัญตั้งอยู่ที่ราบปลายภูเขา มีเรียกว่าภูกามยาว แคว้นพะเยาอาจ
เป็นส่วนหนึ่งของแควน้ โยนก เพราะมีอาณาเขตเช่ือมต่อกับที่ราบลุ่มเชียงราย และมเี จ้าผคู้ รองเมืองจากแคว้น
โยนกได้ออกมาสร้างเมืองพะเยาขึ้น

-แคว้นน่าน เป็นกลุ่มบ้านเมืองเขตลุ่มแม่น้ำน่าน เดิมเป็นแคว้นอิสระ มีเมืองปัว หรือพลั่ว
หรือวรนครเป็นจุดศูนย์กลาง ซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับเมืองหลวงพระบางและเมืองสุโขทัย
ความสำคัญของแคว้นน่านนา่ จะเป็นเพราะพื้นทร่ี าบลุม่ น้ำสาขาสายเล็ก ๆ ของแมน่ ้ำนา่ นน้นั อุดมไปด้วยแหล่ง
เกลือธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่ต้องการสำหรับมนุษย์ที่อยู่ห่างไกลทะเล ดังได้พบมีบ่อเกลือทั้งที่เลิกผลิตแล้วและ
ยังคงมีการผลิตอยู่หลายแห่งเช่นที่บ้านบ่อหลวง ตำบลบ่อเกลือใต้ อำเภอปัว จังหวัดน่าน รวมทั้งเส้นทางตาม
ลำน้ำยังเป็นเส้นทางการค้า ที่สามารถติดต่อกับกลุ่มบ้านเมืองในแถบลุ่มแม่น้ำโขงและดินแดนในประเทศลาว
ในช่วงพุทธศตวรรษท่ี 19 แควน้ น่านไดถ้ ูกผนวกเข้าไปอยูภ่ ายใต้อิทธิพลของแคว้นพะเยา และในเวลาไม่นานก็
ไดต้ อ่ สจู้ นหลุดพน้ จากอำนาจของเมืองพะเยา ต่อมาอาจจะเนอื่ งจากการขยายตวั ของประชากรมากขึน้ รวมท้ัง
คงมีการติดต่อค้าขายกับดินแดนตอนใต้เช่น แควันสุโขทัยมากขึ้น จึงได้มีการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานลงมาตั้งเมือง
แห่งใหม่ขึ้นใน พ.ศ.1911 ซึ่งก็คือที่ตั้งในจังหวัดน่านในปัจจุบัน ในช่วงเวลาตอนต้นของอาณาจักรล้านนา
แมว้ า่ เมอื งพะเยาจะถูกรวมเข้ากบั อาณาจักรล้านนา แตเ่ มอื งนา่ นยังคงเปน็ แควน้ อสิ ระ และมีความสัมพันธ์กับ
แคว้นสโุ ขทยั อย่างใกล้ชดิ จนกระท่งั ตอนต้น พทุ ธศตวรรษที่ 21 แลว้ แควน้ นา่ นจึงได้ถูกผนวกเข้ามาเป็นส่วน
หน่ึงของอาณาจักรลา้ นนา (สุรพล ดำรหิ ก์ ลุ , 2539)

การกอ่ ต้ังอาณาจักรล้านนาเริ่มในตน้ พทุ ธศตวรรษท่ี 19 และสถาปนานครเชียงใหม่เป็นเมือง
หลวงเม่อื ปี พ.ศ.1839 การศึกษาพัฒนาการของประวัติศาสตร์ล้านนา สามารถแบ่งเปน็ ยุคได้ ดงั น้ี

1. สมัยแว่นแคว้น-นครรัฐ เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาและศิลปวัฒนธรรมมาตั้งแต่พุทธ
ศตรรษที่ 14 มีแควน้ หริภญุ ไชยเปน็ เมืองทเ่ี จริญทส่ี ดุ และประกอบดว้ ยชนเผ่า 2 กลุม่ คอื ลัวะและเม็ง

2. สมัยรัฐอาณาจักร ตรงกับสมัยราชวงศ์มังรายในพุทธศตวรรษที่ 19 ซึ่งในสมัยนี้จะ
ประกอบดว้ ย 3 อาณาจกั รใหญ่ ได้แก่ ลา้ นนา สุโขทัย และอยธุ ยา ซึง่ ไดพ้ ัฒนาจากสมัยแวน่ แคว้น-นครรัฐมาสู่
รฐั แบบอาณาจกั ร โดยมเี ชยี งใหม่เปน็ ศนู ยก์ ลางรฐั แบบอาณาจกั ร

3. สมัยพมา่ ปกครอง ล้านนาตกเป็นเมืองขึ้นพมา่ ตง้ั แตส่ มัยพระเจา้ บุเรงนอง (พ.ศ.2101) ใน
และต่อมาล้านนาจึงตกเป็นเมืองประเทศราชของสยามในสมัยพระเจ้าตากสิน พ.ศ.2317 ล้านนาในสมัยพมา่
ปกครองถือเป็นช่วงเวลาทยี่ าวนานถงึ 216 ปี

31

4. สมยั เปน็ เมืองประเทศราช และรวมเขา้ เปน็ จงั หวัดต่าง ๆ ในประเทศไทย พระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพระเจ้ากาวิละเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่
แทน อิทธิพลของพม่าในล้านนาถือว่าได้สิ้นสุดลงในสงครามขับไล่พม่าในพ.ศ.2347 โดยกองทัพชาวล้านนา
ร่วมกับกองทัพไทยยกไปตีเมืองเชียงแสนที่มั่นของพม่าได้สำเร็จ ผลมาจากการที่ล้านนาเคยอยู่ภายใต้การ
ปกครองของพม่าถึงสองร้อยกว่าปีย่อมมีความใกล้ชิดกับพม่ามาก รัฐบาลกลางที่กรุงเทพฯ เกรงว่าล้านนาจะ
หันกลับไปหาพม่าอีก รัฐบาลกลางจึงปกครองล้านนาด้วยการใช้วิธีการปกครองแบบผูกใจเจ้านายเมืองเหนือ
โดยยอมผ่อนผันให้มีอิสระในการปกครองภายใน เศรษฐกิจ การศาล การต่างประเทศ และขนบธรรมเนียม
ประเพณี จนกระทั่งในที่สุดจึงผนวกเอาล้านนาเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นยุค
แห่งการปรบั ปรุงประเทศตามแบบตะวนั ตก มกี ารยกเลกิ ระบบการปกครองแบบเมืองประเทศราช และจดั ต้ัง
การปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาลขึ้นแทน มีข้าหลวงเทศาภิบาลซึ่งรัฐบาลกรุงเทพฯส่งไปปกครองและข้ึน
สังกัดกระทรวงมหาดไทย ในลักษณะที่ร่วมกันปกครองกับเจ้าเมืองและเจ้านายบุตรหลาน ซึ่งผลจากการ
เปลี่ยนแปลงการปกครองนี้ ตั้งแต่ประมาณ พ.ศ.2530 เป็นต้นมาเมืองเชียงใหม่มีการเติบโตอยา่ งมากในทุก ๆ
ดา้ นรวมถงึ ดา้ นศิลปวัฒนธรรมและงานหัตถกรรมที่มีความหลากหลายผสมผสานหลายลกั ษณะ

ภาพประกอบ 4 ภาพแสดงอาณาเขตล้านนาในปี พ.ศ. 2083
ท่ีมา : วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี. อาณาจักรลา้ นนา. สบื ค้นจาก https://www.wikiwand.com/th

32

-สภาพภูมิศาสตร์ ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่กำหนดลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมให้เกิดความ
แตกต่างกันในแตล่ ะพืน้ ที่ ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์มคี วามสำคัญต่อเอกลกั ษณ์ของแตล่ ะภูมิภาค และเป็นตวั แปร
สำคญั ทจี่ ะกำหนดรากเหงา้ ทางวัฒนธรรมของแตล่ ะภมู ภิ าคได้

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศของภาคเหนือ เปน็ ภเู ขาสูงสลับแนวเทือกเขาและท่ีราบสูงเชิงเขาซ่ึง
มีการทอดตัวแนวเหนือไปใต้ โดยมีภูเขาทีส่ ำคัญ คือ เทือกเขาแดนลาวซึง่ กัน้ ระหวา่ งไทยกบั พม่าโดยมีดอยผา้
ห่มปกเป็นเทอื กเขาทส่ี ูงทส่ี ดุ ตัง้ อยู่ใน อ.แมอ่ าย จ.เชียงใหม่ เทอื กเขาถนนธงชัย ซึ่งเรยี งตวั แนวเหนือไปใต้และ
มีขนาดใหญ่และยาวที่สุดเป็นที่ตั้งของดอยที่มีชื่อเสียงและสูงที่สุดของประเทศไทย คือ ดอยอินทนนท์
อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ถัดจากเทือกเขาดังกล่าว คือ เทือกเขาผีปันน้ำมีดอยลังกาเป็นเทือกเขาที่สูงที่สุด
สุดท้ายคือเทือกเขาหลวงพระบางซึ่งก้ันพรมแดนระหว่างประเทศไทยและลาวและมีดอยโลเป็นยอดเขาสูงสุด
อีกทั้งบริเวณระหว่างเทือกเขามีแม่น้ำไหลผ่านจำนวนมากและยังเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำสำคัญหลายสาย
ไดแ้ ก่ แม่น้ำเจา้ พระยา แมน่ ำ้ โขง เป็นต้น โดยแม่น้ำสำคัญของภาคเหนือ ประกอบดว้ ย แม่น้ำ ปิง วงั ยม น่าน
องิ เมย ยวม และปาย ภาคเหนอื แบง่ พน้ื ทอี่ อกเปน็

1. ภาคเหนอื ตอนบน ประกอบด้วยจงั หวดั เชยี งใหม่ เชียงราย แมฮ่ อ่ งสอน ลาํ พนู ลาํ ปาง
พะเยา แพร่ และนา่ น รวม 8 จงั หวดั มีพื้นที่รวม 54.1 ล้านไร่ หรือประมาณรอ้ ยละ 51 ของพน้ื ทีภ่ าคเหนอื

2. ภาคเหนือตอนล่าง ประกอบด้วย จังหวัดพิษณุโลก อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก
กําแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และอุทัยธานีรวม 9 จังหวัด โดยมีพื้นที่รวม 51.9 ล้านไร่ ซึ่ง
ประมาณร้อยละ 49 ของพ้ืนท่ีภาคเหนือเป็นที่ราบลุ่มของแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน สะแกกรัง และป่าสัก ซึ่งเป็น
แหล่งทําการเกษตรที่สําคญั

ภาพประกอบ 5 ภาพแสดงภมู ิประเทศภาคเหนือ
ท่ีมา : อุทยานธรณี ประเทศไทย. (2013). ภาคเหนอื . สืบค้นจาก http://www.dmr.go.th/ThailandGeopark/.html

33

-ลักษณะภูมิอากาศของภาคเหนือขึ้นอยู่กับอิทธิพลของลมมรสุมที่พัดประจําฤดูกาล 2
ชนิด คือ ลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ ซึ่งพัดพามวลอากาศเย็นและแห่งจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทย
ในช่วงฤดูหนาว ทําให้ภาคเหนืออากาศหนาวเย็นและแห้ง กบั ลมมรสุมตะวนั ตกเฉยี งใต้ซ่ึงพดั พามวลอากาศชื้น
จากทะเลและมหาสมุทรปกคลมุ ประเทศไทยในช่วงฤดูฝนทาํ ให้ภาคเหนือมฝี นตกทัว่ ไป

-ทรัพยากรธรรมชาติของภาคเหนือ ส่วนมากเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของ
ทรัพยากรธรรมชาติและมีความหลากหลายทางชีวภาพ อีกทั้งยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมของกลุ่ ม
ชาติพันธุ์ที่เชื่อมโยงสู่ประเทศเพื่อนบ้าน จากสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศประกอบกับการมีทรัพยากรดิน
ปา่ ไม้ นำ้ ทอี่ ดุ มสมบรู ณ์ทำให้มีศกั ยภาพในการผลิตสนิ ค้าเกษตรแบบก่ึงหนาวมากกว่าภาคอื่น ๆ การทำเกษตร
ส่วนมาก คือ การปลูกข้าว ข้าวโพด ผักเมืองหนาว ผลไม้ ภาคเหนือเป็นภูมิภาคที่มีความหลากหลายของ
ทรัพยากรธรรมชาติเป็นแหล่งต้นน้ำที่สําคัญของแม่น้ำเจ้าพระยา ทรัพยากรธรรมชาติภาคเหนือที่สําคัญ คือ
ทรพั ยากรน้ำและแหล่งน้ำ ทรัพยากรดนิ และป่าไม้ และทรัพยากรแร่ ไดแ้ ก่ ลกิ ไนต์ สงั กะสี ดินขาว ยิปซั่ม หิน
ออ่ น ทองคาํ และปโิ ตรเลยี ม (สาํ นกั งานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, 2557)

-วฒั นธรรมประจำทอ้ งถ่นิ และสภาพทางสังคม
วัฒนธรรมคนเมือง หรือ คนล้านนาเป็นวิถีชีวิตของชาวไทยภาคเหนือที่เป็นวัฒนธรรม
ประจำท้องถิ่น ซึ่งส่วนมากเป็นการดำเนินชีวิตแบบเกษตรกร การแสดงความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์โดยผ่าน
ภาษา วรรณกรรม ดนตรี และงานฝีมือ การนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์และวิญญาณของบรรพบุรุษที่เรียกว่า ผี ความ
เสื่อมใสในพระพุทธศาสนาแบบเถรวาท การใช้ภาษาคำเมืองที่มีคำพูดจาอ่อนหวาน การฟ้อนเล็บที่อ่อนช้อย
งดงาม การกินอาหารโดยจัดแบบขันโตกที่เป็นวัฒนธรรมการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง (จรูญ แดนนาเลิศ,
2562)
วัฒนธรรมภาคเหนือมีลักษณะที่หลากหลาย สามารถแบ่งออกได้ตามสภาพภูมิศาสตร์
เชน่ กลมุ่ จงั หวดั พษิ ณโุ ลก พจิ ิตร สุโขทัย กำแพงเพชร เปน็ กลุ่มจงั หวดั ภาคเหนือตอนล่างท่ีวัฒนธรรมคล้ายกับ
ภาคกลาง จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีวัฒนธรรมที่มีลักษณะเป็นกลุ่มไทยใหญ่ผสมกับพม่า จังหวัดเพชรบูรณ์มี
ลักษณะโน้มไปทางภาคอีสาน ส่วนที่เป็นกลุ่มวัฒนธรรมภาคเหนือจริงๆ คือ จังหวัดลำปาง ลำพูน เชียงใหม่
เชียงราย พะเยา กลมุ่ จงั หวดั ดงั กลา่ วนเ้ี รียกวา่ คนเมอื งหรือไทยยวนซง่ึ หมายถงึ โยนก
ชาวเหนือส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่ ทำนา เพราะบริโภคข้าวเหนียวจึงปลูกข้าวเหนียวกัน
เป็นส่วนใหญ่ ข้าวพันธุ์ที่มีชื่อเสียง คือ ข้าวสันป่าตอง และยังปลูกพืชไร่อื่นๆ เช่น หอม กระเทียม ถั่ว ยาสูบ
เป็นต้น อาชีพการเกษตรอื่น ๆ เช่น การทำสวนก็เป็นที่นิยมกัน เช่น สวนลำไย ลิ้นจี่ คนล้านนาทั้งหญิงและ
ชายนยิ มสบู บหุ รีท่ ี่มวนด้วยใบตองกลว้ ย มวนหน่งึ ขนาดเท่านิ้วมือและยาวเกือบคืบ เรียกบุหร่ีชนิดนี้ว่า “ขี้โย”
ท่นี ิยมสูบเน่ืองมาจากอากาศหนาวเย็น การสบู บหุ ร่จี ะทำให้ร่างกายอบอุ่นข้ึน และชาวเหนอื ยังประกอบอาชีพ
หัตถกรรมในครัวเรือน เช่น ผู้หญิงจะทอผ้าเมื่อเสร็จจากการทำนา นอกจากนั้นยังมีการแกะสลัก การทำ
เครื่องเงิน เคร่ืองเขิน และการทำเครื่องเหล็ก ฯลฯ ซึ่งจะพบงานหัตถกรรมพื้นถิ่นประเภทต่าง ๆ ตามหมู่บ้าน
ทัว่ ไปในภาคเหนอื (อัญชญั ฉมิ มาฉยุ , 2562)
-คติความเช่ือ

34

ชาวไทยภาคเหนือส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตแบบเกษตรกร การนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์และวิญญาณ
ของบรรพบุรุษท่ีเรียกวา่ ผี มคี วามเสื่อมใสในพระพุทธศาสนาแบบเถรวาท และการแสดงความรู้สึกนึกคิดและ
อารมณ์โดยผ่านภาษา วรรณกรรม ดนตรี และ งานฝีมือ ชาวเหนือมีความศรัทธาต่อพุทธศาสนา คำพูดคำจา
อ่อนหวานดว้ ยภาษาคำเมือง กิริยาออ่ นช้อยงดงาม เช่น การฟ้อนเลบ็ หรือการแสดงท่ีคึกคกั เขม้ แข็ง น่าต่นื ตา
เช่นการตีกลองสะบัดชัย ส่วนด้านสถาปัตยกรรมแบบ ล้านนา มีเอกลักษณ์ กาแล ที่หลังคาเรือนไทย การจัด
อาหารเป็นชุดแบบขนั โตก ยังคงเปน็ วฒั นธรรมทอ้ งถ่นิ สำคัญผสมผสานกับการต้อนรับ ซง่ึ แสดงถงึ ลกั ษณะนิสัย
ในการผูกมิตรผู้มาเยือน ผู้คนยิ้มแย้ม คติความเชื่อทางภาคเหนือที่เชื่อมโยงชีวิตกับสิ่งแวดล้อมไว้มาจากเรื่อง
ตา่ ง ๆ ดงั นี้

1. ความเชื่อเกี่ยวกับต้นกำเนิดของมนุษย์และชนชาติ ส่วนใหญ่มาจากนิทาน ตำนาน
ปรมั ปราต่าง ๆ เชน่ นิทานปรัมปราเร่ืองมนุษย์เกิดจากนำ้ เต้า นิทานปรมั ปราที่ให้ความสำคัญกับกำเนิดมนุษย์
คู่แรก “ป่แู สงสียา่ แสงไส”้ และนทิ านปรัมปราทีม่ พี ลังเหนือธรรมชาติเป็นผูส้ รา้ ง”พญาแถน” เป็นต้น

2. ความเชื่อเกี่ยวกับอำนาจความสมบูรณ์ โดยเฉพาะพิธีขอฝนจึงขุดพบกลองกบ และ
สญั ลักษณร์ ปู อวยั วะเพศชายและหญงิ ซง่ึ ล้วนเป็นสัญลักษณท์ างความเชอ่ื ที่แสดงถึงความอุดมสมบรู ณ์

3. ความเชื่อเกี่ยวกับการนับถือผี ชาวล้านนาเชื่อว่า “ผี”เป็นตัวแทนอำนาจเหนือ
ธรรมชาติที่มีอิทธิพลต่อชีวิตโดยเชื่อว่าสถานที่แทบทุกแห่งมีผีให้ความคุ้มครองรักษาอยู่ ความเชื่อ นี้จึงมี
อิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันเห็นได้จากขนบธรรมเนียม ประเพณี และพิธีกรรมต่าง ๆ การนับถือผีมี
ความสมั พันธ์กับการนับถอื บรรพบุรุษ เชน่ ผีคำ้ ผอี ารกั ษ์ ผีเจ้าปา่ เจา้ เขา

4. ความเชื่อเกี่ยวกับขวัญ ซึ่งเชื่อว่าทุกสิ่งทกุ อย่างทั้งคน สัตว์ พืช สิ่งของต่าง ๆ ล้วนมี
ขวัญเป็นพลังชีวิต เป็นแก่นชีวิต ขวัญมีความสำคัญต่อระบบคดิ และระบบความเชื่อเป็นอย่างมากจึงก่อให้เกดิ
พิธกี รรมตา่ ง ๆ ท่ีจะทำใหข้ วัญอยูก่ บั ตัวตลอดไปเหน็ ได้จากการท่ีกลมุ่ คนไทมีพิธกี รรมที่เกย่ี วข้องกบั ขวัญในทุก
ช่วงของชวี ิตตั้งแตเ่ กิดจนตาย

จรูญ แดนนาเลศิ . (2562) สรปุ ไวว้ า่ ความเชอ่ื ของคนลา้ นนามาจากความเชื่อ
ตา่ ง ๆ ดังน้ี

1. ความเชื่อทางพุทธศาสนา มีพื้นฐานมาจากไสยศาสตร์และศาสนาพราหมณ์ เช่น
ความเชื่อเร่อื งกฎแหง่ กรรม ความเชื่อในเรือ่ งบุพเพสันนิวาส ความเชื่อเรื่องอานิสงส์ผลบญุ

2. ความเชื่อทางไสยศาสตร์ การใช้ไสยศาสตร์ ความนิยมไสยศาสตร์ของคนล้านนาไทย
มอี ยู่เปน็ อนั มาก ท้งั ท่ีปรากฏในวรรณกรรมและความเปน็ อยู่ของชาวบ้าน การใช้เวทมนตร์คาถาคนล้านนาไทย
ในสมัยโบราณมีความเชื่อเรื่องคาถาอาคมอันเป็นส่วนหนึ่งของไสยศาสตร์ปรากฏในวรรณกรรมหลายเรื่อง
ความเชื่อต่อสิ่งที่มีอำนาจลึกลับเหนือมนุษย์ธรรมดา เช่น การบนบานสารกล่าว การอ้อนวอนขอพรจากสิ่ง
ศักดิส์ ิทธ์มิ อี ยูเ่ สมอ

3. ความเชื่อทางโหราศาสตร์ ในวิถีของชาวล้านนาไทยคนสว่ นมากเชื่อโหราศาสตร์ เชื่อ
การทำนายทายทักวา่ อนาคตของตนจะเป็นอย่างไร เช่น ความเชอื่ ในเรื่องฤกษ์ยาม ความเช่ือในเรื่องโชคชะตา
ความเชือ่ เรอ่ื งความฝัน

35

จากคติความเชื่อพื้นฐานเหล่านี้จึงก่อให้เกิดพิธีกรรม ประเพณีทางภาคเหนือต่าง ๆ
มากมายและทำให้เกิดผลงานหัตถกรรมต่าง ๆ หลายผลงานอีกด้วย เช่น ประเพณีบูชาอินทขิล ประเพณีสืบ
ชะตา ประเพณีปอยนอ้ ย เปน็ ตน้

ภาพประกอบ 6 ภาพแสดงการเลย้ี งผปี ู่แสะยา่ แสะ ตามคตคิ วามเชอื่ ทางภาคเหนอื
ทมี่ า : สำนกั สง่ เสรมิ ศิลปวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. (2562). ศาสนาและความเชื่อของชาวลา้ นนา.

สบื คน้ จาก https://art-culture.cmu.ac.th/Lanna/articleDetail/857

2. ภูมปิ ญั ญาในการสรา้ งสรรคง์ าน

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้ความหมายว่า “ภูมิปัญญา”หมายถึง พ้ืน
ฐานความรู้ความสามารถ ซ่ึงนักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายดังนี้ “ภูมิปัญญาท้องถิ่น” เกิดจากการ
สะสมการเรยี นรู้มาเป็นระยะเวลายาวนานมีลักษณะเช่ือมโยงกันไปหมดทุกสาขาวิชาไมแ่ ยกเป็นวิชาแบบท่เี รา
เรยี นผสมกลมกลนื เชื่อมโยงกันหมด (ราชบัณฑิตยสถาน, 2542).

สามารถ จนั ทรส์ ูรย์ (2542) กลา่ ววา่ ภูมิปญั ญาชาวบ้าน หมายถึง ทุกส่ิงทกุ อยา่ งทช่ี าวบ้านคิดได้
เอง ที่นำมาใช้ในการแก้ไขปัญหา เป็นสติปัญญา เป็นองค์ความรู้ทั้งหมด ภูมิปัญญาชาวบ้านทั้งกว้าง ทั้งลึกท่ี
ชาวบ้านสามารถคดิ เองทำเองโดยอาศยั ศักยภาพท่มี ีอยู่แกป้ ญั หาการดำเนินชีวติ ในท้องถนิ่ อยา่ งสมสมัย

รัชพงศ์ จารุสนิ ธพุ งศ์ (2560) กล่าวว่า ภูมิปัญญาเปน็ เรื่องของการสบื ทอดประสบการณ์จากอดีต
ถึงปัจจุบันอย่างต่อเนือ่ งและไมข่ าดสายเป็นธรรมชาติของชาวบา้ นที่เชื่อมโยงประวัติศาสตรส์ ืบต่อกนั มา เป็น
ลักษณะของความสัมพันธ์ภายในของชาวบ้านเอง ภูมิปัญญาจึงนับเป็นความคิดทางสังคม (Social Thought)
ท่สี ำคญั อย่างหน่ึง ทัง้ ในลกั ษณะท่ีเป็นนามธรรมดว้ ยการเป็นปรชั ญาแนวทางในการดำเนินชีวติ และรูปธรรมที่
เป็นเรื่องเฉพาะด้าน เช่น การทำมาหากิน ศิลปะ ดนตรีหัตถกรรมและสิ่งอื่นๆ สังคมที่มีการดำรงอยู่มา อย่าง
ยาวนานยอ่ มจะต้องมีภูมิปัญญาดว้ ยกันทุกสังคม ซง่ึ ระบบดังกลา่ วจะประกอบดว้ ยลักษณะสำคัญ 4 ประการ คือ

-ความรู้และระบบ
-ความรู้การสงั่ สมและการเขา้ ถงึ ความรู้

36

-การถ่ายทอดความรู้และระบบความรู้
-การสรา้ งสรรค์ และปรบั ปรุงภูมิปัญญาความรู้
นอกจากนี้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกิดจากการสั่งสมระบบความรู้ของชาวบ้านจะสะท้อนออกมาใน
ลักษณะความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดในหลายรูปแบบ ได้แก่ ความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างคนกับโลก
สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติสตั ว์และพืช ความสัมพันธ์กับคนอืน่ ๆ ที่ร่วมกันอยู่ในสังคมหรอื ในชุมชน ความสัมพันธ์
กับสงิ่ ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิเหนือธรรมชาติและสิ่งท่ีไม่สามารถสมั ผัสได้ เปน็ ต้น
ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการสร้างสรรค์งานหัตถกรรมภาคเหนือหรือผลงานหัตถกรรมภูมิปัญญา
ล้านนานั้น บางประเภทได้รับอิทธิพลจากพม่าซึ่งต่อมาช่างเชียงใหม่ก็ได้พัฒนารูปแบบและลวดลายงาน
ศิลปหัตถกรรมจนเกิดเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นกลายเป็นงานศิลปะแบบล้านนา งานหัตถกรรมของเมือง
เชียงใหม่ที่สําคัญ ได้แก่ งานแกะสลักไม้ งานจักสาน เครื่องปั้นดินเผา เครื่องเขิน เครื่องเงิน กระดาษสา และ
ผ้าทอ ทัศนัย ดํารงหัด และรัฐไท พรเจริญ (2558) อ้างว่า งานหัตถกรรมภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่นที่สามารถสะท้อน
ถงึ เอกลักษณ์ลา้ นนา ไดแ้ ก่
1. การทํารม่ (บ้านบอ่ สร้าง)
2. การแกะสลัก (บา้ นถวาย)
3. การทำเคร่อื งเงนิ (บา้ นววั ลาย)
4. กระดาษสา (บ้านตน้ เปา สนั กาํ แพง)
5. การทำเคร่อื งเขนิ (บา้ นนนั ทราม)
6. การทำเครอ่ื งปน้ั ดินเผาศิลาดล (บ้านศลิ าดล)

ภาพประกอบ 7 ภาพแสดงเครื่องจกั สานพื้นบา้ นในภาคเหนือ
ทมี่ า : Chiang Mai City of Crafts and Folk Art. (2019). เครื่องจกั สาน.
สบื คน้ จาก http://demo.serverext.com/crafts/bamboo-weaving/

37

2.1 การสรา้ งสรรคผ์ ลงานจากภูมิปญั ญา
ในการออกแบบผลติ ภัณฑ์ดว้ ยแรงบนั ดาลใจจากภูมปิ ญั ญาไทยน้นั สามารถทำการศึกษา

ได้ทั้งทางรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจนพื้นผิวและวัสดุ และ
นามธรรม (Intangible) ซึ่งได้แก่ ความซาบซึ้งในเรื่องราว คุณค่าและความหมาย จิตวิญญาณที่แฝงอยู่ในภูมิ
ปัญญา ปรัชญาแนวคิด การแก้ปัญญาเชิงความคิดและเชิงช่างอาจจัดรวบรวมอยู่ในลักษณะของผังภาพแสดง
อารมณ์ (Mood board) ก็ได้ (อรัญ วานิชกร, 2555) โดยขั้นตอนของการสร้างสรรค์ผลงานจากภมู ิปัญญา มี
ดงั นี้

1. การรวบรวมแรงบนั ดาลใจดว้ ยการจัดทำผังภาพแสดงอารมณ์
2. การร่างภาพเพื่อศึกษาลักษณะของรูปทรงจากมุมมองต่าง ๆ (Study &Sketch) ซึ่ง
ข้นั ตอนน้ถี อื เป็นการมงุ่ เนน้ การศกึ ษาด้านรปู ธรรมของผลิตภัณฑ์ (Tangible) เป็นสำคัญ
3. การทำให้โครงสร้างรูปทรงมีความเรียบง่าย (Simplicity Form) ด้วยการตัดทอน
รายละเอยี ด พนื้ ผวิ ลวดลายของรูปทรง โดยใช้โครงสร้างเรขาคณิต (Geometry Form) เปน็ พื้นฐาน เบือ้ งต้น
ก่อนจะใช้รูปทรงอิสระ (Abstract Form) ในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อสร้างทางเลือก (Solution) ให้รูปทรง ใน
ขั้นตอนนีย้ ิ่งลดทอนรูปทรงให้มีความเรียบง่ายมากขึ้นเท่าไหร่ จะเป็นการเพิม่ ให้ผลิตภัณฑ์ใหม่มีความโดดเด่น
มากขน้ึ เท่านนั้
4. การเรยี บเรยี ง จดั วางองค์ประกอบเสียใหม่ ปรบั สัดสว่ นใหม่ ประกอบสร้างรูปลักษณ์
รูปทรงขึ้นใหม่ ให้เกิดความรู้สึกใหม่ ๆ บรรยากาศใหม่ เพื่อสร้างความแตกต่างด้วยการจัดการรูปทรงองค์
ประกอบต่าง ๆ (Elements Design and Principles) ขึ้นใหม่ เพื่อช่วยให้ขยายกรอบการออกแบบจากงาน
ออกแบบผลิตภัณฑ์ส่งู านออกแบบประเภทอื่นๆที่มีความหลากหลายมากยง่ิ ขึน้
5. การออกแบบเพ่ือสรา้ งให้เกิดประโยชน์ ใช้สอยในรูปแบบใหม่ (Functional) ดว้ ยการ
วิเคราะห์จากความสอดคล้องของรูปทรงกับการใช้สอย โดยขั้นตอนนี้อาจใช้แนวคิดของออสบอร์นเช็กลิสต์
(Osborn’s checklist) มาชว่ ย เพ่ือกระตุน้ ให้เกดิ นวัตกรรมในการออกแบบผลิตภัณฑ์ในหลายลักษณะได้มาก
ขนึ้
6. ออกแบบใสร่ ายละเอียดข้อมลู ท่ีเก่ยี วข้องกับผลิตภณั ฑใ์ ห้สมบูรณ์
7. การผลิตต้นแบบ (Prototype) เพื่อตรวจประเมินและดูผลลัพธ์ของการออกแบบใน
ด้านต่าง ๆ ได้แก่ รูปลักษณ์ ความสวยงาม ความสอดคล้องกับพฤติกรรม ความเหมาะสมของวัสดุ รวมไปถึง
การลดต้นทนุ การผลิต เปน็ ตน้

3. แนวทางการศึกษาผลงานศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคเหนือ

3.1 แนวทางการศึกษาผลงานศลิ ปหัตถกรรมไทยภาคเหนือ
ในการศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทย ภริตพร แกว้ แกมเสือ (2562) กล่าวว่า นักศึกษา

ควรรู้จักวัสดุพื้นบ้าน และกระบวนการผลิตงานหัตถกรรมรวมทั้งความรู้ด้านวัสดุอื่นๆ ที่อาจนำมาใช้ร่วมกัน
สามารถสร้างความเชื่อมโยงระหวา่ งงาน หัตถกรรม แฟชั่น การใช้ชีวิตและสื่อต่างๆเข้าด้วยกันให้ได้ ด้านการ
ผลติ จะเป็นการผนวกกันระหว่างเทคนิคการผลติ แบบด้ังเดิมกับกรรมวธิ ีการผลติ แบบสมัยใหม่ จึงจำเป็นต้องมี

38

การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างใกล้ชิดระหว่างนักออกแบบและช่างฝีมือรวมถึงผู้ผลิตในกระบวนการ
หตั ถกรรมและอุตสาหกรรมด้วย

แนวคิดในการศึกษาพัฒนาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยไม่ว่าภาคอะไร ควรเริ่มจากการ
สรา้ งความเขา้ ใจในคุณค่าของงานหัตถกรรมนั้นๆท้ังทางรปู ธรรม (Tangible) และนามธรรม(Intangible) รวม
ไปถงึ ความร้ใู นเร่ืองวสั ดุ กระบวนวธิ กี ารผลติ ทักษะท่ตี อ้ งใช้ รว่ มกับความเขา้ ใจในเร่ืองราว ทัศนคติ ความเช่ือ
และบรบิ ทของกลุ่มช่างงานหตั ถกรรม การศกึ ษาถึงคณุ ค่าทเ่ี ปน็ ท่ีต้องการในงานหัตถกรรม 3 ประการ คือ

1. คุณค่าทางความงามที่ได้รับด้านจิตใจ ประสบการณ์ด้านความรูส้ ึกที่ผู้ใช้จะได้รับจาก
การสมั ผัสกับความเปน็ ธรรมชาติ

2. คุณค่าจากงานที่ทำด้วยมือใช้ความชำนาญเป็นพิเศษเทคนิคที่ใช้ในการทำงาน
หัตถกรรมรว่ มกับประโยชนใ์ ชส้ อยทีเ่ หมาะสมกับปจั จบุ ันในรูปแบบท่หี ลากหลาย

3. การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น การนำเสนอด้านลวดลาย เทคนิคการผลิตงานที่
หลากหลายนา่ สนใจ การผสมผสานกบั วสั ดุอืน่ ๆ การผสมผสานการผลติ ดง้ั เดิมกบั เทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่
เพื่อลดภาระการผลิตด้านงานฝีมือลงในบางส่วน การเผยแพร่ความรู้ด้านงานหัตถกรรมให้กับอุตสาหกรรม
ต่างๆ เพอ่ื ค้นหาแนวคิดผลติ ภัณฑ์ใหม่ ๆ ท่ีสามารถเปน็ ไปได้ หรือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในแง่ของผลิตภัณฑ์ท่ี
เป็นมิตรตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม (Eco-Friendly) เปน็ ตน้

เพราะฉะนั้นในการศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคเหนือนั้น นักศึกษาควรรู้จักว่า
แต่ละผลงานหัตถกรรมอยู่ในประเภทของศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านประเภทใด เช่น ประเภทของวัตถุดิบในการ
ผลิตประเภทไหน มีลักษณะการใช้สอยแบบใด มีกรรมวิธีในการผลิตจัดอยู่ในประเภทใด และควรให้
ความสำคัญกับภูมิปัญญาของช่างในการผลิต การสร้างความเข้าใจในเรื่องราว ทัศนคติ ความเชื่อและบริบท
ของงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคเหนอื ด้วย

3.2 ตวั อยา่ งการศกึ ษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคเหนือ
เมื่อนิสิตได้เรียนรู้แนวทางการศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคเหนือแล้ว จำเป็นท่ี

จะต้องศึกษาวิเคราะห์ผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคเหนือ เพื่อทำให้เกิดการตระหนักรู้และสร้างความเข้าใจ
มากยิ่งขึ้น ทัศนัย ดํารงหัด และรัฐไท พรเจริญ (2558) อ้างว่า ผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคเหนือท่ีสะท้อน
ถึงเอกลักษณ์ลา้ นนาและภูมิปญั ญาท้องถ่นิ ได้แก่

39

3.2.1 การทาํ ร่ม (บา้ นบ่อสรา้ ง)

ภาพประกอบ 8 ภาพแสดงการสาธิตวิธีการทำรม่ การจำหน่ายร่มบอ่ สรา้ ง จ.เชยี งใหม่
ที่มา : Ministry of Tourism and Sports. (2564). หมบู่ ้านร่มบอ่ สร้าง. สืบค้นจาก

http://culture.mome.co/bosanghandicraftcenter

-การศกึ ษาทางดา้ นรปู ธรรม (Tangible) ไดแ้ ก่ เส้นสาย ลวดลาย รปู ลักษณ์ รปู ทรง สสี ัน ตลอดจน
พื้นผวิ และวัสดุ

(ให้นสิ ิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ได้แก่ ความซาบซึ้งในเรื่องราว คุณค่า และความหมาย
จิตวิญญาณท่ีแฝงอยใู่ นภูมปิ ัญญา ปรชั ญาแนวคดิ

(ให้นิสติ เขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวธิ ีในการผลิต

(ใหน้ ิสติ เขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-คุณค่าทเี่ ป็นทต่ี ้องการในงานหตั ถกรรม ได้แก่ คุณคา่ ทางความงามที่ไดร้ บั ด้านจิตใจ คุณค่าจากงานท่ี
ทำดว้ ยมอื ใช้ความชำนาญเปน็ พิเศษ และคุณคา่ จากการคิดคน้ นวัตกรรมใหม่ ๆ

(ใหน้ สิ ิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

40

3.2.2 การแกะสลัก (บา้ นถวาย)

ภาพประกอบ 9 ภาพแสดงหมูบ่ า้ นหตั ถกรรมไม้แกะสลกั จ.เชยี งใหม่
ทม่ี า : Ministry of Tourism and Sports, (2564). ศนู ย์หตั ถกรรม ไม้แกะสลกั บา้ นถวาย. (Online)

-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พ้นื ผวิ และวสั ดุ

(ให้นสิ ิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ได้แก่ ความซาบซึ้งในเรื่องราว คุณค่า และความหมาย
จติ วิญญาณที่แฝงอย่ใู นภมู ปิ ญั ญา ปรชั ญาแนวคิด

(ให้นิสติ เขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวธิ ใี นการผลติ

(ให้นสิ ิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-คุณคา่ ที่เป็นท่ตี ้องการในงานหตั ถกรรม ได้แก่ คณุ คา่ ทางความงามท่ีได้รบั ด้านจิตใจ คณุ ค่าจากงานที่
ทำด้วยมือใช้ความชำนาญเป็นพเิ ศษ และคุณคา่ จากการคิดคน้ นวัตกรรมใหม่ ๆ

(ให้นสิ ิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

41

3.2.3 การทำเครือ่ งเงิน (บา้ นววั ลาย)

ภาพประกอบ 10 ภาพแสดงเคร่ืองเงนิ ของบา้ นววั ลาย จ.เชียงใหม่
ท่มี า : Ministry of Tourism and Sports. (2564). ชุมชนววั ลาย หมู่บ้านเครือ่ งเงินเชียงใหม.่

สบื คน้ จาก https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/996019/

-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พื้นผวิ และวัสดุ

(ให้นิสิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านนามธรรม(Intangible) ได้แก่ ความซาบซึ้งในเรื่องราว คุณค่าและความหมาย จิต
วิญญาณทีแ่ ฝงอยูใ่ นภมู ิปญั ญา ปรชั ญาแนวคิด

(ให้นสิ ิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวธิ ีในการผลิต

(ให้นิสิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-คณุ ค่าที่เป็นทต่ี อ้ งการในงานหัตถกรรม ได้แก่ คณุ คา่ ทางความงามท่ีได้รับด้านจติ ใจ คณุ คา่ จากงานท่ี
ทำด้วยมอื ใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ และคณุ คา่ จากการคดิ คน้ นวตั กรรมใหม่ ๆ

(ให้นสิ ิตเขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

42

3.2.4 กระดาษสา (บ้านต้นเปา สนั กาํ แพง)

ภาพประกอบ 11 ภาพแสดงสินคา้ หัตถกรรมทท่ี ำจากกระดาษสา จ.เชยี งใหม่
ท่ีมา : Ministry of Tourism and Sports. (2564). บ้านหัตถกรรมตน้ เปา.
สืบคน้ จาก https://thailandtourismdirectory.go.th/th/attraction/2694

-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พนื้ ผวิ และวสั ดุ

(ให้นิสติ เขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศกึ ษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ได้แก่ ความซาบซ้ึงในเร่ืองราว คณุ ค่าและความหมาย จิต
วิญญาณท่แี ฝงอยู่ในภมู ปิ ญั ญา ปรัชญาแนวคดิ

(ให้นสิ ิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวิธีในการผลิต

(ใหน้ สิ ติ เขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-คณุ ค่าทเี่ ปน็ ท่ีตอ้ งการในงานหตั ถกรรม ได้แก่ คณุ คา่ ทางความงามท่ีไดร้ บั ด้านจติ ใจ คุณค่าจากงานที่
ทำด้วยมอื ใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ และคุณคา่ จากการคดิ คน้ นวัตกรรมใหม่ ๆ

(ให้นิสติ เขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

43

3.2.5 การทำเครอ่ื งเขนิ (บา้ นนันทาราม)

ภาพประกอบ 12 ภาพแสดงแม่ครู ดวงกมล ใจคำปนั ผมู้ ีความชำนาญในงานหตั ถกรรมเคร่อื งเขิน จ.เชียงใหม่
ทีม่ า : เชียงใหมน่ วิ ส.์ (2562). เคร่ืองเขิน งานหตั ถศิลป์แผน่ ดนิ ลา้ นนา.

สบื ค้นจาก https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/1041454/

-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พ้ืนผิวและวสั ดุ

(ให้นิสติ เขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ไดแ้ ก่ ความซาบซงึ้ ในเรื่องราว คณุ ค่าและความหมาย จิต
วิญญาณทแ่ี ฝงอยใู่ นภูมปิ ัญญา ปรัชญาแนวคิด

(ใหน้ ิสิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวธิ ใี นการผลิต

(ให้นสิ ิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-คณุ คา่ ทเ่ี ป็นท่ตี อ้ งการในงานหัตถกรรม ไดแ้ ก่ คณุ คา่ ทางความงามท่ีได้รบั ด้านจติ ใจ คุณค่าจากงานที่
ทำดว้ ยมอื ใชค้ วามชำนาญเปน็ พเิ ศษ และคุณคา่ จากการคิดค้นนวตั กรรมใหม่ ๆ

(ใหน้ สิ ิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

44

3.2.6 การทำเครอื่ งปนั้ ดนิ เผาศิลาดล (บ้านศลิ าดล)

ภาพประกอบ 13 ภาพแสดงเครือ่ งเคลือบศิลาดล จ.เชียงใหม่
ท่มี า : MGR Online. (2558). พลิกแบรนด์ “เชยี งใหม่ศิลาดล” ตวั จริงเซรามกิ สีเขยี วมรดกแหง่ ลา้ นนา.

สืบค้นจาก https://mgronline.com/smes/detail/9580000100393

-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พ้นื ผวิ และวสั ดุ

(ใหน้ ิสิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ไดแ้ ก่ ความซาบซงึ้ ในเร่ืองราว คุณค่าและความหมาย จิต
วญิ ญาณท่แี ฝงอยูใ่ นภมู ปิ ัญญา ปรัชญาแนวคิด

(ใหน้ ิสติ เขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวธิ ีในการผลติ

(ใหน้ ิสติ เขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-คุณค่าทเี่ ปน็ ท่ตี อ้ งการในงานหตั ถกรรม ได้แก่ คณุ คา่ ทางความงามที่ไดร้ บั ด้านจติ ใจ คณุ ค่าจากงานท่ี
ทำด้วยมือใช้ความชำนาญเปน็ พเิ ศษ และคณุ ค่าจากการคิดคน้ นวัตกรรมใหม่ ๆ

(ให้นสิ ติ เขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

45

4. สรปุ

การกำเนิดงานหัตถกรรมไทยภาคเหนือมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการผลิตผลงาน ศิลปหัตถกรรม
ประกอบด้วยการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ท้องถิ่นล้านนาที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานทำให้ผู้คนในพื้นท่ี
ภูมิภาคนี้มีแบบแผนทางศิลปวัฒนธรรม ประเพณีต่าง ๆ มีความเป็นของตัวของตนเองมีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง
ไปจากผู้คนในภาคอื่น ๆ ประกอบไปด้วย 4 แคว้นใหญ่ ได้แก่ แคว้นพะเยา แคว้นหริภุญไชย แคว้นโยนก
แคว้นนา่ น พฒั นาการของประวัติศาสตรล์ ้านนา สามารถแบ่งได้เป็น 4 ยคุ คือ สมยั แวน่ แควน้ -นครรัฐ สมัยรัฐ
อาณาจักร สมัยพม่าปกครอง สมัยเป็นเมืองประเทศราช ด้านศิลปวัฒนธรรมและงานหัตถกรรมที่มีความ
หลากหลายผสมผสานหลายลกั ษณะ

สภาพภูมิศาสตร์ของภาคเหนือประกอบไปด้วยลักษณะภูมิประเทศลักษณะภูมิอากาศและ
ทรพั ยากรธรรมชาติ ถอื เปน็ ปัจจัยหนงึ่ ที่กำหนดลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมให้เกิดความแตกต่างกันในแต่ละ
พื้นท่ี ลักษณะทางภูมิศาสตร์มีความสำคัญต่อเอกลักษณ์ของแตล่ ะภูมิภาค และเปน็ ตัวแปรสำคัญที่จะกำหนด
รากเหง้าทางวฒั นธรรมของแต่ละภูมภิ าคได้

สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมของภาคเหนือมีลักษณะที่หลากหลาย ชาวไทยภาคเหนือส่วน
ใหญ่มีวิถีชีวิตแบบเกษตรกร มีคติความเชื่อและการนับถือสิ่งศักดิ์สทิ ธิ์และวญิ ญาณของบรรพบุรุษที่เรียกว่า ผี
และเสือ่ มใสในพระพุทธศาสนาแบบเถรวาท นอกจากน้ยี งั มีความเชื่อในเร่ืองอื่น ๆ ไดแ้ ก่ ความเช่ือเก่ียวกับต้น
กำเนิดของมนุษย์และชนชาติ ความเชื่อเกี่ยวกับอำนาจความสมบูรณ์ ความเชื่อเกี่ยวกับขวัญ ความเชื่อทาง
ไสยศาสตรแ์ ละโหราศาสตร์

ภูมิปัญญาในการสร้างสรรค์งานผลงานศิลปหัตถกรรมภาคเหนือจัดเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกิด
จากการสั่งสมระบบความรู้ของชาวบ้าน และสะท้อนออกมาในลักษณะความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดในหลาย
รปู แบบ ไดแ้ ก่ ความสมั พนั ธ์อยา่ งใกล้ชดิ ระหวา่ งคนกับโลกส่ิงแวดลอ้ ม ธรรมชาติสัตว์และพชื ความสัมพนั ธ์กับ
คนอื่น ๆ ที่ร่วมกันอยู่ในสังคมหรือในชุมชน ความสัมพันธ์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติและสิ่งที่ไม่สามารถ
สัมผัสได้ และผลงานศิลปหัตถกรรมภาคเหนือบางส่วนได้รับอิทธิพลจากพม่าจนเกิดเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้น
กลายเปน็ งานศิลปะแบบล้านนา งานหตั ถกรรมภมู ิปญั ญาท้องถิน่ ที่สำคัญ ไดแ้ ก่ การทาํ รม่ (บา้ นบ่อสร้าง) การ
แกะสลัก (บ้านถวาย) การทำเครื่องเงิน (บ้านวัวลาย) กระดาษสา (บ้านต้นเปา สันกําแพง)การทำเครื่องเขิน
(บ้านนนั ทราม) และการทำเคร่อื งปน้ั ดนิ เผาศลิ าดล (บา้ นศิลาดล)

การสร้างสรรค์ผลงานจากภูมิปัญญาสามารถทำการศึกษาได้ทั้งทางรูปธรรม (Tangible) ได้แก่
เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจนพื้นผิวและวัสดุ และนามธรรม(Intangible) ได้แก่ ความ
ซาบซึ้งในเรื่องราว คุณค่าและความหมาย จิตวิญญาณที่แฝงอยู่ในภูมิปัญญา ปรัชญาแนวคิด ในการออกแบบ
ผลิตภัณฑ์ด้วยแรงบันดาลใจจากภูมิปัญญาไทยนั้น อาจจัดรวบรวมตัวอย่างภาพแนวทางสร้างสรรค์ผลงานจาก
ภูมิปัญญาอย่ใู นลักษณะของผงั ภาพแสดงอารมณ์ (Mood board)

แนวทางการศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคเหนือควรเน้นเรื่องวัสดุพื้นบ้าน และ
กระบวนการผลิตงานหัตถกรรมนำมาใช้ร่วมกัน และความเข้าใจในคุณค่าของงานหัตถกรรมนั้น ๆ ทั้งทาง

46

รูปธรรม (Tangible) และนามธรรม (Intangible) ได้แก่ คุณค่าทางความงามที่ได้รบั ด้านจิตใจ คุณค่าจากงาน
ท่ีทำด้วยมือใช้ความชำนาญเปน็ พิเศษ คณุ ค่าการคิดคน้ นวัตกรรมใหม่ ๆ

5. คำถามท้ายบท

1. ให้นสิ ติ ทำข้อ 3.2 ตัวอยา่ งการศึกษาผลงานศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคเหนือให้สมบรู ณ์
2. ให้นิสิตอธิบายความหมายของคำว่า “การกำเนิดงานหัตถกรรมไทยภาคเหนือ” ตามความ
เขา้ ใจของตนเอง
3. ให้นิสิตเลือกผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยพื้นบ้านภาคเหนือที่มาจากภูมิปัญญาท้องถึ่นที่
ประทบั ใจมากที่สดุ พร้อมอธิบายเหตุผลและยกตวั อย่าง
4. ให้นสิ ติ เลือกผลงานศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคเหนอื ท่สี ะทอ้ นถงึ เอกลักษณ์ล้านนาและ
ภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่นมา 3 ผลติ ภัณฑ์ แล้วศึกษาวเิ คราะหผ์ ลงานและอธิบายขน้ั ตอนการสร้างสรรค์ผลงานจากภูมิ
ปัญญาท้องถิ่นตามท่ีได้เรียน

6. แบบฝึกหัดปฏิบตั ิจดั ทำรายงานทา้ ยบท

1. ให้นิสิตจัดทำเล่มรายงานรวบรวมผลงานหตั ถกรรมพื้นบ้านของภาคเหนือโดยแบ่งภาพผลงาน
ตามประเภทของวัสดแุ ละกรรมวธิ กี ารผลิต ดงั น้ี

1. การป้ันและการหล่อ
2. การทอและเย็บปักถกั ร้อย
3. การแกะสลัก
4. การก่อสร้าง
5. การเขยี นหรือวาด
6. การจักสาน
7. การทำเครื่องกระดาษ
8. กรรมวธิ ีอ่ืน ๆ
โดยมีรูปแบบเล่มรายงานหน้ากระดาษ A 4 / หน้าละ 1 ผลงาน ให้นิสิตอธิบายภาพงาน
หัตถกรรมที่หามาได้ ในด้านต่าง ๆ ดังนี้ ชื่องาน / แหล่งผลิต / วัสดุ / กรรมวิธีการผลิต / ลักษณะเฉพาะ /
คุณค่าของผลงาน
2. ให้นิสิตออกแบบผลิตภัณฑ์ 1 ชิ้น โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานหัตถกรรมพื้นบ้าน
ของภาคเหนอื จำนวน 2 ช้นิ ตามที่ไดท้ ำรายงานเมื่อสัปดาห์ท่ีแล้ว

47

บทท่ี 3
ศิลปหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื

แผนการสอนคร้ังที่ 5 - 6

หวั ข้อ ศลิ ปหัตถกรรมของไทยภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ
ผู้สอน อาจารย์ ดร.พรนารี ชยั ดิเรก
เวลา 480 นาที

วตั ถปุ ระสงค์
คร้ังท่ี 5
1.เพ่อื ให้นสิ ิตเข้าใจความหมาย ความสำคัญ และประเภทของงานศลิ ปหัตถกรรมของไทย
ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื

2. เพื่อใหน้ สิ ติ เขา้ ใจและเรียนรู้ผลงานศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ

คร้ังที่ 6
1. เพือ่ ใหน้ สิ ิตเข้าใจตัวอย่างผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ
2. เพ่ือให้นสิ ิตเรียนรู้จากผลงานการออกแบบผลิตภณั ฑศ์ ลิ ปหตั ถกรรมไทย

ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื

เนอื้ หา
ครง้ั ที่ 5
1. กำเนดิ งานหตั ถกรรมไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
1.1 ปัจจัยทเ่ี กีย่ วข้องในการผลิตผลงานศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
2. ภมู ปิ ญั ญาในการสรา้ งสรรค์งาน
2.1 การสรา้ งสรรค์ผลงานจากภมู ิปัญญา
ครงั้ ที่ 6
1. แนวทางการศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ
1.1 แนวทางการศกึ ษาผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ
1.2 ตัวอย่างการศึกษาผลงานการออกแบบผลติ ภณั ฑศ์ ิลปหัตถกรรมไทยภาค
ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
2. สรุปศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ

การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ 15 นาที
ครัง้ ที่ 5
1. อธบิ ายวตั ถุประสงค์และเนื้อหาโดยรวม

49

2. บรรยายเนื้อหาและหวั ข้อต่าง ๆ 60 นาที
3. ศกึ ษาเรียนรูผ้ ลงานศิลปหัตถกรรมไทย 150 นาที

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15 นาที
4. นิสิตซักถามปรึกษาเน้ือหาการเรยี น
ครงั้ ที่ 6 15 นาที
1. อธบิ ายวตั ถปุ ระสงค์และเน้ือหาโดยรวม 60 นาที
2. บรรยายเนอื้ หาและหวั ข้อต่าง ๆ 150 นาที
3. ศกึ ษาเรียนรู้ผลงานการออกแบบผลิตภณั ฑ์
15 นาที
ศิลปหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ
4. นิสิตซกั ถามปรึกษาเน้ือหาการเรยี น

สื่อการสอน
ครั้งที่ 5
1. เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า การออกแบบศลิ ปหตั ถกรรม
2. ไฟล์นำเสนอภาพน่ิงผา่ นโปรแกรมคอมพิวเตอร์
3. หนงั สอื ตำรา วารสารต่าง ๆ ท้งั ในประเทศและต่างประเทศ ท่เี กย่ี วข้องกบั การออกแบบ
ศลิ ปหตั ถกรรมไทย
4. ตัวอยา่ งผลิตภัณฑ์ ผลงานหัตถกรรมสำหรบั การเรียนการสอนทเ่ี ก่ียวขอ้ ง
(ตามความเหมาะสมของเนื้อหาการเรยี น)
คร้งั ท่ี 6
1. เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า การออกแบบศลิ ปหตั ถกรรม
2. ไฟลน์ ำเสนอภาพนงิ่ ผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์
3. หนงั สือ ตำรา วารสารตา่ ง ๆ ทั้งในประเทศและตา่ งประเทศ ทเี่ ก่ยี วข้องกับการออกแบบ
ศลิ ปหัตถกรรมไทย
4. ตวั อย่างผลิตภณั ฑ์ ผลงานหัตถกรรมสำหรบั การเรียนการสอนทเี่ กี่ยวข้อง
(ตามความเหมาะสมของเนื้อหาการเรียน)

การประเมนิ ผล
ครงั้ ท่ี 5
1. สงั เกตจากพฤติกรรมของผู้เรียน
2. ประเมนิ ผลจากกิจกรรมในการชัน้ เรียน
3. ประเมนิ ผลจากคำถามท้ายบทที่ 3
4. ประเมนิ ผลจากแบบฝึกหัดปฏิบัตงิ านออกแบบทา้ ยบท

50

ครัง้ ที่ 6
1. สังเกตจากพฤติกรรมของผู้เรียน
2. ประเมินผลจากกิจกรรมในการช้ันเรียน
3. ประเมนิ ผลจากคำถามท้ายบทที่ 3
4. ประเมินผลจากแบบฝึกหดั ปฏิบัติงานออกแบบท้ายบท

หนงั สืออ้างอิง
กรมส่งเสรมิ วฒั นธรรม กระทรวงวัฒนธรรม. (2561). มรดกภูมิปญั ญาอีสาน. (หนงั สอื ชุด “มรดกวฒั นธรรม
อสี าน). กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ชุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกัด.

คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. (2559). วิถีชาติพันธุ์ในอีสาน : “ภาวการณ์
กลายเป็น” ในกระแสการเปลี่ยนแปลงสู่เสรีนิยมใหม่ใน รวมบทความการประชุมวิชาการ
ระดับชาติ. 7-8 เมษายน 2559. จ.ขอนแก่น : คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ .

นภาพร อติวานิชยพงศ์. (2557). คนชนบทอีสานกับการทำมาหากิน: ความเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย.
วารสารสังคมวทิ ยามานษุ ยวทิ ยา. 33(2), น. 103-127.

ธีรพงษ์ กันทำ, อลงกรณ์ อรรคแสง และวิทยา สุจริตธนารักษ์. (2559). อีสานและการเมืองเรื่องพื้นท่ี:
พรมแดนแห่งความรู้. วารสารการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, 6(2),
น. 309-330.

วิชญ์ จอมวิญญาณ์. (2560). ภูมิศาสตร์ประเทศไทย. อุดรธานี : คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี.

ศูนย์มานุษยวทิ ยาสิรนิ ธร. (2560). “กลุ่มชาติพนั ธ”์ุ . สบื คน้ จาก
http://www.sac.or.th/databases/ethnic-groups/site/index.

สมศักดิ์ ศรีสันติสุข. (2558). โสวัฒนธรรมอีสานในงานวิจัย. [หนังสือชุดการประเมินและสังเคราะห์
สถานภาพองค์ความรู้จากการวิจยั วฒั นธรรม เลม่ 3. ภาควิชาสงั คมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะ
สงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่], เชยี งใหม:่ บลูมมิ่ง ครีเอชน่ั .

สุชาติ สุขนา. (2563). ศิลปะแบบประเพณีอีสาน – ศิลปหัตถกรรมอีสาน. [เอกสารประกอบการบรรยาย
รายวชิ า ศิลปะไทย 1]. มหาสารคาม : คณะศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม.

สมเชาว์ บำรุงชัย. (2559). รูปแบบการพัฒนาชุมชนยั่งยืนภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ตอนบนของประเทศไทย.
วารสารวชิ าการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย, 22(1), น. 70-78.

อรัญญา แสนสระ. (2560). ภูมิปัญญาท้องถิ่นในภาษาและวัฒนธรรมอีสาน. วารสารศิลปศาสตร์ มทร.
ธญั บรุ ี, 1(1), น. 1-16.

เอกวทิ ย์ ณ ถลาง. (2544). ภมู ปิ ัญญาอีสาน. กรุงเทพ ฯ : อมรนิ ทร.์

51

บทที่ 3
ศิลปหัตถกรรมไทยภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ

1. กำเนิดงานหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ

1.1 ปัจจัยทเี่ กี่ยวข้องในการผลิตผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ
ประกอบดว้ ยด้านตา่ ง ๆ ดงั น้ี

-การศกึ ษาดา้ นประวัตศิ าสตร์ทอ้ งถ่นิ
วิถีชีวิตของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในอดีตก่อนที่อาณาจักรล้านช้างจะมี
อำนาจในบรเิ วณภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือนีม้ ีหลักฐานการมีคนอยูอ่ าศัยก่อนประวตั ิศาสตร์ คอื วัฒนธรรมเจน
ละ วัฒนธรรมทวาราวดี และวัฒนธรรมของเขมรพระนครได้มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ไม่น้อย และ
อทิ ธิพลของอาณาจกั รล้านช้างนน้ั มีอิทธิพลต่อภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือตอนบนค่อนข้างมาก (สมศกั ด์ิ ศรีสันติ
สขุ , 2558) จริง ๆ แล้วอาณาจักรเจนละก็คือต้นประวัตศิ าสตร์กัมพูชาท่ีนำไปสู่การสรา้ งอาณาจักรขอมท่ีเมือง
พระนคร ซึ่งหมายความว่าอีสานก็คือต้นกำเนิดของอาณาจักรขอมโบราณนั่นเอง ในตอนต้นศตวรรษที่ 13
อาณาจักรเขมรหรือขอมเหนือบนดินแดนอีสานโบราณเร่ิมลงลด เนอ่ื งจากการเสื่อมอำนาจของอาณาจักรขอม
ที่เมืองพระนคร ส่งผลให้ต้องเคลือ่ นยา้ ยศูนย์กลางการปกครองและเศรษฐกิจไปยังทีร่ าบลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง
ทำให้เมืองต่าง ๆ ในอีสานถูกทิ้งให้เป็นเมืองร้าง และทำให้อำนาจทางการเมืองของกรุงเทพฯในลุ่มแม่น้ำ
เจ้าพระยาและลาวในลุ่มแม่น้ำโขงขยายตัวขึ้นกลุ่มคนที่เข้ามาแทนที่ขอมในอีสานก็คือลาว ซึ่งตรงกับรัชกาล
ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่จะสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจกับกลุ่มบ้านเมืองในอีสานเหนือ
มากกว่าการแผข่ ยายอทิ ธพิ ลทางการเมือง
ธีรพงษ์ กันทำ, อลงกรณ์ อรรคแสง และวิทยา สุจริตธนารักษ์ (2559) อ้างว่า ในอดีต
บรรดาหัวเมืองในอีสานมีสถานะกึ่งอิสระในการปกครองตนเองภายใต้การควบคุมกำกับอย่างหละหลวมโดย
ศูนย์กลางอำนาจ รัฐไทยไม่ได้ปกครองอีสานโดยตรงหากแต่ปล่อยให้ชนชั้นปกครองซึ่งเป็นเจ้าเมืองเดิม
ปกครองต่อไป แต่ต้องส่งเครื่องบรรณาการเพื่อแสดงความจงรักภักดีเป็นประจำทุกปี ถึงแม้ว่าอีสานจะตกอยู่
ภายใตอ้ ทิ ธิพลของรัฐไทยและไมไ่ ด้ถูกผนวกรวมเข้ากับรัฐไทย การควบคุมดนิ แดนหวั เมืองอีสานโดยตรงของรัฐ
ไทยก่อนสมัยรัตนโกสินทร์ส่วนใหญ่จะครอบคลุมถึงเขตเมืองนครราชสีมาและเมืองใกล้เคียงเท่านั้น ที่ราบสูง
โคราชหรอื ฝง่ั ขวาแม่นำ้ โขงก่อนการปฏริ ูปการปกครอง พ.ศ. 2435 ถอื ว่าเปน็ หวั เมอื งลาวทง้ั ฝั่งขวาและฝ่ังซ้าย
ของแมน่ ำ้ โขงตกอยู่ภายใต้อทิ ธิพลของรัฐไทยหลงั เหตุการณเ์ วยี งจนั ทน์พ่ายแพส้ งครามแก่กองทัพไทยในปลาย
สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีและสมัยรัชกาลที่ 3 แต่อีสานถูกผนวกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐไทยเมื่อสมัย
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั รชั กาลท่ี 5 ทำการปฏิรูปการปกครองเพ่ือรวบอำนาจเขา้ สสู่ ่วนกลาง
ในปีพ.ศ. 2435
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี ได้มีการ
ปฏิรปู หวั เมอื งประเทศราช คือ “การสถาปนาอำนาจควบคุมจากรัฐไทย” (Consolidation of Thai Control)

52

เหนือพื้นที่หัวเมืองลาว ได้มีการผนวกรวมอีสานเข้ากับรัฐไทยพร้อมกับการทำให้คนลาวเขมร ส่วยและกลุ่ม
ชาติพันธุ์อื่น ๆ ในหัวเมืองลาวให้เป็น“คนไทย”และในปี พ.ศ. 2465 รัฐไทยได้เริ่มเรียกภูมิภาคนี้โดยรวมว่า
“ภาคอีสาน” ซึ่งต้ังอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือหรืออีสานของกรุงเทพฯโดยถือว่ากรุงเทพฯเป็นศูนย์กลาง
(Bangkok-centrism) ของการเรียกช่ือทศิ

การผนวกรวมภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐไทย ได้สร้างนิยามตัวตน
ของผู้คนที่อาศัยอยู่ในภาคตะวันเฉียงเหนือจาก“ลาว”เป็น“คนไทยอีสาน” ที่มีสถานะเป็นพลเมืองของสยาม
หรือประเทศไทยในเวลาต่อมา การสร้างเอกภาพของรัฐชาติและกระแสชาตินิยมที่เน้นความเป็นไทยท่ี
พัฒนาขึ้นในระยะหลังได้บดบังลักษณะทางชาติพันธุ์ของคนไทยอีสานจนทำให้คนส่วนใหญ่เข้า ใจว่าคนอีสาน
เป็นคนทมี่ าจากพืน้ ฐานทางชาติพันธุเ์ ดยี วกนั ซ่ึงจริง ๆ แลว้ จากงานวิจยั พบว่าในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ มี
กลุ่มชาติพันธุ์อาศัยอยู่หลากหลายเป็นจำนวนมาก เช่น ผู่ไท ญ้อ ไทดํา กะเลิง แสก โซ่ โซ่ทะวึง บรู ญัฮกูร
หรอื ชาวบน กุย หรือส่วย เขมร ไทยวน ไทยเบิ้ง ญวน จนี ฯลฯ อตั ลกั ษณข์ องกลุ่มชาติพนั ธ์หลายกลุ่มถูกกลืน
ไม่มีอัตลักษณ์ของตนเองที่ชัดเจน นอกจากการใช้ภาษาของตนเองในการสื่อสารในกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน
อย่างไรก็ดีกลุ่มชาติพันธ์ุ บางกลุ่มก็ยังรักษาประเพณีพีธิกรรมบางอย่างไว้อย่างเข้มแข็งเพื่ อความมีตัวตนทาง
ชาติพันธุ์และเพื่อรักษาภูมิปัญญาความรู้ปกป้องในทรัพยากรท้องถิ่นเอาไว้ (คณะมนุษยศาสตร์และ
สังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ , 2559)

ชาติพันธุ์หรือชนเผ่าพื้นเมืองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานเป็นภูมิภาคที่มี
ความหลากหลาย ทางศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่นแต่ละจังหวัด
ศิลปวัฒนธรรมเหล่านี้เป็นตัวบ่งบอกถึงความหลากหลายทางด้านชนพื้นเมืองและชนเผ่าด้วยเช่นกัน (ศูนย์
มานุษยวิทยาสิรินธร, 2560) ไดแ้ ก่

1. ไทยลาว หรือ ไทอีสาน (Laotian) หรือเรียกว่า “ชาวอีสาน” เป็นกลุ่มประชากรท่ี
ใหญ่ ที่สุดและมีจำนวนมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนมากมีวัฒนธรรมและภาษาคล้ายคลึงกับ
ประเทศลาว เนอ่ื งจากคนกลุม่ นี้ดัง้ เดิมนั้นมที ั้งอพยพย้ายถิ่นหรือล้ีภยั สงครามมาจากฝัง่ ซา้ ยของแม่น้ำโขง

2. ผู้ไท หรือ ภูไท (Phutai) เดิมอาศัยอยู่ในแคว้นสิบสองจุไทย และแคว้นสิบสองปันนา
ปัจจุบันอยู่ในประเทศเวียดนามและประเทศจีน ปัจจุบันมีถิ่นฐานอยู่ในจังหวัดนครพนม จังหวัด กาฬสินธุ์
จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดสกลนคร จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอุดรธานี จังหวัดร้อยเอ็ด
จงั หวัดยโสธรและบางส่วนอยู่ในเขตจังหวัดหนองคาย มภี าษาพดู ท่ีมเี อกลกั ษณ์เป็น ของตนเอง

3. ไทดำ หรือ ไทยทรงดำ หรือ ลาวโซ่ง (Tai Dam) เป็นคนพื้นเมืองดั้งเดิม อาศัยอยู่ใน
อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย มาเป็นเวลานาน บางส่วนอพยพมาจากแคว้นพวน ประเทศลาว นอกจากนั้นยัง
พบชาวไทดำในจงั หวัดเพชรบุรีอกี ด้วย

4. ไทกุลา หรอื กลู า (Kula) คอื กลมุ่ พ่อค้าเร่ร่อนชนชาตติ องสแู ละไทยใหญท่ ีเ่ ดินทางมา
ค้าขายอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาเป็นระยะเวลานาน ปัจจุบันพบได้ในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวดั
ยโสธร

53

5. ชาวกูย หรือ กวย-สว่ ย (Kui or Kuoy or Suai) มถี ิ่นฐานเดมิ อยบู่ ริเวณตอนเหนือของ
เมืองกำปงธม ประเทศกัมพูชา ปัจจุบันพบได้ในจังหวัดบุรีรัมย์ อุบลราชธานี นครราชสีมา มหาสารคาม
ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษ รวมไปถึงสุพรรณบุรี แต่เนื่องจากอยู่อาศัยปะปนกับชาวเขมรจึงมีความคล้ายคลึง
กนั ทางวฒั นธรรมและความเปน็ อยู่ทำใหม้ ีความเหลื่อมซ้อนกันในการจำแนก

4. กลุ่มชาติพันธุ์ ชาวเยอ (Nyeu) เป็นส่วนหนึ่งของเผ่ากูยแต่มีความแตกต่างทางด้าน
ภาษา ปจั จุบนั สามารถพบได้ในจงั หวดั ศรสี ะเกษ

5. ชาวเขมร (Khmer) ชื่อทางวิชาการ คือ “เขมรถิ่นไทย” เป็นกลุ่มคนที่พูดภาษาเขมร
อาศัยอยู่ในประเทศไทยมาเป็นเวลานานแล้ว เรียกตัวเองว่า "ขแมร์" ปัจจุบันพบว่าอาศัยอยู่ในพื้นที่ จังหวัด
สุรินทร์ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัด ร้อยเอ็ด จังหวัด
มหาสารคาม จงั หวดั ปราจนี บรุ ี จงั หวดั ตราด จงั หวดั จนั ทบรุ ี จังหวัดฉะเชิงเทราและ จงั หวดั สระแกว้

6. ไทญ้อ หรือ ย้อ – เงี้ยว (Nyaw) มีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่เมืองหงสา แขวงไชยบุรี ประเทศ
ลาว มีภาษาพูดเหมือนภาษาไทยลาวแต่แตกต่างกันที่สำเนียง อาศัยอยู่กระจายทั่วไปในแถบภาคอีสาน ใน
ปัจจุบันพื้นที่ที่มีชาวไทย้ออาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ได้แก่ จังหวัดนครพนม จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดสกลนคร
จงั หวดั บึงกาฬ จงั หวดั หนองคาย จังหวดั กาฬสินธุ์ จังหวดั มหาสารคาม และท่ีจังหวัด ปราจีนบรุ ี

7. ไทโส้ หรือ กะโซ่ (Kaso) หรือ “ข่าโซ่” เป็นกลุ่มชาวขา่ พวกหนึ่งท่ีมีถิ่นฐานดัง้ เดิมอยู่
ทเี่ มอื งมหาชยั แขวงคำมว่ นและแขวงสะหวันเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว ตอ่ มาจงึ ไดอ้ พยพมา
อยู่ในเขตจงั หวดั สกลนคร จงั หวดั นครพนมและจงั หวัดมกุ ดาหาร

8. ไทแสก (The Sack) เป็นชนกลุ่มน้อยตัง้ ถิ่นฐานอาศัยอยู่ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื
ของประเทศไทย ในท้องที่จังหวัดนครพนมและจังหวัดมุกดาหาร มีภูมิลำเนาดั้งเดิมอยู่ในตอนกลางของ
สาธารณรัฐสังคมนยิ มเวียดนาม จากเอกสารหลักฐานพบวา่ มีชาวแสกอย่ใู นพนื้ ทจ่ี ังหวัด สมุทรปราการอกี ด้วย

9. ไทข่า หรือ บรู (Kha) ไทข่ามีถิ่นกำเนิดอยู่ในแขวงสะหวันเขต แขวงสาละวันและ
แขวงอตั ปอื สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว ตอ่ มาอพยพย้ายถ่ินมาอยู่ในท้องท่ีจงั หวัด มุกดาหาร เป็น
ชนเผ่าดั้งเดิมในลุ่มแมน่ ้ำโขงท่ีอาจจะสืบเช้ือสายมาจากขอมโบราณ เรียกตนเองว่า “บรู” ในปัจจุบันมีถ่ินท่ีอยู่
ใน 4 จังหวัด คือ จงั หวัดกาฬสินธ์ุ จังหวัดสกลนคร จังหวดั นครพนมและ จงั หวดั มุกดาหาร

10. ไทกะเลงิ (Kaleang) กลุม่ ชาติพนั ธุ์หนึ่งท่ีอาศยั อยูใ่ นจังหวดั สกลนคร มักจะอาศัยอยู่
ในพื้นที่ราบสงู และตามพื้นที่ไหล่เขา จากหลักฐานอพยพมาจากดินแดนฝ่ังซ้ายของแม่น้ำโขง ปัจจุบันมีการต้งั
ถ่นิ ฐานบนเทือกเขาภูพานและอำเภอกุดบาก จงั หวัดสกลนคร

54

ภาพประกอบ 14 ภาพแสดงกลมุ่ ชาติพนั ธุ์ในภาคอสี าน
ทมี่ า : ประตสู อู่ ีสาน. (2564). ชาติพันธุช์ นเผา่ ไทยในอสี าน.
สืบค้นจาก https://www.isangate.com/new/isan-ethnos.html

-สภาพภมู ิศาสตร์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน มีพื้นที่การปกครองครอบคลุม 20 จังหวัดเป็น
ภาคที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุด มีพื้นที่ประมาณ 170,218 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ 105 ล้านไร่) และมี
ประชากรมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับภาคอื่น ๆ คือ มีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศ และ มีประชากร
มากเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของประเทศหรือประมาณ 23 ล้านคน เป็นภาคที่มีพื้นที่เกษตรกรรมมากที่สุด คือ
ประมาณร้อยละ 44 ของประเทศ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ การตั้งถิ่นฐานที่มี
ประเพณีและวฒั นธรรมเปน็ เอกลักษณเ์ ฉพาะถ่นิ สบื มาชา้ นาน (สมเชาว์ บำรงุ ชยั , 2559)
ลักษณะภูมิประเทศของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่ราบสูง ทิศตะวันตก มีเทือกเขา
เพชรบูรณ์ เทือกเขาดงพญาเย็น ทิศใตม้ เี ทือกเขาสันกำแพงและเทือกเขาพนมดงรัก ตอนกลางเทือกเขาภูพาน
จึงมีแอ่ง 2 แอ่ง คือ แอ่งสกลนครมี ลุ่มน้ำสงคราม กับแอ่งโคราชมีลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำมูล พื้นที่ที่ราบสูง
ประกอบด้วย
1. ที่ราบสูงนครราชสีมา - อุบลราชธานีเป็นที่ราบสูงใจกลางของภาค เป็นพื้นที่ที่เข้าใจ
วา่ เปน็ ปากปลอ่ งภเู ขาไฟ เปน็ ที่ราบกว้างใหญบ่ นลุ่มลำนำ้ มลู
2. ที่ราบสูงอุดร - นครพนม เป็นที่ราบสูงส่วนเหนือของภาคในแถบลุ่มน้ำโขง มีพื้นที่อยู่
ใน เขต 4 จังหวดั คอื หนองคาย อุดรธานี สกลนคร และนครพนม
3. ที่ราบสงู เลย เป็นท่รี าบซ่งึ มสี ภาพเปน็ อ่างเล็กบริเวณจังหวัดเลยและหนองบัวลำภู
ลักษณะภูมิอากาศทว่ั ไปของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซ่ึงตง้ั อยูท่ างทิศตะวันออกค่อนไป
ตอนบนของประเทศมีลักษณะเป็นเทือกเขาจึงมีลักษณะภูมิอากาศเย็นและมีอากาศที่หนาวในบางพื้นท่ี ใน
ตอนบนพื้นที่ตอนกลางมีอากาศหนาวจัดไปจนถึงแห้งแล้ง ตอนล่างมีฝนตกชุกในฤดูมรสุม ปรากฏการณ์ทาง
ภูมิอากาศ คือ ลักษณะอากาศที่แล้งเป็นเรื่องปกติของภูมิภาคนี้ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีผลกระทบต่อ
ลักษณะอากาศในฤดูฝนและฤดูหนาว ในฤดูหนาวนั้นกล่าวไว้ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเริ่มหนาวเย็นเร็ว

55

กว่าภูมภิ าคใด ๆ ในประเทศ คือ เริ่มจากประมาณเดอื นตุลาคมและยาวนานไปจนถึงเดือนกุมภาพนั ธ์ ลมมรสุม
ตะวันออกเฉียงเหนือพัดมาจากมหาสมุทรแปซิฟิกผ่านเวียดนาม เทือกเขาอันนัม ประเทศลาวและเข้าสู่ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนอื ก่อนภูมิภาคอื่น ๆ ลักษณะภูมิอากาศของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความแตกต่างอย่าง
สุดขั้วในแต่ละฤดูกาล ในปัจจุบันลักษณะภูมิอากาศของภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับผลกระทบจาก
ปรากฏการณ์เปลีย่ นแปลงทางภูมอิ ากาศ (Climate Change) ทำให้เกิดสภาวะทีม่ ีความรุนแรงต่างไปจากเดิม
อาทิ พายฝุ นฟา้ คะนองในฤดูร้อน ฝนตกหนกั ในฤดหู นาว รวมไปถงึ สภาวะการเปลีย่ นแปลงทางด้านภูมิอากาศ
ในรายวนั (วชิ ญ์ จอมวญิ ญาณ,์ 2560)

ภาพประกอบ 15 ภาพแสดงภูมปิ ระเทศภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื
ทม่ี า : อทุ ยานธรณี ประเทศไทย. (2013). ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื . สืบคน้ จาก

http://www.dmr.go.th/ThailandGeopark/ AD.html

-ทรัพยากรธรรมชาติ วิชญ์ จอมวิญญาณ์ (2560) กล่าวว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้
ชอื่ วา่ เป็นภมู ภิ าคท่มี ีพ้นื ท่ีกว้างใหญ่ไพศาลทสี่ ุดในประเทศไทย จำนวนของทรัพยากรย่อมทจี่ ะมากกว่าภูมิภาค
ใด ๆ ในประเทศไทย ประกอบด้วยทรัพยากรต่าง ๆ ได้แก่ ทรัพยากรดิน ทรัพยากรน้ำทรัพยากรแร่ธาตุ
ทรัพยากรป่าไม้ อุทยานแห่งชาติต่าง ๆ เช่น เขาใหญ่ ภูกระดึง ทุ่งแสลงหลวง น้ำหนาว ฯลฯ เขตรักษาพันธุ์
สตั วป์ ่าตา่ ง ๆ และทรัพยากรสัตวก์ ารทำประมง ทรัพยากรธรรมชาติในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือมเี กลือหินและ
โพแตชเปน็ หลัก เนื่องจากลกั ษณะทางด้านภูมิประเทศและลักษณะทางธรณวี ทิ ยาทเ่ี ปน็ หินทรายและมีช้ันของ
เกลือหินแทรกอยู่ในชน้ั หินเป็นจำนวนมากเเละแพรก่ ระจายท่วั พื้นทภี่ าคตะวันออกเฉยี งเหนือ

-วัฒนธรรมประจำทอ้ งถิ่นและสภาพทางสงั คม
นภาพร อตวิ านชิ ยพงศ์ (2557) กล่าวว่า ภาพของอสี านหรือภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือใน
อดีตคือดินแดนที่เป็นสัญลักษณ์ของความแห้งแล้งและยากจน ในด้านการทำมาหากินนั้น ชุมชนหมู่บ้านใน
ภาคอีสานสามารถรักษาการผลิตแบบพอยังชีพไว้ได้ยาวนานที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับภาคอื่น ๆ ของประเทศ

56

ในปัจจุบันสงั คมอีสานมีความเปลยี่ นแปลงไปอย่างมาก พืน้ ท่ซี ่งึ เคยเป็นดินแดนแห่งความแห้งแล้งกันดารกลับ
กลายเป็นแหล่งเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรที่ในอดีตเคยปลูกได้เฉพาะในภาคอื่น ๆ เช่น ยางพารา สะตอ
และผลไม้นานาชนิด แรงงานภาคอีสานมีอยู่อย่างล้นเหลือ และเป็นแรงงานอพยพที่ไปทำงานขายแรงงาน
หรือประกอบการค้าอยู่ในกรุงเทพฯ และภาคอ่ืน ๆ จำนวนมากที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งส่งผลให้ฐานะทาง
เศรษฐกิจของคนอสี านทีอ่ าศยั อยู่ในดนิ แดนยากจนท่สี ุดของประเทศเปลย่ี นแปลงไป

อาชีพหลักของชาวบ้าน คือ การทำนา แม้ว่าชาวบ้านในหมู่บ้านจะผลิตข้าวได้เพียงพอ
ตอ่ การบริโภคหรือมีเหลือขายเพยี งเล็กน้อย ในขณะทร่ี ายได้ส่วนใหญ่มาจากการทำงานรับจ้างหรือการค้าขาย
ทั้งภายในและภายนอกหมู่บ้านของ สมาชิกในครอบครัว ในทำนองเดียวกับงานอาชีพอื่น ๆ ในหมู่บ้าน เช่น
การขายผ้าทอมือ ผลติ ภัณฑ์อาหารแปรรปู การเป็นแรงงานรับจ้างนอกระบบ ซ่ึงถูกระบุว่าเป็น “อาชีพเสริม”
กลับเป็นงานที่สร้างรายไดห้ ลักให้แกค่ รอบครัว การทำงานอาชพี เพือ่ หารายไดใ้ นชุมชนมี 3 ลักษณะ คอื

1. การทำนาและปลูกพชื เชงิ พาณิชย์อ่ืน ๆ กระบวนการทำนาท่ีเปล่ียนแปลงไปจากอดีต
และมคี วามเปน็ สมัยใหม่คือ มีการใชเ้ ครื่องจกั รในการไถนา ทั้งรถไถเดินตามและรถแทรกเตอร์เปลี่ยนจากการ
ดำนามาเป็นการทำนาหว่าน ใชร้ ถเก่ียวข้าว และมกี ารจ้างแรงงานในทุกขั้นตอนของการทำนา ภาพของชาวนา
สมยั ใหม่ จึงไมใ่ ช่ชาวชนบทท่ีใช้ชวี ิตเรียบง่ายอย่างชา้ ๆ แต่เป็นผทู้ ่ปี รับตวั ใหเ้ ข้ากับเทคโนโลยตี ่าง ๆ ท่ีตนเอง
มศี ักยภาพในการเข้าถงึ ซงึ่ ทำใหช้ าวนามโี อกาสเขา้ ถงึ รายได้มากขน้ึ

2. การเป็นแรงงานนอกระบบ เมื่อการทำนาข้าวหรือปลูกพืชเชิงพาณิชย์อื่น ๆ ไม่
สามารถเป็นรายได้หลักที่เพียงพอต่อการยังชีพ คนอีสานในหลายหมู่บ้านที่ยังไม่ต้องการอพยพไปทำงานต่าง
ถิ่น จึงต้องหันเหไปสู่การทำมาหากินโดยการเป็นแรงงานรับจ้างในชุมชนในลักษณะของการเป็นแรงงานนอก
ระบบ ด้วยการรับจ้างผลิตสิ่งต่าง ๆ เช่น การทำมอง ทำตาข่ายดักปลา รับจ้างปลูกข้าวโพดฝักอ่อน มัน
สำปะหลัง และเลีย้ งสตั ว์ ฯลฯ

3. การขายสินค้าทีผ่ ลิตจากอัตลกั ษณ์ของชุมชน ในสังคมชนบทอีสานสมัยใหม่ชาวบา้ น
ต้องดิ้นรนหารายได้ โดยการนำเอาอัตลักษณ์ของชุมชนที่มีอยู่ดั้งเดิมมาทำให้เป็นสินค้า เช่น การทอผ้าใช้เอง
ของชาวบ้านในภาคอีสานถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของการผลิตแบบพอยังชีพ ซึ่งพบว่าในหมู่บ้านแทบทุก
ครัวเรือนในหลายจังหวัดภาคอีสานยังเข็นฝ้ายและทอผ้าใช้เอง แต่ปัจจุบันพบว่า วัฒนธรรมการทอผ้าด้วยมือ
ไดเ้ ปลย่ี นจากลักษณะการผลติ แบบพอยงั ชีพ เพือ่ ใชเ้ องในครวั เรอื นไปสู่การผลติ เพอ่ื ตอบสนองธุรกิจชุมชนตาม
ยคุ สมยั ท่เี ปลีย่ นไปดว้ ย

-ประเพณแี ละวฒั นธรรมประจำทอ้ งถ่นิ ที่สำคญั ท่ีมีอิทธิพลตอ่ การใชช้ ีวิต และความเชื่อที่
พบในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ได้แก่

1. ประเพณีฮีตสบิ สองคองสบิ ส่ี ฮตี หมายถงึ จารตี ประเพณี คอง หมายถึง แนวทาง รอย
ทาง คำว่า ฮีตคอง จึงหมายถงึ จารตี ประเพณีหรือวิถีปฏิบัติของชาวบา้ นในการรักษาขนมธรรมเนียม ประเพณี
ของทอ้ งถน่ิ เอาไวอ้ ยา่ งยัง่ ยนื ฮตี สิบสอง คอื ประเพณี 12 เดอื นของไทยอีสาน ได้แก่

ฮตี ท่ี 1 เดอื นเจยี งหรอื เดอื นอา้ ย ใหพ้ ระภิกษสุ งฆเ์ ขา้ ปรวิ าสกรรม
ฮตี ท่ี 2 เดอื นยี่ ให้ทำบุญคนู ลาน

57

ฮตี ท่ี 3 เดือนสาม ใหท้ ำบุญขา้ วจี่
ฮีตท่ี 4 เดอื นสี่ ให้ทำบุญผะเหวด
ฮีตท่ี 5 เดือนหา้ ให้ทำบุญสรงนำ้ และข้ึนปีใหม่ (สงกรานต์)
ฮตี ที่ 6 เดือนหก ใหท้ ำบญุ บงั้ ไฟ
ฮีตที่ 7 เดือนเจ็ด ใหท้ ำบญุ ซำฮะ
ฮีตท่ี 8 เดอื นแปด ให้ทำบุญเขา้ วัดสา (เข้าพรรษา)
ฮตี ที่ 9 เดอื นเกา้ ให้ทำบุญข้าวประดับดนิ
ฮีตท่ี 10 เดือนสบิ ใหท้ ำบญุ ขา้ วสาก (กระยาสารท)
ฮตี ที่ 11 เดือนสบิ เอด็ ใหท้ ำบญุ ออกวดั สา (ออกพรรษา)
ฮีตที่ 12 เดอื นสบิ สอง ให้ทำบุญกฐิน
2. คองสิบสี่ เป็นแนวปฏิบัตติ นให้ดงี าม ดงั นี้
คองท่ี 1 เมอ่ื ได้ขา้ วใหม่ หรอื ผลผลติ ใหม่ ผูเ้ ป็นเจ้าของอย่าเพง่ิ กิน ต้องนำไปทำทานให้ผู้
มศี ีลกอ่ น แล้วตนเองคอ่ ยกนิ ภายหลัง และใหน้ ำผลผลิตนน้ั ไป แจกจ่ายญาตพิ ่ีน้องดว้ ย
คองที่ 2 อย่าโกงตาชั่ง อย่าปล่อยเงินกู้ อย่าปลอมแปลงเงินตรา และอย่ากล่าววาจา
หยาบชา้ กลา้ แข็งตอ่ กนั
คองที่ 3 ให้พร้อมกันทำรั้วหรือกำแพงล้อมวัดวาอารามและบ้านเรือนของตน แล้วปลูก
หอเทวดาไว้ 4 มมุ ของหมู่บา้ น และ 4ดา้ นของเรือนตน
คองท่ี 4 ให้ลา้ งเทา้ กอ่ นขนึ้ เรอื นทุกครงั้
คองที่ 5 เมื่อถึงวันพระ 7 ค่ำ 8 ค่ำ 14 ค่ำ 15 ค่ำ ไม่ว่าข้างขึ้นหรือขา้ งแรม ให้สมา (ขอ
ขมา) ก้อนเส้า เรือนไฟ แม่บนั ได และประตเู รอื น
คองที่ 6 ใหล้ า้ งเท้ากอ่ นเข้านอนตอนกลางคืนทกุ คร้ัง
คองที่ 7เมื่อถึงวันพระวันศีลให้ภรรยาจัดดอกไม้ขอขมาสามี และให้ นำดอกไม้ธูปเทียน
ไปถวายพระสงฆ์
คองที่ 8 เม่อื ถึงวันศลี ดับ (วันแรม 14 ค่ำเดอื นค่ี หรือ 15 ค่ำเดือน ค่)ู ศลี เพ็ง (วนั ขึ้น 15
คำ่ ของทุกเดอื น) ให้นิมนตพ์ ระสงฆ์เจรญิ พระพุทธมนตท์ ี่ บ้านเรอื นของตน แลว้ ทำบญุ เลย้ี งพระ
คองที่ 9 เม่ือภกิ ษมุ าบณิ ฑบาตอย่าปลอ่ ยให้ท่านยนื คอย เวลาใส่บาตร (ตักบาตร) อย่าให้
มือถูกบาตรและถูกตัวภิกษุสามเณร ขณะใส่บาตรนั้นอย่าสวมรองเทา้ กางร่ม เอาผ้าคลุมศีรษะ อุ้มหลานหรือ
ถืออาวธุ ตา่ ง ๆ
คองที่ 10 เมื่อภิกษุเข้ามาอยู่ปริวาสกรรม ให้จัดดอกไม้ ธูป เทียน และเครื่องอัฐบริขาร
ไปถวายทา่ น
คองที่ 11 เมอ่ื เหน็ ภิกษสุ งฆ์เดินผ่านมา ให้น่ังลงยกมอื ไหว้กอ่ นแลว้ จึงเจรจา
คองท่ี 12 อย่าเหยียบเงาภิกษผุ ้มู ีศีลบริสทุ ธ์ิ
คองที่ 13 อยา่ นำอาหารทต่ี นหรอื ผอู้ น่ื กินแล้วไปถวายพระสงฆ์หรือเอาไวใ้ หส้ ามีกนิ

58

คองที่ 14 อย่าเสพกามคุณในวันศีลหรือวันพระ วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา วัน
มหาสงกรานต์ และวนั เกดิ ตน

ฮตี สบิ สองคองสิบสีน่ ับว่าเปน็ จารีตประเพณีทช่ี าวอีสานให้ความสำคัญในการปฏิบัติตาม
ทั้งการทำบุญตามประเพณี และการยึดวิถีปฏิบัติเพื่อให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมที่ได้สั่งสม
และสง่ั สอนสบื ต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน

3. เรือนสามนำ้ สี่ เป็นแนวทางการอบรมสงั่ สอนกลุ สตรีไทย ชาวอีสานได้สืบทอดคำสอน
นไ้ี วส้ อนลูกสาว โดยถือว่าหญิงดตี อ้ งมีเรือนสามน้ำสี่ จงึ จะเป็นแม่ศรเี รอื นเปน็ ภรรยาและแม่ท่ดี ี

เรือนสาม ไดแ้ ก่ เรือนผม เรอื นกาย เรอื นนอน ดังนี้
- เรอื นผม หมายถึง ผมสะอาดงดงาม
- เรอื นกาย หมายถึง รา่ งกายสะอาดการแต่งกายดี
- เรือนนอน หมายถงึ ท่ีอยู่อาศัย เปน็ ผู้ดูแลรกั ษาบ้านเรอื นสะอาด สวยงาม
น้ำสี่ ไดแ้ ก่ น้ำมอื น้ำใช้ น้ำใจ น้ำคำ ดังน้ี
- น้ำมือ หมายถงึ มฝี มี อื ในการทำอาหาร และการเย็บปักถกั ร้อย
- น้ำใช้ หมายถึง น้ำดื่มน้ำใช้ ดูแลให้มีพร้อมอยู่เสมอ โอ่งต้องไม่แห้ง โบราณหมายถึง
“น้ำเต้าปูน” ด้วย น้ำเต้าปูนคือน้ำหล่อเต้าปูนที่ ใช้กินกับหมาก ประเพณีเดิมของไทย เวลาแขกไปใครมา
จะต้องต้อนรับด้วยการเชิญ กินหมาก น้ำในข้อนี้จึงมีความหมายครอบคลุมถึงการมีกิริยามารยาทในการ
ต้อนรบั แขกได้เปน็ อยา่ งดเี ป็นแมบ่ ้านท่ีมีความรอบคอบดแู ลทกุ สิ่งทุกอย่างไดด้ ี
- นำ้ ใจ หมายถึง เป็นผู้มีจิตใจอันประเสริฐ
- น้ำคำ หมายถึง เป็นผู้มีวาจาอนั ไพเราะ ทั้งเรือนสามและน้ำสี่ เป็นคำสอนที่ปลูกฝังลกู
สาวชาวอีสานให้มีคุณสมบตั ิของแม่ศรเี รือน รักษาความงามทั้งภายนอกและภายใน จึงกล่าวได้ว่า “เรือนสาม
น้ำส่”ี เปน็ คำสอนกุลสตรีอสี านจากร่นุ ป่ยู ่าตายายสบื ทอดมาจนถงึ ปจั จุบนั (อรัญญา แสนสระ, 2560)

59

ภาพประกอบ 16 ภาพแสดงประเพณีฮตี สิบสองคองสบิ ส่ี ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื
ที่มา : ศลิ ปวฒั นธรรมอีสาน, (2013). ฮีตสิบสองคองสบิ ส่.ี

สืบค้นจาก https://www.m-culture.go.th/mahasarakham/ewt_news.php?nid=2266&filename=index

60

-คติความเชอ่ื
คติความเชื่อของชาวอีสานได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เป็นการผสาน ความเชื่อ
ทางพระพุทธศาสนาเข้ากับความเชื่อเรื่องผีและพิธีกรรมของพราหมณ์ สังเกตได้จากการทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ
เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งผีบรรพบุรุษ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยปกปักรักษา ปกป้องคุ้มครอง
ลูกหลานให้อยู่อย่าง ร่มเย็นเป็นสุขตลอดไป นอกจากผีบรรพบุรุษแล้ว ยังมีความเชื่อเรื่องชนิดต่าง ๆ อีก
มากมาย เช่น ความเชื่อที่มักจะปรากฏในพิธีกรรมของชาวอีสานอีกอย่างหนึ่งคือ ความเชื่อเรื่องการขอฝน
เนื่องจากสภาพภูมิอากาศอีสานมีความแห้งแล้ง การทำพิธีขอฝนจากพญาแถน (เทวดา) จึงเกิดขึ้นในรูปแบบ
ของ“บุญบั้งไฟ” และ “การแห่นางแมว” เชื่อว่าการทำเช่นนี้จะทำให้พญาแถนปล่อยให้ฝนตกลงมายังโลก
มนุษย์เมื่อฝนตกตามฤดูกาลแล้วชาวบ้านจะได้เตรียมหว่านไถทำนาได้ นอกจากนี้คนอีสานยังมีความเชื่อเร่อื ง
“ขวัญ” ซงึ่ หมายถงึ “วญิ ญาณ” รวมกับคำวา่ “ม่ิง” ซ่งึ หมายถงึ “ชีวติ ” มงิ่ ขวญั จงึ หมายถึงชีวิตและวิญญาณ
เมอ่ื ใดที่ขวญั หาย แสดงว่าวญิ ญาณออกจากรา่ งจะทำให้เจ้าของร่างไม่สบายหรือเกดิ อันตรายถงึ แกช่ วี ิต วิธีการ
แก้ไขคือการทำพิธี “ช้อนขวัญ”โดยนำเอาสวิงและข้องเป็นเคร่ืองมือประกอบพิธีกรรม หมอขวัญจะนำสวิงไป
ช้อนขวญั บริเวณที่มคี นประสบอุบัติเหตุแล้วเทขวัญใส่ข้องเอาผ้าขาวคลุมไว้ไมใ่ ห้ขวัญหายไปอีก ความเชื่อและ
พิธกี รรมเชน่ น้จี ะทำให้ผู้ทเ่ี สยี ขวัญมีกำลังใจและหายปว่ ยในเรว็ วัน

2. ภมู ปิ ญั ญาในการสร้างสรรคง์ าน

“มรดก ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม” หมายถึง ความรู้ การแสดงออก การประพฤติปฏิบัติหรือ
ทักษะทางวัฒนธรรมท่ีแสดงออกผา่ นบุคคล เครื่องมือ หรือวัตถุ ซึ่งบุคคล กลุ่มบุคคล หรือชุมชน ยอมรับและ
รู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน และมีการสืบทอดกันมาจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง โดยอาจมีการปรับเปลี่ยน
เพื่อตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมของตน ทั้งนี้จะสังเกตได้ว่ามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม มุ่งเน้นการ
ถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง โดยเป็นสิ่งซึ่งชุมชนและกลุ่มชนสร้างขึ้นมาอย่าง สม่ำเสมอเพ่ือ
ตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมของตน และเป็นปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาที่มีต่อธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของ
ตน และทำให้คนเหล่านั้นเกิดความภาคภูมิใจในตัวตนและความรู้สึกสืบเนื่อง ก่อให้เกิดความเคารพต่อความ
หลากหลายทางวัฒนธรรมและการคิด สร้างสรรค์ของมนุษย์ (กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม,
2561)

ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสานเป็นผลของพัฒนาการการปรับตัวและปรับวิถีชีวิตของคนไท ลาวและ
กลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆที่อยู่ร่วมกันในธรรมชาติแวดล้อมรายรอบอาณาบริเวณที่ราบสูงกว้างใหญ่ เนื่องจาก
วัฒนธรรมอีสานกับวัฒนธรรมลาวทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขงมีความสัมพันธ์เชิงชาติพันธ์ุและเชิงอำนาจ
ใกลช้ ิดกนั มาก อีกทง้ั มีการอพยพเคล่ือนย้ายประชากรต่อเนื่องไม่ขาดสาย โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ จากฝ่ังตะวันออก
มาสู่ฝั่งตะวันตกในสมัยรัตนโกสินทร์ วิถีชีวิตของสองฝั่งจึงคล้ายคลึงกันมาก โดยเฉพาะบริเวณแอ่งสกลนคร
และอีสานตอนบนนั้นมีรากฐานร่วมกันมากับอาณาจักรล้านช้างเช่นเดียวกับล้านนา ในขณะเดียวกันบริเวณ
อีสานใต้ก็ได้รับอิทธิพลอารยธรรมขอม ส่วนแอ่งโคราชก็ได้รับอิทธิพลอารยธรรมกรุงศรีอยุธยาและกรุง
รัตนโกสินทร์ตลอดมา ดังนั้นสังคม วัฒนธรรมและภูมิปัญญาอีสานจึงมีความเหมือนและความแตกต่างท่ี
หลากหลายมากตามเหตุปัจจัยทางภูมิประเทศและเงื่อนไขทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม

61

ลักษณะร่วมของภมู อิ ากาศ ระบบนิเวศ อิทธิพล ของพุทธศาสนา วัฒนธรรมข้าวและสายสัมพนั ธท์ างชาติพนั ธ์ุ
ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีอิทธิพลในการหล่อหลอมวิถีชีวิตของชาวอีสาน โดยรวม และเกื้อกูลให้เกิด
พัฒนาการทางภูมิปัญญาที่มีลักษณะเด่นเป็นแบบอย่างเฉพาะของอีสาน ซึ่งอาจนำมาสืบสานหรือประยุกต์ให้
เกิดประโยชนใ์ นบริบทใหม่แหง่ ปัจจุบนั และอนาคตได้ (เอกวิทย์ ณ ถลาง, 2544)

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม, (2561) อ้างถึง ตัวอย่างงานหัตถกรรมภูมิปัญญา
ท้องถิ่นที่สามารถสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิ
ปัญญาทางวฒั นธรรมของชาติ ประจำปพี ุทธศกั ราช 2561 ได้แก่

1. ผ้าและผลิตภัณฑ์จากผ้า ได้แก่ ผ้าขาวม้า, ผ้าทอไทพวน, ผ้าทอไทยวน, ผ้าทอผู้ไทย,
ผา้ ทอเมืองอบุ ลฯ, ผา้ แพรวา, ผา้ มัดหม่ี และผ้าย้อมคราม

2. เคร่อื งจกั สาน ได้แก่ เคร่ืองจักสานไมไ้ ผ่
3. เครื่องโลหะ ได้แก่ เครื่องเงินไทย, เครื่องทองเหลืองบ้านปะอาว, ฆ้องบ้านทรายมูล
และประเกือมสุรนิ ทร์
4. เคร่อื งไม้ ไดแ้ ก่ เกวยี นสลักลาย, เรอื นไทยพืน้ บา้ นดง้ั เดิม และเรอื นโคราช
5. งานศลิ ปกรรมพืน้ บ้าน ไดแ้ ก่ งานช่างตอกกระดาษ, บายศรี และปราสาทผง้ึ
6. ผลติ ภัณฑอ์ ย่างอ่นื ได้แก่ เครอื่ งบชู าอย่างไทย
2.1 การสรา้ งสรรค์ผลงานจากภูมิปญั ญา
ในด้านวัสดุและเครื่องมือในการสร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ สุชาติ สุขนา (2563) สรุปว่า งานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นั้น มหี ลากหลายทง้ั รปู แบบและกรรมวธิ ีการผลติ ส่วนมากเป็นเครื่องมือเคร่ืองใช้ที่จำเปน็ ต่อการดำรงชีพ เพื่อ
ตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน และเพื่อตอบสนองความต้องการด้านจิตใจ ความเชื่อ และประเพณี ซึ่ง
หัตถกรรมและศิลปหัตถกรรม ศิลปหัตถกรรมท้องถิ่นอีสานสามารถจำแนกออกเป็นหมวดหมู่ โดยคำนึงถึง
ลกั ษณะและวัสดุเป็น เกณฑ์ได้ 9 ประเภท คือ
1. ผ้าและผลติ ภัณฑจ์ ากผ้า หมายความวา่ งานท่สี ร้างสรรคข์ ึน้ จากเส้นใย ดว้ ยกรรมวิธี

ในการผลิต เช่น ทอ ถัก ปัก ตีเกลียว มัดหมี่ ขิด ยก จก เกาะล้วง พิมพ์ลาย ย้อม
หรอื กรรมวิธอี ืน่ ท่ีเกยี่ วข้องกบั การผลิตผ้าและผลติ ภัณฑจ์ ากผ้า
2. เครื่องจักสาน หมายความว่า งานที่สร้างสรรค์จากวัตถุดิบ ด้วยกรรมวิธีในการผลติ
เช่น จักตอก สาน ถัก ผูกรัด มัด ร้อย หรือกรรมวิธีอ่ืนที่เกี่ยวขอ้ งกับการผลติ เครือ่ ง
จักสาน
3. เครอ่ื งรัก หมายความวา่ งานท่ีใชย้ างรักเป็นวัสดุสำคัญ ดว้ ยกรรมวธิ ีในการผลติ เช่น
ถม ทับ ปิดทองรดน้ำ กำมะลอ ประดับมุก ประดับกระจกสี ประดับกระดูก ป้ัน
กระแหนะ หรือกรรมวธิ ีอนื่ ท่ีเกย่ี วข้องกับการผลติ เครอ่ื งรกั
4. เครื่องปั้นดินเผา หมายความว่า งานที่สร้างจากดินเป็นวัสดุหลัก ด้วยวิธีการปั้น ผึ่ง
แหง้ เผาเคลือบ หรอื วิธีการอ่ืนทเ่ี กยี่ วข้องกบั การผลติ เคร่ืองปน้ั ดินเผา

62

5. เคร่อื งโลหะ หมายความว่า งานท่ีสรา้ งสรรคจ์ ากโลหะเป็นวสั ดหุ ลกั ดว้ ยกรรมวิธี ใน
การผลิต เช่น หลอม เผา ตี หล่อ ตัด ติด ขดั เจียร เช่ือม หรือกรรมวิธีอน่ื ที่เกี่ยวข้อง
กบั การผลิตเครอ่ื งโลหะ

6. เครื่องไม้ หมายความว่า งานที่สร้างสรรค์จากไม้เป็นวัสดุหลัก ด้วยกรรมวิธี ในการ
ผลิต เช่น แปรรูป ตัด เลื่อย แกะ สลัก สับ ขุด เจาะ ถาก กลึง ขูด ขัด ตกแต่งผิว
หรอื กรรมวิธอี นื่ ท่เี กี่ยวขอ้ งกับการผลติ เครื่องไม้

7. เครื่องหนัง หมายความว่า งานที่สร้างสรรค์จากหนังสตั ว์เปน็ วัสดุหลัก ด้วยกรรมวธิ ี
ในการผลิต เช่น หมัก ฟอก ตากแห้ง ตัด เจาะ ฉลุ ลงสี หรือกรรมวิธอี ื่นที่เกี่ยวขอ้ ง
กบั การผลิต เครอ่ื งหนัง

8. เคร่อื งประดับ หมายความว่า งานทีป่ ระดิษฐ์จากวัสดุ เชน่ หิน เปลือกหอย โลหะ มี
คา่ และอญั มณี ด้วยกรรมวธิ ีในการผลติ เช่น หลอม หล่อ ดงึ ตี ทุบ บุ ดุน เลยี่ ม แกะ
สลัก ร้อย เชอ่ื ม ตดิ หรอื กรรมวิธอี ืน่ ทเ่ี ก่ียวข้องกับการผลิตเครื่องประดับ

9. งานช่างฝีมอื ด้ังเดิมท่ีไม่สามารถจัดอยู่ใน 8 ประเภทที่กลา่ วมาข้างตน้ เช่น ปราสาท
ศพ งานช่างแทงหยวก หรืองานอื่นทเี่ กีย่ วขอ้ งกับงานช่างฝมี ือดัง้ เดิม

ในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยแรงบันดาลใจจากภูมิปัญญาไทยนั้น สามารถศึกษา
เช่นเดียวกับเนื้อหาที่ได้เรียนในบทที่ 2 ภาคเหนือ ซึ่งประกอบด้วย ทางรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย
ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจนพื้นผิวและวัสดุ และนามธรรม (Intangible) ซึ่งได้แก่ ความซาบซ้ึง
ในเรื่องราว คุณค่าและความหมาย จิตวิญญาณที่แฝงอยู่ในภูมิปัญญา ปรัชญาแนวคิด การแก้ปัญญาเชิง
ความคิดและเชิงช่าง โดยตัวอย่างของขั้นตอนของการสร้างสรรค์ผลงานจากภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรม
พื้นบา้ นของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื มีดังนี้

3. แนวทางการศกึ ษาผลงานศลิ ปหัตถกรรมไทยภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื

สุชาติ สุขนา (2563) กล่าวว่า ศิลปะพื้นบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรืออีสานมีลักษณะ
ดังนี้ มีความงามในความพอเหมาะพอดี มีความเรียบง่ายไม่รกรุงรัง ดูดิบ ๆ หยาบ ๆ มีความคิดสร้างสรรค์ที่
เป็นอิสระ ไม่ยึดติดกรอบกฎเกณฑ์ มีความสนุกสนานและมีสุนทรียภาพในการสร้างสรรค์แบบไร้เดียงสา ยัง
แสดงให้เห็นถึงความสมถะพอเพยี ง ออ่ นนอ้ มถ่อมตน นอกจากนีร้ ูปทรงท่ีใช้จะดูมีพลงั ในลักษณะไม่อ่อนหวาน
นุ่มนวล เป็นรูปแบบพื้นบ้านที่บริสุทธิ์ รูปแบบผลงานของกลุ่มชนในท้องถิ่นในแต่ละท้องถิ่นจะแสดงถึงความ
เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนให้ปรากฏคุณค่าเด่นชัดเกี่ยวกับวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม ขนบประเพณีของสังคม
รูปแบบดงั กลา่ วไม่วา่ จะเปน็ รปู ธรรมและนามธรรม จะเกดิ ขน้ึ จากอิทธพิ ลของส่ิงแวดล้อมและสภาวะทางสังคม
ซึ่งมีความสัมพันธ์กับความงามและความเป็นอยู่ของคนในสังคมในด้านต่างๆ ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษสืบทอดมา
จนถึงปัจจุบันและรูปแบบนั้นก็ยังถูกดำเนินการต่อไปในอนาคตอย่างไม่หยุดย้ัง ส่วนมากศิลปะอีสานจะจัดอยู่
ในรูปศิลปประยุกต์ (Applied Art) เพราะมีความสัมพันธ์กับงานช่างหรือการฝีมือ (Craft) รวมทั้งความเชื่อท่ี
สัมพนั ธ์กับความเปน็ อยูข่ องกลุ่มชนในทอ้ งถน่ิ อีสาน ซึง่ มศี ิลปะทปี่ รากฏใหเ้ หน็ อยู่หลายประการ

63

3.1 แนวทางการศกึ ษาผลงานศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ
แนวคิดในการศึกษาพัฒนาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยไม่ว่าภาคอะไร ควรเริ่มจากการ

สร้างความเขา้ ใจในคุณคา่ ของงานหัตถกรรมนั้นๆทง้ั ทางรปู ธรรม (Tangible) และนามธรรม (Intangible) รวม
ไปถึงความร้ใู นเรอื่ งวัสดุ กระบวนวธิ ีการผลิต ทกั ษะที่ตอ้ งใช้ ร่วมกับความเขา้ ใจในเรื่องราว ทศั นคติ ความเชื่อ
และบรบิ ทของกลมุ่ ชา่ งงานหัตถกรรม การศกึ ษาถงึ คณุ ค่าทเ่ี ปน็ ที่ตอ้ งการในงานหตั ถกรรม 3 ประการ คือ

1. คุณค่าทางความงามที่ได้รับด้านจิตใจ ประสบการณ์ด้านความรูส้ ึกที่ผู้ใช้จะได้รับจาก
การสัมผัสกับความเปน็ ธรรมชาติ

2. คุณค่าจากงานที่ทำด้วยมือใช้ความชำนาญเป็นพิเศษเทคนิคที่ใช้ในการทำงาน
หตั ถกรรมรว่ มกับประโยชนใ์ ชส้ อยทเ่ี หมาะสมกบั ปัจจบุ ันในรูปแบบทห่ี ลากหลาย

3. การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น การนำเสนอด้านลวดลาย เทคนิคการผลิตงานท่ี
หลากหลายนา่ สนใจ การผสมผสานกับวสั ดุอืน่ ๆ การผสมผสานการผลติ ดั้งเดิมกับเทคโนโลยีการผลติ สมัยใหม่

เพราะฉะนั้นในการศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นไม่ได้
แตกต่างจากภาคอื่น นิสิตควรรู้จักวัสดุพื้นบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและกระบวนการผลิตงาน
หัตถกรรมที่สำคัญ และควรให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาของช่างในการผลิต การสร้างความเข้าใจในเรื่องราว
ทัศนคติ ความเชอื่ และบรบิ ทของงานศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ด้วย

3.2 ตวั อย่างการศกึ ษาผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ
เมื่อนิสิตได้เรียนรู้แนวทางการศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคตะวันออกเฉียง เหนือ

แล้ว จำเป็นที่จะต้องศึกษาวิเคราะห์ผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อทำให้เกิดการ
ตระหนักรูแ้ ละสรา้ งความเข้าใจมากยิ่งข้ึน ซ่งึ ตัวอยา่ งงานหตั ถกรรมภมู ิปัญญาท้องถิ่นที่ควรค่าแก่การศึกษา จาก
ขอ้ มูลของกรมส่งเสรมิ วัฒนธรรม กระทรวงวฒั นธรรม (2561) ได้แก่

3.2.1 ผา้ แพรวา, ผา้ มัดหมี่ และผา้ ย้อมคราม

64

ภาพประกอบ 17 ภาพแสดงผา้ แพรวา ผา้ มดั หม่ี และผ้าย้อมคราม ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
ท่ีมา : www.เทย่ี วอีสาน.com (2563). ผ้าทออสี าน.
สืบคน้ จาก http://i-san.tourismthailand.org/6893/

-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พนื้ ผิวและวสั ดุ

(ใหน้ ิสติ เขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ได้แก่ ความซาบซึ้งในเร่ืองราว คุณค่าและความหมาย จิต
วญิ ญาณที่แฝงอยใู่ นภมู ปิ ัญญา ปรัชญาแนวคดิ

(ใหน้ สิ ติ เขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวิธีในการผลิต

(ใหน้ สิ ติ เขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-คณุ คา่ ท่เี ป็นทต่ี ้องการในงานหัตถกรรม ได้แก่ คณุ ค่าทางความงามที่ไดร้ บั ด้านจิตใจ คณุ คา่ จากงานที่
ทำดว้ ยมือใชค้ วามชำนาญเป็นพิเศษ และคณุ คา่ จากการคิดค้นนวตั กรรมใหม่ ๆ

(ใหน้ สิ ิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

65

3.2.2 เครือ่ งจกั สาน ไดแ้ ก่ เคร่อื งจักสานไมไ้ ผ่

ภาพประกอบ 18 ภาพแสดงเคร่อื งจกั สานไมไ้ ผ่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื
ที่มา : ประตสู ู่อสี าน. (2564). เครอื่ งจกั สาน ทเ่ี ป็นเครอื่ งใชใ้ นชีวติ ประจำวนั .
สืบค้นจาก https://www.isangate.com/new/32-art-culture/knowledge/559-jak-san-isan.html

-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พืน้ ผวิ และวัสดุ

(ใหน้ ิสติ เขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ได้แก่ ความซาบซึง้ ในเร่ืองราว คณุ ค่าและความหมาย จิต
วญิ ญาณทแี่ ฝงอยูใ่ นภมู ปิ ัญญา ปรัชญาแนวคดิ

(ให้นสิ ิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวธิ ใี นการผลิต

(ใหน้ สิ ติ เขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-คณุ ค่าที่เป็นที่ต้องการในงานหัตถกรรม ได้แก่ คุณค่าทางความงามที่ไดร้ บั ด้านจิตใจ คุณค่าจากงานท่ี
ทำด้วยมือใชค้ วามชำนาญเป็นพิเศษ และคณุ คา่ จากการคดิ ค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ

(ให้นสิ ิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

66

3.2.3 เครื่องโลหะ ได้แก่ เครื่องเงินไทย, เครื่องทองเหลืองบ้านปะอาว, ฆ้องบ้านทราย
มลู และประเกือมสุรินทร์

ภาพประกอบ 19 ภาพแสดงเครอื่ งทองเหลืองบา้ นปะอาว, ฆ้องบ้านทรายมลู และประเกอื มสรุ นิ ทร์
ท่ีมา : ประตสู อู่ ีสาน. (2564). เครอ่ื งเงนิ .

สบื คน้ จาก https://woodychannel.com/ban-pa-ao.html

-การศึกษาทางดา้ นรปู ธรรม (Tangible) ไดแ้ ก่ เสน้ สาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รปู ทรง สีสนั ตลอดจนพืน้ ผวิ
และวสั ดุ

(ใหน้ ิสติ เขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ได้แก่ ความซาบซึง้ ในเร่ืองราว คุณคา่ และความหมาย จิต
วญิ ญาณทแี่ ฝงอย่ใู นภูมปิ ัญญา ปรชั ญาแนวคิด

(ใหน้ สิ ติ เขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวิธใี นการผลติ

(ให้นสิ ติ เขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-คุณคา่ ท่เี ป็นทีต่ อ้ งการในงานหัตถกรรม ได้แก่ คุณคา่ ทางความงามที่ได้รับด้านจติ ใจ คณุ คา่ จากงานท่ี
ทำด้วยมือใชค้ วามชำนาญเปน็ พเิ ศษ และคณุ ค่าจากการคิดคน้ นวตั กรรมใหม่ ๆ

67

(ให้นสิ ิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

3.2.4 เครือ่ งไม้ ไดแ้ ก่ เกวียนสลักลาย, เรอื นไทยพื้นบ้านด้ังเดมิ และเรือนโคราช

ภาพประกอบ 20 ภาพแสดงเกวยี นสลกั ลาย, เรอื นไทยพ้นื บ้านดง้ั เดมิ และเรือนโคราช
ท่ีมา : พิพิธภัณฑใ์ นประเทศไทย ศนู ย์มานุษยวทิ ยาสริ ินธร (องค์การมหาชน). (2555). เฮอื นอีสาน (บ้านคนอสี าน).

สืบค้นจาก https://db.sac.or.th/museum/museum-detail/589

-การศกึ ษาทางดา้ นรูปธรรม (Tangible) ไดแ้ ก่ เสน้ สาย ลวดลาย รปู ลกั ษณ์ รปู ทรง สีสนั ตลอดจนพื้นผิว
และวสั ดุ

(ให้นิสติ เขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ได้แก่ ความซาบซงึ้ ในเร่ืองราว คณุ คา่ และความหมาย จิต
วิญญาณทแ่ี ฝงอยู่ในภมู ิปญั ญา ปรัชญาแนวคิด

(ใหน้ สิ ติ เขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

68

-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวธิ ีในการผลิต

(ให้นิสิตเขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-คณุ คา่ ท่เี ป็นทีต่ ้องการในงานหัตถกรรม ไดแ้ ก่ คณุ คา่ ทางความงามที่ได้รับด้านจติ ใจ คุณค่าจากงานท่ี
ทำด้วยมอื ใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ และคณุ คา่ จากการคดิ ค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ

(ใหน้ สิ ติ เขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

3.2.5.งานศลิ ปกรรมพ้ืนบ้าน ได้แก่ งานช่างตอกกระดาษ, บายศรี และปราสาทผ้ึง

ภาพประกอบ 21 ภาพแสดงบายศรี และปราสาทผึ้ง
ท่มี า : เทศกาลต่าง ๆ ในประเทศไทย. (2564). พานบายศร.ี
สบื คน้ จาก https://sites.google.com/site/thukkhphukhuphphkhiphuu/prapheni-hae-prasath-phung-laea-ngan-

khaengkhan-reux-yaw-canghwad-sklnkhr

-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พ้ืนผวิ และวสั ดุ

(ให้นสิ ติ เขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

69

.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ไดแ้ ก่ ความซาบซ้งึ ในเรื่องราว คุณคา่ และความหมาย จิต
วิญญาณทแ่ี ฝงอยใู่ นภมู ิปัญญา ปรชั ญาแนวคิด

(ใหน้ ิสิตเขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวธิ ีในการผลติ

(ให้นสิ ติ เขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

-คุณคา่ ทเ่ี ป็นทต่ี ้องการในงานหัตถกรรม ได้แก่ คุณค่าทางความงามท่ีได้รบั ด้านจติ ใจ คุณค่าจากงานที่
ทำดว้ ยมอื ใช้ความชำนาญเปน็ พิเศษ และคุณคา่ จากการคิดค้นนวตั กรรมใหม่ ๆ

(ใหน้ ิสิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................

4. สรุป

ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากอดีตตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มา
จนถึงในปัจจุบันประกอบด้วยหลากหลายวัฒนธรรม ชาติพันธุห์ รือชนเผ่าพ้ืนเมอื งในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื
มีความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น แต่ละชาติพันธุ์อาศัยอยู่
ในแตล่ ะพนื้ ที่ภายในภูมิภาคส่งผลให้มีการสร้างขา้ วของเคร่ืองใชอ้ ุปกรณ์ท่สี ะท้อนถงึ ความแตกตา่ งหลายหลาย
ทางวฒั นธรรมเชน่ กัน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื หรือภาคอีสาน เป็นภาคท่ีมพี ื้นที่ขนาดใหญท่ ่ีสุดประมาณ 1 ใน 3 ของ
ประเทศ และมีประชากรมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับภาคอื่น ๆ นอกจากนี้ยังเป็นภาคที่มีพื้นที่เกษตรกรรม
มากที่สุดและเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ การต้ังถิ่นฐานที่มีประเพณีและวัฒนธรรมเป็น
เอกลักษณ์เฉพาะถิ่นสืบมาช้านาน ลักษณะภูมิประเทศที่โดดเด่นของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือประกอบด้วยท่ี
ราบสูงใหญ่ ๆ 3 ท่ี ได้แก่ ที่ราบสูงนครราชสีมา ที่ราบสูงอุดรและที่ราบสูงเลย ลักษณะภูมิอากาศทั่วไปของ
ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือมลี ักษณะภูมิอากาศเยน็ และมีอากาศท่ีหนาวในบางพืน้ ทใี่ นตอนบน พนื้ ท่ีตอนกลางมี
อากาศหนาวจัดไปจนถึงแห้งแล้ง ตอนลา่ งมฝี นตกชุกในฤดูมรสุม ลักษณะปรากฏการณ์ทางภูมิอากาศท่ีสำคัญ
คืออากาศทแี่ หง้ แลง้ เปน็ เรือ่ งปกติของภูมภิ าค

ทรัพยากรธรรมชาติของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมากกว่าภูมิภาคอื่น ๆ ได้แก่ ทรัพยากรดิน
ทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรแร่ธาตุ ทรัพยากรป่าไม้ อุทยานแห่งชาติต่าง ๆ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าต่าง ๆ และ
ทรพั ยากรสัตว์การทำประมง

70

สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมประจำท้องถิ่น การทำงานอาชีพเพื่อหารายได้ในชุมชน
มี 3 ลักษณะ คือ การทำนาและปลูกพืชเชงิ พาณชิ ย์อื่น ๆ การเป็นแรงงานนอกระบบและการขายสินค้าทีผ่ ลิต
จากอัตลักษณ์ของชุมชน ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สำคัญที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิต
และความเช่อื ที่พบในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ไดแ้ ก่ ประเพณีฮตี สบิ สองคองสบิ ส่แี ละเรือนสามน้ำส่ี

คติความเชื่อของชาวอีสานได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เป็นการผสานความเชื่อทาง
พระพทุ ธศาสนาเข้ากับความเชื่อเรื่องผีและพิธีกรรมของพราหมณ์ เชน่ พธิ บี ายศรสี ู่ขวญั เพ่ือความเป็นสิริมงคล
แก่ชีวติ การไหวผ้ บี รรพบุรษุ และพิธีทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การทำงานประกอบอาชีพ เช่น พิธีแหน่ างแมวขอฝน

ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสานเป็นผลของพัฒนาการการปรับตัวและปรับวิถีชีวิตของคนไท ลาวและ
กลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ที่อยู่ร่วมกัน เนื่องจากวัฒนธรรมอีสานกับวฒั นธรรมลาวทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขงมี
ความสมั พันธ์เชงิ ชาตพิ ันธุ์และเชงิ อำนาจใกลช้ ดิ กันมาก อีกทงั้ มีการอพยพเคล่ือนย้ายประชากรต่อเนื่องไม่ขาด
สาย วัฒนธรรมและภูมิปัญญาอีสานจึงมีความเหมือนและความแตกต่างที่หลากหลายมากตามเหตุปัจจัยทาง
ภูมิประเทศและเงื่อนไขทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามลักษณะร่วมของภูมิอากาศ ระบบนิเวศ
อิทธิพล ของพุทธศาสนา วฒั นธรรมข้าวและสายสมั พันธ์ทางชาติพนั ธุ์ ล้วนเปน็ องค์ประกอบสำคัญท่ีมีอิทธิพล
ในการหล่อหลอมวิถีชีวิตของชาวอีสาน โดยรวม และเกื้อกูลให้เกิดพัฒนาการทางภูมิปัญญาที่มีลักษณะเด่น
เปน็ แบบอยา่ งเฉพาะของอสี าน

การสร้างสรรค์ผลงานจากภูมิปัญญาในด้านวัสดุและเครื่องมือในการสร้างสรรค์งาน
ศิลปหัตถกรรมพ้ืนบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีหลากหลายทั้งรูปแบบและกรรมวิธีการผลิต ส่วนมาก
เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ เพื่อตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน และเพื่อตอบสนอง
ความต้องการดา้ นจิตใจ ความเชือ่ และประเพณี

แนวทางการศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือมีลักษณะ คอื มีความงาม
ในความพอเหมาะพอดี มคี วามเรยี บงา่ ยไม่รกรงุ รงั ดูดบิ ๆ หยาบ ๆ มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ทเี่ ปน็ อิสระ ไม่ยึดติด
กรอบกฎเกณฑ์ มีความสนุกสนานและมีสุนทรียภาพในการสร้างสรรค์แบบไร้เดียงสา ยังแสดงให้เห็นถึงความ
สมถะพอเพียง ออ่ นนอ้ มถ่อมตน นอกจากน้รี ปู ทรงทใี่ ช้จะดูมีพลงั ในลักษณะไม่อ่อนหวานนุ่มนวล เป็นรูปแบบ
พื้นบ้านที่บริสุทธิ์ รูปแบบผลงานของกลุม่ ชนในท้องถิน่ ในแต่ละทอ้ งถิ่นจะแสดงถงึ ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
ตนใหป้ รากฏคณุ คา่ เดน่ ชดั เกย่ี วกับวิวัฒนาการทางวฒั นธรรม ขนบประเพณขี องสังคม

5. คำถามท้ายบท

1. ให้นิสติ ทำข้อ 3.2 ตวั อย่างการศกึ ษาผลงานศลิ ปหัตถกรรมไทยภาคเหนือใหส้ มบรู ณ์
2. ให้นิสิตอธิบายถึงความหลากหลายของวัฒนธรรม ชาติพันธุ์หรือชนเผ่าพื้นเมืองในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือที่ทำให้เกิดความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่แตกต่างกันไปในแต่ละ
ทอ้ งถิน่ ตามความเข้าใจของตนเอง
3. ให้นิสิตเลือกผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยพื้นบ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มาจากภูมิ
ปัญญาท้องถ่ึนทป่ี ระทับใจมากทส่ี ุด พร้อมอธิบายเหตผุ ลและยกตัวอย่าง

71

4. ให้นิสิตเลือกผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์และ
ภมู ิปัญญาท้องถิ่นมา 3 ผลิตภัณฑ์ แลว้ ทำการศึกษาวิเคราะหผ์ ลงานและอธิบายขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงาน
จากภมู ปิ ญั ญาท้องถิน่ ตามท่ีได้เรยี น

6. แบบฝึกหัดปฏบิ ัตงิ านออกแบบทา้ ยบท

1. ใหน้ ิสิตจดั ทำเลม่ รายงานรวบรวมผลงานหัตถกรรมพน้ื บ้านของภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ โดย
แบง่ ภาพผลงานตามประเภทของวสั ดุและกรรมวธิ ีการผลิต ดังนี้

1. การปั้นและการหลอ่
2. การทอและเยบ็ ปักถกั ร้อย
3. การแกะสลกั
4. การก่อสร้าง
5. การเขยี นหรอื วาด
6. การจักสาน
7. การทำเครื่องกระดาษ
8. กรรมวิธีอื่น ๆ
โดยมีรูปแบบเล่มรายงานหน้ากระดาษ A 4 / หน้าละ 1 ผลงาน ให้นิสิตอธิบายภาพงาน
หัตถกรรมทห่ี ามาได้ ในดา้ นต่าง ๆ ดงั นี้ ชือ่ งาน / แหล่งผลติ / วัสดุ / กรรมวธิ ีการผลติ /
ลกั ษณะเฉพาะ / คุณคา่ ของผลงาน
2. ให้นิสิตออกแบบผลิตภัณฑ์ 1 ชิ้น โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานหัตถกรรมพื้นบ้าน
ของภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื จำนวน 2 ช้ินตามท่ีได้ทำรายงานเมื่อสัปดาห์ทแ่ี ล้ว

72



บทท่ี 4
ศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคกลาง

75

แผนการสอนคร้งั ท่ี 7 - 8

หัวข้อ ศลิ ปหตั ถกรรมของไทยภาคกลาง
ผสู้ อน อาจารย์ ดร.พรนารี ชัยดเิ รก
เวลา 480 นาที

วตั ถปุ ระสงค์
ครัง้ ที่ 7
1.เพ่ือให้นสิ ิตเขา้ ใจความหมาย ความสำคัญ และประเภทของงานศิลปหตั ถกรรมของไทย
ภาคกลาง
2. เพื่อให้นสิ ิตเข้าใจและเรยี นรู้ผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคกลาง
ครงั้ ท่ี 8
1. เพ่ือใหน้ สิ ติ เขา้ ใจตวั อยา่ งผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคกลาง
2. เพอ่ื ใหน้ สิ ิตเรยี นรูจ้ ากผลงานการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ศิลปหตั ถกรรมไทยภาคกลาง

เนอื้ หา
คร้ังที่ 7
1. กำเนิดงานหัตถกรรมไทยภาคกลาง
1.1 ปจั จัยท่ีเกย่ี วข้องในการผลติ ผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคกลาง
2. ภูมิปญั ญาในการสร้างสรรค์งาน
2.1 การสรา้ งสรรค์ผลงานจากภูมิปญั ญา
ครง้ั ที่ 8
1. แนวทางการศึกษาผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคกลาง
1.1 แนวทางการศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคกลาง
1.2 ตัวอยา่ งการศกึ ษาผลงานการออกแบบผลติ ภณั ฑศ์ ลิ ปหัตถกรรมไทยภาคกลาง
2. สรปุ ศิลปหัตถกรรมไทยภาคกลาง

การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ 15 นาที
ครัง้ ที่ 7 60 นาที
1. อธบิ ายวัตถปุ ระสงค์และเนื้อหาโดยรวม 150 นาที
2. บรรยายเนื้อหาและหวั ข้อต่าง ๆ
3 .ศกึ ษาเรยี นรผู้ ลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคกลาง

76

4. นสิ ิตซักถามปรึกษาเน้ือหาการเรียน 15 นาที
คร้งั ท่ี 8
1. อธิบายวตั ถุประสงค์และเน้ือหาโดยรวม 15 นาที
2. บรรยายเนื้อหาและหวั ข้อต่างๆ 60 นาที
3. ศึกษาเรยี นรผู้ ลงานการออกแบบผลิตภณั ฑภ์ าคกลาง 150 นาที
4. นสิ ติ ซักถามปรึกษาเน้ือหาการเรียน 15 นาที

ส่อื การสอน
คร้งั ท่ี 7
1. เอกสารประกอบการสอนรายวิชา การออกแบบศลิ ปหัตถกรรม
2. ไฟลน์ ำเสนอภาพนิง่ ผา่ นโปรแกรมคอมพิวเตอร์
3. หนังสอื ตำรา วารสารตา่ ง ๆ ทง้ั ในประเทศและต่างประเทศ ท่ีเกยี่ วข้องกับการออกแบบ
ศิลปหตั ถกรรมไทย
4. ตวั อยา่ งผลิตภณั ฑ์ ผลงานหตั ถกรรมสำหรับการเรยี นการสอนทีเ่ กีย่ วข้อง
(ตามความเหมาะสมของเนื้อหาการเรยี น)
ครั้งที่ 8
1. เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า การออกแบบศลิ ปหตั ถกรรม
2. ไฟลน์ ำเสนอภาพนง่ิ ผา่ นโปรแกรมคอมพิวเตอร์
3. หนังสอื ตำรา วารสารต่าง ๆ ทง้ั ในประเทศและตา่ งประเทศ ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั การออกแบบ
ศิลปหตั ถกรรมไทย
4. ตวั อยา่ งผลติ ภัณฑ์ ผลงานหัตถกรรมสำหรับการเรยี นการสอนทเ่ี ก่ียวข้อง
(ตามความเหมาะสมของเนอื้ หาการเรียน)

การประเมนิ ผล
ครง้ั ที่ 7
1. สงั เกตจากพฤติกรรมของผู้เรยี น
2. ประเมนิ ผลจากกจิ กรรมในการชั้นเรียน
3. ประเมนิ ผลจากคำถามท้ายบทท่ี 4
4. ประเมินผลจากแบบฝึกหัดปฏิบตั งิ านออกแบบทา้ ยบท
ครัง้ ที่ 8
1. สงั เกตจากพฤติกรรมของผู้เรยี น
2. ประเมินผลจากกจิ กรรมในการช้ันเรยี น
3. ประเมนิ ผลจากคำถามทา้ ยบทท่ี 4

77

4.ประเมนิ ผลจากแบบฝึกหดั ปฏบิ ัตงิ านออกแบบท้ายบท
หนงั สอื อ้างองิ

ณัฏฐวุฒิ ทรัพย์อุปถัมภ์. (2558). ภูมิปัญญาในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย. [เอกสารประกอบการสอน
รายวิชา ภูมิปัญญาเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต]. จันทบุรี : คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลยั ราชภัฏรำไพพรรณี. น. 33-56.

วิชญ์ จอมวิญญาณ์. (2560). ภูมิศาสตร์ประเทศไทย. อุดรธานี : คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี.

วิลาวณั ย์ วิเศษวงษา. (2018) ). วัฒนธรรม 4 ภาค วฒั นธรรมตา่ งๆในภมู ภิ าคของไทย. สบื คน้ จาก
https://std145.wordpress.com/

ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหวา่ งประเทศ (องค์การมหาชน). (2555). ทะเบียนช่างหัตถศิลป์ไทย. กรุงเทพฯ :
บรษิ ัท มวิ ท์ จำกดั .

สำนักงานอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช. (2557). อุทยานแห่งชาติ. สืบค้นจาก
www.nps.dnp.go.th/parks.php.

สำนกั อนรุ กั ษ์สัตวป์ ่า. (2560). เขตรกั ษาพันธุ์สตั ว์ป่า. สืบคน้ จาก
http://www.dnp.go.th/wildlifednp/index.php?option=com_content&view=arti
cle&id=28&Itemid=.

Geography Thailand 5 7 . (2 0 2 1 ). ล ั กษณ ะส ั ง คม แ ล ะว ั ฒ น ธ ร ร ม ของ ไท ย . ส ื บ ค้ น จ าก
https: / / sites. google. com/ site/ geographythailand5 7 / laksna- sangkhm- laea-
wathnthrrm-khxng-thiy

78

บทที่ 4
ศลิ ปหัตถกรรมไทยภาคกลาง

1. กำเนิดงานหตั ถกรรมไทยภาคกลาง

1.1 ปจั จัยท่ีเกยี่ วข้องในการผลติ ผลงานศลิ ปหัตถกรรมไทยภาคกลาง ประกอบดว้ ยด้านตา่ ง ๆ
ดังน้ี

-การศกึ ษาด้านประวตั ิศาสตร์ท้องถ่ิน
ภาคกลางเป็นศูนย์กลางแห่งราชธานีทุกยุคทุกสมัย และเป็นศูนย์รวมอำนาจรัฐ
เศรษฐกิจ คมนาคมและศาสนามาไม่น้อยกว่า 7 ศตวรรษแล้ว เพราะมีลักษณะทางยุทธศาสตร์ที่ดี นอกจากนี้
ยังประกอบด้วยกลุ่มชนหลากหลายชาติพันธุ์ ได้แก่ ลาว เขมร มอญ มาเลย์ หรือในสมัยอยุธยาที่มีการติดต่อ
ค้าขายกับชาวต่างชาติ เชน่ จีน ญี่ปุน อาหรบั โปรตเุ กส ฮอลนั ดา ฝรง่ั เศส อังกฤษ เปน็ ตน้ จากพัฒนาการทาง
ประวัติศาสตร์ พบว่าอิทธิพลของราชธานีจะแผ่ขยายปกคลุม หัวเมืองต่าง ๆ ไปถึงดินแดนประเทศราช เช่น
ลา้ นนา ลาว กัมพชู า ไปจนถึงคาบสมุทรมาลายูและมีการเรยี กหัวเมืองต่างๆ วา่ หัวเมืองช้นั ใน หัวเมืองช้ันนอก
โดยในอดีตภาคกลางมีระบบความสัมพันธ์ของกลุ่มคนในสังคมตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายตราสามดวงว่ามี
ความสมั พนั ธเ์ ชงิ อำนาจแบบนายกบั บา่ ว หลวงกับราษฎร
-สภาพภูมิศาสตร์
ภาคกลางมีลักษณะทั่วไป คือ เป็นพื้นท่ีลุ่มน้ำขนาดใหญ่ มีแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน ไหลมา
รวมกันจนเกิดเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วจากนั้นจึงไหลลงสู่ที่ราบภาคกลางตอนล่างและยังมีแม่น้ำแม่กลอง
แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำบางปะกงไหลผ่านภาคกลางอีกด้วย จึงทำให้เกิดเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ขนาดใหญ่ มีความชุ่มช้ืน
เหมาะสมแก่การทำการเกษตรกรรม รวมไปถึงการต้ังบ้านเรอื นขนาดใหญ่ การเดนิ ทางไปมาหาสูท่ ำได้ง่ายและ
สะดวก จึงทำให้มีคนหลากหลายชาติพันธุ์และภาษาเข้ามา ตั้งหลักแหล่งทำมาหากินและมีการแลกเปลี่ยน
วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน โดยอาศัยน้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสรรค์และพัฒนาอารยธรรมขึ้นมา ซึ่งภาค
กลางประกอบด้วย 34 จงั หวดั แบง่ ออกไดด้ ังน้ี
1. พื้นที่ลุ่มเขตภาคกลาง ประกอบไปด้วย 14 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นครปฐม
สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครนายก
อา่ งทอง สระบรุ ี สงิ ห์บุรี และลพบรุ ี
2. ภาคกลางตอนบน ประกอบไปด้วย 8 จังหวัด คือ ชัยนาท นครสวรรค์ กำแพงเพชร
พิจิตร พิษณโุ ลก เพชรบูรณ์ ตาก และสุโขทัย
3. ภาคกลางด้านตะวันตก ประกอบไปด้วย 5 จังหวัด คือ กาญจนบุรี อุทัยธานี ราชบุรี
เพชรบุรี และประจวบคีรีขนั ธ์
4. ภาคกลางด้านตะวันออก ประกอบไปด้วย 7 จังหวัด คือ ปราจีนบุรี สระแก้ว
ฉะเชงิ เทรา ชลบุรี ระยอง จนั ทบรุ ี และตราด

79

ลักษณะทั่วไป ภาคกลางมีลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มมีเทือกเขาปิดล้อม
สามด้าน ทางด้านทิศใต้ติดกับทะเล ส่งผลให้ภูมิอากาศของภาคกลางเย็นสบาย มีฝนตกชุก เนื่องจากได้รับ
อิทธิพลจากลมมรสุม ในช่วงปี 2557 เป็นต้นมา ในฤดูหนาวอากาศหนาวจัดเนื่องจาก ได้รับอิทธิพลความกด
อากาศจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมลงมาและอิทธิพลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ และลานีญาทำให้ลักษณะ
อากาศแปรปรวนไปจากเดิม อุณหภูมิเฉลี่ยของภาคกลางอยู่ทีป่ ระมาณ 28 - 29 องศาเซลเซียส สาเหตุที่ภาค
กลางมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงทั้งที่เป็นพื้นท่ีราบลุ่มแม่น้ำนั้นมีสาเหตุหลายประการ เช่น เป็นพื้นที่ราบว่างเปลา่ หรอื
พ้ืนท่เี กษตรกรรมหรอื พื้นทเ่ี มือง ไมม่ ีพืชพรรณหรือปา่ ไม้ดูดกรอง ความร้อนจากดวงอาทิตย์รวมไปถงึ พืน้ ท่ีภาค
กลางนั้นเปน็ พ้ืนราบทีท่ ำแนวระนาบกับรังสีจากดวงอาทิตยโ์ ดยไม่มมี ุมหรอื เหล่ยี มของเทือกเขามาบดบงั (วชิ ญ์
จอมวญิ ญาณ์, 2560)

ภาพประกอบ 22 ภาพแสดงสภาพภูมิศาสตรภ์ าคกลาง
ทม่ี า : ภมู ศิ าสตร์ในประเทศไทย. (2018). ภาคกลาง.
สบื ค้นจาก https://sites.google.com/site/geographicinthailand/home/phakh-klang

-ทรัพยากรธรรมชาติ วิชญ์ จอมวิญญาณ์. (2560) กล่าวว่า ทรัพยากรในภาคกลางที่มี
ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำดินตะกอนสะสม ทรัพยากรส่วนใหญ่จึงจะเป็นทรัพยากรดินที่มีความ
อุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในเขตเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ นอกเหนือจากลุ่มแม่น้ำอิระวดี แม่น้ำโขงและ
แม่นำ้ แดง ควบคูก่ นั ไปดว้ ยทรัพยากร น้ำและทรัพยากรแร่ธาตุที่มปี ระปรายตามบริเวณเทือกเขาแนวขอบของ
ภาคกลาง ทรพั ยากรส่วนใหญท่ ีพ่ บ มีดงั น้ี

1. ทรัพยากรดิน คือ สสารที่เกิดขึ้นเองตามวัฏจักรธรรมชาติมีปัจจัยการเกิดคือ
ธรรมชาติและเวลา ดินเป็นทรัพยากรที่กล่าวได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสังคมมนุษย์ ทรัพยากรดินจึงควร ได้รับ
การดูแลและรกั ษาเปน็ อย่างดีเพื่อท่ีจะไดใ้ ช้ไปอย่างยาวนานในอนาคต ในภาคกลางเปน็ พืน้ ทท่ี ีม่ ีการตกตะกอน

80


Click to View FlipBook Version