ของดินตามลุ่มแม่น้ำมากที่สุดในประเทศไทย จึงทำให้พบดินประเภทต่าง ๆ มากมาย เช่น ดินเหนียวกรุงเทพ
ดนิ เหนียวองครกั ษ์ ดนิ รว่ นกำแพงแสน ดนิ เหนยี วลพบุรี เป็นตน้
2. ทรัพยากรนำ้ ทรัพยากรน้ำของภาคกลางมเี ป็นจำนวนมาก สงั เกตไดจ้ ากบรเิ วณน้ีเป็นท่ี
ราบลุ่มแม่น้ำสาย สำคัญต่าง ๆ แม่น้ำสายที่สำคัญที่สุด คือ แม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นแม่น้ำสายสำคัญขนาดใหญ่มี
ปริมาณ น้ำในลำน้ำมากจึงมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกจิ ของภูมิภาคและประเทศเป็นอย่างมาก เขื่อนกักเก็บ
น้ำทีส่ ำคัญได้แก่ เขอ่ื นเจา้ พระยา เขอ่ื นกระเสียว เขอ่ื นปา่ สกั ชลสิทธ์ิ และเขื่อนขุนด่านปราการชล เปน็ ตน้
3. ทรพั ยากรแร่ธาตุ เปน็ สสารท่เี กดิ ขนึ้ เองตามธรรมชาติประกอบไปด้วยแรโ่ ลหะและแร่
อโลหะ ทรัพยากรแร่สว่ นใหญ่จะต้องผ่านกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ก่อนการใช้งานเสมอ ในประเทศไทยมี
หลายพื้นที่มีความสำคัญในด้านการผลิตและขุดเจาะแร่ธาตุ บางพื้นที่มีความสำคัญในการถลงุ และสกัดแรธ่ าตุ
แร่ธาตุเป็นทรัพยากรประเภทใช้แล้วหมดไป (Non-renewable Resources) แร่ธาตุต่าง ๆ ที่สำคัญที่พบใน
ภาคกลาง เชน่ ทองคำ ซิลิกา ทองแดง ดบี ุก ฯลฯ
4. ทรัพยากรป่าไม้ คือ ปริมาณต้นไม้ที่รวมกันเป็นกลุ่มขนาดใหญ่มีความซับซ้อนและ
หนาทึบ จัดได้ว่าเป็นสังคมของพืชพรรณธรรมชาติ ที่มีความสำคัญต่อโลก ป่าไม้ในภาคกลางพบทั้งป่าผลัดใบ
และไม่ผลัดใบ ประเภทของป่าที่พบได้แก่ ป่าดงดิบ ป่าดิบหรือป่าดิบชื้น (Tropical Rain Forest, Tropical
Evergreen Forest or Tropical Wet Green Forest ) ป่าดงดิบแล้ง (Dry Evergreen Forest) ป่าชายเลน
(Mangrove Forest) ป่าเบญจพรรณ (Mixed Deciduous Forest) และป่าแดง ป่าแพะ ป่าโคกหรือป่าเต็งรงั
(Dry Deciduous Forest)
5. อุทยานแหง่ ชาติ ในภาคกลางอุทยานแหง่ ชาติมักจะตั้งอยู่บริเวณขอบนอกของ ภูมิภาค
ตามหลักการแล้วพื้นที่เหลา่ นีจ้ ะถูกจัดเป็นสัดส่วนไม่ให้มกี ารบุกรุกเข้าไปเพื่อความสะดวกใน การอนุรักษ์ ภาค
กลางมอี ทุ ยานแห่งชาติทส่ี ้าคัญหลายแห่ง ประกอบไปด้วย (สำนักงานอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์
ป่าและพนั ธพ์ุ ชื , 2557) เชน่ แม่วงก์ น้ำตกชาตติ ระการ ภูหินรอ่ งกลา้ เขาค้อ และน้ำตกเจด็ สาวนอ้ ย
6. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คือ พื้นที่ที่ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า
อย่างปลอดภัยในการดำรงชีวิตและขยายพันธุ์ต่อไปในอนาคต แต่ละเขตนั้นจะต้องมีความเหมาะสมในการ
ดำรงชีพดว้ ยปัจจัยตา่ ง ๆ เช่น แหล่งนำ้ แหล่งอาหาร ป่าไม้ พนื้ ทสี่ ูง เป็นต้น (สำนกั อนุรักษส์ ัตว์ปา่ , 2560) ใน
ภาคกลางเขตรักษาพันธุ์สตั ว์ป่าท่ีมีขนาดใหญท่ ่ีสดุ ในภูมภิ าคน้ี คอื เขต รักษาพันธ์ุสตั ว์ป่าห้วยขาแข้งเน่ืองจาก
มีอาณาเขตที่ติดต่อกับอุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ตา่ ง ๆ ใน ภาคตะวันตกทำให้เปรียบเสมือนเป็นพื้นท่ปี ่า
ขนาดใหญ่อยู่ในพื้นที่ตอนกลางของประเทศอยู่ในเขตจังหวัดอุทัยธานีและจังหวัดตาก เนื้อที่ประมาณ
1,608,750 ไร่
7. ทรัพยากรสตั วป์ ่าและประมง ในภาคกลางแตด่ ้ังเดมิ นน้ั อดุ มสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากร
สตั ว์ปา่ เน่อื งจากพืน้ ทีป่ ่าไม้ท่ีมมี ากจากความอดุ มสมบูรณข์ องดินตะกอนทรี่ าบลมุ่ แมน่ ้ำ ทรพั ยากรสตั ว์ป่าท่ีพบ
จึงอาจจะประกอบไปด้วย เสือขนาดต่าง ๆ กวาง ควายป่า เป็นต้นทรัพยากรประมงในภาคกลางนั้นโดยเป็น
การประมงนำ้ จดื เปน็ สว่ นใหญ่ แมน่ ้ำสายหลกั คอื แมน่ ้ำเจา้ พระยา
81
แม่นำ้ ปา่ สัก แมน่ ำ้ ท่าจนี แมน่ ้ำแมก่ ลองทเ่ี ป็นพื้นท่ีท่ีมีการประมงท่สี ำคัญ อาทิ ปลาม้า ปลาช่อน ปลาเนอ้ื อ่อน
เป็นต้น การประมงนำ้ เค็มพบมากตามเขตจังหวดั ชายทะเล เช่น สมทุ รสงคราม สมทุ รสาคร และสมุทรปราการ
สัตว์น้ำที่พบเป็นการประมงชายฝั่งและการประมงแบบเพาะเลีย้ งพวกหอย และกระชังปลา เป็นต้น พื้นที่การ
ประมงที่สำคัญคือ พื้นที่การประมงในภาคกลางมีความหลากหลาย เริ่มต้นที่การประมงน้ำจืด น้ำกร่อยไป
จนถึงน้ำเค็มเนื่องจากภูมิภาคของภาคกลางดั้งเดิมนั้น เป็นดินตะกอนที่งอกมาจากแผ่นดินหลัก แม่น้ำสาย
สำคัญในภาคกลางมีเป็นจำนวนมากได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรี แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำ
นครนายก ส่วนของหนองบึงและอ่างเก็บนั้นมี มาก เช่น บึงบอระเพ็ด บึงสีไฟ และเขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนเขา
แหลมและเขื่อนแก่งกระจาน และในส่วนของการประมงน้ำเค็มและน้ำกร่อยนั้นแบ่งได้เป็นส่วนของอ่าวไทย
ตอนใน ได้แก่ จงั หวัดสมทุ รปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาครและกรงุ เทพมหานคร
-วัฒนธรรมประจำท้องถน่ิ และสภาพทางสังคม
ดา้ นสงั คม พน้ื ท่ีสว่ นใหญใ่ นภาคกลางเป็นที่ราบลุ่มและเป็นแหลง่ ผลติ การเกษตรที่สำคัญ
ของประเทศ แต่เมื่อพื้นที่ปรับเปลี่ยนไปสู่ภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น นอกจากคนในพื้นที่จะปรับเปลี่ยนไปเป็น
แรงงานในภาคอุตสาหกรรมด้วยแล้ว ยังมีแรงงานที่ย้ายถิ่นเข้ามาในแหล่งอุตสาหกรรมด้วย เช่น ปทุมธานี
พระนครศรีอยุธยา ระยอง ชลบุรี จึงทำให้มีการขยายตัวในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น อพาร์ตเมนท์ บ้านเช่า
หอพัก รวมไปถึงหา้ งสรรพสินค้าเพื่อรองรับการอุปโภคบริโภคของคนในพ้ืนที่ แต่ยงั ไม่มีปญั หาแรงงานต่างด้าว
มากนัก ยกเว้นในกลุม่ จังหวัดภาคกลางตอนล่าง เชน่ สมทุ รสงคราม สมทุ รสาคร ท่เี นน้ การประกอบธุรกิจการ
ประมง ซึ่งจะมีแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากแรงงานไทยมักไม่ทำงานนี้ เพราะเป็นงานหนัก ต้อง
อาศยั ความอดทนสูง และตอ้ งอยูใ่ นทะเลเป็นเวลานาน จงึ กลายเปน็ ผลกระทบทางสังคมทางหน่ึง หากยังไม่ได้
รับการบริหารจัดการที่ดี การขยายตัวในภาคอุตสาหกรรมของหลายพื้นที่ นอกจากดึงดูดแรงงานทางตรงใน
ภาคอุตสาหกรรมเข้ามาในพื้นทแ่ี ล้ว ยงั ทำให้เกิดธรุ กิจการค้าและบริการท่ีต่อเนื่องอีกมากมายด้วย เช่น ธุรกิจ
ซ่อมบำรุง รับเหมาก่อสร้าง ติดตั้งอุปกรณ์เครื่องจักร ธุรกิจรับส่งคนงาน รักษาความปลอดภัย ตัวแทน
จำหน่ายต่าง ๆ ฯลฯ ซงึ่ ทำใหม้ ีเจ้าของธุรกจิ และแรงงานเข้ามาอีกมากดว้ ย และทำใหโ้ ครงสร้างทางสังคมของ
พืน้ ทปี่ รบั เปลยี่ นไป ตามโครงสร้างประชากรท้งั ท่ีเขา้ ไปตั้งภูมิลำเนา และทีเ่ ปน็ ประชากรแฝงในพื้นท่ี
-ด้านวัฒนธรรมประจำท้องถิ่น โครงสร้างทางวัฒนธรรมที่สำคัญและโดดเด่นในพื้นที่
ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นราชธานีเก่าเป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้เป็นแหล่งมรดก
ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ ในอดีตนั้นได้สืบทอดเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมเอาไว้มากมาย เช่น
โบราณสถาน วดั วงั ท่มี ีความสำคัญต่อทัง้ คนไทยในอดีต จวบจนปัจจุบันไดท้ ้ิงเปน็ มรดกไวส้ ำหรบั คนรนุ่ หลังได้
ศึกษาหาความรู้ รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวตั ิศาสตร์ทีส่ ำคัญของไทย นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งศิลปะ
หัตถกรรม สถาปัตยกรรม ซึ่งนำไปสู่การประกอบธุรกิจของ SMEs จำนวนมากในปัจจุบัน ทั้งในด้านการ
ทอ่ งเที่ยว การบรกิ ารตา่ ง ๆ ที่เกยี่ วเน่ือง การทำของฝากของที่ระลกึ ต่าง ๆ นอกจากน้ี ยังมีจังหวดั เพชรบรุ ี ซงึ่
มีเขาวังเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 4 และเป็นต้นแบบของแรงบันดาลใจในสถาปัตยกรรม
หลายแห่งในจงั หวัด เป็นอกี หน่ึงเอกลกั ษณท์ นี่ ำเสนอเปน็ จุดขายในการประกอบธรุ กิจอีกด้วย
82
ในด้านของวัฒนธรรมการละเลน่ พนื้ บ้านทเ่ี ช่ือมโยงกับสภาพแวดลอ้ ม และความเปน็ อยู่
ของคนในพื้นที่ภาคกลาง เช่น การละเล่นเพลงเกี่ยวข้าวเพลงอีแซว เพลงยาว ซึ่งในเขตพื้นที่นี้เองได้มีการ
อนุรักษ์การละเล่นและจัดเป็นวิชาให้นักเรียน นักศึกษาได้เรียน ส่วนในด้านสถาปัตยกรรม เช่น วัด บ้านทรง
ไทยคนในพื้นที่เองได้มีการให้ความรู้และปลูกจิตสำนึกแก่เยาวชนเพื่อให้ภาคภูมิใจ และมีการส่งเสริมให้
สถาปัตยกรรมเหล่านี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม อย่างไรก็ดี ศิลปินพื้นบ้านหรือผู้ที่
สืบทอดความชำนาญในการละเล่นเพลงพนื้ บ้านและสามารถนำมาใช้ในการประกอบอาชีพหรือทำเป็นธุรกิจได้
นั้น ลดน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะขาดการสนับสนุนที่เหมาะสมจากหน่วยงานต่าง ๆ และเกิดการขาดช่วงในการ
นำเสนอให้เกดิ ความรบั รหู้ รอื ความภูมใิ จในศลิ ปะพื้นบา้ นในคนรุ่นใหม่
ในพื้นที่ภาคกลางทั้งตอนบนและตอนล่างเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำหลายสาย ทำให้เป็นพื้นฐาน
สำคัญของสังคมวิถีเกษตร การทำเกษตรแปรรูป การประมงน้ำจืดตามแหล่งน้ำต่าง ๆ เป็นแหล่งผลิตอาหาร-
อาหารแปรรูป และวิถีชีวิตริมแม่น้ำ ซึ่งปัจจุบันแม้ว่าสภาพแวดล้อมหรือสภาพสังคมจะมีการปรับเปลี่ยนไป
มาก แต่จากกระแสความนิยมในปัจจุบัน ได้มีผู้ประกอบการ SMEs จำนวนมากที่ได้นำทุนทางวัฒนธรรมใน
การใช้ชวี ิตเหล่าน้ี มาต่อยอดในด้านการท่องเท่ียวเชงิ วัฒนธรรม เชงิ นิเวศน์ และเชิงสขุ ภาพตามเส้นทางแม่น้ำ
ต่างๆ ทั้งในรูปแบบของตลาดน้ำ เช่น ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ตลาดน้ำบางคล้าที่ฉะเชงิ เทรา
ตลาดนำ้ ดอนหวายและตลาดนำ้ ลำพญาที่นครปฐม หรอื ในรูปแบบตลาดโบราณ เชน่ ตลาดสามชุกท่ีสุพรรณบุรี
ตลาดร้อยปีที่เจ็ดเสมียนจังหวัดราชบุรี เกาะเกร็ดที่นนทบุรี เป็นต้น และในหลายพื้นที่ ซึ่งมีความหลากหลาย
ของเชื้อชาติที่อพยพเข้ามาอาศัยในสมัยต่าง ๆ เช่น มอญ ทำให้มีทุนทางวัฒนธรรมในการต่อยอดภูมิปัญญา
ดง้ั เดมิ ท่มี ีเอกลักษณ์ เชน่ อาหาร ศิลปะ ประเพณี และสถาปตั ยกรรมตา่ งๆ ซึง่ นอกจากจะเป็นการสร้างรายได้
ให้ชาวบ้านหรือชุมชนหรือผู้ประกอบการ SMEs แล้ว ยังเป็นโอกาสในการท่ี SMEs หรือชุมชนจะได้นำเสนอ
สนิ ค้าเชงิ วฒั นธรรมทง้ั ในดา้ นศลิ ปะหรือวถิ ชี วี ิต และรูปแบบการให้บรกิ ารทเี่ ปน็ วฒั นธรรมดั้งเดิมของพื้นที่ด้วย
(Geography Thailand 57, 2021)
วิลาวัณย์ วิเศษวงษา (2018) กล่าวว่า วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคกลางส่วนใหญ่เป็น
วัฒนธรรมท่ีเกีย่ วเนื่องกับพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกันกับวัฒนธรรมทอ้ งถิ่นภาคเหนือ แต่มีลักษณะที่แตกต่าง
กันออกไปบ้าง เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ สังคม และค่านิยมในท้องถิ่นที่แตกต่างกัน ลักษณะ
วฒั นธรรมและขนบธรรมเนยี มประเพณีโดยรวมมีความเกยี่ วเนื่องกับพิธีกรรมในพระพุทธศาสนา และพิธีกรรม
เกี่ยวกับคามเชื่อในการดำเนินชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของวัฒนธรรมไทย ตัวอย่างของวัฒนธรรม
ทางภาคกลางทีส่ ำคัญ มดี งั น้ี
1. ด้านศาสนาและลัทธิความเชื่อ เช่น ประเพณีการรับบัวโยนบัว การบูชารอยพระพุทธ
บาท เปน็ ตน้
-ประเพณีรับบวั โยนบัวมีขึ้นที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมทุ รปราการ เปน็ ประเพณีท่ีปฏิบัติสืบ
ทอดกันมากว่า 80 ปี โดยชาวบ้านเชื่อตามตำนานวา่ หลวงพ่อโตลอยตามแม่น้ำเจา้ พระยามาหยุดที่ปากคลอง
สำโรงเป็นการแสดงเจตจำนงอันแน่วแน่ว่าจะจำพรรษาอยู่ในละแวกนั้นอย่างแน่นอน ชาวบ้านจึงช่วยกันร้ัง
นิมนต์เข้ามาจนถึงวดั บางพลีใหญ่ใน ซึ่งเป็นที่ประดษิ ฐานในปัจจุบัน แล้วอัญเชิญขึ้นไวใ้ นโบสถ์ หลวงพ่อโตจงึ
83
เปน็ หลวงพอ่ ของชาวบางพลีตง้ั แตน่ ้นั มาหลังจากน้ันในวันข้นึ 14 คำ่ เดอื น 11 ของทุกปี ชาวบางพลีจะนิมนต์
หลวงพ่อขึ้นเรือแล่นไปให้ชาวบา้ นได้มนัสการ ชาวบ้านจะพากันมาคอยมนัสการหลวงพ่ออยู่ริมคลองและเด็ด
ดอกบัวริมน้ำโยนเบา ๆ ขึ้นไปบนเรือของหลวงพ่อ ต่อมางานรับบัวและโยนบัวจึงกลายเป็นประเพณีสืบทอด
มาจนถึงปจั จุบนั
ภาพประกอบ 23 ภาพแสดงประเพณรี บั บัวโยนบัวมีข้นึ ทีอ่ ำเภอบางพลี จงั หวัดสมุทรปราการ
ทม่ี า : travel.kapook. (2563). ประเพณีรับบัว 2563 สืบสานประเพณีหน่ึงเดยี วในโลก.
สบื คน้ จาก https://travel.kapook.com/view231786.html
-การบูชารอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี โดยรอยพระพุทธบาทเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ
ยิ่งแห่งหนึ่งเพราะเป็นมรดกชิ้นเอกของชาติและศาสนา เป็นที่รู้จักแพร่หลายของประชาชน และเป็นที่เคารพ
สักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างย่ิงในเทศกาลบูชาพระพุทธบาท คือ ช่วงวันขึน้ 1 ค่ำ เดือน
3 ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 กับช่วง วันขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 4 ประชาชนทั่วทุกสารทิศทั้ง
ในเพศบรรพชิตและคฤหัสถ์ต่างหลั่งไหลมามนัสการรอยพระพุทธบาทในพระมณฑป อันเป็นการเชื่อมโยง
ความรู้สึกนึกคิดของพุทธบริษัททัง้ หลายให้รู้สึกผูกพันต่อพระสมั มาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาอย่างเหนียวแน่น
ตลอดมา
2. ด้านท่ีเกี่ยวกับการดำรงชวี ิตทางการเกษตร ได้แก่
-การทำขวัญข้าวเป็นประเพณีที่ยังคงทำกันอย่างกว้างขวางในหมู่ของคนไทยภาคกลาง ไทย
พวน และไทยอีสานทั่วไป โดยจะนิยมทำกันเป็นระยะ คือ ก่อนข้าวออกรวง หลังจากนวดข้าว และขนข้าวข้ึน
ยุ้ง สำหรับการเรียกขวัญก่อนข้าวออกรวงจะนิยมทำกันตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เป็นต้นไป ผู้ที่จะเรียก
ขวัญจะเป็นผู้หญิงซึ่งจะแต่งกายให้สวยงามกว่าธรรมดา พอถึงที่นาของตนก็จะปักเรือนขวัญข้าวลงใน
นา จากนั้นก็นำผ้าซิ่นไปพาดกับต้นข้าว เอาขนมนมเนย ของเปรี้ยว ของเค็ม เครื่องประดับ ของหอม
ต่าง ๆ หมาก พลู และบุหร่ี ใส่ลงไปในเรือขวัญข้าว จากนั้นก็จุดธูป 8 ดอก เทียน 1 เล่ม และนั่งพนมมือเรียก
ขวัญข้าว พอเสร็จพิธีเรียกขวัญแล้วผู้ทำพิธีเรียกขวัญก็จะเก็บข้าวของที่มีค่าบางส่วนกลับบ้าน ส่วนเครื่อง
84
สังเวยอื่น ๆ ก็จะทิ้งไว้ในเรือนขวัญข้าวนั้นต่อไป การทำขวัญข้าวเป็นความเชือ่ ของชาวนาว่าจะทำให้ข้าวออก
รวงมาก ซ่ึงเปน็ ธรรมเนยี มปฏบิ ตั ิทีท่ ำกนั มาแตด่ ้ังเดมิ
3.ดา้ นยาและการรักษาพนื้ บ้าน จากการศกึ ษาคน้ ควา้ และรวบรวมตำรายาพ้ืนบ้านในจังหวัด
ชลบุรี โดยได้มีการสัมภาษณแ์ พทย์แผนโบราณ และค้นคว้าจากตำราทีบ่ ันทึกอยู่ในใบลาน สมุดข่อยขาว สมุด
ข่อยดำ พบว่ามีตำรายาไทยแผนโบราณทั้งหมด 318 ขนาน ที่ยังใช้อยู่ในปัจจุบันมี 138 ขนาน จำแนกตาม
คุณสมบัติ เช่น ยาแก้ไข้ 12 ขนาน ยาแก้ท้องเสีย 6 ขนาน ยาขับโลหิต 29 ขนาน ยาแก้ไอ 1 ขนาน ยาแก้
ท้องขึ้นทอ้ งเฟ้อ 2 ขนาน ยาแกล้ ม 11 ขนาน เป็นตน้ ยาส่วนใหญเ่ ป็นพชื สมุนไพร และแร่ธาตุ
นอกจากน้ี ยังมีตวั อยา่ งประเพณวี ฒั นธรรมของคนในภาคกลางอกี จำนวนมาก ท่ถี ือปฏบิ ตั ิกัน
มาช้านาน เช่น งานพิธีการทิ้งกระจาดของจังหวัดสุพรรณบุรี งานประเพณีแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ปากน้ำโพ จังหวัด
นครสวรรค์ งานประเพณีตักบาตรเทโวของจังหวัดอุทัยธานี ประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง จังหวัดฉะเชิงเทรา
ประเพณีก่อเจดีย์ทราย จังหวัดฉะเชิงเทรา ประเพณีกวนข้าวทิพย์หรือข้าวมธุปายาส จังหวัดชัยนาท และ
ประเพณสี ู่ขวญั ส่ขู ้าว จังหวดั นครนายก เปน็ ตน้
- คติความเชื่อ สังคมไทยภาคกลางส่วนใหญ่มีความเชื่อในทางพุทธศาสนาในเรื่องของกฎแห่ง
กรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว จากหลักคำสอนทางพุทธศาสนา เชื่อหลักการเวียนว่ายตายเกิด เชื่ออิทธิพลของ
ดวงดาวจักราศรี แม้ว่าในสังคมยุคใหม่จะเชื่อในเรื่องวิทยาศาสตร์มากขึ้นแต่ความเชื่อเก่า ๆ ก็ยังคงมีอิทธิพล
อยู่ โดยสังคมไทยยังมคี วามคิดความเช่ือในเรอ่ื งเหลา่ นี้ คือ
-ความคิดความเชอ่ื เกี่ยวกับวนั เกิด คนไทยมีความเช่ือเรอ่ื ง วัน เดอื น ปีเกดิ และเวลา
ตกฟากจะมอี ทิ ธิพลต่อการดำเนนิ ชีวติ ของคน
-ความเชือ่ เรื่องการตั้งช่ือ หลักเกณฑ์การต้ังชื่อโดยทั่วไปมักนำวัน เดือน ปีและเวลา
ตกฟากไปตง้ั ช่ือ นอกจากนย้ี งั นำไปให้พระภิกษุทีม่ ีความรู้เกยี่ วกับการผูกดวงชะตาและตั้งช่อื ให้เพราะมี ความ
เชื่อว่าชื่อมีอทิ ธิพลต่อการดำเนินชีวิต ชื่อที่ดีไมม่ ลี กั ษณะกาลกิณีจะทำให้มีชีวิตที่ดี ในทางตรงกันข้ามถ้าชื่อไม่
เปน็ มงคลกบั วัน เดือน ปีเกิด ก็จะทำให้ชีวติ มีอปุ สรรคหรือพบกบั ความไมด่ ีอปั มงคล
-ความเช่ือเรือ่ งต้นไม้มงคล ประเทศไทยมีตน้ ไม้หลายชนดิ ทม่ี ีช่ือและความหมายเป็น
มงคล คนไทยส่วนใหญ่จึงมีความเช่ือว่าถ้านำมาปลูกไว้ในบริเวณบ้านเรือนของตนเองก็จะก่อให้เกิด ความเป็น
สิรมิ งคลและความเจรญิ รงุ่ เรอื ง
-ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของการทำนายทายทักและความเช่ืออืน่ ๆ เช่น ห้ามใส่ชุดสี
ดำเย่ียมคนป่วย เพราะสีดำเป็นสีท่ีคนโบราณถือวา่ เป็นสัญลักษณข์ องความทกุ ขโ์ ศก การใสช่ ุดดำไปเย่ียมผปู้ ่วย
นั้นเป็นการแช่งให้ผู้ป่วยตายเร็วขึ้น หรือจิ้งจกร้องทัก ห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด โดยถ้าเสียงนั้นอยู่ด้านหลัง
หรือตรงศีรษะ ให้เล่ือนการเดินทางแตห่ ากเสียงร้องทกั อยู่ด้านหน้าหรือซ้าย ให้เดินทางไดจ้ ะทำให้การเดินทาง
เปน็ ไปอย่างราบรน่ื สะดวกสบาย เป็นตน้ (ณัฏฐวฒุ ิ ทรัพย์อปุ ถัมภ,์ 2558)
85
2. ภมู ปิ ญั ญาในการสรา้ งสรรค์งาน
2.1 การสรา้ งสรรคผ์ ลงานจากภมู ปิ ญั ญา
ลักษณะของภูมิปัญญาภาคกลางนั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะที่แสดงถึงวิถีการดำรงอยู่ของ
คนภาคกลางได้เป็นอย่างดี โดยภูมิปัญญาและวัฒนธรรมประเพณีบางอย่างจะมีความใกล้เคียง คล้ายคลึงกับ
วัฒนธรรมประเพณีของภาคอ่ืน ๆ ซึ่งณฏั ฐวุฒิ ทรพั ยอ์ ุปถมั ภ์ (2558) ไดอ้ ธิบายเก่ียวกบั ภูมปิ ัญญาภาคกลางไว้
ในรายงานวิจัยเรื่อง ภูมิปัญญาชาวบ้านสี่ภูมิภาค : วิถีชีวิตและกระบวนการเรียนรู้ของชาวบ้านไทย สามารถ
สรุปได้ 4 ด้าน ดงั นี้
1. ภมู ปิ ญั ญาในการดำรงชพี ตามสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและสังคมวฒั นธรรม ได้แก่
ภูมิปัญญาในวัฒนธรรมขา้ ว เช่น การสู่ขวัญข้าว ภูมิปัญญาในการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนและชุมชน ภูมิปัญญาใน
การปรบั ตัวและหลอมรวมรว่ มกันระหว่างคนหลายชาติพนั ธุ์ เช่น งานวนั ไหลในประเพณี สงกรานต์เป็นต้น
2. ภูมิปัญญาในการโต้ตอบ และการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง เช่น การนับถือ
พระพทุ ธศาสนาควบคู่กันไปกับการนบั ถือผตี ามความเช่ือดงั้ เดิม เป็นตน้
3. ภูมิปัญญาในด้านการประดษิ ฐ์และหัตถศิลป์ เช่น การประดิษฐ์สิ่งของจากส่วนต่าง ๆ
ของพืช เช่น ต้นกล้วย ต้นไผ่ ต้นจาก การประดิษฐ์เครือ่ งมือดักจับสัตว์การใช้ของพื้นบ้านเพื่อการทำมาหากิน
และเคร่อื งมอื การทำการเกษตร เป็นตน้
4. ภูมิปัญญาในการแสวงหาทางเลือก และการผลิตแบบซ้ำ ๆ เช่น ภูมิปัญญาทางด้าน
กระบวนการเรียนรู้และการปรับตัวของชุมชนในการทำนา ภูมิปัญญาทางด้านการละเล่นพื้นบ้านแบบ
นาฏศลิ ป์ ลิเก ลำตัด เป็นตน้
ณัฏฐวุฒิ ทรัพย์อุปถัมภ์ (2558) กล่าวว่า ภูมิปัญญาภาคกลางสามารถแสดงออกมาใน
ลักษณะของประเพณีที่สำคัญ ได้แก่ ประเพณี สู่ขวัญข้าว-ขวัญควาย ประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง ประเพณีตัก
บาตรดอกไม้ ประเพณีวิ่งควาย ประเพณี สงกรานต์ประเพณีบุญกลางบ้าน ประเพณีวันไหลและประเพณีกวน
ข้าวทิพย์เปน็ ต้น สว่ นภมู ิปัญญา ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การละเล่นกม็ ีมากมาย เชน่ ลิเก ลำตัด การแสดงโขน มอญซอ่ น
ผ้า งูกินหาง การแข่ง ว่าวปักเป้าและจุฬา เป็นต้น ซึ่งภูมิปัญญาดังกล่าวแสดงให้เห็นความสามารถในการ
ปรบั ตัวและการสง่ เสรมิ การเรยี นรขู้ องผคู้ นในท้องถ่ิน
นอกจากนี้ยังมีภูมิปัญญากับปัจจัยในการดำรงชีวิตถือว่าเป็นภูมิปัญญาที่ก่อให้เกิดความ
เจริญและเป็นพื้นฐานในการปรับตัวของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งภูมิปัญญาที่มนุษย์ปรับตัวให้เข้า กั บความ
ต้องการขั้นพื้นฐานนั้นประกอบด้วย อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรคล้วนแต่เป็นสิ่งที่มี
ความสำคัญและมีความจำเปน็ ต่อการดำรงชวี ติ ภมู ิปัญญากบั ปัจจยั ในการดำรงชวี ติ ของมนษุ ย์ไว้ ดงั นี้
1. ภูมิปัญญาด้านอาหารและเครื่องดื่ม ในภาคกลาง อาหารในภาคกลาง เช่น น้ำพริก
ปลาทูแกงเลียง ต้มโคล้ง ตม้ ส้ม แกงสม้ ตม้ ยำ ผดั ผัก แกงเผ็ดตา่ ง ๆ เปน็ ต้น
2. ภูมิปัญญาด้านการแต่งกาย สำหรับภาคกลางผ้าที่มีลักษณะเด่น คือ ผ้าทอหาดเสี้ยว
ผา้ ซิ่นตีนจก ผ้าทอลับแล ผา้ ไหม มดั หมี่ ผา้ ห่มบา้ นไร่ เป็นตน้
86
3. ภูมิปัญญาด้านที่อยู่อาศัย สำหรับบ้านเรือนไทยในภาคกลางแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ
คือเรือนเครื่องผูก และเรือนเครื่องสับ เรือนเครื่องผูกเป็นเรือนที่ใช้วัสดุก่อสร้างที่มาจากธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่
ใบต้นจาก ต้นหญ้าคา ยึดโครงด้วยตอกหรือเส้นหวาย ซึ่งมีอายุใช้งานไม่มากนัก ส่วนเรือนเครื่องสับ จะสร้าง
ด้วยวสั ดุไมเ้ นือ้ แขง็ ยึดโครงดว้ ยการเข้าเดือยบางส่วน บางส่วนอาจยดึ ดว้ ยโลหะ โดยโครงสรา้ งและส่ิงแวดล้อม
ของการปลกู เรือนไทยภาคกลาง มีดังน้ี
-มกั เปน็ ชมุ ชนทีอ่ ยู่ริมน้ำและทร่ี าบ บา้ นมลี กั ษณะใต้ถุนสงู เพื่อป้องกนั น้ำทว่ ม
-หลังคาจั่วสูง ชายคายื่นยาว สำหรับลมพัดผ่าน อากาศถ่ายเทสะดวก จะช่วย
บรรเทาความรอ้ น ทำใหบ้ า้ นเรือนมีอากาศเย็นสบาย
-วัสดทุ ใี่ ชม้ งุ หลังคา มักจะใชจ้ ากวัสดุทไ่ี ดจ้ ากธรรมชาติ เชน่ แผน่ ไมใ้ บหญ้าคา ใบ
ตน้ จาก กระเบอ้ื งดินเผา เพ่อื ปูองกันและบรรเทาความร้อน
-ลกั ษณะบา้ นจะอยู่ในบรเิ วณพืน้ ท่เี ดยี วกนั อยูร่ วมกันเป็นครอบครัวใหญ่
ภาพประกอบ 24 ภาพแสดงเรอื นไทยในภาคกลาง
ทีม่ า : ณ สทั ธา อุทยานไทย. (2563). เรือนภาคกลาง.
สืบคน้ จาก http://www.nasatta.com/th/attractions-sattatinthai/centralhouse/
4. ภูมปิ ญั ญาดา้ นการแพทย์และสุขอนามยั ประวัติการแพทย์แผนไทยพอสรุปเป็นลำดับ
ได้ ดังนี้ สมัยกรุงศรีอยุธยา การแพทย์แผนไทยเริ่มในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยให้มี การรวบรวม
ตำรับยาขึ้นเป็นคร้ังแรก สมัยกรุงรัตนโกสินทร์เริ่มตั้งแต่สมัยรชั กาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา
โลกมหาราช ทรงให้มีการรวบรวมและจารึกตำรายา ตำราการนวดตามศาลารายมีรูปฤาษีดัดตนในบริเวณ วัด
โพธิ์หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ทรงมีพระบรมราชโองการให้ผู้มีความรู้เกี่ยวกับ เรื่องสรรพคุณยา ผู้ชำนาญเกี่ยวกับการรักษาและผู้มีตำรายา
เข้ามาถวายรายงานตัว โดยให้หมอหลวง เปน็ ผ้พู จิ ารณาคัดเลือกเพ่ือทำหนา้ ท่ใี นวังและแต่งตง้ั เป็นแพทย์โอสถ
หลวง พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้มีการจัดตัง้ โรงเรียนแพทย์แผน
โบราณแหง่ แรกขน้ึ คือ โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดโพธซิ์ ่งึ ภูมิปัญญาดา้ นสุขอนามัยมแี นวทางที่ศึกษา
87
3 แนวทาง คอื ภมู ิปัญญาดา้ นเภสชั ภูมปิ ญั ญาด้านเวชกรรมไทย และภมู ิปญั ญาดา้ นการนวดแผนโบราณ
การบำบดั โรคตามการแพทยแ์ ผนไทยมักใช้วิธีการหลายวธิ ีเพ่อื ใหผ้ ลรักษาท้งั ทางร่างกาย
และจติ ใจ เชน่ การใชธ้ รรมชาตบิ ำบัด กายภาพบำบัด จติ บำบัดและการใชย้ า ดงั น้ี
1. การใชส้ มุนไพร
2. การนวดและการบรหิ ารร่างกาย
3. การใชพ้ ิธีกรรมความเชอื่
ความรู้ดังกล่าวจัดว่าเป็นหลักในการปฏบิ ัติการวิเคราะห์และบำบัดรกั ษาโรคของคนไทย
ในแต่ละภูมิภาคซึ่งก่อให้เกิดคุณค่าทางภูมิปัญญาที่มีความครอบคลุมองค์ความรู้อย่างครบถ้วนทั้งในการ
ปอ้ งกัน การวินจิ ฉัยและบำบดั รกั ษา
3. แนวทางการศกึ ษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคกลาง
ภาคกลางถอื ไดว้ า่ เป็นจุดศูนย์กลางของประเทศไทยท่ีครอบคลุมพนื้ ทร่ี าบลมุ่ แมน่ ำ้ เจา้ พระยา ซึ่ง
อยูก่ ่ึงกลางระหวา่ งภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ส่วนใหญ่ประกอบไปดว้ ยที่ราบซ่งึ เกิดจากการที่แม่น้ำพัด
พาเอาเศษหิน เศษดิน กรวดทราย และตะกอนมาทับถมพอกพูนมานับเป็นเวลาล้าน ๆ ปี บริเวณที่ราบของ
ภาคนี้กินอาณาบริเวณตั้งแต่ทางใต้ของจังหวัดอุตรดิตถ์ลงไปจนจรดอ่าวไทย นับเป็นพื้นที่ราบที่มีขนาดกว้าง
ใหญ่กว่าภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศ งานศิลปหัตถกรรมไทยพืน้ บ้านภาคกลางจงึ มคี วามสวยงาม โดดเด่น และ
มเี อกลกั ษณ์เฉพาะเหมือนเปน็ ที่รวมศูนย์กลางความหลากหลายที่มีอตั ลักษณ์เฉพาะ ซึ่งเปน็ ไปตามสภาพความ
เป็นอยู่ วิถชี ีวิต และวัฒนธรรมประเพณีของคนในแตล่ ะท้องถิน่
3.1 แนวทางการศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคกลาง
การศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคกลางนั้นไม่ได้แตกต่างจากภาคอื่น นักศึกษา
ควรรู้จักวสั ดุพื้นบา้ นของภาคกลางและกระบวนการผลิตงานหัตถกรรมท่ีสำคัญ และควรให้ความสำคัญกบั ภูมิ
ปัญญาของช่างในการผลิต การสร้างความเข้าใจในเรื่องราว ทัศนคติ ความเชื่อและบริบทของงาน
ศิลปหตั ถกรรมไทยภาคกลางดว้ ย
3.2 ตัวอย่างการศกึ ษาผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคกลาง
เมื่อนิสิตได้เรียนรู้แนวทางการศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคกลางแล้ว จำเป็นที่
จะต้องศึกษาวิเคราะห์ผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคกลาง เพื่อทำให้เกิดการตระหนักรู้และสร้างความเข้าใจ
มากยิ่งขึ้น ซึ่งตัวอย่างงานหัตถกรรมพื้นบ้านภาคกลางที่ควรค่าแก่การศึกษาจากการรวบรวมข้อมูลช่างฝีมือ
งานหัตถกรรมในหนังสือ ทะเบียนช่างหัตถศิลป์ไทย ของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ หรือ ศ.ศ.ป.
ศนู ย์สง่ เสรมิ ศิลปาชีพระหวา่ งประเทศ (องคก์ ารมหาชน) (2555) ไดแ้ ก่
88
3.2.1 หมอ้ นํ้าลายวจิ ติ ร จ.นนทบรุ ี
ภาพประกอบ 25 ภาพแสดงหม้อนาํ้ ลายวิจติ ร จ.นนทบรุ ี
ที่มา : ศูนย์สง่ เสริมศลิ ปาชีพระหวา่ งประเทศ (องคก์ ารมหาชน). (2553). Handicraft.
สืบค้นจาก https://www.sacict.or.th/uploads/items/attachments/1a3d6a5affbc4a3a84214366730c4a80/
_18bedffb584d9742893d6e34471251fa.pdf
-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พ้นื ผวิ และวัสดุ
(ให้นิสิตเขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ได้แก่ ความซาบซ้งึ ในเร่ืองราว คณุ คา่ และความหมาย จิต
วิญญาณทแ่ี ฝงอยู่ในภูมิปญั ญา ปรชั ญาแนวคิด
(ให้นิสติ เขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวิธใี นการผลิต
(ให้นสิ ิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-คุณค่าทเี่ ป็นทต่ี ้องการในงานหตั ถกรรม ไดแ้ ก่ คณุ คา่ ทางความงามท่ีได้รับด้านจิตใจ คณุ คา่ จากงานที่
ทำด้วยมือใชค้ วามชำนาญเปน็ พเิ ศษ และคุณคา่ จากการคดิ ค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ
(ใหน้ สิ ิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
89
3.2.2 โถเบญจรงค์ จ.อยุธยา
ภาพประกอบ 26 ภาพแสดงโถเบญจรงค์ จ.อยธุ ยา
ท่มี า : ศูนยส์ ่งเสริมศลิ ปาชีพระหวา่ งประเทศ (องคก์ ารมหาชน). (2553). Handicraft.
สืบคน้ จาก https://www.sac.or.th/databases/thaiarts/artwork/264
-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พนื้ ผิวและวัสดุ
(ให้นสิ ติ เขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ไดแ้ ก่ ความซาบซง้ึ ในเร่ืองราว คณุ คา่ และความหมาย จิต
วิญญาณท่แี ฝงอย่ใู นภมู ปิ ัญญา ปรชั ญาแนวคิด
(ใหน้ สิ ิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวิธใี นการผลิต
(ใหน้ ิสติ เขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-คุณคา่ ทเี่ ปน็ ทีต่ อ้ งการในงานหตั ถกรรม ไดแ้ ก่ คุณคา่ ทางความงามที่ไดร้ ับด้านจติ ใจ คณุ ค่าจากงานที่
ทำดว้ ยมือใช้ความชำนาญเปน็ พิเศษ และคณุ คา่ จากการคิดค้นนวตั กรรมใหม่ ๆ
(ให้นิสติ เขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
90
3.2.3 ผา้ ซ่นิ ตีนจก จ.ราชบรุ ี
ภาพประกอบ 27 ภาพแสดงผา้ ซนิ่ ตีนจก จ.ราชบุรี
ทม่ี า : ศนู ยส์ ืบทอดศลิ ปะผา้ ตนี จกราชบรุ ี. (2553). ขอ้ มลู ทว่ั ไปผา้ ซนิ่ ตนี จก จ.ราชบรุ ี.
สืบคน้ จาก https://welovetogo.com/ratchaburi-top15-check-point/
-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พ้นื ผวิ และวัสดุ
(ใหน้ สิ ติ เขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ได้แก่ ความซาบซึ้งในเรื่องราว คุณคา่ และความหมาย จิต
วิญญาณท่แี ฝงอยูใ่ นภมู ิปัญญา ปรัชญาแนวคิด
(ให้นิสติ เขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวธิ ใี นการผลติ
(ให้นสิ ติ เขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-คุณคา่ ทเ่ี ปน็ ทีต่ ้องการในงานหัตถกรรม ได้แก่ คุณคา่ ทางความงามท่ีได้รบั ด้านจติ ใจ คุณคา่ จากงานที่
ทำดว้ ยมือใช้ความชำนาญเปน็ พิเศษ และคุณคา่ จากการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ
(ใหน้ สิ ติ เขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
91
3.2.4 งานบาตรโบราณ (ตีมอื แปดตะเข็บ) จ.กรุงเทพมหานคร
ภาพประกอบ 28 ภาพแสดงบาตรโบราณ (ตีมือแปดตะเขบ็ ) จ.กรงุ เทพมหานคร
ท่ีมา : ศูนย์สง่ เสรมิ ศลิ ปาชีพระหวา่ งประเทศ (องคก์ ารมหาชน). (2553). Handicraft.
สบื ค้นจาก https://www.sacict.or.th/th/detail/2021-02-09-10-56-47
-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พืน้ ผิวและวัสดุ
(ให้นิสติ เขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศกึ ษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ได้แก่ ความซาบซ้ึงในเร่ืองราว คณุ คา่ และความหมาย จิต
วญิ ญาณทแี่ ฝงอยู่ในภมู ปิ ญั ญา ปรัชญาแนวคดิ
(ใหน้ ิสติ เขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวธิ ีในการผลิต
(ใหน้ ิสิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-คณุ คา่ ทเ่ี ปน็ ทีต่ ้องการในงานหตั ถกรรม ได้แก่ คุณค่าทางความงามท่ีได้รบั ด้านจติ ใจ คุณคา่ จากงานท่ี
ทำด้วยมอื ใชค้ วามชำนาญเปน็ พเิ ศษ และคณุ คา่ จากการคดิ ค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ
(ใหน้ สิ ิตเขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
92
3.2.5 งานหัตถกรรมหัวโขน จ.อ่างทอง
ภาพประกอบ 29 งานหตั ถกรรมหัวโขน จ.อา่ งทอง
ทีม่ า : ศนู ยส์ ่งเสริมศลิ ปาชีพระหวา่ งประเทศ (องคก์ ารมหาชน). (2553). Handicraft.
สืบค้นจาก https://www.sacict.or.th/th/detail/2021-01-07-15-09-18
-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พื้นผิวและวัสดุ
(ให้นิสติ เขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ได้แก่ ความซาบซ้งึ ในเรื่องราว คุณคา่ และความหมาย จิต
วิญญาณทีแ่ ฝงอยใู่ นภูมิปัญญา ปรัชญาแนวคดิ
(ใหน้ ิสติ เขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวธิ ใี นการผลติ
(ใหน้ ิสิตเขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-คุณค่าทเ่ี ป็นท่ตี อ้ งการในงานหัตถกรรม ไดแ้ ก่ คณุ คา่ ทางความงามท่ีไดร้ บั ด้านจติ ใจ คุณค่าจากงานท่ี
ทำดว้ ยมอื ใช้ความชำนาญเป็นพเิ ศษ และคุณคา่ จากการคดิ คน้ นวตั กรรมใหม่ ๆ
(ใหน้ สิ ิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
93
4. สรุป
ภาคกลางเป็นศูนย์กลางและเป็นศูนย์รวมอำนาจรัฐ เศรษฐกิจ คมนาคมและศาสนา ยัง
ประกอบด้วยกลุ่มชนหลากหลายชาติพันธุ์ ได้แก่ ลาว เขมร มอญ มาเลย์ ภาคกลางมีลักษณะภูมิศาสตร์ท่ี
สำคัญ คือ เป็นพื้นที่ลุ่มนำ้ ขนาดใหญ่ มีแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นที่รวมของแมน่ ้ำทุกสาย ทำให้เกิดเป็นพื้นทีช่ ุ่มนำ้
ขนาดใหญ่ มีความชุ่มชื้นเหมาะสมแก่การทำการเกษตรกรรม รวมไปถึงการตั้งบ้านเรือนขนาดใหญ่ การ
เดินทางไปมาหาสู่ทำได้งา่ ยและสะดวก จึงทำให้มีคนหลากหลายชาติพันธุ์และภาษาเข้ามาตั้งหลกั แหล่งทำมา
หากินและมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน สามารถแบ่งพื้นที่ออกได้ ดังน้ี พื้นที่ลุ่มเขตภาคกลาง
พืน้ ทภี่ าคกลางตอนบน พ้ืนทภ่ี าคกลางด้านตะวันตก และพื้นทภ่ี าคกลางดา้ นตะวนั ออก
ทรัพยากรในภาคกลางที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำดินตะกอนสะสม ทรัพยากร
ส่วนใหญจ่ ึงมีความอุดมสมบูรณ์มากท่ีสุดแห่งหนึง่ ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทรพั ยากรดิน น้ำ แร่ธาตุ ป่า
ไม้ อทุ ยานแหง่ ชาติ เขตรักษาพนั ธ์ุสตั ว์ป่าและทรัพยากรสัตว์ปา่ และประมง
ด้านสังคมพื้นที่ส่วนใหญ่ในภาคกลางเป็นที่ราบลุ่มและเป็นแหล่งผลิตการเกษตรที่สำคัญของ
ประเทศ จะมีบางพื้นที่ที่เป็นภาคอุตสาหกรรมและทำการประมงที่ต้องอาศัยแรงงานต่างด้าว ทำให้โครงสร้าง
ทางสังคมมีความหลากหลายของประชากรมากขึ้น ด้านวัฒนธรรมที่สำคัญและโดดเด่นในพื้นที่ภาคกล างมี
แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศมากมายที่ได้สืบทอดเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมเอาไว้ เช่น
โบราณสถาน วัด วัง แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของไทยที่ยังเป็นแหล่งศิลปะ หัตถกรรม
สถาปัตยกรรมซึ่งนำไปสู่การประกอบธุรกิจของ SMEs จำนวนมากในปัจจุบัน ทั้งในด้านการท่องเที่ยว การ
บริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง การทำของฝากของที่ระลึกแสดงถึงการที่ผู้ประกอบการได้นำทุนทางวัฒนธรรมใน
การใช้ชีวิตมาต่อยอดในด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชิงนิเวศน์ และเชิงสุขภาพ และเป็นโอกาสในการที่
ชุมชนจะไดน้ ำเสนอสนิ คา้ เชิงวัฒนธรรมทั้งในด้านศิลปะหรือวิถีชีวิต และรปู แบบการใหบ้ ริการที่เป็นวัฒนธรรม
ด้ังเดมิ ของพ้นื ทด่ี ้วย
วฒั นธรรมทอ้ งถิ่นภาคกลางส่วนใหญ่เป็นวฒั นธรรมทเี่ กีย่ วเนื่องกับพระพทุ ธศาสนา แตม่ ีลักษณะ
ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ สังคม และค่านิยมในท้องถิ่นที่แตกต่าง
กัน ลักษณะวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีโดยรวมมีความเกี่ยวเนื่องกับพิธีกรรมใน
พระพุทธศาสนา และพิธีกรรมเกี่ยวกับความเชื่อในการดำเนินชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของ
วัฒนธรรมไทย วัฒนธรรมของภาคกลางมีความเกี่ยวข้องกับด้านศาสนาและลัทธิความเชื่อ การดำรงชีวิตทาง
การเกษตร ยาและการรกั ษาพ้ืนบา้ น
คติความเช่ือ สงั คมไทยภาคกลางส่วนใหญ่มีความเช่ือในทางพทุ ธศาสนา เช่น ความคิดความเชื่อ
เก่ยี วกับวันเกิด ความเช่อื เรอ่ื งการตง้ั ช่ือ ความเชอ่ื เร่อื งตน้ ไม้มงคล ความเชื่อเก่ยี วกับเร่ืองของการทำนายทาย
ทักและความเช่ืออนื่ ๆ อีกมากมาย
ภูมิปัญญาภาคกลางสามารถแสดงออกมาในลักษณะของประเพณีที่สำคัญต่าง ๆ ส่วนภูมิปัญญา
ที่เกี่ยวข้องกับการละเล่นก็มีมากมาย ซึ่งภูมิปญั ญาดังกลา่ วน้ีแสดงให้เห็นความสามารถในการปรับตัวและการ
ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้คนในท้องถิ่น ภูมิปัญญากับปัจจัยในการดำรงชีวิต เช่น ด้านอาหาร ที่อยู่อาศัย
94
เครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรคล้วน ภูมิปัญญาที่สำคัญของภาคกลางได้แก่ ด้านอาหารและเครื่องดื่ม ด้านการ
แต่งกาย ด้านทอี่ ยู่อาศัย และดา้ นการแพทย์และสุขอนามัย
แนวทางการศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคกลาง ศิลปหัตถกรรมไทยพื้นบ้านภาคกลางมี
ความสวยงาม โดดเด่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะเสมือนเป็นที่รวมศูนย์กลางความหลากหลายที่มีอัตลักษณ์
เฉพาะ ซึ่งเป็นไปตามสภาพความเป็นอยู่ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมประเพณีของคนในแต่ละท้องถิ่น เนื่องจาก
ภาคกลางถอื ไดว้ า่ เปน็ จุดศูนย์กลางของประเทศไทย
5. คำถามทา้ ยบท
1. ใหน้ ิสติ ทำข้อ 3.2 ตัวอยา่ งการศึกษาผลงานศลิ ปหัตถกรรมไทยภาคกลางใหส้ มบูรณ์
2. ให้นสิ ิตอธบิ ายถงึ ตำแหน่งทตี่ ั้งทางภูมิศาสตรข์ องภาคกลางวา่ มีความเชอ่ื มโยงและสง่ ผลให้เกิด
ข้อดอี ยา่ งไรเกย่ี วกบั ด้านตา่ ง ๆ บา้ ง ตามความเข้าใจของตนเอง
3. ให้นิสิตเลือกผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยพื้นบ้านภาคกลางที่มาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่
ประทับใจมากที่สดุ มา 1 ช้ิน พรอ้ มอธิบายเหตุผลและยกตัวอยา่ ง
4. ให้นิสิตเลอื กผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคกลางที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์และภูมปิ ญั ญาท้องถ่ิน
ในดา้ นตา่ ง ๆ มา 3 ผลติ ภณั ฑ์ แลว้ ทำการศกึ ษาวิเคราะห์ผลงานและอธิบายข้นั ตอนการสร้างสรรค์ผลงานจาก
ภูมิปญั ญาท้องถิ่นตามทไี่ ดเ้ รียน
6. แบบฝึกหดั ปฏิบัติงานออกแบบท้ายบท
1. ให้นสิ ติ จดั ทำเล่มรายงานรวบรวมผลงานหตั ถกรรมพน้ื บ้านของภาคกลางโดยแบง่ ภาพผลงาน
ตามประเภทของวัสดแุ ละกรรมวิธีการผลติ ดงั นี้
1. การปน้ั และการหลอ่
2. การทอและเยบ็ ปักถกั ร้อย
3. การแกะสลัก
4. การกอ่ สรา้ ง
5. การเขียนหรือวาด
6. การจกั สาน
7. การทำเคร่ืองกระดาษ
8. กรรมวิธอี นื่ ๆ
โดยมีรูปแบบเล่มรายงานหน้ากระดาษ A 4 / หน้าละ 1 ผลงาน ให้นิสิตอธิบายภาพงาน
หัตถกรรมที่หามาได้ ในด้านต่างๆ ดังนี้ ชื่องาน / แหล่งผลิต / วัสดุ / กรรมวิธีการผลิต / ลักษณะเฉพาะ /
คณุ คา่ ของผลงาน
2. ให้นิสิตออกแบบผลิตภัณฑ์ 1 ชิ้น โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานหัตถกรรมพื้นบ้าน
ของภาคกลางจำนวน 3 ชิน้ ตามทีไ่ ด้ทำรายงานเมอ่ื สัปดาห์ท่ีแล้ว
95
บทท่ี 5
ศลิ ปหัตถกรรมไทยภาคตะวนั ออก
แผนการสอนครง้ั ท่ี 9 - 10
หวั ขอ้ ศิลปหตั ถกรรมของไทยภาคตะวนั ออก
ผูส้ อน อาจารย์ ดร.พรนารี ชัยดเิ รก
เวลา 480 นาที
วัตถุประสงค์
ครั้งที่ 9
1. เพอ่ื ให้นสิ ติ เข้าใจความหมาย ความสำคัญ และประเภทของงานศลิ ปหตั ถกรรมของไทย
ภาคตะวนั ออก
2. เพ่ือให้นิสติ เข้าใจและเรียนร้ผู ลงานศลิ ปหัตถกรรมไทยภาคตะวนั ออก
คร้งั ท่ี 10
1. เพือ่ ใหน้ ิสิตเขา้ ใจตัวอย่างผลงานศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออก
2. เพือ่ ใหน้ ิสติ เรยี นรจู้ ากผลงานการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออก
เนอ้ื หา
ครัง้ ท่ี 9
1. กำเนดิ งานหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออก
1.1 ปัจจยั ทีเ่ กี่ยวขอ้ งในการผลิตผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคตะวันออก
2. ภูมปิ ญั ญาในการสรา้ งสรรคง์ าน
2.1 การสรา้ งสรรค์ผลงานจากภูมปิ ญั ญา
ครั้งที่ 10
1. แนวทางการศึกษาผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออก
1.1 แนวทางการศกึ ษาผลงานศลิ ปหัตถกรรมไทยภาคตะวันออก
1.2 ตวั อย่างการศึกษาผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยภาคตะวนั ออก
2. สรุปศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออก
การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ 15 นาที
คร้ังที่ 9 60 นาที
1. อธบิ ายวัตถปุ ระสงค์และเน้ือหาโดยรวม 150 นาที
2. บรรยายเน้อื หาและหัวข้อต่าง ๆ
3. ศกึ ษาเรียนรู้ผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคตะวนั ออก
98
4. นสิ ิตซักถามปรึกษาเน้ือหาการเรยี น 15 นาที
ครง้ั ที่ 10
1. อธบิ ายวตั ถปุ ระสงค์และเนื้อหาโดยรวม 15 นาที
2. บรรยายเน้อื หาและหวั ข้อต่าง ๆ 60 นาที
3. ศึกษาเรียนรูผ้ ลงานการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ภาคตะวันออก 150 นาที
4. นิสติ ซักถามปรึกษาเนื้อหาการเรยี น 15 นาที
ส่อื การสอน
ครง้ั ท่ี 9
1. เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า การออกแบบศลิ ปหตั ถกรรม
2. ไฟล์นำเสนอภาพน่ิงผา่ นโปรแกรมคอมพิวเตอร์
3. หนังสือ ตำรา วารสารตา่ ง ๆ ท้ังในประเทศและต่างประเทศ ทเ่ี กยี่ วข้องกับการออกแบบ
ศิลปหัตถกรรมไทย
4. ตัวอยา่ งผลิตภัณฑ์ ผลงานหัตถกรรมสำหรับการเรียนการสอนท่เี กีย่ วข้อง
(ตามความเหมาะสมของเน้ือหาการเรยี น)
ครงั้ ที่ 10
1. เอกสารประกอบการสอนรายวิชา การออกแบบศลิ ปหตั ถกรรม
2. ไฟล์นำเสนอภาพน่ิงผา่ นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์
3. หนังสอื ตำรา วารสารต่าง ๆ ท้ังในประเทศและต่างประเทศ ทีเ่ ก่ียวข้องกับการออกแบบ
ศิลปหตั ถกรรมไทย
4. ตวั อยา่ งผลิตภัณฑ์ ผลงานหัตถกรรมสำหรบั การเรียนการสอนท่เี กยี่ วข้อง
(ตามความเหมาะสมของเนือ้ หาการเรยี น)
การประเมินผล
คร้งั ที่ 9
1. สงั เกตจากพฤติกรรมของผู้เรยี น
2. ประเมนิ ผลจากกิจกรรมในการชัน้ เรียน
3. ประเมินผลจากคำถามท้ายบทที่ 5
4. ประเมินผลจากแบบฝึกหดั ปฏบิ ตั งิ านออกแบบท้ายบท
ครง้ั ท่ี 10
1. สังเกตจากพฤติกรรมของผู้เรียน
2. ประเมนิ ผลจากกจิ กรรมในการช้ันเรยี น
99
3. ประเมินผลจากคำถามทา้ ยบทท่ี 5
4. ประเมนิ ผลจากแบบฝึกหดั ปฏิบัติงานออกแบบท้ายบท
หนงั สืออา้ งอิง
สำนกั บริหารยุทธศาสตร์กลมุ่ จังหวัดภาคตะวันออก. (2561). แผนพัฒนากลมุ่ จังหวดั ภาคตะวันออก(ชลบรุ ี
ระยอง จันทบุรี ตราด) พ.ศ.2561-พ.ศ.2564. สบื คน้ จาก
http://www.oic.go.th/FILEWEB/CABINFOCENTER3/DRAWER080/GENERAL/DATA0000
/00000023.PDF
บูรพาอีเวนท์. (2012). ประเพณภี าคตะวันออก หนง่ึ ใน ประเพณี ของประเทศไทยทีน่ ่าสนใจและดงั ไกลไป
ท่วั โลก. สืบค้นจาก https://buraphaevent.com/2021/02/13
สำนกั งานวฒั นธรรมจงั หวัดจันทบรุ ี. (2561). ความเชือ่ ท้องถ่ินของจนั ทบรุ .ี สบื คน้ จาก
https://www.mculture.go.th/chanthaburi/ewt_news.php?
สชุ าติ เถาทอง. (2543). การสำรวจและศึกษาแหลง่ ข้อมูลพน้ื ฐานทางศิลปวัฒนธรรมและภมู ิปัญญาพ้นื ถิ่น
ในภาคตะวันออก (ศิลปกรรม-ศิลปหัตถกรรม). สบื คน้ จาก
https://www.mculture.go.th/chanthaburi/ewt_news.php?
100
บทที่ 5
ศิลปหตั ถกรรมไทยภาคตะวันออก
1. กำเนิดงานหตั ถกรรมไทยภาคตะวันออก
1.1 ปจั จัยทีเ่ กีย่ วข้องในการผลติ ผลงานศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคตะวันออก ประกอบด้วยดา้ น
ตา่ ง ๆ ดังนี้
-การศึกษาด้านประวตั ิศาสตร์ท้องถิน่
ภาคตะวนั ออกน้นั มคี วามโดดเดน่ ในด้านประวตั ิศาสตร์ทเี่ ปน็ ทร่ี วมของชนหลายเชื้อชาติ
เผ่าพันธ์ุ คือ นอกจะมีกลุ่มใหญ่ที่เป็นคนไทยมาแต่เดิมแล้ว ยังเป็นถิ่นที่อยู่ของคนหลายเชือ้ ชาติ เช่น ชาวชอง
ซึ่งเป็นชนเผ่าตระกูลมอญ-เขมรที่อยู่ในเขตป่าเขา ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ ประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำจาก
วัสดุในท้องถิ่น เช่น เครื่องจักสาน มีกระบุง ตะกร้า และของป่าเอามาแลกเปลี่ยนเสื้อผ้า และอาหารกับคนใน
เมือง ส่วนชาวญวนอพยพเขา้ มาต้ังถ่ินฐานสมยั ใดไม่ปรากฏชัดเจน เป็นญวนท่ีนบั ถือศาสนาคริสต์ ชาวจีนเป็น
กลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดมีบทบาทด้านการค้า เริ่มจากการค้าทางเรือสำเภามาตั้งแต่ในอดีต ชาวไทยมุสลิม
อพยพเขา้ มาต้งั ถิน่ ฐาน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจา้ อยู่หัว อนั สบื เนือ่ งมาจากปัญหาการยึดครอง
อินโดจีนของฝรั่งเศส กลุ่มชนดังกล่าวมีวิถีชีวิตประสมประสานกับคนไทยพื้นถิ่น สื่อสารกันด้วยภาษา
วัฒนธรรม และความเชือ่ ไปในแนวเดียวกนั ผสมกลมกลืน ไม่มีปัญหาขัดแย้งกันแต่อย่างใด ใช้ภาษาไทยอย่าง
เดยี วกนั สำเนยี งไทยภาคกลาง แต่จะมีเสยี งเพยี้ นไปบา้ ง ประชากรสว่ นใหญน่ ับถือพทุ ธศาสนา
พื้นที่ของภาคตะวันออกมีขนาดเล็กกว่าภาคอื่น เดิมที่ภาคนี้เรียกรวมกับภาคกลาง แต่
เนอ่ื งจากลักษณะภูมิประเทศซึ่งต่างไปจากภาคกลาง คือ ผลติ ผลและภมู อิ ากาศคล้ายคลึงกับภาคใต้ มีลักษณะ
เด่นเฉพาะ อาชีพในภาคนส้ี ว่ นใหญ่เปน็ พชื สวนพืชไร่ การประมง พชื สวนทสี่ ำคญั ไดแ้ ก่ เงาะ ส่วนพืชไร่ มี ออ้ ย
มันสำปะหลงั และสับปะรด
การประมงทำกันตามชายฝั่งโดยทั่วไป และมกี ารเล้ยี งกุ้งกนั ในบางจังหวัด ส่วนการทำนา
มีในจงั หวัดฉะเชิงเทราและปราจนี บุรี นอกจากอาชีพดงั กล่าว ในจงั หวดั จนั ทบรุ ีปัจจบุ นั แมว้ า่ จำนวนพลอยดิบ
จะลดลงไปมาก แต่ก็ยังเป็นศูนย์กลางของการเจียระไนพลอยที่สำคัญโดยการนำเอาพลอยต่างประเทศเข้ามา
เจียระไน
ด้านเศรษฐกิจในภาคนี้เศรษฐกิจก้าวหน้าไปอย่างมาก เพราะได้มีการสร้างท่าเรือน้ำลึก
ขึ้นที่แหลมฉบัง ซึ่งขณะนี้มีโรงงานกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่อยู่แล้ว พร้อมกันนั้นยังมีนิคมอุตสาหกรรม สำหรับ
ผลิตสินค้าออกยังต่างประเทศ และที่บริเวณมาบตาพุด จังหวัดระยอง ได้เน้นด้านอุตสาหกรรมเปโตรเคมี โดย
การนำเอาก๊าซธรรมชาติท่พี บในอา่ วไทย มาแปรสภาพเปน็ สารทใ่ี ชใ้ นการทำพลาสตกิ ทำวสั ดพุ ีวีซี
ชายฝั่งทะเลด้านนี้มีสถานที่ท่องเท่ียวและหาดทราย ซึ่งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ จึงเป็นแหล่งท่ี
ผูค้ นทงั้ ชาวไทยและชาวตา่ งประเทศ นิยมมาพกั ผอ่ นท่องเทย่ี ว โดยเฉพาะทพี่ ทั ยา จังหวดั ชลบรุ ี
-สภาพภมู ศิ าสตร์
101
ภาคตะวันออกเดิมถือเป็นส่วนหนง่ึ ของภาคกลาง อยูต่ ดิ ชายฝงั่ อา่ วไทยดา้ นตะวันออกมี
ทิศเหนือจรดกับภาคกลางเเละภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออกจรดราชอาณาจักรกัมพูชา ทิศใต้จรด
อ่าวไทย ทศิ ตะวนั ตกจรดอ่าวไทย ภาคตะวนั ออกประกอบไปดว้ ย 7 จังหวดั ไดแ้ ก่ จันทบุรี ฉะเชงิ เทรา ชลบุรี
ตราด ปราจีนบรุ ี สระแกว้ และระยอง มพี ื้นท่ปี ระมาณ 34,380 ตารางกิโลเมตร
ภาคตะวันออก มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบสลับภูเขาลูกเตี้ย ๆ บริเวณชายฝั่งทะเล
ตะวันออกมีเทือกเขาจันทบุรีทอดตัวไปทางตะวันตกจนจดกับเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งทอดยาวจากเหนือถึงใต้
เป็นเส้นแบ่งอาณาเขต ระหว่างไทยกับประเทศกัมพูชาประชาธิปไตย มีแม่น้ำสายสำคัญ ได้แก่ แม่น้ำจันทบุรี
แม่น้ำตราด แม่น้ำระยอง และแม่น้ำประแสร์ ซึ่งไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทย ชายฝั่งทะเลที่เรียบยาว โค้งเว้า ท้อง
ทะเลตะวันออกเต็มไปด้วยกลุ่มเกาะน้อยใหญ่หลายแห่งที่สำคัญ ได้แก่ เกาะช้าง เกาะหมาก เกาะกูด ใน
จังหวัดตราด เกาะเสม็ด เกาะมัน จังหวัดระยอง เกาะล้าน เกาะสีชัง ในจังหวัดชลบุรี ส่วนบริเวณปากแม่น้ำ
เปน็ พ้นื ทีป่ ่าชายเลนทอ่ี ดุ มสมบูรณ์ ซ่ึงเกดิ จากการทับถมของตะกอนโคลนตมทแ่ี มน่ ำ้ สายตา่ ง ๆ พัดพามา เป็น
บรเิ วณทม่ี คี วามสำคญั ตอ่ ระบบนเิ วศของส่งิ มชี วี ติ เลก็ ๆ ในภูมิภาคตะวันออก
ภาพประกอบ 30 ภาพแสดงสภาพภมู ิศาสตรภ์ าคตะวันออก
ที่มา : ภมู ศิ าสตรใ์ นประเทศไทย. (2553). ภาคตะวันออก
สบื คน้ จาก https://sites.google.com/site/geographicinthailand/home/phakh-tawan-ook
ลักษณะภูมิอากาศของภาคตะวันออก ลักษณะภูมิอากาศของภาคตะวันออกคล้ายคลึง
กบั ภาคใต้ คอื ทางตอนบนของภาคจากปราจีนบุรี สระแกว้ ชลบรุ ี ระยอง ฉะเชงิ เทราจะมีลักษณะอากาศแบบ
สะวันนา ส่วนทางตอนล่าง คือ จันทบุรีและตราด จะมีลักษณะอากาศแบบร้อนชื้นแบบมรสุม คือ มีฝนตกชุก
อากาศรอ้ นช้นื จังหวัดที่มปี รมิ าณฝนมากท่สี ดุ คอื ตราด และจังหวดั ท่มี ฝี นตกน้อยท่สี ดุ คือ ชลบุรี
-ทรัพยากรธรรมชาติของภาคตะวนั ออก
102
สำนกั บรหิ ารยุทธศาสตรก์ ลมุ่ จังหวัดภาคตะวนั ออก (2561) อ้างวา่ พืน้ ทีก่ ลุ่มจงั หวัดภาค
ตะวันออกมีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว และศักยภาพ
เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าแก่การอนรุ กั ษ์และการพฒั นาโดยเฉพาะแหล่งทรัพยากรธรรมชาติท่มี ี
ศักยภาพเพื่อการท่องเที่ยว อาทิ น้ำตก ชายหาด ป่าบก ป่าชายเลน แหล่งปะการัง และเกาะต่าง ๆ สามารถ
ดงึ ดูดนกั ท่องเทย่ี วทัง้ ในและนอกประเทศ สร้างรายไดแ้ ก่ประชาชนในพื้นทแี่ ละประเทศ
1. ทรัพยากรดนิ
ดนิ ส่วนใหญข่ องภาคตะวนั ออกเปน็ ดนิ ปนทราย ระบายนำ้ ไดด้ ี ไม่อดุ มสมบูรณ์ บรเิ วณท่ี
มีน้ำทะเลท่วมถึงจะเป็นดินโคลนหรือดินเหนียว ส่วนดินที่เกิดจากการสลายตัวของหินบะซอลต์ หินปูนใน
บริเวณที่สูงเหมาะแก่การปลูกพืชสวน เช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด เป็นต้น ส่วนบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำมีดินอัลลู
เวยี นที่เหมาะใช้ทำนา
2. ทรัพยากรน้ำ
ภาคตะวนั ออกมฝี นตกชุกยาวนานและมแี มน่ ้ำสายส้ัน ๆ หลายสายคอ่ นข้างอุดมสมบูรณ์
แตย่ งั มีการขาดแคลนนำ้ จืดในเขตอตุ สาหกรรมและแหล่งท่องเที่ยว เช่น จังหวดั ชลบรุ ี
3. ทรพั ยากรป่าไม้
พื้นที่ป่าไมส้ ว่ นใหญ่ของภาคตะวนั ออกจะเปน็ ป่าดงดิบ ป่าดิบเขา ป่าสนเขา ป่าชายเลน
และป่าเบญจพรรณ จังหวัดที่มีพื้นที่ป่าไม้มากที่สุด คือ จังหวัดปราจีนบุรี ส่วนจังหวัดที่มีป่าไม้น้อยที่สุด คือ
จังหวดั ชลบุรี
4. ทรพั ยากรแร่ธาตุ
ภาคตะวันออกมีแร่หลายชนดิ ได้แก่
- เหล็ก พบทีจ่ งั หวัดปราจนี บรุ ี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา
- พลวง พบท่ีจงั หวดั ชลบุรี ระยอง จันทบรุ ี
- แรร่ ัตนชาติ เช่น คอรนั ตมั (พลอยสนี ำ้ เงิน,ไพลิน) บษุ ราคัม พบมากทจ่ี ังหวดั
จันทบรุ ี และตราด ทบั ทิมพบทจ่ี งั หวัดตราด
- แร่เชื้อเพลงิ พบทบ่ี ริเวณอา่ วไทย บริเวณมาบตาพดุ จงั หวัดระยอง
5.ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั ทะเล
ปัจจุบันทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลของพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกมีทั้ง
ระบบนเิ วศป่าชายเลน แนวปะการงั และแหลง่ หญ้าทะเล
1. ปา่ ชายเลน พันธ์ไุ มป้ ่าชายเลนสว่ นใหญ่เร่มิ จากริมฝ่งั ทะเลซ่ึงเปน็ บริเวณ
ดินเลนอ่อนน้ำทะเลท่วมถึงอย่างสม่ำเสมอ เป็นเขตของไม้โกงกาง ถัดเข้ามาเป็นเลนตื้นน้ำท่วมถึงสม่ำเสมอ
เปน็ กลุ่มไม้ถว่ั และแสม ถัดเข้ามาอีกเป็นเลนแข็งน้ำทว่ มถึงครง้ั คราว เปน็ เขตของไม้ตะบูน โปรง และฝาด เขต
สุดท้ายบริเวณดินแข็งติดกับแนวป่าบกมีน้ำทะเลท่วมถึงบางครั้งในรอบเดือนหนึ่ง ๆ เป็นเขตของไม้เสม็ด
จังหวัดตราดมีพนื้ ท่ปี า่ ชายเลนมากท่สี ุด รองลงมา ได้แก่ จังหวัดจนั ทบุรี ระยอง และชลบรุ ี
103
2. แนวปะการัง ลักษณะปะการังที่ค้นพบบริเวณชายฝั่งอ่าวไทยตั้งแต่เกาะสีชัง
จังหวัดชลบุรีจนถึงหมู่เกาะกูด จังหวัดตราด ได้แก่ ปะการังกิ่งน้ำตาลเขียว (Tree coral) ปะการังอ่อน (Soft
coral) กลั ปงั หา (Sea fan) ปะการังสมอง (Brain coral) และปะการงั เขากวาง (Table coral)
3. แหล่งหญ้าทะเล เจริญเติบโตในบริเวณอ่าวและหมู่เกาะที่คลื่นลมสงบ ราวเดือน
ธันวาคมถึงเดือนมีนาคม และบางพื้นที่พบได้ตลอดทั้งปี หญ้าทะเลที่พบ ได้แก่ Halophila decipiens,
Halophila minor, Halodule pinfolia และ Ruppia maritima ฯลฯ พบมากในบริเวณเกาะคราม เกาะพระ
ในพ้นื ท่อี า่ วสตั หีบ จงั หวดั ชลบรุ บี ริเวณชายฝง่ั ทะเลเขตอำเภอเมอื งระยอง และอำเภอบา้ นฉาง บรเิ วณหมู่บ้าน
อ่าวมะขามป้อมจนถึงปากแม่น้ำประแสร์ อำเภอแกลง บริเวณปากคลองหัวหิน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
จนถงึ บริเวณปากแม่นำ้ พังราด อำเภอนายายอาม และอำเภอทา่ ใหม่ จังหวัดจนั ทบรุ ี และหมูเ่ กาะต่าง ๆ
6. ทรพั ยากรด้านการทอ่ งเทย่ี ว
พืน้ ท่กี ลมุ่ จังหวัดภาคตะวันออกมีทรัพยากรธรรมชาติทหี่ ลากหลายทั้งชายฝงั่ ทะเล หมู่
เกาะ ปา่ เขา แมน่ ้ำ พืน้ ทป่ี ่าชายเลน ซ่ึงเออ้ื ต่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ประมง และผลติ สินค้าแปรรูป
เกิดเป็นวิถีชีวติ ทีน่ า่ สนใจ นอกจากนยี้ งั มีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์ในสมัยอยุธยา ตอนปลายที่สมเด็จพระ
เจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้อิสรภาพ และสมัยรัชกาลที่ 5 ในยุคล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส แหล่งท่องเที่ยว
ต่างๆ แบง่ ได้ ดังนี้
1. เมืองทอ่ งเท่ียวชายทะเล (เมืองพทั ยา)
2. พ้นื ท่รี องรับกจิ กรรมชายหาด (หาดบางแสน พัทยา จอมเทียน ตาแหวน
(หมู่เกาะล้าน) จังหวดั ชลบรุ ี หาดแม่รำพงึ แหลมแมพ่ มิ พ์ ทรายแก้ว (เกาะเสม็ด) จงั หวัดระยอง หาดเจ้าหลาว
จังหวดั จันทบรุ ี และหาดทางฝั่งตะวนั ตกของเกาะช้าง จังหวัดตราด)
3. พืน้ ท่ีประกอบกิจกรรมกีฬาทางนำ้ (หาดจอมเทียน และตาแหวน หมู่เกาะล้าน)
4. แหล่งดำน้ำ หมู่เกาะสีชัง (เกาะท้ายค้างคาว เกาะท้ายตาหมื่น) หมู่เกาะล้าน หมู่
เกาะไผ่ หมู่เกาะคราม หม่เู กาะแสมสาร จังหวัดชลบุรี หมู่เกาะเสมด็ หมู่เกาะมัน จงั หวัดระยอง
เกาะนมสาวและกองหินตา่ ง ๆ นอกฝงั่ จังหวดั จันทบรุ ี หมูเ่ กาะชา้ ง และหม่เู กาะรงั จังหวดั ตราด
5. แหลง่ ตกปลา แหลมแท่น หมู่เกาะสีชงั (เกาะขามใหญ่ และเกาะอน่ื ๆ โดยรอบ)
หาดบางเสร่ จงั หวดั ชลบรุ ี หาดอำเภอบา้ นฉาง (หาดน้ำริน สะพานปลาพลา) ปากแม่น้ำระยอง หมู่เกาะเสม็ด
ปากแม่นำ้ ประแสร์ จงั หวดั ระยอง ปากน้ำแขมหนู ปากแม่น้ำจนั ทบรุ จี งั หวดั จนั ทบรุ ี
6. แหล่งทอ่ งเทย่ี วเชิงนเิ วศ ศนู ย์ศึกษาธรรมชาตแิ ละอนุรักษป์ า่ ชายเลน ตำบล
เสม็ดศูนยอ์ นรุ ักษ์พันธ์เต่าทะเล (เกาะคราม เกาะจาน) และอทุ ยานใตท้ ะเลเกาะขาม จังหวัดชลบรุ ี
หมู่เกาะมัน ชุมชนปากแม่น้ำประแสร์จังหวัดระยอง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจาก
พระราชดำริ ปากน้ำแหลมสิงห์ ป่าชายเลนปากน้ำเวฬุ จังหวัดจันทบุรี ป่าชายเลนบ้าน เปร็ดใน – แหลมศอก
เกาะชา้ งและเกาะกดู จังหวดั ตราด
104
7. พืน้ ท่ที อ่ งเที่ยวเชงิ ประวตั ิศาสตร์และวถิ ีชีวิต พระจฑุ าธุชราชฐานท่เี กาะสชี ัง
หมู่บ้านชาวประมงที่ช่องแสมสาร โบราณสถานบริเวณชายหาดแหลมสิงห์ อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่แหลม
งอบ หมบู่ ้านชาวประมงทีเ่ กาะช้างและเกาะกดู ศนู ยร์ าชการุณยส์ ภากาชาดไทย เขาล้าน จงั หวดั ตราด
8. พน้ื ทท่ี อ่ งเท่ยี วเชิงเกษตร อำเภอบ้านคา่ ย อำเภอเมอื งระยอง อำเภอวังจันทร์
และอำเภอแกลง จังหวัดระยอง อำเภอท่าใหม่ อำเภอเมืองจันทบุรี และอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี เกาะ
ช้างฝ่ังตะวันออก เขาสมงิ ตำบลหว้ งน้ำขาว จังหวัดตราด
9. แหลง่ ทอ่ งเท่ยี วเชิงนิเวศ อทุ ยานแหง่ ชาติเขาชะเมา-เขาวง จงั หวดั ระยอง
อทุ ยานแห่งชาติเขาสิบห้าชนั้ เขาคิชฌกูฏ น้ำตกพลิ้ว จงั หวดั จนั ทบุรี อทุ ยานแหง่ ชาติน้ำตกคลองแก้ว จังหวัด
ตราด
10. พนื้ ท่ีทอ่ งเทีย่ วเชิงกฬี าและกิจกรรมร่วมสมยั อำเภอศรรี าชา พ้นื ทต่ี อนใน
เมืองพทั ยาจงั หวดั ชลบรุ ี อำเภอบ้านฉาง อำเภอพัฒนานคิ ม และอำเภอปลวกแดง จงั หวัดระยอง
11. พื้นทท่ี อ่ งเท่ยี วเชิงประวัตศิ าสตรแ์ ละวิถชี ีวติ โบราณสถานในอำเภอ
พนัสนิคม บ่อทอง บ้านบึง และวัดต่าง ๆ ในอำเภอเมืองชลบุรี อำเภอศรีราชา เมืองพัทยา อำเภอสัตหีบ
จังหวัดชลบุรีวัดต่างๆ ในตัวเมืองระยอง อำเภอแกลง อำเภอบ้านค่าย และอำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง
โบราณสถานในตัวเมืองจันทบุรีและอำเภอท่าใหม่ ศูนย์วัฒนธรรมชาวชองที่อำเภอเขาคิชฌกูฏ แหล่ง
โบราณคดีอำเภอแก่งหางแมวและอำเภอโปง่ น้ำร้อน จังหวัดจนั ทบุรี และโบราณสถาน เขาโต๊ะโมะ อำเภอเขา
สมิง วัดในเมืองตราด จังหวัดตราด
12. พ้นื ทีก่ ารค้าชายแดน จดุ ผา่ นแดนบ้านแหลม บ้านผักกาด อำเภอโปง่ น้ำร้อน
จงั หวัดจนั ทบุรี จุดผ่านแดนบา้ นหาดเลก็ อำเภอคลองใหญ่ จงั หวัดตราด
-วัฒนธรรมประจำทอ้ งถิน่ และสภาพทางสงั คม
-ดา้ นวัฒนธรรมประจำท้องถ่นิ
วัฒนธรรมทางด้านภาษา กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกมีกลุ่มชาติพนั ธช์ุ อง คนชองเป็นคน
ดั้งเดิมกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ใน จังหวัดฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด มีภาษาพูดที่เป็นเอกลักษณ์ คือ
ภาษาชอง ซึ่งเป็นภาษาในตระกูลออสโตรเอเชียติก กลุ่มมอญ-เขมร สาขาเปียริก ปัจจุบันพบภาษาชองพูดกัน
มากที่สุดในเขต อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งแต่เดิมนั้นมีคนพูดภาษาชองมากในอำเภอโป่งน้ำร้อน
และอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรีชาวชองมีภาษาและวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ทว่าในปัจจุบัน
ภาษา และวัฒนธรรมชาวชองกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตเนื่องจากมีคนพูดภาษาชองเพียง 4,000-5,000 คน
เทา่ นน้ั รวมทง้ั การขาดการสบื ทอดจากคนรนุ่ หลัง (สำนักบริหารยทุ ธศาสตรก์ ลมุ่ จังหวัดภาคตะวนั ออก, 2561)
งานประเพณีทีส่ ำคญั ในภาคตะวันออก สามารถแบ่งได้ตามแต่ละจังหวดั (บรู พา
อีเวนท์, 2012) ดงั นี้
1. จังหวดั จนั ทบรุ ี
105
งานชักพระบาท ของชาวหมู่บ้านตะปอนพระบาทจำลองของวดั ตะปอนน้อยโดยงานน้ี
จะถูกจัดขึ้นหลังวันสงกรานต์ 1 วันประมาณวันที่ 15 เมษายนของทุกปี เป็นการชักเย่อระหว่างชายและหญิง
โดยจะใช้เชือกผูกติดเกวียนโดยมีคนตีกลองอยู่บนเกวียนถือเป็นตัวแทยของพาหนะที่ขนพระบาทไปทำพิธี
อย่างเช่นในโบราณ เมื่อการชักเย่อเริ่มขึ้น ผู้ตีกลองจะตีรัวจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝา่ ยหนึง่ ชนะ ฝ่ายชนะถือว่าเปน็
สิริมงคลเพราะสามารถลากพระบาทได้
ภาพประกอบ 31 ภาพแสดงประเพณีงานชักพระบาท จงั หวดั จนั ทบรุ ี
ที่มา : วัฒนธรรม. (2553). ชกั เยอ่ เกวยี นพระบาท สืบสานวิถีชวี ติ วัฒนธรรม
สบื คน้ จาก http://article.culture.go.th/index.php/layouts-modules-positions/3-column-layout-6/201-2020-04-
15-08-53-14
2. จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา
งานขึ้นเขาเผาข้าวหลาม ของอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยประเพณีน้ี
สืบทอดมาจากชาวลาวที่อพยพมาอยู่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ที่ทุกคนเรียกว่า “ชาวลาวเวียง” เป็นการทำบุญ
ถวายข้าวหลาม ขนมจนี นำ้ ยาปา่ แด่พระภิกษุสงฆ์ วัดหนองบัว วดั หนองแหน ซ่งึ อยู่ในเขตอำเภอโดยจะจัดงาน
ทุกปีในเดือนมีนาคมขึ้น 15 ค่ำเนื่องจากเป็นช่วงเวลาแห่ง ประเพณี การเก็บเกี่ยวข้าว เพื่อเป็นสิริมงคลแก่
ชาวบ้านที่มีอาชีพทำนา พิธีนี้จึงจัดขึ้นและสืบทอดมาหลายชั่วอายุคนจนถึงปัจจุบัน “บุญข้าวหลาม” เป็น
ประเพณีการทำบุญถวายข้าวหลาม ขนมจีนน้ำยาป่าแดพ่ ระภกิ ษุสงฆ์ วัดหนองบัว วัดหนองแหน ซึ่งอยู่ในเขต
อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ประเพณีนี้มีในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ของทุกปี เหตุที่ถวายข้าวหลามนั้น อาจ
เป็นเพราะเดือน 3 เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา จึงนำข้าวอันเป็นพืชหลัก
ของตนทไ่ี ด้จากการเกบ็ เกีย่ วครง้ั แรก ซึ่งเรียกวา่ ขา้ วใหม่ จะมกี ล่ินหอมนา่ รบั ประทานมาก นำมาทำเปน็ อาหาร
โดยใชไ้ ม้ไผ่สสี กุ เปน็ วัสดุประกอบในการเผา เพือ่ ทำใหข้ ้าวสกุ เรียกว่า “ขา้ วหลาม” เพื่อนำไปถวายพระภิกษุ
106
ภาพประกอบ 32 ภาพแสดงประเพณีงานข้ึนเขาเผาข้าวหลาม ของอำเภอพนมสารคาม จังหวดั ฉะเชงิ เทรา
ที่มา : Phukhao Post. (2563). งานประเพณีข้นึ เขาเผาข้าวหลาม
สบื คน้ จาก https://www.phukhaopost.com/news/28-35-6038
3. จังหวัดชลบรุ ี
งานกองข้าว เป็นงานเก่าแก่ของชาวเมืองชลบุรี อำเภอศรีราชา จัดขึ้นในช่วงเทศกาล
สงกรานต์ประมาณวันที่ 19-21 เมษายนของทุกปีเพื่อเป็นการบวงสรวงและเซ่นสังเวยผี การสาธิต ประเพณี
กองขา้ ว การละเล่นพน้ื บ้าน การสาธิต มีการออกรา้ นจำหน่ายขนมพนื้ บ้าน อาหารพ้นื เมือง ภายในงานจะมีร้ิว
ขบวนแต่งตัวด้วยชุดไทยเดินบริเวณบริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลศรีราชา และที่บริเวณเกาะลอยศรี
ราชา จังหวดั ชลบรุ ี กจิ กรรมของงานจะประกอบไปด้วย การจัดขบวนแหท่ น่ี ำโดยกลมุ่ ผูเ้ ฒ่าผแู้ ก่และหน่วยงาน
ต่าง ๆ ที่แต่งกายด้วยชุดไทยประจำบ้านเข้าร่วมขบวนพิธีบวงสรวง และเซ่นสังเวยผี การสาธิต ประเพณีกอง
ข้าว การละเลน่ พืน้ บา้ น การสาธติ และจำหนา่ ยขนมพนื้ บ้าน อาหารพืน้ เมอื ง
ภาพประกอบ 33 ภาพแสดงประเพณีงานกองข้าว อำเภอศรีราชา จงั หวดั ชลบุรี
ทีม่ า : บรษิ ัท สวุ ลี จำกดั . (2560). ประเพณกี องขา้ ว
107
สืบคน้ จาก http://www.suvalee.com
4. จงั หวัดตราด
งานวนั วีรกรรมทหารเรือไทยใน ยทุ ธนาวีท่ีเกาะชา้ ง จัดข้ึนในชว่ งเดือนมกราคมของทุก
ปีช่วงวันที่ 17-23 ณ บริเวณอนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง ฝั่งอำเภอแหลมงอบ โดยทางจังหวัด อำเภอ
แหลมงอบและกองทัพเรือ จังหวัดตราดร่วมกันจัดงานเพื่อน้อมรำลึกถึงเกียรติคุณของนายทหารเรื อไทยท่ี
เสียชวี ติ ในการทำยทุ ธนาวีทเี่ กาะช้างหรือการส้รู บทางนำ้ ระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือฝร่ังเศส โดยใน
งานจะมกี ารทำบุญอุทิศสว่ นกุศลและลอยมาลาสักการะดวงวิญญาณทหารเรอื ทีเ่ สียชวี ติ พรอ้ มท้งั การออกร้าน
ตา่ ง ๆ นทิ รรศการของส่วนราชการพรอ้ มกบั การแข่งขันกฬี าพ้นื บ้าน
ภาพประกอบ 34 ภาพแสดงประเพณีงานวันวรี กรรมทหารเรือไทยใน ยทุ ธนาวีทเ่ี กาะช้าง จ.ตราด
ที่มา : เนติพงษ์ โอภาอุตตบล. (2560). จังหวัดตราด
สบื คน้ จาก https://sites.google.com/site/canghwadtraddd/prapheni-canghwad-trad/ngan-wan-wirkrrm-thhar-
reux-thiy-ni-yuththna-wi-thi-keaa-chang
5. จังหวดั ปราจนี บุรี
งานแห่บั้งไฟ เป็นงานที่ไม่คิดว่าจะมีการจัดขึ้นในภาคตะวันออกแต่ก็มีการจัดซึ่งงานนี้จะ
จัดขึ้นในวันที่ตรงกับวันสำคัญทางพุทธศาสนาคือวันวิสาขบูชาของทุกปีที่วัดมหาโพธิ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัด
ปราจนี บุรี มีการจุดบัง้ ไฟขน้ึ สูง ประกวดลำเซิ้งของขบวนแหบ่ ้ังไฟ และงานมหรสพสมโภชออกรา้ นมากมาย
108
ภาพประกอบ 35 ภาพแสดงประเพณีงานแหบ่ ้ังไฟ จังหวดั ปราจนี บรุ ี
ที่มา : MGR Online. (2554). ปราจนี บรุ ีจดั ประเพณบี ุญบง้ั ไฟ - นมัสการต้นพระศรมี หาโพธิ์ในวันวิสาขบชู า
สืบคน้ จาก https://mgronline.com/local/detail/9540000060200
6. จังหวดั ระยอง
งานทอดผ้าปา่ กลางนำ้ เปน็ งานทมี่ ีอายมุ ากกว่า 100 ปี โดยประชาชนจะนำพุ่มผ้าป่าท่ี
ต้นฝาดหรือต้นโปรงพืชที่ขึ้นกลางน้ำพร้อมประดับตกแต่งให้สวยงาม ไปปักไว้กลางแม่น้ำประแสร์ จากนั้น
นิมนต์พระสงฆ์มาชักผ้าป่าตามพิธีกรรม ประเพณีในทางพระพุทธศาสนา โดยพระสงฆ์ต้องถูกนิมนต์ลงเรือไป
ยังพุ่มผ้าป่ากลางลำน้ำประแสร์ ส่วนประชาชนท่ีร่วมประกอบพิธีก็จะพายเรือ แจวเรือเข้าร่วมพิธีกลางลำน้ำ
นั้น หลังเสร็จจากพิธีสงฆ์ ชาวบ้านจะมีการแข่งขันและเล่นกีฬาทางน้ำกันมากมายไม่ว่าจะเป็น การแข่งเรือ
พาย แข่งพายกะโล่ แข่งพายเรอื ข้ามลำไมไ้ ผ่ แขง่ ชกมวยทะเล เปน็ ตน้
ภาพประกอบ 36 ภาพแสดงประเพณีงานทอดผ้าปา่ กลางนำ้ จังหวดั ระยอง
ทม่ี า : Rayonghip. (2018). งานประเพณีทอดผา้ ปา่ กลางน้ำ
สืบคน้ จาก https://www.rayonghip.com
109
7. จังหวัดสระแก้ว
งานบวงสรวงศาลหลักเมือง และรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ จัดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์
ของทุกปี มีการออกร้าน ทำพิธีบวงสรวงศาลหลักเมือง มีการแสดงของเยาวชนภายในจังหวัดสระแก้ว สาธิต
การละเลน่ และกีฬาพื้นเมอื ง และพธิ ีรดน้ำดำหวั ผสู้ ูงอายใุ นพนื้ ท่ี
ภาพประกอบ 37 ภาพแสดงประเพณีงานบวงสรวงศาลหลักเมือง และรดน้ำดำหัวผสู้ ูงอายุ จังหวัดสระแก้ว
ทม่ี า : 77 ขา่ วเดด็ . (2018). สระแก้ว
สบื ค้นจาก https://www.77kaoded.com/news/thanapat/78877
- คติความเชื่อโดยรวมของสังคมไทยภาคตะวันออก (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด
จนั ทบุรี, 2561) มดี งั นี้
1. ความเชื่อเกี่ยวกับเครื่องรางของขลังและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับ
ของหรอื วสั ดุท่ีนับถอื ว่าจะชว่ ยในการป้องกันอนั ตรายจากเภทภยั หรืออาวธุ ตา่ ง ๆ เชน่ เหล็กไหล เพชรตาแมว
เขีย้ วหมูตนั เขี้ยวเสอื ปูหนิ ไขห่ ิน ปูทองแดง เม็ดขนุนทองแดง เมด็ มะขามทองแดง เมด็ สะบา้ ทองแดง คดปลา
หมอ คดปลาวาฬ และพระเครื่องหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส อ.ขลุง จ.จันทบุรี พระยอดธงวัดบางกะจะ อ.ท่า
ใหม่ จ.จนั ทบุรี พระหลวงพอ่ เจมิ วดั วันยาวล่าง อ.ขลุง จ.จนั ทบรุ ี
2. ความเชื่อเก่ียวกบั รูปลักษณ์ คนผมหยิกหน้ากล้อ คอเอียง พูดจาสองเสียง คบไม่ได้
คนหวั ลา้ นมกั ใจน้อย คนหยู านมักอายยุ นื ช้างดีตอ้ งมีลักษณะ 8 ประการ คือ ตาขาว เพดานขาว เล็บขาว พ้ืน
หน้ายาว ขนหางยาวขนขาวอวัยวะเพศขาวหรอื สคี ล้ายหม้อใหม่ ต้นมะพร้าวดีเป็นมงคล มี 5 ยอดี
3. ความเชือ่ เกี่ยวกบั ขวัญ เชอื่ ว่ามสี ิง่ หนง่ึ สิงอยู่ในรา่ งกายคน สตั ว์ ต้นไม้ มาตั้งแต่เร่ิม
เกดิ ถา้ ส่งิ น้ันอยจู่ ะทำใหม้ ีความสขุ สบาย ถา้ เกิดหายไปจะทำให้เกิดโรคภยั ไข้เจบ็ หรือมที ุกข์ จนอาจถงึ แก่ชีวิต
ได้ สิ่งนี้เรียกว่าขวัญ จากความเชื่อนี้ทำให้เกิดพิธีกรรมทำขวัญ เช่น ทำขวัญเด็ก ทำขวัญนาค ทำขวัญช้าง ม้า
วัว ควาย ทำขวัญข้าว และทำขวัญสิง่ ของที่ทำดว้ ยไม้ เช่น ทำขวัญเรือน ทำขวญั เสาเรอื น ทำขวญั เรือ ทำขวัญ
เกวียน
110
4. ความเชื่อเกี่ยวกับการกระเหม่น ซึ่งหมายถึงอาการสั่นกระตุกที่อวัยวะส่วนใดส่วน
หนึง่ อันมิได้เกดิ จากโรคภัยไข้เจ็บ เปน็ อยู่สกั ครกู่ จ็ ะหายไป ถา้ กระเหมน่ หูซ้ายจะไดล้ าภภายใน 3 วัน 7 วัน ถ้า
กระเหมน่ หขู วาจะไดข้ ่าวรา้ ย ถา้ กระเหมน่ ตาซ้ายผูห้ ญิงจะบน่ ถงึ ถ้ากระเหมน่ ตาขวา จะมีคนนำลาภมาให้
5. ความเชื่อเกี่ยวกับลางบอกเหตุ เช่น แมงมุมตีอกในเรือน จะเกิดการทะเลาะวิวาท
ขา้ วของจะหาย แมงมุมตีอกในทนี่ อน อาจจะต้องตาย ถา้ ไม่ตายตอ้ งบาดเจ็บ แมงมมุ ตีอกกรอบฝา เดินทางไกล
จะบาดเจ็บ
6. ความเชือ่ เกี่ยวกบั ส่ิงอบุ าทว์ ความเช่อื เกีย่ วกับสงิ่ อบุ าทว์ ถา้ แร้ง งปู า่ นกเคา้ แมว
นกยาง เหี้ย ตะกวด สุนัขจงิ้ จอก ปลวก ผ้งึ เตา่ เหลา่ สัตว์ป่ามาจับเรอื นขน้ึ เรอื นเข้าในเรือน
ทางทศิ ตะวันออก ทรัพย์สมบัติและบตุ รจะฉิบหาย
ทางทศิ ตะวันออกเฉยี งใต้ ไฟจะไหม้บา้ น
ทางทศิ ใต้ ตัวจะตายหรือเจ็บหนกั
ทางทศิ ตะวนั ตกเฉียงใต้ โจรจะปลน้ บ้าน
7. ยาแผนโบราณ ตะขาบกัดให้เอาน้ำลายไก่นาทาที่แผล เชื่อว่าจะหาย แมงป่องต่อย
พอกด้วยหัวหอมตำละเอียดเชื่อว่าจะหายปวดไก่ขาหักใชใ้ บตระไครพ้ ันเชื่อว่าจะหาย ใบมะกาต้มน้ำกินเชือ่ วา่
จะเป็นยาถ่าย ใบพลับพลึงนำมาลนไฟห่อตรงที่ เคล็ดเชื่อว่าจะหาย รากหมาก รากพลู แช่น้ำแล้วนำมาอาบ
หรือกิน เชื่อว่าแก้อีสุกอีใสได้ รากมะเฟืองนำมาต้มกิน เชื่อว่าแก้ปวดหลงั ปวดเอว ปูนแดงผสมน้ำมะนาว เช่ือ
ว่าทาแก้สิวได้ ใบเหงือกปลาหมอนำมาตำพอกฝี ตำบดให้ละเอียดผสมกบั นำผ้ึงกิน เชื่อว่าแก้โรคทุกชนิด ยอด
ตำลงึ บีบให้กา้ นแตกเหมอื นปลายพกู่ นั ทากุ้งยงิ เช่ือวา่ จะหายเป็นโรคเก่ยี วกบั ลำไส้ใหก้ นิ ใบฝรัง่ ถ่ายพยาธิให้กิน
ผลมะเกลือตำหรือเม็ดมะขามคั่ว กินผักบุ้งตาจะหวาน คนเป็นกามโรคห้ามกินหูปลาฉลามปลากระเบน สาเก
คนเปน็ เอดสใ์ ห้กนิ มะระขีน้ ก ปวดเมื่อยให้บีบนวดและจับเส้น
8. ความเชื่อปรากฎการณ์ธรรมชาติ มดขนไข่ฝนจะตก เวลาเดินกรำฝนห้ามเอาขัน
ครอบหวั ฟา้ จะผ่า หา้ มชรี้ งุ้ กินนำ้ นิว้ จะกุด เห็นดาวตกห้ามทักจะ ทำใหว้ ิญญาณไปเข้าท้องหมา ปีไหนดาวหาง
ขึ้นจะเกิดเหตุร้าย ที่ต้นไม้ใหญ่จะมีเทวดารักษาอยู่ ควรปลูกต้นมะยมไว้หน้าบ้าน ปลูกต้นขนุนไว้หลังบ้าน
ตน้ ไมไ้ มอ่ อกลกู ใหเ้ อาสากไปตำท่ลี ำต้นตอนเกิดสุรยิ คราส ปลูกว่านางกวกั จะทำใหเ้ กิดคุณทางเมตตา
2. ภมู ปิ ญั ญาในการสรา้ งสรรคง์ าน
2.1 การสรา้ งสรรคผ์ ลงานจากภูมปิ ญั ญา
สุชาติ เถาทอง (2543) สรุปว่า แหล่งภูมิปัญญาพื้นถิ่นงานศิลปหัตถกรรมในภาค
ตะวันออก พบมากที่สุดในจังหวัดชลบุรี โดยรูปแบบที่พบมากที่สุดคืองานจักสานไม้ไผ่ และการทอเสื่อกกใน
จังหวัดจันทบรุ ี นอกจากนี้จะเป็นผลติ ภณั ฑจ์ ากหิน การทอผ้า การผลิตของที่ระลกึ ต่าง ๆ
ภูมิปัญญาพื้นถิ่นในภาคตะวันออกเกิดจากความรู้ความสามารถของชาวบ้านที่คิดค้นหา
วิธีการในการดำเนินชีวิต และได้รับการสั่งสมถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ โดยในแต่ละพื้นที่ชุมชนจะมีความ
111
แตกต่างกันไปตามสภาพของภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของคนในพื้นถิ่นที่สืบทอดต่อ ๆ กันมา
ประเภทของภูมปิ ญั ญาพืน้ ถิ่นในภาคตะวันออกแบ่งออกได้ ดงั นี้
1. การแกะสลักหิน
การแกะสลักหินของภาคตะวันออกเป็นภูมิปัญญาพื้นถิ่นที่ได้รับการถ่ายทอดมา
ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 จนถึงสมัยรัชกาลที่ 2 มีการแกะสลักประติมากรรมหินจากคนจีนที่อพยพมาตั้งหลัก
แหล่งตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากสิน โดยเริ่มจากการแกะสลักป้ายฮวงซุ้ย และต่อมาเป็นการทำลูกนิมิต ป้ายเสมา
สิงโต และพระพุทธรปู ขนาดใหญ่ โดยแหลง่ ท่พี บมาก คอื ตำบลอา่ งศลิ า และตำบลเสมด็ โดยใช้หินแกรนิตท่ีมี
เน้อื หินสีขาวและเหมาะแกก่ ารทำครกและโม่
2. การตอ่ เรอื
การต่อเรือเป็นภูมิปญั ญาท้องถ่ินทีส่ ำคัญสำหรับพื้นทีช่ ายทะเลตะวันออกตอนล่าง
ตั้งแต่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด โดยค้นพบหลักฐานการต่อเรือ เปน็ ซากเรือสำเภาท้องแบน ตั้งแต่สมัย
พระเจ้าตากสิน ซึ่งแหล่งต่อเรือโบราณที่สำคัญคือบ้านเสม็ดงาม จังหวัดจันทบุรี การต่อเรือเป็นอาชีพที่ทำ
ควบคู่กับอาชีพประมงซึ่งในตอนแรกเป็นเรือใบและต่อมาเป็นเรือติดเครื่องยนต์ ซึ่งแหล่งต่อเรือที่สำคัญใน
ปัจจุบนั อยทู่ ่ีจงั หวัดชลบรุ ี และจงั หวัดตราด เรอื ที่ต่อส่วนใหญ่เปน็ เรอื ไม้ ไมม่ แี บบพิมพ์เขียว รูปแบบแคบเรียว
ติดเครือ่ งยนตแ์ รงมา้ ตำ่ ไมท้ ่ใี ชส้ ่วนมากใช้ไม้ประดู่ ตะเคียน เต็งรัง และมะคา่ โมง
3. การทอเสอ่ื
พบว่าจังหวัดจันทบุรีเป็นแหล่งต้นกำเนิดในการทอเสื่อกก เพราะมีต้นกกขึ้นอยู่
ทั่วไปตามคันนาในพื้นที่ โดยผู้ที่ริเริ่มคิดการทอเสื่อเกิดจากแม่ชีและพระคริสต์ในโบสถ์วัดคาทอลิก แต่เดิม
เรียกว่า เสื่อญวนหลังวดั หรือเสื่อชี เพราะคนญวนเป็นคนทอขึ้นเป็นพวกแรกและเป็นต้นแบบของเสือ่ กกจันท
บูรในปัจจุบัน ต่อมามีการพัฒนาครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 7 โดยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ได้มาพัฒนา
เรื่องการย้อมสีกกและการออกแบบ และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมายจากวัสดุนี้ เสื่อที่ทอปกติทอ
เป็นลายสอง คือ ยกสอง ข่มสอง เป็นลายดอกและรูปสัตว์ต่าง ๆ ลวดลายเฉพาะของเสื่อจะมีชื่อเรียกต่าง ๆ
กันไป เช่น เสอ่ื เขลียง เสือ่ หอ้ ง
4. การจักสาน
การจักสานในภาคตะวันออกพบว่ามีการสืบทอดต่อ ๆ กันมาแต่ไม่ปรากฎว่าเริ่ม
เมื่อใด ส่วนใหญ่เป็นการผลิตเป็นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน โดยแหล่งผลิตเครื่องจักสานส่วนมากอยู่ที่จังหวดั
ชลบุรี ฉะเชงิ เทรา และปราจีนบุรี ซง่ึ สว่ นใหญพ่ ื้นท่ที ่มี กี ารผลติ เครื่องจกั สานจะเปน็ แหล่งทม่ี ชี นชาติลาวอพยพ
มาต้งั แต่สมยั รตั นโกสินทรต์ อนตน้ เครอ่ื งจักสานทผี่ ลิต ได้แก่ พอ้ ม เครื่องสีขา้ วด้วยมือ กะชัง สมุ่ ปลาออ และ
กระจาด หมวกกยุ้ เล้ง ซงึ่ ส่วนใหญท่ ำจากไม้ไผ่เป็นสำคัญ นอกจากนย้ี ังพบวา่ มเี ครือ่ งจักสานท่ีผลติ จากวสั ดุ
อื่น ๆ อีกเช่น คลุ้มโดยฝีมือของชาวชองที่นำมาทำเป็นสมุก แหล่งผลิตเครื่องจักสานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดใน
ภาคตะวันออก คือ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรีที่มีการผลิตกระเป๋าถือสตรีที่สวยงามมีความละเอียดมาก
ปัจจุบนั เครอื่ งจักสานท่ีผลติ นอกจากเปน็ เครื่องมือเคร่ืองใชแ้ ลว้ ยงั เป็นของชำรว่ ยและของประดับตกแต่งอื่น ๆ
อีกมากมาย
112
5. การทำพลอย
พบมากในจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีแร่ธาตุและ
อัญมณีค่อนข้างมากและมีความพร้อมด้านแรงงานฝีมือในการเจียระไนอัญมณีและกา รประกอบตัวเรือนที่มี
ความสวยงามละเอียดอ่อนเป็นที่ยอมรับของโลก สร้างรายได้จากการส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศมากมาย
พลอยที่พบส่วนมากในภาคตะวันออก คือ พลอยแดง บุษราคัม พลอยสาแหรก มรกต ไพลิน โกเมน และ
เพทาย วัฒนธรรมการเจยี ระไนพลอยมมี าไมต่ ่ำกวา่ 100 ปี
6. การทำของท่ีระลึก
มีการผลิตขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ให้ชิ้นงานเป็นตัวแทนของฝาก ของขวัญ และของ
ชำร่วยหรือของสะสม โดยมีการนิยมทำกันมากขึ้นในช่วงที่มีการพัฒนาพื้นที่หาดบางแสนให้เป็นแหล่ง
ท่องเที่ยวและพักผ่อนตากอากาศ ซึ่งส่วนใหญ่วัตถุดิบในการผลิตหาได้จากท้องทะเล เช่น เปลือกหอยขนาด
ตา่ งๆ หิน ปะการงั โดยกลายเป็นของทร่ี ะลึกจากทอ้ งทะเล เชน่ กรอบรูป พวงกญุ แจ เคร่อื งประดบั ฯลฯ และ
เป็นสนิ ค้าหตั ถกรรมพ้ืนถน่ิ ทส่ี ำคัญ หรอื บางครั้งมีการผสมผสานวัสดุสังเคราะห์ต่าง ๆ เชน่ พลาสตกิ เรซิน มา
ใชร้ ว่ มดว้ ย รปู แบบของของทรี่ ะลึกส่วนใหญ่จะมีขนาดกะทัดรัด สวยงาม ราคาไม่แพง
ภาพประกอบ 38 ภาพแสดงแผนท่ีภาคตะวันออกแสดงแหลง่ ที่พบภูมปิ ญั ญาพืน้ ถน่ิ
113
ที่มา : สชุ าติ เถาทอง. (2543). การสำรวจและศกึ ษาแหล่งข้อมลู พน้ื ฐานทางศิลปวัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาพนื้ ถ่นิ ในภาค
ตะวนั ออก (ศิลปกรรม - หัตถกรรม).
สบื ค้นจาก http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/73
3. แนวทางการศกึ ษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคตะวันออก
3.1 แนวทางการศึกษาผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคตะวนั ออก
การศกึ ษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคตะวนั ออกน้นั ต้องทำความเข้าใจถึงบรบิ ท
ตา่ ง ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้อง ไดแ้ ก่ ภมู ปิ ระเทศ สภาพแวดลอ้ ม วัฒนธรรมสงั คม ประเพณขี องแตล่ ะพ้ืนที่ ตลอดจนความ
แตกต่างของแต่ละชนชาติ ประวัติศาสตร์การเข้ามาพำนักอาศัย รูปแบบการดำรงชีวิตที่มีความแตกต่างกันไป
ในแต่ละพื้นทอี่ ีกดว้ ย
3.2 ตวั อยา่ งการศกึ ษาผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคตะวันออก
เมื่อนิสิตได้เรียนรู้ข้อมูลพื้นฐาน สังคมและวัฒนธรรม ภูมิปัญญาพื้นถิ่น และแนวทาง
การศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคตะวันออกแลว้ จำเป็นที่จะต้องศึกษาวิเคราะห์ผลงานศลิ ปหัตถกรรม
ไทยภาคตะวันออก เพื่อทำให้เกิดการตระหนักรู้และสร้างความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งตัวอย่างงานหัตถกรรม
พืน้ บ้านภาคตะวนั ออกท่ีควรค่าแก่การศึกษาจากการรวบรวมข้อมลู ชา่ งฝีมืองานหัตถกรรมในหนงั สือ ทะเบียน
ช่างหัตถศิลป์ไทย ของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ หรือ ศ.ศ.ป. ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่าง
ประเทศ (องคก์ ารมหาชน) (2555) ไดแ้ ก่
3.2.1 เสอ่ื กกจนั ทบรู ณ์ จ.จนั ทบรุ ี
ภาพประกอบ 39 ภาพแสดงเสือ่ กกจันทบรู ณ์ จ.จันทบรุ ี
ทมี่ า : kong. (2012). เสือ่ เมืองจนั ท์แท้ ต้องเส่อื จันทบูรณ.์
สืบค้นจาก http://xn--82c4aff9bye6aw.blogspot.com/2012/05/blog-post_20.html
-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พื้นผวิ และวัสดุ
114
(ใหน้ สิ ติ เขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศกึ ษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ไดแ้ ก่ ความซาบซง้ึ ในเรื่องราว คณุ คา่ และความหมาย จิต
วญิ ญาณทแ่ี ฝงอย่ใู นภูมปิ ัญญา ปรัชญาแนวคิด
(ให้นิสติ เขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวิธีในการผลิต
(ให้นิสติ เขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-คณุ คา่ ทีเ่ ปน็ ท่ีตอ้ งการในงานหัตถกรรม ไดแ้ ก่ คุณค่าทางความงามท่ีไดร้ บั ด้านจิตใจ คณุ ค่าจากงานที่
ทำดว้ ยมอื ใช้ความชำนาญเป็นพเิ ศษ และคุณคา่ จากการคดิ ค้นนวตั กรรมใหม่ ๆ
(ให้นิสิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
3.2.2 กระเปา๋ ดอกพกิ ลุ รูปไข่ จ.ชลบุรี
ภาพประกอบ 40 ภาพแสดงกระเป๋าดอกพกิ ลุ รปู ไข่ จ.ชลบุรี
ท่มี า : ศูนย์สง่ เสรมิ ศลิ ปาชพี ระหวา่ งประเทศ (องคก์ ารมหาชน). (2553). Handicraft.
สบื ค้นจาก https://archive.sacict.or.th/handicraft/2603
115
-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พ้ืนผิวและวสั ดุ
(ให้นิสิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศกึ ษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ไดแ้ ก่ ความซาบซึ้งในเรื่องราว คณุ ค่าและความหมาย จิต
วิญญาณท่แี ฝงอยูใ่ นภูมปิ ญั ญา ปรชั ญาแนวคดิ
(ใหน้ สิ ติ เขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวิธีในการผลติ
(ให้นสิ ิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-คุณค่าทีเ่ ปน็ ที่ต้องการในงานหัตถกรรม ไดแ้ ก่ คุณค่าทางความงามท่ีได้รับด้านจิตใจ คณุ คา่ จากงานท่ี
ทำดว้ ยมอื ใช้ความชำนาญเปน็ พเิ ศษ และคุณคา่ จากการคดิ คน้ นวัตกรรมใหม่ ๆ
(ให้นิสติ เขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
3.2.3 กระบงุ จกั สานคลุ้ม จ.ตราด
ภาพประกอบ 41 ภาพแสดงกระบุงจกั สานคลมุ้ จ.ตราด
ทม่ี า : beeonc. (2015). งานจักสานชาวชอง.
สบื ค้นจาก https://beeonc.wordpress.com/
-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พน้ื ผิวและวสั ดุ
116
(ใหน้ ิสติ เขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศกึ ษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ได้แก่ ความซาบซึ้งในเรื่องราว คุณคา่ และความหมาย จิต
วิญญาณท่แี ฝงอยู่ในภมู ิปัญญา ปรชั ญาแนวคิด
(ให้นสิ ิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวิธใี นการผลติ
(ให้นสิ ิตเขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-คณุ ค่าที่เป็นท่ีต้องการในงานหตั ถกรรม ไดแ้ ก่ คณุ คา่ ทางความงามที่ไดร้ บั ด้านจิตใจ คุณค่าจากงานท่ี
ทำดว้ ยมอื ใชค้ วามชำนาญเปน็ พเิ ศษ และคุณคา่ จากการคิดคน้ นวัตกรรมใหม่ ๆ
(ให้นิสติ เขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
3.2.4 การทำแหวนกล จ.จนั ทบุรี
ภาพประกอบ 42 ภาพแสดงการทำแหวนกล จ.จนั ทบุรี
ท่ีมา : The Cloud. (2561). แหวนของเราแตเ่ พียงผเู้ ดียว
สบื ค้นจาก https://readthecloud.co/master-9/
117
-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พ้นื ผวิ และวสั ดุ
(ให้นสิ ิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศกึ ษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ไดแ้ ก่ ความซาบซึ้งในเร่ืองราว คุณค่าและความหมาย จิต
วิญญาณท่ีแฝงอยู่ในภูมปิ ัญญา ปรชั ญาแนวคดิ
(ใหน้ สิ ิตเขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวธิ ีในการผลิต
(ให้นสิ ติ เขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-คณุ ค่าทเี่ ป็นที่ต้องการในงานหตั ถกรรม ได้แก่ คุณคา่ ทางความงามท่ีไดร้ บั ด้านจิตใจ คณุ ค่าจากงานท่ี
ทำดว้ ยมอื ใช้ความชำนาญเปน็ พิเศษ และคุณค่าจากการคิดค้นนวตั กรรมใหม่ ๆ
(ใหน้ ิสติ เขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
3.2.3 ครกหินอา่ งศลิ า จ.ชลบุรี
ภาพประกอบ 43 ภาพแสดงครกหนิ อ่างศิลา จ.ชลบุรี
ทม่ี า : ศูนย์ส่งเสริมศลิ ปาชพี ระหวา่ งประเทศ(องคก์ ารมหาชน), (2553). Handicraft.
สบื ค้นจาก http://www.cpot.in.th/np/v/
-การศึกษาทางด้านรูปธรรม (Tangible) ได้แก่ เส้นสาย ลวดลาย รูปลักษณ์ รูปทรง สีสัน ตลอดจน
พื้นผิวและวัสดุ
118
(ให้นสิ ติ เขยี นอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านนามธรรม (Intangible) ได้แก่ ความซาบซงึ้ ในเร่ืองราว คณุ คา่ และความหมาย จิต
วิญญาณท่ีแฝงอยูใ่ นภูมิปญั ญา ปรชั ญาแนวคดิ
(ให้นิสิตเขียนอธบิ าย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-การศึกษาทางด้านวัสดุ กระบวนวิธีการผลิต ได้แก่ ประเภทของวัตถุดิบในการผลิต ลักษณะการใช้
สอย และประเภทของกรรมวธิ ีในการผลิต
(ใหน้ สิ ิตเขียนอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
-คุณคา่ ท่ีเปน็ ทต่ี อ้ งการในงานหตั ถกรรม ได้แก่ คณุ ค่าทางความงามท่ีได้รบั ด้านจิตใจ คุณคา่ จากงานที่
ทำดว้ ยมือใช้ความชำนาญเปน็ พิเศษ และคณุ ค่าจากการคิดคน้ นวตั กรรมใหม่ ๆ
(ใหน้ สิ ิตเขยี นอธิบาย) ........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................
4. สรุป
ภาคตะวันออกนั้นมีความโดดเด่นในด้านประวัติศาสตร์ที่เป็นท่ีรวมของชนหลายเช้ือชาติเผ่าพันธุ์
ของคนหลายเชื้อชาติหลายศาสนา เช่น ชาวซอง ซึ่งเป็นชนเผ่าตระกูลมอญ-เขมร ชาวญวน ชาวจีน คนไทย
พทุ ธ คริสต์ มสุ ลมิ พนื้ ทขี่ องภาคตะวันออกมีขนาดเล็กกว่าภาคอื่นแตภ่ ูมิอากาศคล้ายคลงึ กบั ภาคใต้ เป็นพ้ืนที่
ของการทำการเกษตร ประมง และแหล่งอุตสาหกรรมขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่ ทรัพยากรธรรมชาติที่
หลากหลายท้ังบนพืน้ ดิน ป่าไม้ แม่น้ำ และทะเล
มีวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นที่หลากหลายแตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด มีคติความเชื่อใน
พน้ื ถ่ินทแ่ี ตกต่างจากภาคอ่ืน ๆ ภมู ปิ ัญญาพื้นถนิ่ ในภาคตะวันออกเกิดจากความรู้ความสามารถของชาวบ้านท่ี
คิดค้นหาวิธีการในการดำเนินชีวิต และได้รับการสั่งสมถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ โดยในแต่ละพื้นที่ชุมชนจะมี
ความแตกตา่ งกันไปตามสภาพของภมู ิประเทศ ส่ิงแวดล้อม และวถิ ชี วี ติ ของคนในพ้ืนถ่นิ ทีส่ ืบทอดตอ่ ๆ กันมา
แนวทางการศึกษาผลงานศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคตะวันออก การศึกษาผลงานศิลปหตั ถกรรมไทย
ภาคตะวันออกน้ัน ต้องทำความเข้าใจถึงบริบทตา่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ งได้แก่ ภมู ปิ ระเทศ สภาพแวดลอ้ ม วฒั นธรรม
สังคม ประเพณีของแต่ละพื้นที่ ตลอดจนความแตกต่างของแตล่ ะชนชาติ ประวตั ิศาสตร์การเขา้ มาพำนักอาศัย
รูปแบบการดำรงชวี ิตทีม่ ีความแตกต่างกนั ไปในแต่ละพ้ืนที่อกี ดว้ ย
119
5. คำถามท้ายบท
1. ใหน้ ิสติ ทำข้อ 3.2 ตวั อย่างการศกึ ษาผลงานศลิ ปหัตถกรรมไทยภาคตะวันออกใหส้ มบรู ณ์
2. ให้นสิ ิตอธิบายถงึ ตำแหนง่ ทตี่ ั้งทางภมู ิศาสตรข์ องภาคตะวนั ออก วา่ มคี วามเชื่อมโยงและส่งผล
ให้เกดิ ขอ้ ดอี ย่างไรเกยี่ วกบั ดา้ นต่าง ๆ บา้ ง ตามความเข้าใจของตนเอง
3. ให้นสิ ติ เลือกผลิตภณั ฑ์ศลิ ปหัตถกรรมไทยพืน้ บา้ นภาคตะวันออกทีม่ าจากภูมิปัญญาท้องถ่ินท่ี
ประทับใจมากทสี่ ุดมา 1 ชิ้น พรอ้ มอธิบายเหตุผลและยกตัวอย่าง
4. ให้นิสิตเลือกผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคตะวันออกที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์และภูมิปัญญา
ท้องถิ่นในด้านต่าง ๆ มา 3 ผลิตภัณฑ์ แล้วทำการศึกษาวิเคราะห์ผลงานและอธิบายขั้นตอนการสร้างสรรค์
ผลงานจากภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ ตามทีไ่ ดเ้ รียน
6. แบบฝกึ หัดปฏิบัตงิ านออกแบบท้ายบท
1. ให้นิสิตจดั ทำเลม่ รายงานรวบรวมผลงานหัตถกรรมพื้นบ้านของภาคตะวันออกโดยแบ่งภาพ
ผลงานตามประเภทของวสั ดุและกรรมวธิ กี ารผลิต ดงั นี้
1. การปัน้ และการหลอ่
2. การทอและเยบ็ ปักถกั ร้อย
3. การแกะสลัก
4. การก่อสร้าง
5. การเขยี นหรือวาด
6. การจักสาน
7. การทำเครื่องกระดาษ
8. กรรมวิธอี ่ืน ๆ
โดยมีรูปแบบเล่มรายงานหน้ากระดาษ A 4 / หน้าละ 1 ผลงาน ให้นิสิตอธิบายภาพงาน
หตั ถกรรมที่หามาได้ ในด้านต่าง ๆ ดังน้ี ชือ่ งาน / แหลง่ ผลติ / วัสดุ / กรรมวธิ ีการผลติ /
ลักษณะเฉพาะ / คุณคา่ ของผลงาน
2. ให้นิสิตออกแบบผลิตภัณฑ์ 1 ชิ้น โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานหัตถกรรมพื้นบ้าน
ของภาคภาคตะวันออกจำนวน 3 ชนิ้ ตามท่ไี ดท้ ำรายงานเมือ่ สปั ดาหท์ ีแ่ ล้ว
120
บทท่ี 6
ศิลปหัตถกรรมไทยภาคใต้
แผนการสอนครัง้ ที่ 11 - 12
หัวขอ้ ศิลปหตั ถกรรมของไทยภาคใต้
ผสู้ อน อาจารย์ ดร.พรนารี ชัยดิเรก
เวลา 480 นาที
วตั ถุประสงค์
ครงั้ ที่ 11
1. เพอ่ื ใหน้ สิ ิตเข้าใจความหมาย ความสำคญั และประเภทของงานศลิ ปหตั ถกรรมของไทย
ภาคใต้
2. เพ่ือใหน้ ิสิตเขา้ ใจและเรียนรู้ผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคใต้
ครง้ั ท่ี 12
1. เพ่ือใหน้ ิสิตเขา้ ใจตัวอยา่ งผลงานศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคใต้
2. เพอ่ื ให้นิสติ เรียนรจู้ ากผลงานการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคใต้
เน้ือหา
ครงั้ ที่ 11
1. กำเนิดงานหตั ถกรรมไทยภาคใต้
1.1 ปัจจัยทเ่ี กยี่ วขอ้ งในการผลติ ผลงานศลิ ปหัตถกรรมไทยภาคใต้
2. ภมู ิปญั ญาในการสร้างสรรคง์ าน
2.1 การสรา้ งสรรค์ผลงานจากภมู ปิ ญั ญา
ครั้งท่ี 12
1. แนวทางการศึกษาผลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคใต้
1.1 แนวทางการศึกษาผลงานศิลปหตั ถกรรมไทยภาคใต้
1.2 ตวั อยา่ งการศึกษาผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยภาคใต้
2. สรุปศลิ ปหัตถกรรมไทยภาคใต้
การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ 15 นาที
ครัง้ ท่ี 11 60 นาที
1. อธบิ ายวตั ถปุ ระสงค์และเนื้อหาโดยรวม 150 นาที
2. บรรยายเนือ้ หาและหวั ข้อต่าง ๆ
3. ศกึ ษาเรยี นรูผ้ ลงานศิลปหัตถกรรมไทยภาคใต้
122
4. นสิ ติ ซกั ถามปรึกษาเนื้อหาการเรยี น 15 นาที
ครง้ั ท่ี 12
1. อธบิ ายวตั ถุประสงค์และเน้ือหาโดยรวม 15 นาที
2. บรรยายเนอื้ หาและหวั ข้อต่าง ๆ 60 นาที
3. ศกึ ษาเรยี นรผู้ ลงานการออกแบบผลติ ภณั ฑภ์ าคใต้ 150 นาที
4. นสิ ิตซักถามปรึกษาเนื้อหาการเรยี น 15 นาที
ส่อื การสอน
ครง้ั ที่ 11
1. เอกสารประกอบการสอนรายวิชา การออกแบบศิลปหตั ถกรรม
2. ไฟลน์ ำเสนอภาพน่งิ ผา่ นโปรแกรมคอมพิวเตอร์
3. หนงั สือ ตำรา วารสารตา่ ง ๆ ทั้งในประเทศและตา่ งประเทศ ทเ่ี ก่ยี วข้องกับการออกแบบ
ศิลปหตั ถกรรมไทย
4. ตวั อย่างผลิตภณั ฑ์ ผลงานหตั ถกรรมสำหรบั การเรียนการสอนทเี่ กยี่ วข้อง
(ตามความเหมาะสมของเนอื้ หาการเรียน)
ครง้ั ท่ี 12
1. เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า การออกแบบศิลปหัตถกรรม
2. ไฟล์นำเสนอภาพนิ่งผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์
3. หนงั สือ ตำรา วารสารต่าง ๆ ท้ังในประเทศและต่างประเทศ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การออกแบบ
ศิลปหตั ถกรรมไทย
4. ตวั อย่างผลิตภัณฑ์ ผลงานหัตถกรรมสำหรบั การเรยี นการสอนทีเ่ กย่ี วข้อง
(ตามความเหมาะสมของเนื้อหาการเรียน)
การประเมินผล
ครั้งท่ี 11
1. สงั เกตจากพฤติกรรมของผู้เรียน
2. ประเมนิ ผลจากกจิ กรรมในการชน้ั เรียน
3. ประเมนิ ผลจากคำถามท้ายบทที่ 6
4. ประเมินผลจากแบบฝึกหัดปฏิบตั ิงานออกแบบท้ายบท
ครั้งที่ 12
1. สังเกตจากพฤติกรรมของผู้เรยี น
2. ประเมินผลจากกิจกรรมในการชั้นเรยี น
3. ประเมนิ ผลจากคำถามท้ายบทท่ี 6
123
4. ประเมินผลจากแบบฝึกหัดปฏิบตั งิ านออกแบบท้ายบท
หนงั สอื อา้ งอิง
ธีติ พฤกษ์อุดม และ โสมฉาย บุญญานันต์. (2563). การพัฒนากิจกรรมศิลปะเพื่อส่งเสริมการเห็นคุณค
ของอัตลักษณ์ในงานศิลปหัตถกรรมภาคใต้ สำหรับเยาวชน. วารสารครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย, 48(1), น. 103-121.
นงคราญ ศรีชาย และวรวิทย์ หัศภาค. (2543). โบราณคดีศรีวิชัย มุมมองใหม่การศึกษาวิเคราะห์แหล่ง
โบราณคดีรอบอ่าวบา้ นดอน. นครศรีธรรมราช : สำนักพมิ พเ์ ม็ดทราย.
มหาวิทยาลยั ราชภฏั จันทรเกษม. (2563). การแต่งกายของไทย. สืบคน้ จาก
https://culture.chandra.ac.th/images/63/KM/Dresssectors.pdf
วัศรนันทน์ ชูทัพ. (2558). ภูมิปัญญาในวรรณกรรมเยาวชนของนักเขียนภาคใต้ของประเทศไทย. วารสาร
มนษุ ยศาสตร์ ฉบับบณั ฑติ ศึกษา. มหาวิทยาลัยรามคำแหง, 4(1), น. 78-87.
วิชญ์ จอมวิญญาณ์. (2560). ภูมิศาสตร์ประเทศไทย. อุดรธานี : คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรธาน.ี
วิบลู ย์ ลส้ี วุ รรณ. (2538). ศลิ ปหัตถกรรมพนื้ บ้าน. สำนักพมิ พ์ : คอมแพคทพ์ ร้นิ ท์.
วิบูลย์ ล้สี ุวรรณ. (2544). มรดกทางวฒั นธรรมพ้ืนบ้าน. สำนักพมิ พ์ : ต้นอ้อ 1999.
สิปปนันท์ นวลละออง และปิยตา สุนทรปิยะพันธ์. (2561). วิถีทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรมศรีวิชัยเพ่ือ
ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมบนคาบสมุทรภาคใต้ของไทย. วารสาร
อิเล็กทรอนิกสก์ ารเรยี นรทู้ างไกลเชิงนวัตกรรม. 8(2), น. 84-111.
สำนักงานอุทยานแห่งชาติ กรมอทุ ยานแห่งชาตสิ ัตว์ ปา่ และพนั ธุ์พชื . (2557). อุทยานแหง่ ชาติ. สืบค้นจาก
http:// dnp.go.th/
ศูนย์มานษุ ยวทิ ยาสริ นิ ธร. (2560). กลุ่มชาตพิ ันธุ์. สืบค้นจาก
http://www.sac.or.th/databases/ethnic-groups/site/index.
เอกวิทย์ ณ ถลาง. (2544). ภูมิปัญญาชาวบ้านกับกระบวนการเรียนรู้และการปรับตัวของชาวบ้านไทย.
สำนกั พมิ พ์ : อมรนิ ทรพ์ ร้นิ ท์.
124
บทที่ 6
ศลิ ปหัตถกรรมไทยภาคใต้
ศิลปหัตถกรรมภาคใต้ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งของไทยที่มีคุณค่า มีอัตลักษณ์ที่ควรแก่การศึกษา
หาความรู้ เพราะแสดงใหเ้ หน็ ถึงสภาพการดำรงชวี ิต ขนบประเพณี ความเช่อื ความศรัทธาในศาสนา ตลอดจน
สงิ่ ที่เคารพนับถอื ของผคู้ นได้อย่างดี และแสดงถงึ การสร้างสรรค์สงิ่ ทสี่ วยงามให้กับเคร่ืองมือเคร่ืองใช้ของแต่ละ
อย่างในท้องถิ่นด้วย (เอกวิทย์ ณ ถลาง, 2544) ศิลปหัตถกรรมภาคใต้มีความโดดเด่นในหลายด้านโดยเฉพาะ
รูปแบบของสีสัน ที่มีความสดใส เนื่องจากคนใต้เป็นคนที่มีบุคลิกลักษณะนิสัยที่ร่าเริงจึงส่งผลต่อสีสันภายใน
งานศิลปะหัตถกรรม วัสดุที่ใช้มีลักษณะเฉพาะเนื่องจากใช้วัสดุที่มีเฉพาะในท้องถิ่น ศิลปหัตถกรรมภาคใต้มี
การผนวกเรื่องความเชื่อและศาสนาทั้งศาสนาพุทธและศาสนาอิสลามที่มีกลิ่นอายของวัฒนธรรมจีนเข้ามา
ผสมผสานกันเป็นรูปแบบและลวดลายเฉพาะที่สามารถพบได้ทั่วไปในผลงานของศิลปหัตถกรรมภาคใต้ ถือ
เป็นอัตลักษณ์ทางด้านศิลปวัฒนธรรมที่มีคุณค่า (วิบูลย์ ลี้สุวรรณ, 2544) คุณสมบัติเฉพาะหรืออัตลักษณ์ของ
ศิลปหัตถกรรมภาคใต้เป็นสิ่งสำคัญและมีคุณค่าอย่างยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงประวัติ ความเป็นมาของท้องถิ่น
ประวัติศาสตร์การดำรงชวี ิตของท้องถ่ิน สะท้อนถงึ ลักษณะวัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมทเี่ ป็นต้นกำเนิดของ
วัสดุ ที่เป็นส่วนสำคัญในการแสดงถึงอัตลักษณ์ของศิลปหัตกรรมภาคใต้ถ้าศิลปะแขนงใดก็ตามขาดซึ่งอัต
ลักษณแ์ ละลกั ษณะเฉพาะถ่นิ แลว้ จะทำใหด้ อ้ ยคุณคา่ ขาดความน่าสนใจ และสญู สลายไปในที่สุด (วบิ ลู ย์
ลี้สวุ รรณ, 2538)
1. กำเนดิ งานหัตถกรรมไทยภาคใต้
1.1 ปัจจัยท่เี กี่ยวข้องในการผลิตผลงานศลิ ปหตั ถกรรมไทยภาคใต้ ประกอบดว้ ยด้านตา่ ง ๆ
ดังน้ี
-การศกึ ษาดา้ นประวัตศิ าสตร์ทอ้ งถน่ิ
สิปปนันท์ นวลละออง และปิยตา สุนทรปิยะพันธ์ (2561) สรุปว่า อิทธิพลของวิถี
วัฒนธรรมบนคาบสมุทรภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ตอนบนผ่านทางหลักฐานการจดบันทึกและ
รอ่ งรอยทางประวัติศาสตรแ์ ละโบราณคดี ทำให้สามารถเขา้ ใจสภาพสังคมและความเปน็ อยู่ของคนปักษ์ใต้ตาม
วถิ วี ฒั นธรรมแบบศรีวชิ ยั และตามคติเมืองสิบสองนักษัตร (ตามพรลงิ ค์) เพ่ิมมากขึ้น ซงึ่ หลังจากยุคศรีวิชัยเม่ือ
แคว้นตามพรลิงคเ์ ขม้ แข็งขน้ึ ก็ร่วมมอื กับโจฬะโจมตีศรวี ิชยั จนเปน็ อิสระจาก
ศรีวิชัยได้ในราวพุทธศตวรรษท่ี 17-18 นั้นเอง ต่อมาตามพรลิงค์ต้องทำศึกกับพวกชวา โดยตามพรลิงค์ได้ต้ัง
เมืองขึ้น 12 นักษัตรสำเร็จทำให้เมืองนครศรีธรรมราชมีอำนาจสูงสุด จ.นครศรีธรรมราช ได้นำสัญลักษณ์ของ
องคพ์ ระบรมธาตุเจดยี ์เป็นศูนย์กลางเปล่งรัศมี และมเี มือง 12 นักกษตั รล้อมรอบมาเป็นตราประจำจังหวัด ซึ่ง
เมือง 12 นักษัตร ได้แก่ เมืองสายบุรี เมืองปัตตานี ปีฉลู เมืองกะลันตัน เมืองปะหัง เมืองไทรบุรี เมืองพัทลุง
เมืองตรัง เมอื งชุมพร เมอื งไชยา เมอื งท่าทอง (สะอเุ ลา) เมืองตะกวั่ ป่า และเมืองกระบรุ ี
125
วัฒนธรรมทั้งสองแบบนี้อิทธิพลและมีความเจริญรุ่งเรื่องอย่างยาวนาน และมีความ
เกีย่ วขอ้ งตั้งแต่ “ยคุ สวุ รรณปรุ ะ” จนกระทั้งถงึ “ยคุ ตน้ ของกรุงอยธุ ยา” โดยตั้งอย่บู นพ้นื ฐานของพุทธศาสนา
และพราหมณ์ฮินดู ร่วมกับวัฒนธรรมชนชาวน้ำ และมีการพบหลักฐานเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ เทวรูปพระ
นารายณ์ และพระเจดีย์เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้วัฒนธรรมปักษ์ใต้ยังได้รับอิทธิพลจากความเจริญรุ่งเรือง
ของวัฒนธรรมสังคมอินเดียและจีนจากการแผ่อิทธิพลทางการค้า การที่ภาคใต้ตอนบนเป็นศูนย์กลางการค้า
ขา้ มทวปี และศนู ยก์ ลางการเผยแผศ่ าสนาทำใหเ้ กิดการหลอมรวมทางวัฒนธรรมหลายยุคหลายสมัยดว้ ยกนั
ในปีพ.ศ. 1200-1300 เมืองไชยาเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัย และต่อมาช่วง
ปลายยุคศรีวิชัยย้ายไปอยู่บริเวณพื้นที่จ.นครศรีธรรมราชแทน ซึ่งในอดีตนั้นมีราชวงศ์ไศเลนทร์อยู่ตอนเหนือ
ของมาลายเู รยี กว่า “ชวกะ” ตอ่ จากน้นั ไปพชิ ิต “รัฐศรีวชิ ัย” ในสมุ าตราและราชวงศไ์ ศเลนทรช์ อบความหมาย
ของชื่อนี้เพราะแปลว่า “ผู้ชนะ” ซึ่งเป็นความหมายที่ดีจึงนำชื่อนี้มาเป็นชื่ออาณาจักรเรื่อยมา อย่างไรก็ตาม
ยุคร่วมสมัยสยาม-ไทยนั้นยุคสุโขทัยราวพุทธศตวรรษที่ 19 มีหลักฐานยืนยันว่าไชยาถูกปกครองโดย
นครศรีธรรมราช (ตามพรลิงค์) ราวพุทธศตวรรษ ที่ 18 ก่อนที่สุโขทัยจะปกครองโดยส่วนใหญ่ในแหลมมลายู
ราวต้นพุทธศตวรรษที่ 19 โดยกรมศิลปากร กล่าวว่าระหว่างนครศรีธรรมราชและสุโขทัยเป็นมิตรในลักษณะ
เพื่อนบ้าน ไมใ่ ช่ความสัมพันธ์ลักษณะผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครอง นอกจากน้ี นงคราญ ศรีชาย และวรวิทย์ หัศ
ภาค (2543) เสนอข้อสังเกตวา่ มีบางเหตกุ ารณ์ที่เกิดข้ึนกับ นครศรีธรรมราชสัมพันธ์ถึงการแบ่งดินแดนที่ บาง
สะพาน (จ.ประจวบคีรีขันธ์) ระหว่างท้าวอู่ทองกับพระเจ้าศรีธรรมโศกราชในสมัยอยุธยา พ.ศ.1893 สิ่งนี้
ชี้ให้เห็นว่านครศรีธรรมราชไม่ได้ถูกปกครองโดยอยุธยาในยุคแรก ๆ หรือแม้แต่สุโขทัย ทำให้สามารถสรุปได้
เชน่ กนั วา่ ไชยาและพืน้ ทบ่ี ริเวณอา่ วบา้ นดอนกไ็ ม่ได้ถกู ปกครองโดยสโุ ขทัยและอยุธยาในยคุ แรก ๆ
ศรีวิชัยมีอิทธิพลด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งอย่างมาก ที่นี่มีความเชื่อ และ
ศาสนาที่หลากหลายจากวัฒนธรรมอินเดีย เช่น ศาสนาพุทธ (มหายาน) ฮินดู (นิกายไวษณพ และไศวะ)
นอกจากนั้นพระราชาและประชาชนของศรีวิชัยนับถือปฏิบัติตามอย่างพุทธมหายานเป็นหลัก ซึ่งมีหลักฐาน
สนับสนนุ ว่าศรีวชิ ยั ไดส้ ญู เสยี อำนาจ หลังปีพ.ศ. 1773 จากการท่ีพระเจ้าธรรมราชา จนั ทรภานุแห่งตามพรลิงค์
ผู้รับใช้ศรีวิชัยได้โจมตี เกาะลังกา 2 ครั้งและได้เสียชีวิตจากการปะทะครั้งที่ 2 หลังจากนั้นตามพรลิงค์ก็มี
สมั พันธภาพทีด่ กี บั สโุ ขทัยเนือ่ งจากไม่พอใจศรวี ชิ ยั
ภาคใต้มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน มีมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่มี
ความสำคัญและมีคุณค่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่สามารถจับต้องได้ ( Intangible
Cultural Heritage) อาทิ ความเชื่อทางพุทธศาสนามหายาน วัฒนธรรมชาวน้ำ ประเพณีการขึ้นผ้าพระธาตุ
และมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ (Tangible Cultural Heritage) อาทิ เจดีย์วัดพระบรมธาตุไชยา
โบราณวัตถุสำริด เครื่องถม และผ้าทอ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มีลกั ษณะโดดเด่น สามารถเป็นตัวแทนที่แสดงให้
เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ด้านศิลปกรรมหรือตัวแทนของความงดงาม และเป็นผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วย
การสร้างสรรคจ์ ากภมู ปิ ัญญาของบรรพบุรุษ
126
ภาพประกอบ 44 ภาพแสดงอาณาเขตศรีวชิ ยั ในพทุ ธศตวรรษท่ี 15
ทม่ี า : วิกพิ ีเดีย สารานุกรมเสรี. (2018). อาณาจักรศรีวิชยั .
สืบค้นจาก https://www.wikiwand.com/th/
-สภาพภูมศิ าสตร์
วิชญ์ จอมวิญญาณ์ (2560) กล่าวว่า ภาคใต้ของประเทศไทยมีลักษณะแตกตา่ งจากภาค
อ่นื ๆ ของประเทศไทยเน่ืองจากมี ลักษณะเปน็ คาบสมุทรยนื่ ออกจากภาคพ้นื ทวปี ในส่วนนีเ้ องที่ทำให้ประเทศ
ไทยมี ลักษณะรูปรา่ งเป็นแบบขยายออกเป็นแนวยาว พ้นื ท่ีภาคใตข้ องประเทศไทยมีความแตกตา่ งจากภูมิภาค
อื่น ๆ ของประเทศไทยเนื่องจากตั้งอยู่ระหว่างพื้นที่น้ำ 2 แห่งคือ อ่าวไทยและทะเลอันดามัน จึงส่งผลต่อ
สภาวะภมู ิอากาศและลมฟ้าอากาศในพน้ื ที่มีความแตกต่างอย่างส้นิ เชงิ กับภูมภิ าคอื่น ๆ ของไทย
พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคใต้ตดิ กับทะเล ลักษณะภูมิอากาศเปน็ แบบร้อนชื้นแถบมรสุม คือ
มีฝนตกชุกสลับกับฤดูแล้งสั้น ๆ ภาคใต้ไม่มีฤดูหนาวเนื่องจากอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร และได้รับอิทธิพลจากลม
มรสุมตะวนั ออก เฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือทำใหฝ้ นตกชกุ ตลอดทั้งปี จงั หวัดท่ีมีฝนตกชุกท่ีสุด
คอื ระนอง และจังหวัดทมี่ ีฝนตกนอ้ ย คอื สรุ าษฎร์ธานี
ภาคใต้มพี นื้ ทโ่ี ดยรวมประมาณ 70,715 ตารางกิโลเมตร ตามการแบง่ ภาคทางภูมิศาสตร์
นั้นสามารถจำแนกออกได้ทั้งหมด 14 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช กระบี่ ชุมพร ตรัง นราธิวาส ปัตตานี
พังงา พทั ลุง ภเู กต็ ยะลา ระนอง สงขลา สตูล และสรุ าษฎรธ์ านี โดยจังหวดั ทีม่ ีขนาดใหญ่ ที่สดุ คือ จังหวัด
สุราษฎร์ธานี มีพื้นที่รวมประมาณ 12,891.46 ตารางกิโลเมตร จังหวัดที่เล็กที่สุดคือ จังหวัดภูเก็ตมีพื้นที่รวม
ประมาณ 543.03 ตารางกิโลเมตร
ชายฝั่งและกลุ่มเกาะ สามารถแยกได้เป็น 2 ส่วน คือ ภาคใต้ฝั่งตะวันออกหรืออ่าวไทย
และฝั่งตะวันตกหรือทะเลอันดามัน ฝั่งตะวันออกหรือฝั่งอ่าวไทย ประกอบด้วยกลุ่มจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี
127
นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส มีพื้นที่ชายฝั่งมากเนื่องจากเป็นชายฝั่งที่ เกิดจาก
การยกตวั ของและทบั ถมของดนิ ตะกอนและทราย เกาะในภาคใต้ฝั่งตะวันออก ไดแ้ ก่ หมูเ่ กาะ อา่ งทอง เกาะเต่า
เกาะสมุย รวมไปถึงเกาะขนาดเล็กในทะเลสาบสงขลาอีกจำนวนหนึ่ง ฝั่งตะวันตกหรือฝั่งทะเลอันดามัน
ประกอบด้วยกลุ่มจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล มีพื้นที่ชายฝั่งน้อยเนื่องจากภูมิประเทศฝั่งนี้
เกิดจากการยุบตัวและเป็นแนวเทือกเขา ภเู ก็ต นอกจากชายฝ่งั ท่ีแคบแลว้ ยังมีลักษณะชายฝั่งท่ีเว้าแหว่งอีกด้วย
เกาะในภาคใตฝ้ งั่ ตะวนั ตก ไดแ้ ก่ หม่เู กาะสรุ ินทร์ หมเู่ กาะสมิ ลิ นั เกาะตะรุเตา เกาะพีพี เกาะลนั ตา เป็นตน้
ลักษณะทัว่ ไปภาคใต้ของประเทศไทยมีลักษณะเปน็ คาบสมุทรย่นื เข้าไปในภาคพื้นสมุทร
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชายฝั่งรับลมมรสุม ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีลักษณะอากาศร้อนชื้นและฝนตกชุกมาก
คลา้ ยคลงึ กับอากาศแบบมรสุม ภาคใต้จึงไม่มฤี ดูกาลดังเชน่ ภมู ิภาคอ่ืน ๆ ของประเทศไทย
ภาพประกอบ 45 ภาพแสดงสภาพภมู ิศาสตรภ์ าคใต้
ท่ีมา : ภมู ศิ าสตร์ในประเทศไทย, (2018). ภาคใต.้
สืบค้นจาก http://www.dmr.go.th/ThailandGeopark/
-ทรพั ยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรในภาคใต้อาจกล่าวได้ว่ามีน้อยแต่เมื่อเทียบกับพื้นที่ของคาบสมุทรนั้นแล้ว
ทรัพยากรของภาคใต้นั้นมีเป็นจำนวนมาก ทั้งในส่วนของทรัพยากรปา่ ไม้ ทรัพยากรแร่ธาตแุ ละทรัพยากรสัตว์
ป่า แนวเทือกเขาภูเก็ตและเทือกเขานครศรีธรรมราชเป็นพื้นทีท่ ี่ทรัพยากรป่าไม้และสัตวป์ ่าอยู่อยา่ งหนาแน่น
ในส่วนของพื้นที่ราบก็มกี ารจัดสรรเพื่อการเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอย่างเหมาะสม (วิชญ์ จอมวิญญาณ์,
2560) ทรพั ยากรธรรมชาติทีส่ ำคัญ ได้แก่
128
1. ทรัพยากรดิน เช่น ดินร่วนปนทรายและดินเหนียวปัตตานี ดินร่วนปนทรายและปน
ทรายหยาบนครศรีธรรมราช
2. ทรัพยากรน้ำ มีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ลักษณะภูมิประเทศที่เป็นคาบสมุทรนั้นทำให้
พ้ืนทข่ี องภาคใตน้ ้ันขาดแคลนน้ำจืด ท้ังที่มีแมน่ ้ำหลายสายทั้งที่ไหลออกอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ในภาคใต้
จงึ มีการสร้างเขือ่ นเพอื่ การกกั เกบ็ น้ำจดื ไว้เพ่ือในท้งั การอปุ โภคและบรโิ ภคของประชากร
3. ทรัพยากรแร่ธาตุ ภาคใต้ถือเป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศ ในด้านการส่งออก
ทรัพยากรแร่ธาตจุ ำพวก ดีบุก สังกะสี แมงกานีส คล้ายคลึงกับประเทศมาเลเซีย ทรัพยากรแร่ธาตุของภาคใต้
นน้ั มมี ากจนทำใหเ้ กดิ ปรากฏการณก์ ารจ้างแรงงานสงู มากในกลุ่มอตุ สาหกรรมเหมอื งแร่
4. ทรัพยากรป่าไม้ ป่าไม้ในภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นป่าไม้ไม่ผลัดใบเป็นป่าที่ต้นไม้มีใบเขียว
ชอุ่มตลอดทั้งปี มีการผลัดใบบ้างในบางฤดูกาลแต่ไม่ถึงกับผลัดใบจนหมดทั้งต้น ประเภทของป่าไม้ในภาคใต้
ไดแ้ ก่ ปา่ ดงดบิ ป่าดิบหรือป่าดิบช้นื ปา่ ดงดบิ แล้ง ป่าดิบเขาหรอื ปา่ ดงดิบเขา ปา่ ชายหาด ปา่ ชายเลน และป่า
พรุ
5. อทุ ยานแหง่ ชาติ ในภาคใต้มคี วามแตกต่างตา่ งภูมิภาคอ่ืน ๆ เน่ืองจากภาคใต้มีอุทยาน
แหง่ ชาติทางทะเลที่เป็นพ้ืนที่อนุรักษบ์ นพื้นน้ำที่มีความสำคัญทัง้ ในเชิงการอนุรกั ษ์และในเชิงเศรษฐกิจสำหรับ
ประเทศไทย ประกอบไปด้วย (สำนกั งานอุทยานแหง่ ชาติ กรมอุทยานแห่งชาตสิ ตั ว์ ปา่ และพันธ์พุ ืช, 2557)
ตะรเุ ตา หมู่เกาะสมิ ิลนั หมเู่ กาะสรุ ินทร์ หมู่เกาะอา่ งทอง ฯลฯ เปน็ ตน้
6. ทรัพยากรสัตว์ป่าและประมง ป่าของภาคใต้โดยมากเป็นสัตว์ในเขตร้อนชื้น อาทิ
กระทิง จระเข้น้ำเค็ม เสือขนาดต่าง ๆ ทรัพยากรประมงในภาคใต้นั้นก็มีเป็นจำนวนมากเช่นกัน ลักษณะการ
เช่นน้สี ง่ ผลให้มีการทำการประมงชายฝั่งในปรมิ าณมากโดยเฉพาะในเขตพื้นท่ีอา่ วไทยพื้นท่ีการประมงท่ีสำคัญ
ประกอบไปด้วยแม่น้ำสายต่าง ๆ ในภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นการประมงน้ำกร่อยและน้ำเค็ม แต่ก็มีแม่น้ำและอ่าง
เก็บน้ำเป็นจำนวนมาก ได้แก่ ทะเลสาบสงขลาที่เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง และเป็น
แหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำท่ีสำคัญมากมาย แม่น้ำชุมพร แม่น้ำตาปี แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำกระบุรี แม่น้ำปากพนัง
และอ่างเกบ็ น้ำตา่ งๆ อาทิ เขอื่ นบางลาง เข่อื นเชีย่ วหลาน เป็นต้น และในส่วนของการประมงน้ำเค็มน้ันแบ่งได้
เป็นส่วนของทะเลฝั่งอา่ วไทยตอนบนได้แก่ จังหวัดชมุ พรและสุราษฎร์ธานแี ละอ่าวไทยตอนล่าง ได้แก่ จังหวัด
นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานีและนราธิวาส ส่วนฝั่งทะเลอันดามันตอนบนได้แก่ จังหวัด ระนอง พังงา
ภูเก็ตและทะเลอนั ดามันตอนลา่ ง ไดแ้ ก่ จังหวดั กระบี่ ตรังและสตูล
-วฒั นธรรมประจำทอ้ งถน่ิ และสภาพทางสังคม
ศูนยม์ านษุ ยวิทยาสริ ินธร (2559) สรปุ วา่ เน่อื งจากภาคใต้มลี ักษณะเป็นคาบสมุทรยื่นไป
ในทะเลทำให้มีกลุ่มชนชาติต่าง ๆ เข้ามาเพื่อการค้าขายในยุคสมัยโบราณ และประกอบกับมีกลุ่มชาติพันธุ์
ด้ังเดิมอาศัยอยู่ กลุม่ เหล่านจี้ งึ อาศัยอยูร่ ่วมกับธรรมชาตบิ นคาบสมุทรน้ดี ว้ ยกนั ซง่ึ สว่ นใหญแ่ ลว้ ประกอบดว้ ย
1. ไทยเชื้อสายมลายู (Malayu) ชาวไทยที่มีเชื้อสายมลายูหรือมาเลย์ อาศัยอยู่ทาง
ภาคใต้ ของประเทศไทย ใช้ภาษาตระกูลมาลายู - โปลินีเชียน นับถือศาสนาอิสลามเป็นหลัก มีประชากรเช้ือ
สายมลายูนับเปน็ รอ้ ยละ 3 ของประเทศไทย ในภูมิภาคนี้มีชุมชนเชื้อสายมลายูกระจายอยู่ทั่วไป อาทิ จังหวัด
129
สตูล จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระนอง จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังง า จังหวัดกระบี่
จังหวดั ตรงั และจงั หวดั ชุมพร
2. ซาไก (Sakai) หรือ เซมัง (Samang) เป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ในป่าเทือกเขา
บรรทัด ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ จังหวัดพัทลุง จังหวัดตรัง และจังหวัดสตูล มีลักษณะการใช้ชีวิต เหมือนกับคน
ในยุคหนิ คือ มที พ่ี กั ช่ัวคราวเรียกว่า “ทับ” คล้ายกับมลาบรใี นภาคเหนือมักจะอาศัยอยู่ เปน็ กลุ่มประมาณ 30
คน
3. ชาวเล หรือชาวทะเล เป็นกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ตามชายทะเล ประกอบอาชีพเกี่ยวกับ
การประมงหรือทำมาหาเลี้ยงชีพโดยอาศัยทะเลเป็นหลัก อาศัยอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งตามพื้นที่ชายฝั่งทะเล
อนั ดามนั ของประเทศไทยและประเทศมาเลเซยี ประกอบไปด้วย 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ มอแกลน (Moklen) มีถ่ิน
ฐานอยู่ที่เกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี และชายฝั่งทะเล จังหวัดพังงา อำเภอตะกั่วป่า, บ้านลำปี อำเภอท้าย
เหมือง อำเภอถลาง จงั หวัดภูเกต็ มอแกน (Moken) มถี ่นิ ฐานอยู่ทเ่ี กาะพระทองและหมู่เกาะสุรินทร์ อ.คุระบุรี
จังหวัดพังงา เกาะสินไห่และเกาะเหลา จังหวัดระนอง และที่หาดราไวย์ จังหวัดภูเก็ต และเกาะพีพี จังหวัด
กระบ่ี ในกลมุ่ หมบู่ ้านของชาวอรู กั ลาโว้ยอกี ดว้ ย
4. อูรักลาโว้ย (Urak lawoi) เรียกตนเองว่ากลุ่ม “ไทยใหม่” เป็นชนกลุ่มใหญ่มีถิ่นฐาน
บนเกาะสิเหร่ และที่หาดราไวย์ จังหวัดภูเก็ต ไปจนถึงทางใต้ของเกาะพีพีดอน เกาะลันตาใหญ่ จังหวัดกระบ่ี
เกาะอาดัง เกาะหลีเป๊ะ เกาะราวี จังหวัดสตูล พบบางส่วนอยู่บนเกาะลิบง จังหวัดตรัง ปัจจุบันกลุ่มชาวเล
เหลา่ นไ้ี ดป้ รบั เปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ มกี ารตง้ั ฐานถาวร ประกอบอาชีพเปน็ หลักแหล่ง อาทิ ประมงชายฝัง่ ทำสวน
รบั จ้าง เปน็ ตน้
-วฒั นธรรมประจำทอ้ งถิ่น วิถวี ัฒนธรรมหรือวิถีชีวิต แบ่งเป็นมรดกทจ่ี บั ต้องได้ เชน่ ที่อยู่
อาศัย ศิลปะ ท้องถิ่น อาชีพ การแต่งกาย และอาหาร และที่จับต้องไม่ได้ เช่น ที่อยู่อาศัย ประเพณีภาษา
ศลิ ปะทอ้ งถนิ่ ความเชื่อ (สปิ ปนนั ท์ นวลละออง และปิยตา สนุ ทรปิยะพนั ธ,์ 2561) ดงั นี้
1. อาหาร
เอกลักษณ์ของ อาหารปักษ์ใต้และอาหารชาวศรวี ิชัยอย่างแท้จรงิ ที่จะต้องมีการปรุง
ด้วยเครื่องเทศ อาหารปักษ์ใต้นั้นมี“เครื่องเทศ” ส่วนประกอบสำคัญซึ่งทำจากสมุนไพรนานาชนิดและมีมา
อย่างช้านานแล้ว เนื่องจากดินแดนภาคใต้ของไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น ซึ่งมีฝนตกทั้งปีจึงมีความอุดมสมบูรณ์
และความหลากหลายด้านทรพั ยากรธรรมชาติเป็นอย่าง มีคำกลา่ วถงึ อาหารปกั ษใ์ ตว้ า่ “อาหารปักษใ์ ตม้ ีคุณค่า
และมคี ณุ สมบัติของยาบำรุงรักษารา่ งกาย และป้องกันการเจ็บป่วยได”้ เนือ่ งจากผ้คู นที่อาศัยอยู่ในพื้นทภี่ าคใต้
อันมีลักษณะภูมิอากาศแบบร้อนชื้น จะทำให้ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับไข้หวัดหรือภูมิแพ้ได้ง่าย ดังนั้นอาหารปักษ์
ใต้จะมีการปรุงด้วยสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาและมีรสชาติที่เข้มข้นจึงสามารถช่วยป้องกัน บรรเทา และ
รักษาโรคไดด้ ้วยน้นั เอง นอกจากนีใ้ นงานบญุ วนั สารทเดือนสิบ เปน็ ประเพณสี ำคัญของชาวใต้อันแสดงถึงความ
กตัญญูกตเวทีของลูกหลานที่มีต่อ บรรพบุรุษ โดยอาหารจะบรรจุเสบียงอาหารเชน่ พืชผักพื้นถิ่น อาหารแห้ง
และเคร่ืองปรงุ นอกจากน้ยี ังบรรจุเครื่องใชจ้ ำเปน็ ในชวี ิตประจำวันไวใ้ นภาชนะท่ี เรยี กว่า “หมฺรบั ”ด้วย (นิยม
ใส่ในถังกาละมัง ถัง ถาด) อย่างไรก็ตามขนมที่ใช้ในประเพณี (หมฺรับ) มีอยู่ 5 อย่าง ได้แก่ ขนมพอง เป็น
130